ี white นกแอ่นกินร ัง(swiftlet) ทองคำำขำวแห่งเอเชย
gold
of Asia เรือ ่ งราวทีจ ่ ะกล่าวถึงต่อไปนี้ ถือได ้ว่าเป็ นเรือ ่ งหนึง่ ทีเ่ ป็ นปมปริศนาคาใจ ของหลายผู ้ คนทีม ่ ค ี วามอยากรู ้เรือ ่ งเกีย ่ วกับ "ร ังนกแอ่น” (Edible-nest Swiftlet) หรือทีช ่ าวตะวันตก เรียกกันว่า “White Gold” หรือแปลเป็ นไทยว่า “ทองคำา ขาว” ทัง้ นีอ ้ าจเป็ นว่าฝรั่งเรียกเพือ ่ ประชดประชันชาวเอเชียทีต ่ งั ้ ราคาผลิตภัณฑ์ทไี่ ด ้จาก นาลายของนกจนแพงลิ ้ำ บลิว่ ของแพงย่อมเป็ นจุดสนใจของใครหลายคน และทีจ ่ ะหลีก เลีย ่ งไม่ได ้ก็คอ ื คำาถามทีว่ า่ แล ้วนกแอ่นพวกนีม ้ ช ี วี ต ิ อยูท ่ ไี่ หน หรืออยูก ่ น ั อย่างไร? อีก คำาถามหนึง่ ทีน ่ ่าจะหาคำาตอบก็คอ ื เมือ ่ รังมันมีราคาแพงนั ก จริงๆ แล ้วมันมูลค่าเท่าใดกัน แน่ และเมือ ่ มันแพง ทำาไมประเทศไทยไม่เพาะเลีย ้ งและขายรังมันเสียเลย และคำาถา มอืน ่ ๆ ทีด ่ จ ู ะหาคำาตอบได ้ยากยิง่ มาร่วมกันหาคำาตอบเหล่านีด ้ ้วยกันเถอะ สิง่ แรกคือต ้องทำาความเข ้าใจก่อนว่า นกนำงแอ่น (Swallows) และนก ั ้ เชิงทงอุ แอ่น (Swiftlets) ในแง่ทางวิชาการนัน ้ มีควำมแตกต่ำงก ันโดยสิน ั้ ปนิสย และล ักษณะภำยนอก จนน ักอนุกรมวิธำนได้จ ัดแยกเอำไว้คนละอ ันด ับ (Order) ั โดยมีขอ ้ สงเกตบำงประกำรถึ งควำมแตกต่ำงของนกสองกลุม ่ นีค ้ อ ื นก นำงแอ่น(Swallows) เป็นนกมีปีกแต่ละข้ำงยำวและกว้ำงแผ่ออกเป็นรูป ั สำมเหลีย ่ ม ไม่เรียวแหลม มีนส ิ ยชอบเกำะตำมสำยไฟฟ ้ ำเป็นฝูงขนำดใหญ่ และทีพ ่ วกเรำพบคุน ้ เคยก ันก็คอ ื นกนำงแอ่นบ้ำน (Barn Swallow) ทีม ่ ำชุมนุม รวมต ัวทีถ ่ นนสีลมในกรุงเทพช่วงฤดูหนำวของทุกปี โดยทว่ ั ไปนกนำงแอ่น สำมำรถพบเห็นได้บอ ่ ยทงในเมื ั้ องใหญ่ ตำมท้องไร่ทอ ้ งนำ นกกลุม ่ นีส ้ ร้ำงร ัง บริเวณหน้ำผำหรือตำมบ้ำนเรือนด้วยดินโคลนผสมก ับเศษพืช ด ังนน ั้ จนถึงบ ัดนี้ ย ังไม่มรี ำยงำนว่ำ มนุษย์คนใดนำำร ังของนกนำงแอ่นมำปรุงเป็นอำหำร…! ส่วน นกแอ่น (Swiftlets) ทีจ ่ ะกล่าวถึงเป็ น “พระเอก” ของเรือ ่ งนัน ้ เป็ น นกทีม ่ ข ี นาดลำาตัวเล็กกว่าปี กแต่ละข ้างยาวเรียวแหลมไม่แผ่กว ้างเป็ นสามเหลีย ่ ม บินได ้ รวดเร็วกว่า หากสังเกตดีๆ ก็จะพบว่านกกลุม ่ นี้กระพือปี กทัง้ สองข ้างไม่พร ้อมกัน เป็ น วงศาคณาญาติใกล ้ๆ กันกับนกฮัมมิง่ เบิรด ์ ในทวีปอเมริกาใต ้ โดยธรรมชาติได ้ออกแบบ ให ้นกพวกนีม ้ ข ี าขนาดเล็ก และนาหนั ้ำ กเบามากเพือ ่ จะได ้ปราดเปรียวเวลาบิน และส่วน นิว้ ตีนของนกกลุม ่ นี้ก็มแ ี ค่ 3 นิว้ ทีช ่ ไี้ ปข ้างหน ้าทัง้ หมด ไม่มน ี วิ้ ทีช ่ ไี้ ปข ้างหลัง ดังนัน ้ ที่ เราไม่พบเห็นนกกลุม ่ นีเ้ กาะตามสายไฟฟ้ าหรือต ้นไม ้จึงเป็ นเพราะมันไม่มน ี วิ้ ตีนหลัง ำ สำาหรับเกาะยึดนั่นเอง นกในกลุม ่ นีท ้ งั ้ หมดสร ้างรังแปะติดตามผนังถาและสิ ้ ง่ ก่อสร ้าง ่ มรังยึดติดกับวัสดุอน ต่างๆ โดยทุกชนิดใช ้นาลายของตั ้ำ วเองเป็ นตัวเชือ ื่ และมีบางชนิดที่ ำ ใช ้นาลายของตั ้ วเองเพียงอย่างเดียว รังของนกกลุม ่ นีเ้ องทีม ่ นุษย์นำามาบริโภคมาเป็ น เวลาช ้านาน หากจะย ้อนอดีตดูประวัตค ิ วามเป็ นมาของการนิยมบริโภครังนก แม ้ไม่บอกทุก คนก็คงเดาถูกว่าคือเริม ่ จากชนชาติจน ี ซึง่ นิยมกันมาเป็ นเวลานานมากและการบริโภคได ้ ่ ก ันว่ำร ังของนกแอ่นมี เฟื่ องฟูมากในสมัยราชวงศ์หมิง ชาวจีนนัน ้ มี ควำมเชือ ่ ใน สรรพคุณในแง่ตำ่ งๆ ในกำรร ักษำโรค หรือเป็นยำอำยุว ัฒนะ ด้วยควำมเชือ สรรพคุณเหล่ำนีเ้ อง จึงก่อให้เกิดกำรค้ำขำยร ังนกแอ่นบนโลกนีข ้ น ึ้ เท่ำทีม ่ ก ี ำร จดบ ันทึกเป็นลำยล ักษณ์อ ักษรของพ่อค้ำชำวยุโรปพบว่ำมีมำนำนกว่ำ 400 ปี ั ำเหตุใด นกแอ่นกินร ัง จึงได้สญ แล้ว จึงไม่นำ ่ สงสยว่ ู หำยหรือไม่สร้ำงร ังต่อใน
หลำยประเทศอ ันได้แก่ อินเดีย ศรีล ังกำ และฟิ ลิปปิ นส ์ รวมทงตอนใต้ ั้ ของ ประเทศจีน อย่างไรก็ตาม โชคดีทวี่ า่ ประเทศไทยนัน ้ ถึงแม ้มีหลักฐานชัดเจนว่ามีกจิ การค ้าขายรังนก แอ่นตัง้ แต่สมัยแผ่นดินกรุงศรีอยุธยาตอนกลางเรือ ่ ยมาจนถึงปั จจุบัน นกแอ่นกินรังก็ยัง คงอาศัยอยูใ่ นแผ่นดินไทย ดังจะเห็นได ้จากสถิตต ิ ัวเลขการส่งออกรังนกแอ่นจาก ประเทศไทยไปยังเกาะฮ่องกงในช่วง 10 ปี ทผ ี่ า่ นมามีปริมาณถึง 7,000 กิโลกรัมต่อปี ! จากรายงานจำานวนสมาชิกของนกแอ่นกินรังในสกุล Collocalia จำานวน 14 ชนิด พบว่า ทุกชนิดมีถน ิ่ การกระจายส่วนใหญ่อยูใ่ นภูมภ ิ าคเอเซียตะวันออกเฉียงใต ้ สำาหรับใน ประเทศไทยจะขอกล่าวเฉพาะนกแอ่นกินรัง 3 ชนิดคือ
นกแอ่นกินร ัง (Collocalia fuciphaga, Gmelin)
นกแอ่นกินร ังตะโพก ขำว (C. germanni, Oustalet)
นกแอ่นหำงสีเ่ หลีย ่ ม (C. maxima, Hume)
ั สนกันว่านกแอ่นกินรังทีพ ปั จจุบันยังเป็ นทีส ่ บ ่ บในประเทศไทยเป็ นชนิดไหนกันแน่ ระหว่างนกแอ่นกินรัง และแอ่นกินรังตะโพกขาว หรือพบทัง้ สองชนิดเลย ทัง้ นีข ้ น ึ้ อยูก ่ บ ั ว่าจะยึดถือตำาราจากปรมาจารย์สำานักไหน อย่างไรก็ตามรังของนกทัง้ สองชนิดนีท ้ ำาจาก ี าวถึงสีแดง เป็ นทีน นาลายล ้ำ ้วนๆ ไม่มส ี งิ่ อืน ่ มาเจือปน สีของรังจึงมีสข ่ ย ิ มค ้าขายกันและมี ราคาสูงมาก ในทีน ่ จ ี้ ะขอเรียกนกสองชนิดนี้วา่ “นกแอ่นร ังขำว” ส่วนนกแอ่นหาง สีเ่ หลีย ่ มนัน ้ มีขนาดลำาตัวใหญ่กว่าสองชนิดนัน ้ เล็กน ้อย แล ้วสร ้างรังด ้วยนาลายผสมกั ้ำ บ ขนของตัวเอง รังจึงออกมาเป็ นสีดำาสนิท ขอเรียกนกชนิดนีว้ า่ “นกแอ่นร ังดำำ” น่า ประหลาดใจทีว่ า่ ในหลายๆ ท ้องทีม ่ ักพบนกทัง้ สองชนิดนีอ ้ าศัยหากิน และสร ้างรัง บริเวณพืน ้ ทีเ่ ดียวกัน รูเ้ ขำรูเ้ รำ..รบร้อยครงชนะร้ ั้ อยครง” ั้
สามารถพบทั้งรังของ
"นกแอ่ นรังดำา"
และ
"นกแอ่ นรังขาว"
ได้
แต่กอ ่ นทีจ ่ ะเดินหน ้าเล่าถึงเรือ ่ งราวรายละเอียดการศึกษาวิจัยต่างๆ ของนกแอ่นกินรังใน ประเทศไทย ต ้องเข ้าใจก่อนว่า การศึกษาวิจัยพัฒนา “ทองคำาขาว” ของเราทีไ่ ด ้จากนก แอ่นกินรัง ต ้องเริม ่ จากการทบทวนเอกสารทีบ ่ ันทึกไว ้ทัง้ หมดทัง้ ในประเทศ และต่าง ประเทศ เพือ ่ จะได ้ทราบว่าชาติอน ื่ ๆ เขาคิดและทำาเรือ ่ งนีก ้ น ั ถึงไหนอย่างไรบ ้าง หรือดัง ที่ “คัมภีรซ ์ น ุ วู” กล่าวไว ้ว่า “รู ้เขารู ้เรา…รบร ้อยครัง้ ชนะร ้อยครัง้ !” จากเอกสารพบว่าในพ.ศ. 2539 นักวิทยาศาสตร์จากประเทศอังกฤษและอินโดนีเซียได ้ รวบรวมเอกสารทางวิทยาศาสตร์ทเี่ ขียนเกีย ่ วข ้องกับนกแอ่นกินรังตัง้ แต่อดีตจนปั จจุบัน ้ มากกว่า 1,500 เรือ ไว ้แล ้ว แต่เห็นแล ้วก็ต ้องถอนใจเฮือกใหญ่ เพราะมีจำานวนทัง้ สิน ่ ง
โดยเริม ่ มีรายงานตัง้ แต่ปี พ.ศ. 2174 หรือประมาณ 370 ปี ลว่ งมาแล ้ว จากเอกสาร ทัง้ หมดนี้ มีเรือ ่ งทีก ่ ล่าวถึงประเทศไทยไม่ถงึ 10 เรือ ่ งด ้วยซาำ้ ซึง่ พอจะคาดการณ์ได ้ว่าน กกลุม ่ นีม ้ ค ี วามสำาคัญต่อประเทศในแถบภูมภ ิ าคนีเ้ ป็ นอย่างมาก จึงได ้มีงานวิจัยกัน ่ มากมาย ขอเรียบเรียงมาเล่าสูกน ั ฟั งพอเป็ นสังเขปดังนี้ โดยธรรมชาติของนกกลุม ่ นีม ้ ล ี ักษณะพิเศษกว่านกชนิดอืน ่ คือสามารถส่งคลืน ่ เสียง ้ค ความถีส ่ งู (Echolocation) เพือ ่ ใช ้นหาทิศทางในทีม ่ ด ื สนิทได ้เช่นเดียวกับค ้างคาวกิน ั การหาอาหารโดยการบินแล ้วใช ้ปากโฉบจับ แมลง (Insectivore bat) เป็ นนกทีม ่ น ี ส ิ ย แมลงกลางอากาศ มีการศึกษาถึงชนิดและจำานวนของแมลงทีเ่ ป็ นอาหารของนกแอ่นกิน รังบริเวณถาที ้ำ อ ่ ยูบ ่ นเกาะบอร์เนียวของประเทศมาเลเซียโดยการผ่ากระเพาะอาหารของ นก พบว่ามีแมลงอยูใ่ นกระเพาะอาหาร มีนาหนั ้ำ ก 1-2 กรัม และนับจำานวนตัวได ้อยู่ ่ ำานวนประชากรนกทัง้ หมดทีม ระหว่าง 27-232 ตัว เมือ ่ คำานวณกลับไปสูจ ่ อ ี ยูพ ่ บว่า นก ในถานี ้ำ แ ้ ห่งเดียวช่วยกำาจัดแมลงประมาณปี ละ 5,000 กิโลกรัม (5 ตัน) หรือนกในถานี ้ำ ้ กินแมลงวันละประมาณ 100,000,000 ตัว (ร ้อยล ้านตัว) โดยพบว่าแมลงทีเ่ ป็ นอาหาร อยูใ่ นกลุม ่ มดทีม ่ ป ี ี ก 60 % กลุม ่ ปลวกมีปีก 27 % และแมลงอืน ่ ๆ เช่นด ้วงปี กแข็ง มวน เพลีย ้ และแมลงวันอีก 13 % นกกลุม ่ นีส ้ ว่ นใหญ่มฤ ี ดูสร ้างรังในช่วงฤดูร ้อนระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถงึ เดือนเมษายน ้ ทีร่ ะบุวา่ นกกลุม แต่ก็มรี ายงานหลายชิน ่ นีส ้ ามารถสร ้างรังวางไข่ได ้ตลอดทัง้ ปี พิสจ ู น์ได ้ ำ โดยมีการศึกษาถึงอวัยวะทีผ ่ ลิตวัสดุสร ้างรัง พบว่าเป็ น เจ ้าต่อมน้ำลำย (saliva glands) ทีอ ่ ยูบ ่ ริเวณคางของนกนีเ้ อง การศึกษาต่อมาพบว่าต่อมนีจ ้ ะพัฒนาจนโตใน ระหว่างเดือนธันวาคมถึงเดือนมิถน ุ ายน แล ้วจะไม่พบต่อมนาลายนี ้ำ เ้ ลยในช่วงเดือน กรกฎาคมและสิงหาคม นก 2 ชนิดนีใ้ ช ้เวลาสร ้างรังประมาณ 30-55 วัน วางไข่ครัง้ ละ 2 ฟอง รายงานทุกฉบับกล่าวตรงกันหมดว่า นกชนิดนีม ้ ค ี วามสามารถในการสร ้างรัง ทดแทน (Re-nest) ได ้ทุกครัง้ เมือ ่ รังถูกทำาลายหรือเก็บไปก่อนโดยมีเงือ ่ นไขว่าต ้องเก็บ ก่อนทีจ ่ ะมีการวางไข่ของนก โดยทั่วไปหลายประเทศจึงกำาหนดให ้เก็บรังนกได ้ปี ละ 2-6 ครัง้ ต่อหนึง่ ฤดูกาล โดยนกจะใช ้เวลาฟั กไข่อยูร่ ะหว่าง 20-30 วัน และใช ้เวลาเลีย ้ งดูลก ู อ่อนอยูร่ ะหว่าง 40-60 วัน ทัง้ หมดนีเ้ ป็ นข ้อมูลคร่าวๆ แต่เมือ ่ ไปดูเอกสารอีกหนึง่ กองก็ต ้องตกใจเป็ นครัง้ ทีส ่ อง เพราะเป็ นเอกสารเรือ ่ งการทำาฟาร์มนกแอ่นกินรังในประเทศอินโดนีเซีย (The Farming of Edible Sweftlets in Indonesia) การทำาฟาร์มนกในประเทศนีห ้ มายถึงการปลูก บ ้านทิง้ ไว ้ให ้นกมาทำารังในบ ้านแล ้วคนก็เข ้าไปเก็บรังมาขาย ในเอกสารนัน ้ ระบุวา่ เริม ่ มี แนวความคิดทีจ ่ ะพัฒนาการทำาฟาร์มในลักษณะนีม ้ าตัง้ แต่ ปี ค.ศ.1950 แต่มาประสบ ความสำาเร็จจริงจังหลังค.ศ. 1990 จนมีตัวเลขจำานวนนกทีอ ่ ยูใ่ นฟาร์มมากกว่า 40 ล ้าน ตัว จึงไม่น่าแปลกใจว่าจากตัวเลขการนำ าเข ้ารังนกแอ่นของเกาะฮ่องกงเพียงเกาะเดียว ประมาณปี ละ 160,000 กิโลกรัม เป็ นรังนกจากประเทศอินโดนีเซียถึงประมาณ 70,000 ื้ ขายกันทีเ่ กาะ กิโลกรัมและจากประเทศไทยเพียง 7,000 กิโลกรัม สำาหรับราคาทีซ ่ อ ฮ่องกงในเมือ ่ 5 ปี ทแ ี่ ล ้ว พบว่ามีราคาอยูร่ ะหว่างกิโลกรัมละ 2,620 – 4,060 ดอลล่าร์ สหรัฐ หรือประมาณ 100,000–180,000 บาทต่อกิโลกรัม! ถ ้าหากให ้ลองเดาราคารังนก แอ่นในท ้องตลาดของประเทศไทยก็คงจะพอเดาๆได ้ว่าราคาต่าำ สุด ก็น่าไม่ควรจะต่าำ กว่า 50,000 บาทต่อกิโลกรัม (จริงๆแล ้วไม่มต ี ัวเลขทีแ ่ น่นอนเพราะขึน ้ อยูก ่ บ ั คุณภาพของรัง ด ้วย) แล ้วอย่างนีจ ้ ะไม่ให ้เรียกนาลายนกว่ ้ำ าทองคำาขาวได ้อย่างไร ปั จจุบันประเทศ อินโดนีเซียได ้ขยายการผลิตและตัง้ เป็ นสมาคมการเพาะเลีย ้ งทีใ่ หญ่ อีกทัง้ ยังมีการจัด
ฝึ กอบรมให ้แก่ผู ้ทีส ่ นใจเป็ นประจำาทุกปี ซึง่ คงเดาได ้ว่าค่าลงทะเบียนนัน ้ ถูกหรือแพง เพียงไร… ทีก ่ ล่าวมาเป็ นเพียงตัวอย่างโดยย่อของข ้อมูลทีพ ่ อจะรวบรวมและนำ าเสนอมาให ้เห็นเพือ ่ “รู ้เขา” ต่อไปจะเป็ นการสำารวจเพือ ่ คำาว่า “รู ้เรา” จากการรวบรวมเอกสารภาษาไทยทีก ่ ล่าวถึงนกแอ่นกินรังในบ ้านเราจนถึงปั จจุบันพบว่า มีเพียง 3 เรือ ่ ง ซึง่ จะขอสรุปให ้ฟั งคร่าวๆ ว่า นกแอ่นกินรังในประเทศไทยส่วนใหญ่ทำารัง ตามเกาะทีอ ่ ยูใ่ นทะเลนับได ้ถึง 142 เกาะของในท ้องทีจ ่ ังหวัดตราด ประจวบคีรข ี ันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี พัทลุง กระบี่ พังงา ตรังและสตูล มีการศึกษารายละเอียดของ ชีววิทยาของนกแอ่นรังขาวบริเวณอำาเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราชของวนิสา ในพ.ศ.2528 พบว่านกชนิดนีส ้ ร ้างรังวางไข่ตลอดปี แต่มก ี ารทำารังวางไข่มากทีส ่ ด ุ ใน ระหว่างเดือนมกราคม ถึงเดือนมีนาคม รังมีขนาด 5 X 13 เซนติเมตร รังหนักประมาณ ี าวขนาด 10 กรัมต่อรัง ใช ้เวลาสร ้างรังประมาณ 30-35 วัน วางไข่ 2 ฟองต่อรัง ไข่มส ี ข ประมาณ 12 X 20 มิลลิเมตร ใช ้เวลาฟั กไข่ประมาณ 22-25 วัน ลูกนกออกจากไข่ไม่ม ี ขนปกคลุมลำาตัวและยังไม่ลม ื ตา พ่อแม่ต ้องเลีย ้ งดูลก ู อยูป ่ ระมาณ 35-40 วันจึงจะบิน ได ้ เมือ ่ นำ ารังไปวิเคราะห์หาสารอาหารพบว่ามีโปรตีน 60 % ฟอสฟอรัส 0.03 % แคลเซียม 0.85% และโปรแตสเซียม 0.03% ตามรายงานของ อ.โอภาส ขอบเขตต์ ซึง่ ได ้ศึกษาการเก็บรังนกในประเทศไทย พบว่า มี การเก็บครัง้ แรกเมือ ่ นกเริม ่ สร ้างรังช่วงต ้นฤดูกอ ่ นวางไข่ นกจะใช ้เวลาการสร ้างรัง ประมาณ 35-40 วัน และเก็บครัง้ ทีส ่ องเมือ ่ นกสร ้างรังครัง้ ทีส ่ อง ซึง่ จะใช ้เวลาประมาณ 20-25 วัน และรังทีส ่ ามจะใช ้เวลาประมาณ 15-17 วัน และเมือ ่ เก็บไปเรือ ่ ยๆ นกก็จะ สร ้างรังขึน ้ มาทดแทนได ้ แต่ต ้องเก็บรังก่อนทีน ่ กจะวางไข่ ่ ว่ายิง่ เก็บรังนกออกมากเท่าไหร่สข ี องรังจะแดงขึน ในอดีตเคยเชือ ้ เพราะว่านกต ้องกระอัก เลือดมาสร ้างรังใหม่ แต่จากการศึกษาก็พบว่าหาได ้เป็ นเช่นนั น ้ ไม่ เพราะสีของรังนกนัน ้ ำ ำ ำ ้ สูงหรือมีนาซึ ขึน ้ อยูก ่ บ ั สภาพแวดล ้อมของถาที ้ น ่ กสร ้างรัง ถาไหนมี ้ ความชืน ้ มจากผนังถา้ำ มาทีร่ ังนก รังนกก็จะออกมาเป็ นสีแดงไม่วา่ จะเป็ นรังทีห ่ นึง่ หรือรังทีส ่ องหรือรังทีส ่ าม ก็ตาม ด ้วยความสามารถผลิตรังทีม ่ รี าคาแพงมากจน นายแพทย์สด ุ แสงวิเชียร สนใจ ศึกษานกแอ่นกินรังเพือ ่ หาว่าแท ้จริงแล ้วรังนกนีส ้ ร ้างมาจากอวัยวะส่วนใดของนกกันแน่ จากผลการศึกษาของท่านได ้ให ้ข ้อสังเกตไว ้เป็ นทีน ่ ่าสนใจทีเดียวว่า นกน่าจะผลิตสาร เพือ ่ สร ้างรังจากบริเวณกระเพาะพัก (crop) ของนก นับว่าเป็ นเรือ ่ งทีจ ่ ะต ้องมีการศึกษา เพือ ่ พิสจ ู น์หาข ้อเท็จจริงกันต่อไป เมือ ่ ทราบข ้อมูลเชิงชีววิทยาของนกแอ่นกันบ ้างแล ้ว ต่อไปจะเล่าถึงการเดินทางไปดู แหล่งเพาะเลีย ้ งในประเทศไทยทีป ่ ระสบความสำาเร็จในการทำาฟาร์มนกแอ่นแบบเดียวกับ ประเทศอินโดนีเซีย คือทีอ ่ ำาเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราชทีต ่ ัวอำาเภอทัง้ ช่วงเช ้า ตรูแ ่ ละหัวค่าำ ผู ้เขียนได ้เข ้าไปอยูท ่ า่ มกลางฝูงนกแอ่นนับล ้านๆ ตัว บินเต็มท ้องฟ้ าเพือ ่ เข ้าออกในตัวตึกคล ้ายคอนโดมิเนียมทีค ่ นสร ้างไว ้ให ้ และถือว่าเป็ นโชคดีทส ี่ ด ุ ทีไ่ ด ้รับ ความกรุณาจากเจ ้าของตึกบางท่านให ้เข ้าไปศึกษาภายในตัวตึก พบว่ามีรังนกแอ่นเกาะ ติดตามเพดาน เหมือนกับภาพการทำาฟาร์มในประเทศอินโดนีเซียไม่ผด ิ เพีย ้ น ทำาให ้เกิด ้ เพือ ความภาคภูมใิ จแทนคนไทยทีม ่ ค ี วามสามารถทีไ่ ด ้สร ้างตึก 5-7 ชัน ่ ให ้นกมาสร ้างรัง และเก็บมาเป็ นสินค ้าส่งออกได ้ ผู ้เขียนได ้สอบถามอย่างคร่าวๆ ถึงราคาตึกทีส ่ ร ้างรวม ำ ค่าทีด ่ น ิ ในตอนนีต ้ กหลังละไม่ตา่ กว่า 10 ล ้านบาท มีผลผลิตเฉลีย ่ ประมาณ 2 กิโลกรัม
ต่อเดือน อย่างไรก็ตาม เท่าทีส ่ งั เกตโดยรอบๆตัวอำาเภอปากพนังกำาลังมีการก่อสร ้างตึก เพือ ่ ดึงดูดให ้นกแอ่นอยูไ ่ ม่น ้อยกว่า 50 หลัง ทีน ่ ่าเป็ นห่วงคือไม่รู ้ว่าในอนาคตอันใกล ้นี้ นกแอ่นหรือตึกจะมีจำานวนมากกว่ากัน หากมองตัวเลขทางผลผลิตการนำ าเข ้าส่งออกรังนกแอ่นของประเทศไทยล่าสุดใน ระหว่างปี พ.ศ. 2541-2543
2541
2542
2543
การนำ า เข ้า
4,254 Kg.
171,744,269 บาท
4,912 Kg.
161,094,869 บาท
17,775 Kg.
577,768,069 บาท
การส่ง ออก
4,674 Kg.
4,879,364 บาท
13,323 Kg.
12,161,737 บาท
22,597 Kg.
31,148,847 บาท
พบว่าตัวเลขปริมาณการนำ าเข ้าและส่งออกมีแนวโน ้มเพิม ่ ขึน ้ แต่ทน ี่ ่าสนใจคือมูลค่าตัว เงินดูคอ ่ นข ้างแตกต่างกันเหลือเกิน
จะทำำฟำร์มเลีย ้ งนกแอ่นกินร ังในประเทศไทยได้จริงหรือ ? หลังจากทีไ่ ด ้สำารวจข ้อมูลของทัง้ สองฝ่ ายแล ้ว เป้ าหมายหรือชัยชนะของเรา จริงๆ ก็คอ ื “กำรทำำฟำร์มเลีย ้ งนกแอ่นกินร ังให้ดก ี ว่ำหรือดีเท่ำก ับประเทศ อินโดนีเซียให้ได้” โดยเป็ นคำากล่าวของ รศ.โอภาส ขอบเขตต์ แห่งภาควิชาชีววิทยา ป่ าไม ้ คณะวนศาสตร์ ท่านเล็งเห็นว่าหากเรายังปล่อยให ้มีการเก็บรังนกกันในธรรมชาติ มาขายอยู่ จะก่อให ้เกิดปั ญหาตามมาอีกมากมายในอนาคต ทัง้ นีเ้ พราะภายใต ้กฎหมาย การเก็บรังนกพ.ศ. 2542 ทีไ่ ด ้ปรับปรุงจากกฎหมายพ.ศ. 2482 กำาหนดให ้แต่ละจังหวัด ทีม ่ รี ังนกแอ่นเปิ ดประมูลสัมปทานรังนกในธรรมชาติกน ั เองโดยมีระยะเวลาสัมปทานคราว ้การประมู ละ 5 ปี โดยยอดเงินทีใ่ ช ลในแต่ละจังหวัดแตกต่างกันไป เท่าทีท ่ ราบพบว่ามี ตัง้ แต่ไม่กล ี่ ้านบาทจนเป็ นหลักร ้อยล ้านบาทขึน ้ ไป เมือ ่ เป็ นเช่นนีใ้ ครทีไ่ ด ้สัมปทานก็ ย่อมต ้องเก็บเกีย ่ วผลประโยชน์จากรังนกให ้ได ้มากทีส ่ ด ุ เท่าทีร่ ะยะเวลาจะเอือ ้ อำานวย ถึง แม ้ว่ากฎหมายจะระบุไว ้อย่างชัดเจนว่าให ้เก็บรังนกได ้ปี ละสามครัง้ เท่านัน ้ แต่ความเป็ น จริงใครเล่าจะเป็ นผู ้ตรวจสอบตามหมูเ่ กาะแก่งต่างๆ กลางทะเลอันไกลโพ ้น และการ ปลูกตึกเพือ ่ ดึงดูดนกให ้มาทำารังโดยไม่มก ี ารจัดการดูแลนัน ้ ก็หาได ้ใช่การเพาะเลีย ้ งไม่ เรือ ่ งทีส ่ ำาคัญทีส ่ ด ุ อีกเรือ ่ งในปั จจุบันก็คอ ื “การกีดกันทางการค ้า” เนือ ่ งจากรังนกทีเ่ ก็บได ้เกือบทัง้ หมดของประเทศไทยใช ้เป็ นสินค ้าส่งออก ซึง่ ในปั จจุบัน ่ อยู่ มีแนวโน ้มสูงกว่าในหลายๆ ประเทศ ทำาให ้เริม ่ มีการผลักดันให ้นกแอ่นกินรังถูกขึน ้ ชือ ั ญาไซเตส (CITES) ซึง่ หมายความว่าประเทศทีจ ในบัญชีหมายเลข 2 ตามอนุสญ ่ ะส่ง รังนกออกได ้ต ้องเป็ นรังนกทีไ่ ด ้มาโดยไม่ไปรบกวนประชากรในธรรมชาติหรือต ้องได ้
จากการเพาะเลีย ้ งเท่านัน ้ ห ้ามส่งออกและนำ าเข ้ารังนกแอ่นจากธรรมชาติโดยเด็ดขาด ดังนัน ้ จึงเป็ นเรือ ่ งทีน ่ ่าเป็ นห่วงมากหากประเทศไทยยังไม่เตรียมตัวรับสถานการณ์นี้ อย่างไรก็ตามเพือ ่ พัฒนาแนวทางการเพาะเลีย ้ งนกแอ่นกินรังให ้ได ้ในประเทศไทย (ซึง่ ในปั จจุบันแทบจะเรียกได ้ว่าเราไม่มข ี ้อมูลเพียงพอทีจ ่ ะดำาเนินการเพาะเลีย ้ งจริงๆ ได ้ เลย) จึงอยากจะขอแบ่งการศึกษาออกเป็ นสองส่วนคือ ศึกษาในสภาพธรรมชาติและใน สภาพกรงเลีย ้ ง ดังต่อไปนี้ ้ ไม่ได ้ว่าในบ ้านเรา ในสภาพธรรมชาติ เนือ ่ งจากยังตอบคำาถามทีถ ่ กเถียงกันไม่รู ้จบสิน จริงๆ มีนกแอ่นกินรังกีช ่ นิดกันแน่และในแต่ละชนิดมีการกระจายอยูท ่ ใี่ ดบ ้าง ดังนัน ้ จึง จำาเป็ นต ้องมีการศึกษาด ้านพันธุกรรม (genetics) ของนกแอ่นกินรังทัง้ ประเทศ โดย ทำาการตระเวนเก็บตัวอย่างเลือดนกมาเพือ ่ ตรวจสอบหาความสัมพันธ์ของความเป็ นวงศา คณาญาติของนกแอ่นกินรังทีพ ่ บในประเทศไทย จากนัน ้ มีการศึกษาชีววิทยาของนกแอ่น รังขาวและนกแอ่นรังดำาโดยการไปเฝ้ าสังเกตตามธรรมชาติทน ี่ กสร ้างรังอยูต ่ ามเกาะว่ามี สภาพการดำารงชีวต ิ สร ้างรัง ออกไข่ ฟั กไข่ เลีย ้ งดูลก ู อ่อนรวมทัง้ ชนิดและปริมาณ อาหารทีใ่ ช ้ทัง้ กินเองและเลีย ้ งดูลก ู อ่อนเพือ ่ นำ ามาประยุกต์ใช ้ประกอบในการเพาะเลีย ้ ง จากนัน ้ เพือ ่ ต ้องการทราบว่านกไปหากินทีไ่ หน หากินไกลจากรังเท่าใด จึงได ้มีการติด วิทยุตด ิ ตามตัวนกแล ้วปล่อยไป จากนัน ้ มีการศึกษาเรือ ่ งขบวนการเก็บเกีย ่ วรังจาก เอกสารและรายงาน โดยพบว่านกสามารถสร ้างรังขึน ้ มาทดแทน (re-nest)ได ้ และมีนก หลายชนิดสามารถออกไข่ขน ึ้ มาทดแทนไข่ทห ี่ ายไป (re-egg)ได ้ จึงได ้ทดลองเก็บไข่ ออกมาเพือ ่ ดูวา่ นกจะไข่เพิม ่ อีกหรือไม่ และได ้นำ าไข่ทไี่ ด ้นำ ามาฟั กเอง และทดลองเลีย ้ ง ดูลก ู อ่อนอีกต่อไป ในสภาพกรงเลีย ้ ง มีการศึกษาโดยมีเงือ ่ นไขของการเพาะเลีย ้ งสัตว์ป่า (Propagation) ่ ซึงหมายถึงการนำ าสัตว์ป่ามาเลีย ้ งแล ้วให ้ผลิตผลได ้ดีกว่าธรรมชาติ แต่หากนำ าสัตว์ป่ามา เลีย ้ งแล ้วให ้ผลผลิตน ้อยกว่าหรือเท่ากับการปล่อยไว ้ในสภาพธรรมชาติ จะไม่ถอ ื ว่า เป็ นการเพาะเลีย ้ งและไม่ควรกระทำาอย่างยิง่ ไข่ของนกแอ่นทีท ่ ดลองเก็บมาจะนำ าเข ้าสู่ ่ ารเลีย ขบวนการฟั ก เมือ ่ ฟั กได ้เป็ นตัวจะนำ าเข ้าสูก ้ งดูให ้เจริญเติบโตเป็ นตัวเต็มวัยต่อไป นอกจากนี้ อ.โอภาสยังได ้รับความอนุเคราะห์จากผู ้เป็ นเจ ้าของสัมปทานให ้นำ าลูกนก แอ่นกินรังทีพ ่ ลัดตกมาจากรังมาพยาบาลและเลีย ้ งดูในกรงโดยจะเลีย ้ งจนแข็งแรงและ ่ รรมชาติตอ นำ ากลับไปปล่อยคืนสูธ ่ ไป ปั จจุบันทุกหัวข ้อของการศึกษาวิจัยของนกแอ่นกิน รังกำาลังดำาเนินไปได ้ด ้วยดี โดยกำาลังรวบรวมสรุปผลออกมาทัง้ ในแง่บวกทีม ่ ค ี วามเป็ น ไปได ้ในการทำาฟาร์ม และในแง่ลบทีเ่ ป็ นอุปสรรคหรือข ้อจำากัดในการทำาฟาร์ม จากภาพรวมผลของการศึกษาในปั จจุบัน ทำาให ้พอจะหลับตาจินตนาการวาดภาพฟาร์ม เลีย ้ งนกแอ่นกินรัง นกแอ่นกินรังบางตัวโผบิน บางตัวบินโฉบอาหารทีท ่ างฟาร์มพ่นออก มาจากท่อ ในขณะทีน ่ กบางตัวกำาลังใช ้นาลายทำ ้ำ ารังทีฝ ่ าผนังห ้อง มีพอ ่ แม่นกบางตัว กำาลังเลีย ้ งดูลก ู อ่อน โดยมีคนถือตะกร ้าเดินเก็บรังจากฟาร์ม ซึง่ หากมี "รายการฝั นทีเ่ ป็ น จริง" เกิดขึน ้ ในประเทศไทย รังนกจะเป็ นสินค ้าออกทีท ่ ำาเงินตราต่างประเทศได ้มาก หรือ หากมีเกษตรกรสนใจการเพาะเลีย ้ งกันกว ้างขวางมากขึน ้ ก็เท่ากับเพิม ่ สาขาอาชีพเกษตร อีกหนึง่ สาขา หรือหากมีผลผลิตมากขึน ้ จนรังนกราคาถูกลง คนไทยธรรมดาสามัญทีไ่ ม่ จำาเป็ นต ้องเป็ นเศรษฐีก็จะมีโอกาสได ้ลองลิม ้ ชิมรสรังนกได ้เช่นกัน…
อ้ำงอิงจำกวารสาร @ll BIOTECH ปี ท ี่ 1 ฉบับที่ 2 เดือนกุมภาพันธ์ 2546