ท้ าวปลาหลด มีตายายคู่หนึ่งซึ่งยากจนอันไม่มีจะกิน เช้าวันหนึ่งสองตายายได้ออกไปหาปลาบางวันก็ หาปลาไม่ได้เลยซักตัว รุ่ งเช้าตายายไปหาไปหาอีกจนถึงเย็นก็ไม่ได้ปลาซักตัว พอกลับบ้านได้ เจอกับปลาหลดจึงเก็บมาเลี้ยงพอเลี้ยงไปได้หนึ่งสัปดาห์ปลาหลดก็เติบใหญ่ อีกสามวันปลา หลดจึงตายลง…ตายายจึงเสี ยใจมากจึงเอากระดูกปลาหลดเก็บไว้เพื่อทาคราดนา พอไปคราด ข้าวในนา ข้าวในนาจึงงอกงาม… ทาให้ตายายร่ ารวยเป็ นมหาเศรษฐีในหมู่บา้ นนั้น
และหลายปี ต่อมากระดูกปลาหลดก็ยงั เหลืออยูจ่ ึงเอามาทาเป็ นหวี เมื่อนาไปหวีผมตายาย ผมตา ยายจึงได้ดาสวยงาม เหมือนกับเป็ นหนุ่มสาว… มีเศรษฐีคู่หนึ่งอยูค่ นละหมู่บา้ นกันเกิดคิดอิจฉา ตายายคู่น้ นั เศรษฐีให้พวกบ่าวไพร่ ไปขโมยคราดและหวี …รุ่ งเช้าเศรษฐีจึงหวีผมด้วยหวีปลาหลด พออีกวันหนึ่งผมของเศรษฐีจึงร่ วงหมดหัว เศรษฐีคู่น้ นั เจ็บใจเรื่ องหวีจึงนาคราดที่ขโมยตายายมา มาคราดนาของตัวเองบ้าง ข้าวในนาจึงเฉาตายหมด จึง จนเพราะความอิจฉาจึงทาให้เศรษฐีคู่น้ นั จนมาก… ปี ต่อมาเศรษฐีคู่น้ นั จึงสานึกผิดจึงนาคราด และหวีมาคืนตายาย…ตายายจึงไม่ติดใจเอาความเศรษฐีคู่น้ นั นิทานเรื่องนีส้ อนให้ รู้ ว่า “เราไม่ควรอิจฉาผูอ้ ื่นโดยทางที่ผดิ …หรื อคนที่ได้ดีกว่าเรา”
ปลาบู่ทอง กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายหาปลาคนหนึ่งชื่อว่า “ เศรษฐี ” เขามีภรรยาสองคน คนแรกชื่อว่า “ กนิษฐา ” คนที่สองชื่อว่า “ กนิษฐี” นางกนิษฐามีลูกสาวคนเดียวชื่อว่า “ เอื้อย ” ในขณะที่นาง กนิษฐีมีลูกสาวสองคน คนแรกชื่อ “ อ้าย ” กับ “ อี่ ” ชายหาปลาไม่ชอบภรรยาหลวงและลูกสาวของนาง จึงมักจะดุค่าและบังคับให้ทางานหนักทุก วันในขณะที่นางกนิษฐีผเู ้ ป็ นภรรยา น้อยกับลูกสาวสองคนใช้ชีวติ อยูอ่ ย่างสบายเพราะไม่ตอ้ ง ทางานหนักเหมือนอย่าง แม่ลูกคู่น้ นั อย่างไรก็ ตามทั้งนางกนิษฐีและลูก ๆ ของนางก็ยงั เกลียด นางกนิษฐาและเอื้อยอีกซ้ ายังอิจฉาริ ษยา และ หาทางกลัน่ แกล้งสองแม่ลูกอยูต่ ลอดเวลา ทุก ๆ เช้า ชายหาปลาจะออกไปทอดแหหาปลา ในแม่น้ าและจะมีภรรยาสองคนผลัดกันเป็ นคน พายเรื อ ให้คนละวันหลังจากได้ปลามากพอใน แต่ละวันแล้วก็จะนาไปขายที่ตลาดก่อนกลับ บ้าน อยูม่ าวันหนึ่ง นางกนิษฐาทาหน้าที่เป็ นคนพาย เรื อให้สามีในขณะหาปลา แต่วา่ ไม่ได้ปลาสัก ตัวเดียวนอกจากปลาบู่ทองตัวหนึ่งเท่านั้น ตลอดทั้งวันชายหาปลาทอดแหแล้วทอดอีกก็ได้แต่ ปลาบู่ทองตัวเดิมมาทุกทีเขา ปล่อยมันลงไปในน้ าแต่ไม่นานมันก็ติดแหขึ้นมาอีก เขาโมโหมาก แต่กไ็ ม่รู้จะทาอย่างไรดี และทุกครั้งที่เขา ได้ปลาบู่ข้ ึนมาภรรยาของเขาก็จะขอเขาไว้เพื่อเก็บไว้ ให้ลูกของตนเลี้ยงเล่น แต่เขาจะโยนมันทิง้ ไปโดยไม่แยแส คาขอร้องของภรรยาตนแต่ในที่สุดก็ เกิดบันดาลโทสะอย่างแรงจนถึงขั้นตบดีนางและ ผลักนางลงน้ าไป ภรรยา ของเขาจึงจมน้ าตาย เพราะว่ายน้ าไม่เป็ น ด้วยเหตุน้ ีชายหาปลาจึงกลับบ้านเพียงลาพัง และพบเอื้อยกาลังรอแม่ของตนกลับมาอยู่ และเมื่อ ลูก สาวถามหาแม่เขาก็ปฏิเสธที่จะพูดอะไรออกไปเมื่อลูกสาวคะยั้นคะยออยูต่ ลอดเวลา เขาจึง บอกว่าแม่ของนางไป อยูใ่ ต้น้ าและจะกลับมาในอีก 3 วัน และบอกให้ลูกสาวหยุดร้องไห้ มิฉะนั้นแล้วแม่ของนางจะไม่กลับมาอีกเลย และถึงแม้วา่ เด็กสาวจะไม่เข้าใจว่าบิดาของตนพูด อะไร แต่กน็ ึกเอาว่ามารดาของตนต้องประสบอันตรายอย่าง แน่นอน ดังนั้นนางจึงร้องไห้โฮ
ออกมา ฝ่ ายชายหาปลาเกรงว่าข่าวการหายไปของภรรยาตนจะแพร่ หลาย จึงบังคับให้ลูกสาว หยุดร้องไห้ในทันทีและเริ่ มทุบตีนาง เพื่อนบ้านเข้ามาขัดขวางและถามถึงภรรยาหลวงของเขา ชายหาปลาก็พดู โกหกไปว่าหนีตามชูไ้ ปแต่กไ็ ม่มีใครเชื่อคาพูดของเขา เพราะทุกคนรู ้วา่ ชายหา ปลาผูน้ ้ ีเกลียดภรรยาหลวงและรักภรรยาน้อยมากกว่า แต่กไ็ ม่อาจจะช่วยอะไรได้มาก ได้แต่ เพียงช่วยปลอบใจเอื้อยเท่านั้น รุ่ งเช้าพ่อกับแม่เลี้ยงบอกให้นางทางานบ้าน แต่นางยังเจ็บแผลที่ถูกเฆี่ยนตีอยูจ่ ึงขอหยุดพักแต่ท้ งั คู่ ไม่ยอมฟังนาง ตรงกันข้ามกับลูกสาวทั้งสองคนของแม่เลี้ยง ที่ไม่ตอ้ งทาอะไรเลย พวกเขา เพียงแต่กินและ เล่นเท่านั้นเอง หลังจากจมน้ าตาย นางกนิษฐาก็ไปเกิดเป็ นปลาบู่ทอง ว่ายน้ ามาที่ท่าน้ าหน้าบ้านและรอเอื้อย ด้วย ความรัก ปลาบู่ทองเล่าเรื่ องทั้งหมดให้เอื้อย ฟัง นางสงสารผูเ้ ป็ นแม่มาก นางจะนาอาหารมา ให้ปลาผูเ้ ป็ น มารดาและพูดคุยกันเพื่อจะได้ลืม ความทุกข์โศกทั้งปวง แต่ไม่นานนัก อ้ายก็รู้เรื่ องเข้าจึงไปบอกให้แม่ ตนเองทราบและแล้วผูเ้ ป็ นแม่กว็ างแผนฆ่า ปลา บู่ทอง เสี ย ในขณะที่เอื้อยได้รับคาสั่งให้ไปเลี้ยง วัวในทุ่งนา ปลาบู่ทองก็ถูกล่อไปฆ่ากินเป็ น อาหาร ผูเ้ ป็ นแม่เลี้ยง ให้หมาและแมวกิน ก้างปลาบู่ทองหมดและโยนเกล็ดทิ้งไป ด้วย ความสงสารเอื้อยจึงไปถามหมาและแมวซึ่ง ทั้งสองก็ปฏิเสธที่จะบอกความจริ ง เปิ ดเข้ามาปลอบ เอื้อยและมอบเกล็ดปลาบู่ทองให้นาง เอื้อยเสี ยใจมากที่ ได้รู้เรื่ อง ดั้งนั้นนางจึงฝังเกล็ดปลาบู่ทอง ไว้ในป่ า และตั้งอธิฐานขอให้แม่มาเกิดเป็ นต้นมะเขือเปราะ ด้วยพรของเทวดาในทันใดนั้นก็เกิด ต้นมะเขือเปราะงอกงามขึ้น นับแต่น้ นั มาเอื้อยผูม้ ีความสุ ขก็จะมากราบไหว้ และพูดคุยกับต้น มะเขือเปราะทุกวัน แต่โชคร้าย อ้ายก็แอบมาเห็นอีจึงไปบอกแม่ของตน ผูเ้ ป็ นแม่จึงสั่งให้นางถอนต้นมะเขือเปราะ ทิ้ง แล้วนาผลมาทานทันที หลังจากกินแล้วก็โยนเม็ดมะเขือเปราะทิ้งไป เป็ ดก็เก็บเม็ดมะเขือไว้ ให้เอื้อยอีกเอื้อยเสี ยใจอย่างสุ ดซึ้ง นางจึงนาเม็ดมะเขือไปปลูกไว้ในป่ าแล้วอธิฐาน ขอให้แม่เกิด เป็ นต้นโพธิ์ เพื่อที่นางจะได้ กราบไหว้บูชา และด้วยพรของเทวดาต้นโพธิ์ก็งอกงามขึ้นในบัดดล
ในกาลต่อมา พระเจ้าพรหมทัตเสด็จมาทรงเห็นต้นโพธิ์ก็ทรงอยากได้ไปปลูกในวังจึงให้ถามหา เจ้า ของ และเมื่อได้รับการกราบทูลให้ทรงทราบพระองค์กท็ รงประสงค์ที่จะพบเอื้อย และเอื้อย ก็ได้กราบทูลเรื่ องราวทั้งหมดให้ทรงทราบ ด้วยความสงสารในตัวนาง พระองค์จึงตัดสิ นพระทัย ที่จะอธิเษกสมรสกับเอื้อยและตั้งให้เป็ นพระราชีนี และพระเจ้าพรหมทัตทรงถอนต้นโพธิ์ไม่ข้ ึน แม้จะมีไพร่ พลช่วยก็ตาม จึงทรงรับสั่งให้เอื้อย ถอน มาให้พระองค์และเมื่อเอื้อยขออนุญาตมารดาของตน ก็สามารถถอนต้นโพธิ์ขึ้นได้โดยง่าย พระเจ้าพรหมทัต ทรงแปลกพระทัย และทรงดาริ วา่ เอื้อยมีบุญบารมีสมเป็ นพระชาชินี จึงพาไป อยูใ่ นวังและทรงตั้งให้เป็ น พระชาชินีของพระองค์ ในขณะเดียวกัน แม่เลี้ยงและลูกสาวทั้งสองของนางก็เกิดความอิจฉาริ ษยาอย่างมากที่ได้รู้ข่าว ว่า เอื้อยตอนนี้ได้กลายเป็ นพระราชินีไปแล้ว จึงไปหายายเฒ่าผูห้ นึ่งซึ่งก็ออกอุบายให้ส่งข่าวไป บอกราชินีเอื้อย ว่าบิดาของนางเจ็บหนักใกล้จะตายแล้ว ทันทีที่ได้รับข่าวราชินีเอื้อยผูก้ ตัญญูก็ รี บกลับมาเยีย่ มบิดาที่บา้ น แต่ก่อนที่จะเข้าบ้าน ผูเ้ ป็ นแม่เลี้ยงบอกให้นางถอดเครื่ องทรงราชินี ออกแล้วให้ไปอาบน้ าก่อนจึง ค่อยไปพบบิดา ในขณะเดินเข้าไปในห้องด้านใน พระราชินีผนู ้ ่า สงสารก็ตกลงไปในกระทะน้ าเดือดที่นางแม่เลี้ยง จอมริ ษยา ซ่อนไว้เบื้องล่าง ยังผลให้พระราชินี สิ้ นพระชนม์ในทันที จากนั้นอ้ายก็รีบแต่งเครื่ อง ทรงพระราชินีและกลับ วังโดยปลอมเป็ นเอื้อย นาง เข้าไปพบพระราชาผูซ้ ่ ึงแสดงอาการไม่ค่อยจะเชื่อ ว่าเป็ นเอื้อย แต่อา้ ยก็ใช้คาถา ที่ยายเฒ่าให้มาเสกให้ พระราชาอยูใ่ ต้อานาจของตน แม้กระนั้นพระราชาก็ ยังคงสงสัยอยูด่ ีวา่ ทาไม่ตน้ โพธิ์ จึงดูเ่่ยวเฉาไม่มี ชีวติ ชีวา หลังจากถูกฆาตกรรมแล้วราชินีเอื้อยก็ไปเกิดเป็ นนกแขกเต้า ด้วยความรักและห่วงใยใน พระราชา จึงบินมาหาพระองค์และกราบทูลให้พระองค์ทราบเรื่ องราวทั้งหมด หลังจากสัตว์ผนู ้ ่า สงสารกราบทูลเรื่ อง ราวให้ทรงทราบ พระองค์กท็ รงเลี้ยงดูนกแขกเต้าไว้ในกรงทอง และทรง พูดคุยด้วยเสมอ และแล้ววันหนึ่ง ราชินีปลอมอ้ายก็แอบมารู ้จนได้ ดังนั้นในขณะที่พระราชา เสด็จออกป้ าเพื่อคล้องช้างเผือกมาสู่ บารมี ราชินี ปลอมก็จบั นกแขกเต้าผูน้ ่าสงสารถอนขนจน
หมดแล้วส่ งไปให้แม่ครัวแกง นกแขกเต้าแกล้งทาเป็ นนอนตาย แม่ครัวเลยไม่สนใจปล่อยมันไว้ ในครัวรอเวลาที่จะทาแกงนกถวายพระราชินีในตอนเย็น เจ้านกแขกเต้าผูป้ ราศจากขนและทุกข์ทรมาน จึงสบโอกาสหนีเข้าไปซ่อนตัวอยูใ่ นโพรงหนู เมื่อ หานกที่นอนตายอยูไ่ ม่พบและกลัวจะมีความผิด แม่ครัวจึงไปหาซื้อนกอื่นมาแกงถวาย พระ ราชินีแทน ฝ่ าย แม่ครัวได้รับรางวัลตอบแทนเป็ นผ้าสะไบ เจ้านกแขกเต้าผูน้ ่าสงสารอาศัยอยูห่ นู จนกระทัง่ ขนขึ้นเต็มตัวก็บอกลาหนู ซึ่งก็อาสาพาไปส่ งถึง ชายป่ าในขณะท่องเที่ยวไปในป่ าอยูต่ ามลาพังก็เกือบจะถูก งูกินไปแล้ว โชคดีที่นกใหญ่มาจับงู กินเสี ยก่อน และแล้วนกแขกเต้าก็มาพบพระฤๅษีผซู ้ ่ ึงเกิดความสงสารก็เลยช่วยชุบนกแขกเต้า ให้กลายเป็ นหญิงสาวสวย พระฤๅษีกเ็ ลี้ยงดู เอื้อยอย่างลูกสาวของตน แต่กส็ ังเกตเห็นว่า ลูกบุญธรรมของตนดูจะเหงาหงอยอยูต่ ลอดเวลา ดังนั้นท่านจึงวาดรู ปขึ้นหลาย ๆ รู ปแล้วให้เอื้อย เลือกเอารู ปเดียว หลังจาเลือกแล้วท่านก็จะเสก ให้เป็ นคน เอื้อยจึงเอารู ปเด็กชายมอบให้ฤๅษีใช้ คาถาเสกให้เป็ นคนเพื่อที่นางจะได้ เลี้ยงดูเป็ น บุตรชาย ท่านฤๅษีจึงตั้งชื่อเด็กชายนั้นว่า “ ลบ ”> เมื่อลบอายุได้ 7 ขวบ ก็ถามหาชื่อบิดาของตน เอื้อยจึงเล่าเรื่ องให้ฟังทั้งหมด ลบจึงลามารดาไป เข้าเฝ้ าพระเจ้าพรหมทัต เอื้อยจึงร้อยมาลัย ดอกไม้บอกเรื่ องราวของตนให้ลบสวมคอไป เพื่อที่พระเจ้าพรหมทัตจะได้ทราบทุกสิ่ งทุกอย่างเกี่ยวกับนาง เมื่อมาถึงพระนคร ลบก็ถามหาต้นโพธิ์ชาวเมืองพากันประหลาดใจที่เห็นเด็กชายสวมพวงมาลัย อันงาม ไว้บนคอ จึงพูดต่อกันไปทัว่ พระราชาทรงทราบเข้าและสังหรณ์พระทัยว่าพระองค์ อาจจะได้ทราบข่าวเกี่ยวกับ เอื้อยบ้าง ดังนั้นจึงทรงรับสั่งให้เด็กเข้าเฝ้ าและแล้วพระองค์กไ็ ด้ ทราบเรื่ องราวทั้ง หมดจากเด็กชายนั้น พระราชาทรงพระประสงค์ที่จะพบเอื้อยมาก แต่กก็ ลัวเวท มนต์ของอ้าย ดังนั้นพระองค์จึงออกอุบายเสด็จประพาสป่ า และเมื่อเสด็จมาถึงศาลาของฤๅษี พระองค์กท็ รงโสมนัสยิง่ นักที่ได้พบพระราชินีของพระองค์ จากนั้น พระฤๅษีจึงช่วยให้พระราชาพ้นอานาจเวทมนต์ ทั้งสองพระองค์ดีใจที่ได้กลับมาอยู่
ด้วยกันอีกครั้ง แต่กต็ อ้ งเสี ยใจที่ตอ้ งสู ญเสี ยลบไปเพราะลบจะต้องกลายเป็ นรู ปวาดอย่างเดิมภาย ใน 3 วัน นับจากวันที่สองพระองค์ได้พบกัน เพราะเป็ นเงื่อนไขที่ฤๅษีกาหนดไว้ พระราชาทรงรับสั่งให้จดั งานฉลองรับขวัญพระราชินี เอื้อยเป็ นเวลา 7 วัน หลังจากที่ตอ้ งพลัด พรากจากไปนาน พระองค์รับสั่งให้ประหารชีวติ พระราชินีปลอมเสี ยแต่เอื้อยกราบทูลขออภัย โทษ และพระองค์กท็ รงเห็นด้วย แต่อา้ ยฆ่าตัวตายเสี ยก่อนเพราะกลัวความผิด นางชิงฆ่าตัวตาย เสี ยก่อนจะถูกจับตัวได้ พระราชาลงโทษพ่อแม่ของอ้ายด้วยการส่ งแกงที่ปรุ งด้วย เนื้อของลูกสาวของทั้งสองไปให้ เพื่อ เป็ น การแก้แค้นต่อความโหดร้าย และโทษมหันต์ที่ท้ งั คู่กระทาไว้ในอดีต ในเวลานั้นพระ โพธิสัตว์ทรงเสด็จมาเทศนาโปรดพระราชาและพระราชินี พระองค์บอกให้ท้ งั สองเอาชนะความ เกลียดชังด้วยความรัก และไม่ให้จองเวรเพราะ การจองเวรไม่มีวนั รู ้จบ ที่พระราชินีตอ้ งประสบ เคราะห์กรรมอย่างแสนสาหัสก็เพราะบาปที่นาง ทาไว้ในชาติ ก่อน ดังนั้นพระราชาจึงทรงให้อภัยชายหาปลาและ ภรรยาของเขาและชวนให้มาอยูใ่ นวังอย่างมี ความสุ ข นับแต่บดั นั้น แง่คิด : ทาดีไดดี ทาชัว่ ได้ชวั่ เครดิต:http://www.skn.ac.th/skl/project/nitan482/nu13.htm
เรื่อง แก้ วหน้ าม้ า
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเมืองอยู่เมืองหนึ่งชื่อว่ า “ มิถิลา ” เมืองนีป้ กครองโดยกษัตริย์ทรง พระนามว่ า “ ภูวดลมงคลราช ” พระองค์ มพี ระมเหสี ทรงพระนามว่ า “ พระนางนันทา ” ทั้ง สองพระองค์ มีพระโอรสทรงพระนามว่ า “ ปิ่ นทอง” พระนครเจริญรุ่งเรืองและสงบสุ ข
นางแก้วหน้ าม้ าเป็ นธิดาสามัญชนชาวเมืองมิถิลา เหตุทนี่ างมีชื่อเช่ นนีเ้ พราะก่อนตั้งครรภ์ ผู้เป็ น มารดาได้ ฝันว่ าเทวดานาแก้วมาให้ พอให้ กาเนิดบุตรสาวเลยตั้งชื่อว่ า “แก้ว” แต่ เนื่องจากใบหน้ า เหมือนม้ า ชาวบ้ านเรียกว่ า นางแก้วหน้ าม้ า
พระปิ่ นทองนั้นมีรูปลักษณ์ ทสี่ วยอย่ างชายชาตรีและเป็ นคนทีม่ นี ิสัยดือ้ รั้งโดยจะทาให้ พระบิดา และพระมารดาปวดหัวอยู่เสมอ มีวนั หนึ่งพระปิ่ นทองได้ มาขออนุญาติพระบิดากับพระมารดา ออกไปเล่นว่ าวทีท่ ่ งุ พระบิดามารดาก็ได้ อนุญาติ
พระปิ่ นทองได้ ออกมาเล่นว่ าวซึ่งลมแรงมาก ว่ าวของพระปิ่ นทองได้ หลุดมือและปลิวไปไกลทา ให้ ทหารทีม่ ากับพระปิ่ นทองวิง่ ตามว่ าว ซึ่งนางแก้วหน้ าได้ เก็บว่ าวได้ แล้ววิง่ หนี
เมือ่ นางเห็นว่ าวรู ปร่ างลักษณะดีกต็ ัดสิ นใจยึดเป็ นของตนเองแต่ เพียงอึดใจต่ อมา เมือ่ เจ้ าชาย เสด็จมาถึงทีน่ ้ันและได้ ยนิ แก้วพูดก็ทรงโกรธมาก และคิดว่ าหญิงผู้นีพ้ ูดจาโยกโย้ น่าราคาญ พระองค์ เกลียดนางยิง่ นักเมือ่ เห็นนางมีใบหน้ าทีป่ ระหลาด แต่ ด้วยความทีอ่ ยากได้ ว่าวของตน คืนจึงแกล้งทาดีกบั นางไปอย่ างนั้นเองและได้ สัญญากับนางว่ าจะให้ นางเข้ าไปอยู่ในวังด้ วย
รออยู่หลายวันไม่ เห็นพระปิ่ นทองมารับ นางแก้วจึงเล่าเรื่องให้ พ่อกับแม่ ฟัง และขอให้ ไปทวง สั ญญา เมือ่ พ่อแม่ ไปทวงสั ญญากับพระปิ่ น ท้ าวภูวดลกริ้วตรัสให้ นาตัวไปประหาร แต่ พระนาง นันทาได้ ทดั ทานพร้ อมเรียกพระโอรสมาสอบถาม พระปิ่ นทองยอมรับว่ าสั ญญาว่ าจะให้ นางเข้ า มาอยู่ในวังเมือ่ พระปิ่ นทองสั ญญาแล้วพระนางนันทาสั่ งให้ ไปรับตัวนางแก้วมาอยู่ในวัง
ครั้งไม่ มวี อทองมารับสมกับตาแหน่ งมเหสี นางแก้วก็ไม่ ยอมไป จนในทีส่ ุ ดนางแก้วได้ นั่งในวอ ทอง พร้ อมกับแต่ งตัวสวยพริ้ง พอมาถึงวังหลวง ท้ าวภูวดลกับพระปิ่ นทองเห็นนางแก้วรู ปร่ าง
หน้ าตาน่ าเกลียด กริยามารยาทกระโดกกระเดกก็ทนไม่ ได้ คิดหาทางกาจัดนางแก้ว แต่ พระนาง นันทานึกเอ็นดู
นางแก้วเข้ าวังมาไม่ นาน ท้ าวภูวดลกับพระปิ่ นทองหาทางกาจัดนางแก้ว โดยให้ นางแก้วไปยก เขาพระสุ เมรุมาไว้ ในเมืองภายใน 7 วัน หากทาไม่ สาเร็จจะต้ องได้ รับโทษประหาร แต่ ถ้าทาได้ จะ จัดพิธีอภิเษกสมรสกับพระปิ่ นทอง
นางแก้วออกไปตามป่ า เสี่ ยงสั ตย์ อธิษฐานกับเหล่าทวยเทพว่ าหากตนเป็ นเนือ้ คู่ของพระปิ่ นทอง ขอให้ พบเขาพระสุ เมรุ เดินทางต่ อไปอีกสามวัน พบพระฤาษีรีบเข้ าไปกราบและเล่าเรื่องราว ทั้งหมด พระฤาษีมใี จเมตตาจึงช่ วยถอดหน้ าม้ าออกให้ นางแก้วกลายเป็ นหญิงทีง่ ดงามโสภา แล้ว เสกหนังสื อเป็ นเรือเหาะให้ ลาหนึ่งพร้ อมมอบอีโต้ ไว้ เป็ นอาวุธ
นางแก้วจึงสามารถไปยกเขาพระสุ เมรุมาถวายท้ าวภูวดลได้ สาเร็จ
ท้ าวภูวดลพยายามหาหนทางทีจ่ ะเลีย่ งคาสั ญญาเลยมอบให้ พระปิ่ นทองเดินทางไปอภิเษก กับเจ้ าหญิงทัศมาลี ราชธิดาของท้ าวพรหมทัต ก่อนเดินทางไป พระปิ่ นทองกล่าวว่ า ถ้ ากลับมา นางยังไม่ มลี ูกจะถูกประหาร นางแก้วนั่งเรือเหาะตามพระปิ่ นทองไปแล้วถอดหน้ าม้ าออก ไปขอ อาศัยอยู่กบั สองตายายในป่ า เมือ่ พระปิ่ นทองผ่ านมา นางแก้วก็ไปอาบนา้ ทีท่ ่ า พระปิ่ นทองเห็น เข้ าเกิดหลงรัก และไปเกีย้ วพาราณสี จนได้ นางแก้วเป็ นเมีย
ต่ อมานางแก้วตั้งครรภ์ พระปิ่ นทองต้ องการกลับกรุงมิถิลาและได้ มอบแหวนให้ นางแก้วเพือ่ ยืนยันว่ าเด็กในท้ องนางแก้วเป็ นลูกของพระปิ่ นทองจริง
ขณะเดินทางกลับกรุงมิถิลา ระหว่ างอยู่ในทะเลย เรือสาเภาของพระปิ่ นทองถูกมรสุ มพัดเข้ าไป ในถิ่นยักษ์
นางแก้วคลอดบุตรชายชื่อว่ า “ปิ่ นแก้ว” ก็คดิ จะพาลูกกลับไปหาพระปิ่ นทอง โดยได้ แวะไปลา พระฤาษี พระฤาษีบอกนางแก้วว่ า พระปิ่ นทองอยู่ในอันตราย นางแก้วฝากลูกไว้ กบั พระฤาษีแล้ว แปลงร่ างเป็ นผู้ชายขึน้ เรือเหาะไปรบกับท้ าวพาลราช เจ้ าเมืองยักษ์ จนได้ รับชัยชนะ
แก้วมารอพระปิ่ นทองพร้ อมกับอุ้มลูกทีฤ่ าษีต้งั ชื่อไว้ ว่าพระปิ่ นแก้ว พระปิ่ นทองหาว่ าแก้ว หลอกว่ าเป็ นลูกตนแต่ เมือ่ เห็นแหวนทีต่ นให้ ไว้ กพ็ ูดไม่ ออก กล่าวถึงท้ าวกายมาต ทีเ่ ป็ นญาติกบั ท้ าวพาลราชทีถ่ ูกแห้ วสั งหาร เมือ่ ทราบเรื่องก็เกิดความแค้ นยกไพร่ พลยักษ์ มาล้อมเมืองมิถิลา
พระปิ่ นทองตามไปงอนง้ อนางแก้ว แต่ แก้วก็ยงั เล่นตัว จนพระปิ่ นทองทาท่ าจะเชือดคอตายแก้ว จึงยอมถอดหน้ าม้ า สร้ างยินดีให้ กบั ทุกคน พิธีอภิเษกสมรสจัดขึน้ อย่ างเอิกเกริก ไม่ นานแก้วก็ ตั้งครรภ์ ท้ าวประกายกรดรู้ ข่าวท้ าวประกายมาตถูกฆ่ าตายก็แค้ น คิดจะบุกเมืองมิถิลาท้ าว ประกายกรดบุกเมืองมิถิลา ประชาชนแตกตื่นกันทัว่ พระปิ่ นแก้วยกทัพไปสู้ กบั พวกยักษ์ แต่ สู้ ไม่ ได้ ต้ องถอยร่ น แก้วจาต้ องออกไปสู้ กบั ยักษ์ ทั้งๆทีต่ ้งั ครรภ์ แก้วทีท่ ้ องแก่สู้ กบั ท้ าวประกาย กรด ถูกท้ าวประกายกรดถีบ แก้วเจ็บท้ อง คลอดพระธิดาออกมา 3 องค์ ท้ าวประกายกรดตกใจ มากทีร่ ู้ ว่าแก้วเป็ นหญิง แก้วใช้ ผ้าเปื้ อนเลือดฟาดเข้ าใส่ ทาให้ มนต์ ยกั ษ์ เสื่ อม ท้ าวประกายกรด ถูกฆ่ าตาย เมืองมิถิลากลับสู่ ความสงบตั้งแต่ น้ันมา
ข้ อคิดทีไ่ ด้ จากเรื่องนี้ อย่ ามองคนแค่ เพียงภายนอก คนดีไม่ ใช่ ดูทรี่ ู ปร่ างหน้ าตา แต่ ดูทนี่ ิสัย