สารานุกรมประกอบภาพ
ยิ่งเร�ยนรู ยิ่งพัฒนา ยิ่งค นหา ยิ่งได คำตอบ
เปดโลกการเรียนรู ใหกวางไกลและรูจริงกวาใคร ดวยสารานุกรมประกอบภาพรอบรูเร�องรอบตัว รวมเร�่องราวน ารู รอบตัวตั้งแต ยุคโบราณจนถึงยุคป จจ�บันที่ใช เทคโนโลยี ล�ำสมัย ในแต ละเร�่องจะมีคำศัพท สำคัญและคำอธ�บายที่ทำให เราเข าใจได อย าง ง ายดาย อีกทั้งยังมีภาพประกอบสีสันสดใส ช วยเสร�มสร างจ�นตนาการและ ความเข าใจให มากยิ่งข�้น
16 สุดยอดสารานุกรมประกอบภาพที่เรายอโลกทั้งใบมารวมไว ในสารานุกรมชุดนี้แลว โลกยุคโบราณ
สัตว
ช�วว�ทยา
ไดโนเสาร และสิ่งมีช�ว�ตยุคก อน ประวัติศาสตร
โลก
ร างกายมนุษย
ป ศาจตัวจ�๋ว
มหาสมุทร
ประวัติศาสตร
ประเทศต างๆ ในโลก
ธรรมชาติ
โลกของเรา
ว�ทยาศาสตร
อวกาศ
เทคโนโลยี
การขนส ง ISBN 978-616-527-916-1
9
786165
279161
หมวด : สารานุกรม 125.-
ป ศาจตัวจ�๋ว
เสร�มความรู ในห องเร�ยน นอกห องเร�ยน และใช เป นข อมูลอ างอิงระดับชั้นประถม-มัธยมศึกษา
อธิบายชัดเจน เขาใจงาย
ป ศาจตัวจ�๋ว หนังสือ ลิขสิทธ�์จาก ษ ฤ ก ง ั อ ศ ท เ ะ ร ป
เสร�มความรู ในห องเร�ยน นอกห องเร�ยน และใช เป นข อมูลอ างอิงระดับชั้นประถมศึกษา - มัธยมศึกษา
คำศัพท สำคัญที่ควรรู มากกว า 270 คำ
www.MISbook.com
สารานุกรมประกอบภาพ
ป ศาจตัวจ�๋ว ILLUSTRATED ENCYCLOPEDIA
www.MISbook.com MINI-BEASTS
ISBN : 978-616-527-916-1 ราคา 125 บาท
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ. 2558 โดยส�ำนักพิมพ์เอ็มไอเอส ห้ามน�ำส่วนหนึ่งส่วนใดของ หนังสือเล่มนี้ไปลอกเลียนแบบ ท�ำส�ำเนา ถ่ายเอกสาร หรือน�ำไปเผยแพร่ บนอินเตอร์เน็ตและเครือข่ายต่างๆ ไม่วา่ จะในรูปแบบใดๆ นอกจาก จะได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจากทางส�ำนักพิมพ์เท่านั้น ชื่อผลิตภัณฑ์และเครื่องหมายการค้าต่างๆ ที่อ้างถึงเป็นของ บริษัทนั้นๆ
www.MISbook.com
ILLUSTRATED ENCYCLOPEDIA MINI-BEASTS Copyright © 2012 Orpheus Books Limited Ltd. All rights reserved. No part of this publication may be reproduced, stored in a retrieval system or transmitted, in any form or by any means, electronic, mechanical, photocopying, recording or otherwise, without the prior permission of the copyright holder. ลิขสิทธิ์ภาษาไทย © 2559 ส�ำนักพิมพ์เอ็มไอเอส คณะผู้จัดท�ำ บรรณาธิการส�ำนักพิมพ์ ชิดพงษ์ กวีวรวุฒิ ผู้แปล เธียรรัตน์ สาคะศุภฤกษ์ ศิลปกรรม วณิชยา ตันเจริญลาภ พิสูจน์อักษร ดุจดาว บัวทอง, บุษกร กู้หลี เสียงบรรยาย Talking Pen นิดาวรรณ อนันต์ไพศาลสิน ฝ่ายเทคนิค นงนุช เรือนมณี, ปวีณา ไตรเวทย์ ประสานงานต่างประเทศ บุษกร กู้หลี ประสานงานสื่อสิ่งพิมพ์ บุษกร กู้หลี ฝ่ายการตลาด วราลี สิทธิจินดาวงศ์ พิมพ์ที่ บริษัท พิมพ์ดี จ�ำกัด ผู้พิมพ์/ผู้โฆษณา เสริม พูนพนิช
จัดพิมพ์โดย : บริษัท ส�ำนักพิมพ์เอ็มไอเอส จ�ำกัด 213/3 ซอยพัฒนาการ 1 (สาธุประดิษฐ์ 34 แยก 6) แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพฯ 10120 โทรศัพท์ 0-2294-8777 (สายอัตโนมัติ) โทรสาร 0-2294-8787 www.MISbook.com จัดจ�ำหน่ายโดย : บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จ�ำกัด (มหาชน) ถนนบางนา-ตราด แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพฯ 10260 โทรศัพท์ 0-2739-8000 โทรสาร 0-2739-8609 www.se-ed.com หากหนังสือเล่มนี้ผลิตไม่ได้มาตรฐาน อาทิ หน้ากระดาษสลับกัน หน้าซ�้ำ หน้าขาดหาย ทางส�ำนักพิมพ์ยินดีรับผิดชอบเปลี่ยนให้ใหม่ โดยส่งมาเปลี่ยน ตามที่อยู่ด้านบน หรือติดต่อส�ำนักพิมพ์เอ็มไอเอส โทรศัพท์ 0-2294-8777 (สายอัตโนมัติ) กรณีตอ้ งการสัง่ ซือ้ จ�ำนวนมาก กรุณาติดต่อฝ่ายการตลาด ส�ำนักพิมพ์เอ็มไอเอส โทรศัพท์ 0-2294-8777 เพื่อรับส่วนลดพิเศษ
สารานุกรมประกอบภาพ
ป ศาจตัวจ�๋ว ILLUSTRATED ENCYCLOPEDIA
www.MISbook.com MINI-BEASTS
สารบัญ โลกของปีศาจตัวจิ๋ว
6
แมลง
8
ด้วง
10
ตั๊กแตนและจิ้งหรีด
12
ตั๊กแตนต�ำข้าวและแมลงปอ 14
ผึ้งและต่อ
22
แมลงวันและยุง
24
แมงมุม
26
ประเภทอื่นๆ
28
ดัชนี
30
www.MISbook.com แมงป่องและปีศาจตัวจิ๋ว
ผีเสื้อกลางวันและ ผีเสื้อกลางคืน
16
มด
18
ปลวก
20
เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้
แ
ต่ละคู่หน้าของหนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยบทน�ำเรื่องอย่างย่อ ซึ่งเป็น การอธิบายหัวข้อโดยรวม ตามด้วยค�ำส�ำคัญพร้อมค�ำอธิบายสั้นๆ หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมของหัวข้อนั้นๆ สามารถดูได้ที่ “เกร็ดน่ารู้”
เกร็ดน่ารู้
บทน�ำ
เกร็ดน่ารูเ้ พิม่ เติมเกีย่ วกับหัวข้อ นั้นๆ ที่แสดงเป็นข้อๆ ซึ่งง่าย ต่อการอ่าน
อธิบายหัวข้อโดยรวมและ ให้ความรูพ้ นื้ ฐานทีจ่ ำ� เป็น
www.MISbook.com
อักษรตัวหนา
ใช้เน้นค�ำทีม่ คี วามส�ำคัญ ที่ไม่มีแสดงในรายการ ค�ำอธิบายอื่น
ค�ำส�ำคัญและค�ำอธิบาย
แต่ละค�ำส�ำคัญจะประกอบด้วยค�ำอธิบาย สั้นๆ ว่าหมายถึงอะไร
เลขหน้า
เลขหน้าค้นหาได้ง่ายที่ ด้านข้างของหน้าหนังสือ
โลกของ ปีศาจตัวจิ๋ว
การพรางตัว (Camouflage) วิธที สี่ ตั ว์ใช้หลบหนีเพือ่ ไม่ให้ ตัวเบียน (Parasite) สัตว์ทเี่ ข้าไปกินอาหารหรืออาศัยอยูก่ บั สัตว์ตัวอื่นสังเกตเห็น โดยการเปลี่ยนสีหรือลวดลาย สิ่งมีชีวิตอื่น ซึ่งเรียกว่า ผู้ให้อาศัย ตามร่างกายให้กลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมรอบตัว ตัวเบียนจะไม่ฆ่าผู้ให้อาศัย
ใ
1
6
(Cocoon)
โคโลนี
(Colony)
ปกติแล้ว
สิ่งห่อหุ้มที่ท�ำมาจากใยไหม ซึ่ง ดักแด้ (Pupa) สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระยะอยู่นิ่งหรืออยู่ อาร์โทรพอดบางชนิดทอขึ้นเพื่อใช้เก็บไข่ หรือเพื่อ ในระยะพักตัว ในแมลงบางชนิด นี่คือระยะที่ตัวหนอน ห่อหุ้มหนอนแมลงช่วงที่กำ� ลังจะกลายเป็นดักแด้ เปลีย่ นไปสู่ร่างของตัวเต็มวัยหรือดักแด้
นบ้าน สวน ทุ่งหญ้า หรือผืนป่าทุกแห่ง บนแผ่นดินนี้ต่างมีโลกแห่งกิจกรรมที่เรา แทบไม่เคยสังเกต ไม่ว่าจะเป็นบนพื้น ในดิน อากาศ หรือตามแหล่งน�้ำที่มีสิ่งมีชีวิตเล็กๆ จ�ำนวนมากมายอาศัยอยู่ เช่น แมลง แมงมุม กิง้ กือ หนอน และหอยทาก ซึง่ ล้วนเป็นสัตว์ไม่มี กระดูกสันหลัง บางชนิดเป็นสัตว์ผู้ล่าขนาดใหญ่ ที่ ส ามารถกิ น สั ต ว์ ฟ ั น แทะจ� ำ พวกหนู กั บ สัตว์เลื้อยคลานตัวเล็กๆ เป็นอาหารได้ ส่วน บางชนิดมีขนาดเล็กมากเกินกว่าทีเ่ ราจะมองเห็น ได้โดยไม่ใช้กล้องจุลทรรศน์
รังไหม
(host)
กลุ่มของสัตว์หนึ่งชนิดที่ด�ำรงชีวิต พิษสัตว์ (Venom) สารพิษที่พบในตัวสัตว์บางชนิด อยู่ด้วยกัน ได้แก่ แมงมุม แมงป่อง และแมลงต่างๆ พิษของ โครงร่างแข็งภายนอก (Exoskeleton) โครงร่างแข็ง สัตว์มีไว้เพื่อล่าเหยื่อหรือป้องกันตัวก็ได้ โดยปกติพิษ ภายนอกซึ่งมีสารไคติน (chitin) เป็นส่วนประกอบที่ จะถูกฉีดออกมาจากเหล็กในแหลมคมหรือการกัดต่อย
สัตว์ทมี่ กี ระดูกสันหลัง (Vertebrate) สัตว์จ�ำพวกหนึง่
แข็งแรงส�ำหรับปกป้องส่วนต่างๆ ภายในตัวสัตว์
ระยะตัวเต็มวัยของแมลง (Imago) แมลงตัวเต็มวัย ทีม่ กี ระดูกสันหลัง สัตว์เลีย้ งลูกด้วยนม นก สัตว์เลือ้ ยคลาน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน�้ำ และปลา ล้วนเป็นสัตว์ที่มีกระดูก ตัวอ่อน/ตัวหนอน (Larva) ลูกของสัตว์ที่มีรูปร่าง สันหลังทั้งสิ้น ต่างไปจากตัวเต็มวัย แมลงจ�ำนวนมากฟักไข่เป็น ตัวอ่อนหรือตัวหนอน แล้วผ่านกระบวนการเจริญเติบโต ตามขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง
www.MISbook.com 5
3
2
4 6
แมง
ชั้นของอาร์โทรพอดที่มีแปดขา ประกอบด้วยแมงมุมและแมงป่อง กินเหยือ่ ด้วยการ ใช้เขีย้ วแหลมทิม่ แทงเหยือ่ ให้กลายเป็นอัมพาตหรือ ตายจากพิษที่ได้รับ โดยน�้ำลายของมันจะเปลี่ยน เนื้อเยื่อร่างกายของเหยื่อให้เป็นของเหลว เพื่อให้ สามารถดูดกินเป็นอาหารได้ (Arachnid)
อาร์โทรพอด
ตัวอ่อน (Nymph) ลูกของแมลงที่มีลักษณะคล้ายกับ
ตัวเต็มวัยแต่ไม่มีปีก โดยจะลอกคราบเอาโครงร่าง แข็งภายนอกออกเพือ่ พัฒนาไปสู่รปู ร่างใหม่ บางชนิด ลอกคราบออกถึง 20 ครั้งก่อนที่จะกลายเป็นตัวเต็ม วัยในที่สุด
กระบวนการเจริญเติบโตของสัตว์ (Metamorphosis)
สัตว์ที่มีโครงร่างแข็ง กระบวนการเปลีย่ นแปลงรูปร่างลักษณะและพฤติกรรม ภายนอก หรือมีโครงร่างแข็งที่ห่อหุ้มอยู่ภายนอก ของสัตว์ช่วงระยะตัวหนอนไปสูร่ ะยะตัวเต็มวัย ในสัตว์ มีขาต่อกันเป็นข้อๆ ขณะทีอ่ าร์โทรพอดก�ำลังเติบโต บางชนิดอาจมีช่วงระยะดักแด้ด้วย มันจะลอกคราบเอาโครงร่างแข็งภายนอกออกและ พัฒนาไปสู่รูปร่างใหม่ (Arthropod)
ชื่อสัตว์
1 แมลงชีปะขาว 2 แมงงอดน�ำ ้ 3 จิงโจ้นำ �้ 4 มวนกรรเชียง 5 แมลงปอ 6 ด้วงดิ่งยักษ์ 7 ผึ้ง 8 หนอนผีเสื้อ 9 ผีเสื้อกลางวัน 10 ผีเสื้อกลางคืน
11 ตะขาบ 12 แมงมุม 13 แมลงวัน 14 แมงกะปิ 15 ทาก 16 มด 17 กิ้งกือ 18 ไส้เดือน 19 รังมด 20 ด้วง
7
10
20 9
11
8
12
13
การจ�ำแนกชั้น
www.MISbook.com 17
14
15
20
16
19
18
สิ่งมีชีวิตต่างๆ ถูกจัดกลุ่มตามขนาดที่เพิ่มขึ้น ซึ่ง แสดงให้เห็นถึงความเกี่ยวพันอย่างใกล้ชิดที่บรรดา สิ่งมีชีวิตมีต่อกัน ต่อไปนี้คือวิธีจ�ำแนกชั้นของผีเสื้อ โมนาร์ก (Monarch butterfly) ชนิด: การจัดกลุ่มที่เล็กที่สุดของสัตว์ ผีเสื้อโมนาร์ก ทุกตัวมีโครงสร้างร่างกายแบบเดียวกัน และสามารถ ผสมพันธุ์กันได้ สกุล: กลุ่มที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันมาก ผีเสื้อ โมนาร์ก ผีเสื้อราชินี และผีเสื้อลายเสือ ต่างก็อยู่ใน สกุลดานาอัส (Danaus) วงศ์: สกุลดานาอัสอยูใ่ นวงศ์ผเี สือ้ ขาหน้าพู่ ผีเสือ้ วงศ์ นีท้ งั้ หมดมีขาหน้าสัน้ และขนดกเหมือนกัน แต่ตา่ งกัน ที่ขนาดล�ำตัว ถิ่นที่อยู่ และพฤติกรรม อันดับ: ผีเสือ้ กลางวันและผีเสือ้ กลางคืนทัง้ หมดอยูใ่ น อันดับเลพิดอปเทอรา (Lepidoptera) มี 4 ปีกและมี ล�ำตัวเป็นเกล็ด ชั้น: อันดับเลพิดอปเทอราอยู่ในชั้นแมลง ซึ่งแมลง ทุกตัวมี 6 ขา ไฟลัม: แมลงชนิดต่างๆ ทีจ่ ดั อยูใ่ นกลุม่ ใหญ่ขนึ้ เรียกว่า อาร์โทรพอด ซึ่งล้วนมีโครงร่างแข็งหุ้มอยู่ภายนอก อาณาจักร: ไฟลัมอาร์โทรพอดเป็นไฟลัมหนึง่ ทีอ่ ยูใ่ น อาณาจักรสัตว์ที่มีมากกว่า 30 ไฟลัม
7
แมลง
แ
ตารวม (Compound eye) ตาที่ประกอบด้วยเลนส์ตา
มลงอยู่ในชั้นอาร์โทรพอดมี 6 ขาและ มีโครงร่างแข็งหุ้มอยู่ภายนอก ล�ำตัวของ แมลงแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนหัว ส่วนอก และส่วนท้อง ส่วนที่หุ้มขามีความแข็งซึ่งถูก เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน ท�ำให้แมลงเคลื่อนไหวได้ แมลงมีหนวดหนึง่ คูอ่ ยูบ่ นหัว ส่วนใหญ่มปี กี หนึง่ หรือสองคู่ รูปร่างของปากแมลงขึน้ อยูก่ บั ลักษณะ อาหารที่กิน บางชนิดมีปากคล้ายท่อส�ำหรับ ดูดของเหลว ขณะทีช่ นิดอืน่ ๆ มีขากรรไกรส�ำหรับ กัดเคี้ยวอาหารหลังผสมพันธุ์ แมลงตัวเมียจะ วางไข่ บางชนิดฟักไข่เป็นตัวอ่อน บางชนิดฟักไข่ เป็นหนอน ท้อง (Abdomen) ส่วนหลังสุดของล�ำตัวแมลง โดย
8
ขนาดเล็กจ�ำนวนหลายพันเลนส์ แมลงส่วนใหญ่มี ตารวม ซึง่ ท�ำให้มนั มีทศั นวิสยั ในการมองเห็น พื้นที่ได้ในระยะกว้าง สามารถรับรู้การ เคลือ่ นไหว และกะระยะได้อย่างแม่นย�ำ
แมลงหางหนีบ (Earwig) แมลงสีเข้ม
ล�ำตัวบาง มีหนวดยาว และมีกา้ มหนึง่ คู่ อยูต่ รงส่วนท้ายของล�ำตัว ส่วนใหญ่เป็นชนิดมีปกี แต่ไม่คอ่ ยบิน แมลงหางหนีบปรากฏตัวในตอนกลางคืน เพื่อกินพืชและแมลงชนิดอื่นๆ เป็นอาหาร
หมัด
แมลงขนาดเล็ก บินไม่ได้ อาศัยอยู่บน ร่างหรือบริเวณล�ำตัวของสัตว์อื่นๆ เพื่อดูดเลือดกิน เป็นอาหาร หมัดมี ‘ปุ่มพิเศษ’ อยู่ที่ขาหลังซึ่งท�ำให้ มันสามารถกระโดดได้ถึง 100 เท่าของขนาดตัว
แมลงกิ่งไม้
(Flea)
มวนเพชฌฆาต (Assassin bug) มวนขายาวทีก่ นิ สัตว์
อืน่ เป็นอาหาร ส่วนใหญ่เป็นชนิดทีซ่ มุ่ โจมตีแมลงตัวอืน่ ทัว่ ไปประกอบด้วยส่วนย่อยอาหาร ส่วนทีเ่ ป็นระบบ โดยดูดของเหลวภายในตัวเหยื่อออกมา แต่บางชนิดก็ ขับถ่าย และส่วนที่ใช้ในการสืบพันธุ์ ดูดกินเลือดสัตว์ที่มีขนาดใหญ่กว่า หนวด (Antennae) คูร่ บั ประสาทสัมผัส มีขนาดยาว เรือด (Bed bug) มวนไม่มีปีกที่กินเลือดสัตว์เลี้ยงลูก อยูต่ รงหัวของแมลง ไวต่อกลิน่ รสชาติ และสัมผัสมาก ด้วยนมหรือนกต่างๆ เป็นอาหาร มักอาศัยอยู่ตาม เพลีย้ อ่อน (Aphid) มวนขนาดเล็กทีก่ นิ น�ำ้ เลีย้ งจาก เสื้อผ้าและที่นอน พืชเป็นอาหาร ส่วนใหญ่เป็นชนิดที่มีสีเขียว เมื่อ แมลงสามง่าม (Bristletail) แมลงตัวเล็กไม่มีปีก กินอาหารแล้ว เพลี้ยอ่อนจะผลิตของเหลวรสหวาน แมลงสามง่ามประกอบด้วย ตัวสามง่ามซิลเวอร์ฟิช เรียกว่า น�ำ้ หวานจากเพลี้ย ซึ่งเป็นอาหารของมด (silverfish) อาศัยอยู่ในทีม ่ ดื และชืน้ และตัวสามง่ามไฟร์ แบรท (firebrat) อาศัยอยู่บริเวณกาต้มน�ำ้ หรือเตาอบ
www.MISbook.com
ภายในตัวแมลง
หนวด ขากรรไกร สมอง
อก ระบบเลือด และหัวใจ ท้อง
ระบบการหายใจ อวัยวะสืบพันธุ์ อวัยวะย่อยอาหาร ขาข้อต่อ
มวน (Bug) อันดับของแมลงทีม่ สี ว่ นปากเหมือนจะงอย
ขนาดยาว เอาไว้ใช้แทงอาหารเพื่อดูดกินส่วนที่ ตารวมของแมลงวัน เป็นของเหลว มวนส่วนใหญ่จะกิน น�้ำจากพืช แต่บางชนิดก็กินสัตว์ เพลี้ยกระโดด (Hopper) มวนขนาดเล็กที่กินพืชเป็น หัว อาหาร โดยกระโดดจากพืชต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่ง อื่นเป็นอาหาร จักจัน่ (Cicada) มวนทีก่ นิ น�ำ้ บางชนิดพรางตัวได้เหมือนหนาม เลี้ยงจากพืช มีปีกโปร่งใส ตัวผู้ขึ้น ชื่อในการเปล่งเสียงร้อง ‘เพลง’ ดังระงม ซึ่ง เกิดจากแผ่นที่ติดอยู่บริเวณท้อง ลักษณะคล้าย กลองก�ำลังกระทบกัน
ตั๊กแตนใบไม้
แมลงที่มีรูปร่างคล้าย ใบไม้เพื่อพรางตัวจากผู้ล่า อาศัยอยู่ตามต้นไม้ กิน ใบไม้เป็นอาหาร บางทีกเ็ อนตัวลูไ่ ปตามแรงลมเหมือน ใบไม้ที่อยู่รอบตัว (Leaf insect)
แมลงสาบ (Cockroach) แมลงที่ออก เหา (Louse) แมลงไม่มีปีก เกาะกินเลือดตามผิวหนัง
หากินในเวลากลางคืนทีส่ ร้างอาณาเขต ขนนก หรือขนของสัตว์เป็นอาหาร เหาบนศีรษะ ได้แทบทุกสภาพแวดล้อม บางชนิดมีปกี (head louse) จะกินเลือดบนศีรษะของมนุษย์ โดยมี และอาศัยอยูต่ ามต้นไม้ ส่วนบางชนิดไม่มปี กี ชอบ กรงเล็บยึดเกาะผมของมนุษย์ ได้อย่างเหนียวแน่น ขุดรูอยู่ตามพื้น พบได้มากตามบ้านเรือน
เมื่อแมลงสาบถูก คุกคาม มันจะสูดลม หายใจเต็มที่ ก่อนที่ จะปล่อยลมออกมา ส่งเสียงขู่
กราม (Mandible) ส่วนปากด้านนอกคูห่ นึง่ มีลกั ษณะ ช่องหายใจ (Spiracle) รูเปิดตรงช่องอกหรือ แข็งเอาไว้ใช้กัด สัตว์จ�ำพวกแมลงและอาร์โทรพอด ท้องของแมลง ซึง่ รับอากาศเข้าสูร่ า่ งกายเพือ่ จะมีกราม อาทิ กิ้งกือ โดยเอาไว้ใช้ฉวยจับหรือเฉือน ให้แมลงหายใจ แมลงน�้ำบางชนิดหายใจ หั่นอาหาร ทางเหงือกหรือทางท่อทีย่ นื่ ขึน้ มาเหนือน�ำ้ คล้ายกับสน็อกเกิลหรือท่อช่วยหายใจในน�ำ้
มวนน�้ำลาย
มวนที่กิน น�ำ้ เลีย้ งต้นไม้เป็นอาหาร ระยะตัวอ่อนจะ ผลิตฟองทีม่ รี สขมเรียกว่า เมือกหรือน�ำ้ ลาย นกคัคคู (cuckoo spit) เพื่อไม่ให้ผู้ล่ามอง เห็น และป้องกันความหนาวหรือร้อนเกินไป (Spittlebug)
แมลงกิ่งไม้ (Stick insect) แมลงล�ำตัวยาว ขาเล็ก
ยาว พรางตัวเหมือนกิ่งไม้หรือล�ำต้นของต้นไม้ แมลง กิ่งไม้อาศัยอยู่ตามต้นไม้ กินใบไม้เป็นอาหาร
ฝูงแมลง กรงเล็บและขนเหนียวช่วยให้แมลงบางชนิด เช่น แมลงวัน เดินบนผนังหรือหลังคาได้
แมลงจ�ำนวนมากที่เคลื่อนที่ไป ไหนมาไหนด้วยกันบ่อยครั้ง (Swarm)
อก (Thorax) ล�ำตัวตอนกลางของแมลงซึง่ มีขาและปีก
มวนขายาวไถลตัวอยู่บน ยึดติดอยู่ ประกอบด้วยกล้ามเนือ้ ทีจ่ ำ� เป็นส�ำหรับการบิน ผิวน�้ำในสระน�้ำหรือแม่นำ�้ เพื่อจับแมลงที่ตกลงมาใน น�ำ้ กินเป็นอาหาร แรงตึงผิวของน�ำ้ เป็นเหมือนแผ่นผิว ที่ช่วยไม่ให้มันจมน�ำ้
จิงโจ้น�้ำ
(Pond skater)
เกร็ดน่ารู้ บนโลกใบนี้มีชนิดของแมลงมากกว่าชนิด ของสัตว์ทงั้ หมดรวมกัน โดยกว่า 1 ล้านชนิดเป็น แมลงที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่นักวิทยาศาสตร์ ประเมินว่ายังมีอีก 5-10 ล้านชนิดที่ยังไม่ถูก ค้นพบ แมลงอาศัยอยู่ทุกสภาพแวดล้อมบนบกใน โลกนี้ ซึ่งรวมไปถึงทวีปแอนตาร์กติกาอันหนาว เหน็บอีกด้วย และยังมีจิงโจ้น�้ำถึง 5 ชนิดที่ สามารถอาศัยอยู่ได้ในมหาสมุทรเปิด มีเพียง แมลงเท่านั้นที่รู้วิธีการเอาตัวรอดเช่นนี้ได้ แมลงกิง่ ไม้ในเกาะบอร์เนียวเป็นทีร่ จู้ กั กันใน ชื่อ ตั๊กแตนกิ่งไม้ยักษ์ (Chan’s megastic) ซึ่งเป็นแมลงกิ่งไม้ที่มีขนาดยาวที่สุดในโลก โดยมีขนาดยาวได้ถึง 56.7 เซนติเมตร แมลงสาบสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานมากกว่า 1 สัปดาห์โดยไม่มีหัว แมลงที่ร้องเสียงดังที่สุดในโลกคือ จักจั่น แอฟริกัน
www.MISbook.com
เพลี้ยหอย (Scale) มวนขนาดเล็กกินน�้ำเลี้ยง
หมัด
พืชเป็นอาหาร มีสารคล้ายขี้ผึ้งปกคลุมอยู่ ตามตัว ท�ำให้มลี กั ษณะเหมือน เป็นเกล็ด
มด
ผีเสื้อ
มวนน�้ำ ปลวก
แมลงหางหนีบ
กะแท้
กะแท้
มวนที่มีรูปร่างคล้ายโล่ มันจะ เพลี้ยไฟ (Thrip) ปล่อยของเหลวที่มีกลิ่นเหม็นออกมาหากถูกจู่โจม มี พืชเป็นอาหาร สีหรือลวดลายที่แตกต่างกันตามแต่ละชนิด (Shield bug)
มวนที่ใช้ชีวิตอยู่ในน�้ำ หรือ เหนือผิวทะเลสาบหรือแม่น�้ำ มวนน�้ำส่วนใหญ่กิน สัตว์อื่นเป็นอาหาร ประกอบด้วย มวนแมงป่องน�้ำ (water scorpion) มวนวน (backswimmer) มวนคางคก (water toad) และมวนกรรเชียง (water boatmen) (Water bug)
แมลงปั่นใย
แมลงสีด�ำหรือสีน�้ำตาล ขนาดเล็ก ปั่นใยและกินซากพืชเป็นอาหาร มีล�ำตัว แมลงตัวเล็กปีกแคบ กินน�้ำเลี้ยง ผอมยาว อาศัยอยูร่ วมกันเป็นโคโลนีขนาดใหญ่ภายใน อุโมงค์ที่ท�ำด้วยใย (Webspinner)
9
ด้วง
ด
หิง่ ห้อย (Firefly) ด้วงเปล่งแสงได้ซงึ่ เกิดจากปฏิกริ ยิ า
วงจัดเป็นแมลงในอันดับที่ใหญ่ที่สุด มีปีก 2 คู่ แต่ใช้เพียงปีกคู่หลังเท่านั้นในการบิน ปีกคู่หน้ามีลักษณะเป็นเกราะแข็งหุ้มปีกที่ใช้ บิน ด้วงบางชนิดไม่บิน ดังนั้นปีกคู่หน้าจึงเชื่อม ด้วงดิ่ง ติดกัน ด้วงฟักไข่เป็นหนอน จากนั้นเป็นดักแด้ ก่อนที่จะเป็นตัวเต็มวัย ตัวอ่อนของด้วงที่กินพืช จะไม่มขี า ส่วนตัวอ่อนทีก่ นิ เนือ้ สัตว์จะมีขาและขา กรรไกรขนาดใหญ่สำ� หรับกินเหยือ่ ด้วงตัวเต็มวัย ด้วงมูลสัตว์ (Dung beetle) ด้วงกว่างทีป่ น้ั มูลสัตว์เป็น กินอาหารแตกต่างกันไป บางชนิดกินพืช บางชนิด ก้อนกลมเพื่อวางไข่ เมื่อหนอนของด้วงมูลสัตว์ฟักตัว ออกมา มันจะถูกห่อหุ้มไว้ข้างในก้อนมูล แล้วกินมูล กินซากสัตว์ และบางชนิดกินเนือ้ สัตว์ นั้นเป็นอาหาร แบคทีเรียก็เจริญเติบโตขึ้นในนั้นด้วย
ทางเคมีภายในท้อง ส่องแสงสว่างเพือ่ ดึงดูด คู่ผสมพันธฺุ์ ส่วนใหญ่เป็นชนิดที่อาศัย อยู่ในเขตร้อนชื้น ตัวเมียไม่มีปีก และหนอนของหิ่งห้อยบางครั้ง ถูกเรียกว่า หนอนเรืองแสง (glow-worm)
ด้วงโกไลแอท
ด้วงกว่างชนิดหนึ่ง ซึ่งมีขนาดยาวได้ถึง 11 เซนติเมตร มีน�้ำหนักเท่ากับ หนูท่อหนึ่งตัว อาศัยอยู่ในป่าเขตร้อนแถบแอฟริกา โดยบินไปมาตามยอดไม้เพือ่ หาผลไม้กนิ ในตอนกลางคืน ด้วงโกไลแอทจะคลานอยู่ใต้ใบไม้เพื่อซ่อนตัวจากผู้ล่า (Goliath beetle)
ด้วงน�ำ้ มัน (Blister beetle) ด้วงร่างผอมบางที่มัก ปีกคู่หน้าแบบแข็ง (Elytra) ปีกคู่หน้าที่แข็งของด้วง
10
เปลี่ยนเป็นสีสันสดใส เพื่อเตือนผู้ล่าให้รู้ว่ามันมีพิษ เป็นเกราะป้องกันปีกคู่หลัง แมลงบางชนิดมีปีกคู่หน้า มันจะหลั่งของเหลวออกมา เพื่อเป็นการป้องกันตัว แบบแข็งที่เชื่อมติดกัน เอง ซึ่งท�ำให้ผิวหนังของเราเป็นแผลพุพองได้ ด้วงปีกขนนก (Feather-winged beetle) ด้วงตัวเล็ก ด้วงกินขยะ (Carrion beetle) ด้วงตัวแบนทีก่ นิ ซาก ที่สุดในโลก มีขนาดเพียง 0.5-2 มิลลิเมตร ด้วงชนิด สัตว์เป็นอาหาร และยังวางไข่ใต้ซากสัตว์เน่าเปือ่ ย เพือ่ นี้มีปลายปีกแบบขนนก ช่วยให้มันสามารถลอยตัว ให้ตวั หนอนของมันกินซากเหล่านัน้ เป็นอาหารด้วย ในน�ำ้ เพื่อหาราหรือเห็ดราเป็นอาหาร ด้วงดีด (Click beetle) ด้วงที่สามารถดีดตัวไปใน อากาศเพือ่ หลบหนีผลู้ า่ โดยการม้วนงอตัวแล้วเหวีย่ ง ไปในอากาศพร้อมกับส่งเสียงดังกริ๊ก
www.MISbook.com
แมงอีนูน
ด้วงขนาดใหญ่ ขณะบิน จะกางหนวดที่เบานุ่มเหมือนขนนกออก เพื่อช่วย ให้มันสามารถดักจับกลิ่นอาหารหรือคู่ผสมพันธุ์ได้ (Cockchafer)
มอดแป้ง (Darkling beetle) ด้วงสีเข้ม ส่วนใหญ่
กินซากพืชซากสัตว์เป็นอาหาร หนอนของมอดแป้ง เรียกว่า หนอนนก (mealworm)
ด้วงหนังสัตว์ (Dermestid beetle) ด้วงตัวเล็กกิน ซากสัตว์เป็นอาหาร หนอนของด้วงหนังสัตว์มขี นดก หากินอยู่บนพรมและวัสดุที่ท�ำมาจากเส้นใยต่างๆ
ด้วงเสือ
ด้วงดิน
ด้วงขายาวเรียวเล็กและ ล�ำตัวเป็นประกาย ด้วงดินส่วนใหญ่กนิ สัตว์อนื่ เป็นอาหาร วิ่งไล่ล่าเหยื่อได้อย่างรวดเร็ว วงศ์ของด้วงดิน ได้แก่ ด้วงเสือ (tiger beetle) ด้วงรัง (nest beetle) และ แมลงตด (bombardier beetle) (Ground beetle)
ด้วงกว่างเฮอร์คิวลิส
ด้วงแรด ตัวมหึมา มีความยาว 17 เซนติเมตร ครึ่งหนึ่งของ ความยาวล�ำตัวคือเขาขนาดใหญ่ที่เอาไว้ต่อสู้กับตัวผู้ ตัวอื่นเพื่อชิงคู่ผสม การต่อสู้จะสิ้นสุดลงเมื่อด้วง ตัวหนึ่งล้มคว�ำ่ อีกตัวลงได้ (Hercules beetle)
เต่าทอง (Ladybird) ด้วงตัวเล็กอ้วนกลม ซึ่งมีลำ� ตัว
ด้วงคีมตัวผู้ก�ำลังต่อสู้กัน
สีแดงหรือสีเหลือง และมีจุดแต้มสีดำ� เมื่อถูกคุกคาม มันจะปล่อยสารที่มีกลิ่นเหม็นไหลซึมออกมาจาก ข้อต่อขา เต่าทองจะกินแมลงที่กินพืชเป็นอาหาร เช่น เพลี้ยอ่อนหรือเพลี้ยหอย
ด้วงกินใบ (Leaf beetle) ด้วงตัวเล็กสีสดใส กินใบไม้ เป็นอาหาร มีหนวดยาวครึ่งหนึ่งของล�ำตัว
ด้วงหนวดยาว (Longhorn beetle) ด้วงเจาะไม้สสี ดใส มีหนวดยาวเท่ากับขนาดล�ำตัว ซึง่ ช่วยให้มนั ค้นหาพืช และคู่ผสมพันธุ์ ได้
ด้วงแรด
ด้วงกว่างขนาดใหญ่ อาศัยอยู่ในภูมิภาคเขตร้อน ตัวผู้มีเขาอยู่ที่ด้านหน้า ของหัว เอาไว้ใช้ตอ่ สูก้ บั คูแ่ ข่ง ด้วงชนิดนีก้ นิ พืชเท่านัน้ (Rhinoceros beetle)
ด้วงก้นกระดก
ด้วงกินสัตว์หรือซาก สัตว์เป็นอาหาร ตัวเล็กร่างผอมบาง มีปีกคู่หน้าแบบ แข็งขนาดสั้น เมื่อถูกคุกคามมันจะยกปลายท้องที่มี ลักษณะคล้ายกับเหล็กในขึ้นมา (Rove beetle)
ฝูงเต่าทองกินเพลี้ยอ่อน
ด้วงเสือ (Tiger beetle) ด้วงดินสีสดใส ดุร้าย หนอน ด้วงตะพาบ
ด้วงล�ำตัวรูปไข่ ของด้วงเสือจะซ่อนอยู่ในโพรงคอยจับกินแมลงทีผ่ า่ นไป อาศัยอยู่บนผิวสระน�้ำหรือแม่น�้ำ กินแมลงที่ตกลง มา ส่วนตัวเต็มวัยจะไล่ลา่ และจับเหยือ่ ในที่โล่ง พวกมัน มาในน�้ำเป็นอาหาร ตาของมันแบ่งออกเป็น 2 ส่วน มีขากรรไกรทรงพลัง ด้วงเสือจัดเป็นแมลงชนิดหนึ่งที่ ท�ำให้มันมองเห็นทั้งด้านบนและด้านล่างของผิวน�้ำ วิ่งและบินได้เร็วที่สุด ได้ในเวลาเดียวกัน (Whirligig beetle)
ด้วงน�ำ้ (Water beetle) ด้วงทีอ่ ยู่ในน�ำ้ จืด มีลำ� ตัวเป็น ด้วงเจาะไม้ (Wood-boring beetle) ด้วงชนิดหนึ่ง
www.MISbook.com ด้วงเจาะไม้
รูปไข่และมีขาหลังอันทรงพลัง เมือ่ ด�ำน�ำ้ มันจะเก็บกัก กินไม้เป็นอาหาร โดยการท�ำลายต้นไม้ที่ก�ำลังเจริญ ฟองอากาศไว้ใต้ปกี แข็งคูห่ น้าเพือ่ หายใจใต้นำ�้ ด้วงน�ำ้ เติบโตหรือเครือ่ งเรือน หนอนของด้วงเจาะไม้เรียกว่า กินแมลง ลูกอ๊อด และปลาตัวเล็กเป็นอาหาร ด้วงน�ำ้ มอด ด้วงเจาะไม้ ได้แก่ มอดยาสูบ (death watch ได้แก่ แมลงเหนี่ยง (water scavenger) และด้วงดิ่ง beetle) มอดเปลือกไม้ (bark beetle) และด้วงหนวดยาว ด้วงกว่าง (Scarab beetle) ด้วงล�ำตัวกว้าง รูปร่าง (diving beetle) หนอนของด้วงน�้ำเป็นผู้ล่าดุร้าย มี (longhorn beetle) เหมือนรูปไข่ มีหนวดรูปทรงคล้ายกระบองและขาใหญ่ ฉายาว่า เสือน�ำ้ หลายชนิดมีสีสดใสเป็นมันวาว ด้วงกว่าง ได้แก่ เกร็ดน่ารู้ ด้วงแรด ด้วงมูลสัตว์ ด้วงโกไลแอท และแมงอีนูน เกือบครึ่งหนึ่งของแมลงหรือ 1 ใน 4 ของ ด้วงทหาร (Soldier beetle) ด้วงตัวผอมบางอาศัยอยู่ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดคือ ด้วง โดยมีด้วงอย่างน้อย ใกล้กบั ดอกไม้ กินแมลงอืน่ และละอองเกสรดอกไม้เป็น 350,000 ชนิดบนโลก อาหาร บางชนิดมีลายแต้มหลากสีสัน ด้วงกว่างเป็นด้วงที่แข็งแรงที่สุดในโลก ด้วงคีม (Stag beetle) ด้วงสีเข้มขนาดใหญ่ ตัวผู้มี มันสามารถยกสิ่งของที่มีน�้ำหนักมากกว่า ขากรรไกรคล้ายเขายักษ์ ใช้ต่อสู้ช่วงชิงเขตแดนหรือ ตัวมันเองได้ถึง 850 เท่า คู่ผสมพันธุ์ บางชนิดมีขนาดยาวถึง 12 เซนติเมตร แมลงที่เคลื่อนไหวได้เร็วที่สุดบนโลกคือ ด้วงมูลสัตว์ ด้วงเสือฮัดสันส์ (Hudson’s tiger beetle) มัน สามารถวิ่งได้เร็วถึง 9 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วงงวง (Weevil) ด้วงกินพืชตัวเล็ก มีงวงยาว ด้ ว งที่ มี ข นาดยาวที่ สุ ด ในโลกคื อ ด้วงงวงส่วนใหญ่ไม่มปี กี และวางไข่ในต้นพืช ด้วงงวงบาง ด้ ว งหนวดยาวไททั น ชนิด เช่น มอดข้าว (rive weevil) มอดกินฝ้าย (boll (Titan longhorn beetle) weevil) มอดธัญพืช (grain weevil) เป็นตัวท�ำลายพืช โดยมีความยาวได้ถึง ด้วงปีกขนนกตัวเล็กมาก ต้องมองผ่านกล้องจุลทรรศน์ ผลทางการเกษตรอย่างรุนแรง 16.5 เซนติเมตร เท่านั้น จึงจะสามารถมองเห็นได้ชัดเจน หิ่งห้อย
11
ต
ตั๊กแตนและ จิ้งหรีด
กแตนและจิ้งหรีดเป็นแมลงที่มีขาหลังยาว แข็งแรง และส่งเสียงร้อง ‘เพลง’ กันดังระงม เมือ่ ถูกโจมตี พวกมันจะใช้ขาอันแข็งแรงดีดตัวพุง่ ไปยังที่ที่ปลอดภัย ทั้งยังเตะผู้ล่าที่ไล่จับพวกมัน ได้อย่างสุดพลังอีกด้วย จิ้งหรีดและตั๊กแตนตัวผู้ ส่วนใหญ่ส่งเสียงร้องดังระงมเพื่อดึงดูดตัวเมีย โดยการถูปีกทั้งสองเข้าด้วยกัน (จิ้งหรีด) หรือ เอาขากับปีกถูกัน (ตั๊กแตน) ตั๊กแตนและจิ้งหรีด ส่วนใหญ่เป็นแมลงกินพืชที่อาศัยอยู่บนพื้นดิน มีลูกเป็นตัวอ่อน จิ้งหรีดมด
จิ้งหรีดสีเหลือง ตัวเล็ก ไม่มีปีก อาศัยอยู่ในรังมด กินสารน�้ำมัน ที่มดปล่อยออกมา โดยเราอาจพบจิ้งหรีดได้ถึง 50 ตัวอยู่ในรังมดในเวลาเดียวกัน 12
(Ant-loving cricket)
จิ้งหรีดพุ่มไม้
ตั๊กแตนสีสวย
สดใสจากแอฟริกาใต้ เมื่อถูกคุกคาม มัน จะปล่อยของเหลวทีม่ กี ลิน่ เหม็นออก มาตามข้อต่อ สารชนิดนี้เป็นฟอง สีเขียว ยับยัง้ ผูล้ า่ ไม่ให้เข้ามาท�ำร้าย
ตั๊กแตน
จุดวงกลมสีสดใสของจิ้งหรีดพุ่มไม้ ท�ำให้ผู้ล่าตกใจกลัว
แมลง ชนิดกินพืชเป็นอาหาร มีขาทรง พลังขนาดใหญ่ ตั๊กแตนส่วนใหญ่มี ปีกแม้ว่าจะมีบางชนิดที่บินไม่ได้ ตัวผู้ส่งเสียงร้อง โดยการถูขากับปีกเข้าด้วยกัน ส่วนตัวเมียจะฟังเสียง เรียกผ่านอวัยวะรับเสียงที่ท้อง ตั๊กแตนส่วนใหญ่เป็น ชนิดทีอ่ าศัยการพรางตัว แต่บางชนิดก็มกั แสดงสีสว่าง สดใสเพื่อให้รู้ว่า ตัวของมันมีพิษ (Grasshopper)
จิ้งโกร่งถ�ำ้ (Cave cricket) จิ้งหรีดบินไม่ได้ หลังโก่ง จิ้งหรีดทองแดง (Ground cricket) จิ้งหรีดล�ำตัวแบน
ขาและหนวดยาว จิ้งโกร่งถ�้ำเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า อาศัยอยูต่ ามทุง่ หญ้า หรือบริเวณทีม่ ตี น้ ไม้ปกคลุมมาก จิ้งโกร่งหลังงุ้ม (camel cricket) อาศัยอยู่ในที่มืด เช่น ส่งเสียงเบา จิ้งหรีดทองแดงลายมีแต้มสีคล�ำ้ บนหลัง ถ�ำ้ ปกติแล้วจิง้ หรีดชนิดนีม้ สี นี ำ�้ ตาลและไม่สง่ เสียงร้อง
จิ้งหรีด (Cricket) แมลงที่ออกหากินตอนกลางคืน มี
www.MISbook.com
จิ้งหรีดขนาดใหญ่ มีหนวดยาว บินไม่ได้ เป็นที่รู้จักกันในชื่อ ตั๊กแตน หนวดยาว (long-horned grasshopper) หรือตัก๊ แตน อเมริกันยักษ์ (katydid) อาศัยอยู่ตามต้นไม้ พราง ตัวเป็นซากใบไม้ เมื่อถูกรบกวน มันจะถลาไปใน อากาศ กางปีกเผยให้เห็นจุดวงกลมสีสดใส เพื่อให้ ผู้โจมตีตกใจกลัว จิ้งหรีดพุ่มไม้ส่วนใหญ่เป็นผู้ล่า กินแมลงอืน่ ๆ หรือสัตว์เลือ้ ยคลานตัวเล็กๆ เป็นอาหาร (Bush cricket)
ตั๊กแตนสีสวย (Elegant grasshopper) ตั๊กแตนสีสัน
ขายาวส�ำหรับกระโดด หนวดบางยาวเอาไว้ใช้คล�ำหา ทางในทีม่ ดื ส่วนใหญ่ไม่บนิ กินทัง้ ใบไม้และแมลงอืน่ ๆ เป็นอาหาร จิ้งหรีดตัวผู้ส่งเสียงร้องโดยถูปีกเข้าหากัน ส่วนตัวเมียจะใช้หูฟังเสียงเรียกโดยการแยกขาหน้า ออกจากกัน
จิ้งหรีดด�ำ
โดยทั่วไปจิ้งหรีดด�ำ จะอาศัยอยู่ตามพื้นที่ที่มีหญ้าปกคลุม และอาจ ขุดโพรงอยู่ตามซอกดิน กินเมล็ดพืช พืชและ แมลงอื่นๆ เป็นอาหาร (Field cricket)
ฝูงตั๊กแตนหนวดสั้นจู่โจมพืชผล ของหมู่บ้านในแอฟริกา
ตัก๊ แตนแคระ (Groundhopper) แมลงตัวเล็ก มีความ
เกีย่ วพันกับตัก๊ แตนและจิง้ หรีด ตัก๊ แตนแคระมีปกี คูห่ น้า เล็กลักษณะเป็นเกล็ด แต่บินได้ดีโดยใช้ปีกคู่หลังอัน แข็งแรง ตั๊กแตนแคระมักอาศัยอยู่ใกล้กับล�ำธารหรือ แม่น�้ำ บางชนิดสามารถว่ายน�ำ้ ได้อีกด้วย
เกร็ดน่ารู้ ตั๊กแตนจ�ำนวนมากกระโดดได้ไกลกว่า 20 เท่าของความยาวล�ำตัว ตัก๊ แตนหนวดสัน้ เป็นตัก๊ แตน ทีบ่ นิ ได้นานมาก โดยสามารถบิน ได้ถึง 100 กิโลเมตรต่อวัน ทุกๆ วันตัก๊ แตนหนวดสัน้ สามารถกินอาหารได้ เท่ากับน�ำ้ หนักตัวของ มันเอง ส่วนพวกทีอ่ ยูร่ วมกัน เป็นฝูงสามารถกินอาหาร ทีม่ ปี ริมาณเท่ากับคน 500 คนกินรวมกัน แมลงวีต้ายักษ์ ต่อปี ระยะตัวอ่อนของตัก๊ แตนหรือจิง้ หรีด เรียกว่า “เพลี้ยกระโดด” และไม่มีปีก แมลงทีบ่ นิ ได้เร็วทีส่ ดุ คือ ตัก๊ แตนทะเลทราย แอฟริกนั (African desert locust) ซึง่ สามารถบิน ได้เร็วสุดถึง 34 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ตัก๊ แตนหนวดสัน้ สีสนั เจิดจ้าก�ำลังเดินไต่
จิ้งหรีดเยรูซาเล็ม (Jerusalem cricket) แมลงขนาด อันดับออทอปเทอรา (Orthoptera) อันดับของแมลง ใหญ่อยู่ในแถบอเมริกาเหนือ เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า มวน มันฝรัง่ (potato bug) ล�ำตัวมีสนี ำ�้ ตาลโปร่งใส ไม่มปี กี อาจมีลายสีคล�ำ้ บนท้อง จิง้ หรีดเยรูซาเล็มขุดรูอยู่ใต้ดนิ เพื่อกินรากและหัวพืชเป็นอาหาร
ที่ประกอบด้วยตั๊กแตนและจิ้งหรีด ชื่ออันดับหมายถึง “ปีกตรง” แมลงทัง้ หมดในวงศ์นมี้ ปี กี 2 คู่ โดยปีกคูห่ ลัง โปร่งใสหุ้มอยู่ด้านหลังปีกคู่หน้าซึ่งมีลักษณะเป็นแผ่น เหนียวหยาบ แมลงในอับดับออทอปเทอราส่วนใหญ่ ตัก๊ แตนหนวดสัน้ (Locust) ตัก๊ แตนขนาดใหญ่ มักอยู่ มักจะส่งเสียงดังระงมเพื่อสื่อสารกับตัวอื่นๆ แบบรังเดีย่ ว แต่เมือ่ เจออากาศชืน้ แฉะทีท่ ำ� ให้พชื เจริญ การท�ำเสียงเสียดสี (Stridulation) วิธีท�ำเสียงโดยถู เติบโต ตัก๊ แตนหนวดสัน้ จะเพิม่ ประชากรเป็นจ�ำนวนมาก ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเข้าหากัน ทั้งตั๊กแตนและ โดยรวมตัวกันเป็นฝูงใหญ่แล้วถูขาใส่กนั เป็นพฤติกรรมที่ จิ้งหรีดตัวผู้ต่างท�ำเสียงเสียดสีโดยถูขาหรือ ชักน�ำให้พวกมันมารวมกลุม่ กันเป็นจ�ำนวนมาก ตัก๊ แตน ปีกเข้าหากัน การท�ำเสียงเสียดสีใช้ หนวดสั้นที่อยู่แบบรังเดี่ยวจะอาศัยการพรางตัว ส่วน ดึงดูดคู่ผสมพันธฺุ์ ท�ำให้ตัวเมียเกิด พวกทีอ่ ยูร่ วมกันเป็นฝูงนัน้ จะใช้จ�ำนวนอันมหาศาลเป็น ความสนใจ หรือใช้ป้องกันตัวจากคู่แข่ง ตัวคุ้มกัน และลอกคราบเผยให้เห็นสีสันสดใส เมื่อฝูง ตัวผูก้ ็ได้ แมลงอืน่ ๆ เช่น ด้วงงวงและด้วงกว่าง ของตั๊กแตนหนวดสั้นจู่โจมพื้นที่เพาะปลูก พวกมันจะ ก็ทำ� เสียงเสียดสีเช่นกัน ลอกคราบออกภายในเวลาไม่นาน
www.MISbook.com 3
แมลงกระชอน (Mole cricket) จิง้ หรีดทีข่ ดุ อุโมงค์อยู่
ใต้ดนิ กินรากพืชหรือตัวหนอนของแมลง ก่ออุโมงค์ใน ลักษณะทีส่ ามารถส่งเสียงให้ดงั ไปถึงจิง้ หรีดตัวอืน่ ๆ ได้ แมลงกระชอนมีปีกและอาจจะออกจากรูบินขึ้นมาบน พื้นในช่วงเวลากลางคืน (1) ตั๊กแตนหนวดสั้นหยุดอยู่บนพื้น พับขาขึ้น (2) ใช้ขาคู่ หลังดันตัวขึ้นไปในอากาศ (3) ปล่อยห้อยขาคู่หน้าเมื่ออยู่ ในอากาศแล้วจึงกางปีกออกบิน 1
การออกตัวบินของ ตั๊กแตนหนวดสั้น
จิ้งหรีดต้นไม้ 2
จิ้งหรีดสีเขียวหรือ สีขาวที่อาศัยอยู่ตามต้นไม้หรือพุ่มไม้ เป็นจิ้งหรีด ชนิดหนึง่ ทีส่ ง่ เสียงดังและยาวนานทีส่ ดุ จิง้ หรีดต้นไม้ มีประมาณ 80 ชนิดทั่วโลก
แมลงวีต้า
(Tree cricket)
จิ้งหรีดขายาว ขาหลังมีหนาม แข็งซึ่งใช้แกว่งเตือนศัตรูไม่ให้เข้ามาใกล้ บางชนิด กัดผู้โจมตีด้วย แมลงวีต้าออกหากินพืชหรือเชื้อรา ในตอนกลางคืน มีอยู่ประมาณ 100 ชนิด ทั้งหมด ล้วนมีถิ่นก�ำเนิดในประเทศนิวซีแลนด์ (Weta)
13
สารานุกรมประกอบภาพ
ยิ่งเร�ยนรู ยิ่งพัฒนา ยิ่งค นหา ยิ่งได คำตอบ
เปดโลกการเรียนรู ใหกวางไกลและรูจริงกวาใคร ดวยสารานุกรมประกอบภาพรอบรูเร�องรอบตัว รวมเร�่องราวน ารู รอบตัวตั้งแต ยุคโบราณจนถึงยุคป จจ�บันที่ใช เทคโนโลยี ล�ำสมัย ในแต ละเร�่องจะมีคำศัพท สำคัญและคำอธ�บายที่ทำให เราเข าใจได อย าง ง ายดาย อีกทั้งยังมีภาพประกอบสีสันสดใส ช วยเสร�มสร างจ�นตนาการและ ความเข าใจให มากยิ่งข�้น
16 สุดยอดสารานุกรมประกอบภาพที่เรายอโลกทั้งใบมารวมไว ในสารานุกรมชุดนี้แลว โลกยุคโบราณ
สัตว
ช�วว�ทยา
ไดโนเสาร และสิ่งมีช�ว�ตยุคก อน ประวัติศาสตร
โลก
ร างกายมนุษย
ป ศาจตัวจ�๋ว
มหาสมุทร
ประวัติศาสตร
ประเทศต างๆ ในโลก
ธรรมชาติ
โลกของเรา
ว�ทยาศาสตร
อวกาศ
เทคโนโลยี
การขนส ง ISBN 978-616-527-916-1
9
786165
279161
หมวด : สารานุกรม 125.-
ป ศาจตัวจ�๋ว
เสร�มความรู ในห องเร�ยน นอกห องเร�ยน และใช เป นข อมูลอ างอิงระดับชั้นประถม-มัธยมศึกษา
อธิบายชัดเจน เขาใจงาย
ป ศาจตัวจ�๋ว หนังสือ ลิขสิทธ�์จาก ษ ฤ ก ง ั อ ศ ท เ ะ ร ป
เสร�มความรู ในห องเร�ยน นอกห องเร�ยน และใช เป นข อมูลอ างอิงระดับชั้นประถมศึกษา - มัธยมศึกษา
คำศัพท สำคัญที่ควรรู มากกว า 270 คำ