มะเร็ง สิวๆ กับ เคมีธรรมชาติ บาบัดรักษา ทางเลือกที่จาเป็น ความคิดที่แตกต่าง ผิดหรือที่คิดแตกต่าง ความคิดส่งผลต่อตัวเรา ใช่ครับหมอๆ คิดได้ 3 วิธี ตามที่เรียนมา คนอื่นคิดได้ก็มีหลายวิธี บาบัดและรักษา ผลประโยชน์กับชีวิต มีเงินไม่มีเงินเหมือ มีชีวิต กับ ไม่มีชีวิต คิด ได้ไง กับทางที่จะเลือก ความจริงที่โดนกรีดกัน หรือ? ด้วยศักดิ์ศรี มาตราสาร มวลแห่งความสุช
คิดที่แตกต่างมันก็ดีกว่าคิดตาม คนอื่นเขา ผิดหรือในโลกสมัยใหม่
1. 2. 3. 4.
ใครกําหนดว่าชื่อมะเร็ง ผมจะเรียกมันว่า สิว ผิดหรือ ใครคิดว่าเป็นแล้วต้องตาย ผมว่ามันไม่ตาย ผิดหรือ ใครว่าคนเป็นสิวหายแล้ว ไม่ตาย ผมว่า มันก็ตายกันทุกคนนะ ใครว่ามีเงินแล้วจะฉลาด ผมว่า ก็บางคนนะ
เมื่อคนที่คุณรักหรือตัวคุณเป็นสิว และต้องเจอคือ คนโน้น คนนี้ คนนั้น บอกอย่างโน้น อย่างนี้ อย่างนั้น ไอ้นั้น ไอ้โน้น ไอ้นี่ ดี มียาดี เขาหายกันมาหลายคนละ (ไอ้เขานะใครวะ)ยาหมอเทวดา ยาผีบอก ยาหมาเห่า ยาหมาหอน ยาหม้อ หมอคนนั้นเก่ง หมอโรงพยาบาลนี้ดี สารา พันธุ์นานา (เขาก็หวังดีกับคุณนะ) แต่ตัวคุณเองที่โง่ไปเชื่อเขาเพราะการขาดสติ ตกใจ กลัว ตั้งสติ คิดดูดีๆ รวมกับโชคชะตาคุณด้วย ถามตัวเองก่อนว่า ไปตรวจหมอๆ บอก ว่าคุณเป็นมะเร็ง แค่นี้คุณก็เชื่อหมอละ (จิตร ตกเลย ใช่ดิหมอเรียนมานี่ ...หมอเรียนมา จากใครนะ ...อาจารย์หมอ...แล้วอาจารย์หมอเรียนมาจากใคร ..อาจารย์ของอาจารย์...) เอออย่าไปเถียงกับหมอเลย....ตําราเล่มเดียวกันหมด และถ้าผมบอกคุณว่าคุณเป็นสิว ภายใน อักแสบ คุณจะเชื่อไหม?
ใครคิดว่าเป็นสิวแล้วต้องตาย ผมว่ามันไม่ตาย ผิดหรือ ทุกคนนั้นมีเชื้อ สิว ทั้งนั้นเพียงแต่ว่ามันจะโตขึ้นมาเมื่อไร จริงป่าว ละอย่าอยู่กินใน กลุ่มเสี่ยงที่ทําให้มันโตขึ้นละกันเออ ถามผู้รู้ต่อว่า หมอ(ห)ครับ ผ่าตัดแล้วจะหายเหรอ (ห)อันนี้หมอก็ไม่รับรองว่ามันจะเป็นอีกไหม นึก ในใจ=(ใจ) เอ้าก็เรียนมาไม่ใช่เหรอ ที่เรียนเขาไม่บอกเหรอ (ห)ถ้ามันรามไปก็ต้องทํา เคมี(คีโม) คนป่วยถาม(ป)แล้วโอกาสหายมีไหมครับ (ห) มันก็ต้องรอดูอาการต่อไปว่า มันจะรามไปถึงไหน (ใจ) เวรละนี้จะบอกกันได้ไหมว่าเรียนมาเขาสอนอะไรบ้าง (ป) แล้วถ้าทําเสร็จแล้วจะต้องดูไปอีกนานไหมครับ (ห) ถ้าไม่เยอะก็จะทําการฉายรังสีต่อ เลย เอาๆๆเดียวหมอนัดผ่าตัดก่อนละกันน๊ะครับ (ป) (ใจ) เวรละ กูยังไม่เห็นผลตรวจ เลย อะไรอะไรก็จะผ่า จะทําคีโม ละ ไหนละผลตรวจ รูปภาพ (ห)เอาครับเดียวหมอนัด อีกทีนะครับ (ป) ครับ สวัสดี เดินออกมาอย่างใจห่อเหี่ยว กูเป็นมะเร็งหรือนี่ ไปจ่ายตัง พร้อมรอใบนัด คืนนี้นอนไม่หลับเลย คิดแล้วคิดอีก จนไม่ได้นอน ตื่นมาก็คิดนั่งก็คิด เดินก็คิดโอ้ยๆๆ(คุณรู้ได้ไงว่าที่เขาเรียนมานั้นถูกต้อง ทําไมคุณให้คนอื่นมาตัดสินว่า คุณเป็นละ) คําแนะนํา เอาเวลาที่คิดมาศึกษาหาความรู้แบบจริงๆกันดีกว่า ว่ามะเร็งกับสิวทางออก ของมัน หรือว่ามันคืออะไร ถ้าเชื่อว่าเป็น ก็เขียนออกมาตามข้อดังต่อไปนี้
1. มันเป็นชนิดไหนวะ เป็นตรงไหน เป็นระยะเท่าไร เห็นกับตาเหรอ ภาพถ่ายใช่ ของเราปล่าวน๊ะ เชื่อได้เหรอ 2. มันเป็นเชื้อโรค อะปล่าว มันอักแสบ อะปล่าว 3. การผ่าตัดมันจะไปกระทบมันแล้วมันจะลามไปหรือปล่าว 4. ทําคีโม คีโมมันเป็นอย่างไร เคมีนี่ว่า อัดตราการรอดกี่% 5. ฉายแสง เออมันเป็นอย่างไร ทําไม รู้ได้อย่างไร 6. ค่าผ่าตัด ทําคีโม ฉายแสง เท่าไรวะนี้ (มะเร็งดูดเงิน มะยิงกูตาย) 6.1. มีตังแต่ไม่มีสมองไม่ศึกษา ก็ทําไปเถอะ(จงเชื่อในสิ่งที่เห็น) 6.2. ไม่มีตัง รองไปหาหมอแผนโบราณกินสมุนไพร ดีไหม (น่าสงสารจังตังไม่มี แต่อาจมีบุญอยู่บ้าง) 6.3. ตังไม่มี บุญไม่มี ความรู้ไม่มี ลูกหลานคนรอบข้างไม่เอาใจใส่ (เวรละ รีบ ไปทําบุญไว้ได้เลย เพราะกรรมที่ทําไว้ คิดอย่างนี้ก็สบายใจกว่า ไม่ทรมานอีก) นี่ละครับ ทําหรือใช้เวลาให้คุ้มค่าและเป็นปรกติ คิดค้นไปที่ละข้อๆ อย่างมีสติ จิตร สงบ แล้วคุณก็จะเจอกับการแก้ปัญหาในตัวของคุณเอง ตัวอย่างว่า เวลาคุณตกใจ ทําไมคุณยกตุ่มน้ําหนักๆได้ เวลาคุณเครียดทําไมท้องไส้ มันปวดๆหัวหน้าตาโซลมเหนื่อยง่ายกินไม่ได้นอนไม่หลับ (คิดดิ ครับว่ามันเป็น เพียงแค่ สิวอักแสบ)
Shafin de Zane คิดอย่างไร? มะเร็ง เป็น ที่น่าเสียดายว่า คุณหมอทั่วโลก บอกกับเราว่า วิธีการรักษามะเร็ง คือ การบําบัดด้วย-คีโม หรือการทําลายเซลล์มะเร็งด้วยรังสี แต่สิ่งที่คุณหมอไม่ได้บอกเราคือ ทําไมเซลล์มะเร็งจึงผ่า เหล่าตั้งแต่แรก ? อย่างไรก็ตาม-เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป เซลล์อีกจํานวนมากก็จะผ่า เหล่า-ต่อไปอีก-ไม่เร็วก็ช้า นั่นเป็นสาเหตุที่เราพบเห็นผู้ป่วยมะเร็งถูกให้คีโม ดีขึ้น เพียงชั่วคราว แล้วกลับทรุดลงไปใหม่อีก จากมุมมองของเซลล์ หากมันไม่ผ่าเหล่า-มันจะต้องตาย การผ่าเหล่าของเซลล์จึงเป็นธรรมชาติ มะเร็ง แท้จริงแล้ว คือ วิวัฒนาการของกลุ่มเซลล์ที่พยายามรอดตายจากสภาพแวดล้อมที่เป็น พิษ แต่ทั้งหมดนี้ก็กลายเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ เพราะเซลล์เหล่านั้นลงเอยด้วยการ-ฆ่าร่างกาย แต่นั้นไม่ใช่ประเด็นที่แท้จริง เอาละ คุณจะลงมืออย่างฉับพลัน-เพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมของคุณอย่างรวดเร็วได้อย่างไร มีวิธีการง่ายๆด้วยกัน 3 วิธี คือ: 1. หายใจลึกๆ - หายใจลึกๆ สิ่งแรกที่กระตุ้นให้เซลล์ผ่าเหล่าและกลายเป็นเซลล์มะเร็งคือ การขาดออกซิเจน เซลล์ มะเร็งปรับตัวเพื่อรอดชีวิตในสภาพแวดล้อมที่มีระดับออกซิเจนต่ํา ยิ่งมีออกซิเจนต่ํา เท่าไร เซลล์มะเร็งก็ยิ่งเติบโตได้มากขึ้นเท่านั้น เพราะนี่คือวิวัฒนาการของเซลล์ที่ปกติซึ่ง ต้องการจะรอดชีวิตอยู่ได้ในสภาพ แวดล้อมที่มีระดับออกซิเจนต่ํา - วิธีแก้ไขคือ หายใจลึกๆ ซึ่งเป็นการออกกําลังง่ายๆที่ทําได้ทุกเช้าเพื่อเพิ่มระดับออกซิเจนให้กับ เลือด เดิน 5 นาที แล้วหายใจแบบนี้ คือ หายใจเข้า 4 ครั้ง ติดกัน
กลั้นหายใจแล้วนับ 1 ถึง 4 หายใจออกช้าๆ 4 ครั้ง ติดกัน ทําอย่างนี้ครับ >>>> 1-2-3-4 <<<<
ทําอีกครั้งครับ >>>> 1-2-3-4 <<<<
ผมหายใจเข้าทางจมูก >>>> กลั้นใจแล้วนับ 1-2-3-4 หายใจออกทางปาก <<<< หายใจเข้าไปในท้อง ไม่ใช่หายใจเข้าไปในอก นี่คือวิธีการหายใจที่ถูกต้อง ถ้าหากไม่มีที่เดิน ให้เดินในห้องนอนของคุณ เพราะมันมีที่พอสําหรับการออกกําลังของเราทุก วิธี วิธีที่ 2 หยุดรับประทาน-กรด สิ่ง ที่สองที่มากระตุ้นเซลล์ให้ผ่าเหล่ากลายเป็นเซลล์มะเร็ง คือ สภาพแวดล้อมที่เป็นกรด เพราะนั่นคือการตอบสนองที่จะทําให้เซลล์รอดชีวิตได้ในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรด เซลล์ที่ผ่า เหล่าจะตายในสภาพแวดล้อมที่เป็นด่าง และเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เป็นกรด คุณจะทําให้ ร่างกายของคุณเป็นด่างได้ ก็ด้วยการรับประทานอาหารที่เป็นด่างมากขึ้น น้ําผัก น้ําผลไม้ มีประสิทธิภาพสูงมาก งดน้ําตาล โคคา-โคล่า เปปซึ่ และน้ําอัดลมทุกชนิด กาแฟ เนื้อสัตว์ นม บุหรี่ และ แอลกอฮอล์ รับ ประทานผักสดสีเขียว ผลไม้สด น้ําด่าง และน้ํามะพร้าว หากคุณต้องการเห็นการ
เปลี่ยนแปลงของสุขภาพอย่างน่าอัศจรรย์ในระยะเวลาอัน สั้น ดื่มน้ําผักสดปั่นทุกเช้า โดยไม่ ต้องรับประทานอะไรอีกเลย จนกว่าจะถึงมื้อเที่ยง-นําผักใบเขียวหลากชนิด มะเขือเทศ แตงกวา ปั่นกับน้ําสะอาดแล้วดื่ม คุณอาจจะคิดว่า มันไม่น่าดื่มเลย แต่มันไม่เลวร้ายและออก จะอร่อยด้วยซ้ําไปเมื่อคุณคุ้นเคยกับมัน วิธีที่ 3 ดูแลร่างกายของคุณ ความเครียด ทําให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ความเครียด คือ ฆาตกรเบอร์หนึ่ง และเป็นต้นเหตุที่ก่อให้เกิดโรค-ทุกโรค ความ เครียด เพิ่มกรดและส่งผลกระทบต่อทุกสิ่งทุกอย่างในร่างกาย มันจึงเป็นสิ่งที่สําคัญมาก ที่เราจะต้องทําจิตใจให้แข็งแรงเบิกบานอยู่เสมอ คุณจะทําเช่นนั้นได้อย่างไร ? ทํา สมาธิ ดูหนังตลก ละเว้นจากการดูข่าวร้ายและเรื่องเลวร้าย อ่านหนังสือดีๆที่ทําให้เกิดแรง บันดาลใจ หาสัตว์มาเลี้ยง พบเพื่อนใหม่ๆ สัมพันธภาพใหม่ๆ ปลดความทุกข์ความสลดใจ เก่าๆและสิ่งเลวร้ายต่างๆที่ผ่านไปแล้ว และแชร์ข้อมูลนี้ให้กับผู้อื่นต่อไปให้มากที่สุดที่คุณจะ ทําได้ ความเจ็บปวด และ ความเสียหาย ที่เกิดจากการบําบัดด้วยคีโม เลยเถิดไปอย่างเหนือคําบรรยาย ช่วย ให้ผู้อื่นตื่นจากฝันร้ายที่เกิดจากโฆษณาชวนเชื่อของผู้ผลิตยากันเสียที การป้องกันและ รักษาตนเองให้หายจากมะเร็งเป็นสิ่งที่ง่ายดายเสียจนแทบจะเป็น เรื่องตลกอย่างเหลือเชื่อ ใช้ความคิดให้ถูกต้อง จงเปลี่ยนน้ําในบ่อปลาเมื่อปลาป่วย เพราะการทําลายบ่อปลา ไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง มาช่วยกันทําให้โลกของเราในวันนี-้ น่าอยู่ขึ้น Shafin de Zane - บรรยาย (ภาษาอังกฤษ) http://www.youtube.com/watch?v=P_OHAtVzeB0 ดร.ชนิสา อรรถจินดา - แปล
ใช่ครับหมอ 3 วิธีที่เรียนมา
วิธีการรักษามะเร็งวิธีมาตรฐานในโรงพยาบาล 3 วิธี คือผ่าตัด ฉายแสง และเคมีบําบัด ตามปกติ การรักษาโรคมะเร็งส่วนใหญ่ ใช้วิธีเคมีบําบัด ซึ่งหมายถึงการรักษาโรคโดยการใช้ยาสังเคราะห์ ยา นี้สามารถให้โดยทางรับประทาน ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ฉีดเข้าเส้นเลือดดํา ผู้ป่วยมักได้รับเคมีบําบัด หลายๆ ตัวร่วมกัน โดยมักให้เป็นชุดๆ ห่างกันชุดละ 3-4 สัปดาห์ จุดประสงค์ของการให้เคมีบําบัด เพื่อที่จะฆ่ามะเร็ง หรือป้องกันการกลับมาเป็นใหม่ของมะเร็ง เมื่อรับการรักษาด้วยเคมีบําบัด ยาจะ ถูกดูดซึม เข้าไปในกระแสเลือด เลือดในร่างกายจะนํายาไปยังก้อนมะเร็ง เมือ่ ยาถึงก้อนมะเร็ง ยาจะ ขัดขวางการแบ่งตัว และการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และทําให้เซลล์มะเร็งตาย เคมีบําบัดมี วิธีการทําลายเซลล์มะเร็งต่างๆ กัน ถ้าเซลล์มะเร็งไม่สามารถถูกทําลายด้วยเคมีบําบัดชนิดหนึ่ง ดื้อ( ทําให้ต้องเปลี่ยนชนิดของเคมีบําบัด อย่างไรก็ตามการใช้เคม )ยาีบําบัด จากสารเคมีสังเคราะห์อาจ เกิดผลกระทบข้างเคียงต่อเซลล์ปกติได้ เนื่องจากเซลล์ในร่างกายมีการแบ่งตัวตลอดเวลา ดังนั้น เคมี จึงมีผลต่ออวัยวะปกติในร่างกาย ทําให้เกิดอาการข้างเคียงกับผู้ป่วย เช่น การกดไขกระดูก ทําให้ สร้างเม็ดเลือดขาวลดลง หรืออาจมีอาการอื่นๆร่วมด้วย มีผื่น คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร เป็นหมัน แผลในปาก ถ่ายเหลว ท้องผูก ผมร่วง อย่างไรก็ตามสําหรับผู้ป่วยบางราย การรักษาแบบวิธีนี้ไม่ได้ ช่วยอะไร และมีผลข้างเคียงต่อร่างกายค่อนข้างมาก เช่น ทําลายระบบภูมิคุ้มกัน ทําให้ร่างกาย อ่อนแอติดเชื้อง่าย ผมร่วง ร่างกายทรุดโทรม และยังไม่สามารถกําจัดมะเร็งให้หายขาดได้ทุกราย แม้ ผู้ป่วยบางรายจะดูเหมือนดีขึ้น แต่ผ่านไปไม่กี่ปี โรคมะเร็งก็กลับมาเป็นซ้ําอีก และแพร่กระจายไป ทั่วร่างกาย ทําให้ต้องใช้ยาเคมีบําบัดมากขึ้นจนกว่าร่างกายจะทนไม่ไหว
มีเงินไม่มีเงิน เหมือ มีชีวิต กับไม่มีชีวิต คิดได้ไงกับทางที่จะเลือก
การรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีการแพทย์ทางเลือก (alternative cancer therapy) เป็นอีกทางเลือก หนึ่งที่ช่วยปกป้องเซลล์ ยับยั้งมะเร็ง และป้องกันการกลับมาเป็นซ้ําของเซลล์มะเร็งได้ โดยการใช้ สารอาหาร หรือสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่สกัดได้จากสมุนไพร เช่นพืชบางชนิด หรือเชื้อราประเภทที่ 2 ที่มีคุณสมบัติเฉพาะในการกําจัดเซลล์มะเร็ง และกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย หรือที่เรียกว่าเคมี ธรรมชาติบําบัด (Natural Chemical Therapy) ซึ่งใช้หลักการในการรักษา 3 รูปแบบ ได้แก่ (1) การ ฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (Immune therapy) โดยการเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับเซลล์ที่มี หน้าที่ในการทําลายเซลล์มะเร็ง เช่น Dendritic Cell, NK Cell เซลล์เพชฌฆาต เซลล์สําคัญในการตรวจ ค้นและทําลายเซลล์มะเร็ง, (2) การทําลายเซลล์มะเร็งด้วยสารออกฤทธิ์ชีวภาพ (Biotherapy), โดยการ ใช้สารสกัดทีท่ ําหน้าที่คล้ายเคมีบําบัด แต่เป็นเคมีบําบัดธรรมชาติ ซึ่งจะส่งผลต่อเฉพาะเซลล์มะเร็ง เท่านั้น ไม่มีผลข้างเคียงต่อเซลล์อื่น จึงทําให้ร่างกายไม่อ่อนเพลีย เม็ดเลือดขาวไม่ถูกทําลาย ระบบของ ร่างกายทํางานได้ตามปกติ และ (3) ให้สารอาหารและพลังงาน เช่น ให้ออกซิเจนแก่เซลล์ ช่วยปรับ สมดุลการทํางานของร่างกายทั้งระบบด้วยสารอาหาร และการบําบัดจากสารสกัดจากธรรมชาติ (Health balancing) วิธีเคมีบําบัดธรรมชาติ มีประเภทของสารที่นํามาใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง
มะเร็งโรคร้าย มันชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ต้องทําให้ได้ 1. โปรตีน มันชอบมาก เพราะ มันได้แข็งแรงและแตกตัว โปรตีน มีอยู่ในเนื้อสัตว์ทุกชนิด อาหารที่ทามาจากสัตว์หรือได้ ออก มาจากสัตว์ ตัองพิจารณาก่อน เช่น แบ รนด์ ต่างๆ น้าปลา กะปิ ไข่ นม น้ามันหอย เป็นต้น หรือพืชที่มีโปรตีน มาก เช่น งา ถั่ว ฯลฯ
2. ไขมัน
สร้างเนื้อร้ายให้โตขึ้นๆ
ไขมัน จากสัตว์ ของทอดอมน้ามัน อาหารผัดน้ามันมากๆ ฯ
3. เกลือ
เป็นภูมิของมัน(อันตราย)
เกลือ โซเดียม ที่ผสมในอาหารแต่ละชนิดฯ
4. อาหารรสจัดๆ หวานจัด เค็มจัด เปรี้ยวจัด เผ็ดจัด ต้องระวัง มันชอบ 5. ผลไม้บางชนิดที่มีรสหวานจัด เช่น สับประรถ ทุเรียน แคนตาลูป (อย่ากินเป็นดี)
ผูป้ ่วยต้องการ มากที่สุด คือ 1. วิตามิน ซี มีในผ้กผลไม้ สดๆ พยามให้ได้มากๆ 2. เบต้าแคโรทีน , พืชผ้กใบเขียว สีส้ม เบต้ากูลแคน
สําหรับเบต้ากลูแคนมีการรวบรวมสรรพคุณไว้ระบุว่า เป็นสารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ แข็งแรงช่วยสร้างสมดุล ทําให้อาการภูมิแพ้ของผู้ป่วยดีขึ้น ช่วยในการฟื้นตัวของเม็ดเลือดต่างๆ ในไขกระดูก ต้านอนุมูลอิสระ ลดไขมันและน้ําตาลในเส้นเลือด กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดฮอร์โมนแห่งความเครียด และ ลดอันตรายจากโลหะหนักและ เพราะกระแสการดูแลสุขภาพตามวิถีธรรมชาติกําลังเป็นที่นิยมอย่างมากๆ หลายคนจึงแสวงหาทางเลือกใหม่ในการดูแลสุขภาพ ป้องกันตนเองจากการเจ็บป่วย ทั้งนี้ ไม่ใช่ว่าเห็ดทุกชนิดจะสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้หมด ต้องพิจารณาเลือกรับประทาน ตามความเหมาะสม เพราะยังมีสายพันธุ์เห็ดอีกเป็นจํานวนมากที่ยังไม่ได้รับการวิเคราะห์ทาง เภสัชวิทยาหรือพืชสมุนไพร ซึ่ง นอกจากจะไม่ได้รับคุณค่าทาง อาหารแล้ว อาจจะทําให้เกิดอันตรายได้
3. เซราเนียม มีใน หอมแดง หอมใหญ่ กระเทียม
ฯลฯ (ต้นยาเห็ดเลยครับ)
ความจริงที่โดนกรีดกันด้วยอํานาจต่างๆนานา เงิน ใครบ้างไม่อยากได้ โดนซื้อตัวและโคลงการ งานวิจัย เอาไปดอง เพื่อ ผลประโยชน์ทางด้านธุรกิจผลิตขายยา แถมยังได้ประโยชน์จากการหักภาษี โดยยึดถือ เอาเป็นว่า บริจาคให้เพื่อการวิจัย (เห็นมาเยอะ) เอาหน้า งานวิจัยของนักศึกษาเอามาออกว่าตัว และคณะ ฟังแล้วเหมือว่า จ่าไป จับโจรมาแล้ว ออกแถลงข่าวว่า ตนและคณะ อย่างไงอย่างงั้น ฟังแล้วชินๆนะครับ ที่ แท้ก็เรียนมาทางยีนนี่เอง ท่านอาจารย์หมอ,พระ ดีๆคิดได้ว่า สมุนไพร ชนิดไหนเอามาทํายารักษาผู้ป่วย ท่านอาจารย์,พระ เหล่านี้ผมโคตรนับถือๆว่าท่านเป็นหมอ กับ เทวดาจริง ที่คิดค้นมา จนได้ แต่ท่านก็ต้องจากไปโดยทิ้งผลงานไว้ให้ศึกษาต่อ เป็นทุน (กราบเรียนท่าน อาจารย์ครับ ผมและคณะได้ทําต่อจากท่านและเพิ่มเติมจากท่านไปอีกถึง 2 ชั้นครับ คือ การเลือกเอาแต่สารเคมีธรรมชาติที่ดีๆเอาออกมาใช้ และ ก็ไม่มีผลข้างเคียง หรือ ผลเสียต่อตับ ครับท่าน) เรียนท่านผู้อ่านที่เคารพ กลุ่มเราและคณะ ทําการวิจัยคิดค้นต่อยอด จากหลาย แห่งหนตําบลต่างๆ มาเพื่อที่จะได้ สารเคมีธรรมชาติ มารักษาผู้ป่วยเป็นโรคภัยต่างๆ โดยไม่หวังผลตอบแทน เงินทุน เวลา ก็มาจากของคนในกลุ่มในคณะกัน โดยเราต่าง คนต่างหน้าที่ มาพบกันและสร้างกลุ่มคณะนี้ขึ้นมา แต่เราไม่สามารถรักษาได้ทุกคน บนโลกใบนี้ เนื่องจาก ตัวยาในธรรมชาติบางตัวที่หายาก ซึ่งมีอยู่ในป่าบ้านเราได้โดน ซื้อจากชาวต่างชาติไปเกือบหมดแล้ว หากมีปัญหาควรปรึกษาแพทย์ หากท่านโชคดีก็ มีโอกาสที่จะได้เจอแพทย์ดีๆก็เป็นได้ (ข้อมูลทั้งหลายเหล่านี้มีที่มาที่ไปและเอกสารอ้างอิง เยอะมาก)
จุดประสงค์คือให้ท่านมีสติในการตัดสินใจให้กับ ความเป็นความตาย (ห้ามลอกเรียนแบบ เพราะถ้าท่านไม่รู้จริงอย่างผู้เชี่ยวชาญ อาจจะทําให้ท่านเสียใจหรืออาจจะถึงแก่เสียชีวิต )
ผมในนามของกลุ่มและคณะ ขอให้ท่านทั้งหลายจงโชคดี บุญกุศลที่พวกเราได้ ทําในทุกๆครั้ง จงส่งผลให้เรามีความสุข ความสงบ ความสบายทั้งกายและใจ รวมถึง ครอบครัวพวกเราด้วยเทอร และหรือ ให้คนป่วยของเราทุกคนจงหายเจ็บหายป่วยหาย จากโรคร้ายด้วยเทรอ อ่านต่อไปนะครับ ยังมีอีกเยอะ
ตํารา ยาแก้มะเร็ง รักษามะเร็ง เป็นสูตรยาของหลวงพ่อฤาษีลิงดํา วัดท่าซุง ประกอบด้วยแห้วหมู ขมิ้นชัน ปูนกินหมาก เป็นตํารับยาหมอชีวกโกมารภัจ สูตรนี้เอามะเร็งเบาหวานอยู่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมญาณเรียนวิชาแพทย์แผนโบราณมาตั้งแต่ยังไม่ บวช หลังจากบวชแล้วก็ได้เป็นผู้ช่วย หลวงปู่ปาน รักษาคนไข้ และได้เรียนวิชาแพทย์จากท่านที่มีอทิสสมานกายอีกมาก วิชาเหล่านี้ต่อมาจากท่านละทิ้งหมด จนกระ ทั้งเริ่มรับลูกศิษย์ และเห็นทุกขเวทนาของลูกศิษย์บางคน จึงได้บอกสูตรยาต่าง ๆ ให้ รายละเอียดมีดังนี้ สูตรยาแก้โรคมะเร็งและโรคอักเสบภายในต่างๆ สูตรตัวยามีดังนี้ ขมิ้นชัน ๑ กํามือ กับหญ้าแพรก ๑ กํามือ โขลกให้ละเอียดคั้นกับน้ําปูนใส (ปูนกินกับหมาก) แล้วกรองด้วยผ้า ขาวบาง วิธีใช้ รับประทานครั้งละประมาณ ๑ ถ้วยชา หรือประมาณ ๓๐ ซี.ซี รับประทานวันละ ๑ ครั้ง ก่อนอาหารเช้า ๓๐ นาที หรือ ๑๕ นาที เป็นอย่างน้อย รักษาโรคมะเร็ง และโรคอักเสบต่าง ๆได้ทั้งหมด เช่น โรคกระเพาะ โรคลําไส้อักเสบ ตับ อักเสบ ไตอักเสบ ฯ ล ฯ ถ้าโรคเบาหวาน ขณะที่กินยา ห้ามกินกะปิกับของแสลง คือของหวานในช่วงกินยา ๓ วันหาย ประวัติของยานี้หลวงพ่อเล่าให้ฟัง เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๒๘ ยานี้ท่านหมอ โกมารภัจมาบอกหลวงพ่อ โดยหลวงพ่อเล่าให้ ฟังว่า “ ยานี้คือยารักษาโรคมะเร็ง โรคเบาหวานเพียงแค่พื้น ๆ โรคกระเพาะ โรคตับนี้รักษาง่าย ท่านบอกว่า แต่อย่าไปรับรองชาวบ้าน เขานะ ห้ามรับรองชาวบ้านเขา ฝีในท้องกิน ๓ ระยะ ๆ ๓ วัน เว้น ๗ วันหาย บอกว่าถ้าหัวฝีแตกยิ่งดีใหญ่ โรคไต ๓ ถ้วยหายโรคอักเสบทั้งหมดรักษาได้ทุกอย่าง โรคเบาหวานห้ามกินกะปิ และของหวานใน ช่วงเวลาที่กินยา คนไข้คนไหนไม่เว้นของแสลง ไม่ควรสงสาร เพราะว่าตัวเขาเองยังไม่รัก แล้วเราจะไปรักทําไมต้องถือคตินี้นะ ประวัติ ความเป็นมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๓ ตอนนั้นอยู่ชัยนาท คุณสมศรี เธอเป็นโรคมะเร็งในมดลูก รักษาตัวมาเป็นเดือนหมดเงิน เป็นหมื่น มะเร็งระยะสองไม่หาย เธอมาปรารภอาการป่วยให้ฟัง ยาฉันก็ไม่มี ฉันไม่รู้จะไปหาที่ไหน นั่งนึกถึง ท่านโกมารภัจ ท่านก็มาท่านบอกให้แม่มันไป ตลาดโพธิ์นางดํา ไปถามหมอโบราณที่นั่น หมอชื่ออะไร รูปร่าง
อย่างไร ท่านก็ไม่บอก บอกไปเถอะไปเจอใครเขาบอกยาองเขารักษาหาย ให้เอามารักษาจะหาย ไม่ใหม่ ประวัติความเป็นมาจําไว้ นะ แล้ว แกก็ไปหาทันที ไปรอลงเรือที่ ประตูน้ําเขื่อนเจ้าพระยา ก็ไปรอลงเรือ ไอ้ท่าเรือก็มีผู้ชายคนหนึ่งผอมโปร่งผิวขาว แต่งตัวเรียบร้อยไม่พูดไม่จากับใคร นั่งเฉยหัว ก็ขาวโพลน นั่งเฉยคอยเรือเกือบชั่วโมงไม่พูดกับใครเลย เวลาลงเรือหางยาวบังเอิญ นั่งคู่กันไป เรือวิ่งไปประมาณ ๑ กิโลเมตร แกหันมาถามว่าหนูจะไปไหน บอกจะไป ตลาดโพธิ์นางดํา ถามไปทําไม บอกลูกสาวประจําเดือนออกไม่หยุด หมอบอกเป็นมะเร็งที่มดลูก ชายคนนั้น แกถามต่อไปว่า แล้วนี่จะไปไหน บอกไปหาหมอ ถามหมอชื่ออะไร แกบอกไม่รู้ บอกไม่รู้ไปอย่างไร บอกว่าพระท่านบอกถ้าไปเจอหมอที่ โพธิ์นางดํา ท่านเป็นหมอโบราณ ถ้าท่านบอกยารักษาหายให้นํามาเลย บอกถ้าอย่างนั้นไม่ต้องไป ยาที่ฉันมีพอเรือหางยางสวนมาแกกวักมือบอกกลับได้ แล้ว ปรากฏว่าวันหลังไปถามเรือหางยาวคนนั้นว่า คนรูปร่างแบบนั้นขึ้นที่ไหน ไอ้เรือหางยาวเขารู้จักกันบอกเวลานั่งมาเห็น เลา ขึ้นไม่เห็นตอนขึ้นเขาเก็บสตางค์ ไม่เห็นโดดน้ําไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แก่ทํากินไม่ถึงถ้วยชา แคครึ่งถ้วยชา ถ้วยเดียวหาย แต่ท่านบอกว่าให้กิน ๓ ถ้วย แล้วจะหายสนิทมะเร็งนี่นะ ไอ้โรคเบาหวานเรื่อง เล็ก ๆ เล็ดหมดเลย เบาหวานขนาดม้า มะเร็งขนาดช้าง ท่านเลยบอกว่าหาย ไอ้โรควัณโรคนานหน่อยนะ กิน ๓ วันติด ๆ กัน เว้น ไป ๗ วัน ๓ ระยะ เท่ากับกิน ๙ ถ้วยหาย ท่านก็เลยสรุปอักเสบทั้งหมดใช้ได้หมดเลย เดี๋ยวลองถามท่านกินบ่อย ๆ จะได้ไหม ท่านบอกว่าป้องกันโรคต่าง ๆ ปีละงวด ๓ ถ้วย กิน ๓ วัน ถ้ากินป้องกันร่างกายทรุดโทรม ๖ เดือนงวด จะไปกินเร็วกว่านั้นไม่ได้ ๖ เดือนกิน ๓ ถ้วย แต่ท่านบอกว่าอย่าไปรับรองใครเขานะ บอกเราเคยกินหายมาแล้ว เราอย่าไปรับรองผล ถ้าบังเอิญมันเป็นระยะปลาย และคนนั้น จะต้องตายมีอยู่ อย่าไปรับรองเขา แล้วท่านบอกว่า หญ้าแพรกทําให้เย็น ขมิ้นรักษา และน้ําปูนใสทําให้อย่างแห้งเร็ว หมายเหตุ ก่อนกินยานี้ให้นําดอกไม้ธูปเทียนบูชาพระ ขอพระองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ช่วยให้โรคหายไปจากร่างกาย ขอพรท่านโกมารภัจเจ้าของยา ขอให้ท่านช่วยให้ยานี้มีฤทธิ์ทําลายโรคให้หมดไป ขอพรท่านแม่ศรีช่วยด้วย ขอให้โรคทั้งหลาย สลายตัวไปให้หมด นับตั้งแต่กินยานี้เข้าไปแล้ว ยานี้ใช้ได้ผลเฉพาะบุคคลที่มีความเชื่อในพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระอริย สงฆ์ เท่านั้น
สูตรยาสมุนไพรที่มีผู้นาออกมาเผยแพร่ ที่ผมไปเจอมาเลยนามาลงไว้ เพื่อ เป็นแนวทางหรือข้อมูลสาหระบ ผู้ที่กาละงมองหาวิธีระกษาโรคมัเร็งด้วย สมุนไพรไทย ที่มีคุณค่าน่าอะศจรรย์ ที่มาของสูตรยาสมุนไพรระกษามัเร็ง สูตรยาสมุนไพรหละกที่ใช้ระกษา ผู้ป่วยมัเร็ง ที่มาระบการระกษาที่อโรคยศาล มีทะ้งหมด 2 สูตร คือ สูตรยอดยาแก้ มัเร็งทุกชนิด แลั สูตรยาสมุนไพรสมานฉะนท์ ซึ่งสูตรยาสมุนไพรนี้ได้คิดค้น นามาใช้ระกษามัเร็งโดย พรัอาจารย์ปรัพนพะชร์ เจ้าอาวาสวะดคาปรัมง ผู้ก่อตะ้งอ โรคยศาล ซึ่งท่านเคยอาพาธด้วย โรคมัเร็งในโพรงจมูก เมื่อ พ.ศ.2539 โดยหลวงตาได้ทดลองใช้สูตรยา สมุนไพรนี้กะบหลวงตาเอง ซึ่งเริ่มแรกท่านได้เข้าระบการระกษาที่โรงพยาบาลจุฬาฯ โดยหลวงตาได้ระบการดูแลจาก แพทย์ โดยการฉายแสง แลัเคมีบาบะดติดต่อกะนทะ้งวะนทะ้งคืนโดยไม่หยุดเป็นอาทิตย์ แต่อาการยะงไม่ดีขึ้น ยะงปวดอยู่ ตลอดเวลา จนเช้ามืดวะนหนึ่งพรัอาจารย์ได้ใช้สมาธิช่วย โดยนะ่งสมาธิตะ้งแต่ตี 3 จนถึง 6 โมงเช้า แล้วก็ต้ม สมุนไพรดื่มบรรเทาอาการ ก็พบว่า มะนได้ผล จากนะ้นอาการของพรัอาจารย์ก็เริ่มดีขึ้น โดยกินข้าวได้ หายใจ สัดวกขึ้น มีเรี่ยวแรง จากนะ้นจึงศึกษาเกี่ยว ตาระบยาต่าง ๆ เรื่อยมา ทดลองค้นคว้าด้วยตะวเองจนอาการดีขึ้นเป็น ลาดะบ ซึ่งความรู้เรื่องสมุนไพรนะ้น พรัอาจารย์ได้ศึกษาจากจากตาราสมุนไพรหลายเล่ม โดยเฉพาัเล่มที่เป็นแรงบะนดาลใจของท่านมาก คือ หนะงสือ เพชรน้าเอกกรุยอดยาตาระบสมุนไพร แลัคาอธิบายตาราพรัโอสถพรันารายณ์ รวมทะ้งท่านได้ศึกษาความรู้เรื่อง การใช้ยาสมุนไพรกะบผู้รู้หลายท่าน แล้วนาความรู้ต่างๆ ที่รวบรวมได้มาปรัมวลเข้าด้วยกะน จึงตะ้งเป็นตาระบยา สมุนไพรระกษาโรคมัเร็งของพรัอาจารย์เอง หละงจากนะ้นชาวบ้านที่ได้ทราบข่าวจึงพากะนมาพึ่งสูตรยา พึ่งการ บาบะดทางจิตกะนมากมาย จนเกิดการตะ้งอโรคยศาลขึ้นเพื่อใช้เป็นที่พะกพึงของผู้ป่วยเรื่อยมาจนถึง ปัจจุบะน ส่วนผสมของสูตรยา สูตรยาสมุนไพรระกษามัเร็งที่ใช้ในการระกษาผู้ป่วยที่อโรคยศาล มี 2 สูตรหละก คือ สูตรที่ 1 ยอดยากินแก้มัเร็ง ทุกชนิด แลั สูตรที่ 2 สูตรยาสมุนไพรสมานฉะนท์ ซึ่งทะ้งสองสูตรจัมีขะ้นตอนการปรุงยาที่เหมือนกะน แต่จั แตกต่างกะนที่สมุนไพรที่ใช้เป็นส่วนปรักอบของแต่ลัสูตร ดะงนี้
สูตรที่ 1 ยอดยากินแก้มัเร็งทุกชนิด สูตรนี้ปรักอบด้วยสมุนไพรจานวน 11 ชนิด นามาต้มรวมกะน โดยมีปริมาณของสมุนไพรแต่ลัชนิดดะงนี้ 1. หะวร้อยรู หนะก 50 กระม 2. ไม้สะกหิน หนะก 50 กระม 3. ข้าวเย็นเหนือ หนะก 200 กระม 4. โกฐจุฬา หนะก 50 กระม (ใช้ทะ้งต้น) 5. ข้าวเย็นใต้ หนะก 200 กระม 6. โกฐเชียง หนะก 50 กระม 7. กาแพงเจ็ดชะ้น หนะก 50 กระม 8. เหงือกปลาหมอ หนะก 200 กระม 9. ผีหมอบ หนะก 100 กระม 10. หญ้าหนวดแมว หนะก 50 กระม 11. ทองพะนชะ่ง หนะก 200 กระม (ใช้ทะ้งต้น)
สูตรที่ 2 สูตรยาสมุนไพรสมานฉะนท์ สูตรนี้ปรักอบด้วยสมุนไพรจานวน 10 ชนิด นามาต้มรวมกะน โดยมีปริมาณของสมุนไพรแต่ลัชนิดดะงนี้ 1. กาละงเสือโคร่ง หนะก 100 กระม (ใช้เปลือกต้นไม้) 2. ม้ากรัทืบโรง หนะก 50 กระม 3. ช้างน้าว หนะก 40 กระม (ใช้ส่วนของเปลือกแลัลาต้น)
4. จ้อนเน่า หนะก 30 กระม (ใช้ส่วนของเปลือกแลัลาต้น) 5. ตัไคร้ต้น หนะก 30 กระม (ใช้ส่วนของเปลือกแลัลาต้น) 6. ขะนทอง หนะก 30 กระม (ใช้ส่วนของลาต้น) 7. ย่านางแดง หนะก 30 กระม (ใช้ทะ้งต้น) 8. ฝางแดง หนะก 30 กระม (ใช้ส่วนของเปลือกแลัลาต้น) 9. ฟ้าทัลายโจร หนะก 5 กระม (ใช้ทะ้งต้น) 10. แฮ่ม หนะก 5 กระม (ใช้ส่วนของเปลือกแลัลาต้น) วิธีปรุงยาสมุนไพรระกษามัเร็ง สูตรยาสมุนไพรระกษามัเร็งที่ใช้ในการระกษาผู้ป่วยที่อโรคยศาล มี 2 สูตรหละก คือ สูตรที่ 1 ยอดยากินแก้มัเร็ง ทุกชนิด แลั สูตรที่ 2 สูตรยาสมุนไพรสมานฉะนท์ ซึ่งทะ้งสองสูตรจัมีขะ้นตอนการปรุงยาที่เหมือนกะน ดะงนี้ วิธีต้มยา 1. นาตะวยาทะ้งหมดใส่ลงไปในหม้อดินที่มีขนาดใหญ่ที่สุด (แหล่งจาหน่ายอยู่ที่เกราัเกร็ด จ.นนทบุรี) 2. ใส่น้าฝน (เน้นย้าน้าฝนที่ดีที่สุด) ลงไปในหม้อดินแช่น้ายาไว้ปรัมาณ 10 นาที ให้พอท่วมยา จากนะ้นตะ้งไฟ แรงปานกลางปิดฝาหม้อ 3. ต้มให้เดือดนาน 15 นาทีไว้ในหม้อเคลือบใหญ่มีหูหิ้ว ขนานเบอร์ 32 (คระ้งที่ 1) จากนะ้นเติมน้าลงไปให้ ท่วมตะวยา แล้วต้มให้เดือดนาน 15 นาที 4. รินน้ายาเก็บรวมไว้กะบของเก่า (คระ้งที่ 2) ใส่น้าให้ท่วมตะวยาใหม่อีกคระ้ง ต้มให้เดือดนาน 15 นาที แล้วริน น้ายาเก็บรวมไว้กะบของเก่า (คระ้งที่ 3) ส่วนกากยาที่เหลือทิ้งให้เย็นจึงนาไปเทที่ต้นไม้โพธิ์ หมายเหตุ : เวลา 15 นาที เริ่มนะบตะ้งแต่น้ายาเดือด สาหระบผู้ที่ไม่เป็นมัเร็ง ก็สามารถกินยานี้เพื่อป้องกะนก่อนได้
ข้อปฏิบะติ จุดธูป 3 ดอกเทียนคู่ ทาสมาธิ รัลึกถึงคุณพรัพุทธ พรัธรรม พรัสงฆ์ พร้อมทะ้งสวดพรัคาถาสะกกะตวา 3 จบ แลั อะญเชิญบารมีของพรัพุทธไภษะชยคุรุไวฑูรยปรัภา (พรักริ่งอโรคยศาล) แลัท่านบรมครูชีวกโกมารภะจจ์ ซึ่งเป็นผู้คิดตารานี้ แลันาไปปักไว้กลางแจ้ง วิธีการใช้ยา วิธี การใช้ยาสมุนไพรนี้ เป็นการใช้สมุนไพรสูตรหละก (ยอดยาแก้มัเร็งทุกชนิด) แก่ผู้ป่วยโรคมัเร็ง เมื่อผู้ป่วยได้ ผ่านวิธีการต้มยาจากพรัอาจารย์แล้ว พรัอาจารย์จับอกวิธีการต้มยา เพื่อให้ผู้ป่วยหรือญาติสามารถต้มยาได้เอง ในหม้อต่อไป โดยยาสมุนไพร 1 หม้อ สามารถดื่มได้ปรัมาณ 10 - 12 วะน ทะ้งนี้จัขึ้นอยู่กะบความ สามารถของผู้ป่วยในการดื่มยา ซึ่งจัมีการอุ่นยา (อย่างน้อยวะนลั 1 คระ้ง) ไว้กินเรื่อยๆ ก่อนอาหาร 3 เวลา ปรัมาณ 30 นาที คระ้งลั 1 ถ้วยกาแฟ (มีห)ู หรือปรัมาณ 250 ซีซี ต่อ 1 คาบ แลัก่อน กินยาทุกคระ้งให้สวดคาถาพรัสะกกะตวาฯ 3 จบ เมื่อหมดน้ายาก็ให้ทาใหม่ ต้มกินไม่เกิน 5 หม้อ (หรืออาจจัมากกว่านะ้น) โรคมัเร็งชนิดนะ้นๆ หายแน่นอนแลฯ (หากว่า มัเร็งลุกลามไปมากให้ทานยาเพิ่มขึ้นอีกในแต่ลัมื้อ แลัอาจจัต้องกินเพิ่มอีกหลายหม้อ) กรณีที่ผู้ป่วยมี อาการหนะกมากแล้ว ก่อนที่จัเข้ามาระกษาที่อโรคยศาล หละงจากที่ผู้ป่วยระบปรัทานยานี้เข้าไปแล้วก็อาจจัทาให้ ผู้ป่วยสิ้นชีวิตไป อย่างสงบ ไม่ทุรนทุรายมากนะก หมายเหตุ : ผู้ป่วยจัต้องมีจิตที่ศระทธามะ่นคง ตะวยาจึงจัมีศะกดานุภาพมหาศาล อ้างอิงจาก - หนะงสือสมาธิบาบะด อโรคยศาล วะดคาปรัมง - เอกสารปรักอบการพิจารณาเสนอใหปริญญาวิทยาศาสตรดุษฎีบะณฑิตกิตติมศะกดิ์ (วท.ด.) สาขาวิชาสาธารณสุขชุมชน
หมอสมหมาย ได้มอบสูตรตํารับยาสมุนไพรให้แก่ องค์การเภสัชกรรม
สูตรยาของหมอสมหมายประกอบไปด้วย พุทธรักษา ไฟเดือนห้า ปีกไก่ดํา พญายอ เหงือกปลาหมอ แพงพวย และข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ แต่สมุนไพรปีไก่ดํายังขาดแคลนอยู่มาก และหายาก ไม่นานมานี้ ยาของหมอเทวดา “หมอสมหมาย” เจ้า ของสูตรยาสมุนไพรรักษา มะเร็งปลื้ม อยได้ขึ้นทะเบียนระบุสรรพคุณเป็นยาแก้น้ําเหลืองเสียไม่ใช่รักษา. โรคมะเร็ง อย่างที่หลายๆคนเข้าใจกัน(จะไปเอาอะไรกับ อะหย่อย กินแล้วหายก็ดีถ้า ไม่มีผลค้างเคียงกับ ตับ ไต นะครับ ผลประโยชน์ตามฝรั่งมัน) ตอนนี้กัญชา อเมริกา เปิดขายแล้ว แล้วอีกหน่อยเราก็คงเป็นอย่างมันน๊ะ แต่จริงๆแล้ว สารในกัญชา รักษา มะเร็งได้ดีที่เดียวครับ มีสารอ้างอิงเยอะแยะไปหาดูเอาเอง
คำแปล จำก สมุนไพร 20 ชนิดที่ช่วยต้ำนมะเร็ง สองมาตรฐาน คริส(Woollams; CANCERactive )มันเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสมุนไพรที่ได้รับ การกินสําหรับคุณสมบัติสุขภาพให้พวกเขาเป็นพัน ๆ ปี ประวัติความเป็นมาและประสบการณ์บอกเรา จะกินไทม์ แต่ไม่ราตรีตาย ผ่านการฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรแพทย์รู้ว่าสิ่งที่สมุนไพรสามารถ และไม่สามารถทํา แตกต่างจาก บริษัท ยาบางชนิด, สมุนไพรดังกล่าวยังไม่ได้จ่ายเงินหลายล้านดอลลาร์เพื่อหลีกเลี่ยงการ ดําเนินการที่ศาลอ้างว่าพวกเขาซ่อนตัวอยู่การศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นผลเป็นลบ สมุนไพรในปีที่ผ่านมา ไม่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสุขภาพเดิมเพียงเพื่อจะ'withdrawn' ต่อมาหลังจากที่ก่อให้เกิดความ ผิดปกติ, โรคหัวใจและ / หรือเสียชีวิต การจิบเครื่องดื่มค็อกเทลของยาตามใบสั่งแพทย์ไม่สมุนไพรเป็น จํานวนหนึ่งสาเหตุของการตายในรัฐเช่นฟลอริด้า ในขณะที่รัฐบาลของคุณเป็นอันขาดเสรีภาพของคุณในการเลือกที่จะซื้อบุหรี่ที่เคาน์เตอร์ทั่วประเทศ อังกฤษแม้จะมีความเสี่ยงต่อสุขภาพที่ชัดเจนสร้างความเสียหายก็จะไม่ให้เสรีภาพเดียวกันในการเลือกที่ จะซื้อสารธรรมชาติเช่นสมุนไพร แปลกที่คุณจําเป็นต้องได้รับการปกป้องจากการกินสมุนไพร แต่ไม่ สูบบุหรี่ (หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ) ซึ่งแตกต่างจากจีเอ็มอาหารที่มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่มีอยู่ในถนนสูง แต่ไม่ค่อยหากเคยไปผ่านการควบคุม อย่างเข้มงวดของรัฐบาลหรือการวิจัยอิสระและถูกสร้างขึ้นสังเคราะห์เพียงไม่กี่ปีที่ผ่านมาสมุนไพร ทั่วไปที่ haven't เปลี่ยนมานานหลายศตวรรษจะไม่สามารถใช้ได้ใน ยาเม็ดและของเหลวบนถนน สูงเดียวกันหลังจาก 2011 พฤษภาคม 1EU Directive จะเอาพวกเขาสําหรับเหตุผลด้าน ความปลอดภัยต่อสุขภาพ
นี่ยี่สิบสมุนไพรที่อาจจะช่วยให้การต่อสู้กับโรคมะเร็งคือ คุณจะยินดีที่จะรู้ว่าแม้หลังจากที่ 1 2011 พฤษภาคมคุณยังสามารถมีพวกเขากําหนดและสร้างขึ้นมาเพื่อคุณโดยผู้เชี่ยวชาญการทํางาน ร่วมกับ CANCERactive 1Astragalus( Huang Qi :)สมุนไพรจีน;สนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่รู้จักกัน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการผลิตของร่างกายตามธรรมชาติของ interferon นอกจากนี้ยังช่วยให้ระบบ ภูมิคุ้มกันของร่างกายระบุเซลล์โกง ทํางานร่วมกับสมุนไพรในทั้งสองกรณีโรคมะเร็งและโรคเอดส์ ได้รับการส่งเสริมMD Anderson ศูนย์มะเร็งในเท็กซัดําเนินการวิจัยแสดงให้เห็นว่าการตาตุ่ม เมื่อมีรังสีสองครั้งการอยู่รอด 2Berberis Family เช่น(podophyllum peltanum ช้าประจุที่ใช้งาน :)การวิจัย ได้แสดงให้เห็นสมุนไพรเหล่านี้จะมีการดําเนินการที่แข็งแกร่งกับโรคมะเร็งและพวกเขาได้ถูกนํามาใช้ กับโรคมะเร็งโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคมะเร็งรังไข่ 3รากเลือด (Sanguinaria canadensisการวิจัยแสดงให้เห็นว่ากิจกรรมการต่อต้านเนื้อ :) งอกที่สอดคล้องกันมันเป็นผลดีกับเนื้องอกโรคมะเร็งและสามารถหดพวกเขา; และได้รับการพิสูจน์ที่ เป็นประโยชน์กับมะเร็ง 4ButchersBROOM( Ruscus aculeatus :)ส่วนผสมของสมุนไพรนี้ได้รับการ พบว่ามี ruscogenins ซึ่งมีความสามารถเนื้องอกหดตัวและต่อต้าน oestrogenic ดังนั้น การใช้ในการรักษาโรคมะเร็งเต้านม 5ตาแมวก้ามปู (Uncaria tormentosa :)adaptogen และมีประสิทธิภาพภูมิคุ้มกัน กระตุ้นที่จะช่วยเพิ่มเม็ดเลือดขาวทําความสะอาดกระบวนการ (phagocytosis )มันเป็นสหายที่ ดีในการตาตุ่มขมิ้นชันและ Echinacea วิจัยชี้ให้เห็นก็สามารถลดขนาดของเนื้องอกได้โดยเฉพาะ อย่างยิ่งกับมะเร็งผิวหนัง นอกจากนี้ยังช่วยลดผลข้างเคียงของเคมีบําบัดและรังสีบําบัด
6CHAPARRAL( Larrea Mexicana :)โรคมะเร็งดูครอบคลุมการศึกษาวิจัยที่สําคัญ จากสหรัฐอเมริกาซึ่งกองสรรเสริญเกี่ยวกับสมุนไพรนี้ แต่ดูเหมือนว่ามันจะช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน ของร่างกายหยุดการแพร่กระจายและลดขนาดของเนื้องอกได้ ดูเหมือนว่าที่น่าสนใจโดยเฉพาะอย่างยิ่ง โรคมะเร็งเต้านม นอกจากนี้ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและป้องกันจุลินทรีย์ที่มีความเป็นพิษต่ํา 7curcumin( ขมิ้น :)เครื่องเทศนี้ (ขมิ้นชันหรือรากขมิ้น )ได้รับการแสดงที่จะมีกิจกรรมการต้าน จุลินทรีย์และต้านการอักเสบอย่างมีนัยสําคัญ ที่อยู่คนเดียวดูเหมือนว่าเพียงพอสําหรับโรงพยาบาล บางอย่างในอเมริกาที่จะต้องพิจารณาการใช้มันในการรักษาติ่งและมะเร็งลําไส้ใหญ่ แต่งานวิจัยใหม่ แสดงให้เห็นว่าทั้งสองสามารถลดขนาดเนื้องอกโรคมะเร็งและยับยั้งการเจริญเติบโตการส่งเลือดไปยัง เนื้องอก มันเป็นสารที่มีประสิทธิภาพที่มีประโยชน์ในการป้องกันตับและทําได้ดีกว่ายาต้านการอักเสบ หลายโดยไม่มีผลข้างเคียงในการวิจัย 8DANG SHEN ROOT( Codonopsis pilosula :)เพิ่มขึ้นทั้งเซลล์เม็ดเลือดขาว และระดับเม็ดเลือดแดงดังนั้นจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้ป่วยที่มีการรักษาด้วยเคมีบําบัดและรังสี บําบัดหรือผู้ป่วยที่มีโรคมะเร็งลดระดับของการอย่างใดอย่างหนึ่ง 9Echinaceaอีกที่รู้จักกันในการส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้รับชื่อเส :ียงประชานิยม ในการรักษาโรคหวัด มีงานวิจัยเกี่ยวกับความเอื้ออาทรที่มีเนื้องอกในสมองนอกเหนือจากความสามารถ ในการเพิ่มระดับของเซลล์สีขาวบางภูมิคุ้มกันในร่างกาย 10feverfew :สมุนไพรนีเ้ กิดพายุเมื่อการวิจัยจากมหาวิทยาลัยโรเชสเตอร์ในนิวยอร์กแสดงให้ เห็นว่ามันจะเป็นผลดีกว่า cytarabine ยาเสพติดในการฆ่าเซลล์มะเร็งสหรัฐอเมริกาอาหารและยา ของหน่วยงานที่ใช้งานใส่ส่วนผสม parthenolide ในโปรแกรมการติดตามอย่างรวดเร็ว ไม่มี อะไรได้ยังได้ยิน แต่แล้วองค์การอาหารและยาไม่เคยได้รับการอนุมัติสมุนไพรสําหรับใช้ในการรักษา โรคมะเร็ง
11Goldenseal :สาเหตุหนึ่งของโรคมะเร็งกระเพาะอาหารอาจเป็นเชื้อแบคทีเรียเชื้อ Helicobacter pylori นี้เข้าไปในโพรงเยื่อบุเมือกของกระเพาะอาหารจะซ่อนตัวจากกรดใน กระเพาะอาหารแล้วทําให้เกิดการระคายเคือง, กรดไหลย้อน, แผลและแม้กระทั่งมะเร็ง Goldenseal ทั่วไปต่อต้านจุลินทรีย์และใช้ในแคริบเบียนและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับปรสิต Goldenseal ช่วยด้วยแร่บิสมัทจะฆ่าเชื้อ Helicobacter pylori สัตวแพทย์ดูเหมือนจะ รู้นี้แม้ว่าแพทย์ห้าม 12MilkThistle :เป็นที่รู้จักมานานหลายปีที่จะเป็นประโยชน์ต่อตับ, สมุนไพรนีไ้ ด้รับตอนนี้ แสดงให้เห็นว่ามีความสามารถในการปกป้องตับในระหว่างการรักษาด้วยเคมีบําบัด วิจัยในอเมริกา พบว่าผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดที่เอา Thistle นมได้ลดความเป็นพิษของตับและคีโม ผลข้างเคียง มีหลักฐานว่ามีกิจกรรมต้านมะเร็งของตัวเองเกินไป 13PAU D'ARCO :เปลือกต้นไม้ต้นนี้เป็นความคิดเดิมที่จะเป็นสารต้านมะเร็งที่มีความ แข็งแกร่ง แต่แล้วการกระทําที่ได้รับการชี้แจงเป็นอย่างยิ่งป้องกันแบคทีเรียยีสต์ป้องกันและต่อต้าน จุลินทรีย์ ที่อยู่คนเดียวอาจจะเพียงพอในบางกรณีของการเกิดมะเร็ง แต่งานวิจัยใหม่เกี่ยวกับส่วนผสมที่ แตกต่างกันได้แสดงให้เห็น quinoids มีความสามารถเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและดูเหมือนจะ ช่วยในกรณีที่มีเลือดและน้ําเหลืองโรคมะเร็ง 14RED CLOVER การวิจัยจากหมายเลขของศูนย์รวมทั้งรอยัล :Marsden ได้แสดงให้ เห็นศักยภาพของมันเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการรักษาโรคมะเร็งกับสโตรเจนที่ขับเคลื่อนจากเต้า นมต่อมลูกหมาก หนึ่งในสารออกฤทธิ์ในที่เรียกว่าสมุนไพรของฮิปโปเครติสเป็นต่อต้านฮอร์โมน Genistein 15SHEEP'S SORRELL ใช้ใน :Essiac และสมุนไพรอื่น ๆ มันเป็นน้ํายาทําความ สะอาดและช่วยสร้างเนื้อเยื่อที่มีสุขภาพดี มีข้อเสนอแนะจากการวิจัยที่จะช่วยปรับเซลล์และเนื้อเยื่อที่ เสียหายเป็น นอกจากนี้ยังเป็น'vermifuge' การยกย่องอย่างสูง - พยาธิมีความต้านทานน้อย
16SKULLCAP(Scutellaria barbataการวิจัยได้แสดงให้เห็นการกระทําที่ต่อต้าน :) มะเร็งหลายชนิดเช่นกับโรคมะเร็งของปอดกระเพาะอาหารและลําไส้ 17SUTHERLANDIA( มะเร็งบุช )ทบทวนการศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่าสมุนไพรนี้เป็น ต้านการอักเสบต้านไวรัสและป้องกันเชื้อรา จะช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันและยับยั้งเนื้องอกเนื้อร้ายปัจจัย ที่เป็นที่รู้จักกันในการผลักดันการสูญเสียในผู้ป่วยมะเร็ง 18THOROWAX หรือ HARES EAR( Bulpleurum scorzoneraefoliumการวิจัยได้แสดงให้เห็นความสามารถในการเพิ่มประสิทธิภาพการ :) ผลิตของinterferon ธรรมชาติและดูเหมือนว่ามีประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรักษามะเร็ง กระดูก 19 WHEATGRASSต้นข้าวสาลีหนึ่งในโรงพยาบาลเอกชนชั้นนําในเอเชียตะวันออกเฉียง : ใต้จ้วงประโยชน์ของข้าวสาลี juiced สดใหม่ หนึ่งยิงช่วยให้คุณคลอโรฟิลของบางหรือมากกว่า 12กิโลกรัมของผักชนิดหนึ่ง จะทําหน้าที่เป็นเครื่องฟอกเลือดและตัวแทนตับและไตทําความสะอาด หลังจากสองสัปดาห์ของการใช้ชีวิตประจําวัน, เลือดและออกซิเจนเนื้อเยื่อในระดับดีขึ้นเช่นเดียวกับ การไหลเวียน และออกซิเจนเป็นศัตรูของเซลล์มะเร็งในขณะที่อ็อตโตวอร์เบิร์กบอกโลก 20WORMWOODอีกสมุนไพรจีนนี้มีประสิทธิภาพสูงกว่ายาต้านมาลาเรียบางอย่างและ : ตอนนี้ใช้โดยหน่วยงานช่วยเหลือมันเป็นแรงต่อต้านจุลินทรีย์และต่อต้านยีสต์และสามารถนํามาใช้เป็น ส่วนหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการรับประทานอาหารที่ต่อต้านเชื้อราแคนดิดา นอกจากนีก้ ารรักษา โรคมะเร็งบางอย่างที่ก่อให้เกิดความตะกละของยีสต์ในรูปแบบ ตัวอย่างเช่น(ในการรักษาลูคีเมีย )ที่ คุกคามสุขภาพของผู้ป่วยต่อไป ยีสต์เกินจะรู้สึกได้โดยผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็งบางอย่างที่จะเป็นหนึ่งใน สาเหตุของโรคมะเร็ง แต่ในงานวิจัยล่าสุดกลุ้มได้รับการแสดงที่จะมีคุณสมบัติต้านมะเร็งโดยตรง สมุนไพรเหล่านีต้ ้อง สดใหม่ผ่านการฆ่าเชื้อหรือไม่มีเชื้ออื่นๆปนเปื้อน
คําเตือนสุขภาพ ! กรุณามีความชัดเจน ไม่มีใครบอกว่าสมุนไพรเหล่านีไ้ ม่มีผลข้างเคียง อย่างเท่าเทียมกันที่พวก ยาอาจ ขัดแย้งกับยาบางชนิดจุดสําคัญคือการที่เรายังคงค้นพบจํานวนมากของผลประโยชน์ของพวกยา แม้จะ ช้ามากเพราะสมุนไพรแต่ละท้องถิ่นก็ไม่ได้มีเงินทุนในการดําเนินการทดลองทางคลินิกขนาดใหญ่เช่น ยาเสพติด บริษัท ทํา อย่างจริงจังคุณควรพิจารณาประโยชน์ของสมุนไพรที่เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม ต้านมะเร็งของคุณ พวกยาก็อาจจะสร้างความแตกต่างอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพของคุณ แต่โปรดให้แน่ใจ ว่าคุณไปใช้ที่สมุนไพรผู้เชี่ยวชาญเพื่อขอคําแนะนําที่ชัดเจนและแจ้งให้ทราบ
รูปภาพข้างล่างนี้ก็เป็นอีกส่วนที่เราศึกษาหา สารเคมีเอามารวมกันอย่างได้ผล เพื่อทําการรักษาและบําบัดโรคร้ายต่างๆ
สารเคมีธรรมชาติ ที่สําคัญในการรักษาของเรา มาจากธรรมชาติล้วนๆ ไม่มี ผลข้างเคียง ผลิตจากห้อง Lab ก่อนอื่นมารู้จักสารก่อมะเร็งก่อนดีกว่าครับ อวัยวะต่างๆ แตกต่างชัดเจนจากกลุ่มที่ไม่ได้รับสารนั้น อาศัยทั้ง 2 วิธีนี้ร่วมกันเราจึงสรุปได้ ว่า ในขณะนี้มีสารอยู่เกือบ 30 ชนิด ที่ทําให้เกิดมะเร็งได้ในคน และมีอีกกว่า 200 ชนิด ที่มี หลักฐานแน่นอนว่าทําให้เกิดมะเร็งในสัตว์ แต่ในคนยังไม่พบหลักฐานชัดเจน ช่วยยกตัวอย่าง สารก่อมะเร็งในคนที่สาคัญ พร้อมทั้งที่มาและชนิดของมะเร็งที่ทราบด้วย ดูจากตารางที่ 1 และ 2 ตารางที่1 ตัวอย่างสารก่อมะเร็งในคน ที่สถาบันวิจัยมะเร็งนานาชาติยอมรับ สารก่อมะเร็ง ก.ที่ได้จากอาหารหรือยา
ที่มา
ทางได้รับ
1. สารพิษอะฟล่าหรืออะฟ อาหารที่มีราบาง กิน, หายใจ ล่าท้อกซิน ชนิดขึ้นทีพ่ บมาก (Aflatoxin) ได้แก่ ถั่วลิสงบด , ข้าวหมาก, เนย, ถั่วเหลือง ,พริกแห้ง หัวหอมและ กระเทียมแห้งที่มีรา ดําขึ้น 2.ไนโตรซามีน( อาหาร ที่มีสารไน กิน Nitrosamine) เตรท ไนไตรท์ปน อยู่มาก เช่น อาหาร หมักดองหรือใส่ดิน ประสิว, แหนม ไส้
อวัยวะที่เกิดมะเร็ง
ตับ
ตับ,ปอด,ลําไส้
กรอก ,กุนเชียง, หมูยอ ปลากระป๋อง และเนื้อกระป๋อง ในผักผลไม้ที่ใส่ปุ๋ย ไนเตรตมากๆ 3.ไซโคลฟอส( ยารักษามะเร็งหรือ กิน ,ฉีด Cyclophospamind) โรคไตบางชนิด 4.เมลฟาแลน( ยารักษามะเร็ง กิน ,ฉีด Melphalan) 5.ไดเอลธิลสติลเบสตรอล ฮอร์โมนที่เติมให้ กิน (Diethyl หญิงในหญิง stibestrol) ตั้งครรภ์เพื่อป้องกัน การแท้งบุตร (ขณะนี้เลิกใช้แล้ว) ข.ได้รับจากงานอาชีพ, โรงงานอุตสาหกรรมและ หรือปนมาในสิ่งแวดล้อม 1. สารประกอบที่มีสารหนู โรงงานที่เกี่ยวข้อง ( Arsenic ,ยาฆ่าแมลงและ compound) วัชพืชบางชนิด, โรงงานกลั่นน้ํามัน 2.แอสเบสตอส( โรงงานที่ทําสารนี้, Asbestos) โรงทอผ้า,ใยแก้ว กันความร้อน,อู่ต่อ เรือ 3.เบนซิดีน โรงงานผลิตสี,ผลิต (Benzidine) ยาง,โรงทอผ้า.โรง ย้อมผ้า
กระเพาะปัสสาวะ อวัยวะสร้างเลือด มดลูกและช่อง คลอด
หายใจ,กิน,ผิวหนัง ผิวหนัง,ปอด,ตับ
หายใจ,กิน
ปอด,ลําไส้
กิน,หายใจ ,ผิวหนัง
กระเพาะปัสสาวะ
4.สารเคมีแนฟธิลามีน ( 2Naphthylamine)
โรงงานผลิตสี,ผลิต ยาง,โรงทอผ้า.โรง ย้อมผ้า 5.สารเคมี NN-Bis( 2- โรงงานผลิตสี,ผลิต chloroethyl) ยาง,โรงทอผ้า.โรง -2 Naphthylamine ย้อมผ้า 6.สารเคมี โรงงานสังเคราะห์ Bis chloromethyl สารโพลิเมอร์ ether สารเคมีดังกล่าว, สาร(พลาสติค ), สารเรซิน 7.สารเคมี โรงงานสังเคราะห์ Chloromethylสารโพลิเมอร์ methyl ether สารเคมีดังกล่าว, สาร(พลาสติค ), สารเรซิน 8.แก๊ซมัสตาด โรงงาน Mustard gas อุตสาหกรรม 9.ไวนิล คลอไรด์ โรงงานสังเคราะห์พ ( Vinyl chloride) ลาสติค( polymer) 10. เขม่า( Soot) คนงานปั๊มน้ํามัน, น้ํามันดิน( tar) ราดยางถนน,เหมือง น้ํามันเครื่อง(Oil) แร่หรือถ่านหิน,โรง ถลุงแร่,โรงงาน กลั่นน้ํามัน,โรงทอ ผ้า,คนงานคุม เครื่องจักรต่างๆ
กิน
กระเพาะปัสสาวะ
หายใจ,ผิวหนัง ,กิน
กระเพาะปัสสาวะ
หายใจ
ปอด
หายใจ
ปอด
หายใจ
ปอด-หลอดเสียง
หายใจ,ผิวหนัง
ตับ-สมอง-ปอด
หายใจ,ผิวหนัง
ปอด-ผิวหนัง
ตารางที่ 2 ตัวอย่างสารก่อมะเร็งอื่นๆที่พบแน่นอนว่าทําให้เกิดมะเร็งในสัตว์ สําหรับในคนแม้ยังไม่มี หลักฐานชัดเจนแต่ก็สมควรจะหลีกเลี่ยง สารก่อมะเร็ง 1.สีผสมอาหาร ( Aze dyes)
2.สารพิษในลูกปรง ( cycasin) 3.ดี.ดี.ที 4.อาหารเผาไหม้เกรียม ( Pyrolyate product) 5.บุหรี่
6.สารกัมมันตรังสี 7.หมาก( พลู,ยาสูบ ,ปูน) 8.สีย้อมผมหลายชนิด
ที่มา ทางได้รับ สีบางชนิดที่ กิน นอกเหนือจาก กระทรวงสาธารณสุข ยอมรับ พืชดังกล่าว กิน
อวัยวะที่เกิดมะเร็ง ตับ,ต่อมน้ําเหลือง
มีปะปนในอาหาร พืช ผัก ผลไม้ อาหารที่ปิ้งเกรียม, ทอดหรือย่างจนไหม้ ไฟ สารอินทรีย์หลายชนิด ที่เกิดมีอาการขณะเผา ไหม้ อาชีพ,การงาน ,อุบัติเหตุ จากสารดังกล่าว
กิน
ตับ
กิน,หายใจ
ตับ
กิน,หายใจ
ปอด
ผิวหนัง
มะเร็งเม็ดเลือดขาว
ผิวหนัง,เยื่อบุ
อวัยวะในช่องปาก
ผิวหนัง
ผิวหนัง
อาชีพ,การย้อมผม บ่อยๆ
ตับ,ไต
เคมีป้องกันมะเร็ง :กลไกการป้องกันของยาและสารจากธรรมชาติ Cancer Chemoprevention from Dietary Phytochemical Veerapol Kukongviriyapan Department of Pharmacology Faculty of Medicine and Liver Fluke and Cholangiocarcinowa Research Center, Khon Kaen University.
ความสาคัญ และปัญหา การป้องกันการเกิดมะเร็งโดยการใช้ยาเคมีป้องกัน (cancer chemoprevention) เป็น หัวข้อที่ได้รับความสนใจอย่างมากในปัจจุบัน ทั้ง นี้เนื่องจากสาเหตุการเสียชีวิตของประชากรใน ปัจจุบันเนื่องจากการเป็นมะเร็ง มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ที่พบได้บ่อยได้แก่มะเร็งจากเซลล์บุผิวเช่น มะเร็ง ลําไส้ รังไข่ ปอด เต้านม ต่อมลูกหมาก ตับอ่อน และที่พบมากที่สุดในประชากรภาค ตะวันออกเฉียงเหนือคือมะเร็งตับชนิดที่เกิด กับท่อทางเดินน้ําดี โดยมีสถิติที่พบอุบัติการณ์สูงสุดของ โลก 1 การใช้ยาเคมีป้องกัน (มะเร็ง) เป็น การใช้วิธีทางเภสัชวิทยาเพื่อที่จะหยุดยั้งกระบวนการก่อ มะเร็งต่อเซลล์ปกติ หรือทําให้เซลล์ผิดปกติหวนกลับมาเป็นปกติ หรือตายไป ก่อนเซลล์มะเร็งจะบุกรุก และแพร่กระจายออกไป การศึกษาถึงประสิทธิผลและความเป็นไปได้ในการใช้ในมนุษย์มักเริ่มต้นใน สัตว์ทดลองและเซลล์เพาะเลี้ยงที่เป็นแบบจําลองของมะเร็งชนิดต่างๆ การศึกษาในมนุษย์ที่เป็น clinical trial ขนาด ใหญ่ได้ผลลัพธ์ออกมาทั้งได้ผลและไม่ได้ผลในการป้องกัน และที่น่าวิตกกว่า นั้นคือการศึกษาที่พบว่าการให้ยาเคมีป้องกันทําให้เพิ่ม อุบัติการณ์ของมะเร็งมากกว่าปกติ เช่นกรณีของ การศึกษา Alpha-Tocopherol Beta Carotene Cancer Prevention (ATBC)Trail 2, beta Carotene and Retinol Efficacy Trial (CARET)3 และ Alpha-tocopherol ในการป้องกัน second primary head and neck cancer4. ผลการศึกษาที่แตกต่างกันเช่นนี้ทําให้มีความจําเป็นที่ต้องทําความเข้าใจในกระบวนการ ก่อมะเร็งที่ถ่องแท้เสียก่อน ทั้ง นี้เพื่อที่จะได้สามารถพิสูจน์หาเป้าหมายของยาที่เหมาะสมในระดับ โมเลกุลและ ระดับเซลล์ เพื่อให้ได้ยาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยในการใช้เป็นยาเคมีป้องกัน การ เกิดมะเร็งเป็นกระบวนการเชิงซ้อนที่อาศัยปัจจัยจํานวนมากร่วมกันชักนําให้เกิด ผลสุดท้าย ขึ้น ไม่ได้เกิดขึ้นจากความผิดปกติเพียงจุดใดจุดหนึ่ง และในช่วงเวลาที่เซลล์ผิดปกติเหล่านี้พัฒนาไป ความผิดปกติก็มีมากหลากหลายแบบยิ่งขึ้น เซลล์ต่างชนิดกันความผิดปกติก็อาจไม่เหมือนกัน ดัง นั้น จึงมีโอกาสน้อยมากที่จะได้ยามหัศจรรย์ที่จะได้ผลต่อมะเร็งทุกชนิด แม้มะเร็งชนิดเดียวกันแต่อยู่ใน
ระยะของโรคที่ต่างกัน ประสิทธิภาพของยาก็อาจแตกต่างกันได้ ดังนั้นการกําหนดขอบเขตว่า ประชากรกลุ่มใดที่เหมาะสมในการใช้ยาเคมีป้องกันจึงอาจจําเป็น รายงานจํานวนมากใช้กลุ่มประชากร ที่มีความเสี่ยงสูง เช่นในการศึกษา ATBC trial และ CARET 2, 3 ใช้ กลุ่มคนที่สูบบุหรี่ และ กลุ่มคนที่สูบบุหรี่และทํางานเกี่ยวข้องกับแอสเบสตอส ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสําคัญต่อมะเร็งปอด หรือ การศึกษาบางครั้งใช้ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งซึ่งรับการรักษาแล้ว จะป้องกันการเป็นซ้ํา (second primary cancer)4 ทั้ง นี้เพราะกลุ่มประชากรนี้มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งสูงกว่าประชากร ทั่วไป มาก จึงทําให้สามารถประเมินประสิทธิผลของยาเคมีป้องกันได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นโดย ใช้จํานวน อาสาสมัครที่ไม่มากนัก แม้กระนั้นปัจจุบันยังเชื่อว่าการเลือกประชากรโดยพิจารณาจากปัจจัยเสี่ยงที่ เป็นปัจจัยแวดล้อมอย่างเดียวน่าจะไม่เพียงพอแล้ว5 เนื่อง จากมะเร็งมีความหลากหลายอย่างมากแม้ เป็นมะเร็งที่ตําแหน่งเดียวกันก็ตาม ชนิดของเซลล์อาจแตกต่างตามจุลกายวิภาค ระยะการพัฒนา และ การแสดงออกของจีนบางชนิด อาจมีความสําคัญต่อประสิทธิภาพของยาเคมีป้องกันที่จะใช้ 5 ดังนั้น การคัดเลือกอาสาสมัครอาจจําเป็นต้องพิจารณาจัดชั้น (stratification) ตามชนิดเนื้อเยื่อโดยใช้ เทคนิค tissue array ร่วมกับใช้โมเลกุลบ่งชี้ (biomarker) หรือลักษณะทางพันธุกรรมของ ผู้ป่วยและของเนื้อเยื่อมะเร็งประกอบ การก่อมะเร็ง (Carcinogenesis) เนื่อง จากมะเร็งส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการเหนี่ยวนําด้วยสารเคมีที่ได้รับ สารเคมีเหล่านั้นอาจได้ โดยการบริโภคเป็นอาหาร หรือจากการปนเปื้อน และจากสิ่งแวดล้อม สารเคมีเกือบ ทั้งหมด ยกเว้น บางชนิด เช่นสารหนู ใยหิน ยารักษามะเร็งบางชนิด และสารกัมมันตรังสี เป็นต้น สามารถเหนี่ยวนําให้ เกิดกระบวนการก่อมะเร็งได้โดยตรง สารเคมีอื่นๆมักต้องถูกเปลี่ยนแปลงให้อยู่ในรูปที่ว่องไวทํา ปฏิกิริยาก่อน จึงจะสามารถทําปฏิกิริยากับโมเลกุลร่างกาย 6 การเปลี่ยนแปลงโมเลกุลของสารก่อมะเร็ง ที่ยังไม่มีฤทธิ์ (procarcinogen) มักอาศัยเอนไซม์ในกลุ่มเอนไซม์เปลี่ยนแปลงยา (drug metabolizing enzyme) ที่สําคัญคือ cytochrome P450 (CYP)7, 8 เนื่องจากการก่อ มะเร็งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีความซับซ้อนมาก จากการศึกษาในสัตว์ทดลองทําให้สามารถแบ่งระยะ การเกิดมะเร็งเป็นอย่างน้อย 3 ระยะ ได้แก่ ระยะเริ่มก่อตัว (Initiation) ระยะส่งเสริม (Promotion) และระยะก้าวหน้า (Progression)9 แต่ละระยะมีคุณลักษณะ มีการ เปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกัน เช่นมีการผ่าเหล่า (mutation) มีการเปลี่ยนแปลงวิถีการส่งสัญญาณ
ภายในเซลล์ (signal transduction) การ แสดงออกของจีนและความว่องไวต่อปัจจัยสนับสนุน หรือยับยั้งแตกต่างกัน ในระยะเริ่มก่อตัว สารก่อมะเร็งมักถูกเปลี่ยนแปลงโดยกลุ่มเอนไซม์เปลี่ยนแปลง ยาให้ได้สารว่องไว ปฏิกิริยา (reactive metabolite) ก่อนที่จะทําปฏิกิริยากับชีวโมเลกุลสําคัญ ในเซลล์ ซึ่งนําไปสู่การผ่าเหล่าของ DNA ในขั้นตอนต่อไปเซลล์ที่มีสารพันธุกรรมที่ผิดปกตินั้น จะ ได้รับการซ่อมแซมถ้าให้เวลาเพียงพอที่ระบบเอนไซม์ซ่อมแซม DNA จะแก้ไขได้ 10 ในขั้นตอนนี้ ถ้าร่างกายได้รับสารเคมีที่ส่งเสริม (promoter)ให้เซลล์ผิดปกติเหล่านี้คงอยู่ต่อไปหรือเพิ่มจํานวน ขึ้น จะทําให้เซลล์มีโอกาสทวีความผิดปกติในการผ่าเหล่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ (progression) จนถึง ขีดหนึ่งที่เซลล์ผิดปกตินั้นสามารถดํารงอยู่ได้อิสระหลุดพ้นจากการควบคุมของเซลล์ข้างเคียงหรือของ ร่างกาย การยับยั้งการเพิ่มจํานวนของเซลล์ผิดปกติ การยับยั้งการออกฤทธิ์ของสาร promoter หรือ แม้กระทั่งการชักนําให้เซลล์ผิดปกติที่ซ่อมแซมไม่ได้ให้ตายไปเอง (Apoptosis) จัดเป็นตําแหน่ง หรือเป้าหมายของยาเคมีป้องกันที่สามารถออกฤทธิ์ได้ผล ดูรูปที่ 1
รูปที่ 1. การพัฒนาของเซลล์สู่ในระยะต่างๆ ก่อนที่จะเกิดเป็นมะเร็ง ยาเคมีป้องกันอาจออกฤทธิ์โดยมี กลไกยับยั้งการก่อสารก่อมะเร็ง ด้วยการยับยั้งเอนไซม์เปลี่ยนแปลงยา phase I เปลี่ยนแปลงสาร procarcinogen เป็นสารมีฤทธิ์ (reactive metabolite) ในอีกด้านการกระตุ้นเอนไซม์ เปลี่ยนแปลงยา phase II ให้ทํางานมากขึ้นเพื่อเปลี่ยนแปลงให้หมดฤทธิ์ ในระยะ promotion และ progression สารกลุ่ม suppressing agent ออกฤทธิ์โดยยับยั้งการแบ่งเซลล์ กระตุ้น ให้เซลล์ผิดปกติตายเอง (apoptosis) และการยับยั้งการทํางานของ COX2 เป็นต้น (ดัดแปลงจาก Chen & Kong 2004) กลยุทธของยาเคมีป้องกัน
การ ออกฤทธิ์ของยาเคมีป้องกันอาจแบ่งกว้างๆได้เป็น กลุ่มที่ยับยั้งการก่อหรือกระตุ้นให้สารก่อ มะเร็งให้ทําปฏิกิริยากับชี วโมเลกุลร่างกาย (Blocking agents) และกลุ่มที่ยับยั้งการพัฒนา เซลล์มะเร็ง (Suppressing agents) 11, 12 ยาในกลุ่มแรกออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการสร้างการ เปลี่ยนแปลงสารก่อมะเร็งที่ยังไม่มีฤทธิ์ (procarcinogen)ให้มีฤทธิ์หรือว่องไวต่อปฏิกิริยามาก ขึ้น ด้วยการ 1. ยับยั้งเอนไซม์เปลี่ยนแปลงยาเหล่านี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอนไซม์ตระกูล CYP 2. เหนี่ยวนําให้เพิ่มการทําลายฤทธิ์หรือลดความว่องไวต่อปฏิกิริยาของสารก่อมะเร็งลงโดยการ conjugation ด้วยเอนไซม์เปลี่ยนแปลงยาระยะที่ 2 (phase II enzyme) หรือ 3. เร่งทําลาย ฤทธิ์ของอนุมูลอิสระหรือสาร electrophile ที่มาจากสาร procarcinogen โดยเอนไซม์ของ ระบบต้านอนุมูลอิสระ (รูปที่ 1) กลไกในขั้นนี้จะยับยั้งไม่ให้สารว่องไวปฏิกิริยามีโอกาสทําปฏิกิริยา กับชีวโมเลกุลสําคัญของเซลล์ ซึ่งเป็นการยับยั้งขั้นตอน initiation ในกลุ่มยาที่ยับยั้งการพัฒนาเซลล์มะเร็งได้แก่ ยาที่สามารถยับยั้งกระบวนการ promotion และ progression ด้วยการยับยั้งการเพิ่มจํานวนเซลล์ ยับยั้งการ differentiation เช่นการ ยับยั้งการออกฤทธิ์ของสารก่อมะเร็งที่มีฤทธิ์เป็น mitogen ยับยั้งกระบวนการใน cell cycle ใน เซลล์มะเร็ง ตลอดจนการชักนําให้เซลล์ผิดปกติดังกล่าวตายลงเอง (apoptosis) และอาจสามารถให้ เซลล์ผ่าเหล่านั้นหวนคืนกลับเป็นปกติ นอกจากนั้นอาจทําการหยุดยัง้ หรือชลอกระบวนการ progression ของเนื้อเยื่อมะเร็งให้ช้าลง ยายับยั้งการสร้างสารก่อมะเร็ง (Blocking agents) ยาในกลุ่มนี้จะป้องกันเซลล์ไม่ให้ได้รับบาดเจ็บจากสารว่องไวปฏิกิริยาที่สร้างขึ้นโดยฤทธิ์เอนไซม์ เปลี่ยนแปลงยา เอนไซม์ที่สามารถสร้างอนุมูลว่องไวปฏิกิรยิ าประกอบด้วยทั้งเอนไซม์ phase I ได้แก่ CYP1A1, CYP1A2, CYP2A6, และ CYP2A13 เป็นต้น 8, 13, 14 และเอนไซม์ เปลี่ยนแปลงยา phase II บางชนิด เช่น เอนไซม์ arylamine N-acetyltransferase-1 (NAT1) และ NAT-2 15 เอนไซม์พวกนี้จะเปลี่ยนแปลงสารและมีความสัมพันธ์กับมะเร็งบาง ชนิด เช่นแสดงในตารางที่ 1 ดังนั้นการยับยั้งการทํางานเอนไซม์กลุ่มนี้จึงเป็นการยับยั้งการสร้างสารก่อ มะเร็งในร่างกาย ในขณะที่เอนไซม์เปลี่ยนแปลงยา Phase II มักมีบทบาทในการกําจัดฤทธิ์ (detoxification) ของสารหรืออนุมูลว่องไวปฏิกิริยาให้หมดฤทธิ์ และช่วยการขับออกจาก ร่างกาย ตัวอย่างเช่น glutathione S-transferase (GST), UDP-
glucuronosyltransferase (UGT), sulfotransferase (SULT), epoxide hydrolase และ NADPH-quinone oxidoreductase (NQO1) โดยทําปฏิกิริยา ชนิด conjugation กับสารตัวรับเช่น glutathione, glucuronate, sulfate มีการเติม โมเลกุลของน้ํา (trans-addition) และการรีดิวซ์สาร quinones ด้วย 2 อิเล็คตรอน ตามลําดับ เป็นต้น การเพิ่มการทํางานของเอนไซม์เหล่านี้จะลดโอกาสการทําปฏิกิริยาของสารก่อมะเร็งพวกนี้ 12, 16 นอกจากนี้ยังเพิ่มคุณสมบัติการละลายน้ําและเร่งการกําจัดออกจากร่างกาย การยับยั้งสารก่อมะเร็ง ยังอาจทําได้ด้วยการเพิ่มการทํางานของระบบต้านอนุมูลอิสระ เช่น เอนไซม์ต่อต้านออกซิเดชัน (antioxidant enzyme) ได้แก่ glutathione S-transferase (GST), superoxide dismutase (SOD), glutathione reductase, glutamycystein ligase (GCL), heme oxygenase-1 (HO-1) และที่ไม่ใช่เอนไซม์ เช่น ferritin และ bilirubin เป็นต้น ตารางที่ 1 บทบาท drug metabolizing enzyme ในการ เปลี่ยนสารก่อมะเร็งให้มีฤทธิ์และ ตําแหน่งของมะเร็งที่เกิด CYP Procarcinogen/substr Cancer site ate CYP1A1 Polycyclic aromatic Lung, larynx hydrocarbon CYP1A2 Aflatoxin Liver CYP2A6, NNN, NNK Lung CYP2A13 CYP2E1 Dimethylnitrosamine, Liver NAT1, NAT2 Heterocyclic amines Colon, bladder (IQ, MeIQ), benzidine, 2-AF
สารเคมีจํานวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งสารจากธรรมชาติกลุ่ม polyphenol, coumarin, และ สารที่มีอะตอม sulfur อยู่ภายในโมเลกุล เช่น isothiocyanate สาร 2 กลุ่มนี้สามารถกระตุ้น เพิ่มการแสดงออกและการทํางานของเอนไซม์เปลี่ยนแปลงยา phase II และเอนไซม์ต้าน ออกซิเดชัน สารเคมีดงั กล่าวพบในอาหารประเภทผักและผลไม้ต่างๆจํานวนมาก สารที่มีการศึกษากัน มากได้แก่ curcumin ที่พบในขมิ้นชัน epigallo-catechin gallate (EGCG) และสาร catechin อื่นๆ ซึ่งเป็นสารกลุ่ม flavanol ในชาเขียว Quercetin และ rutin 12, 17 พบใน พืชผลไม้แทบทุกชนิดเช่น กลุ่ม citrus (ส้ม มะนาว) และยังพบในใบหม่อน ใบฝรั่ง สารในกลุ่มที่ เข้า sulfur ได้แก่ sulforaphane, phenethyl isothiocyanate (PEITC) พบใน ผักบรอคคอรี่ ผักกะหล่ํา และผักอื่นๆ (ตารางที่ 2) ตารางที่ 2 สารเคมีมีฤทธิ์เคมีป้องกันพบในพืชที่มีฤทธิ์กระตุ้นเอนไซม์กําจัดพิษ (Chen & Kong 2004) Class of chemicals Representatives Source Phenolic Phenols Ferulic acid Rice, fruits, Curcumin Ginger, curry EGCG, EGC, EC, ECG Green tea (Camellia Resveratrol sinensis) Grape Flavonoids Quercetin Citrus fruits Genistein Soy bean Silymarin Milk thristle SulfurIsothiocyan Allyl isothiocyanate Brussel sprouts containing ates Benzyl isothiocyanate Garden cress Phenethyl isothiocyanate Turnips, watercress Sulforaphane Broccoli Organosulfu Allicin Garlic, onion r Diallyl trisulfide, S-allyl Garlic, garlic oil
cysteine Miscellaneo Indoles Brassinin, indole-3us carbinol Diterpenes Cafestol, kahweol Coumarins Coumarins & lactones Auraptene Inorganic Selenium
Cruciferous vegetables Green coffee bean Leguminosae species Citrus species Meat, wheat, dairy & fish
กลไกการออกฤทธิ์ของสารเหล่านี้มีลักษณะร่วมกันหลายประการ ได้แก่การมีฤทธิ์ต้าน ออกซิเดชันโดยตรงเนื่องจากการมีกลุ่ม polyphenolic หรือเป็น metal chelator ยับยั้ง ปฏิกิริยา Fenton ในการสร้างอนุมูลอิสระ 18, 19 มีฤทธิ์กระตุ้นเอนไซม์ phase II ยับยั้งการ ทํางานของเอนไซม์ phase I 20 และฤทธิ์กระตุ้นเอนไซม์ต้านออกซิเดชันที่กล่าวข้างต้นให้ทํางาน เพิ่มขึ้น นักวิทยาศาสตร์ 12, 16 เรียกสารมีฤทธิ์กระตุ้นเพิ่มการทํางานของเอนไซม์ phase II เรียกว่า “Monofunctional inducer” ในขณะที่สารบางชนิดนอกจากกระตุ้นเอนไซม์ ดังกล่าวข้างต้นยังกระตุ้นการทํางานของ CYP อีกด้วย เรียกว่า “Bifunctional inducer” สาร bifunctional inducer ได้แก่ -naphthoflavone และ indole-3-carbinol แม้ว่าการกระตุ้น CYP1A1 อาจจะเกิดผลเสียเพราะมีการเปลี่ยนแปลงสารก่อมะเร็งให้มีฤทธิ์เพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากเพิ่มการทํางานของเอนไซม์ phase 2 และเอนไซม์ต้านออกซิเดชันมีมากกว่าทําให้ สารเคมีพวกนี้มีผลเป็นเคมีป้องกัน สารเคมีหลายชนิดได้แสดงฤทธิ์ป้องกันมะเร็งแบบต่างๆใน สัตว์ทดลอง เช่น EGCG ป้องกันมะเร็งผิวหนัง ตับ ลําไส้ใหญ่ และ forestomachในหนู21 Sulforaphane ยับยั้งมะเร็งเต้านม มะเร็งผิวหนัง 22 Curcumin ยับยั้งมะเร็งตับ 23 Genistein ยับยั้งมะเร็งเต้านม ต่อมลูกหมาก ผิวหนัง24, 25 ยาเคมีป้องกันที่น่าสนใจอีกชนิดคือ Oltipraz เป็นสารสังเคราะห์มีฤทธิ์ยับยั้ง CYP1A และยังมีฤทธิ์กระตุ้นเอนไซม์แบบ monofunctional inducer โดยกระตุ้นเอนไซม์ระยะที่ 2 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง GST, NQO1 และ GCL26. Oltipraz เป็นยาเคมีป้องกันที่ได้ทดลอง clinical trial ในกลุ่ม
ประชากรจีนตอนใต้ป้องกันมะเร็งตับ โดยประชากรกลุ่มนี้มีโอกาสได้รับสาร aflatoxin สูง การศึกษาพบว่า aflatoxin-albumin adduct ในพลาสมาลดลง สารเมแทโบไลท์ aflatoxin M1 ที่เกิดจากปฏิกิริยา phase 1 โดย CYP1A2 มีระดับลดลง พร้อมกันนั้นระดับ aflatoxin-mercapturic acid derivative สารเมแทโบไลท์จากปฏิกิริยา phase 2 เพิ่มขึ้นในปัสสาวะ 27 กลไกระดับโมเลกุลของยาเคมีป้องกัน: สารเหล่านี้มักออกฤทธิ์โดยการเหนี่ยวนําเพิ่มการแสดงออกของ จีนเอนไซม์ phase 2 และเอนไซม์ต้านออกซิเดชัน โดยช่วง promoter ของจีนเหล่านี้มีลําดับเบสสําคัญที่ เป็น enhancer sequence ที่เรียกว่า “Antioxidant response element หรือ electrophile response element (ARE /EpRE) 12, 16 มีผลเพิ่มการแสดงออกของจีนที่อยู่ถัดลงไป Transcription factor ที่สําคัญที่ สามารถจับและกระตุ้น ARE/EpRE คือ nuclear factor erythroid 2p45-related factors 2 (Nrf2) สารเคมีที่เป็น monofunctional inducer มักสามารถกระตุ้น Nrf2 ให้ทํางาน ปกติ Nrf2 จะจับกับโปรตีน Keap 1 ใน cytoplasm ทําให้ไม่ทํางาน สารกระตุ้นเหล่านี้จะมีผลให้ Keap 1 ถูกออกซิไดซ์ ทําให้ Nrf2 เป็นอิสระสามารถเข้าจับกับ ARE/EpRE การกระตุ้น Nrf2 อาจเกิดขึ้นได้อีกวิถีทางหนึ่งคือถูกเติมหมู่ ฟอสเฟต ด้วยเอนไซม์ phosphatidyl inositol 3-kinase (PI3K), protein kinase C (PKC) หรือกลุ่ม เอนไซม์ mitogen activated protein kinase (MAPK) ที่เป็นทํางานเป็นเครือข่าย cascade ซึ่ง ประกอบด้วยวิถีย่อยต่างๆ เช่น วิถี c-Jun N-terminal kinase (JNK) หรือ extracellular signal-regulated protein kinase (ERK) ทําให้ Nrf2 หลุดเป็นอิสระ16, 28 สามารถจับกับ ARE/EpRE และกระตุ้นการ แสดงออกจีน phase 2 และจีนต้านออกซิเดชัน GSTA, NQO1 และ HO-1 สารเคมีจากพืชหลายชนิด เช่น EGCG, sulforaphane และ PITC สามารถกระตุ้น JNK, ERK และ p38 MAPK ใน HepG2 และ HT-29 cell แล้วนําไปสู่การกระตุ้นเอนไซม์ระยะที่ 2
รูปที่ 2. แสดงวิถีทางการชักนํา cytoprotective gene (phase 2 enzymes & antioxidative enzymes) โดย ยาเคมีป้องกัน สารเหล่านี้ออกฤทธิ์โดย oxidize หมู่ sulfhydryl ของ Keap1 ทําให้ Nrf2 ถูกปล่อยเป็น อิสระไปสะสมในนิวเคลียส Nrf2 สามารถถูกกระตุ้นด้วยการ phosphorylation ด้วย PKC, MAPK หรือ PI3K Nrf2 สามารถเข้าสู่นิวเคลียสรวมกับ small Maf protein ได้ complex ที่สามารถจับกับ ARE เพิ่ม การแสดงออกของจีน cytoprotective ทั้งหลายรวมทั้ง 26S proteosome มีผลให้ช่วยกําจัดพิษของสาร ก่อมะเร็ง เพิ่มการเปลี่ยนแปลง เร่งการขับถ่าย เพิ่มการทํางานของระบบต่อต้านออกซิเดชัน (จาก Kwak et al 2004) ยากดการพัฒนาเซลล์มะเร็ง (Suppressing agents) การป้องกันขั้นตอน tumor promotion ประกอบด้วยการชักนําให้วัฎจักรของเซลล์หยุด (cell cycle arrest) ทําให้เซลล์ตายเอง (apoptosis) และยับยั้งการส่งสัญญาณภายในเซลล์ที่ทําให้เพิ่มจํานวน เซลล์ กลไกการออกฤทธิ์ที่สําคัญในการยับยั้งขั้นนี้ได้แก่ การยับยั้งการทํางานของ cyclooxygenase 2 (COX-2)29-31, ยับยั้งการกระตุ้นของ transcription factor: activator protein-1 (AP-1) หรือ nuclear factor-kappa B (NF-KB)17, 30, 32 สารเคมีในอาหาร เครื่องดื่ม ที่พบในชีวิตประจําวันจํานวนมากมีฤทธิ์ ยับยั้ง tumor promotion จึงอาจสามารถใช้เป็นยาเคมีป้องกัน
สารก่อมะเร็งออกฤทธิ์เป็น tumor promoter อาจทํางานโดยกระตุ้นผ่านวิถีที่หลากหลายของ MAPK เช่น ERKs, JNKs และ p38 kinases17, 30, 32 สาร phorbol ester (PMA) สารออกฤทธิ์คล้าย epidermal growth factor (EGF) และ platelet-derived growth factor (PDGF), ultraviolet (UV), okadaic acid และ สารหนู สารก่อมะเร็งเหล่านี้และสารอื่นๆอาจใช้วิถีการส่งสัญญาณภายในเซลล์ที่จําเพาะและแตกต่าง กันได้ การนําสัญญาณขั้นสุดท้ายจะกระตุ้น transcription factor ที่สําคัญได้แก่ AP-1 หรือ NF-KB สาร tumor promoter อาจกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง (transformation) ของเซลล์ เพิ่มจํานวนและยับยั้ง apoptosis ของเซลล์ผิดปกติ ยาเคมีป้องกัน resveratrol, EGCG, caffeic acid หรือ gingerol และ paradol (สารเคมีจากขิง) มีรายงานว่าสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตและชักนําให้เซลล์มะเร็งเพาะเลี้ยงเกิด apoptosis 33 การยับยั้ง Cyclooxygenase-2 เป็นกลไกของยาเคมีป้องกัน: เอนไซม์ COX ทําหน้าที่สังเคราะห์ prostaglandin (PGs) จาก arachidonic acid ซึ่งมีหน้าที่ภายในเซลล์มากมาย เอนไซม์มี 2 รูปแบบคือ COX-1 ซึ่งจีนจะแสดงออกและมีการทํางานตลอดเวลาเพื่อสังเคราะห์ PGs และมักเกี่ยวข้องกับการ ทํางานปกติของร่างกาย ในขณะที่ COX-2 เป็นจีนที่ถูกเหนี่ยวนําให้เพิ่มการทํางาน (inducible) ด้วย สัญญาณจากภาวะอักเสบและเซลล์บาดเจ็บต่างๆ เช่น cytokines สาร mitogen และโปรตีนจากจีน oncogene29 มีรายงานมากมายที่พบว่าในเนื้อเยื่อมะเร็งมีการทํางานของ COX-2 เพิ่มมากขึ้น เช่น มะเร็งของ head and neck, breast, esophagus, colon, bladder, liver และรวมทั้งมะเร็งท่อทางเดินน้ําดี (cholangiocarcinoma)31, 34, 35 การเพิ่มการแสดงออกของ COX-2 เป็นผลจากความผิดปกติการควบคุม ทั้งระดับ transcriptional และ post-transcriptional และมักสัมพันธ์กับการเกิด mutation ของจีน p53 36 ดังนั้น การเสียการควบคุมของ tumor suppressor gene และเพิ่มการกระตุ้น oncogene มีผลเพิ่มการ ทํางานของ COX-2 ซึ่งมีผลให้สร้าง PGs ออกมาจํานวนมาก เนื่องจาก PGs เหล่านี้มีฤทธิ์มากมายและ เกี่ยวข้องกับการก่อมะเร็ง เช่น การกระตุ้นให้แบ่งเซลล์ ทําให้เซลล์เคลื่อนที่ 29 แต่ยับยั้งการทํางานของ เซลล์ในระบบอิมมูนโดยลดการหลั่ง cytokine และการทํางานของ NK cell 37 ยับยั้ง apoptosis โดยการ เพิ่มการทํางานของจีนที่ช่วยการอยู่รอด Bcl2 และ Akt และยังกระตุ้นการสร้างหลอดเลือดใหม่ (angiogenesis) โดยเพิ่ม VEGF, bFGF และ PDGF38, 39 ดังนั้นการยับยั้งการทํางานของ COX-2 จึงเป็น วิธีการสําคัญในการยับยั้งกระบวนการ tumor promotion
การยับยั้ง COX-2 อาจทําได้โดยการยับยั้งที่เอนไซม์ COX-2 โดยตรง เช่นการใช้ Non-steroidal antiinflammatory drugs (NSAIDs) ซึ่งมีรายงานจํานวนมากที่พบว่าการใช้ NSAIDs ที่แม้แบบไม่ จําเพาะต่อ COX เช่น aspirin หรือ sulindac ก็สามารถป้องกันมะเร็งลําไส้ใหญ่กลุ่ม familial adenomatous polyposis40, 41 ยาได้ผลยับยั้งมะเร็งในสัตว์ทดลองอีกหลายประเภท การยับยั้ง COX-2 อาจสามารถทําได้โดยการยับยั้งการส่งสัญญาณภายในเซลล์ที่นําไปสู่การเพิ่มการแสดงออกของจีน COX-2 ในส่วนของ promoter ของจีน COX-2 มีตําแหน่งที่จับของ transcription factor: NF-KB และ cAMP response element (CRE) สัญญาณกระตุ้นจาก oncogne (growth factor) หรือการอักเสบ (cytokine) จะกระตุ้น COX-2 ผ่านวิถีสัญญาณสําคัญคือ protein kinase C (PKC) และ Ras-MAPK การ ยับยั้งการส่งสัญญาณ MAPK, PKC รวมทั้งการยับยั้งการกระตุ้น NF-KB และ AP-1 จะมีผลยับยั้งการ กระตุ้น COX-2 ได้ 17, 30, 32 สารเคมีที่มีผลยับยั้งการกระตุ้น NF-KB มีผลยับยั้งการแสดงออกของ COX2 และมีผลลดการอักเสบ เช่น curcumin, vitamin E, quercetin, resveratrol, capsaicin, caffeic acid phenethyl ester, sulforaphane เป็นต้น17, 30 สารเคมีสังเคราะห์ออกแบบมาเพื่อยับยั้งเอนไซม์ kinase อย่างจําเพาะในวิถี เช่น ERKs ตัวอย่างเช่น MEK1/2 inhibitor PD98059 สารใหม่เหล่านี้มีโอกาสในการ พัฒนาต่อไปเป็นยาเคมีป้องกัน การยับยั้งสัญญาณในวิถี epidermal growth factor (EGF) เป็นกลไกของเคมีป้องกัน: ตัวรับ ตระกูล ErbB เช่น ErbB2 (HER2), ErbB3 (HER3) และ ErbB4 (HER4) เป็น receptor tyrosine protein kinase (RTK) การส่งสัญญาณในวิถีนี้มีความสําคัญมากสําหรับการส่งสัญญาณให้เซลล์แบ่งตัว เกิด differentiation, transformation, angiogenesis และ migration30, 31 กลไกการกระตุ้นในวิถี ErbB receptor ได้แก่ 1. การทํางานของ receptor ที่มากเกินไป (overexpression) เนื่องจากการผ่าเหล่าของ receptor oncogene 2. การผ่าเหล่าที่ทําให้ receptor เกิด activation ได้เอง (ไม่ต้องการ ligand) 3. การ สังเคราะห์ ligand มากผิดปกติโดยการกระตุ้น oncogene 4. การกระตุ้นผ่านจาก receptor อื่นๆ เซลล์มะเร็งหลายประเภทเช่นมะเร็งลําไส้ใหญ่มีการแสดงออกของจีนเหล่านี้มากผิดปกติ การยับยั้งที่ EGF receptor หรือการทํางานของเอนไซม์ tyrosine protein kinase (PTK) หรือเอนไซม์ในวิถีที่อยู่ใต้ จากนั้นเช่น วิถี Ras, Raf และ MAPK หรือวิถี PI3K และ Akt มีผลเป็นยาเคมีป้องกัน เช่นการใช้ยา EKB-569 ซึ่งเป็น EGFR inhibitor ในการป้องกันมะเร็งช่องปาก การยับยั้งการกระตุ้น transcription factor : AP-1 และ NF-KB
สารก่อมะเร็งหลายชนิดชักนําให้เซลล์เกิดเปลี่ยนแปลงใช้วิถีต่างๆโดยสุดท้ายด้วยการกระตุ้น transcription factor : AP-1 หรือ NF-KB. AP-1 เป็น transcription factor ประกอบด้วย subunit ที่เป็น homodimer หรือ heterodimer ของโปรตีนตระกูล Jun, Fos, ATF และ MAF. AP-1 ควบคุม กระบวนการภายในเซลล์ ได้แก่การแบ่งตัว และ apoptosis และมีความสัมพันธ์กับการก่อมะเร็งในช่วง tumor promotion/progression การยับยั้งการกระตุ้น AP-1 ทําให้การพัฒนามะเร็งถูกยับยั้งลง ใน ทํานองเดียวกัน การกระตุ้น NF-KB อย่างผิดปกติจะนําไปสู่การเพิ่มการแสดงของจีน เช่น COX-2 เพิ่ม การแสดงออกของจีน antiapototic เช่น Bcl2-2, Bcl-xL, TNF receptor-associated factor (TRAF), MnSOD, Cyclin D1, GCL, c-Myc และจีนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการก่อมะเร็ง EGFR, iNOS, VEGF, matrix metalloproteinase-9 เป็นต้น 17, 32 สารที่เป็น tumor promoter ที่กระตุ้น NF-KB ได้แก่ phorbol ester และ tumor necrosis factor-K AP-1 และ NF-KB เป็น transcription factor ที่ปรากฏมากมายในเซลล์ ร่างกาย ชักนําให้เซลล์มีการตอบสนองต่างๆ หลากหลายจากการกระตุ้นด้วยสัญญาณ ทั้งจากภายใน และภายนอกเซลล์ ดังนั้น transcription factor นี้จึงเป็นเป้าหมายสําคัญของยาเคมีป้องกันมะเร็ง (รูปที่ 3)
รูปที่ 3 การออกฤทธิ์ของสารเคมีป้องกันจากพืชต่อ NF-KB และ AP-1. การกระตุ้น NF-KB เกิดเมื่อ inhibitory subunit IKB ถูก phosphorylation ทําให้ NF-KB หลุดเป็นอิสระสามารถชักนําการแสดงออก ของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง antiapoptosis genes. IKB ถูก phosphorylation ด้วยเอนไซม์ในวิถี IKK และ MAPK ได้แก่ Erk และ p38 และยังผ่านวิถี PI3K ส่วน c-Fos และ c-Jun ที่ประกอบเป็น AP-1 ถูก กระตุ้นด้วย p38 และ JNK. AP-1 สามารถชักนําการแสดงออกของจีน antipoptosis เช่นกัน สารเคมี ป้องกันจะยับยั้งเอนไซม์ kinase เหล่านี้โดยขึ้นอยู่กับความเข้มข้นและชนิดของเซลล์ สิ่งกระตุ้นการ ทํางานของ NF-KB และ AP-1 ได้แก่ PMA และ UV เป็นต้น สารธรรมชาติที่มีฤทธิ์เคมีป้องกันที่สามารถออกฤทธิ์ต่อ AP-1 และ NF-KB ได้แก่ curcumin, EGCG, gingerol และ capsaicin สารข้างต้นสามารถยับยั้ง tumor promotion ใน การทดสอบกับมะเร็งผิวหนัง การทา curcumin ยับยั้ง PMA ชักนําการกระตุ้น AP-1 และ NF-KB ที่ผิวหนัง 42 โดยการยับยั้งการ phosphorylation ของ IkB (subunit ทีเ่ ป็น inhibitor ของ NF-KB) ซึ่งจะทําให้ NF-KB เป็นอิสระออกฤทธิ์ได้ โดยการยับยั้ง IKK, ERK1/2 และ p38 MARK ที่จะไป phosphorylation ต่อ IKB Gingerol สารในขิง ยับยั้ง AP-1 activation ด้วย PMA และ TNF-K ในขณะที่ capsaicin ยับยั้งการกระตุ้น NF-KB ด้วยกลไกคล้ายคลึงกับ curcumin42 นอกจากนี้สารธรรมชาติเช่น EGCG สาร polyphenol จากชาเขียว และ genistein จากถั่วเหลืองสามารถยับยั้งการกระตุ้น NF-KB จากการเหนี่ยวนําด้วย PMA, UV-B ต่อผิวหนัง รวมทั้งสามารถยับยั้งการกระตุ้น AP-1 ด้วย 30, 43 นอกจากนี้ EGCG และ genistein ยังยับยั้ง cell cycle และชักนํา apoptosis ใน human epidermoid carcinoma cell30, 44 เคมีป้องกันในมะเร็งท่อน้าดี มะเร็งท่อน้ําดีในประเทศไทยเชื่อกันว่ามีสาเหตุหลักจากการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับOpisthorchis viverrini45 และร่วมกับสารก่อมะเร็งอื่นที่มีฤทธิ์เป็น tumor promoter การศึกษาใน สัตว์ทดลอง สาร nitrosoamine ร่วมกับการติดพยาธิ มีผลชักนําให้ก่อมะเร็งท่อน้ําดีได้อย่าง สม่ําเสมอ 46 อย่าง ไรก็ตามสารเคมีอื่นอาจมีส่วนเกี่ยวข้องได้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสูบบุหรี่ อย่างไรก็ตามหลักฐานทางระบาดวิทยาไม่พบความสัมพันธ์ของมะเร็งชนิดนี้กับการ สูบบุหรี่หรือดื่ม แอลกอฮอล์ 47, 48 นอกจากนี้ภาวะติดเชื้อเรื้อรังและการเกิด endogenous nitrosation ได้รับ
เสนอขึ้นมา49 บทบาทของอนุมูลอิสระ nitrogen และ oxygen ในภาวะที่มีการอักเสบเรื้อรัง เนื่องจากการติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับได้แสดงในหนูทดลอง50 (อ่านเพิ่มบทความเรื่อง กลไกการเกิดมะเร็ง ท่อน้ําดีที่สัมพันธ์กับการติดพยาธิใบไม้ตับโดยผ่านทางอนุมูล ในฉบับเดียวกันนี)้ นอกจากนี้เนื้อเยื่อ มะเร็งในผู้ป่วยพบ over-expression ของ COX-234, 35 นอกจากนี้ยังพบ overexpression ของ EGFR ทั้งในเนื้อเยื่อและเซลล์มะเร็งเพาะเลี้ยง34 การ วิเคราะห์ในเนื้อเยื่อ มะเร็งจากผู้ป่วยในคนไทย ญี่ปุ่นและสหรัฐพบว่ามีความสัมพันธ์เชิงบวกระหว่างการแสดงออกของ COX-2 และ ErbB2 โดยไม่ขึ้นกับเชื้อชาติและถิ่นฐานของผู้ป่วย การแสดงออกของ COX-2 และ ErbB2 สัมพันธ์กับระยะของ differentiation34, 51 โดยเนื้อเยื่อคนปกติมีการแสดงออกของ จีนดังกล่าวน้อยกว่ามาก เช่น เดียวกับเนื้อเยื่อผู้ป่วย bile duct hyperplasia และ primary sclerosing cholangitis ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อมะเร็งท่อน้ําดีมีการแสดงออกของ COX-2 และ ErbB2 สูงกว่าคนปกติมาก51 การทดลองในเซลล์มะเร็งท่อน้ําดีเพาะเลี้ยงพบว่า NSAIDs ชัก นําให้เซลล์เกิด apoptosis ได้ 40 ดัง นั้น COX-2 และ ErbB2 จึงดูเหมือนเป็นเป้าหมายที่ สําคัญของยาเคมีป้องกันที่อาจยับยั้งการพัฒนาของ เซลล์ผิดปกติไม่ให้พัฒนาต่อไปเป็นมะเร็ง อย่าง ไร ก็ตามการใช้ NSAID ในประชากรจริงยังต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ เช่น ความคุ้มค่าของประสิทธิผล และผลข้างเคียงจากยาและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ดัง เช่นกรณีของ NSAID ในการป้องกันมะเร็งลําไส้ ใหญ่ที่มีการศึกษาที่ดีกว่ามาก และมีหลักฐานทางระบาดวิทยาในประชากรที่ใช้ยามีความเสี่ยงต่อมะเร็ง ลดลงอย่าง ชัดเจน41, 52, 53 แต่กระนั้นทางการสหรัฐยังไม่ได้แนะนําให้ใช้ยาดังกล่าวป้องกัน ทั้งนี้ เนื่องจากปัญหาผลข้างเคียงจากยา ประสิทธิผลในการรักษาประชากรจํานวนมากยังไม่อาจทัดเทียมการ ตรวจด้วยกล้องและ ผ่าตัดออกเมื่อตรวจพบ ในกรณีของ มะเร็งท่อน้ําดี ยังคงต้องการหลักฐานของการ ป้องกันโรคโดย NSAID ในคน นอกจากนี้ตัวชี้วัดเบื้องต้นทางชีวภาพ (biomarker) หรือการ ตรวจด้วยวิธีอื่นที่มีประสิทธิภาพและปฏิบัติได้จริงเพื่อบ่งชี้ ประสิทธิภาพการป้องกัน แม้ serum MUC5AC จะมีความไวและความจําเพาะในมะเร็งท่อน้ําดี54 แต่ ปัจจุบันยังไม่ปรากฏว่ามีตัวบ่งชี้ หรือ biomarker ที่น่าพอใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยในระยะแรก สิ่งบ่งชี้เบื้องต้นมีความจําเป็น อย่างยิ่งเพื่อประเมินประสิทธิผลและเพื่อ คัดเลือกประชากรในกลุ่มเสี่ยงสูง (อ่านเพิ่มเติมบทความเรื่อง Tumor marker in Cholangiocarcinoma ในฉบับเดียวกันนี)้
วิถีการป้องกันที่เห็นเด่นชัดแต่ยังไม่สัมฤทธิ์ผลที่ชัดเจนในทางปฏิบัติคือการป้องกันการติดเชื้อ พยาธิใบไม้ตับ อุบัติการณ์การติดเชื้อดังกล่าวแม้ว่าจะลดลงเนื่องจากการใช้ยาถ่าย ขับพยาธิ55์ แต่สถิติ อุบัติการณ์ของมะเร็งยังอาจต้องรอคอย และที่น่าวิตกยิ่งขึ้นคือการลดการติดเชื้อนั้นเป็นการลดอย่าง แท้จริงหรือ เพียงเป็นการติดเชื้อซ้ําซากใหม่หลังการรับประทานยาขับพยาธิ หลักฐานทางระบาดวิทยา ได้วิเคราะห์ว่าปัจจัยที่ป้องกันมะเร็งท่อน้ําดีได้ดีที่สุดคือการบริโภคพืชผัก และผลไม้ ผู้ที่รับประทาน ผักมาก (3-4 ส่วน/วัน) จะเสี่ยงน้อยกว่าผู้ที่รับประทานน้อยกว่าหรือเท่ากับ 1 ส่วนต่อวันกว่า 10 เท่า48 รายงาน ดังกล่าวสอดคล้องและยืนยันผลการศึกษาอื่นๆที่ผ่านมาที่ศึกษาในประชากรเชื้อ ชาติต่างๆและ ในการป้องกันมะเร็งอย่างไม่จําเพาะกับการบริโภคผักรวมๆ41 แม้ จะเชื่อว่าสารสําคัญในผักที่ออกฤทธิ์ เป็นสาร phenolic, วิตามินและธาตุบางชนิดที่มีฤทธิ์ antioxidants แต่การศึกษาโดยใช้สาร antioxidants หรือวิตามินเดี่ยวๆหรือวิตามินผสมมักได้ผลลัพธ์ที่น่าผิดหวังมากกว่า2-4 ดัง นั้นจึง ยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกมากในบทบาทของสารเคมีจากธรรมชาติและสาร เคมีอื่นๆในการป้องกันมะเร็ง ก่อนที่จะมาใช้ทางคลินิกอย่างแท้จริง เอกสารอ้างอิง1. Vatanasapt V, Tangvoraphonkchai V, Titapant V, Pipitgool V, Viriyapap D, Sriamporn S: A high incidence of liver cancer in Khon Kaen Province, Thailand. Southeast Asian J Trop Med Public Health 1990;21:489494. 2. The effect of vitamin E and beta carotene on the incidence of lung cancer and other cancers in male smokers. The Alpha-Tocopherol, Beta Carotene Cancer Prevention Study Group. N Engl J Med 1994;330:1029-1035. 3. Omenn GS, Goodman GE, Thornquist MD, Balmes J, Cullen MR, Glass A, et al.: Effects of a combination of beta carotene and vitamin A on lung cancer and cardiovascular disease. N Engl J Med 1996;334:1150-1155. 4. Bairati I, Meyer F, Gelinas M, Fortin A, Nabid A, Brochet F, et al.: A randomized trial of antioxidant vitamins to prevent second primary cancers in head and neck cancer patients. J Natl Cancer Inst 2005;97:481-488. 5. Kim ES, Hong WK: An apple a day...does it really keep the doctor away? The current state of cancer chemoprevention. J Natl Cancer Inst 2005;97:468-470. 6. Guengerich FP: Metabolic activation of carcinogens. Pharmacol Ther 1992;54:17-61. 7. Gonzalez FJ, Kimura S: Role of gene knockout mice in understanding the mechanisms of chemical toxicity and carcinogenesis. Cancer Lett 1999;143:199-204. 8. Guengerich FP: Common and uncommon cytochrome P450 reactions related to metabolism and chemical toxicity. Chem Res Toxicol 2001;14:611-650. 9. Pitot HC: The molecular biology of carcinogenesis. Cancer 1993;72:962-970. 10. Harris CC: p53 tumor suppressor gene: at the crossroads of molecular carcinogenesis, molecular epidemiology, and cancer risk assessment. Environ Health Perspect 1996;104 Suppl 3:435-439. 11. Prevention of cancer in the next millennium: Report of the Chemoprevention Working Group to the American Association for Cancer Research. Cancer Res 1999;59:4743-4758.
12. Chen C, Kong AN: Dietary chemopreventive compounds and ARE/EpRE signaling. Free Radic Biol Med 2004;36:1505-1516. 13. Jalas JR, Ding X, Murphy SE: Comparative metabolism of the tobacco-specific nitrosamines 4(methylnitrosamino)-1-(3-pyridyl)-1-butanone and 4-(methylnitrosamino)-1-(3-pyridyl)-1-butanol by rat cytochrome P450 2A3 and human cytochrome P450 2A13. Drug Metab Dispos 2003;31:1199-1202. 14. Park BK, Kitteringham NR, Maggs JL, Pirmohamed M, Williams DP: The role of metabolic activation in drug-induced hepatotoxicity. Annu Rev Pharmacol Toxicol 2005;45:177-202. 15. Hein DW, Rustan TD, Doll MA, Bucher KD, Ferguson RJ, Feng Y, et al.: Acetyltransferases and susceptibility to chemicals. Toxicol Lett 1992;64-65:123-130. 16. Kwak MK, Wakabayashi N, Kensler TW: Chemoprevention through the Keap1-Nrf2 signaling pathway by phase 2 enzyme inducers. Mutat Res 2004;555:133-148. 17. Surh YJ: Cancer chemoprevention with dietary phytochemicals. Nat Rev Cancer 2003;3:768-780. 18. Middleton E, Jr., Kandaswami C, Theoharides TC: The effects of plant flavonoids on mammalian cells: implications for inflammation, heart disease, and cancer. Pharmacol Rev 2000;52:673-751. 19. Lopes GK, Schulman HM, Hermes-Lima M: Polyphenol tannic acid inhibits hydroxyl radical formation from Fenton reaction by complexing ferrous ions. Biochim Biophys Acta 1999;1472:142-152. 20. Muto S, Fujita K, Yamazaki Y, Kamataki T: Inhibition by green tea catechins of metabolic activation of procarcinogens by human cytochrome P450. Mutat Res 2001;479:197-206. 21. Park OJ, Surh YJ: Chemopreventive potential of epigallocatechin gallate and genistein: evidence from epidemiological and laboratory studies. Toxicol Lett 2004;150:43-56. 22. Tseng E, Scott-Ramsay EA, Morris ME: Dietary organic isothiocyanates are cytotoxic in human breast cancer MCF-7 and mammary epithelial MCF-12A cell lines. Exp Biol Med (Maywood) 2004;229:835-842. 23. Chuang SE, Kuo ML, Hsu CH, Chen CR, Lin JK, Lai GM, et al.: Curcumin-containing diet inhibits diethylnitrosamine-induced murine hepatocarcinogenesis. Carcinogenesis 2000;21:331-335. 24. Wei H, Saladi R, Lu Y, Wang Y, Palep SR, Moore J, et al.: Isoflavone genistein: photoprotection and clinical implications in dermatology. J Nutr 2003;133:3811S-3819S. 25. Lambert JD, Hong J, Yang GY, Liao J, Yang CS: Inhibition of carcinogenesis by polyphenols: evidence from laboratory investigations. Am J Clin Nutr 2005;81:284S-291S. 26. Kwak MK, Egner PA, Dolan PM, Ramos-Gomez M, Groopman JD, Itoh K, et al.: Role of phase 2 enzyme induction in chemoprotection by dithiolethiones. Mutat Res 2001;480-481:305-315. 27. Wang JS, Shen X, He X, Zhu YR, Zhang BC, Wang JB, et al.: Protective alterations in phase 1 and 2 metabolism of aflatoxin B1 by oltipraz in residents of Qidong, People's Republic of China. J Natl Cancer Inst 1999;91:347-354. 28. Nguyen T, Yang CS, Pickett CB: The pathways and molecular mechanisms regulating Nrf2 activation in response to chemical stress. Free Radic Biol Med 2004;37:433-441. 29. Chun KS, Surh YJ: Signal transduction pathways regulating cyclooxygenase-2 expression: potential molecular targets for chemoprevention. Biochem Pharmacol 2004;68:1089-1100. 30. Bode AM, Dong Z: Targeting signal transduction pathways by chemopreventive agents. Mutat Res 2004;555:3351. 31. Dannenberg AJ, Lippman SM, Mann JR, Subbaramaiah K, DuBois RN: Cyclooxygenase-2 and epidermal growth factor receptor: pharmacologic targets for chemoprevention. J Clin Oncol 2005;23:254-266. 32. Bharti AC, Aggarwal BB: Nuclear factor-kappa B and cancer: its role in prevention and therapy. Biochem Pharmacol 2002;64:883-888.
33. Shimizu M, Deguchi A, Lim JT, Moriwaki H, Kopelovich L, Weinstein IB: (-)-Epigallocatechin gallate and polyphenon E inhibit growth and activation of the epidermal growth factor receptor and human epidermal growth factor receptor-2 signaling pathways in human colon cancer cells. Clin Cancer Res 2005;11:2735-2746. 34. Han C, Wu T: Cyclooxygenase-2-derived prostaglandin E2 promotes human cholangiocarcinoma cell growth and invation through EP1 receptor-mediated activation of epidermal growth factor receptor and AKT. J Biol Chem 2005. 35. Kim HJ, Lee KT, Kim EK, Sohn TS, Heo JS, Choi SH, et al.: Expression of cyclooxygenase-2 in cholangiocarcinoma: correlation with clinicopathological features and prognosis. J Gastroenterol Hepatol 2004;19:582-588. 36. Leung WK, To KF, Ng YP, Lee TL, Lau JY, Chan FK, et al.: Association between cyclo-oxygenase-2 overexpression and missense p53 mutations in gastric cancer. Br J Cancer 2001;84:335-339. 37. Joshi PC, Zhou X, Cuchens M, Jones Q: Prostaglandin E2 suppressed IL-15-mediated human NK cell function through down-regulation of common gamma-chain. J Immunol 2001;166:885-891. 38. Gately S, Li WW: Multiple roles of COX-2 in tumor angiogenesis: a target for antiangiogenic therapy. Semin Oncol 2004;31:2-11. 39. Lim SC, Park SY, Do NY: Correlation of cyclooxygenase-2 pathway and VEGF expression in head and neck squamous cell carcinoma. Oncol Rep 2003;10:1073-1079. 40. Wu GS, Zou SQ, Liu ZR, Tang ZH, Wang JH: Celecoxib inhibits proliferation and induces apoptosis via prostaglandin E2 pathway in human cholangiocarcinoma cell lines. World J Gastroenterol 2003;9:1302-1306. 41. Umar A, Viner JL, Richmond E, Anderson WF, Hawk ET: Chemoprevention of colorectal carcinogenesis. Int J Clin Oncol 2002;7:2-26. 42. Surh YJ, Han SS, Keum YS, Seo HJ, Lee SS: Inhibitory effects of curcumin and capsaicin on phorbol esterinduced activation of eukaryotic transcription factors, NF-kappaB and AP-1. Biofactors 2000;12:107-112. 43. Chen YC, Liang YC, Lin-Shiau SY, Ho CT, Lin JK: Inhibition of TPA-induced protein kinase C and transcription activator protein-1 binding activities by theaflavin-3,3'-digallate from black tea in NIH3T3 cells. J Agric Food Chem 1999;47:1416-1421. 44. Valachovicova T, Slivova V, Bergman H, Shuherk J, Sliva D: Soy isoflavones suppress invasiveness of breast cancer cells by the inhibition of NF-kappaB/AP-1-dependent and -independent pathways. Int J Oncol 2004;25:1389-1395. 45. Kurathong S, Lerdverasirikul P, Wongpaitoon V, Pramoolsinsap C, Kanjanapitak A, Varavithya W, et al.: Opisthorchis viverrini infection and cholangiocarcinoma. A prospective, case-controlled study. Gastroenterology 1985;89:151-156. 46. Thamavit W, Pairojkul C, Tiwawech D, Shirai T, Ito N: Strong promoting effect of Opisthorchis viverrini infection on dimethylnitrosamine-initiated hamster liver. Cancer Lett 1994;78:121-125. 47. Prawan A, Kukongviriyapan V, Tassaneeyakul W, Pairojkul C, Bhudhisawasdi V: Association between genetic polymorphisms of CYP1A2, arylamine N-acetyltransferase 1 and 2 and susceptibility to cholangiocarcinoma. Eur J Cancer Prev 2005;14:245-250. 48. Chernrungroj G: Risk factors for cholangiocarcinoma: A case-control study [Dissertation for the degree of Ph.D.]: Yale University; 2000. 49. Ohshima H, Bandaletova TY, Brouet I, Bartsch H, Kirby G, Ogunbiyi F, et al.: Increased nitrosamine and nitrate biosynthesis mediated by nitric oxide synthase induced in hamsters infected with liver fluke (Opisthorchis viverrini). Carcinogenesis 1994;15:271-275.
50. Pinlaor S, Ma N, Hiraku Y, Yongvanit P, Semba R, Oikawa S, et al.: Repeated infection with Opisthorchis viverrini induces accumulation of 8-nitroguanine and 8-oxo-7,8-dihydro-2'-deoxyguanine in the bile duct of hamsters via inducible nitric oxide synthase. Carcinogenesis 2004;25:1535-1542. 51. Endo K, Yoon BI, Pairojkul C, Demetris AJ, Sirica AE: ERBB-2 overexpression and cyclooxygenase-2 upregulation in human cholangiocarcinoma and risk conditions. Hepatology 2002;36:439-450. 52. Hallak A, Alon-Baron L, Shamir R, Moshkowitz M, Bulvik B, Brazowski E, et al.: Rofecoxib reduces polyp recurrence in familial polyposis. Dig Dis Sci 2003;48:1998-2002. 53. Ishikawa H: Chemoprevention of carcinogenesis in familial tumors. Int J Clin Oncol 2004;9:299-303. 54. Boonla C, Wongkham S, Sheehan JK, Wongkham C, Bhudhisawasdi V, Tepsiri N, et al.: Prognostic value of serum MUC5AC mucin in patients with cholangiocarcinoma. Cancer 2003;98:1438-1443. 55. Sriamporn S, Pisani P, Pipitgool V, Suwanrungruang K, Kamsa-ard S, Parkin DM: Prevalence of Opisthorchis viverrini infection and incidence of cholangiocarcinoma in Khon Kaen, Northeast Thailand. Trop
สารสกัดที่ได้จาก ธรรมชาติ ส่วนใหญ่ไม่ได้ไปฆ่าหรือทําลาย เซลล์มะเร็งได้ โดยตรง แต่มันไปกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย และยับยั้งการเจริญเติบโต ของเซลล์มะเร็ง และทําลายตัวเซลได้ การกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยสารสกัดจะมีผลทั้งต่อเซลล์เม็ดเลือดขาว รวมถึง สารเคมีสื่อสัญญาณระหว่างเซลล์เพื่อตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย เมื่อร่างกายแข็งแรง สร้างภูมิคุ้มกันให้ดี มันย่อมเป็นสิ่งที่ดีต่อร่ างกายเราเอง สรรพคุณในการยับยั้งเซลล์มะเร็ง คือ สารโพลีแซคคาไลน์ สารไตรโตรปินอย สาร เนเชอรัลสเตอรอยด์ ที่เข้าไปช่วยยับยั้งการโตของเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งต่อม ลูกหมาก มะเร็งตับ มะเร็งปอด และอีกหลายๆโรคด้วยครับ เช่นความดัน เบาหวาน (เห็ดกระทินพิมานและถั่งเช่า สีทอง รวมทั้ง ตาหรับยาต่างๆ ใช้รวมกัน ) การใช้สาร จากธรรมชาติ ควรศึกษาให้ดีก่อนนะครับ ด้วยความปรารถนา ดี จาก กลุ่มคนรักสาร ธรรมชาติธรรมชาติ Line ID : krisbigdick หรือ sgmaddog2 หมายเหตุ ข้อมูลทั้งหมดนี้บางส่วนได้มาจากwebsiteที่ทําการเผยแพร่ในโลกออนไลย์ที่เราได้รวบรวมมาให้อ่านกันครับ
Phellinus Linteus (เห็ดกระถินพิมาน ) By Cathy Wong, ND AlternativeMedicine Expert
Phellinus Linteus เป็นอีก1ชนิดของ เห็ดสมุนไพร ที่ขึ้นอยู่บนต้นหม่อน ใช้งานมานานใน รูปแบบยา แผนโบราณ (เช่น แพทย์แผนจีน ) ก็คิดว่าจะกระตุ้น ระบบภูมิคุ้มกัน และป้องกันโรค บาง คนแนะนําว่า Phellinus Linteus ยังสามารถช่วยต่อสู้กับโรคมะเร็งบางชนิดรวมทั้ง มะเร็งเต้า นม และ มะเร็งปอด ใน การแพทย์แผนจีนแบบดั้งเดิม PhellinusLinteus มักจะดําเนินการในการรวมกันกับเห็ด สมุนไพรอื่น ๆ (เช่น เห็ดหลินจือ และ Maitake ) มันมีจํานวนของสารที่คิดว่าจะมีผลต่อสุขภาพ รวมทั้งกรด ellagic และกรด caffeic (สองชนิดของสารเคมีธรรมชาติที่มีผลกระทบสารต้าน อนุมูลอิสระ) ประโยชน์ด้านสุขภาพของ Phellinus Linteus การ วิจัยทางคลินิคมีการทดสอบผลกระทบต่อสุขภาพของPhellinusLinteus จากการศึกษา เบื้องต้นชี้ให้เห็นว่าเห็ดนี้อาจจะมีผลต่อสภาวะสุขภาพ บางอย่าง ดูที่ผลการวิจัยที่สําคัญหลายประการ จากการศึกษา
1) โรคมะเร็ง Phellinus Linteus มีสารต้านมะเร็งทางเลือกตามรายงานที่ตีพิมพ์ใน Current Medicinal Chemistry ในปี 2008ในการวิเคราะห์ของพวกเขาการวิจัยที่มีอยู่บน Phellinus Linteus ผู้เขียนรายงานยังพบว่ามันอาจจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยาต้านมะเร็งที่ ใช้ ในการรักษาโรคมะเร็งการวิจัยครั้งนี้รวมถึงจํานวนของการศึกษาเบื้องต้นแสดง ให้เห็นว่าสารสกัด จาก PhellinusLinteus อาจช่วยเพิ่มการทํางานของภูมิคุ้มกันลดการอักเสบและยับยั้งการ เจริญเติบโตและ การแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง
2) โรคเบาหวาน Phellinus Linteus อาจช่วยยับยั้งการเติบโตของโรคเบาหวาน(โรคเบาหวานชนิดระบบ ภูมิคุ้มกันของ ร่างกายจะต่อต้านและทําลายเซลล์ทมี่ ีหน้าที่ผลิตอินซูลิน) ในการศึกษาที่ตี พิมพ์ใน InternationalImmunopharmacology ในปี 2010 การทดสอบในหนูแสดงให้เห็นว่า polysaccharides (สารโพลิแซ็คคาไรด์) ที่สกัดจาก PhellinusLinteus อาจจะช่วย ป้องกันโรคเบาหวานโดยการควบคุมการแสดงออกของเซลล์ที่เกี่ยวข้องใน การตอบสนองทาง ภูมิคุ้มกัน
3) กลาก การศึกษาที่ตีพิมพ์ใน BMC Complementary and Alternative Medicine ใน ปี 2012 แสดงให้เห็นว่า Phellinus Linteus อาจช่วยรักษาโรคผิวหนังแพ้(ชนิดที่เกี่ยวข้อง กับความผิดปกติของระบบภูมิคุ้ม กัน) สําหรับการศึกษานักวิทยาศาสตร์ตรวจสอบผลของสารสกัดจาก Phellinus Linteus ในเซลล์ของมนุษย์และในหนู ผลการศึกษาพบว่า Phellinus Linteus อาจช่วยต่อสู้กับโรคผิวหนังภูมิแพ้โดยการลดระดับของเซลล์ที่มีผลสําคัญในการ อักเสบที่ เกี่ยวข้องกับโรคกลาก
Phellinus Linteusจะช่วยในการรักษาหรือการป้องกันปัญหาสุขภาพดังต่อไปนี้ โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคอุจจาระร่วง กลาก โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคตับ นอกจากนี้ PhellinusLinteus กล่าวจะช่วยลด การอักเสบ และ ลดอาการปวด Phellinus Linteus ปลอดภัยหรือไม่ ในธรรมชาติแล้ว อาจเกิดความแตกต่างได้เพราะว่า มีเชื้อราหรือเชื้ออื่นๆปนเปื้อนอยู่ แม้ ว่าจะไม่ค่อย เป็นที่รู้จักเกี่ยวกับความปลอดภัยของการใช้ PhellinusLinteus ในระยะยาว มีความกังวลว่าเห็ด นี้อาจเป็นอันตรายต่อผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ําหากคุณมี ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะรับประทาน แต่ Phellinus Linteus ของเราที่ได้การรับรองผลเป็นของแท้ มีความสะอาดปลอดภัย สูง ไร้สารเจือปนและไม่มีสารตกค้างใดๆ รวมถึงไม่มีเชื้อราหรือเชื้อตัวอื่นๆร่วมอยู่ด้วย เพราะว่าเราปลูกในห้องและขวดปลอดเชื้อจาก ห้องเพาะเนื้อเยื่อ ที่ดีทีสุด สถานที่ ที่จะหา PhellinusLinteus ใน ต่างประเทศผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มP ี hellinusLinteus ที่มีขายในร้านค้าอาหารธรรมชาติ มากและร้านค้าอื่น ๆที่เชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ อาหารเสริมเหล่านี้มักจะมีสูตรสมุนไพรที่ รวมPhellinus Linteus กับเห็ดสมุนไพรอื่น ๆซึ่งในประเทศไทย ก็มีแต่ PhellinusLinteus ของเราที่เดียวที่ได้มาจากธรรมชาติแล้วนํามาเพาะปลูกเนื้อเยื่อจนเป็น ผลสําเร็จโดยที่ไม่มีสารเคมีเจือปนและ ไม่มีสารตกค้างใดๆ รวมถึงไม่มีเชื้อราหรือเชื้อตัวอื่นๆร่วมอยู่ ด้วย ติดต่อเราได้ครับทาง app line ID : krisbigdick or sgmaddog2
หมายเหตุ ข้อมูลทั้งหมดนี้บางส่วนได้มาจากwebsiteที่ทําการเผยแพร่ในโลกออนไลย์ที่เราได้รวบรวมมาให้อ่านกันครับ
อ้างอิง Chang HY, Sheu MJ, Yang CH, Lu TC, Chang YS,Peng WH, Huang SS, Huang GJ. "Analgesic effects and the mechanisms ofanti-inflammation of hispolon in mice." Evid Based Complement AlternatMed. 2011;2011:478246. Hwang JS, Kwon HK, Kim JE, Rho J, Im SH."Immunomodulatory effect of water soluble extract separated from myceliumof Phellinus linteus on experimental atopic dermatitis." BMC ComplementAltern Med. 2012 Sep 18;12:159. Kim HM, Kang JS, Kim JY, Park SK, Kim HS, LeeYJ, Yun J, Hong JT, Kim Y, Han SB. "Evaluation of antidiabetic activity ofpolysaccharide isolated from Phellinus linteus in non-obese diabeticmouse." Int Immunopharmacol. 2010 Jan;10(1):72-8. Sliva D, Jedinak A, Kawasaki J, Harvey K,Slivova V. "Phellinus linteus suppresses growth, angiogenesis and invasivebehaviour of breast cancer cells through the inhibition of AKTsignalling." Br J Cancer. 2008 Apr 22;98(8):1348-56. Zhu T, Kim SH, Chen CY. "A medicinalmushroom: Phellinus linteus." Curr Med Chem. 2008;15(13):1330-5.
หมายเหตุ ข้อมูลทั้งหมดนี้บางส่วนได้มาจากwebsiteที่ทําการเผยแพร่ในโลกออนไลย์ที่เราได้รวบรวมมาให้อ่านกันครับ
ชาวเอเชียตะวันออกสกัดเห็ด "phellinus linteus" มาทํายารักษาโรคกันนานหลายร้อยปีแล้ว ดร.แด เนียล ซลีวา จากสถาบันวิจัยเมโธดิสต์ ในเมืองอินเดียนาโปลิสสหรัฐอเมริกา จึงนําเห็ดนี้มา ศึกษาบ้างและพบว่า สารสกัดจากเห็ดนี้สามารถหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งหน้าอก เป็นไป ได้ว่ามันอาจสามารถควบคุมเอนไซม์ "เอเคที" ที่มีหน้าที่ควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์ เห็ด "phellinus linteus" มี ชื่อในตํารายาจีนว่า "ซ้องเกิ้น" ชื่อ "ซางฮวัง" ในภาษาเกาหลี และ ชื่อ "เมชิมาโคโบะ" ในภาษาญี่ปุ่น เคยถูกนําไปทดลองและพบว่ามีฤทธิ์ยับยั้งเนื้อร้ายที่เซลล์ผิวหนัง ปอด ต่อมลูกหมาก ในการทดลองกับมะเร็งทรวงอกของ ดร.ซลีวา ทําให้เข้าใจหลักการทํางานของสารสกัดจากเห็ด "phellinus linteus" มากกว่า เดิมว่า มันช่วยลดการเจริญเติบโตของเนื้อร้ายด้วยการกดการ เจริญเติบโตของเซลล์ และกั้นเส้นเลือดไม่ให้นําอาหารไปเลี้ยงเซลล์ร้าย "แม้ว่าการค้นพบจะยังไม่ สามารถนําไปประยุกต์ใช้กับยาแผนปัจจุบัน แต่หวังว่าผลงานวิจัยจะเป็นแรงบันดาลใจให้นักวิจัยอื่นๆ มาต่อยอดการศึกษา เพื่อนําสารสกัดจากเห็ดไปรักษาผู้ป่วยต่อไป" ดร.ซลีวากล่าว
ทางกลุ่มเรา มิได้นําพืชหรือเห็ดชนิดเดียว มาทํา เราสรรหาสารเคมี ธรรมชาติจาก ตระกูลพืช ผัก ผลไม้ เชื้อรา เห็ด จุลินทรีย์ และอื่นๆอีก มากมาย ที่ได้จากธรรมชาติหรือการเพาะเลี้ยงจากห้อง เพาะเนื้อเยื่อ เพื่อที่จะได้สิ่งที่ปลอดภัยไร้สารปนเปื้อนรวมทั้งสารตกค้างใดๆที่ไม่พึง ประสงค์และหรืออาจเป็นผลเสียต่อร่างกาย เราต้องทําจากใจเพราะ เรา ทําสําหรับ พ่อ แม่ พี่ น้อง และ ญาติ ร่วมทั้งเพื่อนๆ เรากินและรักษา ด้วยกัน
การเกิดแก่ เจ็บตาย เป็นเรื่องธรรมดา จงเตรียมตัวรับกับความเจ็บปวดอันที่ ต้องเสียคนที่คุณรักไป แต่พวกเราขอเวลาอีกสักพัก เพื่อทําใจ และ ได้มีเวลา อยู่กับคนที่รัก ด้วยตัวยาอันเป็นที่สุดของนางฟ้าเทวาดา จงช่วยให้เราได้มี โอกาสได้เห็นคนที่เรารักได้ยืดเวลาอยู่กับเราไปจนกว่าเวลาของเขาหมดไป ด้วยเทรอ
คําขอของผู้ป่วยและครอบครัว ขอชีวิตให้มีความสุขอีกสักระยะ ก่อนจะถึงวันที่ต้องจากกันไป ขอให้ได้ตอบแทนพระคุณอีกสักระยะ ก่อนที่ท่านจะจากไป ขอได้ใช้ชีวิต และ ตั้งตัวเตรียมรับ กับความคิดถึง อีกสักระยะเทรอ และสุดท้ายเราก็หนีไม่พ้นกับการที่ต้องจากไปอย่างไม่ทรมาน สาธุๆๆๆ
ข้าพเจ้าและคณะ
http://youtu.be/Dn--rtoepJA
อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บําเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วน กุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่วันนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และข้าพเจ้าทั้งหลาย ขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยา ยมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบําเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าใน ครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุขเช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด ผลบุญใดที่ข้าพเจ้า ได้บําเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้ เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เถิด