Health living 3/2014

Page 1

ISSUE

2014

หนึ่งความภาคภูมิใจ กับรางวัลคุณภาพ โรงพยาบาลที่มีการออกแบบระบบงาน เพื่อการดูแลผู้ป่วยที่เป็นแบบอย่างที่ดี ในด้านการดูแลผู้ป่วยโรค Endometriosis

Healthy Talk 4 ความประทับใจ กับการรักษาที่นนทเวช

เสี่ยงแค่ไหน? เมื่อท้องในวัย

Allergy Prevention รู้ทันป้องกันลูกรัก จากภูมิแพ้ ห่วงใยสุขภาพคุณ

ศูนย์เด็กและวัยรุ่น ดูแลสุขภาพเด็กครบวงจร ด้วยคลินิกเฉพาะทาง ตลอด 24 ชม.

ด้วยกระดายาษตา

ถนอทมั้งสเล่ม

และใช้หมนึกถั่วSเหoลืyIอnง k จากน�้ำมั



Editor's Note วารสาร Healthy Living ฉบับนีเ้ นือ้ หา ให้ความส�ำคัญกับแม่และเด็ก โดยเฉพาะ การเตรียมตัวเป็นคุณแม่ กับคุณแม่ที่รับ บทบาทในการดูแลสมาชิกตัวน้อยในบ้าน และหนึ่งในสาเหตุการมีบุตรยากคืออาการ ปวดประจ�ำเดือนที่ผู้หญิงมักมองข้ามเพราะ เห็นเป็นเรื่องธรรมดาแต่อาจเป็นสัญญาณ เตือนของร่างกายทีบ่ ง่ บอกถึงโรคร้ายและมัก แฝงมากับอาการปวดประจ�ำเดือนโดยไม่รตู้ วั เช่น ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ จาก สถิติผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล นนทเวช ตั้งแต่ปี 2554-2556 พบอุบัติการณ์การเกิดโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ในสตรีวัยเจริญพันธุ์ พบประมาณร้อยละ 10-15 และอุบัติการณ์จะสูงขึ้นในสตรีที่มี อาการปวดประจ�ำเดือน คือ ร้อยละ 71-87 กรณีสตรีที่มีบุตรยากอุบัติการณ์ของโรค คือ ร้อยละ 38 ด้วยการพัฒนาด้านบริการทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง พร้อมด้วยศักยภาพ และความพร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง พยาบาล และทีมสหสาขาวิชาชีพ ทีใ่ ห้การดูแลรักษาตามมาตรฐานคุณภาพการรักษาระดับสากล JCI การันตีดว้ ยรางวัล คุณภาพ “โรงพยาบาลที่มีการออกแบบระบบงานเป็นแบบอย่างที่ดีส�ำหรับการดูแล โรคเยือ่ บุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis)” รับรองโดยสถาบันรับรองคุณภาพ สถานพยาบาล (องค์การมหาชน) คือหนึ่งความภาคภูมิใจของโรงพยาบาลนนทเวช ที่มุ่งเน้นการรักษาแบบองค์รวมและมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การคัดกรอง การรักษาโรคและฟื้นฟูสภาพร่างกายของผู้ป่วยให้กลับคืนเป็นปกติ เพือ่ การดูแลผูป้ ว่ ยทีม่ คี ณ ุ ภาพโดยอาศัยพืน้ ฐานทางวิชาการและมีการพัฒนาต่อเนือ่ ง นอกจากนีเ้ รายังได้รวบรวมเทคนิคง่ายๆ ในการดูแลตัวเองของคุณแม่ตงั้ ครรภ์ วัย 35 ปีขึ้นไป โรคที่เกิดในเด็ก รวมทั้งการสร้างเสริมสร้างพัฒนาการของลูกน้อยให้ พร้อมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในสังคมต่อไป ด้วยความปรารถนาดี นพ.พรมพันธ์ พรมมาส ผู้อ�ำนวยการโรงพยาบาล ที่ปรึกษา นพ.พรมพันธ์ พรมมาส ปัทมา พรมมาส บรรณาธิการบริหาร ประพิชญา พรมมาส บรรณาธิการ นิตยา ชื่นศิลป์ กองบรรณาธิการ สุชีรา วิจิตรสาร สถานที่ติดต่อ แผนกสื่อสารการตลาด โรงพยาบาลนนทเวช 30/8 ถ.งามวงศ์วาน ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี 11000 ติดต่อโฆษณา โทร. 0-2596-7888 ต่อ 2568 Email contactus@nonthavej.co.th ออกแบบและจัดพิมพ์ บริษัท เกรท ดีไซน์ แอนด์ พริ้นท์ จ�ำกัด โทร. 0-2184-8651 • Healthy Living เป็นวารสารรายสามเดือนของบริษทั โรงพยาบาลนนทเวช จ�ำกัด (มหาชน) ข้อเขียนและบทความที่ตีพิมพ์ในวารสารเล่มนี้เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัท โรงพยาบาลนนทเวช จ�ำกัด (มหาชน) และบริษทั ฯ ขอสงวนสิทธิใ์ นการคัดลอกหรือน�ำไปตีพมิ พ์ โดยไม่ได้รบั อนุญาต อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร

04

07

หนึ่งความภาคภูมิใจกับรางวัลคุณภาพ

“โรงพยาบาลที่มีการออกแบบระบบงาน เพื่อการดูแล ผู้ป่วยที่มีคุณภาพ โดยอาศัยพื้นฐานทางวิชาการมีการ พั ฒ นาต่ อ เนื่ อ ง เป็ นแบบอย่ า งที่ ดี ส� ำ หรั บการดู แ ล โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis)”

Healthy Talk

• วิกฤตลูกตัวน้อย เพราะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ • เกือบมีลูกไม่ได้ เพราะช็อกโกแลตซีสต์ • ชีวิตนี้ขอฝากไว้ที่นนทเวช

11

Obstertrics and Family Maternity Center

12 13

เสี่ยงแค่ไหน? เมื่อท้องในวัย 35+

“นมแม่” ดีที่สุด

ศูนย์เด็กและวัยรุ่น ดูแลสุขภาพเด็ก ครบวงจรด้วยคลินิกเฉพาะทาง 19 คลินิก

15

Healthy Talk

16

Allergy Prevention

18 20 21

เมื่อลูกเป็นหนุ่มสาวก่อนวัย...ท�ำอย่างไรดี

จากประสบการณ์จริงของ ‘น้องนาว’ ดญ.ณัฐภัทรา เต็มพร้อม อายุ 6 ปี รู้ทันป้องกันลูกรักจากโรคภูมิแพ้

การดูแลสุขภาพช่องปากในเด็กอายุ 0-18 ปี กลยุทธ์สอนลูกน้อยให้ฉลาดรอบด้าน 3


หนึ่งความภาคภูมิใจกับรางวัลคุณภาพ

“โรงพยาบาลที่มีการออกแบบระบบงาน เพื่อการดูแลผู้ป่วยที่มีคุณภาพโดยอาศัยพื้นฐานทางวิชาการ มีการพัฒนาต่อเนื่องเป็นแบบอย่างที่ดี ส�ำหรับการดูแลโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis)” สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) ร่วมกับ บริษัท ไทยประกันชีวิต จ�ำกัด ได้ด�ำเนินโครงการ “บริการทางการแพทย์ทเี่ ป็นแบบอย่างทีด่ ี (Good Practice)” มีวตั ถุประสงค์หลักเพือ่ กระตุน้ และส่งเสริมการพัฒนาระบบงาน คุณภาพในหน่วยบริการ ค้นหาการบริการทางการแพทย์ที่เป็นแบบอย่างที่ดี และต่อยอดองค์ความรู้ที่จะพัฒนาระบบคุณภาพ ของโรงพยาบาลเครือข่ายที่เข้าร่วมโครงการ รวมทั้งสนับสนุนและผลักดันโรงพยาบาลให้มีคุณภาพการรักษาที่เป็นไปตาม มาตรฐานวิชาชีพอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้การรับรองคุณภาพโรงพยาบาล HA (Hospital Accreditation) จากสถาบัน รับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศของบริการทางการแพทย์

4


ปัจจุบนั อุบตั กิ ารณ์การเกิดโรคเยือ่ บุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) ในสตรีวยั เจริญพันธุพ์ บประมาณร้อยละ 10-15 และอุบตั กิ ารณ์จะสูงขึน้ ในสตรี ทีม่ อี าการปวดประจ�ำเดือน คือ ร้อยละ 71-87 กรณีสตรีทมี่ บี ตุ รยากอุบตั กิ ารณ์ ของโรค คือ ร้อยละ 38 โดยอาการน�ำในผู้ป่วยโรค Endometriosis ที่พบบ่อย 3 อันดับแรก ได้แก่ ปวดประจ�ำเดือน ปวดท้องน้อย และประจ�ำเดือนผิดปกติ ตามล�ำดับ *เมื่อประเมินคะแนนความรุนแรงของภาวะโรค (Severe score) หรือระดับความรุนแรง (Staging) ของผู้ป่วยตาม The American Fertility Society Revised Classification of Endometriosis พบว่า ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 57 คะแนน และจัดอยู่ในระยะรุนแรง (Stage 4 : Severe score>40) มาก ที่สุดเท่ากับ 65% การรักษาที่ดีที่สุดและส�ำหรับผู้ที่ต้องการมีบุตร ควรรักษา ด้วยการผ่าตัด ซึ่งวิธีที่นิยมและเป็นมาตรฐาน คือ การผ่าตัดโดยใช้กล้อง (Laparoscopic Surgery) เนื่องจากแผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก ผู้ป่วยสามารถ ฟื้นตัวได้เร็ว และที่ส�ำคัญคือ มีโอกาสเกิดพังผืดภายหลังการผ่าตัดน้อยกว่า วิธีการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง ซึ่งถือว่ามีความส�ำคัญมากโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในรายที่ยังต้องการมีบุตรในอนาคต โรงพยาบาลนนทเวช มีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย คือ Narrow Band Imaging (NBI) ช่วยในการค้นหารอยโรคในขณะผ่าตัดได้ชัดเจนขึ้น ส่งผลให้เพิ่มประสิทธิผลในการรักษาโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ได้ดียิ่งขึ้น ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการผ่าตัด Laparoscopic Surgery และ ไม่เกิดภาวะติดเชื้อในโพรงมดลูก/ในช่องท้องหลังจากท�ำผ่าตัด ด้วยศักยภาพและความพร้อมทีมแพทย์ผเู้ ชีย่ วชาญเฉพาะทาง ทีมพยาบาล และทีมสหสาขาวิชาชีพ ที่ให้การดูแลรักษาตามมาตรฐานคุณภาพการรักษา ระดับสากล JCI และมาตรฐานบริการทางการแพทย์ทเี่ ป็นแบบอย่างทีด่ ี (Good Practice) ในการดูแลผู้ป่วยโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) รับรองโดยสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล(องค์การมหาชน) *จากสถิติผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาด้วยโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที ่ โรงพยาบาลนนทเวช ตั้งแต่ปี 2554-2556

ปวดประจ�ำเดือนเรื้อรัง อันตราย! หากละเลยหรือหายารักษาเอง

ผูห้ ญิงส่วนใหญ่มกั หนีไม่พน้ อาการปวดประจ�ำเดือน จะปวดมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน หลายคนเลือกทานยาบรรเทาอาการปวด บางรายแม้ จะทานยาแต่อาการปวดยังไม่ดีขึ้นจนส่งผลกระทบต่อ ชีวิตประจ�ำวัน เช่น ปวดจนไปเรียนหรือไปท�ำงานไม่ได้ รวมทั้งมีอาการอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดร้าวไปหลัง ก้นกบ ต้นขา ปัสสาวะบ่อย ปวดเบ่งขณะขับถ่าย หรือ เจ็บท้องน้อยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ หากละเลยอาการ ปล่อยไว้นาน และซื้อยามารับประทานเอง อาจท�ำให้ เกิดอันตรายถึงชีวิตได้เลยทีเดียว

นพ.ประทีป หาญอิทธิกลุ แพทย์ผเู้ ชีย่ วชาญด้าน การผ่ า ตั ด ผ่ า นกล้ อ งทางนรี เวชและมี บุ ต รยาก ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลนนทเวช กล่าวว่า “ผู้หญิงที่ปวดประจ�ำเดือนบ่อยและปวดมาก พบว่า ร้อยละ 70 เป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ นอกนั้น เป็นเยื่อบุโพรงมดลูกแทรกในกล้ามเนื้อมดลูก มีพังผืด หากปล่อยไว้นานอาจลุกลามจนเกิดปัญหาในการใช้ชวี ติ ประจ�ำวัน เมื่อมีอาการปวดท้องทั้งก่อนหรือขณะมี ประจ�ำเดือน ควรพบแพทย์เพื่อตรวจภายในและตรวจ อัลตราซาวด์ ซึ่งเห็นผลชัดเจนกว่าการตรวจทั่วไป”

5


“ปัจจัยหนึ่งที่ท�ำให้อาการปวดประจ�ำเดือนจนเป็นอันตราย ร้ายแรง คือ การซื้อยารับประทานเอง โดยเฉพาะเมื่อประจ�ำเดือน ผิดปกติ มาน้อย มาไม่ปกติ และเลือกรับประทานยาสมุนไพรหรือ ยาสตรี ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาไม่ถูกต้อง ซึ่งยาสตรีที่วางขายอยู่ใน ตลาดมีส่วนประกอบของฮอร์โมนเอสโตรเจน เมื่อทานเข้าไปมาก ๆ จะกลายเป็นการเร่งเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่โตขึ้น ท�ำให้เกิดการ เติบโตมากขึ้น แทนที่จะหายก็กลายเป็นปวดท้องยิ่งกว่าเดิม อาจ รู้เร็ว รักษาได้ หายไว ฟื้นตัวเร็ว! ร้ายแรงจนต้องรักษาด้วยการผ่าตัด และส่งผลกระทบท�ำให้มีบุตร “อาการปวดประจ�ำเดือนเรื้อรัง สามารถรักษารอยโรคให้เล็ก ยากในอนาคต เนื่องจากพังผืดไปพันรัดท่อน�ำไข่ ท�ำให้คดงอหรือ หรือมีอาการน้อยลงได้ ด้วยยาหรือรักษาโดยการผ่าตัด จะท�ำการ ตีบตัน” ตัดเลาะและจี้ท�ำลายส่วนที่เป็นโรคออกไป ในบางรายที่มีรอยโรค การปวดประจ�ำเดือนเรื้อรัง มากจะผ่าตัดเลาะพังผืดและรักษาด้วยยาต่อไป ปัจจุบันนิยมใช้การ “ส่วนใหญ่แล้วโรคทางนรีเวชจะแปรผันตามอายุ ถ้าอายุเพิม่ ขึน้ ผ่าตัดแบบส่องกล้องช่องท้องมากที่สุด เพราะกล้องมีก�ำลังขยายถึง จะพบโรคหรืออาการได้มากขึ้น ซึ่งสาเหตุของอาการปวดท้อง 20 - 30 เท่า สามารถขยายจุดเล็ก ๆ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ให้ ประจ�ำเดือนที่พบบ่อย คือ โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญขึ้นผิดที่ ใน มองเห็นทัว่ ช่องท้องได้อย่างชัดเจน เก็บรายละเอียดได้มากกว่า เพือ่ หญิงวัยเจริญพันธุ์ เกิดจากเลือดประจ�ำเดือนส่วนหนึง่ ไหลย้อนกลับ ให้สภาพภายในกลับสู่สภาวะปกติมากที่สุด ท�ำลายรอยโรคที่มอง ไปที่ท่อน�ำไข่ ตกลงในอุ้งเชิงกราน และฝังตัวในที่ต่าง ๆ เช่น รังไข่ เห็นออกให้มากที่สุด แต่แผลผ่าตัดผ่านกล้องจะเล็กกว่า เจ็บแผล ท่อน�ำไข่ ล�ำไส้ กระเพาะปัสสาวะ เยื่อบุช่องท้อง หรือนอกช่องท้อง น้อย ฟื้นตัวไว อาการหลังผ่าตัดเกิดน้อยกว่า อาทิ พังผืด การบวม ซึ่งอาการปวดจะแตกต่างกันออกไปตามต�ำแหน่งการฝังตัว และจะ ช�้ำ ติดเชื้ออักเสบ” เจริญเติบโตต่อไปเรื่อย ๆ ขึ้นอยู่กับฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเปรียบ ปัจจุบนั เทคโนโลยีทางการแพทย์มกี ารพัฒนาไปมาก การตรวจ เหมือนปุ๋ยส�ำหรับต้นไม้ ช่วงแรกจะเป็นตุ่มเล็ก ๆ เมื่อฝังตัวมากขึ้น ภายในไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป และสามารถรักษาโรคได้ในเวลา จะเป็นพังผืดขึน้ และสะสมนานจนเกิดเป็นซีสต์ เลือดจะข้น สีเหมือน อันสั้น ดังนั้นเมื่อร่างกายส่งสัญญาณเตือนว่าเกิดความผิดปกติขึ้น ช็อกโกแลต จึงเรียกว่า “ช็อกโกแลตซีสต์” ส�ำหรับเยื่อบุโพรงมดลูก อย่างอาการปวดท้อง จะปวดน้อยหรือมากควรรีบพบแพทย์เพื่อ ที่แทรกเข้าไปในกล้ามเนื้อมดลูก จะท�ำให้กล้ามเนื้อมดลูกหนาและ ตรวจให้ชดั เจน และรักษาก่อนทีจ่ ะสายเกินไป ให้เกิดความเสียหาย มดลูกโต เกิดอาการปวดประจ�ำเดือนอย่างรุนแรง ประจ�ำเดือนมา กับร่างกายน้อยที่สุด หรือลดโอกาสการเป็นโรคร้ายแรง มาก ปวดปัสสาวะบ่อย ปวดร้าวไปหลังหรือเอวได้” 6


บันทึกประทับใจ Healthy Talk

คุณโอ๋ - อัญชราภรณ์ เลาหรุ่งพิสิฐ

วิกฤตลูกตัวน้อย

เพราะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ คุณโอ๋-อัญชราภรณ์ เลาหรุ่งพิสิฐ หนึ่งใน คุณแม่เล่าให้ฟังถึงปัญหาภาวะการมีบุตรยากที่ เผชิญมามากกว่า 5 ปีว่า “ก่อนหน้านี้ตัวโอ๋เอง เคยได้ยินเรื่อง “โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่” มาก่อน แต่ไม่เคยใส่ใจ เพราะคิดว่า ตัวเองไม่นา่ จะเป็น แต่ดว้ ยเหตุนี้ ไม่นา่ เชือ่ ว่า จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ ที่ครอบครัวของโอ๋ประสบ”

ปี พ.ศ. 2545-2547 คุณโอ๋เริม่ มีอาการปวดท้องบริเวณ มดลูก รักษาด้วยยาและพักรักษาตัวเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น จน กระทั่งปี พ.ศ. 2548 คุณโอ๋แต่งงานและอยากมีลูก เธอจึง มีเพศสัมพันธ์ตอ่ เนือ่ งตลอดระยะเวลา 4 ปี แต่กไ็ ม่ตงั้ ครรภ์ เธอและสามีจึงได้ปรึกษาแพทย์ และท�ำการตรวจร่างกาย ทั้งคู่ ท�ำให้ทราบว่า สามีมีเชื้อน้อยและไม่แข็งแรง แพทย์ จึงแนะน�ำให้คัดเชื้อเพื่อฉีดเข้าโพรงมดลูก หรือที่เรียกกัน ว่า IUI (Intra Uterine Insemination) ซึ่งตื่นเต้นมากว่า เธอจะต้องตั้งครรภ์แน่นอน แต่ก็เป็นได้แค่คิด เพราะผล สรุปออกมาแล้วว่า “ไม่ตั้งครรภ์”

7


บันทึกประทับใจ Healthy Talk “แต่เราทั้งคู่ก็ไม่ท้อค่ะ เพราะโอ๋เริ่มศึกษาหาข้อมูลจากทาง อินเทอร์เน็ต เกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ และพบว่า เทคโนโลยี Blastocyst Culture หรือการเลีย้ งตัวอ่อนให้เจริญเติบโต แล้วคืนใส่เข้าไปในโพรงมดลูก มีความน่าสนใจ และคงเป็นวิธีที่ดี ที่สุดที่จะช่วยให้เรามีลูกได้ เมื่อปรึกษากับสามีแล้ว เราจึงเลือก โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่เราเชื่อมั่นในเทคโนโลยี ถึงแม้จะมีค่าใช้จ่าย สูง แต่ก็ไม่ได้กังวลแต่อย่างใด เพราะโอ๋และสามีอยากรู้สาเหตุของ การไม่ตั้งครรภ์มากกว่า ครัง้ นีโ้ อ๋จงึ ตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครัง้ และท�ำให้เราทัง้ คู่ ทราบสาเหตุว่า เกิดจากตัวโอ๋เอง คือปีกมดลูกทั้ง 2 ข้างเกิดการ ตีบตัน และต้องได้รับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน เพื่อให้มดลูกสามารถ ใช้งานได้ก่อน เพื่อจะได้เข้าสู่ขั้นตอนการท�ำเทคโนโลยี Blastocyst Culture ซึ่งมีการฉีดและใช้ยากระตุ้นไข่ จนกระทั่งผลออกมาว่า “มีการตั้งครรภ์” เราดีใจมาก แต่ก็ต้องกลายเป็นว่า เสียใจมากที่สุด เช่นกัน เพราะต้องตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์ เนื่องจากน้องไม่เจริญ เติบโตต่อ และอยู่กับเราได้แค่ 12 สัปดาห์เท่านั้น โอ๋จึงรู้สึกท้อมาก เพราะก�ำลังจะให้ก�ำเนิดลูกอยู่แล้ว แต่กลับต้องมาผิดหวัง หลังจากนั้นโอ๋ตั้งใจว่า จะท�ำให้ร่างกายตัวเองแข็งแรง เพื่อจะได้มีลูกได้เอง โดยเข้าสถานบริการสุขภาพต่างๆ ทั้งฟิตเนส นวดสปา และท�ำใจให้สบาย เพื่อจะได้ไม่คิดมาก จนเจ้านายบอกว่า “ท�ำไมไม่ไปรักษาที่โรงพยาบาลนนทเวช หมอประทีปอยู่ที่นั่น ท่านเคยรักษาให้ภรรยาผม” ตอนแรกคิดว่า ต้องลองอีกสักครั้ง หากครั้งนี้ไม่ส�ำเร็จ จะไม่พยายามแล้ว วันแรกที่ไปใช้บริการรู้สึกว่า การบริการตั้งแต่หน้าประตูทางเข้า ตลอดจนหน้าประตูห้องน�้ำ พนักงานให้การต้อนรับดีมาก ความพยายามของเราในครัง้ นี้ เริม่ ต้นทีค่ ณ ุ หมอขอดูประวัตกิ าร รักษาทัง้ หมด ซักประวัตอิ ย่างละเอียด เข้าใจถึงปัญหา ให้ความส�ำคัญ กับขัน้ ตอนการรักษา และให้คำ� ปรึกษาเกีย่ วกับภาวะการมีบตุ รยาก อย่างต่อเนือ่ ง ซึง่ ในใจเราอยากรูว้ า่ คุณหมอจะใช้วธิ ไี หนในการท�ำให้ เราตั้งครรภ์ โดยคุณหมอประทีปเลือกใช้วิธี “เด็กหลอดแก้ว” ซึ่ง หลังจากโอ๋ใส่ตัวอ่อนได้ 2 สัปดาห์ และเจาะเลือดตรวจ ผลปรากฏ ว่า “ตั้งครรภ์” หลังจากนั้นโอ๋ก็ปฏิบัติตามที่คุณหมอแนะน�ำอย่าง เคร่งครัด และมาฝากครรภ์ตามนัดทุกครั้ง จนสัปดาห์ที่ 35 โอ๋เริ่มมีอาการปวดท้องหน่วงๆ แต่ก็ไม่ได้ คิดอะไรมาก ท�ำตามที่คุณหมอเตือนอยู่เสมอ พอเข้าสัปดาห์ที่ 36 ตอนเช้าเวลา 05.45 น. โอ๋กลับมีเลือดออก จึงรีบโทรเข้ามือถือ คุณหมอประทีปทันที คุณหมอแจ้งว่า อย่าเพิ่งรับประทานอาหาร อะไร หากเลือดออก ต้องรีบมาโรงพยาบาลทันที และผ่าตัดคลอดด่วน แล้ววันนั้นเป็นวันอาทิตย์พอดี คุณหมอต้องตื่นแต่เช้าและ เตรียมพร้อมส�ำหรับการเข้าห้องผ่าตัดด่วน ช่วงเวลานัน้ โอ๋ตนื่ เต้นมาก 8

ตอนน้องคลอดแล้ว คุณหมอก็แจ้งให้ทราบว่า ไม่ต้องตัดมดลูก สามารถเย็บห้ามเลือดได้ แต่มีพังผืดบริเวณปีกมดลูกเยอะ คุณหมอ เลยเลาะออก และอธิบายขั้นตอนตลอดการท�ำคลอด และแจ้งโอ๋ว่า เป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ แต่โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ก็ไม่ได้มีผลกระทบกับน้อง แต่อย่างใด น้องมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี น�้ำหนักตอนคลอดของ น้องอยู่ที่ 3,380 กรัม คุณหมอได้มาเยี่ยมที่ห้องพัก หลังออกมาจาก ห้องผ่าตัด รู้สึกประทับใจมากๆกับค�ำว่า “ยินดีด้วยนะคุณพ่อ” พร้อมทัง้ จับมือสามี ซึง่ รอยยิม้ ของคุณหมอในวันนัน้ ท�ำให้โอ๋กลัน้ น�ำ้ ตา ไม่อยู่จริงๆ รู้สึกได้ถึงค�ำว่า “จริงจัง จริงใจ” ปลาบปลื้มใจมากๆ ขอบคุณอาจารย์ประทีปที่ให้สิ่งที่มีค่ากับโอ๋มา “น้องณิชา” เทพธิดาน้อยๆ ทีม่ คี า่ มากทีส่ ดุ ในชีวติ สอนให้รจู้ กั ค�ำว่า “เยือ่ บุโพรง มดลูกเจริญผิดที่” ซึ่งไม่เคยรู้จักมาก่อน สอนให้เข้าใจและเข้าถึง ประเด็นปัญหาอย่างชัดเจนทีส่ ดุ เสมือนพ่อสอนลูก แม้แต่คำ� ปรึกษา ทางโทรศัพท์ที่เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ คุณหมอประทีปยังสามารถให้ ค�ำตอบได้ ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน และเมื่อไหร่ คุณหมอประทีปก็ให้ ความกระจ่างกับเราเสมอ นี่แหละคือการใส่ใจที่แท้จริง ขอขอบคุณ คุณหมอมากๆ ค่ะ”


บันทึกประทับใจ Healthy Talk

“ตอนนั้นเป็นช่วงที่ต้าก�ำลังมองหาโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้บ้าน ใกล้ทที่ ำ� งาน เดินทางสะดวกด้วย พอมาตรวจ คุณหมอก็ให้คำ� แนะน�ำ ว่า หากไม่รักษาก็จะท�ำให้มีลูกไม่ได้ หมอประทีปก็แนะน�ำว่า ต้องผ่าตัดนะ เพราะว่ามันโตมากแล้ว หากเป็นมากๆ ก็จะท�ำให้เรา เป็นภาวะมีบุตรยากได้ ก็เลยตัดสินใจมารักษาที่นี่เลย ช่วงแรก คุณหมอก็ให้ฮอร์โมนก่อนอยู่ระยะหนึ่ง แล้วก็ผ่าตัดด้วยการ ส่องกล้อง ซึ่งมันดีตรงที่แผลเล็ก ฟื้นตัวได้เร็ว คุณหมอก็อธิบาย รายละเอียดให้เราเข้าใจได้มากเลยค่ะ” ข้อดีของการผ่าตัดด้วยการส่องกล้อง เธอนอนพักฟื้นที ่ โรงพยาบาลเพียงคืนเดียว คุณหมอก็อนุญาตให้กลับไปพักฟืน้ ทีบ่ า้ น ประมาณ 1 สัปดาห์กไ็ ปท�ำงานได้ แม้วา่ คุณต้าจะรูส้ กึ กังวลเล็กน้อย ในตอนแรก แต่หลังจากผ่าตัด อาการปวดประจ�ำเดือนก็น้อยลง หลังจากนั้นคุณหมอก็แนะน�ำให้เธอวางแผนในการตั้งครรภ์ “หลังจากรับฮอร์โมนเข็มสุดท้าย ฮอร์โมนยังออกฤทธิ์อีก 9 เดือนแรกก่อน พอหมดฤทธิ์ฮอร์โมนสักพัก จึงตั้งครรภ์ได้ประมาณ 20 สัปดาห์ อีกปัญหาที่เจอคือ “ภาวะรกเกาะต�่ำ” ซึ่งรกจะมาเกาะ อาการปวดท้องเมือ่ รอบเดือนมาถึง ผูห้ ญิงหลายคน ปิดบริเวณปากมดลูกมากเกินไป พอเวลาครรภ์โตขึน้ ก็จะท�ำให้ปาก อาจคิดว่า มันเป็นเรื่องปกติ แม้แต่บางครั้งที่มักปวดมาก มดลูกขยาย ท�ำให้รกมีการปริ มีเลือดออก อันตรายมากค่ะ ถ้าเลือด จนผิดปกติ ก็ยงั เข้าใจว่า เป็นธรรมดาของการปวดรอบเดือน ออกเยอะๆ จะไม่ดกี บั ตัวแม่และเด็ก จะท�ำให้เด็กซีด และอาจท�ำให้ ซึ่งนั่นท�ำให้คุณต้า-ชมพูนุช จันทรไทย เกือบจะมีทายาท คลอดก่อนก�ำหนดได้ เลยต้องอยูใ่ นการดูแลของโรงพยาบาลนนทเวช ตัวน้อยไม่ได้ เพราะความชะล่าใจว่าอาการปวดท้องนั้น มาตลอด จนอายุครรภ์ได้ 30 สัปดาห์ก็มีภาวะเลือดออก ต้องมา นอนอยู่ที่โรงพยาบาลประมาณ 40 วัน จนถึง 35 สัปดาห์กับอีก “เป็นเรื่องปกติ!” “มันเริ่มปวดมากขึ้นจนต้องหยุดงานทุกเดือน หนักเข้าถึงกับ 6 วัน ก็ปวดท้องเหมือนมดลูกบีบตัว จึงได้ผ่าคลอดน้องออกมา เป็นไข้ท�ำอะไรไม่ได้เลย แม้แต่นั่งยืดตัว จากเคยปวดแค่วันเดียว ก็ เด็กก็สมบูรณ์ดีค่ะ” เพิ่มมาเป็น 2 วัน 3 วัน ท้ายสุดเมื่อตรวจก็มาพบว่า ตัวเองเป็น ด้วยความที่อยู่ในการดูแลของคุณหมอและทีมพยาบาลของ ช็อกโกแลตซีสต์แล้ว แถมยังเป็นช็อกโกแลตซีสต์ในรังไข่ทั้ง 2 ข้าง โรงพยาบาลนนทเวชมาโดยตลอด คุณต้าจึงรู้สึกประทับใจกับที่นี่ ขนาดก็โตมาก 4-5 เซนติเมตร สิ่งแรกที่ต้าถามหมอคือ “จะมีลูก มาก เธอบอกว่า “ต้าประทับใจเรื่องของการบริการค่ะ ก็ตั้งแต่มา ครัง้ แรกแล้ว ทุกคนต้อนรับดี ยิม้ แย้ม แจ่มใส พูดจาดี แล้วก็ให้บริการ ได้ไหม?” เพราะต้าชอบเด็กและก็อยากมีลูกมาก” อาการของคุณต้าเป็นมาตัง้ แต่สมัยวัยรุน่ ด้วยความคิดว่า “เป็น ด้วยความเต็มใจ การให้ข้อมูลที่ดี อาจารย์หมอประทีปที่รักษาให้ เรื่องปกติ” แต่พอเริ่มปวดมากขึ้น ก็มีคนแนะน�ำว่า ต้องรักษาอย่าง ก็เป็นคุณหมอที่เก่ง จะพูดให้ก�ำลังใจเสมอ ใจดีมากค่ะ” เป็นจริงเป็นจังเสียที แม้วา่ เธอจะเป็นคนทีร่ กั สุขภาพ และมีการตรวจ “ทุกครั้งที่เจอเพื่อนผู้หญิง เราก็จะบอกตลอดว่า อย่าละเลย ภายในทุกๆ ปีมาตั้งแต่อายุ 20 กว่าๆ ก็ยังไม่ทราบว่า สาเหตุที่ปวด กับเรือ่ งภายในของตัวเอง ควรตรวจสุขภาพทุกปี ถ้าเรารูก้ อ่ น รักษา ท้องมากขนาดนัน้ มันคืออะไร ด้วยความบังเอิญขณะขับรถกลับบ้าน แต่เนิ่นๆ มันก็ดีกว่า ถ้าปล่อยไว้นานๆ มันรักษายาก อย่างต้าคิดว่า และฟังวิทยุเห็นว่า ทีโ่ รงพยาบาลนนทเวชมีการรักษาอาการซึง่ คล้าย เป็นคนที่ใส่ใจตัวเอง มาหาหมอตลอดก็ยังเจอ ความจริงมันไม่ได้ กับทีเ่ ธอเป็น เธอจึงตัดสินใจเข้ามารับการตรวจและได้รบั ค�ำแนะน�ำ น่าอาย แต่มนั เป็นสุขภาพตัวเราเอง ทีเ่ ราจะต้องใส่ใจ” คุณต้าทิง้ ท้าย จากคุณหมอว่า จะต้องท�ำการผ่าตัด

คุณต้า-ชมพูนุช จันทรไทย

เกือบมีลูกไม่ได้ เพราะช็อกโกแลตซีสต์

9


บันทึกประทับใจ Healthy Talk

คุณซิน-วายูน ศาลาอนุกูลกิจ

ชีวิตนี้ขอฝากไว้ที่นนทเวช แต่งงานมา 10 ปี ก็ไม่รู้ว่าท�ำไมไม่มีลูก เลยมาปรึกษา คุณหมอ และตรวจเจอเนือ้ งอกขนาดเท่าลูกปิงปอง แถมตอน หลังมันโตตามเวลาทีล่ ว่ งเลยไป คุณหมอเลยแนะน�ำให้เอาออก เพื่อจะได้มีลูกด้วย “ตอนที่เป็นมีอาการ คือเวลามีประจ�ำเดือนก็ปวดท้อง แต่คิดว่าเป็นเรื่อง ปกติของผูห้ ญิง จนอาการปวดมากขึน้ แต่ยงั หลอกตัวเองว่าปกติ เพราะไม่มอี าการอืน่ นอกจากปวดท้อง มีเพื่อนรุ่นพี่แนะน�ำให้มาปรึกษาคุณหมอประทีป พอตรวจ ละเอียดแล้วก็เจอเนื้องอกในกล้ามเนื้อมดลูก แต่เรามุง่ เรือ่ งมีลกู อย่างเดียว และคิดว่าเดีย๋ วตอนผ่าคลอดก็เอาออกไปด้วย ซึ่งคุณหมอประทีปบอกว่า ถ้าคุณไม่เอาเนื้องอกออก ท�ำเด็กหลอดแก้วคงส�ำเร็จ 10

ยาก เพราะว่าเหมือนอู่ข้าวอู่น�้ำเราไม่ดี แล้วจะติดได้ อย่างไร คุณหมอเลยนัดวันผ่าตัด เพราะเนื้องอกมัน โตขึน้ ทุกวัน และแนะน�ำผ่าตัดผ่านกล้องดีกว่า เพราะ เราท�ำงานเป็นแอร์กราวน์ (พนักงานต้อนรับภาคพื้น ดิน) แล้วต้องเดินบ่อย เพราะว่าจะได้ฟน้ื ตัวเร็ว เพราะ ถ้าผ่าเปิดหน้าท้อง เราต้องพักเป็นเดือน แล้วไปท�ำงาน ก็ไม่รจู้ ะไหวหรือเปล่า จริงๆ ต้องพักรักษาตัว 1 อาทิตย์ แต่นี่แค่ 3 วันก็ไปท�ำงานได้แล้วค่ะ ตอนผ่าตัด หมอส่องกล้องจากสะดือผ่านผนัง หน้าท้องเราไป เหมือนเราเจาะสะดือ เป็นแผลเล็กๆ ทั้งด้านซ้ายและขวา แล้วเราก็สลบ พอตื่นขึ้นมาก็ เจ็บๆ ตึงๆ บริเวณ 4 แผลเล็กๆ เพราะปัญหาเราเยอะ ไหนจะเป็นเยือ่ บุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ แต่มกี อ้ นเนือ้ งอกลูกเดียว คุณหมอเขาต้องซอยเนื้อด้วยเครื่องมือ ตัดย่อยชิ้นเนื้อ เพราะมันใหญ่ แล้วแผลมันเล็กค่ะ และจัดการพังผืดที่อยู่ตามมดลูกด้วย หลังจากแผลหายประมาณ 1 เดือนก็กลับมา พบคุณหมออีกครัง้ ตามนัด เพือ่ ทีจ่ ะดูฮอร์โมนและใช้ วิธีธรรมชาติในการมีลูก ตอนนี้ท้องลูกคนที่ 2 แล้ว ค่ะ แต่ต้องมาตรวจอีก ถ้าอยากมีลูก เพราะคนที่เคย เป็นแล้ว จะมีโอกาสเป็นอีก และให้ดูแลเรื่องอาหาร การกิน เมือ่ ก่อนเคยไปโรงพยาบาลดังๆ เรือ่ งมีลกู ยาก เขาก็จะเชียร์ให้ท�ำแต่เด็กหลอดแก้ว แต่ชอบที่นี่ เพราะดีทั้งบริการ และที่ส�ำคัญชอบคุณหมอประทีป ท่านไม่โกหก ไม่เคยเชียร์การท�ำเด็กหลอดแก้ว และ จะแนะน�ำเรื่องการรักษา บุคลากรเป็นมิตร จึงรักษา กับคุณหมอยาวเลย อยากฝากถึงเพื่อนๆ ผู้หญิงทุกคนนะคะ เพราะ เราไม่รู้หรอกว่า ภายในเป็นอะไร ถ้าไม่ได้สังเกต เช่น เรื่องปวดท้อง บางทีเราก็คิดว่าทนได้ แต่อย่างน้อย ลองมาปรึกษาหมอดู อย่านิ่งนอนใจ เพราะเราเอง ตัง้ แต่เด็กจนสาว ไม่เคยตรวจภายใน เพราะมัน่ ใจมาก นี่ถ้าไม่คิดจะมีลูก ก็คงไม่มาหาหมอสูติหรอก (ยิ้ม) แต่ตอนนี้ความคิดเปลี่ยนไป การพบแพทย์ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวและน่ากลัว ตอนนี้ฝากทั้งชีวิตไว้ที่ โรงพยาบาลนนทเวช ไม่ไปไหนแล้ว และไม่กลัวกับ การตรวจสุขภาพ ความคิดมันเปลี่ยนนะ พอเราได้ ผ่านเหตุการณ์ช่วงวิกฤติของชีวิตมา เลยซึ้งแล้วกับ ค�ำว่า การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ จริงๆ ค่ะ”


ศูนย์ครรภ์คุณภาพ Obstertrics and Family Maternity Center

เสี่ยงแค่ไหน? เมื่อท้องในวัย ด้วยไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงยุคใหม่ และสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป ท�ำให้ การแต่งงานช้าลง กว่าจะตั้งครรภ์ได้ก็ ล่วงเลยวัย 35 ไปแล้ว ซึ่งการตั้งครรภ์ ในช่วงอายุดังกล่าว นับว่าเพิ่มโอกาส เสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนอาจเป็น อันตรายต่อการตั้งครรภ์มากขึ้นน�ำมา สูป่ ัญหาต่าง ๆ ทีส่ ร้างความกังวลใจให้ กับคุณแม่ตั้งครรภ์ อายุมีผลต่อการตั้งครรภ์อย่างไร?

ยังไม่มีกฎเกณฑ์ที่แน่ชัดว่าผู้หญิงควร ตั้งครรภ์เมื่ออายุเท่าไหร่ แต่ในช่วงอายุ 20-30 ปี ร่างกายจะมีความสมบูรณ์เต็มที่ และพร้อมส�ำหรับการตั้งครรภ์และผู้หญิง มีอายุมากขึ้น โดยเฉพาะในวัย 35 ปีขึ้นไป การท�ำงานของรังไข่ลดลงส่งผลต่อความแข็ง แรงของทารกในครรภ์ และเพิ่มความเสี่ยง เกิดปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ 1. มีบุตรยาก เนื่องจากการตกไข่ ลดลงหรือไข่ไม่สมบูรณ์

2. ภาวะแท้งโดยไม่รตู้ วั ว่าตัง้ ครรภ์

3. ทารกในครรภ์มีความผิดปกติ

เพราะเข้าใจว่าประจ�ำเดือนมาช้ากว่าก�ำหนด หรือแท้งบุตรง่ายจากสาเหตุบางอย่าง เช่น ไข่ไม่สมบูรณ์ ฮอร์โมนจากรังไข่ไม่เพียงพอ ต่อการตั้งครรภ์ในระยะแรก โดยพบว่าอายุ 25 ปี มีความเสี่ยงแท้งบุตรร้อยละ 12 – 15 และหากอายุ 40 ปี ยิ่งมีโอกาสเสี่ยงเพิ่มขึ้น ถึงร้อยละ 25 เช่น ความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือภาวะ ดาวน์ซินโดรมหรือทารกในครรภ์เติบโตช้า หากทารกคลอดก่อนก�ำหนด มีนำ�้ หนักน้อย กว่าปกติอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนในทารกได้ เช่น ภาวะน�้ำตาลในเลือดต�่ำ หายใจเร็ว เนื่องจากปอดยังท�ำงานได้ไม่เต็มที่

35+ 4. คุณแม่ตงั้ ครรภ์ เกิดภาวะแทรกซ้อน

เช่น ความดันโลหิตสูง หรือหากเป็นเบาหวาน ขณะตั้งครรภ์ ทารกจะตัวโตมากกว่าปกติ ท�ำให้เกิดปัญหาการคลอดยากตามมา

“ตรวจสุขภาพ” ลดความเสีย่ งลูกน้อย พิการแต่ก�ำเนิด

คุณแม่ตั้งครรภ์วัย 35 ปีขึ้นไป ควรให้ ความส�ำคัญกับการตรวจสุขภาพ หากพบ ความเสี่ยงแพทย์จะวางแผนการรักษาได้ อย่างทันท่วงที เพราะโอกาสเกิดภาวะ แทรกซ้อนมีมากกว่าการตัง้ ครรภ์เมือ่ อายุยงั น้อย โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติหรือคนใน ครอบครัวเสี่ยงเกิดโรค เช่น ดาวน์ซินโดรม ครรภ์เป็นพิษ หรือโรคประจ�ำตัวอื่นๆ เช่น โรคหัวใจ โรคไต เบาหวาน ควรพบแพทย์ เพือ่ วางแผนการตัง้ ครรภ์ ฝากครรภ์แต่เนิน่ ๆ และตรวจสุขภาพระหว่างตัง้ ครรภ์ โดยมีการ ตรวจที่ส�ำคัญดังนี้ การท�ำอัลตร้าซาวด์ เพื่อตรวจดูอายุ ครรภ์และติดตามพัฒนาการทารกในครรภ์ โดยเฉพาะคุณแม่ตั้งครรภ์เกินวัย 35 ปี ขึ้นไป จะมุ่งเน้นไปที่การตรวจวิเคราะห์หา สัญญาณการเกิดภาวะแทรกซ้อนและความ ผิดปกติของทารก การตรวจเลือดคุณแม่ เพื่อคัดกรอง ดาวน์ซนิ โดรม หรือความผิดปกติทางโครโมโซม อื่นๆ การเจาะน�้ำคร�่ำเพื่อวินิจฉัยทารกใน ครรภ์ว่าเป็นดาวน์ซินโดรมหรือมีความผิด ปกติทางโครโมโซมอื่นๆ หรือไม่

ครรภ์คุณภาพในวัย 35+ คุณสร้างได้

การดูแลสุขภาพคุณแม่เริม่ ได้ตงั้ แต่กอ่ น ตั้งครรภ์ จนถึงช่วงสุดท้ายก่อนเจ้าตัวน้อย ลืมตาดูโลก 1. รับประทานโฟลิกให้พอเพียง เพราะ กรดโฟลิกช่วยในการแบ่งตัวของเซลล์ สร้าง สมอง และอวัยวะต่าง ๆ ของทารกเจริญ เติบโตได้อย่างเป็นปกติ พบมากในผักใบเขียว ข้าวซ้อมมือ กล้วย นม ไข่ เป็นต้น 2. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ 3. พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับให้ เต็มอิ่มประมาณ 8-10 ชั่วโมง 4. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการ สูบบุหรี่ 5. ออกก�ำลังกายแบบเบา ๆ หรือปรึกษา แพทย์ถงึ วิธกี ารออกก�ำลังกายอย่างปลอดภัย 6. ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง เพราะ ยาหลายชนิดสามารถส่งผ่านจากแม่ และมี ผลต่อทารกในครรภ์อาจเกิดการแท้งบุตรได้ 7. ควบคุมน�ำ้ หนัก หากคุณแม่มนี ำ�้ หนัก มากเกินไป อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนอย่าง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือครรภ์เป็น พิษได้ 8. ท�ำจิตใจให้แจ่มใส อารมณ์ของคุณแม่ มีผลต่อการตัง้ ครรภ์ ควรหากิจกรรมทีท่ ำ� ให้ ผ่อนคลายความกังวล เช่น การอ่านหนังสือ ฟังเพลง 9. พบแพทย์ตรวจครรภ์ตามนัดทุกครัง้ เพื่อลดความเสี่ยง และทราบความผิดปกติ ทีอ่ าจเกิดขึน้ เพือ่ วางแผนการรักษาได้อย่าง ทันท่วงที ขอบคุณข้อมูล: นพ.วิศิษฐ์ ค้อสุวรรณดี • แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์มารดา และทารกในครรภ์ โรงพยาบาลนนทเวช สาขาและความเชี่ยวชาญ • สูติ-นรีเวช / เวชศาสตร์ทารกในครรภ์ การศึกษา • แพทยศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วุฒิบัตร • ว.ว. สูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา • อว. เวชศาสตร์มารดา และทารกในครรภ์

11


ศูนย์เด็กและวัยรุ่น Advanced Children & Teens Center

ท�ำไมต้อง “นมแม่”

• องค์การอนามัยโลกแนะน�ำให้มีการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อย่างเดียว ส�ำหรับช่วงเวลา 6 เดือนแรกของชีวิต โดยช่วงเดือนที่

“นมแม่” ดีที่สุด

“น�ำ้ นมแม่” คืออาหารทิพย์ อุดมและครบถ้วนด้วยสารอาหาร ที่ส�ำคัญต่อพัฒนาการทุกส่วนของร่างกายทารก โดยเฉพาะสมองที่ มีการพัฒนาการอย่างต่อเนือ่ งตัง้ แต่ลกู น้อยอยูใ่ นครรภ์จนถึง 3 ขวบ ปีแรก การเลีย้ งลูกด้วยนมแม่เป็นสิง่ ทีด่ ที สี่ ดุ ส�ำหรับคุณแม่และลูกน้อย เพราะในน�้ำนมแม่อุดมด้วยคุณค่าสารอาหารมากกว่า 300 ชนิด ย่อยง่ายและดูดซึมได้ดี เพราะมีใยอาหารที่ละลายน�้ำได้ มีพร้อมที่ จะให้ดมื่ ได้ทนั ทีทกุ ทีท่ กุ เวลา สะอาด ปลอดภัยและประหยัดค่าใช้จา่ ย ช่วยเพิ่มและเสริมการสร้างภูมิต้านทาน ท�ำให้ทารกมีพัฒนาการดี มีความสุข และได้รับความอบอุ่นจากแม่ องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะน�ำและส่งเสริมการให้น�้ำนม จากอกแม่ เพราะเป็นวิธีที่ดีที่สุดส�ำหรับทารกด้วยแร่ธาตุอาหาร เหมาะสมตามโภชนาการทีจ่ ำ� เป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการ ที่ดีของทารกอย่างสมบูรณ์ ทั้งนี้ WHO แนะน�ำว่าทารกควรได้รับ น�้ำนมแม่อย่างน้อยที่สุด 6 เดือน โดยไม่ต้องการอาหารเสริมใดๆ เพราะเป็นสิง่ ทีด่ ที สี่ ดุ ส�ำหรับการเจริญเติบโต และมีภมู คิ มุ้ กันต่อต้าน โรคหลายชนิด 12

6 เป็นต้นไปอาจเสริมอาหารอย่างอื่นจนกระทั่งลูกน้อยอายุ 2 ขวบ ปีขึ้นไป โดยสิ่งที่ส�ำคัญที่สุดคือการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ควรจะเริ่ม ภายในชั่วโมงแรกของการเกิด • ลดโอกาสเจ็บป่วยของทารก ในน�้ำนมแม่อุดมด้วยคุณค่า สารอาหารมากกว่า 300 ชนิด ย่อยง่ายและดูดซึมได้ดี เพราะมี ใยอาหารทีล่ ะลายน�ำ้ ช่วยเพิม่ และเสริมการสร้างภูมติ า้ นทานทีจ่ ะช่วย ปกป้องทารกจากความเจ็บป่วยในวัยเด็กที่พบได้โดยทั่วไป เช่น โรคท้องร่วงและปอดบวม ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในเด็กทั่ว ทั้งโลก • ลดโอกาสเกิดภูมิแพ้ในลูก เพราะโปรตีนในน�้ำนมแม่เป็น โปรตีนของคน ไม่ใช่โปรตีนแปลกปลอม และน�้ำนมแม่ยังมี สารภูมคิ มุ้ กันและสารต่อต้านการอักเสบต่างๆ ปกป้องเยือ่ บุทางเดิน อาหาร ทําให้ลดความเสี่ยงต่อการกระตุ้นให้เกิดภูมิแพ้โดย สารแปลกปลอมได้ • นมแม่ช่วยพัฒนาสมองของลูกน้อย เพราะในน�้ำนมแม่ มีสารทอรีน (Taurine) ซึ่ง ไม่มีในนมวัว แต่มีมากในนมแม่ มีส่วน ช่วยพัฒนาสมองได้โดยตรง ประโยชน์ของสารนี้ช่วยในการเจริญ เติบโตของระบบจอประสาทตา ท�ำให้เซลล์สมองขยายตัวได้อย่าง เหมาะสม ทัง้ ยังมีงานวิจยั จากประเทศต่างๆ อีกมากมายทีส่ นับสนุน ว่า เด็กที่ดื่มนมแม่ใน 6 เดือนแรก จะมีเชาว์ปัญญาสมบูรณ์ และ เรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้เร็ว รวมทั้งการพัฒนาความสามารถทางสมองดี กว่าทารกที่ไม่ได้ดื่มน�้ำนมแม่ทั้งในระยะเด็กเล็กและระยะผู้ใหญ่ • ประโยชน์ระยะยาวส�ำหรับทารก การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มี ส่วนท�ำให้เด็กมีสุขภาพดีตลอดช่วงชีวิต • ประโยชน์ต่อมารดา การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นประโยชน์ ต่อบรรดาคุณแม่คอื ช่วยเร่งให้เกิดปฏิกริยาการขาดประจ�ำเดือน ซึง่ เป็นวิธีการอย่างธรรมชาติของการคุมก�ำเนิด ช่วยลดความเสี่ยงของ การเป็นมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่ ช่วยให้น�้ำหนักตัวแม่คืนกลับ เหมือนก่อนตั้งครรภ์ได้เร็วขึ้น ข้อมูลโดย: พญ.วนิดา ตั้งวงษ์สุจริต • แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์ ทารกแรกเกิดและปริก�ำเนิด สาขาและความเชี่ยวชาญ ทารกแรกเกิด การศึกษา • แพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล วุฒิบัตร • วุฒิบัตรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ • อนุสาขากุมารเวชศาสตร์ทารกแรกเกิดและปริก�ำเนิด


ศูนย์เด็กและวัยรุ่น Advanced Children & Teens Center

ให้บริการดูแลสุขภาพเด็กครบวงจรด้วยคลินิกเฉพาะทาง 19 คลินิก ครอบคลุมตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยรุ่น โดยกุมารแพทย์และ ทีมผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางสาขาต่างๆ ประจ�ำตลอด 24 ชั่วโมง นิกโรคหัวใจเด็ก 3 คลิ(Pediatric Cardiology Clinic)

บริการตรวจวินจิ ฉัยรักษาและฟืน้ ฟูผปู้ ว่ ยเด็กทีม่ คี วามผิดปกติเกีย่ ว กับโรคหัวใจและหลอดเลือด อาทิ โรคหัวใจพิการแต่ก�ำเนิด ภาวะ หัวใจเต้นผิดปกติ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจาก สาเหตุต่างๆ ลิ้นหัวใจอักเสบ ไข้รูห์มาติก และโรคคาวาซากิ

4

คลินิกโรคระบบทางเดินอาหารในเด็ก (Pediatric Gastroenterology Clinic)

5

คลินิกโรคติดเชื้อในเด็ก (Pediatric Infectious Diseases Clinic)

6

คลินิกสมองและระบบประสาทในเด็ก (Pediatric Neurology Clinic)

7

คลินิกพัฒนาการเรียนรู้/ความผิดปกติของการเรียนรู้ (Child Development Clinic)

บริการรักษาโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารทั้งหมด ได้แก่ กลุ่มที่ มีความผิดปกติของหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ล�ำไส้เล็ก ล�ำไส้ใหญ่ ทวารหนัก ตับอ่อน ตับ และทางเดินน�้ำดี บริการรักษาและตรวจวินจิ ฉัยภาวะโรคติดเชือ้ ในเด็กและโรคติดเชือ้ ทุกชนิด รวมทั้งภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด บริการรักษา ตรวจวินจิ ฉัย และวิเคราะห์หาสาเหตุของความผิดปกติ ต่างๆ ของสมองและระบบประสาทในเด็ก

1

คลินิกโรคภูมิแพ้ หอบหืด (Pediatric Allergy and Immunology Clinic)

บริการตรวจรักษา วินิจฉัยโรคเกี่ยวกับภูมิแพ้ต่างๆ อาทิ หอบหืด แพ้อากาศ แพ้อาหาร ผืน่ ลมพิษ ไซนัสอักเสบเรือ้ รัง โดยกุมารแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขาเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้

2

คลินิกโรคทางเดินหายในในเด็ก (Pediatric Pulmonary Clinic)

บริการตรวจวินจิ ฉัยและรักษาผูป้ ว่ ยกลุม่ ทางเดินหายใจและโรคปอด รวมทั้งอาการปอดติดเชื้อในเด็ก รักษาโรคทางเดินหายใจส่วนบน และทางเดินหายใจส่วนล่าง

ให้การดูแล วินิจฉัย รักษา และกระตุ้นพัฒนาการ ตั้งแต่ทารก แรกเกิดจนถึงวัยรุน่ รวมถึงการประเมินและวินจิ ฉัยปัญหาพัฒนาการ ล่าช้า อันเนื่องมาจากสาเหตุต่างๆ

นิกพันธุกรรมต่อมไร้ท่อและเบาหวานในเด็ก 8 คลิ(Pediatric Endocrinology Clinic)

วินิจฉัยและวางแผนการรักษาพร้อมติดตามผลอย่างต่อเนื่อง เกีย่ วกับการเจริญเติบโตของเด็กและภาวะผิดปกติเกีย่ วกับฮอร์โมน โรคเบาหวานในเด็กและวัยรุ่น ภาวะที่เด็กมีตัวเล็กผิดปกติไม่สมวัย โรคกระดูกอ่อน และภาวะเป็นหนุ่มเป็นสาวเร็วหรือช้าเกินไป 13


9

คลินิกเด็กพิเศษ (Child Plus Clinic)

10

คลินิกทันตกรรมเด็ก (Pediatric Dentistry Clinic)

11

คลินิกทารกแรกเกิด (Newborn Care Clinic)

ให้บริการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาเด็กพิเศษ ที่มีปัญหาการ เรียนรูแ้ ละเด็กทีม่ ปี ญั หาทางอารมณ์จากภาวะต่างๆ เช่น โรคออทิสติก และแอสเปอร์เกอร์ โรคสมาธิสั้น ปัญหาทางอารมณ์ ให้บริการดูแลสุขภาพในช่องปากและฟันของเด็กจนถึงวัยรุ่น ครอบคลุมทั้งทันตกรรมป้องกัน ซึ่งเป็นหัวใจส�ำคัญของการดูแล สุขภาพฟันเด็ก การรักษาโรคในช่องปากและฟัน ให้บริการดูแลรักษาทารกทีม่ ภี าวะผิดปกติตงั้ แต่อยูใ่ นครรภ์ รวมทัง้ ทารกแรกเกิดทีม่ คี วามผิดปกติซงึ่ เกิดขึน้ ภายหลังการคลอดและทารก ที่คลอดก่อนก�ำหนด โดยทีมแพทย์และสหสาขาวิชาชีพ

นิกกุมารศัลยศาสตร์ ผ่าตัดและรักษาโรคในเด็ก 12 คลิ(Pediatric Surgery Clinic)

ให้บริการด้านศัลยศาสตร์ทั่วไป โดยกุมารศัลยแพทย์ที่มีความ เชี่ยวชาญเฉพาะทางเป็นพิเศษ

นิกจิตวิทยาเด็กและวัยรุ่น 13 คลิ(Pediatric and Adolescent Psychiatry Clinic)

ให้บริการตรวจ ประเมินและรักษาเด็กและวัยรุ่น ที่มีปัญหาด้าน พฤติกรรม รวมทั้งปัญหาการควบคุมอารมณ์ในเด็กเพื่อพัฒนาการ ทีด่ ี รวมทัง้ ปัญหาทีพ่ บร่วมกับความเจ็บป่วยทางร่างกาย มีสหวิชาชีพ ทีมประกอบไปด้วย กุมารแพทย์ จิตแพทย์เด็กและวัยรุน่ นักจิตวิทยา ผู้ให้ค�ำปรึกษา ครูการศึกษาพิเศษ ท�ำงานร่วมกันในการประเมิน ปัญหา เพื่อหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสม

นิกฉุกเฉินเด็ก 14 คลิ(Pediatric Emergency Clinic)

ให้บริการส�ำหรับสถานการณ์ฉกุ เฉิน เพือ่ ช่วยเหลือผูป้ ว่ ยเด็กฉุกเฉิน ครอบคลุมทั้งการเจ็บป่วย โรคทางศัลยกรรม การได้รับสารพิษรวม ถึงอุบัติเหตุต่างๆ โดยกุมารแพทย์และกุมารศัลยแพทย์ ตลอด 24 ชั่วโมง

15

คลินิกศัลยกรรมกระดูกและข้อในเด็ก (Pediatric Orthopedics Clinics)

16

คลินิกเวชศาสตร์ฟื้นฟูเด็ก (Pediatric Rehabilitation Clinic)

ให้บริการทางด้านกิจกรรมบ�ำบัดรวมทัง้ จิตบ�ำบัดเด็ก และการบริการ รักษาอื่นๆ เช่น การท�ำกายภาพบ�ำบัดเด็กในเวชศาสตร์ฟื้นฟูเด็ก พักฟืน้ เด็กหรืออรรถบ�ำบัดเด็ก การให้โปรแกรมการฟืน้ ฟูดา้ นร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านจิตใจและอารมณ์

นิกกุมารแพทย์ทั่วไป 17 คลิ(General Pediatric Clinic)

ให้บริการดูแลสุขภาพ ตรวจรักษาโรคทัว่ ไปของเด็กตามอาการ และ ความผิดปกติของระบบต่างๆ ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงวัยรุ่น โดยทีม กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และพยาบาลที่มีประสบการณ์ที่ได้รับการ ฝึกอบรมมาเฉพาะในการดูแลเด็ก ตลอด 24 ชั่วโมง

18

คลินิกโรคผิวหนัง (Pediatric Dermatology Clinic)

19

คลินิกเด็กสุขภาพดี (Well Baby Clinic)

ให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคผิวหนังที่พบบ่อยในเด็ก และ ตรวจหาความผิดปกติที่ผิวหนังที่พบได้ในเด็กทั่วไป รวมถึงอาการ ติดเชื้อและอักเสบที่ผิวหนัง ให้บริการในเรื่องการส่งเสริมสุขภาพ การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ตามวัย และการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคส�ำหรับเด็กและวัยรุ่นใน ช่วงวัยต่างๆ อย่างถูกต้องและเหมาะสม

ให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคระบบกระดูกและข้อต่างๆ ใน เด็ก เช่น กระดูกหักและข้อเคลื่อน อันตรายที่เกิดกับข้อเข่า หลัง และเท้าจากการเล่นกีฬา รวมถึงเด็กที่อาจจะมีความผิดปกติของ โครงสร้าง 14

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์เด็กและวัยรุ่น โทร.0-2596-7888 ต่อ 3112, 7904


บันทึกประทับใจ Healthy Talk

จากประสบการณ์จริงของ ‘น้องนาว‘ ดญ.ณัฐภัทรา เต็มพร้อม อายุ 6 ปี

ถ่ายทอดเรื่องราวโดย คุณแม่วิสาข์ เต็มพร้อม วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน 2557 วันแรกของอาการ

น้องนาวนัง่ หลับมาในรถ พอเข้าบ้าน น้องร้องไห้บอกว่าปวดหัว ให้น้องกินยาแก้ปวดหัว แล้วน้องก็อาเจียนออกมา น้องร้องไห้สลับ กับอาเจียนหลายครั้ง รู้สึกว่าน้องทิ้งน�้ำหนักตัวแปลกๆ เหมือนคน อ่อนเพลีย ให้ทานน�้ำก็จะอาเจียน ไม่มีไข้ เพลียจนหลับไป คิดว่า ตื่นมาน่าจะดีขึ้น

วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน 2557 วันแรกของการเข้าโรงพยาบาล

ตอนเช้าดูอาการน้องแล้วผิดปกติแน่ๆ จึงพาไปที่โรงพยาบาล นนทเวชเพื่อหาคุณหมอวิศิษฐ์ ตู้จินดา คุณหมอให้นอนโรงพยาบาล ย้ายเข้าห้องผู้ป่วย ให้น�้ำเกลือ เจาะเลือดส่งตรวจ รอดูอาการและ หาสาเหตุ และส่งต่อให้คุณหมอกัลยา สุดกรยุทธ์ คุณหมอเด็กด้าน สมองและระบบประสาท ซึง่ คุณหมอบอกว่าน้องดูไม่ปกติ ดูไม่มแี รง สะลึมสะลือ น่าจะมีความผิดปกติในสมอง คุณหมอจึงให้สแกนสมอง 19.30 น. น้องเข้าเครือ่ งสแกนซักพัก หมอก็แจ้งว่ามีเลือดออก ในสมองซีกขวา ปริมาณเยอะ ถ้าน้องไม่ได้ล้มหัวฟาดพื้น ก็น่าจะ เส้นเลือดในสมองแตก มีวิธีรักษาคือผ่าตัดเอาเลือดออก และแก้ไข จุดที่แตกหรือรั่ว ให้รอหมอศัลยแพทย์ระบบประสาทก�ำลังมา ถาม หมอว่าหนักมัย้ ค�ำตอบท�ำให้ตอ้ งนิง่ ไป หมอว่าก็ถงึ ชีวติ นะคะ ระหว่าง รอน้องมีอาการซึมลง หมอและพยาบาลห้องไอซียูก็ให้ใส่ท่อหายใจ เพื่อช่วยหายใจ 21.00 น. เมื่อคุณหมอวิรุณพร พรหมพงศา ศัลยแพทย์ระบบ ประสาทมาถึงและดูอาการน้อง หลังจากใส่เครื่องช่วยหายใจ น้อง ดูดีขึ้น หมอบอกว่าน้องยังไหว ให้ฉีดสีเพื่อหาสาเหตุและต�ำแหน่ง ของเลือดออกก่อน เพราะจะท�ำให้การผ่าเข้าไปแก้ไขถูกจุดและ โอกาสผ่าตัดส�ำเร็จจะเยอะกว่า ผลว่าเป็นเส้นเลือดขอดคือเส้นเลือด ผิดปกติ และปริแตก ซึ่งหมอบอกว่า มันอาจจะอยู่มาแต่เด็ก และ

ท�ำให้รู้สึกปวดหัวมากกว่าคนปกติ แต่ถึงจะสแกนสมองก่อนหน้านี้ ก็จะไม่เห็น เพราะเลือดยังไม่ออกมา หมอบอกว่า เหมือนหนึ่งใน ล้าน ที่จะเกิดขึ้นในเด็กอายุขนาดนี้ จุดที่จะต้องผ่าลงไปซ่อมนั้นอยู่ ลึกพอสมควร ท�ำให้ความเสีย่ งสูง แต่มนั ไม่มที างเลือกค่ะ ยังไงก็ตอ้ ง ผ่า ถึงจะรูว้ า่ เสีย่ ง 50:50 และยังไม่ร้วู ่าผ่าแล้วจะต้องรับมือกับอะไร อีกบ้าง

วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน 2557

17.00 น.น้องเข้ารับการผ่าตัด 21.50 น. เสียงโทรศัพท์ทรี่ อคอยดังขึน้ พอได้ยนิ ทางไอซียแู จ้ง ว่าอีก 20 นาทีน้องจะออกจากห้องผ่าตัด และย้ายเข้าห้องไอซียู มัน เหมือนเสียงสวรรค์ที่บอกให้รู้ว่าน้องยังอยู่กับเรา อยากเห็นลูกเร็วๆ ตอนเห็นน้องรู้สึกตัวแล้วค่ะ พยาบาลให้น้องโบกมือทักทาย เรียก น้องก็รู้ตัวค่ะ น�้ำตาซึมนิดๆ คุณหมอแจ้งว่าการผ่าเรียบร้อยดี เอา เลือดออกและตัดจุดทีเ่ ป็นปัญหาออกแล้วน�ำส่งตรวจ รอดูอาการว่า จะไม่มีภาวะสมองบวมหรือเลือดออก ประมาณ 2-3 วัน และดูการ ฟื้นตัวของน้องค่ะ

วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน 2557

น้องดีขึ้นหน้าตาสดใส หลับๆตื่นๆ แต่ก็ปวดหัวอยู่ค่ะ ก�ำลังใจ น้องดีมากค่ะ

วันอังคารที่ 17 มิถุนายน 2557

หลังจากอยู่ไอซียู 5 คืน อยู่ห้องพักผู้ป่วยอีก 5 คืน น้องเดิน ออกจากโรงพยาบาลด้วยขาของเธอเอง เป็นปาฎิหารย์ของครอบครัว เป็นรางวัลของชีวิต ขอบคุณการรักษา การดูแลจากทีมแพทย์โรงพยาบาลนนทเวช คุณหมอวิศิษฐ์ คุณหมอกัลยา คุณหมอวิรุณพร พยาบาล เจ้าหน้าที่ แผนกไอซียู และวอร์ดชั้น10 ขอบคุณทุกความห่วงใย ทุกก�ำลังใจ จากใจ 15


ศูนย์เด็กและวัยรุ่น

Advanced Children & Teens Center

AllergyPrevention รู้ทันป้องกันลูกรักจากโรคภูมิแพ้

ความส�ำคัญของการป้องกันโรคภูมิแพ้

อุบัติการของโรคภูมิแพ้จากการส�ำรวจทั่วโลก และการส�ำรวจในประเทศไทย เองพบว่า เพิ่มขึ้น 3-4 เท่า ภายในระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีอุบัติการณ์ ของโรคภูมิแพ้โดยเฉลี่ยคือ โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ร้อยละ 23-30 โรคหลอดลมอักเสบ จากภูมิแพ้ร้อยละ 10-15 โรคผื่นผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ ร้อยละ 15 และโรคแพ้อาหาร ร้อยละ 5 โดยอุบัติการณ์ในเด็กจะสูงกว่าในผู้ใหญ่ โรคภูมิแพ้นั้นถ้าไม่ได้รับการรักษาจะท�ำให้ คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยแย่กว่าคนปกติ เช่น ไม่สามารถนอนหลับ เรียนและท�ำงานได้ไม่เต็มที่ และ อาจท�ำให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้ สาเหตุของโรคภูมแิ พ้เกิดจาก กรรมพันธุแ์ ละสิง่ แวดล้อม โดยพบว่าถ้าบิดาหรือมารดาเป็น โรคภูมิแพ้จะท�ำให้บุตรมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ประมาณร้อยละ 30-50 แต่ถ้าทั้ง บิดาและมารดาเป็นโรคภูมิแพ้จะมีผลให้บุตรมีโอกาสเป็น โรคภูมิแพ้มากขึ้น ถึงร้อยละ 50-70 เนือ่ งจากในปัจจุบนั ยังไม่สามารถแก้ไขปัจจัยทางกรรมพันธุ์ ได้ การควบคุมสิ่งแวดล้อมและการเลี้ยงลูกด้วยนมมารดา ตลอดจนการ รับประทานอาหารที่เหมาะสม จะช่วยลดโอกาสการเกิดโรคภูมิแพ้ใน บุตรได้

โรคภูมิแพ้ในเด็ก แบ่งเป็น 4 ชนิดใหญ่ๆ ได้แก่

1. โรคแพ้อาหาร : พบได้ตั้งแต่อายุน้อย โดยอาหารที่เป็น สาเหตุของอาการแพ้มากที่สุด ได้แก่ นมวัว นมถั่วเหลือง ถั่วลิสง แป้งสาลี ไข่ และอาหารทะเล 2. โรคผิวหนังอักเสบจากภูมแิ พ้ : เป็นโรคทีม่ อี าการผืน่ คัน บริเวณผิวหนัง โดยต�ำแหน่งของผื่นมักขึ้นอยู่กับ ช่วงอายุ - ระยะเด็กเล็ก ผืน่ มักจะพบทีแ่ ก้ม หน้าผาก หนังศีรษะ ข้อศอก หัวเข่า - ระยะเด็กโต พบผื่นที่บริเวณข้อพับแขน ขา ข้อเท้า รวมถึง มือและเท้า - ระยะผู้ใหญ่ พบผื่นที่ข้อพับ หน้า คอ มือและเท้า * ผู้ป่วยจะมีผื่นคันมากขึ้นเมื่อได้รับสิ่งกระตุ้น ซึ่งโดยทั่วไปใน เด็กเล็กสิ่งที่กระตุ้น คือ “อาหารที่แพ้” 3. โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ : ผู้ป่วยจะมีอาการจาม คัน จมูก น�้ำมูกไหล และแน่นจมูก โดยส่วนใหญ่มักจะมีอาการมากใน ช่วงเช้าหรือเมื่อได้รับสารก่อภูมิแพ้ 4. โรคหืด : ถ้าเป็นไม่มาก อาจเริ่มมีอาการไอในช่วงกลางคืน เหนือ่ ยง่าย ออกก�ำลังกายแล้วเหนือ่ ย และถ้ายิง่ ได้รบั สิง่ กระตุน้ เช่น 16

สารก่อภูมิแพ้ หรือสารระคายเคืองต่าง ๆ จะท�ำให้มีอาการหอบหืด หายใจเสียงดังวี้ด ๆ

การป้องกันโรคภูมิแพ้ การป้องกันโรคภูมิแพ้แบ่งเป็น 3 ระดับ

การป้องกันระดับที่ 1 คือ การป้องกันเมือ่ ยังไม่มกี ารกระตุน้ เกิดขึ้น เช่นป้องกันเด็กในครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูงในครอบครัวที่มี ภูมิแพ้ หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้และสารระคายเคืองต่างๆ เช่น ควัน บุหรี่ และการให้เด็กดื่มนมมารดาจะสามารถป้องกันไม่ให้เด็กเหล่า นี้เกิดโรคภูมิแพ้ขึ้นได้ การป้องกันระดับที่ 2 คือ การป้องกันหลังจากเกิดการ กระตุน้ แต่ยงั ไม่มอี าการ เช่น การป้องกันเด็กทีแ่ พ้อาหาร หรือเป็นผืน่ ผิวหนัง อักเสบไม่ให้มอี าการหอบหืดตามมา โดยการรีบวินจิ ฉัยอาหารทีเ่ ป็น สาเหตุการแพ้ เพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะกระตุ้นให้อาการ มากขึ้น การป้องกันระดับที่ 3 คือ การป้องกันหลังจากอาการของ โรคภูมแิ พ้เกิดขึน้ แล้ว อย่างทีท่ ำ� อยูท่ วั่ ไป เช่น การควบคุมสิง่ แวดล้อม การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ และการป้องกันโดยการใช้ยา เพื่อควบคุมอาการแพ้


รับประทานอย่างไรจึงป้องกันโรคภูมิแพ้ได้

เด็กทีม่ ปี ระวัตคิ รอบครัวทีเ่ สีย่ งต่อการเป็นโรคภูมแิ พ้ ควรหลีก เลี่ยงการดื่มนมและรับประทานอาหารที่มีโปรตีนซึ่งก่อให้เกิดโรค ภูมิแพ้ได้ง่าย โดยมีข้อเสนอแนะดังต่อไปนี้ • ดื่มนมมารดาอย่างน้อย 6 เดือน แต่ไม่ต้องจ�ำกัดอาหารเป็น พิเศษส�ำหรับมารดาช่วงระยะตั้งครรภ์และให้นมบุตร • กรณีที่ไม่สามารถให้นมมารดาได้ ควรเลี้ยงบุตรด้วยนมสูตร พิเศษจนกระทั่งเด็กมีอายุ 1 ปี • ไม่แนะน�ำให้ดื่มนมถั่วเหลือง นมแพะ นมแกะ ทั้งนี้เนื่องจาก มีโอกาสที่จะท�ำให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้เช่นเดียวกับการแพ้นมวัว • ควรให้อาหารเสริมเมื่อเด็กมีอายุ 4-6 เดือน โดยแนะน�ำให้ เด็กรับประทานอาหารเสริมทีละชนิด และสังเกตว่ามีการแพ้อาหาร ที่ให้หรือไม่ภายในหนึ่งสัปดาห์ ก่อนที่จะให้อาหารเสริมชนิดใหม่ อาหารเสริมที่ท�ำให้เกิดอาการแพ้น้อย ได้แก่ ข้าวบด ฟักทอง หมู ไก่ ผักใบเขียว นอกจากการรับประทานอาหารทีเ่ หมาะสมแล้ว ควรหลีกเลีย่ ง สารก่อภูมิแพ้ในบ้าน เช่น ไรฝุ่น สัตว์เลี้ยง เชื้อรา แมลงสาบ โดย ใช้ เครือ่ งเรือนน้อยทีส่ ดุ โดยเฉพาะอย่างยิง่ ในห้องนอน งดใช้พรมปูพนื้ ไม่ใช้เครื่องเรือนที่บุด้วยผ้า ดูดฝุ่น เช็ดถูท�ำความสะอาดพื้นและ เครื่องเรือน เพื่อขจัดฝุ่นละอองเป็นประจ�ำ ไม่เลี้ยงสัตว์ที่มีขน เช่น สุนัข แมว ภายในบ้าน

การปฏิบัติตัวดังกล่าว และระวังไม่ให้เด็กได้รับควันบุหรี่ ควัน จากท่อไอเสีย ควันไฟ ฝุ่นละอองจากแหล่งต่างๆ ตั้งแต่อายุน้อยๆ สามารถป้องกันโรคภูมแิ พ้ระบบทางเดินหายใจได้ โดยคุณพ่อคุณแม่ สามารถขอค�ำปรึกษาจากกุมารแพทย์หรือพาลูกน้อยเข้ารับการ ทดสอบทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนัง (Allergy Skin Test) เพื่อการ ตรวจหาปฎิกริ ยิ าตอบสนองของร่างกายต่อสารก่อภูมแิ พ้ผา่ นทางการ สะกิดหรือฉีดบริเวณผิวหนัง (หลังการทดสอบจะมีรอยบวมแดงเล็ก น้อยในบริเวณผิวทดสอบ แล้วจะหายไปภายใน 1-2 ชั่วโมง) ซึ่ง สามารถท�ำได้ตงั้ แต่ 6 เดือนขึน้ ไป ได้ทศี่ นู ย์เด็กและวัยรุน่ โรงพยาบาล นนทเวช ได้แล้ววันนี้

ข้อมูลโดย: พญ.วาสินี พานิชวัฒนะ แพทย์เฉพาะทางโรคปอด ภูมิแพ้ หอบหืดในเด็ก ศูนย์เด็กและวัยรุ่น สาขาและความเชี่ยวชาญ • โรคปอด ภูมิแพ้ หอบหืด การศึกษา • แพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วุฒิบัตร • วุฒิบัตรผู้มีความรู้ความช�ำนาญสาขากุมารเวชศาสตร์ ศิริราชพยาบาล • ประกาศนีย์บัตรอนุสาขาโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน ศิริราชพยาบาล

17


ศูนย์เด็กและวัยรุ่น Advanced Children & Teens Center

เมื่อลูกเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย... ท�ำอย่างไรดี ปัจจุบันพบว่ามีเด็กจ�ำนวนมากที่ก�ำลัง ประสบกับภาวะทีเ่ รียกกันว่า “เป็นหนุม่ เป็นสาว ก่อนวัย” นั่นคือ เกิดความเปลี่ยนแปลงทาง สรีระก่อนเวลาอันควร การที่เด็กมีการเจริญ เติบโตที่เร็วกว่าปกติอาจส่งผลกระทบต่อเด็ก หลายด้าน เช่น ผลกระทบด้านร่างกาย ได้แก่ ความไม่พร้อมในการดูแลตัวเองเมือ่ มีประจ�ำเดือน เร็วกว่าวัย ผลกระทบต่อความสูงในอนาคต ของเด็ก เนือ่ งจากฮอร์โมนเพศทีเ่ พิม่ ขึน้ ในช่วง วัยรุ่นจะส่งผลให้กระดูกระหว่างข้อต่อปิดเร็ว ขึน้ ท�ำให้เด็กหยุดสูง รวมถึงผลกระทบด้านจิตใจ และการปรับตัวในสังคม ดังนั้นการรู้เท่าทัน ปัญหาจะช่วยให้ผปู้ กครองสามารถสังเกตเห็น ความผิดปกติของบุตรหลานและแก้ไขความ ผิดปกตินั้นได้ทันท่วงที

จะทราบได้อย่างไรว่า ลูกเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย

โดยทัว่ ไปแล้วเด็กผูห้ ญิงจะเข้าสูว่ ยั เจริญพันธุ์ และเริม่ มองเห็นความเปลีย่ นแปลงของร่างกายเมือ่ อายุ 8 ปีขนึ้ ไป ขณะทีเ่ ด็กผูช้ ายจะเริม่ เข้าสูว่ ยั เจริญ พันธุ์ช้ากว่าเล็กน้อย คือเริ่มตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไป

เด็กผู้หญิง

มีเต้านม บางกรณีอาจพบเต้านมเจริญขึ้นเพียงข้างเดียว เริ่มมีขนบริเวณอวัยวะเพศและรักแร้ มีส่วนสูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เริ่มมีสิว และมีกลิ่นตัว

18

เด็กผู้ชาย

มีการขยายตัวของลูกอัณฑะและองคชาติ เริ่มมีขนขึ้นบริเวณอวัยวะเพศและรักแร้ ส่วนสูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงเริ่มแตก เป็นสิว มีหนวดและมีกลิ่นตัว


สาเหตุของการเป็นหนุ่มสาวก่อนวัย 1.สาเหตุจากภายนอก

ในวัยเด็กผู้ป่วยอาจได้รับฮอร์โมนเพศปะปนโดยไม่ตั้งใจ เช่น การกินวิตามินบางชนิดเพือ่ จุดประสงค์ทที่ ำ� ให้โตเร็ว โดยที่ จริงอาจมีฮอร์โมนเพศเป็นส่วนผสมอยู่ จึงท�ำให้เด็กดูอ้วนขึ้น โตกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน

2.สาเหตุจากภายใน

เกิดจากการท�ำงานของสมองส่วนไฮโพทาลามัสและบริเวณ ต่อมใต้สมองท�ำงานผิดปกติ ท�ำให้มีการหลั่งฮอร์โมนเพศเร็ว กว่าวัยอันควร อาจจะพบในเด็กที่ได้รับการกระทบกระเทือน บริเวณสมอง เช่น อุบัติเหตุ เคยได้รับการฉายแสงหรือมีก้อน เนื้องอกในสมอง ความผิดปกติในการท�ำงานของรังไข่หรือ อัณฑะ หรืออาจจะไม่ทราบสาเหตุได้

3.ไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน

ปัจจุบันเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายมีแนวโน้มเข้าสู่วัยหนุ่ม สาวเร็วขึน้ กว่าเมือ่ ในอดีต อาจสัมพันธ์กบั ภาวะโภชนาการ ชนิด ของอาหารที่มีไขมันสูง และพบว่าเด็กอ้วนมีแนวโน้มเข้าสู่วัย หนุ่มสาวเร็วกว่าเด็กผอม

การวินิจฉัย

ในการวินิจฉัยว่าเด็กมีอาการเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย หรือไม่นนั้ นอกเหนือจากการตรวจร่างกายแล้ว แพทย์จะท�ำการ วินิจฉัยตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ 1. เอกซ์เรย์เพื่อตรวจอายุของกระดูก เนื่องจากการ เป็นหนุ่มสาวก่อนวัยมีผลท�ำให้กระดูกมีอายุมากกว่าอายุจริง โดยแพทย์จะใช้ข้อมูลส่วนนี้ในการตัดสินใจว่าควรจะให้ยาฉีด ควบคุมฮอร์โมนเพศหรือไม่ 2. ตรวจเลือดวัดฮอร์โมน การเติบโตก่อนวัยอันควรจะ ท�ำให้ฮอร์โมนเพศในร่างกายมีระดับสูงกว่าปกติ การตรวจนี้ เป็นการยืนยันว่าร่างกายเด็กเกิดความเปลี่ยนแปลงจริง ๆ 3. ตรวจ MRI สมองและท�ำอัลตร้าซาวด์บริเวณมดลูก ส�ำหรับเด็กหญิงเพือ่ ยืนยันว่าอาการทีเ่ กิดขึน้ ไม่ได้มาจากเนือ้ งอก ในสมองหรือความผิดปกติที่รังไข่หรือมดลูก ซึ่งหากขั้นตอนนี้ ไม่พบอะไรแพทย์จะท�ำการรักษาด้วยยาฉีดควบคุมฮอร์โมน เพศ โดยจะฉีดหนึง่ เข็มทุก ๆ สีส่ ปั ดาห์ จนกว่าอายุจริงจะเท่ากับ อายุกระดูกหรือจนกว่าเด็กหญิงจะมีอายุพร้อมทีจ่ ะเข้าสูว่ ยั รุน่ คืออายุประมาณ 10-11 ปี

เมื่อลูกเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัยจะท�ำอย่างไร

เมื่อพบว่าลูกก�ำลังเผชิญกับภาวะเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย สิ่งที่ พ่อแม่ควรท�ำ คือให้ความรู้กับลูกว่าก�ำลังเกิดอะไรขึ้นโดยอธิบายตาม ความเป็นจริง ไม่ควรโกหกลูก และถ้ามีความจ�ำเป็นที่จะต้องรักษาก็ อธิบายให้ลูกฟังว่าผลเสียของการไม่รักษามีอะไรบ้าง นอกจากนี้ การให้ ความรูเ้ รือ่ งเพศแก่ลกู ตามความเหมาะสมของวัยจะท�ำให้เด็กรับรูส้ ภาพ ของตัวเอง และไม่ตกใจกับความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ส�ำหรับการ ลดความเสีย่ งต่อการเป็นหนุม่ สาวก่อนวัยทีง่ า่ ยทีส่ ดุ ก็คอื การควบคุมน�ำ้ หนัก ของเด็กให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน โดยเน้นโภชนาการที่เหมาะสม และให้ความส�ำคัญกับการออกก�ำลังกาย ข้อมูลโดย: พญ.วรพร ตันติจัตตานนท์ สาขาและความเชี่ยวชาญ • กุมารเวชศาสตร์โรคต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิสม การศึกษา • แพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล วุฒิบัตร • วุฒิบัตรผู้มีความรู้ความช�ำนาญสาขากุมารเวชศาสตร์ สถาบันสุขภาพเด็ก แห่งชาติมหาราชินี • วุฒบิ ตั รผูม้ คี วามรูค้ วามช�ำนาญอนุสาขากุมารเวชศาสตร์โรคต่อมไร้ทอ่ และ เมตาบอลิสึม ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

19


ศูนย์เด็กและวัยรุ่น Advanced Children & Teens Center

20


ศูนย์เด็กและวัยรุ่น Advanced Children & Teens Center

กลยุทธ์สอนลูกน้อยให้ฉลาดรอบด้าน ในอดีตความฉลาดของเด็กมักถูกวัดผลด้วยระดับผลการเรียน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความฉลาดไม่ได้วัดที่ ระดับไอคิวเท่านั้น ยังมีองค์ประกอบหลายๆ อย่างที่บ่งบอกว่า ลูกน้อยเป็นเด็กฉลาด ซึ่งตัวแปรส�ำคัญที่ท�ำให้ลูก ค้นพบศักยภาพของตนเองได้นั้น คือ คุณพ่อคุณแม่ รู้จัก 8 ความฉลาดที่เรียนรู้ได้

เด็กทุกคนมีความพร้อมเปิดรับสิง่ ใหม่เพือ่ พัฒนาศักยภาพของ ตนเองอยู่แล้ว ไม่มอี ะไรถูกหรือผิด ความฉลาดไม่ได้มีแค่ไอคิวอย่าง เดียว คุณพ่อคุณแม่ควรเปิดมุมมองเรือ่ งของความฉลาดด้านอืน่ เช่น ความฉลาดด้านอารมณ์ (EQ) และความฉลาดทางคุณธรรม (MQ) เพื่อให้ลูกสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข เรียนรู้การอยู่ร่วม กับผู้อื่น ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีความส�ำคัญไม่แพ้กับความฉลาดทางปัญญา ขณะเดียวกัน ความฉลาดของลูกก็ไม่ได้ใช้เครือ่ งมือประเมินแค่ระดับ ผลการเรียน เพราะความฉลาดด้านปัญญามีทั้งหมด 8 ด้าน ตาม ทฤษฎีพหุปญั ญาของ ดร.โฮวาร์ด การ์ดเนอร์ นักจิตวิทยาชาวอเมริกนั มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ทีว่ า่ เราสามารถเรียนรูแ้ ละแสดงความฉลาด ได้หลายทาง โดยสมองแต่ละส่วนจะสัมพันธ์กบั ความฉลาดเฉพาะด้าน ประกอบด้วย

• ความฉลาดด้านภาษา เข้าใจค�ำศัพท์และใช้ภาษาได้เป็น อย่างดี สามารถสังเกตได้จากความสนใจของลูกกับการต่อค�ำศัพท์ การอ่านนิทาน โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดีขึ้น โดยให้เด็กเข้าถึงแหล่งความรูต้ า่ ง ๆ ด้วยตัวเอง เช่น หนังสือ สารานุกรม หรือเว็บไซต์ หาเวลาอ่านหนังสือร่วมกัน และกระตุ้นให้เด็กถาม ค�ำถามทันทีที่สงสัย • ความฉลาดด้านดนตรี หากลูกชอบเสียงเพลง มีการขยับ ตามจังหวะทีไ่ ด้ยนิ หรือรูว้ า่ ท�ำนองดังกล่าวมาจากเสียงเครือ่ งดนตรี ชนิดไหน นัน่ แสดงว่าเขามีความโดดเด่นในด้านนี้ คุณพ่อคุณแม่ควร ช่วยให้ลูกเรียนรู้ได้ดีขึ้น ด้วยการหาหนังสือที่มีเสียงสัมผัสให้ลูกได้ สอนให้จดจ�ำสิง่ ต่าง ๆ เป็นเสียงดนตรี หรืออาจใช้สงิ่ รอบตัวมาท�ำให้ เกิดเสียงที่แตกต่างกันก็ได้

21


• ความฉลาดด้านการเข้าใจตนเอง เด็กจะเข้าใจความรู้สึก ตนเอง มีความมัน่ ใจในตัวเอง มักจะชอบท�ำสิง่ ต่าง ๆ ตามสัญชาตญาณ ของตัวเอง การเรียนรู้ที่ดีที่สุดคือ ควรแนะน�ำเด็กให้เข้าใจว่า สิ่งที่ พวกเขาเรียนรู้นั้นมีความเชื่อมโยงกับพวกเขาอย่างไร และให้เลือก ท�ำ หรือวางแผนสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง ไม่ควรบีบบังคับ หรือก้าวก่าย ความคิดในขณะทีพ่ วกเขาก�ำลังเรียนรู้ ควรให้เด็กมีพนื้ ทีส่ ว่ นตัว เพือ่ คิดไตร่ตรองในการเรียนรู้เรื่องนั้น ๆ • ความฉลาดด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ เด็ก ๆ จะเข้าใจ • ความฉลาดด้านธรรมชาติ เด็กจะชอบวิเคราะห์ แยกแยะ เรื่องตัวเลขและคิดหาค�ำตอบในเรื่องต่าง ๆ ได้ดี มีทักษะในการ สิง่ ต่าง ๆ และเข้าใจธรรมชาติรอบตัวได้ดี ซึง่ เด็กกลุม่ นีจ้ ะชอบส�ำรวจ แก้ปญ ั หา การพัฒนาความฉลาดด้านนีใ้ ห้มากขึน้ สามารถท�ำได้โดย ธรรมชาติ และพยายามสังเกตเห็นรูปแบบ คุณลักษณะเฉพาะของ ให้เด็กลองคิดหาเหตุผลต่าง ๆ เช่น เกมปริศนาที่เกี่ยวกับตัวเลข สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ สิ่งที่พ่อแม่สามารถช่วยให้เด็กเรียนรู้ได้ดีขึ้น ควร การถามค�ำถามเพือ่ กระตุน้ ให้เด็กใช้ความคิดอย่างต่อเนือ่ ง หรือช่วย ส่งเสริมให้เด็กอยูก่ บั ธรรมชาติ รูจ้ กั ค้นหา พร้อมทัง้ เชือ่ มโยงธรรมชาติ ให้เด็กแบ่งแยกสิ่งที่ได้เรียนรู้ออกมาเป็นหลายขั้นตอน ให้เข้ากับทุกอย่างที่เด็กเรียนรู้ พยายามให้ข้อมูลด้านต่าง ๆ เพื่อ • ความฉลาดด้านมิติสัมพันธ์ เด็กจะสังเกตสิ่งรอบตัวและ กระตุ้นการจดจ�ำข้อมูลเกี่ยวกับโลกรอบ ๆ ตัว เชือ่ มโยงสิง่ ทีเ่ ห็นกับจินตนาการได้ จดจ�ำทิศทางได้ดี และอ่านแผนที่ สิง่ ทีส่ ามารถท�ำให้เด็กพัฒนาไปได้ทกุ ด้าน ขึน้ อยูส่ ภาพแวดล้อม เก่ง การเรียนรู้ที่ดีส�ำหรับเด็กที่มีความโดดเด่นด้านนี้ คือ การหา และสิ่งที่ส�ำคัญ คือ การยืดหยุ่นในตัวเด็ก เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิด หนังสือที่มีรูปภาพหลากหลายเน้นให้เด็กสังเกตเห็นภาพ และเชื่อม สถานการณ์อะไรก็ตาม เขาสามารถปรับตัวและเรียนรู้ พ่อแม่มี โยงภาพนั้นกับค�ำที่คุณพ่อคุณแม่อ่าน นอกจากนี้ หากต้องเดินทาง หน้าที่สนับสนุนลูก ชี้แนะแนวทางที่เหมาะสม และคอยประคับ ไปนอกบ้านด้วยกันก็ควรชี้ให้เด็กสังเกตเห็น และจดจ�ำสิ่งของหรือ ประคองให้ผ่านไป เหมือนกับการปลูกต้นไม้ ควรใส่ปุ๋ย รดน�้ำพรวน สถานที่ต่าง ๆ ตลอดทาง ดิน และตัดแต่งกิ่ง โดยคุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลว่า ลูกจะสามารถ • ความฉลาดด้านร่างกายและการเคลือ่ นไหว เด็กจะเคลือ่ นไหว รับในสิ่งต่าง ๆ ได้ไหม เพราะเด็กทุกคนมีศักยภาพและความพร้อม ร่างกายได้อย่างคล่องแคล่ว สามารถใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่และกล้าม ที่จะพัฒนาตัวเองให้รับด้านต่าง ๆ ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ต้องสร้าง เนือ้ มัดเล็กได้อย่างดี คุณพ่อคุณแม่ควรหากิจกรรมทีเ่ ด็กได้เคลือ่ นไหว สถานการณ์หรือเปิดโอกาสให้เขาได้เรียนรู้ด้านนั้น ๆ ร่างกาย สร้างความแข็งแกร่งให้กบั ร่างกาย ควรให้โอกาสเด็กได้เดิน ข้อมูลโดย: คิดไปคิดมาและตัดสินใจด้วยตัวเองในขณะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ นพ.เฉลิมชาติ ศรีวัชรกาญจน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กและพฤติกรรม • ความฉลาดด้านมนุษยสัมพันธ์ เด็กมักชอบพบปะผู้คน ท�ำ ศูนย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลนนทเวช สาขาและความเชี่ยวชาญ กิจกรรมร่วมกับผู้อื่น และมีเพื่อนเยอะ สามารถเป็นน�ำที่ดีได้ และมี • พัฒนาการเด็ก การศึกษา ความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ควรเปิดโอกาสให้เด็กได้พูดคุย หรือ • แพทยศาสตร์บัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ท�ำงานร่วมกับผูอ้ นื่ จัดกิจกรรมให้เด็กได้พบปะสังสรรค์กนั เพือ่ เปิด วุฒิบัตร • อนุสาขากุมารเวชศาสตร์พัฒนาการเด็กและพฤติกรรม โอกาสให้เรียนรู้ถึงบทบาท และความสามารถของผู้อื่น • วุฒิบัตรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขากุมารเวชศาสตร์

โปรแกรม ตรวจประเมินพัฒนาการลูกน้อย โดยแพทย์เฉพาะทางด้านพัฒนาการเด็กและพฤติกรรม

ราคา 1,000 บาท จากราคาปกติ 1,500 บาท

เงื่อนไขและข้อก�ำหนด

• กรุณานัดหมายล่วงหน้าก่อนรับบริการที่ศูนย์เด็กและวัยรุ่น รพ.นนทเวช โทร. 02 596 7888 ต่อ 3112, 7904 • กรุณาแสดงคูปองเพื่อรับสิทธิ์เข้ารับบริการ • สงวนสิทธิ์ส�ำหรับผู้ที่มีคูปองจากวารสาร Healthy Living เท่านั้น • คูปองนี้ไม่สามารถแลก เปลี่ยน ทอนและคินเป็นเงินสดได้ และไม่สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นและแพคเกจอื่นๆ ของโรงพยาบาล • โรงพยาบาลฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า • ใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 มีนาคม 2558




Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.