พระศาสนจักรสมัยกรุงศรีอยุธยา

Page 1

พระศาสนจักรสมัยกรุงศรีอยุธยา ก.

เหตุการณ์ สําคัญๆ ของการแพร่ ธรรมในกรุงศรีอยุธยา การเข้ ามาของมิชชันนารีฝรั่งเศส

k

1.

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

Ba ngk o

กลุ่มคริ สตชนได้เริ่ มต้นขึ้นแล้วในกรุ งศรี อยุธยาตั้งแต่บรรดามิชชันนารี ภายใต้ระบบปาโดร อาโดเข้ามาใน สยาม โดยส่ วนใหญ่ก็เป็ นกลุ่มคริ สตชนต่างชาติที่อยูใ่ นสยามนัน่ เอง เราไม่ทราบความเป็ นไปอะไรมากนักเกี่ยวกับ กลุ่มคริ สตชนต่างๆ เหล่านี้ แต่ที่แน่ๆ ก็คือสถานการณ์ของกลุ่มคริ สตชนเหล่านี้เปลี่ยนแปลงไปนับตั้งแต่การเข้ามา ในดินแดนสยามของผูแ้ ทนพระสันตะปาปาหรื อ Apostolic Vicar ที่สมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่อได้ส่งมา ผูแ้ ทน พระสันตะปาปา 3 องค์ ที่ถูกส่ งมาในดินแดนนี้มีดงั ต่อไปนี้ 1. ฟรังซัว ปัลลือ (Francois Pallu) สังฆราชแห่งเอลิโอโปลิศ รับการแต่งตั้งเป็ นผูแ้ ทน พระสันตะปาปาแห่ง ตังเกี๋ย (Tonkin) และเป็ นผูบ้ ริ หารแคว้นต่างๆ ของจีนดังนี้คือ แคว้น Yun-nan, Kouy-Tscheou, Hou-Kang, Koung-Si, Seot chouen และลาวด้วย การแต่งตั้งนี้โดยอาศัยเอกสาร Brief ลงวันที่ 29 กรกฎาคม ค.ศ. 1658 โดย พระสันตะปาปาอเล็กซานเดอร์ ที่ 7 ชื่อเอกสารได้แก่ Super cathedram principis apostolorum 2 ปี แอร์ ลังแบรต์ เดอ ลา ม็อต (Pierre Lambert de La Motte) สังฆราชแห่งเบริ ธ รับการแต่งตั้งเป็ นผูแ้ ทนพระ สันตะปาปาแห่งโคจินจีน (Cochinchina) และเป็ นผูบ้ ริ หารแคว้นต่างๆ ของจีนดังนี้คือ แคว้น Tche-Kiang, FoKien, Kouang-Tong, Kiang-Si, เกาะ Hay-Nan การแต่งตั้งนี้โดยอาศัยเอกสาร Bull ลงวันที่ 17 สิ งหาคม ค.ศ. 1658 โดยพระสันตะปาปาอเล็กซานเดอร์ ที่ 7 ชื่อเอกสารคือ Onerosa Pastoralis Officri 3. อิกญาซิอุส โคโตลังดี (Ignatius Cotolendi) รับการแต่งตั้งเป็ นผูแ้ ทนพระสันตะปาปาแห่งนานกิง (Nan-Kin) พร้อมกับเป็ นผูบ้ ริ หารแคว้นต่างๆ ของจีนดังนี้คือ แคว้น Pekin, Chon-Si, Chen-Si, Chan-Tong และ Tartarie ด้วยเอกสาร Bull "E Subtimi Sedis Apostolicae" ลงวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 1660 และเป็ นสังฆราชเกียรตินาม แห่งเมแตล โลโปลิศ (Metelopolis) อย่างไรก็ตาม เราจะไม่เอ่ยถึงท่านผูน้ ้ ีมากนัก เนื่องด้วยท่านเสี ยชีวติ ก่อน เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทางจึงไม่มีบทบาทมาก ตําแหน่งสังฆราชแห่ง Metelopolis นี้ต่อมาได้กลายเป็ น ตําแหน่งของผูแ้ ทนพระสันตะปาปาองค์แรกแห่งสยาม นัน่ คือ พระสังฆราชลาโน (Laneau) ซึ่ งเราจะกล่าวถึง ต่อไป

ประวัติย่อบุคคลสํ าคัญในเรื่องนี้

Hi sto

1. ปี แอร์ ลังแบรต์ เดอ ลา ม็อต พระสั งฆราชแห่ งเบริธ • 16 มกราคม ค.ศ. 1624 รับศีลล้างบาป ที่ ลีซีเออ • 27 ธันวาคม ค.ศ. 1655 รับศีลบวชเป็ นพระสงฆ์ • 17 สิ งหาคม ค.ศ. 1658 รับแต่งตั้งเป็ นพระสังฆราชแห่งเบริ ธ • 2 มิถุนายน ค.ศ. 1660 รับอภิเษกเป็ นพระสังฆราชที่กรุ งปารี ส • 18 มิถุนายน ค.ศ. 1660 ออกเดินทางจากกรุ งปารี ส ถึงกรุ งศรี อยุธยาวันที่ 22สิ งหาคม ค.ศ. 1662


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 65

15 มิถุนายน ค.ศ. 1679 ถึงแก่มรณภาพที่กรุ งศรี อยุธยา รวมอายุ 55 ปี ท่านเกิดที่เมืองลีซีเออ วันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 1624 เป็ นบุตรชายคนโตในครอบครัวมีพี่นอ้ ง 4 คน น้องชาย คนหนึ่ งบวชเป็ นพระสงฆ์ และตายในเรื อในขณะที่เดินทางมาประเทศสยาม บิดาเป็ นข้าราชการ ท่านได้เรี ยนที่ วิทยาลัยของเยสุ อิตที่เมืองควง ต่อมาท่านเรี ยนนิติศาสตร์ เมื่อเรี ยนจบแล้วไปทํางานเป็ นที่ปรึ กษาของศาลในเมืองรู อัง ในปี ค.ศ. 1655 ท่านคิดจะเป็ นธรรมทูตในประเทศคานาดา จึงลาออกจากงาน บวชเป็ นพระสงฆ์ปี ค.ศ. 1655 เวลานั้นท่ านได้รับหน้าที่เป็ นผูอ้ าํ นวยการของโรงพยาบาลเมืองรู องั เมื่อไปปารี สท่านไปพักกับน้องชายที่ เป็ น สมาชิกคนหนึ่งของคณะ "สหาย" จากคณะนั้นคุณพ่อลังแบรต์ได้ทราบความต้องการของมิสซังในเวียดนาม ท่านจึง สมัครไปเป็ นเพื่อนร่ วมงานของสังฆราชที่จะถูกส่ งไป ต่อมาท่านได้เดินทางไปกรุ งโรมเพื่อช่ วยบรรดาพระสงฆ์ ฝรั่งเศสที่ทูลขอพระสันตะปาปาให้ส่งสังฆราชไปประเทศเวียดนาม คุณพ่อลังแบรต์เป็ นพระสงฆ์ที่เจริ ญชีวิตทางใจ ถึงขั้นสู ง และได้เป็ นเพื่อนร่ วมงานกับนักบุญเอวแดส (EUDES) และอาจารย์อื่นๆ ที่ได้เป็ นคนสําคัญในด้านชี วิต ทางใจสมัยนั้น คุณพ่อลังแบรต์ผนู้ ้ ี ได้เป็ นผูก้ ่อตั้งคณะ"รักไม้กางเขน"ฉะนั้นผูท้ ี่ตอ้ งการศึกษาจิตตารมณ์เฉพาะ ของคณะ "ภคินีรักไม้ กางเขน" จะต้องศึกษางานเขียนของท่านลังแบรต์และนักบุญเอวแดส รวมทั้งจิตตารมณ์ของ คณะ "ธิดาเมตตาธรรม"

dio

ces e

of

Ba ngk o

k

ฟรังซัว ปัลลือ พระสั งฆราชแห่ งเอลีโอโปลิศ • 31 สิ งหาคม ค.ศ. 1626 รับศีลล้างบาปที่เมืองตูรส์ เป็ นบุตรของเอเจียน ปัลลือ ที่ปรึ กษา ณ ศาลอุธรณ์ คดีเช่าสามัญ ที่เมืองตูรส์ และนายกเทศมนตรี ของเมืองนี้ • 29 กรกฎาคม ค.ศ. 1658 ได้รับแต่งตั้งเป็ นพระสังฆราชแห่งเอลีโอโปลิศ ได้รับแต่งตั้งเป็ นประมุขมิส ซังตังเกี๋ย เป็ นผูบ้ ริ หารมิสซังในประเทศจีน และประมุขมิสซังโฟเกียง (Fo-Kieng) ได้รับอภิเษกเป็ น พระสังฆราชที่กรุ งโรมวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1658 • 29 ตุลาคม ค.ศ. 1684 ถึงแก่มรณภาพที่เมืองโมยาง (Mo-Yang) ในมณฑลโฟเกียง ท่านเป็ นบุตรคนที่ 10 ของครอบครัว มีพี่นอ้ ง 18 คน ใน 18 คนนี้ ลูกชาย 4 คนได้บวชเป็ นพระสงฆ์ (เป็ นเย สุ อิต 2 คน) และลูกสาว 3 คนเป็ นซิ สเตอร์ บิดาของท่านเป็ นเทศมนตรี ของเมืองตูรส์ ฟรังซัว ปั ลลือ ได้รับศีลล้าง บาปวันที่ 31 สิ งหาคม ค.ศ. 1626 ท่านได้เรี ยนที่วทิ ยาลัยของเยสุ อิตที่เมืองตูรส์ ต่อมาเรี ยนเทวศาสตร์ นวิทยาลัยของ เยสุ อิตที่ปารี ส ท่านเป็ นคนศรัทธาได้เข้าคณะแม่พระซึ่ งเป็ นคณะกิจศรัทธาส่ งเสริ มความรักต่อพระนางมารี ย ์ ท่าน ได้บวชเป็ นพระสงฆ์ปี ค.ศ. 1650 เมื่อบวชแล้วท่านเช่าบ้านร่ วมกันกับเพื่อนพระสงฆ์ที่เข้าคณะ "สหาย" ด้วยกัน เพื่อฝึ กชีวติ ทางใจภายใต้การนําของคุณพ่อบาโค ผูเ้ ป็ นจิตตาธิการ ท่านได้ฟังคุณพ่อเดอ โรดส์ ที่ได้รับเชิญไปให้ การอบรมแก่คณะ ท่านเป็ นคนหนึ่งที่สมัครไปทํางานในมิสซังภาคเอเชียพร้อมกับเพื่อนหลายคน

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

2.

3.

อิกญาซิโอ โกโตลังดี พระสั งฆราชแห่ งเมแตลโลโปลิศ • 23 มีนาคม ค.ศ. 1630 เกิดที่เมืองบรี ญอล (วาร) บวชเป็ นพระสงฆ์ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1653 เจ้า อาวาสวัดแซงต์-มาเดอแลน ที่เมืองแอกส์


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 66 •

2.

Ba ngk o

k

20 กันยายน ค.ศ. 1660 รับแต่งตั้งเป็ นพระสังฆราชเมแตลโลโปลิศ และประมุข มิสซังนานกิง เดินทาง ไปภาคตะวันออกไกลในปี ค.ศ. 1661 16 สิ งหาคม ค.ศ. 1662 ถึงแก่มรณภาพที่ปาลากอล (Palacol) ห่างจากเมืองมาสุ ลีปากตัม 8 กิโลเมตร ขณะเดินทางไปยังมิสซังที่ได้รับมอบหมายให้ปกครอง

การร่ วมมือของคริสตังในการไปเผยแพร่ ความเชื่อ

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

ก่อนที่จะออกเดินทาง พระสังฆราชและผูร้ ่ วมงานกับท่านได้ต้ งั สามเณราลัยเพื่อเป็ นสถาบันที่จะอบรมและ เตรี ยมธรรมทูตที่จะไปยังประเทศมิสซัง เนื่องจากยังขาดเงินประมาณ 12,000 วีเวรอะ เพื่อตั้งบ้านเณรดังกล่าว คณะ "ศีลมหาสนิท" ได้พิมพ์ใบปลิวบอกบุญ ใบนั้นชี้แจงสถานการณ์ในประเทศที่สังฆราชจะไปดังนี้ ในประเทศจีนมี 250 ล้านคน ที่ตอ้ งนําความเชื่อสู่ เขา, ที่ตงั เกี๋ยมีคริ สตังราว 300,000 คน และ 30,000 คน ในโคชินไชน่า เดือนกรกฎาคม ค.ศ.1650 ยังพิมพ์หนังสื อเล่มเล็กอีก ซึ่ งผูเ้ รี ยบเรี ยงคงเป็ นพระคุณเจ้าปั ลลือ หนังสื อนี้มีชื่อ ว่า "สรุปเรื่ องทีค่ วรรู้เกีย่ วกับมิสซังในประเทศจีน" หนังสื อเล่มนี้แสดงจิตตารมณ์และจุดมุ่งหมายของคณะธรรมทูต รุ่ นแรก หลังจากได้เล่าสภาพความเป็ นอยูใ่ นดินแดนมิสซังของภาคเอเชียแล้ว ผูเ้ ขียนเสริ มว่า "วิธีเดียวทีเ่ ร็วทีส่ ุ ด เพือ่ แก้ปัญหา (การแพร่ ธรรม) ในประเทศเหล่ านั้นคือ การส่ งพระสังฆราชทีจ่ ะตั้งสามเณราลัยในดินแดนของ คริสตังใหม่ บ้ านเณรนั้นจะผลิตพระสงฆ์ พนื้ เมืองเพือ่ ช่ วยพระศาสนจักร และขยายเขตของพระศาสนจักรใน ท้องถิน่ นั้นออกไป" หนังสื อเล่มนี้ยงั ตอบคําถามที่วา่ ทําไมคริ สตังต้องร่ วมมือกับธรรมทูตที่สอนคนต่างศาสนาให้กลับใจ? ผูเ้ ขียนเน้นถึงบทบาทของสังฆราชทั้งในฝรั่งเศสและเอเชีย เขียนว่า "หน้ าทีช่ ่ วยคนต่ างศาสนาให้ กลับใจ เป็ นหน้ าที่ ของฝ่ ายสงฆ์กจ็ ริ ง แต่ ยงั เป็ นหน้ าทีข่ องฆราวาส แม้ จะไม่ ปฏิบัติอย่างเดียวกัน พระเป็ นเจ้ าทรงต้ องการให้ คริ สตัง ทุกคนมีเกียรติในการทํางานของพระองค์ เพือ่ ให้ ทุกคนได้ รับแบ่ งบุญกุศล ในทุกสมัย เราเห็นตัวอย่างของฆราวาสที่ ได้ รับพระหรรษทานและความเร่ าร้ อนพิเศษจากพระเป็ นเจ้ า เพือ่ รั บใช้ พระวรสาร ฉะนั้นเมื่อทุกคนมีเหตุผลที่ บังคับให้ ทาํ งาน เพือ่ ให้ คนต่ างศาสนากลับใจมาเป็ นคริสตัง เราทุกคนจึงมีส่วนในงานดังกล่ าวตามฐานะของตน" ในหนังสื อมีเขียนต่อไปว่า เพื่อให้สังฆราช 3 องค์ที่จะไปนั้น สามารถปฏิบตั ิภารกิจให้สาํ เร็ จ จะต้องมี พระสงฆ์ผชู ้ ่วยคนละ 4 หรื อ 5 องค์ ยังต้องมีฆราวาสใจศรัทธาเสี ยสละและชํานาญในการผ่าตัดรักษาคนป่ วยบ้าง ใน การวาดภาพบ้าง ในการเล่นดนตรี บา้ ง ไปด้วย ต้องคิดถึงปั จจัยและวัตถุที่จาํ เป็ น ก. ต้องมีเงินค่าเดินทางประมาณ 2 ปี ก่อนถึงที่ทาํ งาน ข. ต้องมีเงินทุนสําหรับพระสงฆ์ที่สละรายได้ที่รับจากสังฆมณฑลในฝรั่งเศส เพื่อไม่เป็ นพันธะแก่ คริ สตังใหม่ ค. ต้องเตรี ยมอาภรณ์และสิ่ งของต่างๆ ที่ตอ้ งการสําหรับประกอบพิธีทางศาสนา


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 67

หนังสื อสรุปดังนีว้ ่ า:

3.

ces e

of

Ba ngk o

k

"เราเป็ นหนี้บุญคุณความเชื่ อทีเ่ ราอาศัยใจเมตตาของคนต่ างชาติ ทีไ่ ด้ นําความเชื่ อนั้นมาสู่ เราแต่ ครั้งก่อน ควรแล้ วทีเ่ ราปฏิบัติหน้ าทีซ่ ึ่งพระคุณอันใหญ่ หลวงนี้บังคับเราให้ ปฏิบัติ" กล่าวคือนําความเชื่อนั้นไปสู่ คนต่างชาติ เช่นกัน ฉะนั้น ครั้งก่อนโน้นเมืองเอเธนส์ได้ส่งนักบุญเดียวนิซีโอมาหาเราฉันใด เวลานี้กรุ งปารี สเตรี ยมตัวจะส่ ง สังฆราชไปหาเมืองที่ไม่นอ้ ยหน้าทั้งในด้านความยิง่ ใหญ่ไพศาล และความมัง่ คัง่ ฉันนั้น สังฆราชที่จะส่ งนี้ได้รับ ส่ วนแบ่งของเกียรติ พระคุณและภาระหน้าที่ของนักบุญเดียวนิซีโอสื บต่อกันมา จะรับผลงานสําเร็ จในภาค ตะวันออกเท่ากับเดียวนิซีโอได้รับ โดยพระผูเ้ ป็ นเจ้าจะทรงช่วย อาศัยคําภาวนาของผูส้ นใจในงานแพร่ ธรรม สมณ กระทรวงเผยแพร่ ความเชื่อต้องการส่ งสังฆราชไปอย่างลับๆ เพราะกลัวปฏิกิริยาของโปรตุเกสได้แสดงความไม่ พอใจในการแพร่ ข่าวการเดินทางด้วยหนังสื อเล่มนี้ แต่โรมไม่มีภาระจะหาเงินช่วยธรรมทูต จึงไม่รู้วา่ ต้องการเงิน มากถึงเท่าไหร่ ใครจะหาเงินได้ถา้ ไม่เปิ ดเผยความต้องการ

การออกเดินทางมาเอเชีย

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

เมื่อได้จดั การเรื่ องสามเณราลัยเสร็ จเรี ยบร้อยแล้ว สังฆราชและธรรมทูตร่ วมทีมทะยอยออกเดินทาง ท่าน ปฏิบตั ิตามความประสงค์ของสมณกระทรวงที่ได้ขอให้ไปอย่างลับๆ และหลีกเลี่ยงดินแดนที่ชาวโปรตุเกสอยู่ การ เดินทางเช่นนี้จะกินเวลา 3 เท่า เปรี ยบกับการโดยสารทางเรื อและ จะยากเหลือเกินดังจะพูดต่อไปนี้: กลุ่มแรกทีอ่ อกเดินทาง คือ พระคุณเจ้าลังแบรต์ เดอ ลา ม็อต สังฆราชแห่งเบริ ธ ผูร้ ับแต่งตั้งปกครองเทียบ สังฆมณฑลโคชินไชน่า และภาคใต้ของประเทศจีน และพระสงฆ์อีก 2 องค์ (มีปริ ญญาเอกทางเทวศาสตร์ ทั้งสององค์) ทั้งสามองค์ออกเดินทางจากเมืองท่า Marseilles วันที่ 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 1660 ผ่านเกาะมอลตา ไซปรัส ประเทศซี เรี ย เปอร์ เซี ย อินเดีย ทะเลแบงคอล ถึงประเทศสยามที่เมืองตะนาวศรี ในที่สุดถึงกรุ งศรี อยุธยาวันที่ 22 สิ งหาคม ค.ศ. 1662 ในการเดินทางครั้งนี้ใช้เวลา 22 เดือน และเคราะห์ดีเขาถึงทั้ง 3 คน กลุ่มทีส่ อง คือ พระคุณเจ้าอิกญาซิ โอ โกโตลังดี สังฆราชแห่งเมแตลโลโปลิศ ผูร้ ับแต่งตั้งปกครองเทียบ สังฆมณฑลนานกิง ประเทศจีน และพระสงฆ์ 2 องค์ ฆราวาส 1 คน ทั้ง 4 ลงเรื อที่เมืองเดียวกันวันที่ 22 กรกฎาคม ค.ศ. 1661 (9 เดือนหลังกลุ่มแรก) เดินทางไปตามเส้นทางเดียวกัน แต่ใน 4 คนนี้เสี ยชีวติ 2 คนกลางทาง คือ ฆราวาส ตายก่อนในเปอร์ เซี ย และสังฆราช ตายในอินเดีย พระคุณเจ้าปั ลลือจะพบพระสงฆ์ 2 องค์ที่เหลือในอินเดีย เขาจะ ร่ วมเดินทางต่อไปกับท่าน กลุ่มทีส่ าม คือ พระคุณเจ้าปั ลลือ สังฆราชแห่งเอลิโอโปลิศ ผูร้ ับแต่งตั้งปกครองเทียบ สังฆมณฑลตังเกี๋ย และภาคตะวันตกของประเทศจีน กับพระสงฆ์ 7 องค์ ฆราวาส 2 คน รวมกันมี 10 คน(รวมทั้งคุณพ่อลาโนด้วย) เดินทางไปตามเส้นทางเดียวกัน แต่กลุ่มนี้จะประสบเคราะห์ร้ายกว่าเพื่อน ใน 10 คนนี้จะถึงจุดหมายปลายทางเพียง 4 คน อีก 6 คนจะตายกลางทาง ถึงกรุ งศรี อยุธยาวันที่ 24 มกราคม ค.ศ. 1664 ใช้เวลาเดินทาง 2 ปี กับ 3 อาทิตย์ พระสงฆ์จากกลุ่มที่ 2 ที่สมทบกลุ่มที่ 3 ได้เดินทาง 28 เดือน


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 68

rch

dio

ces e

of

Ba ngk o

k

สรุ ปแล้วธรรมทูตออกจากฝรั่งเศส 17 คน จะถึงประเทศสยาม 9 คน ตายกลางทาง 8 คน การเดินทางตาม เส้นทางที่สมณกระทรวงกําหนดไว้น้ นั ลําบากเหลือเกิน พระคุณเจ้าปั ลลือได้เขียนจากอินเดียถึงสตรี ใจบุญใน ฝรั่งเศสว่า "เราได้ เริ่ มทอดสะพานระหว่ างยุโรปกับเอเชี ย ข้ าพเจ้ าจะยินดีมากทีเดียวทีถ่ วายร่ างกายและกระดูกของ ข้ าพเจ้ า รวมทัง้ ของลูกทีร่ ั กของข้ าพเจ้ า (ธรรมทูต) ใช้ เป็ นเสาให้ สะพานนั้นแข็งแรงเพือ่ เปิ ดทางเตรียมให้ ธรรมทูต ใจกล้ าจะได้ ผ่านในอนาคตต่ อไป" เรายังไม่ได้พูดถึงประเทศสยาม เพราะว่าประเทศนี้ยงั ไม่ได้อยู่ในแผนการของสมณ กระทรวงเผยแพร่ ความเชื่อ ทีแรกสังฆราชคิดว่าจะมาถึงอินเดียและจากนั้นจะไปเมืองจีนโดยผ่านประเทศพม่า แต่เนื่องจากทางนั้นมี อุปสรรคทางธรรมชาติมากมาย ท่านจึงตัดสิ นใจเดินทางมาประเทศสยาม ต่อไปนี้เป็ นเส้นทางการเดินทางมาสู่ สยามของพระสังฆราชลังแบรต์ เดอ ลา ม็อต ซึ่ งออกเดินทางมาพร้อม กับคุณพ่อฌัง เดอ บูร์ช และคุณพ่อฟรังซัว เดดิเอร์ ทั้งสามออกเดินทางมาตามเส้นทางที่สมณกระทรวงได้ช้ ีนาํ เอาไว้ คุณพ่อเดอบูร์ชได้บนั ทึกการเดินทางครั้งนี้ไว้อย่างน่าสนใจ และนับเป็ นแหล่งข้อมูลที่สาํ คัญมาก กรมศิลปากรได้จดั แปลเป็ นภาษาไทยเอาไว้ดว้ ยเมื่อปี พ.ศ. 2530 ชื่อหนังสื อคือ "จดหมายเหตุการเดินทางของพระสั งฆราชแห่ งเบริ ธ ประมุขมิสซั ง สู่ อาณาจักรโคจิ นจี น" ผมจึงจะขอคัดเฉพาะตอนที่น่าสนใจเพื่อจะได้ใช้ศึกษาต่อไป โดยคัดส่ วนหนึ่ง ของบทที่ 2 ของบันทึกนี้

เส้ นทางการเดินทางของพระสั งฆราชแห่ งเบริธ

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

ท่านออกจากปารี สวันที่ 18 กรกฎาคม โดยมีบาทหลวงในปกครององค์หนึ่งและคนรับใช้อีกคนหนึ่งติดตาม ไป... ทันทีที่มาถึงเมืองลิยอง ท่านสังฆราชก็ลม้ ป่ วย ทําให้ตอ้ งนอนซมอยูใ่ นเตียงถึง 52 วัน และอาการป่ วยถึงขั้น หนักมากเนื่องจากท่านไม่รู้สึกตัวเลยเป็ นเวลา 2 วัน จนถึงขั้นได้รับศีลเสบียงและศีลทาสุ ดท้าย อย่างไรก็ตาม อาการ ป่ วยของท่านกลับดีข้ ึนราวกับปลิดทิ้งดังปาฏิหาริ ย ์ ต่ อจากนั้น ท่า นก็เ ดิ น ทางต่อ ไปทางแม่ น้ าํ โรน มาถึ ง เมื อ งมาร์ เ ซย ท่ า นออกจากเมื องมาร์ เซยวันที่ 27 พฤศจิ กายน ค.ศ. 1660 ถึ ง เกาะมอลต้า ในวันที่ 23 ธันวาคม พัก อยู่ที่ น่นั 18 วัน โดยการต้อนรับจากบาทหลวง ฝรั่งเศสคณะเยสุ อิต จากนั้นเดิ นทางต่อไปถึ งเกาะชี พในวันที่ 28 ธันวาคม ออกจากเกาะชี พวันที่ 5 มกราคม ค.ศ. 1661 มาถึงเมืองอเล็กซองแดรตวันที่ 11 เดือนเดียวกัน จากเมืองอเล็กซองแดรตก็เดินทางไปที่ไบลานวันที่ 21 มกราคม ถึงเมืองอองติยอช จากเมือง อองติยอชซึ่ งอยูใ่ นประเทศตุรกี เดินทางด้วยเท้าถึงเมืองอองซาร์ ตอนเที่ยง และพักผ่อนอยู่ที่นี่จนถึงวันรุ่ งขึ้น หลังจากนั้นก็เดินทางลงมาที่เมืองอาเลปในวันฉลองนักบุญเซนต์ปอลกลับใจ เปลี่ยนศาสนา จากเมืองอาเลป คณะสังฆราชเข้าร่ วมกองคาราวาน จุดหมายคือบาบิโลน โดยต้องละทิ้ง ทุกสิ่ งทุก อย่างที่นาํ ติดตัวมาจากฝรั่งเศสทั้งหมด แล้วแต่งตัวแบบชาวตุรกี และโพกผ้าบนศีรษะ วันที่ 3 กุมภาพันธ์ เราตั้ง ค่ายพักแรมกลางทุ่งนาซึ่ งห่างจากเมืองอาเลป 1 ลิเยอ


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 69

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

Ba ngk o

k

วันรุ่ งขึ้ นกองคาราวานก็มาถึ งเมืองอิสาบู วันที่ 14 มาถึ งแม่น้ าํ เออฟราต (ยูเฟรติส) จากแม่น้ าํ เออฟราต วันรุ่ งขึ้นจึงมุ่งสู่ แคว้นเมโสโปเตเมีย และหยุดพักริ มฝั่งแม่น้ าํ นี้ 3 วัน วันที่ 18 เราเดินทางต่อไปจนถึงวันที่ 23 มาถึง เมืองอันนา พักอยูท่ ี่นน่ั จนถึงวันที่ 26 จึงเริ่ มออกเดินทางต่อและมาถึงเมืองบาบิโลนวันที่ 4 มีนาคม เราได้ไปยังที่พกั ของนักบวชคณะคาปูซีนฝรั่งเศส วันที่ 16 มีนาคม เราเดินทางไปเมืองบัฟฟอราด้วยเรื อบนแม่น้ าํ ไทกริ ส วันที่ 29 เรามาถึงเมืองคอร์ นาซึ่ งอยูใ่ กล้กบั บริ เวณที่แม่น้ าํ ยูเฟรติสมาบรรจบกับแม่น้ าํ ไทกริ ส ออกจากเมืองคอร์ นาวันที่ 30 และมาถึงคลองบัฟฟอรา ตอนออกจากเมืองบัฟฟอราวันที่ 22 เมษายน มุ่งสู่ บนั ดารี ซ่ ึ งเป็ นเมืองท่าแห่ งหนึ่ งบน อ่าวเปอร์ เซี ย ห่างจากเมืองบัฟฟอราประมาณ 3 ไมล์ ถึงบันดารี วนั ที่ 27 เดือนเดียวกัน หลังจากพักอยูท่ ี่เมืองบันดา รี เป็ นเวลา 3-4 วันเราก็เดิ นทางมุ่งสู่ เมืองชี ราส โดยใช้เส้นทางเกวียน โดยเดินทางกลางคืนและหยุดพัก กลางวัน วันที่ 10 พฤษภาคม เราออกเดินทางจากเมืองคาลเซรอนถึงเมืองชี ราสตอนเที่ยงวันที่ 14 เดือนเดียวกัน วันที่ 20 พฤษภาคม เราเดินทางเท้าออกจากเมือง ชี ราสต่อไปในตอนกลางคืน และมาถึงเมืองฮิสปาฮามเมื่อ วันที่ 11 มิถุนายนตอนพระอาทิตย์ข้ ึน ความตั้งใจแรกของเราคือ หาวิธีที่จะเดินทางต่อไปโดยเร็ วที่สุดเท่าที่จะทําได้ เพื่อให้ความตั้งใจครั้งนี้สัมฤทธิ ผล เราจึงได้หารื อกับผูอ้ าวุโสที่สุดและผูม้ ีประสบการณ์ในการเดินทางมากที่สุด ซึ่ ง พวกเขาต่างเห็นด้วยทุกประการว่าเส้นทางทางบกที่นี่ไปถึงประเทศจีนยากลําบากมาก เราออกจากเมืองฮิสปาฮามพร้อมนายตํารวจของอังกฤษ และมาถึงเมืองชีราสวันที่ 8 ตุลาคม เราหยุดพักที่ชี ราสเป็ นเวลา 4 วัน และวันที่ 20 เราก็มาถึงลอรา หลังจากหยุดพักที่นี่ 1 วัน เราก็ออกเดินทางต่อจนถึงเมืองโดเมรอน เมื่อวันที่ 30 เดือนเดียวกัน เส้นทางช่วงนี้เราใช้เวลาเดินทาง 30 วันและหยุดพัก 5 ครั้ง จากเมืองโดเมรอนลงเรื อ ต่อไปยังเมืองสุ หรัต เราเดินทางมาถึงท่าเรื อเมืองสุ อะลี ซึ่ งอยูห่ ่างจากเมืองสุ หรัตโดยใช้ระยะเดินทาง 4 หรื อ 5 วัน เราออกจากเมืองสุ หรัตเมื่อวันที่ 21 มกราคม ค.ศ. 1662 เราได้ผา่ นหัวเมืองต่างๆ ของอาณาจักรมองโกลใน ช่วงเวลา 41 วัน ของการเดินทางด้วยเกวียน และวันที่ 6 มีนาคม เราก็มาถึงเมืองมาสุ ลีปาตัน ได้ทนั ลงเรื อมอร์ซ่ ึง ขณะนั้นจะเดินทางไปเมืองตะนาวศรี เราพักอยูท่ ี่มาสุ ลีปาตัน 20 วัน มีชาวคาทอลิกเคร่ งศาสนาหลายคน เช่น บาทหลวงเอเฟรม (Ephrem) และบาทหลวงเซนง (Zenon) นักบวชคณะคาปูซีน ซึ่ งอาศัยอยูท่ ี่เมืองมัดราสปาตัน เมืองหน้าด่านของอังกฤษ ได้เชื้อเชิญให้เราไปเยีย่ ม ทั้งได้รับรองแก่เราว่าถ้าเราจะเลื่อนการเดินทางออกไปจนถึง เดือนสิ งหาคมก็จะเป็ นการดี เนื่องจากเป็ นช่วงเวลาที่เหมาะและการเดินเรื อมีอนั ตรายน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม เรามี ความปรารถนาที่จะไปเผยแพร่ ศาสนาจึงไม่อาจเลื่อนการเดินทางต่อไปได้ เราจึงลงเรื อมอร์ ออกเดินทางจากท่าเรื อ เมืองมาสุ ลีปาตันในวันที่ 26 มีนาคม การเดินเรื อเป็ นไปอย่างราบรื่ นและไม่มีพายุ เราใช้เวลาเดินทางในช่วงนี้ 33 วัน และในวันที่ 28 เมษายน เราก็ข้ ึนบกที่เมืองมะริ ด (Merguy) ซึ่ งอยูห่ ่างจากตะนาวศรี 25 ลิเยอ วันที่ 30 มิถุนายน เราเริ่ มเดินทางสู่ เมืองหลวงของอาณาจักรสยามซึ่ งมีชื่อเป็ นภาษาพื้นเมืองว่า ยุธยา (Ioudia) และเราเรี ยกว่าสยาม เราล่องเรื ออยูใ่ นแม่น้ าํ พร้อมเรื อเล็กมุงใบปาล์ม 3 ลํา แต่ละลํามีลูกเรื อประจํา 3 คน ในที่สุดเราทั้งหมดก็มาถึงหมู่บา้ นกลางหุ บเขาเล็กๆ ที่อุดมสมบูรณ์คือ หมู่บา้ น Ialinga วันที่ 27 กรกฎาคม เราออก จากหมู่บา้ นนี้และ 3 วันต่อมา เราก็มาถึงหมู่บา้ นแม่น้ าํ หลังจากใช้เวลา 2-3 วัน เดินทางออกจากหมู่บา้ นแม่น้ าํ โดย ผูกล้อเกวียนไว้เพื่อลงจากภูเขาสู งชันมากลูกหนึ่ง 6 วันต่อมา เราก็มาถึงเมืองรู ปร่ างสี่ เหลี่ยมเล็กๆ เมืองหนึ่งชื่อ Couir (เข้าใจว่าเมืองกุยบุรี) 2 วันต่อมา เรามาถึงเมืองปราณบุรี เราต้องแสดงใบเบิกทางอีกครั้งหนึ่ง จากเมือง


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 70

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

Ba ngk o

k

ปราณบุรีเรามาถึงเมืองเพชรบุรีวนั ที่ 13 สิ งหาคม วันรุ่ งขึ้นเราได้ลงเรื อลําหนึ่งที่ตระเตรี ยมไว้เพื่อนําเราสู่ กรุ งสยาม เมืองหลวงของอาณาจักรสยาม โดยต้องเสี ยค่าระวางพาหนะ 15 เอกู เราเสี ยเวลาเกือบ 1 วันเต็มในการเดินทางไปลง เรื อ และเดินทางเท้าต่ออีก 24 ชัว่ โมง จึงมาถึงปากนํ้าใหญ่อนั สวยงามของสยาม ต่อจากนั้นเราก็ลงเรื อทวนแม่น้ าํ ขึ้น ไปจนกระทัง่ ถึงกรุ งสยามในวันที่ 22 เดือนเดียวกัน การเดิ นทางด้วยเส้ นทางนี้ ทาํ ให้ตอ้ งใช้ระยะเวลานานกว่าเดิมมาก และประสบกับปั ญหานานาประการ อย่างไรก็ตาม มิชชันนารี ท้ งั หมดก็เดินทางมาถึงอยุธยา จากการศึกษาเอกสารของคณะสงฆ์มิสซังต่างประเทศแห่ ง กรุ งปารี ส คุณพ่ออาเดรี ยง โลเนย์ ได้บรรยายถึงสภาพของคริ สตศาสนาในสยามไว้ดงั นี้ "ปี ค.ศ. 1662 พระสงฆ์ คาทอลิกทีม่ ีอยู่ในกรุงศรีอยุธยามีจํานวน 11 องค์ เป็ นเยสุ อิต 4 องค์ โดมินิกนั 2 องค์ ฟรั งซิสกัน 2 องค์ กับพระสงฆ์ ทมี่ ิใช่ นักพรต 3 องค์ นอกจากองค์ หนึ่งหรือสององค์ เป็ นชาวสเปนแล้ วองค์ อื่นๆ นอกนั้นล้ วนเป็ นชาวโปรตุเกส ท่ านคอยดูแลเอาใจใส่ คนร่ วมชาติของท่านเกือบจะพวกเดียวเท่านั้น พระสงฆ์ แต่ ละ คณะมีโบสถ์ น้อยเฉพาะคณะของตน แต่ เปิ ดรับสัตบุรุษทัว่ ไป พระสงฆ์ทมี่ ิใช่ นักพรตก็มีโบสถ์น้อยหลังหนึ่ง เช่ นเดียวกัน ชาวคาทอลิกซึ่งส่ วนใหญ่ เป็ นชาวยุโรปหรือครึ่ งชาตินั้น มีจํานวนราว 2,000 คน สภาพฝ่ ายวิญญาณ ของกลุ่มคริ สตชนน้ อยๆ ทีก่ รุงศรี อยุธยานี้ มิชชันนารีทงั้ สามทีม่ าถึงใหม่ มีความเห็นว่ า "แย่มาก" ในหนังสื อบันทึกของคุณพ่อเดอ บูร์ช เองก็ได้ให้ขอ้ มูลที่น่าสนใจพร้อมทั้งข้อสังเกตด้วย ซึ่ งทําให้เรา สามารถเข้าใจสภาพทัว่ ๆ ไปของคริ สตศาสนาเวลานั้นได้มากขึ้นในบทที่ 13 ท่านบรรยายไว้วา่ ดังนี้ "ข้ าพเจ้ าไม่ เชื่ อว่ าจะมีประเทศใดในโลกที่มีศาสนามากมาย และแต่ ละศาสนาสามารถปฏิบัติพิธีการของ ตนได้ อย่ างเสรี เท่ ากับประเทศสยาม พวกนอกศาสนา ชาวคริสต์ หรือชาวมุสลิมซึ่งล้วนแบ่ งแยกออกเป็ นนิกายต่ างๆ มีเสรีภาพในการประกอบพิธีทางศาสนาทีต่ นเห็นว่าดีทสี่ ุ ด มีชาวโปรตุเกส อังกฤษ ฮอลแลนด์ จีน ญี่ปุ่น มอญ เขมร มลายู โคจินจีน จําปา และชนชาติอนื่ ๆ ทางเหนือเข้ ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในสยามมากมาย ในจํานวนนี้มีชาวคาทอลิกอยู่ เกือบ 2,000 คน ชาวโปรตุเกสส่ วนใหญ่ ทถี่ ูกขับไล่ มาจากที่ต่างๆ ของอินเดีย ได้ อพยพเข้ ามาขอลีภ้ ัยอยู่ในสยามโดย สร้ างบ้ านเรือนอยู่แยกออกไปกลายเป็ นชานเมือง พวกเขามีโบสถ์ กลาง 2 แห่ ง โบสถ์ หนึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ บาทหลวงคณะเยสุ อิต และอีกโบสถ์ หนึ่งของบาทหลวงคณะเซนต์ โดมินิก ชาวโปรตุเกสมีเสรี ภาพทางศาสนามาก เท่ า ที่ยังมีที่เมืองกัว คื อ สามารถประกอบพิธีทางศาสนา เทศน์ หรื อสวดมนต์ ไ ด้ โดยที่พ วกนอกศาสนาไม่ ก ล้ า ขัดขวาง ปรากฏว่ามีชายผูห้ นึ่งที่ไม่ค่อยฉลาดนัก ได้หวั เราะเยาะชาวคริ สต์ที่กาํ ลังเข้าร่ วมในพิธีหนึ่งอยู่ ชาว โปรตุเกสผูศ้ รัทธาในพระเป็ นเจ้ามากคนหนึ่งรู ้สึกโกรธจึงเข้าต่อยชายผูน้ ้ นั ต่อมาชายผูน้ ้ นั ได้ร้องทุกข์ต่อราชสํานัก ว่าชาวโปรตุเกสคนนี้อวดดี โดยเชื่อว่าในฐานะตนเป็ นพสกนิกรขององค์พระมหากษัตริ ย ์ รัฐจะต้องจัดการเรื่ องนี้ให้ แต่เขาก็ไม่ได้รับการสนองตอบแต่อย่างใด นอกจากเรี ยนรู ้ถึงการดําเนินชีวติ อยูแ่ ละการไม่บงั ควรก่อความยุง่ ยาก ให้กบั ผูก้ าํ ลังปฏิบตั ิกิจทางศาสนาอีก


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 71

of

Ba ngk o

k

บางครั้งเคยสอบถามว่า ทําไมพระเจ้าแผ่นดินสยามทรงมีพระทัยโอบอ้อมอนุญาตให้มีศาสนามากมายอยูใ่ น อาณาจักรและเมืองหลวง เนื่องจากนโยบายการปกครองที่เป็ นที่ยอมรับกันมานานคือ จะต้องมีศาสนาเดียวเพราะ เมื่อมีศรัทธาหลายประเภทและมีมากขึ้นทุกที จะทําให้เกิดความขัดแย้งและปั ญหามากมายอันจะนําไปสู่ ความไม่ สงบสุ ขภายในประเทศได้ ข้าพเจ้าได้รับคําตอบว่า พระองค์ทรงดําเนินนโยบายทางการเมืองอีกแบบหนึ่ง กล่าวคือ เนื่องจากทรงเล็งเห็นผลประโยชน์ใหญ่ย่งิ จากการที่ชาวต่างชาติเข้ามาพํานักอยูใ่ นแผ่นดินของพระองค์ โดยเพื่องานศิลป เพื่อค้าขาย หรื อเพื่อนําสิ นค้าเข้า พระองค์ทรงเชื้ อเชิญให้เข้ามาตั้งถิ่นฐานและทําการค้าโดย พระราชทานเสรี ภาพให้เท่าเทียมกันทุกคน เหตุผลประการหนึ่ งคือ ความคิดของชาวสยามที่ว่าทุกศาสนาดี ดังนั้นพวกเขาจึงไม่แสดงตนเป็ นปฏิ ปักษ์ต่อศาสนาอื่นใดหากศาสนานั้นๆ สามารถยืนหยัดอยู่ได้ภายใต้กฎหมาย ของรัฐ

พระคุณเจ้ าปัลลือถึงกรุงสยาม

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

วันที่ 27 มกราคม ค.ศ. 1664 พระคุณเจ้าปั ลลือ พระสังฆราชแห่งเอลิโอโปลิศ ประมุขมิสซังตังเกี๋ย ผูป้ กครองมิสซังส่ วนหนึ่งของประเทศจีน ทั้งเป็ นผูต้ ้งั คณะมิสซังต่างประเทศคนสําคัญร่ วมกับพระคุณเจ้าลังแบรต์ เดอ ลาม็อต เดินทางมาถึงกรุ งศรี อยุธยา ผูท้ ี่เดินทางมาพร้อมกับท่านคือ มิชชันนารี ที่เป็ นพระสงฆ์สามองค์ ได้แก่ คุณพ่อลาโน (Laneau) คุณพ่อแฮงก์ (Hainques) และคุณพ่อแบร็ งโด (Brindeau) กับผูช้ ่วยที่เป็ นฆราวาสองค์หนึ่งชื่อ เดอ ชาเมอ ซ็อง-ฟัวซี (de Chameson - Foissy) คุณพ่อลาโนองค์เดียวเท่านั้นจะอยูใ่ นกรุ งสยามแทนคุณพ่อเดดีเอร์ ที่ จะไปอยูป่ ระเทศตังเกี๋ย คุณพ่อแฮงก์จะไปทํางานในประเทศโคจินจีน คุณพ่อแบร็ งโดเมื่ออยูส่ ักพักแล้วจะไป ประเทศจีน แต่ก็ถูกชาวโปรตุเกสขัดขวางจนไปไม่ได้ ส่ วนนายเดอ ชาเมอ ซ็อง นั้นจะอยูก่ บั พระคุณเจ้าปัลลือ และ จะติดตามท่านเดินทางไปในที่ต่างๆ การที่พระคุณเจ้าปั ลลือมาพักอยูท่ ี่กรุ งศรี อยุธยาเช่นนี้ ทําให้พระคุณเจ้าลังแบรต์ เดอ ลาม็อต มีกาํ ลังใจ เพิ่มขึ้นเป็ นอันมาก และก็เป็ นที่รู้สึกได้ในทันที เรื่ องนี้เห็นได้ท้งั ในการพิจารณาปัญหาทัว่ ไปและในการตัดสิ นใจ เรื่ องสําคัญที่เกี่ยวกับการปฏิบตั ิเรื่ องราวของมิชชันนารี ฆราวาสคือ de Chameson-Foissy นี้มีบนั ทึกไว้อย่างละเอียด ในหนังสื อ Relation des Missions et des Voyages des Eveques Vicaires Apostoliques et de leurs Ecclesiastiques en Annee 1672, 1673, 1674 et 1675 ซึ่ งกรมศิลปากรได้จดั แปลไว้แล้วในปี พ.ศ. 2523 ใช้ชื่อหนังสื อว่า "จดหมาย เหตุการแพร่ ศาสนาและการเดินทางของบรรดาพระสังฆราช ประมุขมิสซัง และของพระสงฆ์ในปกครอง ในปี ค.ศ. 1672-ค.ศ.1675."

4.

ความขัดแย้ งระหว่ างปาโดรอาโด กับผู้แทนพระสั นตะปาปา

หลังจากสังคายนาที่ เมืองเตรนโต สันตะสํานักตระหนักในหน้าที่และความรับผิดชอบในการแพร่ ธรรม แทนที่จะปล่อยให้อยู่ในมือของโปรตุเกสและสเปน ดังนั้นในปี ค.ศ. 1622 สมณ กระทรวงเผยแพร่ ความเชื่ อก็ถูก ก่อตั้งขึ้น และในปี ค.ศ. 1658 คณะสงฆ์มิสซังต่างประเทศแห่ ง กรุ งปารี สก็ได้รับการสถาปนาขึ้นโดยความคิด ริ เริ่ มของพระสงฆ์เยสุ อิตท่านหนึ่ งคือ คุ ณพ่อ อเล็กซานเดอร์ เดอ โรดส์ คุ ณพ่อเดอ บูร์ช กล่ าวไว้ว่ามี องค์ประกอบอยู่ 3 ประการ ที่ทาํ ให้พระสงฆ์ของคณะนี้มนั่ ใจถึงการปฏิรูปทางศาสนาในครั้งนี้


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 72

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

Ba ngk o

k

มีสิ่งสําคัญ 3 ประการที่ทาํ ให้บาทหลวงเหล่านั้นมัน่ ใจในการฟื้ นฟูเรื่ องนี้คือ ประการแรก ข่าวแน่ นอนที่ได้รับเมื่อปี ค.ศ. 1656 เกี่ ยวกับความเจริ ญก้าวหน้าของคริ สตศาสนาและ อันตรายที่คุกคามกลุ่มชาวคริ สต์ต่างๆ ในอาณาจักรตังเกี๋ย อันเนื่องมาจากการถูกเบียดเบียนอย่างร้ายแรงโดยการ เนรเทศนักบวชคณะเยสุ อิตทั้งหมด ซึ่ งเป็ นนักบวชกลุ่มเดียวที่มีอยูใ่ ห้ออกไปจากอาณาจักร ประการทีส่ อง คือการสมณภิเษกสมเด็จพระสันตะปาปาเอ็น แอส เป อเล็กซองค์ ที่ 7 ผูม้ ีความเพียรพยายาม สนับสนุนโครงการที่มุ่งขยายพระศาสนาให้กว้างไกลออกไป ประการทีส่ าม คือคําขอร้องจากบุคคลที่เคยมีส่วนร่ วมในการตั้งโครงการส่ งพระสังฆราชจากยุโรปไป อาณาจักรตังเกี๋ยและอื่นๆ ของคุณพ่อเดอ โรดส์ นัน่ คือการเสนอให้มีการพิจารณาโครงการนี้ใหม่อีกครั้งหนึ่ง เพราะ เมื่อทราบว่าบรรดามิชชันนารี ที่พวกเขาทําการติดต่อด้วยหลายครั้งกําลังแวะมาที่กรุ งโรม พวกเขาจึงขอร้องให้หา รายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการที่จะทําให้โครงการนี้ประสบผลสําเร็ จ และให้สัญญากับสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่อ ว่าที่ปารี สก็ให้การสนับสนุนงานที่มีความสําคัญยิง่ ต่อวิญญาณหลายๆ ดวง และเกียรติยศของพระศาสนจักรแล้ว นี่เป็ นการแสดงให้เห็ นว่า ทั้งสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่ อ และคณะสงฆ์มิสซังต่าง ประเทศแห่ งกรุ ง ปารี สเอง ต่างก็มองเห็นว่าการทํางานแพร่ ธรรมของตนเองในท่ามกลางระบบ ปาโดรอาโดนี้ เป็ นการปฏิรูปอย่าง หนึ่ ง นัน่ หมายถึ งว่าจะต้องมีความไม่เข้าใจกันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่เพื่อวิญญาณและพระศาสนจักร ต่างก็มี หน้าที่ที่จะต้องปฏิบตั ิ จากการบอกเล่าของ คุณพ่อเดอ บูร์ช เมื่อพระสังฆราชลังแบรต์ เดอ ลาม็อต เดินทางมาถึง ตะนาวศรี หรื อ Tenasserim เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 1662 ท่านได้พบกับพระสงฆ์ชาวโปรตุเกสคณะเยสุ อิตองค์ หนึ่ ง ชื่ อคุ ณพ่อ คาร์ โดโซ (CardoZo) ซึ่ งเป็ นผูด้ ูแลเขตวัด 2 วัดด้วยกันที่นนั่ และให้การต้อนรับพวกท่านเป็ น อย่างดียง่ิ คุณพ่อคาร์ โดโซเชิญพระคุณเจ้าให้โปรดศีลกําลังแก่คริ สตชนที่นน่ั ด้วย นอกจากนี้ยงั ได้มีโอกาสถกเถียงด้านศาสนากับพระภิกษุของพุทธศาสนาด้วย ซึ่ งพวกเขาเรี ยกกันว่า ตาล โปย (Talapoins) พระภิกษุเหล่านี้ถือว่าศาสนาคริ สต์น้ นั ศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็มิได้หมายความว่าพวกเขาจะต้องเปลี่ยน ศาสนา เวลาเดียวกันคุณพ่ออาเดรี ยง โลเนย์ ในหนังสื อประวัติมิสซังสยาม ได้ให้ขอ้ สังเกตด้วยว่า พวกมิชชันนารี ได้ เรี ยนรู ้วา่ การพูดจาโต้แย้งกันนั้นเป็ นวิธีที่จะชักนําชาวตะวันออกให้มานับถือพระเป็ นเจ้าเที่ยงแท้ได้แต่นอ้ ยคน มิชชันนารี ท้ งั สามเดินทางจากตะนาวศรี มุ่งสู่ กรุ งศรี อยุธยา และมาถึงเมื่อวันที่ 22 สิ งหาคม ท่านได้รับการ ต้อนรั บให้อยู่ในบ้านของชาวโปรตุเกสคนหนึ่ ง พร้ อมกับมีหวังจะได้เตรี ยมตัวเดิ นทางไปยังโคจินจีน อันเป็ น ประเทศที่ท่านได้รับมอบหมายให้ไปประกาศพระวรสาร แต่มิช้าก็ทราบว่ามิสซังทั้งสองคือโคจินจีนและตังเกี๋ ย กําลังถูกเบียดเบียนอย่างหนัก และไม่มีโอกาสจะเดินทางเข้าไปได้อย่างเด็ดขาด ท่านจึงจําใจต้องคอยอยูท่ ี่กรุ งศรี อยุธยาให้เหตุการณ์ดีข้ ึนเสี ยก่อน อันที่จริ งสยามก็เอื้ออํานวยให้ท่านพักอยูไ่ ด้เป็ นเวลานานและสงบ


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 73

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

Ba ngk o

k

ข่าวการเดินทางมาถึงอยุธยาของพระสังฆราชและคณะแพร่ ธรรม กระจายเข้าไปในค่ายโปรตุเกสอย่าง รวดเร็ ว ชาวคาทอลิกจํานวนมากเข้ามาคํานับและแสดงความยินดีตามขนบ ธรรมเนียมของประเทศ อย่างไรก็ ตาม เป็ นการยากสําหรับพวกเขาที่จะยอมรับว่าพวกพระสังฆราช มีอาํ นาจหน้าที่เหนือพวกตน คุณพ่อเดอ บูร์ช ได้ บรรยายการมาถึงของพวกท่านไว้วา่ ดังนี้ "ยังไม่ ทนั ทีพ่ ระสั งฆราชแห่ งเบริ ธจะมาถึงกรุงสยาม ข่ าวการมาของ ท่านก็แพร่ ออกไปในถิน่ ชาวคาทอลิก ด้ วยเหตุนี้เอง เมื่อมาถึง ท่านสังฆราชจึงต้ องไปคารวะท่านหัวหน้ าแห่ งชาติ โปรตุเกส ซึ่งให้ การต้ อนรั บเป็ นอย่ างดียงิ่ และยังเป็ นธุระจัดหาทีพ่ กั ให้ ใกล้ เคียงกับทีพ่ กั ของตน อีกด้ วย โดยได้ แจ้ งข่ าวการมาถึงของท่ านสั งฆราชไปยังคณะบาทหลวงและนักบวชทีอ่ ยู่ในเมืองนั้น ซึ่งส่ วนใหญ่กพ็ ากันมาคารวะ ท่านสังฆราชตามธรรมเนียมของบ้ านเมือง หลังจากการเข้ าเยีย่ มตามประเพณีแล้ ว เราก็นึกถึงแต่ เรื่องการพักผ่ อนซึ่งการแวะพํานักในกรุงสยามครั้งนี้ จะพักผ่ อนได้ นับเป็ นเวลากว่ าปี มาแล้ วทีพ่ วกเราได้ เดินเท้าและเต็มไปด้ วยความเหนื่อยล้ า และจิตใจก็หมองมัว ด้ วย เหตุนี้เราจึงคิดว่ าจะขอตัวจากการสนทนาและหาความสั นโดษ ตัวท่ านสั งฆราชเองได้ ทาํ ให้ เราดูเป็ นตัวอย่างรายแรก ด้ วยการขอเข้ าเงียบเป็ นเวลา 1 เดือน ในช่ วงเวลานี้ท่านก็ขะมักเขม้ นกับการคาดคะเน และเตรียมการเกีย่ วกับงาน เผยแพร่ ศาสนาทีร่ ั บผิดชอบอยู่ไว้ ล่วงหน้ า และงานนี้กใ็ กล้ ตัวท่ านเข้ ามาแล้ ว ส่ วนเรานั้นก็พากันปฏิบัติตามอย่าง พระสังฆราชบ้ าง ภายหลังจากได้ ฟื้นฟูตนเองจากการฝึ กเข้ าเงียบแล้ ว ความเอาใจใส่ และภารกิจของเราก็คือการ ทุ่มเทเวลาอยู่กบั การอ่ าน และเรี ยนภาษาจีน และภาษาโคจินจีนของประเทศทีอ่ ยู่ห่างจากเราโดยใช้ เวลาเดินทางเพียง 3 สัปดาห์ เท่านั้น พระเป็ นเจ้ าทรงดลบันดาลให้ เราได้ พบกับชาวจีนและชาวโคจินจีน ทีเ่ ป็ นคาทอลิกสองคนทีเ่ ข้ าใจ ภาษาโปรตุเกส และอุทศิ ตัวช่ วยสอนภาษาทัง้ สองนั้นให้ กบั เรา เราได้ ทราบจากคาทอลิกทัง้ สองว่ า ในกรุงสยามมีชาวโคจินจีนอยู่มาก ซึ่งบ้ างก็เป็ นคาทอลิก บ้ างก็บูชารูป เคารพ และบ้ างก็ไม่ นับถือศาสนาใดเลย จากความรู้ทไี่ ด้ รับมาดังกล่ าวนี้ พระสั งฆราชแห่ งเบริ ธจึงคิดว่ าเป็ นหน้ าทีท่ ี่ จะต้ องเริ่มต้ นงานเผยแพร่ ศาสนานับแต่ บัดนี้ โดยให้ การอบรมแก่ บรรดาชาวโคจินจีนคาทอลิกทีอ่ ยู่ในความดูแลของ ท่าน ด้ วยเหตุนี้ หลังจากทําการสํ ารวจตามสมควรแล้ ว ท่ านก็พบว่ าชาวโคจินจีนทีเ่ ป็ นคาทอลิก มีประมาณ 100 คน หลังจากนั้นเราก็พจิ ารณาถึงวิธีการทีจ่ ะเผยแพร่ ความรู้เกีย่ วกับพระเยซูเจ้ าผู้ทรงถูกตรึงกางเขน อันเป็ นวิถที าง แห่ งชีวิตในนิรันดรให้ แก่ ชาวโคจินจีนคาทอลิกเหล่ านี้" ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น พระสังฆราชและคณะได้สังเกตเห็นว่าสภาพวิญญาณของ คริ สตชนที่นี่อยูใ่ น สภาพที่เรี ยกว่าแย่มาก ในที่สุดพวกท่านจึงตัดสิ นใจแยกตัวออกมาอยูใ่ นที่อื่น ซึ่ งเข้าใจว่าคงอยูใ่ นค่ายชาวญวน อันที่จริ งจากเอกสารของคณะ คุณพ่อโลเนย์ได้ช้ ีให้เห็นว่าพวกโปรตุเกสไม่ยอมรับอํานาจของท่าน (สังฆราช) เลย จนกระทัง่ มีการจับกุม แต่ในที่สุดก็ปล่อยตัวพวกท่าน พวกเขาได้แต่ปลุกปั่ นคริ สตชนไม่ให้เชื่อถึง อํานาจของพระสังฆราช เกี่ยวกับเรื่ องความเป็ นศัตรู กบั พระสังฆราชของชาวโปรตุเกสนี้ คุณพ่อโลเนย์ได้บรรยายว่า


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 74

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

Ba ngk o

k

"อันทีจ่ ริ ง พระสั งฆราชลังแบรต์ เดอ ลา ม็อต กับพระสงฆ์สององค์ ทมี่ าด้ วยไม่ มีอํานาจปกครองแท้ๆ เหนือพระราชอาณาจักรสยาม แต่ ตามนัยแห่ งอํานาจทีไ่ ด้ รับ ท่ านประกอบศาสนกิจต่ างๆ ได้ ระหว่ างทีเ่ ดินทางจาก ประเทศฝรั่งเศสมายังมิสซังของท่ าน ท่ านได้ ปฏิบัติเช่ นนี้ในประเทศเปอร์ เชียและประเทศอินเดียมาแล้ ว และ ตัดสินใจจะปฏิบัติเช่ นเดียวกันในกรุงสยามพร้ อมๆ กับเตรียมตัวเดินทางไปประเทศญวน และจีนด้ วย เพื่อชั กนําพระพรของพระเป็ นเจ้ าลงมายังงานของท่ าน อีกทั้งเพื่อชุ บตัวใหม่ ในกิจปฏิบัติต่างๆ ของชี วิต นักบวช ซึ่ งท่ านบําเพ็ญไม่ ได้ เต็มที่ระหว่ างที่เดินทางอย่ างยากลําบากเป็ นเวลานานถึงสองปี ทั้งสามได้ ทําการเข้ า เงียบ 40 วัน เมื่อเข้ าเงียบแล้ ว ท่ านได้ ลงมือเรี ยนภาษาโปรตุเกส ซึ่งจําเป็ นต้ องรู้เพื่อสามารถติดต่ อกิจธุระ ประจําวัน ไม่ ว่าจะเป็ นเรื่ องเล็กหรื อเรื่ องใหญ่ พอเริ่มพูดภาษานี้ได้ ทัง้ สามท่ านก็มองออกว่ า ชาวโปรตุเกสมีความรู้สึกภายในใจอย่ างไร เขาแพร่ ข่าวใส่ ความ กล่ าวหาว่ าท่ านไม่ มีอํานาจฝ่ ายวิญญาณแต่ อย่ างใด และประนามท่านว่ าเป็ นคนหลอกลวง ท่านยังทราบด้ วยว่ า เพิง่ มีคําบัญชามาจากกรุงลิสบอนและเมืองกัว (Goa) สั่งให้ จับท่าน หรือมิฉะนั้นก็ขัดขวางมิให้ ท่านเข้ าไปในมิสซัง และมิให้ รับรู้อํานาจของท่ าน ก็เป็ นอันว่ าศึกทีเ่ ริ่มทํากันในยุโรปมาแล้ ว บัดนี้มาทํากันต่ อไปบนฝั่งแม่ นํ้าเจ้ าพระยา ตั้งแต่ เริ่ มทีม่ ีการพูดถึงเรื่ องส่ งสั งฆราชฝรั่ งเศสมายังภาคตะวันออกไกลทีเดียว ประเทศโปรตุเกสนั้นหวงแหนยิง่ นักในสิ่งทีเ่ ขาเรียกว่ า "สิทธิอุปถัมภ์ " หมายถึงประมวลเอกสิทธิ์ต่างๆ ที่ ได้ รับจากพระสันตะปาปา เขาอ้ างว่ าคนทีเ่ ป็ นชาติโปรตุเกสพวกเดียวเท่ านั้นเป็ นสังฆราชในภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ (Indes) หรื อภาคตะวันออกไกลได้ และโดยเหตุผลทางการเมืองและการค้ ามากกว่ าทางศาสนา เขาไม่ ยอมให้ ผ้ แู พร่ ธรรมจากประเทศของเรา (ฝรั่ งเศส) ทํางานอยู่ใกล้ มิชชันนารีของเขา ชาวคาทอลิกโปรตุเกส ไม่ ว่าจะเป็ นสั งฆราช นักพรต หรือสัตบุรุษ ล้ วนมีความคิดเห็นในเรื่องนี้อย่าง เดียวกับนักการเมือง เราจะไม่ บรรยายเรื่ องนี้อย่างละเอียด จะขอกล่ าวแต่ เพียงว่ า บรรดาสังฆราชชาวโปรตุเกสได้ เอาภูมิภาคต่ างๆ ทีอ่ ยู่ใกล้ สังฆมณฑลของเขามาแบ่ งกัน กล่ าวคือ อาณาจักรพะโค (Pegou) และอังวะ (Ava) นั้นเขา ยืนยันว่ าขึ้นกับเมืองซาน-โตเม (ในอินเดีย), ประเทศสยาม เขมร และญวนขึ้นกับเมืองมะละกา ส่ วนญีป่ ุ่ นกับจีน ขึ้นกับเมืองมาเก๊า กรุงโรมไม่ เคยรั บรู้การแบ่ งเขตปกครองเช่ นนี้ ทัง้ หนังสือมอบอํานาจให้ แก่บรรดาประมุขมิสซังชาวฝรั่ งเศส และมิชชันนารีของท่ านนั้น ก็ไม่ เคยกล่ าวแย้มถึงเรื่องนี้ ฝ่ ายพระสังฆราชลังแบรต์ นั้นมั่นใจในสิทธิ์จากพระ สันตะปาปาทีเ่ ป็ นผู้ส่งท่ านมา ท่ านคุ้นกับการโต้ แย้ งและการแก้ คดี โดยทีเ่ คยมีอาชี พเป็ นทนายความทีศ่ าลเมืองรูอัง มาก่อน เป็ นนักโต้ คารมทีเ่ ฉียบแหลม "เป็ นคนใจกล้ า แต่ ร้ ูจักโอนอ่ อนตามเวลา ทัง้ มีกลเม็ดแพรวพราวอย่างน่ า พิศวง" ตามทีพ่ ระสั งฆราชปัลลือเขียนไว้


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 75

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

Ba ngk o

k

ดังนั้น ท่ านดูภายนอกไม่ ทุกข์ ร้อนอะไร และเพื่อที่จะป้ องกันตัว ท่ านคอยให้ ถกู โจมตีโดยตรงก่ อน ซึ่ งการถูกโจมตี เช่ นนีไ้ ม่ ช้าจะต้ องเกิดขึน้ เนื่องจากอารมณ์ ของชาวโปรตุเกสคุกรุ่ นอยู่แล้ ว อันที่ จริ งท่ านมาถึงกรุ งศรี อยุธยาได้ ไม่ กี่ สัปดาห์ คุณพ่ อฟราโกโซ (Fragoso) ซึ่ งเป็ นสงฆ์ โดมินิกันและเป็ นเจ้ าหน้ าที่ ในศาลคดีศาสนา (Inquistion) ที่ เมือง กัว ได้ เรี ยกท่ านขึน้ ศาล แต่ ท่านไม่ ยอมไป อุปสั งฆราชแห่ งสํานักพระอัครสั งฆราชที่ เมืองกัวก็เรี ยกตัว แต่ ท่านก็ไม่ ยอมไปเช่ นเดียวกัน เพราะเหตุว่าประมุขมิสซั งมิใช่ คนในบังคับของพระเจ้ าแผ่ นดินโปรตุเกส ทั้งไม่ อยู่ในอํานาจ ปกครองของพระอัครสั งฆราชเมืองกัว ท่ านจึ งไม่ ต้องปฏิ บัติตามพระราชโองการของพระเจ้ าแผ่ นดินและคําบัญชา ของพระอัครสั งฆราช ตลอดจนคําสั่ งของผู้แทนของท่ านทั้งสอง แม้ เขาจะอ้ างว่ า "ปฏิ บัติการโดยมีอาํ นาจและ ความชอบธรรม" ก็ตามที อย่ างไรก็ดี เพื่อเห็นแก่ ความสงบสุ ข ท่ านยอมแสดงหนังสื อมอบอํานาจแก่ ท่านให้ อุป สังฆราชดู "ในฐานะเป็ นมิตรกัน" อุปสั งฆราชเห็นแล้ วกล่ าวว่ ามีความพอใจ ในขณะเดียวกัน ท่ านลังแบรต์ เดอ ลา ม็อต มีความคิ ดอ่ านรอบคอบอย่ างน่ าสรรเสริ ญ ท่ านได้ มีหนังสื อ ถึงพระอัครสั งฆราชเมืองมะนิลา ข้ าหลวงประเทศฟิ ลิปปิ นส์ และนายพลแห่ งบริ ษัทฮอลันดาที่ เมืองปั ตตาเวีย และ รองเจ้ าคณะแขวงเยสุ อิตที่ เมืองมาเก๊ า เพื่อแจ้ งให้ ท่านเหล่ านั้นทราบถึงเรื่ องที่ พระสั นตะสํานักส่ งประมุขมิสซังมา อีกทั้งเพื่อขอความคุ้มครองจากท่ านเหล่ านั้นด้ วย แต่ วิธีปฏิ บัติเช่ นนี ้ ถึงแม้ จะแสดงอัธยาศัยไมตรี อันดียิ่ง ก็มิได้ ลด ความเกลียดชังของชาวโปรตุเกสให้ น้อยลง เขากลับแสดงความหยาบคายหนักมือยิ่งขึน้ บังคับพระสั งฆราชกับสงฆ์ ฝรั่ งเศสให้ ออกจากค่ ายของเขาไป เมื่อถูกชาวคาทอลิกที่ ไม่ เข้ าร่ องเข้ ารอยเหล่ านั้นขับไล่ พวกมิชชันนารี ฝรั่ งเศสได้ ไปขออาศัยพักอยู่ที่ คลังสิ นค้ า (factorerie) ของชาวฮอลันดา หั วหน้ าคลังสิ นค้ านีแ้ ม้ เป็ นโปรเตสแตนต์ ก็ได้ แสดงความเห็นใจท่ าน อย่ างแท้ จริ ง ที่ คลังสิ นค้ าดังกล่ าว ท่ านได้ พบคริ สตังสองคน คนหนึ่งเป็ นจี น และอี กคนหนึ่งเป็ นญวน ทั้งสองขัน อาสาจะสอนภาษาของแต่ ละคนให้ ซึ่ งท่ านก็ยินดีรับด้ วยความรู้ คุณ ท่ านทราบจากคริ สตังทั้งสองว่ า มีชาวญวนและชาวญี่ปุ่นคาทอลิกอาศัยอยู่ที่กรุ งศรี อยุธยา ท่ านจึ งไปเยี่ยม เขา และได้ รับการต้ อนรั บด้ วยความชื่ นชมจากใจจริ งที่ แสดงออกมาด้ วยเสี ยงเอ็ดอึ ง นับแต่ บัดนั้น มิชชันนารี ผลัด กันไปหาเขาสั ปดาห์ ละครั้ ง เพื่อสอนคําสอนหรื อประกอบพิธีศีลศักดิ์สิทธิ์ ให้ ในวันพระคริ สตสมภพปี ค.ศ. 1662 พระคุณเจ้ าลังแบรต์ ได้ ประกอบพิธีมิสซาเที่ ยงคื นในค่ ายของชาวญวน และเทศน์ สั้นๆ เป็ นภาษาโปรตุเกส โดย ขอให้ ล่ามคนหนึ่งแปลเป็ นภาษาไทย" ข้อมูลทั้งหมดนี้ คุณพ่อโลเนย์บรรยายไว้ในหนังสื อประวัติมิสซังสยาม ซึ่ งผูส้ นใจจะหาอ่านได้ไม่ยากนัก สิ่ งที่น่าสังเกตก็คือสาเหตุของความขัดแย้งและท่าทีที่เป็ นศัตรู ต่อกันระหว่างมิชชันนารี ของปาโดรอาโดกัมิชชันนารี ของสมณกระทรวงนี้ มิได้เกิดขึ้นมาจากชาตินิยม เพราะเราทราบว่ามิชชันนารี ของปาโดรอาโดนั้นก็มิได้กีดกันชาติ ใดๆ เพียงแต่จาํ เป็ นต้องทําตามเงื่อนไขของปาโดรอาโดเท่านั้น แต่สาเหตุและท่าทีเหล่านี้เกิดมาจากมิชชันนารี ที่ สมณกระทรวงส่ งมานี้มีทีท่าที่จะทําลายระบบผูกขาดเรื่ องงานแพร่ ธรรมซึ่ งปาโดรอาโดได้รับมานัน่ เอง


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 76

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

Ba ngk o

k

ผูร้ ับผลจากความเป็ นศัตรู กนั นี้ คนแรกได้แก่ คุณพ่ออเล็กซานเดอร์ เดอ โรดส์ เพราะว่าท่านเป็ นผูร้ ิ เริ่ มการ ก่อตั้งคณะสงฆ์มิสซังต่างประเทศแห่งกรุ งปารี ส และยังเป็ นผูเ้ สนอให้ส่งสังฆราชเพื่อไปก่อตั้งคณะสงฆ์พ้ืนเมืองอีก ด้วย ท่านมีความประสงค์จะกลับไปทํางานต่อในดินแดนมิสซังที่ท่านจากมา แต่คุณพ่อมหาอธิ การของคณะเย สุ อิตไม่กล้าอนุญาตให้ท่านกลับไปยังดิ นแดนที่ชาวโปรตุเกสครอบครองอยู่ ท่านจึงถูกส่ งไปที่เปอร์ เซี ย แม้วา่ จะมี อายุได้ 64 ปี แล้วก็ตาม ในปี ค.ศ. 1654 และอีก 4 ปี ต่อมาท่านก็เสี ยชี วิต ท่านยังสามารถทํางานได้อย่างน่าชื่ นชม จนกระทัง่ ว่าเมื่อวันปลงศพท่านนั้น กษัตริ ยแ์ ห่งเปอร์เซียเสด็จมาร่ วมพิธีเพื่อเป็ นเกียรติแด่ท่าน แน่นอนที่สุด อัครสังฆราชแห่งเมืองกัวและบรรดามิชชันนารี ภายใต้ปาโดรอาโด ต่างก็มองดูมิชชันนารี ที่มา จากสมณกระทรวงเป็ นเหมือนกับผูร้ ุ กราน และผูแ้ ย่งชิงอํานาจอันชอบธรรมที่พวกเขาได้รับมา เป็ นอันว่าในดินแดน สยามก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากท่าทีแห่งความเป็ นศัตรู กนั นี้ดว้ ย เหตุการณ์ต่อไปที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่ องนี้ได้แก่การเดินทางไปประเทศจีนของพระคุณเจ้าลังแบรต์ เพราะ ว่าท่านได้รับมอบหมายให้เป็ นผูด้ ูแลสังฆมณฑลในจีน ท่านออกเดินทางเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 1663 โดย เดินทางไปพร้อมกับคุณพ่อเดดิเอร์ ส่ วนคุณพ่อเดอ บูร์ช อยูท่ ี่อยุธยา พระคุณเจ้าลังแบรต์เดินทางไปไม่ถึงจีน เพราะว่าเรื อที่ท่านไปนั้นเจอพายุอปั ปางลงเสี ยก่อน ท่านจึงเดินทางกลับมาอยุธยาเมื่อวันที่ 15 กันยายนปี เดียวกัน แล้วไปอยูใ่ นค่ายญวนรวมกับคุณพ่อเดอ บูร์ช ที่เพิ่งย้ายเข้าไปอยู่ เรื่ องราวที่เกิดขึ้นก่อนการเดินทางไปจีน เหตุการณ์ ในระหว่างการเดินทางและเมื่อกลับมาถึงอยุธยาอีกครั้งหนึ่งนี้ คุณพ่อเดอ บูร์ช ได้บรรยายไว้อย่างละเอียดและน่าทึ่ง มาก ผมจึงคัดมาเพื่อให้เห็นท่าทีของโปรตุเกสและเหตุการณ์ตามลําดับดังนี้


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 77

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

Ba ngk o

k

"เนื่องจากเราคิ ดแต่ เพียงการลงเรื อไปยังดินแดนมิสซั งของเราให้ เร็ วที่ สุด ยิ่งได้ พบกับท่ าที ของชาวโคจิ น จี นเกี่ยวกับการเข้ านับถื อพระศาสนา เราก็ยิ่งรู้ สึ กต้ องการจะเข้ าไปในประเทศของพวกเขามากยิ่งขึ น้ ในขณะ นั้นเองเราก็ได้ รับทราบจากพ่ อค้ าชาวคริ สต์ หลายคนที่ มาจากเมืองตะนาวศรี และได้ ออกเดินทางจากเมืองมาสุ ลีปา ตันเมื่อเดือนกันยายนว่ า พวกเขาได้ ทิง้ บาทหลวงชาวฝรั่ งเศสคนหนึ่งไว้ ที่เมืองมาสุ ลีปาตัน และพระสั งฆราชองค์ หนึ่ งได้ ถึงแก่ มรณภาพที่ เมื องนี ้ นอกจากนี บ้ รรดาบาทหลวงเหล่ านั้นก็กาํ ลังจะออกเดิ นทางไปยังเมืองตะนาวศรี บรรดาพ่ อค้ าเหล่ านี ้ได้ บอกข่ าวคราวต่ างๆ นี ใ้ ห้ เราทราบอย่ างละเอี ยดจนเราเชื่ อ เรื่ องนี ท้ าํ ให้ เราพิ จารณากันว่ า ขณะนี เ้ ราไม่ เคยได้ รับจดหมายแม้ แต่ ฉบับเดี ยวจากเพื่อนๆ ของเราที่ สัญญาไว้ ว่าจะเขียนมาถึงเรา และเรายังมี เวลา เหลื อพอที่ จะไปเมืองตะนาวศรี เพื่ อสื บหาข้ อเท็จจริ งเกี่ยวกับรายงานที่ เราได้ รับมา ทุกคนเห็นว่ าจะต้ องส่ งคนไปที่ นั่นเป็ นกรณี พิเศษ ข้ าพเจ้ าได้ รับมอบหมายจากท่ านสั งฆราชแห่ ง เบริ ธให้ เดิ นทางไปเมื องตะนาวศรี โดยเร็ ว ข้ าพเจ้ าเดิ นทางไปถึ งที่ นั่นภายในเวลา 20 วัน และในช่ วงเวลา 2-3 วัน ข้ าพเจ้ าต้ องทนทรมานกับชาวโปรตุเกสผู้ หนึ่งพอประมาณเนื่ องจากเขาพยายามขัดขวางมิให้ โอราต้ า (l'Orata ซึ่ งเป็ นผู้ทาํ หน้ าที่ เป็ นล่ ามให้ กับชาวต่ างชาติ ) ส่ งใบเบิกทางให้ กับข้ าพเจ้ า ความตั้งใจของเขาคื อ ทําให้ ข้าพเจ้ าไม่ สามารถตามไปสมทบกับท่ านสั งฆราชแห่ งเบริ ธ ได้ ทันเวลา เพื่ อติ ดตามท่ านต่ อไปในระหว่ างการเดิ นทางไปกวางตุ้ง เมื องท่ าแห่ งแรกของจี น อย่ างไร ก็ตาม ข้ าพเจ้ าก็ได้ รับสิ่ งที่ ข้าพเจ้ ายื่ นขอ และข้ าพเจ้ าก็บังคับให้ ชาวโปรตุเกสผู้นีค้ ื นเอกสารต่ างๆ ของท่ านสั งฆราชที่ เขา อยากยึดไว้ ในเวลานั้น บุคคลที่ เตรี ยมตัวเข้ านับถือคริ สตศาสนาจํานวน 9 คน ได้ ยื่นขอรั บศีลล้ างบาปมา และเราได้ อนุมตั ิไปเพียง 3 รายเท่ านั้น การออกเดินทางไปเมืองจี นของท่ านสั งฆราชแห่ งเบริ ธ ทําให้ คาํ เสนอขอของอี ก 6 คน ที่ เหลื อ ยังไม่ ไ ด้ รับอนุมัติ เนื่ องจากท่ านพิ จารณาเห็ นว่ าบุค คลทั้ง 6 นี ้ ยังมี ค วามรู้ ทางศาสนาไม่ เพี ย งพอ ท่ า น สังฆราชทิ ง้ เรื่ องนีไ้ ว้ ให้ เป็ นภาระของบาทหลวงที่เดินทางไปเมืองตะนาวศรี อยู่ โดยได้ ทิง้ คําสั่ งไว้ ให้ บาทหลวงองค์ นั้นดําเนินการสอนคําสอนให้ กับบุคคลทั้ง 6 ต่ อไป จนกว่ าพวกเขาจะเรี ยนจบ จะได้ เข้ าร่ วมพระหรรษทานของพระ เป็ นเจ้ า ขณะเมื่อโอกาสเอื อ้ อํานวยในการออกเดินทางไปเมืองกวางตุ้ง หนึ่งในบรรดาเมืองท่ าของจี น ท่ านสั งฆราช แห่ งเบริ ธได้ อยู่ระหว่ างคอยการกลับมาของข้ าพเจ้ า เมื่อฟั งข่ าวคราวเกี่ยวกับเส้ นทางที่ ท่านสั งฆราชแห่ งเอลิโอโปลิศ และคณะบาทหลวงที่ ติดตามใช้ เดินทาง อย่ างไรก็ตาม เมื่อโอกาสใกล้ เข้ ามา ท่ านสั งฆราชจึ งตัดสิ นใจว่ าจะไม่ พลาดโอกาสนีเ้ ลย เนื่องจากขณะคอยข่ าวคราว ของท่ านสั งฆราชแห่ งเอลิโอโปลิศซึ่ งเชื่ อว่ ากําลังเดินทางใกล้ เข้ ามาแล้ ว ท่ านได้ ปล่ อยให้ เรื อลําอื่ นๆ 3 ลํา แล่ นเลย ไป ดังนั้น เรื อลํานีจ้ ึ งเป็ นเรื อลําสุ ดท้ ายที่ จะออกเดินทางไปเมืองกวางตุ้ง และเนื่องจากพิจารณาเห็นว่ าสมควรให้ บาทหลวงองค์ หนึ่งในคณะย้ อนกลับไปยังยุโรป เพื่อกิจธุระเกี่ยวกับการเผยแพร่ ศาสนา ท่ านสั งฆราชจึ งได้ ทิง้ หนังสื อด่ วนและจดหมายต่ างๆ ซึ่ งบาทหลวงผู้นั้นจะต้ องเป็ นผู้ถือไปไว้ มีเหตุผลหลายประการที่ ทาํ ให้ จาํ ต้ องส่ งคน ไปยังยุโรปคื อ จําเป็ นต้ องได้ รับการตัดสิ นใจจากสมเด็จพระสั นตะปาปา และสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่ อ เกี่ยวกับอุปสรรคหลายๆ ประการอันเลี่ยงไม่ ได้ ที่มีต่อการดําเนินงานของมิสซั งที่ กาํ ลังก่ อตั้งขึน้ เพราะหากมีการ กระทําผิดพลาดเกิดขึน้ ก็ยากเกินกว่ าที่ จะแก้ ไขในภายหลัง เนื่องจากการล่ วงเกินที่ นาํ มาในประเทศพร้ อมกับศาสนา นั้นอันอาจจะกลายเป็ นธรรมเนียมประเพณี ในมิสซังนั้นจึงเป็ นสิ่ งสําคัญไม่ น้อยที่ จะต้ องให้ ผ้ ทู ี่ มีอาํ นาจสู งกว่ าเป็ นผู้ ตัดสิ นปั ญหาความยุ่งยากต่ างๆเพื่อว่ าทุกคนจะยินยอมเชื่ อฟั งเห็นได้ ว่าจะทําให้ มีความเป็ นอันหนึ่ง อันเดียวกันดีขึน้


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 78

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

Ba ngk o

k

จากการที่ ท่านสั งฆราชแห่ งเบริ ธตกลงใจไปประเทศจี นโดยเร็ วที่ สุด ดังนั้นหลังจากรํ่าลาชาวโคจิ นจีนและ จัดวางตําแหน่ งหน้ าที่ ต่างๆอย่ างดีที่สุดเท่ าที่ จะทําได้ ให้ แก่ โบสถ์ ที่สร้ างขึน้ ใหม่ ในกรุ งสยามแล้ ววันที่ 12 กรกฎาคม ท่ านสั งฆราชก็ลงเรื อล่ องแม่ นา้ํ ไป วันที่ 17 ท่ านก็ไปถึงเรื อ ที่ จอดทอดสมออยู่ที่ปากนํา้ ห่ างจากท่ าเรื อออกไปราว 2 ลิเยอ วันที่ 21 เราก็แล่ นเรื อออกทะเล กระแสลมเอือ้ อํานวยให้ เรื อแล่ นรุ ดหน้ าไปได้ ค่อนข้ างดี จนถึงคืนวันที่ 30 แต่ เมื่อมาถึงระดับความสู งที่ 10 อันเป็ นจุดที่ ทะเลจี นและทะเลกัมพูชามาบรรจบกัน เราก็ต้องเผชิ ญกับกระแสนํา้ เชี่ ยวที่รุนแรงและกระแสลมหวน เพียงชั่วเวลาไม่ ถึง 15 นาที เราก็ร้ ู สึกสิ ้นหวังที่ จะรอดพ้ นจากอันตรายนีไ้ ด้ เราลด ใบเรื อและโยนทุกสิ่ งที่ ไม่ จาํ เป็ นทิ ง้ ลงทะเลไป เพื่อช่ วยให้ เรื อเบาและพ้ นภัยไปได้ กระนั้นก็ดีแม้ จะสามารถนํา มาตรการบางประการมาปฏิ บัติ เราก็วินิจฉั ยได้ ว่าไม่ มีหนทางใดที่ จะรอดพ้ นจากอันตรายอันใหญ่ หลวงนีไ้ ด้ สิ่ งที่ทาํ ให้ เราตระหนกตกใจเพิ่มขึน้ คื อ ขณะที่ เรื อจอดชะลออยู่เพราะพ่ ายแพ้ ต่อกระแสลม เรื อได้ ถกู กระแสนํา้ พัดพาเข้ าไป ใกล้ ฝั่ง และในเขตที่ เต็มไปด้ วยหิ นโสโครกอย่ างรุ นแรง อย่ างไรก็ตาม หลังจากที่ ได้ พิจารณาดูสิ่งที่ จะสามารถทําได้ เราก็เชื่ อว่ าเมื่อไม่ อาจจะทอดสมอได้ เช่ นนี ้ ก็สมควรที่จะปล่ อยให้ กระแสลมพัดพาไปตามยถากรรมดีกว่ า ซึ่ งอาจ เป็ นไปได้ ว่ากระแสลมจะเปลี่ยนทิ ศทาง เมื่อตกลงใจเช่ นนีแ้ ล้ ว เราก็เดินเรื อมุ่งสู่ผืนแผ่ นดินเป็ นเวลา 1 วัน กับ 1 คื น ท่ ามกลางท้ องทะเลที่ ระสํา่ ระสายต่ อเนื่องกันอยู่ตลอดเวลา จนทําให้ เราคิ ดกันอยู่ทุกช่ วงเวลาว่ าเรื อซึ่ งมีนา้ํ ไหลเข้ า มาแล้ วเช่ นนีค้ งจะแตกออกเป็ นเสี่ ยงๆ ในช่ วงนั้นเองบรรดามิชชันนารี กม็ ีภาระปลอบใจ และโปรดศีลแก้ บาปให้ แก่ ชาวคริ สต์ ที่อยู่ในเรื อ สําหรั บ พวกเขาเหล่ านั้นโดยส่ วนตัวแล้ วก็พากันสวดภาวนา และพยายามถือโอกาสที่ มิได้ เกิ ดขึน้ ทุกวันซึ่ งเป็ นโอกาสที่ มองเห็นความตายปรากฏต่ อสายตา และห่ างไกลจากความหวังใดของมนุษย์ นีใ้ ห้ เกิ ดประโยชน์ ช่ วงเวลาที่ ดีเลิ ศ เช่ นนีเ้ อง ที่ บรรดามิชชันนารี ได้ ใช้ พิสูจน์ ตนเองในการต่ อสู้ ระหว่ างจิ ตใจส่ วนที่ มีเหตุผลและจิ ตใจส่ วนที่ เป็ นฝ่ ายตํา่ ถ้ าความระสํา่ ระสายภายนอกเพิ่มทวีขึน้ ด้ วยพายุที่รุนแรง ความระสํ่าระสายภายในจิ ตใจก็มีไม่ ยิ่งหย่ อนไปกว่ า ด้ วย ความทุกข์ ที่มนุษย์ ผู้ยงั มีกิเลสต้ องการมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกกําลังเผชิ ญอยู่ เมื่อรู้ ว่าตนเองอยู่ใกล้ ความตายเพียงแค่ คืบ และก็เช่ นกันว่ าในช่ วงเวลาเช่ นนี เ้ องที่ ผ้ ูมีจิตใจยึดมั่นในศาสนาจะประพฤติ ตนให้ เหมาะสมเช่ นเดี ยวกับ พระเยซู คริ สต์ เจ้ า ผู้ทรงเป็ นเจ้ าและแบบฉบับของพวกเขาผู้ทรงเสี ยสละทุกสิ่ งทุกอย่ างด้ วยจิ ตใจอันดี งาม เพื่ อความพอ พระทัยขององค์ พระเป็ นเจ้ าที่ ทรงล้ อเล่ นกับชี วิตสรรพสิ่ งที่ พระองค์ ทรงสร้ างขึ น้ ดังเช่ นคลื่ นลมในมหาสมุทรที่ กําลังปั่ นป่ วนอยู่นั้น ลมยังคงพัดรุ นแรงต่ อไป และพาเอาเรื อเข้ าไปใกล้ ฝั่งในไม่ ช้า เราได้ โยนสมอลงไป เมื่อถึงก้ น ทะเลเราก็หยุดนิ่ ง แต่ เนื่ องจากทะเลยังปั่ นป่ วนอยู่มากในเขตนี ้ และกําลังของคลื่นก็รุนแรง เราจึ งตกอยู่ท่ามกลาง ความหวาดกลัวต่ อไปว่ า เรื ออาจจะแตกออกเป็ นเสี่ ยงๆ ได้ ในทันที นั้นเราก็ส่งคนจํานวน 12 คน ลงเรื อกรรเชี ยง เดินทางไปยังผืนแผ่ นดินเพื่อขอความช่ วยเหลือจากหมู่บ้านที่ อยู่ใกล้ เคี ยง เพื่อจะได้ ขนถ่ ายสิ นค้ าที่ มีอยู่ และช่ วยชี วิต ผู้คนบนเรื อก่ อนที่ จะสละเรื อทิ ง้ ให้ ล่องลอยไปกับอํานาจของคลื่นลม ความคาดหมายดังกล่ าวตามที่ ปรากฏภายนอก ก็ดูเป็ นหลักการที่ ควรจะทําได้ แต่ กก็ ลับไร้ ผล เพราะเมื่อเรื อกรรเชี ยงไปถึงฝั่ งได้ ถูกคลื่นลมตีแตกทลายไป จนชาย ทั้ง 12 คนนั้น เห็ นแล้ วว่ าพวกเขาไม่ สามารถนําข่ าวใดๆ หรื อแม้ แต่ ความช่ วยเหลื อเช่ นที่ หวังกันไว้ กลับไปยังเรื อ ใหญ่ ได้ อีกต่ อไปแล้ ว พวกเขาจึ งพิ จารณาที่ จะนําความไปแจ้ งยังกรุ งสยาม 3 วันผ่ านไปโดยไม่ มีข่าวคราวใดๆ จาก คนทั้ง 12 เลย ผู้คนที่ อยู่ในเรื อใหญ่ ต่างพากันเชื่ อว่ า 12 คนนั้นคงจะทอดทิ ง้ พวกตนไปเสี ยแล้ ว และปล่ อยให้ เรื ออยู่ ในสภาพที่ กาํ ลังเป็ นอยู่ โดยคงถือว่ าตนมีบุญที่ อยู่นอกสภาพการณ์ เช่ นนั้นไปแล้ ว


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 79

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

Ba ngk o

k

ในสถานการณ์ อันเหลือจะทนทานเช่ นนี ้ นํา้ จื ดก็เริ่ มขาดแคลน เราก็หาทางทลายด้ านข้ างของเรื อออกเพื่อทํา เป็ นเรื อกรรเชี ยงเล็กๆ ลําที่ 2 เมื่อเรื อดังกล่ าวเสร็ จเป็ นรู ปร่ างขึน้ กัปตันเรื อพร้ อมด้ วยมิชชันนารี หนึ่งองค์ และคน อื่นๆ อี ก 5 คน ก็ลงเรื อเล็กมุ่งหน้ าไปยังผืนแผ่ นดินเพื่อขอความช่ วยเหลือไม่ ว่าจะโดยวิธีใดวิธีหนึ่งก็ตาม โชคดีที่ พวกเขาได้ พบชาวโคจิ นจี น 4 หรื อ 5 คน ซึ่ ง 2 คนในจํานวนนีเ้ ป็ นชาวคริ สต์ ทันทีกเ็ หลือบเห็นบาทหลวงซึ่ งคนทั้งคู่ เคยเห็นที่ กรุ งสยาม ทั้งสอง ก็คุกเข่ าลงแทบเท้ าของท่ าน และเมื่อได้ ทราบเกี่ยวกับภยันตรายที่ ท่านสั งฆราชแห่ งเบ ริ ธ ซึ่ งยัง ติดค้ างอยู่บนเรื อกําลังเผชิ ญอยู่ ชาวโคจิ นจี น 3 ใน 5 คนนี ้ ก็รับเป็ นธุระที่ จะไปช่ วยนําตัวท่ าน สังฆราชออกมา โดยนําเรื อเล็กออกไป พวกเขาปฏิ บัติตามที่ ได้ ตัดสิ นใจนีด้ ้ วยความโอบอ้ อมอารี อันเป็ นลักษณะ พิเศษของคนชาตินี้ เมื่อออกทะเลไปได้ เป็ นระยะทาง 2 ลิเยอ และอยู่ห่างจากเรื อใหญ่ ราว 1 ลิเยอ ก็เกิดพายุรุนแรง ขึน้ จนทําให้ พวกเขาไม่ เพียงแต่ ต้องชะลอการเดินทางลง แต่ เรื อของพวกเขายังถูกทําลายแตกละเอี ยดเป็ นชิ ้นๆ อีก ด้ วยในทันทีที่กลับเข้ าถึงฝั่ ง นี่แหละคื อเหตุผลที่ เราเริ่ มหมดสิ ้นความหวังทั้งปวง เมื่อมองไม่ เห็นมีผ้ ใู ดมายังเรื อใหญ่ เลยสั กคน ส่ วนพายุ แทนที่ จะสงบลงกลับยิ่ งทวี ความรุ นแรงขึ น้ อี ก ลูกเรื อทั้งหมดก็ละเหี่ ยใจ เนื่ องจากหวาดกลัวและกระหายหิ วซึ่ ง ทรมานพวกเขาอย่ า งแสนสาหั ส อย่ า งไรก็ต าม พระเมตตาของพระเป็ นเจ้ า ผู้ท รงไม่ เคยละเลยต่ อผู้ที่ ขอความ ช่ วยเหลือจากพระองค์ ด้วยความไว้ วางใจในฐานะบุตร เมื่อเห็นเรื อที่ น่าสงสารต้ องมาติดอยู่เนื่องจากขาดนํา้ จื ด จึ งได้ ทรงประทานพายุฝนมาให้ 2 ลูกใหญ่ ซึ่ งนํานํา้ มาให้ อย่ างพอเพียง ไม่ กี่วันหลังจากนั้น เรื อเล็ก 2 ลํา จากกรุ งสยามก็ มาช่ วยเหลือตามคําบอกแจ้ งของผู้คนที่ ไปกับเรื อกรรเชี ยงลําแรก 2 วันก่ อนหน้ านี ้ เมื่อกัปตันได้ พบกับหั วหน้ าของ หมู่บ้าน ที่เอื อ้ เฟื ้ อกรุ ณาแล้ ว ก็กลับมายังเรื อใหญ่ พร้ อมกับบาทหลวงที่ ได้ เดินทางไปด้ วย ดังนี เ้ องท่ านสั งฆราช แห่ งเบริ ธจึ งออกมาจากเรื อเพื่อกลับไปยังกรุ งสยาม ซึ่ งนับเป็ นครั้ งที่ 2 เมื่อวันที่ 15 กันยายน ทันที ที่ไปถึงกรุ งสยาม ท่ านก็ออกไปยังย่ านที่ อยู่ของพวกโคจิ นจี น และได้ พบว่ าคณะบาทหลวงที่ ท่านได้ ส่ งไปเมืองตะนาวศรี กลับมาถึงพอดี ท่ านสั งฆราชแห่ งเบริ ธได้ ใช้ เวลา 65 วัน ในการแล่ นเรื อในทะเลจี นที่ พายุจัด นั้น เนื่องจากได้ รับแจ้ งว่ าท่ านสั งฆราชแห่ งเอลิ โอโปลิศกําลังใกล้ มาถึงเมืองตะนาวศรี แล้ ว ท่ านสั งฆราชแห่ งเบริ ธ จึงได้ ส่งคน 2 คน นําหนังสื อสําคัญไปให้ กับท่ านสั งฆราชแห่ งเอลิโอโปลิ ศ เพื่ออํานวยความสําดวกในการเดิ นทาง ทางบก ท่ านตัดสิ นใจที่ จะอยู่คอยพบท่ านสั งฆราชแห่ งเอลิโอโปลิ อีกด้ วย เพื่อว่ าเมื่อได้ พบปะกันแล้ ว ท่ านทั้งสอง จะสามารถเตรี ยมหามาตรการต่ างๆ และตัดสิ นใจในเรื่ องต่ างๆ เพื่อการดําเนินงานของมิสซั งได้ ดีขึน้ อี กประการ หนึ่งเวลาสําหรั บการออกเดินทางในปี นีก้ ไ็ ด้ ผ่านเลยไปเสี ยแล้ ว ดังนั้นจึงเป็ นความ จําเป็ นที่ต้องรอต่ อไป นอกจากนีท้ ่ านสั งฆราชแห่ งเบริ ธก็มิได้ มีผลประโยชน์ อันใดแม้ แต่ น้อยจากการเดินทางออกทะเลไปพร้ อม กับชาวโปรตุเกส 40 คน ในครั้ งที่ แล้ วมานั้น ท่ านทราบว่ าตามรู ปการณ์ นั้น มีคาํ สั่ งบางอย่ างถูกส่ งมาจากโปรตุเกส และเป็ นผลให้ ชาวโปรตุเกสในกรุ งสยามมองท่ านด้ วยสายตาที่ ไม่ ส้ ู ดี ความไม่ ไว้ วางใจของพวกเขาทวีขึน้ เหนือสิ่ ง อื่นใด จนถึงกับรวมกลุ่มกันขึน้ ในหมู่พวกเขาเพื่อจะโค่ นล้ มท่ านสั งฆราช ท่ านสั งฆราชได้ รับคําเตือนในเรื่ อง ดังกล่ าวนี ้ และก็จาํ เป็ นต้ องละทิ ง้ ถิ่นที่ พวกนีค้ รอบครอง และไปหาที่ พักที่ ปลอดภัยกว่ าในเขตที่ ใกล้ เคี ยงกับถิ่นของ พวกฮอลันดา เพื่อเตรี ยมรั บการมุ่งร้ ายของพวกนั้น ท่ านสั งฆราชแห่ งเบริ ธอาจหวาดกลัวที่ ได้ ลงเรื อลําที่ ท่านเห็นว่ ามีศัตรู อยู่หลายคน อย่ างไรก็ตาม พวกนีก้ ็ ไม่ ได้ เป็ นหัวหน้ าเรื อ ด้ วยเหตุนีท้ ่ านจึ งมอบความไว้ วางใจไว้ ในองค์ พระเป็ นเจ้ าและปฏิ บัติราวกับว่ าท่ านไม่ ร้ ู ไม่


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 80

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

Ba ngk o

k

เห็นอะไรที่ เกิดขึน้ และท่ านก็ไม่ ละเว้ นที่ จะพูดจาผูกสั มพันธไมตรี กับพวกเขา อี กทั้งให้ การบริ การทุกอย่ างที่ท่าน สามารถจะทําได้ เพื่อให้ พวกเขาได้ ร้ ู ถึงเจตนาอันบริ สุทธิ์ ของบรรดาบาทหลวงชาวฝรั่ งเศส และโดยปราศจากเหตุผล จากการที่ อ้างถึงผลประโยชน์ ของประเทศชาติ ผู้คนจึ งมีความคิ ดในแง่ ที่ไม่ ดีต่อการดําเนินงานของคณะบาทหลวง ฝรั่ งเศส สิ่ งที่ทาํ ให้ พวกเขาประทับใจก็คือ เมื่อเวลาที่อากาศปลอดโปร่ งปราศจากพายุ เราจะสวดภาวนาต่ อพระเป็ น เจ้ าทั้งเช้ าและเย็นเป็ นประจํา วันฉลองสมโภชเราก็จะทําพิธีมิสซาใหญ่ มีการสอนคําสอนและการเทศน์ ในภาษาของ พวกเขาถึงเรื่ องการหลุดพ้ นจากบาปชั่วนิรันดร์ พิธีเล็กๆ น้ อยๆ เหล่ านี ม้ ีอิทธิ พลเพี ยงพอที่ เปลี่ ยนแปลงพวกเขาจาก การเป็ นศัตรู ให้ กลับกลายมาเป็ นเพื่อน และพอจะพูดจากันได้ ทุกคนก็แก้ บาปและรั บศีลมหาสนิท มีหลายคนแก้ บาปรั บศี ลมากกว่ าหนึ่ งครั้ งเสี ยอี ก และแล้ วพวกเขาเหล่ านี ก้ ็เปิ ดเผยถึงพฤติ การณ์ การประทุษร้ ายซึ่ งพวกเขาได้ วางแผนกระทําต่ อตัวท่ านสั งฆราชแห่ งเบริ ธ โดยได้ แสดงความขุ่นเคื องไม่ พอใจออกมาให้ เห็น คนพวกนีไ้ ด้ ให้ สั ญญาว่ าหากเมื่อได้ ที่กลับไปยังกรุ งสยาม พวกเขาจะไปเปลี่ยนแปลงความรู้ สึ กในหมู่เพื่อนร่ วมชาติ ของตนด้ วย นี่เองคือสิ่ งที่เราหวังจากการที่ มีความรั กต่ อเพื่ อนมนุษย์ และความยุติธรรมของพวกเขา ท่ านสั งฆราชแห่ งเบริ ธเองก็ ได้ รับการปลอบใจเมื่อกลับไปถึงกรุ งสยามจากการที่ ได้ เห็นว่ ากลุ่มผู้เลื่อมใสของท่ านได้ มีชาวโคจิ นจี นเพิ่ มขึน้ อี ก หลายคน จากนั้นมาท่ านก็ดาํ เนินการปลูกฝั งพระศาสนจักรแห่ งนีต้ ่ อไป ท่ ามกลางการอวยชัยให้ พรอย่ างดียิ่ง. การที่พระคุณเจ้าลังแบรต์เดินทางกลับมานี้ ทําให้มิชชันนารี ของปาโดรอาโดขุ่นเคืองใจมาก คุณพ่อโลเนย์ เล่าว่า หลายคนได้วางแผนจะกําจัดท่านเสี ย ผูม้ ีสกุลผูห้ นึ่งเพิง่ เดินทางจากกรุ งลิสบอนมาถึงใหม่ๆ สัญญาจะลักพา ตัวท่านไป แต่ทาํ การไม่สาํ เร็ จเพราะฝี มือของพวกญวนซึ่ งพอทราบว่าพระสังฆราชถูกจู่โจม ก็วงิ่ เข้าไปในกระท่อม ที่ใช้เป็ นสํานักพระสังฆราชพร้อมด้วยชายฉกรรจ์ราว 12 คน ที่แต่งชุดออกรบ มือถือดาบ ช่วยกันขับไล่ผจู้ ู่โจมหนี ไปได้ พระคุณเจ้าได้ช้ ีแจงให้ทาง กรุ งโรมทราบถึงสถานการณ์ยงุ่ ยากลําบากและน่าสลดใจนี้ และเพื่อช่วยแก้ไข สถานการณ์ดงั กล่าวได้ง่ายขึ้น ท่านจึงขอลาออกจากตําแหน่ง แต่กรุ งโรมปฏิเสธกลับมาโดยหนังสื อลงวันที่ 20 มิถุนายน ค.ศ. 1665 อันที่จริ ง การที่ท่านลังแบรต์ เดอ ลา ม็อต ขอลาออกจากตําแหน่งนี้ใช่จะเป็ นการบ่งบอกถึงความท้อถอย หรื อเป็ นการแสดงความปรารถนาจะละทิ้งงานแพร่ ธรรมก็หาไม่ เพราะในขณะ เดียวกันท่านก็ขออํานาจเพิ่มขึ้น สําหรับประมุขมิสซัง คือขออํานาจปกครองเหนือประเทศมอญ ซึ่ งมีคนบอกว่าสอนให้รู้พระธรรมง่าย และเหนือ ประเทศเขมรและประเทศสยาม ซึ่ งตั้งอยูท่ างปากทางเข้าประเทศญวนและจีน ทั้งยอมให้ชาวคาทอลิกและ ชาวต่างชาติถือศาสนาของตนได้ ท่านจึงเห็นว่าน่าจะเอื้ออํานวยให้ต้ งั ศูนย์ของมิสซังต่างๆ ในประเทศนี้ได้ ซึ่ง พระคุณเจ้าปัลลือก็มีความเห็นเช่นเดียวกัน (จดหมายของพระคุณเจ้าปั ลลือ เล่มที่ 1 หน้า 13) โดยที่เห็นว่าหนังสื อหลายฉบับของท่านอาจจะต้องการให้มีการอธิ บายชี้แจงโดยบุคคลหนึ่ง ซึ่ งได้เห็น เหตุการณ์ต่างๆ โดยใกล้ชิด พระสังฆราชลังแบรต์จึงส่ งคุณพ่อเดอบูร์ชไปกรุ งโรม คุณพ่อเดอบูร์ชออกเดินทางวันที่ 14 ตุลาคม 1663 หลังจากได้ประกอบพิธีลา้ งบาปให้แก่ชาวญวนสามคน ซึ่ งคนแรกมีท่าทีแสดงว่า "เพียบพร้ อมไป ด้ วยพระหรรษทาน" และได้รับชื่อนักบุญว่า "โยเซฟ" ความรู ้สึกของคุณพ่อเดอบูร์ชในการเดินทางกลับไปยุโรปนั้นเป็ นความรู ้สึกที่น่าเห็นใจในสมัยนั้นมิใช่นอ้ ย คุณพ่อเองได้บรรยายไว้ดงั นี้


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 81

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

Ba ngk o

k

ตามคําสั่ งซึ่ งข้ าพเจ้ าได้ รับจากท่ านสั งฆราชแห่ งเบริ ธ และจากเหตุผลต่ างๆ ที่ ข้าพเจ้ าเคยนํามาเล่ าไปแล้ วว่ า ข้ าพเจ้ าเตรี ยมตัวเพื่อกลับสู่ ยโุ รปอี กครั้ งหนึ่ง นับเป็ นเรื่ องที่ สร้ างความทุกข์ ใจให้ ข้าพเจ้ าเป็ นอย่ างยิ่งที่ ต้องจากไป ห่ างไกลจากดินแดนมิสซั งของเรา ซึ่ งข้ าพเจ้ าเองได้ มองเห็นอยู่ใกล้ ๆ นีแ้ ละได้ ลิม้ รสความมีเมตตาจิ ตแล้ ว อย่ างไรก็ ตาม ข้ าพเจ้ าก็คิดว่ าตนเองมิได้ จากมิสซั งนีไ้ ปไกลเสี ยที เดียว เนื่องจากว่ าการกลับไปสู่ ยโุ รปของข้ าพเจ้ านีก้ ม็ ี จุดประสงค์ เพียงเพื่ออรรถประโยชน์ และการงานของมิสซั งเดียวกันนี ้ นับตั้งแต่ ออกเดินทางมา แม้ ข้าพเจ้ าจะ พยายามบังคับตนเองให้ เชื่ อว่ านั่นคื อคําสั่ ง แต่ ข้าพเจ้ ารู้ สึกว่ าตนเองต้ องอยู่ห่างออกมาจากบ้ านเกิดเมืองนอนของตน และเป็ นเสมือนผู้ที่ถกู เนรเทศออกมา ข้ าพเจ้ าก็ได้ แต่ ปลอบใจตนเองโดยหวังว่ าจะได้ กลับคื นไปอี กอย่ างรวดเร็ ว และจากความคิ ดที่ ว่าตลอดเวลาที่ พาํ นักอยู่ในกรุ งสยาม ข้ าพเจ้ าจะต้ องพยายามทําให้ ผ้ คู นรู้ ถึงความสําคัญของมิสซัง ของเรา เพื่อเชื ้อเชิ ญให้ มีผ้ รู ั บใช้ ศาสนาสั กจํานวนหนึ่งในประ เทศนั้น ตามที่เราทราบแล้ว ในระหว่างที่พระคุณเจ้าลังแบรต์กาํ ลังรอคอยการมาถึงของพระคุณเจ้า ปั ลลือและคณะ และเมื่อพระคุณเจ้าปั ลลือเดินทางมาถึงแล้ว มิชชันนารี ทุกองค์ก็ปรึ กษาหารื อกันและวางแผนการทํางานร่ วมกัน ซึ่ง เราจําศึกษาในหัวข้อต่อไปข้างหน้า ในส่ วนที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้ เราจะศึกษากันโดยสื บเนื่องระยะเวลาเพื่อให้เห็น ความต่อเนื่องของเรื่ องราว ความกินแหนงแคลงใจกันระหว่างทั้งสองฝ่ าย เรื่ องอํานาจการปกครองนี้เริ่ มทวีความ รุ นแรงมากขึ้นเรื่ อยๆ คณะมิชชันนารี ของสมณกระทรวงต้องปรึ กษาหารื อกันเกี่ยวกับปั ญหาต่างๆ ด้วย ในบรรดาปั ญหาต่างๆ ที่ตอ้ งพิจารณากันนั้น ปั ญหาเรื่ องสิ ทธิ์อุปถัมภ์ของพระเจ้าแผ่นดินโปรตุเกสจะต้อง กลายเป็ นเรื่ องร้ายแรงในกรุ งสยาม ระหว่างที่พระคุณเจ้าปั ลลือไม่อยู่ เราได้เห็นแล้วว่าชาวโปรตุเกสขัดขวางพระคุณ เจ้าลังแบรต์ และเขาก็ยงั ขัดขวางต่อไปอย่างรุ นแรง แม้พระคุณเจ้าจะอดกลั้น ท่านอดกลั้นเช่นนี้ก็เพราะท่านเองก็มี ความสุ ขมุ และทําไปตามคําแนะนําของคุณพ่อกาซิ ล (Gazil) ซึ่ งเป็ นคณาจารย์ผหู ้ นึ่งในสามเณราลัยมิสซัง ต่ างประเทศแห่ งกรุ งปารีส ผู้เตือนท่ านว่ า "อย่าคิดมุ่งเรื่องทีเ่ ป็ นไปไม่ ได้ โดยพยายามจะแก้ไขเรื่องทีผ่ ิดเสียทุก อย่าง" พระคุณเจ้าลังแบรต์ ต้องต่อสู ้แบบทําสงครามแท้ๆ ทีเดียว เรายอมเชื่อว่าพวกนักพรตที่ทาํ สงครามกับท่านลังแบรต์น้ นั มีความสุ จริ ตใจจริ งๆ ถ้าใครเคยพบเห็นคนที่มี เจตนาดีจริ งๆ แต่มีอคติและตัณหาแบบตาบอดมากๆ ซึ่ งประวัติศาสตร์ ที่เราศึกษามาก็ยอมรับว่ามีคนเช่นนี้ เขาก็ยอ่ ม เชื่ อเรื่ องความสุ จริ ตใจได้ง่ายๆ การที่อา้ งว่ามีความสุ จริ ตใจนี้ เป็ นการแก้ตวั แต่การแก้ตวั นี้ เราเห็นว่าไม่หนักหนา ถึงกับต้องเล่าเรื่ องข้อพิพาทต่างๆกับประมุขมิสซังองค์แรกและบรรดามิชชันนารี ฝรั่งเศสอย่างละเอียด เราไม่คิดจะ เผยแพร่ เอกสารที่สําคัญๆ และมีมากมาย ซึ่ งแผนกเก็บเอกสารของเรามีอยู่เกี่ ยวกับเรื่ องนี้ ด้วยซํ้าไป แต่เราต้อง รวบรวมสรุ ปพฤติการณ์ ต่างๆ ซึ่ งถ้าเราละเว้นไม่กล่าวถึงเสี ยเลยก็จะทําให้ประวัติของมิสซังส่ วนหนึ่งเป็ นที่เข้าใจ ไม่ได้ เราจะทําอย่างสั้นๆ ที่สุดเท่าที่จะทําได้ ที่มีคนพูดว่า พวกนักพรตถูกยุยงให้ขดั ขวางมิชชันนารี ฝรั่งเศสเพราะความเกลียดชังเรื่ องเชื้อชาติ และเพราะ ความมักใหญ่ใฝ่ สู งของพระราชสํานักกรุ งลิสบอน เรื่ องนี้เป็ นเรื่ องแน่ แต่เกิดขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะทุกคน ไม่ ว่านักพรตและนักการเมือง เชื่ อและถื อสิ ทธิ์ ที่เกิดจากความอุปถัมภ์ของประเทศโปรตุเกส หมายถึงประมวลสิ ทธิ์ พิเศษต่างๆ ซึ่ งสมเด็จพระสันตะปาปาประทานแก่ชนชาติน้ ีในภาคเอเชียอาคเนย์และในภาคตะวันออกไกล ใน แต่งตั้งสังฆราชชนชาติอื่นไม่ได้


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 82

กรุ งโรมสนับสนุนประมุขมิสซัง

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

Ba ngk o

k

ก่อนที่ประมุขมิสซังจะเดิ นทางมาจากยุโรป กรุ งโรมคาดการณ์ว่าจะมีการขัดขวางเช่ นนี้ จึงกําชับมิให้ เดิ นทางผ่านดิ นแดนที่อยู่ใ นปกครองของประเทศโปรตุเกส ครั้ งเห็ นว่าการณ์ เกิ ดขึ้นจริ งตามที่ คาดไว้ และชาว โปรตุเกสคัดง้างพระสังฆราชฝรั่งเศสและงานที่เขาทํา กรุ งโรมก็สนับสนุนพระสังฆราชฝรั่งเศสอย่างแข็งขัน ตั้งแต่เริ่ มแรก กรุ งโรมให้อาํ นาจอย่างกว้างขวางแก่พระสังฆราชฝรั่งเศส ภายหลังก็ยงั คงอํานาจเหล่านั้นไว้ ซํ้ายังเพิ่มให้โดยพระสมณสาสน์ (brief: Onerosa pastoralis) ลงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1664 และ Injuncti nobis ลงวันที่ 13 มีนาคม ค.ศ. 1665 แต่คาํ สั่งโดยพระสมณสาสน์ท้ งั สองฉบับนี้ไม่ขลังพอจะบังคับพวกนักพรตให้นอบ น้อมเชื่อฟัง หรื อขัดขวางมิให้เขาโต้แย้ง เนื่องจากพระคุณเจ้าลังแบรต์ได้ประกอบพิธีศีลกําลังให้แก่ชาวโปรตุเกสในโบสถ์ของเขา ที่กรุ งศรี อยุธยา ตามคําขอร้ องของพวกสงฆ์เยสุ อิตและโดมินิกนั ท่านจึงถูกกล่าวหาว่าทําเกินขอบเขตอํานาจ เรื่ องนี้ ได้เสนอไปยัง กรุ งโรม กรุ งโรมรับรองเห็นชอบกับหน้าที่ทุกอย่างที่พระสังฆราชและพระสงฆ์ฝรั่งเศสได้กระทําที่กรุ งศรี อยุธยา และเพื่อป้ องกันมิให้ใครกล่าวหาเช่นนี้ โดยกฤษฎีกาลงวันที่ 7 พฤศจิกายน ค.ศ. 1669 ได้อนุญาตให้ประมุขมิสซัง ทั้ง สองประกอบหน้า ที่ ทุ ก อย่า งนอกทวีป ยุโรป ในบรรดาประเทศที่ ไ ม่อยู่ใ นอํา นาจปกครองของมวลกษัตริ ย ์ คาทอลิก ในปี ค.ศ. 1666 คุณพ่อฟราโกโซประกาศบันทึกประนามพระคุณเจ้าลังแบรต์ ซึ่ งเขายืนยันว่าไม่มีอาํ นาจ ปกครองทางศาสนาในกรุ งสยาม ทั้งห้ามบรรดาคริ สตังมิให้ทาํ การติดต่อใดๆ กับท่าน ในปี ค.ศ. 1668 นักพรตองค์ เดี ยวกันนี้ ได้ประกาศบันทึกอีกฉบับหนึ่ ง กล่าวหาพระสังฆราชลังแบรต์ว่า แย่งอํานาจปกครองของพระสังฆราช แห่ ง มาเก๊าและมะละกา ตั้ง ใจบัง คับบรรดานัก พรตให้อยู่ใต้อาํ นาจโดยไม่มี สิ ท ธิ์ บวชพระสงฆ์พ้ื นเมื องที่ ไ ม่ มี ความสามารถ ฯลฯ เพื่อโจมตีประมุขมิสซังทั้งสองให้สิ้นอํานาจ คุณพ่อฟราโกโซสนับสนุ นข้อคิดเห็นหลายข้อของ นักเทวศาสตร์ กวินตานา ดูเอนัส (Quintana Duenas) โดยเฉพาะอย่างยิง่ ข้อคิดเห็นที่วา่ พระสงฆ์ชาวโปรตุเกสมีสิทธิ์ ประกอบพิธีศีลบวชขั้นต้น ในที่สุด คุณพ่อฟราโกโซได้ประกาศบัพพาชนี ยกรรมพระสังฆราชลังแบรต์ และสั่งให้ ติดประกาศนั้น ไว้ที่ประตูโบสถ์นกั บุญดอมีนิก ที่กรุ งศรี อยุธยา ฝ่ ายพระสังฆราชลังแบรต์ ก็ประกาศบัพพาชนี ยกรรมคุณ พ่อฟราโกโซบ้าง และในขณะเดียวกันก็ช้ ีแจงการกระทําดังกล่าวให้สมณ กระทรวงเผยแพร่ ความเชื่ อทราบ อีกทั้ง ได้เสนอข้อคิดเห็นของกวินตานา ดูเอนัส กับของ ฟราโกโซต่อสํานักงานศักดิ์สิทธิ์ (Saint Office) ในการประชุม วันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 1671 สํานักงานศักดิ์สิทธิ์ ประนามว่าข้อคิดเห็นเหล่านั้นเท็จ และโอหัง การประนามนี้ได้รับ การยืนยันเมื่อวันที่ 12 กันยายน โดยพระสมณสาสน์ของพระสันตะปาปาเคลเมนต์ที่ 10 เพื่อฟื้ นคืนเกียรติแก่พระคุณเจ้าลังแบรต์ พระสันตะปาปาทรงประกาศว่าบัพพาชนียกรรม ที่ท่านได้รับ นั้นเป็ นโมฆะ ทรงมีพระบัญชาให้ประกาศและติดคําตัดสิ นนี้ไว้ในทุกสถานที่ที่คาํ ตัดสิ นแรกได้ถูกนําไปประกาศ ติดไว้ แจ้งให้พระสังฆราชทราบถึงข้อที่วนิ ิจฉัยทุกข้อเกี่ยวกับเรื่ องนี้ สัง่ ให้ส่งสมณสาสน์ไปยังเอกอัครสมณทูต ประจําประเทศโปรตุเกส เพื่อให้ส่งต่อไปยังตุลาการศาลคดีศาสนาที่เมืองกัว พร้อมกับคําสั่งให้ตุลาการศาลคดี ศาสนาดําเนินการทุกอย่างให้ติดเอกสารเหล่านี้ในโบสถ์ต่างๆ ที่กรุ งศรี อยุธยาในขณะเดียวกันพระสันตะปาปา


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 83

sA

rch

dio

ces e

of

Ba ngk o

k

ทรงมีบญั ชาให้ตุลาการคดีศาสนาอย่ามอบหน้าที่ใดๆ แก่คุณพ่อฟราโกโซ และให้เรี ยกตัวกลับ แต่ถึงกระนั้น คุณพ่อเอมมานูแอลแห่งพระคริ สตสมภพ อธิ การของพวกสงฆ์โดมินิกนั ที่กรุ งศรี อยุธยาก็ยงั ป้ องกันคุณพ่อฟราโกโซเป็ นเวลาหลายปี แม้กรุ งโรมจะมีคาํ สั่งให้พวกนักพรตนอบน้อมเชื่อฟังประมุขมิสซัง และ ประกาศว่าประมุขมิสซังไม่อยูใ่ นอํานาจปกครองของเมืองกัว ตามที่สังฆธรรมนูญ Ut venerabiles fratres และ Speculatores domus Israel ลงวันที่ 11 กรกฎาคม และวันที่ 13 กันยายน ค.ศ. 1669 ได้ระบุไว้ วันที่ 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 1672 พระคุณเจ้าลังแบรต์ประกาศบัพพาชนียกรรมบรรดานักพรตที่ไม่รับรู้ อํานาจของท่าน คุณพ่อลาโนเป็ นผูไ้ ปแจ้งคําตัดสิ นนี้ให้เขาทราบที่สุด วันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1673 อุปสังฆราชของ พวกสงฆ์โดมินกันในประเทศอินเดียคือ คุณพ่อฮีอาชินโหแห่งนักบุญโธมา สั่งให้คุณพ่อฟราโกโซออกจากกรุ ง สยามไป โดยสําทับว่าต้องเชื่อฟังตามที่ได้ปฏิญาณไว้ คุณพ่อต่อไปนี้คือ โธมา วัลการแนรา (Valguarnera), คุณพ่อแอมมานูแอล ซูอาเรส (Suarez) และคุณพ่อ ยอห์น มัลโดนาโด (Maldonado) แห่งคณะเยสุ อิต ก็ได้เอาอย่าง คัดค้านตามแบบคุณพ่อ ฟราโกโซและเพื่อนในปี ค.ศ. 1672 คุณพ่อเหล่านี้ได้ส่งคํากล่าวหาประมุขมิสซังทั้งสองถึงกรุ งโรม ในหนังสื อฉบับหนึ่งของท่าน มีขอ้ กล่าวหาถึง 22 ข้อ วันที่ 27 เมษายน ค.ศ. 1674 อธิ การใหญ่คณะเยสุ อิตสั่งนักพรตในปกครองให้อ่อนน้อมต่อสังฆธรรมนูญ Decet Romanum Pontificem ลงวันที่ 23 ค.ศ. 1673 และให้รับรู ้อาํ นาจของประมุขมิสซัง คําสั่งนี้ไม่มีใครเชื่อฟัง ดีกว่าครั้งก่อนๆ เราจําใจจะต้องกลับมาพูดถึงเรื่ องอันลําบากยากใจ นี้อีก ทั้งจะต้องบันทึกความยุง่ ยากลําบากอื่นๆ ในสมัยปกครองของสังฆราชต่อๆ มาอีกบางองค์

ความยุ่งยากกับนักพรตชาวโปรตุเกส และกับพระสั งฆราชเมืองกัว

Hi sto

ric al A

rch ive

ชีวติ ของพวกธรรมทูตต้องยุง่ ยากลําบากเพราะการกระทําของชาวโปรตุเกส ที่ยงั ไม่หยุดยั้งที่จะใส่ ความเขา และยังคงไม่ยอมอ่อนน้อมต่อประมุขมิสซัง กรุ งโรมออกพระสมณโองการมาฉบับแล้วฉบับเล่า สั่งมาอย่างไรเขาก็ ไม่ยอมเชื่อฟัง ธรรมนูญฉบับ Cum per litteras ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1673 ฉบับ Sollicitudo Pastoralis, Illius qui charitas est กับฉบับ Decet Romanum ลงวันที่ 22 และ 23 ธันวาคมปี เดียวกัน ประกาศอีกครั้งหนึ่งว่า บรรดา ประมุขมิสซังและบรรดาพระสงฆ์ของประมุขมิสซังอยูน่ อกอํานาจปกครองของพระอัครสังฆราชแห่งเมืองกัว แต่ พระอัครสังฆราชเมืองกัวก็ยงั คงเรี ยกร้องต่อไป โดยให้ประมุขมิสซังและพระสงฆ์ของประมุขมิสซังยอมอ่อน น้อม ต่อจากนั้น พระสมณโองการฉบับ Quoniam ea ลงวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 1674, ฉบับ In Apostolicae Diginitatio ลงวันที่ 8 มิถุนายน และฉบับ Christianae Religionis ลงวันที่ 17 มิถุนายน ก็ออกมาในความมุ่งหมายอัน เดียวกัน พระสมณโองการเหล่านี้มาถึงเมื่อใด พระสังฆราชลาโนก็นาํ มาประกาศในโบสถ์นกั บุญ โยเซฟ ที่กรุ งศรี อยุธยา ส่ วนพวกนักพรตก็ประกาศในโบสถ์ของเขาว่า พระสมณโองการเหล่านั้นปลอม หรื อโมฆะ ที่วา่ ปลอมนั้นก็ เพราะเขาบอกว่า พวกมิชชันนารี ฝรั่งเศสทําขึ้นมาเอง ส่ วนที่วา่ เป็ นโมฆะนั้นก็เพราะพระสมณโองการดังกล่าวพระ เจ้าแผ่นดินประเทศโปรตุเกสมิได้ทรงอนุมตั ิเห็นชอบด้วย


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 84

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

Ba ngk o

k

บาทหลวงบาร์ เทเลอมี ดากอสตา (d'Acosta) กับบาทหลวงยวง ดาเบรอ (d'Abreu) เป็ นสงฆ์ในคณะเยสุ อิต ทั้งคู่ ส่ วนสงฆ์อีกองค์หนึ่งมิใช่นกั พรตชื่อบาทหลวงนิโกเลา เด ม็อตตา (de Motta) ทั้งสามท่านนี้เป็ นผูต้ ่อต้าน พระคุณเจ้าลังแบรต์อย่างหนักหน่วงที่สุด บาทหลวงดาเบรอได้รับแต่งตั้งจากที่ประชุมคณะสงฆ์ (chapitre) ที่ เมืองกัวให้เป็ นผูต้ รวจการสังฆมณฑล (evêché) เมืองมะละกา เพื่อปราบสิ่ งที่เขาเรี ยกว่า "การกระทําเกินอํานาจ ของพระสังฆราชแห่ งเบริ ธ" ส่ วนบาทหลวงนิโกเลา เด ม็อตตา นั้นได้รับการแต่งตั้งจากพระอัครสังฆราชแห่ง เมืองกัวให้เป็ น Vicaire de vara เพื่อต่อต้านบรรดาประมุขมิสซัง นักพรตทั้งสองได้ปฏิบตั ิการสมกับที่เขามุ่งหวังทุก ประการ มิใช่แต่ท้ งั สองได้กล่าวคําใส่ ร้ายพระสังฆราชฝรั่งเศสเท่านั้น แต่ยงั ไม่คาํ นึงถึงข้อกําหนด กฏเกณฑ์ของเขา สักข้อเดียว ทั้งยังได้ชกั ชวนให้คริ สตังชาวโปรตุเกสทําตามอย่างเขา ซึ่ งเราก็ไม่จาํ เป็ นต้องบอกว่าคริ สตังเหล่านั้น เชื่อฟังเป็ นอันดี พระสังฆราชลาโนสัง่ ห้ามมิให้ประกอบพิธีมิสซาตามบ้านเอกชน แต่บาทหลวงดาเบรอก็ยงั ประกอบพิธี มิสซาสัปดาห์ละหลายครั้งตามบ้านของครอบครัวที่อาศัยอยูใ่ กล้โบสถ์ของสงฆ์เยสุ อิตบาทหลวงฟราโกโซประกอบ พิธีศีลสมรสที่กระทําในระหว่างญาติพี่นอ้ ง โดยไม่ขอหนังสื อยกเว้น พระสังฆราชลาโนประกาศลงโทษอินแตรดิก โต (interdicto) แต่เขาก็ไม่เกรงกลัวพระสังฆราช จึงฟ้ องเขาไปยังกรุ งโรม แล้วบาทหลวงฟราโกโซกับ บาทหลวงดาเบรอจึงต้องออกจากกรุ งสยามไป ในช่วงเวลานั้น พระสังฆราชปั ลลืออยูท่ ี่กรุ งโรม ท่านบรรยายให้เห็นสถานการณ์ยุง่ ยากลําบากที่เกิดขึ้นแก่ ประมุขมิสซัง เพราะพวกนักพรตชาวโปรตุเกสไม่ยอมอ่อนน้อมเชื่อฟัง สมณ กระทรวงเผยแพร่ ความเชื่อจึงวินิจฉัย ว่าการปกครองกลุ่มชาวโปรตุเกสในประเทศที่ไม่อยูใ่ นอํานาจ ของประเทศโปรตุเกสโดยเฉพาะในกรุ งสยามนั้นให้ ได้แก่ บรรดาประมุขมิสซัง ดังนั้นค่ายชาวโปรตุ เกสที่ กรุ งศรี อยุธยาอยู่ในเขตมิสซังกรุ งสยามในฐานะเดี ยวกับ ประเทศสยามส่ วนอื่นๆ คําสัง่ นี้ สามเณราลัยคณะมิสซังต่างประเทศเห็นว่า จะต้องทําให้เกิดการขัดขวางอย่างรุ นแรง และแล้ววันที่ 30 ธันวาคมปี เดียวกัน คุณพ่อเดอ บรี ซาซี เอร์ (de Brisacier) เขียนไว้วา่ "เมื่อพิจารณาว่ าค่ ายของชาวโปรตุเกส ซึ่งหนังสือ Relation ของสงฆ์ เยสุ อิตอ้ างว่ ามีคนถึง 5000 คนนั้น อยู่ในอํานาจปกครองของพระสังฆราช" ก็น่าจะสงสัยว่าบรรดาคุ ณพ่อเยสุ อิตชาวโปรตุเกสซึ่ งจําต้องสาบานจะเชื่ อฟั งกฤษฎีกาทุกฉบับของสมณ กระทรวงนั้น จะต้องมีความยากลําบากเป็ นพิเศษที่จะรับข้อนี้ ท่านปั ลลือก็มีความเห็นอย่างเดียวกัน ฉะนั้นท่านจึง อยากให้มีการผ่อนปรนในการปฏิบตั ิ ท่านเขียนว่า "ข้ าพเจ้ าอยากให้ พระสังฆราชแห่ งเมแตลโลโปลิศ มอบอํานาจให้ คุณพ่ อเด ม็อตตา เพื่อเห็นแก่ ประโยชน์ ของความสงบ ปล่ อยให้ ท่านเป็ นอิสระที่จะใช้ อํานาจนั้น หรื อจะใช้ อํานาจ ของเมืองกัวตามมโนธรรมของท่ าน" ในปี ค.ศ. 1678 คําสั่งของอธิ การใหญ่ของพวกสงฆ์โดมินิกนั มาถึงกรุ งสยาม สั่งให้คุณพ่อโยเซฟ กอเรอา (Correa) รับรู ้อาํ นาจของประมุขมิสซังอย่างเปิ ดเผย คุณพ่อกอเรอาก็ทาํ ตามที่ได้รับคําสั่ง วันที่ 29 เมษายนปี เดียวกัน ท่านแสดงให้พระคุณเจ้าลังแบรต์ดูหนังสื ออนุญาตซึ่ งรับมาจากอธิ การคือ คุณพ่อฮิอาชินโทแห่งมังสาวตาร อุป สังฆราชประจําเอเชียอาคเนย์ และขออนุญาตให้ใช้อาํ นาจของท่าน ซึ่ งท่านก็อนุญาตให้ทนั ที


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 85

rch

สาบานจะนอบน้ อมเชื่อฟังประมุขมิสซัง

dio

ces e

of

Ba ngk o

k

พวกสงฆ์เยสุ อิตเป็ นพวกที่ยอมอ่อนน้อมช้ากว่า อธิ การใหญ่ของคณะขอในบันทึกช่วยจําให้ยกเลิกคําสั่งที่ ออกไปแล้ว แต่ขอไม่ได้ จึงออกคําสั่งให้ทาํ ตามที่สั่ง ดังนั้นวันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1681 พระสงฆ์เยสุ อิตที่อยุธยาจึง รับรู้อาํ นาจของพระสังฆราชลาโนอย่างเป็ นทางการ ยังมีการต่อสู้กนั เกี่ยวกับคุณพ่อหลุยส์แห่ งพระมารดาพระเจ้า ด้วย คุณพ่อองค์น้ ีเป็ นพระสงฆ์ฟรังซิ สกันชาวโปรตุเกสที่ได้รับอนุญาตจากอธิ การมาทํางานในกรุ งสยาม ภายใต้ อํานาจปกครองของประมุข มิสซัง นักพรตองค์หนึ่ งในคณะของท่านคือ คุณพ่ออันโตนีโอแห่ งนักบุญคาธารี นา ได้เขียนจดหมายยืดยาวตําหนิ ความประพฤติ ของท่าน ถือท่านเป็ นผูล้ ะทิ้งหน้าที่และศาสนา เจ้าหน้าที่ในสมณ กระทรวงสํานักงานศักดิ์สิทธิ์ ได้ประกาศบัพพาชนี ยกรรมท่าน พระคุณเจ้าลังแบรต์ได้ส่งหนังสื อถึงกรุ งโรม และ ช่วยคุณพ่อหลุยส์ให้ฟ้ื นจากบัพพาชนียกรรมดังกล่าว เรื่ องนี้ได้รับอนุมตั ิเห็นชอบโดยกฤษฎีกาของสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่อลงวันที่ 21 มีนาคม ค.ศ. 1678 แต่เท่านี้ยงั ไม่พอ ยังต้องช่วยป้ องกันคุณพ่อองค์เดียวกันนี้สู้กบั รองเจ้าคณะแขวงซานโทเม คือ คุณพ่อแอมมานูแอ ลแห่ งนักบุญนี โกเลา การโจมตีเหล่านี้ สิ้นสุ ดลงในปี ค.ศ.1685 หลังจากพระคุณเจ้าลาโนได้รับอนุ ญาตโดยออก กฤษฎีกาแห่งสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่อลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ให้คืนแก่คุณพ่อหลุยส์ซ่ ึ งอภิสิทธิ์ ทุกอย่างของ คณะฟรังซิ สกันที่อธิการได้ยกเลิกไป

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

ในปี ค.ศ. 1680 ได้มีการวางมาตรการประการหนึ่ง ซึ่ งมีผลเกี่ยวกับคนจํานวนมาก และมีผลเกี่ยวกับกรุ ง สยามด้วยคือเมื่อวันที่ 29 มกราคม พระสันตะปาปาได้ทรงมีพระบัญชาให้นกั พรตที่เป็ นมิชชันนารี ทุกท่านในภาค ตะวันออกไกลทําการสาบานจะนอบน้อมเชื่อฟังประมุขมิสซัง ครั้งนี้มหาอํานาจฝ่ ายบ้านเมืองได้เข้ามาสอดแทรก กล่าวคือ ประเทศโปรตุเกสได้เสนอ 1. จะให้เงินรายได้แก่สังฆมณฑลที่พระสันตะปาปาจะตั้งขึ้นในเขตมิสซังต่างๆ ขอเพียง แต่ให้ผปู ้ กครอง สังฆมณฑลเหล่านั้นเป็ นชาวโปรตุเกส 2. จะจัดให้คณะสงฆ์ชาวพื้นเมืองได้รับค่าเลี้ยงดู แต่สองเรื่ องนี้เป็ นเรื่ องที่ประเทศโปรตุเกสไม่สามารถจะทําได้เพราะยากจน ประเทศโปรตุเกสยังขู่จะถอนเงิน อุดหนุนที่ให้แก่มิชชันนารี ในประเทศจีน และประเทศญี่ปุ่นด้วย เมื่อไม่มีใครรับข้อเสนอดังกล่าว ประเทศโปรตุเกส ก็ยอมรับรู ้ประมุขมิสซังในภาคตะวันออกไกล ขอแต่เพียงอย่าส่ งชาวฝรั่งเศสมาอีก ข้างฝ่ ายพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ก็ ขัดขวางการสาบานจะนอบน้อมเชื่อฟังประมุขมิสซัง โดยอ้างว่าการสาบานเช่นนี้ลบหลู่อาํ นาจของพระองค์ โดยให้ ประมุขมิสซังมีอาํ นาจเด็ดขาดเหนือพสกนิกรบางคนของพระองค์ ยิง่ กว่านั้นเรายังกลัวกันอยูพ่ กั หนึ่งว่าถ้าไม่ถอน พันธะต้องสาบานดังกล่าวแล้ว พระองค์จะทรงห้ามมิให้สามเณราลัยคณะมิสซังต่างประเทศรับผูท้ ี่ใฝ่ ใจจะไปแพร่ ธรรม สถานการณ์น่ากลัวจนพระสังฆราชปั ลลือขอให้ยกเลิกการสาบานดังกล่าว แต่กรุ งโรมได้ปฏิเสธไม่ยอมเมื่อ วันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 1680 แต่ได้ยนิ ยอมให้มีการประนีประนอมคือ ยอมให้บรรดานักพรตที่เป็ นมิชชันนารี ชาว ฝรั่งเศสแถลงว่า เขาสาบานโดยได้รับอนุญาตจากพระเจ้าแผ่นดิน


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 86

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

Ba ngk o

k

ที่กรุ งศรี อยุธยา พระสังฆราชปั ลลือกล่าวว่า คุณพ่ออังตวน โทมา แห่งคณะเยสุ อิตได้ใช้ "เล่ ห์กลบางอย่ าง เพื่อขอบัตรแสดงว่ าได้ ปฏิ บัติจนเป็ นที่ พอใจแล้ ว (satisfecit) จากพระคุณเจ้ าลาโนโดยไม่ ต้องสาบาน" กรุ งโรม ซึ่ง เมื่อวันที่ 24 มกราคม ค.ศ. 1684 วันที่ 14 กุมภาพันธ์ และ 10กรกฎาคม ค.ศ. 1685 สั่งให้สัตบุรุษและนักพรตในภาค ตะวันออกไกลนอบน้อมเชื่อฟังประมุขมิสซัง และซึ่ งจํากัดอํานาจปกครองของอัครสังฆราชแห่งเมืองกัว ด้วย กฤษฎีกาเหล่านี้เอง ได้ตาํ หนิ พระคุณเจ้าลาโนที่ยอมโอนอ่อนในหนังสื อลงวันที่ 9 ธันวาคม ค.ศ. 1686 เมื่อพระคุณเจ้าปั ลลือถึงแก่กรรมในปี ค.ศ. 1684 "อันเป็ นปี ที่สิ้นสุดพายุร้าย" ตามที่บาทหลวงตาชารด์เขียน แสดงความคิดในใจของตนเองและของคนอื่นอีกหลายคนนั้น กฤษฎีกาฉบับหนึ่งลงวันที่ 23 พฤศจิกายน ค.ศ. 1683 สั่งให้หยุดยั้งการสาบานดังกล่าวสําหรับนักบวชคณะ เอากุสติเนียน คณะโดมินิกนั และคณะฟรังซิสกัน และ กฤษฎีกาอีกฉบับหนึ่งลงวันที่ 4 มกราคม ค.ศ. 1689 สั่งให้หยุดยั้งสําหรับนักบวชคณะเยสุ อิต ผลทีเ่ กิดจากการพิพาทกันครั้งนี้ การต่อสู ้ตอนที่ฉกาจฉกรรจ์ที่สุดผ่านพ้นไปแล้ว เรายังจะต้องชี้ ให้ดูการต่อสู้กนั อย่างประปรายอีกสอง สามครั้ งในสมัย ที่ พระคุ ณ เจ้าเดอซี เซ (de Cicé) และพระคุ ณเจ้าเดอเกราเล ( de Quéraley) เป็ นสังฆราช จาก พฤติการณ์อนั หน้าเศร้าสลดเหล่านี้ ยังคงเหลือความเกลียดชัง อย่างรุ นแรงต่อประมุขมิสซังและมิชชันนารี ของประมุขมิสซังในหมู่คริ สตังที่สืบเชื้อสายมาจากชาวโปรตุเกสอยู่ และเวลากว่าหนึ่ งศตวรรษหลัง จากเหตุ การณ์ ที่ เราเพิ่งเล่ าย่อๆ มานี้ ยัง มีคริ สตังเหล่านี้ บางคนเมื่ อ พระสงฆ์ชาติเดียวกับเขาไม่อยู่ จะยอมตายโดยไม่รับศีลศักดิ์สิทธิ์ ดีกว่าที่จะพึ่งพาพระสงฆ์ชาวฝรั่งเศส เมื่อประสบ กับเหตุการณ์ เช่นนี้ ซึ่ งเมื่อพิจารณาดูห่างๆ และอย่างใจเย็น จะต้องเห็นเป็ นเรื่ องแปลกประหลาดเป็ นอย่างน้อย ทางที่ดีที่สุดก็ดูเหมือนจะเป็ นการงดเว้นไม่ทาํ การวิจารณ์และติชมใดๆ และพอใจที่หวังว่าเหตุการณ์เช่นนี้คงจะไม่ อุบตั ิข้ ึนมาอีก

พระคุณเจ้ าลังแบรต์ เดอ ลา ม็อต ถึงแก่มรณภาพบทบาทของท่ าน

Hi sto

ric al A

ในขณะเดียวกันกับที่ทรงสนับสนุนบรรดาประมุขมิสซังสู ้กบั ปรปั กษ์ของท่านนั้น พระสันตะปาปาอินโน เซนต์ ที่ 11 ทรงส่ ง พระสมณสาสน์ ที่ มี ค าํ ชมเชยมากถึ ง พระคุ ณ เจ้า ลัง แบรต์ แ ละพระคุ ณ เจ้า ลาโน สํ า หรั บ พระสังฆราชองค์แรก อนิ จจา! พระสมณสาสน์ฉบับนี้ เมื่อมาถึงคงเป็ นแต่คาํ กล่าวสดุดีผตู้ าย เพราะพระสังฆราชลัง แบรต์ถึงแก่มรณภาพได้กว่าสามเดือนแล้ว ท่านได้สิ้นชี พเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ค.ศ. 1679 ที่กรุ งศรี อยุธยา หลังจาก อาพาธอย่างทรมานเป็ นเวลายาวนาน แต่ท่านก็สู้ทนอย่างศรัทธาและด้วยความมานะกล้าหาญ คุณพ่อเกมเขียนไว้วา่ "ท่ านทนทุกข์ ทรมานมากเท่ าที่ จะทนทุกข์ ทรมานได้ ช่ างเป็ นที่ น่าเวทนาเมื่อได้ ยินท่ านส่ งเสี ยงร้ องเวลา เจ็บปวดขึน้ อี ก และท่ านก็เจ็บปวดเช่ นนั้นเกือบทุก 15 นาที หรื อครึ่ งชั่วโมง แม้ ว่าประสาทต่ างๆ ของท่ านปั่ นป่ วน และมีความทุกข์ แต่ ท่านก็มีความสงบในใจอย่ างลึกซึ ้ง ปากท่ าน ไม่ พรํ่าคําอื่ นใดนอกจากคําว่ า โปรดให้ ข้าฯ เจ็บปวดยิง่ ขึ้นแต่ โปรดให้ มีความอดทนยิง่ ขึ้นด้ วยเถิด! (Auge dolorem, auge patientiam)" นอกจากคําที่พวกมิชชันนารี กล่าวสรรเสริ ญท่านและเรานํามาเผยแพร่ แล้ว เราขอเพิ่มคําที่คุณพ่อเดอ กูรโต แล็ง กล่าวชมเชยท่านอีกสองสามบรรทัด ต่อไปนี้:


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 87

ces e

of

Ba ngk o

k

"ท่ านลังแบรต์ เป็ นดังนกอิ นทรี ที่บินเหนือเมฆ ท่ านภาวนาและอยู่โดดเดี่ยวตลอดเวลา แต่ ถึงกระนั้น ท่ านตื่นเฝ้ าอยู่อย่ างน่ าพิศวง จนท่ านไม่ ละโอกาสแม้ แต่ น้อยที่ จะช่ วยมิชชันนารี ของท่ านให้ ได้ รับประโยชน์ และ ความก้ าวหน้ า ท่ านมีเรื่ องร้ ายๆ และยุ่งยากลําบากกับชาวโปรตุเกส พวกแขกมุสลิมและชาวจี น แต่ ท่านก็บังคับให้ คนเหล่ านั้นปล่ อยท่ านอยู่อย่ างสงบ และไม่ ขวางกั้นทางภารกิจต่ างๆ ของท่ าน ท่ านทําเช่ นนีไ้ ด้ โดยไม่ ก่อศัตรู แม้ แต่ คนเดียว" พระสัง ฆราชลัง แบรต์ เดอ ลา ม็อ ต สมจะได้รั บ คํา สรรเสริ ญเหล่ า นี้ หลัง จากขอให้ต้ งั มิ ส ซัง ขึ้ น เป็ น ผลสําเร็ จโดยร่ วมใจกับพระสังฆราชปั ลลือ และหลังจากท่านช่วยตั้งคณะมิสซังต่างประเทศ และเตรี ยมก่อตั้งสามเณ ราลัยในกรุ งปารี สแล้ว ท่านก็อุทิศตนอย่างสิ้ นเชิงในการจัดระเบียบ โดยเฉพาะของมิสซังต่างๆ เดินทางจากกรุ ง สยามไปประเทศตังเกี๋ยและประเทศโคจินจีน บทบาทโดยเฉพาะของท่านในกรุ งสยามสรุ ปเป็ นความย่อๆ ได้วา่ ต้อง สู้รบกับชาวโปรตุเกส, ดําเนิ นการให้มีความสัมพันธ์ฉันมิตรกับรัฐบาล, จัดระเบียบวิทยาลัยกลาง, บวชพระสงฆ์ พื้นเมือง, ตั้งคณะสตรี ผรู ้ ักไม้กางเขน และโรงพยาบาลแห่งหนึ่ ง ทั้งหมดนี้ลว้ นเป็ นสิ่ งที่เทิดเกียรติของพระศาสนา คาทอลิก และดูเหมือนจะช่วยเผยแพร่ พระศาสนานั้นให้ขยายกว้างออกไป

dio

สรุปเหตุการณ์ ความขัดแย้ ง

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

เหตุการณ์ที่สําคัญมากที่สุดประการหนึ่ งที่เกี่ยวข้องกับมิสซังสยามโดยตรงได้แก่ การที่พระคุณเจ้าปั ลลือ และพระคุณเจ้าลังแบรต์ ได้ร่วมกันขอร้องมาทางสันตะสํานักให้มีอาํ นาจในการปกครองสยาม และหลังจากที่กรุ ง โรมได้พิจารณาคําขอนี้ เป็ นระยะเวลานาน กรุ งโรมก็ได้รับรองในปี ค.ศ. 1669 โดยเอกสาร brief "Cum Sicut" ลง วันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ. 1669 และเอกสาร Bull "Speculatous" ลงวันที่ 13 กันยายน ค.ศ. 1669 โดยยํ้าแต่เพียงว่า อย่า ให้สันติสุขที่ได้รับในสยาม ทําให้พวกท่านลืมภารกิจหน้าที่ที่ท่านได้รับมอบหมายมา และเมื่อวันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 1674 คุณพ่อลาโนได้รับการแต่งตั้งเป็ นพระสังฆราชแห่งเมแตลโลโปลิศและผูแ้ ทนพระสันตะปาปาแห่ง สยามได้รับการอภิเษกโดยพระคุณเจ้าลังแบรต์และพระคุณเจ้าปั ลลือ การได้รับอํานาจการปกครองเหนือสยามนี้ มิได้ทาํ ให้ความขัดแย้งที่มีกบั มิชชันนารี ของ ปาโดรอาโดจบ สิ้ นลง ตรงกันข้าม กลับทําให้ความขัดแย้งนี้ทวีมากยิง่ ขึ้นไปอีก แม้วา่ จะมีคาํ สั่งจากกรุ งโรมในระหว่างปี ค.ศ. 16731674 โดยมีเอกสาร Bull ถึง 3 ฉบับ และเอกสาร Constitution อีก 4 ฉบับ ยืนยันรับรองอํานาจของผูแ้ ทนพระ สันตะปาปาก็ตาม มิชชันนารี ของปาโดรอาโดก็ประกาศเสมอว่า เอกสารเหล่านั้นไม่มีผล และเป็ นโมฆะ เพราะขัด ต่อสิ ทธิ พิเศษของปาโดรอาโด ความขัดแย้งนี้เป็ นที่รู้กนั ดีวา่ จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เรื่ องราวทั้งหมดที่เราได้ศึกษากันมาเกี่ยวกับเรื่ องนี้ ได้มาจากคุณพ่ออาเดรี ยง โลเนย์ ซึ่ งได้ศึกษาจากบันทึกและจดหมายรวมทั้งเอกสารต้นฉบับที่มีอยูด่ ว้ ย อย่างไรก็ ตาม ในบันทึกความทรงจําของคุณพ่อ De Bèze พระสงฆ์คณะเยสุ อิตองค์หนึ่ ง ท่านก็ได้เล่าเรื่ องราวเหล่านี้ไว้ดว้ ย เช่นกัน โดยเล่าตามเหตุการณ์ต่างๆ ที่ท่านได้พบเห็นมา โดยมีรายละเอียดบางอย่างที่เป็ นรายละเอียดเพิม่ เติม


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 88

Ba ngk o

k

การศึกษาเรื่ องนี้จึงมิใช่เป็ นการศึกษาว่าใครถูกใครผิด เพราะต่างฝ่ ายต่างก็ยดึ มัน่ ในหลักการของตนเอง ต่าง ก็มีเหตุผลที่เรี ยกได้วา่ ถูกต้อง เราจึงศึกษาถึงเหตุการณ์ที่เป็ นจริ งเพื่อรู ้ถึงความเป็ นไปในระยะแรกๆ ของการแพร่ ธรรม ทําให้เราสามารถทราบได้วา่ อุปสรรคที่สาํ คัญประการหนึ่งของการแพร่ ธรรมนั้นเกิดขึ้นจากมิชชันนารี ใน สยามได้ก่อให้เกิดขึ้นเองด้วย ดูเหมือนว่าจะมีเครื่ องหมายแห่ งการกลับคืนดีกนั ประการหนึ่งเมื่อมิชชันนารี โปรตุเกสและเยสุ อิตยอมรับ คําเชิญของมิชชันนารี ฝรั่งเศสให้สนับสนุ นงานของมิสซังปี แรกในวันระลึกถึงนักบุญยอแซฟ แต่สัมพันธภาพนี้ก็มี อยูไ่ ด้ไม่นาน

4.

กรณีพพิ าทระหว่างพวกพระสงฆ์ เยสุ อติ และผู้แทนพระสั นตะปาปา

ces e

of

ภูมิหลังของกรณี พิพาทเรื่ องนี้มีดงั นี้ วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1633 พระสันตะปาปาอูร์บนั ที่ 8 ออกเอกสาร "Ex debito pastoralis officii" สั่ง ห้ามบรรดามิชชันนารี ท้ งั ปวงแห่งซี กโลกอินเดียตะวันออก ไม่ให้ทาํ ธุรกิจและการค้า ภายใต้บทลงโทษอย่างรุ นแรง 1 นอกจากนี้ ตามคําสั่งสอนที่มีชื่อเสี ยงปี ค.ศ. 1659 บรรดามิชชันนารี ก็ถูกสั่งห้ามทําการค้าขายภายใต้บทลงโทษ คือ ถูกขับไล่ออกจากมิสซัง และงานประกาศความเชื่อด้วย ในปี ค.ศ. 1663 พระคุณเจ้าปั ลลือเดินทางมาถึง Tanasserim ในระหว่างทางก่อนถึงสยาม ท่านได้พบกับพระสงฆ์เยสุ อิตท่านหนึ่ งคือ คุณพ่อ Cardoso องค์เดียวกับที่ ให้การต้อนรับพระคุณเจ้าลังแบร์ ต พระคุณเจ้าปัลลือได้มีโอกาสสนทนา ถกเถียงกับคุณพ่อองค์น้ ีอย่างเปิ ดอก เกี่ยวกับเรื่ องการค้าขายและธุ รกิจของมิชชันนารี คุณพ่อ Cardoso รู้ดีมากเกี่ยวกับเรื่ องนี้ เพราะ คุณพ่อเคยทํางาน อยูใ่ นศูนย์กลางแขวงญี่ปุ่นที่เมืองมาเก๊าเป็ นเวลาถึง 3 ปี ท่านกล่าวว่า ”เมืองนีไ้ ด้ ทาํ การค้ า และมันเป็ นไปไม่ ได้ ที่ จะใช้ วิธีอื่น เพราะเมืองนีม้ ีหนีส้ ิ นมากว่ า 20,000 pataques และพวกเขาก็มีสิทธิ พิเศษที่ จะทําการค้ าเพื่อหาเงินมาใช้ หนีอ้ ันนี ้ 2 พระคุณเจ้าปั ลลือมีความยินดีอย่างมากในการสนทนาครั้งนั้น พระคุณเจ้าได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งถึงคุณ พ่อ Bagot ลงวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 1663 กล่าวว่า ไม่ ใช่ สิ่งที่ เปิ ดโอกาสให้ พูดต่ อต้ าน... นี่เป็ นความผิดปกติบางอย่ างที่ มีทั่วไปอี กประการหนึ่ง คื อการเข้ า ไปยุ่งเกี่ ยวกับการค้ าขายมากเกิ นไป และก่ อให้ เกิ ดเหตุการณ์ น่าอัปยศ ท่ านมีความยินดี ที่ได้ เห็นสติ ปัญญาอัน เฉลียวฉลาดที่มีอยู่ในตัวคุณพ่ อ Jean CARDOSO ผู้ปกครอง Tenasserim และข้ าพเจ้ าได้ เริ่ มต้ นพร้ อมกับความยินดี นี ้ เราได้ พูดถึงสิ่ งทั้งปวง คุณพ่ อ Cardoso ได้ ให้ ความคิ ดเห็นที่ ดีมากแก่ ฉัน 3 แน่นอนที่สุด พระคุณเจ้าลังแบร์ ตและพระคุณเจ้าปัลลือได้เคยรับรู้และได้ยินเกี่ยวกับการทําการค้าขายของ บรรดามิชชันนารี มาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งของพวกเยสุ อิต และพวกท่านก็รู้สึกว่าเป็ นที่สะดุด สําหรับพวกท่าน แล้ว มันเป็ นเรื่ องที่ชดั เจนเหลือเกินว่าพวกเยสุ อิตกําลังละเมิดกฎเกณฑ์ของสันตะสํานัก 2

Hi sto

ric al A

1

rch ive

sA

rch

dio

0

1Cf. Codicis Juris Canonicis Fontes. Concilia Generalia. Romani Pontifices usque ad Annum 1745. N. 1-364, Vol. I, Cura Emi Petri Card. Gasparri editi, Romae, 1926, pp. 399-401; see also Bull, Rom, Tomo VI, Vol. I pp. 338-341. 2Chappoulie, op. cit., Vol. I, p. 156. 3A. LAUNAY, Lettres de Monseigneur Pallu, Vol. II Paris: Coquomard, s.a., p. 23.


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 89

Ba ngk o

k

ในปี ค.ศ. 1665 คุณพ่อ Joseph Tissanier พระสงฆ์เยสุ อิตองค์หนึ่ งได้เขียนหนังสื อทางวิชาการเทววิทยา ขึ้นมาเล่มหนึ่ง ชื่อว่า "Religiosus Negotiator" โดยเขียนขึ้นมาที่สยาม หลังจากที่ท่านได้ปรึ กษาหารื อกับพระคุณเจ้า ลังแบร์ ต พระคุณเจ้าปั ลลือและพระสงฆ์เยสุ อิตองค์หนึ่ งคือ คุณพ่อ Albier ที่กรุ งศรี อยุธยาแล้ว ท่านเชื่อว่าไม่ เพียงแต่พระสงฆ์ไม่สังกัดคณะนักบวช (Secular Priests) เท่านั้นซึ่ งกําลังทําการค้าขาย แต่พวกเยสุ อิตด้วยกําลังทําอยู่ เช่นเดียวกัน แม้ ว่าในทวีปยุโรป นักบวชคณะเยสุ อิตทํางานเพื่อความรอดของวิญญาณแต่ อย่ างเดียวตามกฎวินัอันน่ า สรรเสริ ญของคณะของตน แต่ ทว่ าในเขตปกครองบางเขตในทวีปเอเชี ย กฎเกณฑ์ ของคณะได้ หย่ อนยานลงเป็ น เวลานานมาแล้ ว จึ งมีพระสงฆ์ ไม่ จาํ เพาะแต่ พระสงฆ์ ไม่ สังกัดคณะนักบวชเท่ านั้น แต่ แม้ กระทั่งนักบวชคณะ เยสุ อิตด้ วย ที่ ทาํ ให้ พระศาสนจักรของพระเป็ นเจ้ าต้ องมีมลทิ นจากการแสวงหากําไรอันสกปรกและน่ าอับอาย 4 ในภาคแรกของหนังสื อวิชาการเล่มนี้ คุณพ่อ Tissanier ได้แสดงให้เห็นว่ากฎเกณฑ์ท้งั หลายของคณะเย สุ อิตนั้น ได้มีการวางบทลงโทษแก่สมาชิกทั้งหมดของคณะที่ได้นาํ ตนเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้าขาย หรื อ เกี่ยวข้องกับธุรกิจใดๆ พร้อมทั้งได้ย้าํ ถึงกฎเกณฑ์ของสันตะสํานักซึ่ งพระสันตะปาปาอูร์บนั ที่ 8 เป็ นผู ้ กําหนดนั้น ด้วย ดูเหมือนว่าการประกาศสงครามระหว่างผูแ้ ทนพระสันตะปาปากับชาวโปรตุเกสในสยาม รวมทั้งพวกเย สุ อิตด้วย เกิดขึ้นพร้อมๆ กับการมาถึงของคําสั่งจากโปรตุเกสถึงเมืองกัว ให้จบั กุมบรรดาผูแ้ ทนพระสัน ตะปาปา ในกรณี ที่พวกเขาผ่านเข้ามาในดินแดนยึดครองของโปรตุเกส ผลที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งครั้งนี้ได้แก่ การพิมพ์ เผยแพร่ จดหมายอภิบาลสัตบุรุษฉบับหนึ่ งของ พระคุณเจ้าลังแบรต์ เดอ ลา ม็อต ลงวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 1667 ซึ่งเนื้อหาในจดหมายนี้ พระสงฆ์เยสุ อิตในภาคพื้นอินเดียตะวันออกได้รับการกล่าวหาอย่างเป็ นทางการโดยพระคุณ เจ้าเองว่า เป็ นผู ้ เกี่ยวข้องกับการค้าขาย และกําลังเป็ นเหตุให้งานเผยแพร่ พระศาสนาถูกทําลาย พระคุณเจ้าเขียนไว้ ว่า ยิ่งกว่ านั้น จากการเดิ นเรื อที่ ล้มเหลวครั้ งนี ้ กลับบังเกิดผลดี ทําให้ ข้าพเจ้ ามาทราบว่ ามีความเหลวแหลก อย่ างมากของพวกมิชชั นนารี ในดิ นแดนทางภาคตะวันออกนี ้ โดยเฉพาะอย่ างยิ่งของพวกเยสุ อิต ซึ่ งเกือบจะเป็ น พวกเดียวที่อยู่ในดินแดนมิสซั งของข้ าพเจ้ า ความเหลวแหลกนีม้ ีอยู่มากจนแทบไม่ น่าเชื่ อ ข้ าพเจ้ าจึ งได้ รีบหาสาเหตุ เพื่ อจะสามารถระวังตัวได้ ข้ าพเจ้ าก็ไม่ ต้องใช้ เวลานาน เพราะความเหลวแหลกนีส้ ั งเกตได้ ชัดเจนในรู ปความ กระหายทรั พย์ สินอย่ างเต็มที่ ที่พวกนีม้ ีอยู่ในตัว 5 จดหมายถึงบรรดาคริ สตชนของพระคุณเจ้าได้โจมตีและประฌามพวกเยสุ อิตอย่างรุ นแรง กล่าวหาว่าพวก เขากําลังลิงโลดกับการค้าขาย พร้อมทั้งบรรยายด้วยว่าพวกเขาทํากันอย่างไร พระคุณเจ้าได้กล่าวหาด้วยว่าพวกเย สุ อิตไม่ยอมนบนอบต่อคําสั่งของพระสันตะปาปาอูร์บนั ที่ 8 เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงกําลังเป็ น ต้นเหตุทาํ ให้งาน แพร่ ธรรมพินาศไป 4

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

3

4J. Tissanier, Religiosus Negotiator, in H. CHAPPOULIE, Une Controverse entre Missionaires a Siam au XVII Siecle, Paris, 1943, p. 3. The copy is kept in the archives of Propaganda Fide, SRCP a. 1677, Vol. D, ff. 66-79. 5CHAPPOULIE, Une Controverse entre Missionaires a Siam au XVII Siecle, pp. 32-33; AME, Siam, Vol. 876, pp. 475-477; ASCPF, Atti CP 1673-1674, ff. 254-255. For the order from Portugal to Goa to arrest the Apostolic Vicare see LAUNAY, Documents Historiques, Vol. I p. 30; AME. Siam, Vol. 121, p. 635.


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 90

ทุกคนย่ อมเห็นได้ ชัดว่ า ตั้งแต่ เวลาที่ นักบวชเยสุ อิตไม่ ยอมปฏิ บัติตามคําสั่ งของสั นตะสํานัก นั่นคือในเรื่ องธุรกิจ การค้ าที่ กล่ าวนี ้ และในเรื่ องอื่ นๆ อี กมากมาย... กิจการคริ สตศาสนาทั้งหมดจึ งต้ องเสี ยไปอย่ างน่ าอนาถในเกือบ ทุกที่ ที่มีพระศาสนากําลังเจริ ญขึน้ 6 คณะสงฆ์เยสุ อิตไม่ยอมรับคํากล่าวหาที่ทาํ ลายชื่อเสี ยงเช่นนี้อย่างเงียบๆ แน่ คุณพ่อ Jacques le Faure มิชชันนารี คณะเยสุ อิตในจีนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1659 หลังจากได้เขียนจดหมายติดต่อกับพระคุณเจ้าลังแบรต์หลายฉบับ ก็ได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่ งลงวันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1670 เป็ นการตอบโต้จดหมายถึงบรรดาคริ สตชนฉบับ นั้นของพระคุณเจ้าลังแบรต์ ปกป้ องตําแหน่งที่ถูกต้องของพวกเยสุ อิต ท่านเขียนจดหมายฉบับนี้ถึงคุณพ่อ Jacques de Machault ซึ่ งเป็ นสงฆ์เยสุ อิตชาวฝรั่งเศสในกรุ งปารี ส ซึ่ งมีหน้าที่เกี่ ยวกับการพิมพ์ข่าวสารต่างๆ ซึ่ งบรรดา มิชชันนารี เยสุ อิตส่ งมาให้ท่าน จดหมายฉบับนี้เขียนขึ้นเป็ นภาษาฝรั่งเศสและต่อมาได้รับการแปลเป็ นภาษาลาติน ในจดหมายของคุณพ่อ Le Faure นี้ ท่านไม่ยอมรับอย่างเด็ดขาด และไม่เห็นด้วยกับคํากล่าวหาอย่างรุ นแรง ของพระคุณเจ้าลังแบรต์ ท่านยืนยันถึงความยากจนของคณะ พร้อมทั้งยกตัวอย่างต่างๆ มากมาย รวมทั้งเรี ยกร้อง ให้คุณพ่อ Deydier และคุณพ่อ De Bourges มิชชันนารี ฝรั่งเศสที่เดินทางมาถึงสยามพร้อมๆ กับพระคุณเจ้าลังแบรต์ ให้มาเป็ นพยานด้วย ท่านยืนยันว่าเป็ นการง่ายที่จะพิสูจน์วา่ ไม่มีการค้าขาย และการค้าระหว่างมาเก๊ากับอินโดจีนที่ กระทําโดยพวกเยสุ อิตอีกต่อไป จดหมายของท่านเริ่ มต้นด้วยการตัดพ้ออย่างขมขื่น สํานวนต่างๆ ในจดหมายของ ท่านนี้ ก็เต็มไปด้วยการประชดประชันอย่างสุ ภาพ ท่านได้ตอบโต้ดว้ ยการอ้างว่าคุณพ่อ Deydier และ คุณพ่อ De Bourges ของ M.E.P. เป็ นคําตอบของเรื่ องนี้ คุณพ่ อเดดีเอร์ และคุณพ่ อเดอบูรจส์ จะกล่ าวอะไรสําหรั บเรื่ องนีเ้ ล่ า ใครๆ ก็เห็นว่ าท่ านมานั่งที่ ด่านภาษีใน ดินแดนเหล่ านี ้ (= มาทําธุรกิจการค้ า) หรื อดีกว่ านั้น มาอยู่กับสิ นค้ าในโรงเก็บที่ เปิ ดสําหรั บทุกคน เพื่อสามารถดูแล ความรอดของวิญญาณได้ ง่ายและปลอดภัยขึน้ อย่ างที่ เขาว่ ากันใช่ ไหม 7 คุณพ่อ Valguarnera ก็เช่นกัน ได้ตอบโต้จดหมายถึงบรรดาคริ สตชนของพระคุณเจ้า ลังแบรต์ ท่าน ได้ทาํ รายงานที่จริ งใจและเรี ยบง่ายฉบับหนึ่งไปให้แก่บรรดาพระคาร์ ดินลั ของสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่อลง วันที่ 10 ตุลาคม ค.ศ. 1673 เป็ นรายงานที่เกี่ยวข้องกับการค้าขาย ที่กระทําโดยพวกเยสุ อิตในมาเก๊า ท่านมิได้ ปฏิเสธโดยเด็ดขาดเกี่ยวกับเรื่ องการค้าขายนี้ อย่างน้อยก็มีอยูบ่ า้ ง แต่ท่านได้อธิ บายเหตุผลของการทําเช่นนั้น รวมทั้งกรณี ที่เกิดขึ้นกับตัวท่านเองด้วย เนื่องจากท่านถูกวิพากษ์วจิ ารณ์วา่ ท่านเป็ นพ่อค้ามากกว่าเป็ นพระสงฆ์ คุณ พ่อ Valguarnera อธิ บายว่าพ่อค้าชาวโปรตุเกสที่ร่ าํ รวยคนหนึ่งชื่อ Sebastiao Andres ได้ทิ้งมรดกของเขาไว้ให้แก่ คณะเยสุ อิตทั้งหมด นัน่ เป็ นแต่สินค้าเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อให้คณะเยสุ อิตสามารถสร้าง วิทยาลัยแห่งหนึ่ง แต่จะทําให้ จุดประสงค์น้ ีสาํ เร็ จไปได้อย่างไรหากไม่ขายสิ นค้าเหล่านี้ การติดตามเก็บหรื อรวบรวมสิ นค้ าเหล่ านี ้ และการขาย (เพราะวิทยาลัยมิได้ สร้ างด้ วยสิ นค้ า แต่ ด้วยเงินที่ ได้ มาจากสิ นค้ าเหล่ านี)้ นี่แหละท่ านสั งฆราชแห่ งเบริ ธเรี ยกว่ า "การค้ าขาย" 8 6

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

Ba ngk o

k

5

6Ibid., pp. 34-35. 7J. Le Faure, Reponse a la lettre Pastorale de Lambert de la Motte, in CHAPPOULIE, Une Controverse entre Missionaires a Siam au XVII Siecle, p. 48.


.

ประวัติพระศาสนจักรไทย 91

dio

ces e

of

Ba ngk o

k

ท่านยังได้ยนื ยันในรายงานของท่านด้วยว่า คุณพ่อ Emmanuel Rodriguez เจ้าอธิ การแขวงญี่ปุ่นได้ทาํ การ สอบสวนการกล่าวหาเรื่ องการค้าขายของสงฆ์เยสุ อิตแล้วและพบว่าไม่เป็ นความจริ ง เราไม่ทราบแน่นอนว่ากรณี พิพาทระหว่างบรรดาผูแ้ ทนพระสันตะปาปาและพระสงฆ์ เยสุ อิตเกี่ยวกับ ปัญหาการค้าขายนี้จบสิ้ นไปเมื่อไร สําหรับพระคุณเจ้าลังแบรต์และพระคุณเจ้าปั ลลือแล้ว สิ่ งที่สําคัญที่สุดเวลานั้น ได้แก่ การยอมรับอํานาจของพวกท่านของบรรดามิชชันนารี วันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ. 1669 พระสันตะปาปาเคล เมนต์ ที่ 9 ได้ออกธรรมนูญ Constitution "Sollicitudo pastoralis" ซึ่ งในธรรมนูญนี้ ได้มีคาํ อธิ บายที่สําคัญ 7 ประการ เกี่ยวกับข้อห้ามการทําการค้าขายของบรรดามิชชันนารี พระสังฆราชปั ลลือได้รับธรรมนูญฉบับนี้ดว้ ยตัว ท่านเองที่กรุ งโรม พระสันตะปาปาเคลเมนต์ ที่ 9 ยังได้มอบหมายให้ผแู ้ ทนพระสันตะปาปาเป็ นผูใ้ ช้คาํ สั่งใน ธรรมนูญนี้ และสั่งให้บรรดามิชชันนารี คณะนักบวชต่างๆ ให้ยอมรับอํานาจของผูแ้ ทนพระสันตะปาปาด้วย และ ด้วยเหตุน้ ีสิทธิ อนั ชอบธรรมของบรรดาผูแ้ ทนพระสันตะปาปาก็ออกมา เป็ นคําที่ชดั เจน ไม่มีสิ่งใดคลุมเครื ออีก ต่อไป ดูเหมือนว่าความตึงเครี ยดระหว่างพวกเขาเหล่านี้จะค่อยๆ ลดน้อยลงหลังจากการยอมรับอํานาจของผูแ้ ทน พระสันตะปาปา อีกประการหนึ่งอาจเป็ นเพราะว่าพวกเยสุ อิตในสยามในศตวรรษที่ 17 นั้น มิได้มีอยูแ่ บบต่อเนื่อง กันนัน่ เอง สําหรับผูส้ นใจเรื่ องนี้ ขอให้อ่านดูหนังสื อเล่มนี้ Henri CHAPPOULIE, Une Controverse Entre Missionaires à Siam au XVIIe Siècle, Paris, 1943.

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

ซึ่งคุณพ่อทัศไนย์ คมกฤส แปลและเรี ยบเรี ยงเป็ นภาษาไทย จากต้นฉบับภาษาลาตินไว้เรี ยบร้อยแล้ว โดย ใช้ชื่อว่า "ข้ อพิพาทระหว่ างมิชชันนารี ในประเทศสยาม ระหว่ างศตวรรษที่ 17" ประกอบด้วย 1. บทความเรื่ อง "นักบวชพ่ อค้ า" โดยคุณพ่อโยเซฟ ติสซานิเอร์ ชาวฝรั่งเศส แห่งคณะเยสุ อิต 2. จดหมายถึงบรรดาคริ สตชนของ ฯพณฯ ปี แอร์ ลังแบรต์ เดอ ลา ม็อต พระสังฆราชแห่งเบริ ธ 3. คําโต้ตอบจดหมายของพระสังฆราชลังแบรต์ เดอ ลา ม็อต ฉบับนี้ของคุณพ่อยากอบ เลอ โฟร์ แห่งคณะ เยสุ อิต 4. จดหมายของคุณพ่อโทมัส วัลกวาร์ เนรา ถึงสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่อ.

8CHAPPOULIE, Une Controverse entre Missionaires Siam au XVII Siècle, p. 60. The report of Valguarnera is kept in the archives of Propaganda Fide, SRCP, Ind. Or. 1679, f. 274-277. In the archives of M.E.P., 851, pp. 305-317, it exists a manuscript written in Italian entitled Relatione di Siam but without the name of the author, neither the date and was sent to Propaganda Fide. The unknown author related the foudation of the Jesuit residence and gave some information about Sebastiao andres.


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.