เรื่องจริงจากจีนแผ นดินใหญ สู ผืนแผ นดินไทย จากวัยเด็กที่ถูกพลัดพราก สู ความเป นแม ที่ยิ่งใหญ …
พิมพ ครั้งที่ 10
ตังซิน
เรื่องเลาของแม ตังซิน
เรื่องเล าของแม เขียนโดย ตังซิน ตีพิมพ ครั้งแรก หนังสือพิมพ จงหัวเยอะเป า (พ.ศ. 2547-2549) รวบรวม พิรุฬห ภัค พิริยะภักดีกุล พิมพ รวมเล มครั้งแรก พฤศจิกายน 2549 ราคา 200 บาท ออกแบบปก และรูปเล ม พิรุฬห ภัค พิริยะภักดีกุล ถ ายภาพปก วุฒิไตร พิริยะภักดีกุล ภาพปกถ ายที่เมืองเอเนซี่ ประเทศฝรั่งเศส พิมพ ครั้งที่ 1 พฤศจิกายน 2549 จํานวน 50 เล ม พิมพ ครั้งที่ 2 พฤศจิกายน 2549 จํานวน 50 เล ม พิมพ ครั้งที่ 3 พฤศจิกายน 2549 จํานวน 100 เล ม พิมพ ครั้งที่ 4 พฤศจิกายน 2549 จํานวน 50 เล ม พิมพ ครั้งที่ 5 เมษายน 2551 จํานวน 10 เล ม พิมพ ครั้งที่ 6 สิงหาคม 2551 จํานวน 30 เล ม พิมพ ครั้งที่ 7 พฤศจิกายน 2551 จํานวน 50 เล ม พิมพ ครั้งที่ 8 กรกฎาคม 2555 จํานวน 10 เล ม พิมพ ครั้งที่ 9 กุมภาพันธ 2556 จํานวน 20 เล ม พิมพ ครั้งที่ 10 กุมภาพันธ 2559 จํานวน 20 เล ม หนังสือเล มนี้ เป นหนังสือเล มแรกของโครงการหนังสือตามใจ ที่พิมพ ตามความ ต องการของผู อ านเท านั้น พิมพ ครั้งละ 1 เล มขึ้นไป เพื่อลดป ญหาการสูญเสีย ทรัพยากรธรรมชาติโดยไม จําเป น ไม ต องพิมพ จํานวนมากเหมือนรูปแบบดั้งเดิม ไม มีสต อค และเพื่อเป นไปตามแนวทางของเศรษฐกิจพอเพียง อีกทั้งยังสนับสนุน ให เกิดการเผยแพร ความรู และเกิดความเป นไปได ของนักเขียนรุ นใหม ที่สามารถ ตีพิมพ หนังสือของตนเองได ง ายขึ้น พิมพ ที่ บริษัท ไฮเรส จํากัด โทร. 0 2204 1955 www.hi-res.co.th
สารบัญ ผูห ญิงชาวนาคนหนึง่ ........................................................ 13 ชีวติ รันทด ......................................................................... 23 เมือ่ ฉันยังเด็ก .................................................................... 41 ชีวติ ตองสู .......................................................................... 49 ฉันมีแมสองคน ................................................................. 67 ลูกเปด ............................................................................... 77 อุบตั เิ หตุ ............................................................................. 87 ลูกชายจะแตงงาน ............................................................. 95 ลูกสาวฉันบา .................................................................... 103 แม! หนูจะกลับบาน ........................................................ 123 อาโกวอารยา ..................................................................... 131 อาโกวจากไปแลว ............................................................. 147 ตนมะเฟอง ...................................................................... 153 สัง่ เสียไวกอ น ................................................................... 157
“แด แม และผูเปนแมทุกคนในโลก”
คำนำ
ความจริงแลว ฉันเปนเพียงแมบา นธรรมดาๆ คนหนึง่ เทานั้น ความรูก็แคพออานออกเขียนได เพราะวาฉันเรียน หนังสือจีนตั้งแตยังเด็ก และชอบอานนวนิยายจีนมาก ฉัน จึงพอเขียนเรียงความจีนได เมือ่ วันที่ 7 พฤษภาคม ป พ.ศ. 2547 คุณอารยา อาโกว ของฉัน (นองของสามี) ไดเสียชีวิตอยางกระทันหันดวย โรคหัวใจ อาโกวกับฉันสนิทสนมและรักกันมาก ฉันจึง เศราโศกเสียใจยิ่งนัก ฉันรองไหอยูเปนอาทิตย แลวอยูๆ ฉันก็นึกอยากระบายความเสียใจออกมาเปนหนังสือเพื่อ ระลึกถึงอาโกว ฉันจึงเขียนเรื่อง ‘อาโกวจากไปแลว’ เปน ภาษาจี น แล ว ส ง ไปสำนั ก พิ ม พ จี น ‘จงหั ว เยอะเป า ’ 6 เรื่องเลาของแม
ทางหนั ง สื อ พิ ม พ จี น ได ตี พิ ม พ เ รื่ อ งที่ ฉั น เขี ย นออกมา และคุณจื่อฝน ผูจัดการคอลัมนไดเขียนจดหมายถึงฉันวา ฉันเขียนใชได วางๆ ใหเขียนมาอีก ตั้งแตนั้นเปนตนมา ฉันเลยเขียนเรื่อง อามา อากู (นองอามา) และเรื่องของตัวฉันเอง เรื่องลูกๆ จากความ ทรงจำของฉันทีละเรื่อง ทะยอยสงไปใหหนังสือพิมพจงหัว ตอมาลูกชายคนรอง พิรุฬหภัค เขารูวาแมเขียนเรื่อง เลาไปลงหนังสือพิมพจีน เขาอยากรูวาฉันเขียนเรื่องอะไร บาง แตเขาอานหนังสือจีนไมออก ซึ่งตอนลูกยังเด็กๆ ฉัน ไดสงพี่นอง 3 คนไปเรียนภาษาจีนที่โรงเรียนโรจนปญญา แถวยศเส คนละ 4 ป แตในชีวิตประจำวัน ไมไดใชคุย ใชเขี ยน จึงคืนวิชาครู ไปหมด เหลือ เพี ย งแคเ ขีย นชื่ อ ตัวเองได และยังไมลืมวาพวกเขาเปนลูกหลานของตระกูล ‘ฉั่ว’ ลูกฉันไดขอรองใหแมแปลเปนภาษาไทยใหอาน ฉันก็ เลยแปล พอลูกไดอานแลว บอกวา “แมเขียนมาเถอะ ผมจะเอาไปรวมเปนเลมให” ทีแรกฉันนึกวาพูดเลน ไม นึกเลยวาเขาจะเอาเรื่องเลาของฉันไปทำเปนหนังสือจริงๆ ฉันรูต วั วา ฉันเขียนไมเกง เพราะยังไมมปี ระสบการณ ฉันเพียงเขียนจากชีวิตจริง เปนเรื่องจริง ทุกคนมีนิทาน ของตัวเองทั้งนั้น และนิทานทุกเรื่องก็จะไมเหมือนกัน ตังซิน 7
เพียงแคทุกคนเอาชีวิตของตัวเองบอกเลาออกมา เพื่อให คนรุนหลังรูวา กวาจะผานพนชีวิตมา ทุกคนตองฟนฝา อุ ป สรรคขนาดไหน ให ค นรุ น หลั ง ได รู จั ก ความอดทน การตอสูชีวิต สรางสรรคชีวิต เพื่อตัวเอง เพื่อครอบครัว และเพื่อสังคม ตังซิน ตุลาคม 2549
8 เรื่องเลาของแม
คำสารภาพของลูก
จำไดคลับคลายคลับคลากับเหตุการณในวัยเด็ก หลังจากไดอานเรื่องเลาของแม ภาพจิ๊กซอวตางๆ ปะติด ปะตอเขามาเปนภาพที่ชัดเจน ทำใหคิดถึงชวงเวลาตางๆ ที่ผานมาในวัยเด็ก หลายๆ เรื่อง ไมเคยรับรู หลายเรื่อง ที่รับรูเพียงบางตอน ขาด แหวงวิ่น ไมปะติดปะตอกัน และหลายๆ เรื่อง ทำใหผมรองไห... แมเปนผูหญิงมหัศจรรย เรื่องราวของแม ตั้งแตวัย เด็ก วัยเรียน แตงงาน มีลกู ทำงาน จนถึงทุกวันนี้ ยิง่ รับรู ยิ่งสงสารแม ในชะตากรรมที่ผานมา ความอดทนตอ ความยากลำบากและความรักของแมทมี่ แี ตลกู ชางยิง่ ใหญ ที่ไมวาจะใชเวลากี่ชาติกี่ภพ ก็ไมสามารถที่จะทดแทน 10 เรื่องเลาของแม
บุญคุณแมไดหมด เรื่องแทบทุกเรื่องในนี้ ลวนมีคติสอนใจทั้งสิ้น ถึง แมวาภาษาอาจจะไมสละสลวย เหมือนนักเขียนมืออาชีพ อาจจะมีคำถูกคำผิดบาง แตเรื่องทั้งหมดถูกเขียนขึ้นดวย หัวใจ ที่เต็มไปดวยความรัก ความรักของแมที่มีตอผูคนที่ รูจักแม โดยเฉพาะลูกๆ ทั้งหาคนของแม เรื่องบางเรื่อง ทำใหผมเขาใจแมมากขึ้นกวาสมัยที่ ผมยังเปนเด็ก ทำใหรูสึกถึงความรักที่แมมีตอลูกทุกคน อยางไมมีขีดจำกัด ผมเชื่อวาแมทุกคนในโลกเปนอยางนี้ ทุกวันนี้ ผมพยายามจะทำใหแมสบายใจ พยายาม ดูแลแมใหดีที่สุด ไมวาแมจะอยากไดอะไร ผมจะ พยายามหามาใหแมใหได สิ่งที่แมสั่งสอน ผมจะจำไป ใช ถึงแมบางครั้งผมอาจจะทำผิดพลาดไปบาง แตผมก็ เชื่อวา แมจะใหอภัยใหลูกทุกคนไดเสมอ หนังสือเลมนี้ ผมทำใหแมครับ ผมอยากประกาศ ใหโลกไดรับรูวา ผมโชคดี ผมมีแมที่ยิ่งใหญ มีแมที่แสนดี ผมภูมิใจในตัวแม และผมรักแมมากที่สุดในโลกเลยครับ ภัค ลูกชายคนที่สองของแม ตุลาคม 2549
ตังซิน 11
นางคาจู (อามากับอาโกว)
12 เรื่องเลาของแม
ผูหญิงชาวนาคนหนึ่ง
‘นางคาจู’ เปนผูหญิงเกิดเมื่อกลางศตวรรษที่แลว เวลานั้น ผูหญิงคนจีนสวนใหญไมรูจักหนังสือ อามาก็ เหมือนกัน แตทานเปนคนฉลาด อายุสิบหา ก็สามารถ ตัดฉลุดอกไมไดเกง คือการเอากระดาษสีแดง และใช กรรไกรอันเล็กๆ ตัดฉลุเปนรูปดอกไม รูปคน หรือรูป สั ต ว ต า งๆ (เป น งานฝ มื อ เมื่ อ สมั ย นั้ น ที่ นิ ย มกั น มี แ ต เฉพาะในเมืองจีนเทานั้น) พอของคาจู ทำอาชีพพิมพผา (คือการเอาผาดิบมายอมเปนผาสีและทำพิมพเปนลาย ดอกไม) คาจู เปนลูกสาวคนโต สามารถชวยพอทำงาน ได คุณพอจึงรักลูกสาวคนนี้ เหมือนหัวแกวหัวแหวน
ตังซิน 13
เมื่อคาจู อายุได 16 ป คุณแมไดเกิดทองนอกมดลูก แตหมอจีนเขาไมสามารถตรวจหาสาเหตุเจอได จึงได ถึงแกกรรม เนื่องจากคุณแมเปนภรรยาที่ดีของคุณพอ คุณพอจึงเสียใจมากที่เสียคุณแมไป ทำใหคิดถึงคุณแมจน เสนเลือดสมองแตก ไมชาก็เสียชีวิตลง ทิ้งลูกกำพราทั้ง 4 คนไวคือ คาจู อายุ 16 ป นองชาย 2 คน อายุ 14 ป และ 10 ป ยังมีนองสาวอายุเพิ่ง 4 ป พวกเขา 4 พี่นอง ตกอยูในสภาพที่ทุกขทรมานมาก คาจูอายุเพียง 16 ป ตองแบกรับภาระเลี้ยงนองทั้ง 3 คน พี่ชายของคุณพอซึ่ง เปนเจาของบาน คือคุณลุง 2 คน ไมไดมาสนใจที่จะดูแล หลานๆ เลย คาจูมีอาชีพที่สามารถทำเพื่อเลี้ยงนองคือ อาชีพ ปลูกมัน ปลูกถั่ว และทอผา ทนยากลำบากยากแคน เลี้ยงนองมา พออายุได 20 ป ก็ไดแตงงานอยูกับคุณ กิมซง เนื่องจากคุณพอของคาจู ไดฝากเอาไวกอนที่ทาน จะเสียชีวิต คาจูไมมีญาติผูใหญจึงไดขอรองใหเพื่อนบาน ที่มีน้ำใจชวยจัดงานแตงงานให เพราะกิมซงก็เปนลูกคน เดียว พอก็ไมมี อยูกับแมซึ่งเปนชาวนา หลังจากแตงงาน ไมนานนัก กิมซงก็ไดมาทำมา หากินอยูเมืองไทย และใหคาจูอยูดูแลแมสามีตามลำพัง เพียง 2 คน คาจูจึงรับนองสาวที่มีอายุ 8 ป มาเลี้ยงดู 14 เรื่องเลาของแม
ดวย และบางครั้งก็แอบแมสามีเอาขาวและมันไปใหนอง ชาย เพราะบานของกิมซงมีอาชีพทำนา ชวงที่คาจูตั้งทอง ก็ตองทำนา และเลี้ยงเปด เลี้ยงไก คาจูเปนคนขยัน ทำงานเร็ว เธอเลี้ยงหมูไดปหนึ่งๆ ขายหมูได 2 ครั้ง ใน นาปลูกผักสวนครัวหลายอยางเอาไวกิน และขายไดเสมอ แมสามีเปนผูห ญิงกอนอามาอีกรุน หนึง่ เปนคนประหยัด มากๆ ไกในบานออกไข ก็จะเสียดาย ไมใหกิน เก็บเอา ไวขาย อยูมาวันหนึ่ง แมสามีออกไปชวยงานในนา ตอน เดินกลับ แวะไปที่บอลางเทา ชวงที่กำลังกมลงไปตักน้ำ ในบอ ทำเงินหลนลงไปในบอน้ำ 1 เหรียญ ทำใหแมสามี เสียดายมาก และโมโหตัวเอง ไดแตทุบอกตัวเองรองไห ไมยอมกินอาหาร จนคาจูตองคุกเขาออนวอนอยูตั้งนาน จึงยอมกินอาหาร หลังจากนั้นไมนาน รานขายของชำที่ ตลาดไดลมละลาย ทำใหเงินของคุณแมสามีที่แอบฝาก เอาไว 300 เหรียญ สูญไปดวย แตครั้งนี้ไมเห็นแมสามีทุบ อกและรองไหเลย ทำใหคาจูแปลกใจมาก สามีของคาจูจะกลับมาที่บานทุกๆ สิ้นป และทุกๆ ครึ่งป จะสงเงินมาใหที่บาน เงินที่ขายหมูก็ยังคงอยู เงิน ทองก็เลยพอมีเหลือเก็บบาง เนื่องจากคาจู และแมของ สามีเปนคนที่ประหยัดในเรื่องการกินการใช ไดเก็บเงินที่ จะซื้อที่ดินทีละเล็กทีละนอยจนกระทั้งมีที่ดิน 10 ไร ตังซิน 15
อยูมาวันหนึ่งแมสามีเดินไปที่บอน้ำ ถูกลอที่ไวใช สำหรับตักน้ำขึ้น กระแทกหลนใสศีรษะ ทำใหเสียชีวิต คาจูเสียใจมาก เวลานัน้ คาจูมลี กู 3 คน เปนชาย 1 คน หญิง 2 คน คาจูคิดวามีที่นา 10 ไร ไมวาอยางไรก็คงไมอดตาย และ คิดวา ชีวิตบั้นปลายคงมีความสุขแนนอน แตเนื่องจากชีวิตเปนสิ่งไมเที่ยงแทแนนอน เมื่อป พ.ศ. 2493 ประเทศจีนมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง มี การแปรรูปแผนดิน ใครที่มีที่นา ตองคืนใหกับรัฐบาลหมด และถือวาใครที่มีที่นามาก และเปนเจาของที่นา ถือวา เปนคนร่ำรวย ชอบเบียดเบียนคนจน ความจริงแลว ทาง รัฐบาลตองการที่ดินของคนรวยยึดเปนของหลวง และ ทำใหทุกคนเสมอภาคกันหมด แตประชาชนคนจนทั้ง หลาย ปกติเห็นคนรวยมีที่นามาก ก็มักจะอิจฉาอยูแลว จึงฉวยโอกาสนี้กลั่นแกลงผูที่มีที่ดินมากกวา ที่ชนบท ก็มีคนรวยบางคนที่มีเงินมากอยูแลว ชอบ รังแกคนจน พอถึงปลายฤดูเก็บเกี่ยว คนจนที่มีลูกมาก มักจะมีขาวไมพอกิน จะมาขอยืมขาวจากคนรวยที่มีขาว มากกวา พอถึงเวลาที่ครบกำหนดคืนขาว ตองเอาขาวคืน เขา แบบยืม 1 หาบ คืน 2 หาบ (ถือวาเปนดอกเบี้ย) แตคาจู เปนคนรวยที่ไมมีอิทธิพล คาจูคิดแควาตนเองเปนชาวนา 16 เรื่องเลาของแม
ผู มี อั น จะกิ น และที่ ดิ น ที่ ไ ด ม า ก็ จ ากการสะสมที ล ะ เล็กทีละนอยดวยความขยันของตัวเอง เวลาที่มีคนขอยืม ขาวไปกิน พอถึงเวลาคืน จะรับสวนที่ตองคืนและดอกเบี้ย เพียงครึ่งหาบเทานั้น เพราะฉะนั้นเวลาที่เขาถูกกลาวหา วาเปนคนรวย เปนเจาของที่นามาก จึงรูสึกวาไมเปน ธรรม ไดบอกกับประธานซึ่งเปนหัวหนาคนจนวา “ฉันเปนเพียงชาวนา ฉันไมใชคนรวย” เวลานั้ น ถ า ใครได เ ป น เจ า ของที่ น าถื อ ว า ผิ ด หมด เนื่องจากคาจูไปเถียงกับหัวหนาคนจน จึงทำใหเขาโกรธ และเอากำปนทุบไปที่หลังของคาจู 7 ครั้งอยางแรง จน นางคาจูเลือดออกทางปากแลวลมลง นอกจากนี้ชาวบาน นั้นยังทราบวา สามีของคาจูไปทำงานอยูที่เมืองไทยจะ ตองมีการซื้อทองคำสงกลับบานที่เมืองจีน จึงใหคาจูนำ ทองคำสงมาใหพวกเขา (กอนหนานี้มีคนมาเตือนคาจู บอกใหระวังตัว และคาจูไดนำทองคำทั้งหมดที่มีอยูไป ฝากไวกับญาติแลว) ฉะนั้นคาจูจึงบอกพวกเขาวาไมมี แต พวกเขาไมเชื่อ เลยลงโทษคาจู โดยการนำเอากะละมังใส น้ำ แลวใหวางไวบนศีรษะแลวสั่งวาหามทำน้ำหก และนำ ลูกตุมเหล็กที่ไวสำหรับชั่งหมูตัวใหญๆ 2 ลูก มาหอยไวที่ คอ ตั้งแตเชาจนเย็น นาสงสารคาจู เพราะตองยืนจนขา ทั้งสองขางบวม สุดทายก็หมดแรงลมลงไป พอตื่นมาอีกที ตังซิน 17
ทัง้ เนือ้ ทัง้ ตัวของคาจูกเ็ ปยกหมด และเหม็นไปดวยปสสาวะ ที่พวกผูชายฉี่ใสโอง แลวนำมาสาดใสใหคาจูตื่น พอกลับถึงบาน แมลูกทั้ง 4 คนกอดกันแลวรองไห ยุงขาวของเขาถูกปดไปแลว ไดแบงเพียงคนละ 3 ชั่งตอ เดือน (1 ชั่งไมถึง 1 กิโลกรัม) พวกเขาจึงไมพอกิน เพื่อน บานที่ใจดีบางคนก็แอบเอามาใหบาง สุดทายหมดปญญาไมอยากใหลูกๆ อดตาย จึงยอม ออกขอทาน แตถาขอในหมูบานก็อายชาวบาน จึงออกไป ขอทานนอกหมูบาน เดินไปเดินมา ทองก็หิว คอก็แหง มือไมหมดแรง หนาก็มืด เดินมาจนถึงหมูบาน ‘สือ่ สัง่ ’ มาถึงหนาบานคนๆ หนึง่ ขอรองเขาอยางออนแรงวา “คุณนายขา ขอน้ำสักขันเถอะคะ” คุณนายคนนั้นใจดีเห็นแลวสงสารแลวบอกวา “โธเอย...ดูทาทางเธอนาสงสาร ทั้งหิวและเหนื่อย มาๆ เขามาในบานกอน” แลวผูหญิงคนนั้นก็ไปนำขาวตมมาให 1 ชาม ยังมี กับขาวดวย แลวยังใหขาวเขากลับมาบานอีก 1 ถุง พอกลับมาถึงบาน พวกเขาก็ยังมาบังคับใหเธอเอา ทองคำมาใหอกี ทีนพี้ วกเขาเอาไมไผยาวประมาณ 1 เมตร มาเฆี่ยนตีคาจู จากกน ตีไปจนถึงนอง ไมรูกี่สิบที จนทน ไมไหวแลวรองบอกวา 18 เรื่องเลาของแม
“ฉันทนไมไหวแลว เอาฉันไปยิงเปาเถิด” ไอประธานคนที่ไมมีเมตตาบอกวา “ฉันจะไมฆาเธอหรอก” สุดทายทนความทรมานไมไหว คาจูเลยแอบเรียก ลูกสาวใหไปเอาทองที่ฝากไวกับญาติ มาใหพวกเขาไป หลังจากนั้นคาจูไดถูกใชใหไปชวยกอสรางถนน หาบ หิน หาบทราย ขนกอนหินตางๆ งานหนักทั้งหลาย ยังดี ที่ปกติคาจูเปนคนที่ใชแรงงานอยูแลว จึงทนไหว พวก คนรวยที่เคยอยูสบายกันมากอน ก็ทนไมไหว ตองทนแดด ทนฝน บางคนก็ลมปวยบาง ตายไปก็มาก กลางคืนพวก เขาก็ไมใหคาจูไดหลับนอนสบาย ตอนหัวค่ำก็จะมีวัยรุน มากอกวน ทุกครอบครัวจะถูกบังคับใหออกมายืนเขาแถว อยู ห น า บ า น และให ร ายงานว า วั น นี้ ท ำอะไรบ า ง พอ ประมาณเที่ยงคืน ก็จะมีแมบานมาถามอีกวา วันนี้ไปทำ อะไรบาง เวลานั้นไมใชแตครอบครัวคาจูคนเดียว ยังมี ครอบครัวคนรวยอีกหลายครอบครัวที่ถูกทรมาน บางคน ถูกผูกหัวแมมือแลวหอยโตงเตง บางคนถูกลงโทษโดยการ คุกเขาอยูบ นหอยแครงจนเลือดออกซิบๆ บางคนทนตอการ ทุกขทรมานไมไหว ตองไปกระโดดน้ำเพื่อฆาตัวตาย เวลานั้นทุกขทรมานมากจนคาจูคับแคนใจ วันหนึ่ง เขาคิดวาถาชีวติ จะตองทรมานอยางนี้ จะอยูไ ปทำไม สูต าย ตังซิน 19
ไปเลยเสียดีกวา คิดไดอยางนั้น คาจูไดเดินไปที่ทาเรือ แลวขึ้นไปนั่งบนเรือขามฝาก ในใจคิดวา ถาเรือถึงกลาง แมน้ำแลวจะกระโดดลงน้ำไป ทันใดนั้นก็มีเสียงฟารอง ลมพัดกระหน่ำในหู คลายไดยินมีคนพูดวา “หยุดกอน เธอไมควรตาย ที่บานยังมีลูกๆ รออยู” คาจูรูสึกตัวขึ้นมาทันที แลวนึกในใจวาวา “ใช ฉันตายไมได ถาฉันตาย แลวลูกของฉันจะอยู อยางไร สามีตองโกรธฉันแนเลย” คิดไดแลว คาจูก็ขึ้นจากเรือ เดินกลับบาน เวลานั้น ฝนก็ยงั ไมหยุดตก จนไมรวู า หนาของเธอเปยกไปดวนน้ำฝน หรือน้ำตา พอถึงบานก็เจอลูกๆ อยูก นั พรอมหนาแลว พูดวา “คุณแมกลับมาแลว” คาจูไดอดทนอยูอยางไมเหมือนคนเปนเวลา 5 ป เวลานั้นจนสุดๆ ไมมีอะไรใหพวกเขารีดไถแลว แตเขาก็ ยังบอกวาจะตองคิดบัญชีเกาคืน คือสมัยนั้นตอนที่มีคน มายืมขาว จะคิดดอกเบี้ยเขาครึ่งหาบ เหมือนพวกเขา เก็บภาษียอนหลัง สุดทาย คาจูตองเขียนจดหมายมาหาสามีที่เมืองไทย ใหสงเงินมาให จะไดหมดเรื่องไป ชวงนั้นลูกสาวอายุครบ 20 ป พอดี จึงมีคนมาขอแตงงาน คาจูใหลูกสาวคนโต แตงงานออกไปโดยไมมีพิธีรีตอง สามีสั่งใหคาจูพาลูกสอง 20 เรื่องเลาของแม
คนยายออกมาอยูที่ซันโถว อีกไมนานทางสามีก็ขอใหคาจู ยื่นเรื่องไปอยูที่ประเทศไทย รัฐบาลก็อนุมัติ 3 คนแมลูก จึงไดลาจากผืนแผนดินใหญมาสูเมืองไทย...
ตังซิน 21
ครอบครัวของลิ้มเซี้ย
22 เรื่องเลาของแม
ชีวิตรันทด
ป พ.ศ. 2460 ‘ลิ้มเซี้ย’ เกิดที่เมืองจีน มณฑล เตียเอี้ย อำเภอซือมาพู หมูบานกังเขา คุณพอชื่อ เฮงจั้ว แซปา คุณแมชอื่ อางอ แซจวิ ทำกิจการยอมผา เมือ่ ลิม้ เซีย้ อายุได 10 ขวบ คุณแมไดปวย กินขาวไมลง ปวดทอง บอยๆ ไปหาหมอแมะ หมอบอกวาคุณแมทอง ในขณะ นั้นหมูบานชนบทไมเจริญ และไมมีโรงพยาบาลแผน ปจจุบัน ไมนานนักคุณแมก็เสียชีวิต ภายหลังถึงทราบวา คุณแมไดทองนอกมดลูก หลังจากที่คุณแมไดเสียชีวิต คุณพอเสียใจมาก ไมมีใจทำงาน ไดแตดื่มเหลา วันหนึ่ง คุณพอดื่มเหลาเมามาก จนสะดุดหกลม เสนเลือดใน สมองแตก ไมกวี่ นั ก็เสียชีวติ ไดทงิ้ ลูก 4 คน เปนเด็กกำพรา ตังซิน 23
พี่สาวคนโตอายุ 16 ป พี่ชายคนโตอายุ 14 ป ตัว ลิ้มเซี้ยเอง อายุเพียง 10 ป สวนนองสาวคนเล็กอายุเพียง 4 ป พี่สาวอายุ 16 ป เมื่อพอแมไดเสียชีวิตไปหมดแลว ไมรูจะทำอยางไรดี จึงไปปรึกษาคุณลุงซึ่งเปนพี่ชายคุณ พอ คุณลุงก็มโี รงยอมผาเหมือนกัน หวังวาจะเปนทีพ่ งึ่ ได คุณลุงบอกวา “ใหนองชาย 2 คนไปทำงาน เลี้ยงควาย แลกกับ อาหาร 3 มื้อ สวนนองสาวยกใหคนอื่นไป พี่สาวก็ใหแตง ออกไป สวนที่นาและสมบัติจะชวยดูแลให” พี่สาวไดยินดังนั้น รูสึกคุณลุงเอารัดเอาเปรียบ ไม เพียงแตไมยอมเลี้ยงดูพวกเขา 4 พี่นอง ยังคิดจะเอา สมบัติ จึงไมเชื่อฟงคุณลุง ตัดสินใจกัดฟนสู ยอมแบก ภาระ เปนหัวหนาครอบครัวเอง พี่สาวพานองชายทั้ง 2 คนมาทำนา ปลูกผัก และ ทอผา เลี้ยงนองๆ ทั้งหมด ดวยความอดทน 4 ปผานไป พี่สาวอายุได 20 ป มีคนมาสูขอ ใน ตอนที่คุณพอยังมีชีวิตอยู ไดมีการรับหมั้นกันไวแลว จึง มาขอแตงงาน แตยังหวงนองที่ยังเล็ก หากแตงงานออก ไป ใครจะเปนคนดูแลนองๆ พี่สาวแกไขปญหานี้ โดยให พี่ชายคนโตที่มีอายุ 18 ป หาเมียแตงเขาบาน ซึ่งก็ไดมี 24 เรื่องเลาของแม
การหมั้นไวตอนที่คุณพอยังมีชีวิตอยูเหมือนกัน ฝายหญิง ชื่อ ซิวนอย แซตั้ง ซิวนอยอายุเพียง 16 ป เลยไปสูขอ แตพอแมของฝายหญิงไมใหแตง อางวาลูกสาวยังเด็กอยู สุดทายพี่สาวไปออนวอนขอกับแมซิวนอย บอกไป วานองชายของเธอมีนิสัยซื่อเกินไป ถาไมแตงเขามาชวย ดูแลครอบครัว บานและที่นาจะถูกคนมาโกงไป แมซิว นอยรูสึกเห็นใจ จึงยอมใหแตง พี่ ใ หญ ดี ใ จที่ จ ะได แ ต ง น อ งสะใภ เ ข า มาดู แ ลบ า น ภายในระยะเวลา 4 เดือน พี่ใหญไดสอนซิวนอย ทำนา เพาะปลูก ทอผา ซิวนอยเกง และฉลาด วานอนสอนงาย เรียนรูเร็ว ไมนานก็สามารถทำเปนไดทุกอยาง พี่ใหญจึงไดออกเรือนไปอยางสบายใจ หลังจากพี่ใหญแตงงานออกไปได 4 เดือน ไดกลับ บานมาเยี่ยมนองๆ ปรากฎวาซิวนอยมีสีหนาไมพอใจ และทำเปนไมสนใจพี่ใหญ พี่ใหญรูสึกแปลกใจ จึงถามถึง สาเหตุ ซิวนอยรองไห และเลาใหพี่ใหญฟง ที่แทนองชาย คนโตสุขภาพรางกายมีปญหา ไมสามารถทำหนาที่สามีได พี่ใหญตกใจมาก เลยปลอบใจนองสะใภวา “พี่ก็ไมรูเรื่องนี้มากอน ถาพี่รู พี่คงไมไปขอเธอแตง กับนองฉัน และการแตงงานของพวกเธอ พอแมของพวก เราทั้งสองฝายก็หมั้นหมายกันไวกอนแลว พี่ตองขอโทษ ตังซิน 25
เธอดวย เอาอยางนี้แลวกัน อีกหนอยพี่มีลูก พี่จะใหลูก ของพี่ มาดูแลเธอกับนองจนแก” ซิวนอยจึงคิดปลง บานพี่สาวก็เปนชาวนาเหมือนกัน หลังแตงงานไป ได 4 เดือน พี่เขยไดออกไปทำงานที่เมืองไทย อำเภอที่ พี่สาวอยูไมไกลจากบานเกานัก ลิ้มเซี้ยจึงไดไปแวะ เยี่ยมเยียนอยูบอยๆ พี่สาวไดแอบใหขาวของชวยเหลือ นองชายอยูเสมอๆ หลังจากนั้น 1 ป พี่เขยกลับจากเมืองไทย พอดี ลิ้มเซี้ยอยูที่บานพี่สาวพอดี เห็นพี่เขยซื้อของจากเมืองไทย มามากมาย มีทั้งสบู ยาสีฟน เสื้อผา รองเทา ของใช ตางๆ และยังมีเงินทองอีกมากมาย ในใจนึกอิจฉา กลับมาถึงบาน ลิ้มเซี้ยคิดวา ถาเราไดไปเมืองไทย บาง นาจะดีไมนอย อีกไมนาน ลิ้มเซี้ยกลับไปหาพี่สาวอีก และบอกพี่ สาววา ใหพี่เขยชวยพาเขาไปเมืองไทยดวย พี่สาวไมยอม เพราะวาตอนนั้น ลิ้มเซี้ยอายุไดเพียง 15 ป พี่สาวบอกวา อายุเขายังนอย อีกสัก 2-3 ปคอยวากัน แตเขาอยากไปใจ จะขาด ลิ้มเซี้ยจึงพูดกับพี่สาววา ถาไมใหเขาไป ตอไปนี้ เขาจะไมมาเหยียบบานพี่สาวอีก พี่สาวจึงจำใจขอรองให พี่เขยพานองชายไปเมืองไทยดวย มาถึงเมืองไทย ไปพักอาศัยอยูกับพี่เขยกอน พี่เขย 26 เรื่องเลาของแม
เปนชางทำทอง พักอยูกับเถาแก ซึ่งมีหองเล็กๆ ใหเขาอยู ลิ้มเซี้ยไมรูจักหนังสือ และไมรูจักใคร จึงอยูแตในรานของ เถาแกทำงาน ‘พะจั้บ’ คือเปนเด็กฝกงาน ทำความ สะอาด รับใชพวกชางทอง ชวยซื้อของ หาบน้ำ ลางถวย ชาม แลกกับที่พัก และขาว 3 มื้อ ไมมีเงินเดือน อยูมาได 1 ป ลิ้มเซี้ยคิดอยากฝกเปนชางทอง แต ฝกไมสำเร็จ อยูมาวันหนึ่ง ไดขอเงินพี่เขย 20 บาท ซื้อ ลูกอม และบุหรี่ ใสถาดไปขายที่หัวลำโพง แตดวยนิสัยที่ เปนคนซื่อ ภาษาไทยก็พูดไมคอยจะเปน มีเจาถิ่นที่ขาย ของอยูกอนแลว คอยรังแก แยงลูกคา และจะรุมชกตอย เขา หลังจากนั้น ลิ้มเซี้ยรูมาวามีญาติคนหนึ่ง มีรานทำ ไอสกรีมแทง อยูแถววงเวียน 22 กรกฎา เลยไปขออาศัย อยูกับเขา และหิ้วไอสกรีมขาย แตญาติคนนั้นเปนคน ขี้เหนียว ใหแตคาขาว 3 มื้อ ไมใหคาแรง อยูมาครึ่งป ดูไมมีอนาคต จึงกลับไปหาพี่เขย ตัดสินใจจะฝกเปนชาง ทำทองอีก ฝกอยูระยะหนึ่ง ก็ไมสำเร็จอีก พี่เขยเลย แนะนำใหเขาไปเปนพอครัวอยูรานเพชรแหงหนึ่ง ระหวาง ที่อยูกับพี่เขยที่รานทำทอง บางครั้งก็เปนลูกมือของพอ ครัว จึงพอรูเรื่องทำกับขาวบาง เปนพอครัวอยูประมาณ 2 ป เงินเดือนจาก 100 ตังซิน 27
บาท ขึ้นเปน 200 บาท ตัวเองใชเงินแบบประหยัดมาก สิ้นป ก็พอมีเงินสงกลับไปใหพี่ชาย และพี่สาว วันหนึ่ง ลิ้มเซี้ยไปซื้อกับขาวที่ตลาดเกา เจอคนสง เปดคนหนึ่ง ไดยืนคุยกับคนสงเปด ถามวาสงเปดมา มากมาย เลี้ยงเองหรือ คนสงเปดบอกวา เปนของญาติ ญาติเขาเลี้ยงเปดอยูที่บางชาง มีเลาเปดใหญโต เลี้ยงเปด มากมาย ลูกเปดตัวละ 1 บาท เลี้ยงโตขายไดตัวละ 2530 บาท ถาเปนสารทจีนหรือตรุษจีนขายไดถึงตัวละ 40 บาท ลิ้มเซี้ยคิดวา ลูกเปดตัวละบาท ขายไดตั้งสามสี่สิบ บาท รอยสองรอยตัว ก็จะมีรายไดงามทีเดียว จึงถาม กลับไปวา อยูที่ไหน พาเขาไปดูไดไหม หลังจากนั้น ลิ้มเซี้ยนัดกับคนขายเปด พาเขาไป บางชาง ดูเลาเปดแลว เขานึกวา การเลี้ยงเปดเปนอาชีพ ที่นาสนุก อีกไมนาน ลิ้มเซี้ยลาออกจากงานพอครัว ไปเชาที่ บางชาง ทำเลาเปด และไปซื้อลูกเปดมา 100 ตัว เริ่ม อาชีพเลี้ยงเปด เลี้ยงเปดตองมีอาหารเปด อาหารเปดคือ รำขาวจากโรงสี ระหวางเลี้ยงเปด ลิ้มเซี้ยไดคบกับญาติคนขายเปด เขาเลี้ยงเปดมาหลายป อายุมากกวาลิ้มเซี้ย เขาแซลี่ ทุก 28 เรื่องเลาของแม
คนเรียกเขาวา ‘เลาลี่’ ลิ้มเซี้ยเรียกเขาวา ‘พี่ลี่’ เลาลี่คนนี้ อยูที่บางชางมานาน ใครๆ ก็รูจักเขาดี เขาเปนคนใจดี ประสบการณมาก ลิ้มเซี้ยมีปญหาอะไร ถามหาเขา เขาก็ยินดีชวย ลิ้มเซี้ยไดศึกษาวิธีเลี้ยงเปดกับ เลาลี่ เลาลี่ก็สอนเขา เขาทั้งสองไดคบกันเปนเพื่อนสนิท เชาๆ ลิ้มเซี้ยเลี้ยงเปดเสร็จ ก็ตอนเปดออกไปวาย น้ำที่ริมคลอง เขากับเลาลี่ ไดนั่งคุยกันอยูใตตนไม เห็น ลูกเปดโตขึ้นทุกวัน ในใจเต็มเปยมไปดวยความหวัง สามเดือนผานไป เงินทุนที่เตรียมมา 4 พันบาท ก็ใกลจะหมดแลว อีก 2 เดือนกวาจะไดขายเปด ทำ อยางไรดี ไปปรึกษาเลาลี่ เลาลี่พูดวา “จริงๆ ฉันมีเงินอยูไมมาก ฉันตองเก็บไวเลี้ยงลูก เมีย ฉันก็ตองรอขายเปดถึงจะมีเงิน เอาอยางนี้ก็แลวกัน ฉันจะไปพูดกับหลงจู (ผูจัดการ) โรงสีเองวา ใหเธอเอารำ ขาวมาเลี้ยงเปดกอน เซ็นเอาไวกอน พอขายเปดแลวจะ เอาไปคืน ฉันยอมเซ็นรับรองให” ลิ้มเซี้ยดีใจ สามารถผานวิกฤตไปได อีกสองเดือนก็ จะไดขายเปดแลว วันหนึ่ง ลิ้มเซี้ยเดินไปที่เลาเปด เห็นเปดหลายตัว นอนนิ่งอยูบนพื้น เปดไมเดิน ไมรอง เปดตายแลว เขารีบ เอาเปดตายออก แลวรีบวิ่งไปหาเลาลี่ เลาลี่บอกวา ของ ตังซิน 29
เขาก็ตายหลายตัว จึงปรึกษากันวา ควรรีบไปตามสัตวแพทย มาตรวจ สัตวแพทยมาแลว บอกวาเปดไดปวยเปน ‘โรคสัตว ปก’ วันรุงขึ้นเปดก็ตายอีกครึ่งเลา อีกวันตายเกือบหมด ลิ้มเซี้ยหมดแรง เหมือนทหารปราชัย ยังติดหนี้คา อาหารเปดอีกสองพันกวาบาท เขาเดินคอตกกลับไปหา พี่เขยอีก โดนพี่เขยดายับ “ไอง่เี งา เปนพอครัวอยูดีๆ ไมชอบ ลนหาที่ ไป เลี้ยงเปด ทำทองก็ทำไมขึ้น ไมเอาไหนสักอยาง” ลิ้มเซี้ยเปนคนซื่อ แมวาพี่เขยจะดุดาวาอยางไร เขา ก็ไมเคยถือสา เพราะเขารูดีวา เขาอยูเมืองไทย มีญาติ สนิทคือพี่เขยอยูคนเดียว หลังจากโดนพี่เขยดาแลว พี่เขยก็เลยแนะนำใหเขา ไปเปนพอครัวที่รานทองที่หาดใหญรานหนึ่ง ชวงนัน้ เปนชวงสงครามโลกครัง้ ทีส่ อง ลิม้ เซีย้ ทำครัว อยูสามป สงครามโลกก็ไดสงบลง เขาเห็นพอคาซื้อของ จากกรุงเทพฯ ไปขายที่ภาคใตมากมาย สวนใหญเปน พวกผาถุง ผาขาวมา และของใชประจำบานตางๆ ขายดี มาก ลิ้มเซี้ยคิดวา ขายของยอมตองดีกวาการเปนพอครัว แนนอน เขาพอมีเงินเก็บอยูหลายพันบาท จึงคิดเปลี่ยน อาชีพเปนพอคา นั่งรถไฟเขามากรุงเทพฯ เขาไปที่สำเพ็ง 30 เรื่องเลาของแม
ซื้อพวกเสื้อกลาม ผาขาวมา ผาเช็ดหนา สบู ยาสีฟน และของใชตางๆ คิดจะเอาไปขายที่หาดใหญ มีคน แนะนำใหเขานั่งเรือไป เพราะขนของไดมากกวา และถูก กวานั่งรถไฟ เขาจึงนำสินคาไปลงเรือ ลิ้มเซี้ยลองเรือลงใตดวยจิตใจมุงมั่น แตโชคราย ของเขายังไมหมด เรือสินคาไดผานทะเลตอนกลางคืน อยูๆ ไดเกิดพายุฝนอยางแรง ลมพัดกระหน่ำ คลื่นสูงพัด กระหน่ำเขาสูตัวเรือ เรือสินคาไดถูกพายุพัดลมลงกลาง ทะเล ลิ้มเซี้ยตื่นตกใจมาก วายน้ำก็ไมเปน โดย สัญชาตญาณของการเอาตัวรอด เขาควาอะไรไดก็ตอง ควาไวกอน บังเอิญ เขาควาไดไมกระดานแผนหนึ่ง ซึ่งยัง ลอยน้ำไดอยู เขาเกาะแนน ไมยอมปลอย เขามืดแปด ดาน เขาลอยคออยูในทะเล ในใจนึกอธิษฐานวา “พระคุณเจา เจาแมคงคา เจาแมกวนอิม กรุณามา ชวยลูกดวยเถิด ฉันจะจมน้ำตายอยูแลว” ลิ้มเซี้ยทั้งหิว ทั้งหนาว และเปนตระคิว เขาเกือบ จะไมไหวแลว เขาลอยคออยูในทะเลทั้งคืน จนรุงสาง มี เรือผานมา พบลิ้มเซี้ย จึงไดชวยชีวิตเขาขึ้นจากน้ำ พวก เขาไดสงตัวลิ้มเซี้ยขึ้นฝงที่สมุทรสาคร ลิ้มเซี้ยไดหมดตัว ลงอีกครั้ง เขาใสเสื้อผารุมราม เดินเทาเปลา เขาไดโบก รถขนผักจากขางทาง ขอรองติดรถเขากรุงเทพฯ เขากลับ ตังซิน 31
ไปหาพี่เขยอีกครั้ง พอพี่เขยไดเห็นสภาพของเขา ก็ตกใจ ถามวาไปทำ อะไรมา เขาไดเลาเรื่องเรือสินคาอับปางใหพี่เขยฟง พี่เขย รูสึกสงสาร บอกวา นับวาเธอยังดวงแข็ง เวลานั้น พี่เขยมีรานทำทองเปนของตัวเองแลว จึง ใหเงินลิ้มเซี้ยไปสองพันบาท ลิ้มเซี้ยกลับไปที่ภาคใตอีก ทีนี้เขาไดไปที่ปตตานี เนื่องจากเขาไมมีทุนทำอยางอื่น เขาจึงไดแตรับซื้อของเกา ซื้อหนังสือพิมพเกา เศษเหล็ก กระสอบปอ พอไดกำไรนิดหนอย ประทังชีวิตไปวันๆ วันหนึ่ง ลิ้มเซี้ยไดชิมตังเมชิ้นหนึ่ง รูสึกอรอยมาก จึงอยากขายตังเม เขาไปหาที่เรียนทำตังเม ขนมตังเมคือ ขนมที่ทำจากน้ำ ตาลทรายขาว ข า งในมี หอ ถั่ ว ลิ สง ลิ้มเซี้ยทำตังเมขายเอง เขาตั้งแผงตังเมอยูหนาโรงแรม แหงหนึ่ง มีพอครัวของโรงแรมชอบมาซื้อตังเมของเขา ทาน ซื้อหลายหนเขา จนเปนเพื่อนกัน พอครัวเห็นลิ้มเซี้ย เปนคนซื่อ จึงแนะนำใหไปทำไอสกรีมขาย บอกวาตังเม ขายอันละสลึง เมื่อไรจะรวย ขายไอสกรีมดีกวา ลิ้มเซี้ย สนใจ พอครัวไดสอนวิธีทำไอสกรีมใหเขา ลิ้มเซี้ยไปซื้อ เครื่องทำไอสกรีม เขาทำเองและขายเอง เพราะวาไดสูตร พิเศษมาจากพอครัว ทำใหไอสกรีมของเขาอรอย คนอื่น ขายถวยละ 1 บาท ของเขาขาย 2 บาท และขายดี เขา 32 เรื่องเลาของแม
เริ่มมีเงินเก็บ เขาขี่จักรยานขายไปทั่วปตตานี หลังจากนั้น ลิ้มเซี้ยสังเกตุเห็นวา คนชอบซื้อ ลอตเตอรี่ เขาเลยซื้อลอตเตอรี่จากรัฐบาลมาขายดวย ลิ้มเซี้ยตั้งแตเล็ก ไมเคยเรียนหนังสือ แตเขาเรียนรู อะไรเร็ว เนื่องจากเขาคาขาย ไมนานนัก เขาก็พูดภาษา มาลายูไดบาง ขายลอตเตอรี่ บางงวดก็ขายหมด บางงวดก็ไม หมด ครั้งหนึ่งเขาขายลอตเตอรี่ เหลืออยูหลายใบ พอวัน ที่ลอตเตอรี่ออก เขาตรวจกับเรียงเบอรดู โชคดี เขาถูก รางวัลที่สอง ไดเงินมาสองหมื่นบาท เวลานั้นเงินสองหมื่น บาท ซื้อบานไดแลว เขาดีใจมาก มีเงินแลว เขาคิดวาจะขายอะไรดี บังเอิญเจาของ บานที่เขาไดเชาอยู เห็นเขาเปนคนซื่อดี จึงเสนอใหยืม หนารานเพื่อใหเขาคาขาย บอกวาคาขายไดเงินแลว คอย ใหคาเชาเขาก็ได เขาคิดวาโชคเริ่มเขาขางเขาแลว ทุก อยางราบรื่นไปหมด เขาคิดวามีเงินแลว รานก็มีแลว คิดไปคิดมา ขาย ทองดีที่สุด เขาจึงโทรเลขหาพี่เขย ใหพี่เขยสั่งทำตูทอง พี่เขยไดรับโทรเลข แปลกใจมาก ทำไมลิ้มเซี้ยรวย มาจากไหน คิดจะเปดรานทอง ลิ้มเซี้ยตกแตงราน ทำตูทอง ใชเงินไปเกินครึ่ง ตังซิน 33
เหลือเงินไมมากนัก ซื้อทองมา 40 กวาบาท (ขณะนั้นทอง ราคาบาทละ 390 บาท) แขวนทอง บาทหนึ่ง สองสลึง และสรอยทองเสนเล็กๆ กับแหวนทอง ไมมากนัก บาง สวนยังตองเชื่อเขาไวกอน ลิม้ เซีย้ กลายเปนเถาแกรา นทอง โสด ไมมคี รอบครัว เพื่อนๆ เตือนวา เขาควรจะมีครอบครัวไดแลว เขาเพิ่งมา รูสึกตัววา ตัวเองอายุ 38 ปแลว เวลาชางผานไปเร็วจริงๆ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช มีสาวคนหนึ่งชื่อ มุกดา แมเสียตั้งแตตอนที่เธอยังเด็ก พอเปดรานทอง หลังจาก แมเสีย พอก็แตงงานใหม พอโตเปนสาว พอก็มาเสียอีก เลยตองอยูกับแมเลี้ยง แมเลี้ยงเปนคนเขมงวด พอเรียน จบประถมสี่ แมเลี้ยงไมยอมใหเรียนตอ ใหมาชวยคาขาย อยูแตในราน ปกติไมยอมใหออกไปไหน เลยทำใหมุกดา เปนคนเจียมเนื้อเจียมตัว เปนคนเรียบรอย แตคาขายเกง พออายุได 20 ป แมเลี้ยงจัดการหมั้นใหเสี่ยคนรวยคน หนึ่ง มุกดารูดีวาเสี่ยคนนี้ พอแมรวยจริง แตตัวเสี่ยเอง เปนคนเสเพล ชอบเลนการพนัน และเที่ยวกลางคืน มุกดาไมสบายใจ แตไมกลาขัดใจแมเลีย้ ง นึกกลุม อยูใ นใจ เสี่ยจะนัดพามุกดาไปดูหนัง และไปเที่ยวอยูหลาย ครั้ง แตมุกดาไมชอบหนาเสี่ย จึงบอกไมวางไปหลายครั้ง สุดทายเสี่ยเห็นวา สวยก็ไมสวย ยังทำเปนหยิ่ง เลยขอ 34 เรื่องเลาของแม
ถอนหมั้น เวลาสาวถูกถอนหมั้น มักจะเสียใจ แตมุกดา กลับดีใจ โลงอก เวลาผานไป หนึ่งป สองป สามป ไปจนกระทั่ง เกาป ไมเคยมีใครมาทาบทามมุกดาอีก มุกดาคิดวา ชาตินี้คงไมไดแตงงานแน ปที่สิบ มุกดาอายุ 30 ป มีคนมาบอกวาจะแนะนำ หนุมให และยังบอกวาเปนเถาแกรานทองที่ปตตานีดวย มุกดาแอบดีใจ ลิ้มเซี้ยอายุ 38 มุกดา 30 และยังทำอาชีพเดียวกัน ดวย ฉะนั้นพอแนะนำกันแลว แมเลี้ยงก็ตอบตกลงทันที เพราะมุกดาก็อายุมากแลว มุกดาแตงไปปตตานีดวยความดีใจวา จะไดเปน เถาแกเนี้ยรานทองสักที พอไปถึง เปนรานทองรานเล็กๆ ในตูก็มีทองแขวนกันอยูหางๆ มีไมกี่เสน นี่นะหรือราน ทอง? หลังจากนั้น มุกดาสังเกตุเห็นวา ลิ้มเซี้ยขามไปราน ขายผาตรงขามบอยๆ เจาของเปนแขก ไมรูไปทำอะไร สุดทายทนไมได มุกดาเดินเขาไปถามนายหางอินเดีย ถึง ไดรูวาลิ้มเซี้ยกูเงินจากนายหางสองหมื่นบาท ดอกเบี้ย รอยละ 10 ตอเดือน มุกดาตกใจมาก ทำการคาแบบนี้ มีหวัง ไมนานก็ลมจม ตังซิน 35
มุกดากลับไปเยี่ยมแมเลี้ยงที่นครฯ เลาเรื่องลิ้มเซี้ย กูเงินแขกดอกเบี้ยรอยละ 10 ใหแมฟง แมเลี้ยงก็สงสาร ลูกสาวคนนี้ที่ไดชวยคาขายมาจนอายุ 30 ยังตองไป ลำบากอีก ตัวเองก็อายุมากแลว ลูกตัวเองก็ไมมี เลย ตัดสินใจใหทองลูกสาวไปสามรอยบาท พอมีทองมาโชวสามรอยบาท คอยดูเหมือนรานทอง ขึ้นมาหนอย ที่ปตตานีมีคนอิสลามอยูมากมาย ทุกปชอบ ไปเมกกะ คนไปเมกกะชอบใสทอง บางคนก็พกไปขาย ลิ้มเซี้ยและมุกดาก็รูภาษาอิสลาม และคาขายแบบ ยุติธรรม ทำใหรานไทฮั่วลงของเขา ขายดีกวารานอื่นๆ แตละเดือนซื้อเขาขายออกอยูหลายๆ กิโล หลังแตงงาน ทั้งคูมีลูกชายหญิงทั้งหมด 8 คน ลูกสาวคนโตและลูกชายคนโต ไดสงไปเรียนตอที่อังกฤษ และออสเตรเลีย ลิ้มเซี้ยติดนิสัยอยูอยางหนึ่ง ระหวางรับประทาน อาหารมื้อเย็น จะตองดื่มเหลานอกสักแกวหนึ่ง วันหนึ่ง หลังปดราน เขาก็ดื่มเหลาตามปกติ หลัง จากนั้นไมนาน ก็มีเพื่อนบานมานั่งเลน พอดีที่บานมีซื้อ ทุเรียนไว เลยสั่งใหผาทุเรียนเอามาเลี้ยงเพื่อน ตัวเองก็กิน ทุเรียนเปนเพื่อน หลังจากเพื่อนกลับไป เขาไปอาบน้ำ อาบน้ำเสร็จ เขารูสึกหัวมึนๆ ก็เขานอน 36 เรื่องเลาของแม
วันรุงขึ้น ปกติลิ้มเซี้ย เปนคนตื่นเชา ชงน้ำชาไหว พระ แลวคอยลงมาเปดราน ประมาณ 8 โมงเชา แตวันนี้ 9 โมงกวาแลว ก็ยังเห็นนอนอยู มุกดาแปลกใจ เลย เขาไปปลุก เรียกเทาไรก็ไมตอบ จึงเขาไปเขยาตัว แตเขา ไมรูสึกตัว จึงรีบบอกลูกใหรีบตามหมอมา หมอตรวจแลว บอกวามีปญหาเกี่ยวกับสมอง จะ ฉีดยาบำรุงหัวใจใหกอน อาจจะตองผาตัด ใหรีบเขา กรุงเทพฯ คนทั้งบานตื่นตกใจกันหมด รีบติดตอโรงพยาบาล เอารถมารับ ไปสงที่สนามบิน และใหโรงพยาบาลติดตอ กับโรงพยาบาลเปาโล ใหเอารถไปรับทีส่ นามบินทีก่ รุงเทพฯ เวลานั้นคุณหมอรุงธรรม เปนหมอมือหนึ่งเกี่ยว ระบบประสาทโดยตรง ทานเปนหมอที่ติดตามในหลวง ดวย พอไดรับแจงก็รีบมาตรวจให และบอกวาตองทำการ ผาตัดทันที ที่แทลิ้มเซี้ยมีความดันโลหิตสูง โดยที่เขาไมรูตัว พอไปดื่มเหลา แลวกินทุเรียนตาม เลยทำใหเสนเลือดใน สมองบวม ถาเกิดบวมจนแตก อาจทำใหเปนอัมพาตหรือ ตายได ลิ้มเซี้ยเปนคนซื่อ จิตใจดี ชอบทำบุญ ไหวพระ คนดีพระคุมครอง คุณหมอรุงธรรมผาตัดที่ศิริราช และได ตังซิน 37
ชวยชีวิตลิ้มเซี้ยเปนผลสำเร็จ ลิ้มเซี้ยจึงไดพนเคราะหนี้ไป ได ปนนั้ ลิม้ เซีย้ อายุได 62 ป หลังผาตัดแลว เขาแข็งแรง ปกติ อยูตอจนถึงอายุ 89 ป ลิ้มเซี้ยเปนคนใจบุญ เขา รวยแลวก็ไมลืมทำบุญ ชวยเหลือสังคม เมื่อปพ.ศ. 2509 ปตตานีเกิดอุทกภัยครั้งใหญ ลิ้มเซี้ยไดออกเงินชวยเหลือ ชาวบานที่ถูกน้ำทวม และไดถูกคัดเลือกใหเปนประธาน สมาคมปตตานีหนึ่งสมัย ลิ้มเซี้ยยังเคยไดรับพระราชทาน เหรียญประกาศเกียรติคุณจากในหลวงอีกดวย
38 เรื่องเลาของแม
แม ตอนอายุ 7 ขวบ
40 เรื่องเลาของแม
เมื่อฉันยังเด็ก
ตอนฉันอายุ 7 ขวบ ฉันก็รูวาอะไรคือดี อะไรคือไม ดี และรูรอนรูหนาวของชีวิต คุณแมของฉันไดแตงงานกับคุณพอที่เมืองจีนโดย การแนะนำของแมสื่อ หลังจากแตงงานไปเพียงครึ่งป คุณ พอก็ทิ้งแมมาเมืองไทย เพราะคุณปูเปดรานทองเล็กๆ อยู แถวสะพานเหล็ก หลังจากนั้นคุณแมก็ไดตามมาอยูที่ เมืองไทยไดระยะหนึ่ง กอนสงครามโลกครั้งที่สอง ที่เมือง จีนไมมีใครไหวบรรพบุรุษ คุณแมซึ่งเปนสะใภคนโต จึง ยอมเสียสละที่ไดอยูใกลสามี กลับไปไหวบรรพบุรุษที่เมือง จีน ไมนานก็เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจบสงครามโลกครั้งที่สอง คุณพอไมไดสงขาว ตังซิน 41
ใหคุณแมอีกเลย คุณแมจึงตัดสินใจพาฉันมาที่เมืองไทย แตปรากฎวา สายไปเสียแลว คุณพอไดแตงงานใหม และ คุณปูก็ไดเสียชีวิตไปแลว หลังจากที่เราสองแมลูกมาที่เมืองไทย คุณพอไม สนใจเราสองแมลูกเลย เราจึงตองไปอยูกับคุณอาสองที่ สะพานเหล็ก ซึ่งเปนบานที่คุณปูไดซื้อไว แตบานหลังนี้ไม ใหญ มีเพียงสองชั้น ชั้นลางเปนรานขายทองเล็กๆ ชั้นบน มีสองหองเล็กๆ เราแมลูกอยูหองหนึ่ง อีกหองอาสองอยู กับลูกๆ อีกหลายคน คุณอาไมพอใจ ที่เราแมลูกมาอยู ดวย วันๆ ทำหนาเครียด ไมเคยเห็นเขายิ้ม ฉันเคยเรียก คุณอา แตคุณอาทำเสียงขึ้นจมูกทีหนึ่ง คุณอาหญิงยิ่ง แลวใหญ วันๆ ไดแตคอยดาประชด และสอนลูกไมเปน วันๆ ทะเลาะกันแคเรื่องเงินแคหนึ่งสลึงสองสลึง สงเสียง ดัง เอะอะวุนวายทั้งวัน แมฉันไมเคยเรียนหนังสือ แตแมเปนคนฉลาด และ มีเหตุผล ลูกสาวคนโตของคุณอา โตกวาฉันหนึ่งป ชอบ รังแกฉัน ชอบพูดวา “นาไมอาย มาอยูบานฉัน ลูกไมมีพอ...” แมสอนฉันวา ไมวาพวกเขาจะวาอะไร ไมตองไป สนใจ และไมตองไปโตตอบ ฉันอยูบาน พวกเขาไมกลา ทำอะไรเธอหรอก ถาฉันไมอยู พวกเขาอาจจะทำรายเธอ 42 เรื่องเลาของแม
ก็ได เพราะเขามีพี่นองหลายคน เธอเพียงแคปดประตู หองเอาไว คนเราตองอดทน เวลานั้นฉันจึงไดเรียนรูคำวา ‘อดทน’ คุณแมเปนคนเขมแข็งมาก คุณแมถกู คุณพอทอดทิง้ ในใจอาจรูสึกเสียใจ แตฉันไมเคยเห็นคุณแมรองไหเลย เพื่อความอยูรอดของเราแมลูก คุณแมออกไปทำงาน คุณ แมอายุประมาณ 30 เศษ ทำงานครั้งแรก รูสึกจะทำเกี่ยว กับพลาสติก หลังจากนั้นไปรับจางเย็บกระเปา เย็บเสื้อ สุดทายไดไปทำเปนแมครัวกับญาติคนหนึ่ง ซึ่งเปดราน ขายยา ฝมอื คุณแมในเรือ่ งการทำอาหารดีเยีย่ ม ทำแมครัว มา 15 ป เห็นคุณแมเหน็ดเหนื่อยกับการทำงาน ฉันรูสึก สงสารคุณแม ในใจรูสึกเกลียดคุณพอมาก แตไมรูจะชวย แมอยางไรดี คุณแมบอกฉันวา “เสียดายที่ไมรูจักหนังสือ ไมอยางนั้น อาจจะได อาชีพที่ดีกวานี้ หาเงินไดมากกวานี้ จะไดเลี้ยงดูเธอใหดี กวานี้” แตฉันไมไดรูสึกวา คุณแมเลี้ยงฉันไมดีตรงไหน เมื่ออายุได 8 ขวบ คุณแมไดสงฉันไปเรียนหนังสือ จีนที่บานครู วันแรกแมบอกฉันวา “ลูกเอย เธอตองตั้งใจเลาเรียนหนังสือ คนมีความรู ตังซิน 43
ชีวิตจะไดไมลำบากเหมือนแม ถูกคนรังแก” ฉันพูดไมออก ไดแตน้ำตาคลอและพยักหนา เพื่อ ตอบแทนบุญคุณของแม ฉันจะตองเรียนใหดีที่สุด ตอน นั้น ฉันคิดวาฉันไดรูจักคำวา ‘กตัญู’ แลว ฉันเชื่อฟงคุณแม เวลาแมไปทำงาน ฉันเลิกเรียน ฉันก็ปดประตูหองทองหนังสือที่เรียนมาจากครู “มามาไหล มามาไควไหล...” “หวอสี่ฮวนอยางจี หวอสี่ฮวนอยางยา...” ฉันไดแตทองตามครู ยังไมรูความหมาย แมสอนฉันหุงขาว เวลานั้นยังไมมีหมอไฟฟา ฉันหุง ขาวเปน แตทำกับขาวไมเปน ก็เลยทำขาวตมหมูทกุ วัน ซาวขาว ใสนำ้ พอขาวสุก ใสหมู ใสเกลือ สุดทายใสตน หอม ขาวตมหมูหอมๆ 1 มื้อ ก็เสร็จแลว นอกจากขาวสาร แค ใชเงินคาหมูไป 1 บาท กับตนหอมสลึงเดียว ตอนเชาฉันยังไมตื่น แมก็ออกไปทำงานแลว บน โตะวางเงินไว 3 บาท ใหฉันใชใน 1 วัน ทุกๆ เชา ฉัน เอากระปองไปซื้อน้ำเตาหูครึ่งกระปอง และปาทองโกอีก สองอัน แลวก็ไปเรียนหนังสือ ที่ไหนจะโชคดีเหมือนเด็ก สมัยนี้ อาหารเชามีทั้ง นม ไข ไสกรอก และยังมีผลไม อีกตางหาก เมื่อฉันอายุเกาขวบเต็ม ฉันเห็นคนแตงชุดนักเรียน 44 เรื่องเลาของแม
ถือกระเปาไปโรงเรียน ฉันรูสึกอิจฉา ฉันจึงขอแมไป โรงเรียนบาง เวลานั้นแมหาเงินไดเพียงเดือนละ 200 บาท จะใหฉันเขาโรงเรียน ไมใชเรื่องงาย คาเลาเรียนเทอมละ 240 บาท คุณแมเลยไปขอรองอาโกว (ลูกพี่ลูกนองของ คุณพอ) ไปบอกคุณพอ ไมรูวาเปนเพราะฉันโชคดี หรือ คุณพอรูสำนึกผิด คุณพอไดฝากเงินอาโกวมา 100 บาท และรับปากวา จะใหทุกเดือน ฉันเห็นวาคุณพอยอมจาย คาเลาเรียนใหฉันเดือนละ 100 บาท ฉันจึงไมคอยเกลียด คุณพอแลว ฉันไดเขาเรียนชั้นประถมหนึ่ง เปนนักเรียนเต็มตัว โรงเรียนชื่อโรงเรียนประสาทปญญา สอนทั้งภาษาไทย และภาษาจีน ฉันเคยไดเรียนภาษาจีนมาหนึ่งปแลว ภาษาจีนจึงไดคะแนนดี แตภาษาไทยนะสิ กอไกขอไขยัง ไมไดเรียนเลย จูๆ ก็เขาประถมหนึ่ง ใหเรียนผสมคำเลย ฉันเลยงงๆ อยู พอถึงเวลาเรียนเขียนไทย ครูบอกให เขียน ‘อีกาตาดี’ เพื่อนๆ คนอื่นเขียนเปน แตฉันเขียนไม ได ฉันโมโหตัวเองมาก ดาตัวเองวาโงจริงๆ แตพอถึง เทอมสอง ฉันก็ไมโงแลว คุณแมมีเพื่อนบานคนหนึ่ง อยูใกลบานฉัน บานเขา แซเฉิน ฉันเรียกเขาวา ‘ปาเฉิน’ ปาเฉินเปนคนใจดี ตอน เย็นหลังคุณแมเลิกงาน ชอบพาฉันไปนั่งคุยกับปาเฉิน ปา ตังซิน 45
เฉินไดรับรูชีวิตของคุณแมแลว นับถือความเขมแข็งและ เด็ดเดี่ยวของคุณแม ปาเฉินบอกแมฉันวา ถาเวลาคุณแม ไมอยูบาน ใหฉันไปเลนที่บานของปาเฉินก็ได ปาเฉินมี ลูกสาว โตกวาฉันสองป ชื่อ กาญจนา ฉันเรียกเขาวา ‘พี่ กาญ’ พี่กาญมีพี่ชายคนหนึ่ง และมีนองอีกสี่คน เขามี ครอบครัวที่อบอุน ตอนกลางวันคุณพอของพี่กาญออกไป คาขาย คุณแมอยูบาน ดูแลครอบครัว พี่กาญอยูโรงเรียน เดียวกับฉัน แตอยูส งู กวาฉันสองชัน้ ป ฉันไปเลนทีบ่ า นพีก่ าญ บอย เราจึงเปนเพื่อนรักกัน นอกจากไปโรงเรียน และ กลับบานนอน เวลาสวนใหญของฉันจะอยูที่บานพี่กาญ บานพี่กาญมีญาติอยูบางชาง มีสวนผลไม ทุกปถึง หนาผลไม ญาติของเขาจะสงผลไมมาให สวนใหญจะ เปนแตงโม มะมวง มาใหทีละหลายๆ ลัง ฉันไปอยูบาน เขา เลนดวยกัน กินดวยกัน เหมือนเปนสมาชิกในบาน เขาเลยทีเดียว หลายปตอมา บานพี่กาญ มีคุณอาสี่มาจากฮองกง คุณอาสี่เรียนที่ฮองกง มีความรูทั้งภาษาอังกฤษและภาษา จีน ตอนมาใหมๆ ยังไมไดไปทำงาน กลางคืนก็สอนพี่ กาญ และนองๆ ทำการบาน ฉันก็เอาเรียงความจีนที่ เขียนแลว ไปใหอาสี่ดู อาสี่ชวยฉันแกคำผิด ฉันก็ลอก ใหม แลวคอยเอาไปสงครู ครูชมฉันวา ‘เกง’ คุณครูไมรู 46 เรื่องเลาของแม
วาที่แทเรามีครูพิเศษอยูเบื้องหลัง ครูคนนี้คือ คุณสุวรรณ ตันติศิริวัฒน คนดังในวงการคากระดาษนี่เอง ฉันเรียนอยูที่โรงเรียนประสาทปญญาสี่ป ชวงเวลานี้ เปนชวงเวลาที่ฉันมีความสุขในชีวิตเลยก็วาได ฉันเรียนดี เปนที่ชื่นชอบของครูที่โรงเรียน และไดอยูที่บานพี่กาญ บอย มีสิ่งแวดลอมที่ดี มีเพื่อนดีๆ ฉันจึงเติบโตขึ้นมาเปน คนแข็งแรง มีความคิดที่ดี จิตใจราเริงแจมใส หลายๆ อยางที่ไดมาครอบครัวพี่กาญ ทุกวันนี้ฉันจึงยังไมเคยลืม บุญคุณของครอบครัวตันติศิริวัฒน ตลอดจนชั่วชีวิต และ ไมเคยลืมบุญคุณของคุณแม ที่คุณแมเหน็ดเหนื่อยเลี้ยงดู เรามา อีกทั้งบุญคุณของคุณครูทุกคน ที่สอนฉันมา ขอบคุณ ขอบคุณคุณครู และผูมีพระคุณทั้งหลาย
ตังซิน 47
แม ถายเมื่อ พ.ศ. 2507
48 เรื่องเลาของแม
ชีวิตตองสู
ป พ.ศ. 2531 สามีใหเงินฉันวันละ 100 บาท เพื่อ เปนคาใชจายภายในบาน เวลานั้นคนในบานมีทั้งหมด 8 คน นอกจากฉันกับเขาแลว ยังมีคุณยา และลูกๆ อีก 5 คน ลูกชายคนโตจบแคพาณิชย ปวส. ก็ออกไปหางานทำ เงินเดือนไมมาก ไดชวยฉันเดือนละ 1,000 บาท ตัวฉัน เองนอกจากดูแลครอบครัว ตอนเย็นไดสอนภาษาไทยให กับนักเรียน 3 คนที่มาจากเมืองจีน เพื่อหารายไดพิเศษ เวลานั้นขาวสารถังละ 100 บาท แตเนื่องจากลูกอีก สี่คนตองสงเสีย จึงจำเปนตองใชอยางประหยัดมากๆ เวลาทำกับขาวใหลกู จึงตองซือ้ อาหารจำพวก ไขไก ผักบุง ใบตำลึง เตาหู แตงฟก ซึ่งเปนอาหารที่ราคาถูกหนอย ตังซิน 49
ซื้อปลาก็ซื้อไดแตปลาตัวเล็ก พอถึงวันอาทิตย ฉันถึงจะ ซื้อเนื้อหมู กระดูกหมู และลูกชิ้นปลา มาทำกวยเตี๋ยวให ลูกๆ กิน เวลานั้นลูกๆ กำลังโต กินทีคนละ 2-3 ชาม วันหนึง่ ฉันขอเงินสามี 100 บาท ตามปกติ เขาบอกวา “ไมมี” ฉันไมเชื่อ จึงไปคนดูในกระเปาเสื้อที่เขาแขวนอยู มีอยู 200 บาท ฉันจึงหยิบมา 100 บาทโดยไมเกรงใจ เขาดุฉันให “แม! เธอเอาไปไมได ฉันจะเก็บไวเปนทุน” โธ! ที่แทเขากลับบานดึกทุกวัน คือไปเลนพนัน “เอาไปเลนไพหรือ? แกบาไปแลวหรือ แกไมหวง ครอบครัวหรือไง ถาขืนทำแบบนี้อีก ครอบครัวพังแน” ฉันโกรธ “พังก็พัง” เขาพูดอยางหนาตาเฉย โธ! เขาไมสนครอบครัวแลวหรือนี่ ฉันทนไมได ฉัน โมโห ฉันขยำเงิน 100 บาท แลวปาใสหนาเขา “ดี! ตอไปนี้ แกเปนแก ฉันเปนฉัน ตางคนตางไม ตองยุงกัน” พูดแลว ฉันก็รองไหเสียใจ คืนนั้นเขาก็ไมกลับบาน ฉันนอนไมหลับ ในใจคิด 50 เรื่องเลาของแม
อยูปญหาเดียว “ตอไป ฉันจะดูแลครอบครัวนี้ไดอยางไร” คิดไป น้ำตาไหลไปพลาง สุดทาย ฉันคิดถึงคำสุภาษิตจีนคำหนึ่ง ‘มีลูกจะจนไมนาน’ ฉันมีกำลังใจขึ้นมา ฉันไมเชื่อวา ฉันไมมี 100 บาท ฉันจะอยูไมได วันรุงขึ้น ฉันโทรศัพทหาเพื่อนฉันคนหนึ่ง เขาแซ หวง เขามีอาชีพทำกลองกระดาษ ฉันบอกใหเขาชวยหา งานใหฉันทำ “เธอพูดเลนหรือเปลา? อยูบานเปนคุณนายไมเอา จะออกหางาน” “ฉันพูดจริงๆ สามีเขาไมเลี้ยงฉันแลว ชวยหนอย เถิด ฉันขอรอง” “งั้น...ดีละ พอดีมีคนไตหวัน ใหฉันหาคนเปนลาม เขาบอกวา ขอใหเปนคนดี รูสองภาษา อายุไมจำกัด เธอ นี่ เหมาะทีเดียว” “จริงหรือ อยูที่ไหน” ฉันดีใจ “อยูที่วิภาวดี” เขาบอก วันนั้นเปนวันอาทิตย คุณหวงพาฉันไปสมัครงาน เพราะวาเปนวันอาทิตย โรงงานเขาหยุด แตเขาโทรศัพท ตังซิน 51
ติดตอนัดพิเศษใหฉันแลว พอเรามาถึงที่โรงงาน ยามพา เราไปนั่งรอที่หองรับแขก อีกสักครู มีผูชายวัยกลางคน เดินลงมา ดูทาทางเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน “นี่คือผูจัดการโรงงาน นี่คือมิสโจว” คุณหวงแนะนำ ฉันลุกขึ้นสวัสดีเขา และนั่งลง “คุณมาเปนลามหรือ?” “คะ” ฉันตอบ “กอนนี้เคยทำงานอะไร” “สมัยกอนเคยทำพนักงานหนาราน แคชเชียร เวลา นี้สอนหนังสืออยูท่บี าน” เขาคงเห็นวาภาษาจีนกลางของฉันคุยใชได เขาหา ใบสมัครไมเจอ จึงไปเอากระดาษเปลาใหฉันใบหนึ่ง สง ใหฉัน และบอกวา “เธอเขียนประวัติยอ ที่อยู และเบอรโทรศัพทไว กอนนะ” เนื่องจากตัวฉันหลังแตงงาน ก็เปนแมบานมาตลอด จึงงงอยู ไมรูจะเขียนอยางไรดี คิดอยูสักครูหนึ่ง จึงเขียน ชื่อ และเขียนวา เกิดที่เมืองจีน โตในประเทศไทย ฉันจบ มัธยมทั้งไทยและจีน ประสบการณทำงาน ขายของ แคชเชียร สอนหนังสือ และยังเขียนวาตองการเงินเดือน 52 เรื่องเลาของแม
7,000 บาท ฉันกลาขอเงินเดือนเขา คุณหวงสอนฉันไว ฉันสงกระดาษใหผูจัดการ ผูจัดการเห็นแลวพูดวา “เงินเดือนสูงไปหนอย” เพราะวาเวลานั้น จบมหาวิทยาลัยออกไป ก็ไดเงิน เดือนประมาณนี้ “แลวคุณวาอยางไรละ” ฉันถาม “สัก 5,000 เปนไง” เขาตอรอง “คือบานดิฉันอยูไกลจากที่นี่ อยากขออีก 500 บาท ใหเปนคารถ” ฉันขอ “โอเค! งั้นพรุงนี้ เธอมาเขางาน” เขาบอก ฉันแทบตั้งตัวไมติด ไมนึกวา สมัครงานปบ รับปุบ ดูทาทางเขาตองการคนมาก ฉันบอกเขาวา ฉันจะตอง กลับบาน จัดการกับนักเรียนของฉันกอน ขอมาทำงาน อาทิตยหนา เขาก็ตกลง พอกลับไปถึงบาน ฉันนำขาวนี้บอกคุณยากอน “เธอทำอยางนี้ไดอยางไร เธอจะทิ้งฉันคนแกอยู บานคนเดียวหรือ” “คุณยา คุณยาโทษหนูไมไดนะ ควรโทษลูกชาย คุณยาที่เลี้ยงครอบครัวไมไหว หนูตองขอโทษดวย” ฉันออกไปทำงาน คุณยาเปนคนคัดคานคนแรก เพราะคุณยาเองก็แกแลว แตยังแข็งแรง ฉันมีความ ตังซิน 53
จำเปนที่จะไปหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว คุณยาเห็นวาหาม ฉันไมอยู จึงไปฟองอาโกว (ลูกสาวคุณยา) เวลานั้น แตงงานออกไปแลว มีลูกสามคน มีรานเพชร อาโกว มาบอกกับฉันวา “ซอ อยาไปทำงานเลย อยูบานดูแลคุณยา ขัดสน ฉันชวยเหลือเธอได” ฉันรูวาอาโกวเปนคนกตัญู “ขอบคุณ อาโกวมีน้ำใจ แตอาโกวก็มีครอบครัว เวลานี้อาซอพอมีกำลังที่จะลุยได ฉันคิดวาฉันควรยืนดวย ลำแขงของตัวเองดีกวา” ฉันปฏิเสธความหวังดีของอาโกว กอนไปทำงาน ฉันไปทำผม และคัดเลือกชุดที่ เหมาะสมไปทำงาน วันรุงขึ้น ฟายังไมสาง ฉันตื่นขึ้นมาทำอาหาร เตรียมใหลูก แลวจึงไปแตงตัว ฉันสงลูกคนเล็กขึ้นรถ โรงเรียนไปกอน เวลานั้นเขามีอายุเพียง 10 ขวบ สวน ลูกๆ คนอื่นเขาขึ้นรถเมลไปโรงเรียนกันเองได ชีวิตคนเรานี้ไมเที่ยง ฉันคิดวาฉันสิ้นหวังแลว แต สุดทายก็มีการหักเห ตั้งแตฉันไดงาน ฉันมีความเชื่อมั่น ในตัวเองมากขึ้น เดินออกจากบานไปทำงาน ฉันจิตใจ ปลอดโปรง เหมือนนกนอยบินออกจากกรง ฉันรองในใจวา 54 เรื่องเลาของแม
“ฉัน...อิสระแลว” ฉันขึ้นรถสองตอ กวาจะมาถึงโรงงาน โรงงานอยู ใกลตึกการบินไทย ที่ถนนวิภาวดี พอมาถึงโรงงาน ฉัน เขาไปหาผูจ ดั การโรงงานกอน เขาพาฉันไปรูจ กั กับคุณนาย เจาของโรงงาน คุณนายเฉิน เขาสาวกวาฉันหลายป เขา ยิ้มแยมแจมใส พูดวา “โอ...เธอเหรอ คุณโจว ยินดีตอนรับเขาทำงาน บริษัทของเรา” ที่แทบริษัทนี้เรียกวา ‘เอเชี่ยนอารท’ ทำตุกตาเรซิ่น คุณนายเฉินพาฉันเขาไปในโรงงาน ระบบของการทำงาน แบงออกเปน 6 แผนก คือ แผนกทำโม แผนกหลอ แผนกเจียนแตง แผนกทาสี แผนกคิวซี และแผนกบรรจุ เวลาฉันเขาไปทำงาน พวกพนักงานกำลังทำตัว ซานตาครอสอยู ขั้นตอนการทำงานคือ เขาเอาตัวอยาง ซานตาครอสเขาไปทีห่ อ งทำโม พนักงานทำโมจะเอาซิลโิ คน มาทาที่ตัวอยาง ทาแลวทาอีก ทาหลายๆ ชั้น ซิลิโคน เปนกาวยาง พอแหงแลว ถอดออกจากโมตัวอยาง ก็จะ เปนโมยางที่เหมือนตัวอยาง ก็สงเขาแผนกหลอ แผนก หลอก็จะเอาเรซิ่นผสมปูนปลาสเตอร เทเขาตัวโม รอแหง แลวถอดออกจากโม ก็คือตัวปูนปลาสเตอรตามตัวอยาง ตังซิน 55
แตเปนสีขาว ขั้นตอนตอไป จะสงเขาแผนกเจีย คนงาน เอาเข็มเจีย เจียสวนเกินออกไป แตงใหเรียบรอย จึงสง เขาแผนกทาสี จะตองผสมใสสีใหเหมือนตัวอยางที่สงมา เสร็จแลวสงเขาแผนกตรวจสอบ เพื่อตรวจสอบความ เรียบรอย แลวจึงบรรจุใสกลองเตรียมสงออก เถาแกและคุณนาย กับหุนสวน ลวนเปนคนไตหวัน เขาพูดภาษาไทยไมได เขาจึงตองการลาม วันแรก คุณนายเฉิน พาฉันเขาโรงงานไปรูจักกับ หัวหนาทุกแผนก ทำความรูจักกัน เพื่อสะดวกแกการ ทำงาน แตพวกเขาแสดงทาทีเยอหยิ่ง ไมคอยสนใจฉัน ชางเถอะ ฉันไมถือ เพียงแคเถาแกรับฉันเขาทำงาน ก็นับ วาดีแลว หลังจาก 1 อาทิตยผานไป ฉันยังไมเคยเห็นเถาแก เลย ถามคุณนาย เขาบอกวา เขาไปไตหวัน วันหนึ่ง ที่ออฟฟศมีแขกไตหวัน 4 คน พวกเขาคุย กันเสียงดังลั่น หัวเราะเสียงดัง โดยเฉพาะคนที่หัวลาน หัวเราะดังสุด ฉันเดินเขาโรงงาน บนกับคุณนายเฉินวา “คนหัวลานนั้นคือใคร คุยเสียงดังจังเลย” คุณนายบอกวา “นั่นแหละคือเถาแก เธอไมรูเหรอ” ฉันตกใจ รีบขอโทษเปนการใหญ ไมนึกเลยวา ฉัน 56 เรื่องเลาของแม
ปลอยไกตัวเบอเรอ ระหวางกินขาวเที่ยงกับคนในออฟฟศ ฉันเลาเรื่อง ฉันปลอยไกใหเพื่อนๆ ฟง พวกเขาพากันหัวเราะจนเกือบ สำรักขาวออกมา คุณนายคุยถูกคอกับฉัน ดูเหมือนเขาไวใจฉันมาก เขาชอบเลาเรื่องเกี่ยวกับโรงงานใหฉันรู เขาเลาวา พวก เขามาเปดโรงงานทำตุกตาที่นี่ได 3 ปแลว ทีแรกไมรูจัก ใครเลย ตอมามีคนแนะนำใหรูจักทนายเฉิน ซึ่งแซ เดียวกันเถาแก ทนายเฉินพาคนๆ หนึ่ง ชื่อสมพงษ มาให เปนฝายบุคคล เพื่อชวยเหลือหาคนงานมาทำงาน หลัง จากนั้น นายสมพงษบอกวา รูจักคนเยอะ ซื้อของไดถูก เถาแกจึงใหเขาเปนทั้งฝายบุคคล และทั้งผูจัดซื้อ แตวา งานที่ฝายบุคคลควรทำ เขากลับไมคอยทำ วันๆ วิ่งแต ไปขางนอก บอกวาไปหาซื้อของ เวลาอยูที่บริษัทฯไมเกิน 2-3 ชั่วโมง หลังจากนั้นเถาแกพบวาเขาไมไดซื้อของถูก จริง เถาแกยอมรูอยูแกใจ แตก็ไมไดวาอะไร เพราะ เกรงใจทนายเฉิน และเวลานั้นก็ไมรูจักใคร จึงตองพึ่งเขา แตวัตถุดิบที่ใชจำนวนมาก ครั้งแรกใหเขาสั่ง ครั้งตอไป เถาแกสั่งซื้อเอง แปลกจริงๆ หลังจากที่ฉันเขาทำงานมาไดเพียง หนึ่งอาทิตย นายสมพงษก็ลาออกจากงาน อาจเปนเพราะ ตังซิน 57
วาเห็นคุณนายเฉินคุยกับฉันทุกวัน ไมรคู ยุ อะไรกัน บางครัง้ ยังเอาเอกสาร หรือบิลซื้อของมาใหฉันแปล เขาคงกินปูน รอนทอง คิดวาฉันอาจเปนสายลับ ที่คุณนายเฉินหามา ตรวจสอบเขาก็ได เขาคงไมมีโอกาสกินอีกแลว เลยรีบ เผนกอน ผานไปหนึ่งเดือน ครั้งแรกที่ไดรับเงินเดือน ดีใจ มาก ระหวางทางกลับบาน ฉันไดแวะซือ้ นมสด และผลไม ไปใหคุณยา และลูกๆ วันหนึ่งคุณซู หุนสวนคนหนึ่งถามฉันวา “คุณโจว ทำงานนี้สนุกมั้ย” ฉันตอบวา “งานนะ พอทำได แตที่ทนไมได คือกลิ่นทินเนอร นะซิ ฉันทนไมไหว คิดวาทนแคสามเดือน ใหผานทดลอง งานกอน ฉันจะตองบายบายแลว” วันรุง ขึน้ คุณนายเฉิน เรียกฉันเขาออฟฟศ แลวพูดวา “คุณซู บอกฉันวา คุณจะลาออก จริงหรือ?” “เพราะวาฉันทนกลิ่นทินเนอรไมไหว” ฉันตอบ “อยางนั้น ฉันใหเธอมานั่งทำงานในออฟฟศแลวกัน ตกลงมั้ย” “คุณจะใหฉันทำตำแหนงอะไร?” ฉันถาม “ตำแหนงฝายบุคคล สมพงษไปแลว เธอมาทำ 58 เรื่องเลาของแม
แทนเขา” “ฉันไมมีประสบการณ กลัวทำไมได” “ฉันวาคุณตองทำได ทำตามฉันบอกก็พอ มีใคร เขาเกิดมาแลวเปนทุกอยาง?” เพียงเทานี้ ขอบคุณคุณนายเฉิน ที่ไดใหโอกาสฉัน ฉั น จึ ง ได เ ข า ทำงานในออฟฟ ศ ในตำแหน ง หั ว หน า ฝ า ย บุคคล บางครั้งก็ยังทำหนาที่ลามบาง วันรุงขึ้น คุณนายเฉิน เอาใบสมัครมาใหตั้งหนึ่ง สูง ประมาณ 1 ฟุต “นี่คือใบสมัครที่ตกคางมาตั้งแตสมัยสมพงษ ให ชวยคัดคนงานเขามาอีก 50 คน” ฉันไมรูจะคัดอยางไร ฉันจึงคัดคนที่จบ ป.4 และ ม.3 ออกมา แล ว สั ง เกตุ รู ป ที่ เ ขาติ ด ไว ใ นใบสมั ค ร ผู จัดการโรงงานเคยบอกฉันวา การดูคนใหดูที่สายตา สายตาใสๆ และไมมีแววตาดุ สวนใหญจะเปนคนฉลาด ฉันคัดไดประมาณ 20 คน แลวเอาไปรษณียบัตรสงตามที่ อยูที่เขียนไวในใบสมัคร เรียกเขามาทำงาน แตไมมีใคร มา ที่แทพวกเขาสวนใหญเปนคนตางจังหวัด ที่อยูที่ลงไว ในใบสมัคร มักเปนที่อยูของญาติ หรือไมก็เปนที่อยู ชั่วคราว เพียงหนึ่งอาทิตยหลังจากที่พวกเขาไดสมัคร เขา ก็มักไปสมัครกับที่อื่นๆ หรือไมก็ไปทำงานที่อื่นแลว ตังซิน 59
ฉันเรียกคนงานไมไดเลย จึงเปลี่ยนแผน ใชวิธี ประกาศติดไวหนาโรงงานวา ‘ตองการพนักงาน ดวน!’ วันรุงขึ้น มีคนมาสมัครงานสิบกวาคน ฉันสังเกตุ คนที่แตงตัวเรียบรอย มีแววตาดี ก็เรียกมาทำสัญญา ทดลองงาน 3 เดือน เวลานั้นเงินเดือนขั้นต่ำคือ ไดวันละ 86 บาท วันหนึ่งทำงาน 8 ชั่วโมง โอทีคิดเปนชั่วโมงตาง หาก พอเดือนที่ 2 เถาแกไดปรับเงินเดือนเปน 7,000 บาท ตามทีฉ่ นั ไดขอไว ฉันดีใจ ภายในออฟฟศ นอกจากเถาแก และคุณนายเฉิน รวมตัวฉันเองแลว มีกนั แค 4 คน มิสเตอร โล เปนคนสิงคโปร ติดตอกับตางประเทศ ลูกของเถาแก มิสเตอรชัง เปนผูจ ดั การทัว่ ไป และมีบญั ชี ซึง่ ทำหนาทีเ่ ปน เลขาใหกบั เถาแกดว ย มิสซิสเซีย่ คุณเซีย่ เปนสาวโสด ตัวเล็ก รับผิดชอบคิดเงินเดือนพนักงาน คิดเลขคลองมาก เปน คนที่เถาแกไดดึงตัวมาจากธนาคารจีน หลังจากที่ฉันทำงานไดครบป มิสเตอรจัง ผูจัดการ โรงงาน ไดทะเลาะกับเถาแกเรื่องเงินๆ ทองๆ เลยขอลา ออกไป อีกครึ่งป คุณเซี่ยกับมิสเตอรโล ก็ไดลาออกพรอม กัน กอนที่คุณเซี่ยลาออก เขาไมไดฝากงานใหใครเลย เพียงแคบอกวาเอกสารทั้งหมดอยูในตู เถาแกมักใหฉันหา 60 เรื่องเลาของแม
เอกสาร ‘มุมน้ำเงิน’ เพื่อเอาไปใชขอคืนภาษีกับทาง รัฐบาลได เพราะโรงงานไดขอการสนับสนุนจากบีโอไอ แตฉันหาไดเพียงฉบับเดียว มีอีกหลายฉบับหายไป โทรไป ตามหาที่คุณเซี่ย เขาไมพอใจพูดวา “ฉันออกจากงานแลว อยามารบกวนฉัน” เอกสารของบีโอไอหายไปอยางลึกลับ ซึ่งทุกครั้ง คุณเซี้ยเปนคนถือตรายางของบริษัทฯ ไปเปนคนทำเบิก หลังจากนั้นไมนาน ไดขาววาคุณเซี่ยซื้อบานหลังใหม ฉันใหเพื่อนแนะนำพนักงานบัญชีใหมมาคนหนึ่ง และเถาแกก็เปนคนหาผูจัดการฝายสงออก สองคนนี้เปน ผูหญิง และมาทำงานทีหลังฉัน จึงเกรงใจฉัน บรรยากาศ ของออฟฟศจึงคอยดูอบอุน และสามัคคีกันหนอย ผานไปสองป ที่โรงงานวิภาวดี โรงงานไดยายไปอยู แถวสุขาภิบาล 1 บานของฉันอยูบานหมอ ซึ่งหางจาก โรงงานใหมถึง 30 กิโลเมตร มันชางไกลเหลือเกิน ฉันจึง ขอลาออกจากคุณนายเฉิน แตคุณนายเฉินไมอนุมัติ ขอรองใหฉันทำงานใหอีกระยะหนึ่ง เขาปรับเงินเดือนให ฉันจากหนึ่งหมื่นบาท เปนหนึ่งหมื่นสามพันบาท ซึ่งขณะ นั้นรายไดของคนงานรายวันคือ 110 บาทตอวัน เนื่องจาก ฉันยังตองหาเงินมาจุนเจือครอบครัว อีกอยางหนึ่งฉันก็ อายุ 50 ปแลว จะหางานใหม ไมใชเรือ่ งงาย จึงทนสูต อ ไป ตังซิน 61
โรงงานยายไปอยูไกล ฉันจึงลำบากมากขึ้น ฉันตอง ตื่นตี 4 ทุกวัน ลุกขึ้นมาหุงหาอาหารใหลูกๆ เวลาไมคอย มี ก็ไดแตตมขาวตมหมอหนึ่ง ตมไขไก บางครั้งมีหมู หยอง หรือมามา ตองรีบออกจากบานกอน 6 โมงเชา ไม อยางนั้น จะเขางานไมทัน 8 โมงเชา ออกจากบานแตเชา โรงงานเลิกงานตอน 5 โมงเย็น ชวงเย็นรถติดมาก ยิ่งเปน ชวงหนาฝน เคยกลับถึงบาน 2 ทุม เขาบานเรียกคุณยา คุณยาก็ทำหนาเมินใส และไมขานตอบ ฉันเห็นลูกคนเล็ก อายุสิบสองปผอมกะลองกอง เหลือแตหนังหุมกระดูก เหมือนเด็กขาดอาหาร ฉันเห็นแลวปวดใจมาก นึกในใจ วา ฉันคงเปนลูกสะใภอกตัญู และเปนแมที่ไมเอาไหน คิดไป คิดมา ก็ไดแตกล้ำกลืนน้ำตา หลังเลิกงานกลับบาน ถาไมค่ำนัก ฉันก็แวะกิน อาหารเย็นกอนเขาบาน บางครั้งก็เขาบานกอน แลวคอย หาอะไรกินอยางรีบเรง และถามลูกวา ทำการบานเสร็จ หรือยัง หลังพาลูกๆ ขึ้นนอน ฉันจึงกลับลงมาซักผาให ลูกๆ เพราะพรุงนี้ตองออกทำงานแตเชา กวาจะไดนอนก็ เกือบเที่ยงคืนแลว โรงงานใหม คนงานคอยๆ เพิ่ม ไปจนถึงสามรอย คน เมื่อคนมาก เรื่องก็มากขึ้น การควบคุมดูแลใหทั่วถึง ไมใชเรื่องงาย วันๆ มีแตเรื่องปวดหัวใหทำ เดี๋ยวเรื่อง 62 เรื่องเลาของแม
ทะเลาะวิวาท เดี๋ยวเรื่องคนงานขโมยของ เรื่องอูงาน คน งานบางคนชอบอูงาน แอบเขาหองน้ำ สูบบุหรี่เปนเวลา นานๆ เรื่องอุบัติเหตุของคนงาน ลางาน ลาปวย ตางๆ นานา ตองคอยๆ แกไขทีละเรื่องไป มีอยูวันหนึ่งฉันลากิจ 1 วัน พอวันรุงขึ้นกลับเขาไป ทำงาน ก็มีหัวหนาแผนกเจียมารายงานวา เมื่อวานนี้ มี คนงานดื่มเหลาในโรงงาน (ซึ่งผิดกฎขอบังคับของโรงงาน) ฉันไดเรียกคนงานคนนั้นเขามาพบ ปรากฎวาคนงานคนนี้ มีประวัติชอบอูงานอยูแลว ฉันจึงบอกเขาไปวา เขาทำผิด กฎของโรงงาน ตั้งแตพรุงนี้เปนตนไป ไมตองมาทำงาน แลว สิ้นเดือนคอยมารับเงินเดือน เขาโกรธฉันมาก ตะคอกใสฉันวา “เวลาเธอเขาออกโรงงาน ระวังตัวใหดี!” พูดแลวก็เดินออกจากโรงงานไป เขาขูฉัน ฉันคิดวาฉันควรระวังตัวไวดีกวา จึง โทรศัพทใหหัวหนายาม เอารถมารับสงฉันจากปายรถเมล มาที่โรงงาน ซึ่งโรงงานอยูหางจากถนนใหญรามอินทรา ประมาณ 3 กิโลเมตร หัวหนายามไดรับสงฉันอยูประมาณ 1 อาทิตย ก็ไมมีอะไรผิดปกติ จึงบอกใหไมตองรับสงแลว ใกลวันตรุษจีน เถาแกจะกลับบานไตหวัน เพื่อ ฉลองปใหม แผนกบัญชีบอกวา วันตรุษจีนไมไดถูกรวม ตังซิน 63
อยูในวันหยุดบังคับของกฏหมายแรงงาน ถาโรงงานหยุด ก็ตองจายคาแรงใหคนงานดวย แตเถาแกไมยอม บอกวา พวกเรากลับบานฉลองตรุษจีน ทำไมตองจายคาแรงดวย ฝายบัญชีกลัวผิดกฏหมายแรงงาน สวนเถาแกยึดกฏ ประเพณีไตหวัน จึงตกลงกันไมได ในที่สุด ฉันเรียกประชุมหัวหนาทุกแผนก แลวบอก กับพวกเขาวา “เพื่อนรวมงานที่รักทุกคน เราตางก็มาทำงานให บริษัทฯ บริษัทฯของพวกเรา ก็ไดใหคาแรงกับพวกเรา นี่ คือสิ่งที่ยุติธรรม เจาของบริษัทเปนคนไตหวัน พวกเราทุก คนก็รูดี วันสงกรานตของพวกเรา เราหยุดงาน 4 วัน เถา แกก็จายคาแรงใหพวกเราตามปกติ แตเขาก็มีวันตรุษจีน เหมือนกัน อีกสองวันเขาจะกลับไตหวันไปฉลองตรุษจีน ทางบริษัทฯ เลยจะหยุดทำงาน 3 วัน พวกเราตางทำงาน กันมาเหนื่อย ก็ฉวยโอกาสนี้ไดพักผอน ไปเยี่ยมญาติ ไป หาแฟน ไปเที่ยว ฉะนั้น วันหยุด 3 วันนี้ บริษัทฯ ไมจาย รายวันให แตเถาแกบอกวา วันเปดงานวันแรก จะให ‘อั่ง เปา’ คนละ 1 ซอง” ในที่สุด หัวหนาทุกแผนกก็ตอบตกลง ฉันจึงไดปด ประกาศออกไป การประชุมครั้งนี้ทำใหบริษัทฯ ประหยัด เงินคาแรงไปได เถาแกพอใจ และไมผดิ กฏหมายแรงงานดวย 64 เรื่องเลาของแม
ฉันทำงานที่ เอเชีย่ นอารต อยู 5 ปเต็ม (พ.ศ. 25312536) เพราะวาคุณแมฉันปวย ฉันจึงจำเปนตองลาออก จากงาน เพื่อดูแลคุณแม คุณแมมีลูกสาวคือฉันเพียงคน เดียว ฉันดูแลแมอยูไดเพียง 6 เดือน คุณแมก็ไดถึงแก กรรม ขณะนั้นลูกชายคนที่สอง และลูกสาวคนโตไดเรียน จบแลว ตางคนไดมีงานทำ ลูกๆ เห็นแมทำงาน เหน็ดเหนื่อย จึงไดขอรองใหฉันลาออกจากงาน หลังจากที่ฉันออกจากงานได 5 ป โรงงานก็ไดยาย ไปอยูที่กวางเจา ประเทศจีน เถาแกไดมาขอรองใหฉันไป ช ว ยจั ด การเรื่ อ งเงิ น ชดเชยให พ นั ก งานที่ ท ำงานกั น มา หลายป จริงๆ แลวงานนี้เปนงานของบัญชี แตเถาแก บอกวาเรื่องอายุงานของคนงาน เขาไวใจฉันเพียงคนเดียว ฉันจึงไดกลับไปชวยเรื่องจายเงินชดเชยใหพนักงานอีกเปน เวลา 2 เดือน พนักงานทุกคนไดรับเงินคนละหนึ่งหมื่น บาง สองหมื่นบาง พวกหัวหนาไดคนละสามถึงสี่หมื่น บางคนทำงานดี เถาแกกไ็ ดจา งตอไปใหไปทำงานทีก่ วางเจา ประเทศจีน
ตังซิน 65
แมที่เมืองจีน
66 เรื่องเลาของแม
แมบุญธรรม
ฉันมีแมสองคน
ปนั้น ฉันอายุ 30 พอดี วันหนึ่งมีเพื่อนบานคนหนึ่ง มาหาฉัน และบอกวา “อาซอ ฉันมีเพื่อนคนหนึ่ง เขาบอกวามีธุระสำคัญ อยากคุยกับเธอ” เพื่อนบานคนนี้ ฉันสนิทมาก ไปมาหาสูกันบอย ฉัน จึงตามเขาไปพบเพื่อนคนที่เขาวา ที่บานของเขา พอเดินเขามาบาน มีชายวัยกลางคนๆ หนึ่งลุกขึ้น ยืน ทักฉันดวยสีหนายิ้มแยมแจมใส “นองสาว สบายดีหรือ” ฉันงงมาก ฉันไมรูจักเขาเลย ทำไมมาเรียกฉันวา นองสาว ตังซิน 67
“คืออยางนี้ ที่จริงแลว ฉันเปนพี่ชาย (ลูกพี่ลูกนอง) ของเธอ เธอยังมีแมอีกคนหนึ่งอยูที่เมืองจีน เธอรูไหม?” ฉันเลยยิ่งงงเขาไปกันใหญ ทำไมเขารูวาฉันมีแมอีก คนละ ความจริงแลว ฉันรูวาแมของฉันตอนนี้ไมใชแม ที่แทจริง เมื่อตอนฉันอายุ 7 ขวบ ฉันพักอยูที่บานคุณอา ลูกคุณอาไมชอบหนาฉัน ชอบรังแกฉัน เคยดาวาฉัน บอยๆวา “ไอลูกเลี้ยง ไอลูกไมมีแม” และฉันก็ไมเคยไดยินแมเลาเรื่องฉันเมื่อตอนเล็กๆ ฉันจึงคิดในใจวา ฉันจะตองมีแมบังเกิดเกลาอีกคนหนึ่ง แตแมตอนนี้ก็รักฉันดี เลี้ยงดูฉันอยางดี ใหฉันไดเรียน หนังสือ สอนฉัน รักฉัน ฉันจึงไมกลาเอยปากถามแมวา ฉันมีแมอีกคนไหม เพราะกลัววาแมจะเสียใจ ฉันจึงพยักหนากับคนที่วา ฉันเรียกเขาวาพี่ชายจุย พี่จุยบอกวา “กอนหนานี้ เขาไดกลับไปเมืองจีนเยี่ยมญาติ ได พบกับแมของฉัน ซึ่งเปนอาของเขา แมที่เมืองจีนไดถาม กับเขาวา นองที่อยูที่เมืองไทยสบายดีไหม คุณแมคิดถึง อยากรูขาวคราวมาก ซึ่งเขาไดตอบแมฉันที่เมืองจีนไปวา พอไดขาววาฉันแตงงานมีครอบครัวแลว แตไมรูอยูที่ไหน 68 เรื่องเลาของแม
หลังจากกลับจากเมืองจีน ไดแวะไปที่ฮองกง ไดเจอกับ พี่ชายแทๆ ของเธอ ไดขอรองใหชวยติดตอนองสาวคน เล็กใหได เพราะทุกครั้งที่พี่ชายแทๆ กลับเมืองจีน แมมัก จะถามถึงนองสาวคนเล็กทุกครั้ง มาเที่ยวนี้ดีแลว ที่ไดพบ แลว” ฉันถามพี่จุยวา แลวฉันจะติดตอแมกับพี่ชายของ ฉันไดอยางไร พี่จุยเขาสงนามบัตรใหฉันใบหนึ่ง และบอก วา “นี่คือที่อยูของพี่ชายเธอที่ฮองกง และที่อยูที่เมือง จีน ทีนี้ฉันจะไดสบายใจเสียที และไมผิดหวังที่คุณอาได ฝากฝงไว” ฉันตองขอขอบคุณพี่จุยมาก ในนามบัตรมีชื่อวา ‘เซียวจินคุน’ คือพี่ชายคนที่สองของฉัน วันรุงขึ้น ฉันได เขียนจดหมายสองฉบับ ฉบับหนึ่งสงไปที่เมืองจีน อีกฉบับ หนึ่งสงไปที่เกาลูนใหพี่ชาย อีกไมนาน ฉันไดรับจดหมายตอบกลับมาจากพี่ชาย ที่เกาลูน เขาบอกมาวา เขาดีใจมากที่ติดตอกับฉันได บอกวาคุณแมคิดถึงฉันมาก ทุกครั้งที่เขากลับไปบาน แม จะตองถามถึงทุกครั้ง และไมกี่ปกอน เขายังเคยใหเพื่อน ชวยลงหนังสือพิมพจีนที่เมืองไทยตามหาฉัน แตก็ไมได รับคำตอบ ตังซิน 69
โธ...เวลานั้น ฉันมีลูกติดๆกันสามคน ดูแลลูก ทำงานบาน วันๆ ยุงจะตายอยูแลว ใครจะมีเวลาวางมา นั่งอานหนังสือพิมพ ตั้งแตติดตอกับคุณแมได ฉันไดสงจดหมายไปเมือง จีนปละสองครั้ง และสงเงินไปครั้งละ 100 เหรียญ เวลา นั้น ฉันจนจะตาย สามีเปนเพียงชางทำทอง ลูกสามคน ตองกินตองใช จึงไมสามารถสงเงินไดมากกวานั้น เรื่องที่ ติดตอกับแมแทๆ ไมกลาบอกใหแมบุญธรรมรู มีแต คุณยารู เพราะวาอยูดวยกัน แมบุญธรรมรักฉันมาก กลัว วาทานจะคิดมาก ผานไป 1 ป พี่ชายที่อยูที่เกาลูนไดมาหาฉันที่เมือง ไทยพรอมพี่สะใภ เขาพักที่โรงแรม ฉันกับสามีไปพบเขา พวกเราดีใจกันมาก พี่สะใภพอเจอหนาฉันพูดวา “เหมือนคุณยามาก” นั่นคือแมแทๆ ของฉัน พี่ชายเอาผามาใหฉันหลาย ชิ้น กระเปาหนัง ยังมีของกินอีกหลายอยาง ที่แทพี่ชายมี โรงงานเล็กๆ ทำเสื้อผาเด็กอยูที่เกาลูน ความเปนอยูดี และยังบอกฉันวา มีพี่ชายคนโตเปดรานขายยา และมีพี่ สาวคนโต พี่ชายที่สาม และที่สี่ สวนพี่สาวคนที่สองเสีย ชีวิตแลว พี่สาวคนที่หาเปนหมอ อยูที่เมืองจีน ที่เมืองจีน มีพี่ชายคนที่สาม สี่ หา และหลานๆ หลายคน อยูกับแม 70 เรื่องเลาของแม
ที่อำเภอ ‘เง็กเฮียบซัว’ คุณแมเลี้ยงเราพี่นองทั้งหมด 11 คน ฉันเปนคนสุด ทอง คุณพอเสียชีวิตเมื่อฉันยังเล็กอยู ปนั้นหลังจากที่ฉัน เกิดไดเพียง 1 ขวบ คุณแมไดลมปวยลง ระหวางที่ปวย อยูก็บนวา “ไมรูวาลูกนอยคนนี้ จะเลี้ยงรอดหรือเปลา” พอดีมีเพื่อนบานของแมชื่อ ‘กานาซิ้ม’ ฟงอยู พอไดยินดังนั้น จึงวิ่งกลับไปบอกกับ ‘ซอหกจุย’ ซึ่งเปน เพื่อนของกานาซิ้มอีกที ซอหกจุย แตงงานมาหลายป ยังไมมีลูก เคยบอก วาอยากขอลูกมาเลี้ยงสักคน พอไดยินขาวจากกานาซิ้ม ก็ดีใจ ตามกานาซิ้มมาที่บานฉัน เห็นแมฉันนอนปวยอยู บนเตียงหนาตาซีดเซียว ลูกก็เต็มบานไปหมด จึงบอกกับ แมฉันวา “อาโกว เธอปวยแลว ใหฉันชวยพาลูกสาวคนนี้ไป เลี้ยงสักพักเถิด” คุณแมเชื่อถือกานาซิ้ม จึงยอมใหหกจุยซอพาฉันไป หลังจากแมฉันหายไข ก็ใชใหพี่สาวไปพาฉันกลับ มา หกจุยซอพูดวา “จะรีบรอนทำไม ใหฉันชวยเลี้ยงอีกสักพักหนึ่ง ให เขาอวน แข็งแรงกวานี้ คอยมารับกลับก็ได” ตังซิน 71
ในเวลานั้น สามีของหกจุยซออยูที่เมืองไทย มีเงิน สงไปเมืองจีนบอย มีความเปนอยูดี หลายเดือนตอมา หกจุยซอไปหาแมฉัน บอกวา “อาโกว ตอนนีด้ นิ ฟาอากาศแหงแลงมาก เพาะปลูก ก็เก็บเกี่ยวไดไมดี อาโกวลูกก็มาก อาโกวยกลูกสาวใหเขา เถิด ฉันจะเลี้ยงอยางดี อยูกับฉันไมอดอยาก และเราก็ไม ไกลกันเทาไร ฉันจะพามาเลนบอยๆ แลวกันนะ” แมฉันเห็นฉันอยูดีกินดี อยากใหฉันมีชีวิตที่ดี ก็เลย จำยอม ตั้งแตนั้นเปนตนมา ฉันก็เปนลูกของหกจุยซอ พอฉันอายุได 5 ขวบ เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง การติดตอจากเมืองไทยถูกตัดขาด และเมื่อสงครามยุติลง ขาวจากเมืองไทยก็ยังเงียบเชียบ ไมไดสงเงินไปเหมือนที่ เคย ชีวิตเราสองแมลูกจึงลำบาก สุดทายแมตัดสินใจ พา ฉันมาเมืองไทยเพื่อไปหาพอบุญธรรมที่ฉันยังไมเคยเห็น หนา กอนมาเมืองไทยสองวัน แมบุญธรรมไดพาฉันไป อำลาคุณแม แมทั้งสองตกลงกันไววา อยาบอกฉันวาเขา คือแมแทๆ คุณแมพอรูวาแมบุญธรรมจะพาฉันไปเมือง ไทย ถึงกับตกตะลึง ไมรูจะพูดอะไร ก็พูดออกมาวา “นี่จะไปแลวหรือนี่ เธอตองชวยสอนเขาดีๆ นะ ขอ ใหเดินทางโดยสวัสดิภาพ และอยาลืมเขียนจดหมายสง 72 เรื่องเลาของแม
ขาวมาดวยละ” คืนนั้นแมนอนไมหลับทั้งคืน วันที่ฉันจะออกเดินทาง คุณแมตื่นแตเชา แมกอไฟ เผามันหลายลูก แมรูวาฉันชอบกินมันเผาที่สุด เอาผาหอ ไว ใหพี่ชายฉันคนหนึ่งพาแมไปสงฉันที่สถานีรถ คุณแมมาชาไปกาวเดียว รถไปซัวเถาเพิ่งออกไป หัวใจคุณแมไดหลนหาย พรอมกับมันเผาที่พื้น คุณแมกลับบานดวยน้ำตานองหนา บนพึมพำ “ไมรูเมื่อไรจะไดพบกันอีก” นี่ เ ป น ประวั ติ ที่ ฉั น ได พ ลั ด พลากจากหั ว อกแม ที่ พี่สะใภมาเลาใหฉันฟง พี่สะใภยังบอกวา คุณแมไดตั้งชื่อ ฉันวา ‘ยิ่งรัก’ แตคุณแมบุญธรรมไมเคยเลาเรื่องตอน เด็กๆ ใหฉันฟงเลย หลังจากคุณแมบุญธรรมพาฉันมาที่เมืองไทยแลว ก็ ไมเคยติดตอกลับไปหาแมฉันอีกเลย คงจะกลัววาฉันจะรู วาทานไมใชแมแทๆ ของฉัน แลวจะไมรักทาน ฉันไม โกรธแมบุญธรรมของฉันเลยสักนิด เพราะทานรักฉัน เหมือนลูกในไสของทานจริงๆ จริงๆ แลวฉันก็รูในพระคุณของแมบังเกิดเกลาที่หิ้ว ทองเรามาตั้ง 9 เดือน แตบุญคุณที่แมบุญธรรมเลี้ยงดูฉัน มาจนฉันแตงงาน 20 ป ฉันยอมไมอาจลืมได ในใจของ ตังซิน 73
ฉัน รักคุณแมทั้งสองทานมาก เหมือนฉันรักประเทศจีน และประเทศไทย หลังจากที่รูวาคุณแมแทๆ อยูที่เมืองจีนแลว ฉัน ไมมวี นั ทีไ่ มคดิ กลับไปกราบเทาทานเลย แตฉนั มีลกู 5 คน ตองเลี้ยงดูและสงเสีย สามีเปนเพียงชางทำทอง ปแลวป เลา ฉันจึงไมมีโอกาสกลับไป อีกหลายปตอมา พี่ชายที่ฮองกงโทรศัพทมาหา บอกวาแมปวย บังเอิญเวลานั้น สามีไปหุนทำการคากับ เพื่อน แลวโดนเพื่อนโกง ขาดทุน มิหนำซ้ำยังเปนหนี้สิน ฉันจึงไมอาจปริปากเอยวา จะไปเยี่ยมแม สุดทายอีกไม นาน แมไดถึงแกกรรม โดยที่ฉันยังไมไดไปเจอหนาแม ครั้งสุดทาย ฉันจึงเสียใจมาจนถึงทุกวันนี้...
74 เรื่องเลาของแม
เปล ลูกชายคนแรก
76 เรื่องเลาของแม
ลูกเปด
เมือ่ 43 ปกอ น ฉันกำลังจะเปนแมคน ในใจฉันตืน่ เตน มาก ป พ.ศ. 2506 วันที่ 26 สิงหาคม กลางดึก ฉันปวด ทองมาก ฉันลุกขึ้นไปยาหอมมาชงกิน แลวไปนอนตอ แตนอนไมหลับ ทองยังปวดอีก ฉันจึงสะกิดบอกสามี พอสวาง สามีพาฉันไปโรงพยาบาลมิชชั่น ฉันฝากครรภไว ที่โรงพยาบาลแหงนี้ คุณหมอทำการตรวจดูแลวพูดกับสามีฉันวา “ใกลคลอดแลว แตหัวเด็กยังไมกลับลงมา ตองรอ หนอยนะ” “จะตองรอนานแคไหน” ฉันถาม “คุณเปนทองแรก ก็ไมแน อาจจะบายหรืออาจจะ ตังซิน 77
คืนนี้” หมอตอบ ฉันไมรูวาตองรอนานแคไหน ฉันจึงใหสามีกลับไป ทำงานกอน พอถึงชวงบาย ฉันปวดถี่ขึ้น นึกในใจวา ลูก ฉันอยูในทอง เลนกังฟูอยูหรือไง ทำไมถึงปวดอยางนี้ พอตกเย็น ปวดถี่ขึ้นทุกๆ นาที จนฉันแทบทนไมได พอดี คุณแมสามีมาเยี่ยม พรอมกับสามี ฉันจับมือคุณแมไว รองวา “แมจา ชวยหนูดวย หนูจะตายแลว” “การเปนแมคน ก็ลำบากกันทั้งนั้นแหละ คงใกล แลวละ ลูกตองเขมแขง ทนอีกหนอยนะ” หลังจากแมกลับไปแลว ฉันปวดมากขึ้นทุกที จน รูสึกวามีแคเสนผมเทานั้นที่ไมปวด ปวดทอง ปวดหลัง ปวดตัว ปวดราวไปหมด ฉันคิดวา ถารูวาตองเจ็บปวด อยางนี้ ฉันคงไมกลาคิดจะแตงงาน... ฉันคิดตอไปวา ถาฉันคลอดยากอยางนี้ ลูกจะตาย ไหมนี่ และฉันจะรอดชีวิตไหม ฉันปวดจนทนไมได ฉัน แหกปากรองลั่น อยางไมเกรงใจใคร เหงื่อและน้ำตา ปะปนกันไปหมด ฉันออกแรงกัดปาก จนริมฝปากแตก ฉันคิดวาฉันอยูริมหุบเหวแหงความตาย มันปวดจริงๆ ไมเคยปวดอยางนี้ ฉันรองลั่น ไมรู เวลานั้นกี่โมง รูสึกวา มีคนมาเข็นเตียงไปอยูอีกหองหนึ่ง 78 เรื่องเลาของแม
แสงไฟสวางจาจนแสบตา รอบตัวมีแตคนใสชุดสีเขียว หูไดยินเสียงคนพูดวา ‘บล็อคหลัง’ พวกเขาบอกฉันใหเอามืออุมเขาทั้งสองขาง งอตัว ไว ทองฉันใหญมาก ทำใหงอตัวยากมาก เวลานั้นฉัน คิดถึงไกที่ถูกฆาแลว เอาขายัดใสไวในตัว คงจะคลายฉัน ในตอนนี้ นางพยาบาลคนหนึ่ง ปกเข็มที่กลางหลังฉันหนึ่ง เข็ม หลังจากนั้นทอนลางของฉัน ก็ไมรูสึกอีกเลย รูสึก หนักเหมือนทอนไม เขาเอาผากั้น ไมใหฉันมองเห็นชวง ลาง ฉันเห็นหมอเดินเขามา แลวไดยินเสียง ‘แกก’ เหมือนเอากรรไกรตัดอะไร แลวเอามือกดที่ทองฉันสองที แลวลูกก็ลื่นออกมา อีกสักครูไดยินเสียงเด็กรอง “วา วา” ดังลั่น และไดยินเสียงรองวา “โอ...เด็กผูชาย” ลูกฉันเกิดแลว ฉันก็หมดแรง ฉันเพลียมาก ไมรูวา นอนหลับไปกี่ชั่วโมง พอฉันตื่นขึ้นมา ฉันรูสึกตัวอยูอีก หองหนึ่ง ในหองมีสี่เตียง ฉันรูสึกในทองฉันโลงๆ หิวมาก ที่แทเมื่อวานนี้ทั้งวัน ยังไมมีอะไรลงถึงทองเลย พอดีเวลา นั้นเปนเวลาอาหารเชา ทางโรงพยาบาลไดจัดอาหารเชา เขามา ฉันไมสนใจวายังเจ็บแผลอยู ลุกขึ้นมานั่งที่เกาอี้ กินอาหารเชาอยางเอร็ดอรอย เพียงสิบหานาที กับขาว ตังซิน 79
สองอยาง แกงจืด นม และผลไม ลงทองฉันหมด ไมมี เหลือสักอยาง ทองก็ยังรูสึกโลงๆ อยูดี ตอนนั้นคิดวา ถา สงหมูหันมาสัก 1 ตัว ฉันก็คงกินหมด หลังกินขาวเชาเสร็จ ฉันขอรองใหนางพยาบาลอุม ลูกมาใหฉันดู นางพยาบาลอุมมาใหตามคำขอ ฉันยื่นมือ รับลูกเขามา พอดูหนาลูกครั้งแรก ฉันตกใจมาก ทองฉัน ออกจะใหญ ทำไมคลอดออกมาแลวตัวเล็กแคนี้เอง น้ำ หนักแค 2,800 กรัม หนาตาก็ดูแปลกๆ หนาเล็กนิดเดียว ตาคิ้วจมูกปาก ทำไมมาเบียดอยูดวยกัน ตาก็เล็ก เห็น เปนเหมือนเสนดายสั้นๆ จมูกแบน แทบมองไมเห็นดั้ง ผิวหนังทั้งตัวยน เหมือนคนแก ไมเห็นนารักเลย ผิดกับ ภาพที่ฉันคิดไวในใจ ราวกับฟากับดิน ฉันคิดวาลูกออกมา จะตองนารักเหมือนตุกตา ฉันผิดหวัง ฉันไมคิดเลยวา ลูก ที่ฉันเกือบตองใชชีวิตเขาไปแลก ที่แทก็เปนลูกเปดขี้เหร เชนนี้ ฉันคิดวา คุณปูเปนคนหนาตาดี คุณยาเคยเปนสาว งามที่หนึ่งในอำเภอเมื่อยังสาว ฉันกับสามีก็หนาตาไมเลว ทำไมเกิดลูกเปดตัวนี้ขึ้นมาได? ฉันถามนางพยาบาล “คุณอุมมาผิดหรือเปลา” “เปนไปไมได พอเด็กเกิด ตอนอยูในหองคลอด พวกเราก็เอาชื่อคุณผูกไวกับขอเทาเด็กแลว (มือเด็กเล็ก 80 เรื่องเลาของแม
เกินไป ผูกไมได) ไมมีทางที่จะอุมผิด” อีกสักครู อามา อาโกว และสามีก็เขามาเยี่ยมฉัน พอทุกคนไดยินวาไดลูกชายก็พากันดีใจใหญ “ขอบคุณฟาดิน ฉันเห็นเธอเขาโรงพยาบาลทั้งวัน ยังไมคลอด ฉันอยูบานไหวพระไหวเจา ขอใหเธอแมลูก ปลอดภัย” อามาบอก หลังจากนั้น 1 อาทิตย ฉันแข็งแรงดีแลว พาลูก กลับบาน มีเพื่อนบานหลายคนพากันมาเยี่ยม แตไมมีใคร ชมวาลูกฉันนารักเลยสักคน อยางไรก็ตามจะเปนลูกเปดหรือลูกไก ก็เปนลูกของ ฉัน ไมนารัก ฉันก็ตองรัก เพราะฉันเปนแม ความผิดหวัง เปนเพียงชวงเวลาครูหนึ่ง ฉันขออยางเดียววา ใหลูกฉันโต เปนเด็กแข็งแรงคนหนึ่ง ฉันเห็นหนาลูกทั้งกลมทั้งแดง เหมือนลูกแอปเปล ฉันจึงตั้งชื่อเลนเปนชื่อ ‘แอปเปล’ และชื่อจริงคือ สมบูรณ เพราะอยากใหเขาเติบโตขึ้นมา อยางสมบูรณทสี่ ดุ ไมวา จะรางกาย การศึกษา และเงินทอง ขอสำคัญ ฉันหวังอยางยิ่งวาลูกฉันจะตองจิตใจสมบูรณ คือจิตใจดี และมีคุณธรรม ลูกเปลถึงแมวาหนาตาไมคอยนารัก แตก็เปนเด็ก แข็งแรง ฉันเพิ่งเปนแมครั้งแรก จึงยังไมมีประสบการณ ตังซิน 81
ฉันเพิ่งอายุ 23 ป ยังแข็งแรง เวลาปอนนมลูก แรงดูดนม ของลูกแรงมาก เวลาลูกดูดนม นมก็จะพุงออกมาเหมือน น้ำพุ บางครั้งลูกดูดไมทัน ปลอยหัวนมออกจากปาก น้ำนมก็จะพน เขา เต็มหนา ลูก บางทีก็สำลัก ลูกเลย ไม ยอมดูดนมอีก ฉันก็เขาใจวาลูกอิ่มแลว แตจริงๆ แลว ยังไมอิ่ม ฉันไมรูวานมแมเอาใสขวดใหลูกดูดได นมแมจึง ไหลทิ้งไปมากอยางนาเสียดาย ลูกกินไมอิ่มและทองเสีย บอย ถายวันละหลายครั้ง ฉันพาลูกไปหาหมอ หมอบอก วามันเปนเรื่องปกติของเด็กแรกเกิด ฉันไมรูเรื่องอะไรเลย เกี่ยวกับการเลี้ยงลูก ลูกเปดของฉันเลี้ยงมาไดสี่เดือน ก็ ยังตัวเล็กอยู เห็นลูกของคนอื่นๆ อายุเทากัน ตัวอวน ตุยนุย ฉันไมสบาบใจเลย หลังจากสี่เดือนแลว หมอแนะนำใหเอาไขแดงผสม โจกใหลูกกิน ฉันใหลูกกินโจกใสไขแดงวันละมื้อ และยัง ใหกินนมแมตอไป นมไมไหลแรงแลว ลูกฉันคอยๆ มีเนื้อ มีหนังขึ้นมาบาง และไมตองไปหาหมอแลว ลูกเปลเปนเด็กฉลาด พออายุได 5 ขวบ ฉันสงลูก ไปเขาโรงเรียน ‘กุยหัวลง’ (โรงเรียนอนุบาลสมบัติดรุณ) ที่อยูใกลบานฉัน เวลาลูกเขาแถว ฉันเห็นวาลูกฉันก็ไมได ดูแปลกแตกตางจากลูกคนอื่นอีกเลย ลูกเปลมีนิสัยใจเย็น สุขุม เปนพี่ใหญในบรรดาพี่ 82 เรื่องเลาของแม
นอง 5 คน เขารักนองๆ และไมเคยชกตอยกับเด็กคนอื่น การเรียนพอใช คะแนนอยูในระดับกลางๆ ไมเคยสอบตก อายุ 7 ขวบ เขาเรียนที่โรงเรียนโรจนปญญา เรียนภาษา จีนดวย มัธยมยายไปเรียนที่โรงเรียนศึกษาวัฒนา พอจบ มัธยมปลาย ฉันใหไปสอบเขาโรงเรียนพาณิชย เปลสอบ เขาไดสองแหง คือที่โรงเรียนกิตติพาณิชยของอัสสัมชัญ และโรงเรียนพาณิชยพระนคร เปลเขาคิดวาเขายังมีนองๆ อีกหลายคนทีต่ อ งเรียน จึงเลือกทีจ่ ะเรียนทีพ่ าณิชยพระนคร ซึง่ เปนของรัฐบาล เพราะคาใชจา ยของคาเลาเรียนถูกกวา ชวงเวลาที่เปลเรียนอยูที่พาณิชยพระนคร ฉันให คาใชจายวันละ 20 บาท ซึ่งรวมทั้งคาอาหารกลางวันและ คารถ ดูเหมือนจะไมคอยพอ แตฉันยังมีลูกอีกหลายคน ตองประหยัด แตเปลก็ไมไดวาอะไร หลังจากนั้น อาโกวไดแตงงาน และจะไปฮันนีมูนที่ ฮองกง เขาขอรองใหอาโกวชวยซื้อกลองถายรูปใหเขา วัน หนึ่งอาโกวไดซื้อกลองแคนนอนมาใหเขา 1 ตัว ทีแรก ตกลงวาใหผอนสงคากลอง แตอาโกวรักหลานมาก และ เห็นวาครอบครัวของเราขัดสนอยู เลยไดยกกลองใหฟรีๆ เขาดีใจมาก เขาใชกลองตัวนี้รับถายรูปใหกับอาจารยและ เพื่อนนักเรียน พอไดกำไรเปนคาขนมไดบา ง ตั้งแตนั้นมา ลูกเปลก็ผูกพันกับกลองมาตลอด หลัง ตังซิน 83
จากที่เรียนจบสาขานิเทศ ปวส. ที่พาณิชยพระนคร โชคดี ไดเขาไปทำงานที่บริษัทสยามสตูดิโอ เปนผูชวยกลอง ซึ่ง เปนอาชีพที่ถูกใจเขามาก ดวยความมุมานะ ศึกษาเรียน รูดวยตนเองอยางไมยอทอ จากผูชวยกลองมือสอง เปน ผูชวยกลองมือหนึ่ง กวาไดเปนตากลองมือหนึ่ง กินเวลา กวา 10 ป และเปลไดยึดอาชีพเปนตากลองภาพยนต กอรางสรางตัว สรางชื่อเสียง และไดรับรางวัลมากมาย เปนที่ยอมรับทั้งในและตางประเทศ จนถึงทุกวันนี้...
84 เรื่องเลาของแม
เปลกับภัค ลูกชายคนแรกและคนที่สอง
86 เรื่องเลาของแม
อุบัติเหตุ
“แยแลว แยแลว เปล เขาถูกรถชน” เชาวันหนึ่งในป พ.ศ. 2515 เวลาประมาณ 8 โมง เชา มีเด็กขางบานคนหนึ่ง วิ่งมาบอกขาวนี้อยางหนาตา ตื่นตระหนกตกใจ และเหนื่อยหอบ ฉันกำลังซักผาอยูหลังบาน หัวใจฉันหลนวูบ ฉันรีบลุกขึ้นมาแลววิ่งตามเด็กคนนี้ออกไปนอกบาน วิ่งออกจากซอยเจาคุณเทเวศนอยางรวดเร็ว มองไปทาง ซาย เห็นรถแท็กซี่จอดอยูที่ขางถนน และมีจักรยานคัน เล็กๆ ลมอยูขางๆ มีคนมุงดูอยูหลายคน ไดยินคนพูดวา ใหรีบนำเด็กสงโรงพยาบาล ฉันรีบแหวกฝูงคนเขาไปดู เปนลูกเปลจริงๆ คนขับแท็กซี่กำลังอุมลูกฉันเขาไปในรถ ตังซิน 87
แท็กซี่ ฉันรีบบอกเขาวา นี่เปนลูกฉันเอง วาแลวฉันก็นั่ง เขาไปในรถแท็กซี่ “โธ แกขับรถอยางไรนี่” ฉันตกใจมาก ตอวาคนขับรถ “ลูกเจ็บที่ไหน” ฉันกอดลูกอยูแลวถาม “ที่นี่ครับ” ลูกเอามือคลำศีรษะดานหลังแลวพูด “แมบอกกี่ครั้งแลววา ขี่รถจักรยาน หามขี่ออกไป ถนนใหญ ทำไมลูกไมเชื่อฟง” ฉันวาลูกแลว เอามือคลำแขนขาลูก แลวถามวา “เจ็บมั้ย...ลูก” ลูกสั่นหัว แตฉันเห็นขอพับตรงแขนขวามีรอยถลอก อยูหนอย “แกชนลูกฉันยังไงนี่” ฉันหันไปสอบสวนคนขับรถ “ผมขับรถมา เห็นเด็กขี่จักรยานออกจากซอย ผมก็ รีบเบรค แตไมทัน แตผมแคเฉี่ยวถูกจักรยาน ผมไมไดชน ถูกตัวเด็ก” คนขับพยายามอธิบาย “ลูกบอกวายังเจ็บศีรษะอยู แกยังบอกไมไดชน” 88 เรื่องเลาของแม
ฉันไมเชื่อคำพูดของคนขับรถ ฉันสังเกตุเห็น ตรงศีรษะลูกที่ลูกเอามือคลำ มี ซาลาเปาลูกหนึ่งผุดขึ้นมา ฉันไมสบายใจเลย แตเห็นลูก ยังคุยไดอยู ไมไดหมดสติ และไมมีตรงไหนเลือดออก และคนขับรถก็ไมไดหนี ฉันเลยไมไดตอวาคนขับรถอีก รถแลนตรงไปที่โรงพยาบาลกลาง ฉันรีบออกจาก รถ บอกพนักงานของโรงพยาบาลวา ลูกฉันถูกรถชน พวกเขารีบเอาเปลมารับลูกฉันเขาแผนกฉุกเฉิน ฉันกลัว คนขับรถแท็กซี่จะหนี จึงขอกระดาษกับปากกามาจด ทะเบียนรถ และชื่อคนขับรถ ระหวางที่ลูกอยูหองฉุกเฉิน ฉันขอทางโรงพยาบาล โทรศัพทกลับไปที่บานรายงาน เวลานี้ฉันถึงรูตัววา ฉันยัง ใสชุดนอน และไมไดใสรองเทามาดวย สักพักหนึ่งอาโกว รีบรุดมาที่โรงพยาบาล และเอารองเทามาใหฉัน คุณหมอถายเอ็กซเรยที่ศีรษะของลูก แลวพูดวา “ดูตามอาการแลว ลูกคุณปลอดภัย คงไมมีปญหา อะไร คุณพาลูกกลับบานได ถามีอาการอาเจียน ก็ใหรีบ มาพบแพทย” “แลวซาลาเปาที่หัวละ?” ฉันถามดวยความเปนหวง “มันจะคอยๆ หายไปเอง” คุณหมอตอบ “จะเปนเลือดตกในหรือเปลา” ฉันยังไมไวใจ ตังซิน 89
“คิดวาไมเปน” คุณหมอตอบอยางใจเย็น ฉันกลุมใจจะตายอยูแลว แตคุณหมอตอบคำถาม ไดอยางสบายๆ และใจเย็น คุณหมอใหยาแกปวดนิดหนอย แลวใหเรากลับบาน คาเอ็กซเรย 100 บาท ฉันใหคนขับ รถจาย “คุณนาย ผมเพิ่งออกรถมา ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค 20 บาท” โธ...ชางโชครายอะไรอยางนี้ ฉันเห็นเขาหนาตาซีด เผือด คงจะกลัวมาก เลยเกิดนึกสงสารขึ้นมา และคิดวา เขาก็ไมไดตั้งใจ แลวไมไดขับรถหนี ฉันจึงพูดกับเขาวา “ทีหลังขับรถ ตองระมัดระวังใหดี” ฉันพูดแลวก็ปลอยเขากลับไป เขาขอบคุณแลว ขอบคุณอีก ฉันกับอาโกวไดพาลูกเปลกลับบาน พอกลับมาถึง บานสักพักหนึง่ เพือ่ นบานก็เขามาเยีย่ มกันใหญ แปลกมาก เมื่อครูนี้ซาลาเปาที่หัวของลูกขนาดเทาลูกปงปอง ทำไม ตอนนี้โตเทาถวยกาแฟไปแลว ในใจฉันเปนกังวลมาก พอถึงตอนบาย ฉันยิ่งคิดยิ่งกลุม พอเขาก็ไมอยู ไป ตางจังหวัด ฉันจึงตัดสินใจโทรศัพท หาเพื่อนสนิทชื่อ ‘คุณวิทย’ ตกเย็น คุณวิทยมาเยี่ยม เขาเห็นซาลาเปาบน ศีรษะของลูกชาย และตอนนั้นลูกเปลก็มีอาการอาเจียน 90 เรื่องเลาของแม
และมีไขขึ้นสูง คุณวิทยบอกวา “เธอควรเอาลูกเขาโรงพยาบาล เพราะเมื่อกอนนี้ คนขับรถคนหนึ่งของผมหัวฟาดพื้น แลวก็อาเจียนเหมือน กัน สุดทายก็เสียชีวิต” คุณวิทยเลา ฉันฟงแลวตกใจ กลัวมาก ฉันรีบพาลูกไปโรงพยาบาลอีกครัง้ แตเห็นวาคุณหมอ ที่โรงพยาบาลกลางดูเหมือนไมคอยใสใจ จึงตัดสินใจพา ลูกมาที่โรงพยาบาลเปาโล เมื่อมาถึงโรงพยาบาลเปาโล ทางโรงพยาบาลใหเรา ลงทะเบียนกอน และตามกฎจะตองวางเงินมัดจำสองพัน บาท ฉันมีแคหารอยบาท โชคดีที่คุณวิทยชวยฉันจายกอน สองพันบาท ลูกถูกสงไปเอ็ซเรยอีกครั้ง พอฉันเห็นฟลม ฉันก็ตกใจ เพราะเห็นศีรษะกลมของลูกยุบเขาไป ทำไม ตอนเชาคุณหมอบอกวาไมเปนไรก็ไมรู ฉันบอกกับ พยาบาลวา ฉันตองการหมอที่เกี่ยวกับทางประสาทมา รักษาใหลูกฉัน แตทางโรงพยาบาลใหน้ำเกลือกับลูกกอน และบอกฉันวา หมอใหญที่เกี่ยวกับทางประสาท ไปผาตัด ที่ตางจังหวัด ตองเปนวันจันทรถึงจะไดพบ โธเอย... วันนี้ เพิ่งเปนวันเสาร กวาจะรอถึงวันจันทร ถาลูกฉันเปนอะไร ไประหวางที่รอหมอ แลวฉันจะทำอยางไรดี ฉันรอนใจ เหมือนมดที่อยูในหมอรอนๆ ตังซิน 91
วันรุงขึ้น ไขของลูกลดลง และไมอาเจียนแลว ซาลาเปาบนศีรษะ ก็เล็กลงหนอย แตหนาตาบวมไปหมด ฉันถามหมอประจำวา ทำไมเปนแบบนี้ คุณหมอบอกวา อีกไมนานอาการบวมจะคอยๆ ลดนอยลง โชคดี วันจันทรแลว คุณหมอใหญมาตรวจใหลูก คุณหมอดูฟล ม เอ็กซเรย และดูตาของลูก ถามวาลูกอาเจียน อีกมั้ย ฉันบอกไปวา อาเจียนวันแรก คุณหมอบอกวา ดู ตามอาการแลว เวลานี้ไมมีปญหา แตเนื่องจากสมองถูก กระทบกระเทือน บางทีอาจมีอาการความจำเสื่อม หรือ พูดจาไมชัด ตองรอดูอาการอีกระยะหนึ่ง วันอังคาร ลูกไมตองใหน้ำเกลือแลว หนาตาแจมใส ขึ้น ลูกถามวาเมื่อไรจะไดกลับบาน ลูกอยากไปโรงเรียน ตอนนั้นลูกอายุ 10 ขวบ เรียนอยูชั้นประถม 3 ฉันอยูโรงพยาบาลดูแลลูก จิตใจรอนรนมาก ใจ หนึ่งกลัววาลูกจะมีอาการที่แยลง อีกใจหนึ่งก็หวงทางบาน เขายังมีนองอีก 3 คน อามาอายุมากแลว อาโกวตองไป ทำงาน พอก็ไมอยูบานอีก คงจะยุงนาดู ฉันถามคุณหมอ วายังมีคลีนิกอยูที่อื่นหรือเปลา หมอบอกวา มีอยูที่ สะพานมอญแหงหนึ่ง โอ...สะพานมอญ อยูใกลบานฉัน ฉันจึงขอรองคุณหมอใหอนุญาติพาลูกกลับไปดูอาการที่ บาน หมอบอกวา ตองพาลูกมาตรวจอาการทุกระยะ 92 เรื่องเลาของแม
พอคิดคาใชจายที่โรงพยาบาล รวมทั้งสิ้นสี่พันสอง รอยบาท ตอนนั้นเงินแปดรอยบาทซื้อทองไดหนัก 1 บาท แตชางเถอะ ถือวาเสียเงินฟาดเคราะห ขอใหเพียงแคลูก ฉันปลอดภัย ฉันก็ตองขอขอบคุณพระเจาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลายที่ชวยคุมครองลูกฉันไว...
ตังซิน 93
เปล ตอนอายุ 5 ขวบ
94 เรื่องเลาของแม
ลูกชายจะแตงงาน
“แมครับ! ผมจะแตงงาน” วันหนึ่งเปล ลูกชายคนโตมาบอกกับฉันอยางไมมีป ไมมีขลุย ฉันตกใจมาก “อะไรนะ! ลูกจะแตงงาน” ฉันย้ำถามลูก “ครับ” ลูกยืนยัน ความจริงแลว ลูกชายจะแตงงานเปนเรื่องมงคล นายินดี แต ณ เวลาขณะนั้นเขาอายุเพียง 24 ป นี่ก็ไมใช ปญหา ปญหาใหญที่แทจริงก็คือ เวลานั้นพวกเรายังจน พอตกงาน ฉันตองไปทำงานที่โรงงานไกลบาน และเปล เพิ่งจะทำงานไดเพียง 2 ป เงินเดือนยังไมถึงหมื่น จะรับ ผิดชอบครอบครัวไดอยางไร ตังซิน 95
“ไมได ยังไมถึงเวลา” ฉันไมเห็นดวย “แตเจานายผมบอกวาจะชวยเปนเจาภาพให” ลูกพยายามโนมนาวใจ “ยิ่งไมไดใหญ ทำไม แกไมมีพอแมหรือยังไง ทำไมตองรบกวนเจานาย” ฉันโตกลับ “เพราะวาเจานายเห็นเราสองคนไมไหนมาไหนดวย กัน จึงบอกใหควรรีบแตงงาน” ‘หรือวาพวกเขาชิงสุกกอนหาม’ ฉันนึกในใจ “ผูหญิงคนนั้นคือใคร ไวพามาใหแมรจู ักกอน คอย วากัน” ฉันฝนใจพูด “ดี ผมจะพาเขามาพบแม วันอาทิตยนี้” วันอาทิตยตอนเชา ลูกพาสาวคนหนึ่งมาที่บาน ฉัน เห็นสาวคนหนึ่ง รูปรางปานกลาง ไมอวน ไมผอม ไวผม สั้น เดินเขามา เธอยกมือไหวฉัน และเรียกฉัน ‘คุณแม’ ฉันก็รับไหว “หนูชื่ออะไร” พอเขานั่งลงแลว ฉันถาม “อูคะ” เขาตอบสั้นๆ ฉันเริ่มสังเกตุ หนากลม ตาโต พูดเสียงดัง ดูไมใช คนออนแอ “ปนี้อายุเทาไร” ฉันถามอีก “24 ปคะ” ปเดียวกับลูกฉัน 96 เรื่องเลาของแม
“พวกเธอจะแตงงานกันหรือ” ฉันถามย้ำ “คะ” เสียงดูมั่นใจ “ความจริง พวกเธอจะแตงงานกัน ฉันควรจะดีใจ ถึงจะถูก แตพูดตามตรง ที่ฉันเปนหวงคือสภาพการเงิน ของครอบครัวเราไมสูดี ที่อยูไมมีปญหา การกินก็เรียบ งาย เพราะฉันสงลูกเรียนหนังสือ 5 คน จนทุกวันนี้ไมมี เงินเหลือเก็บ สวนเธอสองคน ลำพังเงินเดือนรวมกันแลว ยังไมถึงหมื่นหาดี กลัววาถาพวกเธอแตงงานกันแลว ถา เกิดมีลูก ชีวิตจะลำบาก ขอใหไตรตรองใหดี ความหมาย ของแมคือ ไมไดคัดคานที่พวกหนูรักกัน เพียงแตใหแตง ชาไปอีกสักสองป” “ไมเปนไรคะ แตงแลวคอยมาลุยกัน” อูตอบอยาง มั่นใจ ฉันไดยินคำนี้ รูสึกวาเด็กคนนี้ พูดจากลาหาญดี ฉันจึงพูดวา “เอาเถอะ อีกสองวัน ฉันจะไปปรึกษากับพอแมของ เธอ” วันอาทิตยตอมา ฉันชวนอาโกว และอาเตี๋ยไปบาน ของอู โดยมีลูกชายขับรถไป ไปขอสาวตามประเพณีจีน ตองเอาสมไปดวย ซึ่งมีความหมายที่เปนมงคล เปลขับรถ พาพวกเราไปที่จังหวัดนนทบุรี ซอยเรวดี บานของอูเปน ตังซิน 97
บานไมสองชั้น มีบริเวณ ดูเหมือนพอแมเปนคนไทย แต พอเขาบอกวา ปูของเขามีเชื้อสายจีน แซเฉิน ที่แทอูก็เปน หลานคนจีน บานเกิดของเขาอยูที่พิษณุโลก คุณพอรับ ราชการเปนทหารเรือ คุณแมขายขาวแกง มีพี่นองทั้งหมด 4 คน อูเปนลูกสาวคนโต มีนองสาว และนองชายสองคน “คุณพอ คุณแม ลูกของเราทั้งสองรักกัน และบอก วาจะแตงงานกัน ฉันจึงอยากจะมาขอใหคุณพอ และคุณ แมอนุญาติยกลูกสาวใหฉันเปนสะใภคะ” พอฉันนั่งลง เลยพูดตรงๆ “ดีครับ ดีครับ” คุณพอตอบรับ “ตามความเห็นดิฉัน ใหพวกเขาไปเที่ยวฮันนีมูนได มั้ยคะ อยากใหการแตงงาน ดำเนินการใหงายที่สุด” ฉันออกความเห็น “เออ...แตฉันคิดวาจะจัดการตามประเพณีดีกวา ฉันอยากจัดเลี้ยง เพราะวาอูเปนลูกสาวคนโต ฉันอยาก เลี้ยงญาติพี่นอง” แมของอูไมเห็นดวยกับฉัน “จริงๆ แลว ฉันสงเสียลูก 5 คน ใจจริงอยากให พวกเขาแตงกันชาลงสักสองป แตพอพวกเขาอยากแตง ตอนนี้ เลยตองใชวิธีประหยัด แตในเมื่อคุณนายอยากจัด งาน ก็ไดคะ นอกจากเลี้ยงแขก ทางนี้ยังตองการอะไรอีก 98 เรื่องเลาของแม
บางคะ” ทางเขาไมไดขออะไรมากมาย นอกจากจัดเลี้ยง แขกแลว ก็ขอทองเสนหนึ่ง... แมเขาพูด ขอเพียงทองเสนหนึ่ง ไมมีปญหา และแมอูก็ไมได บอกวาทองเสนหนึ่งตองหนักเทาไร “ไมมีปญหา ตกลง คาของขวัญ ฉันจะใหลูกทั้ง สองใชในการจัดงานเลี้ยงก็แลวกัน” “ฝายเราก็เหมือนกัน” พอเขาตอบ แตงสะใภคนนี้ ฉันแคใชคาสินสอดเพียงสองหมื่นสี่ พันบาท สรอยทองสองบาท 1 เสน จี้รูปหัวใจสองสลึง ตางหูรูปหัวใจอีกหนึ่งคู และแหวนเพชรสามสิบสตางค 1 วง ซึ่งคุณอาไดใหเปนของขวัญ ใครๆ มักจะพูดวา ในโลกนี้ไมมีเจาสาวที่ไมสวย คำพูดนี้ทาจะจริง วันที่อูเปนเจาสาว แตงตัวขึ้นมาแลว สวยมาก แตงเขาบานแลว บาวสาวทั้งคูไหวเจา แลวก็พา กันขึ้นไปบนหองกอน พอสายหนอย พวกเพื่อนบานจะมา ขอดูเจาสาว ฉันพาขึ้นไปดูบนหอง ฉันตกใจ เจาสาวได ถอดชุดเจาสาวออกแลว แถมซ้ำยังลางหนาออก กลาย เปนคนปกติ ยังมาวาฉันไมไดบอกใหใสชุดเจาสาวไวกอน ประเพณีจีนเขาไมรู ก็เลยกลายเปนเรื่องตลกไป หลังจากแตงงาน พวกเขาก็ยังทำงานอยูที่ สยาม ตังซิน 99
สตูดโิ อ ตอ จากนั้นอีก 5 ป พวกเขาไดใหกำเนิดลูกชาย คนหนึ่งชื่อ ‘จีน’ สมาชิกครอบครัวเพิ่มขึ้น และมี ประสบการณทำงานมากขึน้ ป พ.ศ. 2534 เขาทั้งสองลาออกจากงาน กอตั้ง บริษทั ชางสิบหมู รับจางผลิตหนังโฆษณา เริม่ ดวยพนักงาน เพียง 4 คน ฉันยังเปนหวงอยูวา จะรับงานถายไดเดือน ละถึง 2 เรื่องหรือเปลา แตดวยความหมั่นเพียรพยายาม บริษัทคอยๆ เติบโตขึ้น ชวงแรก ชางสิบหมู เชาบานที่ทองหลอ หลังจาก นั้นอีกสามป เขาทั้งสองไดยายบริษัท ไปสรางขึ้นอยูแถว ทาวนอินทาวน พนักงานจาก 4-5 คน คอยเพิ่มเปน 20 คน อยูในวงการโฆษณา ชางสิบหมูถือวา พอมีชื่อเสียง ป พ.ศ. 2547 เปลไดกอตั้งบริษัท ไลทเฮาส ขึ้นที่ นวลจันทรอีก ซึ่งไดรับความสนับสนุนจากเพื่อนๆ ใน วงการเดียวกันหลายคน ทั้งสองคนปนี้อายุ 40 กวาแลว ลูกชายก็อายุ 14 ขวบแลว มีบานของตัวเอง สรางอยูแถวพัฒนาการ ฉัน ดีใจที่สุดที่ทั้งสองยังรักกันยาวนาน และรวมแรงรวมใจ ทำใหกิจการเจริญรุงเรือง โชคดีที่สมัยกอน ฉันไมได คัดคานเขาทั้งสองแตงงานกัน ตลอดเวลาที่ผานมา เปลทำงานดวยความอดทน 100 เรื่องเลาของแม
ขยัน และจิตใจซื่อสัตย มีคุณธรรม จึงเปนที่รักและนับถือ ของเพื่อนๆ และคนในวงการ การที่ไดมีชีวิต และกิจการ กาวหนาเชนทุกวันนี้ ก็เพราะวาเขาประพฤติดีมาตลอด ไมเอาเปรียบผูอื่น จิตใจมีธรรม รักเพื่อนฝูง พี่นอง และ เคารพพอแม เปนลูกกตัญู ถึงไดเจริญรุงเรืองมาจนทุก วันนี้
ตังซิน 101
ลูกสาวคนเล็ก ถายที่มหาวิทยาลัยศิลปากร
102 เรื่องเลาของแม
ลูกสาวฉันบา
ป พ.ศ. 2535 ลูกสาวของฉัน นองเจินลี่ อายุ 19 ป เรียนจบปวช. ที่ชางศิลป ก็ไปสอบเอ็นทรานซ หวังที่จะ เขาเรียนที่มหาวิทยาลัย ตั้งใจที่จะเรียนวิชาศิลปะ แตนา เสียดายลูกสอบไมติด และทำใหลูกเสียใจมาก ฉันบอก กับลูกวา คนเราตองมีความมุงมั่นและอดทน ลมแลวตอง ลุกขึ้น เพื่อตอสูตอไป คนที่สอบไมติดไมใชมีเพียงแตเรา คนเดียว หลังจากที่ฉันไดปลอบใจลูกแลว ลูกก็สบายใจ ขึ้น หลังจากนั้นเขาก็อยูบาน ขีดๆ เขียนๆ อานหนังสือ บาง หาเพื่อนคุยแกเหงาบาง พอ 1 ป ผานไป ลูกก็ไปสอบใหม แตคราวนีโ้ ชคดี เขาสอบติด เขาดีใจมาก แตสำหรับฉันแลว ฉันไมรูสึก ตังซิน 103
ตื่ น เต น สั ก เท า ไหร นั ก เพราะฉั น รู ว า การที่ จ ะเรี ย นที่ มหาวิทยาลัย ตองใชคาใชจายไมนอย และยังไมรูวาฉัน เองจะสงลูกเรียนไดหรือเปลา แตในเมื่อลูกสอบติด ฉันก็ ต อ งแสดงความดี ใ จกั บ ลู ก สาวด ว ย เขาสอบติ ด ได ที่ มหาวิทยาลัยศิลปากร ที่อยูติดกับสนามหลวง บานของ ฉันอยูที่บานหมอ จึงเดินทางไปมาไดสะดวก เวลานั้นพอ ของลูกๆ ตกงาน คาใชจายภายในบานจึงตองตกเปน ภาระของฉันผูซึ่งเปนแมแตเพียงผูเดียว แตโชคดีที่ลูกของ ฉัน 5 คน มี 3 คนที่เรียนจบ และไดงานทำแลว เหลือ เพียงเจินลี่ และนองชายของเขาเทานัน้ ทีย่ งั เรียนไมจบ จึง พอที่จะถูไถไปไดบาง เพราะทีท่ ำงานของฉัน ณ เวลานัน้ อยูส ขุ าภิบาล 1 ซึ่งไกลจากบานมาก ดังนั้น ฉันจึงตองออกจากบานแต เชา และก็กลับบานมืดดวย จึงไมคอยมีเวลาใหกับลูกๆ จึงใหแตเพียงคาใชจาย ไมมีเวลาที่จะถามเรื่องการเรียน ของลูก ไดแตคิดวาลูกของเราอายุ 19 ปแลว นาจะ จัดการกับตัวเองได ชวงที่ฉันออกจากบาน เขาก็ยังไมตื่น พอเลิกงานกลับมา สวนใหญก็จะเห็นเขาวาดเขียนอยูบน โตะไม ดูเหมือนวาตั้งใจเรียนมาก อยูมาวันหนึ่งฉันกำลัง ทำงานอยูที่โรงงาน ไดรับโทรศัพทจากลูกชายคนเล็กของ ฉันที่โทรมาจากบานบอกวา 104 เรื่องเลาของแม
“แม...แมรีบกลับมาบานมาเร็วๆ เจลี่ไมรูเปนอะไร ขวางปาขาวของในบานใหญเลย” เขาพูดไปรองไหไป ดูเหมือนลูกชายฉันตกใจมาก ฉันจึงรีบลางานกลับบานทันที เพราะวาที่ทำงานอยูไกล ถึ ง สุ ข าภิ บ าล 1 ห า งจากบ า นฉั น ประมาณ 30 กม. ระหวางกำลังเดินทาง ฉันใจคอไมดี ฉันคิดวา “แยแลว! ลูกของฉันเรียนหนักเกิน จนเปนบาแลว” พอกลับไปถึงบาน ฉันเห็นเขานั่งอยูตรงบันไดบาน ชั้นบนสุด ในมือถือกระปองเครื่องดื่ม พอเปดกระปอง ดื่มน้ำได 1 คำ แลวก็ขวางลงมา เปดแลวเปดอีก น้ำ กระจัดกระจายเต็มพื้นบานไปหมด “ดื่มซิ ดื่มซิ ทุกคนดื่มเลย ฉันเลี้ยงเอง” เขารองเสียงดัง “ลูก! เธอเปนอะไร ลงมาขางลางเร็วเขา” ฉันเดินขึ้นไปเรียกเขาลงมา แลวเขาตอบฉันวา “ฮาๆ เธอมาดื่มกับฉันไหม มา มา ฉันเลี้ยงเอง” ฟงเขาพูดเหมือนกับวาในบานมีแขกมาอยูหลายคน แทจริงแลวมีเพียง ฉัน เขา และลูกชายคนเล็กเทานั้น และดูเหมือนวาเขาจะจำฉันไมไดดวย ฉันตกใจมาก ฉัน เช็ดพื้นไปดวยน้ำตาที่ไหลพราก คนที่ขายของชำที่ปาก ซอยบานฉัน วิ่งมาบอกฉันวาเมื่อกลางวันนี้ เขาไดไปซื้อ ตังซิน 105
โคก 1 โหล และขาวมันไก 10 หอ เขาหลงนึกไปวา จะ นำมาเลี้ยงแขก และไดบอกวาของทั้งหมดยังไมไดจายเงิน ฉันจึงจายใหกับเขาไป “เจาแมเฮงหลุย อาจารยโตโนมิ สุวรรณา.....” ลูกสาวของฉันบน เพื่อนบานคนหนึ่งไดยินขาว เขา มาหาฉันที่บาน แลวบอกวา “ดูเหมือนลูกสาวของคุณจะถูกของ จะใหไปหาพระ รดน้ำมนตไหม” ฉันเองก็ไมเคยเจอเหตุการณแบบนี้ ตกใจจนมือไม สั่น ไมรูวาจะทำอยางไรดี พอเขาแนะนำมา ก็เลยฟงเขา ไวกอน คืนนั้นที่บานดูวุนวายกันทั้งบาน เพราะเดี๋ยวเขาก็ หัวเราะ เดี๋ยวก็รองไห บนทั้งคืน ทำใหทุกคนในบานไม ไดหลับนอนกันเลย วันรุงขึ้นเพื่อนบานไดพาพวกเราไปที่บางกระบือ ไป หาหลวงพอองคหนึ่ง คนไปที่นั้นหลายคน และเราจะ ตองเขาคิวดวย หลวงพอไดเปากระหมอม สวดมนต และ รดน้ำมนตใหกับเจินลี่ลูกสาวของฉัน พอกลับมาถึงบาน ในบานก็เต็มไปดวยญาติมิตรที่อยูใกลบาน เขาไดยินขาว ตางก็พามาเยี่ยม และปลอบใจ ฉันเองก็ไดแตยิ้ม และดู เหมือนเขาจะใจเย็นกวาเหมือนวาน รุงขึ้นอีกวันหนึ่ง ฉันไดไปทำงานตามปกติ ฉันออก 106 เรื่องเลาของแม
จากบานแตเชา เขายังไมตื่น ประมาณ 10 นาฬกา ฉัน ไดรับโทรศัพทจากทางบานอีก คราวนี้เปนสามีของฉันที่ โทรมา “เธอยังไปทำงานอีกหรือ ลูกสาวของเธอไมสบาย ไม สนใจหรืออยางไร ตอนนี้เขาอยูบาน อาละวาดใหญแลว” ฉันจึงตองลางานกลับมาที่บานอีก ระหวางทางฉัน จิตใจวาวุนมาก น้ำตาไหล ในใจของฉันพูดบอกกับตัวเอง มาตลอดทาง ฉันคิดวา “ฉันชางอาภัพเหลือเกิน มีสามีก็ไมเอาการเอางาน ตอนนี้ยังตองเพิ่มลูกสาวบาอีก 1 คน ชาติกอนฉันคงสราง เวรสรางกรรมเอาไวมาก จึงตองมารับกรรมในชาตินี้” ทันใดนั้นในสมองของฉัน ก็นึกภาพไดภาพหนึ่ง ‘มีสาวบาหนาตามอมแมม นุงผาถุงขาดๆ เกาๆ เดี๋ยวดึงขึ้น เดี๋ยวก็ปลอยลง มาเดินอยูที่ขางๆ ถนน” เปนภาพที่ยังติดตาตอนเมื่อฉันยังเปนสาวๆ นึกแลว ฉันกลัวมาก กลัววาลูกสาวของฉันจะเปนอยางนั้น พอ ฉั น กลั บ มาถึ ง บ า น ฉั น เห็ น เขานั่ ง ร อ งไห อ ยู บ นพื้ น เนื่องจากเชานี้ เขาตื่นนอนขึ้นมาแลวเขาจะไปเรียน แต พอของเขาบอกวา เขาไมสบายอยู ยังไปไมได กลัววาจะ ไปกอเหตุทมี่ หาวิทยาลัยอีก จึงล็อคประตูไมใหไป เขาเลย ตีโพยตีพาย ขวางปาขาวของอีก กระจุยกระจายเต็มบาน ตังซิน 107
ฉันคิดวาควรที่จะพาเขาไปหาหมอดีกวา แตเขาไม ยอมที่จะไป เขาบอกวา เขาไมไดปวย ทำไมตองไปหา หมอดวย สุดทายตองนั่งออนวอนเขาตั้งนาน เขาจึงยอม ไปหาหมอที่โรงพยาบาลสมเด็จเจาพระยา หมอถามถึง อาการของเขาแลวใหยา 2 อยาง หลังจากที่เขาทานยา แลวเขาก็งวงนอน หลับไปทั้งวัน พอตื่นแลว ก็ดื่มแตน้ำ ไมทานขาว บนพึมพำทั้งวัน ตอมาอาโกวไดบอกวา รูจัก กับหมอที่เกี่ยวกับโรคประสาทที่โรงพยาบาลจุฬาฯ เกง ใหลองพาไปหาหมอดู ฉันจึงพาไปหาหมอ หมอขอคุยกับ เขาโดยลำพัง หมอถามเขาวา “เธอแตงงานแลวหรือยัง” เขาก็พยักหนา “เธอมีลูกไหม” เขาก็พยักหนา “เธอติดยาหรือเปลา” เขาก็พยักหนาอีก คุณหมอถามกับอาโกวของฉันวา “หลานของเธอติดยา และมีลูกแลวดวยหรือ” ทำใหพวกเรางงกันมากเลย และคิดวาคุณหมอคุย กับคนประสาทมาก จนสติฟนเฟอนไปแลวกระมัง ระหวางที่เขาบนพึมพำ ฉันมักไดยินคำวา ‘เจาแม เฮงหลุย’ บอยๆ ฉันไมรูวา เจาแมเฮงหลุย คือองคอะไร ฉันจึงไปถามเพื่อนของเจินลี่คนหนึ่ง เพื่อนเขาเลาวา “เจาแมเฮงหลุยคือองคหญิงองคหนึ่ง ซึ่งเกิดกับพระ 108 เรื่องเลาของแม
สนมพระเจาแผนดินองครัชกาลที่ 5 องคหญิงอายุนอย และฉลาดมาก องคพระเจาแผนดินทรงโปรดปรานมาก แตเคราะหรา ย องคหญิงทรงเกิดอุบัติเหตุ ตกน้ำสิ้นพระชนม พระเจา แผนดินองครัชกาลที่ 5 ทรงเสียพระทัยมาก จึงทรงรับสั่ง ใหสรางศาลเล็กๆ ศาลหนึ่ง เพื่อระลึกถึงองคหญิง ซึ่งตั้ง อยูท มี่ หาวิทยาลัยศิลปากร พอถึงเวลาใกลสอบ พวกนักศึกษา ชอบไปบนบานเจาแมเฮงหลุย เพือ่ ทีจ่ ะขอพร ฉันเลยนึกวา “ไมแน...ลูกสาวเราอาจจะเขาไปลวงเกินเจาแมเฮงหลุย หรือเปลา ถึงไดบนถึงเจาแมบอยๆ” ดังนั้นฉันจึงไปไหวเจาแมเฮงหลุย และไดขอพรจาก เจาแมเฮงหลุยวา ขอลูกสาวของฉันนั้นหายจากโรคบาๆ บอๆ ดวยเถิด ฉันยินดีที่จะซื้อตะเกียงมาถวายเจาแม เพราะวาฉันเห็นวา ศาลของเจาไมมีตะเกียง หลังจากนั้น ไมนานฉันสังเกตุเห็นวา ลูกสาวของฉันอาการดีขึ้นนิด หนอย ฉันจึงไปซื้อตะเกียงมาอีก 1 อัน และเนื่องจากฉัน ตองไปทำงาน ฉันจึงสั่งใหลูกสาวของฉันไปซื้อน้ำมัน แต ฉันไมไดบอกหรอกวาใหซื้อน้ำมันอะไร และเขาก็ไมเคยรู ดวยวาจุดตะเกียงเขาตองใชน้ำมันพืชหรือน้ำมันถั่ว เขา เลยไปซื้อน้ำมันกาซ พอเขาไปจุดตะเกียงที่ศาลเจาแม ทันใดนั้นก็ไดยินเสียง บึม! 1 ที กอนที่ไฟจะลุกทวมขึ้นมา ตังซิน 109
เขาตกใจ และรองตะโกนวา “ชวยดวยๆ” โชคดี ทีม่ พี วกนักศึกษาอยูใ กลๆ จึงชวยกันดับไฟทัน ไมอยางนั้นลูกสาวฉัน อาจจะตองติดคุก ฐานวางเพลิง เผาโรงเรียน หลังจากกินยาของหมอที่โรงพยาบาลจุฬา ลูกก็เลิก บนพึมพำแลว แตเวลาที่เขาจะจับปากกา หรือถือตะเกียบ มือจะสั่นเหมือนเจาเขา เวลาเดินก็จะมือไมแข็ง เดิน เหมือนหุนยนต แตเขาก็ไปเรียนทุกวัน แตไมรูวา เขาเขา เรียนหรือเปลา เดี๋ยวก็วิ่งกลับมาที่บาน ประเดี๋ยวก็วิ่งไปที่ มหาวิทยาลัยอีก วันหนึ่งไปมาหลายรอบ ชวงนั้นเขาใช เงินเปลืองมาก ไมรูจักการประหยัดเงิน ให 50 บาทก็ หมด ให 100 บาทก็ไมเหลือ บางครั้งก็ซื้อของที่ไมเปน เรื่ อ งกลั บ มาบ า น แม ก ระทั้ ง สร อ ยคอทองคำหนั ก 50 สตางต จี้พระที่คอ ก็ถูกเขาหลอกเอาไป เขาจะบาๆ บอๆ ทั้งที่ยังเปนสาว ใหอยูแตในบานก็จะโวยวาย ไปขาง นอกก็จะพูดมาก เจอใครก็จะพูดเรื่อยเปอย ไมวาจะ เป น ทั้ ง ผู หญิงหรือผูชาย ฉันเปนหวงเขามาก ถาไปเจอ ผู ช ายที่ เ ลว ไม แ ย ห รื อ แต ฉั น ต อ งทำงานไม ส ามารถ ติดตามเขาไดตลอดเวลา ฉะนั้น พอเลิกงานกลับมาถึง บาน ถาเห็นเขาไมอยูบาน ฉันตองใหพี่สาวเขา ขับรถไป 110 เรื่องเลาของแม
ตามหาที่ศิลปากร บางครั้งก็หาไมเจอ ก็จะถามยามวา เห็นเขาไหม ยามบอกวา “คนที่เดินเปนหุนยนตหรือ เขาไปกับกลุมนักเรียน แลว” ถามวา ไปที่ไหน เขาบอกวาเวลานักเรียนเลิกเรียน มักชอบไปที่รานกาแฟกัน พอดีหันไปเห็นเขาเดินกับกลุม นักศึกษากำลังจะเรียกรถ ฉันจึงพาเขากลับ เขารูสึกเสีย หนามาก อาละวาดทุบรถพี่สาวเกือบบุบ ชวงที่ลูกสาว ปวย ฉันเปนแม รูสึกทรมานใจมาก ฉันเครียด นอนไม หลับบอย ฉันไมรูวาจะทำอยางไรถึงจะชวยลูกได ไดแต วิงวอนเจาแมกวนอิม ฉันบนวา ถาลูกสาวหายบา ฉันจะ กินเจมื้อเชาตลอดชีวิต ตอมาอีกไมนานก็มีเพื่อนบานที่ ใจดีคนหนึ่งมาบอกกับฉันวา “คุณตองพาลูกของคุณไปหาหมอที่ชื่อปราโมทย คุณ หมอคนนี้เกงมาก เขาเปนผูอำนวยการอยูที่โรงพยาบาล ประสาท แตเขามีคลีนิคสวนตัวอยูที่นางเลิ้ง นองสาวของ เขาก็เปนแบบนีเ้ หมือนกัน แตตอนนีห้ ายแลว คุณหมอคนนี้ เปนคนรักษา เวลานี้หายเปนปกติแลว” ฉันไดยินอยางนั้น ทำใหฉันดีใจมาก และขอบคุณ เพื่อนบานคนนี้ ถามถึงที่อยูของหมอคนนั้น และพอเชา วันรุงขึ้น ก็พาลูกสาวของฉันไปหาหมอปราโมทย ตังซิน 111
หลังจากที่ฉันไดคุยกับหมอแลว หมอบอกวา “ที่มือไมแข็ง และเดินตัวแข็งนั้น เพราะกินยาแรง เกินไป โรคของเขา ยังมีโอกาสที่จะหาย เพราะวาบน พึมพำยังรักษางายกวาซึมเศรา ไมพูดสักคำ ขอใหกินยา อยางตอเนื่อง รับรองวาหายได” หลังจากที่ทานยาของคุณหมอปราโมทยมาครึ่งป ก็ มือไมสั่น และเดินไมแข็งแลว ทุกๆ 2 อาทิตย ตองไปพบ คุณหมอ 1 ครั้ง ครั้งละ 500 บาท กินยาอยางตอเนื่องมา ประมาณ 1 ป ก็ยังมีอารมณฉุนเฉียว อยูมาวันหนึ่ง เพื่อนนักเรียนหลายคน มาหาลูกสาว ที่บาน แลวชวนเขาไปเที่ยวที่เกาะเสม็ด ทีแรกฉันไมให เขาไป เพราะเขายังตองกินยาอยู แตเพื่อนของเขาบอก วา ควรที่จะใหเขาไป เพื่อที่จะไดเปลี่ยนบรรยากาศ อาจ เปนประโยชนตอจิตใจเขาก็ได เรื่องที่ตองทานยา จะให เขาทานยาตามปกติ ฉันจึงปลอยเขาไป และกำชับวาพวก เขาตองดูแลใหดี พวกเขาบอกวาจะไปประมาณ 3 วัน แต พอวันที่ 4-5 ผานไป ก็ยังไมเห็นพวกเขากลับมา โทรศัพท ก็ไมโทรกลับมา ฝนฟาก็ตกอยูทุกวัน และพวกเขาตองนั่ง เรือขามทะเลไปที่เกาะเสม็ดดวย ฉันเปนหวงเขามาก ไมรูวาพวกเขาจะเกิดอุบัติเหตุหรือเปลา พอถึงวันที่ 7 พวกเขาก็กลับมาแลว เหมือนฉันยกกอนหินออกจากอก 112 เรื่องเลาของแม
ที่แทที่เกาะเสม็ด เกิดพายุคลื่นทะเลแรง ไมมีเรือกลับฝง การสื่อสารก็ขัดของ ทำใหโทรกลับมาไมได หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน เจินลี่ก็ไดรับจดหมาย ฉบับหนึ่งสงมาจากฝรั่งเศส จากชายหนุมฝรั่งเศสสงมา ที่แทตอนที่เขาไปเที่ยวที่เกาะเสม็ด ไดพบกับหนุมฝรั่งเศส ที่มาเที่ยวเมืองไทย เจอกันที่หองอาหาร แลวนั่งโตะใกล กัน มาชวนพวกเขาคุยถึงเรื่องเที่ยวเมืองไทย ชมวาเมือง ไทยนาเที่ยว คุยไปคุยมา ก็ขอที่อยูของสาวๆ ทั้ง 5 คน เจินลี่ถึงแมวาเขาจะบาๆ บอๆ แตเวลาเขียนที่อยูใหกับ ฝรั่งกลับเขียนถูก แตเวลาเขียนตอบกลับหาเขาดันตอบวา “ขอโทษฉันไมรูวาคุณคือใคร เพราะฉันเขียนที่อยูไป ใหตั้งหลายคน” อีกไมนานเขาก็ไดรบั จดหมายจากหนุม อีก และแนบ รูปถายมาให 1 ใบดวย และเขียนบอกวา “ฉันชื่อคริสเตียน มาเลียนิ คือ...ฉันอยากเปนเพื่อน กับคุณ” เขานำรูปถายมาใหฉันดู ฉันบอกเขาวา “เธอนี้มันบาจริงๆ เมืองไทยมีคนตั้งเยอะไมคบ ดัน ไปคบฝรั่ง” “แม! เราเปนเพนเฟรนดกัน แมรูจักรึเปลา” หลังจากนั้นพวกเขาก็เปนเพื่อนทางจดหมายกัน มี ตังซิน 113
จดหมายมาหากันบอยๆ ผานไป 1 ป อยูๆ เขาก็พาหนุมฝรั่งคนหนึ่ง ตัวสูง ผิวขาว ผมสีน้ำตาลแดง มาที่บาน ที่แท คริสเตียนบิน จากฝรั่งเศส มาเที่ยวคนเดียว และมาหาเจินลี่โดยเฉพาะ และชวงนั้นเปนชวงพฤษภาทมิฬ (ถามเคาหลังจากนั้น เค า บอกว า ได ยิ น ข า วว า มี เ รื่ อ งกั น ที่ เ มื อ งไทย และ มหาวิ ท ยาลั ย อยู ใ กล ส นามหลวง) เขาได ไ ปหากั น ที่ โรงเรียน และไดขอรองใหพามาที่บาน หลังจากที่เขากลับ ไปแลว ฉันก็ถามลูกสาวฉันวา “พาเขามาทำไม เขามาจีบเธอหรือ” เขาตอบวา “เปลาสักหนอย เปนแคเพื่อนกัน” หลังจากนั้นเขาก็กลับฝรั่งเศสไป ทีนี้มีจดหมายสง แบบถี่ใหญเลย แทบจะอาทิตยละฉบับ ทุกครั้งที่ลูกสาว ฉันกลับมาที่บาน มักจะถามวา มีจดหมายไหม 1 ปผานไป อยูๆ ลูกสาวฉันก็มาบอกวา “แม...พรุงนี้คริสเตียนจะมาเมืองไทย หนูตองไปรับ เขาไหม” ฉันตอบลูกไปวา “มาก็มาซิ มาตั้ง 2 ครั้งแลว ทำไมตองไปรับดวย” วันที่ 2 เขาก็บอกอีกวา “แม พวกเขาแมลูก ตอนนี้พักอยูที่โรงแรมมิรามา 114 เรื่องเลาของแม
2 วันแลว เอา! โรงแรมมิรามา อยูใกลบานเรา แคปายรถเมล เดียวเอง ไอหนุมนี้ชางเขาใจนะ หาโรงแรมใกลบานเรา ดวย ฉันคิดวา ในเมื่อเขาเปนเพื่อนกับลูกสาวเรา และยัง มีแมมาดวย เราควรที่จะไปทำความรูจักและกลาวคำ ตอนรับเขาสักหนอย จะไดไมเสียมารยาท ฉันจึงบอกกับ ลูกสาวฉันวา “เอาเถอะ เธอพาฉันไปหาสองแมลูกแลวกัน” จากนั้นพวกเราก็ไดไปเจอกันที่โรงแรม แมของเขา ชื่อ มาดาม มาเลียนิ ทั้งสูง และก็อวนดวย เห็นพวกเขา แลวก็ทาทีแจมใส และหนาตารับแขกดี ฉันไมรูจักภาษา ของเขา เลยใหลูกสาวเปนลามในการพูดคุยเปนภาษา อังกฤษ ฉันบอกกับเขาวา “ฉันกับลูกสาว ยินดีตอนรับ ที่พวกคุณมาเที่ยวเมือง ไทย ที่ อื่ น ฉั น ไม ค อ ยจะรู จั ก แต ฉั น รู จั ก วั ด พระแก ว ไมทราบวาพวกคุณสนใจที่จะไปไหม” แลวเขาก็ตอบวา “เขายินดีที่ไดรูจักพวกเรา และเขายินดีที่จะไปวัด พระแกว” วันรุงขึ้น ฉันเลยพาเขา 2 คน ไปเที่ยวที่วัดพระแกว เขาปลื้มมาก และยังไดถายรูปไวหลายใบ ตังซิน 115
หลังจากเที่ยวชมวัดพระแกวแลว พอดีใกลเที่ยง ฉัน กั บ ลู ก สาวได พ าพวกเขาไปกิ น ติ่ ม ซ้ ำ ที่ ร า นอาหารชื่ อ ‘มาลัย’ แถวราชดำเนิน มาดามมาเลียนิ ไมเคยกิน ติ่มซำมากอน เขาชมไมหยุดปากวา “แซโบง แซโบง” อีกวันหนึ่ง มาดามมาเลียนิ ไดชวนลูกสาวของฉัน ไปเที่ยวที่เกาะเสม็ด ที่ๆ เขาทั้งสองคน พบกันครั้งแรก แตฉันปฎิเสธ ฉันบอกเขาไปวา “ตองขอโทษดวย ตามประเพณีจีนแลว ผูใหญจะไม ยอมปลอยใหลูกสาวของบาน ไปคางคืนที่อื่น โดยไม จำเปน เชิญพวกคุณไปเที่ยวใหสบายกอน ไวเที่ยวเสร็จ แลว จะใหเขาพาไปเที่ยวที่กรุงเทพ” แลวพวกเขาแมลกู ก็ไปทีเ่ สม็ด 3 วัน กลับมาถึงกรุงเทพ เจินลี่ก็พาพวกเขาเที่ยวกรุงเทพโดยทั่ว และหลังจากนั้น 1 อาทิตย พวกเขาจะกลับประเทศ ฉันและครอบครัวของ ฉัน (7 คน) ไดพาพวกเขาไปเลีย้ งอาหารทะเล ทีต่ ะพาบน้ำ ถือเปนการเลี้ยงสง มาดามมาเลียนิ ดีใจมาก และเขายัง ชวนฉันและลูกๆ ไปเที่ยวที่บานของเขา เขาบอกวาเมือง ของเขานาอยูมาก ‘เอเนซี่’ เปนเมืองที่มีทิวทัศนสวยงาม หลังจากที่ไดสงพวกเขากลับโรงแรมแลว พอกลับถึง บานลูกสาวของฉันบอกวา 116 เรื่องเลาของแม
“แม! คริสเตียนเขาขอหนูแตงงาน” “แตงงาน! แลวเขาขอยังไง” “เขาบอกวา คุณมาเปนภรรยาของผมไดไหม” “เอา! แลวยังไงกันนี่ ทำไมมาขอแตงงานกันแบบนี้ แลวเธอตอบวายังไง” “หนูก็บอกวา ขอปรึกษาแมกอน” ฉันดีใจมากที่ลูกสาวของฉันใหคำตอบเขาอยางฉลาด และมีสติอยางนี้ แสดงวาโรคบาของเขาหายแลวซิ “โดยความคิดของเธอแลว เธอกลาที่จะแตงงานกับ เขาหรือ เขาใจเขาขนาดไหน” “หนูคิดวาไมมีปญหา ดูเขาก็มีความจริงใจดีนะ และ การทีเ่ ขาเขียนจดหมายมาคุยบอยๆ หนูรสู กึ วาเขาเปนคนดี” เวลานั้นลูกสาวของฉัน เจินลี่อายุ 22 ป วันรุงขึ้น ฉันก็ถามเขาอีกวา “เธอแนใจหรือที่จะแตงงานกับเขา ไปอยูบานเขา เราก็หัวเดียวกระเทียมลีบ พอแมอยูเมืองไทย เธอกลา หรือ คิดดูดีๆนะ” “แม หนูไมกลัว หนูจะไปฝรั่งเศส” เขาตอบอยาง มั่นใจ และกลาหาญ ตั้งแตเล็ก เราไมมีปญญาพาลูกไปเที่ยวเมืองนอก และฝรั่งเศสเปนประเทศที่ดังในดานศิลปะ ไมวาทิวทัศน ตังซิน 117
แฟชั่น ดอกไม น้ำหอมตางๆ เปนที่ๆ ใครๆ ใฝฝนอยาก ไปทั้งนั้น ลูกสาวฉันก็เหมือนกัน “โอเค! เธอไปบอกเขาเลย ถาเขามีใจจริงใหเขารอ อีก 1 ป” ฉันบอก เพราะวาฉันไมมีทางเลือก จึงไดขอใหแตงชาอีก 1 ป เพราะถาไปขัดเขา ก็อาจจะอาละวาดอีกขึ้นมาอีก มิพัง พินาศหรือ ระหวาง 1 ปนี้ ฉันไดเขียนจดหมายไปที่ ฮองกง ถามที่อยูของลูกสาวของพี่สาวคนที่ 4 ของฉัน ซึ่ง มีลูกสาวอยูที่ปารีส และใหลูกสาวของฉัน ขอที่อยู และ ที่ทำงานของคริสเตียน แลวใหหลานสาวของฉันโทรศัพท จากปารีส เพื่อไปสอบถามประวัติของคริสเตียน และ หลานสาวของฉัน ก็ไดเขียนจดหมายมาเลาใหฉันฟงวา “คริสเตียน ตอนนี้อายุ 27 ป ยังโสด จบ ปวส. เทคนิคชางกล มีพี่นอง 3 คน แมเปนมาย มีพี่ชาย 2 คน แตงงานหมดแลว เวลานี้พักอยูกับแม ทำงานอยูบริษัท ‘ลิฟท’ ที่สวิส เปนชาง มนุษยสัมพันธดี ทำงานเรียบรอย และขยัน” เพียงแคนี้ ถึงแมวาเขาไมไดร่ำรวยอะไร แตมีอาชีพ สุจริต และนิสัยดี ฉันก็สบายใจแลว และอีกอยางหนึ่ง ลูกสาวของฉันปวย เรียนไมจบ ฉันจึงอยากที่จะใหเขา เรียนภาษาฝรั่งเศสที่สมาคมฝรั่งเศส เพราะวา พอถึงเวลา 118 เรื่องเลาของแม
แตงงานไปฝรั่งเศส จะไดไมเปนใบ เพื่อนสนิทของฉันคน หนึ่งชื่อ จามจุรี ไดยินขาววา ลูกสาวของฉันจะแตงงาน ไปอยูที่ฝรั่งเศส เขาตกใจมาก และคัดคานวา “เธอจะบาหรือ เธอไมไดตกใจจนเสียสติจนสมอง เสื่อมนะ เปนการตัดสินใจที่เสี่ยงมากเลยรูไหม คนตาง ชาติไมเหมือนคนเอเชียนะ อะไรหนอย ก็หยาแลว เธอไม กลัวที่ลูกสาวของเธอถูกทิ้งหรือ” แตฉันเคยไดยินตอนเด็กๆ แมพูดวา “ชีวิตลูกผูหญิงเหมือนเมล็ดพืช ถาไมหวานเมล็ดพืช ออกไปแลว จะรูไหมวาเมล็ดจะงอกงามหรือไม?” หลังจากนั้น 1 ปเต็ม คริสเตียนก็บินเดี่ยวมาแตงงาน กับลูกสาวของฉัน งานแตงงานจัดที่หองบอลรูม YMCA ฉันเพียงแตเลี้ยงแบบบุบเฟตเทานั้น เชิญแตญาติสนิท และเพื่อนๆ ของลูกสาว วันนั้นลูกเขยฝรั่งของฉันราศีจับ ไดแปลงเปนอัศวินมาขาว แตงชุดขาวทั้งชุด รูปรางสูง โปรง ยิ้มแจมใส เหมือนเจาชายในเทพนิยาย หลอ มากๆ ทำใหกลุมเพื่อนสาวของลูกฉัน กรี๊ดกันใหญ มีสาว คนหนึ่งแอบบอกลูกสาวของฉันวา ”เพื่อนรัก เมื่อเธอไปถึงฝรั่งเศสแลว ชวยดูใหหนอย นะวามีหนุมหลออยางนี้อีกไหม อยาลืมแนะนำใหฉันดวย นะ” ตังซิน 119
กอนที่ลูกสาวของฉันจะไปฝรั่งเศส ฉันกำชับลูกสาว ของฉันวา อยาบอกเรื่องที่เธอปวยใหเขารูนะ และตอนที่ ลูกสาวไปถึง ไดโทรศัพทมาบอกวา เขาไดเลาเรือ่ งทุกอยาง ใหสามีฟงหมดแลว ซ้ำยังบอกอีกวา เปนสามีภรรยากัน ตองไมปดปงกัน คริสเตียนอายุมากกวาลูกสาวของฉัน 5 ป และมี ความคิดความอาน เขาบอกวาไมเปนไร เดี๋ยวนี้มีคนเปน โรคเครียดเยอะ ฉันยังรักคุณ คุณตองไมเปนอะไร หลัง จากนั้น อาจเปนเพราะเปลี่ยนสิ่งแวดลอม ทำใหเมล็ดพืช เม็ดนี้ ถูกนำไปเพาะที่ฝรั่งเศส ไดรับความดูแลอยางดี และไดรับความรักที่หลอเลี้ยงเขา ไดไปอยูที่นั้น ความรัก ไดงอกเงย และไดออกดอกออกผล หลังจากที่เขาแตงงาน กันได 5 ป พวกเขาก็ไดลูกชายที่นารักคนหนึ่ง และใช ชีวิตอยางมีความสุข ทามกลางเมืองเอเนซี่ ที่แสนจะนา รัก และสงบสุขจนถึงทุกวันนี้...
120 เรื่องเลาของแม
ครอบครัวของลูกสาวคนเล็ก (คริสเตียน, นอง และเซียน)
122 เรื่องเลาของแม
แม! หนูจะกลับบาน
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง ... ฉันตกใจ ตื่นขึ้นมากลางดึก มองดูนาฬกา นี่มัน เที่ยงคืนแลวนี่ “แมจา...หนูจะกลับบาน” ลูกสาวโทรมาจากฝรั่งเศส “ทำไม เกิดอะไรขึ้น” ฉันถามดวยความเปนหวง “คริสเตียน เขาไมสนใจหนูแลว หนูอยากกลับบาน โฮ โฮ โฮ...” ลูกสาวโทรไปรองไหไป “ใจเย็นๆ คอยๆ พูด ทำไมตองรองไห” ตังซิน 123
“คริสเตียน เขาโกรธหนู เขาขวางปาของ หนูจะกลับ บาน...” ฉั น งงมาก แต รู สึ ก ว า แย แ ล ว ลู ก สาวกั บ ลู ก เขย ทะเลาะกัน ลูกสาวกำลังรองจะกลับเมืองไทย หลั ง จากสอบถามแล ว ได ค วามว า เมื่ อ เร็ ว ๆ นี้ ลูกเขยไดซื้อบานเกาหลังหนึ่ง ติดกับบานของเขา กำลัง เรงซอมแซมตกแตงอยู เพื่อจะไดปลอยเชาออกไป อยู เมืองนอก ถาจางเขามาตกแตง คาใชจายจะแพงมาก ลูกเขยเลยลงมือทำเอง ทุกวันลูกเขยตองออกไปทำงาน เลยตองทำการตกแตงไดเพียงวันอาทิตย หลายอาทิตย แลว ที่ไมไดพาลูกเมียออกไปเที่ยวนอกบาน ลูกสาวไม พอใจ ก็บนพึมพำตอหนาเขาวา “มัวแตทำไองานบาบอ ไมสนใจลูกเมียเลย” พอคริสเตียนไดฟงแลว ก็โมโห เพราะทำงานมา เหนื่อยๆ วิ่งเขาไปที่หองรับแขก ยกเอาเหลาเกาที่โชวอยู ในลูกโลก ซึ่งปกติเปนของหวงมาก ทุมลงไปบนพื้น ขวด เหลากระทบพื้น แตกกระจายเต็มพื้นไปหมด ลูกสาว ตกใจ เก็บกวาดไป ก็รองไหไป บอกวาจะกลับเมืองไทย... ฉันบอกลูกสาวไปวา “ถาเธอกลับมาตอนนี้ แมจะไมตอนรับเธอมา” “ทำไม แมไมรักหนูแลวหรือ หนูคิดถึงแมมากนะ” 124 เรื่องเลาของแม
“ฉันรู ฉันก็คิดถึงเธอ แตเวลานี้ เธอผัวเมียงอนกัน เธอจะมาไมได เพราะวาเธอไปบนเขามากไป หัดมีสติ หนอย ไปขอโทษเขาเสีย ถาอยากกลับบาน ตองขออนุญาติ จากเขาก อ น ให เ ขาเต็ ม ใจให ม าอย า งสบายใจ ไม ใ ช ทะเลาะกัน เอะอะก็บอกจะกลับบาน บานของเขาก็คือ บานที่แทจริงของเธอ รูไหม” “เขาไมดีเอง เขาขวางปาขาวของ ทำไมหนูตองเปน คนขอโทษดวย” “ลูกเปนคนวาเขากอน เปนคนเริ่ม ไปคืนดีกับเขา เสีย เธอก็เปนแมคนแลวนี่ ยังทำตัวเปนเด็กไปได” พูดเสร็จ ฉันก็วางสาย ไมอยากใหลูกตองเปลือง คาโทรศัพททางไกลมาก หลังจากคุยโทรศัพทกับลูกแลว ฉันนอนไมหลับทั้ง คืน คิดวาคนที่เปนแม คงเหมือนฉันทุกคน คิดอยูทั้งคืน ไมไดการแลว ฉันตองเขียนจดหมายไปหาลูกเขยดีกวา ลูกสาวแตงงานกับคริสเตียนมา 7 ป ฉันไมเคยเขียน จดหมายใหเขาเลยสักฉบับเดียว เพราะวาเขาเปนคน ฝรั่งเศส ฉันไมรูภาษาเขา ทำอยางไรดี ฉันตัดสินใจเขียน เปนภาษาของเรา แลวใหคนชวยแปลเปนภาษาฝรั่งเศส แลวสงไปให
ตังซิน 125
คริสเตียน เขยรัก เธอสบายดีหรือเปลา เมื่อวานไดรับโทรศัพทจาก ลูกสาว ฉันรูสึกไมสบายใจเลย นอนไมหลับทั้งคืน ตลอด เวลาที่ผานมา 7 ป ฉันเห็นเธอสองคนรักกันดี นึกดีใจ ทำไมถึงทะเลาะกันได ลูกสาวฉันรองขอจะกลับเมืองไทย แตไมไดรับอนุญาติจากคุณ ฉันไมตอนรับ เรื่องที่เกิดครั้ง นี้ ฟงดูแลวเปนความผิดของลูกสาวฉันเอง แตคุณก็ไม ควรหยาบคาย ถึงขั้นปาขาวของ เขาอายุนอยกวาคุณ และมีนิสัยตามใจตัวเองเหมือนเด็กไปหนอย ถึงแมวาเขา ทำผิด คุณควรจะอบรมเขา อธิบายใหเขาเขาใจ ไมนาจะ โมโหรายอยางนั้น คุณลืมแลวหรือ เขาเปนสุดที่รักของ คุณ กอนแตงงาน เธอสองคนเขียนจดหมายไปมากันตั้ง 3 ป จดหมายรักคุยกันหวานสุดซึ้ง สุดทายก็ไดสมหวัง ครองรักกัน ทีแรก ฉันก็ไมสนับสนุนใหเขาแตงงานไปตาง ถิ่น เตือนใหเขาไตรตรองใหดี เขาคิดแลวคิดอีก สุดทาย เขาใจกลา ตัดสินใจที่จะแตงงานกับคุณ เพราะอะไร เพราะเขารักคุณ ไวใจคุณ จึงกลาขามน้ำขามภูเขาไปใช ชีวิตอยูรวมกับคุณ คุณคิดดู คุณอยูฝรั่งเศส คุณมีแม มีพี่ นอง มีเพื่อนมากมายที่รักคุณ สวนลูกสาวฉัน เขามีใคร เขามีคุณเพียงคนเดียว ที่เปนที่รักที่พึ่งของเขา ถาคุณไม รักเขา เขาจะเสียใจขนาดไหน เขานาสงสารแคไหน ถา 126 เรื่องเลาของแม
เขาจากคุ ณ ไปจริ ง ๆ คุ ณ จะต อ งเสี ย ใจไปตลอดชี วิ ต เพราะฉันรูดีวา ในโลกนี้ ไมมีผูหญิงคนไหนจะรักคุณได เทานี้ ฉะนั้นฉันหวังวา ตอไปนี้ พวกคุณจะไมทะเลาะกับ เรื่องไมเปนเรื่องอยางนี้อีก ระหวางสามีภรรยาเปนคูชีวิต มีอะไร นาจะพูดกันใหเขาใจ อดทน เปนหวงเปนใยกันถึง จะถูก สุดทายฉันหวังวา เธอทั้งสองจะปรับความเขาใจ และรักใครกันเหมือนเดิม จาก แม หลังจากนั้นสองอาทิตย ฉันไดรับจดหมายตอบกลับ จากลูกเขย ฉันเอาจดหมายลูกเขยไปใหแปลเปนไทย ได ความวา เรียนคุณแมที่เคารพ ทานสบายดีไหม ผมไดรับจดหมายของคุณแม ผม ดีใจมาก ไมนึกเลยวา คุณแมไดเรียนรูภาษาฝรั่งเศสแลว (ฉันแอบขำ ไอลูกเขยซื่อบื้อ) ผมตองขอโทษดวยครับ วัน นั้นคงเปนเพราะ ผมอารมณไมดี ถึงไดโมโหเหมือนวัวบา คุณแมยกโทษใหผมนะครับ ผมรูวานองเขารักผม ผมก็รัก เขาเหมือนกัน คุณแมวางใจได พวกเราคืนดีกันแลว และ ผมรับรองวา นีเ่ ปนครัง้ แรก และจะไมมคี รัง้ ทีส่ องอีก ไวปน ี้ ตังซิน 127
วันหยุดคริสมาส พวกเราจะพาลูกไปกราบเทาคุณแมครับ ขอใหคุณแมสุขภาพแข็งแรง จาก คริสเตียน แมเพียงตัวหนังสือไมกี่บรรทัด แตเมื่อฉันอานจบแลว เหมือนทานไอสกรีม ทั้งหวาน ทั้งชื่นใจ ฉันรูสึกมีความ สุขมาก คืนนี้คงหลับตื่นเดียวถึงเชาเลย...
128 เรื่องเลาของแม
ครอบครัวของอาโกว
130 เรื่องเลาของแม
อาโกวอารยา
อาโกว เกิดเมื่อป พ.ศ. 2490 ที่เมืองจีน คุณแมเปน ชาวนา คุณพอเปดรานทำทองที่เมืองไทย พอป พ.ศ. 2493 เมื่ออายุเพียง 3 ขวบ ประเทศจีนไดเปลี่ยนแปลง การปกครองเปนสาธารณรัฐ ใครมีที่นามาก ตองคืนให รัฐบาล ทุกคนมีสิทธิเทาเทียมกันหมด บานของอาโกว มีที่ดินสิบกวาไร และมียุงเก็บขาว ซึ่งไดมาจากความขยันของคุณแม ที่ทำงานหนักมาตลอด ไดถูกยึดเขาหลวง ยุงขาวถูกปด และถูกไลไปอยูหองเก็บ ฟ น พวกชาวบ า นอ า งว า ของทุ ก อย า งได ม าจากการ เบียดเบียนชาวบาน ที่จริงแลวคุณแมเปนคนขยันทำงาน และประหยัดเก็บออม ที่มีที่นามาก ก็เพราะวาคุณพอได ตังซิน 131
สงเงินมาจากเมืองไทย คุณแมเลยเก็บเล็กผสมนอยซื้อมา เมื่อชาวบาน ซึ่งสวนมากเปนคนจน ยัดเยียดขอหา ก็นำ้ ทวมปาก เถียงพวกเขาไมได เพราะถาเถียง ก็จะถูกตี เมื่อบาน ที่นา ยุงขาว ถูกยึด ก็ไมมีอะไรเหลือเลย ไดแค ขาวเดือนละ 3 ชั่งตอคน (ไมถึง 2 กิโลกรัม) ซึ่งไมพอกิน นอกจากผักที่ปลูกเอง ก็ตองขอคูปองเขาไปซื้อหมูบางเปน บางวัน ซ้ำยังตองเขาคิวยาวเหยียด ชีวติ ชวงนัน้ ของอาโกว ตอนเด็กจึงยากลำบากมาก อาโกวมีพี่สาวอยู 1 คน และพี่ชาย 1 คน พี่สาวโต กวาเขา 15 ป และพี่ชายโตกวาเขา 10 ป เพราะคุณพอ อยูเมืองไทย 5 ป 10 ป คอยกลับบานเมืองจีนครั้งหนึ่ง ครั้งสุดทายกลับไปกอนอาโกวเกิด ตอนคุณพอมาเมือง ไทย อาโกวก็อยูในทองแมแลว ปพ.ศ. 2498 คุณแมไดใหคุณพอทางเมืองไทย เขียน จดหมายไปขอยายสัมโนครัวออกมาที่ซัวเถา รัฐบาลได อนุมัติ คุณแมจึงไดพาพี่ชาย และอาโกว ยายออกมาอยูท ี่ ซัวเถา สวนพีส่ าวคนโตไดแตงงานไปแลว และปตอ มา พี่ ชายก็ไดไปเรียนหนังสือที่ฮองกง พ.ศ. 2500 อาโกวอายุได 10 ขวบเต็ม คุณพอได เขียนจดหมายทำเรื่องใหแมลูกมาเมืองไทย จากนั้นมา ชีวิตของอาโกวถึงเริ่มจะดีขึ้น อาโกวดีใจมากที่ไดเจอหนา 132 เรื่องเลาของแม
คุณพอที่ยังไมเคยพบกันมาเลย คุ ณ พ อ เป ด ร า นทำทองอยู ที่ บ า นหม อ มี ลู ก น อ ง ประมาณ 10 คน ชื่อราน ‘ฉั่วกิมฮง’ รานเพชรแถวบาน หมอใครๆ ก็รูจัก ‘ฉั่วแปะ’ เปนอยางดี คุ ณ พ อ ได ใ ห อาโกว ไปเรี ย นหนั ง สื อ ที่ โ รงเรี ย น ‘ซินเจี้ยนฮัว’ ซึ่งมีสอนทั้งภาษาไทย และภาษาจีน อาโกว จึงไดรูภาษาจีนดวย อาโกวเปนคนหัวดี ฉลาด ขยันเรียนหนังสือ สอบ ไดที่ 1 หรือที่ 2 เปนประจำ เปนทีร่ กั ของคุณพอ และคุณแม 4 ป ผานไป หลังจากเรียนจบชั้นประถม ไดยายไป เรียนมัธยมตนที่โรงเรียนสตรีวรนาถตอ เรียนได 1 ป อาโกวอายุได 15 ป ปนั้นพี่ชายเขาอายุ 25 ป ซึ่งฉันได แตงงานกับพี่ชายเขา เปนพี่สะใภของอาโกว อาโกว เขาฉลาด ชางพูด แตบางครัง้ ก็เอาแตใจตัวเอง แตเนื่องจากเขาเปนอาโกวคนเดียวของฉัน และอายุนอย กวาฉัน ฉันจึงตองยอมตามใจเขาบาง เขาจึงรักฉัน เราทั้ง สองรั ก กั น เหมื อ นพี่ น อ ง มี ป ญ หาอะไร เขาชอบมา ปรึกษากับฉัน พวกเรามีนิสัยที่เหมือนกันอยูอยางหนึ่ง คือ ชอบดูภาพยนตจีน หลังแตงงานแลว บอยครั้งที่เราไปดู หนังดวยกันสามคน หลังจากนัน้ พีช่ ายเขาหลงใหลการเลนไพนกกระจอก ตังซิน 133
ไมไดไปดูหนังกับเรา เราจึงพากันไปดูสองคน เวลานั้นมัก ไปดูกันที่ เทียนกัวเทียน แถวเยาวราช นิวโอเดี่ยน หรือ ไมก็กรุงเกษม มีฉายภาพยนตฮองกงบอย ตอมาไมนาน ลูกชายคนแรกของฉันเกิด ก็พากันไป ดูหนังนอยลง แตบางครั้งก็ยังอดไมได ฝากใหอามาดูลูก หนีไปดูกันสักเรื่อง พอกลับมาถึงบาน เนื่องจากลูกติดแม ไมเห็นหนาแม ก็รองไหไมหยุด อามาโมโหบอกวา “ถาทีหลังจะไปดูหนัง ก็พาลูกไปดวย” อาโกวมีนิสัยรักเด็ก ชอบชวยฉันอุมลูก พอโตขึ้นมา หนอย ก็พาหลานไปเลน บางครั้ง ไปเที่ยวขางนอกกลับ มา ก็มักมีของเลน ของกิน ติดมือติดไมกลับมาใหหลาน เสียอยางเดียว ไมยอมชวยฉันทำงานบาน จบจากสตรีวรนาถ เขาก็ไปเรียนมัธยมปลายตอที่ โรงเรียน เซ็นตหลุยส สามปผานไป เขาเรียนจบมัธยม ปลาย อายุ 20 ป จากประวัติการศึกษาของเขา ถาเขาไป สอบเขามหาวิทยาลัย ฉันวาเขาตองสอบเขาไดแนนอน แตคุณพอของเขาเปนคนคอนขางหัวโบราณ บอกวา “เด็กผูหญิง ไมตองเรียนสูงนัก” ฉะนั้น อารยา จึงไมไดเรียนตอ และคุณพอไดพาเขา ไปฝากเขาทำงานขายเพชรพลอยที่ราน ‘ตอกกวง’ เมื่ อ เขาได เ ข า ทำงานที่ ร า น ต อ กกวง ได เ รี ย นรู 134 เรื่องเลาของแม
รู มารยาทการขาย การพูด และไดเรียนรูวิธีการดูเพชรวา อันไหนเปนเพชรแท อันไหนเปนเพชรเลี้ยง และชนิดของ พลอยหิ น ต า งๆ เนื่ อ งจากเขามี ว าทะศิ ล ป ที่ ดี และ มารยาทที่ดี จึงเปนที่พอใจ ทั้งเถาแก และลูกคา อาโกวทำงานอยูที่ตอกกวงนาน 5 ป เขาอายุ 25 ป แลว แตยังไมมีคนรัก คุณแมเปนหวงในเรื่องนี้มาก วันหนึ่ง อากิ๋ม (นาหญิง) จากปตตานีมาหา อากิ๋ม คนนี้เปนนองสะใภของคุณแม เปดรานขายทอง ไทฮั้วลง อยูที่ปตตานี ปหนึ่งขึ้นมากรุงเทพฯ หลายครั้ง มาซื้อทอง รูปพรรณไปขาย มาทุกครั้ง ก็มาพักอยูที่บาน อากิ๋มได ชวนอาโกวไปชวยเลือกของไปขายที่รานทำเครื่องเพชรอยู รานหนึ่งที่คลองเตย เถาแกแซ ‘เจา’ เวลาเลือกสินคาใหอากิ๋ม อาโกวก็เอากลองสองเพชร คอยๆ สอง ดูทีละชิ้น เถาแกเจาเห็นวา สาวคนนี้ซื้อของ ดูละเอียดมาก พอรูวาเปนคนในวงการ จึงสนใจอาโกว หลังจากนั้นไมนาน เถาแกเจา ไดขอใหอากิ๋มมา ทาบทาม ติดตอวาจะแนะนำลูกชาย ใหรูจักอาโกว เขามี ลูกชายคนหนึ่งยังเปนโสด อยากไดอาโกวไปชวยคาขาย เพราะเขาอยากเปดรานเพชร อากิ๋มไดมาคุยกับคุณแมตามคำขอรองของเถาแกเจา แตคุณแมปฏิเสธ เหตุผลคือ ลูกชายของเขาอายุนอยกวา ตังซิน 135
อาโกว 4 ป และมีพี่นองทั้งหมด 8 คน จะเอาอาโกวไป เปนซอใหญ แมกลัวลูกสาวแตงไปจะลำบาก จึงไมตกลง อากิ๋มพูดไมสำเร็จ จึงไปบอกกับเถาแกเจา หลั ง จากอากิ๋ ม กลั บ ไปป ต ตานี ไ ม น าน เถ า แก เ จ า ออกโรงเอง บุกมาถึงบานเรา คุยกับคุณแมวา “คุณนาย ยุคปจจุบัน พี่นองมากไมเห็นจะเปนอะไร อีกหนอยพอโตแลว ก็ตางคนตางไป ไมเปนปญหาใหญ ข อ สำคั ญ คื อ ฉั น คิ ด อยากเป ด ร า นเพชร ตั ว เองไม มี ประสบการณ เห็นลูกสาวคุณนายรูเรื่องเพชรพลอย และมี ประสบการณเรื่องคาขายมาหลายป จึงอยากขอเปนสะใภ เพื่อไปชวยคาขาย นี่เปนโอกาสอันดี ดีกวาเปนลูกจางเขา อีกอยาง ลูกชายฉันเปนคนดีที่หาไดยาก เขาอายุเพียง 18 ป ก็ชวยดูแลกิจการฉันไดแลว โดยเฉพาะเขาเปนคน ประหยัด ซื่อตรง ตอนเรียนอยูชั้นประถม ฉันใหเงินเขา 5 บาท ไปใชที่โรงเรียน เขาไมไดใช ซ้ำยังเอามาคืนฉัน เด็ก นารักอยางนี้ พันคนหาไมไดหนึ่งคนนะ” เถาแกเจาคุยวา เขาจะเปดรานเพชร และคุยวา ลูกชายเขาดีอยางนี้ ดีอยางโนน แตคุณแมไมสนใจ หลัง จากนั้นไมนาน เถาแกเจาก็มาอีก ก็เหมือนเดิม คุยน้ำ ไหลไฟดับ แตคุณแมก็ยังเฉยๆ มาครัง้ ที่ 3 เถาแกเจาไมรไู ปสืบมาจากไหนวา อาโกว 136 เรื่องเลาของแม
ไดไปเรียนภาษาญี่ปุนที่สี่พระยา ครั้งนี้เขาพูดวา “เอาอยางนี้ ฉันจะเรียกลูกชายไปเรียนภาษาญี่ปุนที่ สี่พระยาดวย ใหพวกเขาไดรูจักกันกอน ดูซิวาพวกเขาทั้ง สองคุยถูกคอกันหรือเปลา คอยวากัน” ดูทาที เถาแกเจา มีความพยายามมาก จะตื้อจนได เขาไดใหลูกชายไปเรียนภาษาญี่ปุนที่สี่พระยาจริง เพื่อจะ ไดใกลชิดอาโกว หนุมคนนี้ชื่อ ‘คุณยุทธ’ ฉันเคยเห็น เขา เคยเอาทองรูปพรรณามาฝากฉัน สงไปใหอากิ๋มที่ปตตานี หลายครั้ง เขาผอมสูง ผิวไมขาว เปนคนสุภาพเรียบรอย พูดจาติดอางนิดๆ แตมีมารยาทดี เวลามาฝากของ ชอบ พูดวา “รบกวนนะครับ ขอบคุณครับ” เปนสุภาพบุรุษ จริงๆ จากสี่พระยาถึงบานหมอ เปนทางที่ไกลพอสมควร แตอาโกวเดินกลับบาน ไมนั่งรถ คุณยุทธเดินมาเปนเพื่อน เพื่อใหโอกาสเขาชวนคุย พอกลับไปถึงบาน อาโกวบนกับ ฉันวา “เขาเหมือนคนใบ ไมพูดสักคำ ฉันถามคำ เขาตอบ คำ นาเซ็งจริงๆ” ฉันบอกวา “เอานา เขาเปนคนซื่อ อายุนอย ยังไม เคยเขาสังคม แลวก็เขิน ก็กลัววาพูดมาก อาจพูดติดๆ ขัดๆ เลยไมกลาพูด” ตังซิน 137
เวลาผานไปหลายเดือน เขาก็ยังไมพูดเหมือนเดิม อาโกวบอกวา “เขาเหมือนทอนไม” หลังจากนั้น ฉันบอกคุณแมวา “อาโกวไมคอยพอใจ แตฝายชายเขาตื้อจัง ใหเขามา ขอบอยๆ เราก็ปฏิเสธเขาทาเดียว ดูเหมือนไมคอยจะดี เอาอยางนี้มั้ยละ ถาเที่ยวนี้เขามาอีก คุณแมลองขอวัน เดือนปเกิดของลูกเขา บอกวาเอาไปผูกดวง แลวเก็บไว พอเขามาอีกครั้ง ก็คืนเขาไป บอกวาผูกไมขึ้น ทางเขาจะ ไดหยุดหวังเสียที ทางเราก็ไมตองถูกเขาวาหยิ่ง” คุณแมไดฟงอุบายของฉัน เลยขอวันเดือนปเกิดของ เขาจริงๆ เขายินดีมาก บอกใหทันที แตคุณแมไมไดเก็บไว เอาไปผูกจริงๆ ปรากฎวา ปชวดกับปมังกร ดวงสมพงษกันมาก และคุณแมยังไป เสี่ยงเซียมซีจากศาลเจาพอเสือ ก็เปนเซียมซีดีเลิศ ทีนี้คุณ แมก็ไมปฏิเสธอีก แตอาโกวก็ยังไมพอใจอยูดี ติวาเขาไม โรแมนติก สุดทายก็มาปรึกษาฉันอีก “อาซอ ทำยังไงดี” ฉันบอกวา “ถามใจตัวเองดูซิวา ชอบเขาไหม?” อาโกวบอกวา “รูวาเขาเปนคนดี แตทำไมไมคอยพูดก็ไมรู” 138 เรื่องเลาของแม
ฉันบอกวา “จะบอกให แตงกับคนซื่อ ดีกวาแตงกับ คนกะลอน คนพูดเกงๆ บางครั้งก็โกหกตอแหล เจอถูก สาวๆ รอยลิน้ พันคำ ปากหวานจับใจ และเราจะรูว า มีกคี่ ำที่ เปนความจริง เธอก็เปนคนที่พูดเกงแลว ใหเขาเปนคนฟง จะไมดีกวาหรือ ตามที่ฉันสังเกตุ เขาเปนคนซื่อ นาจะ เปนคนที่ไวใจได ซื่อสัตย เลือกเปนชีวิตคูได อีกอยางพอ เขาบอกวา เขาจะเปดรานเพชร และเธอก็มีความรูทาง ดานเพชรพลอย ซึง่ เปนโอกาสทีเ่ ธอไดแสดงความสามารถ ขอใหเธอไมรังเกียจเขา ดอกรักจะงอกงามหลังแตงงาน ก็ได” ปตอมา อาโกวไดหมั้นหมายกับคุณยุทธ โดยจิตใจ ยังไมเต็มรอย หลังจากหมั้นแลว เถาแกเจา ไดพาวาที่ สะใภไปหาทำเลที่จะเตรียมเปดรานเพชร หาไปหามา ก็ ถูกใจหองแถวหัวมุม ที่ปากซอยถนนเจริญกรุง 1 ป พ.ศ. 2516 วันที่ 1 มกราคม อาโกวกับคุณยุทธได แตงงานกัน และอีกไมนานก็เปดรานเพชร ปนั้นบานเขามี งานมงคลสองงาน อาโกวเป น คนมนุ ษ ยสั ม พั น ธ ดี มี ว าทะศิ ล ป เ ยี่ ย ม ฉะนั้นการคาไดเจริญขึ้นทุกวัน เรื่องนี้ตองยอมรับวา เถา แกเจา มีสายตาเฉียบแหลม และมองการณไกล เลยได สะใภที่เกง สมใจหวัง ตังซิน 139
อาโกวแตงเขาไปในครอบครัวใหญ มีนอ งสามี อาโกว อาเจ็ก ตั้งหลายคน แตเนื่องจากเขาเปนคนโอบออมอารี อยูดวยกันอยางสันติ จึงไมมีปญหา โดยเฉพาะเขาคาขาย เกง จึงเปนที่ชื่นชอบในวงญาติ ผานไป 2 ป อาโกวไดใหกำเนิดลูกสาวคนโต ‘รุง ระวี’ เวนอีกสองปก็กำเนิด ‘ยุย’ อีก 3 ปก็ทองลูกคนที่สาม ป นั้นพอของอาโกวปวยเขาโรงพยาบาล ไมมีใครดูแล โรงงานของพอ พีช่ ายก็ตดิ การพนัน ไมไวใจ จึงเรียกอาโกว มาชวยดูแลให สงสารอาโกว เขาทองโย ไหนจะดูโรงงาน ไหนจะคาขาย เหนื่อยนาดู ดีวารานเพชรกับโรงงาน หาง กันไมไกล ตอนลูกชาย ‘ณัฐ’ เกิด พอดีคุณพออาโกวก็ถึงแก กรรม เพราะวาอาโกวไดอยูเดือน จึงไมไดไปสงศพพอ หลังจากที่คุณพอเสียแลว คนงานตางพากันลาออก ไปตั้งหลักเอง รานฉั่วกิมฮง จึงไดปดกิจการลง เพราะพี่ ชายที่ติดพนัน ดูแลไมได กิจการรานเพชรของอาโกวเจริญรุงเรือง แตท่ีบาน เรา เนื่องจากลูก 5 คน กำลังเรียนหนังสืออยู ครอบครัว จึงลำบาก ฉันตองดิ้นรนออกหางานทำ อาโกวเปนลูก กตัญู ไมอยากเห็นแมอายุ 71 ป อยูบานเพียงลำพัง จึง ขอรองใหฉันอยาไปทำงานนอกบาน ใหอยูเปนเพื่อนดูแล 140 เรื่องเลาของแม
คุณแม เขารับปากจะชวยคาใชจายในบานฉัน แตฉันคิด วา อาโกวเขาออกเรือนไปแลว เปนคนอีกครอบครัวหนึ่ง จึงไมควรรบกวนเขา ฉันจึงขอปฏิเสธ เมื่ออาโกวอายุครบ 40 ป ครอบครัวเขาเกิดมีปญหา พ อ แม ข องคุ ณ ยุ ท ธ ไม ล งลอยกั น หลั ง จากประชุ ม ครอบครัวแลว จึงตัดสินใจแบงสมบัติกัน ตามประเพณีจีนแลว คุณยุทธเปนลูกชายคนโต มี สิทธิพิเศษที่จะเลือกอยูบานใหญได แตเนื่องจากคุณยุทธ เปนคนดี รักนอง รักพอ เขาจึงยอมที่จะสละรานเพชรที่ เขากอตั้งมา ใหนองๆ ไป ตัวเองแบงไดเงินกอนหนึ่ง เลย ออกมาหาที่คาขายใหม พอคุณยุทธไดชว ยจัดการใหคณุ ยุทธซือ้ รานคา 2 หอง ซึ่งอยูที่ตึกสูงยานสีลมชั้น 4 เปดเปนรานเพชรขึ้นมา พวก เขาไดยายออกจากรานเพชรเดิม ยายบานมาอยูที่สี่แยก เฉลิมกรุง เขาซื้อทั้งรานคา ซื้อบานอยู จึงเหลือเงินลงทุน ไมมากนัก ไปคาขายที่รานใหมๆ คนเดินนอยมาก โดยเฉพาะ รานของเขาอยูบนตึก จึงเงียบ ไมคอยมีคนเดินถึง อารยา กลุมใจมากๆ เขาบนตอฉันวา “อาซอ อยูบนตึกนี้ ไมเห็นมีคนเลย คาขายยังไงนี่” ฉันปลอบใจเขาวา ตังซิน 141
“พระจันทรยังมีขางขึ้นขางแรม น้ำก็มีขึ้นมีลง นี่เพิ่ง ยายมาใหมๆ ลูกคาบางคนยังไมรูก็ได อีกสักพัก ลูกคา ไดรับจดหมาย ก็จะมาเอง ใจเย็นๆ เธอมีความสามารถ ตองขายดีแนนอน” อีกครั้งหนึ่งก็บนอีกวา “ซอจา ดูอาฉันสิ ลูกคาเกา เขาตองการใชเงิน เอา เครื่องเพชรไปคืนรานเกา เขาไมยอมซื้อคืน อางบอกวา ซื้อกับฉัน ก็ตองคืนกับฉัน” ฉันบอกวา ตามหลักเขาตองซื้อคืน เขาไมซื้อ เธอซื้อ ก็ได เธอก็หักเปอรเซ็นตตามที่ตกลงไว ไมแนอีกหนอยเขา มีเงิน เขาอาจจะมาซื้ออีก หรือพาเพื่อนมาซื้อก็ได นี่คือ หลักประกันสินคาของรานเรา สรางความเชื่อถือกับลูกคา หลั ง จากนั้ น เพราะว า อารยามี ม นุ ษ ยสั ม พั น ธ ดี ตอนรับลูกคาแบบกันเอง ลูกคาคอยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ มี ลูกคาหลายคนไดคบคากันจนเปนเพื่อนสนิท หลายปตอมา เขาไดยายบานพักมาที่ซอยทองหลอ เพราะวาเขามีความกตัญูตอแม จึงไดขอรองใหฉันยาย มาทองหลอดวย เนื่องจากตองการใกลชิดคุณแม จะได เห็นหนาแมทั้งเชาและเย็น ฉันไดขายบานที่บานหมอที่คุณปูทิ้งไวให และซื้อ บานที่ทองหลอ แตเนื่องจากบานที่ทองหลอแพงกวา เงิน 142 เรื่องเลาของแม
ไมพอ อาโกวไดชวยเงินมากอนหนึ่ง สวนที่ขาดลูกสาม คนชวยกันผอนตอ ฉันซาบซึ้งในน้ำใจของคุณยุทธและ อาโกวมาก บุญคุณของเขาทั้งสอง ชาตินี้ฉันไมอาจลืมได รานเพชรขายดี ลูกคามาก อาโกวนับวันยิ่งรูจักผูคน มากขึ้น ปๆ หนึ่ง ไดไปเที่ยวตางประเทศกับเพื่อนๆ หลายครั้ง เมื่อเพื่อนมากขึ้น ก็ตองออกงานสังคมมากขึ้น สังสรรคก็มาก โดยเฉพาะเขาเปนคนมนุษยสัมพันธดี ไม วาญาติมิตรเชิญไปงานไหน เขาก็จะไปกันทั้งคู กลางวัน คาขาย ตกเย็นก็ไปงาน กลับถึงบานก็เหนื่อยมาก อาโกวมีลูกทั้งหมด 3 คน ชายหนึ่งหญิงสอง ลูกๆ ทุกคนเชื่อฟง ตั้งใจเรียนหนังสือ เขาไดสงลูกเรียนหนังสือ ที่อเมริกาทุกคน ในใจหวังอยางยิ่งวา ลูกสาวคนโตเรียน จบ จะกลับมาชวยแมคาขาย แตนองวี ลูกสาวคนโต ไป ชอบพอกับหนุม ไอรแลนดคนหนึง่ ตอนเรียนจบปริญญาโท แมขัดขวางก็ไมเปนผล ก็เลยตองยอมใหลูกสาวแตงงาน ไปอยูที่อเมริกา ในใจคิดถึงลูกสาวมากๆ เมื่ออาโกวอายุ 57 ป ก็ยังยุงๆ กับงาน เหนื่อยกับ การออกงาน และเขานอนไมหลับ เขาก็ไดไปหาหมอ หมอบอกว า เขามี ค อเลสเตอรอลเกิ น ไปนิ ด หน อ ย การนอนไม ห ลั บ คื อ การคิ ด มาก ให ไ ปออกกำลั ง กาย ทุกๆ เชา เขาก็มีไปออกกำลังกายที่สวนลุม คลอเลส ตังซิน 143
เตอรอลลดลงแลว แตก็ยังนอนไมหลับอยูดี ครั้งหนึ่ง เขาเคยบอกกับฉันวา “ซอจา ฉันทรมานมาก ฉันยอมเสียเงินกอนหนึ่ง เพื่อแลกกับการนอนหลับดีๆ สักครั้ง คงดีไมนอย” ฉันก็ไมเขาใจวา อาโกวมีสามีที่ดี มีเงิน มีลูกที่นารัก สาเหตุอะไรที่ทำใหเขานอนไมหลับ เขาไปหาทั้งหมอ ปจจุบัน ทั้งหมอจีน ก็ไมรูสาเหตุ การนอนไมหลับ ถึงทุก วันนี้ก็ยังเปนปริศนา ป พ.ศ. 2547 วันที่ 7 พฤษภาคม ตอนเชา เขาเดิน ผานบานฉัน ไดเขามาทักฉันดวยสีหนาที่ไมสดใส บอกวา “เมื่อวานฉันแนนหนาอก หายใจไมคอยคลอง” ฉันบอกไปวา “เธอควรรีบไปพบแพทย” “เดือนที่แลว ฉันเพิ่งไปตรวจรางกายมา หมอไมเห็น วาอะไร” พูดแลวก็เดินออกไป จะไปที่ราน บายสามโมง วันเดียวกัน ฉันไดรับโทรศัพทจากคุณ ยุทธวา อาโกวเขาโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน ฉันรีบรุด ไปที่โรงพยาบาล เห็นอาโกวอยูในหองฉุกเฉิน กำลังปม หัวใจอยู ที่แท เมื่อตอนกลางวัน อาโกวคุยคาขายกับ ลูกคาอยู เปนลมกระทันหัน การชวยเหลือของคุณหมอ ลมเหลว ไมสามารถชวยอาโกวได คนดีคนหนึ่ง อาโกวที่ 144 เรื่องเลาของแม
ดีของพวกเรา ไดจากไปอยางเงียบๆ แมกระทั่งพูดคำ อำลาก็ไมมี โธ...อาโกวที่รัก พวกเรารักคุณ พวกเราคิดถึงคุณ และพวกเราจะจดจำหนี้บุญคุณของคุณตลอดไป...
ตังซิน 145
อาโกว
146 เรื่องเลาของแม
อาโกวจากเราไปแลว
วันที่ 7 เดือนพฤษภาคม เปนวันพืชมงคล ที่จริงแลว วันนี้เปนวันมงคล บายสามโมง ฉันกำลังนอนพักผอน อยางสบาย ทันใดนั้นเสียงโทรศัพทดังขึ้น ฉันรีบลุกขึ้นรับ สาย ที่แทคุณอาเขยโทรมา เขาบอกวา “อาซอ มารีอาตอนนี้อยูไอซียู” “ที่ไหน” “กรุงเทพคริสเตียนชั้น 9” คำตอบสั้ น ๆ ทำให ฉั น ใจหาย ฉั น รี บ ลุ ก ขึ้ น ทั น ที เปลี่ยนเสื้อผา เรียกรถแท็กซี่ไปโรงพยาบาลทันที มาถึงที่ชั้น 9 ฉันเห็นคุณยุทธเดินไปเดินมา สีหนา เครงเครียด ฉันถามวา ตังซิน 147
“เปนอยางไรบาง อันตรายมั้ย” เขาตอบวา “หมอบอกวาอันตราย กำลังปมหัวใจ อยู” โธ ฉั น ใจหายวาบ ในใจได แ ต อ ธิ ฐ าน อ อ นวอน ภาวนา “พระช ว ย พระช ว ย พระช ว ยอาโกวให ผ า นพ น อันตรายวิกฤตนี้ไปไดดวยเถิด” ในใจคิดวา ตลอดชีวิตอาโกวที่ผานมา เปนคนใจบุญ ทำแตความดี ตองผานเคราะหครั้งนี้ไปไดแน และในใจ ยังไดบนบานกับเจาแมกวนอิมวา ถาอาโกวปลอดภัย ฉัน จะทานเจสามเดือนถวายเจาแม เวลาผานไปสิบหานาที คุณหมอออกมาบอกวา “เวลานี้ คนไขยังไมฟน ญาติตองเตรียมใจไวนะ” ฉันไดยินแลวสะดุง ผานไปอีกครึ่งชั่วโมง คุณหมอ ออกมาบอกวา “ขอโทษ พวกเราชวยกันเต็มที่แลว” คำพูดของหมอเหมือนฟาผา ฉันแทบช็อค ฉันกับคุณ ยุทธ และลูกๆ รีบรุดเขาไปในหองไอซียู “ไปไดโดยไมสั่งเสียสักคำเลยหรือ อาโกว ทำไมเธอ ไปเร็วขนาดนี้ ทำไมเงียบ ทำไม ทำไม...” ที่แท วันที่ 7 ตอนเชา อาโกวกรูสึกแนนหนาอกแลว 148 เรื่องเลาของแม
(อาโกวบอกกับลูกนอง) แตชะลาใจ คิดวาอาจเกี่ยวกับ การนอนไมหลับ หลังๆ นี้ นอนไมหลับบอย ยังไปคาขาย ตามเดิมที่ราน พอถึงเวลาบายโมงครึ่ง กำลังคุยกับลูกคา อยู ก็ไดหมดสติกระทันหัน ถูกหามสงเขาโรงพยาบาล แตนาเสียดาย มาชาไป เลยชวยไมทันแลว อาโกวอายุเพียง 57 ป เปนคนดี และคาขายเกงมาก มี ม นุ ษ ยสั ม พั น ธ ดี เ ยี่ ย ม ในวงการเพชรพลอยและ ญาติมิตร หลังจากไดรับขาวราย แทบช็อคไปตามๆ กัน ไมมีใครอยากจะเชื่อวา มันเปนความจริง ลูกหลานรองไห อาลัย ลูกสาวคนโตนองวีและลูกเขย รีบบินกลับมาจาก อเมริกา เพื่อมากราบไหวคุณแม และลูกของฉันสองคน พอไดขา ว ก็รบี บินกลับมาจากฝรัง่ เศส เพือ่ กราบลาอาโกว โธ...อาโกวที่รัก คุณทั้งสวย ทั้งเกง ทั้งใจดี เธอทำไม ไม สั่ ง เสี ย ลู ก ผั ว สั ก คำ อยู ดี ๆ ก็ จ ากไป หรื อ เธอรู สึ ก เหนื่อย อยากพักผอน หรือเธอมองชีวิตทะลุปรุโปรงหมด แลว คิดวาไมมีอะไรตองเปนหวง หรือฟาอิจฉาคนเกงกัน แน คิดถึงความรักระหวางเราสองคน บานอยูใกลกัน กินขาวดวยกันบอยๆ เคยเที่ยวดวยกัน ไมวาจะมีปญหา อะไร เราก็คุยปรึกษากัน มีอะไรอึดอัดใจ ก็มาเลากันฟง คิดถึงเมื่อลูกฉันตอนเด็กๆ อาโกวก็รักพวกเขามาก ชวย ตังซิน 149
กันอุมชูกันมาตลอด และเธอเปนคนชวยเหลือพี่ชายและพี่ สะใภมาตลอด และยังกตัญูตออามา ฉันซึ้งใจในบุญ คุณของอาโกว ที่มีตอพวกเรามาก เวลานี้หลานๆ ก็โตขึ้น มาแลว ตางก็มีกิจการงานที่ดี แตยังไมทันไดตอบแทน บุญคุณของอาโกวที่มีตอพวกเรา อาโกวก็ไปสวรรคเสีย แลว พวกเราเศราโศกเสียใจมากจริงๆ อาโกว การจากไปคราวนี้ ทำใหซอปวดราวใจแทบ ขาดใจ แผนดินอันกวางใหญ ไมรูวาดวงวิญญาณของ อาโกวอยูที่ไหน ฉันคิดถึงเธอมากๆ ถาดวงวิญญาณของ เธอรับรู ขอใหมาเขาฝนฉันบอยๆ ถึงแมเราจะไดเจอกัน เพียงแคในฝน ก็ยังดี... ฉันเขียนเรื่องนี้ดวยน้ำตา และหัวใจที่แตกสลาย
150 เรื่องเลาของแม
152 เรื่องเลาของแม
ตนมะเฟอง
หลังบานฉันมีตนมะเฟองอยูตนหนึ่ง ปลูกมาอยู 45 ป ตนมะเฟองตนนี้ อาโกวเปนคนใหฉันมา จำไดวา มี อยูวันหนึ่ง อาโกวถือตนไมเล็กๆ มาตนหนึ่ง บอกฉันวา “อาซอ ตนมะเฟองตนนี้ เพื่อนใหมา เขาบอกวาผล มะเฟองบานของเขาหวานอรอย แตที่บานฉันไมมีที่ปลูก ทิ้งไปก็เสียดาย ฉันใหซอ” ที่จริงฉันไมชอบกินมะเฟองเทาไรนัก แตไมอยาก ฝนใจอาโกวที่อุตสาหเอามาให ฉันเลยรับไว พอดีหลัง บานมีที่ดินอยูนิดหนอย เลยปลูกไวตรงนั้น อาโกวบอกวา “ทีหลังติดลูกมะเฟอง อยาลืมแบงใหฉันกินดวยนะ” ฉันตอบวา “แนนอน แหม ตนไมอาโกวเปนคนเอา ตังซิน 153
มาให จะลืมอาโกวไดอยางไร” หนึ่งป สองป ผานไป พอถึงปที่สาม ตนมะเฟอง ออกดอกเยอะแยะไปหมดเลย แตวาอยูมาคืนหนึ่ง พายุ ฝนหนัก ทำใหดอกมะเฟองรวงหมด เหลือติดมะเฟองอยู ไมกี่ลูก ลองเด็ดลงมาชิมดู จืดๆ ฝาดๆ ไมเห็นจะอรอย ตรงไหน ก็เลยไมไดเด็ดไปใหอาโกว ไมกี่วันตอมา ฉันไปซื้อถั่วเหลืองมาสองกิโล เอา น้ำรอนแชไว วันรุงขึ้น ฉันขุดหลุมขางๆ ตนมะเฟอง เอา ถั่วเหลืองฝงลงไปเพื่อเปนปุย วิธีนี้แมฉันเคยสอนฉันไว ผานไป 1 เดือน โอโห ตนมะเฟองออกดอกเต็มตน เลย สีมวงอมชมพู เปนชอๆ ดูสวยงามมาก คราวนี้ไมมี พายุ ฝ น ไม น านนั ก ก็ ติ ด มะเฟ อ งมาเป น พวงๆ รอ มะเฟองสุกแลว หอยเปนพวงสีเหลืองทองสดใส เหมือน โคมไฟของจีน ลองเด็ดลงมาชิมสักลูก อืม...รสชาติหวาน อมเปรี้ยวนิดๆ น้ำเยอะมาก ทานแลวชุมคอจริงๆ ฉันคิด วาคงเปนเพราะปุยแนๆ เลย แนนอนที่สุด คนแรกที่ตองใหคืออาโกว ฉันเด็ดลง มาแลว เลือกลูกใหญและสวยทีส่ ดุ ไปใหอาโกว 1 ตระกรา อาโกวดีใจมากบอกวา “โอ ลูกมะเฟองออกแลวจริงๆ ดวย ดีจัง” หลังบานของฉันแบงออกเปนสองดาน ดานตะวันตก 154 เรื่องเลาของแม
ปลูกตนมะเฟอง สวนดานตะวันออกเปนครัว เตาแกซ ก็ตั้งอยูตรงขามตนมะเฟอง ระหวางกลางไมมีอะไรมากั้น ฝงที่เปนครัวมีหลังคาคลุมอยู พอถึงบายสามโมง พระอาทิตยคลอยไปทางทิศตะวันตก รอนอยาบอกใคร โชคดีที่มีตนมะเฟอง ไดชวยบังแสงอาทิตยไว อาโกว เปรียบเสมือนตนมะเฟอง ชวยพวกเราบัง แดด เพราะอาโกวมีเมตตาจิต แมวาจะแตงงานไปแลว อาโกวก็ยังรักแม และหวงหลานๆ คิดถึงตอนที่ลูกของฉัน เขาวงการคาใหมๆ บางครั้งหมุนเงินไมทัน ก็ไดอาโกว นี่แหละ ชวยค้ำจุนไว ทุกวันนี้ครอบครัวของเราไมลืมบุญ คุณของอาโกว แตนาเสียดาย อาโกวจากพวกเราไปแลว อาโกวจากเราไปแลว แตตนมะเฟองที่อาโกวใหไว ยังอยู ทำใหเวลาฉันเห็นตนมะเฟองเมื่อไร ก็คิดถึงอาโกว ทานลูกมะเฟองเมื่อไร ก็ยิ่งคิดถึงอาโกว คิดถึงเมื่อปไกล เราสองคนคุยกันสนุกอยูใ ตตน มะเฟองตนนี้ ตอนนี้ อาโกว อยูที่ไหน เพียงแคคิดถึง ก็รูสึก เศราเสียใจ...ไมเคยหาย คิดถึงเลย...
ตังซิน 155
แม ถายเมื่อ พ.ศ. 2542
156 เรื่องเลาของแม
สั่งเสียไวกอน
เมื่อปที่แลว (พ.ศ. 2547) วันที่ 26 ธันวาคม ภาคใต ทะเลแถบอันดามัน ไดเกิดมหาตภัยใหญหลวงสึนามิ ขาว นี้สะเทือนไปทั่วโลก นี่นับวาเปนขาวรายแรงที่สุด ที่ฉันไดเคยไดยินมา ฉันเศราโศกจนน้ำตาตก ถึงแมคนที่เจอเหตุราย ไมไดเปน ญาติฉัน แตพวกเขาก็เปนเพื่อนมนุษยที่รวมโลกกับเรา ฉั น จึ ง เสี ย ใจเป น ธรรมดา นอกจากเสี ย ใจแล ว ฉั น ไม สามารถชวยเหลือพวกเขาไดเทาไร เพียงสงเงินไปรวมแรง ชวยเปนกำลังใจแรงหนึ่ง และไดแตสวดมนตภาวนา ให พระพุทธเจากรุณาชวยนำดวงวิญญาณที่เสียชีวิตไปสูที่ ชอบ และสุขคติ ตังซิน 157
มหาตภัยครั้งนี้ ทำใหครอบครัวมากมายแตกสลาย ทำใหบางคนกิจการลมจม ทำใหเกิดเด็กกำพรามากมาย และทำใหคนพิการ คนตาย และสูญหายมีตั้งหลายแสน คน เปนเรื่องที่นาเศราจริงๆ คิดถึงชีวิตคนเรา เกิดมาในโลกนี้ก็รีบรอน พอบทจะ จากไป ก็กระทันหัน ไมมีใครสามารถรูตัวกอนวา จะตาย เมื่อไร แตทำไมยังมีคนมากมาย ชิงดีชิงเดนกัน ชิงสมบัติ ทรัพยสิน ผลสุดทาย ทุกคนก็ไปดวยมือเปลาทั้งสิ้น คนเราทุกคน ถามีบานอยู มีกินสามมื้อ มีเงินใชบาง ไมติดหนี้ ไมเจ็บไมไข ทุกคนในครอบครัวสุขสบาย ก็นา จะพอใจ และมีความสุขแลว แตบางคนก็ยังโลภ ไมพอใจสักที มีเงินแลว ก็ยัง อยากรวยมากกวาอีก มีเมียอยูแลว ก็ยังอยากมีเมียนอย อีก มีบานอยูแลว ก็ยังอยากสรางตึกสูง อยากมีบานหรู ใหญโต เหลือเงินทองสมบัติมากมาย สุดทายตัวเองก็ตอง จากโลกนี้ไป ถาไดลูกหลานดี มีความสามารถ ดูแล ทรัพยสมบัติ ดำเนินกิจการตอได ก็ถือวาตระกูลนี้โชคดี ไป แตลูกหลานบางคน ไมเอาไหน พอพอแมตายลง พี่ นองก็แยงชิงสมบัติกัน ถึงกับขึ้นโรงขึ้นศาล พี่นองกลาย เปนศัตรูกัน ตางฝายตางไมยอมกัน โดยไมคำนึงวาคนอื่น เขาจะนินทา หัวเราะเยาะเอา และไมเกรงใจวิญญาณของ 158 เรื่องเลาของแม
บรรพบุรุษ จะนอนตายตาไมหลับ อันความจริงแลว คนเราอยูในโลกนี้ จริงอยู เงินทอง ก็สำคัญเหมือนกัน แตเพื่อแยงชิงสมบัติแลว พี่นองเขนฆา กันนี้ เปนสิ่งไมควรยิ่งนัก ฉะนั้น เพื่อนที่มีสมบัติทั้งหลาย จงอยามัวกมหนา กมตาหาสมบัติเพิ่มพูนใหลูกหลาน ลูกหลานเขามีบุญของ เขาเอง ใหความรูเขา ดีกวาใหสมบัติ และพยายามสอน เขาให มี ใ จจริ ง ต อ กั น พี่ น อ งต อ งรั ก ใคร สามั ค คี กั น ญาติมิตร ก็ตองเคารพนับถือกัน สอนเขามีคุณธรรม มี เมตตาจิต จึงจะเปนคนที่มีสมบัติประจำกายตลอดไป จากการเกิดสึนามิครั้งนี้ ทำใหฉันหวนคิดถึงตัวเอง ก็ไมรูเหมือนกันวา เมื่อไรเราจะจากโลกใบนี้ไป เชนผูคน มากมายที่เสียชีวิตจากภัยครั้งนี้ พวกเขาไมทันจะกลาว คำลากับสามี ภรรยา หรือลูกหลานเลย ฉันจึงคิดวา เรา นาจะเขียนคำสั่งเสียกับลูกๆ ไวกอน นาจะดี...
ตังซิน 159
ถึงลูกๆ ที่รักทุกคน ถึงแม แมเวลานี้ยังแข็งแรงอยู แตแมก็ไมรูวา สักวัน หนึ่ง แมก็อาจจะจากลูกไปกระทันหันก็ได ถาเกิดวันนั้น มาถึง ขอใหพวกเธอไมตองตกใจ ทุกคนมาในโลกนี้ ก็มี วันกลับไปวันยังค่ำ ไมมีงานเลี้ยงที่ไมเลิกลา จริงไหม? ถาวันใด แมปว ยเปนโรครายแรงทีร่ กั ษาไมได พวกเธอ ก็ไมตองใหคุณหมอใหยาคีโม คีมอ ชวยแมไว ใหแมไป อยางสงบ แมไมตองการมีสายรุงรัง มาพันกับตัวแม และ ก็ไมชอบกินอะไรจากสายยาง หมอไมสามารถสูชนะกับ ชะตาชีวิตไดหรอก ถ า แม น อนอยู บ นเตี ย ง หลุ ก หลิ ก ไม ไ ด ได แ ต กระพริบตา พูดไมออก ตายไมตาย อยูอยางทรมาน นั่น เปนความทุกขยิ่งนัก ฉะนั้น ขอใหพวกเธอ ปลอยใหแมไป ตามธรรมชาติ อยาพยายามรั้งแมไว ถึงแมแมไมอยาก จากพวกเธอไปก็ตาม แตแมไมชอบอยูโรงพยาบาลนานๆ เพราะแมไมอยากใชเงินทองมากมาย ที่พวกเธอหามาดวย ความยากลำบาก ถาเกิดวันหนึ่ง แมเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ แมขอให พวกเธอ ไมตองเสียใจ เพราะนั่นเพียงแตเปนเหตุผลอยาง หนึ่ง ที่ทำใหแมจากพวกเธอไป นั่นก็แปลวา พวกเราหมด วาสนาที่เปนแมลูกกันแลว ก็เหมือนละครอวสานลงแลวไง 160 เรื่องเลาของแม
พอแมจากไปแลว พวกเธอเอาแมไปเผา ไมตองเอา ไปฝง เพราะฮวงจุยมันแพง อีกอยาง แมไมอยากให พวกเธอทุกป ตองมาลำบากกับการไปไหวเช็งเมง วุนวาย รถก็ติด หลังจากเผาแมแลว พวกเธอก็เอากระดูกแมไปลอยน้ำ ถาพวกเธอคิดถึงแม ทุกป วันครบรอบวันเสียของแม พวกเธอพี่นอง ก็นัดไปทำบุญเลี้ยงพระกันที่วัด เวลานั้น พวกเธออาจตางคนตางมีครอบครัว อาจไมไดอยูบาน เดี ย วกั น ให พ วกเธอพี่ น อ งต า งพาลู ก ๆ มาเจอกั น หลานๆ จะไดสนิทสนมกัน และกินบุฟเฟตกันเลย ถาพวกเธอทำตามที่แมสั่งไว พวกเธอทุกคน ก็คือลูก กตัญูของแม แมไมมีสมบัติใหลูก ความหวังอยางเดียว คือหวังวา ลูกทุกคนเปนคนดี พี่นองตองรักใครสามัคคี ชวยเหลือซึ่ง กันและกัน แมจะสบายใจมาก อยูปรโลก แมจะยิ้มอวยพรใหลูก ทุกคน มีสุข มีชัย... แม
ตังซิน 161
ตังซิน เปนนามปากกา ชื่อจริงคือ เซี่ยมเค็ง แซจิว เกิดที่ประเทศจีน หมูบานเง็กเฮียบซัว เมืองซัวเถา มณฑลกวางตุง อายุ 7 ขวบ มาประเทศไทย เรียนชั้นประถม ที่โรงเรียนประสาทปญญา เรียนชั้นมัธยม ที่โรงเรียนศึกษาผูใหญอมาตยกุล เรียนภาษาจีนเพิ่มเติมภาคค่ำ ที่โรงเรียนประสาทปญญา แตงงานเมื่ออายุ 22 ป มีลูก 5 คน ชาย 3 หญิง 2 เปนครูสอนภาษาจีน-ไทยที่บาน เปนฝายบุคคลที่ บริษัท เอเชี่ยนอารต 5 ป นับถือศาสนาพุทธ ยึดถือคุณธรรมเปนที่พึ่งทางใจ ชอบการทองเที่ยว และการรองเพลง ชีวิตความเปนอยูเรียบงาย กินงาย อยูงาย มีเพื่อนไมมากนัก แตมีเพื่อนดีๆ เวลานี้อายุมากแลว ลูกก็โตแลว จึงเอาความทรงจำเกาๆ ถายทอดออกมา เพื่อแกเหงากับตัวเอง และใหลูกหลานไวอานเลน
โครงการหนังสือตามใจ พิมพ เมื่อมีคนอยากอ าน!
200.-