สิกขิม เมืองบนเขาในเงาหมอก

Page 1

NuNit

สิกขิม: เมืองบนเขาในเงาหมอก

Dec 2008

[บันทีกเรือ ่ งราวการเดินทางในสิกขิม ประทับใจกับธรรมชาติอันแสนงาน และคนภูเขาที่อยูก  ันอยางเรียบงาย พอเพียง]


สิกขิม: เมืองบนเขาในเงาหมอก

สรุปการเดินทางในสิกขิม 12 วัน วันที่ 1: กรุงเทพ- กัลกัตตา-บัคโดรา-และแลวค่ํา ๆ เราก็มาย่ํากังต็อก เมืองหลวงของสิกขิม วันที่ 2 : กังต็อก – ทะเลสาบฉางโก - กลับมาเดินเลนสบาย ๆ ที่กังตอก - ฉลองคริสมาสต กับสตูหมูแสนอรอยPork Gyree ที่ราน Tangerine วันที่ 3 : กังต็อก –ตื่นมาเพราะแผนดินไหว –แวะดูลามะซอมระบําหนากาก ที่วัด Phodong – สนทนาธรรมกับลามะ - แอบถายรูปลามะนอยผมยาว – มุงสู Lachung พักที่รีสอรทสวย Le Coxy - คืนนี้ชางหนาวและดาวชางสวย วันที่ 4 : Lachung – ทะเลสาบยุมถัง - เลนหิมะที่ Zero Point Lachung-วกลงมาเมือง Chungthang - แวะจิบชากอนถึง Lachen

- ชมระบําหนากากที่วัด

วันที่ 5 : Lachen เมืองนี้นารัก จนอยากจะพักหลาย ๆ วัน – ไป Tsopta Valley ระหวางทางชางสวยจับใจ – จําใจกลับกังต็อก วันที่ 6: พักสบาย ๆ ในกังต็อก ขึ้นกระเชาชมเมือง แวะวัด Enchey Gompa วันที่ 7: ออกจากกังต็อก –ไหวพระที่วัด Rumtek – ออกนอกเสนทางไปดูไรTemi ที่South Sikkim – นมัสการ Sadruptse ที่ Namchi – หลงทางในหุบเขา กอนวกขึ้นไปทางตะวันออกสูเมือง Pelling วันที่ 8 : Pelling – รอชมคังเชงจุงกาจากดาดฟาโรงแรม- นั่งจิบชาที่เมือง Yuksom – อธิฐานขอพรที่ ทะเลสาบศักสิทธิ์ Khecheopalri Lake –นั่งสงบ ๆ ที่วัดเกาแก Pemayangtse Gompa วันที่ 9 : Pelling- แวะจิบชา ชวนเด็กกระโดด ตามไรชารายทาง- ออกจาก Sikkim-มุงสูรัฐ West Bangal ทานเค็กแสนอรอยที่ Glenary - ฉลองปใหมที่เมือง Dajeering


วันที่ 10: รับแสงอาทิตยแรกแหงป ชมยอดคังเจงจุงกา ที่ Tiger Hill – นมัสการขอพรปใหมที่วัด Ghum และวัด Samten – นั่งรถไฟสายมรดกโลก Toy Train – กอนกลับมาชอปปงชาที่รา น Nathmull วันที่ 11 : Dajeering – แวะไรชาลือชื่อ Makaibari – ขับผานไรชาในที่ราบกอนถึงเมือง Silliguri – สนามบินบัคโดลา- กัลกัตตา วันที่ 12: แท็กซี่ประทวงในกัลกัตตา- กลับบานเรา กรุงเทพมหานคร


สรุŕ¸›ŕ¸„ďœŠาŕšƒŕ¸Šďœ‹ŕ¸ˆďœŠายทูŕš‰ŕ¸‡ญลด

34000 21000 !"# 2200 $ ภ& 10000 Category Preparation Air ticket Visa Insurance

Detail

Jet Airways : Bangkok-Kolkata-Bagdola

Thai (Bath)

Rp

21000 2200 461

Transportation and Local Tours at Sikkim Bagdola - Gangtok Small sumo (4 people) 984 1200 Gangtok-Chango lake Total 4 people, 1 day trip, transporation 1803 2200 Gangtok-Lachung-Lanchen Total 4 people, 3 day 2 night trip, transporation and meal12131 14800 Tip for driver and guide (Tour to Lachung, Lachen) 820 1000 Gangtok: Taxi in Gangtok From Hotel - Gangtok Ropeway 41 50 Gangtok: Gangtok Rope way 60 Rp each person 197 240 Gangtok: Taxi to Enchy monasty 82 100 Gangtok: Taxi from Enchy monasty to central Gangtok 41 50 Pelling: Taxi from Gangtok - South Sikkim- Pelling Booking Taxi via travel agency 3115 3800 Rumtek entry fee 16 20 Entry fee at Sadruptse at Namchi 100 Rp each plus 10 Rp parking fee 336 410 Taxi 2 days travel around Pelling and to Dajeering 2000 Rp per day, direct negotiate with the taxi driver from3279 Gangtok to Pelling 4000 Entry fee at Pemayangste Gompa 33 40 Taxi to Tiger Hill at Darjeering 492 600 Tiger Hill entry fee There are 3 class, 40 Rp, 30 Rp and 20 Rp 98 120 Toy Train at Dajeering Joy ride, 240 Rp each 787 960 Taxi from Dajeering to Bagdola Airport Stop at Makaibari tea garden 820 1000 Porter fee at Dajeering 164 200 Taxi from Airport to Kolkata city: Sudden Str. Use prepaid 230 Rp + over weight 30 Rp 213 260 Taxi from Kolkata city to Airport Private Taxi, public taxi striked 656 800 26107 Hotel Ganktok: Silver line Hotel Pelling: The Aryan Regency Dajeering: Pineridge Kolkata:xxx Meal 1st day: Stack 1st day: Dinner, Gangtok 2nd day: Breakfast, Gangtok 2nd day: Lunch, Chango 2nd day: Snack 2nd day: Dinner, Gangtok 3rd day: Snack 5th day: Snack 5th day: Dinner, Gangtok 6th day: Breakfast, Gangtok 6th day: Lunch: Gangtok 6th day: Dinner: Gangtok 7th day: Breakfast, Gangtok (Rumtek) 7th day: Snack 7th day: Lunch: Namchi 7th day: Dinner at Pelling 8th day: Breakfast at Pelling 8th day: Snack and Tea 8th day: Lunch at Pelling 8th day: Dinner at Pelling 9th day: Breakfast at Pelling 9th day: Snack and Tea 9th day: Lunch at Darjeeting 9th day: Dinner at Dajeering (Happy New Year) 10th day: Breakfast at Dajeering 10th day: Snack and Tea 10th day: Lunch at Darjeeting 10th day: Dinner at Kolkata 11th day: Breakfast at Kolkata

2 rooms, 4 night, 400-440 Rp per night include tax 2754 2 rooms, 2 night, 600 Rp per night not include tax and heater 2705 2 rooms, 2 night, 500 Rp per night include tax 1639 1 room, 1 night, clean hotel 492 7590

3360 3300 2000 600

64 242 82 209 64 748 16 90 537 155 127 410 45 37 257 434 246 143 213 467 205 57 221 656 127 33 221 844 189

78 295 100 255 78 912 20 110 655 189 155 500 55 45 313 530 300 174 260 570 250 70 270 800 155 40 270 1030 230

At Test of Tibetian, Gangtok At Hotel, Silver line At Chango Lake Orange, Lays and other At Tangrine (Pork Gyaree อรďœŠอยลาภ) Lays Orange, Lays, CocaCola and other Bake CafĂŠ At Hotel, Silver line At Tourist Amenity, infront of Enchey Monasty At China Plate Poori and Rumtek Monasty อรďœŠอยลาภLunch at Himalaya Hotel At The Aryan Regency Hotel At The Aryan Regency Hotel At Yuksum At Aryan Regency Hotel At Aryan Regency Hotel At Aryan Regency Hotel At Tea Garden, on the way to Darjeering At Glenary At Glenary At resterant near Dajeering train station Orange, tea At Glenary Monkolian soup Bungali food


สิกขิมนั้นสามารถเที่ยวไดหลายเดือน วันที่ 1: กรุงเทพ- กัลกัตตา-บัคโดราและแลวค่ํา ๆ เราก็มาย่ํากังต็อก เมืองหลวงของสิกขิม พอเราบอกเพื่อนรวมงานชาวอินเดีย วา “ป นี้ไอจะหาทางไปเที่ยวประเทศยูนะ” เพื่อน มันทําหนาแปลก ๆ แลวบอกวา “ยูจะไป ทําไมละ ประเทศอื่นมีถมเถทําไมไมไป” “อาว ก็ไอนะนะโตมา กับพุทธประวัติ วรรณคดี หรือ หนังจักร ๆ วงค ๆ นะ ไอก็ เลยอยากไปเห็นนะ วา เมืองฤษีเกศ เมือง หริทวาร เมืองพาราณสี นะ หนาตาเปน ยังไง จะเหมือนที่ไอเคยจินตนาการไวไหม” “งั้นถายูจะไปอินเดียนะ ใหเริ่มตนจากไป เที่ยวทางเหนือของอินเดีย อยางสิกขิม เลห ลาดัก หรือ แคชเมียร กอน แลวคอยลงไป แถบตอนกลางหรือตอนลาง ยูจะไดไมช็อค แลวยูจะไดไปอีก ถายูไปเมืองเดลี หรือ พาราณสี ครั้งแรกเลย เดี๋ยวยูจะไมอยากไป อินเดียอีก” ในเมื่อเจาของประเทศบอกมายังงี้ งั้นปนี้เรา เริ่มตนจากไปสิกขิม กอนแลวกัน...ปหนา คอยลงไปใกล ๆ เดลี ออ...ลืมบอกไป เพื่อนรวมงานคนนี้มาจาก รัฐปญจาบ เมืองอัมริสสา เห็นเคาวาเปน เมืองที่ผูคนจะคอนขาง Soft กวาแถบอื่น

ในชวงเดือน พฤษภาคม ดอกกุหลาบพันป จะออกดอกบานสะพรั่งไปทั้งหุบเขา หิมะ บนภูเขาจะละลายกลายเปนน้ําตกหลายรอย สาย น้ําตกเหลานี้จะมีอยูต  ลอดทางที่เราจะ ไป ในชวงเดือนตุลา ฟาจะใส เปนชวงที่เหมาะ กับการมาดูยอดคังเจงจุงกา ยอดเขาที่สูง เปนอันดับสามของโลก ชวงมกราคม กุมภาพันธ จะเปนชวงหิมะตก เหมาะสําหรับการมาเลนสกีแถบทางเหนือ ของสิกขิม

พวกเราสี่คนไปสิกขิมกันในชวงปใหม ซึ่ง ไมไดอยูในชวงฤดูทอ  งเทีย ่ ว และเปนชวง ใกลวันหยุดปใหม ไมคอยเจอนักทองเที่ยว มากนัก รานรวงก็ปดเร็ว แตเสนหของเมือง บนเขา ความเรียบงายของผูคนที่นี่ ก็ทําให พวกเราตั้งคําถามกันวา พวกเราจะวิ่ง ขวนขวายทํางานจนแทบไมไดลาหยุดกัน ไปเพื่ออะไรเนี่ย...เพื่อนคนนึงบอกวา ก็เพื่อ ในบั้นปลายชีวิต พวกเราจะไดมีบานเล็ก ๆ บนเขา ใชชีวิตเรียบงายไดแบบนี้บางไง… อืม นับวาคนที่นี่เคามีบุญเนอะ ไดอยูใน สิ่งแวดลอมทีด ่ ี อากาศดี มีศาสนาเปน เครื่องยึดเหนี่ยว ชาวสิกขิมเคาถึงดูมี ความสุขกัน วันแรก เราออกจากเมืองไทยประมาณเกา โมงครึ่งไปกัลกัตตา โดยทําการเช็คอินไป ถึงบักโดรา ปลายทางเลย เจาหนาที่สายการบินเตือนวาพอไปถึง กัลกัตตาแลวตองรอเอากระเปาออกมากอน แลวเดินไปอีกเทอรมินอลนึง เอากระเปาไป เช็คที่สายการบินใหมอีกรอบ กระเปาไมได


ไปแบบอัตโนมัตินะคะ และขอใหไปถึงเกท เร็วหนอยเพราะตั้งแตมีเหตุการณฆา นักทองเที่ยวที่มุมไบทางสายการบินที่บิน เขาอินเดีย และสายการบินภายในประเทศ ของอินเดียมีการเพิ่มระดับความปลอดภัย ทําใหตองใชเวลานานในการตรวจผูโดยสาร

ถาม แลวก็พาเราเดินเลือกรถตามใจชอบ วา อยากจะไปรถแบบไหน คันไหน ราคาก็ ตางกันไปแลวแตขนาดรถ พวกเราเลือกได รถคันเล็กสีขาว ๆ ดูทาทางสภาพดี ราคาที่ นายหนาบอกก็ไมตางจากที่ทําการบานมา ถูกวาหนอยดวยซ้ํา ก็เลยโอเค...

พอถึงกัลกัตตา หลังจากรอรับกระเปาแลว พวกเราก็แลกเงินกันที่สนามบิน จากนั้นก็ ออกมานอกเทอรมินอล เดินไปยัง Domestic Terminal ทีอ ่ ยูหางกันประมาณ 3 นาทีเดิน

จากการสังเกตของพวกเราตลอดทริปนี้ แถบสิกขิมนี่ คนขายแทบไมไดบอกราคา บอกผานเลย ไมวาจะเปนรถเชา ทัวร ราคา ของที่ระลึก ผลไมตามตลาดสด เอ..หรือจะ เปนเพราะพวกเราตอของกันไมเกงก็ไมรู...

ขางนอกสนามบินคึกคักดี บรรดาผูคนที่มา รับญาติที่กลับจากตางประเทศตางก็ยิ้มแยม แจมใส ในมือมีพวงมาลัยดอกดาวเรืองสีสม พวงโต ๆ เอาไวคลองคอใหกับคนที่มารับ บรรยากาศคลายบานเราสมัยกอนเลย

ออกจากสนามบินมาไดเล็กนอย...รถเกิด ยางแตก !!! คนขับใชเวลาไมถึงสิบนาทีใน การเปลี่ยนยาง (ที่แทบจะไมมีดอกยาง เหลืออยูเลย)...อาว แลวไง...ถาเกิดยาง แตกอีกรอบ สงสัยพวกเราไดนอนในเขากัน แน ๆ เลย...

เห็นแลวนึกถีงหนังเรื่อง Love Actually ที่ ตอนตนเรื่อง ตัวละครมีการเกริ่นวา ... ผม ชอบบรรยากาศของสนามบิน เพราะเต็มไป ดวยรอยยิ้ม เต็มไปดวยความสุข...

ออกจากบักโดราเขาพอเขตรัฐสิกขิม จู ๆ ทางที่เคยราบเรียบมองไมออกวาจะมี เทือกเขาไดอยางไร ก็กลายเปนทางเลียบ หนาผาขนาดพอที่รถจะสวนทางกันได ถา ขับอยางใจเย็น ๆ… คนขับรถที่นี่ใจเย็นกันนะ ไมมีการบนเปน หมีกินผึ้งเวลารถติดไปไมได หรือวากลาว อีกฝายที่ทําใหรถติด มีการใหทางกันและ กันตลอด... เวลารถติด ไปไมได เพราะรถ ใหญบังเอิญสวนกัน ก็จะมีคนลงไปดู ชวย บอกทางใหคันโนน คันนี้ ขยับไปซาย ถอย หลังนิด...สุดทาย ก็ไปกันไดทุกคัน…

จากนั้นตอสายการบินภายในไปบักโดรา เรา ไปถึงสนามบินบักโดราประมาณบายสอง โมง หารถจากสนามบินไปเมืองกังตอก รถ แท็กซี่หาไมยาก เพียงเดินออกมาจาก เทอรมินอลเล็กนอย ทางดานซายมือจะมี คิวรถเชาอยูเต็มไปหมด จะผานนายหนา หรือติดตอกับคนขับโดยตรงก็ได แต สวนมากคนขับมักจะพูดภาษาอังกฤษไมได จึงมีนายหนาคอยชวยเจรจาแทน พวกเรา เดินออกมามองหารถ ก็มีนายหนาเดินมา


ระยะทางจากสนามบินบัคโดรา ไปเมืองกัง ตอกประมาณ 120 กม ใชเวลาประมาณสี่ ชั่วโมงครึ่ง โดยระหวางทาง พวกเราแวะ ประทับตราเขาสิกขิมกันทีด ่ าน Rangpo ออกจากดานฟาก็เริ่มมืดแลว

เราหาอาหารมื้อเย็นทานกันที่ Taste of Tibetiant เพราะอยากทานโมโม หรือเกี๋ยว แบบธิเบต แตปรากฎวาหมด เลยรอไปทาน มื้อตอไปแลวกัน

กอนจะถึงเมืองกังตอก ทางบนเขาที่ผานมา ที่มืดสนิท อยู ๆ ก็มีแสงไฟระยิบระยับบน ภูเขา คลายใครเอาเทียนไปปกบนเขา โชเฟอรบอกวา นั้นแหละ เมืองกังตอก แหละ โอ...มองไกล ๆ ยังสวยขนาดนี้...ไม เลวเลย พวกเราเห็นภาพประทับใจตั้งแตวัน แรกเลย...

วันที่ 2 : กังต็อก – ทะเลสาบฉางโก กลับมาเดินเลนสบาย ๆ ที่กังตอก ฉลองคริสมาสต กับสตูหมูแสนอรอย Pork Gyree ที่ราน Tangerine

ถึงเมืองกังตอกประมาณหกโมงครึ่งซึ่งมืด สนิทแลว ใหรถจอดรอ เดินหาโรงแรมกัน ไดโรงแรม Silver Line Hotel อยูบนถนน Tibet ราคา คืนละ 400 รูป รวมภาษี มีน้ําอุน หอง สะอาดดี อยูไมไกลจาก MG Marg เดิน ประมาณ 5 นาทีถึง ในแผนที่ของ LP ไมมี โรงแรมนี้ โรงแรมนี้จะอยูใกลกับ Hotel Lhakpa ใน LP

อากาศที่กังตอกเย็นมาก ๆ อุณหภูมิ ประมาณ 5-10 องศา นัดกับทัวรไว 9 โมง แตกวาจะออกจริง ก็สิบโมง เพราะมีปญหา Permit เล็กนอย ไมเปนไร พวกเราจะได เดินดูตึกรามบานชองในตัวเมืองกันกอน ถนน MG นี่ปูพื้นสวยดี ปลูกดอกไม ประดับ ไฟ ตัวตึกทาสีเขียวดูสะอาดตา ดูแลว เหมือนเมืองทองเที่ยวตามยุโรปเลยแฮะ

เขาโรงแรมแลว พวกเราก็รีบออกไปติดตอ Local Tour กันกอนเลย เพราะกลัววาจะทํา Permit สําหรับไป Changu Lake และ North Sikkim ไมทันอาจตองเที่ยวในกัง ตอกไปกอนวันสองวัน กลัวหิมะตกแลวจะ ไปไมไดดวย... เราไปติดตอที่ Blue Sky Tours and Travel เจาเกาที่แนะนําไวใน Trekking Thai และใน LP แหละจา ไมไดไปเลือกเจา ไหนเลย เราเกรงวาทางทัวรจะทํา Permit ใหเราไมทัน เพราะเราไปถึงก็เกือบจะปด รานแลว ปรากฏวาทํา Permit ทันเจาคะ เราเลยจะซื้อทัวรไป Changu Lake กันกอน แลววันตอมาคอยมาตอราคาทัวรไป North Sikkim ทีหลัง ตอนนี้สํานักงานของ Blue Sky ยายไปอยู MG Marg แลวนะคะ ติดกับ Tourist Info Center เลย ก็นับวาสะดวกดี เพราะทางทัวร สามารถติดตอทํา Permit ไดตั้งแตเชา

ออ...เคามีกฏหามไมใหรถใหญวิ่งเขามาใน ตัวเมืองในบางชวงเวลา ตอนเราจะออกไป เที่ยวตองไปตอรถทีท ่ ารถจอดดานนอก นัย วาเปนการรักษาเมืองไมใหมีมลภาวะมาก เกินไป... จากกังตอกไปทะเลสาบ Changu เปน ระยะทาง 47 กม ใชเวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงบนถนนเลียบหนาผา ระหวางทาง ก็มีจุด Check point เปนระยะ เพื่อเช็คใบ อนุญาติ


ไกดของเรา ชื่อสุรัจ ก็ทําหนาที่ลงไป ประทับตราใบอนุญาติ พวกเราก็ถายรูป ซื้อ กาแฟ ชิมขนมพื้นเมืองกันไป ไกดเราไม ชางพูด แถมดูขี้อายหนอย ๆ ซึ่งพวกเราก็ ไมแปลกใจเทาไร เพราะสุรัจบอกวาทํางาน มา 7 เดือน (เอง) และเทาที่ทําการบานมา ไกดแถบสิกขิมนี้จะไมใชไกดอาชีพที่คอย อธิบายเรื่องราวใหนักทองเที่ยวฟงจอย ๆ จะเปนผูประสานงานมากกวา

ไปถึงทะเลสาบ Changu ประมาณเที่ยง หมอกกําลังลงจัดมองไมเห็นทะเลสาบ ก็ เลยแวะไปทานขาวกันกอน อาหารแนะนํา แถบนี้คือ Chai หรือชานมรอน ๆ กับหมี่ผัด และโมโม รสชาดใชได ราคาก็ไมแพงมาก

พวกเราบอกสุรัจวา เปาหมายของทริปนี้ มี สามอยางคือ ถายรูป กิน นอน...ตอนแรก สุรัจ ทําหนางง ๆ แตสุดทายก็เขาใจ แถม เวลาเจอมุมสวย ๆ จะถามพวกเราวา จะหยุด ถายรูปไหม...

แตฟาที่นี่ ยามฟาเปด ฟาเปนฟา สีฟาสด จริง ๆ ไมเปนฟาหมน ๆ เทา ๆ เหมือนแถบ นิคมอุตสาหกรรมที่เราทํางาน...

ที่จุด Check point เจอเจาหนาที่คนนึง พอ รูวาพวกเรามาจากเมืองไทย ก็โชวตะกรุดที่ หอยคอใหดู บอกวาไดมาจากเมืองไทย... คนนี้ไง...

ทะเลสาบ Changu ในเดือนนี้ น้ําดูไมใสปง หรือสวยเหมือนที่เคยเห็นในรูป อาจเปน เพราะพวกเรามาชวงหนาหนาวก็ได

Nathu La เปนจุดชมวิวอีกจุดทีอ ่ ยูระหวาง สิกขิมกับจีน อยูหางจากทะเลสาบ Changu ประมาณ 18 กม เคยอานเจอวาไปได แต พอไปถามทัวร เคาบอกวา ตอนนี้ไมใหคน ตางชาติเขา ใหเฉพาะคนอินเดีย...แปว ตอนขากลับจากทะเลสาบมากังตอกซิ บรรยากาศดีมาก หมอกจาง ๆ บนภูเขาสี เขียว กับอากาศเย็น ๆ อากาศดีซะจนอยาก มาอยูแถบนี้เลย... กลับมาถึงกังตอกประมาณ 4 โมงครึ่ง เดินเลนสบาย ๆ เดินดูตัวเมือง ชมตลาดกัน ลองชิมขนมหวานของที่นี้ หวานหวานเลย ถัดไปจาก MG Marg ก็เปน Lai Bazaar เปนตลาดมีรานของสารพัดอยาง มีรานตัด ผมแบบพื้นเมือง ตอนเย็นมีคนเต็มไปหมด Kachanjunga สุดทางเปนทางลงไป


Shopping Center Plaza เปนรานขาย ของแบบหองแถวแคบ ๆ หนอย ที่เราทึ่งคือ เคาสรางตึกหลายชั้นบนเขาได อยางไร ขางบนก็เปนถนนดวยนะ สมที่นี่สดดี เคาขายกันเปนลูก ๆ ลูกละ 3-5 Rp แลวแตวาจะซื้อใกล ๆ สวนหรือซื้อในตัว เมือง ซื้อมาแลวก็หอใสกระดาษ ที่สิกขิม กับดารจีลิ่งจะไมใชถุงพลาสติกกันเลย เพราะเคาชวยกันรักษาสิ่งแวดลอม ปาย ตามถนนของสิกขิมก็มีขอความรณรงคให รักษาสิ่งแวดลอม ไมใหใชถุงพลาสติก ให ทิ้งขยะใหเปนที่ ทาทางเคาทํากันไดดวยนะ เพราะถาลงมาที่สิริกุรีนี่จะเห็นเริ่มเห็นใช ถุงพลาสติกกันแลว คืนนี้เปนคืน Christmas’s Eve พวกเราเลย มองหารานดี ๆ ดูหรู ๆ ทานซะหนอย เลย ไปราน Tangerine อยูเลยที่พักไปเล็กนอย รานนี้ตบแตงสวยดี ถานั่งขางนอกระเบียงจะ มองเห็นวิวเมืองกังตอก เมนูขึ้นชื่อของราน คือสตูหมู เคาใสขิงกับกระเทียม รสชาด ออกหวาน ๆ เปรี้ยว ๆ เปนอาหาร Sikkimese เคาเรียกกันวา Pork Gyaree สั่งอาหารกับเบียรกันมามากมาย ราคารวม ไมแพงเลย...

วันที่ 3: กังต็อก – ตื่นมาเพราะแผนดินไหว – แวะดูลามะซอมระบําหนากาก ที่วัด Phodong –สนทนาธรรมกับลามะ แอบถายรูปลามะนอยผมยาว – มุงสู Lachung พักที่รีสอรทสวย Le Coxy คืนนี้ชางหนาวและดาวชางสวย ตามหัวขอของวันนี้เลยคะ ตอนหกโมงเชา ตื่นมา เพราะตึกที่อยูสั่น ตอนแรกคิดวาอาจ เปนแรงของรถขนขยะที่ผานไป ตอนลงมา ทานขาว ถามที่เคานเตอร บอกวาเชานี้ แผนดินไหวครับ.. เราซื้อ Local Tour สามวันสองคืนจาก Gantok ไปคางที่ Lachung หนึ่งคืน และ Lachen อีกคืน คาทัวรรวมอาหารและที่พัก เรียบรอยแลว เราเห็นรูป Le Coxy รีสอรทที่ Lachung ใน เว็บดูนารักดี ก็เลยเจาะจงมาซื้อทัวรที่นี่ เพราะเปนรีสอรทนี้เปนของ Blue Sky ที่ Lachen พวกเราอยากขึ้นไปถึง Gurudongmar Lake กัน แตสิกขิมไม อนุญาติใหนักทองเที่ยวตางชาติไป ทะเลสาบนี้คะ สงวนไวสําหรับชาวอินเดีย เทานั้น เห็นวาเปน Sensitive Area เพราะ ติดกับชายแดนจีนดวย อดเลย...เพราะดูใน รูป อานในเว็บแลว วากันวาทะเลสาบนี้สวย ที่สุดในสิกขิมซะดวย... สองวันหลังจากนั้นพอไปทั้ง Lachung และ Lachen จริง ๆ แลว พวกเราก็อยากอยูต  อ กันอีกโดยเฉพาะที่ Lachen อยากนั่ง ๆ นอน ๆ อานหนังสืออีกสักวันสองวันเพราะที่ นั่น วิวสวย อากาศดีมาก แมจะหนาวหนอย ๆ ก็เถอะ ผูคนก็นารัก เรียกวาอยากตัด โปรแกรมอื่นทิ้งไปเลยหละ พอคุยกับไกด ไกดบอกวาอยูตอไมได เพราะทั้งเรา ทั้งรถ ไมไดขอ Permit เผื่อไว... ตอนเชา พวกเราออกจากกังตอกกัน ประมาณ 8 โมงเชา เราบอก Blue Sky ไว วา อยากดูระบําหนากาก เคาก็เลยใหเรา ออกเร็วหนอย เพื่อไปดูลามะซอมระบํา หนากากที่วัด Phodong ซึ่งอยูระหวาง


ทางกอนที่จะเขาเขต North Sikkim นั้น ผานน้ําตกหลายที่มาก น้ําตกที่ขึ้นชื่อคือ Seven Sister (สําหรับพวกเรารูสีกเฉย ๆ กับน้ําตก อาจเพราะเมืองไทยมีเยอะ... ชอบทางเลียบแมน้ํามากกวา)

วัด Phodong เปนวัดหนึ่งในวัดหกวัด สําคัญของสิกขิม สรางขึ้นในป 1740 วัดนี้มี พระลามะจําพรรษาอยูประมาณ 250 รูป ภาพเขียนฝาผนังของที่นี่สวยมาก สุรัจ ไกด เรา พาไปดูภาพเขียนฝาผนังดานหลังซึ่ง ทางวัดปดมานไว ซึ่งในหนังสือบอกวาเปน ภาพของปางอวตารของ Karmapa, Guru Panma Samhbhava และ Mahakala Yeshey

ที่วัด Phodong เหลาลามะทานกําลังซอม ระบําหนากากอยู วันรุงขึ้นจะเปนวันจริง ซึ่ง พวกเราจะไปดูกันอีกเมืองนึงคือเมือง Lachung

พวกเราขึ้นไปขางบนของหอสวดมนต พระ ลามะทานเห็นเลยเลี้ยงชาและขนม และ ชวนพวกเราคุยพักใหญ ภาษาอังกฤษทานดี มากเลย แลวทานก็บอกใหพวกเราไปไหว เจาอาวาสที่กําลังดูเหลาลามะซอมที่ หนาตางหอสวดมนต โห..ทานลามะเจา อาวาสวัดนี้ทานยังอายุไมถึงยี่สิบเลย แถม เหมือนทานมีรังสีออรายังไงยังงั้นเลย...ลา มะทานบอกวา เจาอาวาสรูปปจจุบันเปนเจา อาวาสองคกอน ๆ ที่มาเกิดใหม... ที่วัดนี้ยังมีพระลามะทีก ่ ลับมาเกิดใหมอีกรูป เปนลามะนอยอายุไมถึงสิบขวบดี ไวผม หยิกยาว ตอนแรกที่พวกเราเห็น นึกวาทาน เปนลามะหญิงเสียอีก...ออ..กอนถายรูป อยาลืมขอทานกอนละ..


ชาว Phodong ดูอารมณดีกันจริง ๆ ถามวา พวกเรามากันจากที่ไหน สองสามครั้งที่ผาน มา เราบอกวามาจากเมืองไทย ก็ไมมีใคร รูจัก คราวนี้เลยนึกสนุกลองบอกวา มาจาก ญี่ปุน (เพราะพี่ที่ไปดวยคนนึงหนาตา กระเดียดไปทางแถบนั้น) ...เสร็จเลย ผิด ศีลขอสี่ในวัดเนี่ย กรรมตามทันในวันนั้นเลย ...พระลามะรูปหนึ่งทานเคยไปญี่ปุนมากอน พอทานรูวามีนักทองเที่ยวมาจากญี่ปุน ทาน เลยตามมาคุยดวย...แฮะ แฮะ เราเลยบอก ทานวามาจากเมืองไทยเจาคะ...ทานก็ดีดี๊ ไมโกรธ แตเราคนบอกนีส ่ ิ รูสึกผิดมากเลย ...ลามะทานชวนเพื่อนเราสนทนาธรรมอยู นานเลย เห็นเพื่อนบอกวาไดแงคิดอีกเยอะ เลย...สวนเราคนโกหก ก็ไมกลาคุยกะทาน เลย...เฮอ..

ถึงเมือง Chungthang ฟาเริ่มใกลมืดทั้ง ๆ ที่แคสี่โมงเย็น เมืองนี้เปนเมืองที่จะแยก ไป Lachen หรือ Lachung บานเรือนที่นี่ ทาสีออกชมพูหนอย ๆ มีตลาดสดขายผัก ขายสมสด ๆ ลองซือ ้ เลยกับแปบซี่ที่นี่ ราคา ปกติเทากับในกังตอกแฮะ ราคาไมบอกผาน เลย...เปนเมืองกลางหุบเขาที่นาพักเชียวห ละ... นอกเรื่องนิดนึง...ไปสิกขิมเที่ยวนี้ ลองกิน เลยหลายรส โดยเฉพาะ เลยมาสซารา อรอยดี... อาหารอินเดียก็อรอย สงสัยไปเปนชาว Lachungpa ไดแลว มาถึง Lachung เมื่อฟามือสนิท ฟายาม กลางวันที่นี่นาจะใสปงไรเมฆหมอก เพราะ ขนาดตอนกลางคืนอยางนี้ยังเห็นหมูดาว เต็มทองฟาเลย...

ออกจากวัด Phodong ทางจะเลียบแมน้ํา Teesta ตลอด มองเห็นแมน้ําสีฟาเขียวใส บางแหงตองขามสะพานไปอีกฝง พวกเรา แวะถายรูปกันเปนพัก ๆ แวะซื้อสม ซื้อผัก ที่ขายอยูริมทาง อากาศดีเหลือเกิน

ระหวางนั่งเลนรอเวลาอาหารเย็น ไกดเอา Chhang มาใหลองชิม Chhang เปน เครื่องดื่มประจําชาติของชาวสิกขิมเลยก็ กวาได ทําจากธัญพืชหมัก รสหวานเปรี้ยว นาจะคลายขาวหมากเมืองไทย เวลาทาน จะเทน้ําอุนลงไปเล็กนอย ทิ้งไวประมาณ 10 นาที แลวดูดผานหลอดไมไผเล็ก ๆ ที่งานระบําหนากากในวันตอมา เราก็เห็น ชาว Lachungpa ที่มานั่งดูระบําหนากากดื่ม Chhang กันทุกโตะ แถมยังมีการสั่งมาเลี้ยง พวกเราที่เขาไปคุยดวย ดวย...


คืนนี้หนาวมาก อุณหภูมินาจะเกือบศูนย องศา ถอดถุงมือไมไดเลย...เดินออกไป นอกประตูรีสอรทเพื่อดูหมูด  าวไมถึงหานาที ก็ตองรีบกลับเขามาเพราะลมหนาว...

ตัดสินใจที่ดีทีเดียว เพราะเหนือ Yumthang ขึ้นไป จะมองเห็นวิวของทะเลสาบ Yumthang ในหุบเขาไดสวยกวาที่มองจาก ตัวทะเลสาบเอง

หองที่ Le Coxy สภาพดี มีน้ําอุนใหอาบ มี ผาหมเพิ่มให

เทือกเขาเหมือนอยูใกลแคเอื้อม ฟาสีฟาสด ...

วันที่ 4 : Lachung – ทะเลสาบยุมถัง เลนหิมะที่ Zero Point ชมระบําหนากากที่วัด Lachungวกลงมาเมือง Chungthang แวะจิบชากอนถึง Lachen วันนี้ตองตื่นกันแตเชาทั้ง ๆ ที่หนาวจับจิต ก็ สุรัจ ไกดเรานัดวาจะตองออกตั้งแตเจ็ดโมง Zero เชาเพื่อไปทะเลสาบยุมถัง กับ Point ถาไปสายกวานั้นจะกลับมาดูระบํา หนากากที่วัด Lachung ไมทัน ทางจาก Lachung ไป Yumthang นั้น ประมาณ 25 กม เทานั้น แตใชเวลาเดินทาง เกือบสองชั่วโมงเพราะเปนทางเลียบหนาผา และรถตองไตขึ้นที่สูง ทางระหวางขึ้น Yumthang จะเห็น เทือกเขาตนไมเขียว ๆ สม ๆ มีหิมะสีขาวปก คลุมบนยอดตัดกับสีฟาสดของทองฟา ริม หนาผาเปนแมน้ําสายเล็กๆ น้ําใส ๆ...มีบาน ไมหลังเล็ก ๆ อยูประปรายระหวางทาง คน ที่นี่เคาอยูกันไดอยางไรนะ...

ไปถึง Zero Point จุดที่ถนนมาสิ้นสุดที่นี่ ที่ระดับความสูง 4,800 เมตร หิมะขาว ๆ ที่นี่ มีอยูไมมากนัก แตก็ทําใหคนเมืองรอนอยาง เราสนุกกันจนลืมไปวา ที่ระดับความสูง อยางนี้ไมควรออกแรงเยอะ กวาจะรูตัวก็ ตอนเจอโรคแพความสูงเลนงานเอาซะปวด หัว ตอนที่กลับลงมาจาก Yumthang นั่นห ละ โธ ก็พวกเราเลนกระโดดถายรูปกับเลน หิมะกันอยางลืมความหนาวกันไปเลย พอ ขึ้นรถกลับเลยหงอยผลอยหลับกันทุกคน เลย....ทีนี่พอลงมาถึงทะเลสาบ Yumthang เลยไมแทบลงกันแลว... ลงมาถึงโรงแรมตอนบาย ทานขาวกลางวัน กันอยางรีบเรง กอนออกไปดูระบําหนากาก ที่วัด Lachung กัน ชาว Lachungpa ที่มาดูระบําหนากากจะ เตรียมโตะไมลวดลายวิจิตรมากันเอง โดย จะจับจองที่นั่งที่เชิงเขา มองดูเหมือนอัฒ จรรยดก ู ารแสดง บางบานก็กอกองไฟผิงแก หนาว ทําอาหารกันตรงทีน ่ ั่งเลย....แทบทุก โตะจะมี Chhang วางไว

พวกเราผาน Yumthang เลยขึ้นไป Zero Point กันกอน เพราะกลัววาถาไปหมอกจะ ลง แสงจะไมสวย ซึ่งก็นับวาเปนการ


ออกจากวัด Lachung เกือบสี่โมง มุงหนา ลงไปทางเมือง Chungthang แลววกขึ้นมา ทางซาย อากาศเริ่มเย็น ฟาเริ่มมืด สุรัจพา พวกเราไปจิบ chai ผิงไฟกันที่บานเล็ก ๆ หลังนึง รานนี้เปนรานชาที่พวกเราประทับใจ ที่สุด เพราะถึงแมบานจะเล็กแตก็สะอาด มาก แกวชาเปนแกวเคลือบลายดอกไม อยางดี ที่สําคัญชาผสมนมแพะที่นี่รสชาด นุมที่สุดเทาที่ลองมาในสิกขิม สอบถามได ความวาใชนมแพะสดตมกับชา....พวกเรา ขอกันคนละสองแกวเลยคะ... เสียดายที่สุรัจ ไกดเราไมสามรถอธิบาย รายละเอียดอะไรไดมาก เราไดเห็นแตเพียง วา กอนการเริ่มพิธี พระลามะทานจะเอาใบ อะไรอยางนึงมาฝง แลวทําพิธีเหมือนเผา (เหมือนเผาพริกเผาเกลือบานเรารึเปลาก็ไม รู) จากนั้นหัวหนาหมูบานแถบนั้นจะออกมา เขาแถวกัน ทานลามะผูใหญจะอานคัมภีร จากนั้นก็ พระลามะจะเริ่มเตน โดยมีแตร งอน ฉาบและกลองเปนเครื่องดนตรี ระหวางการเตนจะมีตัวราย หรือตัวมาร ออกมาดวย และมีตัวตลกคอยวิ่งอยูรอบ ๆ ทราบภายหลังวาตัวตลกเหลานี้จะทําหนาที่ อุมเด็กเล็ก ๆ ไปรับพรจากพระ

ไปถึงเมือง Lacheng ก็มด ื พอสมควร ไฟดับ อีกตางหาก ก็ไดบรรยากาศไปอีกแบบ โรงแรมที่เราพักชื่อแชงกรีลา เปนของทัวร จัดให หองสะอาดดี สวนครัวนั้นอยูนอกตัว โรงแรมออกไป เขาออกคนละทางกันเลย ดู ๆ แลว ดูเหมือนโฮมสเตยมากกวาโรงแรม

ชาว Lachungpa ที่พวกเราคุยดวยบอกวา Mask Dance นี้ถือเปนพิธีศักดิ์สิทธิ์ และ การไดเห็นระบําหนากากนี้ถือเปนการไดบุญ ชวยชําระบาป เราคิดวา การเตนของพระลา มะรวมสองชั่วโมงนั้น ถือเปนการฝกสมาธิที่ ยากแบบนึงเลยเชียวหละ

คนแถบ Lachung กับ Lachen นี่จะตางกับ แถบกังตอก โครงรางใหญ สวนมากเปนชาว Bhutias บานเรือนของชาว Bhutias นี้ สะอาดมากเห็นขยันเก็บกวาดกันตลอดวัน

ไปถึงโรงแรม ไมมีใครมาพักนอกจากพวก เรา ดังนั้นเคาเลยทํากับขาวใหพวกเราทาน กลุมเดียว สุรัจพาพวกเราไปนั่งผิงไฟ หนา ครัว เลยไดเห็นวิธีการทําครัว พยายามจะ คุยกับคนที่นี่ แตเคาพูดภาษาอังกฤษไมได เลยไดแตใชภาษากาย คือยิ้มสยาม กัน อยางเดียว


ในสิกขิมนี้มีคนอยูสามกลุม  ใหญ ๆ คือ ชาว Lepchas เปนชนดั้งเดิมของสิกขิม สาวชาว Lapchas จะหนาใสปงคลายสาวจีนผสม พมา

มีรถกวาดหิมะหรือมีแรงงานคนออกมากวาด หิมะ อยางตอนขึ้นไป Tsopa Valley ขาขึ้น ยังมีหิมะถนนอยูเลย ขาลงมาผานไปไมถึง สองชั่วโมง หิมะถูกเก็บกวาดเกลี้ยงเกลา.... ไมทันไดถามไกดวาใชระบบการจัดการ อยางไรถึงทําไดขนาดนี้ เย็นนี้ เจาของบานทํา แกงกะหรี่ไขใหทาน เอาไขไปทอดกรอบ ๆ กับหัวหอมแดง เหมือนไขลูกเขย แลวเอาไปใสในแกง กระหรี่...อรอยไปอีกแบบนึงคะ

กลุมทีส ่ องคือ ชาว Bhutias ซึ่งอพยพมาก จาก Tibet หลายรอยปกอ  น กลุมสุดทายคือ ชาว Napalese ที่กลุม อพยพมาจากรัฐเบงกอลและเมืองดารจีลิ่ง ในชวงสงคราม ซึ่งกอนหนานี้รัฐบาลอังกฤษ ไดเกณฑคนงานชาวเนปาลีมาทําไรชาใน สมัยที่อินเดียเปนยังเปนเมืองขึ้นของ อังกฤษ ชาว Napalese เปนกลุมชนที่มี ประชากรมากที่สด ุ ในรัฐสิกขิมในขณะนี้ มีขอสังเกตอยางนึงคือ ตามรานรวงใน สิกขิมหรือแมแตดารจีลิ่ง แทบจะไมเห็น ผูหญิงทํางานเลย มีแตผูชาย..(ยกเวนที่ Blue Sky Tour ที่เราเห็นผูหญิงทํางาน แถมเปนหัวหนาใหญซะดวย...เวลาตอรอง ราคาทัวรก็ตองตอรองกับเจาแมคนนี้แหละ ถึงจะใหคําตอบได...) สาว ๆ ในกลุมก็ออกจะปลี้มที่แถบนี้ให ผูหญิงเปนแมบาน ผูชายทํางาน เลย อยากจะมาเปนชาว Lachungpa กันบาง แต พอพวกเราออกไปนอกเมือง กลับเห็น ผูหญิงกับเด็กขนหินซอมทางเปนระยะ ๆ ไม มีผูชายมาทําซักคน...แปว ไมเปนแลวชาว Lachungpa เดี๋ยวตองมาขนหิน... ^ ^ วาแตเรื่องถนนหนทางในสิกขิมนี่ ก็ดูมีระบบ การจัดการทีด ่ ีนะ...เพราะตามทางที่มีหินมี ดินตกลงมา จะมีชาวบานออกมาขน ออกมา ทําทางตลอด หรือแมกระทั่งวันที่หิมะตก ก็

วันที่ 5 : Lachen เมืองนี้นารัก จนอยากจะพักหลาย ๆ วัน – ไป Tsopta Valley ระหวางทางชางสวยจับใจ – จําใจกลับกังต็อก ตื่นกันแตกอ  นเจ็ดโมงเชา เพราะตาสุรัจมา เคาะเรียก... อุแมเจา ยอดเขาขาว ๆ เหนือหมูบานอาบสี ทองสวยแตเชา มัวแตดจ ู นลืมควากลองมา ถายไว...เสียดายจัง Tsopta Valley นั้นออกไปทางเหนือของ เมือง Lachen อีก เปนจุดชมวิวที่มองเห็น เทือกเขาหิมะในแถบนี้ได ยังไมมีรีสอรทใด ๆ ที่นี่ ระหวางทางไป Tsopta Valley นั้น รถยังขับ เรียบหนาผาลัดเลาะขึ้นเหนือไปกับแมน้ํา Teesta ผานปาสนที่ปกคลุมไปดวยหิมะที่ ตกเมื่อคืนนี้


ทางระยะแรก ๆ ดูเหมือนจะเก็บกวาดหิมะที่ ตกเมื่อคืนไปบางแลว สวนทางระยะสุดทาย ยังเต็มไปดวยหิมะเต็มถนน แถมชวงสุดทาย กอนถึง Valley เล็กนอย แดดเริ่มออกหิมะ เริ่มละลาย ถนนเริ่มลื่น คนขับตองถอยรถลง มาตั้งหลักใหม กอนขับรถสงขึ้นไปใหมอีก รอบ...เฮอ นี่ทาบรรดาพี่ ๆ แก็งค 4WD ที่ บริษัทมาดวย คงสนุกกันนาดู...

...ชวงทายสุด รถเราขึ้นไปไมไดเพราะมีรถ ทหารจอดรอใสโซอยู เพราะรถหนักขึ้นไป ไมได ตาสุรุจเลยบอกใหเดินกันดีกวา ไมกี่ รอยเมตรเอง...แฮะ ๆ แตเปนไมกี่รอยเมตร ที่ระดับความสูงประมาณ 4 พันเมตรนะจะ ไมเดินไป กระโดดไปเหมือนเมื่อวานอีกแลว ...เข็ด

ที่ Tsopa Valley บอกไดวาสวยมาก มองเห็นภูเขาทิวทัศนไดรอบ 360 องศา

เหมือน ๆ จะมีทุงน้ําแข็งดานลาง มีบานหลัง เล็ก ๆ สองสามหลัง สุรัจบอกวาอีกหนอยจะ เปนรีสอรท โห..ใครจะมาอยูเนี่ย มีแตทุง หิมะกับน้ําแข็ง... สิบปากวาสวย ไมเทาหนึ่งรูป ดูรูปกันดีกวา วาที่ Tsopa Valley ฟาเปนฟาขนาดไหน...

ขากลับ ทางที่มีหิมะจนเกือบลื่นตอนขา ขึ้นมา ถูกเก็บกวาดเรียบรอย เปนทางปกติ ภายในเวลาไมถึงสองชั่วโมง รวดเร็วดีจริง ๆ เลย


ตอนกลางวันกลับมาแวะทานขาวกันที่ โรงแรม มือง Lachen ตอนกลางวันหนาว นอยกวาตอนมืด อากาศดีมาก มองจาก หนาตางหองไปเห็นภูเขาหิมะสีขาว พวกเรา ยังอยากนั่ง ๆ นอน ๆ ทีน ่ ี่อีกซักคืนสองคืน อยากตัดโปรแกรมอื่นทิ้งไปเลย...พอบอก สุรัจ สุรัจบอกอยูต  อ  ไมไดนะจะนายจา เพราะทั้งรถ ทั้งคนไมไดขอ Permit เผื่อไว ตองกลับลงไปตามเวลาจะนาย....เลยจําใจ กลับกังตอกกันอยางหงอย ๆ คิดไปคิดมา การที่ตองมี Permit ในการ เที่ยว North Sikkim นี่ นาจะมีสวนชวย รักษาสภาพบานเมืองของ Lachung และ Lachen ใหนารักอยางที่เห็นนี้ไดนะ ที่นี่ไม มีรานอาหารสําหรับนักทองเที่ยวฝรั่ง ไมมี เพลงฮอตฮิตติดชารต ผูคนอยูกันอยางเรียบ งาย ไมตองดิ้นทุรนทุรายหาเงินใช.... ถาไมมีกฏของ Permit นักทองเที่ยวคงจะ เขามากันไดงายขึ้น บานเมืองรานรวงก็ตอง ปรับตัวรับนักทองเที่ยวตัวไปตามสภาพ สุดทายก็คงจะคลายกับเมืองทองเที่ยวอื่น ๆ ที่ไรเสนห เพราะมีนักทองเที่ยวมากไป.... อยางหลวงพระบาง วังเวียง หรือ ปาย บาน เรา ก็เริ่มจะไรเสนหแลว...

ขากลับลงมาจาก Lachen ไป Gangtok ระยะทางประมาณ 120 กม ใชเวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง ระหวางทางแวะถายรูปกันมา ตลอด กอนถึงกังตอก ไดเห็นแสงไฟ ระยิบระยับบนเขาเหมือนวันที่มาถึงวันแรก อีกครั้ง....เพิ่งจะหกโมงเย็น ก็มืดสนิทเสีย แลว

หลังจากกลับโรงแรม Silver Hotel ซึ่งก็ เปนโรงแรมเดิมที่เรามาพักนั่นแหละ พวก เราก็ออกไปหาซื้อ Post Card กับแสตมป โดยหมายใจไววาพรุงนี้จะสง Post card กลับเมืองไทยใหได ปรากฎวา หาไดแต post card กับหนังสือสิกขิม ไมมีรานไหน ในกังตอกขายแสตมปเลย ตองไปซือ ้ ที่ ไปรษณียเทานั้น และไปรษณียก็ปดวัน อาทิตย และปดยาวชวงปใหม...จะเปดหลัง ปใหมนูน...สุดทาย พวกเราเลยพึ่งสุรัจ บริการ ฝากซื้อแสตมปติด Post Card สงกลับเมืองไทย....ซึ่งกวาจะอธิบายใหสุรัจ กันรูเรื่องก็นานพอสมควร เพราะตอนแรก สุรัจเขาใจวาใหเอา Post Card ทั้งหมดใส ซองซองเดียว ปดผนึก สงกลับเมืองไทย... ฮาดี...แตสุรัจก็นารัก เพราะกลับมาไมสอง อาทิตย พวกเพื่อน ๆ เราก็ไดรับโปสการด กันแลว...

ออ...อีกทีท ่ ี่มีทท ี่ ําการไปรษณียคือที่วัดรุม เต็ก มีแสตมปขาย แตชวงที่เราไปไปรษณีย ปดยาวอีกเหมือนกัน เลยไดแตฝาก


พนักงานแถวนั้นซื้อแสตมปสง Post Card กลับเมืองไทย ที่เมืองอืน ่ อยาง Yoksom หรือ Pelling ก็มีทท ี่ ําการไปรษณีย และปด ยาวชวงปใหมเหมือนกันจา... เย็นนี้เราไปทานอาหารฝรั่งกันที่ราน Bakers Cafe’ เพราะเห็นวาเปนรานที่นักทองเที่ยว นั่ง นาจะปดชาหนอย จะไดมีเวลานั่งเขียน โปสการดกันนาน ๆ ...แตปรากฏวาสองทุม ครึ่งครัวปดแลว สามทุมรานปดแลว...เดิน ออกมาถนน MG เงียบสนิทเลย... วันที่ 6: พักสบาย ๆ ในกังต็อก ขึ้นกระเชาชมเมือง แวะวัด Enchey Gompa วันนี้เปนวันที่พวกเราขอพักสบาย ๆ ตื่นสาย ๆ ใหสมกับคําขวัญประจําทริปวา ถายรูป กิน กับนอน... วันนี้ตอนเชา เราเห็นคนอินเดียโตะขาง ๆ สั่งจาปาตี กับแกงถั่ว เปนอาหารเชา พวก เราเลยลองสั่งมาทานบาง เคาเรียกวา Puri บาง Kuri บาง เปนแปงจาปาตีแผน บาง ๆ ทอดกรอบรสเหมือนปาทั่งโกของเรา ทานกับแกงถั่วที่ใสผงกระหรี่ อรอยดี ไมนา เชื่อเลยวาสองสิ่งนี้จะเขากันได เทาที่ สังเกต คนเคาจะสั่งมาทานเฉพาะตอนเชา นับจากวันนั้น พวกเราเลยสั่ง Kuri เปน อาหารเชา กันทุกวันเลย Kuri ที่ราคาถูกที่สด ุ ในทริปอยูที่หนาวัดรุม เต็ก ออกมานอกเมืองกังตอกหนอยคะ คนขายไมใชคนแถบนี้มาจากทางภาคกลาง ใสเสื้อคลุมกันหนาวเทหมากเลย

สวน Kuri ที่อรอยที่สด ุ ในทริป ก็คอ ื ที่ โรงแรมในเมือง Pelling รสชาดกลมกลอม กลิ่นเครื่องเทศไมแรงมากไป รสชาดคลาย แกงกะหรี่บานเรา พูดถึงแลว...อยากทานปาทองโกกับแกง กระหรี่ขึ้นมาทันใด... ตอนสาย ๆ พวกเรานั่งรถไป Gangtok Ropeway (Lower Point) กอนขึ้น Rope way ก็อยากเดินไปดูพิพิธภัณฑธิเบตกัน กอน แตเนื่องจากเปนวันอาทิตย ปดเจาคะ ...เดินไปเดินมาเกือบหลงทางในกังตอก ก็ เจอหนุมอินเดียสไตล ดารค ทอลล แอนด แฮนซัม ชวยบอกทาง...เดินกลับมาเจอวัดธิ เบตเล็ก ๆ พวกเราเลยแวะไปไหวพระขอพร กันเล็กนอย กอนเดินออกมาเจอกับรถขบวน ยาว มีทั้งวัยรุน วัยไมรุน อยูบนรถ แลวสาด แปงสีใหกับคนริมถนน อยางสนุกสนาน.... เห็นบอกวาเปนชวงเทศกาลปใหมของ สิกขิม เคาสาดแปงสีกัน....คิดถึงบานเลย... เพราะชางคลายสงกรานตบานเรา ที่พวกเรา ขึ้นรถสาดน้ํากันเลย.... กระเชาชมเมืองกังตอกราคาถูกอยางไมนา เชื่อ 60 Rp ตอคน ทั้งไปและกลับรวมสาม สถานนี วิวพาโนรามาเมืองกังตอก

จากนั้นพวกเราก็วารถแทกซี่จากขางลาง ใหขึ้นไปสงวัด Enchey Gompa ที่อยู ดานบน


เที่ยงนี้เราทานอาหารพื้นเมืองกันที่ Tourist Amenity รานนี้ก็อยูหนาวัดนั้นแหละ ราคา ไมแพงวิวก็สวย จนเพื่อนบอก ไมกลับหอง ไดไหม ขอนั่งอานหนังสือ จิบ Chai ที่นี่ แหละ...

วัด Enchey Gompa สรางขึ้นในป 1909 เปนวัดของนิกาย Trantric รอบ ๆ โบสเปนกุฎิของลามะนอย ผนังแตละ หองจะมีสีสันและลวดลายสดใส ประตูหอ  ง มีผามานลวดลายตาง ๆ กั้นประตูไว ลามะเจาอาวาสทานใจดี แจกกลวยให นักทองเที่ยว ญาติโยมไดทานกันถวนหนา ....เพี้ยงไดกินกลวยของลามะก็ขอใหโชคดี โบนัสหกเดือนเถอะ...

หองบูชาเทียน มีลามะหนุมนอยทําหนาที่เท น้ํามันจากไขมันจามรีลงในถวยทองเหลือง ใสไสเทียน และจุดเทียนบูชาใหกับผูมา ถวายเทียน

ตอนบายกลับลงมาแถบ MG Marg หารถไป Pelling วันรุงขึ้น แลวจะขอใหรถแวะวัดรุม เต็กกอนไปสง Pelling ปรากฏวา มีแตรถที่ ไปวัดรุมเต็กได แตไป Pelling ไมได เพราะ ไมมี Permit อาว...ก็เพิ่งรูนะเนี่ยวารถที่วิ่ง ไปเมืองอื่นตองมี Permit ดวย สุดทายพวก เราก็วิ่งกลับไปใชบริการ Blue Sky อีกครั้ง โดยใหหารถให 1 วันไป Pelling ...วันถัด ๆ ไป พวกเราก็ไปตอรองกับคนขับกันเอาเอง รถที่ไดมาก็ไมเลวเลยเปนรถคันใหญ คนขับ ชื่อ Sanjay พูดภาษาอังกฤษไดดี รูท  างดี รูจักที่เที่ยวดีดวย...บอกวาขับรถมาสิบป ตั้งแตอายุสิบเจ็ด วันตอ ๆ มาเราเลยเหมา รถซานเจตอ ขอใหขับพาเที่ยว ไมตองไป ซื้อ Local Tour ที่ Pelling


สุรัจ พาเราไปซื้อของฝากที่รานของรัฐบาล เปนรานอยูใน Kanchanjunga Plaza ราคา ผาปก งานฝมือไมแพงเลย...ไดผา ไดของ ฝากกันมาคนละสองสามอยาง

วันที่ 7: ออกจากกังต็อก –ไหวพระที่วัด Rumtek – ออกนอกเสนทางไปดูไร Temi Tea ที่ South Sikkim – นมัสการ Sadruptse ที่ Namchi – หลงทางในหุบเขา กอนวกขึ้นไปทางตะวันออกสูเมือง Pelling นัดรถมารับตั้งแตเจ็ดโมงเชา จะไปวัด Rumtek กอนทีจ ่ ะไปเมือง Pelling

วันนี้อยากทานอาหารจีน เลยไปทานกันที่ China Plate เห็นโตะขาง ๆ (อีกแลว) สั่ง อาหารคลาย ๆ ทอดมันบานเรา เลยลองสั่ง บาง (อีกแลว) อืมอรอยดี...เคาเรียกวา Vet Pokara พวกเราเรียกกันวาทอดมันผัก จากวันนั้นทอดมันผักก็กลายเปนอาหาร ประจําโตะทุก ๆ กลางวัน เย็น ในทริปนี้

ขาเดินกลับ ไมรูฝนหรือเกล็ดหิมะเริ่มตก ที่ ไมรูเพราะเปนฝนเกล็ดขาว ๆ เม็ดเล็ก ๆ เบา ๆ แตตกมาแลวก็ละลายไปทันที...ราน รวงปดหมด มีแตพวกเราสี่คนบนถนน ที่รีบ เดินทอม ๆ กลับที่พก ั ...

รถที่มารับดูคันใหญดูสะอาดเอี่ยมเลย ซันเจ คนขับยังดูวัยรุนอยู พูดภาษาอังกฤษไดดี ขับรถเร็วเมื่อเทียบกับคนขับรถคันอื่นที่นั่ง มาเมื่อสองสามวันที่แลว แตก็ดูปลอดภัยดี ไมขับรถใจรอน แถมเวลาขับผานเด็ก ๆ มักจะชลอรถโบกมือทักทายเด็ก ๆ เปน ประจํา แถมพอซันเจยังมีคนรูจักไปแทบจะ ทุกเมือง...พวกเราก็เลยขอใหชวยหา โรงแรมใหพวกเราเมื่อถึง Pelling ซะเลย

วัดรุมเต็ก อยูหางจากตัวเมืองกังตอกไป ประมาณ 24 กม โดยจะอยูบนเขาอีกลูกที่ สูงกวาตัวเมือง ระหวางทางไปวัดรุมเต็ก เรา เลยมีโอกาสไดเห็นสายหมอกเย็น ๆ ยาม เชาลอยออยอิ่งอยูเหนือเมืองสิกขิม...สิกขิม เมืองบนเขาในเงาหมอก...


เมือง Dharamasala) ดานหลังบัลลังค ก็จะ มีแผนผนังคอนกรีตขนาดใหญกั้นไว โดย ดานหลังนี้จะเปนพระประธาน ซึ่งเปนครั้ง แรกพวกที่เราเห็นพระประธานเปน พระพุทธรูปคลายพระพุทธรูปไทย มีอค ั ร สาวกขวา ซายอยูเบื้องพระปรางค นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปองคเล็ก ๆ จากที่ ตาง ๆ อีกหลายองค มีพระพุทธรัตนะจาก ประเทศไทยประดิษฐานอยูดานขวามือสุด ดวย....ดีจังเลยที่เห็นพระพุทธรูปไทย ใน สิกขิม... วัดใหญ ๆ ในสิกขิม มักเรียกกันวา Gompa จะตั้งอยูหางจากตัวเมืองออกมา นัยวา เพื่อใหพระลามะทานไดอยูในที่สงบ จะไดมี สมาธิในการเลาเรียนและปฏิบัติธรรม วัด เกาแกใหญ ๆ มักตั้งอยูบ  นยอดภูเขาสูง ๆ หันหนาไปทางทิศตะวันออกเพื่อจะไดรับ แสงอาทิตยยามเชา สําหรับตัววัดเองนั้นจะ มีโบสถพระประธานและเปนหอสวดมนตอยู ตรงกลาง รายลอมดวยกุฎิพระลามะสีสน สดใสอยูรอบ ๆ ทางเขาวัดจะมีกงลอหมุน และเสาธงมนตอยูเรียงรายตลอดทางเขา เรียกไดวาวัดใหญ ๆ ที่เราไปในแถบสิกขิม Enchey, Rumtek, ไมวาจะเปนวัด Pymayangtse, Phodong รวมทั้งวัดที่ Lachung จะมีลักษณะคลาย ๆ กันนี้

วัดรุมเต็กนี้เรียกไดวาเปน Complex เลย ทีเดียว เพราะที่เชิงเขาตรงทางเขาจะมี บานพักแบบเกสตเฮาส อยูไมนอย ภายใน วัดมีโรงเรียนสําหรับสอนปริยัตธรรมใหกับ เหลาลามะนอย วัดนี้ถือเปนศูนยกลางของ ศาสนาพุทธ (Dharma Chakra Center) ในแถบนี้เลยทีเดียว วัดรุมเต็กสรางในป 1961 สรางเพื่อแทนที่ วัดของนิกาย Karmapa ในเมือง Tsurphu ประเทศธิเบตที่ถก ู ทําลายในชวงปฏิวัติ วัฒนธรรมจีน ถาเขาไปในโบสถจะมีบัล ลังคใหญสําหรับองคพระประมุขของนิกาย (ซึ่งก็คือ 17th Karmapa ปจจุบันทานอยูที่

ชั้นสองของโบสถกจ ็ ะเปนที่เก็บพระคัมภีร มากมาย ออกไปดานหลังโบสถ จะเปนตึก ของ Karma Shri Naland Instiute of Buddhist Studies ซึ่งตึกตรงกันขามจะเปน Golden Stupa ที่เก็บอัฐิของประมุของคที่ 16 (16th Karmapa) ตอนแรกที่อยูในโบสถพวกเราไมรูวาอะไร เปนอะไร พอออกมาจากโบสถ เห็นฝรั่งสอง คนมากับไกด พวกเราก็เลยเร ๆ ตามไกด เขาไปในโบสถกันอีกรอบ แลวคอย ๆ เดิน ตามไกดคนนี้ไป....ไกดกใ็ จดีมากเลย มีการ รอพวกเราใหไปกันครบกอนที่จะเริ่มพูดดวย ...


ก็เพิ่งไดความรูจากไกดนแ ี่ หละวา ศาสนา พุทธแบบวัชรยานมีนิกายยอย ๆ อยู 4 นิกาย (นิกาย ณยิงมาปะ นิกายคากิว นิกาย สักกยะ นิกายกาดัม เกลูปะ) ซึ่งแตละ นิกายก็มีสังฆราชหรือผูปกครองสูงสุด องค ดาไลลามะที่พวกเรารูจักกันก็เปนผูปกครอง สูงสุดของหนึ่งในนิกายนี้

ไหวพระ Padmasambhava Status องคใหญที่เพิ่งสรางเสร็จที่เมือง Namchi ทาง South Sikkim หลังจากตกลงราคาที่ ออกนอกเสนทางไดแลว ก็เริ่มออกนอก เสนทางที่วางแผนกันไวเลย ยังไง คืนนี้ก็ถึง Pelling แนนอน

ใน Golden Stupa มีภาพถายขององค ประมุขของนิกาย Karmapa ตอนอายุ 23 ตอนที่ยังอยูในธิเบต ภาพนี้เรียกไดวางาม มาก เหมือนมีออรา อีกแลว....

ที่วัดรุมเต็กนี้จะมีเทศกาล Mask Dances ในชวงประมาณเดือน พค/มิย กอนวันปใหม ของธิเบตสองวัน

เราใชเวลาซึมซับอยูที่วัดรุมเต็กนี้ประมาณ สองชั่วโมง ก็ออกมากันขางนอก ตอนแรกวางแผนจะไป Pelling กันเลย พอคุยกับซันเจวามีไรชาที่ไหนนาดูบาง ซัน เจเลยแนะนําใหไปไรชาแถบ Temi และไป

ชา Temi Tea เปนชาดีที่สุดของสิกขิม อยู ออกไปทาง South Sikkim ตัวไรชาจะไล ระดับไปบนเนินเขา ชวงที่เราไปมีหมอกจาง ๆ ฝนตกพรํา ๆ อากาศเย็น ๆ ดี รานขายชา ที่ซันเจแวะจอดใหซอ ื้ เปนรานของรัฐบาล ราคานับวาไมแพงเลย เราซื้อชากลองเล็ก ๆ เปนยอดชาเขียวมา ราคากลองละ 65 Rp กลิ่นและรสชาหอมแรงเหมือนชาจีน กลิ่นจะ ออนนุมกวา รานนี้ดูจะไมไดทําการคาเปน หลักเพราะแทบไมมีเงินทอนใหพวกเราเลย ...packaging ของชา Temi ก็ไมไดทันสมัย เหมือนรานชา Nathmulls ในดารจีลิ่ง... นับวาโชคดีทีไดมาเห็น


จากนั้นซันเจก็พาเราไปไหว Padmasambhava Status พระพุทธรูปองค ใหญขนาด 45 เมตร อยูบนยอดเขา หาง จากเมือง Namchi ประมาณ 7 กม เพิ่งสราง เสร็จในป 2004 เสียคาเขาคนละ 100 Rp ตอนเราไปหมอกเริ่มลงพอดี จึงมองเห็นตัว เมือง Namchi ที่อยูอ  ีกยอดเขานึงแคแวบ เดียว

โห ปาเขาไปเกือบบายสามแลวหรือนี่ ซันเจ รูวาพวกเราหิว เลยรีบขับรถเขาตัวเมือง พา ไปสงที่รานอาหารในโรงแรมชื่อ Himalaya Hotel พวกเราก็สั่งอะไรก็ไดที่เคามีและทํา ไดเร็วมาทาน ปรากฎวา มื้อนี้ไฮไลตอยูท  ี่ ไกทอดกับหัวหอมสด แครอทที่นี่ก็หวาน กรอบ เลยไดเมนูอาหารประจําโตะเพิ่มอีก หนึ่งอยาง เดินยืดเสนยืดสายทีต ่ ัวเมือง Namchi ซาน เจบอกวาเมืองนี้ใหญเปนอันดับสองรองจาก กังตอก อาคารตาง ๆ ทาสีเขียว นารักดี เห็นซันเจบอกวารัฐบาลขอความรวมมือให ใชสีเขียว จตุรัสกลางเมืองก็ปูพื้นอยางดี เหมือนกังตอก มีกลวยไมดอกใหญ ๆ กลีบ หนา ๆ แสดงโชวอยูตรงกลางลาน มีอควา เรียมขนาดยอม ๆ อยูดวย ออ...มีปลาจาก ประเทศไทยอยูทอ ี่ ควาเรียมนี้ดวยนะ...

ออกจาก Namchi ประมาณสี่โมงเย็น มุง หนาวกจาก South Sikkim ขี้นไปทาง West Sikkim ระหวางทางวันนี้เพิ่ง สังเกตเห็นวา ทางที่เรามาจะขึ้นเขาจนเกือบ สุดแลวตัดซิกแซก ลงมาดานลางเชิงเขา กอนจะมีสะพานเชื่อมขามไปยังเขาอีกลูก เปนอยางนี้ลูกแลวลูกเลา สวนทางแถบ North Sikkim ทางจะเปนทางเลียบหนาผา ไมสูงมากไปตลอดแลวก็มีสะพานเชื่อม ระหวางเขาสองลูก พี่ใหญที่มีอาการเมารถ อยูขางหนาตองรีบหลับเลย... มีบางชวงเหมือนซันเจจะหลงทาง เพราะมี การจอดรถถามทาง มีการหยุดรถ แลวลงไป มองเสนทางภูเขาอีกลูกนึง มีการโทรศัพท ไปถามเพื่อน....(อะแฮม ลืมบอกไป สัญญาณโทรศัพทมือถือยังใชไดดีในหุบ เขาหางไกลแบบนี้นะจะ...) พอเราถามซัน เจวามีอะไร ซันเจบอกวาจะไปทางใหม ทางปกติที่ไป West Sikkim มีการซอมทาง เดี๋ยวจะไปชา...แหมม งั้นเราก็นาจะเปนคน ไทยกลุมแรกที่ใชเสนทาง (แบบหลง ๆ) ทางนี้ซิ....อิอิ... มีทางบางชวงผานขับผานโรงไฟฟาขนาด ใหญมาก ตั้งอยูในหุบเขา ริมแมน้ํา มีอาคาร สูง ๆ สีชมพูอยูมากมายหลายหลัง เห็นบอก วาเปน Energy Complex ที่ยังสรางไมเสร็จ ดี ทางบางสวนก็กําลังทํา อุโมงคลอดเขาดวย

มีการเจาะชอง

เราไปถึงเมือง Pelling ประมาณ 6 โมงเย็น ฟามืดแลว พักกันที่ The Aryan Hotel โรงแรมหรูแตราคาไมแพง พวกเราตอไดคืน ละ 600 Rp ไมรวมภาษี เจาของเปนชาวกัง ตอกที่ดารกทอลแอนดแฮนซัม อายุไมนา ถึง 30 ใสสวมยีนสนําสมัยกับแจ็คแกตหนัง สีดํา พนักงานที่นี่หลายคนเปนนักเรียนการ โรงแรมฝกหัด เลยดูสุภาพมาก และทาทาง เราจะเปนแขกกลุมเดียวของโรงแรม และเราเพิ่งรูตอนสั่งอาหารเย็นทานวา วันนี้ พอครัวหยุด...ดังนั้นอาหารที่เราสั่งก็มีบาง ไมมีบาง ชาบาง...แตอยางนอยที่นักเรียน ฝกหัดทําไดคอ ื Vet Pokara กับหัวหอมสด


แครอทสดแหละ...ออ มีแกงกระหรี่ไกอีก อยางดวย ก็พอทานได... หลังจากนั้นอีกวัน พวกเราถึงรูวาพอครัวที่นี่ ฝมือดีมาก Puri ที่เราสั่งทานในเชาวันตอมา อรอยที่สุดในทริป กับแกงกระหรี่ไกที่สั่ง ตอนเย็นก็ใสนมสดรสนุมมาก

พวกเราจิบ Chai ที่นองพนักงานโรงแรม นํามาเสริฟให (ฟรี) พลางรอใหแสงอาทิตย สองมายังคังเจงจุงกา นาเสียดายที่หมอก ลง เราเลยไมเห็นยอดสาวงามที่สูงเปน อันดับสามของโลก เห็นเพียงยอดทีอ ่ ยูใกล ๆ เทานั้น ไมเปนไร พรุงนี้ตื่นมาดูใหม... มองจาก Pelling เทือกเขาหิมาลัยอยูใกล แคเอื้อมนี้เอง... ชวงเชา เราไปเมือง Yuksom กันเปนเมือง หลวงเกาของสิกขิม แมซันเจบอกวาไมมี อะไรใหดู ใหไปน้ําตกดีกวา แตพวกเราก็ อยากไปอยูดี คาที่วาทั้งทีมชอบอะไรที่เปน ประวัติเกา ๆ ไง...และเห็นใน LP บอกไววา เมืองนี้ Charming นัก

วันที่ 8 : Pelling – รอชมคังเชงจุงกาจากดาดฟาโรงแรมนั่งจิบชาที่เมือง Yuksom – อธิฐานขอพรที่ ทะเลสาบศักสิทธิ์ Khecheopalri Lake –นั่งสงบ ๆ ที่วัดเกาแก Pemayangtse Gompa

ที่แรกที่เราไปคือ Norbugang Park ภายในมีหอสวดมนตและกงลอหมุนขนาด Coronation ใหญมาก ที่สําคัญคือมี Throne หรือบัลลังคทอ ี่ ยูในลานวัด บัล ลังคหินนี้เปนที่ที่ลามะผูใหกําเนิดสิกขิมมา พบกันที่นี่ ดานหนาหางไปเล็กนอย มี รอยเทาที่หนึ่งในพระลามะทิ้งเอาไว ตองไป เปดชิ้นไมชิ้นเล็ก ๆ ทีป ่ ดอยูอ  อกมาจึงจะ เปนรอยเทา บรรยากาศแถวนี้เงียบสงัดมาก ...

ตื่นกันแตเชาขึ้นไปบนดาดฟาโรงแรมเพื่อ รอชมยอดคังเชงจุงกาทางทิศตะวันตก หอง พวกเราอยูทางฝงจุดชมวิวพอดีเลย หนาตางหองออกแบบใหเปนกระจกบาน ยาว ๆ ทําใหสามารถมองเห็นยอดคังเชง จุงกาไดในตอนเชา...

เมือง Yuksom เปนเมืองเล็ก ๆ ที่เปนจุดตั้ง ตนของการ Trekking ในแถบนี้ มีเกสต เฮาสหลายหลัง นักทองเที่ยวตางชาติที่มา trekking มีอยูไมนอยเลย แตกระนั้นตัว เมืองก็ยังเงียบสงบ พวกเราแวะจิบชาพลาง


เขียน Post card ไปพลาง...Yuksom นี่ บรรยากาศ Charming สมกับที่บรรยายไว ใน LP เลย...

ฐานขอพรแลววักน้ําขึ้นมาลูบหัว...เราเลย ทํามั่ง...ขอแคใหมีสติอยูก  ับตัวตลอดเวลา ...ก็พอแลว... ออกจากทะเลสาบก็บายโมงกวา ตลอดทาง ไมมีรานอาหารเลย ซันเจขับรถพากลับมา ทานอาหารกลางวันที่โรงแรม Vet Pakora และแครอทสด ยังอรอยเหมือนเดิม

ออกจากตัวเมือง Yuksom ไปตอกันที่ ทะเลสาบศักดิ์สท ิ ธิ์ Khercheopalri ทะเลสาบนี้ออกเสียงไดนา ฟงวา Catch-aperry เปนทะเลาบที่ชาวสิกขิมเชื่อวาจะทํา ใหความปรารถนาเปนจริง ทะเลสาบนี้มี ขนาดไมใหญมาก อยูกลางปา ดานหนาเปน สถานปฏิบัตธรรม ประมาณเดือน มีนา –เมษ มีเทศกาลลอย Butter Candle พรอมกับ การสวดมนตที่ทะเลสาบนี้

ธรรมชาติรอบทะเลสาบดูเงียบสงบ ทางเดิน ลงไปริมทะเลสาบเปนทางไมไผและตอง ถอดรองเทาเดินลงไป เห็นชาวอินเดียอธิ

วันนี้เปนวันทัวรไหวพระ...ตอนบายพวกเรา แวะไปวัด Pemayangtse วัดนี้อยูในปา ดานบนของเมือง Pelling เปนวัดที่เราเดิน เขาไปแลวรูสึกวาเงียบ...สงบมาก...ชื่อของ วัด Pemayangtse แปลไดวาคือ “Perfect Sublime Lotus” วัดนี้เปนวัดเกาแกวัด หนึ่งในสิกขิม พระที่จะบวชที่วัดนี้ไดตอ  งเปนชาวธิเบตแท เทานั้น


ภาพเขียนและรูปปนหรือพระพุทธรูปใน โบสถเนนไปทางการอวตารของ พระพุทธเจาทั้งสิบชาติ โดยมีพระสัมมาสัม พุทธเจาเปนหนึ่งในปางอวตาร ภาพเขียนในโบสถทั้งสามชั้นสวยมาก เปน การลงสีลงบนหิน มีบางสวนที่เริ่มหลุดลอก และยังไมไดรับการบูรณะ มีหลายจุดที่พวก เราสงสัยวาทําไมถึงมีมานไปปดรูปไว ซึ่งจะ มีอยูทั้งสีด ่ านครบสามชั้นเลย...ลองเปดดู จึงเห็นวาเปนภาพพระพุทธเจาผจญ(นาง) พญามาร ภาพเขียนแสดงทาทางที่ นางพญามารกําลังยั่วยวนพระพุทธเจาอยาง สุด ๆ....คนสมัยกอนคงเอาไวสอนวาถึงแม จะมีสิ่งยั่วยุมาอยูตรงหนา พระพุทธองคยัง สามารถเอาชนะกิเลสได...

วันที่ 9 : Pellingแวะจิบชา ชวนเด็กกระโดด ตามไรชารายทางออกจาก Sikkim-มุงสูรัฐ West Bangal ทานเค็กแสนอรอยที่ Glenary - ฉลองปใหมที่เมือง Dajeering ตอนเชาวันนี้พวกเราก็ยังไมมีโอกาศไดเห็น ยอดคังเจงจุงกา ออกมาจาก Pelling แบบ ผิดหวังหนอย ๆ ไมเปนไร ไวไปดูที่ Tiger Hill อีกรอบนึง

บนชั้นสามเปนโมเดลเรียกชื่อวา Zandog Palri แสดงชั้นนรก สวรรค เปนงานปนดวย มือของลามะ ใชเวลาทํา 7 ป ตั้งแตไหวพระวัดธิเบตมา เรามี Feeling วา วัด Pymayangtse นี้สงบและมีมนตขลัง ที่สุด อาจเปนเพราะบรรยากาศของวัดที่อยู ในปา อากาศครึ้ม ๆ เย็น ๆ ยามบายแก ๆ… จนเราตองนั่งลงนั่งสมาธิเลย... ระหวางทางเราแวะถายรูปกับตนคริสมาสต ใบแดง ๆ ที่ขึ้นอยูเต็มทาง กอนออกจากสิขิมจะเห็นน้ําพุรอนที่ผุด ขึ้นมาที่กลางแมน้ํา...มีวัดตั้งอยูริมแมน้ํา ขา ไป Pelling ก็ผาน แตเปนตอนหัวค่ํา เลย ไมไดถายรูปไว พอออกจากรัฐสิกขิม ขามแมน้ําไปฝงรัฐ West Bengal เราก็เริ่มเห็นไรชาเต็มไปหมด ไรชาในรัฐนี้ปลูกอยูบนหนาผา เชิงเขา ไม ตางจากที่สิกขิม เราแวะจิบชา ถายรูปกัน หลายจุด บางแหงมองเห็นตัวเมือง อยาง เมือง Jorthang อยูริมแมน้ํา กลางหุบเขา


ตอนเดินหาโรงแรมก็เอาแลวเริ่มมีนายหนา มาเกาะแลว แลวนายหนาก็ไมไดทําหนาที่ แนะนําโรงแรมดวยนะ....จะกินหัวคิวโดยไม ทําอะไรเลยหรือจะ...กวาพวกเราจะสลัด นายหนาหลุดก็ตองเดินขึน ้ ไปทางดานบน ของ Nehru ไปเจอโรงแรมเกา ๆ อายุ 170 ป ดูแอนทีกดี ชือ ่ Pineridge ราคาอยูใน งบประมาณ ก็เลยเลือกเลย เพราะเกรงวาถา เดินไปหาที่อื่นจะเจอนายหนาอีก...

แวะถายรูปไรชากับเด็กนอยแถบดารจล ี ิง ชวนเด็ก ๆ กระโดดถายรูปกันเปนที่ สนุกสนาน

พอเขาเขตดารจิลิง เห็นไดชัดเลยวาคน เมืองนี้เปนคนอินเดียแท ๆ หนาตาไม เหมือนแถบสิกขิมเลย เปนเมืองที่วุนวาย พอสมควร ซันเจพามาสงที่ Nehru Road จายเงินเสร็จ ก็ร่ําลากัน...ใครตองการติดตอซันเจไปขับ รถติดตอได ที่…Sanjay_2008@yahoo.com หรือ mobile: 98320-65849 และ 9775914864

ปรากฏวาโรงแรมเกาแก 170 ป ที่เราอยูนี้ เกาและแอนทีก ซะจนพวกเราไมกลาปดไฟ นอน และตองยายหองมานอนรวมกัน... เวลาเขาหองน้ําตอนกลางคืนก็ตอ  งไมมอง ภาพเขียนสาวนอยสไตลเรอนัวที่ติดอยูตรง กําแพง...พี่ใหญในกลุมนะเก็บไปฝนเลยวา สาวนอยในภาพเขียนออกมาทักทายดวย... แตถึงจะกลัวหนอย ๆ พวกเราก็นอนกันอยู สองคืน ไมเปลี่ยนโรงแรม เพราะขี้เกียจหิ้ว ของไปมาและไมอยากเจอนายหนาตาม หนาตามหลัง...

กลางวันพวกเราไปทานเค็กกันที่ราน Glenary’s หมายมั่นปนมือกันมาตั้งแต กรุงเทพแลววาจะมาจิบกาแฟทานเค็กกัน ที่นี่ เค็กที่นอ ี่ รอยจริงๆ....กาบับไกก็อรอยไม แพกัน วันนี้ไมอยากไปไหนกันอีก เริ่มคิดถึงบาน กันแลว ยิ่งวันนี้เปนวันสิ้นปดวย ก็เลยไดแค เดินเที่ยว ๆ แถว ๆ นั้น เดินไปซื้อหนังสือ ราน Oxford ที่อยูตรง Chowrasta หนังสือ


ภาษาอังกฤษที่นี่มีเยอะมาก ถูกกวา เมืองไทย หนังสือทีอ ่ งคดาไลลามะเขียนก็มี แทบจะทุกเลมเลย... ค่ํานี้พวกเรากลับไปดินเนอรฉลองปใหมกัน ที่ Glenary’s อีกครั้ง คอย ๆ ละเลียดสั่ง อาหารมาทานกันทีละอยาง กวาพวกเราจะ ลองสั่งเมนูเด็ด Sizzlers ก็อิ่มกันซะทานไม หมด ตอนแรกพวกเรากะวาจะอยูถึงเที่ยงคืนแต ปรากฏวา สามทุมรานปดแลว...เลยกลับไป นอนฟงเสียงพลุปใหมกันที่หองแทน...

ดานในมีการเรียงเกาอี้กันไวเรียบรอยเปน ระเบียบ แตพอใกลพระอาทิตยขึ้น ก็เริ่มมี การขยับเกาอี้กันวุนวาย คนอินเดียเคามาดูพระอาทิตยขึ้นที่ Tiger Hill กัน เคาเลยไปออกันอยูฝงดานทิศ ตะวันออก สวนคนไทยอยางเรา ๆ ตองการเห็นคังเจง จุงกายามตองแสงยามเชา เราเลยไปอยู ทางทิศตะวันตก ไมคอยมีคนมาก

พอแสงอาทิตยแรกแหงปขึ้น ก็มีเสียงฮือฮา ตบมือขึ้นดัง เสียงชัตเตอรระดมรัวถี่ยิบ สัก พักก็จางลง คนอินเดียกลับกันหมด เหลือ คนไทยไมกค ี่ นรอดูยอดคังเจงจุงกา ซึ่งวันนี้ เราก็ผิดหวังอีกเชนเคย เพราะเธอยังอายไม ออกมารับแสงอาทิตยยามเชาใหเห็นกัน อยางชัด ๆ

วันที่ 10: รับแสงอาทิตยแรกแหงป ชมยอดคังเจงจุงกา ที่ Tiger Hill – นมัสการขอพรปใหมที่วัด Ghum และวัด Samten – กอนกลับมาชอปปงชาที่ราน Nathmull พวกเราตื่นกันตั้งแตตี่สี่ เพราะนัดรถมารับ ตอนตีสค ี่ รึ่งจะไป Tiger Hill กัน วารถไวตั้งแตวันวาน พอออกไปไมเจอรถ มารอ พวกเราก็จางรถคันอื่นไปแทน รถแถบ นี้หาไมยาก ราคาก็ไมตางกัน ที่ดารจีลิ่งอากาศเย็นมาก มากกวาที่สิกขิม ซะอีกนะ ดังนั้นพวกเราเลยซื้อตั๋วสําหรับนั่ง ดานในอาคาร ราคาตั๋วชั้นบนสุด คือ 40 Rp มีชาแจก ชั้น กลาง 3o Rp มีชาแจก ชั้นลาง 20 Rp และ ดานนอกอาคาร 10 Rp

พนักงานที่นี่บอกเราวา เมื่อวานนี้ฟาโปรง มองเห็นได ทั้งคังเจงคุงกา และ ซาครา มาตา (Everest) ถึงแมไมเห็นคังเจงจุงกา แตภาพเมืองดารจี ลิ่งที่ตอ  งแสงอาทิตยยามเชา และมี เทือกเขาหมสีขาวตั้งตระหงานเปนฉากหลัง ก็สวยสมใจเรา จากนั้นเราก็ไปไหวพระขอพรรับปใหมกันที่ วัด Ghum กับวัดแซมแทน ที่วัดแซมแทน มีตลาดยามเชาดวย แตตอนเราไปถึงก็สาย แลว ตลาดเริ่มวาย พระลามะนอยที่วัดแซมแทน คอยบริการจุด ธูปปกให


ชวงสาย เราไปซื้อตั๋วรถไป Toy Train เที่ยว Joy Ride ซึ่งเปนเที่ยวรถไฟที่วิ่ง ภายในเมืองสําหรับนักทองเที่ยว โดยวิ่ง ตั้งแตสถานีรถไฟ ไปวงเวียน Bastasia และ สิ้นสุดที่พิพิธภัณฑรถไฟที่สถานี Ghum ให นักทองเที่ยวลงชมประวัตก ิ ารสรางทาง รถไฟสาย Toy Train ที่สรางเชื่อมเมืองใน เขตนี้ เชนสายตั้งแต Siriguri ถึง Dajeering จากนั้นรถไฟที่เปลี่ยนหัวรถจักร ใหมแลว ก็วิ่งกลับสูตัวสถานีรถไฟดารจีลิ่ง รถไฟเที่ยว Joy Ride ใชเวลาประมาณ สอง ชั่วโมง มีเที่ยวเชาประมาณ 10:40 กับเที่ยว บาย ราคาตั๋วอยูที่ 240 Rp ตอคน

ความพิเศษของรถไฟ Toy Train อยูที่หัว รถจักรขับเคลื่อนดวยไอน้ํา บนรถไฟจะมี พนักงานคอยโกยถานหินลงในเตา แลวให ความรอนจากเตาไปตมน้ําในหมอน้ําที่อยู ตรงกลางหัวรถจักรจากนัน ้ ไอน้ําที่ไดก็จะไป ขับเคลื่อนหัวรถจักร ระหวางทางมีการหยุด รถไฟที่จด ุ ทีก ่ ําหนด เพื่อเติมน้ําลงในหมอ น้ํา และรับถานหินเพิ่ม ...เอ แลวที่ตอง เดินทางระยะไกล ๆระหวาง Siliguri กับ ดารจีลิง จะตองขนถานหินกับน้ําสํารองไว ซักเทาไรกันนะ ถึงจะเพียงพอ ไปถึงสถานี Ghum แลว มีการโกยถานหิน ออก ชาวบานและเด็ก ๆ แถวนั้นตางก็ออก กันมาเก็บถานและขี้เถาไปใชกันตอ ชวงบายพวกเรากลับไปกินกลางวันกันที่ราน เดิม Glenary’s กาบับไกที่นี่อรอยมาก... พวกเราอยากไปดูสวนสัตวและไรชากันตอ แตพอไปถามทีค ่ ิวรถ ปรากฏวาวันนี้สวน สัตวปด และก็บาย เกินกวาที่จะไปดูไรชา

กันแลว จะเดินเที่ยวกันตอก็เริ่มหนาว สุดทาย คือไปซื้อชากันที่ Nathmulls กัน ดีกวา สําหรับไรชาพรุงนี้ขากลับคอยใหรถ แวะไรชา Makibrari อันเลื่องชื่อก็ได รานชา Nathmulls เปนรานขายชาดารจีลิง ที่มีชื่อเสียงมาก ขายชาจากไรชาทุกไรใน เขตดารจีลิง ยกเวนชาจากไร Makibrari ชา ที่ซื้อจะมีปายบอกไววามาจากไรไหน ในฤดู เพาะปลูกปใด พวกเราก็ไดความรูจากที่นี่ แหละวา ถาเปนชาดํา ใหตมในน้ําเดือดสาม นาที สวนชาเขียวใหใสน้ํารอนแชไวไดเลย ไมตองตมเพิ่ม สวนวิธีเก็บชานั้น ใหเก็บใน ที่แหง ไมมีแสงผาน ไมควรเก็บในกลอง พลาสติกใสหรือแกวใส ควรเก็บในกลองไม ที่มีฟอยลกันความชื้น เพราะถาใบชาชื้น รส และกลิ่นจะเปลี่ยนไป

รานนี้ขายชาออนไลนดวยและสงทั่วโลก สั่ง ไดจากเว็บนี้คะ www.nathmulltea.com ราคาชาก็มีหลากหลาย ตั้งแตขีดละ 60 Rp ถึงหลักหลายพันรูปตามคุณภาพ ชาที่นี่ทุก เกรดเปนชาที่ไดจากยอดชาสามยอดแรก เทานั้น... พวกเราถามวาแลวทําไมไมขายชาจากไรชา Makibrari พนักงานบอกวา ชา Makibrari จะมีการขายอีกแบบคือจะไปประมูลซื้อขาย กันในตลาดชากัลกัตตาเพื่อสงออกขายนอก ประเทศ และอาจมีการนําไปปนกับชาจาก ไรอื่นดวย ดังนั้นถายูอยากไดชาจาก Makibrari แท ๆ ยูควรจะไปซื้อจากไร


โดยตรงนะ เพราะที่ขายทั่วไปแลวบอกวา เปนชา Makibrari อาจไมใชชาแทก็ได

สวนไรชา Makaibari เปนหมูบานบนเขา ใน ไรชาจะมีบานคนงานอยูเต็มไปหมด

เราไมใชนักชิมชา เคยดื่มแตชาจีนกับชาลิป ตัน เลยบอกไดแตเพียงวา รสและกลิ่นของ ชาดารจิลิง ไมเหมือนชาจีนและชาซองอื่น ๆ กลิ่นชาดารจิลิ่งหอมออน ๆ....ถาเปนนัก ชิมจริง ๆ คงรูวามาจากไรใด...

ตอนนี้การทําชาไดตกทอดมาถึงคนรุนที่ 4 แลว ตอนเราไปซื้อชา เราขอชมโรงงานชา คนขายก็พาเขาไปดู เสียดายที่วาเขาเก็บ เกี่ยวกันเสร็จแลว เลยไดเห็นแตเครื่องมือ ไมไดเห็นตอนทํางานจริง ๆ

หนาโรงแรมเราเปนยาน Shopping พวกเรา เลยซื้อผาอินเดียกันสนุกสนาน รานหนังสือ Oxford ที่นี่ก็ขายหนังสือไมแพง... เปนอีกคืนหนึ่งที่พวกเรารวมตัวมานอน ดวยกัน พรอมเปดไฟ

ชาจากไร Makaibari สามารถสั่งซื้อ ออนไลนไดจากเว็บไซดนี้คะ www.makaibari.org

วันที่ 11 : Dajeering – แวะไรชาลือชื่อ Makaibari – ขับผานไรชาในที่ราบกอนถึงเมือง Silliguri – สนามบินบัคโดลากัลกัตตา

จากนั้นรถเราก็ซิ่ง เพราะกลัวไปสนามบินไม ทัน แตก็ยังพาเราออมลัดเลาะไปดูไรชาใน เขตใกลบักโดราอีก ไรชาที่เมืองใกลบักโดรา เปนไรชาบนที่ราบ ไดรับแสงอีกแบบ กลิ่นและรสชาคงตางกัน ตามสภาพอากาศ

แปดโมงเชา พวกเราจางรถจากถนน Nehru ใหไปสงที่สนามบินบักโดรา ในราคา 1000 Rp โดยขอใหแวะไรชา Makaibari ดวย ระหวางทางไรชาสวยมาก แตไมคอยจะ อยากถายรูปกันแลว อยากกลับบานกัน มากกวา ไรชา Temi ที่ South Sikkim เปนไรชาบน เขา อากาศหนาวชื้น ๆ ไมเห็นบานคนเลย พวกเรามาถึงกัลกัตตากันชวงบาย หาที่พัก แถว Sudder Street ไดที่พักดี สะอาด ราคาไมแพง และที่สําคัญที่นี่นายหนาไม กลาตามเขามา (Hotel Walson ราคา 600 Rp ตอคืน สองเตียง เสริมที่นอนอีก 2 ที่ เพราหองเหลือหองเดียว) ตอนขึ้นเครื่องมากัลกัตตา เจอนิตยสารบน เครื่องจัดอันดับตลาดที่นาเดินนาซื้อใน อินเดีย หนึ่งในนั้นมี New Market ที่ กัลกัตตา พวกเราเลยออกไปเดินหากัน เพราะเห็นวาอยูไมไกลทีพ ่ ักนัก กอนหนานี้ พวกเราวางแผนกันวา จะไปกัน หลายที่ เชนอยากไปบานแมชีเทเรซา ไป เดินยาน BBD bug พอมาถึงปรากฏวา พวก เราลา และอยากพักกอนมากกวา ก็เลยไป


เดินกันที่ New Market เล็กนอย ไปหา อาหารมองโกลทานกันที่รา นอาหารจีน ใน โรงแรมเล็ก ๆ แหงนึง แลวก็กลับมานอน...

วันที่ 12: แท็กซี่ประทวงในกัลกัตตากลับบานเรา กรุงเทพมหานคร ไฟลทพวกเราออกตอนเทีย ่ ง เชา ๆ เลยมี เวลาลองนั่งรถลากดู สงสารคนเข็นจัง... สองโมง พวกเราหารถแท็กซี่ไปสนามบิน ปรากฏวาแทกซี่ประทวง จอดกันอยูริมถนน เต็มไปหมด และมีขาวแวว ๆ ตามลมมาวา อาจมีการปดถนนดวยนะ อยากระนั้นเลย พอคนที่โรงแรมหารถใหเราได เปนรถ รับจางทั่วไปแหละ เราก็ตกลงไปกันทันที่ ไมเสียเวลาตอราคากันเลย ทั้ง ๆ ที่ คนขับรถเรียกราคามาสูงมาก 800 Rp จาก ราคามาตราฐานประมาณ 250 Rp ก็ไม อยากตกรถ ตกเครือ ่ งอยูอินเดียกันนะซิ... พอออกมาจากโรงแรม เห็นมีนักทองเที่ยว อีกหลายคนกําลังหารถกันอยู พวกเราจะรับ ขึ้นไปดวย ก็รับไดไมหมดแน เพราะรถเต็ม ไปดวยสัมภาระ ไมมีที่นั่งเหลือแลว...ชวย ตัวเองแลวกันนะจะ... ที่สนามบินกัลกัตตา แมพวกเราจะมากอน เวลาถึงสองชั่วโมง แตเจาหนาที่ก็เตือนให พวกเราเขาไปขางในกันอยางรีบเรง พรอม บอกวาที่นี่ มีการตรวจเช็คละเอียดมากและ ยูอยาเอากระเปาขึ้นเครื่องเกินสองชิ้นนะ เดี๋ยวจะเสียเวลาเช็คของในกระเปานาน และยูอาจตองทิ้งของไวที่นี่ พวกเราเลย ตองโหลดกลองชาที่ซื้อกันมาอยางเยอะไว ใตเครื่อง ซึ่งก็ตด ั สินใจไมผิด เพราะเราเห็น หลายคนตองออกไปอีกรอบ เอาของที่หิ้ว มาโหลดลงเครื่อง หรือไมก็ทิ้งไวที่สนามบิน ... สุดทาย พวกเราก็บาย บาย สิกขิมกลับบาน เราที่เมืองไทย การเดินทางครั้งนี้ พวกเราสี่คนไปรวมสุขกัน (ไมมีทุกขใหรวมกันเลย) กลับมามีเรี่ยวแรง พลังใจ ทํางานกันอีกรอบ


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.