1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
92
93
94
95
96
97
98
99
100
101
102
103
104
105
106
107
108
109
110
111
112
113
114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
127
128
129
130
131
132
133
134
135
136
137
138
139
140
141
142
143
144
145
146
147
148
149
150
151
152
153
154
155
156
157
158
159
160
161
162
163
164
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
191
192
193
194
195
196
197
198
199
200
201
202
203
204
205
206
207
208
209
210
211
212
213
214
215
216
217
218
219
220
สรุปรูปแบบการเรียนการสอนแบบคิดสร้างสรรค์
Synectics Instructional Model
221
Compressed conflict
เป็ นการเปรี ยบเทียบที่นาเอาคาที่ขดั แย้งกัน มาสร้างเป็ นคาใหม่ ซึ่ งลักษณะการสอนแบบนี้ เป็ นรู ปแบบที่ผเู ้ รี ยนมีอิสระการคิดอย่างเต็มที่ โดย ผูส้ อนให้ผเู ้ รี ยนนาคาหรื อวลี มาประกอบกันเป็ น คาใหม่ที่มีความหมายขัดแย้งกันในตัวเอง เช่น ไฟเย็น น้ าผึ้งขม เชือดนิ่ม ๆ เป็ นต้น
รู ปแบบการเรี ยนการสอนนี้มุ่งให้ผเู ้ รี ยนเกิด ความคิดที่แตกต่างไปจากเดิม ให้ผเู ้ รี ยนมี โอกาสคิดแก้ปัญหา ด้วยแนวความคิดใหม่ ๆ ที่ไม่เหมือนเดิม ให้ลองใช้ความคิดในฐานะที่ เป็ นคนอื่น หรื อเป็ นสิ่ งอื่น สถานการณ์เช่นนี้ จะกระตุน้ ให้ผเู ้ รี ยนเกิด ความคิดใหม่ ขึ้นได้
Direc analogy
Personal analogy
เป็ นการเปรี ยบเทียบโดยเอาตัวผูเ้ รี ยนไป เป็ นบางสิ่ งบางอย่าง ที่ผสู ้ อนยกขึ้น ทาให้ผเู ้ รี ยน มีส่วนร่ วมในบทเรี ยน มองเห็นบทเรี ยนเป็ นสิ่ งไม่ ไกลจากตัว เช่น สมมติให้ผเู ้ รี ยนเป็ นรถไฟ หรื อ เป็ นอากาศ แล้วถามผูเ้ รี ยนว่ารู ้สึกอย่างไร เป็ นต้น
222
เป็ นการเปรี ยบเทียบแบบง่ายๆ ระหว่าง สิ่ งของสองสิ่ ง หรื อความคิดสองความคิด เช่น คน พืช สิ่ งของ สถานที่ การเปรี ยบเทียบนี้จะ ช่วยให้ผเู ้ รี ยนมองเห็นบทเรี ยนในแนวทางและ ความคิดใหม่ๆ เช่น การเขียนจดหมายกับรถไฟ กับการเขียนจดหมายกับเมฆ เป็ นต้น
ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้
สร้างความตระหนัก
ระดมพลังความคิด
สร้างสรรค์ชิ้นงาน
เป็นขั้นตอนที่สาคัญที่การ กระตุ้นให้ผู้เรียนเข้าสู่เรื่อง ที่จะเรียนรู้ เช่น เกม เพลง นิทาน ลีลา ท่าทางต่าง ๆ ให้ผู้เรียนเกิดความคิด จินตนาการ
เป็นการดึงศักยภาพของ ผู้เรียนให้ค้นหาคาตอบ และผู้เรียนต้องมีส่วนร่วม โดยผู้สอนทาหน้าที่เหมือน ผู้อานวยความสะดวกทุก ขั้นตอน
เมื่อผู้เรียนได้ผ่าน กระบวนการเรียนรู้คิด หาคาตอบได้แล้ว ก็จะ เกิดจินตนาการในการ สร้างสรรค์ผลงานใน รูปแบบต่าง ๆ
นาเสนอผลงาน
วัดและประเมินผล
เผยแพร่ผลงาน
เป็นขั้นตอนที่สาคัญที่ ผู้เรียนได้มีโอกาสนาเสนอ ผลงาน วิจารณ์ชิ้นงาน มี การแสดงความคิดเห็นใน แง่มุมต่าง ๆ ฝึกให้รู้จักการ ยอมรับ การมีเหตุผล
การวัดและประเมินผลตาม สภาพจริง ผู้เรียนรู้จัก ประเมินผลงานตนเองและ ผู้อื่น มีการยอมรับการแก้ไข การถูกตาหนิ บนพื้นฐาน ของความถู223 กต้อง
ผลงานของผู้เรียนทุกคน ทุกกลุ่ม ได้นาไปเผยแพร่ ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น จัดนิทรรศการ และการนา ผลงานสู่สาธารณชน
การจัดการความรู้ด้านการจัดการเรียนการสอนเชิงสร้างสรรค์ ความคิดคล่องแคล่ว ความสามารถ คิดหาคาตอบที่เด่นชัดและตรง ประเด็นมากที่สุด
ความคิดยืดหยุ่น ความสามารถในการ ปรับสภาพของความคิดในสถานการณ์ ต่าง ๆ ได้
ความคิดริเริ่ม ความคิดแปลกใหม่ อาจเกิดขึ้นจากการนาความรู้เดิมมา ดัดแปลงและประยุกต์ให้เกิดเป็นสิ่งใหม่
ความคิดละเอียดลออ การคิดได้ใน รายละเอียดเพื่อขยายหรือตกแต่งความ คิดหลักให้ได้ความหมายที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
กิจกรรมศิลปะ การวาดภาพระบายสี กิจกรรมด้านภาษา การเล่านิทาน 224 การฉีกกระดาษ การตัดกระดาษ การเล่นละคร การเล่นบทบาทสมมติ
คิดนอกเรื่อง คิดนอกกรอบ ตั้งประเด็นคาถามว่าทาไม จะทา ให้เกิดแรงผลักดันในการค้นหา
ค้นหาแรงผลักดัน มาเป็นสิ่งเร้าใน การค้นหา อาศัยการเพ้อฝันบางครั้ง จะช่วยให้มีแนวคิดที่แตกต่างออกไป
พัฒนารูปแบบเดิมๆ สร้างกรอบ แนวคิดใหม่ นาแนวคิดมาต่อยอด จะช่วยพัฒนาสิ่งต่างๆได้ดีขึ้นไป
อารมณ์ดี คิดบวก หรือฝึกสมาธิ จะเป็นการเปิดสมอง ให้มีความคิด อะไรใหม่ๆ
เปิดใจแลกเปลี่ยนทัศนะ ไม่ปิดกั้น ตนเอง จะช่วยให้มีสัมพันธภาพและ 225 มีพัฒนาการความคิดดี
กิลฟอร์ด กล่าวถึงบุคลิกภาพของคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ว่า
“ จะต้องมีความฉับไวที่รู้ปัญหาและมองเห็นปัญหา มีความว่องไว และสามารถจะเปลี่ยนความคิดใหม่ๆได้ง่าย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การแก้ปัญหาเป็นกิจกรรมที่สาคัญยิ่งของชีวิตที่ต้องทาให้สาเร็จลุล่วง จึงจะทาให้ชีวิตสามารถดาเนินไปได้อย่างมีความสุข ดังนั้น จึงมีความ จาเป็นที่จะต้องเรียนรู้วิธีการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ โดยปกติ คนเราทั่วไปมักเลือกวิธีการที่จะเลี่ยงปัญหามากกว่าการเผชิญปัญหา ซึ่งถ้าคนเรารู้จักที่จะเรียนรู้การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ก็จะมีชีวิต ที่สนุกสนานร่าเริงและความสุขมากยิ่งขึ้น ”
226
ประโยชน์ของความคิดสร้างสรรค์
ผู้เรียนมีความคิดที่อิสระ ไม่มีรูปแบบตายตัว เปิดทางเลือกให้ผู้เรียนหาคาตอบที่หลากหลาย
ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริงมีการบูรณาการในตัวเอง สร้างชิ้นงานสิ่งประดิษฐ์แปลกใหม่ที่เป็นรูปธรรม ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม กลายเป็นผู้นา ทางด้านความคิดและเกิดความภูมิใจในตนเอง นาไปจัดการเรียนรู้ได้กับทุกกลุ่มสาระ และ สามารถเชื่อมโยงกับรูปแบบการเรียนรู้อื่น ๆ ได้
227
วิจยั
การพัฒนาผลการเรียนรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และความ เข้าใจที่คงทน เรื่องสิ่งแวดล้อมรอบตัว ของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษาปี ที่ 2 ด้วยการจัดการเรียนรูแ้ บบซินเนคติคส์
ผูว้ ิจยั
นางสาวกัลยา ภูท่ อง
228
229
230
231
232
233
234
235
236
237
238
239
240
241
อ้างอิง
วีณา ประชากุล,ประสาท เนืองเฉลิม. รูปแบบการเรียนการสอน. (ครั้งที่ 3, ขอนแก่น: คลังนานาวิทยา, 2559), หน้า 73-74. กัลยา ภู่ทอง. (2554). การพัฒนาผลการเรียนรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และความเข้าใจ ที่คงทน เรื่องสิ่งแวดล้อมรอบตัว ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ด้วยการจัดการเรียนรู้แบบซิ นเนคติคส์. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. สาขาวิชาการสอนสังคมศึกษา ภาควิชาหลักสูตรและวิธีสอน มหาวิทยาลัยศิลปากร. สิทธิชัย ไลสีมา. การจัดการเรียนการสอนเชิงสร้างสรรค์. [ออนไลน์]. ได้จาก https://sites.google.com/site/edtechsukm/kar-cadkar-reiyn-kar-sxn-cheing-srangsrrkh [สืบค้นเมื่อ วันที่ 6 กันยายน 2562]. นพพร ตนสารี. รูปแบบการเรียนการสอนกระบวนการคิดสร้างสรรค์ (Synectics Instructional Model). [ออนไลน์]. ได้จาก https://www.slideshare.net/ssuser77fdc5/synectics-instructional-model [สืบค้นเมื่อ วันที่ 6 กันยายน 2562]. สิทธิชัย ไลสีมา. ความคิดสร้างสรรค์กับการเรียนรู.้ [ออนไลน์]. ได้จาก https://sites.google.com/site/edtechsukm/kar-cadkar-reiyn-kar-sxn-cheingsrangsrrkh/khwamkhidsrangsrrkhkabkarreiynru [สืบค้นเมื่อ วันที่ 7 กันยายน 2562].
242
243
244
245
246
247
248
249
250
251
252
253
254
255
256
257
258
259
260
261
262
263
264
265
266
267
268
269
270
271
272
273
274
275
276
277
278
279
280
281
282
283
284
285
286
287
288
289
290
291
292
293
294
295
296
297
298
299
300
301
302
303
304
305
306
307
308
309
310
311
312
313
314
315
316
317
318
1–4 . . . . .
2 3 4 5 6 1.
( .) 2.
( .)
3. ( .) 4. 5. . . . . .
( .) 2
. .
319
4
ฒ
ำ
ำ
ศึ ษ ี 2
320
321
322
323
324
ฒ
ำ ำ
ศึ ษ ี 2
325
326
327
328
329
330
331
332
333
334
335
336
337
338
339
340
341
342
343
344
345
346
347
348
349
350
351
352
353
354
. (2555). , https://www.gotoknow.org/posts/378764.
.(2558).
31
2562./
ฒ
ศึ ษ ี 2 , 31 2562./ http://www.edu.nu.ac.th/th/news/docs/download/2018_05_13_11_11_55.pdf.
355
356
357
358
359
360
361
362
363
364
365
366
367
368
369
370
371
372
373
374
375
376
377
378
379
380
รูปแบบการเรียนการสอนแบบเส้ นทางเดินเรื่ อง รู ปแบบการเรี ยนรู้การสอนแบบเส้นทาง เดินเรื่ อง (Storyline Method) การเรี ยนรู้ที่ดีควรมี การบูรณาการหรื อเป็ นสหวิทยาการการเรี ยนรู้ที่รวบรวม หลาย ๆ การทางานและการดาเนินชีวิตประจาวันเป็ นการ เรี ยนรู้ที่เกิดขึ้นผ่านทางประสบการณ์ตรงหรื อการกระทา หรื อการมีส่วนร่ วมของผูเ้ รี ยนเองความคงทนของผลการ เรี ยนร ้้ข้ ึนอยูก่ บั วิธีการเรี ยนรู ้หรื อวิธีการที่ได้ความรู้มา ผูเ้ รี ยนสามารถเรี ยนรู้คุณค่าและสร้างผลงานทีด่ ีได้หากมี โอกาส ได้ลงมือกระทา
การเรี ยนการสอนโดยวิธีการสร้างเรื่ องนี้ ยงั ใช้หลักการเรี ยนรู้และ การสอนอีกหลายประการเช่นการเรี ยนรู้จากสิ่ งใกล้ตวั ไปสู่วิถีชีวิตจริ ง การสร้างองค์ความรู้ดว้ ยตนเองและการเรี ยนการสอนโดยยึดผูเ้ รี ยน เป็ น ศูนย์กลางรู ปแบบการเรี ยนการสอนที่มีลกั ษณะบูรณาการเนื้อหา หลักสูตรและทักษะการเรี ยนจากหลายสาขาวิชาเข้าด้วย
381
รูปแบบการเรียนการสอนแบบเส้ นทางเดินเรื่ อง รู ปแบบการเรี ยนการสอนที่มีลกั ษณะบูรณาการเนื้อหาหลักสู ตรและ ทักษะการเรี ยนจากหลายสาขาวิชาเข้าด้วยกันโดยให้ผเู ้ รี ยนได้สร้างสรรค์ เรื่ องขึ้นด้วยตนเองโดยผูส้ อนทาหน้าที่วางเส้นทางเดินเรื่ องให้
การดาเนินเรื่ องแบ่งเป็ นตอนๆแต่ละ ตอนประกอบด้วยกิจกรรมย่อยที่ เชื่อมโยงกันด้วยคาถามหลัก (Key question) ลักษณะของ คาถามหลักที่เชื่อมโยงเรื่ องราวให้ดาเนิน ไปอย่างต่อเนื่องมี 4 คาถาม ได้แก่ ที่ ไหน? ใคร? ทาอะไร? อย่างไร? และมี 382 เหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น?
รูปแบบการเรียนการสอนแบบเส้ นทางเดินเรื่ อง
ผูส้ อนจะใช้คาถามหลักเหล่านี้ เปิ ดประเด็นให้ผเู ้ รี ยนคิดร้อยเรี ยง เรื่ องราวด้วยตนเองรวมทั้งสร้างสรรค์ชิ้นงานประกอบกันไปการเรี ยน การสอนด้วยวิธีการดังกล่าวช่วยให้ผเู ้ รี ยนมีโอกาสได้ใช้ประสบการณ์ และความคิดของตนอย่างเต็มที่และมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความรู ้ ความคิดกันอภิปรายร่ วมกันและเกิดการเรี ยนรู้อย่างกว้างขวางช่วยพัฒนา ความรู้ความเข้าใจและเจตคติของผูเ้ รี ยนในเรื่ องที่เรี ยนรวมทั้งทักษะ กระบวนต่างๆเช่นทักษะการคิดทักษะการทางานบการณ์เดิมอย่างกษะ การแก้ปัญหาทักษะการสื่ อสารเป็ นต้นโดยมีกระบวนการเรี ยนการสอน ดังนี้
383
รูปแบบการเรียนการสอนแบบเส้ นทางเดินเรื่ อง ขั้นตอนที่ 1 การกาหนดเส้ นทางการเดินเรื่องให้เหมาะสม ผูส้ อนจาเป็ นต้องใช้การวิเคราะห์จุดมุ่งหมายและเนื้ อหาสาระของ หลักสู ตรเลือกหัวข้อให้สอดคล้องกับเนื้อหาสาระของหลักสู ตรที่ ต้องการและจัดเรี ยงการวางแผนการเรี ยนการสอน ขั้นตอนที่ 2 การดาเนินกิจกรรมการเรียนการสอน ผูส้ อนดาเนินการตามแผนการจัดการเรี ยนรู ้ไปตามลาดับ การเรี ยนการสอนแบบนี้ อาจใช้ เวลาเพียงไม่กี่คาบหรื อต่อเนื่องกันเป็ นภาคเรี ยนก็ได้ แล้วแต่วา่ จะใช้เวลานานแค่ไหน แต่ไม่ควรใช้เกิน 1 ภาคเรี ยน เพราะอาจเกิดจากความเบื่อหน่าย ในการจัดกิจกรรมใหม่ ๆ ให้ผเู ้ รี ยนสรุ ปความคิดรวบยอดของแต่ละกิจกรรมก่อนจะขึ้นกิจกรรมใหม่ นอกจากนั้น ควรกระตุน้ ให้ผเู ้ รี ยนได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากแหล่งความรู ้ที การเปิ ดโอกาสให้ผเู ้ รี ยนชื่น ชมผลงานและได้รับการปรับปรุ งพัฒนางานงานของตนเอง ขั้นตอนที่ 3 การประเมิน ผูส้ อนใช้การประเมินผลตามสภาพแท้จริ ง คือการประเมินจากการสังเกตการ บันทึกรวบรวมข้อมูลจากผลงาน และการแสดงออกของผูเ้ รี ยน การประเมินจะไม่ เน้นเฉพาะทักษะพื้นฐานเท่านั้น แต่จะรวมถึงทักษะการคิดการทางานการร่ วมมือ การแก้ปัญหาและอื่น ๆ การประเมินให้ความสาคัญในการประสบผลสาเร็ จในการ ทางานของผูเ้ รี ยนแต่ละคนมากกว่าการประเมินผลการเรี ยนที่มุ่งให้คะแนนผลผลิต และจัดลาดับที่เปรี ยบเทียบกับกลุ่มรู ปแบบการเรี ยนการสอนนี้ จะช่ วยให้ผเู ้ รี ยนจะ เกิดความ รู ้ความเข้าใจในเรื่ องที่เรี ยนในระดับที่สามารถวิเคราะห์และสังเคราะห์ ได้รวมทั้งได้พฒั นาทักษะกระบวนการต่384 างๆ
385
386
387
388
389
390
391
392
393
394
395
396
397
398
399
400
401
402
403
404
405
406
407
408