My trip at Silk Road… XinJiang area, China. Turpan Kuche Kashgar Urumqi Dunhuang
By Nunit and The Gang … …
ซินเจียง ฉบับกระเปา เสนทางสายแพรไหม (3-17 Apr 10)
Day 1 Sat 03/04/10
Bangkok-Guangzhou-Urumqi 08:40-11:50 and 15:20-20:40
Day 2 Sun 04/04/10
Urumqi – Turpan : (by bus or train), หมูบานชาวอุยกุร เมืองโบราณเจียวเหอ, เดินตลาด
Day 3 Mon 05/04/10
Turpan : ภูเขาแดง หมูบาน Tuyu Valley, เมืองโบราณเกาชาง, ถ้ําพระสหัสสสพุทธเบซิคลิค, ภูเขา เพลิงไซอิ๋ว, มัสยิดเออหมินมิเนเรต
Day 4 Tru 06/04/10
Turpan: ระบบชลประทานคาเรส ขึ้นรถไฟไป Kuche
Day 5 Wed 07/04/10
Kuche : Yadan landscape , เทียนซานเสินมี่ตาเสียกู หรือ ภูผาฟา, หมูถาพระสหัสพุทธคีซิล, ขี้นรถไฟเที่ยวดึกไป Kashgar
Day 6 Thu 08/04/10
Kashgar : เดินเมืองเกา old town
Day 7 Fri 09/04/10
Kashgar : Karakul Lake และหมูบานแถวนั้น
Day 8 Sat 10/04/10
Kashgar : กลับจาก Karakul Lake, Id Kah Mosque และเมืองเกา
Day 9 Sun 11/04/10
Kashgar : Sunday Animal Market, Apak Hoja Mausoleum
Day 10 Mon 12/04/10
Kashgar – Urumqi: ไฟลทดีเลย เพราะพายุทราย
Day 11 Tue 13/04/10
Urumqi: Heaven Lake, night train to Dunhuang
Day 12 Wed 14/04/10
Dunhuang: Spring Moon Lake หรือ ทะเลทรายหมิงซาซาน ทะเลสาบพระจันทรเสี้ยว
Day 13 Thu 15/04/10
Dunhuang: ถามอเกาคุน night bus กลับ Urumqi
Day 14 Fri 16/04/10
Urumqi: easy going, shopping
Day 15 Sat 17/04/10
Urumqi-Guangzhou-BKK
ทริปทางสายไหมนี้ ไดแรงบันดาลใจจาก “โกบี” ของโสภาค สุวรรณ อยากเห็นทะเลสาบพระจันทรเสี้ยวแหงเมืองตุนหวง อยากเห็นตนปอปลารริมทะเลทราย.... อีกแรงบันดาลใจคือ ทะเลสาบคาลาคูล ไดเห็นภาพ ทะเลสาบคาลาคูล เมื่อป 2008 ซึ่งขณะนั้นกําลังเหนื่อยลา กับการงานอยางถึงที่สุด เพราะหนวยผลิตที่เราดูแลตองหยุด เดินเครื่องฉุกเฉิน ตองแกปญหารายวัน ทํางานทุกวันเชายัน ดึกอยูสามเดือน...ชวงที่เหนื่อยลาถึงที่สุด แวบมาเปด TKT พอเห็นภาพสะทอนของภูเขาทรายจากทะเลสาบคาลาคู ลของคุณตอมนกปา โอโห สวยมาก..ความเหนื่อยลา หายไป ความรูสึกอิ่มเอม ตื้นตัน วิ่งเขามา กําลังใจในการ ทํางานกลับขึ้นมาก ...ก็เลยตองไปใหเห็นดวยตาตัวเองซะ หนอย ใหสมกับที่ขึ้นชื่อวาเปนคนรักภูเขา
การวางแผนการเดินทาง 15 วัน เนื่องจากมีที่อยากไปเยอะ เริ่มแรก อยากเริ่มนับหนึ่งกัน ตั้งแตซีอาน มาหลันโจว ตุนหวง ทูรูฟาน อุรุมชี คาสือ ออก ปากีสถาน แถมยังอยากไปซินเจียงทางเหนือ รวมทั้งไป เสนทางสายไหมที่ผากลางทะเลทรายทาคลามากัน สุดทายดวยเวลาที่มีแคสองอาทิตย และตองการไปดูตลาด คาสัตววันอาทิตยที่คาชการ เลยตองตัดบางเมืองออก แลว ใชเมืองอุรุมูฉีเปนฐานในการเดินทาง บินกรุงเทพ-กวางเจาอุรุมูฉี ไปทูรูฟาน วนลงใตไปคูเชอร คาชการ โดยรถไฟ จากนั้นเชารถไปทะเลสาบคาลาคูล กอนบินกลับมาอูรูมูฉี เที่ยวทะเลสาบเทียนฉือ แลวนั่งรถไฟเที่ยวดึกไปตุนหวง แลวนั่งรถบัสกลับมาอุรุมฉี กอนบินกลับเมืองไทย....รวมเวลา สองอาทิตย....
หลังจากกลับมาแลว..คงไดไปกันใหมอีกหลายรอบ เพราะซิ นเจียง ยังมีอะไรรอใหนักเดินทางอยางเราไปคนหาอีกเยอะ ...
วันแรก กรุงเทพ กวางเจา อุรุมูฉี วันนี้เดินทางยาวนานมาก ออกจากบานตั้งแตตีหากวา ถึง อุรุมูฉีตอนสามทุม ใชสายการบิน China Southern Airline จากกรุงเทพ กวางเจา กอนตอไปอุรุมูฉี เครื่องบินโอเค ราคา สมเหตุสมผล
สนามบินกวางเจาที่ไปทรานซิสใหญมาก แถมระบบรักษา ความปลอดภัยที่สนามบินของจีนก็เขมงวดดีมาก อยางเชน กระเปาที่จะเอาออกไปได ตองเอาบารโคดที่สายการบินแปะ ใหไวมาแสดงวาตรงกับบารโคดที่ติดที่กระเปา ปองกันการ หยิบกระเปาผิด... ตอนขากลับ ที่สนามบินอุรุมูฉี เพื่อนเราหอมีดที่เปนของที่ ระลึกเก็บไวในกระเปาที่โหลดลงเครื่อง หอของนั้นมีรูปราง คลาย ๆ ปน หลังจากเช็คอินไปแลว กระเปาเดินทางจะไป ผานเครื่องสแกน ในขณะที่ผูโดยสารอยางเรา ๆ ก็เดินผาน ดานตรวจคนเขาเมืองกันตามปกติ แตพอผานจุดเช็ค กอน เขาในเกท หลังจากเจาหนาสแกนบารโคดที่บอรดดิ้งพาส แลว ก็เรียกเพื่อนเราเอาไว เพราะมีการแจงเตือนในระบบ ประมาณวามีวัตถุตองสงสัยในกระเปา จากนั้นเจาหนาที่ก็ให เจาของกระเปามาดูภาพสแกนที่กระเปาวาขางในคืออะไร แลวคอยปลอยออกมา...ผานสนามบินนี้มาแลว รูสึกวาระบบ รักษาความปลอดภัยของสนามบินในจีนเขมงวดดีจริง ๆ...
มาตอวันแรกกัน...ที่สนามบินอุรุมูฉีมีรถบัสเขาเมือง (10 Y ตอคน) โดยรถจะไปสงตามโรงแรมตาง ๆ โดยจะสุดสายที่ สถานีรถไฟ พวกเราไมไดจองโรงแรมไป กะวาจะไปพักกันที่ โรงแรมหนาที่สถานีรถไฟ เลยลงสุดทาง...พอลงจากรถแลว ...บรื๊อออ หนาว อากาศต่ํากวาสิบองศา...เมืองดูเงียบ ๆ ไม คอยมีคน (ก็ใครเคาจะมาเดินเผนพลานกันละ ออกจะ หนาววว)....กวาพวกเราจะหาโรงแรมที่พักได ก็ผานไปหนึ่ง ชั่วโมง...ทั้ง ๆ ที่จริงแลว โรงแรมก็อยูหนาสถานีรถไฟนั่นแห ละ แตวามีการเปลี่ยนชื่อเสียงไปจากที่เขียนไวในไกดบุค ก็ เลยหากันไมเจอ... คืนนี้พักกันที่: YAOUHOTEL คาหองคนละ 50 Y มีหอง สองเตียง หองสามเตียง หองน้ําสะอาด ออ ราคาหองเปน ราคาโลวซีซันนะจะ...เพราะหลังจากนั้นอีกหนึ่งอาทิตยราคา หองเพิ่มขี้นเปนคนละ 60 Y โรงแรมในจีนแถบนี้ มีประกัน คาเสียหายหองทุกที่ ตองวางเงินคาประกัน 50-100 Y ตอ หองไวทุกโรงแรม
วางกอง ๆ กันไว ตองถือเทานั้น มีการตรวจบัตรประชาชน แต พอเจาหนาที่เห็นเราเปนนักทองเที่ยวก็ปลอยผาน...ความ เขมงวดนี้นาจะมาจากสถานการณทางการเมืองที่อึมครึมอยู ตั้งแตปที่แลว อินเตอรเน็ตในเขตซินเจียง ถูกตัดหมดไมสามารถเขาเว็บ ตางประเทศได เขาไดแตเว็บจีน ชวงที่เราไปเหมือนถูกตัด ขาดจากโลกภายนอก...ซึ่งก็ถือวาดี...จะไดไมตองกังวลเรื่อง งาน 555....
ที่อุรุมูฉี แถว ๆ สถานีรถไฟมีโรงแรมเยอะ แตมีโรงแรมนี้ โรงแรมเดียวที่รับนักทองเที่ยวตางชาติ นอกนั้นพอเราเขาไป ถาม เคาไมใหเขาพัก บอกวาตางชาติพักไมได ซึ่งก็เปน เชนเดียวกับหลาย ๆ เมืองในเขตซินเจียง เชนที่คารการ ที่ จํากัดใหนักทองเที่ยวพักในโรงแรมที่กําหนดไวเทานั้น อาหารเย็นมื้อแรกในซินเจียง ก็หาทานกันแถว ๆ สถานีรถไฟ นั่นแหละ เนื่องจากดีกแลว บทเรียนของการเดินทางในวันแรกของเราคือ...การเดินทาง ขึ้นอยูกับใจของเรา จะสุข ทุกข สนุกสนาน เบื่อ เซ็ง (ที่ตอง รอนาน ๆ ) ก็อยูที่ใจเราเองเทานั้น...เหมือนชีวิตคนเรา จะสุข ทุกข ก็อยูที่ใจเราคิด...
รถไฟจากอุรุมูฉีไปทูรูฟานมีเยอะมาก และไมตองหวงวาจะไม มีที่นั่ง เพราะอุรุมูฉีเปนเมืองตนทางและปลายทางของรถไฟ ในเขตซินเจียง ออกจากอุรุมูฉีมาสักชั่วโมง เราจะเห็นทุง กังหันระยะทางยาวเปนหลายสิบกิโล เปนการนําพลังงานลม มาเปนพลังงานไฟฟา จีนทันสมัยและรูจักใชทรัพยากรที่มีอยู ใหเปนประโยชนนะ ...บานเรายังไมคอยไดใชพลังงาน ธรรมชาติอยางแสงแดด ลม พลังน้ํา ที่เรามีอยูอยางมากมาย มาใชใหเกิดประโยชนเลย....ยิ่งวันที่เราไปดูระบบน้ําใตดิน ของทูรูฟานเรายิ่งทึ่ง เพราะคนเราชางคิดหาวิธีเอาชนะ ธรรมชาติเพื่อใหตัวเองอยูรอดไดในทะเลทรายอันแหงแลง ได...
วันที่สอง Urumqi – Turpan : train), หมูบานชาวอุย กุร เมืองโบราณเจียวเหอ, เดินตลาด
เราเริ่มโปรแกรมเดินทางจากเมืองทูรูฟาน โดยจุดเดนที่พวก เราอยากดูคือเมืองเกาเกาชาง ระบบน้ําใตดิน หมูบานชาวอุย กูร วิธีการไปเมืองทูรูฟานจากอุรุมูฉี คือ นั่งรถไปชั้นสาม hard seat (24 Y ตอคน) (Train no.K544) ประมาณสองชั่วโมง ไปลงที่เมือง Daheyan ซึ่งหางจากทูรูฟานประมาณหนึ่ง ชั่วโมง จากนั้นนั่งรถประจําทางจาก Daheyan มาทูรูฟาน (7.5 Y ตอคน) ที่ซื้อตัวของสถานีรถไฟอุรุมูฉี อยูแยกตางหากจากทางเขา ชานชาลารถไฟ กวาจะหาทางเขากันเจอก็หลงกันพอสมควร ทางเขามีการสแกนกระเปาอยางเขมงวด หามนํากระเปามา
นอกจากทุงกังหันแลว ระหวางทางยังมีโรงงานอุตสาหกรรม เกิดใหมมากมาย มีสวนองุนกลางทะเลทราย (ชวงที่ไปยังไม
ผลิใบออน) ทะเลทรายสิสันสดใส และตนปอปลาร หรือตน ไปหยางที่ยังไมผลิใบ วิวที่เราประหลาดใจและชอบมากคือวิวที่เหมือนโลก พระจันทรระหวางเมือง Daheyan ไปทูรูฟาน เมือง Daheyan เปนแคเมืองเล็กมาก ๆ ตั้งอยูกลางทะเลทรายที่ เต็มไปดวยกอนหิน กอนกรวด ใหญ ๆ มีแมน้ําแหง ๆ ไหล ผาน ดูแลวเมืองบนโลกพระจันทรเลย....555 ...แตอยูบนโลกพระจันทรในทะเลทรายแบบนี้ อากาศหนาว นะคะ อยาประมาทไป อุณหภูมิต่ําวาสิบองศา (เราไปชวง เมษายน).... ไปถึงสถานีรถบัสที่ทูรูฟาน เดินวนหาโรงแรมตามหนังสือโลก เหงา หากันไมเจอ...สุดทายก็ไดความชวยเหลือจาก เจาหนาที่แถว ๆ นั้น พาเดินทะลุดานหลังของสถานีรถบัส ออกไปซักแคไมถึงรอยเมตร ก็ไดโรงแรมดี หองดี หองน้ํา สะอาด ราคาไมแพง (30 Y ตอคน) ตอนบายพวกเรานั่งรถบัสสาย 101 ที่หนาโรงแรม (1 Y ตอ คน) ไปลงสุดทาง แลวตอรถลา (จําราคาไมได) ไปลงที่ พิพิธภัณฑอุยกูร Uygur Ancient Village, (คาเขาชม ชวง low season จาก 35 เหลือ 17.5 Y ตอคน) ขางในแสดงวิถี ชิวิตของชาวอุยกูร มีเสื้อผาโบราณ หุนจําลองการตากองุน การทําเสนหมี่ การสรางบานของชาวอุยกูร...ตนทอในสวน หลังพิพิธภัณทกําลังออกดอกสีชมพูจาง ๆ....เหมือนเดินใน ญี่ปุนมากกวาอยูในทะเลทรายเลยนะเนี่ย...
ทางเขาสองแหง คือทางดานทิศใต กับทิศตะวันออก นอกนั้นโอบลอมดวยแมน้ํา ตัวเมืองตั้งอยูบนที่สูง จีงมีหนา ผาสูงชันกั้นระหวางเมืองกับแมน้ํา และสิ่งปลูกสรางในเมือง ทําดวยดินทั้งหมด....เวลาเดินเขาไปในเมือง เราตองอาน คูมือและจินตนาการพอสมควรวา ตรงไหนคือสวนปกครอง สวนบานเรือน ที่นาทึ่งคือดินที่ตามตัวบานยังอยูในสภาพดี มาก นาจะเปนเพราะสภาพอากาศที่แหงจัดของที่นี่ทําใหดิน ไมละลาย...บานดินอยูไดเปนพัน ๆ ปเลยนะเนี่ย....แถมคน โบราณยังสามารถใชประโยชนจากทรัพยากรที่มีอยู โดยรวมแลวเมืองโบราณแหงนี้ยังอยูในสภาพดี เกาเกาชางที่เราไปดูอีกวันเสียอีก...
ดีกวาเมือง
นั่งรถแท็กซี่กลับตัวเมือง (30 Y) ในเมืองทูรูฟาน เต็มไปดวยไรองุน ตอนที่เราไปยังไมผลิใบ เขียว ๆ ทุกบานจะมีไรองุน โรงตากองุนโดยใชลมธรรมชาติ ผาน องุนที่เมืองทูรูฟานมีชื่อเรื่องความหวานอรอยมาก เรา สงสัยวา ทําไมเมืองกลางทะเลทรายที่แหงแลง และแทบไม มีฝนตกเลยแหงนี้ จะเอาน้ําที่ไหนมาปลูกองุน....เดี๋ยวอีก สองวันไปดูกัน
จากหมูบาน เดินออกมาประมาณ 15 นาที ผานไรองุนตาม ทาง ก็ถึงเมืองโบราณเจียวเหอ จุดหมายหลักของเราในวันนี้ (คาตั๋ว low season 36 Y ตอคน) เมืองโบราณเจียวเหอ (Ancient City of Jiaohe) เปนเมืองที่ สรางดวยดิน อายุเกาแกประมาณสองพันกวาป เปนเมือง ทหาร มีชัยภูมิตั้งอยูบนเดินเขาโอบลอมดวยแมน้ําโดยรอบ ถามองลงมาจากดานบนเมืองเจียวเหอจะมีรูปรางคลายใบ หลิว ขางในเมืองโบราณแบงเปนสวน ๆ มี สวนปกครอง สวนวัด สวนบานเรือน ลักษณะเดนของเมืองโบราณแหงนึ้คือมีประตู
ในเมืองทูรูฟาน จะไมใหคนยืนคุยกันขางถนน เวลาจะตอ ราคาแทกซี่ตองขึ้นไปคุยบนรถ หรือไมก็เขาไปคุยกันใน โรงแรม... (ไมรูวาเปนเพราะสถานการณทางการเมืองหรือ เปลา)... ตลาดยามเย็นที่ทูรูฟานมีสีสัน เหมือนตามตางจังหวัดบานเรา แตงฮามีหวานอรอย ผาคลุมผมสีสวย ๆ ราคาไมแพง... ประมาณหกโมงเย็น (เวลาทูรูฟาน) รานรวงก็เริ่มปดหมดแลว ...
สาลี่หอมที่เมืองทูรูฟานหอมหวานมาก ราคาไมแพง กิโลละ 8 Y ความหอมหวานของสาลี่หอมทําใหเราติดใจ ขนาดวา ทานกันวันละ 2 กิโลเลยทีเดียว (โดยเฉพาะเรา 555) ตลอด การเดินทางที่ซินเจียงเราแวะชิมสาลี่หอมของทุกเมือง และ ลงความเห็นวา ที่ทูรูฟาน สาลี่หอมอรอยและถูกที่สุด...ถึง ขนาดหิ้วกลับมาเมืองไทยดวยนะเนี่ย...ยังไมพอ กลับมา เมืองไทยแลว เรายังมาตามหาสาลี่หอมอีกดวย เลยเจอวาที่ เมืองไทยก็มีการนําเขาสาลี่หอมมาขายตามตลาดใหญ ๆ.. ราคาประมาณสองถึงสามเทาของที่ซินเจียง วากันวา เมืองคูเออเลอรที่อยูทางตอนใตของซินเจียงไดชื่อ วามีสาลี่หอมหวานอรอยที่สุด แตเราไมไดมีโอกาสไปชิม.... สวนแตงที่หอมหวานที่สุดคือแตงฮามี หรือ ฮามีกั๋ว...พวกเรา ไดชิมกันอยูหลายครั้ง หอมและหวานจัดจริง ๆ ดวยแหละ...
วันที่สาม Turpan : ภูเขาแดง หมูบาน Tuyu Valley, เมืองโบราณเกาชาง, ถ้ําพระสหัสสสพุทธเบซิคลิค, ภูเขาเพลิงไซอิ๋ว, มัสยิดเออหมินมิเนเรต
วันนี้เราเชาแทกซี่แบบมินิแวนแบบนั่งได 5-6 คน (ราคา ตอรองจาก 380 เหลือ 200 Y) ไปทุกที่ตามจุดที่ตกลงกันไว
ตอนเชาแทกซี่พาไปทานซาลาเปานึ่ง กับน้ําขาว อรอยมาก ๆ ปกติเราไมคอยชอบทานซาลาเปาเพราะมีแตแปงเหนียว ๆ ไมมีรส แตซาลาเปาของทุกเมืองในเขตซินเจียงอรอยทุกราน แปงนุม ใสเยอะ ทานแลวไมเอียน ราคาไมแพง อยางมื้อเชา นี้ ทานกันหกคน ซาลาเปาเกือบประมาณหาหกเขง น้ําขาว สองสามชามใหญ ราคาแค 10 Y...กลับมาจากจีนคราวนี้ ติด ใจซาลาเปาซะแลว...แตหาทานที่ไหนก็ยังไมอรอยเหมือนที่ ซินเจียง...อิอิ...
จากนั้นแทกซี่พาไปหมูบานชาวอุยกูรชือ Tuyu Valley (คา เขาชวง Low season จาก 30 เหลือ 15 Y) หมูบานนี้อารมณ ประมาณหมูบานมาชูเลห กับหมูบานอัพยาเนห ในอิหราน หมูบานนี้อยูบนเนิน มีแมน้ําสายเล็ก ๆ ไหลผานกลางหมูบาน แนวหมูตนไปหยางและตนทอปลูกอยูริมน้ํา ทอบางตนเริ่ม ออกดอกสีชมพูแกมขาวแลว ถาพวกเรามาฤดูใบไมผลิที่ ตนไมใหญ ๆ ริมทางเดินเริ่มผลิบาน บรรยากาศรอบตัวคง เปนสีเขียวสวยกวานี้อีกเยอะ...บานที่นี่ทําจากดินเหนียวสี เนื้อผสมหญาทําเปนบานดิน ขางในบานมีเตียงดิน มัสยิด ประจําหมูบานมีหอขานนะหมาดสีเขียว ประตูมัสยิดคงเคย เปนสีฟาสด แตถึงจะเปนสีฟาหมน ๆ ก็ยังสวยและเขากับสี ของมัสยิด
เราเดินอยูในหมูบานเกือบสองชั่วโมงจนคนขับรถเริ่มโมโห เห็นบอกวากลัวเราจะไปเที่ยวที่อื่นไมทัน...ทํานองนั้น...แต ถึงเคาจะเริ่มโมโหพวกเรา ก็ยังพาพวกเราไปทานบะหมี่ซิ นเจียงทีแสนอรอย...ซินเจียงมีชื่อเรื่องบะหมี่ เสนบะหมี่ทํา สด ๆ เสนหนานุม ทานกับผักสด อรอยดี...
จุดหมายตอนบายคือเมืองโบราณเกาชาง (คาเขาชม ชวง Low Season จาก 40 เหลือ 36 Y) จากทางเขา เรานั่งรถ เทียมมาเขาไป (คนละ 10 Y) ไดขาววาชวงปกติจะมีคนขับ มี คนเลนดนตรีอูยกูรใหฟง และมีเด็กชายนั่งบนรถ ชวงที่เราไป เปนชวง low season เลยมีแตคนขับและเด็กนอยผิวขาวขับ พาชม รถมาไปสิ้นสุดที่วัดตาฝอซื่อ ซึ่งเปนวัดเกาในพุทธ ศาสนา เปนวัดที่พระถังซําจั๋งเคยจารึกผานมา และเทศนา ในชวงที่กําลังเดินทางไปจาริกแสวงธรรมที่อินเดีย
ชาวบานที่นี่แตงตัวสีสันสดใส เด็กสาว ๆ ผิวขาวแกมแดง ตาโต ใสชุดกระโปรงสีแดงสด หรือสีมวงสด และคงคุนเคย กับนักทองเทียวพอสมควร
เมืองเกาเกาชางผุเกือบหมดแลว ดินเริ่มจะกลายเปนเนินดิน ธรรมชาติ จินตนาการไมออกเลยวาสวนไหนเปนสวนปกครอง เปนบานเรือน แตวิวที่เราชอบมากคือ จากเมืองเกาเกาชาง เราจะมองเห็นหอนะมาซของมัสยิดอยูลิบ ๆ และมีภูขาเพลิง สีสมดําเปนฉากหลัง...ครั้งหนึ่งในดินแดนนี้พุทธศาสนาเคย รุงเรืองอยู ปจจุบันชาวซินเจียงนับถือศาสนาอิสลาม...
หลังหมูบานเปนเนินดินสูง เราปนขึ้นไปบนเนินสูง ๆ นั้น ทํา ใหเห็นหมูบานทั้งหมด รอบ ๆ หมูบานเปนสวนองุนที่ตอนนี้ ยังคงแหงอยู ยังไมผลิใบ...เห็นทีถาจะมาทูรูฟานอีกคงมา ชวงฤดูใบไมผลิ คงจะไดเห็นสวนองุนสีเขียว ๆ ตัดกับบานดิน สีเนื้อ
สองวันนี้เห็นเมืองโบราณเจียวเหอ และเมืองเกาเกาชางแลว ทําใหนึกถึง Cappadicia ในตุรกี...
จุดตอไปคือถ้ําพระสหัสสสพุทธเบซิคลิค (Basiklik Thousand Buddha Cave) ที่ตั้งอยูดานหลังภูเขาเพลิง ไซอิ๋ว (คาเขาชม ลดจาก 20 เหลือ 18 Y) การชมงานพุทธ ศิลปตามแนวเสนทางสายไหม เปนอีกหนึ่งจุดหมายใหญของ ทีมเรา หมูถานี้เจาะเขาไปในภูเขาเปนรูปสี่เหลี่ยมผืนผา หลังคาถ้ําโคง ภายในมีภาพวาดพระพุทธเจาองคเล็ก ๆ อยู รายรอบถ้ํา บางถ้ํามีพระพุทธรูปปางไสยยาตรอยู ถ้ํานั้นเปด ใหเขาชมไมกี่ถ้ํา และหามถายรูปภายในถ้ํา
พอบนมากอยางนี้ก็เลยใหทิปไปแค 20 Y) พอเสร็จจากที่ สุดทาย พวกเรานัดแนะกันวา พอถึงที่พัก ลงจากรถแลว ให สลายตัวทันที ใหเพื่อนคนนึงทําหนาที่เพชรฆาต เปนคน จายเงินโดยใหยายไปนั่งหนา พรอมกับเงิน 220 Y (ใหเพิ่ม 20 Y) พอลงจากรถพวกเราสลายตัว ฟว...พอเพื่อนยื่นเงินให 220 Y คนขับรถที่อารมณดีระหวางทางกลับโรงแรม (เพราะ นึกวาเราจะใหเพิ่มเปน 300-400 Y ตามที่ขอ) ก็โวยวายวา ใหเงินเทานี้ ไมเอาหรอกพรอมโยนเงินทั้งหมดกลับมาให เพื่อน เพื่อนเราก็เลยชักทิป 20 Y กลับ วางเงิน 200 Y ตาม ราคาที่ตกลงไวที่หนาเบาะรถ แลวเดินออกมาจากรถ เทานั้น แหละคนขับรถก็เปลี่ยนจากอารมณโวยวายมาเปนอารมณดี ยิ้มแยมแจมใส รีบวิ่งมาจับมือเช็คแฮนด ขอทิปกลับไป.... พรอมถามวา พรุงนี้จะเชารถอีกไหม...ไมเอาแลวจา...พวก เราที่แอบสังเกตการอยูไกล ๆ ก็ฮากันซะ...
บทเรียนวันนี้ คืออยูนิ่งที่สุด รับมือกับอารมณโมโห โวยวาย ของคนขับ โดยที่ไมใหใจเราหงุดหงิดไปดวย ตองเที่ยวให มีคความสุขที่สุด ซึ่งพวกเราก็ทํากันไดอยางสบาย ๆ ชิล ชิล ....แสดงวาเริ่มเขี้ยวลากดินกันมากขึ้น อะ ไมใชเริ่มมีวุฒิ ภาวะกันมากขึ้นตางหากอิอิ... จุดหมายสุดทายของวันคือมัสยิดเออหมิ่นมิเนเรต ที่อยูใน เขตตัวเมืองทูรูฟาน มัสยิดนี้ไดรับอิทธพลงานศิลปะจากแถบ เปอรเซีย หอขานนะมาซเปนทรงสอบรูปรางคลายฝก ขาวโพด อิฐของหอขานนะมาซทําจากดินเหนียวเรียงเปน รูปทรงตาง ๆ ภายในโถงละหมาดไมมีลวดลายใด ๆ ดูเรียบ งายและสงบ
คนขับรถเชาวันตอมาที่พาพวกเราไปดูระบบสงน้ํา พรอมไป สงสถานีรถไฟ (เหมา 150) ยังมีใจบริการมากกวาเยอะ แถม เวลาจะใหทิปก็ทําทาไมเอาอีก...แตอันนี้ก็มีฮาอีก...ไวเลาให ฟงวันพรุงนี้
วันที่สี่ Turpan: ระบบชลประทานคาเรส ขึ้นรถไฟไป Kuche วันนี้พวกเราตองตอรถไฟเที่ยวเที่ยงสี่สิบจากเมือง Daheyan ไปเมือง Kuche ตั๋วรถไฟนั้นพวกเราจองไวตั้งแตวันที่มาถึง Daheyan วันแรก เปน Hard Sleeper ราคาตั้งแต 139-143 Y ขึ้นกับวาเปนเตียงชั้นไหน รถไฟใชเวลาเกือบยี่สิบชั่วโมง ถึงจะถึงเมือง Kuche (Train no. 7556 from Urumqi to Kashgar)
ออกจากมัสยิดมาก็เย็นพอสมควร และคนขับรถเริ่มออก อาการหงุดหงิดมากขึ้น ที่จริงคนขับรถเริ่มออกอาการ หงุดหงิดตั้งแตบาย ขอทิป ขอขี้นราคาคาเชารถ มีการบนวา ขับรถไกล มีการบังคับพวกเราประมาณวาใหเขาเมืองเกาชาง ไดแคหนึ่งชั่วโมงนะ มีการใชมุขหามิสยิดไมเจอ เริ่มขับรถชา ลง พวกเราใหพี่ที่พูดภาษาจีนไดไปนั่งหนาหลอกลอคุยดวย ไว บอกวาใหพาเที่ยวกอน เริ่องเงินคอยคุยกันทีหลังเที่ยว เสร็จ ที่จริงพวกเราก็ตั้งใจวาถาขับรถดีก็จะใหทิปอยูแลว (แต
ชวงเชาพอมีเวลาเกือบ ๆ ครึ่งวัน เราวางแผนไปดูระบบ ชลประทานคาเรซ (Kerez system) คนขับรถก็ชางหวังดี บอกวาพวกยูไปดูระบบชลประทานในพิพิธภัณฑนะ ไมมีอะไร หรอก เสียเงินเปลา ๆ จะพาไปดูของจริง ๆ เลย พอพวกเรา ตกลงก็ขับพาเราตะลุยเขาไปในไรองุน ที่ตอนนี้มีแตโรงตาก องุน แตคนขับก็หาระบบน้ําใตดินไมเจอ วนไปวนมาจนมา เจอญาติเพื่อนขี่มอเตอรไซดผานมา คนขับขอใหขับนําไปดู คาเรซ คาเรซที่คนขับพาไปเปนแองน้ําใตดินเล็ก ๆ ที่หลุบลง ไปทามกลางไรองุน ถาไมใชคนพื้นที่จะไมรูหรอกวามีระบบ น้ําอยูใตดิน แตกระนั้นก็ตามพวกเรายังจินตนาการไมออกวา คาเรซคืออะไร ก็เลยขอใหคนขับพาไปดูคาเรซที่พิพิธภัณฑ ดีกวา (คาเขาชมลดจาก 40 เหลือ 20 Y)
คาเรซเปนระบบคลองส สงน้ําใตดินทีสงมาจากเทือกเขาหิมะ เทียนซานที่อยูหางออกไปหลายรอยกิโล
เมืองงที่แหงแลง ฝนแทบไมตก และนั่นก็เปนคําตอบวาทําไมเมื อยางเมืองทูรูฟาน จึงสามารถปลูกองุนรสเลิศได นั่นเปน เพราะระบบชลประทานคาเรซที่มหัศจรรยนี่เอง สมแลวที่เปน หนึ่งในสามสิ่งกอสรางอันยิ่งใหญแหงเมืองจีน (กําแพงเมือง จีน, Grand Canal แหงกรุงปกกิ่ง, และ คาเรซ) โดยคลองใตดินอยูในแนวระนาบจากเทื จากเทือกเขาลงมายังพื้นที่ การเกษตร น้ําจะไหลลงมาโดยแรงโนมถวงตามธรรมชาติ ขางในจะมีคันกั้นน้ําเพื่อควบคุมอัตราการไหลของน้ํา ความ ลึกของคลองใต ใตดินสวนที่อยูใกลภูเขาจะอยูลึกลงไปประมาณ 80 เมตร ความลึกของคลองจากผิวบนนั นั้นจะคอย ๆ ลดลง เรื่อย ๆ จนสวนที่อยูแถบพื แถบพื้นที่การเกษตรจะอยูลึกประมาณ 10 เมตร ระหวางเทือกเขาเทียนซานมายังทูรูฟานจะมีคลอง สงน้ํานี้ขนานกันหลายสิบเสน รวมระยะทางทุกเสนแลวจะมี ระยะทางมากกวา 5000 กิโลเมตร
ชาวทูรูฟานทํางานหนักกันตลอดป ตองตอสูกับธรรมชาติ เพื่อใหมีชีวิตอยูรอดในดินแดนแหงแลงกลางทะเลทรายแหง นี้....
เรามีคําถามวา ขุดคลองใตดินแลวดินที่อยูดานบนไมถลมมา หรือ คําตอบคือชั้นหินที่ขุดลงไปนันแข็ ้นแข็งมาก และแถบนี้แหง แลงดินจึงแข็ง ผนังดานบนคลองจึงไมยุบลงมา (คิดดูวาหิน แข็งขนาดนี้ตองใชแรงคนในการขุดขนาดไหน)... ขนาดไหน ระหวางทางมีบอขุดลึกลงไปเปนระยะ ๆ บอนี้มีหนาที่หลาย อยาง แรกสุดเลยเพื่อใหน้ําจากเทือกเขาเทียนซานไหลมา รวมกันลงไปใหนบอ เปนทางใหคนลงไปเมื่อตองการขุดลอก คลอง เปนทางระบายอากาศ...การขุ การขุดคลองใตดินนี้นั้นยัง ชวยลดการระเหยของน้ําไดอีกดวย (เพราะอากาศที เพราะอากาศที่นี่แหง แลง น้ําที่อยูบนดิน ไมมีที่ปดจะระเหยเร็วมาก มาก) น้ําจะพัดพาหินทรายจากเทือกเขาเทียนซานมาในคลอง ทํา ใหคลองตื้น น้ําไมไหล จึงต งตองมีการลงไปขุดลอกคลองกัน ทุกป และใชเวลาลอกคลองกันตลอดเวลาทั้งป โอ...แคนึก วาตองลงไปทํางานขุดลอกคลองในที่อับอากาศลึก 80 เมตร ก็หนาวแลว...กลัวตายเพราะขาดอากาศค คะ...แต...อยาเพิ่ง กลัวไป บอที่ขุดระหวางเปนระยะ ๆ นี้ชวยใหถายเทอากาศได ... (Draft)…
ออกจากคาเรซแลว พวกเราก็รีบเรงไปสถานนี่รถไฟ Daheyan กัน ใจหายใจคว่ําเกือบตกรถไฟ เพราะรถแทกซี่ที่ เชาเครื่องดับเวลาขับขึ้นเนิน...ต ... องลงมาชวยกันเข็น...กวา เพื่อนเราจะสังเกตเห็นวา อาว...รถคั ว นนี้ใชเอ็นจีวีนี่นา...เวลา เครื่องเดินเบา ตอนขึ้นเนินถึงไดดับงายนัก คงจูนเครื่องไมดี ...กว กวาจะอธิบายใหคนขับรถเปลี่ยนมาใชเบนซินตอนขึ้นเนินก็ ออกแรงเข็นรถกันหลายครั้ง...สุ ... ดทายมาถึงสถานีรถไฟแบบ หวุดหวิดมาก...
นั่งรถไฟจีนนี่ โดยเฉพาะนั่งรถไฟขามคืน ยี่สิบชั่วโมงนี่ได เรียนรูวิถีชีวิตของชาวจีน ไดเห็นอะไร ๆ เยอะเลย ในรถไฟมีน้ํารอนพรอม ไวกินกับบะหมี่ ชาวจีนพกบะหมี่กัน มากินทุกครอบครัว รถไฟวิ่งผานเทือกเขาเทียนซาน....สวยจนเกินบรรยาย เนอรกันบนรถไฟกลางเทือกเขาเทียนซาน...หรูจริง ๆ...
ดิน
วันที่หา: Kuche : Yadan landscape , เทียนซานเสิน มี่ตาเสียกู หรือ ภูผาฟา, หมูถาพระสหัสพุทธคีซิล, ขี้นรถไฟเที่ยวดึกไป Kashgar
มาถึงเมืองคูเชอรตอนสาย ๆ วันนี้เราจะเหมาแท็กซี่เที่ยวใน เมืองคูเชอรแลวจับรถไฟเที่ยวตีสี่ไปคาชการกันเลย เหมารถแท็กซี่ใหพาเที่ยวหนึ่งวัน (300 Y ตอคัน) จุดหมาย ใหญของพวกเราคือภูผาฟาและหมูถาพระสหัสพุทธคีซิล แท็กซี่ที่นี่บริการดี ไมจุกจิก แถมชวยหาโรงแรม ตอรองราคา หองพัก และมารับพวกเราตอนตีสามเพื่อไปสงที่สถานีรถไฟ ดวย (และพวกเราก็ใหทิปไปตามสมควร) ระหวางทางไปภูผาฟา แท็กซี่พาแวะ Yadan Landscape “Ya” เปนศัพทอุยกูร แปลวา “Steep Wall on the Hill” เปน ลักษณะเฉพาะของภูเขาที่ถูกสภาพอากาศ, ลมและน้ํากัด เซาะจนเกิดเปนภูเขาที่มีลักษณะสวยงานเฉพาะตัวขึ้นมา Ya หรือ Yadan มีมากในแถบซินเจียงเนื่องจากลักษณะทิศทาง ลม
เทียนซานเสินมี่ตาเสียกู หรือ ภูผาฟา (คาเขาชม 40 Y ไม ลดราคา) เปนจุดหมายหลักที่ทําใหพวกเราแวะเมืองคูเชอร แหงนี้ และเราเดินอยูในนี้กันประมาณสี่ชั่วโมง รวมทั้งยัง อยากจะเดินอยูตอกันอีกดวย ภูผาฟาแหงนี้เพิ่งมีการคนพบเมื่อป 1995 นี้เอง ภูผาฟาเปน หมูภูเขาสีชมพูอมแดงอมสม ตัวผาถูกลมและน้ํากัดเซาะจน หินมีลักษณะเปนชั้น ๆ เวลาจับจะหลุดออกมางาย ดูๆ ไป ลักษณะภูผาฟาจะคลายแกรนดแคนยอนผสมกับเมืองเพตรา อากาศขางในไมรอน เนื่องชวงที่เราไปอากาศยังหนาวอยู ยัง เห็นหิมะและน้ําแข็งเกาะอยูตามพื้นของภูผาฟา ภูผาฟาสวยจนบรรยายไมถูกเลย ดูรูปแทนแลวกัน..นะคะ
หมูถ้ําพระสหัสพุทธคีซิล (Kizil Thousand Buddha Caves) หมูถ้ําคีซิลเปนหนึ่งในสี่หมูถ้ําพุทธคูหาอันยิ่งใหญของจีน (อีกสามหมูถ้ําคือ หมูถ้ําโมเกา เมืองตุนหวง หมูถ้ําหยุนกั่ง มณฑลซานซี และหมูถ้ําหลงเหมิน มณฑลเหอหนาน) คาเขาชมหมูถ้ําคีซีล คนละ 55 Y ไมลดราคา คาไกด ภาษาอังกฤษ 100 Y ไกดจีน 60 Y เอากลองเขาไปไมได พวกเรามีหนังสือไปอานประกอบเลยไมขอไกด แตใชวิธี สอบถามจากภัณฑารักษสาวที่พาชมหมูถ้ําแทน 555… นองภัณฑารักษสาว พอรูวามาจากเมืองไทย ก็ชี้ใหดูที่ ประทับของสมเด็จพระเทพฯ ดวย...พระองคเคยเสด็จมา ศึกษางานที่นี้....
งานศิลปะในหมูถ้ําเหลานี้เกิดจากศรัทธาของพอคาที่คาขาย อยูในเสนทางสายไหม ริมที่ราบทาริมแหงนี้ หมูถ้ําเกิดจาก การเจาะหนาผาทรายเขาไปเปนหอง ผนังดานบนและ ดานขางดานในเขียนภาพจิตรกรรมพุทธชาดก วิถีชีวิตของ ชาวบาน ถ้ําหมายเลข 10 เปนถ้ําที่เราทึ่งมากที่สุด เพราะเปนถ้ํา สําหรับฝกวิปสสนาของพระภิษุ เราทึ่งที่วา ถามองออกจาก ถ้ํานี้ไปจะเห็นแตทองฟามีเหวดานลาง ลมเย็นเฉียบสามารถ พัดผานเขามาดานในถ้ําไดงายดาย ขนาดกลางวันที่เรายืน อยูยังหนาวเลย...ถ้ํานี้เปนสถานที่ฝกวิปสสนาที่ตองใชความ อดทน (อดทน ตอความหนาว ความเหงา ความกลัว และอื่น ๆ) อยางสูงทีเดียว.... หนาหมูถ้ําคีซีลมีรูปปนพระกุมารชีวะ พระเถระที่นําทีมแปล พระธรรมจากภาษาสันสฤตเปนภาษาจีน ซึ่งถือเปนการ วางรากฐานพุทธศาสนาในประเทศจีน...ถาไดอานประวัติพระ กุมารชีวะ จะทําใหเรายิ่งซาบซึ้งถึงความตั้งใจมั่น และความ มุงมั่นในการแปลพระธรรม แมวาจะมีอุปสรรคระหวางทาง มากมายก็ตาม... (ประวัติของพระกุมารชีวะสามารถหาอานไดจากหนังสือ เสนทางสายแพรไหมในซินเจียง ของคุณปริวัฒน จันทร)
คืนนี้เราหาที่พักกันไดที่ Traffic Hotel สองหอง ราคารวม 180 Y โดยใหแท็กซี่ตอราคาให....เราจะพักกันแคไมถึงครึ่ง คืน นัดแท็กซี่มารับตอนตีสาม (เวลาปกกิ่ง) เพราะขึ้นรถไฟตอไป คาชการตอนตี่สี่ พี่แท็กซี่ก็ใจดีมารับใหทั้ง ๆ ที่เราก็จายเงิน คาเหมารถไปหมดแลว แถมตอนแรกพวกเรายังตอรองใหเคา ไปสงที่สถานีรถไฟแบบฟรี ไมไดบอกวาจะใหทิปเพิ่มอีกดวย ...คืนนี้แทบไมไดนอนกันเลย เพราะกลัวตกรถไฟ รถไฟจากคูเชอรไปคาชการ ราคา hard seat ชั้นสาม คนละ 99 Y (Train no. K9786) ที่ตองนั่ง hard seat เพราะไมมีที่ นั่ง soft seat เหลือแลว
ในตั๋ว hard seat ระบุเลขที่นั่งให แตเราก็ทําใจไวแลววาคง เหมือนชั้นสามเมืองไทยที่ไมมีที่นั่ง แลวแตจะหาที่นั่งเอาเอง หรือไมก็ตองยืนตลอดแปดชั่วโมงจากคูเชอรไปคาชการ...ซึ่ง ก็จริง พอขึ้นไปแลวไมมีที่นั่งเหลือเลย...บางคนยังตองยืน เลย...แต...พวกเราก็ใชความเปนนักทองเที่ยวตางถิ่น...เดิน มึน ๆ (แถมทําทาวีน ๆ) เขาไปถามเจาหนาที่ตรวจตั๋ววาที่นั่ง เราอยูตรงไหน....เจาหนาที่คงอยากตัดรําคาญก็เลยพาพวก เราไปนั่งตามเบอรที่ระบุไวในตั๋ว...ซึ่งก็หมายถึงตองไปไลคน ที่นั่งอยูกอน (ที่กําลังนอนหลับอยางสบายอยู) ออกไป...งาน นี้ พอไดที่นั่งปุป เราทําเปนนั่งหลับปบเลย เพราะกลัวสายตา คนในรถที่มองมาที่พวกเราเปนตาเดียว...กลัวถูกรุมสกรัมนะ ...(...ตองนึกภาพตามดวยนะคะวา เวลาคนตรวจตั๋วเขาไปไล คนที่กําลังหลับอยูนะ เคาตะโกนเรียกเสียงดัง แลวไลเสียง ดัง จนคนอื่น ๆ ในรถตื่นและหันมามอง...สวนคนที่ถูกไลก็ลืม ตาตื่นขึ้นมาอยางงง ๆ แลวก็ลุกไปนั่งบนพื้นรถไฟแทน เรา เองสงสารคนที่ถูกที่ไลก็สงสาร สงสารตัวเองดวย (พูดตรง ๆ ก็เห็นแกตัวเองแหละ) เพราะกําลังงวงเต็มที่แลวเหมือนกัน ....ก็เลยตองรีบหลับ แถมตลอดแปดชั่วโมง ยังไมกลาลุกไป ไหน เพราะกลัวเสียมา...555)… กลับมานั่งคิดวา ถาเราเปนคนจีนเจาของประเทศ เจอ นักทองเที่ยวแบบนี้จะทําอยางไร...มีนักทองเที่ยวมาแยงใช รถไฟขนสงสาธารณะราคาถูก ที่สรางโดยเงินภาษีของตัวเอง ...แถมยังมาไลเจาของประเทศใหไปนั่งที่อื่นอีก....เราได คําตอบวา คราวหลังเราคงไมไปแยงอะไรกับใครเขาแลวหละ ...ไดมาแลว ตองมานั่งละอายใจจนกระทั่งกลับมาเมืองไทยนี่ สูยืนขาแข็ง 8 ชั่วโมง ยังดีกวาเยอะ....
วันที่หก Kashgar : เดินเมืองเกา old town มาถึงคาชการหรือคาสือ กันก็เที่ยง (เวลาปกกิ่ง) แลว เหมา แท็กซี่ (20 Y) ใหไปสงโรงแรม QINIBAGH Hotel (คาหอง คนละ 50 Y มีหองสองเตียง สามเตียง หาเตียง ให นักทองเที่ยวแชรกันได) ตอนเดินออกมาที่สถานีรถไฟ เจอคุณลุงคนนึง เดินเขามา ทักทาย จากนั้นลุงก็ขึ้นรถแท็กซี่ไปกับเราโดยนั่งขางหนา... ระหวางทางก็ชวนพวกเราคุย ใหขนมพวกเราทาน...ตอนแรก ตอมระแวงของเรายังทํางานอยู นึกวาเปนนายหนาขายทัวร เหมือนอินเดียหรือเนปาล..เลยไมคอยกลาคุย...(อันที่จริงก็ คุยกันไมรูเรื่องหรอก ลุงพูดภาษาอุยกูรกับพวกเรา...เราก็พูด จีนมั่ง หัวเราะบาง)....ปรากฎวาคุณลุงลงกลางทาง แลว ขอใหเราถายรูปให....จากนั้นชวงบายวันนั้น และวันตอ ๆ มา พวกเราก็เจอคุณลุงที่หนา Id Kah Mosque ทุกวัน คุณลุงใส สูท ผูกไทดมาทําละหมาดที่มัสยิดนี้ทุกวัน...เห็นหนาทักทาย กันทุกวัน คุณลุงก็ใหขนมพวกเราทุกวัน...จนวันสุดทาย เจอ คุณลุงตอนเชา เลยชวนคุณลุงทานขาวเชากัน...สนุกสนาน... เพราะคุยกันไป (แบบไมรูเรื่อง) หัวเราะไป...เรื่องนี้สอนใหรู
วา อยาเอาประสบการณแย ๆ ที่เคยเจอที่อื่นมาตัดสินคนอื่น ...
ตอนบาย ไปเดินเลนกันที่เมืองเกา Old Town เมืองเกานี้อยู ตรงขาม Id Kah Mosque บานเรือนในเมืองเกาเปนดินผสม หญา มีระเบียงไมฉลุลวดลาย ทาสีสดใส เหมือนไดรับอิทธ พลทางศิลปะจากอิหราน.... บานหลังไหนที่มีโทรทัศน จะมีเด็ก ๆ มานั่งดูทีวีกันหนาบาน เปนกลุมใหญ ๆ...เห็นแลวนึกถึงสมัยเด็ก ๆ สมัยที่บานยังไม มีทีวี...เราไปรุมดูละคร (ละครกระสือ...สมัยโบราณมาก ๆ) กันที่บานที่มีทีวี...
เมืองคาชการนี้ใหญและเจริญกวาที่เราเคยเห็นในสารคดีทาง สายไหมมาก เริ่มมีตึกสูง ๆ ถนนหนทางก็กวางขวาง ตนไม เริ่มผลิใบเขียว ๆ ระบบประปา-ไฟฟา ก็มีครบไมขาดแคลน... จนแทบไมนาเชื่อเลยวานี่คือเมืองโอเอซิสกลางทะเลทราย... สิ่งเดียวที่ทําใหเราแนใจวานี่คือเมืองกลางทะเลทรายคือพายุ ทราย ที่พัดเอาทรายเม็ดเล็ก ๆ ละเอียด ๆ มาเขาปากเขา จมูกแทบตลอดทั้งวัน!!!... ผูคนที่เมืองคาชการนี้ยิ้มงาย เปนมิตร ดูไมหวาดระแวง เหมือนเมืองทูรูฟาน หรือเมืองอื่น ๆ ที่เราผานมา... เจาของทัวรที่เราไปคุยดวย บอกวา เมืองคาชการนี้เปลี่ยนไป เยอะ ตรึงเครียดขึ้นกวาเดิม ตั้งแตมีเหตุการณทางการเมือง เมื่อปที่แลว...อยางการไปทะเลสาบคาราคูลก็ตองมีการออก ใบอนุญาติและหามนักทองเที่ยวไปนอนคางที่หมูบาน ให คางที่กระโจมสําหรับนักทองเที่ยวเทานั้น.... ตอนบายเราไปจองรถพรอมคนขับ สําหรับไปคางคืนที่ ทะเลสาบคาราคูล (1,000 Y สองวัน) ในวันพรุงนี้จากบริษัท ทัวร (CITS) ที่อยูขาง ๆ โรงแรม คาอาหาร คาที่พักริม ทะเลสาบ พวกเราออกกันเอง...มีหนุมอังกฤษที่เพิ่งเจอกันที่ โรงแรมรวมแชรรถไปกับพวกเราดวย....
รานในเมืองเกามีตั้งแตรานขายเนื้อแพะยาง (กลิ่นไมสาบ) ขนมปงปง ขนมปงกรอบไสเนื้อแพะ เดินไปชิมไปจนอิ่ม โดยเฉพาะเนื้อแพะยางนั้นเนื้อนุมเพราะใสมันเยอะ หอมกลิ่น เครื่องเทศ... ซาลาเปาไสเนื้อแพะ กับขาวหมกเนื้อแพะ เปนอาหารทองถิ่น ที่ขึ้นชื่อของคาชการ...ทั้งกลุมที่ไป ดูจะมีแตเราเทานั้นที่กิน ขาวหมกแพะแลวอรอย....ก็แหม อยากกินมาตั้งแตอานโกบี แลว...นี่ยังไมไดกินตาแกะยางอีกอยางนะ... เราชอบเมืองเกานี้มาก มาเดินทุกวัน ยิ่งวันที่เดินคนเดียว ยิ่ง ไดบรรยากาศและสนุก เพราะคนที่นี่เปนมิตร ชวนทานน้ําชา ชวนคุย (ใชภาษากาย และยิ้มสยามคุยกัน) ขอเขาไปดู วิธีการทําขนมปงที่โรงงานก็ใหดู ยืนดูคนงานตีทองเหลือง ยืนเลนกับเด็ก ๆ...บรรยากาศที่นี่ดูอบอุนเปนมิตรดี...
วันที่เจ็ด: Kashgar : Karakul Lake และหมูบานแถวนั้น
วันนี้เราเหมารถเที่ยวสองวันใหไปที่ทะเลสาบคาลาคูล ทาง บริษัททัวรทําเรื่องใบอนุญาติมาใหเรียบรอยแลว...ระหวาง ทางก็ซื้อน้ํา ซื้อของกินตุนไวเพียบ โดยเฉพาะสาลี่หอมของ โปรด...ซื้อตุนไวหลายกิโล...
ที่ทะเลสาบคาราคูลมีการเก็บคาเขาดวยโดยเจาหนาที่ของ หมูบาน (50 Y ไมลดราคา) พอเก็บคาเขาเสร็จ เจาหนาที่ก็ หายไป กลับเขาหมูบาน...คงเพราะเปนชวง low season ไม คอยมีคนมา
ระยะทางจากคาชการไปทะเลสาบคาราคูลนั้นประมาณ 230 กิโลเมตร ใชเวลาประมาณสี่ชั่วโมง วิวระหวางทางคือวิวใน ฝนที่เราเห็นในกระทูสะพายเป และทําใหเราดั้นดนมาถึงที่นี่ Karakolum highway…. เวลาเห็นภูเขาทีไร..หายเหนื่อยทุกที...มีคนบอกวาเราเปนคน ชอบภูเขา....ไมจริงหรอก เราไมไดชอบภูเขา เรารักภูเขาเลย แหละ...
ตอนแรกเราวางแผนวาจะไปหากระโจมพักกันในหมูบาน แต ทําไมได ที่นี่เขมงวดมาก ไมใหนักทองเที่ยวเขาไปพักใน หมูบาน ไมใหนั่งรถตูไปหมูบาน ใหแคเดินริมทะเลสาบ หรือไมก็เชารถมอเตอรไซดที่มีคนขับไปในหมูบานแทน... ... สุดทายเลยนอนกันที่กระโจมริมทะเลสาบ (60 Y ตอคน)
จําไดวาเมื่อสองปกอน ทํางานติดตอกันสามเดือนไมหยุด และอยูในระหวางที่เครียดมาก...ชวงที่เหนื่อยลาถึงที่สุด แวบมาเปด TKT พอเห็นภาพสะทอนของภูเขาทรายจาก ทะเลสาบคาลาคูลของคุณตอมนกปา โอโห สวยมาก..ความ เหนื่อยลาหายไป กําลังใจในการทํางานวิ่งกลับขึ้นมา ภาพนี้ ก็เปนภาพที่อยูบน desktop เราตลอดสองป...
ที่นี่มีอูฐใหเชาขี่รอบทะเลสาบ หรือเชารถมอเตอรไซดไปใน หมูบาน (30 Y ตอคน) พวกเราเชามอเตอรไซดไปหมูบานกัน อากาศหนาว ลมแรงมาก เลยไมคอยมีผูคนออกมาเดินนอก บาน มีชาวบานมาชวนใหเขาไปนั่งขางในบาน เอาชานมแพะ มาใหดื่ม ชานมแพะแบบธิเบต ใสเกลือนิด ๆ เค็ม ๆ อรอยดี ...แมบานยังเอางานปกผาออกมาขายดวย... ยามค่ําคืน ออกมาเดินริมทะเลสาบดูดาวกับบรรยากาศหนาว ๆ ดาวที่นี่ดวงใหญนะ...
วันที่แปด Kashgar : กลับจาก Karakul Lake, Id Kah Mosque และเมืองเกา
สาย ๆ ออกจากคาราคูลกลับเขาเมืองคาชการ
เมื่อคืนพลาดไปอยางแรง ลืมไปวานอนกันบนที่ระดับความ สูงที่ไมคุนเคย (คาราคูล 3600 เมตร) ทําใหนอนกันไมคอย หลับ เพื่อนบางคนตื่นมาก็ปวดหัว.... ที่วาพลาด เพราะเราชะลาใจ คิดวาที่ระดับความสูงแค 3,600 เมตร ปริมาณออกซิเจนยังไมนอยมากไป...ก็เลยไมไปเปด ประตู-เปดหนาตางกระโจมตอนนอน...ผลคืออากาศไม ถายเทเขามา...แถมตอนดึกยังปลอยใหเพื่อนจุดเตาผิงใน กระโจมซ้ําเขาไปอีก...ออกซิเจนก็ยิ่งนอยเขาไปอีก.... (พอ อากาศนอยก็จะนอนไมหลับและปวดหัว....เมื่อคืนเลยนอนไม หลับไปตาม ๆ กัน...) ขอปฏิบัติหลัก ๆ เวลาอยูบนที่สูงกวาสามพันเมตรจาก ระดับน้ําทะเล 1) ตองพักรางกายอยางนอยหนึ่งวันเมื่อผาน ระดับความสูงเกิน 3000 เมตร 2) หลังจากนั้นตองไมเดินขึ้น ไปสูงกวา 800 เมตรตอวัน 3) ตองดื่มน้ําเยอะ ๆ 4) ไมจุดเตา ผิงในกระโจมหรือในหองเพราะการจุดไฟจะเปนการไปแยง ออกซิเจนที่เราใชหายใจ หรือถาหนาวก็จุดเตาได แตเราควร ออกไปเดินนอนกระโจมรับออกซิเจนเปนระยะ ๆ ...5) ตอน นอนควรเปดหนาตางหรือประตูไวเพื่อใหอากาศถายเทเขามา (ตองทนหนาวเอาหนอย)....โดยเฉพาะตอนนอนไมควรจุด เตาผิงทิ้งไวในกระโจม....อาจตายเพราะขาดออกซิเจนได งาย ๆ ... (จําไดไหม...ที่ภูกระดึงบานเรา...เคยมีคนตาย เพราะขาดอากาศหายใจ เพราะจุดเตาผิงกันหนาวในเต็นท ตอนกลางคืน....confined space แท ๆ เลย...)
บาย ๆ เขาไปชม Id Kah Mosque (20 Y) มัสยิดศูนยรวมใจ ของชาวคาสือ....เมื่อหลายปกอนไดดูสารคดีเสนทางสาย ไหมของ NHK ที่ถายทําในเมืองคาชการ ในสารคดีเลาวา มัสยิดแหงนี้เปนศูนยรวมใจของชาวอุยกูร และวันศุกรเย็น ชาวเมืองคาชการจะมาทําละหมาดกันมากมายจนลนออกมา บริเวณลานกวางหนามัสยิด
วันนี้ตื่นกันแตเชา ออกมาดูทะเลสาบและภเขาหิมะ เวลาจะดู ภูเขาหิมะตองตื่นเชา ๆ อยางนี้แหละ เพราะตอนเชาจะยังไม มีเมฆหมอกมาบังภูเขา ...พอสาย ๆ แดดออก ไอน้ําจากหิมะ หรือในอากาศจะระเหยขึ้นไปแลวรวมตัวเปนหมอก จะทําให ฟาไมใส วิวไมสวย... ไดนอนกระโจมริมทะเลสาบคาราคูล....ก็ถือวาทําไดตาม จุดหมายแรกของการเดินทางครั้งนี้แลว
เสียดายที่ไมไดเห็นมัสยิดนี้ในวันศุกร เพราะในแผนเที่ยวเรา อยากเห็นตลาดคาสัตวในวันอาทิตยมากกวา เราก็เลย ออกไปคาราโคลัมไฮเวย และกลับมาดูตลาดคาสัตวในวัน อาทิตยแทน ในสัมผัสแรกที่เขาไป มัสยิดนี้สงบ รมเย็น คลายสวนโมกข หรือวัดชลประทานฯ บานเราเลย... โถงละหมาดฤดูรอนเปน ศาลาโลงอยูดานนอกโดยมีตนไปหยาง หรือตนปอปลารปลูก เปนแนวสูงชะลูดใหรมเงาศาลาละหมาดแหงนี้... ดานในเปนโถงละหมาดสําหรับฤดูหนาวที่มีแคพรมกับมิราบ เทานั้น ดูเรียบงายและสงบมาก... กอนมาคาชการ เราจินตนาการวามัสยิดที่เปนศูนยรวมใจของ ชาวอุยกูรยแหงนี้คงประดับประดาตกแตงดวยงานกระเบื้องดู สวยงามอลังการเหมือนมัสยิดใหญ ๆ ที่เคยเห็น แตพอเขาไป เห็นความเรียบงายอยางที่สุดของมัสยิดแหงนี้ บวกกับ
บรรยากาศรอบตัวที่เหมือนสวนโมกขบานเรา...ถึงไดเขาใจ วา ทําไมที่แหงนี้ถึงเปนศูนยรวมจิตใจของชาวอุยกูรยมานาน ...
จากนั้น ขามไปเดินฝงเมืองเกา บอกแลววา เดินไดไมรูเบื่อ โดยเฉพาะวันนี้เดินคนเดียว ยิ่งรูสึกดี รูสึกอบอุน รูสึกวาผูคน ที่นี่มีน้ําใจ เปนมิตรกับคนงาย...จากการเดินทางหลาย ๆ ครั้ง ทําใหเห็นวา เปนผูหญิงเดินเที่ยวคนเดียวมีขอดีอยางหนึ่ง คือ ผูคนจะไมกลัวเรา จะใหความสนใจเมื่อเราเขาไปดอม ๆ มอง ๆ จะชวนเราคุยเมื่อเรายิ้มให จะเขามาชวยเหลือเมื่อ เห็นเราทําทาเก ๆ กัง ๆ......การกระทําเล็ก ๆ นอย ๆ พวกนี้ ทําใหรูสึกวา ความเปนมนุษยที่แทจริงไมไดอยูที่รวยหรือจน อยูที่ใจ อยูที่น้ําใจ อยูที่การชวยเหลือเกื้อกูลกัน ตางหาก...
วันที่เกา Kashgar : Sunday Animal Market, Apak Hoja Mausoleum วันนี้เราใชเวลาชวงเชาถึงบาย ๆ กันที่ตลาดคาสัตววัน อาทิตย (นั่งรถเมลสาย 8 จากหนา Id Kah Mosque ไปจน สุดสาย คารถคนละ 1 Y)
สําหรับเรา ตลาดคาสัตวนี้เปนจุดเดนของเมืองคาชการเลย เปนที่ที่เราสามารถเห็นวิถีการดําเนินชีวิตของผูคนที่นี่ มีการ ซื้อขายแพะ วัว มา แกะ กันสด ๆ มีการเจรจาตอรอง.เราเดิน ลุยเขาไปในฝูงวัว ฝูงแกะ ดูการเจรจาซื้อขาย..ไมยักมีใครมา ไลเราออกไป...แถมยังไมมีวัวตัวไหนหันมาเตะเราดวย.. ตลาดนี้มีสีสัน...ดูมีชีวิต....live มาก ๆ
มีคนชอบถามเราเสมอวา เปนผูหญิง เดินทางคนเดียว ไม กลัวหรือ เราจะตอบเสมอวา ไมกลัวหรอก เพราะ...หนึ่ง...เรา เชื่อมั่นวา ถาเราเปนคนดี พูดดี คิดดี ทําดี เราก็จะเจอแตคน ดี ๆ เขามาในชีวิต และสอง...เราเปนคนที่ไมยอมใหตัวเรา ตกเขาไปอยูในสถานการณเสี่ยง (Unsafe condition/Risk condition) ใด ๆ โดยเด็ดขาด หรือพูดงาย ๆ ก็คือ เรา สามารถเลือกที่จะวางตัว ปฏิบัติตน เพื่อหลีกเลี่ยง สถานการณเสี่ยงตาง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นใด โดยตัวเราเอง...
ตอนบาย ๆ นั่งรถเมลสาย 20 จากหนา People Square ไป Apak Hoja Mausoleum (คารถคนละ 1 Y) คาเขาชม Apak Hoja ลดจาก 40 Y เหลือ 30 Y ลวดสายเสาและหัวเสาของมัสยิดประจําสุสานงามมาก ๆ ลวดลายปูนปนหนาประตูสุสานที่เปนลายชอดอกไมสีขาวนั้น ก็ดูออนชอยงดงามมาก...เห็นครั้งแรกก็นึกถึงสวนฟนแหง
เมืองคาชานที่อิหราน....เทานี้ก็ปลื้มแลว...เราเดินดื่มด่ําอยู ที่นี่นานมาก...กอนกลับเขาเมือง ไปเดินเมืองเกาอีกรอบ...
วันที่สิบ Kashgar – Urumqi: ไฟลทดีเลย เพราะพายุทราย
วันนี้มีพายุทรายแตเชา นั่งแท็กซี่ออกมาจากโรงแรมไปตัว เมืองแทบมองไมเห็นถนนเลย มีแตฝุนทราย (ใหแท็กซี่ใช มิเตอร คารถประมาณ 15 Y บวกคาเขาสนามบินอีกประมาณ 2-3 Y) และเนื่องจากมีพายุทรายนี่เองทําใหเครื่องบินไม สามารถออกได....กวาจะออกไดก็ประมาณหนึ่งทุม และไป ถึงอุรุมูฉีตอนมืดแลว ทําใหเราตองเปลี่ยนแผนการที่จะไปตุน หวงคืนนั้นเลย มาเปนคางที่อุรุมูฉี และตองปรับแผนการเที่ยว เล็กนอย... การเดินทางก็อยางนี้แหละ มีเหตุการณที่เราไมสามารถ ควบคุมไดมาใหแกปญหาตลอด...สนุกดี.. เราใชสายการบินเหอหนาน (คาตั๋ว 500 -630 Y ตอคน) โดย จองจากเอเจนซี่ที่อยูที่โรงแรมที่พัก... ไปถึงอุรุมูฉี ก็ตอรถบัสสนามบินเขาเมือง (10 Y) ไปพักกันที่ โรงแรมเดิม YAOUHOTEL คาหองเพิ่มเปนคนละ 60 Y แลว เพราะหมดชวงโลวซีซันแลว
วันที่สิบเอ็ด Urumqi: Heaven Lake, night train to Dunhuang เมื่อวานตอนดึก เราออกไปติดตอเหมาแท็กซี่แถว ๆ หนา สถานีรถไฟใหพาเราไปเที่ยวทะเลสาบสวรรค หรือทะเลสาบ เทียนฉือ (ตอรองไดราคา 400 Y รวมน้ํามัน) เปนรถซีดาน ธรรมดาเหมือนแท็กซี่บานเรา ปกติที่นี่มีกฏวารถแทกซี่ใหนั่งไดไมเกินสี่คน รวมคนขับ แต พวกเรารวมแลวมี 6 คน ดังนั้นเวลารถผานดาน คนขับรถซึ่ง เปนสาวอารมณดีมาดเทห จะบอกใหพวกเรากมหลบดาน หรือเวลาจะลงจากรถก็จะใหดูซายดูขวาวาไมมีตํารวจ แลว ใหลงทีละคน แลวเดินไปกอน กอนจะใหคนตอไปลง....555 เปนการผจญภัยเล็ก ๆ นอย ๆ จากการฝาฝนกฎระเบียบ... รูสึกเหมือนเปนนักเรียนหนีโรงเรียนเลย... จะวาไปกฎจราจรที่นี่เขมงวดพอสมควรเลย อยางรถบัสคัน ใหญใหวิ่งไดไมเกิน 80 กมตอชั่วโมง รถเกงใหมีคนนั่งไดไม เกินสี่คน อยางรถแทกซี่ที่เราเหมา พอใกลเขตที่มีตํารวจก็จะ ชลอรถ ขับชา ๆ เขาไว...
ตอนแรกเราวางแผนไววาจะมาคางที่กระโจมบนทะเลสาบ สวรรคแบบชิลชิล กอนกลับเมืองไทย (หลังจากกลับจากตุน หวง) แตเนื่องจากไฟลทจากคาชการมาอุรูมูฉีดีเลยไปเกือบ วัน เราก็เลยตองเปลี่ยนแผนมาเที่ยวทะเลสาบเทียนฉือแบบ ไปเชาเย็นกลับกอนจะขึ้นรถไฟไปตุนหวงเย็นนี้ แลวคอยกลับ อุรูมูฉีเพื่อกลับเมืองไทย...ซึ่งก็นับวาโชคดีเหมือนกัน เพราะ ทะเลสาบเทียนฉือวันที่เราขึ้นไปนั้นหิมะตก !! น้ําใน ทะเลสาบยังเปนน้ําแข็งอยูเลย..ขืนคางในกระโจมมีหวัง หนาวตายกันแน ๆ เพราะไมไดเตรียมอุปกรณกันหิมะกันมา ....
ขากลับพวกเราแวะไปกระโจมที่อยูบริเวณทางเขา Heaven lake วาจะแวะไปทานขาวกลางวันกัน เพราะกอนขึ้นไปบน ทะเลสาบ ทางเจาของกระโจมมาโฆษณาติดตอเอาไว พวก เราก็รับปากวาจะแวะไปทานขาวกลางวันที่กระโจมถาลงมา จากทะเลสาบแลว...พอไปถึงเจาของกระโจมเตรียมน้ําชา เตรียมองุนตากแหงเอาไวมากมาก อารามที่พวกเราหิวก็ดื่ม น้ําชา กินองุนที่เคาใสจานไวใหกันใหญเลย...จากนั้นสักพักก็ ขอเมนูอาหารมาดู...โอโห อาหารแพงมาก ผัดผักจานละ 60 Y ไกยางจานละ 400 Y (ย้ํา 400 Y คะ)...พวกเราเลยปรึกษา กันวาเอาไงดี...จะสั่งอาหารเบา ๆ มาทาน หรือยังไงดี... สุดทายไมทานคะ แพงจัดขนาดนี้...จายไปแตคาน้ําชาแลว กัน....วาแลวก็ใชมุขเดิม รีบสลายตัวไปขึ้นรถ สตารทรถไว... ใหเพื่อนอีกคนเดินไปจายคาน้ําชา คาน้ําชาก็แพงมากเลย 50 Y…แตสุดทายเพื่อนวางเงินไว 20 Y ใหกับเจาของ กระโจมที่เปนผูหญิง แลวรีบเดินออกมา กอนที่เจาของ กระโจมผูชายจะเดินออกมาทัน.. แลวก็รีบขึ้นรถออกไปกัน เลย...555 สุดทาย กลับมาทานอาหารกลางวันกึ่ง ๆ เย็นกันที่อุรูมูฉี... ทานกันจนพุงกาง ก็ไมถึง 40 Y…
คาเขาทะเลสาบสวรรค (Heaven Lake) คนละ 100 Y, คารถ ขึ้นไปบนทะเลสาบ (กระเชายังไมเปด) คนละ 35 Y
สี่ทุมสี่สิบ พวกเรานั่งรถไฟไปตุนหวงกัน...รถไฟสาย 1085 ลงที่สถานี Liuyaun ชั้น hard sleeper คารถ 113-115 Y ตอ คน ใชเวลา 9 ชั่วโมง...รถไฟจีนตรงเวลามากคะ...
มาทริปนี้ พวกเราเจอสภาพอากาศทุกรูปแบบ รอน หนาว พายุทราย ลมแรง หิมะตก ...ถาไมแข็งแรง คงไดปวยกันเปน แถว หรือไมก็เปนเพราะเดินกันวันละหลายกิโลเมตรทุกวัน เปนการออกกําลังกายไปในตัว เลยไมมีใครปวยไข.... ทะเลสาบสวรรค ยามหิมะตก ก็สวยไปอีกแบบ.... หิมะตก อากาศหนาว พวกเราเลยเดินอยูไมไกลจากจุดชมวิว มากนัก...พี่ในกลุมที่ทนหนาวไมไหว ขอไปรอในรถ... เราเดินออกนอกกลุมไปไกลขึ้นอีกนิด...ก็พบวาทะเลสาบนี้ ยังมีจุดชมวิวที่สวยอีกหลายจุด...เสียดายที่รองเทาเราไมได กันหิมะ น้ําเลยเขาเทาเย็นเฉียบเลย...ก็เลยตองถอยกลับ.... กลัวเพื่อนในทีมจะเปนหวงดวย เพราะหายมาคนเดียวนาน แลว... บทเรียนวันนี้คือ ถาเราไมกาวออกจาก comfort zone เราก็ จะไมมีวันรูวาโลกขางนอกยังมีอะไรที่ทาทายรอเราอยูอีก เยอะ....
วันที่สิบสอง Dunhuang: Spring Moon Lake หรือ ทะเลทรายหมิงซาซาน ทะเลสาบพระจันทรเสี้ยว สองวันนี้เปน High light ของทริปอีกชวงหนึ่งเลย (ที่จริงก็ high light ทุกวันแหละนะ) เพราะจุดหมายในการมาของเรา ในทริปนื้คือทะเลสาบพระจันทรเสี้ยว บนรถไฟ พวกเรารูจักไกดทัวรคนนึงที่กําลังมารับลูกทัวรจาก ตุนหวง ไกดแนะนําที่พักที่เปดใหมราคาถูก ไมไกลตลาดให และพอลงจากสถานี Liuyaun ไกดก็ชวนพวกเรานั่งรถตู ไป เมืองตุนหวง (20 Y ตอคน)
...ตอนแรกพวกเราจะจองรถไฟกลับจากตุนหวงไปอุรูมูฉีที่นี่ แตปรากฏวาที่นั่งเต็ม ไกดที่เพิ่งเจอกันบอกวา ถาอยากไดตั๋ว เดี๋ยวติดตอจัดการใหไดที่เมืองตุนหวง....แตสุดทายพอ คํานวนระยะเวลาในการเที่ยว แลวเดินทางกลับเมือง Liuyaun แลว พวกเราก็เปลี่ยนใจนั่งรถบัสนอนจากเมืองตุน หวงมาอุรูมูฉีแทน (คารถนอนคนละ 180 Y, 16 ชั่วโมง)
แหละ ทําใหรูวาทะเลสาบนี้มีจริง ๆ นะ ไมใชแคในนิยาย... พอมาถึงแลว
ชวงบายพวกเรานั่งรถเมลสาย 3 จากตัวเมืองไปทะเลทรายห มิงซาซาน (คารถคนละ 1 Y)
ก็รูสีกวา...ความฝนไมไกลเกินเอื้อมที่เราจะความันไว ถาได ลงมือทําจริง ลงมือออกเดินทาง แคกลาที่จะออกกาวเดิน จาก comfort zone รอบตัวเราเทานั้น.... ปนมายืนบนเนินทรายหลังอาราม แลวก็เกิดคําถาม....วา... - น้ําในทะเลสาบมาจากไหน...เปนแมน้ําใตดิน หรือเปลา... (คาตั๋วเขาทะเลทรายคนละ 120 Y ไมลดราคา) ที่นี่นักทองเที่ยวเยอะจริง ๆ มีกิจกรรมใหนักทองเที่ยวทํา เยอะ ไมวาจะเปนขี่อูฐสองหนอก เลนกระดานโตทรายลงมา ขี่รถในทะเลทราย...
สําหรับเรา...แคเดินถอดรองเทาปนขึ้นไปเนินทราย แลวถลา ลงมา...ก็ Happy สุด ๆ แลว...ทรายที่นี่สะอาด เม็ดละเอียด ยามถลาลงจากเนินใหความรูสึกเหมือนเปนจอมยุทธกําลัง รอนลงมาเลย... เราอานนิยายเรื่องโกบี ตั้งแตสมัยมัธยม อยากเห็นทะเลสาบ พระจันทรเสี้ยวมาตั้งแตนั้น แตไมเคยคิดวาจะมีจริง หรือยังมี อยู จนกระทั่งมาเห็นรูปทะเลสาบพระจันทรเสี้ยวใน TKT นี่
- ขางบนลมแรงมาก ทรายปลิวฟุงกระจายอยูตลอด เทาที่ เคยอานเจอ เนินทรายจะเปลี่ยนรูปรางเพราะการถูกลมพัด อาว แลวทําไมเนินทรายที่นี่ถึงไมขยับออกไปถมทับอารามที่ อยูใกลแคเอื้อม นี่เลยละ.. ใครรูชวยตอบดวยยย.
เราอิ่มเอมกับทะเลสาบพระจันทรเสี้ยวจนเกือบสองทุม ถึงได ออกมาหาแท็กซี่กลับที่พัก... ที่ตุนหวง เราพักกันที่นี่...ตามรูป...คาหองคืนละ 60 Y เปน โรงแรมเปดใหม สะอาดดี
วันนี้ทั้งวันเราไปที่ถ้ํามอเกาคุณกันที่เดียว ตอนแรกกําลังจะ ขึ้นนั่งรถเมลสาย 20 ที่จอดอยูหนาโรงแรมไปกัน (คนละ 8 Y) แตมีแทกซี่เขามาเสนอราคาเหมาให 35 Y พวกเราก็ไป กันนะซิ...ราคาพอ ๆ กัน...นั่งรถออกนอกเมืองไปประมาณ ครึ่งชั่วโมงก็ถึงถ้ํามอเกาคุณ งานศิลปในถ้ํามอเกาคุณยังสวยมาก งานบางชิ้นยังสมบูรณ คาเขาถ้ําคนละ 80 Y ไมลดราคา… หมูถ้ํามอเกา เกิดจากการเจาะหนาผาหินทราย ตั้งอยูดาน ตะวันออกของหมิงซาซาน หมูถ้ํามีแนวยาวประมาณ 12 กิโลเมตร มีถ้ํารวมกัน 492 ถ้ํา ในถ้ําตาง ๆ มีทั้งงานจิตรกรรม ฝาหนังและรูปปน ตํานานการสรางหมูถ้ํานั้น คาดวาสรางครั้งแรกประมาณ คศ. 366 โดยพระเลอจุน จากนั้นบรรดาพอคาวาณิชที่คาขายบน ทางสายไหมไดขุดสรางถ้ํากันตอมาเรื่อย ๆ วันที่สิบสาม Dunhuang: ถามอเกาคุน กลับ Urumqi
night bus
ตุนหวงเปนอีกหนึ่งเมืองโอเอซิสกลางทะเลทราย กอนถึง เมืองนี้ เราจะเห็นแตทะเลทรายแหงแลง แตพอเขาเขตเมือง ก็เริ่มเห็นตนไปหยางสีเขียว ๆ ....ผูคนที่ตุนหวงสวนมากเปน จีนฮั่น อัธยาศัยดี ผูคนยิ้มแยมแจมใส เปนมิตร สัญลักษณของเมืองตุนหวงคือรูปปนนางอัปสรากําลังดีดพิณ อยูที่บริเวณวงเวียนกลางเมือง ภาพนางอัปสราดีดพิณเปนภาพที่อยูบนผนังของถ้ํามอเกา คุณ แท็กซี่ที่นี่นารักดี พอเราบอกไมสนใจไปกับเคา เคาก็ไมตื้อ แถมยังบอกทางใหเราอีกดวย...
ถ้ํามอเกานี้เสื่อมโทรมไปหลังจากราชวงคถังไดเสื่อมลง จากนั้นประมาณป คศ. 1900 ถ้ํามอเกาที่ถูกพายุทรายทับถม ไดถูกคนพบอีกครั้งโดยนักพรตชื่อหวังหยวนลู
หลังจากนั้นงานพุทธศิลปอันทรงคุณคาที่อยูในหมูถ้ําก็ถูก บรรดานักโบราณคดี นักสํารวจชาวตะวันตกขนไปเกือบหมด ถาใครมีโอกาสแวะไป พิพิธภัณฑที่อังกฤษ ปารีส บอสตัน หรือแมกระทั่งที่ญี่ปุน ก็จะมีโอกาสไดเห็นงานพุทธศิลปจาก ถ้ํามอเกาตนฉบับของจริงแสดงอยู !!!
วันที่สิบสี่ Urumqi: easy going, shopping วันนี้กวาที่พวกเราจะกลับมาถึงอุรุมูฉี กวาจะเขาที่พักที่ โรงแรมเดิม กันก็บายแลว ขึ้นรถเมล (คนละ 0.5 Y) ไปหา อะไรทานกัน แลวก็นั่งรถเมลสาย 1 ไปหาซื้อของฝากกันที่ International Bazar… ที่นื่ลูกเกดตากแหง จากเมืองทูรูฟานหวานและราคาถูกมาก ๆ ราคากิโลละ 35-45 Y เอง...
เย็นนั่งรถบัสจากตุนหวงกลับอุรูมูฉี ระหวางทางมีแต ทะเลทราย ไดประสบการณทําธุระจําเปนกลางทะเลทรายก็ คราวนี้แหละ..(คารถนอนคนละ 180 Y, 16 ชั่วโมง)
วันที่สิบหา Urumqi-Guangzhou-BKK กลับบานเราจา...