เมืองคนดี ฉบับ 6 "LIMELIGHT"

Page 1


Ban’s Pool Villa From the moment you step onto the wooden bridge leading you along the dramatic staircase

up to your villa, you can feel the luxury. The mix of contemporary and traditional Thai architecture in addition to the beautiful panoramic views over Koh Tao and the Gulf of Thailand, will take your breath away. Enjoy the stunning infinity pool with views overlooking the sparkling blue sea and Koh Nang Yuan.

www.bansdivingresortkohtao.com

The Ban’s Pool Villa is luxury and service at it’s best. MKD 2


Ban’s Diving Resort

3/1 หมู่ที่ 1 ตำ�บลเกาะเตาะ อำ�เภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84360

Reception : +66 77 456 MKD 466 3(International) 077 456 466 (Thailand)






CONTENT

014 today’s surat 018 today’s surat (gossip) 020 world update 022 heath secret 024 man@work : the great man in limelight สมชาติ ประดิษฐพร 030 man@work : a man who’s invent วัชรินทร์ วัฒนประดิษฐ์ 034 man@work : happy to help others ว่าที่ร้อยตรีกฤษฎา ขมัน 038 stage of idea : the stage for sharing benefit ideas

ธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล 040 soul & spirit : ณรงค์ เสมียนเพชร 042 special scoop : แบบอย่างของโครงการดี เพื่อจรรโลง ‘เมืองคนดี’ ให้ยั่งยืน

044 on the way : the stream of memories 054 speak out : prevention is better than cure จักรา วรกุล 056 woman@work : real life behind the scene

ทัศนวรรณ ศรีวิจิตต์

062 celebrity dish : cool & classic victor cafe’ 065 your taste 066 good thing from song : limelight สมัครสมาชิก โทร 09 8715 2059

MKD 8



ED I TOR TA LK

ในทีส่ ดุ ก็เข้าสูห่ น้าหนาวที่ไม่เคยหนาวสำ�หรับชาวใต้ แต่ผมก็ยงั รับรู้ได้วา่ ความคึกคัก ความสุข สนุกสนานกำ�ลังจะคืบคลานมาสูห่ วั ใจ ชาวสุราษฎร์ฯ อีกครัง้ เพราะเรากำ�ลังเดินทางเข้าใกล้ศกั ราชใหม่ไป ทุกทีๆ แต่กอ่ นจะถึงช่วงเวลานัน้ เราต้องผ่านวันสำ�คัญอันยิง่ ใหญ่ “5 ธันวาคม วันพ่อแห่งชาติ” ...สมัยทีย่ งั เป็นเด็ก ถึงวันที่ 5 ธันวาคม และ 12 สิงหาคมคราวใด คุณแม่ของผมจะต้องนำ�พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว และพระฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ใส่กรอบติดไว้ที่ผนังห้องทำ�งานมาทำ�ความ สะอาด จากนัน้ คุณแม่กจ็ ะมานัง่ คุกเข่าถวายบังคมเบือ้ งหน้า แล้ว พูดว่าทรงพระเจริญ 3 รอบ ด้วยความสงสัยผมจึงถามคุณแม่วา่ ทำ�ไมต้องทำ�อย่างนัน้ ท่านตอบว่า “แม่อยากให้ ในหลวงและพระ ราชินที รงมีพระพลานามัยแข็งแรง เห็นข่าวไหม ทัง้ สองพระองค์ ทรงงานหนักเพือ่ เราทุกวัน เราต้องจงรักภักดี มากราบในหลวงสิ...” เมื่อผมทำ�ตามที่คุณแม่บอกแล้วท่านก็พูดต่อว่า “ลูกต้องเป็นคน คิดดีท�ำ ดี เวลาเรียนก็ตงั้ ใจเรียน ถึงเวลาทำ�งานก็ตงั้ ใจทำ�งาน อย่า เห็นแก่ตัว อย่าโลภ อย่าหลงตัวเอง อย่าไปคดโกงหรือรังแกใคร ดูแลตัวเองได้แล้วต้องรูจ้ กั เสียสละช่วยคนอืน่ ...จะได้ชว่ ยในหลวง กับพระราชินี...รู้ไหม” สารภาพครับว่าตอนนั้นผมพยักหน้าทั้งที่ ไม่เข้าใจว่าการเป็นคนดีแบบที่แม่ว่ามานี้จะช่วยทั้งสองพระองค์ ได้อย่างไร...กระทัง่ เติบโตผมจึงเข้าใจว่า นีเ่ องคือวิธที ดี่ ที สี่ ดุ ทีเ่ รา คนไทยจะแสดงความจงรักภักดี และตอบแทนพระมหากรุณาธิคณ ุ ของทั้งสองพระองค์... สิง่ ทีค่ ณ ุ แม่ของผมพูดเป็นเรือ่ งเบสิกทีค่ นเป็นพ่อแม่สว่ นใหญ่ พร่�ำ สอนลูกอยูเ่ ป็นประจำ� แต่ไม่ใช่เรือ่ งเบสิกของคนเป็นลูกทีจ่ ะทำ�ได้ ทุกคน จึงไม่ใช่เรือ่ งแปลกทีพ่ อ่ แม่จะมีความภาคภูมแิ ละเป็นสุขใจ

เมืองคนดี

ID : mkd999

POM

อย่างที่สุดเมื่อลูกทำ�ได้อย่างที่สอน ลองคิดดูสิครับว่า ถ้าคนไทย ทุกคนเป็นคนดีในแบบที่คุณแม่ผมว่าไว้ สังคม บ้านเมืองเราจะดี สักแค่ไหน...และคุณเชือ่ เหมือนผมใช่ไหมว่าถึงจะไม่ใช่เรือ่ งง่ายนัก ทีจ่ ะเป็นคนดี... แต่ไม่วา่ เราจะเป็นใคร เพศไหน อายุเท่าไร ทำ�อาชีพ อะไร ตำ�แหน่งใด จนหรือรวย มีความรู้มากหรือน้อย ก็สามารถ เป็นคนดีได้ถ้าเราต้องการจะเป็น... และนีเ่ ป็นเหตุให้นติ ยสารเมืองคนดีฉบับนี้ เราได้น�ำ ตัวอย่าง ของคนที่เพียรพยายามเป็นคนดีมาให้คุณได้รู้จัก เป็นใครกันบ้าง พลิกไปอ่านในคอลัมน์ Men@Work Woman@Work และ Special Scoop และเพือ่ เป็นการต้อนรับศักราชใหม่ นับจากฉบับนีเ้ ป็นต้นไป ‘เมืองคนดี’ ได้เพิม่ คอลัมน์พเิ ศษ 2 คอลัมน์เพือ่ ประโยชน์ตอ่ สังคม คอลัมน์แรกคือ Stage of idea ที่เราจะเชิญนักเขียนกิตติมศักดิ์ จากวงการต่างๆ มาแลกเปลี่ยนแนวคิดเพื่อพัฒนาสังคมของเรา และในฉบับนีผ้ มได้รบั ความกรุณาจาก ‘ท่านธีระยุทธ เอีย่ มตระกูล’ อดีต ผวจ. สุราษฎร์ฯ และตรังมาช่วยเปิดประเด็นให้ ส่วนอีกคอลัมน์ หนึง่ นัน้ ผมได้รบั เกียรติจาก ‘คุณณรงค์ เสมียนเพชร’ เจ้าของร้าน เพื่อนเดินทางแห่ง อ.ไชยา ผู้เคยเป็นศิษย์ก้นกุฏิของท่าน พุทธทาสภิกขุในช่วงหนึง่ ท่านจะมาถ่ายทอดความทรงจำ�เกีย่ วกับ ท่านพุทธทาสที่ยังไม่เคยมีใครล่วงรู้ ให้เราได้ทราบกัน อย่าพลาด ครับ... ก่อนจะจากกันไปในปีนี้ นิตยสารเมืองคนดีขออวยพรให้ คุณผูอ้ า่ นทุกท่านมีความสุขครับ...แล้วเจอกันปีหน้านะครับ ‘คนดี’ ทุกคน....สวัสดีปีใหม่ครับ บก.ป้อม ณรงค์ พฤกษาไพบูลย์ บรรณาธิการบริหาร Mr.Narong Pruksaphiboon (Pom) Editor in Chief

pomnarong@gmail.com

demandgroup

รายการ “เล่าเรื่อง เมืองคนดี” วันเสาร์ 10.00-12.00 น. ทางวิทยุ FM 102 MHz อสมท. จ.สุราษฎร์ฯ และวันเสาร์-อาทิตย์ 14.00-15.00 น. ทางวิทยุ FM 92.25 MHz กองทุพภาคที่ 4 ค่ายวิภาวดี จ.สุราษฎร์ฯ



DEMAND TEAM

บรรณาธิการบริการ ณรงค์ พฤกษาไพบูลย์ Editor in Chief Narong Pruksaphiboon รองบรรณาธิการบริการ ศศิธร บุญบรรเทิง Deputy Editor in Chief Sasithon Bunbanthoeng กองบรรณาธิการ สมฤทัย ณรงค์เปลี่ยน Editor Staff Somruethai Narongplian ช่างภาพ ณรงค์ พฤกษาไพบูลย์ Photographer Narong Pruksaphiboon อาร์ตไดเรกเตอร์ บ.คิด ทำ�ดี มีเดีย จก. Art Director Kid Tumdee Media Co.,Ltd พิสูจน์อักษร ดีมานด์ กรุ๊ป

Proofreader Demand Group

การเงินและสมาชิก ดีมานด์ กรุ๊ป

Financial & Membership Demand Group 084 940 2289

ฝ่ายโฆษณา ณรงค์ พฤกษาไพบูลย์ Account Excutive Narong Pruksaphiboon 098 715 2059

ฝ่ายวางแผง บ.คิด ทำ�ดี มีเดีย จก.

Distribution Kid Tumdee Media Co.,Ltd 098 715 2059

ที่ปรึกษาฝ่ายการตลาด ศศิธร บุญบรรเทิง

Marketing Consultant Sasithon Bunbanthoeng คอลัมนิสต์ Madam

Columnists Dr.O

Peeraya Roybun Pran Panwa Mr.Ronram Salisa Silver Spoon Keeta

บริษัท คิด ทำ�ดี มีเดีย จำ�กัด สำ�นักงานสาขาสุราษฎร์ฯ : 62/9 หมู่ 9 ตำ�บลขุนทะเล อำ�เภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี 84100 โทรศัพท์ 084 940 2289, 081 684 6242 (Line : mkd999) อีเมล์ demandgroup@gmail.com เฟซบุ็ก www.facebook.com/demandgroup เว็บไซต์ www.demandgroup.net ทวิตเตอร์ www.twitter.com/demandgroup บทความและภาพที่ตีพิมพ์ ในนิตยสาร เมืองคนดี ขอสงวนสิทธิ์ตามกฎหมาย การนำ�บทความหรือภาพในนิตยสาร เมืองคนดี ไม่ว่าจะเป็นบางส่วนหรือทั้งหมด ไปตีพิมพ์ อ้างอิงหรือประโยชน์อื่น ต้องได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท คิด ทำ�ดี มีเดีย จำ�กัด เท่านั้น

MKD 12


MKD 13


TOD A Y’S SU RA T

Story : Mkd Reporter Photo : Pom (Demand Group)

ร่วมยินดีกับนักกีฬาจักรยานเยาวชนหญิงแชมป์เหรียญทองเอเชียคนล่าสุด

นิตยสารเมืองคนดี โดย บก.ป้อม นายณรงค์ พฤกษาไพบูลย์ ร่วมด้วย นายพิทยา อินทร์คง นายกเทศมนตรีเทศบาลเพชรพะงัน อำ�เภอเกาะพะงัน พร้อมด้วย นางสาวสุภาพร บัวทอง รองนายกเทศมนตรีเทศบาลเพชรพะงัน ได้เข้าแสดงความยินดีและให้ก�ำ ลังใจ แก่ น้องมุก นางสาวสรินทิพย์ เดีย่ วอาชากุล นักกีฬาจักรยานเยาวชนหญิง แชมป์ 2 เหรียญทองเอเชีย ประเภทสปริน้ ท์ และไทม์ไทรอัล 500 เมตร ในการแข่งขันรายการ “Acc track Asia cup 2014 lndia round” ที่จัดขึ้น ณ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 21–23 พ.ย. 57 โดยการแข่งขันรายการดังกล่าวเป็นสนามทีเ่ ปิดโอกาสให้นกั กีฬาได้เก็บคะแนนสะสมเพือ่ ให้ได้สทิ ธิ์ไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ค.ศ. 2016 ที่บราซิล และเธอสามารถเอาชนะสาวนักปั่นน่องเหล็กชาวฮ่องกงและอินเดียมาได้ตามความคาดหมาย ทั้งนี้ น้องมุก หรือนางสาวสรินทิพย์ เดี่ยวอาชากุล เป็นชาวตำ�บลเพชรพะงัน อำ�เภอเกาะพะงัน และขณะนี้ ได้เดินทางไปเก็บตัวที่ประเทศญี่ปุ่น เพื่อรอทำ�ผลงานในการแข่งขันรอบต่อไป

อบจ. สฎ. จับมือ มรส. จัดแข่งขันว่ายน้�ำ ระดับภูมภิ าค

สมาคมการกีฬาจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผู้ฝึกสอน และผู้ตัดสินกีฬาทางน้ำ� ภาคใต้ โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี และมหาวิทยาลัยราชภัฏ สุราษฎร์ธานี ได้รว่ มกันจัดการแข่งขันกีฬาว่ายน้�ำ ชิงแชมป์ 14 จังหวัดภาคใต้ ภายใต้ชอื่ “เมืองคนดี สวิมมิง แชมป์เปียนชิพ โอเพ่น ครัง้ ที่ 1” เพือ่ ส่งเสริมความ สามัคคีของเยาวชน ส่งเสริมสุขภาพ และการใช้เวลาอย่างมีคุณค่า โดย กิจกรรมดังกล่าวมี นายก่อเกียรติ อินทรักษ์ รองนายกองค์การบริหารส่วน จังหวัดสุราษฎร์ธานีและ ดร.วัฒนา รัตนพรหม รองอธิการบดีฝา่ ยพัฒนานักศึกษา และศิษย์เก่าสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี เป็นหัวเรี่ยวหัวแรง ในการดำ�เนินงาน ทัง้ นีก้ ารแข่งขันดังกล่าวได้จดั ให้มี 2 รอบ คือรอบคัดเลือก ในระหว่างวันที่ 28 -30 พฤศจิกายน 2557 และรอบชิงชนะเลิศในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2557 โดยมี นายทนงศักดิ์ ทวีทอง นายกองค์การบริหารส่วน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดและปิดการแข่งขัน ณ สระว่ายน้ำ�สนามกีฬากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี และกิจกรรมดังกล่าว ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นจำ�นวนเงิน 500,000 บาท MKD 14


MKD 15


TOD A Y’S SU RA T

Story : Mkd Reporter Photo : Pom (Demand Group)

ต้อนรับผบ.จทบ.ส.ฎ. คนใหม่

เมื่อวันที 7 ตุลาคม 2557 ที่กองบังคับการจังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี ค่ายวิภาวดีรังสิต จังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี ได้จัดพิธี “รับ ส่ง หน้าที่ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบก สุราษฎร์ธานี” โดยมี พลตรีธีร์ณฉัฏฐ์ จินดาเงิน เป็นผู้ส่ง และมี พลตรีเกื้อกูล อินนาจักร์ เป็นผู้รับ ชาวสุราษฎร์ฯ ขอแสดงความยินดีกับ ผบ.จทบ.ส.ฎ.คนใหม่มา ณ ที่นี้

เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี จัดกิจกรรม “คืนความสุข แด่คุณพ่อ”

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2557 ณ ห้องศรีวิชัย AB โรงแรมวังใต้ นายธีระกิจ หวังมุทิตากุล นายกเทศมนตรีนครสุราษฎร์ธานี เป็น ประธานในพิธเี ปิดงาน “คืนความสุข แด่คณ ุ พ่อ” เพือ่ เทิดพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา และมอบโล่ประกาศเกียรติคณ ุ แด่พอ่ ดีเด่นในโครงการวันพ่อและ วันแม่แห่งชาติในชุมชน ประจำ�ปี 2557 จำ�นวน 62 คน ทัง้ นีก้ จิ กรรม ดังกล่าวดำ�เนินการโดยกองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี มีวตั ถุประสงค์เพือ่ สร้างความเข้าใจในการทำ�หน้าทีพ่ ลเมืองทีด่ ใี น ชุมชน สร้างขวัญและกำ�ลังใจแด่พอ่ ผูท้ ที่ �ำ หน้าทีพ่ อ่ สมบูรณ์แบบ และ ส่งเสริมให้บคุ คลในครอบครัวได้แสดงความกตัญญูกตเวทีตอ่ พ่อ ภายในงานมีการอภิปรายเรือ่ ง “พ่อทีส่ มบูรณ์แบบ” และ “ความสุข ของพ่อ” โดยผูแ้ ทนจากศาสนาพุทธ คริสต์ และอิสลาม การแสดง ดนตรี และนิทรรศการพระราชประวัตขิ องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั นอกจากนี้ยังมีซุ้มจำ�หน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนต่างๆ มาร่วมสร้าง สีสันภายในงานด้วย

ยินดีกบั นายกสมาคมนักสือ่ สารมวลชนคนใหม่

เมือ่ วันที่ 23 พ.ย. 2557 “สมาคมนักสือ่ สารมวลชน สุราษฎร์ธานี” ได้จดั ให้มกี ารประชุมสมาชิกเพือ่ เลือกนายกสมาคมคนใหม่ และพบปะ สังสรรค์ระหว่างเพือ่ นสมาชิกด้วยกัน ณ ร้านมีตติง้ แอด สุราษฎร์ฯ โดยในงานดังกล่าวได้มกี ารแถลงผลการดำ�เนินงานของสมาคมใน รอบปีทผี่ า่ นมา ซึง่ เป็นไปอย่างราบรืน่ และสามารถสร้างประโยชน์ ให้กบั สังคมได้ตามเป้าหมาย จากนัน้ จึงให้สมาชิกได้ลงคะแนนเสียง โดย นายเกษม แก้วอ่อน ได้รบั เลือกให้เป็นนายกสมาคมเป็นสมัยที่ 2 นิตยสารเมืองคนดี ขอแสดงความยินดีมา ณ ที่นี้ MKD 16


ดูแลบ้าน ปกป้องคุณ

ใส่ ใจสิ่งแวดล้อม

1.ระบบเหยื่อ เป็นทีน่ ยิ มมากในปัจจุบนั เพราะเป็นระบบที่ “ไม่ใช้สารเคมี” จึงปลอดภัย ต่อเด็กและสัตว์เลีย้ ง ดังนัน้ จึงไม่จาำ เป็นต้องย้ายเด็กหรือสัตว์เลีย้ งออก นอกบริเวณ วิธที �ำ : เมือ่ เราพบปลวก เราจะติดเหยีอ่ ตรงบริเวณดังกล่าว โดยทีป่ ลวก เองก็ไม่รู้ว่าเป็นอันตราย เมื่อปลวกงานคิดว่าเป็นอาหารก็จะนำาไปป้อน ให้ปลวกตัวอื่นๆ จะทำาให้ปลวกตัวอื่นๆ ได้รับสารไปด้วย เมื่อปลวกงาน ได้รบั สารก็จะทำาให้ไม่สามารถลอกคราบได้และเมือ่ ลอกคราบไม่ได้ ก็จะ ตายในทีส่ ดุ เมือ่ ไม่มปี ลวกทีท่ าำ หน้าทีห่ าอาหารมาป้อนปลวกตัวอืน่ ๆ ก็จะ ตายไปด้วย เนื่องจากหาอาหารเองไม่เป็น

2. ระบบฉีดพ่นอัดส�รเคมี

เราจะทำาการอัดน้ำายาลงใต้พื้น โดยใช้เครื่องอัดแรงดันสูง อัดน้ำายาให้ ครอบคลุมพื้นดินทำาให้ผิดดินบริเวณนั้นเป็นพิษเกินกว่าที่ปลวกจะอยู่ ได้และเมื่อปลวกเดินผ่านบริเวณนั้นปลวกก็จะรับสารและตายในที่สุด วิธีทำ� : สำาหรับอาคารที่มีการวางระบบท่อป้องกันปลวกอยู่แล้ว เราจะ อัดน้ำายาทางหัวท่อที่มีอยู่ให้ครบถ้วนทุกหัว สำาหรับอาคารที่ไม่มีการว่าง ระบบท่อป้องกันปลวกเราจะทำาการเจาะพื้นตรงบริเวณที่มีความเสี่ยง เช่น บริเวณเสา ท่อชาร์ป และเสาหรอก และรอบอาคารที่เป็นดิน ก็จะ ทำาการปักอัดน้าำ ยาเป็นระยะ ๆ และทำาการตรวจเช็คทุกจุดในอาคารอย่าง ละเอียดเพื่อให้มั่นใจว่า ในจุดที่มีปัญหาได้ถูกแก้ไขแล้ว

3. ระบบว�งท่อป้องกันและกำ�จัด

เป็นระบบท่ต้องดำาเนินการก่อนการปลูกสร้างบ้านหรืออาคาร วิธที �ำ : เราจะดำาเนินการว่างท่อตามบริเวณคานคอดิน โดยยึดท่อไว้กบั คานและจะทำาการเจาะรูใส่ปีกผีเสี้อเป็นระยะๆ เพื่อให้น้ำายากระจายได้ ทั่วจากนั้นจะทำาการปักอัดน้ำายาและฉีดพ่น ทำาให้ดินบริเวณดังกล่าวถูก เคลือบด้วยน้าำ ยา โดยก่อนทำาการปิดพืน้ เราจะทำาการทดสอบระบบ เพือ่ ให้ เป็นที่แน่ใจว่ารูทุกรูไม่อุดตันและใช้งานได้ดี

MKD 2


T O DA Y’S SURA T [ G OSSI P]

พูนศักดิ์ ประมงค์ คุณพูนศักดิ์ ประมงค์ อัครราชทูตทีป่ รึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำ�สถาน เอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี เป็นหนุม่ ใต้ทเี่ หินฟ้าไปเป็นฑูตแรงงาน ประจำ�การอยูส่ หรัฐอาหรับเอมิเรสต์มานานหลายปี ทีพ่ �ำ นักของเธออยูใ่ น มหานครดูไบที่ได้ชอื่ ว่ามีความปลอดภัยในชีวติ และทรัพย์สนิ สูงสุด แต่!!.. ก็ยังไม่วายเกิดเหตุด่วนเหตุร้ายกับเธอเข้าจนได้ วันหนึ่งขณะที่ทาน เบรกฟาสต์อย่างเพลิน หางตาก็ปรายไปเห็นหนุม่ หน้าแขกปีนข้ามกำ�แพง ตรงมาฉกกะละมังพลาสติกใส่น�้ำ น้องแมวแล้วโดดผลุงหายลับไปอย่างเร็ว ระหว่างทีย่ นื งงว่าจะทำ�อย่างไรต่อไปดี...สตาฟทีท่ �ำ งานก็แวะมารับคุณพูลศักดิ์ พอดี๊พอดี คุณพูลศักดิ์จึงชวนสตาฟออกตามล่าหาสมบัติแมวจนพบตัว หัวขโมยพร้อมของกลางทีแ่ ปรสภาพเป็นถาดใส่สที าบ้านไปเรียบร้อย??? ด้ ว ยความโกรธที่ ก ะละมั ง ของแมวสุ ด เลิ ฟ ถู ก ย่ำ � ยี คุ ณ พู ล ศั ก ดิ์ จึงปรีเ่ ข้าไปต่อว่าแถมขูจ่ ะแจ้งความ เจออีแบบนีห้ วั ขโมยก็ถงึ กับหน้าถอดสี สารภาพว่าทีท่ ำ�ลงไปเพราะจำ�เป็นจริงจริง๊ แกรับปากนายจ้างว่าจะทาสี ให้เสร็จแต่ถาดดันมาหายซะได้ ว่าแล้วก็ยื่นกะละมังคืนให้ด้วยสายตา เว้าวอน คุณพูลศักดิผ์ ู้ ใจบุญจึงทำ�เพียงแจ้งรปภ.หมูบ่ า้ นแล้วปล่อยตัวไป เสร็จเรื่องเธอก็มานั่งรำ�พึงว่าโชคดีของน้องแมวที่กะละมังมิบุบสลาย อืมมม...แต่เราว่าที่โชคดีกว่าน่าจะเป็นหัวขโมย เพราะถ้าขัดขืนไม่ยอมคืน กะละมังโดยละม่อมละแกรรร เอ๋ยยยยยย...คนรักแมวยิง่ ชีพคงเอาเรือ่ ง ถึงคดีผรู้ า้ ยข้ามแดน ก็ปนี บ้านใครไม่ปนี มาปีนบ้านพักเจ้าหน้าทีก่ ารทูต ติดคุกยันลูกบวชเลยนะนั่น!!!

นิ้ง... จักรา แบรนเด

ต๊ะ กิตติศักดิ์ ไชยชนะ วันเสาร์หนึ่งหลังจาก ต๊ะ กิตติศักดิ์ ไชยชนะ ศิลปินคนใต้ชื่อดัง ค่ายแกรมมี่ ได้ไปสัมภาษณ์สดออกรายการ ‘เล่าเรื่องเมืองคนดี’ ที่ อ.ส.ม.ท. FM.102 Mhz. ก็ได้รับทาบทามจาก บก.ป้อมผู้จัดรายการ ให้ไปโชว์ตวั ทีร่ า้ น Meeting@Surat ซึง่ กำ�ลังจัดกิจกรรมประกวดร้อง เพลง Surat Karaoke Contest หลังจากแสดงสดเรียกเสียงกรีด๊ จาก แฟนเพลงไปห่าใหญ่ น้องต๊ะก็ลงไปนัง่ ที่โต๊ะรับรอง โดยมีบรรดา FC เดินตามไปขอถ่ายภาพคู่กับศิลปินในดวงใจ แต่เนื่องจากโต๊ะอยู่ใน มุมอับแสง น้องต๊ะซึ่งมีประสบการณ์เซลฟี่มาอย่างโชกโชนจึงรู้ว่า ขืนปล่อยให้ถ่ายทั้งอย่างนั้นใบหน้าของตัวเองที่มีสีเข้มมากถึงมาก ที่สุดอยู่แล้วคงจะดำ�มืดประหนึ่งดวงจันทร์ถูกราหูอม! ต๊ะจึงยกมือ เรียก AR. หรือผู้จัดการส่วนตัวนัยว่าจะให้ช่วยแก้ปัญหา และก็ เหมือนนกรู.้ ..เพราะยังไม่ทนั ทีต่ ะ๊ จะเอ่ยอะไร AR.ก็กลุ กี จุ อควักมือถือ ออกมาเปิด LED ส่องไปยังหน้าน้องต๊ะจนออร่าสาดกระจาย แชะ ภาพเสร็จ AR. ยังปรีเ่ ข้าไปฉกมือถือแฟนๆ มาเช็คสภาพผิว แถมแนะ ให้ ใช้แอพฯ ตกแต่งจนหน้าน้องต๊ะใสเด้งพร้อมโพสเฟซ เอิ่มมม... สปอตไลท์ไม่ต้องใช้ แป้งไม่ต้องโปะ แค่มี AR. สมองไวคนเดียว ต๊ะ กิตติศกั ดิก์ ห็ ล่อมหัศจรรย์ โอ้วววว...เห็นทีตอ้ งเพิม่ เปอร์เซนต์ ให้ AR. แล้วละม้างงงงงงงต๊ะ...

ทีมงานเมืองคนดีมโี อกาสพาเพือ่ นเมืองกรุงไปเทีย่ วพะงันบ่อยครัง้ และทุกครัง้ จะ ต้องพาแขกแวะไปทานกาแฟและเบเกอรีทรี่ า้ นนีรา่ ส์ โฮมเบเกอรี เพราะติดใจในรสชาติ ขนมที่อร่อยเลิศ บรรยากาศชิลล์ๆ และคุ้นเคยกับ คุณนิ้ง จักรา แบรนเด เจ้าของร้าน ทีน่ อกจากคุยเก่งมากแล้วยังมีฝมี อื ด้านถ่ายภาพด้วย จึงมักถูกเราจีบให้มาเป็นช่างภาพ รับเชิญอยู่เนืองๆ แต่ไม่รู้อย่างไร... เพื่อนทุกรายจะต้องคิดว่าผู้จัดการร้านสาวฝรั่ง ตาสวยเป็นเจ้าของร้านไปเสียฉิบ เราจึงต้องคอยชีแ้ จ้งและชีต้ วั อยูร่ �่ำ ไปว่าเจ้าของนีรา่ ส์ตัวจริงคือหนุ่มตัวเล็กร่างบาง ผิวเกรียมแดด ผมยาวสยาย ตาชั้นเดียวคนโน้นต่าง หาก แล้วทุกคนก็จะงงว่าไหงคนใต้ถงึ ตาตี!่ ? ก็จะไม่ให้ตี่ได้อย่างไรในเมือ่ คุณนิง้ เป็นลูก ครึง่ สุราษฎร์ฯ-สงขลาที่ได้รบั ยีนจีนหาดใหญ่ตามเชือ้ สายฝ่ายพ่อมาเยอะหน่อย แต่ถงึ จะเหนือ่ ยกับการอธิบายให้เพือ่ นเข้าใจความจริงมากีค่ รัง้ ก็ไม่เหนือ่ ยใจเท่าครัง้ ล่าสุด... เมื่อเพื่อนนางหนึ่งปักใจว่าถูกทีมงานซึ่งเป็นคนขี้อำ�แกล้งเหมือนเคย “อย่ามาอำ� ฝรั่ง นัน่ แหละเจ้าของ เห็นไหมทักแขกทุกโต๊ะเลย ตาคนนัน้ ชัน้ ตะแคงมองมุมไหนก็แรงงาน พม่าชัดๆ!!!” ..ง่าา.. ครืออออเรื่องนี้มันผิดที่ทีมงานเมืองคนดีชอบอำ� หรือผิดที่คุณนิ้ง จ้างฝรั่งโหงวเฮ้งดีเกิ๊นนนนกันละเนี่ยยยยย ครายยยยก็ได้บอกที...

MKD 18



W ORL D UPD A TE Story : Madam

ผ่าตัดสมองสุดแปลก สีไวโอลินไปผ่าไป!

วิทยาการทางการแพทย์ของโลกเรานี่มักจะมีเรื่องมหัศจรรย์ที่ คนส่วนใหญ่คดิ ไม่ถงึ ป่าวประกาศออกมาบ่อยครัง้ แต่อะไรจะเซอร์ไพรส์ เท่าเรื่องนี้เห็นจะไม่มี เมื่อจู่ๆ ‘โรเจอร์ ฟริสช์’ นักไวโอลินฝีมือเยี่ยม ก็เกิดป่วยด้วยอาการมือสั่นจนทำ�มาหากินไม่ได้ เจ้าตัวเลยต้องวิ่งโร่ เข้าโรงหมอ แต่สแกนด้วย MRI. ยังไง้ ยังไงก็ไม่พบสาเหตุ รูแ้ ค่วา่ สมอง ส่วนควบคุมการเคลื่อนไหวส่งสัญญาณผิดปกติและไม่สามารถรักษา ด้วยยา ด้วยความที่โรเจอร์รักการเล่นไวโอลินมากเลยขอร้องหมอให้ รักษาให้จงได้ คณะหมอนำ�โดยดร. เคนดัล ลี แห่ง The Mayo Clinic Neural Engineering Laboratory จึงตัดสินใจเข็นโรเจอร์เข้าห้องผ่าตัด โดยมีขอ้ แม้วา่ หลังจากทีห่ มอเปิดกะโหลกเสร็จโรเจอร์จะต้องสีไวโอลิน เพื่อที่หมอจะได้รู้เสียทีว่าสมองส่วนไหนเกเร จากนั้นก็ใช้เครื่องมือ ชอนไชเข้าไปฝังอุปกรณ์ไฟฟ้าในสมองส่วนลึกเพือ่ กระตุน้ การทำ�งาน เฉพาะส่วนทีม่ ปี ญ ั หาให้ดเี หมือนเดิม อึย๋ ยย..สยอง! โชคดีทสี่ มองไม่มี ประสาทรับความรู้สึก มิเช่นนั้นตาโรเจอร์คงเจ็บจนขาดใจไปแล้ว แต่ ที่โชคดีกว่าคือการผ่าตัดประสบความสำ�เร็จ โรเจอร์สามารถกลับมาสี ไวโอลินได้ โดยไม่มีอาการสั่นอีกเลย ขอปรบมือดังๆ ให้หมอ บ่องตง ว่าเก่งโคตรอ่ะ...

คลั่งความหล่อ แต่ลืมดูความดี

นึกว่าจะมีแต่ FC สาวไทยทีค่ ลัง่ ไคล้ดาราหล่อซุปตาร์สวยจนไม่ลมื หูลมื ตา กะอีแค่สลับคูจ่ นิ้ ลงละครก็ถงึ กับรับไม่ได้จนต้องระบายอาการ จิตตกใส่โลกโซเชียลกันถล่มทลาย ไม่ต้องสนมันละฝีมงฝีมอื ! แต่พอ มาเจอข่าวนี้บอกเลยว่า FC ไทยชิดซ้าย เพราะวันนี้สาวอเมริกันเธอ ข้ามช็อตกรีด๊ ดดดไปทีอ่ าชญากรชายกันแล้วจ้า หมอนีม่ นี ามว่า ‘เจเรมี่ มีกส์’ หนุ่มแคลิฟอร์เนียที่ถูกจับในข้อหาพกพาอาวุธในที่สาธารณะ เขาจะไม่เป็นทีฮ่ อื ฮาเลยถ้าตำ�รวจทีจ่ บั กุมไม่โพสต์ Mugshot (รูปถ่าย ประวัตอิ าชญากร ของเขาลงเฟซบุก๊ ให้หลังไม่กชี่ วั่ โมงยอดกดไลค์กพ็ งุ่ เป็นหมืน่ ผ่านไป 1 วันไลค์ตามมาอีกเป็นแสน แถมด้วย Comment ว่า นักโทษอะไรเซ็กซีจ่ งั ทำ�อะไรผิดมารึตะเอง....ส่วนคนทีว่ า่ งจัดก็เอาภาพ ไปรีทัชสวมกับปกแมกกาซีนดังจนหล่อหยดปานนายแบบ แล้วกลิ่น ความดังของหมอนีก่ โ็ ชยไปแตะจมูกนักเผือกทีช่ อบขุดคุย้ เรือ่ งเน่าของ คนอืน่ มาประจานออนไลน์ เลยได้รวู้ า่ ก่อนหน้านีเ้ จเรมีเ่ ข้าไปอาศัยในคุก มาแล้ว 2 ครั้งในข้อหาขโมยรถและงัดแงะรถ รวมเวลาทั้ง 2 คดีนาน 11 ปี ขนาดนีแ้ ล้วยอดกดไลค์และข้อความเห็นอกเห็นใจก็ยงั ไม่หดหาย เรือ่ งให้อภัยผูท้ �ำ พลาดน่ะเข้าใจได้ แต่ควรหรือทีจ่ ะเห็นเบ้าหน้าสำ�คัญ กว่าความดีที่คงทน...ว่าแต่มีใครสงสัยอีตาตำ�รวจคนโพสต์ ไหมว่า อาชญากรหญิงมีตงั้ เยอะทำ�ไมไม่หยิบมาโชว์ แฮ่...รูน้ า้ ว่าคิดอะไรอยู.่ ..

คิดได้ไง กางเกงในถุงยาง

เพศสัมพันธ์เป็นเรือ่ งธรรมชาติ มันจึงยากทีจ่ ะหักห้ามใจ...แต่ถา้ ยังไม่ชวั ร์ ในตัวคนทีจ่ ะมาทำ� กิจกรรมร่วมก็จำ�เป็นต้องใช้เครื่องป้องกัน และตัวช่วยที่ดีที่สุดที่รู้จักมานานก็คือถุงยางอนามัย ตลอดเวลาที่ผ่านมาผู้ผลิตถุงยางต่างให้ความสำ�คัญกับสุขภาพ ความปลอดภัยในการตั้งครรภ์ ไม่พร้อม และการเสริมอารมณ์รกั ให้คกึ คักไปพร้อมๆกัน ไม่มรี ายไหนเลยทีจ่ ะคิดผลิตถุงยางทีเ่ ป็น กางเกงและคำ�นึงถึงความปลอดภัยอย่างมหาศาลเท่ากับนาย ‘อดิสนั เซียส์-โคลลิน’ คนนีอ้ กี แล้ว... โดยในวันเปิดตัวเขาออกมาแถลงด้วยความภูมใิ จว่า กางกางถุงยางนีม้ ชี อื่ ว่า ‘Scroguard’ สร้างขึน้ จากยางลาเทกซ์ และโปรเจกต์นเี้ ป็นความปลอดภัยทีเ่ หนือชัน้ เพราะกางเกงถุงยางของเขาสามารถ ป้องกันโรคทางเพศสัมพันธ์ได้ทุกชนิดไม่เว้นแม้แต่เริม และโลน ต่างกันลิบลับกับการใช้ถุงยาง ทีป่ อ้ งกันแค่สว่ นนัน้ โอ้วววว...แถมยังบอกอีกว่าสินค้าของเขาเหมาะกับคน 3 ประเภทคือ ผูช้ าย ฟิตปัง๋ และชอบการมีเซ็กส์อย่างเมามัน คูร่ กั ทีช่ อบสวิงกิง้ และชายแฮ่ดทีม่ คี นู่ อนมากหน้าหลายตา เอิม่ มม...ประกาศทนโท่ขนาดนีจ้ ะมีใครกล้าซือ้ ไหม! และทีย่ งั งงก็คอื จะใส่ยงั ไงให้สวมตรงนัน้ พอดี๊ พอดี??? แต่อันที่จริงแค่ถือมาตั้งท่าสวม สาวก็คงเผ่นกลับบ้านแทบไม่ทันแล้ว แหม...ช่างเป็น ผลิตภัณฑ์ที่ป้องกันโรคเพศสัมพันธ์ได้ชะงัดจริงๆ เล้ยยย คุณอดิสัน... MKD 20



H EA TH SECRET Story : Dr.O

อ้วนมากกกก...ระวังสมองเสื่อม

มีข่าวจาก สสส. ว่าปีนี้คนไทยคือผู้ครองสถิติอ้วนเป็นอัน 2 ในอาเซียนไปเรียบร้อยโรงเรียน AEC แล้ว !!! ถ้าคุณยังมีความคิดว่าอ้วนแล้วจะทำ�ไม ฟังข้อมูลนี้สักนิด... หลายปีที่ผ่านมามีผลงาน วิจยั หลายชิน้ ชีว้ า่ คนวัยกลางคนทีป่ ล่อยตัวจนอ้วนเผละมีความเสีย่ งต่อการเป็นโรคสมองเสือ่ มเมือ่ ชราเพิม่ เป็นเท่าตัว เพราะความอ้วนนำ�มาซึง่ โรคเบาหวานและความดันสูงซึง่ เป็นสาเหตุหลักทีท่ �ำ ให้ เส้นเลือดในสมองแข็งตัวและตีบตัน เมือ่ มารวมกับปัญหาการกินไม่ครบหมู่ หนักเนือ้ แดง เค็ม หวาน กระหน่�ำ ด้วยการดืม่ เหล้า สูบบุหรี่ เซลล์สมองซึง่ ได้รบั สารอาหารยากเพราะหัวใจบีบเลือดไปเลีย้ งไม่คอ่ ย ถึงอยูแ่ ล้วก็จะยิง่ ขาดสารอาหารไปกันใหญ่ คิดดูวา่ ถ้าประชากรผูเ้ ป็นกำ�ลังหลักสมองเสือ่ มหมดประเทศ จะเป็นอย่างไร...เพือ่ ไม่ให้อนาคตทีส่ ดใสของชาติตอ้ งพังลง สสส. จึงอัดข้อมูลทีค่ นไทยควรรูเ้ กีย่ วกับ โรคอ้วนใส่ในรายงานประจำ�ปี ‘วารสารสุขภาพคนไทยปี 57’ มีทงั้ ดัชนีชวี้ ดั ความอ้วน ความเสีย่ งจาก โรคอ้วน และการดูแลรักษา สรุปความได้วา่ คนไทยต้องทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ต้องเลือกโปรตีนจาก ปลาเป็นหลัก โดยกินขนาด 1 ฝ่ามือบวกอีก 1 ข้อนิว้ จำ�นวน 2-3 ครัง้ ต่อสัปดาห์ เพือ่ ให้ได้รบั น้�ำ มันปลา เพียงพอซึง่ จะช่วยลดการอุดตันในเส้นเลือดได้ ทีส่ �ำ คัญต้องกินผักและผลไม้รวมกันให้ได้อย่างน้อย 5 กำ�มือต่อวัน อยากรู้รายละเอียดเข้าไปอ่าน e-book ได้ที่ www.thaihealth.or.th

เคล็บลับดูแลสุขภาพสำ�หรับหนุ่มสาวออฟฟิศ

คนหนุ่มสาววัยทำ�งานสมัยนี้ชอบอ้างกันเหลือเกินว่า ‘ไถนาหนัก’ ไม่มีเวลาดูแลสุขภาพ ทั้งที่ ความจริงแล้วเวลาน่ะพอมี แต่ไม่ให้ความสำ�คัญ อย่าลืมว่าคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อนื่ ๆ ต่อให้พฒ ั นา จน Smart แค่ไหนก็ไม่สามารถทำ�งานสำ�เร็จได้หากขาดสมองของคุณ เดี๋ยวนี้นักโภชนาการและ นักวิทยาศาสตร์การกีฬาเขาเก่งสามารถคิดหนทางเพื่อให้คนวัยทำ�งานมีสุขภาพดีและสนุกไปด้วย ได้เช่นวิธีนี้ ซึ่งถ้าคุณทำ�ตามร่ายกายจะแข็งแรงขึ้นและกระชุ่มกระชวยมีพลังไปคิดงานดีๆ ได้อย่าง มหัศจรรย์... เริม่ จาก Eat Clean หมายถึงกินอาหารทีค่ งความเป็นธรรมชาติ วิธงี า่ ยๆ คืองดซอสปรุงรส ทุกชนิด ใส่เฉพาะเกลือธรรมชาติ มะนาว น้�ำ ผึง้ หรือน้�ำ ตาลไม่ฟอกสี กินไข่และเนือ้ สัตว์ตม้ นึง่ เลือกปลา เป็นหลัก ดื่มน้ำ�เปล่าวันละ 2 ลิตร จากนั้นจัดเวลายามเช้าไปจ็อกกิงรอบหมู่บ้านวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 2 ครั้ง พอเริ่มอยู่ตัวก็ค่อยเพิ่มการฝึกโยคะในช่วงเย็น ซึ่งช่วยลดอาการออฟฟิศซินโดรม สัปดาห์ละ 2 ครั้ง สุดท้ายให้แบ่งเวลาในวันหยุดไปเข้าฟิตเนส จะสนุกกับคอร์สเต้นรำ�หรือวิ่งบนลู่ ยกน้ำ�หนัก ตบท้ายด้วยสตีมก็ยังได้ แต่ถ้าชอบเอาท์ดอร์จะเลือกกีฬา wave board เจ็ตสกี ชกมวย หรือปั่นเสือภูเขาก็เก๋ ลองดูแล้วจะรู้ความหมายของคำ�ว่า ‘คุ้มค่าการลงทุน’ เป็นเช่นไร....

ฝันร้ายกับเรื่องจิตๆ

ฝันร้ายบอกอะไรเราบ้าง...มีนักจิตวิทยาทำ�การวิจัยได้ข้อสรุปมาว่ามีฝันร้ายอยู่ 10 อันดับ ที่มนุษย์ทุกคนต้องเคยฝัน และจากสถิติพบว่ามันเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ ในชีวิตจริงที่รอการแก้ไข เสียด้วย...ไล่จากอันดับ 10 ถูกขัง/หลงทาง คุณกำ�ลังตกอยู่ในภาวะกดดันให้ตัดสินใจหรือทำ�ใน เรื่องที่ไม่อยากทำ� อันดับ 9 ตกจากที่สูง/จมน้ำ� กังวลว่าจะทำ�หน้าที่ที่รับผิดชอบอยู่ได้ไม่ดี อันดับ 8 โทรศัพท์พงั /คอมฯ เสียขณะทีต่ อ้ งส่งงานสำ�คัญ คุณกำ�ลังล้มเหลวกับความสัมพันธ์กบั ผูอ้ นื่ อันดับ 7 อับอายจากการแก้ผา้ ในทีส่ าธารณะ คุณมีความลับและระแวงว่าจะถูกเปิดเผย อันดับ 6 เจอพายุลกู ใหญ่ คุณกำ�ลังถูกบีบคั้นจากคนที่มีอำ�นาจมากกว่าและรู้สึกว่าตนจะแพ้ อันดับ 5 สอบตก/ไปสอบไม่ทัน ทั้งที่เรียนจบมาหลายปี คุณไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ทำ�จะสำ�เร็จหรือไม่ อันดับ 4 บ้านไฟไหม้/รถหาย คุณ ไม่มั่นใจในความซื่อสัตย์ของคนรัก หรือถูกหลอกลวงจากเพื่อนที่ ไว้ ใจ อันดับ 3 รถเสียกลางทาง คุณไม่แน่ใจว่าตัวเองดีพอ อันดับ 2 บาดเจ็บ/ตายอย่างทรมาน ไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์แย่ๆ ในชีวติ ได้และไม่กล้าปรึกษาใครเพราะเกรงจะถูกซ้�ำ เติม อันดับ 1 ถูกปีศาจหรือคนไล่ฆา่ คุณมีความ กังวลอย่างสูงว่าจะจนมุม หรือพยายามหนีจากเรื่องที่ต้องปะทะ ทางเดียวที่จะยุติฝันร้ายคือหาทาง แก้ปญ ั หาในชีวติ จริงอย่างมีสติ เพราะการถอยหนีไม่ชว่ ยอะไรนอกจากชะลอเวลาจุดชนวนก็เท่านัน้ ... MKD 22



M EN @ W ORK

Story : Pran Photo : Pom (Demand Group)

ทันทีที่เห็นใบหน้าคมคายของสุภาพบุรุษท่านนี้ ชาวสุราษฎร์ฯ โดยเฉพาะผู้ที่ ให้ความสนใจในความเป็นไปของบ้านเมือง ไม่มี ใครปฏิเสธว่าไม่รู้จัก เพราะเขาคร่ำ�หวอดอยู่ ในวงการการเมืองท้องถิ่น มายาวนานถึง 22 ปี เคยดำ�รงตำ�แหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด สุราษฎร์ธานีคนแรก เมื่อปี พ.ศ.2539 และยังเป็นประธานสภา อบจ. ต่อเนื่องมาหลายสมัย จนถึงปัจจุบัน เป็นเรือ่ งน่าประทับใจสำ�หรับผูเ้ ขียน...ทีช่ าวสุราษฎร์ฯ โดยเฉพาะชาวอำ�เภอพุนพินต่างเรียกขานประธานสภา อบจ. หนุม่ ใหญ่ผมู้ บี คุ ลิกสมาร์ทและใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าวัยท่านนีว้ า่ ‘สจ.อ้อย’ มากกว่าเรียกนามทางการ ‘สมชาติ ประดิษฐพร’ เพราะการเรียกชื่อเล่นอย่างคุ้นเคยนี้มิได้เกิดขึ้นเพราะความสะดวกปากและจดจำ�ง่ายเท่านั้น หากยังเป็นเพราะความ ไว้เนื้อเชื่อใจและความสนิทสนมใกล้ชิดที่ชาวสุราษฎร์ฯ และครอบครัวประดิษฐพรมีให้แก่กันมาตั้งแต่รุ่นพ่อ เนื่องด้วย ‘กำ�นันเซ่ง’ หรือ ‘คุณดำ�รง ประดิษฐพร’ บิดาของ สจ.อ้อยนั้นได้เสียสละทำ�งานเพื่อชาวตำ�บลท่าโรงช้างมายาวนาน หลายสมัย ส่วนมารดา ‘คุณประภา ประดิษฐพร’ ก็เป็นแรงสนับสนุนสำ�คัญในการทำ�งานเพือ่ ส่วนรวมมาโดยตลอด และ นับเป็นความโชคดีของ ‘เมืองคนดี’ ที่สจ.อ้อยตกปากรับคำ�มาเผยเรื่องราวชีวิต ความคิดที่น่าสนใจ และไม่เคยเปิดเผย ที่ ไหนมากขนาดนี้มาก่อนให้รู้ “ผมถูกเลี้ยงมาแบบบ้านๆ ถูกสอนให้ช่วยครอบครัวทำ�งานมาตั้งแต่เด็ก แบ่งหน้าที่กันไปตามความเหมาะสม ผมมี พีน่ อ้ ง 6 คน ตัวผมเป็นที่ 4 พีช่ าย 3 คน น้องสาว 2 คน งานบ้านก็เป็นหน้าทีข่ องแม่และน้องสาว ผมกับพีช่ ายก็ชว่ ยดูแล สวนเท่าที่แรงงานในวัยนั้นจะทำ�ได้ ใครโตกว่าก็ทำ�งานที่ยากกว่า แต่ต้องทำ�งานทุกคน พ่อแม่จะสอนว่างานอะไรก็ตาม จะสำ�เร็จได้ต้องช่วยกัน... ผมเรียนที่โรงเรียนในอำ�เภอพุนพินตั้งแต่เด็ก ชั้นประถมที่โรงเรียนบ้านนาใหญ่ ชั้นมัธยมต้น ที่โรงเรียนพุนพิน มาจบมัธยมปลายที่โรงเรียนอินทรพิชัย จากนั้นถึงย้ายไปเรียนต่อปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม สาขานิติศาสตร์ และจบปริญญามหาบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำ�แหง ตอนนี้กำ�ลังเรียนปริญญาโท สาขารัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยสยามครับ....”

อาสาเพราะรู้ว่าต้องทำ�

เป็นที่ทราบกันดีว่าในบรรดาสมาชิกครอบครัวของสจ.อ้อยนั้น นอกเหนือจากตัวเขาเองแล้ว ผู้เป็นพี่ชายอีก 2 คน ก็อาสาเข้ามาทำ�งานรับใช้บ้านเกิดเช่นกัน โดยปัจจุบันพี่ชายใหญ่ ‘คุณชลาวุฒิ ประดิษฐพร’ เป็นนายก อบต. ท่าโรงช้าง พี่ชายคนรอง ‘คุณทรงกลด ประดิษฐพร’ เป็นกำ�นันตำ�บลท่าโรงช้าง แต่จะว่าไปแล้ว สจ.อ้อยคือผู้ที่กรุยทางสู่สนาม การเมืองท้องถิน่ มาก่อนพีช่ ายทัง้ สอง โดยลงสมัครรับเลือกตัง้ สจ. (เวลานัน้ ยังเรียก สจ.) ทันทีทเี่ รียนจบปริญญาตรีเมือ่ ปี พ.ศ. 2534 และนับจากนัน้ มาเขาก็เป็นผูส้ มัคร ส.อบจ. ที่ไม่เคยสอบตกและยังได้รบั คะแนนเสียงมากขึน้ กว่าเดิมทุกสมัย เว้นเพียงสมัยเดียวทีเ่ ขาตัดสินใจไม่ลงสมัครเนือ่ งจากต้องดูแลมารดาทีป่ ว่ ย และการเลือกตัง้ ครัง้ ทีผ่ า่ นมาเขาคือ ส.อบจ. ที่ได้รบั คะแนนท่วมท้นเป็นอันดับหนึง่ ของจังหวัด... แต่นาทีทยี่ งิ่ ใหญ่จะเกิดขึน้ ไม่ได้ถา้ ไม่มจี ดุ เริม่ ต้น เราจึงขอให้เขาเล่า ถึงเหตุที่ทำ�ให้หนุ่มผู้ไร้ประสบการณ์ ในวันนั้นตัดสินใจขันอาสาเป็นตัวแทนประชาชน... MKD 24


the great man in limelight somchat praditpon สมชาติ ประดิษฐพร

MKD 25


“จริงๆ ผมไม่ได้อยากเล่นการเมือง เด็กๆ ผมอยากเป็นตำ�รวจ (ยิ้ม) ก็เป็นไปตามค่านิยมของเด็กผู้ชายทั่วไปในชนบทว่าโตมา อยากจะรับราชการ ได้ ใส่เครือ่ งแบบ ได้ชว่ ยเหลือคน เด็กสมัยนัน้ โลกทัศน์ยังไม่กว้างเท่าสมัยนี้ เลยไม่รู้ว่าจะฝันเป็นอะไรได้ นอกจากอาชีพตำ�รวจ ทหาร ครู หมอ...แต่พอโตความคิดก็เปลีย่ นไป... ตอนนั้นผมอายุแค่ 25 ปีเท่านั้นเองครับ ผมเห็นมีประกาศ รับสมัครเลือกตั้ง สจ. ก็สมัครเลย (ยิ้ม) เพราะเหตุผลเดียวคือ ผมมองภาพรวมว่าในสังคมบ้านเราก็มผี มทีส่ ามารถเป็นตัวแทนได้ เมื่ออยู่ในฐานะที่ทำ�ได้ ผมก็ต้องทำ� (ยิ้ม) วันนั้นผมไม่สนใจว่าจะ ชนะการเลือกตั้งหรือไม่ ความรู้สึกของตัวเองผมก็ไม่สน รู้แต่ว่า ต้องทำ� (หัวเราะ) ปรากฏว่าลงสมัยแรกประชาชนก็ให้ โอกาสเลย เป็นบารมีจากความดีของพ่อด้วยครับเพราะท่านเคยเป็นกำ�นันตำ�บล ท่าโรงช้างหลายสมัย ทำ�งานทุม่ เทเพือ่ ส่วนรวมมาเยอะ ความดีของ พ่อทำ�ให้ชาวบ้านศรัทธาและก็ตกมาถึงรุ่นผมกับพี่ชาย ที่จริง พี่ชายผมก็ไม่อยากเล่นการเมืองเหมือนกัน (ยิ้ม) แต่เราเลือก ที่จะอาสาเพราะเกิดจิตสำ�นึกว่าเราคือผู้มีศักยภาพที่จะเป็น ปากเสียงแทนชาวบ้านได้ ก็ต้องเสียสละครับ” ในช่วงเวลานัน้ ลักษณะของการบริหารท้องถิน่ ถ้าจะเปรียบเทียบ ง่ายๆ ผูว้ า่ ราชการจังหวัดก็ไม่ตา่ งอะไรกับนายกรัฐมนตรีของจังหวัด สุราษฎร์ฯ ส่วน สจ. แต่ละอำ�เภอก็เหมือนกับคณะรัฐมนตรีทมี่ หี น้าที่ นำ�เสนอโครงการพัฒนาต่างๆ ในพื้นที่ของตนให้ผู้ว่าฯ พิจารณา ความเห็นชอบ จึงเป็นเรือ่ งไม่งา่ ยเลยทีเ่ ด็กหนุม่ จบใหม่จะทำ�งาน ให้เป็นที่ยอมรับของประชาชนได้ แต่เขากลับบอกเราว่านั่นไม่ใช่ เรื่องยากเกินไป... “การพัฒนาทีม่ ผี ลสำ�เร็จต้องมองความเป็นไปได้และมีความ ยัง่ ยืนครับ ฉะนัน้ จำ�เป็นต้องมีแผนงานทีเ่ หมาะสมเป็นลำ�ดับขัน้ ไป ต้องลงไปศึกษาพืน้ ทีเ่ พือ่ หาข้อสรุป หาจุดเชือ่ มโยงว่าในท้องทีข่ องเรา ควรจะทำ�อะไรก่อนหลัง แล้วไปจัดทำ�แผนพัฒนาและโครงการมา เสนอท่านผูว้ า่ ฯ ถ้าเข้าใจตรงนีส้ มัยแรกของการทำ�งานการเมืองก็ ไม่ใช่เรือ่ งยาก (ยิม้ ) ผมมีหน้าทีม่ องหาปัญหา ไปเจอสะพานชำ�รุด ถนนพัง เจออะไรก็แล้วแต่ตอ้ งโน้ตไว้หมด ไปอยูน่ นั่ ดูทกุ วัน ไปทุกที่ ฟังทุกคนเพือ่ เก็บข้อมูลมาพิจารณาว่าเราควรจะพัฒนาอะไร อย่างไร ให้เหมาะสมกับท้องที่ เหมาะกับคน เหมาะกับแผนแม่บทของจังหวัด และเหมาะกับงบประมาณทีม่ ี การทำ�งานทีค่ มุ้ ค่าต้องมองอย่างนีน้ ะ ครับ และต้องให้ความสำ�คัญกับคนทำ�งานทีเ่ กีย่ วข้องทุกฝ่ายด้วย ความราบรืน่ และความสำ�เร็จถึงจะเกิดได้ การประสานงานสำ�คัญครับ นักการเมืองถึงต้องรู้จักคนเยอะและต้องเข้าใจคนทุกกลุ่มด้วย ก็เป็นธรรมดานะครับทีแ่ รกๆ จะมีความไม่มนั่ ใจอยูบ่ า้ งเพราะ เราไม่มปี ระสบการณ์ แต่ลกึ ๆ ผมเชือ่ ในวิธกี ารของผม หลังจากหมด วาระสมัยแรกชาวบ้านก็มาให้ก�ำ ลังใจเยอะครับ ผมเลยตัดสินใจว่า จะทำ�ต่อไป ก็ท�ำ มาจนถึงวันนี้ (หัวเราะ) จะเว้นไปสมัยหนึง่ ช่วงทีแ่ ม่ปว่ ย แต่กย็ งั ต้องไปเป็นกำ�นัน... ผมไม่เคยยึดติดกับตำ�แหน่งว่าจะต่�ำ หรือ สูง ชาวบ้านให้ผมเป็นอะไรผมก็ตอ้ งเป็น จะตำ�แหน่งไหนก็เป็นเสียง ของประชาชนอยูว่ นั ยันค่�ำ (ยิม้ ) แตกต่างแค่ขอบเขตอำ�นาจหน้าที่ เท่านั้น”

นายก อบจ. คนแรกของสุราษฎร์ฯ

นอกเหนือจากตำ�แหน่ง สจ. การเดินทางบนถนนสายการเมือง ของเขายังได้กา้ วผ่านตำ�แหน่งรองประธานสภา อบจ. ตัง้ แต่สมัยแรก และในสมัยต่อๆ มาก็ได้รบั เลือกประธานสภา อบจ. กระทัง่ สมัยที่ 4 เขาก็กา้ วขึน้ สูต่ �ำ แหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดคนแรกของ สุราษฎร์ธานี ซึง่ ขณะนัน้ ยังเป็นการเลือกโดยอ้อม ในช่วงเวลาสัน้ ๆ เพียง 2 ปี อบจ.สุราษฎร์ธานีภายใต้การนำ�ของเขาก็ได้สร้างผลงาน ชิน้ หนึง่ ทีช่ าวสุราษฎร์ฯ ยังจดจำ�มาจนวันนี้ นัน่ ก็คอื การพัฒนาเกาะ ลำ�พูให้เป็นแหล่งท่องเทีย่ ว ซึง่ เขาได้เล่าถึงจุดเริม่ ต้นของโครงการ ตลอดจนผลงานในตำ�แหน่ง ส.อบจ. ที่ผ่านมาว่า... “งานพัฒนาเกาะลำ�พูเริ่มจากผมได้ยินข่าวว่ามีประชาชน บางกลุ่มใช้พื้นที่หลายแห่งในเขตอำ�เภอเมืองเป็นแหล่งมั่วสุม ไปดืม่ เหล้าบ้าง เสพยาบ้าง และพอดีวา่ ทางจังหวัดเองก็มมี าตรการว่า หน่วยงานบริหารท้องถิน่ ต้องร่วมกันบูรณาการเพือ่ แก้ปญ ั หาเรือ่ งนี้ จึงเกิดการหารือร่วมกันระหว่างจังหวัด อบจ. และเทศบาลนคร สุราษฎร์ฯ ในการประชุมครั้งนั้นผมก็เสนอตัวว่า อบจ. ขอพัฒนา ทีเ่ กาะลำ�พู เพราะเชือ่ ว่าจะสามารถปฏิบตั ไิ ด้ส�ำ เร็จเพือ่ เป็นตัวอย่าง กับพืน้ ทีอ่ นื่ หรือหน่วยงานอืน่ ได้ ทีผ่ มเชือ่ อย่างนีเ้ พราะ 1. อบจ. มี งบประมาณมากพอที่จะดำ�เนินการ 2. เกาะลำ�พูมีภูมิปัญญาที่ โดดเด่นและเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่เข้มแข็งอยู่แล้ว 3. มีพนื้ ทีจ่ �ำ กัด มีขอบเขตแน่นอน ทุกอย่างนีค้ อื ปัจจัยทีเ่ อือ้ แก่การ พัฒนาที่เป็นไปได้ และผมดีใจที่การพัฒนาเกาะลำ�พูยั่งยืนมาถึง ตอนนี้ ผ่านมา 17 ปีแล้วนะครับ... ผมคิดว่าคนเป็นผูน้ �ำ ไม่วา่ จะเป็นผูน้ �ำ ในองค์กรเอกชนหรือภาครัฐ ก็ตาม จะหยิบจับโครงการใดขึ้นมาทำ�ต้องคำ�นึงถึงผลประโยชน์ ทีจ่ ะเกิดต่อภาพรวมเป็นทีต่ งั้ ต้องดูทคี่ วามเป็นไปได้ของความสำ�เร็จ ในอนาคต พิจารณางบประมาณและเวลาทีม่ ี เพราะงานการเมือง มีวาระ (ยิ้ม) การทำ�โครงการใหญ่ระยะยาว 10 ปี 20 ปีถึงต้องมี แผนงานทีร่ ดั กุม มีการศึกษามาอย่างดีกอ่ นเริม่ ต้น ซึง่ ต้องมาจาก แผนพัฒนาประเทศและผ่านมติ ครม. ลำ�พัง อบจ. เองจะมาทำ� โครงการไปเรือ่ ยๆ โดยหวังว่าจะบรรลุผลในวันหนึง่ ข้างหน้าไม่ได้ เพราะปัญหาบ้านเมืองไม่ได้มอี ยูจ่ ดุ เดียว เมือ่ เปลีย่ นผูน้ �ำ วิสยั ทัศน์ หรือนโยบายในการบริหารก็เปลี่ยนไปด้วย ส่วนการดูแลท้องทีต่ ามอำ�นาจของ สจ. ทีผ่ า่ นมาผมเน้นการ พัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคพืน้ ฐานครับ เรือ่ งคนเรือ่ งปากท้อง เป็นรอง เพราะคนสุราษฎร์ฯ ส่วนใหญ่ฐานะดีนะครับ แต่เรือ่ งถนน ยังมีปญ ั หาเพราะพืน้ ทีม่ นั กว้างใหญ่มาก แต่พนุ พินเป็นชุมทางการ คมนาคมขนส่ง ถนนจะเป็นปัญหาไม่ได้!... ผมจะมองภาพรวมทั้ง อำ�เภอ ตรงไหนลำ�บากและส่งผลกระทบต่ออำ�เภอและคนส่วนใหญ่ เราก็เร่งตรงนั้น ไม่เคยทุ่มไปที่ใดที่หนึ่งเพราะมีประโยชน์ส่วนตัว แอบแฝงแล้วปล่อยให้ชาวบ้านเดือดร้อน ที่ผ่านมาไปดูได้เลยว่า ผมไม่เคยทำ�ถนนเข้าทีต่ วั เอง (ยิม้ ) ส่วนเรือ่ งการพัฒนาการท่องเทีย่ ว คนอาจจะมองว่าพุนพินมีสถานที่ท่องเที่ยวมากน่าจะส่งเสริมให้ ดีกว่านี้ แต่ถ้ามองข้อเท็จจริงก็จะรู้ว่าแต่ละที่ยังไม่มีพลังมากพอ ไม่เหมือนบ้านตาขุนที่มีเขื่อน หรือเกาะที่มีหาดสวยๆ ประเพณี

MKD 26


ท้องถิน่ เราก็ยงั ไม่โดดเด่น การพัฒนาเรือ่ งนีผ้ มว่ายังเป็นการบ้าน ทีห่ ลายหน่วยงานต้องช่วยกันคิด เพราะ อบจ. มีอ�ำ นาจหน้าทีจ่ �ำ กัด อบต. และหน่วยงานทีม่ หี น้าที่โดยตรงต้องเป็นเจ้าภาพและชุมชน ก็ต้องมาร่วมด้วย แล้วเสนอโครงการมาที่ อบจ. เพื่อพิจารณา ความเป็นไปได้และความยั่งยืน จากนั้นจึงจะสามารถจัดสรร งบประมาณสนับสนุน ผมอยากให้คนสุราษฎร์ฯ เข้าใจว่าไม่วา่ จะเป็น โครงการใดเสนอเข้ามา อบจ. มีหน้าทีค่ ดิ ว่าถ้าทำ�วันนีเ้ สร็จ พรุง่ นี้ จะสำ�เร็จหรือไม่ นี่คือสิ่งสำ�คัญที่สุดครับ ไม่เช่นนั้นจะละลาย งบประมาณโดยใช่เหตุ ส่วนตัวผมมีแนวคิดว่าพุนพินควรสร้างแหล่งท่องเที่ยว จากฝีมือมนุษย์เพิ่มเติม เราอาจจะต่อยอดจากสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว เช่น เอาหนังตะลุงมาไว้ ในที่ใดทีห่ นึง่ ปรับปรุงให้เป็นโรงละครเล็ก คล้ายๆ โจหลุยส์ ประยุกต์การแสดงให้ตระการตา เข้าใจง่าย มี บรรยายภาษาต่างชาติ ผมแชร์ไอเดียนีป้ ระสานกับทาง ททท. และ อบต. เพื่อนำ�ไปศึกษาความเป็นไปได้ ในการพัฒนาต่อ เพราะแค่ หนังตะลุงสร้างความสำ�เร็จทีย่ งั่ ยืนไม่ได้ แต่ตวั จักรสำ�คัญคือชุมชน ครับ ต้องรวมพลังกันสร้างรูปแบบการท่องเทีย่ วทีน่ า่ สนใจให้เกิด ขึน้ ก่อน มันถึงจะเดินไปสูข่ นั้ ต่อไป เพราะสุดท้ายชุมชนนัน่ แหละ คือผู้สานต่อให้เกิดความสำ�เร็จที่ต่อเนื่องเพื่อจะเก็บเกี่ยว ผลประโยชน์จากมัน”

การเมืองคืองานอาสา

การทำ�หน้าที่ตัวแทนประชาชนในฐานะ ส.อบจ. เป็นเรื่องที่ ไม่ง่ายนัก เมื่อต้องสวมหมวกประธานสภา อบจ. ควบคู่ไปอีกใบ ก็ยอ่ มเป็นภาระหน้าทีท่ หี่ นักหนา เพราะนอกจากจะเป็นผูน้ �ำ ในการ ผลักดันนโยบายสำ�คัญๆ ให้เกิดขึน้ แล้ว ประธาน อบจ. ยังต้องเป็น ผู้ประสานระหว่าง ส.อบจ. ทุกอำ�เภอกับคณะบริหาร อบจ. ให้มี ความเป็นเอกภาพ และสมานฉันท์ แต่เขาก็สามารถทำ�หน้าที่ได้อย่าง ไม่ขาดตกบกพร่อง และได้รับเลือกจากสมาชิกให้ดำ�รงตำ�แหน่ง ทรงเกียรตินี้มาทุกสมัย จนเกิดเป็นสโลแกนประจำ�ตัวว่าถ้าพูด ถึงสจ. อ้อยต้องนึกถึงความยุติธรรม...

“ในการทำ�หน้าทีน่ เี้ ราต้องมีความจริงใจกับเพือ่ น (ยิม้ ) คำ�ว่า ‘เพื่อน’ หมายถึงผู้ร่วมงานทุกคนทุกฝ่ายตั้งแต่นักการเมือง ข้าราชการ ผูน้ �ำ ชุมชน ไปจนถึงประชาชน ส่วนความจริงใจหมายถึง การลงมือทำ�งานเพื่อช่วยเหลือเพื่อนอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำ�ได้ บทบาทหน้าที่สำ�คัญของประธานสภา อบจ. คือการประสานกับ ทุกฝ่ายใน อบจ. ให้เกิดการขับเคลื่อนเพื่อสร้างผลงานที่เป็น ประโยชน์ตอ่ บ้านเมือง เราจึงต้องมีความเป็นกลาง โดยยึดปัญหา ของบ้านเมืองเป็นโจทย์และให้ความยุตธิ รรมมาเป็นทีห่ นึง่ จะมานัง่ เหม็นหน้าว่าคนนั้นคนนี้ ไม่ใช่พรรคพวกไม่ได้ ดูตามเนื้อผ้าก็เป็น งานทีห่ นักมาก แต่ผมก็ไม่เคยอึดอัด หน้าทีข่ องผมคือการหาข้อมูล ทุกจุดของทุกปัญหาแล้วนำ�มาวิเคราะห์และประเมินผล เพราะเรา ต้องเป็นทีป่ รึกษาให้กบั ทุกฝ่าย ปัญหาทุกเรือ่ งมีจดุ เริม่ ต้นเสมอครับ ไม่วา่ ปัญหาจะใหญ่โตแค่ไหนมันก็เกิดมาจากเรือ่ งเล็กๆ ระดับล่าง ทั้งนั้น ปัญหาคนก็เหมือนกัน คนที่โตที่สุดในวันนี้ก็ต้องรู้จักและ เข้าใจคนทีอ่ ยูข่ า้ งล่าง องค์ประกอบของสังคมมันมีทงั้ ขาวและดำ� ถ้ารูจ้ กั แต่ดี ไม่รจู้ กั ชัว่ ก็เหมือนหัดอ่านเขียนโดยไม่ยอมเรียนตัง้ แต่ ก.ไก่ แล้วจะอ่านเขียนแตกฉานได้อย่างไร...แต่การรู้จักไม่ใช่การ ลงไปทำ�ด้วย เพือ่ นขี้โกงผมก็มี เพือ่ นดีผมก็มาก คนไหนไม่ดเี ราก็ ไม่ปฏิบตั ติ าม ผมยึดมัน่ ในความดีของตัวเอง ถ้ารูก้ เ็ ตือนกันห้ามกัน แต่เขาจะฟังไหม...(ยิ้ม) นั่นเป็นเรื่องของจิตสำ�นึกครับ เมือ่ ไรทีน่ กั การเมืองเทีย่ วหาผลประโยชน์ไม่วา่ จะเล็กๆ น้อยๆ หรือก้อนใหญ่มันจะทำ�ลายทุกอย่างตั้งแต่ตัวเอง ครอบครัว วงศ์ ตระกูล ชุมชน อำ�เภอ จังหวัด สุดท้ายประเทศชาติก็ไม่เหลือ นักการเมืองต้องมีเกียรติดว้ ยความซือ่ สัตย์สจุ ริต ถ้ารับใต้ โต๊ะแล้ว วันหนึง่ ไปซือ้ รถสักคัน เป็นใครก็ตอ้ งคิดว่าใช่เงินของเขาหรือเปล่า ป้ายแดงคันนีค้ งได้มาจากเมือ่ วานทีม่ าเก็บเราไปสามแสน!! นักการ เมืองแบบนี้ลงจากรถแล้วไม่เท่ (ยิ้ม) ไม่มีคุณค่าในสายตาผม ครอบครัวผมทำ�ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมาตั้งแต่รุ่นพ่อ ผม เข้าใจหัวอกคนที่ไปประมูลงานแล้วเขาบอกว่าต้องจ่ายคอมมิชชัน่ เพราะกำ�ไรก็ไม่ได้มากมายอยูแ่ ล้ว ต้องมาเสียอีก 5% 10% แล้วจะ ลืมตาอ้าปากอย่างไร ทุกวันนีผ้ มพูดได้เต็มปากว่าไม่เคยรับเงินใคร (ยิ้ม) แต่การเมืองวันนี้ผมจะเอาความคิดนี้ ไปสั่งให้คนอื่นทำ�ตาม

MKD 27


MKD 28


ก็ไม่ได้ อย่างที่บอกว่ามันเป็นเรื่องของจิตสำ�นึกส่วนบุคคลที่เรา ไม่สามารถก้าวก่าย... ผมเคยได้ยินสื่อฯ พูดกันว่านักการเมืองเป็น ‘อาชีพ’ แต่ผม ไม่เห็นด้วย!! มันคือหน้าทีท่ มี่ าจากจิตวิญญาณ เหมือนพ่อแม่ทตี่ อ้ ง ดูแลครอบครัวลูกเต้าโดยไม่ตอ้ งมีใครมาสัง่ ใครมาห้ามไม่ให้พอ่ แม่ เลี้ยงลูก พ่อแม่ยอมไหมล่ะ... คำ�ว่าอาชีพต้องมีเงินเดือนที่เลี้ยง ดูตัวเองได้ แต่นักการเมือง เช่น ส.อบจ. อย่างผมได้ค่าตอบแทน เดือนละ 20,000 บาทเศษ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าไม่พอที่จะดูแลตัวเองให้ มีคณ ุ ภาพชีวติ ดีได้ ไม่ตอ้ งไปมองว่าจะดูแลคนอืน่ เลย เขาถึงเรียก เงินทีม่ อบให้นกั การเมืองว่า ‘ค่าตอบแทน’ (ยิม้ )... สำ�หรับผมคำ�ที่ เหมาะจะเรียกนักการเมืองคือ ‘ผูช้ ว่ ยประสานงานระหว่างรัฐกับ ประชาชน’ การใช้ค�ำ ว่าอาชีพนักการเมืองเป็นการชีน้ �ำ คนทีค่ ดิ จะ อาสาเข้ามาทำ�งานให้เข้าใจไปว่าต้องเข้ามากอบโกย มันเป็นการ ลดคุณค่าของการเมืองให้กลายเป็นธุรกิจการเมืองไป ตามความคิดของผมคนที่จะมาทำ�งานการเมืองควรเป็นคน ที่มีฐานะพร้อม คือมีรายได้เป็นหลักเป็นฐานจากการทำ�มาหากิน สุจริต อย่างผมทำ�ธุรกิจก่อสร้างกับการทำ�สวน นั่นแหละอาชีพ ตัวจริง (ยิ้ม) เมื่ออาชีพมั่นคงก็เป็นความสำ�เร็จของการอยู่รอด ไม่ต้องพะวงว่าครอบครัวจะอยู่อย่างไร แต่งานการเมืองคืองาน ของความตั้งใจ คืออุดมการณ์ เมื่อสำ�เร็จก็เป็นความภาคภูมิใจ ของชีวติ นอกจากนีต้ อ้ งมีจติ อาสา สามารถเสียสละเวลา แรงกาย และสมองมาสร้างสิง่ ดีๆ ให้คนอืน่ ต้องใจกว้าง ต้องเป็นนักต่อรอง ที่ดีและสามารถตัดสินใจอย่างชาญฉลาด อย่างเช่น ‘คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ’ ผมคิดว่านักการเมืองรุน่ ใหม่ตอ้ งมองพีเ่ ทพเป็นแบบ อย่าง พี่เทพเป็นนักการเมืองที่รู้รอบ รู้ลึก รู้จริง เป็นนักประสาน ชัน้ ยอด เป็นนักต่อรองชัน้ เยีย่ ม และกล้าหาญทีจ่ ะทำ�สิง่ ทีถ่ กู ต้อง เพือ่ บ้านเมือง คนทีจ่ ะมีคณ ุ สมบัตแิ บบนีต้ อ้ งเป็นนักสังเกตนะครับ ตาดู หูฟัง สมองศึกษาตลอดเวลาเพื่อเก็บข้อมูลมาไว้ ในมือ เมื่อ ถึงเวลาก็จะสามารถดึงข้อมูลมาวิเคราะห์และตัดสินใจได้ ตัวผม เองเป็นประธานสภา อบจ. มาจนถึงวันนี้ก็ยึดหลักนี้ครับ”

สามัคคีสร้างอนาคตที่สดใสให้สุราษฎร์ฯ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำ�ถามหนึ่งที่ชาวสุราษฎร์ฯ ไม่ยอมพลาด ทีจ่ ะถามผูท้ เี่ ป็นตัวแทนของพวกเขาเมือ่ มีโอกาสก็คอื อนาคตของ บ้านเกิดจะเป็นเช่นไร ทันทีที่ ได้ยินคำ�ถาม สจ.อ้อยยิ้มกว้างแล้ว ตอบคำ�ถามที่ฟังแล้วต้องคิดตามว่า... “เรื่องนี้พูดยากครับ เพราะมันยังคาดหวังอะไรไม่ได้เป็นชิ้น เป็นอัน เนื่องจากว่ายังไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนปฏิบัติ (หัวเราะ) ถึง ผู้บริหารประเทศและผู้บริหารชั้นผู้ ใหญ่ของจังหวัดจะวางแผน พัฒนามาแล้วว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่การเดินไปให้ถึง เป้าหมายต้องใช้คน ใช้งบประมาณและมีความร่วมไม้รว่ มมือจาก หลายองค์กร...ชาวใต้อย่างสุราษฎร์ฯ บ้านเราเป็นคนรักพวกพ้อง ให้ความสำ�คัญกับความเสมอภาค มีความคิดดี ตัง้ ใจดี จะมาชักจูง หรือสั่งโดยไม่มีเหตุมีผลไม่ได้ ซึ่งเป็นข้อดีนะครับ แต่บางครั้งมัน ก็เป็นอุปสรรคต่อการร่วมมือสร้างโน่นสร้างนี่อยู่เหมือนกัน (ยิ้ม) เพราะต่างคนต่างมีความคิด ต่างคนต่างมีพวก ก็เลยต่างคนต่างทำ� แต่ถ้ามีความร่วมมือร่วมใจกันเราจะมีพลังมากที่สุด และผมว่าการกระจายอำ�นาจการปกครองท้องถิน่ ของบ้านเรายัง ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงของสังคมไทย ทุกวันนีม้ กี ารเลือกตัง้

บ่อยมากจนทำ�ให้เกิดความแตกแยกถึงขนาดพีน่ อ้ งบาดหมางกัน ชาวบ้านเองก็สบั สนไม่รวู้ า่ จะศรัทธาใคร การกำ�หนดขอบเขตอำ�นาจ หน้าที่ขององค์กรบริหารส่วนท้องถิ่นก็ยังลักลั่น บางองค์กรมี งบประมาณมากพอทีท่ �ำ อะไรได้มากมายแต่ไม่มอี �ำ นาจในการสัง่ คนไป ปฏิบตั ิ ต้องไปพึง่ คำ�สัง่ จากอีกองค์กรหนึง่ บางองค์กรมีคนเยอะแยะ แต่ไม่มเี งินมากพอ เหมือนแจกดาบให้คนละเล่มแล้วต่างคนก็ตา่ ง เดินหน้าไปถางทางเอา การพัฒนาตามแผนทีว่ างไว้กเ็ กิดขึน้ ได้ชา้ เวลานีก้ ลายเป็นว่าทุกหน่วยงานพยายามทำ�สิง่ ทีด่ ที สี่ ดุ ตามเหตุการณ์ เฉพาะหน้าไป ถ้าถามว่าจะแก้อย่างไร...(ยิ้ม) ก็ต้องตอบว่าไม่รู้ เพราะมันเป็นเรื่องระดับประเทศ” คำ�ตอบนีเ้ องจุดประกายให้เราอยากรูต้ อ่ ไปว่า เมือ่ เขาคิดว่า การบริหารบ้านเมืองยังมีปัญหาที่ระบบเช่นนี้คนที่ตั้งใจอาสามา ทำ�งานเพื่อประชาชนอย่างเขาจะยังยืนหยัดอาสาต่อไปหรือไม่ และตลอดเวลา 22 ปีทที่ �ำ งานการเมืองมาเขามีความรูส้ กึ อย่างไร “ทีผ่ า่ นมาผมมีเวลามากพอทีจ่ ะทำ�งานโดยไม่ตอ้ งมาเบียดบัง เวลาประชาชน เพราะธุรกิจผมเดินได้มานานแล้ว แต่ผมทำ�งาน มานาน ถึงไฟยังไม่มอดแต่กย็ อมรับว่าไฟไม่แรงเหมือนใหม่ๆ ผม เชื่อว่าคนเราเกิดมาเท่ากัน ความเก่งความสามารถเรียนรู้กันได้ ยังมีอีกหลายคนที่เก่งกว่ามีความสามารถมากกว่าผม ก็ต้องเปิด โอกาสให้เขาเข้ามาทำ�งานบ้าง ไม่มใี ครอยูบ่ นเวทีตลอดกาลหรอก ครับ... และวันนีผ้ มภูมใิ จแล้วที่ได้ท�ำ งานให้ประชาชน เรามีค�ำ ชม ของชาวบ้านเป็นรางวัล คิดง่ายๆ ว่าตอนทีเ่ พิง่ เรียนจบไม่มใี ครรูจ้ กั ตัวจริงผม แต่วนั นี้ ได้ท�ำ ประโยชน์ ให้บา้ นเมือง ชาวบ้านก็วางใจว่า เป็นที่พึ่งได้ เป็นที่รู้จักว่าใจซื่อมือสะอาด จะไปไหนมาไหน ก็ไม่ต้องกลัวว่าเดินลงรถมาแล้วไม่เท่ ชีวิตผมคุ้มค่าแล้วครับ (ยิ้ม)”

คนธรรมดา ที่ ไม่ธรรมดา

บทสุดท้ายของการพูดคุย เราขอให้ สจ.อ้อยเล่าถึงการใช้ชวี ติ ในอีกมุมหนึ่งเมื่อต้องอยู่กับตัวเอง มิได้สวมบทบาทนักการเมือง สจ.อ้อยหัวเราะเบาๆ แล้วเล่าว่าเขาก็ไม่ได้ตา่ งจากผูช้ ายทัว่ ไป กิน นอนเป็นเรือ่ งง่ายๆ ไม่มกี ารดูแลตัวเองเป็นพิเศษ ชอบเลีย้ งสัตว์ และชอบฟังเพลงลูกทุง่ ... แต่สงิ่ ทีเ่ ขาพูดต่อมานีส่ ิ ทำ�ให้เราชัดเจนว่า แบบอย่างของผู้ที่มุ่งมั่นทำ�งานอาสาตัวจริงไม่ใช่ใคร แต่คือเขา ที่นั่งอยู่ตรงหน้านี่เอง “ผมไม่รวู้ า่ การอยูก่ บั ตัวเองเป็นอย่างไร เพราะอยูก่ บั ชาวบ้าน ตลอดเวลา เดินไปตรงไหนก็รจู้ กั กันหมด ผมชอบคุย คุยได้กบั ทุกคน ฟังหมด ความเครียดก็ไม่มีเพราะทุกปัญหาแก้ไขได้ จะไปไหนมา ไหนก็ให้สะอาดเข้าไว้ ใจสะอาดแล้วนี่กายก็ต้องสะอาดด้วย แต่ เวลาไปงานทางการจะเลือกเสือ้ ผ้ามากหน่อยเพราะผมเป็นตัวแทน ของประชาชน จะอนุรักษ์ตัวตนทุกสถานการณ์ไม่ได้ ต้องปรับให้ เหมาะกับกาลเทศะ ไม่อย่างนัน้ ใครจะเชือ่ ถือว่าเราจะทำ�งานเพือ่ คนอื่นได้ ก็ตัวเองยังพัฒนาไม่ได้เลยนี่... (ยิ้ม)” ในอนาคตถ้า สจ.อ้อยตัดสินใจไม่อาสาเป็นตัวแทนชาวบ้านอย่าง ที่เปรยไว้ คงเป็นเรื่องที่คนสุราษฎร์ฯ เสียดายมากที่สุดเรื่องหนึ่ง และถ้าวันนั้นมาถึงจริง เราเชื่อว่าเขาจะได้รับการโจษขานว่าเป็น นักการเมืองผู้ยืนอย่างสง่างามบนเวทีตั้งแต่ต้นจนจบอีกคนหนึ่ง ของเมืองไทย...

MKD 29


M EN @ W ORK

Story : Roybun Photo : Pom (Demand Group)

“วิธีที่ดีที่สุดในการสร้างอนาคต คือการสร้างมันขึ้นมา” นั่นเป็นวาทะอันลือลั่นที่ ‘อลัน เคย์’ นักวิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์ชื่อดังชาวอเมริกันได้กล่าวไว้ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ ใช่คนแรกที่คิดเช่นนั้น... เพราะทันทีที่การพูดคุยระหว่างเรากับ ‘คุณวัชรินทร์ วัฒนประดิษฐ์’ ส.อบจ.อำ�เภอคีรีรัฐนิคม จบลง เราก็พบว่าหนุม่ ผิวเข้มวัย 47 ปีที่ใครๆ รูจ้ กั ในนาม ‘ส.อบจ.แขล็ก’ คนนี้ คืออีกคนหนึง่ ทีเ่ ป็นบทพิสจู น์ ความหมายของประโยคดังข้างต้นได้อย่างดี.... ย้อนกลับเมื่อกว่า 20 สิบปีก่อน ไม่มีใครในครอบครัว วัฒนประดิษฐ์จะคาดคิดว่า สมาชิกคนสุดท้องในบรรดาพี่น้อง 7 ชีวิต จะมีความคิดฝันต่างไปจาก ลูกชาวสวนทั่วไปในยุคนั้น เว้นแต่ตัวของเขาเองที่รู้ตัวดีมาตั้งแต่รุ่นหนุ่มว่ามีใจรักชอบการทำ�งานเพื่อ สังคม และนับวินาทีนนั้ ...เขาก็ลขิ ติ ทางเดินมุง่ หน้าสูถ่ นนการเมืองจนได้รบั ความไว้วางใจจากชาวคีรรี ฐั ฯ ให้ทำ�หน้าที่เป็นปากเสียงเพื่อการพัฒนาบ้านเกิดมาถึง 4 สมัย... แต่...ความสำ�เร็จในการเดินสู่ฝันของเขาไม่ใช่สาระสำ�คัญประการแรกที่นำ�ให้เราแวะมาพบกับเขา หากเป็นเพราะแนวคิด ‘อนาคตคือเราสร้าง ไม่ใช่โชคชะตา’ ที่มีผลต่อการพัฒนาท้องถิ่น นี่ต่างหากที่ เราต้องการพูดคุยเป็นประเด็นหลัก...

เมื่อรักต้องรู้ เมื่อรู้ต้องทำ�

“นิสัยส่วนตัวผมชอบการช่วยเหลือคนมาตั้งแต่เด็ก ชอบที่จะคิดนั่นคิดนี่และลงมือทำ�เพื่อให้เกิด สิ่งที่เป็นประโยชน์กับคนหมู่มาก... ผมเองก็ไม่รู้ว่าความชอบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะคนในตระกูล ก็ไม่เคยมีใครเล่นการเมือง จะมีสว่ นอยูแ่ ค่นดิ หน่อยตรงทีพ่ อ่ ผมเคยเป็นสารวัตรกำ�นัน แต่ยงิ่ โตผมก็ยงิ่ รู้ตัวว่าชอบ เลยตัดสินใจเบนเข็มจากการเรียนวิชาช่างซึ่งผมจบ ปวช. ที่เทคโนโลยีบางกุ้ง หันไปเรียน ต่ออนุปริญญาและปริญญาตรีสาขาพัฒนาชุมชนที่วิทยาลัยครูสุราษฎร์ธานี ซึ่งต่อมาคือมหาวิทยาลัย ราชภัฏสุราษฎร์ธานี และมีความฝันตัง้ แต่นนั้ ว่าเรียนจบเมือ่ ไรจะต้องมาทำ�งานการเมืองให้ได้... ตอนแรก วางแผนว่าจะกลับมาสมัครเป็นผู้ ใหญ่บ้าน หรือกำ�นัน แต่พอเรียนจบในปี พ.ศ. 2537 ก็ได้ข่าวว่ามีการ ประกาศรับเลือกตั้ง สจ. ผมเห็นว่าเป็นองค์กรท้องถิ่นที่ใหญ่กว่า น่าจะช่วยส่งให้เรามีบทบาทในการ ช่วยเหลือสังคมได้ดกี ว่า ผมก็หอบหลักฐานไปสมัครแบบไม่มคี วามลังเล (ยิม้ ) แล้วก็ได้รบั เลือก...สมัยแรก ที่ผมเป็น สจ. ตอนนั้นพี่อ้อย คุณสมชาติ ประดิษฐพร เป็นนายก อบจ. ครับ” ส.อบจ.แขล็กปูพนื้ ถึงเส้นทางชีวติ สูน่ กั การเมืองสัน้ ๆ ก่อนจะเล่าต่อไปว่าแม้จะสมหวังเกินคาดในการ ลงสมัครครัง้ แรก และครัง้ ที่ 2 แต่เส้นทางทีเ่ ขาหวังจะเดินไปเพือ่ ทำ�ประโยชน์ ให้บา้ นเกิดก็ไม่ได้ราบรืน่ นัก เพราะสมัยต่อมาของการอาสา เขาต้องพบกับความพ่ายแพ้ ก่อนจะหวนคืนมาเป็นตัวแทนของชาวคีรรี ฐั นิคม ได้อีกครั้งในสมัยที่ 4 และ 5 ด้วยเหตุผลที่เขาบอกเราว่า ไม่ว่าจะผิดหวังจากการเลือกตั้งสักกี่ครั้ง ก็ไม่ สามารถบั่นทอนความตั้งใจจริงได้

MKD 30


a man who’s invent his future watcharin watanapadit วัชรินทร์ วัฒนประดิษฐ์

MKD 31


“ผมเชื่อว่าบ้านเมืองจะพัฒนาได้ดีจะต้องมีผู้นำ�ที่มีใจรัก จริงที่จะทำ�งานการเมืองนะครับ ถ้าขาดตรงนี้ ไป ถึงบ้านเมือง จะไปได้แต่ก็ไม่ไกล อย่าว่าแต่เป็นนักการเมืองเลย จะทำ�งาน ไหน อาชีพอะไรก็ต้องมีใจรักก่อนถึงจะทำ�ได้ดี ถ้าไม่รักถึงมี โอกาสได้ทำ�ก็ไปได้ไม่สุด แต่เป็นธรรมดาที่ชีวิตคนเรามันต้องมี อุปสรรค ใครจะชนะตลอด (ยิ้ม) คนที่ใจไม่รัก พอแพ้เข้าบ่อยๆ ก็อาจจะม้วนเสื่อกลับบ้าน แต่คนที่รัก เขาจะอดทนกับอุปสรรค และจะไปปรับปรุงตัวเองจนดีพอทีจ่ ะกลับมาใหม่...(ยิม้ ) ผมรักงาน การเมือง ไม่ต้องให้ ใครมาขอ มาสั่งผมก็ต้องกลับมา เพราะผม รักบ้านเกิดและเชื่อมั่นว่ามีความสามารถมากพอที่จะทำ�งานได้ดี งานการเมืองเป็นความสุขที่ได้ท�ำ งานให้กบั ญาติพนี่ อ้ ง เพราะ คีรีรัฐนิคมเป็นอำ�เภอเก่าแก่ครับ ชาวบ้านทั้ง 8 ตำ�บลมีวิถีชีวิต อยูใ่ นระบบเครือญาติมานานหลายชัว่ อายุคน คนตำ�บลนีด้ องกับ คนตำ�บลนั้น ญาติแม่อยู่ตำ�บลนี้ ญาติพ่ออยู่ตำ�บลนั้น ผมแคร์ ความรู้สึกของชาวบ้านมากก็เพราะความผูกพันแบบญาติ (ยิ้ม) ผมต้องออกมารับใช้ชาวบ้านทุกวัน มีกิจกรรมอะไรก็ต้องไปร่วม ถ้าไม่ล้มหมอนนอนเสื่อเป็นอันว่าต้องเห็นหน้ากัน เพราะถ้ามี ปัญหาอะไรเขาจะได้มาเล่า ถ้ารอให้เขามาหาผมทีบ่ า้ น ก็เสียเวลา ทำ�มาหากินของเขา เจอกันในงานการคุยก็ไม่มคี วามเครียด แต่ถงึ จะ คุยเล่นคุยหัวผมไม่เคยมองว่าเป็นเรือ่ งขีห้ มูราขีห้ มาแห้ง บางทีคยุ กัน เล่นแต่ก็ได้รจู้ ริงว่าเขาต้องการอะไร เมือ่ รูก้ ต็ อ้ งทำ�ให้เขา ถ้าทำ�เอง ไม่ได้ ก็จะต้องไปหาทางสนับสนุนคนทีม่ หี น้าที่ให้ท�ำ อะไรทำ�ไม่ได้ ก็ต้องบอกให้เข้าใจครับ...”

อนาคตต้องสร้างด้วยความร่วมมือ

จากวันแรกที่ ได้รับเลือกตั้งจนถึงวันนี้ เป็นเวลาเกือบ 20 ปี เต็มที่เขาคลุกคลีกับการทำ�งานเพื่อท้องถิ่น จึงมีโอกาสประสาน งานจนเกิดผลทีเ่ ป็นประโยชน์ตอ่ บ้านเกิดมามากมาย โดยเฉพาะ งานด้านการพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคซึง่ เป็นหน้าที่โดยตรง แต่เมื่อถามถึงงานที่ภาคภูมิใจที่สุด เขากลับตอบว่าเป็นด้านการ ส่งเสริมความสามัคคีให้เกิดขึน้ ในหมูค่ นทำ�งานบริหารท้องถิน่ โดย ใช้กฬี ามาเป็นสือ่ ...และเขาคือบุคคลแรกทีน่ �ำ แนวคิดการเชือ่ มไมตรี ด้วยเกมกีฬามาปฏิบตั เิ ป็นรูปธรรม จนกลายเป็นต้นแบบของการ จัดการแข่งขันกีฬา อบจ. และ อบจ. คัพภาคใต้ ในปัจจุบนั คุณคง สงสัยเหมือนเราว่าทำ�ไมเขาจึงภูมใิ จในงานทีด่ เู หมือนไม่เกิดอะไร เป็นชิ้นอันแก่ชาวบ้านเช่นนั้น... ส.อบจ. แขล็กตอบว่า... “อนาคตคนต้องสร้าง ไม่ใช่ฟา้ ดินที่ไหน แต่ถา้ คนไม่สามัคคี ใครจะสร้างครับ...(ยิม้ ) สมัยหนุม่ ๆ ผมชอบเล่นกีฬา พอได้มาเป็น สจ.สมัยแรกก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการกีฬา จังหวัด ผมก็เกิดไอเดียว่าเราน่าจะจัดกิจกรรมแข่งกีฬาขึ้นมา สักอย่างเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างคนทำ�งานเพื่อบ้านเมือง ด้วยกัน เพราะยุคนั้นเป็นยุคแรกที่นำ�การบริหารบ้านเมืองแบบ กระจายอำ�นาจมาใช้ ซึ่งทำ�ให้มีหน่วยงานและองค์กรบริหาร ท้องถิ่นต่างๆ เกิดขึ้นเยอะ คนทำ�งานแต่ละหน่วยงานก็รู้จักกัน

บ้างไม่รู้จักบ้าง ซึ่งเป็นอุปสรรคของการประสานการทำ�งานให้ บ้านเมืองเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน ผมก็นำ�เสนอสภาและ คณะบริหาร อบจ. ในยุคนั้น จากนั้นผมก็จัดกิจกรรมขึ้นมาใช้ชื่อ ว่า ‘อบจ. คัพภาคใต้’ มีกฬี าที่ใช้แข่งประเภทเดียวคือฟุตบอลครับ โดยตั้งวัตถุประสงค์ ไว้ว่ากิจกรรมนี้จะเป็นเวทีพบปะสังสรรค์ กระชับความสัมพันธ์ และแลกเปลีย่ นความคิดเห็นซึง่ กันและกัน ซึง่ นอกจากสมาชิกและข้าราชการ อบจ. ทุกฝ่ายเข้าร่วมแล้ว เรา ก็ได้เชิญเทศบาลเมือง เทศบาลตำ�บล อบต. อำ�เภอ กำ�นัน และ ผู้ ใหญ่บา้ นให้เข้ามาร่วมด้วย ปรากฏว่าการจัดงานบรรลุเป้าหมาย อย่างดี จากนัน้ ก็มกี ารจัดต่อเนือ่ งมาทุกปี แต่รายละเอียดของการ จัดงานเปลี่ยนแปลงไปให้เหมาะสมกับสถานการณ์ครับ... ส่วนเรือ่ งการพัฒนาอำ�เภอคีรรี ฐั นิคม สมัยทีผ่ มเป็น สจ. ครัง้ แรก คีรีรัฐฯ ยังรวมอยู่กับอำ�เภอวิภาวดีนะครับ มี สจ. 2 คน ผมดูแล เขตคีรรี ฐั ฯ อีกคนหนึง่ ดูแลเขตวิภาฯ เมือ่ 20 ปีทแี่ ล้วอำ�เภอคีรรี ฐั ฯ ยังมีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานมาก การสัญจรไปมายังใช้ ทางน้�ำ เป็นหลักโดยอาศัยแม่น�้ำ สองสายคือคลองยัน และพุมดวง บ้านเรือนชุมชนก็จะเลาะไปตามริมน้�ำ ชาวบ้านส่วนใหญ่ยดึ อาชีพ ทำ�สวนยาง สวนผลไม้ และปาล์ม เวลาจะขนส่งผลผลิตก็จะอาศัย เรือซึ่งไม่สะดวกเลย นอกจากนีเ้ รายังมีปญ ั หาเรื่องขาดแคลนน้ำ� ทีจ่ ะใช้ท�ำ การเกษตรในหน้าแล้ง โดยเฉพาะโซนทีอ่ ยูต่ ดิ กับคลอง พุมดวง เช่น ตำ�บลบ้านยาง น้�ำ หัก ท่ากระดาน ท่าขนอน ย่านยาว บ้านทำ�เนียบ กะเปา จะมีปญ ั หาน้�ำ แล้งทุกปี ผมจึงต้องเร่งประสาน การสร้างถนนกับการขุดเจาะบ่อเพื่อเก็บน้ำ�ไว้ ใช้ จากนั้นผมก็ เว้นการเมืองไป พอกลับมาก็สานต่องาน ตอนนี้ปัญหาเริ่มทุเลา ไปมากแล้วครับ แต่ยังไม่หมดไปเสียทีเดียวโดยเฉพาะเรื่องน้ำ� แล้ง อบจ. ก็ยงั ต้องสนับสนุนเครือ่ งไม้เครือ่ งมือและงบประมาณ ขุดบ่อเพิ่มอยู่ทุกปีครับ” ในช่วงทีเ่ ขากลับเข้ามาทำ�งานการเมืองอีกครัง้ อำ�เภอวิภาวดี ได้แยกออกไปตัง้ เป็นอำ�เภอใหม่แล้ว และการทำ�การเกษตรเชิงเดีย่ ว เริม่ เป็นทีน่ ยิ ม ทำ�ให้มชี าวบ้านในบางตำ�บล และคนต่างพืน้ ทีเ่ ข้ามา บุกรุกป่าเพือ่ ทำ�สวนยางสวนปาล์มมากขึน้ แม้วา่ ปัญหานีอ้ ยูน่ อก ขอบข่ายอำ�นาจหน้าที่ของ ส.อบจ.และ อบจ. ในการเข้าไปแก้ไข แต่ดว้ ยความเชือ่ ว่าอนาคตทีด่ สี ามารถสร้างได้หากมีความร่วมมือ เขาจึงประสานความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ ในการ แก้ปัญหา พร้อมทั้งหาทางออกอื่นให้แก่ชาวบ้าน “การพัฒนาต้องมีการประสานความร่วมมือกันของแต่ละหน่วย งานครับ แม้บางเรื่องจะเกินขอบเขตอำ�นาจหน้าที่ของ ส.อบจ. แต่กต็ อ้ งให้ความสำ�คัญ อะไรทีห่ าช่องทางให้ความสนับสนุนการ ทำ�งานของหน่วยงานอื่นได้ ก็ต้องทำ� อย่างเรื่องบุกรุกพื้นที่ป่า จะแก้ด้วยกฎหมายอย่างเดียวไม่ได้ ที่ผ่านมาผมก็ได้ปรึกษา พูดคุยกับหลายหน่วยงานราชการว่าปัญหามันอยู่ที่ทัศนคติ ของชาวบ้านที่เชื่อว่าการทำ�เกษตรเชิงเดี่ยวคือทางเดียวที่ทำ� ให้ได้เงินมาก จะให้เขาเลิกทำ�สวนคงไม่ได้ ต้องมีทางเลือกนำ� เสนอให้เขา เช่น การรณรงค์ ให้ความรู้เรื่องเกษตรผสมผสาน

MKD 32


หรือโครงการธนาคารต้นไม้ทนี่ ายกปราโมทย์ แก้วพิชยั นายก อบต. ท่าขนอนทำ�อยูก่ ส็ ร้างจิตสำ�นึกอนุรกั ษ์ปา่ ได้ผลดีมากครับ ทุกวันนี้ ผมก็ประสานความร่วมมือกับท่านนายอำ �เภอนายประเวศ ไทยประยูร จัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ทดแทนทุกปี และเมือ่ เราส่งเสริม ให้ชาวบ้านทำ�เกษตรผสมผสานแล้วก็ต้องช่วยหาตลาดด้วยการ ป่าวประกาศให้คนอื่นๆ รู้ว่าเรามีสินค้าอะไร ตรงนี้ผมกับนาย อำ�เภอก็ได้รว่ มมือกันผลักดันให้งาน ‘ของดีครี รี ฐั ฯ’ ซึง่ เดิมเป็นงาน ประจำ�ปีของอำ�เภออยู่แล้วมีความยิ่งใหญ่มากขึ้นเพื่อเป็นเวที ประชาสัมพันธ์ ทุกปีผมจะเสนอให้ อบจ. ตัง้ งบประมาณสนับสนุน ไม่ต่ำ�กว่าปีละ 500,000 บาท ในงานนี้ชาวบ้านทุกตำ�บลจะมา รวมกันหมด ตำ�บลไหนมีสินค้าดี มีโอทอปก็เอามาประกาศที่นี่ ชาวบ้านจะได้มีรายได้ และมีกำ�ลังใจที่จะพัฒนาหรือสร้างสินค้า เกษตรต่อไป พร้อมกันนัน้ อบจ. ก็ให้การสนับสนุนการท่องเทีย่ วอย่างมาก ครับ เพราะจะสร้างรายได้ ให้ชาวบ้านอีกทางหนึง่ ด้วย อำ�เภอคีรรี ฐั ฯ ก็เป็นทีร่ จู้ กั ว่ามีทที่ อ่ งเทีย่ วดีๆ มานานแล้ว แต่เพือ่ ดึงดูดนักท่องเทีย่ ว ให้เดินทางมามากขึน้ ทุกสถานทีจ่ งึ ต้องปรับปรุงทัง้ เรือ่ งถนนหนทางและ ภูมทิ ศั น์ ผมจึงได้เข้าไปประสานกับ อบต. แต่ละตำ�บลเพือ่ สนับสนุน คณะผู้บริหาร อบจ. โดยท่านรองนายกฯ ดำ�รงค์ เทือกสุบรรณ ก็ลงพืน้ ทีด่ ว้ ยตัวเอง ทีผ่ า่ นมาก็ได้จดั สรรงบประมาณสนับสนุนไปแล้ว ประมาณ 30 ล้านบาท และทีเ่ ป็นข่าวดีกค็ อื เราพบแหล่งท่องเทีย่ วใหม่

ที่หมู่ 8 ตำ�บลกะเปา โดยเจอหินลักษณะคล้ายหินพัดอยู่ 7 ก้อน แต่อยูใ่ นสวนของชาวบ้าน ระหว่างนีก้ ก็ �ำ ลังหารือกันเพือ่ วางแผน พัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีพลังครับ เรื่องคุณภาพคนก็เป็นอีกเรื่องที่ผมดีใจนะครับ เพราะวันนี้ อสม. และผู้สูงอายุในคีรีรัฐฯ มีความเข้มแข็งมาก ซึ่งเป็นความ พยายามของโรงพยาบาลคีรรี ฐั นิคมร่วมกับอำ�เภอทีต่ อ้ งการทำ�ให้ เป็นต้นแบบของกลุ่มผู้สูงอายุในประเทศไทย ที่ผ่านมาเกือบ ทุกประเทศมองผู้สูงอายุว่าเป็นผู้ติดเตียง ไม่มีประโยชน์ แต่ แนวคิดของชาวคีรรี ฐั ฯ มองว่าผูส้ งู อายุคอื เสาหลักทางภูมปิ ญ ั ญา เราให้ก�ำ ลังใจคนกลุม่ นี้ให้เห็นคุณค่าในตัวเอง และมีความสุขจน นาทีสุดท้าย ตอนนี้ก็ได้สร้างอาคารสำ�หรับผู้สูงอายุอยู่แล้ว โดย ได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยาม บรมราชกุมารี พระราชทานเงินขวัญถุง อาคารนี้ใช้งบประมาณ ก่อสร้างกว่าสิบล้านบาท ผมได้ประสานให้ทาง อบจ. สนับสนุน งบประมาณไปแล้ว 3 ล้านบาทครับ” อนาคตเป็นเรือ่ งที่ไม่อาจคาดเดาได้กจ็ ริง แต่พระพุทธเจ้าตรัสว่า เมือ่ มีเหตุจงึ เกิดผล และ เขาก็ได้พสิ จู น์แล้วว่าสิง่ ทีเ่ ขาได้รบั ในวันนี้ เป็นผลมาจากการกระทำ�ดีในวันวาน หากปัจจุบันเขายังคงทุ่มเท ทำ�งานเพื่อชาวคีรีรัฐนิคมอย่างสุดกำ�ลัง ตามที่เขาว่าก็คงไม่ยาก เกินคาดการณ์วา่ เส้นทางการเมืองในอนาคตของเขาจะเป็นเช่นไร...

MKD 33


M EN @ W ORK

Story : Peeraya Photo : Pom (Demand Group)

ชายหนุ่มที่มีรอยยิ้มอยู่ ในแววตาเสมอคนนี้มีชื่อว่า ว่าที่ร้อยตรี กฤษฎา ขมัน และเขาเป็นอีกคนหนึ่งในกลุ่มนักการเมืองคลื่นลูกใหม่ ที่ชาวสุราษฎร์ฯ กำ�ลังจับตามอง เพราะวันนี้เขาคือ ตัวแทนที่ชาวพุนพินเขต 3 เลือกให้มาทำ�หน้าที่ ส.อบจ. ตั้งแต่ครั้งแรกที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง “ผมเป็นคนมะลวนขนานแท้ เพราะตระกูลของผมเกิดทีน่ ี่ อยูท่ นี่ มี่ าตัง้ แต่บรรพบุรษุ ยึดอาชีพทำ�สวนยางมา แต่ไหนแต่ไร แต่พอมาถึงรุ่นพ่อแม่ (นายแฉล้ม-นางสมนึก ขมัน) ครอบครัวเราก็หันมาจับธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เพราะทำ�สวนอย่างเดียวมันลำ�บาก ต่อมาพ่อก็ได้รับเลือกให้เป็นผู้ ใหญ่บ้าน ชีวิตนักการเมืองของผมในวันนี้มัน ก็เริ่มมาตั้งแต่วันที่พ่อเป็นผู้ ใหญ่บ้านนั่นแหละครับ... (ยิ้ม)” ว่าทีร่ อ้ ยตรีกฤษฎา หรือ ‘ส.อบจ.อูด๊ ’ หนุม่ ผิวเข้มวัย 34 ปี เริม่ พาเราไปรูจ้ กั กับตัวตนของเขาด้วยถ้อยคำ�ง่ายๆ สัน้ ห้วน ไร้การประดิษฐ์ แต่สายตากลับสะท้อนไมตรีเต็มเปีย่ ม น่าแปลกทีส่ ายตาคูน่ นั้ ทำ�ให้เรารูส้ กึ ราวกับว่าคุน้ เคย กับเขาคนนีม้ าแสนนาน...ทัง้ ทีเ่ พิง่ พบกันเป็นครัง้ แรก และนัน่ ก็ท�ำ ให้เราสบายใจทีจ่ ะซักถามเขาแบบตรงไปตรงมา ถึงเส้นทางชีวติ ก่อนจะมายืนในจุดทีส่ ายตาประชาชนจับจ้องด้วยความคาดหวัง และสิง่ ทีเ่ ขากำ�ลังทำ�เพือ่ บ้านเกิด...

สุขที่ ได้ช่วยคนอื่น

แสดงว่าพ่อก็คือคนที่ส่งเสริมให้คุณเดินสู่การเมืองหรือ....นั่นเป็นคำ�ถามแรกที่เรายิงใส่เขาหลังจากที่การ ทักทายผ่านไปและนั่งลงคุยกันอย่างเป็นจริงเป็นจัง... “ใช่ครับ แต่ไม่ได้บงั คับ พ่ออยากให้ผมมาเป็นกำ�ลังหลักทำ�งานแทนพ่อเมือ่ โตขึน้ เพราะผมเป็นลูกชายคนเดียว สมัยเด็กๆ พ่อจะปลูกฝังมาตลอดว่าให้รู้จักดูแลตัวเองและเป็นกำ�ลังหลักของครอบครัว เพราะพี่ๆ เป็นผู้หญิง กันหมด ผมเป็นคนสุดท้องแต่ก็ต้องเข้มแข็งและเสียสละเพื่อดูแลคนที่อ่อนแอกว่า เพราะพ่อเองไม่ค่อยมีเวลา ต้องดูแลธุรกิจและทำ�งานให้ชาวบ้าน ตัวผมเห็นพ่อทำ�งานเพือ่ ชาวบ้านมาตลอด เวลาพ่อออกไปทำ�งานหรือลงพืน้ ทีห่ รือมีชาวบ้านมาหามาปรึกษาทีบ่ า้ น ส่วนใหญ่ผมจะนัง่ ฟังอยูด่ ว้ ย ทีผ่ มว่าชีวติ การเมืองของผมเริม่ ตัง้ แต่พอ่ เป็น ผู้ ใหญ่บ้านก็เพราะมันเป็นการซึมซับจากการเห็น จนมีความคิดว่าเราจะทำ�อะไรโดยคำ�นึงถึงความต้องการของ ตัวเองเป็นทีต่ งั้ ในทุกๆ เรือ่ งไม่ได้ ต้องคิดถึงใจเขาใจเราด้วย ถ้ายึดแต่เอาตัวเราสบาย แต่สงั คมหรือคนอืน่ ยังแย่อยู่ เราก็ไปได้ไม่กี่น้ำ�... เด็กขนาดนั้นผมยังไม่รู้หรอกว่าการเมืองคืออะไร รู้แค่ว่าพ่อเป็นผู้ ใหญ่บ้านต้องดูแลชาวบ้าน ยังคิดเลยว่า ให้ท�ำ แบบพ่อนี่ไม่ไหว... มันเหนือ่ ย... (หัวเราะ) แต่พอโตเริม่ จะใช้งานได้พอ่ ก็ให้ผมไปช่วยทำ�งานให้ชมุ ชน ก็เลย เริ่มเกิดความเข้าใจว่าชุมชนก็ไม่ใช่อื่นไกล คือครอบครัวของเราเช่นกัน ถึงจะไม่ใช่สายเลือด แต่ก็คลุกคลีกันมา ตัง้ แต่ผมเกิดจนเป็นเหมือนญาติกนั หมด ตอนนัน้ ผมก็เลยรูส้ กึ ดีที่ได้ชว่ ยพ่อทำ�งาน ได้ชว่ ยพีป่ า้ น้าอา เป็นความ ภูมิใจว่าเราทำ�หน้าที่ลูกชายได้ ช่วยสังคมได้ คิดแค่นั้น... (ยิ้มกว้าง)”

MKD 34


happy to help others krisada khaman ว่าที่ร้อยตรีกฤษฎา ขมัน

MKD 35


ส.อบจ.อู๊ดเล่าถึงความเป็นมาในวัยเด็กที่หล่อหลอมให้เขา เป็นคนคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอดังที่เขาเป็นอยู่ แต่เพราะ เวลานั้นเขายังเด็กเกินไปที่จะรู้ว่านักการเมืองคืออะไร และด้วย หัวใจทีม่ งุ่ มัน่ จะเป็นเสาหลักรุน่ ต่อไปของครอบครัว หลังจากเรียนจบ โรงเรียนประถมที่โรงเรียนวัดห้วยกรวดและชั้น ม.ต้นที่พุนพิน พิทยาคม เขาจึงไม่ลงั เลทีจ่ ะเลือกศึกษาต่อด้านอาชีวะ โดยสมัคร เข้าเรียนระดับ ปวช. และ ปวส. ที่โรงเรียนโปลีเทคนิคสุราษฎร์ธานี และมาจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี สาขา อุตสาหกรรมศิลป์ โดยไม่มคี วามคิดทีจ่ ะเรียนสาขารัฐศาสตร์หรือ นิติศาสตร์เพื่อกรุยทางสู่การทำ�งานการเมือง หรืองานด้าน การปกครองเลย... “ที่ผมเลือกเรียนด้านช่างไม่ใช่เพราะมีเป้าหมายว่าจะมา ช่วยงานธุรกิจที่บ้านอย่างเดียว แต่ผมชอบด้วย ตอนนั้นผมยัง ไม่แน่ใจว่าคนเรานีส่ ามารถมีความชอบได้หลายอย่าง (ยิม้ ) ก็เลย มุง่ ไปทางนัน้ ทางเดียว กะเอาให้ดเี ป็นหลักไว้กอ่ น แต่ระหว่างทีเ่ รียน จนมาจับธุรกิจแล้ว พ่อก็ยงั ให้ไปช่วยทำ�งานช่วยชุมชนไม่ขาดสาย และผมก็ไม่เคยปฏิเสธเพราะคุ้นเคยกับชาวบ้านดีอยู่แล้ว ยิ่งไป ช่วยงานพ่อมากเท่าไรผมก็ยิ่งเห็นว่าชาวบ้านได้มอบความหวัง ทีจ่ ะพึง่ พาไว้ทเี่ รา ไปๆ มาๆ ผมก็เจอว่างานอีกอย่างหนึง่ ทีผ่ มชอบ คือการช่วยคนเพราะผมมีความสุขที่ได้ท�ำ ให้เขายิม้ ได้ ก็เลยคิดว่า ควรจะอาสาเข้ามาทำ�งานการเมือง พอไปถามครอบครัว ทุกคน ก็เห็นด้วย แล้วผมก็ลงพื้นที่ปูพรม สร้างฐานเสียงไว้ก่อนทั้งๆ ที่ยังไม่มีการรับสมัครอะไรนะครับ จนพ่อมาแนะนำ�ว่ากำ�ลังจะมี การเลือกตัง้ ส.อบจ. ผมก็ลงเลย เท่ากับผมลงพืน้ ทีก่ อ่ นเลือกตัง้ นานถึง 2 ปีครับ... (ยิ้ม)”

ส.อบจ. คนใหม่กับงานที่ต้องสำ�เร็จ

และก็เป็นเรือ่ งไม่เกินคาดเดาสำ�หรับคนในพืน้ ที่ เมือ่ ผลปรากฏ ว่าเขาได้รบั เลือกจากชาวพุนพินให้ทำ�หน้าที่ ส.อบจ. ตัง้ แต่สมัยแรก ที่ลงเลือกตั้ง ซึ่งเป็นผลจากลักษณะนิสัยที่ตรงไปตรงมา มีจิตใจ มัน่ คง มีความเป็นผูน้ �ำ เอือ้ เฟือ้ นอบน้อม ตามแบบฉบับของคน ราศีพฤษภ อีกทั้งยังขยันลงพื้นที่และช่วยเหลือผู้เป็นพ่อทำ�งาน เพื่อสังคมมาตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มรุ่นกระทง จนชาวบ้านมั่นใจว่า เขาคนนี้แหละคือคนที่รู้จักปัญหาของพื้นที่และรู้ความต้องการ ของประชาชนเป็นอย่างดี และเมื่อได้รบั ความไว้วางใจถึงเพียงนี้ ตลอดระยะเวลา 2 ปี ทีอ่ ยูใ่ นตำ�แหน่งมา ในสมองของเขาจึงมีแต่ การคิดถึงประโยชน์ที่ชาวบ้านจะได้รับในอนาคตทั้งระยะใกล้ และไกล โดยเฝ้าเตือนตนอยู่เสมอว่าจะไม่ปล่อยเวลาให้เสียไป โดยปราศจากความสำ�เร็จ... “คำ�ว่าเลือกตัง้ มันก็รอู้ ยูแ่ ล้วว่าไม่ใช่ทกุ คนทีจ่ ะถูกเลือก เมือ่ ผมถูกเลือกก็ตอ้ งทำ�งานให้เต็มที่ให้สมกับทีป่ ระชาชนเลือกเข้ามา อะไรทีค่ วรทำ�ก็ตอ้ งทำ�เลย อะไรทีย่ งั มีปญ ั หาก็ตอ้ งเสนอทางแก้เลย แต่ขนึ้ ชือ่ ว่างาน ไม่เคยสำ�เร็จในวันเดียวหรอกครับ เราต้องคอยเป็น ปากเป็นเสียง คอยหาหนทางไปเรือ่ ยๆ อย่าหยุด เพือ่ ให้มนั สำ�เร็จ

ให้ได้... อำ�เภอพุนพินในพืน้ ทีท่ ผี่ มดูแล 7 ตำ�บล มีลเี ล็ด ศรีวชิ ยั มะลวน หัวเตย พุนพิน ท่าข้าม หนองไทร ตำ�บลที่อยู่ไกลอำ�เภอเมือง จะมีปัญหาเรื่องของการคมนาคมไม่ค่อยสะดวก ก็ต้องให้ความ สำ�คัญกับการแก้ปญ ั หานีก้ อ่ น เพราะ อบจ. มีอ�ำ นาจหน้าทีเ่ รือ่ งนี้ โดยตรง รองลงมาผมให้ความสำ�คัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิต ของประชาชน เพราะส่วนตัวผมเชือ่ ว่าปัญหาต่างๆ ในสังคมมันก็ เกิดมาจากคน ถ้าเมื่อไรคนยังมีความเป็นอยู่ลำ�บาก จะพัฒนา อะไรๆ ก็เป็นไปได้ยากทัง้ นัน้ ผมจะเน้นงานด้านการส่งเสริมสุขภาพ ด้วยการสร้างอาสาสมัครในชุมชนขึน้ มา สนับสนุนให้มกี ารจัดการ อบรม พาไปทัศนะศึกษาดูงานเพื่อนำ�ข้อมูลความรู้มาช่วยเหลือ แนะนำ�ประชาชน นอกจากนีก้ ใ็ ห้ความสำ�คัญกับการพัฒนาอาชีพ ของกลุ่มสตรี โดยประสานกับชมรมกำ�นันและผู้ ใหญ่บ้านในการ นำ�ภูมปิ ญ ั ญาพืน้ บ้านมาส่งเสริมให้สตรีสร้างรายได้ครัวเรือนเพิม่ และผลักดันเรือ่ งการจัดสรรงบประมาณลงไปสนับสนุน เช่น กลุม่ ทำ�กะปิกุ้ง เป็นต้น เรือ่ งต่อมาทีผ่ มใส่ใจมากก็คอื การกระตุน้ ให้ประชาชนมีจติ สำ�นึก ในการอนุรกั ษ์ธรรมชาติ เพราะในตำ�บลลีเล็ดมีผนื ป่าชายเลนขนาด หลายพันไร่ทที่ กุ วันนีก้ ย็ งั ขยายอาณาเขตเพิม่ ขึน้ ทุกปี เพราะผูน้ �ำ ชุมชนและชาวบ้านพยายามดูแลรักษาไว้ จนกลายเป็นแหล่งท่องเทีย่ ว เชิงอนุรักษ์และสถานที่ศึกษาระบบนิเวศริมชายฝั่งทะเลที่มี นักศึกษา นักวิชาการทัง้ ในไทยและต่างประเทศเดินทางมาชมบ่อยๆ แต่ขณะเดียวกันตำ�บลนี้เป็นแหล่งเลี้ยงหอยแครงและเลี้ยงกุ้ง ผมและผู้นำ�ชุมชนจึงได้มีการประสานการทำ�งานเพื่อรณรงค์ และตรวจตราให้ชาวบ้านเลี้ยงกุ้งและคราดหอยกันอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำ�เสียไหลลงไปสู่ปากแม่น้ำ�...ส่วนเรื่องการ ส่งเสริมการท่องเทีย่ วนัน้ ทางการท่องเทีย่ วและกีฬาจังหวัดสุราษฎร์ฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรงได้จัดสรรงบประมาณพัฒนา เส้นทางสู่ป่าชายเลนไปแล้วครับ แต่เพื่อให้การพัฒนาเป็นไปได้ เร็วขึน้ ครอบคลุมพืน้ ทีม่ ากขึน้ ผมจึงได้ประสานกับ อบจ. ในการ จัดสรรงบประมาณเพื่อปรับปรุงถนนเข้าไปเสริมด้วย เพราะที่ นี่มีต้นทุนที่สามารถพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ได้ ไม่แพ้คลองร้อยสาย มีกจิ กรรมเด่นๆ หลายอย่าง เช่น การล่องเรือ ชมหิง่ ห้อยซึง่ มีเยอะมากครับ มีฝงู ลิงหางยาวกับนกน้�ำ เป็นหมืน่ ๆ ตัวให้ชม มี Walk way คอนกรีตให้เดินดูป่าชายเลน มีการแสดง ลิเกป่า มีอาชีพประมงพื้นถิ่นให้ศึกษา ที่พักแบบโฮมสเตย์ก็มี... ส่วนตำ�บลศรีวิชัยที่อยู่ใกล้ๆ กันก็มีแหล่งโบราณสถานถึง 2 แห่ง คือเขาศรีวชิ ยั หรือเขาพระนารายณ์และวัดเขาพระอานนท์ ซึง่ เป็นเส้นทางท่องเทีย่ วเชือ่ มโยงกับลีเล็ดได้ บนเขาพระนารายณ์ นี่เป็นแหล่งโบราณสถานในยุคต้นของอาณาจักรศรีวิชัย มีซาก อาคารซึง่ สันนิษฐานว่าเป็นวิหารทีส่ ร้างตามความเชือ่ ของศาสนา พราหมณ์ อายุเป็นพันๆ ปีครับ ส่วนวัดเขาพระอานนท์ก็สร้าง สมัยปลายอยุธยา สวยมาก ทั้งสองแห่งนี้อยู่ในความดูแลของ กรมศิลปากร ผมก็ได้เข้าไปประสานให้มีการพัฒนาถนนรอบเขา พระอานนท์ ตอนนี้ก่อสร้างไปบ้างแล้วครับ”

MKD 36


คนคุณภาพคือรากฐานของสังคมที่ดี

นอกจากความคิด ความตั้งใจ และความพยายามในการทำ� หน้าที่เพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชนที่เขาผูกพันไม่ต่างจาก ญาติแล้ว แม้แต่ตัวของตัวเอง เขาก็ยังไม่ยกเว้นที่จะพัฒนาเพื่อ เพิ่มขีดความสามารถในการทำ�งานเพื่อส่วนรวม รวมถึงความ มุง่ มัน่ ในการทำ�หน้าที่ ‘พ่อ’ เพือ่ ‘ปัน้ ’ สมาชิกน้อยๆ ของครอบครัว ให้เติบโตเป็น ‘คนคุณภาพ’ ของสังคม “ถึงแม้ชีวิตผมตอนนี้จะทุ่มให้ส่วนรวมเป็นหลัก แต่เรื่อง การดูแลตัวเอง ครอบครัวและการดูแลธุรกิจเราก็ต้องทำ�ให้ดี ด้วยครับ ผมต้องบริหารจัดการเวลา ทุกวันผมจะตื่นตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง เพื่อมาดูแลลูกๆ แล้วพาไปส่งที่โรงเรียน จากนั้นก็จะมาสั่ง การในเรื่องธุรกิจ พอ 9 โมงเช้าก็เข้าสู่เรื่องของชาวบ้านแล้ว ถ้า ไม่ประชุมที่ อบจ. ผมก็จะลงพื้นที่ ไปพบคนนั้นคนนี้ ประมาณสัก 3 โมงเย็นก็จะกลับมาอาบน้ำ�อาบท่าแล้วไปงานต่อ งานเลี้ยง งานบุญ งานศพ สารพัดงาน นอกพื้นที่ก็ยังต้องไป บางคืนกว่า จะกลับก็ตหี นึง่ เรือ่ งรีแลกซ์ยากมาก แค่ดหู นังผมก็ไม่มเี วลาแล้ว (หัวเราะ) แต่ผมจะมีกฎว่าวันอาทิตย์เป็นวันครอบครัวก็จะพาลูก พาภรรยาไปเที่ยวใกล้ๆ ผมมีลูก 2 คน ยังเล็กมากทั้งคู่ ลูกชาย คนโตอยู่ ป.3 ลูกสาวยังเรียนอนุบาล 3 ผมจะให้ความสำ�คัญกับ การเลี้ยงดูลูกมาก จะนอนดึกแค่ไหน ผมก็ต้องตื่นมาดูแลและ ใช้เวลากับเขาให้คมุ้ ค่า นัง่ รถไปก็จะถามนัน่ ถามนี่ไปเรือ่ ยๆ จะได้ รูว้ า่ ชีวติ เขาไปเจออะไรมาบ้าง ถ้าเขามีปญ ั หาก็จะได้อธิบายให้ฟงั แต่เรื่องการดูแลทั่วไปอย่างการบ้าน เรียนพิเศษ การกินการอยู่ จะเป็นหน้าที่ของแม่เขาครับ ผมเชือ่ ว่าสังคมจะดีได้คนต้องดีกอ่ น การทีเ่ ด็กคนหนึง่ จะโต เป็นคนดีจะต้องผ่านการหล่อหลอมจากหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว การศึกษา ศาสนา รวมถึงขนบธรรมเนียมประเพณี ผม จะพาลูกๆ ไปร่วมงานประเพณีและพาเข้าวัดเพื่อให้เขาสัมผัสว่า ธรรมเนียมดีๆ เป็นอย่างไร ศาสนาทีว่ า่ ดี ดีเพราะอะไร เมือ่ เขาได้เห็น และดูตวั อย่างจากพ่อแม่กจ็ ะซึมซับความเข้าใจ และผมจะพาเขา ไปใกล้ชดิ สนิทสนมกับญาติพนี่ อ้ ง ให้รจู้ กั ว่าคนนัน้ เป็นพี่ คนนีเ้ ป็น น้องนะ ผมว่าเวลานี้คนไทยเรากำ�ลังมีปัญหาเรื่องสายสัมพันธ์ เด็กรุ่นใหม่ไม่ค่อยรู้จักญาติพี่น้องกันแล้ว มันเลยทำ�ให้สังคมไม่ แข็งแรง คนเราไม่สามารถอยูต่ วั คนเดียวได้ และคนทีส่ นับสนุนเรา ได้ดที สี่ ดุ ก็คอื ญาติพนี่ อ้ ง ถ้าเมือ่ ไรเกิดช่องว่างตรงนีก้ ็ไม่ตอ้ งถาม หาความสามัคคี มาจากสายเลือดเดียวกันแท้ๆ ก็ตีกันได้ เพราะ เอาประโยชน์ตัวเองเป็นที่ตั้ง อีกเรือ่ งทีผ่ มว่าคนไทยยังมีปญ ั หาก็คอื การศึกษา ในสุราษฎร์ฯ เด็กในอำ�เภอไกลๆ จะเรียนสูงสุดแค่ระดับ ม.6 ปริญญาตรี ไม่คอ่ ยได้เรียนกัน ไม่ใช่เพราะยากจนอย่างเดียวนะครับ แต่เพราะ เขาไม่เห็นความสำ�คัญด้วย คิดแต่ว่าเรียนจบมาก็เข้าสวนอยู่ดี จะไปลำ�บากเรียนเพือ่ ไปเป็นลูกจ้างแล้วรับเงินเดือนแค่หมืน่ กว่าบาท ทำ�ไม ในเมื่อทำ�สวนได้เงินเดือนละ 3-4 หมื่น แต่วันนี้เรา ก็เห็นว่าการปลูกสวนเกษตรเชิงเดี่ยวหมดนี่มันมีปัญหา เดี๋ยวนี้

ยางปาล์มก็ใช่ว่าแค่ภาคใต้ที่ปลูกได้ ทางอีสานเขาก็ปลูกได้ดี แต่ คนสุราษฎร์ฯ ก็ยังอยู่กับที่ ไม่สามารถคิดสิ่งรองรับใหม่ๆ เพราะ ขาดความรูท้ จี่ ะมาพัฒนาอาชีพให้กา้ วไปอีกขัน้ แต่กต็ อ้ งใช้เวลาใน การเปลี่ยนทัศนะคติให้เยาวชนเองตระหนักว่าการศึกษานี่แหละ คือตัวแปรที่จะสร้างอนาคตที่ดีกว่า เราอย่ามองแค่ในประเทศ ต้องมองถึงอาเซียนด้วย การปรับลำ�ดับชั้นของการศึกษาขั้น พื้นฐานภาคบังคับ รวมทั้งพัฒนามาตรฐานการเรียนการสอน ให้สงู ขึน้ ก็นา่ จะช่วยได้ ซึง่ ทีผ่ า่ นมาก็เป็นความพยายามของรัฐบาล มาหลายยุค แต่มันยังไม่เป็นผลเพราะขาดความต่อเนื่อง แต่ผมว่าคนเราต้องพยายามพัฒนาตัวเองก่อน ต้องคิดว่าถ้า เราไม่พฒ ั นาตัวเองแล้วใครจะพัฒนา อย่างตัวผมเมื่อได้รบั เสียง จากชาวบ้านมาแล้วจะมาปล่อยตัวไปเรือ่ ยๆ ก็ไม่ได้ เพราะถ้าขาด ความรู้เราก็จะทำ�งานไม่ได้ดี ผมถึงไปลงเรียนปริญญาโทสาขา รัฐประศาสนศาสตร์ เอกบริหารการปกครอง ทีว่ ทิ ยาลัยเทคโนโลยี สยาม อีกเรือ่ งคือการดูแลสุขภาพ เพราะผมทำ�งานหนักและเป็นคน ท้วม ถ้าปล่อยให้รา่ งกายแย่กเ็ ท่ากับกินแรงเพือ่ น (ยิม้ ) ยิง่ อายุมาก ผมก็เริม่ มีปญ ั หาเรือ่ งไขมันในหลอดเลือด เลยต้องหาเวลาไปตรวจ ที่โรงพยาบาลบ่อยๆ ไม่ประมาทครับ และหาเวลาไปออกกำ�ลังกาย เล่นฟุตบอลบ้าง ถีบจักรยานบ้าง ระมัดระวังอาหาร แต่ไม่ถงึ ขนาด เคร่งครัดนะครับ ยังกินง่ายๆ เหมือนเดิม แต่จะจำ�กัดปริมาณ กินข้าว กินเนื้อให้น้อย ผักให้เยอะหน่อย ตอนนี้คอนเฟิร์มว่าฟิตปั๋งครับ (หัวเราะ)” เมื่อความแข็งแรงของร่างกายมาผสานกับพลังใจที่แน่วแน่ ในการทำ�งานที่ควรต้องทำ� ก็เป็นไปได้สูงว่าคำ�ตอบที่ชาวพุนพิน และชาวสุราษฎร์ฯ คาดหวังและกำ�ลังรอจาก ส.อบจ. สมัยแรก คนนี้ จะทำ�ให้พวกเราคลี่ยิ้มด้วยความพอใจว่า ได้ ใช้สิทธิ์ เลือกคนที่ถูกต้องเข้ามาทำ�งานแล้ว...

MKD 37


STAGE OF IDEA

Story : ธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล อดีตผวจ. สุราษฎร์ธานีและตรัง

the stage for sharing benefit ideas

วันหนึง่ ขณะทีก่ �ำ ลังนัง่ อ่านนิตยสาร ‘เมืองคนดี’ อยูท่ บ่ี า้ นพัก... ผมก็เกิดความรูส้ กึ ขึน้ มาว่าเป็นเรือ่ งดี ทีจ่ งั หวัดสุราษฎร์ธานีในเวลานีม้ สี อ่ื สิง่ พิมพ์เกิดขึน้ มากมายกว่าแต่กอ่ น เพราะหนังสือถือเป็นช่องทาง หรือ เป็นพืน้ ที่ ให้เกิดความคิดดีๆ และสามารถนำ�สิง่ ดีๆ เหล่านัน้ ไปสูป่ ระชาชนเพือ่ นำ�ไปก่อร่างสร้างประโยชน์ ให้เกิดแก่สงั คมได้ และจะเป็นการดีอย่างยิง่ ถ้าหนังสือต่างๆ ทีม่ อี ยูน่ จี้ ะทำ�หน้าที่ เป็นเวทีสง่ มอบสาระ คำ�แนะนำ� ตลอดจนแนวความคิดและมุมมอง ของบุคลากร หรือนักวิชาการในแวดวงต่างๆ สลับเปลีย่ นหมุนเวียนกัน เพือ่ การพัฒนาจังหวัดในภาคใต้ โดยเฉพาะสุราษฎร์ธานี โดยเป็น แนวคิดบนพืน้ ฐานความเป็นจริงทีน่ �ำ เอาอดีต ปัจจุบนั และอนาคต ของจังหวัดสุราษฎร์ธานีมาเป็นที่ตั้ง เสมือนเป็น ‘Bonus Idea’ หรือความคิดทีเ่ ป็นของขวัญคืนกลับสูส่ งั คม เพราะสามารถนำ�ไป ปฏิบตั ไิ ด้จริงทันที หรือในอนาคต ไม่ใช่ความคิดเพ้อฝัน...และนัน่ ก็ เป็นทีม่ าให้เกิดคอลัมน์ ใหม่ในนิตยสารฉบับนี.้ .. ‘Stage of idea’ โดยผมได้รบั เชิญให้เป็นนักเขียนพิเศษประเดิมคอลัมน์เป็นคนแรก... พืน้ ฐานของความเป็นเมืองทีม่ ากด้วยศิวไิ ลซ์ยอ่ มต้องมีเรือ่ งดี มากกว่าเรือ่ งไม่ดี สุราษฎร์ฯ ก็เป็นเช่นนัน้ จากอดีตจนถึงปัจจุบนั สุราษฎร์ฯ ถือเป็นเมืองหลักของภาคใต้ อาณาจักรศรีวชิ ยั ทีร่ งุ่ เรือง ในอดีตกาลก็เคยมีศนู ย์กลางอยูท่ นี่ ี่ เพราะเหตุผลทางภูมศิ าสตร์ที่ เยีย่ มยอด ครบพร้อมด้วยองค์ประกอบด้านทรัพยากรธรรมชาติ... ถ้าเราจับอดีตมาสานต่อกับปัจจุบัน ย่อมมองเห็นเส้นทางเดิน สูอ่ นาคตทีถ่ กู ต้องได้...แต่ไหนแต่ไรมา เศรษฐกิจของสุราษฎร์ธานีถกู ขับเคลือ่ นด้วยภาคการเกษตร และอุตสาหกรรม ส่วนการท่องเทีย่ ว นั้นเพิ่งเข้ามาเป็นส่วนเติมเต็มให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นเมื่อไม่กี่ สิบปีทผี่ า่ นมานีเ้ อง เปรียบได้กบั โต๊ะกลมทีม่ ี 3 ขาทีย่ อ่ มมัน่ คงกว่า 2 ขา หากขาใดเกิดบาดเจ็บ อีกสองขาทีเ่ หลือก็พยุงไว้ได้ นอกจาก มีความพร้อมสูงทางทรัพยากรและภูมปิ ระเทศแล้ว ชาวเมืองคนดี ยังเป็นคนดีจากเนือ้ แท้ คือมีจติ ใจเอือ้ เฟือ้ ต่อคนต่างถิน่ สุราษฎร์ฯ จึงไม่ตา่ งอะไรกับขุมทองคำ�ทีเ่ ปิดโอกาสให้ผคู้ นจากสารพัดถิน่ ฐาน เดินทางมาสร้างเนื้อสร้างตัว หากถามถึงอนาคตที่สดใสของสุราษฎร์ธานี ในทัศนะของผม จึงหนีไม่พ้นการพัฒนา 3 เรื่องข้างต้นที่พูดมา และฉบับนี้ผมขอ แชร์ไอเดียเพื่อการพัฒนาในเชิงสร้างสรรค์เพื่อให้เกิดมูลค่ามาก

ขึน้ กว่าทีเ่ ป็นอยู.่ .. เรือ่ งการท่องเทีย่ วนัน้ ในอนาคตอันใกล้ประเทศ รอบข้างของเราจะแข่งกันยิ่งใหญ่ในด้านนี้มากขึ้น หากเรายังไม่ ปรับตัวก็ยอ่ มเป็นของแน่ทจี่ ะตกเป็นรอง ปัจจุบนั ทางซีกตะวันออก ของไทย เช่น ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซียมีความร่วมมือ ที่จะสร้างเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงโดยยกบาหลีเป็นไฮไลท์ ซีกตะวันตกก็มีอินเดียและพม่าที่มีวัฒนธรรมยิ่งใหญ่และมากมี โบราณสถานล้�ำ ค่า ทางตะวันออกเฉียงเหนือก็มเี วียดนามและลาว ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวทั้งทางทะเลและบนฝั่งไม่ด้อยกว่าไทยเรา ทางเหนือก็มจี นี ซึง่ มีเมืองใหญ่ระดับ World Destination หลายแห่ง ทัง้ ยูนนาน คุนหมิง เซีย่ งไฮ้ ปักกิง่ กวางโจว ฯลฯ ทัง้ หมดทีก่ ล่าวมา หากนำ�มาเปรียบเทียบกับจังหวัดสุราษฎร์ฯ หรือภูเก็ตโดยลำ�พัง จะพบว่า ทัง้ สองแห่งยังไม่มีความแข็งแรงมากพอที่จะแข่งขันกับ ประเทศแวดล้อมได้ แต่...มีประเด็นหนึง่ ทีน่ า่ สนใจคือ เราจะเข้มแข็ง ทันทีทสี่ องจังหวัดนีเ้ ป็นพันธมิตรกัน!... เพราะสุราษฎร์ฯ นัน้ ได้ชอื่ ว่า เป็นแผ่นดินทองฝัง่ อ่าวไทย ส่วนภูเก็ตก็เป็นแผ่นดินทองฝัง่ อันดามัน เมือ่ รวมกันจึงเป็น ‘แผ่นดินทองสองฝัง่ ทะเล’... จากประวัตศิ าสตร์ ที่ผ่านมาจะเห็นว่า ไม่ว่าสถานการณ์ของบ้านเมืองหรือของโลก จะตกต่ำ�หรือมีปญ ั หาเพียงใด แหล่งท่องเทีย่ วทัง้ สองจังหวัดนี้ ไม่ เคยสร้างปัญหาหรือได้รบั ผลกระทบ มิหนำ�ซ้�ำ ยังต้องทำ�หน้าทีเ่ ป็น ‘ห้องรับแขกของประเทศ’ เสียอีก คำ�ถามก็คือแล้วจะรวมกันได้ อย่างไร... คำ�ตอบอยูท่ กี่ ารพัฒนาเส้นทางคมนาคมเชือ่ มต่อ ปัจจุบนั นี้ เรา มีถนนเซาท์เทิรน์ ซีบอร์ดซึง่ สร้างไว้แต่ยงั ไม่ตอ่ หัวต่อท้าย เราก็เชือ่ ม ต่อเสียให้แล้วเสร็จ พร้อมกันนัน้ ก็น�ำ ยุทธศาสตร์ดา้ นการท่องเทีย่ ว ของสองฝั่งทะเลมาสร้างสรรค์ร่วมกัน โดยจัดเป็นยุทธศาสตร์ เฉพาะแยกออกจากยุทธศาสตร์ของแต่ละจังหวัด ก็จะสามารถ นำ�นักท่องเที่ยวที่ภูเก็ตซึ่งแต่ละปีมีไม่ต่ำ�กว่า 12 ล้านคน กับ นักท่องเทีย่ วสุราษฎร์ฯ และฝัง่ อ่าวไทยอีกประมาณปีละ 5 ล้านคนมา รวมกันได้ เพราะมีจดุ เด่นทีค่ วามหลากหลายซึง่ สามารถตอบสนอง

MKD 38


ความต้องการของนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก และยังเป็นช่อง ทางให้เกิดการกระจายนักท่องเที่ยวเกือบ 20 ล้านคนสู่จังหวัด ใกล้เคียงอีก 9 จังหวัดในอนาคตด้วย... ไอเดียทีผ่ มกล่าวมานีม้ ใิ ช่ความคิดเพ้อฝัน เรือ่ งการรวมเส้นทาง สองฝั่งทะเลให้เป็นแผ่นดินทองของการท่องเที่ยวนั้นเป็นมติที่ ครม. ในอดีตเห็นชอบแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2555 จึงเป็นแนวทางการ พัฒนาบนฐานแห่งความเป็นจริงทีผ่ า่ นการศึกษามาทุกมิตทิ งั้ อดีต ปัจจุบนั อนาคต แต่ปญ ั หาก็คอื การลงมือปฏิบตั ทิ ขี่ าดความต่อเนือ่ ง วันนีจ้ งึ ไม่มผี ู้ ใด ฝ่ายใดลงไปจับต้องสานต่อให้เกิดเป็นรูปเป็นร่าง!! ส่วนการพัฒนาประการต่อมาคือการแก้ปญ ั หารายได้หรือปากท้อง ของชาวใต้ซงึ่ ยึดอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก เรามีผลผลิตเด่นคือ ยางพารา ปาล์มน้�ำ มัน และสัตว์ทะเล ปัจจัยประการแรกทีจ่ ะเอือ้ ต่อการพัฒนาในด้านนีก้ ค็ อื การสร้างท่าเรือดอนสักในระยะที่ 2-3 ต่อเนือ่ งจากการพัฒนาท่าเรือเก่าซึง่ ได้ด�ำ เนินการในระยะที1่ ไปแล้ว โดยส่งเสริมให้เป็นท่าเรือน้ำ�ลึกเพื่อขนส่งผลผลิตทางด้านการ เกษตรและอุตสาหกรรม อ้อมผ่านแหลมญวนขึ้นสู่ดินแดน อันกว้างใหญ่ของจีนตะวันออกซึง่ เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจขนาดยักษ์ ของเอเชีย การพัฒนาประการต่อมาซึง่ มีความสำ�คัญอย่างยิง่ ก็คอื การปรับปรุงด้านนวัตกรรมตลอดจนเทคโนโลยีแปรรูปผลผลิต ทางการเกษตรให้กลายเป็นสินค้าใหม่ไปสู่มือผู้บริโภค ผมเชื่อว่า เมื่อไรก็ตามที่นักลงทุนและนักการเกษตรที่มีความพร้อมมีความ พยายามทีจ่ ะเปิดโลกความรู้ และหยิบจับเอาความรูน้ นั้ มาพัฒนา ผลผลิตทางด้านเกษตรอย่างจริงจัง เราจะสามารถสร้างสินค้า ที่มีความแข็งแกร่งและมีค่าทางการตลาดสูงได้มากมายไม่แพ้ ชาติใดในโลก แต่...เวลานีเ้ รากำ�ลังมีปญ ั หาเรือ่ ง ‘การนำ�ความรูม้ า

ใช้ ให้เป็น’ ซึง่ ถือเป็น ‘ความสามารถทีจ่ ะอยูร่ อดในโลกอนาคต’ ที่ทุกประเทศจำ�เป็นต้องมี!!!... หากเราตระหนักในเรื่องนี้ และ เกิดความตื่นตัวที่จะพัฒนาขีดความสามารถด้านนวัตกรรมและ เทคโนโลยีในการแปรรูปผลผลิตทัง้ 3 อย่างนี้ให้กลายเป็นเครือ่ ง อุปโภคบริโภคที่จำ�เป็นในชีวิตประจำ�วันได้ อาจเป็นอาหารกึ่ง สำ�เร็จรูปแปลกใหม่ ของใช้ภายในบ้าน หรือเป็นส่วนประกอบของ ยวดยานพาหนะ ส่วนประกอบของเครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้า แม้แต่เป็นส่วนประกอบของสาธารณะสมบัติ เช่น ป้ายบอกทาง หลัก กิโลเมตร พืน้ ทางเดินเท้า ถนน ฯลฯ เราก็จะมีโอกาสสร้างตลาดใหม่ โดยไม่ต้องหมุนเวียนขายสินค้าเก่าที่พึ่งพาแต่ตลาดเดิมๆ อย่าง ที่เป็นอยู่ นีเ่ ป็นตัวอย่างของความคิดเห็นทีผ่ มขอปูพนื้ ไว้ ในฉบับแรก เพือ่ ให้ทา่ นผูอ้ า่ นได้เข้าใจคอนเซ็ปต์วา่ นิตยสารเมืองคนดีก�ำ ลังเปิดเวที พูดถึงเรื่องอะไร เพื่ออะไร สาระในเล่มนี้จึงเป็นการฉายภาพรวม ส่วนหนึง่ ให้เห็นถึงสภาพปัญหา และไอเดียในการแก้ไขทีเ่ คยมีคน คิดหรือทำ�ไว้แล้ว เพื่อบอกกล่าวให้ชาวใต้และคนสุราษฎร์ฯ ได้มี ข้อมูลและนำ�ไปสานต่อให้เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวม หากแม้นว่า ไอเดียทีเ่ ป็นของขวัญคืนกลับสูส่ งั คมเหล่านีจ้ ะยังไม่สามารถนำ�ไป ปฏิบตั ไิ ด้ ไม่วา่ จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม อย่างน้อยก็จะถูกบันทึกไว้ เป็นประวัตศิ าสตร์ทางความคิด... เพราะวันนีก้ ารพัฒนาบ้านเมือง ให้แข็งแกร่งยัง่ ยืนจำ�ต้องมีการศึกษาเรียนรูจ้ ดุ เด่นอันเป็นรากเหง้า ของความจริงในสังคมจากอดีต จะมุ่งหน้ามองเฉพาะอนาคตมิติ เดียวโดยอาศัยว่า ‘รู’้ ประวัตศิ าสตร์ แต่ไม่รจู้ กั ‘ทีม่ าที่ ไป’ ของ ประวัติศาสตร์ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว และในฉบับหน้าก็ยงั มีไอเดียมาแชร์อกี หลายเรือ่ ง เช่น การพัฒนา มะพร้าวไทยไปสู่การเป็น ‘กิมจิ’... หมายถึงการสร้างผลผลิตจาก มะพร้าวให้กา้ วไปสูก่ ารเป็นผลิตภัณฑ์อาหารทีเ่ ป็นสัญลักษณ์ประจำ� ชาติ และเป็นสินค้าส่งออก เช่นที่เกาหลีได้สร้างกิมจิให้ โด่งดัง ไปทั่วโลก ...จะเป็นอย่างไร โปรดติดตามครับ

MKD 39


SOUL&SPIRIT

Story : ณรงค์ เสมียนเพชร

พุทธทาสภิกขุ ความทรงจำ�ด้วยหัวใจแห่งศรัทธา (ตอนที่ 1) ภิกขุยอดประหยัด

นับเป็นบุญของผมที่ ได้มีโอกาสรับใช้ใกล้ชิดท่านพุทธทาสในช่วงหนึ่ง ผมจำ�ได้แม่นว่าวันเวลา แห่งมงคลของชีวิตเริ่มต้นขึ้นในปี พ.ศ. 2504 ซึ่งเข้าสู่ยุคกลางแห่งสมณเพศของท่านผู้ได้ชื่อว่าเป็น ‘จอมปราชญ์แห่งธรรม’ ตัวผมเองก่อนที่จะมารับใช้ท่าน พุทธทาสทีส่ วนโมกข์กอ็ าศัยอยูใ่ นตัว อำ�เภอไชยา ในระหว่างที่ศึกษาอยู่ ที่โรงเรียนพุทธนิคมนั้นผมมีหน้าที่ พิเศษเสมือนบุรษุ ไปรษณียท์ ตี่ อ้ งนำ� สิง่ ของต่างๆ จากธรรมทานมูลนิธซิ งึ่ ท่านอาจารย์ธรรมทาส พานิช ผูเ้ ป็น น้องชายของท่านพุทธทาสอาศัยอยู่ไปส่งยังสวนโมกข์ สมัยนั้น ถนนหนทางยังกันดารอยู่มาก ผมจึงต้องอาศัยจักรยานคันเก่า ของมูลนิธิฯ เป็นพาหนะ แต่กลับกลายเป็นเรื่องสนุกสนานมาก สำ�หรับเด็กวัดอย่างผม เพราะนอกจากจะได้ปนั่ รถเล่นชมนกชมไม้ ไปเพลินๆ ผมยังได้ค่าจ้างส่งของอีกด้วย เที่ยวหนึ่งตั้ง 4 บาท ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัวอย่างนีผ้ มจึงไม่ยอมพลาดทีจ่ ะทำ�หน้าที่ แม้สักครั้ง ต่อให้ระยะทางจากตลาดมาถึงสวนโมกข์จะไกลโข ต้องใช้เวลาปั่นไป-กลับนานถึงครึ่งวันก็เถอะ!... แต่แล้วการปั่น จักรยานส่งของก็น�ำ ให้ผมได้มโี อกาสรับใช้ ใกล้ชดิ จนเห็นกับตาว่า จริยาวัตรและปฏิปทาของท่านพุทธทาสนั้นงดงามสมกับเป็น เนื้อนาบุญของชาวพุทธเพียงใด...ที่สุดความศรัทธาที่ซึมซับเข้า สู่หัวใจทีละน้อยนั้นก็ทำ�ให้เด็กแก่นแก้วอย่างผมถวายตัวเป็น ศิษย์กน้ กุฏดิ ว้ ยหัวใจทีเ่ ปีย่ มด้วยความรัก ความเคารพเลือ่ มใสนับ แต่นั้นเป็นต้นมา... สิง่ แรกทีผ่ มได้สมั ผัสเรียนรูจ้ ากพระอาจารย์ผมู้ ากเมตตาก็คอื ‘ความเป็นยอดประหยัด’ ตลอดชีวติ ของท่านพุทธทาสภิกขุ ไม่วา่ จะ ลงมือทำ�เรือ่ งอะไรก็ตาม ท่านก็จะพร่�ำ สอนพระ ลูกศิษย์และผู้ ใกล้ชดิ เสมอว่า “ทำ�ให้ดีที่สุด เร็วที่สุด ประหยัดที่สุด” และไม่ใช่สอน ด้วยคำ�พูดเท่านัน้ ท่านยังทำ�ให้เห็นเป็นแบบอย่างด้วย... ครัง้ หนึง่ ที่สวนโมกข์มีการปรับปรุงพื้น ซึ่งนายช่างได้ทำ�การคำ�นวณและ แจ้งว่าต้องใช้ปูนซีเมนต์ประมาณ 10 ถุง เมื่อท่านทราบก็พูดว่า “ถ้าพืน้ มันเสมอ จะเอาอะไรไปปูทบั มันก็ตอ้ งเสมอเช่นกัน จะต้อง

เทปูนให้หนาไปทำ�ไม วัสดุบางๆ เมือ่ ไปปูบนพืน้ ทีเ่ สมอ มันก็ไม่ลมุ่ ไม่ดอน” ท่านคิดละเอียดรอบคอบว่าปูนซีเมนต์ต้องซื้อหา แต่ แรงงานนัน้ เรามีอยูเ่ ป็นทุน จะพระหรือลูกศิษย์ก็ช่วยกันคนละไม้ ละมือ พืน้ ก็จะแน่นเสียก่อนได้แล้วจึงเทปูนและขัดเรียบ แทนทีจ่ ะ เทปูนหนา 10 ซม. ก็เหลือแค่ 3-4 ซม. ซึง่ ทนทานใช้งานได้ดไี ม่ตา่ ง จากการเทปูนหนาเลย แม้แต่ของใช้สว่ นตัวของท่าน ไม่วา่ จะเป็น สบง จีวร ไม้เท้า หรือร่ม ท่านก็ใช้จนถึงเวลาเสื่อมสภาพไม่อาจ ใช้ต่อไปได้อีก เมื่อมีผู้มาถวายของใหม่ ท่านจะครองให้ผู้ถวายได้ สบายใจเสียก่อน จากนั้นท่านก็พับเก็บไว้แล้วกลับมาใช้ของเก่า ถึงโอกาสท่านก็กล่าววาจามอบของใหม่เอีย่ มนัน้ ให้เป็นสมบัตขิ อง คณะสงฆ์เพื่อนำ�ไปใช้ประโยชน์ ช่วงแรกทีผ่ มเข้าไปคลุกคลีอยูก่ บั ท่านอาจารย์นนั้ สวนโมกข์เริม่ มีเทคโนโลยีทนั สมัยเข้ามา ทัง้ วิทยุ เครือ่ งบันทึกเทป และกระแส ไฟฟ้า เพราะบรรดาลูกศิษย์ลูกหาที่มากมีความรู้จากหลากหลาย สาขาอาชีพ ซึง่ ต่างก็มคี วามศรัทธาในปฏิปทาตลอดจนแนวคิดของ ท่านได้เดินทางเข้ามาบวชเพือ่ ศึกษาธรรม และมาอุปฏั ฐากมากขึน้ แต่มีอยู่ 2 ท่านที่ถือเป็นกำ�ลังหลักในการพัฒนาสวนโมกข์ ใน เวลานัน้ ท่านแรกคือ “คุณสุจติ ต์ พันธุมนาวิน” ขณะนัน้ ท่านยังรับราชการ อยูใ่ นกรมชลประทานและลางานมาอยูท่ สี่ วนโมกข์ ท่านได้น�ำ ความรู้ เรือ่ งเครือ่ งยนต์กลไก เครือ่ งอิเล็กทรอนิกส์ มาช่วยพระอาจารย์ในการ สร้างรถรา เครื่องใช้สอยอื่นๆ ตลอดจนสื่อในการเผยแพร่ธรรมะ ต่อมาเมือ่ พระอาจารย์ตอ้ งการจะสร้างโรงหนังหรือโรงมหรสพจึง ได้พระลูกศิษย์ซงึ่ เป็นนายทหารชือ่ “พันเอกสาลี่ ปาละกุล” ซึง่ รับ ราชการเป็นเจ้ากรมวิทยุสอื่ สารทหารมาเป็นหัวเรีย่ วหัวแรงท่านที่ 2... อันที่จริงในครั้งแรกนั้นพระอาจารย์มิได้มีดำ�ริว่าจะสร้างโรง หนังหรือโรงมหรสพเลย ท่านต้องการสร้างสถานีวิทยุเพื่อใช้เป็น ช่องทางเผยแผ่คำ�สอนของพระศาสดาให้คนทั่วไปที่อยู่ไกลวัดวา ได้ยนิ ได้ฟงั บ้าง เพราะก่อนหน้านัน้ ไม่นานนักสถานีวทิ ยุประจำ�ถิน่ กรมการทหารสื่อสารหรือ วปถ. ได้นำ�เทปบันทึกเสียงเทศนาของ

MKD 40


ท่านไปออกอากาศเวลาตีหา้ ทุกวัน พระอาจารย์มคี วามคิดว่าแทนที่ จะฟังเทปวนไปเวียนมา การเทศนาสดจะเกิดประโยชน์ตอ่ ประชาชน มากกว่า แต่ปรากฏว่าไม่ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งเนื่องจากเวลานั้น มีสถานีวิทยุจากปักกิ่งเข้ามาแทรกแซง การเปิดสถานีวิทยุใหม่ จึงเป็นประเด็นทีอ่ อ่ นไหวต่อสถานการณ์ความมัน่ คงของประเทศ เมือ่ เป็นเช่นนัน้ ท่านอาจารย์จงึ เบนความตัง้ ใจมาสร้างโรงหนัง โดย ท่านเรียกชื่อว่า “โรงมหรสพทางวิญญาณสำ�หรับคนยุคปรมาณู” เพราะในปี พ.ศ. 2505 พลังงานปรมาณูคอื เทคโนโลยีทที่ นั สมัยทีส่ ดุ แต่ภายหลังมีเทคโนโลยีอื่นเข้ามาแทน จึงเหลือชื่อ “โรงมหรสพ ทางวิญญาณ” เพียงเท่านั้น... ในการก่อสร้างพระพันเอกสาลี่ ปาละกุล ได้นำ�ทหารที่มีความรู้ความสามารถมาช่วยระยะหนึ่ง แต่ระหว่างนั้นก็เกิดวาตภัยแหลมตะลุมพุก ผลกระทบของพายุ ที่รุนแรงทำ�ให้ต้นไม้ ใหญ่ในสวนโมกข์ โค่นล้มมากมาย พระ อาจารย์จงึ มอบหมายให้คณ ุ สุจติ รคิดสร้างเครือ่ งเลือ่ ยเพือ่ ฝึกสอน พระลูกวัดให้ช่วยเลื่อยไม้ที่ล้มระเนระนาดมาก่อสร้างโรงหนัง และเป็นไม้แบบเสียเลย แม้แต่กระแสไฟฟ้าพระอาจารย์ก็สอนให้ประหยัด ทุกคืน วัดจะดับไฟตัง้ แต่สามทุม่ นอกจากนีท้ า่ นยังคำ�นึงถึงประโยชน์ของ สังคมชุมชนด้วย... ครั้งหนึ่งลูกศิษย์ซึ่งเป็นผู้หลักผู้ ใหญ่จากการ ไฟฟ้าฝ่ายผลิตเห็นว่าสวนโมกข์ยังไม่มีความสะดวกสบายเรื่อง ไฟฟ้า จึงได้จัดการประสานเรื่องให้มีการเดินกระแสไฟฟ้าจาก การไฟฟ้าส่วนภูมภิ าคเข้ามาในวัด โดยมีนกั ศึกษาจากคณะวิศวกรรม ไฟฟ้า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาดำ�เนินการ ซึ่งเส้นทางเดิน สายไฟนัน้ จะต้องผ่านบ้านสะพานจันทร์ บ้านวัดแก้ว บ้านเนินสูง บ้านปากด่าน จึงจะมาถึงสวนโมกข์ได้ ระหว่างทางนี้ต้องตัดต้น มะพร้าว ต้นหมากของชาวบ้านจำ�นวนมหาศาล เมื่อพระอาจารย์ ทราบ ท่านจึงถามการไฟฟ้าว่าชาวบ้านจะได้รบั ประโยชน์จากไฟฟ้า สายนี้หรือไม่ การไฟฟ้าตอบว่า “ไม่ได้เลยครับ เอาไฟฟ้าแรงสูง มาลงทีว่ ดั ทีเ่ ดียว” ... ท่านจึงพูดขึน้ ว่า “ถ้าอย่างนัน้ ไม่เอา เพราะ ชาวบ้านไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย โค่นมะพร้าว ต้นหมากไป เยอะแยะ สุดท้ายหมู่บ้านต่างๆ ที่สายไฟผ่านได้รับอานิสงส์ของ การลงแรงต่ำ� ในวัดมีเครื่องปั่นไฟอยู่แล้ว อย่าเอามาเลย...”

ที่เล่ามาในตอนแรกนี้เป็นเพียงเรื่องราวส่วนหนึ่งของความ ทรงจำ�ที่ผมตราตรึงไว้ ในหัวใจด้วยศรัทธาโดยไม่เคยนำ�มาบันทึก เป็นลายลักษณ์อกั ษรมาก่อน แต่เมือ่ กาลเวลาเดินทางมาถึงวันนี้ ผมก็ตระหนักว่าหากผมนำ�มาเล่าสู่สาธารณะชนในวงกว้าง ย่อม จะสร้างประโยชน์ ให้เกิดกับผูค้ นและสังคมได้มากกว่า โดยเฉพาะ ประโยชน์ ในด้านการจรรโลงความคิดและจิตวิญญาณ ตลอด เวลาที่ผมได้อยู่รับใช้ท่านพุทธทาสตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505-2511 รวมเวลา 6 ปี ผมมีโอกาสได้ติดตามพระอาจารย์เดินทางไปใน หลายที่ ได้รับแนวความคิดดีๆ ทั้งทางโลกและทางธรรมจากท่าน ทั้งทางตรงและทางอ้อมมามากมาย ซึ่งผมจะได้ทยอยนำ�มาเล่า ในตอนต่อๆ ไปครับ...

MKD 41


SPECIAL SCOOP Story : MKD

แบบอย่างของโครงการดี เพือ่ จรรโลง ‘เมืองคนดี’ ให้ยง่ั ยืน

ทรัพยากรธรรมชาติและภูมิปัญญาท้องถิ่นนั้นเปรียบเสมือนสมบัติล้ำ�ค่าที่นอกจากจะนำ�มาใช้ประโยชน์ ได้เอนกอนันต์แล้ว ยังเป็นรากเหง้าทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของชนชาติ แต่...ดูเหมือนว่า คนไทยเรากลับมองไม่เห็นความสำ�คัญในเรือ่ งนีเ้ ท่าทีค่ วรจนเกิดปัญหาความเสือ่ มโทรมของทรัพยากร ธรรมชาติและการสูญหายของภูมิปัญญาไปอย่างน่าเสียดาย ทุกครั้งที่ถกกันถึงปัญหานี้ เราก็มักจะได้ยินคำ�ถามว่า แล้ว ประชาชนตัวเล็กๆ ที่ไม่มอี ำ�นาจหน้าทีจ่ ะไปช่วยรักษาปกปักเรือ่ ง ใหญ่โตเช่นนั้นอย่างไรได้...ฉบับนี้ Special Scoop จึงขอนำ�แบบ อย่างของความพยายามของชาวตำ�บลคลองชะอุ่น อำ�เภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ร่วมมือร่วมใจกันอนุรักษ์สิ่งมีค่าในชุมชน ของตนอย่างน่ายกย่อง ภายใต้การดำ�เนินงานฐานทรัพยากร ท้องถิน่ เทศบาลตำ�บลคลองชะอุน่ โครงการอนุรกั ษ์พนั ธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในอดีตตำ�บลคลองชะอุ่นเป็นพื้นที่อุดมด้วยทรัพยากรป่าไม้ นอกจากเป็นป่าต้นน้�ำ แล้วยังเป็นทีอ่ าศัยของสัตว์ปา่ หลายชนิด แต่ ในปี พ.ศ. 2512 ได้มีการบุกพื้นที่ป่าเพื่อตั้งเป็นหมู่บ้านทับคริสต์ ต่อมาปี พ.ศ. 2519 ได้มีการอนุญาตให้ทำ�สัมปทานป่าเพื่อนำ�ไม้ มาใช้ประโยชน์ นับแต่นนั้ ก็มปี ระชาชนอพยพมาจับจองทีด่ นิ ทำ�กิน อย่างต่อเนื่องจนพื้นที่ป่าลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดภาวะ ขาดแคลนน้ำ�อย่างรุนแรงจนชาวบ้านเดือดร้อนเพราะส่วนใหญ่ ยึดอาชีพทำ�สวนทำ�ไร่ ในปี พ.ศ. 2542 ผู้นำ�ชุมชนและประชาชน ตำ�บลคลองชะอุน่ จึงมีความคิดริเริม่ ทีจ่ ะร่วมมือกันจัดตัง้ เครือข่าย อนุรกั ษ์ธรรมชาติและสิง่ แวดล้อมขึน้ มา ทีส่ ดุ ก็สามารถตัง้ เครือข่าย อย่างเป็นทางการในปีพ.ศ. 2545 โดยใช้ชอื่ ว่า ‘เครือข่ายอนุรกั ษ์ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตำ�บลคลองชะอุ่น’ จากนั้นมาเครือ ข่ายฯ ก็มีบทบาทในการทำ�หน้าที่อนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ ใน พื้นที่อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมกิจกรรมฟื้นฟู

ป่าต้นน้ำ�สู่ป่าชุมชน และได้สร้างทีมอาสาสมัครเพื่อคอยลาด ตระเวนป้องกันการบุกรุก ตลอดจนให้ความรู้เพื่อปลูกจิตสำ�นึก รักษ์ป่าให้แก่ชาวบ้านและเยาวชนในพื้นที่ นอกจากนี้ยังได้สร้าง แปลงป่าสาธิตขึ้นมา 14 แปลง โดยมีเป้าหมายเพื่อรวบรวม พันธุกรรมพืชพื้นถิ่นทุกชนิด และได้น้อมนำ�แนวพระราชดำ�ริ ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาบริ หารจัดการเพือ่ จัดทำ�เป็นแปลงต้นแบบขยายไปสูช่ มุ ชน ดังทีค่ ณ ุ ไพฑูรย์ คงเดิม นายกเทศบาลตำ�บลคลองชะอุ่นเล่าถึงที่มาของ โครงการว่า.... “โครงการฐานทรัพยากรท้องถิ่นเทศบาลตำ�บลคลองชะอุ่น ต่อยอดมาจากการทำ�งานอนุรักษ์ป่าและสิ่งแวดล้อมที่เครือข่าย อนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมตำ�บลคลองชะอุ่นได้นำ�ร่อง เอาไว้ครับ โดยเรามีแปลงสาธิตตั้งอยู่ที่บ้านทุ่งตาหนอน หมู่ 13 ตำ�บลคลองชะอุ่น แต่ละแปลงจะปลูกพืชสมุนไพร พันธุ์ปาล์ม ในประเทศ ไม้ดอก ไม้ถิ่นประจำ�จังหวัด แต่มีอยู่แปลงหนึ่ง เรียกว่า ‘แปลงป่าปกปัก’ มีพื้นที่ประมาณ 3-4 ไร่ เป็นป่าดั้งเดิม ที่เครือข่ายฯ พยายามอนุรักษ์พันธุ์ ไม้ ไว้ และพื้นที่ป่าแปลงนี้ เองเป็นที่มาให้เกิดการดำ�เนินงานฐานทรัพยากรท้องถิ่นในเวลา ต่อมาครับ...เนื่องจากในวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553 สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราช ดำ�เนินเยีย่ มพสกนิกรทีบ่ า้ นทุง่ ตาหนอน ชาวบ้านร่วมด้วยข้าราชการ ทุกหน่วยงานจึงได้จัดนิทรรศการถวายการต้อนรับ โดยมีผู้ ใหญ่ บ้านตำ�บลคลองชะอุ่นและประธานเครือข่ายอนุรักษ์ธรรมชาติ

MKD 42


และสิ่งแวดล้อมตำ�บลคลองชะอุ่นร่วมจัดนิทรรศการเกี่ยวกับ การดำ�เนินการของเครือข่ายฯ ด้วย เมื่อพระองค์ทอดพระเนตร แล้วก็ทรงชื่นชมในความร่วมมือของชาวบ้าน และทรงซักถามถึง เจตนารมณ์ ในการดำ�เนินการขั้นต่อไป ประธานเครือข่ายฯ จึง กราบทูลว่าต้องการจะนำ�พื้นที่ป่าที่มีอยู่ราว 3 หมื่นไร่ในตำ�บล คลองชะอุน่ สนองพระราชดำ�ริในงานฐานทรัพยากรท้องถิน่ ภายใต้ โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดำ�ริ หรือ เรียกย่อๆ ว่า อพ.สธ. หลังจากนัน้ กรมป่าไม้ โดยสำ�นักงานจัดการ ทรัพยากรป่าไม้ที่ 11 จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึง่ เป็นเจ้าของพืน้ ทีจ่ งึ ได้ น้อมเกล้าฯ ถวาย และได้รบั พระราชทานพระอนุญาตตามหนังสือ โครงการอนุรักษ์พันธุ์พืช สวนจิตรลดา ลงวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 โดยมีเครือข่ายอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตำ�บลคลองชะอุ่นและเทศบาลตำ�บลคลองชะอุ่นเป็นผู้รับสนอง พระราชดำ�ริ จากนัน้ ในวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ 2557 ก็ได้รบั พระราชทาน ป้ายงานฐานทรัพยากรท้องถิน่ ทีเ่ ขือ่ นศรีนครินทร์ อำ�เภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ในการดำ�เนินงานฐานทรัพยากรท้องถิน่ เทศบาลตำ�บลคลอง ชะอุน่ และเครือข่ายฯ ได้ด�ำ เนินการสำ�รวจใน 3 มิตคิ อื ทางกายภาพ ชีวภาพ และภูมิปัญญา ทางกายภาพคือการสำ�รวจพื้นที่ป่าเพื่อ เก็บข้อเท็จจริงทัง้ หมดตัง้ แต่แนวเขต สืบค้นพันธุ์ไม้ และจัดพิกดั GPS. ด้านชีวภาพคือการสำ�รวจพันธุ์สัตว์ป่า ส่วนภูมิปัญญาเรา บันทึกภูมิปัญญาชาวบ้านตลอดจนประเพณีวัฒนธรรมดั้งเดิม ด้วย ข้อมูลทั้งหมดจะถูกเก็บรวบรวมโดยนักเรียนของโรงเรียน ในพื้นที่ เมื่อเก็บข้อมูลเป็นระบบแล้วเทศบาลตำ�บลคลองชะอุ่น จะกราบทูลถวายรายงานไปที่สวนจิตรลดาเพื่อตรวจสอบให้เป็น ไปตามมาตรฐาน เรียบร้อยดีแล้วเราจะประสานกับสถาบันการ ศึกษาต่างๆ เพื่อการศึกษาวิจัยพันธุพ์ ืช หลังจากเสร็จสิน้ การวิจยั ก็จะกราบทูลถวายรายงานเป็นครั้งสุดท้ายและบันทึกข้อมูลไว้ ในโครงการส่วนพระองค์เพื่อปกปักรักษาไว้เป็นสมบัติของชาติ ให้คนไทยได้ ใช้ประโยชน์ ในอนาคตครับ นับจากที่เครือข่ายฯ ก่อตั้งจนมาถึงการดำ�เนินการโครงการ ฐานทรัพยากรท้องถิ่น เราได้รับการสนับสนุนการทำ�งานจาก ผูบ้ ริหารจังหวัดมาตลอดครับ ไม่วา่ จะเป็นท่านผูว้ า่ ราชการทุกท่าน ซึง่ เป็นประธานโครงการโดยตำ�แหน่ง และท่านนายกองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดทุกสมัย โดยเฉพาะ ‘ท่านธานี เทือกสุบรรณ’ ซึ่งในช่วงเวลาที่เครือข่ายฯ เริ่มก่อตั้งนั้นท่านดำ�รงตำ�แหน่งเป็น นายก อบจ. โครงการนี้จึงถือเป็นการร่วมมือกันของชาวคลอง ชะอุ่น ข้าราชการฝ่ายปกครอง ผู้ ใหญ่บ้าน กำ�นัน นายอำ�เภอ ไปจนถึงนักการเมืองท้องถิ่น และความร่วมมือนี้ที่เข้มแข็งนี้ก็ ทำ�ให้เครือข่ายอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคลองชะอุ่น ได้รับรางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ 8 ประจำ�ปี พ.ศ. 2549 ประเภท ชุมชนด้าน ‘งานอนุรักษ์จากหมู่บ้านต้นแบบสู่เครือข่ายตำ�บล’ และรางวัลลูกโลกสีเขียว ครั้งที่ 14 ประจำ�ปี พ.ศ.2555 ประเภท ‘สิปปนนท์ เกตุทัต 5 ปีแห่งความยั่งยืน’ นอกจากนี้ยังได้รับ

เชิญให้จัดนิทรรศการแสดงผลงานด้านวิชาการฐานทรัพยากร ท้องถิ่นอีก 2 ครั้งคือในวันพืชมงคล วันที่ 9 พฤษภาคม 2557 ณ โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา พระราชวังดุสติ และเมือ่ วันที่ 12-16 มิถุนายน 2557 ในงานวิชาการและวิชาการสวน พฤกษศาสตร์ โรงเรียน ระดับภูมภิ าคครัง้ ที่ 3 ณ โรงเรียนนนทบุรี วิทยาลัย นนทบุรี ในฐานะทีเ่ ทศบาลคลองชะอุน่ มีสว่ นร่วมในโครงการนีม้ าตัง้ แต่ตน้ เรามีความภาคภูมใิ จครับ เพราะเป็นการทำ�งานเพือ่ แทนคุณแผ่นดิน และเราจะผลักดันให้มีการขยายองค์ความรู้ ไปสู่ชุมชนให้ครบ ทัง้ ตำ�บล โดยเริม่ จากพืน้ ทีน่ �ำ ร่องหมูท่ ี่ 1 บ้านคลองชะอุน่ หมูท่ ี่ 2 บ้านแสนสุข หมูท่ ี่ 3 บ้านตะคลิบ และหมูท่ ี่ 5 บ้านบางหิน จากนัน้ จึงขยายไปสู่หมู่บ้านอื่นหรือตำ�บลต่อไป และเรายินดีต้อนรับ ผูท้ ตี่ อ้ งการมาศึกษาดูงานครับ ติดต่อมาได้ทเี่ ทศบาลตำ�บลคลอง ชะอุ่น โทร. 077 398 093 ครับ” เมืองคนดีในฐานะทีเ่ ป็นสือ่ ฯ ก็อยากจะฝากคนไทยว่า แม้แต่ละคน จะมีต�ำ แหน่งหน้าที่ มีความรูค้ วามสามารถไม่เท่ากัน แต่เรามีฐานะ เป็นพลเมืองของประเทศไทยที่เท่าเทียมและสามารถทำ�งาน เพือ่ บ้านเมืองได้ดว้ ยการช่วยกันปกป้องทรัพยากรและภูมปิ ญ ั ญา ท้องถิน่ ทีม่ อี ยูไ่ ม่ให้ถกู ทำ�ลาย ตราบใดทีส่ งิ่ เหล่านีย้ งั คงอยู่ ตราบนัน้ คุณค่าจะเกิดต่อประเทศย่อมทวีคูณ และคนที่จะได้รับประโยชน์ ก็คือเรา มิใช่ใครที่ไหนเลย...

MKD 43


the stream of memories

“...เข้าต้นหนาวเสียที ได้เวลาไปล่องแก่งกันแล้วเว้ยยยย” ....โจ้เพื่อนซี้ โยนเป้ใบใหญ่เข้ามาในห้องผม แล้วเสือกตัวแทรกเข้าประตู ตามกระเป๋ามาติดๆ พร้อมด้วยรองเท้าเปื้อนโคลนหนา ดูจากสภาพแล้ว คงเพิ่งออกจากป่าที่ ไหนมาสักแห่ง... ทุกทีที่โจ้มาเยือนบ้านผม นอกจากจะมีเสียงห้าวๆ ที่ตะโกนทักมาก่อนตัวแบบนี้แล้ว มันจะต้องนำ�ความสกปรกมาฝากทุกครั้งจนผมชิน...

威拍哇尼县,处于高原地势,地形分布错综复杂。多地覆盖着郁郁葱葱的自然原始森林。 而在威拍哇尼县的旅游景点中最有特色的就是YAN河道的漂流探险、到kaeng krung国家公 园观赏原始动物、徒步穿越丛林观赏瀑布以及寻找“大王花”(一种寄生植物,巨大的花朵 破土而出,是罕见的热带植物,为素叻他尼府的府花。)。 YAN河道水上漂流探险可乘坐皮筏或皮艇,有多条路线选择,其中最受欢迎的有3条。路 线一,由位于kaeng krung国家公园的挽珍村落起直到公园办事处,漂流耗时7小时。路线 二,由春河滩开始直到国家公园办事处,漂流耗时3小时。路线三,由国家公园办事处开始直 到挽带村落河岸,漂流耗时 1.5小时。YAN河道中较有名漂流河道是南边一处最有挑战性且

MKD 44


ON THE WAY

Story : Mr.Ronram Photo : Pom (Demand Group)

Vibhavadidistrict, district, the ofland of peaceful canadventure engageactivities in water Vibhavadi the land peaceful green forestgreen where forest you canwhere engage you in water

adventure Vibhavadi isactivities a small district with plains, hills and lush green forests where natural sculptures can be seen. The highlights are

rafting klong Yan canal, trekking for observation of animals in Kaeng Krung National Park, observation of beautiful waterfall and searching for Rafflesia kerri Meijer. a rare large flower emerged from the ground, the symbol of Surat Thani province. Usually, rubber boat or kayak is used for rafting in Yan Canal. There are three types of trips of different distances. The first one takes 7 hours. It starts from Ban Bang Jam in Kaeng Krung National Park and ends at the National Park Office. The second one takes 3 hours. It starts at Chun Beach and ends at the same place. The third one takes one and a half hours. It starts at the National Park Office and ends and Ban Bang Tai pier. Yan Canal is famous for its unrivalled beauty and MKD 45


“คราวนีจ้ ะพาแก๊งค์ไปล่องแก่งที่ไหนกันดี” เสียงร้องถามของ โจ้ทำ�ให้ผมละสายตาจากกองเสื้อผ้าเหม็นคลุ้งที่เพิ่งจะช่วยมัน เวลา 01.00 น. ก แล้วตอบไปว่า “อยู่สุราษฎร์ฯ ก็ต้อง เทออกมาเพื ่อเอาไปซั ล่องแก่งคลองยันซิวะ แต่ขอเวลาประสานงานกับชมรมท่องเทีย่ ว เชิงอนุรักษ์วิภาวดีสักวันสองวัน ระหว่างนี้ ไปยิง Teaser บอก สมาชิกได้เลยว่าทริปนี้จะได้สนุกกับสายน้ำ� ได้เดินป่าชมน้ำ�ตก และตัง้ แคมป์กลางขุนเขา สวยคนละแบบกับคีรรี ฐั ฯ แต่รบั รองว่า ประทับใจไม่แพ้กนั อ้อ...อย่าลืมบอกให้พกสเปรย์กนั ทากกับกีตาร์ ไปด้วยล่ะ” หลังจากนั้นราวอาทิตย์กว่าๆ ผมกับโจ้ก็กำ�หนดวันเดินทาง สู่การผจญภัยในสายน้ำ� และการโฆษณาของโจ้ก็ได้ผล เพราะ บรรดาสาวใหญ่ในทีมเมืองคนดีหนีบเอาลูกหลานวัยรุ่นที่อยู่ใน ช่วงปิดเทอมมาร่วมแจมด้วยหลายคน พลพรรคตะลุยทัวร์ ในคราว นี้เลยคึกคักเป็นพิเศษ... ก่อนเดินทาง 1 วัน เด็กๆ และทีมงานที่ เดินทางมาจากกรุงเทพฯ นัดมาสุมหัวค้างที่บ้านของผม เพราะ รุ่งขึ้นต้องเดินทางกันแต่เช้ามืด คืนนั้นบ้านผมเลยกลายสภาพ เป็นรังนกกระจอก เจี๊ยวจ๊าวโหวกเหวกไม่แพ้รังกระจอกข่าวข้าง ทำ�เนียบรัฐบาลเลยทีเดียว

景色宜人的的漂流河道,河道中数百礁石散布,礁石使得水面落差形成许多小瀑布,景色奇 观,惊险刺激,为水上漂流增添许多乐趣。漂流期间可观赏两岸美景,了解树木种植知识, 沿途观赏当地鸟类,如犀鸟、双角犀鸟以及鹰。如果漂流路程较长还能观赏到森林里的野生 动物,如麂、猴、猕以及沿着河岸觅食的野牛。森林徒步探险也有许多线路可以选择,而最新 发现的探险路线中最令人印象深刻的有两条,其中一条由kaeng krung国家公园出发直到春 河道及YAN河道的交界处春河岸,耗时1.5小时。游客们可以在位于森林中央的宽广河岸上扎 营休息,观赏翠绿竹林,细细品尝由在河边捕捉到的新鲜的鱼烹调的当地美食。夜赏星空后于 次日清晨漂流回到国家公园。另一条路线则由森林出发到位于盛河道森林维护处的Kokkrak瀑

MKD 46


เช้ารุง่ ขึน้ ผมกับโจ้หอ้ โฟร์วลี ตรงดิง่ สูท่ นี่ ดั พบ ณ บ้าน ‘ผู้ ใหญ่ วีนัส ศึกเสือ’ ประธานชมรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อำ�เภอวิภาวดี เป็นบุญของทีมงานเมืองคนดีจริงๆ ครับ ทีท่ กุ ทริปทีเ่ ราเดินทางจะ ได้รบั การต้อนรับจากผูห้ ลักผู้ ใหญ่และชาวบ้านในท้องทีน่ นั้ ๆ คราวนี้ ก็เช่นกัน ทันทีที่รถจอด ‘นายกเสกสรร เพชรดุก’ นายก อบต. ตะกุกเหนือและภรรยา พร้อมด้วยกำ�นันสมพร อินทรมณี กำ�นัน ตะกุกเหนือ ผู้ ใหญ่วนี สั และชาวบ้านจำ�นวนหนึง่ ได้จดั เตรียมอาหาร ต้อนรับไว้พรักพร้อม มือ้ แรกนีม้ ไี ข่เจียว แกงคัว่ ไก่บา้ น หมูสามชัน้ ผัดสะตอ น้ำ�พริกผักเหนาะ อาหารพื้นๆ แต่รสชาติ อือหืมมมม... อร่อยลืมตาย...และระหว่างทีห่ มุบหมับเดินไปกินไปแบบค็อกเทล กันอยูน่ นั้ ผู้ ใหญ่วนี สั ก็ถอื โอกาสอธิบายเส้นทางการท่องเทีย่ วให้ ผู้ร่วมทริปฟังว่า... “กิจกรรมล่องแก่งคลองยันเราจะใช้พาหนะเป็นเรือยางและ คายักครับ และมีหลายระยะทาง ทีเ่ ป็นทีน่ ยิ มมี 3 ระยะ ระยะแรกใช้เวลา ในการล่อง 7 ชัว่ โมง โดยตัง้ ต้นจากบ้านบางจำ�ในอุทยานแห่งชาติ แก่งกรุงมาสิน้ สุด ณ ทีท่ �ำ การอุทยานฯ ระยะที่ 2 ตัง้ ต้นจากหาดชุน มาสิน้ สุดทีเ่ ดียวกัน ใช้เวลาในการล่อง 3 ชัว่ โมง ส่วนระยะที่ 3 ตัง้ ต้นจากทีท่ �ำ การอุทยานฯ สิน้ สุดทีท่ า่ น้�ำ บ้านบางไต ใช้เวลาในการ ล่อง 1.30 ชัว่ โมง คลองยันมีชอื่ เสียงว่ามีความสวยงามและเป็น เส้นทางล่องแก่งทีท่ า้ ทายมากทีส่ ดุ แห่งหนึง่ ในภาคใต้นะครับ เพราะ มีแก่ง หรือทีช่ าวใต้เราเรียกว่า ‘เชีย่ ว’ เป็นร้อยๆ เชีย่ ว และมีเชีย่ ว ทีล่ กั ษณะเหมือนน้�ำ ตกน้อยๆ หลายสิบแห่ง ระหว่างการล่องแก่ง ก็จะได้ชมทิวทัศน์สองฝั่งและเรียนรู้เรื่องพันธุ์ไม้ไปพร้อมกับชม

most challenging routes in the south. There are many beautiful sites of rafting waters. Many of them look just like beautiful small waterfalls. Tens of them are exciting and challenging. During rafting you can admire the picturesque sceneries on both sides of the canal, learn about different species of plants, watch hornbills, great hornbills and falcons; if you travel a longer distance, you will have a chance to see barking deer, monkeys, langurs, elephants and gaurs feeding along the streams. There are many interesting trekking routes. The following are the 2 newly-discovered impressive routes: First, from the National Park to Chun Beach where Chun Canal and Yan Canal join. It takes one and a half hour to walk. Most trekkers stay the night on the large beach in the middle of the forests to witness giant bamboos, taste local fish dishes and admire the stars in the sky. You can go rafting back to the Kaengkrung National Park on the next day. Another one is to walk to Krok Krak Waterfall in Khlong MKD 47


นกประจำ�ถิ่นไปด้วย ที่นี่นกเงือก นกกาฮัง และเหยี่ยวชุมมาก มีหลายสายพันธุด์ ว้ ย ถ้าล่องระยะไกลอาจได้เห็นสัตว์ปา่ อย่าง เก้ง ลิง ค่าง ช้าง และกระทิงที่มกั จะลงมาหากินตามชายน้ำ�...แต่วนั นี้ ผมจะพาเดินป่าจากอุทยานฯ ไปที่หาดชุน แล้วตั้งแคมป์นอนกัน คืนหนึ่ง รุ่งขึ้นก็ล่องแก่งลงมา หลังจากมื้อเช้าที่นี่แล้วเราจะไปที่ อุทยานฯ กัน เรื่องอาหารการกินไม่ต้องห่วงครับ ไปถึงหาดชุนจะ ได้อร่อยกว่านี้อีก...” สิ้นเสียงการบรรยาย วัยรุ่นร้องเฮ้!...ด้วยความตื่นเต้น โจ้เลย หันมากระซิบกระซาบใส่หผู มว่า “หึ หึ แล้วตรูจะคอยดูวา่ ตอนเจอ ทากเกาะจะระรืน่ ขนาดนี้ ไหม”....ไม่ถงึ ครึง่ ชัว่ โมงหลังจากนัน้ คณะ ทัวร์ของเราก็มายืนหน้าสลอนในอุทยานฯ แก่งกรุง อุทยานแห่งชาติ ลำ�ดับที่ 69 ของไทย แต่ละคนช่วยกันแบกสัมภาระซึง่ มีทงั้ เสือ้ ผ้า เต็นท์ หยูกยา อาหารสด และกีตาร์เดินลุยเข้าป่าเขียวชะอุม่ ด้วย รอยยิ้ม... ที่จริงการเดินป่าในอุทยานฯ แห่งนี้มีเส้นทางที่น่าสนใจ หลายเส้นทาง แต่เส้นทางใหม่ซงึ่ มีภมู ทิ ศั น์ของจุดหมายปลายทาง ทีส่ วยงามและใช้เวลาเดินเท้าไม่นานนักมี 2 เส้นทางคือ ‘อุทยานฯ -หาดชุน’ อีกเส้นทางหนึ่งคือ ‘หน่วยพิทักษ์ป่าคลองแสง-น้ำ�ตก โกรกกราก’ และทริปนี้เราตั้งใจจะสัมผัสทั้งสองเส้นทาง.... จากทีท่ �ำ การอุทยานฯ พวกเราใช้เวลาเพียง 1.30 ชัว่ โมงก็เดิน เท้ามาสูห่ าดชุน ซึง่ เป็นจุดทีส่ ายน้�ำ คลองชุนและคลองยันไหลมา บรรจบกันจนเกิดเป็นหาดทรายกว้างใหญ่รมิ ตลิง่ นับเป็นการเดิน ป่าทีน่ า่ ประทับใจครับ เพราะเส้นทางไม่โหดนัก ระหว่างทางมีผาชัน เป็นระยะแต่สามารถเดินได้อย่างสบาย และร่มรื่นมากเพราะมี พันธุ์ไม้ ใหญ่ขนึ้ เบียดเสียดหนาแน่น เห็นแล้วดีใจว่าเรายังโชคดีทมี่ ี ป่าอุดมสมบูรณ์และบริสทุ ธิส์ งู หลงเหลืออยูเ่ ป็นสมบัตชิ าติ ขณะที่ เดินเราได้ยนิ เสียงร้องของสัตว์ปา่ ดังแว่วจากที่ไกลหลายครัง้ ทัง้ เสียงกระทิง และเสียงค่าง จนผมอดหวังในใจไม่ได้วา่ คืนนีอ้ าจจะ ได้เห็นสัตว์ป่าสักตัวสองตัวก็เป็นได้... บ่ายนั้นหลังจากที่จัดการ กับข้าวหุงไม้ไผ่ หมูสามชัน้ ทอดเกลือ แกงคัว่ ไก่บา้ นใส่หยวกกล้วย และลองกองหวานสดจากต้นหลังบ้านผู้ ใหญ่ทอี่ ตุ ส่าห์หอบหิว้ มา ด้วย บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ขาลุยก็คว้าชูชีพที่ทีมงานล่องแก่ง ขนล่วงหน้ามาก่อนพุ่งสู่ธารน้ำ�ใสที่ ไหลเอื่อยๆ ตรงหน้าหาดแล้ว ดำ�ผุดดำ�ว่ายกันอย่างสนุกสนาน ตัวผมกับโจ้เลี่ยงมาเตรียมเบ็ด ตกปลา กะว่าอย่างไรเสียคงติดสักตัวสองตัวจะได้ โรยเกลือย่าง กินค่�ำ นี้ ด้านผู้ ใหญ่และหนุม่ ๆ แยกไปกางเต็นท์ เตรียมลานก่อไฟ และอุปกรณ์ปรุงอาหารมือ้ เย็น ต่างคนต่างทำ�หน้าที่ไปแซวกันไป พอแดดร่มลมตกสาวน้อยสาวแก่ก็พากันไปนั่งซุ่มเงียบกริบ ริมชายน้ำ� พยายามเพ่งหาสัตว์ป่าฝั่งตรงข้าม “เฮ้อ...คงได้เห็น หร๊อกกก เล่นน้ำ�เสียงดังลั่นทุ่งซะขนาดนั้น ป่านนี้มันหนีขึ้นเขา ไปหมดแล้ว” โจ้ตะโกนค่อนแคะกลั้วเสียงหัวเราะ... 布,耗时30分钟。Kokkrak瀑布高20米, 河水清澈见底,自高处落入清澈水潭,壮观 而美丽。这两条路线中,沿途两岸峭壁令人 印象深刻,需要抓住绳子越过山涧,为旅行 增添更多乐趣。除此之外,不要错过“威 拍哇尼瀑布”探险。“威拍哇尼瀑布”景 色壮观,是威拍哇尼县的标志性景点,游 客可以自行驱车至此游玩。这条壮观的瀑

MKD 48


Saeng Wildlife Sanctuary. It takes 30 minutes. This waterfall is 20 m. high. Its streams come from the foot of the hill to a large basin down below. Along both routes you will see the most impressive sites on both sides. You have to hold on to the ropes to get across the streams which is fun and exciting. You should never miss the Vibhavadi Waterfall. It is quite a large waterfall and the symbol of the district. You can travel by car. This waterfall has 9 tiers with strong currents all year round. Its second tier is most beautiful; it has a basin which is safe for swimming. Its surroundings are quite peaceful which is ideal for picnic. In Vibhavadi district there are many sites for admiring beautiful morning fog. One of them is at Chong Khao Kad. Here, Tapothawan Monastery, a branch of Suan Mokkh, is located in a deep forest, which is beautiful, peaceful and serene suitable for meditation. There is also a hot water spring where you can have a hot healthy bath. MKD 49


และก็เป็นไปตามที่โจ้คาดการณ์... แต่ถึงจะไม่ได้เห็นสัตว์ป่า อย่างทีห่ วัง สาวๆ ก็ดจู ะประทับใจอย่างแรงส์ เพราะได้ชมิ ปลาตัว เบ้งย่างสดๆ เนื้อหวานอร่อยเกินบรรยาย ไหนจะอาหารพื้นเมือง สารพัดอย่างทีผ่ ู้ ใหญ่และทีมงานช่วยกันปรุงจนหอมฉุยไปทัง้ ป่า ที่ ขาดไม่ได้คือน้ำ�พริก ส่วนผักเหนาะหาเอาตามชายน้ำ�มีทั้งผักกูด และอีกสารพัดที่ผมเองก็เพิ่งจะเคยกินเป็นครั้งแรก พูดจากใจว่า สำ�หรับผมมันเป็นอาหารทีว่ เิ ศษมาก...หลังจากอิม่ ได้ทผี่ มกับโจ้เดิน มานอนหงายบนทรายนุม่ มองท้องฟ้าทีร่ ะยับไปด้วยแสงดาวโดยมี เพลงประสานจากเสียงจากแมลงกลางคืนขับกล่อม ข้างสาวใหญ่ ก็ชชี้ วนวัยรุน่ ให้ดทู างช้างเผือกทีพ่ าดผ่านกลางฟ้ามืดหม่นเป็นทาง ยาว ดกตึกหนุม่ ๆ รวมกลุม่ ดีดกีตาร์รอ้ งเพลงกันเบาๆ ผมกับโจ้เลย ของัดเพลงลูกกรุงสมัยเก่ามาร้องสูบ้ า้ ง ปรากฏว่าสาวๆ กรีด๊ ดดส์ หึห.ึ ..หนุม่ สูงวัยก็เลยเบียดหนุม่ หน้าใสตกกระป๋องไปด้วยประการ ฉะนี้ ..แก่แต่เก๋าเสียอย่างไอ้หลานเอ๊ยยยย.... ....................................................... เช้ามืดรุ่งขึ้นผมตื่นขึ้นมาปลุกเด็กๆ ให้ลุกขึ้นมาชมสายหมอก ขาวลอยเอื่อยอยู่เหนือสายน้ำ� แล้วเกณฑ์ ให้ไปเก็บข้าวของ ตระ เตรียมอาหาร เด็กๆ กระวีกระวาดช่วยกันคนละไม้ละมือจนหาดชุน คืนกลับสูค่ วามสะอาดสวยดังเดิม แล้วรวมตัวกันไปฟังคำ�แนะนำ� ในการล่องแก่งจากไกด์...และเมื่อทุกอย่างพร้อมเราก็ไหลละลิ่ว ลงมาตามลำ�น้ำ�คลองยัน... จากประสบการณ์ของผมกับโจ้ทเี่ คยล่องแก่งมาหลายที่ ยืนยัน ครับว่าคลองยันสายนีม้ เี สน่ห์ไม่เป็นสองรองใคร เพราะมีแก่งงามๆ ทีส่ ร้างกระแสน้�ำ เชีย่ วกรากหลายแก่ง แต่ละแก่งก็มรี ะยะยาวพอที่ จะสร้างความตืน่ เต้นได้มาก และเมือ่ เริม่ ออกอาการเหนือ่ ยก็มชี ว่ ง พักให้ได้ล่องไปตามกระแสน้ำ�เอื่อย ไม่น่าเชื่อว่าธรรมชาติจะจัด เรียงหินใต้น้ำ�ได้เหมาะเหม็งกับการล่องแก่งถึงขนาดนี้...ที่สำ�คัญ ระหว่างนั้นยังเห็นรอยเท้าสัตว์ริมตลิ่งหลายจุด ซึ่งน่าจะเป็นของ กระทิงและเก้ง มีเหยีย่ ว และฝูงนกเหงือกบินมาทักทายด้วย ย้�ำ ว่า ‘ฝูง’ นะครับ และนี่คือเครื่องหมายที่ยืนยันเป็นอย่างดีว่าป่าแก่ง กรุงมีธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์มากแค่ไหน... “แต่ละแก่งใหญ่ๆ นี่จะมีชื่อเรียกนะครับ ชาวบ้านเขาจะตั้ง ชือ่ ตามเหตุการณ์หรือสิง่ ทีเ่ ขาเห็น อย่างแก่งช้างก็มชี าวบ้านเคย เห็นช้างเดินผ่าน แก่งหมาลอยก็เคยมีหมาลอยตรงนั้น ถ้ามาใน ช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม น้ำ�จะน้อยกว่านี้และมีนกอพยพ ให้ชมเยอะด้วย จะสนุกมากขึ้นไปอีกหลายเท่าครับ” ผู้ ใหญ่วีนัส ผู้ทำ�หน้าที่นายท้ายเรือที่ผมกับโจ้นั่งอยู่ตะโกนเล่า... เราผจญภัยไปบนจังหวะของสายน้�ำ ทีก่ ระแทกกระทัน้ สลับกับ การชมนกชมไม้อยู่ราว 3 ชั่วโมงก็เดินทางถึงท่าเรือ ณ อุทยานฯ แล้วทุกคนเดินไปนั่งรออาหารมื้อเที่ยงที่ผู้ ใหญ่วีนัสออเดอร์จาก อุทยานฯ ให้ปรุงสุดฝีมอื โดยไม่ได้นดั หมาย...หนุม่ ๆ ตัง้ ใจอัดอาหาร มื้อนี้เข้าท้องมากเป็นพิเศษ เพราะรู้ว่าอีกไม่ถึงชั่วโมงข้างหน้าจะ ต้องช่วยดูแลสาวๆ เดินลุยป่ากันอีกรอบ...ผมกับโจ้จัดการดร็อป สัมภาระของทุกคนไว้ที่อุทยานฯ เพราะคืนนี้เราจะปักเต็นท์นอน และปาร์ตี้ปิดทริปกันที่นี่...จากนั้นคณะของเราก็ขับรถมุ่งหน้าสู่ หน่วยพิทกั ษ์สตั ว์ปา่ คลองแสง.... จากจุดจอดรถเราใช้เวลาเดินเท้า 30 นาทีกม็ าถึงน้�ำ ตกทีม่ นี ามว่าโกรกกราก ระหว่างทางต้องลุยน้�ำ เลาะตลิง่ และเกาะเชือกข้ามลำ�ธารซึง่ เรียกความตืน่ เต้นสนุกสนาน MKD 50

布总共有9层,水流常年不息。其 中瀑布第二层是景色最为壮丽的, 还有清澈见底的浅水潭供游客们戏 水,水流平缓安全。瀑布周围阴凉 舒适,适合进行野餐。


Notes :

• You should wear suitable clothes for trekking-sneakers are quite good for your feet-and have winter clothes ready for nighttime. • The best time to visit this place is from November to April. • To stay in Kaeng Krung National Park, you should book 60 days in advance through www.dnp.go.th You can book for three consecutive nights at a time. You can also call 0 2562 0760. They have 3 houses that can accommodate 36 people. If you want spaces for tents for 200 people, the service charge is 50 baht/person/night. For foreigners: 100 baht for a child and 200 baht for an adult. MKD 51


จากคณะได้มาก... ผมยังจดจำ�นาทีทเี่ ห็นน้ำ�ตกชัน้ เดียวสูง 20 เมตร ตัง้ ตระหง่านอยูเ่ บือ้ งหน้าได้ดี สารภาพด้วยสัตย์จริงว่าเห็นน้�ำ ตกมา เยอะ แต่ที่นี่คือที่ที่ทำ�ให้ผมรู้สึกมหัศจรรย์ ใจที่สุด เพราะสายน้ำ�ใส ที่ไหลผ่านโตรกผาลงสูแ่ อ่งกว้างเกือบ 1 ไร่เบือ้ งล่างนัน้ ช่างเหมือน เทวดาจับเทลงมาอย่างไรอย่างนัน้ ... แต่ขณะทีย่ นื ชืน่ ชมความงามที่ คุ้มค่ากับความเหนื่อยยากในการเดินเพลินๆ นั้น ผมก็ต้องสะดุ้งสุด ตัว เพราะเสียงกรีดร้องสนั่นทุ่งของสาวน้อยคนหนึ่ง!!! แต่ยังไม่ทัน จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร โจ้ก็ตะโกนขึ้นมาว่า... “ตรูวา่ แล้ว ลุยไหนลุยด้ายยยย ไม่กลัว แต่เจอทากเข้าล่ะก็ ปีด๊ ส์ ป่าแตกอย่างงี้ทุกราย ถือซะว่าบริจาคเลือดไปนะ แต่ถ้ารอมันหลุด ไม่ไหวก็เอานี่ไปฉีด... 2 ปูด้ ก็หลุดแล้ว ฮ่า ฮ่า” โจ้หวั เราะสะใจพร้อม ยื่นสเปรย์ตะไคร้ ให้ แต่เรื่องยังไม่จบครับ เพราะไม่กี่วินาทีต่อมาก็มี เสียง ‘กรี๊ดดดดด’ สลับกับ ‘อ๊ากกกกซ์’ ตามมาเป็นระรอก เรียกว่า โดนกันถ้วนหน้า เที่ยวนี้ผมเจอเข้าไป 5 ตัว ถอดเสื้อมากำ�ลังอ้วน ได้ที่เลย... “ทากพันธุ์นี้เขาเรียกทากหลังลาย ช่วงหน้าฝนจะชุมหน่อย มัน จะอยู่บนบกเท่านั้น เล่นน้ำ�ตกได้เลยครับไม่ต้องกลัว ถ้าถูกมันดูด แล้วไม่ควรดึงออกนะครับ เพราะปากทากมันเป็นตะขอคล้ายๆ เบ็ด ถ้าดึงเลือดจะไหลเยอะ ให้เอาสเปรย์ฉีดมันจะถอนปากเอง หรือไม่ ก็ปล่อยให้มนั กินอิม่ มันก็จะหลุดเองเหมือนกัน แต่ผมแนะนำ�ว่าคราว หน้าให้ ใส่ขาสัน้ เพราะจะเห็นตัวทากง่าย เราจะดึงออกได้ทนั ก่อนที่ มันจะปักปาก แผลทากไม่เป็นอันตรายครับ หลังจากถูกดูดตรงแผล ก็จะบวมเหมือนยุงกัดและคันต่อไปสัก 2 อาทิตย์ เอาครีมแก้คันทา ก็หายครับ” เจ้าหน้าที่ป่าไม้ผู้นำ�ทางชี้แจง พอรู้ข้อมูลชัดเสียงแหกปากจนนกแตกฮือก็ค่อยๆ เงียบหาย แล้ววัยรุ่นผู้มากพลังทั้งหลายก็เดินลงไปเล่นน้ำ�แบบชิลล์ๆ แถม ขากลับยังช่วยคนที่ใส่ขายาวพับขากางเกงขึ้น แต่ไม่ลืมที่จะพ่น สเปรย์ตะไคร้จนชุม่ ตัวเพือ่ ความสบายใจ ได้ผลครับ...ขากลับพกทาก ติดมาไม่เยอะเหมือนเที่ยวแรก ค่ำ�คืนสุดท้ายของการมาเที่ยวอำ�เภอวิภาวดีเราตั้งวงร้องเพลง และดื่มกินกันอย่างสนุก ผมกับโจ้วางแผนว่าวันรุ่งขึ้นจะพาแก๊งค์ ไปหมู่บ้านท่านหญิง ซึ่งกลุ่มแม่บ้านที่นั่นเขารวมตัวกันเป็นกลุ่ม อาชีพทอผ้าที่เข้มแข็งโดยได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากมูลนิธิ ศูนย์ศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สาวๆ จะได้ซื้อผ้าไหมทอมือสวยๆ ราคาย่อมเยาคนละผืนสองผืน และก่อนจะแยกย้ายกันไปนอนในคืนนัน้ เพือ่ นสาวจาก กทม. ก็เดิน มาหาผมกับโจ้แล้วพูดว่า... “ทริปนี้สนุกมากเลยแก ชั้นไม่ได้เห็นทางช้างเผือกมานานมาก กกกก และก็ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้จะได้เห็นชัดๆ กับตาอีกครั้ง น้ำ� คลองยันก็ใส ใสเหมือนน้ำ�ใจคนวิภาฯ ขอบใจนะแกที่พามา ที่นี่คือ สายน้ำ�แห่งความทรงจำ�ของชั้นว่ะ”

ขอขอบคุณ

คุณบรรเจิด สาริพัฒน์ คุณเสกสรรค์ เพชรดุก คุณสมพร อินทรมณี คุณวีนัส ศึกเสือ คุณพิชิตพรหมสุข

นายอำ�เภอวิภาวดี นายกองค์การบริหารส่วนตำ�บลตะกุกเหนือ กำ�นันตำ�บลตะกุกเหนือ ผู้ ใหญ่บ้านหมู่บ้านบางไต หัวหน้าฝ่ายนันทนาการและสื่อความหมาย อุทยานแห่งชาติแก่งกรุง

สอบถามรายละเอียดแพ็กเกจการเดินป่าพร้อมล่องแก่ง รวม ค่าอาหาร ค่าพาหนะ และค่าบำ�รุงอุทยานฯ ได้ที่ ชมรมท่องเที่ยว เชิงอนุรักษ์อำ�เภอวิภาวดี ผู้ใหญ่วีนัส ศึกเสือ โทร. 08 7274 1528 สามารถรองรับคณะได้สูงสุดคราวละ 50 คน 馨提示: o 森林徒步探险应衣着严密,穿帆布鞋以及准 备好长袖衣服以便夜晚穿着。 o 旅 游 适 宜 时 间 为 十 一 月 份 到 四 月 份 。 o 在小村落里的女子培训机构有丝绸纺织以及 饲养蚕的教学,该机构由诗丽吉王后工艺品慈善基 金会赞助。游客们可以观赏并以便宜的价格购买到 美丽的丝绸。

MKD 52


• If you want to stay in a lodging, call Sri Kaeng Krung home-stay at 08 5440 5704. 08 7271 3259, or visit their facebook. • Tapothawan Monastery has no electrical power. It cancater 20 Dharma practitioners for 7 days at a time for free. Meals will be provided, but you have to bring your own tents. • At Ban Than Ying subdistrict, there is a Center for the Learning of Raising Mulberry and Silkworms which is under the patronage of Arts and Crafts Center of Queen Sirikit. Here, you can watch weaving and buy woven textiles at low price. • To inquire about Dharma practice at Tapodavana Monastery, trekking and rafting package (inclusive of meals and transportation and a tour of Vibahavadi district), call Mr.Vinus Sueksuer at 08 7274 1528. A group of up to 50 people can be catered for at a time. MKD 53


SPEA K OUT

Story : Burin Photo : Pom (Demand Group)

prevention is better than cure

ปัญหาทุกเรื่องมีทางออกเสมอ แต่ถ้าวันใดเราไม่คิดว่าปัญหาเป็นปัญหา เราก็จะละเลยจนบานปลายไปใหญ่โต นี่คือคำ�ที่คุณจักรา วรกุล นายก อบต. มะลวน พูดชวนให้คิด...จนเราต้องหยิบยกเอามาบอกกล่าวในฉบับนี้

jukkra warakun จักรา วรกุล

นายกองค์การบริหารส่วนตำ�บลมะลวน

ตำ�บลมะลวนมีเนื้อที่ 77 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 7,000 กว่าคน มีจ�ำ นวนครัวเรือน 1,400 เศษ ถือว่าใหญ่เป็นอันดับ 2 ใน อำ�เภอพุนพินรองจากตำ�บลบางงอน ประชากรในพื้นที่มีอาชีพ เกษตรกรเป็นหลัก อันดับหนึ่งทำ�สวนยาง รองลงมาก็ปาล์ม ตำ�บลมะลวนจึงเป็นพืน้ ทีก่ งึ่ เมืองกึง่ ชนบท ถนนระหว่างตำ�บลกับ ตำ�บลยังเป็นลูกรัง และมีปัญหาเรื่องขาดแคลนแหล่งน้ำ�ที่จะใช้ ทำ�การเพาะปลูกและอุปโภคบริโภค แต่ปัญหาที่ว่ามานี้กลับไม่ใช่ เรื่องน่าห่วงสำ�หรับคุณจักรา หากเป็นปัญหาขยะที่ส่งผลกระทบ ด้านลบต่อการพัฒนาบ้านเมือง จนต้องขอออกมาพูดดังๆ เพื่อ ขอความร่วมมือ... “ตลอดเวลาตัง้ แต่ผมเป็นนายก อบต. เราแก้ปญ ั หาสาธารณูปโภค พื้นฐานไปได้ ในระดับที่น่าพอใจครับ แม้ว่า อบต. เองจะมีงบใช้ ไม่พอมือ แต่เราก็สามารถประสานขอความสนับสนุนงบในการ สร้างถนน และพัฒนาแหล่งน้ำ�จากหน่วยงานหลักมาช่วย ในปี งบประมาณ 58 ผมได้ความสนับสนุนงบจาก อบจ. เพือ่ สร้างถนน 10 ล้านบาท เน้นการสร้างเส้นทางเชือ่ มระหว่างตำ�บล ซึง่ ผมจัดเข้า แผนไว้หมดแล้ว ส่วนการพัฒนาแหล่งน้�ำ ได้รบั ความสนับสนุนงบ จากกรมชลประทานมา 42 ล้าน เพื่อขุดสระเก็บน้ำ�ขนาดใหญ่ เนื้อที่ 200 กว่าไร่ และสร้างท่อส่งน้ำ�ดิบเพื่อให้เกษตรกรได้ ใช้น้ำ� ยามแล้ง ตอนนีก้ �ำ ลังประกาศจัดซือ้ จัดจ้างครับ นอกนัน้ อบต. เรา ก็ให้การส่งเสริมชาวบ้านในเรือ่ งประชาสัมพันธ์สนิ ค้าโอทอปต่างๆ เพราะแม่บ้านในพื้นที่มีฝีมือเรื่องจักสาน และทำ�ขนมหวาน ขนม เปียกปูน ขนมชัน้ แม่อดี๊ เป็นของขึน้ ชือ่ ของตำ�บลมะลวนครับ เวลา มีงานเทศกาลหรือกิจกรรมของจังหวัด อบต. จะสนับสนุนให้ไปออก ร้าน ของดีอีกอย่างคือฟาร์มกวาง ตั้งอยู่หมู่ 3 บ้านดอนแฝกครับ ที่นี่เป็นฟาร์มครบวงจร นอกจากเลี้ยงเพื่อขายเนื้อ ขายเขาและ เลือดไปปรุงยาแล้ว ยังเป็นศูนย์เพาะพันธุ์ ตอนนีข้ ยายเป็นฟาร์มม้า ด้วย คนทีร่ กั การขีม่ า้ หรืออยากเรียนขีม่ า้ หรือเด็กพิเศษทีต่ อ้ งการ กระตุน้ พัฒนาการสามารถมาใช้บริการได้ครับ ตรงนีผ้ มได้ประสาน ให้ศนู ย์บ�ำ รุงพันธุส์ ตั ว์เข้าไปดูแล และส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเทีย่ ว เชิงทัศนะศึกษาดูงาน ตอนนีม้ เี กษตรกรจากจังหวัดอืน่ มาชมเยอะ จนต้องจองคิวครับ

MKD 54


ปัญหาเรื่องสาธารณูปโภคพื้นฐานเราแก้ไขได้ง่ายครับ แต่ที่ ผมห่วงคือปัญหาทีห่ ลายคนคิดว่าไม่มปี ญ ั หา นัน่ คือปัญหาขยะ ผม เป็นนายก อบต. มะลวน มาหลายสมัย เราพยายามวางแผนจัดเก็บ ขยะให้เป็นระบบ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องใช้งบประมาณสูง จะ ไม่ท�ำ ก็ไม่ได้เพราะขยะล้นชุมชน แต่แค่จดั ซือ้ รถเก็บขยะคันเดียว ก็ตก 2 ล้านกว่าบาท แล้วยังมีคา่ จ้างบุคลากรรายเดือนอีก เราจึง ต้องลดงบประมาณทีจ่ ะนำ�ไปพัฒนาโครงสร้างพืน้ ฐานอืน่ ลง อย่าง ปีที่แล้วมีงบประมาณ 4 ล้านกว่าบาท ก็ต้องเจียดมาทำ�เรื่องขยะ ไปครึง่ หนึง่ ส่วนปีนผี้ มขออนุมตั ผิ า่ นสภาเพือ่ ดำ�เนินการเรือ่ งขยะ 3.6 ล้านบาท ซึง่ สูงนะครับ ดังนัน้ การใช้เงินต้องเป็นไปอย่างคุม้ ค่า และเกิดประโยชน์มากที่สุด ผมเลยทำ�แบบสอบถามสำ�รวจความ คิดเห็นประชาชนว่าแต่ละหมูบ่ า้ นต้องการให้จดั เก็บขยะกีค่ รัวเรือน เพราะในงบนีเ้ ป็นการจัดซือ้ รถขนาด 14 ตัน ถ้าความต้องการของ ประชาชนลดลง เราจะเปลี่ยนไปซื้อรถขนาด 10 ตัน เพื่อจะได้ เก็บงบไปพัฒนาอย่างอื่น ปัญหาขยะวันนี้เป็นเรื่องใหญ่ครับ แต่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง จริงจัง ไม่ใช่แค่ตำ�บลมะลวนที่มีปัญหา แต่กำ�ลังเป็นปัญหาของ ทัง้ ประเทศ เพราะคนไม่ตระหนักว่าขยะยิง่ มากเท่าไรก็เท่ากับเรา เอาเงินไปทิ้งเท่านั้น ถ้าพูดกันตรงๆ ผมว่าคนไทยเรายังมีปัญหา เรือ่ งวินยั ในการทิง้ ขยะและจิตสำ�นึกในการรักษาสิง่ แวดล้อมครับ บางทีนึกอยากจะขนไปทิ้งในคลองหรือข้างถนนก็ทิ้งเลย ขนาด ติดป้ายว่าห้ามทิ้งก็ยังทิ้ง (ยิ้ม) สุดท้ายคนได้รับผลกระทบไม่ใช่ ใครที่ ไหน คือตัวเองและชุมชน ไหนจะปัญหาโรคระบาดทั้งใน คนและสัตว์ ไหนจะน้ำ�เสีย กลิ่นเหม็น ขาดแหล่งน้ำ�เพาะปลูก ใช้สอย ภูมิทัศน์ก็ไม่สวยงาม...

ทีจ่ ริงทุกคนรูด้ วี า่ จะแก้เรือ่ งนี้ให้ได้ผลต้องใช้วธิ ี ‘กันดีกว่าแก้’ ด้วยการรณรงค์เปลีย่ นพฤติกรรม ต้องปลูกฝังวินยั และจิตสำ�นึก กันตัง้ แต่เด็กเลย โรงเรียนและครอบครัวนีล่ ะครับคือเวทีทดี่ ที สี่ ดุ และต้องกระตุ้นการลดขยะควบคู่ไปด้วย สร้างบรรจุภัณฑ์ที่ย่อย สลายได้ หรือทำ�จากวัสดุที่สามารถรีไซเคิลให้มาก นอกจากนี้ ก็ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายสิ่งแวดล้อมที่เข้มข้น ใครทิ้งก็จับ ปรับกันไป แต่เมืองไทยเป็นเมืองอะลุ้มอล่วยปัญหาเลยใหญ่ขึ้น ทุกวัน เพราะคนเยอะขึน้ แก้ทปี่ ลายทางก็ยาก ผมอยากจะฝากให้ คนสุราษฎร์ฯ ไม่ใช่เฉพาะชาวมะลวน จะเป็นผู้ ใหญ่หรือเยาวชน จะอยู่ในบทบาทไหน หน่วยงานใดให้ช่วยกันทำ�หน้าที่ ‘กัน’ ไม่ใช่ ‘แก้’ เราต้องรู้สึกว่าปัญหาขยะเป็นเรื่องใหญ่ของทุกคน ไม่ใช่ เรื่องของรัฐฝ่ายเดียว ต้องบูรณาการความร่วมมือทุกฝ่ายอย่าง จริงจัง สื่อมวลชนเองก็ต้องร่วมมือด้วยครับ เพราะเป็นกระบอก เสียงอย่างดี... ผมยังจำ�ได้สมัยก่อนแม่บ้านจะไปจ่ายตลาดก็หิ้ว ตะกร้าสานไปคนละใบ ซื้ออะไรก็ใส่มาในตะกร้า เนื้อสัตว์ พืชผัก ก็ห่อมาในใบตอง แต่ทุกวันนี้ ไปตลาดตัวเปล่าแล้วกลับมาพร้อม ถุงพลาสติกกับกล่องโฟม ถึงเวลาที่ต้องคิดแล้วครับว่าสาเหตุ ทีถ่ นนคอนกรีตดีๆ ไม่มาบ้านเราสักทีเพราะอะไร...เพราะเป็นเรือ่ ง น่าเสียดายมากครับถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้” ถ้าคุณเป็นคนหนึง่ ทีค่ ดิ ว่า ก็ซอื้ ใส่ถงุ สะดวกกว่ากระเป๋าผ้าเป็น ไหนๆ จะหิว้ ตะกร้าก็เชย แถมยังเกะกะ และกับแค่ขยะจะเปลือง สมองมานัง่ คิดว่าต้องทิง้ ที่ไหน ทิง้ อย่างไร คัดแยกไปทำ�ไม เดีย๋ ว ผูบ้ ริหารบ้านเมืองก็จดั การเอง วันนีย้ งั ไม่สายทีจ่ ะเปลีย่ นความคิด มาร่วมด้วยช่วย ‘กัน’ ย่อมดีกว่า ‘แก้’ เป็นไหนๆ โดยเริ่มง่ายๆ จากตัวเองก่อน... อย่าปล่อยให้ถนนหรือสาธารณประโยชน์อื่น หลุดลอยไปกับกองขยะที่เราทิ้งเองกับมือเลย...

MKD 55


Story : Pran

W OM A N @ W ORK

Photo : Pom (Demand Group) Retouch : MP Photography

MKD 56


real life behind the scene tatsanawan srivijith ทัศนวรรณ ศรีวิจิตต์

ผู้หญิงสวยเก๋คนนี้มีบ้านเกิดอยู่ที่ นครศรีธรรมราช แต่เธอกลับบอกว่าวันนี้ เธอคือชาวสุราษฎร์ฯ เต็มตัว คุณพ่อของเธอเป็นอดีตข้าราชการครู และผู้อำ�นวยการโรงเรียนในชนบท ผู้ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อปั้นคนให้เป็นคน ส่วนคุณแม่เป็นแม่บ้านที่แสนเรียบง่าย ฟังดูเหมือนกับว่าชีวิตของผู้หญิงคนนี้ ไม่ ได้มีอะไรแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป แต่.... ถ้าบอกว่าเธอคนนี้คือนักธุรกิจเจ้าของโรงเรียนกวดวิชา เตรียม 4 เหล่าที่ประสบความสำ�เร็จตั้งแต่ปีแรกที่เปิดทำ�การ เป็นหนึ่งในหุ้นส่วน Victor Cafe’ ร้านอาหารสุดเท่กลางเมือง สุราษฎร์ฯ ทีต่ ดิ ลมบนตัง้ แต่ 3 เดือนแรกทีเ่ ปิดตัว เป็นน้องสาวแท้ๆ ของ ‘เอ ศุภชัย ศรีวจิ ติ ต์’ ผูจ้ ดั การดาราที่โด่งดังแห่งวงการบันเทิงไทย เป็นหลานสาวแท้ๆ ของ ‘ท่านชาญชัย สุนทรมัฏฐ์’ อดีตผูว้ า่ ราชการ จังหวัดสุราษฎร์ธานีและอธิบดีกรมการปกครอง เป็นดาราและ ภรรยาของดาราละคร ‘พล พูลภัทร อัตถปัญญาพล’ คุณคงอยาก รู้จักตัวตนของเธอเช่นเดียวกับเรา... ใช่เพราะเธอเกีย่ วข้องกับคนดังมากมาย หากเป็นเพราะวิธกี าร ใช้ชีวิตและการทำ�ธุรกิจให้ประสบความสำ�เร็จอย่างรวดเร็วตั้งแต่ อายุยงั น้อยด้วยสองมือ นัน่ ต่างหากทีเ่ ราต้องการค้นหาจนต้องตาม มาพูดคุยถึงกรุงเทพฯ... ณ คอนโดมิเนียมร้างริมน้ำ�เจ้าพระยาซึ่ง ใช้เป็นโลเกชั่นถ่ายทำ�ละครเรื่อง ‘ลูกผู้ชายพันธุ์ดี’ เราก็มีโอกาส พูดคุยกับเธอ ‘แอล ทัศนวรรณ ศรีวิจิตต์’

Girlhood

ใต้อาคารร้างริมน้�ำ แห่งนัน้ คุณแอลนัง่ พูดคุยกับเราด้วยท่าที ผ่อนคลายและเป็นตัวของตัวเอง สายลมที่โชยแผ่วเป็นระยะ พัดไรผมทีป่ รกจนปลิวไสว เผยให้เห็นกรอบหน้ารูปไข่และใบหน้า ที่ตกแต่งด้วยเครื่องสำ�อางเบาๆ...แล้วเธอก็เริ่มต้นเล่าเรื่องราว ในวัยเด็กทีถ่ กู พ่อและแม่เลีย้ งดูฟมู ฟักดุจไข่ในหิน แต่ใต้กรอบกฎ ระเบียบทีเ่ ต็มไปด้วยความรักความปรารถนาดีนนั้ ก็กล่อมเกลาให้ เธอเติบโตเป็นนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ เช่นวันนี้... “แอลเป็นคนพรหมคีรี มีพนี่ อ้ ง 3 คนค่ะ แอลเป็นคนสุดท้อง พี่เอเป็นพี่ชายคนโต พี่สาวคนกลางชื่อกี้เกิดหัวปีท้ายปีกับพี่เอ ตัง้ แต่จ�ำ ความได้ก็ไม่ได้อยูก่ บั พีๆ่ แล้วค่ะเพราะเขาต้องไปเรียนที่ อำ�เภอเมือง แอลเลยเหมือนลูกคนเดียว เด็กๆ แอลเรียบร้อยค่ะ เชื่อฟังพ่อแม่มาก (ยิ้ม) เพราะพ่อดุ ขนาดโตจนเรียนชั้นมัธยมที่ เบญจมราชูทิศแล้ว พ่อก็ยังไม่ยอมให้อยู่ในเมืองแบบพี่ๆ นะคะ แอลต้องนั่งรถสองแถวไปกลับทุกวัน แล้วพ่อก็จะขี่มอเตอร์ไซค์ มารอรับทีต่ ลาด ฝนจะตกแดดจะออกถ้าแอลยังไม่กลับ พ่อก็จะรอ อยู่อย่างนั้น วันไหนเถลไถลจะถูกดุกลายเป็นเรื่องใหญ่โตมาก แอลเลยไม่กล้ากลับผิดเวลา แค่ไปกินก๋วยเตีย๋ วกับเพือ่ นก็ไม่เอาแล้ว เพราะทั้งสงสารและกลัวพ่อค่ะ ส่วนพี่เอกับพี่กี้ช่วงนั้นไปเรียน ที่กรุงเทพฯ กันแล้ว ปิดเทอมจะเป็นเวลาที่แอลมีความสุขมาก เพราะพี่ๆ จะกลับบ้าน แอลก็ชะเง้อรอของฝาก (หัวเราะสนุก) พี่เอจะซื้อเสื้อผ้ามาให้ค่ะเพราะรู้ว่าแอลชอบแต่งตัวแล้วก็เป็น หัวโจกพาน้องๆ ไปเที่ยวห้างฯ ในเมือง พ่อเข้มงวดกับแอลทุกเรื่องค่ะ ถึงจะเป็นลูกคนเล็กแต่พ่อ ไม่ได้เลี้ยงเป็นคุณหนู พ่อจะฝึกให้แอลดูแลตัวเองได้ ให้มีความ รับผิดชอบในหน้าที่ คือถ้าตัดสินใจทำ�หรือได้รบั มอบหมายให้ท�ำ อะไร พ่อสอนว่าต้องตัง้ ใจทำ�ให้ดที สี่ ดุ โดยเฉพาะการเรียนพ่อเข้มมากค่ะ จะขอเลยว่าในช่วงที่เรียนอยู่ในโรงเรียนที่พ่อเป็น ผอ. ต้องสอบ ได้ที่ 1 แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งแอลพลาดได้ที่ 2 โอ้ โห..โดนตีเกือบตาย (หัวเราะ) แต่แอลไม่โกรธพ่อนะคะ เพราะพ่ออธิบายว่าที่ตีเพราะ แอลไม่ตงั้ ใจ ถ้าตัง้ ใจก็ท�ำ ได้...ส่วนแม่อยากให้แอลเป็นครูคะ่ เพราะ อยากให้ลูกสาว 2 คนอยู่ใกล้ๆ พี่กี้แม่อยากให้เป็นพยาบาล เขาก็ เรียนตามใจแม่คะ่ มีแต่แอลกับพีเ่ อนีแ่ หละแหกคอก (หัวเราะ) พ่อ อยากให้พเี่ อเป็นวิศวกร พีเ่ อก็ไปสอบให้นะคะ แต่ไม่ท�ำ เป็นอาชีพ ส่วนแอลรู้ตัวว่าครูไม่ใช่เรา เพราะใจชอบด้านออกแบบบ้าน แต่ ตอนนัน้ ยังคิดอะไรไม่เป็นก็ตามผู้ ใหญ่ไปก่อน แต่พอเรียนจบก็ขอ พ่อแม่วา่ จะสอบเข้ามัณฑนศิลป์ ศิลปากร ท่านก็ตามใจค่ะ ตอนนัน้ ยังใช้ระบบเอนทรานซ์อยู่ ลงทุนไปติวกับรุน่ พีท่ ศี่ ลิ ปากรด้วยนะคะ แต่ไม่ตดิ สักคณะ เพราะเพิ่งมาเริม่ ฝึกตอนจะสอบ ก็ไม่ทันคนอื่น (หัวเราะ)

MKD 57


ตอนนัน้ แอลยังหาตัวเองไม่เจอ (ยิม้ ) พอสอบไม่ได้กเ็ คว้งอยู่ พักหนึง่ แต่มาได้คดิ ว่าความชอบกับความถนัดมันคนละเรือ่ ง ก็เลย ตัดสินใจสอบเข้าคณะบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ ทีม่ หาวิทยาลัยรังสิต ตามคำ�แนะนำ�ของพีเ่ อ ตอนสมัครเขาให้เลือก 3 อันดับนะคะ แต่ แอลเลือกสาขานีอ้ นั ดับเดียวเลย เพราะคิดว่าเราเรียนได้และน่าจะ เอาไปใช้ประโยชน์ได้กว้าง แต่กค็ ดิ เผือ่ ไว้นะคะว่าถ้าสอบไม่ตดิ อีก ก็จะไปเรียนต่างประเทศ แต่วา่ ติดค่ะ เลยอดไปเมืองนอกเลย (หัวเราะ)” แล้วเธอก็กม้ หน้าก้มตาเรียนไป...หวังเพียงว่าจะคว้าปริญญา มาเป็นของขวัญแก่ครอบครัว โดยที่ไม่รเู้ ลยว่าสิง่ ทีเ่ ธอกำ�ลังเรียนไป อย่างนัน้ ๆ ‘ใช่’ ตัวเธอมากทีส่ ดุ และทีจ่ ริงความถนัดนีเ้ ริม่ ส่อแวว ให้เห็นมาตั้งแต่ยังเรียนอยู่ชนั้ มัธยมปลาย เพียงแต่เธอไม่สังเกต เท่านั้น... “แอลมารู้ที่หลังว่าสาขานี้เหมาะกับตัวเองที่สุดตอนทำ�งาน แล้วค่ะ คงเป็นเพราะเด็กๆ เราถูกป้อนมาตลอดก็เลยคิดว่าสิ่ง ที่ชอบหรือถนัด ไม่น่าจะใช่อะไรที่เราไม่ได้เลือกด้วยตัวเอง คือ ตอน ม.6 อาจารย์เลือกให้เป็นหัวหน้าห้องค่ะ อาจารย์เห็นว่าแอล ชอบจัดการ ถูกมอบหมายอะไรให้มาก็ตามแอลจะต้องทำ�ทุกอย่าง ให้งานเสร็จอย่างดีทสี่ ดุ จะเป็นคนคอยจัดแจงแบ่งหน้าทีก่ บั เพือ่ นๆ ว่าคนนัน้ ไปทำ�อย่างนี้ คนนีม้ าทำ�อย่างนัน้ จ่ายงานไปตามความถนัด แล้วแอลก็จะคอยกำ�กับ ตรวจสอบ ดูแลบริหารเวลาเพือ่ ส่งงานให้ทนั เดทไลน์ เพื่อนคนไหนมีปัญหาก็ลงไปช่วย จัดหาอุปกรณ์ อำ�นวย ความสะดวกให้เต็มที่ ถ้าคนไหนโยเย แอลจะขอคุยเคลียร์ปญ ั หา ถ้าคุยแล้วไม่รู้เรื่องก็จัดคนลงไปทำ�แทนหรือทำ�เอง แล้วบอกให้ เขารูด้ ว้ ยว่าถ้าไม่ตงั้ ใจ ไม่รบั ผิดชอบ งานส่วนรวมจะเสียหายยังไง งานได้รับคำ�ชมแอลก็จะยกเครดิตให้ทุกคนที่ร่วมมือกัน แต่ชว่ งทีเ่ รียนมหาวิทยาลัยแอลมัวแต่ตนื่ ตากับสิง่ ที่ไม่เคยเจอ เลยไม่เคยสังเกตตัวเอง คิดดูนะคะเพือ่ นชวนไปกินไอศกรีม แอลก็กนิ ไม่เป็นกับเขา เชยมาก (หัวเราะ) แล้วชีวติ ในกรุงเทพฯ ตอนกลางคืน ยังเหมือนกลางวัน เรียนเสร็จแอลก็ไปกินข้าว ดูหนัง ชีวติ ตรงนัน้ เป็นจุดเริม่ ทีท่ ำ�ให้ความคิดแอลเปิดกว้าง แต่มนั เปลีย่ นแบบค่อย เป็นค่อยไปนะคะ เพราะปีแรกแอลยังพักอยูก่ บั พีเ่ อ ตอนนัน้ พีเ่ อ ทำ�งานในวงการแล้วค่ะ แต่หวงน้องมาก ดุพอๆ กับพ่อแม่เลย (หัวเราะ) พอขึน้ ปีสองพีเ่ อต้องย้ายไปอยูใ่ กล้ๆ ทีท่ �ำ งาน แอลอยูก่ บั พีก่ สี้ องคน ก็อิสระมากขึ้น แต่กว่าจะถึงตอนนั้นแอลก็ติดนิสัยไปแล้วว่าต้อง กลับบ้านเร็ว ต้องดูแลตัวเองให้ดี ถ้ารับปากว่าจะกลับเวลาไหนก็ ต้องเวลานัน้ ไม่ผดิ คำ�พูด เพราะจะทำ�ให้คนอืน่ ทุกข์และเสียเวลา โดยเปล่าประโยชน์ ช่วงนัน้ แอลตัง้ หน้าตัง้ ตาเรียนให้จบตามเป้า ไม่ คิดจะสอบใหม่ดา้ นศิลปะอีกเลย เพราะลึกๆ ใจเริม่ มีหวังว่าวันหนึง่ จะได้ ใช้วชิ าทีเ่ รียน ทัง้ ๆ ทีใ่ นหัวไม่รเู้ ลยว่าจบแล้วจะทำ�งานอะไรนะคะ...”

Working

แต่ทนั ทีทเี่ รียนจบโชคชะตาก็ท�ำ ให้เธอต้องมาทำ�งานในวงการ บันเทิงเช่นเดียวกับพีช่ าย โดยได้รบั มอบหมายให้เป็นผูจ้ ดั การส่วนตัว ของดาราสาวดาวรุง่ ‘ปู ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนด์เบิรก์ ’ และอาชีพ ที่ ไม่คาดฝันนี้ก็กลับกลายมาเป็นงานที่ดึงเอาความถนัดด้านการ บริหารจัดการที่มีอยู่ในตัวออกมาแสดง จนเธอค้นพบตัวเอง... “ช่วงนั้นแอลต้องย้ายมาอยู่บ้านพี่เอ ตอนนั้นมีเด็กฝึกเป็น นักแสดงมาอยูบ่ า้ นพีเ่ อเยอะค่ะ อย่างเนย โชติกา ฝ้าย ณิชานันท์ หมาก ปริญ ณเดช คูกมิ ยิ ะ มิน้ ณัฐวรา เวลาอยูบ่ า้ นแอลต้องดูแล เขาเหมือนเราเป็นพีส่ าว พีเ่ อจะสอนเด็กๆ เสมอว่าดาราเป็นเพียง อาชีพหนึ่งเหมือนอาชีพอื่น เราจึงต้องให้เกียรติคนอื่นเพราะคน ทีย่ ดึ อาชีพสุจริตต่างมีคณ ุ ค่าในตัวเอง คนเป็นดาราคือคนที่ได้รบั โอกาสจากคนในอาชีพอื่นๆ ให้มาสร้างความสุข เมื่อเข้ามาแล้วก็ ต้องทำ�งานเต็มที่ เพราะถ้าวันไหนผลงานไม่ดี ก็จะไม่ได้รบั โอกาส นั้นอีก แอลก็พยายามดูแลน้องๆ ในแบบที่พี่เอสอน ผูจ้ ดั การนักแสดงเป็นงานทีห่ นักมากๆ ไม่ใช่แค่คอยดูแลคิวนะคะ แต่แอลต้องดูแลเรื่องส่วนตัวให้เขาทุกเรื่อง ต้องเป็นทั้งเพื่อน พี่ ผูจ้ ดั การ คนรับใช้ และผูป้ กครองในเวลาเดียวกัน ตอนนัน้ ถึงได้รวู้ า่ งานพีเ่ อหนักยังไง (หัวเราะ) ตืน่ ตีสี่ เลิกตีหนึง่ เป็นเรือ่ งปกติมากค่ะ แต่แอลเป็นคนลุยๆ และอดทนเลยไม่ล�ำ บากอะไร ทำ�ได้ปหี นึง่ แอล ก็รวู้ า่ อาชีพนี้ ไม่ใช่ปลายทางของเรา เลยไปบอกพีเ่ อว่าอยากเปลีย่ น พี่เอก็แนะนำ�ว่าลองไปทำ�งานบริษัทดูสิ จะได้เข้าใจระบบองค์กร แอลเลยมาสมัครเป็นเลขาฯ ที่ Tsutaya ทำ�ได้ปเี ศษๆ แม่กบั ญาติ ที่ร่วมกันทำ�ธุรกิจโรงเรียนกวดวิชาเตรียมทหาร/ตำ�รวจที่นครฯ ก็มาชวนว่ามาช่วยบริหารไหม เพราะใจแม่อยากให้แอลอยูใ่ กล้ๆ อยูแ่ ล้ว ตอนนั้นปากก็บอกแม่ไปว่าขอดูก่อนนะ แต่ลึกๆ บอกตัวเองว่า เราทำ�ได้ (ยิ้ม)” เมือ่ บอกตัวเองอย่างนัน้ เธอจึงตีตวั๋ เครือ่ งบินเดินทางมาเรียนรู้ รูปแบบธุรกิจกับแม่ที่บ้านเกิดและตัดสินใจทำ�ทันที โดยมีท่าน ชาญชัย สุนทรมัฏฐ์ ซึง่ เป็นลุงมาเป็นทีป่ รึกษากิตติมศักดิ์ และได้ แนะนำ�ให้เธอมาเปิดโรงเรียนกวดวิชาแห่งใหม่ทสี่ รุ าษฎร์ธานี นับแต่นนั้ เส้นทางธุรกิจและเส้นทางชีวิตในแบบของเธอก็เริ่มต้นขึ้นที่ เมืองคนดี... “ช่วงแรกแอลต้องบินไปลงทีน่ ครฯ เพือ่ ไปเอารถพ่อขับมาหา ตึกเช่าทีส่ รุ าษฎร์ฯ มากับแม่ 2 คนค่ะ หลงทางตลอดเพราะไม่เคย มาสุราษฎร์ฯ (หัวเราะ) บินไป-กลับกรุงเทพฯ ทุกวีค แต่ไม่เคยกลัว ไม่เคยท้อ พอได้ตกึ แอลก็ลาออกแล้วลงมาอยูส่ รุ าษฎร์ฯ ตัวคนเดียว คุณแม่จะมาเยีย่ มเป็นช่วงๆ ค่ะ แอลขนช่างจากกรุงเทพฯ มาด้วย แอลคุมงานปรับปรุงตกแต่งตึกเองตั้งแต่วันแรกจนเสร็จ วันเปิด โรงเรียนแอลยังนั่งขูดสีถึงตีห้า เพราะช่างทำ�ไม่ทัน (หัวเราะ) แต่

MKD 58


MKD 59


MKD 60


ระหว่างนัน้ ก็เดินสายไปพบผู้ ใหญ่ ไปแนะนำ�ตัวกับท่าน ผอ. ตาม โรงเรียนต่างๆ ทีค่ ณ ุ ลุงแนะนำ� วันเปิดโรงเรียนแขกมาเยอะมากค่ะ ต้องกราบขอบพระคุณคุณลุงทีเ่ มตตา เพราะจากที่ไม่รจู้ กั ใครเลย กลายเป็นตอนนีแ้ อลมีคณ ุ ลุง คุณป้า คุณน้าหลายท่าน เพือ่ นคุณลุง ทัง้ นัน้ ค่ะ น้าแอ๋ว ลัฐกิ า ศรีสวัสดิ์ ผูบ้ ริหารโรงแรมวังใต้กม็ าชวนทานข้าว ทุกวัน แอลโชคดีมากที่ได้เจอผู้ ใหญ่ใจดี และยังพาไปรูจ้ กั เพือ่ นฝูง อีกมากมาย ตอนนี้แอลเลยรู้สึกว่าเป็นสาวสุราษฎร์ฯ เต็มตัวค่ะ” 1 ปีผ่านไปโรงเรียนกวดวิชา 4 เหล่าของเธอก็ประสบความ สำ�เร็จ เปิดเทอมแรกก็มีเด็กมาสมัครเป็นลูกศิษย์ 35 คน และ สามารถส่งเด็กไปถึงฝั่งฝันได้ตามเป้าหมายหลายคน นั่นเพราะ เธอใส่ใจและทุ่มเทในการบริหารจัดการโดยยึดหลักเอาใจเขามา ใส่ใจเรา “แอลเชื่อว่าเด็กจะเรียนดีได้ต้องดีจากตัวเอง โรงเรียนและ ติวเตอร์เป็นเหมือนโค้ชทีค่ อยชีท้ าง คอยแก้จดุ อ่อนให้ สิง่ สำ�คัญ คือเราต้องเปิดใจนักเรียนให้เขารูส้ กึ รักทีจ่ ะเรียนรู้ ให้ได้กอ่ น แอล ได้พาร์ทเนอร์ดีค่ะ เขาเป็นนักเรียนนายร้อยทหารบก ซึ่งมีความ เข้าใจเด็กๆ ที่มีฝันตรงนี้ เราจะลงไปคลุกกับเด็กทุกคน เด็กเตะ บอล เราเตะด้วย เด็กว่ายน้ำ� เราก็ไปเดินคุยกับเขารอบสระ กับ ผู้ปกครองก็ต้องจูนค่ะ ไม่ใช่แค่ระหว่างโรงเรียนกับผู้ปกครอง เท่านั้นนะคะ เราต้องจูนเขาให้เข้าใจลูกๆ และให้เข้าใจตัวเอง ด้วย เพราะพ่อแม่บางคนก็หวังไว้สูงซึ่งบางครั้งก็เกินความ สามารถของเด็ก เราก็ตอ้ งบอกความจริง แต่ไม่ใช่ไปดับฝันนะคะ เรามีหน้าทีห่ าทางให้ฝนั เขาเป็นจริง ถึงสอบไม่ได้ชว่ งจบ ม.3 ก็ไม่ได้ หมายความว่าเส้นทางที่เข้าไปสู่ 4 เหล่าทัพจะตัน เพราะจบ ม.6 แล้วก็ยังมีช่องทางสอบได้ การบังคับหรืออัดความรู้ ในเวลาที่ เด็กไม่พร้อมไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องค่ะ ซึ่งพอผ่านการจูนขั้นนี้ ไปแล้ว นักเรียนจะค่อยๆ เปิดใจ เราถึงจะป้อนวิชาการและอื่นๆ ให้เขา เต็มที่ แต่ก็ต้องติดตามไปพูดคุยกับผู้ปกครองต่อเนื่องด้วยว่า แผนการเรียนการสอนสำ�หรับเด็กแต่ละกลุม่ เป็นอย่างไร บางคน ไปคุยถึงบ้านเลยก็มี เป็นงานทีย่ ากค่ะ แต่ทา้ ทายมาก (ยิม้ )... การ บริหารโรงเรียนกวดวิชาจะสำ�เร็จหรือไม่อยูท่ ผี่ ลสำ�เร็จของนักเรียน ค่ะ จะมองตัวเงินมาก่อนไม่ได้ เมื่อไรที่เรามีเด็กมาก เราก็ต้องมี ติวเตอร์เก่งๆ มากพอที่จะดูแลทั่วถึง และต้องอัพเดทข้อมูลกับ ภายนอกตลอดเวลาเพือ่ นำ�มาประคับประคองเด็กให้ไปถึงเส้นชัย ในวันข้างหน้าค่ะ”

Family

ถึงผูห้ ญิงคนนีจ้ ะมาอยูส่ รุ าษฎร์ฯ ไม่นานนัก แต่เธอบอกกับเรา อย่างหนักแน่นว่าผูกพันกับทีน่ เี่ สมือนบ้านเกิดจึงตัดสินใจซือ้ บ้าน ลงหลักปักฐาน แต่เนือ่ งจากสามีเป็นนักแสดงทัง้ คูจ่ งึ ต้องใช้ชวี ติ อยู่กรุงเทพฯ เป็นส่วนใหญ่ เพราะเธอต้องทำ�หน้าที่เป็นผู้จัดการ ส่วนตัวให้สามีดว้ ย แต่ถงึ อย่างนัน้ ก็ยงั แบ่งเวลากลับบ้านและมา ดูแลธุรกิจสม่ำ�เสมอ นอกจากนีย้ งั เป็นหุน้ ส่วนใหญ่และผูร้ เิ ริม่ ก่อ ตัง้ ร้านอาหาร Victor Cafe’ ณ ใจกลางเมืองสุราษฎร์ฯ ซึง่ กลาย เป็นร้านฮ็อตฮิตทีม่ ลี กู ค้าหนาแน่นทุกวัน ล่าสุดยังรับงานแสดงด้วย และต้นปีหน้าเราจะได้เห็นผลงานของเธอในละครทางช่อง 7 สี

“ร้านอาหารนี่แอลก็คุยกับสามีว่าอยากทำ�ในแบบที่เรา ชอบ ร้านลักษณะนี้ยังไม่มีในสุราษฎร์ฯ และก่อนจะทำ�เราต้อง จัดสรรเวลาเพื่อจะมาดูแลได้ เพราะแอลเป็นคนทำ�อะไรทำ�จริง แอลเชื่อว่าความสำ�เร็จจะได้มาต้องตั้งใจจริง ทุ่มเท และศึกษา ต้องขอบคุณพ่อกับแม่ที่เลี้ยงแอลให้เป็นแบบนี้ ทุกวันว่างเรา จะบินมาสุราษฎร์ฯ มาดูแลโรงเรียนและร้านจนกว่าจะหมด เวลาว่าง (ยิม้ )...เหนือ่ ยมากค่ะ (หัวเราะ) แต่กม็ คี วามสุขที่ได้สร้าง ธุรกิจด้วยมือของเราเอง ภูมิใจที่ไม่รบกวนทางบ้าน อุปสรรคมัน เป็นเรื่องที่ต้องมีค่ะ เราก็แก้ปัญหากันไป ไม่เคยมานั่งโทษกัน ว่าเธอไม่น่าทำ�แบบนั้นเลย แค่เตือนให้รู้ว่าต้องระวังเรื่องอะไร แล้วจบ ตอนนี้ชีวิตคู่ของเราเลยมีแต่งานค่ะ (หัวเราะเบาๆ) พลจะรับงานแสดงเป็นหลัก กำ�ลังถ่ายละคร 3 เรื่อง หวานใจ นายจิตระเบิด ลูกผู้ชายพันธุ์ดี และเขยใหญ่สะใภ้เล็ก ส่วนแอล ดูธุรกิจเป็นหลักค่ะ เพิ่งจะตัดสินใจไปรับเชิญในละคร เพราะพี่ๆ เห็นว่าแอลต้องมาดูแลพลทีก่ องอยูแ่ ล้ว แต่คงรับเป็นงานอดิเรก มากกว่าค่ะ เพราะแอลไม่ถนัดแสดงเท่าไร (ยิม้ เขิน) ตอนนีก้ �ำ ลัง ถ่ายเรื่องหวานใจนายจิตระเบิด เป็นละครเย็นค่ะ แอลกับพลแต่งงานมา 2 ปีแล้วค่ะ เราเริ่มจากความเป็น เพือ่ น มีอะไรก็ชว่ ยเหลือกันจนเกิดเป็นความรัก ตอนแต่งงานอายุ 26 หลายๆ คนก็บอกอายุยังน้อย แต่เราคิดว่าถ้าเราต้องการที่ จะสร้างครอบครัวของเราเอง เราต้องเริ่มเร็ว...แอลกับพลเป็น คนคล้ายๆ กันค่ะ คือทำ�อะไรแล้วจะทำ�ให้ดีที่สุด เอาให้สุดกำ�ลัง สุดความสามารถทีม่ ี เมือ่ ก่อนพลไม่ได้รกั การแสดงเลยนะคะเพราะ เขาขี้อาย แต่เมื่อมีโอกาสก็พยายามอย่างที่สุด เดี๋ยวนี้อ่านบท รอบเดียวจำ�ได้เลย (ยิม้ ) เราจะให้กำ�ลังใจกันว่าโชคชะตากำ�หนด ให้เราต้องทำ� จะลำ�บากแค่ไหนก็ต้องสู้ เราเป็นทั้งเพื่อน พี่ น้อง และสามีภรรยา จะพูดกันเสมอว่าไม่มีเรื่องอะไรที่เราจะอดทน หรือให้อภัยกันไม่ได้ เราพร้อมทีจ่ ะลดตัวเองลง และรูว้ า่ เวลาไหน เราจะเดินเสมอกัน เวลาไหนใครจะนำ�โดยไม่ตอ้ งถาม อย่างเวลา ไปกองถ่ายแอลคือผู้จัดการส่วนตัวคนหนึ่งของพล ไม่ต้องรอให้ พลขอแอลก็ตอ้ งพร้อมทีจ่ ะดูแลเขา อาหาร น้�ำ ดืม่ เสือ้ ผ้า ขับรถให้ แต่วนั ธุรกิจเราก็จะแบ่งงานกันทำ�ตามหน้าที่ และพลก็จะเป็นฝ่าย ดูแลแอล นี่แหละค่ะนิยามของคำ�ว่าคู่ชีวิตสำ�หรับเรา... อนาคตแอลยังมีฝนั ว่าจะเปิดโรงเรียนเสริมทักษะทางภาษาให้ เด็กอนุบาลและประถมค่ะเพราะจากประสบการณ์ทเี่ ปิดโรงเรียน เตรียม 4 เหล่า รูเ้ ลยว่าเด็กใต้ยงั มีปญ ั หามาก แอลคิดว่าต้องปูพนื้ ทีถ่ กู ต้องกันตัง้ แต่เล็กๆ แต่เราต้องสร้างสือ่ การเรียนการสอนทีเ่ ปิด โอกาสให้เด็กได้คดิ เด็กจะเรียนรู้ โดยมีความสนุกด้วย แต่คงต้อง ศึกษาและเตรียมงานอีกพักใหญ่ เพราะถ้าแอลจะทำ� แอลต้อง ทำ�ให้ดีที่สุดค่ะ” หน้าฉากในสังคมคนบันเทิง ผู้หญิงคนนี้เป็นที่รู้จักในฐานะ น้องสาวของผูจ้ ดั การดาราทีย่ งิ่ ใหญ่ หน้าฉากในละคร เธอคือนัก แสดงตัวเล็กๆ ที่มีบทบาทไม่มากนัก แต่ในชีวิตจริงเธอคือนักสู้ ผู้ ไม่เคยท้อ และเราก็เชื่อว่าคนที่มีกำ�ลังใจเข้มแข็งเช่นนี้หาก ได้ตัดสินใจหยิบจับสิ่งใด ความสำ�เร็จจะรออยู่ข้างหน้าเสมอ...

MKD 61


CEL EBRI TY D I SH

Story : Silver Spoon Photo : Pom (Demand Group)

cool & classic victor cafe’

พูลภัทร อัตถปัญญาพล

สารภาพอย่างตรงไปตรงมาว่าร้านอาหารที่ผมพาคุณมารู้จักในฉบับนี้เป็นร้าน ในฝันที่ผมรอมานาน รอมาตลอดว่าเมื่อไรหนอสุราษฎร์ฯ บ้านเราจะมีร้านอาหาร ใจกลางเมืองที่ ให้ความรู้สึก Cool แต่ Classic ประหนึ่งนั่งอยู่ ในบ้านเท่ๆ ของ คนรุ่นใหม่ที่ตกหลุมรักในศิลปะที่มีทั้งความละเมียดละไมและความดิบอยู่ ในตัว... จนวันหนึง่ เมือ่ ประมาณสักปี ดูจากภาพทีผ่ มนำ�มาฝาก คุณคงเห็นแล้วว่าเสน่หข์ อง Victor เศษทีผ่ า่ นมา ผมแวะมาหาเพือ่ น Cafe’ มีลน้ เหลือและแปลกใหม่อย่างทีเ่ ฮียหลีพดู ไว้ ก็จะไม่ให้เป็น ที่ The One Hotel จึงได้มา อย่างนัน้ ได้อย่างไรในเมือ่ คุณพล พูลภัทร อัตถปัญญาพล และ เจอร้านในฝันตรงหน้าโรงแรม คุณแอล ทัศนวรรณ ศรีวิจิตต์ ผู้เป็นเจ้าของร้านตั้งอกตั้งใจที่จะ เข้าพอดี ซึง่ เวลานัน้ ยังสร้างไม่ สร้างร้านนี้ให้เป็นทางเลือกทีแ่ ตกต่าง และถ้าคุณรูส้ กึ คุน้ หน้าสอง เสร็จ เห็นปับ๊ ผมร้องบอกตัวเอง หนุ่มสาว ไม่ต้องแปลกใจเพราะทั้งคู่เป็นดาราช่อง 7 ตอนนี้คุณ ด้วยความดีใจว่า “ว้าว...ฝัน พลกำ�ลังมีผลงานเรือ่ ง “ลูกผูช้ ายพันธุด์ ”ี “เขยใหญ่ สะใภ้เล็ก” เป็นจริงเสียที เปิดเมื่อไรไม่ และ “หวานใจนายจิตระเบิด” ทีม่ คี ณ ุ แอล ร่วมเล่นในเรือ่ งนีด้ ว้ ย ประกิต ประสิทธิ์ศุภผล พลาดชัวร์...” แต่ด้วยติดคิว “Victor Cafe’ เป็นไอเดียของผมกับแฟน คือช่วงที่เราอยู่ ของคนดังที่ผมนัดเอาไว้ล่วงหน้าให้เป็นผู้แนะนำ�ร้านโปรดตาม สุราษฎร์ฯ กลางคืนก็ไม่รจู้ ะทำ�อะไรกัน เพราะเราชินกับการทำ�งาน คอนเซปต์คอลัมน์ จนแล้วจนรอด...ผมจึงไม่ได้แนะนำ�ร้านนี้ พออยูบ่ า้ นเฉยๆ ก็เลยรูส้ กึ แปลก ดูหนังก็แล้ว ฟังเพลงก็แล้ว เลย แก่คณ ุ ผูอ้ า่ นสักที ทัง้ ๆ ทีต่ วั ผมเองแอบมานัง่ ชิลล์หลายครัง้ และ คุยกันว่าเปิดร้านอาหารดีกว่า... ชื่อ Victor Cafe’ นี่มาจากคำ�ว่า ติดใจในบรรยากาศทีซ่ งิ ค์กนั อย่างพอดีระหว่างความดิบและคลาสสิค Victory ซึ่งแปลว่าผู้ประสบความสำ�เร็จหรือชัยชนะ เราชอบ ส่วนรสชาติอาหาร บอกคำ�เดียวว่า ‘สุด’... กระทัง่ ได้มาเจอเฮียหลี ความหมายครับ แต่มันยาวไป แอลก็เลยบอกว่างั้นใช้ Victor คอนเซปต์ร้านและการตกแต่งเราก็ช่วยกันคิดครับ ของตกแต่ง ประกิต ประสิทธิ์ศุภผล การรอคอยของผมจึงจบลง... “ร้านเด็ดของผมก็คือ Victor Cafe’ ครับ เป็นร้านของคน เลื อ กกั น เองหมดเพราะแฟนผมชอบตกแต่ ง บ้ า นอยู่ แ ล้ ว หนุม่ สาวรุน่ ใหม่หวั คิดทันสมัย ร้านก็เลยเท่และมีบรรยากาศไม่ซ�้ำ เขาลงมาคุ ม งานก่ อ สร้ า งตั้ ง แต่ วั น แรกจนถึ ง วั น เปิ ด ร้ า น 4 กิโลฯ เลย กับที่สุราษฎร์ฯ เคยมี บรรยากาศโอเพ่นแอร์ การตกแต่งก็Acrylic ดี น้ำ�&หนัoilกลดไป on canvas ผมคุยกับแอลว่าอยากทำ�ร้านอาหารที่เปิดเพลงเพราะๆ อาหารอร่อยทุกอย่าง จัดจานสวยทุกจาน ทีผ่ มชอบก็เป็นเมนูแนะนำ� บรรยากาศต้ องแปลกใหม่แหวกจากสไตล์ที่มีอยู่ในสุราษฎร์ฯ ของที่นี่ เช่น สปาเก็ตตี้คาโบนาร่าไข่ข้น ยำ�กุ้งแช่น้ำ�ปลาวาซาบิ กุ้งกระเบื้อง ผมมาทานที่นี่บ่อยครับ เพราะร้านไม่อึกทึกเกินไป และต้องเป็นแบบที่เป็นตัวตนของเราทั้งคู่ คือสบาย เปิดโล่ง แต่ เปิดเพลงดังกำ�ลังดี นั่งกินไปคุยกันไปได้ ลูกๆ ผมก็มาบ่อยนะ ดูคลาสสิค มีที่มาที่ไป ของตกแต่งหลักนี่ไปเลือกถึงโกดังสินค้า จากยุโรป ทีน่ นั่ จะมีเก้าอีว้ างเรียงกันเป็นร้อยๆ ตัว เราก็จะชีๆ้ เอา เขาชอบบรรยากาศ...” MKD 62


MKD 63


โต๊ะนี้ โซฟานีแ้ ล้วมาจับแมทช์ ใหม่ เป็นการผสมผสานระหว่างตัว ผมกับแอลนัน่ แหล่ะครับ แอลจะมีความคลาสสิค อย่างพวกโซฟา แจกันดอกไม้ทรงโรมัน แชนดาเลียร์เขาจะเป็นคนเลือก ผมหนัก ไปทางผนังปูน อย่างอิฐด้านหลังนี่ก็เอาของดีๆ มานั่งทุบ (ยิ้ม) ผมทุบเองให้ดูเป็นลวดลาย ส่วนเรื่องอาหารแอลจะคิดเป็นหลัก เขาชอบทำ�อาหาร หลายจานคิดสูตรเอง การแต่งจานแอลก็คิด แบบเองแล้วไปสอนแม่ครัวอีกที เราเป็นร้านอาหารนานาชาติครับ อาหารไทยรสเจ็บๆ ก็มี อาหารฝรัง่ ก็ได้ เป็นฟิวชัน่ ฟูด้ ที่ไม่เน้นแค่ รสชาติอย่างเดียว แต่ต้องสวยงามด้วยครับ” ถ้ามา Victor Cafe’ คุณไม่ควรพลาดจานเด็ดทีเ่ ฮียหลีแนะนำ� ไว้ครับ แค่สปาเก็ตตีค้ าโบนาร่าไข่ขน้ จานเดียวก็ยดึ พืน้ ทีห่ วั ใจผมไป มากกว่าครึง่ เพราะเส้นทีต่ ม้ สุกนุม่ กำ�ลังดี ราดด้วยน้�ำ ซอสเข้มข้น หอมกรุน่ โปะหน้าด้วยไข่กงุ้ สีสม้ สด เคีย้ วกรุบๆ และไข่ลวกฟองโต โอ้วววว...ความเข้มข้นหอมมันระเบิดระเบ้อเต็มปาก ส่วนยำ�กุ้ง

แช่น้ำ�ปลาวาซาบิก็เด็ดครับ กัดคำ�แรกผมยกนิ้วให้คนคิดสูตร แทบไม่ทัน เพราะเอาจุดเด่นของอาหารไทยมาผสมกับญี่ปุ่นได้ อย่างฉลาดและน่าประทับใจมาก กุ้งกระเบื้องก็กุ้งเป็นกุ้งจริง ไร้มนั หมู...และในฐานะทีผ่ มแวะไปชิมมาแล้วหลายเมนู ขอแนะนำ� เพิ่มจากเฮียหลีอีกสักหน่อยว่าคุณต้องลองสเต็กหมูคุโรบูตะ พริกไทยดำ� สปาเก็ตตีข้ เี้ มาทะเล และคอหมูยา่ งจิม้ แจ่วจานหลังนี้ ใช้หมูสันคอใบบัวเกรดเอ มีไขมันแทรกประปราย นำ�ไปหมักกับ น้ำ�ซอสสูตรเฉพาะของร้านจนนุ่ม ผมชิมคอหมูย่างมาหลายร้าน ยอมรับว่าของที่นี่ ‘โดนลิ้น’ ผมมากกกกกครับ ตอนนี้ทางร้านมีโปรโมชั่นลดค่าอาหาร 10% จะมาจัดเลี้ยง วันเกิดก็ลด 10% รับจัดงานเลีย้ งทุกรูปแบบ ค่�ำ คืนนีถ้ า้ คุณเหงา อย่าจมอยูก่ บั มันเลย... นัดเพือ่ นมาทานอาหารอร่อยๆ และสังสรรค์ ที่ Victor Cafe’ แล้วคุณจะมีรอยยิ้มชิลล์ๆ ติดตัวกลับไปครับ...

สถานที่ตั้ง Victor Cafe’ ถ.ท่าทอง ต.ตลาด อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี โทร. 098 361 4662 เวลาเปิด 17.00-24.00 น. MKD 64


YOU R TA STE

Story : Silver Spoon Photo : Pom (Demand Group)

bar-say บาร์-เชย์

ใครชอบคาราโอเกะ ร้านนีเ้ ป็นตัวเลือกทีด่ อี กี แห่งหนึง่ ตัง้ อยูใ่ น อาณาเขตของ ‘เรือนวารินทร์’ สถานดูแลสุขภาพครบวงจร ที่จอด รถกว้างขวาง บรรยากาศมีทั้งโซนกลางแจ้งให้ความรู้สึกสบายเป็น กันเอง และภายในอาคารติดแอร์เย็นฉ่�ำ อาหารจานเด็ดทีห่ ลายคน ติดใจก็คอื ขาหมูเยอรมัน ที่ใช้ขาหมูคหู่ ลังทีม่ เี นือ้ นุม่ มันน้อยมาทอด จนกรอบนอกนุม่ ใน ทานแกล้มอาจาดผัก โรยมัสตาร์ดนิด น้�ำ จิม้ ทะเล หน่อย แหม...อร่อยอย่างแรง อีกจานที่ไม่ควรพลาดคือยำ�แซลมอน ที่โดดเด่นตรงความสดจัดของปลา ช่วงนีถ้ งึ สิน้ ปีทางร้านมีโปรโมชัน่ พิเศษสำ�หรับลูกค้าทีต่ อ้ งการจัดเลีย้ งทุกชนิด มีหอ้ งคาราโอเกะวีไอพี ส่วนตัวมากๆ สำ�หรับเลีย้ งวันเกิด นอกจากจะได้รบั ส่วนลดค่าอาหาร 10% แล้ว ยังได้รบั เค้กวันเกิดฟรีดว้ ย เปิดบริการทุกวันตัง้ แต่ 17.0024.00 น. จองห้องล่วงหน้าที่โทร. 09 5536 5711 Location : Mueang Suratthani District, Suratthani, Thailand Contact : 09 5536 5711

ร้านครัวคีรี

ครัวคีรีเป็นร้านชื่อดังของตำ�บลท่าขนอน อำ�เภอคีรีรัฐนิคม ถ้าคุณมี โอกาสแวะมาเทีย่ วหินพัดแล้วเลยผ่านร้านนี้ ไป ขอบอกเลยว่าน่าเสียดายมาก เพราะฝีมอื ปรุงอาหารใต้ของ ‘คุณรัตนา วิจารณ์’ เจ้าของร้านนัน้ ขึน้ ชือ่ ว่า เป็นหนึง่ ในตองอู...เมนูเด็ดที่ไม่ควรพลาดก็คอื แกงพริกกระดูกหมู น้�ำ แกง ข้นคลัก่ หอมฉุย กระดูกหมูออ่ นเนือ้ นุม่ เคีย้ วไม่ตดิ ฟันส่วนแกงส้มหน่อไม้ ดองปลากด กับปลาดุกทะเลผัดเครื่องแกงก็ ไม่แพ้ ใคร เคล็ดลับ อยู่ที่เครื่องแกงที่โขลกเองสดๆ ออเดอร์ ไปถึงครัวปั๊บจะได้ยินเสียง สากกระทบครกหินดังโป๊กเป้กลอดออกมาทีเดียว ทั้งสองอย่างกินคู่กับ หมูสามชั้นทอดมะกรูดเข้ากันมาก ส่วนออเดิร์ฟแนะนำ�คือ ส้มตำ�ปูม้า ยำ�รวมมิตรทะเล รับรองว่าจี๊ดจ๊าดถูกใจสาวๆ บรรยากาศร้านก็ร่มรื่น ตั้งอยู่ในปั๊มน้ำ�มันคีรี ห้องน้ำ�สะอาดสะอ้านและมีโซนกาแฟสดรสดี คอยบริการนักเดินทางที่บริเวณหน้าร้านด้วย เปิดทุกวันตั้งแต่ 11.0022.00 น. ถ้าต้องการจัดเลี้ยง จองล่วงหน้าที่โทร. 09 8715 2059 Location : Kiri rat nikhom District, Suratthani, Thailand Contact : 09 8715 2059

ร้านนางกำ�ซีฟู้ด

เลีย้ วขวาเข้าหาดนางกำ� ร้านนีจ้ ะตัง้ อยูข่ วามือเป็นร้านที่ 2 ร้าน นางกำ�ซีฟดู้ เป็นอีกร้านหนึง่ ทีเ่ ป็น Signature ของหาดนางกำ� อำ�เภอ ดอนสัก เพราะเจ้าของร้าน ‘คุณอาภาศรี นาคมณี’ เรียนจบด้าน โภชนาการและคหกรรมศาสตร์มาจากสถาบันโชติเวช มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลพระนคร แถมยังรักการทำ�อาหารมาตั้งแต่ รุน่ สาวฝีมอื จึงไม่ธรรมดา จานที่ไม่ควรพลาดคือแกงคัว่ หอยขมทะเล ทะเลลุยสวน ปลาสองใจ และกุง้ ผัดซอสมะขาม จานหลังนีน้ �้ำ ซอส เด็ดมาก รสกลมกล่อม ชิมปับ๊ รับรองว่าไม่มใี ครยอมวางช้อน ปิดท้าย ด้วยของดีอ�ำ เภอดอนสัก ‘ปูมา้ นึง่ ’ ใครพลาดถือว่ามาไม่ถงึ ดอนสัก เพราะปูม้าที่นี่ ได้ชื่อว่าอร่อยที่สุดในโลก!! ตบท้ายด้วยวุ้นกะทิสด ทีท่ างร้านอภินนั ทนาการฟรี แต่พอลิม้ รสก็มแี ต่คนขอซือ้ กลับ เพราะ อร่อยเกินห้ามใจ ร้านเปิดบริการทุกวันตัง้ แต่ 9.00-22.00 น. แต่ชว่ ง เทศกาลต้องจองโต๊ะแต่เนิ่นๆ ที่โทร. 08 5925 2600, 077 471118 มิเช่นนั้นอดทานไม่รู้ด้วย Location : Donsak District, Suratthani, Thailand Contact : 08 5925 2600

MKD 65


G OOD TH I NG F ROM SONG Story : Keeta

limelight

I can see the glow of a distant sun I can feel it inside Maybe this day could be the one I can hear the roar of a distant crowd They are waiting for me Calling my name Shouting out loud Holding on isn’t always easy I ain’t gonna change my mind *Limelight you were all I ever wanted Since it all began Limelight shining on me Telling the world who I am Limelight don’t let me slip right through your fingers There’s a long way to fall After the years of waiting I’m gonna show them all I can see the world in a different light Now it’s easy to say Where I went wrong What I did right I can hear the beat of a different drum Take it all in my stride Hold my head high Second to none Holding on wasn’t always easy But nothing can change my mind Repeat* Maybe the role’s not easy, maybe the prize is small After the years of waiting I’m gonna show them all ...

ฉันมองเห็นแสงเรืองรองของดวงตะวันอันแสนไกล ฉันสัมผัสแสงระยับนั้นได้ด้วยหัวใจ บางทีวันนี้... อาจเป็นวันที่ฉันรอคอย ฉันได้ยินเสียงก้องกระหึ่มของฝูงชนที่อยู่ไกลลิบ พวกเขากำ�ลังรอฉันอยู่ กำ�ลังร้องเรียกชื่อของฉัน ด้วยเสียงตะโกนอันดัง การรักษาความมุ่งมั่นให้คงอยู่ ไม่ใช่เรื่องที่ทำ�ได้ง่ายดายนัก ถึงอย่างนั้น...ฉันก็จะไม่มีวันเปลี่ยนใจ สายตาที่คอยเฝ้ามองของพวกคุณคือสิ่งที่ฉันต้องการมาโดยตลอด นับตั้งแต่ความมุ่งมั่นตั้งใจบังเกิดขึ้น แสงไฟแห่งเวทีเอย....จงส่องลงมาที่ฉัน ประกาศให้ โลกรู้ว่า...ฉันคือใคร โปรดเถิดแสงไฟ... อย่าปล่อยฉันให้ลื่นหลุดจากการเกี่ยวกุม ระยะทางมันช่างไกลนัก กว่าที่ฉันจะร่วงลงไปถึง หลังจากหลายปีแห่งการรอคอย ฉันจะแสดงให้พวกเขาเห็นในสิ่งที่ฉันเป็น... ฉันรู้จักโลกใบนี้ ในมุมมองที่หลากหลาย ตอนนี้มันจึงง่ายเหลือเกินที่จะพูดว่า... ถนนสายไหนเคยทำ�ฉันหลงทาง และอะไรคือสิ่งที่ ‘ใช่’... ฉันรู้ซึ้งถึงจังหวะกลองที่มีความแตกต่าง ฉันเอามันอยู่หมัด และเดินเชิดหน้าอย่างภาคภูมิว่า ไม่เป็นที่สองรองจากใคร การรักษาความมุ่งมั่นให้คงอยู่ ไม่เคยเป็นเรื่องง่ายเลย แต่...ไม่มีอะไรหยุดฉันได้ ซ้ำ�* แม้ว่าบทบาทที่ได้รับจะไม่ใช่เรื่องง่าย... แม้ว่ารางวัลแห่งความทุ่มเทจะเล็กน้อย... หลังจากหลายปีที่สู้ทนรอคอยมา ฉันก็ยังจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่า ฉันคือใคร....

artist : The Alan Parsons Project คอเพลงสากลรุ่นเก่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักวงดนตรีฝีมือระดับพระกาฬ ‘The Alan Parsons Project’ ที่ก่อตั้งโดย Alan Parsons และ Eric Woolfson ในปี ค.ศ.1975 พวกเขาได้รับการยกย่องจากวงการดนตรี โลกให้เป็นปรมาจารย์และตำ�นานแห่งบัลลาดร็อก โดยก่อนหน้าที่ทั้งคู่จะออกมายืนท่ามกลางแสงไฟ พวกเขา เคยเป็นคนเบื้องหลังให้ศิลปินดังมากมาย อาทิ เดอะบีทเทิลส์ พิงก์ ฟลอยด์ พอล แมคคาร์ตนีย์ อัลบั้มที่ สร้างชื่อเสียงมากที่สุดคือ Eye in the Sky ที่คนไทยคุ้นเคยดี แต่เพลงที่ดังที่สุดในอเมริกากลับ เป็นเพลง Sirius ในอัลบั้มเดียวกันซึ่งไม่มีเนื้อร้องแม้แต่คำ�เดียว ส่วนเพลง ‘Limelight’ ที่นำ� มาฝากนี้ก็ติดอยู่ใน 1 ใน 10 เพลงที่ดีที่สุดของพวกเขา อยู่ในอัลบั้ม Stereotomy วางตลาด ในปี ค.ศ. 1985 โดยได้ Gary Brooker มาร้องนำ� แต่...สารภาพตามตรงว่าผู้เขียนหลงรักเวอร์ชั่น แสดงสดที่ร้องโดย Eric Woolfson ผู้แต่งเพลงนี้มากกว่า เพราะแม้เนื้อเสียงจะนิ่มนวล แต่กลับ มีพลังของนักต่อสู้ผู้ไม่กลัวการทำ�ดีอย่างชัดเจน ถ้าคุณกำ�ลังท้อกับการต่อสู้เพื่อสานฝันให้เป็นจริง ลองฟังดู รับรองกำ�ลังใจมาล้น...


MKD 67


MKD 68


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.