แวดวงคนลาน ตอนที่ 1

Page 1

เรื่อง ภาพถ่าย

พั ชรีพร ศุภพิ พัฒน์ อรรถพล ดีใจ

“ การจารใบลานเป็น ‘อุตตมะทานะ’ อุตตมะ แปลว่าสูงสุด ทานะ คือทาน ทานที่สูงสุด คือ ธรรมทาน การให้ธรรมเป็นทานนั้น จะโดยวิธีไหน โดยบรรยาย โดยการเขียน การปฏิบัติให้ดู ก็ได้หมด แต่คนรุ่นหลังก็ต้องเก็บรักษา”

พระมหาประเสริฐ สิริปุญโญ (ป.ธ. ๔ น.ธ.เอก)

วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร


“พระครูพิจิตรสรการ” (พระครูคู่สวด) ฐานานุกรมในพระเดชพระคุ ณพระพรหมมงคล เจ้ า อาวาสวั ด พระธาตุ ศ รี จอมทองวรวิหาร ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๗ ปัจจุบันอายุ ๓๐ ปี พรรษา ๑๐ ขอความเมตตาพระอาจารย์เล่าที่มาของการจารใบลานค่ะ อาตมาเริ่มจารใบลานตั้งแต่บวชเป็นพระ อายุ ๒๑ สมัย เป็นเด็กวัดได้เรียนภาษาล้านนากับหลวงพ่อรูปหนึ่งที่ แม่แตง จ. เชียงใหม่ ตอนเป็นสามเณร พ่อหนานศรีทน

อ. 1

ยศ

ถามี ผู้เป็นมัคทายกได้พาไปดูหอไตรและอ่านอักษรธรรม พระอาจารย์มีวิธีฝึกอ่านอักษรธรรมล้านนาทั้งตัวเมืองและ ภาษาบาลีให้แตกฉานได้อย่างไรคะ พออ่านอักษรธรรมได้

จึงเริม ่ ฝึกอ่านคัมภีร์เบิกพระเนตร

ที่อยู่ในปั๊ปสาก่อน อักษรธรรมที่อยู่ในนั้น จะมีท้ง ั ตัวบาลีและ ตัวท้องถิน ่ ล้านนา แล้วจึงค่อยมาอ่านใบลาน ช่วงแรกก็ยัง ตะกุกตะกักอยู่ แต่พอเริ่มอ่านได้ จึงได้มาเริ่มฝึกเทศน์จาก การอ่านใบลาน เทศน์ผูกแรกในชีวิต เรื่องต�ำนานพระทักขิณโมลีธาตุ เป็นพระบรมธาตุที่วัดศรีจอมทอง จาก

ต่อมาได้มาเทศน์เรื่อง มงคลทีปนี เป็นตัวล้านนาที่ไม่ได้แปลเป็นไทยเลย แล้วก็อ่านตัวล้านนามาเรื่อย ๆ จน

จึงเรียกให้ไปอ่านให้ฟง ั พออ่านผิด ท่านก็บอกว่าตรงนี้เขียนแบบนี้ อ่าน

อ่านตัวอาถาอาคม ยันต์ ที่เป็นตัวยาก ๆ ที่อยู่ในปั๊ปสา ที่อ่านยากเพราะเขียนให้รู้บ้างไม่รู้บ้าง ต้องแกะต้อง

นั้นหลวงปู่ทอง (พระพรหมมงคล)

แบบนี้นะ อ่านแบบนั้นไม่ถูก จนกระทั่งมาอ่านต�ำนาน เรื่องนึงมีค�ำโบราณเยอะมากผูกนึง มีใบลานอยู่ประมาณ ๒๘ ใบ ฝึกอ่านไป ๔๐ รอบ อ่านจนคล่อง 1

หนาน ค�ำที่ผู้คนทางภาคเหนือใช้เรียกผู้ชายที่เคยผ่านการบวชมาแล้ว เหมือนค�ำว่า ‘ทิด’ ในภาษาภาคกลาง

เดากันไป พออ่านตัวภาษาล้านนาโบราณที่ยาก ๆ ได้จึงอ่านใบลานได้สบาย


จุดเริ่มต้นของการจารใบลานมีที่มาที่ไปอย่างไรคะ ตอนนั้นเห็นว่าใบลานที่วัดพระธาตุศรีจอมทอง ผุพังมาก ทั้งโดนฝน โดนปลวกกิน หายไปเยอะ พอเห็นใบ

เคยนับไหมคะ ว่าจารมาแล้วกี่คัมภีร์ ไม่ได้นับเลย มันเยอะ จารมาตลอด จารเรื่อย ๆ ให้เทวดานับก็พอ

ลานเก่า ๆ ของที่วัดนี้เป็นใบลานเปล่าที่ตีเส้นไว้แล้ว ด้วยความที่เป็นสามเณรก็ช่างสงสัย ว่าอันนี้คืออะไร ท�ำไม ไม่มีตัวหนังสือ ถามเขาดูก็บอกว่าเป็นลานเปล่ายังไม่ได้เขียน ให้ลองเอาไปเขียนดู เขียนไม่ยากหรอก เขาก็

เวลาจะจารล�ำดับความส�ำคัญยังไงคะว่าจะต้องท�ำเล่มไหนก่อน

สาธิตเขียนให้ดู สมัยนั้นใช้เหล็กจารกลม เลยเขียนยาก เดี๋ยวนี้เป็นเหล็กจารเหลี่ยม แล้วก็ปรับมาเรื่อย ๆ ถาม

ถ้าใจของอาตมาจะเลือกเรื่องที่แปลก ๆ ยังไม่เคยเขียน ยังไม่เคยมีมาก่อน ส่วนตัวจะสนใจจารแนวโวหาร

คนโน้นบ้างคนนี้บ้าง กว่าจะจารได้สัก ๑-๒ ใบ ต้องใช้เวลา ๓-๔ ชั่วโมง ที่นานก็เพราะพอเขียนไม่สวยก็เริม ่

ชาดกก่อนอย่างอื่น แต่จะเขียนได้ช้ากว่าที่เป็นบาลีล้วน เพราะมีตัวซ้อนอยู่เยอะ เอก โท ตัวสะกดต่าง ๆ แต่ถ้า

เขียนใหม่อีก

เป็นบาลีจะเขียนได้เร็วกว่า


ท�ำไมพระอาจารย์จึงคิดท�ำใบลานขึ้นเอง ก็ฝึกเขียนจนกระทั่งใบลานหมด เลยไปเอาลานไทยใต้มา เขียน แล้วมีคนทักท้วงว่า ลานพวกนี้จะไม่ค่อยทน มันบาง เขาก็เลยบอกวิธีท�ำลานเหนือให้ว่า ต้องไปขึ้นต้นลาน ตัดเอายอดใบลาน ยอดที่๓ และ๔ แต่ถ้าเป็นยอด ที่ ๕ จะใช้ไม่ค่อยได้แล้วเพราะหักง่าย ตั้งแต่ตัดลานมา จะเห็นว่าใบลานนี่มี ๒ แบบ ลานหยวก กับลานแฮ ลาน หยวก คือ ลานหลวง ใบมีขนาดใหญ่ ลาน แฮ ใบมีขนาดเล็ก

ตัดใบลานมาแล้วท�ำอะไรต่อคะ หลังจากตัดใบลานสดจากต้น ก็จะลิดใบออกจากก้าน คัดแยกขนาด ม้วนเป็นก้อน แล้วน�ำไป ต้ม ครั้งแรกลองใช้กระทะใบใหญ่ ๆ ออกมาใบลานด�ำ ครั้งที่สองใช้ถังเหล็ก ๒๐๐ ลิตร เดือดดี มาก แต่ก็ด�ำหมดเลย มาลงตัวที่หม้อสแตนเลส เวลาต้มจะใส่น�ำ้ ซาวข้าวกับใบมะขาม สีจะออก มาเหลืองสวย ต้ม ๓ วัน ๓ คืน ให้สามเณรช่วยเฝ้า อย่าปล่อยให้นำ�้ แห้ง ไม่อย่างนั้นใบลานที่อยู่ ข้างบนที่ไม่โดนน�ำ้ สีจะด�ำ ต้องรีบเอาน�ำ้ เติมใส่หม้อ พอเสร็จก็น�ำขึ้นมาล้างน�ำ้ ทีละใบ ขัดท�ำความ สะอาดด้วยสก็อตไบรท์ เพื่อเอาคราบด�ำบนใบลานออก แยกขนาดใบใหญ่และใบเล็กเลย หลัง จากล้างเสร็จ จะใช้เข็มเสียบร้อยกับเชือกเป็นพวงแยกตามขนาด น�ำไปแขวนตาก ถ้าแดดแรง จะตากประมาณ ๕-๑๐ วัน ถ้าไม่ค่อยมีแดดบางครั้งต้องตากถึง ๑๕ วัน ใบลานตอนตากนี้ห้าม โดนฝนหรือน�ำ้ ค้าง ไม่เช่นนั้นลานจะไม่ทน


หลังจากใบลานแห้งแล้วต้องท�ำอะไรต่อคะ เอาใบลานที่แห้งแล้วไปม้วน พอจะใช้ก็น�ำมาคลี่ออกเพื่อตัดให้ได้ขนาด เอาด้านที่ใบเป็นเส้นอยู่ด้านบน ด้านเรียบอยู่ข้างล่าง แล้วให้ด้านแก่ที่เนื้อแข็งกว่าอยู่ทางขวา น�ำไม้ประกับมาวางทาบ ตัดส่วนที่เกินออก แต่ไม่ต้องติดขอบของไม้ประกับ เผื่อให้เกินขอบออกมาเล็กน้อย ตอนเจาะรูใบลานซ้ายขวาด้วยไม้ปลาย แหลมถ้าใช้ผ้าขนหนูหรือผ้านุ่ม ๆ รองจะเจาะง่าย เจาะทีละแผ่น พอเสร็จก็น�ำไปเข้าประกับ แล้วน�ำใบลาน ทั้งประกับไปย่างไฟเพื่อไล่ความชื้น ตอนจารจะเขียนได้ง่าย


การจารท�ำอย่างไรคะ ก่อนจารต้องตีเส้นบรรทัดแนวนอน ๕ เส้น แล้วก็ เส้นแนวตั้ง

ใช้มือขวาจับเหล็กจาร

มือซ้ายเป็นตัว

ประคองและเลื่อนใบลาน ใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนางมือ ซ้ายหนีบลานไว้ ส่วนนิ้วโป้งเป็นตัวบังคับเหล็กจารซ้าย ขวาขึ้นลง ที่ตีไว้

จารห้อยเส้น หมายถึง จารใต้เส้นแนวนอน

ซึ่งมีอยู่หลายความหมาย

เช่น

หมายถึงการ

แสดงความเคารพต่อพระธรรม หรือหมายถึงการไม่ท�ำ ตนเหนือครูบาอาจารย์ อยู่ภายใต้ตลอด บรรทัดแรก กับบรรทัดสุดท้ายจะจารยาว แต่บรรทัดที่ ๒-๔ จาร เว้นให้ห่างจากรูร้อยลานตรงเส้นแนวตั้งที่ตีไว้ เวลาเปิดอ่านบ่อยๆ

เพราะ

สายสยองที่ร้อยรูอาจกินเนื้อลาน

เว้นหน้าหลังไว้เนื้อความจะได้ไม่ขาดหาย

ถ้าจารผิดท�ำอย่างไรคะ ถ้าต้นฉบับเขียนผิด ตอนคัดลอกจะเขียนให้ถูก แต่ถ้าต้นฉบับถูกแต่เขียนผิดเอง ถ้าผิดเยอะจะเปลี่ยน ลานแผ่นใหม่ แต่ถ้าผิดตัวสองตัวจะขีดฆ่าออกแล้วเขียนตัวที่ถูกแทน ส่วนมากเวลาเขียนจะระวัง ก่อน เขียนต้องอ่านเรื่องให้จบเสียก่อนว่าเรื่องเป็นอย่างไร ซ้อนหลัง ก็ต้องแก้ไขให้ถูกต้อง อย่าให้ผิด

อย่างคนเขียนที่รู้บาลีก็ดูตัวสะกด ตัวซ้อนหน้า


เมื่อจารเสร็จแล้ว มีข้น ั ตอนอะไรอีกคะ พอจารเสร็จจะน�ำไปลบลาน ผสมผงคาร์บอนกับน�ำ้ มันยาง ใช้ลูกประคบชุบน�ำ้ หมึกทาบนแผ่นลานที่ จารแล้วไปทางเดียวกัน เอาทรายที่ตากแดดจนร้อนมาขัดออกก็จะเห็นเส้นที่จารไว้ เอาผ้าสะอาดเช็ดอีก รอบ ตรวจความถูกต้องสวยงามอีกครั้ง ถ้าไม่สวยก็จะจารใหม่ แต่ถ้าดีแล้วก็น�ำไปเข้าประกับ ตกแต่ง ขอบ แล้วก็จะน�ำคัมภีร์ไปห่อธรรม เพื่อกันลมกันฝน ธัมม์ไว้นอกมัดคัมภีร์เพื่อบอกรายละเอียด

ปกติจะเสียบไม้บัญชักหรือทางเหนือเรียก หลาบ

แต่อาตมาไม่ได้ท�ำเพราะชอบที่จะเขียนแกะลงไปบนไม้ประกับ

เลย ทั้งชื่อคัมภีร์ ชื่อเจ้าภาพ รายละเอียด กี่มัด กี่ผูก ได้ไม่สูญหายไปไหน ไม่ว่าผ่านไปกี่ปี ๆ


คัมภีร์ที่จารเสร็จแล้วน�ำเก็บไว้ท่ไี หนคะ เก็บทั้งที่หอธรรมด้วย และที่โฮงหลวง (กุฏิพุทธศาสน์สุประดิษฐ์) ด้วยเพราะว่าบางคัมภีร์ ได้ใช้ตลอด ได้ใช้ทุกปี ตอนมีงานประเพณีขอฟ้าขอฝน ต้องใช้คัมภีร์พญาคันคาก คัมภีร์ปลา ช่อน วัดในเชียงใหม่มีคัมภีร์พวกนี้น้อยมาก เพราะปัจจุบันหายากมากแล้ว บางที่มีอยู่ก็โดน ขโมย อาตมาไปหายืมมาจากวัดที่ล�ำพู น เพื่อคัดลอก จารออกมาอีกฉบับหนึ่ง พอจารเสร็จก็ ถ่ายรูปไว้ก่อนน�ำไปคืน ดีท่ถ ี ่ายรูปไว้ เพราะหลังจากนั้น ๒ เดือน คัมภีร์ก็ถูกขโมยหมดทั้งตู้


พระอาจารย์คิดจะถ่ายทอดการท�ำใบลาน การจารใบลานให้คนรุ่นหลังบ้างไหมคะ คิดสิ อาตมาเจอใครก็ชวนมาเขียนอยู่เรื่อยๆ ทั้งคนไทย (ภาคกลาง) คนเมือง (คนเหนือ) บางครั้ง อาตมาก็ยกใบลานเปล่าที่ท�ำไว้ และเหล็กจารให้เอาไปเขียนเลย แต่ก็หาคนอยากเขียนจริง ๆ ยาก ในสมัย ก่อนนั้น กว่าจะบวชมาเป็นพระได้ ต้องเป็นเด็กวัดก่อน ถึงจะเป็นสามเณร แล้วค่อยบวชพระ พออยู่วัด ตั้งแต่สมัยนั้นถึงจะได้เรียนเขียนอ่านใบลานอักษรธรรม แต่มายุคสมัยนี้มันเปลี่ยนไป ไม่ได้เป็นแบบเมื่อ ก่อน แต่ว่าอาตมาก็พยายามถ่ายทอดตลอดนะ ไม่ว่าเจอใคร บางคนก็ได้บ้าง บางคนก็มีงาน ท�ำได้ไม่จบ

พระอาจารย์คิดว่า จะจารไปจนถึงเมื่อไหร่คะ การเริ่มเขียนลานนั้น เมื่อเริ่มลงมือเขียนแล้ว จะต้องมีใจจดจ่ออยู่กับการเขียนตลอด อยู่กับงานนี้ ตลอด ช่วงหลังๆ อาตมาก็ท�ำได้ไม่ตลอด เพราะต้องคุมงานก่อสร้างวัดด้วย บางครั้งไปยกของหนัก พอมาเขียนใบลาน เขียนได้สักพักมันก็จะปวดข้อมือ ต้องหยุดพัก แล้วค่อยท�ำใหม่ ตาก็เริ่มจะมองไม่

พระอาจารย์เป็นพระยุคใหม่

ค่อยชัด มองชัดแค่ข้างซ้าย ส่วนข้างขวา เริ่มเป็นต้อกระจก จึงเขียนได้ไม่เร็วเท่าแต่ก่อน แต่ก็จะจาร

หลังไหมคะ

ท�ำไมถึงคิดว่าควรอนุรักษ์การจารคัมภีร์ใบลานและมีอะไรฝากถึงคนรุ่น

จนกว่าจะจารไม่ได้นั่นแหละ จนกว่ามือจะสั่นและเขียนไม่ไหว อายุมนุษย์น้ม ี ันไม่ยาว อย่างปีนึงเราคิดว่าจะ

ใบลานนี่เกิดมาเพื่อให้เขียนจริงๆนะ เอาไปท�ำอย่างอื่นก็ไม่ดีเท่าเอามาจาร เพราะว่าการจารใบลานเป็น

ท�ำได้ ๒-๓ คัมภีร์ก็เยอะแล้ว ถ้าคนเราท�ำได้ถึง ๗๐-๘๐ ปี หรือถ้า ๙๐ ปี อาตมายังนั่งเขียนได้ ก็ว่าจะ

‘อุตตมะทานะ’ อุตตมะ แปลว่าสูงสุด ทานะ คือทาน ทานที่สูงสุด คือ ธรรมทาน การให้ธรรมเป็นทานนั้น

นั่งเขียนอยู่นะ

จะโดยวิธีไหน โดยบรรยาย โดยการเขียน โดยการปฏิบัติให้ดู ก็ได้หมด คนรุ่นหลังก็ต้องเก็บรักษา อย่าง มะม่วงนี่ มีมากี่ปีแล้ว นี่ก็เหมือนกัน ถ้าหากว่ามันยังมีเชื้ออยู่ เผ่าพันธุ์มันก็ต้องมีอยู่ คนรุ่นหลังก็ต้อง ช่วยดูแลรักษาคัมภีร์ใบลานกันไป


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.