คืนพลังกลับสู่ความเป็นพ่อแม่ สิ่งส�าคัญที่สุด คือ ความรู้สึกพึ่งตนเองได้ของคนที่เป็นพ่อแม่
2
ับ ฉบับความสุข
จัดท�ำโดย
พญ. แก้ ตา นพมณีจา� รั เลิ
ผู้เขียน
พญ. แก้ ตา นพมณีจา� รั เลิ กุมารแพทย์พัฒนาการเด็ก คุณประพา มาย ุข นักกายภาพบ�าบัด และจิต ิทยาพัฒนาการ คุณฒามรา ุมาลย์โรจน์ นักจิต ิทยาพัฒนาการ คุณพ่อน้องนนท์
ออกแบบภำพวำด
พญ. แก้ ตา นพมณีจา� รั เลิ
ภำพปก
ิ ีระเ ร ฐกุล
ภำพวำดในเล่ม
studio-yimchang
ISBN
978-616-394-693-5 ท่าน ามารถ download นัง ือทั้งเล่มได้ที่ www.mahidolclinic.com ท่านที่น�าข้อมูลไปใช้ประโยชน์ กรุณาอ้างอิง ถาบันแ ่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครั . ม า ิทยาลัยม ิดล. การ ่งเ ริมเด็กพัฒนาการล่าช้า เด็กพิเ อย่างเป็นองค์ร ม ฉบับค าม ุข. 2558 ท่านที่ต้องการ นับ นุนการเผยแพร่องค์ค ามรู้ ู่กลุ่มพ่อแม่และบุคลากร าธารณ ุขต่างจัง ัด ติดต่อ งานคลินิกพัฒนาการเด็ก ถาบันแ ่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครั โทร. 089-458-0840
ับ
3
ฉบับความสุข
ค�าน�า สิบปีทแ่ี ล้ว เมือ่ ตอนทีพ่ กเราเริม่ ท�างาน เราเริม่ ต้นไม่ตา่ งจากบุคลากร าธารณ ขุ ทุกๆคน
ทีท่ า� งานทางด้านนี้ เราพยายามช่ ยเ ลือ ฝึกเด็ก ด้ ยค ามปราถนาดี อยากใ เ้ ด็กพัฒนาการล่าช้า เด็กพิเ ดีขึ้น เราเอาเด็กเข้ามาฝึกใน ้อง เรำให้พ่อแม่รออยู่หน้ำห้อง เพราะ ถ้าพ่อแม่เข้ามา ใน ้องด้ ย เด็กอาจไม่ยอมท�ากิจกรรม และพ่อแม่เองก็คงทนไม่ได้ที่บางครั้งลูกอาจร้องไ ้ อยาก ออกนอก ้อง อยากกลับบ้าน เราจะแนะน�าใ ้พ่อแม่อดทนและขอใ ้รออยู่ น้า ้อง อย่าเข้ามา ตอนที่ลูกร้องไ ้
เราฝึกเด็กแบบครู ให้เด็กนัง่ โต๊ะ ฝึกเรียนรูส้ ี เรียนรูก้ ารพูดค�าว่า ขอ และยกมือไหว้ เรียนรู้ ภา าจากการอ่านบัตรค�า ถ้าเด็กไม่ยอมท�า อยากออกนอก ้อง ไป าพ่อแม่ เราจะจับเด็กใ ้นั่ง เก้าอีท้ ลี่ อ๊ คไ ไ้ ม่ใ เ้ ด็กลุกไปไ น เด็กจะร้องไ ใ้ นครัง้ แรกๆ เพราะยังไม่เคยถูกฝึกมาก่อน ต่อมาเด็ก ก็จะค่อยๆเริม่ เรียนรู้ า่ ร้องไ อ้ ย่างไรก็ไม่ได้ผล ยังไงพ่อแม่กจ็ ะไม่เข้ามาช่ ย ร้องอย่างไร นูกต็ อ้ ง ท�าตาม ิ่งที่คุณครูบอก เราพบ ่า ิธีการนี้ได้ผล ครั้งต่อๆมาเด็กๆ ไม่ร้องแล้ เด็กรู้แล้วว่าเขาไม่ ได้มีสิทธิเสียงใดๆ มีเพียงต้องท�าตาม ิ่งที่คุณครูบอกใ ้ทา� เท่านั้น เด็กๆยังได้เรียนรู้เพิ่มเติมอีก ่า ถ้าเขายอมท�าตาม งิ่ ทีค่ ณ ุ ครูกา� นดไ ไ้ ด้ เขาจะได้รบั ราง ลั ได้ขนมเป็น งิ่ ตอบแทน เราจะมีขนม เป็นถุงๆเตรียมไ ้ ตอบได้ ได้ขนม ตอบไม่ได้ ก็ทา� ใ ม่ ท�าซ�า้ ๆ จนก ่าจะท�าได้ เด็กก็เริ่มมีก�าลังใจ เพิ่มขึ้นอยากท�า เพื่อใ ้ได้ขนม ฝึกๆ ไป ดูเ มือน ่าเด็กจะเริ่มเก่งขึ้น ยอมเดินเข้ามาใน ้องอย่างง่ายดาย ยอมท�าตาม ทุกอย่างที่คุณครูบอก เด็กเริ่มจ�า ี จ�าภาพ อ่านบัตรค�าต่างๆได้ ่ังใ ้ท�าอะไรก็ท�า เด็กท�ำตำม
ค�าสั่งได้คล่องขึ้น
แม้เด็กจะดูดขี นึ้ แต่เราก็รู้ กึ แปลกใจอยูบ่ า้ ง เด็กเหมือนต้องรอคอยค�าสัง่ จากเราตลอดเวลา เด็กดูจะคิดอะไรเองไม่ได้ เ ลานัง่ รอคุณครูอยู่ น้า อ้ ง เด็กจะนัง่ เฉยๆ ไม่ได้ นใจอะไร เมือ่ เรียก ใ ้เข้า ้อง เด็กก็เดินเข้ามา ค ามรู้ ึกแปลกใจเพิ่มมากขึ้น เมื่อ ัน นึ่งได้เ ็นเด็กอยากจะเล่นของ เล่นทีอ่ ยูใ่ นตะกร้า เด็กยกมือไ ต้ ะกร้า พูดค�า า่ ขอ แล้ จึงค่อย ยิบของเล่นมาเล่น เรารูส้ กึ แปลกใจ เรำสงสัย รือ า่ เด็กพิเ ก็เป็นแบบนี้ มันคงต้องเป็นแบบนี้ เพราะเขาเป็นเด็กพิเ ท�าได้เท่านี้
ด้วยความไม่รู้ว่าจะท�าอย่างไรต่อ พ กเราก็ไม่ต่างจากบุคลากร าธารณ ุขท่านอื่นๆ
ที่พยายามท�ากิจกรรมต่างๆเพิ่มมากขึ้น เราคิด ่าเด็กน่าจะมีโอกา ได้เล่นบ้าง เราเลยลองเพิ่มการ จัดกิจกรรมแบบกลุ่มใ ้เด็กๆได้ฝึกทัก ะทาง ังคม ได้เล่นกับเพื่อน ปิดเทอมเราจัดค่ายใ ้เด็กๆ เด็กๆจะได้มาท�ากิจกรรมกัน ช นพ่อแม่มานั่งคุยกัน แลกเปลี่ยน ร่ มทุกข์ร่ ม ุข เพื่อ ่ามีอะไร จะแบ่งปันช่ ยเ ลือกันได้ ใครรู้อะไร อ่าน นัง ืออะไรใ ม่ๆ ก็มาแบ่งปันกัน กิจกรรมเ ล่านี้ก็มี
4
ับ ฉบับความสุข
ประโยชน์ ได้ทั้งก�าลังใจ ได้พูดคุย ได้ฟังประ บการณ์จากเพื่อนๆ เด็กๆก็ดูดีขึ้นช่วยเติมเต็มสิ่งที่ ขาดหายไป เด็กเริ่มมีเสียงหัวเราะ เริ่มเล่นกับเพื่อนง่ายๆได้ ทุก ิ่งทุกอย่างดูเ มือนเริ่มจะดี มันดูเ มือนเริ่มจะดี และเราก็รู้ ึก ่ามันดี เพราะ มันก็ดีจริงๆ
แต่ลึกๆแล้ว เราก็ยงั รู้สึกว่า ไม่ใช่ มันยังไม่ใช่ เราอาจคิดกิจกรรมใ ้เด็กๆท�าได้ คิด ่า ันนี้จะพาเด็กๆไป ่ายน�้า แล้ ท�ากิจกรรม ิลปะต่อ ่ นกิจกรรมพ่อแม่ ันนี้เราจะคุยกันเรื่องนี้ เรา ามารถคิดกิจกรรมใ ้เด็กๆและช นพ่อแม่พูดคุย ได้ เราท�าได้ เราท�าได้ แต่ลึกๆแล้ เรารู้สึกว่าเราไร้ทิศทาง เราไม่รู้ ่าเราก�าลังช่ ยเ ลือพ่อแม่ รือ น�าพาเด็กๆไปในทิ ทางไ น ก�าลังท�าอะไรแล้ จะต้องท�าอะไรต่อไป มองย้อนกลับไป ิ่งที่อยากบอก อยากเล่าใ ้ฟัง คือ ปัญหำกำรท�ำงำนส่งเสริมเด็ก พัฒนาการล่าช้า เด็กพิเศษ ในประเทศไทย มีปญั าใ ญ่ที่ า� คัญ องประการ คือ ๑) องค์ค ามรู้ ด้านการ ่งเ ริมเด็กพัฒนาการล่าช้าเด็กพิเ ยังไม่ชัดเจน ๒) ปัญ าเรื่องพ่อแม่ยังไม่ ามารถพึ่ง ตนเองได้ ปัญ าทั้ง องอย่างนี้เป็นปัญ าใ ญ่และเป็นปัญ า �าคัญ ตลอด ๑๐ ปีที่ผ่านมาเราได้ พยายามเรียนรู้และทดลองปฏิบัติเพื่อ าค�าตอบ ่าจะช่ ยเ ลือพ่อแม่และเด็กๆได้อย่างไร
มาถึงวันนี้ วันที่เรารู้สึกมั่นใจ เรารู้สึกว่าเราได้ค�าตอบแล้ว เราจึงอยากได้มีโอกา
แบ่งปัน ิ่งที่เราได้เรียนรู้ใ ้พ่อแม่และเพื่อนๆบุคลากร าธารณ ุขรับทราบด้ ย
มีคนถาม า่ ทราบได้อย่างไร ่าแน ทาง DIR/ฟลอร์ไทม์ คือ ค�าตอบ จริง รือ ใช่ รือ แน่ใจ ได้ยังไง เราตอบ า่ ไม่ทราบ ไม่รู้ เราก็ไม่รู้ ่งิ ที่เราอยากบอกทุกคน คือ พ กเรารู้ ึกชอบ ิธีการนี้ พ กเรามีค าม ุขในการท�างานเพิ่ม มากขึ้น เรา นุกกับการได้เรียนรู้และลงมือท�า เราดีใจที่ได้เห็นเด็กๆมีพฒ ั นาการที่ดีขึ้น เด็กๆ ิ่ง เข้ามา าเรา เพราะ อยากมาเล่นกับคุณครูอกี พ่อแม่ดมู เี ส้นทางทีช่ ดั เจนและสามารถพึง่ ตนเองได้ ที่ า� คัญ พ กเรารู้ กึ มดค าม ง ยั เรา มดค าม ง ยั แล้ า่ เราจะช่ ยเ ลือเด็กด้ ย ธิ กี ารใด ตอนนี้เรามีแต่ลงมือท�า ท�า นุกกับ ิ่งที่ท�า แล้ ก็ค่อยๆเรียนรู้ต่อไปเรื่อยๆค่ะ
ับ
5
ฉบับความสุข
“สิ่งที่เราอยากเห็น เราอยากเห็นบุคลากรสาธารณสุขที่ท�างานกับ เด็กพั ฒนาการล่าช้า เด็กพิเศษ มีความสุขในการท�างาน เราไม่อยากเห็น การดูแลเด็กที่บุคลากรสาธาณสุขท�าตามสิ่งที่ ได้เรียนมา คือ จั บ เด็กฝึก จั บ เด็กท�า บังคับ เด็ก ด้วยเหตุผลของความตัง้ ใจที่ดี คือ อยากให้เด็กดี ขนึ้ บุคลากรสาธารณสุขหลายคนเล่าตรงกันว่าขณะจั บ เด็ก บังคับ เด็ก และเด็กร้องไห้ พยายามจะหนี ความรู้สึกแวบหนึ่งในใจจะถามตัวเองว่า
“ใช่หรือ สิ่งที่เราก�าลังท�าอยู่นถี้ ูกต้องแล้วจริงหรือ มันมีวิ ธีการอื่นที่ จะช่วยฝึกเด็กได้อีกไหมนะ” แต่ก็ด้วยเหตุผลและภาระงานต่างๆที่ มากมาย การท�างานก็ต้องกลับมาอยู่ในวงจรเดิม ท�าตามสิ่งที่ท�าตามกัน มา ซ�้าๆเดิมๆ อย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้”
ับ
7
ฉบับความสุข
กิตติกรรมประกาศ ขอบพระคุณ รศ. พญ. กิ่งแก้ว ปาจรีย์ ภาค ิชาเ ช า ตร์ฟื้นฟู โรงพยาบาล ิริราช ผู้ริเริ่ม ร้าง และน�าองค์ค ามรู้ DIR/Floortime เข้ามาเผยแพร่ในประเท ไทย ขอบพระคุณ คุณเกียรติยง ประวีณวรกุล นักจิต ิทยาคลินิก ผู้ร่ ม ร้างและช่ ยน�าเ ที กลุ่มพ่อแม่เด็กพิเ ตลอด ลายปีของการ ร้างองค์ค ามรู้ DIR/ฟลอร์ไทม์ Thank you very much to Rosemary White, OTR. We felt so honored that we had chances to share cases and discussed with you. We really appreciated your kindness and enthusiasm to share your experience and wisdom. Thank you very much to Diane Selinger, Phd., Linda Cervenka, SPL. Sian Nash, Edu.
Michele Parkins, OTR including every Profectum Academy Faculty.
We felt so grateful for all the learning opportunities. These had really enriched and deepened our understanding of the DIR/Floortime model. We hope to continue the journey as yours to help the child and family reach their full potential.
ขอบพระคุณ รศ. พญ. นิตยา คชภักดี และ รศ. ดร. สายฤดี วรกิจโภคาทร อดีตผูอ้ า� น ย การ ถาบันแ ง่ ชาติเพือ่ การพัฒนาเด็กและครอบครั และ รศ. นพ. สุรยิ เดว ทรีปาตี ผูอ้ า� น ยการ ถาบันฯ คนปัจจุบัน ผู้ใ ้โอกา และ นับ นุนการท�างานของงานคลินิกพัฒนาการเด็ก ตลอด ๑๐ ปีที่ผ่านมา ขอบคุณบุคลากรทุกคนในสถาบัน ร มถึงคุณชมพูนุช ุมาลย์โรจน์ ที่ช่ ยกันดูแลเด็กๆ และครอบครั ที่เข้ามารับบริการที่ ถาบันเป็นอย่างดี ดุ ท้ายพ กเราขอขอบคุณคุณพ่อคุณแม่และเด็กๆทุกคนทีเ่ ป็นครูคนส�าคัญของพวกเรา ขอบคุณค ามไ ้ างใจและค ามมีนา�้ ใจที่คุณพ่อคุณแม่มีใ ้กับพ กเราตลอดช่ งเ ลาที่ผ่านมาค่ะ
ทีมงานคลินกิ พัฒนาการเด็ก Child Development Clinic Team
National Institute for Child and Family Development Mahidol University
9
ับ ฉบับความสุข
สารบัญ 3
ค�าน�า บทน�า ลูกพัฒนาการล่าช้า เด็กพิเ
.... เริ่มต้นอย่างไร
11
บทที่ ๑ มองเด็กอย่างเป็นองค์ร ม....ฉบับค าม ุข
21
บทที่ ๒ พัฒนาการองค์ร ม
37
บทที่ ๓ ค ามแตกต่างระบบประ าทของเด็ก
79
บทที่ ๔ ัมพันธภาพ
99
บทที่ ๕ เล่นกับลูก … เ ลาคุณภาพ
117
บทที่ ๖ โปรแกรม ่งเ ริมเด็กพัฒนาการล่าช้า เด็กพิเ ที่บ้าน
149
บทที่ ๗ การฝึกร่างกาย
163
บทที่ ๘ การฝึกทัก ะในชี ิตประจ�า ัน
183
บทที่ ๙ ภาพร มการ ่งเ ริมเด็กพัฒนาการล่าช้า เด็กพิเ
207
บทที่ ๑๐ ตั อย่างกิจกรรมในชี ิตประจ�า ันกับลูก
217
บท ่งท้าย พลังใจจากพ่อแม่ ู่พ่อแม่ ... เรื่องเล่าจากครอบครั น้องนนท์
229
ภาคผนวก
235
แบบประเมินพัฒนาการองค์ร ม
237
แบบประเมินค ามแตกต่างระบบประ าทของเด็ก
241
แบบประเมินค าม ามารถด้านร่างกาย
247
แบบประเมินทัก ะในชี ิตประจ�า ัน
249
สรุปเนื้อหาส�าคัญของทั้งเล่ม
252
บรรณานุกรม
259
ลูกพัฒนาการล่าช้า เด็กพิเศษ ... เริ่มต้นอย่างไร
ฟลอรไทม
ลูกพัฒนาการล่าช้า เด็กพิเศษ....เริ่มต้นอย่างไร
ับ
13
ฉบับความสุข
ลูกพัฒนาการล่าช้า เด็กพิเศษ....เริ่มต้นอย่างไร ลายท่านเล่าใ ฟ้ งั า่ การได้รบั ค�า นิ จิ ฉัยจากแพทย์เปรียบเ มือนฟ้าทีผ่ า่ ลงมากลาง ั ใจ ของคนที่เป็นพ่อแม่ โลกทั้งโลกดูจะถล่มทลายลง อาการชาไปทั้งตั เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น การร้องไ อ้ ย่างรุนแรงที่ ดุ ในชี ติ มักจะเป็น งิ่ ทีเ่ กิดขึน้ ตามมา และยังกลับมาร้องไ ไ้ ด้อกี ลายๆ ครั้ง อย่างไม่ ามารถ ยุดยั้งได้ ไม่มีคา� พูด รือการปลอบใจใดๆ จากใคร จะช่ ยบรรเทาค ามทุกข์ที่รุนแรงที่ ุดในชี ิตครั้ง นี้ของพ่อแม่ได้ ลายคนเล่าถึงกระบ นการรัก าตั เอง ลายคนพูดตรงกัน ่าการได้ กลับมำ กอดลูก กอดให้แน่นที่สดุ ดูจะเป็นยารัก าใจที่มีประ ิทธิภาพ และทรงพลังมากที่ ุด การร้องไ เ้ ป็นกระบ นการที่ า� คัญ การยอมและอนุญาตใ ต้ ั เองได้พกั แช่อยูก่ บั ค ามจริง ของค ามรู้ กึ เ ยี ใจทีร่ นุ แรงที่ ดุ ในชี ติ ครัง้ นีม้ คี าม า� คัญ ถ้าพ่อแม่ไม่ยอม รืออนุญาตใ ต้ ั เอง ได้ผ่านกระบ นการที่ �าคัญนี้ มอเชื่อ ่า มอเดา ่า บาง ิ่งบางอย่างได้ขาด ายไป
พลังศรัทธา มีคณ ุ พ่อคุณแม่ครอบครั นึง่ เล่าใ ฟ้ งั ถึงพลังของค าม รัทธา คุณพ่อศรัทธาในแนวทาง ทีช่ ว่ ยให้เด็กเติบโตขึน้ จากภายใน ให้เด็กมีชวี ติ มีความคิดเป็นของตัวเอง และคุณพ่อก็เชือ่ มัน่ ในการพึง่ ตนเอง การลงมือท�าช่ ยเ ลือลูกด้ ยตั เราเอง เราเป็นคน า� คัญที่ ดุ ทีจ่ ะช่ ยใ ล้ กู ดีขนึ้ คุณพ่อเล่า า่ ค าม รัทธาช่ ยใ เ้ รามีกา� ลังทีจ่ ะก้า เดินไป การลงมือท�า ท�าใ ค้ ามเชือ่ ของ เราเพิ่มมากขึ้น เพราะเ ็นผลจาก ิ่งที่ท�า มอชอบค�า ่า พลัง รัทธา ที่คุณพ่อพูดมาก มอเชื่อ ่าพลัง รัทธาเป็นพลังที่ �าคัญ พลัง รัทธาช่ ยใ ้เรามีทิ ทาง มีก�าลังใจที่จะก้า เดิน เป็นเหมือนพลังภายในที่คอยช่วยฉุดเรา
เวลำที่เรำอ่อนล้ำ หมดแรง
่งิ ที่อยากเพิ่มเติมจากที่คุณพ่อเล่ามา คือ จากประ บการณ์ที่ท�างานมา มออยากใ ้คุณ พ่อคุณแม่เชื่อมั่น ่า ปัจจุบันนี้เด็กที่มีปัญ าพัฒนาการล่าช้า เด็กพิเ ามารถดีขึ้นได้ และดีขึ้น ได้อย่างมากๆ เด็กจ�าน น นึง่ ามารถกลับมามีชีิ ติ เ มือนเด็กทั่ ไป เล่นกับเพือ่ นได้ พูดคุยโต้ตอบ ได้ ช่ ยเ ลือตั เองในชีิ ิตประจ�า ันได้ เรียน นัง ือได้ ยิ่งถ้าเริ่มต้นลูกของเราอายุยังน้อย ยิ่งมี โอกา มากที่ มองจะยังปรับเปลี่ยน เติบโตค่ะ
14
ับ ฉบับความสุข
เมือ่ คุณพ่อคุณแม่เริม่ ลุกขึน้ ได้บา้ งแล้ว หมอขอแนะน�าแนวทางในการเริม่ ต้น ดังต่อไปนี้ การเริ่มต้นในการช่ ยลูกไม่ได้เริ่มต้นที่การไป าแพทย์ รือนักบ�าบัดที่เก่งที่ ุด มีชื่อเ ียง ที่ ุด ไม่ได้เริ่มต้นที่การใช้ยา และไม่ได้เริ่มต้นที่การฝึกลูกอย่างจริงจัง มออยากช นใ ้คุณพ่อคุณ แม่เริม่ ต้นด้ ยการมองใ ก้ า้ งขึน้ ถึงปัจจัยทีเ่ กีย่ ข้องทีจ่ ะมีผลในการช่ ยใ ล้ กู ของเรามีพฒ ั นาการ ที่ดีขึ้น ดังต่อไปนี้ค่ะ
ปัจจัยแรก คือ สภาพครอบครัวที่อบอุ่น และปัจจัยสี่ที่พอเพียง ภาพครอบครั ที่อบอุ่น มายถึง ครอบครั ที่พ่อแม่ไม่ทะเลาะกัน พ่อแม่ร่ มพูดคุยกัน ม�า่ เ มอ และแบ่ง น้าที่กันเพื่อช่ ยเ ลือดูแแลลูก ปัจจัย ี่ที่พอเพียง มายถึง ปัจจัยพื้นฐานใน การด�ารงชี ิต ได้แก่ อา าร บ้าน เงินใช้จ่ายในการกินอยู่ที่พอเพียง ครอบครั ทีย่ งั พึง่ ตนเองไม่ได้ เช่น ครอบครั ทีย่ งั อยูใ่ น ภา ะยากล�าบาก ฐานะยากจนมาก รือเด็กถูกทอดทิง้ พ่อแม่มกั จะยังไม่มเี ลาทีม่ าคิด และลงแรงในเรือ่ งการกระตุน้ พัฒนาการลูกได้ พ่อแม่อาจเป็น ่ งลูก มาพบแพทย์ได้ นึง่ ครัง้ แล้ ก็มกั จะ ายไป ่ นครอบครั ทีพ่ อ่ แม่ยงั ทะเลาะ กัน มีค ามรุนแรงในครอบครั รือ แม่มีภา ะซึมเ ร้า ค ามรัก ค ามอบอุ่นในครอบครั มีน้อย ก็พบ ่ายังไม่พร้อมที่จะช่ ยเ ลือลูก จากประ บการณ์ที่ท�างานมา มอพบ ่าถ้าครอบครั ไ นพ่อแม่ร่ มมือกัน พูดคุยกัน และ ลงมือช่ ยดูแลลูก ไม่ได้ปล่อยใ ้เป็น น้าที่ของใครคนใดคน นึ่ง เด็กมักจะดีขนึ้ ได้เร็ เ ลาแนะน�า อะไร พ่อแม่ก็น�าไปคุยกัน ช่ ยกันคิด ช่ ยกันท�า ช่ ยเตือนซึ่งกันและกัน เป็นปัจจัย า� คัญในการ ช่ ยลูกใ ้ดีขึ้น การเริม่ ต้นในการช่ ยเ ลือลูก คุณพ่อคุณแม่อาจเริม่ ด้ ยการ า� ร จ ภาพครอบครั ของเรา ก่อน ถ้าปัจจัย ี่เรามีพอเพียงแล้ การเน้นสัมพันธภาพในครอบครัว โดยเริ่มต้นง่ายๆ ด้ ย
การหันหน้าเข้าพูดคุยกันของพ่อและแม่ ให้ก�าลังใจซึ่งกันและกัน เป็นเรื่องส�าคัญมาก ปัจจัยที่สอง คือ การบริหารจัดการเรื่องเวลา
พัฒนาการลูกจะดีขึ้นมากแค่ไ น ขึ้นกับปริมาณเ ลาคุณภาพที่เรามีใ ้กับลูก ถ้ำเรำมีเวลำ ให้ลกู น้อยโอกาสที่ลูกจะดีขึ้นก็จะช้าลง อาจจะนาน ลายๆปี ซึ่งตอนนั้นเด็กใน ัยเดีย กันก็จะ ยิ่งพัฒนาค าม ามารถ ่างออกไปจากลูกเรามากขึ้นเรื่อยๆ ในช่ งเล็กๆ ถ้าเราลงมือ ลงแรงเต็มที่ ค ามแตกต่างของพัฒนาการก็อาจจะยังพอตามกันได้ทนั ข้อแนะน�า คือ คุณพ่อคุณแม่ลองพยายาม บริ ารจัดการใ ้มีเ ลากับลูกมากขึ้น
ับ
15
ฉบับความสุข
การเริ่มต้นที่ง่ายที่ ุดใน ังคมยุคปัจจุบัน คือ เริ่มต้นด้ ยการตัด social media ลองฝึกที่จะ เล่น Line Facebook TV Internet โทร ัพท์มือถือ ใ ้น้อยลง รือ ตั้งกฏกับตั เอง ่าเมื่อเข้าบ้าน ช่ งเ ลาที่ก�าลังอยู่กับลูกจะปิด ื่อ Social media ต่างๆ ทั้ง มด บางครอบครั บริ ารจัดการเ ลาด้ ยการบอกเจ้านายและเพื่อนร่ มงาน ญาติพี่น้อง อย่าง ตรงไปตรงมาเพือ่ ขอกลับบ้านทันทีเมือ่ มดเ ลางาน พยายามค่อยๆลดภาระและบทบาททาง งั คม ลง การไปงานเลี้ยง ัง รรค์ต่างๆ ที่ยังไม่จ�าเป็นก็งดไปก่อน บางครอบครั ก็ค่อยๆพยายามมอง า ตั ช่ ย เช่น ใ ม้ คี นเข้ามาช่ ยงานบ้านเพิม่ ขึน้ เพือ่ เ ลาเลิกงานแล้ จะได้มเี ลาคุณภาพใ ล้ กู อย่าง เต็มที่ แต่ละครอบครั ก็มี ธิ ที แี่ ตกต่างกันออกไป ความส�าเร็จในการช่วยเหลือลูกจึงรวมถึงความ
สามารถในการบริหารจัดการชีวิตครอบครัวโดยรวม
ปัจจัยที่สำม คือ ศึกษาเรียนรู้วิธีการช่วยเหลือลูก ใน นัง อื เล่มนี้ มอได้แนะน�าแน ทางในการ ง่ เ ริมพัฒนาการลูก ทีช่ อื่ า่ DIR/ฟลอร์ไทม์ เป็นแน ทาง ่งเ ริมพัฒนาการลูกผ่านการเล่น และการท�ากิจ ัตรประจ�า ันที่บ้าน แน ทาง DIR/ฟลอร์ไทม์ จะช่ ยใ ค้ า� ตอบคุณพ่อคุณแม่ ชีใ้ ค้ ณ ุ พ่อคุณแม่มองเ น็ ถึงค าม แตกต่างของเด็กแต่ละคน ลูกของเราแ ดงออกพฤติกรรมทีแ่ ตกต่างกัน โดยเฉพาะในกลุม่ เด็กพิเ ที่อาจมีพฤติกรรมที่คุณพ่อคุณแม่แปลกใจ ง ัย และ ไม่ชอบ เช่น เด็กบางคนไม่นิ่งเลย บางคน ชอบ มุนตั บางคนดูเฉื่อยๆนิ่งๆไม่ค่อย นใจ ิ่งรอบตั บางคนไม่ค่อย นใจเ ลาพ่อแม่พูดด้ ย แต่พอเป็นคนอื่นๆพูดด้ ยน�า้เ ียง อารมณ์อีกแบบ นึ่งลูกดูตื่นตั นใจมากก ่า ท�าไม เพราะอะไร คุณพ่อคุณแม่จะได้เรียนรู้ ิ่งที่ �าคัญที่ ุด คือ เรียนรู้ที่จะรู้จักและเข้าใจลูกให้ละเอียดขึ้น เข้าใจความแตกต่างของลูกที่แ ดงออกเป็นพฤติกรรมต่างๆ และที่ �าคัญมากๆ คือ เรียนรู้ที่จะ ปรับตั เรา ปรับ งิ่ แ ดล้อมใ เ้ มาะ มกับการช่ ยเ ลือพัฒนาลูก กระบวนการนีเ้ ป็นสิง่ ทีส่ า� คัญทีส่ ดุ แน ทาง DIR/ฟลอร์ไทม์ เน้นเรื่องอารมณ์และ ัมพันธภาพในครอบครั โดยเชื่อ ่าอารมณ์ เป็นพลังที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาเด็ก ถ้าเด็กมีอารมณ์ มีแรงจูงใจ การพัฒนาจะออกมาจาก ภายในของตั เด็กเอง อารมณ์เป็นเบือ้ งหลังทีท่ า� ให้เด็กแสดงพฤติกรรมต่างๆ ทัง้ ทีเ่ ราชอบ และ ไม่ชอบ ถ้าเราอยากแก้ปญ ั าพฤติกรรมของลูก เราก็นา่ จะต้องแก้ที่ าเ ตุ คือ ช่ ยลูกใ ร้ จู้ กั เข้าใจ อารมณ์ของเตั เอง ใ ้ลูกเรียนรู้ที่จะก�ากับค บคุมพฤติกรรมของลูกด้ ยตั ของลูกเอง
16
ับ ฉบับความสุข
ปัจจัยที่ส่ี คือ การฝึกกระตุ้นพัฒนาการกับนักบ�าบัด การพบนักบ�าบัด าขาต่างๆ เพื่อรับค�าแนะน�าและช่ ยฝึกกระตุ้นพัฒนาการลูกเป็นเรื่อง า� คัญ และมีค ามจ�าเป็น ประเด็น �าคัญที่อยากปรับเปลี่ยนมุมมอง คือ การเริ่มต้นช่ ยเ ลือลูก ไม่ได้เริ่มจากการพา ลูกไปฝึกตามที่ต่างๆมากมาย แต่เริ่มจากการการ ร้าง ัมพันธภาพที่ดีภายในครอบครั พ่อแม่ ัน น้าเข้าคุยกัน ปรึก ากัน างแผนที่จะช่ ยเ ลือลูก การบริ ารจัดการเ ลา และ ที่ า� คัญที่ ุด คือ การ ึก าเรียนรู้แน ทาง ิธีการ การฝึกกับนักบ�าบัด คุณพ่อคุณแม่อาจเลือกเฉพาะที่จ�าเป็น ลักๆ ที่คุณพ่อคุณแม่รู้ ึกชอบ พอใจ ไปพบแล้ ได้รบั ประโยชน์ ได้กา� ลังใจ ซึง่ ถ้าปัจจัยพืน้ ฐานทัง้ ามข้างต้นมีค ามพร้อม เมือ่ พ่อ แม่ได้รับค�าแนะน�าเพิ่มเติมจากนักบ�าบัด คุณพ่อคุณแม่ก็จะมีเ ลาน�าไปปฏิบัติ มีเ ลาลงมือท�า ่งเ ริมพัฒนาการลูกด้ ยตั เองที่บ้าน เกิด ัมพันธภาพที่ดีในครอบครั
ควรฝึกกับนักบ�าบัดคนไหนดี ถ้าเป็นต่างจัง ดั อาจไม่มใี เ้ ลือก ทีอ่ า� เภอมีใครเราก็ตอ้ งเอา
คนนั้น เรียก ่ามีนักบ�าบัดช่ ยฝึกลูกก็โชคดีแล้ า� รับในกรุงเทพที่มีตั เลือกมากมาย ข้อแนะน�า ง่ายๆ คือ ลูกต้องชอบคุณครูคนนั้น ถ้าลูกโยเย ไม่อยากไป รือ ขณะฝึกลูกต้องถูกบังคับมาก ลูกร้องไ ้ การฝึกนัน้ คุณพ่อคุณแม่ ามารถตอบได้ทนั ที า่ ไม่มปี ระโยชน์ า� รับลูก ครูฝกึ ทีเ่ ก่ง ต้อง รู้ ธิ ี ลอกล่อใ ล้ กู เกิดแรงจูงใจอยากท�า รือถ้าลูกไม่ยอมท�าก็มกั เกิดจากงานนัน้ การฝึกนัน้ ยังยากไป ไม่เ มาะกับลูกของเรา การเรียนรูจ้ ะไม่เกิดขึน้ ถ้าลูกถูกบังคับใ ท้ า� รือถ้าลูกต้องบาดเจ็บทางจิตใจ
ปัจจัยที่หำ้ คือ การใช้ยา หรือ เทคโนโลยีใหม่ๆ ปัญ าที่พ่อแม่มักถาม คือ เรื่อง ิธีการใ ม่ๆ ที่พ่อแม่อาจจะไปอ่านเจอใน internet รือมี คนแนะน�ามา รือ มีคนบอก า่ ลูกค รจะกินยาร่ มด้ ย เพราะ เ น็ เด็กอีกคน นึง่ กินแล้ ดีขนึ้ บ้าง ที่ �าคัญ ข้อมูลเทคโนโลยีใ ม่ๆ เ ล่านี้มักยังไม่มีผลชัดเจน ่าได้ผล แต่มักเป็นเ มือนบอกต่อๆกัน มา เ ็นจากโฆ ณาบ้าง ที่ า� คัญทุกอันมีราคาแพงมากๆ มอขอตอบค�าถามนี้แบบง่ายๆ คือ ไม่มี อะไรได้มาง่ายๆ การช่ ยใ ้ลูกดีขึ้น ก็ไม่มี magic รือ miracles ค�าตอบของ มอเมื่อพ่อแม่มา ถามอะไรทีใ่ ม่ๆ มอมักจะแนะน�าพ่อแม่ใ ท้ า� พืน้ ฐานปัจจัยทัง้ ๔ อย่างทีก่ ล่า มาข้างต้นใ ด้ กี อ่ น ่ นการรัก าทางเลือกใ ม่ๆ อื่นๆ เป็นเ มือนอา ารเ ริม ถ้าพ่อแม่ร ยมากๆ มีเงินเ ลือมากๆ และ ลูกไม่เจ็บตั ไม่ได้มีการน�า ารเคมีอะไรแปลกๆ มาใ ่ตั ลูก ไม่ได้เ ียเ ลาอะไรมากมายนัก พ่อแม่อยากจะท�า อยากทดลองก็แล้ แต่พ่อแม่เ ็น มค ร แต่ต้องบอกตรงๆ ่า พ่อแม่ที่ไปลอง เทคโนโลยีใ ม่ๆต่างๆ เ ียเงินเป็นแ นๆ ทุกคนกลับมาบอก ่า ยังไม่เ ็นค ามแตกต่าง
ับ
17
ฉบับความสุข
กระบวนการเรียนรู้ การ ึก าเรียนรู้แน ทาง ิธีการ ช่ ยเ ลือลูกเป็นกระบ นการที่ �าคัญ เปรียบเ มือนกับ ่าเรามีแผนที่น�าทาง ถ้าพ่อแม่มีแผนที่ในกำรน�ำพำลูก ถึงแม้เราจะเดินช้า รือเร็ ลูกเราจะไป ได้ช้า รือเร็ อย่างน้อยที่ ุด เรารู้ ่าเราก�าลังไปถูกทิ ถูกทาง เราค่อยๆใกล้เป้า มายขึ้นเรื่อยๆ พ่อแม่ทไี่ ม่ได้ กึ าเรียนรู้ ก็เปรียบเ มือนพ่อแม่ทกี่ า� ลังช่ ยเ ลือลูกโดยเดินแบบ ะเปะ ะปะ อาจพาลูก ลงทิ ลงทาง เดินย้อนไปมา ยิ่งท�า ยิ่งเ ียเ ลา ลูกก้า ไปข้าง น้า องก้า ถอยไปข้าง ลังอีก ้าก้า นไป นมาอยู่กับที่เดิม เ ลาที่ลูกดีขึ้นช้า ิ่งทีพบในทุกครอบครั คือ ค ามกัง ล ค ามทุกข์ใจจะยิ่งเพิ่มขึ้น ปัญ า อืน่ ๆ เริม่ ตามมา ครูเริม่ รับไม่ไ ขอใ อ้ อกจากโรงเรียนบ้าง เป็น งจรที่ นไปมา จน ลายครอบครั คุณพ่อคุณแม่เองก็เริ่มยอมรับในโชคชะตาของการมีลูกเป็นเด็กพิเ “มันก็เป็นแบบนี้แ ละ” เริม่ โท งิ่ รอบตั โท โรงเรียน โท ครูซงึ่ ก็ยงิ่ เป็น งจรของค ามรู้ กึ ไม่ดที เี่ กิดขึน้ ภายในครอบครั ซึ่งจริงๆแล้ ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างยิ่ง ลูกเด็กพิเ ก็ดีขึ้นได้และดีขึ้นได้มากๆ ถ้าเรา ึก าเรียนรู้ า ิธี การที่จะช่ ยเ ลือลูกและลงมือท�าอย่างเต็มที่ ฉะนั้นข้อแนะน�าที่ �าคัญมากๆ คือ ขอแนะน�าใ ้ ึก าเรียนรู้แน ทางในการช่ ยเ ลือลูก เป็นปัจจัยที่ �าคัญมากๆ อย่าช่วยลูกแบบสะเปะสะปะ ไม่ร้ทู ิศรู้ทาง
การเรียนรู้ที่ดีที่สดุ คือ การลงมือท�า อ่านแล้วลงมือท�า กล้าลองผิดลองถูก ลงมือท�า
ฝึกคิดทบท นไตร่ตรองบ่อยๆ พบแพทย์ นัก ชิ าชีพเพิม่ เติมเพือ่ ขอค�าแนะน�า คุณพ่อคุณแม่ทลี่ งมือ ท�าจะประจัก ์ด้ ยตั เอง จะไม่ ง ัย เพราะผลที่เ ็น ค�าตอบที่ได้จะมาจากตั ของเด็กเอง แ ตา รอยยิ้ม และค ามมีชี ิตชี าของลูกที่เพิ่มขึ้นจะช่ ยใ ้คุณพ่อคุณแม่มั่นใจใน ิ่งที่ลงมือท�า
ค�าถามที่พบบ่อย ลูกเป็นหนักมากไหม ลูกจะดีขึ้นแค่ไหน ค�าถามนี้ก็เป็นอีกค�าถาม นึ่งที่ตอบได้ยาก เพราะ ขึ้นกับ ลายปัจจัย และถ้าลูกเป็นน้อยก็ ไม่ได้แปล ่าลูกจะดีขึ้นได้เร็ ยิ่งลูกเป็นน้อย มักจะพบ ่าพ่อแม่ยิ่งประมาท ไม่ค่อยลงมือท�าเต็มที่ จึงมักพบ ่าเด็กก็ไ่ม่ค่อยดีขึ้นมาก ่ นบางครอบครั ที่ลูกเป็นมาก มีพัฒนาการล่าช้ามาก รืออยู่ ในกลุม่ เด็กพิเ แต่พอ่ แม่ตงั้ ใจลงมือลงแรงเต็มที่ เด็กก็อาจจะยังไม่ดขี นึ้ มากในปี องปีแรก เพราะ เป็นช่ งที่ มองยังไม่ค่อยเข้าที่เข้าทาง พ่อแม่เองก็เพิ่งเรียนรู้อยู่ในช่ งปรับตั ทดลองท�า ลองผิด ลองถูก เมือ่ ผ่านไป กั พักใ ญ่ๆ อย่างน้อยก็ ๑-๒ ปีเต็ม พ่อแม่กจ็ ะเริม่ แปลกใจทีเ่ น็ ลูกค่อยๆดีขนึ้
18
ับ ฉบับความสุข
การรับรูข้ องลูกเริม่ เข้าทีเ่ ข้าทางมากขึน้ ลูกเรียนรูไ้ ด้เร็ ขึน้ ลูกท�าตามพ่อแม่งา่ ยขึน้ พ่อแม่เองก็เก่ง ขึ้น คล่องขึ้น เด็กดีขึ้นเรื่อยๆทุกครั้งที่เจอกัน เป็นเเ มือนม้าตีนปลายที่ก�าลังค่อยๆ ิ่งตามมา ฉะนัน้ การจะบอก า่ ลูกจะดีขนึ้ มากแค่ไ น มอจึงมักแนะน�าใ พ้ อ่ แม่ลงมือท�าใ เ้ ต็มที่ ่ น จะดีขึ้นจนเป็นเ มือนปกติได้มากแค่ไ นอาจพอจะบอกได้คร่า ๆ ลังจาก นึ่งปีไปแล้ ซึ่งตอน นั้นก็จะพอตอบค�าถามนี้ได้อย่างมีเ ตุและผลประกอบได้ชัดขึ้น โดย ลั ก ๆ เด็ ก แต่ ล ะคนจะดี ขึ้ น มากแค่ ไ น ขึ้ น กั บ ปั จ จั ย � า คั ญ ๓ ประการ คื อ ๑) ศักยภาพของตัวเด็กเอง ่ามีค ามรุนแรงของภา ะโรคที่เป็นมากแค่ไ น มีโรคทางกาย โรคทางพันธุกรรม ภา ะทาง มองร่ มด้ ย รือไม่ ๒) ความทุ่มเทสติปัญญา แรงกาย แรงใจ ของพ่อแม่ และปัจจัย นับ นุนจากบุคคลรอบข้างมีค ามพร้อมเพียงใด ๓) วิธีการส่งเสริม พัฒนำกำรลูกที่ถูกต้อง ถ้าไปผิดทาง เด็กก็จะอาจจะดีขึ้นได้ช้า
ความเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอน ตลอดระยะเ ลาของการพยายามช่ ยเ ลือ ดูแลลูก แต่ละครอบครั ก็มีช่ งของ ิถีชี ิตที่ แตกต่างกันออกไป ทุกครอบครั เผชิญปัญ าที่แตกต่างกันที่ ่งผลถึงตั เด็ก บางครอบครั เมื่อลูก ค่อยๆเริ่มดีขึ้น พ่อแม่เริ่มมั่นใจในแน ทาง ิธีการช่ ยเ ลือลูก มั่นใจ ่าลูกจะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ ตั พ่อ รือแม่เอง กลับได้รบั การ นิ จิ ฉัยโรคมะเร็งในระยะเริม่ ต้น และต้องเข้า กู่ ระบ นการรัก า บางครอบครั มีเรื่องการเจ็บป่ ยของปู่ย่า ตายาย ญาติพี่น้อง บางครอบครั มี มาชิกใ ม่เกิด ขึ้นมา ท�าใ ้คุณพ่อคุณแม่มีเ ลาใ ้ลูกน้อยลง บางครอบครั ย้ายบ้าน ย้ายที่ท�างานย้ายไปอยู่ จัง ัดอื่น ทั้ง มดนี้เป็นปัจจัยที่ ่งผลถึงการดูแล ่งเ ริมพัฒนาการลูก
ทักษะชีวิตของพ่อแม่จึงเป็นปัจจัยส�าคัญ อาจเรียกได้ว่าส�าคัญที่สุดในการจะบอกว่า ลูกจะดีขึ้นมากแค่ไหน พ่อแม่ที่มีทัก ะชี ิตที่แข็งแรงพร้อมรับค ามเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้
ตลอดเ ้นทางนี้ดูจะเป็นครอบครั ที่ ามารถช่ ยน�าพา ่งเ ริมพัฒนาการลูกได้อย่างยั่งยืน
ับ
19
ฉบับความสุข
คุณพ่อคุณแม่ที่ ลงมือท�าจะประจั กษ์ ด้ ว ยตั ว เอง จะไม่ ส งสั ย เพราะผลที่ เห็ น ค�าตอบที่ ได้จะมาจากตัวของเด็กเอง แววตา รอยยิ้ม และความมีชี วิ ตชี วาของลูกที่เพิ่มขึ้น จะช่วยให้คณ ุ พ่อคุณแม่มั่นใจในสิง่ ที่ลงมือท�า
บทที่ ๑ มองเด็ก อย่างเป็นองค์รวม ....ฉบับความสุข
22
ับ ฉบับความสุข
มองเด็กอย่างเป็นองค์รวม (Ref.The Learning Tree Model, Greenspan S.)
ับ
23
ฉบับความสุข
รู้จักน้องกัปตัน เข้าใจน้องกัปตัน DIR/Floortime เปรียบเทียบการเจริญเติบโตของเด็กเ มือนการปลูกต้นไม้ ต้นไม้จะมีกิ่งใบเจริญงอกงาม เติบโตได้ ก็ต่อเมื่อรากและล�าต้น มบูรณ์ ถ้าพ่อแม่เน้นฝึกทัก ะเด็กอย่างเดีย โดยละเลยการ ร้างและฝึกฝนพื้นฐาน ระบบประ าท ละเลยการ ่งเ ริมพัฒนาการ ลักที่ �าคัญของชีิ ิต พ่อแม่ก็จะ เจอปัญ าเด็กคิดเองไม่ได้ อนแล้ ไม่จ�า ได้ น้าลืม ลัง อนแล้ ก็ต้อง อนอีก เด็กดูไม่ค่อยงอกงาม ไม่ ามารถเจริญเติบโตได้ด้ ยตั เอง
24
ับ ฉบับความสุข
น้องกัปตัน
น้องกัปตัน อายุ ๒ ปี ๘ เดือน เด็กชายตั เล็กๆ ที่มีรอยยิ้มและแ ตา ดใ คุณแม่พามาพบแพทย์ด้ ยค ามกัง ลเรือ่ งน้องกัปตันมีภาษาล่าช้า กว่ำเด็กวัยเดียวกัน น้องกัปตันพูดเป็นค�าๆ ได้ประมาณ ๑๐ ค�า น้องกัปตัน เข้ า ใจค� า พู ด แม่ แ ละ ามารถท� า ตามค� า ั่ ง ง่ า ยๆในชีิ ิ ต ประจ� า ั น ได้ งิ่ ทีค่ ณ ุ แม่กงั ล อีกเรือ่ งคือ น้องกัปตันดูจะไม่คอ่ ยนิง่ ใน อ้ งของ เล่น น้องกัปตันชอบเดิน �าร จ ิ่งของต่างๆใน ้อง ยิบจับ ิ่งของที่ตั เอง นใจ เมือ่ เ ลือบไปเ น็ ของชิน้ ใ ม่กจ็ ะ างของเล่นชิน้ เดิม แล้ ไป ยิบของ เล่นชิ้นใ ม่ คุณแม่เล่า ่าน้องกัปตันยังไม่เล่นของเล่นได้เป็นชิ้นเป็นอัน เ มือนเด็ก ัยเดีย กัน การเล่นของน้องกัปตันจะเป็นลัก ณะ ยิบจับ าง มากก ่า ทุก ันคุณแม่มักจะเ นื่อยกับการตามเก็บของเล่นที่ างอยู่เกลื่อน กลาดเต็ม ้อง การเล่นที่กัปตันชอบ คือ เล่นโยนลูกบอลขึ้นบนเพดาน ใน ้องที่มี ลูกบอลเล็กๆ กัปตัน จะตามเก็บลูกบอล โยนขึ้นบนเพดาน แล้ ั เราะ นุก เมื่อคุณพ่อเข้ามาร่วมเล่นด้วย กัปตันจะยิ่ง นุกมากขึ้น กัปตันยิ้ม มองคุณ พ่อ ผลัดกัน โยน ลูกบอลขึ้นบนเพดานอย่าง นุก นาน เ ลาเล่น นุก ตอนที่ นุกมากๆ กัปตันจะยิ้ม มองพ่ออย่างจดจ้อง ั เราะ แล้ ค่อยๆ ใช้ภา าพูดบอกค ามต้องการ “อะ อะ เอา เอา”
ับ ฉบับความสุข
่ิงที่คุณพ่อมักจะแปลกใจ คือ เมื่อคุณพ่อพยายามพลิกแพลงการเล่น ใ ้ซับซ้อนขึ้น เช่น เอาตะกร้ามาค า�่ ปิดลูกบอลไ ้ รือเอาลูกบอลซ่อนใน เ ื้อ กัปตันจะมอง ี น้าดูงง กัปตันดูเ มือนไม่รู้ ่าจะขยับร่างกายอย่างไร เพ่ื่อเอาลูกบอลมาเล่นต่อได้ เมื่อคุณพ่อลุ้น เชียร์ และให้เวลากัปตันได้ พยายาม อยู่กบั ความงง สงสัยสักพัก กัปตันก็จะค่อยๆ ท�าได้ คุณพ่อ แปลกใจมาก ่าเรื่องง่ายๆ ที่เป็น ัญชาติญาณธรรมดาๆ การแก้ปัญ าธรรม ดาๆแบบนี้ ท�าไมดูเป็นเรื่องยาก เป็นเรื่องที่ต้องใช้ค ามพยายาม �า รับลูก พ่อเคยคิด า่ กัปตันอาจมีปญ ั าด้าน ติปญ ั ญา รือเปล่า แต่ ญ ั ชาติญาณของ คุณพ่อเชื่อ ่าไม่ใช่ เ ลาไม่มีอะไรท�า กัปตันดูลอยๆ เดินไปมา บางครั้งเมื่อเรียก ก็ดูไม่ นใจ เแต่ถ้าคุณแม่ปรับโดยใช้น�้าเสียง ที่ดังขึ้น ชัดเจน หนักแน่นขึ้น กัปตัน จะหันมามอง ยิ้มให้ แล้วเดินมาหาแม่ การใช้ภา าที่ยา ซับซ้อน กัปตันจะไม่เข้าใจ กัปตันจะท�าได้เพียงค�า ั่ง นึ่งขั้นตอนง่ายๆ เท่านั้น เ ลากัปตันเ นื่อย กัปตันชอบที่จะมาเอาข ดนมที่อยู่ในกระเป๋า คุณแม่ พยายามจะ ยิบ า คุณแม่ก็มักจะช่ ย ยิบใ ้ ท�าใ ้ เมื่อได้ข ดนม กัปตันจะนอน นุนตักแม่ ดูดข นนมอย่าง บายใจ กัปตัน ามารถ อื่ ารค ามต้องการได้ นั้ ๆ เช่น เ ลาอยากออกไปข้าง นอก กัปตันจะไปจูงมือแม่มาที่ประตู และพูด ่า “ไป ไป เปิด” รือ เมื่อพ่อ กลับมาบ้าน เป็นเ ลาทีก่ ปั ตันจะได้ไปขีม่ อเตอร์ไซด์เล่นกับพ่อ กัปตันก็จะรีบ เอากุญแจรถมาใ ้พ่อ พาไปที่ประตู และ ทุบประตู บอกใ ้พ่อ “ไป ไป” ถ้าพ่อไม่ท�าตาม กัปตันก็จะร้องงอแง เ ียงร้องของกัปตันเป็นเ มือนเชือก ที่กระตุกเรียกใ ้คนทั้งบ้านท�าตามได้ ด้วยความรัก และ ไม่รู้เนือ้ รู้ตัว
คุณพ่อคุณแม่จะตามใจและยอมตามทุกอย่างเพื่อให้ลกู หยุดร้อง
25
26
ับ ฉบับความสุข
รู้จัก DIR/Floortime Prof. Dr. Stanley Greenspan จิตแพทย์เด็ก จากม า ิทยาลัย อชิงตัน ประเท รัฐอเมริกา ผู้คิดค้น ลักการพัฒนาเด็กโดยเฉพาะกลุ่มเด็กพัฒนาการ ล่าช้า เด็กพิเ และ กลุ่มเด็กออทิ ติก เรียก ่า แน ทาง DIR/Floortime ลักการ า� คัญของแน ทางนีเ้ ป็นไปตามอัก รย่อ DIR (DevelopmentalIndividual-Relationship based Model) คือ
• Developmental (D) คือ พัฒนาการองค์รวม • Individual differences ( I ) คือ ความแตกต่างระบบประสาทของเด็ก • Relationship-based (R) คือ สัมพันธภาพ Floortime เป็นเทคนิค ิธีการในการพัฒนาเด็กตามแน ทาง DIR ค�า ่า Floortime แปลอย่างง่ายๆ ตรงไปตรงมา คือ เ ลาที่ผู้ใ ญ่ลงมาอยู่ที่พื้นเพื่อเล่น กับเด็ก เพื่อค ามเข้าใจที่ง่ายขึ้น Prof. Dr. Stanley Greenspan ได้เปรียบเทียบ การพัฒนาเด็กตามแน ทาง DIR เ มือนกับการเจริญเติบโตของต้นไม้ เราลองมา ท� า ค ามเข้ า ใจ ลั ก การ DIR โดยเปรี ย บเที ย บกั บ น้ อ งกั ป ตั น ดั ง ต่ อ ไปนี้
Floortime เวลาที่ผู้ใหญ่ลงมาอยู่ที่พ้นื เพื่อเล่นกับเด็ก
ับ ฉบับความสุข
เข้าใจน้องกัปตัน
27
28
ับ ฉบับความสุข
ราก หมายถึง ความแตกต่างระบบประสาทของเด็ก น้องกัปตันมีพื้นฐานระบบประ าทที่แตกต่างจากเด็กทั่ ๆไป
ระบบการได้ยนิ ทีค่ อ่ นข้างเฉือ่ ย เช่น เ ยี งนกร้อง เ ยี งเพลง บายๆ
เ ยี งคนพูดกัน น้องกัปตันอาจจะไม่ นใจ โดยเฉพาะถ้าก�าลังเล่น รือ นใจ ิ่งอื่นๆอยู่ แต่ถ้าเ ียงนั้นมีอารมณ์ มีแรงดึงดูด เช่น แม่พูดด้ ยน�้าเ ียงตื่น เต้น พร้อมรอยยิ้ม รือ น้าดุ ใ ้กัปตันมองเ ็นร่ มด้ ย กัปตันจะ นใจ การรับรู้และเข้าใจข้อค ามที่แม่พูดจะเพิ่มมากขึ้น ามารถปฏิบัติตาม ่ิงที่ แม่บอก รือ ั่งได้
ระบบสมองสั่งการกล้ามเนือ้ ที่ไม่คล่องแคล่ว (motor planning)
ร่ มกับค ามตึงตั ของกล้ามเนื้อที่ค่อนข้างอ่อน (hypotone) ท�าใ ้ทัก ะ การเล่นของเล่นของน้องกัปตันเป็นแบบง่ายๆ ยิบ จับ าง โยน แบบเด็ก เล็กๆ รือ เมื่อต้องยืน รือเล่นท�ากิจกรรมไป ักพัก ก็มักจะล้าง่าย ภาพที่ เ ็นประจ�า คือ น้องกัปตันลงไปนอนไถล กลิ้งตั อยู่กับพื้น ท่านั่งก็มักจะดู แตกต่าง ไม่ค่อยมั่นคง
ระบบการมองเห็นที่ค่อนข้างไว เมื่อตาเ ลือบไปเ ็น ิ่งใ ม่ก็จะ
นั เ ไปตาม งิ่ ทีม่ องเ น็ ได้ง่ า่ ย ท�าใ ด้ เู มือนเป็นเด็กทีไ่ ม่คอ่ ยนิง่ ไม่มี มาธิ จดจ่อ เปลี่ยนของเล่นไปมา
รากต้นไม้เปรียบเ มือนระบบประ าท ของเด็กแต่ละคนที่แตกต่างกัน
ับ
29
ฉบับความสุข
ล�าต้น หมายถึง พัฒนาการองค์รวม แน ทาง DIR แบ่งพัฒนาการ ลักเป็น ๖ ขั้น คือ
พัฒนาการขัน้ ๑ - ความสามารถในการสงบ สนใจ จดจ่อกับสิง่ รอบตัว (self
regulation and interest in the world) น้องกัปตันมีค าม นใจ กระตืือรือร้นในการ เรียนรู้ า� ร จ งิ่ ใ ม่ๆ รอบตั อย่างไรก็ตามด้ ยค ามบกพร่องของระบบ งั่ การกล้ามเนือ้ และ ระบบการมองเ ็นที่ค่อนข้างไ ท�าใ ้ มาธิ รือการจดจ่อกับการเล่น ยังไม่เท่าเด็ก ัย เดีย กัน
พัฒนาการขัน้ ๒ - สัมพันธภาพกับคน (relationship) น้องกัปตันมี มั พันธภาพที่
ดีกับพ่อแม่ เข้า าพ่อแม่เมื่อตัองการค ามช่ ยเ ลือ ต้องการที่พึ่งพิง น้องกัปตัน ามารถ จดจ่อในการเล่นกับพ่อแม่ได้นาน ถ้ากิจกรรมการเล่นนั้นไม่ยาก ไม่ซับซ้อนเกินไป
พัฒนาการขัน้ ๓ - สื่อสารความต้องการด้วยท่าทาง (emotional gestures)
กัปตัน ื่อ ารค ามต้องการโดยชี้บอก ดึงมือ รือ ่งเ ียงแ ดง ี น้าที่ ือ่ ารบอกอารมณ์ กัปตันเข้าใจการ ื่อ ารของคนอื่นๆ เช่น เมืื่อคุณแม่ยกมือท�าท่าจะอุ้ม กัปตันเข้าใจค าม ต้องการของแม่ และตอบ นองด้ ยการ ิ่งไปกอดแม่
พัฒนาการขัน้ ๔ - สือ่ สารเพือ่ แก้ปญั หาได้ตอ่ เนือ่ ง (problem solving commu-
nication) ในเ ตุการณ์ประจ�า กิจ ัตรที่ท�าบ่อยๆ กัปตัน ามารถ ื่อ ารเพื่อแก้ปัญ าได้ เช่น ดึงมือแม่ ชี้ไปที่ตู้เย็น ยิบกุญแจรถใ ้พ่อ และถ้ายังไม่ได้รับการตอบ นองก็จะแก้ ปัญ าด้ ย ิธีการใ ม่ๆ เช่น ร้องโ ย าย จนก ่าจะได้ พื้นฐานระบบประ าทโดยร มที่ยัง ไม่คล่องแคล่ ประกอบกับการ ั่งการกล้ามเนื้อที่ยังบกพร่อง ท�าใ ้เมื่อเจอปัญ าใ ม่ๆ เรือ่ งใ ม่ๆ เช่น พ่อเอาลูกบอลไปซ่อนในเ อื้ กัปตันอาจต้องใช้เ ลานานมากก า่ เด็กคนอืน่ ๆ
พัฒนาการขัน้ ๕ - การคิดและการใช้ภาษาสือ่ สาร (emotional idea) น้องกัปตัน
ยังมีพัฒนาการไม่ถึง
พัฒนาการขั้น ๖ - การเชื่อมโยงเหตุและผล (emotional thinking) น้องกัปตัน
ยังมีพัฒนาการไม่ถึง
ล�าต้นเปรียบเ มือนพัฒนาการ ลักที่เด็กทุกคนจ�าเป็นต้องท�าได้ เพื่อใ ้มีชี ิตรอด ามารถพึ่งตนเองได้
30
ับ ฉบับความสุข
คนดูแลต้นไม้ หมายถึง สัมพันธภาพที่อบอุ่น กัปตันได้รับค ามรัก ค ามอบอุ่น และการดูแลที่ต่อเนื่องจากพ่อแม่ คุณพ่อคุณแม่ดูแลเรื่องอา าร ครบ ๕ มู่ พาไปฉีด ัคซีน อ่านนิทานใ ้ลูก ฟัง พาไปเที่ย เจอประ บการณ์ใ ม่ๆ คุณพ่อคุณแม่อาจต้องเรียนรู้ที่จะปรับตั เองอีกเล็กน้อย เพื่อช่ ยใ ้ ัมพันธภาพที่อบอุ่น แน่นแฟ้นนี้ เ มาะ มกับค ามแตกต่างของเด็กแต่ละ คน เช่น คุณแม่อาจต้องปรับเรื่องการใช้นา�้ เ ียงที่ นักแน่นและเป็นจัง ะ ชัดขึ้น คุณพ่ออาจปรับจัง ะการเล่นกับน้องกัปตันใ ้ช้าลงเพื่อใ ้กัปตัน ค่อยๆมีเ ลาในการแก้ปัญ าอุป รรคผ่านการเล่น พ่อแม่เรียนรู้ที่จะไม่ช่ ย ลูกในทุกเรื่อง เปิดโอกา ใ ้กัปตันได้ลงมือท�า ช่ ยเ ลือตั เองในชี ิต ประจ�า นั เพิ่มมากขึ้น ถ้าคุณพ่อคุณแม่ ามารถปรับเปลี่ยน ิธีการที่พ่อแม่มีปฏิ ัมพันธ์กับ น้องกัปตันจะ ่งผลอย่างมากในการช่ ยใ ้น้องกัปตันมีพัฒนาการที่ดีขึ้น
คนดูแลต้นไม้ เปรียบเ มือนพ่อแม่ที่ดูแลเอาใจใ ่ ใ ้อา าร ใ ้ค ามรัก
ับ
31
ฉบับความสุข
ใบ หมายถึง การเรียนรู้ทักษะ วิชาการต่างๆ ทัก ะ ชิ าการ รือ เนือ้ าทีเ่ ป็นการท่องจ�าต่างๆ เช่น ี จ�าน น รือ การเรียนรู้ ิชาการต่างๆ เป็น ิ่งที ามารถตามเก็บรายละเอียดได้ที ลัง เมื่ อ เด็ ก มี ค ามพร้ อ มของปั จ จั ย พื้ น ฐาน คื อ ล� า ต้ น และรากที่ แ ข็ ง แรง มีผู้ดูแลเลี้ยงดูเอาใจใ ่
กิ่ง ใบ เปรียบเ มือนทัก ะต่างๆ ิชาการ กิ่งใบจะงอกงามได้ ถ้ารากและล�าต้น มบูรณ์
32
ับ ฉบับความสุข
หลักการส�าคัญของ DIR 1.มองพัฒนาการเด็กอย่างเป็นองค์รวม (D) เปลี่ ย นมุ ม มองจากการมองพั ฒ นาการเด็ ก แบบแยก ่ น ได้ แ ก่ พัฒนาการด้านกล้ามเนือ้ มัดใ ญ่ ด้านกล้ามเนือ้ มัดเล็ก ด้านภา า ด้าน งั คม อารมณ์ การช่ ยเ ลือตั เอง เป็นการมองพัฒนาการเด็กอย่างเป็นองค์ร ม • เด็ก ามารถสงบตัวเอง และสนใจสิง่ รอบตัว พร้อมทีจ่ ะเรียนรูจ้ าก ่ิงรอบตั ได้ รือไม่ ถ้าไม่ได้เด็กแ ดงออกอย่างไร มีพฤติกรรม อย่างไร • เด็กมีสมั พันธภาพที่ดีกับคน รือไม่ อย่างไร • เด็ก ามารถแ ดงออกอารมณ์ สือ่ สารบอกความต้องการ ได้ รือ ไม่อย่างไรเมื่อเด็กเจอปัญ า เด็กแก้ปัญ าด้ ย ิธีการใด ามารถ ื่อ ารได้ต่อเนื่อง รือไม่ • เด็กเข้าใจ ัญลัก ณ์ ได้แก่ ภาษา การเล่น มมุติเพียงใด ามารถ ื่อ าร แ ดงออกอารมณ์ ค ามคิด ผ่านการใช้ภา า ผ่าน ื่อของ เล่น มมุติ จินตนาการได้ รือไม่ อย่างไร • เด็ก ามารถ ื่อ าร เชื่อมโยงเหตุและผล ได้ รือไม่ อย่างไร
2.มองพฤติกรรมเด็กอย่างเข้าใจความแตกต่างของระบบประสาท (I) พฤติกรรมทีเ่ ด็กแ ดงออกมี าเ ตุ ลักจากพืน้ ฐานระบบประ าทของ เด็กที่แตกต่างกัน เช่น • เด็กกินยาก ไม่ชอบกินผัก เขี่ยทิ้งทุกครั้ง (ไ กลิ่น) • เด็กนอนยาก ก่อนนอนจะ งิ่ ไปมา นุ่ าย ต้องพาไปนัง่ รถถึงจะ ลับ รือ ต้องใ ้แม่อุ้มโยกตั ทุกครั้งจึงจะ ลับ (ไม่ ามารถ งบลงได้ ด้ ยตั เอง ต้องใ ้แม่ช่ ยอุ้ม โยกตั - ระบบการทรงตั เอ็นและ ข้อต่อ) • ไม่ชอบแปรงฟัน ไม่ชอบเคี้ย อา าร มีปัญ าพูดไม่ชัด (ไ ัมผั + การ ั่งการกล้ามเนื้อไม่คล่องแคล่ ) • บางคนไม่ชอบ ระผม ไม่ชอบใ ้ น้าเปียกน�า้ การ ระผม ล้าง น้า ร้องโ ย ายลั่นบ้านทุกครั้ง (ไ ัมผั )
ับ
33
ฉบับความสุข
3.มองสัมพันธภาพระหว่างเด็กกับผู้เลี้ยงดู (R) เปลี่ยนจากการมองแต่ ตั เด็ ก พยายามฝึ ก ตั เด็ ก เป็ น การมอง มั พันธภาพ ปฏิ มั พันธ์ระ า่ งเด็กกับผูเ้ ลีย้ งดู า่ เ มาะ ม และเอือ้ ต่อการ เจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก รือไม่ • พ่อแม่มีเวลาคุณภาพใ ้ลูก รือไม่ ม�่าเ มอเพียงใด • พ่อแม่เรียนรู้ที่จะปรับตั เองใ ้เข้าลูก รือไม่ เช่น ลดการก�ากับ การ ั่ง เพื่อเปิดโอกา ใ ้ลูกได้ใช้ค ามคิด ได้ลงมือท�ามากขึ้น รือ พ่อแม่ปรับจัง ะการพูด การเคลือ่ นไ ของตั เองใ ช้ า้ ลง เพือ่ ใ ้ มองของลูกรับรู้ข้อมูลรอบตั ได้ง่ายขึ้น
การมองเด็กอย่างเป็นองค์รวม DIR/ฟลอร์ ไทม์ เปลี่ยนมุมมอง ทั ศนคติ ในการมองเด็กพิเศษ
อดี ต มองเห็นโรค ( โรคอะไร ปัญหาพฤติกรรมอะไร บกพร่องตรงไหน)
DIR/Floortime มองตัวตนของเด็ก เด็กก�าลังรู้สึกอย่างไร เด็กต้องการอะไร พั ฒนาการอยู่ขั้นไหน เราจะช่วยอย่างไร ?
มองเฉพาะตัวเด็ก พยายามฝึกเด็ก
มองสัมพั นธภาพ ระหว่างเด็กกับผู้เลี้ยงดู เป็นอย่างไร
บทที่ ๒
พัฒนาการองค์รวม
38
ับ ฉบับความสุข
พัฒนาการองค์รวม
ับ
39
ฉบับความสุข
พัฒนาการองค์รวม สัมพันธภาพ
• ัมพันธภาพในทุกอารมณ์ • ัมพันธภาพ ิ่งธรรมดาที่ถูกลืม • ท�าไม ัมพันธภาพจึงมักเป็น ิ่งที่ถูกลืมในครอบครั เด็กพัฒนาการล่าช้า เด็กพิเ
การสื่อสาร
• ลองฝึก ังเกตการ ื่อ ารของลูก • รูปแบบการ ื่อ ารในเด็ก • การ ื่อ ารที่แท้จริงเป็นอย่างไร • ฟลอร์ไทม์ประเมินภา าของเด็กโดยดู ่า ามารถเอามาใช้จริงได้ รือไม่ • ตัั อย่างเด็กที่มีภา า พูดได้ แต่เมื่อถึงเ ลาค รต้องพูด ต้องตอบ ไม่ ามารถพูดได้
การคิด
• ลองฝึก ังเกตการคิดของลูก • การคิดในมุมมองของฟลอร์ไทม์ • การคิดพื้นฐานที่เด็กค รท�าได้ • การคิดขั้น ูงตามแน ทางฟลอร์ไทม์ • ฟลอร์ไทม์เน้น กระบ นการ คิดที่ออกมาจาก มองของเด็กเอง
อารมณ์
• ั ใจ า� คัญที่ขาด ายไปในงานด้านการกระตุ้นเด็กพัฒนาการล่าช้า เด็กพิเ • เด็กมีอารมณ์อะไรบ้างทีพ่ บบ่อย.....ฝึก งั เกตอารมณ์ทอี่ ยูเ่ บือ้ ง ลังพฤติกรรมของเด็ก • ค ามก้า ร้า ...มองปัญ าพฤติกรรมเด็กอย่างเข้าใจพัฒนาการอารมณ์ • ฝึกพลิกค ามคิด ... มองเ ็นโอกา ในการพัฒนาลูกเมื่อลูกแ ดงอารมณ์ • อารมณ์ พลังภายในทีช่ ่ ยดึงพัฒนาการทีบ่ กพร่องทัง้ มดใ ก้ ลับมาท�างานพร้อมๆกัน
รายละเอียดพัฒนาการองค์รวม
• พัฒนาการ ๖ ขั้น ในเด็กปกติ • พัฒนาการ ๖ ขั้น ในเด็กพัฒนาการล่าช้า เด็กพิเ • ถ้าพัฒนาการองค์ร มบกพร่อง เด็กจะแ ดงออกอย่างไร
40
ับ ฉบับความสุข
สัมพันธภาพ สัมพันธภาพในทุกอารมณ์ • คุ ณ พ่ อ เล่นกับน้องกัปตันทุกวัน กั ป ตั น ชอบใ ้ คุ ณ พ่ อ อุ ้ ม เป็ น เครื่องบิน กัปตันชอบและหัวเราะสนุกทุกครั้งที่ได้เล่นกับพ่อ • เ ลาคุณแม่ทา� อา าร กัปตันก็จะนัง่ เล่นอยูท่ พี่ นื้ ในครัว ใกล้ๆ คุณแม่ • เมื่อกัปตันร้องไห้ โวยวาย ดิ้นกับพื้น คุณพ่อนั่งลงข้างๆ ค่อยๆ ปลอบโยนกัปตัน ใช้ทั้งน�้าเ ียง และการลูบ ัมผั เพื่อช่ ยใ ้กัปตัน ค่อยๆ งบลง คุณพ่อยังคงค ามชัดเจน ไม่ได้ตามใจกัปตันในเรื่อง ที่ไม่เ มาะ ม • คุณแม่ย่อตั ลงนั่งข้างๆ กัปตันเพื่อปลอบโยน เมื่อเ ็นกัปตันกลั คน แปลก น้าที่ไ ้ น ด และ ่งเ ียงดัง
ัมพันธภาพ คือ ค ามรัก ค ามผูกพัน ค ามรู้ ึกอบอุ่น ปลอดภัย ไ ้ างใจ
ับ ฉบับความสุข
สัมพันธภาพ.....สิ่งธรรมดาที่ถูกลืม คุณแม่เด็กดา น์ อายุ ๑๑ ปีคน นึ่งน�้าตาไ ลเมื่อได้เ ็น ีดีโอฟลอร์ไทม์ที่พ่อแม่ ลงมาเล่นกับลูก ั เราะ นุกด้ ยกัน คุณแม่เล่าว่า คุณแม่ไม่รเู้ ลยว่าต้องลงมาให้เวลาเล่น กับเขา รือคอย ังเกต ่าลูก นใจอะไร ชอบอะไร พูดคุยกันบ้าง คุณแม่เล่า ่าคุณแม่ใช้ ชี ติ ท�ากิจ ตั รประจ�า นั ต่างๆกับลูกทุก นั คุณแม่รู้ กึ า่ ได้พดู คุยกับลูกก็ตอนที่ งั่ ใ ล้ กู ท�า งิ่ ต่างๆ เช่น “ ยิบน�า้ ใ แ้ ม่ซ”ิ เด็กก็จะท�าตามได้ “ไปช่ ยล้างจานใ แ้ ม่ น่อย” เด็กก็จะท�า คุณแม่บอก า่ บางทีไม่ได้อยากกินน�า้ รอก แต่กจ็ ะบอกใ ล้ กู ท�า เพราะ ท�าให้รสู้ กึ ว่าได้อยู่
ด้วยกัน ได้พดู คุยกัน
คุณแม่อีกท่าน นึ่งลูกอายุ ๒ ปีก ่า ลูกมีพัฒนาการล่าช้า คุณแม่เล่าพร้อมน�้าตา ่า ช่ งเ ลาฝึกลูกเป็นช่ งเ ลาทีแ่ ม่และลูกจะร้องไ ด้ ้ ยกัน ลูกไม่อยากท�า แม่กต็ อ้ งพยายาม ใ ล้ กู ท�า จับมือลูก ฝืนลูก ใ ท้ า� คุณครูบอกแม่ า่ คุณแม่ตอ้ งอดทน ท�ากิจกรรมอะไรแล้ว
ต้องท�าให้เสร็จ ถ้าอยากให้ลกู ดีขนึ้ คุณแม่ตอ้ งอดทน
คุณพ่ออีกท่าน นึ่งมีลูกเป็นเด็กออทิ ติก เด็กตั โตเข้า ู่ ัยรุ่นแล้ คุณพ่อมีค าม ตัง้ ใจ มีค ามพยายาม พาลูกไปฝึกตามทีต่ า่ งๆ ใ ล้ กู เข้าโรงเรียน และพาออกนอกบ้านเพือ่ ฝึกทัก ะทาง ังคมใ ้ลูก เมื่อถามคุณพ่อเพิ่มเติม ่าเ ลาอยู่บ้านคุณพ่อใช้เ ลาท�าอะไรกับ ลูกบ้างค่ะ คุณพ่อผู้มี น้าตา ขึงขัง จริงจัง น่ิง ักพัก แล้ บอก ่า ผมก็ชวนเขาเล่นครับ แล้ คุณพ่อก็ลงมือท�าใ ้ดูทนั ที คุณพ่อจับขาลูกทีก่ า� ลังนอนกลิง้ อยูก่ บั พืน้ แล้วออกค�าสัง่ ด้วยเสียงทีด่ งั ชัดเจน “sit up 10 ที ท�าใ ้คุณ มอดูเร็ ” เด็กก็เป็นเ มือนอัตโนมัติ ท�า ตามที่พ่อ ั่งได้ทันที แม้พุงที่ติดค�้าอยู่ท�าใ ้ sit up ได้ค่อนข้างล�าบาก แต่เด็กก็ค่อยๆ พยายามและท�าได้จนครบ ภาพที่เ ็นเป็นปกติในครอบครั เด็กพัฒนาการล่าช้า เด็กพิเ คือ พ่อแม่พยายาม อน ั่ง ก�ากับ บอกใ ้ลูกท�า ิ่งต่างๆ เพื่อฝึกฝนลูก ช่ ยลูก อยากใ ้ลูกมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ยิง่ ครอบครั ทีม่ คี ามรักลูกมาก ตัง้ ใจมาก พยายามมาก ภาพเ ล่านีก้ เ็ น็ ชัดขึน้ เป็นค าม ปรารถนาดีของพ่อแม่ ค ามรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก พยายามฝึกลูก อยากใ ้ลูกดีขึ้น
41
42
ับ ฉบับความสุข
ท� า ไมสั ม พั น ธภาพจึ ง เป็ น สิ่ ง ที่ ถู ก ลื ม ในครอบครั ว เด็ ก พัฒนาการล่าช้า เด็กพิเศษ เรื่อง ัมพันธภาพเป็นเรื่องที่ �าคัญมากๆ แต่มักพบ ่าเป็นชิน้ ส่วน ส�าคัญทีข่ าดหายไปในครอบครั เด็กพัฒนาการล่าช้า เด็กพิเ มั พันธภาพ ในทีน่ ี้ มายถึง สัมพันธภาพเชิงบวก การเล่นกัน พูดคุยกัน หยอกล้อ หัวเราะ
กันสบายๆ แบบพ่อแม่ลกู ชีวติ ครอบครัวทัว่ ๆไป
าเ ตุที่ ัมพันธภาพมักจะขาด ายไปในครอบครั เด็กพัฒนาการ ล่าช้า เด็กพิเ เป็นเพราะ • ความตัง้ ใจ และความปราถนาดีของพ่อแม่ ที่พยายามทุ่มเทเ ลา เน้นฝึกทัก ะต่างๆใ ้ลูก อยากใ ้ลูกดีขึ้น เก่งขึ้น • เ ลาอยู่ด้ ยกันมีน้อย พ่อแม่ท�างาน ลูกไปโรงเรียน ตอนเย็นกลับ มาบ้านก็ใช้เ ลา มดไปกับภารกิจต่างๆ พอมีเ ลาเ ็น น้าลูก อยู่กับลูก ก็จ�าได้ ่าคุณครูบอกให้ฝึกอะไร พ่อแม่ก็จะท�าตาม
ทีค่ รูบอก • พ่อแม่ไม่รู้ ไม่รู้ ่าการที่ลูกได้ ั เราะ ได้มีค าม ุข ชี ิตครอบครั มี ค ามผ่อนคลาย มีเ ียง ั เราะบ่อยๆ เป็น ั ใจ �าคัญ (ที่ ุด) ที่จะช่ ยใ ้ลูกมีพัฒนาการที่ดีขึ้น
• การพูดคุย เล่าเรือ่ งต่างๆสูก่ นั ฟังแบบชีวติ ครอบครัวทัว่ ๆไปมีนอ้ ย เพราะเด็กมักติดขัดเรือ่ งภา า ยังเล่าเรือ่ งไม่ได้ การบอกเล่าอารมณ์ ค ามรู ้ ึ ก เรื่ อ งรา ต่ า งๆในชี ิ ต ประจ� า ั น ผ่ า นการพู ด คุ ย ขาด ายไป
ับ ฉบับความสุข
43
My note to doctors & therapists เป็ น หน้ า ที่ ส� า คั ญ อย่ า งมากของแพทย์ นักบ�าบัด และบุคลากรสาธารณสุขทุกคนที่ตอ้ งเน้น ย�้าถึงการให้เวลาเชิงบวกภายในครอบครัว เหตุผล ที่ตอ้ งบอก ต้องเน้นย�า้ กับพ่อแม่ เพราะพ่อแม่ไม่รู้ พ่อแม่ไม่รู้ว่าถ้าเราให้เวลาลงมาเล่นกับลูกเยอะๆ ให้ลูกได้หัวเราะ ได้มีความสุข ลูกจะเก่งเร็วขึ้น เก่ ง มากขึ้ น การฝึ ก ทั ก ษะต่ า งๆ ลู ก จะยอม ท�าตามมากขึน้ เพราะรักพ่อแม่ อยากให้พ อ่ แม่ดี ใจ ที่ส�าคัญ ความรัก ความอบอุ่น การมีความ สุขในชี วิ ตครอบครัว เป็นพื้น านส�าคัญของชี วิ ต ไม่ว่าลูกจะพิการ บกพร่องมากแค่ไหน สิ่งที่ ลูก ต้องการ ไม่แตกต่างจากเด็กคนอื่น ลูกต้องการที่ จะรับรูว้ า่ พ่อแม่รกั พ่อแม่มคี วามสุขเมือ่ มีหนูอยูด่ ว้ ย
46
ับ ฉบับความสุข
การสื่อสาร ลองฝึกสังเกตการสื่อสารของลูก สีหี น้า แววตา
พฤติกรรมทีแ่ สดงออก กลัว กลัว
ภาษาท่าทาง
เสียใจจัง ...
มึ่ น่าโมโห
ภาษาพูด
รูปแบบการสื่อสารในเด็ก • ่ื อ ารด้ ย พฤติ ก รรม (action) เช่ น ร้ อ งไ ้ โ ย าย กระทืบเท้า ข ้างของ ตีคนอื่น ดึงมือ ทุบประตู • อื่ ารด้ ยท่าทาง (gestures) เช่น ชี้ จุป๊ าก พยัก น้า า่ ย น้า ก ักมือเรียก ี น้า แ ตา ที่แ ดงออกอารมณ์ • ื่อ ารด้ ยภาษาพูด (verbal language) เช่น การพูดเป็น ค�า ลี ประโยค การเล่าเรื่อง • ื่อ ารค ามคิดผ่าน ่ือ ั ดุ ิ่งของ เช่น เล่นบทบาทสมมุติ
วาดรูป
48
ับ ฉบับความสุข
ความส�าคัญของภาษากาย
ฉันใหญ่ทส่ี ดุ ในบ้านนี้
เหนือ่ ย เหนือ่ ย
คนเราเชื่อถือกันที่ภาษากาย สีหน้า แววตา การกระท�า มากกว่าค�าพูดที่สวยงาม หรือดูดี
มีความลับมาบอก โมโห โกรธ
ับ
49
ฉบับความสุข
การสื่อสารที่แท้จริงเป็นอย่างไร การสือื่ สารทีแ่ ท้จริง (ภาษากาย หรือ ภาษาพูด)
ต้องเอามาใช้ แก้ปญั หาให้ตวั เองได้ !!
50
ับ ฉบับความสุข
ฟลอร์ไทม์ประเมินภาษาของเด็กโดยดูวา่ สามารถเอามาใช้จริงได้หรือไม่ การน�าภา าไปใช้ประโยชน์ได้จริงเป็น ่ นที่ฟลอร์ไทม์เน้นโดยใ ้ค าม �าคัญกับ การใช้ภา าทีเ่ กีย่ ข้องกับการบอกเล่าค ามคิด ค ามต้องการ แบ่งปันอารมณ์ ค ามรู้ กึ ของตั เอง และใช้ภา าเพื่อแก้ปัญ าใ ้ตั เอง ได้แก่ • เด็กใช้ภา าเพื่อบอกความต้องการได้ รือไม่และ ลาก ลายเพียงใด เช่น เอานม ไปเที่ย ไม่เปิด ไม่ไป • เด็กใช้ภา าเพื่อบอกอารมณ์ ความรูส้ กึ ของตั เองได้ รือไม่ เช่น นูกลั ผมไม่ ชอบ ผมโกรธ • เด็ก ามารถใช้ภา าเพือ่ บอกเล่าความคิดของตั เองได้ รือไม่ เช่น “ นูกลั กลั คุณ มอฉีดยา” “ผมชอบไดโนเ าร์ตั นี้ เพราะ มันมีไฟกระพริบที่ตา” เด็ก นใจ เครื่องบินที่เ ียงดัง ชี้ใ ้แม่ดูและพูด ่า “บิน บิน” • เด็ก ามารถน�าภา าไปใช้พดู โต้ตอบได้ตอ่ เนือ่ ง เช่น พูดตื้อ ด้ ยเ ตุผลและ น�้าเ ียงอ้อน อนต่างๆ เพื่อใ ้แม่ ยอมซื้อของเล่นใ ้ พูดคุยโต้เถียง ต่อรอง กับเพื่อนขณะทะเลาะกัน เล่น มมุติโดยใช้ภา ากับเพื่อนได้เป็นเรื่องเป็นรา
ับ
51
ฉบับความสุข
ตัวอย่างเด็กที่มีภาษา พูดได้ แต่เมื่อถึงเวลาควรต้องพูด ต้องตอบ ไม่สามารถพูดได้ • เด็กออทิสติกบางคนพูดลอยๆ มีภา าพูดได้ยา ๆ พูดตาม นัง ือนิทาน ตามการ์ตูนในที ีได้ แต่เมื่อถามเรื่องง่ายๆ เช่น นูจะเอาอะไรค่ะ นูอยาก ไปเล่นก่อน รือ จะกินข้า ก่อน เด็กไม่ ามารถตอบได้ • เด็กขีก้ ลัว กังวลมาก ตืน่ เต้นง่าย เมื่อเจอ ถานการณ์ที่ท�าใ ้กลั กัง ล รู้ ึกไม่ปลอดภัย เด็กก็อาจจะนิ่งเฉย ไม่ตอบค�าถาม ไม่ขยับร่างกาย รือ บางคนก็ลนลาน แ ดงออกเป็นพฤติกรรมไม่นิ่ง ถามไม่ตอบ • เด็กบางคนที่พ่อแม่ไม่ค่อยมีเ ลาพูดคุย ไม่ได้ชี้ช นใ ้เด็กแ ดงค ามคิด โต้ตอบ เด็กจะไม่มคี วามคิดเป็นของตัวเอง เด็กก็จะไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยตอบ เพราะ ไม่รจู้ ะพูดอะไร ไม่มเี น้อื หาในหัวให้พดู การมองการ อื่ ารของเด็กในมุมมองของฟลอร์ไทม์ จึงไม่ได้มองแค่ค ามยา ของภา าทีเ่ ด็ก ามารถพูดได้ แต่จะประเมินทัง้ ใน ่ นของภา ากายและการน�าภา า ไปใช้ได้จริง
การส่งเสริมพัฒนาการด้านภาษาตามแนวทางฟลอร์ไทม์จงึ ไม่เน้นแต่ภาษา พูดเพียงอย่างเดียว แต่จะเน้นการ ่งเเ ริมเด็กอย่างเป็นองค์ร ม ทั้งด้านการคิด ด้านอารมณ์ ด้านความสามารถในการก�ากับตัวเองเม่อื่ อารมณ์ตา่ งๆ เพราะทัง้ มด นี้เป็นปัจจัย า� คัญที่จะท�าใ ้เด็ก ามารถน�าภาษาทีม่ อี ยูม่ าใช้ได้จริง
52
ับ ฉบับความสุข
การคิด ลองฝึกสังเกตการคิดของลูก อยากได้ของเล่น แต่แม่ไม่ยอมซื้อให้....ลูกแก้ปัญหาด้วยวิธกี ารใด ยืนนิง่ เฉยๆ เดินหนีไป ไม่เอาก็ ได้ ร้องไห้ เสียใจ ร้องงอแง โวยวาย นอนดิ้นกับพื้น โกรธ แล้วท�าหน้าบูดบึ้งไปตลอดทั้ งวัน แย่งของเพื่อนที่ โรงเรียน ไปอ้อนพ่อ หรือปูย่า ให้ซื้อให้แทน โต้เถียงกับ แม่ จะเอาให้ ได้ พูดบอกเหตุผล ชักแม่น�้าทั้ งห้า เพื่อให้ซื้อให้ ท�าตัวดี ๆ พูดเพราะๆ ช่วยแม่ท�างาน แล้วลองออดอ้อนขออีกที
ับ
53
ฉบับความสุข
การคิดในมุมองของฟลอร์ไทม์ ถ้าให้พดู ถึงเรือ่ งการคิด คุณพ่อคุณแม่นกึ ถึงอะไรค่ะ และถ้าเราจะฝึกฝนใ ้ลูกคิด คุณพ่อ
คุณแม่เคยฝึกลูกอย่างไรบ้าง อยากใ ้ลอง ลับตาแล้ ลองนึกมา ัก ๓ เ ตุการณ์ ที่คุณพ่อคุณแม่ ได้เคยช นลูกฝึกคิด 1.............................................. 2..............................................
3.............................................. เ ลาช นใ ้พ่อแม่นึกย้อนดูเรื่องการช นลูกคิด ค�าตอบที่ได้มักจะเป็นเรื่องที่เกี่ย กับการ ึก า เช่น อนใ ้ลูกรู้จัก ี ัดจับคู่ภาพเ มือน ัดคิดเลข ก ้างไปก ่านั้น น่อย พ่อแม่อาจตอบ เรื่องการคิดในเชิง ิลปะ เช่น กิจกรรมค ามคิด ร้าง รรค์ ใ ้เด็กคิด ่าจะ าดรูปอะไร ใ ้เด็กเอา ใบไม้มาเรียง ติดแปะ เป็นรูปต่างๆ รือ การคิดจินตนาการผ่านการเล่น เช่น เล่นตั ต่อจิกซอ ์ เล่น เลโก้ ร้างเป็น ะพาน บ้าน ตึก ูงๆ บางคนก็ตอบ ่าช นลูกคิด ขณะเล่านิทานใ ้ลูกฟัง เช่น นี้ตั อะไร แล้ ั มันร้องยังไง แล้ ถ้า นูเป็น ั นูจะท�าอย่างไร เป็นต้น
ั หาในชีวติ ในมุมมองของฟลอร์ไทม์จะเน้นใ ้ค าม �าคัญกับการคิดที่เป็นทัก ะการแก้ปญ ประจ�าวันของเด็ก เช่น อยากได้ขนมที่อยู่บนตู้ ูง จะท�าอย่างไร อยากเล่นกับเพื่อน จะเข้าไปช น เพื่อนยังไง รือท�าอย่างไรใ ้เพื่อน นใจเราและยอมใ ้เข้ากลุ่มเล่นด้ ย รือ ก�าลังโกรธมาก โมโ มาก จะท�าอย่างไรใ ้ ายโกรธ งบตั เองได้ ต่อมาเมือ่ เด็กมีทกั ษะการคิดทีส่ งู ขึน้ มีภาษาพูดได้แล้ ฟลอร์ไทม์จะเน้นการคิดทีช่ ่ ยใ เ้ ด็ก เชื่อมโยง รับรูอ้ ารมณ์ ความรูส้ กึ ความต้องการของตัวเอง ในขณะเดียวกันก็เรียนรูท้ จี่ ะเข้าใจ สาเหตุภายนอกด้วย เช่น ผมตืน่ เต้น กลัวเ ลาไป าคุณ มอ เพราะ ผมกลั คุณ มอจะฉีดยา นูอยากได้ตุ๊กตา มีตั ใ ม่ แต่คุณแม่บอก ่าที่บ้านมี ลายตั แล้ เลยไม่ซื้อใ ้ • ผมตืน่ เต้น กลัวเ ลาไป าคุณ มอ (รับรู้อารมณ์ ค ามรู้ ึกของตั เอง) เพราะ ผมกลั คุณ มอจะฉีดยา (เข้าใจเ ตุผลภายนอกที่เป็น าเ ตุของค ามรู้ ึกกลั ) • นูอยากได้ตุ๊กตา มีตั ใ ม่ (รู้ ่าตั เองต้องการอะไร บอกค ามต้องการของตั เองได้) แต่คุณแม่บอก ่าที่บ้านมี ลายตั แล้ เลยไม่ซื้อใ ้ (เข้าใจเ ตุผลภายนอก ที่เป็น าเ ตุ ท�าใ ้ไม่ได้ตามค ามต้องการของตั เอง) พูดง่ายๆ คือ ฟลอร์ไทม์จะเน้นการคิดที่เป็นการแก้ปัญ าในชีิ ิตประจ�า ัน การคิดที่เป็น ทัก ะทาง ังคม อารมณ์ โดยมีเป้า มาย �าคัญ คือ ใ ้เด็กใช้ชี ิตอยู่ใน ังคมร่ มกับคนอื่นได้
พึง่ ตนเองได้
การคิดพื้น านที่เด็กควรท�าได้
คิดแก้ปัญหา อายุช่วง ปขึ้นไป ปัญหาในชีิ วิ ตประจ�าวัน เช่น อยากจะเอาขนมในตู้เย็นแต่หยิบ เองไม่ถึง จะท�าอย่างไรดี อยากออกไปนอกห้องจะท�าอย่างไร ปัญหา กับคน เช่น เพื่อนเอาดินสอไป จะเอาคืนได้อย่างไร แม่โกรธที่ ไม่เก็บ ของเล่น จะท�าอย่างไรให้แม่หายโกรธ คิดเป็นเหตุเป็นผล อายุชว่ ง ป เด็กสามารถตอบค�าถาม ท�าไม ได้ เข้าใจเหตุผลภายนอก เช่น ท�าไมต้องเปดพั ดลม เพราะผมร้อน หนูชอบไอติม เพราะมันอร่อย
การคิดขั้นสูง ส�าหรับ เด็กที่มีภาษา และเข้าใจเหตุผลแล้ว คือ การคิดแบบ เข้าใจอารมณ์ ความรูส้ ึก ความต้องการของตัว เอง เข้าใจเหตุผล ที่มาที่ ไปภายนอก คิดหลายเหตุผล ( อายุ ปขึน้ ไป เช่น หนูชอบแปง เพราะ แปงเรียนเก่ง และ แปงก็ช่วยหนูท�าการบ้าน คิดซับซ้อน ( / อายุ ปขึ้นไป เช่น ต้นน�า้ อยากเล่นกับบอย (ต้นน�า้ รูว้ า่ บอยชอบหุน่ ยนต์ ต้นน�า้ เลย เอาหุ่นยนต์ ไปเล่นที่ โรงเรียน เพื่อให้บอยสนใจและเข้ามาเล่นด้วย คิดเปรียบเทียบ ( วัยประถม เช่น ผมชอบเล่นรถไฟ มากกว่าเล่นรถ เพราะ รถไฟมีราง เอามาต่อเป็น สะพานก็ ได้ ลอดเข้าถ�้าก็ ได้ คิดแบบกลางๆ แยกแยะรายละเอียด ไม่ขาว ไม่ดา� (grey area วัยประถม เช่น ผมชอบปูนมาก เพราะเขาเป็นคนตลก และ ใจดี แต่ก็มบี างเรื่องที่ผมไม่ชอบ คือ ปูนชอบเล่นแรง ท�าให้ผมต้อง เจ็บตัวบ่อยๆ คิดใคร่ครวญ ทบทวนตัวเอง ( ช่วงเข้า วัยรุ่น เช่น แดงแปลกใจ สอบครั้งนี้ ได้คะแนนไม่ค่อยดี แดงค่อยๆ คิดทบทวน และได้ค�าตอบว่าน่าจะเป็นเพราะเพิ่งหายจากไม่ส บาย ท�าให้อ่านหนังสือได้น้อย คราวนีข้ ้อสอบก็ยากด้วย ช่ ยใ ้เด็กเข้าใจตั เอง + เข้าใจเ ตุผลภายนอก
แนวทางการชวนลูกพูดคุย เพื่อพั ฒนาการคิดขั้นสูงให้ลูก • ใคร อะไร ทีไ่ หน เมือ่ ไหร่ อย่างไร • ถามค�าถามปลายเปิด สอบถามความเห็น ชวนคิดหลากหลาย
เหตุผล
• ช นลูกเปรียบเทียบ ความแตกต่าง มาก/น้อย ใกล้/ไกล ใ ญ่/เล็ก • อบถามอารมณ์ ค ามรู้ ึก และชวนคิดถึงสาเหตุ เปรียบเทียบวัน
นี/้ เมือวานนี้ • ยอมรับการต่อรอง โต้เถียง ใ ้เ ตุผล • ชวนลูกคิดทบทวน ใคร่ครวญตัวเอง รู้ ึกอย่างไร เพราะอะไร แล้ อยากใ ้เป็นอย่างไร
ับ
57
ฉบับความสุข
ฟลอร์ไทม์เน้น กระบวนการ คิดทีอ่ อกมาจากสมองของเด็กเอง น้องทิพย์ เด็กผู้ ญิงตั เล็กๆ อายุ ๑๕ เดือน ขณะก�าลังเล่นของเล่นอยู่กับคุณ แม่ น้องทิพย์เ ลือบไปเ ็นข ดฟองลูกโป่งที่ างอยู่บนโต๊ะ น้องทิพย์นิ่งมอง คุณแม่ (อย่างเป็นอัตโนมัติ) รีบเอื้อมไป ยิบมาใ ้ แล้ ช นน้องทิพย์เป่าลูกฟองโป่งเล่นกัน
นีเ่ ป็นภาพเหตุการณ์ธรรมดาๆทีเ่ ราพบได้ทกุ วันในชีวติ ประจ�าวันทีค่ ณุ แม่ดแู ลลูกด้วย ความรัก ความห่วงใย ใน อ้ งตร จภาพทีไ่ ด้เ น็ กระบวนการคิดในเด็กเล็กๆ เป็นภาพทีน่ า่ นใจมาก น้องทิพย์ ยุดนิ่งมองข ดฟองลูกโป่งที่ างอยู่บนโต๊ะ ทุกคนใน ้องนิ่งและเฝ้ามอง กระบ นการที่ก�าลังค่อยๆเกิดขึ้น น้องทิพย์ ันมามองคุณแม่ ี น้าแปลกใจที่ครั้งนี้ คุณแม่ไม่ได้รีบเข้ามาช่ ย คุณแม่ ่งยิ้มใ ้ น้องทิพย์ ันกลับมามองข ดฟองลูกโป่ง นิ่งมองอีก ักพัก แล้ ค่อยๆเอื้อมมือไป ยิบข ด บังเอิญข ดอยู่ไกล น้องทิพย์ ยิบ ไม่ถึง น้องทิพย์เขย่งขาเพิ่มขึ้น พยายามเอื้อมอีก ... ยังไม่ได้ น้องทิพย์นิ่ง ี น้าเริ่ม เบะ ันมา าแม่ ขณะก�าลังจะร้องไ ้ คุณแม่เข้ามาปลอบ กอดและ ยิบใ ้ คุณแม่ ช นน้องทิพย์เป่าฟองลูกโป่งอย่าง นุก นานด้ ยกัน ฟลอร์ไทม์เน้นเรือ่ งของกระบ นการ กระบ นการในทีน่ ี้ มายถึง การทีผ่ ใู้ หญ่ รอคอย ผูใ้ ญ่เปิดโอกา ผูใ้ ญ่เฝ้า งั เกต งิ่ ทีจ่ ะเกิดขึน้ เมือ่ ผูใ้ ญ่เน้นกระบ นการ คือ สมองของเด็กจะได้รบั โอกาสในการฝึกฝนใช้ความคิด ฝึกแก้ปญ ั หาเฉพาะหน้า
ฝึกลองผิดลองถูก
เมื่อ มองของเด็กได้รับการฝึกฝน บ่อยๆ ทุก ันๆ เด็กก็จะเป็นเด็กที่ที่เก่งขึ้น ฉลาดขึ้น
58
ับ ฉบับความสุข
อารมณ์ หั ว ใจส� า คั ญ ที่ ข าดหายไปในงานด้ า นการกระตุ ้ น เด็ ก พัฒนาการล่าช้า เด็กพิเศษ มองย้อนกลับไป รู้ ึกแปลกใจมากที่พัฒนาการด้านอารมณ์เป็น ิ่งที่ ขาด ายไปอย่าง นิ้ เชิงในงานด้านการกระตุน้ เด็กพัฒนาการล่าช้า เด็กพิเ เ ตุผลที่ขาด ายไปน่าจะเป็นเพราะ อารมณ์เป็น ิ่งที่มองไม่เ ็น จับต้อง ไม่ได้ ิ่งที่มองเ ็นมักจะเป็นพฤติกรรมภายนอกที่เด็กแ ดงออก เช่น • เด็กโกรธที่เพื่อน ิ่งมาชน ันกลับไปเตะคืน • เด็กกลัวตุ๊กตาไดโนเ าร์ที่ างอยู่ใน ้อง เด็กข ้างของเล่นใ ่ มอ และข ้างของอืื่นๆลงพื้น • เด็กตืน่ เต้นเมื่อไป ถานที่ใ ม่ๆ โล่งๆ ก ้าง เด็กแ ดงพฤติกรรม ไม่นิ่ง ิ่งเตลิดไปมา • เด็กหงุดหงิด ไม่สบายตัว เพราะอากา ร้อน และก�าลัง ิ เด็กแ ดง พฤติกรรมงอแง และไม่ท�าตามกิจกรรมตามที่ครู ั่ง แน ทางการ ่งเ ริมพัฒนาการที่ผ่านมามักเป็นในแน จัดการกับ ปัญ าพฤติกรรมที่มองเ ็น เช่น จับ ยุดเมื่อเด็กแ ดงพฤติกรรมที่ไม่ เ มาะ ม รือ ใ ร้ าง ลั เมือ่ เด็กท�าได้ดี โดยไม่ได้มองเบือ้ งหลังของพฤติกรรม ที่อาจมี าเ ตุจากอารมณ์โกรธ กลั ตื่นเต้น รือ งุด งิดไม่พอใจ ผูเ้ ริม่ ต้น กึ าแน ทางฟลอร์ไทม์อาจรู้ กึ งง งง ไม่คอ่ ยเข้าใจ รู้ กึ มอง ไม่ออก เพราะโดยมากเรามักจะติดอยู่กับมุมมองเดิมๆ คือ มองเ ็นแต่ พฤติ ก รรมที่ เ ด็ ก แ ดงออก โดยไม่ ไ ด้ ม องเบื้ อ ง ลั ง รื อ าเ ตุ ข อง พฤติกรรมนัน้ ๆ ผูเ้ ริม่ ต้นเรียนรูฟ้ ลอร์ไทม์ใ ม่ๆ อาจต้องใช้เ ลาฝึกฝน กั พัก ลองพยายามฝึกทีจ่ ะมองเบือ้ ง ลังของพฤติกรรมต่างๆ ฝึก งั เกต เดาบ้างก็ได้ ค่ะ เอ๊ะ เด็กน่าจะก�าลังรู้ ึกอะไร กลั รือเปล่า รือก�าลังกัง ล รือโกรธ
ฝึกถามตั เองบ่อยๆ “ท�าไมเด็กถึงแ ดงพฤติกรรมแบบนี้ เด็กก�าลังรู้ กึ อะไร”
ับ
59
ฉบับความสุข
เด็กมีอารมณ์อะไรบ้างที่พบบ่อย ... ฝึกสังเกตอารมณ์ที่อยู่ เบื้องหลังพฤติกรรมของเด็ก • ความรัก ความอบอุน่ การดูแล ลูกเข้ามากอดแม่ รักแม่ ลูกเอา ตุ๊กตา มีมาอุ้ม อาบน�้าใ ้น้อง ่มผ้าใ ้ตุ๊กตา • ความพอใจ ชอบ สนุก ตืน่ เต้น ยิ้ม รือกระโดดโลดเต้นไปมา บาง คนเ ลา นุกมากๆ อาจมีอารมณ์ล้น ไม่ค่อยนิ่ง เล่นแรง ิ่งไปมา • เสียใจ อิจฉา เด็กอาจนัง่ นิง่ ๆ เงียบๆ เดินไปตีนอ้ ง กัดน้อง รืออาจ เบี่ยงเบนกลับไป มก มุ่นอยู่กับ ิ่งของเล็กๆ • ความอยากรูอ้ ยากเห็น เด็กทดลองเล่นของเล่น ลองพลิกไปมา นใจจดจ่อ ลองผิดลองถูก เล่น มมุติ า มบัติ เอาของไปซ่อนแล้ ช่ ยกัน า • ความอยากเอาชนะ อยากเป็นทีห่ นึง่ ความมุง่ มัน่ จดจ่อ พยายาม ท�า กิจกรรมงานต่างๆจนเ ร็จ ชอบการแข่งขัน ยิ่งแข่งขันยิ่งมีแรง จูงใจ อยากท�าใ ้ได้ ท�าใ ้ �าเร็จ ก�ากับ ค บคุม ั่งคนอื่นเพื่อใ ้ งาน �าเร็จ • ความโมโห โกรธ ก้าวร้าว พฤติกรรมท�าร้ายร่างกายผู้อื่น ท�าลาย ข้า ของ แ ดง ี น้า แ ตา โกรธ โมโ • ความกลัว ความกังวล พูดซ�้าๆ ถามซ�้าๆ เกาะ ลังแม่ ไม่กล้าริเริ่ม ท�าอะไรด้ ยตั เอง งอแง บางคนอาจแ ดงออกแบบก้า ร้า เพื่อ ปกป้องตั เอง • ความเห็นอกเห็นใจผูอ้ นื่ เข้าไปยืนมอง อยากช่ ยเ ลาเพื่อน กล้ม แบ่งปัน ิ่งของ เล่น มมุติช่ ยเ ลือ ัต ์ทุกตั • การบังคับ ควบคุม ดื่้อ ต่อต้าน ไม่เชื่อฟัง เถียง เล่น มมุติออก ค�า ั่ง เล่นบทบาทที่ก�ากับค บคุม เช่น เล่นเป็นพ่อแม่ ครู ั่งเด็กๆ
60
ับ ฉบับความสุข
ความก้าวร้าว...มองปัญหาพฤติกรรมเด็กอย่างเข้าใจพัฒนาการ อารมณ์ ถ้าเราฝึก ังเกตดีๆ เราจะเริ่ม ังเกตเ ็นการแ ดงออกอารมณ์ของเด็กแต่ละ คนทีแ่ ตกต่างกัน ตั อย่างเช่น อารมณ์โกรธ เด็กแต่ละคนจะแ ดงออกแตกต่างกันขึน้ กับระดับพัฒนาการ ค าม ามารถของเด็ก
เด็กเล็ก (หรือเด็กโตที่มีพฒ ั นาการถดถอยเมื่อมีอารมณ์) - แสดงออกด้วย พฤติกรรม/ท่าทาง หลีกหนี - เดิน นีไปท�าอย่างอื่น ลบไปร้องไ ้คนเดีย กลับไปโลก ่ นตั
เข้า า ัตถุ สู้ - ลงไม้ลงมือกับคนอื่น ตี ยิก กัด ต่อย เตะ แย่ง ข ้างของ ทุบโต๊ะ ภาษากาย/ท่าทาง - ี น้า แ ตา น�้าเ ียง กระทืบเท้า ชี้นิ้ ร้องโ ย าย นอนดิ้นกับพื้น
เด็กที่มีภาษา พูดโต้ตอบได้ - แสดงออกด้วย ภาษา ความคิดจินตนาการ เล่นสมมุตริ ะบายอารมณ์โกรธ เช่น ชอบเล่นบทบาทแรงๆ ต่อ ู้ บุก ท�าร้าย
ยิงกัน
ใช้ภาษาทีส่ อื่ ถึงความรูส้ กึ โกรธ โมโห เช่น จะเอาพ่อไปทิง้ ถังขยะเลย เอาแม่
ไปโยนไ ้นอกบ้าน เอา ระเบิดไปปาใ ่บ้านเพื่อนเลย สือ่ สารบอกความรูส้ กึ ตรงๆ เช่น ผมโกรธ ผมไม่ชอบ
เด็กที่เข้าใจเหตุและผล ก�ากับตัวเองได้ รับรูอ้ ารมณ์โกรธ เข้าใจเหตุผลภายนอก ก�ากับตัวเองได้ และ คิด หาวิธแี ก้
ปัญหา เช่น ผมโกรธที่เพื่อนมาล้อเลียน ผมไม่ชอบใ ้ท�าแบบนี้ ผมจะไปบอกคุณครู
ับ
61
ฉบับความสุข
ฝึกพลิกความคิด ... มองเห็นโอกาสในการพัฒนาลูกเมื่อลูก มีอารมณ์ เรียนรู้
ฟลอร์ไทม์จะมองอารมณ์ เป็นโอกาสในการช่วยให้เด็กพัฒนาและ
ตั อย่างเช่น เด็กคน นึ่งชอบเล่นแรงๆ ถ้าเ ลาโมโ ก็มักจะเผลอ ลงไม้ลงมือ ตี กัด เพื่อนใน ้อง ฟลอร์ไทม์จะใช้ ิธีกา� กับเด็กเฉพาะเมือ่ เด็กได้ลว่ งล�า้ สิทธิของผูอ้ นื่ ได้แก่ ท�าร้ายร่างกาย (ท�าคนอื่น รือ ท�าร้ายตั เอง) ท�าลายข้าวของ รือ ท�าร้ายจิตใจ (เช่น เด็กโตที่อาจพูดเยาะเย้ย พูด ยาบคาย) ถ้าเด็กยังไม่ได้ล่ งล�า้ ทิ ธิของผูอ้ นื่ ฟลอร์ไทม์จะเน้นใ พ้ อ่ แม่มองเห็น โอกาสในการพัฒนาลูกจากอารมณ์ทลี่ กู แสดงออก พ่อแม่ยังคงแ ดงออก ด้ ยการปลอบโยน เ ็นอกเ ็นใจ ค่อยๆช่ ยน�าพา ใ ้ลูกรู้จักอารมณ์ของตั เอง รู้จักพฤติกรรมที่ลูกแ ดงออกเมื่อมีอารมณ์ ช่ ยใ ้ลูกเรียนรู้ที่จะท�าใ ้ อารมณ์ของตั เองผ่อนลง เบาลง เมื่อลูกผ่อนคลายลงแล้ พ่อแม่ก็ช นลูก พูดคุย อื่ ารใ ต้ อ่ เนือ่ งเพือ่ ช่ ยกันคิดแก้ปญ ั า ทัง้ มดนีอ้ าจไม่เ น็ ผลใน ระยะ ั้น รือทันทีทันใด แต่มีเป้า มายในระยะยา เพื่อช่ ยใ ้เด็กเข้าใจตั เอง ก�ากับตั เองได้ เป็นแน ทางการ ง่ เ ริมพัฒนาการเด็กทีจ่ ะช่ ยแก้ปญ ั า พฤติกรรมอย่างยั่งยืน
62
ับ ฉบับความสุข
อารมณ์ พลังภายในที่ช่วยดึงพัฒนาการที่บกพร่องทั้งหมดให้กลับ มาท�างาน พร้อมๆกัน น้องฝาย เด็กผู้ ญิงอายุ ๓ ปี มีปัญ าพัฒนาการภาษาล่าช้า และการ เคลือ่ นไหวกล้ามเนือ้ ไม่คอ่ ยคล่องแคล่ว กล้มง่าย ทัก ะการเล่นของเล่นยังไม่ ม ยั
ชอบเล่นของเล่นง่ายๆ �าร จ ิ่งของ เอาของใ ่กล่องเข้าออก เอาตุ๊กตามา างเรียง รือ เล่นรถไถไปมา
ใน ้องตร จ ันนี้ภาพที่ได้เ ็น คือ เ ียง ั เราะ และรอยยิ้ม ายตาที่มองคุณ พ่อ คุณแม่ น้องฝ้าย ิ่งไปผลักลูกบอลลูกใ ญ่ใ ้กลิ้งไป าคุณพ่อ คุณพ่อรับลูกบอล แล้ กระเด้งตั ล้ม ฝ้าย ั เราะ นุก จดจ่อรอ เมื่อคุณพ่อนับ ๑ ๒ และ ยุดรอ ฝ้าย นับ ๓ ด้ ยเ ียงดัง พร้อมกระโดดตื่นเต้นดีใจที่ลูกบอลก�าลัง ิ่งเข้ามาชน เมื่อลูกบอล เข้ามาชน ฝ้ายหัวเราะสนุกอีก สักพักฝายเริม่ คิดพลิกแพลงการเล่น เปลี่ยนจากการ กลิง้ ลูกบอลใ ญ่เป็นเอาลูกบอลเล็กๆมา างเรียงแล้ ค่อยๆเตะไป าพ่อ ฝ้ายส่งเสียง ดัง สนุกโต้ตอบกับพ่อ “ไปแล้ .... เอาอีก....ไม่...ไม่โดน....เย้....” คุณแม่นั่งยิ้ม มอง ลูก และตบมือเชียร์อย่างตื่นเต้นและดีใจ อารมณ์...พลังผลักดัน า� คัญในการพัฒนาเด็ก เด็กพัฒนาการล่าช้า เด็กพิเ มีค ามแตกต่างที่ า� คัญ คือ พื้นฐานระบบ ประ าทยังท�างานได้ไม่คล่องแคล่ ไม่ร ดเร็ ไม่ ่องไ เมื่อเด็กได้เล่นใน ิ่งที่เด็ก นใจ ชอบ นุก เด็กจะมีแรงจูงใจ มีความต้องการ มีความอยากท�า สมองทุกส่วน
ของเด็กจะเปดออกพร้อมๆกัน เราจะเห็นความสามารถของเด็กทีเ่ พิม่ มากขึน้ ในขณะ นัน้ ช่วงเวลานัน้ เมื่อเด็กได้รับการฝึกฝนแบบนีบ้ อ่ ยๆ ทุกวัน ทุกวัน เราก็จะค่อยๆ เ ็นการ เปลี่ยนแปลง เด็กจะค่อยๆดีขึ้น ดีขึ้น เป็นพลังชี ิต พลังผลักดันภายใน ที่ค่อยๆออก มาจากข้างในตั เด็กเอง
รายละเอียด พัฒนาการองค์รวม
64
ับ ฉบับความสุข
รายละเอียด พัฒนาการองค์รวม นเด็กปกติ
ับ
65
ฉบับความสุข
รายละเอียดพัฒนาการองค์รวมในเด็กปกติ พัฒนาการขั้น ๑ - สงบ สนใจจดจ่อ (อายุพัฒนาการ แรกเกิด- 3 เดือน) ทารกค่อยๆปรับตั ใ ้เข้ากับโลกนอกครรภ์ของมารดา และค่อยๆ นใจ ิ่งเร้าภายนอก เช่น เ ียง ภาพ ัมผั โดย ามารถจดจ่ออย่าง งบได้นาน พอ มค ร พัฒนาการขั้น ๒ - สัมพันธภาพ ความผูกพัน (อายุพัฒนาการ 2-5 เดือน) ทารกเริ่มเรียนรู้ โลกภายนอก เริ่ม ัมผั ได้ถึงค ามรัก ค ามผูกพัน ของพ่อ แม่ แ ดงค ามรู้ ึกดีใจเมื่อเ ็นคนคุ้นเคย (ยิ้ม ่งเ ียงอ้อแอ้ ยกแขนขา) ั นาการ 4-9 เดือน) ทารก พัฒนาการขัน้ ๓ - สือ่ สารด้วยภาษาท่าทาง (อายุพฒ เริ่มตอบ นองต่อภา าท่าทางของผู้ใกล้ชิด เช่น ยิ้มตอบ โผเข้า า อ้อแอ้ ตอบ ต่อมาเรียนรู้ที่จะ ื่อ ารกับคน เช่น ่งเ ียงอ้อแอ้เรียกแม่ กางแขน ขอใ ้อุ้ม รู้จักเล่น นุกกับคน
ั หา (อายุพัฒนาการ 9-18 พัฒนาการขั้น ๔ - สือ่ สารได้ตอ่ เนือ่ งเพือ่ แก้ปญ เดือน) เด็ก ื่อ ารด้ ยภา าท่าทางที่ซับซ้อนมากขึ้น เพื่อบอกค ามต้องการ และแก้ปัญ า (เช่น เดินไปจูงมือพ่อ พาไปที่ตู้เย็น ทุบประตู ชี้ไปที่นม) เริ่มเรียนรู้ท่ีจะเข้าใจภา าท่าทางของคนอื่น เช่น แม่ท�าท่าโกรธ เริ่มเลียน แบบผู้ใ ญ่ ั ลัก ณ์ (อายุพฒ ั นาการ พัฒนาการขัน้ ๕ - ภาษา การคิด รือ อื่ ารด้ ย ญ 18-30 เดือน) เด็กเริม่ อื่ ารด้ ยการพูด เริม่ เข้าใจมุมองของคนอืน่ ามารถ เล่น มมติได้ แ ดงค ามคิดผ่านการเล่น และภา าท่าทางได้มากขึ้น มีการ แ ดงทางค ามคิดออกมาเป็นการกระท�ามากขึ้น พัฒนาการขั้น ๖ - เชือ่ มโยงเหตุและผล (อายุพัฒนาการ 30-48 เดือน) เด็ก จะ ามารถพูดเชื่อมโยงค ามคิด 2 เรื่องเข้าด้ ยกัน เช่น “ยังไม่นอน จะดูที ี” ตอบปัญ าอะไร ที่ไ น ท�าไมได้ เล่าเรื่องได้ เริ่มมีเ ตุผลอธิบาย การกระท�า ค ามรู้ ึก เช่น “พ่อกลับมาแล้ ดีใจจัง” มีการแ ดงออกทาง อารมณ์ที่ ลาก ลายผ่านการเล่น ค�าพูด รือจินตนาการ เริ่มเรียนรู้เรื่อง นามธรรมได้
66
ับ ฉบับความสุข
พั ฒ นาการองค์ ร วมในเด็ ก พั ฒ นาการล่ า ช้ า เด็กพิเศษ เด็กทีม่ พี ฒ ั นาการล่าช้า เด็กพิเ เราจะพบ า่ พัฒนาการองค์ร มไม่ เป็นไปตามอายุจริงเ มือนเด็กปกติ นอกจากนัน้ ยังมักพบ า่ เด็กมีพฒ ั นาการ กระพร่องกระแพร่ง พืน้ านไม่แน่น เช่น เด็กบางคนมีพัฒนาการถึงขั้น ๕ คือ มีภา าพูดคุย ได้แล้ แต่พัฒนาการขั้น ๑ ยังไม่ค่อยแน่น ท�าใ ้เด็กไม่ ค่อยจดจ่อ ่งผลใ ้การ ื่อ ารด้ ยภา าของพัฒนาการขั้น ๕ ไม่ต่อเนื่อง เพราะ เด็กไม่ ามารถ งบตั เอง ไม่ ามารถจดจ่อในการ ื่อ ารได้ การเรียนรู้ที่จะสังเกตพัฒนาการองค์รวมของลูก อาจเป็นเรื่องใ ม่ และไม่ง่ายมากนัก คุณพ่อคุณแม่อาจต้องใช้เ ลาที่จะท�าค ามเข้าใจอยู่บ้าง รือ อาจต้องมีนกั บ�าบัดช่ ยชีแ้ นะใ ใ้ นตอนเริม่ ต้นเรียนรู้ ในเด็กพัฒนาการ ล่าช้าไม่มาก พัฒนาการองค์ร มอาจ งั เกตได้ไม่ยาก แต่ในเด็กพิเเ ยิง่ ลูก
เราพิเศษมากเท่าไหร่ การพยายามท�าความเข้าใจพัฒนาการองค์รวมของ ลูกให้ละเอียดขึน้ จะเป็นกุญแจส�าคัญทีท่ า� ให้เราช่วยลูกได้มากขึน้ ค่ะ
เอาเป็น ่า ถ้าเริ่มต้นใ ม่ๆ ขอใ ้คุณพ่อคุณแม่พยายามเน้นเล่น นุก กับลูกมากๆไปก่อน มีเ ลาก็ลองค่อยๆ มาเรียนรู้ไปทีละนิด ทีละ น่อยค่ะ
การเรียนรูท้ ดี่ ที สี่ ดุ ต้องร่วมกับการลงมือท�ามากๆค่ะ แล้วจะค่อยๆเข้าใจมาก ขึน้ ค่ะ
ับ
67
ฉบับความสุข
พัฒนาการขั้น ๑ สงบ สนใจสิ่งรอบตัว พัฒนาการขั้นที่ ๑ คือ ความสามารถในการสงบตัวเอง จดจ่อ และสนใจสิง่ รอบตัว ได้ใน
หลากหลายสถานการณ์ หลากหลายอารมณ์
ตั อย่างเช่น • แม่พาลูกนั่งรถเข็นออกไปนอกบ้าน ลูก งบ ผ่อนคลาย นใจ มอง ิ่งรอบตั • ลูกเล่น นุกกับพ่อแม่ ามารถ งบตั เอง จดจ่อในการเล่นได้นาน • เมื่อพาลูกไป ้างที่มีคนแ ง ีจ้า ลูกตื่นเต้น ิ่งเตลิดไป แม่เข้าไปปลอบโยนลูก กอด ใช้น�้าเ ียงที่อ่อนโยน ช่ ยใ ้ลูก งบลง ลูก ามารถจดจ่อในการท�ากิจกรรมต่อได้ พัฒนาการขั้น ๑ เป็นพื้นฐานที่ า� คัญ เด็กที่มีพัฒนาการขั้น ๑ บกพร่องเด็กจะไม่ ามารถ จดจ่อในการ ร้าง ัมพันธภาพ ไม่จดจ่อในการ ื่อ าร ไม่จอจ่อในการคิด พัฒนาการขั้นอื่นๆจะ บกพร่องตามไปด้ ย ปัจจัยที่ท�าใ ้พัฒนาการขั้น ๑ บกพร่อง ได้แก่ ๑) ด้านร่างกาย เช่น เด็ก ิ เด็กง่ งนอน เด็กอาจแ ดงออกโดยไม่นิ่ง ุ่น าย รือ งอแง ๒) ด้านอารมณ์ เช่น เด็กกลั กัง ล ตื่นเต้น เด็ก อาจแ ดงออกโดยเดินไปมา ถามค�าถามซ�้าๆ รือ ่งเ ียงดัง ๓) ด้านความแตกต่างของเด็ก เช่น เด็กทีม่ ปี ญ ั าการ งั่ การกล้ามเนือ้ บกพร่อง เด็กอาจจะท�างานได้เพียงขัน้ ตอนเดีย นั้ ๆ การท�างาน ลายขั้นตอนเป็นเรื่องยาก ท�าใ ้ไม่ ามารถจดจ่อได้นาน เด็กที่มีพัฒนาการขั้น ๑ บกพร่อง เราจะเ ็นเด็กมีลัก ณะไม่นิ่ง ไม่จดจ่อ ท�ากิจกรรมได้ไม่นาน พ่อแม่ ามารถช่ ยลูกใ ้ งบ จดจ่อ รือ มี มาธิมากขึน้ โดยเริม่ จาก งิ่ เล็กๆใกล้ๆ ตั ได้แก่ การเข้าไปร่วมสนใจในกิจกรรมทีล่ กู ท�า ร่วมเล่นสนุกกับลูก โดยมีเป้า มายเพื่อฝึก มองของลูก ใ ้เคยชินกับการจดจ่อ มี มาธิ การฝึกฝนจ�าเป็นต้องเริ่มจาก ัมพันธภาพที่ดี ลูกมีอารมณ์ร่ ม อยากท�า ที่ �าคัญงานทีใ่ ห้ลกู ท�าต้องไม่ยากเกินไป
68
ับ ฉบับความสุข
พัฒนาการขั้น ๒ สัมพันธภาพ ความผูกพัน พัฒนาการขัน้ ที่ ๒ คือ ความสามารถในการสร้างสัมพันธภาพ ผูกพันกับคน ในหลากหลาย
อารมณ์
ตั อย่างเช่น เ ลาเด็กกลั กัง ล ตื่นเต้น เราจะเ ็นเด็กพยายามช่ ยใ ้ตั เอง งบลง รู้ ึก ปลอดภัย ด้ ยการ ิ่งเข้า าแม่ ลบ ลังแม่ รือเข้า าผู้ใ ญ่ที่ใกล้ชิด รือในอารมณ์อื่นๆ เช่น โกรธ ไม่พอใจ งุด งิด เราก็จะเ น็ เด็กยังสามารถคงสัมพันธภาพอยูก่ บั คนได้ เช่น เถียง ทะเลาะ รือ อาจแย่งของกัน เด็กไม่ ิ่งเตลิด นีไป รือ ลบ นีกลับไป มก มุ่นอยู่กับ ัตถุ พัฒนาการขั้น อง พบบกพร่องมากในกลุ่มเด็กออทิ ติก เราจึงเ ็นพฤติกรรมของเด็ก ออทิ ติกที่มักอยู่ในโลก ่ นตั ไม่ค่อย นใจคน รือ อยู่กับคนได้ในบาง ถานการณ์ (เช่น เฉพาะ ตอนอยากได้ขนม ก็จะเข้ามา า) รือบางอารมณ์ (เช่น เฉพาะตอนเล่น นุก) เด็กพัฒนาการล่าช้า ทีไ่ ค ามรู้ กึ กลั ง่าย กัง ล อารมณ์ลน้ ง่าย เราก็อาจพบ า่ มั พันธภาพ กับคนไม่แน่นแฟ้น ไม่ ามารถ ร้าง มั พันธภาพกับคนได้ในทุกอารมณ์ เช่น ทุกครัง้ ทีร่ ู้ กึ กลั มาก กัง ลมาก โกรธมาก รือ ตื่นเต้นมาก (อารมณ์ล้น) เด็กอาจแ ดงออกเป็นพฤติกรรม เช่น เดิน นี กระโดดไปมา ตีตั เอง รือ อาจแ ดงออกโดย ปิดตั เอง เช่น จ้องมองออกไปนอก น้าต่างนิ่งๆ ไม่รับรู้ ิ่งรอบตั รือบางคนพยายาม งบตั เองด้ ยการกลับไปอยู่กับ ัตถุ ิ่งของ นั่งมอง ิ่งของ มุนๆ การช่ ยเ ลื อ เด็ ก ที่ มี พั ฒ นาการขั้ น องบกพร่ อ ง จึ งเน้นสัมพันธภาพในทุกอารมณ์
ปรับเปลีย่ นมุมมองจากการมองพฤติกรรมเด็ก เป็นการมองอารมณ์ทอี่ ยูเ่ บือ้ งหลังพฤติกรรมนัน้ ๆ
และช่ ยปลอบโยนอารมณ์ใ เ้ ด็กรู้ กึ อบอุน่ ปลอดภัย ปัญ าพฤติกรรมทีเ่ ด็กแ ดงออกจะลดน้อยลง
ับ
69
ฉบับความสุข
พัฒนาการขั้นที่ ๓ สื่อสารด้วยภาษากาย พัฒนาการขัั้นที่ ๓ คือ ค าม ามารถในการ ื่อ ารด้ ยภา ากาย และ ค าม ามารถในการ เข้าใจภา ากายของคนอื่น
การสือ่ สารด้วยภาษากาย ได้แก่ ี น้า แ ตา น�า้ เ ียง ท่าทาง เช่น ย้ิ้ม ั เราะ แ ตา
เป็นประกาย เมื่อรู้ ึก นุก ชอบ รือ ่าย น้า พยัก น้า ท�าท่าใ ้อุ้ม
การเข้าใจภาษากายของคนอืน่ เช่น เมื่อแม่ก ักมือเรียก เด็กเข้าใจ ่าแม่ต้องการใ ้เดินไป
า พ่อชีไ้ ปที่ งิ่ ของ เด็กเข้าใจและมองตามมือทีช่ ี้ เพ่อื่ นแ ดง ี น้าโกรธ ไม่ชอบ เด็ก ยุดพฤติกรรม ที่ก�าลังท�าอยู่ พัฒนาการขั้น ๓ เป็นพัฒนาการที่ �าคัญ และเป็นพัฒนาการที่ถูกลืมในงานด้านการ ่งเ ริม เด็กพัฒนาการล่าช้า เด็กพิเ เพราะ เรามักจะไปเน้นอยากใ ้เด็กพูดได้ โดยลืมไป ่าการ ื่อ าร การแ ดงออกค ามคิด ค ามรู้ ึก ามารถแ ดงออกผ่านภา ากาย
คนเรามักจะเชือ่ กันทีภ่ าษากายมากกว่าภาษาพูด เช่น เมือ่ เพือ่ นถามเรา า่ เป็นอย่างไรบ้าง
แล้ เราตอบเพื่อน ่า บายดี แต่ ี น้าเรา ม่น มอง และไม่มีรอยยิ้ม เพื่อนก็อาจจะถามต่อ ่าเป็น อะไร รือเปล่า เพราะ งั เกตจากภา ากายทีเ่ ราแ ดงออก ค ามรู้ กึ ของคนจะเลือกเชือ่ ภา ากาย มากก ่าเนื่้อ าในค�าพูด ภา ากายมีค าม า� คัญมากในเด็ก โดยเฉพาะในการเล่นด้วยกัน การหยอกล้อกัน ตั อย่าง เช่น เด็กอยากเข้ามาช นเพื่อนเล่น ิ่งไล่จับ เด็กอาจ ิ่งเข้ามาแตะ ลังเพื่อนแบบแรงๆ แล้ ่งเ ียง ั เราะ แล้ แกล้ง ิ่ง นี เมื่อเพื่อน ันกลับไป เ ็นเพื่อน ิ่ง นี เ ็น ี น้าเพื่อนก�าลังยิ้ม ั เราะ แล้ ท�าท่า ลอกล่อ เด็กก็จะ งิ่ ตาม กลายเป็นการเล่น นุก งิ่ ไล่แปะกัน แกล้งกันเล่นๆ แบบ นุกๆ ด้ ยกัน เด็กที่ ามารถเล่นกับเพื่อนได้ จึงไม่ได้ มายเพียงถึง อยู่ในกลุ่มด้ ยกัน ท�ากิจกรรมด้ ยกัน เท่านั้น การจะมีปฏิ ัมพันธ์กัน ผูกพันกัน เล่นด้ ยกันได้ อา ัยความสามารถทีส่ า� คัญ คือ ค าม ามารถในการ ื่อ ารด้ ยภา ากาย และ เข้าใจภา ากายที่คนอื่นแ ดงออกด้ ย
70
ับ ฉบับความสุข
เด็กที่มีพัฒนการขั้น ๓ บกพร่อง เราจะพบ ่าเด็กไม่ ามารถแ ดงออกทาง ี น้า แ ตา รือใช้ทา่ ทางได้ ลาก ลายเท่าเด็ก ยั เดีย กัน เม่อื่ เด็กมีอารมณ์โกรธ โมโ ตืน่ เต้น เด็กไม่ ามารถ แ ดงออก ื่อ ารบอกค ามรู้ ึกของตั เองใ ้คนอื่นทราบ จนกระทั่งเมื่อโกรธมากๆ จึงแ ดงออก แบบเปรีย้ งออกมาทันที เช่น ต่อย น้าคนอืน่ รือ งิ่ นีเตลิดไป คนทีอ่ ยูด่ ้ ยก็อาจ งง ในพฤติกรรม ที่แ ดงออก และมอง ่าเด็กมีปัญ าพฤติกรรม เช่น ก้า ร้า รุนแรง การช่ ยเ ลือลูกที่มีพัฒนการล่าช้า ใ ้มีพัฒนาการขั้น ๓ จึงต้องเริ่มต้นด้ ยทั นคติและ ค ามเข้าใจทีถ่ กู ต้อง คือ คุณพ่อคุณแม่ตอ้ งรูส้ กึ และมองเห็นว่าภาษากายมีความส�าคัญ ไม่เน้นฝึก เอาค�าพูด หรือภาษาพูดแต่เพียงอย่างเดียว พ่อแม่เน้นการ ร้าง มั พันธภาพทีด่ กี บั ลูกในทุกอารมณ์ ใช้เทคนิคแกล้งงง เพื่อช่ ยใ ้ลูก ื่อ ารเพิ่มขึ้น และคุณพ่อคุณแม่เน้นการใช้ภา ากาย ทาง ี น้า แ ตา น�้าเ ียง ท่าทางกับลูกใ ้ ลาก ลาย เพื่อใ ้ลูกเรียนรู้ที่จะเข้าใจภา ากายของคนอื่น
เริ่มต้นด้ ยทั นคติและค ามเข้าใจที่ถูกต้อง คือ
คุณพ่อคุณแม่ตอ้ งรูส้ กึ และมองเห็นว่าภาษากายมีความส�าคัญ
ับ
71
ฉบับความสุข
พัฒนาการขั้นที่ ๔ สื่อสารได้ต่อเนือ่ งเพื่อแก้ปัญหา พัฒนาการขัน้ ๔ คือ ค าม ามารถในการแก้ปญ ั าโดยลงมือท�าได้อย่างต่อเนือ่ ง รือ อื่ าร ด้ ยท่าทาง ี น้า แ ตา น�า้ เ ียง ค�า ั้นๆ ได้ต่อเนื่องเพื่อพยายามแก้ปัญ า ตั อย่างเช่น เด็กอยากได้ขนมบนตู้ เด็กยืนมอง พยายามเอือ้ มมือ ยิบ ยิบไม่ได้ เดินไปลาก เก้าอี้ ปีนขึน้ ไปบนเก้าอี้ ยิบขนม นั มา าแม่ ยิม้ ง่ เ ยี งดีใจ แล้ ปีนลงมาจากเก้าอี้ (ลงมือท�าได้
ต่อเนือ่ งเพือ่ แก้ปญั หา)
รือ เด็กอีกคน นึ่ง ่งเ ียงดัง ร้องเรียกแม่ “อะ อะ” แล้ พยายามชี้ไปที่ขนม แม่ไม่ นใจ เด็กเดินไป าแม่ ดึงมือ พร้อม ่งเ ียง พร้อม ี น้า แ ตา “อะ อะ” แล้ ชี้ไปที่ขนมอีก คุณแม่เดิน ไป ยิบขนมใ ้ เด็กยิ้มดีใจ (สือ่ สารด้วยท่าทางได้ตอ่ เนือ่ งเพือ่ แก้ปญ ั หา) พัฒนาการขั้น ๔ เป็นพัฒนาการขั้น �าคัญ มักพบบกพร่องมากในกลุ่มเด็กพัฒนาการล่าช้า เด็กพิเ เพราะ เด็กอาจติดขัดเรื่อง มอง การ ั่งการกล้ามเนื้อ ท�าใ ้ไม่ ามารถค บคุมร่างกาย ใ ้ท�างานได้ซับซ้อน ต่อเนื่อง นอกจากนั้น ยังเกิดจากการเลี้ยงดู ที่พ่อแม่ท�าใ ้ลูกทุกอย่าง ท�าใ ้ ั หา มองและร่างกายของเด็กขาดโอกาสในการคิด ลงมือท�า หรือสือ่ สารเพือ่ แก้ปญ เด็กที่มีพัฒนาการขั้น ๔ บกพร่อง เรามักจะพบ ่าเด็กมีพฤติกรรมยึดติด ท�าอะไรซ�้าๆ เช่น เมื่ออยากได้ขนม แต่เอาไม่ได้ เด็กกลับมา มก มุ่นกับ ิ่งของ เดินไปมา รือ นั่งเรียงของเล่นซ�า้ ๆ ไปมา เด็ ก ขาดค าม ลาก ลายใน ิธีการลงมื อ ท� า รื อ ค าม ลาก ลายใน ิ ธี ก าร ื่ อ าร ไม่ ามารถแก้ปัญ าใ ้ตั เองได้ เด็กอาจแ ดงออกโดยโ ย าย รือ มีพฤติกรรมตีตั เอง โกรธ โมโ พ่อแม่ ามารถช่ ยลูกใ ้มีพัฒนาการขั้น ๔ ใ ้แน่น โดยเปดโอกาสให้ลกู ลงมือท�าเองมากๆ พ่อแม่คอยลุ้น เชียร์ ใ ้ก�าลังใจ พ่อแม่ชว่ ยแบ่งงานเป็นขัน้ ตอนย่อยให้เด็กรูส้ กึ ประสบความส�าเร็จ นอกจากนั้นพ่อแม่อาจใช้เทคนิคแกล้งงง ท�าเป็นไม่เข้าใจ เพื่อฝึกให้ลกู จดจ่อ พยายามสือ่ สารแก้
ปัญหาได้ตอ่ เนือ่ งจนส�าเร็จ
72
ับ ฉบับความสุข
พัฒนาการขั้น ๕ ภาษา และ การคิด พัฒนาการขั้น ๕ คือ ค าม ามาถในการใช้ภา าและค าม ามาถในการแ ดงค ามคิดของ ตั เอง โดยเด็กอาจแ ดงออกค ามคิดของตั เองผ่านการใช้ภา าพูดบอก รือ ใช้ ื่อ ัญลัก ณ์ อื่นๆ เช่น การ าดรูป การเล่น มมุติ พัฒนาการขั้น ๕ มีค าม า� คัญ และเป็นก้าวกระโดดทีสา� คัญในพัฒนาการของเด็ก เราจะ เริม่ อื่ ารกับเด็กใน งิ่ ทีไ่ ม่ได้อยูต่ รง น้าเด็กได้ ( รือ อื่ ารกับเด็กโดยใช้ ญ ั ลัก ณ์ทดแทน) เช่น เราอาจคุยกับเด็กเรืื่องช้าง เรื่องยานอ กา เรื่องไดโนเ าร์ โดยใช้ภา าเป็น ื่อ เด็กมีภาพใน ั ่า เราก�าลัง มายถึงอะไร เด็กที่เข้าใจ ัญลัก ณ์ รือ พูดง่ายๆ คือ เริ่มเข้าใจภา า เด็กจะมีพัฒนาการก้า กระโดดที่ �าคัญ คือ จะเริม่ ใช้ความคิดของตัวเองในหัวได้ และถ้าเด็กมีภา าพูด เด็กก็จะ ามารถสือ่ สาร ความคิดของตัวเองออกมาทางภาษาพูดได้ เช่น อื่ ารบอกค ามต้องการ “เอาขนม” รือ อื่ าร บอกอารมณ์ เช่น “ นูกลั นูไม่ชอบ” ในเด็กที่ยังไม่มีภา าพูด ่ นใ ญ่เกิดจากค ามบกพร่องของ มองใน ่ นที่เกี่ย ข้องกับ ภา าทั้งค าม ามารถในการเข้าใจภา า การประม ลเรียบเรียง และค ามคล่องแคล่ ของ มอง ในการดึงภา าออกมาใช้
รอ้ ยนะคะ่ บ ี ย ร ้ เ ห ใ ่ ั ง น ๆ ็ ก เด
ับ
73
ฉบับความสุข
สิ่งที่อยากแนะน�าคุณพ่อคุณแม่ถ้าลูกยังไม่มีภาษาพูด ขอให้คณ ุ พ่อคุณแม่ช่วยลูก ดังนี้ ๑) กลับมาท�าพืน้ านพัฒนาการขัน้ ๑-๔ ให้แน่น • ช่ ยใ ้ลูก งบตั เอง นใจ ิ่งรอบตั นใจมี ัมพันธภาพกับคน • เน้นการเล่นเพื่อใ ้ลูกมีแรงจูงใจในการ ื่อ ารด้ ยท่าทางเพิ่มมากขึ้น • เน้นการ อื่ ารกับลูกด้ ยภา าท่าทางที่ ลาก ลาย และใช้คา� พูด นั้ ๆกับลูก เพือ่ ใ ้ มอง ของลูกค่อยๆเรียนรู้ภา าทีละนิด และท�าซ�า้ ๆบ่อยๆ • คุณพ่อคุณแม่ฝกึ การรอคอยให้นานพอ เพื่อเปิดโอกา ใ ้ มองของลูกได้คิด “ริเริ่ม” การ ื่อ าร (เรื่องนี้ �าคัญมากๆ) • พยายามท�ากิจกรรมต่างๆใ ้ซับซ้อนขึ้น ฝึกให้ลกู พยายามลงมือท�า แก้ปัญ าได้ต่อเน่ื่อง จน �าเร็จ
๒) การฝึกร่างกาย (motor and sensory integration) อ่านรายละเอียดในบทที่ ทั้ง องข้อนี้มีเป้า มาย า� คัญ คืือ เพื่อเตรียมพืน้ านสมองของลูกให้มคี วามพร้อมในการ รองรับ ภาษา ค่ะ มอเชือ่ า่ ปาฏิ าริยม์ จี ริง ปาฏิ าริยจ์ ะเกิดเมือ่ เราท�าใน งิ่ ทีถ่ กู ต้อง ลงมือท�า และพยายาม ค ามอดทนที่นานพอ ค ามพยายามที่มากพอ จะช่ ยใ ้ปาฏิ าริย์เกิดขึ้นได้จริง �า รับลูกของ เรา มอคิด ่า เขาอาจต้องใช้เ ลาในการเตรียมพื้นฐานโครง ร้างของ มองที่นานก ่าเด็กคนอื่นๆ แต่ มอเชื่อ ่าถ้าเราพยายาม เราท�า และท�าด้ ย ิธีการที่ถูกต้องไปเรื่อยๆ มอเชื่อ ่าสักวันหนึง่ สักวันหนึง่ ลูกของคุณพ่อคุณแม่จะต้องพูดได้อย่างแน่นอนค่ะ มีคณ ุ แม่คน นึง่ เพิง่ เริม่ เข้ามาใช้ฟลอร์ไทม์ตอนลูกอายุ ๖ ปี ตอนมาใ ม่ๆ เด็กอยูใ่ นโลก ่ น ตั ไม่ นใจคน ไม่ค่อย ื่อ าร คุณแม่พยายามมากๆ ผ่านไปเกือบ ๓ ปี เด็กเริ่ม ื่อ ารด้ ยท่าทาง ได้ ลาก ลายขึน้ เล่นกับพีน่ อ้ งในครอบครั ได้ และเริม่ มีคา� นั้ ๆ ลายค�ามากขึน้ จ�าได้ า่ คุณแม่นา�้ ตาไ ลในเ ทีกลุม่ พ่อแม่เด็กโตแล้ บอกพ่อแม่คนอืน่ ๆ า่ คุณแม่เคยรู้ กึ มดค าม งั เรือ่ งการพูด ของลูก คิด ่าลูกคงไม่มีโอกา พูดได้แล้ คุณแม่เคยได้อ่านใน นัง ือ ที่เขาบอก ่าถ้าเด็กอายุ ๕ ปี แล้ ยังไม่มีภา า เด็กมักจะพูดไม่ได้ คุณแม่บอก ่า ันนี้คุณแม่อยากบอกทุกคน ่า ลูกของคุณแม่
เริม่ พูดได้แล้ว
74
ับ ฉบับความสุข
พัฒนาการขั้น ๖ เชื่อมโยงเหตุและผล พัฒนการขั้น ๖ คือ ความสามารถในการเชือ่ มโยง ความคิด ความต้องการ อารมณ์ ของ ตัวเอง กับความเป็นจริงภายนอกได้ รือพูดง่ายๆ คือ เริ่มอยู่ใน ังคมได้ เริ่มรับรู้และเข้าใจค าม จริงของ ่ิงรอบตั มากขึ้น รือ พูดง่ายๆ อีก ก็คือ เด็กเริ่มเชื่อมโยง และเริ่มเข้าใจเ ตุและผล ามารถตอบค�าถาม “ท�าไม” ได้ ตั อย่างเช่น เด็กอาจ ื่อ ารบอก ่า “อยากไป อยากออกไปข้างนอก” แม่ถาม ่าไปท�าอะไร เด็กบอก ่า “ไปเล่นกับเพื่อน” เด็กเชื่อมโยงค ามต้องการ ค ามคิด ของตั เอง และ ื่อ ารบอกได้ รือ เมื่อพ่อถาม ่า “ท�าไมต้องไป” เด็กบอกเ ตุผลง่ายๆ ่า เพราะ “ นูชอบเล่นกับเพื่อน” “เล่น กับเพื่อน นุก” ถ้าเด็กมีพัฒนาการถึงขัั้น ๕ คือ มีภา าแล้ การน�าพาเด็กไป ู่พัฒนาการขั้น ๖ เป็นเรื่องไม่ ยากมากนัก ถ้าพ่อแม่รเู้ ทคนิค ธิ กี ารและให้เวลาพูดคุย เล่นสมมุตกิ บั ลูก พาลูกไปเจอประสบการณ์ ใหม่ๆบ่อยๆ ลูกก็จะเริ่มเชื่อมโยงเ ตุและผล เข้าใจ ิ่งรอบตั และ ื่อ ารด้ ยภา าในระดับเ ตุผล ได้ ลาก ลายขึ้นเรื่อยๆ
เด็กทีม่ พี ฒ ั นาการขัน้ ๖ ไม่เต็ม เด็กอาจจะตอบค�าถามแบบ ะเปะ ะปะ พอเจอค�าถามยาก
เด็กอาจเฉไฉไม่ตอบ รือ ลบเลี่ยง เดิน นีไป รือ บางคนกลับไปพูดเรื่องใน มมุติ จินตนาการ รือ บางคนก็ตอบแบบมั่ ๆไป คือ เราจะรูส้ กึ ว่าพูดกับเด็กคนนีแ้ ล้วไ่มค่ อ่ ยรูเ้ รือ่ ง คุยกันไม่คอ่ ย เข้าใจ งง สุดท้ายก็มกั จะเลิกคุยกันไป เด็กก็จะมีปัญ าเรื่องการพูดคุย การเข้า ังคมกับเพื่อน เพือ่ นไม่อยากเล่นด้วย ไม่อยากคุยด้ ย รืออาจกลายเป็นตั ตลกประจ�า ้อง โดนเพื่อนล้อเลียน พ่อแม่จงึ ต้องพยายามช่ ยลูก โดยดึงใ ล้ กู พูดคุยโต้ตอบใ ต้ อ่ เนือ่ ง มเ ตุ มผล ถ้าลูกตอบ ไม่ได้อาจช่ ยใ ้ตั เลือก เช่น “ นูอยากออกไปข้างนอก เพราะ นูอยากออกไปกินขนม รือ นูอยากไปเล่นกับเพ่ื่อนค่ะ” ่งิ �าคัญที่ ุด คือ ให้เด็กมีอามณ์รว่ มอยากพูดคุย อยากตอบค�าถาม เน้น ัมพันธภาพที่ดี ใ เ้ ด็กมีแรงจูงใจ อยากพูด อยากตอบ ทัง้ มดนีเ้ ป็นปัจจัย า� คัญทีจ่ ะช่ ยใ ล้ กู พูดคุย โต้ตอบ และ เชื่อมโยงเ ตุผลได้มากขึ้น
ับ ฉบับความสุข
พัฒนาการขัน้ ๑-๒ - มั พันธภาพ ( งบ จดจ่อกับคนได้ในทุกอารมณ์) พัฒนาการขัน้ ๓-๔ - ่อื าร ด้ ย ี น้า แ ตา ื่อ ารด้ ยท่าทางได้ซับซ้อนต่อเนื่อง (จนแก้ปัญ าได้ แม้จะยังพูดไม่ได้) พัฒนาการขัน้ ๕-๖ - มีภา าพูด แ ดงค ามคิดของตั เองได้ มีเ ตุมีผล
75
76
ับ ฉบับความสุข
พัฒนาการองค์รวม เหมือน เครือ่ งยนต์ ทีอ่ ยูข่ า้ งในรถ
ถ้ารถเ ียแล้ เราซ่อมรถ โดยเลือกเพียงซ่อมแซมภายนอก ปะ ติด ซ่อมตั ถัง พ่น ีใ ม่ ใ ้ รถดูดี เ มือนๆ รถคันอื่น เราอาจจะได้รถที่ดูเ มือนดี แต่ยังเอามาใช้ไม่ได้ รถ ิ่งไม่ได้ รือ ิ่งแล้ ล้ม ิ่งแล้ ก็พังอีก เปรียบเ มือนเด็กพิเ ถ้าเราพยายามแก้ปญ ั าเด็กพิเ โดยพยายามปรับพฤติกรรมเด็ก จับ ยุด ก�ากับ ั่งไม่ใ ้ท�าพฤติกรรมแปลกๆ ั่งใ ้เด็กนั่งใ ้เรียบร้อย ไม่กระโดดไปมา ไม่พูดซ�้าๆ ไม่ตะโกนเ ียงดัง เราอาจเพียงก�าลังช่ ยใ ้เด็กดูดีเพียงภายนอก แต่เราไม่ได้ก�าลังช่ ยใ ้เด็กกลับ มามีชี ิต ท�างานได้ ใช้การได้
ฟลอร์ไทม์เน้น ซ่อมเครือ่ งยนต์ขา้ งใน เพือ่ ให้รถกลับมาวิง่ ได้ ใช้การได้
กั ดิ ิทธิ นิท ง ์ ณ.อยุธยา พยาบาล ชิ าชีพ/นักกระตุ้นพัฒนาการ จ. งขลา
เครือ่ งยนต์ พลังขับเคลื่อนภายใน
ที่มาจากค ามอยาก ค ามต้องการ แรงจูงใจของเด็กเอง
ับ
77
ฉบับความสุข
ถ้าเด็กมีพฒ ั นาการองค์รวมบกพร่องจะแสดงออกอย่างไร พฤติกรรมแปลกๆ ของเด็กพิเศษ
ค าม �าคัญของพัฒนาการองค์ร ม ท�าใ ้เข้าใจพฤติกรรมที่แปลกๆ ของเด็กพิเ และรู้ ิธี ่งเ ริมพัฒนาการเพื่อแก้ปัญ าพฤติกรรมอย่างยั่งยืน
บทที่ ๓
ความแตกต่างระบบ ประสาทของเด็ก
80
ับ ฉบับความสุข
ับ ฉบับความสุข
ระบบความรูส้ กึ
ระบบประมวลข้อมูล ระบบสัง่ การ กล้ามเนือ้
พฤติกรรม ทีเ่ ด็กแสดงออก
ความแตกต่างระบบประสาทของเด็ก
81
82
ับ ฉบับความสุข
ความแตกต่างระบบประสาทของเด็ก ระบบรับความรู้สึกของร่างกาย
• มองเ ็น ได้ยิน ัมผั ลิ้มร ดมกลิ่น เอ็นข้อต่อ ทรงตั • เฉื่อย - ิ่งกระตุ้นต้องแรง ถึงจะรู้ ึก เล่นแรงๆ กลิ่นแรงๆ ร จัดๆ • ไ - ิ่งกระตุ้นนิดเดีย ก็รู้ ึก ่ามากแล้ ไม่เอาแล้ ขี้กลั ขี้ตกใจ
ระบบประมวลข้อมูล
• เมื่อตามองเ ็นแต่ มองตีค าม ะเปะ ะปะ • เมื่อ ูได้ยิน แต่ มองตีค ามกระพร่องกระแพร่ง
ระบบสั่งการกล้ามเนือ้
• ลูกมีปัญ าระบบ ั่งการกล้ามเนื้อ • ร ดเร็ ปราดเปรีย ทนทาน • เชื่องช้า ชอบอยู่นิ่งๆ ล้าง่าย
สรุปความแตกต่างระบบประสาทของเด็ก มองปัญหาพฤติกรรมเด็กปกติอย่างเข้าใจความแตกต่างระบบประสาท มองปัญหาพฤติกรรมเด็กพิเศษอย่างเข้าใจ เห็นอกเห็นใจในความยากล�าบาก ตัวอย่างการน�าความเข้าใจเรือ่ งระบบประสาทไปประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจ�าวัน สรุป (อีกครั้ง) พ่อแม่ต้องสังเกตความแตกต่างระบบประสาทอะไรบ้าง
เอามือจั บกะทะร้อน กระเด้ง มือออกทั นที ตัวอย่างการท�างานของระบบประสาทพื้น าน สิ่งกระตุ้นภายนอก - ค ามร้อนของกะทะ ระบบรับความรู้สึกของร่างกาย (ผิ นัง) - รับรู้ ัมผั ของร้อน ระบบประมวลข้อมูล ( มอง) - ร้อนมากๆ อันตราย ระบบสั่งการกล้ามเนื้อ - กระเด้งมือออกทันที พฤติกรรม - ี น้าตกใจ ่งเ ียงร้องโ ย าย
84
ับ ฉบับความสุข
ระบบรับความรู้สึกของร่างกาย ระบบรับความรู้สึกของร่างกายที่ส�าคัญ ระบบ ระบบสัมผัส - ผิ นัง
ร้อน เย็น เจ็บ ไม่เจ็บ
ระบบการลิม้ รส - ลิ้น
าน เค็ม เปรี้ย จืด
ระบบการได้กลิน่ - จมูก ระบบการได้ยนิ - ู ระบบการมองเห็น - ตา
อม เ ม็น ฉุนๆ บูด เ ียงทุ้ม เ ียงแ ลม เ ียงดัง เบา ี ัน แ งจ้า มืด ลั
ระบบเอ็นและข้อต่อ - กล้ามเนื้อ เอ็น ข้อต่อ ระบบการทรงตัว - ูชั้นใน
การน ด กดแรงๆ กดเบาๆ กระแทกแรงๆ
โคลงเคลง เมาง่าย โลดโผน ้อย ั ตีลังกา มุนตั
คนแต่ละคนมีความไว ความเฉื่อย ของระบบรับความรู้สึกที่แตกต่างกัน เช่น • บางคนนั่งเรือโคลงเคลงนิด น่อยก็เมา อาเจียนแล้ (ระบบการทรงตั - ไ ) • บางคน ามารถเล่นรถไฟเ าะตีลงั กา รือชอบเล่น มุนตั เร็ ๆได้โดยไม่รู้ กึ เ ยี น ั อะไร (ระบบการทรงตั - เฉื่อย) • บางคนไม่ชอบทุเรียนเลย รู้ ึก ่ากลิ่นแรงมาก ถ้ามีทุเรียนอยู่ใกล้ๆ จะทนไม่ได้ คลื่นไ ้ (ระบบรับกลิ่น - ไ ) • บางคนเ ลาเดินต้องเอามือแตะโน่นนี้ เอามือระข้างฝา ตลอดทางเดิน (ระบบ มั ผั - เฉือ่ ย) • เด็กบางคนเ ลา ระผม ร้องโ ย าย ไม่ค่อยยอมใ ้ ระ ไม่ชอบใ ้ น้าเปียกน�้า พยายาม ลบเลี่ยง (ระบบ ัมผั - ไ )
ับ
85
ฉบับความสุข
ระบบประมวลข้อมูล สมอง
ลักๆในเด็กเราดู ๒ ระบบที่เป็นช่องทางการเรียนรู้ที่ �าคัญ คือ
การประมวลข้อมูลผ่านการมองเห็น เด็กทีก่ ารรับรูผ้ า่ นการมองเ น็ ค่อนข้างติดขัด ช่องทางการเรียนรูผ้ า่ นการมองเ น็ ไม่ ค่อยดีมาก เราจะพบ • เด็กมีค ามบกพร่องด้านมิตสิ มั พันธ์ เดินชน ซุ่มซ่าม • มีค ามยากล�าบากในการแยกแยะวัตถุ หาของไม่เจอ • การกลอก ายตา กลอกตาไปมาเพือ่ มองสิง่ รอบตัว ไม่คล่องแคล่ ติดขัด
เมื่อตามองเห็น แต่สมองตีความสะเปะสะปะ
86
ับ ฉบับความสุข
การประมวลข้อมูลผ่านการได้ยิน เด็กที่การรับรู้ผ่านการได้ยินค่อนข้างติดขัด ช่องทางการเรียนรู้ผ่านการได้ยิน ไม่ค่อยดีมาก เราจะพบ ่า • เด็กมักจะยุกยิก งุด งิด ไม่คอ่ ยมีสมาธิในห้องทีม่ เี สียงรบกวน รือ ้องเรียนที่มีเ ียงดัง • เด็กมีค ามยากล�าบากในการจดจ�าข้อมูลทีพ่ ดู ให้ฟงั เช่น ค�า งั่ บอก ใ ้ท�าอะไร • มีค ามยากล�าบากในการจดจ่อฟังเรือ่ งยาวๆ รือการเรียนใน ้อง นานๆที่ต้องใช้การฟัง การเรียน นัง ือ อาจมีปัญ า เช่น ไม่ นุก และ ับ นกับการเล่นค�าคล้องจอง ไม่ ามารถจ�าตั อัก รและเ ียง ของตั อัก รได้ มีปัญ าการเรียน การจับใจค ามจากการฟัง
เมื่อหูได้ยิน แต่สมองตีความติดๆขัดๆ
ับ
87
ฉบับความสุข
ระบบสั่งการกล้ามเนือ้ ลักๆที่ �าคัญ ได้แก่ การ ั่งการกล้ามเนื้อ การท�างานเป็นขัน้ ตอน (motor planning) ความตึงตัวของกล้ามเนือ้ (muscle tone) ความแข็ง แรง ทนทานของกล้ามเนือ้ (muscle strength) นอกจากนัน้ ยังมีรายละเอียดอืน่ ๆ ทีอ่ าจต้องใ น้ กั ชิ าชีพช่ ยประเมิน ใ ้ เช่น เด็ก ามารถใช้แขน องข้างได้พร้อมๆกันไ ม เด็กประ านการมอง เ ็นและค บคุมการเคลื่อนไ ได้ ัมพันธ์กัน รือไม่ การทรงตั เป็นอย่างไร การค บคุมกล้ามเนื้อปากเป็นอย่างไร ค าม ามารถในการค บคุมกล้าม เนื้อตา (กลอกตาไปมา ก าด ายตาดู ิ่งรอบตั ) เป็นอย่างไร เด็ก ามารถ ริเริ่มใช้ร่างกายท�ากิจกรรมต่างๆได้คล่องแคล่ รือไม่
คุณพ่อคุณแม่อาจลองประเมินระบบสัง่ การกล้ามเนือ้ ของลูกเบือ้ งต้น ได้ ดังนี้
ลูกชอบเดินไปมา ไม่ค่อยมีจุดมุ่ง มาย ไม่เล่นของเล่น ลูกมักเดินชนสิง่ รอบตัวบ่อยๆ ลูกดูงมุ่ ง่าม ไม่คล่องแคล่ ล้มบ่อย ลูกมีความยากล�าบากในการเล่นเกมง่ายๆ เช่น ิ่งไล่จับ กระโดดเชือก มีปัญ าการจับดิน อ ลูกมักเล่นของเล่นในแบบเดิมๆ เล่นง่ายๆ ขัน้ ตอนเดียว เช่น ไถรถไปมา เรียงของเล่นเป็นแถ โยนลูกบอลซ�้าๆ ลูกเล่นของเล่นได้ไม่นาน เปลีย่ นไปมา ยิบจับแล้ าง ลูกไม่สามารถท�างานทีซ่ บั ซ้อน ลายขั้นตอนได้ตั้งแต่ต้นจนเ ร็จ เช่น ใ ่ถุงเท้า ช่ ยล้างจาน ลูกมีค ามยากล�าบากในการเลียนแบบท่าทาง เช่น ท�าท่าเป็นจัง ะ ตามเพลง
88
ับ ฉบับความสุข
สรุปความแตกต่างระบบประสาทของเด็ก ระบบรับความรู้สึก • เฉือ่ ย - ิ่งกระตุ้นต้องแรง ถึงจะรู้ ึก เล่นแรงๆ กลิ่นแรงๆ ร จัดๆ • ไว - ิ่งกระตุ้นนิดเดีย ก็รู้ ึก ่ามากแล้ ไม่เอาแล้ ขี้กลั ขี้ตกใจ ร้องงอแง ิ่ง นี
ระบบประมวลข้อมูล • เร็ว - การ ่งต่อข้อมูลใน มอง คล่องแคล่ ร ดเร็ • ช้า - การ ่งต่อข้อมูลใน มอง ะเปะ ะปะ ปิดๆเปิดๆ ติดขัด
ระบบสั่งการกล้ามเนือ้ • รวดเร็ว ปราดเปรียว ทนทาน • เชือ่ งช้า ชอบอยูน่ ง่ิ ๆ ล้าง่าย
ับ
89
ฉบับความสุข
มองปัญหาพฤติกรรมเด็กปกติอย่างเข้าใจความแตกต่างระบบ ประสาท
ไวสมั ผสั ไมช่ อบสระผม ห วีผม ไวเสยี ง ชอบเอามอื ปดห ู
า นอนยาก ดนิ้ ไปดนิ้ ม ไมค่ อ่ ยนงิ่
กินยาก กินอาหารซ�า้ ๆ
ไวแสง ชอ บเอามอื ป ดตา
บจบั ดนิ สอ ไมช่ อบขดี เขยี น ไมช่ อ
ชอบเล่นแรงๆ กระแทกใสเ่ พือ่ น
90
ับ ฉบับความสุข
เด็กทุกคนมีปญ ั หาเล็กๆ น้อย ที่แตกต่างกัน
เลย ัร แมท่ ี่สดุ ก
เด็กต้องการพ่อแม่ที่เข้าใจ ยอมรับ และค่อยๆหาวิธชี ว่ ยเหลือลูก
ับ
91
ฉบับความสุข
มองปัญหาพฤติกรรมเด็กพิเศษอย่างเข้าใจ และเห็นอกเห็นใจใน ความยากล�าบาก
เด็กพิเศษ เด็กพัฒนาการช้ามากๆ
ระบบรับความรูส้ กึ - ไวมากๆ / เฉือ่ ยมากๆ สมอง - ติดขัด สะเปะสะปะ กล้ามเนือ้ - ไม่คล่องแคล่ว ไมค่ อ่ ย สอ่ื สาร เขา้ ใจสงิ่ รอบ กไ็ มไ่ ตวั ทา� เอง ด้ (อดึ อดั . .) กไ็ มไ่ ด ้
พฤติกรรมทีแ่ สดงออกดูแปลกๆ เช่น หมุนตัว เอามือปดหู เอามือปดตา เดินวนไปมา พูดซ�า้ ๆ โวยวาย อยูน่ งิ่ ๆ ไม่สนใจอะไร
92
ับ ฉบับความสุข
ตัวอย่างการน�าความเข้าใจเร่อื่ งความแตกต่างระบบประสาทของ เด็กมาใช้ในชีวิตประจ�าวัน เด็กที่ไม่ชอบแปรงฟัน • คุณพ่อคุณแม่อาจเลือกยา ีฟันที่มรี ชาติอ่อนลง รือ กลิ่นที่อ่อนลง ไม่มีกลิ่น • อาจลองใช้แปรงไฟฟ้า ที่ช่ ยน ด กระตุ้นในปาก เด็กอาจรู้ ึก บายขึ้น มากก ่าการได้ ัมผั จากแปรงอย่างเดีย • ท�ากิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อปากก่อนแปรงฟัน เช่น เล่นเป่าฟองลูกโป่ง เล่นเป่านก ีด • ใ ้เคี้ย น�้าแข็ง เพิ่มกิจกรรม นุกๆ บายๆ น ดปาก รือกระตุ้นในปากด้ ยแปรงไฟฟ้า • จัดท่าแปรงฟันใ พ้ อดีกบั ตั เด็ก เช่น ถ้าอ่างล้าง น้าอยู่ งู เกินไป ค รมีเก้าอีเ้ ล็กๆใ เ้ ด็กยืน
เด็กที่ไม่ชอบหวีผม • คุณแม่อาจนั่ง น้ากระจกทุกครั้งที่ ีผม ใ ้เด็กได้มองเ ็นร่ มด้ ย เด็ก ามารถมองเ ็น ่าจะ ีตรงไ น อย่างไร • เปลี่ยน ีเป็นแบบต่างๆ เช่น แปรง ี รือเริ่มต้นด้ ยผ้านิ่มๆใช้ลูบผมแทนการ ี • ปรับจัง ะการ ีผมใ ้เป็นจัง ะเท่าๆกัน ใ ้เด็กคาดเดาได้ • เปลี่ยนจากการ ีอย่างเดีย เป็นน ด ีร ะ และพูดคุย บายๆ กับเด็กไปด้ ย
เด็กที่ไม่ชอบอาบน�า้ สระผม • ลองเปลี่ยน ิธีการอาบน�า้ ังเกต ่าลูกชอบแบบไ น อาบในกาละมังใ ญ่ อาบน�้าฝักบั นั่งที่พื้น แล้ ใ ้เด็กท�าเองโดยใช้ขันตักน�้าจากในถัง (เด็กค บคุมจัง ะที่นา�้ จะโดนตั ได้ เอง) • ระ ังเรื่องกลิ่นของ บู่ เนื้อ บู่ บางยีี่ ้อมีทรายละเอียดปนเด็กอาจไม่ชอบ • เด็กบางคนชอบการน ดตั ไปด้ ยขณะถู บู่ ท�าใ ้เด็กผ่อนคลายมากขึ้น • ช่ ยน ดตั เด็กใ ้เป็นจัง ะขณะเช็ดตั และอาจเพิ่มการเช็ดตั น้ากระจก ร้องเพลง พูดบอกอ ัย ะต่างๆก่อนเช็ดแต่ละต�าแ น่ง เด็กคาดเดาได้ ่าก�าลังจะท�าอะไร และได้ เรียนรู้อ ัย ะไปด้ ยในขณะเดีย กัน • เปิดเพลงที่เด็กชอบเบาๆขณะอาบน�้า ระผม • มีของเล่นในอ่างน�้า เช่น ฟอง บู่ ตุ๊กตายาง ข ด ขัน กร ยกรองน�้า เด็ก นุกกับการ อาบน�้ามากขึ้น • จัดท่านอนในขณะ ระผม เพื่อไม่ใ ้น�้าโดน น้า เข้าตา รือช่ ยใ ้ ีร ะเด็กไม่เปลี่ยน ทิ ทางไปมามาก
ับ
93
ฉบับความสุข
เด็กที่กินยาก • พ่อแม่สงั เกตลัก ณะ ี กลิ่น ร ชาติ ค ามเ นีย แข็ง ค ามร้อน เย็น ของอา ารที่ ลูกชอบ ไม่ชอบ • เด็กบางคนอาจ นุกมากขึ้นกับการได้ ยิบจับ ลงมือท�าเอง เช่น ผักชุบแป้งทอด จิ้มซอ มะเขือเท • เปลี่ยนการเดินตามป้อนเด็ก เป็นใ ้นั่งบนลูกบอลใ ญ่ เด็ก ามารถโยกตั ไปมา กระเด้ง ตั ไปมาบนลูกบอล • น ดปาก น ดกราม รือใช้แปรงไฟฟ้า กระตุ้นในปากก่อนกินอา าร • เล่นกิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อปาก เช่น เป่าฟองลูกโป่ง เป่านก ีดเล่น เคี้ย น�า้ แข็ง • ใ ้เด็กได้ถือช้อนเอง ได้พยายามกินเอง • ใช้แก้ น�้าที่เ มาะ ม เช่น บางคนถนัดใช้ ลอด บางคนถนัดแก้ น�้าที่มี ู ิ้
เด็กที่นอนยาก • เด็กบางคนชอบ ถ้าพ่อแม่เอา มอนขนาดใ ญ่มาทับตั เด็ก เด็กรู้ ึกกระชับ อบอุ่น งบ ตั เองได้เร็ ขึ้น ลับง่ายขึ้น รือ บางคนอาจชอบใ ้เอาผ้า ่มมา ่อตั แน่นๆแบบ เปาะเปี้ยทอด • บางคนชอบใ ้แม่น ดตั และตบก้น • บางคนต้องนอนเปล รือ ใ ้แม่อุ้มโยก • บางคนชอบใ ้แม่เปิดเพลงเบาๆ รือ แม่ร้องเพลง รือเล่านิทานเบาๆจนเด็ก ลับไป พร้อมกับเ ียง • บางคนอาจต้องปรับเรื่องแ ง ี ใน ้องนอน เช่น เปลี่ยน ลอดไฟเป็นแบบแ ง ลั ๆ บางคนไม่ชอบปิดมืด มดเพราะกลั รือบางคน ใี น อ้ งนอนทีจ่ า้ เกินไปก็กระตุน้ ใ เ้ ด็ก รู้ ึไม่ งบ • ลองใช้ผ้าปูที่นอน รือ ผ้า ่ม ที่เป็นเนื้อผ้าที่เด็กชอบ • การมีกิ จิ ตั รก่อนนอนที่ ม�า่ เ มอก็ช่ ยใ เ้ ด็กคาดเดาได้ า่ ต้องท�าอะไร ช่ ยใ เ้ ด็กเตรียม พร้อมตั เองและพร้อมจะนอนได้ง่ายขึ้น
ช่วยลูกในขณะท�ากิจกรรมต่างๆ • เด็กบางคนไม่ค่อยจดจ่อ ไม่ค่อยนิ่ง ท�าใ ้การพูดคุยไม่ต่อเนื่อง พ่อแม่อาจลองใ ้เด็กนั่ง ชิงช้า แก ่งเบาๆ แล้ คุยกับลูก รือ เด็กบางคนชอบเเคลื่อนไ พ่อแม่อาจใ ้ลูกนั่งบน ลูกบอลใ ญ่ ลูกยัง ามารถเคลื่อนไ โดยกระเด้งตั เองบนลูกบอล และคุยกับพ่อแม่ได้
94
ับ ฉบับความสุข
• เด็กบางคนไม่ ามารถนัง่ ท�ากิจกรรมกับพืน้ ได้นาน มักจะลงไปเลือ้ ยนอนกับพืน้ พ่อแม่จัด เก้าอี้ที่ช่ ยประคอง ลัง อาจเอา มอน นุนด้าน ลัง มีพนัก ลัง ใ ้ท่านั่งกระชับขึ้น เด็กรู้ ึกมั่นคงขึ้น ก็จะท�ากิจกรรมได้นานขึ้น
การใส่เสื้อผ้า • เลือกเนื้อผ้าที่เด็กชอบ เด็กมักชอบผ้าที่นิ่ม ไม่มีตะเข็บข้างใน • ตัดป้ายชื่อที่คอเ ื้อออก • ใช้ผงซักฟอกที่ไม่มีกลิ่นน�้า อมแรงเกินไป • เด็กบางคน การใ ้ใ ่เ ื้อผ้าที่ น้ากระจก ท�าใ ้เด็กมองเ ็น ่าก�าลังท�าอะไร ช่ ยใ ้ แต่งตั ได้เร็ ขึ้น • ท�ากิจกรรมการใ ่เ ื้อใ ้เป็นขั้นตอนที่ง่ายขึ้น เช่น ช่ ยยกมือ ช่ ยดึงกางเกงขึ้นก่อน • เก็บตู้เ ื้อผ้าใ ้เป็นระเบียบ เด็กมองเ ็นได้ง่าย ยิบได้เอง • ช่ ยกันเตรียมเ ื้อผ้าตั้งแต่ก่อนนอน เพื่อไม่ใ ้มีปัญ าในตอนเช้า
การควบคุมอารมณ์ • ในเด็กทีพ่ ดู คุยรูเ้ รือ่ ง พ่อแม่อาจ อนเด็ก ธิ ผี อ่ นคลายตั เองเ ลามีอารมณ์แรงๆ เช่น อาจ มีลูกบอลเล็กๆ ใ ้บีบเ ลามีอารมณ์แรงๆ รือ อนใ ้เด็ก งบตั เองด้ ย ิ่งที่ชอบ เช่น เด็กบางคนชอบไปซุกตั ในที่แคบๆ คุณพ่อคุณแม่อาจ าซอกมุม จัดพื้นที่ใ ้ บายๆ มี มอน มีผ้า ่ม ใ ้เด็ก ามารถ งบตั เอง
การจัดสิ่งแวดล้อมเพื่อช่วยเด็กสงบ พร้อมเรียนรู้ • คุณครูจัดเตรียม “ที่ซ่อนตั ” ใ ้เด็กๆที่ด้าน ลัง ้องเรียน ซุกตั ในผ้า ่ม มอนใบใ ญ่ ที่มุมเล็กๆด้าน ลัง ้องเรียน อาจเป็นมุมที่มี มอนใบใ ญ่ บ้านลม อ่างบอล ใ ้เด็กมีที่ งบตั เอง เ ลามีอารมณ์ • จัดของเล่นในบ้านไม่ใ ้กระจัดกระจาย • ระ ังไม่ใ ้ในบ้านมีเ ียงรบก น เช่น ไม่เปิดที ีตลอดเ ลาในบ้าน • แ งในบ้าน ไม่จ้าเกินไป ติดม่าน • อุปกรณ์ในบ้าน เช่น แทรมโบลีนกระโดด ชิงช้า เก้าอี้โยก • ใ ้เด็กได้พักไปเล่นเครื่องเล่นที่ตั เองชอบบ่อยๆ • จัด ิ่งแ ดล้อมใน ้องใ ้มกี ิจกรรม sensory เพื่อเพิ่มค ามตื่นตั ใ ้เด็ก เช่น มีกิจกรรม เคลื่อนไ
ับ
95
ฉบับความสุข
สรุป (อีกครั้ง) ..... พ่อแม่ต้องสังเกตความแตกต่างระบบประสาท อะไรบ้าง 1. ลูกชอบอะไร ไม่ชอบอะไร • ลูกชอบถือของไปมาในมือ • ลูกชอบจ้องมองของ มุนๆ มองประตูเปิดปิด • ลูกชอบเล่นเคลือ่ นไหวแรงๆ เร็ ๆ มัน ์ๆ โลดโผน • ลูกไม่ชอบเสียงดัง เ ียงเครื่องปัน เครื่องซักผ้า • ลูกไม่ชอบใ ้ น้าเปียกน�า้ ไม่ชอบเ ื้อผ้าเปียก
2. การใช้ร่างกายลูกเป็นอย่างไร • ลูกปกปองตัวเองง่ายๆได้ รือไม่ เช่น ใ ้นอนค า�่ บนลูกบอลใ ญ่ เมื่อกลิ้งลูกบอลไปมา ลูกผ ามือกันไม่ใ ้ น้าขม�า • เ ลาลูกอยากได้อะไรมากๆ ลูกใช้รา่ งกายได้หลากหลาย • ความทนทานกล้ามเนือ้ ทนทานในการเล่นประเภทไ น ล้าง่ายในกิจกรรมทีต่ อ้ งใช้ทา่ ทาง แบบไ น • ลูกท�าท่าตาม เลียนแบบง่ายๆ เช่น ท�าท่าเต้นตามเพลงง่ายๆ • การท�างานหลายข้นั้ ตอนได้ ลาก ลาย เช่น �าร จ ทดลองเล่นของเล่น การช่ ยตั เอง ในชี ิตประจ�า ัน การเล่นกลับไปมา • การใช้แขนสองข้างท�าอะไรพร้อมๆกัน เช่น รับบอลด้ ยมือ องข้าง แตะ ลับ ถ้ามือข้าง นึ่งถือของ มืออีกข้างใช้ทา� งานอื่นได้ รือไม่ • คุณเคยเ ็นลูกริเริม่ อะไรใหม่ๆ เ ลาเล่น นุกด้ ยกัน เช่น ลูกน�าใ ้การเล่นใ ้มีขั้นตอน มากขึ้น ซับซ้อนขึ้น
3. ลูกตอบสนองต่อการได้ยินเป็นอย่างไร/ความเข้าใจภาษาลูกเป็นอย่างไร • ลูกรับรูท้ ศิ ทาง ที่มาของเ ียง ตอบสนองต่อเ ียงเรียก • คุณมักต้องใช้ทา่ ทางประกอบการพูดเพื่อใ ้ลูกเข้าใจมากขึ้น • ถ้าอยู่ในที่มีเสียงรบกวน เช่น ใน ้าง ตลาด รือ มีเ ียงที ีดังอยู่ใน ้อง ลูกดู ับ น รับรู้ ภา าได้น้อยลง • ในเด็กที่มีภา า รู้เรื่องแล้ ท�าตามค�าสัง่ ๑ ขั้นตอน ๒ ขั้นตอน เข้าใจภา าพูดยา ๆ
96
ับ ฉบับความสุข
. ลูกตอบสนองต่อการมองเห็นเป็นอย่างไร • ลูกมองสิง่ รอบตัวได้คล่องแคล่ กว้างขวางเพียงใด เช่น งิ่ ไล่จบั ใน อ้ ง ใ ล้ กู ฝึกการมอง ตามการเคลื่อนไ • ลูกมองรายละเอียดเล็ก กลอก ายตาไปมา มอง าได้ เช่น อ่าน นัง ือ ชี้ช นใ ้ลูกมอง า ิ่งที่ซ่อนอยู่ในภาพ าของในตู้เ ื้อผ้า ยิบของที่ซ่อนอยู่ • ถ้าอยู่ในที่ ุ่น ายมีภาพเคลือ่ นไหวเยอะๆ เช่น ้าง ้องที ี ลูกเป็นอย่างไร ดู ับ น • ห้องรก ๆ ห้องโล่งๆ การจดจ่อในการเล่นของลูกแตกต่างกัน รือไม่
. การควบคุมกล้ามเนือ้ ปากของลูกเป็นอย่างไร • ลูกเลียนแบบท�าปากท่าทางต่างๆ • ลูกเป่าฟองลูกโป่ง เป่านก ีด เป่าลูกโป่ง ได้ • ลูกส่งเสียงตามซ�้าๆ เช่น ปาปา มามา ปาปูปี • เล่นริมฝปาก ท�าเ ียงจากริมฝีปาก • การแลบลิน้ ไปมาด้านข้าง ด้านบน
ับ ฉบับความสุข
Individual differences (I) • Sensory - ลูกชอบอะไร ไม่ชอบอะไร • Motor control function - การใช้ร่างกายลูกเป็นอย่างไร • uditory - ลูกตอบ นองต่อการได้ยิน/ค ามเข้าใจภา าเป็นอย่างไร • Visual - ลูกตอบ นองต่อการมองเ ็นเป็นอย่างไร • ral motor - การค บคุมกล้ามเนื้อปากของลูกเป็นอย่างไร
97
บทที่ ๔ สัมพัน าพ
100
ับ ฉบับความสุข
ฝึกสังเกตตัวคุณ ... คุณมักใช้เวลากับลูกในแบบใด
ก�ากับสัง่ ท�าให้ทกุ อย่าง
เหนือ่ ย หมดแรง
? อบอุน่ รับฟัง ให้โอกาส
ยุง่ วุน่ วาย
ับ
101
ฉบับความสุข
สัมพันธภาพ ฝึกสังเกตตัวเอง คุณมักใช้เวลากับลูกในแบบใด • พ่อแม่ที่ชอบก�ากับ ั่งใ ้ทา� • พ่อแม่ที่ยุ่งตลอดเ ลา • พ่อแม่ที่ทา� ใ ้ลูกทุกอย่าง • พ่อแม่ที่ท้อแท้ มดแรง มดก�าลังใจ • พ่อแม่ที่อบอุ่น ใ ้เ ลา ใ ้โอกา ลูก
พัฒนาการของลูกขึ้นกับเวลาคุณภาพที่คุณให้กบั ลูก พัฒนาการของลูกขึ้นกับวิธีการที่คุณมีป ิสมั พันธ์กับลูก สัมพันธภาพกับการมองพัฒนาการเด็กอย่างเป็นองค์รวม
• พ่อแม่มีเ ลา ใ ้เ ลาดูแลลูก • พ่อแม่ฝึกการ ังเกตและเข้าใจค ามแตกต่างของลูก • พ่อแม่เรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยนตั เอง จัด ิ่งแ ดล้อม ใ ้พอเ มาะ พอดีกับการเจริญ เติบโตของลูก
แบบทดสอบการสังเกตตัวคุณ คุณมักใช้เวลากับลูกในแบบใด
คุณมักจะชอบเป็นผู้สั่ง ก�ากับบอกลูกว่าต้องท�าอะไร เวลาเล่นกับลูก คุณมักจะเป็นผู้เลือกว่าลูกควรจะเล่นอะไร เพื่อประโยชน์อะไร คุณชอบถามค�าถาม เวลาเล่นกับลูก จะเน้นถามค�าถาม เพื่อฝึกลูก ทดสอบลูก คุณมักจะท�าทุกอย่างให้ลกู และมักจะรีบท�าให้เสร็จ ๆ เพราะมีงานอื่นอีกหลายอย่าง รออยู่ คุณไม่ค่อยมีเวลาสบายๆผ่อนคลายกับลูก คุณดูแลลูกอย่างดี พยายามช่วยเหลือและท�าให้ลูกทุกอย่าง คุณมีเวลาอยู่กับลูก แต่ไม่ค่อยได้เล่นกับลูก มักใช้เวลาหมดไปกับกิจวัตรประจ�าวัน คุณมักจะสังเกตความต้องการของลูก ลูกก�าลังสนใจอะไร ชอบอะไร อยากเล่นอะไร คุณพยายามเล่นตามสิ่งที่ลูกสนใจ และรู้สึกมีความสุขที่ ได้อยู่กับลูก คุณสามารถรอได้ถา้ ลูกก�าลังลงมือท�า เพือ่ เปดโอกาสให้สมองลูกได้คดิ ได้ทดลองท�า คุณมองเห็นโอกาสในสิ่งรอบตัว พยายามพลิกแพลงสิ่งรอบตัวมาเป็นโอกาสในการ ฝึกฝนลูก คุณรูส้ กึ มีความหวัง เชื่ อมั่นว่าลูกจะต้องดีขนึ้ อาจมีทอ้ แท้ หมดก�าลังใจบ้างเป็นช่วงๆ แต่เมื่อได้รับค�าแนะน�า ได้เรียนรู้วิ ธีการ คุณก็เริ่มต้นพยายามใหม่
104
ับ ฉบับความสุข
พ่อแม่ที่ชอบก�ากับ สั่งให้ท�า
• พ่อแม่ที่มักจะก�ากับสัง่ ลูกไปทุกเรือ่ ง ไม่เปิดโอกา ใ ้ลูกได้คิด • ชอบค ามร ดเร็ รอ ไม่ได้ เน้นผลลัพท์ทเี่ ห็นได้ทนั ที จับต้องได้ • เ ลาเล่นกับลูก จะเป็นผู้เลือก ่าเล่นอะไร เพื่อประโยชน์อะไร • ถามเยอะ เ ลาเล่นกับลูก จะเน้นถามค�าถาม เพือ่ ฝึกลูก ทดสอบลูก
ผลที่ตามมา ถ้าคุณเป็นพ่อแม่ที่ชอบก�ากับ สั่งลูก • ลูกท�าตามค�า ั่งได้ดี ดูเป็นเด็กเชื่อฟัง เงียบๆ เรียบร้อย บอกให้ทา� ก็ท�า • ลูกไม่กล้าคิดริเริ่ม เคยชินกับการท�าตามค�า ั่ง ต้องรอให้มคี นมาบอกหรือริเริม่ ก่อนจึง
จะท�า
• ลูกมักจะพูดสัน้ ๆ ถามค�าตอบค�า ไม่พูดเป็นประโยคยา ๆ ไม่ค่อยแ ดงค ามคิดเ ็น ไม่เล่าเรื่อง เพราะขาดโอกาสในการพูด ไม่มีคนฟัง • คุณพ่อคุณแม่จะขาดโอกา ในการรู้จักลูก ังเกตลูก ่าชอบอะไร อยากท�าอะไร อยากคุย เรื่องอะไร • ความสุข ความอบอุ่นในครอบครัวลดน้อยลงไป
ับ
105
ฉบับความสุข
พ่อแม่ที่ย่งุ ตลอดเวลา
• ชีวติ วุน่ วาย มีหลายเรือ่ งทั้งเรื่องงาน เรื่องลูก เรืื่องธุรกิจ ปัญ าญาติพี่น้อง • ใช้เ ลาไปกับกับโทร ัพท์ / social media / line / facebook • จัดการทุกอย่างให้ลกู รีบท�าใ ้เ ร็จ ต้องรีบไปท�าอย่างอื่นต่อ • บริ ารจัดการเก่ง มักพาลูกไปฝึกกับครูฝึก ลายๆที่ พ่อแม่ท�า น้าที่ขับรถรับ ่งลูก นั่งรอ ครูฝึก • ไม่ค่อยมีเวลาสบายๆผ่อนคลายกับลูก
ผลที่ตามมา ถ้าคุณเป็นพ่อแม่ที่ย่งุ ตลอดเวลา • ัมพันธภาพ ค ามอบอุ่นในครอบครั ไม่ค่อยแน่นอน • พ่อแม่ขาดโอกาสทีจ่ ะรูจ้ กั ลูกอย่างแท้จริง ไม่รู้ ่าลูกชอบอะไร นใจอะไร • ลูกมีพฒ ั นาการดีขนึ้ แบบขึน้ ๆลงๆ เพราะ พ่อแม่ไม่ค่อยมีเ ลา ไม่ได้คุยกับลูกยา ๆ ไม่ได้ เล่นกับลูกนานๆ เพียงพอ • เด็กที่มีปัญ าไม่นิ่งร่ มด้ ยจะไม่ค่อยดีขึ้นมาก เพราะ พ่อแม่ไม่นงิ่ ิ่งแ ดล้อมรอบตั ก็ ุ่น าย เด็กขาดโอกาสฝึกฝนการจดจ่อ มี มาธิในชี ิตประจ�า ัน การเรียนรู้จะเกิดขึ้น น้อย
106
ับ ฉบับความสุข
พ่อแม่ที่ท�าให้ลกู ทุกอย่าง
• พ่อแม่ที่รักลูก ดูแลลูกอย่างดี โดยไม่รเู้ นือ้ รูต้ วั ท�าให้ลกู ทุกอย่าง • พ่อแม่ทีเร่งริีบ มีภาระงาน ลายอย่าง ท�า ิ่งต่างๆใ ้ลูก เพราะ ต้องรีบท�าให้เสร็จๆ • ปู่ย่า ตายาย ที่เลี้ยง ลานด้ ยค ามรัก อยากท�าใ ้ทุกอย่าง ท่านมักจะให้เหตุผลว่า
เด็กมันยังเล็ก........
ผลที่ตามมาเมื่อคุณเป็นพ่อแม่ที่ท�าให้ลกู ทุกอย่าง • สมองของเด็กขาดโอกาสที่จะได้รับการฝึกฝน ฝึกการคิด การแก้ปัญ าง่ายๆเบื้องต้นใน ชี ิตประจ�า ัน • เด็กใช้ร่างกายท�างานได้ไม่คล่องแคล่ว เพราะ ไม่ค่อยได้ลงมือท�า • โตขึน้ จะเรียน นัง อื ไม่คอ่ ยเก่ง รือถ้าเรียนได้ ก็ตอ้ งขยัน นักก า่ คนอืน่ ๆ ใช้พลังมากก า่ คนอื่น
ข้อสังเกต ปัญ าเรื่องพ่อแม่ท�าใ ้ลูกทุกอย่าง มักพบในกลุม่ เด็กทีม่ ปี ญ ั หาเรือ่ งการสัง่ การกล้ามเนือ้ หรือ ความตึงตัวกล้ามเนือ้ น้อยกว่าเพือ่ นๆ คือ เด็กก็จะงุม่ ง่ามท�าอะไรไม่คอ่ ยคล่องแคล่ ด้ ย ภา ะ ของระบบกล้ามเนื้อของตั เองอยู่แล้ พ่อแม่เ ็น ่าลูกท�าไม่ค่อยได้ ยิบจับท�าอะไรก็ไม่คล่อง งิ่ ก็ลม้ บ่อย พอจะใ ท้ า� อะไรลูกก็มกั จะบ่ายเบีย่ ง งอแง ไม่ยอมท�า ไม่อยากท�า พ่อแม่จงึ มักจะท�าใ ้
เป็นวงจรทีเ่ ด็กก็ยงิ่ ขาดการฝึกฝน ท�าไม่ได้ วนไปวนมาอยูเ่ ช่นนี้
าเ ตุของพัฒนาการล่าช้าจึงมาจากปัจจัยทัง้ จากตั เด็กเองทีพ่ นื้ ฐานระบบประ าทไม่คอ่ ย คล่องแคล่ และปัจจัยจากการเลีย้ งดู ทีพ่ อ่ แม่ทา� ใ ล้ กู ทุกอย่าง การช่วยลูกก็ตอ้ งแก้ทงั้ สองอย่าง คือ ฝึกร่างกายมากขึ้น และ ปรับเปลี่ยน ิธีการดูแลลูก พ่อแม่ต้องเปิดโอกา ใ ้ลูกลงมือท�ามากขึ้น
ับ
107
ฉบับความสุข
พ่อแม่ที่ท้อแท้ หมดแรง หมดก�าลังใจ
• พ่อแม่ที่มีเ ลาอยู่กับลูก แต่ไม่ได้เล่นกับลูก ใช้เวลาหมดไปกับกิจวัตรประจ�าวัน และจม
อยูก่ บั ปัญหา
• พ่อแม่ไม่ ามารถมองเ น็ งิ่ ดีๆ รือค ามน่ารักในตั ลูก ถ้าใ บ้ อก งิ่ ดีๆ ค ามน่ารักของ ลูก พ่อแม่จะใช้เ ลานึกนานมาก เ มือนกับ ่าไม่เคยนึกถึง ไม่รู้จริงๆ ลูกมีอะไรที่เป็นข้อดี ด้ ย รือ • ่ น นึ่งอาจเกิดจากปัจจัย นับ นุนจากครอบครั คนรอบตั ไม่เพียงพอ แต่อีกปัจจัย นึ่ง คือ พ่อแม่มองสิง่ รอบตัวในด้านลบ ไม่ ามารถมองเ ็นแ ง ่าง รือ ทางออก
ผลที่ตามมาเมื่อคุณเป็นพ่อแม่ที่ท้อแท้ หมดแรง หมดก�าลังใจ • เด็กจะมีพฒ ั นาการดีขนึ้ ช้า เพราะ ไม่มีใครเล่นด้ ย ไม่มีใครพูดคุยด้ ย เด็กไม่ค่อยได้ ั เราะ • เด็กไม่ค่อยมีอารมณ์แจ่มใ น้าตานิ่งๆ ถ้าต้องเล่นกับคนที่ไม่คุ้นชิน ก็จะกลั ๆ กล้า ไม่ ค่อยมั่นใจ • เมื่อไปพบแพทย์ นักบ�าบัดก็อาจจะได้รับค�าบอกกล่า ่าลูกยังไม่คอ่ ยดีขนึ้ พ่อแม่กจ็ ะยิง่ หมดแรง หมดก�าลังใจมากขึน้ เป็น งจรที่แพทย์ นักบ�าบัดเองก็ไม่ทราบจะช่ ยน�าพาต่อ อย่างไรจริงๆ
108
ับ ฉบับความสุข
พ่อแม่ทีอบอุ่น ให้เวลา ให้โอกาสลูก
• พ่อแม่ยมิ้ แย้ม ให้เวลาสนใจลูก • พ่อแม่สงั เกตความต้องการของลูก ลูกก�าลังสนใจอะไร ชอบอะไร อยากเล่นอะไร • พ่อแม่เล่นตาม ิ่งที่ลูก นใจ มีค าม ุขเมืื่อได้อยู่กับลูก • พ่อแม่ รอได้ เปิดโอกา ใ ้ลูกได้คิด ได้ทดลองท�า • พ่อแม่มองเห็นโอกาสในสิง่ รอบตัว พยายามพลิกแพลงมาเป็น ถานการณ์ในการฝึกฝนลูก • ลายครอบครั ลูกมีค ามบกพร่องมาก แต่พ่อแม่ก็ดูเ มือนมองไม่เ ็น พยายามยิ้ม กับลูก และลงมือท�า ท�า • คุณพ่อคุณแม่มีค าม ัง มีความเชือ่ มัน่ ว่าลูกจะต้องดีขนึ้ อาจมีท้อแท้ มดก�าลังใจบ้าง เป็นช่ งๆ แต่เมื่อได้รับค�าแนะน�า ได้เรียนรู้ ิธีการ ก็พลิกตั เองได้เร็ • อาจเป็นด้ ยปัจจัยในตั คุณพ่อ คุณแม่เอง เด็กมักได้รับโอกา ดีๆจาก ิ่งรอบตั เช่น ครู ใน ้องที่ นใจเด็ก เพื่อนบ้านคอยช่ ยเ ลือเล็กๆน้อยๆ เ ลาไป นามเด็กเล่นก็มีคนมา ช่ ยเล่นกับลูก เข้ามาคุยกับลูก
ับ
109
ฉบับความสุข
ผลที่ตามมาเมื่อคุณเป็นพ่อแม่ที่อบอ่่นุ ให้เวลา ให้โอกาสลูก เด็กมีพฒ ั นาการทีด่ ขี นึ้ โดยเฉพาะด้านอารมณ์ เด็กมักจะแจ่มใส สนใจสิง่ รอบตัว เล่นกับ คนอืน่ ได้งา่ ย พัฒนาการโดยร มด้านอืน่ ๆ อาจจะดีขนึ้ เร็ รือช้า ขึน้ กับปัจจัยค ามรุนแรง ของค าม
บกพร่องในตั เด็กด้ ยในเด็กทีบ่ กพร่องมาก ช่ งแรกๆทีเ่ ริม่ ลงแรงใ ม่ๆอาจจะมองเ น็ พัฒนาการ ที่ดีขึ้นได้ช้า แต่เมื่อผ่านไป ักพัก อาจจะประมาณอย่างน้อย ๑-๒ ปีเต็ม เมื่อพ่อแม่ได้ใ ่ค าม พยายามลงไปอย่างเต็มที่ พ่อแม่รู้จักลูกมากขึ้น รู้ ิธีการในการดูแลลูกมากขึ้น ได้ผ่านการลองผิด ลองถูกมาจนคล่องแคล่ แล้ และการเชื่อมต่อเซลประสาทในสมองของลูกเริ่มเข้าที่เข้าทาง มากขึน้ ก็จะมีช่ งที่เด็กดีขึ้นอย่างร ดเร็ เรียกได้ ่าดีขึ้นทุกครั้งที่เจอกัน เมื่อได้รับค�าบอกกล่า ่าลูกมีพัฒนาการดีขึ้น พ่อแม่ก็จะมีก�าลังใจมากขึ้น ผ่อนคลาย มากขึ้น เริ่มมีเ ลาคิดไตร่ตรองใคร่คร ญ ิ่งที่ได้ลงมือท�า เกิดกระบวนการเรียนรูแ้ ละเริม่ สามารถ
แบ่งปันสิง่ ทีไ่ ด้ลงมือท�าให้กบั แพทย์ นักบ�าบัด และพ่อแม่คนอืน่ ๆ ได้เรียนรูต้ อ่ ไป
พั ฒนาการของลูกจะดี ขึ้นมากแค่ไหน ขึ้นกับเวลาคุณภาพ และวิธกี ารที่คุณมีป ิสัมพั นธ์กับลูก
112
ับ ฉบับความสุข
พัฒนาการของลูกขึ้นกับเวลาคุณภาพที่คุณให้กบั ลูก ในชีิ ติ จริงพ่อแม่คงไม่ ามารถเป็นแบบใดแบบ นึง่ ได้ตลอดเ ลา แต่อยากใ พ้ อ่ แม่ลองมัน่ สังเกตตัวเองบ่อยๆ และเรียนรูท้ จ่ี ะค่อยๆปรับเปลีย่ นตัวเองก่อน การฝึก ังเกตตั เรา ่าเรามักเป็น พ่อแม่ทีใช้เ ลากับลูกในแบบใด แล้ เริ่มต้นที่การปรับที่ตั พ่อแม่เองก่อน เป็นปัจจัย า� คัญมากๆที่ ช่ ยใ ้ลูกดีขึ้น เช่น
ถ้าคุณเป็นพ่อแม่ทเี่ ร่งรีบตลอด ชีวติ วุน่ วาย ิ่งแรกที่ต้องท�า คือ บริหารจัดชีวติ ของพ่อแม่ เองก่อน เช่น ลดการเล่น line facebook email ที ี โทร ัพท์มิือถือ เ ลาที่อยู่บ้านกับลูก พ่อแม่ บางคนบอกที่ท�างานเพื่อขอเ ลาใ ้ครอบครั เพิ่มมากขึ้น บางครอบครั าคนมาช่ ยเพิ่ม การ ัน น้าเข้าคุยกันและเลือกทีจ่ ะปรับเ ลาในการใช้ชี ติ ครอบครั เพือ่ ช่ ยเ ลือลูก เป็นก้า แรกที่ า� คัญ ที่จะช่ ยก�า นดทิ ทางและบ่งชี้ได้ ่าลูกจะดีขึ้นมากน้อยเพียงใด
ถ้าคุณเป็นพ่อแม่ทชี่ อบก�ากับ สัง่ ลูก ิ่งแรกที่ต้องท�า คือ ฝึกฝนตัวเอง (ก่อนฝึกลูก) ทุกครั้ง ที่อยู่กับลูก คุณจะฝึกฝนตั เอง คอย ังเกตตั เอง ังเกตค�าพูดและการกระท�าของตั เองมากขึ้น ลดการพูด บอกความต้องการของตัวเองลง รับฟังลูกมากขึ้น เปิดโอกา ใ ้ลูกได้คิด ได้ทดลองท�า อาจผิดบ้าง ถูกบ้าง ไม่เป็นไร ฝึกฝนตัวเองทีจ่ ะยอมรับสิง่ ทีล่ กู แสดงออก
ับ
113
ฉบับความสุข
ถ้าเราเป็นพ่อแม่ทเี่ ศร้า หมดแรง หมดก�าลังใจตลอดเ ลา ในช่ งแรกคุณอาจเริม่ ต้นด้ ยการ หาคนทีค่ ณ ุ ไว้วางใจ พูดคุยด้วย เพือ่ ช่วยคลีค่ ลายความรูส้ กึ ทุกข์ใจต่างๆ อย่างไรก็ตามมีคุณพ่อ ท่าน นึ่งเล่าใ ้ฟัง ่า ิ่ง �าคัญที่ ุดในการดูแลลูกเด็กพิเ คือ การเรียนรู้ที่จะ ร้างก�าลังใจใ ้ ตั เอง คุณพ่อเน้น ่าก�าลังใจเป็น ิ่งที่ต้อง ร้างด้ ยตั เอง คนอื่นที่เข้ามาช่ ยเราก็อาจช่ ยได้เพียง ครั้งครา เท่านั้น คุณพ่อเล่า ่าก�าลังใจที่ �าคัญที่ ุดก็ตอนที่ได้เล่นกับลูก ทุกครั้งที่ได้เ ็นรอยยิม้ เสียงหัวเราะของลูก นัน้ เป็นก�าลังใจทีย่ งิ่ ใหญ่ทสี่ ดุ คุณพ่อบอก า่ ค ามอดทนเป็นเรือ่ ง า� คัญ เ ลา เรามีลกู เป็นเด็กพิเ เราต้องพิเ ก า่ ลูก ค ามรักต้องพิเ ก า่ ค ามอดทนต้องพิเ ก า่ และ การลงมือท�าก็ต้องพิเ ก ่าด้ ย
ถ้าเราเป็นพ่อแม่ทมี่ กั เผลอท�าให้ลกู ทุกอย่าง ก็เริ่มต้นด้ ยการ มีสติ เตือนตัวเองทุกครัง้ ที่ อยูก่ บั ลูก ่าเราจะเปิดโอกา ใ ้ มองลูกคิด เราจะเปดโอกาสให้รา่ งกายลูกได้ทดลองท�า เราจะ
เปลีย่ นบทบาทจากผูท้ า� ให้ลกู ทุกอย่าง เป็นผูใ้ ห้กา� ลังใจ ให้แรงเชียร์ ช่วยประคับประคองให้ลกู ค่อยๆลงมือท�าสิง่ ต่างๆด้วยตัวเอง การอยูข่ า้ งๆลูก ใช้เ ยี ง อารมณ์ทถี่ า่ ยทอดผ่านรอยยิม้ และเ ยี ง ั เราะจากคุณพ่อคุณแม่ การรับฟังลูก จะเป็นพลัง า� คัญทีช่ ่ ยใ ล้ กู ลงมือท�า คิดออก และ อื่ าร
114
ับ ฉบับความสุข
พัฒนาการของลูกขึ้นกับวิธีการที่คุณมีป ิสมั พันธ์กับลูก การรู้จักลูกอย่างละเอียด โดยเฉพาะเรื่องค ามแตกต่างระบบประ าทของลูก เป็นอีกเรื่องที่ �าคัญที่จะช่ ยใ ้พัฒนาการของลูกดีขึ้นช้า รือเร็ ตั อย่างเช่น • คุณแม่ช่ ยเพิม่ ช่องทางการรับข้อมูลใ ล้ กู โดย ย่อเข่าลงเ ลาพูดคุยกับลูก เพือ่ ช่วยให้ลกู เห็นสีหน้า ท่าทาง และอารมณ์ของแม่ได้ชัดขึ้น ลูกจะ นใจฟังมาก ขึ้น • ลูกเป็นเด็กไ เ ียง คุณพ่อคุณแม่ปรับการพูด น�า้ เสียงขณะเล่นกับลูกใ ้ เบาลง ไม่ ่งเ ียงเร็ ๆ แบบไม่รู้ทิ ทาง ใ ้ลูกตกใจ กลั • ลูกเป็นเด็กที่ไ ายตา คุณพ่อคุณแม่อาจเลือก ิธีการเล่นกับลูกแบบอยู่กับที่ นิ่งๆมากก ่าจะเคลื่อนไ ไปมามากๆ คุณพ่อคุณแม่ทเี่ รียนรูท้ จี่ ะปรับท่าทีของตัวเอง จัง ะน�้าเ ียงการพูด การเล่น ค ามเร็ ช้า ค ามแรงในการเล่น การพูดคุย กับลูก จะสังเกตเห็นการตอบสนองจาก ลูกทีแ่ ตกต่างกัน ลูกจะนิ่งฟังมากขึ้น รับข้อมูลได้มากขึ้น เล่นได้นานขึ้น พูดคุยกับ พ่อแม่มากขึ้น
พ่อแม่เรียนรู้ที่จะปรับท่าทีของตั เอง จะ ังเกตเ ็นการตอบ นองจากลูกที่แตกต่างออกไป
ับ
115
ฉบับความสุข
สัมพันธภาพ การมองเด็กอย่างเป็นองค์รวม
ัมพันธภาพในค าม มายของการมองพัฒนาการเด็กอย่างเป็นองค์ร ม มายถึง • พ่อแม่มีเ ลา ใ ้เ ลาดูแลลูก • พ่อแม่ฝึกการ ังเกตและเข้าใจค ามแตกต่างของลูก • พ่อแม่เรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยนตั เอง จัด ิ่งแ ดล้อม ใ ้พอเ มาะ พอดีกับ การเจริญเติบโตของลูก Dr.Greenspan เปรี ย บ ั ม พั น ธภาพของพ่ อ แม่ เ มื อ นคนดู แ ลต้ น ไม้ คน องคนที่ปลูกต้นไม้ชนิดเดีย กัน ่งผลถึงการเจริญเติบโตของต้นไม้ที่แตกต่าง กัน คนดูแลต้นไม้ที่รู้จัก ่าต้นไม้ที่ตั เองปลูกชอบดินแบบไ น ชอบน�้าเยอะ รือ น�า้ น้อย แ งแดดจ้า รืออ่อน และพยายามปรับเปลีย่ น งิ่ แ ดล้อมใ พ้ อเ มาะ พอดี ก็จะ ่งผลถึงต้นไม้ที่เจริญเติบโตงอกงามมากก ่า พ่อแม่ที่ที่ข นข ายเรียนรู้ รู้จัก ังเกต ่าลูกชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ทดลอง ปรับเปลี่ยนตั เอง และจัด ิ่งแ ดล้อม ใ ้พอเ มาะพอดีกับลูก ก็จะ ่งผลถึง พัฒนาการของลูกที่ดีขึ้นอย่างเต็มที่ สูงสุดตามศักยภาพของแต่ละบุคคล
บทที่ ๕ เล่นกับลูก... เวลาคุณภาพ
118
ับ ฉบับความสุข
วันนีคุ เ ็นรอยยิมและเสียง ัวเราะของลูกแล้ว รือยัง
ับ ฉบับความสุข
เล่นกับลูก .... เวลาคุณภาพ ฟลอร์ไทม์ คืออะไร การเล่นกับลูกแบบฟลอร์ไทม์เป็นอย่างไร ฟลอร์ไทม์ในชีวิตประจ�าวัน - Floortime all the times every here เทคนิคฟลอร์ไทม์ตามระดับขั้นพัฒนาการองค์รวม ฟลอร์ไทม์ I ส�าหรับพัฒนาการขั้น ๑ - ๒ ช่วยลูกให้สนใจจดจ่อ และสัมพันธภาพแน่นแฟน • เล่น นุกกับลูกเยอะๆ • ัมพันธภาพทุกอารมณ์
ฟลอร์ไทม์ II ส�าหรับพัฒนาการขั้น ๓ - ๔ ช่วยลูกให้สื่อสารด้วยท่าทาง และสื่อสารได้ต่อเนือื่ งเพื่อแก้ปัญหา • แกล้งงง • เล่น นุกใ ้ซับซ้อนขึ้น ยากขึ้น มัน ์ ท้าทาย • ฝึกลูกใ ้แก้ปัญ า ใ ้ลูกลงมือท�า
ฟลอร์ไทม์ III ส�าหรับพัฒนาการขั้น ๕ ช่วยให้ลกู แสดงความคิดและใช้ภาษาพูดคุย • เล่น มมุติ • ช นพูดคุยโต้ตอบ
ฟลอร์ไทม์ I ส�าหรับพัฒนาการขั้น ๖ ช่วยลูกให้เข้าใจเหตุและผล • ถามเ ตุผล • ช นคุยรายละเอียด
119
120
ับ ฉบับความสุข
การเล่นกับลูกแบบฟลอร์ไทม์เป็นอย่างไร การเล่นกับลูกแบบฟลอร์ไทม์ มายถึง ช่ งเ ลาที่พ่อแม่คอยสังเกตว่าลูกก�าลังท�าอะไร สนใจอะไร อยากท�าอะไร แล้วเข้าไปร่วมเป็นเพื่อนอยู่ด้ ย ช่ ยกันคิด ช่ ยกันท�า ร่ มเล่นด้ ย เป็นช่ งเ ลาที่พ่อแม่ตระ นักรู้ ่า เราจะเป็นผู้ท�าตามลูกบ้าง เพราะ ตลอดเ ลาทั้ง ันลูกต้องคอย ท�าตามเรามาตลอดแล้ ที่ �าคัญ พ่อแม่รู้ ึกมีค าม ุขที่ได้อยู่กับลูก ได้ท�าใน ิ่งที่ลูก นใจ ได้ท�าตามค ามต้องการของลูก เป็นเรื่องไม่ง่ายที่พ่อแม่จะจัดช่ งเ ลาพิเ ที่พ่อแม่เป็นผู้คอยท�าตาม ิ่งที่ลูก นใจ เพราะ พ่อแม่ทุกคนจะชินกับการต้องคอย อน คอยบอก คอยตักเตือนลูก รือ จัดกิจกรรมใ ้ลูกได้ท�า ค ามยากในการเล่นกับลูกจึงเริ่มที่การฝึกตัวคุณพ่อคุณแม่เองก่อน เมื่อลูกก�าลังท�าอะไร เล่นอะไร คุณพ่อคุณแม่ลองฝึก ังเกตลูกใ ้ละเอียดขึ้น ใ ้นานขึ้น ลูกก�าลังท�าอะไร ลูกก�าลัง นใจ อะไร ลูกก�าลังรู้ ึกอย่างไร เมื่อ ังเกตได้นานพอ จนรู้ ึกอยากเข้าไปร่ มเล่นด้ ย พ่อแม่ก็เข้าไป ร่ มเล่น เมื่อเล่นไป ักพักแล้ พ่อแม่เริ่มรู้ ึกตั ได้ ่าก�าลังเผลอ อน เผลอบอก เผลอก�ากับ ั่งใ ้ ลูกท�าตามอีกแล้ คุณพ่อคุณแม่กอ็ าจจะเลือกถอยออกมา แล้ กลับมาฝึกการรอ และ ฝึกการ งั เกต ลูกใ ม่อีกครั้ง
การฝึกการรอ และคอยเตือนตัวเองให้กลับมาสังเกตลูกบ่อยๆ เป็นทักษะที่ส�าคัญใน การเล่นกับลูกแบบฟลอร์ไทม์ เ ตุผลที่เราต้องรอ และกลับมา ังเกตลูกบ่อยๆ เพราะ ลูกของเรา
มีพัฒนาการล่าช้า การเชื่อมต่อ การท�างานของเซล มองของลูกเราช้าก ่าเด็กคนอื่นๆ ถ้าเรารีบ ท�าใ ้ลูก รือ ท�าอะไรไปเร็ ๆ ลูกก็จะขาดโอกา ในการได้ลงมือท�า ได้คิดเอง ได้เรียนรู้ ได้ริเริ่ม แต่ถ้าเราใ ้โอกา ลูก ใ ้เ ลาลูก ภายใต้บรรยากา ที่อบอุ่น ไม่คาดคั้น เราจะพบ ่าลูกจะค่อยๆ เรียนรู้ ลองผิดลองถูก และทดลองท�าจนได้
ผลที่ตามมาเมื่อพ่อแม่ ามารถฝึกฝนตั เองในการเล่นตามลูกได้มากขึ้น คือ พ่อแม่จะเริ่ม รู้ ึก ่าเล่นกับลูกได้นานขึ้น และโดยไม่รู้ตั คุณพ่อคุณแม่จะพบ ่าการเล่นจะค่อยๆซับซ้อนขึ้น พลิกแพลงขึ้น ด้ ยตั ของมันเอง ค าม นุกจะเพิ่มมากขึ้น เด็กจะเริ่มมันส์ เริ่มมีเสียงหัวเราะ อยากเล่นอีก อยากเอาอีก อยากท�าอีก เมือ่ ถึงตอนนีแ้ ล้ คุณพ่อคุณแม่อาจเริม่ อดแทรกค าม ท้าทาย ค ามมัน ์ ค าม นุก เข้าไปเพิ่มขึ้น ซึ่งคุณพ่อคุณแม่จะแปลกใจเมื่อพบ ่า ลูกจะพยายาม ท�า พยายามแก้ปญ ั า พยายามพูดคุย พยายามท�าตาม เป็นจัง ะทีก่ ารเล่นจะเริม่ ลับเปลีย่ นจาก การทีพ่ อ่ แม่เป็นผูต้ ามอย่างเดีย เปลีย่ นเป็นผลัดกันผูน้ า� ผลัดกันเป็นผูต้ าม รูจ้ งั หวะกันมากขึน้ การเล่นนี้ก็จะกลายเป็นการเล่นที่พ่อแม่ช่ ย ่งเ ริมพัฒนาการลูก โดยลูกมีอารมณ์ร่ ม มีค ามรู้ กึ นุก อยากท�า อยากเล่น ท้าทาย อบอุน่ ไม่คาดคัน้ รือ เรียกด้ ยค�าง่ายๆ า่ ฟลอร์ไทม์
ฟลอร์ ไทม์ หมายถึง ช่วงเวลาพิเศษในการเล่น หรือท�ากิจกรรมกับลูก บนพื้น านของความ เข้าใจพั ฒนาการองค์รวม
การฝึกการรอ และคอยเตือนตัวเอง ให้กลับสังเกตลูกบ่อยๆ เป็นทั กษะที่ส�าคัญในการเล่นกับลูกแบบฟลอร์ ไทม์
124
ับ ฉบับความสุข
ฟลอร์ไทม์ในชีวิตประจ�าวัน การท�าฟลอร์ไทม์ในชี ติ ประจ�า ัน มายถึง ช่ งเ ลาที่พ่อแม่ท�ากิจกรรมกับลูก โดยพ่อแม่ เข้าใจพัฒนาการองค์รวม (D) เข้าใจความแตกต่างระบบประสาทของลูก ( I ) และใช้การท�า กิจกรรมต่างๆ เป็นโอกา ในการ อดแทรกเทคนิค ธิ กี ารเพือ่ ช่ ย ง่ เ ริมพัฒนาการลูก บนพืน้ าน ของสัมพันธภาพอันดี (R) ฟลอร์ไทม์ ามารถท�าได้ตลอด ทุกเ ลา ทุก ถานที่ โดยพ่อแม่ ังเกต ่าในขณะนั้นลูกก�าลัง นใจอะไร ก�าลังมีค ามต้องการอะไร พ่อแม่เข้าไปร่ มใช้เ ลาท�ากิจกรรมกับลูก • ช่ ยลูกต่อยอดค ามคิด • ช น ื่อ ารโต้ตอบ • ใ ้ลูกลงมือท�า พ่อแม่ช่ ยเชียร์
ตัวอย่าง • กิจกรรมทุกอย่างที่ลูกก�าลังรอให้คณ ุ พ่อคุณแม่ช่วยท�าให้ เช่น รอใ ้แม่รินน�า้ ใ ้ รอใ ้ แม่เปิดกล่องของเล่นใ ้ • กิจกรรมที่ลูกก�าลังอยากท�าด้วยตัวเอง เช่น ก�าลังพยายามเปิดถุงขนม ก�าลังพยายาม เปิดประตู • กิจกรรมที่เกี่ย ข้องกับความต้องการของลูก เช่น อยากเปิดที ี อยากออกไปข้างนอก • กิจ ัตรทีก่ �าลังเป็นปัญหา เช่น ไม่ยอมอาบน�า้ ร้องไ ้งอแงจะเอาของเล่น • กิจวัตรประจ�าวันของลูก เช่น เ ลาแต่งตั ใ ่เ ื้อผ้า ถอดเ ื้อผ้า กินอา าร เ ลาอาบน�า้ เ ลาอ่านนิทาน ช่ งเ ลาก่อนนอน
ฟลอร์ไทม์ทุกที่...ทุกเ ลา
à·¤¹Ô¤¿ÅÍà ä·Á µÒÁÃдѺ¾Ñ²¹Ò¡Òà àª×èÍÁ⧠¶ÒÁà˵ؼŠ¾Ù´¤ØÂÃÒÂÅÐàÍÕ´ à˵ØáÅмÅ
ÀÒÉÒ ¡ÒäԴ
àÅ‹¹ÊÁÁØµÔ ªÇ¹¾Ù´¤ØÂàÂÍÐæ
Ê×èÍÊÒÃà¾×èÍá¡Œ»Þ ˜ ËÒ Ê×èÍÊÒôŒÇ·‹Ò·Ò§ ÊÑÁ¾Ñ¹¸ÀÒ¾ ¤ÇÒÁ¼Ù¡¾Ñ¹ ʧº ʹã¨ÊÔè§ÃͺµÑÇ
á¡ÅŒ§§§ àÅ‹¹Ê¹Ø¡ãËŒ«Ñº«ŒÍ¹ ãËŒÅ١ŧÁ×Í·ÓàÂÍÐæ àÅ‹¹¡ÑºÅÙ¡àÂÍÐæ ÊÑÁ¾Ñ¹¸ÀÒ¾·Ø¡ÍÒÃÁ³
126
ับ ฉบับความสุข
เทคนิคฟลอร์ไทม์ตามระดับพัฒนาการ ฟลอร์ไทม์ I �า รับพัฒนาการขั้น ๑ - ๒
เล่นกับลูกเยอะๆ สัมพั นธภาพทุกอารมณ์
ช่ ยลูกใ ้ นใจ จดจ่อ และ ัมพันธภาพแน่นแฟ้น
ฟลอร์ไทม์ II �า รับพัฒนาการขั้น ๓ - ๔ ช่ ยลูกใ ้ ื่อ ารด้ ยท่าทาง และ ื่อ ารเพื่อแก้ปัญ า
แกล้งงง เล่นสนุกให้ซับซ้อนขึ้น ให้ลูกลงมือท�าเยอะๆ
ฟลอร์ไทม์ III �า รับพัฒนาการขั้น ๕
เล่นสมมุตติ ชวนพูดคุยเยอะๆๆ
ช่ ยใ ้ลูกแ ดงค ามคิดและใช้ภา าพูดคุย
ฟลอร์ไทม์ I �า รับพัฒนาการขั้น ๖ ช่ ยลูกใ ้เข้าใจและ ื่อ ารเ ตุผล
ถามเหตุและผล พูดคุยรายละเอียด
ับ ฉบับความสุข
ฟลอร์ไทม์ I ส�าหรับพัฒนาการขั้น ๑ - ๒
ช่วยลูกให้สนใจจดจ่อ และสัมพั นธภาพแน่นแฟน
เปาหมาย ช่ ยใ เ้ ด็ก ามารถ งบตั เอง นใจ จดจ่อกับ งิ่ รอบตั มี มาธิใน การท�ากิจกรรม มี มั พันธภาพกับพ่อแม่ได้ในทุกอารมณ์ เช่น อารมณ์ นุก เล่นด้ ย กันได้ต่อเนื่อง อารมณโกรธ งุด งิดก็ยังอยู่กับพ่อแม่ได้
เทคนิค เล่นกับลูกเยอะๆ เน้น ัมพันธภาพในทุกอารมณ์
127
128
ับ ฉบับความสุข
เล่นเครื่องบิ น นา กา ติกตอก
ขี่ ช้าง
นั่งเรือลาก
เล่นสนุกเยอะๆ ให้ลูกมีเสียงหัวเราะทุกวัน เด็กๆชอบการเล่นแบบเคลื่อนไหว เช่น เล่นเครื่องบิ น นั่งโยกแยกบนตัวพ่อ แกว่งเป็นนา กา จั กกะจี วิ่ งไล่จั บ ลากผ้าห่ม ปาหมอน
ับ ฉบับความสุข
ร่วมเล่นในสิ่งที่ลูกสนใจ
สัมพั นธภาพในทุกอารมณ์ ปลอบโยนเวลาเสียใจ
ยอมรับอารมณ์ของลูก ปลอบโยน อย่าทิ้งลูก อย่าเดินหนีไป
ลดการก�ากับ สั่ง ห้าม เปดโอกาสให้ลูกคิดและลงมือท�า
129
130
ับ ฉบับความสุข
ฟลอร์ไทม์ II ส�าหรับพัฒนาการขั้น ๓ - ๔
ช่วยลูกให้สื่อสารด้วยท่าทาง และสื่อสารเพื่อแก้ปัญหา
เปาหมาย ใ ้เด็กแสดงความต้องการด้ ย ี น้า แ ตา ภา าท่าทาง เช่น เล่น นุก ยิ้ม ั เราะ ท�าท่าใ ้อุ้ม แ ดง ี น้าเ ียใจ ใ ้เด็กเข้าใจความต้องการของคนอื่นที่ ื่อ ารผ่านภา ากาย เช่น ลูกเดินมา า เมื่อ เ ็นพ่อก ักมือเรียก ลูกชี้บอกอีกที ่าต้องการอะไร เมื่อเ ็นแม่ท�า ี น้างง ง ัย ใ ้เด็ก ื่อ ารค ามต้องการ กลับไปมา ได้ต่อเนือ่ ง จน ามารถแก้ปัญ าใ ้ตั เองได้
เทคนิค แกล้งงง คือ แกล้งท�าเป็นไม่เข้าใจ งง ใน ิ่งที่เด็ก ื่อ าร เพื่อใ เ้ ด็กต้องพยายาม ฝึกการ ื่อ ารใ ้ต่อเนื่อง ลัก �าคัญ คือ ต้องท�าบน ัมพันธภาพที่ดี นุกๆ งงจริงๆ ไม่รู้จริงๆ
แกล้งงง --------- เพื่อฝึกการสื่อสารจนแก้ปัญหาได้ เล่น นุกใ ้ซับซ้อนขึ้น ยากขึ้น มัน ์ ท้าทาย --------- เพื่อใ ้ลูกฝึกคิดแก้ปัญ า ถ้าลูกท�าไม่ได้ รอ ใ ้ลูก ื่อ ารบอกใ ้ช่ ย อย่าลืม รอให้นานพอ เพื่อ ังเกตการริเริ่มจากลูก ฝีกใ ้ลูกลงมือท�าเอง ใ ้ มองลูกท�างาน หนูท�าได้ ผมเก่งที่สดุ
ับ
131
ฉบับความสุข
แกล้งงง ฝึกการเอะใจ สงสัย ให้ลูกสื่อสารด้วยสีหน้า แววตา ท่าทาง กลับไปมาได้ต่อเนื่อง
ตัวอย่างกิจกรรมให้เด็กสื่อสารเพื่อแก้ปัญหา • เล่นขี้ช้าง ลูกชี้ใ ้ไปทางซ้าย พ่อแกล้งไปทางข า • รินน�า้ใ ่แก้ ใ ้ทีละน้อย ถ้าอยากกินอีกต้อง ื่อ ารเพื่อขอเพิ่ม • ช นเด็กไปเล่นน�า้ในกาละมัง แต่ไม่ใ ่น�า้ใ ้ • ขณะก�าลังช่ ยลูกใ ่กางเกง เอาแขนเ ื้อใ ้ลูกใ ่แทนขากางเกง • ยิบผิด ยิบถูก เอาตะเกียบใ ้ลูกแทนที่จะใ ้ช้อน • เอาของเล่นโปรดใ ่กล่องที่มี lock รือใ ่ถุงรัด นัง ติก
132
ับ ฉบับความสุข
จั ดท่านั่งเด็กให้เล่นแล้วเห็นหน้ากัน ท�าท่าเลียนแบบ ส่งเสียงเลียนแบบกันสนุกๆ โต้ตอบกลับไปมา
ฝึกการโต้ตอบกลับไปมาด้วยท่าทาง เช่น เล่นบอลโยนกลับไปกลับมา สนุกๆ ให้ ได้ต่อเนื่อง
อยากพั ฒนาอารมณ์ลูก พ่อแม่ต้องมีอารมณ์ก่อน ต้องมีอารมณ์เวลาการเล่นกับลูก อารมณ์มีความสุข อารมณ์แจ่มใส อารมณ์สนุกสนาน
ับ
133
ฉบับความสุข
เรื่องของเด็กๆ พาลูกไปเจอเด็กๆวัยเดี ยวกัน ลูกอาจแค่ยืนมองเพื่อนเล่น ลูกอาจแย่งของเล่นกับ เพื่อน
ชวนลูกเล่นซ่อนแอบ
ชวนลูกท�างานบ้านด้วยกัน (ฝึกสมอง ฝึกการลงมือท�างานใหม่ๆ
134
ับ ฉบับความสุข
ฟลอร์ไทม์ III ส�าหรับพัฒนาการขั้น ๕
ช่วยให้ลูกแสดงความคิดและ ใช้ภาษาพูดคุย เปาหมาย ช่ ยใ ้ลูกใช้ภา าบอก ความคิดของตัวเอง ช่ ยใ ล้ ูกใช้ภา าบอก ความต้องการ ช่ ยใ ล้ ูกใช้ภา าบอก อารมณ์ ความรู้สึก
เทคนิค เล่น มมุติ ช่ ยใ ้ลูกเแ ดง ค ามคิด อารมณ์ ค ามรู้ ึก ผ่านการเล่น ช นลูกพูดคุย เยอะๆ
ับ
135
ฉบับความสุข
ชวนลูกเล่นสมมุติง่ายๆ เลียนแบบชี วิ ตประจ�าวัน จั ดบ้านให้มีของเล่นสมมุติง่ายๆ
ให้ลูกเป็นผู้น�าการเล่น ให้ลูกได้แสดงความคิดของลูก ผ่านการเล่น หยุด
การก�ากับ การสั่งให้ท�าตาม
หยุด การถามค�าถามที่รู้คา� ตอบแล้ว เช่น นีส่ ีอะไร นีต้ ัวอะไรลูก
ลูกพ่อเก่งจั ง พ่อยังคิดไม่ออกเลยนะเนีย่
ให้ลูกช่วยคิดเยอะๆ
136
ับ ฉบับความสุข
สบายจั ง ถ้าลูกไม่นงิ่ ให้ลูกนั่งบนลูกบอล หรือ นั่งชิงช้า แล้วชวนคุย ลูกจะจดจ่อ พูดคุยได้มากขึ้น
ให้ลูกเป็นผู้ช่วยท�างานบ้าน ชวนพูดคุย อย่าปล่อยให้ลูกเล่นเกมส์ แล้วพ่อแม่ท�างานบ้าน
ชวนลูกไปเล่นกลางแจ้ง ออกก�าลังกายกับลูกตอนเช้า
ับ
137
ฉบับความสุข
ให้ลูกช่วยเหลือตัวเองเยอะๆ พ่อแม่คอยตบมือ เชี ยร์
เปดโอกาสให้ลูกได้พูดคุยกับคนอื่น ทุกที่ ทุกเวลา
พาลูกไปเที่ยว ได้ค�าศัพท์ ใหม่ๆเพิ่มขึ้น สนุก มีความสุขด้วยกัน
138
ับ ฉบับความสุข
ความรู้พ้นื าน ล�าดับขั้นการเล่นสมมุติในเด็กปกติ อายุ 1-1 1/2 ป - เล่นเลียนแบบ ท�าตาม
เริ่มใ ่อารมณ์ในการเล่นของเล่น เช่น ท�าท่ากอดน้อง มี รักน้อง มี เล่นเลียนแบบ ท�าตามที่พ่อแม่บอกขั้นตอนเดีย ง่ายๆ เช่น ป้อนพ่อ ป้อนน้องตุ๊กตา เล่น มมุติที่เกี่ย ข้องกับกิจ ัตรประจ�า ันง่ายๆ เช่น กิน นอน อาบน�า้ เข้าใจเฉพาะของเล่นที่เ มือนจริงเท่านั้น เช่น ช้อนของเล่น (ถ้าเอากิ่งไม้มา มมุติเป็น ช้อน เด็กจะไม่เข้าใจ)
อายุ 1 1/2 - 2 ป - เล่นสมมุติง่ายๆ ย เครื่องบิ น บิ นสูงเล
น้องหิวนมแล้ว บิ น บิ น ไปเ
ลย
กินนม กินน
เล่น มมมุติได้เอง มมุติกับของเล่นได้ ลาก ลายมากขึ้น เช่น เอาเครื่องบินของเล่น มา “บิน” ไปมา เอาโทร ัพท์ของเล่นมาท�าท่าพูดแบบผู้ใ ญ่ เอารองเท้าของแม่มาใ ่ การเล่นยังเป็นแบบซ�า้ ๆ เช่น ป้อนอา ารตุก๊ ตาทุกตั แล้ ก็ นมาป้อนอีก ม่ ผ้าใ น้ อ้ ง ซ�า้ ไปมา ยังแยกของจริงกับของเล่นไม่ได้ เช่น พยายามนั่งเก้าอี้ตุ๊กตา พยายามนั่งบนรถของเล่น (แล้ ก็พบ ่านั่งไม่ได้)
ม
ับ
139
ฉบับความสุข
อายุ 2- 2 1/2 ป - เล่นสมมุติได้หลายขั้นตอน ีเข้าห้องนา�้
น้องหมีกิน น้องหม
เริ่มมีค ามคิดของตั เอง เอากิจ ัตรที่คุ้นเคยมาเล่นต่อๆกัน เช่น ป้อนนมตุ๊กตา พาเข้า ้องน�า้ เ ร็จแล้ ไปนอนที่เตียง แล้ ก็ ่มผ้าใ ้ ขั้นตอนการเล่นยังอาจ ลับไปมา แล้ แต่ ่านึกอะไรออก
อายุ 2 1/2 - 3 ป เล่นสมมุติในเรื่องที่ไม่คุ้นเคย ไป ไป
เราไปเที่ยวส วน
สัตว์กันนะ
เชื่อมโยง มมุติได้เป็นเรื่องรา ั้นๆ เริ่มทดลองเล่นในบทบาทที่ไม่ค่อยคุ้นเคย เช่น ไป าคุณ มอ เล่น มมุติไปตลาด ไป เที่ย น ัต ์ เข้าใจของเล่นที่ไม่เ มือนจริง เช่น เอาใบไม้มา มมุติเป็นอา าร รือเล่น มมุติโดยไม่ ต้องใช้ของเล่น เช่น ก�ามือเป็นแก้ น�า้ แล้ ดื่ม
140
ับ ฉบับความสุข
อายุ 3 - ป - เล่นสมมุติ/จินตนาการเป็นเรื่องราว ้อยนะค่ะ เด็กๆ นั่งให้เรียบร ังค่ะ ให้ฟ คุณครูจะเล่านทิ าน
เล่น มมุติกับเพื่อนได้เป็นเรื่องรา ทุกคนมีบทบาทของตั เอง เช่น เล่นครูนักเรียน มมุติใน ิ่งที่อยู่นอกเ นือค ามจริง รือประ บการณ์ใ ม่ๆที่ไม่เคยเจอในชี ิตจริง เช่น มมุติตั เองเป็น Superman เป็นเจ้า ญิง เป็นนางเองในละคร ใช้ภา าในการเล่น พูดโต้ตอบได้คล่องแคล่ อธิบายบอกบทของตั เองใ ้เพื่อนฟังได้
ับ ฉบับความสุข
ฟลอร์ไทม์ I ส�าหรับพัฒนาการขั้น ๖
ช่วยลูกให้เชื่ อมโยงเหตุผล
เปาหมาย ช่ ยใ ้เด็กเชื่อมโยงค ามคิด อารมณ์ ค ามรู้ ึก กับค ามเป็นจริงภายนอก ช่ ยใ เ้ ด็กเข้าใจเ ตุและผล ของคนอื่น ิ่งรอบตั
เทคนิค ช นพูดคุย อบถามเ ตุและผล อบถามอารมณ์ ค ามรู้ ึก ถาม าเ ตุ
141
142
ับ ฉบับความสุข
ู้หรือยัง เหตุผลง่ายๆ ลูกร ” ดพื้น “ทา� ไมเราต้องกวา ชวนลูกพูดคุย สอบถามเหตุผล เริ่มต้นด้วยเหตุผลง่ายๆในชี วิตประจ�าวัน
รับฟัง แต่ไม่ตามใจ
เปดโอกาสให้ลูกได้โต้เถียง ต่อรอง
ให้ลูกได้พูดคุย เล่นกับ เพื่อนมากๆ
ับ
143
ฉบับความสุข
ชนะอย่างเดี ยว แรกๆ ลูกจะอยาก เป็นเรื่องปกติ เล่นสนุกๆ เริ่มเล่นเกมที่มีก กติกา ผลัดกันแพ้ชนะ
ชี้ ชวนให้ลูกเข้าใจอารมณ์ ความรู้สึกของคนอื่น พุ ดคุย ถามสาเหตุ
ให้ลูกลงมือท�างานที่เป็นขั้นตอนยากขึ้น เช่น รดน�า้ ต้อนไม้ ล้างจาน
144
ับ ฉบับความสุข ถ้าหนูเป็นหนูนอ้ ยหมวกแดง หนูจะท�ายังไงค่ะ
อ่านนิทานให้ลูกฟัง แล้วชวนลูกพูดคุย สอบถามความเข้าใจ ฝึกคาดการณ์ล่วงหน้า
ฝึกให้ลูกเล่นกี า ฝึกความคล่องแคล่ว ทนทาน เข้าใจก กติกา เช่น ว่ายน�า้ แบดมินตัน เทควันโด
เล่นสนุกกับลูกเยอะๆ ชวนลูกพูดคุย ช่วยกันวางแผน ก่อนการเล่น
ับ
145
ฉบับความสุข
ฟลอร์ไทม์กบั ความแตกต่างระบบประสาทของเด็ก ประ ิทธิภาพของการท�าฟลอร์ไทม์อยู่ที่ค ามเข้าใจค ามแตกต่างระบบประ าทขของเด็ก ถ้าพ่อแม่พยายามปรับจัง ะและท่าทีใ ้ อดคล้องกับลูก คุณพ่อคุณแม่จะพบ ่า ลูกจะ ามารถ งบตั เอง จดจ่อกับการเล่น การท�ากิจกรรม การคิดแก้ปัญ า พูดคุย ื่อ ารโต้ตอบได้มากขึ้น ตั อย่างเช่น
ฟลอร์ไทม์กบั เด็กที่ระบบการรับรู้ค่อนข้างไว กลัวๆกล้าๆ
• ใช้อารมณ์ นุก นาน แจ่มใ ในการช นลูกลอง ิ่งใ ม่ๆ • มั่น ังเกต ี น้า แ ตาลูกขณะเล่น เช่น ลูกเปลี่ยนจากยิ้ม นุกเป็น น้านิ่งๆ เรียบๆ ดูกลั ๆ พ่อแม่ปรับน�้าเ ียง และอารมณ์ใ ้เบาลง จัง ะการเล่นช้าลง เปลี่ยนใ ้ลูกเป็น ผู้ค บคุมจัง ะการเล่น • ใ ้ลูกคาดการณ์ได้ ่าอะไรจะเกิดขึ้น เช่น ใ ้จัง ะ 1-2-3 ก่อนโยนบอล • การมั่นปรับจัง ะการเล่นใ ้ อดคล้องกับลูก คุณพ่อคุณแม่จะพบ ่าลูกจะ งบจดจ่อได้ นานขึ้น นุก และ ื่อ ารโต้ตอบได้มากขึ้น
ฟลอร์ไทม์กบั เด็กทีม่ ภี าษาล่าช้า (มักพบว่ามีปญั หาการประมวลข้อมูลผ่านการฟังร่วมด้วย) • พ่อแม่ปรับจัง ะการพูดใ ้ช้าลง น�้าเ ียงกระชับ • ใ ่อารมณ์ร่ มในการพูดคุย จะช่ ยดึงค าม นใจจากลูกได้มากขึ้น • ใช้ภา า ั้นๆง่ายๆ • พยายามใ ้ลูกมองเ ็น น้าขณะคุยกัน เพื่อช่ ยเพิ่มการรับรู้ผ่านการมองเ ็น ี น้า แ ตา อารมณ์ ลูกจะเข้าใจภา าที่พ่อแม่พูดได้มากขึ้น • ใช้ภา าท่าทางประกอบ • รอ ใ ้ มองลูกแปลและเรียบเรียงข้อมูลที่ได้ยินก่อน ลูกจะ ามารถโต้ตอบได้มากขึ้น ถ้าเรารอใ ้นานพอ
146
ับ ฉบับความสุข
ฟลอร์ไทม์กบั เด็กที่ไวเสียง
• คุณพ่อคุณแม่เลือกการเล่น การพูดคุยกับลูกด้ ยน�้าเ ียงที่เบา นุ่นน ล • ระ ังเ ียงที่อาจมาแบบเร็ ๆ แรงๆ โดยลูกไม่ได้เตรียมตั ไ ้ก่อน เช่น เ ียงรถดับเพลิง เ ียงฟ้าร้อง
ฟลอร์ไทม์กบั เด็กที่ระบบการรับรู้ค่อนข้างเฉื่อย
• คุณพ่อเลือกการเล่นแบบโลดโผน มัน ์ ๆ • จับตั ลูกใ ้แน่น กระชับ • ใช้น�้าเ ียงของคุณพ่อที่ดัง นักแน่น ชัดเจน • จัดท่าการเล่นใ ้ลูกมองเ ็น น้าพ่อได้ชัดๆ • รอ ใ ้ลูกตอบ นอง มองของลูกต้องใช้เ ลาในการรับรู้ข้อมูลนานก ่าเด็กคนอื่นๆ ถ้าคุณพ่อรอได้นานพอ ( นใจ เชียร์) คุณพ่อจะแปลกใจที่เ ็นการริเริ่ม และการ ื่อ าร โต้ตอบจากลูกมากขึ้น
ฟลอรไืทม์กับเด็กที่มักจะซุ่มซ่าม หาของไม่ค่อยเจอ (การประมวลข้อมูลผ่านการมองเห็นกระพร่องกระแพร่ง)
• จัด ้องใ ้ไม่รก เ ลาเล่นกับลูก จ�าน นของเล่นไม่เยอะเกินไป • ใช้น�้าเ ียง อารมณ์ และภา าพูด เพิ่มช่องทางการรับรู้ ิ่งรอบตั • เด็กอาจไม่ชอบ การเล่นที่ต้องเปลี่ยนต�าแ น่งไปมาบ่อยๆ เช่น ิ่งไล่จับ ิ่งเปลี่ยนทิ ทาง ไปมา มักจะเล่นได้ไม่นาน
ับ
147
ฉบับความสุข
ฟลอร์ไทม์กบั เด็กที่ความทนทานกล้ามเนือ้ น้อย (ไม่ค่อยมีแรง ล้าง่าย)
เด็กที่ค ามทนทานกล้ามเนื้อล�าตั ไม่ค่อยแข็งแรง จะเ ็นเด็กนั่งเล่นได้ไม่นาน รือ ถ้าต้อง เล่นอะไรที่ต้องอา ัยการทรงตั ด้ ยตั เอง เด็กก็อาจจะล้าง่าย เลิกเล่น เปลี่ยนเป็นเดินไปมาแทน รือ นอนเลือ้ ยไปกับพืน้ การท�าฟลอร์ไทม์ทชี่ ่ ยประคับประคอง ่ น ลังของเด็ก ใ เ้ ด็กทรงตั ได้ ง่ายขึน้ เช่น นัง่ บนตั แม่ แล้ เอา ลังพิงขาของแม่ รือ การเล่นทีใ่ ช้ มอนประคอง ลังเด็กไ ้ รือ การท�ากิจกรรมอืน่ ๆ ทีช่ ่ ยจัดท่าใ เ้ ด็กนัง่ ได้มนั่ คงขึน้ เราจะพบ า่ เด็กจดจ่อในการเล่น นุกได้นาน ขึ้น ื่อ ารโต้ตอบได้มากขึ้น
บทที่ ๖ โปรแกรมส่งเสริมเด็ก พัฒนาการล่าช้า เด็กพิเศษทีบ่ า้ น
150
ับ ฉบับความสุข
โปรแกรม ่งเ ริมเด็กพัฒนาการล่าช้าที่บ้าน (Home-based Program)
ฟลอร์ไทม์
ฝึกทัก ะใน ชี ิตประจ�า ัน
ัญหา ึฝ แกป้ ือท�า ก ฝึกลงม
ฝึกร่างกาย (sensory/motor)
เล่นกับเพื่อน
ับ ฉบับความสุข
โปรแกรมส่งเสริมเด็กพัฒนาการล่าช้า เด็กพิเศษที่บ้าน การส่งเสริมพัฒนาการลูกอย่างเป็นองค์รวม และมีประสิทธิภาพที่บ้าน • การเล่นกับลูก รือ การท�าฟลอร์ไทม์ • การฝึกทัก ะในชี ิตประจ�า ัน • การฝึกร่างกาย • การเล่นกับเพื่อน
ฟังดูง่ายจัง ..... แต่ความแตกต่างอยู่ที่คุณภาพของการลงมือท�า • พอเ มาะ พอดีกับค ามแตกต่างของลูกเรา รือเปล่า • ค ามถี่แค่ไ น • ค ามแรงพอไ ม • ลาก ลายรูปแบบและ ิธีการ และเพิ่มช่องทางการเรียนรู้ รือเปล่า • เป็นอะไรใ ม่ๆที่ท�าใ ้ มองรู้ ึกต่ื่นตั พร้อมเรียนรู้ รือไม่
It’s not what you do but how you do it !
เล่นกับลูกที่บ้าน...เรื่องเล่าจากคุณพ่อ หล่อเลี้ยงโลกภายในของลูก
151
152
ับ ฉบับความสุข
โปรแกรมส่งเสริมเด็กพัฒนาการล่าช้า เด็กพิเศษที่บ้าน ในบทนี้ขอเริ่มต้นด้ ยการใ ้คุณพ่อคุณแม่ลองหลับตา แล้วค่อยๆนึกทบทวนดูว่าใน หนึง่ วัน หน่ึ่งอาทิตย์ หนึง่ เดือนที่ผ่านมา ลูกของเราได้ท�ากิจกรรมอะไรบ้าง ลูกได้ไปไ น ไปเล่นกับใคร และเราได้เปิดโอกา ชี้ช นใ ้ลูกได้ท�ากิจกรรมใ ม่ๆอะไรบ้าง แต่ละกิจกรรมที่ ลูกท�า ลูกได้ท�าบ่อยแค่ไ น กิจกรรม ลาก ลาย รือไ่ม่ คุณภาพของการท�าแต่ละกิจกรรม เป็นอย่างไร ถ้าเป็นไปได้ อยากใ ้คุณพ่อคุณแม่ลองเขียนใ ่กระดา เพื่อใ ้เ ็นภาพที่ชัดขึ้นค่ะ จากประ บกาณ์ที่ท�างานมาบ่อยครั้งพบ ่า ลายครอบครั ใช้เ ลาไปจมอยู่กับเรื่องใดเรื่อง นึ่งเป็นเ ลานานๆ เช่น บางคน นอยู่กับเรื่องพยายามใ ้ลูกกินข้า บางครอบครั นอยู่กับเรื่อง ปัญ าที่โรงเรียนที่ครูบอก เช่น ลูกยังระบาย ีไมได้ พ่อแม่ก็พยายามใ ้ลูกฝึกตามที่คุณครูบอก บางครอบครั ก็ดูแลใช้เ ลากับลูกที่มีพัฒนาการล่าช้า เ มือนการดูแลเด็กปกติทั่ ๆไป คือ กินข้า อาบน�้า พาไปโรงเรียน โดยอาจมีเพิ่มก ่าพี่น้องเด็กปกติ คือ พาไปพบแพทย์ พาไปฝึกกับนักบ�าบัด บ้าง และเล่นกับลูกบ้างตามเท่าที่เ ลามี บางครอบครั ก็บอกเล่าอย่างตรงไปตรงมา ่าเล่นกับลูก เพิ่มขึ้นเฉพาะช่ งใกล้ๆที่จะได้คิ นัดพบแพทย์ เพราะ กลั ถูกถาม ่าท�าอะไรบ้างแล้ ตอบไม่ได้ เป็นค ามแตกต่างกันไปของแต่ละครอบครั ขึ้นกับ ลาก ลายปัจจัย
ับ
153
ฉบับความสุข
โปรแกรม ง่ เ ริมเด็กพัฒนาการล่าช้า เด็กพิเ ทีบ่ า้ น มายถึง ภาพร ม า่ เ ลาคุณพ่อคุณ แม่อยู่บ้านกับลูกค รต้องท�าอะไรบ้าง เพื่อเป็นการส่งเสริมพัฒนาการลูกอย่างเป็นองค์รวม
และมีประสิทธิภาพ
Dr.Greenspan ได้น�าเ นอภาพร มการ ่งเ ริมพัฒนาการลูกที่บ้าน คือ
1. การเล่นกับลูก หรือ การท�าฟลอร์ไทม์
2. การฝึกทักษะในชีวิตประจ�าวัน
3. การฝึกร่างกาย
4. การเล่นกับเพื่อน
154
ับ ฉบับความสุข
การเล่นกับลูก หรือ การท�าฟลอร์ไทม์ การเล่นกับลูก หรือ การท�าฟลอร์ไทม์ มายถึง ช่ งเ ลาที่พ่อแม่คอย ังเกต ่าลูกก�าลัง
ท�าอะไร นใจอะไร อยากท�าอะไร แล้ เข้าไปร่ มเป็นเพื่อนอยู่ด้ ย ช่ ยกันคิด ช่ ยกันท�า ร่ มเล่น ด้ ย เป็นช่ งเ ลาที่พ่อแม่ตระ นักรู้ ่า เราจะเป็นผู้ท�าตามลูกบ้าง เพราะ ตลอดเ ลาทั้ง ันลูกต้อง คอยท�าตามเรามาตลอดแล้ ที่ �าคัญ พ่อแม่รู้ ึกมีค าม ุขที่ได้อยู่กับลูก ได้ท�าใน ิ่งที่ลูก นใจ ได้ท�าตามค ามต้องการของลูก
การฝึกทักษะในชีวิตประจ�าวัน การฝึกทักษะในชีวิตประจ�าวัน มายถึง การน�ากิจ ัตรประจ�า ันที่เด็กต้องท�าเป็นประจ�า
อยู่แล้ มาเป็นโอกา ในการฝึก มองและพัฒนาการของลูก ได้แก่ การฝึกช่ ยเ ลือตั เอง + การ ช่ ยพ่อแม่ท�างานบ้าน
ับ
155
ฉบับความสุข
การฝึกร่างกาย การฝึกร่างกาย มายถึง การออกก�าลังกาย การฝึกระบบของ มองและร่างกาย ใ ท้ า� งาน
ได้คล่องแคล่ ขึ้น แข็งแรงทนทานมากขึ้น และ ามารถท�างานพร้อมๆกันได้ร ดเร็ ขึ้น
การเล่นกับเพื่อน การเล่นกับเพื่อน มายถึง การเปิดโอกา ใ ้ลูกได้ไปอยู่กับเด็ก ัยเดีย กัน อาจเป็น นาม
เด็กเล่น น้าบ้าน น าธารณะ รือ ช นลูกเพื่อนมาเล่นกับลูกของเราที่บ้าน เป็นต้น การพาลูก ไปเล่นกับเพื่อนมีประโยชน์ คือ เด็กได้มีโอกา เล่นกับเด็ก ัยเดีย กัน ซึ่งจะแตกต่างจากเล่นกับ พ่อแม่ ซึ่งพ่อแม่จะคอยเล่นตาม รือรู้ใจลูก ลูกจะได้มีโอกา ฝึกทัก ะทาง ังคม อยากได้ของเล่น ท�าอย่างไร อยากช นเพื่อนมาเล่นด้ ยท�าอย่างไร ถ้าเพื่อนไม่ยอมใ ้เล่นด้ ยจะท�าอย่างไร ทัก ะ ทาง ังคมเ ล่านี้เป็น ่ิงที่ อนกันไม่ได้ ต้องใ ้ลูกไปมีประ บการณ์ด้ ยตั เอง
156
ับ ฉบับความสุข
การพาลูกไปเล่นกับเพื่อน คุณพ่อคุณแม่อาจต้องรูพ้ ฒ ั นาการทางสังคม หรือการเล่นกับ เด็กวัยเดียวกัน คร่า ๆ ดังนี้ เด็กอายุน้อยก ่า ๑๘ เดือน มักจะแค่ยืนมองเด็กคนอื่นเล่น เด็ก นใจ อยากรู้ ่าเด็กคนอื่นท�าอะไร เด็กอายุ ๒ - ๓ ปี รือ ันที่เริ่มเข้าเนอร์เซอรี่ เราจะเ ็นเด็ก เล่นอยู่ในกลุ่มเพื่อนได้ เป็นแบบเล่นข้างๆกัน สนใจของเล่นเหมือนกัน แต่อาจจะยังไม่ได้มี ปฏิ ัมพันธ์พูดคุยกันมากนัก คือ ต่างคนต่างเล่นของตั เอง แต่นั่งอยู่เป็นกลุ่มด้ ยกันได้ เด็กอายุ ๓ ปีขึ้นไป จะเริ่มเ ็นเด็กเล่นสมมุติ จินตนาการกับเพื่อน เล่นด้วยกัน เป็นกลุ่ม เล่น ิ่งไล่จับ เล่น ร้างประ าททรายด้ ยกัน เด็กอายุ ๔ - ๕ ปีขึ้นไป เราจะพบค าม ามารถในการเล่นที่ ซับซ้อนขึน้ เด็กจะเริม่ เล่นเกมทีม่ กี กติกา มีควาท้าทาย แข่งกันแพ้ชนะ รือ อาจเป็นลัก ณะ เกมกระดาน เช่น งูตกกระได เกมบิงโก เป็นต้น ถ้าลูกของเรามีพัฒนาการล่าช้า ิ่ง า� คัญที่คุณพ่อคุณแม่อาจต้องทราบ คือ เรื่อง ค ามแตก ต่างของอายุพัฒนาการกับอายุจริงของลูก อายุจริง มายถึง อายุตามวันเดือนปเกิด อายุ
พัฒนาการหมายถึง อายุตามความสามารถของเด็ก
ตั อย่างเช่น น้องต้นข้า อายุจริง เท่ากับ ๕ ปี แต่ค าม ามารถเของต้นข้า ยังน้อยก ่าเด็ก ัยเดีย กัน คือ น้องต้นข้า งบ นใจ ิ่งรอบตั ได้ ื่อ ารโต้ตอบ บอกค ามต้องการได้เป็นประ โยค นั้ ๆ เข้าใจภา าทีพ่ อ่ แม่พดู อยูใ่ นกลุม่ ฟังนิทานกับเพือ่ นได้ แต่ถา้ ครูถามอะไรยากๆทีเ่ ป็นเ ตุ เป็นผล ต้นข้า มักจะเลี่ยงไม่ตอบ รือ ตอบไม่ค่อยตรงค�าถาม ต้นข้า ชอบเล่นในกลุ่มเพื่อน เล่นของเล่นง่ายๆ เล่น มมุตติ ามเพ่อื่ น ค าม ามารถของน้องต้นข้า เท่ากับเด็กอายุประมาณ ๓ ปี อายุพัฒนาการของน้องต้นข้า ก็เท่ากับ ๓ ปี เ ลาที่เราจะใ ้ลูกฝึกทัก ะอะไร รือ ดู ่าพัฒนาการการเล่นกับเพื่อนของลูกได้แค่ไ น พยายามกลับมามองทีอ่ ายุพฒ ั นาการ เช่น ถ้าพาน้องต้นข้า ไปที่ นามเด็กเล่น น้องต้นข้า อาจ ิ่งเล่นเป็นกลุ่มกับเพื่อนได้ เล่นตามเพื่อนๆคนอื่นได้ แต่เม่ื่อเพื่อนๆ ัย ๕ ปีเปลี่ยนไปเล่นเกมที่มี กฏ กติกา เช่น ลมเพลมพัด เล่นจระเข้น�้าขึ้นน�้าลง น้องต้นข้า ก็อาจจะไม่เข้าใจ เล่นไม่ได้ รือ ที่ค่อนข้างท�าใ ้คุณพ่อคุณแม่เ ียใจ คือ เด็กคนอื่นก็อาจไม่ใ ้น้องต้นข้า เล่นด้ ย รือถูกผลัก ออกไป ไม่อยากใ ้อยู่ในกลุ่มด้ ย ก็เป็นเ ตุการณ์ที่เจอได้บ่อยๆใน นามเด็กเล่น
ับ
157
ฉบับความสุข
ฟังดูง่ายจัง ..... แต่ความแตกต่างอยู่ที่คุณภาพของการลงมือท�า เ ลาบอกโปรแกรมง่ายๆ ่าการฝึกลูกทีบ้าน คือ การใ ้เ ลาเล่นกับลูก การออกก�าลังกาย การช่ ยเ ลือตั เองในชี ิตประจ�า ัน การท�างานบ้าน พ่อแม่ ลายครอบครั ก็มักจะบอก ่าท�า ตามนี้ มดแล้ ค าม �าคัญของการท�า ไม่ใช่ผลลัพธ์ คือ ามารถท�า ิ่งต่างๆได้ เช่น เล่นกับลูกทุก ัน พาลูกไป นามเด็กเล่นทุก นั ไปเล่นบ้านบอลทุก นั แล้ ลูกใ เ่ อื่้ เองได้แล้ ติดกระดุมได้แล้ รือ เข้า ้องน�้านั่ง ้ มได้แล้ ทัก ะภายนอกเ ล่านี้ก็ �าคัญ แต่ถ้าเราเข้าใจลึกลงไปอีก เราต้องเข้าใจ ่ากิจกรรมเหล่านี้เป็นเพียงเครื่องมือที่เราใช้เป็นโอกา ในการฝึก มองของลูก ถ้าเรามาดู ่าเราอยากให้สมองของลูก ตื่นขึ้น คล่องแคล่วว่องไว พร้อมเรียนรู้มากขึ้น รือ ในบางคน เปลี่ยนจากเด็กพัฒนาการล่าช้าเป็นเด็กปกติที่มีพัฒนาการไม่แตกต่างจากเพื่อน เรียน นัง ือได้ เ มือนเพื่อนๆ เราอาจต้อง �าร จเพิ่มเติม ่าเราได้ช่ ยพัฒนา มองของลูกอย่างมีประ ิทธิภาพ เพียงพอแล้ รือยัง • ความจ�าเพาะ เรารู้จักพัฒนาการองค์ร ม (D) และเข้าใจค ามแตกต่างระบบประ าท ของลูก ( I ) รือยัง เราได้พยายามปรับเปลี่ยนตั เรา (R) ใ ้เข้ากับค ามแตกต่างของลูก รือไม่ • ความถีใ่ นการท�ากิจกรรมต่างๆพอไ ม ได้ ิ่งเล่นออกก�าลังกายมากน้อยแค่ไ น เด็กที่ได้ เล่นอาทิตย์ละครั้ง กับเด็กที่ได้เล่นทุก ัน ผลที่ได้ก็แตกต่างกัน • ความแรงพอไ ม ฝึกแบบซ�า้ ๆเดิมๆ รือ เพิ่มค ามแรง ค ามเข้มข้นในการท�ากิจกรรม • หลากหลายรูปแบบและวิธีการ เพิ่มช่องทางการเรียนรู้หรือเปล่า ใ ่ค าม นุก ใ ่ค าม ลาก ลาย ค ามซับซ้อน ทั้งตาดู ูฟัง มือท�า มองคิด • เป็นอะไรใหม่ๆที่ท�าให้สมองรู้สึกต่ื่นตัวพร้อมเรียนรู้หรือไม่ คุณพ่อคุณแม่อาจลอง ทบท น ่าลูกได้มีกิจกรรมใ ม่ๆ เราได้พลิกแพลงการเล่นกับลูกบ้าง รือไม่ Rosemary White นักกิจกรรมบ�าบัดคน า� คัญ ผู้มีประ บการณ์การกระตุ้นพัฒนาการเด็ก มานานก ่า ๔๐ ปี เล่าใ ้ฟัง ่า It’s not what you do but how you do it ! คุณภาพของการลงมือท�าจึงเป็นเรื่อง า� คัญ ถ้าพ่อแม่ ามารถจัดเ ลาท�าได้แล้ อาจลองมา ลงรายละเอียดเรื่องของคุณภาพการท�าเพิ่มขึ้น ก็จะช่ ยฝึก มองลูก ท�าใ ้พัฒนาการลูกไปได้เร็ ขึ้นค่ะ
158
ับ ฉบับความสุข
เล่นกับลูกที่บ้าน....เรื่องเล่าจากคุณพ่อ
คุณพ่อท่าน นึ่งเล่าใ ้ฟังเรื่องการเล่นกับลูก ผมรู้สึกว่าการเล่นกับลูกท�าให้ผมคลาย เครียด ผมได้กลับมาเป็นเด็กอีก ได้เล่นเหมือนตอนที่ผมเป็นเด็กๆ ฝนตกผมก็พาลูกไปเล่น น�า้ ฝน เล่นเ มือนทีผ่ มเคยเล่นตอนเด็กๆ ลูกเค้า นุกมากเลยครับ เราเล่นโคลนด้ ยกัน เ าร์อาทิตย์ ผมก็ขับรถพาเขาไปเที่ย คุณพ่อนิ่ง ักพัก แล้ เล่าต่อ ั้นๆ ถึงภาระต่างๆภายในครอบครั บางครั้งผมรู้ ึกเ มือน ภาระต่างๆ ตกอยู่ที่ผมคนเดีย เลิกงานมาผมก็กลับมาดูแลลูก เล่นกับลูก คุณพ่อนิ่งอีก ักพักแล้ บอกต่อ า่ ผมก็อดทนครับ คุณพ่อไม่ได้พดู อะไรต่อมากนัก เมือ่ นั น้าไปเ น็ ลูก คุณพ่อก็ไปช น ลูกเล่น ยิ้ม ั เราะด้ ยกันอีกอย่างเป็นอัตโนมัติ ่ิงที่ประทับใจคุณพ่อท่านนี้มาก ก็ตรงที่ลูกของคุณพ่อที่เป็นเด็กออทิ ติกคน นึ่ง ภายใต้ ภาระและค ามเครียดของชี ติ ทีไ่ ม่แตกต่างกันในแต่ละครอบครั คุณพ่อยังคง ามารถปรับเปลีย่ น ตั เอง มีอารมณ์สนุก แจ่มใส ได้ทุกครั้งที่มองเห็นหน้าลูก ผลลัพธ์ที่ได้รับก็คุ้มค่ามาก เด็กมี พัฒนาการที่ดีขึ้นมาก จากเด็กที่นิ่งๆ ไม่ค่อย นใจอะไร ชอบอยู่ในโลก ่ นตั ผ่านไป ๑ ปเต็ม เด็กดูดีขึ้นมาก มีค ามเป็นธรรมชาติของ ี น้า แ ตา ที่ �าคัญเด็กดูมีอารมณ์แจ่มใ นใจ มองคน และเริ่ม ื่อ ารโต้ตอบกับคนด้ ยภา ากายและภา าพูดได้ ั้นๆ
ับ
159
ฉบับความสุข
หล่อเลี้ยงโลกภายในของลูก เม่ื่อได้ฟังคุณพ่อคุณแม่ ลายๆท่านเล่าเรื่องแน ทางการดูแล ่งเ ริมพัฒนาการลูกที่บ้าน ก็พบ ่ามีอีกด้าน นึ่งที่น่า นใจ อยากแบ่งปันใ ้คุณพ่อคุณแม่ฟัง คุณแม่ท่าน นึ่งเล่าใ ้ฟัง ่า ก่อนนอนทุกคืน จะเอามือจับที่ ั ใจของลูก พูดกับลูกด้ ยถ้อย ค�าดีๆ ถ้อยค�าที่ ยงาม กล่าวความรู้สึกขอบคุณ ขอบคุณที่ลูกเกิดมาเป็นลูกของแม่ ขอบคุณ ค าม ุขที่แม่ได้รับจากการดูแลลูก ...ลูกจะค่อยๆ หลับไปพร้อมกับค�าพูดที่งดงามเหล่านั้น คุณแม่เล่า ่าเป็นช่ งเ ลาที่คุณแม่รู้ ึกดี เป็นค าม งบที่แม่กับลูกอยู่ด้ ยกัน คุณแม่พบ ่าตั้งแต่ ฝึกการกล่า ถ้อยค�าดีๆกับลูกก่อนนอนทุก ัน เ ลาที่ลูกดู ุ่น าย ดูไม่ งบในตอนกลาง ัน บางครั้ง คุณแม่ก็น�าถ้อยค�า น�้าเ ียง และ จัง ะการพูดแบบเดีย กันนี้มาใช้กับลูก คุณแม่พบ ่าลูกดู งบ นใจ และ ก�ากับตั เองได้ดีขึ้น ที่ �าคัญ คุณแม่รู้ ึก ่าการบอกกล่า ถ้อยค�า ร้าง รรค์ การได้มอง ลูกขณะที่ลูกก�าลังนอน ลับ ช่ ยใ ้จิตใจของคุณแม่มีพลังพร้อมที่จะต่อ ู้กับ ันใ ม่ต่อๆไป คุณแม่อกี ท่าน นึง่ เล่าเรือ่ งการพยายามเพิม่ ช่องทางการเรียนรูใ้ ล้ กู ทุก นั ผ่านกิจกรรมต่างๆ ทั้งการมองเ ็น การ ยิบจับ ัมผั การรับฟังเ ียง ภา าพูด คุณแม่เล่าเรื่องการอ่านนิทานใ ้ลูก ฟังในช่ งก่อนนอน ่า คุณแม่เลือกทีจะอ่านนิทานคุณธรรม นิทานสีขาว คุณแม่ไม่ได้แน่ใจ ่าลูก จะเข้าใจเรือ่ งรา ตามตั นัง อื ทัง้ มด แต่คณ ุ แม่เลือกทีจ่ ะใช้นา�้ เสียง และจังหวะการเล่าทีช่ ว่ ย กล่อมให้ลกู ค่อยๆหลับไปกับเรือ่ งราวดีๆ คุณแม่เล่า า่ การอ่านนิทาน นึง่ เรือ่ ง คุณแม่จะอ่านเรือ่ ง เดิมซ�า้ ๆทุก ันเป็นเ ลาอย่างน้อย 21 ัน คุณแม่เชื่อ ่า �า รับลูกของเรา การท�าซ�้าๆที่นานพอ
เป็นเรือ่ งส�าคัญ คุณแม่เชือ่ ว่าลูกสามารถเรียนรูไ้ ด้เหมือนเด็กคนอืน่ แต่อาจต้องพยายามเพิม่ ช่องทางการเรียนรูใ้ ห้ลกู และทีส่ า� คัญ ส�าหรับลูกของเราคุณแม่บอกว่าอาจต้องท�าซ�า้ ๆ หลาย ครั้งมากกว่าเด็กคนอื่น
160
ับ ฉบับความสุข
คุณพ่ออีกท่าน นึ่งเล่าใ ้ฟังถึงการชวนลูกนั่งสมาธิ ก่อนนอนทุกวัน ใช้ค�า ่าฝึกนั่งนิ่งๆ ก่อนนอนก็แล้ กัน คุณพ่อจะ ดมนต์ แล้ ฝึกใ ้ลูกนั่งนิ่งๆ ช่ งแรกๆลูกก็ไม่ได้นั่งนิ่งๆเท่าไ ร่ มักจะยุกยิกไปมาตลอด แต่ก็นั่งอยู่กับที่ได้นานขึ้น จนจบเ ียง ดมนต์ คุณพ่อ ดมนต์กับลูกเป็น กิจ ัตรทุก ัน คุณพ่อเล่าเ ลาตอนกลาง ันที่ลูกมีอารมณ์โมโ งุด งิด ดู ุ่น าย ไม่นิ่ง คุณแม่ คุณพ่อจะพยายามค่อยๆช่ ยใ ้ลูก งบลง ช นใ ้ลูกนิ่งขึ้น คุณพ่อเล่า ่าตั้งแต่ ดมนต์กับลูกมา ๖ เดือนแล้ ลูกดูจะก�ากับตัวเอง สงบตัวเอง ได้ง่ายขึ้น
ับ
161
ฉบับความสุข
กล่าวความรู้สึกขอบคุณ ขอบคุณที่ลูกเกิดมาเป็นลูกของพ่อและแม่ ขอบคุณความสุขที่พ ่อและแม่ได้รับจากการดูแลลูก ลูกจะค่อยๆ หลับไปพร้อมกับค�าพูดที่งดงามเหล่านั้น
บทที่ ๗ การฝึกร่างกาย
164
ับ ฉบับความสุข
การฝึกร่างกาย
ับ ฉบับความสุข
การฝึกร่างกาย การฝึกร่างกาย
• ร่างกายแข็งแรง ทนทาน • ร่างกายคล่องแคล่
การฝึกร่างกายมีประโยชน์ในชีวิตประจ�าวันอย่างไร สังเกตอย่างไรว่าร่างกายของลูกคล่องแคล่ว ทนทาน หรือไม่ วิ่งเล่น ออกก�าลังกาย แล้วจะช่วยให้ลกู พูดได้เร็วขึ้นจริงหรือ การฝึกร่างกายที่ส�าคัญมีอะไรบ้าง ต้องฝึกมากแค่ไหน บ่อยแค่ไหน ถ้าลูกมีพฒ ั นาการล่าช้ามาก อยู่ในกลุ่มเด็กพิเศษ ควรเน้นฝึกร่างกายลูกมากแค่ไหน ฝึกอะไรก่อนหลัง การฝึกร่างกายกับการส่งเสริมพัฒนาการเด็กอย่างเป็นองค์รวม ตัวอย่างกิจกรรมฝึกร่างกาย • ออกก�าลังกายพื้นฐาน • ฝึกการฟัง • ฝึกการมอง
สรุปหลักส�าคัญในการฝึกร่างกาย
165
166
ับ ฉบับความสุข
การฝึกร่างกาย การฝึกร่างกาย มายถึง การออกก�าลังกาย รือ การฝึกใ ้ มอง ั่งร่างกาย ใ ้ท�างาน
พร้อมๆกันได้คล่องแคล่ ขึ้น ร ดเร็ ขึ้น และแข็งแรงทนทานมากขึ้น
ร่างกายแข็งแรง ทนทาน มายถึง ท�าอะไรได้นาน ไม่เ นื่อยง่าย ไม่ล้าง่าย เช่น นั่งเล่น
ได้นาน ไม่ลงไปนอน ิ่งเล่น นามเด็กเล่นได้นาน
ร่างกายคล่องแคล่ว มายถึง มอง งั่ ร่างกาย ลายๆ ่ นใ ท้ า� งานได้พร้อมๆกันได้ เช่น
กระโดดเชือก มอง ั่งใ ้มือแก ่ง ั่งใ ้ตามอง และ ั่งใ ้ขากระโดดได้เป็นจัง ะที่พอดีกัน รือ การขี่จักรยาน ขาต้องถีบเป็น งรอบ มือต้องก�าที่บังคับจักรยาน เปลี่ยนทิ ทางไปมา ร่างกายต้อง พยายามทรงตั ในท่านั่ง ตามองไปข้าง น้าและรอบๆ ูฟังเ ียงรถ จะเ ็น ่าร่างกายท�างานได้
พร้อมๆกันหลายส่วน
การฝึกร่างกายมีประโยชน์ในชีวิตประจ�าวันอย่างไร • เด็กกระฉับกระเฉงขึ้น เ ม่อลอยน้อยลง • มอง ั่งการท�างานที่เป็นขั้นตอนได้คล่องแคล่ ขึ้น ท�างานซับซ้อนได้จนเสร็จ เช่น ช่ ย แม่ล้างจาน ช่ ยแม่รดน�า้ ต้นไม้ • เด็กเรียนหนังสือได้ง่ายขึ้น เก่งขึ้น ามารถใช้ร่างกายท�างานพร้อมๆกันได้ เช่น ใน ้องเรียนเด็กต้องฟังครูพูด และจดตามกระดาน ( ูฟังครู - ตามองกระดาน - มือจด) • เด็กท�ากิจกรรมได้นานขึ้น ไม่นอนเลื้อยกับพื้น ไม่เ นื่อยง่าย ไม่ล้าง่าย • เด็ก งบตั เองได้เร็ ขึ้น ปัญ าอารมณ์รุนแรง เล่นแรงๆกับเพื่อน ลดน้อยลง ก�ากับ
ควบคุมร่างกายตัวเองได้ดีขึ้น
ับ
167
ฉบับความสุข
สังเกตอย่างไรว่าร่างกายของลูกคล่องแคล่ว ทนทาน หรือไม่ เด็กที่มีปัญ าพัฒนาการช้า เช่น พูดช้า เรียนรู้ได้ช้าก ่าเพื่อนๆใน ้อง ชอบเ ม่อลอย อน อะไรแล้ จ�าไม่ค่อยได้ รือขีดเขียน นัง ือไม่คล่อง ถ้าเราเอาเด็กกลุ่มนี้มาประเมินทัก ะด้าน ร่างกาย เราจะพบ า่ เด็กจะดูไม่คอ่ ยแข็งแรง ไม่คอ่ ยคล่องแคล่ ซึง่ คุณพ่อคุณแม่อาจลอง งั เกตลูก เบื้องต้นง่ายๆ ดังต่อไปนี้ • ง่ายที่ ุด เริ่มต้นด้ ยการ ังเกตท่านั่งของลูก เ ลานั่งที่พื้นลูกมักนั่งอยู่ในท่าใด เด็กที่มี ค ามตึงตั ของกล้ามเนื้อน้อย มักจะนั่งในท่า w sitting รือ บางคนก็ชอบนั่งท่าแปลกๆ ขาข้าง นึ่งงอ อีกข้างเ ยียดออก คือ ดูแปลกๆ ่านั่งแบบนี้ได้ไงเนี่ย รือบางคนก็ชอบ นอนเลื้อย นั่งเล่นได้ไม่นาน และโดย ่ นใ ญ่มักจะนั่ง ลังค่อม
X
นั่งท่า
นั่งเหยียดขา
X
นั่งท่าบิดเบี้ยว
นั่งขัดสมาธิ
168
ับ ฉบับความสุข
• การรับส่งบอล ถ้าเรา งั เกตเด็กอายุ ๓ -๔ ข บทั่ ๆไป เราจะเ น็ เด็กมีค ามเป็นอัตโนมัติ ในการรับ ่งบอลโดยไม่ต้องบอก อน รือ ท�าใ ้ดู เด็กจะยื่นแขนออกมาข้าง น้า อยู่ใน ท่าเตรียมพร้อม รอรับบอล เม่ื่อแม่ ่งลูกใ ้เด็กเอาลูกบอลมาประคองไ ้ที่ น้าอก คือ ใช้ น้าอกช่ ยประคองลูกไ ไ้ ม่ใ ้ ล่น จากนัน้ ก็คอ่ ยๆโยนลูกบอลกลับไปมาต่อได้ แต่เมือ่ ใ ้เด็กที่พูดช้า พัฒนาการล่าช้า ลองเล่นรับ ่งบอล เราจะพบค ามไม่เป็นอัตโนมัติในการ เรียนร้ทู จี่ ะขยับ จัดท่าของร่างกาย เด็กจะไม่ ามารถเตรียมพร้อมท่าทาง รือ ไม่ ามารถ ขยับเคลื่อนไ ร่างกาย ไม่คล่องตั ในการเปลี่ยนท่าทาง การกะระยะต่างๆ
• ขี่จักรยานเป็นประ ัติที่พบได้บ่อย ในเด็ก ๓ - ๔ ปี ซึ่งน่าจะ ามารถขี่จักรยาน ามล้อ และ ี่ล้อได้แล้ พ่อแม่ก็มักจะเล่า ่าลูกไม่ นใจขี่ รือเล่า ่าลูกยอมขึ้นไปนั่งแต่ไม่ยอม ปันจักรยานเอง รือถ้าปันได้ก็จะปันได้แบบ กล้าๆกลั ๆ ไม่ ามารถใช้เท้าถีบเป็น งรอบ ได้เอง • การออกก�าลังกายทีต่ อ้ งใช้ทงั้ แขนขาพร้อมๆกัน เช่น กระโดดตบมือ ซึง่ เด็กอายุประมาณ ๔ -๕ ปี ก็น่าจะท�าได้แล้ แต่เด็กที่ร่างกายไม่คล่องแคล่ เราก็จะเ ็นค ามยากล�าบาก เช่น เมื่อตบมือขึ้นเ นือ ีร ะ ก็จะไม่กางขาออก รือ ถ้าตั้งใจจะกางขาออก มือก็จะ ไม่ตบ เพราะ มองไม่ ามารถ ั่งร่างกายใ ้ทา� งาน พร้อมๆกันได้ ต่างจากเด็ก ัยเดีย กัน ทีพ่ อใ ม้ องดู ทดลองท�า กั อง ามครัง้ เด็กก็จะเรียนรูท้ จี่ ะขยับร่างกายและท�าตามได้เลย • การกระโดดเชือก เด็กอายุประมาณ ๖ ปี น่าจะท�าได้แล้ คือ มุนแขนเป็น ง เพื่อแก ่ง เชือกข้าม ีร ะ แล้ กระโดด องขาข้ามเชือก เป็นจัง ะ อดคล้องกันทั้งการ มุนแขน และการกระโดด เด็กที่มีพัฒนาการปกติ เมื่อได้ฝึกฝน ักที องที ก็มักจะเรียนรู้ที่จะท�าได้ โดยไม่ยาก แต่เด็กทีไม่ค่อยคล่องแคล่ ก็จะพบ ่าเด็กไม่ ามารถท�าได้ ท�าแล้ งง งง เช่น แขนแก ่ง แล้ ขาไม่กระโดด รือ เมื่อขากระโดด แขนก็ลืมแก ่ง เป็นต้น
ับ
169
ฉบับความสุข
วิ่งเล่น ออกก�าลังกาย แล้วจะช่วยให้ลกู พูดได้ เร็วขึ้นจริงหรือ จริง รือไม่จริง เราลองมาท�าค ามรู้จักเรื่องล�าดับขั้นการพัฒนา มองของเด็กกันก่อน Academic Learning Intellect Daily Living Behavior Activities Auditory Visual- Attention Spatial Center Perceptual Language Development Skills Perception Functions Motor Ocular Eye-hand Postural Motor Coordination Adjustment Control
Cognition
¡ÒÃàÃÕ¹ÇÔªÒ¡Òà ʵԻ˜ÞÞÒ ภาษา มิติสัมพันธ์ กี า ¡ÒáӡѺµÑÇàͧ ÊÁÒ¸Ô การเคลื่อนไหว ร่างกายที่ซับซ้อน
Body Scheme
Sensory Motor
Postural Security
Sensory Ãкº»ÃÐÊÒ· ÊÑÁ¼ÑÊ·Ñé§ ÷
Olfactory
Tactile
Reflex Maturity
Abillity to Screen Input
Awareness of Two Sides of Body
Visual
Auditory
Vestibular
Development
Motor Planning
Gustatory
Systems
Proprioception
ล ดับขั้นการพัฒนาระบบประสาทในเด็ก Ref.Pyramid of Learning, William & Shellenberger
มองมีล�าดับขั้นของการพัฒนา เริ่มจากาการพัฒนาระบบประสาทสัมผัสทั้ง (การมอง เ ็น การได้ยิน การดมกลิ่น การลิ้มร การกอด ัมผั การทรงตั การเคลื่อนไ ง่ายๆ) ต่อมา คือ การเคลือ่ นไหวร่างกายทีซ่ บั ซ้อนขึน้ (เช่น ปีนป่าย ตีลงั กา โยนรับบอล ตีตบแปะ กระโดดเชือก) ต่อมาเป็นการท�างานของ มองขั้น ูงที่ซับซ้อนมากขึ้น ได้แก่ การใช้ภาษา การมีสมาธิ จดจ่อ ความสามารถในการก�ากับตัวเอง การเล่นกี า และต่อยอดไปสูก่ ารเรียนรูว้ ขิ าการและระดับ สติปัญญาต่อไป เด็กทีจ่ ะพูดได้ พืน้ ฐานโครง ร้าง มอง ่ นระบบประ าท มั ผั และการเคลือ่ นไ ร่างกาย ที่ซับซ้อนต้องท�า น้าที่ได้คล่องแคล่ ก่อน ถ้าโครง ร้างพื้นฐานยังกระพร่องกระแพร่ง ก็เปรียบ
เหมือนการพยายามสร้างบ้านบนพื้นทราย เป็นสิ่งที่ไม่สามารถท�าได้ ต่อยอดขึ้นไปไม่ได้
ถ้าลูกยังพูดไม่ได้ นอกจากพยายามฝึกเรื่องการ ื่อ ารกับลูกแล้ การเน้นการออกก�าลัง กาย ฝึกระบบประ าท ัมผั ยิบ จับ ลงมือท�ามากๆ ก็จะช่ ยใ ้ มองของลูกคล่องแคล่ ่องไ เป็นการเตรียมความพร้อมสมองของลูกให้มโี ครงสร้างพร้อมที่จะรองรับ ภาษา
การวิง่ เล่น ออกก�าลังกายทีซ่ บั ซ้อน จึงเป็นส่วนส�าคัญทีจ่ ะช่วยให้ลกู พูดได้เร็วขึน้ ค่ะ
170
ับ ฉบับความสุข
การฝึกร่างกายที่ส�าคัญมีอะไรบ้าง การฝึกร่างกายที่ช่ ยพัฒนาเด็กที่ �าคัญ ได้แก่ 1. ฝึกควบคุมก�ากับร่างกาย เช่น การ ิ่งเปลี่ยนทิ ทางเร็ ๆ การฝึกค บคุมจัง ะ ิ่งเร็ เร็ มากๆ ิ่งช้า ช้าลงอีก ช้ามากๆๆๆ แบบ slow motion
2. ฝึกการมองเห็น การฟัง เช่น เกม า มบัติ ท�าท่าเลียนแบบคุณแม่ ฝึกท�าตามค�า ั่ง ลายขั้นตอน
3. ฝึกการสั่งการกล้ามเนือ้ และการใช้ร่างกายทั้งหมดพร้อมๆกัน ได้แก่ การท�างาน ลายขัน้ ตอนจนเ ร็จ เช่น ช่ ยรดน�า้ ต้นไม้ ช่ ยล้างจาน การเล่นกับเพือ่ นเป็นกลุม่ เล่น ตามกฏกติกา
4. ฝึกความทนทานของกล้ามเนือ้ เช่น ิ่งเล่นจนเ งื่ออก ิ่งได้นาน โ นบาร์ กระโดด เชือก sit up ่ายน�า้
ับ
171
ฉบับความสุข
ต้องฝึกมากแค่ไหน บ่อยแค่ไหน ยิ่งฝึกมากก็ยิ่งเก่งมากค่ะ ฝึกบ่อยๆ สมองก็จะท�างานได้คล่องแคล่วขึ้น ลูกก็จะมี พัฒนาการดีขึ้นเร็ว แต่อย่าลืม ลักการ �าคัญ คือ เด็กต้องมีแรงจูงใจ มีอารมณ์ร่ มอยากท�าด้ ย พ่อแม่ตอ้ งขยัน าแรงจูงใจ มาชักช นลูกใ ท้ า� กิจกรรมต่างๆ แรงจูงใจในเด็กไม่ตอ้ งการอะไรทีร่ าคา แพงมาก แค่รอยยิ้ม เ ียง ั เราะ อารมณ์ที่แจ่มใ ของคุณพ่อคุณแม่ ลูกก็ยอมท�าตามแล้ ถ้าพ่อแม่พยายามลงมาเล่น นุกกับลูก ช นลูกออกก�าลังกายแล้ ลูกยังไม่ค่อยยอมท�า ่ นใ ญ่ เกิดจากกิจกรรมนั้นยังยากเกินไป �า รับร่างกายของลูกค่ะ
172
ับ ฉบับความสุข
กิจกรรมประจ�าวันที่บ้าน ถ้าพ่อแม่ลองฝึกลดค ามเร่งรีบในชี ิตประจ�า ันลง ใ ้เ ลา
เปิดโอกา ใ ้ลูกช่ ยท�างานรอบตั มากขึ้น ลูกก็จะได้รับโอกา การฝึกง่ายๆที่ อดแทรกไปในชี ิต ประจ�า ันตลอดทั้ง ัน • เด็กเล็กๆ เ ลาไปไ น แทนทีจ่ ะขึน้ ลิฟท์กช็ นลูกเดินขึน้ ลงบันได ฝึกการทรงตั ค ามแข็ง แรงทนทานกล้ามเนื้อ • เปลี่ยนจากการนั่งรถ ่ นตั ติดแอร์เย็นๆ เป็นพาลูกขึ้นรถเมล์ ลงเรือ นั่ง องแถ ขีม่ อเตอร์ไซด์ รถไฟฟ้า ฝึกการทนต่อเ ยี งเครือ่ งยนต์ การเจอคนพลุกพล่าน นุ่ าย (เ ยี ง เครื่องยนต์ ัมผั อากา ร้อนๆ กลิ่น การทรงตั ) • ช่ ยท�าอา ารที่บ้าน เช่น ช่ ยเด็ดใบต�าลึง ช่ ยตีไข่ ช่ ยซา ข้า ( ัมผั กลิ่น ร ชาติ กล้ามเนื้อมือ) • กิจ ัตรในบ้าน เช่น จัดเรียงเ ื้อผ้าใ ่ตู้ ขัดรองเท้า รดน�้าต้นไม้ กรอกน�้าใ ่ข ด (กล้ามเนื้อ มือ ตา การจัดล�าดับ การท�างานเป็นขั้นตอนจนเ ร็จ) อย่างที่ อง คือ การฝึกการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อน โดยท�าที่บ้านร่ มกับคุณพ่อ คุณแม่ พี่น้อง เช่น โยนรับบอล กระโดดตบมือ ตีตบแปะ กระโดดเชือก ขี่จักรยาน กิจกรรมพ กนี้ค รท�า เป็นกิจ ัตร ม�่าเ มอทุก ัน ท�าน้อยๆ แต่ท�า ม�่าเ มอ อาจจะ ๓๐ นาที รือ ๑ ชั่ โมงทุก ัน โดยค่อยๆเพิ่มค ามซับซ้อน ของการออกก�าลังกายมากขึ้นเรื่อยๆ ่ นพ กกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น พาลูกไปเล่นสนามเด็กเล่น เล่นเกมที่มีก กติกากับ เพือ่ น เช่น งิ่ ไล่จบั รีรขี า้ าร มอญซ่อนผ้า ตีจ่ บั คุณพ่อคุณแม่ค รพาลูกไปเล่นเป็นกลุม่ กับเพือ่ นๆ อย่างน้อย ๓ - ๔ ครั้งต่อ ัปดา ์ ครั้งละอย่างน้อย ๓๐ นาที รือ ๑ ชั่ โมง
การเล่นกี า เช่น เรียน ่ายน�้า เทค ันโด แบดมินตัน ก็อาจจะท�าอาทิตย์ละครั้ง องครั้ง
รือใน ช่ งเ าร์อาทิตย์ ครั้งละประมาณอย่างน้อย ๑ ชั่ โมง
ับ
173
ฉบับความสุข
ถ้าลูกมีพัฒนาการล่าช้ามาก อยู่ในกลุ่มเด็กพิเศษ ควรเน้นฝึก ร่างกายลูกมากแค่ไหน มีครอบครั นึ่งพาลูกไปพบ Dr. Greenspan ที่ประเท รัฐอเมริกา คุณแม่กลับมาเล่า ใ ฟ้ งั และเอาข้อแนะน�าของคุณ มอ Greenspan มาใ ด้ ู น้องเป็นเด็กทีม่ พี ฒ ั นาการล่าช้าค่อนข้าง มาก ได้รับการ ินิจฉัยเป็นออทิ ติก น้องอายุ ๓ ปีก ่าแล้ แต่ยังไม่มีภา าพูด ยังไม่ค่อยจดจ่อ ไม่เล่นของเล่น ไม่คอ่ ย นใจ งิ่ รอบตั ได้อา่ นใน ่ นของการฝึกร่างกาย คุณ มอแนะน�า า่ ไม่ควร ปล่อยให้เด็กนั่งท�ากิจกรรมที่นงิ่ ๆ เฉยๆ เป็นเวลานาน น้องค รได้รับการกระตุ้นระบบร่างกาย ทุกชั่ โมงด้ ยกิจกรรมทีเ่ ป็นการเคลือ่ นไ โดยเฉพาะการกระตุน้ ใน ่ นของระบบเอ็นและข้อต่อ เช่น ใ ้ ิ่ง กระโดดบนเตียง อุ้มเ ี่ยงเป็นเครื่องบิน นั่งชิงช้า รือพ่อแม่อาจช่ ยน ด โดยอาจท�า เพียงแค่ ๑๐ - ๑๕ นาที แต่ท�าบ่อยๆ เช่น ท�าทุกต้นชั่ โมง รือทุก องชั่ โมง เป็นการกระตุ้นใ ้ ร่างกายเด็กตื่นตั ระบบประ าทท�างานดีขึ้น ลักการฝึกร่างกายทีม่ ี ลัก า� คัญ คือ ต้องใ ไ้ ด้ทงั้ ความถีท่ มี่ ากพอ ความแรงทีพ่ อเหมาะ ความต่อเนือ่ ง และความสม�่าเสมอ ที่ �าคัญ คือ เด็กต้องมีอารมณ์ร่วม มีแรงจูงใจ สนุก อยากท�า เ ลาที่เด็กมีอารมณ์ร่ ม มีแรงจูงใจ นุก อยากท�า สมองเด็กจะเปดออก การฝึกนัั้นจะ เป็ น การฝึ ก ที่ เ อาไปใช้ ป ระโยชน์ ไ ด้ ใ นชี ิ ต จริ ง เพราะเด็ ก จะจดจ� า ประ บการณ์ ที่ ดี ชอบ อยากท�าอีก สมองเกิดกระบวนการเรียนรู้ เกิดแรงจูงใจ อยากเอาประสบการณ์ดีๆ
นั้นกลับมาใช้อกี
174
ับ ฉบับความสุข
ฝึกอะไรก่อน หลัง แนะน�าใ ้ดูตามพื้น านการสร้างสมอง เพราะ ถ้าพื้นฐานไม่แข็งแรงไปฝึกอะไรที่ ูงไป ยากไปเด็กก็จะท�าไม่ได้ พ่อแม่อาจทด อบกิจกรรมพื้นฐานง่ายๆ ก่อน ่าลูกท�าได้ รือยัง ถ้ายังไม่ ได้ก็เน้นฝึกพื้น านง่ายๆก่อน เช่น คืบ คลาน ิ่ง กลิ้งตั กระโดด การทรงตั ฝึกระบบประสาท สัมผัสโดยใ ้ลูกได้ ยิบจับ ัมผั ฟังเ ียง มองภาพ ดมกลิ่น ชิมร ชาติอา ารที่ ลาก ลาย เมือ่ กิจกรรมพืน้ ฐานท�าได้ ลาก ลาย และเป็นเรือ่ งไม่ยากแล้ ก็ลองกิจกรรมทีซ่ บั ซ้อนขึน้ เช่น ปีนป่าย เล่น นามเด็กเล่นกับเพื่อน ขี่จักรยาน เล่นเป็นกลุ่มกับเพื่อน เมื่อเด็กอายุพัฒนาการประมาณ ๕ - ๖ ปีแล้ อาจจะประมาณอนุบาล ๓ รือ เริ่มเข้า ป ๑ แล้ การเล่น นามเด็กเล่น เล่นกับเพื่อนทั่ ๆไปอาจเริ่มมีค ามซับซ้อนน้อยไป คุณพ่อคุณแม่ค ร เพิ่มกิจกรรมกี า เช่น ่ายน�้า แบดมินตัน ฟุตบอล รือ เทค ันโด พ่อแม่ ลายครอบครั มาเล่าใ ้ฟัง ่า ได้เ ็นการเปลี่ยนแปลงของลูกชัดเจน ลังจากพาลูก ไปเล่นกี า ลูกดูมีค ามมั่นใจในตัวเองมากขึ้น กล้าเล่นในกลุ่มเพื่อนผู้ชายด้ ยกัน เริ่ม ิ่งทัน เพื่อน ลูก ามารถก�ากับตัวเอง จดจ่อในการท�ากิจกรรมทีโรงเรียนมากขึ้น
ับ
175
ฉบับความสุข
การฝึกร่างกายกับการส่งเสริมพัฒนาการเด็กอย่างเป็นองค์รวม
การฝึกร่างกายใ ้มีประโยชน์ ุง ุด ต้องอย่าลืมมองพัฒนาการเด็กอย่างเป็นองค์ร ม
อย่างแรกการฝึกนั้นจะต้องไม่ท�าให้สัมพันธภาพเสีย ถ้าการฝึกนั้นเป็นการบังคับ
เด็กยอมท�าตามแต่ต้องเ ีย ัมพันธภาพระ ่างพ่อแม่ลูก การฝึกนั้นก็จะได้เพียงแค่ร่างกาย
ข้อสอง เด็กต้องมีอารมณ์ร่วม มีความรู้สึกอยากท�า ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ ามารถช่ ยเ ริม
แรงจูงใจใ ล้ กู ได้งา่ ยๆ ด้ ย ี น้าแ ตา รอยยิม้ เ ยี งปรบมือ รือค�าชมเชย รืออาจมีราง ลั ลัง การฝึก เช่น ได้เล่นเกม 20 นาที ได้นอนดูที ีกับพ่อ ได้กินไอติมด้ ยกัน เป็นต้น
176
ับ ฉบับความสุข
ข้อสาม ถ้าให้ดขี นึ้ ไปอีกยิงนกทีเดียวได้หลายตัว ก็คอื ฝึกร่างกายแล้ ใ ไ้ ด้ทงั้ การ อื่ าร
การคิด ไปด้ ยคุณพ่อคุณแม่ก็ช นลูกพูดคุย างแผนก่อนการฝึก ันนี้จะฝึกอะไรดี จะท�ากี่ครั้ง ใ ้ ใครเล่นด้ ย เล่นเ ร็จแล้ จะท�าอะไร ต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรบ้าง ถ้าเตะบอลใช้ลูกเล็กจะดีก ่า ไ ม ดีก ่าอย่างไร ตกลงจะเอาลูกบอลลูกเล็ก รือ ลูกใ ญ่ เอากี่ลูก แล้ ถ้า นูเอา ๓ ลูก และ แม่ เอาอีก ๒ ลูก ร มกันเราจะได้เล่นบอลกันทั้ง มดกี่ลูก มีคุณแม่ท่าน นึ่งเอาการฝึกร่างกายเป็นส่วนหนึง่ ในการเล่นสมมุติกบั ลูก ลูกชอบเล่น ผจญภัยในป่า คุณแม่ก็จะเอา มอนมา างต่อกันเป็น ะพาน มีจระเข้ที่ ิ มากคอยอยู่ใต้ ะพาน ลูกต้องฝึกเดินอย่างระมัดระ ัง ต้องฝึกคิดแก้ปัญ า ผ่านการเล่น มมุติกับแม่ เช่น ะพานพัง ัก จะท�าอย่างไรดี มี ัต ์ร้ายเข้ามาจะท�าอย่างไร เป็นการฝึก ่งเ ริมพัฒนาการที่ได้ ัมพันธภาพใน ครอบครั ได้ฝึกคิดแก้ปัญ าผ่านการเล่น ได้ใช้ภา า ื่อ าร โต้ตอบ ได้ฝึกพัฒนาการอารมณ์ กลั ลุ้น ตื่นเต้น ตกใจ โดยมีคุณแม่ช่ ยปลอบโยน ท�างานอารมณ์อยู่ข้างๆ อย่างอบอุ่น
ตัวอย่างกิจกรรม ออกก�าลังกายพื้นฐาน
» การเคลื่อนไหวพื้น าน เป็นท่าพื้นฐานที่เด็กค รจะท�าได้อย่างคล่องแคล่ ท�าท่าเลียนแบบการเคลื่อนไ ของ ัต ์ต่างๆ ได้แก่ กลิ้ง ไถล ( นอน) เลื้อย (งู) คืบ (จระเข้) คลาน ( มา แม ) เดินย่อตั (ลิงชิมแปนซี) เดิน (คน) ิ่ง กระโดด ก้า กระโดด กระโดด ลับขา กระโดดขาเดีย (กระต่าย) เต้นร�า มุนตั ท�าท่าแปลกๆ กระโดดโลดเต้น แล้ ั เราะด้ ยกัน » การฝึกทรงตัว เล่นขี่ช้าง พ่อคลานเป็นช้างใ ้ลูกขี่ ลัง พ่อเล่น นุกโยกไปมา ใ ้ลูกค่อยๆฝึก การทรงตั บน ลังพ่อ ัดเดินบนท่อนไม้แคบๆ ยืนทรงตั บน ่ งยาง กระโดดลอยตั บนเตียง (กระโดด แทมโบลีน) ยืนขาเดีย ยืน ลับตาคุยกัน » การฝึกก�ากับร่างกาย ิ่งปรับค ามเร็ เปลี่ยนทิ ทางเร็ ๆ ตีแรง เบาๆ กระโดด ูงๆ ูงมากๆ กระโดด เตี้ยๆ การกอด อม การน ด พ่อแม่เล่น นุกกับลูก ลับกันเป็นผู้ออกค�า ั่งเลือกจัง ะ เช่นกอดเบาๆ กอดแน่นๆ กอดแน่นๆมากๆเลย น ดเบาๆ แรงขึ้นอีก เบาลง เบาลง อีกนิด นึ่ง
ตัวอย่างกิจกรรม ฝึกการฟัง
» ใ ล้ ูกช่วยคุณแม่ท�างานเล็กๆน้อยๆในบ้าน ฝึกท�าตามค�า ั่ง ๑ ขั้นตอน ๒ ขั้นตอน ลายขั้นตอน » เล่นซ่อนของ ใ ้เด็กฟังค�าบอกใบ้แล้วแข่งกันหา ค่อยๆเพิ่มค ามซับซ้อนของค�า ั่ง เพิ่มขึ้น ๑ ต�าแ น่ง (“ขนมอยู่ใต้โต๊ะ”) เป็น ๒ ต�าแ น่ง (“รถอยู่ ในลังของเล่น ีเขีย ”) เป็น ๓ ต�าแ น่ง (“ของเล่นอยู่ บนชั้น ในตู้กับข้า ที่ ้องครั ”) » เกมที่ฝึกทักษะรวมทั้งการฟังค�า ั่ง การมอง า ิ่งของ การคิด และ การใช้ภา า เช่น “แม่เ ็น ิ่งของบางอย่าง ีเขีย อยู่ใน ้องนี้ น้อง น่อยเ ็น รือเปล่านะ” (เด็กต้อง า ่ามีของอะไร ีเขีย อยู่ใน ้อง) ...... แม่เ ็นอะไรที่กินได้ ......แม่เ ็นอะไรกลมๆ...... » เกม ลมเพ ลมพัด ลมเพลมพัด พัดอะไร พัดคนที่ใ ่เ ื้อ ีฟ้า...พัดคนที่ยืน องขา....พัดคนที่ชอบกินไอ ติม....พัดคนที่รักคุณแม่.....
ตัวอย่างกิจกรรม ฝึกการมอง » เกมหาสมบัติ ผลัดกันเอาของเล่นไปซ่อนแล้ ช่ ยกัน าอย่าง นุก นาน » เกมวิ่งตามไฟฉายส่อง - ปิดไฟใน ้องนอน เล่น ่องไฟฉาย ฝึกมองตามของเล่นที่เคลื่อนไ ของเล่นเรืองแ ง » การเลียนแบบ ท�าท่าเลียนแบบ ัต ์ต่างๆ ผลัดกันเป็นผู้นา� ผู้ตาม ั เราะกับการเลียนแบบท่าทาง แปลกๆ ร้องเพลงท�าท่าตามเพลง แข่งค ามเร็ ในการชูนิ้ มือตาม (เลียนแบบ..ชู องนิ้ ชูนิ้ ชีก้ ับนิ้ โป้ง...) » เล่นเกมในรถ ฝึก ังเกต ิ่งรอบตั ถ้าเด็กชอบตั เลข อาจเล่นนับ ิ่งของ เ ็น มากี่ตั มี ัญญาณไฟจราจ�ากี่อัน รถ ีแดงกี่คัน ใ ่ค าม นุกและค ามซับซ้อนเข้าไปในการเล่น เช่น ถ้าเ ็นรถ ีแดงเอามือแตะ คุณพ่อ ถ้าเ ็นรถ ีฟ้าตบมือ ๒ ที ถ้าเ ็นรถ ีเขีย ร้อง “เย้” การเคลื่อนไ และ ค ามท้าทายที่เพิ่มมากขึ้นท�าใ ้เด็กรู้ ึก นุกมากขึ้น » การเล่นที่ต้องใช้การกวาดสายตาที่ซบั ซ้อนขึ้นเรื่อยๆ เช่น เล่นโยนรับบอล เล่นโยน มอน เล่นตีตบแปะ เล่นยิงปีนฉีดน�า้ เตะบอลเข้าโก เล่นแบดมินตัน เล่นปิงปอง » ฝึกการมองภาพในความคิด คุณพ่อคุณแม่บรรยายลัก ณะ ิ่งของ ถานที่ บุคคล ใ ้เด็กทาย เช่น ใครน๊าเป็น เพื่อนของน้อง น่อย ผม ั้น ใ ่แ ่นตา ..........ชอบพูดเ ียงดัง.......ชอบใ ่กระโปรง ี ฟ้า........
สรุปหลักส�าคัญในการฝึกร่างกาย 1. เด็กต้องมีอารมณ์ร่ ม อยากท�า พ่อแม่ต้องขยันหาแรงจูงใจ 2. เริ่มจากง่ายไปหายาก ให้ลกู รู้สึกประสบความส�าเร็จ ผมเก่งที่สดุ 3. สัมพันธภาพต้องไม่เ ีย ไม่ดุ ่า บังคับ ตี เคี่ย เข็ญลูกใ ้ท�า 4. อย่าฝึกอะไรซ�า้ ๆเดิมๆ เด็กจะเบื่อ มองจะท�างานน้อยลง
บทที่ ๘ การฝึกทักษะ ในชีวติ ประจ�าวัน
184
ับ ฉบับความสุข
การฝึกทักษะในชีวิตประจ�าวัน
ับ ฉบับความสุข
การฝึกทักษะในชิวิตประจ�าวัน การฝึกทักษะคืออะไร
• ทัก ะการช่ ยเ ลือตั เอง • ทัก ะการก�ากับตั เอง
หลักการฝึกทักษะใหม่ๆ • แบ่งเป็นงานย่อย • เ ็นอกเ ็นใจ • เล่นกับลูกเพิ่มขึ้น • ใ ้ลูกช่ ยคิด • กรอบชัดเจน
การสร้างแรงจูงใจให้เด็กอยากท�า ตัวอย่างการช่วยลูกฝึกเข้าห้องน�้า การก�ากับตัวเอง พัฒนาการด้านความสามารถในการก�ากับตัวเองของเด็ก ตัวอย่างการช่วยลูกฝึกก�ากับตัวเอง พ่อแม่จะช่วยส่งเสริมทักษะการก�ากับตัวเองให้ลกู ได้อย่างไร ถ้าคุณก�าลังพยายามฝึกทักษะใหม่ๆให้ลกู แล้วยังท�าไม่ส�าเร็จ ลองทบทวนสิ่งต่อไปนี้
185
186
ับ ฉบับความสุข
การฝึกทักษะในชีวิตประจ�าวัน การฝึกทัก ะในชี ิตประจ�า ัน มายถึง การที่พ่อแม่ ผู้ใ ญ่ เข้าใจค ามแตกต่างของเด็ก และใช้ ัมพันธภาพทีดี ช่วยให้ลูกเรียนรู้ทักษะที่ควรท�าได้ เช่น การช่ ยเ ลือตั เองในกิจ ัตร ประจ�า นั และ ช่วยให้ลกู เรียนรูท้ กั ษะการก�ากับตัวเอง ไม่ทา� ใน งิ่ ทีไ่ ม่ ค่ รท�า เช่น การตีคนอืน่ การพูดจา ยาบคาย การฝึกทัก ะที่ �าคัญในเด็กพัฒนาการล่าช้า เด็กพิเ
ได้แก่
1. ทักษะการช่วยเหลือตัวเอง เช่น การเข้า อ้ งน�า้ การกินข้า เอง ใ เ่ อื้ ผ้าเอง แปรงฟันเอง การช่ ยพ่ อ แม่ ท� า งานบ้ า นเล็ ก ๆน่้ อ ย ช่ ยเก็ บ จาน ล้ า งจาน ช่ ยรดน�้ า ต้ น ไม้ ช่ ยก าดบ้าน กรอกน�้าใ ่ข ด ช่ ยท�าอา าร ตีไข่ เด็ดใบต�าลึง การไปซื้อของง่ายๆ ใกล้ๆบ้าน 2. ทักษะการก�ากับตัวเอง มายถึง การที่พ่อแม่ ผู้ใ ญ่ช่ ยใ ้เด็กเรียนรู้ท่ีจะเข้าใจ อารมณ์ ค ามรู้ ึกของตั เอง ช่ ยใ ้เด็กเรียนรู้ที่จะสงบตัวเอง เรียนรู้ที่จะก�ากับ ร่างกายตัวเอง ไม่เผลอท�าในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เช่น ไม่ท�าร้ายผู้อื่น ไม่ท�าร้ายตั เอง ไม่ท�าลายข้า ของ
ับ
187
ฉบับความสุข
หลักการฝึกทักษะใหม่ๆ การแบ่งงานเป็นขั้นตอน
มายถึง การท�างานให้ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนลง หรือลดปริมาณลง ให้เด็กรู้สึกมีก�าลังใจ หนูทา� ได้ ผมเก่งที่สดุ เด็กรู้สึกประสบความส�าเร็จ มีก�าลังใจอยากท�าอีก ตั อย่างเช่น อยาก ฝึกเรื่องการเก็บของเล่น พ่อแม่อาจคาด ังเพียง ทุกครั้งที่แม่เก็บของเล่น ลูกต้องอยู่ด้ ย โดย คุณแม่พยายามท�ากิจกรรมเก็บของเล่นใ ้เป็นเรื่อง นุก ลูกก็มักจะอยาก นุก อยากร่ มท�าด้ ย รือเมื่อเริ่มต้นฝึกทัก ะใ ม่นี้ คุณพ่อคุณแม่อาจลดขั้นตอนลง โดยลดค ามคาด ังเรื่องปริมาณ และค ามถี่ของของเล่นที่ลูกต้องเก็บ เช่น ลูกช่ ยเก็บอาทิตย์ละ ๑ ครั้ง รือ ช่ ยเก็บเฉพาะ ของเล่นจักรยาน โดยลูกต้องเป็นคนเก็บเองทุกครั้ง ลังขี่จักรยานเ ร็จแล้ โดยทั่วไปถ้าการท�า
กิจกรรมนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินไป และสัมพันธภาพในครอบครัวดี เด็กเกือบทุกคน จะพยายามเอาใจพ่อแม่ ต้องการใ ้พ่อแม่ชื่นชม และมักจะยอมท�าตามโดยไม่ยาก
188
ับ ฉบับความสุข
เล่นกับลูกเพิ่มขึ้น หรือ เพิ่มเวลา ฟลอร์ไทม์
คือ เพิ่มช่ งเ ลาพิเ ที่พ่อแม่ลงมาเล่นกับลูก โดยให้ลกู เป็นผุู้นา� ในการเล่น พ่อแม่เล่น ตาม ิ่งที่ลูก นใจ การเพิ่มเ ลาฟลอร์ไทม์มีค าม �าคัญ เพราะในขณะที่ลูกต้องพยายามก�ากับตั เองไม่ท�าพฤติกรรมบางอย่าง (เช่น ไม่ปั า ะรดที่พื้น ไม่ตีแม่) รือ ต้องฝึกทัก ะใ ม่ๆ ที่ยังไม่ เคยชิน (เช่น ต้องเก็บของเล่นทุกครั้ง) ลูกอาจจะรู้ ึกอึดอัด โกรธ (ที่ต้องท�าตามพ่อแม่) กลั กัง ล ( า่ จะท�าไม่ได้ พ่อแม่จะไม่รกั ) การให้เวลาเล่นกับลูกเพิม่ ขึน้ จะช่วยให้ความรูส้ กึ ต่างๆทีส่ บั สน ในใจของลูกคลีค่ ลายลง เด็กรู้ กึ มัน่ ใจในค ามรักของพ่อแม่ เป็นแรงจูงใจที่ า� คัญในการพยายาม ฝึกทัก ะใ ม่ๆที่ไม่อยากท�า ไม่เคยชิน
ับ
189
ฉบับความสุข
ให้ลกู ช่วยคิด
คือ การใ ้ลูกช่ ยคิด ช่ ยใ ้ค ามเ ็น ่าเราจะฝึกทัก ะใ ม่ๆนี้อย่างไร างแผนร่ มกัน ตั้งข้อตกลงร่ มกัน เด็กจะรู้สึกมีส่วนร่วม รู้สึกมีความส�าคัญ เกิดแรงจูงใจในการพยายาม ฝึกฝนทักษะใหม่ๆด้วยตัวเอง ซึ่งนอกจากใช้ ิีธีการพูดคุยด้วยเหตุผลแล้ พ่อแม่อาจช นลูก คิดแก้ปัญหาผ่านการเล่นบทบาทสมมุติ เช่น เมือ่ ต้องการฝึกใ ล้ กู ใช้ อ้ งน�า้ ฝึกใ น้ งั่ บนโถ ้ ม พ่อแม่อาจน�าตุก๊ ตามาเล่น ช นตุก๊ ตาของลูกไปเข้า อ้ งน�า้ ซึง่ ตุก๊ ตาของลูกก็อาจแ ดงออกได้ ลาย แบบ เช่น กล้า าญ เดินไปนั่งโถ ้ มอย่าง บายๆ รือ แ ดงอารมณ์กลั บ่ายเบี่ยง ไม่ยอมเล่น บทบาทที่ต้องไปเข้า ้องน�้า แม่อาจ อบถามตุ๊กตาของลูก ตุ๊กตารู้ ึกอย่างไร กลั อะไรจึงไม่ยอม เข้าไปนั่ง แล้ เราจะท�าอย่างไรดี ซึ่งในช่ งเ ลาของการเล่น มมุติ เป็นช่ งเ ลาที่พ่อแม่ใ ้ลูกได้ ปลดปล่อย ระบายอารมณ์ค ามรู้ ึก โดยพ่อแม่อาจช นตุ๊กตาของลูกคิด าทางออก รือท�าใ ้ดู เป็นตั อย่าง ค่อยๆช นตุ๊กตาของลูกทดลองท�า โดยการเล่นบทบาท มมุตินี้ พ่อแม่จะยอมรับ ทุกการแ ดงออกของตุ๊กตาของลูก โดยไม่ได้คาด ัง ่าผลลัพท์ ุดท้ายตุ๊กตาของลูกต้องยอมไป เข้า ้องน�้า
190
ับ ฉบับความสุข
กรอบชัดเจน
คือ การมีกรอบ รือ ค ามคาด ังที่ชัดเจน ใ ้ลูกรู้ ่าพ่อแม่คาด ังใ ้ลูกท�าอะไร (เช่น ตักข้า กินเอง ใ ่กางเกงเอง) รือไม่ท�าอะไร (เช่น ไม่ตีเพื่อน) การฝึกทัก ะใ ม่ๆในชีิ ิตประจ�า ัน เช่น ฝึกการกินข้า เอง การเข้า ้องน�้า การช่ ยท�างาน บ้านเล็กๆน้อยๆ พ่อแม่ค รเน้นการแบ่งงานเป็นขัน้ ตอนย่อยทีแ่ น่ใจ า่ ลูกจะท�าได้และประ บค าม �าเร็จ เพื่อใ ้เด็กมีแรงจูงใจ อยากท�ากิจกรรมนั้นด้ ยตั เอง ถ้าลูกไม่ ามารถท�าตามกรอบ รือ ค ามคาด ังที่พ่อแม่ตั้งไ ้ เช่น ไม่ยอมตักข้า กินเอง รือยังคงปั า ะรดที่นอน เกือบทั้ง มดมี าเ ตุจากพ่อแม่ยงั ต้้งั ความหวังไว้สูงเกินไป งานที ใ ้ลูกท�ายังยากเกินไป เยอะเกินไป ไม่พอดีกับกับค าม ามารถของลูก ิ่งที่พ่อแม่ค รท�า คือ กลับมาทบท นทัก ะทีก่ า� ลังฝึกลูกนี้ แล้ ย่อยงานให้เป็นขัน้ ตอนย่อยลงอีก ท�าอย่างไรการฝึก ทักษะนี้ลูกจะรู้สึกประสบความส�าเร็จ ลูกจะเป็นผู้มีแรงจูงใจ อยากท�าด้ ยตั ของลูกเอง ไม่ควรมีการท�าโทษ ต่อ ่า รือ บังคับ ดุลูก เพราะ จะไม่เกิดประโยชน์ เด็กมักจะต่อต้านมากขึ้น การฝึกจะยิ่งยากขึ้น
ับ
191
ฉบับความสุข
่ นเรื่องการฝึกก�ากับค บคุมตั เอง เช่น พฤติกรรมตีเพื่อนทุกครั้งที่โกรธ โมโ รือ พฤติกรรมร้องโ ย าย ข ้างปา ิ่งของ พ่อแม่อาจต้องแก้ปัญ าเฉพาะ น้าด้ ยการก�ากับ ยุด พฤติกรรมนั้น จากนั้นช่ ยใ ้ลูกค่อยๆ งบ อารมณ์ของตั เองลง โดยมีพ่อแม่ช่ ยปลอบโยน เ ็นอกเ ็นใจ เข้าใจค ามยากล�าบากของลูก
ในเด็กที่พดู คุยรู้เรื่อง เข้าใจเหตุและผลแล้ว พ่อแม่ค รใช้ ิธีรับฟัง พูดคุย เพื่อช่ ยใ ้ลูก
เรียนรู้ที่จะเข้าใจอารมณ์ค ามรู้ ึก และพฤติกรรมของตั เอง ซึ่งถ้า ุดท้ายลูกยังคงแ ดงออกเป็น พฤติกรรมทีไ่ ม่เหมาะสม พ่อแม่อาจช นพูดคุยกฏเกณ เ์ พิม่ เติม ชวนคุยว่าจะมีการท�าโทษด้วย วิธีการอย่างไร ระ ่างงด ิ่งที่ลูกชอบ (เช่น งดเล่นเกม ์ งดกินไอติม ๑ อาทิตย์) รือ ใ ้ท�างาน เพิ่มเติม (เช่น ช่ ยล้างรถ ช่ ยล้างจาน) การพูดคุยกับลูกเรื่องการท�าโท เป็นการช่วยเหลือลูก ให้ลกู สามารถก�ากับตัวเองได้ดีขึ้น ลูกจะเ มือนมีระบบช่ ยก�ากับตั เองเพิ่มขึ้น ก�ากับตั เองใ ้ ไม่ทา� เพราะ ไม่อยากถูกท�าโท กลั จะถูกอดเล่นเกม ์ เป็นต้น
ภายนอกดูจริงจัง แต่ภายในกลับเป็นค ามรู้ ึกของค ามอ่อนโยน เ ็นอกเ ็นใจ ยอมรับ และ เข้าใจ
192
ับ ฉบับความสุข
เห็นอกเห็นใจ
คือ การที่พ่อแม่ยอมรับ เข้าใจ และรู้ ึกเ ็นใจในค ามยากล�าบากของลูกที่จะต้องท�าใน ิ่ง ที่อาจจะไม่อยากท�า ไม่เคยชิน เช่น ลูกไม่อยากกินอา าร ข ้างจานและช้อนทิ้ง พ่อแม่ช่ ยใ ้ลูก เรียนรู้ า่ พฤติกรรมนีไ้ ม่ค รท�า ด้ ยการแ ดงออกภายนอก คือ จับมือไม่ใ ข้ า้ ง ใช้นา�้ เ ยี ง น้าตา ที่ดุ จริงจัง ขณะทีท่ ่าทางของคุณพ่อคุณแม่ภายนอกดูจริงจัง แต่ค ามรู้ ึกภายในของคุณพ่อคุณแม่ กลับตรงกันข้าม เป็นความรู้สึกของความอ่อนโยน ที่ยอมรับอารมณ์และการแสดงออกของ ลูก เข้าใจเหตุและผล ที่มาที่ไปของพฤติรรมที่ลูกแสดงออก “ลูกโกรธ ลูกจึงแ ดงออกแบบนี้ แม่กา� กับลูก เพราะ แม่ต้องการช่ ยใ ้ลูกเรียนรู้” พ่อแม่ที่แ ดงออกกับลูกด้ ยท่าทีเ ็นอกเ ็นใจ จะพบ ่า ามารถก�ากับพฤติกรรมลูกได้ นักแน่นก ่า ลูกจะ งบลงได้ง่ายก ่า เด็กจะค่อยๆ เรียนรู้ ที่จะก�ากับตั เอง การต่อต้านจะลดน้อยลง การฝึกทัก ะใ ้ลูกที่มีพัฒนาการล่าช้า พ่อแม่ต้องยอมรับ ่าแตกต่างจากการฝึกทัก ะใน เด็กปกติทั่ ไป คือ อาจต้องใช้เ ลานานก า่ ต้องใช้ค ามอดทนมากก า่ และต้องใช้ค าม ม�า่ เ มอ ค ามรัก ค ามเ น็ อกเ น็ ใจทีพ่ เิ ก า่ มากก า่ ปกติทั่ ๆไป แต่ขอใ ค้ ณ ุ พ่อคุณแม่มนั่ ใจ า่ ถ้าเรา ท�าด้ ยค ามรัก ค ามเ ็นอกเ ็นใจ และสื่อสารบอกลูกชัดเจนว่าพ่อแม่ต้องการอะไร อยากใ ้ ลูกท�าอะไร เด็กทุกคนต้องการเอาใจพ่อแม่ อยากให้พอ่ แม่รกั เด็กจะพยายามเท่าทีค่ าม ามารถ ของเด็กจะท�าได้อยู่แล้
การสร้างแรงจูงใจ กิจกรรมนั้นต้องเหมาะสม ไม่ยาก (แบ่งงานเป็นขั้นตอนย่อย) ให้เด็กมีส่วนร่วมในการคิด ตัดสินใจ มีรางวัลจากพ่อแม่ รอยยิ้ม กอด หอมแก้ม ตบมือ ค�าชม ท�าให้สนุก ท�าเป็นเกมส์ แข่งกันละหว่างพี่ น้อง พ่อแม่ต้องมีเวลา มีอารมณ์ดี ร่วมท�ากิจกรรมกับลูก พ่อแม่ขยันหาแรงจูงใจ หารางวัลใหม่ๆ ง่ายๆ ราคาไม่แพง เช่น ได้กินไอติม ได้ ไปให้อาหารปลาด้วยกัน ได้เลือกสถานที่ ไปเที่ยว อย่าบังคับ อย่าดุ เด็กยิ่งไม่อยากท�า และอาจจะดื้อขึ้น ถ้าลูกยังไม่เต็มใจท�า ไม่ยอมท�า กลับมาแก้ไข้ทตี่ วั พ่อแม่เองก่อน ลองทบทวนหลักการฝึกทั กษะใหม่ๆซ�้าดูอีกที เราท�าครบแล้ว หรือยัง ท�าบ่อยแค่ไหน เพี ยงพอไหม
อย่าบังคับ อย่าดุ เด็กจะยิ่งไม่อยากท�า และอาจจะดื้อขึ้น
“แรงจูงใจ”
ตัวอย่างการช่วยลูกฝึกเข้าห้องน�า้ การฝึกเข้า ้องน�้า ค รเริ่มเมื่อเด็กมีพัฒนาการที่พร้อม ในเด็กปกติแนะน�าให้เริ่มฝึกเมื่อ อายุ ๒ ป โดยมีพฒั นาการที่ า� คัญ คือ เด็ก ามารถกลัน้ ปั า ะ อุจจาระได้แล้ เด็ก ามารถบอก ค ามต้องการ บอกปฏิเ ธได้ เด็กเข้าใจค�า งั่ และภา าทีพ่ อ่ แม่พดู บอก ซึง่ พ่อแม่จะ ามารถชักช น าแรงจูงใจใ ล้ กู ท�าได้งา่ ยขึน้ ตั เด็กเองก็เริม่ มีแรงจูงใจจากภายใน อยากท�า งิ่ ต่างๆใ ้ า� เร็จด้ ย ตนเอง ต้องการค ามภาคภุูมิใจ อยากได้รับค�าชมจากคนรอบข้าง ในเด็กพัฒนาการล่าช้า พ่อแม่ อาจพิจารณาทัก ะดังกล่า ข้างต้น ถ้าลูกยังมีไม่ครบ การฝึกก็อาจจะท�าได้ยากขึ้นบ้าง รือ ต้อง ใช้เ ลานานขึ้น อีกปัจจัยที่ �าคัญ คือ ความแตกต่างระบบประสาทของเด็กแต่ละคนที่ส่งผลถึงการฝึก เข้าห้องน�า้ เช่น เด็กบางคนไ ค ามรู้ ึก เด็กอาจกลั กัง ลมากก ่าปกติ เช่น ไม่ชอบการ ัมผั โถ ้ มที่เย็น ไม่อบอุ่นกระชับเ มือนผ้าอ้อม เด็กบางคนกลั เ ียงชักโครก ่ นเด็กบางคนที่ค าม รู้ ึกเฉื่อย เด็กอาจไม่ค่อยรับรู้ ่าป ดปั า ะ อุจจาระแล้ จนกระทั่งเมื่อป ดมากๆก็มักจะราด ออกมาเลย เด็กบางคนอาจติดขัดเรื่องการ ั่งการกล้ามเนื้อ การท�างาน ลายขั้นตอนเป็นเรื่องยาก การต้อง งิ่ ไป อ้ งน�า้ ถอดกางเกางเอง นัง่ บนโถ ้ ม ทรงตั ในท่านัง่ ใ ไ้ ด้นานพอ ก็เป็นเรือ่ งไม่งา่ ย เด็กไม่คุ้นชิน ท�าใ ้ปฏิเ ธการฝึก การฝึกทักษะใหม่ๆให้ลูกจึงต้องอาศัยความอดทน ความ สม�่าเสมอของพ่อแม่มากก ่าปกติ เด็ก ลายๆคนก็จะ ามารถค่อยๆท�าได้ ั ใจ �าคัญที่ ุดที่ช่ ยใ ้เด็กฝึกทัก ะนี้ได้ คือ สัมพันธภาพที่ดีระหว่างพ่อแม่และลูก ครอบครั ที่มี ัมพันธภาพดีมักจะพบ ่า ามารถฝึกทัก ะนี้ได้ แม้ ่าอาจใช้เ ลานานก ่าเด็กปกติ ทั่ ไป แน ทางการฝึกใช้ ลักการการฝึกทัก ะใ ม่ๆ ดังต่อไปนี้
1. การแบ่งงานเป็นขั้นตอนย่อย เช่น ฝึกกิจ ัตรการไป ้องน�้า ลังอา าร เริ่มมีเ ลาที่ชัดเจนในการใช้ ้องน�้า เช่น ทุกเช้า ลัง อา าร โดยอาจเริ่มต้นเพียงไปนั่งเล่นกับแม่ใน ้องน�า้ โดยไม่ต้องบังคับใ ้นั่งโถ ้ ม
ฝึกเชื่อมโยงห้องน�้ากับการขับถ่าย เช่น ทุกครั้งที่เปลี่ยนผ้าอ้อม ต้องไปที่ ้องน�้า ใ ้เด็ก
เชื่อมโยงการขับถ่ายกับการใช้ ้องน�า้ รือ ถ้าเ ลาถ่ายใ ่ผ้าอ้อม เด็กมักไป ลบในที่ประจ�า เช่น มุม ้อง รือ ลังโซฟา ลองพยายามชี้ช นใ ้ลูกไป ลบใน ้องน�้าแทน จัดที่ ลบใน ้องน�้าที่เด็ก รู้ ึกปลอดภัย และเป็น ่ นตั
196
ับ ฉบับความสุข
ฝึกการนั่งโถ ้ มอย่างเข้าใจค ามแตกต่างของเด็กแต่ละคน ถ้าเด็กกลั ้องน�้า เริ่มฝึกโดย หาสิง่ ทีเ่ ด็กชอบไปไว้ในห้องน�า้ เช่น ของเล่น นิทานเรือ่ งโปรด ได้เล่นกับแม่ ฝึกการใช้ อ้ งน�า้ เป็น เ ลา ั้นๆ 5-10 นาทีทุก ัน จัดท่านั่งให้เด็กรู้สึกมั่นคง เช่น มีเก้าอี้ างเท้า องข้าง มีที่รองนั่งของ เด็กบนโถ ้ ม ถ้าเด็กกลั เ ียงชักโครก พ่อแม่อาจยอมใ ้เด็กออกนอก ้องเมื่อต้องชักโครก รือ ใ ้เด็กถือของที่ชอบ แม่กอดไ ้ เมื่อเด็กต้องได้ยินเ ียงที่ไม่ชอบ อย่าลืมใ ้ค�าชม กอด อม ทุกครั้ง ที่เด็กท�าแต่ละขั้นตอนได้ า� เร็จ
2. เพิ่มเวลาฟลอร์ไทม์ เล่นสนุกกับลูกเพิ่มขึ้นในระหว่างวัน
ับ
197
ฉบับความสุข
3. ชวนลูกคิดแก้ปัญหา
พ่อแม่อาจ าของเล่นที่เกี่ยวกับห้องน�้า มา างไ ้ในบ้าน รือ ้ มเด็ก างไ ้ในบ้าน า ตุ๊กตา างบน ้ ม ใ ้ลูกชินกับ ิ่งของ าหนังสือนิทานที่เกี่ยวกับการใช้ห้องน�้าส�าหรับเด็กใ ้ ลูกคุ้นชิน รือเ ลาพ่อแม่ พี่น้องเข้าไปใช้ ้องน�้า อาจใ ้ลูกเข้าไปอยู่ด้ ย เล่นของเล่นใน ้องน�า้
. เห็นอกเห็นใจ ปลอบโยน ชี้ช นลูกด้ ยอารมณ์ บายๆ ของพ่อแม่ บนค ามเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ ยอมรับ ่าลูกอาจรู้ ึกกลั ไม่อยากท�า ไม่ชอบอะไรบางอย่าง ฝึกลูกด้ ยค ามมั่นใจ ่าคุณจะช่ ยน�าพาลูก ใ ้ท�าได้ และเข้าใจ ่าการฝึกทัก ะที่ลูกไม่คุ้นชินนี้ ต้องอา ัยความสม�า่ เสมอ พ่อแม่ ลายคนเล่า ่าถ้า ามารถท�าได้ต่อเนื่องทุก ัน อาจจะ ัก ๑ เดือน จึงจะค่อยๆเริ่มเ ็นค ามเปลี่ยนแปลง ลูก เริ่มเชื่อมโยงได้ เริ่มเข้าใจ ปัญหาส่วนใหญ่ คือ พ่อแม่เองหยุดไปก่อน ล้มเลิกไปก่อน ท�าให้
การฝึกไม่ได้ผล
. มีกรอบชัดเจน เมือ่ พ่อแม่แบ่งงานเป็นขัน้ ตอนย่อยชัดเจนแล้ และใ เ้ ด็กได้รบั รูแ้ ล้ า่ อะไรคือ งิ่ ทีต่ อ้ งท�า (เช่น ต้องนั่งใน ้องน�้า ลังอา ารเช้า) อะไรเป็นค ามคาด ังของพ่อแม่ กรอบเท่านี้ก็เป็นเรื่อง ยิ่งใ ญ่เพียงพอแล้ า� รับลูก ถ้าลูกท�าไม่ได้ ไม่ควรท�าโทษ ถ้าลูกท�าได้ ค รมีราง ัล เพื่อให้เด็ก
รับรู้ชัดเจนว่าเป็นสิ่งที่พ่อแม่คาดหวังและอยากให้ลกู ท�าได้
198
ับ ฉบับความสุข
การช่วยลูกฝึกก�ากับตัวเอง การก�ากับตั เอง มายถึง การไม่เผลอท�าสิ่งที่ไม่สมควรท�า เช่น ไม่ตีเพื่อนเมื่อ โมโ ไม่ข ้างของเมื่อ งุด งิด ไม่พอใจ การก�ากับตั เอง มายถึง การยอมท�าในสิ่งที่สมควรท�า เช่น ยอมเก็บของเล่น ยอมชิมอา ารใ ม่ๆ รอคอยได้ ยอมผลัดกันเล่น ยอมแบ่งปัน การก�ากับตั เองเป็นทัก ะทาง ังคมที่ �าคัญ ข่ ยใ ้เด็กอยู่ร่ มกับคนอื่นได้ เล่น กับเพือ่ นได้ รอคอยได้ ท�ากิจกรรมกลุม่ กับเพือ่ นได้ ไม่เผลอท�าร้ายร่างกาย ท�าลายข้า ของ ที่เป็นการล่ งล�า้ ิทธิผู้อื่น
ท�าในสิ่งที่สมควรท�า
การก�ากับตัวเอง
ไม่เผลอท�าสิง่ ที่ ไม่สมควรท�า
พัฒนาการด้านความสามารถในการก�ากับตัวเองของเด็ก อายุ
เดือน เริ่มก�ากับตัวเองโดยท�าตามที่พ ่อแม่บอก สั่ง ในขณะนั้นได้
อายุ
ป ความเข้าใจเพิ่มมากขึ้น ก�ากับตัวเองได้มากขึ้น แม้พ ่อแม่จะไม่อยู่ในขณะนั้น เช่น ไม่เอา มือแหย่ปลักไฟ เพราะ จ�าได้ว่าพ่อแม่ไม่ให้ทา� พ่อแม่ดุ เริ่มเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ก�ากับตัวเองได้ แต่อาจไม่ท�าตาม อยากทดสอบ ทดลอง อาจพูดป ิเสธ “ไม่” ในทุกเรื่อง
อายุ
ป รู้เรื่องมากขึ้น พูดโต้ตอบได้มากขึ้น เด็กจะดาดเดาความต้องการของพ่อแม่ได้ เริ่ มท� าในสิ่งที่ คิดว่าพ่อแม่น่าจะอยากให้ท� า หรื อไม่อยากให้ท� า เช่น เริ่มประจบประแจงพ่อแม่ เริ่มก�ากับตัวเองไม่แย่งของเพือ่ น แต่อาจยืนมอง รอ และลองเข้าไปร่วมเล่นด้วย
200
ับ ฉบับความสุข
ถ้าอายุพั ฒนาการลูกเท่ากับ ขวบหรือน้อยกว่า คุณพ่อคุณแม่ยังต้องคอยตามก�ากับลูก คอยห้าม คอยบอกทุกเรื่อง บอกแล้วก็ยังไม่จ�า เป็นเรื่องปกติ
ถ้าอายุพั ฒนาการลูกเท่ากับ เด็ก ขวบ ลูกอาจจะดื้อมากขึ้น เริ่มท้าทาย เริ่มทดสอบ แสดงว่า ลูกเก่งขึ้น คุณพ่อคุณแม่ควรต้องดี ใจมากๆ เป็นเรื่องที่ดี มากๆ
ถ้าลูกอายุพั ฒนาการถึง ขวบ มีภาษาพูดแล้ว สัมพั นธภาพในครอบครัวดี คุณพ่อคุณแม่จะเห็นความสามารถใน
การก�ากับตัวเองที่กา้ วกระโดดของลูก ลูกจะพยายามท�าทุกอย่างที่ทา� ให้พ ่อแม่ดี ใจ พ่อแม่รัก
ับ
201
ฉบับความสุข
ตัวอย่างการช่วยลูกฝึกก�ากับตัวเอง
การแบ่งขั้นตอนเป็นงานย่อย ถ้ามี ลายเรื่องพร้อมๆกัน ควรเลือกเฉพาะบางเรื่อง
อย่าเอาทุกเรื่อง เช่น ถ้าลูกไม่ยอมใ ่เ ้ือผ้า ไม่ยอมไปโรงเรียน ไม่ยอมกินผัก อาจเลือกเรื่องที่ จ�าเป็นที่สดุ ก่อน หรือ เรื่องที่ง่ายที่สดุ เพื่อใ ้เด็กรู้ ึกท�าได้ รู้ ึกประ บค าม �าเร็จ และพ่อแม่ ก็ไม่ต้องเ นื่อยกับ ลายๆเรื่องในขณะเดีย กัน การแบ่งงานเป็นขัน้ ตอนย่อยทีช่ ว่ ยส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวก เช่น ถ้าลูกมีพฤติกรรมชอบ เผลอกัดคนอื่น อาจ า ิ่งของที่เด็กชอบกัดเล่น เช่น ผ้า ของเล่นที่เอาไ ้กัด ตุ๊กตายางใ ้กัดแทน รือในเด็กโตอาจใ ้เคี้ย มากฝรั่งแทน (เปลี่ยนพฤติกรรมกัด ใ ้ไปอยู่กับของอื่น) ปรับเปลี่ยน พฤติกรรมในครอบครั เช่น ไม่เล่น รือ ยอกล้อกับลูกด้ ยการกัด ซึง่ จะท�าใ เ้ ด็ก บั นคิด า่ การ กัดเป็นการแ ดงออกของการเล่น รือเด็กบางคนมีพฤติกรรมกัด เพราะ ต้องการการกระตุ้นใน ปาก พ่อแม่อาจช่ ยโดยใช้แปรง ีฟันไฟฟ้าน ดในปาก ช่ ยกระตุ้นกล้ามเนื้อรอบๆปาก กล้ามเนื้อ ใบ น้า ถ้าลูกค่อนข้างไ ต่อ มั ผั ไม่ชอบเนือ้ ผ้าบางชนิด ไม่ชอบกลิน่ รือร ชาติผกั ผลไม้บางอย่าง อาจเริ่มด้ ยขั้นตอนย่อยเชิงบวกที่ผ่านการเล่นก่อน เช่น เล่นขายของโดยมีผัก ผลไม้ เนื้อผ้า ากๆ ที่ลูกไม่ชอบมาอยู่ในการเล่น ใ ้ลูกฝึกทนกลิ่น ัมผั ผ่านการเล่น นุกกับพ่อแม่ อย่าลืมค�าชมเชิงบวกเมื่อลูกไม่แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น ลูกนั่งเล่นกับเพื่อน โดยไม่มีการแย่งของกัน ไม่ทะเลาะกันเลย คุณพ่อคุณแม่ค รเข้าไปกอด รือ กล่า ชมลูก “ ันนี้ นูน่ารักมาก ไม่ทะเลาะกัน ไม่แย่งของกัน”
202
ับ ฉบับความสุข
นอกจากนั้นการห้ามพฤติกรรมไม่เหมาะสม ควรมีช่องทางหรือพื้นที่ให้ลูกได้ระบาย ออก แสดงออกด้วยวิธกี ารอืน่ เช่น เมือ่ ก�ากับลูกไม่ใ ต้ พี อ่ แม่ คุณแม่ปลอบโยนลูก แต่ลกู ยังโมโ
คุณพ่อคุณแม่ต้องมีกรอบ รือกฏที่ชัดเจน คือ ้ามตีพ่อแม่ แต่อาจช่ ยใ ้ลูกระบายออกอารมณ์ โกรธ ถ้าลูกยังอยากตี ให้ลกู ตีหมอนแทนได้ เมื่อลูกค่อยๆสงบลง พ่อแม่จึงค่อยชี้ชวนลูกพูดคุย
อีกครั้ง
รือ ถ้าคุณพ่อไม่อยากใ ้ลูกข ้างลูกบอลเล่นแบบ ะเปะ ะปะใน ้องที ี นอกจากก�ากับ ห้ามลูกว่าไม่ให้ทา� ควรต้องมีสงิ่ ทดแทน เช่น ใ ข้ า้ งบอลใ ต่ ะกร้าได้ รือ อนุญาตใ ล้ กู ไปเล่น ปาบอลที่ นาม น้าบ้านได้
การแสดงความเห็นอกเห็นใจและมีกรอบที่ชัดเจน เป็นขั้นตอน �าคัญที่ช่ ยใ ้ลูกก�ากับ
ตั เองได้มากขึ้น ตั อย่างเช่น “แม่ทราบ ่า นูไม่อยากท�า แต่ ันนี้ น้าที่ของ นู คือ ช่ ยล้างแก้ น�้านะจ๊ะ” (ชัดเจน ่า ิ่งที่ต้องท�าคืออะไร) คุณแม่กอดลูก และพูดปลอบ “ นูไม่อยากท�า แต่บาง ครั้งเราก็ต้องท�าใน ิ่งที่เราไม่อยากท�านะลูก” (แ ดงค ามเ ็นอกเ ็นใจ)
เมื่อลูกต้องอดทนท�าใน ิ่งที่ไม่อยากท�า การเพิ่มเวลาเล่นสนุกกับลูก ใ ้ลูกเป็นผู้น�าการ เล่น เป็นผู้ออกค�า ั่งบ้าง ลูกจะรู้ ึกคลายค ามอึดอัด ค ามขับข้องใจ และยังรู้ ึกมั่นใจในค ามรัก ของพ่อแม่มากขึ้น
พ่อแม่จะช่วยส่งเสริม ทั กษะการก�ากับตัวเองให้ลูกได้อย่างไร 1. รู้จักลูก เข้าใจลูก ภาพร่างกาย ิ่งแ ดล้อมแบบไ นที่กระตุ้น ใ ล้ กู ก�ากับตั เองได้ยาก เช่น ถ้าลูกง่ งนอน ลูกมักจะ นุ่ ายมาก งุด งิดง่าย รือบางคนถ้าอยูใ่ นทีเ่ ยี งดัง จะลนลาน และ เผลอ ไปกระแทกคนอื่นได้ง่าย 2. ให้ลกู ออกก�าลังกายมากๆ เช่น ิ่ง ยืดตั กระโดด จะช่ ยใ ้ เด็ก งบ ผ่อนคลายได้ง่ายขึ้น 3. ช่วยให้ลกู รูจ้ กั ตัวเอง เข้าใจตัวเองแบบง่ายๆ เช่น ฝึกใ ล้ กู เอา มือจับ ั ใจ รับรู้ค ามแรงเบาของ ั ใจ ตอนนี้เต้นเร็ แค่ไ น มากหรือน้อย นั่งนิ่งๆกับพ่อ ักพัก เป็นอย่างไร เบาลงหรือยัง เบาแค่ไ น รือ ช่วยน�าพาลูกให้รบั รูพ้ ฤติกรรมตัวเอง เปรียบ ตั ลู ก เ มื อ นรถแข่ ง ตอนนี้ ร ถในตั ลู ก ก� า ลั ง ิ่ ง เร็ รื อ ช้ า ลองค่อยๆใ ่เบรค ักนิดได้ไ มลูก ใ ้แม่กอดไ ้ เป็นอย่างไร รถ เบาลง รือยัง 4. เล่น เล่น เล่น ใ ้ลูกได้เล่นใน ิ่งที่ลูกชอบ ลูก นใจ จะช่ ยฝึก ทักษะการจดจ่อ ช่วยเรื่องทักษะทางสังคม การรู้จักแบ่งปัน การค บคุมตั เองผ่าน ถานการณ์จริงกับเพื่อน
ถ้าคุณก�าลังพยายามแก้ปัญหาพฤติกรรมของลูก หรือก�าลังพยายามฝึกทั กษะใหม่ๆให้ลูก
แล้วยังท�ำไม่ส�ำเร็จ !! ลองทบทวนสิ่งต่อไปนี้ เรารู้อายุพั ฒนาการของลูกแล้วหรือยัง อายุพฒ ั นาการระดับนีค้ วรท�าอะไรได้บ้าง กิจกรรมที่เราก�าลังอยากฝึกลูก ยากไป ? เราได้แบ่งงานเป็นขั้นตอนย่อย ? เราคาดหวังมากไป เร็วไป ? เรามีเวลาให้ลกู มากแค่ไหน เพี ยงพอไหม ถ้าเรามีเวลาน้อย การแก้ปัญหาก็จะใช้ เวลานานขึ้นเป็นเรื่องธรรมดา ช่วงเวลาที่กา� ลังแก้ปัญหานี้ เราเพิ่มเวลาเล่นสนุกกับลูกมากขึ้น ถ้าลูกพูดได้ เข้าใจเหตุผลแล้ว เราได้เล่นสมมุติกับลูก ชวนลูกพูดคุย คิดหาวิธแี ก้ ปัญหาร่วมกันหรือไม่
ลูกเข้าใจความคาดหวัง ความต้องการของเราในเรื่องนีแ้ ล้วหรือยัง ทราบได้อย่างไร ว่าลูกรู้แล้ว มีอะไรเป็นแรงจูงใจให้ลูกกระตือรือร้นอยากท�ากิจกรรมนีบ้ ้าง
ก ว บ ด ิ ค ิดบวก
ค
ฝึกพลิกความคิด อย่าหงุดหงิด ประสบการณ์ทุกวันเป็นโอกาสในการเรียนรู้ ฝึกฝนตัวเอง ฝึกฝนลูก
บทที่ ๙ ภาพรวมการส่งเสริม เด็กพัฒนาการล่าช้า เด็กพิเศษ
208
ับ ฉบับความสุข
น้องต้นข้า อายุ 2 ปี 3 เดือน ถูก ่งมาพบแพทย์โดยคุณครู ้องเด็กเล็ก ด้ ยเรื่องไม่มี ปฏิ ัมพันธ์กับครู รือเพื่อนๆ มีภา าล่าช้า และมีพฤติกรรมแปลกๆ เช่น เดินเขย่ง มุนตั ไม่นิ่ง คุณพ่อคุณแม่พาน้องต้นข้า ไปพบแพทย์และได้รับการ ินิจฉัยออทิ ติก แพทย์ประเมินพัฒนาการของน้องต้นข้า ตามแน ทาง DIR/ฟลอร์ไทม์ พบ ่าน้องต้นข้า มีพัฒนาการระดับ 1-2 คือ น้องต้นข้า เข้า าพ่อแม่บ้างเป็นครั้งครา แต่มกั จะชอบอยูค่ นเดียว ไม่ สนใจคนอืน่ ไม่เล่นกับใคร มีพฤติกรรมซ�้าๆ และไม่นิ่ง แพทย์ได้แนะน�าคุณพ่อคุณแม่ใ ้เน้นการ ่งเ ริมพัฒนาการลูกที่บ้าน โดยมีเป้า มาย �าคัญ คือ ใ ้น้องต้นข้า นใจคน ผูกพันกับคน ซึ่งบุคคลแรกในชี ิตที่น้องต้นข้า ค รจะเข้า าและผูกพัน คือ พ่อแม่ แพทย์ยังได้แนะน�าใ ้น้อง ต้นข้า มาฝึกกับนักจิต ิทยาในช่ งแรกๆเพื่อ อนแ ดงใ ้คุณพ่อคุณแม่รู้จักเทคนิคฟลอร์ไทม์ คุณพ่อคุณแม่ต้ด ินใจใ ้น้องต้นข้า ออกจากโรงเรียน โดยมองเ ็น ่าการไปโรงเรียนมี ประโยชน์น้อย เพราะ น้องต้นข้า แยกตั อยู่คนเดีย และไม่ได้ นใจร่ มกิจกรรมต่างๆกับเพื่อนๆ คุณพ่อคุณแม่เชือ่ า่ ถ้าน้องต้นข้า ได้รบั การ ง่ เ ริมพัฒนาการทีบ่ า้ นอย่างเต็มทีน่ า่ จะได้ประโยชน์ มากก ่า คุณพ่อแม่เริ่มต้นด้ ยการทุ่มเทท�าฟลอร์ไทม์ เล่นสนุกกับลูกทุกวัน เปลี่ยนกิจกรรมที่น้อง ต้นข้า ท�าอยู่เป็นท�าด้ ยกัน เช่น ขณะที่น้องต้นข้า ก�าลังนั่งเล่นเรียงของซ�า้ ๆ คุณแม่ก็เข้าไปร่ ม เล่นด้ ย รือ บางครั้งน้องต้นข้า ตื่นเต้น กระโดด มุนตั คุณแม่ก็เข้าจับมือแล้ ร่ มกระโดด มุนตั เล่นไปกับลูก น้องต้นข้าวเริม่ รูส้ กึ สนุก ทีพ่ อ่ แม่เข้ามาร่วมเล่นด้วย
ับ
209
ฉบับความสุข
8 เดือนผ่านไป พฤติรรม มุนตั กระตุ้นตั เอง อยู่ในโลก ่ นตั ของนัองต้นข้า ก็ค่อยๆลด น้อยลง น้องต้นข้าวเริม่ สนใจทีจ่ ะอยูก่ บั คน เริม่ มองเด็กคนอืน่ น้องต้นข้า ติดพ่อแม่มากขึ้น เมื่อคุณพ่อกลับมาจากที่ท�างาน น้องต้นข้า จะวิง่ เข้าไปเปดประตู ยิม้ จูงมือชักชวนพ่อให้มาเล่น
ด้วยกันอีก
ช่ งนีค้ ณ ุ พ่อคุณแม่เริม่ งั เกต า่ น้องต้นข้า สือ่ สารด้วยภาษาท่าทางมากขึน้ และ เริม่ ใช้คา� สัน้ ๆ มากขึ้น คุณพ่อคุณแม่จึงปรับเทคนิคการท�าฟลอร์ไทม์ใ ้เริ่มยากขึ้น คุณแม่เริ่มแกล้งงง โดย ร้างอุป รรคในในชี ติ ประจ�า นั ใ ซ้ บั ซ้อนมากขึน้ โดยมีจดุ ประ งค์เพือ่ ฝึกการคิดแก้ปญ ั า และ ฝึกการ อื่ ารเพือ่ แก้ปญ ั า เช่น ขณะทีน่ อ้ งต้นข้า อยากออกไปเล่นนอกบ้านมากๆ คุณแม่กแ็ กล้ง ท�าเป็นยืนงงอยูท่ ปี่ ระตู เ มือนกับไม่รู้ า่ น้องต้นข้า ต้องการอะไร แรกๆน้องต้นข้า ก็ใช้ ธิ แี ก้ปญ ั า แบบเด็กเล็กๆ คือ ร้องโ ย าย ผลักคุณแม่ออก ดึงมือ คุณแม่รบี ตอบสนองการสือ่ สารของต้นข้าว โดยถอยออกจากประตู แล้ พากย์คา� ั้นๆ “ออกไป ออก ออก” ักพักต้นข้า เริ่มพูดตามคุณแม่ “ออก ออก” คุณแม่รบี ตอบสนองการสือ่ สารของต้นข้าวอีก โดยพยายามช่ ยต้นข้า เปิดประตู แต่บังเอิญเปิดไม่ได้ คุณแม่มองต้นข้าวพร้อมกับท�าสีหน้างง “แม่เปิดไม่ได้ ท�าอย่างไรดี” ต้นข้า กับคุณแม่มอง น้ากัน พยายามช่ ยกันคิด ่าจะแก้ปัญ าอย่างไร ักพักคุณแม่ ื่อ าร ชี้ช นต้น ข้า ใ ้ไป ยิบกุญแจ ช่ ยกัน ากุญแจ แล้ กลับมาช่ ยกันไขรูกุญแจ บิดลูกบิดประตู ผลักประตู ออกจนเปิดได้ �าเร็จ คุณแม่ยมิ้ ตบมือเชียร์ในความส�าเร็จทีต่ น้ ข้าวเป็นผูล้ งมือท�าเอง
210
ับ ฉบับความสุข
ตลอดช่ งเ ลา นั้ ๆ นี้ น้องต้นข้า ได้เรียนร้ทู จี่ ะเจอกับอุปสรรคง่ายๆในชีวติ ประจ�าวัน เรียน
รูท้ จ่ี ะลงมือท�าเพือ่ แก้ปญั หา เรียนรูท้ จี่ ะสือ่ สารกลับไป กลับมา อย่างต่อเนือ่ ง เพือ่ ช่วยกันแก้ปญั หา จนส�าเร็จ
คุณแม่พบ ่าไม่นาน น้องต้นข้า เริ่มมีการคิดแก้ปัญ าที่ ลาก ลาย ิธีการมากขึ้น ซับซ้อน มากขึน้ น้องต้นข้าวเริม่ เปลีย่ นจากการใช้พฤติกรรมในการแก้ปญ ั หามาเป็นการใช้คา� พูดสัน้ ๆเพือ่ แก้ปญั หา การแ ดงอารมณ์ก็เริ่มมีค าม ลาก ลายเ มือนเด็กเล็กๆทั่ ไปมากขึ้น เช่น บางครั้ง แ ดง ี น้ากลั กัง ล บางครัง้ แ ดง ี น้าโกรธ บางครัง้ ก็ตนื่ เต้น ภา าพูดของน้องต้นข้า มีลกั ณะ เ มือนเด็กเล็กๆทั่ ไป คือ ใช้ค�า ั้นๆ ใช้ค�าได้ตรง ถานการณ์ และมีการใช้ท่าทาง ี น้า แ ตา แ ดงอารมณ์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ที่ �าคัญพฤติกรรมแปลกๆ ทีด่ เู ป็นเด็กพิเศษ เช่น ยึดติดในกิจ วัตรซ�า้ ๆ พูดคนเดียว แยกตัว แทบจะไม่เหลือเลย น้องต้นข้า ามารถ ื่อ ารบอกข้อขับข้องใจ ค ามอยาก ค ามต้องการของตั เองใ ค้ นอืน่ รับทราบได้มากขึน้ เ ลาไป นามเด็กเล่น น้องต้นข้าว
ก็เริม่ สนใจมองเด็กคนอืน่ เริม่ เข้าไปอยูใ่ นกลุม่ เด็กด้วยกันได้ เริม่ สนใจเล่นของเล่นมากขึน้
เมือ่ น้องต้นข้า มีพฒ ั นาการระดับ 3-4 ทีแ่ น่นขึน้ คุณ มอได้แนะน�าคุณพ่อคุณแม่ า่ น้องต้น ข้า น่าจะเข้าโรงเรียนได้แล้ โดยแนะน�าให้เลือกโรงเรียนเล็กๆ ใกล้ๆบ้าน ห้องเรียนมีจา� นวน นักเรียนไม่มากนัก ทีส่ า� คัญ คือ คุณครูมคี วามรักเด็ก พ่อแม่ ามารถเข้าไปพูดคุยด้ ยได้ นั นีน้ อ้ ง ต้นข้า มีอายุ 4 ปีเต็มแล้ แต่อายุพฒ ั นาการจริงน่าจะประมาณเด็กเกือบ 2 ข บ คุณ มอจึงแนะน�า ่าน่าจะอยูห่ อ้ งเด็กเล็กตามอายุพฒ ั นาการของน้องต้นข้า ไปก่อน
A B C
ับ
211
ฉบับความสุข
เมื่อน้องต้นข้า มีพัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จน ามารถพูดคุยโต้ตอบได้สน้ั ๆ ในหลากหลาย สถานการณ์ และเริ่ม นใจเล่นของเล่นมากขึ้น ลายคร้งคุณพ่อเริ่ม ังเกตเ ็น ่าน้องต้นข้า เริม่ เล่นเลียนแบบง่ายๆ เช่น อุ้มตุ๊กตา กอดน้อง คุณพ่อคุณแม่จึงเริ่มปรับเทคนิคการท�าฟลอร์ไทม์ ใ ้ตรงกับระดับพัฒนาการของน้องต้นข้า โดยเน้นเรือ่ ง การเล่นสมมติ การพูดคุย และตือ้ ให้ตอบ
ค�าถามในชีวติ ประจ�าวันมากขึน้
ช่ งแรกๆที่เริ่มต้นเล่น มมติ คุณพ่อคุณแม่พบว่าไม่งา่ ยเลย เพราะ พ่อกับแม่กร็ สู้ กึ ไม่ถนัด เล่นไม่เป็น น้องต้นข้า ก็ดูจะไม่ค่อยเข้าใจการเล่น มมติ เล่นได้ ั้นๆ เช่น ป้อนข้า น้อง ลับมา ป้อนคุณพ่อ พาน้องไปนอน พอคุณแม่เริ่มใ ่อุป รรคเข้าไปในการเล่น เช่น “น้องร้องไ ้ น้อง ิ นม ท�ายังไงดี” น้องต้นข้า ก็โยนตุ๊กตาทิ้งแล้ เปลี่ยนไป นใจอย่างอื่น การพูดคุยในชี ิตประจ�า ัน ก็ไม่ง่ายนัก ถ้าเป็นค�าถามที่ต้องใช้ค ามคิด บางทีน้องต้นข้า ก็ ลบเลี่ยงไป รือ ถ้า งุด งิด โกรธ ก็เริม่ มีพดู เป็น คริปตาม นัง อื นิทาน พูดซ�า้ ๆ รือร้องโ ย าย ตีแม่บา้ ง คุณพ่อคุณแม่รสู้ กึ หนักใจ
และกังวลมากว่าลูกดูถดถอยลง
คุณพ่อคุณแม่จงึ ได้พยายามศึกษาหาความรูเ้ พิม่ เติม ทัง้ จาการอ่าน นัง อื การเข้าร่ มอบรม การปรึก าพูดคุยกับนักบ�าบัด การเรียนรู้ที่เพิ่มมากขึ้นท�าให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจพฤติกรรม
การแสดงออกของลูกและรูเ้ ส้นทางทีจ่ ะก้าวต่อในการส่งเสริมพัฒนาการลูก
ยงั ไงคะ่ แลว้ คณุ แมท่ า�
เี้ องเหรอคะ่ น บ บ แ ็ น เป ออ
เดยี ววนั นจี้ ะกล บั ไปลองทา� ดบู า้ ง
212
ับ ฉบับความสุข
คุณแม่ได้เรียนรู้ า่ พัฒนาการของลูกยังไม่แน่น บางครัง้ เ ลาลูกมีอารมณ์โกรธ โมโ งุด งิด รือเ ียใจ ลูกจะยังมีพัฒนาการถดถอยได้ การเล่น มมติจะเป็นค�าตอบที่ช่ ย ่งเ ริมพัฒนาการ ด้านอารมณ์ของลูก เป็นเ ทีทปี่ ลอดภัย กับคนทีเ่ ด็กไ ้ างใจ คือ พ่อและแม่ ลูกจะกล้าแ ดงอารมณ์ ต่างๆผ่านการเล่นของตั ละคร ลูกจะได้ฝึกการพูดคุยโต้ตอบ ใ ้มีเ ตุและผลขณะที่มีอารมณ์แรง ต่างๆ โปรแกรมการฝึกในช่ งนีน้ อกจากไปโรงเรียนเพือ่ ใ น้ อ้ งต้นข้า ได้มโี อกา เล่นกับเพือ่ นแล้ คุณแม่ยังพาน้องต้นข้า ไปฝึกพูดกับนักอรรถบ�าบัด ฝึกบูรณาการประสาทสัมผัส (Sensory Integration) และกล้ามเนื้อมัดเล็กกับนักกิจกรรมบ�าบัด และพบนักจิตวิทยา เพือ่ สอนแสดงการ
ท�าฟลอร์ไทม์ การเล่นสมมติกบั ลูกด้วย
การฝึกกับนักอรรถบ�าบัด คุณแม่เลือกคุณครูทเี่ น้นการฝึกแบบเป็นธรรมชาติและใกล้เคียง กับขีวติ จริงมากที่ ุด ตั อย่างเช่น การฝึกพูด คุณครูจะกระตุ้นใ ้น้องต้นข้า ใช้ภา าที่ออกมาจาก อารมณ์ ค ามรู้ กึ ของน้องต้นข้า เอง ฝึกบรรยายภาพจาก นัง อื ทีน่ อ้ งต้นข้า ชอบ พูดคุยโต้ตอบ ในเรื่องที่น้องต้นข้า นใจ นอกจากนั้นยังเน้นฝึกทัก ะภา าทาง ังคม ได้แก่ การ ังเกต ี น้า แ ตา ภา าท่าทางของคู่ นทนา เช่น เมือ่ น้องต้นข้า พูดไม่ชดั รือ พูด ลับค�าไปมา คุณครูไม่เข้าใจ คุณครูกจ็ ะแกล้งท�า ี น้างง เพือ่ ใ น้ อ้ งต้นข้า เกิดการเรียนรูท้ จี่ ะปรับเปลีย่ นการพูด การใช้ภา า ของตั เองใ ้ถูกต้อง เป็นการฝึกให้นอ้ งต้นข้าวรูจ้ กั เอ๊ะใจ สงสัยด้วยตัวเองก่อน จากนั้นคุณครูจึง ค่อยบอก ิ่งที่ถูกต้องอีกครั้ง การฝึกกับนักกิจกรรมบ�าบัด คุณครูได้ใช้เ ลาประมาณครึ่ง นึ่งในการฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก เช่น ต่อบล๊อก ัด าดรูปบนกระดาน และปั้นดินน�า้ มัน คุณแม่ได้ขอใ ้คุณครูเน้นการ ่งเ ริมการ คิด จินตนาการและการพูดคุยโต้ตอบแทรกไปในระหว่างการฝึกด้ ย เช่น การฝึก ัด าดรูปทรง ต่างๆ ก็ใ ้ตั้งค�าถามใ ้น้องต้นข้า คิด จินตนาการ “รูปทรง ี่เ ลี่ยมเ มือนอะไรนะ” “ใช่แล้ เ มือนบ้าน แล้ น้องต้นข้า ชอบท�าอะไรที่บ้านมากที่ ุดค่ะ” เ ลาที่เ ลืออีกครึ่ง นึ่งคุณครูเน้น กิจกรรมส่งเสริมการบูรณาการประสาทสัมผัส เช่น ฝึกกระโดดบนแทรมโบลีน เล่นกระโดดเชือก ฝึกกิจกรรมโยนบอล รับบอล โดยเน้นใ ้การฝึกมีค ามยากและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
ับ
213
ฉบับความสุข
การท�าฟลอร์ไทม์ที่บ้านและการเ ริมประ บการณ์ในชี ิตใ ้ ลาก ลายเป็นเรื่อง �าคัญ ทุก นั เ าร์อาทิตย์ คุณแม่จะพาน้องต้นข้า ไปตลาดตอนเช้า คุณแม่จะเลือกซือ้ ขนมครกกับร้านเล็กๆ ของคุณยาย คุณยายใจเย็น คุยเก่ง กระตือรือร้นทีจ่ ะพูดคุยถามน้องต้นข้าว ว่าจะเอาอะไร เอาอันไหน เอากีอ่ นั และใ เ้ ลาน้องต้นข้า พูดคุย จ่ายเงินด้ ยตั เอง ระ า่ งทางกลับบ้านคุณแม่
จะถือโอกา ร้าง ถานการณ์ที่ ลาก ลาย เช่น แ ะเติมน�้ามันรถ แ ะกินอา ารเช้าที่ร้านเล็กๆ ให้นอ้ งต้นข้าวได้มโี อกาสสัง่ อาหารด้วยตัวเอง บางอาทิตย์คุณแม่เพิ่มประ บการณ์เรื่องการเดิน ทางใ ้น้องต้นข้า ด้ ยการพาลูกนัง่ รถเมล์ รถแท๊กซี่ รถตุก๊ ๆ รถสองแถว รถไฟฟา น้องต้นข้า ได้ รับประ บการณ์แปลกใ ม่ ได้เรียนรูค้ า� ศัพท์เพิม่ มากขึน้ และ เป็นการเรียนรูท้ ผี่ า่ นการลงมือท�า สัมผัสจริง ประ บการณ์เ ล่านี้ยังน�ามาใช้ในการเล่น มมติกับคุณแม่ที่บ้านได้อีกด้ ย
เมื่อกลับถึงบ้าน น้องต้นข้า เล่นอิ ระ คุณแม่ลงมาเล่น นุกกับลูก ช นกันกินขนม และพัก ผ่อนด้ ยกัน ช่ งบ่ายน้องต้นข้า ช่ ยคุณแม่เตรียมอา ารเย็น ันนี้ น้าที่ของน้องต้นข้า คือ ช่วย ปอกกระเทียม และช่วยหักถัว่ ฟักยาวเป็นท่อนเล็กๆ กิจกรรมงานบ้านนอกจากช่ ยทัก ะกล้ามเนือ้ มัดเล็ก การท�างานเป็นขั้นตอนแล้ คุณแม่ยังเ ริมใ ้น้องต้นข้า ฝึกคิดแก้ปญ ั หาง่ายๆ ฝึกการ ตัดสินใจ สือ่ สารโต้ตอบ และแสดงความคิดเห็น เช่น คุณแม่ใ ้น้องต้นข้า ยิบของใช้ต่างๆเอง น้องต้นข้า ต้องคิดเอง า่ ของแต่ละชิน้ น่าจะเก็บไ ท้ ตี่ รงไ น ดั เปิดฝาข ดและกล่องต่างๆด้ ยตั เอง คุณแม่ยังช นตั้งค�าถามธรรมดาๆขณะท�างานด้ ยกัน เช่น ท�าไมเราต้องล้างผัก ถ้าเราไม่ลา้ ง จะเกิดอะไรขึน้ ท�าไมต้องเก็บน�า้ ไ ้ในตู้เย็น น�้าที่เก็บในตู้เย็นแตกต่างจากน�้าที่อยู่นอกตู้เย็นอย่างไร รือใ ้น้องต้นข้า คิด ่าจะ ยิบขนมออกมาเยอะ รือน้อย ร มแล้ จะ ยิบทั้ง มดกี่ชิ้น
214
ับ ฉบับความสุข
ช่ ง ลังอา ารเย็นคุณพ่อลงมาเล่น มมติกับน้องต้นข้า น้องต้นข้า เลือกเล่นบทนั่งเรือไป เทีย่ ป่า คุณพ่อ ร้าง ถานการณ์ตอ่ ยอดค ามคิดของลูกโดยเอาไม้บล๊อคและตุก๊ ตา ตั ม์ า างเรียง เป็นฉาก มมติเป็นต้นไม้ และ ัต ์ต่างๆ ตลอดเ ลาของการเล่นคุณพ่อใ ้น้องต้นข้า เป็นผู้นา� ใน การเล่น จะเล่นแบบไ น อย่างไร โดยคุณพ่อลงไปร่วมเล่นเป็นตัวละคร ช่ ย ร้าง ถานการณ์
คอยกระตุน้ ให้นอ้ งต้นข้าวพูดคุยโต้ตอบ ส่งเสริมการคิดให้หลากหลายเหตุผล และสอบถามอารมณ์ ความรูส้ กึ เช่น เมื่อเล่นถึงตอนที่ ลงเข้าไปในป่าใ ญ่ ไปเจอเ ือก�าลังจ้องมองมาที่น้องต้นข้า
คุณพ่อก็จะตัง้ ค�าถาม า่ จะท�าอย่างไร และรู้ กึ อย่างไร ่ นใ ญ่นอ้ งต้นข้า มักจะใ ค้ า� ตอบ า่ รู้ กึ “กลั ” คุณพ่อก็จะช นน้องต้นข้า คิดต่อ ่า ท�าไมถึงกลัว กลัวสัตว์จะท�าอะไร จะท�าอย่างไรดี จะวิง่ หนี รือจะปีนขึน้ ไปบนต้นไม้ รือเลือกทีจ่ ะ ู้ ถ้า จู้ ะ อู้ ย่างไร การด�าเนินเรือ่ งของน้องต้นข้า ยังมีลกั ณะซ�า้ ๆ คุณพ่อต้องช่ ยขยายเรือ่ งรา ช นน้องต้นข้า คิดต่อ า่ อะไรจะเกิดขึน้ ถ้าเปลีย่ น เรื่องเป็นแบบนี้ รือแบบนั้น คอยช่ ยเชื่อมโยงเรื่องรา เชื่อมโยงเ ตุและผลของ ถานการณ์และ การกระท�าต่างๆ โดยมีเปาหมายหลักทีอ่ ยูเ่ บือ้ งหลังการเล่นสมมติ คือ ให้นอ้ งต้นข้าวเข้าใจ
พฤติกรรม อารมณ์ ความรูส้ กึ ของตัวเอง และคิดหาทางแก้ปญั หาเมือ่ เจอสถานการณ์ตา่ งๆ
ับ
215
ฉบับความสุข
3 ปีก ่าๆผ่านไป น้องต้นข้า มีอายุจริงประมาณ 5 ปี 4 เดือน (อายุพัฒนาการประมาณ เด็ก 3 ปี 7 เดือน น้องต้นข้า มีภา าเพิ่มมากขึ้น มีค ามคิดจินตนาการ เล่น มมุติได้เป็นเรื่องรา ลาก ลายบทบาทและ ลาก ลายอารมณ์ คิดแก้ปัญ าในการเล่น มมติได้อย่างต่อเนื่อง ค ามก้า น้าในการเล่น มมติ ่งผลถึงพัฒนาการในชี ิตจริง น้องต้นข้าวสามารถพูดคุย โต้ตอบ
ได้ตอ่ เนือ่ ง เล่าเรือ่ งได้ มีความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ สามารถเข้ากลุม่ เล่นกับเพือ่ นได้
การคิดแก้ปัญ าในชี ิตจริงก็ดูเป็นเ ตุเป็นผลมากขึ้น
ช่ งนี้คุณพ่อคุณแม่ก็เริ่ม บายใจมากขึ้น เพราะ มั่นใจแล้ ่าน้องต้นข้า มีทัก ะชี ิตที่ ไม่แตกต่างจากเด็กอายุ 3-4 ปีทั่ ไป คือ ามารถอยู่ร่ มกับคนอื่นได้ เรียนรู้จากการมีปฏิ ัมพันธ์ กับคนได้ ามารถพูดคุยโต้ตอบ เถียง ใ ้เ ตุผล และบอกอารมณ์ค ามรู้ ึกของตั เองได้
คุณ มอได้แนะน�าภาพร มการ ง่ เ ริมพัฒนาการต่อโดยยังคงเน้นใ ค้ ณ ุ พ่อคุณแม่เล่น มมติ กับลูก พูดคุยโต้ตอบใ ้ต่อเนื่อง ออกก�าลังกาย และพาลูกเผชิญโลก เจอประ บการณ์ใ ม่ๆ การฝึกกับนัก ชิ าชีพ าขาต่างๆ ก็ยงั มีค ามจ�าเป็นในการช่ ยเก็บรายละเอียดในส่วนของพัฒนาการ
แยกย่อยเฉพาะด้าน โดยเฉพาะการฝึกร่างกาย เพือ่ ช่วยให้พนื้ านระบบประสาทแข็งแรงขึน้
216
ับ ฉบับความสุข
นอกจากนั้นคุณ มอยังแนะน�าใ ้คุณพ่อคุณแม่มั่นไปสังเกตลูกทีส่ นามเด็กเล่นทีโ่ รงเรียน บ่อยๆ เมื่อลูกเล่นกับเพื่อน ลูกยังมีอะไรทีแ่ ตกต่าง กิจกรรมการเล่นอะไรทีล่ กู ยังท�าไม่ได้ เพื่อน ประเภทไ นที่ลูกยังอาจจะ นี กลั ไม่อยากเล่นด้ ย การสังเกตปัญหาของลูกในชีวติ จริงเ ล่านี้ ก็จะช่ ยใ ้คุณพ่อคุณแม่เ ็นภาพร มของพัฒนาการของลูกได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
บทที่ ๑๐ ตัวอย่างกิจกรรม ในชีวิตประจ�าวัน
218
ับ ฉบับความสุข
ตัวอย่างกิจกรรมในชีวิตประจ�าวัน บทนี้เป็นตั อย่างแน คิดการประยุกต์ชี ิตประจ�า ันธรรมดาๆใ ้เป็นการท�าฟลอร์ไทม์ ในเด็กทีม่ พี ฒ ั นาการล่าช้าไม่มาก รือ มีภา าล่าช้าเพียงอย่างเดีย เมือ่ คุณพ่อคุณแม่ลงมาใ เ้ ลา กับลูกเพิ่มขึ้น ช นลูกเล่น พูดคุย อ่านนิทาน ท�ากิจกรรมต่างๆ ลูกก็จะดีขึ้นได้โดยใช้เ ลาไม่ นานนัก ในเด็กทีมพี ฒ ั นาการบกพร่องมาก รือ กลุม่ เเด็กพิเ คุณพ่อคุณแม่ค รต้องท�าค ามเข้าใจ ค ามแตกต่างระบบประ าทของลูก เข้าใจพัฒนาการองค์ร มของลูก และเรียนรู้เทคนิค ิธีการใน การช่ ยลูก ค าม �าคัญจึงไม่ได้อยู่การท�ากิจกรรมแต่ละอย่างจนเ ร็จ แต่เปาหมาย คือ เราก�าลัง
ใช้กจิ กรรมเหล่านีเ้ ป็นเครือ่ งมือในการช่วยให้สมองของลูกท�างานได้ดขี นึ้
ตั อย่างเช่น กิจกรรมใ อ้ า ารปลา ถ้าคุณพ่อช นลูกไปโยนขนมปังใ ป้ ลาด้ ยกัน ประโยชน์ ที่ได้ คือ ัมพันธภาพทีดีระ ่างพ่อกับลูก และ การได้ฝึกกล้ามเนื้อมือ การ ยิบ จับ การโยน ใช้เ ลาประมาณ ๑๐ - ๑๕ นาทีก็เ ร็จ ิ้นกิจกรรมนี้ แต่ถ้าคุณพ่อเข้าใจ ่าลูกมีพัฒนาการอยู่ระดับ ๑-๔ และลูกมีค ามบกพร่องเรื่องระบบ ั่งการกล้ามเนื้อ ระบบการได้ยินที่ค่อนข้างเฉื่อย (เช่น น้องกัปตัน ในตั อย่างบทที่ ๑) เมื่อคุณพ่อท�ากิจกรรมกับลูก คุณพ่อใช้เทคนิคของพัฒนการระดับ ๓-๔ คือ ท�ากิจกรรมให้ ซับซ้อนขึน้ สร้างอุปสรรคผ่านการเล่น เช่น • แบ่งอา ารปลาเป็นถุงเล็กๆ ลายๆถุง รัด นัง ติก • เอาอา ารปลาไปซ่อนไ ้ตามที่ต่างๆ ใกล้ๆ ในระยะ ๕๐ เมตร ใ ้ลูกช่ ยกันเดิน า • างไ ้ใต้ก้อน ินใ ญ่ ใต้ใบไม้ ต้องช่ ยกันยกก้อน ินออกก่อน • เมื่อเจอแล้ ก็ต้องมาช่ ยกันเปิดถุง แกะเอา นัง ติกออก • คุณพ่อเตือนตั เองที่จะเพิ่มการรับรู้ภา าใ ้ลูกด้ ยการนั่งลง ใ ้ลูกเ ็น น้าทุกครั้งที่พูด กับลูก ใช้ภา า ั้นๆ ใ ่อารมณ์ เชียร์ ลุ้น และใช้ท่าทางชี้บอก ยิบใ ้ดู ร่ มกับการใช้ ค�าพูด “เปิด ดึง wow เกือบแล้ อีกนิด นึ่ง เอาอีกถุงไ ม เอาอันไ น”
ับ
219
ฉบับความสุข
• คุณพ่อฝึกตัวเองให้ชา้ ลง ในการท�ากิจกรรมต่างๆกับลูก เปิดโอกา ใ ้ มองของลูกได้คิด ได้ างแผน ฝึกการ รอลูก อย่าง น อก นใจ ให้สมองของลูกได้ประมวลข้อมูลและค่อยๆ ลงมือท�า ค่อยๆ ื่อ ารตอบ ซึ่งอาจเป็นเพียงการชี้บอก การ ่งเ ียง รือ พยายามพูด เป็นค�า กิจกรรมใ ้อา ารปลาก็จะกลายเป็นกิจกรรมที่ชว่ ยให้สมองทัง้ หมดของลูก ทัง้ ซีกซ้าย ซีกขวา สมองส่วนหน้า ส่วนหลัง การสัง่ การกล้ามเนือ้ ท�างานพร้อมๆกันทัง้ หมด โดยมีอารมณ์ นุกของคุณพ่อเป็นแรงจูงใจใ ้ลูกอยากลงมือท�า อยาก ่ือ าร อยากคิดแก้ปัญ า ทั้ง มดร มอยู่ ในกิจกรรมเดีย �า รับผู้ท่ีเพิ่งมาเรียนรู้แน ทางนี้ ก็เอาง่ายๆก่อนก็ได้ค่ะ คือ ขอให้มคี วามสุขในการท�า กิจกรรมกับลูก มีเสียงหัวเราะ เล่น พูดคุยกันในบ้าน แล้ คุณพ่อคุณแม่กค็ อ่ ยๆเรียนรูร้ ายละเอียด ต่างๆเพิม่ ขึน้ เพือ่ ช่ ยใ ก้ ารใช้เ ลาทีอ่ ยูก่ บั ลูกมีคณ ุ ภาพ มีประ ทิ ธภาพเพิม่ ขึน้ ลูกทีเ่ ป็นเด็กพิเ ก็จะดีขึ้นเรื่อยๆทุก ัน จนคุณพ่อคุณแม่เองก็จะต้องแปลกใจค่ะ
220
ับ ฉบับความสุข
ตัวอย่างกิจกรรมในชีวิตประจ�าวัน
การอาบน�้า • ลูกนอนไม่ยอมลุกมาอาบน�า้ คุณพ่อเล่นจักกะจี้ ปลุกลูก กลิ้งทับลูก เอาผ้า ่มมาลากใ ้ ลูกนั่งเป็นเรือ ิ่งไล่จับถ้าลูก ิ่ง นี ที่ า� คัญ คือ คุณพ่อคุณแม่อาจต้องตื่นเช้าขึ้น เพื่อเ ลา �า รับการเล่น ถ้า ุดท้ายลูกยังไม่ยอมและมีภารกิจที่ต้องรีบไปแต่เช้า ก็อาจจะอุ้มไป ้องน�้า ลูกจะค่อยๆเรียนรู้กิจ ัตรตอนเช้ามากขึ้น เมื่อลูกมีพัฒนาการที่ดีขึ้น • ของเล่นในน�า้ จะช่ ยเพิ่มกิจกรรมระ ่างการอาบน�้า เช่น ลูกเป็ดลอยน�้า ตุ๊กตายางที่มี เ ียง นัง ือลอยน�้า ปีนฉีดน�้า ข ด กระป๋อง ที่ตักน�า้ ใ ่ข ด กร ย ข ดน�า้ ลายขนาด (ฝึกกล้ามเนือ้ มือ ฝึกกะระยะในการเทใ ข่ ด ผลัดกันเท ผลัดกันใ ่ แย่งกันท�า แล้ ั เราะ ด้ ยกัน) • เอาแก้ ใ ่นา�้ ใ ่นา�้ าน ใ ่ ลอดใ ้เด็ก ัดเป่าฟอง เป่าๆ ดูด ่งเ ียง นุกๆตามเด็ก
การแปรงฟัน • ช่ ยน ดปาก โดยลองใช้แปรง ลายแบบ ขนนิม่ ขนแข็ง แปรงไฟฟ้า แปรงทีฟ่ นั แปรงทีล่ นิ้ ที่กระพุ้งแก้ม (ช่ ยกระตุ้นระบบการรับรู้ประ าท ัมผั ในปาก ในเด็กที่มีปัญ าการกิน การเคี้ย การออกเ ียง)
ใส่เสื้อผ้า ถอดเสื้อผ้า • จะใ ่ตั ไ นก่อน ถอดเ ื้อก่อน รือถอดกางเกงก่อน • เอาเ ื้อผ้าตั โปรดของลูกไปแข นบนไม้ ูงๆ เชียร์ใ ้ลูกกระโดดๆ เขย่งขา ยิบ
ับ
221
ฉบับความสุข
ใส่รองเท้า • แกล้งงง ยิบผิด ยิบถูก ยิบร้องเท้าพ่อ ่งใ ้ ยิบรองเท้าแม่ใ ้ ังเกต ิธีคิดแก้ปัญ า ของลูก การ ื่อ ารด้ ยภา ากาย • แอบเอารองเท้าลูกไปซ่อน (ใ ้โผล่ออกมาใ ้มองเ ็น) ช่ ยกันเดิน า ลูก าเจอ นึ่งข้าง อีกข้างพ่อ าเจอ อย่าลืม ั เราะเล่น นุกๆ กับลูก ถ้าลูก นุกก็เล่นต่อนานๆ
เวลาอาหาร • พูดคุยกับลูก อา ารจืดจัง แม่อยากใ ้เค็ม น่อย ใ ่อะไรดี • ใ ้ลูกเดินไป ยิบน�้าปลาใ ้ น่อย “น�้าปลาอยู่ในตู้ชั้นกับข้า ชั้นบน” • เรียกลูกมากินข้า โต๊ะอา ารมีอา าร างพร้อมแต่ไม่มเี ก้าอีน้ งั่ ...ไม่มชี อ้ น อ้ ม.......บนโต๊ะ มีแต่จานเปล่า......(คุยกัน ท�า ี น้าท่าทาง ง ัย แปลกใจ ช่ ยกันคิดแก้ปัญ า)
เข้าร้านค้า • ใ เ้ ลาลูกได้แ ดงออก.... อื่ ารด้ ยภา ากาย ชีบ้ อก ง่ เ ยี ง... า่ ไปทางไ น... แม่แกล้ง เดินผิดทาง.. เด็กที่มีภา า ตื้อใ ้ตอบใ ้โต้ตอบกลับไปมาได้ ลายๆรอบ ก่อนจะซื้อของ ใ ้...จะซื้ออะไร.. ซื้อกี่อัน.. จะเอาไปท�าอะไร... ถ้าไ ้กรอก มดจะท�ายังไง....ไม่ซื้อตอนนี้ ได้ไ ม.... • ซื้ออมยิ้ม ช๊อคโกแลตจูจู๊บ ใ ้ลูก ัดดูด ัดเลีย • เลือกซื้อขนมกรอบๆที่ ลาก ลายร ชาติ ลาก ลายเนื้อ เช่น ปลา รรค์ -ทาโร่ (กลิ่น คา แท่งเ นีย ต้องกัด) โกลิโกะ ( ัดเคี้ย ัก ของแข็ง ของกรอบ)
222
ับ ฉบับความสุข
เล่นด้วยกันในครอบครัว • เกม ิบาก..เอาเก้าอี้กินข้า มาต่อเป็นแถ แล้ ใ ้ลูกลอดเป็นอุโมงค์ แล้ ปีนไปบนโต๊ะ ลอดใต้โซฟา มุดไปใต้ผ้า ่ม แข่งกัน • แข่งกันเป่านก ีด ใครเป่าดังก ่ากัน เอานก ีดมาเล่นเป็นผู้นา� ผู้ตาม ัดเลียนแบบเป่า ตามจัง ะ ๒ ที ๓ ที เป่ารั ๆ เล่นเป็นต�าร จ เลียนแบบท�าท่าโบกรถ เดิน น นามแบบ ท าร แล้ ร้องตาม ปิดปีปิด ปิดปีปิด • พ่อคู่กับน้อง แม่คู่กับพี่ เล่นแข่งกันไถนา กระโดดเชือก ขี่ม้าทรงตั • เ าร์อาทิตย์ เล่น า่ ขีจ่ กั รยาน ไปเทีย่ ตามทีต่ า่ งๆ เช่น ทะเล ทุง่ นา นดอกไม้ น ตั ์ พิพิธภัณ ์ (ไม่ค รไป ้าง รรพ ินค้า เพราะ มีประโยชน์น้อย และ ิ่งเร้าเยอะเกิน)
ร้องเพลงด้วยกัน • ต่อเพลง แกล้งร้องตลกๆ แกล้งร้องเพี้ยน • ถ้าลูกชอบร้องเลียนแบบ ท�าเป็นร้องเ ียง ูง เ ียงต�า่ เ ียง ลายจัง ะ ใ ้ลูกท�าตาม เอา ม้อมาตีเป็นกลอง แข่งกันตีแรงๆ ตีเบาๆ ตีเบาลงอีก ตีแรงมากๆๆ เล่นตบมือตาม เพลง ตบมือ ๓ ที แล้ เอามือจับ ั ตบ ๑-๒-๓ ที (แบบเพลงเชียร์) ั เราะด้ ยกัน ผลัด กันเป็นผู้น�า ผู้ตาม
ับ
223
ฉบับความสุข
เล่นกับหมาแมวในบ้าน • ั เราะด้ ยกัน โยนลูกบอล โยนขนมใ ้ มาคาบเล่น ิ่งไปเก็บลูกบอลมาโยนอีก • ช นกันท�าอา ารใ ้ มา ใช้มือคลุกข้า ฉีกเนื้อ ัต ์ แกะเ ปลาทูใ ้แม
อ่านหนังสือกับลูก • ใ ้ลูกนั่งตัก ชี้ช นกันดูรูป พูดคุย มีค าม ุข บายๆ กับการได้ท�ากิจกรรมกับลูก • ถ้าลูกยังอยูใ่ นโลก ่ นตั มาก และ มก มุน่ กับ นัง อื เปลีย่ นเป็นปฏิ มั พันธ์ เช่น แกล้ง เอาผ้า ่มมาคลุม เอามือมาปิด นัง ือแย่งกันเปิดปิด น้าที่ตั เองชอบ พ่อแม่ต้องมีท่าที เล่นๆ ยั่ เล่นๆ ยิ้ม ั เราะมากๆ • เด็กที่มีภา าดีแล้ พ่อแม่ค รอ่าน นัง ือแบบ บายๆ มีค าม ุขด้ ยกัน แล้ เน้นการ ถามค�าถามที่ใช้ค ามคิดและเชื่อมโยงกับอารมณ์ ค ามรู้ ึก เช่น ลูกชอบตอนไ นมาก ที่ ุดครับ เพราะอะไร... คุณแม่อยากเป็นนางฟ้า เพราะนางฟ้าแต่งตั ย นูอยากเป็น อะไรค่ะ......ถ้าลูกเป็น นูน้อย ม กแดงแล้ เจอ มาป่า ลูกคิด ่าจะท�ายังไงค่ะ....
งานบ้าน • ช่ ยกันจัด างรองเท้า างเ ื้อผ้า ของพี่ างชั้นบน ของน้อง างชั้นล่าง (ฝึกการมองเ ็น และลงมือท�า) • ช่ ยก าดบ้าน ช่ ยล้างรถ ช่ ยเช็ดกระจก ช่ ยล้างผัก
224
ับ ฉบับความสุข
กินไอติม • มีค าม ุขกับการได้กินไอติมกับลูก แย่งกันกิน ช นกันคุย ชอบร ไ น จะใ ่ถั่ รือราด ช๊อคโกแลต เพราะอะไร อร่อยแค่ไ น ของพ่ออร่อยก ่า แข่งกันโม้ แข่งกันคุย • ใ ้ลูกช่ ยตั เอง คุณพ่อนั่งรอที่โต๊ะ ใ ้ลูกเดินไปซื้อเอง ใ ้ลูก ั่งไอติมเอง ัดจ่ายเงินเอง • พ่อถือไอติม แกล้งถือ นไป นมา ใ ้ลูกมองตามในทิ ต่างๆ โยกไปทางซ้าย..ข า.. บน.. ล่าง..ล่างซ้าย.. ล่างข า (ฝึกการกลอกตาตาม ัตถูเคลื่อนไ ) ั เราะกับลูก แล้ แย่งลูก กิน.... • เอาไอติมทารอบปาก เล่นๆกับลูก ใ ้ลูก ัดแลบลิ้น ขยับไปตามทิ ต่างๆ พ่อท�าท่าตลกๆ แลบลิ้น ปากจู ่อปาก ่อลิ้น เม้มปาก ใ ้ลูกเลียนแบบ แล้ ั เราะด้ ยกัน...
พี่น้องเล่นด้วยกัน • แม่เล่นกับลูก องคน ใ ้ลูกผลัดกันเป็นผู้น�า เลือกของเล่น รือ เลือกกิจกรรมที่อยากเล่น • เด็กที่ยังไม่ค่อย นใจคน เช่น ลูก ิ่ง นไปมา กระโดดซ�้าๆ อาจเปิดเพลงแล้ กระโดด ิ่ง นไปมาตามน้อง และตามจัง ะเพลง ถ้าลูก ิ่ง นี เปลี่ยนเป็น ิ่งไล่จับ แย่งกันจับ แย่งกันไล่ นุกด้ ยกัน ท�าเกมใ ้ซับซ้อนและ นุกขึ้น เช่น คุณพ่อเป็น ัต ์ประ ลาด มา จับเด็กๆ คุณพ่อท�ามือเป็น งรั้ ครอบน้อง ใ ้น้องดึงแขนพ่อขึ้นเพื่อ นีออกมา แล้ คุณ พ่อก็ไปจับพีบ่ า้ ง ใ ้ นุกด้ ยกันทัง้ คู่ บางทีกจ็ บั ได้พร้อมกันทัง้ องคน ใ ล้ กู ต้องช่ ยเ ลือ กันเพื่อ นีออกมา....เปลี่ยนการ ิ่งไปมาของน้องใ ้เป็นเกมที่ นุก นานภายในครอบครั • การเล่นแบบถึงเนื้อถึงตั แบบ นุกๆ จะเ มาะกับเด็กที่ยังไม่ นใจคน เช่น กอดรัดฟัด เ ี่ยง.. ขี่ม้า (ขี่ ลังคุณพ่อ)... กระโดดบนเตียงด้ ยกัน... กลิ้งทับกัน..นอนลากบนผ้า ่ม คุณพ่อคุณแม่ผลัดกันลากเร็ ๆใ ้ลูก นุกกับการเล่นแบบเคลื่อนไ • คุณแม่อาจช่ ยเพิ่ม ัมพันธภาพระ ่างพี่น้อง เช่น ใ ้พี่ไปเรียกน้องมากินข้า ใ ้พี่เอา ไอติมไปใ ้น้อง พี่น้องอาบน�า้ ด้ ยกัน เล่นกันในน�า้ ไป นามเด็กเล่นแล้ เล่นกระดานโยก ด้ ยกัน
ับ
225
ฉบับความสุข
สนามเด็กเล่น • เดินไป นามเด็กเล่นด้ ยกัน ช นกันชี้ ช นกันคุย มีปฏิ ัมพันธ์ในเรื่องที่เด็ก นใจ เช่น ดอกไม้ มา เครื่องบิน อยทาก ไ ้เดือน...... • นั่งเล่น คุยกัน บายๆ ร้องเพลงเล่น ที่ชิงช้า ม้า มุน แก ่งเร็ ๆ แก ่งช้าๆ มุนไปมา ผลัด กันแก ่ง • ใ ้อา ารปลา ฝึกการโยน การข ้าง • งิ่ เล่นตามเพือ่ น คุณพ่อคุณแม่อาจช่ ย ากิจกรรมทีช่ ่ ยดึงค าม นใจใ เ้ ด็กเล่นด้ ยกัน เช่น เล่นเป่าฟองลูกโป่ง ใ ้เด็กๆแย่งกันตี เล่นเป่าลูกโป่งแล้ ปล่อย ใ ้เด็กแย่งกันไปเก็บ เอามา ่งใ ้เป่าอีก • เล่น ิ่งไล่จับ ซ่อนแอบ โยนบอล เตะบอล ปีนป่าย โ นบาร์ • เล่นทราย ฝึกเล่นทรายเปียก ทรายแ ้ง ตักทรายใ ่ข ด ร้างรูปทรงต่างๆ เล่น มมติ ขายขนม ปักเทียน ท�าเค๊ก
ไปตลาดตอนเช้า • นั่งรถ องแถ ไปตลาด ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์ไปตลาด (ทด อบการได้ยินเ ียงเครื่องยนต์ ดังๆ ค ามกระเทือน กระแทก) เพื่อดู ่าลูกทนกับ ิ่งเร้าต่างๆในชี ิตประจ�า ันได้ รือไม่ เ มาะที่จะลองกับเด็กที่มีพัฒนาการระดับ ๖ แล้ เพราะ เด็กจะบอกอารมณ์ ค ามรู้ ึก และเ ตุผลของค ามกลั ...ได้ • พากย์ใน ิ่งที่ลูกท�า ใ ้ช่ ย ยิบของ ถือของ.. แม่ท�าของ ล่น ใ ้ลูกก้มลงเก็บ ชี้ช นกันดู ิ่งรอบตั ใ ้ลูก ัดดมกลิ่นแปลกๆ เช่น ใบโ ระพา ต้น อม... • ช นลูกนัง่ ยองๆ ซือ้ ของ พูดคุยกับแม่คา้ ช่ ยจ่ายเงิน รับเงินทอน ช่ ย าเ รียญในกระเป๋า แม่
226
ับ ฉบับความสุข
ไปเที่ยวทะเล • ช่ ยกันเตรียมของ ช่ ยกันจัดของ เอาของใ ่กระเป๋า เอาของออกจากกระเป๋า พับเ ื้อผ้า ท�าตามค�า ั่ง ยิบเ ื้อของแม่ใ ้ น่อย ยิบ ่ งยางที่ ้องเก็บของ าไม่เจอ ช่ ยกัน า ช่ ยกันเป่า ่ งยาง • ช่ ยกันคิด ใ เ้ ตุผล จะเอาอะไรไปดี เพราะอะไร ถ้าไม่เอาไปจะเป็นยังไง ถ้ากระเป๋า นัก จะท�ายังไง ใครจะช่ ยถือ.....
ลูกเหนือ่ ย เครียด เพิ่งกลับจากโรงเรียน • นอนเล่นด้ ยกัน ร้องเพลงเบาๆ ลูบ ลัง ยิ้มใ ้ มองตากันบ่อยๆ • ท�าใน ิ่งที่ลูกชอบ เช่น เด็กบางคนผ่อนคลายตั เองด้ ยการมอง ก็จะชอบมองของ มุนๆ เป็นการพัก - เด็กนอนมองพัดลมกัง ัน คุณพ่อก็นอน บายๆอยู่ด้ ยกัน ช่ ยกันถือ ผลัด กัน มุน ผลัดกัน ยุด ั เราะเบาๆด้ ยกัน มองตากันบ่อยๆ บางคนชอบดูรูปใน นัง ือ ก็เปิดรูปดูด้ ยกัน บางคนชอบใ ้น ดเบาๆ บางคนชอบเล่นน�า้ ใน ้องน�า้
พ่อแม่เครียด เหนือ่ ย ท้อแท้ หมดก�าลังใจ • พัก ยอมรับค ามเ นื่อยล้า กลับมาดูแลตั คุณพ่อคุณแม่เองก่อน • บริ ารจัดการชี ิต เช่น ลอง าเพื่อนพูดคุย าคนช่ ยเล่นกับลูก ทบท นชี ิตครอบครั ชี ิตการท�างาน อ่าน นัง ือที่ช่ ยใ ้กา� ลังใจ ช นลูกไ ้พระ ดมนต์
ลูกที่เป็นเด็กพิเศษก็จะดีขึ้นเรื่อยๆทุกวัน จนคุณพ่อคุณแม่เองก็จะต้องแปลกใจค่ะ
บทส่งท้าย พลังใจจากพ่อแม่ สู่พ่อแม่ ....
230
ับ ฉบับความสุข
พลังใจจากพ่อแม่สู่พ่อแม่ .... เรื่องเล่าจากครอบครัวน้องนนท์ การเล่าถึงชี ติ ครอบครั ผมในครัง้ นี้ ขอใ บ้ ญ ุ กุ ลทีผ่ มเล่าเรือ่ งรา ของครอบครั ผม ง่ ผล ใ ้ครอบครั ใดที่ได้มาอ่านที่มีชี ิตที่คล้ายกับครอบครั ของผม ขอใ ้ครอบครั นั้นประ บแต่ ิ่งที่ โชคดีมีก�าลังใจที่จะก่อร้าง ร้าง ิ่งมีชี ิตอีกชี ิต นึ่งใ ้ ใช้ชี ิตอยู่บนโลกได้อย่างปกติชนทั่ ไป ิ่งมีชี ิตนั้นเรียก ่าลูก และขอใ ้บุญกุ ลนี้ช่ ย ่งเ ริมพัฒนาการน้องนนท์ ซึ่งนั้นก็คือด งใจของ ครอบครั ผม ใ ้มีพัฒนาการ ม ัยที่ค รเป็น ครอบครั ผม ผมและภรรยา แต่งงานกันมาก่อนจะตัด ินใจมีตั เล็กมา 8 ปี และเราก็เริ่ม ตกลงกันพร้อมที่จะมีลูก ักคน ตลอดระยะเ ลา 9 เดือน ผมและภรรยาดูแลเจ้าตั เล็กเป็นอย่างดี และ ัน นึ่งที่ผมรอคอย เจ้าตั เล็กของผมก็ออกมาลืมตาดูโลกใบนี้ จ้าตั เล็กของผมชื่อน้องนนท์ เขาเป็นที่รักของทุกคนในครอบครั เราใ ้ค ามรักเลี้ยงดูทุกอย่างเ มือนเด็กปกติทั่ ไป เป็นเ ลา 1 ปี 6 เดือน ผมและภรรยาได้พาน้องนนท์ ไปพบคุณ มอ ประจ�าตั ของน้องนนท์ เพือ่ ตร จร่างกาย ฉีดยาตามอายุปกติ คุณหมอตรวจทุกอย่างของร่างกาย น้องนนท์ปกติทกุ อย่าง แต่มอี ย่างหนึง่ ที่
คุณหมอทักขึน้ มา คุณหมอถามว่าน้องนนท์ อายุ 1 ป เดือน ยังไม่สามารถพูดค�าทีม่ คี วามหมาย ุ มอกล่า คุณ มอแนะน�าใ พ้ บแพทย์ ได้สกั ค�าเลยใช้ไหมค่ะ คุณพ่อ คุณแม่ ซึง่ ก็เป็นจริงอย่างทีค่ ณ
ด้านพัฒนาการเด็กเพือ่ ตร จเรือ่ งของพัฒนาการช้า รือเปล่า ยิง่ ช่ งเ ลานัน้ ยังไม่คดิ อะไรมากเพราะ คิด ่าเด็กผู้ชายปาก นัก พูดช้า แต่ก็ท�าตามคุณ มอแนะน�า เราจึงพาน้องนนท์ เข้าพบแพทย์ พัฒนาการเด็ก ผลการวินจิ ฉัย พบ ่าน้องนนท์ เข้าข่าย เป็นเด็กพิเ (เป็นออทิ ติก)
ในช่ งเ ลานั้น ผมกับภรรยา มีค�าถาม ่าเด็ก ออทิ ติก คืออะไร เป็นโรคร้าย รือไม่ ครอบครั เรา ตกใจมากกับค�า า่ เด็กพิเ น้องนนท์ ซึง่ เป็นด งใจของครอบครั ผม เป็นเด็กพิเ ซึง่ ไม่ปกติเ มือนเด็กทั่ ไป ผมยอมรับ า่ ครอบครั ผมเครียดมาก ผมขับรถ ร้องใ ก้ ลับมาบ้าน กอด กันร้องใ ้กับภรรยาผม ผมมีความรู้สึกว่าท�าไม ครอบครั เราถึงมีเรื่องแบบนี้เข้ามาในชี ิต เรา ง ารลูก ง ารภรรยา มีความกลัวมากมาย มีคา� ถามมากมายเข้ามา ท�าไม ท�าไม ท�าไมถึงเกิด ท�าไมต้องเป็นครอบครั เรา าเ ตุคืออะไร เราท�าอะไร เราเลี้ยง เขาไม่ดีอย่างไร ผมพยายาม า าเ ตุ มากมาย ึก า ิเคราะ ์ ถามคุณ มอ คิดมากมาย เพื่อ า าเ ตุ เพื่อถาม ่าท�าไม น้องนนท์ ถึงเป็น ออทิ ติก แต่ ุดท้าย ผมกลับมามองว่าท�าไมเราถึงต้อง ถามหาสาเหตุเพือ่ อะไร เพื่อที่เราจะโท าเ ตุเ รอ เพื่อที่จะโท โชคชะตาเ รอ แล้ มันจะเกิด ประโยชน์อะไรเล่าเมื่อพบ าเ ตุแล้ ท�าไมเราไม่เอาเ ลาที่เรามั แต่ า าเ ตุ โท โชคชะตา โท ฟ้า มา ึก า มา าแน ทางในการรัก าน้องนนท์ ลังจากที่ผมคิดได้ ่าในการคิด า าเ ตุ
ับ
231
ฉบับความสุข
สูญเสียเวลาเปล่าประโยชน์ ผมก็เริ่ม ึก า ่าเด็กพิเ
คืออะไร ออทิ ติก คืออะไร ผมค้น าใน อินเตอร์เนท ถามครอบครั ที่มีลูกลัก ณะนี้ พาน้องนนท์พบแพทย์เพื่อปรึก า แล้ ผมก็พบ ่าโรค นี้เป็นอย่างไร
ผมเปลีย่ นมุมมองจากค�าทีว่ า่ เด็กผิดปกติ เด็กพิเศษ ผมมองว่าลูกของผมเป็นปกติ เขาเป็น ปกติในแบบปกติของเขาแบบนี้ ครอบครัวผมเป็นปกติของครอบครัวผมแบบนี้ ไม่ใช้เพราะผม
ปลงนะครับ แต่ผมเข้าใจในชี ิตของครอบครั เรามากก ่า เราไม่เปรียบเทียบกับครอบครั อื่นแต่ ไม่ใช้ ่าเราจะละเลยปล่อยตามยถากรรมนะครับ
โรคนี้อาการเด็กแบบนีต้ อ้ งใช้ใจ ความรัก ของพ่อ และแม่เท่านัน้ ครับ ทีจ่ ะรักษาลูกของเรา ให้หายจากอาการแบบนีไ้ ด้ ผมก็เริม่ กึ า ธิ กี ารบ�าบัดรัก าฝึกพัฒนาการ ซึง่ เด็กพิเ พัฒนาการ ไม่ ามารถพัฒนาได้ด้ ยตนเอง ตามธรรมชาติได้ เพราะเด็กจะอยู่ในโลกของเขา เขามีค าม ุขใน ชี ิตของเขาด้ ยตั เขาเอง เราท�าตามคุณ มอแนะน�าทุกอย่าง ยกเลิกการดูโทรทัศน์ ในบ้าน ยกเลิกการใช้ สือ่ ต่างๆ ทุกประเภท ให้นอ้ งนนท์ อยูก่ บั คนให้มากทีส่ ดุ คนในที่นี้คือ พ่อ กับ แม่ และผมกล้าที่จะบอกทุก คน า่ ลูกของผมเป็นเด็กพิเ ออทิ ติก เพราะเราคิด า่ การยอมรับ และการเปดเผยเป็นเรือ่ งจริง ไม่ควรปดบัง เราจะสบายใจกว่า และนั่นก็เป็น ิ่งที่ถูกต้องครับ คนรอบข้างครอบครั ผมเริ่มเข้าใจ ในครอบครั ผมมากขึน้ ช่ งแรกเราเคร่งครัดกับกิจ ตั รในการฝึกในการปฏิบตั ิ ต้องพยายามฝึก ฝึก ฝึก และฝึก จนเกิด ภา ะค ามเครียด ในครอบครั มากขึ้น ผมรู้ ึก ่ามันชักไม่ค่อยดี แล้ ครับ มัน ขาดค าม ุขในครอบครั ไป เปลี่ยนครับ เปลี่ยน เราเปลีย่ นมุมมองใหม่ครับ เราจะฝึก เราจะเล่น
กับน้องนนท์อย่างมีความสุขครับ ใช้ชวี ติ แบบข�า ๆ มองทุกอย่าง ให้มคี วามสุข ให้งา่ ย ให้ความ รัก มาเป็นตัวน�าในการอยูก่ บั ลูก เราเหนือ่ ยครับ ยอมรับว่าเหนือ่ ย เป็น 1 เท่า 1 เท่า แบบมี ความสุขครับ และเราก็จะ ุข 10 เท่า 100 เท่า เมื่อลูกเราท�าอะไรได้ พัฒนาการดีขึ้น ลูกเราเป็น
เด็กพิเ ครอบครั เราจึงพิเ ก ่าชา บ้านมากขึ้นด้ ยครับ อย่างที่บอกครับ มีทางรัก าได้ครับ โรคนี้ และมีแน ทางมากมายครับ แต่อย่า ยุดนะครับ อย่าหยุดทีจ่ ะมีกา� ลังใจ ก�าลังใจ เกิดขึน้ ได้
จากคนทีเ่ รารัก คือลูกนีแ่ ละครับ จากครอบครัวของเรา และทีส่ า� คัญทีส่ ดุ จากตัวเราเองครับ
เราต้องอยูก่ บั เขาด้วยความสุข ความรัก ความเอาใจใส่ ความเป็นปกติของครอบครัวเรา สิง่ ส�าคัญนะครับ อย่าคาดหวัง อย่าเปรียบเทียบกับใคร ให้มองว่าเราคือเรา ผมไม่คาด งั นะครับ
า่ น้องนนท์ต้องเรียนเก่ง ต้องเป็น ิ กร เป็น มอ เป็นนักบิน เ มือนกับพ่อแม่ทั่ ไปอยากใ ้เป็น ผม ังแค่ ่า ใ ้เขาด�ารงชี ิต อยู่บนโลกนี้ด้ ยตั ของเขาเอง ในเ ลาที่เขาไม่มีทั้งพ่อ และแม่ แค่นี้ ผมก็มีค าม ุขแล้ ครับ ผมก็ตายตา ลับแล้
232
ับ ฉบับความสุข
เรื่องที่ผมเล่ามานี้ เป็นค ามรู้ ึกช่ งแรกที่พบเจอ ค�า ่า ออทิ ติก ผม ่าครอบครั ที่พบเจอ เรือ่ งรา ทีเ่ กิดขึน้ แบบผม ในช่ งแรกก็คงคิดเ มือนผม เราต้องยอมรับครับ า่ ลูกเราเป็น ออทิ ติกก่อน และเราต้องไม่ค้น า าเ ตุที่เกิดครับ เราต้องเข้าใจธรรมชาติ ที่เกิดกับลูกเราครับ เราต้องมัน่ ใจ
ครับว่าต้องหาย และเราต้องมีความสุขกับสิง่ ทีเ่ กิดขึน้ ครับ
ดุ ท้ายนะครับ ผม ัง ่าเรื่องรา ที่ผมเล่ามา จะมีประโยชน์ต่อครอบครั ที่พึ่งทราบ ่าลูก ของท่านเป็นเด็กพิเ เป็นเด็กออทิ ติก เป็นประโยชน์ในด้านจิตใจ ในด้านแน ค ามคิด มุมมอง ที่จะอยู่กับลูกน้อยของเรา ที่จะฝึกฝนลูกน้อยได้อย่างมีค าม ุขนะครับ ตอนนี้น้องนนท์อายุ 4 ข บ ครึ่งแล้ ครับ เข้า ้องน�า้ เองได้ ถอดกางเกงเองได้ แปรงฟัน ท�า อะไรได้ ลายอย่างแล้ ครับ และที่ครอบครับเรา ัมผั ได้น้องนนท์ ยิ้ม ั เราะ บตาอย่างมีจิต ิญญาณ และผมมั่นใจครับ ่าน้องนนท์รู้แล้ ครับ ่าเขามีพ่อ และแม่แล้ ครับ ถึงแม้เขาจะไม่ได้ ื่อ ออกมาด้ ยค�าพูด แต่เรา ัมผั ได้ครับ ตอนนี้น้องนนท์เริ่มดีแล้ ครับ ขอใ บ้ ญ ุ กุ ลนีด้ ลบันดาลใ น้ อ้ งนนท์ และเด็กพิเ ายจากอาการทีเ่ ป็น พัฒนาการ ม ยั ด้ ยเทอญ และขอให้ครอบครัวพิเศษทุกครอบครัวมีกา� ลังใจเข็มแข็ง ฝึกฝนลูกน้อยเจ้าด งใจใ ้ดี ขึ้นโดยเร็ ด้ ยครับ ครอบครัวน้องนนท์ขอเป็นก�าลังใจให้ทกุ ครอบครัวนะครับ
ครอบครั น้องนนท์
ับ
233
ฉบับความสุข
“เราเปลีย่ นมุมมองใหม่ครับ เราจะฝึก เราจะเล่นกับลูก อย่างมีความสุขครับ ใช้ชี วิ ตแบบข�า ๆ มองทุกอย่าง ให้มคี วามสุข ให้งา่ ยให้ความรัก มาเป็นตัวน�าในการอยูก่ บั ลูก เราเหนื่อยครับ ยอมรับว่าเหนื่อย เป็น
เท่า
เท่า แบบมีความสุขครับ
เราต้องมั่นใจครับว่าต้องหาย และเราต้องมีความสุขกับสิ่งที่ เกิดขึน้ ครับ” ครอบครัวน้องนนท์
ผมรักพ่อกับ แม่มากครับ
234
ับ ฉบับความสุข
าค นวก
236
ับ ฉบับความสุข
แบบประเมินพัฒนาการองค์ร ม แบบประเมินค ามแตกต่างระบบประ าทของเด็ก แบบประเมินค าม ามารถด้านร่างกายของลูก แบบประเมินทัก ะในชี ิตประจ�า ันของลูก
สรุปเนื้อหาส�าคัญของทั้งเล่ม บรรณานุกรม
ับ
237
ฉบับความสุข
แบบประเมินพัฒนาการองค์รวม ชื่อ- กุลเด็ก ................................................................................... ปี เดือน ันที่ประเมิน ................. ................. ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ประเมิน ันเกิด ................. ................. ชื่อ- กุล .......................................................... อายุจริง ................. ................. ค าม ัมพันธ์กับเด็ก .......................................
พัฒนาการขั้นที่ 1 สงบ สนใจ จดจ่อ เด็ก นใจ จดจ่อกับการเล่นแบบถึงเนื้อถึงตั เล่นเคลื่อนไ กับผู้ใ ญ่ที่เล่น ได้ นุก เช่น เล่นจักกะจี เล่นอุ้มเ ี่ยงเป็นเครื่องบิน เล่นไล่จับ เด็ก ามารถ งบตั เอง นใจ ิ่งรอบตั ได้ ั้นๆ โดยมีผู้ใ ญ่คอยช่ ย เด็ก นใจ จดจ่อ ในการอยู่กับผู้ใ ญ่ ที่ชอบได้ และรู้ ึกพอใจ นุกมากก ่าการอยู่กับ ัตถุ ิ่งของ เด็ก นใจ จดจ่ออยู่กับเพื่อน ได้โดยมีผู้ใ ญ่ค่อยช่ ย เด็ก นใจ จดจ่อ อยู่กับเพื่อนที่เด็กชอบ ได้ด้ ยตั เอง เด็ก นใจ จดจ่อ อยู่ในกลุ่มเพื่อนได้ เด็ก นใจ จดจ่อ นใจ ิ่งรอบตั ได้ด้ ยตั เอง ใน ลาก ลาย ถานการณ์
พัฒนาการขั้นที่ 2 สัมพันธภาพ เด็กเริ่ม นใจ มี ัมพันธภาพ อยู่กับผู้ใ ญ่ที่ใกล้ชิด ในกิจกรรมที่ชอบ นใจ เด็กมี ัมพันธภาพ นใจ เล่นโต้ตอบกลับไปมากับผู้ใ ญ่ที่ใกล้ชิด ในกิจกรรม ที่ชอบ นุก เช่น นอนเล่นบนตักแม่ ั เราะเล่นกับพ่อ เด็กมี ัมพันธภาพ นใจ โต้ตอบกลับไปมากับผู้ใ ญ่ที่ใกล้ชิดในอารมณ์ งุด งิด ประท้ ง ไม่พอใจ เด็กมี ัมพันธภาพ อยู่ร่ มกับเพื่อนได้ โดยมีผู้ใ ญ่คอยช่ ย เด็กมี ัมพันธภาพ อยู่ร่ มกับเพื่อนที่เล่น นุก เพื่อนที่เด็กชอบ ได้ด้ ยตั เอง เด็กมี ัมพันธภาพ อยู่ร่ มในกลุ่มเพื่อนได้
238
ับ ฉบับความสุข
พัฒนาการขั้นที่ 3 สื่อสารด้วยภาษากาย เด็ก ื่อ ารโต้ตอบกลับไปมาด้ ย ี น้า แ ตา น�า้ เ ียง ท่าทางง่ายๆ ได้ เล่นจ๊ะเอ ได้ ลายรอบ ยิ้ม นุก ั เราะด้ ยกัน เด็กริเริ่มการ ื่อ ารด้ ยภา ากายกับผู้อื่นได้ เช่น ยิ้ม มอง ่งเ ียงช นใ ้แม่ ใ ้มาเล่นด้ ย เด็กแ ดงค ามต้องการโดย ื่อ ารด้ ยพฤติกรรม รือท่าทางง่ายๆได้ เช่น เอื้อมมือไป ยิบ ดึง ชี้ ่งเ ียง เด็กเลียนแบบง่ายๆ ด้ ย ี น้า ท่าทาง เช่น ท�าปากท่าต่างๆ แลบลิ้นตาม เป่าลมตาม เด็กโต้ตอบด้ ยภา ากายกลับไปมาได้ใน ลาก ลายอารมณ์ เช่น รักใคร่ ดื้อ อยากเอาชนะ โกรธ โมโ ไม่ชอบ เด็กเล่นและ ื่อ ารด้ ยภา ากายกับเพื่อนได้ โดยยังต้องมีผู้ใ ญ่คอยช่ ย เด็กเล่นและ ื่อ ารด้ ยภา ากายกับเพื่อนที่ชอบได้ด้ ยตั เอง เด็กเล่นและ ื่อ ารด้ ยภา ากายกับกลุ่มเพื่อนได้
พัฒนาการขั้นที่ 4 สื่อสารได้ต่อเนือ่ งเพื่อแก้ปัญหา เด็กแก้ปัญ าโดยลงมือท�าเอง ได้ ลายขั้นตอน เช่น อยากเอาขนมที่อยู่บนตู้ เด็กยืนมอง เดินไปลากเก้าอี้มา าง ปีนขึ้นไปบนเก้าอี้ เอื้อมมือไป ยิบ ลงจาก เก้าอี้ ันมายิ้มใ ้แม่แล้ ่งเ ียงดีใจ เด็กแก้ปัญ าโดย ื่อ ารด้ ยท่าทาง รือค�า ั้นๆ ได้ต่อเนื่องเพื่อใ ้ได้ ิ่งที่ ต้องการ เช่น เด็กอยากได้ขนม เด็กดึงมือพ่อ ชี้ไปที่ขนม ่งเ ียงพูด “เอา เอา”
ับ ฉบับความสุข
พัฒนาการขั้นที่
สื่อสารด้วยภาษา และมีความคิดเป็นของตัวเอง
เด็ก ื่อ ารด้ ยภา า ั้นๆ เพื่อบอกค ามต้องการ เช่น เมื่ออยากออกไปข้างนอก เด็กใช้ภา าพูดบอก “ไปข้างนอก” ความ ามารถในการเล่น มมุติ o เด็กริเริ่มการเล่นเลียนแบบชี ิตประจ�า ัน เช่น กอดตุ๊กตา เอาโทร ัพท์ของเล่น มาท�าท่าพูดแบบผู้ใ ญ่ ป้อนอา ารใ ้ตุ๊กตา o เด็กเริ่มเล่น มมุติด้ ยท่าทางได้ ลายขั้นตอน เช่น ป้อนนมตุ๊กตา เอาตุ๊กตาไป ทีเ่ ตียง แล้ ม่ ผ้าใ ้ ขัน้ ตอนการเล่นอาจยัง ลับไปมา แล้ แต่ า่ จะนึกอะไรออก o เด็กแ ดงค ามคิด ใช้ภา า ั้นๆ ผ่านการเล่นได้ต่อเนื่องกัน เช่น น้องนอน น้องกินนม o เด็กเล่น มมุตเิ ชือ่ มโยงเป็นเรือ่ งรา นั้ ๆ เช่น ป ดท้อง ไป า มอ นัง่ รถไปตลาด ไปซื้อของ o เด็กเล่น มมุติที่อยู่นอกเ นือค ามจริง เล่น มมุติในจินตนาการ เช่น มุมติ ตั เองเป็น superman เป็นเจ้า ญิง แม่มด ยานอ กา o เด็กเล่น มมุติ มบทบาทเป็นคนอืน่ เช่น เล่นเป็นคุณครู เป็นต�าร จ และแ ดง บทบาทนั้นได้เอง เด็กเริ่มคาดเดาได้ ่าคนอื่นรู้ ึกอย่างไร และตอบ นองได้อย่างเ มาะ ม เช่น แม่ร้องไ ้ เข้ามากอดแม่ แล้ นั่งอยู่ข้างๆ เพื่อน กล้ม เด็กเข้ามายืนมองแ ดง ค าม นใจอยากช่ ย เด็กเริ่มเข้าใจทัก ะทาง ังคม เริ่มแก้ปญ าง่ายๆทาง ังคมได้ด้ ยตั เอง เช่น รอคอยได้ ลับกันเล่นกับเพื่อนได้ แลกของกับเพื่อน เอาของตั เองคืนเมื่อเพื่อน เอาไป
239
240
ับ ฉบับความสุข
พัฒนาการขั้นที่
เริ่มเข้าใจเหตุผล และเริ่มเข้าใจความคิดนามธรรม
เด็กใช้ภา าพูดโต้ตอบได้ทั้งในการเล่น มมุติและในชี ิตจริง เด็กตอบค�าถาม ใคร อะไร ที่ไ น เมื่อไ ร่ เพราะอะไร ได้ เด็กเริ่มโต้เถียง ต่อรอง และ ตัด ินใจเลือกได้ เช่น เลือก ่าจะเล่นอะไร จะท�า อะไร จะไปไ น ใครจะไปก่อน เด็กพูดโต้ตอบได้เป็นเ ตุเป็นผล ไม่พูด ะเปะ ะปะ ไม่เปลี่ยนเรื่อง รือ พูดเฉไฉ เด็กเข้าใจมิติเรื่องต่างเ ลา เช่น เมื่อ าน ันนี้ พรุ่งนี้ เด็กเข้าใจมิติเรื่องต่าง ถานที่ เช่น บ้านคุณยาย ที่โรงเรียน ที่ตลาด เด็กเข้าใจเรื่องปริมาณ เช่น มากก ่า น้อยก ่า เด็กบอกอารมณ์ ค ามรู้ ึก และบอกเ ตุผลของอารมณ์นั้นได้ เช่น รู้ ึกโกรธ เพราะ เพื่อนมาเอาของไป เด็กเปรียบเทียบค ามคิด ค ามชอบของตั เองกับคนอื่นได้ เด็กพูดแ ดงค ามคิดเ ็นของตั เองได้ เด็กเล่น มมุติได้ ลายบทบาทและ ลาก ลายอารมณ์ เด็กเล่น มมุติ เล่าเรื่องได้เป็นเรื่องรา มีตอนต้น ตอนกลาง ตอนจบ เด็กเริ่มรับรู้ ค ามคิดของคนอื่นที่มีค ามซับซ้อน เช่น การพูด ลอกล ง พูดเ ียด ี ั เราะเยาะเย้ย
ับ ฉบับความสุข
แบบประเมินความแตกต่างระบบประสาทของเด็ก ชื่อ- กุลเด็ก ................................................................................... ปี เดือน ันที่ประเมิน ................. ................. ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ประเมิน ันเกิด ................. ................. ชื่อ- กุล .......................................................... อายุจริง ................. ................. ค าม ัมพันธ์กับเด็ก .......................................
ระบบรับความรู้สึกของร่างกาย ระบบการเคลื่อนไหว การทรงตัว เฉื่อย
ไว
ชอบการเคลื่อนไ ไม่ค่อยนิ่ง อยู่เฉยๆไม่ค่อยได้ ชอบอะไรเร็ ๆ เล่นเ ี่ยง มุนตั จับ ้อย ั ชอบเครื่องเล่นที่ น นุก ยิ่งแรง ยิ่งโลดโผน ยิ่งชอบ ชอบกระโดดบนโซฟา เตียงนอน เล่น มุนตั ได้ ลายๆ รอบ นุก ไม่เ ียน ั ชอบ ิ่ง กระโดด แทนการเดิน ไม่ชอบ ลีกเลี่ยงเครื่องเล่นที่ นามเด็กเล่น เช่น ชิงช้า ไม้ลื่น ม้า มุน ชอบการเล่นนิ่งๆ ที่ไม่ต้องใช้แรง รือ เคลื่อนไ มากนัก ระแ ดระ ังตั ไม่เล่น อะไรโลดโผน ไม่ชอบขึ้นลิฟท์ บันไดเลื่อน ถ้าขึ้นต้องใ ้อุ้ม เมาง่าย เมารถ เมาเรือ มีอาการเ ียน ั คลื่นไ ้ ไม่ชอบเล่นโลดโผน ตีลังกา ้อย ั การทรงตั ไม่ค่อยดี อาจจะดูงุ่มง่าม ล้มง่าย กลั ไม่กล้าลอง มักใช้เ ลานานใน การฝึกกระโดด องขา ยืนขาเดีย ขี่จักรยาน
241
242
ับ ฉบับความสุข
ระบบสัมผัส เฉื่อย
ไว
เ ลาเดิน ชอบ ัมผั ิ่งรอบตั แตะโน่นนี้ รือ เอามือระตามข้างฝา ข้างทาง ไม่ค่อยรู้ตั เ ลาโดนคนอื่นชน รือเมื่อจับตั เบาๆ ต้อง ัมผั แรงๆ รือเรียกจึง จะ ันมา นใจ ไม่ค่อยรู้ตั ่ามีแผล มีรอยขีดข่ น ฟกช�้า ไม่ร้องเจ็บ ชอบเอาของเข้าปาก ชอบเล่นของเล่นที่เลอะเทอะ เช่น เล่นทราย เล่นโคลน ละเลง ี ไม่ชอบ ีผม ถ้า ีใ ้ก็มักจะบ่นเจ็บ ใ ้ ีเบาๆ ไม่ชอบไปในที่คับแคบ คนเยอะๆ ไม่ชอบการเบียด งอแง และ มก มุ่น เ ลามีแผล รอยขีดข่ น แมลงกัด โ ย าย เรียกร้องใ ้ติด พลา เตอร์ ท�าแผล ลีกเลี่ยงการเล่นที่เลอะเทอะ เช่น ทรายเปียก กา ดินน�้ามัน ไม่ชอบเ ื้อผ้าที่มีป้ายที่คอ เ ื้อผ้าที่รัดแน่น งอแง งุด งิด ไม่ยอมใ ่ ต้องใ ้ตัดป้ายที่คอออก ไม่ชอบล้าง น้า ไม่ชอบแปรงฟัน ลีกเลี่ยงการ ระผม ิ่ง นี ต้อง ลอกล่อ พ่อแม่อาจต้องอุ้มนอนตัก ระ ังไม่ใ ้ น้าโดนน�้า ร้องโ ย ายถ้าน�า้ เข้าตา ไม่ชอบไปร้านตัดผม โ ย าย งอแง เลือกเยอะ ุดท้ายพ่อแม่มักต้องตัดผมใ ้เอง ลีกเลี่ยงการตัดเล็บ กินยาก เลือกกิน กินอา ารได้ไม่กี่ชนิด ซ�้าๆ ไปมา
ับ ฉบับความสุข
ระบบเอ็นและข้อต่อ เฉื่อย
ไว
ชอบกระโดด ามารถกระโดดเล่นบนเตียงนอน แทรมโบลีนได้นานๆ เป็นชั่ โมง ชอบเดินชอบกระแทกพื้นแรงๆ บางทีเดินๆอยู่ก็ทา� เป็นล้มกระแทกลง กับพื้น นุกๆ ชอบเ ื้อผ้าที่รัดแน่นๆ เช่น กางเกงยีน เ ื้อรัดตั ชอบเล่นกอดรัดแรงๆ ชอบเอาของเล่นมาเคาะ เขย่า ั่นๆ แรงๆ นอนกัดฟันตอนกลางคืน มักมีปัญ ากระแทกใ ่เพื่อน ผลักเพื่อน โดยไม่ได้ตั้งใจ กัดปากกา กัด ลอด กัดชายเ ื้อผ้า ผ้า ่มนอน มีอาการ ะดุ้ง กระตุก เมื่อได้รับ ิ่งกระตุ้น พบในกลุ่มเด็ก มองพิการ
ระบบการได้ยิน เฉื่อย
ไว
ชอบเ ียงดังๆ ฟังเพลง เปิดที ีดังๆ อาจจะเล่นเ ียง ัมเพลง พูดคนเดีย เพื่อช่ ยใ ้ตื่นตั เ ม่อลอยเ ลาคนพูดด้ ย ท�าเ มือนไม่ค่อยได้ยินเ ลาคนพูดด้ ย ันเ ง่ายกับเ ียงเบาๆรอบตั (เ ียงที่คนอื่นแทบจะไม่ได้ยิน) เช่น เ ียงตู้เย็น เ ียงแอร์ เ ียงพัดลม เ ียงนา ิกาเดิน กลั เ ียงบางอย่าง เช่น เ ียงชักโครก ท�าใ ้มีปัญ าไม่กล้าใช้ ้ มนั่ง กลั เ ียงเครื่องปันอา าร เครื่องดูดฝุ่น ต้อง นีไปอยู่อีก ้อง นึ่ง ไม่ชอบเ ียงดัง เอามือปิด ู เ ลาอยู่ในที่มีเ ียง ุ่น าย ไม่ชอบเข้าโรง นัง ไม่ชอบฟังเพลงดังๆ ตกใจ กลั เ ลามีเ ียงดังที่มาเร็ ๆ ไม่ได้เตรียมใจไ ้ก่อน เช่น เ ียงฟ้าร้อง เ ียง อรถดับเพลิง เ ียง มาเ ่า
243
244
ับ ฉบับความสุข
ระบบการมองเห็น เฉื่อย
ไว
ชอบมองภาพเคลื่อนไ มองแ ง รือ ยืนจ้องมองของ มุนๆ มองนิ้ มือ ชอบจ้องมองประตูเปิดปิด เปิดปิด นัง ือไปมา เรียงของเล่นเป็นแถ แล้ นอนมองกลับไป กลับมา ไม่ชอบแ งจ้าๆ เอามือปิดตา รี่ตา ร้องไ ้ รือบ่นป ด ั เ ลาอยู่ในที่แ งจ้า มีปัญ าการโฟกั ายตาเมื่อใช้ ายตาไป ักพัก จะเอามือขยี้ตา และอาจบ่ายเบียง ไม่ยอมท�ากิจกรรมต่อใ ้เ ร็จขอลุกไปท�าอย่างอื่น ันเ ได้ง่ายจากแ ง ีใน ้อง เช่น ้องที่มี ลาย ี ้องที่มีของเล่น ลายอย่าง เด็กดูเ มือนไม่นิ่ง ไม่จดจ่อ เปลี่ยนของเล่นไปมา ชอบ ้องที่มีแ ง ลั ๆอ่อนๆ ชอบปิดไฟเล่น
ระบบการดมกลิ่นและรับรส เฉื่อย
ไว
ชอบเอาของเข้าปาก เลีย ิ่งของ รือเอามาดม ชอบอา ารร ชาติจัดๆ กลิ่นแรง ชอบการกระตุ้นด้ ยแปรง ีฟันไฟฟ้า อยู่ในที่กลิ่นแรงๆ ได้โดยไม่รู้ ึกเดือนร้อน ชอบอา ารที่ร ชาติอ่อน จืดชืด ไ ต่อกลิ่น ในขณะที่คนอื่นไม่ได้กลิ่นอะไร มีปัญ าเรื่องการเลือกยา ีฟัน บ่นไม่ชอบ เลือกมาก กินอา ารยาก เลือกกิน กินอา ารซ�้าๆ บางอย่าง งุด งิด เ ลาได้กลิ่นแปลกๆ รือกลิ่นน�้า อม กลิ่นอา ารในครั
ับ ฉบับความสุข
ระบบประมวลข้อมูล การประมวลข้อมูลผ่านการมองเห็นไม่สมบูรณ์ มักจะ าของไม่ค่อยเจอ เช่น ใ ้ไป ยิบของในตู้ เดินกลับมาบอก ่า าไม่เจอ เ ลา าของเล่น ต้องใ ้ช่ ย า ชี้บอก รือพาไปเอา ไม่ค่อยมองเ ็นภาพร ม อาจติดในรายละเอียดเล็กๆ เช่น ชอบมองของเล็กๆ นใจรายละเอียดเล็กๆในภาพ การก าด ายตา กลอกตาไปมา เพื่อมอง ิ่งรอบตั ไม่ค่อยคล่องแคล่ ติดขัด มีค ามยากล�าบากในการแยกแยะ ี รูปทรง ขนาด รือ ตั อัก รที่ใกล้เคียงกัน เช่น ด กับ ต ผ กับ ฝ
การประมวลข้อมูลผ่านการได้ยินไม่คล่องแคล่ว ไม่ ามารถคง มาธิ ถ้าใน อ้ งมีเ ยี งรบก น อ้ งเรียนทีม่ี เี ยี งดัง เด็กจะ งุด งิดง่าย เด็กมีค ามยากล�าบากในการจดจ�าข้อมูลที่พูดใ ้ฟัง เช่น ฟังนิทาน พูดยา ๆ มีค ามยากล�าบากในการแยกเ ียง ค�าที่ออกเ ียงคล้ายๆกัน มีผลต่อการอ่าน การ ฟังค�า ั่ง อาจไม่เข้าใจ เช่น นูฝัน ่า ฟันของ นู (ฝ และ ฟ) การเรียน นัง ือ อาจมีปัญ า เช่น ไม่ นุก ับ นกับการเล่นค�าคล้องจอง ไม่ ามารถจ�าตั อัก รและเ ียงของตั อัก รได้
245
246
ับ ฉบับความสุข
ระบบสั่งการกล้ามเนือ้ การสั่งการกล้ามเนือ้ ไม่คล่องแคล่ว ชอบเดินไปมา ไม่ค่อยมีจุดมุ่ง มาย ไม่เล่นของเล่น มักเดินชน ิ่งรอบตั บ่อยๆ ดูงุ่มง่าม ไม่คล่องแคล่ ล้มบ่อย มีค ามยากล�าบากในการเล่นเกมง่ายๆ เช่น ิ่งไล่จับ กระโดดเชือก มีปัญ าการจับดิน อ มักเล่นของเล่นในแบบเดิมๆ เล่นง่ายๆ ขั้นตอนเดีย เช่น ไถรถไปมา เรียงของเล่นเป็นแถ โยนลูกบอลซ�า้ ๆ เล่นของเล่นได้ไม่นาน เปลี่ยนไปมา ยิบจับแล้ าง ไม่ ามารถท�างานท่ี่ซับซ้อน ลายขั้นตอนได้ตั้งแต่ต้นจนเ ร็จ เช่น ใ ่ถุงเท้าเอง ช่ ยล้างแก้ น�า้ มีค ามยากล�าบากในการเลียนแบบท่าทาง เช่น ท�าท่าตามเพลง
ความตึงตัวของกล้ามเนือ้ อ่อน (ล้าง่าย) ร่างกายดูไม่ค่อยมีแรง ป กเปียก ชอบนอนเลื้อยกับพื้น ท่าประจ�า คือ นอนฟุบบนโต๊ะ นั่ง ้อยแขน นั่งกับพื้นท่า w sitting ล้าง่าย ท�าอะไรได้ไม่นาน มุนลูกบิดประตูเองไม่ค่อยได้ ดูไม่ค่อยมีแรง เปิดปิดกล่องของเล่นต้องใ ้ช่ ย ทัก ะด้านกล้ามเนื้อมัดใ ญ่ไม่ค่อยคล่องแคล่ ดูงุ่มง่าม เช่น กระโดด โยนบอล ปีนป่าย ครูมักบ่นเรื่องทัก ะการใช้มือ เช่น การจับดิน อ การใช้กรรไกร งาน ิลปะ ท�างานไม่เรียบร้อย
ับ
247
ฉบับความสุข
แบบประเมินความสามารถด้านร่างกาย ชื่อ- กุลเด็ก ................................................................................... ปี เดือน ันที่ประเมิน ................. ................. ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ประเมิน ันเกิด ................. ................. ชื่อ- กุล .......................................................... อายุจริง ................. ................. ค าม ัมพันธ์กับเด็ก .......................................
1-2 ปี
3-4 ปี
ใช่ ไม่ใช่
ใช่ ไม่ใช่
1. ยืนได้เอง 2. คลานขึ้นลงบันไดเองได้ 3. ลุกขึ้นจากท่านั่งได้เอง 4. เดินเองได้ 5. ถือของขณะเดินได้ 6. เดินขึ้นบันไดโดยมีคนช่ ย 7. เดินถอย ลังได้ 2-3 ก้า 8. ยกเท้าเตะบอลได้
2-3 ปี ใช่ ไม่ใช่
1. ิ่งได้ 2. เดินขึ้น-ลงบันไดเองได้ แบบพักเท้า 3. ข ้างลูกบอลได้ 4. กระโดดลงจากเตียงนอนได้ 5. กระโดด 2 เท้าคู่ได้ 6. ปีนขึ้นนั่งจักรยาน 3 ล้อได้เอง
1. ยืนขาเดีย ได้นานมากก ่า 3 ินาที 2. เริ่มกระโดดบนขาข้างเดีย ได้ 3. ิ่งตามลูกบอล เปลี่ยนทิ ทางตามได้ 4. ิ่งเข้า าลูกบอลและเตะบอลได้ 5. ิ่งได้โดยมีการแก ่งแขน ลับกัน 6. เดินด้ ยปลายเท้าได้ 7. ขึ้น-ลงบันไดเองได้แบบ ลับเท้า 8. เดินขึ้นลงบันไดโดยไม่ใช้มือจับ 9. รับลูกบอลได้โดยใช้ล�าตั ช่ ย 10. ปันจักรยาน 3 ล้อได้
248
ับ ฉบับความสุข
4-5 ปี
5-6 ปี
ใช่ ไม่ใช่
ใช่ ไม่ใช่
1. ยืนบนขาเดีย ได้ 5 ินาที 2. ปีนขึ้นลงจากโต๊ะ ูงได้เอง โดยไม่ต้องช่ ย 3. การรับลูกบอลดีขึ้น ไม่ต้องใช้ล�าตั รับลูกบอล 4. ข ้างบอลได้ไกล 5. เดินต่อ ้นเท้าเป็นเ ้นตรงได้ 6. เล่นชิงช้า แก ่งได้เอง 7. กระโดดข้ามเชือก/ ิ่งกีดข างเตี้ยๆ ได้ 8. กระโดดขาเดีย ได้ 2-3 ครั้ง 9. ปันจักรยาน 4 ล้อได้คล่อง
6-7 ปี
7-8 ปี
ใช่ ไม่ใช่
ใช่ ไม่ใช่
1. เดินบน ะพานทรงตั ได้ 2. ขี่จักรยาน 2 ล้อได้คล่อง 3. เตะลูกฟุตบอลได้แม่นย�า 4. กระโดดเชือกได้คล่อง 5. โ นและไต่รา บันได ลิงได้โดยไม่ต้องช่ ย 6. ข ้างและรับลูกบอล ขนาดเล็กได้
1. ยืนขาเดีย ได้นาน 10 ินาที 2. กระโดดข้ามเชือก ูงได้/ เล่นโดด นังยางกับเพี่อนได้ 3. กระโดดไปด้าน น้าได้ 10 ครั้งโดยไม่ล้ม 4. เริ่มกระโดดเชือกได้ 5. ปันจักรยาน 2 ล้อได้ 6. ิ่งได้คล่องขึ้น มีการ ลับกันของแขน 7. โ นบาร์ได้ 8. รับลูกบอลได้คล่องแคล่ มือ โดยใช้ องข้าง
1. ิ่งขึ้นลงบันไดได้ 2. กระโดดตามช่อง ี่เ ลี่ยม เล่นตั้งเตกับเพื่อนได้ 3. เริ่มเล่นกี าที่ใช้ทัก ะ การค บคุมร่างกาย ลายๆ ่ นได้ เช่น ่ายน�า้ แบดมินตัน
ับ
249
ฉบับความสุข
แบบประเมินทักษะในชีวิตประจ�าวัน ชื่อ- กุลเด็ก ................................................................................... ปี เดือน ันที่ประเมิน ................. ................. ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ประเมิน ันเกิด ................. ................. ชื่อ- กุล .......................................................... อายุจริง ................. ................. ค าม ัมพันธ์กับเด็ก .......................................
แรกเกิด- 1 ปี ใช่ ไม่ใช่
1. พยายามค ้าจับของเล่น ที่เอื้อมไม่ถึง 2. แ ดงอาการ ่าจะได้กินนม เมื่อเ ็นแม่ รือข ดนม 3. จ้องมอง รือร้องไ ้เมื่อเ ็น คนแปลก น้า 4. ดื่มน้้าจากถ้ ยแก้ โดยมีการช่ ยเ ลือ 5. เคี้ย และกลืนอา าร ที่บด ยาบได้ 6. ใช้มือ ยิบอา ารกินได้ 7. ใช้นิ้ ยิบอา ารกินได้ 8. ถือช้อนและพยายาม เอาอา ารเข้าปาก 9. กัด เคี้ย และกลืนได้
1 - 2 ปี ใช่ ไม่ใช่
1. ดื่มน�า้ จากถ้ ย รือแก้ ได้ โดยไม่ต้องช่ ย อาจมีน�้า ก บ้าง 2. ตักอา ารกินเองด้ ยช้อน มี กเลอะเทอะบ้าง 3. เคี้ย อา ารที่ตัด เป็นชิ้นเล็กๆได้ 4. ถอดถุงมือ ถุงเท้า รือ ม ก 5. ถอดเ ื้อผ่า น้าได้ โดยไม่ต้องช่ ยเ ลือ 6. ดูดน�้าจาก ลอด 7. ร่ มมือการแต่งตั โดยการยกแขน ขา 8. ใ ่ ม กเองได้ 9. แ ดงใ ้รู้ ่าผ้าอ้อม/กางเกง เปียก รือเปื้อนอึ โดยชี้/ ่งเ ียง รือดึงผ้าอ้อม 10. ถอดกางเกงขา ั้นเอ ยาง ยืดได้
250
ับ ฉบับความสุข
2-3 ปี
3-4 ปี
ใช่ ไม่ใช่
ใช่ ไม่ใช่
1. ใช้ช้อนตักอา ารโดยไม่ ก 2. ช่ ยท�างานบ้านง่ายๆ 3. ใช้ ้อมจิ้มอา ารกินได้ 4. ใ ่ถุงเท้าได้ 5. ใ ่รองเท้าได้ 6. ใ ่กางเกงได้ 7. ถอดเ ื้อยืดได้ 8. รูดซิปเปิดได้ (ค รเริ่มจากซิปขนาดใ ญ่รูดได้) 9. บอกได้เมื่อต้องการจะไป ้องน�้า 10. ถอดกางเกงได้เองก่อนขับถ่าย 11. ถ่ายอุจาระใน ้องน�้า รือโถได้ 13. อาบน�้าโดยมีคนช่ ย 14. ล้างและเช็ดมือได้เอง 15. แปรงฟันโดยผู้ใ ญ่ช่ ย
1. พูด “ขอ” และ “ขอบคุณ” ได้เองครึ่ง นึ่งของจ�าน นครั้ง ทั้ง มดที่ค รพูด 2. ร่ มมือท�าตามค�าขอร้องของ ผู้ใ ญ่ได้ 3 ใน 4 ครั้ง 3. ช่ ยท�างานง่ายๆได้ 4. ลีกเลี่ยง ิ่งที่เป็นอันตรายได้ 5. กินอา ารด้ ยช้อนและ ้อมได้อย่างเ มาะ ม 6. เทน�้าจากเ ยือกโดยไม่ ก และ างเ ยือกลงที่เดิมได้ 7. ใ ่เ ื้อโดย มทาง ีร ะได้เอง 8. ใ ่เ ื้อเชิ้ตได้เอง โดยไม่ต้องติดกระดุม 9. ถอดกระดุมขนาดใ ญ่ ได้ 10. ใ ่กระดุมขนาดใ ญ่ ได้ 11. ถอดเ ื้อผ้าได้เรียบร้อย 12. แต่งตั ได้เรียบร้อย โดยมี ผู้ใ ญ่ช่ ยแนะน�า 13. ติดกระดุมแปบได้เอง 14. ใ ่รองเท้าถูกข้าง โดยไม่ต้องช่ ย 15. ไม่ปั า ะรดที่นอนกลางคืน นอกจากนานๆครั้ง 16. ล้าง น้า ล้างมือ ได้เอง
ับ
251
ฉบับความสุข
4-5 ปี ใช่ ไม่ใช่
5-6 ปี 1. ท�างานที่ได้รับมอบ มาย เ ร็จด้ ยตนเอง 2. ใช้ช้อนตัดอา ารเป็นชิ้นเล็กๆได้ 3. ท�าใช้ช้อนทาแยม รือ ังขยาบน ขนมปังได้ 4. ถอดกระดุมขนาดเล็กได้ 5. ใ ่กระดุมขนาดเล็กได้ 6. รู้จักแยกด้าน น้าด้าน ลัง ของเ ื้อ 7. ผูกเชือกรองเท้า 8. แต่งตั ได้เอง 9. แปรงฟันได้เอง 10. ีผมได้เอง 11. งั่ และเช็ดน�า้ มูกได้ โดยไม่ตอ้ งช่ ย
ใช่ ไม่ใช่
6-7 ปี
7-8 ปี
ใช่ ไม่ใช่
ใช่ ไม่ใช่
1. ใช้ช้อน ้อมได้ดี 2. ริเริ่มโทร ัพท์ าคนอื่น 3. เข้าใจ ัญญาณจราจร 4. พับผ้า ่มและท�าเตียง ของตั เองได้เมื่อบอก 5. ามารถบอกชื่อ ันได้ถูกต้อง เมื่อถาม เช่น “ ันนี้ ันอะไร” “ ันจันทร์” 6. คาดเข็มขัดนิรภัยในรถได้เอง
1. มองซ้ายข าและข้ามถนนได้ ตามล�าพัง 2. ามารถช่ ยท�าอา ารใน ้อง ครั ได้ 3. รู้ ่าไม่ปลอดภัยที่จะขึ้นรถ รับอา าร รือเงินจากคน แปลก น้า 4. อาบน�า้ ได้เองโดยไม่ต้องช่ ย 5. ผูกเชือกรองเท้าในลัก ณะ ู กระต่ายได้เอง
1. บอกค่าของเงินได้ เช่น 5 บาท 10 บาท 2. ใช้เครื่องมือง่ายๆ ได้ เช่น ไขค ง 3. รูซ้ า้ ย ข า ของผูท้ อี่ ยูต่ รง น้า 4. จัดโต๊ะอา ารได้เมื่อบอก 5. ั่งอา ารได้เองที่ร้านอา าร 6. บอกชื่อ ัน เดือน พ. ได้ใน ันที่ถามเตือน
252
ับ ฉบับความสุข
สรุปเนื้อหาส�าคัญของทั้งเล่ม
ลูกพัฒนาการล่าช้า เด็กพิเศษ....เริ่มต้นอย่างไร
ฟลอรไทม
ับ
มองเด็กอย่างเป็นองค์รวม (DIR/Floortime) Text
253
ฉบับความสุข
DIR/Floortime เปรียบเทียบการเจริญเติบโตของเด็กเ มือนการปลูกต้นไม้ ต้นไม้จะมีกิ่ง ใบงอกงาม มบูรณ์ ก็ตอ่ เมือ่ รากและล�าต้นแข็งแรง คนดูแลต้นไม้ทเี่ อาใจใ ่ เข้าใจและยอมรับค าม แตกต่างของต้นไม้แต่ละต้น
254
ับ ฉบับความสุข
พัฒนาการองค์รวม (D)
ความแตกต่างระบบประสาทของเด็ก
• • • • •
Sensory - ลูกชอบอะไร ไม่ชอบอะไร Motor control function - การใช้ร่างกายลูกเป็นอย่างไร Auditory - ลูกตอบ นองต่อการได้ยิน/ความเข้าใจภา าเป็นอย่างไร isual - ลูกตอบ นองต่อการมองเ ็นเป็นอย่างไร Oral motor - การควบคุมกล้ามเนื้อปากของลูกเป็นอย่างไร
ับ ฉบับความสุข
สัมพันธภาพ (R)
มีเวลา ยอมรับ & เข้าใจความแตกต่างของลูก ปรับเปลี่ยนตัวเอง จัด ิ่งแวดล้อม ใ ้เ มาะ มกับลูก
รายละเอียดพัฒนาการองค์รวม
255
256
ับ ฉบับความสุข
ถ้าเด็กมีพฒ ั นาการองค์รวมบกพร่อง เด็กจะแสดงออกเป็นปัญหาพฤติกรรมอย่างไร
เราจะแก้ปัญหาพฤติกรรมเด็กพิเศษอย่างยั่งยืนได้อย่างไร ä·Á µไทม์ÒÁÃÐ´Ñ แนวทางเชิงà·¤¹Ô บวก ....¤¿ÅÍà เทคนิคฟลอร์ ตามระดัºบ¾Ñพั²ฒ¹Ò¡Òà นาการองค์รวม àª×èÍÁ⧠¶ÒÁà˵ؼŠ¾Ù´¤ØÂÃÒÂÅÐàÍÕ´ à˵ØáÅмÅ
ÀÒÉÒ ¡ÒäԴ
àÅ‹¹ÊÁÁØµÔ ªÇ¹¾Ù´¤ØÂàÂÍÐæ
Ê×èÍÊÒÃà¾×èÍá¡Œ»˜ÞËÒ Ê×èÍÊÒôŒÇ·‹Ò·Ò§ ÊÑÁ¾Ñ¹¸ÀÒ¾ ¤ÇÒÁ¼Ù¡¾Ñ¹ ʧº ʹã¨ÊÔè§ÃͺµÑÇ
á¡ÅŒ§§§ àÅ‹¹Ê¹Ø¡ãËŒ«Ñº«ŒÍ¹ ãËŒÅ١ŧÁ×Í·ÓàÂÍÐæ àÅ‹¹¡ÑºÅÙ¡àÂÍÐæ ÊÑÁ¾Ñ¹¸ÀÒ¾·Ø¡ÍÒÃÁ³
ับ ฉบับความสุข
ภาพรวมโปรแกรมส่งเสริมพัฒนาการลูกที่บ้าน โปรแกรม ่งเ ริมเด็กพัฒนาการล่าช้าที่บ้าน ( ome-based Program)
ฟลอร์ไทม์
ฝึกทัก ะใน ชี ิตประจ�า ัน ้ปัญหา ฝึกแก ือท�า ฝึกลงม
ฝึกร่างกาย (sensory/motor)
การฝึกร่างกาย....ช่วยให้ระบบประสาทแข็งแรง
เล่นกับเพื่อน
257
258
ับ ฉบับความสุข
การฝึกทักษะในชีวิตประจ�าวัน....ผมเก่งที่สดุ
ฟลอร์ไทม์...การเล่นกับเด็กอย่างเข้าใจพัฒนาการองค์รวม
ับ
259
ฉบับความสุข
บรร านุกรม Greenspan S. Greenspan N. The Learning Tree Overcoming Learning Disabilities From the Ground p. United States of merica D Capo Press 2010 Greenspan S Wieder S. The Child ith Special Needs Encouraging Intellectual and Emotional Gro th. United States of merica D Capo Press 1998. Greenspan S Wieder S. Engaging Autism elping Children Relate, Communicate and Think ith the DIR Floortime Approach. United States of merica D Capo Press 2006 ICDL Clinical Practice Guidelines Workgroup. Clinical Practice Guidelines Redefining the standard of care for infants, children, and families ith special needs ICDL 2000. Robinson R. Autism Solutions o to Create a ealthy and Meaningful Life for our Child. United States of merica arle uin 2011 Susan F. TalkAbility People Skills for erbal Children on the autism spectrum - A guide for parents. United States of merica The anen Center Publication. 2006 Manolson Ward . Dodington N. ou Make the Difference in elping our Child Learn. United States of merica The anen Center Publication.1995 ranowit C. The Out of Sync Child Recogni ing and Coping ith Sensory Integration Dysfunction. United States of merica Skylight Press. 1998 Lowry L. The Land of Make elieve o and Why to Encourage Pretend Play. anen arly Language Program 2012. Shanker S. Self Regulation. http //www.self-regulation.ca Williams S.M.
Shellenberger S. o does your engine run Leader s guide to the alert program for self regulation. TherapyWorks Inc. lbu uer ue.1996.