หุ้นเสี่ยงต่ำ ปันผลสูง
เสี่ยงต่ำ เงื่อนไข
คำอธิบาย
BETA < 0.7
น้อยกว่า
ROE > 12
ความคุ้มค่าของกำไรยิ่งมากยิ่งดี
DE < 1
สัดส่วนหนี้น้อยกว่าส่วนผู้ถือหุ้นดี
REVENUE STABLE > 50%
อัตราการเพิ่มขึ้นของรายได้ไปในทิศทางสูงขึ้นดี
PROFIT STABLE > 50%
อัตราการเพิ่มขึ้นของกำไรได้ไปในทิศทางสูงขึ้นดี
REVERNUE GROWTH > 7%
การเติบโตของรายได้มากขึ้นดี
PROFITGROWTH > 7%
การเติบโตของกำไรมากขึ้นดี
CAPEXSTABLE > 50%
อัตราการเพิ่มขึ้นของการลงทุนไปในทิศทางสูงขึ้นดี
NET PROFIT > 7%
ประสิทธิภาพในการทำกำไรยิ่งมากยิ่งดี
P/E < 15
P/E
ปันผลสูง เงื่อนไข
คำอธิบาย
YIELD > 4%
อัตราการปันผลมากว่าเงินเฟ้อดี
DSTABLE 100% DIVGROWTH > 7%
การจ่ายปันผลต่อเนื่องต้อง อัตราการเติบโตของเงินปันผลมีทิศทางเพิ่มขึ้น
BETA BETA = 1 ราคาหุ้นเคลื่อนไหวตามดัชนี
BETA BETA > 1 ราคาหุ้นเคลื่อนไหวมากกว่าดัชนี
BETA BETA < 1 ราคาหุ้นเคลื่อนไหวต่ำกว่าดัชนี
ROE > 12% •
ROE% = (กำไร / ส่วนผู้ถือหุ้น) *100
•
วัดความคุ้มค่าของกำไร ยิ่งเยอะยิ่งดี
•
ถ้า ROE สูง และ D/E สูง อันตราย
•
ถ้า ROE ไม่สูงขึ้น ก็ไม่ควรต่ำลง เท่าเดิม สม่ำเสมอดี
ROE > 12% บริษัท A
สินทรัพย์ 9000 หนี้สิน 8000
ส่วนผู้ถือหุ้น 1000
กำไร 120
ROE 12%
บริษัท A หรือ บริษัท B มีประสิทธิภาพมากกว่ากัน ?
บริษัท B
สินทรัพย์ 9000 หนี้สิน 8500
ส่วนผู้ถือหุ้น 500
กำไร 120
ROE 24%
D/E < 1 •
D/E = (หนี้สิน / ส่วนผู้ถือหุ้น)
•
วัดระดับหนี้สินเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น
•
D/E < 1 หนี้ต่ำกว่าส่วนของผู้ถือหุ้น โอกาสวิกฤติต่ำ โอกาส ลงทุนเพิ่มขึ้นเมื่อมีโอกาส
•
D/E > 1 หนี้สูงกว่าส่วนของผู้ถือหุ้น เมื่อวิกฤติอาจกู้ไม่ได้และ ภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น
D/E < 1 สถานะการณ์
DE < 1
กำลังซื้อหดตัว
เรียกเงินกู้ระยะสั้น เสริมสภาพคล่อง
วิกฤติเศรษฐกิจ
มองหาโอกาสลงทุน
DE > 1
เรียกเงินกู้ระยะสั้น หาทางให้บริษัทรอดพ้นวิกฤติ
Revenue Stable > 50% Revenue Growth> 7% •
ใน 7 ปี บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นติดต่อกันมากกว่า 3 ครั้ง
•
หากเพิ่มขึ้นติดต่อกันมากกว่า 3 ครั้งแสดงว่าบริษัทมีฐาน ลูกค้าที่เชื่อได้ว่าจะมากขึ้นในอนาคต
•
มีสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น
•
ลูกค้าซื้อซ้ำต่อเนื่อง
Revenue Stable > 50%â&#x20AC;¨ Revenue Growth> 7%
Profit Stable > 50% Profit Growth> 7% •
ใน 7 ปี บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นติดต่อกันมากกว่า 3 ครั้ง
•
แสดงว่าบริษัทมีฐานลูกค้าที่เชื่อได้ว่าจะมากขึ้นในอนาคต
•
แสดงว่าบริษัทสามารถรักษาต้นทุนได้ดีต่อเนื่อง
•
รักษาต้นทุนได้ดี มีการจัดการสินค้าคงคลังได้ดี
Profit Stable > 50% Profit Growth> 7%
Capex Stable > 50% •
ใน 4 ปี บริษัทมีการลงทุนเพิ่มขึ้นติดต่อกันมากกว่า 2 ครั้ง
•
การลงทุน และ มีกำไรเพิ่มขึ้นแสดงว่าบริษัทมีมุมมองในการ ลงทุนธุรกิจที่น่าเชื่อได้ว่ากำไรจะเติบโตต่อในอนาคต
•
ลงทุนด้วยเงินจำนวนมากกว่า 2 ครั้งใน 4 ปี แสดงว่าบริษัท ใส่ใจในการสร้างธุรกิจ และ มีที่ว่างมากพอในตลาดให้บริษัท สามารถเข้าสร้างกำไรเพิ่มเติมได้
Capex Stable > 50%
Net Profit Margin > 7% •
Net Profit Margin = (กำไร / รายได้)* 100
•
อัตรากำไร หรือ Net Profit Margin แสดงถึงประสิทธิภาพใน การทำกำไร ในระดับ 7% ถือว่าพอใช้ได้ ค่อนไปทางดี
•
หากสูงกว่า 7% ขึ้นไปแสดงว่ามีส่วนแบ่งในตลาดค่อนข้าง มาก ยิ่งดี
P/E < 15 •
P/E= (ราคาหุ้น / กำไรต่อหุ้น)
•
ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดที่ 15 เท่า ดีมาก
Yield > 4% •
ที่อัตราการปันผล 4% มากกว่าเงินเฟ้อ
•
อยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยขอตลาดที่ 3%
Dividend Stable 100% •
การจ่ายปันผลสม่ำเสมอทุกปี ไม่มีปีไหนที่ไม่จ่ายปันผล
•
แสดงถึงความรับผิดชอบต่อกำไรและผู้ถือหุ้น
Dividend Stable 100%
DivGrowth > 7% •
ใน 7 ปี บริษัทมีการจ่ายปันผลเพิ่มขึ้นติดต่อกันมากกว่า 3 ครั้ง
•
แสดงว่ามีโอกาสที่จะได้รับเงินปันผลเพิ่มขึ้นในอนาคต
Dividend Growth > 7%
พอร์ตลงทุนหุ้นเสี่ยงต่ำปันผลสูง •
รับปันผลต่อเนื่อง 9 เดือน
•
อัตราการปันผลมากกว่า 5% ต่อปี
•
ราคาหุ้นมีโอกาสเติบโต 7% ต่อปี
•
ราคาหุ้นผันผวนต่ำกว่าตลาด
•
บริษัทมีโอกาสเติบโตจากการ ลงทุนอย่างต่อเนื่อง
“เงินปันผลรายรับที่ไม่มีวันหยุด”
พรพรหม ภักตร์เปี่ยม ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ “หุ้นปันผล” Website :: http://www.panphol.com Facebook :: http://www.facebook.com/panphol อีเมล์ info@panphol.com