Acc 54031

Page 1

รายงานวิจัยฉบับสมบูรณ โครงการ ปฏิบัติงานวิชาการโครงการสัมมนา ระดับชาติ เรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 10 "ทศวรรษแหงการลงมือทํา : Time for Action" โดย ศิริกุล กุลเลียบ ธันวาคม 2554


สัมมนาระดับชาติ ครั้งที่ ๑๐ เรื่อง ความปลอดภัยทางถนน “ทศวรรษแห่งการลงมือทา: Time For Action” ที่ปรึกษา นายแพทย์วีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ นายแพทย์วิทยา ชาติบัญชาชัย นายแพทย์ธนะพงศ์ จินวงษ์ คณะผู้จัดทา นางสาวศิริกุล กุลเลียบ นางนิตยาภรณ์ สีหาบัว นางสาวภาวนา เขื่อนโยธา นางสาวขวัญนาค กุลเลียบ นางสาวอภิญญา มานิล นางสาวจริญาภรณ์ วงษ์สีเทพ ผู้ออกแบบปก นายประวิทยากร นามบุดดี


คานา การประชุมสัมมนาระดับชาติครั้งที่ 10 เรื่อง ความปลอดภัยทางถนน “ทศวรรษแห่งการลงมือทา : Time For Action” ในวันที่ 25-26 สิงหาคม 2554 ครั้งนี้ ภาคีเครือข่ายที่ดาเนินงานด้านการป้องกันปัญหาอุบัติเหตุ จราจร ได้ร่วมมือกันจัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีขับเคลื่อนการทางานเชิงบูรณาการ จัดการ แม้การดาเนินการรณรงค์ด้านการ ป้องกันอุบัติเหตุทางถนนซึ่งภาคีเครือข่าย และหน่วยงานภาครัฐร่วมมือกันดาเนินงานอย่างต่อเนื่อง แต่สถิติการเกิด อุบัติเหตุจราจรยังคงเป็นปัญหาที่ทาให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตเกิดขึ้น ในการสัมมนาระดับชาติในครั้งนี้ ได้รับ ความสนใจจากภาคีเครือข่ายเข้าร่วมงานสัมมนาหลากหลายสาขาวิชาชีพ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด ,ตารวจ, เจ้าหน้าที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย,เจ้าหน้าที่สาธารณสุข,พยาบาลวิชาชีพ,นักวิชาการ,เจ้าหน้าที่ขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นและนักเรียนนักศึกษาประชาชน ภาคเอกชน ฯลฯ โดยในการจัดงานมีทั้งรูปแบบการปาฐกถาจากท่าน นายกรัฐมนตรี ,การเสวนาวิชาการจากทางภาคนโยบายจากองค์กรหลักในการดาเนินงานด้านการป้องกันและแก้ไข ปัญหาอุบัติเหตุ ทางถนนคือตารวจ คมนาคม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สาธารณสุข และสถานการณ์ของ โลกจากตัวแทนองค์การอนามัยโลก( WHO),การเสวนาวิชาการการขับเคลื่อนการทางานเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา อุบัติเหตุจราจรเกี่ยวกับสิทธิเด็ก กรณีสุราและการคุ้มครองผู้บริโภคกรณีได้รับอุบัติเหตุทางถนน และเวทีห้องประชุม วิชาการเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในประเด็นต่างๆได้แก่ ประเด็นใบขับขี่ , มอเตอร์ไซด์กับ เยาวชน, การจัดการข้อมูลด้านอุบัติเหตุจราจร ,รถโดยสารสาธารณะ ชุมชนกับการทางานด้านการป้องกันอุบัติเหตุ ทางถนน,ตารวจกับการบังคับใช้กฎหมาย,เมาไม่ขับและการจัดการจุดเสี่ยงด้านอุบัติเหตุทางถนน เป็นต้น คณะกรรมการดาเนินการประชุมวิชาการระดับชาติ เรื่องอุบัติเหตุจราจรครั้งที่ 10 ขอขอบพระคุณ ผู้สนับสนุนการดาเนินงาน วิทยากร และผู้เข้าร่วมประชุมวิชาการทุกท่านที่มีส่วนร่วมทาให้การประชุมวิชาการใน ครั้งนี้สาเร็จลุล่วงด้วยดี สาหรับข้อเสนอแนะในการประชุมวิชาการในครั้งนี้ ทั้งในส่วนของข้อเสนอเชิงนโยบายต่างๆ หรือข้อเสนอแนะในการจัดประชุมทางคณะกรรมการดาเนินงานจะได้นาไปขับเคลื่อนการทางานและปรับปรุงต่อไป คณะกรรมการดาเนินงานประชุมวิชาการระดับชาติเรื่อง ความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 10


ข สารบัญ คานา สัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ 9 “พลังเครือข่ายเพื่อถนนปลอดภัย” - พิธีปล่อยขบวนรณรงค์สวมหมวกนิรภัยและแจกหมวกนิรภัยเด็ก - พิธีมอบรางวัล Priminister Road Safety Award - ความปลอดภัยบนถนน คือ วาระแห่งชาติ - ข้อเสนอ .. ต่อ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี เพื่อความปลอดภัยทางถนนสาหรับเด็กและเยาวชน - สรุปประเด็น- สาระสาคัญ โดย กลุ่มเยาวชน และ เครือข่ายวิชาการ - สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนน(Global status of road safety) และบทบาทผู้นากับการเปลี่ยนแปลงสู่ถนนปลอดภัย - ใบขับขี่รุ่นเยาว์เพื่อถนนปลอดภัย - มิติใหม่สู่ความปลอดภัย:มอเตอร์ไซด์กับวัยรุ่น - ชุมชนต้นแบบกับเคล็ดลับความสาเร็จของท้องถิ่นและชุมชนในการส่งเสริมความปลอดภัยทางถนน - มิติใหม่ในการจัดการข้อมูลระดับพื้นที่ เพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างมีส่วนร่วม - บทเรียนการขับเคลื่อนเมาไม่ขับ - พลังประชาสังคมกับถนนปลอดภัย - นโยบายสู่มาตรฐานรถโดยสารสาธารณะ - มิติใหม่ในการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ - การจัดการระบบบริการทางการแพทย์ฉุกเฉินในทองถิ่นให้มีประสิทธิภาพ - ท้องถิ่นกับการจัดระบบรถโรงเรียน - การจัดการจุดเสี่ยงในชุมชน - พลังเครือข่ายเพื่อถนนปลอดภัย : Partnership for road safety - สรุปประเด็นและเนื้อหาทางวิชาการนิทรรศการสัมมนาอุบัติเหตุแห่งชาติครั้งที่ 9 - สรุปข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย งานสัมมนาระดับชาติ เรื่อง อุบัติเหตุจราจร ครั้งที่ 9 - ข้อเสนอยกระดับมาตรฐานรถโดยสารขนาดใหญ่และรถนักเรียน - พิธีมอบรางวัลผลการประกวดงานวิชาการประเภทโปสเตอร์ ผลการประกวดงานวิชาการประเภทโปสเตอร์ - สรุปการประเมินผลและข้อเสนอแนะ ภาคผนวก - คาสั่งแต่งตั้ง - กาหนดการ agenda_update - รายชื่อรับรางวัล Priminister Road Safety Award - รายชื่อประกวดผลงานวิจัย - รายชื่อประกวดโครงการฯ

หน้า ก 1 3 2 3 5 6 7 14 17 19 22 37 39 40 44 48 52 55 60 65 88 90 92 94 113 129 130 133 159


1

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

คากล่าวรายงานโดย นายกสมาคมผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ไทย (นายพงศธร เอื้อมงคลชัย) งานสัมมนาระดับชาติ “ความปลอดภัยทางถนน”ครั้งที่ ๑๐ ทศวรรษแห่งการลงมือทา (Time for Action) โครงการรณรงค์ “ขับ-ซ้อนมอเตอร์ไซค์ สวมหมวกนิรภัย ๑๐๐%” วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๔ เวลา ๐๘.๓๐ น. ณ ลานเอนกประสงค์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติไบเทค บางนา กรุงเทพฯ ************************** กราบเรียนท่านรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ท่านอธิบดีกรมปูองกันและบรรเทาสาธารณภัย ท่านผู้บริหารหน่วยงาน ภาครัฐภาคเอกชน สื่อมวลชน และผู้เข้าร่วมรณรงค์ทุกท่าน ในนามของสมาคมผูป้ ระกอบการรถจักรยานยนต์ไทย ซึง่ ประกอบด้วยบริษัทผูผ้ ลิตและจาหน่าย รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ยามาฮ่า คาวาซากิและซูซูกิ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่หน่วยงานองค์กรภาคีเครือข่ายลด อุบัติเหตุทางถนน ทั้งภาครัฐ/ภาคเอกชนได้ให้ความสาคัญ และตระหนักถึงปัญหาอุบัติภัยทางถนน เป็นปัญหาสาคัญ ของชาติที่ถูกจัดวางไว้ให้อยู่ในระดับต้นๆ ซึ่งทุกฝุายจะต้องร่วมกันบูรณการรณรงค์ปูองกันแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังนั้น สมาคมผูป้ ระกอบการรถจักรยานยนต์ไทย ในฐานะองค์กรภาคีเครือข่ายภาคเอกชน ผูม้ ีสว่ นร่วมใน การรณรงค์ส่งเสริม สนับสนุนและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ และผู้ที่ใช้รถใช้ถนนได้ตระหนักถึง คุณค่าของการมีวัฒนธรรมความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนอย่างถูกต้องมาโดยตลอด การมีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม โครงการ “ขับ-ซ้อนมอเตอร์ไซค์ สวมหมวกนิรภัย ๑๐๐ % ในวันนี้ นับเป็นอีกโครงการหนึ่ง ในหลายๆโครงการ เพื่อลด อุบัติเหตุบนท้องถนน ที่สมาคมฯได้ทาการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนผู้ใช้รถใช้ถนน ทั่วประเทศได้รับทราบ มาอย่างต่อเนื่อง และนับเป็นการสนองตอบต่อนโยบายภาครัฐ ที่กาหนดให้ปีนี้ เป็นปีแห่งการรณรงค์ส่งเสริมการสวม หมวกนิรภัย ๑๐๐ % และเป็นปีที่ประเทศไทยเรากาลังจะย่างก้าวเข้าสู่ ทศวรรษแห่งการลงมือทา (Time for Action) ในเรื่องของอุบัติเหตุทางถนนอย่างจริงจัง โดยมีเปูาหมายและวัตถุประสงค์ในอีก ๑๐ ปีข้างหน้า ที่จะทาให้ความสูญเสีย จากอุบัติเหตุทางถนนลดน้อยลงโดยเร็ว อีกทั้งเพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนน ร่วมกันสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนให้ เกิดขึ้นในสังคมไทยอย่างแพร่หลาย สมาคมผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ไทย ยินดีและพร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรภาคีเครือข่ายลด อุบัติเหตุทางถนน ที่จะร่วมให้การสนับสนุนกับทุกภาคส่วน ในการที่จะบูรณการรณรงค์ส่งเสริม ปูองกันและแก้ไขปัญหา อุบัติเหตุทางถนนอย่างยั่งยืนถาวรตลอดไป ขอขอบคุณ ท่านรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีวันนี้ และ ขอบคุณกรม ปูองกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมด้วยองค์กรภาคีเครือข่ายภาครัฐภาคเอกชน ที่ได้รวมพลังกันจัดกิจกรรมการ รณรงค์ “ขับ-ซ้อนมอเตอร์ไซค์ สวมหมวกนิรภัย ๑๐๐ % ” ในวันนี้ขึ้นมา... .โอกาสนี้ ผมขอเรียนเชิญท่านรอง ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กรุณากล่าวให้โอวาท และเปิดโครงการรณรงค์ “ขับ-ซ้อนมอเตอร์ไซค์ สวมหมวกนิรภัย ๑๐๐ %” เพื่อเป็นขวัญกาลังใจแก่ผู้ที่มาร่วมงานรณรงค์ในวันนี้ทุกๆท่าน..... ขอเรียนเชิญครับ.


2

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

คากล่าวพิธีเปิดโดย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย (ท่านชนม์ชื่น บุญญานุสาส์น) งานสัมมนาระดับชาติ “ความปลอดภัยทางถนน”ครั้งที่ 10 ทศวรรษแห่งการลงมือทา (Time for Action) โครงการรณรงค์ “ขับ-ซ้อนมอเตอร์ไซค์ สวมหมวกนิรภัย 100%” วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม 2554 เวลา 08.30 น. ณ ลานเอนกประสงค์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติไบเทค บางนา กรุงเทพฯ ********************* ท่านอธิบดีกรมปูองกันและบรรเทาสาธารณภัย / นายกสมาคมผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ไทย / หัวหน้าส่วนราชการ / สื่อมวลชน และ ผู้มีเกียรติทุกท่าน อุบัติภัยทางถนนนับเป็นหนึ่งในสามของปัญหาหลักทีส่ าคัญของประเทศ ถึงแม้ว่าทุกฝุายจะพยายามหา มาตรการปูองกันแก้ไขทุกวิถีทางแล้วก็ตามแต่ยังคงมีผู้ที่เสียชีวิต เนื่องจากประสพอุบัติเหตุทางถนนในแต่ละปีมากกว่า 12,000 คน และยังมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ทุพพลภาพอีกเป็นจานวนมาก จากการทีร่ ัฐบาลได้จัดความสาคัญของปัญหานีไ้ ว้ในลาดับต้นๆโดยกาหนด ให้เป็นวาระแห่งชาติ และได้ร่วม ประกาศเจตนารมณ์ ให้ตั้งแต่ปี 2554 ถึงปี 2564 เป็นทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน ซึ่งมีเปูาหมายที่จะลด จานวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนให้น้อยลงโดยเร็ว สาหรับปีนี้เป็นปีแรกของทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน และกาหนดให้เป็นปีแห่งการรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย 100 % ซึ่งทุกฝุายที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันดาเนินการ มาแล้วอย่างต่อเนื่องอยู่ในขณะนี้ มาตรการดาเนินการปูองกันและแก้ไขปัญหาจากอุบัติภัยทางถนนให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและ ประสบความสาเร็จได้นั้น ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากทุกภาคส่วน การรณรงค์ให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และผู้นั่ง ซ้อนท้าย สวมใส่หมวกนิรภัย 100% เพื่อให้เกิดวัฒนธรรมความปลอดภัยขณะขับขี่รถบนท้องถนนนั้น นับเป็นนิมิตรหมายที่ดี ที่ทุกฝุายต่างให้ ความสาคัญต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างจริงจัง แต่กิจกรรมการรณรงค์เป็นเพียงการ ประชาสัมพันธ์ และให้ความรู้แก่สาธารณชนเท่านั้น ปัจจัยสาคัญที่จะช่วยให้อุบัติเหตุทางถนนลดลงได้อย่างยั่งยืนนั้น ผู้ ขับขี่และผู้ใช้รถใช้ถนน จะต้องช่วยกันประพฤติ ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดด้วย ผมขอชื่นชมหน่วยงานภาครัฐทีเ่ กีย่ วข้องทุกภาคส่วน และขอขอบคุณองค์กรภาคีเครือข่ายลดอุบัติเหตุทาง ถนนภาคเอกชน สมาคมผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ไทย และผู้ร่วมรณรงค์ที่เสียสละเวลาร่วมกันจัดโครงการฯนี้ ขึ้นมา ขอให้คุณความดีที่ทุกท่านได้ร่วมกันเสริมสร้างในวันนี้ จงสัมฤทธิ์ผลตามวัตถุประสงค์ที่ท่านทั้งหลายได้มุ่งมั่น ตั้งใจไว้ทุกประการ และขอให้การดาเนินธุรกิจ การงานของท่านจงประสบความสาเร็จความเจริญรุ่งเรือง และปลอดภัย โดยทั่วกัน บัดนีไ้ ด้เวลาอันสมควรแล้ว ผมขอเปิดโครงการรณรงค์ “ขับ-ซ้อนมอเตอร์ไซค์ สวมหมวกนิรภัย 100 %” ณ บัดนี้.


3

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

พิธีปล่อยขบวนรณรงค์สวมหมวกนิรภัยและแจกหมวกนิรภัยเด็ก


4

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนของโลก โดยโมรีน ผู้แทนจากองค์การ รักษาชีวิตคนนับล้าน ทศวรรษความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. 2554-2563 เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2554


5

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10


6

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10


7

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

อุบัติเหตุทางถนนทาให้ทุนมนุษย์ลดลงและก่อให้เกิดความสูญเสียด้านเศรษฐกิจ ในประเทศไทย : • ทุกวันจะมีประชากรเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 25 คน • สูญเสีย 230 พันล้านบาท หรือคิดเป็น ร้อยละ 2.8 ของรายได้ประชากรต่อหัวต่อปี • ประชากรวัยผู้ใหญ่ตอนต้นหรือวัยหนุ่มสาว เสียชีวิต หรือทุพลภาพ – อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ – ผู้ที่เป็นเสาหลักของครอบครัว - พฤศจิกายน 2552 ปฏิญญามอสโก – ผล จากการประชุมระดับรัฐมนตรี ณ กรุงมอสโก มีนาคม 2553 สหพันธรัฐรัสเซีย ร่วมกับประเทศต่างๆ รวม 100 ประเทศ และองค์การสหประชาชาติ ประกาศ ทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. 2554-2563 ในที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ เป้าประสงค์ เปูาประสงค์ของทศวรรษคือการทาให้จานวนคนตายจากการจราจรทางถนนทั่วโลกไม่เพิ่มขึ้นตามที่คาดการณ์ ไว้ว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า (ปี พ.ศ. 2563) จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1.9 ล้านคนหากไม่ทาอะไร และให้ลดลงเหลือ ประมาณ 0.9 ล้านคนโดยการทางานอย่างจริงจัง จะรักษาชีวิตคนได้ 5 ล้านคน


8

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

กิจกรรมหลักในงานความปลอดภัยทางถนน 1. การลดความเร็ว 2. เข็มขัดนิรภัย 3. เบาะนั่งนิรภัยสาหรับเด็ก 4. หมวกนิรภัย 5. ดื่มแอลกอฮอล์ก่อนหรือขณะขับขี่ 6. มาตรการทางวิศวกรรมที่ราคาต่า 7. ยานพาหนะปลอดภัย 8. การดูแลก่อนนาส่งโรงพยาบาลและการดูแลผู้บาดเจ็บ การลดความเร็ว ควรจากัดความเร็วในเขตเมืองให้ไม่เกิน 50 กม./ชม. และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรสามารถสั่งให้ลดความเร็วได้หากมีความ จาเป็น ประเทศไทย: ไม่เกิน 80 ก.ม./ช.ม. แต่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นสามารถ กาหนดให้ต่ากว่านั้นได้ การให้คะแนนตนเองด้านการบังคับใช้กฎหมาย = 2/10 มีประเทศเพียง 29% ที่มีกฎหมายจากัดความเร็ว หมวกนิรภัยสาหรับผู้ใช้รถมอเตอร์ไซค์ สวมหมวกนิรภัยคุณภาพดีขณะใช้รถจักรยานยนต์ สามารถลดความ เสี่ยงตายได้ ±40% และสามารถลดความเสี่ยงบาดเจ็บที่ศีรษะได้มากกว่า 70% ประเทศไทย: มีกฎหมายหมวกนิรภัยแต่มีผู้ปฏิบัติตามกฎหมายเพียง ร้อยละ 27 ให้คะแนนตนเอง: 4/10 มีประเทศเพียง 40 % เท่านั้นที่มีกฎหมายบังคับและมีการกาหนด มาตรฐาน! ดื่มแอลกอฮอล์ก่อนหรือขณะขับขี่ การตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด (BACs) ควรกาหนดไว้ที่ 0.05 กรัมต่อเดซิลิตร สาหรับประชาชนทั่วไป ประเทศไทย: กาหนดให้ไม่เกิน 0.05 กรัม/เดซิลิตร แต่สาหรับผู้ขับรถอายุน้อย/มือใหม่ควรกาหนดให้ต่ากว่านี้ การให้ คะแนนตนเองด้านการบังคับใช้กฎหมาย: 5/10 มีประเทศน้อยกว่า 50% ที่กาหนดค่านี้ไว้


9

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

เข็มขัดนิรภัยและถุงลมนิรภัย การคาดเข็มขัดนิรภัยทาให้ลดความเสี่ยงตายของผู้โดยสารนั่งข้างหน้าได้ 4065% และผู้โดยสารนั่งข้างหลังได้ 25-75% ประเทศไทย: กฎหมายเข็มขัดนิรภัยไม่ครอบคลุมถึงผู้โดยสารที่นั่งแถวหลังผู้ ปฏิบัติตามกฎหมายที่นั่งแถวหน้ามีร้อยละ 56 และนั่งแถวหลังมี ร้อยละ 3 การให้คะแนนตนเอง: 5/10 มีประเทศเพียง 57 % เท่านั้น ที่กาหนดให้ใช้เข็มขัดนิรภัย (ด้านหน้าและ ด้านหลัง)! เบาะที่นั่งนิรภัยสาหรับเด็ก ที่นั่งเด็กทารก ที่นั่งเด็ก และที่นั่งเบาะเสริมสาหรับเด็กสามารถลดการตาย ของเด็กทารกได้ ±70% และลดการตายของเด็กเล็กได้ 54%–80% ในกรณีเกิด เหตุจากจราจรทางถนน ประเทศไทย: ไม่มีกฎหมายการใช้ที่นั่งเด็ก ไม่มีการให้คะแนนตนเอง เพราะว่าไม่มีกฎหมายบังคับ มีประเทศน้อยกว่า 50% ที่มีกฎหมาย บังคับให้ใช้เบาะที่นั่งนิรภัยสาหรับเด็ก! งานป้องกัน พัฒนาการของจานวนคนตายในแต่ละปีจากการจราจรทางถนนในประเทศฝรั่งเศส ระหว่างปี พ.ศ. 2513-2552


10

งานเปิดตัวทศวรรษ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

สุนทรพจน์ของผู้นาระดับชาติและนานาชาติที่ให้การสนับสนุน มีการประดับไฟแสงสีเหลืองและภาพตราสัญลักษณ์ทศวรรษบน สถานที่ที่เป็นจุดสังเกตของเมืองต่างๆ ทั่วโลก เช่น นิวยอร์ค ลอนดอน ริ โอเดอจาไนโร เจนีวา มอสโคว์ วอซอว์ โคลัมโบ เป็นต้น มีการเปิดตัวทศวรรษในที่ต่างๆ มากกว่า 300 แห่ง ใน 80ประเทศทั่วโลก

งานเปิดตัวทศวรรษของไทย ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริ กิตติ์ เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2554

สุนทรพจน์ของผู้แทนจากภาคส่วนต่างๆ

การแสดงของผู้เคยประสบเหตุการณ์

ขบวนรถมอเตอร์ไซค์รณรงค์สวมหมวกนิรภัย


11

งานเปิดตัวทศวรรษของประเทศต่างๆ

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10


12

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

บทบาทขององค์การอนามัยโลกใน ด้านความปลอดภัยทางถนน • หาหลักฐานและข้อมูล • การสนับสนุนผลักดันจากผู้บริหารระดับสูง • ความร่วมมือกับงานความปลอดภัยทางถนนขององค์การสหประชาชาติ • ความช่วยเหลือด้านวิชาการ จัดทาคู่มือ – หมวกนิรภัย – การดื่มสุราและการขับขี่ยานพาหนะ – การจัดการความเร็ว – เข็มขัดนิรภัย – ระบบข้อมูล – การจัดการความปลอดภัยทางถนน การเสริมสร้างศักยภาพ • TEACH-VIP (Violence and Injury Prevention) • MENTOR-VIP 2553-2554 1. ระบบข้อมูล: คู่มือความปลอดภัยทางถนนสาหรับผู้ที่มีอานาจตัดสินใจและผู้ปฏิบัติงาน 2. การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่: ปัญหาผู้ขับขี่เบี่ยงเบนความสนใจที่พบมากขึ้น 3. เรื่องราวความสาเร็จในการดูแลผู้บาดเจ็บ 4. พันธมิตรเครือข่ายโลกเพื่อการดูแลผู้บาดเจ็บ 5. เครือข่ายระดับโลกขององค์กรพัฒนาภาคเอกชนเรื่องความปลอดภัยทางถนน

อยู่ในระหว่างดาเนินการ ปี 2555 1. แนวทางการร่างกฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยทางถนน 2. รายงานสถานการณ์โลก เรื่องความปลอดภัยทางถนน เล่ม 2 (ปี 2555) ทศวรรษของทุกคน


13

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

รายชื่อรับรางวัลโล่รางวัล Prime Minister Road Safety Awards องค์กรภาครัฐ ลาดับ

หน่วยงาน

ชื่อผู้รับรางวัล

ตาแหน่ง

1

โรงเรียนตาคลีประชาสรรค์ จ.นครสวรรค์

นางสาวจุไรรัตน์ มณีรัตน์

ผู้อานวยการโรงเรียนตาคลีประชาสรรค์

2

โรงเรียนโนนสะอาดพิทยาสรรค์ จ.อุดรธานี

นายทวีป สุทธิเวช

ผู้อานวยการโรงเรียนโนนสะอาดพิทยาสรรค์

3

โรงเรียนเทศบาลเมืองสวรรคโลก จ.สุโขทัย

นางอมรรัตน์ รักบัว นายแพทย์ประยูร โกวิทย์

ผู้อานวยการสถานศึกษาโรงเรียนเทศบาล เมืองสวรรค์โลก ผู้อานวยการโรงพยาบาลบ้านไผ่

พ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ นายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์

รองผู้บังคับการตารวจภูธรจังหวัดระนอง อธิบดีกรมทางหลวง

4

โรงพยาบาลบ้านไผ่และภาคีเครือข่ายปูองกัน อุบัติเหตุ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น 5 สถานีตารวจภูธรเมืองภูเก็ต 6 สานักอานวยความปลอดภัย กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ประชาคมภาคีเครือข่าย 1

ประชาคมและชมรมลดอุบัติเหตุบนท้องถนนเมืองหาดใหญ่

พ.ต.ท.สุรเชษฐ์ สุวรรณนพมาศ

สารวัตรจราจร สถานีตารวจภูธร หาดใหญ่

2

ประชาคมลดอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดขอนแก่น

นายสมบัติ ตรีวัฒน์สุวรรณ

ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น

3

ประชาคมลดอุบัติเหตุทางถนนจังหวัดนครศรีธรรมราช

นางเพ็ญจันทร์ แซ่หลี

นักวิเคราะห์นโยบายและแผน ชานาญการสนง.ปภ.จ. นครศรีธรรมราช

4

ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ

ดร.ภาสกร ประถมบุตร

ผู้อานวยการฯ

5

สมาคมระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะไทย

รศ.ดร.สรวิศ นฤปีติ

นายกสมาคม ITS

องค์กร อปท. ชุมชน 1

ชุมชนบ้านหนองผักแว่น จ.กาญจนบุรี

นายรัชพล สว่างโลก

ผู้ใหญ่บ้านชุมชนหนองผักแว่น

2

เทศบาลตาบลคาปุาหลาย อาเภอเมือง จังหวัด มุกดาหาร

ร.ต.ต.ชัยยุทธ ไมล์วิสัย

นายกเทศบาลตาบลคาปุาหลาย

3

เทศบาลตาบลตลาดเกรียบ อาเภอบางปะอิน จ. พระนครศรีอยุธยา

นายวิชัย ไวยทิ

นายกเทศบาลตาบลตลาดเกรียบ

4

สานักงานเทศบาลเมืองเขารูปช้าง จ.สงขลา

นายศรัณยู มุขวรรณ์

ปลัดเทศบาลเมืองเขารูปช้าง

5

สานักงานเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด

นายบรรจง โฆษิตจิรนันท์

นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด

6

องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง จ.ตรัง

นายกิจ หลีกภัย

นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง

7

องค์การบริหารส่วนตาบลท่าสาย

นางอรัญญา บุญตานนท์

นายกองค์การบริหารส่วนตาบลท่าสาย

8

องค์การบริหารส่วนตาบลพลับพลาไชย จ. สุพรรณบุรี

นายพีระศักดิ์ มาตรศรี

นายกองค์การบริหารส่วนตาบลพลับพลาไชย


14

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10 องค์กรเอกชน (บริษัท) 1

บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จากัด

นายนพดล สันติภากรณ์

กรรมการผู้จัดการ

2

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จากัด

นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส

3

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จากัด

นายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์

รองประธานกรรมการบริหาร

4

บริษัท มิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันซ์ จากัด

ISAO NOJO อิซาโอะ โนโจ

กรรมการผู้จัดการ

5

บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จากัด

นายอารักษ์ พรประภา

กรรมการบริหาร

6

บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จากัด

คุณวรชัย ภูวิสิฐกุล

ผู้จัดการฝุายปฏิบัตกิ ารความปลอดภัยอาชีวอ นามัยและสิ่งแวดล้อม

7

สมาคมผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ไทย สาขา ประเทศไทย

นายพงศธร เอื้อมงคลชัย

นายกสมาคมผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ ไทย

บุคคล 1

ศาสตราจารย์ ดร.พิชัย ธานีรณานนท์

ศาสตราจารย์ระดับ 10 ภาควิชาวิศวกรรมโยธา

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

2

นายไพบูลย์ อุปัติศฤงค์

นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต

จังหวัดภูเก็ต

3

รองศาสตราจารย์ลาดวน ศรีศักดา

ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมความปลอดภัยทางถนน

จังหวัดเชียง

4

พ.ต.อ.วณัฐ อรรถกวิน

รองผู้บังคับการตารวจภูธร

จังหวัดนครราชสีมา

5

พล.ต.ต.ศักดา เตชะเกรียงไกร

รองผู้บัญชาการตารวจภูธรภาค 4

จังหวัดขอนแก่น

6

นางศิริแข ขันทองคา

นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชานาญการ

สนง.ปภ.จ.นครราชสีมา

7

นายสุนทร ทองเอียด

ครูชานาญการและหัวหน้างานรถรับ-ส่งนักเรียน

โรงเรียนท่านครญาณวโรภาสอุทิศ จ.นครศรีธรรมราช

8

นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์

รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร

จังหวัดสมุทรสาคร

9

พ.ต.อ.อานนท์ นามประเสริฐ

ผู้กากับการสถานีตารวจภูธรเขาสวนกวาง

จังหวัดขอนแก่น

10

พล.ต.ต.อุดม จาปาจันทร์

ผู้บังคับการตารวจภูธรจังหวัดสกลนคร

จังหวัดสกลนคร


15

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

พิธีมอบรางวัล มอบรางวัล Prime Minister Road Safety Award


16

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10


17

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10


18

พิธีเปิดงาน

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10


19

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

ปาฐกถาพิเศษ วิสัยทัศน์ และ นโยบายรัฐบาล กับ “ทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน” โดย ประธานพิธีเปิด

ปัญหาอุบัติเหตุทางถนน ถือเป็นความสูญเสียที่สาคัญของคนไทย ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา คนไทยตายจากอุบัติเหตุไปถึง 124,056 คน เฉพาะปี 2553 ที่ผ่านมา มีคนเสียชีวิตถึง 10,742 คน (เฉลี่ย 30 คน/วัน) เพิ่มขึ้นจาก ปี 2552 ที่มีผู้เสียชีวิต 10,717 คน คิดเป็นอัตราตาย 16.81 คนต่อประชากร แสนคน (สูงกว่าเปูาหมายที่ตั้งไว้ 16.17) โดยกลุ่มที่มีอัตราตายสูงสุดคือ “เด็กและวัยรุ่น” อายุระหว่าง 15-24 ปี (อัตราการเสียชีวิต สูงถึง 23.5 คน ต่อประชากรแสนคน) ที่สาคัญคือ แนวโน้มของความรุนแรงและการเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น รุนแรง (คนที่ตายเทียบกับอุบัติเหตุ 100 ครั้ง) พบว่าเพิ่มจาก 10.1 ในปี 2548 เป็น 12.5

ดัชนีความ ในปี พ.ศ. 2552 ข้อมูลสารวจสามโนประชากร โดยสานักงานสถิติแห่งชาติ พ .ศ. 2553 พบว่า ร้อยละ 3.1 (จานวน 1,546,337 คน) เคย ประสบอุบัติเหตุจากการเดินทางทาง ถนน ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา(เฉลี่ยวันละ 4,384 คน)โดยร้อยละ43.5ของผู้ประสบเหตุ เป็นหัวหน้าครัวเรือน (จานวน 672,284 คน) และมีอยู่ถึงร้อยละ 76.9 (1,188,655 คน) มีการบาดเจ็บร่วมด้วย โดยผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ร้อยละ 0.9 (11,386 คน) มีการสูญเสียอวัยวะ แสดงให้เห็นว่า ในแต่ละปีครอบครัวจานวนมากเพียงใดที่ต้องล่มสลาย เพราะ สูญเสียเสาหลักของครอบครัว ม่เฉพาะความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของผู้บาดเจ็บ พิการ และเสียชีวิต แต่เมื่อ คานวณเป็นมูลค่าความสูญเสียเป็นเม็ดเงิน พบว่าคนไทยต้องสูญเสียเงินไปปีละ 2.3 แสนล้านบาทหรือคิดเป็น 2.8 % ของ GDP ซึ่งทั้งหมดของความสูญเสียที่เกิดขึ้น รัฐบาลตระหนักดีว่าเป็นเรื่องที่ “ป้องกัน และ ลดความสูญเสียชีวิต ลงได้” ดังนั้น .. ในอีก 10 ปีข้างหน้านี้ นับเป็นช่วงเวลาสาคัญที่รัฐบาลจะแสดงความเป็น “ ผู้นา” ในการ “ลงมือทา” โดยจะดึงความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคมไทย รวมถึงจะระดมงบประมาณและทรัพยากร เพื่อทาให้ผู้เสียชีวิตลดลง ครึ่งหนึ่งในอีก 10 ปีข้างหน้า โดยใช้ กรอบ 5 เสาหลัก (5 pillars) ที่องค์การ สหประชาชาติกาหนดไว้ มาเป็น แนวทางในการดาเนินงาน ได้แก่ ( 1) ด้านบริหารจัดการ ( Road safety Management) (2) ความ ปลอดภัยด้านโครงสร้าง-ถนน (Infrastructure) (3) ความ ปลอดภัยด้านยานพาหนะ (Safe Vehicle) (4) ด้าน สมรรถนะและพฤติกรรมผู้ขับขี่ (Driver Behavior) และ (5) ด้านการช่วยเหลือรักษา ( Care) ซึง่ ทั้ง 5 ด้านนี้ จะมีการกาหนดเป็นมาตรการสาคัญและเร่งด่วน ที่จะผลักดันให้เป็นรูปธรรม ได้แก่ (1) ด้านบริหารจัดการ : รัฐบาลจะผลักดันให้เกิดองค์กรหลัก เพื่อทาหน้าที่ประสานให้ทุกหน่วยงานหลัก ทั้งภาครัฐ เอกชน และท้องถิ่น เข้ามามีบทบาทสาคัญในการเป็นเจ้าภาพขับเคลื่อนงาน พร้อมกาหนดตัวชี้วัด (KPI) และ มีแผนการดาเนินงานที่สอดคล้องกับแผนแม่บทและแผนทศวรรษความปลอดภัยทางถนน ที่สาคัญคือ รัฐบาลจะเร่งรัด


20

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

และสนับสนุนให้มี “ งบในการลงทุนเพื่อความปลอดภัยทางถนน ” เพื่อผลักดันให้บรรลุเปูาหมายทศวรรษความ ปลอดภัยทางถนน ที่ต้องการลดการเสียชีวิตลงครึ่งหนึ่ง ภายในปี 2563 (2) เรื่องการสวมหมวกนิรภัย 100% จะเป็นมาตรการเริ่มแรกของ “ทศวรรษแห่งความปลอดภัยทาง ถนน” เพราะทุกวันนี้ คนไทยใช้รถจักรยานยนต์สูงถึง 17 ล้านคัน หรือ 2 ใน 3 ของรถยนต์บนท้องถนน และถ้าทุกคน ใส่หมวกนิรภัย จะช่วยลดการเสียชีวิตได้ถึง 3,000 ชีวิตต่อปี ในขณะที่ปัจจุบัน คนไทยสวมหมวกนิรภัยโดยเฉลี่ยเพียง ร้อยละ 44 ที่สาคัญคือผู้บาดเจ็บที่เข้ารับการรักษา พบมีว่าการใส่หมวกเพียง ร้อยละ 14 ทาให้ตัวเลขผู้บาดเจ็บศีรษะ พบสูงถึงครึ่งหนึ่งของรถจักรยานยนต์ที่บาดเจ็บ และส่งผลให้สัดส่วนผู้เสียชีวิตจากการใช้รถจักรยานยนต์สูงถึงร้อยละ 65-70 ของผู้เสียชีวิตบนท้องถนนทั้งหมด (3) นโยบายสาคัญที่รัฐบาลจะสนับสนุนและติดตามกากับ โดยกาหนดให้ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น ภาค ธุรกิจ เอกชน มีมาตรการด้าน ความ ปลอดภัย โดยเฉพาะหมวก นิรภัย ที่ชัดเจนและต่อเนื่อง (4) เพื่อให้มี ความเข้มแข็งในการบังคับใช้ กฎหมาย รัฐบาลจะมีนโยบาย เร่งรัดและสนับสนุนให้ “สานักงานตารวจแห่งชาติ” มีความพร้อมในด้านความ ปลอดภัยในการจราจร ได้แก่ การยกระดับให้เกิดโครงสร้างการ ทางาน การสนับสนุนด้าน บุคลากร วัสดุอุปกรณ์ และ งบประมาณอย่างเพียงพอต่อการบังคับใช้กฎหมายที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการลงทุนในเรื่อง “เทคโนโลยีด้านความปลอดภัย” เช่น speed camera, CCTV เครื่องตรวจวัดความเมา เป็นต้น ทั้งนี้ โดยนาเงินค่าปรับ การกระทาผิดกฎหมายจราจร ที่เข้าสู่ท้องถิ่น (ร้อยละ 45) ได้มีการนามาใช้สาหรับเรื่องความปลอดภัยทางถนนอย่าง เป็นรูปธรรม (5) รัฐบาลต้องเร่งรัดให้คนไทยได้เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวกและปลอดภัย โดยมีสัดส่วน เพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 30 ในปี 2556 (ตามมติ สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ) ทั้งการเพิ่มขึ้นของระบบราง ได้แก่ รถไฟราง คู่ รถไฟความเร็วสูงระหว่างเมือง ที่สาคัญคือ การผลักดันให้เกิด รถโดยสารสาธารณะ รถตู้ รถนักเรียน ที่ปลอดภัย (6) เพื่อให้ผู้ขับขี่ คนเดินทางถนน มีความพร้อมทั้งด้านความรู้ และ สมรรถนะในการขับรถด้วยความ ปลอดภัย รัฐจะผลักดันให้เกิดการเรียนรู้ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา และ ออกใบอนุญาตขับรถที่มีคุณภาพ โดยเน้นให้มี การให้ความรู้ไม่ต่ากว่า 15 ชั่วโมง รวมทั้งการนาแนวทางการออกใบอนุญาตขับรถแบบเป็นขั้นตอน ( Graduate licensing) มาปรับใช้ เพื่อลดการสูญเสียชีวิตของนักขับอายุน้อยหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกาลังเป็นปัญหาสาคัญที่มีแนวโน้ม เพิ่มสูงขึ้น (7) ยานพาหนะทุกคัน โดยเฉพาะรถสาธารณะ รถทัศนาจร จะได้รับการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย โดยหน่วยงานหลักจะต้องมีระบบบริหารจัดการที่จะกาหนดมาตรฐาน และควบคุมกากับ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคน ไทยในการเดินทางอย่างปลอดภัย (8) การจัดการเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ ผังเมือง ถนนที่มีลาดับชั้น ( Hierarchy) การตรวจสอบความ ปลอดภัยของถนน ( Road Safety Audit : RSA) และ จัดการจุดอันตรายข้างทาง จะเป็นเรื่องสาคัญที่กระทรวง คมนาคม กรมโยธาธิการและผังเมือง จะต้องร่วมกันดาเนินการ เพราะจานวนผู้ที่เสียชีวิตจากอุปกรณ์และอันตรายข้าง ทางยังพบอยู่ในสัดส่วนที่สูง (ร้อยละ 34 ของการเสียชีวิตบนทางหลวง เกี่ยวข้องกับขอบทางและวัตถุอันตรายข้างทาง) รวมทั้งการกาหนดให้งบด้านความปลอดภัยต้องมีสัดส่วนไม่น้อยกว่า ร้อยละ 10 ของงบดาเนินการในแต่ละเส้นทาง


21

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

(9) รัฐบาลจะส่งเสริมและสนับสนุนท้องถิ่น ให้มีศักยภาพในการดูแลด้านความปลอดภัยทางถนนเพิ่มมาก ขึ้น ตั้งแต่การกาหนดนโยบาย ตัวชี้วัด และการติดตามประเมินผล รวมทั้ง การปรับปรุงกฎหมายและระเบียบ ในเรื่อง ของอานาจท้องถิ่น เพื่อให้สามารถจัดการด้านความปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลตระหนักดีว่า ในทุกๆ วัน คนไทย 30 คน ต้องเสียชีวิตลงจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ทั้งๆ ที่เป็นสิ่งที่ รัฐบาลและทุก “ป้องกันได้” บัดนี้ “ ถึงเวลาแล้ว ” ที่ ฝุายต้องมาร่วมกัน “ ลงมือทา ” อย่าง จริงจัง เพื่อลด จานวนผู้เสียชีวิตและความสูญเสียที่เกิด ขึ้นกับ ครอบครัว ชุมชน และสังคม .. ใน ทศวรรษ แห่งความ ปลอดภัยทางถนนนี้ รัฐบาลสัญญาว่าเมื่อ ถึงปี 2563 คน ไทยจะต้องไม่ตายเกิน 10 คนต่อประชากร แสนคน นั้นคือ ในตลอดสิบปีนี้ กว่า 30,000 ชีวิตของคน ไทยที่จะ เสียชีวิตหากไม่ได้ลงมือทาอะไร จะได้รับการ ปูองกัน ดูแล เพื่อคืนชีวิตและความสุขให้กับครอบครัว ชุมชน และสังคมของเรา

บรรยากาศภายในแต่ละบูธ


22

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

อภิปราย Road map Time For Action

Panel :Roadmap time for action '10 ปีแห่งความปลอดภัยพร้อมแค่ไหนกับการลงมือทา' ดาเนินรายการโดย ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์

การสัมมนาระดับชาติความปลอดภัยทางถนนเป็นเวทีที่ภาคีเครือข่ายมารับฟังนโยบายจากภาครัฐมาให้รางวัล คนทางานดี น่ายินดีที่รัฐบาลได้ระบุชัดเจนเรื่องคมนาคม ซึ่งจะลดอุบัติภัยและการสูญเสียให้เป็นวาระแห่งชาติอย่างน้อย นโยบายชัดเจน สืบเนื่องจากรัฐบาลชุดเดิมที่จะให้มีการลดอุบัติเหตุลงครึ่งหนึ่งทิศทางใหญ่อยู่ที่ การประสานงานของ เรื่องของหน่วยงานหลัก แผนที่นาทาง “ทิศทางทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน” โดยนายศรีสมบัติ พระประสิทธิ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ทางศนย์ความปลอดภัยทางถนน สืบเนื่องจากองค์การสหประชาชาติได้ให้การรับรองเจตนารมณ์ปฏิญญามอสโกและประกาศให้ปี พ.ศ. 2554 – 2563 เป็นทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน (Decade of action for road safety) โดย - เรียกร้องให้ประเทศสมาชิกยกระดับการแก้ปัญหาด้านความปลอดภัยทางถนนเป็นวาระสาคัญของทุกประเทศ ทั่วโลก - เสนอให้กาหนดเปูาหมายลดอุบัติเหตุลง 50% ใน 10 ปี ข้างหน้า - จัดทาแผนปฏิบัติการ เพื่อดาเนินการอย่างจริงจัง ( Time for Action) โดยกาหนดมาตรการและ เป้าหมายการ ลดอัตราการเสียชีวิตที่เหมาะกับบริบทของประเทศตนเอง คาดว่าหากไม่มีการดาเนินการใดๆ ปี ค.ศ.2030 อุบัติเหตุจะเป็นสาเหตุที่ทาให้ประชากรโลกตายเป็นอันดับ ที่ 5 (เลื่อนจากอันดับที่ 9 ในปี 2004) ประเทศไทยกับทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. 2554 – 2563


23

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2553 - ประกาศทศวรรษความปลอดภัยทางถนน พ.ศ.2554 – 2563 - เปูาหมายอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของคนไทยลดลงต่ากว่า 10 คน ต่อแสนประชากรในปี 2563 - ดาเนินการ 5 เสาหลัก และ 8 แนวทาง คือ เสาหลักที่ 1 การสร้างความสามารถในการบริหารจัดการความปลอดภัยทางถนน ( Road Safety Management) ส่งเสริมการสร้างความร่วมมือของภาคีจากทุกภาคส่วนและกาหนดหน่วยงานหรือคณะทางานหลัก เพื่อพัฒนา และผลักดันยุทธศาสตร์แผนเปูาหมายชาติ เรื่องความปลอดภัยทางถนน ภายใต้ระบบฐานข้อมูลและฐานงานวิจัยที่เป็น หลักฐานเชิงประจักษ์ เพื่อออกแบบนาไปปฏิบัติ ติดตาม ประเมินผลประสิทธิภาพ มาตรการด้านความปลอดภัยทาง ถนน ภายใต้ระบบฐานข้อมูลและฐานงานวิจัยที่เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ เพื่อออกแบบนาไปปฏิบัติติดตามประเมินผล ประสิทธิภาพ มาตรการด้านความปลอดภัยทางถนน เสาหลักที่ 2 การออกแบบถนนที่ปลอดภัยและความสามารถในการสัญจร (Safer Roads and Mobility) ระบบโครงสร้างถนน และการออกแบบถนนเป็นเรื่องสาคัญที่จะปูองกันการบาดเจ็บและสูญเสียสาหรับผู้ใช้รถ ใช้ถนนทุกประเภท โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงและเปราะบางต่อการสูญเสียสูง เช่น คนเดินเท้า ผู้ใช้รถจักรยานและ รถจักรยานยนต์ สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้จากการวางระบบติดตามประเมินผลของโครงสร้างพื้นฐานทางถนน การส่งเสริม การวางแผนออกแบบก่อสร้างและสภาพขณะทางานของถนนที่ให้ความสาคัญกับความปลอดภัย เสาหลักที่ 3 ยานพาหนะที่ปลอดภัย (Safer Vehicles) ส่งเสริมเทคโนโลยีที่นามาใช้งานจริงได้อย่างครอบคลุม เพื่อทาให้ยานพาหนะปลอดภัยขึ้น ทั้งมาตรการเชิงรับ (Passine Safaty) และเชิงปูองกัน ( Active Safety) ด้วยการส่งเสริมมาตรฐานที่เป็นไปในแนวทางเดียวกันทั่วโลก การ ให้ความรู้ความเข้าใจกับผู้บริโภค และการสร้างแรงจูงใจเพื่อส่งเสริมให้เทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ถูกนามาใช้ เสาหลักที่ 4 ผู้ใช้รถใช้ถนนที่ปลอดภัย (Safer Road Users) พัฒนาแผนงานเพื่อปรับปรุงพฤติกรรมของผู้ใช้รถใช้ถนนที่ครอบคลุมเพิ่มและรักษาไว้ซึ่งมาตรการปูองบังคับใช้ กฎหมายและการสร้างมาตรฐาน ควบคู่ไปกับการรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจ เพื่อเพิ่มอัตราการคาดเข็มขัดนิรภัย และการสวมหมวกนิรภัย การลดปัญหาเมาแล้วขับ การใช้ความเร็ว และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เสาหลักที่ 5 การตอบสนองหลังการเกิดอุบัติเหตุ (Post Crash Response) สร้างเสริมความพร้อมต่อการตอบสนองในสถานการณ์ฉุกเฉินหลังเกิดอุบัติเหตุ และพัฒนาความสามารถของ ระบบสุขภาพและระบบอื่นๆ ในการดูแลรักษาภาวะการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่เหมาะสม รวมถึงการดูแลในระยะยาว เพื่อฟื้นฟูผู้ประสบอุบัติเหตุ เพื่อความปลอดภัยทางถนนจึงมีแนวทางที่เป็นรูปธรรมในการขับเคลื่อน 8 แนวทาง ดังนี้ 1. ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย 100% 2. ลดพฤติกรรมเสี่ยงจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับขี่ยานพาหนะ 3. แก้ไขปัญหาจุดเสี่ยงจุดอันตราย 4. ปรับพฤติกรรมของผู้ขับขี่ยานพาหนะ ให้ใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกาหนด 5. ยกระดับมาตรฐานยานพาหนะให้ปลอดภัยโดยเฉพาะมาตรฐานของรถจักรยานยนต์ รถกระบะ รถโดยสาร สาธารณะ และรถบรรทุก 6. พัฒนาสมรรถนะของผู้ใช้รถใช้ถนน (Road Users) ให้มีความปลอดภัย 7. พัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉิน การรักษาและฟื้นฟูผู้บาดเจ็บได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว 8. พัฒนาระบบบริหารจัดการความปลอดภัยทางถนนของประเทศให้มีความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจที่ได้รับ มอบหมายอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ศูนย์ความปลอดภัยทางถนนร่วมกับ สสส. และภาคีเครือข่าย ได้ จัดทาแผนที่นาทางเชิงกลยุทธ์ทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน พ.ศ. 2554 – 2563 (Strategic Map) เพื่อ ใช้กาหนดทิศทาง เปูาหมายและแนวทางในการจัดทาแผนปฏิบัติการ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันจัดทา


24

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

แผนและนาแนวทางทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนนขององค์การอนามัยโลก แผนแม่บทของกรมปูองกัน และบรรเทาสาธารณภัย มติสมัชชาสุขภาพ มติรัฐมนตรีต่างๆ มาร่วมพิจารณากาหนดวิสัยทัศน์ เพื่อสร้างทาง สัญจรที่ปลอดภัย ตามมาตรฐานสากล แผนที่นาทางเชิงกลยุทธ์ทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน พ.ศ.2554 – 2563 วิสัยทัศน์ “ร่วมกันสร้างการสัญจรที่ปลอดภัยตามมาตรฐานสากล ( Achieving the Standard of Safe Journuy Together)” เป้าประสงค์ 1. มีโครงสร้างกลไกเชิงระบบที่ตอบสนองต่อการจัดการเพื่อบรรลุเปูาหมายในทศวรรษแห่งความปลอดภัย 2. มีแนวทางเปูาหมายตัวชี้วัดกลไกการกากับติดตาม ทั้งในระยะสั้น กลาง ยาว ที่สร้างความสมดุลในการ เสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยและระบบที่เอื้อต่อความปลอดภัย 3. เกิดการมีส่วนร่วมและความรู้สึกเป็นเจ้าภาพในการยกระดับความปลอดภัยทางถนนในทุกภาคส่วนและใน ทุกระดับ เป้าหมายเชิงนโยบาย อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนของคนไทยลดลงต่ากว่า 10 คนต่อแสนประชากรในปี 2563 การเปลี่ยนแปลงใน 10 ปีข้างหน้า - โครงสร้างการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ - การปรับปรุงระบบกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม - การแสวงหาแหล่งทุน - การจัดตั้งกลไกการทางานที่เป็นอิสระ (R+D) - วัฒนธรรมความปลอดภัย เป็นวิสัยทัศน์ร่วม

• •


25

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ได้เห็นแผนที่นาทาง นโยบายของรัฐบาลแล้วยังมีข้อเสนอจากสมัชชาสุขภาพ ขณะนี้ มีเครื่องมือคือมติจากครม.เรื่อง โครงสร้างที่ผ่านมาเป็นอย่างไร นายศรีสมบัติ พระประสิทธิ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขณะนี้ มีคณะกรรมการ รัฐบาล มอบให้รองนายกที่เกี่ยวข้อง กรมปูองกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นเลขาฯมีการจัดกรรมการชุดใหญ่ รมต.ว่าการเป็น ประธาน ผู้ว่าฯเป็น ประธานในระดับจังหวัด ท้องถิ่นเป็นนายกฯ เป็นประธานในระดับท้องถิ่น มีการเรียงร้อยทุกระดับมี การส่งต่อกันและถ่ายทอดกัน เริ่มแรกที่ทาคือส่งเสริมให้มีการสวมหมวกนิรภัย 100% มีการดาเนินการมาแล้วจะต้องมี การปรับให้ได้มาตรฐาน.เปลี่ยนทัศนคติของประชาชน แปลงกิจกรรมให้มีการดาเนินการสวมหมวก นิรภัย ให้ถูกต้อง พยายามมีการถ่ายทอดให้ถึงระดับท้องถิ่น ทาง กรมปูองกันและบรรเทาสาธารณภัย มีการปรึกษาทุกหน่วยแต่ละแห่งมี การดาเนินการตาม อนาคตจะมีการใช้หมวกนิรภัยที่มีคุณภาพสูงและราคาถูก ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ การตายมีการกระจายกันทุกหย่อมหญ้า โครงสร้างต้องให้มีทั่วถึง โครงสร้างระดับ อาเภอ ก็ต้องช่วยกัน การสารวจ การสวมหมวกนิรภัย ทั่วประเทศมีการเริ่มต้นสารวจในปีนี้อีกครั้ง มีความก้าวหน้ามาก น้อยแค่ไหน เดือนมกราคมคงได้เห็น คุณชาญชัย สุวิสุทธะกุล รองสานักงานนโยบายและแผนของกระทรวงคมนาคม เรื่องความ ปลอดภัยทางถนนมีรองปลัดกระทรวงฯดูแลโดยตรงเป็นประธานคณะกรรมการจัดทาแผน กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วย เสริมแต่กิจกรรมหลักอยู่ในกรมการขนส่ง กรมทางหลวง กรม ทางหลวงชนบท ปัญหาจุดตัดรถไฟ จักรยานยนต์ รถ โดยสารสาธารณะ ร้อยละกว่า 90 เกิดบนถนน ที่น่าสนใจคือรถสาธารณะ รถตู้รถบัสรถท่องเที่ยว นโยบายรัฐบาล ข้อ ๔.๕.๗ ลดอุบัติภัยและความสูญเสียจากอุบัติเหตุจราจรให้เหลือน้อยที่สุด ส่งเสริมการเรียนรู้การเดินทางและการใช้การ ขนส่งอย่างปลอดภัย โดยน้อมนาหลักการแก้ไขปัญหาจราจรตามแนวพระราชดาริไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง และถือ เป็น “วาระแห่งชาติ” ที่ต้องดาเนินการอย่างเข้มข้นในทุกพื้นที่ของประเทศ กรอบแผนปฏิบัติการด้านความปลอดภัยทางถนน กระทรวงคมนาคม พ.ศ. 2554-2558 1. การใช้รถใช้ถนนที่ปลอดภัย (Safe Road Use) : การบริหารจัดการ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมคน สร้างการ ตระหนักรู้ การเผยแพร่ความรู้ และการสร้างภาคีเครือข่ายร่วมปฏิบัติงาน 2. ถนนและพื้นที่ข้างถนนที่ปลอดภัย (Safe Road and Roadside) : การออกแบบและบารุงรักษาถนนและ พื้นที่ด้านข้าง การบริหารจัดการระบบขนส่งให้สอดคล้องเหมาะสมกับถนน


26

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

3. ความเร็วที่ปลอดภัย (Safe Speed) : เคร่งครัดการบังคับใช้กฎหมายควบคุมความเร็ว ให้ความรู้ในเรื่องกฎ ระเบียบ และวินัยจราจร 4. ยานพาหนะที่ปลอดภัย (Safe Vehicle) : ส่งเสริมให้มีระบบความปลอดภัยในยานพาหนะเทียบเท่าสากล กาหนดความเหมาะสมและสอดคล้องกันระหว่างยานพาหนะ ถนน และชุมชน ให้เอื้อต่อความปลอดภัยสูงสุด การให้ ความรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติและสมรรถนะของยานพาหนะถือเป็นสิ่งจาเป็นสาหรับผู้ขับขี่ แผนปฏิบัติการ “ทศวรรษความปลอดภัยทางถนน” พ.ศ. 2554 – 2563 เป้าประสงค์ มีดังนี้ ๑. เปูาประสงค์ที่ 1 ให้ความสาคัญของนโยบายด้านความปลอดภัยทางถนนในระดับประเทศ ๒. เปูาประสงค์ที่ 2 ให้ความสาคัญต่อความปลอดภัยทางถนนของกลุ่มผู้ใช้รถใช้ถนนที่มีความเสี่ยง ได้แก่ เด็ก คนชรา คนเดินเท้า คนพิการ ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ เป็นต้น ๓. เปูาประสงค์ที่ 3 การจัดให้มีระบบความปลอดภัยของถนนและลดความรุนแรงของอุบัติเหตุจราจร ๔. เปูาประสงค์ที่ 4 การจัดให้มีมาตรฐานความปลอดภัยของรถ และส่งเสริมการโฆษณารถอย่างรับผิดชอบ ๕. เปูาประสงค์ที่ 5 การปรับปรุงระบบความปลอดภัยทางถนนระดับประเทศ และระดับภูมิภาค ตลอดจนการ จัดการและกรบังคับใช้กฎหมาย ๖. เปูาประสงค์ที่ 6 การปรับปรุงการมีส่วนร่วมในการดาเนินงานของภาคเอกชนและองค์กร NGO ให้มากขึ้น ๗. เปูาประสงค์ที่ 7 การพัฒนาถนน Asian Highway ให้เป็นต้นแบบความปลอดภัยทางถนน ๘. เปูาประสงค์ที่ 8 การจัดให้มีระบบการให้ความรู้ที่มีประสิทธิผลในการสร้างความตระหนักด้านความปลอดภัย ทางถนนแก่เด็ก เยาวชน และผู้ขับขี่

A Framework for the Decade National Activities

Pillar 1

Road safety Management Lead agency Strategy Targets Funding

Pillar 2

Pillar 3

Pillar 4

Pillar 5

Infrastructure

Safe Vehicles

Improved road design for all users

Global harmonization vehicles standard

BAC Laws

All cars equipped with seat-belts

Motorcycles Helmet

Trauma care and rehabilitation

Speed managements

Quality assurance

Road infrastructure rating

“Intelligents” vehicles R&D safety for VRU

Road safety user behavior

Seat-belts &Child restraints

ISO 39100

Post crash care Pre hospital care


27

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

:

:

:

:

:

:

:

Road Map ๑๐ ปี ของการดาเนินงานในช่วงทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน (๒๕๕๔ – ๒๕๖๓) ๑. ให้ความสาคัญกับนโยบายด้านความปลอดภัยทางถนนในทุกระดับ และให้ครอบคลุมความปลอดภัยของผู้ใช้รถ ใช้ถนนทุกกลุ่ม ๒. จัดให้มีระบบบริหารจัดการด้านความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืน และส่งเสริมการเดินทางโดยระบบขนส่ง สาธารณะ(Public Transport)และการขนส่งที่ไม่ใช้เครื่องยนต์ (Non-Motorized Transport) ๓. จัดให้มีมาตรฐานด้านความปลอดภัยทั้งด้านคน รถ และถนน เทียบเคียงกับระดับสากล ๔. แสวงหาความร่วมมือ/สนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมเพื่อยกระดับ ความปลอดภัยทางถนน ๕. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ใช้รถใช้ถนน เพื่อสร้างวัฒนธรรมการเดินทางที่ปลอดภัยให้อยู่ในวิถีชีวิต ๖. พัฒนาและปรับปรุงกฎหมายในความรับผิดชอบที่ส่งผลต่อความปลอดภัยและเคร่งครัดในการบังคับใช้ ๗. ส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรม/เทคโนโลยี และนาเทคโนโลยีการติดตาม ตรวจสอบและควบคุมการใช้รถใช้ถนน มาใช้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด ๘. พัฒนาระบบฐานข้อมูลผู้ขับขี่ รถ ถนน และสถิติการเกิดอุบัติเหตุ ให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ๙. เน้นความสาคัญในการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนที่ คน รถ ถนน ตามแนวเสาหลักที่ ๒ , ๓ ,๔ ที่ กระทรวงคมนาคมรับผิดชอบโดยตรง ๑๐. เน้นการบริหารจัดการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพตามแนวเสาหลักที่ ๑ และเสาหลักที่ ๔ โดยร่วมมือกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง เช่น สตช. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นต้น ๑๑. กาหนดแนวทาง มาตรการให้มีการดาเนินการทั้งระยะเร่งด่วน ระยะกลางและระยะยาว ๑๒. มีการติดตามประเมินผล ความสาเร็จของ แนวทาง มาตรการ รวมทั้งการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ให้สอดคล้อง กับดัชนีชี้วัด ตามเปูาหมาย ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ปัจจุบันนี้ รถเมล์กทม.ประกาศลดความเร็ว ให้ได้ มาตรฐาน ที่สาคัญคือ ตารวจเป็น จุดที่เข้มแข็งงานก็จะไปได้


28

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

พล.ต.ต.ศักดา เตชะเกรียงไกร รองฯผบก.ขอนแก่น. สนง.ตร.แห่งชาติ ตารวจ มีหน้าที่โดยตรงด้านการ บังคับใช้ กฎหมาย ซึ่งได้ผลดีที่สุดในขณะนี้ สาเหตุการเกิดอุบัติเหตุเกิดจากพฤติกรรมมนุษย์จึงต้องมีการควบคุมการ บังคับใช้ กฎหมาย ทาให้ประชาชนมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้มากขึ้น ในอดีตตารวจทางานอย่างโดดเดี่ยว ภาพลักษณ์เป็นลบ ปัจจุบันได้มองเห็นการรักษาชีวิตมนุษย์จึงได้พัฒนาวิธีการทางาน การทางานจราจรไม่ชอบเพราะ เป็นภาพลบ วันนี้ สนง.ตร.แห่งชาติ ได้ให้ความสาคัญมากเพราะการช่วยชีวิตเป็นมหากุศล ออกมาทางานร่วมกับภาคี เครือข่าย มีความสุขใจมากขึ้น หลายคนเข้าใจทาให้ตารวจทางานได้ดีขึ้น ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ตารวจเองปกติอาชญากรรมเป็นปัญหาต้นๆ แต่ต่อมามีการกระตุกคิดมีการตื่นตัวว่า มีการตายเพิ่มขึ้น การทางานต้องมีพันธมิตร ตารวจต้องการให้ใครมาช่วย พล.ต.ต.ศักดา เตชะเกรียงไกร คนกลัวตารวจแต่ไม่กลัวกฎหมาย มีวิธีคิดให้ปชช. ไม่กลัวกม.จะคุยกับขนส่ง ในการปรับอย่างไร. มีการจับหมวกกันน็อกมากกว่าเดิม2เท่าตัว แต่ยังมีการตายมาก. ส่วนใหญ่ตายในนอกเมือง. ภาค 4 ขอนแก่นมีการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การทางาน กาลังปรับตัวชี้วัดมีการปรับยุทธศาสตร์. ยอดการจับกุม ทาให้เกิดผล ลบ ไม่สาเร็จ มีการแก้ไขกม.บางประการ คิดว่าจะสาเร็จ มีการใช้ยุท ธศาสตร์บวกนาหน้าลบ ได้รับความช่วยเหลือจาก ภาคีเครือข่าย ค่าปรับมีส่วนช่วยในการดาเนินงานได้ มีการทาเชิงรุกเข้าหาชุมชน มีการบอกประชาสัมพันธ์ ผู้ว่าฯ ทา จริง ร่วมกันวางแผน ทาบวกก่อนแล้วทาเรื่องลบ.คงเห็นรูปธรรมชัดเจนขึ้น คุณชาญชัย สุวิสุทธะกุล รองสานักงานนโยบายและแผนของกระทรวงคมนาคม ศปถ.จากการศึกษาที่มี พบว่าถ้าจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ต้องเปลี่ยน 5 อย่าง. 1. เรื่องโครงสร้างการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ อานาจ ทรัพยากร นาผลการปรับ. 2. เรื่อง กม.ต้องมีการปรับปรุงให้เป็นมาตรฐานสากล อานวยความยุติธรรมและการช่วยผู้ ประสบเหตุ ใน เรื่อง การสร้างกลไกการเยียวยา ให้ผู้บาดเจ็บได้มีชีวิตในสังคมอย่างปกติ. ห้างร้านควรมีการรับผู้พิการเข้าทางาน ควรมีระบบ ที่ชัดเจนว่าจะรับได้กี่คนในองค์กร 3. เรื่องแนวทางการแสวงหาเงินทุน ต้องมีหลายส่วนเข้ามาร่วม. และองค์กรอื่นๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องใกล้ตัว. สถิติ สูงมาก ควรมีการควบคุมได้ 4. เรื่องการจัดตั้งกลไกการทางานที่อิสระ 5. เรื่องวัฒนธรรมความปลอดภัยเป็นวิสัยทัศน์ร่วมกัน. ต้องใช้เวลาเกิน 10 ปี ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ อยากได้ดูตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม เรื่องความปลอดภัยทางระบบขนส่งสาธารณะ นายชาญชัย สุวิสุทธะกุล รองผู้อานวยการสานักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร เรื่อง มาตรฐานรถอยู่ในแผนงานของกรมขนส่งทางบกต่อไปต้องมีเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง การจับความเร็ว. ควรกาหนดความเร็ว ที่ปลอดภัย ปัญหาความ เร็ว ในชุมชน การตรวจทางอิเลคทรอนิกส์.ต้อง เชื่อมโยงถึงท้องถิ่น เพราะในชุมชนยังไม่ทราบ การจากัดความเร็ว. ท้องถิ่นและสานักงาน ตารวจต้องช่วยกากับดูแล. จะไม่ทาเฉพาะในกทม.อย่างเดียว มีการเน้นการ ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่พนักงานขับรถสาธารณะ รถโรงเรียน จะมีการทางานร่วมกัน. ปัจจุบันข้อมูลของแต่ละหน่วยมีข้อมูล จะไม่ตรงกัน สานักงานปลัดกระทรวงคมนาคม จะดูแลและมีรูปแบบจาลอง รวมกับภาคเอกชน. ข้อมูลจุดเสี่ยง จุดตัด จุดที่มีสถิติเกิดอุบัติเหตุมาก. ระบบ. ITS ในปี 2554 - 2563 ต้องช่วยกัน ลดอุบัติเหตุการจราจรลง. การทางานต้องใช้ งบประมาณ ต้องมีการบูรณาการแผน. ต้องทาร่วมกัน กระทรวงคมนาคมในส่วนเสาหลักที่ 1มีโครงการประมาณ 50 โครงการ ศปถ.จะทาบนถนนสายหลัก จะมีการต่อยอดและประเมินความปลอดภัยประจาปี สนข.จะต้องทารวมถึงจัดทา ยุทธศาสตร์ลดอุบัติเหตุจักรยานยนต์. เสาหลักที่ 2จะมีการทาเส้นทางให้ได้มาตรฐาน ต้องเปลี่ยนมาเป็นคันหิน. ปัญหา การจอดรถบรรทุกข้างทาง จะต้องมีจุดจอดรถบรรทุก รวมถึงที่พักรถโดยสาร. จัดความปลอดภัยบริเวณเขตโรงเรียนควร มีมาตรฐานเดียวกัน. เสาหลักที่ 3. จะดูที่นั่งผู้โดยสาร.และรถรับส่งนักเรียน ต้องปลอดภัย เสาหลักที่ 4 ผู้ใช้รถ ถนน การจัดการขับขี่กับความเร็ว เสาหลักที่5จะหาเส้นทางช่วยเหลือการส่งโรงพยาบาลให้รวดเร็ว. การทา. Road map เพิ่งเริ่มจะต้องดาเนินการต่อไป. พล.ต.ต.ศักดา เตชะเกรียงไกร การที่จะทางานให้ดีขึ้น สานักงานตารวจแห่งชาติ มีความหวัง 3 ประการ คือ 1. พฤติกรรมมนุษย์ 70 % ตารวจเข้มงวดกวดขันต้องร้องขอแนวร่วม การแสดงออกของภาคีเครือข่ายเพื่อให้มีแรงใน


29

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

การควบคุม 2. ต้องมีวัสดุอุปกรณ์เครื่องตรวจ เมา หมวกนิรภัย เร็ว อุปกรณ์มีเครื่อง วัดแอลกอฮอล์ ทั้งประเทศมี 2,000 เครื่องอาเภอมีที่ละหนึ่ง เครื่องตรวจจับ ความเร็วมีเฉพาะทางหลวง เครื่องมือในการจับเรื่องเมา เร็ว ขอสนับสนุน 3. แปลกแต่จริง คนไทยไม่ปฏิบัติตามกฎแต่เวลาไปเมืองนอกกลับปฏิบัติตาม ส่วนฝรั่งมาเมืองไทยเปลี่ยนกลายเป็นไม่มี วินัย แสดงว่ากฎหมายไม่เข้มแข็งต้องปรับปรุงกฎหมาย ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ต้องใส่เป็นพื้นฐาน ในเมื่อกาหนดเป็นวาระแห่งชาติ ท้องถิ่นก็ต้องให้ความสาคัญเงิน ค่าปรับก็แบ่งให้ท้องถิ่นอยู่แล้ว ผู้เกี่ยวข้องต้องช่วยเหลือกัน

คาถาม จากห้องประชุม 1. นพ.ธีระวุฒิ. อะไรคือความชัดเจนของท้องถิ่นใน 10ปีข้างหน้า จะเป็นไปได้อย่างไร ที่ให้ท้องถิ่น ทากฎหมาย เอง เช่น เขตเทศบาลเชียงใหม่ มีตาย 100 ศพ ท้องถิ่นก็สนับสนุน งบประมาณ ให้ จะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะกาหนดให้ ชัดเจนว่าจะทาให้ไม่ตายในท้องถิ่น การทาถนนให้สะดวกแต่จะปลอดภัยหรือไม่ 2. นายวิทยา ขอสะท้อนเรื่องการถูกปรับ 30ปีที่ถูกปรับได้รับอะไรจากการตั้งด่าน. ชาวบ้านกลัวตารวจหักรถ กลับก็เกิดอุบัติเหตุ มีการจ่ายเงินที่ด่านหลังจากนั้นก็ไม่เกิดอะไรขึ้น การปรับช่วยในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือไม่ ชาวบ้านคิดว่าถูกปรับแล้วได้หมว กกับดีกว่าการถูกปรับรอบหน้า ควรมาบูรณาการกันหลายฝุายทั้งชาวบ้านด้วย. ทาง หลวงเองในเรื่องการวางแผงกันบนถนนอาจทาให้เกิดอุบัติเหตุได้ 3. นายณรงค์. สนับสนุนเรื่องการสนับสนุนของท้องถิ่น. กม.ยังไม่เด่นชัด ขอสนับสนุนแล้วไม่ชัดเจนว่าจะได้รับ หรือไม่. ท้องถิ่นพยายามจะสร้างถนน แต่ส่วนเรื่องความปลอดภัย อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่างเป็นกม.ส่งให้ท้องถิ่น 4. เครือข่ายสามล้อ กล้อง red camera ควรลดค่าปรับ 5. คุณบุญชัย. โมเดลทาได้ยอมรับว่าปัญหาจราจรแก้ได้ ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องละเลยหน่วยราชการไม่ได้ทา จริง องค์กรที่มีความหลากหลายยังไม่สามารถลดได้ ต้องรวมเป็นหนึ่งเดียว บางเรื่องส่งเสริมให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น รถสอง ชั้น พรบ.ขนส่งกาลังดาเนินการ ขอให้ทุกคนทาจริง

คาตอบ 1. ท้องถิ่นทาอย่างไร ต้องร่วมกันผลักดัน น่าดีใจที่มีในนโยบาย ส่วนที่ผลักดัน ทางปูองกันและบรรเทาสาธารณ ภัย เป็นส่วนหนึ่ง 8 ปีเป็นความก้าวหน้า มีความก้าวหน้า รัฐบาลให้การสนับสนุนน้อยอยู่ 2. ตารวจขอโทษที่ตั้งด่านในจุดที่ไม่สะดวก ค่าปรับในผู้ที่มีรายได้น้อยจะทาอย่างไรยกตัวอย่างฝรั่งที่ถูกปรับ บ่อยครั้ง บอกว่าค่าปรับน้อย 2ยูโร น้อยมาก จึงไม่ทาตามกฎเราต้องประชาสัมพันธ์ก่อน 3. ท้องถิ่นมี ภารกิจ มากเงินไม่มาก น่าจะหางบจากแหล่งอื่น มาสนับสนุน บุคลากรน้อย ความรู้ความเข้าใจ น้อยไม่เขียนโครงการ ต้องผลักดันให้บุคลากรมีความรู้ สนข.ก็ได้ทา วิดีทัศน์ในวันนี้ควรมีการสื่อสารให้เด็กได้ดู สรุป. บอกให้รู้ว่าตัวจริงของคนทางาน ทาอย่างไร. มีความร่วมมือ มีความก้าวหน้า มีเปูาหมาย. ได้เพื่อน ร่วมงาน หาทางขยายผล เรากาลังช่วยกันทาบุญกุศล. หวังว่าการพูดคุยกันในวันนี้เป็นข้อมูลพื้นฐานให้ดาเนินการต่อไป


30

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

การแพทย์ฉุกเฉินในทศวรรษความปลอดภัยทางถนน เสวนาในเวทีประกอบด้วย นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ รตต.ชัยยุทธ ไมล์วิสัย องค์การบริหารส่วนตาบลคาปุาหลาย นพ.ศราวุธ สันตินันตรักษ์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองบัวลาภู คุณประสิทธิ์ ทองทิตย์เจริญ มูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถาน เมืองพัทยา ประเด็นสาคัญในเวที คุณศิวพร ญาณวิทยกุล จากจส. 100 ดาเนินรายการ จส. 100 ทางานร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ มา 20 ปี ประสบการณ์ที่พบเห็นและได้ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ ผู้ให้ การดูแลต้องเป็นมืออาชีพและมีความเข้าใจเรื่องการสื่อสารประสานงาน นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล : นโยบายการทางาน EMS กับงานเชิงปูองกัน การดาเนินงานการแพทย์ฉุกเฉินต้องมีความพร้อมในการปฏิบัติทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน นโยบาย- ส่งเสริมสนับสนุนอปท. - พัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ - สนับสนุนการพัฒนาบุคลากรวิชาชีพเฉพาะสาขาให้กระจายทั่วทั้งประเทศ - ส่งเสริมความร่วมมือระดับเครือข่าย - จัดระบบบริการและวางแผนการใช้ทรัพยากรร่วมกันในทุกหน่วยงาน - ประชาสัมพันธ์ระบบให้ประชาชนเข้าใจ/เข้าถึง - วิเคราะห์สถานการณ์และจัดการความรู้ - สร้างขวัญและกาลังใจผู้ปฏิบัติ การรักษาชีวิตได้แม้เพียงหนึ่ง ก็เป็นความภาคภูมิใจ การดาเนินการใน 16 ปี ที่ผ่านมาภาคเอกชนพยายามก่อตั้งมูลนิธิเพื่อให้การช่วยเหลือสังคม มูลนิธิปอเต็กตึ้ง ก่อตั้ง พ.ศ. 2453 - 2532 ภาคราชการเริ่มดาเนินการที่ รพ.ราชวิถี - 2536 ตั้งศูนย์อุบัติเหตุที่โรงพยาบาลขอนแก่น โดยความช่วยเหลือ จากประเทศญี่ปุน ซึ่งครอบคลุมการ พัฒนาให้มีการรักษาพยาบาลก่อนถึงโรงพยาบาล (Pre hospital care) - 2538 ศูนย์นเรนทร กระทรวงสาธารณสุข - 2539 เปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตร สาธารณสุขศาสตร์(กู้ชีพ) - 6 มีนาคม 2551 ประกาศใช้ พรบ.การแพทย์ฉุกเฉิน การเตรียมความพร้อมเป็นสิ่งสาคัญมาก (ไม่สาคัญว่าประเทศร่ารวยหรือยากจน) การคิดเป็นระบบ วาง แผนการทางาน ทาให้การช่วยเหลือได้ผลดีขึ้น มีความหวังให้ระบบการแพทย์ฉุกเฉินมีมาตรฐานระดับสากล ทุกชีวิตเข้าถึงบริการได้อย่างเท่าเทียมต้องมีการ พัฒนาและหาเครือข่ายให้มาก เนื่องจากบุคลากรในโรงพยาบาลมีภาระงานมาก อยากให้ระบบบริการแพทย์ฉุกเฉินเป็น เรื่องของทุกคน เริ่มจากครอบครัว ต้องรู้จัก 1669 การปฐมพยาบาล และปฏิบัติการกดนวดหัวใจได้ ฝันจะเป็นจริงได้ก็ต้อง 1. พัฒนาระบบบริการ 2. พัฒนาเครือข่าย 3. พัฒนาระบบสารสนเทศ เป้าหมาย ป้องกันอย่างไรไม่ให้เกิดเหตุ แก้ไขหลังเกิดเหตุอย่างไรให้ตาย/พิการน้อยที่สุด การแพทย์ฉุกเฉิน 1669 เบอร์เดียวทั่วไทย คนไทยยังใช้บริการ EMS น้อย เพียง 25 % พยายามให้ถึง 70 %


31

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

ความเคลื่อนไหวของประชาคมโลก รูปแบบการจัดระบบป้องกันอุบัติเหตุจราจรเพื่อสนับสนุนระบบการแพทย์ฉุกเฉิน นพ.ศราวุธ สันตินันตรักษ์ กองทุนเครือข่ายหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉินหนองบัวลาภู บริบทของพื้นที่ชนบท มีการเดินทางลาบาก การจราจรไม่ดี ขาดระบบการช่วยเหลือ มีข้อจากัดมากมาย ระบบการแพทย์ฉุกเฉินเป็นระบบที่ลดความเหลื่อมล้าระหว่างประชาชน ให้ความเป็นธรรม กาหนดคุณภาพชีวิตของ ชาวชนบท บทบาทหน้าที่ของท้องถิ่นมีกฎหมาย/พรบ.ที่เกี่ยวข้อง 3 ส่วน ได้แก่ ม.45(9) พรบ.การแพทย์ฉุกเฉิน ฯลฯ เล่าเรื่องอดีต รพ.ดาเนินเองทั้งหมดไม่สามารถไปถึงจุดเกิดเหตุได้ทันเวลา รวมกับปัญหาการจราจรเดิม อดีต - การบริหารจัดการ มีแต่โครงสร้าง –เป็นเรื่องของประชาชน - ไม่มีระบบแจ้งเหตุ - ขาดการมีส่วนร่วม - วัดผลได้ยาก ต่อมา - มีระบบแจ้งเหตุ - มีระบบบริการ - การมีส่วนร่วมเพิ่มขึ้น - องค์ความรู้ ปัจจุบัน - หลัง 2553 - ระบบการแพทย์ฉุกเฉินระดับ B - มีระบบ - มีระบบบริการEMS - การมีส่วนร่วม ผลลัพธ์ - ลดระยะเวลา ไม่สามารถทาได้ตามกาหนดเนื่องจากปัญหาด้านวิศวกรรมจราจร - มีการดูแลเบื้องต้น - ค่าใช้จ่ายลดลง อนาคต - พัฒนาระบบ - แจ้งศูนย์ในพื้นที่โดยตรง มีระบบการให้คาปรึกษา - กระจายศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินทั่วทั้งจังหวัด - บริหารจัดการโดยระบบกองทุนอย่างมีส่วนร่วม ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการให้เหนือมาตรฐาน จึงมีการระดมเงิน จากหน่วยบริการของอปท. ตั้งงบประมาณอบจ.สมทบกับค่าชดเชยบริการจากสพฉ.ตั้งเป็น กองทุนเครือข่ายหน่วย บริการการแพทย์ฉุกเฉินหนองบัวลาภู พัฒนาระบบข้อมูลผู้ปุวยฉุกเฉิน พัฒนาระบบการปูองกัน เป็นส่วนสาคัญที่ต้องทาในระดับพื้นที่ สามารถแก้ปัญหาได้ในระยะยาวโดยต้อง พยายามรวมกันทาในระดับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แก้ปัญหาจุดเสี่ยง ร่วมด้วยช่วยกันทาอุบัติภัยไม่เกิดประเสริฐเหลือ หน้าที่ของมูลนิธิต่อการปูองกันการเกิดอุบัติเหตุ จราจร ทางบก ทางน้า คุณประสิทธิ์ ทองทิตย์เจริญ รองประธานมูลนิธิสว่างบริบูรณ์ธรรมสถาน เมืองพัทยา ก่อตั้ง 30 ปี กู้ภัย 29 ปี ก่อตั้งกู้ชีพ ปี 2554 วัตถุประสงค์ 1. การให้การช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส 2. การช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุ การปูองกันการเกิดอุบัติเหตุการจราจรนั้น มูลนิธิร่วมกับหน่วยงานต่างๆ 3. การจัดการระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินในการช่วยเหลือผู้ปุวย ทางบก ทางน้า 4. การรับแจ้งเหตุ องค์ประกอบในการ 1. การสื่อสาร 2. ด้านบุคลากร 3. ยานพาหนะและเรือ 4. การร่วมมือระหว่างหน่วยงานและองค์กรท้องถิ่น เป้าหมายการดาเนินงาน การช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติภัยต่างๆ ผลการดาเนินงาน รวม 41,290 ครั้ง การขอตั้งมูลนิธิสว่างฯแต่ละพื้นที่ดาเนินการโดยผู้มีจิตศรัทธารวมกันเป็นกลุ่ม มีที่ตั้งมูลนิธิชัดเจนเสนอความ ประสงค์ไปยังสมาคมพุทธมามกะแห่งประเทศไทย จะมีคณะกรรมการมาประเมินก่อนอนุญาตการใช้ชื่อมูลนิธิและ สนับสนุนการทางาน ต่อไป


32

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

ผลการดาเนินงานของท้องถิ่นและอนาคตที่คาดหวัง ร.ต.ต. ชัยยุทธ ไมล์วิสัย องค์กรบริหารส่วนตาบลคาป่าหลาย แรงจูงใจการร่วมโครงการกับสพฉ. ถนนสี่เลน ไม่มีสะพานข้าม ชุมชนกับโรงเรียนอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนอุบัติเหตุ เกิดบ่อยในพื้นที่ จึงชูเป็นนโยบายในการหาเสียง โครงการท้องถิ่นชุมชนร่วมใจ สร้างความปลอดภัยทางถนน เริ่มปี 2552 ปัจจุบันมีอาสาจราจรจานวน 180 คน ผลอุบัติเหตุลดลง ไม่เกิดเหตุขณะปฏิบัติงาน บรรจุไว้ในแผนพัฒนา 3 ปี และขอตั้งงบประมาณดาเนินการทุกปี เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดทาประกันชีวิตสาหรับ อาสาสมัคร ชุดปฏิบัติงาน การตั้งจุดตรวจ วัสดุการแพทย์ การขยายผล - จัดอาสาสมัครสอนบุคลากร - ทาแผนการช่วยเหลือ รับรางวัล 7 รางวัล - ศูนย์อพปร. ดีเด่น - อปท.ขนาดเล็กดีเด่น ปัจจัยแห่งความสาเร็จ ดาเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ด้วยปรารถนาให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและ ทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ ข้อคิดเห็นต่อเวทีเสวนาห้องย่อย ผู้เข้าร่วมประชุม 167 คน - 69 ให้ความสนใจปานกลาง ไม่มีคาถาม/ข้อแลกเปลี่ยนจากผู้เข้าร่วมประชุม “การสร้างความเข้าใจร่วมกัน จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้น”

โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช : การใช้ข้อมูลเพื่อผลักดันให้เกิดนโยบาย การพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉิน เริ่มต้น มีทุกข์ เพราะผู้ปุวยมี มาก ดูแลไม่ทัน วิเคราะห์ข้อมูลการเฝูาระวังการบาดเจ็บของโรงพยาบาล ต้องดับทุกข์ จากการชวนเพื่อนร่วมทุกข์ ชง ข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้แก่ตารวจ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกิดการแต่งตั้งคณะกรรมการสวมหมวกกันน็อ กจังหวัด ปี 2551 ปรับรูปแบบการทางานแบบ คุยกันวงนอก การประชาสัมพันธ์ก่อนบังคับใช้กฎหมาย การให้กาลังใจ แสดงความยินดี เช็ค สอบสวนอุบัติเหตุ ช้อน ข้อมูลสาคัญ — - การใช้ข้อมูลเพื่อทาให้เกิดนโยบาย — - การพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินและแทรกงานปูองกันอุบัติเหตุเข้าไปในการปฏิบัติงานประจา


33

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10 จำนวน 19,000 18,500 18,000 17,500 17,000 16,500 16,000 15,500 15,000 14,500

จำนวนของกำรบำดเจ็บและตำยจำกทุกสำเหตุ ปี 2546-2550 427

18,340 16,843

2546

ตาย

426

386

16,094

2547

2548

บาดเจ็บ

415

412 16,852

2549

16,212

2550

แผนภูมิเส้นแสดงจานวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุขนส่ง จังหวัดนครศรีฯพ.ศ.2546-2551

ปี


34

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10 แลหน้าผม มีปญ ั หาอะไรรึครับพี่

เด็กต่ากว่า 15 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์มาก ต้องดับทุกข์ หาเพื่อนร่วมทุกข์ ชวนทีมงานที่เกี่ยวข้อง สานักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ชงข้อมูล ให้ผู้บริหารทราบ ถึงผลกระทบเกิดความประชุมครั้งแรก ผลการนาเสนอข้อมูลอุบัติเหตุในที่ประชุมจังหวัด ธันวาคม 2551 ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจและหมวกกันน็อ กจังหวัด ดาเนินการ แก้ไขปัญหาทันที


35

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

เกิดการประชุมอย่างต่อเนื่องทุกเดือนมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน มีรองผู้บังคับการตารวจภูธรจังหวัดเข้มแข็ง ดาเนินการหมวกกันน็อก 100 %

เผยแพร่ให้ความรู้แก่ประชาชน

จับผู้ไม่สวมหมวกนิรภัยแล้วมอบหมวกนิรภัยให้


36

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

การประชุมสัมพันธ์ก่อนการบังคับใช้กฎหมาย

ชม ภาคีเครือข่ายร่วมให้กาลังใจตารวจในการบังคับใช้กฎหมาย ชื่นชมและให้ ช้อน 1. 2. 3. เช็ค

เมื่อพบปัญหาเช่น กรณีอุบัติเหตุหมู่ นาเสนอทีมให้รับทราบ เพื่อสอบสวนเหตุ หรือกาหนดมาตรการเเก้ไข ประเมินผลหลังดาเนินการผล


37

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10 300

250

264 247

240

254 229

200

213

2546 2547

177

150

2548

2549 2550 2551

100

2552

50

0 2546

2547

2548

2549

2550

2551

2552

ความท้าทายที่ 2 เน้นการเริ่มนิสัยความปลอดภัยที่ตัวเอง ทาให้ดู หน่วยกูชีพกู้ภัย การพบเหตุ รู้เหตุ ประชาสัมพันธ์ 1669 การ ดูแลเบื้องต้น การให้ความรู้ การออกเหตุโดยคานึงถึงความปลอดภัย การขับข้ามแยก การใช้สัญญาณจราจร ผ่านการ ฝึกฝน ตรวจวัดลานสายตา ตรวจสุขภาพเจ้าหน้าที่ การดูแลผู้ปุวย ณ จุดเกิดเหตุ ร่วมพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินอย่างต่อเนื่อง ร่วมประชาสัมพันธ์ 1669 EMS ศักยภาพทีม การสนับสนุนบุคลากรทุกระดับ บทบาทการพัฒนาการแพทย์ฉุกเฉิน ชวน ชง เชื่อม ชม ช้อน เช็ค ร่วมพัฒนาระบบการแพทย์ ส่งเสริมการปูองกันอุบัติเหตุเข้าไปในงานประจา ขั้นตอนการปฏิบัติงาน

ร่วมพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินอย่างต่อเนื่อง � - ร่วมประชาสัมพันธ์ 1669 “EMS LOVE YOU” � - การพัฒนาศักยภาพทีมกู้ชีพขั้นสูง “EMS MAHARAJ” � - การสนับสนุนวิชาการกับบุคลากรทุกระดับ � - จัดให้ความรู้เรื่องการจัดการจุดเกิดเหตุสาหรับ FR ร่วมกับตารวจ � - จัดการให้ความรู้เรื่องการรับมือสาธารณภัย � - ร่วมกับสาธารณสุขจังหวัดจัดเวที “EMS DAY” เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้เป็นประจาทุกเดือน


38

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

จัดเวทีเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “EMS DAY” เป็นประจาทุกเดือน

สรุปบทบาทหน้าที่ของโรงพยาบาลจังหวัด 1. การใช้ข้อมูลทาให้เกิดนโยบาย 1) ชวน คน"ร่วมทุกข์"มาเเก้ปัญหา 2) ชง ข้อมูลให้ผู้บริหารเห็นถึงผลกระทบ 3) เชื่อม ร่วมกันขยายเครือข่าย 4) ชม ให้กาลังใจทีมและ “ร่วมสุข” กับความสาเร็จทุกระดับ 5) ช้อน เมื่อพบปัญหาต้องนาเสนอทีมให้รับทราบ 6) เช็ค ใช้ข้อมูลเฝูาระวังอุบัติเหตุโรงพยาบาลมาร่วมประเมินทีม 2. ร่วมพัฒนาระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินอย่างต่อเนื่องและส่งเสริมการป้องกันอุบัติเหตุเข้าไปในงานประจา อยากให้เริ่มจากเล็กๆในครอบครัวปลูกสานึกความปลอดภัยและการรักษาวินัยจราจร สู่สังคม ชุมชน และ ประเทศชาติ


39

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

การแพทย์ฉุกเฉินเกี่ยวข้องอะไรกับสาธารณสุข นพ.ประจักษวิช เล็บนาค รองเลขาธิการ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ปีต่อไป คนไทยจะได้อะไรจากระบบการแพทย์ฉุกเฉิน: การป้องกันอุบัติเหตุจราจร ความหมาย การแพทย์ฉุกเฉินและความสั มพันธ์กับหน่วยงานอื่น ก่อนหน้า นั้นระบบสาธารณสุข มีบริการใกล้ บ้าน มีหมอตาแย หมอพื้นบ้าน พอมีองค์ความรู้ มีการเรียน เกิดระบบโรงพยาบาล หมอ ไก/*////////////////////////////////////////// ลจากบ้านออกไป คนไม่สบายต้องเดินทางจากบ้านไปโรงพยาบาล มี ระยะทาง และเวลามาเกี่ยวข้อง บริการเริ่มแพง และมีคนกลุ่มหนึ่งรอไม่ได้ ต้องการเวลาในการพบแพทย์ เริ่มมีบริการ รับจากบ้าน เริ่มจาก โทรฯ แล้วไปรับ เป็นจุดการบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน คาถามคือหมอที่บ้านล่ะ เป็นจุดที่ทาให้ องค์ความรู้พื้นบ้านหายไป การแพทย์ฉุกเฉินอุดช่องว่างระยะทาง อุบัติเหตุจราจรกับการแพทย์ฉุกเฉิน เริ่มแรกต้องมีคนแจ้ง ใครเห็นก็แจ้ง 1669 (ยกเว้นกทม. ศูนย์เอราวัณ) ศูนย์รับแจ้งเหตุจะถาม ข้อมูลพร้อมเบอร์โทรฯกลับ 1669 ส่งรถที่เหมาะสมไปรับ ไม่จาเป็นต้องเป็นรถโรงพยาบาล ใช้ การตัดสินใจ ตามเหตุที่เกิด สถานการณ์ บางครั้งอาจจะส่งมูลนิธิไปช่วยเหลือเบื้องต้น แล้วมีหน่วยระดับสูงตามไป รถพยาบาลจะมีเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์และเครื่องมือพร้อม ถึงที่เกิดเหตุ ภายใน 10 นาที ขณะนี้ทั่วประเทศไทย ได้ ประมาณ 80 % อปท. มีบทบาทมากในการปิดช่องว่างเรืองเวลา มีการติดต่อประสานงานจากศูนย์ถึงรพ .เตรียมพร้อม นอกจากรถแล้วยัง มีเฮลิคอปเตอร์ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ มีแน่นอน ระบบออกไปแล้วจ่ายเงิน คนที่ไป รับมีการอบรมความรู้ อุบัติเหตุจราจร กับ การแพทย์ฉุกเฉิน การปฏิบัติการ การแพทย์ฉุกเฉิน

ผู้แจ้งเหตุ

1669

หน่วยปฏิบัติการ การแพทย์ฉุกเฉิน สังกัด โรงพยาบาล กองทัพ กระทรวงอื่นๆ ฯลฯ องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น มูลนิธิ เอกชน

กองทุนการแพทย์ฉุกเฉิน

พัฒนาบุคคลากร พัฒนาระบบ

โรงพยาบาล

พัฒนาการของระบบการแพทย์ฉุกเฉินในอนาคต เงินไม่ใช่ปัญหาอุปสรรคในการพัฒนา อปท. หลายที่ไม่รับเงิน ระบบเกิดจากการร่วมมือ เป็นลักษณะบูรณาการ ไม่ใช่ระบบสั่งการแต่เป็นการประสานงาน อุบัติเหตุจราจรกับแพทย์ฉุกเฉิน เหมือนหน่วยตั้งรับ ไม่มีเหตุเหมือนตกงาน แต่การแพทย์ฉุกเฉินหยุดที่การ รักษาพยาบาลไม่ได้ ต้องก้าวล้าไปที่การปูองกัน อุบัติเหตุจราจรมีสถิติบริการ 30% มีภาวะฉุกเฉินอื่นนอกเหนืออีก มากมาย ปีหน้าต้องทาให้งานที่ทาอยู่ไปสู่การปูองกันให้ได้ อย่ารอให้เกิดเหตุ ต้องปูองกัน เกิดแล้วผ่อนหนักให้เบา


40

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

สถิติ สงกรานต์ ‘51-’54 35000

32372

30000

528

31490

30276

600

28226 500

511

25000

444

20000

400

373

300

อ ท

อ ผ ่

15000 200

10000

ี ชี ิ

100

5000

16%

16%

14%

13%

0

0

2551

2552

2553

2554

ข้อมูลสงกรานต์ ในรอบหลายปีตายลดลง การรณรงค์ วิศวกรรมจราจร เข้มงวดกฎหมาย ทั้งเรื่องเมา ส่งผลให้ ตายลดลง และขณะนี้ตัวเลขลดลงเรื่อยๆ แต่นับจากนี้จะไม่ง่ายเหมือนเดิมหลายอย่างต้องลงทุน เช่นถนนมีปัญหา หลุด โค้ง เป็นหลุมบ่อ การแพทย์ฉุกเฉินสามารถให้ข้อมูลย้อนกลับไปให้คนที่เกี่ยวข้องดูได้ ปีหน้า ระบบข้อมูลเป็นเรื่อง สาคัญ เพราะฉะนั้นระบบการแพทย์ฉุกเฉินจะสะท้อนข้อมูลกลับในเชิงปูองกน จะนาเรื่องพวกนี้ไปสู่การปูองกันให้ได้ ต้องนาไปสู่การแก้ไข เช่น โค้งร้อยศพ มีหลายจังหวัดดาเนินการแก้ไขแล้ว จากข้อมูลพวกนี้ โดยพื้นที่เอง คงไม่เกิดจาก ระบบส่วนกลาง ข้อมูลจึงใช้ในระดับพื้นที่ จะเชื่อมโยงกับระบบเฝูาระวังอุบัติเหตุ ตารวจ คนในพื้นที่ไม่จาเป็นต้องรอ ข้อมูลระดับประเทศ ระดับพื้นที่ สามารถแก้ปัญหาได้เอง คุณค่าของการนาข้อมูลไปใช้มีทั้งระดับพื้นที่และ ระดับประเทศหลังจากนั้ นการลด จะยากขึ้น เพราะสิ่งที่ทาได้ทาไปแล้ว แต่ก็ไม่ยากเกินในหลายประเทศ ระบบ การแพทย์ฉุกเฉิน ไม่มีระบบอาสา ทุกอย่างเป็นเงินหมด จานวนบุคลากรในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน(ข้อมูล 31 มี.ค.2554) ประเภทบุคลากร จานวน (คน) แพทย์ฉุกเฉิน (EP)

247

แพทย์ (physician)

1,237

พยาบาลกู้ชีพ (nurse)

15,049

เวชกรฉุกเฉินระดับกลาง (EMT-I)

873

เวชกรฉุกเฉินระดับต้น (EMT-B)

3,849

ผู้ปฏิบัติการฉุกเฉินเบื้องต้น (FR)

101,690

รวม

122,945

นอกจากเรื่องข้อมูลแล้ว ระบบการแพทย์ฉุกเฉินยังมีข้อจากัดของบุคลากรทางการแพทย์ ปัจจุบัน มี EP 247 คน แพทย์ทั่วไป 1237 คน พยาบาลกูชีพ 15049 คน EMT-I 873 คน EMT-b -3849คน FR 101690 คน


41

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

นับจากนี้อาเซียนจะมีการเคลื่อนไหวเรื่องวิชาชีพแพทย์ พยาบาล อาจจะทาให้สถานการณ์แย่ลง หรือดีขึ้น หากเรา ยอมรับ แพทย์จากเขมร พม่า เราพัฒนาคนอีกประเภทขึ้นมา คือ Paramedic หลักสูตร 4 ปี เพื่อลดภาระงาน EMT-B ขณะนี้กาลังศึกษาอยู่ ยังไม่จบ ชุดปฏิบัติการในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ปี 2554 ชุดปฏิบัติการและรถยนต์ (ข้อมูล31มี.ค. 2554) ประเภทชุดปฏิบัติการ จานวนชุดปฏิบัติการ(ชุด) จานวนรถยนต์(คัน) ALS ILS BLS FR รวม

1,781 39 1,502 7,662 10,984 ( ปี53=9,937 )

2,783 141 1,890 9,375 14,189 (ปี53=10,737)

ชุดปฏิบัติการในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ในรถมีคน สามคน ศูนย์สั่งการจะเป็นคนบอกว่าทีมเป็นระดับไหน เช่น FR BLS ALS ILS ที่จะออกไปรับผู้ปุวย การพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินวันนี้และปีต่อไป อุบัติเหตุจราจร กับ การแพทย์ฉุกเฉิน 1. จัดระบบการปฏิบัติการฉุกเฉิน ที่มีความครอบคลุมพื้นที่ โดยให้มีผู้ปฏิบัติการ หน่วยปฏิบัติการ ที่สามารถ ปฏิบัติการได้อย่างทั่วถึง มากขึ้น ด้วยการจัดระบบการสั่งการ การประสานงาน เพื่อใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เต็ม ประสิทธิภาพ 2. พัฒนาคุณภาพ โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติการ ให้มีความรู้ ประสบการณ์ ในระดับต่างๆ รวมถึงการให้องค์กรการศึกษา จัดการศึกษา ฝึกอบรม ในหลักสูตร ที่ กพฉ.กาหนด 3. การจัดระบบสื่อสาร และเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวกับการแพทย์ฉุกเฉิน ได้แก่ การ ปฏิบัติการ ทะเบียนผู้ปฏิบัติการ ยานพาหนะ และการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานต่างๆ เช่น การประกันภัย ผู้ประสบภัยจากรถ การรักษาพยาบาล และมีแผนในการเชื่อมกับระบบการเฝูาระวังการบาดเจ็บ 4. สนับสนุน ส่งเสริม การวิจัยและพัฒนาระบบนาข้อมูลการปฏิบัติการฉุกเฉิน ไปวิเคราะห์เพื่อนาไปสู่การสร้าง องค์ความรู้ในการปูองกัน แก้ไขปัญหา อุบัติเหตุจราจร 5. เสริมสร้างความร่วมมือทางเทคโนโลยีกับหน่วย องค์กร หรือภาคส่วนต่างๆ ในการขยายการบริการ ให้มี ประสิทธิภาพ เราต้องเริ่มจากตัวเรา ถ้าไม่จัดการต้องเอง ถึงมีระบบดีอย่างไร ก็ไม่เพียงพอ ปีต่อไปคงต้องมาคุยกันว่าสิ่งที่ คาดหวังเป็นไปได้หรือไม่ทศวรรษความปลอดภัย ไม่ใช่ความฝันอย่างเดียวเพราะเราได้ลงมือทาแล้ว


42

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

การแพทย์ฉุกเฉิน : อุบัติเหตุจราจรจากจุดเกิดเหตุสู่การป้องกัน หน่วยงานที่ร่วมเสวนาในเวทีประกอบด้วย นายประยูร เห็มวิพัฒน์ นายกเทศมนตรีตาบลดงลิง นพ.ประยูรโกวิทย์ ผู้อานวยการโรงพยาบาลบาลไผ่ นพ.ต่อพงศ์ ครองไตรเวชย์ ผู้แทนผู้อานวยการโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร โรงพยาบาลอุดรธานี ดาเนินการอภิปราย ประเด็นสาคัญในเวที นายกเทศมนตรีตาบลดงลิง : นายประยูร เห็มวิพัฒน์ นายกเทศมนตรีตาบลดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ความเป็นมา เริ่มก่อตั้ง เมษายน 2549 ดูแลผู้ป่วยได้ 19 ราย/6 เดือน ห่างจากโรงพยาบาล ประมาณ 16 กิโลกรรม มีการพัฒนาบุคลากรเพื่อสร้างความมั่นใ จให้ประชาชน โดยความร่วมมือของโรงพยาบาล กมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ จัดงบประมาณดาเนินการพัฒนาโครงสร้างของศูนย์ อุปกรณ์ เครื่องมือ วิทยุสื่อสาร การ ประชาสัมพันธ์ โดยใช้หลายช่องทาง เคาะประตูบ้าน สร้างความเข้าใจหลายรูปแบบ แผ่นพับ สถิติการให้บริการ เพิ่มขึ้นจาก 19, 496, 756 ตามลาดับ

การพัฒนาศักยภาพบุคลากร มีการอบรมพัฒนาความรู้ในระดับอาเภอ หรือกลุ่มอาเภอนั้น ๆ - หน่วยกู้ชีพ เทศบาลตาบลดงลิง ได้จัดส่งบุคลากรเข้ารับการอบรมพัฒนาความรู้ในระดับอาเภอ หรือกลุ่มอาเภอ - หน่วยกู้ชีพ เทศบาลตาบลดงลิง ได้จัดส่งบุคลากรเข้ารับการอบรมพัฒนาความรู้อยู่เสมอ

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน


43

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

อดีต

ปัจจุบัน

ผลงาน โครงการสายตรวจ อปพร. ผ่านการอบรม 206 นาย ประสานการทางานกับเจ้าหน้าที่ตารวจ ใช้ระบบ บริหารจัดการเป็นกองทุน โครงการขับขี่ปลอดภัย สร้างวินัยจราจร ลดอุบัติเหตุจราจรกระบวนการสร้างเครือข่ายการบูรณาการงาน เข้าสู่การเฝ้าระวัง สอบสวนโรค และการควบคุมการเกิดโรค/เหตุการณ์บริหารงบประมาณเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนา บุคลากร เพื่อให้ได้รับการเชื่อมั่น เชื่อมือ เชื่อถือ เชื่อใจ มีการประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่างๆ 1. ขึ้นป้ายประชาสัมพันธ์

2. ประกาศทางเสียงตามสาย 3. แจกแผ่นพับใบปลิวเคาะประตูบ้าน 4. ทาสปอร์ตโฆษณาหน่วยกู้ชีพและช่องทางการให้บริการ


44

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

ศักยภาพของหน่วยกู้ชีพ อปท.ต่อการจัดการระบบป้องกันการบาดเจ็บทางถนน. เพื่อลดการเสียชีวิตจาก อุบัติเหตุจารจร - มีโครงการสายตรวจ อปพร. ประสานกาลังเจ้าหน้าที่ตารวจตั้งจุดสกัดจุดบริการในช่วงเทศกาลต่างๆ

การกระตุ้นให้ประชาชนรู้จักป้องกันการบาดเจ็บทางถนน/ป้องกันการเสียชีวิต อบรมการขับขี่ปลอดภัยแก่ประชาชน

สถิติผลการดาเนินงานหน่วยกู้ชีพ ตาบลดงลิง หน่วยกู้ชีพ ปีงบประมาณ 2549-2554 ตาบลดงลิง

รวม

2549

2550

2551

2552

2553

2554

19

495

756

771

475

485

3001


45

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

1000 500

756

495

19

771

485

475

0

ปี2549 ปี2550 ปี2551 ปี2552 ปี2553 ปี2554 ปี2549

ปี2550

ปี2551

ปี2552

ปี2553

ปี2554

สถิติอุบัติเหตุในภาพรวมของเทศบาลตาบลดงลิง ปี 2552-2554 180

166

160 140 120

104

100

จราจร

80

49

60 40 20

46

59

58

ทั่วไป

40

18

0

52

53

54

รวม

ผลงานทั้งหมดภายใต้วิสัยทัศน์ นายกเทศมนตรีตาบลดงลิงที่ว่า ทาให้ชุมชนตาบลดงลิงเป็น ชุมชนน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก ยึดหลักคุณธรรม นาพัฒนาสิ่งแวดล้อม พร้อม ให้บริการ ประสานแก้ไข ก้าวไกลการศึกษาชาวประชาปลอดภัยมุ่งให้ชุมชนเข้มแข็งอย่างยั่งยืน

ผู้อานวยการโรงพยาบาลบ้านไผ่


46

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

การทางานอยู่กับความเครียด ความหดหู่ สะท้อนใจว่าเกิดจากอะไร ทาไมต้องเกิดเหตุ ทาไมต้องรุนแรงถ้า เราเห็นสิ่งเหล่านี้แล้วหาเหตุที่ทาให้เกิดอุบัติเหตุทั้งจานวนและความรุนแรง ความสูญเสียจากอุบัติเหตุทาให้ผล กระทบในสังคมมากมายเกินกว่าจะประมาณได้ ภาพที่ซ้า ๆ

ชีวิตแล้ว ชีวิตเล่า ความสูญเสียที่ประมาณค่าไม่ได้ พ่อแม่ต้องสูญเสียลูก

- ผู้คนต้องพิการ สูญเสียอวัยวะ - เหตุบังเอิญ หรือ เวรกรรมเหตุบังเอิญหรือ เวรกรรม

คาถามเกิดขึ้นในคนกลุ่มเล็ก ๆ - ขนส่ง

เด็กต้องเป็นกาพร้า


47

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

- กู้ภัย(พุทธญาณ) - โรงพยาบาล - แขวง ฯ - ตารวจ เมื่อเกิดอุบัติเหตุ - ร่วมเก็บข้อมูล รอบด้าน - Case Investigateฝึกข้อมูลเชิงลึก - นาข้อมูลมารวมกัน - ร่วมกันวิเคราะห์หาสาเหตุ

INFORMATION

MIS

MIS

5

เกิด การขับเคลื่อน ตามศักยภาพของแต่ละหน่วยงาน - หนองน้าใส - ว.การอาชีพ

โครงการป้องกันอุบัติเหตุโดยชุมชน โครงการขับขี่ปลอดภัย เข้าใจกฎ ฯ


48

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

- โรงพยาบาล โครงการหมวกกันน็อก โครงการปรับพฤติกรรมขับขี่ นาเสนอข้อมูลในคณะกรรมการรักษาความมั่นคงของอาเภอ สถิติจานวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจร 1985

1914

1841

2000

1732

1500 1000 500

30

13

29

27

0

ี 2549

ี 2550

ี 2551

ี 2552

ผ้

ผ้

10 10 9 8

7

5

6

4

5 4

2

2

3

2 1

2 1 0 ศ

ั้

/

ผ้

มีอะไรที่เราจะทาให้ดีกว่านี้ได้หรือไม่ ทุกคนมีความคิด ความฝังใจเกี่ยวกับอุบัติเหตุ มีแรงบันดาลใจ จากข้อมูลของหน่วยงาน สอบสวนเหตุอย่าง สมบูรณ์รอบด้าน คน รถ ถนน สิ่งแวดล้อม นาข้อมูลที่แต่ละฝ่ายเก็บได้มาร่วมกันวิเคราะห์ เกิดเป็นข้อมูลสาคัญ ส่ง ต่อไปยังผู้เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการช่วยกันแก้ปัญหา ขับเคลื่อนเพื่อแก้ปัญหาของพื้นที่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น วิทยาลัยการอาชีพอบต. ผลักดันในข้อมูลเข้าสู่การบริหารงานปกติในการประชุมประจาเดือนของอาเภอ เลือกการ แก้ปัญหาจุดเสี่ยงตามรายกรณี โดยการทางานร่วมกันเป็นจุดๆ ยกตัวอย่าง การเกิดอุบัติเหตุชนรถบรรทุกบริเวณ ทางโค้งหน้าปั๊มปตท. พบว่าเกิดจากแสงสว่างไม่เพียงพอ เจ้าของปั๊มให้งบประมาณการตั้งเสาไฟฟ้า เหตุเกิดที่หน้าปั้ม


49

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

การขับเคลื่อนเชิงระบบ

จุดนี้มันมืด ขอแสงสว่าง หน่อย

ผู้เกี่ยวข้องร่วมพิจารณาข้อมูล


50

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

หาแนวทางแก้ไขร่วมกัน

สี่แยกหนองน้าใส


51

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐ ไป

ศ 2543 ้

สี่แยกหนองน้าใส เก็บข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุ พบว่า มีความสับสนในการใช้สี่แยก รถมีความเร็วขอติดไฟ แดงไม่ได้เพราะ ทาไม่ได้ - ถนนไม่มีรถสัญจรมากพอ - สภาพถนนไม่เข้าเกณฑ์ทาที่กลับรถ - ระเบียบ ? หารือแขวงการทางซ้าจึงปิดสี่แยกเปิดยูเทิร์น คณะกรรมการความมั่นคงระดับอาเภอ เสนอคณะกรรมการ หัวหน้าส่วนอาเภอก่อนนายอาเภอลงนามเสนอคมนาคม หัวใจเดียวกัน มีความเข้มแข็ง เห็นแก่ประโยชน์ของ ประชาชน


52

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

คาตอบจากระดับกรม ฯ พลังเครือข่าย ในบ้านไผ่ ตัวอย่างน้ามัน หล่น บนถนน เป็นเหตุให้จักรยายยนต์ล้มไป 17คันใน 2 ชม. มีการ แจ้งเหตุ

U – Turn ้

สามารถระดม พลังเครือข่าย แก้ปัญหาล้างถนน ช่วยกันเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ เปรียบเสมือนผีเสื้อขยับปีก สามารถขับเคลื่อนสู่ความผาสุกของชุมชนเป็นการเชื่อมโยงความช่วยเหลือ ในการทางานถ้าเราขาดเพื่อนก็จะทางานให้สาเร็จได้ช้ากว่าการมีเพื่อนช่วยคิดช่วยทาสามารถแก้ปัญหาได้ อย่างทันท่วงที พลังเครือข่าย จะช่วยให้เราเข้าถึงข้อมูลได้เร็วและแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ


53

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

ร่วมแรงแข็งขัน

กว่า 2 ชม. จักรยานยนต์ ล้ม 17 คัน

ทางานแข่งกับเวลา


54

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

ปัจจัยสู่ความสาเร็จ - เครือข่ายที่เข้มแข็ง - ข้อมูลที่ดีพอ รอบด้าน - Informal Regular Meeting - เกาะติด อดทน

“พลังผู้บริโภคเพื่อรถสาธารณะปลอดภัย ”ความร่วมมือเพื่อความปลอดภัยของรถ โดยสารสาธารณะ


55

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

ผู้ดาเนินรายการ คุณจุฑาภรณ์ คาขา สถานีโทรศัพท์ไทย

IBS

หน่วยงานที่ร่วมเสวนาในเวทีประกอบด้วย ประเด็นสาคัญในเวที 1. เข็มขัดนิรภัย สาหรับรถโดยสารสาธารณะ ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทยต้องนาวิชาการไปสู่การปฏิบัติ 2. รถโดยสารปลอดภัยกว่าเครื่องบิน รองจากรถไฟ 3. มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมายในจังหวัด ต่าง ๆ ทั่วประเทศ อุบัติเหตุและการบาดเจ็บ : ก่อนชน ป้องกันมิให้เกิดอุบัติเหตุ : ชนแล้ว ป้องกันการบาดเจ็บ อ.ศาตราวุธ พลบูรณ์ จากศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย 1) รถชน 2) ผู้โดยสารชนอุปกรณ์ภายในรถ 3) อวัยวะชนกัน 21

19

2550 17

13

2551 13

2550 32

27 31

2552 19

23 10

11

17

35

21 26

2554

255

2549 21 18

27

38 2552

17

28

31


56

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

1.

/

2. 3.

แนวทางการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุ ลดการเกิดเหตุ

ลดการบาดเจ็บ

/


57

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

การคาดเข็มขัดลดการเสียชีวิตได้ 67.5% ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน 35 คน จาก 100 คน ไม่ควรเสียชีวิตหาก คาดเข้มขัดนิรภัย เข็มขัดที่ยืดหยุ่นจะลดแรงปะทะให้เหลือเพียง 1.6 ตัน จากข้อมูล IS ผู้คาดเข็มขัด (คนขับ) 2030% โดยประมาณกฎหมายในประเทศไทยปี 2531,2540 การขนส่งทางบก ยุโรป บังคับใช้เข็มขัดนิรภัย ให้ใช้ทั้งเบาะนั่งและที่นั่ง กฎหมายในประเทศไทย ประเภทของเข็มขัดนิรภัย 1. แบบรัดหน้าตักและรั้งพาดไหล่ (แบบ 3 จุด) สาหรับผู้ขับรถและผู้ที่นั่งตอนหน้าแถวเดียวกับผู้ขับ รถที่อยู่ด้านริมสุด 2. แบบรัดหน้าตัก (แบบ 2 จุด) สาหรับผู้ที่นั่งตอนกลางระหว่างผู้ขับรถและผู้ที่นั่งตอนหน้าแถว เดียวกับผู้ขับรถที่อยู่ด้านริมสุด ประเภทรถยนต์ที่กาหนดให้ติดตั้งเข็มขัดนิรภัย 1. รถยนต์ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 1.1 รถที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2531 เป็นต้นไป ได้แก่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล (รถเก๋ง) รถยนต์ รับจ้างระหว่างจังหวัด รถยนต์รับจ้างบรรทุกผู้โดยสารไม่เกิน 7 คน (รถแท็กซี่) 1.2 รถที่จดทะเบียนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2537 เป็นต้นไป ได้แก่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน (รถ ตู)้ รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (รถปิคอัพ) 2. รถยนต์ตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 เฉพาะรถที่จดทะเบียนตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2537 เป็นต้นไป ดังนี้ 2.1 รถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารที่มีจานวนที่นั่งไม่เกิน 15 ที่นั่ง ซึ่งจดทะเบียนรหัสนาหน้า 10 (การขนส่ง ประจาทาง) 30 (การขนส่งไม่ประจาทาง), 40 (การขนส่งส่วนบุคคล) 2.2 รถที่ใช้ในการขนส่งสัตว์หรือสิ่งของ ที่มีน้าหนักรถไม่เกิน 1,600 กิโลกรัม ที่จดทะเบียนรหัสนาหน้า 70 (การขนส่งไม่ประจาทาง) 2.3 รถขนาดเล็กที่มีจานวนที่นั่งไม่เกิน 15 ที่นั่ง ซึ่งจดทะเบียน รหัสนาหน้า 20 (รถประจาทางวิ่งในเขต เมือง) การบังคับใช้ ประกาศกรมการขนส่งทางบกมีผลบังคับใช้ทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2540 เป็นต้นไป กรณีไม่ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยตามกาหนด กรมการขนส่งทางบกจะไม่ผ่านการตรวจสภาพรถให้ 1. มีความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 ปรับไม่เกิน 1,000 บาท 2. มีความผิดตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ปรับไม่เกิน 50,000 บาท ผู้ขับรถและผู้นั่งตอนหน้าแถวเดียวกับผู้ที่ขับรถ หากไม่คาดเข็มขัดนิรภัย จะมีความผิดตามพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2538 ปรับรายละไม่เกิน 500 บาท ในไทย ( มีแต่ไม่ใช้ ไม่คาด 100 % ในผู้เสียชีวิตทั้งหมด สาเหตุที่ไม่ใช้ 51% เดินทางระยะใกล้ 29% ไม่ได้ขับออกถนนใหญ่ 28% เร่งรีบ 22% ลืม 20% อึดอัด 6% ตารวจไม่จับ


58

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

6% 4% 3% 2%

กลัวเสื้อผ้ายับ ไม่จาเป็นเพราะขับรถดี ไม่มีเข็มขัดนิรภัยในรถ เกรงว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุจะปลดเข็มขัดไม่ออก เข็มขัดนิรภัย เปลี่ยนความตายเป็นคนเป็นลดการตายได้ 60% ( 67.5%)

ปัญหาความปลอดภัยบนท้องถนน : อุบัติเหตุรถซีวิค “ชน” รถตู้บนทางด่วนโทลล์เวย์ ให้ บทเรียน อะไรแก่เรา

ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ม.ธรรมศาสตร์ กรณีตัวอย่าง Civic ชนรถตู้บนโทลเวย์ ให้บทเรียนอะไร 1. ผู้เสียชีวิตกระเด็นออกมานอกรถ 2. คนที่กระเด็นออกมาทางช่องหน้าต่างด้านข้าง ๆ 3. รถตู้มีเข็มขัด แต่ผู้โดยสารไม่ใช้ 4. รถมีการต่อเติมให้ได้ 15 ที่นั่งจาก 13 ที่นั่ง ประเด็นสาคัญรถตู้ 1) ประเทศที่เจริญแล้วใช้รถบัสทั้งสิ้น ยกเว้นประเทศไทยใช้รถตู้และเพิ่มจานวน 2) ความเร็ว รถตู้วิ่งเกินความเร็วตามที่กฎหมายกาหนด 3) ไม่ควรใช้รถตู้มาทาเป็นรถโดยสารติดแก๊สและทาแบบไม่ถูกต้อง 4) การแก้ไขระยะยาว 1-2 ปี จะเกิดรถตู้เปลี่ยนเป็นรถบัสขนาดกลางแทน (ของธรรมศาสตร์ ) กฎหมายควบคุมความเร็วของรถยนต์ ตาม พระราชบัญญัติจราจรทางบก และพระราชบัญญัติทางหลวง พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๗ ผู้ขับขี่ต้องขับรถด้วยอัตราความเร็วตามที่กาหนดในกฎกระทรวง กฎกระทรวงฉบับที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๒๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ข้อ ๑ ในกรณีปกติ ให้กาหนดความเร็วสาหรับรถ ดังต่อไปนี้


59

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

(๑) สาหรับรถบรรทุกที่มีน้าหนักรถรวมทั้งน้าหนักบรรทุกเกิน ๑ ,๒๐๐ กิโลกรัม หรือรถบรรทุกคนโดยสาร ให้ขับในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล ไม่เกินชั่วโมงละ ๖๐ กิโลเมตร หรือนอกเขต ดังกล่าวให้ขับไม่เกินชั่วโมงละ ๘๐ กิโลเมตร (๒) สาหรับรถยนต์อื่นนอกจากรถที่ระบุไว้ใน (๑) ขณะที่ลากจูงรถพ่วง รถยนต์บร รทุกที่มีน้าหนักรถรวมทั้ง น้าหนักบรรทุกเกิน ๑ ,๒๐๐ กิโลกรัม หรือรถยนต์สามล้อ ให้ขับในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา หรือเขต เทศบาล ไม่เกินชั่วโมงละ ๔๕ กิโลเมตร หรือนอกเขตดังกล่าวให้ขับไม่เกินชั่วโมงละ ๖๐ กิโลเมตร (๓) สาหรับรถยนต์อื่นนอกจากรถที่ระบุไว้ใน (๑) หรือ (๒) หรือรถจักรยานยนตร์ ให้ขับในเขต กรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล ไม่เกินชั่วโมงละ ๘๐ กิโลเมตร หรือนอกเขตดังกล่าวให้ขับไม่เกิน ชั่วโมงละ ๑๐๐ กิโลเมตร กฎหมายควบคุมความเร็วของรถยนต์ตาม พระราชบัญญัติจราจรทางบก และพระราชบัญญัติทางหลวง พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๗ ผู้ขับขี่ต้องขับรถด้วยอัตราความเร็วตามที่กาหนดในกฎกระทรวง กฎกระทรวงฉบับที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๒๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ให้ยกเลิกความในข้อ ๑ (๓) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๒๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "(๓) สาหรับรถยนต์อื่นที่นอกจากระบุไว้ใน (๑) หรือ (๒) หรือรถจักรยานยนต์ให้ขับในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล ไม่เกินชั่วโมงละ ๘๐ กิโลเมตร หรือนอกเขตดังกล่าวให้ขับไม่เกินชั่วโมงละ ๙๐ กิโลเมตร" กฎหมายควบคุมความเร็วของรถยนต์ตาม พระราชบัญญัติจราจรทางบก และพระราชบัญญัติทางหลวง กฎกระทรวงฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๔๒) ออกตามความในพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ กาหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวง พิเศษหมายเลข ๗ ทางสายกรุงเทพมหานคร - เมืองพัทยา และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ (ถนนกาญจนาภิเษก) ทาง สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ดังต่อไปนี้ (๑) รถบรรทุกที่มีน้าหนักรถรวมทั้งน้าหนักบรรทุกไม่เกิน ๑,๒๐๐ กิโลกรัม หรือรถบรรทุกคนโดยสาร ให้ใช้ ความเร็วไม่เกินชั่วโมงละ ๑๐๐ กิโลเมตร (๒) รถบรรทุกอื่นนอกจากรถที่ระบุไว้ใน (๑) รวมทั้งรถบรรทุกหรือรถยนต์ขณะที่ลากจูงรถพ่วง ให้ใช้ ความเร็วไม่เกินชั่วโมงละ ๘๐ กิโลเมตร (๓) รถยนต์อื่นนอกจากรถที่ระบุไว้ใน (๑) หรือ (๒) ให้ใช้ความเร็วไม่เกินชั่วโมงละ ๑๒๐ กิโลเมตร กฎกระทรวงฉบับที่ ๖ (พ.ศ. ๒๕๒๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ (๓) สาหรับรถยนต์อื่นที่นอกจากระบุไว้ใน (๑) หรือ (๒) หรือรถจักรยานยนต์ให้ขับในเขตกรุงเทพมหานคร เขตเมืองพัทยา หรือเขตเทศบาล ไม่เกินชั่วโมงละ ๘๐ กิโลเมตร หรือนอกเขตดังกล่าวให้ขับไม่เกินชั่วโมงละ ๙๐ กิโลเมตร ปัญหาความปลอดภัยบนท้องถนนในประเทศไทย : กฎหมายพอใช้ได้ แต่ คนไม่ปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓ ห้ามมิให้ผู้ขับขี่ขับรถ (๑) ในขณะหย่อนความสามารถในอันที่จะขับ (๒) ในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น


60

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

(๓) ในลักษณะกีดขวางการจราจร (๔) โดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สิน (๕) ในลักษณะที่ผิดปกติวิสัยของการขับรถตามธรรมดา หรือไม่อาจแลเห็นทางด้านหน้าหรือด้านหลัง ด้าน ใดด้านหนึ่งหรือทั้งสองด้านได้พอแก่ความปลอดภัย (๖) คร่อมหรือทับเส้นหรือแนวแบ่งช่องเดินรถ เว้นแต่เมื่อเปลี่ยนช่องเดินรถเลี้ยวรถ หรือกลับรถ (๗) บนทางเท้าโดยไม่มีเหตุอันสมควร เว้นแต่รถลากเข็นสาหรับทารก คนป่วย หรือคนพิการ (๘) โดยไม่คานึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น (๙) ในขณะใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ เว้นแต่การใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่โดยใช้อุปกรณ์เสริมสาหรับการสนทนาโดย ผู้ขับขี่ไม่ต้องถือหรือจับโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น ปัญหา ๑. รถตู้วิ่งทางไกลขึ้น ๒. นั่งเกิน ๓. ไม่จากัดความเร็ว ๔. กฎหมายบังคับใช้อยู่แล้วแต่ไม่บังคับใช้ แต่เรื่องเข็มขัดนิรภัยยังไม่มีในกฎหมายว่าเป็นสิ่งที่ควรมีในรถต่าง ๆ ถ้าไม่มีกฎหมายประชาชนจะทา อะไรบ้างไม่ต้องรอ ถ้าทาได้ ,ทาแล้วดีทา ตัวอย่างในธรรมศาสตร์ ให้คาดเข็มขัดทันที และเราที่ไม่มีให้ใส่เข็มขัดนิรภัยภายใน 1 เดือนให้ครบ ๑. ให้คนโดยสารคาดเข็มขัดทุกคน ,รถออก ๒. จากัดความเร็วโดยใช้ระบบGPSควบคุม ๓. ขอให้ทุกคนลงมือทาเองก่อนพบรถมีเข็มขัดนิรภัยให้ใช้ทันที ผู้ประกอบการรถโดยสาร ไม่ต้องรอ กฎกระทรวง รับผิดชอบร่วมกัน ๔. มีเข็มขัดในรถทุกคัน ให้ผู้โดยสารใช้เข็มขัดทุกคน ๕. กฎหมายที่มีก็ดีแล้วแต่ขอให้มีการบังคับใช้ คนไม่เคารพกฎหมาย เป็นเรื่องใหญ่ รถติดเพราะคนไม่ เคารพกฎหมาย ขับข้าแล้ววิ่งเลนส์ขวา ๖. พรบ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 ดูมาตรา 43 แก้ปัญหาทา 2 เรื่อง ๑. เคารพกฎหมาย ๒. บังคับใช้กฎหมายเข็มขัดนิรภัยต้องมีมาตรการ คุณวุฒิชาติ จากบขส. ระบบรถโดยสารสาธารณะ ( บขส.) ทาอย่างไร ผู้ใช้บริการไม่ต่ากว่า 20 ล้านคน การจัดการอย่างไรให้ ปลอดภัย ๑. ให้ความสาคัญกับคนขับคนขับรถทุกคนต้องผ่านการอบรม กฎหมายมีแล้วทับซ้อนกัน กฎหมายบ้านเราถือ ว่าดีที่สุด ๒. ประเด็นสาคัญ เราไม่เคารพสิทธิของตัวเอง ปัจจุบันผู้ประกอบการก็แข่งขันกันอยู่และเพิ่มความปลอดภัย มากขึ้น ทุกคนต้องรักษาสิทธิของตัวเองรถไม่ดีก็ไม่ต้องใช้ ๓. การใช้รถตู้เป็นความนิยม จึงถูก นามาเป็นรถโดยสารสาธารณะ มีรถผิด กฎหมาย1,300 คันจัดระเบียบ ปลายปีที่แล้ว 6,000 กว่าคัน ขึ้นทะเบียนจัดระเบียบกาหนดมาตรฐาน


61

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

การสร้างจิตสานึก ดาเนินการ ๑. ผู้ให้บริการ ๒. ผู้ใช้บริการให้ร้องเรียนเพื่อการปรับปรุงดูแล รักษาสิทธิ ขั้นตอนการปฏิบัติเพื่อความปลอดภัย ๑. ขึ้นทะเบียนจัดระเบียบทาตามมาตรฐาน ๒. รถสาธารณะขนาดใหญ่ สามารถจัดการได้ค่อนข้างดี ๓. ระยะทางไกล เช่น กทม. – เชียงใหม่ ใช้เวลา10 ชม. ๔. การแจ้งเตือนผู้โดยสาร ขณะนี้รถตู้ได้ทาไปแล้ว คุณอุดม อุกฤษฏ์ดุษฏี กรมการขนส่งทางบก ระเบียบข้อบังคับ มุมมองกรมการขนส่งทางบก ๑. ทาอย่างไรให้รถปลอดภัย ๒. เมื่อรถเกิดอุบัติเหตุแล้วไม่ให้เกิดซ้าได้อย่างไร ๓. ทาอย่างไรให้รถปลอดภัย รถปลอดภัยหรือยัง ๔. กรมการขนส่งทางบกรถโดยสาร a. ลดการเกิดอุบัติเหตุซ้าจากเบาะที่นั่ง b. เข็มขัดนิรภัย เป็นของมือสอง ( 2 nd hand) กรมการขนส่งทาง ลงทุน 10 ล้าน 1 มกราคม 2556 ๑. เก้าอี้ในรถโดยสารทุกคันต้องได้มาตรฐาน ๒. เข็มขัดนิรภัยต้องได้มาตรฐาน ๓. จุดยึดของ เข็มขัดนิรภัยต้องถูกต้อง รถตู้ 1/4/2555 จะต้องมี เข็มขัดนิรภัยและจุดยึดถูกต้อง รถโดยสาร 1 /42555 จะต้องมีเข็มขัดที่ได้มาตรฐาน กรมการขนส่งทางบก ๑. เข็มขัด ๒. โครงสร้างจะต้องอยู่ไม่หลุดออกจากตัวรถตัวถัง จะต้องได้รับความเห็นชอบจากกรมการขนส่งทาง บกลดตาย ลดบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทาอย่างไรไม่ให้เกิดอุบัติเหตุดูจากการทดสอบเข้าโค้งระบบเบรค ตามมาตรฐาน ขณะนี้จะเริ่มจากรถใหม่ มาทดสอบรถบัส อายุการใช้งานยังไม่สามารถบอกได้ อยู่ระหว่างการศึกษา อายุ 15 ปี/ รถ 1คันต้องตรวจสภาพในแต่ละจุด ในระยะเวลา 3 ปีการขนส่งสาธารณะต้องมีกฎระเบียบ ๓. ผู้ประกอบการต้องมีการกากับดูแล ให้รถอยู่ในกฎระเบียบคาถาม เหตุการณ์จริง รถโดยสารพลิก คว่ารถ 2 ชั้นได้มาตรฐานจริงหรือ กรมการขนส่งจะคุมกาเนิดหรือไม่รถเสริมจะมีอีกนานหรือไม่ รถกี่ชั้นจะต้องมี มาตรฐาน ถึงจะจดทะเบียนได้ จากนั้นดูโครงสร้างของรถก่อนจะกาหนดเส้นทางหรือไม่ สาหรับรถแต่ละประเภท หรือมีบอกไว้ในรถว่าผู้บริโภคจะเลือกใช้อย่างไร รถยิ่งสูงยิ่งทรงตัวอยากโดยธรรมชาติ รถ 2 ชั้น ประจาทางและไม่ ประจาทาง ผู้บริโภคพึงระลึกเสมอว่าตัวเราจะเสี่ยงหรือไม่ ผู้ขับขี่มีความชานาญในเส้นทางหรือไม่ ๔. รถเสริมที่จดทะเบียน ไม่จดทะเบียนไม่เหมือนรถประจาทางตามปกติ จะต้องขออนุญาตและ ตรวจสอบ ปกติ 80,000 คนเดินทางโดยรถประจาทาง 200,000 คน ในช่วงเทศกาลขณะนี้กาลังลดปัญหา ผู้ประกอบการจะนา รถไม่เข้า สถานีไม่ได้ จึงถึงผู้โดยสารลงในจุดที่ไม่ใช่ บขส. ขอให้ผู้บริโภคทาตามระเบียบ หรือ หลักเกณฑ์ที่วางไว้ ปัจจุบันดีขึ้น และขอรับไปปรับปรุง

คาถามเครือข่ายผู้บริโภค ๑. การผลักดันให้เกิดการใช้เข็มขัดนิรภัย จะเป็นจริงเมื่อไหร่ ๒. การทา black list รถที่ไม่ให้มาตรฐาน ทาอย่างไร


62

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

๓. ๔. ๕. ๖.

ข้อบังคับของกรมการขนส่งทางบก มีอยู่แล้วทุกฝ่ายร่วมมือทาไม่ตก รถลาย รถการ์ตูน ต้องยกเลิกภายในวันที่ 1 ปี 55 ทาหรือยัง รถตู้ต้องมีเข็มขัดนิรภัย จากผู้ประกอบการ ผู้ให้การอนุญาตผู้บริโภคใส่ใจในสิทธิของตัวเอง เข็มขัดรถตู้จะต้องมีเข็มขัดนิรภัย (บังคับผู้ผลิตทุกราย) รถตู้หลังคาสูง มีเข็มขัดแล้ว แต่ไม่ใช้กัน black list บริษัทใดเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งไม่ต้องออกใบอนุญาต ได้หรือไม่

สรุปคาถามและความคิดเห็นจากผู้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ๑. รถโดยสารพลิกคว่าที่อีสาน รถ 2 ชั้นได้มาตรฐานหรือไม่ กรมการขนส่งจะควบคุมได้หรือไม่ A :กรมการขนส่งกาลังหามาตรฐานที่ปลอดภัยและกาหนดเส้นทางที่เหมาะสม ๒. รถเสริมทีห่ มอชิตรับคนนอกสถานี(ช่วงเทศกาล) ส่งคนโดยสารไม่ถึงสถานี A :บขส.ดูแลช่วงเทศกาลได้ไม่ทั่วถึง จะปรับปรุงการประชาสัมพันธ์ ๓. ผู้บริโภคอยากเห็นมาตรการให้รถตู้มีเข็มขัดนิรภัยที่ได้มาตรฐาน A :กรมการขนส่งทางบกกาลังทดสอบมาตรฐานและกาหนดให้รถตู้ทุกคันต้องติดเข็มขัดนิรภัย ใน วันที่ 1 เมษายน 55 ๔. รถสองชั้นที่แล่นภาคเหนือเกิดอุบัติเหตุบ่อยไม่ควรอนุญาตให้แล่นสายเหนือ A :ต้องดูสภาพรถที่ได้มาตรฐานเป็นหลัก ๕. ผู้ประกอบการรถโดยสารแย้งว่ารถตู้ไม่เหมาะเป็นรถโดยสาร รถสองชั้นไม่ปลอดภัยและขอให้ หน่วยงานควบคุมดูแล ๖. รถโดยสารในกรุงเทพ และประสบเหตุจากรถโดยสาร ขอให้มีหน่วยงานดูแลมารยาทคนขับรถ A :ผู้โดยสารร้องเรียน 1584 ได้ ๗. เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคสระบุรี ขอให้มีการตรวจเข้มใบขับขี่เป็นระยะๆเหมือนทบทวน A :กรมยกเลิกการออกใบอนุญาตใบขับขี่ตลอดชีพแล้ว ปัจจุบันมีการออกใบอนุญาต 5 ปีแทน มี การอบรมทบทวนด้วยและต่อไปจะขยายเวลาอบรมก่อนสอบใบขับขี่เป็น 15 ชั่วโมง ๘. จากลพบุรี รถตู้เกิดอุบัติเหตุจากการขับเร็วมาก 130กม./ชั่วโมง รัดเข็มขัดแล้วแต่เสียชีวิตเนื่องจาก ความเร็ว รถโดยสารต้องมีประกันภัยหรือไม่ A :รถทุกคันมีพรบ.ก่อนต่อภาษี ส่วนประกันภัยความสมัครใจรถคันใดจะมีก็ได้ รถบขส.และขนส่ง มวลชนกรุงเทพ จะมีทุกคัน(ขสมก.) ๙. รถบัสเก่าจะมีการปลดอายุหรือไม่ สายใต้เก่ามากขึ้นสนิม A :กรมฯกาลังพิจารณาจะกาหนดอายุการใช้งานของรถ ๑๐. ศูนย์รถรับส่งนักเรียนพิจิตร รถมีเข็มขัดเก่าๆใช้งานไม่ได้ รถโดยสารขนาดใหญ่มีคนนั่งน้อยไม่คุ้มทุน วิ่งช้าต้องยกเลิกไป ใช้รถตู้แทนก็เสี่ยง จะจัดระบบรถบริการให้ดีอย่างไร รถรับส่งนักเรียนจะดูแลอย่างไร การแจ้ง เหตุทาอย่างไร จะมีการดาเนินการได้ทันทีเพื่อป้องกันการเกิดเหตุ ๑๑. การตรวจสอบคุณภาพรถน่าสนับสนุนและควรบังคับให้รถเก่าที่จดทะเบียนก่อนออกกฎหมาย ต้องมี การให้เวลาในการปรับปรุงให้ได้มาตรฐานด้วย ในส่วนรถตู้ควรมีการกากับดูแลผู้ประกอบการ เช่น การวิ่งเร็วเพื่อ ทารอบและรับผู้โดยสารเกิน ๑๒. ถามกรรมการขนส่งทางบก 1 เมษายน 2555 ที่กาหนดให้ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยมาตรฐาน จะใช้ มาตรฐานของใคร นักเรียนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปโรงเรียนแต่ไม่มีใบขับขี่จะทาอย่างไร ๑๓. เห็นด้วยที่จะให้รถทุกคันมีเข็มขัดมาตรฐาน ส่วนรถเก่าที่ไม่ได้มาตรฐานจะทาอย่างไร รถนาเข้าที่ไม่ได้ ควบคุมจะได้มาตรฐานหรือไม่โดยเฉพาะรถเก่าจากญี่ปุ่น


63

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

A :รถเก่าจะมีการตรวจสภาพและแจ้งให้ผู้บริโภคเลือกใช้เอง A :รถนักเรียนมีทั้งถูกและไม่ถูกกฎหมาย ให้ผู้ปกครองเลือกใช้เอง

ความร่วมมือเพื่อความปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะ“เครือข่ายเฝ้าระวังภาคประชาชน” ดร.ภาสกร ประถมบุตร, นายปฏิวัติ เฉลิมชาติสมาคมผู้บริโภค จังหวัดขอนแก่น วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งเครือข่ายเฝ้าระวัง  ส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดเครือข่ายผู้ใช้บริการที่มีความเข้มแข็งในการปกป้องสิทธิของผู้ใช้บริการ เป็น ช่องทางรับเรื่องร้องเรียน ให้ความช่วยเหลือ เพื่อการเยียวยาความเสียหายที่เหมาะสมเป็นธรรม บทบาท ภารกิจ  การรณรงค์ การให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องสิทธิผู้ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ ( สร้างความตื่นตัวใน การพิทักษ์สิทธิตนเอง )  การรับเรื่องร้องเรียนให้คาปรึกษา ประสานงานแก้ไขปัญหา  การศึกษา สารวจ  การจัดทาข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย /ระบบป้องกันเฝ้าระวัง ระบบร้องเรียน ระบบการชดเชยเยียวยา ) การดาเนินการ  เครือข่ายองค์กรผู้บริโภค 5 พื้นที่ 27จังหวัด เริ่มดาเนินการเดือนมีนาคม 2552 ถึงปัจจุบัน  พบสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ 4 ด้าน เกิดจากคนขับ ขาดความชานาญด้านเส้นทาง ความเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ,จากสภาพรถ ไม่ได้มาตรฐาน ,จากสภาพถนน ทัศนวิสัยไม่เหมาะสมและจากสภาพแวดล้อม  ปัญหาส่วนใหญ่สามารถป้องกันได้โดยใช้การเฝ้าระวังจากผู้โดยสารทั้งก่อนซื้อตั๋ว ก่อนเดินทาง และ ระหว่างเดินทาง บทเรียนของเครือข่ายเฝ้าระวังภาคประชาชน  กิจกรรมที่ดาเนินการ สนับสนุนศูนย์ทนายความอาสา เพื่อจัดหาทนายความอาสาที่มีความรู้ความสามารถมาช่วยเหลือ งานด้านกฎหมายและคดีความเพื่อให้ผู้เสียหายได้รับการเยียวยาพอสมควรกับความเสียหายที่เกิดขึ้น  ตัวชี้วัด สามารถดาเนินการช่วยเหลือผู้บริโภคฟ้องคดีได้ จานวน ๑๒๐ คดี (ภายในระยะเวลา ๒ ปี)  ผลลัพธ์ มีทนายความอาสาปฏิบัติการช่วยเหลือผู้บริโภคจานวน ๑๔ ท่าน มีคดีที่ให้ความช่วยเหลือทั้งสิ้น ๑๒๔ คดี  กิจกรรมที่ดาเนินการ สนับสนุนศูนย์ทนายความอาสา เพื่อจัดหาทนายความอาสาที่มีความรู้ความสามารถมาช่วยเหลือ งานด้านกฎหมายและคดีความเพื่อให้ผู้เสียหายได้รับการเยียวยาพอสมควรกับความเสียหายที่เกิดขึ้น  ตัวชี้วัด สามารถดาเนินการช่วยเหลือผู้บริโภคฟ้องคดีได้ จานวน ๑๒๐ คดี (ภายในระยะเวลา ๒ ปี)


64

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐ 

ผลลัพธ์ มีทนายความอาสาปฏิบัติการช่วยเหลือผู้บริโภคจานวน ๑๔ ท่าน มีคดีที่ให้ความช่วยเหลือทั้งสิ้น ๑๒๔ คดี

สรุปการดาเนินการ ระหว่างมีนาคม๒๕๕๒ -มิถุนายน ๒๕๕๔ วิธีการดาเนินการ

จานวน

ผลการดาเนินการ

๑. ส่งหนังสือติดต่อกับโรงพยาบาล

๒๙๗ ฉบับ

๑๕๔ ฉบับ

๒. แจ้งสิทธิกับผู้เสียหาย

๑,๘๖๙ ราย

๒๐๐ ราย

๓. ดาเนินการแก้ไขปัญหา เจรจาไกล่เกลี่ย ดาเนินการด้านคดี แถลงข่าวกับสื่อมวลชน

ประมาณ ๒๐๐ กรณี

กรณีตัวอย่างการดาเนินการ ราชสีมาทัวร์ ๕ กรณี วิริยะแพร่ทัวร์ ๑๒ กรณี นิคมอุตสาหกรรมบางปู ๒๒ กรณี อบต.หนองใหญ่ ๒๒ กรณี อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ๑๙ กรณี อบต. รือเสาะ นราธิวาส ๑ กรณี อุบัติเหตุทั่วไป ๒๐ กรณี ฯลฯ


65

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

ทาไมต้องฟ้องร้องเป็นคดีผู้บริโภค • แตะถ่วงในการชดเชยความเสียหายจากบริษัทประกันภัยและบริษัทรถ • ไม่ได้รับการชดเชยค่าเสียหายที่เป็นธรรม • ไม่ได้รับความเป็นธรรมในกระบวนการคดีอาญา • ไม่ทราบสิทธิของตัวเองว่าสามารถใช้สิทธิอะไรได้บ้าง • ค่ารักษาพยาบาลเกินจากวงเงินประกันต้องออกค่าใช้จ่ายเอง • ถูกผู้ประกอบการบริษัทรถเร่งรัดจ่ายค่าสินไหมเพื่อยุติการเรียกร้อง ค่าเสียหายทางคดีแพ่งและอาญา • ประกันภัยบ่ายเบี่ยงการจ่ายต้องรอพิสูจน์ถูกผิด • รถไม่มีประกันภัยภาคสมัครใจ มีเพียงประกันภัยภาคบังคับ(พรบ.รถ) ความเสียหาย ความคุ้มครอง ด้านอนามัย (บาดเจ็บ,ทุพพลภาพชั่วคราว) ด้านร่างกาย (เสียชิวิต ,เสียอวัยวะ,ทุพพลภาพถาวร) ทรัพย์สิน การเดินทางที่ไม่ถึงจุดหมาย (ค่าโดยสารตามสัญญาจ้างทาของ) การขาดโอกาสหรือสูญเสียโอกาสในการทางาน

จากค่าเสียหายเบื้องต้น จาก พ.ร.บ.รถ และจาก กรมธรรม์ภาคสมัครใจ (หากรับจะได้น้อย ,ต้องรอพิสูจน์ ถูก-ผิด,ภาระถูกผลักไปที่ผู้เสียหายและสวัสดิการอื่น ๆ เช่น สวัสดิการข้าราชการ ประกันสังคม หรือบัตรทอง) เป็นความเสียหายที่ประกันภัยไม่ให้ความคุ้มครอง ต้องเรียกร้องจากผู้ประกอบธุรกิจผ่านการเจรจา หรือ ฟ้องเป็นคดีผู้บริโภค

การขาดไร้ผู้อุปการะ ความเสียหายด้านจิตใจ บทบาทของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกับพรบ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภคพ.ศ. ๒๕๕๑  ให้บริการข้อมูล /คาแนะนา/ ให้คาปรึกษา  สนับสนุนการช่วยเขียนคาฟ้อง ให้ผู้ร้องไปดาเนินการยื่นฟ้องเอง  มีทนายอาสา เข้าช่วยเหลือสนับสนุนการฟ้องคดี  งานพัฒนาศักยภาพเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคในการใช้กฎหมายฉบับนี้  การเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการฟ้องคดี  การฟ้องคดีตัวอย่าง  การรวบรวมปัญหาจากการฟ้องคดีผู้บริโภค ภาพรวมของการเกิดอุบัติเหตุและการดาเนินการ จานวนคดีทั้งหมด ๑๒๔ คดี แบ่งออกเป็น คดีผู้บริโภค ๑๐๗ คดี คดีแพ่ง(สามัญ) ๑๐ คดี คดีอาญา ๖ คดี อนุญาโตตุลาการ ๑ คดี รวมทั้งสิ้น ๑๒๔ คดี


66

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

สัดส่วนการดาเนินการด้านคดีโดยศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภคและศูนย์ทนายความอาสา ระหว่างเดือนมีนาคม ๒๕๕๒ – มิถุนายน ๒๕๕๔ คดีผู้บริโภค, 107

อนุญาโตตุลาการ, 1

คดีอาญา, 10

คดีแพ่ง(สามัญ), 1.4

ภาพรวมของการเกิดอุบัติเหตุและการดาเนินการ กลุ่ม / ประเภทของอุบัติเหตุ (ตามประเภทรถโดยสาร)  รถโดยสารประจาทางปรับอากาศ (๕๒ คดี) - บริษัท ขนส่ง จากัด ๒๕ คดี - บริษัทรถร่วม ๒๗ คดี  รถโดยสารรับส่งพนักงาน ๒๔ คดี  รถโดยสารนาเที่ยว ๓๐ คดี  รถเมล์ (๕ คดี) - รถเมล์ ขสมก. ๓ คดี - รถเมล์ร่วม ขสมก. ๒ คดี  รถตู้ (รับส่งนักเรียน) ๑๒ คดี  รถแท็กซี่ ๑ คดี รวมทั้งสิ้น ๑๒๔ คดี

กลุ่ม / ประเภทของอุบัติเหตุ (ตามประเภทรถโดยสาร)


67

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

รถตู้ รถแท็กซี่ ,1 รถเมล์ , 5 (นักเรียน) , 12 รถ โดยสาร นา…

กลุ่ม / ประเภท รถ ของ… โดยสาร ประจา… รถ โดยสาร รับส่ง…

ภาพรวมของการเกิดอุบัติเหตุและการดาเนินการ สถานการณ์ทางคดี ๑๒๔ คดี แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ  สิ้นสุดการดาเนินการ ๙๙ คดี  อยู่ระหว่างการดาเนินการ ๓๑ คดี คดีที่สิ้นสุด ๙๙ คดี แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ  สิ้นสุดจากการเจรจา ๕๔ คดี  สิ้นสุดจากคาพิพากษา ๔๕ คดี บทวิเคราะห์ผลการดาเนินการ  การเปลี่ยนแปลงหรือผลกระทบจากการดาเนินกิจกรรมต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง - ต่อผู้ประกอบการ (บริษัทรถ / บริษัทประกันภัย) - ต่อหน่วยงาน (กรมการขนส่งทางบก / ศาล / โรงพยาบาล / สถานีตารวจ ) - ต่อผู้เสียหาย - ต่อเครือข่าย(องค์กรผู้บริโภค / นักวิชาการ) ระดับการจ่ายค่าเสียหายในการเยียวยาผู้เสียหาย - เสียชีวิต(เจรจาไกล่เกลี่ย) 470 ,000 บาท - สูญเสียอวัยวะ-ทุพพลภาพ 200 ,000 – 990,000 บาท - บาดเจ็บสาหัสและรักษาตัวต่อเนื่อง 50 ,000 – 1,142,803 บาท - บาดเจ็บเล็กน้อยและไม่บาดเจ็บเลย 4 ,000 – 150,000 บาท หมายเหตุ : ข้อมูลจากผลของกรณีฟ้องร้องที่สิ้นสุดจานวน 92 คดี (ระหว่างเดือนมีนาคม 2552-เมษายน 2554) การเปลี่ยนแปลงหรือผลกระทบจากการดาเนินกิจกรรมด้านคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง - ต่อผู้ประกอบการ (บริษัทรถ / บริษัทประกันภัย)  ให้ความช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้นตามสมควร  ให้ความร่วมมือในเวทีการเจรจาไกล่เกลี่ยที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคไม่ผลักภาระในการเจรจากับบริษัทประกันภัย เท่านั้น


68

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

เกิดความตื่นตัวในการออกมารับผิดชอบเยียวยาความเสียหายของผู้ประสบภัย  วงเงินในการเยียวยาผู้เสียหายของบริษัทประกันภัยสามารถยอมรับกันได้มากขึ้นกว่าเดิม เช่น เพิ่มขึ้นจาก ก่อนดาเนินคดี 2-3 เท่า(ขั้นเจรจาไกล่เกลี่ยที่สถานีตารวจ) สามารถยุติกันก่อนดาเนินการฟ้องร้องเพิ่มขึ้น ข้อเสนอเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยของระบบขนส่งสาธารณะ  สนับสนุนการจัดระบบบริการรถสาธารณะให้ได้มาตรฐานด้านความปลอดภัย เช่น เข้าถึงระบบการขนส่ง สาธารณะและการปฏิรูประบบให้ใบอนุญาตเป็นแบบที่ให้มีการแข่งขันมากกว่าการให้ใบอนุญาตแบบ ผูกขาด  ผลักดันให้นโยบายของรัฐบาล ที่จะลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุจราจรให้เหลือน้อยที่สุด ให้ถือเป็นวาระ แห่งชาติ ที่ต้องดาเนินการอย่างเข้มข้นในทุกพื้นที่ของประเทศ ให้เกิดเป็นรูปธรรม ทั้งงบประมาณ การ ติดตามกากับดูแลและประเมินผลอย่างจริงจัง 

TraffybSafe 1. 2.

3.   

ระบบรายงานการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัยของรถโดยสารโดยโทรศัพท์ Smartphone ศูนย์เทคโนโลยีอิเลิกทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) อุบัติเหตุบนท้องถนน อุบัติเหตุของรถโดยสารสาธารณะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง หนึ่งในสาเหตุคือการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัย  ขับรถเร็ว  ขับหวาดเสียว  ขับผิดกฎจราจร สร้างความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน เป้าหมาย ต้องการลดการเกิดอุบัติเหตุ ใช้เครือข่ายภาคประชาชน (Community Empowerment)  Social network – Facebook, Twitter  มูลนิธิและองค์กรต่างๆ ใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง  ประเมินระดับความปลอดภัยของรถโดยสาร

วิธีการแก้ปัญหา  ใช้โทรศัพท์มือถือ Smartphone  เป็นสิ่งที่ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นเจ้าของ  ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม  ความสามารถในการวัดค่าต่างๆ และเก็บข้อมูลได้  Mobile Application  ข้อมูลจากผู้โดยสารโดยตรง บันทึกเป็นหลักฐานในการบ่งบอกถึงความปลอดภัยได้ ภาพรวมของระบบ


69

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

GPS data (speed, lat/long,…)

Mobile Application

System Server

Smartphone (built in GPS receiver) Alert System

TraffybSafe Mobile Application ใช้วัดความเร็วของรถ ขณะที่นั่งอยู่ในรถเปรียบเสมือนเราสามารถดูหน้าปัดของคนขับรถได้

ร้องเรียน


70

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  เรื่องที่ร้องเรียนมา NECTEC จะประสานงานกับเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง  เครือข่ายศูนย์เฝ้าระวังภาคประชาชน มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค  ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน  หน่วยงานภาครัฐเช่น  ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะ 1584 กรมขนส่งทางบก  มีการเรียกพนักงานมาตักเตือน อบรม หรือยึดใบอนุญาติขับรถ Facebook Page  www.facebook.com/TraffybSafe  เครือข่ายเฝ้าระวังด้านความปลอดภัยรถโดยสารสาธารณะ  ร้องเรียนเรื่องความไม่ปลอดภัยของการเดินทางโดยรถโดยสาร  Upload รูป, Post Comment เพื่อร้องเรียน TraffybSafeให้อะไรกับคุณ?  ผู้โดยสารสามารถมีข้อมูลเรื่องความปลอดภัยเพิ่มเติมสาหรับการเลือกใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ  ผู้โดยสารสามารถร้องเรียนการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัยโดยมีข้อมูลและหลักฐานประกอบอย่างเหมาะสม  ผู้ให้บริการและหน่วยงานภาครัฐสามารถปรับปรุงพฤติกรรมการขับขี่ของพนักงานตามความเหมาะสม Statistical Data  เป็นแหล่งรวมข้อมูลสถิติต่างๆ  ความเร็วเฉลี่ยของรถตู้แต่ละสาย  จานวนครั้งที่มีการร้องเรียน


71

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

Download ได้อย่างไร? Download ฟรีได้แล้ว ที่Android Market – TraffybSafe

Apple iPhone - เตรียมพบกับ TraffybSafe on iPhone เร็วๆนี้ รถโดยสารไม่ปลอดภัย อยากบอกใคร แจ้ง bSafe มาช่วยกันใช้ TraffybSafeให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม


72 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

การจัดการความปลอดภัยทางถนน กรณีศึกษาของญี่ปุ่น ทาคาชิ นากาสึจิ ศาสตราจารย์ & ดร.-วิศวกรรมศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮอกไกโด ความเป็นมา อุบัติเหตุจราจร (ค.ศ.

1960 – 2010)

จากกราฟ พบว่า ในปี 2010 จานวนอุบัติเหตุทางถนนและการเสียชีวิตลดลงจากปี 2000 ชัดเจน ประเด็นความปลอดภัยจากการจราจรของญี่ปุ่น (1)

Speeding: จานวนการขับขี่เกินกว่าอัตราเร็วที่กาหนด DWI&DUI: จานวนผู้เสียชีวิตจากการเมาแล้วขับ


73 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

 มาตรการที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่ภายใต้อิทธิพลของการใช้สารหรือแอลกอฮอล์มีประสิทธิภาพในการลดการ เสียชีวิตในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา - การเสียชีวิตของกลุ่มอายุน้อยลดลงอย่างรวดเร็ว - ในที่สุด การเสียชีวิตของผู้สูงอายุก็เกิน 50% ในปี 2010 นโยบายด้านแอลกอฮอล์ที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุจราจร 2001

yes

Professional Negligence

5 500,000

(190,000

Road and Traffic Act

2 100,000

DWI (38,000

Aggravated No

2001

yes Aggravated

No

yes

Dangerous Driving

No

Professional Negligence

yes Aggravated No

DUI: DWI:

)

15/20

Dangerous 2002 Road and Traffic Act

3 500,000

yes 2007

)

DWI (380,000

7

Dangerous Driving

1,000,000

yes

Dangerous

No 2007 Road and Traffic Act 5 1,000,000

the 10th National Seminar on Road Safety, Bangkok, 2011

)

Driving Negligence

Specific to Traffic DWI (380,000

No )

Professional Negligence 8

1. บทลงโทษสถานหนักต่อผู้ขับขี่ที่เมาแล้วขับ  อุบัติเหตุที่มีสาเหตุจากการเมาแล้วขับ  1999.11 อุบัติเหตุบนทางด่วนโทเมต์ TOMEI • คนขับรถบรรทุก 12 ตัน • รถชนท้ายรถเก๋งที่มากันทั้งครอบครัว เกิดเพลิงลุกไหม้ • ลูกสาววัย 1 และ 3 ขวบ ถูกไฟคลอกเสียชีวิต • ผู้ขับขี่ติดเหล้า, พบขวดเหล้า 1 ขวด • ปริมาณแอลกอฮอล์ในลมหายใจ 0.63mg/L (เทียบเท่า 1.26mg/ml ในเลือด) • จาคุก 4 ปี จาก "professional negligence resulting in death“  2000.04 บนถนนสายหลัก • คนขับเมา, ไม่มีใบอนุญาตขับรถ, รถไม่มีประกัน, รถไม่ได้ตรวจสภาพ • เป็นเหตุให้นักศึกษามหาวิทยาลัย 2 คนตายบนทางเท้า • จาคุก 5 ปีครึ่ง จาก "professional negligence resulting in death“และ ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต ขับรถ  ครอบครัวของเหยื่อไม่เห็นด้วยกับบทลงโทษ และได้ยื่นเรื่องต่อรัฐสภาเพื่อขอให้มีบทลงโทษที่สูงขึ้นในอนาคต


74 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

กฎหมายใหม่ที่เกี่ยวกับการขับขี่ที่เป็นอันตราย  "Professional Negligence Resulting in Death" • Traffic accidents are considered to be not intentional but negligent • จาคุกสูงสุด 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 เยน (190,000 บาท)  ฆาตกรรม: จาคุกมากกว่า 3 ปี, จาคุกตลอดชีวิต • "Road and Traffic Act“, จาคุก 2 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 เยน (38,000 บาท) ซึ่งรวมถึงกรณี เมาหนักด้วย (DWI)  กฎหมายใหม่เกี่ยวกับ "Dangerous Driving Resulting in Deaths and Injuries" • 2001.12: เรียกกันว่า crime of intent • จาคุกไม่เกิน 15 ปี (20 ปี ในกรณีที่มีการเสียชีวิต) • นิยามว่า "in a situation that normal driving was difficult" • การขับขี่ที่ได้รับผลกระทบจากแอลกอฮอล์และยา • การขับขี่ที่ไม่สามารถควบคุมได้ด้วยความเร็วสูง • ไม่มีทักษะการขับขี่ • แซงอย่างน่ากลัว หรือขับรถจี้กดดันคันหน้า • การขับรถฝ่าไฟแดง Red light running  กฎหมายใหม่ซึ่งมีบทลงโทษสถานหนักได้เริ่มบังคับใช้ในปี 2001 คาตัดสินของศาล การขับขี่อันตรายเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย (2010) • คนขับ: • ดื่มเหล้า 282cc ทีบ้านและดื่มต่ออีก 644cc ที่บาร์ • ขับรถด้วยความเร็ว 40km/h • ชนคนเดินเท้า 2 คนเสียชีวิต, หญิงชราวัย 95 และ 65 ปี, กาลังข้ามถนน • เวลาประมาณ 19:20 น. วันที่ 11 สิงหาคม 2009 • แอลกอฮอล์ในลมหายใจ 0.85mg/L ประเด็นข้อพิพาท “คนขับอ้างว่าเขาไม่สามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้ดีนัก” • อัยการ • ได้รับผลกระทบจากการดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมาก • ควรถือว่าเป็น "Dangerous driving resulting in deaths" • ทนายฝ่ายจาเลย • เนื่องจากความมืดสลัวในช่วงพลบค่า ในขณะที่ขับรถตามปรกติ • ควรถือว่าเป็น "Negligent driving resulting in death", ซึ่งแยกต่างหากจาก "Professional negligence resulting in death" ในปี 2007 คาพิพากษา • จาคุก 14 ปี, ถือว่าเป็น "Dangerous driving resulting in deaths" • ศาลได้ตัดสินใจในแนวทาง “the crime of dangerous driving” แทนที่จะเป็นแนวทาง “the crime of professional negligence/Negligent driving”


75 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

2. บทลงโทษขั้นต่อไปต่อผู้ขับขี่ที่เมาแล้วขับ  อุบัติเหตุร้ายแรงจากผู้ขับขี่ที่เมาแล้วขับ  2006.08 เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น (อายุ 22 ปี) • ดื่มเบียร์ (350cc), เหล้า (180cc) และดื่มเหล้าอีก (300 ถึง 360cc) • ขับรถเร็ว 100km/h • ชนท้ายรถเก๋งครอบครัวซึ่งขับด้วยความเร็ว 40 km/h  ผู้ปกครองและเด็ก 3 คน (เด็กชาย 4 และ 3 ขวบ เด็กหญิง 1 ขวบ) • รถเก๋งตกลงในแม่น้า และเด็ก 3 คน เสียชีวิต • Having run away and stopped 300m apart • ขอให้เพื่อนช่วยหลอกว่าเป็นผู้ขับขี่แทน Asking a friend to be a substitute • พยายามดื่มน้าปริมาณมากหลังจากถูกจับกุม  อุบัติเหตุร้ายแรงครั้งนี้ ทาให้คนญี่ปุ่นเรียกร้องให้รัฐพิจารณาเพิ่มบทลงโทษที่สูงขึ้น  คาพิพากษาครั้งที่ 1 โดยศาลท้องถิ่น ในปี 2007 • จาคุก 7 ปีครึ่ง, โดยไม่ได้เป็นแนวทาง "The crime of Dangerous Driving resulting in deaths and injuries" • บนพื้นฐานของหลักการ "Drunk Driving Offense"  คาพิพากษาครั้งที่ 2 โดยศาลสูง ในปี 2009 • จาคุก 20 ปี, โดยเป็นแนวทาง "The crime of Dangerous Driving resulting in deaths and injuries" • บนพื้นฐานบางส่วนจาก "Per Se Offense" Principle, แต่ก็ยังคงยืนบนหลักการ "Drunk Driving Offense"  ยังเป็นคดีอยู่ในศาลสูงสุด บทลงโทษสถานหนักตามกฎหมาย “Road and Traffic Act” บทลงโทษสถานหนักขั้นต่อไปต่อผู้ขับขี่ที่เมาแล้วขับ  การแก้ไขเพิ่มเติม "Road Traffic Act" • 2007.06 • ยังคงลงโทษสถานหนักต่อผู้ขับขี่ aggravated drivers • ลงโทษผู้จัดหารถ แอลกอฮอล์ และผู้โดยสารที่มาด้วย offered car, alcohol, and fellow passenger • ลงโทษสถานหนักต่อผู้ขับขี่ที่ชนแล้วหนี • เพิ่มช่วงเวลาไม่อนุญาตให้ขอใบขับขี่ ในขณะเดียวกัน  2007.05 "The crime of Negligent Driving Resulting in Injury and Death" • Separate from "the crime of Professional Negligence Resulting in Injury and Death" • จาคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000,000 เยน


76 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

“Road and Traffic Act” Before 2002 up to 3 months in prison fine up to 50,000Yen up to 2 years in prison fine up to 100,000Yen up to 3 years in prison fine up to 200,000Yen

2002 1 year in prison 300,000Yen up to 3 years in prison fine up to 500,000Yen up to 5 years in prison fine up to 500,000Yen

2007

up to

up to

fine up to

fine up to

-

-

-

-

-

-

-

-

-

-

-

-

3 years in prison 500,000Yen up to 5 years in prison fine up to 1,000,000Yen up to 10 years in prison fine up to 1,000,000Yen up to 3 years in prison fine up to 500,000Yen up to 5 years in prison fine up to 1,000,000Yen up to 2 years in prison fine up to 300,000Yen up to 3 years in prison fine up to 500,000Yen up to 2 years in prison fine up to 300,000Yen up to 3 years in prison fine up to 500,000Yen

DUI : Drive Under Influence of alcohol, 1)  0.15mg/L &  0.25mg/L 2)  0.25mg/L in breath DWI : Drive While Intoxicate d (Impaired) , veavily drunk, no criterion

15

the 10th National Seminar on Road Safety, Bangkok, 2011

http://www.driveandstayalive.com/articles%20and%20topics/drunk%20driving/artcl--drunk-driving-0005--global-BAC-limits.htm

Countries

BAC Religion

Bahrain, Mali, Pakistan, Saudi Arabia, & UAE

Zero

Armenia, Azerbaijan, Czech Republic, Hungary, Jordan, Kyrgyzstan, Romania, Slovak Republic, (Uzbekistan)

0.01%

Albania

0.02%

Estonia*, Norway, Poland, (Sudan), Sweden (5)

0.03%

China, Georgia*, India, Japan, Moldova, Turkmenistan (6)

0.04%

Belarus, Lithuania* (2)

Argentina, Australia,

0.05%

Austria, Belgium, Bosnia Herzegovina, Bulgaria, Costa Rica, Croatia, Cyprus, Denmark, Finland, France, Germany, Greece, Iceland, Israel, Italy, Latvia, Macedonia, Monaco, Namibia, Netherlands, Portugal*, Russia*, Serbia, Slovenia, South Africa, South Korea, Spain, Switzerland, Taiwan, Thailand, Turkey, Yugoslavia (35)

0.06%

Peru*

0.08%

Brazil, Canada, Chile, Ecuador, Fiji, Ghana, Ireland, Jamaica, Luxembourg, Malaysia, Malta, Mauritius, New Zealand, Puerto Rico, Singapore, Tanzania, Uganda, United Kingdom, USA, Zimbabwe (21) Belize,

0.10%

Possibly Swaziland, but see 0.15%, below. [Many American states had this limit but Delaware was the last to sign up for a 0.08% limit, in July 2004.]

0.15%

Swaziland* (1)

0.03 % in Blood (BAC) 

(82 applicable countries, excluding religion-mandated zeros)

0.03 mg mg mg mg  0.3  0.3  0.15 in Breath (Expirator y Air) g ml l 100 mg

the 10th National Seminar on Road Safety, Bangkok, 2011

16


77 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

: •

:

,

32

:1 •

:

:7 2

100 km/h

2

6

: •

: :

F1(45), F2(43): Colleague

:

: •

2 •

2 5 years

17

the 10th National Seminar on Road Safety, Bangkok, 2011

"Drunk Driving Offense"

• Conventionally adopted • • , • • •

• •

,

"Per Se Offense"

 "Road and Traffic Act (RTA)" •Driving under influence of alcohol (DUI) in "Enforcement Act for RTA" Classify into two categories based on alcohol content in breath 1)  0.15mg/L&  0.25mg/L 2)  0.25mg/Lin breath "Per Se Offense" Principle •Driving while intoxicated (DWI) “ “ "Drunk Driving Offense" Principle without any criterion  "The crime of Dangerous Driving Resulting in Deaths and Injuries" • Not quantitative but qualitative like “ " “ " the 10th National Seminar on Road Safety, Bangkok, 2011

18

18


78 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

(%)

3. ผลกระทบจากบทลงโทษสถานหนัก - การลงโทษสถานหนักมีส่วนทาให้อบุ ัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ลดลง, โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสียชีวิต

Arrest Rate (%)

×1000

Hit-and-Run Accidents

fatality accident

Severely injured All accident

1992 1994 1996 1998 2000 2002 2004 2006 2008

2 1990

2010

2000

 20

the 10th National Seminar on Road Safety, Bangkok, 2011

Hit-and-Run Accidents

Hit-and-Runs Arrest Ratio

20000

60 50 40

15000

30 10000

20

5000

10

0

Arrest Ratio (%)

Hit-and-Run Accidents

25000

0

2000

 the 10th National Seminar on Road Safety, Bangkok, 2011

21


79 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

4. บ

นบ

น บ

บ

น น

ป บต

(2005)

• DWI: Dismissal, Suspension from office, Salary cut • DUI: Suspension from Office, Salary cut, Formal Warning In case of death and injure Dismissal, Suspension from Office, Salary Cut

บ

นท ถน

• More severe policies than central government • 21 among 57 dismiss even for DUI without accident (2006) • 11 among 57 dismiss or suspend for DWI with/without accident (2006) • 9 among 62 dismiss regardless DWI/DUI and accident (2010)

น ทต

/ท

• Dismiss or resign voluntarily regardless DWI/DUI and accident • Salary Cut and Formal Warning for his/her bosses

บ ท น

• Dismiss even alcohol detection at the start of work

24

the 10th National Seminar on Road Safety, Bangkok, 2011

การดาเนินการทางวินัย “Samurai” ,

55 ,

• • •0.7 mg/L in breath •

Harakiri

3

  

the 10th National Seminar on Road Safety, Bangkok, 2011

27


80 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

 •

(2010)

:

46

• 5 • , • 0.2mg/L in breath (BAC 0.04%), DUI • :

• •

/

:

(2009)

40

• 3 • , • 0.4mg/L in breath (BAC 0.08%), DWI • :

• •

,

/ 28

the 10th National Seminar on Road Safety, Bangkok, 2011

นโยบายด้านความปลอดภัยจากการจราจรสาหรับผู้สูงอายุ

1. 1960

1980 5.7%

65

20

17.4%

2010

Fatalities per 100,000 Population Vs. Age Group

♂ 2030

22.5%

♀ 30%

65 & over

16

16-24

12

/

Fatalities/100,000/year

/

2000 9.1%

8 4 0 1980

1983 -15

1986 1989 25-29

1992 30-39

the 10th National Seminar on Road Safety, Bangkok, 2011

1995 1998 40-49

2001 50-59

2004 2007 60-64

2010

http://www.ipss.go.jp/site-ad/TopPageData/pyra.html

36


81 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

 Fatalities Vs. Age and Traffic Mode 2010

1400 1200

Walking

on a ride in automobile

1000 800 600 400 200 0

 37

the 10th National Seminar on Road Safety, Bangkok, 2011

Fatalities Vs. Traffic mode for Elderly

Fatalities/year

1600

Walking

1200

on a ride in Automobile

800

400

0

1980

1983

1986

Motorcycle

1989

1992

Moped

1995

1998

Bicycle

2001

Walking

2004

2007

2010

Automibile

  the 10th National Seminar on Road Safety, Bangkok, 2011

38


82 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

2. Aging

 l

• Dynamic acuity is worse than static acuity. • More susceptible to glare in tunnels or seeing oncoming headlights • Contrast sensitivity is reduced particularly under low light conditions

l • Difficult to distinguish one sound over another, like an approaching siren over music l • 0.2 to 0.3 second slower with a drop in motor skills that can further exaggerate the delay l • more susceptible to fatigue than younger drivers

39

the 10th National Seminar on Road Safety, Bangkok, 2011

Software based Programs • การให้การศึกษา/รณรงค์ด้านความปลอดภัยในการจราจร  เจ้าหน้าที่ตารวจ (ตารวจหญิง) หรือ อาสาสมัครไปเยี่ยมเยียนผู้สูงอายุ  ศูนย์ของชุมชนจัดคอร์สฝึกอบรมแก่ผู้สูงอายุ  One point lesson by individual counseling 4.  70 – 74

Discipline Program A CIS Test

75

Discipline Program B

Renewal •Application •Aptitude Test

License

CIS Test

Aptitude Test

the 10th National Seminar on Road Safety, Bangkok, 2011

Hearing by Public Safety Committee 46


83 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

ปัญหาการเดินทางระหว่างเมืองในประเทศไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งรถจักรยานยนต์ ผศ.ดร.สิทธา เจนศิริศักดิ์ เนื่องกับการส่งเสริมจะพบขนส่งมวลชนประเทศ เป็นปัญหาหลักปัญหาหนึ่งเป็นปัญหาระยะยาวที่เราน่าจะต้อง คานึงด้วยเนื่องกับการส่งเสริมระยะสาธารณะและขวางเลือก มีข้อมูลว่ารถยนต์เพิ่มขึ้น รถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้น ถ้าเราไม่ ทาอะไร รถจะติดมากในเมืองรถก็จะติด ถนนก็จะติดหมด เดินทางระหว่างเมืองรถก็จะติดขัดเราก็ต้องขยายถนน ขยาย ถนนเสร็จคนยิ่งใช้รถยนต์เยอะขึ้น เพราะถนนมันสะดวก โครงสร้างพื้นฐานมันก็นาไปสู่พฤติกรรมที่ใช้รถใช้ถนนที่ใช้ รถจักรยานยนต์สูงขึ้น เรามีถนนที่ดีขึ้น กว้างขวางใหญ่โตมันก็ให้เราขับรถเร็วขึ้นพฤติกรรมของคนที่ตอบสนองต่อ โครงสร้างพื้นฐานมันก็ นาไปสู่ข้อมูล คนยิ่งใช้รถเยอะขึ้น เราก็ต้องสร้างถนนเพราะว่าการสัณจรหมายถึง ทุกๆวิธีการ เดินทางทาอย่างไรเราจะเดินทางปลอดภัย โครงสร้างปัจจุบันต้องปรับให้มีความปลอดภัย เมาไม่ขับ เรื่องนโยบายต่างๆ ต้องทา แต่ถ้าใช้รถยนต์กับรถจักรยานยนต์ยังเพิ่มขึ้นมาตรการเหล่านั้นจะหยุดยั้งอุบัติเหตุได้หรือเปล่า มันต้องมีเรื่อง การจัดการรูปแบบการเดินทางอื่นเข้ามาช่วยมาตรการก็ต้องมีเรื่องโครงสร้างขึ้นพื้นฐานมีเรื่อง จัดระเบียบขึ้นพื้นฐานให้ มันดีขึ้น นี่คือหลักคิดที่ผมนาเสนอ

เทคนิคการสารวจและวิเคราะห์จุดเสี่ยงในชุมชน ผศ.ดร.วิชุดา โค้วธนพานิช คณะวิศวกรรมศาสตร์ ดร. กนกพร รัตนสุธีระกุล คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เนื้อหา 1. จุดเสี่ยงอันตรายคืออะไร 2. มาตัดห่วงโซ่อุบัติเหตุกันเถอะ 3. ขั้นตอนในการสารวจและวิเคราะห์จุดเสี่ยง จุดเสี่ยงอันตรายคืออะไร ดตด

323

ทม

3229

ดพ ธน บ บู ณ์


84 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

4. ปัจจัยขับเคลื่อนอุบัติเหตุ

-


85 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

ค้นหา แผนที่ชุมชน  แกนนาร่วมกันสร้างแผนที่  ทาความเข้าใจแผนที่กับสมาชิก  ตรวจสอบจาก ตาแหน่งสาคัญ เช่น โรงเรียน วัด บ้านสมาชิก แหล่งน้า ทางเข้าออกหมู่บ้าน ชุมชนร่วมกันระบุจุดเกิดอุบัติเหตุในรอบ 3 ปีลงบนแผนที่ โดยอาจกาหนดให้  สีแดง แทนจุดเกิดอุบัติเหตุที่มีผู้เสียชีวิต  สีเขียว แทนจุดเกิดอุบัติเหตุที่มีผู้บาดเจ็บสาหัส  สีเหลือง แทนจุดเกิดอุบัติเหตุที่มีบาดเจ็บเล็กน้อย และจุดฮิยาริ

คัดเลือกจุดเสี่ยงเพื่อ ปรับปรุงแก้ไข ได้ จากการกระจุกตัวของสี  คัดเลือกบริเวณที่ต้องการทาการปรับปรุงแก้ไข

แผนที่จุดเสี่ยง


86 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

ก่อนหลัง  ติดแผนที่เตือนใจคนในชุมชน

วิเคราะห์ ชุมชนร่วมกันวิเคราะห์จุดเสี่ยงที่คัดเลือก โดย  ค้นหารูปแบบอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยๆ  สรุปปัจจัยที่เกี่ยวข้อง  เน้น ปัจจัยจากถนนและสิ่งแวดล้อม  วางแผนปฏิบัติการ


87 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

/


88 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

 ? ? ? ?


89 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

 

?

?


90 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

 

?

?


91 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

 ?

? ? ? 

?

 

?


92 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

 

?

? 

?


93 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

 ? ? ? 

?

?


94 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

?

? ? ? ?


95 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

:


96 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

แก้ปัญหา ปัจจัยจากถนนและสิ่งแวดล้อม  ทาปัญหาให้เห็นชัด  กาจัดปัญหา จุดที่ แนวทางแก้ไข 1 ทางโค้ง

• • • •

ตัดต้นไม้ ตัดสางพุ่มไม้ ติดป้ายเตือน ทาลูกระนาด หลักนาทาง ไฟ แสงสว่าง

วิธีดาเนินงาน • ประสานงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตมา ดาเนินการตัดสางต้นไม้ • จัดทาป้ายสัญญาณจราจรจากแผ่นป้ายติด ประกาศที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์แล้ว • ทาหลักนาทางไม้ทาสี • ประชาคมหมู่บ้านขอความร่วมมือจาก เจ้าของที่ดินตัดสางกิ่งไม้ • ขอความร่วมมือประสานเทศบาลขอยาง มะตอยทาลูกระนาด

ผู้รับผิดชอบ ชุมชน


97

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

สถานประกอบการปลอดภัยห่างไกลอุบัติเหตุทางถนน การป้องกันอุบัติเหตุจราจรในสถานประกอบการ แนวโน้มข้อจากัดความเป็นไปได้ และ ISO-39001 1

1 2548

2551

119,944,264

10,130,594

27,293,590

18,392,437

108,535,051

3,294,902

27,318,179

72,588,728

6,260,889

5,499,296

3,926,656

77,296,758

2,166,090

5,420,169

1,669,521,438

131,153,272

615,848,330

202,325,112

1,533,127,881

19,472,257

1,054,590

1,412,398

1,694,877

17,344,244

357,807

1,732,541

82,819,757

22,703,777

31,553,976

17,323,258

72,335,289

8,850,199

37,814,485

73,418,009

11,704,320

11,899,754

16,829,032

68,749,310

5,298,431

14,071,242

19,615,245

719,001

2,561,441

4,448,818

15,750,615

269,625

3,235,504

7,640,409

788,833

2,163,656

1,938,275

6,220,510

450,762

2,569,341

35,900,472

1,247,844

1,909,201

1,272,801

35,925,429

424,267

2,857,563

2,126,599,311

183,900,877

683,186,032

261,289,769

1,973,232,688

3,254,975,990

55,200,454 682,009,539

75,221,022 757,875,312 3,005,466,348

10,745,314 2,581,504 159,922,646 1,431,230 11,263,889 11,400,312 2,561,441 1,036,752 2,121,335 199,137,327


98

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

ความเคลื่อนไหวของประชาคมโลก ๑. The Decade of Action for Road Safety 2011 – 2020 ๒. อนามัยโลกร่วมกับ ISO กาหนดให้มีการประชุมกันอีกครั้ง ในวันที่ 11 พฤษภาคม 2011 เพื่อพิจารณา (ร่าง) แผนงานทศวรรษความปลอดภัยคมนาคม โดย The Decade of Action for Road Safety 2011 – 2020 จะถูกนาไปใช้เป็นส่วนเหนึ่งของการพัฒนามาตรฐาน ISO 39001 ๓. มาตรฐาน ISO 39001: องค์การระหว่างประเทศด้านการมาตรฐาน หรือ ISO มอบหมายให้คณะกรรมการ โครงการ (Project Committee: PC) ที่ 241 (ISO/PC 241) พัฒนาและกาหนดมาตรฐานสาหรับการ บริหารจัดการความปลอดภัยคมนาคม ISO 39001: Road-traffic safety management systems Requirements with guidance for use ซึ่ง เป็นมาตรฐานประเภทสมัครใจ ๔. มีประเทศสมาชิก ISO จานวน 32 ประเทศตอบรับเข้าร่วมในการพัฒนาและกาหนดมาตรฐาน ISO 39001 และคาดการณ์ว่า ISO 39001 จะประกาศเป็นมาตรฐานฉบับสมบูรณ์ หรือ International Standard ในช่วงกลางปี ค.ศ. 2012 ๕. กรมปูองกันและบรรเทาสาธารณภัย จัดเสวนาเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2554 นายทรงพล เปรมอนันต์ สภาพการใช้ชีวิตประจาวันของผู้ใช้แรงงานมีสภาพที่เร่งรีบในการเดินทาง การ ใช้รถจักรยานยนต์เป็น ยานพาหนะ เพื่อความคล่องตัวสามารถผ่อนได้ในราคาไม่แพง ประหยัดน้ามัน ทาให้สถิติ การเกิดอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์สูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ แนวทางแก้ไข การจัดการอุบัติเหตุจราจรในสถานประกอบการมี 6 ข้อ ๑. การวิเคราะห์จุดเสี่ยงและเฝูาระวังการเกิดอุบัติเหตุ - การติดตามและประเมินผลในเรื่องเก็บรวบรวมข้อมูลจุดเสี่ยงทางโค้ง มุมอับ จากหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง


99

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

๒. ประเมินและแก้ไขความเสี่ยงของถนน/ สัญญาณจราจรที่จะเกิดอันตราย - การสนับสนุนและช่วยเหลือในเรื่องติดตั้งปูาย ไฟถนนประกาศแจ้งหมายเลขโทรศัพท์ของศูนย์ แจ้งเหตุ เช่น โรงพยาบาล ,191, หมายเลขโทรศัพท์กู้ภัย เป็นต้น ๓. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้ขับขี่ - การสนับสนุนช่วยเหลือในเรื่องการขับขี่อย่างปลอดภัยและเป็นเครือข่ายในการแก้ไขปัญหาและ ปูองกันการเกิดปัญหาอุบัติเหตุ - ดาเนินการ อบรม ฝึกทักษะเกี่ยวกับกฎหมายและเครื่องหมายจราจรให้กับพนักงานผู้ขับขี่ ๔. การประเมินความเสี่ยงของรถ - ดาเนินการในเรื่องตรวจสภาพรถให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์และเป็นไป ตามกฎหมายที่กาหนด ๑. การแจ้งเหตุและการรับแจ้งเหตุที่ศูนย์รับแจ้งเหตุ - สนับสนุนและช่วยเหลือในเรื่องวางระบบ การรับแจ้งเหตุให้พร้อมต่อการใช้งานอย่างทันท่วงที - ดาเนินการในเรื่องแจ้งศูนย์รับแจ้งเหตุเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาดาเนินการ ๖. การรายงานและเผยแพร่ข่าวสาร - สนับสนุนและช่วยเหลือในเรื่องเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการปูองกันอุบัติเหตุจราจรในสถาน ประกอบการ การวางแผนป้องกันการเกิดอุบัติเหตุมี 6 ข้อ เพื่อทาให้เกิดผลสาเร็จในการปูองกันอุบัติเหตุจราจรที่จะเกิดขึ้นในสถานประกอบการ ควรมีขั้นตอนดังนี้ 1. เขียนโครงการขับขี่ปลอดภัย ให้สวมหมวกนิรภัยทั้งคนขับและคนซ้อนเพื่อให้ผู้มีอานาจอนุมัติและ สนับสนุนโครงการ งบประมาณ 2. อบรมให้ผู้ขับขี่ทุกคน ทุกหน่วยงานในสถานประกอบการให้ได้รับความรู้และนาไปปฏิบัติอย่าง เคร่งครัด 3. ประชาสัมพันธ์เสียงตามสายในช่วงพักและช่วงเบรค 4. กาหนดเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบและปฏิบัติดูแลความปลอดภัยอย่างจริงจัง 5. กาหนดบนลงโทษอย่างชัดเจนสาหรับผู้ฝุาฝืนและลงโทษอย่างจริงจัง 6. ประเมินผลโครงการ พรบ.ที่เกี่ยวข้องมี 2 ตัว คือ กองทุนเงินทดแทนเนื่องจากการทางาน พ.ศ. 2547 เมื่อเกิดอุบัติเหตุขณะ ปฏิบัติงานและกองทุนประกันสังคม พ.ศ. 2537 เมื่อเกิดอุบัติเหตุนอกเวลาปฏิบัติงาน นายพนัส ไทยล้วน ประธานสภาองค์การลูกจ้างแห่งประเทศไทย มุมมองของลูกจ้างอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่เกิดกับผู้ใช้แรงงาน มากกว่าพนักงานที่มีความรู้หรือมีบทบาทระดับหัวหน้างาน ซึ่งเป็นสิ่งที่แก้ไขได้ยาก เช่นการใส่หมวกกันน็อกของคนไทยซึ่งมีสภาพภูมิอากาศร้อน ปัจจัยที่ทาให้เกิดอุบัติเหตุกับผู้ใช้แรงงาน ได้แก่ ขาด จิตสานึกความปลอดภัย สภาพร่างกายเหนื่อยล้าที่ต้องทา OT เป็นเวลานานบางคนทางาน 12 ชั่วโมงต่อวัน พฤติกรรมดื่มเมาแล้วขับรถกลับไม่มีทางจัดการจะกลับบ้านได้อย่างไร เพราะฉ ะนั้นการจะแก้ไขปัญหาได้นายจ้าง และลูกจ้างต้องร่วมมือกัน ไม่ใช่ต่างฝุายต่างเห็นผลประโยชน์ส่วนตน ข้อมูลในปัจจุบันสถานประกอบการที่มี มาตรการความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีผลกาไรจานวนมาก นายวันชัย จากบริษัท SCG ระยอง อุบัติเหตุเป็นเรื่องของพฤติกรรม ความคิด การสร้างวัฒนธรรม ความปลอดภัยโดยการออกแบบระบบ ปัจจัยแห่งความสาเร็จ


100

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

1. เบอร์ 1 ต้องเอาจริงเอาจัง โดยประกาศเป็นนโยบายโดยการขึ้นพูด ผู้บริหารต้องออกไปตรวจสอบความ ปลอดภัยที่หน้างานเป็นประจา ถ้าเจอพฤติกรรมที่ไม่ปลอดภัยก็จะเข้าไปพูดให้ปรับพฤติกรรมให้ปลอดภัย และ เป็นต้นแบบที่ดี (Role Model) 2. Safety ต้องทาให้เป็นส่วนหนึ่งของงานไม่ใช่เป็นงานที่เพิ่มขึ้น โดยมีขั้นตอนการทางาน 3. การทา Safety ต้องเริ่มจากเรื่องง่าย ๆ ก่อนที่เกี่ยวข้องกับทุกคน เช่น การขับขี่รถเพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ กับทุกคน 4. ต้องมีการติดตามประเมินของผู้บริหาร เชียร์ให้กาลังใจ ขอบคุณที่ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัย 5. เปูาหมายของการทา Safety ในสถานประกอบการไม่ใช่ทาเพื่อบริษัท ( Zero Accident) แต่ทาให้ตัวคุณ ปลอดภัย กลับไปบ้านทาให้คนที่รออยู่บ้านมีความสุข ใช้ครอบครัวเข้ามา Approach 6. ต้องมีระบบช่วยเหลือสนับสนุน เช่น ในงานเลี้ยงปีใหม่ให้ดื่มแต่ห้ามขับรถกลับโดยบริษัทจัดรถส่งกลับบ้าน หรือเบิกค่ารถรับจ้างได้ มีข้อสังเกต เวลาทาอะไรใหม่ ๆ ถ้าพนักงานต่อต้านเยอะ ๆ มีแนวโน้มว่าจะสาเร็จแปลว่าพนักงานรับรู้มี Awareness ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตัวเขา ในการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยใน SCG ทาได้อย่างไร ทาได้โดย 1. เมื่อมีการประชุมทุกครั้งใน วาระแรกต้องมี Safety Talk ก่อนเริ่มประชุมทุกครั้งถือเป็นกฎระเบียบใช้เวลา สั้น ๆ 5-10 นาที เช่น การแลกเปลี่ยนประสบการณ์การขับขี่ ประสบการณ์ที่ไม่ปลอดภัยที่พบเห็น 2. ผู้บริหารทุกคนจะต้องออกไปตรวจสอบความปลอดภัยที่หน้างาน บ่อย ๆ เพื่อปูองกันการเกิดเหตุ 3. Communication ผู้บริหารต้องคุยกันทุกเดือน พูดถึงวาระ Safety ต่อด้วยวาระการผลิต Sale และอื่น ๆ ทาต่อเนื่องมา 2-3 ปี จนเป็นวัฒนธรรมขององค์กร


101

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

สถานประกอบการปลอดภัยห่างไกลอุบัติเหตุทางถนน อุบัติเหตุจราจรป้องกันและแก้ไขได้ในโรงงาน วิทยากรจากประเทศกัมพูชา (คุณจันทร์ โสภณ) 1. รายงานประจาปี ของระบบข้อมูลผู้ประสบภัยทางถนน ปี 2553 • รายงานจากตารวจ และ สาธารณสุข

ข้อมูลที่ไม่ได้รับรายงานจากตารวจ (P) และโรงพยาบาล (H) จะสามารถคานวณโดยใช้สูตร คือN = (P) ×(H) (PH) บทเรียนความสาเร็จของประเทศกัมพูชา เรื่องหมวกนิรภัย I. สถานการณ์อุบัติเหตุในประเทศกัมพูชา 1. รายงานประจาปี ของระบบข้อมูลผู้ประสบภัยทางถนนปี 2553 พบว่า - เกือบร้อยละ 90 ของผู้ประสบภัยจากรถเป็น ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ผู้ขับขี่รถจักรยาน และคนเดิน ถนน - อุบัติเหตุทางถนน ก่อให้เกิดผลกระทบหลักด้านเศรษฐสังคม และสวัสดิการของประเทศกัมพูชา ในปี 2553 มีมูลค่าความสูญเสียเท่ากับ 279 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ร้อยละ 13 (ซึ่งมีมูลค่าความ สูญเสีย 248 ล้านเหรียญสหรัฐ) และเท่ากับ ร้อยละ 3.5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของประเทศกัมพูชา I. สถานการณ์อุบัติเหตุในประเทศกัมพูชา 1. จาก รายงานประจาปี ของระบบข้อมูลผู้ประสบภัยทางถนนปี 2553 พบว่า อุบัติเหตุทางถนนมีสาเหตุมาจาก 1. คน 2. ยานพาหนะ 3. สภาพถนน • ได้รับรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนจานวนทั้งสิ้น 18,287 คน และจาก อุบัติเหตุทาง ถนนจานวนทั้งสิ้น 6,941 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตจานวน 1,816 คน (เฉลี่ย 5 คนต่อวัน) และมี ผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจานวน 6,718 คน


102

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

ในบรรดาอุบัติเหตุทางถนนทั้งหมด ร้อยละ 72 เกิดกับกลุ่มเสี่ยง คือ ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งร้อยละ 59 เป็นกลุ่มอายุระหว่าง 20-24 ปี

• ร้อยละ 70 ของผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ • ในปี 2553 ร้อยละ 73 ของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่เสียชีวิต มีสาเหตุมาจากการบาดเจ็บที่ศีรษะ • ผู้ประสบภัยจากรถส่วนใหญ่ มีอาชีพเป็นชาวนา และเป็นเพศชาย ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนจาแนกตามอาชีพ


103

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนจาแนกตามเพศ

บทเรียนความสาเร็จของประเทศกัมพูชา เรื่องหมวกนิรภัย II. แผนปฏิบัติการ 1. แผนปฏิบัติการ 5 ปี ( 2549-2553) หมายเลข แผนปฏิบัติการ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15

แผนปฏิบัติการที่ 1 จัดตั้งคณะกรรมการความปลอดภัยทางถนน (NRSC) เพื่อประสานงานและ จัดการงานด้านความปลอดภัยทางถนน แผนปฏิบัติการที่ 2 จัดทาระบบฐานข้อมูลอุบัติเหตุทางถนน แผนปฏิบัติการที่ 3 จัดหาเงินทุนเพื่อดาเนินงานด้านความปลอดภัยทางถนน แผนปฏิบัติการที่ 4 สารวจจุดเสี่ยง แผนปฏิบัติการที่ 5 วางแผนถนนและสภาพถนน แผนปฏิบัติการที่ 6 ให้การศึกษาเรื่องความปลอดภัยทางถนนกับเยาวชน แผนปฏิบัติการที่ 7 กฎหมายจราจร แผนปฏิบัติการที่ 8 การบังคับใช้กฎหมาย แผนปฏิบัติการที่ 9 การสารวจทางเทคนิค แผนปฏิบัติการที่ 10 การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ขับรถ แผนปฏิบัติการที่ 11 การให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนแก่ผู้ประสบภัยจากรถ แผนปฏิบัติการที่ 12 การรณรงค์เรื่องความปลอดภัยทางถนนแก่สาธารณชน แผนปฏิบัติการที่ 13 การสร้างภาคีพันธมิตรกับองค์กรภาคเอกชนและภาคที่ไม่ใช่รัฐบาล แผนปฏิบัติการที่ 14 คานวณมูลค่าความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน แผนปฏิบัติการที่ 15 จัดตั้งสถาบันวิจัยด้านความปลอดภัยทางถนน


104

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

แผนปฏิบัติการขับขี่รถจักรยานยนต์ปลอดภัยสวมหมวกนิรภัย แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา

แผนปฏิบัติการขับขี่รถจักรยานยนต์ปลอดภัยสวมหมวกนิรภัย เรื่องที่ 1 การสร้างความตระหนักรับรู้แก่สาธารณชน เรื่องที่ 2 การให้การศึกษาแก่นักเรียน และผู้สมัครใบขับขี่ เรื่องที่ 3 กฎหมายและการบังคับใช้กฎหมาย เรื่องที่ 4 ชุมชน จังหวัด ภาคเอกชน และองค์กรไม่หวังผลกาไร เรื่องที่ 5 การศึกษาวิจัย การติดตามและประเมินผล เรื่องที่ 6 การบริหารและให้บริการแก่ผู้ประสบภัยจากรถ เรื่องที่ 7 การวิเคราะห์อุปสรรคของการสวมหมวกนิรภัย ปัจจัยจูงใจ และไม่จูงใจ เรื่องที่ 8 การพัฒนามาตรฐานหมวกนิรภัย และการนาเข้าหมวกนิรภัย การควบคุมหมวกนิรภัยที่ไม่ได้มาตรฐาน เรื่องที่ 9 การบริหารและการประสานงาน 2. แผนปฏิบัติการ 10 ปี (2554-2563)


105

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

III. การดาเนินการ 1. กฎหมายจราจร 1. กฎหมายเดิม วันที่ 3 สิงหาคม 2534 2. กฎหมายใหม่ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2550 - 12 บท - 95 มาตรา * ขณะนี้มีการแก้ไขประมาณ 40 มาตรา และคาดว่าจะได้รับการอนุมัติจากสภาแห่งชาติในปีหน้า 2. การให้ความรู้ และการรณรงค์ (เพื่อสร้างความตระหนักรับรู้) 1. หน่วยงานภาครัฐ โดยการขออนุญาตจัดการอบรมเรื่องกฎหมายจราจร และแจกหมวกนิรภัย 2. โรงเรียน โดยการนาเรื่องความปลอดภัยทางถนนบรรจุไว้ในหลักสูตรของนักเรียน ป.1 ถึง ม.3 3. องค์กรวิสาหกิจ องค์กรไม่หวังผลกาไร และบริษัทโดยการสร้างเครือข่ายการดาเนินงานด้านความ ปลอดภัยทาง ถนน (สมาชิกมากกว่า 100 คน) 4. ปูายรถประจาทาง โดยอธิบายเรื่องความสาคัญของหมวกนิรภัย 5. สัญญาณไฟจราจร โดยแจกโปสเตอร์และแผ่นพับรณรงค์ 6. การให้การอบรมแก่ชุมชน โดยให้การอบรมและแจกหมวกนิรภัย 7. สื่อมวลชน เช่น สื่อโทรทัศน์ วิทยุ รายการอภิปรายหารือ งานต่างๆ เป็นต้น


106

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

อบรมให้ความรู้แก่กฎหมายจราจรแก่ชุมชน

มีการบรรจุหลักสูตรความปลอดภัยในโรงเรียนตั้งแต่ระดับประถมและมัธยม และพัฒนาระบบการสอบ ใบอนุญาตขับขี่ III. การดาเนินการ 3. การบังคับใช้กฎหมาย


107

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

การรณรงค์ให้ความรู้ก่อน 6 เดือนจึงบังคับใช้กฎหมาย


108

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

ค่าปรับเป็นแรงจูงใจให้ตารวจ 80 % ส่วน 20 % ส่งรัฐบาล IV. ประเด็นสาคัญ 1. การขาดประสบการณ์และความรู้ด้านความปลอดภัยทางถนน • แม้ว่าคณะกรรมการเพื่อความปลอดภัยทางถนน จะจัดตั้งขึ้นมาตั้งแต่กลางปี 2548 แต่คณะกรรมการ เริม่ ดาเนินการอย่างสมบูรณ์ในปี 2550 • คณะกรรมการเพื่อความปลอดภัยทางถนนขาดแคลนทรัพยากรบุคคล 2. การขาดแคลนเงินทุนและทรัพยากรอื่นๆ 1. ไม่มีงบประมาณที่เพียงพอสาหรับการดาเนินงาน 2. ต้องมีการจัดลาดับความสาคัญการดาเนินงานต่างๆ 3. การขาดการบังคับใช้กฎหมาย • การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดจากัดอยู่ในเขตเมืองและเมืองหลวงเท่านั้น • การบังคับใช้กฎหมายเกิดขึ้นในช่วงกลางวันเท่านั้น 4. การขาดการรณรงค์แก่สาธารณชน • การรณรงค์อย่างจริงจังจากัดอยู่ในเขตเมืองและเมืองหลวงเท่านั้น • ควรจะมีการรณรงค์มากขึ้นในเขตชนบท V. บทสรุป • การรณรงค์การสวมหมวกนิรภัย ยังคงเป็นประเด็นสาคัญสาหรับประเทศกัมพูชา • ประเทศกัมพูชา มีความตั้งใจที่จะทาให้มีการสวมหมวกนิรภัยเต็ม 100% ในกลุ่ม ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ • คณะกรรมการความปลอดภัยทางถนน จาเป็นที่จะต้องสร้างเสริมศักยภาพของเจ้าหน้าที่ใน การดาเนินงานด้านความปลอดภัยทางถนน


109

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

ประเทศกัมพูชา ยังคงต้องการการสนับสนุนและความร่วมมือกับภาคีที่เกี่ยวข้องต่างๆ ภาคี เพื่อการพัฒนาต่างๆ และหน่วยงานระหว่างประเทศ เพื่อดาเนินงานเพื่อลดอุบัติเหตุทางถนน ในประเทศ

นายกรัฐมนตรีเชิญชวนประชาชน โดย 1 หมวกนิรภัย รักษาได้ 1 ชีวิต รศ.ดร.ชมภูศักดิ์ พูลเกษ มุมมองการดูแลสุขภาพในสถานประกอบการในอดีตเวลาเกิดอุบัติเหตุในโรงงาน มักจะโทษคนงาน เหมือนว่าทางานผิดขั้นตอน สอนไม่จา เป็นคนมักง่าย แต่ในปัจจุบันจะใช้ทฤษฏีใหม่ เลียนแบบทฤษฎีของอเมริกาในปี 1972-1975 ที่บอกว่าคนไทยไม่โง่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เกิดจากการบริหารจัดการที่ หละหลวม ไม่ใช่ความผิดของพนักงาน (เกิดจากระบบ) ทาให้ช่วยเปลี่ยนทัศนคติ ส่งผลให้เปลี่ยนพฤติกรรมได้ จุดสาคัญคือเป็นการบริหารจัดการมีสิ่งที่จาเป็นต้องทาคือการอบรม OCHA+EPA(กฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม)+ NSC (National safety culture) สิ่งที่ทาให้ได้ผลคือการ Management ประเด็นให้ความรู้ให้การยอมรับ ที่เกี่ยวข้องใน สถานประกอบการ ดังนี้ ๒. อุบัติเหตุนอกงาน (off job) ต้องใส่ไว้ใน OCHA จึงจะขับเคลื่อนได้ ๓. อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในงาน (in job) ต้องมีTraining ที่ได้มาตรฐาน ๔. อุบัติเหตุเฉพาะเช่น รถพ่วง รถส่งของ รถฉุกเฉิน รถน้ามัน ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ NSC ในประเทศไทยยังไม่เกิด ถ้าจะทาให้เกิดต้องมีตัวหนุนคือหน่วยวิชาการ ให้มีครูสอนอุบัติเหตุจราจรอย่างมี คุณภาพ ให้ถูกต้อง และจาเป็นต้องดารงความรู้นั้นต่อไป (Refresher)

ประสบการณ์การใช้เทคนิคการเสริมพลังในการทางานป้องกันสุขภาพวัยทางาน รองศาสตราจารย์ ดร.นิตยา เพ็ญศิรินภาสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ หาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช แนวคิดมาตรการ 3Es เพื่อความปลอดภัยได้แก่


110

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

Engineering

Safety Education

Enforcement

1. มาตรการด้านวิศวกรรม (Engineering) =>ใช้อุปกรณ์ เครื่องมือ เทคโนโลยีที่มีความปลอดภัย 2. มาตรการด้านการศึกษา (Education) =>ให้การศึกษาให้เห็นความสาคัญ สมัครใจ และมีทักษะในการ ปฏิบัติตามมาตรการทางวิศวกรรมที่ทาให้เกิดความปลอดภัย 3. มาตรการด้านกฎระเบียบ (Enforcement) =>ใช้กฎระเบียบบังคับให้พนักงานปฏิบัติตามมาตรการความ ปลอดภัย จุดอ่อนของมาตรการ 3Es 1. ไม่ได้รับความร่วมมือ/ร่วมรับผิดชอบในการแก้ปัญหา 2. พนักงานพยายามละเมิดกฏ=>พอใจที่เลี่ยง/เอาชนะการควบคุมได้ 3. ขาดการมองเชิงปูองกัน/แก้ไขที่ตรงจุด และพัฒนาการจัดการอย่างต่อเนื่อง การเสริมพลัง (Empowerment) 1. สร้างความร่วมมือ/ร่วมรับผิดชอบ 2. เน้นทางานเป็นกลุ่ม 3. ใช้พลังกลุ่มในการจัดการความปลอดภัย การเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ในงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยที่สนับสนุนการเสริมพลัง (Geller, 2001: 36-46) 1. จากควบคุมโดยรัฐ มาเป็นการร่วมรับผิดชอบ (From Government Regulation to Corporate Responsibility 2. จากการมองที่ความล้มเหลวมาเป็นการมองที่ความสาเร็จ (From Failure Oriented to Achievement Oriented 3. จากการเน้นที่ผลลัพธ์มาเป็นเน้นที่พฤติกรรม (From Outcome Focused to Behavior Focus)


111

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

4. จากการควบคุมโดยผู้บริหารสั่งการลงมาเป็นการให้ผู้ปฏิบัติมีส่วนร่วม (From Top-down Control to Bottom-up Involvement) 5. จากการเน้นที่ปัจเจกบุคคลมาเน้นการทางานเป็นทีม (From Rugged Individualism to Interdependent Teamwork) 6. จากการทางานเป็นจุด ๆ มาเป็นการทางานแบบเป็นระบบ (From a Piecemeal to a Systems Approach) 7. จากการเน้นหาผู้ผิดมาเป็นการหาข้อเท็จจริง (From Fault Finding to Fact Finding) 8. จากการตอบสนองเมื่อเกิดปัญหามาเป็นการปูองกันก่อนเกิด (From Reactive to Proactive) การเสริมพลัง (Empowerment) กลวิธีสาคัญเพื่อการส่งเสริมสุขภาพEmpowerment Education เป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่เน้นการใช้วิจารณญาณ โดยที่ผู้คนที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันระบุปัญหาของตน ประเมินปัจจัยสาเหตุของปัญหา ปรับมุมมองเปูาหมายสังคมที่ดีกว่าเดิม และพัฒนากลวิธีที่จะเอาชนะอุปสรรค เพื่อให้บรรลุเปูาหมายที่ต้องการ “A form of critical pedagogy that involves people in group efforts to identify their problems, to critically assess social and historical root of problems, to envision a healthier society, and to develop strategies to overcome obstacles in achieving their goal” (Wallerstein& Bernstein, 1988) การเสริมพลัง (Empowerment) 1. เป็นคาที่มีหลายมิติ 2. เป็นกระบวนการทางสังคม : ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น 3. มองเห็นคุณค่า/ความสามารถตนเอง 4. เป็นกระบวนการเพิ่มความสามารถ/พัฒนาบุคคล ให้มีทักษะ เข้าถึงทรัพยากร เชื่อในความสามารถ ที่จะทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลง 5. เกี่ยวข้องกับอิสระในการเลือกและรับผิดชอบ ในสิ่งที่เลือก การเสริมพลังเพื่อส่งเสริมความปลอดภัย กระบวนการส่งเสริมและพัฒนาให้บุคคล/กลุ่ม/ชุมชน ทาความเข้าใจเกี่ยวกับปัจจัยที่กาหนดสุขภาพ/ ความเสี่ยง ค้นพบความสามารถของตน สามารถตัดสินใจใช้ทางเลือกที่เหมาะสมในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและ สิ่งแวดล้อม เพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยง ทาให้เกิดความปลอดภัย และนาไปสู่การมีสุขภาพดี กลวิธีสาคัญของการเสริมพลัง 1. เพิ่มความร่วมมือของบุคคล&และให้บุคคลเป็นศูนย์กลาง 2. เน้นการพัฒนาทักษะ ใช้กลวิธีการเรียนรู้แบบผสมผสาน 3. ผสมผสานประเด็นสุขภาพ จิตวิทยาสังคม และพฤติกรรม โดยคานึงถึงวัฒนธรรม&ความเชื่อ 4. ย้าบุคคลเป็นผู้เชี่ยวชาญในปัญหาของตน เป็นผู้เลือกวิธีการที่เหมาะกับตน 5. ส่งเสริมให้เกิดแรงสนับสนุนทางสังคม และมีการสนับสนุนการดูแลตนเองอย่างต่อเนื่อง


112

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

กระบวนการเรียนรู้เพื่อเสริมพลัง


113

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

บทบาทของเจ้าหน้าที่จป.ในการเสริมพลัง 1. เป็นผู้สนับสนุนการเรียนรู้ 2. เป็นผู้กระตุ้นและสนับสนุนให้บุคคลเชื่อในความสามารถ 3. จัดสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อความปลอดภัยและสุขภาพดี 4. สนับสนุนให้เกิดนโยบายสาธารณะด้านความปลอดภัยและสุขภาพ 5. ชี้แนะให้สังคมเห็นความสาคัญของความปลอดภัยและสุขภาพ ระดับของการเสริมพลัง


114

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

ผลของการเสริมพลัง

1. บุคคลมีความเชื่อในความสามารถที่จะควบคุม/กาหนดสุขภาพตนเองได้ 2. เลือก/ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และสิ่งแวดล้อม เพื่อการมีสุขภาพดีของตนและครอบครัว

-เชื่อในความสามารถที่จะกาหนด/เปลี่ยนแปลงสุขภาพของกลุ่ม/ชุมชน -ประชาชนรวมกลุ่มกัน 1. แก้ไขปัญหา ระดมทรัพยากร 2. จัดบริการ 3. ปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม 4. สร้างกระแสเคลื่อนไหว กรณีตัวอย่างการเสริมพลังพนักงาน เพื่อความปลอดภัย: กรณีสวมหมวกนิรภัยเมื่อขี่รถจักรยานยนต์ 1. การค้นหาแกนนาที่จะร่วมขับเคลื่อนเรื่องความปลอดภัยฯ ซึ่งควรมีตัวแทนจากฝุายต่างๆ ทั้งผู้บริหาร พนักงาน นักวิชาการ เจ้าหน้าที่/หน่วยราชการ มูลนิธิ องค์กรเอกชน ฯลฯ 2. รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น จานวนและจาแนกคุณลักษณะของผู้ขี่รถจักรยานยนต์ ผู้สวมหมวกนิรภัย ผู้เคยประสบอุบัติเหตุและได้รับผลกระทบ ค่าใช้จ่ายของพนักงานและองค์กรจากการบาดเจ็บ/ขาดงานจาก สาเหตุดังกล่าว 3. กาหนดพฤติกรรม และกลุ่มเปูาหมายสาคัญในการดาเนินงาน 4. พัฒนาศักยภาพให้กับกลุ่มแกนนาที่จะขับเคลื่อนการดาเนินงาน 5. สนับสนุนให้แกนนา มองเห็นศักยภาพของตนเอง และแกนนาคนอื่น รวมทั้งตระหนักในบทบาทของตนเอง และกลุ่ม ในการนาการเปลี่ยนแปลง และสร้างการมีส่วนร่วมของพนักงาน ที่จะพัฒนาสภาพในปัจจุบันไปสู่ ภาพที่พึงประสงค์ 6. สนับสนุนให้แกนนา ระบุปัญหาที่กระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของตนและกลุ่ม และมองภาพ เปูาหมายที่พึงประสงค์ที่ต้องการร่วมกัน (มีการนาเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้อง/ดูงานตึกอุบัติเหตุ/คุยกับ case) 7. สนับสนุนให้สมาชิกวิเคราะห์และทาความเข้าใจปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับปัญหา เพื่อให้เข้าใจว่าใคร อะไร ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาดังกล่าว และนาไปสู่การมองเห็นว่าใครบ้างที่ควรเข้ามาเกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหา และจะแก้ไขที่ประเด็นใดบ้าง 8. การให้สมาชิกวางแผนแก้ไขปัญหา ( Plan for Action) ที่สอดคล้องกับปัจจัยสาเหตุที่วิเคราะห์พบ โดย สอดคล้องวิถีชีวิต สภาพแวดล้อม ความเชื่อ วัฒนธรรม 9. การพัฒนาความรู้และทักษะที่จาเป็นและเป็นส่วนขาด ให้แก่แกนนา เพื่อให้สามารถดาเนินการแก้ไขปัญหา ตามแผนได้บรรลุเปูาหมาย


115

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที๑่ ๐

10. การสนับสนุนและกระตุ้นการดาเนินงานของแกนนาตามแผน ด้วยการร่วมมือกับเครือข่ายต่างๆ โดยอาจมี การทดลองนาร่องและปรับปรุงก่อนขยายการดาเนินงาน 11. การประเมินผลการดาเนินงานและสรุปบทเรียนที่ได้จากการดาเนินงานเป็นระยะ ๆ เพื่อการปรับปรุงและ พัฒนาการดาเนินงานอย่างต่อเนื่อง การประเมินผลลัพธ์ (Outcome)


116

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

ลดอุบัติเหตุทางถนน เริ่มต้นด้วยกฎหมายสุดท้ายรวมใจชุมชนท้องถิ่น “ผ่านมิติการบังคับใช้กฎหมายจราจร ภาพสะท้อนสังคมไทย” ผู้อภิปราย พลตํารวจตรีวิสุทธิ์ เปล่งขํา ผู้บังคับการกองกฎหมาย สํานักงานกฎหมายและคดีสํานักงานตํารวจแห่งชาคติ ภาพรวมของการบังคับใช้กฎหมายในประเทศไทยทีเกี่ยวข้องกับการจราจร เรื่องสาคัญ 2 เรื่อง 1. เรื่องเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการบังคับใช้กฎหมายสู่ทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนนใน 10 ปี ข้างหน้า จํานวนประชากรเพิ่มขึ้น การจราจรคับคั่ง แน่นอน จําเป็นที่จะต้องเคลือบการจัดการระเบียบ การจราจรที่ดี เพื่อลดการเกิดปัญหาทั้งด้นการจราจร การสูญเสียในเรื่องของทรัพสินและชีวืตด้วย 2. เรื่องของปัญหาที่เราพบกันบ่อยๆ และแนวทางแก้ไขมีคํากล่าวไว้ว่า “ชีวิต้องจากไปด้วยอุบัติเหตุจะมี ผลต่อหลายชีวิตที่อยู่เบื้องหลัง” การบังคับใช้กฎหมายต่างๆ เป็นเรื่องที่สําคัญ ในสังคมไทยน่าวิตกห่วงใย มากเพราะมีการฝุาฝืนกฎ จราจร จํานวนมากก่อให้เกิดอุบัติเหตุจํานวนมาก มีทั้งจากการขึ้นลงรถโดยสาร คนเดินเท้า ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ และรถยนต์อื่นๆ แนวทางการบังคับใช้กฎหมาย วัตถุประสงค์ของการบังคับกฎหมาย ด้านจราจรก็เพื่อความสะดวกและ ปลอดภัย ถ้าตํารวจตั้งด่านตรวจ รถก็ติดแต่ปลอดภัย ไม่สะดวกตํารวจจราจรใส่หมวกหลายใบ คือ เป็นตํารวจ บาง ทีต้องตรวจในเรื่องอาชญากรรมด้วย เช่น เกิดม็อบตํารวจ ต้องเข้าไปรับภาระกิจ ที่บอกเหนือจากหน้าที่ เป็นต้น ไทยเป็นภาคีอนุสัญญาทางด้านจราจร ทางถนน ว่าด้วยเครื่องหมายและสัญญาณจราจรต้องทําให้ได้มาตรฐานสากล ในแต่ละปีอุบัติเหตุทางถนน ก่อให้เกิดความสูญเสียปีละประมาณแสนล้านบาท ถ้าเราสามารถปูองกันในส่วนนี้ได้เงิน เหล้านี้จะได้นํามาพัฒนาประเทศต่อไป การทํางานของตํารวจจราจร ต้องเสี่ยงอยู่กลางถนน มีตํารวจจราจรที่ถูกรถ ชนในแต่ละปี มีจํานวนมากปัญหาสุขภาพ เรืองหูตึงโรคปอด เนื่องจากเสียงรถและควันพิษจากรถถ้าดําเนินการ เข้มงวดก็จะถูกประชาชนต่อต้าน ซึ่งทํางานลําบากมาก ที่ผ่านมาการบังคับใช้กฎหมาย ยังไม่บรรลุตามวัตถุประสงค์ สิ่งที่จะต้องเตรียมการภายใน 10 ปี ข้างหน้า คือ ต้องให้ประชาชนมีความรู้เรื่องกฎจราจร และมารยาทในการขับขี่ และฝึกตัวเองให้มีมารยาท เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและเพื่อนร่วมทาง สื่อมวลชนสามารถช่วยเสริมการบังคับ ใช้กฎหมายได้โดยสื่อมวลชนสามารถสื่อสารเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนได้อย่างดี ที่สําคัญการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ตํารวจจราจรให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพ และต้องปรับปรุง การขนส่งมวลชนให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพและต้องปรับปรุงการขนส่งมวลชนให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ และครอบคลุมจนถึงหมู่บ้านและต้องแก้ไขกฎหมายให้ทันสมัยต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมและเศรษฐกิจ และควร กระจายอํานาจเรื่องการบังคับใช้กฎหมายไปถึงท้องถิ่น เพิ่มประสิทธิภาพของอาสาจราจรให้มากขึ้น อาสาจราจร อาจจะช่วยได้ซึ่งขณะนี้มีที่บริษัทห้างร้านต่างๆ และในหมู่บ้านจัดสรร ซึ่งสามารถช่วยจัดระบบการจราจรได้และนํา เทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ เช่น กล้อง CCTV ติดตั้งเพื่อควบคุมบริเวณทางแยกที่อุบัติเหตุเยอะๆ ขณะนี้มีปัญหาท้าง ด้านจราจรอยู่เรื่องหนึ่ง คือ กฎหมายบอกว่ากรณีที่ตํารวจเจอผู้กระทําผิดก็ออกใบสั่งได้ก็จะเอาใบสั่งไปเสียค่าปรับ แต่ถ้าตัวไม่อยู่ รถจอดผิดที่ตํารวจจะติดใบสั่งไว้หน้ารถให้ไปเสียค่าปรับ แต่ถ้าตํารวจพบว่ ารถฝุาไฟแดง ผ่านไปจด ทะเบียนรถออกใบสั่งไม่ได้เพราะกฎหมายไม่ได้อออกใบสั่งไปที่บ้าน ขณะนี้กําลังขอแก้กฎหมายอยู่ การติดกล้อง CCTV ไว้ตารมแยกต่างๆ เมื่อรถวิ่งฝุาไฟแดงกล้องจะจับทะเบียนรถได้ชัดเจนละบอกช่วงเวลาด้วย กฎหมายยังไม่ สามารถสั่งใบสั่งไปที่บ้านได้ แต่ใช้วิธีใช้ปร ะเมินกฎหมายวิธีอาญาในถานะเป็นเจ้าพนักงานตํารวจก็ส่งหมายไปที่ บ้านแล้วไปหาพนักงานสอบสวนก็ไปเสียค่าปรับได้ ซึ่ง ใช้อุปกรณ์ที่เป็นไฮเทคมาช่วยทําให้ตํารวจเบาแรงขึ้นมาก


117

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

อยากให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมติดกล้อง CCTV ให้มากจะสามารถช่วยแก้ปัญหาได้หลายอย่าง เรื่องการตรวจสอบ แอลกอฮอล์ในกระแสเลือดได้ขอให้แก้กฎหมายไปแล้วเพราะเจ้าหน้าที่ตํารวจเดิมไม่มีอํานาจที่จะไปเจาะเลือดใคร ตรวจได้รวมทั้งตํารวจส่งให้แพทย์เจาะเลือดไม่ได้ และถ้าคนขับรถไม่ยอมให้ตรวจวัดแอลกอฮอล์ไม่ยอมเปุาเครื่อง เราก็สามารถทําอะไรได้เพียงแค่ปรับขัดขืนเท่านั้น ขณะนี้ได้แก้กฎหมายแล้วโดยเพิ่มจากกฎหมายเดิมว่า กรณีที่มาทําตามเจ้าพนักงานให้สันนิษฐาน ว่าขณะนี้เมาบทสัณนิฐานนี้ผู้ขับขี่ก็ต้องเป็นคนเมาขับรถตามกฎหมายต้องไปพิสูจน์กับศาลเอง รูปแบบความร่วมมือกับท้องถิ่น ในการบังคับฝีกหมาย พล.ต.ต.ภานุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตารวจนครบาล สานักงานตารวจแห่งชาติ สําหรับความร่วมมือตํารวจกับท้องถิ่นจริงๆ แล้วมีความใกล้ชืดมากในตํารวจแห่งชาติมีรูปแบบที่มี ความสัมพันธ์กับท้องถิ่นกับชุมชนอยู่แล้ว มีพรบ. ตํารวจแห่งชาติ ปี 2547 ระเบียบกตช. ว่าด้วยหลักเกณฑ์การ ส่งเสริมได้ท้องถิ่นและชุมชนมามีส่วนร่วมในกิจการตํารวจในปี 2549 และปี 2551 เป็นระเบียบของ กตช. มีพรบ. จราจรทางบกในระเบียบ กตช. เองก็เป็นงานหนึ่งซึ่งทางตํารวจแห่งชาติทําฝุายเดียวไม่สําเร็จหรอกถ้า ไม่มีความ ร่วมมืจากท้องถิ่นจากประชาชนนี้ก็เป็นหลักการและขอนําเสนอกรณีศึกษากรุงเทพฯ พล.ต.ต.อุทัยวรรณ แก้วสะอาด ผู้บังคับการตารวจจราจร สานักงานตารวจแห่งชาติ แนวทางด้านการร่วมมือกับท้องถิ่น ประกาศ กําหนดของเจ้าพนักงานจราจร ตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบ เรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535. มาตรา 17 ห้ามมิให้ผู้ใด (1) กระทําด้วยประการใด ๆ ให้ทางเท้าชํารุดเสียหาย (2) จอดหรือขับขี่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือล้อเลื่อน บนทางเท้า เว้นแต่เป็นการจอดหรือขับขี่เพื่อ เข้าไปในอาคารหรือมีประกาศของเจ้าพนักงานจราจรผ่อนผันให้จอดหรือขับขี่ได้ มาตรา 19 ห้ามมิให้ผู้ใดตั้ง วาง หรือกองวัตถุใด ๆ บนถนน เว้นแต่เป็นการกระทําในบริเวณที่เจ้า พนักงานท้องถิ่นหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ประกาศกําหนดด้วยความเห็นชอบของเจ้าพนักงานจราจร มาตรา 20 ห้ามมิให้ผู้ใด (1) ปรุงอาหาร ขายหรือจําหน่ายสินค้าบนถนน หรือในสถานสาธารณะ (2) ใช้รถยนต์หรือล้อเลื่อนเป็นที่ปรุงอาหารเพื่อขายหรือจําหน่ายให้แก่ประชาชนบนถนนหรือในสถาน สาธารณะ (3) ขายหรือจําหน่ายสินค้าซึ่งบรรทุกบนรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือล้อเลื่อน บนถนนหรือในสถาน สาธารณะความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับแก่การปรุงอาหารหรือการขายสินค้าตาม (1) หรือ (2) ในถนนส่วนบุคคล หรือในบริเวณที่เจ้าพนักงานท้องถิ่นหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ประกาศผ่อนผันให้กระทําได้ในระหว่างวัน เวลาที่ กําหนดด้วยความเห็นชอบของเจ้าพนักงานจราจร  พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 146 เงินค่าปรับตามพระราชบัญญัตินี้ที่ได้รับในกรุงเทพมหานครหรือในจังหวัดใด หรือใน ท้องถิ่นที่กระทรวงมหาดไทยประกาศกําหนด ให้แบ่งให้แก่กรุงเทพมหานครหรือเทศบาลในจังหวัดนั้นเพื่อใช้ในการ ดําเนินการเกี่ยวกับการจราจร ในอัตราร้อยละห้าสิบของจํานวนเงินค่าปรับ หรือให้ตกเป็นของท้องถิ่นที่ กระทรวงมหาดไทยประกาศกําหนดทั้งหมด


118

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

ในกรุงเทพมหานคร เราร่วมมือกัน คือ เงินค่าปรับต่างๆ ทางกรุงเทพฯจะคืนให้และยังมีเงินจากส่วนอื่น อีกเพื่อใช้ในการพัฒนาเกี่ยวกับจราจร เพื่อความปลอดภัยของคนในชุมชน-ท้องถิ่นนั่งเอง

ระบบตรวจจับรถยนต์ฝุาฝืนสัญญาณไฟจราจร

(Red Light

Camera) o นําเทคโนโลยีมาใช้ในการตรวจจับรถยนต์ฝุาฝืนสัญญาณไฟจราจร o เป็นเครื่องมือสําหรับปูองปรามการฝุาฝืนกฎจราจร o นําเทคโนโลยีมาทําหน้าที่แทนเจ้าหน้าที่ตํารวจจราจร เพื่อสวัสดิภาพ ความปลอดภัย และลดภาระหน้าที่


119

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

เดิมได้งบประมาณจากรัฐบาลส่วนหนึ่งใช้เวลาหลายปี จนในปลายปี 2551 ในช่วงแรกตัด 30 แยกใน 24 ชม. มีการฝุาฝืน 2,000 กว่ารายขึ้นไป ปัจจุบันลดลงเหลือ 500 ราย ต่อมาสภากทม. อนุมัติให้ติดตั้งอีก 60 ทางแยก (Red Light Camera)

-8

2554

กล้องตรวจจับความเร็ว (Speed Detector Camera) ๑. ปูองกันและลดอุบัติเหตุอันมีสาเหตุมาจากการขับรถด้วยความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกําหนด ๒. ลดความสูญเสียในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของผู้ใช้รถใช้ถนน และประชาชนทั่วไป ๓. สร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยสําหรับผู้ใช้รถใช้ถนนที่ปฏิบัติตามกฎจราจร


120

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

(Speed Detector Camera)

เครื่องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในเลือด (BAC Test Devices) ๑. ปูองกันและลดอุบัติเหตุอันมีสาเหตุมาจากการดื่มสุราแล้วขับ ๒. ลดความสูญเสียในชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของผู้ใช้รถใช้ถนน และประชาชนทั่วไป ๓. สร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยสําหรับ ผู้ใช้รถใช้ถนนที่ปฏิบัติตามกฎจราจร


121

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

(BAC Test Devices) 119,669 106,579

100,661

18,265

21,947

24,956 15,788 4,382

-

การควบคุมและจัดการจราจรโดยระบบโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ๑. เพื่อควบคุมและจัดการจราจร ๒. เพื่อเก็บข้อมูลด้านการจราจรและบันทึกสถานการณ์แบบ ปัจจุบัน (Real Time) ๓. เพื่อตรวจนับปริมาณการจราจร


122

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

๔. เพื่อวัดความยาวแถวคอย (Queue Length) ๕. เพื่อวัดความเร็วและแยกประเภทของยานพาหนะ

E-ticket

ระบบตู้ชุมสายโทรศัพท์อัตโนมัติ PABX (1197) ๑. ประชาสัมพันธ์ แนะนําเส้นทางการจราจร ๒. รับแจ้งเหตุที่ทําให้ส่งผลกระทบต่อปัญหาการจราจร ๓. รับเรื่องราวร้องทุกข์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการจราจร


123

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

การจัดซื้อหมวกกันน็อค ๑. ลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุเนื่องจากรถจักรยานยนต์ ๒. ตามโครงการสวมหมวกร้อยเปอร์เซ็นต์เนื่องจากทศวรรษแห่งความปลอดภัย ๓. ปลูกฝังทัศนคติที่ดีให้ประชาชนเคารพกฎจราจร

2547-2553

-


124

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10 2547-2553

รถยก ๑. แก้ปัญหากรณีรถเกิดอุบัติเหตุ หรือจอดเสีย ๒. จัดเป็นรถตํารวจช่างเพื่อทําการซ่อมเบื้องต้นกรณีที่เป็นเหตุเล็กน้อย ๓. ช่วยสนับสนุนภารกิจท้องถิ่นกรณีมีเหตุต่างๆ เช่น น้ําท่วม


125

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

-

รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถตู้ ๑. ภารกิจนาขบวนกรณีเสด็จพระราชดาเนิน บุคคลสาคัญ ตลอดจนขบวนพิเศษต่างๆ ๒. ตรวจสภาพการจราจร จัดการจราจร ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ และเป็นหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ๓. เป็นหน่วยประชาสัมพันธ์เคลื่อนที่

การศึกษาอบรม ดูงาน ๑. การเพิ่มประสิทธิกําลังพลด้วยการศึกษาอบรมเพื่อรับทราบกฎหมาย ระเบียบที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม ตลอดจนเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างตํารวจจราจร กับหน่วยอื่น ๒. การสร้างขวัญและกําลังใจ ด้วยการศึกษาดูงานทั้งภายในและภายนอกประเทศ


126

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

การอบรมอาสาจราจร ๑. การอบรมอาสาจราจรเพื่อช่วยเหลือสังคม ด้วยการทํางานด้านการจราจร โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ ๒. มีหน้าที่จัดการจราจรเพื่อให้เกิดความสะดวก ปลอดภัย และรายงานการกระทําความผิดของผู้ขับขี่ การ ชํารุดเสียหาย สัญญาณไฟจราจรขัดข้อง ๓. เป็นผู้ช่วยพนักงานตามกฎหมาย

การประชาสัมพันธ์สาหรับประชาชน ๑. จัดทําเว็บไซต์ด้านการจราจร ๒. จัดทําคู่มือประชาชน ๓. จัดทําสื่อ/กฎหมายออนไลน์ ๔. ประชาสัมพันธ์ผ่านวิทยุ/โทรทัศน์ ๕. การรณรงค์เทศกาลต่างๆ

ระบบปูายสลับข้อความ ๑. ประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสาร ๒. รายงานสภาพการจราจรโดยทั่วไปและจุดที่มีปัญหาที่ อาจส่งผลกระทบต่อเนื่องโดยรวม ๓. รายงานเส้นทางที่มีปัญหาด้านการจราจรอันมี


127

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

สถานีวิทยุชุมชน

ห้องฝึกอบรม วัสดุ อุปกรณ์ ที่เกี่ยวข้องกับการจราจร ๑. ห้องฝึกอบรม ๒. เครื่องมือล็อคล้อ ๓. เสื้อกันฝน เสื้อสะท้อนแสง ๔. กระบองไฟฉาย ๕. วิทยุสื่อสาร


128

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

เครื่องมือที่ต่างประเทศนามาใช้ ประเทศญี่ปุ่น


129

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

• ประเทศ ีน

 ประเทศอังกฤษ

ต่อไปเครือ่ งบินทีไ่ ม่มีนักบินและควบคุมด้วยรีโมตคอนโทรล หรือทีเ่ รียกว่า " UAVs" ซึ่งใช้ติดตาม กองกําลังตาลิบัน อาจมาบินอยู่เหนือท้องถนนของประเทศอังกฤษเพื่อสนับสนุนการทํางาน ลดงานที่เสี่ยงอันตราย ของตํารวจ ทั้งยังสามารถรวบรวมพยานหลักฐานให้กับตํารวจและอัยการ เครื่องบิน " UAVs" เป็นเครื่องบินจิ๋วขนาด 2 ฟุต ติดตั้งกล้องตรวจจับความร้อน จะบินเหนือท้องถนนในระดับหลายร้อยฟุตเพื่อรวบรวมข้อมูล เฝูาสังเกตพฤติ กรรมของผู้ต้องสงสัย ซึ่งข้อดีของ " UAVs" ที่เหนือกว่าเฮลิคอปเตอร์ คือ เงียบกว่า ราคาถูกกว่า สามารถบินวนได้ หลายชั่วโมงโดยไม่ต้องเติมน้ํามัน ไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่มาคอยสังเกตการณ์ นักวิทยา ศาสตร์ต้องการนําเทคโนโลยีของ เครื่องบิน "UAVs" มาใช้สําหรับงานของตํารวจและงานด้านความมั่นคง เช่น งานของหน่วยเอ็มไอ อยากให้ทุกจังหวัดทํางานร่วมกับท้องถิ่นประชาชนและหน่วยงานอื่นร่วมกันดําเนินการ เพื่อประโยชน์ เพื่อ ความสุขของคนในท้องถิ่นของท่านเอง นายไพบูลย์ อุปัติศฤงศ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต


130

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

แนวทางการมีส่วนร่วมของท้องถิ่น ผลที่ได้จากการปฏิบัติงานและกรณีตัวอย่าง บทบาทขององค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต กับยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพชีวิตการแก้ไขปัญหาความ ปลอดภัยทางถนน(ระบบการจราจรทางบก)ภายใต้กรอบแนวคิด ภูเก็ต“เมืองน่าอยู่ คู่คุณธรรม” มาตรา 17(22) แห่ง พรบ .กาหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอานาจให้แก่องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น พ.ศ.2542 องค์การบริหารส่วนจังหวัด มีอานาจหน้าที่ การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เหตุผลและความจาเป็นที่มาของแนวคิดการดาเนินนโยบายด้านการรักษาความปลอดภัยของ ระบบการจราจรทางบก(บนท้องถนน)ในจังหวัดภูเก็ต 1.จังหวัดภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวทางทะเลระดับโลก 2.จํานวนประชากรเพิ่มขึ้น/นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 3.การจราจรในเขตเมืองติดขัดช่วงชั่วโมงเร่งด่วน 4.ประชาชนขาดวินัยจราจร/ใช้รถยนต์ส่วนบุคคลมาก 5.ระบบขนส่งมวลชนในเขตเมืองไม่เพียงพอต่อการให้บริการนักท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไป แนวคิดการดาเนินการ จากปัญหาดังกล่าว อบจ.ภูเก็ต โดย ความร่วมมือจากสํานักงานสาธารณสุขจังหวัด/ สํานักงาน ขนส่งจังหวัด/ ตํารวจภูธรจังหวัดภูเก็ตได้ร่วมกันเสนอแผนงานพัฒนาแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยบนท้องถนนใน จังหวัดภูเก็ตอย่างยั่งยืน (Development of Sustainable Road Safety) ความสาเร็จของนโยบายสู่การปฏิบัติ แก้ไขปัญหาการจราจร 1 โครงการจัดบริการขนส่งสาธารณะ จัดทําโครงการรถขนส่งประจําทาง (รถเมล์โพถ้อง) เป็นบริการสาธารณะด้านกิจการขนส่งมวลชน แก่ประชาชน นักท่องเที่ยว วัตถุประสงค์ในการดาเนินโครงการ 1.แก้ไขปัญหาการจราจร ลดอุบัติเหตุ 2.ลดมลพิษทางอากาศ 3.อนุรักษ์ภูมิปัญญาของท้องถิ่น และคงเอกลักษณ์ของจังหวัดภูเก็ต 4.ประชาชน นักท่องเที่ยว สะดวก รวดเร็ว ประหยัดปลอดภัยและมีทางเลือกในการเดินทาง 5.นักเรียน นักศึกษา ได้ใช้บริการฟรีโดยได้รับการยกเว้นค่าโดยสาร 6.สร้างความมั่นใจในการเดินทางให้กับประชาชนและหันมาใช้บริการรถขนส่งประจําทางเพิ่มมากขึ้น จัดการรถขนส่งประจาทาง บริหารจัดการเดินรถภายใต้เงื่อนไขใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจําทาง ด้วยรถที่ใช้ในการ ขนส่งผู้โดยสารในเส้นทางหมวด1เขตพื้นที่อําเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต โดยจัดให้มีรถวิ่งให้บริการ ตั้งแต่เวลา 6.00 น. ถึง 20.00 น. ของทุกวัน จํานวน 3 เส้นทาง ไม่น้อยกว่าสายละ 34 เที่ยว ได้แก่ สายที่ 1 จากห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ถึง วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต สายที่ 2 จากห้างซุปเปอร์ชิป ถึง ตลาดสี่มุมเมือง สายที่ 3 จากสะพานหิน ถึง ท่าเทียบเรือรัษฎา


131

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

สภาพการาจราจรในเขตเมืองภูเก็ต


132

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

รถขนส่งประจาทาง (รถโพถ้อง) อบจ.ภูเก็ต

การติดตั้งระบบติดตามยานพาหนะ ( GPS)

การตรวจสอบการเดินรถตามเส้นทางที่กาหนด จากระบบติดตามยานพาหนะ (GPS) ตัวอย่างเส้นทาง หมวด 1 สายที่ 1 ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี – วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ต


133

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

รับรางวัล การจัดนวัตกรรมดีเด่น ด้านกิจการรถขนส่งประจําทาง จากนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 17 กันยายน 255 ณ ทําเนียบรัฐบาล

โครงการติดตั้งไฟสัญญาณจราจรนับเวลาถอยหลัง(Count Down) ติดตั้งอุปกรณ์ไฟสัญญาณจราจรนับถอยหลัง ( Count Down) ตามบริเวณจุดแยกที่สําคัญตามเส้นทาง สายหลักของจังหวัดภูเก็ต ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการสร้างหลักประกันความปลอดภัย และสร้างความตระหนัก ในการรักษาวินัยจราจรให้แก่ประชาชน และนักท่องเที่ยวที่ใช้ยานพาหนะ ประเภทรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เป็น หลัก วัตถุประสงค์ในการดาเนินโครงการ 1.เพื่อให้มีการติดตั้งอุปกรณ์ไฟสัญญาณจราจรนับถอยหลัง(Count Down) ที่มีประสิทธิภาพสูงตามสี่แยก เส้นทางสายหลัก อย่างครอบคลุมและทั่วถึงเป็นภาพรวมของจังหวัดภูเก็ต 2. เพื่อสร้างความตระหนักและเน้นในด้านวินัยจราจร แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ใช้ยานพาหนะเป็น หลัก 3. เพื่อลดการสูญเสียชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน และนักท่องเที่ยวจากอุบัติเหตุการจราจรตามแยก เส้นทางสายหลักของจังหวัดภูเก็ต จุดติดตั้งไฟสัญญาณจราจรนับถอยหลัง( Count Down)ที่มีประสิทธิภาพสูงในพื้นที่จุดเสี่ยงจานวน 8 จุด ประกอบด้วย 1 สี่แยกสามกอง ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 2 สี่แยกโรงเรียนดาราสมุทร ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 3 สามแยกบ้านนาบอน ถนนเจ้าฟูาตะวันออก 4 สามแยกตีนเขา ถนนเจ้าฟูาตะวันตก 5 สามแยกบางคู ถนนเทพกระษัตรี 6 สามแยกศาลาแดง ถนนเทพกระษัตรี 7 สามแยกเชิงทะเล 8 สามแยก มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต อ.กะทู้


134

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

โครงการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด( CCTV) ติดตัง้ กล้องโทรทัศน์วงจรปิด( CCTV)เพื่อติดตั้งในพื้นที่สําคัญที่เป็นจุดเสี่ยง โดยความร่วมมือของ สํานักงาน เทศบาลนครภูเก็ต กองบังคับการตํารวจจังหวัดภูเก็ต เทศบาลตําบลรัษฎา เทศบาลตําบลวิชิต และองค์การบริหาร ส่วนตําบลเกาะแก้ว วัตถุประสงค์การดาเนินโครงการ 1.สร้างมาตรฐานด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ให้แก่ประชาชน และนักท่องเที่ยว ปูองกันและ ลดปัญหาอาชญากรรมในบริเวณพื้นที่ และสถานที่ท่องเที่ยวที่สําคัญของจังหวัดภูเก็ต 2.สร้างความเชื่อต่อมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของประชาชนและ นักท่องเที่ยว ที่มาใช้บริการด้านการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ตภาพรวม จุดติดตั้ง กล้องโทรทัศน์วงจรปิด CCTV ระยะที่ 1.พื้นที่อําเภอเมืองภูเก็ต พื้นที่ เทศบาลนครภูเก็ต และตําบลรัษฎา จํานวน 53 ตัว ระยะที่ 2.พื้นที่ตําบลฉลอง จํานวน 8 ตัว ระยะที่ 3.ตําบลวิชิต ตําบลเกาะแก้ว และตําบลรัษฎา จํานวน 189 ตัว (กําลังดําเนินการ)


135

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

พลเอก เกษมศักดิ์ ปลูกสวัสดิ์ พันโท กมล ประจวบเหมาะ ดร .อุทิศ ขาวเทียน และคณะกรรมาธิการ วุฒิสภา ติดตามการใช้จ่ายงบประมาณ จํานวน 10 ท่าน เยี่ยมชมศูนย์ควบคุมและรับฟังการบรรยายสรุป ณ สถานี ตํารวจภูธรเมืองภูเก็ต ในวันที่ 14 มกราคม 2554

โครงการก่อสร้างเกาะกลางถนนสาย 4233 กมลา-ปุาตอง(ตอนพื้นที่ตําบลกมลา) ร่วมมือกับแขวงการทางภูเก็ต จัดโครงการก่อสร้างเกาะกลางถนนสาย 4033 กมลา - ปุาตอง(ตอนพื้นที่ ตําบลกมลา) แก้ไขปัญหาอุบัติเหตุ ยกระดับมาตรฐานการก่อสร้างถนน ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวให้ได้ระดับมาตรฐาน วัตถุประสงค์ของการดําเนินโครงการ 1.เพื่อลดความเสี่ยงด้านอุบัติภัยจราจรในเขตพื้นที่ตําบลกมลา อําเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต 2.เพื่ออํานวยความสะดวกในการใช้ยานพาหนะของประชาชนและนักท่องเที่ยว 3.เพื่อให้ถนนสาย 4233 ตอนกมลา -ปุาตอง(ตอนพื้นที่ตําบลกมลา) มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยเป็นไปตาม หลักวิศวกรรมการจราจร


136

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

จุดก่อสร้าง ถนนสาย 4233 ตอนกมลา –ปุาตอง (ตอนพื้นที่ตําบลกมลา)ขนาด กว้าง 1.60 เมตร ความยาว 500 เมตร

การบังคับใช้กฎหมายหมวกนิรภัย พล.ต.ต.ศักดา เตชะเกรียงไกร รองผู้บัญชาการตารวจภรูธรภาค 4 ที่มาและความสําคัญ ประเทศไทยมีการรณรงค์บังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการสวมหมวกนิรภัยมานานกว่า 30 ปี จากสถิติเห็นได้ชัดว่าผลการจับกุมเพิ่มขึ้นแต่ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุสาเหตุไม่สวมหมวก นิรภัยยังสูงขึ้น กว่าเดิม ซึ่งเกิดจากการขาดวินัยของผู้ขับขี่เป็นส่วนใหญ่ การบังคับกฎหมายหรือการจับกุมเป็นมาตรการที่มีผลใน ปัจจุบันแต่ก็ไม่สามารถทําให้เกิด จิตใต้สํานึกได้ จึงชี้ให้เห็นว่าคนปราศจากความเกรงกลัวกฎหมาย 3 ยุทธศาสตร์ 1. มุ่งเน้นเฉพาะงานด้านสวมหมวกนิรภัยเป็นหลัก 2. มุ่งเน้นกลุ่มเปูาหมายมวลชนที่ใช้รถจักรยานยนต์ 3. มุ่งเน้นการทํางานเชิงรุก คือ บุกเข้าไปหาในกลุ่มเปูาหมายถึงที่ ทาไม ? ต้องรณรงค์ลดอุบัติเหตุ คนตายจากอุบัติเหตุทางบก 12 ,000 คน/ปี สูงกว่าการตายจากอาชญากรรม 4 เท่า สูงกว่าตายจากเหตุในภาคใต้ 15 เท่า ค่าเสียหายประมาณ 230,000 ล้านบาท / 2.8 % GDP ยอดจาหน่ายรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย ประจาปี 2548-2553 ประจาปี

จานวน (คัน)

2548

2,108,078

2549

2,061,610


137

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

2550

1,598,876

2551

1,422,185

2552

1,535,613

2553

1,840,940

 ปริมาณรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย สะสม จํานวน 27,184,577 คัน

10

Here comes your footer  Page 9


138

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

ผลการสารวจการสวมหมวกนิรภัยของไทย ปี 2553 70 60 50 40 30 20 10

2553

58 .2 37. 4

40 .3

38 .4

0

เปรียบเที่ยบการสวมหมวกนิรภัยของิเทยและเวียดนาม

36 .0

43 .7


139

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

สวมหมวกนิรภัย 100 % ในประเทศเวียดนาม

100-200

1

2

500

2

2

4


140

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

3 500

3 6

3

4


141

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

มาตรการและ สถานการณ์ในประเทศไทย รัฐบาลไทยได้รณรงค์ให้สวมหมวกกันน็อกและตรากฎหมายบังคับตั้งแต่ปี 2535 ( กฎหมายฉบับนี้เริ่มมีผล บังคับใช้ในเขตกรุงเทพฯ ตั้งแต่ 15 กุมภาพันธ์ 2536 เป็นต้นมาโดยยกเว้นสําหรับการขับขี่ในซอย ) ปรับ ตามปกติ ซึ่งโดยทั่วไปปรับ 100-200 บาทจํานวนเต็มตามกฎหมายคือ 500 บาทรัฐบาลประกาศให้ปี 2554 เป็นปี แห่งการรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์

โครงการรณรงค์สวมหมวกนิรภัยในเขตเทศบาลนครภูเก็ต 100 เปอร์เซ็นต์ พ.ต.อ.วันไชย เอกพรพิชญ์ รอง ผบก.ภจว.ระนอง

ความเป็นมา 1. ภูเก็ตมีอัตราการบาดเจ็บและตายจากอุบัติเหตุจราจรสูง เป็น อันดับ 1- 5 ของประเทศไทยมาเป็นเวลาหลายปี 2. ปี 2552 มีผู้บาดเจ็บ จํานวน 14,854 คน คิดเป็นอัตราการบาดเจ็บ 4,945.18 ต่อแสนประชากร 3. มีผู้เสียชีวิต ประมาณปีละ 200 คน คิดเป็นอัตราการเสียชีวิต 66.58 ต่อแสนประชากร 4. หน่วยงานขาดการนําข้อมูลมาจัดระบบและใช้ประโยชน์จากข้อมูล ภูเก็ตมีรถรวมทุกประเภท 337,554 คัน มอเตอร์ไซค์ 230,962 คัน ประชากร 1 คนต่อรถ 1 คัน สูงสุดในประเทศ บาดเจ็บ 33 – 35 คน/วัน ตาย 15 – 16 คน/เดือน เสียชีวิตเทียบได้กับเด็กนักเรียนปีละ 4 ห้องเรียน


142

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

สถิติอุบัติเหตุ ของ สภ.เมืองภูเก็ต ปี 2550-2552 ปี พ.ศ. เกิด (ราย)

รับคดี

ตาย (คน)

2550

737

56

49

2551

475

45

36

2552

704

26

48

30

40

2553 718 สรุปถนนที่มีอุบัติเหตุมีผู้เสียชีวิตสูงสุด ของปี 2552 1. ถ.เทพกระษัตรี

จํานวน

13 ครั้ง

2. ถ.เจ้าฟูาตะวันออก

จํานวน

5 ครั้ง

3. ถ.เฉลิมพระเกียรติ

จํานวน

4 ครั้ง

4. ถ.ศักดิเดช

จํานวน

4 ครั้ง

5. ถ.ภูเก็ต

จํานวน

4 ครั้ง

6. ถ.เจ้าฟูาตะวันตก

จํานวน

3 ครั้ง

ผู้ประสบเหตุ

-

. –

-

180 160 140 120 100 80 60 40 20 0

Injury surveillance -


143

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

วัตถุประสงค์ของโครงการ 1) เพื่อสร้างตัวแบบการรณรงค์ให้ผู้ขับขี่และคนโดยสารรถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัย 2) เพื่อปลูกฝัง และสร้างจิตสํานึกให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัย 3) ลดการบาดเจ็บและสูญเสียชีวิตและ ทรัพย์สิน จากอุบัติเหตุจราจรแก่ประชาชนที่เป็นผู้ขับขี่และโดยสารรถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ 4) เป็นการนํา ร่องในการใช้ตัวแบบการรณรงค์ให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัย ในประเทศไทย เป้าหมายของโครงการ ประชาชนทั่วไปในเขตเทศบาลนครภูเก็ต ที่ใช้ยานพาหนะรถจักรยานยนต์ในการเดินทาง ทั้งผู้ขับขี่และผู้ โดยที่นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์

4%

ขั้นตอนการดาเนินการ มี 2 มาตรการ มาตรการที่ 1 การประชาสัมพันธ์ เริ่มตั้งแต่ 1 เม.ย. 53 – 30 มิ.ย.53

การประชุมหัวหน้าคิวรถ จักรยานยนต์สาธารณะ เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 53

%


144

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

การประชุมผู้ประกอบอาชีพจักรยานยนต์รับจ้าง สาธารณะ วันที่ 18 พ.ค.53 โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย


145

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

คืนวันที่ 30 มิถุนายน 53 เวลา 19.00 น.

มาตรการที่ 2 การบังคับใช้กฎหมาย เริ่มตั้งแต่ 1 ก.ค.53 ถึง 1 ก.ค.54


146

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10


147

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

4%

%

ชุมชนร่วมใจปูองกันอุบัติภัยทางถนนบ้านคานางปุ​ุม วัฒนศักดิ์ จังจรูญ นายกตาบลเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น คณะกรรมการปูองกันแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจราจร - สรรหาแกนนําชุมชนเพื่อเป็นคณะทํางานปูองกัน แก้ไขปัญหา อุบัติเหตุจราจรระดับตําบล - สัมมนาแกนนําร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ (ปกครอง ,สธ.,อปท,ครู,ตํารวจ) เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา อุบัติเหตุทางถนนในชุมชน

ประชาคมชุมชน


148

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

คณะกรรมการปูองกันอุบัติเหตุจราจรชุมชน ได้จัดทําประชาคมในชุมชน แสวงหาความร่วมมือเพื่อแก้ไข ปัญหาอุบัติเหตุจราจรในชุมชน การรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ • ติดปูายประชาสัมพันธ์ในชุมชน • เครือข่ายร่วมรณรงค์ปูองกันอุบัติเหตุจราจร • เผยแพร่ความรู้อุบัติเหตุ จราจร • เสียงตามสายในชุมชน


149

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

ประกาศ ธรรมนูญชุมชน 1.ผู้ใดนํารถที่มีอุปกรณ์ส่วนควบ ไม่ สมบูรณ์ หรือดัดแปลงสภาพรถมาใช้มีโทษปรับ ไม่เกิน 1,000 บาท 2.ผู้ใดนํารถที่มีเสียงดังจนก่อให้เกิด ความรําคาญมาใช้ในชุมชนมีโทษปรับไม่เกิน500บาท 3.ผู้ใดจอดรถในเขตห้ามจอด หรือ แซงในเขตห้ามแซงมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท 4.ผู้ใดจัดให้มีการแข่งรถจนก่อให้เกิดความรําคาญและทําให้การจราจรในชุมชนติดขัด มีโทษปรับไม่เกิน 1,000 บาท 5.อาสาจราจรร่วมกับเจ้าหน้าที่ตํารวจทําหน้าที่เปรียบเทียบปรับผู้กระทําผิดตามประกาศ ธรรมนูญชุมชน และนําเงินค่าปรับ เข้ากองทุนชุมชนปลอดอุบัติเหตุ ต.เขาสวนกวาง 6.อส.จร.ทําหน้าที่เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานตํารวจมีอํานาจจับกุมผู้กระทําผิดกฏจราจรตาม คําสั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการปูองกัน อุบัติเหตุในชุมชน ฝึกอาสาจราจรชุมชน • คัดเลือกแกนนําชุมชน , อปพร. ฝึกอบรมเป็นอาสา จราจรชุมชน • จัดหาอุปกรณ์เพื่อใช้สําหรับจัดการจราจรในชุมชน • จัดหาทีทําการเพื่อใช้เป็นที่ทํางานของอาสาสมัคร • จัดตารางเวรเพื่อให้อาสาสมัครจราจรปฏิบัติงาน

การบังคับ

ใช้กฎหมายในชุมชน


150

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

ผลลัพธ์    

ชาวบ้านผู้ใช้รถ ใช้ถนน ในชุมชน มีวินัยในการขับขี่รถมากขึ้น การมีส่วนร่วมของประชาชนในชุมชนมีมากขึ้น โดยเฉพาะอาสาจราจรจะสับเปลี่ยนหมุนเวียนมาเข้าเวรทุกวัน การยอมรับของประชาชนปฏิบัติตามกฎข้อบังคับ ที่ชุมชนตั้งขึ้นและให้ความร่วมมือกับอาสาจราจร ชาวบ้านในชุมชนมีความปลอดภัยจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ในชุมชนยังไม่มีอุบัติเหตุจราจรเกิดขึ้น


151

สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

นวัตกรรม

ด้วยรักและห่วงใย อุบัติเหตุปูองกันได้ ด้วยแรงร่วมใจของชุมชน


152 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

ตัวเล็กใจใหญ่ ปลอดภัยทางถนน ส่งเสริมพลังให้เยาวชนไทยคือ “ ผู้นาความปลอดภัย” และ“ร่วมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน”

RSC

RSC RSC

RSC

RSC

RSC RSC

RSC

RSC RSC

RSC

RSC

RSC

RSC

RSC

RSC

RSC

RSC RSC

RSC RSC

RSC

RSC

RSC

RSC

RSC

RSC

RSC

RSC

RSC RSC

RSC

RSC RSC

RSC

RSC

RSC RSC

RSC

RSC RSC

RSC

RSC RSC

RSC

RSC

RSC

RSC RSC

RSC

RSC RSC

RSC

RSC


153 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

ปจจัยท่เ ก่ยวกับ ถ ห ายถง ตัว ถท่ บ ลน าออก าใชในทางเ ่อ ป ยชน จากกา ัญ จ ป าห อกา บ ทกห อ น น า ห อ น ง่ ผ ดย า

ปจจัยทเ่ กย่ วกับ นอกปจจัยหน่ง ห ายถง นท่ เ่ ห็น วา า ญ ั องกา ว ใ ่ ห วกน ภัย ทั้ ง ท่ ห วกน ภั ย นั้ น เป นอ ปก ท่ ก ห าย ก าหนดให ต อง ว ใ ่ ใ นเวลา ั บ ่ ถเ ่ อ บ เทา วา น งทาง องหากเกดอบัตเหต ปจจัยทเ่ กย่ วกับ บ ล ห ายถง ตัว นห อบ ลท่ เปนผ บั ่ ห อ ผ ดย า ห อบ ลเดนถนนทัว่ ปท่ เปน ว่ น า ัญทท่ าใหเกด อบัตเหต น้

ปจจัยท่เก่ยวกับ ตัวถนน ห ายถง ถนนหนทางท่ใ ช ัญ จ ป า ทั้ ง ถนนดน ถนนลก ัง ถนนลาดยาง ถนน อนก ต

ป จจั ย ท่เ ก่ ย วกับ ภา วดลอ ล ภา อากา ห ายถง ภา วดลอ ทั่ว ป ใน หว่างกา ใช ถใชถนน ว ถง ภา ดน าอากา ทอ่ าจ กา เปลย่ น ปลง

หน่วยงานท่ ่ว เ วนาในเวทป กอบดวย ผศ.ดร.ปนัดดา ชานาญสุข ภาควิชาจิตวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คุณวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จัดกัด นายประสิทธิ์ คาเกิด รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จากัด น.ส.ธารินี ปานเขียว บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จากัด คุณอารักษ์ พรประภา บริษัท เอพีฮอนด้า จากัด ป เด็น า ัญในเวท เ วนา 1 : นว ด องบ ษัทเอกชน บทบาท องบ ษัทเอกชนในกา ่งเ ลังอานาจ องเยาวชนใหเปน ผนา วา ปลอดภัย 1. ผู้แทน ผู้บริหาร บริษัท โตโยต้า จากัด ใช้แนวคิดการสร้างวินัยขับขี่ กับการมีน้าใจ กลุ่มเปูาหมายคือผู้ใช้รถยนต์ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ โดยเยาวชนในวันนี้ก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และจะสร้างความ ปลอดภัยในกลุ่มรถยนต์ในอนาคตด้วยเช่นกัน โดยมีโครงการ โตโยต้า ถนนสีขาว 2. จาก บริษัทเอพีฮอนด้า จากัด เน้นผลิดรถจักรยานยนต์ ในหลักการความปลอดภัย กล่าวคือ “ ถ้าไม่มี ความปลอดภัยจะไม่ผลิตรถออกมาจาหน่ายโดยเด็ดขาด” โดยศึกษาวิจัยใน 2 ด้านหลักคือ 2.1 ด้านฮาร์ดแวร์ ได้แก่ อุปกรณ์ต่าง ๆ ของรถ โดยปัญหาที่พบคือการลืมยกขาตั้งขึ้น ทางฮอนด้า ไปวิจัยและปรับฮาร์ดแวร์ โดยการสตาร์ทไม่ติดถ้าลืมยกขาตั้งขึ้น 2.2 ด้านซอร์ฟแวร์ ได้แก่ การฝึกอบรมขับขี่ปลอดภัย โดยมีโครงการ ต่าง ๆ ดังนี้ - โครงการ Zero Accident “อุบัติเหตุเป็นศูนย์


154 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

- One Dealer one School (โดยประสาน Dealer กับ สถานศึกษาในพื้นที่นั้น โดยส่งครูอาจารย์ เข้ามาอบรม โดยทางฮอนด้าออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางอบรมให้ โดยมีเปูาหมาย 75 แห่ง ทั่วประเทศ และเมื่อจบ การศึกษาออกไปแล้วสามารถเป็นผู้ใช้รถอย่างปลอดภัยหรือผู้นาได้ - นักศึกษาเปูาหมายยกตัวอย่างเช่น นักศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคกาญจนา จ.เชียงราย ได้รับการ ฝึกอบรมกลับไปแล้ว สามารถช่วยลดการเกิดอุบัติเหตุได้ถึง 30% ( ศึกษาโดย ม.นเรศวร ฯ) โดยทางฮอนด้ากาหนดเปูาคือเป็นสัญลักษณ์ความปลอดภัย ใช้ Key word คือ Safety Thailand 3. บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จากัด - เห็นความสาคัญของอุบัติเหตุทาให้คนเสียชีวิตและพิการเพิ่มมากขึ้น ปีละ 14,000 คน โดยสัดส่วน การเกิดเหตุ 71% เกิดจากจยย. และพิจารณาถึงอายุที่ประสบเหตุพบว่าความสูญเสียของเยาวชนเป็นส่วนใหญ่ 54% อยู่ในกลุ่มอายุ 15-25 ปี 21% อายุ 26-34 ปี มากกว่า 35 ปี 16% บริษัทประกันวินาศภัย มีหน้าที่ใน การรับประกันและจ่ายค่าสินไหมทดแทน แต่การจ่ายเพียงอย่างเดียวไม่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาสังคม - จึงได้ดาเนินโครงการ ถนนปลอดภัยในสถานศึกษา โดยมุ่งเน้นในกลุ่มเยาวชนในโรงเรียนและในกลุ่ม อาชีวะ และอุดมศึกษา และจัดตั้งชมรมถนนปลอดภัยเพื่อดาเนินโครงการต่อเนื่อง และนาเสนอโครงการเพื่อ ดาเนินการต่อไป โดยมีแนวคิดว่าการช่วยชีวิตให้คนปลอดภัยได้ทุก 1 ชีวิต ถือได้ทาบุญมหาศาล - เน้นกลุ่มเปูาหมายในกลุ่มเยาวชน - ส่งเสริมให้เด็กคิดเองทาเอง - อบรมภาคทฤษฏีและภาคปฏิบัติ โดยหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมแล้ว จะต้องจัดตั้งชมรมถนนปลอดภัยใน สถานศึกษา ขึ้น 1 ชมรม โดยมีเงื่อนไขข้อบังคับของชมรมฯ ให้พร้อมดาเนินการได้เลย โดยกาหนดให้ต้องจัดตั้ง คณะกรรมการชมรม จานวน 15-20 คน และต้องคัดเลือกประธานชมรม รองประธานชมรม อาจารย์ทีปรึกษา และ กรรมการชมรมฯ เ วนา 2 : กล่ ท่ 1 เ วนาในหัว อ “ างวนัยดวย นตัวเล็ก “ - โรงเรียนสิเกาประชาผดุงวิทย์ จ.ตรัง ขับเคลื่อนโดยชมรม RSC โดยกาหนดรูปแบบกิจกรรมและ นาเสนอในที่ประชุมผู้ปกครอง โดยกาหนดเป็นระเบียบโรงเรียนว่าด้วย “ การใช้รถจักรยานยนต์การใช้รถใช้ถนนใน โรงเรียน 2553 ข้อ 5 มี 5 ข้อย่อย และกาหนดบทลงโทษ มีค่าปรับกรณีไม่สวมหมวกนิรภัย ครั้งละ 10 บาท หาก ถูกปรับ 3 ครั้งจะถูกถอนสิทธิ์การนารถเข้าจอดในโรงเรียน คาคม “ คนตัวเล็ก ใจก็เล็ก เงินก็เล็ก แต่ทาสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คือสร้างความปลอดภัยทางถนน “ - โรงเรียนพนมทวนชนูปถัมภ์ จ.กาญจนา เสริมสร้างให้เกิดความตระหนักในเรื่องความปลอดภัย และ สร้างผลสัมฤทธิ์ให้เกิดในโรงเรียน และขยายเครือข่ายโครงการ RSC ไปยังรร. ใกล้เคียง (โรงเรียนตลุงเหนือ) และจัด เสียงตามสาย โดยมีเพลงเหยี่ยวสร้างความปลอดภัย ห้องชมรมให้น้อง ๆ ในโรงเรียนได้เข้าไปศึกษาค้นคว้า ปรับปรุง สภาพถนนโดยวิศวกรน้อย ( โดยร่วมประชุมกับคณะครูในโรงเรียน เพื่อซ่อมถนนและจัดระเบียบการใช้รถให้ปลอดภัย เน้นการทาโครงการโดยใช้ จิตอาสา คาคม “ ผู้ใหญ่จะเป็นแบบที่ดีให้กับเด็ก ๆ “ - โรงเรียนยโสธรพิทยาสรรค์ จ.ยโสธร เริ่มกิจกรรมขับขี่ปลอดภัยตั้งแต่ปี 2548 และเริ่มจัดเก็บสถิการ เกิดอุบัติเหตุ ในปี 50 และใช้เสนอมาตรการปรับเงินในกลุ่มผู้ละเมิดและฝุาฝืนในโรงเรียน ชมรมประสานกับตารวจ จัดอบรมอาสาจราจรในโรงเรียน และดาเนินการกระตุ้นสวมหมวกนิรภัย 100% ซึ่งสารวจและควบคุมได้เฉพาะกลุ่ม นักเรียนที่นารถมาใช้ในโรงเรียน ปกา างวนัยดวย นตัวเล็ก เ วนา 2 : Presentation หัว อ “ เ ่ ตนท่ตนเอง เบ่งบาน ่ช ชนจาก นตัวเล็ก “


155 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

1. โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ จ.เชียงใหม่ เน้นการปลูกจิตสานึกในคะแนนพฤติกรรมนักเรียน - มีการจัดเก็บสถิติการเกิดอุบัติเหตุตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา และลดลงมาเรื่อยๆ ทุกปี - เสนอสภาพปัญหาจราจร และการเก็บสถิติการใช้รถในโรงเรียนเพื่อวิเคราะห์และดาเนินการ - มีการให้ความรู้กับครูและนักเรียนในทีประชุมครูผู้ปกครอง - ครูและตารวจให้ความรู้จราจรให้กับนักเรียนในโรงเรียน - ยามาฮ่า จัดคอนเสิร์ตในโรงเรียน โดยก่อนเข้าชมต้องได้รับการอบรมคอนเสิร์ต ก่อน - มีการสอบใบขับขี่ - การกาหนดกฎระเบียบขึ้นในโรงเรียน - มีการจัดตั้งชมรมขับขี่ปลอดภัยในสถานศึกษาขึ้นในโรงเรียน - มีการจัดตั้งอาสาจราจรขึ้นในโรงเรียนดูแลจราจรในโรงเรียน - มีการจัดเสียงตามสายเพื่อปลุกจิตสานึกในโรงเรียน - มีคณะกรรมการนักเรียนคอยตรวจและตัดคะแนน ไม่สวมหมวกหักคะแนนความประพฤติ 5 คะแนน โดยต้องผ่านเกณฑ์ก่อนจบ 60 คะแนน - การจูงรถเข้าโรงเรียน และจอดรถให้เป็นระเบียบ - มีการติดตั้งปูายจราจรขึ้นในทุก ๆ ที่โรงเรียน - ทาหนังสั้นเรื่อง สยามมนุสติ - ได้รับรางวัลสวมหมวกนิรภัย 100% จากศูนย์จราจรตารวจภูธร จ.เชียงใหม่ 2. โรงเรียน ท่าเรือนิตยานุกูล จ.อยุธยา - ใช้โครงการ หมวกกันน๊อค โดยมีการฝาก และการยืม เพื่อปลูกฝังให้ผู้เข้าร่วมโครงการตระหนักถึง อันตรายในอุบัติเหตุ ให้ยืมใช้ในโรงเรียน 1 ปี หากหายปรับ 120 บาท - เริ่มโครงการด้วยการสารวจ สังเกต และดาเนินการ รับฝาก 3. โรงเรียนอนุบาลประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี เน้นการมีส่วนร่วมของนักเรียนจิตอาสามาดาเนินการ งกา จ าจ นอยใน งเ ยน เ ่อใหนักเ ยน จักก จ าจ ใน งเ ยน - เปูาหมาย ปลอดอุบัติเหตุ พัฒนาชมรมให้เข้มแข็ง และขยายเครือข่ายชมรม RSC - โดยใช้หลัก PDCA - จัดตั้งอาสาจราจรจิตอาสาขึ้นในโรงเรียน - อบรมและประชุมเจ้าหน้าที่จิตอาสา - วิเคราะห์ปัจจัยที่เกิดอุบัติเหตุได้แก่ 3 ม. เมา มอเตอร์ไซด์ หมวกนิรภัย - ม.ที่ 1 จัดกิจกรรมตรวจสอบและซ่อมแซมรถมอเตอร์ไซด์ โดยร่วมกับวิทยาลัยสารพัดช่างและบ.กลางฯ โดยตรวจสภาพรถ ไม่มีกระจกรถ ไม่มีไฟหน้าท้ายสมบูรณ์ - ม.ที่ 2 หมวกนิรภัย มีการนารถมาใช้ 14 คัน - ประสานเครือข่าย ตารวจ สาธารณสุข บ.กลางฯ - ผลที่เกิดขึ้น นักเรียน ผู้ปกครอง รู้สึกปลอดภัย อาสาจราจรจิตอาสา มีคุณภาพมีจิตอาสามากขึ้น โรงเรียนไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในโรงเรียน และได้รับรางวัลต่าง ๆ มากมาก กล่ 3 : หัว อเ วนา “ บอกเล่าใหปลอดภัยจากใจ นตัวเล็ก” 1. โรงเรียน เทศบาลเมืองสวรรคโลก จ.สุโขทัย 2. วิทยาลัยเทคนิคสกลนคร จ.สกลนคร - ได้รับอุปกรณ์และงบประมาณสนับสนุนจากบ.กลางฯ ทาให้เสริมกาลังคนตัวเล็ก และยังได้รับคาชมเชย และให้กาลังใจจากท่านผู้ว่า ทาให้มีกาลังใจดาเนินการต่อเนื่อง - มีกิจกรรมชื่นชมคนสวมหมวกกันน๊อคหน้าวิทยาลัย - มีกิจกรรมพี่น้องต้องใส่หมวก


156 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

- มีกิจกรรมการจราจรปลอดภัย พร้อมกับได้ใบขับขี่ - มีกิจกรรมช่างยนต์อาสา เพื่อประชาปลอดภัย - มีกิจกรรมรณรงค์ความปลอดภัยสู่ชุมชน - มีกิจกรรม DJ หน้าใหม่ใส่ใจการขับขี่ ประกวดคาขวัญและมอบรางวัลให้ผู้ชนะเลิศ ผลท่ ด ไม่มีอุบัติเหตุทีร้ายแรงเกิดขึ้น และได้รับความพึงพอใจต่อกิจกรรมของชมรมฯ โดยสุ่มตัวอย่าง 200 คน ได้รับความพึงพอใจมาก 3. โรงเรียนพิชัยรัตนาคาร จ.ระนอง ( จ.ฝน 8 แดด 4 ) - ทาโครงการ - ประชุมวางแผนเพื่อหาข้อตกลงว่าจะทาอย่างไร ให้ความคิดสรุปเป็น 1 เดียว แนะนาให้น้อง ๆ ได้รู้จัก ชมรมฯ นานักเรียนปฏิญาณตนทุกวันศุกร์ ตั้งแต่ม. 1- ม.6 เป็นการปลูกฝังจิตสานึกของนักเรียน “ เราจะใช้ถนน อย่างระมัดระวัง สวมหมวกกันน๊อคทุกครั้งที่ใช้รถจักรยานยนต์ ” โดยได้ Mr. Ambassador เป็น Presenter ของ โครงการ สวมหมวกนิรภัย - ให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้รถใช้ถนน แก่คณะกรรมการนักเรียน - การประกวดคาขวัญแนวสร้างสรรค์รณรงค์การสวมหมวกกันน๊อค - โครงการติดปูายรณรงค์ ตามเสาไฟฟูาต่าง ๆ โดยหานักเรียนมาเป็นแนวร่วม เป็นแบบอย่างที่ดีและติด ปูายตามเสาไฟฟูา ตามอาเภอต่าง ๆ - และต่อไปจะมีโครงการพิชัยเรนเจอร์เพื่อต่อยอดขยายผลต่อไป 4. โรงเรียนเทศบาลเมืองสวรรค์โลก - “ผู้ร่วมอุดมการณ์ในการลดอุบัติเหตุเป็น 0” - โดยโรงเรียนมี โครงการถนนปลอดภัยสร้างวินัยจราจร - มีการสารวจการใช้หมวกนิรภัยในโรงเรียน ประชุมระดมความคิดแก้ปัญหา โดยบริษัทกลางฯ เป็นพี่เลี้ยง - มีกิจกรรมสร้างความตระหนัก โดยประกวดภาพระบายสี ตั้งแต่ป.1 – ม.6 - มีการประกวดคาขวัญเตือนสติ ชมวีดีทัศน์เตือนสติ - มีการตกแต่งหมวกนิรภัย

มีกิจกรรมให้ ความรู้หน้า เสาธง - มีกิจกรรมเสียงตามสาย คลื่นความถี่ความปลอดภัยผ่านวิทยุชุมชน - มีกิจกรรมเพื่อจิตสาธารณะ - มีกิจกรรมรุ่นพี่อบรมให้รุ่นน้อง - มีกิจกรรมตั้งด่านหมวกนิรภัย หน้าโรงเรียน


157 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

- มีกิจกรรมจาหน่ายหมวกราคาถูก โดยสหกรณ์โรงเรียน

- มีกิจกรรมเดินรณรงค์ขับขี่ปลอดภัย - หลัก 3 จ. 1 ร. ด้วยจิตอาสา จิตสาธารณะ จริงใจ ความร่วมมือจากทุกฝุาย บวร. บ้านวัดโรงเรียน - คีย์สู่ความสาเร็จ บ้านวัดโรงเรียน


158 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

กล่ 4 : VTR “ ่อ าง ปองกันภัย จากหัวใจ นตัวเล็ก” 1. โรงเรียนราษีไศล จ.ศรีสะเกษ สื่อในมุมองที่เป็นวัยรุ่น คึกคะนอง ทาอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังหรือ ประมาทนั่นเอง เป็นวีดีทัศน์ มี Plot เรื่องเป็นความรักของวัยรุ่นแต่ไม่ได้บอกรักกัน และรอบอก โดยวันหนึ่งแฟนชาย ไม่ใส่หมวกนิรภัยและไปประสบเหตุรถยนต์ชนกัน ทาให้เสียชีวิต โดยเบื้องหลังมีการเตรียมงานและมีทีมงานหลายคน ช่วยกันดาเนินการ โดยใช้เรื่องว่า “แค่นี้เอง”น่าจะโดนใจในกลุ่มวัยรุ่นได้ โดยหากได้รับการเสริมแรงและด้านการสื่อ อารมณ์จะช่วยกระตุ้นและสร้างการจดจาได้ดียิ่งขึ้น - เสนอให้แนะนาการถ่ายทาต่อเพื่อนๆ ผ่านสังคมออนไลน์ 2. โรงเรียนปทุมเทพ วิทยาคาร จ.หนองคาย “เป็นการรณรงค์การสวมหมวกนิรภัย ชื่อเต็มของโครงการ “ปทุมเทพรวมใจ สวมหมวกนิรภัย เทอดไท้องค์ราชัณย์ โดยโรงเรียนออกกฎระเบียบ ว่า หากนักเรียนไม่สวมหมวก นิรภัย จะไม่ให้เข้าโรงเรียน ทาให้นักเรียนสวมหมวกนิรภัย 100% อ ดเห็นต่อเวทเ วนาหองย่อย 1. เยาวชนเสนอให้ บริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ สื่อโฆษณา แบบซอร์ฟ ๆ ลง ไม่ควรใช้คา ซิ่ง แรง ซิ่ง ซ่า เป็นต้น 2. โตโยต้า ได้รับมุมมองจากผู้ผลิตสื่อ ทาสื่อเชิงสร้างค่านิยมเชิงสร้างสรรค์ โครงการ ขับเคลื่อนค่านิยม 3. อยากทราบช่องวิทยุ เพื่อการรับฟังจากหน่วยงานอื่นๆ 4. การนาโครงการดี ๆ ไปปรับใช้ เช่น 5. ความยั่งยืนของการดาเนินโครงการ จะทาอย่างไร 6. ดร.ปนัดดาฯ สรุปว่าโรงเรียนที่นาเสนอในวันนี้มีจุดใดที่น่าสนใจ โดยอาจผสมผสานสิ่งที่อยากทาเพิ่มกับสิ่งที่ คิดไว้ และนาเสนอแบบชวนเพื่อนๆ คุยกัน ในครึ่งวันภาคเช้า อกา / ่งดๆ ท่ ว หยบฉวย 1. การติดตามพฤติกรรมหรือผลลัพธ์ในอนาคต จากต้นทุนที่แต่ละองค์กรดาเนินการ ให้ยั่งยืน เช่น นักเรียน หรือ ครู อาจารย์ที่ได้รับการฝีกอบรม หรือเป็นกลุ่มน้าดี ไม่มีการติดตามผลในระยะยาวและให้แรงเชิงบวก เช่นการให้ รางวัลในการขับขี่ระยะยาว 5 ปี 10 ปี 2 . Act. Before is too late , it’s too late for apologies 3. ร่วมกันคิด ร่วมกันทา หลายหัวดีกว่าหัวเดียว 4. ถอดบทเรียน และประสานเชิงนโยบาย เพื่อต่อยอดขยายผลไปยังนักเรียนในทุกกลุ่มชั้นและทุกโรงเรียน 5. ความยั่งยืนของโครงการจะทาอย่างไร 6. การประสานแนวคิดดีๆ ของแต่ละหน่วยงานเพื่อผสานรวมเป็นโครงการต้นแบบที่ยั่งยืนและได้ผลในระยะ ยาว ได้แก่ - บ.โตโยต้า มีโครงการที่หลากหลาย มีนวัตกรรมใหม่ๆ เสมอ ทาตามกระแส น่าสนใจต่อ กลุ่มเปูาหมายมาก แต่เป็นโครงการระยะสั้น - บ.เอพีฮอนด้า เป็นโครงการที่เน้นย้าในการปฏิบัติ มีเปูาและวัตถุประสงค์วิธีการชัดเจน มีการ ประเมินหลังการอบรมชัดเจน มุ่งให้กลุ่มเปูาหมายขับขี่ปลอดภัย นาไปปฏิบัติในชีวิตประจาวันได้ ซึ่งการถ่ายทอด ต้องใช้ทักษะเฉพาะด้านและต้องอาศัยความชานาญสูงมาก ทาให้ยากต่อการสร้างวิทยากรรุ่นต่อรุ่นในแต่ละ สถานศึกษาได้ - บ.กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จากัด เป็นโครงการที่ดี เจาะกลุ่มเปูาหมายได้ตรงเปูาหมาย แต่ประสบปัญหาคือการดาเนินโครงการทาได้จานวนจากัด ปีละ 1-2 แห่งต่อจังหวัด เนื่องจากบุคลากรของแต่ละ สานักงาน ปริมาณงาน และงบประมาณ อเ นอท่ ว ป ับป ง โครงการของ บ.ฮอนด้า และโตโยต้า ควรมีการประสานภาคีเครือข่ายในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง


159 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

“ ตัวเล็กใจใหญ่ ผนา วา ปลอดภัยทางถนน” หัว อเ วนา Gen Y เพื่อถนนปลอดภัยและพลังเยาวชนกับการแก้ปัญหาเยาวชนเป็นเหยื่อการจราจร หน่วยงานท่ ่ว เ วนาในเวทป กอบดวย : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ปนัดดา ชานาญสุข : บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จากัด : บริษัท เอพีฮอนด้า จากัด ป เด็น า ัญในเวท นาเ นอ ่งท่ ดเ ยน จากนวัตก ล กา นาเ นอ องเ ่อวานน้ ดยอ.ปนัดดา ตองกา วา ด องเด็ก ด อย่า ล จ ทาอย่าง 1. นักศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษก จ.เชียงราย คาถาม จะให้นักเรียนสวมหมวกนิรภัยเข้าโรงเรียน ได้อย่างไร คาตอบ ใช้การ ลงโทษถ้าไม่สวมหมวกนิรภัยมากให้ว่ิงรอบรถ 14 รอบ แล้วได้ผลนักเรียนสวมหมวก นิรภัยมากขึ้น 2. นักศึกษาจากวิทยาลัยสารพัดช่างกาแพงเพชร ปวส. 1 เทคนิคยานยนต์ มาเป็นปีแรก ยังไม่มีการจัดตั้งชมรมในเรื่องการขับขี่ปลอดภัยและใช้รถใช้ถนน แต่วิทยาลัยมีการอบรมมา ตลอดทุกปี และจัดสอบใบขับขี่มาถึงวิทยาลัยแล้ว จอดรถ และเข็นรถเข้าวิทยาลัย สร้างวินัยแก่นักศึกษา อาจารย์สอนการขับขี่ปลอดภัย และมีน้าใจในการใช้รถแลใช้ถนน คิดว่ากลับไปจะทาโครงการ ช่วยเหลือคุณครูและสิ่ง ดี ๆ ให้วิทยาลัย โดยจะทาโครงการเสนอแนวคิดว่า การสร้างค่านิยมที่ดีอย่างไร ให้นักเรียนคิด ทาโครงการดีๆ ออกมาคิดว่าการอบรมดี แต่ไม่ยั่งยืน และยังไม่ดีพอ คิดว่าจะมีการอบรมสอบใบอนุญาตขับขี่ โดยขับได้เฉพาะใน สถานศึกษาเท่านั้น หากไม่มีปรับครั้งละ 10 บาท นาไปเข้าชมรมต่าง ๆ เพื่อทากิจกรรมในสังคมต่อไป หากปรับเกิน 3 ครั้ง ปรับตกคะแนนกิจกรรม 3. นักศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคพิษณุโลก โครงการรณรงค์ปูองกันและลดอุบัติเหตุฯ วิทยาลัยฯมีรถจยย. 3,000 กว่าคัน ติดถนน 4 เลนส์ อันตราย จัดกิจกรรมโดยอบรมให้ความรู้ การใช้รถใช้ถนนอย่างถูกวิธี จัดตั้งชมรมเพื่อการดาเนินการอย่างต่อเนื่อง เชิญครู ฝึกฮอนด้ามาสอนด้านทฤษฏี และปฏิบัติการจัดนิทรรศการต่างๆ ในวิทยาลัย เปูาหมายให้อุบัติเหตุเป็น ศูนย์ ให้ นักศึกษามีทักษะการใช้รถจักรยานยนต์ อย่างถูกวินัย และปลอดภัย าถา ทาอย่างไรให้นักศึกษาไม่ต่อต้าน าตอบ นักศึกษาในวิทยาลัยชอบแต่งรถ จะทากิจกรรมเพื่อลด แรงต่อต้าน เช่นแต่งรถเพื่อความปลอดภัยยิ่งขึ้น 4. นักศึกษาจากวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา เขตพื้นที่พิษณุโลก เสนอโครงการ ขับขี่ปลอดภัยสวมหมวกนิรภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ ในวิทยาลัยปัญหา คือมีรถในวิทยาลัยจานวน มากพันกว่าคัน ง่วง เมา แล้วขับ ปัจจัยสนับสนุนคือ นโยบายภาครัฐ ขอบเขต กวดขันการสวมหมวกนิรภัยทั้งเข้า และออกในวิทยาลัย การดาเนินงาน จัดฝึกอบรมครู จานวน 3 รุ่น ในปี 2552, ปี 2553 ,ปี 2554 ปี 2554 วิทยาลัยได้นาหลักสูตรการอบรมความรู้ พื้นฐานความปลอดภัย อบรมฝึกปฏิบัติแก่นักศึกษาใหม่ทุก รายในโครงการ One Deallewr one school การจัดกิจกรรมรณรงค์สวมหมวกนิรภัย ในโรงเรียนรวม 100% จัดทาสนามขับขี่ปลอดภัยขึ้นในสถานศึกษาเอง


160 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

ภาพการฝึกทักษะบนทางขรุขระและบนกระดานแคบเพื่อการทรงตัว

ภาพครูฝึกของมหาวิทยาลัยควบคุมดูแลอย่างดีทั้งขับรถตามและควบคุมจุดที่อันตราย ้นั ตอนกา ปฏบัตจ งตา น ยบาย ปี 2554 1.ประชุมกาหนดนโยบายให้กับอาจารย์ทุกคณะ ทุกสาขาวิชา โดยผู้บริหารระดับสูง และคณะกรรมการขับขี่ ปลอดภัย 2.รณรงค์ทาปูายประกาศและประชาสัมพันธ์ 1 สัปดาห์ 3.กาหนดวันเริ่มต้นสวมหมวกนิรภัยในมหาวิทยาลัย 4.ออกใบเตือนและควบคุมการสวมหมวก 5.ตรวจสอบการสวมหมวกโดยคณะกรรมการขับขี่ปลอดภัยและยึดรถจักรยานยนต์ 6.จัดตั้งชมรมขับขี่ในมหาวิทยาลัย 7.ส่งเสริมเป็นกีฬาขับขี่ปลอดภัยกีฬาสีภายในครั้งที่ 34


161 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

ภาพการเริ่มรนณรงค์ในสัปดาห์แรกของการดาเนินเชิงรุก

ภาพปูายรนณรงค์สวมหมวกนิรภัย100% อย่างชัดเจน าต กา าห ับกา ปฏบัตใน หาวทยาลัย 1.ตรวจการสวมหมวกก่อนเข้ามหาวิทยาลัย 2.ตรวจการสวมหมวกภายใน มหาวิทยาลัยเช่น โรงอาหาร อาคารเรียน 3.ตรวจในช่วงเวลาเช้าและเที่ยง 4.เมื่อพบผู้ทาผิดตักเตือนด้วยวาจา ในครั้งที่ 1 5.เตือนครั้งที่ 2 บันทึกชื่อและยึด กุญแจพร้อมรถจักรยานยนต์ ไว้ 1 วัน 6.เตือนครั้งที่ 3 บันทึกชื่อและส่งรายชื่อตัดคะแนนความประพฤติกุญแจพร้อมรถจักรยานยนต์ ไว้มากกว่า 1 วัน


162 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

ภาพนักศึกษาที่สวมหมวกแล้วสามรถเข้าได้ปกติ วันเปิดรั้วราชมงคล จะมีชาวบ้านและนักศึกษาเข้ามาอบรมร่วมด้วยกัน ผล ถตกา ป เ น งกา เดอน ถนายน 2554 ลาดับ

ท่เปิด อน

จานวนนัก กษา ทั้งห ด

่ ว ห วก น ภัย 80 %

อบัตเหต ใน หาวทยาลัย

ชาย

หญิง

ชาย

หญิง

ชาย

หญิง

1

วิศวกรรมศาสตร์

406

7

325

6

0

0

2

วิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีการเกษตร

511

294

409

236

0

0

3

บริหารธุรกิจและ ศิลปศาสตร์

61

344

49

276

0

0

978

645

783

518

0

0

ผลรวม

ผล ถตกา ป เ น งกา เดอน ก ก า ลาดับ ท่เปิด อน

2554 จานวนนัก กษาทั้งห ด

่ ว ห วก น ภัย

อบัตเหต ใน หาวทยาลัย

ชาย

หญง

ชาย

หญง

ชาย

หญง

1

วิศวกรรมศาสตร์

406

7

10

1

0

0

2

วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร

511

294

52

30

0

0

3

บริหารธุรกิจและศิลปศาสตร์

61

344

6

35

0

0

978

645

68

66

0

0

ผล ว ผล ถตกา ป เ น งกา เดอน งหา

2554


163 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

ลาดับ

ท่เปิด อน

จานวนนัก กษา ทั้งห ด

่ ว ห วก น ภัย

อบัตเหต ใน หาวทยาลัย

ชาย

หญิง

ชาย

หญิง

ชาย

หญิง

1

วิศวกรรมศาสตร์

406

7

0

0

0

0

2

วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร

511

294

0

0

0

0

3

บริหารธุรกิจและศิลปศาสตร์

61

344

0

0

0

0

978

645

0

0

0

0

ผล ว

45 40 35 30 25 20 15

10 5 0

ภาพเยาวชนตัวเล็กทดลองขับขี่ปลอดภัยแบบจาลองงานเปิดรั้วด้วยความสนใจยิ่ง


164 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

ภาพชาวบ้านผู้สนใจเข้าร่วมการทดสอบขับขี่ปลอดภัยอย่างถูกต้องในสนามมาตรฐาน

ภาพนักศึกษาชมรมขับขี่ปลอดภัยจัดทาสนามแข่งขันขับขี่ปลอดภัย


165 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

ภาพสนามแข่งสถานีเบรก ระยะ 100 m. ความเร็ว 40 km/hr

ภาพสถานีแข่งขันการทรงตัวบนกระดานและทางแคบ 5. นัก กษาจากวทยาลัยเท น อบล าชธาน มีนักศึกษา 4,000-5,000 คน ใช้รถจักยานยนต์ 3,000 กว่าคัน มีโรงรถ มีระบบ ระเบียบในการ ขับขี่ ไม่อนุมัติให้ขับขี่ในวิทยาลัยโดยตรง ยกเว้นได้รับอนุมัติจาก รปภ.และคณะครูในโรงเรียน ธรรมชาติ เด็กช่าง ชอบแต่งรถ และรั้น ทุกคนจะมีรถจยย. เป็นของตัวเอง การแต่งรถทาให้สาว ๆ สนใจ การแต่งรถจึงมีผลต่อ นักศึกษาประมาณ 60% (รถถูกแต่ง) กาหนดให้การขับขี่ต้องขับเลนส์ซ้าย เท่านั้น ห้ามขับรถเข้ามาในวิทยาลัย มีชมรมขับขี่ปลอดภัยในโรงเรียน และดาเนินการ่วมกับบุคคลภายนอก โดยเชิญตารวจมาร่วมดาเนินการ เทคนิคแต่ง รถให้สวยงามแต่เน้นความปลอดภัย 6. นัก กษาจากวทยาลัยเท น บ ั ย ปว . 2 ช่างกล งงาน วิทยาลัยร่วมกับหน่วยงานภายนอก ร่วมกับ ตารวจ และบริษัทยามาฮ่า มอเตอร์ ล่าสุดมีการจัดกิจกรรมของ บริษัทยามาฮ่า ฝึกทักษะการขับขี่ปลอดภัย ฝึกการเข้าโค้ง วิทยาลัยได้จัดส่งนักศึกษาเข้าแข่งขันขับขี่ปลอดภัย ของ บ. ฮอนด้า แทนที่ไปใช้ความเร็วบนท้องถนน เรามาแข่งขับขี่ปลอดภัยกับฮอนด้า ร่วมกับ ยามาฮ่า แข่ง กิวคานา แข่งขันการขับตั้งกรวยจราจร การอบรมขับขี่ปลอดภัย ร่วมกับบุรีรัมย์ ยนตการ ทาใบขับขี่ มีนักศึกษาบางส่วนขับ รถยนต์ด้วย มีการนารถเข้ามาในวิทยาลัยทั้งนักเรียน ครูและบุคคลภายนอกด้วย จัดคอนเสร์ต โดยนานักร้อง Idal มาหานักศึกษาสาว ๆ สวย มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ในการส่งเสริมขับขี่ปลอดภัย สารวจข้อมูลว่ามีการนารถจยย.มาใช้กี่ คัน สวมหมวกกี่คน การควบคุมการจอดรถในโรงเรียน โดยจอดข้างสนามฟุตบอล จอดข้าง ๆ อาคารวิทยาลัย จัดทาปูายประชาสัมพันธ์สวมหมวกนิรภัย


166 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

7. นัก กษาจากวทยาลัยเท น าชบ เสนอโครงการ ขับขี่ปลอดภัย อบรม 2 ภาค ได้แก่ ภาคทฤษฏี และภาคปฏิบัติ แบ่งเป็น 4 สถานี ขับกิวแซก ขับจิวคานา อบรมชุดแรก 100 คน และค่อยๆ ขยายไปให้ครบ รถจยย. 3,000 คัน ประสานตารวจให้เข้มงวดตรวจจับ ปรับ การสวมหมวกนิรภัยก่อนดาเนินการสวมหมวกนิรภัยน้อย มา หลังดาเนินการมีการสวมหมวกนิรภัยได้ 70% และจะขยายไปทีละแผนกจนครบ 100% 8. นัก กษาจากวทยาลัย า ัดช่าง าษฏ ธาน ภาคเรียนที่ 1 นักศึกษาปี 1 และทุกชั้นปี เข้าร่วมอบรมสอบใบอนุญาตขับขี่ ภาคเรียนที่ 2 อบรมเหมือนภาคเรียนที่ 1 ซ้าอีก อบรมทุกเผนกพร้อมกันทั้งวิทยาลัย ตั้งเปูาหมายในการเข้าอบรม 90 % โดยดูจากการสวมหมวกนิรภัยมีเพิ่มมากขึ้น โดยเก็บข้อมูลสถิติจานวน 90 % คงเหลืออีก 10 % ในส่วนนี้มี มาตรการโดยหากไม่สวมหมวกนิรภัย - ใช้คะแนนกิจกรรมหากไม่ร่วมมือจะหักคะแนน - สร้างจริยธรรม และปรับคะแนนหากไม่ให้ความร่วมมือ 9. นัก กษาจากวทยาลัยเท น เ ช บ จยย. 1,500 ัน ยังไม่มีชมรม RSC แต่วิทยาลัยได้เข้าร่วมกิจกรรมกับโครงการ อุบัติเหตุเป็นศูนย์ร่วมกับ เอพีฮอนด้า และ นักศึกษาก็ได้เข้าร่วมกับน้องๆ มีกิจกรรมออกหน่วยร่วมกับภายนอก เช่นตรวจสภาพรถขับขี่ปลอดภัย ให้กับประชาชน ทั่วไป หน้าวิทยาลัยมีตารวจมาตรวจจับเข้มงวด ทาให้สร้างพฤติกรรมและวินัยขึ้นในโรงเรียนได้ - การติดปูายขับขี่ปลอดภัยในโรงเรียน การแต่งรถให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น มีเพียง 10% ที่ไม่แต่งรถ 10. นัก กษาจากปท เท วทยา า จ.หนอง าย โครงการ จัดตั้งชมรมฯ และวางแผนดาเนินงาน ให้มีการสวมหมวกนิรภัย 100% โดยโรงเรียนมีการ แบ่งเป็นคณะสีอยู่แล้ว จึงทาการแข่งขันแต่งบูธ และออกแบบแข่งขันกัน มีการแต่งพวงกุญแจหมวกนิรภัย โดยลูก ปิงปองตัดออก ¼ ลูก ยังมีการแข่งขันเป็นกีฬาสีหมวกกันน๊อค เริ่มต้นด้วยการขาดแคลนหมวกกันน๊อค แล้วทาสี จัดทาปูายประชาสัมพันธ์ สื่อให้เห็นความไม่ปลอดภัย หรือผลที่ได้รับถ้าไม่สวมหมวกนิรภัย ผลของโครงการหมวกบุญ นักเรียนและครูผู้ปกครอง ให้ความร่วมมือดีมาก และช่วยกันสอดส่องให้นักเรียนใส่หมวก ก่อนออกจากบ้าน เทคนิคใช้กีฬาสีหมวกกันน๊อคเป็นแรงขับเคลื่อน 11.นัก กษาจาก งเ ยนบาน ผ่ กษา จ. อน ก่น โครงการ เช็คสถิติผู้ที่สวมหมวกนิรภัยในโรงเรียน คนขับ 100% คนซ้อน 95% กิจกรรม การจัดตั้งแฟนเพจ www.facebook.com ชมรมถนนปลอดภัยในสถานศึกษาบ้านไผ่ศึกษา จะต่อยอดประกวดหนังสั้นและภาพถ่ายอุบัติเหตุชนะเลิศแล้วจะไปเผยแพร่ อบรมม. 1 –ม. 4 เรื่องความปลอดภัยทาง ถนน จะบูรณาการประสานกับตารวจ รพ.บ้านไผ่ 12. นัก กษาจาก งเ ยนบานเ า จ. ง ลา โครงการ Smile on The Road ไปหาแกนนามาทาหน้าที่นี้ โดยการเปิดรับสมัคร จัดอบรมให้มีความรู้ ด้านกฏจราจร เพื่อไปบอกต่อครอบครัวและเพื่อน ๆ ทาข้อตกลงร่วมกัน การประเมิน จากจานวนสมาชิกเพิ่มชึ้ นอย่างน้อย 20% ปัจจัยสนับสนุนที่โรงเรียนต้องการ คือวิทยากรมาช่วยขับเคลื่อน กลอน ความปลอดภัยอยู่ที่ไหน ใครบอกที อยู่ที่การกระจายจากตัวเราสู่สังคม 13 นัก กษาจาก งเ ยน ก ทวทยา เ ่ ช ปี 53 โครงการ จัดอบรมสาธิตขับขี่ปลอดภัย กิจกรรม สารวจสถิติรถจยย. 70 คัน กิจกรรม “ จับตาถ่ายรูป “ รอถ่ายรูปนักเรียนที่ไม่สวมหมวกนิรภัย ติดบอร์ดประจาน กิจกรรม อนาคต “ สร้างเครือข่ายสร้างแกนนา “ ไปเรื่อยๆ ต้มจืดต้องใส่ฟัก ความรักต้องใส่ใจ ปลาร้าต้องใส่ไห ความปลอดภัยต้องใส่หมวกนิรภัย 14 นัก กษาจากวทยาลัยเท น าบตา ด จ. ยอง


167 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

แนวคิดก่อนเริ่มทาโครงการ Passport Service ความถนัด ถนัดซ่อมและเช็คสภาพตัวรถ โดยปัจจุบันได้ทาโครงการ ตรวจรถก่อนใช้ปลอดภัยแน่นอน ปัจจัย คน รถ ถนน ฝนฟูาอากาศ วิทยาลัยทาได้ 2 เรื่อง คือ คนกับรถ ขั้นตอนการปฏิบัติงาน - ขับรถจยย. รณรงค์ขับขี่เปิดไฟ ใส่หมวกกันน๊อค ตามถนนสายหลักใน อ.เมือง จ.ระยอง - ให้ความรู้เรื่องการตรวจเช็ค และบารุงรักษารถจยย. ก่อนใช้ให้กับคนในชุมชน และนักเรียนโรงเรียน มัธยมศึกษา - ให้ผู้มาอบรมรับ Passport Service เพื่อนารถมาตรวจเช็คฟรี จานวน 4 สถานี 15 นัก กษาจาก งเ ยน ่วนบญ ญปถั ภ ทาโครงการ สวมหมวกนิรภัย 100% โดยในสถานศึกษา 100% นอกสถานศึกษา 50% เพราะใกล้กับ วิทยาลัยเทคนิค จึงทากิจกรรม 3 ฮ. ฮู้ฮัก ฮู้จัก ฮู้เจ็บ มีโรงพักและสนามจาลองในสถานศึกษา 16 นัก กษาจาก งเ ยนป ถ กษาธ า ต จ.ปท ธาน ส่วนใหญ่นั่งรถ รับ -ส่ง มาโรงเรียน ทา ICT RVP Road Safety Camp สร้างเวปไซต์ชมรม และเปิดให้ นักเรียนในโรงเรียนและบุคคลภายนอก ลงทะเบียน มีกฎหมาย ความรู้หนังสั้น ให้ทุกคนเข้าไปศึกษาได้ โดยใช้ ตัวเชื่อมคือ ตัวเงินตัวทอง เพราะในโรงเรียนมีตัวเงินตัวทองเยอะมาก ทาแบบทดสอบแฟนพันธ์แท้ กฏจราจร เปูาหมาย อยากให้นักเรียนทุกระดับชั้นมีความรู้และสร้างจิตสานึกขับขี่ปลอดภัยอย่ายั่งยืน และให้บุคคลภายนอก เข้ามาให้ความเห็นผ่าน FB และ Twitter ปัจจัยที่ต้องการ Tablet อุปกรณ์ต่างๆ คาดหวังว่า จะได้เป็น โครงการต้นแบบของ จ.ปทุมธานี คาขวัญ “มุ่งมั่นพัฒนาจิตอาสาอย่างยั่งยืน” อ ดเห็นต่อเวทเ วนาหองย่อย 1.การสร้างวินัยขึ้นในโรงเรียน โดยนักเรียนคิดกันขึ้นมาเอง โดยเริ่มจากตัวเราก่อน เราทาได้และสมบูรณ์ มั่นใจแล้ว ขยายไปสู่ชุมชน เห็นด้วย 2.เวลาจากัด ทาให้ไม่มีข้อคิดเห็นต่อเวทีเสวนา อกา / ่งดๆ ท่ ว หยบฉวย 1.การบูรณาการ โครงการเพื่อจัดตั้งชมรมหรือเครือข่ายถนนปลอดภัย ด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ที่เหมาะสมในแต่ ละกลุ่มสถานศึกษา ควรจัดทาเป็นแม่แบบ และฝึกอบรมครูและนักศึกษา เพื่อดาเนินการในสถานศึกษา และเปิด ให้ทุกสถานศึกษาแสดงเจตน์จานงในการสมัครเข้าเป็นสมาชิก 2.กิจกรรมต่าง ๆ ในโรงเรียน สามารถนามารวบรวมทาเป็นต้นแบบได้ โดยแต่ละโรงเรียนหรือชมรมจะได้มี แนวทางทาเป็นแบบอย่าง ได้แก่ -การสารวจจานวนรถที่นามาใช้ในโรงเรียน การใช้หมวกนิรภัยของนักเรียน การใช้รถรับส่ง ฯลฯ เพื่อวิเคราะห์ประเมินปัญหาในขั้นต้นเป็นทุน และคิดทาโครงการให้ได้เปูาหมายการสวมหมวกนิรภัย 100% -การจัดหาหมวกนิรภัยให้นักเรียน โดยโครงการ ผ้าปุาหมวกนิรภัย เชิญชวนบริษัทห้างร้าน และ ผู้ปกครอง ร่วมบริจาคช่วยเหลือกัน -การทา VTR สร้างสื่อกระตุ้นการขับขี่ปลอดภัย สะท้อนปัญหาการไม่สวมหมวกนิรภัย -การทาสนามจาลองในสถานศึกษา เช่น โรงเรียน วิทยาลัยเทคโนโลยี่ราชมงคลล้านนา ส่วนบุญโญป ถัมภ์ -การทาปูายโปสเตอร์ / คาขวัญขับขี่ปลอดภัย ติดในบริเวณโรงเรียน -การคัดเลือกหรือประกวด Presenter เพื่อเชิญชวนขับขี่ปลอดภัย -การแอบถ่ายรูป คนไม่สวมหมวกนิรภัย ประจาน -กิจกรรมการตรวจรถก่อนใช้ของ กลุ่มวิทยาลัยเทคนิค และเพาะช่าง -กิจกรรมแต่งรถเพื่อความปลอดภัย ในกลุ่มวิทยาลัยเทคนิค และเพาะช่าง -การสร้างสถานีตารวจจาลอง และสนามจาลองฝึกขับขี่ปลอดภัยขึ้นในโรงเรียน


168 สัมมานาอุบัติเหตุครั้งที่ 10

3. วิธีดาเนินการ - การฝึกอบรมภาคทฤษฏี ในด้านความปลอดภัย และฝึกขับขี่ปลอดภัยในภาคปฏิบัติ - ทาทีละแผนก ๆ แล้วค่อยขยาย ไปให้ทุกแผนก ทุกชั้นเรียน - จัดการแข่งขันเป็นแบบกีฬาสี ในโรงเรียนให้ครบ 100% เช่น โรงเรียนจังหวัดหนองคาย ปทุมเทพ วิทยาคาร - การหาแกนนาในโรงเรียน และสร้างข้อตกลงร่วมกันในโรงเรียน - การออกกฎในโรงเรียน ไม่ใส่หมวกปรับครั้งละ 10 บาท หรือตัดคะแนนกิจกรรม - การออกใบขับขี่ให้กับนักเรียนอบรมขับขี่ปลอดภัยไว้ใช้ในโรงเรียน เท่านั้น โดยชมรมดาเนินการเอ - จ นา งกา เด่น อง ต่ล งเ ยน ป ับ ล ดาเนนกา ใน .ตัวเอง - ด .ปนัดดา เ นอ ใหนอง ๆ ่งเนนใหเด็กกล่ ด ล เด็กกล่ เ ่ยงใหเ ากัน ด อเ นอท่ ว ป ับป ง 1. การบูรณาการ โครงการเพื่อจัดตั้งชมรมหรือเครือข่ายถนนปลอดภัย ด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ที่ เหมาะสมในแต่ละกลุ่มสถานศึกษา ควรจัดทาเป็นแม่แบบ และฝึกอบรมครูและนักศึกษา เพื่อดาเนินการใน สถานศึกษา และเปิดให้ทุกสถานศึกษาแสดงเจตน์จานงในการสมัครเข้าเป็นสมาชิก คาคม 1 ความปลอดภัยอยู่ที่ไหนใครบอกที ความปลอดภัยต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน ความปลอดภัยทางถนนเกิดแน่นอน เราลงมือทากันก่อนอย่านอนใจ เรามา Time for Action กันวันนี้ ได้รับรู้สิ่งดีดีอย่างมากหลาย ที่เพื่อนๆ เยาวชนสาธยาย เราจะนาไปกระจายสู่ชุมชน คาคม 2 “มุ่งมั่นพัฒนาจิตอาสาอย่างยั่งยืน” คาคม 3 แต่งรถอย่างไร ให้ปลอดภัย คาคม 4 ต้มจืดต้องใส่ฟัก ความรักต้องใส่ใจ ปลาร้าต้องใส่ไห ความปลอดภัยต้องใส่หมวกกันน๊อค


169

สัมมนาอุบัติเหตุฯ ครั้งที่ ๑๐

บทเรียนการเฝ้าระวังและติดตาม “ความปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะ” ดร.จิราพร ลิ้มปานานนท์ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แนวคิด และ การออกแบบการทางานเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมจากภาคประชาสังคม  แนวคิด  สร้างความเข้มแข็งของภาคประชาสังคม  รู้จักสิทธิและหน้าที่ของการเป็นพลเมืองของประเทศ  การออกแบบการทางาน  สร้างการมีส่วนร่วมของเครือข่ายผู้บริโภค  สร้างแกนนาจากผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง  เรียกร้องสิทธิเมื่อถูกละเมิดสิทธิ

ผลลัพธ์


170

สัมมนาอุบัติเหตุฯ ครั้งที่ ๑๐

ผลการดาเนินงานที่สาคัญและปัจจัยสาเร็จ 

การสร้างความตระหนักของสังคมไทยของความปลอดภัยในการโดยสารรถสาธารณะ 

ผ่านสื่อต่างๆ ของ มพบ. เช่น นิตยสารฉลาดซื้อ รายการโทรทัศน์ ”กระต่ายตื่นตัว” แผ่นพับ

ผ่านกิจกรรมบริการรถโดยสารสาธารณะยอดเยี่ยมและยอดแย่

ผ่านการใช้มาตรการทางกฎหมาย

อุบัติเหตุรถโดยสารสาธารณะ

กิจกรรมที่สื่อกับสาธารณะ  ปี 2553 ประกาศผลสารวจ“บริษัทรถโดยสารยอดเยี่ยม-ยอดแย่ 5 ภูมิภาค”  ปี 2554 ประกาศผลสารวจ“ความพึงพอใจการให้บริการ รถโดยสารสาธารณะใน5 ภูมิภาค”  ปัจจุบัน จัดตั้ง “หน่วยพิทักษ์ รถโดยสารปลอดภัย ” ระบบป้องกันและเฝ้าระวัง

ระบบร้องเรียน

ระบบชดเชยเยียวยา

กระบวนการดาเนินงาน - การให้ความรู้เผยแพร่ สู่สาธารณะ & ทาสื่อแผ่นพับ สติ๊กเกอร์ เผยแพร่ & ทาสปอตวิทยุ ผ่านวิทยุ ชุมชน & เผยแพร่ผ่านเวบไซด์ www.consumerthai.com & การจัดทาเอกสาร กรณีศึกษาการละเมิดสิทธิ & ชุดคู่มือนักเดินทาง & สารวจรถโดยสาร

กระบวนการดาเนินงาน -เปิดช่องทางการร้องเรียนผ่าน web,ระบบ online ของ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และ ผ่านกลไกรับเรื่องร้องเรียนศูนย์พิทักษ์ สิทธิทั้งในกทม.และภูมิภาค 5 ภาค -ประสานความร่วมมือกับโรงพยาบาล 297 แห่ง ร้อยละ 52 ให้ความร่วมมือในการส่ง รายชื่อผู้ประสบภัยที่เข้ารับการรักษากับ โรงพยาบาล

กระบวนการดาเนินงาน - ใช้กระบวนการทางศาล การทา คดีเพื่อให้เกิดการบังคับคดี ให้ ผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบใน การจ่ายค่าเสียหายชดเชย - จัดตั้งทนายอาสาที่ส่วนกลาง เพื่อรับทาคดีและกระบวนการ ทางศาล


171

สัมมนาอุบัติเหตุฯ ครั้งที่ ๑๐

ข้อเสนอ ด้านความปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางถนน จากเครือข่ายภาคประชาชน เสริมสร้างพลังผู้บริโภค ด้วยการสนับสนุน พ.ร.บ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. .... ตาม เจตนารมย์แห่ง รัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2550 ในมาตรา 61  สนับสนุนการจัดระบบบริการรถสาธารณะให้ได้มาตรฐานด้านความปลอดภัย อาทิ การเข้าถึงระบบ การขนส่งสาธารณะให้มีรูปแบบบริการที่สะดวก รวดเร็ว การจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาคุณภาพรถโดยสาร สาธารณะการปฏิรูประบบการให้ใบอนุญาตเป็นแบบที่ให้มีการแข่งขันมากกว่าการผูกขาด  ผลักดันให้นโยบายของรัฐบาลข้อ 4.5.6 ที่จะลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุจราจร ให้เหลือน้อยที่สุดและถือเป็น “วาระแห่งชาติ ” ที่ต้องดาเนินการอย่างเข้มข้นในทุกพื้นที่ของประเทศ ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งด้าน งบประมาณ และการติดตามกากับดูแล ประเมินผล อย่างจริงจัง

การสืบสวนอุบัติเหตุเชิงลึก และการวิเคราะห์สาเหตุการชน • การสืบสวนเชิงลึกอุบัติเหตุ หมายถึง การตรวจสอบความถี่ถ้วนถึงรายละเอียดของทุกปัจจัย ที่จะเสริมให้เกิด อุบัติเหตุ ทาให้ได้คาอธิบายถึงลาดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยอาศัยข้อมูลที่เป็นจริง (River,1995).

ทาไมจึงต้องสืบสวนอุบัติเหตุเชิงลึก?

 การสืบสวนอุบัติเหตุรุนแรงแม้เพียงหนึ่งหรือสองสามรายก็ย้าให้เห็นถึงปัญหาในเชิงโครงสร้างของความไม่ ปลอดภัยในระบบ (Unsafe system) สามารถเสนอแนะมาตรการป้องกันและสิ่งที่ต้องทาการแก้ไข เพื่อ ป้องกันไม่ให้อุบัติเหตุลักษณะเดียวกันนั้นเกิดซ้าอีก (Expert Group in Accidents in Transport Sector, Road accident investigation in the European Union – Review and Recommendation, May 11, 2006) ทาไมอุบัติเหตุครั้งนี้สามารถจุดประเด็น ขับเคลื่อนให้มีการยกเครื่องระบบรถไฟได้


172

สัมมนาอุบัติเหตุฯ ครั้งที่ ๑๐

ประโยชน์ของการสืบสวนเชิงลึกอุบัติเหตุ

วิธีการสืบสวนอุบัติเหตุ อุบัติเหตุแต่ละรายแตกต่างกันแต่วิธีสืบสวนอุบัติเหตุไม่ใช่. ไม่ เสียหายโดยสิ้นเชิงหรือเสียหายเล็กน้อยเท่านั้น (แต่) วิธีสืบสวน เหมือนกันทุกราย และทุกครั้ง

แนวทางการดาเนินงานของหน่วยสืบสวนอุบัติเหตุ 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7.

การรอรับแจ้งเหตุของหน่วยสืบสวนอุบัติเหตุ การดาเนินงานหลังจากได้รับการแจ้งหรือทราบการเกิดเหตุ การดาเนินงานในที่เกิดเหตุ การรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม การวิเคราะห์สาเหตุอุบัติเหตุ และ Accident Reconstruction การจัดทารายงาน การจัดเก็บข้อมูล

ว่ารถจะ ต้อง


173

สัมมนาอุบัติเหตุฯ ครั้งที่ ๑๐

ขณะนี้ อยู่ระหว่างดาเนินการในระยะที่ 3 เน้นสืบสวนเชิงลึกอุบัติเหตุรถ ขนาดใหญ่ เช่น รถโดยสาร รถบรรทุกขนาดใหญ่ และรถตู้ อุบัติเหตุจุดตัด ทางรถไฟ อุบัติเหตุที่เป็นที่น่าสนใจของสาธารณะหรือมีผลกระทบต่อสังคม เช่น อุบัติเหตุรถรับส่งนักเรียน รถกระบะที่ใช้ขนคน และรถขนส่งสินค้า อันตราย

ปัจจัยคน  ความเร็วเกิน / ความเร่งรีบ  ไม่รู้จัก/ไม่คุ้นเคยกับเส้นทางที่ขับ (โดยเฉพาะรถไม่ประจาทาง)  ไม่คุ้นเคยกับรถคันที่ขับ


174

สัมมนาอุบัติเหตุฯ ครั้งที่ ๑๐

ความล้า  ใช้เกียร์ไม่เหมาะสม และใช้เบรกมากเกินไป  ขับรถขณะมึนเมา  ไม่ได้ให้สัญญาณเตือนที่เหมาะสม  คนขับร่างกายไม่พร้อม  ใช้ไหล่ทางด้านซ้ายเพื่อการแซง – ตกข้างทาง  หักพวงมาลัยกะทันหันหลบเลี่ยงการชน นาไปสู่อุบัติเหตุใหม่ที่รุนแรง  ใช้โทรศัพท์ขณะขับขี่  ยังฝืนเดินทางต่อไปทั้งๆ ที่เบรกไม่ดีมาตลอดทาง ปัจจัยยานพาหนะ  โครงสร้างส่วนบนของรถไม่มั่นคงแข็งแรงพอที่จะปกป้องผู้โดยสารเมื่อรถพลิกคว่า  ไม่ได้ติดตั้งเข็มขัดนิรภัยสาหรับผู้โดยสาร  ที่นั่งผู้โดยสารหลุดจากพื้นรถขณะเกิดอุบัติเหตุ  สภาพยางไม่ดี – ยางระเบิด  เบรกไม่ทางาน  เครื่องยนต์และช่วงล่างไม่ได้ตรวจเช็คอย่างดี  การใช้รถบรรทุกดัดแปลงเป็นรถโดยสาร ที่นั่งมักหลุดออกจากพื้นรถ  ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันไม่ให้เพลาส่งกาลังที่หลุดลงมาแตะกับพื้นถนน  ประตูฉุกเฉินและเครื่องดับเพลิงไม่สามารถใช้ได้ และวัสดุในห้องโดยสารติดไฟง่าย  ผู้โดยสารแน่นเกิน ทาให้การอพยพหนีออกจากตัวรถทาได้ยาก 

แขวงการทางเชียงใหม่ 1  ติดตั้ง Guard Rail ในที่ที่ยังไม่มี  เปลี่ยน Guard Rail เป็น Concrete Barrier ในจุดเสี่ยงภัย  จุดประกายให้มีการทบทวนมาตรการขององค์กร สสจ.และรพ.อุดรธานี จะยกเครื่องระบบการเดินทางของบุคลากร


175

สัมมนาอุบัติเหตุฯ ครั้งที่ ๑๐

ปัจจัยเงื่อนไขสาคัญต่อความสาเร็จ  ดาเนินการสืบสวนฯได้ โดยได้รับความร่วมมือ/ให้ข้อมูลและหลักฐานจากหน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้อง  ได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการดาเนินงาน  ยังสามารถเปิดเผยผลการสืบสวนได้ในระดับหนึ่ง ปัญหาอุปสรรค และ ความท้าทาย


176

สัมมนาอุบัติเหตุฯ ครั้งที่ ๑๐

(ไม่)มีผู้ต้องการใช้ผลการสืบค้นสาเหตุและแนวทางแก้ไข  หน่วยงานรัฐ (หน่วยงานทาง กรมการขนส่งทางบก ....)  เอกชน ผู้ผลิตรถยนต์  สื่อมวลชน  (ไม่)มี Know-How /องค์ความรู้/เทคนิค ในการสืบค้นการชนมากขึ้น  (ไม่)มีทรัพยากรสาหรับการดาเนินการของหน่วยฯ ให้หน่วยสามารถทางานได้อย่างอิสระ ทิศทางของการดาเนินงาน ใน ทศวรรษแห่งการลงมือทา การสืบสวนเชิงลึกของอุบัติเหตุควรจะได้ดาเนินการไปอย่างต่อเนื่อง  เพื่อเรียนรู้และพัฒนาองค์ความรู้ เทคนิค ในการสืบสวนสาเหตุ และการย้อนรอย (Reconstruction) อุบัติเหตุ ที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้นในประเทศไทยให้เพียงพอแก่การสืบค้นสาเหตุและความรุนแรงของอุบัติเหตุ  เกาะติดการขับเคลื่อน - รักษากิจกรรมการสืบสวนอุบัติเหตุให้เป็นที่ประจักษ์แก่หน่วยงานและสาธารณะ  ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายเพื่อผลักดันในเชิงรุกมากขึ้นต่อการแก้ไขปัจจัยอุบัติเหตุ ทิศทางของการดาเนินงาน ใน ทศวรรษแห่งการลงมือทา การสืบสวนเชิงลึกของอุบัติเหตุควรจะได้ดาเนินการไปอย่างต่อเนื่อง  เพื่อเรียนรู้และพัฒนาองค์ความรู้ เทคนิค ในการสืบสวนสาเหตุ และการย้อนรอย (Reconstruction) อุบัติเหตุ ที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้นในประเทศไทยให้เพียงพอแก่การสืบค้นสาเหตุและความรุนแรงของอุบัติเหตุ  เกาะติดการขับเคลื่อน - รักษากิจกรรมการสืบสวนอุบัติเหตุให้เป็นที่ประจักษ์แก่หน่วยงานและสาธารณะ  ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายเพื่อผลักดันในเชิงรุกมากขึ้นต่อการแก้ไขปัจจัยอุบัติเหตุ นโยบายเชิงโครงสร้างการสืบสวนการชน  3 ระดับของการสืบสวน  งานประจาของพนักงานสืบสวน  การสืบสวนอุบัติเหตุของตารวจ / การสืบสวนอุบัติเหตุเชิงรายละเอียด  การสืบสวนเชิงลึก (การวิเคราะห์สาเหตุการชน)  การสืบสวนเชิงลึก (การวิเคราะห์สาเหตุการชน) จะยั่งยืน ต้องการ  โครงสร้างงบประมาณและองค์กร  การพัฒนาองค์ความรู้เพิ่มเติม 


177

สัมมนาอุบัติเหตุฯ ครั้งที่ ๑๐

การอภิปรายเรื่อง รวมพลังภาคีเครือข่าย เพื่อ เกาะติดการขับเคลื่อนทศวรรษความปลอดภัยทางถนน ทีมวิเคราะห์สาเหตุการชน • นาเสนอ บทเรียนของโครงการ ฯ ในประเด็นการเจาะลึก เพื่อทราบสาเหตุ และการสะท้อนกลับ เพื่อนาไปสู่ Action

แนวคิด และ การออกแบบวิธีการทางาน • ผลการดาเนินงานที่สาคัญ (ตัวอย่าง case ที่มีการสืบสวน และนาไปสู่การแก้ไข) • ปัจจัยเงื่อนไขสาคัญของความสาเร็จ • ปัญหาอุปสรรค และ ความท้าทาย • ทิศทางของการดาเนินงาน ใน ทศวรรษแห่งการลงมือทา .. มูลค่าอุบัติเหตุจราจร • พ.ศ.2550 มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 101,752 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ จานวน 12,492 ราย และ 79,029 ราย ตามลาดับ สามารถประเมินเป็นมูลค่าอุบัติเหตุได้เท่ากับ 232,855 ล้านบาทในปีเดียว การรักษาโรคอุบัติเหตุ • มีวิธีเดียวที่จะหยุดโรคอุบัติเหตุบนถนนได้ คือ การสืบสวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแต่ละราย โดยหาว่ามันเกิดขึ้นได้ อย่างไรและทาไมถึงเกิด เมื่อหาได้แล้วก็สามารถกาหนดมาตรการแก้ไขให้ตรงจุดได้ ไม่ต่างกับนักวิทยาศาสตร์ หรือแพทย์ที่ทาการสืบค้น เมื่อเขาพบว่าใครเป็นพาหะนาโรค •

เครือข่ายเฝ้าระวังสถานการณ์ความปลอดภัยทางถนน(Road Safety Watch) บทบาทและภารกิจหลัก 1. พัฒนาระบบข้อมูลพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ใช้รถใช้ถนนระดับจังหวัด 2. นาเสนอข้อมูลพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ใช้รถใช้ถนนให้แก่หน่วยงานและภาคีเครือข่ายทางานด้านความ ปลอดภัยทางถนนต่างๆ เช่น เครือข่ายคณะทางานสนับสนุนการดาเนินงานป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุทางถนนใน จังหวัด (สอจร.) ศูนย์อานวยการความปลอดภัยทางถนน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ คณะกรรมการ แก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจราจรระดับจังหวัด 3. ติดตามข่าวสารและสถานการณ์ปัญหาอุบัติเหตุจราจรในพื้นที่รับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง และประสาน ความร่วมมือด้านข้อมูลและวิชาการกับภาคีเครือข่ายเฝ้าระวังสถานการณ์ความปลอดภัยทางถนน ผลงานดาเนินงานที่สาคัญ • การสารวจอัตราการสวมหมวกนิรภัยของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ในประเทศไทย ปี 2553 • การสารวจอัตราการคาดเข็มขัดนิรภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถยนต์ตอนหน้าในประเทศไทย ปี 2553 • การสารวจทัศนคติของผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วประเทศในประเด็นเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางถนน ปี 2553 การใช้อุปกรณ์นิรภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนในประเทศไทย


178

สัมมนาอุบัติเหตุฯ ครั้งที่ ๑๐

อัตราการสวมหมวกนิรภัยของประเทศไทยปีพ.ศ. 2553 (วิธีการสังเกต) เฉพาะผู้ขับขี่

อัตราการสวมหมวกนิรภัยของประเทศไทย ปีพ.ศ. 2553 (วิธีการสังเกต)เฉพาะผู้โดยสาร


179

สัมมนาอุบัติเหตุฯ ครั้งที่ ๑๐

ปัญหาการใช้ความเร็ว

คนขับรถส่วนใหญ่ยอมรับว่ายังขับรถเร็วกว่ากฎหมายกาหนด บ่งชี้ว่าตารวจยังคงมีภาระต้องบังคับใช้ กฎหมายมากอยู่ดี อีกทั้งควรพิจารณามาตรการทางวิศวกรรมจราจร และวิศวกรรมยานยนต์เข้าเสริม ปัญหาการใช้ความเร็ว พฤติกรรมและทัศนคติการดื่มแล้วขับจากการสอบถามผู้ขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์


180

สัมมนาอุบัติเหตุฯ ครั้งที่ ๑๐

-

ข้อมูลสถิติด้านความปลอดภัยทางถนนแนวโน้มตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตัวชี้วัดสถานการณ์อุบัติเหตุทางระดับประเทศและระดับจังหวัด กลุ่มเสี่ยงและปัจจัยเสี่ยง การเปรียบเทียบสถานการณ์ล่าสุดรายจังหวัด การเปรียบเทียบสถานการณ์จังหวัดกับสถานการณ์ระดับภาคและระดับประเทศ เอกสารความรู้ด้านสถานการณ์ความปลอดภัยทางถนน


181

สัมมนาอุบัติเหตุฯ ครั้งที่ ๑๐

ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน เฉลี่ย พ.ศ 2550-2552 แยกตามพื้นที่ -

15

รวมพลัง ภาคีเครือข่าย เพื่อทศวรรษความปลอดภัยทางถนน พลังภาคประชาสังคม + สื่อมวลชน พลังจากข้อมูล และ ความรู้ คาแถลง .. นโยบายของคณะรัฐมนตรี ข้อ ๑ นโยบายเร่งด่วน (ปีแรก) ๑.๑๔ ระบบประกันสุขภาพ (๓๐ บาท) เพิ่มประสิทธิภาพ .. จัดให้มีมาตรการลดปัจจัยเสี่ยงที่เป็นผลต่อสุขภาพ ได้แก่ ... อุบัติเหตุจากการจราจร ข้อ ๔.๕ นโยบายความมั่นคงของชีวิตและสังคม ๔.๕.๖ ลดอุบัติภัยและความสูญเสียจากอุบัติเหตุจราจรให้เหลือน้อยที่สุด ส่งเสริมการเรียนรู้ การเดินทางและการใช้ การขนส่งอย่างปลอดภัย และ ถือเป็น “ วาระแห่งชาติ ” ที่ต้องดาเนินการอย่างเข้มข้นในทุกพื้นที่ ความปลอดภัยทางถนนทุกคนคือ เหยื่อ ของระบบที่ไม่สมบูรณ์ และต้องการการสนับสนุนไม่ใช่ การโจมตี

10 10 •

1

• • •

2.3 2.3

,


182

สัมมนาอุบัติเหตุฯ ครั้งที่ ๑๐ 10

HIV/AIDS

HIV/AIDS

Stroke

Stroke

Stroke

Diabetes

Diabetes

Diabetes

Alc dependence

Liver cancer

Liver cancer

Depression

Ischaemic heart

Alc.dependence

Ischaemic heart

COPD

Depression

HIV/AIDS

Depression

Ischaemic heart

Liver cancer

Osteoarthritis

COPD

Osteoarthritis

Anaemia

Deafness

COPD

Traffic Accidents

Traffic Accidents

Traffic Accidents

2009 : Traffic acc. Male

1

1 Female

Traffic accidents

Diabetes

Alc dependence

Stroke

Stroke

Depression

HIV/AIDS

Ischaemic heart

Liver cancer

Osteoarthritis

Ischaemic heart

HIV/AIDS

Diabetes

Traffic accidents

Depression

Anaemia

Cirrhosis

Liver cancer

COPD

Dementia

ความสูญเสียแต่ละปี สานักงานสถิติแห่งชาติ สารวจปี 2553 ประชากร อายุ 18 ปีขึ้นไปจานวน 50,272,371 คน เคยประสบอุบัติเหตุจากการเดินทางจานวน 1,546,337 ร้อยละ 3.1 เฉลี่ยวันละ 4,384 คน • เพศชาย ร้อยละ 69.7 (ชาย มากกว่า หญิง เกือบ 3 เท่าตัว) • ร้อยละ 61 ของผู้ที่เคยเกิดอุบัติเหตุ สมรสแล้ว • ร้อยละ 50.8 เกิดเหตุขณะไปทางาน , 15.5% ระหว่างท่องเที่ยว การสารวจความปลอดภัยในการเดินทางทางถนน 2553 • ผู้ประสบเหตุ 1,546,337 คน มีการบาดเจ็บร่วมด้วย 76.9% (1,189,133) ในจานวนนี้ • สูญเสียอวัยวะ 11,386 คน (ร้อยละ 0.9) (ชาย 7,855 ญ 3,530) • ร้อยละ 43.5 เป็นหัวหน้าครัวเรือน (ร้อยละ 37.2 เป็นบุตร) •


183

สัมมนาอุบัติเหตุฯ ครั้งที่ ๑๐

ในผู้เกิดเหตุที่เป็นชาย .. ครึ่งหนึ่ง (49.6%) เป็นหัวหน้าครอบครัว ในขณะที่ร้อยละ 29 ของผู้เกิดเหตุที่เป็นหญิง จะเป็นหัวหน้าครอบครัว เมื่อทุกฝ่าย “ลงมือทา” แล้ว จะมีกลไกติดตาม กากับ ประเมิน และเสริมพลังคนทางาน .. ได้ทาในเรื่องสาคัญ ได้ทาอย่างถูกวิธี ได้ร่วมมือกันทางาน ได้เรียนรู้ เพื่อปรับเปลี่ยนไปด้วยกัน •


184

สัมมนาอุบัติเหตุฯ ครั้งที่ ๑๐

สรุปภาพรวมงานสัมมนาระดับชาติ เรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 10 “ทศวรรษแห่งการลงมือทา: Time for Action” 25-26 สิงหาคม 2554 วัตถุประสงค์ • • • •

เป็นเวทีขับเคลื่อนการทางานเชิงบูรณาการ เพื่อจัดการปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นเวทีให้ผู้เข้าร่วมงานได้ทราบนโยบายของรัฐบาลในการดาเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุจราจร ทางถนน เป็นเวทีให้ผู้ปฏิบัติงานจากทุกภาคส่วน มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการแก้ไข ปัญหาอุบัติเหตุจราจรทางถนน เป็นเวทีในการขับเคลื่อนการก้าวสู่การจัดการปัญหาอย่างจริงจัง

จานวนผู้เข้าร่วมงานสัมนา ผู้เข้าร่วมงาน 25 สค. ผู้เข้าร่วมงาน 26 สค. • ลงทะเบียนเข้าร่วมงาน • กลุ่มภาคีเครือข่าย • ร่วมจัดนิทรรศการ • เข้าร่วมชมนิทรรศการ • เด็กนักเรียนที่ชมการแสดงเวทีกลาง

2,200 ท่าน 1,800 ท่าน 960 ท่าน 700 ท่าน 300 ท่าน 200 ท่าน 800 ท่าน

ผู้ลงทะเบียนเสียค่าใช้จ่ายเข้าร่วมงานสัมนา •

หน่วยงานภาครัฐ     

782 ท่าน กระทรวงมหาดไทย 435 กระทรวงคมนาคม 118 กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สานักงานตารวจแห่งชาติ

ท้องถิ่น • ประชาสังคม (เอกชน ประชาชน สมาคม มูลนิธิ) ผลสารวจผู้เข้าสัมมนา (Poll) • จานวนผู้ตอบผลสารวจ 463 คน • เพศ ชาย 67.3% หญิง 32.7 % • อายุเฉลี่ย ชาย 39.37 ปี หญิง 36.18 ปี • บทบาทหน้าที่ •

53 114 62 124 ท่าน 54 ท่าน


185

สัมมนาอุบัติเหตุฯ ครั้งที่ ๑๐

ผลสารวจผู้เข้าสัมมนา (Poll) • พฤติกรรมการขับขี่ ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา (ร้อยละ) พฤติกรรมการขับขี่

เคย

ไม่เคย

ไม่เกี่ยวข้อง

โทรแล้วขับ

48.6

47.3

4.1

ไม่สวมหมวกนิรภัย

34.1

56.4

9.5

ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกาหนด

33.0

64.4

2.6

ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย

31.5

65.2

3.3

ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจราจร

28.3

68.3

3.4

ง่วงแล้วขับ

24.8

69.1

6.0

ขับขี่รถย้อนศร

21.6

75.4

3.0

ดื่มแล้วขับ

21.4

69.1

9.5

ไม่ให้สัญญาณไฟ

16.2

81.6

2.2

ไม่มีใบขับขี่

7.8

88.1

4.0

ดัดแปลงรถรถมอเตอร์ไซด์/รถยนต์

7.6

75.4

17.1


186

สัมมนาอุบัติเหตุฯ ครั้งที่ ๑๐

ผลสารวจผู้เข้าสัมมนา (Poll) “มาตรการการรณรงค์สวมมวกกันน็อค 100% ” “2554 ปีแห่งการรณรงค์สวมหมวกกันน็ค 100% ” การรับทราบข้อมูลข่าวสารในการรณรงค์ (ร้อยละ) บทบาทหน้าที่เกี่ยวกับงานอุบัติเหตุ

ทราบ

ไม่เคยทราบ

ด้านวิชาการ

96.7

4.3

ด้านบริหารองค์กร

95.9

4.1

งานอุบัติเหตุจราจรฯ โดยตรง

95.7

4.3

รับผิดชอบงานอื่นๆ

92.2

7.8

กาหนดนโยบายและแผนขององค์กร

91.2

8.8

ผลสารวจผู้เข้าสัมมนา (Poll) • •

หน่วยงานในสังกัดมีการรณรงค์ในเรื่องการสวมหมวกกันน็อค 100% มีการรณรงค์ 91.6% ไม่มี 7.3% ไม่เกี่ยวข้อง 1.1% ท่านได้ปฏิบัติตามโครงการฯหรือไม่

เสียงสะท้อน/ข้อเสนอแนะต่อการจัดงาน • •

อยากให้จัดต่อเนื่อง ตลอดไป (ผู้เข้าร่วมจากเทศบาลฯ) การเข้าร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง


187

สัมมนาอุบัติเหตุฯ ครั้งที่ ๑๐ • •

ชุมชนที่มีความเข้มแข็งในการป้องกันและแก้ไขอุบัติเหตุมีส่วนร่วมในการคิดรูปแบบงาน (ผู้เข้าร่วมจาก มหาวิทยาลัยฯ) การหมุนเวียนจัดประชุมในภูมิภาค(ผู้เข้าร่วม โรงพยาบาลฯ) การประชาสัมพันธ์ให้กว้างขวางมากขึ้น (ผู้แทน ตารวจฯ

สรุปภาพรวม ประชารัฐเพื่อทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน ประชาชนเดินวนไปทุกห้อง (ประชุม) อยากเรียกร้อง ประชารัฐให้ถ้วนทั่ว ตามแนวทางเสาหลัก (5 ต้น) ตระหนักกลัว จัดการ-คน-รถ-ถนน-ความเสี่ยงทั่วทั้งแผ่นดิน

ข้อเสนอแนะ 1) สร้างกลไกการจัดการและความร่วมมือที่มีอิสระ เพื่อสร้างมาตรฐาน คน-รถ-ถนน นวัตกรรม เทคโนโลยี และสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีหน่วยงานภายใต้การกากับของรัฐที่เข้มแข็ง มีอิสระ มี งบประมาณสนับสนุน มีบุคลากรมืออาชีพ จะเป็นหลักประกันให้เกิดการดาเนินงานอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนตาม นโยบายของรัฐบาล 2) ถนนและสิ่งแวดล้อม ที่เน้นความปลอดภัยที่สอดคลองกับคนในพื้นที่ จากการประเมินความปลอดภัยเป็น ประจาของรัฐและประชาชน 3) มาตรฐานรถปลอดภัย ทั้งรถจักรยานยนต์ รถนักเรียน รถสาธารณะ รวมทั้งอุปกรณ์และระบบความ ปลอดภัยในรถ โดยเฉพาะเบรก ควรมีแผนหลักแห่งชาติในการพัฒนาขนส่งมวลชนที่ครอบคลุมทั้งประเทศอย่างจริงจัง และรวดเร็ว 4) เครือข่ายคุ้มครองผู้บริโภคควรเข้ามามีบทบาทในการตรวจสอบและเสนอแนะมากยิ่งขึ้น 5) มาตรฐานพฤติกรรมการขับขี่ปลอดภัย ที่ได้รับการกากับดูแลจากทุกเครือข่าย โดยเฉพาะ กลุ่มเยาวชน โรงงาน ภาคเอกชนทั้งบริษัทรถ และบริษัทประกันภัย สื่อมวลชนและพลังท้องถิ่นชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบังคับ ใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและจริงจัง 6) นาสารสนเทศจากระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ทั้งนอกและในโรงพยาบาล ชี้นา ชักชวน เครือข่ายต่างๆ (ประชารัฐ) ช่วยกันปราบความเสี่ยงให้ลดลงอย่างต่อเนื่อง 7) การบริการหลังเกิดเหตุได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพ ครอบคลุมทั่วถึงทั้งประเทศ


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.