John Snow, M.D. (1813 -1858)
แนวคิดพื้นฐานทางระบาดวิทยา รายวิชา: ระบาดวิทยา (Epidemiology) รหัสวิชา: ๔๑๐๒๗๐๖ อ. กมลวรรณ บุตรประเสริฐ ๑
บทที่ ๑ แนวคิดพื้นฐานทางระบาดวิทยา
หัวข้อการบรรยาย นิยามและความหมายของระบาดวิทยา ประวัตคิ วามเป็นมาและขอบเขตของระบาดวิทยา วัตถุประสงค์ของการศึกษาทางระบาดวิทยา ประโยชน์ของการศึกษาทางระบาดวิทยา การประยุกต์ใช้หลักการทางระบาดวิทยา ๒
วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อให้นักศึกษาทราบนิยามและความหมายของระบาดวิทยา ๒. เพื่อให้นักศึกษาทราบขอบเขตของระบาดวิทยา ๓. เพื่อให้นักศึกษาทราบวัตถุประสงค์ของการศึกษาวิชาระบาดวิทยาใน งานสาธารณสุข ๔. เพื่อให้นักศึกษาทราบประโยชน์ของการศึกษาทางระบาดวิทยา ๕. เพื่อให้นักศึกษาอธิบายความแตกต่างของระบาดวิทยาและเวชศาสตร์ คลินิกได้อย่างถูกต้อง ๖. เพื่อให้นักศึกษาทราบความสัมพันธ์ของวิชาระบาดวิทยากับศาสตร์ ด้านอื่นๆ ๗. เพื่อให้นักศึกษาทราบบทบาทของนักสาธารณสุขในงานระบาดวิทยา ๓
นิยามและความหมายของระบาดวิทยา ระบาดวิทยา (วิทยาการระบาด) เป็นแขนงวิชาหนึ่งทาง วิทยาศาสตร์สุขภาพ หลักและวิธีการทางระบาดวิทยา ได้นาไปใช้ ในการศึ ก ษาเกี่ ย วกั บ โรคและการให้ บ ริ ก ารสาธารณสุ ข ต่ า งๆ ตลอดจนแขนงวิชาที่เกี่ยวข้อง เป็นประโยชน์ในการค้นหาสาเหตุ ของโรค และปัญหาด้านอนามัยต่างๆ เป็นแนวทางในการป้องกัน และควบคุมโรค การวางแผนงานสาธารณสุข ตลอดจนช่วยพัฒนา งานอนามัย ๔
นิยามและความหมายของระบาดวิทยา(ต่ อ) “Epidemiology” ซึ่งมีรากศัพท์ภาษากรีก “Epidemic” Epidemiology มาจากรากศัพท์ ดังนี้ Epi แปลว่า on หรือ upon Demos แปลว่า pepole Logos แปลว่า knowledge
๕
นิยามและความหมายของระบาดวิทยา(ต่ อ) Epidemiology is defined as… “the study of the distribution and determinants การศึกษา การกระจาย ปัจจัย of health-related states or events in specified populations, สภาวะสุขภาพ ประชากร and the application of this study to the control of health problems.” การนาไปใช้ ควบคุมปัญหาด้านสุขภาพ ๖
นิยามและความหมายของระบาดวิทยา(ต่ อ)
การศึกษา การเกิดโรค
ประชากร
ควบคุมโรค สาเหตุ (หรื อปัจจัยเสี่ ยง) คืออะไร การกระจายของโรค: บุคคล เวลา สถานที่ ๗
องค์ประกอบของการศึกษาทางระบาดวิทยา ๑. สภาวะในบุคคล (personal condition) - การเปลี่ ย นแปลงทางสรี ร ะวิ ท ยา เช่ น ระดั บ ไขมั น ในเลื อ ด ระดับน้าตาลในเลือด ความดันโลหิต - สภาวะอนามัยอย่างอื่นๆ เช่น สุขภาพจิต บุคลิกภาพ - องค์ประกอบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคคล เช่น อายุ เพศ เชื้อชาติ
๒. กลุ่มประชากร (population) - การเกิดโรคในกลุ่มประชากร - ลักษณะประชากรในด้านสังคม เศรษฐกิจ ฯลฯ ๘
องค์ประกอบของการศึกษาทางระบาดวิทยา (ต่อ) ๓. การกระจายของโรค (distribution) - การติดต่อของโรค - อุบัติการณ์ของโรคในชุมชน - การระบาดของโรค ฯลฯ
๔. สาเหตุ (etiology, determinants) - สาเหตุของโรคภัยไข้เจ็บ - สิ่งแวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อการเกิดโรค - ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลหรือกลุ่มของประชากรสิ่งแวดล้อมที่มี อิทธิพลต่อการเกิดโรค - กลไกของการเกิดโรคภัยไข้เจ็บในคนหรือกลุ่มคน ๙
องค์ประกอบของการศึกษาทางระบาดวิทยา (ต่อ) ๕. โรคภัยไข้เจ็บต่าๆ (Diseases) - ธรรมชาติของการเกิดโรค (ระยะต่างๆ ก่อนเกิด – เกิดโรค) - กระบวนการเกิดโรค (เชื้อ บ่อเกิด-ทางเข้า-ทางออก การแพร่ บุคคล)
๖. การควบคุมและป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ (Control & prevention of diseases)
๑๐
ประวัติความเป็ นมาและขอบเขตของวิทยาการระบาด แผนที่แสดงการตายด้วยอหิวาตกโรค กรุงลอนดอน เดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๓๙๗ (๑๘๕๔)
John Snow, M.D. (๑๘๑๓ -๑๘๕๘)
ผู้ป่วยเสียชีวิต ๕๐๐ รายในเวลา ๑๐ วัน แต่ภายในเวลา ๑ สัปดาห์หลังจากถอนหัวจ่ายน้า การระบาดลดลง ๑๑
ขอบเขตของระบาดวิทยา ระบาดวิทยาเป็นวิชาที่มีรากฐานมาจากการศึกษา โรคระบาด ต่อมาเมื่อโลกพัฒนา ไป การเกิดโรคมีทั้งโรคติดเชื้อ โรคไร้เชื้อ ปัญหาสุขภาพจิต ปัญหาจากสิ่งแวดล้อม และความเสื่อมของร่างกาย ทาให้การศึกษาทางวิทยาการระบาดเปลี่ยนแปลงไปตามการพัฒนาของสังคมและ สิ่งแวดล้อมด้วย เช่น มีความครอบคลุมถึงการศึกษาโรคประจาถิ่น การใช้วัคซีนป้องกันโรค การเฝ้าระวังโรค การศึ ก ษาสาเหตุก ารตายจากโรคไร้ เ ชื้ อ ภั ย อุบั ติ เ หตุ ปั ญ หายาเสพติ ด โรคทางพันธุกรรมทีม่ ีผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ๑๒
วัตถุประสงค์ ของการศึกษาทางระบาดวิทยา ๑. เพื่อทราบขนาดและการกระจายของโรคในชุมชนและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง การศึกษาการกระจายของโรคในชุมชนที่เกี่ยวข้องกับบุคคล (person) เช่น เกิดโรค ในกลุ่มบุ คคล อายุ เพศ และฐานะอย่างใด สถานที่ที่เกิดโรค (place) มีสภาพ อย่างไร แห่งใดเกิดโรคมาก แห่งใดเกิดโรคน้อย และเวลาที่เกิดโรค (time) มีการ เกิดโรคแปรเปลี่ยนไปตามฤดูกาลหรือช่วงเวลาหนึ่งของปี / เดือน หรือไม่ ซึ่งจะทาให้ ทราบแนวโน้ ม ของโรคที่ เ กิ ด จะด าเนิ น ต่ อ ไปในอนาคตทั้ ง การเกิ ด โรคระบาด (epidemic) และโรคที่เกิดอยู่ประจาถิ่น (endemic) นอกจากนี้ยังศึกษาถึง ความสัมพันธ์ของปัจจัย ๓ อย่าง คือ - โฮสท์ (Host) - สิ่งที่ทาให้เกิดโรค หรือเชื้อโรค (agent) - สิ่งแวดล้อม (environment) ๑๓
วัตถุประสงค์ ของการศึกษาทางระบาดวิทยา (ต่ อ) ๒. เพื่อศึกษาสาเหตุของโรคหรืออุบัติการณ์ในชุมชน การศึกษา อุบัติการณ์หรือสาเหตุของโรคจะต้องอาศัยการศึกษาลักษณะการกระจาย ของโรคมาตั้งเป็นสมมติฐาน และหาสาเหตุว่าโรคนั้นน่าจะเกิดจากปัจจัย ใดบ้าง ทาการพิสูจน์สมมติฐานอธิบายถึงสิ่งที่เกี่ยวข้อง ๓. เพื่ออธิบายธรรมชาติการเกิดโรค การศึกษาถึงการกระจายของ โรค นอกจากจะเป็นหนทางที่ จะตอบปัญหาในเรื่องของสาเหตุของโรคแล้ว ยังใช้อ้างอิงและอธิบายถึงธรรมชาติของการเกิดโรคด้วย เช่น ก่อนเกิดโรค ขณะเกิ ด โรค การด าเนิ น ของโรคและผลสุ ด ท้ า ยของโรคเป็ น อย่ า งเช่ น เรื้อรัง พิการ ตาย และยังเป็นประโยชน์ในการทานายโรคด้วย ๑๔
วัตถุประสงค์ ของการศึกษาทางระบาดวิทยา (ต่ อ)
๔. เพื่อเป็นแนวทางในการควบคุมและป้องกัน เมื่อเกิดโรคขึ้นใน ชุมชนและต้องการที่จะควบคุมโรค หรือป้องกันจะต้องอาศัยความรู้ในเรื่อง การกระจายของโรคมาใช้ในการวางแผนการควบคุม-ป้องกัน
๑๕
ประโยชน์ ของการศึกษาทางระบาดวิทยา ๑. ศึกษาการเปลี่ยนแปลงในการเกิดและการกระจายของโรคใน ชุ ม ชน เช่ น การเกิ ด โรคซาร์ โรคไข้ ห วั ด นกที่ มี ก ารกระจายไปหลาย ประเทศในโลก หรือคาดคะเนแนวโน้มของการเกิดโรค เช่น การเกิดโรค ไข้เลือดออกที่มีการระบาด ๒ ปี แล้วจึงจะเว้น ๑ ปี ตามสายพันธุ์ที่เป็น สาเหตุของการเกิดโรค การศึกษาทางวิทยาการระบาด ประกอบไปด้วย การบันทึกข้อมูล วิเคราะห์สรุปปรากฎการณ์ต่างๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ใน การศึกษาเพิ่มเติมหรือศึกษาในด้านอื่นๆ ต่อไปรวมทั้งใช้ข้อมูลต่างๆที่บันทึก ไว้ทานายแนวโน้มในอนาคต ๑๖
ประโยชน์ ของการศึกษาทางระบาดวิทยา(ต่ อ) ๒. ใช้ในการวินิจฉัยชุมชน กระบวนการในการศึกษาทางวิทยาการ ระบาดทาให้ทราบถึงสภาพของอนามัยชุมชนนั้นๆ ตลอดจนปัญหาโรคภัย ไข้เจ็บที่เกิดในชุมชนได้ เพราะการศึกษาทางวิทยาการระบาดทาให้ทราบ จ านวนป่ ว ย จ านวนตาย ดั ช นี อ นามั ย ซึ่ ง บ่ ง บอกว่ า ชุ ม ชนนั้ น ๆ มี ประชาชนมีสุขภาพอย่างไร ป่วยด้วยโรคอะไร จานวนเท่าใด เป็นต้น
๑๗
ประโยชน์ ของการศึกษาทางระบาดวิทยา(ต่ อ) ๓. ใช้ในการควบคุมโรค เช่น การค้นพบโรคในระยะเริ่มแรก การให้ภูมิคุ้มกันก่อนที่จะมี การระบาดของโรค การทราบข้อมูลการ เจ็ บป่ วยทาให้ เ ตรี ยมการล่ ว งหน้า ได้ ดั งกรณี ไข้ หวั ด นกที่ท ราบว่ า มี ผู้ป่วยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ประเทศไทยจะเตรียมการในการควบคุม โรคมิให้เข้ามาในประเทศได้
๑๘
ประโยชน์ ของการศึกษาทางระบาดวิทยา(ต่ อ) ๔. ใช้วางแผนงานด้านบริการแพทย์และสาธารณสุข การทราบการ เจ็บป่วยของประชากรในชุม ชนโดยแยกตามสาเหตุและปัจจัยต่างๆ เช่น บุคคล เวลา สถานที่ ทาให้สามารถวางแผนการจัดบริการด้านการแพทย์ และสาธารณสุขได้เหมาะสมกับปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น จัดบริการด้านการ วางแผนครอบครัว คลินิกผู้สูงอายุ โครงการโภชนาการ และการรณรงค์ โรคพยาธิต่างๆ เป็นต้น ๕. ประเมินผลงานทางการแพทย์และสาธารณสุข การประเมินผล การใช้ยารักษาโรค การใช้วิธีการทางสุขศึกษาในการลดอัตราเกิดโรคพยาธิ ฯลฯ ๑๙
การนาระบาดวิทยามาประยุกต์ ในงานแพทย์ และ สาธารณสุ ขและงานในสาขาต่ างๆ ๑. ระบาดวิทยาคลินิก (Clinical epidemiology) การน าระบาดวิ ทยามาประยุ กต์ใ ช้ใ นทางคลินิ ก ก่ อให้เกิ ด ประโยชน์ในการดูแลรักษาผู้ป่วย ทาให้ผู้ป่วยได้รับบริการสุขภาพ อนามัยดีขึ้น มีการพิจารณาปัญหาต่างๆอย่างสมเหตุสมผล มีการนา ข้อมูลทางคลินิกมาวิเคราะห์อย่างถูกต้อง และนาผลการวิเคราะห์นั้น ไปใช้เป็นประโยชน์ในการดูแลผู้ป่วย
๒๐
๒. ระบาดวิทยาเชิงสังคม (Social epidemiology) สุขภาพอนามัยเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมต่างๆ ทางเคมี ทางกายภาพ ทางชีวภาพ และทางสังคม สาเหตุของโรคหลายชนิดเนื่องมาจากปัจจัยทางจิตวิทยา สังคม (Psychosocial factor) โรคที่เป็นปัญหาสาธารณสุขหลายโรคในปัจจุบันมีผลสืบ เนื่องมาจากปัจจัยทางสังคม เช่น การติดสารเสพติด โรคพิษสุราเรื้อรัง โรคจิตโรค ประสาท กามโรค ไข้มาลาเรีย โรคเบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น ปัจจัยทางสังคมที่มี อิทธิพลต่อการเกิดโรค เช่น การสูญเสียดุลยภาพในสังคม (Social disequilibrium), ภาวะวิกฤตในชีวิต (Stressful life events) ความเครียดเรื้อรัง (Chronic stress) การ เคลื่อนย้ายประชากร (Population migration) เป็นต้น การนาระบาดวิทยามาศึกษา และประยุ ก ต์ ใ นทางสั ง คมโดยศึ ก ษาโครงสร้ า ง ระบบสั ง คม ปั จ จั ย ทางสั ง คมที่ มี ผลกระทบต่อสุขภาพอนามัย ตลอดจนพฤติกรรมอนามัยต่างๆของประชากร จะช่วยให้ การป้องกันและควบคุมโรคมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น และช่วยพัฒนาอนามัยของชุมชน
๒๑
๓. ระบาดวิทยาและการวิจัยบริการสาธารณสุข (Epidemiology and health service research) การวิจัยบริการสาธารณสุขเป็นการศึกษาอย่างเป็นระบบของวิธีการซึ่งจะนาเอาความรู้ ในทางชีวการแพทย์ และความรู้อื่นๆที่เกี่ยวข้องไปใช้ในเรื่องสุขภาพอนามัยของบุคคลและชุมชน ภายใต้สภาวะที่กาหนด การวิจัยบริการสาธารณสุขอาจเกี่ยวข้องกับวิธีการให้บริการอนามัยเพื่อให้มี ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด การเพิ่มอัตราครอบคลุมของ การให้บริการ การพัฒนาบุคลากรสาธารณสุขในการให้บริการ ตลอดจนการประยุกต์เทคโนโลยี และรูปแบบที่เหมาะสมในการให้บริการอนามัย ระบาดวิทยานับเป็นวิทยาการหลักในการวิจัย บริการสาธารณสุข โดยมีวิทยาการแขนงอื่นเข้ามามีบทบาทที่สาคัญด้วย เช่น สังคมศาสตร์ การ บริหารงาน สังคมจิตวิทยาและสถิติ การวิจัยบริการสาธารณสุขนับเป็นองค์ความรู้ที่สาคัญในการ พัฒนาอนามัย
๒๒
๔. ระบาดวิทยาและสาธารณสุขมูลฐาน (Epidemiology and primary health care) ในปัจ จุ บันประเทศกาลั ง พัฒนาส่วนใหญ่ได้สนใจงานสาธารณสุขมูลฐาน และเสริมสร้า งคุ ณ ภาพชี วิตของประชากร โดยพัฒนาสุขภาพอนามัย และความ จาเป็นพื้นฐานทางสังคมด้านอื่นๆควบคู่กันไป ใช้ยุทธวิธีที่ให้ชุมชนได้มีโอกาสพัฒนา ตนเอง พึ่งตนเอง ใช้ทรัพยากรส่วนใหญ่ของท้องถิ่นและเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับ ท้ อ งถิ่ น ให้ ชุ ม ชนมี ส่ ว นช่ ว ยด าเนิ น การและมี ฝ่ า ยต่ า งๆประสานงานในการพั ฒ นา สิ่งจาเป็นพื้นฐานต่อการดารงชีวิต
๒๓
ข้ อแตกต่ างระหว่ างระบาดวิทยาและเวชศาสตร์ คลินิก
ระบาดวิทยา เป็นวิทยาการทางวิทยาศาสตร์สุขภาพแขนงหนึ่งที่ ศึ ก ษาเกี่ ย วกั บ การกระจายของโรค และการเปลี่ ย นแปลงของโรคใน ประชากร ปั จ จั ย ที่ เ ป็ น สาเหตุ ข องโรคและสาเหตุ ก ารระบาดของโรค ตลอดจนนิเวศวิทยาของโรค เวชศาสตร์คลินิก (Clinical medicine) เป็นวิทยาการทาง วิทยาศาสตร์สุขภาพแขนงหนึ่งเช่นกันเกี่ยวข้องกับการตรวจวินิจฉัยโรคและ การรักษาโรคเป็นสาคัญ
๒๔
ข้อแตกต่างระหว่างระบาดวิทยา และเวชศาสตร์คลินิก หัวข้อ ๑. ประชากรที่เกี่ยวข้อง
ระบาดวิทยา
ประชากรในชุมชนทั้งหมด ทั้งที่ป่วยและไม่ป่วย ๒. ขอบเขตของงาน ส่วนใหญ่ศึกษาเกี่ยวกับการกระจาย ของโรคในชุมชน การสืบสวนสาเหตุ ของโรค และสาเหตุการระบาดของ โรค การวางมาตรการป้องกันและ ควบคุม ๓. จัดเริ่มต้นของงาน นักระบาดวิทยา ๔. ความสัมพันธ์ระหว่างนักวิชาชีพ ส่ ว น ใ ห ญ่ เ ป็ น ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ใ น ต่อประชากร ลักษณะหนึ่งต่อจานวนมาก ๕. เกณฑ์ที่ใช้วัดความสาเร็จ จานวนประชากรที่ไม่เจ็บป่วย
เวชศาสตร์คลินิก ผู้ป่วยที่มารับบริการ ส่วนใหญ่เกี่ยวกับการวินิจฉัยและการ รักษาโรค
ผู้ป่วยที่มารับบริการ มักเป็นความสัมพันธ์ในลักษณะหนึ่ง ต่อหนึ่ง จานวนผู้ป่วยทีร่ ักษาหายหรือทุเลา
๒๕
แขนงวิชาทีเ่ กีย่ วข้ อง (Related disciplines) ๑. เวชศาสตร์คลินิก (Clinical medicine) ความรู้เกี่ยวกับโรค อาการ การวินิจฉัยโรค การรักษาส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับแพทย์ ๒. พยาธิวิทยา (Pathology) ความรู้เกี่ยวกับอาการและสมมุติฐานของโรค ๓. จุ ล ชี ว วิ ท ยา (Microbiology) ความรู้ เ กี่ ย วกั บ จุ ล ชี พ ที่ เ ป็ น สาเหตุ ข องการเกิ ด โรค เช่น แบคทีเรีย ๔. ปราสิตวิทยา (Parasitology) ความรู้เกี่ยวกับหนอนพยาธิ เช่น พยาธิไส้เดือน ตัวตืด ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรค ๕. ชีวสถิติ (Biostatistics) ค่าหรือตัวเลขที่ได้จากการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการเจ็บป่วย เช่น อัตราป่วย อัตราตายของโรคต่างๆ ๖. ประชากรศาสตร์ (Demography) วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับความเป็นไปของมนุษย์ เน้นปัจจัยที่ ตัวบุคคล เช่น เพศ อายุ พฤติกรรม ๗. แขนงวิชาอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น เวชศาสตร์ชันสูตร (เทคนิคการแพทย์) รังสีวิทยา
๒๖
หนังสันระบาดวิทยาโรคบาดทะยัก หนังสั้นวิทยาการระบาด วิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัด ชลบุรี จัดทาโดย นักศึกษาทันตสาธารณสุขกลุ่มที๑่ ๑ https://www.youtube.com/watch?v=FxiQtEqZjgQ ๒๗
สรุป ระบาดวิ ท ยา หรื อ วิ ท ยาการระบาดเป็ น แขนงวิ ช าหนึ่ ง ทาง วิทยาศาสตร์สุขภาพเป็นการศึกษาเกี่ ยวกับ การกระจายของโรคในชุมชน ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการกระจายของโรค หรือการเกิดโรคในประชากรมนุษย์ และการเปลี่ยนแปลงของโรค ระบาดวิทยาศึกษาทั้งภาวะที่เป็นโรคและไม่ใช่ โรค และการศึกษาทั้งโรคติดเชื้อและโรคไร้เชื้อ ระบาดวิทยานับเป็นวิช า พื้ น ฐานของเวชศาสตร์ ชุ ม ชน เวชศาสตร์ ป้ อ งกั น และสาธารณสุ ข ศาสตร์ การศึ ก ษาทางระบาดวิ ท ยานั บ ว่ า มี ค วามส าคั ญ และมี ป ระโยชน์ ใ นทาง การแพทย์และสาธารณสุข ช่วยค้นหาสาเหตุของโรคและปัจจัยเสี่ยงของโรค ช่วยสืบสวนสอบสวนถึงสาเหตุการระบาดของโรค ช่วยวางแนวทางในการ ป้องกันและควบคุมโรคทาให้สุขภาพและอนามัยของชุมชนดีขึ้น ๒๘
ค้าถามทบทวน ๑. ให้นักศึกษาอธิบายความหมายของระบาดวิทยา ๒. ให้นักศึกษาอธิบายวัตถุประสงค์และประโยชน์ในการศึกษาทางระบาด วิทยา
๓. หากนักศึกษาเป็นนักระบาดวิทยา จะนาความรู้ที่ได้รับปรับใช้ในชุมชนได้ อย่างไรบ้าง ๔. ให้นักศึกษาอธิปรายร่วมกันเกี่ยวกับบทบาทของนักสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง กับงานอาชีวอนามัยและความปลอดภัย พร้อมทั้งระบุว่าทาอะไรบ้าง ๕. ให้ นั ก ศึ ก ษาพิ จ ารณางานด้ า นระบาดวิ ท ยาว่ า มี ง านอะไรบ้ า ง มี ใ คร เกี่ยวข้องบ้าง และนักสาธารณสุขทาอะไรในงานนั้นๆ
๒๙
เอกสารอ้ างอิง ณรงค์ ณ เชียงใหม่ และกรรณิกา วิทย์สภากร.มนุษยนิเวศวิทยาและการสาธารณสุข.กรุงเทพมหานคร : สานักพิมพ์โอเดียนสโตร์,๒๕๒๘. ไพบูลย์ โล่สุนทร.ระบาดวิทยา.พิมพ์ครั้งที่ ๗ กรุงเทพมหานคร : สานักพิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,๒๕๕๒. สมชาย สุพันธุ์วณิช.หลักระบาดวิทยา.กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์การพิมพ์สามมิตร,๒๕๒๔. สาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ.มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.เอกสารการสอนชุดวิชาวิทยาการระบาด และการควบคุมโรค หน่วยที่ ๑-๗.พิมพ์ครั้งที่ ๑๔ นนทบุรี:มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช,๒๕๓๙ MacMahon,B,and Pugh, T.F. Epidemiology : Principles and Methods. Boston,Little,Brown and Co. 1970. Beaglehole R.,Bonita R. and Kjellstrom T. Basic epidemiology. Hong Kong, World Health Organization .2004.
๓๐