Visual Art Elements Aesthetic Appreciation 2709201 By Assoc. Dr.Poonarat Pichayapaiboon Department of Art Mucis and Performance Education Faculty of Educaiton Chulalongkorn University (สงวนลิขสิทธิ์)
องคประกอบทัศนศิลป Visual Art Elements
เสน (Lines) รูปราง (Shapes) ชองวาง (Spaces) พื้นผิว (Texture) สี (Colors)
โดย รองศาสตราจารย ดร. ปุณณรัตน พิชญไพบูลย วิชาสุนทรียศึกษา(Aesthetic Appreciation) ภาควิชาศิลป ดนตรี นาฏศิลปศึกษา คณะครุศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย
เสน (Lines) การสื่อความหมาย ขนาด (Size) ความเร็ว (Velocity) ทิศทาง (Direction) แสดงความตอเนื่อง (Countinutity) แสดงขอบเขต เนื้อที่ (Boundary)
ประเภทของเสน เสนตัง้ (Vertical line) เสนทแยง (Diagonal Line) เสนนอน (Holizontal Line) เสนโคง (CurveLine)
เสนทะแยง
อิทธพลของเสนทะ แยงที่ใหความรูสึก เคลื่อนไหว ใน ภาพโฒษณา
เสนในการแสดง
ฉากหนึ่งใน The Fairy’s Kiss (จุมพิศจากนาง ฟา) เปนการแสดงBallet การเคลื่อนไหวของนัก แสดง ที่แสดงถึงอิทธิพลของ เสน และปริมาตร อยางชัดเจน ภาษาทาทางและการเคลื่อนไหว นี้จะ ตองมีความสัมพันธกับจังหวะและทํานองของบท เพลงที่บรรเลงอยูในขณะนั้น และบทเพลงที่ประพันธ ก็ไดรับแรงบันดาลใจจากเนื่องราวในบทประพันธ นิยาย ศิลปะการแสดงนี้จึงไมจําเปนตองใชการพูด แตอยางใด
Wounded Lioness Assyrian Art ภาพจําหลักหินทรายของชาวแอสซีเรียน ซึง่ ตั้งรกรากในดินแดนเมโสโปเตเมีย ชนเผานี้นิยมกิฬาการลาสิงหโต ซึ่งแสดงถึงความ กลาหาญของผูลาประติมากรรมนูนสูงนี้ใหความรูสึกของเสนไดเปนอยางดี ทั้งเสนตั้งที่แสดงถึงการยืนหยัด ทระนง สงางาม ใน ขณะที่เสนทะแยงแสดงถึงการคืบคลานไปขางหนา เสนทะแยงของลูกศรที่พุงแทงเสียดใหความรูสึกที่เจ็บปวด กดมวลของพญา สิงหใหทรุดตัวลง และเสนนอนของขาหลังทั้งสองที่ราบเรียบไปกับพื้นดินแสดงถึงความตาย
บานนํ้าตก หรือ บานคัฟแมน (KAUFMAN HOUSE) ออกแบบโดยสถาปนิก แฟรงครอยไรด มองจากมุมทิศตะวัน ออก ประกอบดวยเสนนอนเปนหลัก ทําใหเกิดความรูสกึ มั่นคงแข็งแรง พักผอน และ กลมกลืนกับธรรมชาติแวด ลอม Bear Run Pennsylvania 1936
ภาพถาย (Photography) เปนศิลปะแขนงหนึ่งที่ถายทอดอารมณ ความ รูสึกผานองคประกอบทางทัศนะภายในภาพ สิ่งที่เปนจุดเดนของศิลปะภาพถายคือ การหยุดเวลาในขณะหนึ่งไดอยางหนาอัศจรรย ซึ่งจิตรกรรมไมสามารถบันทึกเวลา เหลานี้ได แตเดิมภาพถายไมไดมีคุณสมบัติดังกลาวเนื่องจากสื่อที่ใชในการบันทึก ภาพยังขาดคุณสมบัติดังกลาว จนกระทั่งEastman `Kodark ไดเสนอฟลมถายภาพที่มี ความไวแสงสูงขึน้ จนสามารถบันทึกเหตุการณในเสีย่ ววินาทีซึ่งเกิดขึ้นในสิง่ แวด ลอมและชีวิตผูคนได ศิลปะภาพถายนอกจากจะมีคุณคาในตัวภาพซึง่ ใชหลักแหง ความงามเชนเดียวกับศิลปะแขนงอื่น ๆ รวมทั้งศิลปะแหงกระบวนการสรางสรรค ภาพที่ซับซอน หลากหลาย แลวยังชวยขยายขอบเขตการรับรูของผูชมใหกวางไกลขึน้ กวาแตกอน
ชางภาพหนังสือพิมพจับภาพความยินดีของผูคนบน ถนนยานจตุรัตไทมสแควร นครนิวยอรค ในวันที่ 14 สิงหาคม 1945 เมื่อรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ประกาศ สงครามโลกครั้งที่ 2 ไดยุติลงแลว ยังความตื่นเตนให แกผูคนจนลืมตัว นิสิตลองวิเคราะหองคประกอบของเสนในภาพนี้ดู
เสนในสิ่งกอสราง สะพานอลามิโล(Allamilo) ประเทศสเปญ เมืองSeville ในป 1987 - 1992 สถาปนิก Santiago Calatrava ได นําเอาเสนนอน เสนโคง และเสนทะแยงไดอยางเดนชัด เพื่อใชเปนองคประกอบของสะพานแขวน โครงสรางคอนกรีตเสริมเหล็ก ขามแมนํ้าแหงนี้ โดยไดรับแรงดลบันดาลใจจากโครงสรางของสิ่งมีชิวิต ทําใหเกิดความผสมผสานระหวางความมีชีวิต - นวัตกรรม เทคโนโลยี และ ความสงบมั่นคงแข็งแรง - การเคลื่อนที่ไมหยุดนิ่ง ไดอยางกลมกลืน
Gerrit Rietveld's experimental Red-blue chair of 1917.
เสนตรงถูกนํามาใชเปนโครงสรางของ เฟอรนิเจอร ทําใหเกิดความรูสึกแข็ง แรงมั่นคง เสนทแยงของไมกระดาน ใหความรูสกึ ลืน่ ไหล ตัดกับความรูสึก หยุดนิ่งของเสนตัง้ และเสนนอน แนว คิดของ ไรตเวลด เปนการนําภาพ จิตรกรรมสีนํ้ามันของModrian ที่มีชื่อวา Broadway Boogie-Woogie
ศิลปนแสดงออกถึงอารมณ โดยผานทางลายเสนที่เขียน ผานดินสอ ลงบนกระดาษ ความหนัก เบาของเสนที่กด ลงบนถาน แสดงถึงอารมณที่ แตกตางกันไปในแตละครั้งที่ ลากเสน ศิลปนโคลลวิทซ สรางสรรคภาพพิมพหิน ที่ แสดงถึงมัจจุราชกําลังพราก ชิวิตลูกนอยจากอกมารดา ลักษณะของเสนที่ผูกมันกัน เหมือนปมเชือกเชนนี้ทาให ํ เกิดความรูศึกที่กดดัน และ หวาดกลัว
Kath Kollwitz, Death Seizing a Woman, 1934 Lithograph 20x14.5 . The Museum of Modern Art New York
รูปราง (Shape) คือ พื้นที่ของ สี (area of Colors) ประเภทของรูปราง 2 มิติ
3 มิติ
มีวินัย
เพิ่มขึ้น
คับแนน
แนน, แออัด
ความเครียด
ขี้เลน
มีวินัย
เพิ่มขึ้น
คับแนน
แนน, แออัด
ความเครียด
ขี้เลน
รูปรางประเภทเดียว กันอาจถูกนํามาจัด วางใหสื่อถึงความ หมายตาง ๆ กันได
รูปราง 2 มิติ (2 Dimensional Shape) เปนรูปรางที่เกิดบนพื้นระนาบ หรือพื้นราบ ผูชมสามารถรับรูไดในลักษณะ 2 มิติ 3มิติ
Nekar Cube
?
ความหมายของรูปราง 1. รูปรางโคงมน อินทรียวัตถุ สิง่ มีชีวิต อบอุน ออนนุม
2. รูปรางเหลี่ยมสัน อนินทรียวตั ถุ ผลผลิตของมนุษย เครือ่ งจักร เยือกเย็น แข็งกระดาง
รูปทรงในงานสถาปตยกรรม บาน FARNSWORTH HOUSE ทีร่ ฐั อิลลินอยส สรางเมื่อป 1948-1950 โดย Mies van der Rohe ซึ่งแสดงโครงสรางของบานอยางชัดเจน โดยการ ใชเสาและคานยื่น ซึ่งองคประกอบของเสนนอนทําใหเกิดความรูสกึ สงบ พักผอน ลักษณะของเหลี่ยมสันที่เที่ยงตรงแมนยํา แสดงถึงความเปนวัตถุ ซึ่งมนุษยสรางสรรคขึ้น ตัดกันกับสิ่งแวดลอมที่เปนตามธรรมชาติ
พิพิธภัณฑศิลปะ Goggeinham กรุงนิยอรค ออกแบบโดยสถาปนิกแฟรงค ลอยด ไรด (Frank Lloyd Wright) ซึง่ นําเอารูปทรงอินทรียวัตถุของสิ่งมีชีวิตมา เปนแนวคิด สรางเปนเกรียววงกลม ทําใหรูสกึ ความมีชีวิตชีวา เชื้อเชิญ
เกาอี้ แบบไหน นาจะนั่งไดนานกวากัน
เกาอี้ Ant Chair ในป 1955 โดย Arme Jacobsen ซึ่งเปนการออกแบบเพื่อสนองหนาที่ ใชสอย โดยเปนงานออกแบบอุตสาหกรรมศิลปที่ ประสบความสําเร็จอยางมาก ซึ่งมีรูปทรงอินทรีย เนื่องจากไดนาเอาสรี ํ ระสภาพของมนุษย ซึ่งมี ลักษณะโคงมน เปนตัวกําหนดรูปรางของเกาอี้ เกาอี้ Ant นีใ้ นปจจบันยังไดรับความนิยมอยาง กวางขวาง
Gerrit Rietveld (ไรเอทเวลด) ในป 1918 ไดรับแรงดลบันดาลจาก จิตรกรรมของที่ชื่อ Broadway Boogie-Woogie โดย Piet Mondrian จิตร กรศิลปะสมัยใหมในชวงเวลาไลเลี่ยกน เรียทเวลด สถาปนิกชาวเน เธอรแลนด ผูที่นําตารางกริดมาเปนเครื่องมือกําหนดตําแหนงของ องคประกอบของรูปทรงภายนอก เชนเดียวกับ Mondrient ซึ่งอาศัยก ริดจัดภาพในจิตรกรรม เกาอี้เทาแขน Red and Blue นี้ใหคุณคาดาน ภาษาทัศนะมากกวาการนํามาใชเพื่อประโยชนใชสอย ภาพขวาคือ Schroder House ซึ่ง เรียทเวอลด เปนสถาปกผูออกแบบ สําทอนให เห็นถึงความทันสมัยดวยรูปทรงอนินทรีย ที่เปนเหลี่ยมสัน
เราจะรับรูรูปราง 2 มิติ เปนรูปทรง3 มิติ ไดไหม ?
?
และทําไม ?
?
สามารถอธิบายดวยทฤษฏี เกสตอลต (Gestalt) หลักการ
Figure - Ground Size Constancy Shape Constancy Color Constancy
Figure - Ground
ตัวภาพ - พื้นภาพ หลักการนี้ แบงรูปราง สองมิติ เปน 2สวน คือ Figure Ground
ตัวภาพ พืน้ ภาพ
ตัวภาพ มีขนาดเล็กกวา พื้นภาพ เสมอ ตัวภาพ ถูกลอมรอบดวย พื้นภาพเสมอ ตัวภาพ จะตองวางอยูบน พืน้ ภาพเสมอ ผลที่เกิดกับความรูสึก 1. เกิดการรับรูถึงระยะวัตถุ 2. เกิดความเดนขึ้นบนพื้นระนาบ
Figure - Ground ตัวภาพ - พื้นภาพ หลักการนี้ แบงรูปราง สองมิติ เปน 2สวน คือ Figure Ground
ตัวภาพ พืน้ ภาพ
ตัวภาพ มีขนาดเล็กกวา พื้นภาพ เสมอ ตัวภาพ ถูกลอมรอบดวย พื้นภาพเสมอ ตัวภาพ จะตองวางอยูบน พืน้ ภาพเสมอ ผลที่เกิดกับความรูสึก 1. เกิดการรับรูถึงระยะวัตถุ 2. เกิดความเดนขึ้นบนพื้นระนาบ ใบหนาของเด็กหนุมอายุราว 17ป แสดงออกถึงความ กลาหาญและความหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน เมื่อ กําลังเผชิญหนากับโกไลแอตแมทัพศัตรู เดวิดเปน สัญลักษณของความรักชาติ ซึ่งไมเคิลแองเจลโลไดแกะ สลักขึ้นเพื่อใหชาวฟลอเรนซ ตะหนักในหนาที่ของชาว เมืองทีจ่ ะปกปองนครอันงดงามจากพวกเวนิเชียน
ภาพทีผ่ ิดจากหลักการตัวภาพ-พื้นภาพ จะทําใหเกิดความ กํากวมในการรับรูเชนภาพนี้ นิสิตรูไหมวาภาพนี้คืออะไร ?
Shape Constancy
เปนการนําประสบการณเรียนรูรปู รางของวัตถุ มาสื่อถึงระยะและชองวาง แมวารูปรางของวัตถุจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม (Foreshortening) แตผชู มก็เกิดการรับรูถึงระยะความลึกได
การเปลีย่ นแปลงรูปรางของปกสมุดสี่เหลี่ยมผืนผา ในลําดับตาง ๆ จนกระทั่งกลายเปนเสนตรงบาง ๆ ของความหนาของปกสมุด
หากรูปรางในภาพไมมีการหดตัว การรับรูของผูชมจะมองเห็นเปนภาพ 2 มิติ หรืออาจเกิดเปนภาพกํากวมได นิสติ ลองจินตนาการให สี่ เหลี่ยมทั้งสอง เปนสี่เหลี่ยม จัตุรัส ? ภาพ Vega โดยวิกเตอร วาซาเรลี สวน ประกอบของภาพวางอยูบนตารางกริด ซึ่ง ประกอบดวยรูปสี่เหลี่ยมสีดําและขาว การหดและยืดของรูปรางสี่เหลี่ยมเหลานี้ ทําใหผูชมรับรูถึงความขนาดและมิติใน ภาพได โดยที่ภาพกริดที่มีขนาดเล็กลงผู ชมจะรับรูวากริดบริเวณวันหางออกไป และภาพกริดที่มีขนาดใหญขึ้นจะรับรูวา ใกลเขามา
Victor Vasarely . Vega, 1957 27” x 51" Collection of the Artist
ภาพผังพื้น
ภาพดานขาง
ฟรานซิส บอรรอมินิ (Francesco Borromini) ผูออกแบบระเบียงโบสถ Palazzo Spada ในป 1652ในกรุงโรม ดวยความยาวระเบียงที่จํากัดเพียง 12 เมตร เขาสามารถสรางการลวงตาใหผูชมเห็นระเบียงที่ยิ่งใหญโอโถง ดวยการลดความสูงของเสาที่เรียงเปนแถวในระเบียงนระเบียงและยกพื้นเปนทางลาดสูง (ภาพ ลาง) ทําใหเกิดแนวมองทัศนียภาพที่งดงาม
หองนอนที่ Arles ภาพนี้ VanGoghพยายามบรรจุทุกอยางใหอยูภายในผืนผาใบ อยางครบถวนลงในกรอบภาพที่จํากัด จึงทําให ดูเหมือนกับการถายภาพดวยเลนซมุมกวาง ผลคือการปรากฏภาพ Perspective อยางชัดเจน วัตถุที่อยูใกลจะมีขนาดใหญกวา วัตถุทอี่ ยูไกลกวามาก
Size Constancy การรับรูร ะยะของวัตถุในภาพ โดยอาศัยองคประกอบความแตกตางของขนาดวัตถุ ชนิดเดียวกันทีป่ รากฏในระนาบแบน ทัง้ นีเ้ พราะผูช มรับรูถึงขนาดวัตถุที่แทจริง เมื่อนํามาเปรียบเทียบกับวัตถุอื่น กลาวคือ เรามีประสบการณ เคยเห็น เคยจับ วัตถุสิ่งของในภาพมากกอน วัตถุที่ใชเนื้อที่บนฉากรับภาพของตา (Retina) มากที่สุด สมองจะตีความภาพวัตถุชนิดเดียวกันนั้นวาวัตถุอยูใกลที่สุด แทนที่จะมองเห็นวาวัตถุนั้นมีขนาดใหญที่สุด
เรารับรูวานกกานํ้า ในภาพลอยอยูในนํ้า ที่ ระยะตาง ๆกัน ทั้งนี้ เพราะเรารูจักขนาด นก กานํ้า จริงทุกตัวมากอน ทําใหภาพนี้ดูมีระยะ ความลึกขึ้นมา
Size Constancy ภาพนางละคร ซึง่ จิตรกร จักรพันธุ โปษยก ฤต แสดงความลึกของภาพโดยอาศัยความคงตัว ของวัตถุในภาพ (นักแสดง) ซึ่งอยูในตําแหนงตาง ๆ กัน
นางละคร ภาพสีนํ้ามัน จักรพันธุ โปษยกฤต ของ เสถียร สดประเสริฐ
Size Constancy
Dancing Class โดย Degas จิตร กรฝรั่งเศส การรับรูระยะโดยอาศัยขนาดของ นักเตนบัลเลยที่แตกตางไปตามตําแหนงตางๆ บนภาพจิตรกรรม จิตรกรรมของศิลปน Degas เปนจิตรกรที่ เติบโตขึน้ มาในกลิ่นอายของการดนตรี ภาพที่ ติดตา Degas เสมอคือการซอมระบําบัลเลย และการแสดงอุปกรากร ซึ่งเปนวิถีชีวิตของ คนฝรั่ งเศสในกรุงปารีส ชวงศตวรรษที่ 19 ที่ ชือ่ ชมการแสดงอุปรากรอยาง Opera ละคร บัลเลย คนตรีคลาสสิก ทําใหสถาบันการ ดนตรีและละคร ตองผลิตนักแสดงที่มีความ สามารถออกมาใหความบันเทิงตอสังคมใน เวลานัน้ อยางไมขาดสาย
Size Constancy
Fishing Boats on the Beach at Saintes/ maries Painted Jun 1888, Arles National Museum Vincent van Gogh. Amsterdam 25 3/8x31 7/8
จิตรกรวินเซนต แวนโก็ะ นําหลักความ คงตัวของวัตถุมาใชลวงตากับภาพ จิตรกรรม ซึง่ เปนระนาบแบน ขณะเดียว กันผูช มมีประสบการณกับขนาดของ วัตถุที่เปลี่ยนแปลงไปตามระยะทาง ทํา ใหภาพจิตรกรรม แลดูเปนสามมิติ หาก จิตรกรขาดความเขาใจเกี่ยวกับความคง ตัวของวัตถุแลว ภาพที่ปรากฏจะแลดู แบนดังเชน จิตรกรรมของอิยิปต
Color Constancy เกิดจากอิทธิพลของแสงสีในธรรมชาติ ที่ปรากฏความออนแกบนผิวหนาวัตถุ ทําใหเกิดการ รับรูระยะของวัตถุขึ้น
ไมมีอิทธิพลเงา
ไดรบั อิทธิพลแสง
การที่วัตถุมีปฏิสัมพันธกบั แสง ทําใหเกิดคุณคาของแสงขึน้ บนตัววัตถุ คุณคาของแสงนี้ แสดงออกมาในลักษณะความออนแกของสีพื้นผิววัตถุ ตัง้ แตบริเวณที่มดื ที่สุดเปนสีดําและ บริเวณที่สวางที่สุดเปนสีขาว(ทีเ่ รียกวาHight light) แมวาจะมีความแตกตางของสีสรรพ บนตัววัตถุมากมาย แตผูชมก็ยงั รับรูสขี องพื้นผิวเดิมไดอยูดี ผลที่ปรากฏจากความออน แกเหลานีก้ ลับกลายเปนการรับรูระยะมิตบิ นตัววัตถุแทน
ไขไกฟองไหนดูแบนที่สุด ?
Color Constancy
แสงทีแ่ สดงความออนแกของสีบนตัววัตถุ เปนความคงตัวของสี ซึง่ ทําใหเรารับรูมิติและ ปริมาตรของวัตถุนั้นได Georges Seurat Seated Boy with Straw Hat 1883-84 Conte' crayon on paper 9.5x117/8
ไพฑูรย เมืองสมบูรณ .ลูกมา" ขนาด 54 ซ.ม วัสดุ ปลาสเตอร อยูที่พพิ ธิ ภัณฑสถานแหงชาติหอศิลป
ชองวาง
คือรูปรางโปรงใส มองไมเห็นแตเรารูสึกหรือรับรูได ภาพรูปรางเงาดํา แสดงใหเห็นที่วางภายใน และชองวางภายนอก ทีว่ างภายนอกภาพแสดงตัวเองเปนพื้นภาพสีขาว
นิสิตพิจารณาดูวา ภาพนี้มีชองวางภายในไหม ? ชองวางภายในใหความรูสึก แตกตางจากชองวางภายนอกอยางไร ?
การรับรูชองวาง เรารับรูท ี่วางไดเชนเดียวกับการรับรูรปู ราง รูปทรง โดยใชประสาทสัมผัส ซึง่ อาจ เปนการใชมือลูบ คลํา ไปตามรูปราง หรือทีว่ างเหลานั้น การรับรูโ ดยการใช ประสาทตาสามารถทําไดโดยการมองหาขอบเขตของรูปราง หรือทีว่ างนั้น วิธี สํารวจหาขอบเขตของทีว่ าง เรียกอีกอยางหนึ่ง Kinesthetic คําถาม หากนิสิตเขาไปอยูในโรงภาพยนตรที่ มืดสนิท นิสิตมีวิธี หา ขนาดชองวาง ในหองนั้นไดอยางไร ? ก. ตะโกน ฟงเสียงสะทอน ข. มือคลํา ไปตามฝาผนัง ค. เดินตรง จนชนฝาหองแต ละดาน
อิทธิพลของเสนและที่วาง เสนที่มีความหนามากจนกลายเปน รูปรางของลําตนในขณะที่ปลายกิ่ง ทีแ่ ตกแขนงเปน เสน ฝอยที่แทรก ซึมลงในที่วางของทองฟา ชองวาง กวางใหญ ใหความรู สึกโลง ปลอดโปรง แลดูเบา ไมอึด อัด ใหการพักผอน ตนโอคปรากฏเปนรูปราง เดีย่ วในที่วางที่ใหญเกินกวา 1 เทา ใหความรูสึกโดดเดี่ยว เงี่ยบสงบ
ทีว่ า งมีลักษณะเปนทั้งสองมิติ และสามมิติ George Ingram, Snow ground & Oak tree
อิทธิพลของ….
1
บนพื้นราบ
2 3 4 รูปรางทีท่ บั ซอนกันจนลดขนาดของ ชองวาง แตไดรับอิทธิพลของแสง เงา ทําใหเรารับรูปริมาตรของชอง วาง รูปรางที่ทับซอนกัน มีผลตอการลด ขนาดของตัวอักษร ทําใหปรากฏ ชองวางแนวลึกมากยิ่งขึ้น
ชองวาง ในงานศิลปะ
จิตรกรรม
ชองวางภายใน (Negative Space) ชองวางภายนอก (Positive Space)
ประติมากรรม
ชองวางเปด (Open Space) ชองวางปด (Close Space)
สถาปตยกรรม
นิยมเรียกอีกอยางวา ที่วาง ที่วางใชสอย (Functional Space) นอกจากนี้ยังพิจารณาในแงความ งานเชนเดียวกับประติมากรรม
ชองวางใน จิตรกรรม
พืน้ ที่วางที่เปนสีฟาคือ ชองวาง
เปด โมนาลิซา ลีโอนาโด ดา วินชิ
ชองวาง
โมนาลิซา ลีโอนาโด ดาวินชิ
ชองวางในจิตรกรรม
The creation โดย ไมเคิลแองเจลโล
ชองวางภายนอก
ชองวางภายใน
The creation โดย ไมเคิลแองเจลโล ชองวางภายนอก
ผลของชองวางที่เกิดกับระยะ ในภาพจิตรกรรม จิตรกรสามารถสรางการลวงตา ใหภาพจิตรกรรมแลดูเปนสามมิติโดยอาศัยผลของระยะที่มีตอ ทัศนียภาพ หรือการเห็นของผูชมที่ขึ้นอยูกับตําแหนงของการมองวัตถุสามมิติทัศนียภาพแบงออก เปน 2 ประเภท คือ 1. ทัศนียภาพเชิงเสน หรือ Linear Perspective
ทัศนียภาพเชิงเสน เปนความสัมพันธระหวางตําแหนงวัตถุกับผูสังเกตุการณ โดยภาพสามมิติจะถูกฉายอยูบน ระนาบสองมิติที่กั้นระหวางวัถตุกบั ผูสังเกตุการณ ภาพที่เกิดจากทัศนียภาพเชิงเสนจึงเปนภาพสามมิติที่ปรากฏบน ระนาบสองมิติ ซึง่ ชางในสมัยฟนฟูศิลปะวิทยาไดคนหาวิธีเขียนใหไดเหมือนจริงที่สุด ทั้งนี้วัตถุที่อยูใ กลระนายกริด มากที่สุดจะมีขนาดใหญที่สุด และวัตถุที่อยูไ กลสุดจากระนาบกริดจะมีขนาดเล็กที่สุด
ภาพทัศนียภาพเชิงเสน แบงออกเปน 3 ลักษณะคือ ทัศนียภาพ 1 จุด
VP
เปนภาพที่เกิดจากการลากเสนวิถีออกจากจุดรวม สายตา (Vanishing Point) ที่มีเพียงจุดเดียว และอยู ในบริเวณตัวภาพ
ภาพทัศนียภาพเชิงเสนแบงออกเปน 3 ลักษณะคือ ทัศนียภาพ 1 จุด
ทัศนียภาพ 2 จุด
B
A เปนภาพที่เกิดจากการลากเสนวิถีออกจากจุดรวมสายตา ทีม่ สี องจุด A และ
VP
ภาพทัศนียภาพเชิงเสนแบงออกเปน 3 ลักษณะคือ ทัศนียภาพ 1 จุด A ทัศนียภาพ 2 จุด
ทัศนียภาพ 3 จุด
B
นิยมนํามาใชกับภาพวัตถุ ขนาดใหญ ที่มีมิติความสูงเขา มาเกี่ยวของมาก
C เปนภาพที่เกิดการลากเสนวิถีเขาหา จุดรวมสายตา (Vanishing Point) ที่มี สองจุด
คริสตินา เปนหญิงสาวขาพิการทั้งสองขาง พลัดตกจากเกวียนและมาก็เตลิดหนีหายไป ไมมใี คร ชวยเธอไดนอกจากพยายามใชมอื ทั้งสองลากตัวเองใหไปถึงบานกอนพายุใหญจะมา ภาพนี้ศิลปน สะทอนใหเห็นถึงสังคมชีวิตชนบทอเมริกันทีต่ างคนตางอยูบนที่ราบกวางใหญในภาคกลางสหรัฐ ที่ ตองชวยเหลือตัวเอง
Andrew Wyeth , Christina's World 1948 Tempera on gesso panel 32 1/4 x 47 3/4
ชองวางในภาพนี้ มีความสําคัญทั้งในแงของความงาม หรือชองไฟระหวางรูปราง 3 รูป ทีว่ างอยูอยางพอเหมาะ นอก จากนี้ยังมีผลตอความรูสึกของผูชมในแงของความรูระยะทางที่หญิงสาวจะตองใชแขนทั้งสองคืบไปขางหนา เพื่อไปให ถึงบานซึง่ อยูห างไกลเหลือเกิน
ชองวางในประติมากรรม ประติมากรรมเปนงานศิลปะที่มปี ริมาตร ชองวางที่อยูในตัวประติมากรรมก็มีปริมาตรเชนกัน และเนื่องจากรูปรางของแตละดาน ของประติมากรรมจะแตกตางไปตามมุมมอง ดังนั้นการรับรูชองวางในงานประติมากรรมจึงแตกตางออกไปดวย The Thinker เกิดขึ้นจากการสรางสรรคโดยประติมากรฝรั่งเศส ออกุส โรแดง (August Rodin)ที่ตองการสรางประติมากรรม มนุษยที่แสดงถึงอารมณความเปนมนุษย โดยที่ในเวลานั้นความนิยมของงานศิลปะยังคงไดรับความนิยมไปในเชิงอุดมคติและความ เหมือนจริงคอนขางกวางขวาง โรแดงจึงไดเลือกเอาทหารนายหนึ่งที่เดิมมีอาชีพเปนชางไม มีรางกายที่กํายําแข็งแรงมาเปนแบบ ซึ่งประติมากรรมชิ้นแรกที่เสร็จสมบูรณเปนปูนพลาสเตอร หลอขนาดเทาของจริง ในปค.ศ. 1877 การแสดงผลงานของโรแดงครั้ง แรก ที่กรุงปารีส ไดสรางเสียงวิพากษวิจารณในหมูศิลปนอยางกวางขวาง ซึ่งคํากลาวตําหนิที่รายแรงที่สุดคือ ความเขาใจที่โรแดง สรางประติมากรรมชิ้นนี้ดวยการหลอสวนตาง ๆ ขึ้นจากนายแบบ ซึ่งภายหลัง August Negt ผูเปนแบบไดอาสาเดินทางไปปารีส เพื่อขจัดขอสงสัยใหหมดไปจากวงการศิลปะในปารีส ซึ่งภายหลังสาธารณะชนไดคนพบอัจฉริยภาพของประติมากรเอกผูนี้ในที่สุด
1
2
คําถาม นิสิตคิดวา ประติมากรรม The Thinker มองจากมุม ุ คาแกการมองมากทีส่ ุด ? ทําไม ? ไหนใหคณ
3
4
August Rodin, The Thinker (Infront of the Pantheon C. 1902 Broze height 79" Musee Rodin, Paris (Since 1922)
ชองวางในประติมากรรม
ชองวางภายนอก เปนชองวางที่ แสดงใหเห็นถึงรูปทรงของตัว ประติมากรรมทั้งหมด ชองวางชนิดนี้จะ แลดูซบั ซอนยิง่ ขึน้ หากประติมากรรมแต ละชิ้นถูกนํามาวางรวมกันกันเปนกลุม ทํา ใหเกิดชองวางที่เล็กลงไป ชองวางภาย นอกยังมีขนาดตาง ๆ กัน ชองวางภาย นอกทีเ่ กือบถูกปดกันจะใหคุณคาใกล เคี องวางภายใน ชอยงกั งวบาชงภายใน เปนชองวางที่สราง คุณคาแกการมองประติมากรรม ผูชม สามารถมองทะลุตัวประติมากรรมไปเห็น บริเวณดานหลังตัวประติมากรรมได ชอง วางประเภทนี้ทําใหประติมากรรมแลดู โปรงเบา การสรางสรรคประติมากรรมที่ มีชอ งวางภายในจะทําไดยากกวากวา ประติมากรรมทึบทั้งหมด จึงเปนชองวาง ทีใ่ หคุณคาในแงของทักษะและเทคนิคใน ตัวประติมากรรมอีกดวย
คําถาม
ประติมากรรม ใดมีชองวางมากกวากัน? แบบไหนใหคุณคาการมองมากกวา ? ทําไม ?
เขียน ยิ้มศิริ ขลุยทิพย 60 ซม. ทองแดง พิพธิ ภัณฑสถานแหงชาติ หอศิลป
ประติมากรรมลอยตัว ที่ฐานของอนุสาวรียชัย สมรภูมิ ขนาด 1 1/2 เทาสําริด เมื่อปพ.ศ. 2485
ชองวางในสถาปตยกรรม ชองวางในงานสถาปตยกรรม อาจเรียกอีกอยางหนึง่ วา ทีว่ า ง เนือ่ งจากมีความเกี่ยวของกับประโยชนใชสอยตัวชอง วาง พอๆ กับความงาม งานสถาปตยกรรมมีลักษณะคลายประติมากรรมที่ทั้งสองเปนผลงานที่มีปริมาตรเชนเดียว กัน ซึง่ ชองวางภายในและภายนอกมีสวนสําคัญตอความงามภายนอกสถาปตยกรรม บานฟรานสเวอธ (Fransworth house) ออก แบบโดย สถาปนิก มิส แวนเดอรโรฮ ออกแบบให มีชอ งวางภายในและภาย นอกแลดูเปนสัดสวนเดียว กัน ทําใหอาคารโปรงเบา เนนโครงสราง และดึงสิ่ง แวดลอมภายนอกเขามา เปนสวนหนึ่งภายในอาคาร ดวย FARNSWORTH HOUSE Plano Illinois 1948-50 Mies van der Rohe
สถาปตยกรรมพระราชวังลูฟร (Louvre) ปารีส ฝรั่งเศส สถาปตยกรรมพระราชวังลูฟร (Louvre) ฝรั่งเศส ประกอบดวยกลุมอาคารที่สรางขึ้นในคริสตศตวรรษที่ 12และใชเปนพระราชวังของกษัตริยฝรั่งเศสเรื่อย มา จนกระทั่งหลังการปฏิวัติฝรั่งเศสในป 1793 พระราช วังแหงนี้ไดถูกเปลี่ยนมาเปนพิพฑ ิ ภัณฑสถานที่จัดแสดงพระคลังสมบัติของพระเจาหลุยสที่ 16 พืน้ ที่วางซึ่งเปนสวนประกอบทางภูมิสถาปตยกรรมของพิพฑ ิ ภัณฑลฟู รมิไดเปลี่ยนแปลงไปนักจนกระทั่งในป 1981 รัฐบาลฝรั่งเศสโดยประธานธิบดี ฟรัง ซัวส มิตเตอรรอนดมีดําริใหมีโครงการ Grand Louvre เพื่อสะทอนใหเห็นวาลูฟรยังคงเปนความสําคัญของประเทศฝรั่งเศส และเพื่อเปนอนุสรณแก ประธานาธิบดีมิตเตอรรอนด โดยสถาปนิกอเมริกันเชื้อสายจีน I M Pei ไดรบั มอบหมายใหใชพื้นทีบ่ ริเวณลานกวางดานหนาพิพิธภัณฑ สราง สถาปตยกรรมที่สื่อถึงโลกยุคโบราณและเทคโนโลยียุคใหมในรูปแบบของปรามิดแกวโครงเหล็กเขากับพิพธิ ภัณฑลูฟรไดอยางกลมกลืน
ที่วางในงานสถาปตยกรรม
พืน้ ที่วางดานหนาพิพิธภัณฑ ลูฟร ถูกนํามาคิดคํานวณ อยางละเอียดโดยการพิจารณาจากตัวแปรสําคัญหลายตัว คือสัดสวนพื้นที่วา ง สัดสวนของสูงของอาคารเดิม ตําแหนงสังเกตการณของผูชม ฯลฯ โดยนําคอมพิวเตอร มาใชคํานวณกําหนดตําแหนงวางปรามิดแกว
ที่วางในงานสถาปตยกรรม Landscape: ชองวางภายในนอกสถาปตยกรรม เปนชองวางที่เปนปริมาตรสามมิติที่ใหพื้นที่วางที่พอเหมาะ สําหรับ กลุมอาคาร สิ่งกอสราง และองคประกอบอื่น ๆใน สถาปตยกรรม พื้นที่โลงเหลานี้ถูกกําหนดขึ้นเพื่อวัตถุประสงค ดานหนาที่ใชสอยควบคูไปกับความงาม
ศูนยศิลปะสิรินธร โรงเรียนศรีสงคราม จังหวัดเลย ผูอ อกบบ Plan Achitec Co.
ชองวางกับบานพักอาศัย
พื้นที่โดยรอบอาคาร เปนชองวางที่ใหผลตอความนาอยูอาศัยหาก ทานพักอาศัยปราศจากชองวาง เปนผลทําใหเกิดความแออัดคับ แคบ ไมนาอยูอาศัย ขาดสุนทรียภาพ ผูอยูอาศัยก็จะขาดความสุข สบาย ชองวางที่คับแคบยังสงผลไปสูความรกรุงรังดวย เนื่องจาก องคประกอบทางทัศนะอื่น ๆ ตางใชที่วางและบดบังกัน ทับกันไม สามารถแสดงจุดเดนขององคประกอบหลักหรือประธานได เนื่องจาก องคประกอบทุกตัวใชที่วางไปจนหมด นิสิตคิดวาบานในภาพ ไหนนาอยูอาศัยกวากัน ?
พืน้ ผิว (Texture)
พื้นผิวดาน
คุณสมบัติของผิวหนาวัตถุ พืน้ ผิวแบงออกเปน 2 ประเภท คือ
พื้นผิวมัน
พืน้ ผิวจะมีความหมายมากเมื่อมีการไดสัมผัสโดยตรง ซึ่งผูสัมผัสจะไดรับรูถึงความ นุมนวล แข็งกระดาง เย็น อุน ลื่น มัน สาก ความรูสึกเหลานี้ถือเปนประสบการณ ของผูชม ซึ่งถูกนําไปใชกับการใช จักษุสัมผัส
ในการออกแบบเครื่องเรือน นอกจากการ พิจารณาถึงรูปรางที่เหมาะสมกับสรีระราง กายของผูใชแลว สวนประกอบดานการ สัมผัสยังเกี่ยวของกับความนาใชของเครื่อง เรือน โดยเฉพาะหนัง และหวาย เปนวัสดุที่ มีคุณคาเหมาะแกการนํามาเปนวัสดุรองนั่ง มากวา ไวนิล และพลาสติก
พืน้ ผิวในงานสถาปตยกรรม
ความแตกตางกันของพื้นผิว ทําใหสถาปนิกเลือกนําวัสดุตาง ๆมาใชตกแตง ผิวหนาอาคาร วัสดุเหลานี้ใหคุณคาของพื้นผิวที่แตกตางกันไปตามคุณสมบัติ ของตัวเอง รวมทั้งการเลือกประเภทของพรรณไมที่มีลักษณะใบที่หยาบ เรียบ ละเอียดและสัดสวนตางกัน ทําใหเกิดการสัมผัสพื้นผิวในพื้นที่วางของ สถาปตยกรรมที่งดงามเกิดความสุขทางกายและใจดวย
การรับรูพื้นผิว การรับรูพื้นผิว เริ่มจากการไดสมั ผัสกับผิวหนาวัสดุโดยตรง ทําให เกิดประสบการณตอพื้นผิวนั้น ซึ่งผูชมจะไดเรียนรูและเกิดเปน ทักษะการใช จักษุสัมผัส ตอไป
Textile
Texture Experience Memory
Visual Perception
รับรูพ้นื ผิวดวยตา
พืน้ ผิวเปน ความรูจากประสบการณ
หากเราเคยเห็นหรือสัมผัสเปลือกผลสตรอเบอรีจะพบวาผิวของผลไมประกอบดวยตาและเมล็ดเล็กๆ จํานวนมาก มีสี แดงสลับขาว ดังนั้นแมวาเราจะเห็นผิวของผลไมชนิดนี้เปนบางสวน ก็อาจทําใหเรารูถึงลักษณะโดยภาพรวมได
การแปลงพื้นผิว
พื้นผิวสามารถแปลง หรือลวงความรูสึกของผูชมได โดยอาศัยทักษะ ความสามารถและจิตวิญญาณของศิลปน ประติมากรไมเคิล เองจิโล สามารถเปลี่ยนแปลงพื้นผิว ของหินทีห่ ยาบกระดางใหกลายเปนเลือดเนื้อ ความมีชีวิตชีวา ความออนนุมของผืนผา (บน) The Pieta
พื้นผิวกับการตกแตง ไม
อบอุน อินทรีย พักผอน ไมเปนทางการ เปนกันเอง
หิน เย็น แข็งกระดาง ทนทาน อนินทรีย เสียงสะทอน หินออน ออนหวาน โออา ภูมิฐาน ผอนคลาย หินแกรนนิต แข็งแกรง เยือกเย็น ทนทาน เฉียบคม หินทราย ธรรมชาติ สาก หยาบกระดาง แข็งแรง คงทน หินกรวด เย็น ชุมชื้น ลําธาร ธรรมชาติ
สิ่งทอ
นุมนวล อบอุน ปลอดภัย พักผอน เก็บเสียง
ไม มีลวดลายสวยงาม เปนธรรมชาติใหความรูสึกออน โยน ใกลชิดตนไม นิยมใชกับเครื่องเรือน
หินใหความรูสึกแข็งกระดาง เปนเหลี่ยมสัน เย็น และมั่นคง หินแกรนิตเหมาะกับการใชรวมกับวัสดุผิวมัน สะทอนความคม สัน รูปลักษณใหม เชนสเตนเลสตท
กระเบื้องเคลือบ กระเบื้องดินเผา ให ความรูเปนธรรมชาติ และความเปนกันเอง ความเปนสวนตัว เนื่องจากเปนงานที่ แสดงถึงหัตถกรรมจึง สะทอนถึงเอกลักษณ ของวัฒนธรรมทอง ถิ่นไดอีกดวย
หินทราย และกรวดให ความรูสึก ดิบ หยาบ เย็น แตใกล ชิดธรรมชาติ
พืน้ หินแกรนนิต ใหความรูส ึกแข็งแกรง และทันสมัยจึงเหมาะสําหรับใชรวมกับ วัสดุที่เปนโลหะมันวาว และรูปลักษณที่ ทันสมัย ความแข็งกระดางของพื้นหิน แกรนิตสามารถลดลงไดดวยการใชวัสดุ ทีอ่ อ นนุมเชนพรมปูเปนบางสวน
พรม สิ่งทอใหความรูสึกนุมนวล อบอุน และเงียบสงบ
พื้นหินออน ใหความรูสึกโอ อา ออนโยน จึงเขากับพื้นผิว ไมได จึงทําใหแลดูเปนธรรม ชาติโดยภาพรวม
พื้นไม ใหความรูสึกพักผอน อบอุน จึงเหมาะสําหรับบาน เรือน เชนเดียวกับเครื่องเรือน ซึง่ เปนไม
พืน้ ผิวที่ไมเขากัน หินแกรนนิตใหความรูสึกที่แข็งกระดาง ความทันสมัย ในขณะที่ ลูกกรงดดราวบันได ใชลวดลายโคงออนหวานและวัสดุสีทองที่ดู โออา ทําใหเกิดความรูสึกขัดแยง เนื่องจากคุณสมบัติของพื้นผิวที่ ไมเขากัน
พืน้ ผิวที่เขากัน หินแกรนนิต ผิวมัน แกรง เหมาะกับวัสดุ กระจกแผนมัน ราวสแตนเลสขัดมัน ทั้งหมดให ภาพของความแข็งแรง เปนเหลี่ยมเปนสัน ลํ้า สมัย เปนการเปนงาน
ตัวอยาง การใชพื้นผิวที่หลากหลาย ผิดธรรมชาติ จึงเกิดความขัดแยง
กําแพงในภาพนี้มี วัสดุอะไรบาง นิสิต ลองแยกแยะดู และ วัสดุแตละประเภท ใหความรูสกึ และ ความหมายอยางไร อยูรวมกันไดไหม อยางไร
ตัวอยาง การใชพื้นผิวที่หลากหลาย ผิดธรรมชาติ จึงเกิดความขัดแยง
กําแพงวัด ที่ใชวัสดุที่หลากหลาย ทําใหปรากฏพื้นผิวที่ลานตา สวนผนังใชกระเบื้องเคลือบใหความรูสึกแข็งกระดาง มัน วาว ผนังกออิฐโปรง มีพื้นผิวอิฐเผา ใหความรูสึกเปนธรรมชาติ ดิบ ดาน ซึมนํ้า ประหยัดราคา ลูกกรงและหัวประดับสัน กําแพง เปนหินออนเทาลาย ใหความรูสึกมีคุณคา หรูหรา ผลที่ปรากฏจึงเปนความสับสนของความรูสึกที่สื่อออกมา ทํา ใหเสียคุณคาของพื้นผิววัสดุ
สี (Colors)
เสน, รูปราง, ชองวาง และพื้นผิว เสน และรูปราง
สี เปนองคประกอบฯทีช่ ว ยใหเรามองเห็นคุณคาขององคประกอบ ทัศนศิลปตวั อืน่ ๆ และยังสามารถควบคุมและเปลี่ยนแปลงองค ประกอบตัวอืน่ ทั้งนี้เพราะสีเขาไปเกี่ยวพันธกับองคประกอบทัศน ศิลปเหลานั้น อีกทั้งยังมีผลตอจิตใจของผูชม
สี (Colors) : พื้นผิวในระดับความถี่ของแสง
มนุษยมองเห็นสีในชวงจํากัดที่ เรียกวา Spectrum สีทมี่ นุษย มองเห็นไดชัดเจนที่สุดคือสี เหลือง ในขณะที่สีแดงแก และ มวงแกจะมองเห็นยากขึ้นเปน ลําดับ
สีประกอบด (Colors) วย สีสรร (Hue) ความอิ่มตัวของสี (Saturation) และคุณคา (Value) สีสัน เกิดจาก การผสมรวม กันของแมสี เกิดเปนสี หลัก 12 สี
ความอิม่ ตัว ของสี เปน ความบริสุทธิ์ และความ หมองของสีสัน คุณคาของสี เปน ความสวางและมืด ของสีใดสีหนึ่ง ทํา ใหเกิดระดับออน แก เปนผลตอ ความคงตัวของสี
สี (Colors)
สีสัน (Hue)
Han Hofmann. TheGolden Wall. 1961 Oil on Canvas 60 x 72 1/2” The Art Institute of Chicago
Ultrmarine
Cobolt Blue Rose Wood
Crimson lake
Lavender
Brick
Violet
วงลอสี วรรณะรอน
วรรณะเย็น
โทนสีอุน ใหความรูสึก เคลื่อนไหว มีชีวิตชีวา ขยายตัว
Piet Mondrian. Broadway Boogie-Woogie. 1942-43. Oil on canvas, 50 x 50" (127 x 127 cm) . The Museum of Modern Art, New York.
จิตรกรรมภาพ 3มิติ Nighthawks โดย Edward Hopper แสดงถึงความเงียบเหงา ยามคํ่าคืนในรานอาหารแหงหนึง่ บนถนน กรีนนิช นครนิวยอรคในชวงป 1940 Oil on canvas, 1942; 84.1 x 152.4 cm
จิตรกรรมทั้งสองมีเนื้อหาเกี่ยวกับเมืองเดียวกัน คือ นิวยอรค แตแสดงออกมา ตางเวลาและอารมณ ภาพNighthawks เปนภาพสามมิติแลดูลึกวัตถุในภาพ เปนรูปทรงสามมิติ แสดงออกที่สมจริง สีโทนเย็นในภาพทําใหเกิดอารมณดูสงบ เยือกเย็น ลึกลับ
จิตรกรรม 2มิติ Broadway Boogie-Woogie. 1942-43 แสดงถึงความ สับสนวุนวายของถนนในนครนิยอรคศิลปนมอนเดรียนไดใชตารางกริด เปนเครื่องมือในการจัดองคประกอบในภาพจิตรกรรมนี้ Piet Mondrian. Broadway Boogie-Woogie. 1942-43. Oil on canvas, 50 x 50" (127 x 127 cm) . The Museum of Modern Art, New York.
ความอิ่มตัวของสี (Saturation) อิ่มตัวสูง สีสดใส
สด
อิ่มตัวสูง สีหมอง คลํ้า
หมอง
แสดงถึงความสดใสที่มีในแตละสีสัน สีทมี่ คี วามอิ่ม ตัวสูงจะปราศจากการผสมกับสีอื่น ๆ โดยเฉพาะสีที่ อยูตรงขามกันในวงลอสี
คุณคา (Value) คุณคาในสีสรร เปนระดับความออนแกที่ปรากฏในสีสรรแตละสี
12 Basic Colors 1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
1 2 3 4
5
จากสีขนั้ ปฐมภูมิ และทุติยภูมิ ทําใหเราสามารทําใหเราสามารถผสมใหเกิดสีในระดับที่ 3 หรือสีตติยภูมิ ซึ่ง เพียงพอตอการเลือกมาใชสรางสรรคผลงาน ซึ่งประกอบดวยสีขั้นพื้นฐานจํานวน 12สี ซึ่งหากผูใชตองผสมสี ขึน้ เองจากแมสี ก็จะไดไมสดใสเทากับผลิตจากโรงงาน สีพื้นฐาน 12 สีนี้หากผูใชมีทักษะที่ดีก็สามารถสราง นําหนั ้ กสีไดตั้งแต 5 ระดับความเขม จนถึง 9 ระดับ ซึ่งก็จะเกิดสีสรรมากขึ้นไปอีก
สีสรรพที่เรารับรูมีดวยกันจํานวนมาก จึงมีผูจัดระบบสีใหเปนกลุม เพื่อสะดวกตอการนําไปใช กลุมแรก Pastel หรือกลุมสีซีด เกิดจากการนําสีขาวไปผสมในสีสรรตาง ๆ เพื่อใหดู โปรงเบา สะอาด แลดูใหม เรียบ งาย แลดูจดื ชืดแต ดูไดนาน กลุมPastel จึงนิยมใชงานสถาปตยกรรม สีพื้นเสื้อผา เปนตน
จากสีพื้นฐาน 12 สี ยังสามารถนําไปผสมเพื่อใหเกิดกลุมสี กลุมสีนี้ทําใหสะดวกตอการนําไปใช กลุม สีออน หรือ Pastel Tone เกิดจากการนําสีขาวไปผสมในสีสรรพตาง ๆ เพื่อใหดู โปรงเบา สะอาด แลดูใหม เรียบงาย แลดูจืดชืดแต ดูไดนาน กลุมPastel จึงนิยมใชงานสถาปตยกรรม สีพื้นเสื้อผา เปนตน กลุม สีแก หรือ Dark Tone เปนกลุมสีที่นําสีดํามาผสมกับสีพื้นฐาน ทําใหสีเขมแก ใหความรูสึกมืด หนัก เหมือนกับเมษฝน กลุมสีแก เชน นํ้าเงินแก หรือกรมทา แดงแก หรือนํ้าตาล นิยมใชกับเครื่องแตงกายของบุรุษที่ใหความรูสึกหนักแนน เขมแข็ง สี่แก ในกลุมสีแดง นํ้าตาล กากี เขียวหมน เขียวแก เขียวกากี บางที่เราเรียกเปน กลุม Earth Tone กลุม สีหมน หรือ Dull Tone เกิดจากสี ที่นําไปผสมกับสีในกลุมเทา ทําใหสีแลดูหมนหมองลง นั้นคือลดความบริสทุ ธิ์ของสี (Desaturate) ลงจนกลายเปนสีหมน หากเติมสีเทาลงในปริมาณนอยจะทําใหเกิดความนุมนวลตอสีที่จัดจาน แตหากปริมาณสีเทามีมากจะทํา ใหแลดูหมน สีหมนชวยทําใหเรารูสึกสบาย ผอนคลายสายตาไดดี ลดความเคลียด กลุม สีสด หรือ Vivid Tone เปนสีที่เกิดจากการผสมกันในกลุม Hue ในอัตราสวนตาง ๆ กัน สีกลุมนี้ใหความรูสึกระตุนอารมณ ใหตื่นตัว และมีพลัง เรามักไมนิยมใชสีกลุมนี้รวมกันในครั้งเดียวกัน เหมือนกับการฟงดนตรีที่เครื่องดนตรีทุกชิ้นเปลงเสียงดังออกมาพรอม ๆกัน และเนื่องจากสีกลุมนี้เรียกความสนใจผูชม และใหความรูสึกสนุกสนาน ไดดี จึงนิยมนํามาใชกับปายโฆษณา รวมทั้งเสื้อผาเด็ก ๆ และของเลน กลุม เปนกลาง หรือ Achromatic Colors เปนกลุมที่มิไดมีเนื้อสีหรือ Hue ผสมอยู กลุมนี้เปนตัวแทนของความมืด สวางซึ่งจะ สงผลตอสีที่นําไปผสมดวย กลุม แมสีพิมพ หรือ Process Colors เปนแมสีสาหรั ํ บการพิมพ ประกอบดวย สีเหลือง (Yellow) แดงบานเย็น (Magenta) และ ฟาสด (Cyan) เปนแมสีที่จําเปนสําหรับกระบวนการพิมพ โดยเฉพาะการพิมพในระบบออฟเซ็ท ซึ่งจะเติมสีดําเพิ่มอีกหนึ่งสี เพื่อประหยัด ประมาณเนื้อสีของแมสีทั้งสาม
Vivid Tone
Vivide Tone
Dark Tone
Pastel Tone
Cool Tone
สวนใหญจะอยูในกลุมสีฟา มวง
พื้นผิวใด เปนลักษณะลายไม
วัตถุในขอใด จะดูใหญที่สุด
ขอใด ระนาบ A อยูใกลที่สุด
เสื้อผาในขอใด ที่เหมาะสําหรับผูหญิง ผิวสีเขม
1
2
3
4