คอมพิวเตอร์ มาจากภาษาละตินว่า Computare ซึ่ งหมายถึง การนับ หรื อ การคานวณ พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายของ คอมพิวเตอร์ไว้วา่ "เครื่ องอิเล็กทรอนิ กส์แบบ อัตโนมัติ ทาหน้าที่เหมือนสมองกล ใช้สาหรับ แก้ปัญหาต่างๆ ที่ง่ายและซับซ้อนโดยวิธีทาง คณิ ตศาสตร์"
ส่ วนประกอบ ของ คอมพิวเตอร์
ส่ วนประกอบของคอมพิวเตอร์ และหลักการทางาน ของคอมพิวเตอร์จะมีวงจรการทางานพื้นฐาน 4 อย่าง (IPOS cycle) คือ 1.ส่วนรับข้อมูล (Input Unit) 2.ส่วนประมวลผลข้อมูล (Central Processing Unit) 3.ส่วนแสดงผล (Output Unit) 4.หน่วยความจา (Memory Unit)
1.ส่ วนรับข้ อมูล (Input Unit) ทาหน้าที่รับข้อมูลจากผูใ้ ช้เข้าสู่ หน่วยความจาหลัก ปัจจุบนั อุปกรณ์มากมายแบ่งเป็ นประเภทต่างๆ ได้ดงั นี้ - Keyboard (คีย์บอร์ ด) Keyboard เป็ นอุปกรณ์หลักที่ใช้ในการนาข้อมูลลงใน เครื่ องคอมพิวเตอร์ มีลกั ษณะเป็ นปุ่ มตัวอักษรเหมือนปุ่ ม เครื่ องพิมพ์ดีด เป็ นอุปกรณ์รับเข้าพื้นฐานที่ตอ้ งมีในคอมพิวเตอร์ ทุกเครื่ อง
- Mouse (เมาส์ ) Mouse เป็ นอุปกรณ์ที่ทาหน้าที่ป้อนข้อมูลอย่าง หนึ่งแต่ที่เห็นการทางาน โดยทัว่ ไปจะเป็ นตัวที่ใช้ควบคุม ลูกศรให้เคลื่อนที่ไปยังตาแหน่งต่างๆ บนจอภาพ เหมาะ สาหรับใช้งานเมื่อต้องเลือก หรื อเลื่อนวัตถุต่างๆ บนจอ
Scanner (สแกนเนอร์ ) สแกนเนอร์ คือ อุปกรณ์จบั ภาพและเปลี่ยนแปลงภาพ จากรู ปแบบของแอนาลอกเป็ นดิจิตอล ซึ่งคอมพิวเตอร์ สามารถแสดง, เรี ยบเรี ยง, เก็บรักษาและผลิตออกมาได้ ภาพนั้นอาจจะเป็ นรู ปถ่าย, ข้อความ, ภาพวาด หรื อแม้แต่ วัตถุสามมิติ
Webcam (เว็บแคม) เว็บแคมหรื อชื่อเรี ยกเต็มๆว่า Web Camera (เว็บแคเม รา) เว็บแคมเป็ นอุปกรณ์อินพุตที่ สามารถจับภาพเคลื่อนไหวของ เราไปปรากฏในหน้าจอมอนิเตอร์ และสามารถส่งภาพเคลื่อนไหวนี้ ผ่านระบบเครื อข่ายเพื่อให้คนอีกฟากหนึ่งสามารถเห็นตัวเรา เคลื่อนไหว ได้เหมือนอยูต่ ่อหน้า
Microphone (ไมโครโฟน) ไมโครโฟน คือ อุปกรณ์รับเสี ยงแล้วทาการแปลงเป็ น สัญญาณไฟฟ้ า เพื่อประมวลผลในเครื่ องขยายเสี ยงหรื อ อุปกรณ์ผสมเสี ยงอื่นๆ ไมโครโฟนจะประกอบด้วยขดลวด และแม่เหล็กเป็ นหลัก เมื่อเสี ยงกระทบตัวรับในไมโครโฟนจะ ทาให้ขดลวดสั่นสะเทือนตัดกับสนามแม่เหล็ก จึงทาให้เกิด สัญญาณไฟฟ้ า ซึ่งเป็ นหลักการทางานตรงข้ามกับลาโพง โดยทัว่ ไปไมโครโฟนใช้รับเสี ยงพูดหรื อเสี ยงร้องเพลง
Touch screen (ทัชสกรีน) ทัชสกรี น คือ จอภาพแบบสัมผัส ซึ่งเป็ นจอภาพแบบ พิเศษที่เป็ นทั้งอุปกรณ์แสดงผลข้อมูล และอุปกรณ์นาเข้า ข้อมูล มักนาไปใช้กบั ธุรกิจร้านค้า โรงแรม สายการบิน พิพิธภัณฑ์ สถานบันเทิงคาราโอเกะ รวมถึงธุรกิจธนาคาร เช่น เครื่ องเอทีเอ็ม ซึ่งผูใ้ ช้งานเพียงแต่นานิ้วหรื อใช้แท่ง คล้ายดินสอหรื อปากกา แตะ/กดลงบนตาแหน่งที่ตอ้ งการ บนจอภาพ
2.ส่ วนประมวลผลข้ อมูล (Central Processing Unit) ส่ วนประกอบของคอมพิวเตอร์ ที่จะขาดไม่ได้เลยคือหน่วย ประมวลผลกลาง หรื อ ซี พียู เรี ยกอีกชื่อหนึ่งว่า โปรเซสเซอร์ (Processor) หรื อ ชิป (chip) นับเป็ นอุปกรณ์ ที่มีความสาคัญมากที่สุดของฮาร์ดแวร์ เพราะมีหน้าที่ในการประมวลผลข้อมูลที่ผใู้ ช้ป้อนเข้ามาทางอุปกรณ์ อินพุต ตามชุดคาสั่ง หรื อโปรแกรมที่ผใู ้ ช้ตอ้ งการใช้งาน ส่ วนประกอบ ของหน่วยประมวลผลกลางนั้นประกอบไปด้วย 1. หน่ วยคานวณ และตรรกะ (Arithmetic & Logical Unit : ALU) 2. หน่ วยควบคุม (Control Unit) 3. หน่ วยความจาหลัก (Main Memory)
3.ส่ วนแสดงผล (Output Unit) หน่วยแสดงผล (Output Unit) ทาหน้าที่แสดงผลลัพธ์จาก คอมพิวเตอร์ โดยมากจะแบ่งออกเป็ น 2 ประเภท 3.1) หน่ วยแสดงผลชั่วคราว (Soft Copy) หมายถึง การ แสดงผลออกมาให้ผใู ้ ช้ได้รับทราบในขณะนั้น แต่เมื่อเลิกการ ทางานหรื อเลิกใช้แล้วผลนั้นก็จะหายไป ไม่เหลือเป็ นวัตถุให้ เก็บได้ ถ้าต้องการเก็บผลลัพธ์น้ นั ก็สามารถส่ งถ่ายไปเก็บในรู ป ของข้อมูลในหน่วยเก็บข้อมูลสารอง เพื่อให้สามารถใช้งานได้ ในภายหลัง ได้แก่
- จอภาพ (Monitor)
- อุปกรณ์ เสี ยง (Audio Output) - อุปกรณ์ ฉายภาพ (Projector)
3.2) หน่ วยแสดงผลถาวร (Hard Copy) หมายถึง การแสดงผลที่สามารถจับต้อง และเคลื่อนย้ายได้ตามต้องการ มักจะออกมาในรู ปของกระดาษ ซึ่งผูใ้ ช้สามารถ นาไปใช้ในที่ต่าง ๆ หรื อให้ผรู ้ ่ วมงานดูในที่ใด ๆ ก็ได้ อุปกรณ์ที่ใช้เช่น - เครื่องพิมพ์ (Printer)
- เครื่องพลอตเตอร์ (Plotter)
4.หน่ วยความจา (Memory Unit) หน่วยความจา (Memory Unit) ทาหน้าที่เก็บ โปรแกรมหรื อข้อมูลที่รับมาจากหน่วยรับข้อมูล เพื่อ เตรี ยมส่งออกหน่วยประมวลผลกลางทาการ ประมวลผล และรับผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผล และเตรี ยมส่งออกหน่วยแสดงผลข้อมูลต่อไป ซึ่ง หน่วยความจาของคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็ น 2 ประเภทหลักๆ ดังนี้
1) หน่ วยความจาหลัก (Main Memory Unit) เป็ นอุปกรณ์ที่ใช้ในการจดจาข้อมูล และโปรแกรมต่าง ๆ ที่อยู่ ระหว่างการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ บางครั้งอาจเรี ยกว่า หน่วย เก็บข้อมูลหลัก (Primary storage) สามารถแบ่งออกได้เป็ น 2 ประเภท คือ 4.1.1) หน่ วยความจาหลักแบบอ่านได้ อย่ างเดียว (Read Only Memory - ROM) เป็ นหน่วยความจาแบบสาร กึ่งตัวนาชัว่ คราวชนิดอ่านได้อย่างเดียว ใช้เป็ นสื่ อบันทึกใน คอมพิวเตอร์ เพราะไม่สามารถบันทึกซ้ าได้
4.1.2) หน่ วยความจาหลักแบบแก้ไขได้ (Random Access Memory - RAM) เป็ นหน่วยความจาหลัก ที่ ใช้ในระบบคอมพิวเตอร์ยคุ ปัจจุบนั หน่วยความจาชนิดนี้ อนุญาต ให้เขียนและอ่านข้อมูลได้ในตาแหน่งต่างๆ อย่างอิสระ และ รวดเร็วพอสมควร ซึ่งต่างจากสื่ อเก็บข้อมูลชนิดอื่นๆ อย่างเทป หรื อดิสก์ ที่มีขอ้ จากัดในการอ่านและเขียนข้อมูล ที่ตอ้ งทา ตามลาดับก่อนหลังตามที่จดั เก็บไว้ในสื่ อ หรื อมีขอ้ กาจัดแบบรอม ที่อนุญาตให้อ่านเพียงอย่างเดียว
4.2) หน่ วยเก็บข้ อมูลสารอง (Secondary Storage Unit) สามารถแบ่งออกได้เป็ นประเภทใหญ่ ๆ ได้ 4 ประเภท ดังนี้ 4.2.1) แบบจานแม่ เหล็ก เป็ นอุปกรณ์สารองข้อมูลที่เป็ น ลักษณะของจานแม่เหล็กสาหรับบันทึกข้อมูลไว้ภายใน Disk ได้รับความนิยมและใช้งานมานานพอสมควรซึ่งเป็ น ส่ วนประกอบของคอมพิวเตอร์ ที่ใช้หลักๆ เลยในปั จจุบนั ยกตัวอย่างเช่น ฮาร์ดดิสก์
4.2.2) แบบแสง เป็ นสื่ อเก็บข้อมูลสารองที่ได้รับความนิยม มากในปัจจุบนั โดยใช้หลักการทางานของแสง การจัดการ ข้อมูลจะคล้ายกับแผ่นจานแม่เหล็ก ต่างกันที่การแบ่งจะเป็ นรู ป ก้นหอย และเริ่ มเก็บบันทึกข้อมูลจากส่ วนด้านในออกมาด้าน นอก ที่เป็ นที่นิยมและรู ้จกั กันดี เช่น CD , DVD
4.2.3) แบบเทป เป็ นสื่ อเก็บข้อมูลที่สามารถเก็บข้อมูลได้เป็ นจานวนมากและ เข้าถึงข้อมูลแบบเรี ยงลาดับต่อเนื่ องกันไป มีการผลิตขึ้นมาหลากหลายขนาด แตกต่างกันไป เช่น DAT และ QIC เป็ นต้นปั จจุบนั ไม่ค่อยถือเป็ น ส่ วนประกอบของ คอมพิวเตอร์
4.2.4) แบบอืน่ ๆ เป็ นสื่ อเก็บข้อมูลแบบใหม่ที่พบได้ทวั่ ไปในปั จจุบนั มีชื่อเรี ยก แตกต่างกันไป เช่น Flash Drive, Thumb Drive , Handy Drive เป็ นต้น อีกชนิดคือ Memory Card เพื่อใช้เก็บข้อมูลในกล้องดิจิตอลแบบพกพา
ระบบ (System) คือกลุ่มขององค์ประกอบที่มีความสัมพันธ์ กันและทางานร่ วมกัน ซึ่ งคอมพิวเตอร์ประกอบด้วยองค์ ประกอบ สาคัญ 5 ส่ วนด้วยกัน คือ
ฮาร์ ดแวร์ (Hardware)
ซอฟต์ แวร์ (Software)
บุคลากร (ผู้ใช้ )
ข้ อมูล/สารสนเทศ
เอกสาร/ กระบวนการ
ฮาร์ ดแวร์ (Hardware) คือลักษณะทางกายของเครื่ อง คอมพิวเตอร์ ซึ่งหมายถึงตัวเครื่ องคอมพิวเตอร์ และ อุปกรณ์รอบ ข้าง (peripheral) ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฮาร์ดดิสก์ เครื่ องพิมพ์ เป็ นต้น ฮาร์ดแวร์ประกอบด้วย หน่วยรับข้อมูล ( input unit ) หน่วยประมวลผลกลาง ( central processor unit ) หรื อ CPU หน่วยความจาหลัก หน่วยแสดงผลลัพธ์ (output unit ) หน่วยเก็บข้อมูลสารอง (secondary storage unit )
หน่วยรับข้อมูล จะเป็ นอุปกรณ์ที่ใช้สาหรับข้อมูลต่าง ๆ เข้าสู่ คอมพิวเตอร์ จากนั้น หน่วยประมวลผลกลาง จะนาไปประมวลผล และแสดงผลลัพธ์ที่ได้ออกมากให้ผใู ้ ช้รับทราบทาง หน่วยแสดง ผลลัพธ์ หน่วยความจาหลัก จะทาหน้าที่เสมือนเก็บข้อมูลชัว่ คราวที่ มีขนาดไม่สูงมากนัก การที่ฮาร์ดแวร์จะทาหน้าที่ได้มีประสิ ทธิภาพ นั้น ขึ้นอยูก่ บั โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ ส่ วนการทางานได้มาก น้อยเพียงใด จะขึ้นอยูก่ บั หน่วยความจาหลักของเครื่ องนั้น ๆ
ซอฟต์ แวร์ (Software) คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ที่ประกอบออกมาจากโรงงาน จะยังไม่สามารถทางานใดๆ เนื่องจากต้องมี ซอฟต์แวร์ (Software) ซึ่งเป็ นชุดคาสัง่ หรื อโปรแกรมที่สงั่ ให้ฮาร์ดแวร์ ทางานต่าง ๆ ตามต้องการ โดยชุดคาสั่งหรื อโปรแกรมนั้นจะ เขียนขึ้นมาจาก ภาษาคอมพิวเตอร์ (Programming Language) ภาษาใดภาษาหนึ่ง และมี โปรแกรมเมอร์ (Programmer) หรื อ นักเขียนโปรแกรมเป็ นผูใ้ ช้ภาษาคอมพิวเตอร์เหล่านั้นเขียน ซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ขึ้นมา ซอฟต์แวร์ สามารถแบ่งออกเป็ นสองประเภทใหญ่ๆคือ ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software ) ซอฟต์แวร์ประยุกต์ ( Application Software )
ซอฟต์แวร์ระบบ โดยส่ วนมากแล้วจะติดตั้งมากับ เครื่ องคอมพิวเตอร์เนื่องจากซอฟต์แวร์ระบบเป็ นส่ วน ควบคุมทางานต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ เพื่อให้สามารถ เริ่ มต้นการทางานอื่น ๆ ที่ผใู ้ ช้ตอ้ งการได้ต่อไป ส่ วน ซอฟต์แวร์ประยุกต์ จะเป็ นซอฟต์แวร์ที่เน้น ในการช่วยการทางานต่าง ๆ ให้กบั ผูใ้ ช้ ซึ่งแตกต่างกันไป ตามความต้องการของผูใ้ ช้แต่ละคน
บุคลากร (Peopleware) เครื่ องคอมพิวเตอร์ โดยมากต้องใช้บุคลากรสั่งให้เครื่ องทางาน เรี ยก บุคลากรเหล่านี้วา่ ผูใ้ ช้ หรื อ ยูเซอร์ (user) แต่ก็มีบางชนิดที่สามารถทางานได้เอง โดยไม่ตอ้ งใช้ผคู ้ วบคุม อย่างไรก็ตาม คอมพิวเตอร์ ก็ยงั คงต้องถูกออกแบบหรื อดูแล รักษาโดยมนุษย์เสมอ บุคลากรก็เป็ นส่ วนหนึ่งของระบบคอมพิวเตอร์ เพราะมีความเกี่ยวข้องกับ ระบบคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่การพัฒนาเครื่ องคอมพิวเตอร์ ตลอดจนถึงการนา คอมพิวเตอร์ มาใช้งานต่าง ๆ ซึ่ งสามารถสรุ ปลักษณะงานได้ดงั นี้ -การดาเนินงานและเครื่ องอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น การบันทึกข้อมูลลงสื่ อ หรื อส่ ง ข้อมูลเข้าประมวล หรื อควบคุมการทางานของระบบคอมพิวเตอร์ เช่น เจ้าหน้าที่ บันทึกข้อมูล (Data Entry Operator) เป็ นต้น
-การพัฒนาและบารุ งรักษาโปรแกรม เช่น เจ้าหน้าที่ พัฒนาโปรแกรมประยุกต์ เป็ นต้น -การวิเคราะห์และออกแบบระบบงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ ประมวลผล เช่น เจ้าหน้าที่วเิ คราะห์และออกแบบระบบงาน (System Analyst and Administrator) วิศวกรระบบ (System Engineer) เจ้าหน้าที่จดั การฐานข้อมูล (Database Adminstrator) เป็ นต้น
-การพัฒนาและบารุ งรักษาระบบทางฮาร์ดแวร์ เช่น เจ้าหน้าที่ควบคุมการทางานระบบคอมพิวเตอร์ (Computer Operator) เป็ นต้น -การบริ หารในหน่วยประมวลผลข้อมูล เช่น ผูบ้ ริ หารศูนย์ประมวลผลข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ (EDP Manager) เป็ นต้น
ข้ อมูลและสารสนเทศ (Data / Information) ในการทางานต่าง ๆ จะต้องมีขอ้ มูลเกิดขึ้น ตลอดเวลา ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานที่ถูกเก็บรวบรวมมา ประมวลผล เพื่อให้ได้สารสนเทศที่เป็ นประโยชน์ต่อผูใ้ ช้ ซึ้งในปัจจุบนั มีการนาเอาระบบคอมพิวเตอร์มาเป็ นข้อมูลใน การดัดแปลงข้อมูลให้ได้ประสิ ทธิภาพโดยแตกต่างๆ ระหว่าง ข้อมูล และ สารสนเทศ ข้ อมูล คือ ได้จากการ สารวจจริ ง แต่ สารสนเทศ คือ ได้จากข้อมูลไปผ่าน กระบวนการหนึ่งก่อน
สารสนเทศเป็ นสิ่ งที่ผบู ้ ริ หารนาไปใช้ช่วยในการตัดสิ นใจ โดยที่สารสนเทศที่มี ประโยชน์น้ นั จะมีคุณสมบัติ ดังตาราง สามารถนามาประยุกต์ใช้ ได้ อย่าง มีความสัมพันธ์กนั (relevant) เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบนั ต้ องมีความทันสมัยและพร้ อมที่จะใช้ มีความทันสมัย (timely) งานได้ ทนั ทีเมื่อต้ องการ เมื่อป้อนข้ อมูลเข้ าสูค่ อมพิวเตอร์ และ มีความถูกต้ องแม่นยา (accurate) ผลลัพธ์ที่ได้ จะต้ องถูกต้ องในทุกส่วน ข้ อมูลจะต้ องถูกย่นให้ มีความยาวที่ มีความกระชับรัดกุม (concise) พอเหมาะ ต้ องรวบรวมข้ อมูลที่สาคัญไว้ อย่าง มีความสมบูรณ์ในตัวเอง ครบถ้ วน (complete)
กระบวนการทางาน (Procedure) กระบวนการทางานหรื อโพรซี เยอร์ หมายถึง ขั้นตอนที่ผใู ้ ช้ จะต้องทาตาม เพื่อให้ได้งานเฉพาะอย่างจากคอมพิวเตอร์ ซ่ ึ งผูใ้ ช้ คอมพิวเตอร์ ทุกคนต้องรู ้การทางานพื้นฐานของเครื่ องคอมพิวเตอร์ เพื่อที่จะสามารถใช้งานได้อย่างถูกต้อง ตัวอย่างเช่น การใช้เครื่ อง ฝาก-ถอน เงินอัตโนมัติ ถ้าต้องการถอนเงินจะต้องผ่านกระบวนการต่าง ๆ ดังนี้ •จอภาพแสดงข้อความเตรี ยมพร้อมที่จะทางาน •สอดบัตร และพิมพ์รหัสผูใ้ ช้ •เลือกรายการ •ใส่ จานวนเงินที่ตอ้ งการ •รับเงิน •รับใบบันทึกรายการ และบัตร
1.ด้ านการศึกษา -ช่วยนาเสนอข้อมูลได้หลายรู ปแบบ -ช่วยรวบรวมข้อมูลต่างๆ -ช่วยให้ผเู ้ รี ยนสามารถศึกษาหาความรู ้ได้ดว้ ยตนเอง -ช่วยแลกเปลี่ยนและนาเสนอความคิดของผูเ้ รี ยนกับผูอ้ ื่น -ช่วยขยายโอกาสทางการศึกษาให้แก่ผเู ้ รี ยนที่ขาดแคลนผูส้ อน -ช่วยผลิตสื่ อการเรี ยนรู ้ที่น่าสนใจ และส่ งเสริ มการเรี ยนรู ้แก่ผเู ้ รี ยน -ช่วยอานวยความสะดวกในการเรี ยนรู ้ ผูเ้ รี ยนสามารถเรี ยนที่ไหนหรื อ เมื่อไรก็ได้ที่มีเครื่ องคอมพิวเตอร์
2.ด้ านการสื่ อสาร -ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการติดต่อสื่ อสาร -เป็ นสื่ อกลางในการรับและส่ งข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง -ช่วยกระจายข้อมูลจากแหล่งข้อมูลหนึ่งไปยังผูใ้ ช้ทุกคน 3.ด้ านการบริหารประเทศ -เป็ นช่องทางการรับรู ้ขอ้ มูลจากประชาชน -เป็ นช่องทางการนาเสนอข้อมูลไปสู่ ประชาชน -ส่ งเสริ มการแสดงออกซึ่ งประชาธิปไตร -เพิ่มทัศนคติที่เกี่ยวกับการบริ หารประเทศด้านบวกให้แก่ประชาชน -เป็ นช่องทางการติดต่อสื่ อสารระหว่างหน่วยงานของรัฐบาล -ช่วยอานวยความสะดวกให้กบั ประชาชนและข้าราชการในการจัดการเกี่ยวกับ งานด้านทะเบียนราษฎร
4.ด้ านสั งคมศาสตร์ -ช่วยเก็บข้อมูลสถิติดา้ นสังคมศาสตร์ -ช่วยคานวณโน้มปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต -ช่วยนาเสนอข้อมูลในรู ปแบบของกราฟ แผนภูมิ หรื อภาพ 3 มิติ ทาให้สามารถเปรี ยบเทียบข้อมูลต่างๆได้ง่ายยิง่ ขึ้น 5.ด้ านวิศวกรรม -ช่วยออกแบบและคานวณโครงสร้างบ้านและอาคาร -สร้างโมเดลจาลองก่อนการสร้างโมเดลจริ ง -ควบคุมการทางานด้านก่อสร้างที่มีความละเอียดอ่อน -ช่วยประมวลผลและประเมินสถานการณ์ที่อาจเกิดปัญหาขึ้นใน อนาคต
6.ด้ านวิทยาศาสตร์ -ช่วยเก็บและประมวลผลข้อมูลในงานวิจยั และการทดลองต่างๆ -เชื่อมต่ออุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์เพื่อเพิ่มประสิ ทธิภาพของอุปกรณ์น้ นั -ช่วยทางานวิจยั หรื องานทดลองที่มีความละเอียดและมีขนาดที่เล็กๆได้ -สร้างแบบจาลองงานทดลองเพื่อลดความผิดพลาดจากการทดลองกับ ของจริ ง 7.ด้ านการแพทย์ -ลดความผิดพลาดและเพิม่ ความแม่นยาในการวินิจฉัยและรักษาโรค -เผยแพร่ ขอ้ มูลเกี่ยวกับการดูแลรักษาสุ ขภาพ -ช่วยลดเวลาในการรักษาโรค
8.ด้ านอุตสาหกรรม -ช่วยควบคุมการผลิตชิ้นงานให้ได้ปริ มาณและคุณภาพตามต้องการ -ช่วยทางานในพื้นที่เสี่ ยงภัยหรื องานที่มนุษย์ไม่สามารถทาได้ -ช่วยลดปั ญหาการขาดแคลนแรงงาน -ช่วยคานวณปริ มาณวัตถุดิบ สิ นค้า และกาไร 9.ด้ านธุรกิจ -เป็ นช่องทางการนาเสนอสิ นค้า -ช่วยตรวจสอบและสั่งซื้ อสิ้ นค้าต่างๆ -ขยายโอกาสทางธุรกิจให้แก่ผทู ้ ี่มีเงินทุนต่า -ช่วยคานวณตัวเลขทางธุ รกิจได้อย่างแม่นยา -เพิม่ ความสะดวกในการซื้อและขายสิ นค้าจากทัว่ โลก
10.ด้ านธนาคาร -ลดขั้นในการดาเนิ นการ -ช่วยอานวยความสะดวกให้แก่ผใู ้ ช้บริ การธนาคาร ทาให้สามารถตรวจสอบข้อมูล ของลูกค้าได้จากทุกธนาคาร -ช่วยเก็บข้อมูลลูกค้าไว้ในส่ วนกลาง ทาให้สามารถตรวจสอบข้อมูลของลูกค้าได้ จากทุกธนาคาร 11.ด้ านสานักงาน -ใช้สร้างงานนาเสนอในรู ปแบบที่น่าสนใจ -ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการพิมพ์เอกสาร -ช่วยเก็บข้อมูลที่เป็ นประโยชน์ต่อการตัดสิ นใจของผูบ้ ริ หาร -ช่วยจัดทา แก้ไข หรื อคัดลอกเอกสารต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ ว เป็ นระเบียบ และ สวยงาม
12.ด้ านความบันเทิง -ช่วยให้เกิดความสนุกสนานและทาให้รู้สึกผ่อนคลาย -เพิ่มทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ -ส่งเสริ มความคิดริ เริ่ มสร้างสรรค์
สมาชิก นางสาว นิโลบล สั งข์ ทอง นางสาว ถิรวรรณ แซ่ เล้ า นางสาว อรวรรณ คาภูเขียว นางสาว ธัญญา ทองดี เอกการประถมศึกษา หมู่ 1 คบ. 2