Singaporeartcamp2009

Page 1

Art...For...Happiness

Singapore Camp 19 ตุลาคม - 23 ตุลาคม 2552

âโÃร§งàเÃรÕีÂย¹นÈศÔิÅล»ปÐะáแËหÅลÁม¤คÁม

ÁมÔิäไ´ด ŒËหÇวÑั§ง¼ผÅล·ท∙Òา§ง¸ธØุÃร¡กÔิ¨จ·ท∙Òา§ง¡กÒาÃรÈศÖึ¡กÉษÒา áแµต ‹àเÃรÒาÁมØุ ‹§ง ËหÇวÑั§งãใËห Œ·ท∙Øุ¡ก¤ค¹นÁมÕี¤คÇวÒาÁมÊสØุ¢ข áแÅลÐะÁมÍอ§งâโÅล¡ก´ด ŒÇวÂย¤คÇวÒาÁมÊสÇวÂย§งÒาÁม ¼ผ ‹Òา¹น¡กÃรÐะºบÇว¹น¡กÒาÃรÈศÖึ¡กÉษÒา µตÃร§ง¨จÒา¡ก¢ขÍอ§ง¨จÃรÔิ§งâโ´ดÂย¡กÒาÃรàเËหç็¹นáแÅลÐะÊสÑัÁม¼ผÑัÊส


ºบÑั ¹น ·ท∙ Öึ ¡ก ¤ค Çว Òา Áม ·ท∙ Ãร§ง ¨จ Óำ ·ท∙ Õี è่ Êส Ôิ §ง ¤คâโ»ป Ãร ì์ ๔๔ ซน ตลุยสิงคโปร์ วันแรก ค่ําคืนก่อนออกเดินทางคุณครูนอนไม่หลัยกันเลย และเชื่อว่าเด็กๆก็คง นอนไม่หลับเหมือนๆกัน เพราะเราต่างก็ตื่นเต้นที่จะได้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วย กันโดยไม่มี พ่อ แม่ อีกครั้ง แต่ครั้งนี้เราไปไกลถึงประเทศสิงคโปร์ เช้าวันจันทร์ที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๒ เวลาตี ๔ ครึ่ง ครูแหลม ครูแป๋ม ครู นัฐ พี่แก้ม พี่นะหัวหน้าทัวร์เด็กซนของเรา มาถึงพร้อมกันที่สนาบิน สุวรรณภูมิเพื่อรอรับเด็กๆ ครอบครัวน้องโจ๊คมาถึงครอบครัวแรก ตาม มาด้วยครอบครัวน้องภณ จากนั้นทุกๆครอบครัวก็ทะยอยเดินทางมาถึง “โอ้โห....ป้ายชื่อสวยจัง...” ผู้ปกครองชมกันทุกคน ต้องขอขอบพระคุณคุณพ่อน้องผินนะคะที่ช่วยทําป้ายชื่อสวยๆให้ คุณครูและเด็กๆ ส่วนกระเป๋าและเส้ือที่เด็กๆใส่ในวันนี้ก็เป็นผลงานของคุณพ่อน้องเอิร์ธค่ะที่จัดหามาให้ทุกคน ขอบพระคุณมากค่ะ

๖โมง ครูแหลมเริ่มเรียกรวมเด็กๆเป็นกลุ่มๆ นั่งเป็นแถวและชี้แจงสิ่งที่เด็กๆควรทราบ คุณพ่อ คุณแม่ ยืนให้กําลังลูกๆ อยู่ไม่ห่าง พระเอกของเราน้องซัน หนุ่มน้อยวัย ๗ ขวบก็ยังร้องไห้เหมือนทุกๆค่ายที่ผ่านมา ครูแหลมและพี่นะช่วยกันแจกใบ ต.ม. และตั๋วเครื่องบินให้เด็กๆและกําชับให้เด็กๆดูแลให้ดีๆไม่ให้ขาด เมื่อครบทุกคน ครูแหลมก็พาเด็กๆเดินไปที่เคาเตอร์สิงคโปร์แอร์ไลน์เพื่อโหลดกระเป๋าทันที วินาทีสุดท้ายของการร่ําลากัน พ่อ แม่ กอดลูกๆด้วยความเป็นห่วงและคิดถึง หลายๆ คนต้องเสียน้ําตาในคราวนี้ รวมไปถึงน้องซันที่ตาเริ่มบวมเป่ง คุณครูตัดใจพาเด็กๆ เดินเข้า ต.ม. ทันที คุณพ่อ คุณแม่ยืนมองลูกๆด้วยความห่วงหา อาวรณ์ คิดถึง ลูกๆเข้มแข็งมองไปข้างหน้าเดินตามคุณครูไม่หันหลังกลับไปมองพ่อ แม่ แม้แต่น้อย “ต่อไปนี้เด็กๆทุกคนจะอยู่ในความรับผิดชอบของคุณครู ทุกๆวินาทีที่คุณครูพาลูกๆ เดินจากคุณพ่อ คุณแม่มา คุณครูจะดูแลลูกๆให้ดีที่สุด ให้สมกับที่คุณพ่อ คุณแม่ไว้ วางใจ” เด็กๆแบ่งออกเป็น ๔ กลุ่มยืนเข้าแถวกลุ่มละช่อง เพื่อความรวดเร็ว ผ่านเข้าประตูไปที ละคนทีละคน ครูแหลมเดินนําเด้กๆไปรอที่ Gate D3 เพื่อรอขึ้นเครื่องบิน เที่ยวบินที่ เราจะใช้เดินทางไปสู่ประเทศสิงคโปรวันนี้ก็คือ สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ SQ 971 เวลา ๘.๓๐ น.


ºบÑั ¹น ·ท∙ Öึ ¡ก ¤ค Çว Òา Áม ·ท∙ Ãร§ง ¨จ Óำ ·ท∙ Õี è่ Êส Ôิ §ง ¤คâโ»ป Ãร ì์ เด็กผ่านเข้ามานั่งรอด้านใน Gate D3 เวลา ๗ โมงครึ่ง ครูแหลมกับพี่ นะ พูดคุยกับเด็กเล็กน้อยก่อนที่เราจะเดินไปขึ้นเครื่องบิน แสงแรกของ เช้าวันจันทร์ที่คุณครูเห็นช่างสดชื่น งดงามเหลือเกิน เวลา ๘ โมงเช้า เด็กๆ ๔๔ ซน และคุณครูทุกคนก็ได้รับเกียรติให้ขึ้นไป นั่งบนเครื่องบินก่อนใคร ทุกคนได้ที่นั่งในโซนเดียวกันทั้งหมด พอหาที่ นั่งกันเรียบร้อยแล้ว ก็รอผู้โดยสารคนอื่นๆเดินขึ้นเครื่องบินมาจนครบ แล้ว เครื่องบินจึงเริ่มเคลื่อนตัวในเวลา ๘ โมงครึ่ง ช่วงนี้คุณครูขอ หลับตาพักสักครู่ แต่เด็กๆหลายคนยังคงตื่นเต้นเมื่อเครื่องบินเคลื่อน ตัวและทะยานสู่ท้องฟ้า พอเครื่องบินลอยลําอยู่บนท้องฟ้าได้ แอสาวสิงคโปร์แอร์ก็เริ่มออกมา เดินอวดโฉมไปมาให้ผู้โดยสารเห็นทันที “ครูแป๋มครับ...ครูแป๋มครับ...มีข้าวกินมั๊ยครับ” เรือบินซึ่งนั่งอยู่ด้าน หลังครูแป๋มถาม “มี...เดี๋ยวเค้าก็มาส่ง” ครูแป๋มบอก เพราะก็หิวเหมือนกัน สักพักแอร์ สาวคนสวยก็เดินมาหาพี่มายด์ กับ แม็กซ์ เอาอาหารมุสลิมมาให้ก่อน กลิ่นอาหารลอยยั่วยวนจมูกเพื่อนๆจนยากที่จะห้ามใจไหว พอส่งอาหาร มุสลิมเสร็จก็ตามาด้วยอาหารเจที่เอามาเสริฟให้ผู้โดยสารข้างๆ ครูแป๋มอีก คราวนี้กลิ่นอาหารเจ กับกลิ่นอาหารมุสลิมตีกันตลบอบอวล เพื่อนก็เริ่มเซ้าซี้ถามครูแป๋มว่า “เมื่อไหร่...อาหารจะมาสักที” ครูแป๋มก็ได้แต่บอกว่า “เดี๋ยวก็ มา....” แล้วก็กลืนน้ําลายเอิ๊ก...เพราะว่าหิวเหมือนกัน

“ไม่นานนักอาหารก็มาเสริฟ มื้อเช้าที่สายแล้วบนเครื่องวันนี้มีออมเล็ต กับข้าวมันไก่ อร่อยทั้งคู่แต่เลือกได้เพียงอย่าง เดียว ครูแป๋มขอออมเล็ตก็แล้วกัน เด็กๆส่วนใหญ่ขอข้าวมันไก่กัน กินข้าวเสร็จก็ถึงสิงคโปร์พอดี “ถึงแล้ว...เห็นแล้ว...” เด็กๆลุกมองไปที่นอกหน้าต่างด้วยความตื่นเต้นจนพี่นะ และครู แป๋มต้องบอกให้นั่งลงและคาดเข็มขัดนิรภัย วันนี้วันเกิดน้องอิง มีเซอร์ไพร์สเล็กๆน้อยๆบนเครื่องค่ะ พ่ีแอร์สาวสวย เอาเค้กวันเกิดมาให้น้องอิง และเพื่อนๆก็ร่วมกันร้องเพงHappy Birthday ให้น้องอิงบเครื่องบิน เมื่อเครื่องจอดสนิทพวกเราทั้ง ๔๙ ชีวิตก็เก็บสัมภาระลงจากเครื่อง ทันที วันนี้เราได้มาออกที่ Terminal 3 ซึ่งเป็น Terminal ใหม่ของสิค โปร์ คุณครูช่วยกันแจกใบ ต.ม. ให้เด็กๆเซ็นชื่อกันอีกครั้งและพาเด็กๆ เดินไปที่ Immigration หรือ ต.ม. ของสิงค์โปร ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วย ดีไม่มีปัญหาใดทั้งสิ้นค่ะ เจ้าหน้าที่ก็น่ารักทักทายเด็กๆทุกคน


ºบÑั ¹น ·ท∙ Öึ ¡ก ¤ค Çว Òา Áม ·ท∙ Ãร§ง ¨จ Óำ ·ท∙ Õี è่ Êส Ôิ §ง ¤คâโ»ป Ãร ì์

ครูแหลมพาเด็กๆเดินไปรับกระเป๋าและพาเดินไปขึ้นรถโค้ชที่มาจอดรอรับอยู่แล้วทันที ที่สิงคโปรเรายังมีไกด์นําเที่ยวอีก ๑ คน คือป้าอ๋อย และตลอด ๕ วันนี้พาอ๋อยจะพา เด็กๆไปเรียนรู้ทั่วเกาะสิงคโปร์เลยค่ะ และคุณลุงที่มาขับรถรับส่งเด็กๆในวันนี้คือคุณลุง โยโย่ผู้ใจดีค่ะ ที่แรกที่เราจะไปหลังจากขึ้นรถโค้ชแล้วก็คือ ร้านภัตคารอา หารจีน คุณลุงโยโย่พาเด็กๆขับรถเข้าเมืองผ่านที่สําคัญๆ หลายๆจุด ป้าอ๋อยอธิบายให้ความรู้เด็กๆตลอดเส้นทาง ความรู้เรื่องประวัติประเทศสิงคโปร เรื่องการใช้ชีวิต เรื่องการ ใช้รถใช้ถนน เยอะแยะมากมาย เด็กๆได้ความรู้มากมาย ตลอดการเดินทางครึ่งชั่วโมงก่อนไปถึงร้านอาหาร พอเด็กๆ มาถึงอาหารก็นํามาจัดเสริฟให้เด็กๆในทันทีเลยค่ะ อาหาร มากมายหลายชนิดจัดกันมาเต็มโต๊ะ อร่อยๆทุกอย่างเลย กินข้าวกันเสร็จป้าอ๋อก็พาเด็กขับรถไปกันต่อ โปรแกรมวันนี้เราจะไปล่องเรือใน แม่น้ําสิงคโปร์กันค่ะ กว่าเราจะไปถึงจุดสําหรับลงเรือเราผ่านสิ่งต่างๆที่น่าสนใจ มากมาย “นั่นไงๆ...ชิงช้าสวรรค์” เด็กชี้ไปที่ สิงคโปร์ ฟลายเออร์ “และนี่ก็เป็นชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ป้าอ๋อยบอก “อยากไปนั่งจังเลย” เด็กมองกันตาละห้อย “คนละ ๓๐ เหรียญ ตีเป็นเงินไทยก็ ๗๒๐ บาทเอง” ป้าอ๋อยบอก พอได้ยินราคา เด็กๆก็ไม่อยากนั่งกันเลย แล้วก็มาถึงจุดที่จอดรภ ระหว่างรอเรือมารับ ป้าอ๋อยก็พาพวกเราไปดูรูปปั้นช้างสําริด ที่ตั้งอยู่ที่ The Arts House at The Old Parliament เป็นช้างที่รัชกาลที่ ๕ พระราชทานให้เมื่อครั้งเสด็จมาเยือนประเทศสิงคโปร์ ที่ฐานของช้างมีแผ่น ป้ายแกะสลักเป็นภาษาไทยด้วยนะคะ จากนั้นเราก็เดินไปดูรูปปั้นของ เซอร์ สแตมฟอร์ด ราฟเฟิล ผู้ก่อตั้งประเทศ สิงคโปร์ เด็กๆหยิบสมุดมาเสก็ตภาพเป็นระยะๆ


ºบÑั ¹น ·ท∙ Öึ ¡ก ¤ค Çว Òา Áม ·ท∙ Ãร§ง ¨จ Óำ ·ท∙ Õี è่ Êส Ôิ §ง ¤คâโ»ป Ãร ì์

เรือ Bump Boat มารับเด็กๆไปล่องแม่น้ําสิงคโปร์แม่น้ําที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดสายหลักของคนสิงคโปร์ ซึ่งอดีตนั้น เป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ก่อนที่จะกลายเป็นท่าเรือที่สําคัญทางเศรษฐกิจ เพื่อชมทัศนียภาพของสองฝั่งแม่น้ํา สิงคโปร์ ในเส้นทางล่องเรือเราจะได้เห็นตึกสูงเสียดฟ้าขึ้นควบคู่ไปกับย่านชุมชนเก่า อย่าง Clarke Quay เด็ก เพลิดเพลินและดื่มด่ํากับสายน้ําจนเรือผ่านมาถึง รูปปั้นสิงโตพ่นน้ํา

เรือแล่นมาจอดที่ Merlion Park หยุดให้เดินเดินขึ้นมาสเก็ตภาพสิงโตพ่นน้ําตัวแม่และลูกที่หันหลังให้กัน ส่วนตัวพ่ออีก ตัวเราจะไปดูกันวันพุธที่เกาะ Sentosa บริเวณรอบๆนี้สวยมากเลยค่ะ เพราะนอกจากจะเห็นสิงโตพ่นน้ําแล้ว ยังมอง เห็นตึกทุเรียน หรือตึก Esplanade และ สิงคโปร์ ฟลายเออร์


ºบÑั ¹น ·ท∙ Öึ ¡ก ¤ค Çว Òา Áม ·ท∙ Ãร§ง ¨จ Óำ ·ท∙ Õี è่ Êส Ôิ §ง ¤คâโ»ป Ãร ì์

เด็กใช้เวลายู่ที่ Merlion Park ประมาณ ครึ่งชัวโมงเพื่อสเก็ตภาพ ก่อนออกเดินทางกันต่อเราก็ถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึก กันสักภาพ ๒ ภาพแล้วจึงเดินทางต่อไปยังพิพิธภัณฑ์ของเล่น Mint Museum Of Toy ที่นี่เด็กๆชอบมากเพราะมีของ เล่นเยอะแยะให้เด็กๆได้ชม ของเล่นตั้งแต่เด็กๆยังไม่เกิดเลย ในตึกแบ่งออกเป็น ๕ ชั้น มีของเล่นมากมายให้เด็กๆได้ เลือกชม จากนั้นก็เป็นชั่วเวลาของการรอคอยให้รถโค้ชลุงโยโย่มาับเราไปทานอาหาร เย็น ๕ โมงกว่าแล้วลุงโยโย่มาเด็กๆไปทานข้าวเย็น แต่ก่อนจะไที่ร้านอาหาร คุณลุงพาเราเดินทางไปชมเมืองต่างมากมาย เช่น บนถนน Orchad และไปชม ilittel แล้ววนกลับไปที่ภัตคารเพื่อทานข้าวมันไก่ ไปร้านข้าวมันไก่ขึ้นช่​่ือ ร้าน Boon Tong Gee ว่ากันว่าอร่อยที่สุดในสิงคโปร์ด้วยค่ะ “ครูแป๋มครับ...ผมนับเด็กได้ ๔๓ คน” พี่นะบอก “บัดดี้ใครหายไป” ครูแหลมถามเด็กๆให้ดูว่าเพื่อนๆเราใครหายไปคนนึง “แก๊ง...อยู่มั๊ย” เป้าหมายบุคคลที่น่าจะทุกคนมุ่งมาที่แก๊ง “อยู่ครับ...แก๊งอยู่นี่” แก๊งยกมือรายงานตัว “แล้วใครหายไป” พี่นะวิ่งลงไปดูด้านล่างและกลับมาพร้อม “พี่โจ๋” ที่หน้าซีดสีหน้าตกใจ ไม่มีคํา ปลอบโยน มีแต่เสียงหัวเราะ เพราะไม่คิดว่าพี่โตๆจะหายไปจากกลุ่มได้ พี่โจ๋เล่าว่า ไปเข้าห้องน้ําพร้อมกับออสติน แต่ออสตินไม่รอเดินขึ้นมาก่อนทิงพี่ โจ๋ไว้ในห้องน้ําคนเดียว ก็เลยไม่รู้ว่าทุกคนเดินเข้ามาในร้านอาหารแล้วเลย เดินวนไปวนมาอยู่หน้าร้านอาหาร งานนี้ออสติน โดนเล่นงานข้อหาทิ้งเพื่อน ทานอาหารเสร็จลุงโยโย่ และป้าอ๋อยก็พาทุกๆคนกลับที่พักเพื่อพักผ่อน ดูเด็กๆเริ่มเพลียกันแล้วค่ะเพราะเหนื่อยกันมา ตั้งแต่เช้า เด็กยกกระเป๋าเข้าห้องแล้วหยิบสมุดสเก็ตมาจดบันทึกส่ิงที่ไปพบเห็นมาวันนี้ แล้วนํามาส่งครูแหลมกันทุกคน


ºบÑั ¹น ·ท∙ Öึ ¡ก ¤ค Çว Òา Áม ·ท∙ Ãร§ง ¨จ Óำ ·ท∙ Õี è่ Êส Ôิ §ง ¤คâโ»ป Ãร ì์ ๔๔ ซน ตลุยสวนนกจูล่ง ศูนย์วิทย์ศาสตร์สิงคโปร์ วันอังคารที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๒ ๖ โมงครึ่งเสียงโทรศัพท์จากโอเปอร์เรเตอร์โทรปลุกเด็กๆทุกห้อง ทุกๆคนลุกมาล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ําแล้วลงไป ทานอาหารเช้า ๘ โมงกว่าๆ ครูแหลมรวมเด็กๆเพื่อเตรียมตัวไปขึ้นรถ เช้านี้เราจะไปสวน นกจูร่ง ป้าอ๋อยมารับเด็กๆแต่เช้าแล้ว ๘ โมงครึ่งคุณลุงโยโย่ก็มารับเหล่า บรรดาลิงจิมซนไปดูนกกัน เราใช้เวลาเดินทางประมาณ ๓ นาที เช้านี้รถติด พอสมควร ตลอดทางป้าอ๋อยเล่านู่น เล่านี่ให้เด็กๆฟังเหมือนเช่นเคย เรื่อง เล่าของป้าอ๋อยเช้านี้สนุกทุกวัน คุณครูชอบฟังเพราะนอกจากสนุกแล้วยัง ได้ความรู้ไปด้วย เกล็ดเล็กเกล็ดน้อยของวิถีการใช้ชีวิตของชาวสิงคโปร์มี ประโยชน์มากมายเลยทีเดียว

ไปถึงสวนนกจูร่งประมาณ ๙ โมงกว่า เด็กๆเข้าเพื่อรับตั๋วจากป้าอ๋อย ยื่นให้เจ้าหน้าที่ที่หน้าประตูทางเข้า สิ่งแรกที่เรา ไปกันเป็นอันดับแรกในสวนนกจูร่งก็คือ ไปขึ้นรถไฟโมโนเรลเพื่อชมความงานโดยรอบของสวนนกจูร่ง “รถไฟมาแล้ว” เด็กๆตื่นเต้นกันใหญ่เมื่อขบวนรถไฟแล่นมาจอดอยู่ตรงหน้า “รถไฟสิงคโปร์ทําไมเป็นรถไฟของการบินไทยล่ะ” เด็กๆสงสัย เรื่องบางเรื่องเราควรปล่อยผ่านมันไปบ้าง คุณครูพาเด็กๆขึ้นรถไฟสิงคโปร์ยี่ห้อการบินไทยทันที ๑ ตู้นั่งได้ ๖ คน เด็กๆ ถูกแบ่งออกเป็น ๒ กลุ่มเพราะว่าไปไม่พอ รถไปแล่นไปตามรางที่ลอยฟ้าพาพวกเราไปดูนกต่างๆมากมาย สวยงาม มากๆค่ะ

ลงจากรถไฟมาครูแหลมก็ให้เด็กๆกลุ่มแรกหยุดรอเพื่อนๆด้วยการสเก็ตภาพรอ เด็กๆทั้งยืนมอง นั่งมองเจ้านกแก้วมา คอร์แสนสวยอย่างหลงไหลพร้อมๆกับสเก็ตภาพลงสมุดไปด้วย


ºบÑั ¹น ·ท∙ Öึ ¡ก ¤ค Çว Òา Áม ·ท∙ Ãร§ง ¨จ Óำ ·ท∙ Õี è่ Êส Ôิ §ง ¤คâโ»ป Ãร ì์

เมื่อเพื่อนมาครบพวกเราก็ไปดูโชว์นกกันเลย รอบ ๑๐ โมงเช้าเป็นการโชว์นกเหยี่ยว เด็กๆชอบใจกันมากเมื่อนกเหยี่ยว บินโฉบมา ดูโชว์นกเหยี่ยวจบก็ไปดูนกเพนกวิน พวกเราโชคดีค่ะไปได้เวลาให้อาหารเจ้า นกเพนกวินพอดี เจ้าหน้าที่เอาปลามาให้เป็นอาหารของเหล่าบรรดาเจ้า เพนกวิน บางตัวก็ดําผุดดําว่ายไปมาล่อหน้าล่อตาเด็กๆ เสียงหัวเราะและรอย ยิ้มมีให้เห็นได้ไม่ขาดสาย แต่สิ่งที่เด็กๆขมักเข่นกันมากกว่าเมื่อวานก็คือ การ ดูให้มีความสุขของวันนี้ และบันทึกเพื่อความสุขในวันข้างหน้า เด็กๆไม่ลืมที่จะ จดบันทึกพร้อมเขียนภาพประกอบในทุกครั้งที่ได้พบเห็นสิ่งที่มีความรู้ และ ความสุข ๑๑ โมงพวกเรากลับมาพร้อมกันที่ลาน โชว์นก รอบนี้เป็นการแสดงของนก แก้วมาคอร์ และนกอื่นๆ น่ารักมากๆ ค่ะ มีแข่งชู๊ทบาส นกร้องเพลง นกบิน รอดห่วง ในทุกๆกิจกรรมจะมีผู้ชมร่วม แสดงเสมอๆ โชว์จบก็ ๑๑ โมงครึ่งพอดี ป้าอ๋อยพา เด็กๆเดินไปดูนกฮูกนานาชนิด ด้านมืด มาก และห้ามใช้แฟลช คุณครูจึงไม่มีนกฮูกมาทุกท่าน แต่ท้ังหมดอยู่ในความทรงจําเด็กๆแล้วค่ะ อาหารมื้อกลางวันเราแวะทานที่ร้านอาหาร Bongo Burgers เป็นร้านอาหารที่อยู่ด้านหน้าสวน

นกจูร่ง มื้อนี้เป็นมื้อแรกที่เด็กๆจะได้ซื้อข้าวทานกันเอง อาหารที่นี่มีเมนูจัดไว้เป็นเซ็ท ง่ายต่อการสั่ง เด็กๆยืนมองเมนูที่ ถูกใจแล้วบอกเจ้าหน้าที่ “set E” พายกับกฤศ เพื่อนซี้ช่วยกันบอกพี่เจ้าหน้าที่ “Table number” ทั้ง ๒ คนมองหน้ากันไม่ตอบคําถาม แต่วิ่งหนี ไป เจ้าหน้าที่ทําหน้างง แต่ในที่สุด ๒ หนุ่มก็วิ่งกลับมา “Eight” ทั้งสองวิ่งกลับไปดูเลขที่โต๊ะที่ตัวเองนั่ง สั่งอาหารเสร็จ แ้วจ่ายตังค์แล้วไปนั่งรอที่โต๊ะเดี๋ยวพี่ๆเอาอาหารไปเสริฟให้ “ทําไมสั่งอาหารชุดเดียวล่ะ” ครูแป๋มถาม “ก็ ๒ คนกินด้วยกันครับ แบ่งกัน ช่วยกันออกตังค์” สองหนุ่มบอกครูแป๋มด้วย ความภาคภูมิใจในความคิดอันเฉียบแหลม


ºบÑั ¹น ·ท∙ Öึ ¡ก ¤ค Çว Òา Áม ·ท∙ Ãร§ง ¨จ Óำ ·ท∙ Õี è่ Êส Ôิ §ง ¤คâโ»ป Ãร ì์ เด็กต่อแถวกันเป็นระเบียบ และพยายามช่วยเหลือตัวเองในการสั่งอาหาร เก่งมากๆทุกคน ป้าอ๋อยมาเล่าให้คุณครูฟัง ว่า ขณะที่เด็กๆต่อแถวทํางานอยู่นั้นมีคุณป้าฝรั่งคนนึงยืนมองเด็กๆอยู่ สักพักใหญ่ก็เดินหาพี่นะเพือจะกล่าวชื่นชมเด็กๆ เธอบอกว่าเด็กเรียบร้อยมาก รู้จักการต่อคิวซื้ออาหารและช่วยเหลือตัวเองได้ดีมากๆ พูดจบแล้วเธอก็จากไป

ทานอาหารเสร็จเด็กๆมีเวลาสเก็ตภาพกันต่อเล็กน้อย ระหว่างรอลุงโยโย่ เมื่อลุงโยโย่มาเด็กๆก็เตรียมตัวขึ้นรถเพื่อไป ศูนย์วิทยาศาสตร์สิงคโปร์ทันที

เมื่อมาถึงโปรแกรมแรกที่เด็กๆจะได้ทําก็คือการไปดูภาพยนตร์ ๓๖๐ องศา Omni-Theatre รอบที่เราเข้าไปดูเป็นเรื่อง ของนักบินอวกาศ ในโรงหนังที่นั่งเอนนอนกําลังสบาย จอหนังอยู่บนเพดานโค้งเป็นวงกลม ทุกอย่างน่าตื่นเต้นสําหรับ เด็กๆและคุณครู และพวกเราก็ตื่นเต้นจนเผลอหลับไปบนที่นั่งปรับนอนแสนสบายนี้ เด็กๆคงกําลังฝันว่าตัวเองลอยล่อง อยู่ในอวกาศเหมือนนักบินอวกาศทั้งหลายเหล่านี้ คุณครูก็เผลอฝันไปกับเด็กๆด้วยเหมือนกัน หนังจบอารมณ์ฝันก็จบ ทุกคนดีดตัวเองออกจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว ไฟเปิดทุกคนก็ลุกเดินออกไปสู่ด้านนอกเพื่อไปดูส่วนอื่นๆอีกมากมาย “เฮ้อ...คิดซะว่าเรามานอนหลับพักผ่อนกันสัก ๔๕ นาทีก็แล้วกันนะครับ” ครูแหลมบอก ทุกคนก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน ฮ่าๆๆ ที่ต่อมาที่เราจะไปกันเป็นสิ่งที่เด็กๆรอคอย Snow City เมืองหิมะ “ใครจะไม่ เข้าไปบ้าง” ครูแหลมถามความคิดเห็น น้องใหม่กับน้องมิวยกมือทันที คนที่ อยากเข้าไปเดินเข้าไปเลือกชุดกันหนาว และรองเท้าทันที แต่คนที่ใส่กางเกง ขาสั้นมาต้องเสียเงินเช่ากางเกงขายาวอีกคนละ ๓.๒๐ เหรียญ “ใครเล่นได้เกิน ๓ รอบครูแหลมจะให้รางวัล” ในเมืองหิมะอากาศหนาวเย็นมากๆเด็กวิ่งเข้าไปเล่นอย่างสนุก คว้าห่วงยาง คนละอันแล้วเดินขึ้นไปบนเนินสูงด้านบน แล้วก็สไลด์ลง เสียงกรี๊ดของเด็กๆบ่งบอกให้รู้ถึงความสุขและควาสนุก เด็กเล่นสไลด์เดอร์กันไม่ต่ํากว่า ๓ รอบ เล่นกันจนเพลิน จนคุณครูต้องเรียกออกมาเพราะคุณครูเองที่ทนหนาวไม่ ไหวแล้ว เพียงครึ่งชั่วโมงที่ยืนรอเด็กๆอยู่ด้านในคุณครูก็ เกือบจะหนาวตายแล้ว เด็กร้องโอดโอยไม่อยากออก แต่ ไม่ได้แล้วเรายังมีสิ่งอื่นๆที่ต้องไปเรียนรู้กันอีก


ºบÑั ¹น ·ท∙ Öึ ¡ก ¤ค Çว Òา Áม ·ท∙ Ãร§ง ¨จ Óำ ·ท∙ Õี è่ Êส Ôิ §ง ¤คâโ»ป Ãร ì์

“เด็กๆเก่งมากอยู่ได้นานกว่าครึ่งชั่วโมง เดี๋ยวครูแหลมเลี้ยงไอติม” ครูแหลมบอกแทนที่เด็กๆจะร้องยี้...เพราะเพิ่งออก จากห้องน้ําแข็งมา เด็กๆกลับ เย้...กัน แล้วไปเข้าแถวเลือกไอติม เห็นราคาไอติมแล้วครูแหลมต้องเป็นลมแน่ๆเลย ไอ ติม ๔๔ แท่งเป็นเงิน ๙๘ เหรียญ คิดเป็นเงินไทย ๒๓๕๒ บาท กินไอติมกันเสร็จเด็กก้เข้าไปชมชุดนิทรรศการด้านในศูนย์ วิทยาศาสตร์ในนี้มีองค์ความรู้มากมายให้เด็กๆได้ศึกษา หาความรู้ คุณครูปล่อยให้เด็กๆเดินกันเป็นกลุ่มและนัด เวลามารวมกันเพื่อดูโชว์ในตอน ๔ โมงเย็น ดูโชว์จบก็แยก ย้ายกันอีกครั้งแล้วมารวมตัวกันด้านหน้าเวลา ๕ โมง ๕ โมงกว่าทุกๆคนก็มาพร้อมกัน ที่ด้านหน้าเพื่อรอรถมารับ ครูแหลมูดคุยนัดแนะเด็กเล็กน้อยถึงเรื่องที่เราจะไปกันต่อ ในวันพรุ่งนี้ อาหารเย็นมื้อนี้เราจะไปกิน อาหาร เกาหลีแบบบุฟเฟ่กันค่ะ เด็กกินกันได้ เต็มที่ไม่อั้น ทั้งหมู เนื้อ ไก่ สารพัดชนิด เติมแล้วเติมอีกจนกว่าจะอิ่ม ไอติม น้ํา แข็งใสก็มีให้ด้วย และที่เด็กๆชอบมาก ที่สุดก้คือ มาสเมโล่จิ้มช็อคโกแล็ต “ครูคะอาหารมื้อนี้ก่ีบาท” แตงกวาถาม ครูแป๋มก็ไม่รู้เดินไปถามป้าอ๋อยได้ความมาว่า เค้าคิดราคาเหมาหัวละ ๑๗ เหรียญ เด็กคิดเป็นเงินไทยแล้วร้องโอ้โห.... “หนูจะไปกินต่อให้คุ้มเลยค่ะ” ว่าแล้วก็เริ่มต้นกินกันใหม่กินครั้ง เอาให้คุ้ม

กินข้าวเย็นเสร็จเราก็เดินไปดูน้ําพุแห่งความโชคดีกัค่ะ เด็กๆได้เดินวนรอบเพื่อสัมผัสน้ําพุ แล้วขึ้นไปชมความสวยงาม ของน้ําพุด้านบน แล้วก็้เดินทางกลับที่พัก “ซัน...วันนี้ Breakfast หรือยัง” ครูแป๋มถาม ถ้าถามว่า Breakfast , Lunch , Dinner นั่นหมายถึงถามน้องวันว่าร้องไห้ ๓ เวลาหลังอาหารแล้วหรือยัง “ยังครับ...ซันไม่ร้องแล้ว อีกแค่ ๔ วันซันก็ได้เจอแม่แล้ว” ซันบอกครูแป๋มแล้ววิ่งกลับไปรวมกลุ่มกับพี่เดินขึ้นห้องพัก หลังจากเด็กๆเข้าห้องพักแล้วคืนนี้ ครูแป๋มกับครูแหลมไปแอบดูเด็กๆตามห้องกันค่ะ ห้องเด็กผู้ชายไม่ต้องพูดถึง “รก” อย่าบอกใคร ห้องเด็กๆผู้หญิงเรียบร้อยน่ารักมากเลยค่ะ


ºบÑั ¹น ·ท∙ Öึ ¡ก ¤ค Çว Òา Áม ·ท∙ Ãร§ง ¨จ Óำ ·ท∙ Õี è่ Êส Ôิ §ง ¤คâโ»ป Ãร ì์ ๔๔ ซนบนเกาะเซนโตซ่า วันพุธที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๒ เช้าวันนี้ก็เหมือนกับเช้าเมื่อวานพี่โอเปอร์เรเตอร์โทรปลุกเด็กๆตั้งแต่ ๖ โมง ครึ่ง ทุกคนอาบน้ําเตรียมตัวลงมาทานอาหารเช้า วันนี้เราจะไปเกาะเซนโตซ่ากันค่ะ เราจะอยู่ที่นั่นทั้งวัน ๘ โมงครึ่งรถก็มารับ พวกเรา แต่วันนี้ไม่มีลุงโยโย่ของเด็กๆ เพราะติดธุระอื่นๆมาไม่ได้ วันนี้เด็กจะได้เรียนรู้การใช้ชีวิตของชาวสิงคโปร์ในเรื่องของการเดินทาง ชาวสิงคโปร์ส่วนใหญ่ใช้รถสาธารณะในการเดินทาง ป้าอ๋อยเล่าว่าค่าภาษี การใช้รถแพงมากๆ ที่รถแต่ละคันจะมีกล่องติดอยู่ที่หน้ารถเวลาขับผ่านจุด ที่มีป้าย ERP ก็จะถูกตัดเงินครั้งละหลายๆเหรียญ แล้วแต่ช่วงเวลาบางช่วง ก็ถูกบางช่วงก็แพง และวันนี้เราจะไปขึ้น MRT รถไฟฟ้าใต้ดินของสิงคโปร์ วันนี้ครูแหลม ครูแป๋มจึงต้องเข้มงวดกับเด็กๆเป็นพิเศษเพราะเราเป็นกลุ่ม ใหญ่เวลาไปไหนมาไหนมักจะขับเคลื่อนกันช้า และรอบตัวเด็กมีสิ่งเร้า มากมายให้สนใจ รถคันเก่าแต่คนขับคนใหม่พาเราไปส่งยังสถานี MRT NE13 ชื่อว่าสถานี Kovan ป้าอ๋อยซื้อตั๋วรถไฟให้เด็กๆคนละใบ แล้วพาไปรอรถไฟด้านล่าง วัน นี้ครูแหลมมีกฎกับเด็กๆว่า “ช้าไม่รอ...หายไม่ตาม” เด็กๆหวาดกลัวกับกฎนี้ มากๆ

เมื่อได้ตั๋วแล้วทุกคนเดินเข้าในสถานทันที เรารอรถไฟขบวนที่จะไปสถานี​ี MRT NE1 ชื่อว่าสถานี Horbourfront รถไฟ ที่เราใช้วันนี้เป็นรถไฟสายสีม่วง ใช้เวลาไม่นานนักรถไฟก็มาถึง เด็กๆรอให้คนออกมาหมดก่อนแล้วจึงเดินขึ้นอย่าง รวดเร็ว ข้างในรถไฟคนค่อนข้างแน่นเพราะเป็นช่วงเช้าที่ทุกคนเดินทางไปทํางาน เด็กได้ยืนกันทุกคนไม่มีใครเสียใจที่ ได้ยืน ถึงมีที่ว่างก็ไม่ยอมนั่งกัน ๑๓ สถานีที่นั่งมาใช้เวลาไม่นานมาก “ครูแป๋มออกไปมีห้องน้ํามั๊ย” วริศถาม “น่าจะมีนะ ทําไมเหรอ...อย่าบอกนะว่าปวดอึ๊” ครูแป๋มรู้ทันวริศเพราะเป็นอย่าง นี้ทุกๆค่าย คราวก่อนไปปวดอึ๊อยู่ที่เขาเต่าและก็ต้องพากันวิ่งขึ้นเขาเพราะ ห้องน้ําอยู่บนเขา เกือบไปเข้าห้องน้ําไม่ทัน พอรถไฟจอดป้าอ๋อยก็พาวริศวิ่งขึ้นบันไดไปเข้าห้องน้ําทันที ครูแหลมรวมเด็กๆให้เป็นแถวอยู่ข้างล่างแล้วพาเดินไปสู่ประตูทางออกด้านบน เพื่อนออกมารอด้านนอกกันจนครบทุกคน ระหว่างรอวริศเข้าห้องน้ําครูแหลม จะมีนิทานมาเล่าให้เด็กๆฟังทุกครั้ง เด็กๆต่างพากันเรียกเวลานี้ว่า “นิทานเพื่อนขี้แตก” และชอบมากๆเวลามีเพื่อนไป เข้าห้องน้ําเพราะคนที่เหลือจะได้ฟังนิทานกัน


ºบÑั ¹น ·ท∙ Öึ ¡ก ¤ค Çว Òา Áม ·ท∙ Ãร§ง ¨จ Óำ ·ท∙ Õี è่ Êส Ôิ §ง ¤คâโ»ป Ãร ì์

เมื่อวริศมาถึงนิทานก็จบเราก็ออกเดินทางกันต่อ ป้าอ๋อยพาเด็กๆเดินเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา ขึ้นๆลงๆ แล้วเราก็มาโผ่ลอยู่ที่ Sentosa Station เป็นสถานีรถไฟ โดยนั่ง Sentosa Express รถด่วนขบวนพิเศษ ข้ามไปยังเกาะเซนโตซ่า และ เราจะไปลงที่สถานี Imbiah Station เร็วมากเลยค่ะแป๊บเดียวก็ถึง เดินลงไปจากสถานีเราก็เจอ Merlion พอดี เด็กๆเรียก Merlion ตัวนี้ว่า Merlion ตัวพ่อ เพราะตัวแม่กับลูกยืนพ่นน้ําอยู่ที่ Merlion Park พวกเราถ่าย รูปหมู่รวมกันเป็นที่ระลึกกันก่อนที่จะเดินไปยัง Image Of Singapore

ในห้องภาพนี้จะแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ ประเพณี วัฒนธรรม ซึ่งตกแต่ง และสร้าง บรรยากาศได้อย่างสมจริงมากๆ สมจริงมากจน เดินมาเจอหุ่นปั้นทีไรตกใจทุกที เดินขึ้นบันไดมาในส่วนที่จัดแสดงเรื่องราวและ วัฒนธรรมของชาวจีน ครูแป๋มกับน้องซันซึ่งเดิน มาคู่กันต้องตกใจสุดขีดเพราะว่าเราเจออาซิ่ม คนนึงเพิ่งลุกเดินออกมาจากโรงงิ้ว ทั้งครูทั้งนัก เรียนหน้่าเหวอกันไปเป็นแถบๆคิดว่าหุ่นขี้ผึ้งลุก ออกมาเดินได้ แล้วหน้าตาซิ่มก็เฉยได้ใจมากๆ “โอย...ตกใจหมดเลย” กลุ่มพี่โจ๋ พี่พลอยแอนด์เดอะแก๊งค์ก็เจออาซ่ิมเหมือนครูแป๋มเหมือนกัน สรุปแล้วเราทุกคนก็ยัง ไม่แน่ใจว่าอาซิ่มเป็นหุ่นขี้ผึ้งหรือคนกันแน่ เดินกันมาเรื่อยมีเรื่องราวให้ศึกษามากมายตั้งแรกเริ่มกว่าจะมาเป็นประเทศ สิงคโปร์ เดินมาจนจะถึงทางออกอยู่แล้ว “ครูแป๋มกระเป๋าซันอยู่ไหน” กระเป๋าสะพายของซันหายไป “พี่โจ๋เห็นกระเป๋าซันมั๊ย” ซันหันไปถามพี่โจ๋ แต่พี่โจ๋ก็ไม่เห็น “สงสัยจะลืมไว้ตรงทางที่เข้ามาตอนแรก” น้องซันบอกทําท่าจะร้องไห้ “ไม่เป็นไรซัน...เดี๋ยวเรากลับไปเอากระเป๋ากัน” ครูแป๋มบอกให้ซันใจชื้นขึ้นมาบ้าง “แต่เรามีเวลาแค่ ๑๐ นาที เพราะครู แหลมนัดรวม ๑๑ โมงครึ่งเราจะทันมั๊ย” ครูแป๋มบอก “ซันว่าน่าจะทันไป ๕ กลับ ๕ นะครูแป๋ม” พูดจบเราสองคนก็ออก วิ่งแข่งกับเวลาทันที วิ่งกันจนเหนื่อยหอบแฮ่กๆ ก็มาเจอกระเป๋าวางอยู่ตรงทางเข้าจริงๆ โชคดีไป แล้วยังต้องวิ่งกลับไป ยังทางออกอีก ครูแป๋มกับซันคุ้มสุดๆเลยคนอื่นได้เดินรอบเดียวแต่เราสองคนได้ ๒ รอบแบบหอบแฮ่ก


ºบÑั ¹น ·ท∙ Öึ ¡ก ¤ค Çว Òา Áม ·ท∙ Ãร§ง ¨จ Óำ ·ท∙ Õี è่ Êส Ôิ §ง ¤คâโ»ป Ãร ì์

ต่อจาก Image Of Singapore เราก็ไปดู Sentosa 4D หนัง ๔ มิติเรื่อง Piraets เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโจรสลัด สนุก มากเลยค่ะการผจญภัยแต่ละฉากเหมือนทุกๆคนได้เข้าไปอยู่ในเหตุการด้วย เด็กๆกรี๊ดกร๊าดกันลั่นเมื่อถึงตอนที่แมงมุม ไต่ออกมาและที่ใต้เก้าอี้ก็มีเหมือนตัวอะไรสักอย่างออกมาไต่ขาเด็กๆ พวกเราหัวเราะกันจนหนังจบ จนเดินออกมาจาก โรงหนังก็ยังหัวเราะกันไม่หยุด ต่อมาป้าอ๋อยพาพวกเราเดินไปรอรถเมล์สายสีฟ้า เพื่อจะไปสัมผัสความมหัศจรรย์ของโลกใต้ทะเลที่ Under Water World ไปถึงเราตรงไปที่ร้านอาหารกันก่อนเลยค่ะ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง อาหารกลางวันวันนี้เป็นอาหารตามสั่ง แบบง่ายๆ มีเมนูให้เลือกมากมาย เด็กหาที่นั่งได้พี่ๆก็เอาเมนูมาให้ดูแล้วเดิน จดอาหารตามโต๊ะ “เอ่อ...ไอ...ว้อนท์...” เด็กๆยังพูดไม่ทันจบพี่ที่เดินมารับเมนูก็ูดแทรกขึ้นมาว่า “จะสั่งอะไรดีคะ” เด็กๆถึงกับพูดกันไม่ออกเลย สั่งผิดสั่งถูกกันทั้งโต๊ะ อุตส่าห์ ซ้อมพูดกันอย่างดีว่าจะเอาเมนูไหน แต่พี่ที่มารับออเดอร์กลับเป็นคนไทยที่มา ทํางานอยู่ที่สิงคโปร์ พอตั้งสติได้ทั้งโต๊ะก็หัวเราะแล้วสั่งอาหารแบบเป็นภาษา ไทย มาดามเจ้าของร้านใจดีมากๆเลยค่ะ แถมนู่นแถมนี่ให้เด็กๆและคุณครู เยอะแยะ

ทานข้าวเสร็จเด็กๆก็ไปผจญภัยในโลก ใต้ทะเลกัน เดินไปทางไหนๆก็ “อู้...ฮู.้ ..” ตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็นตลอดทาง เลย เด็กชอบส่วนที่ให้เอามือลงไปใน น้ําสัมผัสกับตัวปลาได้ โดยเฉพาะ ปลากระเบน ดูทุกอย่างและจดบันทึก กันจนหมดแล้วเราก็ไปรอขึ้นรถเมล์ สายสีแดงไปยัง Palawam Beach เพื่อจะไปดูโชว์ปลาโลมา Dophin Lagoon เดินออกมาจาก Under Water World พายก็เดินร้องไห้มาเลย “พายเป็นอะไร” ครูแป๋มถาม “ตั๋วพายหายไปไหนก็ไม่รู้” พายทําตั๋วที่จะไปดูปลาโลมาหาย “ก็ครูแป๋มเอาใส่กระเป๋า กางเกงให้พายแล้วไม่ใช่เหรอ” ครูแป๋มบอก“ใช่...แต่พายใส่ไว้แป๊บเดียว ก็หยิบออกมาแล้วก็หายไปตอนไหนก็ไม่รู้” พายร้องห่มร้องไห้เป็นการใหญ่เพราะกลัวไม่ได้ดูปลาโลมา แต่ไม่ต้องห่วงค่ะป้าอ๋อยกับพี่นะ จัดการให้พายได้เข้าไปดู ปลาโลมาจนได้ค่ะ


ºบÑั ¹น ·ท∙ Öึ ¡ก ¤ค Çว Òา Áม ·ท∙ Ãร§ง ¨จ Óำ ·ท∙ Õี è่ Êส Ôิ §ง ¤คâโ»ป Ãร ì์

โชว์จะเริ่มตอนบ่าย ๓ โมง แต่พวกเรามาถึงก่อนเลยได้เลือกที่นั่งก่อน พอได้ที่นั่งแล้วเด็กๆก็เริ่มสเก็ตงานกันต่อทันที บ่าย ๓ โมง เหล่าปลาโลมาสีชมพูที่แสนจะน่ารัก และแสนรู้ก็มาโชว์ความสามารถให้เด็กๆดูกัน โชว์สนุกมากๆ แต่น้อง แก๊งอดดูเพราะนั่งรอจนหลับไปเลย ตื่นมาอีกทีก็ตอนที่เค้าลุกจะเดินออกกันแล้ว โธ่...ซื้อตั๋วแพงมากเลย แต่แก๊งดัน หลับ

พอโชว์จบเราก็ออกไปเดินเล่นกันที่ชายหาดเพื่อรอเวลาที่จะขึ้นรถ เด็กสนุกกันมาที่ชายหาดวิ่งเล่นกัน ถ่ายภาพกัน แต่ ส่วนหนึ่งก็สนใจอยู่ที่ครูแหลม เพราะครูแหลมกําลังสอนวิธีสเก็ตภาพให้พี่โตๆอยู่ คณะทัวร์กรุ๊ปอื่นๆทะยอยกันกลับไป หมดแล้ว

คณะเราทั้งหลายก็เดินไปรอเมล์สายสีแดงเพื่อกลับไปที่ Merlion อีกครั้งเพื่อรอชม Song Of The Sea ในตอนค่ํา มา ถึงแล้วเรายังมีเวลาเหลืออีกเยอะครูแหลมพาเด็กๆเดินดูงานประติมากรรมน้ําพุแบบโมเสคที่แสนสวยงาม ผลงานของ อันโตนิโอ เกาดี้ (Antoni Gaudí) ศิลปินชาวสเปน และเด็กๆก็นั่งสเก็ตภาพกันอยู่นานจนถึง ๕ โมงครึ่ง เราไปทานอาหารเย็นที่ร้าน Arches Restaurant ร้านอาหารนี้น่ารักมากๆ ค่ะ ห้องที่เรากินข้าวกันมีผนังเป็น สีชมพูเข้ม อาหารวันนี้กับข้าวเต็มโต๊ะ เด็กๆกินข้าวกันอย่างอร่อยทุกวันเลย นะคะ


ºบÑั ¹น ·ท∙ Öึ ¡ก ¤ค Çว Òา Áม ·ท∙ Ãร§ง ¨จ Óำ ·ท∙ Õี è่ Êส Ôิ §ง ¤คâโ»ป Ãร ì์

กินข้าวกันเสร็จเราก็เดินไปที่แสดงน้ําพุดนตรี หรือ Song Of The Sea ไปก่อนมีสิทธิก่อน เด็กๆเลือกที่นั่งตรงกลาง แถวหน้าสุด จองที่กันไว้ก่อนแล้วนั่งสเก็ตภาพรอ เวลา ๑ ทุ่ม ๔๕ นาทีการแสดงก็เริ่มขึ้น ทั้งแสง สี เสียง เอฟเฟค เลเซอร์ พลุงดงามตระการตา เด็กๆสนุกสนานกันมากๆเลยวันนี้ ดู Song Of The Sea เป็นรายการสุดท้ายของวันนี้คุณครูก็พาเด็กกลับที่พัก กันทันที ขากลับออกมาคนเยอะมากๆเลยค่ะ เด็กต่อแถวกันเป็นทางยาวเกาะ กันเป็นรถไฟเดินต่อๆกันมาไม่ให้ขาดตอน กว่าจะขึ้นมาครบทุกคนแทบแย่ เบียดเสียดกันน่าดู บนขึ้นมาได้เด็กก็ได้ตื่นเต้นดีใจกันอีกครั้งเพราะค่ํานี้คนขับ รถของเราคือ ลุงโยโย่ “โยโย่...โยโย่...” เสียงเด็กเรียกลุงโยโย่ตลอดทางที่เดิน ขึ้นรถ ลุงโยโย่ยิ้มโบกมือให้เด็กๆ เตอร์ดีใจมาที่ลุงโยโย่มาขับรถให้พวกเราอีก ครั้งถึงกับเข้าไปกอด เด็กๆทั้ง ๔๔ ซนขึ้นรถกันเรียบร้อยลุงโยโย่ก็เคลื่อนรถออกทันที “โยโย่...I Miss You” กฤศตะโกนมาจากด้านหลัง เด็กๆคิดถึงลุงโยโย่มากค่ะ แค่ไม่ได้เจอกันแค่ตอนเช้าเอง กลับมาถึงที่พัก ๓ ทุ่มกว่าๆ ครูแหลมให้เด็กๆพักผ่อนกันทันที ตั้งเมื่อวานจนถึงวันนี้น้องซันไม่ร้องไห้หาแม่อีกเลย แต่ ล่าสุดเมื่อตอน ๓ ทุ่มครึ่งครูนัฐมารายงานว่าน้องซันร้องไห้ซะแล้ว แต่ไม่ได้คิดถึงแม่ ที่ร้องไห้ก็เพราะว่าผ้าเช็ดตัวหาย ไป ทุกคนคาดว่าทางโรงแรมคงเก็บไปซักเพราะคิดว่าเป็นผ้าเช็ดตัวของโรแรม ก็ผ้าเช็ดตัวน้องซันสีขาวเหมือนของ โรงแรมเลย ฮ่าๆๆๆ


ºบÑั ¹น ·ท∙ Öึ ¡ก ¤ค Çว Òา Áม ·ท∙ Ãร§ง ¨จ Óำ ·ท∙ Õี è่ Êส Ôิ §ง ¤คâโ»ป Ãร ì์ ๔๔ ซนเรียนรู้วิถีชีวิตชาวจีน ดูงานศิลปะ วันพฤหัสที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๒ เช้านี้เด็กๆดีใจที่ลุงโยโย่มารับเด็กๆอีก วันนี้ในช่วงเช้าป้าอ๋อยจะพา พวกเราไปเรียนรู้ศิลปะวัฒนะธรรมของชาวจีนในย่านไชน่าทาวน์ ๙ โมงเช้าลุงโยโย่ขับรถพาเด็กๆมาส่งที่วัดเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple) เราจะไปนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระทนต์ (ฟัน) ของพระพุทธเจ้า และชมความงดงามของสถาปัตยกรรมจีน เมื่อเดินเข้ามาด้านในเด็กๆรวมทั้งคุณครูถึงกับยืนอึ้งกับสิ่งสวยงามที่ อยู่ด้านใน ทุกๆส่วนูกจัดตกแต่งไว้อย่างสวยงามลงตัว เราเดินจาก ด้านหลังทะลุมาด้านหน้า ครูแหลมพาเด็กๆนั่งลงกราบพระพุทธรูปที่ ประดิษฐานอยู่ด้านใน ทุกๆคนพนมมือท่องนะโม ๓ จบ และสวดมนต์ แบบง่ายๆ จบแล้วก็นั่งสมาธิกันประมาณ ๕ นาที

จากนั้นป้าอ๋อยก็พาเด็กๆไปยังชั้น ๔ ไปดูพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ในห้องนี้เด็กๆต้องใช้ความเงียบสูงเพราะ มีหลายๆคนมานั่งสมาธิอยู่ด้านใน เราได้มองแต่ภายนอกเพราะส่วนของพระบรมสารีริกธาตุถูกจัดเก็บไว้อย่างดีภายใน ห้องกระจกใสที่ตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม เด็กได้มองเห็นชิ้นส่วนของพระทนต์ชัดๆผ่านจอ LCD ที่ทางวัดถ่ายภาพไว้ให้ เด็กๆนั่งสเก็ตรูปอยู่พักใหญ่ด้านใน สัก พักครูแหลมก็เรียกรวมแล้วพาขึ้นไป ชมความงามของ “กรงล้อทิเบต” บน ชั้นดาดฟ้า จากนั้นก็ค่อยเดินลงบันได มาทีละชั้น...ทีละชั้น...จนมารวมพลกัน อีกทีที่หน้าประตูทางเข้า คุณครูถ่ายรูป รวมเด็กๆแล้วให้ป้าอ๋อยนําทางเด็กๆ เดินเข้าไปใน “ไชน่าทาวน์”


ºบÑั ¹น ·ท∙ Öึ ¡ก ¤ค Çว Òา Áม ·ท∙ Ãร§ง ¨จ Óำ ·ท∙ Õี è่ Êส Ôิ §ง ¤คâโ»ป Ãร ì์

ก่อนจะปล่อยเด็กๆเดินซื้อของเรา เข้าไปชมใน Chinatown Heritage ด้านในจัดแสดงวิถีชีวิตชาวจีนได้อย่าง ละเอียดและเหมือนจริง ข้าวของเครื่อง ใช้ต่างๆที่นํามาจัดแสดงส่วนใหญ่คือ ของที่เคยผ่านการใช้งานในชีวิตประจํา วันของชาวจีนมาแล้วจริงๆ ออกมาจาก Chinatown Heritage คุณครูก็ปล่อยให้เด็กๆเดินซื้อของฝาก ของ ที่ระลึกกัน ปล่อยให้เด็กๆเดินกันเองและนัดเวลามาเจอกัน วันนี้เรามาแต่เช้า คนยังไม่เยอะ เลยดูแลเด็กๆได้แบบง่ายๆ เด็กๆแยกย้ายกันเดินซื้อของตามใจ ชอบ ของที่ซื้อส่วนใหญ่ก็จะเป็นจะเป็นพวกพวงกุญแจ กรรไกรตัดเล็บที่เป็นรูป Merlion ราคาไม่แพงค่ะ ช้อปปิ้งกันเสร็จก็เดินกลับไปที่รถค่ะ ป้าอ๋อยจะพา เด็กๆไปทานข้าวกลางวันกัน ลุงโยโย่มาส่งเราที่ร้าน “Kopitiam” เป็นศูนย์อาหารสําหรับทุกคน ช่วงที่เรามา ทานข้าวกันเป็นช่วงพักเที่ยงของชาวสิงคโปร์พอดี วันนี้ในร้านคนแน่นพอสมควรเราเลยออกมานั่งทานอาหารกันด้าน

นอกซึ่งมีโต๊ะจัดไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ทานข้าวริมถนนได้บรรยากาศไปอีกแบบค่ะ เด็กๆวางกระเป๋าไว้ที่เก้าอี้แล้วเดินเข้าไปเลือกอาหาร ราคาไม่แพงมากค่ะ เริ่มต้นที่ ๓ เหรียญจนไปถึง ๑๐ เหรียญ เด็กๆเก่งมากค่ะช่วยเหลือตัวเองได้ดี ได้อาหารมาก็มานั่งทานกันอย่างอร่อย เด็กๆบางคนใช้วิธีเดิมๆคือ หุ้นกันซื้อแล้ว แบ่งกันทาน ดีมากค่ะเพราะอาหารแต่ละจานขนาดบิ๊กไซด์ทั้งนั้นเลย แต่ไม่ว่าจะจานใหญ่แค่ไหน เรือบินของเราก็ทาน ข้าวมื้อละ ๒ จานอยู่ดี คุณครูปล่อยเด็กๆทานอาหารกันอย่างสบายๆ ใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ ๑ ชั่วโมงก็ออกเดินทางกันต่อ


ºบÑั ¹น ·ท∙ Öึ ¡ก ¤ค Çว Òา Áม ·ท∙ Ãร§ง ¨จ Óำ ·ท∙ Õี è่ Êส Ôิ §ง ¤คâโ»ป Ãร ì์

เด็กๆเข้าแถวเดินตามป้าอ๋อยไป Singapore Art Museum อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้มากนัก เด็กๆเดินไปพร้อมส่งเสียง “เย้...เย้...” ตลอดทาง พอไปถึงครูแหลมก็รวมเด็กๆถ่ายรูปกันด้านหน้าก่อนแล้วจึงเดินเข้าไป ภายในมีงานศิลปะจัด แสดงไว้มากมายครูแหลมพาเดินชมไปอธิบายไป เด็กๆฟังอย่างตั้งใจและช่วยกันเสนอความคิดเห็นว่างานศิลปะที่ เด็กๆเห็นนั้นกระทบใจเด็กๆอย่างไร งานศิลปะแต่ละชุดสวยงามมากค่ะ คุณครูอยากจะหยุดและนั่งมองอยู่นานๆแต่ด้วยภาระและหน้าที่แล้วทําไม่ได้ ต้อง คอยมองงานศิลปะและเด็กๆสลับกัน...งดงามแบบแปลกๆ

ครูแหลมพาเด็กๆเดินชมได้ประมาณ ๕ ห้องแล้วเดินลงมาดูงานประติมากรรมด้านล่าง เด็กๆหยุด สเก็ตภาพอยู่นาน ค่ะ เพราะรูปปั้นที่ตั้งอยู่ตรงนี้น่ารักมากค่ะ เป็นงานประติมากรรมคนอ้วนน่ารัก น่ากอด


ºบÑั ¹น ·ท∙ Öึ ¡ก ¤ค Çว Òา Áม ·ท∙ Ãร§ง ¨จ Óำ ·ท∙ Õี è่ Êส Ôิ §ง ¤คâโ»ป Ãร ì์

ออกจาก Singapore Art Museum เราเดินไปกันต่อที่ 8Q ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Singapore Art Museum แต่อยู่กัน คนละฝั่งถนน งานแต่ละชิ้นสวยงาม น่าสนใจ น่าค้นหาไม่แพ้กัน เด็กเดินชมงานศิลปะอยู่นานเลยค่ะ บ่าย ๓ โมงกว่าๆลุงโยโย่มารับเด็กๆไปช้อปปิ้งที่ห้างมุสตาฟา ในย่านลิตเติ้ลอินเดีย ในห้างน้ีมีของขายเยอะแยะมากๆ และถูกกว่าทุกๆที่ ส่วนใหญ่เด็กๆจะซื้อเป็นช็อคโกแล็ตกัน คนละถุง ๒ ถุง เดินหิ้วกันไป ใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ ๑ ชั่วโมงก็เดินออกไปขึ้นรถเราจะไปทานข้าวเย็นกันค่ะ

มื้อเย็นวันนี้ป้าอ๋อยพาเด็กๆไปทานปูที่ Gold Coast Seafood Restaurant ชิมปูผัดสไตล์สิงคโปร์อันเลื่องลือ อร่อย มากเลยค่ะ กลับมาเด็กๆมีการแสดงกันนิดหน่อย ครูแหลมนัดเจอเด็กๆตอน ๒ ทุ่ม และคืนนี้เด็กๆจะได้เล่นน้ํากันด้วย ๒ ทุ่ม การแสดงก็เริ่มขึ้น พี่โตๆมี ละครมาเล่นให้น้องๆดู ละครที่จะแสดงวันนี้คือเรื่องหนูน้อยหมวกแดง พี่ๆเล่นตลกน้องๆหัวเราะชอบใจ สนุกดีค่ะ


ºบÑั ¹น ·ท∙ Öึ ¡ก ¤ค Çว Òา Áม ·ท∙ Ãร§ง ¨จ Óำ ·ท∙ Õี è่ Êส Ôิ §ง ¤คâโ»ป Ãร ì์ ลาก่อนสิงคโปร์...กลับสู่อ้อมกอดแม่ วันศุกร์ที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๒ เช้าวันศุกร์เด็กลงมาทานข้าวพร้อมกับกระเป๋าเดินทาง วันนี้ เป็นวันสุดท้ายแล้วที่เราจะใช้ชีวิตอยู่ที่สิงคโปร์ เด็กๆทานข้าวเช้ากันเสร็จแล้วเด็กๆรวมตัวกันอยู่ที่ด้านหน้า โรงแรม นั่งทํางานกันรอลุงโยโย่ขับรถมารับ เช้านี้มีเรื่อง วุ่นวายหลายเรื่อง “กระเป๋าตังค์หนูหาย” น้องผินบอก ครูแป๋มและเพื่อนช่วยกัน ตามหากระเป๋าตังค์ทั้งในห้องพัก ในกระเป๋าแต่ก็หาก็ไม่เจอ “แม๊กซ์มีอะไรจะสารภาพกับครูแหลมมั๊ย” ครูแป๋มเกริ่นนําทางให้ “เอ่อ...ครูแหลมครับ...แม๊กซ์ทําสมุดสเก็ตภาพหาย” แม๊กซ์บอกด้วย น้ําเสียงไม่สู้ดีนัก “หายได้ยังไง...แม๊กซ์รู้มั๊ยนี่คือสิ่งสําคัญ แะคือหัวใจของการมาค่าย ครั้งนี”้ ครูแหลมดุแม็กซ์เสียงดัง แล้วให้แม๊กซ์นึกว่าลืมไว้ที่ไหน “พี่มายด์ทําไม ไม่ดูแลน้อง” พี่มายด์พี่สาวที่แสนดีของแม็กซ์โดนดุไป ด้วย “แล้วทําไมทุกๆคนถึงไม่ช่วยกันดูแลซึ่งกันและกัน...ไม่เตือนกัน...เรา มีกันแค่นี้...แค่ ๔๔ คน...วันนี้เราไม่ช่วยกันไม่ดูแลกัน แล้วใครจะมา ช่วยเรา” ครูแหลมบอกเด็กๆ และสอนเด็กๆถึงเรื่องรักและสามัคคีกัน แบ่งปันกัน ทุกคนนิ่งเงียบฟังอย่างสงบ จนลุงโย โย่ขับรถมารับ เด็กๆเดินขึ้นรถอย่างเงียบๆ ขึ้นมาบนรถป้าอ๋อยแนะนําเด็กๆให้รู้จัก “NEWater” นิววอเตอร์คือ โรงงานบําบัดน้ําเสีย โดยการนําน้ําเสียมารีไซเคิลให้เป็นน้ําที่สามารถ ดื่มกินและใช้อุปโภคได้อย่างสะดวก สะอาด ปลอดภัยเทียบเท่าน้ํา ประปา และน้ําดื่มต่าง ๆ พอมาถึง NEWater พวกเราทั้งเดินทั้งวิ่งกันเลยทีเดียวเพราะเรามา สายกันเล็กน้อย เจ้าหน้าที่เร่งเราให้เข้าไปในห้องชมวีดีทัศน์แนะนํา เรื่องน้ํากับชีวิตชาวสิงคโปร์ จบแล้วก็พาไปชมห้องอื่นๆมีเจ้าหน้าที่ บอกเล่าทุกขั้นตอนของการบําบัดน้ําเสีย ขั้นตอนแรกคือการกรองแบบเมมเบรน (membranes) คือ การกรอง ดักสารมลพิษและแบคทีเรียที่มีขนาดใหญ่โดย micro filtration ขั้นตอนที่ ๒ คือ ขั้นตอนการออสโมซิส การดูดซึมของน้ํา ซึ่งสารและ แบคทีเรียขนาดเล็กจะถูกกักไว้ในแผ่นดักจับ เช่น เกลือ เชื้อโรค ไวรัส เป็นต้น ทําให้เหลือเพียงอนุภาคของน้ําเท่านั้น ขั้นตอนที่ ๓ คือ การค่าเชื้อด้วยแสงอัลตราไวโอเลต เป็นการทําให้น้ํา ปลอดเชื้อโดยใช้รังสีอัลตราไวโอเลต


ºบÑั ¹น ·ท∙ Öึ ¡ก ¤ค Çว Òา Áม ·ท∙ Ãร§ง ¨จ Óำ ·ท∙ Õี è่ Êส Ôิ §ง ¤คâโ»ป Ãร ì์

แม้วิทยาการจะพูดเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด แต่ในละขั้นตอนมีสื่อการเรียนรูปประกอบทําให้เด็กๆเข้าใจง่าย พออธิบาย จบเจ้าหน้าท่ีก็แจกน้ําดื่มจาก NEWater ให้เด็กๆคนละขวดเป็นของที่ระลึก ออกมาจาก NEWater เด็กๆก็มีของขวัญเล็กๆ น้อยๆมอบให้ป้าอ๋อย เป็นการ์ดที่เด็กๆช่วยกัน ทําให้ป้าอ๋อยเป็นการขอบคุณที่ป้าอ๋อยช่วยดู แลเด็กๆทุกคน พอขึ้นรถไปก็ยังการ์ดให้ลุงโย โย่ด้วยเช่นกัน ๑๑ โมง ลุงโยโย่พาเด็กๆไปส่งท่ีสนามบิน Terminal 3 เด็กลําลาลุงโยโย่แล้วลากกระเป๋า เดินไปเช็คอินตั๋ว โหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องบิน

เสร็จทุกอย่างแล้วป้าอ๋อยก็พาเดินไปขึ้นรถไปฟ้า เพ่ือจะไปทานข้าวกันที่ศูนย์อาหาร Terminal 2 รถไฟวิ่งเร็วทันใจ มากๆเลยค่ะ เด็กๆสนุกกันใหญ่


ºบÑั ¹น ·ท∙ Öึ ¡ก ¤ค Çว Òา Áม ·ท∙ Ãร§ง ¨จ Óำ ·ท∙ Õี è่ Êส Ôิ §ง ¤คâโ»ป Ãร ì์

ศูนย์อาหารที่สนามบินใหญ่มาก และที่สําคัญราคาไม่แพง เด็กๆไปเลือกซื้ออาหารมื้อสุดท้ายที่สิงคโปร์ทานกันอย่าง อร่อย ส่วนป้าอ๋อยอยู่ส่งเด็กขึ้นเคร่ืองบินไม่ได้เพราะติดประชุมในตอนบ่าย เลยร่ําลาเด็กๆที่ศูนย์อาหารนี้เลย เด็กๆ ขอบคุณป้าอ๋อยและโอบกอดก่อนจากกัน

พอทานอาหารกันเสร็จก็เดินทางไปขึ้นรถไฟฟ้ากลับไปยัง Terminal 3 พวกเราเดินตรงไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ทุกคนผ่านเข้าไปได้ ด้วยดี ยกเว้น “หนึ่ง” เจ้าหน้าที่ไม่ให้หนึ่งผ่านเข้ามาเพื่อนและคุณครู ยืนลุ้นด้วยความตกใจ หนึ่งผ่านเข้ามาไม่ได้เพราะทําใบ ต.ม. สีส้ม หายไป เจ้าหน้าที่ให้หนึ่งไปกรอกรายละเอียดใหม่แล้วปล่อยตัวเข้า มา พอหนึ่งมาเดินมารวมกับเพื่อนได้ ทุกคนก็ปรบมือยินดีกันลั่น สนามบินจนทุกคนมอง “เกือบไปแล้ว” ครูแหลมหัวเราะด้วยความ โล่งใจ พวกเราเดินไปที่ Gate E4 เพื่อรอเวลาที่จะไปขึ้นเครื่องบิน วางของ วางกระเป๋าไว้รวมๆกัน ครูแหลมก็พาเด็กๆที่อยากไปซื้อช็อคโกแล็ต ซื้อขนมในสนสามบินเดินไปช้อปปิ้งกัน ส่วนที่เหลือก็นั่งทํางาน นั่ง รอกันอยู่หน้าประตูทางเข้า บ่าย ๒ โมง ๔๐ ทุกคนมารวมตัวกันอีกครั้งเพื่อเดินผ่านประตูไปขึ้น เครื่องบิน แต่ละก้าวที่เดินไปมันใกล้ประเทศไทยเข้ามาทุกที “คิดถึง บ้านจังเลย”


ºบÑั ¹น ·ท∙ Öึ ¡ก ¤ค Çว Òา Áม ·ท∙ Ãร§ง ¨จ Óำ ·ท∙ Õี è่ Êส Ôิ §ง ¤คâโ»ป Ãร ì์

บ่าย ๓ โมงครึ่ง ตามเวลาของประเทศสิงคโปร์ สายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ SQ 976 นําเด็กทั้ง ๔๔ ซน ทะยานขึ้นฟ้าบินข้ามน้ําข้ามทะเล อําลาประเทสสิงคโปรสู่ผืนแผ่นดินไทย บนเครื่องบินหลายๆคนใช้เวลาในการหลับ รวมทั้งครูแป๋มด้วย หลายๆคนดูการ์ตูน เล่นเกมส์ ฟังเพลง

เวลา ๕ โมงเย็นตามเวลาของประเทศไทยเด็กๆทุกคนได้ก้าวเท้าลงเหยียบผืนแผ่นดินไทยอย่างปลอดภัย แต่เรื่องยังไม่ จบเท่านี้ ครูแหลมพาเด็กๆเดินไปยังด่านตรวจคนเข้าเมือง “ทุกคนหยิบพาสปอร์ตขึ้นมา” ครูแป๋มตะโกนบอกเด็ก ทุกเปิดกระเป๋า และนําพาสปอร์ตมาถือไว้ในมือ หันไปอีกมุมของสนามบินเด็กชายคนหนึ่งกําลังยืนใช้ความคิดทําหน้ายุ่ง ล่วงมือลงไปในทุกซอกทุกมุมของกระเป๋า สะพายหลัง กระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกง “แม็กซ์...เกิดอะไรขึ้น...อย่าบอกนะว่า...” ครูแป๋มปรี่เข้าไปหาแม๊กว์ทันที พี่แก้มก็วิ่งเข้ามาช่วยกันหา แม๊กซ์เทของ ทั้งหมดออกจากกระเป๋ารื้อค้นของกระจัดกระจายแต่ก็ไม่เจอ “พาสปอร์ตของแม๊กซ์หายครับ” แม๊กซ์บอกด้วยเสียงสั่นเครือ ครูแป๋มรีบวิ่งกลับไปที่เครื่องทันที และได้แต่ภาวนาว่า “ขอให้เจอ...ขอให้เจอ” แล้วคําขอก็เป็นจริง เจ้าที่กําลังถือ พาสปอร์ตของแม๊กซ์ออกมาพอดี ครูแป๋มรีบแจ้งชื่อเจ้าของ พาสปอร์ตและขอบคุณเจ้าหน้าที่ แล้ววิ่งกลับมาส่งพาส ปอร์ตให้แม๊กซ์ “โล่งออกกันทั้งครูและนักเรียน” เด็กๆไปรวมพลกันครั้งสุดท้ายหลังจากพี่ๆช่วยกันยก กระเป๋าให้น้องๆเรียบร้อยแล้ว ครูแหลมมีสิ่งเล็กๆน้อยที่จะ พูดกับเด็ก เป็นการกล่าวอําลากันครั้งสุดท้ายก่อนจากกัน เด็กๆนั่งฟังด้วยอาการเงียบสงบ


ºบÑั ¹น ·ท∙ Öึ ¡ก ¤ค Çว Òา Áม ·ท∙ Ãร§ง ¨จ Óำ ·ท∙ Õี è่ Êส Ôิ §ง ¤คâโ»ป Ãร ì์

สุดท้ายครูแหลมขอกอดเด็กๆทุกคนก่อนจากกัน ทุกความรักและความอบอุ่นในอ้อมกอดทําเอาหลายคนน้ําตาซึม ภาระหน้าที่ในการดูแลเด็กๆในครั้งนี้ใกล้จะจบลงแล้ว

เด็กจัดแถวกันอย่างเป็นระเบียบอีกครั้งแล้วเดินตามครูแหลมออกไป เมื่อก้าวแรกที่ครูแหลมนําเด็กๆพ้นประตูออกมา เสียงเฮของคุณพ่อ คุณแม่ดังไม่ขาดสาย ทุกใบหน้าล้วนมีแต่รอยยิ้ม ครูแหลมส่งเด็กๆทุกๆคนให้ถึงมือคุณพ่อ คุณ แม่ “ต่อไปนี้หมดหน้าที่ครูแหลมแล้ว” ครูแหลม กล่าวอําลาเด็กๆอีกครั้งก่อนปล่อยทุกคนเดินไป สู่อ้อมกอดของพ่อ แม่ด้วยความคิดถึง คุณครู ยืนดูทุกครอบครัวที่โผลเข้าหากันอย่างมีความ สุข

ทุกๆวินาทีที่คุณครูพาเด็กๆทุกคนก้าวขาออกจากประเทศทุกลมหายใจของคุณครูคือลมหายใจของ ๔๔ ชีวิตที่คุณครูต้องดูแล และรับผิดชอบ บัดนี้คุณครูพาลูกๆส่งคืนอ้อมอกของคุณพ่อ คุณแม่ได้อย่าง ปลอดภัย คุณครูรู้สึกเหมือนมีลมหายใจเป็นของตัวเอง และยิ้มได้อีกครั้งเพราะการทําค่ายในครั้งนี้จบ ลงได้ดวยดี


ºบÑั ¹น ·ท∙ Öึ ¡ก ¤ค Çว Òา Áม ·ท∙ Ãร§ง ¨จ Óำ ·ท∙ Õี è่ Êส Ôิ §ง ¤คâโ»ป Ãร ì์

ขอบพระคุณคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านในความไว้วางใจที่ยิ่งใหญ่ ขอบใจเด็กๆที่น่ารักทุกคน กับความทรงจําดีๆในสิงคโปร์ ถึงแม้บางครั้งคุณครูจะดุบาง และดุมากเป็นพิเศษ แต่ทั้งหมด คือความห่วงใยทุกเสียวนาที ยิ่งไกลยิ่งห่วง ยิ่งไกลยิ่งกังวล พ่อแม่ห่วงลูกๆมากแค่ไหน คุณครูผู้ซึ่งคอยดูแลห่วงมาก ยิ่งกว่าหลายเท่า “คิดถึงกันบ้างนะคะเด็กที่น่ารักของคุณครู” ขอบพระคุณพี่นะที่ช่วยคุณครูดูแลเด็กๆและเป็นธุระให้ทุกเรื่องตั้งแต่ในประเทศไทยจนถึงสิงคโปร์ ขอบพระคุณป้าอ๋อยที่ใจดีของเด็กๆนอกจากเป็นไกด์นําเที่ยวแล้วยังมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้คุณครูด้วย ขอบคุณลุงโยโย่ที่ขับรถรับเด็กๆทุกๆวัน ขอบพระคุณทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ที่มอบความสุขใจให้กับทุกๆครอบครัวของชาวศิลปะแหลมคม ขอบพระคุณด้วยความเคารพจากใจ ขอบพระคุณมากค่ะ ครูแป๋ม ลูกๆ ๔๔ คน จากคุณพ่อ คุณแม่ ๔ คืน ๕ วัน ไกลออกไปสู่ที่เคย...สู่แดนไกล...ประเทศสิงคโปร์ เป็นครั้งแรก...ของลูกๆหลายๆคน ได้เรียนรู.้ ..วิถีชีวิต...ที่มีระเบียบวินัย... ได้เห็นบ้านเมืองที่สะอาด...สะอ้าน... ได้เห็นความทันสมัย...ที่ไม่ฟุ้งเฟ้อ...แต่พอดี...พอควร... ได้ล้ิมรสอาหารที่ไม่คุ้นลิ้น...ไม่เหมือนที่แม่ทํา ได้รู้จักคําว่าเพื่อน...รู้ว่า...พี่น้องต้องรักกัน รู้จักช่วยเหลือน้องๆ...รู้รักสามัคคี ฝันได้ต้องทําได้...เสียสละ...และแบ่งปัน กล้าหาญ...ตัดสินใจได้...ฉลาดเรียนรู้...ตลอดเวลา อนาคตของชาติ...ที่เราพึ่งได้...ทําวันนี้ให้ดีที่สุด ไม่มีวันข้างหน้า...ชีวิตสั้นนัก...แต่...ศิลปะยืนยาว พรุ่งนี้...ครูแหลม...ก็ตายแล้ว ลูกๆ...ต้องอยู่...สร้างสังคมให้ดี...ตลอดไป ทําความดี...นะครับ ส่งความคิดถึงกัน...นะครับ ครูแหลม


02–4665256


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.