3
เข้าสู่ช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่อีกวาระหนึ่ง ในรอบ ปีที่ผ่านมา เกิดเรื่องราวขึ้นอย่างมากมายในสังคมไทย มันทำ�ให้เรา ได้เรียนรู้ และตระหนักว่าสิ่งสำ�คัญในชีวิตเราทุกผู้คนคือ วันเวลา ไม่เคยคอยท่าใคร ฉะนั้นมีเป้าหมายอย่างไร จงลงมือทำ� เพราะทุก นาทีล้วนมีค่า นิตยสาร SAMUTPRAKAN VISION ที่อยู่ ในมือท่านผู้อ่าน นี้ก็นับเป็นฉบับที่ 3 ท่ามกลางทิศทางกระแสการอ่านสื่อที่เปลี่ยนไป ของสังคม ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้ผู้อ่านเปลี่ยนช่องทางการติดตาม ข่าวสารต่างๆ จากบนหน้ากระดาษไปอยู่ ในโลกดิจิทัลออนไลน์มาก ขึ้นเรื่อยๆ ความต้องการนิตยสารกระดาษก็เริ่มหดหาย… ในฐานะคนทำ�นิตยสาร ต้องยอมรับความเป็นไปดังกล่าว และปรับตัวเข้าหาให้ดีที่สุด แน่นอนทีมงานนิตยสาร SAMUTPRAKAN VISION ทุ ก ท่ า นต่ า งมุ่ ง มั่ น ตั้ ง ใจเรี ย บเรี ย งเรื่ อ งราวที่ น่ า สนใจในพื้ น ที่ จ.สมุทรปราการ มาให้ผู้อ่านได้ละเลียดอ่านกัน ทั้งสังคม กีฬา และ ประวัติศาสตร์ที่รอให้ผู้อ่านได้ละเลียดเปิดทีละหน้า ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการอ่านหนังสือ ชัยวัฒน์ ตรงจิตโสภณ Copy Editer นิตยสาร SAMUTPRAKAN VISION
5
สารจากประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ นายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม หอการค้าเป็นองค์กรที่นักธุรกิจให้ความเชื่อถือในด้านการลงทุนด�ำเนินธุรกิจในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งปัจจุบัน เทคโนโลยีได้มีการพัฒนากว้างไกลอย่างไร้พรมแดน ต้องอาศัยผู้บริหารที่เป็นคนรุ่นใหม่ให้เข้ามาช่วยพัฒนาเพิ่มศักยภาพมาก ขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดสมุทรปราการของพวกเรามีคนเก่งเยอะมาก หากระดมมันสมองคนเก่งๆ เหล่านี้มาร่วมกัน พัฒนาองค์กร จะยิ่งท�ำให้เศรษฐกิจของจังหวัดสมุทรปราการมีความแข็งแกร่ง โดยก้าวต่อไปของการพัฒนาจังหวัดให้เกิดการเติบโตอย่างก้าวกระโดดต่อไปนั้น หอการค้าจังหวัดสมุทรปราการได้มี แนวคิดที่จะผลักดัน และสนับสนุนให้พื้นที่ต่างๆ จังหวัดได้แสดงศักยภาพ และจุดเด่นในเรื่องของวัฒนธรรมท้องถิ่น และการ ท่องเที่ยว ออกมาโชว์ให้ชาวต่างชาติ นักท่องเที่ยวและนักลงทุนได้ทราบ เพื่อให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการลงทุน ต่อไป อีกทั้งมีเรื่องที่น่ายินดีที่กระผมอยากเรียนให้ทราบว่า ตอนนี้จังหวัดสมุทรปราการ มีสโมสรฟุตบอลอาชีพในระดับ สูงสุดของประเทศ ไทยลีก หรือ T1 แล้ว ซึ่งก็คือ สโมสรสมุทรปราการ ซิตี้ ซึ่งถือเป็นการใช้กีฬาเป็นหัวหอกในการกระตุ้น เศรษฐกิจ กระผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สโมสรสมุทรปราการ ซิตี้ จะเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันที่ส�ำคัญให้เศรษฐกิจในจังหวัด มีความคึกคักมากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ความส�ำเร็จจะเกิดขึ้นได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน หน่วยงานทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ต้อง ประสานช่วยกันขับเคลื่อนทุกโครงการให้เกิดเป็นรูปธรรม เพื่อให้จังหวัดสมุทรปราการ เติบโตทางด้านเศรษฐกิจเป็นศูนย์กลาง ทางการค้าการลงทุน และก้าวขึ้นสู่การเป็นเมืองมหานครได้ในอนาคต สุดท้ายนี้ ขอแสดงความยินดีกับนิตยสารสมุทรปราการ วิชั่น ที่เดินทางมาถึงฉบับที่ 3 และขอชื่นชมในการน�ำเสนอ ข้อมูลอันเป็นประโยชน์แก่ผู้คนจังหวัดสมุทรปราการ
ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ
7
สารจากนายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสมุทรปราการ นายวรพร อัศวเหม ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสมุทรปราการ ได้เล็งเห็นความส�ำคัญความส�ำคัญของการ กีฬา ที่นอกจากจากจะแข่งขันมุ่งสู่ความเป็นเลิศแล้ว ได้ให้ความส�ำคัญต่อการส่งเสริมพัฒนาเยาวชน ประชาชนในพื้นที่จังหวัด สมุทรปราการให้ตระหนักในประโยชน์ และเห็นความส�ำคัญของการเล่นกีฬา และออกก�ำลังกายเป็นส�ำคัญ ซึ่งจะส่งผลต่อการ พัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวจังหวัดสมุทรปราการ ทั้งในด้านสุขภาพร่างกาย มีพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง และด้าน สุขภาพจิตใจ สดชื่นแจ่มใส ยิ่งในปัจจุบัน กีฬาอาชีพ ก�ำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เยาวชนคนรุ่นใหม่มองการเล่นกีฬาสามารถเป็นอาชีพ เลี้ยงครอบครัวได้ ท�ำให้กระแสของกีฬาในประเทศไทยคึกคักเป็นอย่างยิ่ง สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสมุทรปราการ ก็เล็งเห็นใน ความส�ำคัญนี้ จึงได้มีการสนับสนุนและผลักดันนักกีฬาจากหลายประเภทกีฬา อาทิเช่น ฟุตบอล ฟุตซอล เจ็ตสกี และอีกหลาย ชนิดกีฬา จนประสบความส�ำเร็จในหลายชนิดกีฬา ทั้งนี้ก็เพื่อเพื่อให้พวกเขาพัฒนาตนมุ่งสู่ความเป็นเลิศและต่อยอดสู่การเป็น นักกีฬาอาชีพได้ในอนาคตอันใกล้ สุดท้ายนี้ ผมขอเชิญชวนให้ชาวจังหวัดสมุทรปราการทุกท่านร่วมกันเป็นหนึ่งแรงผลักดัน และก�ำลังใจส�ำคัญให้ลูก หลานชาวสมุทรปราการ ประสบความส�ำเร็จในเส้นทางการเป็นนักกีฬา สร้างชื่อเสียงให้จังหวัดสมุทรปราการ ต่อไป
วรพร อัศวเหม นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสมุทรปราการ
9
สารจากประธานชมรมนักธุรกิจและอุตสาหกรรม จังหวัดสมุทรปราการ นายภัคพล(สมคิด) รุ่งเรือง “สมุทรปราการ” เป็นจังหวัดใหญ่ ที่มี GDP สูงเป็นลำ�ดับต้นๆ ของประเทศ ก็ด้วยจากภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรม ที่ มีศักยภาพ และมีประสิทธิภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งสิ่งนี้เป็นเส้นเลือดใหญ่ที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจ และผู้คนใน จังหวัดนี้มาช้านาน ธุรกิจในจังหวัดสมุทรปราการ ยิ่งนานวัน ยิ่งเติบโต ยิ่งหลากหลาย ทั้ง SME รายเล็ก จนไปถึงโรงงานขนาดใหญ่ และ กอปรกับการมีจำ�นวนผู้ประกอบการหน้าใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากรุ่นพ่อสู่รุ่นลูก ทั้งธุรกิจใหม่ของคนรุ่นใหม่ ทำ�ให้กระผมมี ความคิดว่า เราควรรวมพลังกันเพื่อการพัฒนามากกว่าการมุ่งแข่งขันกันเอง จึงเป็นที่มาของการจัดตั้งชมรมนักธุรกิจ และ อุตสาหกรรม จังหวัดสมุทรปราการ โดยมีความตั้งใจที่จะนำ�พาธุรกิจของสมาชิกให้เติบโต อย่างสร้างสรรค์ มั่งคั่ง มั่นคง และ ยั่งยืน สร้างโครงสร้างพื้นฐานธุรกิจเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตตามศักยภาพ ชมรมนี้จะกลายเป็น Knowledge Center เพื่อแบ่งปันต่อยอดธุรกิจกันอย่างสร้างสรรค์ ช่วยเหลือกันฉันท์พี่น้อง และ ในอนาคตผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า พวกเราจะร่วมกันทำ�ให้จังหวัดสมุทรปราการ ก้าวขึ้นเป็นผู้นำ�เศรษฐกิจยุคใหม่ของประเทศ นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่สโมสรฟุตบอลจังหวัดสมุทรปราการ ได้จัดทำ�นิตยสาร Samutprakan vision ขึ้นเพื่อให้ เป็นนิตยสารประจำ�จังหวัด ทำ�หน้าที่สื่อสาร และประชาสัมพันธ์เรื่องราวน่ารู้ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภาคธุรกิจ และ อุตสาหกรรม ที่จะทำ�ให้คนสมุทรปราการ ได้รู้จักนักธุรกิจหน้าใหม่ และได้รับทราบถึงวิสัยทัศน์การทำ�ธุรกิจ ซึ่งจะเป็น ประโยชน์กับทุกภาคส่วน
ภัคพล(สมคิด) รุ่งเรือง ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ
11
สารจากนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลจังหวัดสมุทรปราการ นายพีรพัฒน์ ถานิตย์ สวัสดีครับ พี่น้องชาวจังหวัดสมุทรปราการที่มีหัวใจรักในกีฬาฟุตบอล หลังจากการจัดตั้งสมาคมฟุตบอลจังหวัด สมุทรปราการ มาได้เกือบ 1 ปี เป็น 1 ปีในการท�ำงานที่มีเรื่องราวมากมาย การเริ่มต้นท�ำอะไรมักเป็นเรื่องยาก และท้าทาย เสมอ แต่ถ้าลงมือท�ำด้วยความตั้งใจก็จะส�ำเร็จได้ กระผมขอถือโอกาสนี้เรียนให้ทราบถึงความคืบหน้าโครงการต่างๆ ที่สมาคม ได้ผลักดันจนเป็นผลส�ำเร็จ จากความตั้งใจที่จะพัฒนากีฬาฟุตบอลของจังหวัดสมุทรปราการ โดยมุ่งเน้นไปที่เยาวชน นั่นจึงเป็นที่มาของ “โครงการช้างเผือกสมุทรปราการเอฟซี” ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดสมุทรปราการ องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ, ส�ำนักงานเทศบาลนครสมุทรปราการ, โรงเรียนเทศบาล 1 (เยี่ยมเกษสุวรรณ), สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสมุทรปราการ และสมาคมกีฬาฟุตบอลจังหวัดสมุทรปราการ และสโมสรฟุตบอลจังหวัดสมุทรปราการ ท�ำการคัดเลือกนักเรียนผู้มีความสามารถเป็นเลิศด้านกีฬาฟุตบอล อายุระหว่าง 12–18 ปี (เกิดระหว่างปี พ.ศ.2543-2549) เพื่อ เข้าศึกษาในระดับมัธยมศึกษาที่โรงเรียนเทศบาล 1 (เยี่ยมเกษสุวรรณ) มากิน นอน ฝึกซ้อมร่วมกันเพื่อพัฒนานักกีฬาฟุตบอล เหล่านี้ให้มีทักษะ และความสามารถสูงสุดตามศักยภาพของแต่ละบุคคล และสามารถเล่นฟุตบอลเป็นทีมที่ดี โดยผลงาน ในปีแรกอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และ พร้อมที่จะพัฒนาในปีต่อไปอย่างสุดความสามารถ ในอนาคตอันใกล้นี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะได้เห็นนักฟุตบอลอาชีพ หรือ นักฟุตบอลทีมชาติที่เป็นผลผลิตจาก โครงการช้างเผือกสมุทรปราการ และที่สำ� คัญหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับการสนับสนุนที่ดีจากประชาชนชาวสมุทรปราการ ในโอกาสต่อไปครับ We are PRAKAN, We’ll grow together.
พีรพัฒน์ ถานิตย์ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลจังหวัดสมุทรปราการ
13
15
16
17
18
วัดอโศการาม
สมาธิ ปัญญา และความเลื่อมใสศรัทธาของชาวพุทธ
19
20
วั ด อ โ ศ ก า ร า ม วั ด อโศการามตั้ ง อยู ่ บ นพื้ น ที่ “นาแม่ขาว” เจ้าของที่ดิน ชื่อ นางกิงหงษ์ และนายสุเมธ ไกรกาญจน์ ได้ถวายที่ดินสร้างวัดประมาณ 53 ไร่ เมื่อปี พ.ศ.2497 จน กระทั่งปี พ.ศ.2498 จึงได้เริ่มตั้งส�ำนักขึ้นเป็นครั้งแรก โดยให้พระลูกศิษย์ คือพระครูใบฎีกาทัศน์ มาเฝ้าส�ำนัก แทน พร้อมกับลูกศิษย์อีก 5 รูป รวมมีพระที่ส�ำนักนี้ใน ครั้งเริ่มตั้ง จ�ำนวน 6 รูป ท่านพ่อลีได้เริ่มก่อตั้งส�ำนักสงฆ์เน้นวัตรปฏิบัติ ใน ทางธุดงควัตรอันสืบเนื่องจากท่านได้มีนิมิตว่าเป็น บริเวณ ทีบ่ รรจุพระบรมธาตุ การทีว่ ดั นีไ้ ด้ชอื่ ว่าวัดอโศการาม เพราะท่านพ่อลีประสงค์จะให้เป็นอนุสรณ์ระลึกถึงคุณ พระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์ของอินเดียที่ได้เผยแผ่ พระพุทธศาสนามายังแถบเอเชียโดยเฉพาะประเทศไทย ท่านพ่อลีได้คิดตั้งชื่อวัดนี้ไว้ตั้งแต่ครั้งที่ท่านจ�ำพรรษาอยู่ ในต�ำบลสารนาถ เมืองพาราณสี เมื่อออกพรรษาและได้ จัดงานพระราชทานเพลิงศพสมเด็จฯ เรียบร้อยแล้ว เป็น ปี พ.ศ.2498 ท่านพ่อลี จึงได้ออกไปจ�ำพรรษาที่วัด อโศการาม ในระหว่างนี้ ได้เริ่มคิดด�ำริจัดงานฉลอง สมโภช 25 พุทธศตวรรษ ในปีพ.ศ.2500 การด�ำริเรื่องนี้ ท่านได้ด�ำริมานานปีแล้ว คือเริ่มด�ำริตั้งแต่ปีที่ได้เดินทาง ออกมาจากดงบ้านผาแด่นแสนกันดาร (เชียงใหม่)
21
วัดอโศการาม ได้รับการพัฒนาสืบเนื่องมาโดย ล�ำดับ แม้หลังท่านพ่อลีได้มรณะภาพไปแล้ว (ปี พ.ศ. 2504) ได้มีการขยายพื้นที่ออกไป ทางด้านทิศตะวันออก ซึ่ ง เป็ น สถานที่ ตั้ ง ของวิ ห ารสุ ท ธิ ธ รรมรั ง สี ใ นปั จ จุ บั น พร้อมกันนั้นก็ได้ท�ำการสร้างพระธุตังคเจดีย์ ที่ท่านพ่อได้ วางแบบเอาไว้ ให้ส�ำเร็จลุล่วงไปด้วยดี เป็นปูชนียสถาน ประดิษฐานพระบรมสารีริธาตุ ไว้เป็นที่สักการะของเหล่า เทวดา และมนุษย์ทงั้ หลายเชือ่ ว่า “ธุตงั คเจดีย”์ เป็นเจดีย์ หมู่ 13 องค์วดั อโศการาม เป็นสถานทีป่ ฏิบตั ธิ รรมกัมมัฏฐาน ภาวนา ที่ท่านพ่อลี ได้วางรากฐานไว้ เหล่าศิษยานุศิษย์ ได้ปฏิบัติสืบ ๆ กันมาตราบเท่าทุกวันนี้ โดยเฉพาะหลัก อานาปานสติกัมมัฏฐานะ เป็นหลักฐาน ให้แก่ผู้สนใจ ได้ศึกษาทดลองปฏิบัติ จนเป็นที่น่าพอใจสมควรแก่การ ปฏิบัติของแต่ละท่าน จวบจนปัจจุบัน
22
23
พระธุตังคเจดีย์
24
25
26
พ ร ะ ธุ ตั ง ค เ จ ดี ย์ พระธุ ตั ง คเจดี ย์ ไ ด้ ส ร้ า งตามแบบที่ ท ่ า นพ่ อ ลี ก�ำหนดไว้ทุกปราการ คือ เจดีย์หมู่รวมเจดีย์ 13 องค์ เป็น สัญลักษณ์แห่ง “ธุดงควัตร 13 ข้อ” ตั้งอยู่บนพื้นที่ สี่เหลี่ยมจตุรัส ชั้นบนตรงกลางเป็นพระเจดีย์ ใหญ่ ซึ่ง เป็นองค์ประธาน พระเจดีย์ทุกองค์มีพระบรมสารีริกธาตุ บรรจุไว้ ในผอบทอง เงิน นาก พระเจดีย์องค์ประธานล้อม รอบ ด้วยบริวาร 3 ชั้น ชั้นละ 4 องค์ มีความหมายถึง สมาธิจิต เมื่อเป็นตามอรนิยมรรคโดยถูกต้อง ครบถ้วนแล้วจักเกิดญาณหยั่งรู้สังขารทั้งปวงตามความ เป็นจริง พระธุตังคเจดีย์ มีฐานสี่เหลี่ยมเปรียบด้วยมหา สติปัฎฐาน 4 กว้าง 3 วา หมายถึง ไตรสิกขา สูง 13 วา หมายถึง ธุดงควัตร 13 ประการ เมื่อมองประสานตรงๆ จะเห็นเจดีย์ล้อมวงเป็นคู่ หมายถึง พระธรรมกับพระวินัย อันเป็นหลักของพระพุทธศาสนา แต่ถ้าดูแนวเฉียงจะได้ พระเจดีย์ 7 องค์ หมายถึง โพชฌงค์ 7 ประการ พระธุตังคเจดีย์ เป็นเจดีย์หมู่ 13 องค์ 3 ชั้น แห่ง เดียวในประเทศไทยที่เป็นสัญลักษณ์และมีความหมาย ในธุดงควัตร 13 ข้อ ในพระพุทธสาสนาของกรรมฐาน พระพุทธเจ้าตรัสไว้เพื่อพวกเราทั้งหลายปฏิบัติ เพื่อสละ โลกามิส ไม่ติดอยู่ ในบ่วงของโลก คือ บุตร ภรรยา สามี ทรัพย์สมบัติ ยศศักดิ์ ชื่อเสียง อันเป็นเครื่องยึดถือ หน่วง เหนี่ยวใจให้หลงทาง และก็ทะนงตนว่าสมบูรณ์ ฉลาดดี
27
เจดีย์ประธานอยู่ตรงกลางขนาดใหญ่ ได้บรรจุ พระบรมสารีริกธาตุโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรม ราชินีนาถ ทรงเสด็จเป็นองค์ประธานในการบรรจุ เมื่อวัน ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ.2509 ปัจจุบันได้ปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 มาจนเสร็จ โดยพระธรรมวิสทุ ธิกมล (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน) เป็ น องค์ อุ ป ถั ม ป์ ส ร้ า ง และบรรจุ พระธาตุพระอรหันต์ 26 องค์ พร้อมแสดงพระธรรม เทศนาและรับผ้าป่าสงเคราะห์ โลกในงานเฉลิมฉลอง โดยมี ศ าสตราจารย์ ดร.สมเด็ จ พระเจ้ า ลู ก เธอ เ จ ้ า ฟ ้ า จุ ฬ า ภ ร ณ ว ลั ย ลั ก ษ ณ ์ อั ค ร า ช กุ ม า รี เสด็จทรงเป็ น ประธานบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ใน วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน 2551
28
29
30
อนุสาวรีย์พระเจ้าอโศกมหาราช ลานอนุสาวรีย์พระเจ้าอโศกมหาราช ขนาดใหญ่ กว่าองค์จริง 2 เท่า สร้างเมื่อ พ.ศ.2538 “อโศการาม” เป็นชื่อที่ท่านพ่อลี ธมิมธโร เจ้ า อาวาสรู ป แรกของวั ด อโศการาม ได้นำ� ชือ่ อารามทีพ่ ระเจ้าอโศกมหาราช ทรงสร้าง ไว้ทเี่ มืองปาฏลีบตุ ร ประเทศอินเดีย มาเป็นชือ่ ของวัด พระเจ้าอโศกมหาราช เป็นพระมหากษัตริย์องค์ ที่ 3 แห่งราชวงศ์ โมริยะ ประเทศอินเดีย ครองราชเมื่อปี พ.ศ.273 ต่อจากพระเจ้าพินทุสารฯ พระราชบิดา ท่าน เป็นจอมจักรพรรดิแห่งชมพูทวีป ส่วนทางศาสนจักร ทรงเป็นธรรมิกราชาเป็นเอกอัครพุทธศาสนูปถัมภกที่ สมควรยิ่งที่จะได้รับการเทิดพระเกียรติยกย่องเทิดทูน พระมหากรุณาธิคุณจากพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป โดย เฉพาะอย่างยิ่งทรงเผยแผ่พระพุทธศาสนามายังดินแดน สุวรรณภูมิ เป็ น ผลให้ พ ระพุ ท ธศาสนามายั ง ดิ น แดน สุวรรณภูมิ เป็นผลให้พระพุทธศาสนาด�ำรงตั้งมั่นใน ดินแดนแห่งนี้ เกือบเป็นเวลากว่า 2500 ปี
31
32
วิ ห า ร สุ ท ธิ ธ ร ร ม รั ง สี วิหารสุทธิธรรมรังสี สร้างปี พ.ศ.2527 แบบ ตึกจตุรมุก 3 ชั้น ยอดพระวิหารเป็นมณฑปปิดทองค�ำ บริสุทธิ์ เมื่อ พ.ศ.2530 ได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุบน ยอดมณฑป โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี ได้เสด็จแทนพระองค์ ในการประกอบพิธี บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2530 ภายในพระวิหารชั้น 3 ประดิษฐานพระประธาน คือ “พระพุทธชินราชจ�ำลอง” รูปหล่อหลวงพ่อปู่มั่น ภูริทตฺโต และสริระ ท่านพ่อลี ธมฺมธโร สิ่ ง ที่ ค วรท� ำ หลั ง จากที่ ได้ ก ราบสั ก การะ พระธุตังคเจดีย์เสร็จแล้วก็คือ การไปกราบศพท่านพ่อลี ซึ่งบรรจุเก็บไว้ภายในหีบทอง ตั้งอยู่บนแท่นประดับมุ ก อั น สวยงาม บนชั้ น 3 ของวิ ห ารสุ ท ธิ ธ รรมรั ง สี มี พระพุทธชินราชจ�ำลองเป็นพระประธานในวิหาร ทั้งยัง มีพระพุทธรูป หุ่นรูปเหมือนครูบาอาจารย์ ในสายพระป่า กรรมฐานอีกหลายรูป อาทิเช่น ท่านพระอาจารย์มั่น ภู ริทตฺโต พระอาจารสิงห์ ขนฺตฺยาคโม ตลอดจนรูปหล่อ เหมือน สมเด็จพระพุฒาจาร (โต พฺรหฺมรงฺสี) เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีพิพิธภัณฑ์บริขาร และหุ่นรูปเหมือน ท่านพ่อลี จัดวางไว้ ให้กราบไหว้บูชากันอีกด้วย
33
34
พ่อท่านลี วัดอโศการาม พ่อท่านลี วัดอโศการาม “พระอาจารย์ลี” พระ เกจิอีกรูปหนึ่งของจังหวัดสมุทรปราการ มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักและเคารพศรัทธาของชาวสมุทรปราการและ พุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป ด้วยเกียรติคุณของท่าน ในการปกครอง ปรับปรุงและพัฒนาวัดอโศการาม จน เจริญรุ่งเรืองสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน หลวงพ่อลี ธัมมธโร หรือท่านพ่อลี เกิดที่จังหวัด อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ.2449 ตอน เด็กๆ ค่อนข้างจะเลี้ยงยาก งอแง และขี้โรค เมื่อท่าน อายุได้ 12 ปี จึงได้เริ่มเรียนหนังสือไทย แต่สิ่งหนึ่งที่อยู่ ในความคิดมาโดยตลอดคือ เรื่องบาปบุญและปรารถนา อย่างยิ่งที่จะบวชเป็นพระภิกษุในภายภาคหน้า จนอายุ ครบ 20 ปีบริบูรณ์ ในปี พ.ศ.2468 หลวงพ่อลีท่านจึงได้ อุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์สมดังปรารถนา ในสังกัด มหานิกาย ต่อมาหลวงพ่อลีท่านได้พบและฟังเทศน์จาก พระอาจารย์บท ลูกศิษย์สายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เมื่อได้เห็นปฏิปทาและการปฏิบัติกิจสงฆ์จึงเกิดความ เลื่อมใสศรัทธา และออกธุดงค์ติดตามพระอาจารย์บท เพื่อไปพบพระอาจารย์มั่นซึ่งขณะนั้นจ�ำพรรษา อยู่ที่วัด บูรพา จ.อุบลราชธานี ท่านได้รับการแนะน�ำสั่งสอนจาก พระอาจารย์ มั่นเพียงสั้นๆ ว่า ค�ำว่า “พุทโธ” นี้ คือความ
35
พิเศษ เป็นดวงแก้วแห่งธรรม อันเป็นอุบายเบื้องต้นใน การปฏิบัติกรรมฐาน นอกจากนี้ หลวงพ่อลียังได้ศึกษา เพิ่มเติมจากพระอาจารย์สิงห์ ขนตยาคโม และพระ อาจารย์มหาปิ่น ปัญญาพโล ที่บ้านท่าวังหิน อีกด้วย พ่อท่านลีพากเพียรปฏิบัติธรรมและวิปัสสนา กรรมฐาน จนปี พ.ศ.2471 ท่านจึงได้เข้าญัตติเป็นพระ ธรรมยุต ที่วัดบูรพา โดยพระอาจารย์มั่นเป็นผู้บรรพชา ให้เป็นสามเณร และพระปัญญาพิศาลเถร (หนู) แห่ง วัดสระปทุม เป็นพระอุปัชฌาย์ เริ่มแรก ”พระอาจารย์ลี” ท่านออกธุดงค์พร้อม พระอาจารย์มั่น ต่อมาหลวงพ่อลีจึงไปโดยล�ำพังยัง สถานที่ต่างๆ รวมทั้งเขมร พม่าและอินเดีย ที่สุดหลวง พ่ อ ลี ท ่ า นได้ ม าจ� ำ พรรษาที่ ส� ำ นั ก สงฆ์ แ ม่ ชี ข าว จ.สมุทรปราการ เริ่มก่อสร้างเสนาสนะต่างๆ และ พัฒนาเรื่อยมาจนเป็น “วัดอโศการาม” นับเป็นพระสุ ปฏิปันโนผู้ประพฤติดีประพฤติชอบ เป็นที่เลื่อมใสของ พุ ท ธศาสนิ กชนทั่ ว หล้ า สมณศั กดิ์สุด ท้ายได้รับ พระราชทาน เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นพระราชาคณะชั้น สามัญ ที่พระสุทธิธรรมรังสี คัมภีรเมธาจารย์ ในปี พ.ศ. 2500 “พระอาจารย์ลี” ท่านมรณภาพเมื่อปี พ.ศ.2504 สิริอายุ 55 ปี 3 เดือน 35 พรรษา
38
39
40
41
โครงการนักกีฬาช้างเผือกสมุทรปราการ
ตั้งหลักนับ 1 เป็นปีแรก ส� ำหรั บ โครงการ “ช้างเผือกสมุท รปราการเอฟซี ” ซึ่งเป็น ทุ น เรี ยนฟรี ส�ำ หรับเยาวชนผู้มีทักษะเชิงลูก หนั ง เป็ น เลิศ ที่เกิดจากการสนับสนุนของหลายภาคส่วนในจังหวัด อัน ได้แก่ สโมสรฟุตบอลจังหวัดสมุทรปราการ, เทศบาลนคร สมุทรปราการ, โรงเรียนเทศบาล 1 (เยี่ยมเกษสุวรรณ)
รวมไปถึงผู้ ใหญ่ ในจังหวัดที่จะขาดไม่ ได้ น�ำโดย “บิ๊ก เอ๋” ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรปราการ และประธานที่ปรึกษาสโมสรฟุตบอลจังหวัดสมุทรปราการ และ ยังมีผู้สนับสนุนใจดี อาทิ รพ.สินแพทย์ ที่เล็งเห็นความส�ำคัญ ให้การสนับสนุนโครงการด้วยดี
42
“ช้างเผือกสมุทรปราการเอฟซี” มีเป้าหมายที่แน่วแน่ ในการสร้างเยาวชนคนลูกหนังขึ้นมาเป็นก�ำลังส�ำคัญ ของจังหวัดสมุทรปราการ และประเทศชาติต่อไป แต่จะเก่งกีฬา เพียงด้านเดียวไม่ ได้ การศึกษา ก็เป็นสิ่งส�ำคัญที่ช่วยขัดเกลา น้องเยาวชนเติบโตเป็นผู้ ใหญ่ที่มีคุณภาพด้วย ตลอดช่วง 1 ปี ที่ผ่านมา สุบิน ทองน้อย ที่ปัจจุบันนั่ง ต�ำแหน่ง รักษาการ ผอ.โรงเรียนเทศบาล 1 (เยี่ยมเกษสุวรรณ) ที่ เ ป็ น บุ ค คลส� ำ คั ญ ในการผลั ก ดั น เยาวชน “ช้ า งเผื อ ก สมุทรปราการเอฟซี” ตบเท้ า เข้ า ร่ ว มแข่ ง ขั น ในแทบจะทุก รายการ เช่นกันกับยามที่ท่านว่างจากภารกิจต่างๆ ก็ไม่พลาด เลยที่จะตามไปดูพัฒนาการของเหล่าต้นกล้าด้วยความใกล้ชิด
43
“ช้างเผือกสมุทรปราการเอฟซี” เข้าร่วมแข่งขันรายการน้อยใหญ่ ในระดับเยาวชน แม้ ในการแข่งขัน จะแพ้บ้าง ชนะบ้าง คละเคล้ากันไป แต่สิ่งที่พวกเราชาว “ป้อมปราการ” ไม่ลืมที่จะพร�่ำสอนลงไปคือ ความมี น�้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย โดยทางด้าน “มาร์ค” บูรไท พัลลภดิษฐ์สกุล เลขาธิการสโมสรฟุตบอลจังหวัด สมุทรปราการ ในต�ำแหน่งผู้อ�ำนวยการโครงการ กล่าวถึงภาพรวม
“โครงการนี้ เป็นโครงการนำ�ร่องครับ เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยมี การทำ�อย่างเป็นระบบมาก่อน อาจจะติดขัดบ้างในช่วงเริ่มต้น แต่ผมเชื่อ ว่าถ้าทุกฝ่ายรวมใจช่วยกัน โครงการนี้จะประสบความสำ�เร็จได้ในอนาคต ครับ ปีนี้สโมสรเราประกาศชัดเจนครับ อยากวางโครงสร้างการพัฒนา เยาวชนแบบจริงจังเพื่อความยั่งยื่นในอนาคต ถึงสโมสรเราไม่ได้มีงบ ประมาณที่เยอะ แต่ก็ต้องทำ� ซึ่งก็ได้รับความเมตตาจากทุกภาคส่วนทั้ง ภาครัฐ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มองเห็นความสำ�คัญและให้การ สนับสนุน ทำ�ให้วันนี้เราได้เริ่มต้นที่รุ่นเล็กก่อน 13-15 ปี เพราะอยาก ปลูกฝังทัศนคติการเป็นนักกีฬาที่ดีทั้งในและนอกสนาม อยากให้เขารู้สึก ภูมิใจว่าทีมที่เขาเล่น คือตัวแทนของคนทั้งจังหวัด ต้องทุ่มเทกับการฝึก ซ้อมและแข่งขันอย่างเต็มที่”
45
46
47
26 ปี มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยคุณธรรม เติบโตสู่ความสำ�เร็จที่ยั่งยืน มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติมีประวัติการก่อตั้งและจัดการศึกษากว่า 76 ปี นับตั้งแต่โรงเรียนผดุงครรภ์อนามัย เป็นวิทยาลัย หัวเฉียว และก่อตั้งเป็นมหาวิทยาลัยเมื่อปี พ.ศ. 2535 มหาวิ ท ยาลั ย เกิ ด จากการ “ให้ ” ของมู ล นิ ธิ ป ่ อ เต็ ก ตึ๊ ง และชาวไทยเชื้ อ สายจี น ที่ ส� ำ นึ กในพระมหากรุณาธิคุณบรมมหากษัตริย์ ไทย และตอบแทนบุญคุณแผ่นดินไทยที่ได้อาศัยพ�ำนักพักพิงท�ำมาค้าขายจนเจริญรุ่งเรืองประสบความส�ำเร็จ ร่วมกันเสียสละบริจาคเงินช่วยเหลือสนับสนุนก่อตั้งมหาวิทยาลัยแห่งนี้ขึ้นมา “ขอให้ทำ� มหาวิทยาลัยแห่งนี้ให้ดี” กระแสพระราชด�ำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 พระราชทานแก่ มหาวิทยาลัยในวันเสด็จพระราชด�ำเนินมาทรงเปิดมหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2537 เป็นหลักส�ำคัญที่น้อมน�ำใจให้ ได้ส�ำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ อยู่เสมอว่าการเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีให้สมกับที่ทรงรับสั่งนั้น จะต้องดีทั้งกาย วาจา และใจ ด้วยความรู้และคุณธรรมจริยธรรม ตลอดระยะเวลากว่า 26 ปี มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติได้ ใช้เวลาบ่มเพาะคุณธรรมให้แก่บุคลากรและนักศึกษามาอย่างต่อเนื่อง ยาวนานนับแต่ก่อตั้งมหาวิทยาลัย และก�ำหนดเป็นคุณธรรมหลัก 6 ประการ ได้แก่ ขยัน อดทน ประหยัด เมตตา ซื่อสัตย์ กตัญญู สอดแทรกอยู่ ใน การเรียนการสอนและการปฏิบัติงานจนกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กร ทั้งได้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักในการด�ำเนินงานและบริหารงาน ของมหาวิทยาลัย ด้วยเจตนารมณ์ที่จะให้นักศึกษา อาจารย์ และบุคลากรทุกคนเป็นบุคคลที่มีคุณภาพ มีสุขภาพที่ดี และที่ส�ำคัญ คือ เป็นคนดีมี คุณธรรม ตามบทบาทส�ำคัญในการเป็นมหาวิทยาลัยคุณธรรมที่จะผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพและคุณธรรมออกมารับใช้สังคมและประเทศชาติ อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน การพัฒนาที่ยั่งยืนใด ๆ จะประกอบด้วยพื้นฐานที่สำ� คัญ 3 องค์ประกอบ ที่เชื่อมโยงสัมพันธ์กัน คือ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติเห็นถึงคุณค่าของความยั่งยืน จึงได้ปลูกฝังนโยบายพัฒนานักศึกษาและบุคลากรด้วย 3 วิถีคุณภาพ เพื่อความ ส�ำเร็จที่ยั่งยืน HCU Lifelong Quality ได้แก่ 1. ด้านการแสวงหาความรู้และทักษะ (Lifelong Learning Quality) 2. ด้านคุณธรรม จริยธรรม (Lifelong Personal and Social Quality) 3. ด้านสุขภาพพลานามัย (Lifelong Health Quality) รวมทั้งความยั่งยืนของชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย ตามปณิธานที่ปลูกฝังอยู่ ในใจบัณฑิตของมหาวิทยาลัย “เรียนรู้เพื่อรับใช้สังคม” เติบโตสู่อนาคตที่ยั่งยืนของสังคมและสิ่งแวดล้อมร่วมกัน
26 ปี แห่งการก่อตัง้ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ยังคงเป็น 26 ปี แห่งการมุง่ มัน่ พัฒนาคุณภาพควบคูไ่ ปกับคุณธรรมอย่างต่อเนือ่ ง และเติบโตสูค่ วามส�ำเร็จทีย่ งั่ ยืน 48
พื้นที่ส่วนขยาย ม.หัวเฉียวฯ ก้ า วต่ อ ไปของการพั ฒ นามหาวิ ท ยาลั ย ให้ เ ป็ น สถาบั น คุ ณ ภาพทางการศึ ก ษา ที่สมบูรณ์แบบ มีความมั่นคง การพัฒนาพื้นที่ 36 ไร่ ด้านหลังมหาวิทยาลัยในโครงการพื้นที่ ส่วนขยาย ม.หัวเฉียวฯ (HCU 2) จัดสร้างเป็นอาคารเรียน อาคารปฎิบตั กิ าร และอาคารต่าง ๆ บน พื้นที่ใช้สอยรวมทั้งสิ้น 101,176 ตารางเมตร เพื่อรองรับการขยายหลักสูตร จ�ำนวนนักศึกษา ที่เพิ่มขึ้น และการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมจากมูลนิธิ ป่อเต็กตึ๊งด้วยมูลค่างบประมาณที่ดินและการก่อสร้างมากกว่า 1,800 ล้านบาท
ชุมชนปลอดภัย มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ องค์การบริหารส่วนต�ำบลบางโฉลง และ สถานีต�ำรวจภูธรบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ผนึกก�ำลังร่วมกันขับเคลื่อนโครงการ ขับขี่ปลอดภัยสวมหมวกนิรภัย 100% เพื่อความปลอดภัยของบุคลากร นักศึกษา ผู้ขับขี่ รถจักรยานยนต์เข้า-ออก และชุมชนโดยรอบมหาวิทยาลัย รวมทั้งสร้างความตระหนักถึง การใส่ ใจต่อการสวมหมวกนิรภัยก่อนการขับขี่ทุกครั้ง
มฉก. บริการชุมชน เป็นโครงการที่นำ� อาสาสมัครของคณะวิชาต่าง ๆ เดินทางไปให้บริการด้านสุขภาพแก่ชุมชน เช่น การตรวจสุขภาพทั่วไป การฝังเข็ม การตรวจมะเร็งเต้านม การตรวจไขมันและน�ำ้ ตาลในเลือด กายภาพบ�ำบัด เป็นต้น ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการและใกล้เคียง โดยจะออกบริการชุมชน ในวันอาทิตย์ของทุกเดือน ๆ ละ 1 ครั้ง
หุ่นคนหัวเฉียว ระบ�ำนางฟ้า เป็นชุดหนึ่งในการแสดงหุ่นคนหัวเฉียวแบบต่าง ๆ ทั้งแบบไทย แบบจีน และอื่น ๆ ที่ถ่ายทอดความงามของท่วงท่าคนเป็นหุ่น มีเพียงแห่งเดียวที่ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มรังสรรค์ขึ้น ถือเป็นศิลปะการแสดง ร่วมสมัยทีม่ เี อกลักษณ์โดดเด่น สร้างชือ่ เสียงให้กบั มหาวิทยาลัยในระดับชาติและนานาชาติ
วิถีพิสุทธิ์ี (Proven Path)
ประติมากรรม “วิถีพิสุทธิ์” ของนกหงังหรือห่านป่า สือ่ ความหมายถึงการเป็นผูน้ ำ� และผูต้ ามที่ดี ความรับผิดชอบในหน้าที่ และความมีระเบียบวินัย อันจะเป็นแนวทางการด�ำเนินชีวิตสู่ความส�ำเร็จ ของส่วนรวมและตนเองที่ยั่งยืน
จิตอาสา ลูกโพธิ์อาสา เป็ น กิ จ กรรมออกค่ า ยของนั ก ศึ ก ษาอาสาสมัครที่มีจิตอาสา เพื่อเดินทางไปพัฒนาพื้นที่ ในถิ่นทุรกันดาร หรือประสบเหตุภัยพิบัติ เช่น การช่วยท�ำ ความสะอาดหลังน�้ำท่วม การสร้างห้องสมุด การทาสีโรงเรียน เป็นต้น
49
ความกตัญญู หนึ่งในค�ำสอนของบรรพชนจีน 6 ประการ ได้แก่ “ขยัน อดทน ประหยัด เมตตา ซื่อสัตย์ และกตัญญู” ในทุก ๆ ปี มหาวิทยาลัยจึงจัดพิธีสักการะหลวงปู่ไต้ฮง พระภิกษุสงฆ์ ที่มีจริยวัตรแห่ ง เมตตาธรรมในการช่ ว ยเหลื อ เพื่ อ นมนุษย์ เพื่อเป็นการน้อมร�ำลึก ด้วยความกตัญญู เผยแพร่ชีวประวัติ และคุณธรรมความดีงาม
วิทยาศาสตร์สุขภาพ การครอบแก้ว เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาผู้ป่วยของศาสตร์การแพทย์แผนจีน ใช้ หลักการสูญญากาศ โดยการจุดไฟเพือ่ ลดอากาศในแก้วแล้วครอบไปบนร่างกาย ซึง่ ความร้อน จะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว ปรับระบบไหลเวียนเลือ ดให้ ดีขึ้ น ช่วยขับของเสียและระบาย ความร้อนออกจากร่างกาย การครอบแก้วควรท�ำการรักษาโดยแพทย์จนี ทีม่ คี วามรูค้ วามช�ำนาญ
จักรยานสีขาว เป็นโครงการหนึ่งที่ต้องการสร้างจิตสำ�นึกในการรักษาสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณ การใช้พลังงาน และส่งเสริมให้ทุกคนออกกำ�ลังกายเพื่อสุขภาพ จึงได้รณรงค์ ให้บุคลากร และนักศึกษาใช้จักรยานสัญจรภายในมหาวิทยาลัย โดยมีการกำ�หนดเส้นทางพิเศษสำ�หรับ จักรยานบนถนนรอบมหาวิทยาลัย
ชีวิตไร้สารพิษ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติให้ความส�ำคัญกับความปลอดภัยในการบริโภค เป็นอย่างมาก จึงได้รณรงค์ ให้ ใช้กล่องชานอ้อยบรรจุอาหารแทนกล่องโฟมและพลาสสติก บรรจุภัณฑ์แบบไบโอสามารถใช้ ใส่อาหารได้ทั้งเย็นจัดและร้อนจัด ไม่มีสารปนเปื้อนก่อมะเร็ง และย่อยสลายได้ โดยเวลาเพียง 45 วัน
การฝึกประสบการณ์วิชาชีพ เป็ น การเสริ ม ทั ก ษะและประสบการณ์ ใ ห้ เ ตรี ย มพร้ อ มส� ำ หรั บ การท� ำ งาน เปิดโอกาสให้นักศึกษาน�ำความรู้ทางทฤษฎีไปสู่การฝึกปฎิบัติในระยะเวลาที่ก�ำหนด ท�ำให้ นักศึกษาเห็นภาพการท�ำงานที่แท้จริงซึ่งจะช่วยให้เข้าใจความต้องการทั้งจากตนเองและ บริษัทที่เป็นนายจ้าง
ไท้เก๊ก มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติได้ ให้ความส�ำ คัญด้านสุขภาพจึงได้บรรจุ การร�ำไท้เก๊ก กีฬาดั้งเดิมของชาวจีนให้เป็นวิชาบังคับในหลักสูตร เพื่อเป็นการเสริมสร้าง สุขภาพแก่นักศึกษาทุกคน จิตวิญญาณการร�ำไท้เก๊ก กายเคลื่อนไหว ใจสงบนิ่ง ท่วงท่าร่ายร�ำ มั่นคงดั่งขุนเขา นุ่มเบาเหมือนสาวไหม ลื่นไหลดั่งสายน�้ำ 50
51
คุณศิริภัสสร ปิยนันทวารินทร์
กับบทบาทอันทรงเกียรติ
ผู้พิพากษาสมทบ ศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดสมุทรปราการ
52
คุณศิรภิ สั สร ปิยนันทวารินทร์ สุภาพสตรี ที่ ป ระสบความส� ำ เร็ จ อย่ า งสู ง ท่ า นหนึ่ ง ในจั ง หวั ด สมุทรปราการ โดยปัจจุบนั นอกจากท่านจะด�ำรงต�ำแหน่ง รองประธาน บริษัท ปิยะ–ซันอินเตอร์กรุ๊ป จ�ำกัด ผูจ้ ำ� หน่ายอุปกรณ์ ไฟฟ้าทั้งปลีกและส่ง เป็นตัวแทน จ�ำหน่ายสายไฟ YAZAKI , สายไฟฟ้า , Phelps dodge , มิเตอร์ไฟฟ้า MITSUBISHI อย่างเป็นทางการ ท่ า นยั ง ประกอบธุ ร กิ จ หลากหลาย อาทิ สถานีปั๊มน�้ำมันบางจาก (แพรกษา), โรงงานประกอบ AGV, โรงงานประกอบตู้ ไฟฟ้า, สนามฟุตบอลหญ้า เทียมในร่ม และเวทีมวย เดอะบลูอารีนา (แพรกษา 900 ม.), เวียงศิริล�ำพูนรีสอร์ท (ล�ำพูน) ฯลฯ “เราประกอบธุรกิจมากว่า 30 ปี ซึ่งการ ประกอบธุรกิจมานาน เมื่อถึงจุดที่เราคิดว่าสมควร แก่เวลาแล้ว เราพร้อมที่จะคืนก�ำไรสู่สังคมบ้าง โดย ช่วยสังคมทั้งก�ำลังกาย และก�ำลังทรัพย์ ตามความ ถนัด และความสามารถของเรา ที่ทำ� ให้เรารู้สึกภูมิใจ สุขใจ และเป็นการตอบแทนสังคมทางหนึ่งด้วย” คุณศิริภัสสร เกริ่นน�ำถึงการตัดสินใจท�ำความดีเพื่อ ตอบแทนสังคม แม้ ป ระสบความส� ำ เร็ จ อย่ า งสู ง แต่ ท ่ า น ไม่หยุดแค่นั้น คุณศิริภัสสร กลับเลือกท�ำกิจกรรม ตอบแทนสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยรับบทบาทหน้าที่ แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น ผู้พิพากษาสมทบ ศาล เยาวชน และครอบครั ว จั ง หวั ด สมุ ท รปราการ, ผู้อ�ำนวยการสโมสรฟุตบอลจังหวัดสมุทรปราการ ฯลฯ คุณศิริภัสสร ปิยนันทวารินทร์ กล่าวกับทีม งานนิตยสารสมุทรปราการ วิชั่น ถึงหน้าที่ และ บทบาท เพื่อเป็นการตอบแทนกลับยังจังหวัด และ ประเทศชาติ “ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จากรัชกาล ที่ 9 ให้ ด�ำ รงต� ำ แหน่ ง เป็ น ผู ้ พิ พ ากษาสมทบ 53
ศาลเยาวชน และครอบครัว จังหวัดสมุทรปราการ จากความที่ อ ยากจะเข้ า มาช่ ว ยสั ง คม โดยสมัคร มาที่นี่ เพราะเยาวชนเป็นอนาคตของชาติ ปัจจุบัน เด็กและเยาวชนมีปัญหากันมาก หากเราปรับเปลี่ยน พฤติกรรมเด็ก และเยาวชนให้เป็นคนดีได้ ก็จะช่วย สังคม และประเทศชาติได้อีกทางหนึ่ง” “ปกติเป็นคนไม่ชอบกีฬาฟุตบอลเท่าไหร่ แต่ ที่เข้ามามีบทบาททางด้านกีฬาชนิดนี้ ก็เพราะทีม สมุทรปราการเอฟซี เป็นทีมของจังหวัดสมุทรปราการ และเราคิ ด ว่ า ที ม ฟุ ต บอลไปแข่ ง ที่ ไ หน ก็เป็นการ สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดได้ด้วย อีกทั้งท่านประธาน สโมสร ก็เป็นคนมีวิสัยทัศน์ และมีทีมงานน้องๆ ที่มี คุณภาพ ยิ่งท�ำให้เราอยากร่วมงานด้วย” นอกจากนีแ้ ล้ว คุณศิรภิ สั สร ปิยนันทวารินทร์ ยังเผยมุมมองต่อจังหวัดสมุทรปราการ โดยเล็งเห็นว่า ทุกคนควรมีส่วนร่วมกันในการสอดส่องพฤติกรรม ของเยาวชนในจังหวัดให้ห่างไกลจากยาเสพติด เพื่อที่ จะได้เติบโตขึน้ เป็นบุคลากรทีม่ คี ณ ุ ภาพของชาติตอ่ ไป รวมไปถึงการพัฒนาการท่องเที่ยวในจังหวัดเพื่อสร้าง รายได้ ให้ชุมชน และสังคม “จังหวัดสมุทรปราการเป็นจังหวัดเล็กแต่มี รายได้มาก มีพื้นที่ติดกับ กรุงเทพฯ หากมีการ รณรงค์ ให้ประชากรในจังหวัดช่วยกัน สอดส่องพฤติกรรม ของเยาวชน และเด็กๆ เพื่อลดปัญหายาเสพติดใน เด็กและเยาวชน เพราะเด็กและเยาวชนเป็นอนาคต ของชาติ ต้องมีคุณภาพ ห่างไกลยาเสพติด” “เรามองว่าเรื่องการประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับ การท่องเที่ยวของจังหวัดเป็นสิ่งที่สำ� คัญ และควรที่ จะพัฒนาให้เป็นรูปธรรมมากกว่านี้ เพื่อให้ประชากร ในจังหวัดมีรายได้ เป็นการเสริมสร้างสังคม คนใน จังหวัดให้มีคุณภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และเป็นการ สร้างชื่อเสียงให้กับ จังหวัดสมุทรปราการด้วย”
“คุณเบน” พงษ์ศิริ ปิยนันทวารินทร์ จากความชื่นชอบ สู่ธุรกิจสนามฟุตบอลหญ้าเทียม
กีฬาฟุตบอล กับ สังคมไทย แทบจะแยกกันไม่ออก เมื่อกระแสความชื่นชอบที่ฝังรากกับผู้คนในสังคม ท�ำให้ธุรกิจ กีฬาฟุตบอลยังคงเติบโตขึ้นแม้ ในยุคเศรษฐกิจ ตกสะเก็ด ซึ่ง ทางทีมงานนิตยสารสมุทรปราการ วิชั่น ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “คุณเบน” พงษ์ศิริ ปิยนันทวารินทร์ ผู้บริหารหนุ่มคนรุ่นใหม่ เจ้าของธุรกิจสนามฟุตบอลหญ้าเทียม เดอะ บลู อารีนา ถ.แพ รกษา กับมุมมองที่มีต่อวงการกีฬาในปัจจุบัน จุดเริ่มต้น ของความชื่ น ชอบ แนวทางต่ อ ยอดของธุ ร กิ จ กี ฬ า ใน จ.สมุ ท รปราการ ที่ ยั ง ไปได้ อี ก ไกล “คือเรามีธุรกิจกับทางครอบครัวอยู่แล้ว หลักๆ คือ บริษัท ปิยะซันต์ อินเตอร์กรุ๊ป จ�ำกัด ที่เป็นบริษัทขายส่งอุปกรณ์
ไฟฟ้า ซึ่ ง จุ ด เริ่ ม ต้ น ของการท� ำ สนามฟุ ต บอลหญ้ า เที ย ม เดอะ บลู อารีนา คือผมเป็นเด็กบ้าบอลอยู่แล้ว ซึ่งสโมสรที่ชอบ คือเชลซี ที่เริ่มเชียร์จริงจังตั้งแต่ปี 90 เป็นต้นมา มันเริ่มมาไม่ ได้ต่างจากเด็กไทย คนไทยทั่วไปครับ คือเราชอบดูบอลอังกฤษ ฉะนั้นมันต้องมีทีมเชียร์สักทีม ซึ่ง เชลซี ในเวลานั้นไม่ ได้ เป็นทีมที่อยู่ ในกระแสหลักแบบแมนฯ ยู, ลิเวอร์พูล อีกทั้งทีม เชลซี เวลานั้นมีสตาร์อย่าง จานฟลังโก้ โซล่า มันท�ำให้เราเริ่ม ตกลงปลงใจเชียร์ สิงห์บลูส์ ตั้งแต่นั้นคือความชื่นชอบตรงนี้มัน จุดประกายให้ ในเวลาว่างเรามักนัดกับเพื่อนๆ เตะฟุตบอลกัน อยู่แล้ว มันท�ำให้เราอยากที่จะมีสนามของเรา ที่เป็นศูนย์รวมใน การนัดรวมกลุ่มเพื่อนๆ มาเตะที่นี่ มาเตะสนามของเรา นั่น
54
คือจุดเริ่มต้นในการก่อสร้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียม เดอะ บลู อารีนา” “คุณเบน” เกริ่นน�ำถึงจุดเริ่มต้นในการลงมือสร้างสนาม ฟุตบอลหญ้าเทียม เดอะ บลู อารีนา จับธุรกิจสนามฟุตบอลหญ้าเทียมแล้ว แต่ “คุณเบน” ยอมรั บ ว่ า ยั ง ไกลกั บ การที่ ต นจะเข้ า ไปนั่ ง บริ ห ารที ม ฟุ ต บอล จริงจังสักทีม “จริงๆ หลักการบริหารผมไม่ ได้รู้เยอะอะไร คือเรา อาจมีเล่นเกมผู้จัดการทีม FM, CM อยู่บ้าง มันท�ำให้มีไอเดีย การ สร้างอะคาเดมี่ การฝึกซ้อม ทีมสตาฟฟ์ อยู่บ้างเล็กน้อย แต่ กับการท�ำทีมฟุตบอลจริงๆ มองว่ามันยังเป็นเรื่องที่ไกลตัวอยู่ มาก” ผู้บริหารหนุ่มทายาทตระกูล ปิยะนันทวารินทร์ กล่าว ต่อแม้ปัจจุบัน เดอะ บลู อารีนา ยังไม่ถึงกับจินตนาการที่วาดไว้ แต่พร้อมที่จะเดินหน้าต่อยอด เฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจกีฬายังมี แนวโน้มที่จะเติบโตได้อีก “3 ปี ที่เดอะ บลู อารีน่า ก่อตั้งขึ้นมา ยอมรับว่ามันยังไม่ถึงกับเป้าหมายที่เราวาดหวังเอาไว้ มันมาถึง ประมาณครึ่งทางที่คิดไว้ ส่วนหนึ่งเพราะรถไฟฟ้าสถานีแพรกษา เพิ่งจะเปิดให้บริการ และถนนในเส้นนี้ก็มีการปรับปรุงตลอด มันท�ำให้เกิดความไม่สะดวก และยังมีปัญหาอยู่บ้าง คือทุกวันนี้ สนามเรามีการใช้งานช่วงเย็น ถึงดึก แต่ช่วงเช้า ถึงบ่าย มันไม่มี คน เราก็มีไอเดียหลายอย่างที่จะมากระตุ้นตรงนี้ มีคิดไว้หลาย วิธีมาก อาทิ สนามซ้อมโดรน, ท�ำกิจกรรม, สปอร์ตเซนเตอร์ ที่มี ทั้งสนามบาสฯ สระว่ายน�้ำ แต่ด้วยพื้นที่มันจ�ำกัดท�ำให้ยากในการ จัดการ หรือแม้กระทั่งฟิตเนสที่ผมมองว่ามันไปได้ และอยากจะ ท�ำขึ้นในอนาคต คือเราอยากให้มันถูกใช้ประโยชน์ ให้มากที่สุด” “ทุกวัน นี้ถือว่า บูมแล้วครับกับกระแสความชื่น ชอบ ของคน จ.สมุทรปราการ ส่วนคนจะเข้ามามีส่วนร่วม หรือตื่นตัว ขึ้นกว่านี้ ก็คงต้องเป็นหน้าที่ของสโมสรฟุตบอลในจังหวัด ที ่ จะท�ำอย่างไรให้เกิดกระแสจุดติดมากกว่านี้ แต่ก็เข้าใจว่าการ
ท�ำทีมฟุตบอลมันต้องใช้ทุนเยอะมาก ก็เข้าใจ แต่ส่วนตัวมองว่า หากสโมสรฯ กล้าลงทุนดึงอดีตผู้เล่นฝีเท้าดีที่ทุกคนรู้จัก แบบที่ เมืองทองฯ เคยดึง ฟาวเลอร์ มาขายเสื้อ มาปั้นกระแส ถ้าท�ำ แบบนั้นได้คิดว่าช่วยสร้างกระแสได้เยอะ” “กระแสกี ฬ าในบ้ า นเรามองว่ า มั น เป็ น ไปในทิ ศ ทาง บวกเยอะมาก ทุกวันนี้สนามบอลก็ผุดขึ้นไม่หยุด โดยเฉพาะกับ กีฬาฟุตบอลที่เป็นกีฬายอดนิยมเบอร์หนึ่งของประเทศไทย ทุก วันนี้เราลงมาท�ำธุรกิจกีฬาฟุตบอลเพียงอย่างเดียว แต่คือเรามี ความชอบในกีฬาหลายชนิดมาก แต่ยังไม่มีโอกาสลงมือท�ำอย่าง จริงจัง อาทิ กีฬากอล์ฟ, กีฬาบาสเกตบอล ฯลฯ” กับ สนามมวย เดอะ บลู อารีนา ที่มาเปิดอยู่ ในพื้นที่ เดียวกัน “คุณเบน” มองว่ามันเป็นส่วนผสมที่ลงตัวที่เอื้อ ประโยชน์ ให้กัน และกันได้อย่างดี “ทุกวันนี้ทั้งสนามมวย และ สนามบอล มันเดินไปด้วยกัน มันเอื้อกัน คือทางสนามมวยก็ พยายามที่จะจัดกิจกรรมน�ำนักมวย มาเตะบอลนัดพิเศษ เป็นการโปรโมทร่วมกันที่ดี ซึ่งผมมองว่าสนามมวยเดอะบลูอารี นา โตเร็วมาก มีการถ่ายทอดสดเป็นประจ�ำ และเริ่มมีแฟนมวย ที่รู้จัก และติดตามเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ” สุดท้าย คุณพงษ์ศิริ ปิยนันทวารินทร์ ยังทิ้งท้ายฝาก นิตยสาร สมุทรปราการ วิชั่น เป็นอีกกระบอกเสียง ประชาสัมพันธ์ ให้คนในพื้นที่แพรกษา และ จ.สมุทรปราการ หัน มาออกก�ำลังกายกันมากขึ้นด้วยว่า “อยากให้ เดอะ บลู อารีนา เป็นอีกสนามฟุตบอลหญ้าเทียม ที่ทุกคนนัดมาเตะฟุตบอล มา ออกก�ำลังกาย มาพักผ่อนกันครับ ที่นี่เราบริการด้วยความเป็น กันเอง ราคาไม่แพง และที่ส�ำคัญคือเราเป็นสนามในร่ม ระดับ คุณภาพ ถ้าเป็นเด็ก เยาวชน ก็เชิญมาได้เลยครับเรามีราคา พิเศษให้ด้วย สนใจก็มาใช้บริการกันได้ครับ”
55
56
ท�ำความรู้จักกับสังเวียนนักสู้...
สมุทรปราการวิชั่น ฉบับต่อไป...
57
60
ย้อนรอยโบสถ์เก่า200ปี...ที่นี่วัดบางโฉลงใน
61
62
พ ร ะ พุ ท ธ รู ป ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ น่ า ตื่ น เต้ น ไม่ น ้ อ ยกั บ การได้ เ ดิ น ทางออกไป สัมผัสบรรยากาศธรรมชาติ และตามรอยประวัติศาสตร์ ที่ยังคงเหลืออยู่ ในสมุทรปราการ โดยเช้านี้ตั้งใจจะไป เก็บเกี่ยวเรื่องราวในอดีตกว่า 200 ปี ที่วัด บางโฉลงใน อ� ำ เภอบางพลี วั ดที่ ไ ด้ ชื่ อว่ ามี โ บสถ์ เ ก่าศิลปะล�้ำค่า งดงามตระการตามาก หลั ง จากปั ก หมุ ด ระบุ จุ ด หมายปลายทาง “วัดบางโฉลงใน” ผ่านแอพพลิเคชั่นแผนที่ในสมาร์ทโฟน จนได้เส้นทางเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่รอช้ารีบขับรถมุ่งหน้า ไปทันที เพียงก้าวแรกที่ลงจากรถ ก็พบกับบรรยากาศ และธรรมชาติที่ร่มรื่น มีต้นไม่ ใหญ่น้อยจ�ำนวนมาก โอบล้อมไปด้วยสายน�้ำจากคลองส�ำโรง ผสมผสานเข้า กับรอยยิ้มที่แสดงถึงความอิ่มเอมของพุทธศาสนิกชน ที่ เ ดิ น มาท� ำ บุ ญ และเที่ ย วชมภายในบริ เ วณวั ดอย่ า ง ไม่ขาดสาย ภายในบริเวณวัดมีการตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรม ที่วิจิตรสวยงาม สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่ปลายสมัย กรุงศรีอยุธยา เนื่องจากมีประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยกรมการศาสนารับรองการก่อตั้งวัดในปี พ.ศ. 2301
63
64
ความโดดเด่นของวัดแห่งนี้ก็คือ ด้านในของวัด มี โ บสถ์ ห ลั ง เก่ า ซึ่ ง ปั จ จุ บั น กลายเป็ นวิหารอัน เนื่อง มาจากทางวัดได้สร้างโบสถ์หลังใหม่มาทดแทน โดย สันนิษฐานกันว่าโบสถ์เก่าน่าจะสร้างขึ้นพร้อมๆ กับการ สร้างวัด สังเกตุได้จากร่องรอยความเก่า การแตกร้าว บริเวณฝาผนังและรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ยังคงฉาย ภาพของความงดงาม และบรรยากาศเข้มขลังไว้ ได้ อย่างไม่จืดจาง เบื้องหน้ายังเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อเพชร และหลวงพ่อสัมฤทธิ์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธ์ทั้ง 2 องค์ นั้น แทบจะมองไม่เห็นว่าเป็นองค์พระ อันเนื่องมาจากมี จ�ำนวนทองที่ผู้คนแวะเวียนมาปิดทับเอาไว้เป็นจ�ำนวน มาก แสดงถึงความศรัทธาเป็นอย่างยิ่งของชาวบางพลี และพุทธศาสนิกชนย่านใกล้เคียงมาอย่างยาวนาน เสน่ห์อีกอย่างของโบสถ์เก่า นั่นคือการสร้าง โดย ใช้เสาไม้เพียง 8 ต้น ในการค�้ำให้ โบสถ์ทรงตัวอยู่ ได้อย่าง ยาวนานถือเป็นหนึ่งภูมิปัญญาของบรรพชน นอกจากนี้ การเชื่อมเสาและคานจะไม่ ใช้ตะปูเหมือนการก่อสร้าง ในปัจจุบัน แต่ ใช้ลิ่มไม้ขัดและตอกยึดแบบโบราณ หรือ ที่เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า การสร้างแบบทรงไทยนั่นเอง รอยอดี ต ของวั ด บางโฉลงในไม่ ไ ด้ มี เ พี ย งแต่ โบสถ์เก่าหลังนีเ้ ท่านัน้ แต่ยงั มีองค์พระเจดียว์ ดั บางโฉลงใน สร้างเมื่อใดนั้น ไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจน แต่จากค�ำ บอกเล่าต่อๆ กันมาว่าสร้างคู่กับวิหาร (โบสถ์หลังเก่า) เป็นพระเจดีย์ก่อด้วยอิฐดินเผาฉาบปูน เป็นทรงระฆังคว�่ำ ด้ ว ยวั น เวลาที่ ผ ่ า นไปอย่ า งยาวนานท� ำ ให้ พ ระเจดี ย ์ ทรุดโทรมไปตามกาลเวลา
65
66
ชาวบ้านและเหล่าพุทธศาสนิกชนจึงได้ร่วมกัน สร้างพระเจดีย์องค์ ใหม่ครอบพระเจดีย์องค์เดิมไว้ โดย ให้มีการบูรณะพระเจดีย์ ให้คงสภาพเดิมไว้ ปัจจุบันจึง กลายมาเป็นโบราณสถานที่ส�ำคัญของวัดบางโฉลงในที่ ควรค่าแก่การอนุรกั ษ์ เพือ่ ให้อนุชนรุน่ หลังได้ศกึ ษาค้นคว้า สืบไป วั ด บางโฉลงมิ ไ ด้ มี แ ต่ ส ถาปั ต ยกรรมโบราณ ในอดีตเท่านั้น แต่ยังได้สร้างโบสถ์หลังใหม่ขึ้นมา โดยมี จิตรกรรมฝาผนัง ภาพวาดสีน�้ำมันในแบบของศิลปะ สมัยใหม่ บอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติอย่างวิจิตรงดงาม บานประตู และหน้าต่างโดยรอบมีการแกะสลักประดับ มุ กเป็ นลายพุ ท ธประวั ติเช่ นกั น เพื่ อเป็น ศาสนสถาน ให้ชาวบ้าน พุทธศาสนิกชนได้เข้ามาสวดมนต์หรือประกอบ พิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา หลังจากเดินชมย้อนรอยสถาปัตยกรรมของชาว บางพลี ธานีแห่งประวัติศาสตร์ภายในวัดบางโฉลงใน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ขอเอาใจผู้ที่ชื่นชอบการช็อป ชิม แบบชิลๆ จึงขอแนะน�ำให้ลองแวะตลาดโบราณบางพลี แหล่งรวมของกิน ของฝาก อ�ำเภอบางพลี แหล่งท่อง เทีย่ วใกล้เมืองกรุงสไตล์ One Day Trip วันเดียวก็เทีย่ วได้ ทั้งสนุก ได้เกร็ดความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ ความเป็นมา และทีส่ ำ� คัญยังได้สมั ผัสกับรอยอดีตแบบเต็มกันเลยทีเดียว ใครที่อยากย้อนรอยประวัติศาสตร์ สัมผัสความ เป็นมาที่ยาวนานอย่างใกล้ชิด พร้อมกับแวะซื้อของกิน ของฝากชิคๆ ลองเข้ามาเช็คอินกันได้ที่ อ�ำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ส�ำหรับการเดินทางใช้ ถนนสาย บางนา-ตราด กม.16 เข้ าซอยอดุ ล ย์ ศ าสนการ ไป ประมาณ 300 เมตร วัดจะอยู่ทางขวามือ.. ขอบคุณข้อมูล/ภาพถ่าย นิตยสารฟ้าใหม่
67
เจ้าของสัตว์เลี้ยงมักพบปัญหาอยู่บ่อยครั้ง เวลาที่ต้องออกเดินทางท่องเที่ยว หรือทำ�ธุรกิจต่าง พื้นที่ ฯลฯ ที่เราไม่สามารถนำ�สัตว์เลี้ยงแสนรักเราไปได้ด้วยทุกที่ เราจะทำ�อย่างไรกับเจ้าเพื่อนสี่ขาดีหล่ะ? หมาซ่าส์ เหมียวซิ่ง ขออาสาดูแล สัตว์เลี้ยงแสนรักของท่านด้วยระบบการดูแลแบบปิด ที่ครบวงจร สะอาด ถูกสุขอนามัย ที่พร้อมมอบความรักแด่เพื่อนสี่ขาของท่านอย่างดีที่สุด เพื่อที่ท่านจะได้สบายใจ และ หมดกังวลที่สัตว์เลี้ยงเมื่อได้อยู่ในความดูแลของมืออาชีพแล้ว
หมาซ่าส์ เหมียวซิ่ง สถานรับฝากสัตว์เลี้ยงสำ�หรับ สุนัขและแมว โดยแยกจากกันเป็นสัดส่วน โดยสัตว์เลี้ยง แต่ละตัวจะมีห้องของตนเอง บริการรับฝากระหว่างวัน หรือ เป็นรายวัน พร้อมบริการ อาบน้ำ�–ตัดขนสุนัข บริการรับ-ส่ง สัตว์เลี้ยง ในละแวกสมุทรปราการ ไปจนถึงเขตบางนา - ค่าบริการฝากเลี้ยง ต่อวันๆ ละ 200-300 บาท ขึ้นอยู่กับ ขนาด และสายพันธุ์ - ค่าบริการอาบน้ำ� เริ่มต้นที่ 200 บาท - ค่าบริการอาบน้ำ�+ตัดขน เริ่มต้นที่ 300 บาท - ค่าบริการรับส่งสัตว์เลี้ยงขึ้นอยู่กับระยะทาง *** พิเศษโปรโมชั่น ต้อนรับเปิดร้านใหม่ ผ้าพันคอ โบว์ผูกผม หรือเนคไท สำ�หรับน้องหมาที่มาใช้ บริการอาบน้ำ�+ตัดขน เข้ารับบริการฝากเลี้ยง ครบ 7 วัน จะได้รับบริการ อาบน้ำ�ฟรี (เฉพาะสุนัขเท่านั้น) รับบริการอาบน้ำ� หรือ ตัดขน ครบ 10 ครั้ง จะได้ รับการอาบน้ำ�ฟรีจากทางร้าน 1 ครั้ง 68 243/3 ถนนสุขุมวิท ตำ�บลปากน้ำ� อำ�เภอเมืองฯ จังหวัดสมุทรปราการ 10270 (สถานีรถไฟฟ้าปากน้ำ� เยื้องทางเข้าเทศบาลนครสมุทรปราการ)
ยกเครื่องบูรณะวิหารพระพุทธชินราช เน้นรูปแบบศิลปะไทยประยุกต์ หวังดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติแวะสักการะ
อบจ.สมุทรปราการ อุดหนุนงบให้แก่เทศบาลนครฯ ยกเครื่องบูรณะวิหารพระพุทธชินราช พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ คู ่ เ มื อ งปากน�้ ำ เน้ น รู ป แบบผสมผสานศิ ล ปะไทยประยุกต์ เล็งชูเป็นแหล่งท่องเที่ยว รองรับชาวต่างชาติแวะมาสักการะ นายพู ล ทวี ศิ ว ะพิ รุ ฬ ห์ เ ทพ ปลั ด องค์ ก ารบริ ห าร ส่วนจังหวัดสมุทรปราการ ปฏิบัติหน้าที่นายกองค์การบริหาร
ส่วนจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่าองค์การบริหารส่วนจังหวัด สมุทรปราการ (อบจ.) ได้จัดงบประมาณอุดหนุนให้แก่เทศบาล นครสมุทรปราการ ในการจัดท�ำโครงการบูรณะวิหารพระพุทธ ชินราชมงคลปราการ และปรับภูมิทัศน์บริเวณพื้นที่โดยรอบ ซึ่งวิหารแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้าน คู่เมืองของชาวสมุทรปราการมาเป็นเวลากว่า 50 ปีแล้ว จึงท�ำให้ ตัววิหารมีสภาพทรุดโทรมลงไปตามกาลเวลา ยากต่อการเข้า มากราบสักการบูชา จึงต้องท�ำการบูรณะเสียใหม่ เพื่อให้เป็น หนึ่ ง ในแลนด์ ม าร์ ค ส� ำ คั ญ ที่ จ ะคอยต้ อ นรั บ นั ก ท่ อ งเที่ ย วใน อนาคต นางพรเพ็ญ กลิน่ ก�ำธรกุล รองปลัดเทศบาลรักษาราชการ แทนปลัดเทศบาล ปฏิบตั หิ น้าทีน่ ายกเทศมนตรีนครสมุทรปราการ กล่าวว่า ขั้นตอนการในการบูรณะวิหารพระพุทธชินราชนั้น ได้ ด�ำเนินงานสกัดพื้น สกัดผนัง ประตู หน้าต่างทั้งภายใน และ ภายนอก รื้อหลังคา โครงสร้างหลังคาและคานไม้ที่ผุออกทั้งหมด
72
แล้วจึงเปลี่ยนเป็นไม้มะค่า และไม้ตะเคียนแทน ซึ่งจะมีความ แข็งแรง ทนทาน อายุการใช้งานนาน อีกทั้งยังมีลวดลาย เนื้อไม้ที่สวยงาม เพดานวิหารปูด้วยไม้ทั้งหมดและมีดาวเพดาน ประดับอยู่ รองปลั ด เทศบาล กล่ า วต่ อ ว่ า ส� ำ หรั บ กระเบื้ อ ง มุงหลังคา เปลี่ยนใหม่ทั้งหมด โดยใช้กระเบื้องสีเทา ส่วนเครื่อง ปั้นลม เช่น ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หล่อปูนขึ้นใหม่ทั้งหมด โดยเพิ่มความอ่อนช้อย และงดงามของลวดลายให้มากขึ้น พร้อมเพิ่มตราสัญลักษณ์ของจังหวัดสมุทรปราการในบริเวณ หน้าบรรณ ซึ่งทาด้วยสีทอง ให้ตัดกับสีขาวของตัววิหาร ท�ำให้ วิหารมีความทันสมัย ผสมผสานกันระหว่างศิลปะไทย และ ปฏิมากรรมสมัยใหม่ ได้อย่างลงตัว งานผนัง ประตู หน้าต่างได้ ท�ำการสกัดลายออกจนหมด งานประตูได้ท�ำการปรับบานประตู ให้เหลือบานเดียวตรงกลางจากเดิมที่มี 2 บาน ประดับด้วยลาย เทวดาอารักษ์ ลงรักปิดทองอย่างสวยงาม และสกัดปูนเหนือ บานประตูออกเพื่อท�ำช่องแสงให้เข้าสู่ตัวอาคารมากขึ้น นอกจากนี้ ทางเทศบาลนครฯ ได้ขยายเวลาในการ บูรณะวิหารพระพุทธชินราชมงคลปราการเพิ่มเติม เนื่องจาก
มี ค วามจ�ำ เป็ น ต้ อ งใช้ ค วามละเอี ยดในงานจิ ต กรรม งาน ประติมากรรม ลายรดน�ำ ้ และแผ่นป้ายทองแดงลงด�ำทัง้ 4 ชุด ซึ่งเป็นแผ่นจิตรกรรมนูนต�่ำนั้น เป็นงานศิลปะต้องใช้ความ ละเอียด วิจิตรบรรจง อย่างมาก โดยในขณะนี้งานจิตรกรรม ฝาผนังได้น�ำภาพวาดสีน�้ำมันรูปเทวดาถวายเครื่องสักการะแก่ องค์พระพุทธเจ้า มาติดไว้ที่ผนังด้านกว้างทั้ง 2 ฝั่งเป็นที่ เรียบร้อยแล้ว งานหน้าต่างเป็นเรือ่ งราวความงดงามในป่าหิมพานต์ ซึ่งเหลือขั้นตอนลงรักปิดทองเท่านั้น ส่วนงานประติมากรรมฝน บริเวณสวนหย่อม และแผ่นป้ายทองแดงลงด�ำทั้ง 4 ชุดนั้น อยู่ในขัน้ ตอนการปรับแบบจากศิลปินผูม้ ชี อื่ เสียงในประเทศไทย ทั้งนี้เมื่อวิหารพระพุทธชินราชมงคลปราการ ได้รับการ บูรณะเสร็จสมบูรณ์แล้ว จะเป็นอีกหนึ่งในแลนด์มาร์คส�ำคัญ ของจังหวัดสมุทรปราการ ทีส่ ามารถดึงดูดนักท่องเทีย่ ว ทั้งชาวไทย และต่างชาติได้เป็นอย่างดี เสริมให้สมุทรปราการ เป็นเมือง ท่องเที่ยวที่เพียบพร้อมไปด้วยธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และ ศิลปะอันแสนงดงามได้อย่างลงตัว น�ำไปสู่สมุทรปราการเมือง ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของประเทศไทยในอนาคต
73
ภาพ/เนื้อหา: นิตยสาร “ฟ้าใหม่”
74
ประเพณีค�้ำ ต้นโพธิ์มอญ ค้ำ�ดวง..ค้�ำ ชีวิต..ค้�ำ จุนพุทธศาสนา สักการะต้นไม้ทรงคุณค่าร้อยปี หากประสบกับความไม่สบายใจ คนโบราณมักแนะน�ำให้ท�ำพิธี สะเดาะเคราะห์ เพราะเชื่อกันว่าจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบา และเรื่องร้ายอาจ กลายเป็นดี ผ่านเวลาปีแล้วปีเล่า ความเชื่อเหล่านั้นก็ ไม่เคยหายไปไหน จนบางครั้งได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับวิถีชีวิต หลายคนยังคงปฏิบัติสืบต่อ อย่างเคร่งครัด ดังเช่นประเพณีค�้ำต้นโพธิ์ ที่บรรพบุรุษกล่าวไว้ว่า เป็นการ ค�้ำดวง ค�้ำชีวิต ค�้ำจุนพุทธศาสนา สักการะต้นไม้ทรงคุณค่าอายุมากกว่าร้อยปี อีกทั้งยังได้รวมพลังท�ำความดีแก่ผู้อื่นด้วย ประเพณี ค�้ำ ต้ น โพธิ์ เป็ น การสะเดาะเคราะห์ อ ย่ างหนึ่ ง ตามคติ ความเชื่อชาวรามัญ ยึดถือปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน หลายพื้นที่จัดขึ้น อย่างยิ่งใหญ่ รวมถึงเมืองปากน�้ำของเราด้วย ซึ่งพระครูพัชรวีราภรณ์ ผู้ช่วยเจ้า อาวาสวัดทรงธรรมวรวิหาร ได้อธิบายให้ฟังว่า “ประเว นอย ท๊อค นอมชั่ว” คือชื่อเรียกประเพณีนี้ ในภาษามอญ มีความเกี่ยวข้องกับเทศกาลสงกรานต์ โดยตรง ไล่เรียงตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน เป็นวันสิ้นปี วันที่ 14 เมษายน เป็นวัน กึ่งกลางระหว่างปีเก่ากับปีใหม่ ชาวรามัญเรียกว่า “งัวกร๊าบฮนาม” ส่วนวันที่ 15 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ ถ้าพิจารณาจากข้อความข้างต้นอาจดูไม่ร้ายแรงอะไร แต่หากอิงตาม โหราศาสตร์มอญ จะท�ำนายว่าวันที่ 14 เมษายน เป็นวันไม่ดี เพราะมีอีกชื่อว่า วันเนา จนเรียกเพี้ยนเป็นวันเน่า จึงมีความเชื่อว่า หากวันที่ 14 เมษายน เป็น วันอะไรในรอบสัปดาห์ คนที่เกิดวันนั้นจะประสบแต่ความโชคร้าย เช่น ถ้าวัน ที่ 14 เมษายนของปีนี้เป็นวันศุกร์ ผู้ที่เกิดศุกร์ ในปีนั้นก็เชื่อกันว่าจะมีเคราะห์ ตลอดทั้งปี เพื่อบรรเทาเรื่องร้ายให้ทุเลาลง จึงให้ผู้ที่เกิดตรงกับวันนั้นไปค�ำ้ ต้นโพธิ์ เพราะคนมอญเชื่อว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ ใต้ต้นโพธิ์ จึงต้องการค�ำ้ ต้นโพธิ์ เพื่อสะเดาะเคราะห์และต่อชีวิตให้ยืนยาว อีกทั้งยังได้ท�ำนุบ�ำรุงพระพุทธศาสนา อันเป็นศูนย์รวมใจของชาวมอญนั่นเอง ต้นโพธิ์ที่ใช้ ในประเพณีนั้น มีเงื่อนไขว่าต้องมีอายุ 100 ปีขึ้นไป เหมือน กับต้นโพธิ์ที่อยู่ภายในวัดทรงธรรมวรวิหาร นับเป็นต้นไม้ทรงคุณค่า เพราะมีอายุ ถึง 126 ปี ที่อยู่ด้านหลังวัด เป็นศูนย์กลางในการประกอบประเพณีค�้ำต้นโพธิ์ ของชาวมอญปากลัด มีความเกี่ยวข้องกับงานบวชงานบุญ เช่น โกนผมนาค 75
76
โกนผมเณร เมื่อโกนผมแล้วก็จะนำ�ใส่ ใบบัว และนำ�มาฝัง ใต้ต้นโพธิ์ต้นนี้ นอกจากนี้ ยังเกี่ยวข้องกับความตาย เช่น เมื่อเผาศพเรียบร้อยแล้ว ญาติผู้ตายจะนำ�เถ้าอัฐิที่เหลือ จากพิ ธี ล อยอั ง คารมาฝั ง ไว้ ที่ ใ ต้ ต้ น โพธิ์ นี้ ด้ ว ยเช่นกัน เพราะมีความเชื่อว่า เป็นการถมแผ่นดินวัดให้สูงขึ้น ไม่เพียงเท่านี้ วัดทรงธรรมจะทำ�พิธีชักวิญญาณ โดยนำ�เถ้ากระดูกของผู้ที่เสียชีวิตแบบตายโหง เชิญ วิญญาณให้มาอยู่ที่วัดเพื่อบำ�เพ็ญภาวนา ฟังศีลฟังธรรม เมื่อหมดเวรหมดกรรมหรือสิ้นอายุขัยแล้ว เขาจะได้ ไปสู ่ ภพภู ม ิ ท ี ่ ด ี ส่ ว นวิ ธ ี ก ารเริ ่ ม จากการตั ้ ง จิ ต อธิ ษ ฐาน นำ�ไม้ง่าม ความยาวประมาณ 1 เมตร มาทาขมิ้นให้มีสี เหลือง ซึ่งจะดูคล้ายสีทองอันเป็นสีมงคล จากนั้น นำ�ไป วางที่ต้นโพธิ์ได้เลย โดยในอดีตจะใช้ ไม้กระถิน หรือไม้ เนื้ออ่อนที่หาได้ง่ายในพื้นที่ จากนั้นนำ�มาลอกเปลือกออก ทาขมิ้น และใช้วิธีการเดียวกัน ประเพณีค้ำ�โพธิ์ ไม่ ได้มีเฉพาะคนมอญเท่านั้น ชาวไทยในหลายจั ง หวั ด ก็ มี ค วามเชื่ อ แบบนี้ เช่ น กั น อาจแตกต่างเพียงเล็กน้อย ในกรณีที่ไม่มีต้นโพธิ์ สามารถ ใช้ต้นไทร หรือต้นไม้ชนิดอื่นที่มีอายุมากกว่า 100 ปีได้ เช่นกัน ในปัจจุบนั ได้เพิม่ การทำ�กิจกรรมบำ�เพ็ญประโยชน์ เช่น เก็บขยะ ซ่อมทางเดิน ซ่อมถนน ซ่อมสะพาน เป็นต้น ซึ่งเป็นแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาในการเป็น ผู้ ให้ และทำ�ความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน.. ภาพ/เนื้อหา: นิตยสาร “ฟ้าใหม่” 77
78
79
อบต.หนองปรือ..เดินสู่เป้าหมาย แหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ-สุขภาพแห่งใหม่
80
แม้ว่าต�ำบลหนองปรือจะเป็นต�ำบลเล็กๆ ของอ�ำเภอ บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ที่มีประชากรเพียง 3 หมู่บ้าน พันกว่าครัวเรือน แต่ก็เป็นพื้นที่ท่ีมีความน่าสนใจ เพราะที่นี่ ไม่ ได้มีเฉพาะบ่อปลาเบญจพันธุ์ ผักกะเฉด และเรือกสวน ไร่นา เท่านั้น หนองปรือก�ำลังจะเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว เชิงธรรมชาติและสุขภาพในไม่ช้านี้ โดยมีทางจักรยานที่ได้ชื่อว่า ยาวและสวยงาม บรรยากาศดี ไม่แพ้ที่ ใดในสมุทรปราการ เหมาะที่จะมาปั่นออกก�ำลังกายพร้อมๆ กับชมวิว สูดอากาศ บริสุทธิ์เข้าปอดได้แบบเต็มอิ่ม เส้นทางจักรยานที่ก�ำลังกล่าวถึงนี้ เกิดจากความ ตั้งใจของ คณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนต�ำบลหนองปรือ (อบต.) น� ำ โดยนายอุ ด ม กลิ่ น พวง นายก อบต.หนุ ่ ม หล่ อ วัยเพียง 45 ปี ดีกรีไม่ธรรมดา จบการศึกษาระดับปริญญาโท สาขารัฐประศาสนศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรามค�ำแหง ที่หันมา เอาดี และทุ่มเทกับงานบริการประชาชน ในฐานะที่เป็นคนเกิด และเติ บ โตในหนองปรื อ จึ ง เห็ น การเปลี่ ย นแปลงของพื้ น ที่ มาโดยตลอด “แนวคิดการท�ำเส้นทางปั่นจักรยานเกิดจาก เราเห็นว่า ถนนทางเข้าส�ำนักงาน อบต.ที่ตัดตรงจากถนนศรีวารี เข้าไป ประมาณ 4 กม. ระหว่าง 2 ข้างทางขนาบด้วยธรรมชาติ ทั้ง บ่อปลา สวนผลไม้ นาข้าว และนาผักกะเฉด โดยอบต.ปลูกต้นไม้
ริมทางเอาไว้ร่มรื่นมาก บรรยากาศยังเป็นวิถีชนบทเดิมๆ จึงคิด กั น ว่ า น่ า จะท� ำ ประโยชน์ ได้ ม ากกว่ า แค่ เ ป็ น ทางเข้ า ออก ส�ำนักงาน อบต.อย่างเดียว ในที่สุดก็สรุปกันว่าน่าจะท�ำเป็นทาง ปั่นจักรยาน ระยะทางไปและกลับรวม 8 กิโลเมตร ถือว่าก�ำลังดี ส�ำหรับชาวชุมชน ไม่สั้นหรือยาวจนเกินไป” นายก อบต.อุดมเล่าถึงทีม่ าของโครงการ ที่ไม่เพียงแค่ การออกก�ำลังกายได้สุขภาพดีให้ชาวบ้านเท่านั้น แต่ยังฝันไกล ไปถึงอนาคตว่ามีศักยภาพพอที่จะพัฒนาเป็นแหล่งท่ อ งเที่ ย ว เชิงธรรมชาติได้อีกด้วย จุ ด เด่ น ของถนนจั ก รยานที่ ว ่ า นี้ ก็ คื อ ท� ำ ด้ ว ยยาง แอสฟั ล ท์ ติ ก คอนกรี ต เป็นผลิตภัณฑ์ที่ท�ำมาจากยางพารา ธรรมชาติในประเทศไทย ถือเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการสนับสนุนชาวสวนยาง ท�ำให้มีคุณภาพดี คงทน ใช้งาน ได้ยาวนาน และที่ส�ำคัญเป็นถนนที่ปลอดภัย เหมาะส�ำหรับการ ปั่น จั ก รยานเชิ ง ออกก� ำ ลั ง กายและการพั ก ผ่ อ นเป็ น อย่ า งยิ่ ง ยามเย็นทั้งนักปั่นและนักท่องเที่ยว มั ก มารอชมพระอาทิ ต ย์ ลับขอบฟ้า พร้อมๆ กับเครื่องบินที่สลับกันขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา ถัดมาในบริเวณรอบศูนย์ราชการ มีโครงการสร้าง สิ่ง อ�ำนวยความสะดวกต่างๆ ไว้อย่างครบวงจร เริ่มจากพื้นที่ฝั่ง ที่ ติด ริ ม คลองหนองงู เ ห่ า มี ล านกิ จ กรรมเอนกประสงค์ ก่ อ สร้ า งเสร็ จ เรี ยบร้ อ ยแล้ ว ตรงนี้ บ รรยากาศดี ไ ม่ แ พ้ กัน
81
หากมองออกไปจะเห็นถนนและรันเวย์ของสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นทัศนียภาพที่แปลกตาไปอีกแบบหนึ่ง ส่วนฝั่งด้านหน้า ของอาคารส�ำนักงาน อบต.ได้จัดท�ำสวนสุขภาพเหมาะแก่การ พักผ่อนหย่อนใจ ซึ่งทั้งหมดนี้ พร้อมให้บริการผู้มาเยือนแล้ว.. อบต.หนองปรือ ไม่ ได้มีดีเพียงเท่านี้ ภายในศูนย์ ราชการ ยังมีโครงการก่อสร้างลานจอดรถสามารถรองรับได้นับ ร้อยคัน จึงหมดปัญหามาแล้วไม่มีที่จอดรถ ถัดออกไปอีกนิด จะเป็นอาคารศูนย์กีฬาและนันทนาการ หากก่อสร้างเสร็จที่นี่ จะเป็นแหล่งออกก�ำลังกายที่ทันสมัยและครบวงจร มีทั้งสนาม แบดมินตัน สนามฟุตซอล สนามบาสเกตบอล และฟิตเนสที่มี เครื่องออกก�ำลังกายครบทุกประเภท เพื่อส่งเสริมให้ประชาชน หันมาออกก�ำลังกายมากขึ้น และบริเวณที่จะแนะน�ำท้ายสุด อบต. ก�ำลังก่อสร้าง ส�ำนักงานป้องกันภัยของต�ำบลบริเวณด้านหน้าสุดของส�ำนักงาน เพื่อเตรียมความพร้อมยามฉุกเฉิน ดังนั้นทั้งชาวหนองปรือและ นักท่องเที่ยวสบายใจและมั่นใจในความปลอดภัยได้ ยังไม่หมด นายก อบต.อุดม หนุ่มไฟแรงยังเผย วิสัยทัศน์ ในอนาคตกับทีมงานอีกว่า จะท�ำโครงการเพื่อพัฒนา
คุ ณ ภาพชี วิ ต ของคนในชุ ม ชนทุ ก กลุ ่ ม วั ย อี ก หลายโครงการ อย่างเช่น โครงการปรับปรุงศูนย์โอท็อปประจ�ำต�ำบล ศูนย์พฒ ั นา คุ ณภาพชี วิต ผู ้ สูง อายุ แ ละศู น ย์ พั ฒ นาเด็ ก เล็ ก ซึ่ ง พร้ อ มให้ ประโยชน์แก่ประชาชนทุกคนในเร็วนี้ “ความพิเศษของ อบต. คือ พื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นสนาม บิ น สุ ว รรณภู มิ ท� ำ ให้ ร ายได้ ห ลั ก ของ อบต.มาจากภาษี อากรสนามบิน จึงมีเม็ดเงินมาพัฒนาและดูแลความเป็นอยู่ ของประชาชนได้ นโยบายของผมคือต้องการพัฒนาด้านต่างๆ ให้มีความทันสมัย แต่ยังคงไว้ซ่ึงวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวบ้าน โดยเฉพาะด้านการเกษตร เพือ่ พัฒนาพืน้ ที่ให้เป็นแหล่งท่องเทีย่ ว ต่อไป” ในไม่ ช ้ า ต� ำ บลหนองปรื อ จะไม่ ใช่ พื้ น ที่ ล ้ า สมั ย หรื อ ดินแดนห่างไกลความเจริญอีกต่อไป ตรงกันข้ามกลับจะเป็น พื้นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์และรักสุขภาพให้มาเยือน ระดับแถวหน้าของสมุทรปราการเลยทีเดียว!!!
82
ภาพ/เนื้อหา: นิตยสาร “ฟ้าใหม่”
83
สุนัขว่ายน้ำ�ดีอย่างไร!? “ว่ายน้�ำ ” เป็นการออกกำ�ลังกายที่นิยมมากอีกชนิดหนึ่งของมนุษย์ และ สัตว์อย่างสุนัขเนื่องจากสามารถช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกาย ช่วยเสริมสุขภาพที่ดี อีกทั้งยังช่วยผ่อนคลายความเครียดให้สุนัขได้อีก ด้วย... ประโยชน์จากการว่ายน้ำ�ของสุนัข 1. การออกกำ�ลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำ� การว่ายน้ำ�เป็นการ ออกกำ�ลังกายที่ช่วยกระตุ้นหัวใจ แต่ไม่ส่งผลต่อกระดูก ข้อต่อ และ กล้ามเนื้อของสุนัขของท่าน ซึ่งต่างจากการวิ่ง หรือกิจกรรมที่มุ่งเน้น ความแข็งแรง และความเร็ว สุนัขที่ป่วยเป็นไขข้ออักเสบ หรือ ข้อเสื่อม ก็สามารถว่ายได้ จะช่วยให้อาการอักเสบของไขข้อนั้นดีขึ้น 2. เสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวใจ บริหารหัวใจ แม้ว่าการว่ายน้ำ�จะ เป็นการออกกำ�ลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำ� แต่กลับได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่ามาก เพราะการออกกำ�ลังกายในน้ำ� ที่ต้องใช้แรงต้านระดับปานกลางก็สามารถ ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อของสุนัขได้ อีกทั้งยังช่วยในเรื่องความสมดุล และสุขภาพกระดูกของสุนัข ทำ�ให้ร่างกายของสุนัขแข็งแรง และอายุยืน
การบำ�บัดสุนัขด้วยการว่ายน้ำ� ธาราบำ � บั ด เป็ น ศาสตร์ อ ย่ า งหนึ่ ง ในการรั ก ษาโรคในกลุ่ ม เวชศาสตร์ฟื้นฟู โดยใช้น้ำ�ช่วยในการพยุงตัว ส่งผลต่อกระดูก กล้าม เนื้อ และข้อต่อการเคลื่อนไหวได้เต็มที่ อย่างอิสระ และสม่�ำ เสมอ ทั้ง ยังช่วยบีบกล้ามเนื้อ เป็นการออกกำ�ลังกายโดยไม่เจ็บปวด เพิ่มการไหล เวียนเลือด และลดการบวมของเนื้อเยื่อ โรคหรือความผิดปกติที่สามารถรักษาได้ด้วยธาราบำ�บัด ได้แก่ การบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ หรือการฟกช้ำ�ของกล้ามเนื้อหลังการผ่าตัด โรคหมอนรองกระดูกเคลื่อน กระดูกสันหลังหัก เคลื่อน หรือ เสื่อม และ ได้รับการผ่าตัดแก้ไขแล้ว โรคข้อกระดูกสะโพกผิดปกติ หรือ ข้อสะโพก เสื่อม การอักเสบของเส้นเอ็นกล้ามเนื้อ และข้อต่อ เป็นต้น ในสัตว์เลี้ยงปกติการว่ายน้ำ�สม่ำ�เสมอเป็นการออกกำ�ลังกาย ทางหนึ่ง ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และลดโอกาสการเกิดความผิดปกติ ของโครงสร้างร่างกายได้ดีกว่าการออกกำ�ลังกายด้วยวิธีอื่น การทำ�ธารา บำ�บัดต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของผู้เชี่ยวชาญ โดยมีสัตวแพทย์ เป็นผู้ให้คำ�แนะนำ�อย่างใกล้ชิด การนำ�สุนัขลงว่ายน้ำ� ก่อนการว่ายน้ำ�จะมีการพาสุนัขเดินเล่นเพื่อผ่อนคลาย และ ขับถ่ายให้เรียบร้อยจากนั้นจะนำ�สุนัขอาบน้ำ�ชำ�ระร่างกาย และขนให้สะอาด สวมเสื้อชูชีพให้เรียบร้อย แล้วพาสุนัขลงสระ โดยจะใช้เวลาว่ายน้�ำ ครั้งละ 4-5 นาที จากนั้นพักเป็นเวลา 2-5 นาที โดยทำ�ซ้ำ�เช่นนั้น 3-4 ครั้ง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของสุนัข หลังจากว่ายน้ำ�เสร็จก็จะพาสุนัขอาบน้ำ� ชำ�ระร่างกายอีกครั้ง ข้อควรระวังของสุนัขในการลงว่ายน้�ำ 1. สุนัขต้องไม่เป็นโรคผิวหนัง หรือมีพยาธิภายนอก เช่น ภูมิแพ้, เห็บ, หมัด, ไรขี้เรื้อน เป็นต้น 2. สุนัขที่มีความเสี่ยงสูงต่อการออกกำ�ลังกาย เช่น โรคหัวใจ, โรคลมชัก ควรรับคำ�ปรึกษาจากสัตวแพทย์ก่อนพาสุนัขลงว่ายน้ำ� 3. สุนัขต้องไม่อยู่ระหว่างตั้งท้อง หรือติดสัด 4. ไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง กรณีต่างๆ ที่แนะนำ�ให้ว่ายน้ำ� เพื่อฟื้นฟูการเดินภายหลังการผ่าตัดกระดูก พบว่าภายหลังการ ผ่าตัดบางครั้งสุนัขจะมีอาการเจ็บปวดขาที่ผ่าตัด ไม่ยอมลุกเดินจนส่งผล ให้มีการยึดของข้อต่อที่ไม่ได้ใช้งาน การว่ายน้ำ�จะช่วยให้ขาสุนัขที่ผ่าตัดได้ มีการเคลื่อนไหวในน้� ำ โดยไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด ลดโอกาสการยึดข้อ ต่อตามมา
3. รักษาสุขภาพปอด เมื่อปอดแข็งแรง ร่างกายของสุนัข ก็สามารถรับ และระบายออกซิเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่ง หมายความว่าสุนัขจะไม่หายใจหอบ หรือ ติดขัด นอกจากนี้ปอดที่แข็งแรง ยังช่วยขจัดโรคภัยออกไปได้ด้วย 4. น้�ำ ช่วยในการผ่อนคลาย น้�ำ เป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นฟู ซึ่งมีผลวิจัยรองรับด้วยการศึกษาชี้ว่าการอยู่ใกล้กับธาตุน้ำ�นั้นมีอิทธิพล ต่อสมอง ช่วยให้สมองได้รับการพักผ่อนจากการถูกกระตุ้นมากเกินไป ของสุนัข ข้อดีที่สุดคือกระบวนการรับรู้ของสุนัขจะได้รับประโยชน์จาก การว่ายน้ำ� และออกกำ�ลังกายไปพร้อมกัน 84
: petopia-th www.petopia-th.com
SWEET BREW CAFE
คาเฟ่ของคนรักสุนัข บนพื้นที่ PETOPIA ในบรรยากาศที่สบายตา โดยรอบเป็นกระจก สามารถมองเห็นบรรยากาศทั้งภายใน-ภายนอกได้เป็นอย่าง ดี และยังสามารถ มองเห็นกิจกรรมของสัตว์เลี้ยงแสนรักได้อย่างรอบด้าน
85
86
ตอกย�้ำความส�ำเร็จปีที่ 11 ‘อ�ำนวยวิทย์’ ผลักดันโขน ปลูกฝังศาสตร์ชั้นสูงทุกชั้นเรียน
87
ผลผลิต..โขนอำ�นวยวิทย์ ผลิบานสู่ลีลาเชิดหุ่นละครเล็ก เมื่อพูดถึงโรงเรียนอ�ำนวยวิทย์ หลายคนมักนึกถึงโขน เป็นอันดับต้นๆ นอกจากการถ่ า ยทอดทั ก ษะอย่ า งเต็ ม ที่ จาก ครูแล้ว คงปฏิเสธไม่ ได้ว่า พลังฝึกซ้อมอย่างทุ่มสุดตัวของนักเรียนก็มี ส่วนส�ำคัญไม่แพ้กัน หนึ่งในนั้นคือ นางสาวณัฐพร พันธุ์น้อย หรือ น้องเนย ผู้สวมบทบาทพระลักษณ์ ในการแสดงครั้งที่ผ่านมา ซึ่ง เธอได้ ใช้ ทั ก ษะด้ า นนาฏศิ ล ป์ ข องตนเพื่ อ เป็ น ส่ ว นหนึ่ ง ของ โครงการเฟ้นหาเยาวชนเชิดหุ่นละครเล็กมืออาชีพระดับประเทศได้ ส�ำเร็จ ถือเป็นโอกาสครั้งส�ำคัญจนยากจะลืมเลือน น้องเนยเล่าว่า จากพื้นฐานการร�ำที่มีตั้งแต่ชั้นประถม ศึกษาปีที่ 1 ท�ำให้ครูเห็นความสามารถจึงชักชวนมาเล่นโขนในช่วง มัธยมศึกษาปีที่ 1 และเริ่มฝึกเล่นโขนเรื่อยมา ได้แสดงฝีมือตามงาน ต่างๆ จนเมื่อมีโครงการ “กรุงเทพมหานครสานฝัน สู่นักเชิดหุ่นละคร เล็กมืออาชีพ” ภายใต้งานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็ จ พระเทพรั ต นราช สุดาฯ สยามบรมราชกุ ม ารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 ขึ้น วินาทีนั้นเธอเกิดความสนใจและลงสมัครทันที ระยะเวลาร่วม 5 เดือนที่ทางนาฏยศาลาหุ่นละครเล็ก (โจหลุยส์) ฝึกการเชิดหุ่นละครเล็กให้แก่เยาวชนอายุ 10-20 ปี และ รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นตัวแทน 1 ใน 100 คนจากทั่วประเทศในการแสดง ต่อหน้าพระพักตร์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ จนได้รับค�ำชื่นชมจากครอบครัว และโรงเรียนอย่างล้นหลาม เธอจึงน�ำทักษะด้านนาฏศิลป์โดยเฉพาะ โขนมาต่อยอดเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่ โรงเรียนวัดทรงธรรมได้สำ� เร็จ และยังได้เป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์ ศิลปวัฒนธรรมไทยอีกด้วย
88
ท่วงท่าการแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุดศึกอินทรชิต ตอนศรนาคบาศ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธ เลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ผู้ทรงสถาปนาเมืองนครเขื่อนขันธ์ นั้น ช่างอ่อนช้อย สง่างาม และสะกดใจผู้ชมได้ดีจนแทบไม่ น่าเชื่อว่า นี่คือฝีมือของเยาวชนตัวน้อยร่วม 200 ชีวิตจาก โรงเรียนอ�ำนวยวิทย์ อ�ำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ.. เสี ย งปรบมื อ ดั ง กึ ก ก้ อ งหลั ง การแสดงโขนปิ ด ฉาก ลงในปีนี้ ไม่ ใช่ครั้งแรก แต่เกิดขึ้นติดต่อกันถึง 11 ปีแล้ว โดยดร.ศรีเรือน ลิ ขิ ต เดชาโรจน์ ผู ้ อ� ำ นวยการโรงเรี ย น เปิดเผยว่า ปัจจุบัน วั ฒ นธรรมจากต่ า งประเทศหลั่ ง ไหล เข้ามาเป็นจ�ำนวนมาก เพื่อไม่ ให้มรดกอันงดงามของบ้านเรา เลือนหายไป และจากพระราชด� ำ รั ส ของพระบาทสมเด็ จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ที่ว่า “การรักษา วัฒนธรรม คือการรักษาชาติ” ทางโรงเรียนจึงมุ่งอนุรักษ์และ เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมประจ�ำชาติหลายรูปแบบโดยเฉพาะโขน ซึ่งเป็นนาฏกรรมชั้นสูง ด้วยการเรียนการสอนอย่างเป็นรูปธรรม แก่นักเรียนทุกระดับชั้น ที่ผ่านมา สมาชิกโขนโรงเรียนอ�ำนวยวิทย์ จะเป็น นักเรียนทีม่ คี วามสนใจหรือมีพนื้ ฐานด้านนาฏศิลป์เท่านัน้ หลังจาก นโยบายลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ของกระทรวงศึ ก ษาธิ ก ารถู ก ประกาศออกมา จึงได้ผลักดันเข้าสู่กิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่ ม เวลารู ้ ให้ กั บ นั ก เรี ย นทุ ก ระดั บ ชั้ น ตั้ ง แต่ ป ระถมศึ ก ษา ปีที่ 1 – มัธยมศึกษาปีที่ 3 เรียนรู้ตั้งแต่ประวัติความเป็นมา ประเภทและลักษณะของโขน ไปจนถึงท่าร�ำ ส�ำหรับนักเรียนคน ใดอยากมีทักษะเพิ่มเติม ก็ได้สอนนอกเวลาในช่วงพักกลางวัน และหลังเลิกเรียนอีกด้วย แม้ โขนจะอยู่ ในหลักสูตรของกลุ่มสาระการเรี ยนรู ้ ศิลปะ แต่ต้องยอมรับว่าการผลักดันโขนให้เป็นวิชาเรียนไม่ ใช่ เรื่องง่ายเลย เพราะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน รวมถึงเสื้อผ้า
เครื่องแต่งกาย หรืออุปกรณ์ประกอบฉากที่หากลองค�ำนวณ แล้วเป็นจ�ำนวนไม่น้อยทีเดียว ซึ่งนับว่าโชคดีที่โรงเรียนเรามี บุคลากรมากความสามารถโดยมีคุณครูฉวีวรรณ ควรแสวง ผู้จัดการโรงเรียน เป็นผู้ริเริ่ม ทั้งลงมือเขียนบท ก�ำกับการแสดง อ�ำนวยการฝึกซ้อม พร้อมครูที่มีความช�ำนาญจากกรมศิลปากร มาช่วยฝึกสอน ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ผู้ปกครองก็ให้การ สนับสนุนผ่านการขายบัตรเข้าชมการแสดงด้วยเช่นกัน “นักเรียนหลายคนสนใจ และสมัครเข้ามาเรียนโขนกัน มากมาย เด็กคนไหนที่ไม่มีพื้นฐาน ครูเขาก็ให้เล่นเป็นเขนลิง บ้าง เขนยักษ์บ้าง เมื่อเห็นลูกศิษย์แสดงแล้วรู้สึกขนลุกเลย เพราะดูเหมือนเป็นคนละคนเวลาอยู่ ในห้องเรียน ซึ่งนั่นท�ำให้ เราทึ่งมาก ว่านาฏกรรมล�้ำค่าของชาติจะสามารถเปลี่ยน บุคลิกภาพได้มากขนาดนี้ เด็กบางคนเล่นโขนตั้งแต่ชั้นประถม จนถึงชั้นมัธยม เราได้เห็นพัฒนาการของเค้ามาตลอด พูดได้ เต็มปากเลยว่า รู้สึกภาคภูมิใจในตัวลูกๆ อ�ำนวยวิทย์มากค่ะ ภาคภูมิใจที่เขาแสดงออกมาได้ดี ขนาดนี้ เด็กอนุบาลดูแล้วก็ ชอบกันมาก บางคนถึงกับบอกว่า ถ้าขึ้นชั้นประถมก็จะเรียนโขน ด้วยแน่นอน” ดร.ศรีเรือน กล่าว ก่อนท�ำการแสดงแต่ละครั้ง นักแสดงโขนทุกคนต้อง ฝึ ก ซ้ อ มอย่ า งหนั ก จนอาจมี ผ ลกระทบต่ อ การเรี ย นไปบ้ า ง ครูผู้สอนไม่ ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหานี้ จึงช่วยกันกวดขันการเรียน ของเด็ ก ให้ ส ่ ง การบ้ า นหรื อ งานที่ รั บ มอบหมายให้ เ รี ย บร้ อ ย ส่วนประโยชน์ของการเล่นโขนนั้น ท�ำให้นักเรียนมีสมาธิมากขึ้น เพราะเวลาฝึ ก ต้ อ งนั บ จั ง หวะ เด็ ก บางคนที่ ดูเ หมื อ นไม่ มี สมาธิ ในการเรียน เมื่อเล่นโขนกลับท�ำได้ดี และพบพรสวรรค์ หรือความถนัดของตนเอง ซึ่งนักเรียนบางคนน�ำทักษะด้านนี้ไป ต่อยอดเข้าศึกษาต่อที่วิทยาลัยนาฏศิลป์ โดยตรง หรือใช้เข้า เรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายและระดับชั้นที่สูงขึ้นต่อไป ไม่เพียงจัดแสดงในโรงเรียนเท่านั้น แต่โขนอ�ำนวยวิทย์ ยังเคยได้ประกาศศักดาอีกหลายเวที ไม่ว่าจะเป็นที่ศาลากลาง จังหวัดฯ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงตามชุมชนต่างๆ และที่ตรึงใจชาวอ�ำนวยวิทย์คืองานวันสถาปนาลูกเสือแห่งชาติ ณ สนามศุภชลาสัย เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2559 โดยมีพระเจ้า วรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จฯ เป็นองค์ประธาน พระองค์ ท ่ า นตรั ส ชมว่ า นั ก แสดงตัวน้อย เก่งมากๆ ซึ่งถือเป็นก�ำลังใจส�ำคัญให้ชาวอ�ำนวยวิทย์ทุกคน พัฒนาศักยภาพโขนให้เกรียงไกรขึ้นอย่างไม่ ไม่มีที่สิ้นสุด
89
ชิมของอร่อย-ปลดปล่อยความสุนทรีย์ ที่ตลาดน�้ำคลองพระองค์เจ้าฯ แลนด์มาร์คใหม่ใจกลางบางบ่อ หากพิมพ์ค�ำว่า ตลาดน�้ำใกล้กรุงเทพฯ ลงในช่องค้นหา บนเว็บไซด์ชื่อดัง รายชื่อแรกๆ ที่ปรากฏบนหน้าจอคงหนีไม่พ้น ตลาดน�ำ้ อัมพวา ตลาดน�ำ้ ด�ำเนินสะดวก ตลาดน�้ำบางน�ำ้ ผึ้ง หรือ ตลาดโบราณบางพลี ซึ่งเราต่างคุ้นเคยเป็นอย่างดี นอกจาก บรรยากาศสงบ ธรรมชาติสบายตา รวมถึงสินค้ามากมายแล้ว อาหารการกินก็ถือเป็นเสน่ห์ที่สร้างความประทับใจได้ ไม่น้อย จึงขอพาทุกท่านไปรู้จักกับตลาดน�้ำน้องใหม่อย่างตลาดน�้ำคลอง พระองค์เจ้าฯ ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ พร้อมท�ำ ภารกิจพิชิตจานอร่อย มาร่วมกันตามหาว่า ร้านไหนเด็ด เมนู ไหนโดน ความรู้สึกแรกเมื่อก้าวมาถึงที่นี่คือสงบ ผู้คนไม่ หนาแน่นเหมือนที่อื่น เนื่องจากตลาดน�้ำคลองพระองค์เจ้าฯ หรือชื่อเต็มๆ ว่า ตลาดน�้ำคลองพระองค์เจ้าไชยานุชิต เปิดให้ บริการครั้งแรกเมื่อวันที ่ 7 พฤศจิกายน 2558 ตรงกับช่วงงาน แข่งเรือเร็วประจ�ำปีของวัดสุคันธาวาส พื้นที่จำ� หน่ายสินค้าจะอยู่ บนบกฝั่งเดียวกับวัด และตั้งบนแพที่เรียงรายบนผิวน�้ำ พ่อค้า แม่ค้าส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านในพื้นที่ที่น�ำสินค้าพื้นบ้าน พืชผัก
สวนครัวสดๆ และเมนูเด็ดมาให้ลิ้มลอง ทั้งของคาว ของหวาน หรืออาหารว่างหลายชนิด นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรับประทาน เพลินๆ ริมน�้ำ ชมวิวเลียบคลอง หรือจะให้อาหารปลาไปด้วยก็ ผ่อนคลายไปอีกแบบ
ขอประเดิ ม ภารกิ จ ด้ ว ยร้ า นอาหารอี ส านรสแซ่ บ ขอบอกว่าอร่อยทุกเมนู โดยเฉพาะส้มต�ำกรอบที่เป็นไฮไลต์ เด็ ด ของร้ า นนี้ โดยทอดมะละกอให้ เ หลื อ งกรอบ จิ้ ม กั บ น�ำ้ ส้มต�ำเปรี้ยวหวานก�ำลังดี กลมกล่อมชวนลิ้มลอง ข้ามมาฝั่ง
92
แพกันบ้าง กลิ่นหอมของแป้งสาคูเหนียวนุ่ม ไส้หมูคลุกเคล้า หัวไชโป๊วและถั่วลิสงบด ห่อด้วยผักกาดหอม กระเทียมเจียว และพริกสด เผ็ดจี๊ดก�ำลังดี หรือปากหม้อญวน พลิกแพลงสูตร มาใช้นำ�้ จิ้มซีอิ๊วแทนน�้ำจิ้มไก่ อันนี้ก็รสเด็ดระดับห้าดาวเช่นกัน อาจเป็นเพราะระยะห่างของแต่ละร้านอยู่ ไม่ ไกลกัน มากนัก ท�ำให้ความหอมจากห่อหมกปลาเก๋าลอยมาเตะจมูกเข้า อย่างจัง พอเข้าไปดูใกล้ๆ จะสัมผัสได้ถึงเนื้อปลาเก๋าชิ้นใหญ่ ในกระทงใบตองท่ามกลางเครื่องแกงสีส้มนวล ส่วนรสชาตินั้น ละมุนลิ้นจนเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม ถัดไปไม่ ไกลนักจะเจอเค้กกล้วยน�้ำว้า ลักษณะคล้าย เค้กกล้วยหอม แต่สีจะอ่อนกว่า ซึ่งพี่บัวเผื่อนเจ้าของร้านบอก ว่า ที่ บ ้ า นปลู ก กล้ ว ยน�้ ำ ว้ า เยอะ จึ ง ลองพลิ ก แพลงสู ต รดู
ไปสบตากับเห็ดทอดสมุนไพรเข้าอย่างจัง จึงขอแวะชิมอีกนิ ด เพื่ อ เพิ่ ม อรรถรส แม้ ชื่ อ ดู ธ รรมดา แต่ ร สชาติ เ ยี่ ย มยอด อย่าบอกใคร ซึ่งทางร้านน�ำเห็ดเข็มทองมาห่อด้วยเบคอน ผสม กับความเผ็ดร้อนจากสมุนไพร แล้วน�ำไปทอดในน�ำ้ มันเดือด กรอบนอก นุ่มใน ถูกปากถูกใจเหล่านักชิมสุดๆ ต่อด้วย ขนมเปียกปูนชิ้นเล็กพอดีค�ำราดด้วยน�้ำกะทิสดเข้มข้น ท�ำให้ การรับประทานอาหารธรรมดามีความสุขมากกว่าเดิม
จากการตระเวนชิมร้านโน้นออกร้านนี้ ขอยืนยันว่า ภารกิจพิชิตจานอร่อย ณ ตลาดน�้ำคลองพระองค์เจ้าฯ ส�ำเร็จ อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะเมนู อร่อยยังมีอีกมากมาย แถมบรรดาพ่อค้าแม่ขายก็น่ารัก ยิ้มแย้ม แจ่มใส รวมถึงมีมุมถ่ายภาพสวยๆ ที่พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว อย่ า งเป็ น มิ ต ร แม้ จ ะเป็ น ตลาดน�้ ำ น้ อ งใหม่ แต่ เ ราเชื่ อ ส่วนเรื่องรสชาติไม่ต้องห่วงเพราะอร่อยไม่แพ้กัน แถมตบท้าย เหลือเกินว่า ถ้าได้ลองมาแล้วจะหลงรักและอยากกลับมาอีก ด้วยขนมหวานสุดอร่อยที่มีให้เลือกหลายเมนู งานนี้อิ่มหมีพีมัน แน่นอน ส�ำหรับใครที่สนใจสามารถแวะมาได้ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ สุดๆ เวลา 8.00-16.00 น. โดยใช้เส้นทาง ถ.รัตนโกสินทร์ 200 ปี ลมพัดเอื่อยๆ ชวนให้เราอยากนั่งพักสักครู่ แต่แล้วดัน อ.บางบ่อ มุ่งตรงมายังวัดสุคันธาวาสได้เลย 93
“บ้านบางยอ”คว้าที่ 1
หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง...ระดับจังหวัด หลั ง จากกระทรวงมหาดไทย ได้ ด� ำ เนิ น งานด้ า น การพัฒนาหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ โดยน้อมน�ำหลัก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มาเป็นหลักในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และมีหลักเกณฑ์ ในการสร้างและพัฒนาหมู่บ้าน/ชุมชน ให้
เป็น “หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบ” ใน 3 ระดับ คือ ระดับ “พออยู่ พอกิน” คือ ครัวเรือนมีการพัฒนาจนสามารถ พึ่งพาตนเองได้ ท�ำกิน ท�ำใช้ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้และมีการ ออม, ระดับ “อยู่ดี กินดี” คือ หมู่บ้าน/ชุมชนที่สามารถบริหาร
จัดการพัฒนาในรูปแบบกลุ่มและการพัฒนารายได้ด้วยระบบ กลุ่มสามารถเพิ่มรายได้และขยายโอกาสให้คนในชุมชน และ ระดับ “มั่งมี ศรีสุข” คือ หมู่บ้าน/ชุมชน ที่มีการบริหารพัฒนา ด้วยองค์กรเครือข่ายในการยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มโอกาส การประกอบอาชีพและมีสวัสดิการชุมชน ปัจจุบันกระทรวงมหาดไทยได้พัฒนาหมู่บ้านให้เป็น หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงต้นแบบไปแล้วจ�ำนวน 7,309 หมู่บ้าน มีผนู้ ำ� ชุมชนทีเ่ ป็นแกนน�ำในการพัฒนาหมูบ่ า้ น จ�ำนวน 21,927 คน มี ครอบครัวที่เป็นต้นแบบการพัฒนาวิถีชีวิตแบบพอเพียง จ�ำนวน 219,270 ครัวเรือน มีแหล่งเรียนรู้ ในหมู่บ้านและมีหมู่บ้านที่เป็น ศูนย์เรียนรู้ชุมชนจ�ำนวน 904 แห่ง ในส่ ว นของจั ง หวั ด สมุ ท รปราการ ก็ เ ป็ น อี ก หนึ่ ง จั ง หวั ด ที่ ส นองนโยบายของกระทรวงมหาดไทย โดยนาย ชาติ ช าย อุทยั พันธ์ ผูว้ า่ ราชการจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า ทางจั ง หวั ด ได้ ด� ำ เนิ น โครงการคั ด สรรกิ จ กรรมพั ฒ นาชุ ม ชน ดีเด่น ประจ�ำปี 2560 เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติผู้น�ำเครือข่าย พัฒนาชุมชนดีเด่นที่มีผลงานระดับจังหวัด ผ่านกระบวนการ คัดสรรเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง “อยู่เย็น เป็นสุข”
94
โดยผลการคัดสรร ปรากฏดังต่อไปนี้ หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง “อยู่เย็น เป็นสุข” ดีเด่น ระดับจังหวัด รางวัลชนะเลิศได้แก่ บ้านบางยอ หมู่ที่ 4 ต.บางยอ อ.พระประแดง รองชนะเลิศล�ำดับ 1 ได้แก่ บ้านบางโปรง หมู่ที่ 2 ต.บางโปรง อ.เมืองฯ และบ้านคลองบางน�้ำจืด หมู่ที่ 10 ต.บางโฉลง อ.บางพลี รางวัลชมเชย ได้แก่ บ้านคลองไทรโยค หมู่ที่ 10 ต.บ้ า นระกาศ อ.บางบ่ อ , บ้ า นคู ่ ส ร้ า งคู ่ ส ม หมู ่ ที่ 12 ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ และ บ้านคลอง บางเซา หมู่ที่ 6 ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง ผู ้ น� ำ อาสาพั ฒ นาชุ ม ชนชายและหญิ ง ดีเด่นระดับ จังหวัด แยกเป็นผู้น�ำอาสาพัฒนาชุมชนชาย รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ นายกมล ศิริสวัสดิ์ ผู้น�ำอาสาพัฒนาชุมชน ต.ทรงคะนอง
อ.พระประแดง รางวั ล รองชนะเลิ ศ ล� ำ ดั บ ที่ 1 ได้ แ ก่ นาย สุชาติ แสงรุ่ง ผู้น�ำอาสาพัฒนาชุมชน ต.นาเกลือ อ.พระสมุทร เจดีย์ รางวั ล รองชนะเลิ ศ ล� ำ ดั บ ที่ 2 ได้ แ ก่ นายธี ร พล จันทร์ ประเสริฐ ผู้นำ� อาสาพัฒนาชุมชน ต.บางโฉลง อ.บางพลี ส่วนรางวัลผู้น�ำอาสาพัฒนาชุมชนหญิง รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ นางวรรณา โพธิ์จันทร์ ผู้น�ำอาสาพัฒนาชุมชน ต.บางยอ อ.พระประแดง รางวัลรองชนะเลิศล�ำดับที่ 1 ได้แก่ นางปุณณิ กา สมานกลาง ผู้น�ำอาสาพัฒนาชุมชน ต.บางโฉลง อ.บางพลี รางวัลรองชนะเลิศล�ำดับที่ 2 ได้แก่ นางสาวสุนีย์ วงศ์เขียว ผู้น�ำ
อาสาพัฒนาชุมชน ต.บางโปรง อ.เมืองฯ รางวัลชมเชยได้แก่ นางพรทิวา ชื่นสุวรรณ ผู้น�ำอาสาพัฒนาชุมชน ต.บางพลีน้อย อ.บางบ่อ และนางสิริมน กลิ่นหอม ผู้น�ำอาสาพัฒนาชุมชน ต.ศีรษะจระเข้น้อย อ.บางเสาธง กลุ ่ ม /องค์ ก รชุ ม ชนแกนหลั ก ส� ำ คั ญ ในการพั ฒ นา
หมู่บ้าน ดีเด่นระดับจังหวัด รางวัลชนะเลิศได้แก่ เครือข่าย กองทุนแม่ของแผ่นดิน ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง รางวัล รองชนะเลิศล�ำดับที่ 1 ได้แก่ คณะกรรมการพัฒนาสตรี ต.บางยอ อ.พระประแดง รางวัลรองชนะเลิศล�ำดับที่ 2 ได้แก่ กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตทานตะวัน หมู่ที่ 10 ต.บางโฉลง อ.บางพลี รางวัลชมเชย ได้แก่ กลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิต บ้านคลองไทรโยค ต.บ้านระกาศ อ.บางบ่อ และกลุ่มพัฒนาสตรี หมู่ที่ 12 ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ รางวัลสุดท้าย ศูนย์ประสานงานองค์กรชุมชนระดับ ต�ำบล ดีเด่นระดับจังหวัด รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ศูนย์ประสานงาน องค์กรชุมชนต�ำบลบางกอบัว อ.พระประแดง ทั้ ง หมดนี้ คื อ รางวั ล ที่ ไ ด้ รั บ การคั ด สรรจากจั ง หวั ด สมุทรปราการ ตามโครงการคัดสรรกิจกรรมพัฒนาชุมชนดีเด่น ประจ�ำปี 2560 ซึ่ง กองบรรณาธิการ จะทยอยเข้าสัมภาษณ์และ น�ำรายละเอียดมาตีพิมพ์เผยแพร่ ในโอกาสต่อไป..
95
96
รู้จักที่มา... “ปล่อยนก-ปล่อยปลา” จากพิธีสะเดาะเคราะห์ สู่สีสันสงกรานต์พระประแดง สงกรานต์พระประแดง ประเพณียิ่งใหญ่วิถีไทยรามัญ จัดต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน ยาวไปจนถึงวันสุดท้ายใน สัปดาห์ถัดไป ต่างได้รับเสียงชื่นชมจากนักท่องเที่ยวทั่วสารทิศ ว่า ทั้งสนุกจากสายน้ำ�เย็นฉ่ำ� พร้อมเรียนรู้วัฒนธรรมหลากสีสัน ของชาวมอญ โดยเฉพาะพิธีปล่อยนก-ปล่อยปลา ที่เป็นหนึ่งใน สัญลักษณ์สำ�คัญประจำ�เทศกาลสงกรานต์พระประแดงเลย ทีเดียว พิธีปล่อยนก-ปล่อยปลาในปัจจุบัน หนึ่งในกิจกรรมที่ เคียงคู่ประเพณีสงกรานต์พระประแดงมานานกว่า 7 ทศวรรษ เพื่อให้ประชาชนได้สะเดาะเคราะห์ และต่อชีวิตให้มีอายุยืนยาว เริ่มด้วยการแห่นก-แห่ปลา ร่วมขบวนไปกับนางสงกรานต์และ หนุ่มลอยชาย พร้อมรถบุปผชาติที่ถูกตกแต่งไว้อย่างตระการตา ออกจากที่ว่าการอำ�เภอพระประแดง ผ่านตลาดพระประแดง ไปสิ้นสุดที่บริเวณคลองลัดหลวง ภายในวัดโปรดเกศเชษฐาราม ซึ่งเกิดจากความเชื่อของชาวมอญ โดยมีตำ�นานเล่าขานมาว่า.. วั น หนึ ่ ง สามเณรรู ป หนึ ่ ง มี ส ี ห น้ า เศร้ า หมอง พระอาจารย์จึงนำ�วัน/เดือน/ปีเกิดมาตรวจดวงชะตา พบว่า จะมีอันเป็นไปภายในสองวัน ด้วยความเป็นห่วง พระอาจารย์จึง อนุญาตให้สามเณรรูปนี้กลับบ้านได้ ในระหว่างทางนั้น ได้เหลือบ ไปเห็นปลาดิ้นทุรนทุรายจากการตกคลัก (น้ำ�แห้งจนเหลือแต่ โคลนตม) สามเณรเกิดความสงสารจึงช้อนปลาขึ้นมาแล้วนำ�ไป ปล่อยในลำ�คลอง หลังจากนั้นได้เดินทางกลับวัด พระอาจารย์ เห็นเข้าก็ตกใจที่คำ�นายไม่เป็นไปตามคาด สามเณรจึงเล่าเรื่อง ราวทั้งหมดให้ฟัง เมื่อชาวบ้านทราบจึงพากันปล่อยปลาตาม แบบสามเณรบ้าง เพื่อจะได้ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้หมดสิ้นไปด้วย นางฉวีวรรณ ควรแสวง หรืออาจารย์ฉวีวรรณ ทายาท ของผู้สืบสานพิธีปล่อยนกปล่อยปลาเล่าว่า เมื่อก่อนมีเพียง
พิธีปล่อยปลาเท่านั้น โดยนายบุญมา มุสิกทอง ชาวชุมชนบ้าน แซ่ ได้จัดขึ้นในเทศกาลสงกรานต์ เพื่อเปิดโอกาสให้ชาวมอญ ที่ไปทำ�นาต่างถิ่นได้มีกิจกรรมทำ�ร่วมกันช่วงวันหยุด โดยเชิญ สาวน้อยใหญ่มาร่วมขบวนแห่ และนำ�ปลาไปปล่อยในบ่อน้ำ�ที่ วัดทรงธรรม พิธีนี้ได้สูญหายไปพักหนึ่ง จนในปี 2488 อาจารย์ คล้าย พงษ์เวช บิดาของอาจารย์ฉวีวรรณ ได้นำ�มาจัดอีกครั้ง เพื่อสะเดาะเคราะห์ ให้กับคุณยายพ่วง พงษ์เวช มารดาของท่าน และนั่นคือจุดเริ่มต้นให้อาจารย์คล้ายกลายเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง ในการจัดพิธีเรื่อยมา ในฐานะที่อาจารย์ฉวีวรรณเคยร่วมขบวนแห่เมื่อครั้ง อดีต ท่านจึงเล่าประสบการณ์ ให้ฟังว่า ครั้งนั้นมีชาวมอญทุก หมู่บ้านในพระประแดงมาร่วมเดินขบวนมากมาย ฝ่ายหญิงทำ� หน้าที่ถือโหลปลา ส่วนมากจะเป็นปลาหมอ พร้อมนุ่งเสื้อผ้า อาภรณ์แบบชาวมอญสีสันสดใส ส่วนฝ่ายชายจะคอยดูแลความ ปลอดภัยอยู่ด้านข้าง ขบวนเคลื่อนที่ไปด้วยความสนุกสนาน รื่นเริงในช่วงแดดร่มลมตกหลัง 15.00 น. เป็นต้นไป จากสถานี ตำ�รวจภู ธรพระประแดง ไปสิ ้ นสุ ดที ่ วัดทรงธรรม บางปีก็ปล่อยที่แม่น้ำ�หน้าอำ�เภอ เมื่อสภาพพื้นที่ เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา จึงเปลี่ยนมาทำ�พิธีที่วัดโปรดเกศ เชษฐาราม ส่วนการปล่อยนกนั้น อาจารย์คล้ายเห็นว่าเป็นการ ทำ�ทานเพื่อต่อชีวิตสัตว์เหมือนกัน ท่านจึงนำ�มาผนวกไว้ จน กลายเป็นพิธีปล่อยนก-ปล่อยปลาดังเช่นทุกวันนี้ จากการหลั ่ ง ไหลของวั ฒ นธรรมหลายรู ป แบบ อาจทำ�ให้ประเพณีเก่าแก่ ไม่เหมือนเดิม แต่อาจารย์ฉวีวรรณ ก็ยังย้ำ�ชัดกับเราว่า จะขออนุรักษ์มรดกทรงคุณค่าที่บรรพบุรุษ หลงเหลือไว้ ให้ตอ่ ไป และพร้อมถ่ายทอดให้เยาวชนคนรุน่ ใหม่ทราบ ว่า พระประแดงบ้านเรามีวฒ ั นธรรมอันงดงามไม่เป็นรองใครในโลก ภาพ/เนื้อหา: นิตยสาร “ฟ้าใหม่”
97
98
101
102
103
104
105
108
109
110
111
112
113
114
115
116
เส้นทางสู่นักเตะอาชีพเริ่มต้นที่นี่
SAMUTPRAKAN F.C. ACADEMY สโมสรฟุ ต บอลจั ง หวั ด สมุ ท รปราการ เล็ ง เห็ น ความส� ำ คั ญ ของเยาวชน ที่ จ ะสามารถต่ อ ยอดให้ เ ป็ น ก� ำ ลั ง หลั ก ให้ แ ก่ ที ม ฟุ ต บอลจั ง หวั ด สมุ ท รปราการ
117
118
สโมสรฟุตบอลอาชีพหนึ่งเดียวในจังหวัดได้วางระบบ การเรี ย นการสอนฟุ ต บอลตั้ ง แต่ ร ะดั บ เยาวชน ในรู ป แบบ “Soccer School” เพื่อเปิดโอกาสให้น้องๆ เยาวชนที่มี ใจรัก ในกีฬาลูกหนัง หรือผู้ปกครองที่สนใจส่งบุตรหลานเรียนกีฬา โดยบอร์ดบริหารสโมสร เพื่อใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ฟุ ต บอลจั ง หวั ด สมุ ท รปราการ เชื่อมั่นว่าการเริ่มต้นเรียนรู้ ศาสตร์ที่ถูกต้องจากทีมงานสตาฟฟ์ โค้ช และนักกีฬาอาชีพ จะช่วยให้บรรดา “ต้นกล้า” เหล่านี้เติบโตขึ้นเป็นบุคลากรที่ดี ต่อไปได้ ปัจจุบนั “ป้อมปราการ” วางโรงเรียนลูกหนัง ปูพื้นฐาน เดินหน้าผลักดันในส่วนอะคาเดมี่ เพื่อเป็นรากฐานให้กับ ทีมต่อไปในอนาคตอย่างต่อเนื่อง ทั่วพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของน้องๆ และผู้ปกครองทั่วพื้นที่ 3 สาขา โดยมีน้องๆ ที่เข้ามาเรียนศาสตร์ลูกหนังกับสโมสร ฟุตบอลจังหวัดสมุทรปราการ รวมกว่า 200 ชีวิต และยังคง เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สโมสรฟุ ต บอลจั ง หวั ด สมุ ท รปราการ ให้ความส�ำคัญกับการพัฒนาศักยภาพลูกหนังให้กับลูกหลานในพื้นที่ จังหวัดสมุทรปราการ อย่างเต็มที่ โดยมี “โค้ชหมี” น.อ.สุรศักดิ์ ตังสุรัตน์ อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย ที่คอยให้ค�ำ ปรึกษาแก่ผู้ฝึกสอน และดูแลควบคุมคุณภาพ เพื่อให้ศาสตร์ลูกหนังเกิดประโยชน์ต่อน้องๆ เยาวชนอย่างสูงสุด 119
สำ�หรับโรงเรียนลูกหนังสมุทรปราการเอฟซี ปัจจุบันมี 3 สาขาประกอบด้วย
สนามศูนย์ฝึกฟุตบอลจังหวัดสมุทรปราการ สนามฟุตบอลหญ้าจริง อยู่ทางเข้าหมู่บ้านมัณฑนา ศรีนครินทร์ เป็นสนามซ้อม ของทีมชุดใหญ่สมุทรปราการเอฟซี ที่ทางสโมสรฯ เพิ่งปรับปรุงใหม่ด้วยงบประมาณกว่า 1 ล้านบาท ถือเป็นสนามฟุตบอล หญ้าจริง คุณภาพเยี่ยมที่สุดในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ โดยที่นี่ควบคุมการฝึกสอนโดย “หมอแช็ป” นิติ สาสาร นักกายภาพบำ�บัด และผู้ ฝึกสอนทีมชุดใหญ่สมุทรปราการเอฟซี ที่ผ่านประสบการณ์ ในฟุตบอลอาชีพมาร่วม 10 ปี
สนามฟุตบอลหญ้าเทียมเดอะไพรมารี่ บางนา (ราม 2) สนามฟุตบอลหญ้าเทียมกลางแจ้งที่ดีที่สุดย่านบางนา ควบคุมการ ฝึกสอนโดย “โค้ชบอล” ชาคริต คำ�ศิริ ผู้อำ�นวยการอะคาเดมี่สโมสรฯ และนักวิทยาศาสตร์การกีฬาให้กับทีมชุดใหญ่สมุทรปราการ เอฟซี ผ่านประสบการณ์การทำ�งานร่วมกับทีมใหญ่มานาน 5 ปีเต็ม 120
สนามฟุตบอลหญ้าเทียม เดอะบลู อารีน่า สนามฟุตบอลหญ้าเทียมในร่มที่ดีที่สุดย่านแพรกษา ควบคุมการฝึกสอนโดย “โค้ชเป็ด” พงษ์สิริ ยะกัณฐะ อดีตนักกีฬาทีมสมุทรปราการเอฟซี ที่ปัจจุบันท�ำหน้าที่ผู้ฝึกสอนทีมชุดใหญ่สมุทรปราการเอฟซี โดย ผ่านการอบรมผู้ฝึกสอนในระดับ ซี ไลเซนส์ เอเอฟซี มาแล้ว ถือเป็นโค้ชหนุ่มอนาคตไกลที่พร้อมดูแลเอาใจใส่น้องๆ เยาวชน ในทุกรายละเอียดเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างเต็มที่ ปัจจุบันโรงเรียนลูกหนังสมุทรปราการเอฟซี @สนามฟุตบอลหญ้าเทียม เดอะบลู อารีน่า ได้รับการตอบรับที่ดีจากน้องๆ และผู้ปกครอง
121
122
123
124
แชมป์ “มวก. นนทบุรีคัพ”
สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสมุทรปราการ หากจะเอ่ยถึงทัวร์นาเมนต์ลูกหนังเมืองไทย ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ และยิ่งใหญ่ในระดับแถวหน้าแล้วชื่อ “มวก.นนทบุรี คัพ” คือหนึ่งในนั้น อย่างแน่นอน ฟุตบอลที่ชิงชัยความเป็นหนึ่ง หาผู้ชนะคว้าถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในหลวงรัชกาล ที่ 10 เป็นรายการที่มีมาอย่างยาวนานนับถึงปัจจุบันก็ครบรอบเบญจเพศ แบบพอดิบพอดี กว่า 20 ปีที่ “มวก.นนทบุรี คัพ” เป็นบันไดให้กับนักเตะ ชื่อ ดังหลายราย ได้ใช้เป็นเวทีโชว์เพลงแข้งก่อนขึ้นไปแจ้งเกิดในระดับชาติ ไม่ว่าจะ เป็น ตะวัน ศรีปาน, สัจจา ศิริเขตต์, ชนาธิป สรงกระสินธ์ ฯลฯ มาแล้ว
125
แชมป์ มวก. นนทบุรีคัพ ความภาคภูมิใจของจังหวัดสมุทรปราการ
126
โดยการแข่งขันยังจัดครอบคลุมรุ่นอายุคนกีฬา ไม่ว่า จะเป็น 12 ปี, 16 ปี, ประชาชนทั่วไป และอาวุโสอายุ 50 ปีขึ้นไป และนอกเหนือจากฟุตบอลแล้วไฮไลท์ของการแข่งขันทุกครั้งที่ มีควบคู่มาตลอดก็คือการเปิดโอกาสให้พี่น้องชาว จ.นนทบุรี ท�ำกิจกรรมร่วมกัน ก็คือ กีฬามวลชนเฉลิมพระเกียรติ ทั้งกีฬา สากล, พื้นบ้าน รวมถึงการประกวดขบวนพาเหรด และกองเชียร์ อีกด้วย โดยถ้วยพระราชทานอันทรงเกียรติ ของชาวจังหวัด นนทบุรี นี้จะจัดการแข่งขัน ช่วงเดือนกรกฎาคม อันเป็นเดือน แห่งการทรงพระราชสมภพของ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหา วชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในหลวงรัชกาลที่ 10 ทั้ ง นี้ เ มื่ อ ปี พ.ศ.2559 ที่ ผ ่ า นมา ทางสมาคมกีฬา ฟุตบอลแห่งจังหวัดสมุทรปราการ ได้รับเทียบเชิญจาก ฝ่ายจัด “มวก.นนทบุรี คัพ” ประเภทประชาชนทั่วไป ร่วมแข่งขันชิง ถ้วยเกียรติยศล�ำดับที่ 24 โดย นายวรพร อัศวเหม นายกสมาคม กีฬาแห่งจังหวัดสมุทรปราการ ได้จัดการมอบหมายให้สโมสร ฟุตบอลจังหวัดสมุทรปราการ ส่งคณะนักกีฬา เข้าร่วมแข่งขัน ในนามทีมสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสมุทรปราการ
127
แชมป์ มวก. นนทบุรีคัพ ความภาคภูมิใจของจังหวัดสมุทรปราการ
128
ตลอดเส้นทางสู่แชมป์ ทีมผ่านคู่แข่งขันแกร่งๆ มาทั้งสิ้น โดยเริ่มตั้งแต่นัดเปิดสนามที่ สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด สมุทรปราการ ต้องจับฉลากพบ “เจ้าภาพ” สมาคมกีฬาแห่ง จังหวัดนนทบุรี โดยเกมนี้เสมอในเวลาที่ 1-1 ก่อนช่วงยิงจุดโทษ จะเป็นสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสมุทรปราการ ที่แม่นกว่าผ่านเข้า รอบรองฯ ด้วยสกอร์รวม 6-4 รอบรองชนะเลิศ สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสมุทรปราการ ยังท�ำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เอาชนะ สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด ประจวบคิรีขันธ์ ไปแบบขาดลอย 5-1 และในรอบชิงชนะเลิศจะ เอาชนะ สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดนครราชสีมา ไปแบบไม่ล�ำบาก นักด้วยสกอร์ 3-1 ทั้งนี้การคว้าแชมป์ ‘’มวก.นนทบุรี คัพ’’ ในครั้ ง นี้ นั บ เป็ น แชมป์ ค รั้ ง แรกของสมาคมกี ฬ าแห่ ง จั ง หวั ด สมุทรปราการ อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันฟุตบอลถ้วยพระราชทาน มวก.นนทบุรี คัพ ได้งดเว้นการแข่งขันไปร่วมปีกว่า ก่อนที่ปัจจุบันการ แข่งขัน “มวก.นนทบุรี คัพ” ครั้งที่ 25 จะกลับมาแข่งขันอีกครั้ง ทั้งนี้ฝ่ายจัดได้ส่งเทียบเชิญ สมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสมุทรปราการ เข้าร่วมแข่งขันในฐานะทีมแชมป์เก่า โดย “นายกเอก” วรพร อัศวเหม นายกสมาคมกีฬาแห่งจังหวัดสมุทรปราการ ได้มอบหมายให้ สโมสรฟุตบอลจังหวัดสมุทรปราการ ส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันในครั้งนี้ นอกจากนี้ทัพ “ป้อมปราการ” ยังถือโอกาสส่งทีมน้องเยาวชน รุ่น 16 ปี ร่วมกับจังหวัดสมุทรปราการ และโรงเรียนเทศบาล 1 (เยี่ยมเกษสุวรรณ) ในโครงการช้างเผือก สมุทรปราการ เอฟซี ร่วมแข่งขันประเภทเยาวชน 16 ปี ด้วย ซึ่งภารกิจป้องกันแชมป์ถ้วยพระราชทานในหลวง ร.10 ในนาม สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด สมุทรปราการ และทัวร์นาเมนต์ ใหญ่รายการแรกของแข้ง “ปราการจูเนียร์” จะส�ำเร็จลุ่ล่วงหรือไม่ รอติดตามกันต่อในฉบับต่อไป
129
130
จับตามองคลื่นลูกใหม่เจ็ทสกีไทย
“แชมป์”กษิดิศ ธีระประทีป
เหรียญเงินเอเชียนเกมส์ จาการ์ตา ปาเล็มบัง 2018 “แชมป์ ” กษิ ดิศ ธี ร ะประที ป เริ่มต้นจับขันเร่ง เจ็ทสกี ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ และเพียงแค่ครั้งแรกสุดเด็กน้อยผู้ ยังไม่ประสาก็บิดเจ็ทสกีขึ้นฝั่งไปชนกับรถอย่างจัง โดยที่โชคดี หนุ่มน้อยคนนั้นไม่ ได้รับบาดเจ็บใดๆ และนั้นเป็นประสบการณ์ ตรงที่ส่งให้ “แชมป์” ประทับใจ และหลงใหลกีฬาชนิดนี้ตั้งแต่ วันนั้นเป็นต้นมา
นั บ แ ต ่ นั้ น ด้ ว ย ก า ร ส นั บ ส นุ น ที่ ดี จ า ก คุ ณ พ ่ อ และครอบครัว เจ็ทสกี กับ “แชมป์” ก็แยกกันไม่ออก เมื่อ ยามว่ า งเขาไม่ พ ลาดตามคุ ณ พ่ อ ไปออกทริ ป ขี้ เ จ็ ท สกี ทั ว ร์ ริ่ ง ตามสายน�้ำเส้นต่างๆ เท่าที่ผู้อ่านพอจะนึกออก ไม่ว่าจะเป็น แม่น�้ำ ล�ำคลอง ทะเล เกาะแก่ง ต่างๆ จนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ของหนุ่มน้อยรายนี้ไปโดยปริยาย ซึ่งครั้งหนึ่งเมื่อปี 54 ได้เกิด อุทกภัยหนักในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ คุณพ่อ และ “แชมป์” ก็ ไม่พลาดท�ำความดีน�ำเจ็ทสกีขี่แจกของแก่ผู้ประสบภัย มาแล้ว “แชมป์ ” ได้ โ อกาสลงแข่ ง เจ็ ท สกี ค รั้ ง แรก ที ่ ลุ่มน�้ำบางปะกง ด้วยความประหม่า และตื่นเต้น ขี่ได้แค่ 2 รอบ เขาก็ ต กน�้ ำ แต่นั่นไม่ ได้ท�ำให้หนุ่มน้อยคนนี้ท้อแท้ ด้วยความ ที่อยากจะเป็นผู้ชนะ ท�ำให้จากวันนั้น “แชมป์” ฝึกซ้อมอย่าง หนักเป็นกิจวัตรประจ�ำวัน และลงแข่งขันแทบทุกรุ่นทุกรายการ เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ให้มากที่สุด กระทั่งคว้าแชมป์แรก ส�ำเร็จขณะที่อายุ 12 ปี ในรายการของสมาพันธ์บางกอกเจ็ทสกี ที่สนาม จ.ราชบุรี ด้วยฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดา หลังจบรายการ ดังกล่าวก็มีคนแนะน�ำให้ต่อยอดลงแข่งขันโปรทัวร์
131
ปี 2558 แข่งในรายการ จูเนียร์ สลาลม รุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี และ “แชมป์” ก็เข้าป้ายเป็นที่ 1 ของประเทศไทย ได้สิทธิ์ เป็นตัวแทนชาติไทย ไปเล่นเวิลด์ ไฟนอล ที่สหรัฐอเมริกา แม้ครั้งแรกที่ไปประลองความเร็วบนแผ่นดินลุงแซม “แชมป์” จะแพ้รวดทุกสนามที่ลงแข่งขัน แต่นั่นกลับยิ่งกลายเป็น แรงผลักดันให้เขาบิดเจ็ทสกีคู่ ใจพุ่งชนเข้าเส้นชัยอย่างไม่หยุดยัง้ ปี 2559 เขาลงแข่งขันในรุ่นโนวิซ สกี สต็อก และ เอาชนะบรรดาตั ว เต็ ง คว้ า แชมป์ ใ นประเทศไทยได้ อี ก ครั้ ง และคราวนี้ ในรายการเวิลด์ ไฟนอล เขาแก้มือใหม่ด้วยการ ซิวแชมป์ในรุ่นดังกล่าว พ่วงกับรางวัลรองชนะเลิศในอีก 3 รุ่น ที่ร่วมแข่งขัน และนับแต่นั้นเป็นต้นมา “แชมป์” ก็เดินหน้า ประกาศศักดาคว้าแชมป์ ในแทบทุกรายการที่เข้าร่วมแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็น เหรียญทองเยาวชนแห่งชาติ แชมป์ประเทศไทยโน วิซ, ปี 2560 แชมป์ประเทศไทยรุ่นโนวิซเหรียญทองเยาวชน ระนองเกมส์ , ปี 2561 เหรี ย ญทองเยาวชนน่ า นเกมส์ , แชมป์ประเทศไทยรุ่นใหญ่โปรสกีโมดิฟายส์ 132
และล่าสุด “แชมป์” ก็ไปคว้าเหรียญเงินเจ็ทสกี ในศึก เอเชียนเกมส์ทปี่ ระเทศอินโดนีเซีย ซึง่ แม้จะไม่ใช่รางวัลชนะเลิศ แต่เขากลับรู้สึกภาคภูมิใจกับเหรียญรางวัลรายการนี้มากที่สุด “แชมป์ ” เล่ า ว่ า ในปี นั้ น เป็ น ปี แ รกที่ ขึ้ น มาแข่ ง ระดับโปร โดยลงแข่งขันประลองความเร็วกับนักบิดรุ่นพี่ เพื่อคัดหาตัวแทนไปแข่งเอเชียนเกมส์ แต่นั่นไม่ ใช่ปัญหา เมื่อ “แชมป์” บิดแซงรุ่นพี่ทุกคนเข้าที่ 1 ในสนามที่ 3 ที่ จ.ประจวบฯ ซึ่งเพียงพอให้คะแนนรวมได้เป็นตัวแทนประเทศ 1 ใน 2 คน ไปแข่งกีฬาระดับทวีป และที่อินโดนีเซีย แม้เขาจะต้องเจอ ทั้งคู่แข่งระดับทวีป และคลืน่ ทีไ่ ม่คนุ้ เคย แต่เขาก็ดพี อจบอันดับ 1 สนามแรก แม้ สนามที่ 2-3 เขาจะท�ำผลงานดร็อปลงไป และมี ปัญหาที่เครื่องยนต์ ทว่าสุดท้ายในสนามที่ 4 “แชมป์” ยังกัดฟัน เข้าป้ายที่ 2 คว้าเหรียญเงินกลับบ้านจนได้ แ ล ะ นี่ คื อ เรื่ อ งร า ว ทั้ งห ม ด ขอ ง “ แช ม ป ์ ” กษิดิศ ธีระประทีป กับเจ็ทสกีคู่ ใจหมายเลข 142 ที่ยังคงแซง เข้าป้ายทุกความส�ำเร็จ โดยก่อนจะลากันเจ้าหนูสิงห์นักบิด รายนี้ยังเผยคติทเี่ ขาพกไว้เสมอ 4 ประการยามลงแข่งขัน คือ 1.นักกีฬาพร้อม 2.เครื่องยนต์พร้อม 3.ทุน และครอบครัว และ 4.โชคดวง ซึ่งทั้งหมดนี่คือเรื่องราวของเขาที่ทุกความส�ำเร็จ แลกมาด้วยความมุ่งมั่น พยายาม และไม่รู้จักยอมแพ้...
133
134