คาทอลิกกับสังคมไทยในประวัติศาสตร์ไทยสมัยรัชกาลที่ 5

Page 1

k

Ba ngk o

บทที่ 6 คาทอลิกกับสั งคมไทยในประวัตศิ าสตร์ ไทย สมัยรัชกาลที่ 5

ces e

of

คุณพ่ อสุรชัย ชุ่มศรี พันธุ์ บทนํา

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

บรรดามิชชันนารี จากยุโรป ซึ่ งอยูภ่ ายใต้ระบบสิ ทธิ พิเศษที่พระศาสนจักรมอบให้แก่ กษัตริ ยส์ เปนและโปรตุเกสที่เราเรี ยกกันว่า Padroado นั้น เริ่ มเข้ามาในเขตแผ่นดินสยามเป็ นครั้งแรก ในสมัยพระมหาจักรพรรดิ์ พระมหากษัตริ ยแ์ ห่ งกรุ งศรี อยุธยา (ค.ศ. 1548-1569) ตามหลักฐานที่ สามารถค้นพบได้น้ นั เป็ นปี ค.ศ. 1567 และนับจากปี นี้ เป็ นต้นไป ก็มีบรรดามิชชันนารี จากคณะ นักบวชต่างๆ เข้ามาในประเทศไทย เช่น คณะ Dominican, Franciscan, Augustinian, Jesuit เป็ นต้น พระศาสนจักรแห่งโรมเห็นว่าระบบสิ ทธิ พิเศษ Padroado นี้ก่อให้เกิดความสับสนและเป็ นผลร้ายต่อ การเผยแพร่ พระคริ สตศาสนา อีกทั้งยังต้องการให้อาํ นาจในการเผยแพร่ พระคริ สตศาสนานี้ กลับมา อยู่ในมื อของพระศาสนจักรเอง จึงได้ก่อตั้งสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่ อ หรื อที่เรี ยกกันว่า Propaganda Fide ขึ้ นเมื่ อวันที่ 6 มกราคม ค.ศ. 1622 สมณกระทรวงนี้ ได้พยายามใช้วิธีการ ประนีประนอมกับระบบ Padroado เสมอมา ด้วยการจัดส่ งมิชชันนารี ภายใต้การดูแลของผูแ้ ทนองค์ พระสันตะปาปา หรื อที่เรี ยกกันว่า Apostolic Vicar เพื่อทํางานแพร่ ธรรมตามดินแดนต่างๆ ถึงกระนั้น ก็ดี ปั ญหาระหว่างระบบ Padroado และ Propaganda Fide ก็เกิดขึ้นอยูท่ วั่ ไปและเป็ นเวลานาน เมื่อวันที่ 22 สิ งหาคม ค.ศ. 1622 พระสังฆราชลังแบร์ ต เดอ ลาม็อต ประมุขมิสซังโคชิน ไชน่า พร้อมกับคุณพ่อเดอบูร์ช และ คุณพ่อเดดิเอร์ ได้เดินทางมาถึงกรุ งศรี อยุธยา อีก 2 ปี ต่อมา คือเมื่อวันที่ 27 มกราคม ค.ศ. 1664 พระสังฆราชปั ลลือประมุขมิสซังตองกิน พร้อมกับพระสงฆ์อีก 3 องค์ และฆราวาสอีก 1 คน เดินทางมาถึงกรุ งศรี อยุธยาและได้จดั การประชุมซึ่ งเรี ยกกันว่า Synod of 1664 ขึ้นที่กรุ งศรี อยุธยา เพื่อวางแผนงานของการทํางานด้านต่างๆ ขึ้น พระสังฆราชทั้งสององค์ ได้พยายามขออนุญาตจากกรุ งโรมให้แต่งตั้งดินแดนสยามขึ้นเป็ นมิสซัง โดยมี Apostolic Vicar ของ สยามเอง ซึ่ งเรื่ องนี้ก็ประสบความสําเร็ จด้วยเอกสาร Bull ของพระสันตะปาปาเคลเมนต์ ที่ 9 ลงวันที่


.

ก.

Ba ngk o

13 กันยายน ค.ศ. 1669 ชื่อ "Speculatores" ได้ประกาศให้สยามเป็ นดินแดนมิสซัง นอกจากนี้เมื่อ วันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 1674 คุณพ่อ Laneau ได้รับการแต่งตั้งให้เป็ น Apostolic Vicar แห่งสยามเป็ น องค์แรก

ผลงานของมิชชันนารีในสมัยอยุธยา

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

มิสซังสยามเจริ ญก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชดั ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ เพราะนโยบาย ทางการเมืองในการเปิ ดประเทศให้แก่ชาวตะวันตก รวมทั้งให้เสรี ภาพในการเผยแพร่ ศาสนาด้วย นอกจากนี้เวลานั้นฝรั่งเศสกําลังมีอิทธิพลอยูใ่ นดินแดนแถบนี้ ซึ่ งมีผลทําให้การประกาศพระวรสาร เป็ นไปได้ง่ายขึ้น เมื่อพระสังฆราชทั้งสองเดินทางมาถึงอยุธยาแล้ว ก็ได้จดั ให้มีการประชุ มที่เรี ยกว่า Synod of 1664 ขึ้นที่กรุ งศรี อยุธยา ซึ่ งเราสามารถสรุ ปการประชุ มได้ดงั นี้ ก. เพื่อให้การแพร่ ธรรมเป็ นไปอย่างมีประสิ ทธิ ภาพ ที่ประชุมตกลงที่จะก่อตั้งคณะแพร่ ธรรม (Apostolic Congugation) ขึ้นมาโดยใช้ชื่อคณะที่จะตั้งนี้ วา่ "คณะรั กกางเขนแห่ งพระเยซู คริ สต์ " ข. ที่ประชุมตัดสิ นใจที่จะจัดพิมพ์ "ข้ อคําสอน" แก่ "Apostolic Vicars" ที่ Propaganda Fide มอบให้ในปี ค.ศ. 1659 รวมทั้งจะออก "ข้ อคําสั่ งสอนแก่ บรรดามิชชันนารี " ด้วย ค. จัดตั้งบ้านเณร โครงการต่างๆ ของการประชุมครั้งนั้นได้ถูกกระทําตาม การก่อตั้งคณะรักกางเขนแห่งพระ เยซูคริ สต์พบกับอุปสรรคจากกรุ งโรมแต่ก็ยงั สามารถก่อตั้งคณะหญิงขึ้นมาได้ ส่ วนข้อคําสั่งสอน ต่างๆ ก็ได้ถูกจัดพิมพ์และยังนํามาใช้ต่อๆ มา โดยได้รับการพิมพ์ข้ ึนอีกถึง 12 ครั้งด้วยกัน บ้านเณร ก็ได้รับการจัดตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1665 นอกจากนี้แล้วบรรดามิชชันนารี ยงั ได้จดั ตั้งโรงพยาบาลแห่ง แรกขึ้นมาในปี ค.ศ. 1669 ด้วย งานแพร่ ธรรมในระยะแรกๆ นั้น เป็ นการทํางานในระหว่างพวกชาวต่างชาติที่อยูใ่ นสยาม เวลานั้น เช่น ชาวโปรตุเกส, ชาวญี่ปุ่น, ชาวโคชินจีน บรรดามิชชันนารี เริ่ มงานในอยุธยาและค่อยๆ ไปแพร่ ธรรมตามส่ วนอื่นๆ อีก เช่น พิษณุ โลก, ลพบุรี, สามโคก (ปทุมธานี) และบางกอก ในปี ค.ศ. 1674 มีคาทอลิกที่เป็ นชาวสยามประมาณ 600 คน (ตัวเลขนี้ เป็ นตัวเลขที่รวมเอาจํานวนผูท้ ี่รับศีล ล้า งบาปก่ อนจะตายทั้ง ที่ เป็ นเด็ก และผูใ้ หญ่) งานแพร่ ธ รรมของบรรดามิ ช ชันนารี ต้องพบกับ อุปสรรคหลายประการ และต้องพบกับอุปสรรคอันใหญ่หลวงเมื่อกรุ งศรี อยุธยาตกอยูใ่ นมือของ พม่าในปี ค.ศ. 1767

Hi sto

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 157


.

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 158

Hi sto

k

Ba ngk o

ric al A

ง.

rch ive

sA

rch

ค.

of

ข.

เราจะขอสรุ ปอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับงานแพร่ ธรรมในสมัยนี้เป็ นข้อๆ ดังนี้ บรรดามิชชันนารี เห็นว่าการกลับใจของชาวสยามนั้นเป็ นเรื่ องยากมาก เพราะชาวสยามมี ความผูกพันกับพุทธศาสนามาก เด็กๆ ชาวสยามต้องไปอยูท่ ี่วดั เพื่อเรี ยนหนังสื อและรับการ อบรม นอกจากนี้ ท่าทีของชาวสยามต่อชาวต่างชาติน้ นั ก็เต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจ โดย ถือว่าชาวต่างชาติเข้ามาเพื่อกอบโกยผลประโยชน์ทางการค้า คุณพ่อ Le Faure ถึงกลับกล่าว ว่า ไม่หวังที่จะกลับใจชาวสยามได้ เมื่อพระคุณเจ้าลังแบร์ ตและพระคุณเจ้าปั ลลือมาถึงกรุ งศรี อยุธยา ต้องเผชิญกับการต่อต้าน ของมิชชันนารี ภายใต้ระบบ Padroado และยังต้องมีขอ้ บาดหมางกับพวก Jesuit ในเรื่ อง นักบวชทําการค้าขาย เหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความแตกแยกภายในซึ่ งต้องมี ผลต่อการแพร่ ธรรมมากเพราะเป็ นที่สะดุดใจแก่คนทัว่ ไป สมเด็จพระนารายณ์ฯ มีนโยบายทางการเมืองเปิ ดรับชาวต่างชาติทุกชาติ ทั้งนี้ เพื่อให้มี ดุลถ่วงอํานาจของกันและกัน รวมทั้งทําให้สยามมีมิตรมากขึ้น เพื่อทําให้ศตั รู ของสยามคือ พม่าและกัมพูชาไม่กล้าหรื อเกรงที่จะทําสงครามกับสยาม ท่าทีของสมเด็จพระนารายณ์ฯ นี้ ทําให้บาทหลวงกีย ์ ตาชารด์, คอนสแตนติน ฟอลคอน รวมทั้งพระเจ้าหลุยส์ ที่ 14 แห่ง ฝรั่งเศส เข้าใจผิดคิดว่ามีความหวังที่จะกลับใจสมเด็จพระนารายณ์ฯ และคนทั้งประเทศได้ แม้วา่ คอนสแตนติน ฟอลคอน และพระคุณเจ้าลาโนจะเห็นว่าเรื่ องนี้ จะนําผลเสี ยที่ร้ายแรง มาสู่ การแพร่ ธรรม แต่บาทหลวงกีย ์ ตาชารด์ และพระเจ้าหลุยส์ ที่ 14 ต่างก็เล็งเห็นว่าน่าจะ ใช้อิทธิ พลของตนทําให้เป็ นจริ ง ความคิดนี้ได้ส่งผลร้ายอย่างมากในเวลาต่อมา เมื่อพระเพท ราชาได้ทาํ การปฏิวตั ิข้ ึนในปี ค.ศ. 1688 การปฏิวตั ิในปี ค.ศ. 1688 และการเบียดเบียนในสมัยของพระเพทราชา เนื่องจากพระเพท ราชามีท่าที ที่เป็ นปฏิ ปักษ์กบั ชาวต่างชาติ ดังนั้นเมื่อพระเพทราชาปฏิ วตั ิสําเร็ จแล้วจึง เบียดเบียนการแพร่ พระศาสนาทันที บรรดามิชชันนารี ถูกจับและทรัพย์สมบัติทุกอย่างถูก ยึด ในปี ค.ศ. 1691 สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายลง พระเพทราชาได้คืนบ้านเณรและทรัพย์ สมบัติให้แก่บรรดามิชชันนารี การแพร่ ธรรมต้องเริ่ มต้นกันใหม่ นอกจากการเบียดเบียน ครั้งนี้ แล้ว ในสมัยอยุธยานี้ เองก็ยงั มีการเบียดเบียนอยูบ่ า้ ง เช่น ในสมัยพระเจ้าท้ายสระ (ค.ศ. 1709-1733) บรรดามิชชันนารี ถูกห้ามออกจากเมืองหลวง ห้ามใช้ภาษาสยามและ บาลี ห้ามประกาศศาสนาแก่ชาวสยาม มอญ และลาว ข้อห้ามต่างๆ ถูกจารึ กลงในแผ่นศิลา และตั้ง ไว้ที่ หน้า วัดนัก บุ ญยอแซฟที่ อยุธ ยา นอกจากนี้ ก็ ย งั มี ค วามไม่ ส ะดวกในการ แพร่ ธรรมเกิดขึ้นด้วยในระหว่างปี ค.ศ. 1730, 1743-1749

ces e

ก.

อุปสรรคของการแพร่ ธรรมในสมัยอยุธยา

dio

ข.


.

อุปสรรคที่สําคัญยิ่งในการแพร่ ธรรมได้แก่ การรุ กรานของพม่าและการยึดครองกรุ งศรี อยุธยาของพม่าในปี ค.ศ. 1767 พระคุณเจ้าบรี โกต์ถูกจับและถูกนําตัวไปพม่า วัดนักบุญ ยอแซฟถูกเผาและบ้านเณรถูกปล้น การแพร่ ธรรมต้องหยุดโดยสิ้ นเชิ ง ครั้นเมื่อพระเจ้าตาก สิ นกอบกูเ้ อกราชคืนมาได้แล้ว บรรดามิชชันนารี ซ่ ึ งมิได้ทาํ ตามพระประสงค์ของพระองค์ ยังต้องถูกขับไล่ออกจากอาณาจักรสยาม และสามารถกลับมาได้อีกครั้งหนึ่ งเมื่อพระบาท สมเด็จพระพุทธยอดฟ้ าจุฬาโลกเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ

1.

คาทอลิกในสมัยกรุ งรัตนโกสิ นทร์ ตอนต้ น

of

Ba ngk o

จ.

0

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

ตามที่ ไ ด้กล่ าวไปแล้วในบทนํา ถึ งงานของพระศาสนจักรคาทอลิ กไทยในตอนปลาย ศตวรรษที่ 18 ซึ่ งต้องประสบกับความยุง่ ยากเป็ นอย่างมาก นับตั้งแต่พระเจ้าตากสิ นทรงมีรับสั่งให้ เนรเทศพวกมิชชันนารี ออกจากประเทศสยาม พระคุณเจ้ากูเดได้กล่าวถึงเรื่ องนี้วา่ : พระเจ้ าแผ่ นดิ นไม่ ทรงรั บรู้ ว่ า เราไม่ อนุญาตให้ คริ สตังของเราไปเข้ าพิธี สาบานดื่มนํา้ พระพิพัฒน์ สัตยาซึ่ งเราถือว่ าเป็ นเรื่ องนอกรี ตนอกรอย และ เรายังคัดค้ านไม่ ให้ พวกเขาไปร่ วมพิ ธีอื่นๆ ที่ เกี่ ยวกับศาสนาของชาว สยามอี กด้ วย สําหรั บเราแล้ ว เราแน่ ใจว่ าจะมี เหตุการณ์ ที่ เลวร้ าย บางอย่ างเกิดขึน้ และก็ได้ เกิดขึน้ จริ งๆ 1 พระสังฆราชเลอบ็องและพวกมิชชันนารี ได้เดิ นทางออกจากประเทศสยามในวันที่ 1 ธันวาคม ค.ศ. 1779 เพื่อไปยังมาละกา ภายใต้การควบคุมของขุนนางจํานวนหนึ่ งซึ่ งพระเจ้าตากสิ น ได้ส่งมาเพื่อให้แน่ ใจว่าพวกมิชชันนารี ได้เดิ นทางออกจากสยามจริ ง พวกเขาได้มาถึ งมาละกา ในวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1779 พระสังฆราชเลอบ็อง ประมุขมิสซังสยาม ได้ออกเดินทางต่อใน วันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1780 เพื่อไปยังยุโรป แต่ท่านได้หยุดแวะที่เมืองกัว และได้ถึงแก่มรณภาพ ลงที่เมืองนี้เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 17802 คุณพ่อการ์ โนลต์และคุณพ่อกูเดได้ตดั สิ นใจเดินทางต่อไปยังเมืองปอนดิเชรี เพื่อหาหนทาง ไปยังเมืองยงเซลัง (เกาะถลาง; ปั จจุบนั คือจังหวัดภูเก็ต) จังหวัดหนึ่ งที่อยูภ่ ายใต้การปกครองของ ประเทศสยาม จนกว่าสถานการณ์ ในสยามจะเปลี่ยนแปลง ในปี ค.ศ. 1782 พระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟ้ าจุฬาโลกซึ่ งเป็ นกษัตริ ยพ์ ระองค์แรกของราชวงศ์จกั รี ทรงมีรับสั่งให้เชิ ญพวก มิชชันนารี ที่ถูกเนรเทศออกจากประเทศสยามกลับมา การที่พระองค์ทรงทําเช่นนี้เพราะว่าพระองค์ 1จดหมายของพระสังฆราชกูเด

ถึงกรุ งปารี ส, AME, Siam , Vol. 891, p. 1187; A. LAUNAY, Documents

Historiques, Vol II, Paris, 1920, p. 301. 2เรื่ องเดียวกัน ; ดู LAUNAY, op. cit., หน้า 308

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 159


.

Ba ngk o

ทรงปรารถนาที่จะรื้ อฟื้ นสัมพันธไมตรี กบั ชาวต่างประเทศอีกครั้งหนึ่ง และเพื่อสนับสนุนการค้าขาย กับประเทศเหล่านี้เหมือนดังที่เคยเป็ นมา พระสังฆราชกูเด (ค.ศ. 1782-1785) ได้บนั ทึกไว้ดงั นี้ พระเจ้ าแผ่ นดิ นของประเทศสยามพระองค์ ใหม่ มีพระประสงค์ ให้ พระ สั งฆราช และบรรดามิ ชชั นนารี ซึ่งได้ ถูกพระเจ้ าแผ่ นดิ นพระองค์ ก่อน เนรเทศไปให้ กลับมาที่ สยาม พระเจ้ าแผ่ นดิ นพระองค์ นีท้ รงปรารถนา ที่ จะเชื่ อมความสั มพันธ์ กับชาวต่ างประเทศทั้งหลาย และทรงสนับสนุน การค้ าของพวกเขาในประเทศสยามเหมือนดังแต่ ก่อน 3 จากเอกสารข้อมูลเกี่ยวกับประวัติพระศาสนจักรในประเทศไทย ของคณะมิสซังต่างประ เทศแห่ งกรุ งปารี ส เอกสารดังกล่าวน่าสนใจมาก เขียนโดยพระสังฆราชการ์ โนลต์ (ค.ศ. 17861811) ลงวันที่ 3 กรกฎาคม ค.ศ. 1802 ถึงคุณพ่อบัวเรต์และคุณพ่อแดกูร์เวียร์ ซ่ ึ งอยูท่ ี่กรุ งปารี ส ในจดหมายนี้พระคุณเจ้าเขียนไว้วา่ : ข้ าพเจ้ าขอบอกว่ าพระเจ้ าแผ่ นดิ นได้ เคยรั บศีลล้ างบาปแล้ ว ในขณะที่ พระองค์ ยงั ทรงพระเยาว์ โดยนายแพทย์ ที่ชื่อซิ สเต รี เบโร นายแพทย์ ผ้ ูนี้ เห็นว่ าพระองค์ ทรงพระประชวรหนักและจําเป็ นต้ องได้ รับศี ลล้ างบาป แต่ พระองค์ ไม่ เห็ นว่ าเป็ นเรื่ องสําคั ญ ต่ อมาไม่ นานพระองค์ ทรงพระ ประชวรหนักอยู่ในขั้นอันตราย จึ งได้ ส่งคนไปเชิ ญพระสั งฆราชอาดรั ง (Adran) ให้ มาเข้ าเฝ้ า ในเวลานั้นพระคุณเจ้ าไม่ ว่าง พระเจ้ าแผ่ นดิ นทรงรู้ ว่ าพระองค์ กาํ ลังจะสิ ้นพระชนม์ จึ งเขียนพิ นัยกรรมสองสามประโยค พระองค์ ทรงมอบพระศพให้ แก่ พระบิดาเลี ย้ ง และทรงมอบพระวิญญาณ ให้ แก่ ซิสเต รี เบโร 4 โลเนย์ได้ยืนยันว่าเรื่ องที่พระพุทธยอดฟ้ าฯ ได้รับศีลล้างบาปจากซิ สเต รี เบโร นั้นเป็ น ความจริ ง แต่ดูเหมือนว่าพระองค์ไม่ทรงทราบถึงเรื่ องการรับศีลล้างบาปของพระองค์ "เมื่อพระองค์ ทรงทราบภายหลังพระองค์ กม็ ิได้ แสดงความสนพระทัยแต่ อย่ างใด " 5

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 160

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

2

Hi sto

ric al A

3

3จดหมายของพระสังฆราชกูเด ที่เขียนไปยังเมืองยงเซลัง ลงวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 1782, AME, Siam, Vol. 891, p. 1245.

พระสังฆราชอาเดรี ยง คือชื่ อของพระสังฆราช De Béhaine Pigneau ประมุขมิสซัง โคชินไชน่า เป็ นข้อความที่น่าสนใจที่วา่ พระสังฆรราชการ์ โนลต์ได้พดู ถึงพระเจ้าอยูห่ วั รัชกาลที่ 1 เมื่อพระองค์ยงั ทรงพระเยาว์ และ ได้ป่วยหนัก; see also B.C. Castellino, Prathetthai: Siam di leri Thailandia diggi, Roma : LAS, 1977,

4AME, Siam Vol. 887, p. 320;

p. 155. 5A. LAUNAY, Histoire de la Mission de Siam 1662-1811, Paris, 1920, p. 169 ; see also M. Teixeira, Portugal na Tailandia, Macau: Imprensa Nacional de Macau, 1983, p. 110.


.

สถานะการณ์ ทางศาสนาในประเทศสยาม ในครึ่งแรกของศตวรรษที่ 19

sA

ก.

rch

dio

ces e

of

Ba ngk o

ในที่สุดพระสังฆรากูเดก็ได้เดินทางมาถึงกรุ งเทพฯ ในปี ค.ศ. 1784 ความยุง่ ยากได้เกิ ด ขึ้นกับมิสซังอีกครั้งหนึ่ ง พระสังฆราชกูเดได้พบว่าคริ สตังได้แบ่งออกเป็ น 2 พวก พวกแรกคือ คริ สตังโปรตุเกสที่ไม่ตอ้ งการให้มิชชันนารี ชาวฝรั่งเศสมาปกครองพวกตน และร้องขอให้มี มิชชันนารี ชาวโปรตุเกสมาปกครอง และอีกพวกหนึ่ งคือคริ สตังจากวัดนักบุญยอแซฟ ซึ่ งยอมรับ อํานาจการปกครองของมิชชันนารี ชาวฝรั่งเศส คริ สตังโปรตุเกสได้ปล่อยข่าวเรื่ องการกลับใจมาเป็ น คริ สตังของข้าราชการผูห้ นึ่ง พระพุทธยอดฟ้ าฯ ได้ทรงมีรับสั่งบังคับให้ขา้ ราชการผูน้ ้ ีและครอบครัว ของเขาละทิ้งศาสนาคาทอลิก แต่เขายอมตายเพื่อความเชื่อ คริ สตังอื่นๆ อีก 20 คนที่อยูภ่ ายใต้การ ปกครองของมิ ชชันนารี ฝรั่ งเศสได้ถูกจับขังคุก เพราะคํากล่ าวหาใส่ ร้ายของคริ สตังโปรตุเกส ความยุง่ ยากเกิดขึ้นไม่นานนัก เพราะว่าพระเจ้าอยูห่ วั ได้ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้พระสังฆราช กูเดเข้าเฝ้ าเพื่อชี้แจงถึงข้อเท็จจริ งระหว่างคริ สตังทั้ง 2 กลุ่ม และเมื่อคริ สตังโปรตุเกสหมดหวังที่จะมี มิชชันนารี ชาวโปรตุเกสมาปกครองพวกตนในประเทศสยาม พวกเขาก็ค่อยๆ ยอมรับอํานาจ การปกครองของมิชชันนารี ฝรั่งเศสในปี 1808 ดังนั้นมิสซังสยามจึงพบกับความสงบสุ ขในตอนต้น ของศตวรรษที่ 196

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 161

6

Hi sto

ric al A

rch ive

โลเนย์ได้บรรยายถึงสถานะการณ์ทวั่ ๆ ไปของพระศาสนจักรสยาม ในตอนต้นของศตวรรษ ที่ 19 เมื่อเขาได้ดูจากจํานวนคริ สตังไว้ดงั นี้: สภาพวัดต่ างๆ ของมิสซั งสยามในตอนต้ นของศตวรรษที่ 19 เป็ นเช่ นที่ ได้ ก ล่ า วมาแล้ ว วัดที่ ดีที่ สุ ดและมี จํา นวนคริ สตั ง มากที่ สุ ดคื อวัดที่ บางกอก, จันทบุรี และปี นัง ในปี ค.ศ. 1802 จํานวนคริ สตังทั้งหมดของ มิสซั งมีประมาณ 2500 คน และในปี ค.ศ. 1811 มีเกือบ 3000 คน 7 เราจะเห็นได้ชดั ว่าในระหว่างสมัยของพระสังฆราชการ์ โนลต์ งานฟื้ นฟูมิสซังได้เริ่ มต้นขึ้น อีกครั้งหนึ่ ง พระสังฆราชการ์ โนลต์เชื่ อว่าปี นังจะเป็ นสถานที่ที่ดีที่สุดสําหรับการเริ่ มต้นงานของ ท่าน เพราะว่าปี นังเป็ นสถานที่ที่สะดวกแก่การติดต่อกับสถานที่ใกล้เคียง และเพื่อการเผยแพร่ ความ เชื่อเข้าไปในประเทศต่างๆ ซึ่ งพลเมืองของประเทศนั้นๆ ชอบมาทําการค้าขายที่นี่ และชักจูงคริ สตัง 6เรื่ องเดียวกัน pp. 179-180;

สะอาด ไชยวัณน์, การศึกษาประวัติศาสตร์ เปรี ยบเทียบงานธรรมทูต ของโรมันคาทอลิกกับโปรเตส ตันท์ในประเทศไทย, กรุ งเทพฯ สุริยบรรณ, 1976, หน้า 118. 7A. LAUNAY, Histoire de la Mission de Siam, p. 180.


.

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 162

ของเราไปในประเทศของเขา 8 ในปี ค.ศ. 1795 ท่านได้ก่อตั้งอาราม "ซิ สเตอร์ รั กไม้ กางเขน" ขึ้นที่ ปี นัง เป็ นอารามเล็กๆ และยังได้จดั พิมพ์หนังสื อต่างๆ โดยใช้อกั ษรลาติน ออกเสี ยงแทนตัวอักษร และวรรณยุกต์ในภาษาไทย ท่านยังได้แต่งและพิมพ์หนังสื อคําสอนคริ สตังขึ้นเล่มหนึ่งด้วย 9 ต่อมาเมื่อท่านได้ยา้ ยมาอยูท่ ี่กรุ งเทพฯ ในปี ค.ศ. 1796 ท่านได้จดั ตั้งอาราม "ซิ สเตอร์ รั กไม้ กางเขน" ขึ้นที่นี่ดว้ ย ท่านได้เริ่ มเผยแพร่ ข่าวดีไปยังภาคใต้และภาคตะวันออกของประเทศสยาม ผลงานที่สาํ คัญอันดับสุ ดท้ายในช่วงสมัยของท่านคือ การเห็นชอบให้มีการก่อตั้งวิทยาลัยกลางของ คณะมิสซังต่างประเทศแห่ งกรุ งปารี สขึ้นที่ปีนัง ท่านได้ลงนามอนุญาตให้ก่อตั้งวิทยาลัยกลางใน วันที่ 16 มิถุนายน ค.ศ. 1809 โดยย้ายวิทยาลัยกลางจากเมืองปอนดิเชรี มาอยูท่ ี่ปีนังหลังจากที่ลงั เล ใจไม่รู้จะเลือกที่ใดระหว่างมะนิลาและปี นัง ท่านให้ความสนใจและเอาใจใส่ ในเรื่ องสามเณราลัยอยู่ เสมอ วิทยาลัยกลางแห่งนี้ ใช้กฎเกณฑ์และระเบียบการปกครองของคณะ M.E.P. และอยู่ภายใต้ อํานาจการปกครองของกรุ งปารี สโดยตรง 10 ในปี ค.ศ. 1827 อันเป็ นสมัยของพระสังฆราชฟลอรังส์ (1811-1834) พระสันตะปาปา เลโอที่ 12 ได้ออกกฤษฎีกากําหนดให้ประมุขมิสซังสยามมีอาํ นาจการปกครองเหนือสิ งคโปร์ และ อาณานิคมของอังกฤษ นายบรู กีแยร์ (M. Bruguière) ผูช้ ่วยพระสังฆราชของประเทศสยามได้ถูก ส่ งไปปกครองสิ งคโปร์ ในปี ค.ศ. 1829 แต่อาํ นาจการปกครองของเขาได้ถูกต่อต้านโดยมิชชันนารี โปรตุเกสปฎิเสธไม่ยอมรับคําสั่งของพระสันตะปาปา และเรี ยกร้องอภิสิทธิ์ ปาโดอาโด (Padroado) การโต้เถียงระหว่าง 2 ฝ่ าย ได้ดาํ เนินไปจนถึงปี ค.ศ. 1834 เมื่อสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่อได้ ยืนยันอีกครั้งหนึ่งในวันที่ 21 พฤษภาคม ค.ศ. 1834 ถึงอํานาจการปกครองเหนือสิ งคโปร์ ของ ประมุขมิสซังสยาม 11 เนื่องจากจํานวนคริ สตังและมิชชันนารี ได้เพิ่มขึ้น พระสังฆราชกูรเวอซี (ค.ศ. 1834-1841) ได้ขอให้ทางกรุ งโรมแต่งตั้งพระสังฆราชผูช้ ่วย ในปี ค.ศ. 1838 คุณพ่อปั ลเลอกัวได้รับแต่งตั้งและ ได้รับการอภิเษกเป็ นพระสังฆราชในวันที่ 3 มิถุนายน ค.ศ. 1838 โดยเอกสารฉบับหนึ่งที่มีชื่อว่า Universi Dominici ลงวันที่ 10 กันยายน ค.ศ. 1841 กรุ งโรมได้แยกเขตการปกครองในส่ วนของ ประเทศมาเลเซี ยออกจากมิสซังสยามโดยตั้งขึ้นเป็ นมิสซังสยามตะวันออก ซึ่ งประกอบด้วยประเทศ

ces e

of

Ba ngk o

8

k

7

rch ive

sA

rch

dio

9

Hi sto

ric al A

10

8เรื่ องเดียวกัน. p. 182

ปี นังทางด้านการเมือง พ้นจากอํานาจการปกครองของประเทศอังกฤษในปี ค.ศ. 1786 แต่ทางด้านการ ศาสนายังอยูภ่ ายใต้การปกครองของประมุขมิสซังกรุ งสยาม. 9เรื่ องเดียวกัน. 10A. LAUNAY, Histoire de la Mission de Siam, pp. 181-185; สําหรับจดหมายลงนามของพระสังฆราชการ์ โนลต์ ที่อนุญาตให้จดั ตั้งวิทยาลัยกลางที่ปีนัง ดูได้ใน AME, Siam, Vol. 339, pp. 18, 21.

11ASCPF, Acta SCPF de Anno 1834, Vol. 197, pp. 96-106.


.

สยามและประเทศลาว และมิสซังสยามตะวันตก ซึ่ งประกอบด้วย แหลมมลายา, เกาะสุ มาตรา และพม่าตอนใต้ พระสังฆราชปั ลเลอกัวเป็ นประมุขมิสซังสยามตะวันออก และพระสังฆราช กูรเวอซี เป็ นประมุขมิสซังสยามตะวันตก 12 บุคคลหนึ่งที่มีชื่อเสี ยงมากในมิสซังสยามเวลานั้นก็คือ พระสังฆราชปัลเลอกัว (ค.ศ. 18411862) ท่านเป็ นผูม้ ีความสามารถและมีความรู ้สูงทั้งในด้านวิทยาศาสตร์ , คณิ ตศาสตร์ และด้านภาษา ต่างๆ นอกจากนี้ท่านยังมีความรู ้อย่างแตกฉานในภาษาสยามและภาษาบาลี ท่านมีความสัมพันธ์ฉนั มิตรอย่างแน่นแฟ้ นกับพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั (รัชกาลที่ 4) ในขณะที่พระองค์ยงั ทรงผนวชอยู่ และความสัมพันธ์อนั นี้เองที่ช่วยให้ท่านสามารถสอนศาสนาได้โดยเสรี 13 อย่างไรก็ ตาม ในระหว่างรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระนัง่ เกล้าฯ (รัชกาลที่ 3) ท่านได้พิมพ์หนังสื อขึ้นเล่ม หนึ่งในปี ค.ศ. 1846 มีชื่อว่า "ปุจฉา วิสัชนา" (คําถาม และคําตอบ) และวิจารณ์ศาสนาพุทธ อย่างรุ นแรง คําวิจารณ์เกี่ยวกับศาสนาพุทธนี้พระสังฆราชปั ลเลอกัวได้กล่าวไว้หลายๆ ข้อด้วยกัน ตัวอย่างเช่น: 1. เรื่ องพระพุทธศาสนามิใช่เป็ นศาสนาในใจความที่ถูกต้อง 2. พระพุทธเจ้าไม่ควรถูกพิจารณาเป็ นที่พ่ งึ ที่จะช่วยเหลือได้ 3. คําสอนของพระพุทธศาสนาเกี่ยวกับคุณความดี, บาป, สวรรค์, ไม่เป็ นความจริ ง 4. เรื่ องการดูถูกพระภิกษุและนางชี 5. ศีลของพระพุทธศาสนาไม่มีใครรักษาได้ ผูบ้ ญั ญัติจึงเปรี ยบเหมือนคนเสี ยจริ ต 14 นี่เป็ นสาเหตุทาํ ให้ความสัมพันธ์ระหว่างชาวพุทธและชาวคาทอลิกเกิดความบาดหมางและ แตกแยกกัน รัฐบาลได้ออกคําสั่งให้หยุดการเผยแพร่ หนังสื อเล่มนี้ และขู่บรรดามิชชันนารี วา่ จะถูก จับถ้าพวกเขาไม่หยุดเผยแพร่ หนังสื อเล่มนี้ 15 ในปี ค.ศ. 1849 พระบาทสมเด็จพระนัง่ เกล้าฯ (รัชกาลที่ 3) ได้เนรเทศมิชชันนารี ชาวฝรั่งเศส 8 องค์ ออกจากประเทศสยาม เนื่องจากท่านเหล่านี้ ได้แนะนําพระสังฆราชปั ลเลอกัวไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องในพระราชพิธีที่พวกเขาเห็นว่าเป็ นการนอก รี ตนอกรอย หรื อซูแปรติซงั บรรดามิชชันนารี เหล่านี้ได้เดินทางกลับมาประเทศสยามอีกครั้งหนึ่ งใน ปี ค.ศ. 1851 เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ได้เสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว 16

Ba ngk o

11

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 163

13

14

15

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

12

12Jus. Pon. de PFD., V. p. 282 ; cited by A. LAUNAY, Mémorial de la Société des MissionsÉtrangères, Deuxième Partie 1658-1913, Paris, p. 159. 13A.L. Maffat, Mongkut the King of Siam, New York: Cornell UniversityPress, 1968, p. 160. 14ปิ่ น มุทุกณ ั ต์, พันโท, ตอบบาทหลวงและบทความพิเศษ, เล่ม 18, กรุ งเทพฯ, สําหนักพิมพ์คลังวิทยา, 1974, หน้า 161. 15เรื่ องเดียวกัน, หน้า 162 16ประวัติศาสตร์ พระศาสนจักรสากลและพระศาสนจักรในประเทศไทย, 417.; Hereinafter will be cited only Church in Thailand.

กรุ งเทพฯ, สํานักพิมพ์สารสาสน์, 19672, หน้า 412-


.

16

17

พระศาสนาจักรคาทอลิกในประเทศสยาม ก่ อนการมาถึงของพระสั งฆราชเวย์

of

ข.

Ba ngk o

ในปี ค.ศ. 1856 ประเทศสยามได้ทาํ สนธิ สัญญาฉบับหนึ่งกับประเทศฝรั่งเศส สนธิสัญญา ฉบับนี้อนุญาตให้ชาวสยามมีอิสระในการเลือกนับถือศาสนา อนุญาตให้บรรดามิชชันนารี เทศน์ สอนศาสนา, จัดสร้างสามเณราลัย, ก่อสร้างโรงเรี ยน และโรงพยาบาล และสามารถเดินทางไปยัง ที่ต่างๆ ได้ทวั่ ราชอาณาจักรโดยอิสระ 17 สนธิ สัญญาฉบับนี้มีผลทําให้บรรดามิชชันนารี มีความ กระตือรื อร้นเป็ นอย่างมากในการเผยแพร่ ศาสนาคาทอลิก เพราะว่านับตั้งแต่สมัยกรุ งศรี อยุธยามา จนถึงเวลานี้ยงั ไม่มีการอนุญาตให้เผยแพร่ ศาสนาโดยอิสระมาก่อนเลย 18

rch

dio

ces e

หลังจากที่อยูใ่ นประเทศสยามมาเป็ นเวลานานถึง 25 ปี แล้ว และรักษาการณ์แทนประมุข มิสซังอยูใ่ นปี ค.ศ. 1864 พระสังฆราชดือปองด์ (ค.ศ. 1865-1982) ก็ได้รับแต่งตั้งเป็ นพระสังฆราช ประมุขมิสซังสยามสื บต่อจากพระสังฆราชปัลเลอกัวในปี ค.ศ. 1864 และได้รับการอภิเษกในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1865 ที่เมืองไซ่ง่อน ในรายงานประจําปี ของพระสังฆราชดือปองด์ปี ค.ศ. 1867 ได้พดู ถึงสภาพทัว่ ๆ ไปของมิสซังไว้ดงั นี้: คริ สตังทั้งหมดมีจาํ นวน 8,000 คน ได้โปรดศีลล้างบาป ให้แก่ชาวสยามจํานวน 667 คน โปรดศีลล้างบาปให้แก่เด็กจํานวน 257 คน 19 ปี ต่อมาท่านได้ รายงานไว้วา่ เป็ นเวลา 30 ปี นับตั้งแต่ ได้ มีการแบ่ งแยกมิสซั งสยาม เราได้ ประสบกับ ความสําเร็ จในการเผยแพร่ ศาสนาในจังหวัดต่ างๆ 12-15 แห่ ง ซึ่ งสถาน ที่ เหล่ านี จ้ ะเป็ นศูนย์ กลางในการเผยแพร่ ศาสนาไปยังสถานที่ ใกล้ เคี ยง และค่ อยๆ แพร่ กระจายไปตามที่ ต่างๆ ที ละน้ อยๆ 20 ในระหว่าง 7 ปี ที่ท่านดํารงตําแหน่งพระสังฆราชนี้ จํานวนคริ สตังได้เพิ่มขึ้นในทุกแห่ ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะ 4 ปี แรก ท่านได้สร้างวัด 8 แห่ ง สําหรับกลุ่มคริ สตชนใหม่เหล่านี้ และวัดเก่าที่มีอยูแ่ ล้วก็กาํ ลังเจริ ญขึ้นอย่างรวดเร็ ว 21 เราสามารถพูดได้วา่ ในช่วงเวลานี้เป็ นช่วงเวลา

ric al A

rch ive

sA

18

19

20

Hi sto

17K. Subamonkala, La Thailande et ses Relations avec la France. Thèse pourle Doctorat (published), Paris: Éditions A. Pedone, 1940, p. 123. 18ป. ศรี หตั ถกรรม, การศึกษางานเปรี ยบเทียบของพระศาสนจักรคาทอลิกและโปรเตสตันท์ วิทยานิ พนธ์ปริ ญาเอกทางด้านศิลปะ,

กรุ งเทพฯ: มหาวิทยาลัยมหิ ดล, 1986, หน้า 42.

19AME, Siam, Vol. 894, p. 396. 20AME, Siam, Vol. 894, 1868, p. 378, f. 1. ;30

มิสซังออกเป็ น 2 เขตการปกครอง 21พระศาสนจักรในประเทศไทย, หน้า 467-468.

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 164

ปี ที่ท่านพูดถึงนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1841 ซึ่งทางกรุ งโรมได้แบ่งแยก


.

of

Ba ngk o

ของการขยายตัวเองนับตั้ง แต่ท่ า นได้ส่ง บรรดามิช ชันนารี ของท่า นไปเทศน์ส อนประกาศข่ า วดี และเปิ ดกลุ่มคริ สตชนใหม่ในทุกๆ ที่ที่พวกเขาจะสามารถไปได้ จํานวนมิชชันนารี ท้ งั หมดที่เดิน ทางเข้ามาในประเทศสยามในสมัยของพระสังฆราชดือปองด์น้ ี มีจาํ นวนทั้งสิ้ น 21 องค์ มิชชันนารี แต่ละองค์ได้ทาํ งานอย่างมีประสิ ทธิ ภาพ เหตุการณ์ที่เด่นเป็ นพิเศษในสมัยนี้ ได้แก่ การเปลี่ยน ศาสนาของพระภิกษุรูปหนึ่ งที่มีตาํ แหน่งเป็ นสมภารวัด สมภารปาน ซึ่ งต่อมาคือ เปาโล ปาน ได้รับ ศีลล้างบาปจากคุณพ่อราบาร์ แดลในวันสมโภชปั สกาของปี ค.ศ. 1864 ต่อจากเปาโล ปาน แล้วก็มี บรรดาสานุ ศิษย์ของเขาและพระภิกษุอีกหลายรู ป (พระภิกษุ 2 รู ป และสามเณร 3 รู ป) ได้รับศีล ล้างบาปในเวลาต่อมา เปาโล ปาน มีความตั้งใจที่จะบวชเป็ นพระสงฆ์แต่เขาชรามากแล้ว มีอายุถึง 72 ปี เขาได้รับศีลบวชขั้นอาโกลีตุสจากพระสังฆราชดือปองด์ หลานชายคนหนึ่ งของเขาได้บวช เป็ นพระสงฆ์ในเวลาต่อมา 22 นอกจากนี้ เปาโล ปาน ยังได้เป็ นผูก้ ่อตั้งกลุ่มคริ สตชนขึ้นในหมู่บา้ น ของเขา ซึ่ งทุกวันนี้หมู่บา้ นแห่งนี้เป็ นสถานที่ที่มีชื่อเสี ยงมากแห่งหนึ่ง มีชื่อว่าวัดเพลง 23 เนื่องจากพระสังฆราชดือปองด์เป็ นผูม้ ีความกระตือรื อร้น และสามารถพูดภาษาสยามได้ดี เท่าๆ กับภาษาจีน ท่านจึงได้รับมอบหมายให้ทาํ งานแพร่ ธรรมในหมู่ชาวจีนและชาวสยาม ในช่วง สมัยของท่าน มีชาวจีนและชาวสยามกลับใจมานับถือศาสนาคริ สต์เป็ นจํานวนมาก เราสามารถสรุ ป ถึงสาเหตุของการกลับใจของพวกเขาได้ดงั นี้: 1. เป็ นเพราะความรั ก และความเมตตาสงสารของพวกมิ ช ชัน นารี ที่ เป็ นผูไ้ ถ่ ต ัวทาส จํานวนมากให้เป็ นอิสระ โดยไม่ได้ตอ้ งการให้พวกเขาเปลี่ยนศาสนา แต่ตอ้ งการให้ พวกเขาเป็ นอิสระ 2. เพราะความเคารพนับถื อและชื่นชมของบุคคลทัว่ ไปที่มีต่อพวกมิชชันนารี ผูซ้ ่ ึ งยอม อุทิศชี วิตของตนเองเพื่อรั บใช้เพื่อนมนุ ษย์ด้วยความเสี ยสละ และรั กเพื่อนมนุ ษย์ เหมือนญาติพี่นอ้ งของตน 3. พวกขุนนางชาวสยามซึ่ งใช้อาํ นาจขัดขวางชาวสยามมิให้เข้ามานับถือศาสนาคริ สต์แต่ กลับสนับสนุ นชาวจีนให้กลับใจ เพราะพวกเขารู้ว่าไม่มีคริ สตังคนใดจะไปเข้าเป็ น สมาชิกของสมาคมลับของชาวจีน (อั้งยี)่ ซึ่ งกําลังก่อกวนความสงบสุ ขของประเทศอยู่ ในเวลานั้น 24

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 165

22

23

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

21

22จดหมายของคุณพ่อราบาร์ แดล

ถึงคณะที่ปรึ กษากลางแห่งสํานักงาน Propagation de la Foi ลงวันที่ 15 สิ งหาคม ค.ศ. 1873, AME, Siam, Vol. 894, p. 673; ดูจดหมายของคุณพ่อราบาร์ แดล ถึงผูอ้ าํ นวยการสํานักงาน St. Enfance ลงวันที่ 12 สิ งหาคม ค.ศ. 1873, AME, Siam, Vol. 894, p. 672. 23ชี วิตของเปาโล ปาน, อาโกไลของมิสซังสยาม เขียนโดย คุณพ่อราบาร์ แดล ลงวันที่ 21 กรกฎาคม ค.ศ. 1870, AME, Sia,, Vol. 894, p. 500, ff. 1-26. 24พระศาสนจักรในประเทศไทย, หน้า 468-470; ดู สะอาด ไชยวัณต์, เล่มเดียวกัน, หน้า 125.


.

เมื่อพระสังฆราชดือปองด์ถึงแก่มรณภาพในวันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 1872 มิสซังสยามมี คริ สตังจํานวน 10,000 คน, มิชชันนารี ชาวยุโรปจํานวน 20 องค์ และพระสงฆ์พ้นื เมืองจํานวน 8 องค์ 25

2.

พระศาสนจักรคาทอลิกในสมัยรัชกาลที่ 5

ก. 1.

ชีวติ การเป็ นมิชชันนารีของยัง หลุยส์ เวย์ กระแสเรียกแห่ งการเป็ นมิชชันนารี

Ba ngk o

24

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

ประวัติศาสตร์ ไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 นี้เต็มไปด้วยชีวติ ชีวา แผ่นดินสยามได้พบกับสิ่ ง ใหม่ๆ มากมาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั เป็ นผูน้ าํ การปฏิรูปต่างๆ ทรงดําเนินนโยบายทาง การเมืองที่ชาญฉลาด จนพระองค์ได้รับเกียรตินาม "มหาราช" พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยูห่ วั ประสู ติเมื่อวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 1853 เสด็จขึ้นครองราชสมบัติในปี ค.ศ. 1868 แต่เนื่องจากพระชนมายุเพียง 16 ชันษา เจ้าพระยาศรี สุริยวงศ์จึงเป็ นผูส้ าํ เร็ จราชการแทน จนกระทัง่ ถึงปี ค.ศ. 1873 พระองค์จึงขึ้นครองราชย์ดว้ ยพระองค์เอง ในช่ วงระยะเวลานี้ เอง ทางฝ่ ายพระศาสนจักรคาทอลิ กได้มีผูน้ าํ ท่านหนึ่ งซึ่ งสามารถ ดําเนิ นงานทางศาสนาสอดคล้องกับความเจริ ญก้าวหน้าของประเทศ อีกทั้งเป็ นมิตรที่ดีกบั สยาม ได้แก่ พระคุณเจ้ายัง หลุยส์เวย์ (Jean Louis Vey) ประมุขมิสซังสยาม คุณพ่อยัง หลุยส์ เวย์ เดินทางมาถึงสยามปี ค.ศ. 1865 และได้รับแต่งตั้งเป็ นประมุขมิสซัง สยามในปี ค.ศ. 1875

Hi sto

ric al A

ยัง หลุยส์ เวย์ เกิดที่เมืองอาโรลส์ (Araules) ซึ่งเป็ นเมืองเล็กๆ เมืองหนึ่งที่อยูใ่ กล้กบั Issingeaux Haute-Loire เมื่อวันที่ 6 มกราคม ค.ศ. 1840 บิดามารดาของท่านเป็ นชาวนาและเป็ น คริ สตังที่ดี ท่านได้รับการศึกษาขั้นต้นในโรงเรี ยน มีผลการเรี ยนอยูใ่ นเกณท์ดี ท่านได้เรี ยนภาษา ลาตินครั้งแรกจากโรงเรี ยนประจําตําบล ครู ของท่านพบว่าท่านสามารถเรี ยนภาษาลาตินได้เข้าใจ อย่างรวดเร็ ว ท่านมีความตั้งใจในการเรี ยน ขณะเดียวกันท่านก็ชอบการเล่นเกม และสามารถเล่นมัน ได้ดีทีเดียว ความโชคร้ายจากการเล่นเกมเกมหนึ่ง ทําให้ท่านต้องเสี ยดวงตาข้างหนึ่งไป ดังนั้น ท่านจึงมองอะไรไม่ถนัด ความบกพร่ องทางร่ างกายไม่ได้มีผลเสี ยต่อความฉลาดปราดเปรื่ องของ ท่าน การเรี ยนรู ้อย่างรวดเร็ วเป็ นข้อสังเกตอันหนึ่งที่ทาํ ให้ครู แนะนําบิดาของท่านให้ส่งท่านไปเข้า 25เรื่ องเดียวกัน,

หน้า 473; ดู จดหมายของคุณพ่อมาร์ แต็ง ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 1872, AME, Siam, Vol.

894, 1872, p. 622.

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 166


.

27

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

Ba ngk o

บ้านเณรเล็กที่มอนิสโทรล (Monistrol) ในสังฆมณฑลปื ออี (Puy) ความบกพร่ องของดวงตาได้เป็ น อุปสรรคในการเข้าบ้านเณรแต่เพียงประการเดียวของท่าน (ตามที่กล่าวมาข้างต้น) พระสังฆราชแห่งปื ออี ซึ่ งได้มาเยีย่ มเยือนที่ตาํ บลนี้เป็ นเวลาหลายวันเพื่อโปรดศีลกําลังได้ สังเกตว่าเด็กชายหลุยส์เป็ นเด็กที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด เหตุน้ ีเองทําให้ท่านกล่าวว่า "เราน่ าจะส่ ง เด็กคนนีไ้ ปใช้ ชีวิตอยู่ในบ้ านเณรเล็ก เราจะขัดเกลาเขาในภายหลัง"26 ความคิดและการตัดสิ นใจของพระสังฆราชองค์น้ ี นบั ว่าเป็ นสิ่ งที่น่าสรรเสริ ญมาก ที่บา้ น เณรมอนิ สโทรล บรรดาครู ผสู ้ อนได้ชมเชยในความสามารถและความตั้งใจเรี ยนของท่าน ต่อมา อุปสังฆราชแห่งสังฆมณฑลได้ถามท่านถึงความสมัครใจในการเข้าบ้านเณรคณะมิสซังต่างประเทศ แห่งกรุ งปารี ส (M.E.P.) ท่านได้ตดั สิ นใจเข้าบ้านเณรของคณะ M.E.P. ในวันที่ 5 ตุลาคม ค.ศ. 1862 บรรดาครู และเพื่อนๆ ของท่านรู ้ สึกเสี ยใจมากที่ตอ้ งสู ญเสี ยคนเก่งของสังฆมณฑลอย่างท่านไป ที่ถนนดือบัคในกรุ งปารี ส เมอร์ ซิเออเวย์ได้ปฏิบตั ิตวั เป็ นสามเณรที่ดี โดยมีความตั้งใจที่จะพัฒนาสิ่ ง ที่จาํ เป็ นสําหรับงานแพร่ ธรรมในอนาคต ในที่สุดท่านก็ได้รับศีลบวชเป็ นพระสงฆ์ในวันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ. 1865 27 ท่านได้รับมอบหมายให้เดินทางมายังมิสซังสยาม โดยออกเดินทางจากเมืองลีอองและได้ พบกับบิดามารดาเป็ นครั้งสุ ดท้าย ทั้งสองมาส่ งลูกชายซึ่ งได้มอบถวายแด่พระด้วยความยินดีเพื่อ ทํางานรับใช้พระองค์ และยังได้ให้กาํ ลังใจแก่ท่านสําหรับการทํางานแพร่ ธรรม 28 ท่านได้ออก เดินทางมาประเทศสยามในวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1865 และมาถึงในเดือนกันยายน พระสังฆราช ดือปองด์พระสังฆราชใหม่ที่เพิ่งจะได้รับการอภิเษกพร้อมทั้งมิชชันนารี อีก 8 องค์ ได้มาต้อนรับท่าน คุณพ่อเกลมังโซ (Clémenceau) ผูด้ ูแลบ้านเณรของมิสซังและผูป้ กครองดูแลครอบครัว คริ สตังที่อสั สัมชัญมาหลายปี แล้ว ได้ถึงแก่มรณภาพลงเมื่อเดือนมกราคมปี ก่อน และยังไม่มีผใู้ ดมา รับหน้าที่แทน พระสังฆราชดือปองด์ไม่รีรอที่จะมอบหน้าที่น้ ีให้แก่มิชชันนารี ผมู้ าใหม่ ซึ่ งมีความ กระตือรื อร้ นในการทํางาน และเมื่อสังเกตเห็นคุณสมบัติที่เด่นๆ ของมิชชันนารี หนุ่ มผูน้ ้ ี แล้ว พระคุณเจ้าได้มอบหมายให้ท่านเป็ นผูบ้ ริ หารบ้านเณรของมิสซังและดูแลโรงพิมพ์ของมิสซัง ซึ่ งใน เวลานั้นสํานักพระสังฆราชเพิ่งจะเริ่ มก่อตั้งขึ้นในบริ เวณอัสสัมชัญ นักเรี ยนของบ้านเณรมีจาํ นวน น้อย ดังนั้นท่านจึงมีเวลามาดูแลคริ สตังกลุ่มอัสสัมชัญ ด้วยวิธีการและแนวทางที่ดีของท่านโดยการ พูดชักชวนและให้ความสนิทสนมพูดคุยกับชาวบ้านที่อยูใ่ นบริ เวณนั้น ในไม่ชา้ ท่านก็สามารถทําให้

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 167

26Notice Biographique de sa Grandeur Mgr. J. L. Vey, written on October 20, 1909; AME, Siam, Vol. 896, p. 252, f. 1 ; ereinafter will be cited only Notice Biographique. 27A. LAUNAY, M¾ morial de la Société des Missions-Étrangères, p. 625. 28Notice Biographique, f. 2.


.

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 168

ชาวบ้านเหล่ านั้นกลับใจมาเป็ นคริ สตัง ได้จดั ตั้งเป็ นกลุ่มคริ สตชนและพัฒนามาจนกลายเป็ น วัดอัสสัมชัญในปั จจุบนั นี้ 29 ท่านได้ใช้เวลาในปี แรกด้วยการเรี ยนภาษาสยาม และได้สังเกตว่าการรู้ภาษาสยามเพียง ภาษาเดียวไม่เพียงพอสําหรับท่านในการทํางานที่ตอ้ งเกี่ยวข้องกับชาวพุทธ ท่านจึงเรี ยนภาษาบาลี เป็ นภาษาต่อมาอย่างลึกซึ้ ง ซึ่ งการเรี ยนรู้ภาษานี้ จะสามารถทําให้ท่านรู้รากศัพท์และที่มาของคําได้ ท่านประสบความสําเร็ จด้วยดีเหมือนอย่างพระสังฆราชปั ลเลอกัว (ผูแ้ ต่งหนังสื อ "พจนานุกรม 4 ภาษา คื อ ภาษาไทย, ลาติน, ฝรั่ งเศส และอังกฤษ" ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1854 ที่กรุ งปารี ส) อาจพูดได้วา่ ท่านเป็ นนักเรี ยนที่ดีที่สุดในจํานวนชาวต่างประเทศทั้งหลายที่อยู่ในประเทศสยาม วารสารของ สยาม สมาคมได้ให้คาํ วิจารณ์เกี่ยวกับตัวท่านไว้ดงั นี้: มิสซั งคาทอลิ กแห่ งสยามเป็ นหนี บ้ ุญคุณพระคุณเจ้ า สําหรั บงานเขียนที่ ใช้ ภาษาสยามในด้ านคําสอนที่ ดีหลายชิ ้น โดยไม่ รวมถึงการที่ ท่านนําเอา พจนานุกรมของพระสั งฆราชปั ลเลอกัวมาจัดพิมพ์ ขึน้ ใหม่ ท่ านได้ อุทิศ เวลาอย่ างใกล้ ชิด 2 ปี ใน การทําให้ หนังสื อเล่ มนีส้ มบูรณ์ และสะดวกใน การใช้ ท่ านใช้ เวลาอย่ างรวดเร็ วในการปรั บตัว และเรี ยนรู้ สิ่ งต่ างๆ สําหรั บประเทศที่ ท่านอยู่, ขนบธรรมเนี ยมประเพณี , กฎหมายและ ระเบียบปฏิ บัติต่างๆ, อุปนิสัยและลักษณะต่ างๆ ของผู้คน 30 ในปี ค.ศ. 1870-1871 ระหว่างที่พระสังฆราชดือปองด์ไม่อยู่ เนื่ องจากถูกเชิ ญไปยัง กรุ งโรมเพื่อเข้าร่ วมการประชุ มสังคายนาวาติกนั ครั้งที่ 1 ซึ่ งจัดขึ้นโดยพระสันตะปาปาปี โอ ที่ 9 ดังนั้นคุ ณความดีและสติปัญญาอันเฉลียวฉลาดของคุณพ่อเวย์จึงปรากฏแจ่มชัดขึ้น พระสังฆราช ดื อ ปองด์ ไ ด้อ อกเดิ นทางไปยัง กรุ ง โรม ก่ อนไปท่า นได้เลื อกมิ ช ชันนารี องค์ห นึ่ ง เป็ นผูด้ ู แ ล รักษาการณ์ มิสซังแทนท่าน คุณพ่อเปอังซึ่ งเป็ นผูด้ ูแลคริ สตังที่แปดริ้ วและเป็ นมิชชันนารี องค์หนึ่ ง ที่มีความสามารถมากก็ได้ออกเดินทางไปปารี สตั้งแต่ปี ค.ศ. 1868 แล้ว เพื่อไปรับตําแหน่งอธิ การ คุณพ่อเวย์ก็ยงั หนุ่มมากเพิ่งจะทํางานในมิสซังได้เพียง 4 ปี เท่านั้น ดังนั้นพระสังฆราชดือปองด์ จึงมอบหมายให้คุณพ่อมาร์ แต็ง มิชชันนารี ที่อาวุโสองค์หนึ่งเป็ นผูด้ ูแลมิสซัง พร้อมกับมอบอํานาจ ในการตัดสิ นใจเรื่ องต่างๆ ให้ดว้ ย อย่างไรก็ตาม มันเป็ นสิ่ งที่หลีกเลี่ยงไม่พน้ สําหรับคุณพ่อเวย์ที่จะ แสดงบทบาทสําคัญในหน้าที่น้ ี ซึ่ งเราจะสามารถเห็นได้วา่ : พระสั ง ฆราชดื อปองด์ ไ ด้ ม อบให้ พระสงฆ์ อาวุโสองค์ หนึ่ ง เป็ นผู้ดูแล มิสซั ง ซึ่ งท่ านต้ องรั บภาระหน้ าที่ นี้ในนามของประมุขมิ สซั ง แต่

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

Ba ngk o

k

28

29A Sketch of Bishop Vey's Life, in JSS, Vol. VII, Part 1 (1910), p. 109. 30เรื่ องเดียวกัน.

29


.

เนื่ องจากงานที่ ต้องรั บผิดชอบมีเป็ นจํานวนมาก อี กทั้งยังเป็ นงานที่ ยาก และเกิดขึน้ อยู่เสมอๆ จึ งเป็ นภาระของคุณพ่ อเวย์ ผ้ ซู ึ่ งมีความสามารถคอย ให้ คาํ แนะนํา และชี ้ให้ เห็นถึงวิธีการในการแก้ ปัญหา 31 อันที่จริ งคุณพ่อมาร์ แต็งอายุมากเกินไปสําหรับการทํางานที่ตอ้ งใช้การพิจารณาตัดสิ นใจที่ ยุง่ ยาก ซึ่ งพวกมิชชันนารี ตอ้ งการให้ท่านช่วยตัดสิ นใจหรื อแก้ปัญหาบางอย่างที่พวกเขามักจะเกิ ด ขึ้นอยูเ่ สมอ พวกมิชชันนารี เหล่านี้กระจัดกระจายกันอยูใ่ นตําบลที่ห่างไกล ดังนั้นเมื่อพวกเขาต้องพบกับความยุง่ ยากและความลําบากในงานแพร่ ธรรม พวกเขารู ้สึก ประหลาดใจและพึงพอใจเป็ นอย่างมากเมื่อคุณพ่อเวย์ได้ช้ ี ให้พวกเขาเห็นว่าจะต่อสู้กบั ความยุง่ ยาก เช่นนั้นได้อย่างไร 32

of

Ba ngk o

30

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 169

31

ปัญหาเกีย่ วกับพระสั งฆราช

ces e

2.

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ในระหว่างการประชุ มสังคายนาวาติกนั ครั้งที่ 1 ทางกรุ งโรมได้เน้นเตือนพระสังฆราช ดือปองด์ให้ไปทําการเผยแพร่ พระศาสนาในประเทศลาว เมื่อเดินทางกลับมายังกรุ งเทพฯ แล้วท่าน ตระหนักว่าสุ ขภาพของท่านไม่เอื้ออํานวยให้ท่านดําเนิ นการตามโครงการนี้ได้ ท่านเกรงว่าหลังจาก ที่ท่านมรณภาพไปแล้ว การเลือกประมุขมิสซังองค์ใหม่จะต้องกินเวลานาน และสิ่ งนี้จะเป็ นสาเหตุ ทําให้การประกาศศาสนาในประเทศลาวต้องล่าช้าไป ดังนั้นท่านจึงสั่งให้มิชชันนารี ท้ งั หมดมา ประชุ มกันมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และขอให้เขาออกเสี ยงเลือกคุณพ่อเวย์ซ่ ึ งท่านเห็นว่าเหมาะสม ที่สุดในจํานวนผูม้ ีสิทธิ ท้ งั หมดในเวลานั้น แต่มีสาเหตุหลายประการที่ทาํ ให้ไม่เป็ นไปตามที่ท่าน หวัง ในทางตรงข้าม สิ่ งที่พระสังฆราชดือปองด์ได้ทาํ ไปกลับเป็ นต้นเหตุของความล่าช้าทั้ง 2 เรื่ อง คือเรื่ องการแต่งตั้งประมุขมิสซังองค์ใหม่และเรื่ องการเผยแพร่ พระศาสนาในประเทศลาว เนื่องจาก มิชชันนารี หลายองค์ซ่ ึ งเป็ นผูส้ งวนสิ ทธิ ในการออกเสี ยง ได้แสดงความไม่เห็นด้วยในเรื่ องนี้ 33 ในวันที่ 22 กรกฎาคม ค.ศ. 1872 พระสังฆราชดือปองด์ได้เขียนถึงกรุ งปารี สดังนี้ วันที่ 22 กรกฎาคม ข้ าพเจ้ าจะบอกแก่ ท่านในอี กไม่ นานนี ว้ ่ าการ ลงคะแนนเสี ยงอย่ างเป็ นเอกฉั นท์ ของบรรดามิชชันนารี ลงคะแนนให้ คุณพ่ อเวย์ เป็ นผู้สืบตําแหน่ งของข้ าพเจ้ า 34

31Notice Biographique, f. 3. 32A Sketch of Bishop Vey's Life, pp. 109-110;

32

33

ดูจดหมายการลงคะแนนของคุณพ่อเชอวิญารด์, คุณพ่อด็องต์, คุณพ่อ

ซาลาแด็ง, คุณพ่อฟ็ อกซ์, AME, Siam, Vol. 894, 1872, p. 623. 33พระศาสนจักรในประเทศไทย, หน้า 470-471. 34AME, Siam, Vol. 894, 1872, p. 622.


.

Ba ngk o

คุณพ่อมาร์ แต็งได้ให้ขอ้ สังเกตแก่กรุ งปารี สและได้ลงชื่อในจดหมายของบรรดามิชชันนารี ซึ่ งคัดค้านการเลือกประมุขมิสซังองค์ใหม่ต่อกรุ งปารี สด้วย โดยคุณพ่อมาร์แต็งได้เขียนไว้วา่ : ข้ าพเจ้ าลงชื่ อในจดหมายนีพ้ ร้ อมทั้งข้ อสั งเกตของข้ าพเจ้ า เมื่อข้ าพเจ้ าได้ ถูกพระคุณเจ้ าดือปองด์ ถามถึงเรื่ องที่ เกี่ยวกับการเลือกผู้สืบตําแหน่ งแทน ท่ าน ในส่ วนที่ เกี่ยวกับข้ าพเจ้ าแล้ ว ข้ าพเจ้ าได้ แสดงความรู้ สึกด้ วยความ มัน่ ใจ แต่ เนื่องจากว่ าเพื่อนมิชชันนารี หลายๆ คนมิได้ ถกู ถาม ข้ าพเจ้ าเชื่ อ ว่ าพระคุณเจ้ าจะต้ องสอบถามพวกเขาแน่ และข้ าพเจ้ าสนับสนุนคําเรี ยก ร้ องนีด้ ้ วยการลงชื่ อในจดหมาย 35 คุณพ่อชมิตต์ก็เขียนถึงกรุ งปารี สเช่นเดียวกันเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 1872 โดยพูดว่า เท่าที่ขา้ พเจ้าทราบมาพระคุณเจ้าดือปองด์ได้ส่งจดหมายฉบับหนึ่ งมายังกรุ งปารี ส หลังจากที่ท่านได้ ขอให้บรรดามิชชันนารี ท้ งั หมดลงคะแนนเสี ยงให้คุณพ่อเวย์ 36 สิ่ งที่น่าสนใจในเวลานี้ ก็คือการ ลงคะแนนเสี ยงนั้นได้เริ่ มขึ้นตั้งแต่เดือนธันวาคม ค.ศ. 1872 ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1873 บรรดามิ ช ชันนารี ท้ งั หมดได้ส่ ง จดหมายลงคะแนนเสี ย งของตนไปยัง กรุ ง ปารี ส ผลของการ ลง คะแนนเป็ นดังนี้ จากบรรดามิชชันนารี ท้ งั หมด 15 คน ลงคะแนนเสี ยงให้คุณพ่อเวย์เป็ นผูร้ ับ เลือกคนแรก 5 เสี ยง, ให้คุณพ่อเปอัง 4 เสี ยง,ให้คุณพ่อชมิตต์ 3 เสี ยง, ให้คุณพ่อมาร์ แต็ง 2 เสี ยง และให้คุณพ่อราบาร์ แดล 37 1 เสี ยง คุณพ่อเวย์ไม่ได้ออกเสี ยงเพราะกําลังรักษาตาอยูใ่ นประเทศ ฝรั่งเศส ความเห็นเกี่ยวกับวิธีการส่ งเสริ มคุณพ่อเวย์ของพระคุณเจ้าดือปองด์ ซึ่ งบรรดามิชชันนารี ได้ ให้ไว้ในจดหมายลงคะแนน ประกอบกับเสี ยงลงคะแนนไม่เป็ นเอกฉันท์ทาํ ให้บรรดาผูบ้ ริ หารของ คณะมิสซังต่างประเทศแห่ งกรุ งปารี สรู้ สึกขัดเขินและลังเลที่จะตัดสิ นใจ พวกเขาได้ส่งผลการ ลงคะแนนเสี ยงทั้งหมดไปยังสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่อ พร้อมทั้งความคิดเห็นของพวกเขาเอง และเสนอว่าสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่อควรจะรอเวลาอันเหมาะสมในการแต่งตั้งประมุขมิสซัง หลังจากที่ได้สวบสวนเรื่ องราวแล้ว ทางกรุ งโรมจึงได้ตดั สิ นใจที่จะรอเวลาไปก่อนจนกว่า อารมณ์และความรู ้สึกต่างๆ ของบรรดามิชชันนารี จะสงบลง 38 ดูเหมือนว่าคุณพ่อมาร์ แต็งจะเดาใจ

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 170

ces e

of

34

37

Hi sto

ric al A

rch ive

36

sA

rch

dio

35

35จดหมายของคุณพ่อมาร์ แต็ง ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1872, AME, Siam, Vol. 894, 1872, p. 614. 36AME, Siam, Vol. 894, 1872, p. 628.

37การลงคะแนนเสี ยงของบรรดามิชชันนารี , AME, Siam, Vol. 894, 1872-1873, p. 623. 38ASCPF, Acta (Ponenze) 1873, August 11, 1873, ff. 809-811 ; สมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่ อได้ตกลงกับ

ผูบ้ ริ หารของคณะ M.E.P. ที่กรุ งปารี ส และด้วยความเห็นชอบของพระสันตะปาปา เมื่อวันที่ 17 สิ งหาคม ค.ศ. 1873; ดูพระศาสนจักรในประเทศไทย, หน้า 472: สมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่ อได้แต่งตั้งคุณพ่อมาร์ แต็ง เป็ นอุปสังฆราชของมิสซัง เมื่อวันที่ 17 สิ งหาคม ค.ศ. 1873; ดู AAB, Vey, จดหมายจากต่างประเทศ, 1873, No. 002/1.


.

Ba ngk o

กรุ งโรมออก คุณพ่อรู โซได้เอ่ยถึงเรื่ องนี้ในจดหมายลงคะแนนเสี ยงครั้งที่สองซึ่ งเกิดขึ้นไม่นานหลัง จากนั้นว่า: คุณพ่ อมาร์ แต็งบอกกับข้ าพเจ้ าเมื่อวานนีว้ ่ า บางที จะเป็ นการดีในกรณี ที่กรุ งโรมจะ ไม่ ให้ พระสั งฆราชแก่ เรา เพื่อให้ เราทําการลงคะแนนเสี ยงใหม่ โดยพยายามให้ ผ้ สู มัคร ที่ เลือกเฟ้ นมาได้ รับเสี ยงส่ วนใหญ่ เพื่อให้ ได้ ประมุขมิสซั งที่ เหมาะสม 39 คุณพ่อเวย์เดินทางกลับจากฝรั่งเศสมาถึงกรุ งเทพฯ เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 1874 ได้รับ แต่งตั้งเป็ นเหรัญญิกของมิสซัง 40 ที่สุดคุณพ่อมาร์ แต็งก็ได้ตดั สิ นใจให้มีการลงคะแนนเสี ยงเป็ น ครั้งที่สองหลังจากที่ได้รอมาเป็ นเวลาถึง 1 ปี ครึ่ ง ท่านได้แจ้งถึงการตัดสิ นใจในครั้งนี้แก่บรรดา มิ ชชันนารี ในเดื อนเมษายน และตั้งแต่เดื อนพฤษภาคมไปจนถึ งเดื อนมิถุนายน ค.ศ. 1874 มิชชันนารี 8 องค์ ได้ส่งจดหมายลงคะแนนเสี ยงของตนไปยังกรุ งปารี ส ผลการลงคะแนนเสี ยงเป็ น ดังนี้ 12 เสี ยงเลือกคุ ณพ่อเวย์, มิชชันนารี 4 องค์ ไม่ลงคะแนนเสี ยงให้ใครเลย อีกสององค์ ลงคะแนนเสี ยงให้คุณพ่อเปอัง ครั้งนี้ คุณพ่อเวย์ได้รับเสี ยงส่ วนใหญ่ แต่ตวั ท่านเองไม่ได้ลงคะแนน เสี ยง 41 ทางกรุ งโรมรับรองคะแนนเสี ยงของบรรดามิชชันนารี พระสันตะปาปาปี โอที่ 9 ได้แต่งตั้ง คุณพ่อเวย์ให้ดาํ รงตําแหน่ งประมุขมิสซังสยาม สังฆราชเกี ยรตินามแห่ งเยราซา เมื่ อวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 187542 วารสาร "Missions Catholiques" ซึ่ งออกโดย "Oeuvre de la Propagation de la Foi" ได้ลงข่าวการแต่งตั้งไว้ดงั นี้ : ในการประชุ ม "Consistory" เมื่อวันที่ 17 กันยายน พระสั นตะปาปา ได้ แจ้ งการแต่ งตั้งพระคุณเจ้ ายัง หลุยส์ เวย์ แห่ งคณะสงฆ์ มิสซั งต่ าง ประเทศแห่ งกรุ งปารี สเป็ นพระสั งฆราชเกียรติ นามแห่ งเยราซาและเป็ นผู้ แทนพระสั นตะปาปาแห่ งสยามสื บต่ อจากพระสั งฆราชดื อปองด์ ซึ่ ง เสี ยชี วิตไปเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 187243 พิธีสมณภิเษกเป็ นพระสังฆราชได้ถูกจัดขึ้นที่กรุ งเทพฯ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ค.ศ. 1875 ในวัดนักบุญฟรังซิ สเซเวียร์ พระสังฆราชกอลมแบรต์ ประมุขมิสซังแห่งโคชินจีน เป็ นพระสังฆราช ผูอ้ ภิเษก โดยมีคุณพ่อเลอแมร์ ซ่ ึ งเป็ นเพื่อนเดินทางมาจากไซ่ง่อนพร้อมกับพระคุณเจ้า และคุณพ่อ 38

dio

ces e

of

39

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

40

39จดหมายของคุณพ่อรู โซ ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 1873, AME, Siam, Vol. 894, 1873, p. 687. 40จดหมายของคุณพ่อเอมิล ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 29

มกราคม ค.ศ. 1874, AME, Siam, Vol. 895, 1874, p. 5; จดหมาย ของพระสังฆราชหลุยส์ เวย์ ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1874, AME, Siam, Vol. 895, 1874, p. 8. 41การลงคะแนนเสี ยงครั้งที่สองของบรรดามิชชันนารี , AME, Siam, Vol. 895, 1874, p. 23. 42Bulls การแต่งตั้ง, AAB, Vey, เอกสารสําคัญ, 1875, No. 004, 004/1, 004/2, 005. 43M.C., VII (1875) 516.

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 171


.

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 172

มาร์ แต็ง 44 เป็ นผูช้ ่วยพิธี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ได้ส่งผูส้ าํ เร็ จราชการแทนพระองค์มาร่ วมใน พิธีดว้ ย นอกจากนี้ยงั มีบรรดาเสนาบดีช้ นั สู งและข้าราชชั้นผูใ้ หญ่ บรรดาทูตานุทูต และกงสุ ลจาก ประเทศต่างๆ ในประเทศสยามมาร่ วมในพิธีดว้ ย ทั้งคริ สตังและคนต่างศาสนามาร่ วมในพิธีน้ ี มากกว่า 6,000 คน คณะนักขับร้องในพิธีมิสซาจํานวน 50 คน ภายหลังพิธีอภิเษก พระสังฆราชทั้ง 2 องค์ ได้รับการแห่แหนกลับไปยังบ้านพักพระสงฆ์โดยมีแตรวงที่กรมพระราชวังบวรวิชยั ชาญส่ ง มาร่ วมในพิธีบรรเลงเพลงมาร์ ช ในระหว่างอาหารกลางวันพระสังฆราชเวย์ได้รับจดหมายแสดง ความยินดี 2 ฉบับ จากกษัตริ ยท์ ้ งั สองพระองค์ของประเทศสยาม 45

Ba ngk o

44

การเผยแพร่ พระศาสนาในประเทศลาว

1.

จุดเริ่มต้ นของการเผยแพร่ พระศาสนาในประเทศลาว

of

ข.

rch

dio

ces e

จากการศึกษาถึงงานธรรมทูตของพระสังฆราชเวย์ งานชิ้นหนึ่งที่นบั ว่าเป็ นงานชิ้นเยีย่ มของ ท่านคือ การเข้าไปเผยแพร่ พระศาสนาในประเทศลาว และประสบผลสําเร็ จด้วยดีในงานนี้เมื่อทาง กรุ งโรมได้แยกมิสซังลาวออกจากมิสซังสยามในปี ค.ศ. 1899

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

พระสังฆราชมิช (Miche) ประมุขมิสซังเขมร ได้พยายามที่จะเข้าไปเผยแพร่ พระศาสนาใน ประเทศลาวเป็ นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1858 โดยมอบหมายให้คุณพ่อโอโซแลย์ (Ausoleil) และคุณพ่อ ตรี แอร์ (Triaire) รับผิดชอบงานที่ยากลําบากชิ้นนี้เพื่อนําข่าวดีไปประกาศแก่ชาวลาว ท่านได้ กําหนดให้เมืองหลวงพระบางเป็ นสถานที่แห่งแรกของงานแพร่ ธรรมนี้ เพราะท่านรู ้จกั เมืองนี้จาก บุคคลทัว่ ไป เมืองหลวงพระบางตั้งอยูท่ างทิศเหนือของประเทศลาว และมีระยะทางห่างไกลจาก ประเทศกัมพูชา บรรดามิชชันนารี ได้ตดั สิ นใจที่จะเดินทางไปที่นนั่ โดยผ่านกรุ งเทพฯ หลังจากการ เดินทางอันยาวไกลและยากลําบาก คุณพ่อทั้งสองก็ได้มาถึงเมืองหลวงพระบาง ด้วยความโชคร้าย คนรับใช้ 3 คน ของพวกเขาที่เดินทางมาด้วยกันได้ป่วยเป็ นไข้ป่าอย่างหนักและในที่สุดได้เสี ยชีวติ ไป 2 คน ในขณะเดียวกัน คุณพ่อตรี แอร์ได้ป่วยเป็ นไข้ป่าด้วยและได้เสี ยชีวติ ลงหลังจากนั้นไม่นาน ดังนั้นคุณพ่อโอโซแลย์จึงได้เดินทางกลับกรุ งเทพฯ 46 44ในวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 1875

k

43

45

ก่อนวันอภิเษก 1 วัน พระมหากษัตริ ยไ์ ด้ทรงพระราชทานให้พระสังฆราชเวย์ และพระสังฆราช กอลมแบรต์ เข้าเฝ้ าเป็ นการส่วนพระองค์, AAB, Vey, เอกสารสําคัญ : จดหมายกษัตริ ย,์ No. 482. 45รายงานของคุณพ่อเลอแมร์ ที่ส่งไปยังกรุ งปารี ส ลงวันที่ 19 ธันวาคม ค.ศ. 1875, ใน M.C., VIII (1875) 38-39; Notice Biographique, f. 3; A Sketch of Bishop Vey's Life, p. 110; สําหรับจดหมายของพระมหากษัตริ ยท์ ้ งั สองพระองค์ ดูได้ใน AAB, Vey, เอกสารสําคัญ : จดหมายกษัตริ ย,์ No. 481, 501. 46จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 1899, AME, Siam, Vol. 896, 1899, p. 162.


.

Ba ngk o

ในปี ค.ศ. 1870 ระหว่างการประชุ มสังคายนาวาติกนั ครั้งที่ 1 พระคาร์ ดินลั ผูว้ า่ การ สมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่ อได้เสนอให้พระสังฆราชดือปองด์เข้าปกครองประเทศลาวและเข้า ไปเผยแพร่ ศาสนา พระสังฆราชดือปองด์ได้ยอมรับข้อเสนอนี้ ในจดหมายของท่าน ท่านได้กล่าว ไว้วา่ : ข้ าพเจ้ าจะพยายามไปหาข้ อมูลที่ เกี่ยวกับจังหวัดต่ างๆ ของลาว ซึ่ งสมณ กระทรวงได้ ม อบหมายให้ ข้ า พเจ้ า ดู แลตั้ง แต่ ปี ที่ แ ล้ ว และเตรี ยม บุคคลากร เพื่อส่ งไปบุกเบิกในปี หน้ า 47 อย่างไรก็ดี ท่านไม่สามารถทําตามที่ท่านได้ตระเตรี ยมไว้ได้ เพราะท่านได้ถึงแก่มรณภาพ ลงในปี ค.ศ. 1872 คุณพ่อมาร์ แต็งอุปสังฆราชของมิสซัง ได้กล่าวถึงเรื่ องการส่ งมิชชันนารี ไปยัง ประเทศลาวตามความปรารถนาของพระสังฆราชดือปองด์วา่ คุณพ่อเวย์ซ่ ึงยังคงพักผ่อนอยูใ่ น ฝรั่งเศสเป็ นบุคคลที่เหมาะสมสําหรับการตัดสิ นใจในเรื่ องนี้ อธิ การของคณะ M.E.P. ควรถามคุณพ่อ เวย์เกี่ยวกับเรื่ องนี้ 48 ในฐานะประมุขมิสซัง พระสังฆราชเวย์ได้เริ่ มต้นงานขั้นแรกโดยการมอบหมายให้คุณพ่อ โปรดอมและคุณพ่อแปร์ โรไปเปิ ดมิสซังใหม่ในจังหวัดที่มีชาวลาวอาศัยอยู่ คุณพ่อโปรดอมได้เขียน ไว้ดงั นี้: คุณพ่ อแปร์ โรที่ แสนดี และข้ าพเจ้ าได้ รับมอบหมายให้ ทาํ หน้ าที่ เผยแพร่ ศาสนาในลาว และหลังวันฉลองการถวายพระเยซู ในพระวิ หารแล้ ว ข้ าพเจ้ าก็เดิ นทางไปทางเหนือ สามเณร 2 คน ขั้นศีลโกน ซึ่ งเป็ นศิ ษย์ ของข้ าพเจ้ าได้ เดินทางไปกับข้ าพเจ้ าด้ วย 49 ในทํานองเดียวกันคุณพ่อรู โซได้ยนื ยันดังนี้: คุณพ่ อโปรดอมอยู่ช่วยที่อยุธยา ท่ านถูกส่ งไปพร้ อมกับคุณพ่ อแปร์ โร เพื่อบุกเบิกงานแพร่ ธรรมในลาว พระคุณเจ้ าได้ ประกาศการเปิ ดมิสซั ง ลาวอย่ างสง่ า 50 มิชชันนารี ท้ งั สองเริ่ มต้นการเดินทาง โดยเดินทางผ่านสถานที่แห่งหนึ่ งซึ่ งเรี ยกว่า "ดงพญา ไฟ" เป็ นป่ าที่มีอนั ตรายเต็มไปด้วยไข้ป่า พวกท่านหยุดพักที่แก่งคอยซึ่ งมีชาวลาวกลุ่มใหญ่อาศัยอยู่ งานแพร่ ธรรมดําเนิ นไปด้วยดี ทีเดี ยว แม้ว่างานเผยแพร่ พระศาสนาไม่อาจดําเนิ นไปอย่างราบรื่ น

ces e

of

46

48

49

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

47

47จดหมายของพระสังฆราชดือปองด์

ถึงพระคาร์ ดินลั บาร์ นาโบ ลงวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ. 1871, AME, Siam, Vol. 894, 1871, p. 546. 48จดหมายของคุณพ่อมาร์ แต็ง ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 22 มกราคม ค.ศ. 1873, AME, Siam, Vol. 894, 1873, p. 634. 49จดหมายของคุณพ่อโปรดอม ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 25

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 173

มกราคม ค.ศ. 1876, AME, Siam, Vol. 895, p. 107. 50จดหมายของคุณพ่อรู โซ ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 1876, AME, Siam, Vol. 895, 1876, p. 117.


.

Ba ngk o

โดยไม่ป ราศจากปั ญหานั่นคื อไข้ป่ า, ความขาดแคลนสิ่ ง ของที่ จาํ เป็ นและขาดแคลนคนงาน พระสังฆราชเวย์ได้เขียนถึ งหน่ วยงานของสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่ อ (L'Oeuvre de la Propagation de la Foi) เพื่อขอความช่วยเหลือสําหรับสิ่ งที่จาํ เป็ นว่าดังนี้ : งานนีเ้ ป็ นงานที่ ยาก ภูมิประเทศเหล่ านีเ้ ป็ นภัยต่ อสุ ขภาพ เป็ นสถานที่ ที่ เต็มไปด้ วยไข้ ป่าอยู่ตลอดเวลา แต่ อันตรายเหล่ านีไ้ ม่ ใช่ สิ่งที่จะหยุด มิชชันนารี ได้ ขอเพียงให้ เขามีวตั ถุปัจจัยและบุคคลากรที่ จาํ เป็ นเพื่อทํา ให้ งานแพร่ ธรรมบังเกิดผลก็พอแล้ ว 51 ในปี แรกของงานแพร่ ธรรม พวกเขาได้ก่อตั้งกลุ่มคริ สตชนขึ้นที่นนั่ พร้อมกับการโปรดศีล ล้างบาปให้แก่ชาวลาว 40 คน ความสําเร็ จอันดีเยี่ยมนี้ เองเป็ นสาเหตุให้พระสังฆราชเวย์แปลกใจ ดังนั้นท่านจึงตัดสิ นใจเดินทางไปเยี่ยมกลุ่มคริ สตชนใหม่น้ ีในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1877 คุณพ่อ มาร์ แต็งได้เล่าถึ งเรื่ องการเจ็บป่ วยด้วยไข้ป่าของพระสังฆราชเวย์หลังจากที่ท่านได้ไปเยี่ยมกลุ่ม คริ สตชนใหม่น้ ี 52 ในปลายปี ค.ศ.1880 ผลของความกระตือรื อร้นและความบากบัน่ ของมิชชันนารี ทั้งสอง ทําให้มีคริ สตังจํานวน 250-300 คน รวมทั้งผูเ้ รี ยนคําสอนด้วย พระสังฆราชเวย์ได้ตดั สิ นที่ จะให้งานนี้ดาํ เนินต่อไปโดยให้เหตุผลดังนี้: 1. แก่งคอยไม่สามารถที่จะเป็ นศูนย์กลางของมิสซัง เพราะอยูห่ ่างไกลจากจังหวัดต่างๆ ของ ลาว; 2. อันที่จริ งแล้วชาวลาวอาศัยอยูใ่ นภาคตะวันออกเฉี ยงเหนื อของประเทศสยามไม่ใช่อยู่ทาง ภาคเหนื อเหมือนกับแก่งคอย ดังนั้นในการส่ งมิชชันนารี ไปยังภูมิภาคนี้ ของสยามเพื่อทํา การสํารวจถึงความเป็ นไปได้สาํ หรับมิสซังใหม่จะทําได้มากกว่า; 3. เจ้าเมืองของอุบลซึ่ งเป็ นจังหวัดที่ต้ งั อยูท่ างภาคตะวันออกเฉี ยงเหนื อของประเทศสยามได้ เชื้อเชิญให้บรรดามิชชันนารี พกั อาศัยอยูใ่ นจังหวัดของเขา ดังนั้นในวันที่ 2 มกราคม ค.ศ. 1881 พระสังฆราชเวย์ได้ส่งคุณพ่อโปรดอมและคุณพ่อ ซาเวียร์ เกโก ไปอุบลอย่างเป็ นทางการเพื่อเริ่ มต้นก่อตั้งมิสซังใหม่ในประเทศลาว คุณพ่อทั้งสอง ออกจากกรุ งเทพฯ ในวันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 1881 พร้อมด้วยครู คาํ สอน 1 คน และคนรับใช้จาํ นวน

ces e

of

50

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

51

51จดหมายของพระสังฆราชเวย์ เขียนในวันที่ 30 สิ งหาคม ค.ศ. 1876 ใน A.P.F., Vol. 49, No. 290 (มกราคม ค.ศ. 1877) 52จดหมายของคุณพ่อมาร์ แต็ง ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 19

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 174

กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1877 , AME, Siam, Vol. 895, 1877, p. 149 ; ดูจดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 31 สิ งหาคม ค.ศ. 1876 , AME, Siam, Vol. 895, 1876, p. 125.


.

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 175

หนึ่ง หลังจากการเดินทางอันยาวนานและยากลําบาก พวกเขาก็มาถึงอุบลในวันอาทิตย์ปัสกาที่ 24 เมษายน ค.ศ. 1881 ใช้เวลาในการเดินทางทั้งสิ้ น 102 วัน 53 เนื่องจากได้รับอนุญาตจากเจ้าเมือง พวกเขาสามารถที่จะเป็ นเจ้าของที่ดินที่เจ้าของเดิมได้ละ ทิ้งไปโดยอ้างว่ามีวญ ิ ญาณชัว่ ร้ายสิ งอยู่ ด้วยความอยากรู ้อยากเห็น ชาวลาวจํานวนหนึ่งได้พากันมาดู คุณพ่อทั้งสอง ดังนั้นคุณพ่อทั้งสองจึงถือเป็ นโอกาสดีที่จะทําการเทศน์สอนเพื่อประกาศข่าวดีแก่ พวกเขา การมาถึงของพวกมิชชันนารี ทาํ ให้พวกพ่อค้าทาสไม่พอใจและวิตกกังวล พวกเขารู ้สึกว่า พวกมิชชันนารี จะเป็ นอุปสรรคขัดขวางพวกเขาในการทําสิ่ งทุจริ ตผิดกฎหมายด้วยการปล่อยให้พวก ทาสเป็ นอิสระ หรื อแจ้งให้เจ้าหน้าที่ที่กรุ งเทพฯ ทราบว่าพวกเขากําลังทําอะไร 54 เพราะฉะนั้นพวก พ่อค้าทาสจึงได้กล่าวร้ายว่าพวกมิชชันนารี มาเพื่อค้าทาสเช่นเดียวกัน ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่ องนี้ ในหมู่ชาวลาวเกิดขึ้นไม่นานเพราะมันเป็ นสิ่ งที่ตรงข้ามกับ ความเป็ นจริ ง เนื่องจากพวกเขาได้เห็น แล้วว่าพวกมิชชันนารี ได้ยนื่ ฟ้ องพ่อค้าทาสต่อศาลและช่วยให้พวกทาสได้เป็ นอิสระ เริ่ มมีการกลับ ใจมาเป็ นคริ สตัง กลุ่มคริ สตชนหลายๆ กลุ่มได้ถูกก่อตั้งขึ้นและเจริ ญก้าวหน้าขึ้นเรื่ อยๆ ทุกๆ ปี ในปี ค.ศ. 1883 พระสังฆราชเวย์ได้รายงานถึงกรุ งปารี สว่าพวกมิชชันนารี กาํ ลังวางแผนการที่จะ ตั้งหลักฐานในประเทศลาว พวกเขาได้สาํ รวจสภาพภูมิประเทศไปจนถึงเวียงจันทน์ พระคุณเจ้า ได้ขอร้องไปยังสภาบริ หารของคณะ M.E.P. ด้วยความร้อนรนหลายต่อหลายครั้ง เพื่อขอความ ช่วยเหลือสําหรับสิ่ งที่จาํ เป็ นในการเผยแพร่ พระศาสนาในประเทศลาว ตามที่สมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่อได้มอบหมายให้พระคุณเจ้าทุ่มเททุกอย่างเพื่องานนี้ 55 จํานวนคริ สตังและผูเ้ รี ยนคําสอนกําลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ วทีเดียว ในปี ค.ศ. 1885 มีคริ สตัง จํานวน 485 คน และผูเ้ รี ยนคําสอนมากกว่า 1,500 คน และในปี ค.ศ. 1888 มีคริ สตังจํานวน 648 คน และผูเ้ รี ยนคําสอนมากกว่า 4,50056 คุณพ่อโปรดอมได้รายงานถึงกรุ งปารี สว่าดังนี้:

Ba ngk o

k

52

54

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

53

ถึงพระสังฆราชเวย์, รายงานมิสซังอุบล, AAB, Vey, บันทึก, Vol. II, No. 057; ดู พระสังฆราชบาเยต์, ประวัติการเผยแพร่ พระวรสารทางภาคเหนื อของประเทศไทย และประเทศลาว, แปลโดย พระสังฆราชเกี้ยน เสมอพิทกั ษ์, กรุ งเทพฯ: รวงแก้วการพิมพ์, 1984, หน้า 26-29; พระศาสนจักรในประเทศไทย, หน้า 492-497. 54กลุ่มคนเหล่านี้ ได้จบั หรื อลักพาชาวบ้านและนําไปขายเป็ นทาสในจังหวัดอื่นๆ ของลาวหรื อกัมพูชา; วิกตอร์ ลารเก, แปลจาก รายงานประจําปี ของมิสซังสยามตั้งแต่ปี ค.ศ. 1873-1907, เล่ม 1, ถ่ายสําเนา, กรุ งเทพฯ, 1986, หน้า 20 ; ต่อไปจะกล่าวถึงคําว่า "รายงานประจําปี " แต่เพียงอย่างเดียว 55จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 3 ตุลาคม ค.ศ. 1883 , AME, Siam, Vol. 895, p. 353. 56รายงานประจําปี , 1885-1888, หน้า 33-40

Hi sto

53คุณพ่อโปรดอม


.

จํานวนผู้รับศีลล้ างบาปซึ่ งเป็ นคนนอกศาสนา ได้ บรรลุถึงจุดเป้ าหมาย ด้ วยดี คื อมีจาํ นวนถึง 1,000 คนอย่ างแน่ นอน และอาจจะมีถึง 10,000 คน ถ้ าเรามีบุคลากรมากขึน้ 57 อันที่จริ งพระสังฆราชเวย์ไม่ลืมปั จจัยสําคัญเหล่านี้ สําหรับมิสซังใหม่ ท่านได้ให้ความ ช่วยเหลืองานแพร่ ธรรมในประเทศลาวมากเท่าที่ท่านจะสามารถช่วยได้ ทุกๆ ปี มิชชันนารี บางคน จากประเทศลาวจะเดินทางมากรุ งเทพฯ เพื่อรายงานเกี่ยวกับงานแพร่ ธรรมที่พวกเขาได้ทาํ ไป และ นําเอาสิ่ งที่จาํ เป็ นทั้งหลาย อาทิเช่น เครื่ องบริ โภค, สิ่ งของที่ได้รับบริ จาค, เงินเดือนครู คาํ สอน, เงินช่วยเหลือสําหรับงานแพร่ ธรรม รวมทั้งมิชชันนารี องค์ใหม่และครู คาํ สอน กลับไปยังประเทศ ลาว 58 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1881 จนถึงปี ค.ศ. 1889 พระสังฆราชเวย์ได้ส่งมิชชันนารี 19 องค์ และครู คําสอน 14 คน ไปยังประเทศลาว แน่นอนว่าบุคลากรเหล่านี้ ไม่เพียงพอกับมิสซังใหม่ที่กาํ ลัง เจริ ญก้าวหน้า แต่พวกเขาคือสิ่ งหนึ่ งที่เป็ นส่ วนประกอบสําคัญที่ทาํ ให้งานแพร่ ธรรมประสบผล สําเร็ จ

of

Ba ngk o

56

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 176

การแบ่ งแยกมิสซังลาว

rch

2.

dio

ces e

57

rch ive

sA

การแยกมิสซังลาวออกจากมิสซังสยาม และสถาปนามิสซังลาวขึ้นเป็ นมิสซังใหม่เป็ น ความคิดของพระสังฆราชเวย์ โดยพระคุณเจ้าได้ให้เหตุผลไว้ดงั ต่อไปนี้คือ: 1. พระคุณเจ้าได้ตระหนักดีวา่ พระเป็ นเจ้ากําลังเตรี ยมการเพื่ออนาคตสําหรับความประสงค์ อันนี้เพราะว่าบรรดาเจ้าเมืองต่างๆ ที่กาํ ลังปกครองชาวลาวอยูใ่ นจังหวัดต่างๆไม่ทาํ ตัวเป็ น ศัตรู ของมิสซังและยังให้ความร่ วมมือ สิ่ งนี้นบั ว่าเป็ นสิ่ งสําคัญมากสิ่ งหนึ่งสําหรับมิสซัง ใหม่ 59 2. การคมนาคมติดต่อระหว่างชาวลาวในจังหวัดต่างๆ และกรุ งเทพฯ ซึ่ งเป็ นจุดศูนย์กลางของ มิสซังเป็ นไปด้วยความยากลําบาก เพราะว่ามิสซังสยามกว้างใหญ่และดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ าํ โขงก็ถูกกําหนดให้เป็ นของประเทศฝรั่งเศส พวกมิชชันนารี ตอ้ งเดินทางไปยังกรุ งเทพฯ โดยทางแม่น้ าํ โขง ซึ่ งต้องใช้เวลาในการเดิ นทางมากและเป็ นไปด้วยความยากลําบาก พระคุณเจ้าคิดว่าถ้าสถาปนามิสซังใหม่ข้ ึนมา มิสซังลาวก็สามารถที่จะติดต่อกับกรุ งปารี ส ได้โดยตรงโดยผ่านทางไซ่ง่อน 60

Hi sto

ric al A

58

59

57จดหมายของคุณพ่อโปรดอม ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 8 สิ งหาคม ค.ศ. 1890, AME, Siam, Vol. 896, 1890, p. 44. 58Bayet, ในเล่มเดียวกัน, pp. 39-40.

59จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 4 กันยายน ค.ศ. 1892 , AME, Siam, Vol. 896, 1892, p. 101. 60จดหมายของพระสังฆราช ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1895 , AME, Siam, Vol. 896, 1895, p. 132.


.

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 177

มิสซังสยามไม่สามารถให้ความช่วยเหลือมิสซังใหม่ได้ เพราะว่ามิสซังสยามเองยังต้องการ บุคลากรและวัตถุปัจจัยอีกมากสําหรับงานแพร่ ธรรมที่กาํ ลังเจริ ญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ ว 61 4. ความเจริ ญก้าวหน้าของมิสซังลาวสามารถใช้เป็ นเหตุผลที่ดี สําหรับเสนอต่อกรุ งโรมเพื่อให้ มีการ สถาปนามิสซังใหม่ อันที่จริ งพระคุณเจ้าเวย์ได้แสดงจํานวนคริ สตังรวมทั้งหมดที่ อยูใ่ นประเทศลาวจํานวน 7,000 คน ซึ่ งอาศัยอยูใ่ นบริ เวณป่ าสักจนถึงแก่งคอย ในปี ค.ศ. 1896 และในปี ค.ศ. 1897 ท่านได้รายงานถึงสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่อดังนี้: ในปี ค.ศ. 1897 พวกคริ สตังจํานวนมากพอสมควรอาศัยอยู่ในจังหวัด ต่ างๆ จํานวนของผู้ที่เพิ่งกลับใจใหม่ รวมทั้งสิ ้นคื อ 8,000-9,000 คน 62 ดังนั้นในปี ค.ศ. 1896 ท่านจึงเสนอเรื่ องนี้ ต่อกรุ งปารี ส สภาบริ หารของคณะ M.E.P.ได้ เห็ นชอบกับข้อเสนอนี้ อธิ การของคณะ M.E.P. ได้ส่งจดหมายถึ งประมุขมิสซังโคชิ นไชน่ า ตะวันออก, โคชิ นไชน่าตะวันตก, ตองกินเหนือ, ตองกินใต้, ตองกินตะวันตกและกัมพูชา เพื่อขอ ความเห็นสําหรับขอบเขตของมิสซังลาวซึ่ งเป็ นมิสซังใหม่ ประมุขมิสซังทั้งหมดที่อยูใ่ นภูมิภาคนี้ได้ ให้ความร่ วมมือในทันทีและส่ งความคิดเห็นของตนไปยังกรุ งปารี ส 63 พระสังฆราชเวย์ได้เสนอ เรื่ องการก่ อตั้งมิ สซังลาวและการแต่งตั้งประมุขมิสซังไปยังสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่ อด้วย เช่นกัน ท่านกล่าวว่า: ถึงเวลาแล้ วที่ จะเรี ยกร้ องให้ มีการแต่ งตั้งประมุขมิสซั งใหม่ เพราะการ คมนาคมติ ดต่ อกับกรุ งเทพฯ ต้ องใช้ เวลานานและเป็ นไปด้ วยความ ยากลําบากมาก ต้ องใช้ เวลาถึง 40 วัน เพื่อที่จะเดินทางจากกรุ งเทพฯ ไป ยังอุบลซึ่ งเป็ นศูนย์ กลางในการติดต่ อของมิสซั งลาว 64 ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1897 กรุ งปารี สได้แจ้งให้พระสังฆราชเวย์ทราบว่าสมณกระทรวง เผยแพร่ ความเชื่ อได้ตกลงแยกมิสซังลาวออกจากมิสซังสยามแล้ว ในวันที่ 17 มกราคม ค.ศ. 1898 บรรดามิชชันนารี ต่างๆ ที่ทาํ งานอยู่ในประเทศลาวได้รับเชิ ญให้มาลงคะแนนออกเสี ยงเพื่อเลือก ประมุขมิสซังลาวองค์แรกของพวกเขา 3.

Ba ngk o

k

60

dio

ces e

of

61

63

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

62

61Bayet, ในเล่มเดียวกัน, p. 118.

62จดหมายของพระสังฆราชเวย์

ถึงสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่ อ , ASCPF, Rubrica, No. 129, 1897, Vol. 117,

p. 362; No. 129, 1903, Vol. 261, p. 435. 63ความคิดเห็นของบรรดาประมุขมิสซัง, AME, Siam, Vol. 896, 1896, pp. 139-144. 64รายงานของพระสังฆราชเวย์ต่อสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่ อ, ASCPF, Rubrica, No. 129, 1903, Vol. 261, p. 435.


.

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 178

บทบาทของพระสั งฆราชเวย์ ในการเลือกตั้ง

Ba ngk o

บรรดามิ ช ชัน นารี ท้ ัง หมดที่ ท ํา งานอยู่ใ นประเทศลาวได้ม าใช้ สิ ท ธิ ใ นการออกเสี ย ง มิชชันนารี จาํ นวน 9 องค์ ได้ส่งผลการลงคะแนนเสี ยงของตนไปยังกรุ งปารี สในเดือนมกราคม ค.ศ. 1898 ผูไ้ ด้รับเลือกคนแรกคือ คุณพ่อด็องต์มิชชันนารี องค์หนึ่ งของมิสซังสยาม ท่านได้รับคะแนน เสี ยง 5 เสี ยง ขณะเดียวกันผูร้ ับเลือกคนที่สองคือ คุณพ่อโปรดอมได้รับคะแนนเสี ยง 2 เสี ยง 65 ความเห็นของพระสังฆราชเวย์ในการเลือกตั้งนี้ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ กล่าวคือสัญชาติของ คุณพ่อด็องต์คือเบลเยีย่ ม ในเวลานั้นสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศลาวค่อนข้างจะตึงเครี ยด ระหว่างประเทศสยามและประเทศฝรั่งเศส และรัฐบาลของประเทศฝรั่งเศสจะมีความพอใจมากที่มี ชาวฝรั่งเศสเป็ นประมุขมิสซังในภูมิภาคนี้ เพื่อเห็นแก่มิสซังลาว การแต่งตั้งคุณพ่อด็องต์จะเป็ นการ ไม่เหมาะสม 66 อธิ การของคณะ M.E.P. ก็เห็นชอบกับท่านในเรื่ องนี้ดว้ ย ในเดือนสิ งหาคม ค.ศ. 1898 ทางคณะ M.E.P. ได้มีคาํ สั่งให้บรรดามิชชันนารี ลาวทั้งหมดทําการลงคะแนนเสี ยงเป็ นครั้งที่ สอง คุณพ่อซาเวียร์ เกโก เป็ นมิชชันนารี องค์แรกที่เข้ามาเผยแพร่ พระศาสนาในประเทศลาวพร้อม กับคุณพ่อโปรดอมได้ยนื ยันถึงข้อเท็จจริ งว่าดังนี้: จดหมายเวี ยนที่ ท่านได้ ส่งให้ แก่ บรรดามิชชั นนารี ทั้งหมดของประเทศ ลาว เพื่ อแจ้ งให้ ทราบถึงสั ญชาติของคุณพ่ อด็องต์ เป็ นอุปสรรคต่ อการ แต่ งตั้งท่ านเป็ นประมุขของมิสซั งลาว 67 การออกเสี ยงครั้งที่สองจัดให้มีข้ ึนในระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน ค.ศ. 1898 เวลานี้คุณพ่อกืออาซ มิชชันนารี องค์หนึ่งของมิสซังสยาม ได้รับคะแนนเสี ยง 5 เสี ยงจาก 10 เสี ยง และคุณพ่อโปรดอมได้รับ 4 เสี ยง 68 ในจดหมายของท่านคุณพ่อโปรดอมได้เขียนไว้วา่ ดังนี้: คุ ณ พ่ ออธิ ก ารส่ งจดหมายของท่ า นมาถึ ง พร้ อมกั บ จดหมายเวี ย นของ พระคุณเจ้ าเวย์ ซึ่ งถูกส่ งไปยังบรรดามิชชันนารี เพื่ อเสนอแนะให้ พวกเขา เลื อกคุณพ่ อกื ออาซ ซึ่ งเป็ นมิชชั นนารี ของสยาม จดหมายเวียนของ พระคุณเจ้ าเวย์ เสนอเพิ่ มเติ มให้ บรรดามิ ชชั นนารี ทั้งหมด ส่ งผลการ ลงคะแนนของพวกเขาให้ กับพระคุ ณเจ้ า ก่ อนที่ จะส่ งไปยังกรุ ง ปารี ส

k

3.

ces e

of

64

66

rch ive

sA

rch

dio

65

Hi sto

ric al A

67

65การลงคะแนนเสี ยงของบรรดามิชชันนารี ลาว, AME, Siam, Vol. 896, 1898, p. 149.

66จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงกรุ งปารี ส, AME, Siam, Vol. 896, 1898, p. 150.

67จดหมายของคุณพ่อเกโก ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 15

สิ งหาคม ค.ศ. 1898, AME, Siam, Vol. 896, 1898, p. 152.

68การลงคะแนนเสี ยงของบรรดามิชชันนารี ลาว, AME, Siam, Vol. 896, 1898, p. 152.


.

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 179

คุ ณ พ่ ออธิ ก าร ข้ า พเจ้ าต้ องยอมรั บ กับท่ า นว่ าข้ า พเจ้ า รู้ สึ ก แปลกใจ เล็กน้ อยกับวิธีการเช่ นนี ้ 69 กรุ งปารี สได้ถามความเห็นส่ วนตัวของพระคุณเจ้าเวย์ เกี่ยวกับผูท้ ี่จะได้รับเลือกเป็ นประมุข มิสซังลาวในอนาคต ท่านได้ให้คาํ ตอบดังนี้: ข้ าพเจ้ าไม่ เชื่ อว่ า คุณพ่ อโปรดอมเหมาะสมที่ จะเป็ นพระสั งฆราช ซึ่ งเห็น ได้ จากพฤติกรรมส่ วนตัวของท่ าน และเห็นได้ จากสถานการณ์ ของมิสซั ง ลาวตั้งแต่ มีสนธิ สัญญากับฝรั่ งเศส 70 พระคุณเจ้าได้แสดงความเห็นส่ วนตัวว่า คุณพ่อกืออาซเป็ นบุคคลที่เหมาะสมสําหรับการ เป็ นพระสังฆราช นอกจากนี้คุณพ่อยังเป็ นผูม้ ีปัญญา มีความสามารถในการพูดภาษาสยามและภาษา เวียดนามได้ จึงเป็ นการง่ายสําหรับคุณพ่อกืออาซในการที่ท่านจะเรี ยนภาษาลาว แต่ที่นอกเหนือจาก นี้คือ ท่านรู ้วา่ จะติดต่อเรื่ องการงานอย่างไรกับผูม้ ีอาํ นาจทั้งสองฝ่ าย คือชาวฝรั่งเศสและชาวสยาม ในที่สุดพระสันตะปาปาเลโอ ที่ 13 ได้สถาปนามิสซังลาวขึ้นในวันที่ 4 พฤษภาคม ค.ศ. 1898 และคุณพ่อกืออาซได้รับแต่งตั้งเป็ นประมุขมิสซังลาวในวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ. 189971 ในรายงานประจําปี ของพระสังฆราชเวย์ในปี ค.ศ. 1899-1900 ท่านได้บรรยายถึงพิธีอภิเษก พระสังฆราชกืออาซซึ่ งได้จดั ให้มีข้ ึนในวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 1899 ที่วดั แม่พระลูกประคํา กาลหว่าร์ กรุ งเทพฯ ผูช้ ่วยในการอภิเษกคือ พระสังฆราชโกรยอร์จ (Grosgeorge) ประมุขมิสซัง กัมพูชา และพระสังฆราชโมซารด์ (Mossard) ประมุขมิสซังโคชินไชน่าตะวันตก ซึ่ งพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยูห่ วั ได้พระราชทานให้พระคุณเจ้าทั้งสองได้เข้าเฝ้ าในวันต่อมา 72 เมื่อพระสังฆราชกืออาซเดินทางมาถึงประเทศลาวในวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1899 มีคริ สตังจํานวน 9,262 คน, ผูเ้ รี ยนคําสอน 1,761 คน และมิชชันนารี ที่กาํ ลังทํางานอยูใ่ นประเทศ ลาวจํานวน 20 องค์

Ba ngk o

71

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

69

ค.

k

68

ความก้ าวหน้ าของมิสซังสยาม

Hi sto

ภายใต้การปกครองของพระสังฆราชเวย์ ซึ่ งได้ปกครองมิสซังมาเป็ นเวลานานถึง 34 ปี มิสซังสยามได้เจริ ญก้าวหน้าอย่างมากในหลายๆ ด้าน จากรายงานประจําปี ของคณะ M.E.P.ได้แสดง

69จดหมายของคุณพ่อโปรดอม

ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 1898, AME, Siam, Vol. 896, 1898, p. 153. 70จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 1898, AME, Siam, Vol. 896, 1898, p. 154. 71Bulls of the erection, AME, Siam, Vol. 896, 1899, p. 157; AAB, Vey, จดหมายจากต่างประเทศ, No. 105;

ดู Bayet, เล่มเดียวกัน, p. 119. 72จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ. 1899, AME, Siam, Vol. 896, 1899, p. 166.


.

of

Ba ngk o

ให้เราเห็นถึ งความแตกต่างอย่างมากมาย โดยดูได้จากความก้าวหน้าที่เห็นได้ทว่ั ๆ ไป จากการ ตรวจสอบรายงานประจําปี ของพระสังฆราชเวย์ สิ่ งที่สามารถพบได้คือท่านได้กล่าวถึ งสถานที่ แพร่ ธรรมแห่ งใหม่, โบสถ์ใหม่หรื อวัดน้อยที่ได้ต้ งั ขึ้นและมีการสร้างขึ้นเกือบทุกปี ในรายงาน ประจําปี ของท่านในปี ค.ศ. 1877 ท่านได้บอกว่าความสําเร็ จของปี นี้ เป็ นผลที่ได้รับมาจากปี ก่อน และเนื่องจากมีคริ สตังใหม่ที่ได้รับศีลล้างบาปอาศัยอยู่ในกรุ งเทพฯ ท่านจึงได้สร้างวัดน้อยขึ้น 2 แห่ง: เราสามารถจัดตั้งสถานที่ ใหม่ 2 แห่ ง พร้ อมกับวัดน้ อยที่ ซึ่งบรรดาผู้ที่ เพิ่ งได้ รับศี ลล้ างบาปมาร่ วมกันสวดภาวนาและร่ วมถวายบูชามิสซาใน วันที่ มิชชันนารี ไปเยี่ยม 73 ที่จนั ทบูรณ์ได้มีการก่อตั้งกลุ่มคริ สตชนใหม่ข้ ึนในหมู่บา้ นซึ่ งมีคริ สตังจีนบางคนอาศัยอยู่ ในขณะเดียวกันบรรดามิชชันนารี ก็กาํ ลังก่อตั้งกลุ่มใหม่ข้ ึนที่บา้ นกะชาซึ่ งเป็ นหมู่บา้ นหนึ่ งที่เต็มไป ด้วยครอบครัวคนจีน ที่โคราชคือสถานที่ใหม่แห่งหนึ่งที่ถูกก่อตั้งในปี นั้นด้วย ท่านบอกว่า: มีที่ราบสู งโคราชตามเส้ นทางตะวันออกของแม่ นา้ํ เป็ นสถานที่แห่ งหนึ่ง ที่ มีผ้ กู ลับใจใหม่ ถึง 100 คนแล้ ว ทําให้ เราเกิดความหวังว่ าจะประสบ ผลสําเร็ จในอนาคต 74 ที่ดอนกระเบื้องในจังหวัดราชบุรี พระสงฆ์พ้นื เมืององค์หนึ่งซึ่ งรับภาระเป็ นผูจ้ บั จองที่ดิน และสร้างโรงสวดสําหรับใช้เป็ นวัดและสอนคําสอนแก่คริ สตังสํารอง วัดอยุธยาซึ่ งเป็ นวัดที่สวยและสง่างามที่สุดก็ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ดว้ ย ในระหว่างการ ประชุ มของบรรดาประมุขมิ สซังและผูม้ ีอาํ นาจของมิสซังในภูมิภาคนี้ ของโลก ซึ่ งจัดให้มีข้ ึนที่ ประเทศสิ งคโปร์ พระสังฆราชเวย์ได้เสนอโครงการหนึ่ งของมิสซังสยาม และของคณะสงฆ์มิสซัง ต่างประเทศแห่งกรุ งปารี สด้วยเช่นกัน โครงการนี้ได้รับความเห็นชอบจากผูเ้ ข้าร่ วมประชุมทั้งหมด นัน่ คือโครงการก่อสร้ างวัดนักบุญยอแซฟอยุธยาหลังใหม่ ก่อนที่กรุ งศรี อยุธยาจะถูกทําลายในปี ค.ศ. 1767 มิสซังสยามมีความมัน่ คง มีโบสถ์ที่สวยงามซึ่ งยกถวายแด่นกั บุญยอแซฟ มิสซังสยาม ได้ถูกนับว่าเป็ นมิสซังแรกของคณะสงฆ์มิสซังต่างประเทศแห่ งกรุ งปารี ส และโบสถ์แห่ งนี้ นบั ว่า เป็ นศูนย์กลางแห่งแรกของคณะ

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 180

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

73

rch

dio

ces e

72

73จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 28 ตุลาคม ค.ศ. 1877, AME, Siam, Vol. 895, p. 177. 74เรื่ องเดียวกัน.


.

พระสั งฆราชประมุขมิสซั ง 8 องค์ ซึ่ งองค์ แรกคื อพระสั งฆราชแห่ งเบริ ธ และมิชชันนารี อีก 30 องค์ ถูกฝั งไว้ ที่นั่นท่ ามกลางซากปรั กหั กพังของ กําแพง 75 สําหรับโครงการนี้พระสังฆราชเวย์ได้ขอเงินจํานวน 3,000 ถึง 4,000 ฟรังก์ จากกรุ งปารี ส เพื่อจะก่อสร้างโบสถ์หลังใหม่ ท่านได้พดู ต่อไปด้วยว่า: ควรจะส่ งเสริ มให้ มีการป้ องกัน รั กษาหลุมฝั งศพของบรรดาผู้ก่อตั้ง มิสซั งให้ รอดพ้ นจากสิ่ งเลวร้ ายภายนอก และให้ พวกเขาได้ รับเกี ยรติ ใน วัดที่ พวกเขาได้ ก่อสร้ างไว้ เช่ นเดียวกับที่ พวกเขาเคยได้ รับในอดีต 76 ประมุขมิสซังองค์อื่นๆ ทั้งหมดและผูม้ ีอาํ นาจของมิสซังเห็นด้วยกับโครงการนี้โดยให้ เหตุผลดังนี้: พวกเราเห็นชอบด้ วย และขอให้ พวกท่ านได้ เอาใจใส่ เป็ นอย่ างดี เพื่อเป็ น เกียรติให้ แก่ ทุกคนในคณะของเรา พวกเราจะยินดีมากที่ เห็นวัดอยุธยา ซึ่ งเป็ นวัดแม่ ของวัดทั้งหลายได้ รับการบูรณะขึน้ ใหม่ หลังจากที่ได้ ถกู ทอดทิ ง้ มาเป็ นระยะเวลานานกว่ า 100 ปี แล้ ว 77 กรุ งปารี สเห็นด้วยกับโครงการนี้และมอบเงินจํานวน 3,000 ฟรังก์ แก่พระสังฆราชเวย์เพื่อ ใช้ในการก่อสร้างวัดนักบุญยอแซฟหลังใหม่ ภายใต้การควบคุมดูแลของคุณพ่อแปร์ โร วัดได้เริ่ ม ก่อสร้างในปี ค.ศ. 1883 และเสร็ จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 189178 ในปี ค.ศ. 1890 พระสังฆราชเวย์ได้รายงานถึงกรุ งปารี สว่ามีการก่อตั้งกลุ่มคริ สตชนขึ้น 4 แห่งในจังหวัดต่างๆ ของประเทศสยาม และในปี ค.ศ. 1896 ท่านได้สรุ ปถึงความเจริ ญก้าวหน้าของ มิสซังสยามต่อสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่อว่าดังนี้: กลุ่มคริ สตชนใหม่ ที่เกิดขึน้ แล้ ว 5 แห่ ง โดยเฉพาะชาวลาว อยู่ในจังหวัด ราชบุรี, นครชัยศรี , อยุธยา, นครนายก และปราจี น 79 จนถึงปี ค.ศ. 1907 ท่านยังคงกล่าวถึงกลุ่มคริ สตชนใหม่บางกลุ่มที่ถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อเร็ วๆ นี้ ในปี ค.ศ. 1873 เมื่อพระสังฆราชดือปองด์ถึงแก่มรณภาพ มิสซังสยามมีคริ สตังจํานวน 10,000 คน,

Ba ngk o

74

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 181

dio

ces e

of

75

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

76

75จดหมายของพระสังฆราชเวย์ จากสิ งคโปร์

78

ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 28 มกราคม ค.ศ. 1880, AME, Siam, Vol. 895, 1880,

p. 255. 76เรื่ องเดียวกัน. 77เรื่ องเดียวกัน. 78จดหมายจากกรุ งปารี ส

ถึงพระสังฆราชเวย์ ลงวันที่ 12 สิ งหาคม ค.ศ. 1880, AAB, Vey, จดหมาย, Vol. I, 1880, No. 024; ดูพระศาสนจักรในประเทศไทย, หน้า 527-528; รายงานประจําปี , 1891, หน้า 52. 79ASCPF, Rubrica, No. 129, Vol. 117, p. 365.


.

Ba ngk o

วัดและโรงสวด 22 แห่ง, สามเณร 49 คน, พระสงฆ์พ้ืนเมือง 6 องค์ และครู คาํ สอน 16 คน แต่ในปี ค.ศ. 1899 ซึ่ งเป็ นปี สุ ดท้ายในสมัยการปกครองของพระสังฆราชเวย์ มิสซังสยามมีคริ สตัง จํานวน 23,600 คน, วัดและโรงสวด 57 แห่ง พร้อมด้วยกลุ่มคริ สตชน 79 กลุ่ม, สามเณร 59 คน, มิชชันนารี 44 องค์, พระสงฆ์พ้นื เมือง 21 องค์, นักบวชชาย 17 รู ป, นักบวชหญิง 123 รู ป, ครู คาํ สอน 21 คน, วิทยาลัย 3 แห่ง พร้อมด้วยนักเรี ยน 861 คน, โรงเรี ยน 62 แห่งพร้อมด้วย นักเรี ยน 2,692 คน และโรงพยาบาล 1 แห่ง 80 นอกจากความกระตื อรื อร้ นและความมุ ม านะบากบัน่ ของพระสัง ฆราชเวย์และบรรดา มิ ช ชัน นารี ข องท่ า นแล้ว ยัง มี ปั จ จัย ที่ สํ า คัญ บางอย่า งด้ว ยที่ มี ส่ ว นทํา ให้ มิ ส ซัง ได้รั บ ความ เจริ ญก้าวหน้า เราจําต้องนํามาพิจารณาด้วยได้แก่ สถาณการณ์ของประเทศ, วิธีการทํางานของ บรรดามิชชันนารี , อุปสรรคต่างๆ เป็ นต้น

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 182

วิธีการต่ างๆ ในการแพร่ ธรรมของพระสั งฆราชเวย์

1.

dio

ง.

rch ive

ces e

of

79

sA

rch

ความเจริ ญก้าวหน้าของมิสซังสยามไม่ได้เกิดขึ้นโดยปราศจากอุปสรรคบางอย่าง ซึ่ งผม จะบรรยายในภายหลัง ความเจริ ญก้าวหน้านี้ ข้ ึนอยู่กบั การบริ หารของพระคุณเจ้าอย่างมาก เกือบตลอดเวลาที่มิสซังต้องประสบกับความยุง่ ยาก และได้รับการต่อต้านจากคนต่างศาสนาบางคน และมีปัญหาบางอย่าง พระคุณเจ้าไม่เคยละเลยที่จะทําให้งานเผยแพร่ พระศาสนาเจริ ญก้าวหน้า ท่านได้บุกเบิกในที่แห่งใหม่และก่อตั้งเป็ นกลุ่มคริ สตชนขึ้น

ความสั มพันธ์ อนั ดีกบั รัฐบาลสยาม

Hi sto

ric al A

ความสัมพันธ์ อนั ดี ระหว่างมิสซังคาทอลิก และรัฐบาลสยามไม่ได้หมายความถึงการที่ มิสซังเข้าไปมีส่วนเกี่ ยวข้องในงานด้านการเมืองของประเทศ แต่เพราะว่าเหตุการณ์ทางการเมือง ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในประเทศสยามส่ วนใหญ่มีสาเหตุมาจากประเทศฝรั่งเศส สิ่ งนี้อาจจะเป็ นสาเหตุที่ ทําให้ชาวสยามไม่เต็มใจที่จะมีความสัมพันธ์กบั มิชชันนารี ชาวฝรั่งเศส แน่นอนทีเดียวพระสังฆราช เวย์ได้พิจารณาถึงท่าทีอนั นี้ วา่ เป็ นเงื่อนไขสําคัญสําหรับการเผยแพร่ พระศาสนา ท่านก็มีจุดยืนของ ท่านเองเมื่อวิกฤตการณ์วงั หน้าเกิดขึ้น ท่านตระหนักในใจว่าวิกฤตการณ์น้ ีจะเป็ นสาเหตุให้เกิดความ ยุง่ ยากบางอย่างต่อมิสซัง ท่านได้บอกเรื่ องนี้ ต่อกรุ งปารี สว่า ท่านจะพยายามป้ องกันมิสซังไม่ให้

80AME, Siam Vol.. 894, p. 702; Annuel Repoert, Tome I, p. 3; AME, Siam, Vol. 896, p. 257.


.

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 183

เข้าไปเกี่ยวข้องในทางการเมือง เพราะว่าการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองจะไม่เป็ นผลดีต่องานทาง ศาสนา 81 ท่านได้ยนื ยันถึงจุดยืนของท่านเมื่อท่านได้เขียนไว้ดงั นี้: ข้ าพเจ้ าเชื่ อว่ าข้ าหลวงที่ ข้าพเจ้ ารู้ จักทุกคน พร้ อมที่ จะให้ การต้ อนรั บและ คุ้มครองคณะสงฆ์ ของเรา แน่ นอน เราไม่ ควรเข้ าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่ องทาง การเมือง แต่ ข้าพเจ้ าเชื่ อว่ าเป็ นการดีที่จะฉวยโอกาสนี ้ ซึ่ งเป็ นผลดีอย่ าง มากสําหรั บความพยายามในการก่ อตั้งพระอาณาจักรของพระเป็ นเจ้ า 82 ในปี ค.ศ. 1876 รัฐบาลสยามได้ขอให้พระสังฆราชเวย์ช่วยเหลือเพื่อเห็นแก่งานทาง การเมืองที่สาํ คัญงานหนึ่ง เจ้าชายองค์วาธา พระอนุชาองค์หนึ่งของพระเจ้าแผ่นดินกัมพูชา ซึ่ งมาพัก อาศัยอยู่ในกรุ งเทพฯ เป็ นระยะเวลานาน ได้เดิ นทางออกจากประเทศสยามกลับไปยังประเทศ กัมพูชา เพื่อจะทําการล้มล้างรัฐบาลของพระเชษฐา แล้วพระองค์ก็สามารถยึดครองสามจังหวัดของ กัมพูชาได้ ชาวกัมพูชาได้ยอมจํานนอยูภ่ ายใต้อาํ นาจของพระองค์ รัฐบาลของโคชินไชน่าได้ส่งกอง ทหารฝรั่งเศสเข้ามายังกรุ งพนมเปญแล้ว ฝ่ ายรัฐบาลสยามไม่รู้เรื่ องการเดินทางออกนอกประเทศ ของพระอนุชาพระองค์น้ ี และสายเกินไปที่จะหยุดพระองค์ไว้ได้ ยิง่ กว่านั้น องค์วาธายังได้รับอาวุธ ยุทโธปกรณ์จากชาวสยามคนหนึ่งที่เป็ นเจ้าเมืองอยูท่ างจังหวัดชายแดน สิ่ งนี้ เองเป็ นผลให้เกิดความ เข้าใจผิดขึ้นระหว่างชาวสยามและผูม้ ีอาํ นาจชาวฝรั่งเศส ดังนั้นกงสุ ลฝรั่งเศสในกรุ งเทพฯ จึงได้ขอ คําอธิ บายจากรัฐบาลสยาม รัฐบาลสยามได้ตดั สิ นใจส่ งขุนนางชั้นสู งไปยังเมืองอังกอร์ (Angkor) เพื่อเข้าไปเชื่ อมความสัมพันธ์ กบั ตัวแทนของผูอ้ ารักขาของประเทศกัมพูชา และพลเรื อเอกของ ไซ่ ง่อนเพื่อจะควบคุ มสถานการณ์ ทางการเมือง เพื่อเห็ นแก่ภารกิ จนี้ รัฐบาลสยามต้องการให้มี มิชชันนารี ชาวฝรั่งเศสองค์หนึ่ งไปกับขุนนางผูน้ ้ นั ด้วย เพื่อทําหน้าที่เป็ นล่าม และกงสุ ลฝรั่งเศสก็มี ความต้อ งการเช่ น นี้ ด้ ว ย เสนาบดี ก ระทรวงการต่ า งประเทศได้ข อมิ ช ชัน นารี องค์ ห นึ่ ง จากพระสังฆราชเวย์ ซึ่ งพระคุณเจ้าได้พิจารณาเห็นว่างานชิ้นนี้มีความสําคัญมาก เพราะว่าบางทีงาน ชิ้นนี้ สามารถจะนําผลเสี ยมาสู่ ประเทศสยามได้ ด้วยเหตุน้ ี เอง ท่านจึงไม่กล้าส่ งมิชชันนารี ที่ท่าน ไม่มีความไว้วางใจไป รั ฐบาลได้ ขอร้ องข้ าพเจ้ าอย่ างจริ งจัง ให้ มิชชันนารี องค์ หนึ่งเป็ นล่ ามของ คณะทูตของรั ฐบาล และคุณพ่ อแปร์ โรคื อบุคคลที่ ข้าพเจ้ าได้ แต่ งตั้งเพื่อ รั บหน้ าที่ นี้ 83

Ba ngk o

k

80

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

81

82

81จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1875, AME, Siam, Vol. 895, 1875, p. 72. 82จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 1881, AME, Siam, Vol. 895, 1881, p. 308.

83จดหมายของพระสังฆราชเวย์

ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1876, AME, Siam, Vol. 895, 1876, p. 124; จดหมายของคุณพ่อรู โซ ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ. 1876, AME, Siam, Vol. 895, 1876, p. 123.


.

of

Ba ngk o

ผลของงานด้า นการเมื องชิ้ นนี้ เป็ นไปตามที่ พ ระสัง ฆราชเวย์ค าดหวัง ไว้ คุ ณพ่อรู โซ ได้รายงานถึงกรุ งปารี สว่าดังนี้ เหตุการณ์ ทางการเมืองต่ างๆ เป็ นไปด้ วยความเรี ยบร้ อยดีสาํ หรั บสิ่ งที่ เกี่ยวข้ องกับสยาม ในตอนแรก เรากลัวว่ าจะมีเหตุการณ์ รุนแรง แต่ ทุก อย่ างสงบเรี ยบร้ อยดี และสยามก็ผ่านพ้ นเหตุการณ์ ที่เลวร้ ายมาได้ โดย ปลอดภัย พวกเราไม่ ได้ แตะต้ องจังหวัดต่ างๆ ของกัมพูชาซึ่ งอยู่ภายใต้ การปกครองของราชอาณาจักรสยามเลย ผลสรุ ปก็คือ บรรดาเจ้ าเมืองใน จังหวัดต่ างๆ ได้ ถกู กําชับให้ คอยดูแลจังหวัดของตน และเพื่อเป็ นการ แสดงถึงมิตรภาพซึ่ งทุกคนต่ างก็ปรารถนาให้ คงอยู่อย่ างถาวรสื บไป 84 เนื่องจากภารกิจที่วเิ ศษสุ ดอันนี้เอง พระเจ้าแผ่นดินแห่งสยามได้มอบเครื่ องราชอิสริ ยาภรณ์ ช้างเผือกอันทรงเกียรติแก่คุณพ่อรู โซ คุณพ่อหวังว่าภารกิจอันนี้จะก่อให้เกิดผลที่ตามมาในทางที่ดี ต่อมิสซังคาทอลิกแห่งสยามมากเหมือนกัน เหตุการณ์ ทางการเมืองอีกประการหนึ่ งซึ่ งค่อยๆ ทําให้ความสัมพันธ์ระหว่างมิสซังและ รัฐบาลแน่นแฟ้ นยิ่งขึ้น เมื่อวิกฤตการณ์ระหว่างประเทศสยามและประเทศฝรั่งเศสเริ่ มขึ้นในเดือน เมษายน ค.ศ. 1893 ติดตามมาด้วยการขับไล่ที่ไม่สามารถจะอธิ บายได้ของตัวแทนการค้าชาว ฝรั่งเศส 2 แห่ ง จากบริ เวณแม่น้ าํ โขงตอนกลาง รวมทั้งเรื่ องการตายของกงสุ ลฝรั่งเศสที่หลวงพระ บาง ฝรั่งเศสเรี ยกร้องสิ ทธิ์ อย่างเปิ ดเผยที่จะเอาฝั่งลาวทางตะวันออกของแม่น้ าํ โขงมาเป็ นกรรมสิ ทธิ์ โดยถือสิ ทธิ์ ที่เป็ นผูอ้ ยูเ่ หนือเวียดนาม บุคคลสําคัญในเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้ซ่ ึ งนําไปสู่ วิกฤตการณ์ ระหว่างสยามและฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1893 คือนายออกุสต์ ปาวี (Auguste Pavie) ฝรั่งเศสได้ส่งเรื อปื น 3 ลํา มีชื่อว่าเรื อปื นแอ็งกองสตังต์, โกแม็ต, ลูแต็ง ขึ้นไปที่แม่น้ าํ เจ้าพระยามุ่งหน้าสู่ กรุ งเทพฯ โดยบีบบังคับให้การป้ องกันต่างๆ ที่ปากแม่น้ าํ เจ้าพระยาไม่สามารถบังเกิดผล จากนั้นนายปาวีก็ได้ ยื่นคําขาดและเรี ยกร้ องให้มอบลาวตะวันออกทั้งหมดของแม่น้ าํ โขงให้แก่ฝรั่งเศส ยิ่งกว่านั้นข้อ เรี ย กร้ องต่ างๆ ก็ท ะยอยเข้า มาอี กโดยเรี ยกร้ องที่ จะยึดครองจันทบุ รีและตราดซึ่ งเป็ นหัวเมื อง ชายทะเลทั้งสองแห่ งของประเทศสยาม มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศกัมพูชาโดยอ้างว่าเพื่อให้ เป็ นไปตามเงื่อนไขต่างๆ ที่ระบุอยูใ่ นข้อเรี ยกร้องนั้น จึงจะยอมคืนหัวเมืองทั้งสองให้ ที่จริ งนายปาวี ได้ส่งคนให้ไปตามพระสังฆราชเวย์มาพบ และสั่งให้พระคุณเจ้าเรี ยกบรรดามิชชันนารี ท้ งั หมดให้ เข้ามาอยูท่ ี่กงสุ ลฝรั่งเศส เนื่องจากเรื อปื นของฝรั่งเศสจะยิงปื นถล่มกรุ งเทพฯ ในวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1893 เพื่อบีบบังคับสยามให้ยอมจํานนต่อเงื่อนไขต่างๆ พระสังฆราชเวย์รีบไปที่กงสุ ลฝรั่งเศส ทันที และได้ย้ าํ อย่างแข็งขันว่าท่านจะไม่ยอมเรี ยกบรรดามิชชันนารี ท้ งั หมดมา พร้อมทั้งขอร้อง

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 184

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

83

84จดหมายของคุณพ่อรู โซ ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1877, AME, Siam, Vol. 895, 1877, p. 146.


.

Ba ngk o

นายปาวีและกัปตันเรื อปื นทั้งหมดไม่ให้ยิงถล่มกรุ งเทพฯ พระคุณเจ้าขอร้องให้พวกเขาติดต่อกับ กรุ งปารี สเพื่อหาทางประนีประนอมกับประเทศสยามโดยสันติแทน ในที่สุด นายปาวีได้สัญญาที่จะ ทําตามสิ่ งที่พระสังฆราชเวย์ได้ขอร้อง พระคุณเจ้ามิได้กลับไปที่พกั จนกระทัง่ วันต่อมา เพื่อให้แน่ใจ ว่าพวกเขาไม่ได้เปลี่ยนใจ 85 ประเทศสยามไม่มีทางต่อสู้กบั การปิ ดล้อมทางเรื อได้ พระเจ้าอยูห่ วั (รัชกาลที่ 5) ไม่มีทางเลือก พระองค์ยอมรับข้อเสนอและตกลงใจที่จะทําสนธิ สัญญากับประเทศ ฝรั่งเศสในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1893 ระหว่างระยะเวลาที่ไม่ปลอดภัยนี้ พระสังฆราชเวย์ได้เขียนว่า: ในสายตาของบุคคลทั่วไปแล้ ว คริ สตชนคื อผู้รับใช้ ของชาวฝรั่ งเศส พวก เขาจึ งเห็นคริ สตชนเหล่ านีเ้ ป็ นศัตรู หลายๆ แห่ งมีการตะโกนสาปแช่ ง ให้ ตาย สิ่ งเล็กๆ น้ อยๆ เหล่ านีอ้ าจทําให้ เกิดเหตุการณ์ ที่ไม่ พึงปรารถนา และกลายเป็ นเรื่ องราวใหญ่ โตขึน้ มาได้ พวกคริ สตชนต้ องตกอยู่ในภาวะ อันตราย อย่ างน้ อยก็คือในท้ องถิ่นที่อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวง 86 เพื่อเห็นแก่ความสัมพันธ์อนั ดีที่มีต่อรัฐบาลสยาม และสิ่ งต่างๆ ที่พระสังฆราชเวย์ได้ทาํ ไป เพื่อประเทศสยาม กรมหลวงเทวะวงศ์ เสนาบดี ว่าการต่า งประเทศ ได้ให้ค าํ มัน่ สัญญากับ พระสังฆราชเวย์วา่ ดังนี้: ทุกสิ่ งที่ ทาํ ได้ กจ็ ะทําเพื่ อป้ องกันการเบียดเบียนคริ สตชน เป็ นเวลานาน มาแล้ วที่ บุคคลชั้ นสู งในกรุ งเทพฯ เข้ าใจแล้ วว่ ามิ สซั งคาทอลิ กไม่ มี จุดประสงค์ ที่จะเข้ าไปยุ่งเกี่ยวกับงานทางด้ านการเมือง 87 ความสัมพันธ์อนั ดี กบั พระเจ้าแผ่นดินนี้ สําหรับพระคุณเจ้าเองมีความสําคัญไม่น้อยที่จริ ง แล้วนับเป็ นแก่นแท้ของความสัมพันธ์อนั นี้ทีเดียว เนื่องจากได้ก่อให้เกิดประโยชน์ที่ดีสําหรับมิสซัง จากการศึกษาข้อมูลของห้องเอกสารอัครสังฆมณฑลกรุ งเทพฯ เราได้พบเอกสารแฟ้ มหนึ่ งเป็ น จดหมายโต้ตอบระหว่างพระเจ้าอยูห่ วั รัชกาลที่ 5 และพระสังฆราชเวย์ มีจดหมายแสดงความยินดี ในวันอภิ เษกเป็ นพระสังฆราชของพระคุ ณเจ้าเวย์จากกษัตริ ยข์ องประเทศสยามทั้งสองพระองค์ รวมอยูด่ ว้ ย ในจดหมายของพระเจ้าอยูห่ วั รัชกาลที่ 5 ฉบับหนึ่ งลงวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 1883 พระองค์ได้ทรงพูดยํ้ากับพระสังฆราชเวย์วา่ พระองค์ไม่เคยคิดว่าศาสนาที่ไม่ใช่ศาสนาพุทธจะเป็ น

ces e

of

84

86

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

85

85วิกตอร์ ลารเก, รายงานของมิสซังโรมันคาทอลิกในโอกาสฉลองสมโภชกรุ งรัตนโกสิ นทร์ ในปี

ค.ศ. 1982, ถ่ายสําเนา,

กรุ งเทพฯ, 1982, หน้า 13. 86จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 1894, AME, Siam, Vol. 896, 1894, p. 130. 87เรื่ องเดียวกัน.

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 185


.

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 186

ศาสนาที่ไม่ดี พระองค์ทรงเต็มพระทัยที่จะอุปถัมภ์และคุ ม้ ครองศาสนาทุกศาสนาเพราะทุกๆ ศาสนาสอนให้คนเป็ นคนดีและมีศีลธรรม 88 ความสัมพันธ์อนั นี้ได้แน่นแฟ้ นยิง่ ขึ้นในปี ค.ศ. 1897เมื่อพระเจ้าอยูห่ วั รัชกาลที่ 5 ทรง เสด็จประพาสยุโรป พระองค์ได้ทรงมีโอกาสเข้าเฝ้ าสมเด็จพระสันตะปาปาเลโอ ที่ 13 พระสันตะ ปาปาเองทรงขอ Pro-memorio (รายงาน) เพื่อเตรี ยมต้อนรับการเสด็จครั้งนี้ดว้ ย ซึ่ งชี้แจงถึงฐานะของ คริ สตังในประเทศสยาม พระสันตะปาปาทรงขอรายงานนี้จากสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่อ และ ทรงถามสมณกระทรวงด้วยว่าพระองค์จะทูลขออะไรจากพระมหากษัตริ ย ์ เพื่อมิสซังคาทอลิกดีใน ระหว่างการสนทนากับพระมหากษัตริ ยพ์ ระองค์น้ ี 89 สมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่อได้ส่ง รายงาน นี้ไปยังพระสันตะปาปา และให้คาํ แนะนําสําหรับการสนทนากับพระเจ้าแผ่นดินของ ประเทศสยามว่าดังนี้: เป็ นพิเศษเพื่อความดีของพวกเขา พระองค์ สามารถกล่ าวถึงพระวาจาอัน สง่ างามของบิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ ที่จะมีกษัตริ ย์แห่ งสยาม จะสามารถก่ อให้ เกิด อิ สรภาพอันสมบูรณ์ ทางด้ านศาสนาของประชากรนี ้ 90 การพบกันระหว่างพระสันตะปาปาเลโอ ที่ 13 และพระเจ้าอยูห่ วั รัชกาลที่ 5 เป็ นที่ประทับ พระราชหฤทัยต่อพระมหากษัตริ ยเ์ ป็ นอย่างมาก ต่อหน้าที่ประชุ มขุนนางเจ้าฟ้ า และบรรดา มิชชันนารี พระองค์โปรดให้เข้าเฝ้ าเป็ นพิเศษในโอกาสที่เสด็จพระนิวตั ิสู่ประเทศไทยพระเจ้าอยูห่ วั รัชกาลที่ 5 ทรงชื่ นชมพระสันตะปาปาและให้กาํ ลังใจแก่บรรดามิชชันนารี ในการทํางานที่ดีของ พวกเขาต่อไป ท่ามกลางประชากรของพระองค์ ในจดหมายของพระคุณเจ้าเวย์ถึงพระ สันตะปาปา ได้กล่าวยํ้าคําพูดของพระมหากษัตริ ยด์ งั นี้ ข้ าพเจ้ าได้ พบพระมหากษัตริ ย์ที่ยิ่งใหญ่ หลายองค์ และจักรพรรดิ์ผ้ ทู รง อํานาจหลายองค์ แต่ ไม่ มีสักองค์ เดียวที่ มีความสง่ างาม, ความโอบอ้ อม อารี , ความเมตตากรุ ณา เท่ ากับผู้ที่เป็ นบิดาแห่ งคริ สตชนทั่วโลก 91

Ba ngk o

k

87

dio

ces e

of

88

ric al A

rch ive

sA

rch

89

90

88จดหมายของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห ่ วั

Hi sto

ถึงพระสังฆราชเวย์ ลงวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 1883, AAB, Vey, จดหมายกษัตริ ย,์ No. 491; ดู No. 492 ในจดหมายฉบับนี้ พระเจ้าอยูห่ วั ได้ทรงกล่าวยํ้าถึงพระราชดําริ ของพระองค์ 89จดหมายของสมเด็จพระสันตะปาปาเลโอ ที่ 13 ถึงสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่ อ ลงวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1897, ASCPF, Rubrica, No. 129, Vol. 117, p. 380. Luigi Tripepi, substituted of State to Mgrs. Agostino Ciasca, เลขานุการของสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่อ. 90ASCPF, Rubrica, No. 129, Vol. 117, p. 383. 91จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงสมเด็จพระสันตะปาปาเลโอ

ที่ 13 ลงวันที่ 15 มกราคม ค.ศ. 1903, ASCPF, Rubrica, No. 129, Vol. 261, p. 438; เรื่ องเดียวกัน. AAB, Vey, จดหมายกษัตริ ย,์ No. 507.


.

2.

นโยบายของพระสั งฆราชเวย์ ที่สอดคล้ องกับการปรับปรุ งประเทศ

2.1

การศึกษา

ces e

of

Ba ngk o

พระสังฆราชเวย์มิได้วางเฉยต่อความเจริ ญก้าวหน้าของประเทศ แต่ปรารถนาที่จะให้มิสซัง ได้มีส่วนในการพัฒนาประเทศด้วยเช่ นกัน ท่านรู้ดีวา่ ไม่มีสิ่งไหนดีเท่ากับการจัดหาและเอาใจใส่ ทางด้านการศึกษา ท่านจึงจัดตั้งสถาบันการศึกษาขึ้นหลายแห่ ง อัสสัมชัญคอลเลจ สําหรับเด็กชาย และโรงเรี ยนคอนแวนต์หลายแห่ งสําหรับเด็กหญิงได้ถูกตั้งขึ้น ไม่รวมถึงโรงเรี ยนอีก 49 แห่ ง ที่ต้ งั ขึ้นเรี ยบร้ อยแล้วและกําลังทําการสอนอยู่ในชุ มชนคาทอลิก ที่ซ่ ึ งเด็กๆ ทั้งชายและหญิงได้รับ การศึกษาเบื้องต้นและการสอนคําสอนด้านศีลธรรม จนกระทัง่ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเด็กๆ เหล่านี้ แตกต่างจากเด็กๆ ในวัยกําลังเจริ ญเติบโตที่ปราศจากการฝึ กอบรมต่างๆ

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 187

sA

rch

dio

ความปรารถนาของประเทศสยามที่ จะเป็ นประเทศที่ เจริ ญก้า วหน้า และมี อารยธรรมที่ ทันสมัย ทําให้พระสังฆราชเวย์เข้าใจว่ามิสซังจะให้ความช่วยเหลือและร่ วมมือในความต้องการอันนี้ ได้ ท่านส่ งเสริ มบรรดามิชชันนารี ให้จดั ตั้งโรงเรี ยนสําหรับการศึกษาเบื้องต้นในเขตท้องที่ของพวก เขา ท่านตระหนักดีวา่ การปรับปรุ งพัฒนาประเทศนี้เป็ นเรื่ องสําคัญที่ทุกคนควรเอาใจใส่ ถ้ า หากพระมหากษั ตริ ย์ ส ามารถที่ จะทํา การปฏิ รูป ตามโครงการของ พระองค์ ในพระราชอาณาจักรได้ ศาสนาคริ สต์ กจ็ ะได้ รับประโยชน์ และ แรงจูงใจใหม่ ๆ อย่ างแน่ นอน 92 ในระหว่างการเยี่ยมเยือนอภิบาลของพระสังฆราชเวย์ ท่านพบว่ามีเด็กๆ ได้เข้าเรี ยนใน โรงเรี ย นมากกว่า แต่ ก่ อน เพราะว่า บรรดาผูป้ กครองซึ่ ง แต่ ก่ อนคัดค้า นและไม่ ย อมให้เด็ก ๆ เข้าโรงเรี ยน เริ่ มเข้าใจถึงเหตุผลข้อนี้ ทางฝ่ ายพวกมิชชันนารี น้ นั พระสังฆราชเวย์ได้พดู ว่า: พวกมิชชันนารี เข้ าใจบุคคลที่ น่าสงสารเหล่ านีว้ ่ า อันตรายต่ อความเชื่ อ ของลูกๆ ของพวกเขาเหล่ านีม้ ีมากขึน้ ทุกวัน เพราะฉะนั้นพวกเขาต้ อง เอาใจใส่ และเสี ยสละมากขึน้ เพื่อช่ วยให้ การศึกษาเป็ นไปด้ วยดี 93 ในรายงานประจําปี ของคณะ M.E.P. ของปี ค.ศ. 1884 พระสังฆราชเวย์ได้ย้ าํ ว่ามิสซัง คาทอลิกให้การบริ การทางด้านการศึกษาในชุมชนคริ สตังเท่านั้น แต่น้ ีไปท่านจะต้องทํางานมากกว่า นั้นอีก เพราะว่ากลุ่มชาวยุโรปที่อยู่ในกรุ งเทพฯ ได้ขยายตัวมากขึ้นอย่างรวดเร็ วทีเดียว และชาว สยามเองก็ตอ้ งการเรี ยนภาษายุโรปมากขึ้นเรื่ อยๆ เหนื อสิ่ งอื่นใด ถ้ามิสซังคาทอลิกไม่ให้ความ 92

Hi sto

ric al A

rch ive

91

92คัดลอกมาจากจดหมายของพระสังฆราช,

ใน Lettre Commune du Séminaire des Missions-Étrangères, No. 10

(Decembre 31, 1879), 54. 93จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 1883, AME, Siam, Vol. 895, 1883, p. 353.


.

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 188

ร่ วมมือในการปฏิรูปการศึกษาแล้ว มิสซังจะเสี ยชื่อเสี ยงที่มีอยูไ่ ป 94 ดังนั้นพระสังฆราชเวย์จึงได้ เปิ ดโรงเรี ยนอัสสัมชัญคอลเลจขึ้นในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1885 ที่ซ่ ึ งมีอาจารย์ชาวยุโรปและ ชาวสยามทําการสอนชั้นสู งใน 3 ภาษา คือ ภาษาสยาม, ภาษาฝรั่งเศส และภาษาอังกฤษ อันที่จริ ง เพื่อให้โรงเรี ยนได้มีครู ท่านได้เขียนจดหมายถึงวิทยาลัยฝึ กหัดครู St. Mary ในกรุ งลอนดอน มิสเตอร์ กราแฮมผูอ้ าํ นวยการของเซนต์แมรี่ ได้ตกลงที่จะส่ งมิสเตอร์ โดโนแวนมายังประเทศสยาม สําหรับเรื่ องนี้พระคุณเจ้าได้อธิ บายว่า: เราได้ ตัดสิ นใจอี กอย่ างหนึ่งคื อ จะจัดตั้งโรงเรี ยนที่ดีๆ ขึน้ โดยจะแต่ งตั้ง ฆราวาสที่ เก่ งๆ เป็ นผู้รับผิดชอบการสอนภาษาอังกฤษ สําหรั บการสอน ภาษาฝรั่ งเศสนั้น จะมอบหมายให้ มิชชันนารี องค์ หนึ่งเป็ นผู้รับผิดชอบ สักระยะหนึ่งก่ อน 95 โรงเรี ยนคอนแวนต์สําหรับนักเรี ยนหญิงได้ถูกจัดตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1885 ด้วยเช่ นกัน ท่านได้เตรี ย มทางไว้สําหรับ จุดประสงค์น้ ี เรี ยบร้ อยแล้ว เนื่ องจากเห็ นได้ว่าจํานวนชาวยุโรป ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ วและจํานวนเด็กๆ ก็ได้เพิ่มขึ้นด้วย ท่านได้ปรึ กษากับบรรดามิชชันนารี ของ ท่านและกล่าวว่า: เรามีความเห็นว่ าจําเป็ นต้ องมีนักบวชหญิง เพื่อทําการสอนและฝึ กอบรม ลูกหลานของชาวยุโรป 96 เพื่อให้เป็ นไปตามจุดประสงค์น้ ี ท่านได้เขียนถึงประมุขมิสซังในไซ่ง่อนเพื่อขอให้นาํ คํา ขอร้องของท่านไปบอกแก่เจ้าคณะของซิ สเตอร์ คณะเซนต์ปอล เดอชาร์ ตร ที่นน่ั เซอร์ เบนจามิน เจ้าคณะ ได้ตอบว่าท่านยอมรับคําเชิ ญของพระคุณเจ้าเวย์ดว้ ยความเต็มใจ แต่เนื่องจากสงครามใน ตองกินยังคงดําเนิ นอยู่ พระคุณเจ้าต้องรอไปก่อน ความคิดในการเชิญคณะนักบวชชาวยุโรปเข้ามา ในประเทศสยามนั้น เป็ นความคิดของพระสังฆราชดือปองด์ และพระสังฆราชเวย์ตอ้ งการทําให้ ความคิดนี้เป็ นจริ งเป็ นจังขึ้นมา 97 ท่านได้ทราบว่านักบวชคณะแซงค์โมร์ (St. Maur) ซึ่ งอยูใ่ น สิ งคโปร์ พร้อมที่จะมาทํางานในประเทศสยามด้วยความเต็มใจ แต่พวกเขาต้องขออนุญาตจากคุณแม่ อธิ การ พระคุณเจ้ายังได้เอ่ยถึงคณะ "Les Soeurs de la Providence de Portieux" ซึ่ งได้ถูกจัดตั้งขึ้นใน ประเทศกัม พูชาด้วย แต่พ วกเขาต้องทําอย่างเดี ยวกัน อันที่ จริ งตามแผนการของพระคุ ณเจ้า

of

Ba ngk o

k

93

sA

rch

dio

ces e

94

96

Hi sto

ric al A

rch ive

95

94รายงานประจําปี , 1884, หน้า 31.

95จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 21 ตุลาคม ค.ศ. 1884, AME, Siam, Vol. 895, 1884, p. 372. 96จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1884, AME, Siam, Vol. 895, 1884, p. 368. 97จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 7 มีนาคม ค.ศ. 1884, AME, P. Rousseille, Siam Mgr. Vey, p. 23, No. 8


.

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 189

คณะนักบวชทั้งสามคณะนี้ จะดําเนิ นงานด้านโรงเรี ยน, โรงพยาบาล และสถานเลี้ ยงเด็กกําพร้า ของมิสซัง 98 คุณพ่อเปอังผูบ้ ริ หารคนหนึ่งของคณะ M.E.P. ได้เขียนถึงคุณแม่อธิการิ ณีของซิสเตอร์คณะ เซนต์ปอล เดอชาร์ ตร โดยให้ขอ้ สังเกตว่า: พระคุณเจ้ าปรารถนาที่ จะก่ อตั้งสถาบันเล็กๆ ขึน้ ที่ กรุ งเทพฯ ซึ่ งเป็ นเมือง หลวงของประเทศ โดยมีนักบวชหญิง 3-4 รู ปเท่ านั้น ที่ จะรั บผิดชอบ การฝึ กอบรมและการสอนเด็กหญิงชาวยุโรปที่ เกิดในกรุ งเทพฯ 99 อย่างไรก็ตาม ซิ สเตอร์ คณะเซนต์ปอล เดอชาร์ตร ไม่สามารถเดินทางมาประเทศสยามได้ใน ขณะนั้น อาจเนื่องมาจากพวกเขาต้องการส่ งสมาชิกของคณะบางคนมาจากไซ่ง่อน แต่สถานการณ์ ไม่อาํ นวยให้พวกเขาทําเช่นนั้นได้ ในที่สุดซิ สเตอร์ คณะแซงค์โมร์ ก็มาถึงประเทศสยาม และได้รับ การมอบหมายให้เป็ นผูบ้ ริ หารโรงเรี ยนคอนแวนต์ในกรุ งเทพฯ วิทยาลัยอัสสัมชัญได้ประสบผลสําเร็ จเป็ นที่ น่าพอใจสําหรับมิสซัง จึงมีความจําเป็ นที่ จะต้องก่ อสร้ า งอาคารเรี ยนหลัง ใหม่เพื่อรั บนัก เรี ยนชายที่ตอ้ งการเข้า มาเรี ย นในวิท ยาลัยแห่ ง นี้ พระเจ้าอยูห่ วั และพระราชินีได้พระราชทานเงินให้แก่มิสซังสําหรับใช้ในการก่อสร้างอาคารดังกล่าว และบรรดาข้าราชการก็ร่วมกันบริ จาคด้วย อาคารหลังใหม่น้ ีได้สร้างและเสร็ จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1889100 ในรายงานที่ส่งถึงสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่อ พระสังฆราชเวย์ได้แจ้งให้ทราบว่า วิทยาลัยอัสสัมชัญบริ หารโดยคุณพ่อกอลมเบต์และมีมิชชันนารี อีก 2 องค์ เป็ นผูช้ ่วยในการบริ หาร พร้อมด้วยอาจารย์ 9 คน และครู ชาวสยาม 2 คน วิทยาลัยได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ ว และในปี ค.ศ. 1896 มีเด็กชายจํานวน 390 คน และจากเด็กในจํานวนนี้ ได้รับศีลล้างบาปจํานวน 15 คน จากมิชชันนารี ทุกๆ ปี นักเรี ยนชั้นแรกได้จบการศึกษาและกําลังทํางานอยู่ในประเทศ นักเรี ยน ที่ เ รี ย นจบไปแล้ว หลายคนได้เ ขี ย นจดหมายถึ ง คุ ณ พ่ อ กอลมเบต์เ พื่ อ บอกถึ ง ความพอใจและ ความสําเร็ จที่ได้รับจากการศึกษา 101 โรงเรี ยนคอนแวนต์บริ หารโดยซิ สเตอร์ คณะแซงค์โมร์ โดยการนําของแมร์ เฮแลน มี นักเรี ยนรวมทั้งหมด 160 คน ในเวลานั้น:

Ba ngk o

100

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

98

98จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1884 AME, Siam, Vol. 895, 1884, p. 368 99จดหมายของคุณพ่อเปอัง ถึงเมืองชาร์ ตร ลงวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 1884, เอกสารของซิ สเตอร์ คณะเซนต์ปอลเดอชาร์ ตร, Siam, 1884, ไม่ปรากฏหมายเลข. 100พระศาสนจักรในประเทศไทย, หน้า 530

101จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่ อ ลงวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 1896, ASCPF, Rubrica, No. 129, Vol. 117, p. 363.

k

97


.

ลูกสาวเล็กๆ 3 คน ของผู้สําเร็ จราชการแทนพระองค์ ในระหว่ างที่ พระ เจ้ า อยู่หั วยัง ทรงพระเยาว์ อยู่ และเด็ก หญิ ง อี ก คนหนึ่ ง ซึ่ ง เป็ นบุ ต ร บุญธรรมของเจ้ าฟ้ าพระองค์ หนึ่ง 102 เมื่อพิจารณาถึงการขยายตัวทั้งมิสซังและวิทยาลัย พระสังฆราชเวย์ได้ตดั สิ นใจว่าถึงเวลา แล้วที่จะให้คณะนักบวชมาเป็ นผูบ้ ริ หารวิทยาลัย ดังนั้นท่านจึงส่ งคุณพ่อเอมิล กอลมเบต์ไปประเทศ ฝรั่งเศสเพื่อเชิญภราดาคณะเซนต์คาเบรี ยลให้มารับงานนี้ คุณพ่อกอลมเบต์ได้เจรจาถึงสาระ ประโยชน์ต่างๆ และพวกเขาก็กรุ ณาตอบตกลงตามข้อเสนอนี้ ในวันที่ 20 ตุลาคม ค.ศ. 1901 ภราดา คณะเซนต์คาเบรี ยลจํานวน 5 รู ป ก็เดินทางมาถึงกรุ งเทพฯ และได้รับการแต่งตั้งให้บริ หารวิทยาลัย อัสสัมชัญ 103 โดยทัว่ ๆ ไปแล้ว พระคุณเจ้าได้สังเกตว่าตามธรรมดาบุคคลทัว่ ๆ ไปต้องการส่ งบุตรหลาน ของตนมาศึกษาในโรงเรี ยนคาทอลิก ท่านให้ความสนใจต่อการศึกษาเป็ นอย่างมากไม่เฉพาะแต่ใน กรุ งเทพฯ เพียงแห่งเดียว แต่ตามจังหวัดต่างๆ ที่ซ่ ึ งโรงเรี ยนคาทอลิกต่างๆ มีบรรดามิชชันนารี เป็ น ผูบ้ ริ หารพร้อมด้วยซิ สเตอร์ และครู ชาวสยาม ท่านพูดว่าการก่อตั้งโรงเรี ยนเป็ นสิ่ งที่จาํ เป็ นเพราะเป็ น เหตุผลหนึ่งของงานแพร่ ธรรม: เป็ นความยากลําบากสําหรั บผู้ที่เพิ่ งรั บศี ลล้ างบาปที่ อ่านหนังสื อไม่ ออก ซึ่ งต้ องจดจําข้ อคําสอนคริ สตังที่ ได้ เรี ยนมา และเมื่อความจริ งเป็ นเช่ นนี ้ และเกิดขึน้ เป็ นประจํา เขาอาศัยอยู่ห่างไกลจากวัด ไม่ สามารถไปร่ วมพิธี มิสซาในวันอาทิ ตย์ และฟั งเทศน์ ได้ ถ้ าหากเขาอ่ านหนังสื อออก เขาจะมี หนังสื อศาสนาติดตัวเสมอ 104

of

Ba ngk o

101

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 190

2.2

rch ive

sA

rch

dio

ces e

102

โรงพยาบาล

Hi sto

ric al A

งานอี ก ด้า นหนึ่ ง ซึ่ ง กลายเป็ นความต้องการเร่ ง ด่ วนในกรุ ง เทพฯ และดู เหมื อนว่า จะ สอดคล้องกับความต้องการของมิสซังคาทอลิก คือ โรงพยาบาล เพราะคนป่ วย (ไม่วา่ จะเป็ นชาว ยุโรป, ชาวสยาม, พวกพ่อค้าที่เข้ามาอยูใ่ นประเทศสยาม) ต้องนอนพักรักษาตัวในโรงแรมหรื อใน เรื อ บางครั้งพวกมิชชันนารี ถูกขอร้องให้รับคนป่ วยเข้าพักอาศัยในบ้านของตนเพื่อเห็นแก่เมตตาจิต พระสังฆราชเวย์ได้กล่าวถึงโครงการการก่อสร้างโรงพยาบาลขึ้นแห่ งหนึ่ งเป็ นครั้งแรกในรายงาน

102เรื่ องเดียวกัน 103จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ. 1900, AME, Siam, Vol. 896, 1900, p. 165; ดู

AAB, Vey, คณะนักบวช, No. 031. 104จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่ อ ลงวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 1896, ASCPF, Rubrica, No. 129, Vol. 117, p. 363.


.

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 191

ประจําปี ของปี ค.ศ. 1884 แต่โครงการนี้ไม่สามารถเป็ นจริ งขึ้นมาได้เพราะท่านไม่สามารถจะได้รับ เงินช่วยเหลืออย่างเพียงพอ 105 เมื่อได้เห็ นถึ งความจําเป็ นและความสําคัญในการที่จะมีโรงพยาบาลสักแห่ งหนึ่ ง ขึ้ นใน กรุ งเทพฯ ไม่ใช่สาํ หรับทหารฝรั่งเศสแต่เพียงอย่างเดียว แต่สาํ หรับบรรดามิชชันนารี และชาวสยามที่ ยากจนด้วย กงสุ ลฝรั่งเศสในกรุ งเทพฯ ได้บริ จาคเงินจํานวน 100,000 ฟรังก์ แก่พระสังฆราชเวย์ และที่กรุ งปารี ส รัฐบาลฝรั่งเศสได้มอบเงินจํานวน 150,000 ฟรังก์ ให้แก่อธิ การของคณะ M.E.P. เพื่อใช้ใ นการตระเตรี ยมอุ ป กรณ์ และวัตถุ ที่ จาํ เป็ นสํา หรั บ การก่ อสร้ างในปี ค.ศ. 1894106 พระสังฆราชเวย์ได้ซ้ื อที่ดินแปลงหนึ่งในปี ค.ศ. 1895 และในปี ค.ศ. 1896 ท่านได้รายงานว่าได้เริ่ ม ก่อสร้างอาคารหลังแรกและสร้างบ้านพักซิ สเตอร์ ในเวลาต่อมา ท่านจะสร้างอาคารอื่นๆ สําหรับ ชาวสยามด้วย เพราะพวกเขาขอร้ องท่านว่าโรงพยาบาลแห่ งนี้ ควรเปิ ดให้บริ การแก่ชาวสยาม ด้วย 107 ท่านไม่ลืมอย่างเด็ดขาดที่จะคํานึงถึงสวัสดิภาพของประชาชน โดยกล่าวว่า: อี กไม่ นานถ้ าสภาพแวดล้ อมเอือ้ อํานวย การก่ อสร้ างโรงพยาบาลใหญ่ ๆ สั กแห่ งหนึ่งสําหรั บชาวพืน้ เมืองเป็ นสิ่ งที่ ไม่ ควรมองข้ ามไป 108 จดหมายของท่านลงวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1884 มีขอ้ ความที่น่าสนใจมากที่โครงการการ ก่อตั้งโรงพยาบาลได้รับความเห็นชอบจากพระเจ้าอยูห่ วั พวกเราได้ แสดงความปรารถนาอยู่เสมอๆ ที่ จะเห็นการก่ อตั้งโรงพยา บาลสําหรั บชาวยุโรป โดยเฉพาะซึ่ งอยู่ภายใต้ การบริ หารงานของพวก เรา 109 ตามโครงการของท่านแล้ว ท่านหวังจะมีคณะนักบวชหญิงจากยุโรปมาบริ หารงานของ โรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม ท่านขอต่อกรุ งปารี สให้ช่วยส่ งซิ สเตอร์ มาช่วยงานสัก 4 รู ป ซึ่ งซิ สเตอร์ เหล่านี้ควรจะเดินทางมาถึงก่อนสิ้ นปี ค.ศ. 1888 แต่ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1888 ท่านได้เขียน ว่า: เรื่ องที่ จะได้ รับนักบวชหญิงมาทํางานสําหรั บโรงพยาบาลเล็กๆ แบบ ยุโรป ไม่ บังเกิดผลเป็ นน่ าพอใจสําหรั บพวกเรา 110

ces e

of

Ba ngk o

k

104

107

rch ive

sA

rch

dio

106

ric al A

108

Hi sto

109

105รายงานประจําปี , 1884, หน้า 31 106วิกตอร์ ลารเก, ประวัติโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์, ถ่ายสําเนา, กรุ งเทพฯ, 1985, หน้า 2. 107รายงานประจําปี , 1896, หน้า 77.

108จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่ อ

117, p. 364. 109AME, Siam, Vol. 895, 1884, p. 368. 110AME, Siam, Vol. 895, 1888, p. 469; ดู

หน้า 466.

ในปี ค.ศ. 1896, ASCPF, Rubrica, No. 129, Vol.


.

Ba ngk o

ในวันที่ 18 กรกฎาคม ค.ศ. 1895 ท่านได้เขียนจดหมายถึงท่านอธิ การิ ณีคณะเซนต์ปอล เดอชาร์ ตร เพื่อขอซิ สเตอร์ ของคณะ ครั้งนี้ท่านได้ขอซิ สเตอร์ จาํ นวน 7 หรื อ 8 รู ป เพื่อมาทํางานใน โรงพยาบาลและบริ หารโรงเรี ยนในกรุ งเทพฯ ซึ่ งกําลังขยายตัวและต้องการบุคคลากรเป็ นจํานวน มาก 111 ที่สุดซิ สเตอร์ คณะเซนต์ปอล เดอชาร์ตร ก็เดินทางมาจากไซ่ง่อน เรารู ้ได้จากหนังสื อที่มี ชื่อว่า "Notice Historque" พิมพ์ในปี ค.ศ. 1900 มีขอ้ ความดังนี้: ในที่ สุดวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 1898 ซิ สเตอร์ คณะเซนต์ ปอล เดอ ชาร์ ตร จํานวน 7 รู ป เดินทางมาจากไซ่ ง่อน เพื่อมารั บหน้ าที่ ดูแล บริ หารงานโรงพยาบาลเซนต์ หลุยส์ ที่ก่อตั้งขึ น้ ที่ กรุ งเทพฯ โดยความ อุตสาหะของพระสั งฆราชเวย์ ประมุขมิสซั งสยาม ซิ สเตอร์ อี ก 2 รู ป รั บ หน้ า ที่ บ ริ หารนั ก บวชหญิ ง พื ้นเมื องแห่ งมิ ส ซั ง สยาม ซึ่ ง ในเขต ตะวันออกเรี ยกว่ า "ธิ ดารั กไม้ กางเขน" และช่ วยเหลือบรรดามิชชันนารี ที่ มีใจร้ อนรนของเรา 112 แน่นอนทีเดียว การริ เริ่ มของพระสังฆราชเวย์น้ ีให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นสําหรับทุกคน โรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ได้ทาํ พิธีเปิ ดอย่างสง่าในวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 1899 คุณพ่อโรมิเออและ คณะซิ สเตอร์ ได้ช่วยกันเตรี ยมพิธีและงานเลี้ยงฉลอง ชาวยุโรปที่พกั อยูใ่ นกรุ งเทพฯ และผูแ้ ทนจาก รัฐบาล ต้องการแสดงให้เห็นว่าตนพร้อมที่จะสนับสนุนและส่ งเสริ มงานของโรงพยาบาลแห่งนี้ จึงมาร่ วมพิธีน้ ีกนั มากมาย 113 ข้อสังเกตที่น่าสนใจคือ วิธีการของพระสังฆราชเวย์สําหรับงานแพร่ ธรรมของท่านคือการ เชิ ญคณะนักบวชเข้ามาทํางานในประเทศสยาม สิ่ งนี้ มีผลต่อความเจริ ญก้าวหน้าอย่างมัน่ คงของ มิสซังในทุกๆ ด้าน การเพิ่มขึ้นของบุคคลากรของมิสซังและสอดคล้องกับการปรับปรุ งพัฒนา ประเทศ

ces e

of

110

sA

rch

dio

111

ric al A

rch ive

112

3.

การพิมพ์ และงานแพร่ ธรรมของพระคุณเจ้ า

เพื่อให้สอดคล้องกับการศึกษาและการสอนคําสอน การพิมพ์นบั ว่าเป็ นสิ่ งที่มีประโยชน์ และเป็ นเครื่ องมือที่จาํ เป็ นต่อการเผยแพร่ ข่าวดีไปยังบุคคลทัว่ ไป

Hi sto

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 192

111จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงเมืองชาร์ ตร

ลงวันที่ 18 กรกฎาคม ค.ศ. 1895, เอกสารของคณะเซนต์ปอลเดอชาร์ ตร, Siam,

1895, ไม่ปรากฏหมายเลข 112Communite des Soeurs de Saint Paul de Chatres, Notice Historique, Chartres: Imprimerie Garnier, 1900, p. 20; ดู AAB, Vey, คณะนักบวช, No. 041. 113จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 1899, AME, Siam, Vol. 896, 1899, p. 162.


.

Ba ngk o

เราจึงเป็ นหนี้บุญคุณพระสังฆราชการ์โนลต์ที่วา่ การพิมพ์ได้ถูกนําเข้ามาในประเทศสยาม เป็ นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1796 หนังสื อ "คําสอนคริ สตัง" ได้ถูกพิมพ์ข้ ึนในปี นี้เอง เป็ นการพิมพ์ภาษา สยามแต่ใช้อกั ษรโรมันเขียนแทนอักษรสยาม โดยอ่านออกเสี ยงและผันวรรณยุกต์เป็ นภาษาสยาม เพราะตัวพิมพ์ภาษาสยามยังไม่ได้ประดิษฐ์ข้ ึนในปี นั้น 114 โรงพิมพ์แห่งนี้ได้ต้งั ขึ้นที่วดั ซางตาครู ้ส ธนบุรี ต่อมาพระสังฆราชปั ลเลอกัวได้ยา้ ยโรงพิมพ์มาอยูท่ ี่อสั สัมชัญ และท่านเป็ นผูบ้ ริ หารโรงพิมพ์ คาทอลิกแห่งนี้ในปี ค.ศ. 1838115 โรงพิมพ์อสั สัมชัญมีพระสังฆราชเวย์เป็ นผูบ้ ริ หารเมื่อท่านเดินทางมาถึงกรุ งเทพฯ ในปี ค.ศ. 1865 ท่านได้เขียนถึงพระสังฆราชดือปองด์ซ่ ึ งอยูท่ ี่กรุ งโรมในเวลานั้นว่า ท่านกําลังพิมพ์ หนังสื อ "ประวัตินักบุญ" เป็ นภาษาสยาม และขออุปกรณ์ที่จาํ เป็ นสําหรับการพิมพ์ในกรุ งเทพฯ 116 ท่านตระหนักดีวา่ การใช้ภาษาท้องถิ่นเป็ นสิ่ งที่มีความสําคัญมาก ไม่เเพียงแต่ใช้ในการติดต่อสื่ อสาร กับบุคคลทัว่ ไปเท่านั้น แต่ยงั ใช้ในการเทศน์สอนประกาศข่าวดีแก่พวกเขา ใช้สอนในวิทยาลัยและ ในโรงเรี ยนอีกด้วย สิ่ งพิมพ์นบั ว่าเป็ นสิ่ งที่มีความสําคัญสําหรับการสอนคําสอนด้วยเช่นกัน เพื่อให้ บรรลุจุดประสงค์เหล่านี้ พระคุณเจ้าเวย์ได้แต่งและเรี ยบเรี ยงหนังสื อขึ้นหลายเล่มในช่วงสมัยของ ท่านสําหรับการสอนคําสอน, การศึกษา และสําหรับมิสซังด้วย คงจะเป็ นการมากเกินไปถ้าเราจะให้ รายชื่ อของหนังสื อทั้งหมดที่พระคุ ณเจ้าเวย์ได้แต่งและเรี ยบเรี ยงพิมพ์ใหม่ รวมทั้งหนังสื อต่างๆ ที่แต่งโดยบรรดามิชชันนารี ในสมัยของท่านทั้งหมด จะเป็ นการดีกว่าถ้าเราจะสรุ ปงานของท่านจาก รายชื่อหนังสื อที่แต่งขึ้นโดยบรรดามิชชันนารี ของสยามดังนี้: 1. งานทีแ่ ต่ งขึน้ โดยพระสั งฆราชเวย์ : - พระเอวังเยลีโอ พิมพ์ในปี ค.ศ. 1904 - บทสําหรับรําพึงภาวนาด้วยพระเอวังเยลีโอในทุกทุกวันตลอดปี มี 2 เล่ม ตีพิมพ์ 2 ครั้ง พิมพ์ในปี ค.ศ. 1903-1904, 1905-1907 2. งานทีพ่ ระคุณเจ้ าเวย์ ได้ ร่วมทํา และเรียบเรียงขึน้ ใหม่ - Elementa Grammaticae Latinae พิมพ์ในปี ค.ศ. 1903 - กําหนด (กฏระเบียบของมิสซัง) พิมพ์ใหม่ในปี ค.ศ. 1870 และ 1892 115

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

113

Hi sto

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 193

114A. LAUNAY, Documents Historiques, Vol.. II, p. 339; A. LAUNAY, Mémorial de la Société des Mission Étrangères, Vol. II, p. 266; G. Duverdier, La Transmission de l'Imprimerie en Tha๏lande : Du Catechosme 1796 aux Impressions Boudhiques sur Feuilles de Latanier, in Bulletin de l'école Française d'Extrême-Orient, Tome LXVIII (1980), p. 214-215. 115G. Duverdier, op. Cit., p. 225; AME, Siam, Vol. 894, p. 264. 116จดหมายของคุณพ่อเวย์ ถึงพระสังฆราชดือปองด์ ลงวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1870, AME, Siam, Vol. 894, 1870, p. 506.


.

Ba ngk o

3.

- พจนานุกรมภาษาสยาม - ฝรั่งเศส - อังกฤษ พิมพ์ใหม่จากพจนานุกรมของพระสังฆราช ปั ลเลอกัว พระสังฆราชเวย์ได้เพิ่มคําศัพท์ใหม่จาํ นวนหลายร้อยคํา ตัดภาษาลาตินออก เหลือไว้แต่เพียงภาษาฝรั่งเศสและภาษาอังกฤษ - พจนานุกรมภาษาลาติน-สยาม - พจนานุกรมภาษาอังกฤษ-สยาม

งานทีพ่ มิ พ์ขนึ้ ในสมัยของท่ านเป็ นหนังสื อทีแ่ ต่ งขึน้ โดยบรรดามิชชันารีสยาม

dio

ces e

of

- หนังสื อคําสอนภาษาสยาม 12 เล่ม พิมพ์ข้ ึนหลายครั้ง - หนังสื อภาวนาสําหรับคริ สตังสยามจํานวน 6 เล่ม - หนังสื อประวัตินกั บุญเป็ นภาษาสยาม 4 เล่ม - หนังสื อเพลงภาษาสยาม 1 เล่ม - พจนานุกรมภาษาฝรั่งเศส-สยาม ซึ่ งแต่งโดยพระสังฆราชกืออาซ - หนังสื อคู่มือสําหรับใช้ในโรงเรี ยนและวิทยาลัย 117 เมื่อเราได้อ่านงานเหล่านี้ซ่ ึ งยังคงเก็บรักษาไว้ในห้องสมุดของโรงพิมพ์อสั สัมชัญ และห้อง เอกสารอัครสังฆมณฑลกรุ งเทพฯ แล้ว เราจะสังเกตได้วา่ พระสังฆราชเวย์ได้ทาํ งานอย่างหนัก สําหรับมิสซัง ท่านได้คาํ นึงถึงความสําคัญของสื่ อมวลชนนี้ ได้ส่งเสริ มบรรดามิชชันนารี ให้ แต่งหนังสื อที่มีประโยชน์เพื่อใช้ในงานแพร่ ธรรมของพวกเขา เพื่อติดต่อสื่ อสารข่าวสารที่สาํ คัญ ข้อมูลและความรู ้ที่สาํ คัญแก่คริ สตังโดยผ่านทางจดหมายเวียน เป็ นต้น ซึ่ งทําให้งานแพร่ ธรรมของ พวกเขาบังเกิดผลมากขึ้นและดําเนินไปด้วยดี

rch ive

sA

rch

116

4.

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 194

สามเณราลัย เพือ่ นมิชชันนารีและผู้ร่วมงาน

Hi sto

ric al A

สิ่ งที่มีความสําคัญที่สุดสําหรับมิสซังคือผูร้ ่ วมงาน ไม่ใช่เฉพาะตัวมิชชันนารี เองเท่านั้น แต่รวมถึงนักบวชพื้นเมืองและครู คาํ สอนที่ร่วมมือกันทํางานเพื่อทําให้มิสซังสยามได้รับผลดีมากขึ้น วันแรกที่พระสังฆราชเวย์เดินทางมาถึงประเทศสยามในปี ค.ศ. 1865 ท่านก็ได้รับมอบหมายให้ รับผิดชอบการอบรมดูแลคณะนักบวชพื้นเมือง ท่านเข้าใจถึงความสําคัญของงานนี้และทําด้วยความ ตั้งใจ

117รายชื่ อหนังสื อที่แต่งโดยบรรดามิชชันนารี ของสยาม, AAB, Vey, Mémorial de la Société des Missions-Étrangères, p. 626.

โรงพิมพ์อสั สัมชัญ, No. 030; ดู LAUNAY,


.

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 195

sA

rch

dio

ces e

of

Ba ngk o

นักบวชพืน้ เมือง ตามประวัติส้ ันๆ ของสามเณราลัยของมิสซัง ซึ่ งเราได้พบในห้องเอกสารของอัครสังฆ มณทลกรุ งเทพฯ ในปี ค.ศ. 1786 พระสังฆราชการ์ โนลต์ได้รวบรวมเด็กๆ หลายคนในปี นัง เพื่ออบรมให้เป็ นพระสงฆ์ เมื่อท่านเดินทางมาอยูใ่ นกรุ งเทพฯ ในปี ค.ศ. 1792 มีพระสงฆ์พ้ืนเมือง 1 องค์ สามเณร 2 คน และเณรเล็กอีกหลายคนมา อยูก่ บั ท่านด้วย ดังนั้นท่านจึงเปิ ดโรงเรี ยนสงฆ์ข้ ึนแห่ งหนึ่ งอยู่ที่ จันทบุรี ซึ่ งมีสามเณรของเวียดนามใต้ล้ ีภยั อยูท่ ี่นนั่ อีกแห่งหนึ่งอยูท่ ี่ตะกัว่ ทุ่งทางภาคใต้ของประเทศ สยาม และอีกแห่ งหนึ่ งอยูท่ ี่กรุ งเทพฯ เมื่อบ้านเณรที่กรุ งเทพฯ มีความมัน่ คงแล้ว ในปี ค.ศ. 1802 พระสังฆราชการ์ โนลต์จึงได้รวบรวมสามเณรทั้งหมดมาไว้ที่กรุ งเทพฯ มีสามเณรรวมทั้งสิ้ น 23 คน ในปี ค.ศ. 1841 พระสังฆราชปั ลเลอกัวได้ต้ งั บ้านเณรขึ้นที่กรุ งเทพฯ อย่างเป็ นทางการ กล่าวคืออยู่ ในส่ วนหนึ่งของอัสสัมชัญ ด้วยเหตุผลหลายๆ ข้อที่ทาํ ให้กรุ งเทพฯ ไม่เหมาะที่จะเป็ นที่ต้ งั ของบ้าน เณร คือกรุ งเทพฯ ซึ่ งเป็ นเมืองหลวงมีเสี ยงรบกวนมากและถูกรบกวนจากบรรดาผูป้ กครองของ สามเณรที่มาเยีย่ มเยือนบุตรหลานของตน ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1872 บ้านเณรจึงย้ายไปอยูท่ ี่บาง ช้างซึ่งคุณพ่อราบาร์ แดลกําลังทํางานอยูท่ ี่นนั่ โครงสร้างอาคารของบ้านเณรยังคงทําด้วยไม้ต้ งั แต่ปี ค.ศ. 1893 ถึงปี ค.ศ. 1903 พระสังฆราชเวย์ได้สร้างบ้านเณรหลังใหม่ข้ ึนซึ่ งทําด้วยอิฐซึ่ งต้องเสี ย ค่าใช้จ่ายเป็ นเงิ นจํานวนมาก 118 คุณพ่อมาร์ แต็งอุปสังฆราชของมิสซังได้เขียนถึงพระคาร์ ดินลั Barnabo ว่าดังนี้ : มิสซั งสยามเพิ่งสร้ างบ้ านเณรใหญ่ เสร็ จ ที่นั่นเราดําเนินการสอนนักเรี ยน ที่ มาจากปี นังและเณรชั้นลาตินนิสจากบ้ านเณรเล็กของเรา ซึ่ งนับได้ ประมาณสามสิ บคน 119 ในจดหมายของพระคุณเจ้าที่ส่งถึงพระคาร์ ดินลั Ledochiuski Prefect แห่งสมณกระทรวง เผยแพร่ ความเชื่อ พระสังฆราชเวย์ได้ขอเงินช่วยเหลือสําหรับบ้านเณร โดยกล่าวว่า: เราได้ ด ํา เนิ น การก่ อ สร้ างบ้ า นเณรหลัง ใหม่ ข องเราสํา หรั บ พระสงฆ์ พื น้ เมือง ซึ่ งการก่ อสร้ างนี เ้ ป็ นสิ่ งที่ จาํ เป็ น เนื่องจากตึ กเก่ าที่ ทาํ ด้ วยไม้ ได้ ผุพังลง การจัดซื ้อวัสดุอุปกรณ์ ต่างๆ สําหรั บการก่ อสร้ างบ้ านเณร หลังใหม่ (รวมทั้งบ้ านเณรใหญ่ และบ้ านเณรเล็ก) ก็ได้ เริ่ มต้ นไปแล้ ว

k

4.1

rch ive

117

Hi sto

ric al A

118

120 119

118AAB, Vey, บ้านเณร, No. 003;

ดู Notice Biographique, p. 252, f. 9. 119Martin to Prefect of PF. ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 1873, AME, Siam, Vol. 894, 1873, p. 702. 120ASCPF, Rubrica, No. 129, 1896, Vol. 96, p. 9.


.

ในวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1896 พระคาร์ ดินลั Ledochiuski ได้มีจดหมายถึงพระคุณเจ้าแสดง ความเห็นชอบด้วยในการอบรมพระสงฆ์พ้ืนเมืองซึ่ งเป็ นงานที่สาํ คัญ และยังสอดคล้องกับคําสั่ง สอนของสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่ออีกด้วย 121 อีกหนึ่งปี ต่อมา ท่านได้รายงานต่อสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่อว่า บ้านเณรทั้งสองคือ บ้านเณรใหญ่และบ้านเณรเล็กมีจาํ นวนนักเรี ยนทั้งหมด 65 คน สามเณรจํานวน 4 คน ได้รับศีลบวช ขั้นสังฆานุกร และได้รับการบวชเป็ นพระสงฆ์ในปลายปี จํานวนพระสงฆ์พ้นื เมืองในเวลานั้นมี 18 องค์ดว้ ยกัน 122 มิสซังสยามได้ขยายออกไปจนถึงประเทศลาว เพราะฉะนั้นการก่อตั้งคณะสงฆ์ พื้นเมืองจึงได้มีการปรับปรุ งให้เหมาะสมกับการขยายงานไปลาวด้วย พระสังฆราชเวย์ได้บอกกับ สมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่อถึงสิ่ งที่ท่านกําลังทําอยูใ่ นบ้านเณรโดย กล่าวว่า: นอกจากการใช้ ภาษาสยามของบ้ านเณรแล้ ว การขยายมิสซั งบังคับทําให้ เราจําเป็ นต้ องสร้ างตึกสํารองซึ่ งใช้ ภาษาลาวขึน้ สํานักมิสซั งครอบคลุม สองประเทศและภาษาที่ ใช้ กไ็ ม่ เหมือนกัน 123 ผลที่ได้รับก็คือท่านได้ส่งพระสงฆ์พ้นื เมือง 5 องค์ เข้าไปทํางานในประเทศลาว อันที่จริ ง คุณพ่อแอ็กกอฟองได้จดั ตั้งโรงเรี ยนขึ้นแห่งหนึ่งที่ดอนดูน สําหรับเด็กชายที่ตอ้ งการเป็ นครู คาํ สอน หรื อพระสงฆ์ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1891 คุณพ่อดาแบงมิชชันนารี องค์หนึ่งในลาวได้เขียน บันทึกของท่านในปี ค.ศ. 1891 ว่าในปี นั้นได้เปิ ดบ้านเณรขึ้นที่ดอนดูน เพราะพวกเขาเห็นความ จําเป็ นที่จะต้องมีบา้ นเณรของมิสซังสักแห่งหนึ่งเป็ นเวลานานมาแล้ว 124 บ้า นเณรมิ ส ซังสยามได้รับ สามเณรของมิส ซังลาวไว้ด้วยตามข้อตกลงที่ก ระทําร่ วมกัน ระหว่างพระคุ ณเจ้าเวย์และพระคุ ณเจ้ากืออาซในปี ค.ศ. 1904125 ในรายงานประจําปี ของ พระคุณเจ้ากืออาซที่ส่งไปยังสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่ อในวันที่ 23 ตุลาคม ค.ศ. 1904 พระคุณเจ้ากืออาซรายงานว่าเวลานั้นมีสามเณร 8 คน 7 คนจากจํานวนนี้กาํ ลังเรี ยนวิชาพื้นฐานต่างๆ ที่ดอนดูนซึ่ งเป็ นสามเณราลัยของมิสซังลาว ส่ วนอีกคนหนึ่ งถูกส่ งไปที่บางช้างซึ่ งเป็ นบ้านเณรของ มิสซังสยาม 126

Ba ngk o

120

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 196

ces e

of

121

123

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

122

Hi sto

125

121เรื่ องเดียวกัน, หน้า 11.

122ASCPF, Rubrica, No. 129, 1897, Vol. 117, p. 362. 123เรื่ องเดียวกัน.

124BAYET, เล่มเดียวกัน หน้า 111; ดู ASCPF, Rubrica, No.129,1897, Vol.117, p. 2. 125AAB, Vey, บ้านเณร, No. 001. 126 ASCPF, Rubrica, No. 129, 1904, Vol. 292, p. 744.


.

Ba ngk o

การอบรมพระสงฆ์พ้ืนเมืองนับว่าเป็ นหัวใจของมิสซังอย่างแท้จริ ง พระคุ ณเจ้าเวย์ได้ พยายาม ปรับปรุ งและพัฒนาบ้านเมืองในทุกวิถีทาง ในปี ค.ศ. 1906 พระคุณเจ้ารายงานว่า: ในวันฉลองพระหฤทัยของเดือนมิถนุ ายน ได้ มีการเสกวัดใหม่ และตึก ใหม่ พิธีกรรมเป็ นไปอย่ างสง่ ามาก คุณพ่ อด็องต์ เป็ นประธานในพิธี สั ตบุรุษมาร่ วมพิธีประมาณ 300 คน 127 นอกจากนี้พระคุณเจ้ายังรายงานด้วยว่า มีนกั เรี ยนอยู่ 60 คน ซึ่งในจํานวนนี้ 10 คน กําลัง เรี ยนวิชาเทววิทยา เมื่อพระคุณเจ้าเวย์ถึงแก่มรณภาพในปี ค.ศ. 1909 มิสซังสยามมีพระสงฆ์ พื้นเมืองจํานวน 21 องค์

of

126

ความสั มพันธ์ กบั มิชชั นนารี นอกจากพระสงฆ์พ้ืนเมืองแล้ว บรรดามิชชันนารี เองเป็ นกุญแจสําคัญของงานแพร่ ธรรม ทั้งหมด พระคุณเจ้าเวย์ตระหนักว่ามิสซังจะสามารถดําเนินไปด้วยดีหากความเป็ นนํ้าหนึ่งใจเดียวกัน ของพวกมิชชันนารี จะได้รับการกระชับสัมพันธ์ การเยีย่ มเยือนงานอภิบาลนับว่าเป็ นวิธีการที่ดีที่สุด ไม่เพียงแต่เพื่อเข้าไปมีความสัมพันธ์อนั แนบแน่นกับเพื่อนๆ มิชชันนารี เท่านั้น แต่ยงั สามารถเข้า ไปสู่ ชีวติ จริ งๆ ของพวกเขาและมองเห็นวิธีการทํางานและสิ่ งต่างๆ ที่พวกเขาต้องการด้วยตาของ ตนเองอีกด้วย หลังจากพิธีอภิเษกเป็ นพระสังฆราชไม่นาน พระคุณเจ้าเวย์ก็เริ่ มออกเยีย่ มเยือนโดย ไปที่จนั ทบุรี และเมื่อเดินทางกลับกรุ งเทพฯ พระคุณเจ้ายังได้หยุดแวะที่บางปลาสร้อยเพื่อโปรดศีล กําลังที่นน่ั ด้วย ในเดื อนมี นาคม ค.ศ. 1876 พระคุ ณเจ้าออกเยี่ยมเยือนบ้านเณรที่บางช้าง หลังจาก พระคุ ณเจ้าได้เปิ ดมิสซังลาวอย่างสง่ าแล้ว พระคุ ณเจ้าเองก็ ได้ให้กาํ ลังใจกลุ่ ม คริ ส ตชนที่ลาว โดยเดินทางไปเยี่ยมเยือนพวกเขาด้วย คุณพ่อมาร์ แต็งเล่าว่า เนื่องจากการเดินทางอันยากลําบาก เพราะต้องผ่านป่ าเขา พระคุณเจ้าเวย์ก็ได้ป่วยเป็ นไข้ป่าจากการเดินทางในครั้งนั้นด้วย 128 จากจดหมายต่างๆ ของพระคุณเจ้าเอง เราพบว่าพระคุณเจ้าเวย์ได้ออกเดินทางไปเยี่ยมเยือน กลุ่มคริ สตชนต่างเป็ นระยะๆ การเยี่ยมแต่ละครั้งนั้นใช้เวลาประมาณ 40 วัน 129 แน่นอนที่สุด การเยีย่ มเยือนเหล่านี้ส่งผลที่น่าพอใจ เพราะได้เห็นเพื่อนร่ วมงานกําลังทํางานด้วยกันและให้กาํ ลังใจ กันและกันเมื่อพบกับความยากลําบาก ความเป็ นนํ้าหนึ่ งใจเดียวกันของบรรดามิชชันนารี น้ ี

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

ces e

4.2

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 197

127จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงกรุ งปารี ส, AME, Siam, Vol. 896, 1906, p. 197

อภิเษกได้เพราะว่าท่านป่ วยและพักรักษาตัวอยูใ่ นโรงพยาบาล.

128AME, Siam, Vol. 895, 1876, pp. 105-108, 118, 149, 151, 157. 129AME, Siam, Vol. 896, p. 39.

127

128

ท่านไม่สามารถเป็ นประธานในพิธี


.

Ba ngk o

แสดงออกมาอย่างเห็นได้ชดั ในโอกาสฉลองครบรอบ 50 ปี แห่ งการบวชเป็ นพระสงฆ์ของคุณพ่อ รังแฟงก์ ซึ่ งนับว่าเป็ นพิธีฉลองที่ไม่เคยมีมาก่อนในสยามเลยในรอบ 200 ปี พระคุณเจ้าเวย์เชื้ อเชิญ บรรดามิชชันนารี ทุกองค์ให้มาร่ วมงานนี้ที่จนั ทบุรี โดยยํ้าว่าขอให้ทุกคนพยายามมาร่ วมงานนี้ให้ได้ กล่าวว่า: เพื่อให้ ความเมตตากรุ ณาต่ างๆ ที่ เราได้ รับจากพระญาณสอดส่ องของ พระเป็ นเจ้ าเผยแพร่ ไปอย่ างสง่ างาม และที่ มากกว่ านั้นเพื่อให้ เหมาะสม กับการเป็ นที่ ยอมรั บนับถือต่ อทุกคน 130 พิธีน้ ีมีข้ ึนเมื่อวันที่ 23 มกราคม ค.ศ. 1882 และบรรดามิชชันนารี ส่วนใหญ่ก็มาร่ วมงานนี้ ด้วย พิธีได้ถูกจัดขึ้นอย่างสง่างามมากเท่าที่จะเป็ นไปได้ตามความปรารถนาของพระคุณเจ้าเวย์ 131 ในปี ค.ศ. 1890 เป็ นโอกาสฉลองครบรอบ 25 ปี แห่งการบวชเป็ นพระสงฆ์ของพระคุณเจ้า เวย์เอง บรรดามิชชันนารี ท้ งั หมดได้มาร่ วมกันถวายบูชามิสซาเป็ นพิเศษเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ค.ศ. 1890 พร้อมกับขับร้องบท Te Deum และภาวนาเพื่อพระคุณเจ้า พิธีฉลองนี้บรรดามิชชันนารี เป็ นผู ้ ร่ วมมือกันจัดขึ้น ดังที่เราเห็นได้จากจดหมายเชิญของพวกเขาซึ่ งเขียนไว้ดงั นี้: พวกเราสวดภาวนาร่ วมกันทุ กคนอี กครั้ งหนึ่ งต่ อพระผู้เป็ นเจ้ าของเรา เพื่อให้ พระองค์ ทรงพระกรุ ณาประทานจํานวนปี ให้ เพิ่มขึน้ เพื่อว่ าภายใต้ การปกครองเยี่ ยงบิ ดาของพระองค์ มิ สซั งสามารถดําเนิ นการให้ บัง เกิ ดผลแห่ งความรอดได้ ต่อไป และขยายกิ่ งก้ า นใหม่ ให้ กว้ า งไกล และทํางานโดยไม่ หยุดหย่ อนเพื่อพระสิ ริมงคลของพระเป็ นเจ้ า 132 1 30

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

129

131

ความสํ าคัญของครู คําสอน ผูร้ ่ วมงานและผูช้ ่วยที่ขาดเสี ยมิได้ของบรรดามิชชันนารี ได้แก่ครู คาํ สอน พระคุณเจ้าเวย์ ได้เอาใจใส่ และให้ความสําคัญในบทบาทของครู คาํ สอนเป็ นอย่างมาก เพราะเหตุวา่ ประชาชนฟัง เสี ยงของพวกเขาด้วยความเต็มใจมากกว่าที่จะฟั งบรรดามิชชันนารี จากจดหมายฉบับหนึ่ งของ พระคุณเจ้าเวย์ซ่ ึ งเขียนไปถึงสมาชิ กของสภา "L'Oeuvre de la Propagation de la Foi" ลงวันที่ 30 สิ งหาคม ค.ศ. 1876 พระคุณเจ้าบรรยายไว้วา่ :

Hi sto

ric al A

4.3

130R. Perraux, Noces D'Or de M. Ranfaing. Missionaire Apostolique au Royaume de Siam, in La Semaine Religieuse au Diocèe de Saint-Die, 18 (Mai 5, 1882) 279; ดู AME, Siam, Vol. 895. 131เรื่ องเดียวกัน. หน้า 281-283. 132AAB, Vey, จดหมายเวียน, No. 012, p. 3

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 198


.

Ba ngk o

ผู้สมัครเรี ยนคําสอนจํานวนมากศึกษาคําสอนของเราด้ วยตนเอง แล้ วจะ สามารถขยายกิ จการงานของเราให้ ไปได้ ไกลกว่ านี ้ โดยอาศัยความ ร่ วมมือของครู คาํ สอน เป็ นผู้ช่วยที่ ขาดไม่ ได้ ของมิชชันนารี ในประเทศ สยามของเรา เป็ นครู คาํ สอนนี เ้ องที่ เดิ นทางไปทั่วหมู่บ้านของคนต่ าง ศาสนาและบังเกิดผลดี คนฟั งเขามากกว่ ามิชชันนารี ต่างประเทศ และ ชาวบ้ านมีความไว้ ใจเขามากกว่ า 133 พระคุณเจ้าเวย์มนั่ ใจว่าครู สอนคําสอนสามารถพูดกับเพื่อนร่ วมชาติได้ง่ายกว่า เพราะพวก เขาเองก็เคยนับถือศาสนาซึ่ งชาวสยามกําลังนับถืออยู่ และพวกเขาได้มาเข้าใจความจริ งในศาสนา คริ สต์ เป็ นบรรดาครู คาํ สอนเหล่านี้แหละที่เป็ นผูเ้ ตรี ยมทางสําหรับพวกมิชชันนารี และทําให้บรรดา มิชชันนารี มีความมัน่ ใจในการทํางานมากขึ้น อย่างไรก็ตาม พระคุณเจ้าเวย์จาํ เป็ นต้องจํากัดจํานวน ของครู สอนคําสอนเพราะว่าพระคุณเจ้าไม่สามารถเลี้ยงดูและคํ้าจุนพวกเขาได้ พระคุณเจ้ากล่าวว่า: หลายครั้ งที เดี ยว ข้ าพเจ้ ารู้ สึ กเจ็บปวดที่ จาํ เป็ นต้ องปฏิ เสธคนต่ างศาสนา ที่ น่าสงสารที่ มีชีวิตอยู่ห่างไกลจากศูนย์ รวมคริ สตังทุกแห่ ง การเรี ยกร้ อง ให้ มีครู คาํ สอนสั กคนหนึ่ งเพื่ อช่ วยเหลื อในเรื่ องการเรี ยนคําสอน เป็ น ความต้ องการของคนต่ างศาสนาจํานวนหนึ่งที่ ต้องการกลับใจ เป็ นความ โศกเศร้ าเพี ยงไรที่ ไม่ สามารถให้ ในสิ่ งที่ พวกเขาขอร้ อง เพื่อให้ นาํ พวก เขาไปหาพระเยซู คริ สตเจ้ า 134 คุณพ่อชมิตต์เขียนจดหมายถึงพระคุณเจ้าเวย์ลงวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 1876 ยืนยันถึง บทบาทที่สาํ คัญของครู คาํ สอนไว้ดงั นี้: ครู คาํ สอนคื อบุคคลที่ มีใจร้ อนรนและกล้ าหาญ เดินทางไปตามสถานที่ ต่ างๆ เพื่อนร่ วมชาติหลายคนยอมรั บการสอนของพวกเขาและสั ญญาว่ า จะเป็ นคริ สตัง 135 ในระหว่างปี ค.ศ. 1881 ถึงปี ค.ศ. 1899 พระคุณเจ้าเวย์ได้จดั ส่ งครู คาํ สอนไปทํางานใน มิสซังลาวจํานวน 15 คน และในปี ค.ศ. 1909 มีครู คาํ สอน 21 คน ทํางานเคียงบ่าเคียงไหล่กบั บรรดามิชชันนารี ในมิสซังสยาม ไม่ตอ้ งสงสัยเลยว่าครู คาํ สอนเป็ นปั จจัยที่สาํ คัญที่สุดประการหนึ่ง สําหรับความสําเร็ จของทั้งมิสซังสยามและมิสซังลาว

sA

rch

dio

ces e

of

132

rch ive

133

134

Hi sto

ric al A

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 199

133APF, Vol. 49, No. 290, (มกราคม ค.ศ. 1877), 52. 134เรื่ องเดียวกัน. หน้า 52-52.

135A.P.F., Vol. 49, No. 293 (กรกฎาคม 1877) 301.


.

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 200

อุปสรรคของการทํางานแพร่ ธรรม

Ba ngk o

ในสมัยการปกครองของพระสังฆราชเวย์น้ ี สยามกําลังเผชิญกับปั ญหาทางการเมืองทั้ง ภายในและภายนอก เหตุการณ์ต่างๆ ทางการเมืองรวมทั้งสถานการณ์ของประเทศเวลานั้น ย่อมมี ผลกระทบต่อการประกาศพระวรสารของบรรดามิชชันนารี อย่างแน่นอน มิสซังสยามจําเป็ นต้อง เผชิญกับอุปสรรคเหล่านี้ดว้ ยความอุตสาหะและรอบคอบ

k

5.

ระบบการปกครองของประเทศสยาม ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั ยังทรงพระเยาว์อยู่ (ค.ศ. 1868-1873) สยามถูกปกครองโดยผูส้ าํ เร็ จราชการแทนคือ เจ้าพระยาศรี สุริยวงศ์ ผูซ้ ่ ึ งไม่ชอบศาสนาคริ สต์ มิสซัง สยามต้องพบกับอุ ปสรรคในการทํางานบางประการ ตามที่เราสามารถเห็ นได้จากจดหมายของ พระสังฆราชดือปองด์ที่เขียนไว้ดงั นี้ ในระหว่ างสามปี ที่ ผ่านมานี ้ ศาสนาเจริ ญก้ าวหน้ าได้ ช้ามาก แม้ ว่าพวก เราจะไม่ ได้ รับการเบียดเบียนอย่ างเปิ ดเผย แต่ รัฐบาลปั จจุบันหรื ออย่ าง น้ อยผู้ที่เป็ นหั วหน้ าผู้มีอาํ นาจทั้งหลายก็เป็ นผู้ที่ไม่ พอใจในศาสนาคริ สต์ เลย 136 เมื่อเรามาพิจารณาระบบการปกครองของประเทศแล้ว ก็ยงั คงมีการแบ่งชั้นวรรณะในหมู่ ประชาชน พวกทาสต้องมอบตนเองโดยเด็ดขาด นบนอบเชื่อฟังนายของตนเอง ในระหว่างพวก ขุนนางเองก็ยงั มีระดับต่างๆ ซึ่ งจําเป็ นต้องเคารพเชื่อฟังเป็ นหลัน่ ชั้นกันไป ระบบเช่นนี้ยงั คงมีอยู่ ต่อไปจนกระทัง่ ถึงต้นศตวรรษที่ 20 เมื่อรัชกาลที่ 5 ประกาศเลิกทาสและปฏิรูประบบการปกครอง เสี ยใหม่ ผลของการปกครองระบบเดิมนั้นมีผลต่อการทํางานแพร่ ธรรม เพราะเหตุวา่ หากไม่มี อนุญาตจากผูม้ ีอาํ นาจเหนือตนแล้ว ชาวสยามไม่มีเสรี ภาพที่จะเป็ นคริ สตชนได้ พระคุณเจ้าเวย์เขียน จดหมายถึงคุณพ่อด็องต์ซ่ ึ งอยูใ่ นฝรั่งเศสเวลานั้น โดยเล่าให้ฟังว่าสถานการณ์ทว่ั ไปของมิสซังปกติ ดี "แต่ ทุกวันเราต้ องต่ อสู้ กับคนต่ างศาสนาเหล่ านีซ้ ึ่ งไม่ มีความรั บผิดชอบและจริ งใจเลย"137 การ คัดค้านของพวกขุนนางสยามซึ่ งมีอิทธิ พลเหนือผูอ้ ยูใ่ ต้บงั คับนับว่าเป็ นอุปสรรคที่สาํ คัญประการ หนึ่งของการประกาศพระวรสาร พระคุณเจ้าเวย์เล่าว่า: ประชาชนสยามต้ องพึ่งพิงต่ อความเมตตาของพวกเขา พวกเขาก็คัดค้ าน ต่ อการกลับใจของผู้อยู่ใต้ บังคับของตน 138

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

135

rch

dio

ces e

of

5.1

137

136จดหมายของพระสังฆราชดือปองด์ ถึงพระคาร์ ดินลั บารนาโบ, AME, Siam, Vol. 894, 1871, p. 546. 137จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงคุณพ่อด็องต์ ลงวันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 1889, AME, Siam, Vol. 896, 1889, p. 10. 138M.C., XXVIII, No. 1438 (25 ธันวาคม 1896) 617.


.

Ba ngk o

นอกจากนั้น รายงานที่สมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่อทําถวายพระสันตะปาปาเลโอ ที่ 13 ก็ได้รายงานไว้ดงั นี้: เนื่องจากผู้ที่อยู่ใต้ บังคับของผู้ที่เป็ นหัวหน้ า พวกเขาไม่ มีอิสระที่ จะ เป็ นคริ สตชน มิฉะนั้นจะต้ องได้ รับโทษอย่ างหนัก 139 ภายใต้อิทธิ พลและอํานาจของขุนนางเหล่านี้ซ่ ึ งปกครองจังหวัดต่างๆ อยู่ พวกเขาได้เผาวัด น้อยไป 3 แห่ง และที่อื่นๆ ที่พวกมิชชันนารี กาํ ลังทํางานอยูก่ ็ถูกปล้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ ต่างๆ ดีข้ ึนเมื่อพระเจ้าอยูห่ วั รัชกาลที่ 5 เริ่ มใช้นโยบายใหม่ๆ ของพระองค์ พระคุณเจ้าเวย์ ให้ขอ้ สังเกตไว้วา่ พระมหากษัตริ ย์ซึ่งปกครองอยู่ในปั จจุบันคื อจุฬาลงกรณ์ พระโอรสของ พระจอมเกล้ าเจ้ าอยู่หัว ได้ เจริ ญรอยตามพระยุคลบาทของพระราชบิดา แสดงองค์ เป็ นผู้มีพระทัยกว้ างขวาง ปั จจุบันนีด้ ูเหมือนว่ าพระองค์ ดาํ เนิน ไปไกลกว่ าเดิมอี ก อํานาจต่ างๆ ของพวกขุนนางทั้งหลายก็ลดลงไป มาก 140 ในที่สุดคริ สตศาสนาก็สามารถแผ่กระจายไปในท่ามกลางชาวสยาม ดังนั้นเมื่อเราพิจารณาดู เรื่ องนี้แล้วเราจะเห็นว่า ความสัมพันธ์อนั ดีงามกับพระมหากษัตริ ยแ์ ละรัฐบาลนั้นเป็ นสิ่ งจําเป็ น โดยแท้ ทั้งนี้เพื่อผลที่ดีของมิสซังเอง

dio

ces e

of

138

rch ive

สมาคมลับของชาวจีน ในศตวรรษที่ 19 กลุ่มชนชาวจีนในสยามเจริ ญเติบโตอย่างรวดเร็ ว ชาวจีนเองก็แบ่งเป็ นก๊ก เป็ นเหล่า และจัดตั้งสมาคมลับของตนขึ้นเพื่อรักษาความเป็ นชาติของตนเองเอาไว้ รวมทั้ง ขนบธรรมเนียมประเพณี ต่างๆ ด้วย เมื่อประเทศจีนพ่ายแพ้แก่ญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 1895 ความรู ้สึกรัก ชาติก็ได้เพิม่ พูนมากยิง่ ขึ้นไปอีก 141 สมาคมลับของชาวจีนเหล่านี้ปกป้ องผลประโยชน์ค่าตอบแทน และกําไรของชาวจีนในสยาม และบังคับให้ชาวจีนเข้าร่ วมในสมาคมลับของตนโดยใช้ทุกวิถีทาง มิสซังสยามก็ถูกรบกวนโดยสมาคมลับที่เรี ยกกันว่า ตัว่ เฮีย หรื ออั้งยี่ เพราะสมาคมต้องการรักษา ชาตินิยม ขนบธรรมเนียมประเพณี และมีอิทธิพลเหนือชาวจีนด้วยกัน ดังนั้นการเข้ามาเป็ นคริ สตชน จึงหมายถึงการเป็ นผูท้ รยศ พวกเขาจึงไม่สามารถให้ชาวจีนเข้ามาถือศาสนาคริ สต์ได้ จากรายงาน 140

Hi sto

ric al A

5.2

sA

rch

139

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 201

139Pro-memoria, PF to Pope Leo XIII, ASPCF, Rubrica, No. 129, Vol. 117, 1897, p. 383. 140M.C., XXVIII, No. 1438 (วันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 1896) 619; ดู พระศาสนจักรในประเทศไทย, หน้า 479-480.

141W. SKINNER, Chinese Society inthailand: An Analytical History, New York: Cornell University Press, 1957, C. เกษตรศิริ, กรุ งเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิ ช, 1986, หน้า 158.


.

ces e

of

Ba ngk o

ที่ถูกเก็บไว้ในห้องเอกสารของคณะ M.E.P. การทํางานแพร่ ธรรมในหมูช่ าวจีนเจริ ญอย่างรวดเร็ ว งานนี้เริ่ มต้นในปี ค.ศ. 1840 โดยมีชาวจีนที่เป็ นคาทอลิกเพียง 150 คนเท่านั้น ในปี ค.ศ. 1851 หลังจากการกลับมาจากการถูกเนรเทศของบรรดามิชชันนารี แล้ว งานแพร่ ธรรมในหมู่ชาวจีนก็มีอยูถ่ ึง 6 แห่ง ด้วยกันตามจังหวัดต่างๆ ของสยาม นับแต่ สมัยนั้นมา งานแพร่ ธรรมในหมู่ชาวจีนเจริ ญขึน้ โดยทั่วไปตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1862 นอกจากกรุ งเทพฯ แล้ ว งานแพร่ ธรรมในหมู่ชาวจีนนับได้ ดังนี ้ มี 7 แห่ ง ที่ มีที่พักของมิชชันนารี วัด โรงเรี ยน บ้ านเด็กกําพร้ า, 9 แห่ ง ที่มีแต่ วดั แต่ ไม่ มีที่พัก เพียงแต่ มิชชันนารี มาเยี่ยมเยือนและโปรด ศีลศักดิ์สิทธิ์ ต่างๆ และแบบสุดท้ ายมีอีก 9 แห่ งใหม่ ที่ ยงั ไม่ มีทั้งวัดและ โรงเรี ยน เมื่อดูจาํ นวนประชากรในเวลานีแ้ ล้ ว มิสซั งสยามได้ สอนและ โปรดศีลล้ างบาปให้ แก่ ชาวจี นมากกว่ า 2,000 คน แล้ ว 142 อันที่จริ งพระคุณเจ้าเวย์ได้สังเกตเห็นอุปสรรคของมิสซังสยาม เมื่อท่านเขียนจดหมายถึง กรุ งปารี สในปี ค.ศ. 1869 ท่านเห็นว่าชาวจีนดูเหมือนจะไม่กล้ามาเป็ นคริ สตชนอีกเลย เนื่องจากเข้า ไปพึ่งพิง "ตั่วเฮี ย" ท่านเขียนว่า: ชาวจี นมีที่พึ่งที่ เข้ มแข็งคื อ "ตั่วเฮี ย" พวกเขาไม่ คิดที่จะเป็ นคริ สตชนอีก ต่ อไป อี กประการหนึ่งก็คือ เป็ นพวกเราบาทหลวงนี่แหละซึ่ งเป็ นต้ นเหตุ ของความเดือดร้ อนของพวกเขา เพราะหากไม่ มีพวกคริ สตชนก็คงจะไม่ มีตั่วเฮี ย 143 ในปี ค.ศ. 1877 พระคุณเจ้าเวย์ได้เขียนเกี่ยวกับเรื่ องนี้ไว้อีกว่า พวกหั วหน้ าสมาคมลับได้ แสดงความเกลี ยดชั งต่ อคนจี นที่ เป็ นคริ สตัง อย่ างเต็มที่ การลงชื่ อเข้ าสมาคมลับได้ เริ่ มทําในหลายแห่ งที่ อยู่ใกล้ กับ สํานักของมิ ชชั นนารี ผู้ดูแลหมู่คริ สตังจี น.. คนจี นคนใดแสดงตัวว่ า ใฝ่ ฝั นจะเข้ ามาถื อศาสนาคริ สตัง เขาก็ใช้ วิธีขัดขวางทุกอย่ าง เช่ น หลอกลวง หลอกล่ อ ขู่เข็ญให้ กลัว และเตือนให้ ถือขนบธรรมเนียมของ บรรพบุรุษ ฉะนั้น ณ ที่ สําคัญสามแห่ ง คื อ แปดริ ้ ว บางช้ าง และวัด กาลหว่ าร์ จํานวนผู้ที่รับศีลล้ างบาปได้ ลดลงไปมาก 144

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 202

rch ive

sA

rch

dio

141

Hi sto

ric al A

142

143

142AME, Siam, Vol. 894, 1870, p. 512. 143จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงกรุ งปารี ส, AME, Siam, Vol. 894, 1869, p. 475. 144จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงกรุ งปารี สลงวันที่ 31

ตุลาคม 1883, AME, Siam, Vol. 895, 1883, p. 353.


.

of

Ba ngk o

คริ สตังชาวจีนถูกทําร้ายโดยสมาชิกของสมาคมลับเหล่านี้ และทุกวันดูเหมือนว่าจะลําบาก สําหรับการกลับใจท่ามกลางพวกเขาซึ่ งเกรงกลัวอิทธิ พลของพวกนี้ ปั ญหายังเกิดมาจากผูม้ ีอาํ นาจ ทางบ้านเมืองด้วย เพราะพวกเขารับอามิสสิ นจ้างจากสมาคมลับ จึงทําให้ปัญหาเหล่านี้ ยากที่จะ แก้ไขได้ ในปี ค.ศ. 1883 พระคุณเจ้าเวย์ได้เขียนไว้อีกว่า พวกอั้งยี่ยิ่งวันยิ่งแข็งแรงจนกระทัง่ ไม่สามารถทํางานในหมู่ชาวจีนได้เลย นอกจากนี้ ยงั ได้สังเกตไว้ดว้ ยว่าในปี ค.ศ. 1884 สมาคมลับ ชาวจีนเริ่ มปฏิ บตั ิการในต่างจังหวัดด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางภาคตะวันออกที่แปดริ้ ว คุ ณพ่อ แปร์ เบต์เกือบถูกฆ่าตายโดยชาวจีนที่บุกเข้าไปในบ้าน แต่โชคดีที่คริ สตังคนหนึ่ งช่วยคุณพ่อออกมา ได้ ที่ท่าเกวียน คุณพ่อวัวะแซ็งถูกชาวจีนรบกวนจนกระทัง่ อยูท่ ี่บา้ นพักไม่ได้เป็ นเวลาหลายสัปดาห์ ที่บางปลาสร้อย ชาวจีน 40 ถึง 50 คน เข้าโจมตีบา้ นคริ สตังคนหนึ่ งของคุณพ่อรู โซ นอกจากนี้ ครู คาํ สอนคนหนึ่งของคุณพ่อกรางด์ก็ถูกฆ่าตายโดยพวกอั้งยีด่ ว้ ย 145 พระคุณเจ้าเวย์ได้ต่อต้านกับการคุกคามนี้ดว้ ยความรอบคอบและกล้าหาญ ท่านได้พยายาม แนะนําบรรดามิชชันนารี ให้รู้จกั วิธีการตอบโต้กบั ปั ญหานี้ พระคุณเจ้าเองได้นาํ เรื่ องบางเรื่ องฟ้ อง ศาล ปกป้ องบรรดามิชชันนารี และปกป้ องคริ สตังจีน และเท่าที่เราทราบมา ท่านไม่เคยแพ้คดีในศาล เลย ซึ่ งทําให้มิสซังสยามได้รับกําลังใจขึ้นมาก 146 ดู เหมื อนว่า ยิ่ง ที ส มาคมลับ ชาวจี นยิ่งก่ อความไม่สงบและความวุ่นวายขึ้ นในกรุ ง เทพฯ มากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อต่อต้านรัฐบาลสยาม ดังนั้นในปี ค.ศ. 1895 รัฐบาลสยามจึงควบคุมสมาคมเหล่านี้ อย่างเคร่ งครัด และที่สุดในปี ค.ศ. 1897 กฎหมายใหม่ก็ออกมาบังคับให้สมาคมต้องจดทะเบียนและ ขึ้นอยูก่ บั การควบคุมดูแลของตํารวจ นับว่าเป็ นผลดีต่อมิสซังสยามเพราะเท่ากับปกป้ องมิสซังสยาม ให้พน้ จากอันตรายของพวกเขา 147

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 203

rch ive

sA

rch

145

dio

ces e

144

146

ปัญหาทางการเมืองกับประเทศฝรั่งเศส ทันทีที่ประเทศฝรั่งเศสยึดตังเกี๋ยและอันนัมได้ในระหว่างปี ค.ศ. 1883-1884 พระคุณเจ้า เวย์ตระหนักว่าเหตุการณ์ทางการเมืองต้องก่อให้เกิดความยุง่ ยากต่อมิสซังสยาม พระคุณเจ้าได้ต้ งั ข้อ สังเกตไว้ในจดหมายของท่านว่า: เราไม่ อาจทําลายความคิ ดที่ ว่า ปั ญหาทางศาสนาเป็ นการเชื่ อมโยงกับ ปั ญหาทางการเมื อง คนต่ า งศาสนาทุ ก คนก็เช่ นเดี ย วกับ คริ สตชน มองเห็นการแทรกแซงของชาวฝรั่ งเศสในประเทศอันนัม (ญวณ) ว่ าเป็ น

Hi sto

ric al A

5.3

145จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 1884, AAB, Vey, จดหมาย, Vol. I, No. 036.

146พระศาสนจักรในประเทศไทย, หน้า 482. 147SKINNER, เล่มเดียวกัน., pp. 143-145.


.

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 204

การเข้ า ข้ า งหรื อไม่ เข้ า ข้ า งคริ สตัง หลัง จากความสํา เร็ จหรื อความ ไม่ สาํ เร็ จของชาวฝรั่ งเศส 148 พระคุ ณเจ้ายัง สังเกตเห็ นว่าชาวสยามนั้นไม่ส ามารถแยกแยะระหว่า งคริ สตชนและชาว ฝรั่งเศสได้ วิกฤตการณ์ทางการเมืองในปี ค.ศ. 1893 ก่อให้เกิดความเห็นทัว่ ไปว่าคริ สตชนคือผูช้ ่วย ของชาวฝรั่งเศส ดังนั้นคริ สตชนจึงเป็ นเหมือนกับศัตรู ของประเทศชาติ ผลที่เกิดขึ้นก็คือ: ความขัดแย้ งทางการเมืองทําให้ การกลับใจเป็ นจํานวนมากต้ องหยุดชะงัก อย่ างฉั บพลัน 149 ทุกคนกําลังรอคอยให้การทะเลาะวิวาททางการเมืองนั้นสิ้ นสุ ดลง พระคุณเจ้าเวย์รําพันว่า หากฝรั่งเศสเพียงแต่แสดงตนเองให้เหมาะสมกับคําว่า "Gesta Dei per Francos" แล้ว ชาวสยามคงจะ ตาสว่างขึ้นเป็ นแน่: เราอาจกล่ าวได้ ว่า การดําเนินชี วิตของชาวฝรั่ งเศสจะเป็ นการดําเนินชี วิต ของชาวสยาม พระะเจ้ าของชาวฝรั่ งเศสจะเป็ นพระเจ้ าของชาวสยาม โชคร้ ายเหลื อเกิ นที่ เพื่ อนร่ วมชาติ ของเราบางคนได้ รับอิ ทธิ พลของการ ไม่ มีศาสนาและตัวอย่ างที่ ไม่ ดี 150 คุณพ่อด็องต์เขียนจดหมายถึงกรุ งปารี สว่า ประชาชนไม่เคยเกิดความลังเลเช่นนี้มาก่อนเลย ทั้งนี้เป็ นเพราะเหตุการณ์ทางการเมืองซึ่ งไม่มีใครรู ้วา่ จะมีผลออกมาอย่างไร ประเทศสยามกําลังอยู่ ในระหว่างการเปลี่ยนแปลง และหากว่ายังคงอยูใ่ นสภาพเช่นนี้แล้ว มิสซังสยามก็จะยังไม่สามารถ ทําอะไรใหญ่โตได้เลย 151 ประเทศสยามและฝรั่งเศสต้องเผชิญกับปั ญหาทางการเมืองนี้ไปจนถึงปี ค.ศ. 1907 สยาม ยอมยกดินแดนพระตะบอง ศรี โสภณ และเสี ยมราฐให้แก่ฝรั่งเศส นี่หมายความว่าเกือบตลอดช่วง สมัยของพระคุณเจ้าเวย์ พระคุณเจ้าต้องประสบกับความกดดันทางการเมืองเหล่านี้อยูเ่ สมอมา นัน่ คือต้องเผชิญกับสถานการณ์ดงั กล่าว เวลาเดียวกันยังต้องทํางานกับประชาชนซึ่ งมองดูบรรดา มิชชันนารี ดว้ ยสายตาแห่งความเป็ นศัตรู นับว่าเป็ นโชคดีของมิสซังสยามซึ่ งมีความสัมพันธ์ที่ดีกบั รัฐบาล มิสซังคาทอลิกจึงสามารถทํางานแพร่ ธรรมของตนได้

Hi sto

Ba ngk o

ric al A

rch ive

sA

rch

1 49

dio

ces e

of

148

150

148จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 1883, AME, Siam, Vol. 895, 1883, p. 353. 149จดหมายของพระสังฆราชเวย์ ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ. 1894, AME, Siam, Vol 896, 1894, p. 130;

ดูรายงานประจําปี , 1894, หน้า 60-64. 150เรื่ องเดียวกัน. 151จดหมายของคุณพ่อด็องต์ ถึงกรุ งปารี ส ลงวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1898, AME, P. Rousseille, Siam, p. 18, No. 10.

k

147


.

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 205

Ba ngk o

ทัศนคติของมิชชั นนารีต่อศาสนาพุทธ เมื่อเราศึกษา และตรวจสอบดูประวัติศาสตร์ การประกาศพระวรสารของคาทอลิ กใน ประเทศสยาม เราจะพบว่าบรรดามิชชันนารี เองเป็ นผูว้ างอุปสรรคของการแพร่ ธรรมของตนเอง เอาไว้ดว้ ย บางทีอาจเป็ นเพราะว่าพวกเขาไม่เข้าใจสถานการณ์และสภาพของชาวสยามจากที่เป็ น จริ งก็ได้ หรื อจะพูดอีกอย่างหนึ่ ง นัน่ ก็คือ ความเข้าใจและทัศนคติต่อศาสนาพุทธนัน่ เองซึ่ งเป็ น ศาสนาประจําชาติ และในที่สุดก็เป็ นอุปสรรคของงานแพร่ ธรรมที่มาจากบรรดามิชชันนารี เอง 152 ตามที่เราศึกษามาข้างต้นแล้วหนังสื อ "ปุจฉา วิสัชนา" ของพระคุณเจ้าปัลเลอกัวได้โจมตี ศาสนาพุทธหลายอย่างด้วยกัน แน่นอนที่สุด การดูหมิ่นศาสนาเช่นนี้ก่อให้เกิดปฏิกิริยาขึ้นในหมู่ ชาวสยามเพราะเท่ากับไปทําร้ายจิตใจและความรู ้สึกของประชาชน พระคุ ณเจ้าเวย์ได้ต้ งั ข้อสังเกตว่า โดยทัว่ ๆ ไปชาวสยามมิได้แสดงตนเป็ นปฏิปักษ์กบั ศาสนาคริ สต์ พวกเขามาพบบรรดามิชชันนารี และรับฟังด้วยความเต็มใจ อุปสรรคสําคัญๆ นั้นได้แก่ หัวหน้าของประชาชนเหล่านั้น พระคุณเจ้าเขียนไว้วา่ : บุ ค คลเหล่ า นี ้ส นใจที่ จ ะต่ อ ต้ า นความก้ า วหน้ า ของศาสนาคาทอลิ ก ศาสนาพุทธที่ อยู่ในมือของเขาเป็ นวิธีที่สะดวก และมีประสิ ทธิ ภาพใน การเสนอให้ ประชาชนนับถือ เขาใช้ ศาสนาเป็ นเสื ้อคลุมสําหรั บจะปกปิ ด ความเป็ นเผด็จการ และความอยุติธรรมของพวกเขาไว้ 153 เมื่อพระคุณเจ้าเขียนจดหมายถึงพระสันตะปาปาเลโอ ที่ 13 พระคุณเจ้ายืนยันถึงความ คิดเห็นของท่านเกี่ยวกับศาสนาพุทธ โดยมองดูศาสนาพุทธในทางที่ไม่ดีสําหรับความเชื่อคริ สตชน และการกลับใจของชาวสยาม 154 ศาสนาพุทธมิได้รับการเคารพจากบรรดามิชชันนารี เท่าที่ควรจะเป็ น ยิ่งกว่านั้นหนังสื อ "ปุจฉา วิสัชนา" ยังถูกพิมพ์ข้ ึนมาใหม่ในสมัยของพระคุณเจ้าเวย์ในปี ค.ศ. 1894 และปี ค.ศ. 1897 อันเป็ นปี ที่ประชาชนมีความเห็ นเกี่ ยวกับชาวฝรั่งเศสและคริ สตศาสนาในทางที่เลวร้ ายอันเนื่ อง มาจาสถานการณ์ ทางการเมือง การพิมพ์หนังสื อครั้งนี้ รัฐบาลมิได้สั่งให้ยึดหรื อทําลายอาจเป็ น เพราะว่าบรรดามิชชันนารี มิได้ใช้หนังสื อเหล่านี้อย่างเปิ ดเผย แต่ใช้เฉพาะในสังคมคาทอลิกเอง และ ก็อาจเป็ นได้ที่รัฐบาลสยามไม่ตอ้ งการทําให้สถานการณ์ทางการเมืองกับฝรั่งเศสในตอนนั้นเลวร้าย มากขึ้นไปอีก

k

5.4

1 52

rch ive

sA

rch

dio

ces e

of

151

Hi sto

ric al A

153

152ศรี หตั ถกรรม, Op. Cit., หน้า 43. 153Lettre Cummune du Séminaire des Missions Etrangères, No. 10 (วันที่ 31

ดู AAB, Vey, จดหมายเวียน, No. 013.

154ASCPF, Rubrica, No. 129, 1903, Vol. 261, pp. 437-438.

ธันวาคม ค.ศ. 1879) 54;


.

Ba ngk o

อย่างไรก็ตาม หนังสื อเล่มนี้ได้รับการต่อต้านอย่างกว้างขวางจากพุทธศาสนิกชนในปี ค.ศ. 1958 เมื่อหนังสื อเล่มนี้ ถูกพิมพ์ข้ ึนมาอีกครั้งหนึ่ งโดยคุณพ่อแปรู ดง รัฐบาลสั่งยึดหนังสื อเล่มนี้ และสั่งปิ ดโรงพิมพ์อสั สัมชัญซึ่ งพิมพ์หนังสื อเล่มนี้ รวมทั้งเรี ยกพระสงฆ์ผรู ้ ับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่ องนี้ ให้ไปรายงาน 155 สิ่ งที่น่าสังเกตและน่ าจดจําจากเรื่ องนี้ ก็คือ พุทธศาสนาเป็ นศาสนาประจําชาติ ชาวพุทธ ซึ่ งเป็ นชาวสยามก็แสดงความมีไมตรี จิตต่อชาวคริ สต์และศาสนาคริ สต์ดว้ ยนํ้าใจที่ดี ทําไมบรรดา มิช ชันนารี มิ ได้เข้า ใจถึ งความสําคัญของพุท ธศาสนาสํา หรั บ จิตใจและความรู้ สึ ก ของชาวสยาม ตรงกันข้ามพวกมิชชันนารี กลับทําให้ตวั เองพบกับอุปสรรคต่อการประกาศพระวรสารจากเรื่ องนี้ เสี ยเอง นับว่าเป็ นบทเรี ยนที่มีคุณค่ามากสําหรับการประกาศพระวรสารในประเทศไทยในปั จจุบนั นี้.

k

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 206

ces e

of

154

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio

155ศรี หตั ถกรรม, เล่มเดียวกัน., หน้า 43; มุทุกน ั ท์, เล่มเดียวกัน., หน้า 20.


.

ประวัติพระศาสนจักร ไทย สมัยรัชกาลที่ 5 207

ABBREVIATIONS Archives of the Archdiocese of Bangkok

AME

Archives of Missions Etrangeres de Paris

A.P.F.

Annales de L'Association de la Propagation de la Foi

ASCPF

Archives of Sacred Congregation of Propaganda Fide

M.C.

Missions Catholiques. Bulletin hebdomadaire Illustre de

Ba ngk o

of

ces e

L'Oeuvre de la Propagation de la Foi

k

AAB

Hi sto

ric al A

rch ive

sA

rch

dio


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.