บทที่ 5
ขัน้ ตอนการออกแบบงานนาเสนอ 5.1 แนวความคิดในการออกแบบ โครงการออกแบบสื่อเพื่อประชาสัมพันธ์ศนู ย์การศึกษาและอนุรักษ์ สงิ่ แวดล้ อมบางซื่อ กรุงเทพมหานคร ประกอบไปด้ วยสื่อทังหมด ้ 3 สือ่ ได้ แก่ แผ่นนาเสนองาน (Plate Presentation) หนังสือคูม่ ือความรู้ (Booklet) ภาพเคลื่อนไหวและสื่อประสม (Multimedia) เพื่อให้ เกิดความ สอดคล้ องเชื่อมโยงกันทัง้ 3 สือ่ จึงได้ มีการใช้ แนวความคิดในการออกแบบที่เหมือนกัน คือ การ ถอดกราฟิ กแนวคิดต่างๆ ของสถาปั ตยกรรมและภูมิสถาปั ตยกรรมมาเป็ นส่วนในการออกแบบ คือ ลักษณะคลื่นที่เกิดจากหยดน ้า เส้ นบัพหรื อแนวบัพ1 นาไปใช้ ในแต่ละส่วนของสื่อทัง้ 3 สื่อ ให้ ดมู ี เอกลักษณ์ของงานที่คล้ ายคลึงกัน
ภาพที่ 5.1 แสดงที่มาของแนวความคิดคลื่นน ้า 5.1.2 สีท่ เี ลือกใช้ สีที่นามาใช้ ในการออกแบบเป็ นการนาสีฟ้าของ น ้า ท้ องฟ้า ต้ นไม้ ซึง่ เป็ นสีหลัก ของสิ่งแวดล้ อมเพื่อให้ ความรู้ สึกที่เป็ นธรรมชาติ และเพื่อให้ ผ้ ทู ี่รับรู้ สื่อง่ายต่อการรับรู้ ความเป็ น ธรรมชาติและสบายตา และนาสีของอาคารมาใช้ ในการออกแบบอักษร (EECC) เพื่อให้ งานดูมี ความรู้ สกึ โดดเด่น เพื่อให้ แตกต่างกับสีของธรรมชาติที่เป็ นสี เอิร์ธโทน (Earth Tone) และเพื่อให้ เกิดความสอดคล้ องกับโครงการยิ่งขึ ้น
1
เส้ นบัพหรื อแนวบัพ คือ เส้ นหรื อแนวที่ลากผ่านตาแหน่งบัพที่อยูใ่ นแนวเดียวกัน ซึง่ มีได้ หลายเส้ นทังนี ้ ้ขึ ้นอยูก่ บั ระยะห่างระหว่างแหล่งกาเนิดคลื่น และความยาวคลื่น บัพ คือ ตาแหน่งที่เกิดจากคลื่นรวมกันแบบหักล้ างเพราะตาแหน่งนี ้คลื่นมีเฟสตรงข้ ามกัน
โครงการออกแบบสื่อนาเสนอประชาสัมพันธ์ ศูนย์ การศึกษาและอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อมบางซื่อ กรุ งเทพมหานคร MEDIA DESIGN PUBLIC RELATION PROJECT OF THE BANGKOK OF BANGSUE ENVIRONMENTAL EDUCATION AND CONSERVATION CENTER
นายณัฐวิดล มหาจันทร์
วิทยานิพนธ์ นีเ้ ป็ นส่ วนหนึ่งของการศึกษาหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เพื่องานสถาปั ตยกรรม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ปี การศึกษา 2557
โครงการออกแบบสื่อนาเสนอประชาสัมพันธ์ ศูนย์ การศึกษาและอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อมบางซื่อ กรุ งเทพมหานคร
นายณัฐวิดล มหาจันทร์
วิทยานิพนธ์ นีเ้ ป็ นส่ วนหนึ่งของการศึกษาหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เพื่องานสถาปั ตยกรรม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ปี การศึกษา 2557
MEDIA DESIGN PUBLIC RELATION PROJECT OF THE BANGSUE OF ENVIRONMENTAL EDUCATION AND CONSERVATION CENTER
NUTTAWIDOL MA-HAJAN
A THESIS SUMITTED IN PARTIAL FULFILLMENT OF THE REQUIREMENT FOR THE BACHELOR DEGREE OF SCIENCE PROGRAM OF COMPUTER TECHNOLOGY APPLICATION IN ARCHITECTURE FACULTY OF INDUSTRIAL TECHNOLOGY SUANSUNANDHA RAJABHAT UNIVERSITY 2014
คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ใบรับรองวิทยานิพนธ์ โครงการออกแบบสื่อนาเสนอประชาสัมพันธ์ศนู ย์การศึกษาและอนุรักษ์ สิง่ แวดล้ อมบางซื่อ กรุงเทพมหานคร MEDIA DESIGN PUBLIC RELATION PROJECT OF THE BANGSUE ENVIRONMENTAL EDUCATION AND CONSERVATION CENTER ผู้ทาวิทยานิพนธ์ นายณัฐวิดล มหาจันทร์ รหัสนักศึกษา 54122503021 ผู้ควบคุมวิทยานิพนธ์ อาจารย์ วินยั หมัน่ คติธรรม อาจารย์ ท่ ปี รึกษา อาจารย์ วินยั หมัน่ คติธรรม คณะกรรมการสอบวิทยานิพนธ์ หัวข้ อวิทยานิพนธ์
............................................. (อาจารย์ วินยั หมัน่ คติธรรม) ประธานกรรมการ
............................................. (อาจารย์จิตราวดี รุ่งอินทร์ กันกา) กรรมการ
............................................. (อาจารย์กนั ยพัชร์ ธนกุลวุฒิโรจน์) กรรมการ
............................................. (อาจารย์วิสทุ ธิ์ ศิริพรนพคุณ) กรรมการ
วิทยานิพนธ์ฉบับนี ้ได้ รับการพิจารณาอนุมตั ิให้ เป็ นส่วนหนึ่งของการศึกษา ตามหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เพื่องานสถาปั ตยกรรม คณะเทคโนโลยีอตุ สาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนนั ทา ............................................. ( รองศาสตราจารย์ ดร. ปรุงศักดิ์ อัตพุฒ ) คณบดีคณะเทคโนโลยีอตุ สาหกรรม 19 กันยายน 2557
I
หัวข้ อวิทยานิพนธ์ นักศึกษา ผู้ควบคุมวิทยานิพนธ์ อาจารย์ ท่ ปี รึกษา ระดับการศึกษา สาชาวิชา ปี การศึกษา
โครงการออกแบบสื่อนาเสนออาคารศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สิง่ แวดล้ อมบางซื่อ กรุงเทพมหานคร นายณัฐวิดล มหาจันทร์ อาจารย์ ผศ. วินยั หมัน่ คติธรรม อาจารย์ ผศ. วินยั หมัน่ คติธรรม ปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เพื่องานสถาปั ตยกรรม 2556
บทคัดย่ อ ศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อมบางซื่อ กรุงเทพมหานคร อยู่ในหน่วยงานของ สานักการระบายน ้าและสานักสิ่งแวดล้ อมของกรุงเทพมหานคร ศูนย์การศึกษาฯ แห่งนี ้เป็ นยังเป็ น สานักงานจัดการคุณภาพน ้าและสานักสิง่ แวดล้ อม และมีพื ้นที่จดั แสดงนิทรรศการด้ านสิง่ แวดล้ อม ให้ กบั ประชาชนได้ ศกึ ษา นอกจากนิทรรศการด้ านสิ่งแวดล้ อมชันใต้ ้ ดินของอาคารยังเป็ นพื ้นที่ของ ระบบบาบัดน ้าเสีย ซึง่ ได้ รวบรวมน ้าเสียในเขตบางซื่อและเขตใกล้ เคียงมาบาบัดภายในโครงการ การบาบัดน ้าเสียภายในโครงการแห่งนี ้เป็ นกระบวนการบาบัดแบบระบบปิ ดใต้ ดินแห่ง แรกของประเทศไทย ทางกรุ งเทพมหานคร ให้ ความสาคัญกับปั ญหาของแม่น ้าลาคลองเป็ นอย่าง มากนอกจากโครงการนี ้ แล้ วยัง มี อีกหลายโครงการที่ จะช่วยสร้ างให้ คนหัน มาสนใจเรื่ องของ สิง่ แวดล้ อมมากยิ่งขึ ้น จะทาให้ กรุงเทพมหานครเป็ นเมืองที่น่าอยูแ่ ละมีสิ่งแวดล้ อมที่ดีให้ คนรุ่นหลัง ต่อไป บทสรุ ปของการออกแบบ โครงการออกแบบสื่อนาเสนออาคารศูนย์การศึกษาและ อนุรักษ์ สงิ่ แวดล้ อมบางซื่อ กรุงเทพมหานคร โดยนาเสนอผ่านสื่อดังต่อไปนี ้ 1.แผ่นนาเสนองาน (Presentation Plate) ขนาด A1 จานวน 8 แผ่น 2.สื่อประสม (Multimedia)
ความยาว 8.37 นาที
3.หนังสือคูม่ ือความรู้ (Booklet)
ขนาด 176 x 250 มม. (B5)
II
กิตติกรรมประกาศ การทาวิจยั ครัง้ นี ้สาเร็จลุลว่ งได้ ด้วยดีนนั ้ เนื่องมาจากได้ รับความร่วมมือและช่วยเหลือ จากบุคคลหลายๆ ท่าน ซึง่ ความช่วยเหลือทังปวงนั ้ นมี ้ บทบาทและความสาคัญกับผู้วิจยั ทุกอย่าง ทังทางด้ ้ านกาลังใจ และกาลังทรัพย์ ตลอดจนข้ อมูลขัน้ ตอนการทางานต่างๆ ดังนัน้ ผู้วิจยั จึง ขอขอบคุณผู้ที่มีสว่ นเกี่ยวข้ องดังต่อไปนี ้ บิดามารดา และทุกคนในครอบครัว คอยดูแลและสนับสนุนในด้ านทุนทรัพย์ และ อุปกรณ์ทกุ ด้ านในการดาเนินงานวิจยั อย่างเติมที่ อาจารย์ผ้ คู วบคุมวิทยานิพนธ์และอาจารย์ในสาขาวิชาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เพื่องาน สถาปั ตยกรรมทุกท่าน ซึง่ ให้ ความรู้ในการทาวิจยั และคอยติดตามการดาเนินงาน เจ้ าหน้ าที่สานักการระบายน ้า กรุงเทพมหานครที่ให้ การสนับสนุนในด้ านข้ อมูลในการ ทาวิจยั และยังค่อยติดตามการดาเนินงานอย่างเติมที่ ซึง่ ประกอบไปด้ วย 1.ดร.ปธาน บรรจงปรุ วิศวกรสุขาภิบาลชานาญการ 2.นางสาวโสภา บุราไกร วิศวกรสุขาภิบาลชานาญการ 3.นางสาวนิสติ า คงไพฑูรย์ นักวิชาการสุขาภิบาลปฏิบตั ิการ ขอขอบคุณ บริษัท สถาปนิกอัชชพล ดุสติ นานนท์ และคณะจากัด ที่แนะนาข้ อมูลด้ าน สถาปั ตยกรรม ขอขอบคุณ คุณ รุจิเรศ อมรศุภศิริ บริษัท โปรเกรสเทคโนโลยีคอนซัลแตนท์ ที่ อนุเคราะห์ข้อมูลด้ านสถาปั ตยกรรม ขอขอบคุณ คุณ รนกฤต บุญแรง ที่แนะนาโครงการดีๆ ให้ ได้ ทางานโครงการวิจยั ครัง้ นี ้ขึ ้นมาให้ กบั ผู้ที่ต้องการศึกษาได้ ศกึ ษาต่อไปและคุณ วรรณิภา จิตรี เนตร ที่ได้ มาบรรยายเสียงให้ กันสื่อประสมให้ เกิดความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ ้น และสุดท้ ายขอขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆที่หลายที่ให้ ความช่วยเหลือและให้ คาปรึกษาในการ ทางานมาตลอดและขอขอบคุณทุกคนที่มีสว่ นช่วยในวิทยานิพนธ์เล่มนี ้จนสาเร็จได้ ด้วยดี ผู้จัดทาวิทยานิพนธ์ ณัฐวิดล มหาจันทร์
III
สารบัญ
หน้ า บทคัดย่ อภาษาไทย III กิตติกรรมประกาศ III สารบัญ III สารบัญภาพ III สารบัญตาราง XX บทที่ 1 บทนา 1.1 ความเป็ นมาและที่มาของปั ญหา ....................................................................... 1 1.2 สภาพปั ญหาของโครงการ ................................................................................. 2 1.3 วัตถุประสงค์ของโครงการ ................................................................................. 3 1.4 ขอบเขตของโครงการ ........................................................................................ 3 1.5 คาจากัดความหรื อนิยามในการศึกษาและวิจยั .................................................... 4 1.6 ระเบียบวิธีการศึกษาและวิจยั ............................................................................ 4 1.7 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้ รับ ................................................................................ 6 1.8 คานิยามศัพท์เฉพาะ ......................................................................................... 6 บทที่ 2 การศึกษาทฤษฎีท่ เี กี่ยวข้ องในการออกแบบการนาเสนอ 2.1 การศึกษาข้ อมูลด้ านโครงการ ............................................................................ 7 2.1.1 ข้ อมูลทางด้ านกายภาพ .......................................................................... 7 2.1.2 ข้ อมูลด้ านแนวคิดและทฤษฏี ................................................................ 22 2.2 การศึกษาข้ อมูลในด้ านการนาเสนอ ................................................................. 41 2.2.1 หลักองค์ประกอบศิลป์ .......................................................................... 41 2.2.2 หลักจิตวิทยาและการรับรู้ที่เกี่ยวข้ องกับการออกแบบ .............................. 53 2.2.3 ทฤษฏีสแี ละหลักจิตวิทยาในการใช้ สี...................................................... 59 2.2.4 การเลือกใช้ แบบอักษร .......................................................................... 63 2.2.5 การเขียนสตอรี บอร์ ด (Story board) เพื่อการนาเสนอ .............................. 69 2.2.6 การจัด Plate ในการนาเสนอรูปแบบต่างๆ .............................................. 73
IV
สารบัญ(ต่ อ) หน้ า 2.3 สื่อที่ใช้ ในการนาเสนองาน ............................................................................... 76 2.3.1 มาตรฐานการนาเสนอและสัญลักษณ์ตา่ งๆ ............................................ 76 2.3.2 ภาพถ่ายและภาพประกอบในการนาเสนอ .............................................. 98 2.3.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการนาเสนองาน ......................................................... 104 2.3.4 การนาเสนองานสื่อสิง่ พิมพ์และสื่อมัลติมีเดีย ........................................ 123 บทที่ 3 กรณีศึกษางานออกแบบการนาเสนอ 3.1 C-A-S: Zone of thought stimulation ............................................................ 142 3.1.1 รายละเอียดของโครงการ .................................................................... 142 3.1.2 รูปแบบและการนาเสนอ (แผ่นนาเสนองาน) ........................................ 143 3.1.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบงานนาเสนอ (แผ่นนาเสนองาน) ) ............. 146 3.1.4 ตารางสรุปความเหมาะสมและความสวยงาม) ..................................... 146 3.2 Shortlist announced for the North West Cambridge extension .................. 148 3.2.1 รายละเอียดของโครงการ .................................................................... 148 3.2.2 รูปแบบและการนาเสนอ (แผ่นนาเสนองาน) ........................................ 148 3.2.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบงานนาเสนอ (แผ่นนาเสนองาน) ............... 152 3.2.4 ตารางสรุปความเหมาะสมและความสวยงาม ....................................... 152 3.3 Hydroponic Agriculture Communal Learning Center Mazraa Village ........ 155 3.1.1 รายละเอียดของโครงการ .................................................................... 155 3.3.2 รูปแบบและการนาเสนอ (แผ่นนาเสนองาน) ........................................ 155 3.3.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบงานนาเสนอ (แผ่นนาเสนองาน) ............... 159 3.3.4 ตารางสรุปความเหมาะสมและความสวยงาม ....................................... 160 3.4 Project: Re-Cultivating the Forest City ....................................................... 162 3.4.1 รายละเอียดของโครงการ .................................................................... 162 3.4.2 รูปแบบและการนาเสนอ (สื่อมัลติมีเดีย) .............................................. 162 3.4.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบงานนาเสนอ (VDO) ................................ 165
V
สารบัญ(ต่ อ) หน้ า 3.4.4 ตารางสรุปความเหมาะสมและความสวยงาม ....................................... 166 3.5 Project: Bangkok2049 ............................................................................... 168 3.5.1 รายละเอียดของโครงการ .................................................................... 168 3.5.2 รูปแบบและการนาเสนอ (สื่อมัลติมีเดีย) .............................................. 168 3.5.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบงานนาเสนอ (VDO) ................................ 172 3.5.4 ตารางสรุปความเหมาะสมและความสวยงาม ....................................... 173 3.6 Pantai 2 Sewage Treatment Plant,Federal Territory of Kuala Lumpur ....... 175 3.6.1 รายละเอียดของโครงการ .................................................................... 175 3.6.2 รูปแบบและการนาเสนอ (สื่อมัลติมีเดีย) .............................................. 175 3.6.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบงานนาเสนอ (VDO) ................................ 178 3.6.4 ตารางสรุปความเหมาะสมและความสวยงาม ..................................... 179 3.7 หนังสือ The Best Downunder Digga Attachment Europe ........................... 181 3.7.1 รายละเอียดโครงการ .......................................................................... 181 3.7.2 รูปแบบและการนาเสนอ ..................................................................... 181 3.7.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบการนาเสนอ ............................................ 187 3.7.4 ตารางสรุปความเหมาะสมและความสวยงาม ....................................... 187 3.8 หนังสือรายงานประจาปี 2554 ของบริษัท ปตท.จากัด( มหาชน) ...................... 189 3.8.1 รายละเอียดโครงการ .......................................................................... 189 3.8.2 รูปแบบและการนาเสนอ ..................................................................... 189 3.8.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบการนาเสนอ ............................................ 197 3.8.4 ตารางสรุปความเหมาะสมและความสวยงาม ....................................... 197 3.9 หนังสือคูม่ ือความรู้ บริษัท ปตท.จากัด( มหาชน) ............................................ 199 3.9.1 รายละเอียดโครงการ .......................................................................... 199 3.9.2 รูปแบบและการนาเสนอ ..................................................................... 199 3.9.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบการนาเสนอ ............................................ 207
VI
สารบัญ(ต่ อ)
หน้ า 3.9.4 ตารางสรุปความเหมาะสมและความสวยงาม ....................................... 207 บทที่ 4 วิเคราะห์ ข้อมูลที่ใช้ ในการออกแบบนาเสนอ 4.1 วิเคราะห์กลุม่ ผู้ใช้ งาน .................................................................................. 209 4.1.1 วิเคราะห์ผ้ ตู อบสนองการนาเสนอ (User) ............................................ 209 4.2 วิเคราะห์สื่อที่ใช้ ในการนาเสนอ .................................................................... 209 4.2.1 การวิเคราะห์สื่อที่เลือกใช้ .................................................................... 209 4.3 วิเคราะห์รูปแบบสื่อการนาเสนอ ................................................................... 210 4.3.1 ประเภทของสื่อที่ใช้ นาเสนอ ................................................................ 210 4.3.2 ภาพเคลื่อนไหวและสือ่ ประสม (Multimedia) ....................................... 219 4.3.3 รูปแบบ หนังสือคูม่ ือความรู้ (Booklet) ................................................ 226 4.4 วิเคราะห์โครงสร้ างสีที่ใช้ ในการนาเสนอ ......................................................... 236 4.4.1 ทฤษฎีสใี นงานออกแบบ ..................................................................... 236 4.5 วิเคราะห์โปรแกรมที่ใช้ สร้ างสื่อนาเสนอ .......................................................... 237 4.5.1 โปรแกรมที่ใช้ ในงาน 2D กราฟิ ก .......................................................... 237 4.5.2 โปรแกรมที่ใช้ ในงาน 2D เขียนแบบ ...................................................... 238 4.5.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการสร้ างภาพ 3D ....................................................... 239 4.5.4 วิเคราะห์ โปรแกรมสร้ างภาพ 3 มิติเคลื่อนไหว ..................................... 241 4.5.5 โปรแกรมที่ใช้ ตดั ต่อวิดีโอ .................................................................... 241 4.6 สรุปโครงร่างสื่อการนาเสนอ .......................................................................... 243 บทที่ 5 ขัน้ ตอนการออกแบบงานนาเสนอ 5.1 แนวความคิดในการออกแบบ ........................................................................ 248 5.1.2 สีที่เลือกใช้ ........................................................................................ 248 5.1.3 การนาไปใช้ ในสื่อทังหมด ้ .................................................................... 249 5.2 ขันตอนการออกแบบ ้ ................................................................................... 249 5.2.1 แผ่นนาเสนองาน (Presentation Plate) ............................................... 249
VII
สารบัญ(ต่ อ) หน้ า 5.2.2 หนังสือคูม่ ือความรู้ (Booklet) ............................................................ 258 5.2.3 ภาพเคลื่อนไหวและสือ่ ประสม (Multimedia) ....................................... 266 บทที่ 6 บทสรุ ปและข้ อเสนอแนะ 6.1 ปั ญหาและอุปสรรคในการทางาน .................................................................. 272 6.1.1 อุปสรรค ............................................................................................ 272 6.1.2 แนวทางแก้ ไข .................................................................................... 272 6.2 ข้ อเสนอแนะ ............................................................................................... 272 6.2.1 สื่อประสม (Multimedia) ................................................................... 272 6.2.2 หนังสือคูม่ ือความรู้ (Booklet) ............................................................ 273 บรรณานุกรม ................................................................................................................. 274 ประวัตผิ ้ ูวิจยั ................................................................................................................... 275
VIII
สารบัญภาพ ภาพ หน้ า 2.1 แสดงอาคารศูนย์การศึกษาฯ.......................................................................................... 10 2.2 การจัดพื ้นที่ใช้ สอยภายในอาคารศูนย์การศึกษาฯ แปลนพื ้นชันที ้ ่ 1 ................................... 10 2.3 การจัดพื ้นที่ใช้ สอยภายในอาคารศูนย์การศึกษาฯ แปลนพื ้นชันที ้ ่ 2 ................................... 10 2.4 แปลนขยายสานักสิง่ แวดล้ อมชันที ้ ่ 1 .............................................................................. 11 2.5 แปลนขยายสานักสิง่ แวดล้ อมชันที ้ ่ 2 .............................................................................. 11 2.6 แปลนขยายสานักการระบายน ้าชันที ้ ่ 1 ........................................................................... 11 2.7 แปลนขยายสานักการระบายน ้าชันที ้ ่ 2 ........................................................................... 12 2.8 รูปตัดอาคารศูนย์การศึกษาฯ และระบบบาบัดน ้าเสียใต้ ดิน .............................................. 12 2.9 แสดงที่ตงและอาณาเขตของอาคารศู ั้ นย์การศึกษาฯ ........................................................ 13 2.10 แสดงลาดับเส้ นทางการเข้ าถึงอาคาร ............................................................................ 14 2.11 แสดงลาดับเส้ นทางการเข้ าถึงอาคาร ............................................................................ 14 2.12 ผังบริเวณของโครงการ ................................................................................................ 15 2.13 แปลนภูมิสถาปั ตยกรรม .............................................................................................. 15 2.14 รูปด้ านภูมิสถาปั ตยกรรมทิศตะวันออก ......................................................................... 16 2.15 รูปตัดภูมิสถาปั ตยกรรมทิศตะวันออก ........................................................................... 16 2.16 รูปตัดทางจักรยานและส่วนจัดแสดงพืชน ้า .................................................................... 16 2.17 ผังพื ้นชัน้ B2 .............................................................................................................. 17 2.18 ผังพื ้นชันลอย ้ B2 ........................................................................................................ 17 2.19 ผังพื ้นชัน้ B1 .............................................................................................................. 17 2.20 ผังพื ้นชันลอย ้ B1 ........................................................................................................ 18 2.21 ผังบริเวณและแปลนพื ้นชันที ้ ่ 1 ..................................................................................... 18 2.22 แปลนพื ้นชันที ้ ่ 1 ......................................................................................................... 18 2.23 แปลนพื ้นชันที ้ ่ 2 ......................................................................................................... 19 2.24 แปลนพื ้นชันดาดฟ ้ ้ า .................................................................................................... 19 2.25 แปลนหลังคา............................................................................................................. 19 2.26 รูปด้ านทิศเหนือ 1 ...................................................................................................... 20
IX
สารบัญภาพ(ต่ อ) ภาพ หน้ า 2.27 รูปด้ านทิศเหนือ 2 ....................................................................................................... 20 2.28 รูปด้ านทิศตะวันตก ..................................................................................................... 20 2.29 รูปด้ านทิศตะวันออก ................................................................................................... 20 2.30 รูปด้ านทิศใต้ .............................................................................................................. 21 2.31 รูปตัดตามแนวยาวอาคาร ............................................................................................ 21 2.32 รูปตัดตามแนวยาวอาคาร ........................................................................................... 21 2.33 รูปตัดตามแนวยาวอาคาร ........................................................................................... 22 2.34 แสดงสภาพที่ตงเดิ ั ้ ม ................................................................................................... 23 2.35 แสดงขอบเขตพื ้นที่ให้ บริการการบาบัดน ้าเสีย .............................................................. 24 2.36 การมุงแบบซ้ อนเกร็ดของผนังม่านน ้าตก ....................................................................... 25 2.37 แสดงการเอียงองศาของผนัง ........................................................................................ 25 2.38 แสดงการมุงแบบซ้ อนเกร็ด ......................................................................................... 25 2.39 แสดงการเอียงสอบของเสาบ้ านเรื อนไทย ...................................................................... 26 2.40 แสดงระดับมุมมองของสายตากับตัวอาคาร................................................................... 26 2.41 การใช้ สีเพื่อสร้ างจุดเด่น .............................................................................................. 27 2.42 สีจริงของตัวอาคาร ..................................................................................................... 27 2.43 แสดงให้ เห็นถึงการแบ่งช่วงอาคาร ................................................................................ 28 2.44 แสดงการใช้ พื ้นที่ภายใน .............................................................................................. 28 2.45 แสดงหลักการของการออกแบบป้าย ............................................................................. 28 2.46 แสดงการออกแบบลักษณะของอาคาร ......................................................................... 29 2.47 แสดงการใช้ ประโยชน์จากน ้า ....................................................................................... 29 2.48 แสดงการปลูกพื ้นคลุมดินบริเวณภายนอกอาคาร........................................................... 30 2.49 แสดงการนาแสงธรรมชาติมาใช้ ภายในตัวอาคาร ........................................................... 30 2.50 แสดงทิศทางขอพระอาทิตย์ที่มีผลต่อการออกแบบ ........................................................ 31 2.51 แสดงการจัดโซนบาบัดน ้าเสีย ...................................................................................... 32 2.52 องค์ประกอบของระบบดูดอากาศมากาจัดกลิน่ ............................................................. 33
X
สารบัญภาพ(ต่ อ) ภาพ หน้ า 2.53 เครื่ องแยกกรวดทรายแบบ vortex grit chamber และ Incline Screw ............................. 33 2,54 ตะแกรงดักขยะละเอียดชนิด Rotary Drum Screen ....................................................... 33 2.55 ถังตกตะกอนแบบไหวตามขวางและชุดดูดตะกอนแบบ Siphon ...................................... 34 2.56 เครื่ องเป่ าอากาศแบบ Centrifugal Inlet Guide Vane-Diffuser ...................................... 34 2.57 แสดงสภาพที่ตงเดิ ั ้ ม.................................................................................................... 35 2.58 แสดงสภาพบริเวณโดยรอบ ......................................................................................... 35 2.59 แสดงการแบ่งพื ้นที่การจัดแสดงพันธุ์พืช ........................................................................ 36 2.60 แสดงบ่อจัดแสดงพันธุ์พืช ............................................................................................ 36 2.61 ไม้ ช่มุ น ้าพืชจาพวกบัว (lotus & water lily) ................................................................... 37 2.62 วัชพืชน ้า (water weed) ............................................................................................. 37 2.63 พืชชายน ้า (flooded plant) ........................................................................................ 37 2.64 พืชน ้าที่มีกลิน่ หอม (fragrant water plant) .................................................................. 38 2.65 พืชลอยน ้าได้ (floating leave water plant) .................................................................. 38 2.66 พืชน ้ากินได้ (edible water plant) ............................................................................... 38 2.67 พืชสมุนไพร (herbal water plant) .............................................................................. 39 2.68 พืชที่มีรากอากาศ (prop root plant) ............................................................................ 39 2.69 ปาล์มในที่ลมุ่ ชื ้น (swamp palm) ................................................................................ 39 2.70 แสดงบริเวณม่านน ้าตก ............................................................................................... 40 2.71 แสดงตัวอย่างทฤษฎีเติมอากาศให้ น ้าด้ วยกังหัน ............................................................ 40 2.72 แสดงการนาจุดมาจัดให้ เกิดรูปแบบใหม่ ....................................................................... 41 2.73 แสดงความหมายของเส้ นต่าง ...................................................................................... 42 2.74 แสดงความหมายของรูปร่าง ........................................................................................ 43 2.75 แสดงความหมายของรูปทรง ........................................................................................ 43 2.76 แสดงความหมายของมวล ........................................................................................... 43 2.77 แสดงรูปทรงเลขาคณิต ................................................................................................ 44 2.78 แสดงรูปทรงอินทรี ยรูป ................................................................................................ 44
XI
สารบัญภาพ(ต่ อ) ภาพ หน้ า 2.79 แสดงรูปทรงอิสระ ....................................................................................................... 44 2.80 แสดงการถ่ายทอดตามความเป็ นจริง ........................................................................... 45 2.81 แสดงการถ่ายทอดโดยตัดทอนบางส่วนลง..................................................................... 45 2.82 แสดงการถ่ายทอดแต่เพียงความรู้สกึ ของวัตถุเท่านัน้ ...................................................... 46 2.83 แสดงการถ่ายทอดให้ เกิดการลวงตา ............................................................................ 46 2.84 แสดงรูปของพื ้นผิวที่สมั ผัสได้ ด้วยมือ ........................................................................... 47 2.85 ภาพลักษณะการเน้ น .................................................................................................. 47 2.86 ภาพลักษณะการเน้ นด้ วยการอยูโ่ ดดเดี่ยว .................................................................... 48 2.87 ภาพการเน้ นด้ วยการจัดวางตาแหน่ง ........................................................................... 48 2.88 แสดงรูปของดุลยภาพแบบสมมาตร.............................................................................. 49 2.89 แสดงรูปของดุลยภาพแบบอสมมาตร............................................................................ 50 2.90 ภาพของจังหวะลีลา .................................................................................................... 50 2. 91 แสดงภาพของสัดส่วนที่เป็ นมาตรฐาน ......................................................................... 51 2.92 ภาพสัดส่วนจากความรู้สกึ .......................................................................................... 51 2.93 ภาพเกี่ยวกับเอกภาพของการแสดงออก ....................................................................... 52 2.94 ภาพเกี่ยวกับเอกภาพของรูปทรง .................................................................................. 53 2.95 ภาพทิวทัศน์แสดงความลึก .......................................................................................... 57 2.96 แสดงรูปแสงและเงา ................................................................................................... 57 2.97 รูปการเคลื่อนที่ .......................................................................................................... 58 2.98 ภาพวงจรสีขนที ั ้ ่ 1 ....................................................................................................... 59 2.99 ภาพวงจรสีขนที ั ้ ่ 2 ...................................................................................................... 60 2.100 ภาพวงจรสีขนที ั ้ ่ 2 .................................................................................................... 60 2.101 แสดงรูปของวงล้ อสี................................................................................................... 61 2.102 แสดงสีที่อยูใ่ กล้ กนั ในวงสี ประมาณ 2-6 สี ................................................................. 61 2.103 แสดงผสมสีคตู่ รงข้ าม เพื่อลดความตัดกันของคูส่ ีตรงข้ ามนัน้ ........................................ 62 2.104 แสดงสีที่ตดั กันอย่างแท้ จริง หรื อสีตรงข้ าม ................................................................. 62
XII
สารบัญภาพ(ต่ อ) ภาพ หน้ า 2.105 แสดงสีที่ตดั กันโดยน้ าหนัก ....................................................................................... 62 2.106 ภาพแบบตัวอักษรแบบมีเชิง (Serif) ........................................................................... 64 2.107 ภาพแบบตัวอักษรแบบไม่มีเชิง (Sans Serif) .............................................................. 64 2.108 ภาพแบบตัวอักษรแบบตัวเขียน (Script) ................................................................... 65 2.109 ภาพแบบตัวอักษรแบบตัวอาลักษณ์ (Text Letter) ...................................................... 65 2.110 ภาพแบบตัวอักษรแบบประดิษฐ์ (Display Type) ....................................................... 65 2.111 ภาพแบบตัวอักษรแบบสมัยใหม่ (Modern Type) ...................................................... 66 2.112 แสดงตัวอย่างลักษณะตัวอักษร .................................................................................. 66 2.113 แสดงตัวอย่างขนาดตัวอักษร ..................................................................................... 67 2.114 รูปของระยะช่องไฟของตัวอักษร (Spacing) .............................................................. 67 2.115 รูปของระยะช่องไฟของตัวอักษร (Spacing) .............................................................. 68 2.116 ภาพตัวอย่างงาน Storyboard................................................................................... 69 2.117 ภาพการเปรี ยบเทียบขนาดสัดส่วนตามมาตราส่วนจริง มาตราส่วนย่อ ........................... 79 2.118 ภาพตัวอักษรแบบตัวตรงตามมาตรฐานสากล (มอก.210-2520) .................................. 79 2.119 ภาพแสดงขนาดและระยะตัวอักษรแบบตัวตรงตามมาตรฐานสากล............................... 80 2.120 ภาพแสดงตัวอักษรแบบตัวเอียงตามมาตรฐานสากล (มอก.210-2520) ....................... 80 2.121 ภาพแสดงตัวอักษรหัวเหลี่ยม .................................................................................... 81 2.122 ภาพแสดงตัวอักษรหัวกลม ........................................................................................ 81 2.123 ตัวอย่างระบบการเขียนชื่อห้ อง................................................................................... 84 2.124 ตัวอย่างการใส่ชื่อห้ องแบบรวม ................................................................................. 85 2.125 ตัวอย่างการใส่ชื่อห้ องระบบกล่อง ............................................................................. 85 2.126 ภาพตัวอย่างการให้ มิติระยะ Dimension ................................................................... 86 2.127 ตัวอย่างการจัดวาง Dimension ในผังพื ้น .................................................................... 87 2.128 ตัวอย่าง Dimension ถูกและผิด ................................................................................. 87 ภาพที่ 2.129 การใช้ สญ ั ลักษณ์กากับปลายเส้ นมิติ ............................................................... 88 2.130 ตัวอย่างการใช้ เครื่ องหมายกากับระยะผสมกันอย่างเป็ นระบบ ..................................... 88
XIII
สารบัญภาพ(ต่ อ) ภาพ หน้ า 2.131 การใช้ สญ ั ลักษณ์กากับเสาในแปลน .......................................................................... 89 2.132 การอ้ างอิงระยะในแบบจากตาแหน่งกึ่งกลางเสา ......................................................... 89 2.133 แสดงขนาดและรูปแบบของ สัญลักษณ์กากับแนวเสา ................................................. 90 2.134 การเขียนเส้ นกากับแนวเสาต่อเนื่องกับการให้ ระยะโครงสร้ าง ....................................... 91 2.135 การกาหนดตาแหน่งอาคารและระดับพื ้น ในผังบริเวณ ................................................ 91 2.136 แสดงสัญลักษณ์ประตูหน้ าต่าง ................................................................................. 92 2.137 รายการสัญลักษณ์ที่ใช้ ในการเขียนแบบ ..................................................................... 93 2.138 การเขียนรูปด้ านและผัง โดยแสดงวัสดุเพียงบางส่วน................................................... 94 2.139 แสดงขนาดกระดาษ.................................................................................................. 96 2.140 แสดงการวางรูปหน้ ากระดาษ ................................................................................... 96 2.141 ตัวอย่างแสดงการจัดหน้ ากระดาษในแบบTitle Block .................................................. 97 2.142 แสดงการใช้ ขนาดตัวอักษรในแบบ ............................................................................. 98 2.143 แสดงภาพทางยาวโฟกัสของเลนส์ และ องศารับภาพ ................................................. 101 2.144 ภาพจุดตัด 4 จุด ..................................................................................................... 102 2.145 ภาพตัวอย่างการใช้ กฎสามส่วน แบ่งสัดส่วนพื ้นที่ 1:3 และ 2:3 .................................. 102 2.146 ภาพการใช้ กฎสามส่วน โดยนาจุดสนใจของภาพไปวางบริเวณจุดตัด ......................... 102 2.147 ภาพการใช้ กฎสามส่วนแบบ Golden Triangle ........................................................ 103 2.148 ภาพการใช้ กฎสามส่วนแบบ Golden Spiral ............................................................ 104 2.149 ตัวอย่างภาพในโหมด RGB ..................................................................................... 105 2.150 ตัวอย่างภาพในโหมด CMYK .................................................................................. 106 2.151 ตัวอย่างโปรแกรม Adobe illustrator ........................................................................ 106 2.152 ตัวอย่างโปรแกรม Adobe illustrator ........................................................................ 107 2.153 งานสิง่ พิมพ์ที่ใช้ โปรแกรม Adobe illustrator ............................................................. 107 2.154 งานออกแบบลายเสื ้อที่ใช้ โปรแกรม Adobe illustrator .............................................. 107 2.155 ตัวการ์ ตนู ที่ใช้ โปรแกรม Adobe illustrator ............................................................... 108 2.156 ตัวอย่างโปรแกรม Adobe photoshop..................................................................... 109
XIV
สารบัญภาพ(ต่ อ) ภาพ หน้ า 2.157 ตัวอย่างโปรแกรม Adobe photoshop..................................................................... 109 2.158 แสดงการสลับทิศทางของภาพด้ วย Adobe photoshop ............................................ 110 2.159 แสดงการปรับแต่งสีของภาพด้ วย Adobe photoshop................................................ 110 2.160 แสดงภาพลบร่องรอบตาหนิบนภาพด้ วย Adobe photoshop .................................... 111 2.161 แสดงภาพวาดด้ วย Adobe photoshop ................................................................... 111 2.162 แสดงภาพการออกแบบกราฟิ กด้ วย Adobe photoshop ........................................... 112 2.163 ตัวอย่างโปรแกรม Adobe After Effects CS6 ........................................................... 114 2.164 ตัวอย่างโปรแกรม Adobe After Effects CS6 .......................................................... 114 2.165 ตัวอย่างโปรแกรม Autodesk AutoCAD .................................................................. 115 2.166 ตัวอย่างโปรแกรม Autodesk AutoCAD ................................................................... 115 2.167 ตัวอย่างโปรแกรม Autodesk 3Ds Max ................................................................... 117 2.168 ตัวอย่างโปรแกรม 3Ds Max ................................................................................... 117 2.169 ตัวอย่างโปรแกรม Autodesk Revit Architecture 2014 ............................................ 119 2.170 ตัวอย่างการใช้ งานของโปรแกรม ............................................................................. 119 2.171 ตัวอย่างโปรแกรม Indesign .................................................................................... 120 2.171 ตัวอย่างการใช้ งานของโปรแกรม Indesign ............................................................... 121 2.172 ตัวอย่างโปรแกรม Microsoft PowerPoint ................................................................ 122 2.173 ตัวอย่างโปรแกรม Nero.......................................................................................... 122 2.174 ตัวอย่างโปรแกรม Format Factory 2.175 หนังสือพิมพ์ ........................................................................................................... 124 2.176 วารสาร นิตยสาร ................................................................................................... 125 2.177 จุลสาร .................................................................................................................. 125 2.178 สื่อสิ่งพิมพ์โฆษณา................................................................................................. 125 2.179 รูปของการออกแบบจัดหน้ าในงานสิง่ พิมพ์ ............................................................... 128 2.180 แสดงตัวอย่างรูปแบบเมนูสคริปต์กริด (Manuscript Grid) ........................................ 131 2.181 แสดงตัวอย่างรูปแบบคอลัมน์กริด (Column Grid) .................................................... 132
XV
สารบัญภาพ(ต่ อ) ภาพ หน้ า 2.182 แสดงตัวอย่างรูปแบบโมดูลาร์ กริด (Modular Grid) ................................................... 133 2.183 แสดงตัวอย่างรูปแบบไฮราซิคลั กริด (Hierarchical Grid) ........................................... 133 3.1 แสดงจานวนแผ่นของแผ่นนาเสนองาน ......................................................................... 143 3.2 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 1............................................................... 143 3.3 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 2............................................................... 144 3.4 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 3............................................................... 144 3.5 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 4............................................................... 145 3.6 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 5............................................................... 145 3.7 แสดงจานวนแผ่นของแผ่นนาเสนองาน ......................................................................... 148 3.8 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 1............................................................... 149 3.9 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 2............................................................... 150 3.10 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 3............................................................. 150 3.11 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 4............................................................. 151 3.12 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 5............................................................. 151 3.13 แสดงจานวนแผ่นของแผ่นนาเสนองาน ....................................................................... 156 3.14 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 1............................................................. 156 3.15 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 2............................................................. 157 3.16 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 3............................................................. 157 3.17 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 4............................................................. 158 3.18 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 5............................................................. 158 3.19 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 6............................................................. 159 3.20 แสดงการจัดกลุม่ เพื่อวิเคราะห์การลาดับเนื ้อหา ........................................................... 162 3.21 แสดงการใช้ หลักจุดตัด 9 ช่อง .................................................................................... 163 3.22 แสดงการสร้ างจุดเด่นบริเวณตรงกลาง........................................................................ 164 3.24 แสดงการจัดกลุม่ เพื่อวิเคราะห์การลาดับเนื ้อหา ........................................................... 168 3.25 ลักษณะการใช้ สีเอกรงค์ในงานกราฟฟิ ก ..................................................................... 169
XVI
สารบัญภาพ(ต่ อ) ภาพ หน้ า 3.26 แสดงตัวอย่างสีเอกรงค์ ............................................................................................. 170 3.27 แสดงการใช้ หลักจุดตัด 9 ช่อง .................................................................................... 170 3.28 แสดงการสร้ างจุดเด่นบริเวณตรงกลาง........................................................................ 171 3.29 แสดงการสร้ างจุดเด่นบริเวณตรงกลาง........................................................................ 171 3.30 แสดงการจัดกลุม่ เพื่อวิเคราะห์การลาดับเนื ้อหา ........................................................... 175 3.31 ตัวอย่างลักษณะภาพในการใช้ โทนสี .......................................................................... 176 3.32 แสดงการใช้ ภาพซ้ อนกัน............................................................................................ 177 3.33 แสดงการสร้ างจุดเด่นบริเวณตรงกลาง........................................................................ 177 3.33 แสดงภาพหนังสือ Booklet The Best Downunder Digga Attachment Europe .......... 181 3.34 แสดงภาพหน้ าปกหนังสือเล่มเล็ก booklet The Best Downunder Digga Attachment Europe .................................................................................................................. 182 3.35 แสดงภาพหนังสือเล่มเล็ก booklet The Best Downunder Digga Attachment Europe หน้ าที่1-2 ............................................................................................................... 182 3.36 แสดงภาพหนังสือเล่มเล็ก booklet The Best Downunder Digga Attachment Europe หน้ าที่3-4 ............................................................................................................... 182 3.37 แสดงภาพหนังสือเล่มเล็ก booklet The Best Downunder Digga Attachment Europe หน้ าที่ 5 ................................................................................................................. 183 3.38 แสดงภาพหนังสือเล่มเล็ก booklet The Best Downunder Digga Attachment Europe หน้ าที่5-7 ............................................................................................................... 183 3.39 แสดงภาพหนังสือเล่มเล็ก booklet The Best Downunder Digga Attachment Europe หน้ าที่10-14 ........................................................................................................... 184 3.40 แสดงภาพหนังสือเล่มเล็ก booklet The Best Downunder Digga Attachment Europe หน้ าที่15-16 ........................................................................................................... 184 3.41 แสดงภาพการวิเคราะห์การจัด Lay out หนังสือเล่มเล็ก................................................ 185 3.42 แสดงภาพการวิเคราะห์การจัด Lay out หนังสือเล่มเล็ก................................................ 185 3.43 แสดงภาพการวิเคราะห์การจัด Lay out หนังสือเล่มเล็ก................................................ 186
XVII
สารบัญภาพ(ต่ อ) ภาพ หน้ า 3.44 แสดงภาพหน้ าปกหนังสือเล่มเล็ก booklet ................................................................. 190 3.45 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 บริษัท ปตท.จากัด( มหาชน)หน้ าที่1................ 191 3.46 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 บริษัท ปตท.จากัด( มหาชน)หน้ าที่2-3 ............ 192 3.47 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 บริษัท ปตท.จากัด( มหาชน)หน้ าที่4-5 ............ 192 3.48 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 บริษัท ปตท.จากัด( มหาชน)หน้ าที่6-7 ............ 193 3.49 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 บริษัท ปตท.จากัด( มหาชน)หน้ าที่8-9 ............ 193 3.50 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 บริษัท ปตท.จากัด( มหาชน) หน้ าที่10-11 ............................................................................................................. 194 3.51 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 บริษัท ปตท.จากัด( มหาชน) หน้ าที่ 16-17 ............................................................................................................ 194 3.52 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 บริษัท ปตท.จากัด( มหาชน)หน้ าที่26-27 ........ 195 3.53 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 บริษัท ปตท.จากัด( มหาชน) หน้ าที่74-75 ............................................................................................................. 195 3.54 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 บริษัทปตท.จากัด( มหาชน)หน้ าที่84-85 ......... 196 3.55 แสดงภาพการวิเคราะห์การจัด Lay out หนังสือรายงานประจาปี ................................... 196 3.56 แสดงภาพการวิเคราะห์การจัด Lay out หนังสือรายงานประจาปี ................................... 197 3.57 แสดงภาพหน้ าปก หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR) ............................. 199 3.58 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR)หน้ าที่2- 3 .......................................... 200 3.59 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR)หน้ าที่ 4-11 ........................................ 200 3.60 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR) หน้ าที่12-19 ...................................... 201 3.61 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR) หน้ าที่20-27 ...................................... 201 3.62 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR) หน้ าที่ 28-35 ..................................... 202 3.63 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR) หน้ าที่ 36-43 ..................................... 202 3.64 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR)หน้ าที่ 44-51 ...................................... 203 3.65 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR)หน้ าที่ 52-59 ...................................... 203 3.66 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR)หน้ าที่ 60-67 ..................................... 204
XVIII
สารบัญภาพ(ต่ อ) ภาพ หน้ า 3.67 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR)หน้ าที่ 68-75 ..................................... 204 3.68 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR)หน้ าที่ 76-80 ..................................... 205 3.69 แสดงภาพการวิเคราะห์การจัด Lay out หนังสือเล่มเล็กเติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน ........... 205 3.70 แสดงภาพการวิเคราะห์การจัดการจัดสัดส่วนภาพและเนื ้อหา ....................................... 206 4.1 แสดงรูปแบบของตัวอักษร ........................................................................................... 216 4.2 แสดงภาพจุดตัดกัน 4 จุด ............................................................................................ 221 4.3 แสดงไดอะแกรมของกลุม่ ผู้ตอบสนองการนาเสนอ (User) ............................................. 243 4.4 แสดงไดอะแกรมการออกแบบสื่อประสม (Multimedia) ................................................. 244 4.5 แสดงไดอะแกรมการออกแบบแผ่นนาเสนอ (Presentation Plate) .................................. 245 4.6 แสดงไดอะแกรมการออกแบบหนังสือคูม่ ือความรู้ (Booklet) .......................................... 246 4.7 แสดงไดอะแกรมการออกแบบนาเสนอสื่อ ..................................................................... 247 5.1 แสดงที่มาของแนวความคิดคลื่นน ้า .............................................................................. 248 5.2 แสดงที่มาของสีที่นามาใช้ ในการออกแบบ ..................................................................... 249 5.3 แสดงการออกแบบแผ่นนาเสนอขันที ้ ่ 1 ......................................................................... 250 5.4 แสดงแผ่นนาเสนองานทังหมด ้ ..................................................................................... 250 5.5 แสดงแผ่นนาเสนองานแผ่นที่ 1-2 ................................................................................. 250 5.6 แสดงแผ่นนาเสนองานแผ่นที่ 3-4 ................................................................................. 251 5.7 แสดงแผ่นนาเสนองานแผ่นที่ 5-6 ................................................................................. 251 5.8 แสดงแผ่นนาเสนองานแผ่นที่ 7-8 ................................................................................. 251 5.9 แสดงการแบ่งกริดแผ่นนาเสนอแผ่นที่ 1-2 ..................................................................... 254 5.10 แสดงการแบ่งกริดแผ่นนาเสนอแผ่นที่ 3-4 ................................................................... 255 5.11 แสดงการแบ่งกริดแผ่นนาเสนอแผ่นที่ 5- 6 .................................................................. 256 5.12 แสดงการแบ่งกริดแผ่นนาเสนอแผ่นที่ 7- 8 .................................................................. 257 5.13 แสดงการออกแบบปกหน้ า-ปกหลังทัง้ 3 ขัน้ ................................................................ 260 5.14 แสดงการจัดระบบกริดหน้ าปก-หลังปกหนังสือคูม่ ือความรู้ ........................................... 261 5.15 แสดงการจัดระบบกริดเนื ้อหาหนังสือคูม่ ือความรู้ ......................................................... 261
XIX
สารบัญภาพ(ต่ อ) ภาพ หน้ า 5.16 แสดงการจัดกลุม่ เนื ้อหาส่วนเกริ่นนา .......................................................................... 262 5.17 แสดงการจัดกลุม่ เนื ้อหาส่วนประวัติความเป็ นมาหน้ า1-6 ............................................. 262 5.18 แสดงการจัดกลุม่ เนื ้อหาส่วนแนวคิดการออกแบบหน้ า7-12 .......................................... 262 5.19 แสดงการจัดกลุม่ เนื ้อหาส่วนการแบ่งพื ้นที่ใช้ สอยภายในอาคารหน้ า13-16 ..................... 263 5.20 แสดงการจัดกลุม่ เนื ้อหาส่วนกระบวนการบาบัดน ้าเสียหน้ า17-26 ................................. 263 5.21 แสดงการจัดกลุม่ เนื ้อหาส่วนภูมิสถาปั ตยกรรม (อุทยานไม้ น ้า)หน้ า27-35 ...................... 263 5.22 แสดงการจัดกลุม่ เนื ้อหาส่วนบันทึกข้ อความหน้ า36-41 ................................................ 264 5.23 แสดงการจัดกลุม่ เนื ้อหาส่วนรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้ องหน้ า42-45 .......................................... 264 5.24 แสดงภาพรวมทังหมดของหนั ้ งสือคูม่ ือความรู้ ............................................................. 265 5.25 แสดงหนังสือคูม่ ือความรู้ .......................................................................................... 265 5.26 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนเกริ่นนา .......................................................................... 267 5.27 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนประวัติศนู ย์ฯ ................................................................... 268 5.28 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนแนะนาข้ อมูลโครงการเบื ้องต้ น .......................................... 268 5.29 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนแนวความคิด .................................................................. 268 5.30 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนรูปแบบอาคาร .................................................................. 269 5.31 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนพื ้นที่ใช้ สอยภายในอาคาร ................................................. 269 5.32 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนกระบวนการบาบัดน ้าเสีย .................................................. 269 5.33 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนเกริ่นนา .......................................................................... 270 5.34 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนสรุปพร้ อมกระแสพระราชดารัส ......................................... 270 5.35 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนผู้ที่เกี่ยวข้ อง .................................................................... 270 5.36 ภาพรวมภาพเคลื่อนไหวและสื่อประสม (Multimedia) ................................................ 271 6.1 แสดงการเปรี ยบเทียบสือ่ ประสมก่อนและหลังการแก้ ไข .................................................. 273 6.2 แสดงการเปรี ยบเทียบหนังสือคูม่ ือความรู้ก่อนและหลังการแก้ ไข ..................................... 273
XX
สารบัญตาราง ตารางที่ หน้ า 2.1 ชนิดของเส้ นที่ใช้ ในการเขียนแบบ................................................................................... 78 2.2 ขนาดมาตราส่วนที่ใช้ ในงานเขียนแบบ ............................................................................ 79 2.3 ขนาดและระยะของตัวอักษร (ม.ม.) ............................................................................... 80 2.4 แสดงสัญลักษณ์ที่ใช้ ในงานเขียนแบบ ............................................................................. 82 2.5 แสดงสัญลักษณ์ที่ใช้ ในงานเขียนแบบ ............................................................................. 82 2.6 แสดงสัญลักษณ์การเขียนชื่อและหมายเลขอ้ างอิงของรูป ................................................. 83 2.7 แสดงการเขียนสัญลักษณ์กากับวัสดุและระดับ พื ้น ผนัง ฝ้า .............................................. 83 2.8 แสดงสัญลักษณ์อื่นๆ .................................................................................................... 85 2.9 แสดงสัญลักษณ์แสดงการอ้ างอิงพิกดั ............................................................................ 86 2.10 แสดงสัญลักษณ์ของวัสดุตา่ งๆ ในรูปตัด ....................................................................... 94 2.11 แสดงการเขียนผนังแบบต่าง ........................................................................................ 95 2.12 แสดงขนาดตามมาตรฐานการเขียนแบบด้ วยคอมพิวเตอร์ .............................................. 98 3.1 ตารางสรุปการนาเสนอด้ วยกราฟิ ก ............................................................................... 146 3.2 แสดงสรุปการวิเคราะห์การนาเสนอ แผ่นนาเสนองาน (Presentation Plate1) ................. 147 3.3 ตารางสรุปการนาเสนอด้ วยกราฟิ ก ............................................................................... 153 3.4 แสดงสรุปการวิเคราะห์การนาเสนอ แผ่นนาเสนองาน (Presentation Plate2) ................. 154 3.5 ตารางสรุปการนาเสนอด้ วยกราฟิ ก ............................................................................... 160 3.6 แสดงสรุปการวิเคราะห์การนาเสนอ แผ่นนาเสนองาน (Presentation Plate3) ................. 161 3.7 ตารางสรุปการนาเสนอตัวอย่าง ................................................................................... 166 3.8 แสดงสรุปการวิเคราะห์การนาเสนอโครงการด้ วยสื่อมัลติมีเดีย (Multimedia 1 ) .............. 167 3.9 ตารางสรุปการนาเสนอตัวอย่าง ................................................................................... 173 3.10 แสดงสรุปการวิเคราะห์การนาเสนอโครงการด้ วยสื่อมัลติมีเดีย (Multimedia 2 ) ............ 174 3.11 ตารางสรุปการนาเสนอตัวอย่าง ................................................................................. 179 3.12 แสดงสรุปการวิเคราะห์การนาเสนอโครงการด้ วยสื่อมัลติมีเดีย (Multimedia 3 ) ............ 180 3.13 แสดงสรุปการวิเคราะห์การนาเสนอโครงการหนังสือคูม่ ือความรู้ (Booklet) ตัวอย่างที่ 1.............................................................................................................. 188
XXI
สารบัญตาราง(ต่ อ) ตารางที่ หน้ า 3.14 แสดงสรุปการวิเคราะห์การนาเสนอโครงการหนังสือคูม่ ือความรู้ (Booklet) ตัวอย่างที่ 2.............................................................................................................. 198 3.15 แสดงสรุปการวิเคราะห์การนาเสนอโครงการหนังสือคูม่ ือความรู้(Booklet) ตัวอย่างที่ 3.............................................................................................................. 208 4.1 แสดงการวิเคราะห์กลุม่ ผู้ใช้ งาน ................................................................................... 209 4.2 แสดงการวิเคราะห์ความเหมาะสมของขนาด ................................................................. 211 4.3 แสดงการวิเคราะห์คณ ุ สมบัติของชนิดกระดาษสาหรับแผ่นนาเสนอ ................................. 211 4.4 แสดงการวิเคราะห์ความเหมาะสมของความหนาของกระดาษ ........................................ 212 4.5 แสดงการวิเคราะห์การวาง Lay-out .............................................................................. 213 4.6 แสดงการวิเคราะห์ลกั ษณะตัวอักษร ............................................................................. 214 4.7 แสดงการวิเคราะห์การจัดวางตัวอักษร .......................................................................... 214 4.8 แสดงการวิเคราะห์ขนาดตัวอักษร................................................................................. 215 4.9 แสดงการวิเคราะห์รูปแบบของตัวอักษร ........................................................................ 215 4.10 แสดงการวิเคราะห์ลกั ษณะภาพ ................................................................................. 216 4.11 แสดงการวิเคราะห์ประเภทไฟล์ภาพ ........................................................................... 217 4.12 แสดงการวิเคราะห์ราคากระดาษ ................................................................................ 218 4.13 แสดงการวิเคราะห์ราคากระดาษ ................................................................................ 218 4.14 แสดงการวิเคราะห์ลกั ษณะการพิมพ์........................................................................... 218 4.15 แสดงการวิเคราะห์ลกั ษณะตัวอักษร ........................................................................... 220 4.16 แสดงการวิเคราะห์รูปแบบของตัวอักษร ...................................................................... 220 4.17แสดงการวิเคราะห์สดั ส่วนขนาดหน้ าจอ ....................................................................... 221 4.18 แสดงการวิเคราะห์การเคลื่อนกล้ อง ............................................................................ 222 4.19 แสดงการวิเคราะห์ลกั ษณะภาพ ................................................................................. 222 4.20 แสดงการวิเคราะห์ประเภทไฟล์วิดีโอ .......................................................................... 223 4.21 แสดงการวิเคราะห์ระยะเวลาในการนาเสนอ................................................................ 224 4.22 แสดงการวิเคราะห์ประเภทเสียง ................................................................................. 224
XXII
สารบัญตาราง(ต่ อ) ตารางที่ หน้ า 4.23 แสดงการวิเคราะห์รูปแบบเทคนิคการเปลี่ยนฉากเนื ้อหา............................................... 225 4.24 แสดงการวิเคราะห์ช่องทางในการเผยแพร่ ................................................................... 225 4.25 แสดงการวิเคราะห์ช่องทางอินเตอร์ เน็ต ....................................................................... 226 4.26 วิเคราะห์การเลือกใช้ ขนาดกระดาษ ............................................................................ 227 4.27 วิเคราะห์การเลือกใช้ ชนิดกระดาษ .............................................................................. 227 4.28 วิเคราะห์การเลือกใช้ กระดาษปก ............................................................................... 228 4.29 วิเคราะห์การเลือกใช้ กระดาษอาร์ ตเนื ้อหา ................................................................... 228 4.30 วิเคราะห์การเลือกใช้ ความหนากระดาษปก ................................................................. 229 4.31 วิเคราะห์การเลือกใช้ รูปแบบการจัดวาง Layout ........................................................... 229 4.32 วิเคราะห์การเลือกใช้ รูปแบบฟอนต์ Font ..................................................................... 230 4.33 วิเคราะห์การเลือกใช้ การจัดวางอักษร ......................................................................... 231 4.34วิเคราะห์การเลือกใช้ ขนาดอักษร ................................................................................. 232 4.35 วิเคราะห์การเลือกใช้ ภาพถ่ายและภาพประกอบในการนาเสนอ..................................... 232 4.36 วิเคราะห์การเลือกใช้ ลกั ษณะการพิมพ์........................................................................ 233 4.37 แสดงการวิเคราะห์ประเภทไฟล์ภาพ ........................................................................... 234 4.38 วิเคราะห์การเลือกรูปแบบการเข้ าเล่ม ......................................................................... 234 4.39 แสดงราคาค่าจัดพิมพ์เนื ้อในหนังสือ .......................................................................... 235 4.40 แสดงราคาค่าจัดพิมพ์ปกหนังสือ ................................................................................ 235 4.41 แสดงราคาค่าเข้ าเล่มหนังสือ ..................................................................................... 236 4.42 แสดงการวิเคราะห์โครงสร้ างสีที่ใช้ ในการออกแบบสื่อ .................................................. 236 4.43แสดงการวิเคราะห์โปรแกรมที่ใช้ สร้ างภาพ 2D กราฟิ ก .................................................. 236 4.44 แสดงการวิเคราะห์โปรแกรมที่ใช้ ในงาน 2D เขียนแบบ.................................................. 237 4.45 แสดงการวิเคราะห์โปรแกรมที่ใช้ ในการสร้ างภาพ 3D ................................................... 238 4.47 แสดงการวิเคราะห์ โปรแกรมสร้ างภาพ 3 มิติ เคลื่อนไหว .............................................. 241 4.48 แสดงการวิเคราะห์โปรแกรมที่ใช้ ตดั ต่อวิดีโอ ................................................................ 242
บทที่ 1
บทนา หัวข้ อวิทยานิพนธ์ โครงการออกแบบสื่อนาเสนอประชาสัมพันธ์ อาคารศูนย์การศึกษาและ ชื่อนักศึกษา รหัส คณะ สาขาวิชา มหาวิทยาลัย ปี การศึกษา
อนุรักษ์ สงิ่ แวดล้ อมบางซื่อ กรุงเทพมหานคร นายณัฐวิดล มหาจันทร์ 54122503021 เทคโนโลยีอตุ สาหกรรม เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เพื่องานสถาปั ตยกรรม ราชภัฎสวนสุนนั ทา 2556
1.1 ความเป็ นมาและที่มาของปั ญหา ด้ ว ยวิ ก ฤติ ปั ญ หาความเน่ า เสี ย ของแหล่ ง น า้ คูค ลองและแม่ น า้ เจ้ าพระยาในเขต กรุ ง เทพมหานคร ส านัก การระบายน า้ กรุ ง เทพมหานครในฐานะหน่ ว ยงานรั บ ผิ ด ชอบ ได้ ดาเนินการก่อสร้ างระบบรวบรวมน ้าเสียและระบบบาบัดน ้าเสีย จานวน 7 แห่ง ครอบคลุมพื น้ ที่ 192 ตารางกิ โ ลเมตร สามารถในการบ าบัด น า้ เสี ย 1,017,700 ลูก บาศก์ เ มตร/วัน ซึ่ง การ ด าเนิ น การดัง กล่า วนัน้ ครอบคลุม เฉพาะบางพื น้ ที่ ดัง นัน้ ทางกรุ ง เทพมหานคร จึ ง ได้ ริ เ ริ่ ม “โครงการศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อมบางซื่อ กรุ งเทพมหานคร” เพื่อเชื่อมต่อกับ โครงการที่ดาเนินการแล้ วเสร็ จดังกล่าว ซึ่งโรงบาบัดน ้าเสียที่นี ้แตกต่างจากที่อื่นเพราะเป็ นระบบ บาบัดน ้าเสียใต้ ดิน ซึง่ ถือเป็ นศูนย์ฯ แห่งแรกของประเทศไทย และเอเชียอาคเนย์ ซึง่ ภายในติดตัง้ ระบบบาบัดน ้าเสียระบบปิ ดในพื ้นที่ใต้ ดิน 12 ไร่ ด้ วยการวางท่อลอดใต้ พื ้นดินเชื่อมท่อระบายน ้า จากพื ้นที่บางซื่อ จตุจกั ร ดุสิต และพญาไท เพื่อลาเลียงน ้าเสีย ครอบคลุมพื ้นที่ 20.7 ตาราง กิโลเมตร เข้ าสู่สถานีสบู น ้าเสียใต้ ดิน ที่สามารถบาบัดน ้าได้ วนั ละ 120,000 ลูกบาศก์ เมตร/วัน ส่วนด้ านบนของอาคารเป็ นศูนย์การศึกษาฯ ที่เป็ นแหล่งการเรี ยนรู้ ด้านการจัดการด้ าน สิ่งแวดล้ อมในกรุ งเทพฯ สาหรับเด็ก เยาวชน นักศึกษา และประชาชนทัว่ ไป รวมทังเผยแพร่ ้ พระ ราชกรณียกิจด้ านการจัดการสิ่งแวดล้ อมของพระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยูห่ วั ภายในอาคารเป็ นพื ้นที่ แสดงนิทรรศการด้ านสิง่ แวดล้ อม เน้ นการใช้ สื่อการเรี ยนรู้ที่ทนั สมัย ประกอบด้ วย 2 ชัน้ ดังนี ้ ชันที ้ ่
2
1 ประกอบด้ วย พื ้นที่แสดงนิทรรศการ ห้ องสมุด ห้ องประวัติศนู ย์ข้อมูลโครงการบาบัด น า้ เสี ย ของกรุ ง เทพมหานคร ชั น้ ที่ 2 ประกอบด้ วย พื น้ ที่ แ สดงนิ ท รรศการ และห้ องจั ด ประชุมสัมมนา ขนาด 200 ที่นงั่ และภายนอกอาคารมีการออกแบบภูมิทศั น์ให้ เป็ นสวนน ้า โดย ปลูกพืชที่ใช้ ในการบาบัดน ้าเสีย และพืชตามโครงการพระราชดาริ ด้ วยการคงรักษาเส้ นทางวิ่งและ ปั่ นจักรยาน รวมถึงต้ นลาพูบริ เวณโดยรอบสระน ้า ด้ านหน้ าอาคารมีม่านน ้าตกขนาดใหญ่ ทอด ยาวตามความโค้ งของผนังอาคารและอุทยานไม้ น ้า บริ เวณสระน ้าด้ านหน้ าอาคาร 100 เมตร โดย น ้าภายในสระดังกล่าวเป็ นน ้าที่ผ่านกระบวนการบาบัด และได้ นามาใช้ ภายในสวนฯ ประมาณวัน ละ 2,000 ลูกบาศก์เมตร ดังนัน้ โครงการดังกล่าว นอกจากจะเป็ นโรงบาบัดนา้ เสียที่ อยู่ใต้ ดินแล้ ว ยังมีพืน้ ที่ ด้ านบนที่เป็ นพืน้ ที่สาธารณะประโยชน์ ต่ อประชาชนทั่วไป และผู้ที่ต้องการเยี่ยมชมนิทรรศการ ภายใน และห้ องสมุดสาธารณะ ซึง่ สอดคล้ องกับการประชาสัมพันธ์และนาเสนอข้ อมูลให้ ผ้ คู นรู้จกั การอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อมและทรัพยากรน ้า และรู้ จักอาคารดังกล่าวให้ เป็ นที่แพร่ หลายมากยิ่งขึ ้น นอกจากนี ้ยังมีพื ้นที่ภายนอกอาคารที่ มีทศั นียภาพที่สวยงาม สื่อประชาสัมพันธ์ จึงเป็ นสิ่งจาเป็ น อย่างมากที่จะช่วยในการส่งเสริ มภาพลักษณ์ทงนิ ั ้ ทรรศการและตัวโครงการให้ ประชาชนให้ ความ สนใจมากยิ่งขึ ้น 1.2 สภาพปั ญหาของโครงการ 1.2.1 โครงการศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อมบางซื่อ กรุ งเทพมหานคร ได้ รับ การออกแบบมาให้ สอดคล้ องกับการใช้ ประโยชน์ที่ให้ ความรู้ เรื่ องสิ่งแวดล้ อมและประโยชน์ทาง สาธารณะอื่นๆซึง่ มีคณ ุ ค่าทางด้ านงานสถาปั ตยกรรมจึงมีความโดดเด่นด้ วยรูปลักษณ์และการจัด วางของอาคาร แต่ยงั ขาดสื่อนาเสนอให้ กบั ผู้ที่สนใจด้ านงานสถาปั ตยกรรมให้ เข้ าใจง่ายด้ วย สื่อ ประสม และแผ่นนาเสนอเกี่ยวกับงานสถาปั ตยกรรมของโครงการ 1.2.2 โครงการศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สงิ่ แวดล้ อมบางซื่อ กรุงเทพมหานคร จัดสร้ าง โรงควบคุมคุณภาพน ้าเพื่อปรับปรุ งคุณภาพน ้าให้ ได้ ตามมาตรฐานน ้าทิ ้ง ซึง่ ระบบบาบัดน ้าใต้ ดิน แบบปิ ดยังขาดสื่อการเรี ยนรู้ ที่ทาให้ ประชาชนบุคคลทัว่ ไป นักเรี ยนนักศึกษา ได้ เข้ าใจถึงระบบได้ ง่ายขึ ้น 1.2.3 โครงการศูนย์การศึกษาฯ ยังมีนิทรรศการแสดงพระอัจฉริ ยภาพในงานด้ านการ บาบัดน ้าเสียของพระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยู่หวั และยังนาพันธุ์พืชตามแนวพระราชดาริ ที่ช่วยใน การบาบัดน ้ามาประยุกต์ในการออกแบบในส่วนของสวนบริเวณด้ านหน้ าอาคาร แต่ยงั ขาดสื่อ
3
ประชาสัมพัน ธ์ ที่ ทาให้ ประชาชนบุคคลทั่วไป นักเรี ย นนักศึกษา พระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยูห่ วั ที่เข้ าใจง่ายด้ วยแผ่นนาเสนอ
ได้ ร้ ู จักแนว
1.3 วัตถุประสงค์ ของโครงการ 1.3.1 เพื่อสร้ างสื่อนาเสนอโครงการศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สงิ่ แวดล้ อมบางซื่อ กรุงเทพมหานคร ให้ เข้ าใจถึงคุณค่าด้ านงานสถาปั ตยกรรมและประโยชน์การใช้ สอยของโครงการ 1.3.2 เพื่อสร้ างสื่อประชาสัมพันธ์ด้วยหนังสือคูม่ ือความรู้ แนวพระราชดาริ ที่มีส่วนใน การนามาประยุกต์ในการออกแบบสวนภายนอกบริ เวณอาคารให้ มีความเข้ าใจถึงคุณค่าด้ านงาน สถาปั ตยกรรมและส่งเสริมภาพลักษณ์ของโครงการ 1.3.3 เพื่อสร้ างสื่อการเรี ยนรู้ และเผยแพร่ ข้อมูลเกี่ยวกับด้ านระบบของการบาบัดน ้า เสีย ของกรุงเทพมหานคร ให้ บคุ คลทัว่ ไปได้ เข้ าใจถึงระบบได้ ง่ายขึ ้น 1.4 ขอบเขตของโครงการ 1.4.1 ด้ านพื ้นที่ อาคารศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อมบางซื่อกรุงเทพมหานคร ตังอยู ้ ่บน พื ้นที่ประมาณ12ไร่ บริ เวณสระน ้าด้ านติดกับถนนกาแพงเพชร 2 ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ติด กับโรงเรี ยนวิศวกรรมรถไฟและทางด่วนขันที ้ ่ 2 ภายในบริเวณสวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) 1.4.2 ด้ านเนื ้อหา 1.4.2.1 ศึกษาข้ อมูลองค์ประกอบรูปแบบสถาปั ตยกรรม 1.4.2.2 ศึกษาข้ อมูลองค์ประกอบรูปแบบวิศวกรรม 1.4.2.3 ศึกษาข้ อมูลองค์ประกอบรูปแบบงานระบบบาบัดน ้าเสีย 1.4.2.4 ศึกษารูปแบบการนาเสนอที่เข้ าใจง่าย 1.4.2.5 ศึกษาขันตอนการออกแบบสถาปั ้ ตยกรรม เพื่อให้ สามารถถ่ายทอด ข้ อมูลออกมาได้ อย่างถูกต้ องเหมาะสม 1.4.3 ด้ านการนาเสนอ 1.4.3.1 น าเสนอข้ อมูลเกี่ ยวกับความเป็ นมาและแนวพระราชดาริ ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยู่หวั และถ่ายทอดลักษณะอาคารของโครงการด้ วยประเภทหนังสือคู่มือ ความรู้ 1.4.3.2 นาเสนอข้ อมูลสถาปั ตยกรรมและประโยชน์ใช้ สอยด้ วย แผ่นนาเสนอ (Plate)
4
1.4.3.3 นาเสนอข้ อมูลของงานสถาปั ตยกรรมและระบบบาบัดน ้าเสียโครงการ ด้ วย สื่อประสม (Multimedia) 1.5 คาจากัดความหรือนิยามในการศึกษาและวิจัย โครงการออกแบบสื่อนาเสนออาคารศูนย์ การศึกษาและอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อมบางซื่อ กรุ งเทพมหานคร” หมายถึง การศึกษาสื่อเพื่อนาเสนองานสถาปั ตยกรรม และประโยชน์ใช้ สอย ภายในและเรื่ องวิศวกรรมของระบบบาบัดน ้าเสีย โดยกาหนดวัตถุประสงค์ที่ชดั เจนเพื่อเป็ นการ ประชาสัมพันธ์ โครงการและให้ ผ้ ทู ี่ต้องการศึกษาเรื่ องสิ่งแวดล้ อมและระบบบาบัดน ้าเสีย ได้ เข้ าใจ และศึกษาต่อไป 1.6 ระเบียบวิธีการศึกษาและวิจัย การศึกษาโครงการออกแบบสื่อเพื่อ โครงการศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อม บางซื่อ กรุ งเทพมหานคร มีจุดมุ่งหมายในการศึกษาปั ญหา การแก้ ไขปั ญหา เพื่อนาไปสู่ กระบวนการการออกแบบสื่อประชาสัมพันธ์ โดยการกาหนดขันตอนดั ้ งนี ้ 1.6.1) วิเคราะห์ปัญหาของโครงการโดยคานึงถึงที่มาของปั ญหาลักษณะของปั ญหา แนวทางในการแก้ ไขปั ญหาโดยการศึกษาและสังเกตการณ์รวมถึงเอกสารต่าง ๆ 1.6.2) ศึกษาแนวความคิดและค้ นคว้ าหาข้ อมูลพื ้นฐาน เพื่อเป็ นแนวทางในการ ออกแบบการนาเสนอ ทังทฤษฎี ้ และงานวิจยั ศึกษาข้ อมูลต่าง ๆ ที่มีผลประโยชน์ตอ่ โครงการ ดังนี ้ 1.6.2.1) วิเคราะห์แนวความคิดที่เกี่ยวข้ องกับพื ้นที่ของโครงการที่ใช้ ในการ นาเสนอ 1) การเข้ าถึงบริเวณที่ตงโครงการและการสั ั้ ญจรรอบนอกโครงการ 2) สภาพแวดล้ อมของที่ตงโครงการโดยทั ั้ ว่ ไป เช่น ลักษณะภูมิ ประเทศ ระบบสาธารณูปโภค และสาธารณูปการ เป็ นต้ น 3) วิเคราะห์ข้อมูลความสัมพันธ์ และผลกระทบ ระหว่างโครงการกับ อาคารที่อยูข่ ้ างเคียงรวมไปถึงสภาพแวดล้ อมต่าง ๆ 1.6.2.2) ศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้ องกับด้ านวิศวกรรม 1) ศึกษาส่วนของงานระบบบาบัดน ้าเสียของโครงการ 2) ศึกษาพฤติกรรมของผู้ใช้ โครงการ
5
3) ศึกษารายละเอียดที่เกี่ยวข้ องกับองค์ประกอบของอาคาร เพื่อ นาไปสูก่ ระบวนการออกแบบนาเสนอ 1.6.2.3) ศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับด้ านสถาปั ตยกรรม 1) ศึกษาข้ อมูลที่เกี่ยวข้ องเกี่ยวกับการออกแบบสถาปั ตยกรรมของ โครงการ 2) ศึกษาข้ อมูลที่เกี่ยวข้ องเกี่ยวกับการออกแบบภูมิสถาปั ตยกรรมของ โครงการ 3) ศึกษาพฤติกรรมของผู้ใช้ โครงการ 4) ศึกษารายละเอียดที่เกี่ยวข้ องกับองค์ประกอบของอาคาร เพื่อ นาไปสูก่ ระบวนการออกแบบนาเสนอ 1.6.2.4) ศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับด้ านการนาเสนอ 1) ศึกษาวิเคราะห์ผลงานนาเสนอทางสถาปั ตยกรรม รวมไปถึงหลัก องค์ประกอบศิลป์ 2) จิตรวิทยา และการรับรู้ที่เกี่ยวข้ องกับการออกแบบ 3) ทฤษฎีสี และหลักวิทยาในการใช้ สี 4) การเลือกใช้ แบบตัวอักษรและการจัดช่องว่าง 5) หลักการจัด Layout ในรูปแบบการจัดหนังสือ 6) การเขียน Storyboard เพื่อการนาเสนอ 1.6.2.5) ศึกษาวิเคราะห์สื่อที่ใช้ ในการนาเสนอให้ เหมาะกับโครงการ 1) ศึกษามาตรฐานการนาเสนอและสัญลักษณ์ ต่างๆ ทาง สถาปั ตยกรรม 2) ศึกษาภาพถ่าย และภาพประกอบในการนาเสนองานทาง สถาปั ตยกรรม 3) การศึ ก ษาการน าเสนอด้ ว ยสื่ อ สิ่ ง พิ ม พ์ แ ละสื่ อ ประสม (Multimedia) 4) ศึกษาทักษะการนาเสนอของผู้นาเสนอ 1.6.3) วิเคราะห์การศึกษาค้ นคว้ า โดยการนาข้ อมูลต่างๆ มาวิเคราะห์ เพื่อ เปรี ยบเทียบข้ อดีและข้ อเสีย หาความเป็ นไปได้ ในการออกแบบการนาเสนอข้ อมูล รวมถึงประเภท ของการนาเสนองานสถาปั ตยกรรม เทคนิคในการนาเสนอ โปรแกรมที่ใช้ ในการนาเสนอ เป็ นต้ น
6
1.6.3.1) การนาเสนอแนวความคิดในการออกแบบและการวางขันตอนในการ ้ ออกแบบการนาเสนอ 1.6.3.2) การออกแบบสื่อนาเสนอเพื่อการนาเสนอในรู ปแบบที่เหมาะสม 1) ร่างรูปแบบการนาเสนอด้ วย Storyboard โดยอาศัยบทสรุปและ แนวทางแก้ ปัญหา 2) คัดเลือกรูปแบบที่เหมาะสมนามาพัฒนาให้ สมบูรณ์ 1.6.3.3) รวบรวมข้ อมูลต่างๆ เพื่อนามาเสนอต่อกรรมการ
1.7 ประโยชน์ ท่ คี าดว่ าจะได้ รับ 1.7.1 นักเรี ยนนักศึกษาด้ านสถาปั ตยกรรมได้ ศกึ ษาและมีความรู้ความเข้ าใจโครงการ และประโยชน์ใช้ สอยในตัวอาคาร จากโครงการศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สงิ่ แวดล้ อมบางซื่อ 1.7.2 บุคคลทัว่ ไป นักเรี ยนนักศึกษานักวิชาการได้ ร้ ู และเข้ าใจ ตลอดจนตระหนักและ เห็นคุณค่าถึง ทรัพยากรน ้าและรู้จกั พันธุ์พืชบาบัดน ้าเสียตามแนวพระราชดาริ ของพระบาทสมเด็จ พระเจ้ าอยู่หัว และรู้ ถึงวัตถุประสงค์ของโครงการอย่างแท้ จริ ง จากศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สิง่ แวดล้ อมบางซื่อ ให้ เป็ นที่แพร่หลายต่อไป 1.7.3 นักเรี ยนนักศึกษาผู้ที่สนใจและบุคคลทัว่ ไป ที่ไปพักผ่อนในบริ เวณสวนวชิระ เบญจทัศ และผู้ที่สนใจเรื่ องสิ่งแวดล้ อม ได้ ร้ ูจกั การอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อมและรู้จกั ระบบบาบัดน ้าเสีย ให้ เข้ าใจได้ ง่ายต่อการศึกษาและเรี ยนรู้
1.8 คานิยามศัพท์ เฉพาะ 1.8.1 ศูนย์การศึกษาฯ หมายถึง โครงการศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อมบาง ซื่อ กรุงเทพมหานคร 1.8.2 ศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อมบางซื่อ หมายถึง ศู นย์การเรี ยนรู้ ด้าน สิ่งแวดล้ อมโดยมี ห้ องสมุด พื ้นที่จดั นิทรรศการเรื่ องสิ่งแวดล้ อม และโรงบาบัดน ้าเสียใต้ ดินที่เป็ น ระบบปิ ดแห่งแรกของประเทศไทย และเอเชียอาคเนย์
บทที่2
การศึกษาทฤษฎีท่เี กี่ยวข้ องในการออกแบบการนาเสนอ 2.1 การศึกษาข้ อมูลด้ านโครงการ 2.1.1 ข้ อมูลทางด้ านกายภาพ ในบทนี ้จะกล่าวถึงข้ อมูลพื ้นฐานของโครงการ ที่ตงของโครงการ ั้ ประวัติความ เป็ นมาในการก่อตังโครงการ ้ ศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อมฯ ลักษณะการใช้ งาน รวมไป ถึงหลักขององค์ประกอบต่างๆที่ใช้ ในการนาเสนอ ศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อมฯ เป็ น โครงการของกรุ งเทพมหานครจัดสร้ างขึน้ เพื่อแก้ ไขปั ญหาการปล่อยนา้ ทิง้ ที่ไม่ได้ มาตรฐานลง แหล่งน ้าในบริ เวณเขตบางซื่อและพื ้นที่ใกล้ เคียง โดยเก็บรวบรวมน ้าทิ ้งที่ไม่ได้ มาตรฐานเข้ าสูก่ าร บ าบั ด เพื่ อ ฟื ้ น ฟู คุ ณ ภาพน า้ ในคลองเปรมประชากร คลองบางเขน และคลองบางซื่ อ กรุงเทพมหานครได้ ดาเนินการแก้ ปัญหามลภาวะทางน ้าในคูคลองและแม่น ้าเจ้ าพระยา สานักการ ระบายน ้า กรุ งเทพมหานครในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบ ได้ ดาเนินการก่อสร้ างระบบรวบรวมน ้า เสียและระบบบาบัดน ้าเสีย จานวน 7 แห่ง ครอบคลุมพื ้นที่ 192 ตารางกิโลเมตร สามารถในการ บาบัดน ้าเสีย 1,017,700 ลูกบาศก์เมตร/วัน ซึ่งการดาเนินการดังกล่าวนันครอบคลุ ้ มเฉพาะบาง พื ้นที่ ดังนันทางกรุ ้ งเทพมหานคร จึงได้ ริเริ่ม “โครงการศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อมบาง ซื่อ กรุงเทพมหานคร” เพื่อเชื่อมต่อกับโครงการที่ดาเนินการแล้ วเสร็ จดังกล่าว ซึง่ โรงบาบัดน ้าเสีย ที่นี ้แตกต่างจากที่อื่นเพราะเป็ นระบบบาบัดน ้าเสียใต้ ดิน ซึง่ ถือเป็ นศูนย์ฯ แห่งแรกของประเทศไทย และเอเชียอาคเนย์ ซึง่ ภายในติดตังระบบบ ้ าบัดน ้าเสียระบบปิ ดในพื ้นที่ใต้ ดิน 12 ไร่ ด้ วยการวาง ท่อลอดใต้ พื ้นดินเชื่อมท่อระบายน ้าจากพื ้นที่บางซื่อ จตุจกั ร ดุสติ และพญาไท เพื่อลาเลียงน ้าเสีย ครอบคลุมพื ้นที่ 20.7 ตารางกิโลเมตร เข้ าสู่สถานีสบู น ้าเสียใต้ ดิน ที่สามารถบาบัดน ้าได้ วนั ละ 120,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน อาคารศูนย์การศึกษาฯ มีลกั ษณะเด่นของอาคารที่สาคัญนอกจากจะเป็ นโรงบาบัดน ้า เสีย ยังมีพื ้นที่ชน1 ั ้ และชัน้ 2 ที่เป็ นส่วนจัดแสดงนิทรรศการและยังเป็ นพื ้นที่สนั ทนาการในบริ เวณ นัน้ อีกด้ วยซึ่งต่างจากโรงบาบัดนา้ เสียทั่วไปในเขตต่างๆ เนื่ องจากบริ เวณที่ ตงั ้ โครงการอยู่ใน บริ เวณสวนสาธารณะจึงคานึงถึงผลกระทบ จึงได้ สร้ างโรงบาบัดน ้าเสียใต้ ดินซึง่ เป็ นระบบปิ ดแห่ง แรกในประเทศไทย ซึ่งที่ตงโครงการตั ั้ งอยู ้ ่ในบริ เวณที่ปัจจุบนั เป็ นสระน ้า 2 สระที่วางตัวใน 7
8
แนวขนานกับขอบเขตพื ้นที่สวนวชิรเบจทัศ (สวนรถไฟ) วัตถุประสงค์ ในของการจัดสร้ างศูนย์ การศึกษาฯมีอยู่ 2 ประการหลักดังนี ้ 1.ศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อมพร้ อมทัง้ อุทยานไม้ น ้าบริ เวณภายนอกของ อาคาร และระบบบาบัดน ้าเสียใต้ ดินขนาด 120,000 ลบ.ม./วัน 1.1.ภูมิสถาปั ตยกรรมอุทยานไม้ บาบัดน ้า เป็ นการออกแบสวนไม้ ช่มุ น ้าและไม้ น ้า (Wetland and water plant)จะก่อสร้ าง ในบริ เวณที่เป็ นสระน ้าในปั จจุบนั เป็ นบริ เวณที่มีน ้าตกแต่งทางภูมิสถาปั ตยกรรม ให้ เป็ นที่แสดง พืชน ้าในโครงการพระราชดาริ พันธุ์ไม้ น ้าหลากชนิด เช่น พืชพวก บัว ปาล์ม พืชที่มีรากอากาศ พืช น ้าที่มีกลิ่นหอม และเป็ นสถานที่จดั กิจกรรมทางด้ านสิ่งแวดล้ อมหรื อจัดแสดงคอนเสิร์ตกลางแจ้ ง สภาพภูมิทศั น์บริ เวณสวนวชิรเบจทัศ ซึง่ มีความร่มรื่ นและสภาพต้ นไม้ ที่สมบรูณ์สวยงามและมีบงึ น ้าขนาดใหญ่ ที่พกั ผ่อนหย่อนใจของประชาชนทัว่ ๆไป 1.2.ศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อมบางซื่อ ภายในมีการแบ่งพื ้นที่ใช้ สอยเป็ น 2 ส่วนหลักๆดังนี ้ 1.2.1.ส่ ว นที่ เ กี่ ย วข้ อ งกับ การเดิ น ระบบบ าบั ด น า้ เสี ย ใต้ ดิ น และศูน ย์ ข้ อ มูล โครงการบาบัดน ้าเสียของ กทม. อยู่ในความรับผิดชอบของสานักการระบายน ้า กรุ งเทพมหานคร ครอบคลุมพื ้นที่ฝั่งทิศเหนือของอาคารทังสองชั ้ น้ ประกอบด้ วยชัน้ 1 ห้ องควบคุม ห้ อง MDB ห้ อง เครื่ องกาเนิดไฟฟ้าสารองและห้ องหม้ อแปลงไฟฟ้าชัน้ 2 สานักงาน ห้ อง Lab. ห้ องประชุมย่อยและ ศูนย์ข้อมูลโครงการบาบัดน ้าเสียของ กทม. 1.2.2.ส่วนที่เป็ นศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อมฯ อยู่ในความรับผิดชอบ ของส านั ก สิ่ ง แวดล้ อม กรุ ง เทพมหานคร ครอบคลุ ม พื น้ ที่ ฝั่ งทิ ศ ใต้ ของอาคารทั ง้ สองชั น้ ประกอบด้ วยชัน้ 1 พื ้นที่จดั แสดงนิทรรศการ ห้ องสมุดห้ องประวัติชนั ้ 2 พื ้นที่จดั แสดงนิทรรศการ และห้ องประชุมสัมมนาขนาด 200 ที่นงั่ ตัวอาคารสามารถเข้ าได้ ทงจากทางเข้ ั้ าหลักทางที่จอดรถทางด้ านทิศตะวันตกและจาก ทางสระนา้ ซึงมาการจัดภูมิทัศน์ ไว้ อย่างสวยงามด้ านทิศตะวันออก โดยมีทางเข้ า 2 ทางจะมา บรรจบกันที่โถงกลางอาคารซึง่ เป็ นจุดนัดพบและกระจายคนไปยังส่วนต่างๆของอาคาร และเป็ นที่ ทาหน้ าที่แบ่งการใช้ สอยพืน้ ที่ ของ 2 หน่วยงานออกเป็ น 2 ส่วน นอกจากนีไ้ ด้ จัดวางโถงบันได ห้ องน ้า ส่วนบริ การและทางเดินไว้ ในทางทิศตะวันตกของอาคาร เพื่อช่วยกันแดดทางทิศตะวันตก และช่วยลดความร้ อนที่จะเข้ ามายังอาคารและภายใน ซึง่ จะช่วยประหยัดพลังงานภายในอาคาร
9
อาคารศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อมฯเป็ นอาคารสูงสองชัน้ (20 เมตร ) มีความ ยาวของอาคาร 150 เมตร และกว้ าง 35 เมตร วางแนวอาคารในแนวทิศเหนือ -ใต้ โดยมีลกั ษณะ เป็ นอาคารที่มี 2 ด้ าน คือ ด้ านทิศตะวัน ออก (หันหน้ าเข้ าสวน) มีลกั ษณะเป็ นม่านนา้ ตกขนาด ใหญ่ ยาวประมาณ 100 เมตร ส่วนฝั่ งตรงข้ ามคือด้ านทิศตะวันตก (หันหน้ าออกถนนกาแพงเพชร 2) มีลกั ษณะเป็ นอาคารสานักงาน 2.ระบบรวบรวมท่อน ้าเสียของโครงการ ครอบคลุมพื ้นที่บริการ 20,73 ตารางกิโลเมตรใน เขต บางซื่อ จตุจกั ร ดุสิต และพญาไท ทาหน้ าที่รวบรวมท่อระบายน ้าสาธารณะจุดปล่อยน ้าทิ ้งลง คลองภายในพ้ นที่บริการและลาเลียงไปยังระบบบาบัดน ้าเสียเพื่อบาบัดต่อไป การจัดวางตาแหน่ง ของหน่วยกระบวนการต่างๆของระบบบาบัดน ้าเสียใต้ ดินแบ่งออกเป็ น 2 ส่วนหลักตามตาแหน่ง โครงสร้ างอาคารได้ แก่ 2.1.สถานีสบู น ้าเสียเข้ าบาบัด ตังอยู ้ ่ทิศเหนือของระบบบาบัดน ้าเสียใต้ ดิน มีลกั ษณะ เป็ นโครงสร้ างรูปทรงกระบอกขนากเส้ นผ่าศูนย์กลาง 18 เมตร มีระดับก้ นบ่อสูบลึกลงไป19 เมตร และมี ส่ ว นอาคารที่ อ ยู่บ นดิ น สูง 6 เมตร ส าหรั บ เป็ นส่ ว นที่ ใ ช้ เ ป็ นทางเข้ า -ออกและขนย้ า ย เครื่ องจักรอุปกรณ์ 2.2.ระบบบาบัดน ้าเสียใต้ ดิน (ประกอบด้ วยหน่วยกระบวนการบาบัดน ้าเสียและห้ อง เครื่ องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ) และเป็ นโครงสร้ างรู ปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ าวางตัวในแนวขนานไปกับ ขอบเขตพื ้นที่โครงการ เจ้ าของโครงการ : สานักการระบายน ้า กรุงเทพมหานคร ผู้จดั การโครงการ : ดร. สุรพล สายพานิช สถาปนิก
: ดร.อัชชพล ดุสติ นานนท์
ภูมิสถาปนิก
: นาย พิทกั ษ์ วรรณศิริ
เริ่มก่อสร้ าง
: 21 ธันวาคม พ.ศ. 2548
กาหนดแล้ วเสร็จ : 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550
10
ภาพที่ 2.1 แสดงอาคารศูนย์การศึกษาฯ ที่มา : http://static.panoramio.com/photos/large/58156816.jpg
สานักการะบายนา้
สานักสิ่งแวดล้ อม
ภาพที่ 2.2 การจัดพื ้นที่ใช้ สอยภายในอาคารศูนย์การศึกษาฯ แปลนพื ้นชันที ้ ่1 ที่มา : สานักงานจัดการคุณภาพน ้า สานักการระบายน ้า กรุงเทพมหานคร
สานักการะบายนา้
สานักสิ่งแวดล้ อม
ภาพที่ 2.3 การจัดพื ้นที่ใช้ สอยภายในอาคารศูนย์การศึกษาฯ แปลนพื ้นชันที ้ ่2 ที่มา : สานักงานจัดการคุณภาพน ้า สานักการระบายน ้า กรุงเทพมหานคร
11
ห้ องแสดงนิทรรศการ
Sludge ห้ องเครื่อง ไฟฟ้า Hopper
ห้ องแสดง นิทรรศการ
ห้ องประชุมขนาด200ที่น่ ัง
ภาพที่2.5 แปลนขยายสานักสิง่ แวดล้ อมชันที ้ ่2
ภาพที่2.6 แปลนขยายสานักการระบายน ้าชันที ้ ่1
ห้ องประชุม
ภาพที่2.4 แปลนขยายสานักสิง่ แวดล้ อมชันที ้ ่1
12
ห้ องห้ องอบรม ห้ องเก็บของ ประชุม Lab. สานักงาน
ห้ อง ประชุม
ศูนย์ ข้อมูลโครง การบาบัดนา้ เสีย ห้ อง อบรม
ภาพที่ 2.7 แปลนขยายสานักการระบายน ้าชันที ้ ่2
ภาพที่ 2.8 รูปตัดอาคารศูนย์การศึกษาฯ และระบบบาบัดน ้าเสียใต้ ดนิ 2.1.1.1 ที่ตงั ้ และอาณาเขตของโครงการ ศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สงิ่ แวดล้ อมบางซื่อ กรุงเทพมหานคร ตังอยู ้ ท่ ี่สวน วชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ)บริ เวณสระน ้าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ที่อยู่ติดกับโรงเรี ยนวิศวกรรม รถไฟและถนนกาแพงเพชร ใช้ พื ้นที่ก่อสร้ างทังสิ ้ ้นประมาณ 12 ไร่ ( จากพื ้นที่นนั ทนาการของสวน ทังหมด ้ 503 ไร่ ) แต่เมื่อก่อสร้ างเสร็ จแล้ วจะมีสว่ นที่อยู่เหนือดินขึ ้นมาเพียงประมาณ 5 ไร่ เป็ น
13
อาคารศูนย์การศึกษาฯ ลานเอนกประสงค์และลานจอดรถ และใช้ พื ้นที่ ใต้ ดินเป็ นอาคารบาบัดน ้า เสีย ทิศเหนือ ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศใต้
ติดกับโรงเรี ยนวิศวกรรมรถไฟ เป็ นบริเวณสวนรถไฟติดกับสวนจตุจกั ร ติดกับถนนกาแพงเพชร2 (ฝั่ งตรงข้ ามสถานีขนส่งหมอชิต2) เป็ นบริเวณสวนรถไฟติดกับสวนสมเด็จฯ สถานีขนส่ งหมอชิต2
รร.วิศวกรรมรถไฟ
ศู นย์ การศึกษาฯ
ภาพที่2.9 แสดงที่ตงและอาณาเขตของอาคารศู ั้ นย์การศึกษาฯ ที่มา : สานักงานจัดการคุณภาพน ้า สานักการระบายน ้า กรุงเทพมหานคร 2.1.1.2 การเข้ าถึงของโครงการ ทางรถยนต์ เส้ นทางที่1 จากถนนรัชดาภิเษกมุ่งหน้ าถนนกาแพงเพชร2 เลี ้ยวซ้ ายใต้ ทางพิเศษศรี รัชตามชื่อป้ายโครงการก่อนถึงสถานีขนส่งหมอชิต2ซึง่ อยูฝ่ ั่ งตรงข้ ามของศูนย์การศึกษาฯ เส้ นทางที่2 จากถนนพญาไทเลี ้ยวซ้ ายกาแพงเพชรแยกตลาดนัดสวนจตุจกั รเลี ้ยวขวา เข้ าถนนกาแพงเพชร2 ผ่านสถานีขนส่งหมอชิต 2 ประมาณ500 เมตร เลี ้ยวขวามือ เจอป้าย โครงการศูนย์กาศึกษาฯ อยูซ่ ้ ายมือ
14
ทางเท้ า เส้ นทางที่3 จากMRTจตุจกั ร และ BTSจตุจกั ร เข้ าถนนกาแพงเพชร3 เดินลัดสวน รถไฟตามเส้ นทางสวนไรไฟมุง่ หน้ าทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จะเจออาคารศูนย์การศึกษาฯ
ภาพที่ 2.10 แสดงลาดับเส้ นทางการเข้ าถึงอาคาร
เส้ นทางที่1 เส้ นทางที่2 เส้ นทางที่3
ทางเข้ าหลัก ทางเข้ ารอง ภาพที่ 2.11 แสดงลาดับเส้ นทางการเข้ าถึงอาคาร
15
2.1.1.3 ผังบริเวณโครงการ
ภาพที่ 2.12 ผังบริเวณของโครงการ 2.1.1.4 แบบแปลนภูมสิ ถาปั ตยกรรม
ภาพที่ 2.13 แปลนภูมิสถาปั ตยกรรม
16
ภาพที่ 2.14 รูปด้ านภูมิสถาปั ตยกรรมทิศตะวันออก
ภาพที่ 2.15 รูปตัดภูมิสถาปั ตยกรรมทิศตะวันออก
ภาพที่ 2.16 รูปตัดทางจักรยานและส่วนจัดแสดงพืชน ้า
17
2.1.1.5 แบบผังพืน้ อาคาร
ภาพที่ 2.17 ผังพื ้นชัน้ B2
ภาพที่ 2.18 ผังพื ้นชันลอย ้ B2
ภาพที่ 2.19 ผังพื ้นชัน้ B1
18
ภาพที่ 2.20 ผังพื ้นชันลอย ้ B1
ภาพที่ 2.21 ผังบริเวณและแปลนพื ้นชันที ้ ่1
ภาพที่ 2.22 แปลนพื ้นชันที ้ ่1
19
ภาพที่ 2.23 แปลนพื ้นชันที ้ ่2
ภาพที่ 2.24 แปลนพื ้นชันดาดฟ ้ ้า
ภาพที่ 2.25 แปลนหลังคา
20
2.1.1.6 รูปด้ านอาคาร
ภาพที่ 2.26 รูปด้ านทิศเหนือ 1
ภาพที่ 2.27 รูปด้ านทิศเหนือ 2
ภาพที่ 2.28 รูปด้ านทิศตะวันตก
ภาพที่ 2.29 รูปด้ านทิศตะวันออก
21
ภาพที่ 2.30 รูปด้ านทิศใต้ 2.1.1.7 รูปตัดอาคาร
ภาพที่ 2.31 รูปตัดตามแนวยาวอาคาร
ภาพที่ 2.32 รูปตัดตามแนวยาวอาคาร
22
ภาพที่ 2.33 รูปตัดตามแนวยาวอาคาร
2.1.2 ข้ อมูลด้ านแนวคิดและทฤษฏี 2.1.2.1 แนวความคิดในการออกแบบโครงการ แนวคิดการออกแบบของโครงการ ศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อมฯ มี แนวคิ ด ในการออกแบบที่ ค านึ ง ถึ ง สภาวะแวดล้ อ มและธรรมชาติ เ ป็ นอย่ า งมาก เนื่ อ งจากมี จุดประสงค์ที่ต้องการสร้ างโรงบาบัดน ้าเสียในบริ เวณย่านเขตบางซื่อ และเขตใกล้ เคียงจึงมีการ วิเคราะห์จดั หาสถานที่และได้ เลือกสวนวชิรเบจทัศเป็ นสถานที่ก่อสร้ าง แต่เนื่องจากการสร้ างโรง บาบัดน ้าเสียมีผลกระทบและมลภาวะทังทางด้ ้ าน กลิ่น เสียง ทัศนียภาพ และด้ านอื่นๆ ในขณะ สถานที่ดงั กล่าวเป็ นสวนสาธารณะ ที่มีผ้ คู นมาพักผ่อน ทากิจกรรมและใช้ บริ การเป็ นอย่างมาก ซึง่ การสร้ างโรงบาบัดน า้ เสียมี ผลกระทบโดยตรงกับ สถานที่ ดังกล่าวแน่นอน จึงมี แนวคิดในการ ออกแบบให้ เป็ นระบบบาบัดน ้าเสียแบบปิ ด ที่อยู่ในชันใต้ ้ ดิน อาคารระบบบาบัดน ้าเสียมีขนาด พื ้นที่ 19,000 ตารางเมตร หรื อประมาณ 12 ไร่ ตังอยู ้ ่ภายใต้ อาคารศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อมฯและสระน ้าที่จะมีการสร้ างเป็ นพื ้นที่แ สดงพันธุ์ไม้ น ้าต่างๆ จากข้ อมูลข้ างต้ นจะแบ่ง แนวคิดการออกแบบเป็ น 3 ส่วนหลักดังนี ้ 1. แนวความคิดในการออกแบบอาคารศูนย์กาศึกษาและอนุรักษ์ สงิ่ แวดล้ อมฯ รู ปลักษณ์ ของตัวสถาปั ตยกรรมได้ ออกแบบให้ มีลกั ษณะอาคารให้ ดกู ลมกลืนกับธรรมชาติ โดย อาคารด้ านทิศตะวันออกจะซ่อนตัวอยูห่ ลังผนังโค้ งขนาดใหญ่เป็ นฉากหลังของม่านน ้าตกที่มีขนาด ความยาวประมาณ 100 เมตร ไหลตกลงสู่สระเดิม ซึ่งถูกปรั บปรุ งภูมิทัศน์ ให้ เป็ นสวนไม้ นา้ ที่ สวยงามเมื่อมองอาคารมาจากภายในสวน จะเห็นม่านน ้าตกที่ให้ ความสดชื่นแก่สภาพแวดล้ อม และบดบัง ทางด่ ว นซึ่ง อยู่เ บื อ้ งหลัง ส่ ว นอาคารด้ า นทิ ศ ตะวัน ตกได้ อ อกแบบให้ เ ป็ นอาคาร
23
สานักงานที่ดูทันสมัย ให้ ดูสวยงาม สาหรับภาคแนวความคิดสาหรับออกแบบโครงการแบ่ง ออกเป็ น 3 ส่วน ดังนี ้ 1.แนวความคิดด้ านงานสถาปั ตยกรรม แนวคิดด้ านสถาปั ตยกรรมแบ่ง แนวคิด ออกเป็ น 2 ส่วนหลักๆ ได้ ดงั นี ้ 1.1 ด้ านบริบท 1.1.1 ที่ตงโครงการ ั้ การออกแบบต้ อ งค านึง ถึ ง บริ บ ท 1 รอบข้ า งเนื่ อ งจากที่ ตัง้ โครงการเป็ น สวนสาธารณะซึง่ มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้ อมโดยตรง การออกแบบจึงจาเป็ นต้ องมีลกั ษณะที่ดแู ล้ ว กลมกลืนกับธรรมชาติ ไม่ขดั แย้ งกับ ธรรมชาติมากจนเกินไป
ภาพที่2.34 แสดงสภาพที่ตงเดิ ั้ ม 1.1.2 ข้ อก าหนดของพืน้ ที่ อาคารระบบบาบัดน า้ ต้ องคานึงถึงพืน้ ที่ ตัวอาคารระบบ บาบัดนา้ เสียที่อยู่ใต้ ดินที่ ต้องมีขนาดตามความต้ องการในการบาบัดนา้ ในเขตบางซื่อ และเขต บริ เวณใกล้ เคียงมีน ้าเสียที่จาเป็ นต่อการบาบัด ซึ่งขีดความสามารถในการบาบัดน ้าเสียที่จาเป็ น จะต้ องได้ 120,000 ลบ.ม./วัน จึงต้ องมีการออกแบบบ่อบาบัดและอาคารบาบัดให้ มีขนาดที่ เหมาะสม ซึง่ ต้ องใช้ พื ้นที่ถึง 19,000 ตารางเมตร หรื อประมาณ 12 ไร่ การออกแบบตามบ่อระบบ บาบัดน ้าเสีย จึงมีผลต่อการออกแบบตัวอาคารศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อมฯ ให้ มีขนาด ความยาวของอาคารที่ยาวถึง 150 เมตร กว้ าง 15 เมตร 1
บริ บท หมายถึง กลุม่ คา หรื อข้ อความที่จะนามาใช้ ขยายความหมายของ ประโยค สภาพแวดล้ อมโดยทัว่ ไป ของสิ่งๆหนึง่ เช่น
บริ บทหมู่บ้านคือ สภาพแวดล้ อมของข้ อมูล อาจเป็ นคน ที่ดิน น ้า ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็ นสิ่งๆหนึง่ เป็ นศูนย์กลาง ที่มา:ความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช ๒๕๒๕
24
ภาพที่2.35 แสดงขอบเขตพื ้นที่ให้ บริการการบาบัดน ้าเสีย 1.1.3 การออกแบบผนังม่านนา้ ตกที่สงู ถึง 20 เมตร เพื่อแสดงให้ เห็นถึงความสะอาด ของน ้าที่ได้ ผา่ นการบาบัดมาแล้ ว การออกแบบม่านน ้าตกต้ องคานึงถึงน ้าที่จะต้ องไหลผ่านผนังลง มาจึงได้ มีการออกแบบให้ ผนังมีความโค้ ง ซึ่งการออกแบบได้ ใช้ หินแกรนิตมุงผนังแบบซ้ อนเกร็ ด เพื่อให้ เกิดพื ้นผิวของน ้าที่ดสู วยงาม ซึ่งการมุงแบบซ้ อนเกร็ ดที่มีลกั ษณะหลักการมุงผนังที่คล้ าย กับการมุงหลังคาหรื อตีซ้อนเกร็ ดฝาบ้ านเรื อนไทยในสมัยก่อน ที่ต้องเอียงเสาเพื่อให้ รับกับหลังคา หรื อ ที่ เ รี ยกว่ า เอี ย งสอบ 2 โดยรอบทั ง้ สี่ ด้ าน การเอี ย งสอบหรื อ เอี ย งของเสาระยะนี ้ ประมาณ 2% และยังรับแรงได้ ดีอีกด้ วยทาให้ สอดคล้ องกับการสร้ างผนังทามีน ้าหนักมาก และ จาเป็ นต้ องมีการโค้ งเพื่อการมุงหรื อการปูหินแกรนิตให้ เกิดความสวยงาม
2
เอียงสอบ การเอียงสอบหรื อเอียงของเสาระยะนี ้ประมาณ 2% การที่ตวั เรื อนไทยเอียงสอบเข้ า คงจะสันนิษฐานได้ หลายประการ
หลังคาทรงสูงรูปสามเหลี่ยมเรี ยกว่าทรง "หน้ าจัว่ (Gable)" ความสูงของดังประมาณไม่ ้ เกิน 4/5 ของความกว้ างของห้ องด้ านสกัด หรื อความยาวของขื่อที่ตรงศูนย์ของหัวเทียน เสาเรื อนจะเอียงสอบเข้ าประมาณ 2% มีไขราหรื อชายคารอบ 4 ด้ าน และไขราหน้ า จัว่ 2 ด้ าน มีปัน้ ลมกันลมตีหวั จากเปิ ดและตัวปั น้ ลมจะเอียงออกประมาณ 2 % จากแนวดิ่งภายใต้ เชิงกลอนของตัวเรื อนจะทาเป็ น กันสาดโดยรอบ 3 ด้ าน แล้ วมาบรรจบกับหลังคาระเบียงรวมเป็ น 4 ด้ านเพื่อกันแดดฝนและแสงกล้ า
25
ภาพที่2.36 การมุงแบบซ้ อนเกร็ดของผนังม่านน ้าตก
ภาพที่ 2.37 แสดงการเอียงองศาของผนัง
ภาพที่2.38 แสดงการมุงแบบซ้ อนเกร็ด ที่มา : http://www.scgexperience.co.th/stocks/extra/000347.jpg
26
ภาพที่2.39 แสดงการเอียงสอบของเสาบ้ านเรื อนไทย ที่มา : http://www.cmu.ac.th/images/uploadfile/eng-fact-120615103950.jpg 1.1.4 ทัศนียภาพโดยรวมของอาคาร ทัศนียภาพบริ เวณด้ านทิศตะวันตกเป็ นทางด่วนที่ทาให้ ทัศนะอุจาดต่อตัวงาน สถาปั ตยกรรม จึงมีแนวคิดที่สร้ างผนังม่านน ้าตกสูง 20 เมตรเพื่อให้ บดบังทางด่วน
ภาพที่2.40แสดงระดับมุมมองของสายตากับตัวอาคาร 1.2 ด้ านจิตวิทยา 1.2.1 สีที่นามาใช้ กบั ตัวอาคาร สีทานามาใช้ สาหรับตัวอาคารฝั่ งทิศตะวันตก เป็ นสีที่ดโู ดดเด่นฉุดฉาดอาจ ดูแปลกตาและดูขดั กับธรรมชาติ เนื่องจากด้ านทิศตะวันตกถูกบดบังด้ วยทางด่วนและธุรกิจรถทัวร์
27
ที่จอดบังโครงการจึงมีแนวคิดที่ จะสร้ างความน่าสนใจด้ วยสีที่ แปลกตาเพื่อทาให้ เกิดจุดสนใจ สาหรับผู้ผา่ นไปผ่านมาบนทางด่วนให้ เกิดความสนใจมากยิ่งขึ ้น
ภาพที่2.41 การใช้ สีเพื่อสร้ างจุดเด่น
ภาพที่2.42 สีจริงของตัวอาคาร 1.2.2 การทดทอนอาคาร เนื่องจากตัวอาคารถูกออกแบบด้ วยตัวอาคารระบบบาบัดน ้าเสียที่อยู่ใน ชันใต้ ้ ดิน ทาให้ อาคารมีความยาวถึง 150 เมตร ซึง่ ทาให้ ตวั อาคารดูยาวเกินไป จึงมีหลักแนวคิด การลดทอนตัวอาคารให้ ดูสนั ้ ลง ด้ วยการออกแบบโดย ใช้ การแบ่ง ช่วงของช่องบัน ใดด้ านทิ ศ ตะวันตกให้ เป็ นกล่องบันได้ ที่ดแู ล้ วมีจงั หวะที่ลงตัว เนื่องจากการแบ่งบันไดยึดตามหลักกฎหมาย บันไดไหนไฟ ซึง่ ต้ องมีความยาวตามที่กฎหมายกาหนด ระยะห่างระหว่างบันไดหนีไฟตามทางเดิน ต้ องไม่เกิน ๖๐ เมตร จึงแบ่งได้ เป็ น 3 ช่อง จึงทาให้ ดแู ล้ วตัวอาคารไม่ยาวจนเกินไป
28
ภาพที่2.43 แสดงให้ เห็นถึงการแบ่งช่วงอาคาร 1.2.3 การใช้ พื ้นที่ภายใน การใช้ พื ้นที่ภายในถูกแบบออกเป็ น 2 โซน หลักได้ แก่ สานักการระบายน ้า และสานักสิ่งแวดล้ อม ซึ่งถูกแบบโซนด้ วยการออกแบบโถงกลางอาคารให้ มีการเดินอย่างชัดเจน โดยโถงเป็ นตัวกระจายคนไปยังส่วนต่างๆ การเข้ าตัวอาคารได้ 2 ทางจึงเป็ นสิ่งที่จาเป็ นต้ องการ ออกแบบให้ มีการสัญจรอย่างเป็ นระบบ
ภาพที่2.44 แสดงการใช้ พื ้นที่ภายใน 1.2.4 การออกแบบป้ายโครงการ(ด้ านทิศตะวันออก) การออกแบบป้ายโครงการที่ดแู ตกต่างจากตัวอาคารจากการเอียงมุมเนื่องจากอาคารมีรูปโค้ ง และแกนทางเดินหลักของอาคารไม่ได้ ตงฉากกั ั้ บตัวอาคารจึงได้ ออกแบบให้ ตงฉากกั ั้ บทางเดินหลัก ซึง่ เวลาที่ผ้ คู นที่เข้ ามาฝั่ งทางสวนวชิรเบจทัศ(สวนรถไฟ) จะเป็ นมุมมองของป้ายที่อา่ นได้ ชดั เจน
ภาพที่2.45 แสดงหลักการของการออกแบบป้าย
29
2 ด้ านการเป็ นมิตรกับสิ่งแวดล้ อม 2.1 ออกแบบให้ ดกู ลมกลืนกับธรรมชาติ การออกแบบอาคารถูกออกแบบให้ ดมู ี 2 ลักษณะ ซึ่งด้ านทิศตะวันออกที่อยู่ ฝั่ งสวนวชิรเบจทัศ ถูกออกแบบด้ วยการใช้ ลกั ษณะการโค้ งตามลักษณะของสระน ้าและวัสดุที่เป็ น ธรรมชาติ เช่น หินแกรนิตสีแดงอินเดีย*เป็ นสีที่ไม่ได้ ขดั กับธรรมชาติ
ภาพที่2.46 แสดงการออกแบบลักษณะของอาคาร 3 ด้ านการประหยัดพลังงาน 3.1 การใช้ ประโยชน์จากน ้า การใช้ ประโยชน์จากแหล่งน ้าแหล่งน ้าที่มีความลึกตังแต่ ้ 1.50 เมตรขึ ้นไป และ ยังมีม่านน ้าตกสามารถใช้ เป็ นแหล่งสร้ างความเย็นให้ กบั สภาพแวดล้ อมได้ โดยการให้ กระแสลม พัดผ่านบริ เวณผิวหน้ าของน ้าที่เย็น และแลกเปลี่ยนความร้ อนของอากาศที่จะพัดเข้ าสู่ภายใน อาคารบางส่วน จะเป็ นการช่วยลดความแตกต่างระหว่างอุณหภูมิของสภาพแวดล้ อมภายในและ ภายนอกอาคาร ซึง่ เป็ นการลดภาระในการทาความเย็นให้ กบั อาคาร
ภาพที่2.47 แสดงการใช้ ประโยชน์จากน ้า
30
3.2 การปลูกพื ้นคลุมดิน การใช้ ประโยชน์พืชคลุมดิน การปลูกหญ้ าหรื อพืชคลุมดิน เป็ นเสมือฉนวนกัน ความร้ อนให้ กับดิน ในขณะเดียวกันเป็ นการน าความเย็นลงสู่ดินซึ่งจะมี ผลทางด้ านการ เปลี่ยนแปลงรังสีความร้ อนสูผ่ ิวดินที่เย็นกว่าเนื่องจากความแตกต่างของอุณหภูมิ นอกจากนันยั ้ ง เป็ นการเสริมสร้ างบรรยากาศที่ร่มรื่ น ป้องการสะท้ อนของแสงเข้ าสูต่ วั อาคาร และป้องกันฝุ่ นที่เกิด จากดินที่แห้ ง
ภาพที่2.48 แสดงการปลูกพื ้นคลุมดินบริเวณภายนอกอาคาร 3.3 การนาแสงธรรมชาติมาใช้ เนื่องจากที่ตงโครงการท ั้ าให้ อาคารตังฉากกั ้ บพระอาทิตย์ทาให้ ตวั อาคารต้ องรับแสงและความ ร้ อนปะทะกับอาคารโดยตรง การออกแบบจึงเลือกที่จะนาแสงเข้ ามาใช้ ภายในอาคารบางส่วน เช่น ช่องบันได โถงกลางอาคาร
ภาพที่2.49 แสดงการนาแสงธรรมชาติมาใช้ ภายในตัวอาคาร
31
3.4 การออกแบบพื ้นที่ใช้ สอย การออกแบบพื ้นที่ใช้ สอยภายในตัวอาคารที่มีการจัดวางห้ องต่างๆ อยู่ระหว่างช่วงกลางของ อาคารโดยมีด้านทิศตะวันออกมีผนังม่านน ้าตกที่ช่วยลดความร้ อน ด้ านทิศตะวันตกเป็ นระเบียง ทางเดิน (Corridor)ซึง่ ทาให้ ความร้ อนไม่เข้ าสู้ภายในพื ้นที่ใช้ สอยโดยตรง
ภาพที่2.50 แสดงทิศทางขอพระอาทิตย์ที่มีผลต่อการออกแบบ 2.แนวความคิดในการออกแบบอาคารระบบบาบัดนา้ เสียแบบปิ ด ในเขตบางซื่ อ และเขตบริ เ วณใกล้ เ คี ย งมี น า้ เสี ย ที่ จ าเป็ นต่ อ การบ าบัด ซึ่ ง ขี ด ความสามารถในการบาบัดน ้าเสียที่จาเป็ นจะต้ องได้ 120,000 ลบ.ม./วัน จึงต้ องมีการออกแบบบ่อ บาบัดและอาคารบาบัดให้ มีขนาดที่เหมาะสม ซึง่ ต้ องใช้ พื ้นที่ถึง 19,000 ตารางเมตร หรื อประมาณ 12 ไร่ จึงต้ องมีการออกแบบและจัดพื ้นที่ใช้ สอยให้ เหมาะสมซึง่ ได้ แบ่งออกเป็ น 3 โซน 1.โซนห้ องเครื่ องจักรอุปกรณ์ 2.โซนระบบปิ ดเพื่อควบคุมกลิน่ 3.โซนระบบเปิ ด 1.1.โซนห้ องเครื่ องจักรอุปกรณ์ โซนนี ้ประกอบด้ วยเครื่ องเป่ าอากาศ ห้ องพัดลมระบายอากาศ ห้ องฟ้าไฟ ห้ อง ซ่อมบารุ ง ห้ องจัดการตะกอน กระบวนการบาบัดขันที ้ ่สาม และสถานีสบู น ้าที่ผ่านการบาบัดแล้ ว เป็ นบริ เวณที่มีเครื่ องจักรขนาดใหญ่ตัง้ อยู่ และรถบรรทุกขนกากตะกอนที่รีดแล้ วเข้ ามารับทุกวัน จึงจัดให้ ห้องดังกล่าวตังเรี ้ ยงต่อและติดกับเส้ นถนนทางเข้ า -ออกหลัก ซึ่งเป็ นถนนกว้ าง 10 เมตร ติดกับขอบเขตโครงการด้ านทิศตะวันตก (ถนนกาแพงเพชร 2) การจัดพื ้นที่ลกั ษณะนี ้จะช่วย
32
อานวยความสะดวกในการลาเลียงขนย้ ายเครื่ องจักรอุปกรณ์ สารเคมีและกากตะกอน และไม่เป็ น การรบกวนประชาชนทัว่ ไปที่เข้ ามาพักผ่อนในสวน 1.2.โซนระบบปิ ดเพื่อควบคุมกลิน่ เป็ นโซนที่ตงของหน่ ั้ วยกระบวนการบาบัดน ้าเสียที่มกั มีปัญหากลิ่นรบกวน ได้ แก่ ระบวนการบาบัดขันแรก ้ (ถังดักกรวดทราย และเครื่ องดักขยะขนาดเล็ก) และถังปฏิกรณ์ชีวภาพ (ถัง แอนนอกซิก และถัง เติ มอากาศ) เป็ นระบวนการที่ บาบัดต่อ เนื่ องกัน และถูกจัดว่างเรี ย น ต่อเนื่องกันในแนวตะวันตก-ตะวันออก ถังบาบัดและรางน ้าทังหมดในบริ ้ เวณนี ้จะเป็ นระบบปิ ด ทังหมด ้ และมีระบบดูดอากาศเหม็นออกไปเพื่อทาการกาจัดต่อไป 1.3. โซนระบบเปิ ด เป็ นโซนที่มีสดั ส่วนของพื ้นที่มากที่สดุ โดยเป็ นที่ตงของถั ั้ งตกตะกอนขันสุ ้ ดท้ ายจานวน 14 ถัง ปกติจะไม่มีปัญหาสิ่งรบกวน เพราะเป็ นบริ เวณที่ปล่อยให้ mixed liquor จากถังเติมอากาศ ตกตะกอนนิ่งๆ ส่วนน ้าส่วนบนของถังค่อนข้ างใส และมีระดับความเข้ มข้ นของก๊ าชที่ทาให้ เกิดกลิน่ ต่า จึงไม่มีการปิ ดฝาถัง และเนื่องจากบริ เวณนี ้มีเครื่ องจักรอุปกรณ์ขนาดเล็ก จึงสามารถจัดให้ อยู่ ด้ านในต่อจากโซนห้ องเครื่ องจักรอุปกรณ์ได้
3
2 1
ภาพที่ 2.51 แสดงการจัดโซนบาบัดน ้าเสีย
33
ภาพที่ 2.52 องค์ประกอบของระบบดูดอากาศมากาจัดกลิน่ ที่มา : สานักงานจัดการคุณภาพน ้า สานักการระบายน ้า กรุงเทพมหานคร
ภาพที่ 2.53 เครื่ องแยกกรวดทรายแบบ vortex grit chamber และเครื่ องแยกกรวดทรายแบบ Incline Screw
ภาพที่ 2,54 ตะแกรงดักขยะละเอียดชนิด Rotary Drum Screen
34
ภาพที่ 2.55 ถังตกตะกอนแบบไหวตามขวางและชุดดูดตะกอนแบบ Siphon
ภาพที่2.56 เครื่ องเป่ าอากาศแบบ Centrifugal Inlet Guide Vane-Diffuser 3.แนวความคิดในการออกแบบภูมิสถาปั ตยกรรม ทางผู้ออกแบบมีแนวคิดในการออกแบบสวนไม้ ชุ่มนา้ และไม้ นา้ (Wetland and water plant) จากสภาพภูมิทศั น์ภายในบริ เวณสวนวชิรเบจทัศ ซึง่ มีความร่มรื่ นและมีสภาพต้ นไม้ ที่สมบูรณ์สวยงามและมีบึงน ้าขนาดใหญ่ ที่พกั ผ่อนหย่อนใจของประชาชนทัว่ ๆไป การออกแบบ งานภูมิสถาปั ตยกรรมจึงต้ องคานึงถึงความกลมกลืนกับสภาพแวดล้ อมเดิม และมีผลกระทบกับ ธรรมชาติทงต้ ั ้ นไม้ เดิมให้ น้อยที่สดุ โดยได้ มีการออกแบบสวนไม้ ช่มุ น ้าและไม้ น ้าพืชสมุนไพร อยู่ใน สระน ้าเดิมที่มีระบบบาบัดน ้าเสียของโครงการตังอยู ้ ่ด้านล่าง และมีการจัดแสดงพันธุ์ไม้ ออกเป็ น หมวดหมู่ ดังเช่น พืชจาพวกบัว วัชพืชน ้า พืชชายน ้า พืชน ้าที่มีกลิ่นหอม พืชลอยน ้า พืชน ้ากินได้ พืชน ้าสมุนไพร พืชที่มีรากอากาศ ปาล์มในที่ลมุ่ ชื ้น
35
3.1 แนวคิดหลักของการออกแบบ เน้ น การรั ก ษาให้ มี ค วามคงสภาพเดิ ม มากที่ สุด เนื่ อ งจากสถานที่ เ ดิ ม เป็ น เส้ นทางการปั่ นจักรยานและทางเดินออกกาลังกายในบริ เวณริ มสระน ้ามีต้นลาพูเดิมอยู่ตามแนว สระจึงออกแบให้ มีผลกระทบน้ อยที่สดุ และอนุรักษ์ ต้นลาพูดงั กล่าวไว้ คงเดิม
ภาพที่2.57 แสดงสภาพที่ตงเดิ ั้ ม
ภาพที่2.58 แสดงสภาพบริเวณโดยรอบ 3.2 แนวคิดด้ านการใช้ พื ้นที่ การใช้ พื ้นที่ในบริเวณนี ้ยังคงต้ องออกแบบให้ มีทางปั่ นจักรยานตามแนวเดิมและ ทางเดินขนาดกันไป ยาวตลอดแนวเดิม และการจัดนิทรรศการพืชบาบัดน ้าได้ ถกู ออกแบบให้ เป็ น
36
บ่อแต่ละบ่อเป็ นพืชต่างชนิด ซึ่งแต่ละบ่อมีความลึกไม่เท่ากัน เพราะพืชแต่ละชนิดอยู่ในความลึก ของน ้าที่ตา่ งกัน ตามกลุ่มพืชลุม่ น ้าชื ้น แต่น ้าบริ เวณโดยรอบสระมีการรั กษาระดับน ้าให้ เท่ากันอยู่ เสมอน ้าที่ไหลมาจากม่านน ้าตกส่วนที่เกินจะมีฝายชะลอน ้าอยู่ด้านทิศใต้ ก่อนที่จะไหลเข้ าสู่ สวนว ชิรเบจทัศต่อไป การออกแบบถูแบ่งออกให้ เป็ น 3 ส่วน หลักดังนี ้ 1 พืชน ้าในโครงการศึกษาวิจยั และพัฒนาสิ่งแวดล้ อม อันเนื่องมาจากพระราชดาริ 2 สวนพรรณไม้ น ้า 3 สวนป่ าชายเลน สวนวชิรเบจทัศ
สวนวชิรเบจทัศ ทางออกถนน กาแพงเพชร2
ภาพที่2.59 แสดงการแบ่งพื ้นที่การจัดแสดงพันธุ์พืช
ภาพที่2.60 แสดงบ่อจัดแสดงพันธุ์พืช
37
ภาพที่2.61 ไม้ ช่มุ น ้าพืชจาพวกบัว (lotus & water lily) ที่มา: http://www.bcst.or.th/wp-content/uploads/2013/07/wet03.jpg
ภาพที่ 2.62 วัชพืชน ้า (water weed)
ภาพที่2.63 พืชชายน ้า (flooded plant)
38
ภาพที่2.64 พืชน ้าที่มีกลิน่ หอม (fragrant water plant)
ภาพที่2.65 พืชลอยน ้าได้ (floating leave water plant)
ภาพที่2.66 พืชน ้ากินได้ (edible water plant)
39
ภาพที่2.67 พืชสมุนไพร (herbal water plant)
ภาพที่2.68 พืชที่มีรากอากาศ (prop root plant)
ภาพที่ 2.69 ปาล์มในที่ลมุ่ ชื ้น (swamp palm)
40
แนวคิ ด ในการออกแบบม่ า นน า้ ตก มี ลัก ษณะเป็ นผื น น า้ ตกขนาดใหญ่ (Façade waterfall) สอดคล้ องกลมกลืนกับรูปแบบของอาคารที่มีลกั ษณะคล้ ายเรื อ โดยการนาน ้าที่ผ่านการ บาบัดแล้ วมาใช้ เป็ นองค์ประกอบทางภูมิสถาปั ตยกรรม ซึง่ นอกจากความสวยงามแล้ ว ยังเป็ นเพิ่ม ออกเจนให้ กับน ้าในบึงอีกด้ วย โดยมีทฤษฎี เดียวกันเหมือนกับกังหันน ้าชัยพัฒนาโดยการทาให้ อากาศแทรกตัวเข้ าสูน่ ้า ดังภาพ
ภาพที่2.70 แสดงบริเวณม่านน ้าตก
ภาพที่ 2.71 แสดงตัวอย่างทฤษฎีเติมอากาศให้ น ้าด้ วยกังหัน ที่มา: http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/60/7060/images/waterwheel4.JPG
41
2.2 การศึกษาข้ อมูลในด้ านการนาเสนอ การศึก ษาทฤษฎี ก ารน าเสนอนี เ้ พื่อที่ จะน าทฤษฎี เหล่านี ม้ าใช้ ในการออกแบบการ นาเสนอโดยการนาเนื ้อหาของโครงการมาวิเคราะห์ใช้ กบั ทฤษฎีการนาเสนอ เพื่อให้ การนาเสนอ เป็ นการนาเสนอ ที่ดี ที่เหมาะสม และถูกต้ องตามขันตอนการน ้ าเสนอผลงาน 2.2.1 หลักองค์ ประกอบศิลป์ องค์ประกอบศิลป์(Composition) หรื อเราอาจเรี ยกว่า ส่วนประกอบของการ ออกแบบ(Elements of Design) ก็ได้ หมายถึงการนาสิ่งต่างๆ มาบูรณาการเข้ าด้ วยกัน ตาม สัดส่วน ตรงตามคุณสมบัติของสิ่งนันๆ ้ เพื่อให้ เกิดผลงานที่มีความหมาย ส่วนจะเกิดความงดงาม มีประโยชน์ใช้ สอย น่าสนใจหรื อไม่นนั ้ ย่อมขึ ้นอยูก่ บั คุณภาพในการปฏิบตั ิงานการออกแบบ 2.2.1.1 องค์ ประกอบศิลป์หรือทัศนธาตุ ประกอบด้ วยทัศนธาตุหลายธาตุมารวมตัวกัน สัมพันธ์กนั เป็ นรูปทรงขึ ้น ธาตุแต่ละชนิด มีคณ ุ ลักษณะเฉพาะตัว มีบทบาทรวมกัน ซับซ้ อนกันกับธาตุอื่น ต้ องศึกษาแต่ละ ธาตุก่อนว่ามีคณ ุ สมบัติอย่างไร เมื่อนาไปสัมพันธ์จดั ระบบระเบียบรวมกับธาตุอื่นแล้ วจะเกิดอะไร ขึ ้น 1) จุด(Point) การนาจุดมาจัดให้ เกิดรู ปแบบใหม่ อาจทาได้ หลาย ลักษณะ ตัวอย่าง เช่น
การจัดจุดขนาดเดียวกันให้ เรี ยงซ ้ากัน
การจัดจุดให้ เกิดจังหวะ
การจัดจุดให้ เกิดลวดลาย ภาพที่ 2.72 แสดงการนาจุดมาจัดให้ เกิดรูปแบบใหม่
การจัดจุดขนาดต่างกันให้ เรียงซ ้ากัน
การจัดจุดให้ เกิดการสลับ
การจัดจุดให้ เกิดรูปร่าง
42
2) เส้ น(Line) เป็ นองค์ประกอบพื ้นฐานที่สาคัญในการสร้ างสรรค์ เส้ น สามารถแสดงให้ เกิดความหมายของภาพ และให้ ความรู้สกึ ที่แตกต่างกันออกไปดังนี ้
เส้ นตรงแนวตัง้ ให้ ความ รู้สกึ แข็งแรง สูงเด่น
เส้ นตรงแนวนอน ให้ ความ รู้สกึ สงบ ราบเรี ยบ
เส้ นตัดกัน ให้ ความรู้สกึ ประสานกัน แข็งแกร่ง
เส้ นโค้ ง ให้ ความรู้สกึ อ่อนโยน
เส้ นคลืน่ ให้ ความรู้สกึ เคลื่อนไหว
เส้ นประ ให้ ความรู้สกึ ขาดหายลึกลับไม่สมบูรณ์ แสดงส่วนที่มอง
เส้ นโค้ งกระจายออกจาก ศูนย์กลาง ให้ ความรู้สกึ ถึงการเจริญงอกงาม
เส้ นคลืน่ เป็ นจังหวะซ้ อน สลับกันให้ ความรู้สกึ เพิ่มพูน ทับถม อุดมสมบรูณ์
เส้ นขด ให้ ความรู้สกึ หมุนเวียน มึนงง
เส้ นตรงแนวเฉียง ให้ ความรู้สกึ รวดเร็ว
เส้ นโค้ งทางเดียวกันหลาย เส้ นตรงหรื อโค้ งหลาย เส้ น ให้ ความรู้สกึ พลิ ้วไหว ทิศทาง ให้ ความรู้สกึ อ่อนลู่ สับสน ยุง่ เหยิง ไร้ จดุ หมาย
เส้ นหยัก ให้ ความรู้สกึ ขัดแย้ ง ภาพที่ 2.73 แสดงความหมายของเส้ นต่าง
43
3) รูปร่าง รูปทรง มวล (Shape, Form, Mass) รูปร่าง (Shape) การนาเส้ นมาประกอบกันให้ เกิดความกว้ างและความ ยาว ไม่มีความหนา ความลึก มีลกั ษณะ 2มิติ รูปแบบที่เป็ น 2มิติ แสดงพื ้นที่ผิวเป็ นระนาบแบน ไม่ แสดงความเป็ นปริมาตร
ภาพที่ 2.74 แสดงความหมายของรูปร่าง รูปทรง (Form) หมายถึง การนาเส้ นมาประกอบกันให้ เกิดความกว้ าง ความยาวและ ความหนา หรื อความลึก มีลกั ษณะ 3มิติ สิ่งที่มีลกั ษณะแน่นทึบแบบ 3มิติ เช่น งานประติมากรรม สถาปั ตยกรรม หรื อลักษณะที่เป็ น 3มิติ
ภาพที่ 2.75 แสดงความหมายของรูปทรง มวล (Mass) หมายถึง การรวมกลุม่ ของรูปร่าง รูปทรงที่มีความกลมกลืนกันวัตถุที่มี ความหนาแน่น มีน้าหนัก
ภาพที่ 2.76 แสดงความหมายของมวล
44
3.1) ประเภทของรูปทรง แบ่งออกเป็ น 3ประเภท ดังนี ้ 3.1.1) รูปทรงเลขาคณิต
ภาพที่ 2.77 แสดงรูปทรงเลขาคณิต ที่มา http://art-union.deviantart.com 3.1.2) รูปทรงอินทรี ยรูป
ภาพที่ 2.78 แสดงรูปทรงอินทรี ยรูป 3.1.3) รูปทรงอิสระ
ภาพที่ 2.79 แสดงรูปทรงอิสระ 3.2) ความรู้สกึ ที่มีตอ่ รูปร่างและรูปทรง ศิลปิ นและนักออกแบบใช้ ความรู้ สกึ ที่มีต่อรูปร่ างและรู ปทรงมาออกแบบ สร้ างสรรค์งานทัศนศิลป์ทุกประเภท ผลงานทุกชิ ้นย่อมทาให้ ผ้ พู บเห็นเกิดอารมณ์และความรู้สกึ ได้ หลากหลายแตกต่างกันไป เช่น รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ าแนวนอน ให้ ความรู้สกึ กว้ างขวาง สงบ มัน่ คง รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ าแนวตัง้ ให้ ความรู้สกึ สูงเด่น สง่างาม
45
รูปสี่เหลี่ยมจัตรุ ัส ให้ ความรู้สกึ สมดุล แข็งแรง ไม่เอนเอียง รูปสี่เหลี่ยมคางหมู ให้ ความรู้สกึ หนักแน่น มัน่ คง ปลอดภัย รูปสามเหลี่ยม ให้ ความรู้สกึ สูงเด่น สง่างาม รุนแรง รูปทรงกลม ให้ ความรู้สกึ กลมกลืน ไม่มนั่ คง รูปทรงอิสระ ให้ ความรู้สกึ เคลื่อนไหว ไม่แน่นอน 3.3) การถ่ายทอดรูปทรงในงานทัศนศิลป์ มนุษย์มีอิสระทางความคิดและการแสดงออกในด้ าน ต่างๆโดยเฉพาะการสร้ างสรรค์ผลงานศิลปะ โดยปกติแล้ วศิลปิ นมักถ่ายทอดรู ปทรงของงาน ทัศนศิลป์ใน 4ลักษณะด้ วยกัน คือ 3.3.1) ถ่ายทอดตามความเป็ นจริ งให้ ใกล้ เคียงกับรู ปที่มองเห็นหรื อ เหมือนจริงมากที่สดุ เรี ยกว่า Realistic
ภาพที่ 2.80 แสดงการถ่ายทอดตามความเป็ นจริง 3.3.2) ถ่ายทอดโดยตัดทอนบางส่วนลง เรี ยกว่า Distortion
ภาพที่ 2.81 แสดงการถ่ายทอดโดยตัดทอนบางส่วนลง
46
3.3.3) ถ่ายทอดแต่เพียงความรู้สกึ ของวัตถุเท่านัน้ เรี ยกว่า Abstraction
ภาพที่ 2.82 แสดงการถ่ายทอดแต่เพียงความรู้สกึ ของวัตถุเท่านัน้ ที่มา : http://www.prc.ac.th/newart/webart/element05.html 3.3.4) ถ่ายทอดให้ เกิดการลวงตา เรี ยกว่า Optical illusion
ภาพที่ 2.83 แสดงการถ่ายทอดให้ เกิดการลวงตา ที่มา : http://www.prc.ac.th/newart/webart/element05.html 4) พื ้นผิว (Texture) พื ้นผิว หมายถึง ลักษณะของบริ เวณผิวหน้ าของสิ่งต่าง ๆ ที่เมื่อสัมผัสแล้ ว สามารถ รับรู้ได้ ว่ามีลกั ษณะอย่างไร คือรู้ว่า หยาบ ขรุขระ เรี ยบ มัน ด้ าน เนียน สาก เป็ นต้ น ลักษณะที่สมั ผัสได้ ของพื ้นผิว มี 2 ประเภท คือ 4.1) พื ้นผิวที่สมั ผัสได้ ด้วยมือ หรื อกายสัมผัส เป็ นลักษณะพื ้นผิวที่เป็ นอยู่จริ ง ๆ ของผิวหน้ าของวัสดุนนๆ ั ้ ซึง่ สามารถสัมผัสได้ จากงานประติมากรรมงานสถาปั ต ยกรรม และ สิง่ ประดิษฐ์ อื่น ๆ
47
ภาพที่ 2.84 แสดงรูปของพื ้นผิวที่สมั ผัสได้ ด้วยมือ ที่มา : http://www.prc.ac.th/newart/webart/element05.html 4.2) พื ้นผิวที่สมั ผัสได้ ด้วยสายตา จากการมองเห็นแต่ไม่ใช่ลกั ษณะที่แท้ จริ ง ของผิว วัสดุนนั ้ ๆ เช่น การวาดภาพก้ อนหินบนกระดาษ จะให้ ความรู้สกึ เป็ นก้ อนหินแต่ มือสัมผัส เป็ นกระดาษ หรื อใช้ กระดาษพิมพ์ลายไม้ หรื อลายหินอ่อน เพื่อ ปะ ทับ บนผิวหน้ าของสิ่งต่างๆ เป็ นต้ น ลักษณะเช่นนี ้ถือว่า เป็ นการสร้ างพื ้นผิวลวงตา ให้ สมั ผัสได้ ด้วยการมองเห็นเท่านัน้ 5) การเน้ น (Emphasis) การเน้ น หมายถึง การกระทาให้ เด่นเป็ นพิเศษกว่าธรรมดาในงานศิลปะ จะต้ องมี ส่วนใดส่วนหนึง่ หรื อจุดใดจุดหนึง่ ที่มีความสาคัญกว่าส่วนอื่น ๆ เป็ นประธานอยู่ ถ้ าส่วน นันๆ ้ อยู่ปะปนกับส่วนอื่น ๆ และมีลกั ษณะเหมือน ๆ กัน ก็อาจถูกกลืน หรื อ ถูกส่วนอื่นๆที่มี ความสาคัญน้ อยกว่าบดบัง หรื อแย่งความสาคัญ ความน่าสนใจไปเสีย งานที่ไม่มีจดุ สนใจ หรื อ ประธาน จะทาให้ ดนู ่าเบื่อเหมือนกับลวดลายที่ถกู จัดวางซ ้ากันโดยปราศจากความหมาย หรื อ เรื่ องราวที่น่าสนใจดังนัน้ ส่วนนันจึ ้ งต้ องถูกเน้ น ให้ เห็นเด่นชัดขึ ้นมา เป็ นพิเศษกว่า ส่วนอื่น ๆ ซึง่ จะทาให้ ผลงานมีความงาม สมบูรณ์ ลงตัว และน่าสนใจมากขึ ้น การเน้ นจุดสนใจ สามารถทาได้ 3 วิธี คือ
ภาพที่ 2.85 ภาพลักษณะการเน้ น ที่มา : http://www.prc.ac.th/newart/webart/composition04.html
48
5.1) การเน้ นด้ วยการใช้ องค์ประกอบที่ตดั กัน (Emphasis by Contrast) สิ่งที่ แปลกแตกต่างไปจากส่วนอื่นๆ ของงาน จะเป็ นจุดสนใจ ดังนัน้ การใช้ องค์ประกอบที่มีลกั ษณะ แตกต่าง หรื อขัดแย้ ง กับส่วนอื่น ก็จะทาให้ เกิดจุดสนใจขึ ้นในผลงานได้ แต่ทงนี ั ้ ้ต้ อง พิจารณา ลักษณะความแตกต่างที่นามาใช้ ด้วยว่า ก่อให้ เกิดความขัดแย้ งกันในส่วนรวม และทาให้ เนื ้อหา ของงานเปลี่ยนไปหรื อไม่ โดยต้ องคานึงว่า แม้ มีความขัดแย้ ง แตก ต่างกันในบางส่วน และใน ส่วนรวมยังมีความกลมกลืนเป็ นเอกภาพเดียวกัน 5.2) การเน้ นด้ วยการอยู่โดดเดี่ยว (Emphasis by Isolation) เมื่อสิ่งหนึ่งถูก แยกออกไปจากส่วนอื่น ๆ ของภาพ หรื อกลุ่มของมัน สิ่งนันก็ ้ จะเป็ นจุดสนใจ เพราะเมื่อ แยก ออกไปแล้ วก็จะเกิดความสาคัญขึ ้นมา ซึ่งเป็ นผลจากความแตกต่าง ที่ไม่ใช่แตกต่างด้ วย รูปลักษณะ แต่เป็ นเรื่ องของตาแหน่งที่จดั วาง ซึง่ ในกรณีนี ้ รูปลักษณะนันไม่ ้ จาเป็ นต้ องแตกต่าง จากรูปอื่น แต่ตาแหน่งของมันได้ ดงึ สายตาออกไป จึงกลายเป็ น จุดสนใจขึ ้นมา
ภาพที่ 2.86 ภาพลักษณะการเน้ นด้ วยการอยูโ่ ดดเดี่ยว ที่มา : http://203.158.253.5/wbi/presenter/course4/4U_Emphasis.htm 5.3) การเน้ นด้ วยการจัดวางตาแหน่ง (Emphasis by Placement) เมื่อ องค์ประกอบอื่น ๆ ชี ้นามายังจุดใด ๆ จุดนันก็ ้ จะเป็ นจุดสนใจที่ถกู เน้ นขึ ้นมา และการจัดวาง ตาแหน่งที่เหมาะสม ก็สามารถทาให้ จดุ นันเป็ ้ นจุดสาคัญขึ ้นมาได้ เช่นกันพึงเข้ า ใจว่า การเน้ น ไม่ จาเป็ นจะต้ องชี ้แนะให้ เห็นเด่นชัดจนเกินไป สิ่งที่จะต้ องระลึกถึงอยู่เสมอ คือ เมื่อจัดวางจุดสนใจ แล้ ว จะต้ องพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ สิ่งอื่นมาดึงความสนใจออกไป จนทาให้ เกิดความสับสน การ เน้ น สามารถกระทาได้ ด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ ของศิลปะ ไม่ว่าจะเป็ น เส้ น สี แสง-เงา รูปร่าง รูปทรง หรื อ พื ้นผิวทังนี ้ ้ขึ ้นอยูค่ วามต้ องการในการนาเสนอของศิลปิ นผู้สร้ างสรรค์
ภาพที่ 2.87 ภาพการเน้ นด้ วยการจัดวางตาแหน่ง ที่มา : http://203.158.253.5/wbi/presenter/course4/4U_Emphasis.htm
49
6.) ความสมดุล (Balance) ความสมดุล หรื อ ดุลยภาพ หมายถึง น้ าหนักที่เท่ากันขององค์ประกอบ ไม่เอน เอียงไปข้ างใดข้ างหนึ่ง ในทางศิลปะยังรวมถึงความประสานกลมกลืน ความพอเหมาะพอดีของ ส่วนต่าง ๆ ในรู ปทรงหนึ่ง หรื องานศิลปะชิ ้นหนึ่ง การจัดวางองค์ประกอบต่างๆ ลงใน งาน ศิลปกรรมนันจะต้ ้ องคานึงถึงจุดศูนย์ถ่วง ในธรรมชาตินนั ้ ทุกสิง่ สิง่ ที่ทรงตัวอยูไ่ ด้ โดยไม่ล้มเพราะมี น้ าหนักเฉลี่ยเท่ากันทุกด้ านฉะนัน้ ในงานศิลปะถ้ ามองดูแล้ วรู้สกึ ว่าบางส่วนหนักไป แน่นไป หรื อ เบา บางไปก็จะทาให้ ภาพนันดู ้ เอนเอียงและเกิดความ รู้สกึ ไม่สมดุล เป็ นการบกพร่องทางความ งาม ดุลยภาพในงานศิลปะ มี 2 ลักษณะ คือ 6.1) ดุลยภาพแบบสมมาตร (Symmetry Balance) ความสมดุลแบบซ้ ายขวาเหมือนกัน คือ การวางรูปทังสองข้ ้ างของแกน สมดุล เป็ นการสมดุลแบบธรรมชาติลกั ษณะแบบนี ้ใน ทางศิลปะมีใช้ น้อย ส่วนมากจะใช้ ใน ลวดลายตกแต่ง ในงานสถาปั ตยกรรมบางแบบหรื อในงานที่ต้องการดุลยภาพที่นิ่งและมัน่ คงจริง ๆ
ภาพที่ 2.88 แสดงรูปของดุลยภาพแบบสมมาตร ที่มา : http://phototech-mag.com/How%20to199%20Art%20of%20Photography.html 6.2) ดุลยภาพแบบอสมมาตร (Asymmetry Balance) ความสมดุลแบบซ้ ายขวาไม่เหมือน กัน มักเป็ นการสมดุลที่เกิดจาการจัด ใหม่ของมนุษย์ ซึง่ มีลกั ษณะที่ทางซ้ ายและขวาจะไม่ เหมือนกัน ใช้ องค์ประกอบที่ไม่เหมือนกัน แต่ มีความสมดุล น้ าหนักขององค์ประกอบ หรื อสมดุลด้ วยความรู้สกึ ก็ได้ การจัดองค์ประกอบให้ เกิด ความ สมดุลแบบอสมมาตรอาจทาได้ โดย เลื่อนแกนสมดุลไปทางด้ านที่มีน้าหนักมากว่า จะทาให้ เกิดความสมดุลขึ ้น หรื อใช้ หน่วยที่มีขนาดเล็กแต่มีรูปลักษณะที่น่าสนใจถ่วงดุลกับรูปลักษณะที่มี ขนาดใหญ่แต่มีรูปแบบธรรมดา
50
ภาพที่ 2.89 แสดงรูปของดุลยภาพแบบอสมมาตร ที่มา : http://www.prc.ac.th/newart/web_pic2/pic_h015.jpg 7.) จังหวะลีลา (Rhythm) จังหวะลีลา หมายถึง การเคลือ่ นไหวที่เกิดจาการซ ้ากันขององค์ประกอบเป็ น การซ ้าที่เป็ นระเบียบ จากระเบียบธรรมดาที่มีช่วงห่างเท่าๆ กัน มาเป็ นระเบียบที่สงู ขึ ้น ซับซ้ อนขึ ้น จนถึงขันเกิ ้ ดเป็ นรูปลักษณะของศิลปะ โดยเกิดจาก การซ ้าของหน่วย หรื อการสลับกันของหน่วย กับช่องไฟหรื อเกิดจาก การเลื่อนไหลต่อเนื่องกันของเส้ น สี รูปทรง หรื อ น ้าหนัก
ภาพที่ 2.90 ภาพของจังหวะลีลา ที่มา : http://www.ideazign.com/port/graphic/content0303_06.htm 8.) สัดส่วน (Property) สัดส่วน หมายถึง ความสัมพันธ์กนั อย่างเหมาะสมระหว่างขนาดขององค์ประกอบที่แตกต่างกัน ทังขนาดที ้ ่อยู่ในรูปทรงเดียวกันหรื อระหว่างรูปทรง และรวมถึงความสัมพันธ์กลมกลืนระหว่าง
51
องค์ประกอบทังหลายด้ ้ วย ซึง่ เป็ นความพอเหมาะพอดี ไม่มากไม่น้อยขององค์ประกอบ ทังหลายที ้ นามาจัดรวมกัน ความเหมาะสมของสัดส่วนอาจ พิจารณาจากคุณลักษณะดังต่อไปนี ้ 8.1) สัดส่วนที่เป็ นมาตรฐาน จากรูปลักษณะตามธรรมชาติ ของ คน สัตว์ พืช ซึง่ โดยทัว่ ไป ถือว่า สัดส่วนตามธรรมชาติ จะมีความงามที่เหมาะสมที่สดุ หรื อจากรูปลักษณะที่ เป็ นการ สร้ างสรรค์ของมนุษย์ เช่น Gold section เป็ นกฎในการสร้ างสรรค์รูปทรงของกรี ก ซึง่ ถือ ว่า "ส่วนเล็กสัมพันธ์กบั ส่วนที่ใหญ่กว่า ส่วนที่ใหญ่กว่าสัมพันธ์กบั ส่วนรวม" ทาให้ สงิ่ ต่าง ๆ ที่สร้ าง ขึ ้นมีสดั ส่วนที่สมั พันธ์กบั ทุกสิง่ อย่างลงตัว
ภาพที่ 2. 91 แสดงภาพของสัดส่วนที่เป็ นมาตรฐาน ที่มา : http://www.prc.ac.th/newart/webart/composition00.html 8.2) สัดส่วนจากความรู้สกึ โดยที่ศิลปะนันไม่ ้ ได้ สร้ างขึ ้นเพื่อความงามของ รูปทรงเพียงอย่างเดียว แต่ยงั สร้ างขึ ้นเพื่อแสดงออกถึง เนื ้อหา เรื่ องราว ความรู้สกึ ด้ วย สัดส่วนจะ ช่วยเน้ นอารมณ์ ความรู้สกึ ให้ เป็ นไปตามเจตนารมณ์ และเรื่ องราวที่ศลิ ปิ นต้ องการ ลักษณะเช่นนี ้ ทาให้ งานศิลปะของชนชาติตา่ ง ๆ มีลกั ษณะแตกต่างกัน เนื่องจากมีเรื่ องราว อารมณ์ และ ความรู้สกึ ที่ต้องการแสดงออกต่าง ๆ กันไป เช่น กรี ก นิยมในความงามตามธรรมชาติเป็ นอุดมคติ เน้ นความงามที่เกิดจากการประสานกลมกลืนของรูปทรง จึงแสดงถึงความเหมือนจริงตาม ธรรมชาติ ส่วนศิลปะแอฟริกนั ดังเดิ ้ ม เน้ นที่ความรู้สกึ ทางวิญญาณที่น่ากลัว ดังนันรู ้ ปลักษณะจึงมี สัดส่วนที่ผิดแผกแตกต่างไปจากธรรมชาติทวั่ ไป
ภาพที่ 2.92 ภาพสัดส่วนจากความรู้สกึ ที่มา : http://www.prc.ac.th/newart/webart/composition00.html
52
9) เอกภาพ Unity เอกภาพ หมายถึง ความเป็ นอันหนึ่งอันเดียวกันขององค์ประกอบศิลป์ทังด้ ้ าน รูปลักษณะและด้ านเนื ้อหาเรื่ องราว เป็ นการประสานหรื อจัดระเบียบของส่วนต่าง ๆ ให้ เกิดความ เป็ น หนึ่งเดียว เพื่อผลรวมอันไม่อาจแบ่งแยกส่วนใดส่วนหนึ่งออกไปการสร้ างงานศิลปะ คือ การ สร้ างเอกภาพขึ ้นจากความสับสน ความยุ่งเหยิง เป็ นการจัดระเบียบและดุลยภาพ ให้ แก่สิ่งที่ ขัดแย้ งกันเพื่อให้ รวมตัวกันได้ โดยการเชื่อมโยงส่วนต่าง ๆให้ สมั พันธ์กนั เอกภาพของงานศิลปะ มี อยู่ 2 ประการ คือ 9.1) เอกภาพของการแสดงออก หมายถึง การแสดงออกทีมจุดมุ่งหมายเดียว แน่นอน และมี ความเรี ยบง่าย งานชิ ้นเดียวจะแสดงออกหลายความคิด หลายอารมณ์ไม่ได้ จะทา ให้ สบั สน ขาดเอกภาพ และการแสดงออกด้ วยลักษณะเฉพาตัวของศิลปิ นแต่ละคน ก็สามารถทา ให้ เกิดเอกภาพแก่ผลงานได้
ภาพที่ 2.93 ภาพเกี่ยวกับเอกภาพของการแสดงออก ที่มา : https://sites.google.com/site/pueng312/phl-ngan-phakh-brryay/ngan-chin-thi3 9.2) เอกภาพของรูปทรง คือ การรวมตัวกันอย่างมีดลุ ยภาพ และมีระเบียบ ขององค์ประกอบ ทางศิลปะ เพื่อให้ เกิดเป็ นรูปทรงหนึ่ง ที่สามารถแสดงความคิดเห็นหรื ออารมณ์ ของศิลปิ นออกได้ อย่างชัดเจน เอกภาพของรูปทรง เป็ นสิ่งที่สาคัญที่สดุ ต่อความงามของผลงาน ศิลปะเพราะเป็ นสิ่งที่ศิลปิ นใช้ เป็ นสื่อในการแสดงออกถึงเรื่ องราว ความคิด และอารมณ์ ดังนัน้ กฎเกณฑ์ในการสร้ างเอกภาพในงานศิลปะเป็ นกฎเกณฑ์เดียวกันกับธรรมชาติ
53
ภาพที่ 2.94 ภาพเกี่ยวกับเอกภาพของรูปทรง ที่มา :http://www.chaiwbi.com/0drem/web_children/2550/c505201/505202/10525.html 2.2.2 หลักจิตวิทยาและการรับรู้ท่ เี กี่ยวข้ องกับการออกแบบ 2.2.2.1 การรับรู้ (Perception) การรับรู้ คือ การแปลความหมายจากการสัมผัส โดยเริ่ มตังแต่ ้ การมีสิ่งเร้ ามา กระทบกับอวัยวะรับสัมผัสทังห้ ้ า และส่งกระแสประสาท ไปยังสมอง เพื่อการแปลความ กระบวนการของการรับรู้ (Process) เป็ นกระบวนการที่คาบเกี่ยวกันระหว่างเรื่ องความ เข้ าใจ การคิด การรู้สกึ (Sensing) ความจา (Memory) การเรี ยนรู้ (Learning) การตัดสินใจ (Decision making) Sensing -----> Memory ------> Learning -------> Decision making 2.2.2.2 องค์ ประกอบที่เกี่ยวข้ องกับการรับรู้ 1) มีสิ่งเร้ า (Stimulus) ที่จะทาให้ เกิด การรับรู้ เช่น สถานการณ์เหตุการณ์ สิง่ แวดล้ อม รอบกาย ที่เป็ น คน สัตว์ และสิ่งของ 2) ประสาทสัมผัส ( Sense Organs) ที่ทาให้ เกิดความรู้สกึ สัมผัส เช่น ตาดู หูฟัง จมูกได้ กลิน่ ลิ ้นรู้รส และผิวหนังรู้ร้อนหนาว 3) ประสบการณ์ หรื อความรู้เดิมที่เกี่ยวข้ องกับสิ่งเร้ าที่เราสัมผัส 2.2.2.3 การแปลความหมายของสิ่งที่เราสัมผัส สิ่งที่เคยพบเห็นมาแล้ วย่อมจะอยู่ใน ความทรงจาของสมอง เมื่อบุคคลได้ รับสิ่งเร้ า สมองก็จะทาหน้ าที่ทบทวนกับความรู้ที่มีอยู่เดิมว่า สิ่ง เร้ านัน้ คืออะไรเมื่อมนุษ ย์ เราถูกเร้ าโดยสิ่ง แวดล้ อม ก็ จะเกิ ดความรู้ สึกจากการสัมผัส (Sensation) โดยอาศัยอวัยวะสัมผัสทัง้ 5 คือ ตา ทาหน้ าที่ดคู ือ มองเห็น หูทาหน้ าที่ฟังคือ ได้ ยิน ลิ ้นทาหน้ าที่ร้ ู รส จมูก ทาหน้ าที่ดมคือได้ กลิ่น ผิวหนังทาหน้ าที่สมั ผัสคือรู้ สึกได้ อย่างถูกต้ อง กระบวนการรับรู้ ก็สมบูรณ์แต่จริ งๆ แล้ วยังมีการสัมผัสภายในอีก 3 อย่างด้ วยที่จะช่วยให้ เรารับ สัมผัสสิ่งต่าง
54
2.2.2.4 ลาดับขัน้ ของกระบวนการรับรู้ การรับรู้จะเกิดขึ ้นได้ ต้ องเป็ นไปตามขันตอนของกระบวนการดั ้ งนี ้ 1) ขันที ้ ่ 1 สิง่ เร้ า (Stimulus) มากระทบอวัยวะสัมผัสของอินทรี ย์ 2) ขันที ้ ่ 2 กระแสประสาทสัมผัสวิ่งไปยังระบบประสาทส่วนกลาง ซึง่ มีศนู ย์อยู่ที่ สมองเพื่อสัง่ การ ตรงนี ้เกิดการรับรู้ (Perception) 3) ขันที ้ ่ 3 สมองแปลความหมายออกมาเป็ นความรู้ ความเข้ าใจโดยอาศัย ความรู้เดิม ประสบการณ์เดิม ความจา เจตคติ ความต้ องการ ปทัสถาน บุคลิกภาพ เชาวน์ปัญญา ทาให้ เกิดการตอบสนองอย่างใดอย่างหนึง่ การรับรู้ ( Perception ) 2.2.2.5 กลไกของการรับรู้ กลไกการรับรู้ เกิดขึ ้นจากทัง้ สิ่งเร้ าภายนอกและภายในอินทรี ย์ มีอิทธิพลต่อ พฤติกรรม อวัยวะรับสัมผัส (Sensory organ) เป็ น เครื่ องรับสิ่งเร้ าของมนุษย์ ส่วนที่รับความรู้สกึ ของอวัยวะรับสัมผัสอาจอยู่ลกึ เข้ าไปข้ างใน มองจากภายนอกไม่เห็น อวัยวะรับสัมผัส แต่ละอย่าง มีประสาทรับสัมผัส (Sensory nerve) ช่วยเชื่อมอวัยวะรับสัมผัสกับเขตแดนการรับสัมผัสต่าง ๆ ที่ สมอง และส่งผ่านประสาทมอเตอร์ (Motor nerve) ไปสูอ่ วัยวะมอเตอร์ (Motor organ) ซึง่ ประกอบไปด้ วยกล้ ามเนื ้อและต่อมต่างๆ ทาให้ เกิดปฏิกิริยาตอบสนองของอวัยวะมอเตอร์ และจะ ออกมาในรูปใดขึ ้นอยูก่ บั การบังคับบัญชาของระบบประสาท 2.2.2.6 องค์ ประกอบของการรับรู้ 1) สิง่ เร้ าได้ แก่วตั ถุ แสง เสียง กลิน่ รสต่างๆ 2) อวัยวะรับสัมผัส ได้ แก่ หู ตา จมูก ลิ ้น ผิวหนัง ถ้ าไม่สมบูรณ์จะทาให้ สญ ู เสีย การรับรู้ได้ 3) ประสาทในการรับสัมผัสเป็ นตัวกลางส่งกระแสประสาทจากอวัยวะรับสัมผัส ไปยังสมองส่วนกลาง เพื่อการแปลความต่อไป 4) ประสบการณ์เดิม การรู้จกั การจาได้ ทาให้ การรับรู้ได้ ดีขึ ้น 5) ค่านิยม ทัศนคติ 6) ความใส่ใจ ความตังใจ ้ 7) สภาพจิตใจ อารมณ์ เช่น การคาดหวัง ความดีใจ เสียใจ 8) ความสามารถทางสติปัญญา ทาให้ รับรู้ได้ เร็ว 2.2.2.7 การจัดระบบการรับรู้ มนุษย์เมื่อพบสิ่งเร้ าไม่ได้ รับรู้ ตามที่สิ่งเร้ าปรากฏแต่จะนามาจัดระบบตามหลัก ดังนี ้
55
1) หลักแห่งความคล้ ายคลึง (Principle of similarity) สิ่งเร้ าใดที่มีความ คล้ ายกันจะรับรู้วา่ เป็ นพวกเดียวกัน 2) หลักแห่งความใกล้ ชิด (Principle of proximity) สิ่งเร้ าที่มีความใกล้ กนั จะ รับรู้วา่ เป็ นพวกเดียวกัน 3) หลักแห่งความสมบูรณ์ (Principle of closure) เป็ นการรับรู้สิ่งที่ไม่สมบูรณ์ ให้ สมบูรณ์ขึ ้น 4) ความคงที่ของการรับรู้ (Perceptual constancy) ความคงที่ในการรับรู้มี 2 ประการ ได้ แก่ 4.1) การคงที่ของขนาด 4.2) การคงที่ของสีและแสงสว่าง 2.2.2.8 ลักษณะของสิ่งเร้ า ลักษณะของสิง่ เร้ านันพิ ้ จารณาจาก การที่บคุ คลจะเลือกรับรู้สิ่งใด ก่อนหรื อหลัง มากหรื อน้ อยเพียงใดนันขึ ้ ้นอยู่กบั ว่าสิ่งเร้ าดึงดูดความสนใจ ความตังใจมากน้ ้ อยเพียงใด หรื อไม่ ลักษณะของสิง่ เร้ าที่มีอิทธิพลต่อการรับรู้มีดงั นี ้ 1) สิ่งเร้ าภายนอกที่ดึงดูดความสนใจและความตังใจ ้ ได้ แก่คณ ุ สมบัติและ คุณลักษณะของสิ่งเร้ าที่จะทาให้ เกิดการรับรู้ นั่นเอง ซึง่ ถ้ าสิ่งเร้ ามีคณ ุ สมบัติและลักษณะที่สนอง ธรรมชาติในการรับรู้ของคนเรา ก็จะทาให้ มีความตังใจในการรั ้ บรู้ดีขึ ้น 2) ขนาดความเข้ มข้ นหรื อความหนักเบาของสิ่งเร้ า ถ้ าสิ่งเร้ ามีความเข้ มมาก ก็ รับรู้ได้ มาก บังเกิดการรับรู้ได้ ชดั แจ้ ง ความชัดเจนของสิ่งที่มองเห็นก็ ดี ความดังของเสียงก็ดี การ สัมผัสทางผิวหนังอย่างหนักก็ดี กลิ่นที่ฉนุ จัดก็ดี เหล่านี ้เป็ น ความเข้ มข้ น ที่ทาให้ เกิดความรู้สกึ จากการสัมผัสที่จดั แจ้ งทังสิ ้ ้น ในสิ่งเร้ าชนิดเดียวกันบุคคลจะเลือก รับรู้ สิ่งเร้ าที่มีความเข้ มข้ น มากกว่า ก่อนสิ่งที่มีความเข้ มน้ อยกว่า เช่น ป้ายโฆษณาสีสดใสดึงดูดความตังใจดี ้ กว่าสีที่ไม่เด่น ขณะนัง่ เขียนหนังสือเพลินอยู่ มีเสียงคนคุยกัน เสียงนกร้ อง จิ ้งจกร้ อง เสียงพิมพ์ดีดและเสียงพลุดงั ที่สดุ เราจะเลือกรับรู้เสียงพลุก่อนเสียงอื่น และถ้ ามีคนมาถามว่าเราได้ ยินเสียงอะไรบ้ าง คาตอบ แรกคือ ได้ ยินเสียงพลุ ครูที่สอนเสียงดัง ๆ น่าสนใจมากกว่าครูที่สอนด้ วยเสียงค่อย ๆ แผ่วเบา เพื่อ เรี ยกร้ องความสนใจและให้ รับรู้ ต้ องจัดให้ อยู่ในลักษณะเด่นกว่าเพื่อน แสงไฟจ้ าย่อมได้ รับ ความ สนใจกว่าแสงไฟอ่อน ๆ ภาพที่มีแสงและเงาชัดเจน จะมองเห็นเด่นกว่า ส่วนที่ใช้ แสงและเงาที่มี ความเข้ มน้ อย
56
3) ความเปลี่ยนแปลงหรื อความเคลื่อนไหวของสิ่งเร้ า สิ่งเร้ าที่มีการเปลี่ยนแปลงจะดึงความตังใจได้ ้ ดีกว่าสิ่งเร้ าที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง สิ่งเคลื่อนไหวดึงความตังใจได้ ้ ดีกว่า ของที่อยู่ในลักษณะหยุดนิ่ง ภาพยนตร์ มีประสิทธิภาพในการทาให้ คนตังใจดู ้ ได้ มากกว่าภาพนิ่ง แผงไฟโฆษณาที่มีไฟกระพริ บ หรื อเปลี่ยนที่กระพริ บเหมือนวิ่งวนอยู่เสมอย่อมได้ รับความสนใจ มากกว่าไฟดวงที่เปิ ดอยู่เฉย ๆ เรายืนบนตึก 10 ชัน้ จะเห็นรถที่กาลังวิ่งอยู่ในถนนได้ ง่ายกว่าคันที่ จอดอยูเ่ ฉย ๆ ตุ๊กตาไขลานเรี ยกร้ องความสนใจได้ ดีกว่าตัวที่ตงอยู ั ้ เ่ ฉย ๆ บนโต๊ ะ 4) การกระทาซ ้า ๆ ของสิ่งเร้ า สิ่งเร้ าที่เกิดขึ ้นซ ้าซาก เรี ยกร้ องให้ เราสนใจ ได้ มาก เช่น การโฆษณาสินค้ าซ ้าบ่อย ๆ จะเป็ นทางวิทยุ โทรทัศน์ก็ตามทาให้ เกิดความสนใจ บีบแตร รถถี่ ๆ หลาย ๆ ครัง้ ทาให้ คนหันมาดู กริ่ งที่ประตูบ้านดังถี่ ๆ ติดกันทาให้ รี บร้ อนออกไปเปิ ดประตู มากกว่าดังครัง้ เดียว 5) ความกว้ างขวางหรื อขนาดของสิ่งเร้ า ถ้ าสิง่ เร้ ามีขอบเขตจากัดเกินไป เราก็รับ สัมผัสได้ ยา เราจะรับสัมผัสได้ ดีถ้าสิ่งเร้ ามีขนาดหรื อมีอาณาเขตกว้ างขวางพอสมควร สิ่งเร้ าที่มี ขนาดใหญ่น่าสนใจกว่าที่มีขนาดเล็ก เช่นคนอ้ วนใหญ่คนมักจะมองป้ายโฆษณา ที่มีขนาดใหญ่ ย่อมดึงดูดความสนใจได้ มากกว่าป้ายโฆษณาที่มีขนาดเล็ก ๆ 6)ความแปลกใหม่ สิง่ เร้ าที่ไม่เป็ นไปตามปกติทาให้ เกิดความตังใจมากกว่ ้ า เช่น แกะดาในฝูงแกะสีน้าตาล ควายเผือกในฝูงควายสีดา คนมี 2 ศีรษะ สินค้ าที่ออกใหม่คนสนใจใคร่ร้ ู ฝรั่งนิโกร เดินอยูใ่ นกลุม่ คนไทย คนไทยเห็นแปลกจะสนใจมองดูมากกว่าดูคนไทย 7) ความคงทน สิง่ เร้ าที่เร้ าในระยะเวลาสันจะท ้ าให้ เรารับสัมผัสได้ ยาก เราจะรับ สัมผัสได้ ถ้ าสิ่งเร้ านันเร้ ้ าอยู่นานพอสมควร ตัวอย่างเช่น การยกบัตรคาให้ เด็กอ่าน ถ้ ายกให้ ดแู ป๊ บ เดียวระยะเวลาสันเกิ ้ นไป เด็กจะมองเห็นไม่ชดั เจนและมักจะเกิดการรับรู้ที่คลาดเคลื่อน 8) ระยะทาง เป็ นระยะทางพอสมควรไม่ใกล้ หรื อไกลเกินไป 9) ลักษณะการตัดกัน (Contrast) ของสิ่งเร้ า ตามปกติภาพ (Figure) ควรให้ สี เด่นขึ ้นพื ้น (Ground) สีจางลง สิ่งเร้ าที่ตดั กันจะดึงดูดความสนใจ ได้ มากกว่าสิ่งที่คล้ ายคลึงกัน การพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ใช้ ตวั อักษรขนาดโตกว่าปกติ และหรื อใช้ สีตา่ ง ๆ เพื่อเรี ยกร้ อง ความสนใจของผู้อา่ น 2.2.2.9 การรับรู้เกี่ยวกับระยะทางหรือความลึก (Distance of Depth -perception) มนุษย์เรานอกจากจะรับรู้ภาพ 2 มิติบน แผ่นกระดาษแล้ ว ยังสามารถรับรู้ภาพ ที่มี 3 มิติด้วย คือ สามารถรับรู้ระยะทางหรื อความลึกได้ จากภาพ ความสามารถนี ้เกิดจากการ
57
เรี ยนรู้ของมนุษย์ นักจิตวิทยาใช้ วิธีการต่าง ๆ ทาง Monocular cues หลาย ๆ อย่าง เพื่อให้ สามารถทราบระยะทางของสิง่ นัน้ ๆ 2.2.2.10 สิ่งที่ช่วยให้ เราทราบเกี่ยวกับเรื่ องความลึกประกอบไปด้ วย 1) ตาแหน่งที่เหลื่อมกัน Super position of the objects คือการที่วตั ถุหนึ่งบัง (วางซ้ อน) หรื อทับส่วนใดส่วนหนึ่งของวัตถุอีกอันหนึ่ง เราจะรู้ สกึ ว่าวัตถุที่ถกู ทับอยู่ห่างออกไป ภาพของวัตถุแรกจะเป็ นภาพที่ใกล้ กว่าวัตถุหลัง 2) ภาพทิวทัศน์ที่เห็นไกล (Perspective) หมายถึงสิ่งที่อยู่ห่างออกไป เราจะ รู้สกึ ว่าขนาดของมันค่อย ๆ เล็กลง ๆ เช่น ภาพทางรถไฟ หรื อถนน ถ้ าเรามองดูภาพต่าง ๆ ในพื ้นที่ ราบจะเห็นว่าวัตถุไกลสูงกว่าวัตถุที่อยูใ่ กล้
ภาพที่ 2.95 ภาพทิวทัศน์แสดงความลึก ที่มา : http://www.photoeverywhere.co.uk 3) แสงและเงา (Light and Shadow) แสงและเงาช่วยในการรับรู้ เกี่ยวกับ ความลึกของภาพ ช่วยทาให้ ภาพเป็ นสามมิติ โดยทาให้ ภาพนันเว้ ้ าเข้ าไปหรื อนูนเด่นออกมา
ภาพที่ 2.96 แสดงรูปแสงและเงา ที่มา : http://www.mattdentonphoto.com/general/light_and_shadow.html
58
4) การเคลื่อนที่ (Movement) เราสามารถใช้ การเคลื่อนไหวสัมพันธ์ () มาเป็ น เครื่ องตัดสินระยะวัตถุได้ เช่น เวลาเรานัง่ รถไฟ เราจะเกิดความรู้ สึกเหมือนว่าวัตถุที่อยู่ใกล้ เคลื่อนที่ในทิศทางตรงกันข้ ามกับตัวเรา แต่วตั ถุที่อยู่ไกล ๆ รู้ สกึ ว่าเหมือนเคลื่อนไหวตามตัวเรา ทิศทางเคลื่อนที่ของวัตถุจึงมีสว่ นช่วยในการตัดสินระยะทางใกล้ ไกลได้ ลอเรนซ์(M.Lawrence)ได้ พยายามค้ นคว้ าทดลองและสรุปว่าคนเราจะมีการรับรู้เกี่ยวกับระยะทางได้ ในกรณีตอ่ ไปนี ้
ภาพที่ 2.97 รูปการเคลื่อนที่ ที่มา : http://opd.mpls.k12.mn.us/the_elements_of_dance 4.1) วางวัตถุขนาดหนึง่ ไว้ เป็ นที่ค้ นุ เคยกับตาเราดีแล้ ว ถ้ าเราเปลี่ยนขนาดให้ ใหญ่ขึ ้น จะรู้สกึ ว่าอยู่ใกล้ มากกว่าความจริ ง และถ้ าเราเปลี่ยนวัตถุที่ขนาดเล็กกว่าวัตถุอนั ที่ชินตา วางไว้ แทนจะรู้สกึ ว่าอยูไ่ กลออกไป 4.2) วัตถุชนิดเดียวกันอยู่ห่างจากเราในระยะทางเท่ากันเราจะรู้ สึกว่าวัตถุ ใหญ่อยูใ่ กล้ เรามากกว่าวัตถุที่เล็ก 4.3) วัตถุชนิดเดียวกัน ขนาดเท่ากัน แต่ความสว่างไม่เท่ากัน เราจะรู้สกึ ว่า วัตถุที่สว่าง เคลื่อนที่เข้ าหาตัวเรา ส่วนวัตถุที่มืด จะเคลื่อนที่ห่างออกไป 4.4) วัตถุ 2 ชิ ้น มีขนาด และความสว่างไม่เท่ากันถ้ าทังใหญ่ ้ และสว่าง จะ รู้สกึ ว่าวัตถุนนั ้ เคลื่อนเข้ ามาใกล้ ตวั เรา มากขึ ้นกว่าวัตถุนนมี ั ้ ขนาดใหญ่อย่างเดียว แต่ถ้าวัตถุนนั ้ ใหญ่แต่สว่างน้ อยเราจะรู้สกึ ว่าวัตถุนนเคลื ั ้ ่อนที่น้อยลงกว่าครัง้ แรก
59
2.2.3 ทฤษฏีสีและหลักจิตวิทยาในการใช้ สี สี คือ ทัศนธาตุอย่างหนึ่งที่เป็ นองค์ประกอบสาคัญของงานศิลปะ และใช้ ในการสร้ าง งานศิลปะโดยจะทาให้ ผลงานมีความสวยงาม ช่วยสร้ างบรรยากาศ มีความสมจริ ง เด่นชัดและ น่าสนใจมากขึ ้นสีเป็ นองค์ประกอบสาคัญอย่างหนึ่งของงานศิลปะ และเป็ นองค์ประกอบที่มี อิทธิพลต่อความรู้สกึ อารมณ์ และจิตใจ ได้ มากกว่าองค์ประกอบอื่น ๆ ในชีวิตของมนุษย์มีความ เกี่ยวข้ องสัมพันธ์กบั สีตา่ ง ๆอย่างแยกไม่ออก 2.2.3.1 แม่ สี (Primary Color) 1) แม่สี คือ สีที่นามาผสมกันแล้ วทาให้ เกิดสีใหม่ ที่มีลกั ษณะแตกต่างไปจากสีเดิม แม่สี มือยู่ 2 ชนิด แม่สีของแสง เกิดจากการหักเหของแสงผ่านแท่งแก้ วปริ ซมึ มี 3 สี คือ สีแดง สี เหลือง และสีน ้าเงิน อยู่ในรู ปของแสงรังสี ซึ่งเป็ นพลังงานชนิดเดียวที่มีสีคณ ุ สมบัติของแสง สามารถนามาใช้ ในการถ่ายภาพ ภาพโทรทัศน์ การจัดแสงสีในการแสดงต่าง ๆ เป็ นต้ น 2) แม่สีวตั ถุธาตุ เป็ นสีที่ได้ มาจากธรรมชาติ และจากการสังเคราะห์โดยกระบวนทางเคมี มี 3 สี คือ สีแดง สีเหลือง และสีน้าเงิน แม่สีวตั ถุธาตุเป็ นแม่สีที่นามาใช้ งานกันอย่างกว้ างขวาง ใน วงการศิลปะ วงการอุตสาหกรรม ฯลฯ แม่สีวตั ถุธาตุ เมื่อนามาผสมกันตามหลักเกณฑ์ จะทาให้ เกิด วงจรสี ซึง่ เป็ นวงสีธรรมชาติ เกิดจากการผสมกันของแม่สีวตั ถุธาตุ เป็ นสีหลักที่ใช้ งานกันทัว่ ไป 2.2.3.2 วงจรสี (Color Circle) 1) สีขนที ั ้ ่ 1 คือ แม่สี ได้ แก่ สีแดง สีเหลือง สีน้าเงิน
ภาพที่ 2.98 ภาพวงจรสีขนที ั้ ่ 1 ที่มา : http://www.prc.ac.th/newart/webart/colour09.html
60
2) สีขนที ั ้ ่ 2 คือ สีที่เกิดจากสีขนที ั ้ ่ 1 หรื อแม่สีผสมกันในอัตราส่วนที่เท่ากัน จะ ทาให้ เกิดสีใหม่ 3 สี ได้ แก่ สีแดง ผสมกับสีเหลือง ได้ สี ส้ ม สีแดง ผสมกับสีน ้าเงิน ได้ สีมว่ ง สีเหลือง ผสมกับสีน ้าเงิน ได้ สีเขียว
ภาพที่ 2.99 ภาพวงจรสีขนที ั้ ่ 2 ที่มา : http://www.prc.ac.th/newart/webart/colour09.html 3) สีขนที ั ้ ่ 3 คือ สีที่เกิดจากสีขนที ั ้ ่ 1 ผสมกับสีขนที ั ้ ่ 2 ในอัตราส่วนที่เท่ากัน จะได้ สี อื่น ๆ อีก 6 สี คือ สีแดง ผสมกับสีส้ม ได้ สี ส้ มแดง สีแดง ผสมกับสีมว่ ง ได้ สีมว่ งแดง สีเหลือง ผสมกับสีเขียว ได้ สีเขียวเหลือง สีน้าเงิน ผสมกับสีเขียว ได้ สีเขียวน ้าเงิน สีน้าเงิน ผสมกับสีมว่ ง ได้ สีมว่ งน ้าเงิน สีเหลือง ผสมกับสีส้ม ได้ สีส้มเหลือง
ภาพที่ 2.100 ภาพวงจรสีขนที ั้ ่ 2 ที่มา : http://www.prc.ac.th/newart/webart/colour09.html
61
2.2.3.3 วงล้ อสี (color wheel) จากสี 12 สี ในวงล้ อจะแบ่งออกเป็ น 2 วรรณะ คือ 1) วรรณะสีอ่นุ (warm tone) ได้ แก่ สีเหลือง (ครึ่งหนึ่ง) ส้ มเหลือง ส้ ม ส้ มแดง แดง ม่วงแดง และม่วง (ครึ่งหนึง่ ) 2) วรรณะสีเย็น (cool tone) ได้ แก่สีเหลือง (อีกครึ่งหนึ่ง) เขียวเหลือง เขียว เขียวน้ าเงินน้ าเงิน ม่วงน้ าเงินและม่วง (อีกครึ่งหนึง่ ) สาหรับสีเหลืองและสีม่วงนัน้ เป็ นสีที่อยู่ในวรรณะกลาง ๆ หากอยู่ในกลุม่ สีอ่นุ ก็ จะอุน่ ด้ วย แต่ถ้าอยูใ่ นกลุม่ สีเย็นก็จะเย็นด้ วย
ภาพที่ 2.101 แสดงรูปของวงล้ อสี ที่มา : http://lvcl.lampangvc.ac.th/KM/external_newsblog.php?links=470 2.2.3.4 การใช้ สี การใช้ สีมีอยู่ 2 วิธี คือ การใช้ สีให้ กลมกลืน (harmony) หรื อตัดกัน(contrast) ทังนี ้ ้ขึ ้นอยูก่ บั จุดมุง่ หมายของการใช้ งาน แต่ละลักษณะ 1) การใช้ สีให้ กลมกลืน (harmony) อาจจะใช้ ได้ ตงแต่ ั ้ 2-6 สี จะทาให้ ผลงาน เกิดการผสานสีสวยงามน่าดู แต่ไม่ควรใช้ สีเรี ยงกันเกิน 6สี เพราะสีที่ 7 จะเป็ นสีที่ตรงข้ ามกันกับสี ที่ 1 ผลงานที่ออกมาจะขาดความกลมกลืน
ภาพที่ 2.102 แสดงสีที่อยูใ่ กล้ กนั ในวงสี ประมาณ 2-6 สี
62
กรณีที่จาเป็ นต้ องใช้ 2สี ที่เป็ นสีตรงข้ ามกัน ให้ ใช้ สีขนที ั ้ ่ 1 (สีน ้าเงิน, สีเหลือง, สี แดง) หรื อสีขนที ั ้ ่ 2 (สีเขียว, สีส้ม, สีม่วง) ผสมกับสีทงคู ั ้ ป่ ริ มาณเล็กน้ อยให้ เกิดการประสานสี เพื่อ ลดความตัดกันของคูส่ ีตรงข้ ามนัน้
ภาพที่ 2.103 แสดงผสมสีคตู่ รงข้ าม เพื่อลดความตัดกันของคูส่ ีตรงข้ ามนัน้ 2) การใช้ สีตดั กันมีอยู่ 2ลักษณะ สีที่อยูต่ รงข้ ามกันในวงสี เรี ยกว่า สีที่ตดั กันอย่างแท้ จริง หรื อสีตรงข้ าม
ภาพที่ 2.104 แสดงสีที่ตดั กันอย่างแท้ จริง หรื อสีตรงข้ าม สีที่มีคา่ ความเข้ มข่มกัน เรี ยกว่า สีที่ตดั กันโดยน้ าหนัก
ภาพที่ 2.105 แสดงสีที่ตดั กันโดยน้ าหนัก
63
2.2.3.5 ความรู้สึกเกี่ยวกับสีในเชิงจิตวิทยา ให้ ความรู้สกึ ร้ อน รุนแรง กระตุ้น ท้ าทาย เคลื่อนไหว ตื่นเต้ น เร้ าใจ มีพลัง ความอุดมสมบูรณ์ ความมัง่ คัง่ ความรัก ความสาคัญ อันตราย ให้ ความรู้สกึ ร้ อน ความอบอุ่น ความสดใส มีชีวิตชีวา วัยรุ่น ความคึก คะนอง การปลดปล่อย ความเปรี ย้ ว การระวัง ให้ ความรู้สกึ แจ่มใส ความสดใส ความร่าเริ ง ความเบิกบานสดชื่น ชีวิต ใหม่ ความสด ใหม่ ความสุกสว่าง การแผ่กระจาย อานาจบารมี ให้ ความรู้ สกึ สงบ เงียบ ร่ มรื่ น ร่ มเย็น การพักผ่อน การผ่อนคลาย ธรรมชาติ ความปลอดภัย ปกติ ความสุข ความสุขมุ เยือกเย็น ให้ ความรู้สกึ สงบ สุขมุ สุภาพ หนักแน่น เคร่งขรึม เอาการเอางาน ละเอียด รอบคอบ สง่างาม มีศกั ดิศ์ รี สูงศักดิ์ เป็ นระเบียบถ่อมตน ให้ ความรู้สกึ มีเสน่ห์ น่าติดตาม เร้ นลับ ซ่อนเร้ น มีอานาจ มีพลังแฝงอยู่ ความรัก ความเศร้ า ความผิดหวัง ความสงบ ความสูงศักดิ์ ให้ ความรู้สกึ ปลอดโปร่งโล่ง กว้ าง เบา โปร่งใส สะอาด ปลอดภัย ความ สว่าง ลมหายใจ ความเป็ นอิสระ เสรี ภาพ การช่วยเหลือ แบ่งปั น ให้ ความรู้สกึ บริ สทุ ธิ์ สะอาด สดใส เบาบาง อ่อนโยน เปิ ดเผย การเกิด ความรัก ความหวัง ความจริง ความเมตตา ความศรัทธา ความดีงาม ให้ ความรู้สกึ มืด สกปรก ลึกลับ ความสิ ้นหวัง จุดจบ ความตาย ความชัว่ ความลับ ทารุณ โหดร้ าย ความเศร้ า หนักแน่น เข้ มเข็ง อดทน มีพลัง ให้ ความรู้สกึ อบอุ่น อ่อนโยน นุ่มนวล อ่อนหวาน ความรัก เอาใจใส่ วัยรุ่น หนุ่มสาว ความน่ารัก ความสดใส ให้ ความรู้สกึ เศร้ า อาลัย ท้ อแท้ ความลึกลับ ความหดหู่ ความชรา ความ สงบ ความเงียบ สุภาพ สุขมุ ถ่อมตน สีทองให้ ความรู้ สกึ ความหรูหรา โอ่อ่า มีราคา สูงค่า สิ่งสาคัญ ความ เจริญรุ่งเรื อง ความสุข ความมัง่ คัง่ ความร่ารวย การแผ่กระจาย 2.2.4 การเลือกใช้ แบบอักษร (Font) และการจัดช่ องว่ าง (Spacing) 2.2.4.1 การเลือกตัวอักษรให้ เหมาะสมกับงานกราฟิ ก มีหลักการดังนี ้
64
1) รูปแบบตัวอักษร ในการเลือกตัวอักษรที่เหมาะสมจะช่วยให้ งานออกแบบกราฟิ กนัน้ สื่อ ความหมายได้ อย่างเต็มที่ ซึง่ ปั จจุบนั มีรูปแบบตัวอักษรตัวพิมพ์มากมาย อาจแบ่งได้ ดงั นี ้ 1.1) ตัวอักษรแบบมีเชิง เป็ นอักษรที่มีเส้ นยื่นของฐานและปลายตัวอักษร ในทางราบที่เรี ยกว่า Serif ลักษณะตัวอักษรจะมีเส้ นตัวอักษรเป็ นแบบหนาบางไม่เท่ากัน ตัวอักษร แบบนี ้บราวเซอร์ หลายชนิดจะใช้ ตัวอักษรแบบนี ้เป็ นหลัก เช่น Times New Roman, Garamond, Georgia และ New Century Schoolbook ตัวอักษรประเภทนี ้เหมาะจะใช้ เป็ นรายละเอียดเนื ้อหา แต่ตวั อักษรประเภทนี ้ไม่คอ่ ยเหมาะจะใช้ กบั ตัวหนา (bold)
ภาพที่ 2.106 ภาพแบบตัวอักษรแบบมีเชิง (Serif) ที่มา : http://vichet-mmd.blogspot.com/2010/09/v-behaviorurldefaultvml-o_7692.html 1.2) ตัวอักษรแบบไม่มีเชิง (Sans Serif) เป็ นลักษณะของตัวอักษรอีกแบบหนึ่ง ที่รูปแบบเรี ยบง่าย เป็ นทางการ ไม่มีเชิง หมายถึงไม่มีเส้ นยื่นออกมาจากฐาน และปลายของ ตัวอักษรในทางราบ ได้ แก่ Arial, Helvetica, Verdana, Geneva และ Univers ตัวอักษรประเภทนี ้ เหมาะที่จะใช้ กบั หัวข้ อหรื อ ตัวอักษรขนาดใหญ่ แต่ไม่เหมาะสมกับลักษณะเอียง
ภาพที่ 2.107 ภาพแบบตัวอักษรแบบไม่มีเชิง (Sans Serif) ที่มา : http://vichet-mmd.blogspot.com/2010/09/v-behaviorurldefaultvml-o_7692.html 1.3) ตัวอักษรแบบตัวเขียน (Script) ตัวอักษรแบบนี ้เน้ นให้ ตวั อักษรมีลกั ษณะ คล้ ายกับการเขียนด้ วยลายมือ ซึง่ มีหางโยงต่อเนื่องระหว่างตัวอักษร มีขนาดเส้ นอักษรหนาบาง แตกต่างกัน นิยมทาให้ เอียงเล็กน้ อย
65
ภาพที่ 2.108 ภาพแบบตัวอักษรแบบตัวเขียน (Script) ที่มา http://vichet-mmd.blogspot.com/2010/09/v-behaviorurldefaultvml-o_7692.html 1.4) ตัวอักษรแบบตัวอาลักษณ์ (Text Letter) เป็ นตัวอักษรแบบโรมันแบบ ตัวเขียนอีกลักษณะหนึ่ง มีลกั ษณะเป็ นแบบประดิษฐ์ มีเส้ นตังดาหนา ้ ภายในตัวอักษรมีเส้ นหนา บางคล้ ายกับการเขียนด้ วยพูก่ นั หรื อปากกาปลายตัด
ภาพที่ 2.109 ภาพแบบตัวอักษรแบบตัวอาลักษณ์ (Text Letter) ที่มา http://vichet-mmd.blogspot.com/2010/09/v-behaviorurldefaultvml-o_7692.html 1.5) ตัวอักษรแบบประดิษฐ์ (Display Type) หรื อตัวอักษรตัวพิมพ์ขนาดใหญ่ มี ลักษณะเด่น คือ การออกแบบตกแต่งตัวอักษรให้ สวยงามเพื่อดึงดูดสายตา มีขนาดความหนาของ เส้ นอักษรหนากว่าแบบอื่นๆ จึงนิยมใช้ เป็ นหัวเรื่ อง
ภาพที่ 2.110 ภาพแบบตัวอักษรแบบประดิษฐ์ (Display Type) ที่มา http://vichet-mmd.blogspot.com/2010/09/v-behaviorurldefaultvml-o_7692.html
66
1.6) ตัวอักษรแบบสมัยใหม่ (Modern Type) เป็ นตัวอักษรที่ประดิษฐ์ ขึ ้น มี ลักษณะเรี ยบง่าย
ภาพที่ 2.111 ภาพแบบตัวอักษรแบบสมัยใหม่ (Modern Type) ที่มา http://vichet-mmd.blogspot.com/2010/09/v-behaviorurldefaultvml-o_7692.html 2) ลักษณะของตัวอักษร (Type Character) นอกจากรู ปแบบของตัวอักษรที่มีลกั ษณะแตกต่างกันแล้ ว การสร้ างแบบ ตัวอักษรยังมีแนวคิดให้ เกิดความแตกต่างอย่างหลากหลาย ทาให้ มีลกั ษณะเฉพาะตัวของตัวอักษร ที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น 2.1) ประเภทตัวเอน (Italic) 2.2) ประเภทตัวธรรมดา (Normal) 2.3) ประเภทตัวบางพิเศษ (Extra Light) 2.4) ประเภทตัวแคบ (Condensed) 2.5) ประเภทตัวบาง (Light) 2.6) ประเภทตัวหนา (Bold) 2.7) ประเภทตัวเส้ นขอบ (Outline) ประเภทตัวหนาพิเศษ (Extra Bold)
BBB ภาพที่ 2.112 แสดงตัวอย่างลักษณะตัวอักษร
67
3) ขนาดของตัวอักษร (Size Type) ขนาดของตัวอักษรในงานออกแบบกราฟิ กมีความสาคัญเป็ นอย่างมาก เพราะ ต้ องใช้ สื่อสารให้ เกิดความเข้ าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้ อง การใช้ หน่วยกาหนดขนาดตัวอักษรเป็ น สากลจึงเป็ นที่แพร่หลาย เราจึงควรต้ องทาความเข้ าใจในเรื่ องนี ้ด้ วย
AA
AAA
AA
A
ภาพที่ 2.113 แสดงตัวอย่างขนาดตัวอักษร 4) ระยะช่ องไฟของตัวอักษร (Spacing) การจัดระยะช่องไฟของตัวอักษรเป็ นเรื่ องสาคัญมาก ทัง้ นีจ้ ะเห็นได้ ว่า ตัวอักษรข้ อความที่ถกู ออกแบบจัดวางอย่างสวยงาม ทาให้ ผ้ ดู อู ่านง่าย ดูสบายตา ชวนดู ชวนอ่าน การจัดช่องไฟนันมี ้ หลักที่ควรคานึงถึง 3 ประการ ได้ แก่
ภาพที่ 2.114 รูปของระยะช่องไฟของตัวอักษร (Spacing) ที่มา : http://www.med.cmu.ac.th/eiu/Literacy/computer/msword/47_clip_image001.gif 4.1) ระยะช่องไฟระหว่างตัวอักษร (Letter spacing) เป็ นการกาหนดระยะ ช่องไฟระหว่างตัวอักษรแต่ละตัว ที่จะต้ องมีระยะห่างกันพองาม ไม่ติดกันหรื อห่างกันเกินไป การ เว้ นระยะช่องไฟแต่ละตัวไม่ควรกาหนดค่าว่าต้ องห่างเท่าใด เพราะตัวอักษรแต่ละตัวทังภาษาไทย ้ หรื อภาษาอังกฤษมีลกั ษณะที่แตกต่างกัน เราควรจัดช่องไฟโดยคานึงถึงปริ มาตรที่มีความสมดุล โดยประมาณในระหว่างตัวอักษร หรื อที่เรี ยกว่า ปริมาตรความสมดุลทางสายตา
68
4.2) ระยะช่องไฟระหว่างคา (Word Spacing) ส่วนมากจะเกี่ยวข้ องกับ ภาษาอังกฤษมากกว่าระยะระหว่างคาโดยทัว่ ไปจะเว้ นระยะระหว่างคาประมาณ 1 ตัวอักษรปกติ ถ้ าระยะห่างเกินไปจะทาให้ อา่ นยาก และถ้ าชิดกันเกินไปทาให้ ขาดความงามไป 4.3) ระยะช่องไฟระหว่างบรรทัด (Line Spacing) แนวคิดของการเว้ นระยะ ระหว่างบรรทัด มีจดุ ประสงค์เพื่อให้ อ่านง่าย ดูสวยงาม โดยปกติจะใช้ ระยะห่าง 0-3 พอยต์ หลัก สาคัญในการกาหนดระยะระหว่างบรรทัดให้ วดั ส่วนสูง และส่วนต่าสุดของตัวอักษร เมื่อจัดวางบน บรรทัดแล้ วต้ องไม่ทบั ซ้ อนกัน
ภาพที่ 2.115 รูปของระยะช่องไฟของตัวอักษร (Spacing) ที่มา http://www.med.cmu.ac.th/eiu/Literacy/computer/ms-word/47_clip_image001.gif 5) แบบการจัดตัวอักษร (Type Composition) แบบการจัดตัวอักษรหัวเรื่ อง หรื อการจัดเนื ้อหาย่อย มีวิธีการจัดหลายวิธี ตามความต้ องการที่ ได้ ออกแบบไว้ การจัดตัวอักษรอาจจะกระทาได้ หลายวิธี ดังนี ้ 5.1) แบบชิดซ้ าย (Flush Left) 5.2) แบบชิดขวา (Flush Right) 5.3) แบบซ้ ายขวาตรงกัน (Justified) 5.4) แบบศูนย์กลาง (Centered) 5.5) แบบรอบขอบภาพ (Contour) 5.6) แบบไม่สมดุล (Asymmetrical) 5.7) แบบรูปธรรม (Concrete) 5.8) แบบแนวตัง้ (Vertical Type) 5.9) แบบเอียง (Inclined Type)
69
2.2.5 การเขียนสตอรีบอร์ ด (Story board) เพื่อการนาเสนอ 2.2.5.1 หลักการออกแบบ STORYBOARD Storyboard คือ การสร้ างภาพให้ เห็นลาดับขันตอนตามเนื ้ ้อเรื่ องที่ต้องการ โดยเฉพาะการสร้ าง
ภาพที่ 2.116 ภาพตัวอย่างงาน Storyboard ที่มา:http://2.bp.blogspot.com/_TKdzYqBKj8c/TOGvYxs3eI/AAAAAAAAACc/fVlbZ3rBF0 w/s1600/Storyboard%255B1%255D.gif 1) ขัน้ ตอนการเขียน Storyboard การเขียน Storyboard ขันตอนของการเตรี ้ ยมการนาเสนอข้ อความ ภาพ รวมทัง้ สื่อในรูปของมัลติมีเดียต่างๆ ลงในกระดาษ เพื่อให้ การนาเสนอข้ อความ และสื่อในรูปแบบ ต่างๆ เหล่านี ้เป็ นไปอย่างเหมาะสมบนหน้ าจอคอมพิวเตอร์ ตอ่ ไป ขณะที่ผงั งานนาเสนอลาดับ และ ขันตอนของการตั ้ ดสินใจ Storyboard นาเสนอเนื ้อหา และลักษณะของการนาเสนอ ขันตอนการ ้ สร้ าง Storyboard รวมไปถึงการเขียนสคริ ปต์ (ซึง่ สคริ ปต์ในที่นี ้ คือ เนื ้อหา) ที่ผ้ ใู ช้ จะได้ เห็นบน หน้ าจอซึง่ ได้ แก่ เนื ้อหา ข้ อมูล คาถาม ผลป้อนกลับ คาแนะนา คาชี ้แจง ข้ อความเรี ยกความสนใจ ภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว ฯลฯ 2) ขัน้ ตอนการทา Storyboard การทา Story board เป็ นการสร้ างตารางขึ ้นมาเพื่อร่างภาพลงไปตามลาดับ ขันตอนของเรื ้ ่ องตังแต่ ้ ต้นจนจบเพื่อให้ ทกุ ๆฝ่ ายสามารถมองเห็นภาพรวมของงานที่จะลงมือทาได้ ล่วงหน้ า ซึง่ หากมีข้อที่ต้องแก้ ไขใดๆเกิดขึ ้นก็สามารถแก้ ไขเปลี่ยนแปลงได้ สามารถ ปรับปรุงการทา Storyboard ใหม่ได้ การทา Storyboard นันโดยหลั ้ กแล้ วจะเป็ น ต้ นแบบของการนาไปสร้ างภาพจริ ง และเป็ นตัวกาหนดในการทางานอื่นๆไปด้ วยเช่น เสียงพากย์ เสียงดนตรี
70
เสียงประกอบอื่นๆ special effect จึงเป็ นการร่างภาพ พร้ อมกับการระบุรายละเอียดที่ จาเป็ นต้ องทาลง 3) ส่ วนประกอบที่ควรมีในการเขียน Storyboard 3.1) คาอธิบายแต่ละสื่อที่ใช้ (ข้ อความ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว เสียง วีดโิ อ) 3.2) การเปลี่ยนภาพ (Transition) 3.3) เครื่ องมือหรื อโปรแกรมที่ใช้ งบประมาณ 3.4) ระบบนาทาง (Navigation) 3.5) คาอธิบายเพิ่มเติม (Comments) 3.6) เวลาที่ใช้ 3.7) ภาพร่าง 3.8) หมายเลขหน้ าจอ 4) การจัดเตรียมภาพสาหรับโปรแกรม ข้ อมูลต่าง ๆ อาจจะมาจากการวาดด้ วยโปรแกรม Graphic Editor เช่น โปรแกรม PC Paint Brush ที่มี Microsoft Windowsหรื ออื่น ๆ โปรแกรม Authoring System บาง ตัวจะมีคาสัง่ สาหรับการวาดรูปหรื อในส่วนของ Graphics Editor ไว้ ให้ ด้วยทาให้ ทางานได้ สะดวก ขึ ้น แต่อย่างไรก็ดีโปรแกรมแต่ละตัวมีความสามารถแตกต่างกัน ดังนันอาจต้ ้ องมีการใช้ โปรแกรม หลายตัวช่วยกัน การทางานภายใต้ ระบบ Microsoft Windows ทาให้ สามารถแลกเปลี่ยนข้ อมูลกัน ได้ โดยง่าย นอกจากนี ้อาจจะนาเข้ ามาจากแหล่งอื่น เช่น การ Scan จากหนังสือหรื อวารสารด้ วย การใช้ เครื่ อง Scanner หรื ออาจนามาจากกล้ องถ่ายวีดีโอ ในกรณีนี ้จะต้ องมีการ์ ดพิเศษที่ทาหน้ าที่ จับ สัญญาณวีดีโอเข้ ามาในเครื่ องคอมพิวเตอร์ เรี ยกว่าการ์ ด Video Capture เช่น การ์ ด Video Blaster ของบริ ษัท Creative Technology ด้ วยวิธีนี ้ทาให้ สามารถนาภาพต่าง ๆ เข้ ามาใช้ ในโปรแกรมได้ อย่างมากมาย 5) การจัดเตรียมเสียง การบันทึกเสียงเข้ ามาในเครื่ องคอมพิวเตอร์ นนั ้ เครื่ องคอมพิวเตอร์ จะต้ องมี การ์ ด Sound Generator Card เช่น Sound Blaster Card การ์ ดนี ้มีความจาเป็ นในการ บันทึกเสียง ที่มีการแปลงสัญญาณเสียงเป็ นข้ อมูลคอมพิวเตอร์ และทางานในทางตรงข้ ามเมื่อ โปรแกรมเรี ยกใช้ แฟ้มเสียงที่จะให้ ออกลาโพงในเพื่อให้ ความสัมพันธ์กบั การแสดงภาพการนาเสียง
71
เข้ าไปใช้ ในบางครัง้ อาจใช้ วิธีให้ โปรแกรมควบคุมการเล่นเครื่ อง CD สัมพันธ์ กบั เนื ้อ เรื่ องก็ได้ โปรแกรม Authoring System เคลื่อนไหวการนาภาพเคลื่อนไหวเข้ ามาใช้ กบั โปรแกรม อาจทาได้ หลายวิธี เช่น การต่อเครื่ องเล่นเลเซอร์ เข้ ากับคอมพิวเตอร์ แล้ วใช้ โปรแกรมควบคุมการ เล่นให้ สมั พันธ์กบั เนื ้อหา การจับภาพจากวิดีโอเข้ ามา เป็ นข้ อมูลประเภท Movie file โดยมีการ กาหนดเป็ นจานวนเฟรมต่อวินาที ทาได้ ด้วยโปรแกรม เช่น Microsoft Video For windows จากนันจึ ้ งเรี ยกใช้ โฟล์ด้วย โปรแกรม Video Capture สร้ างภาพเคลื่อนไหว (Animation File)ขึ ้นใช้ เอง เช่น จาก โปรแกรม Autodesk Animation, 3D Studio และอื่น ๆ ที่สามารถทาภาพเคลื่อนไหวทังสองและ ้ สามมิติโปรแกรม Authoring System ส่วนใหญ่จะมีความสามารถทาภาพ Animation เป็ น พื ้นฐานอยู่แล้ ว ข้ อมูลที่เป็ นข้ อความอาจจะป้อนลงไปใน Authoring Programหรื อ Power Point การป้อนข้ อมูลดังกล่าวนี ้ อาจจะป้อนโดยตรงหรื อบางโปรแกรมสามารถอ่านข้ อมูลจาก Text File เข้ าไปใช้ ในงานได้ ตัวอย่าง Storyboard 6) ขัน้ ตอนการเตรียมข้ อมูล Storyboard 6.1) วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย เป็ นการวิเคราะห์สภาพปั ญหา และความ ต้ องการของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้ ผ้ ูสร้ างสามารถออกแบบสื่อได้ สอดคล้ องเหมาะสมกับ กลุม่ เป้าหมาย โดยคานึงถึงลักษณะทัว่ ไป และลักษณะเฉพาะของกลุ่มเป้าหมายลักษณะทัว่ ไป ได้ แก่ อายุ ระดับความรู้ สังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของกลุม่ เป้าหมาย ถึงแม้ ว่า ลักษณะ ทัว่ ไปของกลุม่ เป้าหมายจะไม่เกี่ยวข้ องกับเนื ้อหาก็ตาม แต่เป็ นสิ่งที่ช่วยให้ ตดั สินระดับของเนื ้อหา และเลือกตัวอย่างของเนื ้อหาให้ เหมาะสมกับกลุม่ เป้าหมาย สาหรับลักษณะเฉพาะซึง่ ได้ แก่ ทักษะ ที่มีมาก่อน ทักษะการเรี ยน ทักษะในการเรี ยน และทัศนคติของกลุม่ เป้าหมาย จะมีผลโดยตรงต่อ เนื ้อหา และวิธีการนาเสนอเนื ้อหาการวิเคราะห์ลกั ษณะของกลุ่มเป้าหมายนี ้มีความสาคัญต่อ ความสาเร็จของสื่อมาก โดยเฉพาะในทางธุรกิจต้ องมีการวิเคราะห์อย่างลึกซึ ้ง 6.2) รวบรวมข้ อมูล การรวบรวมข้ อมูล ทรัพยากรในส่วนของเนื ้อหาได้ แก่ ตารา หนังสือ วารสารทางวิชาการ หนังสืออ้ างอิง สไลด์ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง วิดีโอ ต่าง ๆ ส่วนทรัพยากรในการออกแบบบทเรี ยน ได้ แก่ หนังสือการออกแบบบทเรี ยน กระดาษสาหรับ เขียนสตอรี่ บอร์ ดทรัพยากรในส่วนของสื่อที่ใช้ ในการนาเสนอได้ แก่ ระบบคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็ น เรื่ องของระบบปฏิบตั ิการที่ใช้ ระบบการจัดเก็บ และเผยแพร่สื่อ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หลัก และ โปรแกรมเสริมที่เกี่ยวข้ องกับการผลิตสื่อชนิดต่าง ๆ อุปกรณ์ตอ่ พ่วง เป็ นต้ น เนื่องจาก
72
กระบวนการเก็บรวบรวม และพัฒนาข้ อมูลทังหมดนั ้ นต้ ้ องใช้ เวลานาน ทังนี ้ ้ขึ ้นอยู่กบั ความยากง่ายในการได้ มาของข้ อมูล โดยในเบื ้องต้ นนีย้ งั ไม่จาเป็ นต้ องมีตวั เนื ้อหาจริ งพร้ อม ทังหมดก็ ้ ได้ เพราะจุดประสงค์หลักในขันนี ้ ้คือ ข้ อสรุปของขอบเขตเนื ้อหา 7) ขัน้ การออกแบบ Storyboard 7.1) กาหนดวัตถุประสงค์ การกาหนดวัตถุประสงค์ คือ การตังเป ้ ้ าหมาย ว่าเมื่อผู้ใช้ ศกึ ษาจนจบ ผู้ใช้ จะได้ ความรู้ในเรื่ องอะไรบ้ าง นอกจากนี ้วัตถุประสงค์ยงั เป็ นตัวช่วยให้ ผู้สร้ าง สามารถออกแบบกิจกรรม และเลือกหัวข้ อที่เหมาะสม เลือกวิธีการนาเสนอที่เหมาะสมได้ เป็ นต้ น 7.2) การออกแบบเนื ้อหา ผู้ออกแบบสื่อมัลติมีเดียเพื่อการศึกษาต้ องมี ความรู้ เกี่ยวกับเนื ้อหานัน้ ๆ อย่างลึกซึ ้ง และควรมีความสามารถในการนาเสนอข้ อมูล มีกลวิธี นาเสนอ และให้ เกิดการเรี ยนรู้ ได้ เป็ นอย่างดี หากผู้สร้ างโปรแกรม และผู้ออกแบบเนื ้อหาไม่ สามารถเป็ นบุคคลเดียวกันได้ ก็ควรจะทางานร่วมกันเป็ นทีม 7.3) การเขียนผังงาน (Flow Chart) ผังงาน คือ ชุดของสัญลักษณ์ตา่ งๆ ซึ่งอธิบายขันตอนการท ้ างานของโปรแกรม การเขียนผังงานเป็ นสิ่งสาคัญ ทังนี ้ ้ก็เพราะสื่อ มัลติมีเดียเพื่อการศึกษาที่ดี จะต้ องมีปฏิสมั พันธ์อย่างสม่าเสมอ และปฏิสมั พันธ์นี ้จะถูกถ่ายทอด ออกมาได้ อย่างชัดเจนที่สดุ ในรูปของสัญลักษณ์ ซึง่ แสดงกรอบการตัดสินใจ และกรอบเหตุการณ์ การเขียนผังงานจะไม่นาเสนอรายละเอียดหน้ าจอเหมือนการสร้ างสตอรี่ บอร์ ด หากการเขียนผัง งานทาหน้ าที่เสนอข้ อมูลเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรม อาทิเช่น อะไรจะเกิดขึ ้นเมื่อผู้เรี ยนตอบคา ถามผิด หรื อเมื่อไรที่จะมีการจบบทเรี ยน เป็ นต้ น 7.4) การเขียนสตอรี่ บอร์ ด (Storyboard) การเขียนสตอรี่ บอร์ ดเป็ น ขันตอนของการเตรี ้ ยมการนาเสนอข้ อความ ภาพ รวมทัง้ สื่อในรู ปของมัลติมีเดียต่างๆ ลงใน กระดาษ เพื่อให้ การนาเสนอข้ อความ และสื่อในรูปแบบต่างๆ เหล่านี ้เป็ นไปอย่างเหมาะสมบน หน้ าจอคอมพิวเตอร์ ตอ่ ไป ขณะที่ผงั งานนาเสนอลาดับ และขันตอนของการตั ้ ดสินใจ สตอรี่ บอร์ ด นาเสนอเนื ้อหา และลักษณะของการนาเสนอ ขันตอนการสร้ ้ างสตอรี่ บอร์ ดรวมไปถึงการเขียน สคริปต์ (ซึง่ สคริปต์ในที่นี ้ คือ เนื ้อหา) ที่ผ้ ใู ช้ จะได้ เห็นบนหน้ าจอซึง่ ได้ แก่ เนื ้อหา ข้ อมูล คาถาม ผล ป้อนกลับ คาแนะนา คาชี ้แจง ข้ อความเรี ยกความสนใจ ภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว ฯลฯ
73
2.2.6 การจัด Plate ในการนาเสนอรูปแบบต่ างๆ 2.2.6.1 องค์ ประกอบภาพในการนาเสนอแบบ การจัดองค์ประกอบภาพเพื่อนาเสนอผลงานการออกแบบ เป็ นขันตอนที ้ ่ มีความสาคัญที่จะมีผลทาให้ ผลงานที่ผ้ อู อกแบบจะมีความน่าสนใจมาก หรื อน้ อย เนื่องจากการ จัดภาพนันจะต้ ้ องคานึงถึงหลักองค์ประกอบศิลป์ 1) การวางภาพที่ต้องมีการเน้ นจุดเด่น จุดรอง หรื อส่วนประกอบย่อยๆ เพื่อสนับสนุนผลงานการออกแบบ 2) ตาแหน่งของภาพ ควรคานึงถึงหลักการจัดภาพ Golden section (ศึกษาจากเรื่ องหลักการจัดภาพ) 3) สีพื ้นควรเป็ นสีที่เป็ นสีกลาง เช่น เทา ขาว ดา หรื อเป็ นโทนเดียวกับสี หลักของผลงานที่ต้องการนาเสนอ ไม่ควรมีภาพที่รกเพราะจะทาให้ ผลงานด้ อยความสนใจลงไป 4) หากมีข้อความที่ต้องการพิมพ์ เพื่อต้ องการให้ ผ้ ูดูได้ เข้ าใจใน แนวความคิดของผู้ออกแบบ ควรจะกาหนดขนาดของตัวอักษร ให้ มีความต่างไม่เกิน 3 ขนาด คือ ใหญ่ เป็ นหัวข้ อ หรื อชื่อภาพ, กลาง เป็ นหัวข้ อรองลงมา และขนาดเล็กเป็ นคาอธิบายผลงาน หรื อ แนวความคิด 2.2.6.2 การวางเลย์ เอาท์ เพลท 1) การวางเลย์ เอาท์ เพลท การจัดทาหรื อผลิตเพลทแต่ละหน้ าจะมีหลายๆ ส่วนที่เปรี ยบได้ กบั คล้ ายกับ การก่อสร้ างบ้ านโดยเริ่ มจากการเขียนแบบสร้ างส่วนประกอบตามแบบและเก็บรายละเอียดใน ตอนสุดท้ าย เมื่อทางานด้ านการออกแบบเพลทจะประกอบด้ วยชิ ้นส่วนต่าง ๆ อาทิ งานโฆษณา เนื ้อหาข่าวหลาย ๆ หน้ า การออกแบบต้ องคานึงถึงส่วนประกอบที่สอดคล้ องกับการออกแบบไว้ ใน เบื ้องต้ น และท้ ายสุดก็ต้องตกแต่งลักษณะขันสุ ้ ดท้ ายในส่วนของคาและภาพประกอบ การใช้ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อออกแบบจัดวางเลย์เอาท์ที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็ ว และง่ายโดยมีขนตอนเพี ั้ ยงไม่กี่ขนตอนก็ ั้ สามารถทาได้ 2) ออกแบบงานให้ เหมาะสม การออกแบบเพลท คือการวางแผนนันเองซึ ้ ง่ จะกาหนดส่วนประกอบที่จะใช้ ในงาน การออกแบบเพลททัว่ ๆ ไป คือการออกแบบให้ ดเู ป็ นสัดส่วนง่ายต่อการอ่านเนื ้อเรื่ อง ภาพ ด้ านซ้ าย เนื ้อหาอ่านยากเพราะมีสดั ส่วนเนื ้อหาไม่เด่นชัด ภาพขวามือ มีเนื ้อหาที่อ่านง่ายกว่า เพราะกาหนดเนื ้อเรื่ องด้ วยกรอบการออกแบบ เช่นนี ้มีการผสมผสานอย่างกลมกลืนลงตัว
74
การออกแบบเพลทยังเกี่ยวข้ องกับความง่ายหรื อยากในขันตอนการน ้ าเสนออีกด้ วย การออกแบบให้ ดเู รี ยบง่ายและดูดีเป็ นการวางเลย์เอาท์เพราะมีส่วนประกอบน้ อยชิ ้นกว่า แต่ใน ความเป็ นจริ งแล้ วการออกแบบก็ใช่ว่าประกอบด้ วยเรื่ องง่าย ๆ เพียงเท่านี ้ บางครัง้ อาจมีความ ซับซ้ อน เครื่ องมือในคอมพิวเตอร์ จะช่วยได้ หรื อไม่ก็ขึ ้นอยูก่ บั ความสามารถ และเครื่ องมือที่มีมาให้ อีกด้ วยการใช้ เครื่ องมือช่วยออกแบบที่มีอยู่ในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เป็ นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ งาน ง่ายขึ ้นเช่นกัน 3) เริ่มต้ นงานด้ วยภาพร่ าง การสร้ างบ้ านโดยไม่มีแบบแปลนย่อมทาด้ วยความยากฉันใด การออกแบบเพลทก็เช่นเดียวกัน การออกแบบทาได้ หลายวิธีหลายลักษณะจนหาข้ อยุติได้ ยาก วิธีการที่ทากันโดยทัว่ ไป คือการร่าง แบบ วางเลย์เอาท์โดยศึกษาจากแบบตัวอย่างที่มีอยูแ่ ล้ ว 3.1) การสร้ างเลย์เอาท์อย่างง่าย การสร้ างเลย์เอาท์อย่างง่าย เป็ นการ กาหนดโครงสร้ างเพื่อบรรจุสว่ นประกอบลงในเพจให้ มีเนื ้อหาลื่นไหลตลอดชิ ้นงานทุก ๆ หน้ าเพลท 3.2) ใช้ เลย์เอาท์ไกด์ช่วยในการออกแบบ การกาหนดแนวเส้ นเลย์เอาท์ไกด์ ซึง่ ประกอบด้ วยเส้ นแนวนอนและแนวตัง้ นอกจากนี ้ยังมีเส้ นตารางเล็ก ๆ ที่เรี ยกว่ากริ ด (grid) เส้ น เหล่า นี จ้ ะเป็ นเส้ น นาสาหรั บวางแนวภาพและข้ อความในงาน งานที่ ออกแบบสิ่ง พิมพ์ ที่ ประกอบด้ วยเส้ นไกด์ จะทาให้ วางตาแหน่งที่ต้องการได้ ชดั เจน อย่างไรก็ตามจานวนเส้ นที่จะ นามาใช้ ในงานจะมีจานวนมากน้ อยต่างกัน 3.3) การใช้ เส้ นฉากหลัง การออกแบบสิ่งพิมพ์ที่ประกอบด้ วยภาพข้ อความ เส้ นหรื อลวดลาย วัตถุใด ๆ ก็ตามที่ต้องการให้ แสดงผลทุก ๆ หน้ าก็สามารถทาได้ โดยการ กาหนดให้ เป็ นภาพพื ้นฉากหลังของงาน ในกรณีขอองการใช้ โปรแกรมเพจเมกเกอร์ จะกาหนดส่วน ที่ต้องการให้ ปรากฏซ ้าๆ ในทุก ๆ แผ่นกระดาษในหน้ าที่เรี ยกว่าต้ นแบบ กาหนดตาแหน่งของทุกสิง่ ให้ อยู่ในตาแหน่งที่ถกู ต้ องทังแนวนอนและแนวตั ้ ง้ การกาหนดลักษณะเช่นนี ้จะทาให้ งานถูกต้ อง กับตาแหน่งโดยการกาหนดที่เส้ นไกด์ และการใช้ เครื่ องมือไม้ บรรทัดกาหนดตาแหน่งให้ ตรงกับ ความต้ องการทัง้ แนวตังและแนวนอน ้ เทคนิคในการกาหนดตาแหน่งของวัตถุในโปรแกรม ออกแบบสิ่งพิมพ์ทาได้ หลาย ๆ วิธีผ้ ใู ช้ โปรแกรมต้ องศึกษาทาความเข้ าใจการใช้ งานโปรแกรม นอกจากเส้ นหรื อลายน ้าสาหรับการสร้ างพื ้นหลังแล้ ว เราสามารถกาหนดสีพื ้นของกรอบข้ อความ ให้ เป็ นสีพื ้นได้ 3.4) สร้ างเพลทในแต่ละหน้ า การสร้ างงานในเพลทแต่ละหน้ าจะพิจารณา ออกแบบส่วนประกอบต่าง ๆ ที่อยู่ภายในเพื่อกาหนดทิศทางตาแหน่งของวัตถุทกุ ชนิดให้ ลงตัว
75
เหมาะสม การออกแบบสิ่งพิมพ์ในแต่ละหน้ าโดยทัว่ ไปจะมีสว่ นประกอบที่สาคัญคือกรอบสาหรับ ใส่ข้อความ หรื อภาพ เราสามารถออกแบบกรอบได้ หลายรู ปแบบ โดยคานึงถึงลักษณะของ ตัวอักษรกรอบอาจใช้ บรรจุเนื ้อหา หลาย ๆ ลักษณะตามความเหมาะสมได้ ไม่จากัดกรอบอาจเป็ น เส้ นเข้ ม จาง เป็ นรูปภาพก็ได้ การเลือกออกแบบรูปร่างของกรอบต้ องคานึงถึงความเหมาะสมและ ผลที่ต้องการในแง่ของการสื่อสารประกอบเข้ าไปด้ วยจะทาให้ การออกแบบกรอบดูสวยงามและได้ ประโยชน์ในแง่การดึงดูดความสนใจสูเ่ นื ้อหา นอกจากนี ้ผู้ออกแบบงานยังสามารถใช้ ภาพประกอบสื่อต่าง ๆ บรรจุให้ เป็ นพื ้นภายใน กรอบหรื อแสดงขอบเขตของกรอบงานหรื อกรอบวัตถุได้ อีกด้ วย วิธีการนี ้ทาได้ โดยการกาหนดเป็ น ชันโดยการก ้ าหนดชันนี ้ ้ทาได้ ในโปรแกรม เพจเมกเกอร์ หรื อโปรแกรมอื่น ๆ 3.5) กรอบข้ อความ กรอบสาหรับบรรจุข้อความที่ผ้ อู อกแบบจัดหน้ าสิ่งพิมพ์ กาหนดขึ ้นไม่จาเป็ นต้ องให้ กรอบสาหรับบรรจุข้อความจะต้ องมีลกั ษณะรู ปร่างแบบเดียวกันเสมอ ไป การออกแบบกรอบข้ อความสามารถออกแบบได้ หลักลักษณะตามความเหมาะสมกับเนื ้อหา และต้ องการสร้ างความเด่นให้ เกิดขึ ้น การออกแบบให้ ข้อความอยู่ภายใน กรอบอาจกาหนดแนว ระยะของแต่ละย่อหน้ าให้ ห่างจากกรอบเข้ าไป สลับกันก็ได้ โดยสลับย่อหน้ ากันดังภาพ นอกจากนี ้การเว้ นช่องว่างอย่างย่อหน้ าให้ กว้ างขึ ้นจะช่วยให้ การอ่านเนื ้อหาในแต่ละย่อหน้ าทา ได้ สะดวกขึ ้น และมีช่องว่างสาหรับพักสายตาไปด้ วยในตัว การย่อหน้ าและการกาหนดแนว ข้ อความจัดเป็ นเครื่ องมืออย่างง่ายแต่ให้ พลังในการสื่อสาร โดยเลือกนามาใช้ ให้ สอดคล้ องกับการ ออกแบบจัดหน้ าในแต่ละหน้ า นอกจากนี ้การนา อัญพจน์มาใช้ โดยการดึงคาหรื อวลีที่เด่นๆ ในเนื ้อ เรื่ องออกมาใช้ วิธีการออกแบบที่ใช้ สาหรับการจัดวางเนื ้อหาทาได้ โดยการกาหนดเนื ้อหาออกเป็ น หลาย ๆ คอลัมน์ภายในกรอบเดียวกัน วิธีการนี ้เป็ นวิธีที่ง่ายสาหรับการจัดทาสิ่งพิมพ์ให้ มีเนื ้อหา ทังหมดภายในกรอบเดี ้ ยวได้ 3.6) การใส่ภาพประกอบภายในกรอบเนื ้อหา ภาพที่นามาใส่เพื่อเพิ่มความ น่าสนใจในเนื ้อหาเรื่ องของแต่ละหน้ าสามารถแยกหรื อวางบนเนื ้อหาได้ โดยตรงก็ได้ การวางภาพใน เนื อ้ เรื่ องจะช่วยให้ ดูกลมกลืน กับภาพซึ่งการน าภาพมาใส่นี ท้ าโดยให้ ข้อความล้ อมกรอบเป็ น สี่เหลี่ยม หรื อล้ อมกรอบภาพไปตามลักษณะของภาพก็ได้
76
2.2.6.3 แนวทางออกแบบอักษรสาหรับพาดหัวในเพลท พาดหัว (display text หรื อ head) เป็ นข้ อความที่กาหนดขึ ้นมีวตั ถุประสงค์ เพื่อดึงดูดสายตาของผู้อ่านเป็ นอันดับแรก ดังนันข้ ้ อความพาดหัวจึงใช้ ตวั อักษรที่มีขนาดใหญ่ ตังแต่ ้ 14 point ขึ ้นไป 1) การเลือก font สาหรับพาดหัว ตัวอักษรที่ใช้ บนพาดหัวจะมีขนาดใหญ่ สร้ างความรู้สกึ ให้ เกิดขึ ้นกับผู้อ่าน ดังนันการเลื ้ อกใช้ อกั ษรจึงพิจารณาดังนี ้ 1.1) สร้ างความแตกต่างให้ ผ้ อู ่านเห็นชัดเจน โดยเลือกใช้ font ในส่วน ของพาดหัวกับเนื ้อเรื่ องมีความแตกต่างกัน หากใช้ font แบบเดียวกันให้ ใช้ อกั ษรขนาดใหญ่ในส่วน พาดหัว 1.2) เลือก font ที่มีลกั ษณะ legible และมีขนาดใหญ่ 2) ขนาดและน ้าหนักของตัวอักษร การให้ หน้ าสิ่งพิมพ์มีความสวยงามเหมาะสมขณะเดียวกันยังคงความ น่าสนใจ ในส่วนของตัวอักษรที่ควรนามาใช้ ตามหลักการดังนี ้ 2.1) ชื่อเรื่ อง หรื องานมีขนาดใหญ่ ขนาดอักษร ในเนื ้อเรื่ อง 2.2) ตัวอักษรสาหรับพาดหัวหลัก มีขนาด 3 เท่าของขนาดอักษร 2.3) ตัวอักษรสาหรับพาดหัวรองเหลือ หัวเรื่ องมีขนาดเล็กกว่าพาดหัว หลัก เช่น พาดหัวหลักขนาด 30 point พาดหัวรองใช้ ขนาด 24 point และเนื ้อเรื่ อง 10 point 2.4) ระยะห่างระหว่างบรรทัดของพาดหัวที่มีความยาวมากกว่าหนึ่ง บรรทัดให้ เว้ นช่องว่างของบรรทัดให้ น้อยกว่าปกติ เพื่อให้ เนื ้อเรื่ องเป็ นหน่วยเดียวกัน 2.3 สื่อที่ใช้ ในการนาเสนองาน 2.3.1 มาตรฐานการนาเสนอและสัญลักษณ์ ต่างๆ การเขียนแบบ เป็ นการถ่ายทอดความคิดสร้ างสรรค์โดยการเขียนเป็ นภาพหรื อ สัญลักษณ์ ตลอดจนรายละเอียดต่างๆลงในแผ่นกระดาษ เพื่อเป็ นสื่อความหมายแสดงรู ปหรื อ ชิ ้นงานให้ ผ้ อู า่ นและผู้ดแู บบนันเข้ ้ าใจ การเขียนแบบนี ้ถือเป็ นภาษาอย่างหนึ่งในการบ่งบอกให้ เห็น ได้ ด้วยสายตา การเขียนแบบผลิตภัณฑ์โดยปกติมกั จะแสดงการเขียนออกมาในรู ปทัศนียภาพ อาจจะใช้ สีเดียวหรื อหลายสีก็ได้ สีที่ใช้ เป็ นส่วนหนึ่งในการดึงดูดความสนใจของแบบนันๆ ้ สัดส่วน ที่ใช้ เขียนแบบผลิตภัณฑ์นนขึ ั ้ ้นอยูก่ บั ขนาดของผลิตภัณฑ์ อาจจะใช้ ยอ่ สัดส่วนหรื อขยายสัดส่วน
77
2.3.1.1 ประเภทของงานเขียนแบบ การเขียนแบบมีด้วยกันหลายอย่าง แต่ถ้าจะแบ่งออกตามลักษณะของงาน แล้ วสามารถแบ่งออกเป็ น 2 ประเภท คือ 1) การเขียนแบบทางสถาปั ตยกรรม การเขียนแบบทางการก่อสร้ าง อาคารสถานที่ตา่ งๆ เช่น การเขียนแบบโครงสร้ าง การเขียนแบบแผนที่ การเขียนแบบช่างสารวจ เป็ นต้ น 2) การเขียนแบบทางวิศวกรรม การเขียนแบบเครื่ องจักรกลต่างๆ เช่น การเขียนแบบเครื่ องกล การเขียน แบบโลหะแผ่น การเขียนแบบไฟฟ้า การเขียนแบบช่างกลโรงงาน การเขียนแบบเครื่ องเรื อน เป็ น ต้ น 2.3.1.2 สัญลักษณ์ ในการเขียนแบบ การก าหนดสัญลักษณ์ ในการเขี ยนแบบจะต้ องอ้ า งอิง ตามมาตรฐานที่ ยอมรับกันอยู่ทวั่ ไป โดยคานึงถึงการสื่อสารถึงผู้อ่านเป็ นหลัก อาจจะมีการปรับปรุงให้ เหมาะสม กับงานบ้ าง และจะต้ องมีรายการแสดงคาอธิบายสัญลักษณ์ที่ใช้ อยูใ่ นแบบด้ วยเสมอ 1) เส้ น ลักษณะของเส้ นในงานเขียนแบบไม่ว่าจะเป็ นเส้ นที่เขียนด้ วยดินสอ หรื อใช้ เขียนด้ วยปากกาเขียนแบบ ขนาดของเส้ นจะต้ องคงที่สม่าเสมอและเลือกใช้ ให้ ถูกกับ ลักษณะของเส้ นนันๆ ้ เส้ นจะเป็ นตัวกาหนด ขนาดและลักษณะรูปร่างของวัตถุ ซึง่ การเขียนรูปร่าง ของวัตถุนนต้ ั ้ องใช้ เส้ นชนิดต่างๆ หลายชนิดด้ วยกัน เช่น เส้ นขอบรูป เส้ นประ เส้ นเล็กศูนย์กลาง ฯลฯ เส้ นที่ใช้ ในการเขียนแบบกาหนดความหนาของเส้ นตามระบบ ISO ซึ่งกาหนดเป็ น มาตรฐานสากล ดังแสดงในตาราง
78
ตารางที่ 2.1 ชนิดของเส้ นที่ใช้ ในการเขียนแบบ
2) มาตราส่ วน แบบงานส่วนมากจะเขียนแบบเท่ากับชิ ้นงานจริ ง บางครัง้ ชิ ้นงานมี ขนาดใหญ่ ไม่สามารถเขียนลงบนกระดาษเขียนแบบได้ จาเป็ นต้ องย่อขนาดลง ในขณะเดียวกัน ถ้ าชิ ้นงานมีขนาดเล็กมาก ในการที่จะเขียนเท่าขนาดจริงนันจะทาให้ ้ แบบไม่ชดั เจน มีขนาดเล็ก การเขียนหรื อการอ่านแบบจะทาได้ ยาก จาเป็ นต้ องเขียนแบบขยายเพิ่มใหญ่ขึ ้น มาตรา ส่วนที่ใช้ ในการเขียนแบบจึงมีสว่ นจาเป็ นมาก โดยแบ่งมาตราส่วนที่ใช้ ในการเขียนแบบออกเป็ น 3 ประเภท ดังนี ้ 2.1) มาตราส่วนจริ ง ขนาดของชิ ้นงานที่เขียนแบบจะมีขนาดเท่าของ จริง สัญลักษณ์ 1 : 1 ซึง่ มีขนาดเท่ากับของจริงนันๆ ้ 2.2) มาตรราส่วนย่อ ขนาดของแบบงานจะย่อเล็กลงตามความ เหมาะสม ซึง่ มีสดั ส่วนดังนี ้ 1 : 2, 1 : 5, 1 : 10, 1 : 100, 1 : 1000 ฯลฯ เลข 1 หมายถึง ขนาดจริ ง และ เลข 2 หมายถึง ย่อขนาดลงหรื อครึ่งหนึ่งของของจริ ง นัน่ คือ เป็ นต้ น มีใช้ งานหลายขนาด ดัง แสดงในตารางที่ 3 2.3) มาตราส่วนขยาย ขนาดของแบบงานจะขยายใหญ่กว่าแบบจริงที่ กาหนด เขียนเป็ นสัญลักษณ์ได้ เช่น 2 : 1 ซึง่ เลข 1 หมายถึงขนาดจริ ง เลข 2 หมายถึงขยายขนาด ขึ ้นเป็ น 2 เท่า นัน่ คือ เป็ นต้ น มีใช้ งานหลายขนาดดังแสดงในตารางที่ 3
79
ตารางที่ 2.2 ขนาดมาตราส่วนที่ใช้ ในงานเขียนแบบ ขนาดชิ ้นงาน ขนาดจริง ขนาดย่อ ขนาดขยาย
มาตราส่วนที่นิยมใช้
1:1 1:2, 1:5, 1:10, 1:20, 1:50, 1:100, 1:20 ,1:500,1:1000 2:1, 5:1, 10:1, 20:1, 50:1, 100:1, 200:1, 500:1, 1000:1
ภาพที่ 2.117 ภาพการเปรี ยบเทียบขนาดสัดส่วนตามมาตราส่วนจริง มาตราส่วนย่อและมาตรา ส่วนขยาย ที่มา : http://www.bspwit.ac.th/LINK%20PAGE/Art%20Group/Drawing%20Tech-01/DTECH-1%20U-05/D-Tech-1%20Unit-05.php 3) ตัวอักษร แบบตัวอักษรที่ใช้ ในงานเขียนแบบ จะต้ องเป็ นแบบตัวอักษรที่เขียน แล้ วสามารถอ่านได้ ง่ายและขนาดเหมาะสมกับแบบที่เขียน ซึง่ ถ้ าไม่เหมาะสมแล้ วจะทาให้ แบบที่ เขียนนันดู ้ ไม่สวยงามและไม่เป็ นระเบียบ ดังนันแบบตั ้ วอักษรจึงมีความสาคัญต่องานเขียนแบบ มาก การกาหนดมาตรฐานของตัวอักษรแบ่งออกเป็ น 2 แบบ คือ ตัวอักษรโรมัน และตัวอักษร ภาษาไทย
ภาพที่ 2.118 ภาพตัวอักษรแบบตัวตรงตามมาตรฐานสากล (มอก.210-2520) ที่มา : http://www.bspwit.ac.th/LINK%20PAGE/Art%20Group/Drawing%20Tech-01/DTECH-1%20U-05/D-Tech-1%20Unit-05.php
80
ตารางที่ 2.3 ขนาดและระยะของตัวอักษร (ม.ม.)
ภาพที่ 2.119 ภาพแสดงขนาดและระยะตัวอักษรแบบตัวตรงตามมาตรฐานสากล (มอก.210-2520)
ภาพที่ 2.120 ภาพแสดงตัวอักษรแบบตัวเอียงตามมาตรฐานสากล (มอก.210-2520) ที่มา : http://www.bspwit.ac.th/LINK%20PAGE/Art%20Group/Drawing%20Tech-01/DTECH-1%20U-05/D-Tech-1%20Unit-05.php
81
3.1) ตัวอักษรภาษาไทย ตัวอักษรที่ใช้ ในราชการ ในปั จจุบนั เขียนด้ วยคอมพิวเตอร์ เพราะมีความเป็ นมาตรฐาน นิยมใช้ 2 รูปแบบ 3.2) ตัวอักษรประดิษฐ์ นิยมใช้ ในการเขียนใบประกาศนียบัตร ปริ ญญาบัตร การ์ ดเชิญ ร่วมงาน ในพิธีตา่ งๆ ในการเขียนจะใช้ คอมพิวเตอร์ ช่วย หรื อเขียนด้ วยมือเปล่า
ภาพที่ 2.121 ภาพแสดงตัวอักษรหัวเหลีย่ ม ที่มา : http://www.bspwit.ac.th/LINK%20PAGE/Art%20Group/Drawing%20Tech-01/DTECH-1%20U-05/D-Tech-1%20Unit-05.php
ภาพที่ 2.122 ภาพแสดงตัวอักษรหัวกลม ที่มา : http://www.bspwit.ac.th/LINK%20PAGE/Art%20Group/Drawing%20Tech-01/DTECH-1%20U-05/D-Tech-1%20Unit-05.php การกาหนดสัญลักษณ์ ในการเขียนแบบจะต้ องอ้ างอิงตามมาตรฐานที่ยอมรับกันอยู่ ทัว่ ไป โดยคานึงถึงการสื่อสารถึงผู้อา่ นเป็ นหลัก อาจจะมีการปรับปรุงให้ เหมาะสมกับงานบ้ าง และ จะต้ องมีรายการแสดงคาอธิบายสัญลักษณ์ที่ใช้ อยูใ่ นแบบด้ วยเสมอ การแสดงสัญลักษณ์จะมีขนาดเท่ากันเสมอไม่มีการย่อ หรื อขยายตามมาตราส่วนของ แบบ เช่นในแบบมาตราส่วน 1:100 และ 1:50 สัญลักษณ์จะเขียนด้ วยขนาดเท่ากัน ยกเว้ น
82
บางส่วน เช่นสัญลักษณ์วสั ดุ (Pattern) รูปประตูหน้ าต่าง, สุขภัณฑ์ ซึง่ แสดงเป็ นระบบสัญลักษณ์ จะมีขนาดตามสัดส่วนของแบบ ตารางที่ 2.4 แสดงสัญลักษณ์ที่ใช้ ในงานเขียนแบบ
ตารางที่ 2.5 แสดงสัญลักษณ์ที่ใช้ ในงานเขียนแบบ
83
ตารางที่ 2.6 แสดงสัญลักษณ์การเขียนชื่อและหมายเลขอ้ างอิงของรูป
ตารางที่ 2.7 แสดงการเขียนสัญลักษณ์กากับวัสดุและระดับ พื ้น ผนัง ฝ้า สัญลักษณ์
ความหมาย หมายเลขวัสดุ และโครงสร้ างพื ้น แสดงในผัง ในสี่เหลี่ยมคือหมายเลขวัสดุพื ้น ตัวเลขกากับหมายถึง ระดับของพื ้น ในส่วนนัน้ (ผิววัสดุปพู ื ้น) วัดจาก ระดับ ± 0.00แสดงในผัง
หมายเหตุ ตัวเลขแสดงด้ วยตัวอักษรขนาด เล็ก สัญลักษณ์สี่เหลี่ยมใช้ เส้ นบาง ตัวเลขแสดงด้ วยตัวอักษรขนาด เล็ก สัญลักษณ์สี่เหลี่ยมใช้ เส้ นบาง
หมายเลขกากับประตู แสดง ตัวเลขแสดงด้ วยตัวอักษร ในผัง, รูปตัด, รูปด้ าน ขนาดเล็ก สัญลักษณ์ใช้ เส้ น บาง
84
ตารางที่ 2.7 (ต่อ) สัญลักษณ์
ความหมาย หมายเลขกากับวัสดุและ โครงสร้ างของผนัง แสดงในรูปด้ าน ในวงรี คือหมายเลขวัสดุฝ้า เพดานตัวเลขกากับหมายถึง ความ สูงพื ้นถึงฝ้าเพดานในส่วนนันแสดง ้ ในผัง ระดับของพื ้นห้ อง หรื อที่วา่ ง แสดงในผัง และรูปตัด ระดับเฉพาะส่วน แสดงในรูป ด้ าน รูปตัด หมายเลขห้ อง (ถ้ ามี) มักใช้ เป็ น ระบบตัวหน้ าหมายถึงหมายเลขชัน้ สองตัวหลังหมายถึงหมายเลขชื่อ ห้ อง
หมายเหตุ ตัวเลขแสดงด้ วยตัวอักษร ขนาดเล็ก สัญลักษณ์ใช้ เส้ น บาง ตัวเลขแสดงด้ วยตัวอักษร ขนาดเล็ก สัญลักษณ์ใช้ เส้ น บาง
ตัวเลขแสดงด้ วยตัวอักษร ขนาดเล็ก สัญลักษณ์ใช้ เส้ น บาง ตัวเลขแสดงด้ วยตัวอักษร ขนาดเล็ก สัญลักษณ์ใช้ เส้ น บาง ตัวเลขแสดงด้ วยตัวอักษร ขนาดเล็ก สัญลักษณ์ใช้ เส้ น บาง
การเขียนชื่อห้ องในผัง ชื่อห้ องจะมีขนาดใหญ่กว่าตัวอักษรทัว่ ไป วางไว้ ที่ตาแหน่งกลาง ห้ อง มีเบอร์ กากับวัสดุพื ้น, ระดับพื ้น, สัญลักษณ์กากับฝ้าเพดานอยู่ด้านล่าง โดยจะจัดรวมไว้ เป็ น กลุม่ ก้ อนไม่กระจัดกระจายหากห้ องเล็กไม่มี่ที่เขียนก็จะใช้ เส้ นชี ้มาแสดงชื่อห้ องในทีว่างใกล้ ๆหาก มีห้องซ ้าๆ กับจะใช้ ตวั เลขกากับด้ วย เช่น ห้ องนอน 1 ห้ องนอน 2ในรูปตัด ไม่จาเป็ นต้ องแสดงพื ้น สัญลักษณ์ พื ้น และระดับ เนื่องจากแสดงในผังอยู่แล้ ว และมีเครื่ องหมายกากับ และบอกระดับ ของพื ้นอาคารอยูแ่ ล้ ว
ภาพที่ 2.123 ตัวอย่างระบบการเขียนชื่อห้ อง
85
ภาพที่ 2.124 ตัวอย่างการใส่ชื่อห้ องแบบรวม
ภาพที่ 2.125 ตัวอย่างการใส่ชื่อห้ องระบบกล่อง สามารถเลือกใช้ แบบใดก็ได้ ตามความเหมาะสมของโครงการ แต่ควรใช้ ให้ เหมือนกัน แบบระบบกล่องมีข้อดีคืออ่านแบบได้ ง่ายชัดเจน แต่ก็มีข้อเสียคือในแบบมาตราส่วนเล็กๆ จะมีที่ ว่างไม่เพียงพอที่จะใส่กล่องข้ อความ บางครัง้ เส้ นของกล่องจะไปทับกับเส้ นจริ งในแบบทาให้ เกิด ความผิดพลาดในการอ่านแบบ ตารางที่ 2.8 แสดงสัญลักษณ์อื่นๆ สัญลักษณ์
ความหมาย แสดงทิศเหนือในผัง
การแก้ ไขในแบบ แสดงระดับดินในผัง เส้ นประแดงระดับเดิม เส้ นทึบแสดงระดับที่ต้องการ ปรับปรับ
หมายเหตุ การเขียนผังพื ้น และผังบริเวณใน แบบสถาปั ตยกรรม ต้ องแสดงทิศ เหนือกากับเสมอ เส้ นหนา
86
ตารางที่ 2.9 แสดงสัญลักษณ์แสดงการอ้ างอิงพิกดั สัญลักษณ์
สัญลักษณ์
ความหมาย เครื่ องหมายกากับแนวเสา
หมายเหตุ ตัวเลขแสดงด้ วยตัวอักษรขนาด กลาง (0.3-0.5)สัญลักษณ์ใช้ เส้ น บาง
ความหมาย เครื่ องหมายกากับระดับพื ้น ในรูปตัด และแบบขยายเพื่อ อ้ างอิงในการให้ มิติใช้ แสดงเพื่อ อ้ างอิงในการให้ มิติ
หมายเหตุ
หมุดเขต
ที่มา : http://www.smilehomes.com 2.3.1.4 องค์ ประกอบของการเขียน Dimension 1) การให้ มิตริ ะยะ (Dimension) ในการเขียนแบบ มี 3 ส่ วนดังนี ้ 1.1) ตัวอักษรกากับมิติ (Dimension Lettering) 1.2) เส้ นมิติ (Dimension Line) 1.3) เส้ นฉาย (Extension Line)
ภาพที่ 2.126 ภาพตัวอย่างการให้ มิติระยะ Dimension ที่มา : http://xn--22cj8cbfa7c9g3a2ipa.blogspot.com/2012/08/2.html 2) ตัวอักษรกากับมิติ (Dimension Lettering) วางกึ่งกลางของเส้ นมิติ โดยวางขนานในทิศทางเดียวกันกับเส้ นมิติ และวางอยู่ เหนือ เส้ นมิติเล็กน้ อยขนาด แบบอักษร ควรใช้ แบบมาตรฐานเดียวกัน และใช้ หน่วยวัด (unit) เดียวกัน
87
2.1) ตัวเลขในเส้ นมิตใิ ช้ ขนาดเล็ก คือ 0.18-0.25 (ขนาดเดียวกับคาอธิบาย) ไม่ควร ตัดเลขศูนย์หลังทศนิยมออก เช่น 2 เมตร ควรแสดงด้ วยเลข 2.00 ไม่ใช่ 2 เฉยๆ 3) เส้ นมิติ (Dimension Line)แสดงด้ วยเส้ นบาง ให้ มีความแตกต่างจากเส้ นแสดง วัตถุควรวางไว้ ในตาแหน่งที่ไม่ชิด หรื อห่างจากเส้ นแสดงวัตถุมากเกินไป โดยปกติแล้ วจะมี ระยะห่างประมาณ 0.75-1 ซม. 3.1) เส้ นฉาย (Extension Line) ในการเขียน Dimension ต้ องมีเส้ นฉายด้ วยเสมอ แสดงด้ วยเส้ นบาง ให้ มีความแตกต่างจากเส้ นแสดงวัตถุควรลากให้ เข้ าใกล้ รูป หรื อส่วนที่แสดง ระยะเพื่อให้ ร้ ูตาแหน่งในการวัดที่แน่นอน 3.2) เส้ นฉายต้ องไม่ลากตัดเส้ นมิติโดยเด็ดขาด เพราะจะทาให้ การอ่านแบบ ผิดพลาดได้
ภาพที่ 2.127 ตัวอย่างการจัดวาง Dimension ในผังพื ้น ที่มา : http://xn--22cj8cbfa7c9g3a2ipa.blogspot.com/2012/08/2.html
ภาพที่ 2.128 ตัวอย่าง Dimension ถูกและผิด ที่มา : http://xn--22cj8cbfa7c9g3a2ipa.blogspot.com/2012/08/2.htm
88
ภาพที่ 2.129 การใช้ สญ ั ลักษณ์กากับปลายเส้ นมิติ ที่มา : http://xn--22cj8cbfa7c9g3a2ipa.blogspot.com/2012/08/2.html
ภาพที่ 2.130 ตัวอย่างการใช้ เครื่ องหมายกากับระยะผสมกันอย่างเป็ นระบบ ที่มา : http://xn--22cj8cbfa7c9g3a2ipa.blogspot.com/2012/08/2.html 2.3.1.4 การเขียนมิตใิ นผังพืน้ 1) ระบบกริด (Grid System) ระบบกริดใช้ อ้างอิงตาแหน่งโครงสร้ าง เช่น เสา ผนังรับ น ้าหนัก มีประโยชน์คือ 1.1) ทาให้ ผ้ อู า่ นสามารถรู้ตาแหน่งได้ ทนั ที่ทงในผั ั ้ ง รูปตัด, รูปด้ าน, และแบบขยาย 1.2) ใช้ อ้างอิงในการให้ ระยะ ในส่วนต่างๆ ทังในแบบ ้ และในงานก่อสร้ าง
89
ภาพที่ 2.131 การใช้ สญ ั ลักษณ์กากับเสาในแปลน ที่มา : http://xn--22cj8cbfa7c9g3a2ipa.blogspot.com/2012/08/2.html
ภาพที่ 2.132 การอ้ างอิงระยะในแบบจากตาแหน่งกึ่งกลางเสา ที่มา : http://xn--22cj8cbfa7c9g3a2ipa.blogspot.com/2012/08/2.html 2.3.1.5 สัญลักษณ์ กากับแนวเสา (Grid Notation) สัญลักษณ์กากับแนวเสา กับอยู่ที่ปลายด้ านของเส้ นกากับแนวเสาในแนวระดับ และ ในแนวดิง่ เป็ นตัวอักษรและตัวเลข อยูใ่ นวงกลม มีเส้ นที่ปลาย คล้ ายลูกโป่ ง สัญลักษณ์กากับแนวเสาในแนวระดับควรใช้ เป็ นตัวเลข เรี ยงลาดับจากซ้ ายไปขวา เส้ นกริ ดในแนวระดับใช้ เป็ นตัวอักษร ควรใช้ เป็ นตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวใหญ่ (Capital Letter) และควรหลีกเลี่ยงตัว O (โอ) และ I (ไอ)
90
สัญลักษณ์กากับแนวเสา โดยปกติแล้ วจะเขียนกากับไว้ ที่ด้านเดียว คือในแนวระดับ มักจะอยูด่ ้ านบน และในแนวดิ่งถ้ าไว้ ด้านซ้ ายควรกาหนดให้ เรี ยงจากบนลงล่าง ถ้ าไว้ ด้านขวาควร กาหนดให้ เรี ยงจากล่างขึ ้นบน เพื่อให้ ได้ ตวั อักษรเรี ยงกันในรูปด้ าน และรูปตัด มีข้อแนะนาว่าหากไว้ ด้านขวาจะทาให้ อ่านแบบได้ ง่ายกว่าเมือเย็บเล่มแบบ ซึง่ ตรงกับ มาตรฐานของ ISO ในบางโครงการจะวางไว้ สญ ั ลักษณ์กากับแนวเสาที่ปลายทัง้ 2 ด้ านก็ได้ เพื่อ ความสะดวกในการอ่านแบบ 2.3.1.6 เส้ นกากับแนวเสา (Column Line) เส้ นกากับแนวเสาจะแสดงหรื อไม่ก็ได้ ถ้ าแสดงจะลากผ่านเข้ าไปในแบบ หรื อหยุดให้ เข้ า ใกล้ แบบให้ มากที่สดุ โดยปกติจะแสดงเส้ นกากับแนวเสาไว้ ที่กึ่งกลางของเสา แต่ไม่จาเป็ นเสมอไป ในบาง กรณีหรื อในบางโครงการจะอยู่ที่ข อบก็ได้ ขึ ้นอยู่กบั วิธีการก่อสร้ าง เช่นเสาต้ นทีชิดขอบที่ดิน อาจจะแสดงเส้ นกากับไว้ ที่ขอบ เพื่อกาหนดแนวเริ่มต้ นในการก่อสร้ าง ใช้ เส้ นบางกว่าเส้ นแสดงวัตถุหากมีแนวเสาเพิ่มขึ ้นมาระหว่างเสา 2 ต้ นให้ ใช้ เป็ นจุด ทศนิยม เช่นระหว่างเสาแนวที 4 กับ 5 ใช้ 4.5 และระหว่าง B กับ C ใช้ C.5
ภาพที่ 2.133 แสดงขนาดและรูปแบบของ สัญลักษณ์กากับแนวเสา ที่มา : http://xn--22cj8cbfa7c9g3a2ipa.blogspot.com/2012/08/2.html
91
ภาพที่ 2.134 การเขียนเส้ นกากับแนวเสาต่อเนื่องกับการให้ ระยะโครงสร้ าง และสัญลักษณ์ กากับแนวเสา ที่มา : http://xn--22cj8cbfa7c9g3a2ipa.blogspot.com/2012/08/2.html 2.3.1.7 ระบบพิกัด (Coordinate System) ระบบพิกดั ใช้ ระบุตาแหน่งของอาคารในการเขียนผังบริ เวณจะต้ องระบุตาแหน่งของ อาคารทังในแนวระนาบและแนวดิ ้ ่ง ใน แนวระนาบระบุตาแหน่งของอาคารโดยอ้ างอิงจากมุมใด มุมหนึ่งถึงหมุดเขตที่ดินเพื่อให้ สามารถกาหนดแนวจุดเริ่ มต้ นได้ และต้ องกาหนดค่าความสูงของ พื ้นระดับต่างๆของอาคารอ้ างอิงจากระดับสมมติ ± 0.00 ซึง่ สัมพันธ์ กบั ระดับสารวจ (Survey Datum)
ภาพที่ 2.135 การกาหนดตาแหน่งอาคารและระดับพื ้น ในผังบริเวณ ที่มา : http://xn--22cj8cbfa7c9g3a2ipa.blogspot.com/2012/08/2.html
92
2.3.1.8 สัญลักษณ์ ประตู –หน้ าต่ าง รูปประตูหน้ าต่างในการเขียนแบบก่อสร้ างเป็ นการแสดงด้ วยสัญลักษณ์ภาพ ไม่ต้อง แสดงรายละเอียดมากเกินจาเป็ น
ถ้ าผู้อ่านต้ องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมจะไปดูได้ จาก
รายการตารางแบบขยายประตู -หน้ าต่าง สัญลักษณ์ภาพประตูหน้ าต่างจะแสดง ทิศทางการปิ ด เปิ ดด้ วย บานเปิ ดแสดงแนวการเปิ ดเป็ นเส้ นโค้ งมีจดุ หมุนในด้ านที่เป็ นบานพับ ในบานเลื่อนแสดง ลูกศร แบบมาตราส่วนเล็ก ตังแต่ ้ 1:100 ลงไป อาจจะแสดงตัวบานเป็ นเส้ นเดียวก็ได้ แบบมาตรา ส่วน 1:50 จะแสดงตัวความหนาของตัวบานเป็ นเส้ นคู่ ตามจริ งได้ เมื่อต้ องการเขียนรายละเอียด มากขึ ้นจะนาไปเขียนเป็ นแบบขยาย แบบมาตราส่วนใหญ่กว่า 1:25 ขึ ้นไปจึงจะแสดงรายละเอียด ได้ มาก เช่น แนวบากในวงกบ คิ ้ว เป็ นต้ น
ภาพที่ 2.136 แสดงสัญลักษณ์ประตูหน้ าต่าง ที่มา : http://www.share4yotha.org/board/thread-1972-1-1.html 2.3.1.9 สัญลักษณ์ วัสดุ (Material Symbols) 1) สัญลักษณ์ วัสดุเป็ นลวดลายตัวแทนวัสดุท่ ใี ช้ ในการก่ อสร้ าง ทeให้ เกิดความ แตกต่างขึ ้นในแบบการแสดงสัญลักษณ์ที่ใช้ ในส่วนที่ถกู ตัด (ในผังหรื อรู ปตัด ) จะแตกต่างกับที่ แสดงในส่วนที่เห็นเป็ นรูปด้ าน (ในผังหรื อรูปด้ าน) 2) การแสดงสัญลักษณ์ วัสดุอย่ างเดียวกัน อาจจะใช้ ให้ สญ ั ลักษณ์ที่แตกต่างกัน ระหว่างแบบที่ใช้ มาตราส่วนเล็ก (Scale 1:100) และมาตราส่วนใหญ่ (1:25 ขึ ้นไป)
93
ในแบบมาตราส่วนเล็กต้ องไม่แสดงสัญลักษณ์วสั ดุที่มากเกินไป ในแบบมาตราส่วนใหญ่ ต้ องแสดงสัญลักษณ์ให้ มาเพียงพอ 3) การแสดงสัญลักษณ์ วัสดุในมักใช้ ประกอบลงไปในแบบเพียงบางส่ วน เพื่อลด ความสับสนของเส้ นสายในแบบ เช่น สัญลักษณ์ของดิน คอนกรี ต เหล็ก ผนังก่ออิฐ เป็ นต้ น 4) เส้ นที่ใช้ แสดงลวดลาย จะใช้ น้าหนักเส้ นบางที่สุด เพื่อไม่ให้ รบกวนเส้ นจริ ง และ เส้ นมิติ โดยเมื่อคิดเทียบจากการเขียนแบบด้ วยกระดาษ มักจะใช้ เส้ นดินสอหรื อปากกาเขียนแบบ เบอร์ เล็กที่สดุ บางทีจะเขียนที่ด้านหลังของกระดาษไขเพื่อให้ ลบ ขูด แก้ ไขได้ ง่าย 5) ในรู ปด้ านควรแสดงวัสดุเฉพาะส่ วนที่มีลวดลายเป็ นพิเศษ ไม่ต้องแสดงวัสดุถ้า ใช้ วสั ดุเดียวกนทังหมด ้ และไม่มีลวดลาย 6) สัญลักษณ์ วัสดุในผัง และรูปด้ าน ของส่วนที่ไม่ถกู ตัดซึง่ มักแสดงเป็ น Pattern ของ วัสดุก่อสร้ างต่างๆ เช่น แนววัสดุที่ใช้ ปพู ื ้น, บุผนัง กระเบื ้อง หิน ไม่จาเป็ นต้ องแสดงสัญลักษณ์วสั ดุ ลงไปในพื ้นที่แบบทังหมด ้ ควรแสดงวัสดุเป็ นบางส่วนเฉพาะรอบๆ หรื อปลายพื ้นที่เพื่อให้ อ่านแบบ ง่าย และมีที่ว่างสาหรับการเขียนระยะและการระบุรายละเอียดต่างๆต้ องแสดงรายการสัญลักษณ์ ที่ใช้ ในการเขียนแบบ เป็ นตารางประกอบอยูใ่ นชุดแบบด้ วย
ภาพที่ 2.137 รายการสัญลักษณ์ที่ใช้ ในการเขียนแบบ ที่มา : http://thaihomeplan.mymarket.in.th/howdwg.html
94
ภาพที่ 2.138 การเขียนรูปด้ านและผัง โดยแสดงวัสดุเพียงบางส่วน และไม่แสดงเงาเพื่อให้ มี ที่วา่ งในการให้ สญ ั ลักษณ์ คาอธิบายต่างๆ ที่มา : http://thaihomeplan.mymarket.in.th/howdwg.html ตารางที่ 2.10 แสดงสัญลักษณ์ของวัสดุตา่ งๆ ในรูปตัด
95
ตารางที่2.11 แสดงการเขียนผนังแบบต่าง
จากตารางให้ สงั เกตว่าการเขียนแบบในมาตราส่วนใหญ่และมาตราส่วนเล็ก การแสดง วัสดุจะต่างกัน ข้ อผิดพลาดที่พบบ่อยในการเขียนแบบด้ วยคอมพิวเตอร์ คือแสดงสัญลักษณ์วสั ดุมา หรื อน้ อยเกินไป เนื่องจากในการเขียนด้ วยโปรแกรม CAD ต่างๆ เราใช้ ขนาดจริ งในการเขียน และ ย่อขนาดลงเมื่อ Plot งาน ดังนันเราต้ ้ องพิจารณาให้ รอบคอบอยู่เสมอว่าจะนาแบบที่ทาไปใช้ ใน Output อย่างไร มาตราส่วนเท่าไร และใส่รายละเอียดให้ เหมาะสมกับ Output ที่จะนาไปใช้ 2.3.1.10 กระดาษมาตรฐาน (Standard Sheet) ขนาดกระดาษมาตรฐานถูกกาหนดโดยมาตรฐาน ม.อ.ก.33-2516 ซึง่ สอดคล้ องกับ มาตรฐาน ISO (International Standard Organization) ขององค์การมาตรฐานโลกและมาตรฐาน ANSI (American National Standard Institue)
96
ภาพที่ 2.139 แสดงขนาดกระดาษ ที่มา : https://sites.google.com/site/arc257rsu/lecture-list/drawing-standard/drawingPaper ขนาดกระดาษมาตรฐานจะเป็ นส่วนกัน เพื่อความสะดวกในการลด,ขยาย การพับเก็บ, การเข้ าเล่มและค้ นหา, การถ่ายเอกสาร ย่อขยายเมื่อพับครึ่งกระดาษทางด้ านยาวก็จะได้ กระดาษ เป็ นขนาดที่รองลงมากระดาษ A0 มีขนาดเท่ากับ 841 mm. x 118 mm.จะเท่ากับ 1 ตร.ม. พอดี 2.3.1.11 การวางรูปหน้ ากระดาษ 1) ประกอบด้ วย 3 ส่วน 2) ขอบสาหรับเข้ าเล่ม 3) พื ้นที่แสดงแบบ (Drawing Area) 4) กรอบบอกชื่อ, รายการแก้ ไข, หมายเหตุ (Title Block)
ภาพที่ 2.140 แสดงการวางรูปหน้ ากระดาษ ที่มา: https://sites.google.com/site/arc257rsu/lecture-list/drawing-standard/drawingpaper
97
2.3.1.12 พืน้ ที่แสดงแบบ (Drawing Area) 1) พืน้ ที่ข้อความ, คาอธิบาย และรู ปที่สาคัญควรจัดให้ เป็ นกลุม่ เป็ นระเบียบ เรี ยบร้ อย จัดอยูด่ ้ านขวาของแผ่น เพื่อความสะดวกในการค้ น เมื่อมีการจัดชุดหรื อเย็บเล่ม 2) ในการเขียนแบบก่ อสร้ าง จะบรรจุแบบ และข้ อความต่ างๆ ลงไปให้ พอดี แผ่ น ไม่แน่น หรื อมีที่วา่ งมากเกินไป 3) จานวนแผ่ นควรจะน้ อยที่สุดเพื่อความประหยัด แต่ก็ไม่ควรนาเอาแบบที่ไม่ เกี่ยวเนื่องกันมาบรรจุรวมไว้ ในแผ่นเดียวกัน 4) ปั ญหาเรื่องแบบแน่ นเกินไป หรือมีท่ วี ่ างมากเกินไป สามารถแก้ ไขได้ โดยการ จัดระบบไว้ ลว่ งหน้ า
ภาพที่ 2.141 ตัวอย่างแสดงการจัดหน้ ากระดาษในแบบTitle Block ที่มา : https://sites.google.com/site/arc257rsu/lecture-list/drawing-standard/drawingPaper 2.3.1.13 ขนาดตัวอักษรที่แนะนาให้ ใช้ ขนาดตัวอักษรต้ องเป็ นระบบเหมือนกันในแบบ 1 ชุด ตัวอักษรไม่ควรมีเกิน 4 ขนาด ในแบบ 1 โครงการ
98
ตารางที่2.12 แสดงขนาดตามมาตรฐานการเขียนแบบด้ วยคอมพิวเตอร์
ตัวอักษรตามมาตรฐานที่เล็กที่สดุ เมื่อเขียนด้ วยมือคือ 3.2 มม. สาหรับ CAD คือ 2.4 มม. ซึง่ มีจดุ ประสงค์เพื่อจะสามารถอ่านได้ เมื่อมี่การย่อแบบ ในกรณีที่แบบอยู่ในกระดาษขนาดเล็ก และมีรายละเอียดมาก และจะไม่มีการนาไปใน การย่อขนาด จึงอนุโลมให้ ใช้ ขนาดดังนี ้แทน ***ไม่ควรลดขนาดตัวอักษร และสัญลักษณ์ลงเมื่อลดมาตราส่วนในการเขียนแบบลงโดย เด็ดขาด เพราะจะทาให้ อา่ นไม่ได้ และขาดความเป็ นระเบียบเรี ยบร้ อย*** ขนาดตัวอักษรตัวอักษรมาตรฐานภาษาไทย ของ มอก. ระบุให้ ใช้ อกั ษรไทยคือ ขนาด 0.25 3.5 5.0 7.0 10 14 20 ซม.
ภาพที่ 2.142 แสดงการใช้ ขนาดตัวอักษรในแบบ 2.3.2 ภาพถ่ ายและภาพประกอบในการนาเสนอ 2.3.2.1 ภาพประกอบในงานสถาปั ตยกรรม สถาปั ตยกรรม (Architecture) คือสิ่งก่อสร้ างที่มนุษย์สร้ างขึ ้นเพื่อประโยชน์ใช้ สอยในรูปแบบต่างๆ ซึง่ มีทงประโยชน์ ั้ โดยตรง เช่น การสร้ างบ้ านเรื อนเพื่อการอยู่อาศัย ตึกขนาด ใหญ่เพื่อเป็ นสานักงาน โบสถ์วิหารเพื่อทากิจกรรมทางด้ านศาสนา สะพานหรื อทางด่วนสาหรับ
99
การสัญจรไปมา ฯลฯ และประโยชน์โดยทางอ้ อมเช่น การสร้ างอนุสาวรี ย์เพื่อการระลึก ถึงบุคคลหรื อเหตุการณ์สาคัญ การสร้ างสถูปเจดีย์เพื่อเป็ นสัญลักษณ์ทางศาสนา เป็ นต้ น ตัวของ สถาปั ตยกรรมเองถือเป็ นงานศิลปะที่แสดงออกด้ วยการก่อสร้ าง ซึง่ ยังนับรวมไปถึงการวางผังเมือง หรื อแผนผังของบริ เวณโดยรอบ การตกแต่งอาคาร การจัดสรรที่ว่างให้ เกิดประโยชน์ใช้ สอยได้ ตาม ความต้ องการ ความงดงามและคุณค่าของสถาปั ตยกรรม จึงขึ ้นอยู่กบั การจัดสรรที่ว่างให้ สมั พันธ์ กันของส่วนต่างๆ ทังภายในและภายนอก ้ การจัดรูปทรงทางสถาปั ตยกรรมให้ เหมาะกับประโยชน์ ใช้ สอยและสิ่งแวดล้ อม และการเลือกใช้ วสั ดุให้ เหมาะสมกลมกลืน ที่ยกความหมายของสถาปั ตยกรรมขึ ้นมาก่อนก็เพื่อให้ ชดั เจนและเข้ าใจตรงกันว่าสิ่งที่ เรากาลังจะถ่ายภาพกันอยู่นี ้ ขอบเขตมันครอบคลุมถึงตรงไหนซึง่ หากจะว่ากันตามตรงนอกจาก การถ่ายภาพสิง่ ก่อสร้ างนานาประเภทจากภายนอกแล้ ว การถ่ายภาพภายในอาคารหรื อที่เรานิยม เรี ยกทับศัพท์วา่ อินทีเรี ย (Interior) ก็นบั เป็ นส่วนหนึง่ ของการถ่ายภาพสถาปั ตยกรรมได้ เช่นกัน แต่การถ่ายภาพสถาปั ตยกรรมที่จะพูด (เขียน)ถึงต่อไปนี ้ ผู้เขียนขอแยกการถ่ายภาพ ประเภทอินทีเรี ยไว้ ต่างหากไม่นามารวมกัน เนื่องเพราะการถ่ายภาพอินทีเรี ย เองไม่ใช่เรื่ องเล็กๆ และมีเทคนิคปลีกย่อยมากมายอันแตกต่างไปจากการถ่ายภาพอาคารสถานที่จากภายนอก ส่วนการถ่ายภาพแบบตัดส่วนใดส่วนหนึ่ง (ครอป) ในมุมเล็กๆ ของสถาปั ตยกรรม ถ้ า หากว่าพื ้นที่มนั ไม่เล็กจนเกินไปก็อาจพอกล้ อมแกล้ มนับรวมเข้ าไว้ ในภาพถ่ายสถาปั ตยกรรมได้ เช่นกัน 2.3.2.2 การจัดแสงเบือ้ งต้ นในการถ่ ายภาพ การจัดแสงเพื่อใช้ ในการถ่ายทาภาพยนตร์ หรื อการถ่ายภาพ เป็ นสิ่งจาเป็ นที่สดุ จะขาด เสียมิได้ ไม่ว่าจะเป็ นการบันทึกภาพโดยอาศัยแสงธรรมชาติ (DAY LIGHT) เป็ นหลักในการ ถ่ายภาพก็ตาม ทังนี ้ ้เพราการจัดแสงเพื่อใช้ ในการถ่ายภาพ ได้ กาหนดจุดมุ่งหมายเพื่อให้ เป็ นไป ตามวัตถุประสงค์ของการจัดแสง หลายประการ คือ 1) การจัดแสงในหลักการขัน้ พืน้ ฐานเพื่อช่วยในการบันทึกภาพ 2) การจัดแสงเพื่อส่ งเสริ มให้ ส่ ิงที่ต้องการบันทึกภาพ (สิ่งที่ถ่าย) มีมิติที่สาม เกิดขึ ้น ซึง่ สามารถมองเห็นส่วนลึกของวัตถุ 3) การจัดแสงสามารถที่จะสร้ างให้ ภาพสามารถถ่ ายทอดอารมณ์ (MOOD) ของ เหตุการณ์ตา่ ง ๆ ภายในเนื ้อหาที่ต้องการ นาเสนอเป็ นภาพได้ ดียิ่งขึ ้น 4) การจัดแสง สามารถที่จะนามาใช้ กาหนดบรรยากาศของภาพ (ATMOSPHERE)
100
2.3.2.3 ทิศทางแสง สิ่งสาคัญที่สุดสาหรับการถ่ ายภาพสถาปั ตยกรรม จะว่าไปแล้ วทิศทางแสงถือเป็ นสิ่งสาคัญสาหรับการถ่ายภาพแทบจะทุกประเภทก็ว่า ได้ แต่กบั งานถ่ายภาพสถาปั ตยกรรมถือว่ามีความสาคัญมาก เพราะเราไม่สามารถเคลื่อนย้ าย สิ่งก่อสร้ างใดๆ ให้ อยู่ในจุดที่ต้องการได้ นักถ่ายภาพสามารถทาได้ เพียงค้ นหามุมที่ต้องการจะ ถ่ายภาพและรอถ่ายภาพนัน้ ในช่วงเวลาซึง่ มีทิศทางแสงที่เหมาะสม ซึง่ ก็คือแสงเฉียงเข้ าจากทาง ด้ านหน้ าของจุดที่จะถ่ายภาพ คุณสมบัติที่สาคัญของแสงเฉียงเข้ าจากทางด้ านหน้ าวัตถุก็คือ มันเป็ นแสงที่ให้ มิติและ รู ปทรงของวัตถุได้ ดีมาก สามารถกลบจุดอ่อนของภาพถ่ายซึง่ เป็ นสื่อสองมิติที่มีเพียงด้ านกว้ าง และด้ านยาว ให้ มองเห็นถึงมิติที่สามคือความลึกได้ ชดั เจนกว่าทิศทางแสงอื่นๆ แม้ จะต้ องแลกด้ วย รายละเอียดในส่วนที่เป็ นเงามืดไปบ้ างแต่ต้องถือว่าเป็ นการแลกเปลี่ยนที่ค้ มุ ค่า และเราสามารถ ลดความแตกต่างของแสงลงเพื่อให้ เห็นรายละเอียดในส่วนที่อยู่ในเงามืดได้ บ้าง ด้ วยการเลือก ถ่ายภาพในช่วงเวลาที่แสงมีความเข้ มน้ อย ก็คือโมงยามที่พระอาทิตย์เพิ่งจะพ้ นขอบฟ้า หรื อก่อน จะลาลับไป รวมไปถึงเวลาที่มีเมฆบางๆ มาบดบังดวงอาทิตย์ไว้ และถ้ าหากเป็ นการถ่ายแบบตัด ส่วนในมุมเล็กๆ ก็อาจใช้ แสงจากแฟลช จากแผ่นรี เฟล็กซ์ หรื อจากหลอดไฟประเภทต่างๆ เปิ ด รายละเอียดให้ เพิ่มขึ ้นได้ เช่นกัน ดังนัน้ ช่วงเวลาดีที่สดุ สาหรับการถ่ายภาพสถาปั ตยกรรมจึงเริ่ มตังแต่ ้ พระอาทิตย์ขึ ้น จนถึงเก้ าโมงเช้ า และหลังบ่ายสามจนถึงพระอาทิตย์ตก โดยเฉพาะงานสถาปั ตยกรรมประเภทวัด เจดีย์ และโบราณสถานต่างๆ ถ้ าได้ แสงสีทองๆ ของช่วงเช้ าหรื อเย็นมาอาบไล้ บนพื ้นผิว ก็จะยิ่ง ช่วยทาให้ สถาปั ตยกรรมนันดู ้ โดดเด่นมลังเมลืองมากยิ่งขึ ้น กับโบราณสถานบางแห่งหรื อตึกบาง หลังที่มีการยิงแสงสปอตไลท์เสริ มส่องในยามค่าคืน นัน่ ถือเป็ นโบนัสพิเศษของนักถ่ายภาพ ด้ วย การใช้ ช่วงเวลาก่อนฟ้าจะมืดสนิทเล็กน้ อยถ่ายภาพเก็บไว้ แม้ ว่าวันนันอาจจะเป็ ้ นวันที่มืดครึม้ ฟ้า ขาวซีดตลอดทังวั ้ น แต่มนั จะมีช่วงเวลาสันๆ ้ ราวสิบนาทีหลังพระอาทิตย์ตก ที่ฟ้า จะเปลี่ยนเป็ นสีน้าเงินเข้ มก่อนจะกลายเป็ นสีดาสนิทของยามรัตติกาล แม้ มนั เป็ นคู่สี ตรงกันข้ ามแต่ก็เข้ ากันได้ ไปกันดีกบั สีเหลืองจากไฟสปอตไลท์
101
2.3.2.4 ข้ อจากัดการใช้ เลนส์ กล้ องและชนิดของเลนส์ โดยทัว่ ไปแล้ วจะแบ่งช่วงของเลนส์เป็ น 3 ช่วงคือ มุมกว้ าง (Wide Angle) มาตรฐาน (Normal) และ ถ่ายไกล (Telephoto) โดยจะแบ่งจากทางยาวโฟกัสเทียบกับเส้ นทะแยงมุมของ Image Sensor 1) เลนส์ถ่ายไกล (Telephoto lens) คือทางยาวโฟกัสมากกว่าเส้ นทะแยงมุม ก็จะเป็ น เลนส์ถ่ายไกล (Telephoto lens) 2) เลนส์ระยะมาตรฐาน (Normal lens) คือทางยาวโฟกัสเท่ากับเส้ นทะแยงมุม ก็จะ เป็ น เลนส์ระยะมาตรฐาน(Normal lens) 3) เลนส์มมุ กว้ าง (Wide angle lens) คือทางยาวโฟกัสน้ อยกว่าเส้ นทะแยงมุม ก็จะ เป็ น เลนส์มมุ กว้ าง(Wide angle lens) ซึง่ จากขนาดฟิ ล์มที่ 24*36 มม. ก็จะได้ เส้ นทะแยงมุมเท่ากับ 43 มม. แต่จายาก เลย กาหนดซะ ที่ 50 มม. ให้ ถือว่าเป็ นเลนส์ช่วงมาตรฐาน จะได้ จากันง่ายๆ ซึง่ ก็จะทาให้ กาหนดได้ คร่าวๆ ว่าตังแต่ ้ ราวๆ 40 มม. ลงไป เป็ นช่วง มุมกว้ าง (Wide) เช่น 35mm , 20mm , 8mm 40 - 60 มม. เป็ นช่วง มาตรฐาน (Normal) เช่น 40mm , 50mm , 60mm มากกว่า 60 มม. เป็ นช่วง ถ่ายไกล (Tele) เช่น 85mm ,100mm , 300mm,600mm
ภาพที่ 2.143 แสดงภาพทางยาวโฟกัสของเลนส์ และ องศารับภาพ ที่มา : http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=jyhorseman&group=22 2.3.2.5 เทคนิคการจัดองค์ ประกอบการถ่ ายภาพ 1) การจัดองค์ ประกอบแบบใช้ กฎอัตราส่ วนกฎ 3 ส่ วน (Rule of Third) กฎ สามส่วน กล่าวไว้ ว่า ไม่ว่าภาพจะอยู่แนวตังหรื ้ อแนวนอนก็ตาม หากแบ่งภาพ นันออกเป็ ้ นสามส่วน ทังตามแนวตั ้ งและแนวนอน ้ แล้ วลากเส้ นแบ่งภาพทังสามเช่ ้ น จะเกิดจุดตัด
102
กันทังหมด ้ 4 จุด ซึง่ จุดตัดของเส้ นทังสี ้ ่นี ้ เป็ นตาแหน่งที่เหมาะสมสาหรับการจัดวางวัตถุที่ต้องการ เน้ นให้ เป็ นจุดเด่น หลัก ส่วนรายละเอียดอื่นๆนัน้ เป็ นส่วนสาคัญที่รองลงมา
ภาพที่ 2.144 ภาพจุดตัด 4 จุด ที่มา : http://www.100ydesign.com/column.php?id=000294]
ภาพที่ 2.145 ภาพตัวอย่างการใช้ กฎสามส่วน แบ่งสัดส่วนพื ้นที่ 1:3 และ 2:3 ที่มา http://www.100ydesign.com/column.php?id=000294
ภาพที่ 2.146 ภาพการใช้ กฎสามส่วน โดยนาจุดสนใจของภาพไปวางบริเวณจุดตัด ที่มา http://www.100ydesign.com/column.php?id=000294
103
2) การจัดองค์ ประกอบแบบใช้ กฎอัตราส่ วนทองคา (Golden Mean) การจัดองค์ประกอบแบบใช้ กฎอัตราส่วนทองคา เป็ นการนาอัตราส่วนตามทฤษฎี เรขาคณิตและตารางปี ทาโกเรี ยน (Pythagorean Table) ของปี ทาโกรัสมาประยุกต์ใช้ กบั งานด้ าน ศิลปะและงานด้ านสถาปั ตยกรรม โดยนักเรขาคณิตชาวกรี กในค่าÖ(Phi) ทฤษฎีการวางสัดส่วน เหล่านี ้เป็ นที่ยอมรับ ว่าเป็ นสูตรสาเร็จแห่งความสวยงามและลงตัวที่ใช้ กนั มาจนปั จจุบนั นี ้ ภายใต้ กฎหรื อทฤษฎีที่เรี ยกว่า Golden Mean ซึง่ ประกอบด้ วย Golden Section, Golden Sptralและ Golden Trangle 2.1) ภาพการใช้ กฎสามส่วนแบบ Golden Triangle ภาพการใช้ กฎสามส่วน แบบ Golden Triangle คือ การลากเส้ นหลักจากมุมหนึง่ ของรูปไปยังอีกมุมของรูป แล้ วก็ลากเส้ นจากมุมที่เหลือมาตังฉากกั ้ บเส้ นหลัก ก็จะได้ กฎที่เรี ยกว่า Golden Triangle
ภาพที่ 2.147 ภาพการใช้ กฎสามส่วนแบบ Golden Triangle ที่มา http://www.100ydesign.com/column.php?id=000294 2.2) ภาพการใช้ กฎสามส่วนแบบ Golden Spiral ภาพการใช้ กฎสามส่วนแบบ Golden Spiral คือ เส้ นโค้ งตามแนวเส้ นทแยงมุม ของสี่เหลี่ยมจากรูปในสุดวนออกมาจะได้ เส้ นโค้ งที่เรี ยกกันว่า golden spiral เป็ นลักษณะของเส้ น โค้ งที่พบได้ ในธรรมชาติมากมายเช่นเปลือกหอยที่เห็นในวิดีโอ รอยหยักบนดอกกะหล่า หรื อแม้ แต่ ตาสับปะรด
104
ภาพที่ 2.148 ภาพการใช้ กฎสามส่วนแบบ Golden Spiral ที่มา http://www.100ydesign.com/column.php?id=000294 2.3.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการนาเสนองาน 2.3.3.1 โปรแกรมที่เกี่ยวข้ องกับงานกราฟิ ก ประเภทของรู ปภาพบนคอมพิวเตอร์ ภาพกราฟิ กสามารถแบ่ งได้ เป็ น 2 แบบคือ ภาพกราฟิ กบิตแมป(Bitmap Graphics) รูปภาพที่เรี ยกว่า Bitmap หมายถึง ภาพที่ ประกอบด้ วยจุดสี่เหลี่ยม (Pixel) มาเรี ยงต่อเนื่องกันเป็ นภาพ ดังนันภาพที ้ ่มีความละเอียดสูงหรื อมี จานวน Pixels ที่สงู เมื่อทาการขยายเข้ าไปดูใกล้ ๆ ภาพที่มองเห็นก็จะคมชัดเหมือนเดิม ไม่แตก หรื อมองเห็นเป็ นรูปสี่เหลี่ยม รูปภาพประเภท bitmap เหล่านี ้ได้ แก่รูปภาพถ่ายทัว่ ๆ ไปที่ได้ จาก กล้ องดิจิตอลหรื อโทรศัพท์มือถือ ภาพกราฟิ กเวกเตอร์ (Vector Graphics) คือ ภาพที่เกิดจากการกาหนดพิกดั และการ คานวณค่าบนระนาบสองมิติ รวมทังมุ ้ มและระยะทาง ตามทฤษฎีเวกเตอร์ ในทางคณิตศาสตร์ ใน การก่อให้ เกิดเป็ นเส้ นหรื อรูปภาพ ซึง่ รูปภาพที่ใช้ เส้ นและความโค้ งในการสร้ างภาพ การแก้ ไขภาพ ด้ วยการย่อหรื อขยาย จะไม่มีผลทาให้ ภาพนันเสี ้ ยหาย รูปภาพที่สร้ างจากโปรแกรม Vector นี ้ ส่วนมากจะเป็ นภาพในลักษณะการ์ ตนู ไม่ใช่ภาพถ่ายโดยทัว่ ไปข้ อดีคือ ทาให้ สามารถย่อขยายได้ โดยคุณภาพไม่เปลี่ยนแปลง ข้ อเสียคือภาพไม่เหมือนภาพจริ งเป็ นได้ เพียงภาพวาด หรื อใกล้ เคียง ภาพถ่ายเท่านัน้ ข้ อมูลภาพพวกนี ้ ได้ แก่ ไฟล์สกุล eps, ai (Adobe Illustrator) เป็ นต้ น โหมดสีในงานคอมพิวเตอร์ (Color Modes) เมื่อกล่าวถึงคอมพิวเตอร์ กราฟิ ก สิ่งที่ต้องคานึงถึงอันดับแรกก็คือ เครื่ องคอมพิวเตอร์ ที่ ใช้ ในการทาภาพกราฟิ ก และก่อนที่เราจะใช้ เครื่ องคอมพิวเตอร์ นนเป็ ั ้ นเครื่ องมือในการผลิตวัสดุ
105
กราฟิ กในรู ปแบบต่างๆ เราควรจะทราบถึงระบบสีในงานคอมพิวเตอร์ , การเกิดภาพกราฟิ กใน คอมพิวเตอร์ , รูปแบบไฟล์ภาพกราฟิ ก เพื่อเป็ นพื ้นฐานในการใช้ คอมพิวเตอร์ เป็ นเครื่ องมือในการ ผลิตวัสดุกราฟิ กในรูปแบบต่างๆ ต่อไป ซึง่ โหมดสีในงานคอมพิวเตอร์ มีดงั นี ้ RGB (Red, Green, Blue) ระบบสีในจอมอนิเตอร์ ทั่วไปที่เราใช้ กัน
มีการแสดงผลผ่านหลอดลาแสงที่เรี ยกว่า
Cathode ray tube (CRT) เนื่องจาก CRT สื่อสารผ่านลาแสงโดยมีระบบสีแบบ red-green-blue (RGB) ในการแสดงผล...ซึง่ การรวมตัวของแม่สีทงสามจะท ั้ าให้ เกิดแสงสีขาว จอมอนิเตอร์ นนจะ ั้ แสดงสีทกุ สีออกมาโดยการผสมสีของแสงสีแดง เขียว และน้ าเงิน ระบบสีแบบนี ้เรี ยกว่า ระบบสี RGB (Red Green Blue) เป็ นแสงหลักที่ผสมเท่าๆ กันจะได้ แสงสีขาว หรื อเรี ยกว่า additive color model (ระบบสีบวก) หรื อเรี ยกว่าสีขนที ั ้ ่ 1 หรื อถ้ านาเอา Red Green Blue มาผสมครัง้ ละสองสี ระบบสี RGB นันจะไม่ ้ มีสีดา ลักษณะของสีในระบบนี ้จะเป็ นสีทึบ แต่สดใส มีสีให้ เลือกมาก ให้ สี บนจอภาพเหมือนจริง
ภาพที่ 2.149 ตัวอย่างภาพในโหมด RGB ที่มา : http://www.edu-mine.com/photoshop/lesson5_colormode.html CMYK (Cyan, Magenta, Yellow, Black) ถ้ าเป็ นในระบบทางการพิมพ์ เช่น หนังสือ หรื อสิ่งพิมพ์ตา่ งๆ ระบบสี CMYK เป็ นสีที่ได้ จากการ ผสมครัง้ ละ 2 สีจากระบบสี RGB หรื อเรี ยกว่า ระบบแม่สีลบ หรื อ subtractive color ซึง่ ประกอบ ไปด้ วยสี ไซแอน (Cyan) มาเจนต้ า (Magenta) และเหลือง (Yellow) หรื อเรี ยกว่าระบบสี CMY ซึง่ เมื่อผสมสีทงั ้ 3 สีนี ้แล้ วจะได้ สีดา (K) สีดาที่ได้ นี ้จะไม่ดาสนิท เป็ นสีเทาเข้ มๆ บางตาราระบบสี CMYK จะเรี ยกว่า N คือ Newton และถ้ าผสมกันที่ละ 2 สีจะได้ สีกลับเป็ นRGB ซึง่ มีความอิ่มตัว
106
ของสีน้อยลง ระบบสี CMYKนี ้มีลกั ษณะสีโปร่ง สว่าง นอกจากนี ้ขอบเขตของสีจะปรากฏแตกต่าง กันกับจอมอนิเตอร์ จอมอนิเตอร์ สามารถแสดงสีได้ สงู สุด 16.7 ล้ านสี ซึง่ น้ อยกว่าตาคนเราจะ สามารถมองเห็นได้ ส่วนในทางการพิมพ์จะอยู่ที่ระดับหมื่นสีเท่านัน้ ชุดสีนี ้ใช้ สาหรับ แยกสีทางการพิมพ์โดยเฉพาะ และนาไปพิมพ์ 4 สี เหมือนจริ งได้ เพิ่มสีดา เป็ นสีโปร่ ง ค่า มาตรฐานในการกาหนดการพิมพ์จะกาหนดเป็ น CMYK
ภาพที่ 2.150 ตัวอย่างภาพในโหมด CMYK ที่มา http://www.edu-mine.com/photoshop/lesson5_colormode.html 1) Adobe illustrator เป็ นโปรแกรมที่ใช้ ในการวาดภาพ โดยจะสร้ างภาพที่มีลกั ษณะลายเส้ นหรื อที่เรี ยกว่า Vector Graphic จัดเป็ นโปรแกรมระดับมืออาชีพที่ใช้ กนั เป็ นมาตรฐานในการออกแบบระดับสากล สามารถทางานออกแบบได้ หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็ นสิ่งพิมพ์ บรรจุภณ ั ฑ์ เว็บ และภาพเคลื่อนไหว ตลอดจนการสร้ างภาพเพื่อใช้ เป็ นภาพประกอบในการทางานอื่นๆ เช่นการ์ ตนู ภาพประกอบ หนังสือ เป็ นต้ น
ภาพที่ 2.151 ตัวอย่างโปรแกรม Adobe illustrator ที่มา : http://theitbros.com/adobe-illustrator-cs5-round-one-corner/
107
ภาพที่ 2.152 ตัวอย่างโปรแกรม Adobe illustrator ที่มา : http://edudemic.com/2012/04/adobe-cs6-guide/illustrator-cs6-2/ งานสิ่งพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็ นโบชัวร์ นามบัตร หนังสือ หรื อนิตยสาร เรี ยกได้ ว่างานสิ่งพิมพ์ แทบทุกชนิดที่ต้องการความคมชัด
ภาพที่ 2.153 งานสิง่ พิมพ์ที่ใช้ โปรแกรม Adobe illustrator ที่มา : http://www.freepik.com/free-vector/illustration-card-vector_580644.htm งานออกแบบทางกราฟิ ก การสร้ างภาพสามมิติ การออกแบบปกหนังสือ การ ออกแบบสกรี นเสื ้อผ้ า สกรี น CD-ROM และการออกแบบการ์ ดอวยพร ฯลฯ
ภาพที่ 2.154 งานออกแบบลายเสื ้อที่ใช้ โปรแกรม Adobe illustrator ที่มา : http://usandthembangkok.tumblr.com
108
งานทางด้ านการ์ ตนู ในการสร้ างภาพการ์ ตนู ต่างๆ นัน้ โปรแกรม Illustrator ได้ เข้ ามามีบทบาทและช่วยใน การวาดรูปได้ เป็ นอย่างดี เพราะเป็ นโปรแกรมที่ถนัดงานเกี่ยวกับภาพลายเส้ นอยูแ่ ล้ วงานเว็บไซต์ บนอินเตอร์ เน็ต ใช้ ภาพตกแต่งเว็บไซต์สว่ นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็ นพื ้นหลัง (background) หรื อปุ่ มตอบโต้ แถบหัวเรื่ องจนภาพประกอบต่างๆ ที่ปรากฏบนหน้ าเว็บ
ภาพที่ 2.155 ตัวการ์ ตนู ที่ใช้ โปรแกรม Adobe illustrator ที่มา : http://www.freepik.com/free-vector/illustration-card-vector_580644.htm ข้ อดีของโปรแกรม Adobe Illustrator 1) มีเครื่ องมือ รวมถึง Filter หลากหลายให้ เลือกใช้ 2) สามารถใช้ Plug-in เสริม รวมกับ โปรแกรมอื่นได้ 3) สามารถย่อขยายได้ โดยคุณภาพไม่เปลี่ยนแปลง ถึงแม้ วา่ จะต้ องมีการปรับขนาด อาร์ ตเวิร์ก ให้ ใหญ่กว่าเดิมหลายสิบเท่า เพราะภาพที่ได้ จาก illustrator เป็ นภาพประเภท Vector 4) สามารถปรับ Profile สี ให้ เข้ ากัน รวมถึงมี Mode RGB ที่เป็ นสากลทัว่ โลกใช้ อีก ทังความสามารถที ้ ่ดีในการปรับแต่งทังในเรื ้ ่ องของ สี ความชัด ขนาด 5) สร้ าง Logo และแก้ ไขเปลี่ยนแปลงได้ ง่าย 6) ปรับปรุง Wmf หรื อ Clipart ของ windows ได้ 7) วาด และแก้ ไขโครงเส้ นได้ สมบูรณ์แบบ 8) ไม่มีปัญหาในการส่งงานเนื่องจากทุกโรงพิมพ์ยินดีรับไฟล์งานที่สร้ างจาก Illustrator 9) สามารถเปิ ดภาพ และ Save File ได้ หลายนามสกุล 10) มีเครื่ องมือวาดภาพที่หลากหลาย อย่างครบถ้ วน ใช้ วาดภาพได้ ตงแต่ ั ้ ขนที ั ้ ่มี ความเรี ยบง่าย จนถึงขันที ้ ่ซบั ซ้ อนมาก
109
ข้ อเสียของโปรแกรม Adobe Illustrator 1) สร้ างภาพได้ ไม่เหมือนจริง เป็ นได้ เพียงภาพวาด หรื อใกล้ เคียงกับภาพถ่ายเท่านัน้ 2) ปั ญหาเปิ ดแล้ ว ไม่แสดง Tool Box ให้ ลองกด Crtrl-Alt-Del 1ครัง้ แล้ วกด Enter อย่า กด 2ครัง้ เพราะจะหมายถึง Restart 3) ขณะใช้ งาน หากใช้ Tool อะไรไม่ได้ ยกเว้ นรูปมือ ให้ ปิดโปรแกรมแล้ วลองเปิ ดใหม่ โดยปิ ดโปรแกรมอื่นให้ หมดด้ วย 4) แยกสีแล้ วภาพไม่คมชัดเท่าต้ นฉบับ หรื อบางครัง้ ขอบของภาพไม่เรียบ ซึง่ อาการ เช่นนี ้เป็ นอาการของการใช้ ระบบ Flattened Transparency ที่เป็ นข้ อจากัดของการทางานใน โปรแกรม Illustrator ซึง่ อยากจะกาหนดให้ ทราบกันอย่างชัดเจน 5) การทา Spot Color แล้ วใช้ คาสัง่ Transparency นัน้ ไม่สามารถ Save ไฟล์งานให้ เป็ น .eps ได้ อย่างสมบูรณ์ เราต้ อง Save เป็ น Native File เท่านัน้ คือ Save เป็ น .ai 2) Adobe photoshop เป็ นโปรแกรมที่ใช้ สาหรับตกแต่งภาพถ่ายและภาพกราฟิ กได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ได้ แก่ งานด้ านสิ่งพิมพ์ นิตยสาร และงานด้ านมัลติมีเดียโดยมีไฟล์นามสกุลเป็ น .psd
ภาพที่ 2.156 ตัวอย่างโปรแกรม Adobe photoshop ที่มา : http://photoshopstudio8.blogspot.com/2012/10/adobe-photoshop.html
ภาพที่ 2.157 ตัวอย่างโปรแกรม Adobe photoshop ที่มา : http://www.softsalad.com/software/adobe-photoshop-cs6.html
110
โปรแกรม Photoshop เป็ นโปรแกรมที่มีความสามารถจัดการและตกแต่งภาพถ่ายต่างๆ ได้ เป็ นอย่างดี จึงนิยมใช้ ในการทางานกราฟิ กประเภทที่เกี่ยวกับภาพถ่าย สามารถที่จะนาเอาไฟล์ ภาพต่างๆ ( ไม่วา่ จะภาพถ่าย หรื อภาพวาด ) เข้ าไปทาการตกแต่งแก้ ไขในโปรแกรม Photoshop ซึง่ ความสามารถของ Photoshop พอจะแบ่งออกเป็ นประเภทต่างๆ ได้ ดงั ต่อไปนี ้ Edit Image คือ งานแก้ ไขภาพทัว่ ไป เช่น ซ่อมแซมภาพที่ชารุด หรื อมีร่องรอยไม่พงึ ประสงค์ ย่อ-ขยายขนาดภาพ สลับด้ านทิศทางของภาพ เปลี่ยนโหมดสีของภาพให้ ถกู ต้ องตาม ความต้ องการใช้ งาน รวมถึงการแต่งสีหรื อแสงของภาพ
ภาพที่ 2.158 แสดงการสลับทิศทางของภาพด้ วย Adobe photoshop
ภาพที่ 2.159 แสดงการปรับแต่งสีของภาพด้ วย Adobe photoshop Photo Retuch คือ การแก้ ไขรายละเอียดของภาพ เช่น เพิ่มบางส่วนเข้ าไปในภาพเดิม ลบร่องรอยตาหนิบนภาพ เติมแต่งสีให้ ภาพดูสดใสขึ ้น หรื อเพิ่ม Effect พิเศษลงไปในภาพเพื่อให้ ภาพเปลี่ยนไปจากเดิม
111
ภาพที่ 2.160 แสดงภาพลบร่องรอบตาหนิบนภาพด้ วย Adobe photoshop ที่มา : http://www.1stwebdesigner.com/tutorials/best-tutorials-learn-retouching Drawing แม้ วา่ Photoshop จะไม่ได้ เป็ นโปรแกรมสาหรับวาดภาพโดยเฉพาะ แต่ก็มี เครื่ องมือสาหรับวาดภาพชนิดต่างๆ ให้ เลือกใช้
ภาพที่ 2.161 แสดงภาพวาดด้ วย Adobe photoshop ที่มา : http://www.facebook.com/photo.php?fbid=485593708160057&set=o.29751660 3607557&type=1&relevant_count=1&ref=nf Graphic Design งานออกแบบสิ่งสื่อพิมพ์ เช่น ใบปลิว หน้ าปกหนังสือ แผ่นพับ โปสเตอร์ นามบัตร ซองจดหมาย หัวจดหมาย ฯลฯ โดยอาศัยการนาเอาภาพหลากหลายภาพมา ผสมผสานกันจนเกิดเป็ นภาพกราฟิ กตามที่ต้องการ
112
ภาพที่ 2.162 แสดงภาพการออกแบบกราฟิ กด้ วย Adobe photoshop ที่มา : http://www.facebook.com/photo.php?fbid=472923849416495&set=o.297516 603607557&type=1&relevant_count=1&ref=nf ข้ อดีของโปรแกรม Adobe photoshop 1) มีเครื่ องมือ รวมถึง Filter หลากหลายให้ เลือกใช้ 2) มีเครื่ องมือสาหรับเปิ ดไฟล์ RAW (Adobe RAW) ซึง่ นักถ่ายภาพมืออาชีพนิยมใช้ 3) สามารถปรับ Profile สี ให้ เข้ ากัน รวมถึงมี Mode RGB ที่เป็ นสากลทัว่ โลกใช้ อีกทัง้ ความสามารถที่ดีในการปรับแต่งทังในเรื ้ ่ องของ สี ความชัด ขนาด 4) การทา Motion Graphic และการทางานกับ Video Layers 5) สามารถใช้ Plug-in เสริม รวมกับ โปรแกรมอื่นได้ 6) สามารถใช้ งานร่วมกับหลายโปรแกรมจากค่าย Adobe ได้ เช่น Premiere, Illustrator 7) รองรับการทางาน DICOM และการวัดระยะทาง 8) สามารถนาภาพมาทาการ Stack Processing โดยนาภาพที่ถ่ายซ ้าๆ มาซ้ อนกันเพื่อ เลือกบางส่วนของแต่ละภาพมาเป็ นภาพเดียวได้ 9) รองรับ WIA จากสแกนเนอร์ สามารถ สัง่ สแกน จากไดรเวอร์ สแกนเนอร์ และ Import ภายในโปรแกรมเลย (ไม่ต้องสแกนแยก และ Import ภายหลัง) 10) Support กับการทางานออกแบบ Website ได้ อย่างมีประสิทธิภาพทา Photo Gallery สาหรับการทาเว็บไซต์ได้ ด้วย ข้ อเสียของโปรแกรม Adobe photoshop 1) มีราคาแพง 2) ใช้ ทรัพยากรเครื่ องสูง
113
3) รูปแบบตัวอักษรและสระไม่สนับสนุนภาษาไทยอย่างเต็มที่ ยังคงมีปัญหาสระลอย ใน ภาษาไทย 4) บังคับลง Adobe Bridge ซึง่ คนที่ไม่ใช่ Photograph จึงไม่สามารถใช้ ได้ 5) ไม่สามารถเปิ ดไฟล์แก้ ไขที่เป็ นภาพเคลื่อนไหวได้ แต่สามารถเปิ ดดู และสร้ างได้ เท่านัน้ หากเปิ ดไฟล์ภาพเคลื่อนไหวจะมีการแจ้ งเตือน pop-up เกิดขึ ้น 6) เกิดปั ญหาการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ (Bug) เรื่ องการปรับหัวแปรง Brushจะมี ข้ อความปรากฏว่า “Invaild numeric entry…..” เมื่อเกิดปั ญหาแบบนี ้แล้ ว เราสามารถคลิกได้ เพียงปุ่ ม ok เท่านัน้ หรื ออาจจะต้ องยอมเสียงานนันไปโดยการปิ ้ ดหน้ าเพจ แล้ วเปิ ดใหม่ 2.3.3.2 โปรแกรมที่เกี่ยวข้ องกับการตัดต่ อวิดีโอ 1) Adobe After Effects CS6 Adobe After Effects CS6 เป็ นสุดยอดโปรแกรมยอดนิยมสาหรับตกแต่งภาพวีดีโอ โดย การเพิ่ม effect ให้ กบั ภาพวีดีโอ (Video Composite) นิยมใช้ ในธุรกิจภาพยนตร์ , งานโทรทัศน์ , การ์ ตนู อนิเมชัน่ , งาน presentation การนาเสนอต่างๆ ที่เราต้ องการทาให้ ดมู ีความสนใจยิ่งขึ ้น ด้ วยเทคนิคภาพเคลื่อนไหวอันสวยงาม Effect ตระการตา ดึงดูดให้ ผ้ คู นสนใจกับสิ่งที่เราต้ องการ นาเสนอได้ เป็ นอย่างดี โปรแกรม After Effects CS6 หน้ าที่หลักคือใช้ ทา Video Composite หรื อ งานซ้ อนภาพวีดีโอ, การบันทึกเสียง, การทาเสียงพากย์, การใส่ดนตรี ประกอบ, การทาตัวอักษรให้ เคลื่อนไหว รวมถึงงานทางด้ านการตกแต่งเพิ่ม Effect พิเศษให้ ภาพ อีกทังยั ้ งใช้ กับงานสร้ าง เว็บไซต์ได้ อีกด้ วย โดยใช้ ควบคูก่ บั Adobe Flash เปรี ยบไปแล้ ว โปรแกรม After Effect ก็คือ โปรแกรม Photoshop นัน่ เอง เพียงแต่ เปลี่ยนจากการทางานภาพนิ่งมาเป็ นภาพเคลื่อนไหวนัน่ เอง พื ้นฐานการทางานของโปรแกรมก็ไม่ ต่างกัน ดังนันจึ ้ งเป็ นการง่ายต่อการเรี ยนรู้ หากผู้ใช้ งานคุ้นเคยกับ Photoshop มาก่อน Adobe After Effects CS6 สามารถใช้ ร่วม ร่วมกับโปรแกรมยอดนิยมต่างๆของค่าย Adobe ได้ เป็ นอย่างดี และการทา Mastering , การบันทึกผลงานลงเทป DV , VHS และการแปลงไฟล์เพื่อทา VCD , DVD การทางานของโปรแกรม After Effects นัน้ โปรแกรมจะทางานในลักษณะที่เป็ นการนาไฟล์ ที่ทาเอาไว้ เรี ยบร้ อยแล้ วจากที่อื่นเข้ ามาใช้ โดยไฟล์ที่จะนามาใช้ งานโปรแกรม After Effects สามารถเป็ น ไฟล์ใด ๆ ก็ได้ แทบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็ นไฟล์ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และไฟล์เสียง โดยที่สามารถจะนาไฟล์ทงหลายเหล่ ั้ านี ้มาใช้ งานร่ วมกัน เพื่อให้ ได้ งานที่เป็ นภาพเคลื่อนไหวชิ ้น ใหม่ออกมา
114
ภาพที่ 2.163 ตัวอย่างโปรแกรม Adobe After Effects CS6 ที่มา:http://www.newhorizons.com/LocalWebAdmin/images/268/ProductLogos/AE.pn
ภาพที่ 2.164 ตัวอย่างโปรแกรม Adobe After Effects CS6 ข้ อดีของโปรแกรม Adobe Premiere Pro 1) Global Performance Cache การจัดการหน่วยความจาอัจฉริ ยะ ช่วยดึง ความสามารถของคอมพิวเตอร์ คณ ุ มาใช้ อย่างเต็มความสามารถ ประกอบด้ วย เพิ่มประสิทธิภาพ frame caching ลดการ re-render และลดการดึงข้ อมูลจากฮาร์ ดดิสค์ อีกปรับปรุ งการทางาน ร่วมกับ OpenGL และการ์ ดแสดงผล ทาให้ ทางานได้ เร็วขึ ้นอีก 2) สามารถทางานเกี่ยวกับไฟล์รูป ไฟล์เสียง ไฟล์วีดีโอได้ ในโปรแกรมเดียว 3) สามารถเซฟไฟล์ได้ หลายประเภทตามการใช้ งาน 4) สามารถใช้ งานกับระบบปฏิบตั ิได้ เกือบทังหมด ้ ข้ อเสียของโปรแกรม Adobe After Effects CS6 1) ต้ องใช้ ความชานาญในการงานถึงจะสามารถสร้ างงานที่มีคณ ุ ภาพได้ 2) ความต้ องการทรัพยากรเครื่ องคอมพิวเตอร์ ของโปรแกรมในการทางานสูง 3) จากัดการใช้ ประเภทของไฟล์วิดีโอ
115
2.3.3.3 โปรแกรมที่เกี่ยวข้ องกับการเขียนแบบ 1) Autodesk AutoCAD Autodesk AutoCAD คือโปรแกรมที่ใช้ เขียนแบบ ออกแบบ ในงานก่อสร้ าง สถาปั ตยกรรม, วิศวกรรม, ตกแต่งภายใน, แผนที่, ตลอดจนงานออกแบบผลิตภัณฑ์ และเครื่ องกล ฯลฯ เป็ นโปรแกรมที่ช่วยให้ นกั เขียนแบบทางานได้ ดีขึ ้น สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ ้น ซึง่ ในปั จจุบนั นี ้หาการเขียนแบบด้ วยมือได้ น้อยมาก นอกจากการเรี ยนการสอนเขียนแบบสถาปั ตยกรรมใน สถาบันการ ศึกษาเท่านัน้ ที่นกั เรี ยนจาเป็ นต้ องรู้ไว้ เป็ นพื ้นฐาน
ภาพที่ 2.165 ตัวอย่างโปรแกรม Autodesk AutoCAD ที่มา : http://www.cadthai.com/home/?tag=autocad-2014
ภาพที่ 2.166 ตัวอย่างโปรแกรม Autodesk AutoCAD ที่มา : http://besthomedecorators.com/autocad/autocad-raster-design-2013-downloadbuy-online-software-autocad.htm
116
ข้ อดี เมื่อเปรียบเทียบกับการเขียนแบบด้ วยมือ พอจะแบ่ งได้ โดยสังเขป ดังนี ้ 1) ความละเอียด โปรแกรม AutoCAD ถือว่ามีความละเอียดมากกว่าการเขียนแบบด้ วย มือ ที่ใช้ ไม้ Scale เป็ นตัววัด เพราะโปรแกรมสามารถกาหนดความละเอียดจุดทศนิยมได้ ถึง 8 ตาแหน่ง 2) ความแม่นยาหากใช้ ปากกาเขียนแบบ เขียนเส้ นต่อจากเส้ นเดิมที่เขียนไว้ ต้ องเช็ด หัวปากกาให้ แห้ งสนิทอย่างดีก่อนแล้ วจึงเขียนได้ มิฉะนันเส้ ้ นจะไม่สม่าเสมอกัน และอาจจะไม่ตอ่ จากเส้ นเดิม แต่โปรแกรม AutoCAD มีความแม่นยาต่อจากปลายเส้ นเดิมด้ วยคาสัง่ อย่าง Object Snap ที่สามารถจัดได้ ทงกึ ั ้ ่งกลางเส้ น ปลายเส้ น หรื อจุดศูนย์กลางของวงกลม 3) ลดการทาซ ้า ในแบบบ้ าน 1หลัง หากเขียนแบบด้ วยมือ จะต้ องเขียนแบบ ประตู หน้ าต่าง ลายกระเบื ้อง ฯลฯ ถึงหลายครัง้ แต่โปรแกรม AutoCAD มีคาสัง่ Copy, Mirror, Offset หรื อ Block ที่ช่วยให้ ทางานเพียงครัง้ เดียวแต่ใช้ ได้ ไปตลอด 4) มุมมองหน้ าจอโปรแกรม สามารถใช้ กลุม่ คาสัง่ Zoom ย่อและขยายแบบงานได้ อย่าง อิสระ ทาให้ ไม่จาเป็ นต้ องเพ่งชิ ้นงานมากเกินไป 5) การบอกระยะ มีความละเอียดเที่ยงตรงสูง สามารถคลิกบอกระยะไปเรื่ อยๆ โดยไม่ ต้ องหยุด โปรแกรมมีชิ ้นงานให้ ใช้ ฟรี ไม่ว่าจะเป็ นเฟอร์ นิเจอร์ , ระบบไฟฟ้า, ระบบสุขาภิบาล ฯลฯ ในส่วนนี ้เรี ยกว่า AutoCAD Design Center ซึง่ สามารถเลือกชิ ้นงานที่ต้องการมาวางลงในแบบได้ ทันที 2.3.3.4 โปรแกรมที่เกี่ยวข้ องกับการสร้ างภาพ 3D และ3D Animation 1) 3Ds Max 3Ds Max เป็ นโปรแกรมที่มีความโดดเด่นในการสร้ างภาพ 3 มิติและงานสร้ าง Animation เป็ นโปรแกรมได้ รับความนิยม เนื่องจากสามารถขึ ้นรูปโมเดลได้ ง่ายและความสามารถ ของโปรแกรมก็ครอบคลุมการทางานได้ เกือบทุกเรื่ องของงาน Animation ลักษณะพิเศษในการสร้ างโมเดล 3D ช่วยให้ สามารถสร้ างโมเดลได้ ง่ายและใส่พื ้นผิว ให้ โมเดลอย่างสมจริ ง สามารถควบคุมมุมมองของวัตถุได้ อย่างอิสระโดยการหมุนโมเดลให้ เห็น ตาแหน่งของวัตถุทกุ ๆ ด้ านสาหรับปรับแต่งโครงสร้ างโมเดล และเมื่อสร้ างโมเดลแล้ วสามารถจัด แสงให้ แก่โมเดลได้ อย่างเป็ นธรรมชาติ ในส่วนของ 3D Animation จะสามารถควบคุมการเคลื่อนที่ของตัวละครเหมือนดังมี ชีวิต จึงนิยมทางาน 3D ไปใช้ ในงานโฆษณาและงานภาพยนตร์
117
ภาพที่ 2.167 ตัวอย่างโปรแกรม Autodesk 3Ds Max ที่มา : http://www.vipunlimit.com/imgupload/images/rgh1290187522c.jpg
ภาพที่ 2.168 ตัวอย่างโปรแกรม 3Ds Max ที่มา : http://banburywalker.com/labs/digital-ideas/autodesk-announced-autodesk- 3dsmax-and-3ds-max-design-2013 ข้ อดีของโปรแกรม 3Ds Max 1) มี Modifier Stack ที่ใช้ เก็บคาสัง่ ต่างๆที่ใส่ลงไปในชิ ้นงาน ทาให้ ง่ายต่อการแก้ ไขและ เปลี่ยนแปลงรูปทรงของวัตถุ 2) มีคาสัง่ ที่หลากหลายช่วยให้ การแก้ ไขรู ปทรงโมเดลมีความซับซ้ อนได้ ไม่ยาก การ Instance ของ 3Ds Max ดีกว่าสามารถ 3) ทางานกับวัตถุที่มีรายละเอียดต่าแล้ วมองเห็นวัตถุที่มีความละเอียดสูงไปพร้ อมๆกัน การแสดงผลในวิวพอร์ ทดีมากสามารถ 4) เปลี่ยนการแสดงผลของวัตถุในวิวพอร์ ทให้ เองโดยปรับแต่งแค่นิดเดียว
118
5) มี Snap แบบ Constain ที่ช่วยให้ การทางานเหมือนใน AutoCAD 6) มี Plugin ที่ช่วยการ Modeling ค่อนข้ างเยอะเช่น Powernurb, Wrapit v1.0 และอื่นๆ 7) มีการแสดงผลแบบ Node Base ในเวอร์ ชนั่ 2011 สามารถปรับแต่ง Texture ได้ หลากหลายรูปแบบเนื่องจากมี Map Type แบบ 2D และ 3D สามารถผสม Map ได้ หลายชัน้ 8) มี Filter ที่ช่วยในการปรับสีของภาพ ง่ายต่อการทางาน 9) UVW Map ง่ายต่อการควบคุมตาแหน่ง และขนาดของภาพ และถ้ าใช้ ร่วมกับ Modifier ตัวอื่น เช่น Polyselect ก็สามารถทาให้ ง่ายต่อการปรับตาแหน่ง และขนาดของภาพในแต่ ละพื ้นผิวที่ต้องการได้ ส่วนของการคลี่พื ้นผิว ใน Max 2011 มีตวั ช่วยในการคลี่ที่เร็ ว นันก็ ้ คือ Polyboost ยังมี Plugin อื่นๆ ที่ช่วยคลี่พื ้นผิว เช่น Unw rella ที่ใช้ ง่ายและเร็ว ข้ อเสียของโปรแกรม 3Ds Max 1) ถึงแม้ ว่า 3Ds Max จะมี Modifier Stack แต่คาสัง่ ส่วนใหญ่ใน Modifier ค่อนข้ าง ซับซ้ อนเข้ าถึงยากปรับแต่งรูปทรงของวัตถุให้ ได้ ตามที่ต้องการได้ ยาก ใช้ หน่วยความจาในการเก็บ ค่าต่างๆเยอะเกินไป 2) ใน Editable Poly มีคาสัง่ ที่ช่วยปรับแต่งน้ อยเกินไป และถึงแม้ วา่ ในเวอร์ ชนั่ 2011 จะ มีเครื่ องมือเพิ่มจากการนา Polyboost มาเสริ มก็ตาม แต่มนั ก็ไม่ได้ ช่วยสักเท่าไร เนื่องจากการใช้ งานต้ องใช้ เวลาในการเรี ยนรู้มาก กว่าจะใช้ งานได้ คล่อง 3) การเข้ าถึงเครื่ องมือค่อนข้ างซับซ้ อน Interface ไม่เป็ นมิตรกับผู้ใช้ การเข้ าสเกลงาน ค่อนข้ างยุง่ ยากสาหรับผู้เริ่มต้ น 4) ความแม่นยามีน้อยกว่ามากถ้ าเทียบกับโมโด ต้ องนาไฟล์จาก Auto Cad มาช่วย ทา ให้ ขนาดไฟล์เพิ่มมากขึ ้น ใช้ เวลาในการเซฟงานที่นาน 5) เด้ งหลุดออกจากโปรแกรมบ่อยจากการควบคุมวิวพอร์ ท 6) ปั ญหาเรื่ องไฟล์บวมที่ยงั แก้ ไม่ได้ 7) เรื่ องของการเรี ยนรู้ วิธีการใช้ งาน การเข้ าถึงเครื่ องมือ และการทาความเข้ าใจกับ พารามิเตอร์ ตา่ งๆว่าจะต้ องปรับแบบไหน อย่างไร
119
2) Autodesk Revit Architecture 2014 โปรแกรม Autodesk Revit Architecture เป็ นซอฟท์แวร์ ที่มีความสามารถในการสร้ าง ชิ ้นงานออกแบบทางสถาปั ตยกรรมในลักษณะของการสร้ างงานแบบ 3D ที่มีศกั ยภาพสูง ภายใต้ แนวคิดในลักษณะของ Building Information Base Technology ที่จะทาให้ การออกแบบอาคาร ในงานสถาปั ตยกรรมสามารถทางานได้ ในลักษณะของพาราเมตริ ก (Parametric) ด้ วยการใช้ เทคโนโลยีของตัวโปรแกรมเองที่ชื่อว่า Revit Technology ซึ่งมีพฒ ั นาการซอฟท์แวร์ เรื่ อยมา จนกระทัง่ ปั จจุบนั ลองนึกภาพอาคารทังหลั ้ งเป็ น 3D ในรู ปแบบพาราเมตริ ก หากเราคิดจะแก้ ไข อะไรสักอย่างหรื อหลายๆอย่าง เช่น ย้ ายประตู-หน้ าต่าง ปรับขนาดห้ อง-ความสูงเพดาน-ระดับระยะต่างๆฯลฯ เพียงแค่นาเม้ าส์ไปชี ้ที่วตั ถุที่ต้องการแก้ ไข Temporary Dimensions จะปรากฏ ขึ ้นมา เมื่อทาการคลิกและแก้ ไขตัวเลขของค่าพารามิเตอร์ แล้ ว อาคารทังหลั ้ ง (3D) จะเปลี่ยนตาม ไปทันที รวมถึง Drawings (2D) ทุกชัน้ รูปด้ าน รูปตัด รูปขยาย... ของอาคารทังหลั ้ ง ก็จะถูกแก้ ไข และ Update โดยอัตโนมัติ
ภาพที่ 2.169 ตัวอย่างโปรแกรม Autodesk Revit Architecture 2014 ที่มา: http://i46.fastpic.ru/big/2013/0513/2a/61fe9db1a6ffbbe79005b3cea2eae62a.jpg
ภาพที่ 2.170 ตัวอย่างการใช้ งานของโปรแกรม
120
ข้ อดีของโปรแกรม Autodesk Revit Architecture 2014 1เป็ นโปรแกรมที่ออกแบบมาตอบสนองการใช้ งานสาหรับสถาปนิ กและ การเขียนแบบ ด้ านงานสถาปั ตยกรรมโดยเฉพาะ สามารถใช้ คาสัง่ ต่างๆ เพื่อวิเคราะห์งานทางด้ านสถาปั ตยกรรม เช่น Sun Studies หรื อทารายการประกอบแบบ (BOQ) เป็ นต้ น 2) Spec คอมพิวเตอร์ ที่ใช้ ไม่สงู มากนัก และการ์ ดแสดงผล 3 มิติที่สนับสนุน OpenGL ก็ สามารถทางานได้ 3) สามารถทางานร่วมกับโปรแกรม 3 มิติอื่นๆได้ เช่น 3dsMax , AutoCAD ,Lumion ข้ อเสียของโปรแกรม Autodesk Revit Architecture 2014 1) ใช้ เวลาในกระบวนการทางานค่อนข้ างนานเนื่องจากส่วนมากจะเป็ นการระบบข้ อมูล การก่อสร้ างโดยละเอียด 2)โปรแกรมค่อนข้ างมีความซับซ้ อน 3) ยังไม่มีผ้ ูที่เชี่ยวชาญทางด้ านซอฟต์แวร์ (Software) นีม้ ากนักจึงทาให้ กลุ่มงาน สถาปั ตยกรรมขององค์กรต่างๆยังไม่นาเข้ ามาใช้ มกั ที่นามาใช้ เป็ นส่วนน้ อย 3) Adobe Indesign โปรแกรม Adobe Indesign เป็ นโปรแกรมสาหรับงานด้ านสิง่ พิมพ์ งานออกแบบเอกสาร หรื อเรี ยกกันง่ายๆว่า โปรแกรมจัดหน้ ากระดาษ
ภาพที่ 2.171 ตัวอย่างโปรแกรม Indesign ที่มา : http://www.indesignthai.com/wp-content/uploads/2010/04/iConID.jpg
121
ภาพที่ 2.171 ตัวอย่างการใช้ งานของโปรแกรม Indesign ที่มา :http://eshop.macsales.com/Reviews/indesign/indesign1280x1024.jpg จุดเด่นของโปรแกรม Indesign คือสามารถทางานด้ านการจัดหน้ ากระดาษได้ เป็ นอย่าง ดี ซึง่ คล้ ายๆกับการนาเอาโปรแกรม Pagemaker มารวมกับโปรแกรม Illustrator ระบบการทางาน ของโปรแกรม Indesign
นัน้ ไม่สามารถใช้ Indesign
เดี่ยวๆ ได้ ต้ องมีความรู้ พื ้นฐานของ
Photoshop และ illustrator ด้ วย เพราะต้ องมีการเตรี ยมรูปภาพจาก Photoshop และเตรี ยมคลิป อาร์ ต หรื อ Logo ต่างๆ มาจาก illustrator ส่วนข้ อความสามารถเตรี ยมมาจาก โปรแกรมประเภท Word Prospering แล้ วจึงนามาประกอบรวมกันเป็ นหนังสือ หรื อแผ่นพับต่า งๆ ใน Indesign เสร็ จ แล้ วจึง Export ไฟล์งานของเรานันเป็ ้ นไฟล์ PDFX1-a หรื อ PDFX-3 เพื่อส่งโรงพิมพ์ ทางโรงพิมพ์ก็ จะทา Digital Poof ส่งกลับมาให้ เราตรวจสอบความเรี ยบร้ อยก่อนจะทาเพลท และส่งให้ โรงพิมพ์ ต่อไป 2.3.3.5 โปรแกรมอื่นๆ 1) Microsoft PowerPoint Microsoft PowerPoint เป็ นโปรแกรมที่ร้ ู จกั กันดีว่าใช้ ในการสร้ างสไลด์สาหรับการ นาเสนองาน (Presenttation ) ไม่ว่าจะเป็ นการแสดงบนจอภาพ ฉายโปรเจกต์เตอร์ ที่ตอ่ กับเครื่ อง คอมพิวเตอร์
เป็ นโปรแกรมที่มีเครื่ องมือคอยอานวยความสะดวกแก่ผ้ ใู ช้ ทาให้ งานเกิดความ
น่าสนใจยิ่งขึ ้นโดยการใส่รูปภาพต่าง เช่น ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง และวิดีโอคลิป ฯลฯ
122
ภาพที่ 2.172 ตัวอย่างโปรแกรม Microsoft PowerPoint ที่มา: http://reviews.cnet.co.uk/software-and-web-apps/microsoft-office-2013-review50008644/ 2) Nero นอกจากความสามารถหลักคือการบันทึกข้ อมูลลงบนแผ่นซีดี/ดีวีดีแล้ ว ยังรวมเอาเรื่ อง ของการตัดต่อวิดีโอ การปรับแต่งเสียง การแบ็คอัพข้ อมูล รวมทังโปรแกรมส ้ าหรับเล่นไฟล์ มัลติมีเดียไว้ ในตัวโปรแกรมอย่างครบครัน
ภาพที่ 2.173 ตัวอย่างโปรแกรม Nero ที่มา : http://bj-computer-software.blogspot.com/2011/03/nero-free-9444.html 3) Format Factory Format Factory เป็ นโปรแกรมที่สามารถแปลงไฟล์ได้ หลายประเภทตามการใช้ งาน คุณสมบัติในการแปลงไฟล์มีเดีย ดังนี ้ แปลงไฟล์ทกุ รูปแบบไปเป็ น MP4/3GP/MPG/AVI/WMV/FLV/SWF แปลงไฟล์ทกุ รูปแบบเป็ น MP3//WMA/MMF/AMR/OGG/M4A/WAV แปลงไฟล์ทกุ รูปแบบไปเป็ น JPG/BMP/PNG/TIF/ICO/…. Rip ไฟล์ภาพยนต์ DVD ไปเป็ นไฟล์ video รอง รับไฟล์ MP4 สาหรับ iPod/iPhone/PSP format รองรับ Source files ของ RMVB.
123
ภาพที่ 2.174 ตัวอย่างโปรแกรม Format Factory ที่มา : http://format-factory.fr.malavida.com/ 2.3.4 การนาเสนองานสื่อสิ่งพิมพ์ และสื่อมัลติมีเดีย การนาเสนอผลงานการออกแบบทางสถาปั ตยกรรม สามารถนาเสนอผ่านสื่อในรู ปแบบ ต่างๆ ได้ มากมาย ขึ ้นอยู่กบั จุดประสงค์ของการนาเสนอ ซึง่ ผลงานการออกแบบแต่ละโครงการจะ มีจดุ ประสงค์ของการนาเสนอที่แตกต่างกันรูปแบบของสื่อที่ใช้ ในการนาเสนอผลงานการออกแบบ ทางสถาปั ตยกรรมนันสามารถแบ่ ้ งออกเป็ นสองประเภทหลักๆ ได้ แก่ สื่อสิ่งพิมพ์และสื่อผสม ซึง่ มี รายละเอียด ดังต่อไปนี ้ 2.3.4.1 สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อสิ่ง พิ มพ์ จะกล่าวถึง ในที่ นี ห้ มายถึง การออกแบบและจัดหน้ าสิ่ง พิมพ์ ที่ เป็ น ประเภทหนังสือเล่ม นิตยสาร วารสาร หนังสือพิมพ์ และสิ่งพิมพ์รูปแบบอื่นที่ใช้ ทวั่ ไปในสังคม ได้ แก่ จุลสาร แผ่นพับ และโปสเตอร์ โดยใช้ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ มาช่วยในการออกแบบและจัด หน้ าสิง่ พิมพ์โดยยังยึดหลักการออกแบบและศิลปะที่ใช้ กนั ทัว่ ไปในการออกแบบสื่อสิง่ พิมพ์ การออกแบบและจัดหน้ าสิ่งพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ เป็ นศิลปะการเตรี ยมรู ปแบบต้ นฉบับ ของสิ่งพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์ ก่อนนาต้ นฉบับเข้ าสู่กระบวนการผลิต โดยวัตถุประสงค์ของการ ออกแบบก็เพื่อเพิ่มความหมาย ความน่าสนใจ ความสวยงาม ฯลฯ ให้ กบั สิ่งพิมพ์ และช่วยทาให้ สิง่ พิมพ์เป็ นสื่อกลางในการถ่ายทอดข่าวสาร ความรู้ และความคิดที่สมบูรณ์ขึ ้น การจัดทาหรื อออกแบบลักษณะของสิ่งพิมพ์ให้ ได้ ผลดังกล่าวข้ างต้ น สามารถทาได้ โดย การจัดวางองค์ประกอบต่างๆ ของสิ่งพิมพ์ ได้ แก่ ตัวอักษร ภาพประกอบ และกรอบลาย เส้ น สี พื ้น ลงบนพื ้นที่ที่จะใช้ ตีพิมพ์อย่างสร้ างสรรค์ สวยงาม สอดคล้ องกับลักษณะเนื ้อหาและวัตถุประสงค์ การใช้ สงิ่ พิมพ์นนั ้
124
2.3.4.2 ประเภทของสื่อสิ่งพิมพ์ ส่ ือสิ่งพิมพ์ เพื่อเผยแพร่ ข่าวสาร 1) หนังสือพิมพ์ (Newspapers) เป็ นสื่อสิ่งพิมพ์ที่ผลิตขึ ้นโดยนาเสนอเรื่ องราว ข่าวสารภาพและความคิดเห็น ใน ลักษณะของแผ่นพิมพ์ แผ่นใหญ่ ที่ใช้ วิธีการพับรวมกัน ซึง่ สื่อสิ่งพิมพ์ชนิดนี ้ ได้ พิมพ์ออกเผยแพร่ ทังลั ้ กษณะ หนังสือพิมพ์รายวัน, รายสัปดาห์ และรายเดือน 2) วารสาร, นิตยสาร เป็ นสื่อสิง่ พิมพ์ที่ผลิตขึ ้นโดยนาเสนอสาระ ข่าว ความบันเทิง ที่มีรูปแบบการนาเสนอ ที่ โดดเด่น สะดุดตา และสร้ างความสนใจให้ กบั ผู้อ่าน ทังนี ้ ้การผลิตนัน้ มีการ กาหนดระยะเวลาการ ออกเผยแพร่ที่แน่นอน ทังลั ้ กษณะวารสาร, นิตยสารรายปั กษ์ (15 วัน) และ รายเดือน 3) จุลสาร เป็ นสื่อสิง่ พิมพ์ที่ผลิตขึ ้นแบบไม่ม่งุ หวังผลกาไร เป็ นแบบให้ เปล่าโดยให้ ผ้ อู ่านได้ ศกึ ษา หาความรู้ มีกาหนดการออกเผยแพร่เป็ นครัง้ ๆ หรื อลาดับต่าง ๆ ในวาระพิเศษ 4) สิ่งพิมพ์ โฆษณา โบชัวร์ (Brochure) เป็ นสื่อสิง่ พิมพ์ที่มีลกั ษณะเป็ นสมุดเล่มเล็ก ๆ เย็บติดกันเป็ นเล่มจานวน 8 หน้ าเป็ น อย่างน้ อย มีปกหน้ าและปกหลัง ซึง่ ในการแสดงเนื ้อหาจะ เกี่ยวกับโฆษณาสินค้ า
ภาพที่ 2.175 หนังสือพิมพ์ ที่มา : http://www.siamdara.com/ColumnGirl.asp?cid=4142
125
ภาพที่ 2.176 วารสาร นิตยสาร ที่มา : http://b1mag.com/
ภาพที่ 2.177 จุลสาร ที่มา : http://www.ra.mahidol.ac.th/office/CE/sec5
ภาพที่ 2.178 สื่อสิ่งพิมพ์โฆษณา ที่มา : http://www.tabaa-design.com/portfolio-graphic-webdesign-brochure.html
126
2.3.4.3 ประเภทของการพิมพ์ ประเภทของการพิมพ์ที่แบ่งตามลักษณะของการพิมพ์สามารถจัดได้ เป็ นดังนี ้ 1) การพิมพ์พื ้นนูน (Relief Printing) เป็ นการพิมพ์ที่ใช้ หลักการให้ สว่ นที่เป็ นภาพบน แม่พิมพ์จะมีผิวนูนกว่าส่วนอื่น เพื่อรับหมึกแล้ วถ่ายลงบนวัสดุใช้ พิมพ์ การพิมพ์ประเภทนี ้มี การ พิมพ์เลตเตอร์ เพรสส์ การพิมพ์เฟล็กโซกราฟี 2) การพิมพ์พื ้นลึก (Recess Printing) เป็ นการพิมพ์ที่ใช้ หลักการให้ สว่ นที่เป็ นภาพบน แม่พิมพ์จะมีผิวลึกกว่าส่วนอื่น เพื่อขังหมึกไว้ แล้ วถ่ายลงบนวัสดุใช้ พิมพ์ การพิมพ์ประเภทนี ้มี การ พิมพ์กราวัวร์ การพิมพ์แพด 3) การพิมพ์พื ้นราบ (Planographic Printing) เป็ นการพิมพ์ที่ใช้ หลักการน ้ากับน ้ามัน ไม่รวมตัวกัน ผิวของแม่พิมพ์ชนิดนีจ้ ะเสมอกันหมดโดยให้ ส่วนที่เป็ นภาพมีสภาพเป็ นไขมัน สามารถรับหมึกซึง่ เป็ นน ้ามันเช่นกัน ส่วนที่ไม่เป็ นภาพจะสามารถรับน้ าไว้ ได้ ในการพิมพ์ จะคลึง แม่พิมพ์ด้วยเยื่อน้ า เยื่อน ้าไม่ถกู กับไขจะไปเกาะเฉพาะส่วนที่ไร้ ภาพ แล้ วคลึงหมึกตาม หมึกไม่ถกู กับน ้าจะไปเกาะเฉพาะส่วนที่เป็ นภาพ เมื่อนาวัสดุใช้ พิมพ์ทาบบนแม่พิมพ์ก็จะเกิดภาพตาม ต้ องการ การพิมพ์ประเภทนี ้มี การพิมพ์หิน การพิมพ์ออฟเซ็ท การพิมพ์พื ้นฉลุ เป็ นการพิมพ์ที่ใช้ หลักการให้ หมึกผ่านทะลุสว่ นที่เป็ นภาพบนแม่พิมพ์ ไปติดอยูบ่ นวัสดุใช้ พิมพ์ ทาให้ เกิดภาพ การพิมพ์ประเภทนี ้มี การพิมพ์โรเนียว การพิมพ์ซลิ ค์สกรี น การพิมพ์ดิจิตอล (Digital Printing) เป็ นการพิมพ์ที่ใช้ เครื่ องพิมพ์ต่อพ่วงกับ คอมพิวเตอร์ โดยรับข้ อมูลภาพจากคอมพิวเตอร์ มาพิมพ์ การพิมพ์แบบถ่ายโอนความร้ อน (Thermal Transfer Printing) ซึง่ ใช้ หลักการถ่ายความ ร้ อนจากหัวพิมพ์ไปยังฟิ ล์มที่เคลือบด้ วยหมึกพิมพ์ทาให้ หมึกพิมพ์หลุดไปเกาะติดกับวัสดุใช้ พิมพ์ จนเกิดเป็ นภาพ การพิมพ์แบบพ่นหมึก/อิงค์เจ็ท (InkJet Printing) ซึง่ ใช้ หลักการพ่นหยดหมึกเล็ก ๆ จาก หัวพ่นไปสร้ างเป็ นภาพบนวัสดุใช้ พิมพ์ การพิมพ์แบบไฟฟ้าสถิตย์ (Electrostatic Printing) ซึง่ ใช้ หลักการควบคุมลาแสงสร้ าง ภาพเป็ นประจุไฟฟ้าบนกระบอกโลหะแล้ วให้ ผงหมึกไปเกาะบนกระบอกโลหะตามบริ เวณที่มีประจุ อยูเ่ กิดเป็ นภาพที่ถกู ถ่ายทอดไปเกาะติดบนวัสดุใช้ พิมพ์อีกทีหนึง่
127
2.3.4.4 ชนิดของกระดาษ การจาแนกกระดาษสามารถจัดแบ่งได้ หลายวิธี ในที่นี ้จะจัดแบ่งชนิดของกระดาษที่ใช้ ในวงการพิมพ์ ซึง่ สามารถรวบรวมได้ ดงั นี ้ 1) กระดาษปรู๊ฟ (Newsprint) เป็ นกระดาษที่มีสว่ นผสมของเยื่อบดที่มีเส้ นใยสัน้ และ มักนาเยื่อจากกระดาษใช้ แล้ วมาผสมด้ วย กระดาษปรู๊ฟมีน้าหนักเพียง 40 – 52 กรัม/ตารางเมตร มีสีอมเหลือง ราคาไม่แพงแต่ความแข็งแรงน้ อย เหมาะสาหรับงานพิมพ์หนังสือพิมพ์ และเอกสารที่ ไม่ต้องการคุณภาพมาก 2) กระดาษแบงค์ (Bank Paper) เป็ นกระดาษบางไม่เคลือบผิว น ้าหนักไม่เกิน 50 กรัม/ตารางเมตร มีสีให้ เลือกหลายสี ใช้ สาหรับงานพิมพ์แบบฟอร์ มต่าง ๆ ที่มีสาเนาหลายชัน้ 3) กระดาษปอนด์ (Bond Paper) เป็ นกระดาษที่ทาจากเยื่อเคมีที่ผ่านการฟอกและ อาจมีสว่ นผสมของเยื่อที่มาจากเศษผ้ า มีสีขาว ผิวไม่เรี ยบ น ้าหนักอยู่ระหว่าง 60 – 100 กรัม/ ตารางเมตร ใช้ สาหรับงานพิมพ์ที่ต้องความสวยงามปานกลาง พิมพ์สีเดียวหรื อหลายสี 4) กระดาษอาร์ ต (Art Paper) เป็ นกระดาษที่ทาจากเยื่อเคมี (เยื่อที่ผลิตโดยใช้ สารเคมี) และเคลือบผิวให้ เรี ยบด้ านเดียวหรื อทังสองด้ ้ าน การเคลือบอาจจะเคลือบมันเงาหรื อ แบบด้ านก็ได้ มีสีขาว น้ าหนักอยูร่ ะหว่าง 80 – 160 กรัม/ตารางเมตร ใช้ สาหรับงานพิมพ์ที่ต้องการ ความสวยงาม งานพิมพ์สอดสี เช่น แคตตาล็อก โบร์ ชวั ร์ 5) กระดาษฟอกขาว (Woodfree Paper) เป็ นกระดาษที่ทาจากเยื่อเคมี (เยื่อที่ผลิต โดยใช้ สารเคมี) และฟอกให้ ขาว เป็ นกระดาษที่มีคณ ุ ภาพและมีความหนาแน่นสูง การดูดซึมน้ อย ใช้ สาหรับงานพิมพ์หนังสือ กระดาษพิมพ์เขียน 6) กระดาษเหนียว (Kraft Paper) เป็ นกระดาษที่ทาจากเยื่อซัลเฟต (เยื่อใยยาวที่ ผลิตโดยใช้ สารซัลเฟต) จึงมีความเหนียวเป็ นพิเศษ มีสีเป็ นสีน้าตาล น้ าหนักอยู่ระหว่าง 80 – 180 กรัม/ตารางเมตร ใช้ สาหรับทาสิง่ พิมพ์บรรจุภณ ั ฑ์ กระดาษห่อของ ถุงกระดาษ 7) กระดาษการ์ ด (Card Board) เป็ นกระดาษที่มีความหนาและแข็งแรง ประกอบด้ วยชันของกระดาษหลายชั ้ น้ ชันนอกสองด้ ้ านมักเป็ นสีขาว แต่ก็มีการ์ ดสีต่าง ๆ ให้ เลือกใช้ บางชนิดมีผิวเคลือบมันเรี ยบ ซึง่ เรี ยก กระดาษอาร์ ตการ์ ด น ้าหนักกระดาษการ์ ดอยู่ ระหว่าง 110 – 400 กรัม/ตารางเมตร ใช้ สาหรับทาปกหนังสือ บรรจุภณ ั ฑ์ที่มีราคา เช่นกล่อง เครื่ องสาอาง
128
8) กระดาษแข็ง (Hard Board) เป็ นกระดาษหลายชันแข็ ้ งหนาทาจากเยื่อไม้ บดและ เยื่อกระดาษเก่า มีผิวขรุขระสีคล้ า มีคาเรี ยกกระดาษชนิดนี ้อีกว่า กระดาษจัว่ ปั ง น ้าหนักมีตงแต่ ั้ 430 กรัม/ตารางเมตรขึ ้นไป ใช้ ทาไส้ ในของปกหนังสือ ฐานปฏิทินตังโต๊ ้ ะ บรรจุภณ ั ฑ์ตา่ ง ๆ 9) กระดาษแฟนซี (Fancy Paper) เป็ นคาเรี ยกโดยรวมสาหรับกระดาษที่มีรูปร่าง ลักษณะของเนื ้อและผิวกระดาษที่ตา่ งจากกระดาษใช้ งานทัว่ ไป บางชนิดมีการผสมเยื่อที่ตา่ ง ออกไป บางชนิดมีผิวเป็ นลายตามแบบบนลูกกลิ ้งหรื อตะแกรงที่กดทับในขันตอนการ ้ ผลิต มีสีสนั ให้ เลือกหลากหลาย มีทงกระดาษบางและหนา ั้ ประโยชน์สาหรับกระดาษชนิดนี ้ สามารถนาไปใช้ แทนกระดาษที่ใช้ อยูท่ วั่ ไป ตังแต่ ้ นามบัตร หัวจดหมาย ไปจนถึงกล่องบรรจุภณ ั ฑ์ 10) กระดาษอื่น ๆ นอกจากกระดาษชนิดต่าง ๆ ที่เอ่ยมาข้ างต้ นแล้ ว ยังมีกระดาษ ชนิดอื่น ๆ อีก เช่น กระดาษถนอมสายตา กระดาษกันปลอม (Security Paper) กระดาษเอ็นซีอาร์ (Carbonless Paper) กระดาษสังเคราะห์ กระดาษสติ๊กเกอร์ ฯลฯ 2.3.4.5 การออกแบบจัดหน้ าในงานสิ่งพิมพ์ การออกแบบและจัดหน้ าสิง่ พิมพ์ให้ มีวตั ถุประสงค์สาคัญ 3 ประการ 1) เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้ กบั สิ่งพิมพ์ 2) เพื่อช่วยให้ สงิ่ พิมพ์ง่ายต่อการอ่านและทาความเข้ าใจ 3) เพื่อสร้ างความประทับใจและความทรงจาให้ กบั ผู้อา่ นในระยะยาว สื่อสิ่งพิมพ์โดยทัว่ ไปมีหลายประเภท ดังนันการออกแบบสื ้ ่อสิ่งพิมพ์แต่ละประเภทจึง ต้ องศึกษาแนวทางการออกแบบเพื่อให้ ผลงานที่ออกมาสวยงามตามวัตถุประสงค์มากที่สดุ
ภาพที่ 2.179 รูปของการออกแบบจัดหน้ าในงานสิ่งพิมพ์ ที่มา : http://img156.imageshack.us/img156/5066/20748042ic2.jpg
129
1) ขัน้ ตอนการออกแบบจัดหน้ า 1.1) ส่วนข้ อความพาดหัว (Head Line) ได้ แก่ ข้ อความหัวเรื่ องส่วนที่เป็ นหัวเรื่ องรองให้ เขียนร่ างลักษณะตัวอักษรอย่างหยาบ ๆ โดยกาหนดขนาดความสูงของตัวอักษร แบบอักษร ตลอดจนการกาหนดขนาด น ้าหนักความเข้ มอ่อนของตัวอักษร พิจารณาตาแหน่งการรัดวางการ แบ่งพื ้นที่สว่ นที่ใช้ นาเสนอข้ อมูลและการเว้ นพื ้นที่วา่ ง 1.2) การวางตาแหน่งไว้ ด้านข้ างของเนื ้อหา การออกแบบจัดตาแหน่งของหัวเรื่ องอยู่ ทางด้ านข้ างของเนื ้อหา เหมาะอย่างยิ่งสาหรับงานออกแบบที่มีพื ้นที่ในแนวนอน พื ้นที่ประมาณ 30 เปอร์ เซ็นต์ อาจเป็ นส่วนของหัวเรื่ องและพื ้นที่ว่างสาหรับเน้ นหัวเรื่ อง และใช้ พกั สายตาในการ อ่านและพื ้นที่สว่ นที่เหลือจะเป็ นส่วนของภาพประกอบและเนื ้อหาสาระ 1.3) การวางตาแหน่งหัวเรื่ องแบบดัชแร็ ป (Dutch Wrap) จะเป็ นลักษณะการจัดวางหัว เรื่ องตรงส่วนบนค่อนไปทางซ้ ายหรื อทางขวาบนเนื ้อหาสาระหรื อภาพประกอบ เป็ นการเน้ นสาหรับ การจัดหน้ านิตยสารหนังสือพิมพ์หรื อการออกแบบจัดหน้ าที่เป็ นหน้ าคู่ เนื ้อที่ส่วนที่เหลือจะช่วย เน้ นข้ อความให้ เด่นชัดยิ่งขึ ้น 1.4) การวางตาแหน่งของหัวเรื่ องแบบตัวยู (U–Shape Wrap) การวางตาแหน่งหัวเรื่ อง แบบตัวยูเป็ นการจัดวางหัวเรื่ องให้ อยูต่ รงกลางด้ านส่วนบนของกระดาษและมีสว่ นอื่นๆ อยู่รอบหัว เรื่ อง การจัดแบบนี ้นิยมใช้ ในงานที่เน้ นเป็ นการเป็ นงานองค์ประกอบของหน้ ากระดาษเป็ นสมดุล แบบสมมาตร 1.5) การวางตาแหน่งหัวเรื่ องรี เวอร์ สคิกเกอร์ (Reverse Kicker) ลักษณะของการจัด หน้ าโดยเน้ นการวางตาแหน่งแบบนี ้นิยมใช้ กบั หัวเรื่ องที่มีความสันๆ ้ โดยใช้ ตวั อักษรขนาดใหญ่ และเข้ มวางใส่ชิด ซ้ า ยมื อ และใช้ ตัว อักษรเล็กกว่าบางกว่าสาหรั บ หัส เรื่ อ งรองวางชิ ด ขวานัก ออกแบบจะใช้ การจัดแบบนี ้เมื่อมีข้อความสาระยาวๆ หรื อขาดภาพประกอบการจัด แบบนี ้ทาให้ เกิดพื ้นที่ว้าง 2 จังหวะจึงเป็ นการเน้ นหัวเรื่ องได้ มากพิเศษและโดยเฉพาะ การจัดหน้ าในเนื ้อที่แนวนอน 1.6) การจัดวางหัสเรื่ องแบบไทรพ็อด (Tripod Headline) มีลกั ษณะคล้ ายกับการจัด แบบ รี เวอร์ ส คิกเกอร์ แต่จะเน้ นถึงความตัดกันของขนาดและความเข้ มของตัวอักษร การจัดวาง หัวเรื่ องรองที่มีขนาดความยาวแบ่งเป็ นสองบรรทัด รวมกับหัวเรื่ องหลักอีกหนึ่งบรรทัด จึงทาให้ ดมู ี ลักษณะสามขาและตาแหน่งของหัวเรื่ องก็ไม่เน้ นว่าต้ องอยูส่ ว่ นบนของหน้ ากระดาษเสมอไป จึงทา ให้ มีอิสระในการออกแบบองค์ประกอบได้ มากยิ่งขึ ้นการจัดแบบนี ้นิยมใช้ จดั ในงานออกแบบสื่อ สิง่ พิมพ์โฆษณา หนังสือพิมพ์ และการออกแบบโปสเตอร์
130
1.7) คอลัมน์หรื อก็อปปี ้ ล็อค (Column or Copy Block) การกาหนดขนาดของคอลัมน์ จะขึ ้นอยูก่ บั องค์ประกอบสามส่วนคือ ส่วนแรกได้ แก่ การพิจารณาขนาดของพื ้นที่ทงหมดว่ ั้ ามีมาก น้ อยเพียงใด และส่วนที่สองพิจารณาถึงขนาดของข้ อความมีมากน้ อยหรื อไม่ ในการออกแบบจะ กาหนดขนาดของคอลัมน์ให้ เป็ นไปอย่างไรจึงต้ องพิจารณาถึงความสะดวกในการอ่าน ความสวย งานของการออกแบบนาเสนอ ซึง่ มีแนวคิดดังนี ้ 1.8) กรณีที่มีเนื ้อหาสาระค่อนข้ างมาก การนาเสนอคอลัมน์ควรกาหนดในลักษณะ แนวนอนจะเหมาะสมกว่าแนวดิ่ง เพราะการใช้ พื ้นที่ในแนวนอนจะใช้ น้อยกว่าการออกแบบ กาหนดคอลัมน์ในแนวดิง่ ซึง่ จะทาให้ ร้ ูสกึ ว่าเนื ้อหายาวไม่น่าอ่าน 1.9) การกาหนดขนาดของคอลัมน์กว้ างสาหรับลักษณะงานที่มีเนื ้อหาสาระยาวจะทาให้ ใช้ เนื ้อที่น้อยกว่าการกาหนดคอลัมน์แคบ และขนาดกว้ างของคอลัมน์กว้ างทาให้ ร้ ู สึกน่าอ่าน มากกว่า 1.10) ขนาดของคอลัมน์จะต้ องสัมพันธ์ กบั ลักษณะเฉพาะของสื่อไม้ ว่าจะกาหนดให้ กว้ างหรื อแคบเท่าใด จะต้ องพิจารณาถึงขนาดของพื ้นที่ทงหมดตามลั ั้ กษณะของสื่อแต่ละประเภท ซึง่ มีขนาดไม่แน่นอน เช่น งานออกแบบฉลาก งานออกแบบบรรจุภณ ั ฑ์งานออกแบบนิตยสาร งาน หนังสือพิมพ์ตลอดจนงานออกแบบโฆษณา 1.11) การกาหนดรูปแบบคอลัมน์แบบสลับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีเนื ้อหาสาระ ยาว ขนาดของคอลัมน์ มีความแตกต่างกันจะช่วยให้ แนวทางการออกแบบและการจัดวาง ภาพประกอบดูน่าสนใจไม่น่าเบื่อไม่น่าเบื่อ 1.12) การกาหนดขนาดของคอลัมน์จะต้ องสัมพันธ์และสอดคล้ องแนวทางการออกแบบ ซึง่ ผู้ออกแบบจะต้ องพิจารณาเกี่ยวกับองค์ประกอบอื่นๆ ได้ แก่ หัวเรื่ อง ภาพประกอบ รูปแบบ การ จัดวาง พื ้นที่วา่ งและส่วนประกอบตกแต่งต่างๆ บนงานนันๆ ้ 1.13) งานศิลปะ (Art work) ลักษณะของงานศิลปะหรื อต้ นฉบับอาร์ ตเวิร์คจะครอบคลุม งานตังแต่ ้ ทาการเริ่ มต้ นออกแบบ การกาหนดส่วนต่างๆ ลงในพื ้นที่ที่กาหนดและดาเนินการจัดทา ต้ นฉบับเพื่อส่งพิมพ์ตอ่ ไป 1.14) ภาพเครื่ องหมาย (Logo or trade Marks) ในการออกแบบจัดหน้ าบนสื่อโฆษณา หรื องานประชาสัมพันธ์บางโอกาสจะมีข้อมูลส่วนที่เป็ นเครื่ องหมายอยู่ด้วยเสมอ จะเห็นได้ ว่าบาง กรณีสว่ นของภาพเครื่ องหมายจะเป็ นองค์ประกอบหนึง่ ของการสร้ างความเชื่อมัน่ และการโน้ มน้ าว ให้ เกิดดารยอมรับ การจัดวางตาแหน่ง การเน้ นหรื อความชัดเจนด้ วยขนาดหรื อสีสนั จึงต้ องนามา พิจารณาอย่างละเอียดด้ วย
131
1.15) เส้ นและพื ้นผิว (Line & Textures) อาจจะเป็ นเส้ นขอบหรื อกรอบภาพ หรื อเส้ น เพื่อการตกแต่งงานออกแบบจัดหน้ าการแสดงลักษณะของเส้ น การกาหนดขนาด หรื อความเข้ ม และการใช้ สีสนั ที่เหมาะสมจะช่วยสนับสนุนให้ งานจัดหน้ ามีความสมบูรณ์ยิ่งขึ ้น การใช้ เส้ นในการ แบ่งคอลัมน์เนื ้อหาจะช่วยทาให้ ผ้ อู ่านสามารถอานข้ อความได้ สบายตามากยิ่งขึ ้นหรื อจะใช้ เส้ น แสดงหน้ าในการชี ้นาไปสูเ่ นื ้อหาหลักอย่างแท้ จริ ง ส่วนการกาหนดเกี่ยวกับพื ้นผิวหรื อผิวสัมผัสก็ จะสามารถนามาใช้ ในการเน้ นภาพหรื อข้ อความสาระได้ อย่างดี 1.16) ความต่อเนื่อง (Continuity) ได้ แก่การสร้ างความต่อเนื่องให้ เกิดขึ ้นภายในชิ ้นงาน การสร้ างความต่อเนื่องระหว่างหน้ าหรื อการออกแบบหน้ าคู่ ในการออกแบบหน้ าคู่ผ้ อู อกแบบ จะต้ องสร้ างความต่อเนื่องเสมอว่าเป็ นหน้ าเดียว หมายถึงการสร้ างความมีเอกภาพให้ เกิดขึ ้น ความต่อเนื่องจะสร้ างขึ ้นโดยวิธีการออกแบบ การตกแต่งอาร์ ตเวิร์ค การใช้ เส้ น องค์ประกอบศิลป์ หรื อการกาหนดโครงสี และอื่น ๆ 2) รูปแบบต่ างๆ ของกริด (Grid Types) รูปแบบพื ้นฐานของกริ ดมีอยู่ 4 ประเภท รูปแบบพื ้นฐานทังสี ้ ่แบบนี ้สามารถนาไปพัฒนา สร้ างแบบทังที ้ ่เรี ยบง่ายจนถึงแบบที่พลิกแพลงซับซ้ อนขึ ้น 2.1) เมนูสคริปต์กริด (Manuscript Grid) เป็ นกริดที่มีโครงสร้ างเรี ยบง่ายเป็ นบล็อกใหญ่บล็อกเดียวหรื อคอลัมน์เดียว มีชื่อเรี ยกอีก ชื่อว่า บล็อก กริ ด (Block Grid) โดยทัว่ ไป รูปแบบกริ ดประเภทนี ้ใช้ กบั สิ่งพิมพ์ที่มีแต่เนื ้อหาเป็ นหลัก เช่น หนังสือนวนิยาย ตารา จดหมายข่าว ฯลฯ แต่ก็สามารถนาภาพมาวางประกอบ แม้ จะเป็ น รูปแบบที่เรี ยบง่ายแต่ก็สามารถปรับแต่งเลย์เอ้ าท์ให้ ดนู ่าสนใจได้ และไม่จาแจเมื่อเปิ ดหน้ าต่อหน้ า
ภาพที่ 2.180 แสดงตัวอย่างรูปแบบเมนูสคริปต์กริด (Manuscript Grid) ที่มา : http://www.supremeprint.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=538976617
132
2.2) คอลัมน์กริด (Column Grid) เป็ นรูปแบบกริดที่มีคอลัมน์มากกว่าหนึง่ คอลัมน์ในหนึง่ หน้ าของแบบ มักมีความสูง เกือบสุดขอบของชิ ้นงาน ความกว้ างของแต่ละคอลัมน์ไม่จาเป็ นต้ องเท่ากัน กริดในรูปแบบนี ้มักถูก นาไปใช้ ใน นิตยสาร แคตตาล็อก โบชัวร์ การวางภาพในรูปแบบกริดประเภทนี ้อาจจะจัดวางให้ มี ความกว้ างเท่ากับหนึง่ คอลัมน์หรื อมากกว่าก็ได้
ภาพที่ 2.181 แสดงตัวอย่างรูปแบบคอลัมน์กริด (Column Grid) ที่มา : http://www.supremeprint.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=538976617 2.3) โมดูลาร์ กริด (Modular Grid) เป็ นรูปแบบกริ ดที่ประกอบด้ วยโมดูลหลาย ๆ โมดูลซึง่ เกิดจากการตีเส้ นตามแนวตังและ ้ แนวนอน หรื อกล่าวอีกนัยหนึ่งคือรูปแบบที่เกิดจากการแบ่งคอลัมน์ในคอลัมน์ กริ ดตามแนวนอน ทาให้ เกิดเป็ นโมดูลย่อย โมดูลาร์ กริ ดเป็ นรู ปแบบที่สามารถนาไปจัดเลย์เอ้ าท์ ได้ หลากหลาย สามารถประสมประสานภาพกับข้ อความเป็ นชุด ๆ จัดแบ่งเรื่ องราวหลาย ๆ เรื่ องมาอยู่ในหน้ า เดียวกัน จัดภาพประกอบพร้ อมคาบรรยายหลาย ๆ ชุดในหนึ่งหน้ า เหมาะสาหรับสิ่งพิมพ์ที่ ต้ องการรู ปแบบที่ปรับเปลี่ยนง่ายเมื่อมีการจัดทาเป็ นประจาอย่างต่อเนื่องอย่างเช่น หนังสือพิมพ์ และยังเหมาะกับงานพิมพ์ประเภทแคตตาล็อกสินค้ าหรื อบริ การ แผ่นพิมพ์โฆษณาที่ต้องแสดง รายการสินค้ าเป็ นจานวนมาก เนื่องจากโมดูลาร์ กริ ดเป็ นรู ปแบบที่ประกอบด้ วยโมดูลย่อย ๆ มี ความอิสระในการปรับแต่งเลย์เอ้ าท์ได้ สงู จึงมีการนามาใช้ ในการออกแบบหน้ าโบชัวร์ แคตตาล็อก นิตยสารและหนังสือประเภทต่าง ๆ ด้ วยเช่นกัน
133
ภาพที่ 2.182 แสดงตัวอย่างรูปแบบโมดูลาร์ กริด (Modular Grid) ที่มา : http://www.supremeprint.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=538976617 2.4) ไฮราซิคลั กริด (Hierarchical Grid) เป็ นรูปแบบกริ ดที่มีโครงสร้ างซับซ้ อน ประกอบด้ วยโมดูลได้ ทงที ั ้ ่มีขนาดเท่ากันหรื อ แตกต่างกันมาจัดวางในหน้ าเดียวกัน และอาจมีการเกยกันของโมดูลบางชิ ้น ไฮราซิคลั กริ ดเป็ น รู ปแบบที่ยากต่อการใช้ งานในการที่จะทาให้ เลย์เอ้ าท์ ที่ออกมาดูดีและลงตัว
มักใช้ ต่อเมื่อไม่
สามารถใช้ กริ ดรูปแบบอื่น ส่วนหนึ่งที่เลือกใช้ เนื่องจากขององค์ประกอบต่าง ๆ ของเลย์เอ้ าท์มี ความแตกต่างค่อนข้ างมาก เช่น อัตราส่วนของด้ านกว้ างกับด้ านยาวของภาพประกอบแต่ละภาพ มีความแตกต่างกันมาก ข้ อแนะนาในการจัดทารูปแบบไฮราซิคลั กริ ดวิธีหนึ่งคือ นาองค์ประกอบ ต่าง ๆ ของแบบทังหมด ้ เช่น ภาพประกอบ เนื ้อหา หัวเรื่ อง ฯลฯ มากองไว้ พิจารณาภาพรวม ค่อย ๆ ทดลองจัดวางโดยขยับปรับขนาดแต่ละองค์ประกอบจนดูแล้ วลงตัว พอมีแนวเป็ นหลักในการ สร้ างกริ ดใช้ ร่วมกันทังชุ ้ ด/เล่มของงานพิมพ์ แล้ วจึงลงมือทางาน รูปแบบกริ ดประเภทนี ้มีใช้ ในการ ออกแบบหน้ าหนังสือ โปสเตอร์ และฉลากผลิตภัณฑ์ เป็ นต้ น
ภาพที่ 2.183 แสดงตัวอย่างรูปแบบไฮราซิคลั กริด (Hierarchical Grid) ที่มา : http://www.supremeprint.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=538976617
134
3) ข้ อพิจารณาเพื่อการจัดหน้ า 3.1) ความถูกต้ อง (Accuracy) ได้ แก่ความถูกต้ องของเนื ้อหาที่นาเสนอไม่ว่าจะเป็ น ภาพหรื อถ้ อยคา ตัวสะกด การันต์ การเว้ นวรรคหรื อรายละเอียดต่างๆ บนพื ้นภาพ สื่อที่ดีจะต้ องมี ข้ อมูลที่ถกู ต้ องเสมอ 3.2) ความสมดุล (Balance) ได้ แก่ความสมดุลระหว่างภาพกับเนื ้อหาความสมดุล ระหว่างการจัดองค์ประกอบแต่ละหน้ า ความสมดุลระหว่างด้ านซ้ ายและด้ านขวาตลอดจนความ สมดุลในเรื่ องสีด้วย 3.3) ความเป็ นกลาง (Objectivity) ข้ อมูลที่นาเสนอทุกครัง้ จะต้ องไม่โน้ มไปทางใดทาง หนึ่ง หรื อทาให้ เกิดผลกระทบในทางเสียหายแก่ผ้ แู ข่งขัน การสร้ างความเป็ นกลางจัดว่าเป็ นการ ปฏิบตั ิอยูใ่ นจรรยาบรรณของการทางานที่น่ายกย่องที่สดุ 3.4) กะทัดรัดชัดเจน (Concise & Clear) การนาเสนอข้ อมูลจะต้ องมีความพอดี กะทัดรัดไม่เยิ่นเย้ อ การนาเสนอข้ อมูลรายละเอียดมากเกินไปทาให้ น่าเบื่อและไม่น่าสนใจ 3.5) ฉับไว (Recentness) ความฉับไวในที่นี ้เป็ นจุดหมายหลักของการจัดหน้ า ที่ ต้ องการให้ ผ้ รู ับข่าวสารสามารถเข้ าใจข้ อมูลข่าวสารนัน้ ให้ กระชับและเข้ าใจ 2.3.4.6 สื่อมัลติมีเดีย สื่อมัลติมีเดีย คือ ระบบสื่อสารข้ อมูลข่าวสารหลายชนิด โดยผ่านสื่อทางคอมพิวเตอร์ ซึง่ ประกอบด้ วย ข้ อความ ฐานข้ อมูล ตัวเลข กราฟิ ก ภาพเสียง และวีดิทศั น์ (Jeffcoate. 1995) สื่อมัลติมีเดีย คือ การใช้ คอมพิวเตอร์ สื่อความหมายโดยการผสมผสานสื่อหลายชนิด เช่น ข้ อความ กราฟ ภาพศิลป์ (Graphic Art) เสียง ภาพเคลื่อนไหว (Animation) และวิดีทศั น์ เป็ น ต้ น ถ้ าผู้ใช้ สามารถควบคุมสื่อเหล่านี ้ให้ แสดงออกมาตามต้ องการได้ ระบบนี ้จะเรี ยกว่า มัลติมีเดีย ปฏิสมั พันธ์ (Interactive Multimedia) (Vaughan. 1993) สื่อมัลติมีเดีย คือ โปรแกรมซอฟต์แวร์ ที่อาศัยคอมพิวเตอร์ เป็ นสื่อในการนาเสนอ โปรแกรมประยุกต์ซึ่งรวมถึงการนาเสนอข้ อความที่มีสี
ภาพกราฟิ ก (Graphic images)
ภาพเคลื่อนไหว (Animation) เสียง (Sound) และภาพยนตร์ วีดิทศั น์ (Full motion Video) ส่วน มัลติมีเดียปฏิสมั พันธ์ (Interactive Multimedia) จะเป็ นโปรแกรมประยุกต์ที่รับการตอบสนองจาก ผู้ใช้ คีย์บอร์ ด (Key board) เมาส์ (Mouse) หรื อตัวชี ้ (Pointer) (Hall. 1996)
135
1) ประเภทของมัลติมีเดีย 1.1) 2D Animation โปรแกรมสาหรับสร้ างภาพยนตร์ Animation แบบ 2 มิติ (2D) เช่น โปรแกรม FLASH, Moho หรื อ Toon Boom เป็ นต้ น 1.2) 3D Animation โปรแกรมสาหรับสร้ างภาพยนตร์ Animation แบบ 3 มิติ (3D) เช่น Maya, Lightwave, 3DS Max, Cinema 4D และ Soft Image XSL เป็ นต้ น 2) จุดประสงค์ หลักของสื่อมัลติมีเดียเพื่อการนาเสนอ 2.1) เป้าหมายคือ การนาเสนอข้ อมูลเพื่อประกอบการคิด การตัดสินใจ ใช้ ได้ กบั ทุก สาขาอาชีพ 2.2) ผู้รับข้ อมูลอาจเป็ นรายบุคคล กลุม่ ย่อย จนถึงกลุม่ ใหญ่ 2.3) มีวตั ถุประสงค์ทวั่ ไปเพื่อเน้ นความรู้และทัศนคติ 2.4) เป็ นลักษณะการสื่อสารแบบทางเดียว 2.5) ใช้ มากในการโฆษณา ประชาสัมพันธ์งานด้ านธุรกิจ 2.6) อาจต้ องใช้ อปุ กรณ์ต่อพ่วงอื่นๆ เพื่อเสนอข้ อมูลที่มีความซับซ้ อน หรื อเพื่อ ต้ องการให้ ผ้ ชู มได้ ชื่นชมและคล้ อยตาม 2.7) เน้ นโครงสร้ างและรู ปแบบการให้ ข้อมูลเป็ นต้ นไม่ตรวจสอบความรู้ ของผู้รับ ข้ อมูล 2.8) โปรแกรมส่วนมากจะควบคุมด้ วยระบบคอมพิวเตอร์ หรื อผู้นาเสนอ 3) องค์ ประกอบของมัลติมีเดีย มัลติมีเดีย (Multimedia) หรื อ สื่อหลายแบบ เป็ น เทคโนโลยีที่ทาให้ คอมพิวเตอร์ มี ความสามารถในการแสดงออกของข้ อมูลในรู ปของการผสมผสานระหว่าง ข้ อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียง เข้ าด้ วยกัน ตลอดจนมีการนาเอาระบบโต้ ตอบกับผู้ใช้ (Interactive) มา ผสมผสานด้ วย มัลติมีเดียเป็ น การผสมผสานระหว่างสื่อหลายๆ สือ่ ประกอบด้ วย 3.1) ข้ อความ (Text) ข้ อความ เป็ นส่วนที่เกี่ยวกับเนื ้อหาของมัลติมีเดีย ใช้ แสดงรายละเอียด หรื อ เนื ้อหาของเรื่ องที่นาเสนอ ซึง่ ปั จจุบนั เราสามารถแบ่งประเภทของข้ อความได้ หลายรูปแบบ 3.2) ภาพกราฟิ ก (Graphics) ภาพกราฟิ กเป็ นสื่อในการนาเสนอที่ดีเนื่องจากมีสีสนั มีรูปแบบที่น่าสนใจ สามารถ สื่อความหมายได้ กว้ างกว่าข้ อความ 3.3) เสียง (Sound)
136
เป็ นอีกองค์ประกอบของมัลติมีเดีย อันจะช่วยให้ เกิดบรรยากาศที่น่าสนใจในการรับรู้ ทางหู โดยอาศัยจะนาเสนอในรูปของ เสียงประกอบ เพลงบรรเลง เสียงพูด เสียงบรรยาย หรื อเสียง พากษ์ เป็ นต้ น ลักษณะของเสียง ประกอบด้ วย คลื่นเสียงแบบออดิโอ (Audio) ซึง่ มีฟอร์ แมตเป็ น .WAV, .AU การบันทึกจะบันทึกตามลูก คลื่นเสียง โดยมีการแปลงสัญญาณเสียงที่เป็ นอนาล็อกให้ เป็ นสัญญาณดิจิทลั ไฟล์ประเภทนี ้จะใช้ เนื ้อที่ในการจัดเก็บมาก ทาให้ ไฟล์มีขนาดใหญ่ การอธิบายถึงคุณภาพของเสียง Sample Rate จะแทนด้ วย KHz ใช้ อธิบายคุณภาพของเสียง อัตรามาตรฐานของ sample rate เท่ากับ 11KHz, 22KHz, 44KHz Sample Size แทนค่าด้ วย bits คือ 8 และ 16 บิท ใช้ อธิบายจานวนของข้ อมูลที่ใช้ จดั เก็บ ในคอมพิวเตอร์ คุณภาพเสียงที่ดีที่สดุ ได้ แก่ Audio-CDที่เท่ากับ 44kHz ระบบ 16 บิท เป็ นต้ น เสียงที่มีคณ ุ ภาพดี มักจะเป็ นไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ ใช้ เนื ้อที่ในการจัดเก็บมากดังนัน้ จึงต้ องมี การบีบอัดข้ อมูลให้ มีขนาดเล็กลง มาตรฐานการบีบอัดข้ อมูล ที่นิยมใช้ กนั ในปั จจุบนั คือ MPEG ซึง่ เป็ นชื่อย่อของทีมงานพัฒนา Moving Picture Export Group โดยปั จจุบนั มีฟอร์ แมตที่นิยมคือ MP3 (MPEG1 Audio Layer3) ซึง่ ก็คือเทคโนโลยีการบีบอัดข้ อมูลเสียงของมาตรฐาน MPEG 1 นัน่ เอง เป็ นไฟล์ที่นิยมใช้ กบั เครื อข่ายอินเทอร์ เน็ตด้ วย และ CD เพลง MP3 ที่นิยมฟั งกันในปั จจุบนั เพราะมีจานวนนับร้ อยเพลงใน CD เพียงแผ่นเดียวอุปกรณ์ ที่เกี่ยวข้ องกับข้ อมูลเสียงได้ แก่ ไมโครโฟน ลาโพง และ การ์ ดเสียง (Sound Card) ในงานคอมพิวเตอร์ นนั ้ มีไฟล์เสียงหลายประเภทด้ วยกัน แต่ละประเภทก็มีคณ ุ สมบัติ ต่างกันออกไป ทาให้ ควรรู้จกั กับไฟล์เสียงประเภทต่างๆ จะได้ เลือกใช้ งานให้ เหมาะสมกับงานได้ ไฟล์เสียงบางชนิดอาจใช้ งานได้ กบั บางโปรแกรมเท่านัน้ หรื อบางชนิดอาจใช้ งานได้ กบั หลายๆ โปรแกรม ไฟล์เสียงที่มกั จะได้ พบเห็นกันบ่อยๆดังนี ้ MIDI (.mid) ย่อมาจาก Musical Instrument Digital Interface เป็ นไฟล์ที่ไม่สามารถบันทึกเสียงร้ องได้ เพราะเป็ นไฟล์ที่เก็บคาสัง่ ที่ส่งไปให้ อปุ กรณ์ ดนตรี แสดงเสียงออกมาตามข้ อมูลที่อยู่ข้างในได้ ทาให้ อปุ กรณ์ดนตรี ที่ตา่ งกัน เมื่อได้ ทางานกับ
137
ไฟล์ midi อันเดียวกัน อาจทาเสียงออกมาไม่เหมือนกันก็ได้ แต่ไฟล์แบบนี ้เป็ นที่นิยมมาก เพราะมี ขนาดเล็ก และแก้ ไขได้ ง่าย สามารถประยุกต์ให้ midi เหล่านี ้ออกมาเป็ นเสียงดนตรี จริ งๆได้ ดังนัน้ คุณภาพเสียงที่อ่านได้ จาก midi จะดีแค่ไหน จึงขึ ้นอยู่กบั sound card (support midi) หรื อ อุปกรณ์+software ประเภท synthesizer WAVE (.wav) เป็ นไฟล์เสียงที่ได้ มาจากการบันทึกเสียง แล้ วเก็บไว้ ในระบบดิจิตอล ทาให้ เราสามารถนาไฟล์เหล่านี ้ไปประยุกต์ใช้ งานต่างๆต่อได้ อี ก ไม่ว่าจะเป็ นการปรับแต่งเสียง ผสมเสียง หรื อ convert ไปเป็ นไฟล์เสียงประเภทอื่นๆได้ (เมื่อทางานร่วมกับ software) ไฟล์ ประเภทนี ้มีขนาดใหญ่ เพราะสามารถเก็บความละเอียดไว้ ได้ มากเท่าที่เราต้ องการโดยไม่มีการบีบ อัดข้ อมูล (นอกจากว่าจะมาปรับแต่งทีหลัง ) เป็ นไฟล์เสียงประเภทหนึ่งที่มกั จะพบในวงการดนตรี มาก (อย่างน้ อยที่สดุ ก็เป็ นเสียงของนักร้ อง) CD Audio (.cda) เป็ นไฟล์เสียงที่บนั ทึกลงบนแผ่นซีดี ใช้ เล่นกับเครื่ องเสียงทัว่ ไป ไฟล์ประเภทนี ้มีความคมชัดของสัญญาณมาก เพราะไม่มีการบีบอัดข้ อมูล เพียงเข้ ารหัสในระบบ Linear PCM เป็ นไฟล์ .cda ที่มกั จะตังค่ ้ าการเก็บข้ อมูลเสียงโดยการสุม่ และแปลงสัญญาณไว้ ที่ 44,100 ครัง้ ต่อวินาที ปกติคอมพิวเตอร์ จะไม่สามารถอ่านไฟล์นี ้ได้ โดยตรง ต้ องเล่นผ่านอุปกรณ์ อื่นๆ เช่น เครื่ องเสียง , ซีดีรอม หรื อ software บางชนิด MP3 (.mp3) เป็ นที่นิยมมากในหมูน่ กั ฟั งเพลงทัว่ ไปในปั จจุบนั เพราะเป็ นไฟล์เสียงที่ ถูกบีบข้ อมูลให้ เล็กลงจากสัญญาณเสียงจริ งได้ ถึง 10 เท่า โดยเราสามารถเลือกความละเอียดของ การเข้ ารหัสได้ ทาให้ คณ ุ ภาพเสียงของไฟล์ประเภทนี ้ที่บีบอัดข้ อมูลไม่มากนัก มีคณ ุ ภาพดีใช้ ได้ เลยทีเดียว (bitrate 128 Kbps) และเนื่องจากความเล็กของไฟล์ประเภทนี ้ทาให้ เป็ นที่นิยมในการ ส่งไฟล์นี ้ผ่านระบบอินเตอร์ เน็ตกันด้ วย WMA (.wma) เป็ นไฟล์เสียงที่ บ.ไมโครซอฟท์ คิดขึ ้นมาให้ ทางานร่วมกับโปรแกรม Windows Media Player ของระบบวินโดว์ สามารถฟั งเสียงผ่านระบบ streaming ได้ คือ ดาวน์ โหลดข้ อมูลไปด้ วย พร้ อมกับถอดรหัสเสียงให้ ฟังไปพร้ อมๆกันเลย โดยไม่ต้องรอให้ ดาวน์โหลดครบ 100% ส่วนคุณภาพเสียงนันมี ้ ความละเอียดสูงไม่แพ้ mp3 128 Kbps เลย แต่จะมีขนาดเล็กกว่า mp3 ที่ความละเอียดเสียงพอๆกัน เพราะเข้ ารหัสแบบ bitrate 64 Kbps (ครึ่งเดียว) ปั จจุบนั เครื่ อง เสียงบ้ านและรถยนต์ได้ หนั มารองรับไฟล์ระบบนี ้มากขึ ้นแล้ ว
138
Real Audio (.ra) เป็ นไฟล์เสียงที่ทางานคูก่ บั โปรแกรม Real Player เน้ นการทางาน แบบ Streaming สามารถฟั งเสียงและดูภาพขณะกาลังดาวน์โหลดข้ อมูลได้ พร้ อมๆกันเลย มีหลาย ความละเอียดให้ เลือกหลายระดับ เป็ นที่นิยมในหมูน่ กั ดูหนังฟั งเพลงในอินเตอร์ เน็ตมาก Audio Streaming Format (.asf) เป็ นไฟล์เสียงหนึ่งที่มีรูปแบบ Streaming ที่เน้ นส่ง ข้ อมูลเสียงแบบ real time ใช้ กนั มากในการฟั งวิทยุออนไลน์บนอินเตอร์ เน็ต Audio Interchange File Format (.aif , .aiff) เป็ นไฟล์ลกั ษณะคล้ ายไฟล์ Wave แต่ ใช้ สาหรับเครื่ อง Macintosh ACC (.acc) เป็ นไฟล์เสียงที่มีคณ ุ ภาพสูงมาก สุม่ ความถี่ได้ ถึง 96 kHz รองรับอัตรา การเล่นไฟล์สงู ถึง 576 Kbps สามารถแยกเสียงได้ ถึงระบบ 5.1ช่อง เทียบเท่า Dolby Digital หรื อ AC-3 3.4) วีดโิ อ (Video) วีดิโอ นับเป็ นสื่ออีกรู ปหนึ่งที่นิยมใช้ กบั เทคโนโลยีมลั ติมีเดีย เนื่องจากสามารถ แสดงผลได้ ทงภาพเคลื ั้ ่อนไหว และเสียงไปพร้ อม กัน ทาให้ เกิดความน่าสนใจในการนาเสนอมาก ยิ่งขึ ้น รู ปแบบของไฟล์วีดิโอที่ใช้ ในการบันทึกภาพและเสียงที่สามารถทางานกับคอมพิวเตอร์ ได้ เลย มีหลายรูปแบบ ดังนี ้ AVI (Audio / Video Interleave) เป็ นฟอร์ แมตที่พฒ ั นาโดยบริ ษัทไมโครซอฟต์ เรี ยกว่า Video for Windows มีนามสกุลเป็ น .avi ปั จจุบนั มีโปรแกรมแสดงผลติดตังมาพร้ ้ อมกับ ชุด Microsoft Windows คือ Windows Media Player เป็ นรู ปแบบของไฟล์มลั ติมีเดียบน Windows สาหรับเสียงและภาพเคลื่อนไหวที่ใช้ คณ ุ สมบัติของ RIFF (Resource Interchange File Format) ของ Windows เป็ นไฟล์วิดีโอที่มีความละเอียดสูง เหมาะสมกับการนามาใช้ ในงานตัดต่อ วิดีโอ แต่ไม่นิยมนามาใช้ ในสื่อดิจิตอลอื่น ๆ เพราะไฟล์มีขนาดใหญ่มาก MPEG – Moving Pictures Experts Group รูปแบบของไฟล์ที่มีการบีบอัดไฟล์ เพื่อให้ มีขนาดเล็กลง โดยใช้ เทคนิคการบีบข้ อมูลแบบ Inter Frame หมายถึง การนาความ แตกต่างของข้ อมูลในแต่ละภาพมาบีบ และเก็บ โดยสามารถบีบข้ อมูลได้ ถึง 200 : 1 หรื อเหลือ ข้ อมูลเพียง 100 kb/sec โดยคุณภาพยังดีอยู่ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดย MPEG-1 มีนามสกุล คือ .mpg ไฟล์ MPEG เป็ นไฟล์มาตรฐานในการบีบอัดไฟล์วิดีโอ ซึง่ เป็ นรูปแบบของวิดีโอที่มี คุณภาพสูงและนิยมนามาใช้ กบั งานวิดีโอหลาย ประเภท ไฟล์ MPEG ยังสามารถแบ่งออกตาม คุณสมบัติตา่ งๆ ได้ ดงั นี ้
139
MPEG-1 เป็ นรู ปแบบไฟล์ที่เข้ ารหัสด้ วยการบีบอัดไฟล์ให้ มีขนาดเล็ก เพื่อสร้ างไฟล์ วิดีโอในรูปแบบ VCD ซึง่ จะมีขนาดสูงสุดอยู่ที่ 352 X 288 และมีการบีบอัดที่สงู มีคา่ บิตเรทอยู่ที่ 1.5 Mb/s 2 ช่องสัญญาณเสียง MPEG-2เป็ นรูปแบบการเข้ ารหัสไฟล์ที่สร้ างมาเพื่อภาพยนตร์ โดยเฉพาะ โดยจะสร้ างเป็ น SVCD หรื อ DVD ซึง่ จะมีขนาดสูงสุดอยู่ที่ 1920X1080 ซึง่ อัตราการ บีบอัดจะน้ อยกว่ารูปแบบ MPEG-1 ไฟล์ที่ได้ จึงมีขนาดใหญ่กว่าและมีคณ ุ ภาพที่ดีกว่า ซึง่ รูปแบบ MPEG-2 สามารถที่จะบีบอัดข้ อมูลตามที่ต้องการเองได้ MPEG-4 เป็ นรูปแบบการเข้ ารหัสไฟล์ที่ดีกว่า MPEG-1 และ MPEG-2 เป็ นไฟล์วิดีโอ บีบอัดที่มีคณ ุ ภาพสูง ซึง่ มีขนาดสูงสุดอยู่ที่ 720X576 รองรับสื่อวิดีโอดิจิตอลในปั จจุบนั เช่น Mobile Phone, PSP, PDA และ iPod .DAT เป็ นระบบของไฟล์ภาพยนตร์ หรื อไฟล์คาราโอเกะจากแผ่น VCD ที่อยู่ในรูปแบบ ไฟล์ MPEG-1 สามารถเปิ ดเล่นด้ วยโปรแกรมดูหนัง เช่น Power DVD หรื อ โปรแกรม Windows Media Player มีการเข้ ารหัสบีบอัดไฟล์คล้ ายกับไฟล์ MPEG สามารถเล่นได้ บนเครื่ องเล่น VCD หรื อ DVD ทัว่ ไป .WMV (Windows Media Video) เป็ นไฟล์วิดีโอของบริ ษัทไมโครซอฟท์ สร้ างขึ ้นมา จากโปรแกรม Windows Movie Maker เป็ นไฟล์ที่ได้ รับความนิยมในปั จจุบนั จากสื่ออินเทอร์ เน็ต มีจดุ ประสงค์ที่สร้ างขึ ้นมาเพื่อการชมวิดีโอแบบ Movie on Demand ด้ วยคุณภาพที่ดีและมีขนาด ไฟล์ที่เล็ก สามารถที่จะ Upload ขึ ้นเว็บไซต์ได้ ง่ายและสะดวกรวดเร็ว Quick Time (.mov) เป็ นฟอร์ แมตที่พฒ ั นาโดยบริ ษัท Apple ซึง่ มีความนิยมสูงใน เครื่ องตระกูล Macintosh สามารถใช้ ได้ กับเครื่ องที่ใช้ ระบบ Windows แต่จาเป็ นต้ องติดตัง้ โปรแกรม QuickTime ก่อนนิยมใช้ นาเสนอข้ อมูลไฟล์ผา่ นอินเทอร์ เน็ตมีนามสกุลเป็ น .move Real Player รู ปแบบของแฟ้มที่พฒ ั นาโดยบริ ษัท เรี ยลเน็ตเวิร์ก (Real Network) รูปแบบแฟ้มชนิดนี ้มีสว่ นขยายเป็ น rm ra และ ram โปรแกรมใช้ ในการอ่านข้ อมูลของแฟ้มประเภท นี ้ได้ แก่ เรี ยล เพลเยอร์ เรี ยลเพลเยอร์ จีทู (Real Player G2 ) และ เรี ยลวัน เพลเยอร์ (Real One Player) .VOB (Voice of Barbados) เป็ นไฟล์ของ ซึง่ ใช้ การเข้ ารหัสหรื อการบีบอัดในรูปแบบ ซึง่ มีคณ ุ ภาพสูงทังระบบภาพและเสี ้ ยง สามารถเล่นได้ จากเครื่ องเล่น DVD หรื อไดรว์ DVD ใน เครื่ องคอมพิวเตอร์
140
Flash Video (.FLV) เป็ นไฟล์วิดีโอในรู ปแบบของ Flash ซึง่ มีข้อดีคือ สามารถ นามาใช้ งานร่ วมกับ Component ของ Flash รวมทังไฟล์ ้ ที่บีบอัดแล้ วมีขนาดเล็กแต่ยงั คง รายละเอียดของไฟล์ต้นฉบับได้ เป็ นอย่างดี แต่มีข้อเสียคือไฟล์วิดีโอที่ทาการบีบอัดแล้ วจะไม่มี เสียง อันนี ้ก็ขึ ้นอยูก่ บั การนาไฟล์ไปประยุกต์ใช้ งานของแต่ละคนนะครับ .XviD เกิดจากกลุม่ นักพัฒนาอิสระ ที่พฒ ั นารูปแบบการบีบอัดบนพื ้นฐานของ mp4 เหมือนกับ DviX เพียงแต่ อยู่ในรูปของOpen Software ที่เผยแพร่ให้ ใช้ กนั ฟรี ๆ ทัว่ โลก ใช้ เทคนิค การบีบอัดแบบ AFP ซึง่ อยู่ในรู ปแบบของ Open Source คือ ได้ เผยแพร่ ให้ มีการพัฒนาจาก นักพัฒนาทัว่ โลก เนื่องจากว่ามาตรฐานการบีบอีกของ XviD ใช้ เป็ นแบบ ASP (MPEG-4 Advanced Simple Profile) ไฟล์ XviD จึงสามารถเล่นบนโปรแกรมหรื อเครื่ องเล่น DVD ที่สามารถ เล่นไฟล์ MP4 หรื อ DviX และเครื่ องคอมพิวเตอร์ ได้ ได้ เช่นกัน ทังนี ้ ้ทังนั ้ น้ กรุณาตรวจสอบเครื่ อง เล่นของท่านตามเว็บไซต์วา่ เครื่ องเล่นของท่านสนับสนุน ไฟล์ XviD ด้ วย หากท่านต้ องการเล่นไฟล์ Xvid บนเครื่ องคอมพิวเตอร์ ท่านจะต้ องติดตัง้ Xvid Decoder(โปรแกรมถอดรหัส XviD) ซึง่ หาได้ ตามเว็บไซต์ทวั่ ไปเช่นกัน Microsoft Streaming Format เป็ นแฟ้มอีกรูปแบบหนึ่งที่พฒ ั นาโดย บริษัทไมโครซอฟต์ รูปแบบแฟ้มชนิดนี ้มีสว่ นขยายเป็ น asf หรื อ asx ซึง่ สามารถใช้ โปรแกรมวินโดว์ มีเดีย เพลเยอร์ ในการแสดงผล คุณสมบัตพ ิ นื ้ ฐานของไฟล์ วีดโิ อ ความละเอียดของภาพ (Resolution) ของภาพเป็ นสิ่งที่บอกได้ ว่าไฟล์วีดิโอจะออกมา เป็ นอย่างไร เมื่อมีการขยายภาพ การกาหนด Resolution จะแสดง ความยาว:ความกว้ าง ของ หน้ าจอซึง่ จะกาหนดขนาดเป็ น 4:3 เช่น 1024:768, 800:640 หรื อ 640:480 ดังนัน้ ถ้ าค่า resolution ยิ่งสูง ความละเอียดของภาพก็จะดีด้วย ความเร็วในการแสดงภาพ (Frame Rate: Fps) คือ ความเร็วในการแสดงภาพในหนึง่ วินาที โดยความเร็ วที่จะทาให้ เกิดภาพเคลื่อนไหว จะอยู่ที่ 7-10 ภาพต่อวินาทีความเร็ วในการ แสดงภาพของฟิ ล์มภาพยนตร์ และโทรทัศน์ จะอยูท่ ี่ 24-30 ภาพต่อวินาที ช่ องทางและขัน้ ตอนการเผยแพร่ ข้อมูล การส่งผ่านข้ อมูล หรื อเนื ้อหาให้ แก่ผ้ ทู ี่สนใจ ผู้เผยแพร่จะต้ องทราบเทคนิคการเลือกใช้ สื่อมัลติมีเดียชนิดต่าง ๆ ให้ เหมาะสมกับเนื ้อหา โอกาส และข้ อจากัดของระบบเครื อข่าย คอมพิวเตอร์ ที่มีอยู่ เพื่อให้ สมั ฤทธิ์ผลในการเผยแพร่อย่างมีประสิทธิภาพ ดังจะได้ กล่าวถึงเทคนิค การส่ง หรื อกระจายสื่อมัลติมีเดียแบบต่างๆ ต่อไปนี ้คือ
141
ผ่ านทางซีดี การเลือกใช้ การเผยแพร่สื่อมัลติมีเดียจากแผ่นซีดีรอมนัน้ โดยมากมักจะ มีมลั ติมีเดียที่เครื่ องคอมพิวเตอร์ สามารถจะเก็บสื่อได้ ไม่ว่าจะเป็ นตัวอักษร ภาพกราฟิ ก เสียง ภาพยนตร์ ภาพเคลื่อนไหว และการจาลองสถานการณ์ โดยมากเราจะนิยมใช้ แผ่นซีดีรอมเก็บ ข้ อมูลที่มีขนาดใหญ่ และเปลี่ยนแปลงน้ อย แผ่นซีดี ย่อมาจาก Compact Disk : CD เป็ นแผ่นบันทึกที่มีความจุสงู กว่า 650 MB ต่อแผ่น ปั จจุบนั แผ่นซีดีมี 3 รูปแบบ คือ ซีด-ี อ่ านอย่ างเดียว (Compact Disc-Read Only Memory : CD-ROM) เป็ นแผ่นซีดี ที่บนั ทึกข้ อมูลมาจากผู้ผลิตเพื่อให้ ผ้ ใู ช้ สามารถอ่านข้ อมูลโดยไม่สามารถบันทึกข้ อมูลลงแผ่นได้ ซีดี-บันทึกได้ (Compact Disc-Recordable : CD-R) เป็ นแผ่นที่บนั ทึกได้ หลายครัง้ และนามาอ่านได้ หลายครัง้ เช่นเดียวกัน โดยการบันทึกข้ อมูลใหม่ตอ่ จากข้ อมูลเก่าไปเรื่ อย ๆ จน เต็มแผ่น แต่เราไม่อาจลบ หรื อบันทึกข้ อมูลใหม่ทบั บนข้ อมูลเดิมที่บนั ทึกไปแล้ วได้ เมื่อบันทึกเสร็ จ เรี ยบร้ อยแล้ ว แผ่นซีดี-อาร์ นนั ้ ก็คือ แผ่นซีดี-รอม นัน่ เองเพราะสามารถนาไปใช้ กบั เครื่ องอ่านซีดีรอมธรรมดาได้ ซีดี-บันทึกทับได้ (Compact Disc-Rewritable : CD-RW) เป็ นแผ่นซีดีที่บนั ทึกทับได้ เมื่อบันทึกข้ อมูลลงแผ่นแล้ วผู้ใช้ สามารถลบข้ อมูลเดิมออกไป หรื อจะบันทึกข้ อมูลใหม่ทบั ข้ อมูล เดิมก็ได้
บทที่ 3
กรณีศึกษางานออกแบบการนาเสนอ 3.1 C-A-S: Zone of thought stimulation 3.1.1 รายละเอียดของโครงการ 3.1.1.1 ชื่อโครงการ ที่ตงั ้ ผู้ออกแบบ โครงการ : C-A-S: Zone of thought stimulation (โครงการ เคสโซนของการกระตุ้นความคิด) ที่ตงโครงการ ั้ : ย่าน สโตก-ออน-เทรนต์ , เมืองสแตฟฟอร์ ดเชอร์ , สหราชอาณาจักร ผู้ออกแบบ : Tulshi Patel 3.1.1.2 วัตถุประสงค์ หรือจุดมุ่งหมาย จากพื ้นที่วา่ งที่ถกู ทิ ้งร้ างในย่าน Stoke จะกลายเป็ นจุดที่โดดเด่นมากขึ ้น เนื่องจากสภา เทศบาล มีวตั ถุประสงค์ที่จะทาให้ ย่าน แฮนลีย์ (Hanley) กลายเป็ นย่านธุรกิจการค้ า โดยมีโครงการที่จะ ฟื น้ ฟูย่านสาคัญเพื่อเปลี่ยนแปลงย่าน Stoke – on – Trent จากผลงานวิจยั พบว่าเกิน 9 ใน 10 ของธุรกิจใน ย่านดังกล่าวในสองปี แรก ธุรกิ จในย่านนี ล้ ้ มเหลวทางเทศบาลจึงมีแนวคิดที่จะกระตุ้นเศรษฐกิ จในย่าน ดังกล่าว ให้ เกิดความน่าสนใจและเกิดการขายตัวของเศรษฐกิจท้ องถิ่นให้ มีการขยายตัวและเกิดธุรกิจใหม่ๆ มากขึน้ ดังนัน้ จึงเล็งเห็นความสาคัญของสถาปั ตยกรรมซึ่งมีอิทธิ พลต่อการขยายตัวของธุรกิ จ จึงเกิ ด โครงการที่จะฟื น้ ฟูสถาปั ตยกรรมให้ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ ้น 3.1.1.3 แนวความคิดในการออกแบบ ใช้ หลักแนวคิดจิตวิทยา จากการสารวจการเคลื่อนไหวของมนุษย์ที่อยู่ในย่าน Stoke บริ เวณที่ถกู ทิ ้งร้ างได้ ข้อสรุ ปว่า แสงและเงาสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเคยชินของมนุษย์ กับการใช้ พื ้นที่ของผู้คนได้ โดยแสงและเงาสามารถเปลี่ยนแปลงการรับรู้และอารมณ์ของผู้คน ในสถานที่ดงั กล่าวได้ และ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเดินของผู้คน จากกิจกรรมหนึ่งไปหยังอีกกิจกรรมหนึ่งได้ จึงนาหลังการนี ้ที่คล้ าย การฟั กไข่ที่มีการเติบโตขึ ้นเรื่ อยๆและจากการใช้ ประโยชน์จากที่หนึ่งสามารถไปใช้ อีกที่หนึ่งได้ มาเป็ นแนวคิด การออกแบบ
143
3.1.2 รูปแบบและการนาเสนอ (แผ่ นนาเสนองาน) แผ่นนาเสนองาน มีจานวนทังหมด ้ 5 แผ่น 1
2
4
5 3
ภาพที่ 3.1 แสดงจานวนแผ่นของแผ่นนาเสนองาน ที่มา : http://www.arch2o.com/c-a-s-zone-of-thought-stimulation-tulshi-patel/#prettyPhoto 3.1.2.1 แผ่ นนาเสนองาน (Presentation Plate) 1) การจัดวาง (Layout) Presentation Plate 1 แสดงเพลทรวม แนวคิดการออกแบบ ชื่อสถานที่ กระบวนการออกแบบ และรายละเอียด ใช้ ระบบกริตแบบคอลัมน์กริด (Column Grid) ข้ อความ 10% ส่วนรูปภาพ 90% แนวความคิด
ชื่อสถานที่ตงโครงการ ั้ กระบวนการออกแบบ รูปภาพ รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ
ข้ อความ
ภาพที่ 3.2 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 1
144
Presentation Plate 2 แสดงแบบแปลน ภาพจาลอง ตาแหน่งพื ้นที่ใช้ ระบบกริตแบบคอลัมน์กริด (Column Grid) ข้ อความ 30% ส่วนรูปภาพ 70% ข้ อความ
รูปภาพ
รูปภาพ
รูปภาพ รูปภาพ ข้ อความ
ข้ อความ
ภาพที่ 3.3 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 2 Presentation Plate 3 แสดงรายละเอียดวัสดุ และรูปตัด ตาแหน่งพื ้นที่ใช้ ระบบกริตแบบคอลัมน์กริด (Column Grid) ข้ อความ 20% ส่วนรูปภาพ 80% รูปภาพ ข้ อความ รูปภาพ ภาพที่ 3.4 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 3 Presentation Plate 4 แสดงรายละเอียดส่วนต่างๆ ตาแหน่งพื ้นที่ใช้ ระบบ กริตแบบคอลัมน์กริด (Column Grid) ข้ อความ 30% ส่วนรูปภาพ70%
145
ข้ อความ ข้ อความ
รูปภาพ
ข้ อความ
ข้ อความ ภาพที่ 3.5 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 4
Presentation Plate 5 แสดงรายละเอียดส่วนต่างๆ ตาแหน่งพื ้นที่ใช้ ระบบ กริตแบบคอลัมน์กริด (Column Grid) ข้ อความ 10% ส่วนรูปภาพ 90% ข้ อความ รูปภาพ รูปภาพ รูปภาพ
ภาพที่ 3.6 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 5 2) รูปแบบตัวอักษร (Font) 2.1) รูปแบบและขนาด ใช้ รูปแบบตัวอักษร 2 แบบคือ CordiaUPC ทัง้ ในส่วนหัวข้ อ และเนื ้อหาจะมี ความเป็ นสากล เข้ าใจง่ายขึ ้น ขนาดของตัวอักษรหัวข้ อหลักจะมี ขนาดใหญ่กว่า ส่วนเนื ้อหาจะไล่ขนาดตามความสาคัญ 2.2) สีของตัวอักษรจะมีการใช้ 4 สีคือสีขาว สีดา แดงและเขียวลักษณะ ในการใช้ สีของตัวอักษรขึ ้นอยูก่ บั สีของพื ้นหลัง และสีของรูปภาพตามความเหมาะเพื่อให้ เกิดการ ตัดกันอย่างชัดเจนสามารถอ่านได้ สะดวก เน้ นหัวข้ อที่ต้องการให้ เด่นชัดเจน ด้ วยสีแดงและเขียว 3) การเลือกใช้ สี (Colour) ในแผ่นนาเสนองานจะเป็ นการใช้ โทนสีเทา น ้าตาล และสีดา เป็ นการ ทาให้ ตวั อักษรเด่นชัดโดยการเลือกสีที่ตดั กับตัวอักษร ในกรณีใช้ รูปภาพจะเป็ นการคุมสีของภาพ ไม่ให้ มีสีที่สดจนเกินไปซึง่ จะทาให้ เกิดจุดเด่นเท่าๆกันทุกแผ่น
146
4) ความรู้สึกที่ได้ พบเห็น (Emotion) แผ่นนาเสนองานทังหมดมี ้ ความกลมกลืนกัน แต่จะมีการใช้ รูปภาพที่มี ขนาดใหญ่ทาให้ รับรู้ถึงข้ อมูลโครงการได้ ทนั ทีจากภาพที่แสดงถึงกิจกรรมและข้ อมูลโครงการ 3.1.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบงานนาเสนอ (แผ่ นนาเสนองาน) 1) โปรแกรมที่ใช้ ในการสร้ างภาพ 3D 1.1) อาจจะใช้ โปรแกรม Google Sketch up ในส่วนประกอบของภาพ 3D นาเสนอแนวความคิด ภาพทัศนียภาพ และบริเวณอาคาร 2) โปรแกรมที่ใช้ ในการสร้ างภาพกราฟฟิ ก ใช้ Adobe illustrator ในการสร้ างภาพกราฟฟิ กแสดงข้ อมูลในภาพ ไม่ ว่าจะเป็ นข้ อมูลการเดินทาง ลายเส้ นต่างที่แสดงในภาพ 3) โปรแกรมที่ใช้ ในการตกแต่ งภาพ ใช้ Adobe Photoshop ในการแต่งภาพทัศนียภาพทังภายใน ้ ภายนอก และบริเวณโดยรอบ โดยการปรับสีของภาพ และการตัดต่อ เช่น คน รูปพื ้นหลัง ต้ นไม้ เป็ นต้ น 3.1.4 ตารางสรุ ปความเหมาะสมและความสวยงาม เป็ นการสรุ ปความ สวยงามทัง้ ในเรื่องขององค์ ประกอบศิลป์และการนาเสนอ ตารางที่ 3.1 ตารางสรุปการนาเสนอด้ วยกราฟิ ก การจัดองค์ ประกอบศิลป์ 1. เทคนิคการใช้ สี 2. เทคนิคการใช้ แสงเงา 3. การจัดภาพให้ เกิดจุดเด่น 4. ความกลมกลืนในงาน 5. เอกภาพ และความสมดุลของงาน 6. ที่วา่ งกับการเขียนตัวอักษร 7. เอกภาพกับการเขียนตัวอักษร 8. การนาแนวความคิดมาออกแบบการนาเสนอ 9. การลาดับเนื ้อเรื่ องการนาเสนอ รวม ระดับค่ าความสวยงามและความเหมาะสม ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4
คะแนน 2 4 2 2 2 3 3 3 4 25
147
148
3.2 Shortlist announced for the North West Cambridge extension 3.2.1 รายละเอียดของโครงการ 3.2.1.1 ชื่อโครงการ ที่ตงั ้ ผู้ออกแบบ : Shortlist announced for the North West
โครงการ
Cambridge extension (โครงการผังแม่บท พัฒนาภูมิทศั น์เมืองทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ แคมบริดจ์) ที่ตงโครงการ ั้ : เมืองแคมบริดจ์,สหราชอาณาจักร ผู้ออกแบบ : เดวิชชิป เปอร์ ฟิวล์และคณะ 3.2.1.2 วัตถุประสงค์ หรือจุดมุ่งหมาย เนื่องจากเมืองในปั จจุบนั มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ ว ทางมหาวิทยาลัย แคมบริ ดจ์จึงได้ ถกู แต่งตังเป็ ้ นผู้ดาเนินงานหลักและรับหมอบหมายให้ เป็ นออกแบบและผู้พฒ ั นา เมืองและภูมิทศั น์โดยให้ จดั ทาผังแม่บทเพื่อออกแบบผังเมืองเพื่อให้ สิ่งแวดล้ อมขอเมืองยังมีพื ้นที่สี เขียวมากขึ ้น 3.2.2 รูปแบบและการนาเสนอ (แผ่ นนาเสนองาน) แผ่นนาเสนองาน มีจานวนทังหมด ้ 5 แผ่น
1
3
2
4
ภาพที่ 3.7 แสดงจานวนแผ่นของแผ่นนาเสนองาน ที่มา:http://www.archdaily.com/216840/shortlist-announced-for-the-north-westcambridge-extension/
5
149
3.2.2.1 แผ่ นนาเสนองาน (Presentation Plate) 1) การจัดวาง (Layout) Presentation Plate 1 แสดงชื่อสถานที่ ที่ตงและขอบเขตของโครงการ ั้ และรายละเอียด ใช้ ระบบไฮราซิคลั กริด (Hierarchical Grid) เป็ นรูปแบบกริดที่มีโครงสร้ างซับซ้ อน ประกอบด้ วยโมดูลได้ ทงที ั ้ ่มีขนาดเท่ากันหรื อแตกต่างกันมาจัดวางในหน้ าเดียวกัน และอาจมีการ เกยกันของโมดูลบางชิ ้น ไฮราซิคลั กริ ดเป็ นรูปแบบที่ยากต่อการใช้ งานในการที่จะทาให้ เลย์เอ้ าท์ที่ ออกมาดูดีและลงตัว มักใช้ ต่อเมื่อไม่สามารถใช้ กริ ดรู ปแบบอื่น ส่วนหนึ่งที่เลือกใช้ เนื่องจากของ องค์ประกอบต่าง ๆ ของเลย์เอ้ าท์มีความแตกต่างค่อนข้ างมาก เช่น อัตราส่วนของด้ านกว้ างกับ ด้ านยาวของภาพประกอบแต่ละภาพมีความแตกต่างกันมาก ข้ อความ 10% ส่วนรูปภาพ 90%
รูปภาพ ข้ อความ
ข้ อความ ข้ อความ
ภาพที่ 3.8 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 1 Presentation Plate 2 แสดงรายละเอียดการวิเคราะห์บริ บทขอบเขต ของพื ้นที่ของ โครงการใช้ ระบบไฮราซิคลั กริ ด (Hierarchical Grid) เป็ นรู ปแบบกริ ดที่มีโครงสร้ างซับซ้ อน ประกอบด้ วยโมดูลได้ ทงที ั ้ ่มีขนาดเท่ากันหรื อแตกต่างกันมาจัดวางในหน้ าเดียวกัน และอาจมีการ เกยกันของโมดูลบางชิ ้น ไฮราซิคลั กริ ดเป็ นรูปแบบที่ยากต่อการใช้ งานในการที่จะทาให้ เลย์เอ้ าท์ที่
150
ออกมาดูดีและลงตัว มักใช้ ต่อเมื่อไม่สามารถใช้ กริ ดรู ปแบบอื่น ส่วนหนึ่งที่เลือกใช้ เนื่องจากของ องค์ประกอบต่าง ๆ ของเลย์เอ้ าท์มีความแตกต่างค่อนข้ างมาก เช่น อัตราส่วนของด้ านกว้ างกับ ด้ านยาวของภาพประกอบแต่ละภาพมีความแตกต่างกันมาก รูปภาพย่อย 20% ส่วนรูปภาพหลัก 80% รูปภาพย่อย
รูปภาพย่อย
รูปภาพย่อย
รูปภาพย่อย
ภาพที่ 3.9 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 2 Presentation Plate 3 แสดงรายละเอียดทัศนยภาพของโครงการ ใช้ ระบบไฮราซิคลั กริด (Hierarchical Grid) เป็ นรู ปแบบกริ ดที่มีโครงสร้ างซับซ้ อน ประกอบด้ วยโมดูลได้ ทงที ั ้ ่มีขนาด เท่ากันหรื อแตกต่างกันมาจัดวางในหน้ าเดียวกัน และอาจมีการเกยกันของโมดูลบางชิ ้น ไฮรา ซิคลั กริ ดเป็ นรู ปแบบที่ยากต่อการใช้ งานในการที่จะทาให้ เลย์เอ้ าท์ที่ออกมาดูดีและลงตัว มักใช้ ต่อเมื่อไม่สามารถใช้ กริดรูปแบบอื่น การใช้ พื ้นที่ของเพลท ข้ อความ 20% ส่วนรูปภาพ 80% ข้ อความ ข้ อความ
ข้ อความ รูปภาพ
ข้ อความ ข้ อความ ภาพที่ 3.10 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 3
151
Presentation Plate 4 แสดงรายละเอียดทัศนยภาพของโครงการ ใช้ ระบบ ไฮราซิคลั กริ ด (Hierarchical Grid) เป็ นรูปแบบกริ ดที่มีโครงสร้ าง และอาจมีการเกยกันของโมดูล บางชิ ้น การใช้ พื ้นที่ของเพลท ข้ อความ 10% ส่วนรูปภาพ 90% ข้ อความ ข้ อความ
รูปภาพ ข้ อความ ภาพที่ 3.11 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 4 Presentation Plate 5 แสดงรายละเอียดทัศนยภาพของโครงการ ใช้ ระบบ ไฮราซิคลั กริ ด (Hierarchical Grid) เป็ นรูปแบบกริ ดที่มีโครงสร้ าง และอาจมีการเกยกันของโมดูล บางชิ ้น แต่ยงั จัดอยู่ในระบบคอลัมน์กริ ด (Column Grid) การใช้ พื ้นที่ของเพลท ข้ อความ 10% ส่วนรูปภาพ 90%
ภาพที่ 3.12 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 5
152
2) รูปแบบตัวอักษร (Font) 2.1) รูปแบบและขนาด ใช้ รูปแบบตัวอักษร Calibri ทังหมดมี ้ ขนาดที่ เท่ากันทังเพื ้ ่อให้ ไม่ให้ บดบังภาพจาลองที่เป็ นส่วนที่ต้องการเน้ นเป็ นส่วนใหญ่ 2.2) สีของตัวอักษรจะมีการใช้ 2 สีคือสีขาว สีน ้าเงินเข้ มลักษณะใน การใช้ สีของตัวอักษรขึ ้นอยู่กบั สีของพื ้นหลัง และสีของรูปภาพตามความเหมาะเพื่อให้ เกิดการตัด กันอย่างชัดเจนสามารถอ่านได้ สะดวก และเน้ นหัวข้ อที่ต้องการให้ เด่นชัดเจน 3) การเลือกใช้ สี (Colour) ในแผ่นนาเสนองานจะเป็ นการใช้ โทนสี ขาว ฟ้า เขียว เป็ นการทาให้ ตัวอักษรเด่นชัดโดยการเลือกสีที่ตดั กับตัวอักษร ในกรณีนี ้รูปภาพเป็ นการนาเสนอหลักของการจัด องค์ประกอบจึงใช้ สีเอาลักษณะเด่นของรูปภาพที่ต้องการเน้ นรายละเอียดในส่วนที่ไม่ต้องการเน้ น รายละเอียดจะเป็ นการใช้ สีขาวของภาพไม่ให้ มีสีที่สดจนเกินไปซึง่ จะทาให้ เกิดจุดเด่นของภาพมาก ขึ ้น 4) ความรู้สึกที่ได้ พบเห็น (Emotion) แผ่นนาเสนองานทังหมดมี ้ ความกลมกลืนกัน แต่จะมีการใช้ รูปภาพที่มี ขนาดใหญ่ทาให้ รับรู้ถึงข้ อมูลโครงการได้ ทนั ทีจากภาพที่แสดงถึงกิจกรรมและข้ อมูลโครงการ 3.2.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบงานนาเสนอ (แผ่ นนาเสนองาน) 1) โปรแกรมที่ใช้ ในการสร้ างภาพ 3D 1.1) อาจจะใช้ โปรแกรม Google Sketch up ในส่วนประกอบของภาพ 3D นาเสนอแนวความคิด ภาพทัศนียภาพ และบริเวณอาคาร 2) โปรแกรมที่ใช้ ในการสร้ างภาพกราฟฟิ ก ใช้ Adobe Illustrator ในการสร้ างภาพกราฟฟิ กแสดงข้ อมูลในภาพ ไม่ ว่าจะเป็ นข้ อมูลการเดินทาง ลายเส้ นต่างที่แสดงในภาพ 3) โปรแกรมที่ใช้ ในการตกแต่ งภาพ ใช้ Adobe Photoshop ในการแต่งภาพทัศนียภาพทังภายใน ้ ภายนอก และบริเวณโดยรอบ โดยการปรับสีของภาพ และการตัดต่อ เช่น คน รูปพื ้นหลัง ต้ นไม้ เป็ นต้ น 3.2.4 ตารางสรุ ปความเหมาะสมและความสวยงาม เป็ นการสรุ ปความ สวยงามทัง้ ในเรื่องขององค์ ประกอบศิลป์และการนาเสนอ
153
ตารางที่ 3.3 ตารางสรุปการนาเสนอด้ วยกราฟิ ก การจัดองค์ ประกอบศิลป์ 1. เทคนิคการใช้ สี 2. เทคนิคการใช้ แสงเงา 3. การจัดภาพให้ เกิดจุดเด่น 4. ความกลมกลืนในงาน 5. เอกภาพ และความสมดุลของงาน 6. ที่วา่ งกับการเขียนตัวอักษร 7. เอกภาพกับการเขียนตัวอักษร 8. การนาแนวความคิดมาออกแบบการนาเสนอ 9. การลาดับเนื ้อเรื่ องการนาเสนอ รวม ระดับค่ าความสวยงามและความเหมาะสม ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4
คะแนน 3 2 4 3 4 4 3 4 3 30
154
155
3.3 Hydroponic Agriculture Communal Learning Center Mazraa Village 3.1.1 รายละเอียดของโครงการ 3.1.1.1 ชื่อโครงการ ที่ตงั ้ ผู้ออกแบบ โครงการ : Hydroponic Agriculture Communal Learning Center Mazraa Village (โครงการศูนย์การเรี ยนรู้เกษตรไฮโดรโปนิกส์) ที่ตงโครงการ ั้ : ชุมชน Mazraa เมืองไฮฟา ประเทศอิสราเอล ผู้ออกแบบ : Gai aizik 3.3.1.2 วัตถุประสงค์ หรือจุดมุ่งหมาย โครงการฟื น้ ฟูชมุ ชนเมือง Mazraa บริ เวณท่อระบายที่เป็ นซากปรักหักพังที่ถกู สร้ างขึ ้นในปี 1814 Gai aizik นักออกแบบผังเมืองและภูมิทศั น์ ได้ เป็ นผู้จดั ทาผังแม่บท เพื่อพัฒนา พื ้นที่ชมุ ชน ให้ เป็ นพื ้นที่นนั ทนาการและพื ้นที่พกั ผ่อน ทางเดินออกกาลังกาย เส้ นทางจักรยาน ของ ชุมชน จากโครงการทาเกษตรฟาร์ มที่ถูกปล่อยทิ ้งร้ าง จึงได้ ออกแบบบูรณะให้ เป็ นศูนย์การเรี ยนรู้ เกษตรไฮโดรโพนิกส์และเป็ นพืน้ ที่นันทนาการเข้ าด้ วยกันนอกจากนัน้ ยังเป็ นสถานที่ท่องเที่ยว ให้ กบั ชุมชนอีกด้ วย 3.3.1.3 แนวความคิดในการออกแบบ การออกแบบบูรณะพื ้นที่ดงั กล่าวคานึงถึงบริ บทของที่ตงเป็ ั ้ นหลัก โดยที่ ตงมี ั้ พื ้นที่ลาดเอียงของดินจึงได้ ออกแบบให้ ใช้ พื ้นที่ใต้ ดินเป็ นศูนย์การเรี ยนรู้ ฯ ส่วนด้ านบนเป็ นพื ้นที่ นันทนาการ 3.3.2 รูปแบบและการนาเสนอ (แผ่ นนาเสนองาน) แผ่นนาเสนองาน มีจานวนทังหมด ้ 6 แผ่น
156
1
2
3
4
5
6
ภาพที่ 3.13 แสดงจานวนแผ่นของแผ่นนาเสนองาน ที่มา : http://www.archiprix.org/2015/index.php?project=3272 3.3.2.1 แผ่ นนาเสนองาน (Presentation Plate) 1) การจัดวาง (Layout) Presentation Plate 1 แสดงที่ตงและขอบเขตของโครงการ ั้ ชื่อสถานที่ และรายละเอียด ใช้ ระบบกริตแบบคอลัมน์กริด (Column Grid)โดยมีการแบ่งอย่างสมดุลซ้ ายขวา อย่างชัดเจน ข้ อความ 10% ส่วนรูปภาพ 90%
รูปภาพ ข้ อความ
รูปภาพ ภาพที่ 3.14 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 1
157
Presentation Plate 2 แสดงลักษณะที่ตงและผั ั้ งบริเวณโครงการ ใช้ ระบบกริตแบบ คอลัมน์กริด (Column Grid)โดยมีการแบ่งอย่างสมดุลซ้ ายขวา 1:1/2 อย่างชัดเจน ข้ อความ 5% ส่วนรูปภาพ 95% รูปภาพ รูปภาพ ข้ อความ ภาพที่ 3.15 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 2 Presentation Plate 3 แสดงลักษณะภาพจาลองมุมสูงของที่ตงและผั ั้ งบริเวณโครงการ ใช้ ระบบกริตแบบคอลัมน์กริด (Column Grid)โดยมีการแบ่งส่ดส่วนเป็ น 1 : 2 อย่างชัดเจน ใช้ รูปภาพทังหมด ้ 100%
2
1 ภาพที่ 3.16 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 3
Presentation Plate 4 แสดงทัศนียภาพจาลองโครงการและรูปตัด ใช้ ระบบกริตแบบคอลัมน์กริด (Column Grid)โดยมีการแบ่งสัดส่วนเป็ น 1 : 1อย่างชัดเจน ใช้ รูปภาพทังหมด ้ 100%
1
158
1 1 ภาพที่ 3.17 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 4 Presentation Plate 5 แสดงทัศนียภาพจาลองโครงการและรายละเอียดของโครงสร้ าง ใช้ ระบบกริตแบบคอลัมน์กริด (Column Grid)โดยมีการแบ่งสัดส่วนเป็ น 1 : 1อย่างชัดเจน ข้ อความ 20% รูปภาพ 80% รูปภาพ ข้ อความ
รูปภาพ
รูปภาพ ข้ อความ รูปภาพ ภาพที่ 3.18 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 5 Presentation Plate 6 แสดงทัศนียภาพจาลองโครงการและรูปตัวอาคารใช้ ระบบกริต แบบคอลัมน์กริด (Column Grid)โดยมีการแบ่งสัดส่วนเป็ นของทัศนียภาพ 1:1 และใช้ ความยาว ของรูปตัวอาคารไว้ ด้านล่างตามสัดส่วนของภาพ โดยใช้ รูปภาพทังหมด ้
159
ภาพที่ 3.19 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 6 2) รูปแบบตัวอักษร (Font) 2.1) รูปแบบและขนาด ที่ใช้ ขนาดของตัวอักษรหัวข้ อหลักจะมีขนาด ใหญ่กว่า ส่วนเนื ้อหาจะไล่ขนาดตามความสาคัญ 2.2) สีของตัวอักษรจะมีการใช้ 2 สีคือสีขาวและสีดา ลักษณะในการใช้ สีของตัวอักษรขึ ้นอยูก่ บั สีของพื ้นหลัง และสีของรูปภาพตามความเหมาะเพื่อให้ เกิดการตัดกัน อย่างชัดเจนสามารถอ่านได้ สะดวก และเน้ นหัวข้ อที่ต้องการให้ เด่นชัดเจน 3) การเลือกใช้ สี (Colour) ในแผ่นนาเสนองานจะเป็ นการใช้ โทนสีขาวดา สีเขียว เป็ นการทาให้ ตัวอักษรเด่นชัดโดยการเลือกสีที่ตดั กับตัวอักษร ในกรณีนี ้รูปภาพเป็ นการนาเสนอหลักของการจัด องค์ประกอบจึงใช้ สีเอาลักษณะเด่นของรูปภาพที่ต้องการเน้ นรายละเอียดในส่วนที่ไม่ต้องการเน้ น รายละเอียดจะเป็ นการใช้ สขี าวของภาพไม่ให้ มีสที ี่สดจนเกินไปซึง่ จะทาให้ เกิดจุดเด่นของภาพมาก ขึ ้น 4) ความรู้สึกที่ได้ พบเห็น (Emotion) แผ่นนาเสนองานทังหมดมี ้ ความกลมกลืนกัน แต่จะมีการใช้ สีที่ไม่เด่น มากนักจึงอาจทาให้ งานดูน่าสนใจน้ อยลง แต่รูปภาพที่มีขนาดใหญ่ทาให้ รับรู้ถึงข้ อมูลโครงการได้ ทันทีจากภาพที่แสดงถึงกิจกรรมและข้ อมูลโครงการ 3.3.3โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบงานนาเสนอ (แผ่ นนาเสนองาน) 1) โปรแกรมที่ใช้ ในการสร้ างภาพ 3D 1.1) อาจจะใช้ โปรแกรม Google Sketch up ในส่วนประกอบของภาพ 3D นาเสนอแนวความคิด ภาพทัศนียภาพ และบริเวณอาคาร 2) โปรแกรมที่ใช้ ในการสร้ างภาพกราฟฟิ ก
160
ใช้ Adobe Illustrator ในการสร้ างภาพกราฟิ กแสดงข้ อมูลในภาพ ไม่วา่ จะเป็ นข้ อมูล การเดินทาง ลายเส้ นต่างที่แสดงในภาพ 3) โปรแกรมที่ใช้ ในการตกแต่ งภาพ ใช้ Adobe Photoshop ในการแต่งภาพทัศนียภาพทังภายใน ้ ภายนอก และบริเวณโดยรอบ โดยการปรับสีของภาพ และการตัดต่อ เช่น คน รูปพื ้นหลัง ต้ นไม้ เป็ นต้ น 3.3.4 ตารางสรุ ปความเหมาะสมและความสวยงาม เป็ นการสรุ ปความ สวยงามทัง้ ในเรื่องขององค์ ประกอบศิลป์และการนาเสนอ ตารางที่ 3.5 ตารางสรุปการนาเสนอด้ วยกราฟิ ก การจัดองค์ ประกอบศิลป์ 1. เทคนิคการใช้ สี 2. เทคนิคการใช้ แสงเงา 3. การจัดภาพให้ เกิดจุดเด่น 4. ความกลมกลืนในงาน 5. เอกภาพ และความสมดุลของงาน 6. ที่วา่ งกับการเขียนตัวอักษร 7. เอกภาพกับการเขียนตัวอักษร 8. การนาแนวความคิดมาออกแบบการนาเสนอ 9. การลาดับเนื ้อเรื่ องการนาเสนอ รวม ระดับค่ าความสวยงามและความเหมาะสม ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4
คะแนน 2 4 3 4 4 3 2 2 2 26
161
162
3.4 Project: Re-Cultivating the Forest City 3.4.1 รายละเอียดของโครงการ 3.4.1.1 ชื่อโครงการ ที่ตงั ้ ผู้ออกแบบ โครงการ : Project: Re-Cultivating the Forest City (โครงการเพิ่มป่ าให้ กบั เมือง) ที่ตงโครงการ ั้ : ทะเลสาบอีรีที่คลีฟแลนด์ , เมืองยะโฮ,สหรัฐอเมริกา ผู้ออกแบบ : Team Christopher Marcinkoski, Andrew Moddrell 3.4.1.2 วัตถุประสงค์ หรือจุดมุ่งหมาย ในศตวรรษที่ 20 ที่เศรษฐกิจการเมืองและอุตสาหกรรมเพิ่มและเติบโตมากขึ ้น คลีฟ แลนด์มีประชากรเพิ่มมากขึ ้นเกือบ 1 ล้ านคน ที่การให้ บริการระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้ างพื ้นฐานให้ กบั เมืองก็ต้องเพิ่มขึ ้นตาม มลวะภาวะต่างๆจากการมีประชากรที่มากทาให้ สภาพป่ าและสิง่ แวดล้ อมถูกทาลาย ลง แนวคิดการฟื น้ ฟูสงิ่ แวดล้ อมเมืองจึงได้ เกิดขึ ้น คณะนักวิจยั ได้ มีโครงการ การออกแบบผังแม่บทเพื่อ พัฒนาโครงสร้ างพื ้นฐานขึ ้น 3.4.2 รูปแบบและการนาเสนอ (สื่อมัลติมีเดีย) 3.4.2.1 สื่อมัลติมีเดีย VDO 1) การจัดวาง
2
3
4
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
19
20
1 5
17
18
ภาพที่ 3.20 แสดงการจัดกลุม่ เพื่อวิเคราะห์การลาดับเนื ้อหา ที่มา: http://portarchitects.com/project/re-cultivating-the-forest-city/
163
กลุม่ ที่ 1
กลุม่ ที่ 2
กลุม่ ที่ 3
กลุม่ ที่ 4
กลุม่ ที่ 5
กลุม่ ที่ 1 แสดงข้ อมูลชื่อโครงการ (00.01-00.30 นาที) กลุม่ ที่ 2 แสดงข้ อมูลโครงการ สถิติ วัตถุประสงค์(00.30- 01.25 นาที) กลุ่มที่ 3 แสดงข้ อมูลวิเคราะห์ที่ตงแนวคิ ั้ ดของโครงการ(01.25 02.00 นาที) กลุ่มที่ 4 แสดงข้ อมูลรายละเอียด ภาพลักษณ์โครงการ (02.0009.20 นาที) กลุม่ ที่ 5 แสดงภาพเนื ้อเรื่ องจากการเกริ่นนา 09.20 – 09.36 นาที) ระยะเวลาของ VDO ที่ใช้ 09.36 นาที 2) รูปแบบตัวอักษร (Font) 2.1) มีการใช้ ตวั อักษรที่มีความเข้ าใจง่าย 2.2) สีของตัวอักษรตัดกับพื ้นหลัง 2.3)อักษรที่ใช้ ชื่อ Microsoft Sans Serif 3) การเลือกใช้ สี (Colour) การใช้ โทนส่วนใหญ่ในกลุม่ 1- กลุม่ 3 สีของภาพจะเป็ นสีขาวดา ลักษณะ ตัวอักษรและองค์ประกอบอื่นๆจึงใช้ สีสนั ที่สดใส ที่ดแู ล้ วแตกต่างกับสีขาวดาทาให้ งานมีลกั ษณะที่ เด่นชัดเจน 4) การจัดสัดส่ วน (Composition) 4.1 การจัดสัดส่วนช่วงกลุม่ ที่ 3 เป็ นการแบ่งออกเป็ น 2 ส่วน ส่วนที่ เป็ นแผนที่จะใช้ หลักการจุดตัด 9 ช่อง เพื่อให้ นาเสนอภาพและข้ อมูลที่เป็ นตัวอักษรไปพร้ อมกัน แต่ แยกให้ ดอู ย่างชัดเจนขึ ้น
ภาพที่ 3.21 แสดงการใช้ หลักจุดตัด 9 ช่อง
164
4.2) การจัดสัดส่วนช่วงกลุม่ ที่ 4 เป็ นการจัดแบบการสร้ างจุดเด่น บริ เวณตรงกลางและใช้ สีเข้ ามาเกี่ ยวข้ องเพื่อเป็ นการสร้ างความสนใจไปยังบริ เวณข้ อมูลของ โครงการที่จะนาเสนอ
ภาพที่ 3.22 แสดงการสร้ างจุดเด่นบริเวณตรงกลาง 4.3) การจัดสัดส่วนขนาดหน้ าจอวีดโิ อใช้ สดั ส่วน 16:9 ที่มีความ คมชัด และขนาดเหมาะกับ DVD,HD TV เป็ นต้ น
ภาพที่ 3.23 แสดงการสร้ างจุดเด่นบริเวณตรงกลาง ที่มา : https://sites.google.com/site/muiscland/aspectratio 5) การใช้ เสียง 5.1) การใช้ เสียงดนตรี รูปแบบที่ 1 เสียงดนตรี บรรเลงกลุม่ ที่ 1-3 ช่วง Intro มีเสียงที่ทา ให้ ดซู มึ เศร้ าและหมดหวังที่ทาให้ เห็นถึงปั ญหาของมลภาวะที่เกิดการทาลายจากฝี มือมนุษย์ โดย ใช้ การเล่นจังหวะและเพิ่มระดับความดังขึ ้นเรื่ อยๆ รูปแบบที่ 2 เสียงดนตรี บรรเลงกลุม่ ที่ 4 –5 ช่วงนี ้จะเปลี่ยนดนตรี ใหม่เพื่อสร้ างบรรยากาศให้ ทกุ คนตื่นตัว โดยใช้ การเร่ งจังหวะให้ ดตู ื่นเต้ นมากขึ ้นและระดับเสียงดังขึ ้นเรื่ อยๆ และมีผ้ บู รรยาย รายละเอียดตามภาพที่ขึ ้นมาเพื่อให้ เข้ าใจมากยิ่งขึ ้น
165
6) เทคนิค 6.1) ภาพจางหายแล้ วมีภาพซ้ อนในฉากต่อไปปรากฏขึ ้นส่วนของทุก กลุม่ 6.2) การต่อภาพฉากต่อไปทันทีโดยไม่มีเทคนิคการเปลี่ยนฉากส่วน ของกลุม่ 6.3) การเลื่อนภาพของเลย์เยอร์ ที่ 1 ให้ มีทิศทางซ้ ายขวา 6.4) การใช้ เทคนิคการซูมภาพไปยังจุดที่ต้องการเน้ นรายละเอียด 6.5) การใช้ เทคนิคภาพ 3D ร่วมกับภาพทัศนียภาพโดยการจางภาพ 3D แล้ ว ปรากฏภาพทัศนียภาพแทนที่ในส่วนของกลุม่ ที่ 4 6.6)การใช้ ภ าพสองเลย์ เ ยอร์ โ ดยภาพเลย์ เ ยออร์ ที่ 1 เป็ นภาพนิ่ ง และเลเยอร์ ที่สองเป็ นภาพจากการถ่ายที่โดยใช้ รูปแบบของการตัดภาพด้ วยนามสกุล PNG ก่อนที่ จะมาซ่อนทับอีกที 7) ความรู้สึกที่ได้ พบเห็น (Emotion) มีความโดดเด่นและความน่าสนใจทันทีที่เห็นเนื่องจากมีการใช้ เทคนิค การสลับระหว่างภาพเคลื่อนไหวกับภาพนิ่งในการตัดต่อ การใช้ เสียง ช่วยในการทาให้ งานมีความ โดดเด่นเท่าๆกันทังหมดของโครงการ ้ 3.4.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบงานนาเสนอ (VDO) 1) โปรแกรมที่ใช้ ในการสร้ างภาพ 3D ใช้ โปรแกรม Sketch Up ในการสร้ างภาพ 3D เคลื่อนไหว ใช้ โปรแกรม Adobe Flash Player ในการนาเสนอรายละเอียดต่างๆ 2) โปรแกรมที่ใช้ ในการสร้ างสื่อมีเดีย (การตัดต่ อ) 2.1) โปรแกรม Adobe After Effect ในการสร้ างเอฟเฟคต่างๆในวิดีโอ 2.2) โปรแกรม Adobe Premier Pro หรื อ Final Cut ในการตัดต่อ ช่วงเวลาของวิดีโอและการนาไฟล์ตา่ งๆมารวมกันทาให้ เป็ นไฟล์วิดีโอ
166
3.4.4 ตารางสรุ ปความเหมาะสมและความสวยงาม เป็ นการสรุ ปความ สวยงามทัง้ ในเรื่องขององค์ ประกอบศิลป์และการนาเสนอ ตารางที่ 3.7 ตารางสรุปการนาเสนอตัวอย่าง การจัดองค์ ประกอบศิลป์ 1. เทคนิคการใช้ สี 2. เทคนิคการใช้ แสงเงา 3. การจัดภาพให้ เกิดจุดเด่น 4. ความกลมกลืนในงาน 5. เอกภาพ และความสมดุลของงาน 6. ที่วา่ งกับการเขียนตัวอักษร 7. เอกภาพกับการเขียนตัวอักษร 8. การนาแนวความคิดมาออกแบบการนาเสนอ 9. การลาดับเนื ้อเรื่ องการนาเสนอ รวม ระดับค่ าความสวยงามและความเหมาะสม ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4
คะแนน 3 2 4 2 2 3 3 3 4 26
167
168
3.5 Project: Bangkok2049 3.5.1 รายละเอียดของโครงการ 3.5.1.1 ชื่อโครงการ ที่ตงั ้ ผู้ออกแบบ โครงการ : กรุงเทพในปี 2049 ที่ตงโครงการ ั้ : กรุงเทพมหานคร, ประเทศไทย ผู้ออกแบบ : Architects49 Limited. 3.5.1.2 วัตถุประสงค์ หรือจุดมุ่งหมาย แนวความคิดกึ่งความฝั น ของ บริ ษัทสถาปนิก 49 จากัด ที่ มีต่อ กรุ งเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย ในปี ค.ศ.2049 มีตงค ั ้ าถามเพื่อหาคาตอบ เพื่อให้ กรุ ง เทพฯ เติบโตไปได้ อย่า งสวยงามและยั่ง ยื น ทัง้ นี เ้ ราไม่ได้ คิดถึง ปั จจัยทางด้ า น เศรษฐกิ จ การเมือง ฯลฯและหวังเป็ นอย่างยิ่งว่ากรุ งเทพมหานครในภายภาคหน้ า จะเป็ นเมืองที่ผ้ คู นอยู่แล้ ว มีความสุขที่สดุ ในโลก Info Graphic ชุดนี ้เป็ นส่วนหนึ่งของ Exhibition ครบรอบ 30 ปี 49Group จัดแสดงวันที่ 16-20 ตุลาคม 2556 3.5.2 รูปแบบและการนาเสนอ (สื่อมัลติมีเดีย) 3.5.2.1 สื่อมัลติมีเดีย VDO 1) การจัดวาง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25 ภาพที่ 3.24 แสดงการจัดกลุม่ เพื่อวิเคราะห์การลาดับเนื ้อหา ที่มา: http://www.youtube.com/watch?v=pGhyF056TIE กลุม่ ที่ 1
กลุม่ ที่ 2
กลุม่ ที่ 3
กลุม่ ที่ 4
กลุม่ ที่ 5
169
กลุม่ ที่ 1 แสดงข้ อมูลชื่อโครงการ (00.00 - 00.10 นาที) กลุม่ ที่ 2 แสดงข้ อมูลโครงการ สถิติ วัตถุประสงค์ (00.10 - 00.35 นาที) กลุ่มที่ 3 แสดงข้ อมูลวิเคราะห์ที่ตงแนวคิ ั้ ดของโครงการ(00.35 00.50 นาที) กลุ่มที่ 4 แสดงข้ อมูลรายละเอียด ภาพลักษณ์โครงการ (00.5008.45 นาที) กลุ่มที่ 5 แสดงเกริ่ นนาเสนอข้ อคิดเห็น 08.45 – 08.59 นาที) ระยะเวลาของ VDO ที่ใช้ 08.59 นาที 2) รูปแบบตัวอักษร (Font) 2.1) มีการใช้ ตวั อักษรที่มีความเข้ าใจง่าย 2.2) สีของตัวอักษรตัดกับพื ้นหลัง 2.3)อักษรที่ ใช้ มีขนาดที่ ต่างกัน ออกไปเพื่อเน้ น ส่วนที่ ต้องการบอก รายละเอียดให้ เข้ าใจง่าย 3) การเลือกใช้ สี (Colour) การใช้ โทนส่วนใหญ่ สีของภาพในส่วนของกราฟฟิ กจะเป็ นสีเอกรงค์ (monochrome) และลักษณะ ตัวอักษรจะเน้ นสีสนั ในส่วนที่ต้องการเน้ นรายละเอียดแต่ในส่วนต่างๆใช้ สีขาว
ภาพที่ 3.25 ลักษณะการใช้ สีเอกรงค์ในงานกราฟฟิ ก
170
ภาพที่ 3.26 แสดงตัวอย่างสีเอกรงค์ ที่มา : http://coredogs.com/content_media/lessons/clientcore/web_page_with_ images/colorschemedesigner.png 4) การจัดสัดส่ วน (Composition) 4.1 การจัดสัดส่วนช่วงกลุม่ ที่ 3 เป็ นการแบ่งออกเป็ น 1: 3 ส่วน ส่วน ที่เป็ นแผนที่จะใช้ หลักการจุดตัด 9 ช่อง เพื่อให้ นาเสนอภาพและข้ อมูลที่เป็ นตัวอักษรไปพร้ อมกัน แต่แยกให้ ดอู ย่างชัดเจนขึ ้น
ภาพที่ 3.27 แสดงการใช้ หลักจุดตัด 9 ช่อง 4.2) การจัดสัดส่วนช่วงกลุม่ ที่ 4 เป็ นการจัดแบบการสร้ างจุดเด่น บริ เวณตรงกลางและใช้ สีเข้ ามาเกี่ ยวข้ องเพื่อเป็ นการสร้ างความสนใจไปยังบริ เวณข้ อมูลของ โครงการที่จะนาเสนอ
171
ภาพที่ 3.28 แสดงการสร้ างจุดเด่นบริเวณตรงกลาง 4.3) การจัดสัดส่วนขนาดหน้ าจอวีดโิ อใช้ สดั ส่วนที่หลากหลาย แตกต่างกันไปที่มีความคมชัด และขนาดเหมาะกับ DVD,HD TV เป็ นต้ น
ภาพที่ 3.29 แสดงการสร้ างจุดเด่นบริเวณตรงกลาง ที่มา : https://sites.google.com/site/muiscland/aspectratio 5) การใช้ เสียง 5.1) การใช้ เสียงดนตรี รูปแบบที่ 1 เสียงดนตรี บรรเลงกลุม่ ที่ 1-5 ใช้ เหมือนกันทังหมดมี ้ เสียงที่ทาให้ ดู โดยใช้ การเร่งจังหวะดูตื่นเต้ นน่าสนใจและเพิ่มระดับความดังขึ ้นเรื่ อยๆ 6) เทคนิค 6.1) ภาพจางหายแล้ วมีภาพซ้ อนในฉากต่อไปปรากฏขึ ้นส่วนของทุก กลุม่ 6.2) การต่อภาพฉากต่อไปทันทีโดยไม่มีเทคนิคการเปลี่ยนฉาก 6.3) การสร้ าง Animation ของตัวละครในแต่ละหัวข้ อให้ มีการ เคลื่อนไหว 6.4) การใช้ เทคนิคการซูมภาพไปยังจุดที่ต้องการเน้ นรายละเอียด
172
6.5) การใช้ เทคนิคภาพ 3D ร่วมกับภาพทัศนียภาพโดยการจางภาพ 3D แล้ ว ปรากฏภาพทัศนียภาพแทนที่ในส่วนของกลุม่ ที่ 4 6.6)การใช้ ภาพการซูมและการหมุนทิศของภาพเพื่อเปลี่ยนไปยังหน้ า ถัดไป 7) ความรู้สึกที่ได้ พบเห็น (Emotion) มีความโดดเด่นและความน่าสนใจทันทีที่เห็นเนื่องจากมีการใช้ เทคนิค การสลับระหว่างภาพเคลื่อนไหวกับภาพนิ่งในการตัดต่อ การใช้ เสียง เนื่องจากดนตรี เป็ นจังหวะที่ ตื่นเต้ นช่วยในการทาให้ งานมีความโดดเด่น 3.5.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบงานนาเสนอ (VDO) 1) โปรแกรมที่ใช้ ในการสร้ างภาพ 3D ใช้ โปรแกรม Sketch Up ในการสร้ างภาพ 3D เคลื่อนไหว ใช้ โปรแกรม Adobe Illustrator ในการนาเสนอรายละเอียดต่างๆ 2) โปรแกรมที่ใช้ ในการสร้ างสื่อมีเดีย (การตัดต่ อ) 2.1) โปรแกรม Adobe After Effect ในการสร้ างเอฟเฟคต่างๆในวิดีโอ 2.2) โปรแกรม Adobe flash player ในการทาแอนนิเมชัน่ ตัวละคร และสถิติตา่ งๆให้ มีการเคลื่อนไหว 2.3) โปรแกรม Adobe Premier Pro หรื อ Final Cut ในการตัดต่อ ช่วงเวลาของวิดีโอและการนาไฟล์ตา่ งๆมารวมกันทาให้ เป็ นไฟล์วิดีโอ
173
3.5.4 ตารางสรุ ปความเหมาะสมและความสวยงาม เป็ นการสรุ ปความ สวยงามทัง้ ในเรื่องขององค์ ประกอบศิลป์และการนาเสนอ ตารางที่ 3.9 ตารางสรุปการนาเสนอตัวอย่าง การจัดองค์ ประกอบศิลป์ 1. เทคนิคการใช้ สี 2. เทคนิคการใช้ แสงเงา 3. การจัดภาพให้ เกิดจุดเด่น 4. ความกลมกลืนในงาน 5. เอกภาพ และความสมดุลของงาน 6. ที่วา่ งกับการเขียนตัวอักษร 7. เอกภาพกับการเขียนตัวอักษร 8. การนาแนวความคิดมาออกแบบการนาเสนอ 9. การลาดับเนื ้อเรื่ องการนาเสนอ รวม ระดับค่ าความสวยงามและความเหมาะสม ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4
คะแนน 3 2 4 3 3 3 3 3 4 28
174
175
3.6 Pantai 2 Sewage Treatment Plant,Federal Territory of Kuala Lumpur 3.6.1 รายละเอียดของโครงการ 3.6.1.1 ชื่อโครงการ ที่ตงั ้ ผู้ออกแบบ โครงการ : การพัฒนาโรงบบาบัดน ้าเสียเดิม แห่งที่2 ที่ตงโครงการ ั้ : เมือง Pantai,กรุงกัวลาลัมเปอร์ ,ประเทศมาเลซีย ผู้ออกแบบ : Corporate Communication Executive, IT Junior Executive 3.6.1.2 วัตถุประสงค์ หรือจุดมุ่งหมาย รัฐบาลมีวตั ถุประสงค์ พัฒนาโรงบาบัดน ้าเสียเดิมให้ เป็ นระบบปิ ดใต้ ดินให้ มีคณ ุ ภาพขึ ้นจากเดิม ที่เป็ นระบบเปิ ดบนดินได้ มีแนวคิดเพื่อนาพื ้นที่ ที่เป็ นพื ้นที่บริเวณกว้ างมาใช้ ให้ เกิดประโชยน์ตอ่ ประชาชน จึงได้ เกิดโครงการโรงบาบัดน ้าเสียใต้ ดนิ แห่งนี ้ขึ ้น เพื่อใช้ พื ้นที่ ด้ านบนเป็ นพื ้นที่สนั ทนาการ เป็ นสวนพักผ่อน สนามกีฬา และอื่นๆอีกมากมายให้ กบั ประชาชน 3.6.2 รูปแบบและการนาเสนอ (สื่อมัลติมีเดีย) 3.6.2.1 สื่อมัลติมีเดีย VDO 1) การจัดวาง
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
14
15
0 16
17
2 18
19
20
5 21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
13
ภาพที่ 3.30 แสดงการจัดกลุม่ เพื่อวิเคราะห์การลาดับเนื ้อหา ที่มา: http://www.pantai2stp.com.my/
176
กลุม่ ที่ 1
กลุม่ ที่ 2
กลุม่ ที่ 3
กลุม่ ที่ 4
กลุม่ ที่ 5
กลุม่ ที่ 1 แสดงข้ อมูลชื่อโครงการ ที่ตงั ้ (00.00-00.15 นาที) กลุม่ ที่ 2 แสดงข้ อมูลสถิติ วัตถุประสงค์ของโครงการ (00.15 00.31 นาที) กลุม่ ที่ 3 แสดงข้ อมูลแนวคิดการออกแบบ (00.31 - 00.50 นาที) กลุม่ ที่ 4 แสดงข้ อมูลการออกแบบโครงการ ภาพลักษณ์โครงการ (00.50-04.50 นาที) กลุม่ ที่ 5 แสดงข้ อมูลชื่อผู้รับผิดชอบโครงการ (04.50 – 05.10 นาที) ระยะเวลาของ VDO ที่ใช้ 05.10 นาที 2) รูปแบบตัวอักษร (Font) 2.1) มีการใช้ ตวั อักษรตัวหนาชัดเจนมีความเข้ าใจง่าย 2.2) สีของตัวอักษรตัดกับพื ้นหลัง 3) การเลือกใช้ สี (Colour) การใช้ โทนส่ ว นใหญ่ ไ ม่ มี ก ารใช้ สี ที่ ชัด เจนมากนัก เนื่ อ งจากการ นาเสนอส่วนใหญ่เป็ นภาพถ่ายและวีดีโอการใช้ สีจึงเข้ ามามีบทบาทน้ อยมายโดยภาพรวมจากการ วิเคราะห์สีที่ใช้ เป็ นสีโทนเย็นเช่น สีฟ้า สีเขียว เพื่อให้ เข้ ากับงานสิง่ แวดล้ อม
ภาพที่ 3.31 ตัวอย่างลักษณะภาพในการใช้ โทนสี 4) การจัดสัดส่ วน (Composition) 4.1 การจัดสัดส่วนช่วงกลุม่ ที่ 2-3 เป็ นการจัดภาพโดยการนาซ่อน กันโดยเรี ยงลาดับความสาคัญของภาพตามลาดับ เพื่อให้ ภาพที่ต้องการเน้ นรายละเอียดชัดเจนที่ สุดแต่ข้อเสียทาให้ บดบังภาพก่อนหน้ า
177
ภาพที่ 3.32 แสดงการใช้ ภาพซ้ อนกัน 4.3) การจัดสัดส่วนขนาดหน้ าจอวีดโิ อใช้ สดั ส่วนขนาด 15 : 9 ที่มี ความคมชัด และขนาดเหมาะกับ Photographis many European movies เป็ นต้ น
ภาพที่ 3.33 แสดงการสร้ างจุดเด่นบริเวณตรงกลาง ที่มา : https://sites.google.com/site/muiscland/aspectratio 5) การใช้ เสียง 5.1) การใช้ เสียงดนตรี รูปแบบที่ 1 การใช้ การบรรยายกลุม่ ที่ 1-5 ใช้ เหมือนกันทังหมดมี ้ เสียงที่ทาให้ ดเู ข้ าใจกับเรื่ องนันมากขึ ้ ้นเพราะรายละเอียดค่อนข้ างยากต่อการนาเสนอ รูปแบบที่ 2 การใช้ เสียงเอฟเฟคต่างเข้ ามาในส่วนของการเปลี่ยน เนือ้ หาเพื่อให้ ดูน่าสนใจและทันสมัยมากยิ่งขึ ้น โดยใช้ การเร่ งจังหวะดูตื่นเต้ นน่าสนใจและเพิ่ม ระดับความดังขึ ้นเรื่ อยๆ 6) เทคนิค 6.1) ภาพจางหายแล้ วมีภาพซ้ อนในฉากต่อไปปรากฏขึ ้นส่วนของทุก กลุม่ 6.2) การต่อภาพฉากต่อไปทันทีโดยไม่มีเทคนิคการเปลี่ยนฉาก
178
6.3) การสร้ าง Animation ตัวมนุษย์ให้ มีการเคลื่อนไหวไปพร้ อมกับ ภาพนิ่ง 6.4) การใช้ เทคนิคการซูมภาพไปยังจุดที่ต้องการเน้ นรายละเอียด 6.5) การใช้ เทคนิคภาพ 3D ร่วมกับภาพทัศนียภาพโดยการจางภาพ 3D แล้ ว ปรากฏภาพทัศนียภาพแทนที่ในส่วนของกลุม่ ที่ 4 6.6)การใช้ ภาพการซูมและการหมุนทิศของภาพเพื่อเปลี่ยนไปยังหน้ า ถัดไป 6.7) การใช้ แสงเอฟเฟคเข้ ามาช่วยในส่วนของตัวอักษร
7) ความรู้สึกที่ได้ พบเห็น (Emotion) มีความน่าสนใจจากเสียงด้ วยการบรรยาย และยังมีการใช้ เทคนิคการ สลับระหว่างภาพเคลื่อนไหวกับภาพนิ่งในการตัดต่อ การใช้ เสียง เนื่องจากดนตรี เป็ นจังหวะที่ ตื่นเต้ นช่วยในการทาให้ งานมีความโดดเด่น 3.6.4 โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบงานนาเสนอ (VDO) 1) โปรแกรมที่ใช้ ในการสร้ างภาพ 3D ใช้ โปรแกรม Sketch Up ในการสร้ างภาพ 3D เคลื่อนไหว ใช้ โปรแกรม Artlandtis ในการเรนเดอร์ งาน 2) โปรแกรมที่ใช้ ในการสร้ างสื่อมีเดีย (การตัดต่ อ) 2.1) โปรแกรม Adobe After Effect ในการสร้ างเอฟเฟคต่างๆในวิดีโอ 2.2) โปรแกรม Adobe Premier Pro หรื อ Final Cut ในการตัดต่อ ช่วงเวลาของวิดีโอและการนาไฟล์ตา่ งๆมารวมกันทาให้ เป็ นไฟล์วิดีโอ
179
3.6.5 ตารางสรุ ปความเหมาะสมและความสวยงาม เป็ นการสรุ ปความ สวยงามทัง้ ในเรื่องขององค์ ประกอบศิลป์และการนาเสนอ ตารางที่ 3.11 ตารางสรุปการนาเสนอตัวอย่าง รายละเอียด 1. เทคนิคการใช้ สี 2. เทคนิคการใช้ แสงเงา 3. การจัดภาพให้ เกิดจุดเด่น 4. ความกลมกลืนในงาน 5. เอกภาพ และความสมดุลของงาน 6. ที่วา่ งกับการเขียนตัวอักษร 7. เอกภาพกับการเขียนตัวอักษร 8. การนาแนวความคิดมาออกแบบการนาเสนอ 9. การลาดับเนื ้อเรื่ องการนาเสนอ รวม ระดับค่ าความสวยงามและความเหมาะสม ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4
คะแนน 1 2 3 2 3 2 2 4 4 23
180
181
3.7 หนังสือ The Best Downunder Digga Attachment Europe 3.7.1 รายละเอียดโครงการ 1) ข้ อมูลโครงการ ชื่อหนังสือ : The Best Downunder Digga Attachment Europe ผู้จดั ทา : Digga Australia company. ผู้ออกแบบ : ไม่ระบุ 2) วัตถุประสงค์ หรือจุดมุ่งหมาย เนื่ องด้ ว ยบริ ษัท Digga ในประเทศออสเตรเลีย ที่ เป็ นบริ ษัท เกี่ ยวกับ เครื่ องจักรกล รถขุดต่างต้ องการนาเสนอสินค้ าของบริ ษัทให้ เป็ นที่แพร่ หลายจัดได้ จดั ทาหนังสือ เล่มเล็กเพื่อนาเสนอตัวสินค้ า ในงานEXPO มหกรรมแสดงสินค้ าเกี่ยวกับเครื่ องจักรต่างใน ออสเตรเลียจึงได้ จดั ทาหนังสือเล่มเล็กเล่มนี ้ขึ ้น
3.7.2 รูปแบบและการนาเสนอ 1) สื่อที่ใช้ ในการนาเสนอ 1.1 หนังสือเล่มเล็ก booklet หนังสือเล่มเล็ก booklet The Best Downunder Digga Attachment Europe จัดทาเพื่อให้ ความรู้แก่ประชาชนทัว่ ไปและผู้ที่สนใจในงานเครื่ องจักรกลให้ ได้ มีความรู้ เกี่ยวกับเครื่ องจักรและระบบต่างๆมากยิ่งขึ ้น โดยมีการแจกในงานโชว์แสดงสินค้ าและออกบูธ ต่างๆ และมีการจาจ่ายที่บริษัท Digga ในประออสเตรเลีย
ภาพที่3.33 แสดงภาพหนังสือเล่มเล็ก booklet The Best Downunder Digga Attachment Europe ที่มา : https://www.behance.net/gallery/Digga-corporate-brochure-design/14490833
182
ภาพที่3.34 แสดงภาพหน้ าปกหนังสือเล่มเล็ก booklet The Best Downunder Digga Attachment Europe หน้ าที1-2 นาเสนอแต่ละส่วนของหนังสือมีลกั ษณะคล้ ายคานาของ เรื่ องและส่วนหน้ าที่ของ เป็ นการนาเสนอเครื่ องจักรโดยบอกรายละเอียดต่างผ่านต่างรางข้ อมูลและ มีแบบแปลนให้ ศกึ ษาควบคูก่ นั
ภาพที่ 3.35 แสดงภาพหนังสือเล่มเล็ก booklet The Best Downunder Digga Attachment Europeหน้ าที่1-2 หน้ าที่3-4 นาเสนอภาพที่ถ่ายจากการใช้ งานของเครื่ องจักรจริ งและ มาการแสดงรายละเอียดของการใช้ งานให้ เห็นว่าการใช้ งานมีคุณภาพมากน้ อยแค่ไหนโดยแบ่ง ออกเป็ น 2 หน้ าซ้ ายแต่อยูใ่ นเรื่ องเดียวกัน
ภาพที่ 3.36 แสดงภาพหนังสือเล่มเล็ก booklet The Best Downunder Digga Attachment Europeหน้ าที่3-4
183
หน้ าที่5 นาเสนอภาพสามมิติของผลิตภัณฑ์พร้ อมข้ อมูลรายละเอียด ของผลิตภัณฑ์ รวมกับการนาเสนอแบบแปลนของผลิตภัณฑ์ที่ให้ รายละเอียดโดยภาพรวมของ ข้ อมูลน่าสนใจมากขึ ้น
ภาพที่ 3.37 แสดงภาพหนังสือเล่มเล็ก booklet The Best Downunder Digga Attachment
Europeหน้ าที่ 5 หน้ าที่ 5-9 นาเสนอภาพผลิตภัณฑ์พร้ อมข้ อมูลรายละเอียดของ ผลิตภัณฑ์ รวมทังข้ ้ อมูลการใช้ งานโดยละเอียดของตัวสินค้ าและอุปกรณ์เสริมของสินค้ า
ภาพที่ 3.38 แสดงภาพหนังสือเล่มเล็ก booklet The Best Downunder Digga Attachment Europeหน้ าที่5-7 หน้ าที่10-14 นาเสนอภาพผลิตภัณฑ์พร้ อมข้ อมูลรายละเอียดของ ผลิตภัณฑ์ พร้ อมกับภาพถ่ายจริ งและภาพสามมิติ ในรายละเอียดต่างๆเพื่อให้ เข้ าใจง่าย ประกอบการนาเสนอ
184
ภาพที่ 3.39 แสดงภาพหนังสือเล่มเล็ก booklet The Best Downunder Digga Attachment Europeหน้ าที่10-14 หน้ าที่15-16 นาเสนอวิสยั ทัศน์ รายละเอียดของบริษัทที่มี ต่อ ผลิตภัณฑ์ พร้ อมกับที่ตงของบริ ั้ ษัทเบื ้องต้ น
ภาพที่ 3.40 แสดงภาพหนังสือเล่มเล็ก booklet The Best Downunder Digga Attachment Europeหน้ าที่15-16 2) การจัดวาง Lay out เน้ น สื่อความหมายและความเรี ยบง่ ายแบบใช้ รูปภาพกราฟฟิ กเป็ น ไอคอนในแต่ละหัวข้ อ ใช้ รูปภาพเป็ นจุดเด่น อยู่ด้านหลังและมีข้อความอธิบายเพียงสันๆ ้ การจัด วางแบบใช้ ระบบกริตแบบคอลัมน์กริด (Column Grid) ใช้ รูปภาพเป็ นจุดเด่น
185
หัวเรื่ อง
ภาพประกอบ
เนื ้อหา
ภาพที่ 3.41 แสดงภาพการวิเคราะห์การจัด Lay out หนังสือเล่มเล็ก
หัวเรื่ อง
เนื ้อหา
ภาพประกอบ
ภาพที่ 3.42 แสดงภาพการวิเคราะห์การจัด Lay out หนังสือเล่มเล็ก
186
หัวเรื่ อง
เนื ้อหา
ภาพประกอบ
ภาพที่ 3.43 แสดงภาพการวิเคราะห์การจัด Lay out หนังสือเล่มเล็ก 3) รูปแบบตัวอักษร (Font) -หลักการออกแบบตัวอักษรในงานสื่อสิง่ พิมพ์ หัวเรื่ องหรือพาดหัว (heading)ต้ องมีขนาดใหญ่เหมาะสมสามารถมองเห็นได้ ชดั เจน -ส่วนที่เป็ นข้ อความต้ องไม่เล็กจนเกินไปบอกความได้ ครบถ้ วนและชัดเจน กะทัดรัด -ไม่ใช้ ตวั หนังสือที่สงู เกินไปหรื อผอมเกินไปเพราะจะมองไม่ชดั เจน 4) การวิเคราะห์ ฟ้อนที่หนังสือเล่ มเล็ก booklet ในส่วนของหัวข้ อ ข้ อหลักซึง่ เป็ น head ของงาน ซึง่ เป็ นตัวหนังสือแบบเป็ น ทางการ ตัวหนังสือมีหนาและใหญ่ ทาให้ หวั ข้ อให้ เกิดความแตกต่าง เห็นชัดเจน ส่วนหัวข้ อรองหรื อ เนื ้อหาข้ อความใช้ ฟอนท์แบบThahoma แบบมาตราฐานทัว่ ไป 5) การเลือกใช้ สี (Color) สาหรับหนังสือเล่มเล็ก The Best Downunder Digga Attachment Europe นี ้เลือกใช้ สีโทนดาเป็ นหลักมีความนักแน่น แข็งแรง เนื่องจากเป็ นงานเกี่ยวอุปกรณ์เครื่ องกลจึงได้ เลือกใช้ สีที่หนักแน่น และใช้ สีเหลืองเข้ ามาตัดเพื่อให้ เกิดจุดเด่น การใช้ สีพื ้นเป็ นสีเทาเข้ มเพื่อต้ องการนาเสนอตัวแบบแปลนของผลิตภัณฑ์ให้ เกิดความชัดเจนมากขึ ้น 6) การจัดสัดส่ วน (Composition) การจัด สัด ส่ว นของหนัง สื อ เล่ม เล็ ก นี จ้ ัด แบบระบบกริ ต แบบคอลัม น์ ก ริ ด (Column Grid) เน้ นที่เรื่ องราว และเนื ้อหาเกี่ยวกับการให้ ความรู้ ของผลิตภัณฑ์
187
7) ความรู้สึกที่ได้ พบเห็น (Emotion) ความรู้ สึกในการพบเห็นเกิดความสะดุดตาด้ วยสีที่เด่นและตัดกันชัดเจน และมีเอกลักษณ์ ของอุปกรณ์เครื่ องจักรที่เน้ นสีเหลือและทาให้ ดโู ดดเด่นและสีดาทาให้ ดแู ข็งแรง คงทน และทาให้ อยากลองทดลองอุปกรณ์ตา่ งๆมากขึ ้น 3.7.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบการนาเสนอ 1) โปรแกรมที่ใช้ ในการตกแต่ งภาพ 1.1โปรแกรม ที่ใช้ ในการตกแต่งภาพ ใช้ โปรแกรม Illustrator หรื อ Photoshop เพื่อเพิ่มความรวดเร็ วในการเคลื่อนย้ ายข้ อความนันๆไป ้ ยังตาแหน่งต่างๆได้ โดยง่ายและยังสามารถสร้ างลายกราฟฟิ กอิสระได้ โดยง่ายรวมทังยั ้ งสามารถ เคลื่อนย้ ายภาพและทาสีของภาพให้ เป็ นโทนสีตา่ งๆได้ 1.2 โปรแกรมจัดหน้ ากระดาษหรื อว่า Lay Out ใช้ โปรแกรม Adobe Indesign ใช้ ในการจัดหน้ ากระดาษตามระบบกริด 3.74 ตารางสรุ ปความเหมาะสมและความสวยงาม booklet ของ The Best Downunder Digga Attachment Europe มีทงหมด ั้ 18 หน้ า รวมปกหน้ าปกหลัง เนื ้อหาภายในแบ่งออกเป็ น 3 ตอน ตอนที่1 นาเสนอเกี่ยวกับ การ เกริ นนาเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ตา่ งชนิดกัน ตอนที่ 2 เนื ้อหารายละเอียดเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์ ตอนที่3 เนื ้อหาวิสยั ทัศน์ขององค์กรและที่ตงบริ ั ้ ษัท สามารถนามาปรับใช้ กบั โครงการได้ ในเรื่ องของ การชี ใช้ โทนสี การเรี ยบเรี ยงเนื ้อหา การวางเลย์เอาท์ของหนังสือเล่มเล็ก
188
189
3.8 หนังสือ รายงานประจาปี 2554 ของบริษัท ปตท.จากัด( มหาชน) (บางส่ วน) 3.8.1รายละเอียดโครงการ 1) ข้ อมูลโครงการ ชื่อหนังสือ : รายงานประจาปี 2554 ของบริ ษัท ปตท.จากัด( มหาชน) (บางส่วน) ผู้จดั ทา : บริษัท ปตท.จากัด( มหาชน) ผู้ออกแบบ : ไม่ระบุ 2) วัตถุประสงค์ หรือจุดมุ่งหมาย เพื่อจัดทารายงานประจาปี และรายละเอียดต่างๆในปี ที่ผ่านมาเพื่อแจ้ งให้ ผ้ ทู ี่ เกี่ยวข้ อง รับทราบการปฏิบตั ิของขอปี ที่ผ่านมา ปตท. เป็ นองค์กรที่สาคัญของประเทศ จึงเป็ นสิ่งที่ ควรคานึง ถึง ประชาชนให้ รับทราบข้ อมูล การทางานพันธกิ จต่างให้ ออกสู่สายตาประชาชนจึง รายงานปี จาปี จึงจัดทาขึ ้นเพื่อให้ เห็นถึงแนวทางการปฏิบตั ิงาน องค์กรให้ เป็ นที่ร้ ูจกั ของประชาชน
3.8.2 รูปแบบและการนาเสนอ 1) สื่อที่ใช้ ในการนาเสนอ 1.1 หนังสือรายงานประจาปี (บางส่วน) หนังสือรายงานประจาปี 2554 ของบริ ษัท ปตท.จากัด( มหาชน) (บางส่วน)จัดทาเพื่อให้ ความรู้ และข้ อมูลการที่งานในปี ที่ผ่านมาขององค์กรเพื่อให้ ผ้ ทู ี่เกี่ยวข้ องรับทราบและให้ แก่ประชาชนทัว่ ไป และผู้ที่สนใจได้ เข้ าใจถึงการทางานขององค์กร และเห็นคุณค่าและตระหนักถึงความสาคัญของ พลังงาน
190
ภาพที่3.44 แสดงภาพหน้ าปกหนังสือเล่มเล็ก booklet ที่มา: http://www.pttplc.com/th/Media-Center/Pages/Annual-Report.aspx หน้ าแรก นาเสนอบทนาของเรื่ อง ที่เกี่ยวกับการปฏิบตั งิ านขององค์กรที่ได้ สร้ างประโยชน์ ต่างๆ และการทางานของปี ที่ผา่ นมา
ภาพที่ 3.45 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 ของบริษัท ปตท.จากัด( มหาชน)หน้ าที่1
191
หน้ าที่2- 3 นาเสนอพันธกิจขององค์กรที่มีตอ่ สังคม ประชาชนและประเทศเพื่อให้ ทราบถึง วัตถุประสงค์การทางานขององค์กรที่ทาให้ เกิดประโยชน์ตอ่ คนในประเทศเรื่ องของกพลังงานที่ได้ เป็ นผู้ดาเนินงานด้ านนี ้มาเป็ นเวลาหลายปี
ภาพที่ 3.46 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 ของบริษัท ปตท.จากัด( มหาชน)หน้ าที่2-3 หน้ าที่4 - 5 นาเสนอแนวคิดขององค์การที่มีการพัฒนาก้ าวเข้ าไปสูร่ ะดับสากล แสดง วิสยั ทัศน์ขององค์กรที่มีตอ่ การทางานให้ เทาเทียบระดับสากลที่เป็ นอยูอ่ ย่างทุกวันนี ้
ภาพที่ 3.47 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 ของบริษัท ปตท.จากัด( มหาชน)หน้ าที่4-5
192
หน้ าที่ 6-7 นาเสนอหัวห้ อที่ชื่อว่า ความรู้ จะจะทาให้ พรุ่ งนี ้ แปล อนาคตที่ดีกว่าเสมอ ปตท.ส่งเสริ มให้ คนในองค์กรท้ าทายก้ าวผ่านความสาเร็ จในอดีตด้ วยองค์ความรู้ ใหม่ และนาไปสู่ การสร้ างนวัตกรรมที่แตกต่างไม่หยุดยัง้ และสนับสนุนให้ ชุมชนและคนไทยเรี ยนรู้ ถึงความสาคัญ ของชีวิตที่คนได้ ร้ ูจกั ตนเอง
ภาพที่ 3.48 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 ของบริษัท ปตท.จากัด( มหาชน)หน้ าที่6-7 หน้ าที่8-9 นาเสนอการส่งเสริมความแข็งแกร่งให้ กบั องค์กร ไม่ใช่แต่เพียงบุคคล ปตท. ใน ฐานะองค์กรของชาติ ที่มีหน้ าที่มากกว่าจัดสรรพลังงานให้ ได้ ใช้ เพียงพอแต่ยงั ร่วมมือกับคนไทยทัง้ แผ่นดินที่จะรู้จกั แสวงหาเพื่อสร้ างความมัน่ คงให้ กบั พลังงานยัง่ ยืน
ภาพที่ 3.49 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 ของบริษัท ปตท.จากัด( มหาชน)หน้ าที่8-9
193
หน้ าที่10-11 นาเสนอวิสยั ทัศน์แบบเป็ นกราฟฟิ กต่อกลุม่ คนต่างที่มีสว่ นเกี่ยวของกับ องค์กร และกลยุทธ์ในการดาเนินธุรกิจขององค์กร
ภาพที่ 3.50 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 ของบริษัท ปตท.จากัด( มหาชน) หน้ าที่10-11 หน้ าที่16-17 นาเสนอประวัติผ้ บู ริ หารต่างๆที่มีส่วนเกี่ยวข้ องและผู้ถือหุ้นต่างๆแสดง วิสยั ทัศน์ของผู้บริหาร ที่มีตอ่ องค์กรและแนวคิดการทางานต่างที่ประสบความสาเร็จในปั จจุบนั
ภาพที่ 3.51 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 ของบริษัท ปตท.จากัด( มหาชน) หน้ าที่16-17
194
หน้ าที่26-27 นาเสนอสถานการณ์ตา่ งๆในปั จจุบนั ที่มีการใช้ พลังงานที่เพิ่มขึ ้น และแสดง สถิติตา่ งๆ ของการใช้ พลังงานที่ในอนาคตอาจน้ อยลง
ภาพที่ 3.52 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 ของบริษัท ปตท.จากัด( มหาชน)หน้ าที่2627 หน้ าที่15-16 นาเสนอประมวลภาพถ่ายภาพกิจกรรมต่างต่างที่ทาง องค์กรได้ เข้ าไปมีสว่ น ร่วมกับสังคม แสดงถึงการมีสว่ นร่วมกับสังคมและการเป็ นองค์การที่สร้ างประโยชน์ให้ กบั ประชาชน และประเทศชาติ
ภาพที่ 3.53 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 ของบริษัท ปตท.จากัด( มหาชน) หน้ าที่74-75
195
หน้ าที่15-16 นาเสนอหัวเรื่อง QSHE เพื่อความเป็ นเลิศขององค์กร เนื ้อเรื่ องเกี่ยวข้ องการ การจุดการคุณภาพต่างๆ ในองค์การเพื่อให้ เกิดประสิทธิภาพในการทางานและมีมาตรฐานต่างที่ ทัว่ โลกยอมรับ
ภาพที่ 3.54 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 ของบริษัทปตท.จากัด( มหาชน)หน้ าที่84-85 2) การจัดวาง Lay out เน้ น สื่ อ ความหมายและความก้ า วเหน้ า และการจัด วางดูมี ค วามชัด เจน น่าสนใจใช้ รูปภาพเป็ นจุดเด่นอยู่ด้านข้ างและมีข้อความอธิ บายเพียงสัน้ ๆ การจัดวางแบบใช้ ระบบกริตแบบคอลัมน์กริดแบบเฉียง (Column Grid)
ภาพประกอบ เนื ้อหา หัวเรื่ อง ภาพที่ 3.55 แสดงภาพการวิเคราะห์การจัด Lay out หนังสือรายงานประจาปี
196
3) รูปแบบตัวอักษร (Font) -หลั ก การออกแบบตั ว อั ก ษรในงานสื่ อ สิ่ ง พิ ม พ์ หั ว เรื่ อ งหรื อ พาดหั ว (heading)ต้ องมีขนาดใหญ่เหมาะสมสามารถมองเห็นได้ ชดั เจน -ส่วนที่เป็ นข้ อความต้ องไม่เล็กจนเกินไปบอกความได้ ครบถ้ วนและชัดเจน กะทัดรัด -ไม่ใช้ ตวั หนังสือที่สงู เกินไปหรื อผอมเกินไปเพราะจะมองไม่ชดั เจน 4) การวิเคราะห์ ฟ้อนที่หนังสือคู่มือความรู้ booklet ในส่วนของหัวข้ อ ข้ อหลักซึง่ เป็ น head ของงาน ซึง่ เป็ นตัวหนังสือแบบ เป็ นทางการ ตัวหนังสือมีหนาและใหญ่ ทาให้ หวั ข้ อให้ เกิดความแตกต่าง เห็นชัดเจน ส่วนหัวข้ อรอง หรื อเนื ้อหาข้ อความเป็ นแบบมาตราฐานทัว่ ไป 5) การเลือกใช้ สี (Color) สาหรับหนังสือรายงานประจาปี 2554 ของบริ ษัท ปตท.จากัด( มหาชน) นี ้ เลือกใช้ สีพื ้นเรี ยบและใช้ น้องเนื่องจากการนาเสนอส่วนใหใช้ รูปภาพเป็ นหลักดูมีความเข้ าใจง่ายต่อ ผู้อา่ น การใช้ สีพื ้นเป็ นสีขาวเพื่ให้ ภาพต่างและและข้ อความเด่นและชัดเจนขึ ้น 6) การจัดสัดส่ วน (Composition) การจัดสัดส่วนของหนังสือเล่มเล็กนี ้จัดแบบระบบกริ ตแบบคอลัมน์กริ ด (Column Grid) เน้ นที่เรื่ องราวจากการมองเห็นจากภาพจึงมีน ้าหนักให้ กบั ภาพมากกว่า 2:1 ภาพ : ข้ อความ
2:1 ภาพที่ 3.56 แสดงภาพการวิเคราะห์การจัด Lay out หนังสือรายงานประจาปี
197
7) ความรู้สึกที่ได้ พบเห็น (Emotion) ความรู้สกึ ในการพบเห็นเกิดความสะดุดตาด้ วยสีที่เด่นและตัดกันชัดเจน และมีเอกลักษณ์ของภาพทาให้ ดโู ดดเด่นทาให้ เข้ าใจง่ายและน่าสนใจ 3.8.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบการนาเสนอ 1) โปรแกรมที่ใช้ ในการตกแต่ งภาพ 1.1โปรแกรม ที่ใช้ ในการตกแต่งภาพ ใช้ โปรแกรม Illustrator หรื อ Photoshop เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการเคลื่อนย้ ายข้ อความนันๆไป ้ ยังตาแหน่งต่างๆได้ โดยง่ายและยังสามารถสร้ างลายกราฟฟิ กอิสระได้ โดยง่ายรวมทังยั ้ งสามารถ เคลื่อนย้ ายภาพและทาสีของภาพให้ เป็ นโทนสีตา่ งๆได้ 1.2 โปรแกรมจัดหน้ ากระดาษหรื อว่า Lay Out ใช้ โปรแกรม Adobe Indesign ใช้ ในการจัดหน้ ากระดาษตามระบบกริด 3.8.4 ตารางสรุ ปความเหมาะสมและความสวยงาม หนังสือรายงานประจาปี 2554 ของบริ ษัท ปตท.จากัด( มหาชน) บางส่วนที่นามี ทัง้ หมด20 หน้ า เพิ่มเติม บทนา เป็ น 21 หน้ า สาเหตุที่นามาบางส่วนเพราะหนังสือรายงาน ประจาปี 2554ของ บริ ษัท ปตท.จากัด( มหาชน) มีจานวนมาก จึงนาส่วนที่สามารถใช้ กบั งานได้ เท่านัน้ เพราะการจัดวางหน้ ากระดาษมีความน่าสนใจมาก แปลกนตาจึงจะ นามาปรั บใช้ กับ โครงการได้ ในเรื่ องของ การชีใช้ โทนสี การเรี ยบเรี ยงเนื ้อหา การวางเลย์เอาท์ ของหนังสือเล่มเล็ก
198
199
3.9 หนังสือคู่มือความรู้ บริษัท ปตท.จากัด( มหาชน) 3.9.1รายละเอียดโครงการ 1) ข้ อมูลโครงการ ชื่อหนังสือ : เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR) บริษัท ปตท.จากัด( มหาชน) ผู้จดั ทา : บริษัท ปตท.จากัด( มหาขน) ผู้ออกแบบ : ไม่ระบุ 2) วัตถุประสงค์ หรือจุดมุ่งหมาย เพื่อส่งความรู้สสู่ งั คมและชุมชน แสดงลักษณะการทางานขององค์กรเป็ น องค์กรที่สาคัญของประเทศ จึงเป็ นสิง่ ที่ควรคานึงถึงประชาชนให้ รับทราบข้ อมูล การทางานพันธกิจ ต่างให้ ออกสูส่ ายตาประชาชนจึงรายงานปี จาปี จึงจัดทาขึ ้นเพื่อให้ เห็นถึงแนวทางการปฏิบตั ิงาน องค์กรให้ เป็ นที่ร้ ูจกั ของประชาชน
3.9.2 รูปแบบและการนาเสนอ 1) สื่อที่ใช้ ในการนาเสนอ 1.1 หนังสือเล่มเล็ก หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR) บริษัท ปตท.จากัด( มหาขน) จัดทาเพื่อให้ ความรู้ และข้ อมูลการที่งานขององค์กรและการส่งเสริมความรู้ให้ กบั ชุมชนและสร้ างประโยชน์แก่สงั คม ให้ แก่ประชาชนทัว่ ไปและผู้ที่สนใจได้ เข้ าใจถึงการทางานขององค์กร และเห็นคุณค่าและตระหนัก ถึงความสาคัญของพลังงาน
ภาพที่3.57 แสดงภาพหน้ าปก หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR) ที่มา: http://www.slideshare.net/Ouiofs1/2012-pttep-s1-csr-booklet#
200
หน้ าที่2- 3สารบัญอธิบายบอกหน้ าต่างๆ พร้ อมระบุหวั ข้ อและเรื่ องต่างๆภายในหนังสือ เล่มเล็ก
ภาพที่3.58 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR)หน้ าที่2- 3 หน้ าที่ 4-7 นาเสนอประวัติผ้ บู ริ หารต่างๆที่มีส่วนเกี่ยวข้ องและแสดงวิสยั ทัศน์ของ ผู้บริหาร ที่มีตอ่ องค์กรและแนวคิดการทางานต่างที่ประสบความสาเร็จในปั จจุบนั หน้ าที่ 8-11 นาเสนอความรู้ เกี่ยวกับมาตรฐานที่องค์กรต้ องมีเพื่อได้ รับคุณภาพตาม มาตรฐานสากล
ภาพที่3.59 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR)หน้ าที่ 4-11
201
หน้ าที่12-19 นาเสนอโครงการที่ ปตท.ได้ ประสบความสาเร็จในการทางานและมีสว่ นร่วม เพื่อพัฒนาชุมชนและภาพประวัติความเป็ นมาของการเปิ ด
ภาพที่3.60 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR) หน้ าที่12-19 หน้ าที่ 20-27
นาเสนอประวัติการเปิ ดโครงการและนาเสนอพืน้ ที่ต่างๆที่อยู่ภายใน
โครงการต่างๆ ที่สนับสนุนให้ เกิดกิจกรรมภายในชุมชนและสถาบันต่างๆ
ภาพที่3.61 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR) หน้ าที่20-27
202
หน้ าที่ 28-35 นาเสนอโครงการต่างๆ ที่สนับสนุนให้ เกิดกิจกรรมภายในชุมชนและสถาบัน ต่างๆ และประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
ภาพที่3.62 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR) หน้ าที่ 28-35 หน้ าที่ 36-43 นาเสนอโครงการต่างๆ ที่สนับสนุนให้ เกิดกิจกรรมภายในชุมชนและสถาบัน ต่างๆเป็ นโครงการอบรมให้ ความรู้ เกี่ยวกับด้ านความปลอดภัย และการส่งเสริ มอาชีพต่างๆให้ กบั ชุมชน พร้ อมประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
ภาพที่3.63 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR) หน้ าที่ 36-43
203
หน้ าที่ 44-51 นาเสนอโครงการต่างๆ ที่สนับสนุนให้ เกิดกิจกรรมภายในชุมชนและสถาบัน ต่างๆเป็ นโครงการร่วมสืบสานวัฒนธรรมประเพณี และสนับสนุนกิจกรรมท้ องถิ่นต่างๆให้ กบั ชุมชน พร้ อมประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
ภาพที่3.64 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR)หน้ าที่ 44-51 หน้ าที่ 52-59 นาเสนอโครงการต่างๆ ที่สนับสนุนให้ เกิดกิจกรรมภายในชุมชนและสถาบัน ต่างๆเป็ นโครงการอบรมให้ ความรู้ตา่ งๆให้ กบั ชุมชน พร้ อมประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
ภาพที่3.65 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR)หน้ าที่ 52-59
204
หน้ าที่ 60-67 นาเสนอโครงการต่างๆ ที่สนับสนุนให้ เกิดกิจกรรมภายในชุมชนและสถาบัน ต่างๆเป็ นโครงการอบรมให้ ความรู้ และขอบคุณสถานที่และองค์กรต่างๆที่ให้ การสนับสนุน พร้ อม ประมวลภาพกิจกรรมต่างๆ
ภาพที่3.66 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR)หน้ าที่ 60-67 หน้ าที่ 68-75 ประมวลภาพต่างๆที่มีต่อสังคมที่สนับสนุนให้ เกิดกิจกรรมต่างๆภายใน ชุมชนและสถาบัน และประโยชน์ที่ได้ ทาให้ กบั สังคม
ภาพที่3.67 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR)หน้ าที่ 68-75
205
หน้ าที่ 76-80 ส่วนนี ้เป็ นส่วนพื ้นที่จดบันทึกข้ อมูลต่างที่ได้ เข้ าร่วมการอบรมและข้ อความอื่นๆ
ภาพที่3.68 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR)หน้ าที่ 76-80 2) การจัดวาง Lay out เน้ น สื่ อ ความหมายและความก้ า วเหน้ า และการจัด วางดูมี ค วามชัด เจน น่าสนใจใช้ รูปภาพเป็ นจุดเด่นอยู่ด้านข้ างและมีข้อความอธิ บายเพียงสัน้ ๆ การจัดวางแบบใช้ ระบบกริ ตแบบคอลัมน์กริ ด (Column Grid) และใช้ ระบบไฮราซิคลั กริ ด (Hierarchical Grid) เป็ น รูปแบบกริดที่มีโครงสร้ างซับซ้ อน เป็ นการวางภาพซ้ อนทับกัน
ภาพที่ 3.69 แสดงภาพการวิเคราะห์การจัด Lay out หนังสือเล่มเล็กเติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน
206
3) รูปแบบตัวอักษร (Font) -หลักการออกแบบตัวอักษรในงานสื่อสิง่ พิมพ์ หัวเรื่ องหรือพาดหัว (heading)ต้ องมีขนาดใหญ่เหมาะสมสามารถมองเห็นได้ ชดั เจน -ส่วนที่เป็ นข้ อความต้ องไม่เล็กจนเกินไปบอกความได้ ครบถ้ วนและชัดเจน -ไม่ใช้ ตวั หนังสือที่สงู เกินไปหรื อผอมเกินไปเพราะจะมองไม่ชดั เจน 4) การวิเคราะห์ ฟ้อนที่หนังสือเล่ มเล็ก booklet ในส่วนของหัวข้ อ ข้ อหลักซึง่ เป็ น head ของงาน ซึง่ เป็ นตัวหนังสือแบบเป็ น ทางการ ตัวหนังสือมีหนาและใหญ่ ทาให้ หวั ข้ อให้ เกิดความแตกต่าง เห็นชัดเจน ส่วนหัวข้ อรองหรื อ เนื ้อหาข้ อความเป็ นแบบมาตราฐานทัว่ ไป 5) การเลือกใช้ สี (Color) สาหรับหนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR) นี ้เลือกใช้ สีพื ้น เรี ยบและใช้ น้องเนื่องจากการนาเสนอส่วนให้ ใช้ รูปภาพเป็ นหลักดูมีความเข้ าใจง่ายต่อผู้อ่าน การ ใช้ สี พื น้ เป็ นสี เขี ย วสลับลายจุด ขาวใช้ ก ารเบลอให้ พื น้ มี ความนุ่ม นวลของภาพท าให้ ภ าพที่ อ ยู่ ข้ างหน้ าและตัวหนังสือเด่นขึ ้น สีที่เลือกใช้ หลักเป็ นสีส้ม และสีเขียวใช้ เป็ นหัวกระดาษและท้ าย กระดาษ 6) การจัดสัดส่ วน (Composition) การจัดสัดส่วนของหนังสือเล่มเล็กนี ส้ ่วนมาจัดแบบคอลัมน์กริ ด (Column Grid) เน้ นที่เรื่ องราวจากการมองเห็นจากภาพจึงมีน ้าหนักให้ กบั ภาพมากกว่า 1:1 ภาพ : ข้ อความ
1 1 1
1 ภาพที่ 3.70 แสดงภาพการวิเคราะห์การจัดการจัดสัดส่วนภาพและเนื ้อหา
207
7) ความรู้สึกที่ได้ พบเห็น (Emotion) ความรู้สกึ ในการพบเห็นเกิดความสะดุดตาด้ วยภาพกิจกรรมต่างๆที่มีอย่าง มากมายให้ คนหันมาสนใจกับตัวหนังสือได้ เนื่องจากเนื ้อหาไม่น่าสนใจจึงใช้ เป็ นภาพโดยส่วนใหญ่ 3.9.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบการนาเสนอ 1) โปรแกรมที่ใช้ ในการตกแต่ งภาพ 1.1โปรแกรม ที่ใช้ ในการตกแต่งภาพ ใช้ โปรแกรม Illustrator หรื อ Photoshop เพื่อเพิ่มความรวดเร็ วในการเคลื่อนย้ ายข้ อความนันๆไป ้ ยังตาแหน่งต่างๆได้ โดยง่ายและยังสามารถสร้ างลายกราฟิ กอิสระได้ โดยง่ายรวมทัง้ ยังสามารถ เคลื่อนย้ ายภาพและทาสีของภาพให้ เป็ นโทนสีตา่ งๆได้ 1.2 โปรแกรมจัดหน้ ากระดาษหรื อว่า Lay Out ใช้ โปรแกรม Adobe Indesign ใช้ ในการจัดหน้ ากระดาษตามระบบกริด 3.9.4 ตารางสรุปความเหมาะสมและความสวยงาม หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยั่งยืน (CSR) ของบริ ษัท ปตท.จากัด( มหาชน) มีทงหมด ั้ 80 หน้ าจุดเด่นของหนังสือเล่มเล็กเล่มนี ้มีลกั ษณะ การลาดับเรื่ องราวที่ดีจึงได้ นาลักษณะการลาดับเรื่ องมาประยุกต์ใช้ กบั การออกแบบหนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR) ของบริษัท ปตท.จากัด( มหาชน)
208
บทที่ 4
วิเคราะห์ ข้อมูลที่ใช้ ในการออกแบบนาเสนอ จากข้ อมูลในบทที่ 2 และบทที่ 3 สามารถนามาวิเคราะห์เพื่อต่อยอดในบทที่ 4 ว่าด้ วยเรื่ อง ของรู ปแบบการออกแบบสื่อในการนาเสนอให้ มีความเหมาะสมและสอดคล้ องกับกลุม่ ผู้ใช้ โดยเนื ้อหา ในการวิเคราะห์มีดงั ต่อไปนี ้
4.1 วิเคราะห์ กลุ่มผู้ใช้ งาน 4.1.1 วิเคราะห์ ผ้ ูตอบสนองการนาเสนอ (User) การวิเคราะห์ผ้ ตู อบสนองการนาเสนอ คือ การวิเคราะห์คณ ุ ลักษณะการเข้ าถึงสื่อแต่ ละประเภทเพื่อความเหมาะสมกับการสื่อสาร 4.1.1.1 ผู้ใช้ ท่ วั ไป การนาเสนอในส่วนของบุคคลทัว่ ไปนันเป็ ้ นการนาเสนอข้ อมูลทัว่ ไปเกี่ยวกับ โครงการเพื่อก่อให้ เกิดความดึงดูดใจแก่ผ้ ทู ี่ได้ ข้อมูลข่าวสารนันๆ ้ 4.1.1.2 ผู้ใช้ เฉพาะ ในส่วนนี ้จะเป็ นการนาเสนอข้ อมูลทางสถาปั ตยกรรมกรรมเพื่อให้ นกั เรี ยน/ นักศึกษาสามารถรับรู้และเข้ าใจเกี่ยวกับแนวความคิดในการออกแบบมากยิ่งขึ ้น ตารางที่ 4.1 แสดงการวิเคราะห์กลุม่ ผู้ใช้ งาน กลุ่มผู้ใช้ งาน
เพศ
ผู้ใช้ ทวั่ ไป
ชาย –หญิง
ผู้ใช้ เฉพาะ
อายุ 15 – 22 ปี
อาชีพ นักเรี ยน/นักศึกษา
23 – 60 ปี
อาชีพทัว่ ไป
18 – 24 ปี
นักศึกษาสถาปั ตยกรรม/ วิศวกรรม/สิ่งแวดล้ อม นักวิชาการ
ชาย –หญิง 22 - 60 ปี
4.2 วิเคราะห์ ส่ ือที่ใช้ ในการนาเสนอ 4.2.1 การวิเคราะห์ ส่ ือที่เลือกใช้ การวิเคราะห์จากสื่อที่ใช้ ในการนาเสนอ ซึง่ สื่อแต่ละประเภทจะมีคณ ุ สมบัติและ รายละเอียดที่แตกต่างกันไป ดังนี ้
210
4.2.1.1 ภาพเคลื่อนไหวและสื่อประสม (Multimedia) เหมาะสมในการนาเสนอ เกี่ยวกับประวัติความเป็ นมาของโครงการ สถาปั ตยกรรม นิทรรศการจัดแสดงพืชบาบัดน ้าเสีย และ กระบวนการระบบบาบัดน ้าเสีย โดยการเล่าเรื่ องผ่านภาพเคลื่อนไหว จะช่วยทาให้ เกิดความเข้ าใจและ เห็นภาพการเล่าเรื่ องได้ มากขึ ้น สามารถใช้ ได้ กบั กลุม่ ผู้ใช้ งานทัว่ ไปและกลุม่ ผู้ใช้ งานเฉพาะได้ บางส่วน 4.2.1.2 แผ่นนาเสนองาน (Presentation Plate) เหมาะสมในการนาเสนอ องค์ ป ระกอบเกี่ ย วกั บ งานสถาปั ต ยกรรมได้ ดี สามารถบอกรายละเอี ย ดในส่ ว นต่ า งๆของตัว สถาปั ตยกรรม สามารถใช้ ได้ กบั กลุม่ ผู้ใช้ งานเฉพาะเป็ นสาคัญ 4.2.1.4 หนังสือคู่มือความรู้ (Booklet) เหมาะสาหรับการนาเสนอภาพรวมของ โครงการและประวัติความเป็ นมา และด้ านสถาปั ตยกรรม ทาให้ ผ้ ทู ี่มีความรู้ ทางด้ านสถาปั ตยกรรม สามารถเข้ าใจภาพรวมได้ มากขึน้ และได้ เข้ าใจที่มาของการจัดตังศู ้ นย์ เพื่ออธิ บายให้ บุคลทั่วไปได้ ตระหนักถึงปั ญหาของสิ่งแวดล้ อมและรณรงค์ ให้ ผ้ คู นหันมาอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อม ส่วนผู้ที่ไม่มีความรู้ ก็ สามารถเข้ าใจได้ ง่ายขึ ้นผ่านหนังสือคูม่ ือความรู้
4.3 วิเคราะห์ รูปแบบสื่อการนาเสนอ 4.3.1 ประเภทของสื่อที่ใช้ นาเสนอ 4.3.1.1 แผ่ นนาเสนองาน (Presentation Plate) 1) เนือ้ หาที่ใช้ 1.2) ข้ อมูลทัว่ ไปของโครงการ 1.3) ข้ อมูลแนวความคิดในการออกแบบ 1.4) ข้ อมูลแบบทางสถาปั ตยกรรม 1.5) ข้ อมูลแบบภูมิสถาปั ตยกรรม 1.6) ข้ อมูลระบบบาบัดน ้าเสีย 1.5) ภาพทัศนียภาพภายนอกและภายใน 2) ขนาดกระดาษ 2.1) ขนาด A0 (84.10 x 110.90 ซม. 33.11 x 46.81 นิ ้ว) 2.2) ขนาด A1 (59.40 x 84.10 ซม. 23.39 x 33.11 นิ ้ว) 2.3) ขนาด A2 (42.0 x 59.40 ซม.16.54 x 23.39 นิ ้ว) 2.4) ขนาด A3 (29.70 x 42.0 ซม. 11.69 x 16.54 นิ ้ว)
211
ตารางที่ 4.2 แสดงการวิเคราะห์ความเหมาะสมของขนาด ขนาด คุณสมบัติ เหมาะสมกับปริ มาณเนื ้อหา ความสมดุล สัดส่วน / รูปแบบ ที่ว่าง ความสะดวกในการอ่าน การพกพา พื ้นที่ของแผ่นนาเสนอ จุดเด่นของงาน รวม
ระดับคะแนน
ไม่ดี
A0
A1
A2
A3
4 3 4 4 4 1 3 4 26
4 4 3 4 4 2 4 4 29
2 1 2 3 2 4 2 3 19
1 1 1 1 1 3 1 2 12
=1
ปกติ = 2
ดี
=3
ดีเยี่ยม
=4
สรุ ปขนาดกระดาษที่นาไปใช้ ใช้ กระดาษขนาด A1(59.40 x 84.10 ซม. 23.39 x 33.11 นิ ้ว) เป็ นขนาดที่มาตรฐานที่นิยม ใช้ นามานาเสนองาน เพราะสามารถจุเนื ้อหาได้ มาก ทาให้ ใช้ แผ่นนาเสนอจานวนน้ อยแต่ก็ยงั คงขึ ้นอยู่ กับการจัดวางของผู้จดั ทาและเนื่องจากตัวอาคารมีขนาดยาวจึงมีผลต่อการจัดหน้ ากระดาษจึงเลือก ขนาดที่ใหญ่ขึ ้นและยัง หาซื ้อได้ ง่ายจึงคุม่ ค่าราคาที่สดุ 3) ชนิดกระดาษ 3.1) กระดาษปอนด์ (Bond Paper) 3.2) กระดาษแบบกระดาษอาร์ ตด้ าน (Matte Finish Paper) 3.3) กระดาษแบบกระดาษอาร์ ตมัน (Glossy Paper) ตารางที่ 4.3 แสดงการวิเคราะห์คณ ุ สมบัตขิ องชนิดกระดาษสาหรับแผ่นนาเสนอ ชนิดกระดาษ คุณสมบัติ ความทนทาน ความเหมาะสมกับเนื ้อหา ความหนา ความเงา คุณสมบัติกนั น ้า ความสดของสี ความละเอียด
กระดาษปอนด์ (Bond Paper) 2 2 2 1 2 2 2
กระดาษแบบ กระดาษอาร์ ตด้ าน (Matte Finish Paper) 4 4 3 2 3 3 4
กระดาษแบบ กระดาษอาร์ ตมัน (Glossy Paper) 3 2 3 4 3 4 4
212
ตารางที่ 4.3 แสดงการวิเคราะห์คณ ุ สมบัตขิ องชนิดกระดาษสาหรับแผ่นนาเสนอ(ต่อ) ชนิดกระดาษ
กระดาษปอนด์ (Bond Paper)
คุณสมบัติ ราคาถูก รวม
4 15
กระดาษแบบ กระดาษอาร์ ตด้ าน (Matte Finish Paper) 3 26
กระดาษแบบ กระดาษอาร์ ตมัน (Glossy Paper) 2 25
ระดับคะแนน ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4 สรุ ปชนิดกระดาษที่นาไปใช้ เลือกใช้ กระดาษแบบกระดาษอาร์ ตด้ าน (Matte Finish Paper) เหมาะกับการพิมพ์ ภาพกราฟิ กตลอดจน Photo เช่นกัน เนื่องจากว่าตัวกระดาษ ไม่มีสารเคลือบ หรื อมีการเคลือบไว้ บาง มากจึงทาให้ เนื ้อกระดาษมีความหนากว่ากระดาษ อาร์ ตมันสามารถพิมพ์ได้ สองด้ าน คุณสมบัติเด่น ของกระดาษแบบด้ านก็คือ จะไม่สะท้ อนแสงทาให้ สีไม่เพี ้ยนเวลานาเสนอ และสีที่พิมพ์จะดูดซับสีได้ ดีกว่ากระดาษชนิดอื่นทาให้ ภาพที่พิมพ์ ลงกระดาษมีสีที่ตรงกับการออกแบบ
และเป็ นมิตรกับ
สิง่ แวดล้ อมมากที่สดุ เพราะเป็ นกระดาษรี ไซเคิลที่มีการเคลือบสารน้ อยกว่ากระดาษอาร์ ตมัน 4)ความหนาของกระดาษ ตารางที่ 4.4 แสดงการวิเคราะห์ความเหมาะสมของความหนาของกระดาษ ความหนากระดาษ 100แกรม
105แกรม
130แกรม
ความทนทาน
4
4
4
ความต้ านแรงฉีก
2
3
3
ความเหมาะสม
2
3
2
รวม
8
10
9
คุณสมบัติ
สรุ ปความหนาของกระดาษที่เลือก 105แกรมเป็ นความหนาที่เหมาะสมกับงานสามารถม้ วนเก็บได้ ง่ายพกพาเคลื่อนย้ ายติดตัง้ สะดวก
213
5) การจัดวาง (LAY-OUT) 4.1) เมนูสคริปต์กริด (Manuscript Grid) 4.2) คอลัมน์กริด (Column Grid) 4.3) โมดูลาร์ กริด (Modular Grid) 4.4) ไฮราซิคลั กริด (Hierarchical Grid) ตารางที่ 4.5 แสดงการวิเคราะห์การวาง Lay-out รูปแบบ lay out คุณสมบัติ การแบ่งสัดส่วนภาพและเนื ้อหา ความสมดุล อัตราส่วนด้ านกว้ างด้ านยาว ความต่อเนื่อง ความกลมกลืน ใช้ กบั รูปภาพจานวนมาก ใช้ กบั เนื ้อหาจานวนมาก ใช้ กบั เนื ้อหาและรูปภาพ ความเหมาะสมกับเนื ้อหา รวม
ไฮราซิคัลกริด (Hierarchical Grid)
คอลัมน์ กริด (Column Grid)
โมดูลาร์ กริด (Modular Grid)
3 3 3 4 4 3 3 4 3 30
4 4 2 4 3 4 2 3 4 30
4 3 2 3 3 4 3 4 3 29
ระดับคะแนน ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4 สรุ ปการจัดวางที่นาไปใช้ ไฮราซิคลั กริ ด (Hierarchical Grid)เป็ นรูปแบบกริ ดที่มีโครงสร้ างซับซ้ อนและอาจมีการเกย กันของโมดูลบางชิ ้น ไฮราซิคลั กริ ดเป็ นรู ปแบบที่ยากต่อการใช้ งานแต่เมื่อใช้ แล้ วจะทาให้ เลย์เอ้ าท์ ภาพรวมมีจดุ เด่นเฉพาะของงานแต่ละงาน เหมาะใช้ กบั การนาเสนอแนวความคิดต่างๆ คอลัมน์กริด (Column Grid)ทาให้ อา่ นง่ายเมื่อจัดแบบคอลัมน์กริดทาให้ ดเู ป็ นระเบียบ 6) ลักษณะตัวอักษร (FONT) 5.1) ลักษณะแบบมีเชิง (Serif) 5.2) ลักษณะแบบไม่มีเชิง(Sans Serif) 5.3) ลักษณะแบบตัวเขียน(Script) 5.4) ลักษณะแบบตัวอาลักษณ์ (Text Letter) 5.5) ลักษณะแบบประดิษฐ์ (Display Type)
214
ตารางที่ 4.6 แสดงการวิเคราะห์ลกั ษณะตัวอักษร รูปแบบฟอนต์ คุณสมบัติ อ่านง่าย ใช้ กบั ตัวเอียง ใช้ กบั ตัวหนา ใช้ กบั ตัวบาง ใช้ กบั เนื ้อหา ใช้ เป็ นหัวข้ อของงาน แสดงถึงบุคลิกของงาน ความเหมาะสมกับงาน รวม
ตัวอักษร แบบมีเชิง
ตัวอักษร แบบไม่ มีเชิง
4 2 4 4 2 4 2 4 26
4 2 4 4 4 4 2 4 32
ตัวอักษร แบบ ตัวเขียน 2 4 3 3 1 3 2 1 16
ตัวอักษรแบบ อาลักษณ์
อักษรแบบ ประดิษฐ์
2 3 2 3 1 1 2 1 15
2 3 4 4 1 4 4 2 24
ระดับคะแนน ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4 สรุ ปลักษณะตัวอักษรที่นาไปใช้ ตัวอักษรที่จะนามาใช้ ในการออกแบบแผ่นนาเสนอคือ ตัวอักษรแบบไม่มีเชิง, ตัวอักษร แบบประดิษฐ์ เพราะ การออกแบบแผ่นนาเสนองานเพื่อสร้ างความดึงดูดใจและสามารถเลือกใช้ ได้ ตามแนวความคิดเพื่อให้ ตอบสนองกับแนวความคิด และอ่านง่าย 7) การจัดวางตัวอักษร ตารางที่ 4.7 แสดงการวิเคราะห์การจัดวางตัวอักษร รูปแบบการจัดวาง คุณสมบัติ ความต่อเนื่องในการอ่าน ความสะดวกในการอ่าน ความสวยงาม ความสม่าเสมอในแต่บรรทัด ความสวยงาม ความสม่าเสมอในแต่บรรทัด รูปแบบการวางน่าสนใจ ความเหมาะสมกับเนื ้อหา ความเหมาะสมกับหัวเรื่ อง รวม
จัดชิดซ้ าย
จัดชิดขวา
จัดกึ่งกลาง
4 4 4 3 4 3 2 4 3 24
2 2 3 3 3 3 3 3 2 18
3 3 4 3 4 3 4 3 4 24
ระดับคะแนน ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4
215
สรุ ปการจัดวางตัวอักษรที่นาไปใช้ รูปแบบการจัดวางตัวอักษรที่เลือก คือ จัดแบบกึ่งกลางและจัดแบบชิดซ้ าย เพราะเป็ นการ สร้ างจุดเด่นในงานที่จะนาเสนอได้ ดีโดยเฉพาะส่วนของหัวเรื่ องหรื อส่วนที่ต้องการเน้ นการจัดรู ปแบบ กึ่งกลางนันสามารถท ้ าให้ ดงู านมีจดุ นาสายตา ส่วนการจัดชิดซ้ ายสะดวกต่อการอ่าน 8) ขนาดตัวอักษร ตารางที่ 4.8 แสดงการวิเคราะห์ขนาดตัวอักษร ขนาด คุณสมบัติ อ่านง่าย ใช้ กบั เนื ้อหา ใช้ เป็ นหัวข้ อหลักของงาน ใช้ เป็ นหัวข้ อรองของงาน แสดงถึงบุคลิกของงาน ความเหมาะสมกับงาน รวม
28 pt
36 pt
48 pt
2 4 3 3 3 4 19
3 3 3 4 3 4 20
3 1 4 2 3 3 16
ระดับคะแนน ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4 สรุ ปขนาดตัวอักษรที่นาไปใช้ หัวข้ อหลัก 48 pt ตัวหนังสือทาให้ เห็นเด่นในหัวข้ อของงาน หัวข้ อรอง 36 pt ตัวหนังสือที่เหมาะสาหรับตัวเนื ้อหาเพราะที่เป็ นตัวหนังสือขนาดกลาง เนื ้อหา 28 pt ตัวหนังสือที่เหมาะสาหรับตัวเนื ้อหาเพราะที่เป็ นตัวหนังสือขนาดกลาง 9) รูปแบบของตัวอักษร 9.1) รูปแบบของตัวอักษร ตารางที่ 4.9 แสดงการวิเคราะห์รูปแบบของตัวอักษร รูปแบบ คุณสมบัติ ความสวยงาม ง่ายต่อการอ่าน เหมาะสมกับรูปแบบงาน เหมาะใช้ เป็ นหัวข้ อ เหมาะใช้ เป็ นเนื ้อหา ความเป็ นสากล รวม
Thai Sans Lite
WDB Bangna
Circular
4 4 3 4 3 4 22
4 3 3 3 4 3 20
4 4 4 3 4 2 21
ระดับคะแนน ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4
216
สรุ ปรูปแบบของตัวอักษรนาไปใช้ รูปแบบของตัวอักษรใช้ 2 รูปแบบ คือ Thai Sans Lite และ Circular เป็ นฟอนต์ไทยที่มี ความทันสมัย มีความเป็ นสากลสูง อ่านง่ายเหมาะสาหรับใช้ กบั หัวข้ อ Thai Sans Lite เป็ นฟอนต์ไทย ทีมีความเป็ นสากลเล็กน้ อย ไม่มีการเล่นหางตัวอักษรมากจนเกินไป มีความชัดเจน อ่านง่ายเหมาะ สาหรับเนื ้อหา ส่วนภาษาอังกฤษใช้ ในรูปแบบด้ วยกัน
Thai Sans Lite
Circular
ศูนย์การศึกษาฯ WDB Bangna ภาพที่ 4.1 แสดงรูปแบบของตัวอักษร 10) ลักษณะภาพ ตารางที่ 4.10 แสดงการวิเคราะห์ลกั ษณะภาพ ลักษณะภาพ คุณสมบัติ ความสวยงาม ความชัดเจน ความเหมาะสมกับเนื ้อหา การสื่อความหมายแนวความคิด ความน่าสนใจ รวม
ภาพกราฟิ ก
ภาพลายเส้ น
ภาพถ่ าย
ภาพ 3 มิติ
4 3 4 4 3 18
3 2 2 2 2 11
4 4 2 3 4 17
4 3 3 4 4 18
ระดับคะแนน ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4
217
สรุ ปลักษณะภาพที่นาไปใช้ การเลือกลักษณะภาพไปใช้ ในการออกแบบแผ่นนาเสนอ คือ ส่วนใหญ่แล้ วจะเป็ นภาพถ่าย และภาพที่ได้ จาก โปรแกรม 3 มิติ เพื่อเป็ นการแสดงแนวความคิดของโครงการได้ เข้ าใจง่ายและแสดง ได้ ถึงรายละเอียดต่างได้ อย่างดีซึ่งการใช้ ภาพ 3 มิตินนสามารถที ั้ ่จะสื่อให้ เห็นภาพลักษณ์ของตัว โครงการได้ มากที่สดุ ภาพกราฟิ กเป็ นองค์ประกอบในการเพิ่มความน่าสนใจและเน้ นรายละเอียดให้ กบั งานได้ ในบ้ างส่วนเพื่อให้ มีความเข้ าใจมากขึ ้น 11) ประเภทไฟล์ ภาพ ตารางที่ 4.11 แสดงการวิเคราะห์ประเภทไฟล์ภาพ ประเภทของไฟล์ คุณสมบัติ คุณภาพ การจัดเก็บ การเข้ าถึง การนามาใช้ ความคมชัด ขนาด ความเหมาะสม การบีบอัด การตัดต่อ ตกแต่งภาพ รวม
JPEG
TIFF
RAW
GIF
PNG
3 4 4 4 2 4 3 4 2 30
4 3 3 3 4 4 4 3 3 31
4 2 2 2 4 2 1 1 1 19
2 3 3 2 2 2 2 3 1 20
3 4 3 4 3 4 3 3 4 31
ระดับคะแนน ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4 สรุ ปประเภทไฟล์ ภาพที่นาไปใช้ ไฟล์ .JPEG (Joint Photographic Experts Group) เป็ นไฟล์ขนาดเล็กเพราะสามารถบีบ อัดข้ อมูลได้ ไฟล์.TIFF (Tagged Image File Format) เป็ นไฟล์ที่สามารถเก็บขันตอนการท ้ างานไว้ ได้ เหมือนกัน ข้ อดีของไฟล์นามสกุลนี ้คือ ภาพมีความละเอียด ซึง่ เหมาะกับงานนิตยสาร หรื อสื่อสิ่งพิมพ์ ที่ต้องการความละเอียดของภาพ ไฟล์ .PNG สามารถแสดงรายละเอียดสีได้ ถึง 162.7 ล้ านสี และมีขนาดเล็กเหมือน .GIF สามารถทาภาพโปร่งใสได้ ปัจจุบนั เป็ นที่นิยมใช้ เพราะมีความละเอียดสูงใช้ สาหรับการตกแต่งภาพ
218
12) ราคากระดาษ ตารางที่ 4.12 แสดงการวิเคราะห์ราคากระดาษ
ที่มา: บริษัท ซี.เอ.เอส เปเปอร์ จากัด 13) ราคาการพิมพ์ อิงค์ เจ็ทขนาด ตารางที่ 4.13 แสดงการวิเคราะห์ราคากระดาษ
ที่มา : บริษัทจักรวาลโฟโต้ จากัด 14) ลักษณะการพิมพ์ ตารางที่ 4.14 แสดงการวิเคราะห์ลกั ษณะการพิมพ์
ระดับคะแนน ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4
219
สรุ ปลักษณะการพิมพ์ ท่ นี าไปใช้ การพิมพ์แบบระบบอิงค์เจ็ท (Inkjet Printing) ซึง่ ใช้ หลักการพ่นหยดหมึกเล็ก ๆ จากหัวพ่น ไปสร้ างเป็ นภาพบนวัสดุใช้ พิมพ์ซึ่งผลลัพธ์ ที่ ออกมานันจะมี ้ คณ ุ ภาพสูงซึ่งเครื่ องพิมพ์อิงค์เจ็ท และ คุณภาพของผลลัพธ์ทงด้ ั ้ านความคมชัดและรายละเอียดทาออกมาได้ ดี 4.3.2 ภาพเคลื่อนไหวและสื่อประสม (Multimedia) 1) เนือ้ หาที่ใช้ 1) บทนา 2) ข้ อมูลทัว่ ไปของโครงการ 3) ข้ อมูลแนวความคิดของโครงการ 4) ข้ อมูลการบาบัดน ้าเสีย 5)ข้ อมูลเรื่ องพืชบาบัดน ้าเสีย 6) ภาพจาลอง 3D 2) การจัดวาง (LAY-OUT) 2.1) ความเป็ นเอกภาพ ความเป็ นเอกภาพ คือ ความเป็ นอันหนึ่งอันเดียวกัน ขององค์ประกอบศิลป์ทังด้ ้ านรู ปลักษณะ และด้ านเนื ้อหาเรื่ องราว เป็ นการประสานหรื อจัดระเบียบ ของส่วนต่าง ๆให้ เกิดความเป็ น หนึ่งเดียว เพื่อผลรวมอันไม่อาจแบ่งแยกส่วนใดส่วนหนึ่งออกไป เลือกใช้ โทนสีเดียวกัน ซึง่ อาจเป็ นโทนสีเดียวกันกับโลโก้ หรื อ ภาพถ่าย 2.2) ดุลยภาพส่วนต่าง ๆ ในรูปทรงหนึง่ หรื องานศิลปะชิ ้นหนึง่ เลือกใช้ การจัดแบบผสมผสานระหว่างเนื ้อหา ภาพกราฟฟิ ก ภาพถ่าย เสียงดนตรี ประกอบดุลยภาพ คือ น ้าหนักที่เท่ากันขององค์ประกอบ ไม่เอนเอียงไปข้ างใดข้ างหนึ่ง ในทางศิลปะยังรวมถึงความประสานกลมกลืน ความพอเหมาะพอดีของ 3) ลักษณะตัวอักษร (FONT) 3.1) ลักษณะแบบมีเชิง (Serif) 3.2) ลักษณะแบบไม่มีเชิง(Sans Serif) 3.3) ลักษณะแบบตัวเขียน(Script) 3.4) ลักษณะแบบตัวอาลักษณ์ (Text Letter) 3.5) ลักษณะแบบประดิษฐ์ (Display Type)
220
ตารางที่ 4.15 แสดงการวิเคราะห์ลกั ษณะตัวอักษร รูปแบบฟอนต์ คุณสมบัติ อ่านง่าย ใช้ กบั ตัวเอียง ใช้ กบั ตัวหนา ใช้ กบั ตัวบาง ใช้ กบั เนื ้อหา ใช้ เป็ นหัวข้ อของงาน ใช้ เป็ นหัวเรื่ องของงาน แสดงถึงบุคลิกของงาน ความเหมาะสมกับงาน รวม
ตัวอักษร แบบมีเชิง
ตัวอักษร แบบไม่ มีเชิง
ตัวอักษรแบบ ตัวเขียน
ตัวอักษรแบบ ตัวอาลักษณ์
4 2 4 4 4 4 4 2 2 30
4 2 4 4 4 4 4 2 4 32
2 4 3 3 1 1 1 1 1 17
2 4 2 3 1 1 2 2 1 18
ตัวอักษร แบบ ประดิษฐ์ 3 4 4 4 2 4 4 4 3 32
ระดับคะแนน ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4 สรุ ปลักษณะตัวอักษรที่นาไปใช้ ตัวอักษรที่จะนามาใช้ ในการออกแบบภาพเคลื่อนไหวและสื่อประสมคือ ตัวอักษรแบบไม่มี เชิง, ตัวอักษรแบบประดิษฐ์ เพราะ เพื่อสร้ างความดึงดูดใจและสามารถเลือกใช้ ได้ ตามแนวความคิด เพื่อให้ ตอบสนองกับแนวความคิด และอ่านง่าย 4) รูปแบบของตัวอักษร 4.1) รูปแบบของตัวอักษร ตารางที่ 4.16 แสดงการวิเคราะห์รูปแบบของตัวอักษร รูปแบบ คุณสมบัติ ความสวยงาม ง่ายต่อการอ่าน เหมาะสมกับรูปแบบงาน เหมาะใช้ เป็ นหัวข้ อ เหมาะใช้ เป็ นเนื ้อหา ความเป็ นสากล รวม
Thai Sans Lite 4 4 3 4 3 4 22
ระดับคะแนน ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4
WDB Bangna
Circular
4 3 3 3 4 3 20
4 4 4 3 3 3 21
221
สรุ ปรูปแบบของตัวอักษรนาไปใช้ รูปแบบของตัวอักษรใช้ 1 รูปแบบ คือ Thai Sans Lite เป็ นฟอนต์ไทยที่มีความทันสมัย มี ความเป็ นสากลสูง อ่านง่ายเหมาะสาหรับใช้ กบั หัวข้ อ Thai Sans Lite เป็ นฟอนต์ไทยทีมีความเป็ น สากลเล็กน้ อย ไม่มีการเล่นหางตัวอักษรมากจนเกินไป มีความชัดเจน อ่านง่ายเหมาะสาหรับเนื ้อหา 5) การจัดสัดส่ วนภายในจอ (COMPOSITION) การจัดองค์ประกอบแบบใช้ จดุ ตัด 9 ช่องซึง่ ไปการทาให้ เกิดจุดสนใจภายในภาพมากขึ ้น เป็ นการเน้ น ข้ อมูลภายในภาพ
ภาพที่ 4.2 แสดงภาพจุดตัดกัน 4 จุด ที่มา : http://topicstock.pantip.com/home/topicstock/2009/11/R8572941/R8572941.html 6) สัดส่ วนขนาดหน้ าจอ ตารางที่ 4.17แสดงการวิเคราะห์สดั ส่วนขนาดหน้ าจอ ขนาดจอ คุณสมบัติ การรองรับ ความนิยม ความเหมาะสมกับเนื ้อหา ความน่าสนใจ รวม
4:3
16 : 9
3 2 2 2 9
4 4 3 4 15
ระดับคะแนน ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4 สรุ ปสัดส่ วนขนาดหน้ าจอที่นาไปใช้ ใช้ สดั ส่วนหน้ าจอ 16 : 9 เนื่องจากมีการรองรับจากเทคโนโลยีและมีความนิยมมาก และ แสดงเนื ้อชัดเจน เกิดความน่าสนใจ
222
7) การเคลื่อนกล้ อง ตารางที่ 4.18 แสดงการวิเคราะห์การเคลื่อนกล้ อง ลักษณะการเคลื่อนที่ คุณสมบัติ การสื่อความหมาย การครอบคลุม การยืดหยุ่น ความน่าสนใจ การเชื่อมโยงเนื ้อหา มุมมอง รวม
การทิลท์
การทรั กต์
การแพน
การคอลลี่
การซูม
3 4 3 3 2 3 18
3 4 3 3 2 3 18
4 4 3 4 4 4 24
2 4 3 3 3 4 19
4 4 3 4 4 4 23
ระดับคะแนน ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4 สรุ ปการเคลื่อนกล้ องนาไปใช้ สามารถที่จะใช้ รูปแบบมุมกล้ องได้ ทงหมดอยู ั้ ่ที่ว่าความเหมาะสมและความสวยงามของแต่ ละรูปแบบในการใช้ มมุ กล้ อง การแพน เป็ นวิธีการเคลื่อนที่กล้ องถ่ายในลักษณะการส่ายกล้ องเคลื่อนที่ไปในแนวนอนหรื อ แนวราบ (Herizontal) อาจเริ่มจากซ้ ายไปขวา หรื อจากขวาไปซ้ ายก็ได้ วัตถุประสงค์ของการแพนกล้ อง เพื่อให้ เกิดความสัมพันธ์ หรื อเกิดเชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่ถ่ายสองสิ่งอยู่ห่างกัน หรื อพื ้นที่ของการถ่ายที่ แยกอยูห่ ่างกัน การซูมเปลี่ย นขนาดภาพขณะก าลัง บัน ทึกภาพโดยไม่ต้องเคลื่อนไหวกล้ องหรื อเปลี่ยน ตาแหน่งการตังกล้ ้ อง ผลที่เกิดในความรู้ สกึ ของผู้ชม คือ จะรู้ สกึ ว่าสิ่งที่ถ่ายถูกดึงเข้ ามาใกล้ ตวั หรื อ ถอยห่างออกไป เกิดการเคลื่อนไหวขึ ้นในภาพ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงขนาดของภาพอย่าง ต่อเนื่อง 8) ลักษณะภาพ ตารางที่ 4.19 แสดงการวิเคราะห์ลกั ษณะภาพ ลักษณะภาพ คุณสมบัติ ความสวยงาม ความชัดเจน ความเหมาะสมกับเนื ้อหา
ภาพกราฟิ ก
ภาพลายเส้ น
ภาพถ่ าย
ภาพ 3 มิติ
4 3 4
3 2 2
4 4 2
4 3 3
223
ตารางที่ 4.19 (ต่อ) ลักษณะภาพ
ภาพกราฟิ ก
ภาพลายเส้ น
ภาพถ่ าย
ภาพ 3 มิติ
4 3 18
2 2 11
3 4 17
4 4 18
คุณสมบัติ การสื่อความหมายแนวความคิด ความน่าสนใจ รวม
ระดับคะแนน ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4 สรุ ปลักษณะภาพที่นาไปใช้ การเลือกลักษณะภาพไปใช้ ในการออกแบบภาพเคลื่อนไหวและสื่อประสมคือ ส่วนใหญ่แล้ ว จะเป็ นภาพถ่ายและภาพที่ได้ จาก โปรแกรม 3 มิติ เพื่อเป็ นการแสดงแนวความคิดของโครงการได้ เข้ าใจง่ายและแสดงได้ ถึงรายละเอียดต่างได้ อย่างดีซงึ่ การใช้ ภาพ 3 มิตินนสามารถที ั้ ่จะสื่อให้ เห็น ภาพลักษณ์ของตัวโครงการได้ มากที่สดุ ภาพกราฟิ กเป็ นองค์ประกอบในการเพิ่มความน่าสนใจและ เน้ นรายละเอียดให้ กบั งานได้ ในบ้ างส่วนเพื่อให้ มีความเข้ าใจมากขึ ้น 9) ประเภทไฟล์ วิดโี อ ตารางที่ 4.20 แสดงการวิเคราะห์ประเภทไฟล์วิดีโอ ประเภทไฟล์ คุณสมบัติ คุณภาพ ความคมชัด การเข้ าถึง การบีบอัด โปรแกรมที่รองรับ ความนิยม ความเหมาะสม รวม
AVI
MPEG-4
WMV
FLV
MOV
4 4 4 1 3 4 4 24
3 3 4 4 3 4 2 23
3 2 3 2 4 3 3 17
3 2 3 4 2 4 3 20
3 3 2 2 2 1 3 16
ระดับคะแนน ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4
224
สรุ ปประเภทไฟล์ วิดโี อที่นาไปใช้ AVI (Audio Video Interactive) เป็ นไฟล์มาตรฐานต้ นๆ ของคอมพิวเตอร์ โดยไฟล์มีขนาด ใหญ่มาก เนื่องจากมีการบีบอัดข้ อมูลที่น้อย แต่มีคณ ุ ภาพสูง เมื่อเทียบกับไฟล์ประเภทอื่นๆ ดังนันไฟล์ ้ ประเภทนี ้เหมาะสาหรับใช้ เป็ นไฟล์ต้นฉบับโดยทัว่ ไปใช้ โปรแกรม Windows Media Player ในการเปิ ด 10) ระยะเวลาในการนาเสนอ ตารางที่ 4.21 แสดงการวิเคราะห์ระยะเวลาในการนาเสนอ ระยะเวลา คุณสมบัติ การสื่อความหมาย ความชัดเจน ความครอบคลุมของ เนื ้อหา ความน่าสนใจ ความเหมาะสมกับ งาน รวม
1 นาที
2 นาที
3 นาที
5 นาที
10 นาที
15 นาที
1 2 1
1 3 2
3 3 3
3 4 4
4 3 4
3 3 4
3 1
4 1
4 3
3 4
2 4
2 3
8
13
16
18
17
14
ระดับคะแนน ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4 11) ประเภทเสียง ตารางที่ 4.22 แสดงการวิเคราะห์ประเภทเสียง ประเภทเสียง เสียงดนตรี (Music) คุณสมบัติ การสื่อความหมาย ความน่าสนใจ ความเหมาะสมกับเนื ้อหา ความสะดวก รวม
3 4 2 3 12
เสียงประกอบ (Sound effects) 2 3 3 4 12
เสียงบรรยาย (Verbal information) 4 2 4 2 12
ระดับคะแนน ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4 สรุ ปประเภทเสียงที่นาไปใช้ เสียงดนตรี (Music)เสียงดนตรี ประกอบ ช่วยเพิ่มบรรยากาศของสื่อมัลติมีเดีย ให้ ชวน ติดตามและเข้ าถึงสื่อได้ ดียิ่งขึ ้น โดยมีจงั หวะของเพลงที่แตกต่างในแต่ละข้ อมูลโครงการ
225
เสียงประกอบ (Sound effects)เสียงประกอบสามารถเพิ่มความสมจริงของงานได้ ดียิ่งขึ ้น และช่วยดึงดูดความสนใจเมื่อนาไปประกอบกับภาพกราฟิ กที่เหมาะสม เสียงบรรยาย (Verbal information)เสียงบรรยายสามารถเข้ าใจเนื ้อหาของโครงการได้ มาก ขึ ้น เช่น ข้ อมูลแนวความคิดเป็ นต้ น 12) รูปแบบเทคนิคการเปลี่ยนฉากเนือ้ หา (Transition) ตารางที่ 4.23 แสดงการวิเคราะห์รูปแบบเทคนิคการเปลี่ยนฉากเนื ้อหา Transition คุณสมบัติ การสื่อความหมาย ความน่าสนใจ ความเหมาะสมกับเนื ้อหา ความชัดเจน การรับรู้ทนั ที รวม
FADE
CUT
SUPER IMPOSE
MOVE
2 2 3 3 3 13
3 2 4 4 4 17
2 3 2 2 2 11
3 3 4 4 4 18
ระดับคะแนน ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4 สรุ ปรูปแบบเทคนิคการเปลี่ยนฉากเนือ้ หาที่นาไปใช้ เทคนิค CUT สามารถรับรู้ได้ ทนั มีความชัดเจนสูง เหมาะกับเนื ้อหาโครงการ เทคนิค MOVE เป็ นการเลื่อนจากซ้ ายไปขวา หรื อขวาไปซ้ าย คล้ ายการเปิ ดหนังสือทาให้ ข้อมูล ชัดเจน เปลี่ยนที่ละหน้ า 13) ช่ องทางในการเผยแพร่ ตารางที่ 4.24 แสดงการวิเคราะห์ช่องทางในการเผยแพร่ ช่ องทางที่รองรั บ คุณสมบัติ ความคมชัดของสื่อ การเข้ าถึงสื่อ การแพร่หลาย ความเหมาะสม รวม
อินเตอร์ เน็ต
ภายในโครงการ
3 4 4 4 15
4 3 3 4 14
ระดับคะแนน ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4
226
สรุ ปช่ องทางในการเผยแพร่ การเผยแพร่สอื่ มัลติมีเดียนันสามารถเลื ้ อกที่จะเผยแพร่ได้ ภายในโครงการและผ่านทาง อินเตอร์ เน็ต ซึง่ ตามความสะดวกและเหมาะสมของผู้ใช้ งานแต่ละกลุม่ 14) ช่ องทางในการเผยแพร่ ทางอินเตอร์ เน็ต ตารางที่ 4.25 แสดงการวิเคราะห์ช่องทางอินเตอร์ เน็ต
ระดับคะแนน ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4 สรุ ปช่ องทางในการเผยแพร่ ทางอินเตอร์ เน็ต การเลือกช่องทางที่จะเผยแพร่ คือ เผยแพร่ทาง YouTube เพราะเป็ นแหล่งเผยแพร่ข้อมูลที่ สามารถเข้ าถึงได้ ง่าย และมีความสะดวกรวดเร็ วซึ่งมีกลุ่มผู้ใช้ งานที่สนใจทางสถาปั ตยกรรมทาง YouTube ทัว่ โลกจึงทาให้ การเข้ าถึงสื่อได้ เร็วขึ ้น 4.3.3 รูปแบบ หนังสือคู่มือความรู้ (Booklet) ลักษณะหนังสือคู่มือความรู้ (Booklet) หนังสือคู่มือ(booklet)หรื ออาจเรี ยก อนุสาร ก็ได้ มีลกั ษณะเป็ นหนังสือเล่ม เล็กๆมีความหนาไม่น้อยกว่า 8 หน้ า แต่มกั ไม่เกิน 48 หน้ า 1) เนือ้ หาที่ใช้ 1) บทนา 2) ข้ อมูลทัว่ ไปของโครงการ 3) ข้ อมูลแนวความคิดของโครงการ 4) ข้ อมูลการบาบัดน ้าเสีย 5) ข้ อมูลเรื่ องพืชบาบัดน ้าเสีย 6) ภาพจาลอง 3D 7) ภาพกิจกรรม 8) พื ้นที่โน๊ ตข้ อความ
227
2) ขนาดกระดาษ ตารางที่ 4.26 วิเคราะห์การเลือกใช้ ขนาดกระดาษ ขนาด
A4
B5
B4
มีความเหมาะสมกับเนื ้อหา
4
3
2
สะดวกในการพกพา จัดรูปแบบได้ หลากหลาย ขนาดที่นิยมใช้ รวม
2 4 2 12
4 3 3 13
4 3 3 12
คุณสมบัติ
ระดับคะแนน ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4 สรุ ปการนาไปใช้ ขนาดกระดาษ B5 ขนาดกระดาษที่มีสะดวกในการพกและมีการ ออกแบบที่หลากหลายและมีความเหมาะสมกับการจัดวางเนื ้อหา 3) ชนิดกระดาษ ตารางที่ 4.27 วิเคราะห์การเลือกใช้ ชนิดกระดาษ คุณสมบัติ กระดาษ 1.กระดาษปอนด์ (Bond Paper)
ลักษณะ
น ้าหนัก
ความเหมาะสม
คะแนน
เป็ นกระดาษที่ทาจากเยื่อเคมีที่ ผ่านการฟอกและอาจมีสว่ นผสม ของเยื่อที่มาจากเศษผ้ า มีสีขาว
น ้าหนักอยู่ 60 – 100 กรัม
ใช้ สาหรับงานพิมพ์ที่
2
ต้ องความสวยงาม เดี ย วหรื อ หลายสี ก็ ได้
2.กระดาษอาร์ ต (Art Paper)
เป็ นกระดาษที่ทาจากเยื่อเคมี (เยื่อที่ผลิตโดยใช้ สารเคมี) และ เคลือบผิวให้ เรี ยบด้ านเดียวหรื อ ทังสอง ้
3.กระดาษการ์ ด (Card Board)
เป็ นกระดาษที่มีความหนาและ แข็งแรงประกอบด้ วยชันของ ้ กระดาษหลายชัน้ ชันนอกสอง ้ ด้ าน
ระดับคะแนน ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4
น ้าหนักอยู่ ใช้ สาหรับงานพิมพ์ที่ ระหว่าง 80 – ต้ องการความเอียด 160 กรัม/ ตารางเมตร
4
น ้าหนักอยู่ ใช้ สาหรับทาปก ระหว่าง 110 หนังสือ บรรจุภณ ั ฑ์ – 400 กรัม ที่มีราคา
3
228
สรุ ปการนาไปใช้ ชนิดกระดาษปกและเนื ้อหา กระดาษอาร์ ต เป็ นกระดาษที่ทาจากเยื่อเคมี (เยื่อที่ผลิตโดยใช้ สารเคมี) และเคลือบผิวให้ เรียบด้ านเดียวหรื อทังสองด้ ้ าน การเคลือบอาจจะเคลือบมันเงาหรื อแบบ ด้ านก็ได้ มีสีขาว ตารางที่ 4.28 วิเคราะห์การเลือกใช้ กระดาษปก กระดาษ กระดาษอาร์ ตมัน
กระดาษอาร์ ต ด้ าน
คุณสมบัติ
กระดาษอาร์ ตการ์ ด แบบ 2 หน้ า
แบบ 1 หน้ า
ความมันเงา
1
1
2
3
พิมพ์งานได้ ใกล้ เคียงกับสีจริง
3
4
3
2
ความต้ านแรงฉีก
3
3
2
3
ความคงทน
3
4
3
3
มีการรับหมึกดี
2
3
3
3
12
15
13
14
รวม
ระดับคะแนน ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4 สรุ ปกระดาษอาร์ ตที่เลือกใช้ กระดาษอาร์ ตด้ าน เนื ้อกระดาษเรี ยบ แต่เนื ้อไม่มนั พิมพ์งานสีจะซีดลงเล็กน้ อย แต่ดหู รู ตารางที่ 4.29 วิเคราะห์การเลือกใช้ กระดาษอาร์ ตเนื ้อหา กระดาษ กระดาษอาร์ ตมัน
กระดาษอาร์ ต ด้ าน
คุณสมบัติ
กระดาษอาร์ ตการ์ ด แบบ 2 หน้ า
แบบ 1 หน้ า
ความมันเงา
1
1
2
3
พิมพ์งานได้ ใกล้ เคียงกับสีจริง
3
4
3
2
ความต้ านแรงฉีก
3
3
2
3
ความคงทน
3
4
3
3
12
15
14
14
รวม
229
สรุ ปกระดาษอาร์ ตที่เลือกใช้ กระดาษอาร์ ตด้ าน เนื ้อกระดาษเรี ยบ แต่เนื ้อไม่มนั พิมพ์งานสีจะซีดลงเล็กน้ อย แต่ดหู รู ตารางที่ 4.30 วิเคราะห์การเลือกใช้ ความหนากระดาษปก ความหนากระดาษ 180แกรม
130แกรม
120แกรม
105แกรม
ความทนทาน
4
4
4
3
ความต้ านแรงฉีก
4
4
3
3
ความเหมาะสม
3
2
3
3
รวม
11
10
10
9
คุณสมบัติ
ระดับคะแนน ไม่ดี = 1
ปกติ = 2
ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4
สรุ ปความหนากระดาษ อาร์ ตที่เลือกใช้ กระดาษปกคือ180แกรม 4) ลักษณะการวาง Layout ตารางที่ 4.31วิเคราะห์การเลือกใช้ รูปแบบการจัดวาง Layout รูปแบบ lay out คุณสมบัติ รูปแบบการวางกริดเข้ าใจง่าย การแบ่งสัดส่วนความเหมาะสม อัตราส่วนด้ านกว้ างด้ านยาว ความต่อเนื่อง ความเป็ นเอกภาพ ใช้ กบั รูปภาพจานวนมาก ใช้ กบั เนื ้อหาจานวนมาก ใช้ กบั เนื ้อหาและรูปภาพ ความเหมาะสมกับงาน รวม
ระคับค่าความสวยงาม
เมนูสคริปต์ กริด
คอลัมน์กริด
โมดูลาร์ กริ ด
ไฮราซิคลั กริด
4 4 3 4 4 3 2 4 3 31
3 4 2 3 4 4 2 4 4 30
3 3 2 4 3 4 3 2 3 27
2 4 4 3 2 3 3 3 4 28
ไม่ดี = 1
ปกติ = 2
ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4
230
สรุ ปการนาไปใช้ Layout ปก เมนูสคริ ปต์กริ ด เป็ นกริ ดที่มีโครงสร้ างเรี ยบง่ายเป็ นบล็อกใหญ่บล็อกเดียวหรื อ คอลัมน์เดียว มีชื่อเรี ยกอีกชื่อว่า บล็อกกริ ด (Block Grid) โดยทัว่ ไป รู ปแบบกริ ดประเภทนี ้ใช้ กับ สิ่งพิมพ์ที่มีแต่เนื ้อหาเป็ นหลัก เช่น หนังสือนวนิยาย ตารา จดหมายข่าว ฯลฯ แต่ก็สามารถนาภาพมา วางประกอบ แม้ จะเป็ นรูปแบบที่เรี ยบง่ายแต่ก็สามารถปรับแต่งเลย์เอ้ าท์ให้ ดนู ่าสนใจได้ Layout เนื ้อหา คอลัมน์กริด เป็ นรูปแบบกริดที่มีคอลัมน์มากกว่าหนึง่ คอลัมน์ในหนึง่ หน้ าของ แบบ มักมีความสูงเกือบสุดขอบของชิ ้นงาน ความกว้ างของแต่ละคอลัมน์ไม่จาเป็ นต้ องเท่ากัน กริ ดใน รูปแบบนี ้มักถูกนาไปใช้ ใน นิตยสาร แคตตาล็อก โบรชัวร์ การวางภาพในรูปแบบกริ ดประเภทนี ้อาจจะ จัดวางให้ มีความกว้ างเท่ากับหนึง่ คอลัมน์ 5) ลักษณะตัวอักษร ตารางที่ 4.32 วิเคราะห์การเลือกใช้ รูปแบบฟอนต์ Font รูปแบบ ฟอนต์
คุณสมบัติ อ่านง่าย ใช้ กบั กับตัวเอียง ใช้ กบั ตัวหนา ใช้ กบั ตัวบาง ใช้ กบั เนื ้อหา ใช้ เป็ นหัวข้ อของ งาน ใช้ เป็ นหัวเรื่ องของ งาน แสดงถึงบุคลิกของ งาน รวม
ระคับค่าความสวยงาม
ตัวอักษร แบบมีเชิง (Serif)
ตัวอักษร แบบ ตัวเขียน (Script)
3 3 2 3 3 2
ตัวอักษร แบบไม่มี เชิง (Sans Serif) 4 3 3 3 4 2
2 2 1 3 2 3
ตัวอักษร แบบตัว อาลักษณ์ (Text Letter) 2 3 3 3 2 4
ตัวอักษร แบบ ประดิษฐ์ (Display Type) 2 2 3 3 2 4
2
2
3
3
4
2
3
3
3
4
22
24
19
23
24
ไม่ดี = 1
ปกติ = 2
ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4
231
สรุ ปการนาไปใช้ หัวเรื่ องตัวอักษรแบบประดิษฐ์ หรื อตัวอักษรตัวพิมพ์ขนาดใหญ่ มีลกั ษณะเด่น คือ การ ออกแบบตกแต่งตัวอักษรให้ สวยงามเพื่อดึงดูดสายตา มีขนาดความหนาของเส้ นอักษรที่หนากว่าแบบ อื่นๆ จึงนิยมใช้ เป็ นหัวเรื่ อง เนื ้อหา ตัวอักษรแบบไม่มีเชิง เป็ นลักษณะของตัวอักษรอีกแบบหนึ่งที่รูปแบบเรี ยบง่าย ดู เป็ นทางการ ต่างจากแบบแรก
คือ ไม่มีเชิง หมายถึงไม่มีเส้ นยื่นออกมาจากฐานและปลายของ
ตัวอักษรในทางราบ นิยมใช้ ในงานพิมพ์ทวั่ ไปและงานประชาสัมพันธ์ 6) การจัดวางอักษร ตารางที่ 4.33 วิเคราะห์การเลือกใช้ การจัดวางอักษร รูปแบบ การพิมพ์ จัดชิดซ้ าย
จัดชิดขวา
จัดกึ่งกลาง
คุณสมบัติ ความต่อเนื่องในการอ่าน ความสะดวกในการอ่าน ความสวยงาม ความสม่าเสมอในแต่บรรทัด รูปแบการวางน่าสนใจ เหมาะกับหัวเรื่ อง รวม
3 3 3 3 3 3 19
2 1 3 2 3 3 15
3 3 4 4 2 3 19
ระคับค่าความสวยงาม
ไม่ดี = 1
ปกติ = 2
จัดชิดขอบซ้ าย และขวา 4 3 4 3 2 2 18
แบบรอบ ขอบภาพ 2 2 3 2 4 1 16
ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4
สรุ ปการนาไปใช้ หัวเรื่ อง จัดชิดซ้ าย จะมีปลายด้ านขวาไม่สม่าเสมอ เนื่องจากตัวอักษรในแต่ละบรรทัด มี ความยาวไม่เท่ากัน แต่ผ้ อู า่ นก็ไม่สามารถหาจุดเริ่มต้ นของแต่ละบรรทัดได้ ง่าย เนื ้อหา เมื่อจัดตัวอักษรแบบ justify จะมีพื ้นที่วา่ งเกิดขึ ้นระหว่างคา สิง่ ที่ควรระวังคือ เกิด ช่องว่าง ซึง่ จะรบกวนความสะดวกในการอ่าน
232
7) ขนาดอักษร ตารางที่ 4.34วิเคราะห์การเลือกใช้ ขนาดอักษร ขนาด คุณสมบัติ อ่านง่าย ใช้ กบั เนื ้อหา ใช้ กบั หัวเรื่ อง เหมาะกับงาน รวม
ระคับค่าความสวยงาม
16 – 18 pt 2 3 2 3 10
ไม่ดี = 1
18 – 24 pt 3 4 2 3 12
ปกติ = 2
24 – 32 pt 4 2 4 3 13
32-72 pt 4 2 4 3 13
ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4
สรุ ปการนาไปใช้ หัวเรื่ อง 24-32 ตัวหนังสือตัวทาให้ เห็นเด่นในหัวข้ อของงาน เนื ้อหา 16-18 ตัวหนังสือที่ เหมาะสาหรับตัวเนื ้อหาเพราะที่เป็ นตัวหนังสือขนาดกลาง เนื ้อหา 16-18 เป็ นขนาดที่เหมาะสมกับหนังสือคูม่ ือความรู้ของการกระดาษขนาด B5 8) ภาพถ่ ายและภาพประกอบในการนาเสนอ ตารางที่ 4.35 วิเคราะห์การเลือกใช้ ภาพถ่ายและภาพประกอบในการนาเสนอ รูปแบบภาพ
ภาพลายเส้ น
ภาพถ่าย
ภาพกราฟิ ก
4 3 3 4 4 18
4 4 4 3 4 19
4 3 4 3 4 18
คุณสมบัติ ความสวยงาม ความน่าสนใจ ความชัดเจน การสื่อความหมาย ความเหมาะสมกับงาน รวม
ระคับค่าความสวยงาม
ไม่ดี = 1
ปกติ = 2
ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4
สรุ ปการนาไปใช้ ภาพถ่าย ช่วยให้ เกิดความน่าสนใจเกี่ยวกับงานซึง่ ช่วยให้ เนื ้อหาของงานที่นาเสนอนันเกิ ้ ด ความหน้ าเชื่อถือ และเกิดการดึงดูดด้ วยลาดับเหตุการณ์ตา่ งๆที่เกิดขึ ้น ตามเนื ้อหาของงาน ซึง่ สามารถเข้ าถึงกลุม่ เป้าหมายได้ หลายระดับ
233
ภาพลายเส้ น ทาให้ เกิดความแตกต่างของภาพที่มาให้ เห็นลายเอียดในภาพและความรู้สกึ ภาพในอารมณ์เก่าๆ ภาพกราฟิ กทาให้ ดมู ีความเข้ าใจเนื ้อหาง่ายจากการมองดูจากภาพที่ได้ สร้ างขึ ้นมาเพื่อ สื่อสารให้ เข้ าใจง่าย 9) ลักษณะการพิมพ์ ตารางที่ 4.36 วิเคราะห์การเลือกใช้ ลกั ษณะการพิมพ์ รูปแบบ การพิมพ์ คุณสมบัติ คุณภาพในการพิมพ์ ความคมชัด คุณภาพของสี เหมาะสมงานจานวนมาก ต้ องการความรวดเร็ว ต้ องการรูปภาพ ความเหมาะสมกับงาน รวม
ระคับค่าความสวยงาม
การพิมพ์เลต เตอร์ เพรสส์ (Letterpress Printing) 2 2 3 2 2 3 2 16
การพิมพ์เฟล็กโซก ราฟี (Flexography)
การพิมพ์กรา วัวร์ (Gravure)
การพิมพ์ออฟ เซ็ท (Offset Printing)
3 3 3 2 2 2 2 17
4 3 4 3 3 3 3 23
4 4 4 3 3 2 4 24
ไม่ดี = 1
ปกติ = 2
ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4
สรุ ปการนาไปใช้ การพิมพ์ออฟเซ็ทเป็ นการพิมพ์พื ้นราบที่ใช้ หลักการน ้ากับน ้ามันไม่รวมตัวกัน โดยสร้ างเยื่อน ้าไปเกาะอยู่บนบริ เวณไร้ ภาพของแผ่นแม่พิมพ์ เมื่อรับหมึก หมึกจะไม่เกาะน ้าแต่จะไป เกาะบริ เวณที่เป็ นภาพแล้ วถูกถ่ายลงบนผ้ ายางและกระดาษพิมพ์ต่อไป การพิมพ์ออฟเซ็ทสามารถ ผลิตงานพิมพ์ที่มีคณ ุ ภาพสูงจนถึงสูงมาก เครื่ องพิมพ์มีหลายขนาด มีทงเครื ั ้ ่ องพิมพ์ 1 สี 2 สี 4 สี 5 สี หรื อมากกว่านัน้ ตัวอย่างงานพิมพ์ออฟเซ็ท เช่น พิมพ์แผ่นพับ พิมพ์ใบปลิว พิมพ์หนังสือ พิมพ์วารสาร พิมพ์นิตยสาร พิมพ์โบรชัวร์ พิมพ์แคตตาล็อก บรรจุภณ ั ฑ์กระดาษ
234
10) ประเภทไฟล์ ภาพ ตารางที่ 4.37 แสดงการวิเคราะห์ประเภทไฟล์ภาพ
ระคับค่าการให้ คะแนน ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีมาก = 4 สรุ ปการนาไปใช้ ไฟล์ .JPEG (Joint Photographic Experts Group) เป็ นไฟล์ขนาดเล็กสามารถบีบอัดข้ อมูลได้ ไฟล์.TIFF (Tagged Image File Format) เป็ นไฟล์ที่สามารถเก็บขันตอนการท ้ างาน ไว้ ได้ เหมือนกัน ข้ อดีของไฟล์นามสกุลนี ้คือ ภาพมีความละเอียด ซึง่ เหมาะกับงานนิตยสาร หรื อสื่อ สิง่ พิมพ์ที่ต้องการความละเอียดของภาพ ไฟล์ .PNG สามารถแสดงรายละเอียดสีได้ ถึง 162.7 ล้ านสี และมีขนาดเล็กเหมือน .GIF สามารถทาภาพโปร่งใสได้ ปั จจุบนั เป็ นที่นิยมใช้ เพราะมีความละเอียดสูง 11) รูปแบบการเข้ าเล่ ม ตารางที่ 4.38 วิเคราะห์การเลือกรูปแบบการเข้ าเล่ม
ระคับค่าความสวยงาม ไม่ดี = 1 ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4 สรุ ปการนาไปใช้ การเข้ าเล่มแบบเย็บอก หรือเย็บมุงหลังคา หนังสือเรี ยน ส่วนใหญ่ก็ใช้ วิธีนี ้ เพราะราคาไม่แพงมีความทนทาน
235
12) ราคา การคานวณราคาค่าพิมพ์วิธีคานวณราคาของการจัดพิมพ์หนังสือ Digital offset (พิมพ์ตามความต้ องการ)ราคาค่าพิมพ์ทงหมด=[(จ ั้ านวนหน้ าเนื ้อในหนังสือ x ราคาค่าพิมพ์ เนื ้อใน) + ราคาพิมพ์ปก + ราคาเคลือบปก + ราคาเข้ าเล่ม] x จานวนเล่มที่พิมพ์ ตารางที่ 4.39 แสดงราคาค่าจัดพิมพ์เนื ้อในหนังสือ อัตราค่าบริการ (บาท) รายการเนื ้อในหนังสือ พิมพ์เนื ้อใน ขาว-ดา (หน้ าหลัง) กระดาษอาร์ ทด้ าน(ระบบดิจิตอล ออฟเซ็ท) พิมพ์เนื ้อใน 4 สี กระดาษอาร์ ทด้ าน(ระบบดิจิตอลออฟเซ็ท)
หน่วย
ขนาด A4
ขนาด B5
หน้ า
10
8
หน้ า
25
25
ตารางที่ 4.40 แสดงราคาค่าจัดพิมพ์ปกหนังสือ อัตราค่าบริการ (บาท) รายการปก
หน่วย
ขนาด A4
ขนาด B5
ปก 4 สี กระดาษอาร์ ท 210 แกรม
ปก
25
25
เคลือบมัน / เคลือบด้ าน
ปก
10
8
เคลือบสปอร์ ทยูวี
ปก
17
12
สรุ ปการเลือกลักษณะการเคลือบปก การเคลือบยูวีเฉพาะจุดเป็ นการนาฟิ ล์มโฟสสิทีฟถ่ายลงบนบล็อกสกรี น เคลือบด้ วยวานิช ยู. วี.ลงบนชิ ้นงานที่เราต้ องการเน้ นเป็ นพิเศษ เมื่อทาการเคลือบแล้ วผ่านตู้อบเพื่อให้ สิ่งพิมพ์ที่เคลือบแห้ ง ด้ วยแสงยูวี ข้ อดีของการเคลือบสปอร์ ทยูวี การเคลือบเฉพาะจุดที่เน้ นจุดสาคัญที่ ต้องการให้ ดึงดู สายตากับผู้พบเห็นเพิ่มสีสนั และคุณค่าของสิง่ พิมพ์นนมากยิ ั้ ่งขึ ้น ที่มา: ฬ.การพิมพ์
236
ตารางที่ 4.41 แสดงราคาค่าเข้ าเล่มหนังสือ
สรุ ป แบบนี ้นิยมใช้ เย็บหนังสือที่มีจานวนหน้ าน้ อยๆ ไม่เกิน 80 หน้ า (ไม่สามารถทาให้ สนั มีความ หนาได้ ) หรื อสมุดของนักเรี ยนนักศึกษา วิธีการก็คือ เอากระดาษทังเล่ ้ มมาเรี ยงกันแล้ วพับครึ่ง จากนัน้ ใช้ เครื่ องลวดเย็บลวดตรงแนวพับ 2-3 ตัว
4.4 วิเคราะห์ โครงสร้ างสีท่ ใี ช้ ในการนาเสนอ ในการนาสีมาใช้ ในการออกแบบ สิ่งที่ต้องควรคานึงถึงการให้ ค่านา้ หนักของสีและการ เลือกใช้ สี เนื่องจากสีมีคา่ ที่แตกต่างกัน และตามหลักการรับรู้ของมนุษย์สามารถแสดงความรู้สกึ ผ่านสี ได้ อีกด้ วย เพราะฉะนันการเลื ้ อกใช้ สีในการทาสื่อนาเสนอโดยเฉพาะสื่อสิ่งพิมพ์จึงต้ องวิเคราะห์ให้ เหมาะสมตรงตามกลุม่ ผู้ใช้ และเนื ้อหาของงานด้ วย 4.4.1 ทฤษฎีสีในงานออกแบบ ตารางที่ 4.42 แสดงการวิเคราะห์โครงสร้ างสีที่ใช้ ในการออกแบบสื่อ อารมณ์ สี
คุณสมบัติ
สอดคล้ องกับธีมงาน ความนิ่งและมัน่ คง ความสุขมุ หรูหรา สีมีความโดดเด่น ดูเรี ยบ ทางานได้ ง่าย สีไม่รุนแรงเกินไป
โครงสร้ างสี
โครงสร้ างสี โทนเย็น
โครงสร้ างสี เช้ มมีพลัง
3 2 2 2 2 4 3
2 3 3 2 4 2 2
โครงสร้ าง โครงสร้ าง สีเอิร์ทโทน สีหรู หรา 4 3 2 4 3 3 3
1 2 4 4 3 1 3
โครงสร้ าง สีคลาส สิค 1 1 3 3 3 3 3
237
ตารางที่ 4.42 แสดงการวิเคราะห์โครงสร้ างสีที่ใช้ ในการออกแบบสื่อ(ต่อ) อารมณ์ สี
โครงสร้ างสี
คุณสมบัติ
โครงสร้ างสี โทนเย็น
โครงสร้ างสี เช้ มมีพลัง
2 4 24
2 3 23
สร้ างความแตกต่าง ความกลมกลืน รวม
ระดับคะแนน
ไม่ดี
=1
ปกติ = 2
โครงสร้ าง สีคลาส สิค 2 4 23
โครงสร้ าง โครงสร้ าง สีเอิร์ทโทน สีหรู หรา 3 3 28
ดี
3 3 24
=3
ดีเยี่ยม
=4
สรุ ปโครงสร้ างสีในการออกแบบสื่อนาเสนอที่นาไปใช้ Earth Tone ได้ มาจากธรรมชาติที่เราคุ้นเคยกันดีนนั่ คือ สีน้าตาลของพื ้นดิน สีเขียวของ ใบไม้ สีน้าเงินบนท้ องฟ้า รวมถึงสีแดงและส้ มของดวงอาทิตย์ที่กาลังตกดิน สามารถแสดงถึง ภาพลักษณ์ของโครงการที่เกี่ยวข้ องกับการอนุรักษ์ สงิ่ แวดล้ อม ได้ อย่างชัดเจน
4.5 วิเคราะห์ โปรแกรมที่ใช้ สร้ างสื่อนาเสนอ การวิเคราะห์โปรแกรมที่จะใช้ ในการสร้ างสื่อนาเสนอๆ ต่าง เพื่อเป็ นการศึกษาองค์ประกอบ และ เครื่ องมือในการทางาน ให้ เหมาะสมกับการทางานและสื่อแต่ละประเภทที่มีโปรแกรมการทางานที่ ต่างกัน ซึง่ สามารถแยกได้ ดังต่อไปนี ้ 4.5.1 โปรแกรมที่ใช้ ในงาน 2D กราฟิ ก 4.5.1.1 Freehand 4.5.1.2 Illustrator CS6 4.5.1.3 CorelDraw 9 ตารางที่ 4.43แสดงการวิเคราะห์โปรแกรมที่ใช้ สร้ างภาพ 2D กราฟิ ก ชื่อโปรแกรม Illustrator คุณสมบัติ Freehand CorelDraw CS6 9 1. การแก้ ไข และซ่อมแซมภาพ / Edit Image 2. การแก้ ไข และตัดต่อภาพ / Photo Retuch
3 3
4 3
2 2
238
ตารางที่ 4.43แสดงการวิเคราะห์โปรแกรมที่ใช้ สร้ างภาพ 2D กราฟิ ก(ต่อ) ชื่อโปรแกรม คุณสมบัติ 3. การวาดภาพทัว่ ไป / Drawing 4. การออกแบบ สร้ างภาพกราฟฟิ ก / Graphic Design 5. การออกแบบหน้ าเอกสารเว็บเพจ / Web Page Design 6. การบีบอัดขนาด และบันทึกเปลี่ยนสกุล / Optimize Image 7. ความเสถียร 8. เป็ นที่ใช้ งานอย่างแพร่หลาย 9. Support 10. ศักยภาพของผู้นาเสนอ 11. สามารถเรี ยนรู้เพิ่มเติม รวม
ระดับคะแนน
Illustrator CorelDraw CS6 9
Freehand
ไม่ดี
=1
4 3 3 3 3 4 2 3 3 34
ปกติ = 2
ดี
3 4 3 4 4 3 3 3 4 38
=3
4 4 4 4 4 3 1 1 1 25
ดีเยี่ยม
=4
สรุ ปโปรแกรมที่ใช้ สร้ างภาพ 2D กราฟิ ก Illustrator มีทางานเป็ นเลเยอร์ ลกั ษณะการทางานของ Illustrator จะมีสว่ นที่คล้ ายคลึงกับ โปรแกรม Photoshop โดยจะเป็ นเหมือนการวางแผ่นใสซ้ อน ๆ กันที่เรี ยกว่า เลเยอร์ (Layer) โดย ที่ แผ่นจะมีองค์ประกอบภาพที่แตกต่างกัน และเมื่อนามารวมกันแล้ วก็จะได้ เป็ นภาพ ๆ เดียว ซึง่ สามารถ นาแผ่นใสมาเพิ่มหรื อเอาออกก็ได้ โดยจะทาให้ ภาพที่ได้ ออกมามีลกั ษณะแตกต่างกันออกไปมีความ คมชัดสูง งานภาพประกอบและงานกราฟิ กแบบ 2 มิติต่างๆสามารถย่อขยายได้ โดยคุณภาพไม่ เปลี่ยนแปลง ถึงแม้ วา่ จะต้ องมีการปรับขนาดอาร์ ตเวิร์ก ให้ ใหญ่กว่าเดิมหลายสิบเท่า 4.5.2 โปรแกรมที่ใช้ ในงาน 2D เขียนแบบ 4.5.2.1 Auto CAD 2014 4.5.2.2 LibreCAD 4.5.2.3 ProgeCAD 2014 ตารางที่ 4.44 แสดงการวิเคราะห์โปรแกรมที่ใช้ ในงาน 2D เขียนแบบ ชื่อโปรแกรม คุณสมบัติ 1. การเขียนแบบ 2D 2. ความยืดหยุ่น 3. ความเสถียร 4. เป็ นที่ใช้ อย่างแพร่หลาย
AutoCAD2014
LibreCAD
4 3 4 4
4 3 3 2
ProgeCAD 2014 4 3 3 3
239
ตารางที่ 4.44 แสดงการวิเคราะห์โปรแกรมที่ใช้ ในงาน 2D เขียนแบบ(ต่อ) ชื่อโปรแกรม คุณสมบัติ 5. Support 6. ศักยภาพของผู้นาเสนอ 7. สามารถเรี ยนรู้เพิ่มเติม รวม
ระดับคะแนน
ไม่ดี
=1
AutoCAD2014
LibreCAD
4 4 4 31
2 1 2 20
ปกติ = 2
ดี
=3
ProgeCAD 2014 2 1 2 21
ดีเยี่ยม
=4
สรุ ปโปรแกรมที่ใช้ ในงาน 2D เขียนแบบ Auto CAD ใช้ เขียนแบบ ออกแบบ ในงานก่อสร้ าง, สถาปั ตยกรรม, วิศวกรรม, ตกแต่ง ภายใน, แผนที่ ตลอดจนงานออกแบบผลิตภัณฑ์ และเครื่ องกล ฯลฯ เป็ นโปรแกรมที่ช่วยให้ การเขียน แบบได้ ดีขึ ้น สะดวกและรวดเร็ วมากยิ่งขึ ้น ซึ่งความละเอียดโปรแกรม Auto CAD ถือว่ามีความ ละเอียดมากกว่าการเขียนแบบด้ วยมือ ที่ใช้ ไม้ Scale เป็ นตัววัด เพราะโปรแกรมสามารถกาหนดความ ละเอียดจุดทศนิยมได้ ถึง 8 ตาแหน่ง มีความแม่นยา 4.5.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการสร้ างภาพ 3D โปรแกรมกราฟิ ก 3D ในงานด้ านสถาปั ตยกรรม มีด้วยกันหลายโปรแกรม ขึ ้นอยู่กบั ความถนัด และความเหมาะสมของงาน รวมถึงเครื่ องที่ใช้ อยู่ เช่น PC หรื อ Macintosh ดังนัน้ จึง ยกตัวอย่างเพียงโปรแกรมที่ มีความน่าสนใจและเป็ นที่ นิยมใช้ กันอยู่ในส่วนมาก ได้ แก่ Revit Architecture, 3dsMax สามารถทาตารางเปรี ยบเทียบโปรแกรมได้ ดังนี ้ ตารางที่ 4.45 แสดงการวิเคราะห์โปรแกรมที่ใช้ ในการสร้ างภาพ 3D ชื่อโปรแกรม คุณสมบัติ 1. การขึ ้นแบบจาลอง/ Modelling 2. การใส่พื ้นผิว, วัสดุ / Texturing 3. ความเร็วการ Rendering 4. การทาเคลื่อนไหว / Animating 5. ความยืดหยุ่น / Flexibility 6. ง่ายต่อการใช้ / Ease of Use 7. ความเสถียร / Stability
Revit Lumion Architecture 3dsMax2014 3.2 2014 2 4 4 3 2 4 4 3 3 4 2 3 3 3 3 3 4 2 3 4 4
240
ตารางที่ 4.45 แสดงการวิเคราะห์โปรแกรมที่ใช้ ในการสร้ างภาพ 3D(ต่อ) ชื่อโปรแกรม คุณสมบัติ 8. เป็ นที่ใช้ อย่างแพร่หลาย 9. Support 10. ศักยภาพของผู้นาเสนอ 11. สามารถเรี ยนรู้เพิ่มเติม รวม
ระดับคะแนน ไม่ดี
=1
ปกติ = 2
Revit Lumion Architecture 3dsMax2014 3.2 2014 3 4 4 3 4 4 3 4 3 4 4 3 35 35 37
ดี
=3
ดีเยี่ยม
=4
สรุ ปโปรแกรมที่ใช้ สร้ างภาพ 3D 3D Maxs เป็ นโปรแกรมที่มีความโดดเด่นในการสร้ างภาพ 3 มิติและงานสร้ าง Animation เป็ นโปรแกรมได้ รับความนิยม เนื่องจากสามารถขึ ้นรูปโมเดลได้ ง่ายและความสามารถของโปรแกรมก็ ครอบคลุมการทางานได้ เกือบทุกเรื่ องของงาน Animation ลักษณะพิเศษในการสร้ างโมเดล 3D ช่วยให้ สามารถสร้ างโมเดลได้ ง่ายและใส่พื ้นผิวให้ โมเดลอย่างสมจริ ง สามารถควบคุมมุมมองของวัตถุได้ อย่างอิสระโดยการหมุนโมเดลให้ เห็นตาแหน่งของวัตถุทกุ ๆ ด้ านสาหรับปรับแต่งโครงสร้ างโมเดล และ เมื่อสร้ างโมเดลแล้ วสามารถจัดแสงให้ แก่โมเดลได้ อย่างเป็ นธรรมชาติ Revit Architecture2014เป็ นโปรแกรมขึ ้น 2D และ 3D ที่เป็ นเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ที่ กาลัง ได้ รับความนิ ย มในงานด้ า นออกแบบก่อสร้ าง เนื่ องจากโปรแกรมมี ระบบฐานข้ อมูลในการ ออกแบบสูงในการทางาน รวมถึงมีความรวดเร็ วในการสร้ างโมเดลเป็ นที่ยอมรับ และข้ อมูลด้ านการ ออกแบบที่ต้องสรุปงานในการเสร็จสิ ้นโปรเจครวดเร็ว ในโปรแกรมเดียว
241
4.5.4 วิเคราะห์ โปรแกรมสร้ างภาพ 3 มิตเิ คลื่อนไหว ตารางที่ 4.47 แสดงการวิเคราะห์ โปรแกรมสร้ างภาพ 3 มิติ เคลื่อนไหว ชื่อโปรแกรม คุณสมบัติ การขึ ้นแบบจาลอง/ Modelling การใส่พื ้นผิว, วัสดุ / Texturing ความเร็วการ Rendering การทาภาพเคลื่อนไหว / Animating ความยืดหยุน่ / Flexibility ง่ายต่อการใช้ / Ease of Use ความเสถียร / Stability เป็ นที่ใช้ งานอย่างแพร่หลาย ความ Support ศักยภาพของผู้นาเสนอ สามารถเรี ยนรู้เพิ่มเติม รวม
ระดับคะแนน ไม่ดี = 1
Revit Architecture 2014
3dsMax2012
Lumion 3.2
2
4 4
3 3
3 4 3 4 4 4 4 4 4 37
2 4 4 2 3 4 3 3 3 36
4 4 3 4 3 3 4 3 4 38
4
ปกติ = 2 ดี = 3 ดีเยี่ยม = 4
สรุ ปโปรแกรมที่ใช้ ได้ ว่า โปรแกรมที่ เลือกใช้ ในการท าภาพสามมิติ คือโปรแกรม Revit Architecture 2014,3DMaxs2014 และ Lumion 3.2 ที่เลือก 3 โปรแกรมนี ้เพราะ ใช้ ในการออกแบบอาคาร 3มิติ ได้ อย่างยอดเยี่ยม เพราะการ Render ออกมาได้ สมจริ ง เสมือนถ่ายภาพจากสถานที่นนั่ จริ งๆ และ โปรแกรม Lumion 3.2 ช่วยในเรื่ องการตกแต่งทัศนียภาพ และการทา ภาพเคลื่อนไหวต่างๆ ที่สมจริง 4.5.5 โปรแกรมที่ใช้ ตัดต่ อวิดีโอ โปรแกรมตัดต่อวีดีโอ (VDO) และไฟล์เสียง (Audio) ที่นิยมใช้ กนั อย่าง แพร่หลาย มีด้วยกัน 3 โปรแกรม ได้ แก่ Ulead Video Studio, Adobe After Effect Cs6, Windows Movie Maker สามารถทาตารางเปรี ยบเทียบโปรแกรมได้ ดังนี ้
242
ตารางที่ 4.48 แสดงการวิเคราะห์โปรแกรมที่ใช้ ตดั ต่อวิดีโอ ชื่อโปรแกรม Ulead Video Studio
Windows Movie Maker
Adobe Efter Affect CS6
1. ตัดต่อวีดีโอ
4
2
4
2. แทรกรูปภาพ
2
2
2
3. แทรกดนตรี
2
3
3
4. แทรกตัวอักษร
2
3
3
5. ใส่เอ็ฟเฟ็ กต์
3
3
4
6. ความเสถียร
4
2
2
7. เป็ นที่ใช้ อย่างแพร่หลาย
3
4
4
8. สามารถเรี ยนรู้เพิ่มเติม
3
3
3
รวม
23
22
35
คุณสมบัติ
ระดับคะแนน
ไม่ดี
=1
ปกติ = 2
ดี
=3
ดีเยี่ยม
=4
สรุ ปโปรแกรมที่ใช้ ตัดต่ อวิดีโอ ใช้ รูปแบบ Adobe After Effect Cs6 โปรแกรมในการตัดต่อวิดีโอ (Video) และไฟล์เสียง (Audio) เพื่อนามาประกอบกันเป็ นภาพยนตร์ มีความสามารถหลัก คือ การตัดต่อไฟล์วิดีโอซึ่ง ผสมผสานไฟล์วิดีโอหลายๆ ไฟล์ให้ เรี ยงต่อกันแล้ วนามาผ่านกระบวนการตัดต่อ ใส่เอฟเฟค ปรับเสียง สร้ างชื่อเรื่ องข้ อความ จนกระทัง่ ได้ ไฟล์ภาพยนตร์ ที่สมบูรณ์ รวมทังมี ้ การเคลื่อนไหวและมีการเปลี่ยน ฉากที่ลงตัว จากนันยั ้ งสามารถแปลงไฟล์ที่เสร็ จแล้ วไปเป็ นไฟล์ในรูปแบบต่างๆ คุณลักษณะที่สาคัญ การทางานแบบ Real-Time ได้ เพิ่มความสามารถในการตัดต่อแบบ Real-Time กล่าวคือ สามารถตัด ต่อ ตกแต่งและดูผลงานที่สร้ างได้ ทนั ทีโดยที่ไม่ต้องทาการ Render ก่อน ไม่ว่าจะใส่ Transition การ ทา Motion Path หรื อการทาเอฟเฟคต่างๆ ก็ตาม สามารถดูผลการปรับแต่งได้ ที่หน้ าจอแสดงผลควบคู่ กับการตัดต่อพร้ อมกันได้
ภาพที่ 4.3 แสดงไดอะแกรมของกลุม่ ผู้ตอบสนองการนาเสนอ (User)
4.6 สรุ ปโครงร่ างสื่อการนาเสนอ
243
ภาพที่ 4.4 แสดงไดอะแกรมการออกแบบสื่อประสม (Multimedia)
244
ภาพที่ 4.5 แสดงไดอะแกรมการออกแบบแผ่นนาเสนอ (Presentation Plate)
245
ภาพที่ 4.6 แสดงไดอะแกรมการออกแบบหนังสือคูม่ ือความรู้ (Booklet)
246
ภาพที่ 4.7 แสดงไดอะแกรมการออกแบบนาเสนอสื่อ
247
บทที่ 5
ขัน้ ตอนการออกแบบงานนาเสนอ 5.1 แนวความคิดในการออกแบบ โครงการออกแบบสื่อเพื่อประชาสัมพันธ์ศนู ย์การศึกษาและอนุรักษ์ สงิ่ แวดล้ อมบางซื่อ กรุงเทพมหานคร ประกอบไปด้ วยสื่อทังหมด ้ 3 สือ่ ได้ แก่ แผ่นนาเสนองาน (Plate Presentation) หนังสือคูม่ ือความรู้ (Booklet) ภาพเคลื่อนไหวและสื่อประสม (Multimedia) เพื่อให้ เกิดความ สอดคล้ องเชื่อมโยงกันทัง้ 3 สือ่ จึงได้ มีการใช้ แนวความคิดในการออกแบบที่เหมือนกัน คือ การ ถอดกราฟิ กแนวคิดต่างๆ ของสถาปั ตยกรรมและภูมิสถาปั ตยกรรมมาเป็ นส่วนในการออกแบบ คือ ลักษณะคลื่นที่เกิดจากหยดน ้า เส้ นบัพหรื อแนวบัพ1 นาไปใช้ ในแต่ละส่วนของสื่อทัง้ 3 สื่อ ให้ ดมู ี เอกลักษณ์ของงานที่คล้ ายคลึงกัน
ภาพที่ 5.1 แสดงที่มาของแนวความคิดคลื่นน ้า 5.1.2 สีท่ เี ลือกใช้ สีที่นามาใช้ ในการออกแบบเป็ นการนาสีฟ้าของ น ้า ท้ องฟ้า ต้ นไม้ ซึง่ เป็ นสีหลัก ของสิ่งแวดล้ อมเพื่อให้ ความรู้ สึกที่เป็ นธรรมชาติ และเพื่อให้ ผ้ ทู ี่รับรู้ สื่อง่ายต่อการรับรู้ ความเป็ น ธรรมชาติและสบายตา และนาสีของอาคารมาใช้ ในการออกแบบอักษร (EECC) เพื่อให้ งานดูมี ความรู้ สกึ โดดเด่น เพื่อให้ แตกต่างกับสีของธรรมชาติที่เป็ นสี เอิร์ธโทน (Earth Tone) และเพื่อให้ เกิดความสอดคล้ องกับโครงการยิ่งขึ ้น
1
เส้ นบัพหรื อแนวบัพ คือ เส้ นหรื อแนวที่ลากผ่านตาแหน่งบัพที่อยูใ่ นแนวเดียวกัน ซึง่ มีได้ หลายเส้ นทังนี ้ ้ขึ ้นอยูก่ บั ระยะห่างระหว่างแหล่งกาเนิดคลื่น และความยาวคลื่น บัพ คือ ตาแหน่งที่เกิดจากคลื่นรวมกันแบบหักล้ างเพราะตาแหน่งนี ้คลื่นมีเฟสตรงข้ ามกัน
โครงการออกแบบสื่อนาเสนอประชาสัมพันธ์ ศูนย์ การศึกษาและอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อมบางซื่อ กรุ งเทพมหานคร MEDIA DESIGN PUBLIC RELATION PROJECT OF THE BANGKOK OF BANGSUE ENVIRONMENTAL EDUCATION AND CONSERVATION CENTER
นายณัฐวิดล มหาจันทร์
วิทยานิพนธ์ นีเ้ ป็ นส่ วนหนึ่งของการศึกษาหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เพื่องานสถาปั ตยกรรม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ปี การศึกษา 2557
โครงการออกแบบสื่อนาเสนอประชาสัมพันธ์ ศูนย์ การศึกษาและอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อมบางซื่อ กรุ งเทพมหานคร
นายณัฐวิดล มหาจันทร์
วิทยานิพนธ์ นีเ้ ป็ นส่ วนหนึ่งของการศึกษาหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เพื่องานสถาปั ตยกรรม คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ปี การศึกษา 2557
MEDIA DESIGN PUBLIC RELATION PROJECT OF THE BANGSUE OF ENVIRONMENTAL EDUCATION AND CONSERVATION CENTER
NUTTAWIDOL MA-HAJAN
A THESIS SUMITTED IN PARTIAL FULFILLMENT OF THE REQUIREMENT FOR THE BACHELOR DEGREE OF SCIENCE PROGRAM OF COMPUTER TECHNOLOGY APPLICATION IN ARCHITECTURE FACULTY OF INDUSTRIAL TECHNOLOGY SUANSUNANDHA RAJABHAT UNIVERSITY 2014
คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ใบรับรองวิทยานิพนธ์ โครงการออกแบบสื่อนาเสนอประชาสัมพันธ์ศนู ย์การศึกษาและอนุรักษ์ สิง่ แวดล้ อมบางซื่อ กรุงเทพมหานคร MEDIA DESIGN PUBLIC RELATION PROJECT OF THE BANGSUE ENVIRONMENTAL EDUCATION AND CONSERVATION CENTER ผู้ทาวิทยานิพนธ์ นายณัฐวิดล มหาจันทร์ รหัสนักศึกษา 54122503021 ผู้ควบคุมวิทยานิพนธ์ อาจารย์ วินยั หมัน่ คติธรรม อาจารย์ ท่ ปี รึกษา อาจารย์ วินยั หมัน่ คติธรรม คณะกรรมการสอบวิทยานิพนธ์ หัวข้ อวิทยานิพนธ์
............................................. (อาจารย์ วินยั หมัน่ คติธรรม) ประธานกรรมการ
............................................. (อาจารย์จิตราวดี รุ่งอินทร์ กันกา) กรรมการ
............................................. (อาจารย์กนั ยพัชร์ ธนกุลวุฒิโรจน์) กรรมการ
............................................. (อาจารย์วิสทุ ธิ์ ศิริพรนพคุณ) กรรมการ
วิทยานิพนธ์ฉบับนี ้ได้ รับการพิจารณาอนุมตั ิให้ เป็ นส่วนหนึ่งของการศึกษา ตามหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เพื่องานสถาปั ตยกรรม คณะเทคโนโลยีอตุ สาหกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนนั ทา ............................................. ( รองศาสตราจารย์ ดร. ปรุงศักดิ์ อัตพุฒ ) คณบดีคณะเทคโนโลยีอตุ สาหกรรม 19 กันยายน 2557
I
หัวข้ อวิทยานิพนธ์ นักศึกษา ผู้ควบคุมวิทยานิพนธ์ อาจารย์ ท่ ปี รึกษา ระดับการศึกษา สาชาวิชา ปี การศึกษา
โครงการออกแบบสื่อนาเสนออาคารศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สิง่ แวดล้ อมบางซื่อ กรุงเทพมหานคร นายณัฐวิดล มหาจันทร์ อาจารย์ ผศ. วินยั หมัน่ คติธรรม อาจารย์ ผศ. วินยั หมัน่ คติธรรม ปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เพื่องานสถาปั ตยกรรม 2556
บทคัดย่ อ ศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อมบางซื่อ กรุงเทพมหานคร อยู่ในหน่วยงานของ สานักการระบายน ้าและสานักสิ่งแวดล้ อมของกรุงเทพมหานคร ศูนย์การศึกษาฯ แห่งนี ้เป็ นยังเป็ น สานักงานจัดการคุณภาพน ้าและสานักสิง่ แวดล้ อม และมีพื ้นที่จดั แสดงนิทรรศการด้ านสิง่ แวดล้ อม ให้ กบั ประชาชนได้ ศกึ ษา นอกจากนิทรรศการด้ านสิ่งแวดล้ อมชันใต้ ้ ดินของอาคารยังเป็ นพื ้นที่ของ ระบบบาบัดน ้าเสีย ซึง่ ได้ รวบรวมน ้าเสียในเขตบางซื่อและเขตใกล้ เคียงมาบาบัดภายในโครงการ การบาบัดน ้าเสียภายในโครงการแห่งนี ้เป็ นกระบวนการบาบัดแบบระบบปิ ดใต้ ดินแห่ง แรกของประเทศไทย ทางกรุ งเทพมหานคร ให้ ความสาคัญกับปั ญหาของแม่น ้าลาคลองเป็ นอย่าง มากนอกจากโครงการนี ้ แล้ วยัง มี อีกหลายโครงการที่ จะช่วยสร้ างให้ คนหัน มาสนใจเรื่ องของ สิง่ แวดล้ อมมากยิ่งขึ ้น จะทาให้ กรุงเทพมหานครเป็ นเมืองที่น่าอยูแ่ ละมีสิ่งแวดล้ อมที่ดีให้ คนรุ่นหลัง ต่อไป บทสรุ ปของการออกแบบ โครงการออกแบบสื่อนาเสนออาคารศูนย์การศึกษาและ อนุรักษ์ สงิ่ แวดล้ อมบางซื่อ กรุงเทพมหานคร โดยนาเสนอผ่านสื่อดังต่อไปนี ้ 1.แผ่นนาเสนองาน (Presentation Plate) ขนาด A1 จานวน 8 แผ่น 2.สื่อประสม (Multimedia)
ความยาว 8.37 นาที
3.หนังสือคูม่ ือความรู้ (Booklet)
ขนาด 176 x 250 มม. (B5)
II
กิตติกรรมประกาศ การทาวิจยั ครัง้ นี ้สาเร็จลุลว่ งได้ ด้วยดีนนั ้ เนื่องมาจากได้ รับความร่วมมือและช่วยเหลือ จากบุคคลหลายๆ ท่าน ซึง่ ความช่วยเหลือทังปวงนั ้ นมี ้ บทบาทและความสาคัญกับผู้วิจยั ทุกอย่าง ทังทางด้ ้ านกาลังใจ และกาลังทรัพย์ ตลอดจนข้ อมูลขัน้ ตอนการทางานต่างๆ ดังนัน้ ผู้วิจยั จึง ขอขอบคุณผู้ที่มีสว่ นเกี่ยวข้ องดังต่อไปนี ้ บิดามารดา และทุกคนในครอบครัว คอยดูแลและสนับสนุนในด้ านทุนทรัพย์ และ อุปกรณ์ทกุ ด้ านในการดาเนินงานวิจยั อย่างเติมที่ อาจารย์ผ้ คู วบคุมวิทยานิพนธ์และอาจารย์ในสาขาวิชาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เพื่องาน สถาปั ตยกรรมทุกท่าน ซึง่ ให้ ความรู้ในการทาวิจยั และคอยติดตามการดาเนินงาน เจ้ าหน้ าที่สานักการระบายน ้า กรุงเทพมหานครที่ให้ การสนับสนุนในด้ านข้ อมูลในการ ทาวิจยั และยังค่อยติดตามการดาเนินงานอย่างเติมที่ ซึง่ ประกอบไปด้ วย 1.ดร.ปธาน บรรจงปรุ วิศวกรสุขาภิบาลชานาญการ 2.นางสาวโสภา บุราไกร วิศวกรสุขาภิบาลชานาญการ 3.นางสาวนิสติ า คงไพฑูรย์ นักวิชาการสุขาภิบาลปฏิบตั ิการ ขอขอบคุณ บริษัท สถาปนิกอัชชพล ดุสติ นานนท์ และคณะจากัด ที่แนะนาข้ อมูลด้ าน สถาปั ตยกรรม ขอขอบคุณ คุณ รุจิเรศ อมรศุภศิริ บริษัท โปรเกรสเทคโนโลยีคอนซัลแตนท์ ที่ อนุเคราะห์ข้อมูลด้ านสถาปั ตยกรรม ขอขอบคุณ คุณ รนกฤต บุญแรง ที่แนะนาโครงการดีๆ ให้ ได้ ทางานโครงการวิจยั ครัง้ นี ้ขึ ้นมาให้ กบั ผู้ที่ต้องการศึกษาได้ ศกึ ษาต่อไปและคุณ วรรณิภา จิตรี เนตร ที่ได้ มาบรรยายเสียงให้ กันสื่อประสมให้ เกิดความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ ้น และสุดท้ ายขอขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆที่หลายที่ให้ ความช่วยเหลือและให้ คาปรึกษาในการ ทางานมาตลอดและขอขอบคุณทุกคนที่มีสว่ นช่วยในวิทยานิพนธ์เล่มนี ้จนสาเร็จได้ ด้วยดี ผู้จัดทาวิทยานิพนธ์ ณัฐวิดล มหาจันทร์
III
สารบัญ
หน้ า บทคัดย่ อภาษาไทย III กิตติกรรมประกาศ III สารบัญ III สารบัญภาพ III สารบัญตาราง XX บทที่ 1 บทนา 1.1 ความเป็ นมาและที่มาของปั ญหา ....................................................................... 1 1.2 สภาพปั ญหาของโครงการ ................................................................................. 2 1.3 วัตถุประสงค์ของโครงการ ................................................................................. 3 1.4 ขอบเขตของโครงการ ........................................................................................ 3 1.5 คาจากัดความหรื อนิยามในการศึกษาและวิจยั .................................................... 4 1.6 ระเบียบวิธีการศึกษาและวิจยั ............................................................................ 4 1.7 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้ รับ ................................................................................ 6 1.8 คานิยามศัพท์เฉพาะ ......................................................................................... 6 บทที่ 2 การศึกษาทฤษฎีท่ เี กี่ยวข้ องในการออกแบบการนาเสนอ 2.1 การศึกษาข้ อมูลด้ านโครงการ ............................................................................ 7 2.1.1 ข้ อมูลทางด้ านกายภาพ .......................................................................... 7 2.1.2 ข้ อมูลด้ านแนวคิดและทฤษฏี ................................................................ 22 2.2 การศึกษาข้ อมูลในด้ านการนาเสนอ ................................................................. 41 2.2.1 หลักองค์ประกอบศิลป์ .......................................................................... 41 2.2.2 หลักจิตวิทยาและการรับรู้ที่เกี่ยวข้ องกับการออกแบบ .............................. 53 2.2.3 ทฤษฏีสแี ละหลักจิตวิทยาในการใช้ สี...................................................... 59 2.2.4 การเลือกใช้ แบบอักษร .......................................................................... 63 2.2.5 การเขียนสตอรี บอร์ ด (Story board) เพื่อการนาเสนอ .............................. 69 2.2.6 การจัด Plate ในการนาเสนอรูปแบบต่างๆ .............................................. 73
IV
สารบัญ(ต่ อ) หน้ า 2.3 สื่อที่ใช้ ในการนาเสนองาน ............................................................................... 76 2.3.1 มาตรฐานการนาเสนอและสัญลักษณ์ตา่ งๆ ............................................ 76 2.3.2 ภาพถ่ายและภาพประกอบในการนาเสนอ .............................................. 98 2.3.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการนาเสนองาน ......................................................... 104 2.3.4 การนาเสนองานสื่อสิง่ พิมพ์และสื่อมัลติมีเดีย ........................................ 123 บทที่ 3 กรณีศึกษางานออกแบบการนาเสนอ 3.1 C-A-S: Zone of thought stimulation ............................................................ 142 3.1.1 รายละเอียดของโครงการ .................................................................... 142 3.1.2 รูปแบบและการนาเสนอ (แผ่นนาเสนองาน) ........................................ 143 3.1.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบงานนาเสนอ (แผ่นนาเสนองาน) ) ............. 146 3.1.4 ตารางสรุปความเหมาะสมและความสวยงาม) ..................................... 146 3.2 Shortlist announced for the North West Cambridge extension .................. 148 3.2.1 รายละเอียดของโครงการ .................................................................... 148 3.2.2 รูปแบบและการนาเสนอ (แผ่นนาเสนองาน) ........................................ 148 3.2.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบงานนาเสนอ (แผ่นนาเสนองาน) ............... 152 3.2.4 ตารางสรุปความเหมาะสมและความสวยงาม ....................................... 152 3.3 Hydroponic Agriculture Communal Learning Center Mazraa Village ........ 155 3.1.1 รายละเอียดของโครงการ .................................................................... 155 3.3.2 รูปแบบและการนาเสนอ (แผ่นนาเสนองาน) ........................................ 155 3.3.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบงานนาเสนอ (แผ่นนาเสนองาน) ............... 159 3.3.4 ตารางสรุปความเหมาะสมและความสวยงาม ....................................... 160 3.4 Project: Re-Cultivating the Forest City ....................................................... 162 3.4.1 รายละเอียดของโครงการ .................................................................... 162 3.4.2 รูปแบบและการนาเสนอ (สื่อมัลติมีเดีย) .............................................. 162 3.4.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบงานนาเสนอ (VDO) ................................ 165
V
สารบัญ(ต่ อ) หน้ า 3.4.4 ตารางสรุปความเหมาะสมและความสวยงาม ....................................... 166 3.5 Project: Bangkok2049 ............................................................................... 168 3.5.1 รายละเอียดของโครงการ .................................................................... 168 3.5.2 รูปแบบและการนาเสนอ (สื่อมัลติมีเดีย) .............................................. 168 3.5.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบงานนาเสนอ (VDO) ................................ 172 3.5.4 ตารางสรุปความเหมาะสมและความสวยงาม ....................................... 173 3.6 Pantai 2 Sewage Treatment Plant,Federal Territory of Kuala Lumpur ....... 175 3.6.1 รายละเอียดของโครงการ .................................................................... 175 3.6.2 รูปแบบและการนาเสนอ (สื่อมัลติมีเดีย) .............................................. 175 3.6.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบงานนาเสนอ (VDO) ................................ 178 3.6.4 ตารางสรุปความเหมาะสมและความสวยงาม ..................................... 179 3.7 หนังสือ The Best Downunder Digga Attachment Europe ........................... 181 3.7.1 รายละเอียดโครงการ .......................................................................... 181 3.7.2 รูปแบบและการนาเสนอ ..................................................................... 181 3.7.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบการนาเสนอ ............................................ 187 3.7.4 ตารางสรุปความเหมาะสมและความสวยงาม ....................................... 187 3.8 หนังสือรายงานประจาปี 2554 ของบริษัท ปตท.จากัด( มหาชน) ...................... 189 3.8.1 รายละเอียดโครงการ .......................................................................... 189 3.8.2 รูปแบบและการนาเสนอ ..................................................................... 189 3.8.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบการนาเสนอ ............................................ 197 3.8.4 ตารางสรุปความเหมาะสมและความสวยงาม ....................................... 197 3.9 หนังสือคูม่ ือความรู้ บริษัท ปตท.จากัด( มหาชน) ............................................ 199 3.9.1 รายละเอียดโครงการ .......................................................................... 199 3.9.2 รูปแบบและการนาเสนอ ..................................................................... 199 3.9.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการออกแบบการนาเสนอ ............................................ 207
VI
สารบัญ(ต่ อ)
หน้ า 3.9.4 ตารางสรุปความเหมาะสมและความสวยงาม ....................................... 207 บทที่ 4 วิเคราะห์ ข้อมูลที่ใช้ ในการออกแบบนาเสนอ 4.1 วิเคราะห์กลุม่ ผู้ใช้ งาน .................................................................................. 209 4.1.1 วิเคราะห์ผ้ ตู อบสนองการนาเสนอ (User) ............................................ 209 4.2 วิเคราะห์สื่อที่ใช้ ในการนาเสนอ .................................................................... 209 4.2.1 การวิเคราะห์สื่อที่เลือกใช้ .................................................................... 209 4.3 วิเคราะห์รูปแบบสื่อการนาเสนอ ................................................................... 210 4.3.1 ประเภทของสื่อที่ใช้ นาเสนอ ................................................................ 210 4.3.2 ภาพเคลื่อนไหวและสือ่ ประสม (Multimedia) ....................................... 219 4.3.3 รูปแบบ หนังสือคูม่ ือความรู้ (Booklet) ................................................ 226 4.4 วิเคราะห์โครงสร้ างสีที่ใช้ ในการนาเสนอ ......................................................... 236 4.4.1 ทฤษฎีสใี นงานออกแบบ ..................................................................... 236 4.5 วิเคราะห์โปรแกรมที่ใช้ สร้ างสื่อนาเสนอ .......................................................... 237 4.5.1 โปรแกรมที่ใช้ ในงาน 2D กราฟิ ก .......................................................... 237 4.5.2 โปรแกรมที่ใช้ ในงาน 2D เขียนแบบ ...................................................... 238 4.5.3 โปรแกรมที่ใช้ ในการสร้ างภาพ 3D ....................................................... 239 4.5.4 วิเคราะห์ โปรแกรมสร้ างภาพ 3 มิติเคลื่อนไหว ..................................... 241 4.5.5 โปรแกรมที่ใช้ ตดั ต่อวิดีโอ .................................................................... 241 4.6 สรุปโครงร่างสื่อการนาเสนอ .......................................................................... 243 บทที่ 5 ขัน้ ตอนการออกแบบงานนาเสนอ 5.1 แนวความคิดในการออกแบบ ........................................................................ 248 5.1.2 สีที่เลือกใช้ ........................................................................................ 248 5.1.3 การนาไปใช้ ในสื่อทังหมด ้ .................................................................... 249 5.2 ขันตอนการออกแบบ ้ ................................................................................... 249 5.2.1 แผ่นนาเสนองาน (Presentation Plate) ............................................... 249
VII
สารบัญ(ต่ อ) หน้ า 5.2.2 หนังสือคูม่ ือความรู้ (Booklet) ............................................................ 258 5.2.3 ภาพเคลื่อนไหวและสือ่ ประสม (Multimedia) ....................................... 266 บทที่ 6 บทสรุ ปและข้ อเสนอแนะ 6.1 ปั ญหาและอุปสรรคในการทางาน .................................................................. 272 6.1.1 อุปสรรค ............................................................................................ 272 6.1.2 แนวทางแก้ ไข .................................................................................... 272 6.2 ข้ อเสนอแนะ ............................................................................................... 272 6.2.1 สื่อประสม (Multimedia) ................................................................... 272 6.2.2 หนังสือคูม่ ือความรู้ (Booklet) ............................................................ 273 บรรณานุกรม ................................................................................................................. 274 ประวัตผิ ้ ูวิจยั ................................................................................................................... 275
VIII
สารบัญภาพ ภาพ หน้ า 2.1 แสดงอาคารศูนย์การศึกษาฯ.......................................................................................... 10 2.2 การจัดพื ้นที่ใช้ สอยภายในอาคารศูนย์การศึกษาฯ แปลนพื ้นชันที ้ ่ 1 ................................... 10 2.3 การจัดพื ้นที่ใช้ สอยภายในอาคารศูนย์การศึกษาฯ แปลนพื ้นชันที ้ ่ 2 ................................... 10 2.4 แปลนขยายสานักสิง่ แวดล้ อมชันที ้ ่ 1 .............................................................................. 11 2.5 แปลนขยายสานักสิง่ แวดล้ อมชันที ้ ่ 2 .............................................................................. 11 2.6 แปลนขยายสานักการระบายน ้าชันที ้ ่ 1 ........................................................................... 11 2.7 แปลนขยายสานักการระบายน ้าชันที ้ ่ 2 ........................................................................... 12 2.8 รูปตัดอาคารศูนย์การศึกษาฯ และระบบบาบัดน ้าเสียใต้ ดิน .............................................. 12 2.9 แสดงที่ตงและอาณาเขตของอาคารศู ั้ นย์การศึกษาฯ ........................................................ 13 2.10 แสดงลาดับเส้ นทางการเข้ าถึงอาคาร ............................................................................ 14 2.11 แสดงลาดับเส้ นทางการเข้ าถึงอาคาร ............................................................................ 14 2.12 ผังบริเวณของโครงการ ................................................................................................ 15 2.13 แปลนภูมิสถาปั ตยกรรม .............................................................................................. 15 2.14 รูปด้ านภูมิสถาปั ตยกรรมทิศตะวันออก ......................................................................... 16 2.15 รูปตัดภูมิสถาปั ตยกรรมทิศตะวันออก ........................................................................... 16 2.16 รูปตัดทางจักรยานและส่วนจัดแสดงพืชน ้า .................................................................... 16 2.17 ผังพื ้นชัน้ B2 .............................................................................................................. 17 2.18 ผังพื ้นชันลอย ้ B2 ........................................................................................................ 17 2.19 ผังพื ้นชัน้ B1 .............................................................................................................. 17 2.20 ผังพื ้นชันลอย ้ B1 ........................................................................................................ 18 2.21 ผังบริเวณและแปลนพื ้นชันที ้ ่ 1 ..................................................................................... 18 2.22 แปลนพื ้นชันที ้ ่ 1 ......................................................................................................... 18 2.23 แปลนพื ้นชันที ้ ่ 2 ......................................................................................................... 19 2.24 แปลนพื ้นชันดาดฟ ้ ้ า .................................................................................................... 19 2.25 แปลนหลังคา............................................................................................................. 19 2.26 รูปด้ านทิศเหนือ 1 ...................................................................................................... 20
IX
สารบัญภาพ(ต่ อ) ภาพ หน้ า 2.27 รูปด้ านทิศเหนือ 2 ....................................................................................................... 20 2.28 รูปด้ านทิศตะวันตก ..................................................................................................... 20 2.29 รูปด้ านทิศตะวันออก ................................................................................................... 20 2.30 รูปด้ านทิศใต้ .............................................................................................................. 21 2.31 รูปตัดตามแนวยาวอาคาร ............................................................................................ 21 2.32 รูปตัดตามแนวยาวอาคาร ........................................................................................... 21 2.33 รูปตัดตามแนวยาวอาคาร ........................................................................................... 22 2.34 แสดงสภาพที่ตงเดิ ั ้ ม ................................................................................................... 23 2.35 แสดงขอบเขตพื ้นที่ให้ บริการการบาบัดน ้าเสีย .............................................................. 24 2.36 การมุงแบบซ้ อนเกร็ดของผนังม่านน ้าตก ....................................................................... 25 2.37 แสดงการเอียงองศาของผนัง ........................................................................................ 25 2.38 แสดงการมุงแบบซ้ อนเกร็ด ......................................................................................... 25 2.39 แสดงการเอียงสอบของเสาบ้ านเรื อนไทย ...................................................................... 26 2.40 แสดงระดับมุมมองของสายตากับตัวอาคาร................................................................... 26 2.41 การใช้ สีเพื่อสร้ างจุดเด่น .............................................................................................. 27 2.42 สีจริงของตัวอาคาร ..................................................................................................... 27 2.43 แสดงให้ เห็นถึงการแบ่งช่วงอาคาร ................................................................................ 28 2.44 แสดงการใช้ พื ้นที่ภายใน .............................................................................................. 28 2.45 แสดงหลักการของการออกแบบป้าย ............................................................................. 28 2.46 แสดงการออกแบบลักษณะของอาคาร ......................................................................... 29 2.47 แสดงการใช้ ประโยชน์จากน ้า ....................................................................................... 29 2.48 แสดงการปลูกพื ้นคลุมดินบริเวณภายนอกอาคาร........................................................... 30 2.49 แสดงการนาแสงธรรมชาติมาใช้ ภายในตัวอาคาร ........................................................... 30 2.50 แสดงทิศทางขอพระอาทิตย์ที่มีผลต่อการออกแบบ ........................................................ 31 2.51 แสดงการจัดโซนบาบัดน ้าเสีย ...................................................................................... 32 2.52 องค์ประกอบของระบบดูดอากาศมากาจัดกลิน่ ............................................................. 33
X
สารบัญภาพ(ต่ อ) ภาพ หน้ า 2.53 เครื่ องแยกกรวดทรายแบบ vortex grit chamber และ Incline Screw ............................. 33 2,54 ตะแกรงดักขยะละเอียดชนิด Rotary Drum Screen ....................................................... 33 2.55 ถังตกตะกอนแบบไหวตามขวางและชุดดูดตะกอนแบบ Siphon ...................................... 34 2.56 เครื่ องเป่ าอากาศแบบ Centrifugal Inlet Guide Vane-Diffuser ...................................... 34 2.57 แสดงสภาพที่ตงเดิ ั ้ ม.................................................................................................... 35 2.58 แสดงสภาพบริเวณโดยรอบ ......................................................................................... 35 2.59 แสดงการแบ่งพื ้นที่การจัดแสดงพันธุ์พืช ........................................................................ 36 2.60 แสดงบ่อจัดแสดงพันธุ์พืช ............................................................................................ 36 2.61 ไม้ ช่มุ น ้าพืชจาพวกบัว (lotus & water lily) ................................................................... 37 2.62 วัชพืชน ้า (water weed) ............................................................................................. 37 2.63 พืชชายน ้า (flooded plant) ........................................................................................ 37 2.64 พืชน ้าที่มีกลิน่ หอม (fragrant water plant) .................................................................. 38 2.65 พืชลอยน ้าได้ (floating leave water plant) .................................................................. 38 2.66 พืชน ้ากินได้ (edible water plant) ............................................................................... 38 2.67 พืชสมุนไพร (herbal water plant) .............................................................................. 39 2.68 พืชที่มีรากอากาศ (prop root plant) ............................................................................ 39 2.69 ปาล์มในที่ลมุ่ ชื ้น (swamp palm) ................................................................................ 39 2.70 แสดงบริเวณม่านน ้าตก ............................................................................................... 40 2.71 แสดงตัวอย่างทฤษฎีเติมอากาศให้ น ้าด้ วยกังหัน ............................................................ 40 2.72 แสดงการนาจุดมาจัดให้ เกิดรูปแบบใหม่ ....................................................................... 41 2.73 แสดงความหมายของเส้ นต่าง ...................................................................................... 42 2.74 แสดงความหมายของรูปร่าง ........................................................................................ 43 2.75 แสดงความหมายของรูปทรง ........................................................................................ 43 2.76 แสดงความหมายของมวล ........................................................................................... 43 2.77 แสดงรูปทรงเลขาคณิต ................................................................................................ 44 2.78 แสดงรูปทรงอินทรี ยรูป ................................................................................................ 44
XI
สารบัญภาพ(ต่ อ) ภาพ หน้ า 2.79 แสดงรูปทรงอิสระ ....................................................................................................... 44 2.80 แสดงการถ่ายทอดตามความเป็ นจริง ........................................................................... 45 2.81 แสดงการถ่ายทอดโดยตัดทอนบางส่วนลง..................................................................... 45 2.82 แสดงการถ่ายทอดแต่เพียงความรู้สกึ ของวัตถุเท่านัน้ ...................................................... 46 2.83 แสดงการถ่ายทอดให้ เกิดการลวงตา ............................................................................ 46 2.84 แสดงรูปของพื ้นผิวที่สมั ผัสได้ ด้วยมือ ........................................................................... 47 2.85 ภาพลักษณะการเน้ น .................................................................................................. 47 2.86 ภาพลักษณะการเน้ นด้ วยการอยูโ่ ดดเดี่ยว .................................................................... 48 2.87 ภาพการเน้ นด้ วยการจัดวางตาแหน่ง ........................................................................... 48 2.88 แสดงรูปของดุลยภาพแบบสมมาตร.............................................................................. 49 2.89 แสดงรูปของดุลยภาพแบบอสมมาตร............................................................................ 50 2.90 ภาพของจังหวะลีลา .................................................................................................... 50 2. 91 แสดงภาพของสัดส่วนที่เป็ นมาตรฐาน ......................................................................... 51 2.92 ภาพสัดส่วนจากความรู้สกึ .......................................................................................... 51 2.93 ภาพเกี่ยวกับเอกภาพของการแสดงออก ....................................................................... 52 2.94 ภาพเกี่ยวกับเอกภาพของรูปทรง .................................................................................. 53 2.95 ภาพทิวทัศน์แสดงความลึก .......................................................................................... 57 2.96 แสดงรูปแสงและเงา ................................................................................................... 57 2.97 รูปการเคลื่อนที่ .......................................................................................................... 58 2.98 ภาพวงจรสีขนที ั ้ ่ 1 ....................................................................................................... 59 2.99 ภาพวงจรสีขนที ั ้ ่ 2 ...................................................................................................... 60 2.100 ภาพวงจรสีขนที ั ้ ่ 2 .................................................................................................... 60 2.101 แสดงรูปของวงล้ อสี................................................................................................... 61 2.102 แสดงสีที่อยูใ่ กล้ กนั ในวงสี ประมาณ 2-6 สี ................................................................. 61 2.103 แสดงผสมสีคตู่ รงข้ าม เพื่อลดความตัดกันของคูส่ ีตรงข้ ามนัน้ ........................................ 62 2.104 แสดงสีที่ตดั กันอย่างแท้ จริง หรื อสีตรงข้ าม ................................................................. 62
XII
สารบัญภาพ(ต่ อ) ภาพ หน้ า 2.105 แสดงสีที่ตดั กันโดยน้ าหนัก ....................................................................................... 62 2.106 ภาพแบบตัวอักษรแบบมีเชิง (Serif) ........................................................................... 64 2.107 ภาพแบบตัวอักษรแบบไม่มีเชิง (Sans Serif) .............................................................. 64 2.108 ภาพแบบตัวอักษรแบบตัวเขียน (Script) ................................................................... 65 2.109 ภาพแบบตัวอักษรแบบตัวอาลักษณ์ (Text Letter) ...................................................... 65 2.110 ภาพแบบตัวอักษรแบบประดิษฐ์ (Display Type) ....................................................... 65 2.111 ภาพแบบตัวอักษรแบบสมัยใหม่ (Modern Type) ...................................................... 66 2.112 แสดงตัวอย่างลักษณะตัวอักษร .................................................................................. 66 2.113 แสดงตัวอย่างขนาดตัวอักษร ..................................................................................... 67 2.114 รูปของระยะช่องไฟของตัวอักษร (Spacing) .............................................................. 67 2.115 รูปของระยะช่องไฟของตัวอักษร (Spacing) .............................................................. 68 2.116 ภาพตัวอย่างงาน Storyboard................................................................................... 69 2.117 ภาพการเปรี ยบเทียบขนาดสัดส่วนตามมาตราส่วนจริง มาตราส่วนย่อ ........................... 79 2.118 ภาพตัวอักษรแบบตัวตรงตามมาตรฐานสากล (มอก.210-2520) .................................. 79 2.119 ภาพแสดงขนาดและระยะตัวอักษรแบบตัวตรงตามมาตรฐานสากล............................... 80 2.120 ภาพแสดงตัวอักษรแบบตัวเอียงตามมาตรฐานสากล (มอก.210-2520) ....................... 80 2.121 ภาพแสดงตัวอักษรหัวเหลี่ยม .................................................................................... 81 2.122 ภาพแสดงตัวอักษรหัวกลม ........................................................................................ 81 2.123 ตัวอย่างระบบการเขียนชื่อห้ อง................................................................................... 84 2.124 ตัวอย่างการใส่ชื่อห้ องแบบรวม ................................................................................. 85 2.125 ตัวอย่างการใส่ชื่อห้ องระบบกล่อง ............................................................................. 85 2.126 ภาพตัวอย่างการให้ มิติระยะ Dimension ................................................................... 86 2.127 ตัวอย่างการจัดวาง Dimension ในผังพื ้น .................................................................... 87 2.128 ตัวอย่าง Dimension ถูกและผิด ................................................................................. 87 ภาพที่ 2.129 การใช้ สญ ั ลักษณ์กากับปลายเส้ นมิติ ............................................................... 88 2.130 ตัวอย่างการใช้ เครื่ องหมายกากับระยะผสมกันอย่างเป็ นระบบ ..................................... 88
XIII
สารบัญภาพ(ต่ อ) ภาพ หน้ า 2.131 การใช้ สญ ั ลักษณ์กากับเสาในแปลน .......................................................................... 89 2.132 การอ้ างอิงระยะในแบบจากตาแหน่งกึ่งกลางเสา ......................................................... 89 2.133 แสดงขนาดและรูปแบบของ สัญลักษณ์กากับแนวเสา ................................................. 90 2.134 การเขียนเส้ นกากับแนวเสาต่อเนื่องกับการให้ ระยะโครงสร้ าง ....................................... 91 2.135 การกาหนดตาแหน่งอาคารและระดับพื ้น ในผังบริเวณ ................................................ 91 2.136 แสดงสัญลักษณ์ประตูหน้ าต่าง ................................................................................. 92 2.137 รายการสัญลักษณ์ที่ใช้ ในการเขียนแบบ ..................................................................... 93 2.138 การเขียนรูปด้ านและผัง โดยแสดงวัสดุเพียงบางส่วน................................................... 94 2.139 แสดงขนาดกระดาษ.................................................................................................. 96 2.140 แสดงการวางรูปหน้ ากระดาษ ................................................................................... 96 2.141 ตัวอย่างแสดงการจัดหน้ ากระดาษในแบบTitle Block .................................................. 97 2.142 แสดงการใช้ ขนาดตัวอักษรในแบบ ............................................................................. 98 2.143 แสดงภาพทางยาวโฟกัสของเลนส์ และ องศารับภาพ ................................................. 101 2.144 ภาพจุดตัด 4 จุด ..................................................................................................... 102 2.145 ภาพตัวอย่างการใช้ กฎสามส่วน แบ่งสัดส่วนพื ้นที่ 1:3 และ 2:3 .................................. 102 2.146 ภาพการใช้ กฎสามส่วน โดยนาจุดสนใจของภาพไปวางบริเวณจุดตัด ......................... 102 2.147 ภาพการใช้ กฎสามส่วนแบบ Golden Triangle ........................................................ 103 2.148 ภาพการใช้ กฎสามส่วนแบบ Golden Spiral ............................................................ 104 2.149 ตัวอย่างภาพในโหมด RGB ..................................................................................... 105 2.150 ตัวอย่างภาพในโหมด CMYK .................................................................................. 106 2.151 ตัวอย่างโปรแกรม Adobe illustrator ........................................................................ 106 2.152 ตัวอย่างโปรแกรม Adobe illustrator ........................................................................ 107 2.153 งานสิง่ พิมพ์ที่ใช้ โปรแกรม Adobe illustrator ............................................................. 107 2.154 งานออกแบบลายเสื ้อที่ใช้ โปรแกรม Adobe illustrator .............................................. 107 2.155 ตัวการ์ ตนู ที่ใช้ โปรแกรม Adobe illustrator ............................................................... 108 2.156 ตัวอย่างโปรแกรม Adobe photoshop..................................................................... 109
XIV
สารบัญภาพ(ต่ อ) ภาพ หน้ า 2.157 ตัวอย่างโปรแกรม Adobe photoshop..................................................................... 109 2.158 แสดงการสลับทิศทางของภาพด้ วย Adobe photoshop ............................................ 110 2.159 แสดงการปรับแต่งสีของภาพด้ วย Adobe photoshop................................................ 110 2.160 แสดงภาพลบร่องรอบตาหนิบนภาพด้ วย Adobe photoshop .................................... 111 2.161 แสดงภาพวาดด้ วย Adobe photoshop ................................................................... 111 2.162 แสดงภาพการออกแบบกราฟิ กด้ วย Adobe photoshop ........................................... 112 2.163 ตัวอย่างโปรแกรม Adobe After Effects CS6 ........................................................... 114 2.164 ตัวอย่างโปรแกรม Adobe After Effects CS6 .......................................................... 114 2.165 ตัวอย่างโปรแกรม Autodesk AutoCAD .................................................................. 115 2.166 ตัวอย่างโปรแกรม Autodesk AutoCAD ................................................................... 115 2.167 ตัวอย่างโปรแกรม Autodesk 3Ds Max ................................................................... 117 2.168 ตัวอย่างโปรแกรม 3Ds Max ................................................................................... 117 2.169 ตัวอย่างโปรแกรม Autodesk Revit Architecture 2014 ............................................ 119 2.170 ตัวอย่างการใช้ งานของโปรแกรม ............................................................................. 119 2.171 ตัวอย่างโปรแกรม Indesign .................................................................................... 120 2.171 ตัวอย่างการใช้ งานของโปรแกรม Indesign ............................................................... 121 2.172 ตัวอย่างโปรแกรม Microsoft PowerPoint ................................................................ 122 2.173 ตัวอย่างโปรแกรม Nero.......................................................................................... 122 2.174 ตัวอย่างโปรแกรม Format Factory 2.175 หนังสือพิมพ์ ........................................................................................................... 124 2.176 วารสาร นิตยสาร ................................................................................................... 125 2.177 จุลสาร .................................................................................................................. 125 2.178 สื่อสิ่งพิมพ์โฆษณา................................................................................................. 125 2.179 รูปของการออกแบบจัดหน้ าในงานสิง่ พิมพ์ ............................................................... 128 2.180 แสดงตัวอย่างรูปแบบเมนูสคริปต์กริด (Manuscript Grid) ........................................ 131 2.181 แสดงตัวอย่างรูปแบบคอลัมน์กริด (Column Grid) .................................................... 132
XV
สารบัญภาพ(ต่ อ) ภาพ หน้ า 2.182 แสดงตัวอย่างรูปแบบโมดูลาร์ กริด (Modular Grid) ................................................... 133 2.183 แสดงตัวอย่างรูปแบบไฮราซิคลั กริด (Hierarchical Grid) ........................................... 133 3.1 แสดงจานวนแผ่นของแผ่นนาเสนองาน ......................................................................... 143 3.2 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 1............................................................... 143 3.3 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 2............................................................... 144 3.4 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 3............................................................... 144 3.5 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 4............................................................... 145 3.6 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 5............................................................... 145 3.7 แสดงจานวนแผ่นของแผ่นนาเสนองาน ......................................................................... 148 3.8 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 1............................................................... 149 3.9 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 2............................................................... 150 3.10 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 3............................................................. 150 3.11 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 4............................................................. 151 3.12 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 5............................................................. 151 3.13 แสดงจานวนแผ่นของแผ่นนาเสนองาน ....................................................................... 156 3.14 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 1............................................................. 156 3.15 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 2............................................................. 157 3.16 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 3............................................................. 157 3.17 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 4............................................................. 158 3.18 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 5............................................................. 158 3.19 แสดงการจัดวางเนื ้อหา Presentation Plate 6............................................................. 159 3.20 แสดงการจัดกลุม่ เพื่อวิเคราะห์การลาดับเนื ้อหา ........................................................... 162 3.21 แสดงการใช้ หลักจุดตัด 9 ช่อง .................................................................................... 163 3.22 แสดงการสร้ างจุดเด่นบริเวณตรงกลาง........................................................................ 164 3.24 แสดงการจัดกลุม่ เพื่อวิเคราะห์การลาดับเนื ้อหา ........................................................... 168 3.25 ลักษณะการใช้ สีเอกรงค์ในงานกราฟฟิ ก ..................................................................... 169
XVI
สารบัญภาพ(ต่ อ) ภาพ หน้ า 3.26 แสดงตัวอย่างสีเอกรงค์ ............................................................................................. 170 3.27 แสดงการใช้ หลักจุดตัด 9 ช่อง .................................................................................... 170 3.28 แสดงการสร้ างจุดเด่นบริเวณตรงกลาง........................................................................ 171 3.29 แสดงการสร้ างจุดเด่นบริเวณตรงกลาง........................................................................ 171 3.30 แสดงการจัดกลุม่ เพื่อวิเคราะห์การลาดับเนื ้อหา ........................................................... 175 3.31 ตัวอย่างลักษณะภาพในการใช้ โทนสี .......................................................................... 176 3.32 แสดงการใช้ ภาพซ้ อนกัน............................................................................................ 177 3.33 แสดงการสร้ างจุดเด่นบริเวณตรงกลาง........................................................................ 177 3.33 แสดงภาพหนังสือ Booklet The Best Downunder Digga Attachment Europe .......... 181 3.34 แสดงภาพหน้ าปกหนังสือเล่มเล็ก booklet The Best Downunder Digga Attachment Europe .................................................................................................................. 182 3.35 แสดงภาพหนังสือเล่มเล็ก booklet The Best Downunder Digga Attachment Europe หน้ าที่1-2 ............................................................................................................... 182 3.36 แสดงภาพหนังสือเล่มเล็ก booklet The Best Downunder Digga Attachment Europe หน้ าที่3-4 ............................................................................................................... 182 3.37 แสดงภาพหนังสือเล่มเล็ก booklet The Best Downunder Digga Attachment Europe หน้ าที่ 5 ................................................................................................................. 183 3.38 แสดงภาพหนังสือเล่มเล็ก booklet The Best Downunder Digga Attachment Europe หน้ าที่5-7 ............................................................................................................... 183 3.39 แสดงภาพหนังสือเล่มเล็ก booklet The Best Downunder Digga Attachment Europe หน้ าที่10-14 ........................................................................................................... 184 3.40 แสดงภาพหนังสือเล่มเล็ก booklet The Best Downunder Digga Attachment Europe หน้ าที่15-16 ........................................................................................................... 184 3.41 แสดงภาพการวิเคราะห์การจัด Lay out หนังสือเล่มเล็ก................................................ 185 3.42 แสดงภาพการวิเคราะห์การจัด Lay out หนังสือเล่มเล็ก................................................ 185 3.43 แสดงภาพการวิเคราะห์การจัด Lay out หนังสือเล่มเล็ก................................................ 186
XVII
สารบัญภาพ(ต่ อ) ภาพ หน้ า 3.44 แสดงภาพหน้ าปกหนังสือเล่มเล็ก booklet ................................................................. 190 3.45 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 บริษัท ปตท.จากัด( มหาชน)หน้ าที่1................ 191 3.46 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 บริษัท ปตท.จากัด( มหาชน)หน้ าที่2-3 ............ 192 3.47 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 บริษัท ปตท.จากัด( มหาชน)หน้ าที่4-5 ............ 192 3.48 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 บริษัท ปตท.จากัด( มหาชน)หน้ าที่6-7 ............ 193 3.49 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 บริษัท ปตท.จากัด( มหาชน)หน้ าที่8-9 ............ 193 3.50 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 บริษัท ปตท.จากัด( มหาชน) หน้ าที่10-11 ............................................................................................................. 194 3.51 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 บริษัท ปตท.จากัด( มหาชน) หน้ าที่ 16-17 ............................................................................................................ 194 3.52 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 บริษัท ปตท.จากัด( มหาชน)หน้ าที่26-27 ........ 195 3.53 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 บริษัท ปตท.จากัด( มหาชน) หน้ าที่74-75 ............................................................................................................. 195 3.54 แสดงภาพหนังสือรายงานประจาปี 2554 บริษัทปตท.จากัด( มหาชน)หน้ าที่84-85 ......... 196 3.55 แสดงภาพการวิเคราะห์การจัด Lay out หนังสือรายงานประจาปี ................................... 196 3.56 แสดงภาพการวิเคราะห์การจัด Lay out หนังสือรายงานประจาปี ................................... 197 3.57 แสดงภาพหน้ าปก หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR) ............................. 199 3.58 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR)หน้ าที่2- 3 .......................................... 200 3.59 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR)หน้ าที่ 4-11 ........................................ 200 3.60 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR) หน้ าที่12-19 ...................................... 201 3.61 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR) หน้ าที่20-27 ...................................... 201 3.62 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR) หน้ าที่ 28-35 ..................................... 202 3.63 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR) หน้ าที่ 36-43 ..................................... 202 3.64 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR)หน้ าที่ 44-51 ...................................... 203 3.65 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR)หน้ าที่ 52-59 ...................................... 203 3.66 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR)หน้ าที่ 60-67 ..................................... 204
XVIII
สารบัญภาพ(ต่ อ) ภาพ หน้ า 3.67 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR)หน้ าที่ 68-75 ..................................... 204 3.68 หนังสือเล่มเล็ก เติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน (CSR)หน้ าที่ 76-80 ..................................... 205 3.69 แสดงภาพการวิเคราะห์การจัด Lay out หนังสือเล่มเล็กเติบโตด้ วยกันอย่างยัง่ ยืน ........... 205 3.70 แสดงภาพการวิเคราะห์การจัดการจัดสัดส่วนภาพและเนื ้อหา ....................................... 206 4.1 แสดงรูปแบบของตัวอักษร ........................................................................................... 216 4.2 แสดงภาพจุดตัดกัน 4 จุด ............................................................................................ 221 4.3 แสดงไดอะแกรมของกลุม่ ผู้ตอบสนองการนาเสนอ (User) ............................................. 243 4.4 แสดงไดอะแกรมการออกแบบสื่อประสม (Multimedia) ................................................. 244 4.5 แสดงไดอะแกรมการออกแบบแผ่นนาเสนอ (Presentation Plate) .................................. 245 4.6 แสดงไดอะแกรมการออกแบบหนังสือคูม่ ือความรู้ (Booklet) .......................................... 246 4.7 แสดงไดอะแกรมการออกแบบนาเสนอสื่อ ..................................................................... 247 5.1 แสดงที่มาของแนวความคิดคลื่นน ้า .............................................................................. 248 5.2 แสดงที่มาของสีที่นามาใช้ ในการออกแบบ ..................................................................... 249 5.3 แสดงการออกแบบแผ่นนาเสนอขันที ้ ่ 1 ......................................................................... 250 5.4 แสดงแผ่นนาเสนองานทังหมด ้ ..................................................................................... 250 5.5 แสดงแผ่นนาเสนองานแผ่นที่ 1-2 ................................................................................. 250 5.6 แสดงแผ่นนาเสนองานแผ่นที่ 3-4 ................................................................................. 251 5.7 แสดงแผ่นนาเสนองานแผ่นที่ 5-6 ................................................................................. 251 5.8 แสดงแผ่นนาเสนองานแผ่นที่ 7-8 ................................................................................. 251 5.9 แสดงการแบ่งกริดแผ่นนาเสนอแผ่นที่ 1-2 ..................................................................... 254 5.10 แสดงการแบ่งกริดแผ่นนาเสนอแผ่นที่ 3-4 ................................................................... 255 5.11 แสดงการแบ่งกริดแผ่นนาเสนอแผ่นที่ 5- 6 .................................................................. 256 5.12 แสดงการแบ่งกริดแผ่นนาเสนอแผ่นที่ 7- 8 .................................................................. 257 5.13 แสดงการออกแบบปกหน้ า-ปกหลังทัง้ 3 ขัน้ ................................................................ 260 5.14 แสดงการจัดระบบกริดหน้ าปก-หลังปกหนังสือคูม่ ือความรู้ ........................................... 261 5.15 แสดงการจัดระบบกริดเนื ้อหาหนังสือคูม่ ือความรู้ ......................................................... 261
XIX
สารบัญภาพ(ต่ อ) ภาพ หน้ า 5.16 แสดงการจัดกลุม่ เนื ้อหาส่วนเกริ่นนา .......................................................................... 262 5.17 แสดงการจัดกลุม่ เนื ้อหาส่วนประวัติความเป็ นมาหน้ า1-6 ............................................. 262 5.18 แสดงการจัดกลุม่ เนื ้อหาส่วนแนวคิดการออกแบบหน้ า7-12 .......................................... 262 5.19 แสดงการจัดกลุม่ เนื ้อหาส่วนการแบ่งพื ้นที่ใช้ สอยภายในอาคารหน้ า13-16 ..................... 263 5.20 แสดงการจัดกลุม่ เนื ้อหาส่วนกระบวนการบาบัดน ้าเสียหน้ า17-26 ................................. 263 5.21 แสดงการจัดกลุม่ เนื ้อหาส่วนภูมิสถาปั ตยกรรม (อุทยานไม้ น ้า)หน้ า27-35 ...................... 263 5.22 แสดงการจัดกลุม่ เนื ้อหาส่วนบันทึกข้ อความหน้ า36-41 ................................................ 264 5.23 แสดงการจัดกลุม่ เนื ้อหาส่วนรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้ องหน้ า42-45 .......................................... 264 5.24 แสดงภาพรวมทังหมดของหนั ้ งสือคูม่ ือความรู้ ............................................................. 265 5.25 แสดงหนังสือคูม่ ือความรู้ .......................................................................................... 265 5.26 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนเกริ่นนา .......................................................................... 267 5.27 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนประวัติศนู ย์ฯ ................................................................... 268 5.28 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนแนะนาข้ อมูลโครงการเบื ้องต้ น .......................................... 268 5.29 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนแนวความคิด .................................................................. 268 5.30 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนรูปแบบอาคาร .................................................................. 269 5.31 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนพื ้นที่ใช้ สอยภายในอาคาร ................................................. 269 5.32 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนกระบวนการบาบัดน ้าเสีย .................................................. 269 5.33 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนเกริ่นนา .......................................................................... 270 5.34 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนสรุปพร้ อมกระแสพระราชดารัส ......................................... 270 5.35 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนผู้ที่เกี่ยวข้ อง .................................................................... 270 5.36 ภาพรวมภาพเคลื่อนไหวและสื่อประสม (Multimedia) ................................................ 271 6.1 แสดงการเปรี ยบเทียบสือ่ ประสมก่อนและหลังการแก้ ไข .................................................. 273 6.2 แสดงการเปรี ยบเทียบหนังสือคูม่ ือความรู้ก่อนและหลังการแก้ ไข ..................................... 273
272
บทที่ 6
บทสรุ ปและข้ อเสนอแนะ 6.1 ปั ญหาและอุปสรรคในการทางาน 6.1.1 อุปสรรค 6.1.1.1 เกิดปั ญหาในการใช้ โปรแกรม Revit Architecture ในการทางาน เนื่องจากต้ องถ่ายโอนข้ อมูล 3D Model เข้ าไปยังโปรแกรม Lumion เนื่องจากโปรแกรม Lumion อ่านค่าจากสีในการใส่วสั ดุพื ้นผิวอาคาร ซึ่งผู้ที่ศึกษายังไม่ชานาญในการใช่โปรแกรมมากนักจึง เกิดปั ญหาระหว่าง 2 โปรแกรมเกิดขึ ้น 6.1.1.2 ปั ญหาด้ านการใช้ โปรแกรม Adobe Indesign เนื่องจากยังไม่ชานาญ โปรแกรมมากนัก จึงเกิดปั ญหาในการนาไฟล์ออกจากโปรแกรม (Export) เนื่องจากโรงพิมพ์บางง แห่งต้ องการรับไฟล์ที่เป็ นภาพหน้ าเดี่ยว เพื่อไปจัดพิมพ์เข้ าเล่มได้ สะดวก แต่การนาไฟล์งานออก จากโปรแกรมเป็ นหน้ าคูจ่ งึ เกิดปั ญหาขึ ้น 6.1.2 แนวทางแก้ ไข 6.1.2.1 แก้ ปัญหาโดยการนาไฟล์จากโปรแกรม Revit Architecture แปลไฟล์ให้ เป็ นไฟล์ .FBX (Filmbox) แล้ วนาเข้ าโปแกรม 3D Maxs เพื่อไปทาการแยกสีขององค์ประกอบ อาคารก่อนบันทึกไฟล์เป็ น .FBX อีกรอบแล้ วนาเข้ าไปยังโปรแกรม Lumion 6.1.2.2 การแก้ ปัญหากับทางโรงพิมพ์แนะนาให้ บนั ทึกไฟล์เป็ นนามสกุลไฟล์ .JPG เฉพาะหน้ าจึงได้ ออกมาเป็ นไฟล์ภาพเฉพาะหน้ า
6.2 ข้ อเสนอแนะ 6.2.1 สื่อประสม (Multimedia) การน าเสนอรายละเอี ย ดส่ ว นของงานระบบบ าบั ด น า้ เสี ย ขนาดของ ภาพเคลื่อนไหวเล็กเกินไป ปรับแก้ ด้วยการเพิ่มขนาดของภาพ และปรับแก้ เรื่ องของเสียงบรรยาย ช่วงประวัติความเป็ นมาของโครงการโดยการปรั บระดับเสียงบรรยายขึน้ ลดเสียงดนตรี ลงให้ เหมาะสม
273
ก่อน หลัง ภาพที่ 6.1 แสดงการเปรี ยบเทียบสื่อประสมก่อนและหลังการแก้ ไข 6.2.2 หนังสือคู่มือความรู้ (Booklet) ปรับแก้ ภาพกราฟิ กหัวกระดาษให้ ย้ายลงมาอยู่ท้ายกระดาษเพื่อให้ อยู่ใกล้ กับ เลขกากับหน้ ากระดาษเพื่อความชัดเจนและต่อเนื่อง
ก่อน หลัง ภาพที่ 6.2 แสดงการเปรี ยบเทียบหนังสือคูม่ ือความรู้ก่อนและหลังการแก้ ไข
274
บรรณานุกรม นิสติ า คงไพฑูรย์ (2557).นักวิชาการสุขาภิบาล สานักการระบายน ้า กรุงเทพมหานคร. สัมภาษณ์ . ปธาน บรรจงปรุ (2556). วิศวกรสุขาภิบาล 5 กลุ่มงานโครงการและจัดการตะกอน สานักการ ระบายน ้า กรุงเทพมหานคร. สัมภาษณ์ . ภาณุพงษ์ ธรรมพาเลิศ (2557) บริษัท สถาปนิกอัชชพล ดุสติ นานนท์ และคณะจากัด.สัมภาษณ์ . รุจิเรศ อมรศุภศิริ (2557) พนักงาน บริษัท โปรเกรสเทคโนโลยีคอนซัลแตนท์ .สัมภาษณ์ . สานักการระบายน ้า.“เอกสารรายงานการศึกษาความเหมาะสม เล่มที่ 3/5: รายงานหลัก โครงการ ศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สงิ่ แวดล้ อมบางซื่อ กรุงเทพมหานคร.”มิถนุ ายน 2549 โสภา บุราไกร (2557).วิศวกรสุขาภิบาล 5 กลุม่ งานโครงการและจัดการตะกอน สานักการระบาย น ้า กรุงเทพมหานคร. สัมภาษณ์ . Available http://dds.bangkok.go.th/web_bangsue/ninepage.html. ประวัติความเป็ นมาของ โครงการ. (วันที่สืบค้ น 3 ธันวาคม 2556). [Online] Available
http://dds.bangkok.go.th/web/index.php?lang=TH. ประวัติความเป็ นมาของ โครงการ (วันที่สืบค้ น 7 มกราคม 2557). [Online]
275
ประวัตผิ ้ ูวจิ ัย
นายณัฐวิดล มหาจันทร์ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2535 14/1 หมูท่ ี่ 5 ต.บ้ านกง อ.หนองเรื อ จังหวัดขอนแก่น ระดับมัธยมศึกษา โรงเรี ยนหนองเรื อวิทยา จังหวัด ขอนแก่น ระดับปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต (สาขาวิชาเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เพื่องานสถาปั ตยกรรม) ชื่อ – นามสกุล วัน เดือน ปี เกิด ที่อยู่ปัจจุบัน ประวัตกิ ารศึกษา
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนนั ทา
249
ภาพที่ 5.2 แสดงที่มาของสีที่นามาใช้ ในการออกแบบ 5.1.3 การนาไปใช้ ในสื่อทัง้ หมด 5.1.3.1 แผ่นนาเสนองาน (Plate Presentation) การใช้ สีที่เป็ นธรรมชาติของ น ้า ท้ องฟ้า ต้ นไม้ ดิน เป็ นองค์ประกอบหลักของสีที่ใช้ พร้ อมกราฟิ กคลื่นน ้าใช้ ในส่วนของหัวข้ อต่างๆ 5.1.3.2 หนังสือคูม่ ือความรู้ (Booklet) ใช้ โทนสีที่ได้ จากแนวความคิดมาใช้ เป็ น หลักในการแบ่งหัวข้ อ เน้ นจุดเด่นและใช้ เป็ นพื ้นหลังกระดาษ และนากราฟิ กที่ได้ มาใช้ ในส่วนที่เป็ น การระบุหน้ ากระดาษ 5.1.3.3 ภาพเคลื่อนไหวและสื่อประสม (Multimedia) นากราฟิ กที่ได้ จากรูปทรง แนวคิดที่ได้ จากการออกแบบอาคารมาประกอบกับสื่อประสมที่ใช้ เป็ นตัวเชื่อมโยงไปยังหัวข้ อต่างๆ
5.2 ขัน้ ตอนการออกแบบ 5.2.1 แผ่ นนาเสนองาน (Presentation Plate) 5.2.1.1 การออกแบบแผ่ นนาเสนองาน นาเสนอแนวความคิดรู ปแบบงานสถาปั ตยกรรม ระบบบาบัดน ้าเสีย และยังมี ภูมิสถาปั ตยกรรมของโครงการ ถูกแบบออกเป็ นทัง้ หมด 8 แผ่นโดยมีการแบ่งข้ อมูล ทังหมดให้ ้ ข้อมูลที่สอดคล้ องกันอยูด่ ้ วยกันเป็ นคู่ โดยแบ่งได้ ทงหมด ั้ 4 คู่ 8 แผ่น
250
ภาพที่ 5.3 แสดงการออกแบบแผ่นนาเสนอขันที ้ ่1
1
2
3
4
ภาพที่ 5.4 แสดงแผ่นนาเสนองานทังหมด ้
ภาพที่ 5.5 แสดงแผ่นนาเสนองานแผ่นที่ 1-2
5
6
7
8
251
ภาพที่ 5.6 แสดงแผ่นนาเสนองานแผ่นที่ 3-4
ภาพที่ 5.7 แสดงแผ่นนาเสนองานแผ่นที่ 5-6
252
ภาพที่ 5.8 แสดงแผ่นนาเสนองานแผ่นที่ 7-8 1) การกาหนดวัตถุประสงค์ 1.1) เพื่อการรับรู้ข้อมูลเชิงลึกของตัวอาคาร 1.2) เพื่อการนาเสนอแนวความคิดของโครงการ 1.3) เพื่อการนาเสนอระบบบาบัดน ้าเสีย 1.3) เพื่อการนาเสนอภูมิสถาปั ตยกรรม สวนพรรณไม้ น ้า 2) การกาหนดกลุ่มเป้าหมาย 2.1) นักศึกษา นักวิชาการด้ านสถาปั ตยกรรม /ภูมิสถาปั ตยกรรม 2.1) นักศึกษา นักวิชาการด้ านสิง่ แวดล้ อม 2.2) ประชาชนทัว่ ไป 3) กระบวนการผลิต 3.1) ขนาด A1 (59.4 x 84.1 cm.) 3.2) ลักษณะการวาง วางแนวนอน 3.3) การพิมพ์ระบบออฟเซ็ท 3.4) กระดาษอาร์ ตด้ าน 160 แกรม 3.5) โปรแกรมที่ใช้ Adobe Photoshop, Adobe Illustrator 3.6) ไฟล์ .JPG, .PNG, .AI, PDF 3.7) ระบบสีที่ใช้ RGB
253
4) การจัดองค์ ประกอบ 4.1) องค์ประกอบหลัก ส่วนเนื ้อหา 4.2) องค์ประกอบรอง ส่วน Title head 4.3) องค์ประกอบเสริม ส่วนเนื ้อหาผู้จดั ทา 5) การกาหนดเนือ้ หา 5.1) แผ่นนาเสนองานแผ่นที่ 1 ข้ อมูลทัว่ ไปโครงการ, สถิติจานวนประชากร และกระแสพระราชดารัส 5.2) แผ่นนาเสนองานแผ่นที่ 2 แนวความคิดในการออกแบบอาคาร, 5.3) แผ่นนาเสนองานแผ่นที่ 3 ข้ อมูลการแบ่งพื ้นที่ใช้ สอยภายในอาคาร 5.4) แผ่นนาเสนองานแผ่นที่ 4 ข้ อมุลกระบวนการบาบัดน ้าเสีย 5.5) แผ่นนาเสนองานแผ่นที่ 5 รูปแบบงานภูมิสถาปั ตยกรรม(อุทยานไม้ น ้า พืชป่ าชายเล่น) 5.6) แผ่นนาเสนองานแผ่นที่ 6 รูปแบบงานภูมิสถาปั ตยกรรม(สวนพรรณไม้ น ้า พืชน ้าบาบัดน ้าเสียตามแนวพระราชดาริ และพืชไม้ น ้าต่างๆ) 5.7) แผ่นนาเสนองานแผ่นที่ 7 รูปแบบงานสถาปั ตยกรรมของอาคารศูนย์ การศึกษาและอนุรักษ์ สงิ่ แวดล้ อมบางซื่อ กรุงเทพมหานคร 5.8) แผ่นนาเสนองานแผ่นที่ 8 รูปตัดตัวอาคารของอาคารศูนย์การศึกษา และอนุรักษ์ สงิ่ แวดล้ อมบางซื่อ กรุงเทพมหานครเพื่อนาเสนอระบบบาบัดน ้าเสีย
254
6) การจัดวางเนือ้ หา 6.1) แผ่นนาเสนองานแผ่นที่ 1-2
ส่วนเนื ้อหา
ส่วนหัวข้ อ
ภาพที่ 5.9 แสดงการแบ่งกริดแผ่นนาเสนอแผ่นที่ 1-2
ข้ อมูลผู้ออกแบบ
ส่วนรูปภาพ
255
6.2) แผ่นนาเสนองานแผ่นที่ 3-4
ส่วนเนื ้อหา
ข้ อมูลผู้ออกแบบ
ส่วนหัวข้ อ
ส่วนเนื ้อหา
ข้ อมูล ผู้ออกแบบ
ภาพที่ 5.10 แสดงการแบ่งกริดแผ่นนาเสนอแผ่นที่ 3-4
ส่วนรูปภาพ
256
6.3) แผ่นนาเสนองานแผ่นที่ 5-6
ส่วนเนื ้อหา
ข้ อมูลผู้ออกแบบ
ส่วนหัวข้ อ
ส่วนหัวข้ อ
ส่วนเนื ้อหา
ข้ อมูล ผู้ออกแบบ
ภาพที่ 5.11 แสดงการแบ่งกริดแผ่นนาเสนอแผ่นที่ 5- 6
ส่วนรูปภาพ
257
6.4) แผ่นนาเสนองานแผ่นที่ 7- 8
ส่วนเนื ้อหา
ส่วนหัวข้ อ
ภาพที่ 5.12 แสดงการแบ่งกริดแผ่นนาเสนอแผ่นที่ 7- 8
ข้ อมูลผู้ออกแบบ
ส่วนรูปภาพ
258
5.2.2 หนังสือคู่มือความรู้ (Booklet) 5.2.2.1 แนวความคิด เนื่องจากเป็ นสื่อแรกในการรับรู้ ข้อมูลโครงการ หนังสือคู่มือความรู้ เป็ น สื่อแรกในการรับรู้ ข้อมูลของโครงการ ที่เป็ นโครงการของราชการ (กทม) ดังนันหนั ้ งสือจึงจาต้ องมี รู ปแบบที่เป็ นมาตรฐาน มัน่ คง แข็งแรง ขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย รู ปแบบในการออกแบบ จึงเน้ น การเรี ยบเรี ยงเนื ้อหาที่เรี ยบง่าย เพื่อง่ายต่อการอ่าน เพราะเนื่องจากเนื ้อหาภายในเล่มมีจานวน มากจึงจาเป็ นที่จะต้ องทาให้ ผ้ อู า่ นง่ายต่อการรับรู้ข้อมูลของโครงการ 5.2.2.2 การออกแบบหนังสือให้ ข้อมูล 1) กาหนดวัตถุประสงค์ 1.1) เพื่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์โครงการในเบื ้องต้ น 1.2) เพื่อการนาเสนอความรู้เรื่ องของระบบบาบัดน ้าเสีย 1.3) เพื่อการนาเสนอความรู้เรื่ องของพืชบาบัดน ้าเสียต่างๆ 2) กาหนดกลุ่มเป้าหมาย 2.1) บุคคลทัว่ ไป หรื อองค์กรต่างๆ (ที่มาเป็ นหมูค่ ณะ) 2.2) นักวิชาการด้ านสิง่ แวดล้ อม (ที่มาเป็ นหมูค่ ณะ) 3) กาหนดการจัดวางเนือ้ หา เป็ นข้ อมูลเบื ้องต้ นของโครงการโดย แบ่งการจัดวางเนื ้อหาออกเป็ น 8 ส่วนหลักๆ คือ 3.1) ส่วนกระแสพระราชดารัสและวิสยั ทัศน์ 3.2) ส่วนประวัติความเป็ นมาและข้ อมูลข้ างต้ นข้ องโครงการ 3.3) ส่วนแนวความคิดและรูปแบบทางสถาปั ตยกรรม 3.4) ส่วนพื ้นที่ใช้ ประโยชน์ภายในอาคาร 3.5) ส่วนกระบวนการบาบัดน ้าเสีย 3.6) ส่วนภูมิสถาปั ตยกรรม (อุทยานไม้ น ้า) 3.7) ส่วนพื ้นที่บนั ทึกข้ อความ 3.8) ส่วนขอขอบคุณผู้สนับสนุนและผู้จดั ทา 4) กาหนดขัน้ ตอนการผลิตงาน 4.1) เน้ นข้ อมูลที่เรี ยบง่ายที่ได้ ทาการคัดเลือกและสรุปมาแล้ ว และ ข้ อมูลองค์ประกอบของโครงการบอกตาแหน่งต่างๆในโครงการ
259
- ขนาด 176 x 250 มม (B5) - จานวน 4 สี 2 ด้ าน (หน้ า/หลัง) - ลักษณะการติดตัง้ แนวตัง้ - จานวน 50 หน้ า (ไม่รวมปก) - โครงสีหลักฟ้า-ขาวและครี ม 4.2) การกาหนดการพิมพ์ พิมพ์แบบออฟเซต 4.3) การกาหนดกระดาษ - ส่วนหน้ าปกกระดาษอาร์ ตมันเคลือบเงาปกแข็ง 2.5 ซม. - ส่วนเนื ้อหากระดาษอาร์ ตด้ านเคลือบพิเศษ 120 แกรม 4.4) เข้ าเล่มสันกาวร้ อนหรื อไสกาว 5) กระบวนการผลิต - การพัฒนาขันที ้ ่ 1 นาโทนสีที่วิเคราะห์ ไว้ มาออกแบบ ใส่ เอกลักษณ์เด่นของเรื่ องราวที่เกี่ยวกับสิ่งที่เกี่ยวข้ องกับ ศูนย์การศึกษาและอนุรักษ์ สิ่งแวดล้ อมบาง ซื่อ กรุงเทพมหานคร ที่ต้องการสื่อถึงการอนุรักสิง่ แวดล้ อมโดยใช้ สีครี มในการออกแบบพื ้นหลัง - การพัฒนาขันที ้ ่ 2 หน้ าปกออกแบบการจัดวางอักษรให้ มีความ น่าสนใจโดยให้ โครงสร้ างสีที่นามาจากตัวอาคารมาใส่เป็ นภาพหลัก และใส่ชื่อโครงการ และเปลีย่ น สีพื ้นหลังให้ เป็ นสีฟ้าไล่ระดับสีจากอ่อนไปเข้ ม - การพัฒนาขันที ้ ่ 3 จัดวางข้ อมูลภายในให้ ดสู วยงาม และนาภาพ ลายเส้ นและชื่อโครงการมาออกแบบส่วนหัวกระดาษ และนากราฟิ กคลื่นน ้ามาออกแบบส่วนของ การระบุหน้ ากระดาษ -การพัฒนาขัน้ ที่ 4 จัดพิมพ์พร้ อมเข้ าเล่ม/พร้ อมอัพโหลดเพื่อ นาเสนอผ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ไฟล์ (E-book)
260
การออกแบบขั น้ ที่ 1
การน าแนวความคิดมา
ออกแบบมาใช้ กับ หนัง สื อ คู่มื อ ความรู้ โดยการน าสี เขียวน ้าทะเลมาใช้ เป็ นพื ้นหลังและจัดวางอักษรให้ มี ความน่ า สนใจและภาพลายเส้ น แต่ ยัง ขาดความ ชัดเจนของโครงการและหน่วยงานที่รับผิดชอบ การออกแบบขัน้ ที่ 2 การนากราฟิ กที่เป็ นคลื่นนา้ นามาทาเป็ นลายนา้ ของพื น้ หลังสีฟ้าไล่เฉดอ่อนไป เข้ มและน าตราสั ญ ลั ก ษณ์ ข ององค์ ก ารมาเป็ น ส่วนประกอบทาให้ โครงการดูชดั เจนมากยิ่งขึน้ แต่ยงั ขาดความน่าสนใจ การออกแบบขัน้ ที่ 3 นาการจัดวางอักษรของการ ออกแบบครัง้ ที่1 มาใช้ ร่วมกับตราสัญลักษณ์ องค์กร และการไล่เฉดสีของกระบวนการออกแบบขันที ้ ่สองมา ใช้ ทาให้ ดนู ่าสนใจและโครงการชัดเจนมากยิ่งขึ ้น
ภาพที่ 5.13 แสดงการออกแบบปกหน้ า-ปกหลังทัง้ 3 ขัน้
5.1) การจัดระบบกริดหน้ าปก-หลังปกหนังสือคูม่ ือความรู้เป็ นการ จัดระบบกริดแบบคอลัมน์กริด - ส่วนหน้ าปก ใช้ สีฟ้าไล่ระดับสีจากอ่อนไปยังเข้ ม และจัดวาง ตัวอักษรให้ มีความน่าสนใจและใช้ สีตวั อาคารใส่ลงไปในอักษรย่อของโครงการ คือ EECC ซึง่ มา จาก Bangsue Environmental Education and Conservation Center พร้ อมภาพโครงการที่ แสดงให้ เห็นระบบบาบัดน ้าเสียที่อยูใ่ ต้ ดินอีกด้ วย - ส่วนหลังปก ลักษณะคล้ ายกัน เพื่อให้ หน้ าและหลังปกมี ความสอดคล้ องกัน โดยใช้ เทคนิคการไล่ระดับสีพื ้นหลังเช่นเดียวกัน และเพิ่มข้ อความวิสยั ทัศน์ของ สานักการระบายน ้ากรุงเทพมหานครลงไปด้ านหลัง
261
ภาพที่ 5.14 แสดงการจัดระบบกริดหน้ าปก-หลังปกหนังสือคูม่ ือความรู้ 5.2 ) การจัดระบบกริดเนื ้อหาหนังสือคูม่ ือความรู้สว่ นมากเป็ นการ จัดระบบกริดแบบคอลัมน์กริด โดยออกแบบให้ เนื ้อหาและรูปภาพมีความสัมพันธ์กนั เพื่อให้ ผ้ อู า่ น สามารถเข้ าใจได้ ง่าย
ภาพที่ 5.15 แสดงการจัดระบบกริดเนื ้อหาหนังสือคูม่ ือความรู้
6) การจัดกลุ่มเนือ้ หา 6.1 ส่วนเกริ่นนามีจานวน 5 หน้ าประกอบด้ วย 1) รองปก 2) วิสยั ทัศน์ 3) กระแสพระราชดารัสฯ 4) คานา 5) สารบัญ
262
ภาพที่ 5.16 แสดงการจัดกลุม่ เนื ้อหาส่วนเกริ่นนา 6.2 ส่วนเนื ้อหาประวัติความเป็ นมามีจานวน 6 หน้ าระหว่างหน้ า1-6 ข้ อมูลประวัติความเป็ นมาของโครงการพร้ อมด้ วยข้ อมูลเชิงสถิติ ข้ อมูลการสร้ างระบบรวบรวมน ้าเสีย และที่ต้องโครงการพร้ อมภาพสถานที่จริงประกอบ
ภาพที่ 5.17 แสดงการจัดกลุม่ เนื ้อหาส่วนประวัติความเป็ นมาหน้ า1-6 6.3 ส่วนแนวคิดการออกแบบมีจานวน 6 หน้ าระหว่างหน้ า 7-12 แนวคิดการออกแบบของโครงการพร้ อมกราฟิ กแสดงเพื่อความ เข้ าใจงานและภาพประกอบ
ภาพที่ 5.18 แสดงการจัดกลุม่ เนื ้อหาส่วนแนวคิดการออกแบบหน้ า7-12 6.4 ส่วนการแบ่งพื ้นที่ใช้ สอยภายในอาคารมีจานวน 4 หน้ า ระหว่างหน้ า 13-16 ข้ อมูลการแบ่งพื ้นที่ใช้ สอยภายในอาคาร จะจัดเรี ยงข้ อมูล พร้ อมภาพประกอบของบรรยากาศภายในห้ องจัดนิทรรศการต่างๆจานวน 15 ห้ อง
263
ภาพที่ 5.19 แสดงการจัดกลุม่ เนื ้อหาส่วนการแบ่งพื ้นที่ใช้ สอยภายในอาคารหน้ า13-16 6.5 ส่วนกระบวนการบาบัดน ้าเสียมีจานวน 10 หน้ าระหว่าง หน้ า 17-26 ข้ อมูลกระบวนการบาบัดนา้ เสียแสดงภาพกราฟิ กไดอะแกรม ของกระบวนการบาบัดน ้าเสียและภาพบ่อบาบัดน ้าเสียในแต่ละกระบวนการ
ภาพที่ 5.20 แสดงการจัดกลุม่ เนื ้อหาส่วนกระบวนการบาบัดน ้าเสียหน้ า17-26 6.6 ส่วนภูมิสถาปั ตยกรรม (อุทยานไม้ น ้า)มีจานวน 9 หน้ าระหว่าง หน้ า 27-35 ข้ อมูลภูมิสถาปั ตยกรรมในส่วนของอุทยานไม้ น ้านาเสนอข้ อมูล ของพืชพันธุ์ไม้ น ้าต่างๆ ที่ตา่ งกลุม่ ต่างชนิดกันออกไป พร้ อมนาเสนอพันธ์ไม้ น ้าที่เป็ นพืชบาบัดน ้า เสียตามแนวพระราชดาริของพระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยูห่ วั
ภาพที่ 5.21 แสดงการจัดกลุม่ เนื ้อหาส่วนภูมิสถาปั ตยกรรม (อุทยานไม้ น ้า)หน้ า27-35
264
6.7 ส่วนบันทึกข้ อความมีจานวน 5 หน้ าระหว่างหน้ า 36-41 เพิ่มพื ้นที่บนั ทึกข้ อความต่างๆ เพื่อให้ เกิดประโยชน์ในการเข้ า ชมนิทรรศการจึงได้ พื ้นหน้ ากระดาษในส่วนของพื ้นที่บนั ทึกข้ อความไว้ ช่วงท้ ายเล่ม
ภาพที่ 5.22 แสดงการจัดกลุม่ เนื ้อหาส่วนบันทึกข้ อความหน้ า36-41 6.8 ส่วนรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้ องมีจานวน 4 หน้ าระหว่างหน้ า 42-45 ในส่วนท้ ายเล่มจะมีสญ ั ลักษณ์หน่ายงานที่เกี่ยวข้ องพร้ อม รายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้ องไว้ ท้ายเล่ม
ภาพที่ 5.23 แสดงการจัดกลุม่ เนื ้อหาส่วนรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้ องหน้ า42-45 สรุ ป การออกแบบเนือ้ หาภายในเล่ ม ใช้ พื ้นหลังสีครี มแนวความคิดข้ างต้ น ทังหน้ ้ ากระดาษ และเพิ่มลายกราฟิ กที่เป็ นลายเส้ น ของอาคาร ใช้ การจัดวาง Lay out ที่เรี ยบง่ายที่สุด มี ลายกราฟิ กที่เป็ นลายเส้ นของอาคาร เช่นเดียวกันทุกหน้ าเชื่อมโยงกันการจัดวาง Lay out ทุกหน้ าในสื่อหนังสือให้ ข้อมูลแบ่งออกเป็ น 5 หัวข้ อใหญ่ๆ คือ 1.ส่วนประวัติความเป็ นมาและข้ อมูลข้ างต้ นข้ องโครงการ 2.แนวความคิดและรูปแบบทางสถาปั ตยกรรม 3.พื ้นที่ใช้ ประโยชน์ภายในอาคาร 4.กระบวนการบาบัดน ้าเสีย 5.ภูมิสถาปั ตยกรรม (อุทยานไม้ น ้า)
265
ปก หน้ า- หลัง
เกริ่ นนา
ประวัติ
แนวคิด
พื ้นที่ใช้ สอย
ภาพที่ 5.24 แสดงภาพรวมทังหมดของหนั ้ งสือคูม่ ือความรู้
ระบบบาบัด
ภูมิสถาปั ตยกรรม บันทึก/Credit
น ้าเสีย
7) แบบสาเร็จของหนังสือคู่มือความรู้
ภาพที่ 5.25 แสดงหนังสือคูม่ ือความรู้
266
5.2.3 ภาพเคลื่อนไหวและสื่อประสม (Multimedia) 5.2.3.1 การออกแบบสื่อประสม (Multimedia) การออกแบบสื่อประสมเพื่อแสดงข้ อมูลโครงการ เพื่อให้ ผ้ รู ับชมได้ เกิด ความเข้ าใจและเห็นถึงภาพรวมของโครงการได้ อย่างเข้ าใจมากยิ่งขึ ้น 1) กาหนดวัตถุประสงค์ 1.1) เป็ นการรับสื่อต่อเนื่องจากแผ่นนาเสนอ ที่เป็ นการชมภาพและ ซาวด์เสียงประกอบ 1.2) เพื่อเป็ นการนาเสนอโครงการในรูปแบบภาพเคลื่อนไหว 3 มิติ อีกทังง่ ้ ายต่อการรับรู้ข้อมูลดังกล่าว กลุม่ เป้าหมาย -ประชาชนทัว่ ไป -นักเรี ยนนักศึกษา ด้ านสถาปั ตยกรรม/ด้ านสิง่ แวดล้ อม 2) วางแผนเลือกเนือ้ หา เป็ นช้ อมูลเบื ้องต้ นของโครงการ ซึง่ แบ่งออกเป็ น 3 ส่วน 2.1) ภาพสัญญาลักษณ์ประวัติความเป็ นมาของโครงการ 2.2) ทัศนียภาพทางสถาปั ตยกรรม 2.3) กระบวนการบาบัดน ้าเสีย 2.4) ทัศนียภาพทางภูมิสถาปั ตยกรรม 2.5) หลักคาสอนกระแสพระราชดารัสฯ 3) การจัดกลุ่มเนือ้ หา 2.1) เกริ่นนา (0.00 - 0.29) นาที 2.2) ประวัติศนู ย์ฯ (0.30 – 1.26) นาที 2.3) แนะนาข้ อมูลโครงการเบื ้องต้ น (1.27 -1.54) นาที 2.4) แนวความคิดในการออกแบบ (1.55 – 2.09) นาที 2.5) รูปแบบอาคาร (2.10 –3.07) นาที 2.6) พื ้นที่ใช้ สอยภายในอาคาร (3.08 -3.50) นาที 2.7) กระบวนการบาบัดน ้าเสีย (3.51 -6.14)นาที 2.8) นาเสนอภูมิสถาปั ตยกรรม (6.15 -6.57)นาที 2.9) สรุปพร้ อมกระแสพระราชดารัส (6.58 -7.25)นาที 2.10) ผู้ที่เกี่ยวข้ อง (7.26 -8.23) นาที
267
4) การวางแผนเกี่ยวกับกระบวนการผลิต เน้ นข้ อมูลทังหมดของโครงการ ้ เพื่อให้ ผ้ รู ับสื่อเข้ าใจแนวความคิดใน การออกแบบที่สถาปนิกต้ องการนาเสนออย่างแท้ จริ งและกระตุ้นให้ มีความสนใจในงานศิลปะร่วม สมัยมากขึ ้น 1) ขนาดเฟรม 720 x 480 pixeis 2) ความยาว ประมาณ 4.57 นาที 3) รูปแบบตัวอักษร PSLxMalinee 4) สกุลไฟล์ .MP4 5) ขนาดไฟล์ 888 MB. 5) โปรแกรมที่ใช้ 1) Revit Architecture: สร้ างภาพเสมือนจริง (3D) 2) 3D Maxs : สร้ างภาพเสมือนจริงแยกเลเยอร์ (3D) 3) Lumion 3D : จัดบรรยากาศของภาพและทาภาพเคลื่อนไหว ในส่วนของภาพ 3D 4) After Affect : ใช้ ในการตัดต่อภาพและเรี ยงภาพทังหมด ้ 5) Adobe Audition : ใช้ ในการบันทึกและตัดต่อเสียงบรรยาย 6) รูปแบบการวางโครงร่ างพร้ อมบท 6.1) เกริ่นนา (0.00 – 0.29) นาที เกริ่นนาด้ วยหน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ กรุงเทพมหานคร (กทม) โดยการบรรยายถึงโครงการสร้ างโรงบาบัดน ้าเสียในเขตต่างๆ เพื่อให้ ผ้ รู ับสื่อได้ เข้ าใจวัตถุประสงค์ ในการก่อสร้ างอย่างชัดเจน
ภาพที่ 5.26 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนเกริ่นนา
268
6.2) ประวัติศนู ย์ฯ (0.30 – 1.26) นาที ช่วงนี จ้ ะบรรยายเกี่ ยวกับ ข้ อ มูล เชิ ง สถิ ติต่างๆ ที่ มี ผลต่อ การ สร้ างน ้าเสียให้ เกิดขึ ้น ซึง่ ช่วงนี ้ดนตรี จะบรรเลงขึ ้นเรื่ อยเพื่อกระตุ้นให้ เกิดความสนใจ
ภาพที่ 5.27 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนประวัติศนู ย์ฯ 6.3) แนะนาข้ อมูลโครงการเบื ้องต้ น (1.27 -1.54) นาที ส่วนช่วงนี ้บรรยายข้ อมูลการเข้ าถึงโครงการพร้ อมภาพสถานที่ จริ งของโครงการพร้ อมเกริ่ นนานาเนื ้อหาโดยแบ่งออกเป็ น 3 ส่วนหลัก โดยช่วงนี ้จะไม่มีสียง บรรยายจะใช้ ดนตรี บรรเลง ARCHITECTURE
สถาปัตยกรรม
LANDSCAPE
WASTEWATER THREDMENT PLAN
ภูมิสถาปัตยกรรม
ระบบบ้าบัดน้าเสีย
ภาพที่ 5.28 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนแนะนาข้ อมูลโครงการเบื ้องต้ น 6.4) แนวความคิดในการออกแบบ (1.55 – 2.09) นาที การนาเสนอแนวคิดการออกแบบใช้ กราฟิ กคลื่นน ้ามาทาให้ เกิด ภาพเคลื่อนไหวพร้ อมใช้ เสียงบรรยายและเสียงดนตรี ใช้ เทคนิคจางซ้ อนพร้ อมกับภาพลายเส้ นผัง บริเวณ แนวความคดิิในการออกแบบ
ภาพที่ 5.29 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนแนวความคิด
269
6.5) รูปแบบอาคาร (2.10 –3.07) นาที การนาเสนอรูปแบบอาคารช่วงนี ้ใช้ ภาพเคลื่อนไหวสามมิติ โดย ใช้ ภาพดอนลีจ่ ากเลนส์กล้ องทาให้ ภาพเกิดการเคลื่อนไหวเสมือนกับการเดินพร้ อมบรรยายและ เสียงดนตรี บรรเลง
ภาพที่ 5.30 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนรูปแบบอาคาร 6.6) พื ้นที่ใช้ สอยภายในอาคาร (3.08 -3.50) นาที การแบ่งพื ้นที่ใช้ สอบภายในโครงการใช้ เทคนิคการนาเสนอแบบ แปลนไอโซเมตริ ก (Isometric) โดยการแบ่งเป็ นชันๆพร้ ้ อมระบบรายละเอียดตรงมุมขวาล่างและ เพิ่มเสียงบรรยาย พืนที่ใช้สอยภายในอาคาร
ภาพที่ 5.31 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนพื ้นที่ใช้ สอยภายในอาคาร 6.7) กระบวนการบาบัดน ้าเสีย (3.51 -6.14)นาที การนาเสนอกระบวนการบาบัดน ้าเสีย นาเสนอผ่านภาพสาม มิติแบบไอโซเมตริก (Isometric) และภาพเคลื่อนไหวสามมิติในส่วนของรายละเอียดของขันตอน ้ การบาบัดน ้าเสีย พร้ อมเสียงบรรยายและเสียงดนตรี
ภาพที่ 5.32 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนกระบวนการบาบัดน ้าเสีย
270
6.8) นาเสนอภูมิสถาปั ตยกรรม (6.15 -6.57)นาที การน าเสนอภูม อสถาปั ต ยกรรมจะแบ่ง การน าเสนอ 3 ส่ว น หลักๆ 1.พืชบาบัดน ้าเสียตามแนวพระราชดาริ 2.พืชพรรณไม้ น ้า 3.พืชป่ าชายเลน พร้ อมเสียงดนตรี และภาพเคลื่อนไหวสามมิตขิ องภูมิทศั น์
ภาพที่ 5.33 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนเกริ่นนา 6.9) สรุปพร้ อมกระแสพระราชดารัส (6.58 -7.25)นาที ส่วนสุดท้ ายคือการประมวลภาพต่างๆ ที่ทาให้ เกิดผลกระทบต่อ สิง่ แวดล้ อม โดยการสร้ างน ้าเสียจากน ้ามือของมนุษย์และให้ ตระหนักถึงคุณค่าของน ้ามากขึ ้น โดย นากระแสพระราชดารัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยู่หวั มาเป็ นแนวทางในการประพฤติปฏิบตั ิ ตามคาสอน โดยใช้ เสียงบรรยายพร้ อมดนตรี ประกอบ รปิูพระเจาอยหิูวิั คนอยไิูด แตถามไิีฟฟา ไมมนิีำิ้ คนอยไิูมได…”
ภาพที่ 5.34 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนสรุปพร้ อมกระแสพระราชดารัส 6.10) ผู้ที่เกี่ยวข้ อง (7.26 -8.23) นาที รายชื่ อ ผู้เ กี่ ย วข้ อ งน าเสนอภาพนิ่ ง ด้ ว ยตราสัญ ลัก ษณ์ ข อง หน่วยงานต่างๆ ที่อนุเคราะห์ข้อมูลพร้ อมเสียงดนตรี บรรเลง Produce and Director
Specilal Thank logo
logo
logo
กรุ งเทพมหานคร
ส้านักการระบายน้ า
บ.โปรแกรสฯ
Adviser
logo Com-ARCH
ภาพที่ 5.35 ภาพโครงร่างสื่อประสมส่วนผู้ที่เกี่ยวข้ อง
logo มรภ.สวนสุนันทา
271
4) ดนตรีประกอบ ดนตรี ประกอบการบรรยายมีผลต่อการทาสื่อประสมเป็ นอย่างมาก เพราะเสียงเป็ นสิ่งเร้ าอย่างหนึ่งที่ทาให้ คนหันมาสนใจในงาน และยังต้ องสอดคล้ องกับงานนันๆอี ้ ก ด้ วย การเลือกดนตรี ประกอบการบรรยายนันจึ ้ งจาเป็ นต่อการสร้ างสื่อประสมเป็ นอย่างยิ่ง 4.1 Rethink Sustainability เป็ นดนตรี บรรเลงด้ วยการเร่งจังหวะทา ให้ ร้ ู สึกตื่นตัวอยู่ตลอดเหมาะกับการใช้ ในส่วนที่มีเนือ้ หาเพราะจะทาให้ กระตุ้นความสนใจมาก ยิ่งขึ ้น 4.1 Earthship Global ดนตรี ประกอบการสร้ างบ้ านจากดินและ อนุรักษ์ สงิ่ แวดล้ อม นามาประยุกต์รวมเข้ ากับ Rethink Sustainability และสร้ างจังหวะไปเรื่ อยๆ 5) แบบสาเร็จรูปสื่อประสม
เกริ่ นนา ฟั งก์ชนั่
ประวัติ
แนะนาข้ อมูล
แนวคิด
รูปแบบ
บาบัด
ข้ อมูฃ ภูมิสถาปั ตย์
พระราชดารัส
ผู้เกี่ยวข้ อง
ฯ
ภาพที่ 5.36 ภาพรวมภาพเคลื่อนไหวและสื่อประสม (Multimedia)