สวรรค์ - นรก พิมพแ์ จกเพื่อเป็ นธรรมทาน
นรก-สวรรค์บนดิน โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก
สวรรค์ - นรก
๒
สวรรค์ - นรก
สารบัญ สวรรคช์ นั้ ที่ ๑ จาตุมหาราชิกาภูมิ สวรรคช์ นั้ ที่ ๒ ดาวดึงสภ์ ูมิ สวรรคช์ นั้ ที่ ๓ ยามาภูมิ สวรรคช์ นั้ ที่ ๔ ดุสิตาภูมิ สวรรคช์ นั้ ที่ ๕ นิมมานรดีเทวภูมิ สวรรคช์ นั้ ที่ ๖ ปรนิมมิตวสวัตตีเทวภูมิ บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ มหานรกขุมที่ ๑ ชื่อ สัญชีวมหานรก มหานรกขุมที่ ๒ กาฬสุตตมหานรก มหานรกขุมที่ ๓ สังฆาฏมหานรก มหานรกขุมที่ ๔ โรรุวมหานรก มหานรกขุมที่ ๕ มหาโรรุวมหานรก มหานรกขุมที่ ๖ ตาปนมหานรก มหานรกขุมที่ ๗ มหาตาปนมหานรก มหานรกขุมที่ ๘ อเวจีมหานรก เปรต วิธีดับทุกข์ เพราะพอ่ -แม่ วิธีดับทุกข์ เพราะ ผัว-เมีย วิธีดับทุกข์ เพราะลูก ตัญหากับการพิจารณาโทษ หลักปฏิบัติผูส้ นใจในทางปฏิบัติ
หนา้ ๕ ๑๐ ๑๗ ๑๙ ๒๒ ๒๔ ๒๖ ๓๐ ๓๒ ๓๔ ๓๕ ๓๖ ๓๘ ๓๙ ๔๐ ๔๒ ๔๗ ๕๑ ๕๕ ๖๑ ๖๔ ๓
สวรรค์ - นรก
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อานิสงสใ์ นการบ�ำเพ็ญบุญ พระคาถาเงินลา้ น บทสวดมนตป์ ระจ�ำวัน ค�ำอธิษฐานบารมี ค�ำแผเ่ มตตาอธิษฐานกรวดน้�ำ (ตอนเย็นหรือกอ่ นนอน)
หนา้ ๖๕ ๖๖ ๖๗ ๖๘ ๗๕ ๗๖
พิมพ์แจกเพื่อเป็นธรรมทาน
ถวายเป็ นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา และเพื่อบูชาคุณบิดา มารดา บุพการี บรรพชน และเทวดา และขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร เปรต สัมภเวสี และสรรพสัตวน์ อ้ ยใหญท่ งั้ ปวง ขอทา่ นทัง้ หลายร่วมอนุโมทนาบุญกุศลนี้ และขอให้ไดร้ ับบุญกุศลนีโ้ ดย ถ้วนหนา้ ดว้ ยเทอญ
นตถิ สนติปรํ สุขํ
สุขอื่นใดจะยิ่งกว่าความสงบไม่มี ๔
สวรรค์ - นรก
สวรรณ์ทั้ง ๖ ชั้น
อายุขัย ขนาดกายและวิมานของชาวสวรรคแ์ ตล่ ะชัน้ แตกตา่ งกัน คือ สวรรคช์ นั้ สูงกวา่ จะมีความใหญโ่ ต และปราณีตกวา่ สวรรคช์ นั้ ทีต่่ �ำลงไป ตามล�ำดับ เช่น วิมานของชัน้ จาตุมหาราชิกาจะเล็กกวา่ ชัน้ ดาวดึงส์ วิมานชัน้ ดาวดึงสจ์ ะเล็กกวา่ ชัน้ ยามา วิมานชัน้ ยามาจะเล็กกวา่ ชัน้ ดุสิต เป็ นตน้ สวรรค์ชั้นที่ ๑ จาตุมหาราชิกาภูมิ
ปกครองโดย ทา้ วมหาราชทัง้ ๔ คือ ทา้ วธตรฐ ทา้ ววิรุฬหก ทา้ ววิรูปักษ์ และทา้ วเวสสุวรรณ
ท้าวธตรฐ
ท้าววิรุฬหก
ท้าววิรูปักษ์
ท้าวเวสสุวรรณ
5
สวรรค์ - นรก
สวรรคช์ นั้ จาตุมหาราชิกาภูมิ เป็ นแดนสุขาวดี มีเทวราชผูย้ งิ่ ใหญ่ ๔ พระองค์ ทรงเป็ นผูป้ กครองดูแล จึงไดช้ ่อื วา่ จาตุมหาราชิกาเทวภูมิ คือ ภูมิซ่งึ เป็ นทีอ่ ยูแ่ ห่งทวยเทพ มีทา้ วจาตุมหาราช ทรงเป็ นใหญ่ สวรรคช์ นั้ จาตุมหาราชิกา มีเมืองใหญเ่ ป็ นเทพนครอยูถ่ ึง ๔ เทพนคร แตล่ ะเทพนครมีป้อมปราการ ก�ำแพงทองทิพย์ เหลืองอร่ามงามนัก ประดับประดาไปดว้ ยสัตตรัตนะแกว้ ๗ ประการ ภายในเทพนครอันกวา้ ง ใหญไ่ พศาลนัน้ มีปราสาทแกว้ ซึ่งเป็ นวิมานทีอ่ ยูข่ องเทพยดาชาวฟ้าทัง้ หลายตัง้ เรียงรายอยูม่ ากมาย นอกจากนี้ ยังมีสระโบกขรณี ซึ่งมีน้�ำใสยิง่ กวา่ แกว้ เต็มไปดว้ ยดอกบัว นานาชนิด สง่ กลิน่ ทิพยห์ อมตลบอบอวลไปทัว่ บริเวณ มีดอกไม้ นานาพรรณ สีสันวิจิตรตระการตา และมีรุขชาติตน้ ไมส้ วรรค์ ซึ่งมีผลอัน โอชายิง่ มิง่ ไมใ้ นสรวงสวรรค์ มีดอกมีผลเป็ นทิพย์ ปรากฏให้เหลา่ ชาว สวรรคไ์ ดช้ ่นื ชมตลอดกาล ไมม่ ีวันร่วงโรยและหมดไป
ภาพโดย ณรงชัย ประทุมมาตย์
๖
สวรรค์ - นรก
สวรรคช์ นั้ จาตุมหาราชิกา จ�ำแนกยอ่ ยเป็ นพื้นทีบ่ ริเวณของหมูเ่ ทพ ละเอียดลงไปอีก ตามขัน้ ตอนการถือก�ำเนิดเอาไว้ ดังนี้ การถือก�ำเนิดดว้ ยการอุบัติข้นึ มา โดยมีกายทิพย์ หรือกาย ละเอียดเป็ นวัยหนุม่ สาวขึ้นมาทันใด ถ้าเป็ นเพศชาย เมื่อสร้างบุญมาก พอทีจ่ ะมีวิมานเป็ นของตนเอง ก็จะไปถือก�ำเนิดเป็ นบุตรของเทวดาองค์ ใดองคห์ นึ่ง ถ้าเป็ นเพศหญิง เมื่อสร้างบุญมาไมม่ ากพอทีจ่ ะมีวิมานเป็ น ของตนเอง ตอ้ งไปถือก�ำเนิดเป็ นบาทบริจาริกาของเทวดาองคใ์ ดองค์ หนึ่ง ถ้าหญิงหรือชายสร้างบุญไวน้ อ้ ย ก็จะถือก�ำเนิดเป็ นเทพผูค้ อยดูแล ในเรื่องเครื่องทรงของเทวดาองคใ์ ดองคห์ นึ่ง ถ้าสร้างบุญกุศลไวม้ ากพอ ก็จะอุบัติข้นึ มาเป็ นเจ้าของวิมาน พรัง่ พร้อมดว้ ยบริวาร และสิง่ ของอัน เป็ นทิพย์ อุปัตติเทพ
7
สวรรค์ - นรก บาดาลภูมิ
ภพทีใ่ กลม้ นุษยม์ ากทีส่ ุด มีลักษณะเป็ นงูตา่ ง ๆ
ภาพพิมพ์พญานาคเริงร่า ณ สีทนั ดร ท่านพระอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพฒ ั น์
ภูมะภูมิ ทีอ ่ ยูข่ องภูมิเจ้าทีต่ า่ ง ๆ รุกขภูมิ ภูมิทอ ี่ ยูเ่ หนือหัวเราขึ้นไปเพียงศอกเดียว มีวิมานอยูบ่ นตน้ ไม้ ฉิมพลีภูมิ ดินแดนแห่งเทพผูม ้ ีปีก กึ่งเทพ กึ่งสัตว์ มีฤทธิม์ าก คนธรรพ์ภูมิ เป็ นดินแดนของชาวสวรรค์ ซึ่งมีความสามารถในเชิง
ศิลปะ ดนตรี การขับร้อง การฟ้อนร�ำ ถือเป็ นแดนรอยตอ่ ระหวา่ งมนุษย์ โลกกับเทวโลก หิมพานต์ภูมิ เป็ นทีอ ่ าศัยของบรรดาสัตวท์ ีม่ ีรูปร่างประหลาดและมีพลัง วิเศษตา่ งๆ บรรพภูมิ ดินแดนแห่งฤาษีผบ ู้ �ำเพ็ญพรต ทีห่ ลบลีจ้ ากโลกมนุษย์ ๘
สวรรค์ - นรก อโยธยาภูมิ ภูมิของผูท ้ มี่ ีบุญคุณตอ่ แผน่ ดิน เช่น พอ่ หลักเมือง แมเ่ สื้อ
เมือง แมท่ รงเมือง เป็ นตน้ ลับแลภูมิ ภูมิของหญิงสาวทีบ ่ �ำเพ็ญเพียร ซึ่งถือสัจจะเป็ นหลัก ภุมมาภูมิ เป็ นทีส ่ ถิตของเทพบุตร เทพธิดาตา่ งๆ ทีย่ ังมีกิเลศมากอยู่ สวรรคช์ นั้ จาตุมหาราชิกา มีเทวราชผูเ้ ป็ นใหญป่ กครองอยู่ ๔ พระองค์ ไดแ้ ก่ ท้ าวธตรัฏฐะ อยูท่ างทิศตะวันออกของเขาสิเนรุ เป็ นผูป้ กครองคันธัพพ เทวดา ท้ าววิรุฬหกะ อยูท่ างทิศใตข้ องเขาสิเนรุ เป็ นผูป้ กครองกุมภัณฑเ์ ทวดา ท้ าววิรูปักขะ อยูท่ างทิศตะวันตกของเขาสิเนรุ เป็ นผูป้ กครองนาค เทวดา ท้ าวกุเวร หรือ ท้ าวเวสสุวรรณ อยูท่ างทิศเหนือของเขาสิเนรุ เป็ นผูป้ ก ครองยักขเทวดา
มหาราชทัง้ ๔ นี้ เป็ นผูร้ ักษามนุษยโ์ ลก หรือเรียกวา่ ทา้ วจตุโลกบาล มีหนา้ ทีส่ อดสอ่ งดูมนุษยท์ ปี่ ระกอบผลบุญแลว้ รายงานตอ่ พระอินทร์ เพื่อ ให้ไดไ้ ปเกิดในสรวงสวรรค์ มีสถานทีป่ กครองตัง้ แตก่ ลางเขาสิเนรุ ลงมา จนถึงมนุษยโ์ ลก มีอาณาเขตแผอ่ อกไปจรดขอบจักรวาล เทวดาทัง้ หลาย ทีอ่ ยูใ่ นชัน้ จาตุมหาราชิกาภูมินที้ งั้ หมด เป็ นบริวารภายใตอ้ �ำนาจของ มหาราชทัง้ ๔ เมื่อเทียบเวลาระหวา่ งมนุษยก์ ับสวรรคช์ นั้ จาตุมหาราชิกาภูมิแลว้ ๕๐ ปี มนุษยเ์ ทา่ กับ ๑ วันของเทวดาชัน้ จาตุมหาราชิกาภูมิ ทีอ่ ยูข่ องเทวดาชัน้ จาตุมหาราชิกา มีอยูต่ งั้ แตก่ ลางเขาสิเนรุ จนกระทัง่ ถึง พื้นดินทีม่ นุษยอ์ าศัยอยู่ ๙
สวรรค์ - นรก ทางไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
บุพกรรมของผูท้ ีจ่ ะไดไ้ ปอุบัติบนสวรรคช์ นั้ จาตุมหาราชิกา กลา่ ววา่ เมื่อ ครัง้ เป็ นมนุษยจ์ ะตอ้ งเป็ นผูม้ ีศีล รักสันโดษ ยินดีแตข่ องของตน ชักชวน ให้ผูอ้ ่นื ประกอบการกุศล ชอบให้ทาน แตใ่ นการให้ทานนัน้ ยังเป็ นผูท้ มี่ ี ความหวังในทานอยู่ มีจิตผูกพันในผลแห่งทานนัน้ มุง่ หวังการสัง่ สมใน การให้ทาน ให้ทานดว้ ยความคิดวา่ เมื่อตายแลว้ จะไดเ้ สวยผลแห่งทาน นี้ เมื่อตายไปยอ่ มไปบังเกิดบนสวรรคช์ นั้ จาตุมหาราชิกา สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไดท้ รงตรัสไวใ้ นทานสูตรวา่ ... “ถ้ าผู้ใดให้ ทานโดยหวังผลบุญจากการให้ ทาน เมือ่ ตายไปจะไปบังเกิด ในสวรรค์ชัน้ จาตุมหาราชิกา” สวรรค์ชั้นที่ ๒ ดาวดึงส์ภูมิ
มีผูป้ กครองถึง ๓๓ องค์ โดยมีทา้ วสักกเทวราชหรือพระอินทร์เป็ น ประธาน และเป็ นทีต่ งั้ ของพระธาตุจุฬามณี อยูเ่ หนือจาตุมหาราชิกาขึ้น ไป ๔๖,๐๐๐ โยชน์ ดาวดึงส์ หรือดาวดึงสา เป็ นภูมิแห่งอุปัติเทพ เป็ นภูมิอันเป็ นทีเ่ กิดของ บุคคล ๓๓ คน ทีไ่ ดส้ ร้างกุศลไวใ้ นอดีต มีมาฆมานพเป็ นหัวหนา้ เมื่อ ตายแลว้ ก็ไดไ้ ปเกิดเป็ นพระอินทร์ พร้อมบริวารอีก ๓๒ รวมเป็ น ๓๓ องค์ จัดเป็ นเทวดาชัน้ ผูใ้ หญใ่ นชัน้ ดาวดึงส์ ดาวดึงสานี้ เป็ นผืนแผน่ ดินผืนแรก ทีเ่ กิดขึ้นในโลกหลังจากโลกนีถ้ ูก ท�ำลายดว้ ยน้�ำ เมื่อน้�ำลดลงแผน่ ดินผืนแรกทีโ่ ผลข่ ้ึนกอ่ นแผน่ ดินอื่นๆ ก็ คือ ยอดเขาสิเนรุ ซึ่งเป็ นทีต่ งั้ ของสวรรคช์ นั้ ดาวดึงสน์ เี้ อง ๑๐
สวรรค์ - นรก
ลักษณะของดาวดึงสภ์ ูมิ เป็ นมหานครใหญ่ อาณาเขตกวา้ งใหญไ่ พศาล เหนือเขาสิเนรุราชบรรพต ปรางคป์ ราสาทลว้ นแลว้ ไปดว้ ยแกว้ อันเป็ น ทิพย์ แวดลอ้ มรอบเทวนครดว้ ยปราการก�ำแพงแกว้ ทิพยอ์ ีกเช่นกัน มีประตูก�ำแพงแกว้ ถึง ๑,๐๐๐ ประตู เมื่อประตูเหลา่ นัน้ เปิ ดออกแตล่ ะ ครัง้ ปรากฏเสียงดังไพเราะยิง่ นัก ในทา่ มกลางพระนครนัน้ มีปราสาทพิมานอันมีช่อื เสียงปรากฏเลื่องลือ อยูว่ ิมานหนึ่ง คือ ไพชยนตปราสาทพิมาน มีรูปทรงสูง ประดับไปดว้ ย แกว้ ๗ ประการ งามสุดจะพรรณนา เป็ นทีป่ ระทับแห่งสมเด็จพระอมริน ทราธิราช เมื่อเทียบเวลาระหวา่ งมนุษยก์ ับสวรรคช์ นั้ ดาวดึงสแ์ ลว้ ๑๐๐ ปี ในโลก มนุษยเ์ ทา่ กับ ๑ วันในสวรรคช์ นั้ ดาวดึงส์ เทวดาทีอ่ ยูช่ นั้ ดาวดึงส์ มีอยู่ ๒ จ�ำพวก ภุมมัฏฐเทวดา
เทวดาทีอ่ ยูบ่ นพื้นดิน ไดแ้ ก่ พระอินทรและเทวดาผูใ้ หญ่ ๓๒ องค์ พร้อม ทัง้ บริวาร และเทวอสุรา ๕ จ�ำพวก ทีอ่ ยูใ่ ตเ้ ขาสิเนรุ ๑๑
สวรรค์ - นรก อากาสัฏฐเทวดา
เทวดาทีอ่ ยูใ่ นอากาศ ไดแ้ ก่ เทวดาทีม่ ีวิมานลอยไปในกลางอากาศ ตัง้ แตเ่ หนือพื้นดินยอดเขาสิเนรุ ไปจดขอบจักรวาล บางวิมานก็มีเทวดา อยู่ บางวิมานก็ไมม่ ีเทวดาอยู่ ความเป็ นอยูข่ องเทวดาในชัน้ ดาวดึงส์ ลว้ นแตเ่ ป็ นผูเ้ สวยทิพยสมบัติจาก ผลบุญทีไ่ ดก้ ระท�ำไว้ อารมณท์ ไี่ ดร้ ับในชัน้ ดาวดึงส์ จึงลว้ นแตเ่ ป็ น อารมณท์ ดี่ ี เทพบุตรจะมีวัย ๒๐ ปี สว่ นเทพธิดามีวัย ๑๖ ปี เหมือนกัน ทุกๆ องค์ ไมม่ ีการแก่ เจ็บ ตาย ให้เห็น มีแตค่ วามสวยงาม เป็ นหนุม่ เป็ นสาวตลอดเวลา เทพบุตรองคห์ นึ่ง อาจจะมีนางฟ้าเป็ นบาทบริจาริกา(ภรรยา) ๕๐๐๑,๐๐๐ หรือมากกวา่ ขึ้นอยูก่ ับบุญบารมีทไี่ ดท้ �ำไว้ เทวดาในโลกนี้ มีการไปมาหาสู่ เบียดเบียนกันเช่นเดียวกับมนุษยโลก มี นักดนตรี นักร้อง เทพบุตร เทพธิดา มีความรักใคร่ปรารถนาเป็ นคูค่ รอง กัน หากขาดคูค่ รอง ก็ยอ่ มจะเกิดความเบื่อหนา่ ยในความเป็ นอยูข่ องตน ไมเ่ บิกบานรื่นเริงเหมือนเทวดาทีม่ ีคคู่ รอง เทวดาในชัน้ ดาวดึงสท์ งั้ หลาย ตา่ งก็ไปหาความสุขส�ำราญในสวนทัง้ ๔ แห่ง พร้อมดว้ ยบริวารของตนอยา่ งส�ำเริงส�ำราญ คุณธรรม ๗ ประการ ที่ท�ำให้เป็นพระอินทร์
ผูท้ ีป่ รารถนาจะเกิดเป็ นพระอินทร์ จะตอ้ งหมัน่ สร้างบุญกุศลโดย สม่�ำเสมอ โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ตอ้ งมีคุณธรรม ๗ ประการ ๑.เลีย้ งดูบิดา มารดา ๒.เคารพผูใ้ หญใ่ นตระกูล ๑๒
สวรรค์ - นรก
๓.กลา่ ววาจาอ่อนหวาน ๔.ไมก่ ลา่ วค�ำสอ่ เสียด ๕.ไมม่ ีความตระหนี่ ๖.มีความซื่อสัตย์ ๗.ระงับความโกรธได้ ปั จจุบันพระอินทร์ หรือทา้ วสักกะเทวราชองคน์ ี้ ไดส้ �ำเร็จโสดาบันแลว้ ดว้ ยการฟั งพระธรรมเทศนาจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในสักกปั ณหสูตร นับเป็ นพระอริยบุคคลขัน้ แรกในพระพุทธศาสนาและอยูใ่ นดาวดึงสภ์ ิภพ นีต้ อ่ ไปจนสิน้ อายุขัย เมื่อจุติจากชัน้ ดาวดึงสแ์ ลว้ จะมาบังเกิดเป็ น พระเจ้าจักรพรรดิในมนุษยโลก และส�ำเร็จเป็ นพระสกทาคามีบุคคล เมื่อสิน้ ชีพแลว้ ก็ไปกลับไปเกิดในชัน้ ดาวดึงสอ์ ีก และไดส้ �ำเร็จเป็ นพระ อนาคามี เมื่อสิน้ อายุแลว้ จะไปบังเกิดเป็ นพรหมโลก ในชัน้ สุทธาวาสภูมิ ขัน้ ตน้ คือ อวิหา อตัปปา สุทัสสา สุทัสสี และอกนิฏฐาภูมิ ตามล�ำดับ และเขา้ นิพพาน ในชัน้ สุดทา้ ย สถานทีส่ �ำคัญในดาวดึงสภ์ ูมิสวรรคช์ นั้ ที่ ๒ มีเรื่องราวทีเ่ กีย่ วขอ้ งกับ พระพุทธศาสนามากมาย ท�ำให้เกิดเป็ นพุทธศาสนสถานทีส่ �ำคัญของ เทวโลกหลายแห่ง ดังนี้ ศาลาสุธรรมาเทวสภา สถานทีฟ่ ั งธรรมในเทวโลก บรรดาเทวดาทัง้ หลายจะมาประชุมกันเพื่อฟั งธรรม โดยมีทา้ วสักกะเทวราช องคอ์ มรินทร์ เป็ นประธาน ศาลาแห่งนี้ ประกอบดว้ ยรัตนะ ๗ ประการ สูง ๕๐๐ โยชน์ วัดโดยรอบ ได้ ๑,๒๐๐ โยชน์ พื้นทีป่ ระกอบดว้ ยแกว้ ผลึก เสาเป็ นทอง เครื่องบน คือ ๑๓
สวรรค์ - นรก
ขื่อ คาน ระแนง ท�ำดว้ ยรัตนะทัง้ ๗ หลังคามุงดว้ ยอินทนิล เพดาน เสา ประกอบดว้ ยแกว้ ประพาฬ ลวดลายตา่ งๆ ช่อฟ้า ใบระกา ท�ำดว้ ยเงินตรง กลางศาลา เป็ นทีต่ งั้ ธรรมาสน์ สูง ๑ โยชน์ ท�ำดว้ ยรัตนะทัง้ ๗ ปกกัน้ ดว้ ย เศวตฉัตรสูง ๓ โยชน์ ขา้ งธรรมาสน์ เป็ นทีป่ ระทับของทา้ วโกสียเ์ ทวราช ถัดไปเป็ นทีป่ ระทับของเทวดาผูใ้ หญ่ ๓๒ องค์ และเทวดาอื่นๆ ต้ นปาริชาต (กัลปพฤกษ์) อยูใ่ นอุทยานทิพยป์ ุณฑริกวัน มีบริเวณกวา้ ง ขวาง มีก�ำแพงลอ้ มรอบ ๔ ดา้ น กลางสวนนัน้ มีตน้ ไมท้ องหลางใหญแ่ ผ่ สาขาอยูต่ น้ หนึ่ง ซึ่งชื่อวา่ ตน้ ปาริชาต หรือกัลปพฤกษ์ ซึ่งเป็ นตน้ ไมท้ ิพย์ ตน้ กัลปพฤกษ์ นี้ ๑๐๐ ปี ถึงจะออกดอกครัง้ หนึ่ง เมื่อถึงคราวนัน้ ดอกไม้ ในสวรรคน์ ีก้ ็จะบานสะพรัง่ เหลา่ เทพบุตร เทพธิดา ก็จะพากันมารื่นเริง ผลัดเปลีย่ นเวียนกันมาเฝ้าจนกวา่ ดอกไมจ้ ะบาน เมื่อดอกไมส้ วรรคบ์ าน แลว้ จะปรากฏแสงรุ่งเรืองงดงามยิง่ นัก รัศมีดอกปาริชาติจะสอ่ งรัศมี รุ่งเรืองไปไกลหลายหมื่นวา เมื่อลมร�ำเพยพัดพาไปในทิศใด ยอ่ มสง่ กลิน่ หอมไปในทิศนัน้ เป็ นระยะไกลแสนไกล ดอกไมน้ จี้ ะบานสะพรัง่ ไปทุกกิง่ กา้ นทัว่ ทัง้ ตน้ ถ้าเทพบุตรเทพธิดาองคใ์ ด ปรารถนาจะไดด้ อกปาริชาตก็จะ ตกลงมาในมือดัง่ รู้ใจ ถ้ายังไมไ่ ดร้ ับในมือ ดอกก็ยังไมท่ ันตกลงดิน โดยมี ลมชนิดหนึ่ง จะพัดชูดอกไวใ้ นอากาศ จนกวา่ เทพยดาผูใ้ ดประสงคก์ ็จะมา รับเอาไป ๑๔
สวรรค์ - นรก
บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ แทน่ ศิลาแกว้ สีแดงดังดอกชบา อ่อนนุม่ ดังฟูก เมื่อพระอินทราธิราชประทับพักผอ่ นอิริยาบถอยูเ่ หนือแทน่ ศิลาอาสน์ แลว้ แทน่ ทิพยน์ ีก้ ็จะอ่อนยุบลงไป และเมื่อพระองคท์ รงลุกขึ้น แทน่ ศิลาก็ จะฟูข้นึ เต็มตามเดิม เป็ นแทน่ ศิลาทีป่ ระหลาดมหัศจรรยย์ ุบและฟูเอง โดยธรรมชาติ สวนสวรรค์ อุทยานทิพยท์ มี่ ีความรื่นรมย์ สนุกสนาน หาทีเ่ ปรียบไมไ่ ด้ ในโลกมนุษย์ เต็มไปดว้ ยบุพผาชาตินานาพรรณ มีสระโบกขรณีดงั่ ทิพย์ มีน้�ำใสดัง่ แกว้ มีกอ้ นศิลาทีเ่ ป็ นทิพย์ รัศมีร่งุ เรือง มีแทน่ ทีน่ งั่ อันอ่อนนุม่ สีใสสะอาด เหลา่ เทพบุตรเทพธิดา ก็จะมาในสวนส�ำราญเหลา่ นีอ้ ยา่ งไม่ ขาดสาย อุทยานทิพย์ มีชือ่ เสียง ๔ อุทยาน ได้ แก่ - นันทวันอุทยาน - จิตรลดาวันอุทยาทิพย์ - มิสกวันอุทยาทิพย์ - ปารุสกวันอุทยานทิพย์ พระเกศจุฬามณีเจดีย์ สร้างดว้ ยแกว้ อินทนิลอันเป็ นทิพย์ มีความ สวยงามรุ่งเรืองยิง่ นัก ยอดพระเจดียเ์ ป็ นทองค�ำบริสุทธิ์ ประดับดว้ ย รัตนะ ๗ ประการ สูง ๘๐,๐๐๐ วา มีก�ำแพงทองค�ำลอ้ มรอบทัง้ ๔ ทิศ มี ความยาว ๑๖๐,๐๐๐ วา ประดับดว้ ยธงนานาชนิด พระเจดียน์ เี้ ป็ นที่ บรรจุสงิ่ ทีม่ ีคา่ ยิง่ ๒ อยา่ งคือ พระเกศโมลี ขององคส์ มเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า คือมวยผมทีต่ ัดออก ขณะทีเ่ สด็จออกบรรพชา และไดอ้ ธิษฐานวา่ “ถ้ าจะตรัสรู้ เป็ นพระสัมมา สัมพุทธเจ้ าแล้ ว ขอให้ มวยพระเกศโมลีจงลอยขึน้ ไปบนนภากาศเถิด ๑๕
สวรรค์ - นรก
อย่าได้ ตกลงสู่พืน้ ปฐพีเลย” ครานัน้ สมเด็จพระมหาอมรินทราธิราช ผู้ เป็ นใหญใ่ นชัน้ ดาวดึงสน์ ี้ จึงน�ำเอาพระผอบทองมารองรับพระเกศโมลีไว้ แลว้ น�ำขึ้นไปบนดาวดึงสส์ วรรค์ สร้างเจดียส์ �ำหรับบรรจุพระโมลีโดย เฉพาะ พระบรมธาตุเขีย้ วแก้ วเบือ้ งขวา ขององคพ์ ระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในสมัย ทีถ่ วายพระเพลิงพระพุทธสรีระของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โทณพราหมณซ์ ่งึ ไดร้ ับการแตง่ ตัง้ ให้เป็ นผูแ้ บง่ พระบรมสารีริกธาตุ ได้ น�ำเอาพระเขีย้ วแกว้ ซ่อนไวท้ ผี่ า้ โพกศีรษะ แลว้ จึงไดจ้ ัดพระบรมสารีริก ธาตุทเี่ หลือออกเป็ น ๘ สว่ น เพื่อถวายแกก่ ษัตริยต์ า่ งๆ ในครัง้ นัน้ ทา้ ว สักกะเทวราชจึงไดอ้ ัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุเขีย้ วแกว้ จากผา้ โพกศีรษะ ของโทณพราหมณน์ นั้ ลงสูผ่ อบทองค�ำทิพยอ์ ีกทอดหนึ่งดว้ ยกิริยาอัน เลื่อมใส แลว้ รีบเสด็จมาประดิษฐานบรรจุไวใ้ นพระเกศจุฬามณีเจดียน์ ี้ ทางไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
สร้างเสบียงไวน้ �ำทาง คือบุญกุศล พยายามท�ำตนให้เป็ นคนดีมีศีลธรรม ห้ามตนไมใ่ ห้ท�ำกรรมอันหยาบช้าลามก อยา่ ให้บังเกิดความสกปรกแห่ง กาย วาจา ใจ ในทานสูตรกลา่ วไวว้ า่ ... “ถ้ าผู้ใดท�ำทานโดยไม่หวังผล บุญของการท�ำทาน แต่ทำ� ทานโดยคิดว่า การท�ำทานนัน้ เป็ นสิ่งทีด่ งี าม เมือ่ ตายลงย่อมไปบังเกิดในสวรรค์ชัน้ ดาวดึงส์”
อะไรในโลกที่ชื่อว่าอาวุธแล้ว ไม่สามารถน�ำมาต่อสู้กับกิเลสได้เลย นอกเสียจากธรรมะและปัญญาเท่านัน้
ธรรมปั ญญา พระอาจารยม์ หาปิ่ น ปั ญญาพโล วัดแสนส�ำราญ
๑๖
สวรรค์ - นรก
สวรรค์ชั้นที่ ๓ ยามาภูมิ
ผูท้ ีท่ �ำบุญเพราะอยากสืบทอดและรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีแห่ง ความดีงามเอาไว้ เมื่อละโลกแลว้ จะไปบังเกิดบนสวรรคช์ นั้ ยามาเป็ นสว่ น ใหญ่ ยามาภูมิอยูใ่ นอากาศ สูงกวา่ ยอดเขาสิเนรุ ๔๒,๐๐๐ โยชน์ เป็ นภูมิที่ สวยงามและประณีตกวา่ สวรรคช์ นั้ ดาวดึงส์ เป็ นสวรรคท์ พี่ รัง่ พร้อมดว้ ย ความสุขทีเ่ ป็ นทิพย์ ปราศจากความยากล�ำบากใดๆ ถึงซึ่งความสุขอัน เป็ นทิพยว์ ิมาน และทิพยสมบัติก็ปราณีตมาก พระสยามเทวธิราช หรือเรียกวา่ พระสุยามะ หรือทา้ วสุยามะเทวราช ผู้ มีอายุยืนถึง ๒,๐๐๐ ปี ทิพย์ เป็ นผูป้ กครองสวรรคช์ นั้ ยามา เทวดาทัง้ หลายทีอ่ ยูใ่ นชัน้ นี้ เรียกวา่ ยามา หรือยามะ เป็ นจ�ำพวกอากา สัฏฐเทวดาจ�ำพวกเดียว เพราะมีวิมานลอยอยูใ่ นอากาศเป็ นทีอ่ ยู่ เทวดา ทีอ่ ยูใ่ นภูมิสูงขึ้นไปกวา่ ชัน้ นีก้ ็ลว้ นแตเ่ ป็ นอากาสัฏฐเทวดาทัง้ สิน้
สวรรค์ - นรก
เทวดาในชัน้ ยามาภูมิ ลว้ นเป็ นผูม้ ีบุญมาก หนา้ ตางดงามรุ่งเรืองนัก มี ชีวิตความเป็ นอยูอ่ ยา่ งผาสุก เสวยสมบัติอันเป็ นทิพยต์ ามสมควรแก่ อัตภาพ ทิพยว์ ิมานเป็ นปราสาทเงิน ปราสาททอง ปราศจากแสง พระอาทิตยแ์ ละพระจันทร์ เพราะวา่ อยูส่ ูงกวา่ พระอาทิตย์ และพระจันทร์ มากมายนัก มีความสวา่ งอันเกิดจากรัศมีแห่งแกว้ และรัศมีจากกายของ เหลา่ เทวดาทัง้ หลาย ถ้าดอกไมบ้ านก็จะเป็ นกลางวัน ดอกไมห้ ุบจะเป็ น กลางคืน เมื่อเทียบเวลาระหวา่ งมนุษยก์ ับสวรรคช์ นั้ ยามาภูมิแลว้ ๒๐๐ ปี ใน มนุษยเ์ ทา่ กับ ๑ วันในสวรรคช์ นั้ ยามา ทางไปสวรรค์ชั้นยามา
ตอ้ งพยายามสร้างบุญ ตอ้ งเป็ นผูห้ นักแนน่ ในการบ�ำเพ็ญบุญ ในทานสูตร กลา่ วไวว้ า่ ... “ถ้ าผู้ใดท�ำทานโดยไม่คิดว่าเป็ นการท�ำดี แต่คิดว่าบิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยายได้ เคยท�ำบุญท�ำทานมาโดยตลอด เราก็ควรได้ ทำ� ตามประเพณีที่ ท่านเคยท�ำมา ถ้ าผู้นัน้ ให้ ทานด้ วยอาการอย่างนีแ้ ล้ ว เมือ่ ท�ำกาลกิริยา ตายไป ย่อมเข้ าถึงความเป็ นสหายแห่งเหล่าเทวดาทัง้ หลายในสวรรค์ ชัน้ ยามา” “ดูกร เธอผู้เห็นภัยในวัฏสงสารทัง้ หลาย บุคคลบางคนในโลกนี ้ กระท�ำบุญกิริยาวัตถุทสี่ �ำเร็จด้ วยศีลประมาณยิ่ง แต่ไม่เจริญบุญกิริยา วัตถุทสี่ �ำเร็จด้ วยภาวนาเลย เมือ่ ถึงกาลกิริยาตายไปแล้ ว เขาย่อมเข้ า ถึงความเป็ นสหายแห่งเทวดาชัน้ ยามา”
๑๘
สวรรค์ - นรก
สวรรค์ชั้นที่ ๔ ดุสิตาภูมิ
มนุษยผ์ ทู้ �ำบุญเพื่อปราถนาสงเคราะห์โลก เพื่อนมนุษยแ์ ละสรรพสัตวท์ งั้ หลาย จะไปบังเกิดในสวรรคช์ นั้ ดุสิต
สวรรค์ชั้นดุสิต เป็ นแดนสุขาวดี เป็ นทีส ่ ถิตอยูแ่ ห่งปวงเทวดาชาวฟ้าทัง้
หลาย ผูไ้ มม่ ีความทุกข์ ปราศจากความร้อนใจ แตก่ ลับมีแตค่ วามยินดี และความแช่มชื่นอยูเ่ ป็ นนิตย์ อีกทัง้ ยังเป็ นภูมิทีอ่ ยูข่ องพระโพธิสัตวท์ งั้ หลาย กอ่ นทีจ่ ะไปบังเกิดในมนุษยโลก และบ�ำเพ็ญเพียรจนส�ำเร็จอนุตต รสัมมาสัมโพธิญาณ เป็ นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังเป็ นทีเ่ กิดของผูท้ จี่ ะ เป็ นอัครสาวก กอ่ นทีจ่ ะไปบังเกิดในมนุษยโลกอีกดว้ ย ดังนัน้ เทวดาทีอ่ ยูใ่ นชัน้ ดุสิตาภูมินี้ จึงนับวา่ เป็ นเทวดาทีป่ ระเสริฐกวา่ เทวดาในภูมิอ่นื ๆ โดยมีสมเด็จพระสันดุสิตเทวาธิราช ทรงด�ำรงต�ำแหนง่ เป็ นเทวาธิบดี เมื่อเทียบเวลาระหวา่ งมนุษยก์ ับสวรรคช์ นั้ ดุสิตาภูมิแลว้ ๔๐๐ ปี ใน มนุษยเ์ ทา่ กับ ๑ วันในสวรรคช์ นั้ ดุสิตาภูมิ ๑๙
สวรรค์ - นรก
ดุสิตาภูมิ เป็ นเทพนครทีต่ งั้ อยูก่ ลางนภากาศ มีปราสาทวิมานอยู่ ๓ ชนิด ดว้ ยกัน รัตนวิมาน คือ วิมานแก้ ว สุวรรณวิมาน คือ วิมานทอง รชตวิมาน คือ วิมานเงิน ปราสาทวิมานเหลา่ นี้ ตัง้ อยูเ่ รียงรายเป็ นระเบียบสวยงาม แตล่ ะวิมาน เป็ นปราสาททิพย์ มีความวิจิตรตระการเหลือทีจ่ ะพรรณนา มีรัตน ปราการก�ำแพงแกว้ ลอ้ มรอบทุกๆ วิมาน มีรัศมีร่งุ เรืองเลื่อมพรรณราย สวยงามยิง่ กวา่ ปราสาทวิมานแห่งเทวดาทัง้ หลาย ในสรวงสวรรคช์ นั้ ยา มาภูมิ เทวสถานชัน้ นี้ มีสระโบกขรณี และสวนขวัญอุทยานทิพยอ์ ีกมากมาย ส�ำหรับเป็ นทีเ่ ทีย่ วพักผอ่ นให้ไดร้ ับความชื่นบานเริงสราญแห่งเทพยดา ชาวฟ้าทัง้ หลาย ปวงเทพเจ้าทัง้ หลาย ผูเ้ คยไดส้ ร้างกามาวจรกุศลกรรม และผลวิบากแห่งกามาวจรกุศลกรรม ชักน�ำให้มาอุบัติเกิด ณ โลก สวรรคช์ นั้ ดุสิตาภูมินี้ แตล่ ะองคม์ ีความสงา่ งามกวา่ เหลา่ เทวดาชัน้ ต่�ำๆ มีจิตใจรู้บุญรู้ธรรมเป็ นอยา่ งดี มีจิตยินดีตอ่ การทีจ่ ะไดส้ ดับตรับฟั งพระ สัทธรรมเทศนาเป็ นยิง่ นัก ทุกวันธรรมสวนะ ปวงเทพเจ้าเหลา่ ดุสิตาภูมินี้ ยอ่ มจะมีเทวสันติบาต ประชุมฟั งธรรมกันอยูเ่ สมอมิไดข้ าด โดยมีสมเด็จพระสันดุสิตเทวาธิราช ทรงด�ำรงต�ำแหนง่ เป็ นเทพยสภาบดี ทัง้ นีก้ ็เพราะพระองคท์ รงเป็ น เทพเจ้าผูเ้ ป็ นพหูสูต เป็ นผูร้ ้ธู รรมแห่งองคส์ มเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็ นอันมาก จึงทรงมีพระอัธยาศัยนอ้ มไปในการแสดงธรรม และสดับ ตรับฟั งพระธรรมเทศนา ปั จจุบันนี้ สมเด็จพระศรีอริยะเมตไตรย พระโพธิสัตวผ์ มู้ ีช่อื เสียงเลื่องลือ ๒๐
สวรรค์ - นรก
เป็ นทีร่ ้จู ักกันในหมูพ่ ุทธบริษัทวา่ จะไดต้ รัสรู้เป็ นพระพุทธเจ้าในอนาคต อันตรกัปที่ ๑๓ แห่งภัทรกัปนี้ พระองคก์ ็สถิตอยู่ ณ สรวงสวรรคช์ นั้ นี้ และมักไดร้ ับอาราธนาให้เป็ นองคแ์ สดงธรรม โปรดเหลา่ เทพบริษัทใน ดุสิตสวรรคน์ อี้ ยูเ่ สมอ ทางไปสวรรค์ชั้นดุสิต
ตอ้ งอุตสา่ ห์พยายามสร้างบุญกุศล ชอบสดับตรับฟั งพระธรรมเทศนา เพื่ออบรมปั ญญาให้เจริญผอ่ งใส ไมห่ วัน่ ไหวโยกคลอน ในการประกอบ กุศล ไมเ่ ป็ นผูม้ ัวเมาประมาทในวัยและชีวิตของตน เร่งสร้างกุศล เช่น บ�ำเพ็ญทาน และรักษาศีลเป็ นนิตย์ ในทานสูตรกลา่ วไวว้ า่ ... “ผู้ใดให้ ทานโดยไม่คิดว่าท�ำตามบิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ทีเ่ คยท�ำมา จนเป็ นประเพณี แต่ให้ ทานโดยคิดว่าเราหุงหากิน สมณพราหมณ์เหล่า นัน้ ไม่ได้ หงุ หากิน ถ้ าเราไม่ให้ ทาน ก็เป็ นสิ่งไม่ควรอย่างยิ่ง เมือ่ เขาตาย ลง ก็ย่อมไปบังเกิดเป็ นเทวดาในสวรรค์ชัน้ ดุสิต”
๒๑
สวรรค์ - นรก
สวรรค์ชั้นที่ ๕ นิมมานรดีเทวภูมิ
สวรรคช์ นั้ นิมมานรดี ส�ำหรับผูท้ เี่ มื่อยังเป็ นมนุษย์ เห็นผูอ้ ่นื ท�ำบุญแลว้ ได้ รับการยกยอ่ ง สง่ เสริม จึงอยากท�ำบุญอยา่ งนัน้ บา้ ง เทวภูมินี้ เป็ นทีส่ ถิตของปวงเทพเจ้า ผูม้ ีความยินดีเพลิดเพลินในกาม คุณารมณ์ ทีเ่ นรมิตขึ้นตามความพอใจของตนเอง โดยมีเทพเจ้ามเหศักดิ์ ทรงนามวา่ สมเด็จทา่ นทา้ วสุนิมมิตเทวาธิราช ทรงเป็ นอธิบดีผูป้ กครอง จึงไดช้ ่อื วา่ นิมมานรดีภูมิ คือ ภูมิเป็ นทีอ่ ยูแ่ ห่งทวยเทพ อันมีสมเด็จพระ นิมมิตเทวาธิราช ทรงเป็ นอธิบดี ภายในเทพนคร มีปราสาทเงิน ปราสาททอง และปราสาทแกว้ ทัง้ มี ก�ำแพงแกว้ ก�ำแพงทอง อันเป็ นของทิพย์ เป็ นวิมานทีอ่ ยูข่ องเหลา่ เทวดา นอกจากนัน้ พื้นภูมิภาคยังมีสภาวะเป็ นทองราบเรียบเสมอกัน มีสระ โบกขรณี และสวนอุทยานอันเป็ นทิพย์ ส�ำหรับเป็ นทีเ่ ทีย่ วเลน่ ส�ำราญ แห่งเหลา่ ชาวสวรรคน์ ิมมานรดีทงั้ หลาย เช่นเดียวกับสมบัติทิพยใ์ น สวรรคช์ นั้ ดุสิต ตา่ งกันแตว่ า่ ทุกอยา่ งทีน่ มี่ ีสภาวะสวยสดงดงามกวา่ และประณีตกวา่ ทิพยสมบัติในดุสิตภูมิ เทพยดาทัง้ หลายในสวรรคช์ นั้ นี้ มีรูปทรงสวยงามนา่ ดูชม ยิง่ กวา่ ชาว สวรรคช์ นั้ ทีต่่ �ำกวา่ ทัง้ หลาย และมีกายทิพย์ ซึ่งมีรัศมีร่งุ เรืองเป็ นยิง่ นัก หากเขาเกิดความปรารถนาจะเสวยสุขดว้ ยกามคุณารมณส์ งิ่ ใด เขายอ่ มเนรมิตเอาไดต้ ามความพอใจชอบใจแห่งตนทุกสิง่ ทุกประการ ไมม่ ีความขัดขอ้ ง และเดือดเนื้อร้อนใจในกรณีใดๆ เลย ปรองดอง รัก ใคร่ และไดร้ ับความสุขส�ำราญชื่นบาน ทุกถ้วนหนา้ ๒๒
สวรรค์ - นรก ทางไปสวรรค์ชั้นนิมมานรดี
ผูท้ ีจ่ �ำอุบัติในสวรรคช์ นั้ นี้ ตอ้ งเพียรบริจาคทานเป็ นอันมาก อยา่ งเสมอ ตน้ เสมอปลาย จิตใจบริสุทธิ์ รักษาศีลไมข่ าดตกบกพร่อง ตอ้ งอุตสา่ ห์ กอ่ สร้างกองบุญกุศลให้ยงิ่ ใหญ่ อบรมจิตใจของตนให้บริสุทธิผ์ ุดผอ่ ง ไมใ่ ห้สกปรกลามกมีมลทิน พยายามรักษาศีลไมใ่ ห้ขาด มีใจสมบูรณ์ ดว้ ยศีล ผลวิบากแห่งทาน และศีลอันสูงสง่ เทา่ นัน้ จึงจะบันดาลให้ไป อุบัติเกิดในสวรรคช์ นั้ นีไ้ ด้ ในทานสูตรกลา่ วไวว้ า่ ... “ผู้ใดท�ำทานโดยไม่คิดว่าเราหุงหากิน แต่สมณพราหมณ์เหล่านัน้ ไม่ได้ หุงหากิน เราจะไม่ให้ ทานก็ไม่บังควรอย่างยิ่ง แต่ได้ คิดว่าเราจะให้ ทาน เหมือนอย่างฤาษีทงั้ หลาย ทีไ่ ด้ กระท�ำมาในอดีต เมือ่ ตายลงย่อมไป บังเกิดเป็ นเทวดา ในสวรรค์ชัน้ นิมมานรดี”
๒๓
สวรรค์ - นรก
สวรรค์ชั้นที่ ๖ ปรนิมมิตวสวัตตีเทวภูมิ
ผูท้ ีเ่ กิดบนสวรรคช์ นั้ ปรนิมมิตวสวัตดี คือเมื่อครัง้ เป็ นมนุษย์ ท�ำบุญดว้ ย ความเลื่อมใส เคารพในทาน ท�ำแลว้ มีความรู้สึกปลื้มใจในบุญทีท่ �ำนัน้ เป็ นสวรรคช์ นั้ สูงสุดของแดนสุขาวดี เทวดาในชัน้ ปรนิมมิตวสวัตตีภูมินี้ ทัง้ ทีเ่ ป็ นเทพบุตรและเทพธิดา เวลาใดทีป่ รารถนาจะเสวยในกามคุณ ก็มี เทวดาทีร่ ู้ใจเนรมิตให้ เมื่อไดเ้ สวยกามคุณสมความปรารถนาแลว้ สิง่ ที่ เนรมิตมาก็จะสิน้ ไป เทวดาชัน้ ปรนิตมิตวสวัตตีจึงไมม่ ีคคู่ รองประจ�ำ เหมือนเทวดาในสวรรคช์ นั้ อื่นๆ วิมาน ทิพยสมบัติ และร่างกายของเทวภูมิชนั้ นี้ มีความสวยงามประณีต มากกวา่ เทวดาในชัน้ นิมมานรดี มีอายุยาวกวา่ ประมาณ ๔ เทา่ ถือวา่ เป็ นยอดภูมิ คือภูมิทีส่ ูงสุดของสวรรคใ์ นเทวภูมิทงั้ ๖ ๒๔
สวรรค์ - นรก
เทวภูมิชนั้ นี้ นอกจากจะเป็ นทีส่ ถิตของทวยเทพแลว้ ยังเป็ นทีส่ ถิตอยูข่ อง เหลา่ เทพยดาจ�ำพวกมารทัง้ หลาย โดยมีสมเด็จพระปรนิมมิตเทวราช และสมเด็จพระปรนิมมิตวสวัตตีมาราธิราช ทรงเป็ นอธิบดี จึงไดช้ ่อื วา่ ปรนิมมิตวสวัตตีภูมิ คือภูมิทอี่ ยูแ่ ห่งทวยเทพและเทพมารทีผ่ ูอ้ ่นื เนรมิต ให้ อ�ำนาจปกครองมิไดอ้ ยูแ่ ตเ่ ฉพาะเทวดาทีอ่ ยูใ่ นสวรรคช์ นั้ ปรนิมมิต วสวัตตีภูมิเทา่ นัน้ แตย่ ังมีอ�ำนาจปกครองทัว่ ไปถึงสวรรคช์ นั้ ต่�ำลงอีก ๕ ชัน้ ดว้ ย คือจาตุมหาราชิกา ดาวดึงส์ ยามา ดุสิต นิมมานรดี และมีการ ปกครองทีแ่ ตกตา่ งจากเทวภูมิอ่นื คือแบง่ เป็ น ๒ แดน อยูก่ ันฝ่ายละแดน มีเขตแดนกัน้ ในระหวา่ งกลาง ตา่ งฝ่ายตา่ งอยู่ หากมีกิจจ�ำเป็ นจึงจะไปมา หาสูแ่ กก่ ัน แดนเทพยดา มีสมเด็จพระปรนิมมิตเทวราช ทรงปกครองอยู่ แดนมาร มีทา้ วปรนิมมิตวสวัตตีมาราธิราช ทรงปกครอง เมื่อเทียบเวลา ระหวา่ งโลกมนุษยก์ ับสวรรคช์ นั้ ปรนิมมิตวสวัตตีภูมิแลว้ ๑,๖๐๐ ปี ใน โลกมนุษย์ เทา่ กับ ๑ วันในสวรรคช์ นั้ ปรนิมมิตวาวัตตี ทางไปสวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี
ผูท้ ีจ่ ะมาอุบัติในสวรรคช์ นั้ นี้ ตอ้ งอุตสา่ ห์กอ่ สร้างกองการกุศลให้ยงิ่ ใหญ่ อบรมจิตใจให้สูงสง่ ดว้ ยคุณธรรม เมื่อจะให้ทานรักษาศีล ก็ตอ้ งบ�ำเพ็ญ อยา่ งจริงจัง ดว้ ยศรัทธาอยา่ งยิง่ ยวดและถูกตอ้ ง และผลวิบากแห่งทาน และศีลอันสูงยิง่ เทา่ นัน้ จึงจะบันดาลให้ไปอุบัติสวรรคช์ นั้ นีไ้ ด้ ในทานสูตรกลา่ วไวว้ า่ ... “ผู้ใดท�ำทาน โดยไม่ได้ คิดว่าท�ำทานตามฤาษี ในอดีตทีเ่ คยท�ำมา แต่คิดว่าท�ำทาน เพือ่ ให้ จติ เกิดความปลาบปลืม้ ปิ ติ ในบุญทีท่ ำ� เมือ่ ตายลง ย่อมไปเกิดเป็ นเทวดาในสวรรค์ชัน้ ปรนิมมิต วสวัตตี ย่อมไปเกิดเป็ นเทวดา ในสวรรค์ชัน้ ปรนิมมิตวสวัตตี” ๒๕
สวรรค์ - นรก
บุญกิ ริยาวัตถุ ๑๐
บุญกิริยาวัตถุ ๑๐ คือ สิง่ ทีเ่ ป็ นทีต่ งั้ แห่งการท�ำบุญ ๑๐ ประการ ๑. ให้ทาน (ทานมัย)
การให้ทานเป็ นการช่วยขัดเกลาความเห็นแกต่ ัว ความคับแคบ ความตระหนีถ่ เี่ หนียว และความยึดติดในวัตถุ นอกจากนีส้ งิ่ ของทีเ่ รา แบง่ ปั นออกไป ก็จะเป็ นประโยชนก์ ับบุคคลหรือชุมชนโดยสว่ นรวม ๒. รักษาศีล (ศีลมัย)
เป็ นการฝึ กจิตเพื่อลด ละ เลิก ความชัว่ ไมไ่ ปเบียดเบียนใคร มุง่ ทีจ่ ะ ท�ำความดี เอื้อเฟื้ อเผื่อแผผ่ อู้ ่นื เป็ นการหลอ่ เลีย้ งบม่ เพาะให้เกิดความดี งาม และพัฒนาคุณภาพชีวิตไมใ่ ห้ตกต่�ำ ๓. เจริญภาวนา (ภาวนามัย)
การภาวนา เป็ นการพัฒนาจิตใจ และปั ญญา ท�ำให้จิตสงบ ไมม่ ีกิเลส ไมม่ ีเรื่องเศร้าหมอง เห็นคุณคา่ สิง่ ตา่ งๆ ตามความเป็ นจริง ผูท้ ภี่ าวนา อยูเ่ สมอยอ่ มเป็ นหลักประกันวา่ จิตจะมีความสงบ ชีวิตมีความสุข คุณภาพชีวิตดีข้นึ สูงขึ้น ๔. อ่อนน้อมถ่อมตน (อปจายนมัย)
ผูน้ อ้ ยอ่อนนอ้ มถ่อมตนตอ่ ผูใ้ หญ่ ผูใ้ หญก่ ็แสดงออกในความมีเมตตาตอ่ ผูน้ อ้ ย และตา่ งก็อ่อนนอ้ มตอ่ ผูม้ ีคุณธรรม รวมถึงการให้เกียรติ ให้ความ เคารพในความแตกตา่ งซึ่งกันและกัน ทัง้ ในความคิดความเชื่อ และวิถี ปฏิบัติของบุคคลและสังคมอื่น เป็ นการลดความยึดมัน่ ถือมัน่ ในความ เป็ นตัวตน ก็เป็ นบุญ ๕. ช่วยเหลือสังคมรอบข้าง (ไวยาวัจจมัย)
การช่วยเหลือสละแรงกายเพื่องานสว่ นรวม หรือการช่วยงานเพื่อนบา้ นที่ ๒๖
สวรรค์ - นรก
ตอ้ งการความช่วยเหลือ ก็เป็ นบุญ ๖. เปิดโอกาสให้คนอื่นมาร่วมท�ำบุญกับเรา (ปัตติทานมัย)
การเปิ ดโอกาสให้คนอื่นมีสว่ นร่วมท�ำ - ร่วมแสดงความคิดเห็น รวมไป ถึงการอุทิศสว่ นบุญให้แกผ่ ทู้ ลี่ ว่ งลับไปแลว้ ดว้ ย ก็เป็ นบุญ ๗. ยอมรับและยินดีในการท�ำความดี (หรือท�ำบุญ) (ปั ตตานุโมทนา
มัย) ของผูอ้ ่นื เป็ นการเปิ ดโอกาสร่วมใจอนุโมทนาในการกระท�ำความดี ของผูอ้ ่นื ก็เป็ นบุญ ๘. ฟังธรรม (ธรรมสวนมัย)
บม่ เพาะสติปัญญาให้สวา่ งไสว ฟั งธรรมะ ฟั งเรื่องทีด่ ีมีประโยชนต์ อ่ สติ ปั ญญา หรือมีประโยชนต์ อ่ การด�ำเนินชีวิตทีด่ ี เป็ นความจริง ความดี ความงาม ก็เป็ นบุญ ๙. แสดงธรรม (ธรรมเทศนามัย)
ให้ธรรมะและขอ้ คิดทีด่ ีกับผูอ้ ่นื แสดงธรรม น�ำธรรมะไปบอกกลา่ ว เผื่อแผใ่ ห้คนอื่นไดร้ ับฟั ง ให้เขาไดร้ ้จู ักวิธีการด�ำเนินชีวิตทีด่ ี เป็ นเรื่อง ของความจริง ความดีงาม ก็เป็ นบุญ ๑๐. ท�ำความเห็นให้ถูกต้องและเหมาะสม (ทิฏฐุชุกรรม)
มีการปรับทิฏฐิ แกไ้ ขปรับปรุงพัฒนาความคิดเห็น - ความเขา้ ใจ ให้ถูกตอ้ งตามธรรม ให้เป็ นสัมมาทัศนะอยูเ่ สมอ เป็ นการพัฒนาปั ญญา อยา่ งส�ำคัญ ก็เป็ นบุญ
๒๗
นรกภูมิ สวรรค์ - นรก
นรกภูมิ คือ สถานทีจ่ องจ�ำผูท ้ ีก่ ระท�ำบาปสถานหนัก ตอ้ งชดใช้บาปจาก
เมื่อครัง้ เป็ นมนุษย์ โดยอาศัยร่างทีเ่ ป็ นกายหยาบรับโทษ เช่น ถูกเลื่อย กาย ถูกหัน่ ร่างเป็ นชิน้ ๆ ถูกไฟครอก ถูกต�ำดว้ ยสาก ถูกโยนใสก่ ระทะน้�ำ เดือด ปี นตน้ งิว้ เป็ นตน้ มนุษยเ์ มื่อตายไป มิใช่วา่ จะถูกยมทูตพาไป พบพระยายมราช เพื่อตัดสิน ไตถ่ ามกอ่ นการรับโทษในนรกทุกคนไป เป็ นเฉพาะบางคนบางพวกเทา่ นัน้ คือ โดยปกติแลว้ คนเราในโลกทีเ่ ห็น กันอยูน่ ี้ มีนิสัย จิตใจ และความประพฤติดีเลว แตกตา่ งกันออกไป พอจะ แบง่ ออกไดเ้ ป็ น ๔ ประเภท คือ พวกที่ ๑ ชอบใจในการบ�ำเพ็ญกุศลมาก พวกที่ ๒ ชอบทัง้ กุศลและอกุศลปนกันไป ไมย่ งิ่ หยอ่ นกวา่ กัน พวกที่ ๓ ชอบทางอกุศลมากกวา่ กุศล พวกที่ ๔ ชอบแตท่ างอกุศลฝ่ายเดียว เมื่อจิตใจมนุษยต์ า่ งระดับกันดังนี้ เมื่อถึงเวลาตาย ความเป็ นไปยอ่ มแตก ตา่ งกัน ๒๘
สวรรค์ - นรก
พวกที่ ๑ ขณะใกลต้ าย ยอ่ มระลึกนึกถึงเรื่องทีเ่ ป็ นบุญ เป็ นกุศล ทีต่ นได้ เคยประกอบเอาไวไ้ ดม้ าก บุคคลเหลา่ นีต้ ายแลว้ ยอ่ มไปสูส่ ุคติภูมิ พวกที่ ๒ บุคคลพวกนีย้ ามใกลต้ าย ถ้าตนเองไดพ้ ยายามระลึกนึกถึงบุญ กุศลให้มากเขา้ ไว้ หรือมีผอู้ ยูใ่ กลค้ อยช่วยเตือนสติให้ระลึกถึงกุศลกรรม นัน้ บุคคลเหลา่ นีก้ ็จะสามารถพน้ จากอบายภูมิไดเ้ หมือนกัน เวน้ แต่ ตนเองไมพ่ ยายามนึก อีกทัง้ ไมม่ ีผใู้ ดคอยช่วยเตือนให้นึก จิตใจจึงมีแต่ ความกลุม้ ใจ เสียใจ ห่วงใยในทรัพยส์ มบัติ ผูค้ น หรือเรื่องกังวลอื่นๆ ตายแลว้ ยอ่ มเขา้ สูอ่ บายภูมิ พวกที่ ๓ พวกนีม้ ีอกุศลอาจิณกรรม คือบาปทีก่ ระท�ำสัง่ สมอยูเ่ ป็ นนิจ มากกวา่ กุศล เมื่อใกลต้ าย ล�ำพังตนเองแลว้ ไมม่ ีทางทีจ่ ะนึกถึงกุศลกรรม ได้ และการทีจ่ ะให้คนธรรมดา เช่น ญาติพนี่ อ้ งผูใ้ กลช้ ิด ก็ไมส่ ามารถ ช่วยเตือนสติใหระลึกไดโ้ ดยงา่ ย จะตอ้ งช่วยเหลือกันอยา่ งแข็งกลา้ เป็ น พิเศษจริงๆ จึงพอจะช่วยได้ พวก ที่ ๔ พวกนีต้ ายแลว้ ไมพ่ น้ จากการไปสูอ่ บายภูมิไดเ้ ลย ยกเวน้ จะได้ รับการช่วยเหลือจากทา่ นผูม้ ีบุญบารมีแกก่ ลา้ แทจ้ ริง เช่น พระสัมมาสัม พุทธเจ้า อัครสาวก มหาสาวกเทา่ นัน้ นอกจากนีต้ นเองยังจะตอ้ งมีกุศล กรรมทีเ่ คยสร้างสมไวใ้ นชาติกอ่ นๆ ทีม่ ีก�ำลังมากดว้ ย จึงจะพอพน้ จาก อบายภูมิได้ ในบุคคลใกลต้ ายทัง้ ๔ ประเภทนี้ พวกที่ ๑ ตายแลว้ ไปสูส่ ุคติภูมิ พวกที่ ๔ ไปสูท่ ุคติภูมิโดยทันที ไมต่ อ้ งพบพระยายมราชแตป่ ระการใด สว่ นพวกที่ ๒ และ ๓ นัน้ ถ้าระลึกถึงกุศลกรรมไมไ่ ด้ จะตอ้ งไปสูน่ รก แลว้ จะมีโอกาสไดพ้ บพระยายมราชเพื่อท�ำการไตถ่ าม และช่วยตนเองให้ พน้ จากนรกอีกครัง้ หากไดส้ ติตอบค�ำถามของพระยายมราชไดถ้ ูกตอ้ ง ๒๙
สวรรค์ - นรก นรกภูมิ นิรยภูมิหรือโลกนรกนี้ เป็ นโลกทีเ่ ต็มไปดว้ ยความทุกขล ์ ว้ น
เป็ นโลกทีป่ ราศจากความสุขโดยสิน้ เชิง โลกนรกประเภทใหญท่ สี่ ุดเรียก วา่ มหานรก มีทงั้ หมด ๘ ขุม เรียงซ้อนกันเป็ นชัน้ ๆ ห่างกันชัน้ ละ ประมาณ ๑๕,๐๐๐ โยชน์ แตล่ ะขุมมี ๔ มุม และมีประตูประจ�ำทิศทัง้ ๔ พื้นเป็ นเหล็กแดง มีฝาปิ ดขา้ งบนเป็ นเหล็กแดง เนื้อทีก่ วา้ งและสูงเทา่ กัน เป็ นรูปสีเ่ หลีย่ มจตุรัส แตล่ ะดา้ นยาว ๑๐๐ โยชน์ สว่ นหนาของผนัง ๔ ดา้ น พื้นและเพดานสว่ นละ ๙ โยชน์ ในนรกไมม่ ีทวี่ า่ งเปลา่ เต็มไปดว้ ย ฝูงสัตวน์ รกเบียดเสียดกันอยูเ่ ต็มพื้นที่ ไฟนรกลุกโชนอยูต่ ลอดเวลา ไม่ เคยดับไหม้ ครุกลุน่ อยูต่ ลอดกาล บาปกรรมของสัตวน์ รกลุกขึ้นเป็ นไฟ เผาภายในตัวบุคคลนัน้ ราวกับวา่ เป็ นฟื น ซึ่งไมเ่ คยดับเลย จ�ำนวนนรก ทัง้ หมด ๔๕๗ ขุม ไดแ้ ก่ ๑. มหานรก ๘ ขุม ๒. อุตสสุนทนรก ๑๒๘ ขุม ๓. ยมโลกนรก ๓๒๐ ขุม ๔. โลกันตนรก ๑ ขุม
มหานรก ๘ ขุม มหานรกขุมที่ ๑ สัญชีวมหานรก
สัญชีวมหานรก มหานรกทีไ่ มม ่ ีวันตาย นรกขุมนี้ เป็ นนรกขุมแรกทีอ่ ยู่
ใตเ้ ขาตรีกูฏ มีขนาดเล็กทีส่ ุดในบรรดามหานรกทัง้ หมด คนใจบาป หยาบช้าลามกตายไปจะตกนรกขุมนี้ แมว้ า่ จะไดร้ ับการลงโทษสาหัสจน ทนไมไ่ หว ขาดใจตายไป ก็จะฟื้ นมีชีวิตขึ้นมาเพื่อรับโทษใหมอ่ ีก เป็ นอยู่ ดังนีโ้ ดยตลอด ผูล้ งโทษคือนายนิรยบาลมีมือถืออาวุธมีแสง ไลฆ่ า่ ฟั น ๓๐
สวรรค์ - นรก
สัตวน์ รกทัง้ หลายให้ตาย ตายแลว้ ก็กลับขึ้นใหมด่ ังนี้ (สัญชีวะ แปลวา่ ชีวิตทีเ่ ป็ นขึ้นมาใหม)่ ชีวิตในสัญชีวมหานรก นรกขุมนีเ้ ป็ นนรกทีเ่ มื่อ ใครตกลงไปแลว้ จะไดร้ ับทุกขท์ รมานอยา่ งสาหัส เช่น ถูกนายนิรยบาล จับมัดแลว้ บังคับให้นอนลงเหนือแผน่ เหล็กแดงทีร่ ้อนดว้ ยไฟนรก ถูกฟั น ดว้ ยดาบนรกอันคมกลา้ จนร่างกายขาดเป็ นทอ่ นๆ ถูกถาก ถูกเฉือนเนื้อ จนหมดร่างกาย เหลือแตเ่ พียงโครงกระดูก เมื่อสิน้ ใจตายจะมี ลมกรรม พัดมาตอ้ งกายให้กลับฟื้ นขึ้นมาอีก แลว้ ก็รับทุกขท์ รมานจากนายนิรย บาลเหมือนเช่นเดิม โดยมีอายุขัยของสัญชีวมหานรกเทา่ กับ ๕๐๐ ปี นรก ๑ วันในมหานรกขุมนี้ เมื่อเทียบกับเวลาในมนุษยโลกแลว้ เทา่ กับ ๙ ลา้ นปี ของโลกมนุษย์ ถ้า ๕๐๐ ปี นรก ก็เทา่ กับ ๑,๖๒๐,๐๐๐ ลา้ นปี ใน เมืองมนุษย์
31
สวรรค์ - นรก
ผูท้ ีจ่ ะตอ้ งไปเกิดเป็ นสัตวน์ รกขุมทีห่ นึ่งนี้ สว่ นใหญไ่ ดแ้ ก่ พวกทีช่ อบ ท�ำกรรมปาณาติบาตเป็ นสว่ นมาก เช่น ชอบบีม้ ด ตบยุงเป็ นประจ�ำ หรือฆา่ มนุษยด์ ว้ ยกัน รวมทัง้ ฆา่ ตัวตายดว้ ยเป็ นสว่ นมาก ผูท้ เี่ มื่อครัง้ เกิด เป็ นมนุษยม์ ีอ�ำนาจมาก ใช้อ�ำนาจนัน้ เบียดเบียนบุคคลทีต่่ �ำกวา่ ตนโดย ไมเ่ ป็ นธรรม หรือพวกมหาโจรทีป่ ลน้ ท�ำลายบา้ นเมือง ตลอดถึงฆา่ คน เอาทรัพย์ มหานรกขุมที่ ๒ กาฬสุตตมหานรก
กาฬสุตตมหานรก หมายถึงมหานรกดา้ ยด�ำ นรกขุมนี้ เป็ นนรกขุมที่
๒ อยูถ่ ัดลงมาจากขุมสัญชีวมหานรก มีขนาดใหญก่ วา่ สัญชีวมหานรก สัตวน์ รกในขุมนีจ้ ะถูกตีหรือขึงดว้ ยเสน้ เชือกสีด�ำ (เหมือนทีช่ ่ างไมใ้ ช้
๓๒
สวรรค์ - นรก
เชือกชุบสีด�ำตีลงเป็ นแนวในเนื้อไม้ เพื่อสะดวกในการเลื่อยหรือไส) นาย นิรยบาลจะใช้เครื่องมือทีม่ ีคมถากหรือตัดสัตวน์ รกตามแนวเสน้ สีด�ำทีต่ ี ไว้ เครื่องประหารตา่ งๆ เหลา่ นัน้ มีขวาน จอบ มีด เลื่อย เป็ นตน้ (กาฬะ แปลวา่ ด�ำ สุตตะแปลวา่ เชือก) สัตวใ์ นกาฬสุตตมหานรกนี้ จะถูกนายนิรยบาลจับมัดให้นอนเหนือแผน่ เหล็กแดงทีร่ ้อนแรงดว้ ยไฟนรก แลว้ เอาดา้ ยด�ำซึ่งท�ำดว้ ยเหล็กนรกใหญ่ โตเทา่ ล�ำตาล มาตีบนร่างของสัตวน์ รกซึ่งเป็ นร่างกายทีใ่ หญโ่ ตมาก จน ท�ำให้เป็ นรอยเสน้ แลว้ ก็ท�ำการเลื่อย ดว้ ยเลื่อยนรกอันลุกแดงดว้ ยแสง ไฟ คอ่ ยๆ เลื่อยไปจนกายขาดเป็ นทอ่ นๆ สัตวน์ รกก็ดนิ้ ร กระวนกระวาย บางทีถึงกับทะลึ่งลุกดิน้ พลาดๆ นายนิรยบาลก็บังคับจับมัดให้แนน่ เขา้ ไปอีก แลว้ เลื่อยตัดร่างกายของสัตวน์ รกเหลา่ นัน้ ตอ่ ไป จนกวา่ จะถึง อายุขัยตายไปจากนรกขุมนี้ โดยมีอายุขัยของกาฬสุตตมหานรกเทา่ กับ ๑,๐๐๐ ปี นรก วันหนึ่งคืนหนึ่งในมหานรกขุมนี้ เมื่อเทียบกับเวลาใน มนุษยโลกแลว้ เทา่ กับ ๓๖ ลา้ นปี ของมนุษยโลก ถ้า ๑,๐๐๐ ปี นรก ก็ เทา่ กับ ๑๒,๙๖๐,๐๐๐ ลา้ นปี ในเมืองมนุษย์
33
สวรรค์ - นรก
ภาพและเนื้อหา: http://www.dmc.tv/pages/ตายแลว้ ไปไหน/มหานรกทัง้ 8ขุม-รายละเอียดมหานรกแตล่ ะขุม.html
สัตวน์ รกทีเ่ กิดอยูใ่ นมหานรกขุมทีส่ องนีม้ าจากพวกทีช่ อบ ลักขโมย ลักทรัพย์ ฉ้อโกงเป็ นสว่ นมาก มหานรกขุมที่ ๓ สังฆาฏมหานรก
สังฆาฏมหานรก หมายถึง มหานรกทีถ ่ ูกภูเขาเหล็กบดขยีร้ ่างกาย นรก
ขุมนี้ เป็ นนรกขุมที่ ๓ อยูถ่ ัดลงมาจากกาฬสุตตมหานรก มีขนาดใหญ่ กวา่ กาฬสุตตมหานรก มีภูเขาเหล็กสูงใหญ่ ลุกโพลงดว้ ยไฟ กลิง้ บดทับ เหลา่ สัตวน์ รกให้จมลงไปในแผน่ ดินเหล็ก มีประมาณแคส่ ะเอว แหลกจน เป็ นจุณ นายนิรยบาลถือศัสตราวุธในมือ เทีย่ วเดินไป ร้องค�ำรามวา่ กูจะฆา่ มึง กู จะฆา่ มึง กูจะฆา่ มึง สัตวน์ รกไดย้ ินเสียงนัน้ ตา่ งก็วงิ่ หนีอยา่ งไมค่ ิดชีวิต แตด่ ว้ ยอ�ำนาจกรรมบันดาลท�ำให้เกิดกองไฟกองใหญข่ วางหนา้ สัตวน์ รก นัน้ ไว้ พอจะหันหลังวิง่ หนีกองไฟนัน้ หันหลังกลับมาก็เจอไฟอีกกองหนึ่ง ไมว่ า่ จะหันไปทางไหนก็มีกองไฟปรากฏเกิดขึ้น เผาสัตวน์ รกเหลา่ นัน้ ให้ ไดร้ ับทุกขเวทนาแสนสาหัส ไฟนรกนีร้ ้อนแรงกวา่ ไฟในโลกมนุษย์ มากมายนัก แมจ้ ะถูกไฟเผาไหมแ้ ลว้ สัตวน์ รกนัน้ ก็ไมไ่ ดต้ ายงา่ ยๆ ในไม่ ช้าจะมีภูเขาเหล็กนรก ๒ ลูก กลิง้ มาบีบขยีร้ ่างกายของสัตวน์ รกนัน้ ให้ แหลกลาญ เปรียบเหมือนหีบอ้อยทีบ่ ดอ้อยให้แหลกละเอียดฉะนัน้ โดย มีอายุขัยของสังฆาฏมหานรกเทา่ กับ ๒,๐๐๐ ปี นรก วันหนึ่งคืนหนึ่งใน มหานรกขุมนี้ เมื่อเทียบกับเวลาในมนุษยโลกแลว้ เทา่ กับ ๑๔๔ ลา้ นปี ของมนุษยโลก ถ้า ๒,๐๐๐ ปี นรก ก็เทา่ กับ ๑๐๓,๖๘๐,๐๐๐ ลา้ นปี ใน เมืองมนุษย์ มหานรกขุมนีเ้ ป็ นสถานทีส่ �ำหรับพวกทีช่ อบประพฤติผิดในกามเป็ นสว่ น มาก สัตวใ์ นสังฆาฏมหานรกนีม้ ีร่างกายพิกลพิการตา่ งๆ และมีรูปร่าง ๓๔
ภาพและเนื้อหา: http://www.dmc.tv/pages/ตายแลว้ ไปไหน/มหานรกทัง้ 8ขุม-รายละเอียดมหานรกแตล่ ะขุม.html
สวรรค์ - นรก
แปลก พิลึก เช่น บางตนมีหัวเป็ นควาย มีตัวเป็ นคน บางตัวมีหัวเป็ นคน มีตัวเป็ นควาย บางตัวมีหัวเป็ นหมา หมู เป็ ด ไก่ แตม่ ีตัวเป็ นคน มีความ วิปริตแห่งกายพิกลสุดทีจ่ ะพรรณนาให้ถูกตอ้ งหมดสิน้ ได้
มหานรกขุมที่ ๔ โรรุวมหานรก
โรรุวมหานรก หมายถึง มหานรกทีเ่ ต็มไปดว้ ยเสียงร้องระงมครวญ
ครางอยา่ งนา่ เวทนา นรกขุมนี้ เป็ นนรกขุมที่ ๔ อยูถ่ ัดลงมาจากสังฆาฏ มหานรก มีขนาดใหญก่ วา่ สังฆาฏมหานรก ชีวิตในโรรุวมหานรก สัตว์ นรกขุมนีต้ อ้ งรับทุกขเวทนาในดอกบัวเหล็ก โดยวิธีทแี่ ปลกประหลาด คือ ตอ้ งนอนคว่�ำหนา้ อยูก่ ลางดอกบัวเหล็กอันโตใหญ่ ศีรษะมิดเขา้ ไป ในดอกบัวแคค่ าง ปลายเทา้ จมมิดเขา้ ไปในดอกบัวเหล็กแคข่ อ้ เทา้ มือ ทัง้ สองขา้ ง ก็กางจมมิดเขา้ ไปในดอกบัวเหล็กแคข่ อ้ มือ นอนคว่�ำหนา้ อยู่ ดว้ ยอาการพิลึกพิกลเช่นนัน้ เปลวไฟก็ปรากฏขึ้น เผาไหมด้ อกบัวเหล็ก พร้อมกับสัตวน์ รกเหลา่ นัน้ เปลวไฟแลบเขา้ หูซ้ายออกหูขวา แลบเขา้ หู ขวาออกหูซ้าย เขา้ ปาก ตา จมูก สัตวน์ รกไดแ้ ตร่ ้องครวญครางเสียงสนัน่ หวัน่ ไหวอื้ออึง จะตายก็ไมต่ าย มีกายล�ำบากอยา่ งแสนสาหัส ตอ้ งทน ทุกขเวทนาอยูอ่ ยา่ งนี้ จนกวา่ จะถึงอายุขัยตายไปจากนรกขุมนี้ เป็ นสถาน ทีส่ �ำหรับพวกทีช่ อบ พูดโกหก พูดค�ำหยาบ พูดสอ่ เสียด พูดเพอ้ เจ้อ มี ๓๕
สวรรค์ - นรก
วจีกรรมชัว่ หยาบเป็ นสว่ นมาก โดยมีอายุขัยของโรรุวมหานรกเทา่ กับ ๔,๐๐๐ ปี นรก วันหนึ่งคืนหนึ่งในมหานรกขุมนี้ เมื่อเทียบกับเวลาใน มนุษยโลกแลว้ เทา่ กับ ๕๗๖ ลา้ นปี ของมนุษยโลก ถ้า ๔,๐๐๐ ปี นรก ก็ เทา่ กับ ๘๒๙,๔๔๐,๐๐๐ ลา้ นปี ในเมืองมนุษย์ มหานรกขุมที่ ๕ มหาโรรุวมหานรก
มหาโรรุวมหานรก หมายถึง มหานรกทีเ่ ต็มไปดว้ ยเสียงร้องระงม
ครวญครางมากมาย นรกขุมนี้ เป็ นนรกขุมที่ ๕ อยูถ่ ัดลงมาจากโรรุว มหานรก มีขนาดใหญก่ วา่ โรรุวมหานรก สัตวน์ รกในมหานรกขุมนีร้ ้อง ดังกวา่ ในขุมโรรุวะ เพราะถูกเปลวไฟร้อนแรงไหมอ้ ยูม่ ิใช่ควันเผาไหมอ้ ยู่ ตลอด ชีวิตในมหาโรรุวมหานรก สัตวท์ งั้ หลายทีต่ อ้ งตกไปอยูใ่ นนรกขุม ๓๖
สวรรค์ - นรก
นี้ ตอ้ งเขา้ ไปยืนอยูใ่ นดอกบัวเหล็กนรกซึ่งมีกลีบคมเป็ นกรด มิหน�ำซ้�ำยัง ร้อนแรงแดงฉานไปดว้ ยไฟนรก ซึ่งลุกโพลงอยูใ่ นดอกบัวเป็ นเนืองนิตย์ เผาไหมส้ ัตวน์ รกซึ่งอยูใ่ นดอกบัวนัน้ ตัง้ แตศ่ ีรษะจรดพื้นเทา้ เปลวไฟ แลบเขา้ ทวารทัง้ ๙ เผาไหมท้ งั้ ขา้ งในขา้ งนอก นรกขุมนีจ้ ึงมีช่อื อีกอยา่ ง วา่ “ชาลโรรุ วมหานรก” นรกทีเ่ ต็มไปดว้ ยเสียงครวญคราง เพราะเปลวไฟ จะตายก็ไมต่ าย ถูกไฟ ไหมข้ นาดนีย้ ังไมพ่ อ ยังถูกนายนิรยบาลถือกระบองเหล็กอันมีไฟลุกโชน ตีกระหน่�ำลงบนศีรษะซ้�ำเขา้ ไปอีกจนแตกยับ ถึงขนาดนีแ้ ลว้ ก็ยังไมต่ าย ดว้ ยอ�ำนาจของกรรมท�ำให้มีชีวิตไดร้ ับทุกขต์ อ่ ไป จนกวา่ จะหมดอายุขัย ไปจากนรกขุมนี้ เป็ นสถานทีส่ �ำหรับพวกทีช่ อบ ดื่มสุรา สูบบุหรี่ หรือ เสพสิง่ มึนเมา ยาเสพติดเป็ นสว่ นมาก โดยมีอายุขัยของมหาโรรุวมหานรกเทา่ กับ ๘,๐๐๐ ปี นรก วันหนึ่งคืน หนึ่งในมหานรกขุมนี้ เมื่อเทียบกับเวลาในมนุษยโลกแลว้ เทา่ กับ ๒,๓๐๔ ลา้ นปี ของมนุษยโลก ถ้า ๘,๐๐๐ ปี นรก ก็เทา่ กับ
37
สวรรค์ - นรก
๖,๖๓๕,๕๒๐,๐๐๐ ลา้ นปี ในเมืองมนุษย์ มหานรกขุมที่ ๖ ตาปนมหานรก
ตาปนมหานรก หมายถึง มหานรกทีท ่ �ำสัตวใ์ ห้เร่าร้อน นรกขุมนี้ เป็ น
นรกขุมทีอ่ ยูถ่ ัดลงมาจากมหาโรรุวมหานรก มีขนาดใหญก่ วา่ มหาโรรุว มหานรก ชีวิตในตาปนมหานรก สัตวท์ งั้ หลายทีต่ กไปอยูใ่ นนรกขุมนี้ จะ ถูกนายนิรยบาลไลใ่ ห้ข้นึ ไปบนปลายหลาวเหล็กซึ่งโตเทา่ ล�ำตาล และ แดงฉานดว้ ยเปลวไฟ เสียบสัตวน์ รกบนปลายหลาวนัน้ ไฟไหมส้ ัตวน์ รก นัน้ เป็ นนิจนิรันดร์ เนื้อหนังของสัตวน์ รกนัน้ ก็สุกพองไปดว้ ยอ�ำนาจไฟ นรก พอสุกแลว้ จะมีสุนัขนรกรูปร่างแปลกประหลาด มีขนาดตัวเทา่ ช้าง ร้องเสียงดังกึกกอ้ งดว้ ยความหิวกระหาย วิง่ เขา้ มาหาสัตวน์ รกนัน้ กระชากลากสัตวน์ รกออกมาจากเหล็กหลาว เคีย้ วกินจนเหลือแตก่ ระดูก แลว้ ตอ้ งกลับไปมีชีวิตใหม่ เป็ นอยา่ งนีจ้ นกวา่ จะหมดอายุขัยของตาปน มหานรก
38
สวรรค์ - นรก
เป็ นสถานทีส่ �ำหรับพวกทีช่ อบ เลน่ การพนัน หรือเกีย่ วกับการพนัน เป็ นสว่ นมาก โดยมีอายุขัยของตาปนมหานรกเทา่ กับ ๑๖,๐๐๐ ปี นรก วันหนึ่งคืนหนึ่งในมหานรกขุมนี้ เมื่อเทียบกับเวลาในมนุษยโลกแลว้ เทา่ กับ ๙,๒๑๖ ลา้ นปี ของมนุษยโลก ถ้า ๑๖,๐๐๐ ปี นรก ก็เทา่ กับ ๕๓,๐๘๔,๑๖๐,๐๐๐ ลา้ นปี ในเมืองมนุษย์ มหานรกขุมที่ ๗ มหาตาปนมหานรก
มหาตาปนมหานรก หมายถึง มหานรกทีเ่ ต็มไปดว้ ยความเร่าร้อน
อยา่ งมากมาย นรกขุมนี้ เป็ นนรกขุมที่ ๗ อยูถ่ ัดลงมาจากตาปนมหานรก มีขนาดใหญก่ วา่ ตาปนมหานรก อยูล่ ึกและกวา้ ง มีก�ำแพงเหล็กลุกเป็ น ไฟลอ้ มรอบ ภายในก�ำแพงกวา้ งขวางใหญโ่ ต มีภูเขาเหล็กลุกเป็ นไฟตัง้ อยูเ่ ป็ นลูกๆ ตามพื้นขา้ งๆ ภูเขานัน้ มีขวากเหล็กแหลมคมปั กเรียงรายอยู่ เหนือพื้นเหล็กแดงซึ่งร้อนแรงดว้ ยไฟมากมาย นายนิรยบาลทัง้ หลายตา่ ง ถืออาวุธ หอก ดาบ แหลน หลาว ลุกแดงดว้ ยแสงไฟไลท่ มิ่ แทงสัตวน์ รก บังคับให้ข้นึ ไปบนภูเขาไฟอันแดงฉาน
๓๙
สวรรค์ - นรก
ภาพและเนื้อหา: http://www.dmc.tv/pages/ตายแลว้ ไปไหน/มหานรกทัง้ 8ขุม-รายละเอียดมหานรกแตล่ ะขุม.html
พอนายนิรยบาลไลท่ มิ่ แทงทุบตี สัตวน์ รกพากันตกใจ วิง่ หนีข้นึ ไปบน ยอดเขานรก และแลว้ ในไมช่ ้ าก็มีลมกรด อันร้อนแรง พัดมาดว้ ยก�ำลัง แห่งลมนรก ให้สัตวน์ รกพลัดตกมาจากยอดเขา ตกลงมาถูกลวดหนาม ซึ่งมีอยูใ่ นเบื้องลา่ ง เสียบร่างกายทะลุเลือดแดงฉาน บางตนตกลงมาถูก บดขยีก้ ายขา้ งซ้ายทะลุขา้ งขวา เป็ นอยา่ งนีต้ ลอดจนหมดเวลาของอายุ ในนรกขุมนี้ มหานรกขุมนีเ้ ป็ นสถานทีส่ �ำหรับพวกทีช่ อบ เทีย่ วกลางคืน มัวเมาในอบายมุข เป็ นนักเลงอบายมุขเป็ นสว่ นมาก โดยมีอายุขัยของ มหาตาปนมหานรก มีอายุประมาณครึ่งอันตรกัป มหานรกขุมที่ ๘ อเวจีมหานรก
อเวจีมหานรก หมายถึง มหานรกทีป ่ ราศจากคลื่น คือความเบาบาง
แห่งความทุกข์ ระหวา่ งแห่งเปลวไฟและความทุกขไ์ มม่ ีวา่ งเวน้ เลย เป็ นมหานรกขุมสุดทา้ ย ทีม่ ีขนาดใหญท่ สี่ ุด มีโทษแห่งการกระท�ำหนัก ทีส่ ุด และมีอายุขัยนานทีส่ ุดชีวิตในอเวจีมหานรก สัตวน์ รกในขุมนีจ้ ะได้ รับความทุกขแ์ สนสาหัส เป็ นนรกทีข่ ุมใหญท่ สี่ ุด ราวกับเมืองใหญท่ ลี่ อ้ ม ๔๐
สวรรค์ - นรก
รอบดว้ ยก�ำแพงเหล็กอันรุ่งโรจน์ ภายในมีเปลวไฟร้อนระอุไหมส้ ัตวน์ รก อยูต่ ลอดเวลาทัง้ กลางคืนกลางวันไมม่ ีวา่ งเวน้ สัตวท์ ตี่ อ้ งไปอุบัติในอเวจี มหานรกนีม้ ีมากกวา่ ขุมอื่นๆ แออัดยัดเยียดเบียดเบียนกันอยู่ ทัง้ การ เสวยทุกขโ์ ทษในมหานรกขุมนีก้ ็แตกตา่ งกันไปหลายอิริยาบถ หลายทา่ หลายทาง เช่น ถ้าเคยยืนท�ำบาปอกุศลกรรมไว้ ก็ตอ้ งมาทนทุกขอ์ ยูใ่ น อิริยาบถยืน เคยเดินท�ำบาปไว้ ก็ตอ้ งเดินทนทุกขอ์ ยู่ เคยนัง่ เคยนอน ท�ำบาปไว้ ก็ตอ้ งมานัง่ มานอนเสวยทุกขอ์ ยูใ่ นอเวจีมหานรกนี้ เป็ นสถานทีส่ �ำหรับพวกทีท่ �ำอนันตริยกรรม เช่น ฆา่ บิดา ฆา่ มารดา ฆา่ พระอรหันต์ ท�ำสงฆใ์ ห้แตกกัน หรือท�ำพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิต ( ถึง แมจ้ ะท�ำเพียงครัง้ เดียว ไมว่ า่ ดว้ ยสาเหตุอะไรก็ตาม ก็ถือเป็ นกรรมทีห่ นัก มาก ตอ้ งตกอเวจีมหานรก ไดร้ ับโทษทัณฑท์ รมานทีแ่ สนสาหัส มีอายุ ยาวนานกวา่ นรกขุมอื่นๆ )โดยมีอายุขัยของสัตวน์ รกขุมนีม้ ีประมาณ ๑ อันตรกัป
41
สวรรค์ - นรก
เปรต
“เปรต” หรือ “ผีเปรต” จะมีรูปร่างสูงใหญเ่ สียดฟ้า แขนยาว มือเทา่ ใบ ลาน ผอมโซ ตาโปน และปากเทา่ รูเข็ม สง่ เสียงหวีดร้องโหยหวนดว้ ย ความทรมาน และคอยปรากฏตัวตามงานบุญตา่ งๆ เพื่อขอสว่ นบุญ เปรต มี ๑๒ ประเภท แตล่ ะประเภทท�ำกรรมไวต้ า่ งกัน โดยสว่ นใหญเ่ กิด จากกรรมจากความโลภ และความเห็นแกต่ ัว ตระหนีข่ เี้ หนียว ๑. วันตาสาเปรต
เปรตเหลา่ นีเ้ ห็นมนุษยถ์ ่มเสลด น้�ำลายออกมา ตา่ งตื่นเตน้ ดีใจรีบตรงไป ๔๒
สวรรค์ - นรก
ดูดเอาโอชะเสลดเป็ นอาหาร กินแลว้ ยังหิวโหยเช่นเดิม จนกวา่ จะสิน้ กรรมทีท่ �ำไว้ จึงจะไปเกิดในภูมิอ่นื ชาติกอ่ นเป็ นคนตระหนีข่ เี้ หนียว เห็นผูใ้ ดอดอยากมาขออาหาร ก็พาล โกรธถ่มน้�ำลายใสด่ ว้ ยความรังเกียจ หรือเขา้ ไปในสถานทีท่ คี่ วรเคารพ บูชา เช่น โบสถ์ วิหาร ลานพระเจดีย์ แลว้ ไมม่ ีความเคารพตอ่ สถานที่ ได้ ถ่มเสลดน้�ำลายลงในสถานทีศ่ ักดิส์ ิทธิน์ นั้ เมื่อตายแลว้ ก็มาเกิดเป็ นเปรต ในประเภทนี้ ๒. กุณปขาทาเปรต
ชอบซอกซอนหาซากศพสัตวอ์ ึดเนา่ เหม็นกินเป็ นอาหารดว้ ยความ หิวโหย ชาติทีเ่ ป็ นมนุษยม์ ีความตระหนี่ เมื่อมีผูม้ าขอบริจาคทาน ก็แกลง้ ให้ของ ทีไ่ มค่ วรให้ ดว้ ยความปรารถนาจะแกลง้ ประชด ไมเ่ คารพในทาน จึงมา เกิดเป็ นเปรตประเภทนี้ ๓. คูถขาทาเปรต
เปรตชนิดนีช้ อบเทีย่ วแสวงหาอุจจาระของสิง่ มีชีวิตกินเป็ นอาหาร ตอนเป็ นมนุษย์ มีความตระหนีจ่ ัด เมื่อหมูญ ่ าติทตี่ กทุกขไ์ ดย้ าก หรือ ผูค้ นมาหาเพื่อขอความช่วยเหลือ ขอขา้ ว ขอน้�ำดื่ม จะเกิดอาการขุน่ เคืองขึ้นมาทันที แลว้ ยังขับไลไ่ สสง่ ให้ไปกินมูลสัตว์ ดา่ ดว้ ยถ้อยค�ำที่ หยาบคาย ตายแลว้ จึงไปเกิดเป็ นเปรตชนิดนี้ ๔. อัคคิชาลมุขาเปรต
เปรตประเภทนี้ มีรูปร่างผอมโซ มีเปลวไฟแลบออกมาจากปากตลอด เวลา ทัง้ กลางวันกลางคืน ไฟไหมป้ ากไหมล้ นิ้ เจ็บแสบเจ็บร้อน ครัน้ ทน ไมไ่ ดก้ ็วงิ่ ร้องไห้ครวญครางไปไกลถึงร้อยโยชน์ พันโยชน์
๔๓
สวรรค์ - นรก
ตอนเป็ นมนุษย์ มีความตระหนีข่ เี้ หนียวอยา่ งมาก เมื่อมีใครมาขอ ครัน้ จะไมใ่ ห้ก็กลัวคนอื่นดูแคลน จึงแกลง้ ให้สงิ่ ของร้อนๆ เพื่อหวังจะแกลง้ ให้ผูร้ ับเข็ดหลาบ จะไดเ้ ลิกมาขอ เพราะไมเ่ ห็นอานิสงสข์ องการท�ำทาน ๕. สุจิมุขาเปรต
เปรตประเภทนี้ มีเทา้ ทัง้ สองใหญโ่ ต คอยาวมาก แตป่ ากเทา่ รูเข็ม จะได้ อาหารมาบริโภคแตล่ ะครัง้ ก็ไมพ่ ออิม่ อาหารไมอ่ าจจะผา่ นช่องปาก เขา้ ไปไดง้ า่ ยๆ อยากกินแตก่ ินไมไ่ ด้ ตอ้ งทุกขท์ รมานแสนล�ำบาก ร่างกายผอมโซด�ำเกรียม ตอนเป็ นคนตระหนีใ่ นชาติทเี่ ป็ นมนุษย์ เมื่อมีใครมาขออาหาร ก็ไมอ่ ยาก ให้ และไมม่ ีศรัทธาทีจ่ ะถวายทานแกผ่ มู้ ีศีล มีจิตหวงแหนทรัพยส์ มบัติ ๖. ตัณหาชิตาเปรต
เปรตเหลา่ นีจ้ ะเดินตระเวนทอ่ งเทีย่ วไปเรื่อยๆ เพื่อหาอาหาร เมื่อมองไป เห็นสระ บอ่ ห้วย หนอง ก็ต่นื เตน้ ดีใจ รีบวิง่ ไปโดยเร็ว แตค่ รัน้ ไปถึง แหลง่ น้�ำนัน้ กลับกลายเป็ นสิง่ อื่น ตอนเป็ นคนหวงขา้ วหวงน้�ำ เทีย่ วปิ ดสระ ปิ ดบอ่ ปิ ดหมอ้ ไมใ่ ห้คนอื่นได้ ดื่มกิน ๗. นิชฌามักกาเปรต
เปรตประเภทนี้ มีรูปร่างเหมือนตน้ เสาหรือตน้ ไมท้ ถี่ ูกไฟไหม้ มีกลิน่ เหม็นเนา่ มือและเทา้ เป็ นงอ่ ย ริมฝี ปากดา้ นบนห้อยทับริมฝี ปากดา้ นลา่ ง ฟั นยาว มีเขีย้ วออกจากปาก ผมยาวพะรุงพะรัง ยืนทื่ออยูท่ เี่ ดิมไมท่ อ่ ง เทีย่ วไปไหนเหมือนเปรตชนิดอื่น ตอนเป็ นมนุษย์ เป็ นคนใจหยาบ เห็นผูม้ ีศีลก็โกรธเคือง มีอกุศลจิตคิดวา่ ๔๔
สวรรค์ - นรก
ทา่ นเหลา่ นัน้ จะมาขอของตน จึงแสดงกิริยาอาการเยาะเยย้ ถากถาง ขับ ไลค่ นเหลา่ นัน้ ให้ไดร้ ับความอับอาย หรือเห็นพอ่ แมเ่ ป็ นคนแกค่ นเฒา่ เกิดโรคภัยไขเ้ จ็บเบียดเบียนเพราะความชรา แกลง้ ให้ทา่ นตกใจจะได้ ตายไวๆ ตัวเองจะไดค้ รอบครองสมบัติ ๘. สัพพังคาเปรต
เปรตประเภทนี้ มีร่างกายใหญโ่ ต เล็บมือเล็บเทา้ ยาวคมเหมือนมีด เหมือนดาบและงอเหมือนตะขอ กม้ หนา้ กม้ ตาตะกายขว่ นร่างกายตนเอง ให้ขาดเป็ นแผลดว้ ยเล็บ แลว้ กินเลือดเนื้อของตนเองเป็ นอาหาร ตอนเป็ นมนุษยช์ อบขูดรีดชาวบา้ น เอาเปรียบผูอ้ ่นื หรือบางครัง้ ชอบ รังแกหยิกขว่ นบิดามารดา หรือท�ำร้ายคูค่ รองของตนเอง ๙. ปัพพตังคาเปรต
เปรตประเภทนี้ มีร่างกายใหญเ่ หมือนภูเขา เวลากลางคืนสวา่ งไสวดว้ ย เปลวไฟ กลางวันเป็ นควันลอ้ มรอบกาย ถูกไฟเผาคลอก นอนกลิง้ ไปมา ทุรนทุรายเหมือนขอนไมท้ กี่ ลิง้ อยูก่ ลางไร่กลางป่า โศกเศร้าร้องไห้ตลอด เวลา ครัง้ เป็ นมนุษยไ์ ดเ้ อาไฟเผาบา้ น เผาโรงเรียน เผากุฏิ วิหาร เป็ นตน้ ๑๐. อชครเปรต
เปรตประเภทนี้ มีรูปร่างคลา้ ยกับสัตวเ์ ดียรัจฉาน เช่น มีรูปร่างเป็ นงู เหลือม เป็ นเสือ เป็ นมา้ เป็ นวัว เป็ นควาย เป็ นตน้ แตจ่ ะถูกไฟเผาไหม้ ทัว่ ร่างกายทัง้ กลางวันและกลางคืนตลอดเวลา ครัง้ เป็ นมนุษยเ์ ป็ นคนตระหนี่ เมื่อเห็นผูม้ ีศีลมาเยือน ก็ดา่ เปรียบเปรย ทา่ นวา่ เหมือนเป็ นสัตวเ์ ดียรัจฉานตา่ งๆ เพราะไมอ่ ยากให้ทาน หรือ แกลง้ ลอ้ เลียนเป็ นรูปสัตวต์ า่ งๆ
๔๕
สวรรค์ - นรก ๑๑. เวมานิกเปรต
เปรตประเภทนีจ้ ะมีสมบัติ คือ วิมานทองอันเป็ นทิพย์ บางตนจะเสวยสุข ราวเทวดาในเวลากลางวัน สว่ นเวลากลางคืนจะเสวยทุกขท์ เี่ กิดจาก ความตระหนีใ่ นทรัพย์ บางตนเสวยสุขเฉพาะในเวลากลางคืน สว่ นกลาง วันจะเสวยทุกข์ ตามสมควรแกก่ รรม ครัง้ เป็ นมนุษยม์ ีศรัทธาท�ำบุญกุศลไวม้ าก แตไ่ มร่ ักษาศีล ไมร่ ักษากาย วาจา ใจ ให้บริสุทธิ์ หรือเป็ นมนุษยพ์ บพระพุทธศาสนาไดร้ ักษาศีลเพียง อยา่ งเดียว แลว้ ไมม่ ีศรัทธาในการสร้างบุญกุศลอื่น และมีความสงสัยใน เรื่องบุญเรื่องบาป แมร้ ักษาศีลก็รักษาแบบเสียไมไ่ ด้ หรือไมต่ งั้ ใจรักษา ๑๒. มหิทธิกาเปรต
เปรตประเภทนี้ เป็ นเปรตทีม่ ีฤทธิแ์ ละรูปงามดุจเทวดา แตว่ า่ อดอยาก หิวโหยอาหารอยูต่ ลอดเวลา เหมือนเปรตชนิดอื่นๆ จะเทีย่ วไปในสถาน ทีต่ า่ งๆ เมื่อพบมูลสัตว์ หรือของสกปรกก็จะดูดกินเป็ นอาหาร ครัง้ เป็ นมนุษย์ บวชเป็ นพระภิกษุสามเณร พยายามรักษาศีลของตนให้ บริสุทธิ์ จึงมีรูปงามผุดผอ่ งราวเทวดา แตไ่ มไ่ ดบ้ �ำเพ็ญธรรม มีใจ เกียจคร้านตอ่ การบ�ำเพ็ญธรรมตามวิสัยของบรรพชิต จิตใจจึงมากไป ดว้ ย โลภะ โทสะ โมหะ
ละความโลภ ให้ละความอยาก ละโทสะ ให้ละความหึงหวง ละโมหะ ให้ละความกลัว
ธรรมจากหลวงปู่ชม อนํคโณ
สวรรค์ - นรก
วิธีดับทุกข์ วิธีดับทุกข์ เพราะพ่อ-แม่
พอ่ -แม่ ถือวา่ เป็ น “ปูชนียบุคคล” ของลูกทุกคน พระพุทธเจ้าทรงเทียบ ฐานะของพอ่ แมเ่ ทา่ กับเป็ น “พระ”ของลูก แมบ้ วชอยูถ่ ึงจะบิณฑบาตมา เลีย้ งก็ยังไมม่ ีโทษ แถมยังไดร้ ับการยกยอ่ งสรรเสริญจากพระพุทธองค์ อีกดว้ ย ดว้ ยเหตุทพี่ อ่ แมเ่ ป็ นผูม้ ีพระคุณมากลน้ เช่นนี้ ผูท้ ปี่ ฎิบัติตอ่ พอ่ แมอ่ ยา่ งถูกตอ้ ง จึงมีแตส่ ิริมงคล เป็ นทีย่ กยอ่ งสรรเสริญของคนดีโดย ทัว่ ไป ถ้าปฎิบัติกับพอ่ แมไ่ มถ่ ูกตอ้ งก็ยอ่ มเกิด อัปมงคล หาความเจริญทาง จิตใจไมไ่ ด้ และจะไดร้ ับกรรมอันนีส้ นองในชาตินเี้ ป็ นสว่ นมาก กลา่ วคือ ลูกของเราก็จะท�ำตอ่ เราเช่นนีเ้ หมือนกัน ดังนัน้ ในฐานะลูกทีด่ ี จึงควรมี ความกตัญญูและกตเวทีตอ่ พอ่ แมข่ องตน สนองคุณดว้ ยการเลีย้ งดูตาม ธรรม อยา่ ให้ทา่ นตอ้ งไดร้ ับความทุกขท์ งั้ กายและใจ และผลแห่งกุศล กรรมนี้ ก็ยอ่ มจะสนองเราทันตาเห็นเช่นเดียวกัน วิธีดับทุกขเ์ พราะพอ่ แมเ่ ป็ นเหตุนี้ หมายเอาเฉพาะพอ่ แมท่ ขี่ าดศีลและ ธรรม เป็ นมิจฉาทิฐิ ตกเป็ นทาสของสุรา การพนัน นารี หรืออบายมุข ประเภทตา่ งๆ เป็ นตน้ อันเป็ นผลพวงทีล่ ูกๆ พลอยเดือดร้อนไปดว้ ย ลูกๆ ทีต่ กอยูใ่ นภาวะเช่นนีจ้ ะตอ้ ง ท�ำใจ ให้ถูกตอ้ ง และปฏิบัติตนให้สม กับเป็ นลูกทีด่ ี อยา่ ไดเ้ อา น้�ำเนา่ ไปลา้ งน้�ำเนา่ เป็ นอันขาด มิเช่นนัน้ จะได้ ชื่อวา่ ลูกอกตัญญู หรือลูกเนรคุณ จะมีแตเ่ สนียดจัญไร เมื่อตายไปตอ้ ง ไปตกนรกแนน่ อน ๔๗
สวรรค์ - นรก
ในชาตินเี้ ราไมส่ ามารถเลือกเกิดเป็ นลูกของคนนัน้ คนนีไ้ ด้ แตเ่ ราเลือก เกิดในอนาคตได้ การทีค่ นเราไดเ้ กิดมาแลว้ เป็ นผลจากกรรมเกา่ ทีเ่ รา ไดท้ �ำเอาไว้ สง่ ผลให้มาเกิดในฐานะเช่นนี้ เราจึงควรยินดีและพอใจใน พอ่ แมข่ องตน แมจ้ ะอยูใ่ นภาวะใดก็ตาม นอกจากนัน้ การนึกคิดเช่นนีย้ อ่ มจะเป็ นเชื้อให้เกิดความอกตัญญู และ เมื่ออกตัญญูเกิด กตเวทีและเนรคุณ ก็อาจจะตามมาอีกดว้ ย จึงควรรีบ ก�ำจัดความคิดเช่นนีอ้ อกโดยเร็ว แมว้ า่ พอ่ แมจ่ ะเป็ นคนเลวเพียงใด โหดร้ายเพียงใด ก็จะตอ้ งถือวา่ เป็ น บุคคลต้องห้าม ส�ำหรับลูก ทีจ่ ะเขา้ ไปแตะตอ ้ งดว้ ย อกุศลจิต มิไดเ้ ลย พอ่ แมเ่ ปรียบประดุจเป็ นพระอรหันตข์ องลูก เพราะรักลูกดว้ ยความ บริสุทธิใ์ จ ลูกทีส่ ัมมาทิฐิตอ้ งให้ความเคารพนับถือ เชื่อฟั งและตอบแทน พระคุณทา่ น ถ้าไมป่ ฏิบัติก็จะเกิดมลทินไปชัว่ ชีวิต การทีพ่ อ่ แมท่ �ำผิดท�ำชัว่ อันเป็ นผลพวงทีต่ กมาถึงเรา ก็เป็ นเพราะอกุศล กรรมของเรา ดลจิตให้ทา่ นท�ำเช่นนัน้ เราอยา่ ไดเ้ อาความชัว่ ไป ตอบแทนพระคุณทีท่ า่ นให้ก�ำเนิดเรา การทีเ่ ราไดเ้ กิดมาเป็ นลูกของทา่ น ก็เป็ นผลแห่งบาปกรรมทีเ่ ราท�ำเอาไวเ้ องให้เป็ นไป ถ้าเราไมต่ อ้ งการมา เกิดเช่นนีอ้ ีก ก็ควรเร่งท�ำความดีให้มากขึ้น ในชาติตอ่ ไป เราก็ยอ่ มพน้ จากสภาพเช่นนี้ มีสีกาคนหนึ่ง บา้ นอยูห่ ่างจากถ้�ำสติ มาเทีย่ วแลว้ ถามวา่ มีพอ่ ขีเ้ หลา้ มัก ดา่ และตบตีเป็ นประจ�ำ สว่ นแมก่ ็เอาแตเ่ ลน่ ไพ่ เลน่ ไดก้ ็หนา้ บานใจดี วัน ไหนเลน่ เสียก็พาลดา่ จนเขา้ หนา้ ไมต่ ิด เธอไดแ้ นะน�ำให้พอ่ เลิกเหลา้ ให้ แมเ่ ลิกเลน่ ไพ่ ก็ถูกดา่ เปิ ง แถมจะลงไมล้ งมือกับเธออีกดว้ ย หาวา่ อวดดี ๔๘
สวรรค์ - นรก
มาสอนพอ่ แม่ มึงเป็ นลูกอยา่ เสือกมาสอนกู กูไมด่ ีก็เลีย้ งมึงมาไมไ่ ด้ ขอ ให้หลวงตาช่วยแนะน�ำ จะท�ำอยา่ งไร พอ่ แมจ่ ึงจะเลิกอบายมุขได้ ไดใ้ ห้ ค�ำแนะน�ำเธอไปวา่ พอ่ แมม่ ีส�ำนึกอยูว่ า่ กูเป็ นพอ่ กูเป็ นแม่ กูอาบน้�ำร้อนมากอ่ น มีหนา้ ที่ ตอ้ งสอนลูก เลีย้ งลูก ลูกมีหนา้ ทีเ่ ช่อื ฟั งและท�ำตามอยา่ งเดียว จะมาสอน พอ่ แมไ่ มไ่ ด้ แมพ้ อ่ แมจ่ ะท�ำผิดท�ำชัว่ ก็ตาม ค�ำแนะน�ำของลูกทีถ่ ูกตอ้ งจึงไมม่ ีน้�ำหนักทีจ่ ะเรียกร้องให้ยอมรับฟั งหรือ ท�ำตามได้ ยกเวน้ แตพ่ อ่ แมท่ มี่ ีสัมมาทิฐิ แตไ่ ดห้ ลงผิดไปชัว่ คราว อาจ ยอมรับและกลับตัวไดง้ า่ ย ถ้าเป็ นเช่นนี้ ทางปฏิบัติ ก็มีอยู่ ๒ ประการ คือ วางอุเบกขา ปลอ่ ยให้เป็ นไปตามกรรมของทา่ นเอง หรือหาผูท้ พี่ อ่ แม่ เคารพนับถือช่วยแนะน�ำตักเตือนให้ อาจจะเลิกไดถ้ ้าหมดกรรม ขอแตว่ า่ ให้เราพยายามท�ำหนา้ ทีข่ องลูกให้ดีทสี่ ุดก็แลว้ กัน ถ้าทา่ นไมร่ ีบตายจาก เราไปเสียกอ่ น หมดเวรกรรมทา่ นจะเลิกเอง ทางแก้
๑. ศึกษากฏแห่งกรรมให้เห็นความจริงวา่ ทีเ่ รามาเกิดกับพอ่ แมไ่ มด่ ีนนั้ เป็ นผลอศุลกรรมของเราเอง ถ้าไมอ่ ยากมาเกิดกับพอ่ แมเ่ ช่นนี้ ก็ตอ้ งเร่ง ท�ำความดีให้มาก ชาติหนา้ ก็ไมม่ าพบกันอีก ๒. ตอ้ งปฏิบัติหนา้ ทีร่ ะหวา่ งลูกกับพอ่ แมใ่ ห้ถูกตอ้ ง คือมีความกตัญญู และกตเวที พยายามท�ำให้พอ่ แมม่ ีศีลธรรมให้ได้ อยา่ ไดเ้ อาความชัว่ ไป ตอ่ ความชัว่ มิเช่นนัน้ ในชาติหนา้ เราจะตอ้ งไปเกิด และชดใช้บาปกรรม ร่วมกันอีก ๔๙
สวรรค์ - นรก
๓. การท�ำให้พอ่ แมท่ ุกขก์ ายและใจ บน่ ดา่ ทุบตี หรือฆา่ เป็ นการปิ ด ทางสวรรคแ์ ละนิพพานของลูก พร้อมกันนัน้ ก็เปิ ดทางอบาย ทุคติ วินิบาต และนรกไวร้ ออีกดว้ ย ๔. การทีเ่ ราอยูก่ ับพอ่ แมท่ ขี่ บี้ น่ หรือดา่ นัน้ ถ้าเจาะให้ลึกถึงกน้ บึ้งหัวใจ ก็ จะพบความจริงวา่ เกิดจากความหวังดี คืออยากให้ลูกไดด้ ี ถ้าทา่ นไมร่ ัก เราจริง ทา่ นจะบน่ จะดา่ ท�ำไมให้มันเมื่อยปาก ปลอ่ ยให้เราขึ้นช้างลงมา้ คอหักตายไปไมด่ ีกวา่ เหรอ ค�ำดา่ พอ่ แมจ่ ึงเป็ นพรอันประเสริฐทีล่ ูกควร รับฟั ง และพิจารณาดว้ ยใจเป็ นกลาง คือ ก. ถ้าทา่ นดา่ หรือบน่ โดยเราไมผ่ ิดหรือไมจ่ ริง ก็อยา่ ไดส้ วนขึ้นในขณะ นัน้ รอให้ทา่ นอารมณด์ ีแลว้ คอ่ ยชีแ้ จงเหตุผลให้ฟังภายหลัง ข. ถ้าทา่ นดา่ หรือบน่ โดยเราเป็ นฝ่ายผิด ก็ตอ้ งรีบแกไ้ ขปรับปรุงตน อยา่ ไดท้ �ำเช่นนัน้ อีก ทา่ นจะเลิกบน่ ไปเอง ค. ถ้าทา่ นบน่ หรือดา่ โดยหาสาระไมไ่ ด้ ก็ควรสงบใจ วางอุเบกขาเสีย มัน เป็ นการระบายอารมณข์ องคนทีม่ ีภาระมาก และวางไมล่ ง ไดบ้ น่ หรือดา่ ใครนิดหนอ่ ย อารมณก์ ็จะดีข้นึ เอง เป็ นธรรมดาของคนทีห่ ่างวัด ขาด ธรรมะ จะตอ้ งเป็ นเช่นนัน้ เอง ๕. ค�ำดา่ หรือบน่ ของพอ่ แมไ่ มม่ ีพิษภัยเทา่ กับค�ำเยินยอของหนุม่ สาว ถ้า เราทนได้ ปลอ่ ยวางอุเบกขาได้ ก็เป็ นการบ�ำเพ็ญ ขันติบารมี ไปในตัว ควรหัดท�ำให้ได้
นิมิตฺตํ สาธุรูปานํ กตญฺญูกตเวทิตา ความกตัญญูกจเวที เป็นเครื่องหมายของคนดี ๕๐
สวรรค์ - นรก
วิธีดับทุกข์ เพราะ ผัว-เมีย
เรื่องของผัว-เมียเป็ นเรื่องธรรมดาของผูท้ คี่ รองเรือน มีพระอริยะ ๒ พวก คือพระโสดาและพระสกิทาคาก็ยังสามารถครองเรือนได้ ถ้าผัว-เมีย มีกัลยาณศีลและกัลยาณธรรม คือศีล ๕ และธรรม ๕ แลว้ ครอบครัวนัน้ ก็ยอ่ มมีความสุขตามโลกียว์ ิสัย ผัว-เมียทีจ่ ะอยูด่ ว้ ยกัน อยา่ งมีความสุขหรือมีความทุกขน์ นั้ ขึ้นอยูก่ ับเหตุ ๒ ประการ คือเสนห่ ์ กับเสนียด - เสน่ห์ คือมีส่ อ ื ทีท่ �ำให้ผัวหรือเมียรัก เช่น พูดจาไพเราะอ่อนหวาน พูด
จริง พูดในสิง่ ทีค่ วรพูด เป็ นตน้ การแตง่ ตัวสะอาด เรียบร้อยอยูเ่ สมอ ขยันในกิจการบา้ นเรือนหรือหนา้ ทีข่ องตน ถ้าเป็ นหญิงก็ตอ้ งท�ำกับขา้ ว จัดเสื้อผา้ หรือบา้ นเรือนนา่ อยู่ นา่ นอน นา่ นัง่ ไมห่ ึงหวงจนเกินเหตุ ไม่ ท�ำใจคับแคบ ไมก่ ีดกันญาติหรือเพื่อนของผัว เคารพ เกรงใจซึ่งกันและ กัน ไมน่ อกใจผัว รู้จักใช้จ่ายเป็ นตน้ ถ้าเป็ นชายก็ตอ้ งขยันท�ำงาน ละสิง่ เสพติดตา่ งๆ ท�ำตัวเป็ นผัวทีด่ ี เป็ นพอ่ ทีด่ ีของลูก ไมน่ อกใจเมีย เป็ นตน้ ทัง้ หญิงและชายควรศึกษาใจของกันและกัน และพยายามถนอมน้�ำใจกัน เป็ นคนมีเหตุผล อยา่ ตามใจตน ก็ยอ่ มจะอยูด่ ว้ ยกันยืดยาว และมีความ สุขร่วมกัน -เสนียด คือมีแตจ่ ัญไรและอัปมงคล พบกันก็มีแตบ ่ น่ หรือดา่ ฝ่ายทีถ่ ูก บน่ หรือถูกดา่ ก็ไมอ่ ยากอยูใ่ กล้ ไมอ่ ยากเขา้ บา้ น ก็ตอ้ งไปหาบา้ นอยูใ่ หม่ ถ้ามีลูกดว้ ยกันก็มีปัญหามาก ๕๑
สวรรค์ - นรก
วิธีปฏิบัติ
ขัน้ แรกควรส�ำรวจตัวเองกอ่ นวา่ เหตุทเี่ กิดขึ้นนีเ้ กิดจากอะไร ใครเป็ นคน กอ่ ถ้าเกิดจากเราก็จงยอมรับและรีบตัดสินใจแกใ้ นทันที ถ้าปั ญหานัน้ เกีย่ วโยงถึงอีกฝ่ายหนึ่ง ก็ให้ปรึกษาหารือ ให้อยูบ่ นฐานแห่งความเป็ น จริง แลว้ ร่วมกันแก้ ถ้าแกไ้ มไ่ ดก้ ็อาจปรึกษาทา่ นผูร้ ้ตู อ่ ไป อุปสรรคส�ำคัญทีท่ �ำให้ผัวเมียตอ้ งแตกกัน หรืออยูด่ ว้ ยกันอยา่ งไร้ความ สุข ก็คือทิฐิมานะ ดื้อรัน้ เห็นแกต่ ัวจนขาดเมตตา คือความรักและความ ปราถนาดีตอ่ กัน อีกประการหนึ่ง คือการขาดความรับผิดชอบ มักจะโทษ วา่ คนอื่นผิดเสมอ เมื่อตัวท�ำผิดก็ไมย่ อมรับผิด และยังปกปิ ดความผิด ถ้าคนอื่นท�ำผิดเล็กนอ้ ยก็ถือเป็ นเรื่องใหญโ่ ต และจะน�ำมาพูดกระทบ ไมร่ ้จู ักจบสิน้ อันวิสัยของคนดีนนั้ เมื่อท�ำผิดแลว้ ก็ตอ้ งยอมรับและยอมแกไ้ ขไมใ่ ห้เกิด ผิดซ้�ำอีก คนทีท่ �ำผิดแลว้ ไมย่ อมรับผิด เป็ นคนสุขภาพจิตเสื่อม อยูท่ ไี่ หน อยูก่ ับใครก็เดือดร้อนทีน่ นั่ คือเมื่อเกิดความผิดขึ้นก็จะป้ายความผิดไป ให้ผูอ้ ่นื เมื่อเกิดความดีก็จะรีบรับเอาเสียเอง ไมว่ า่ จะชอบธรรมหรือไม่ ก็ตาม คนประเภทนี้ มีอยูใ่ นครอบครัวใด ครอบครัวนัน้ ก็จะหาสันติสุขได้ ยาก ดังนัน้ ผัวเมียคูใ่ ด ตอ้ งการความสุขในการครองเรือนร่วมกัน ควร ปลูกฝั งคุณธรรม ในการครองเรือน ให้มีดว้ ยกันทัง้ สองฝ่าย ชีวิตสมรส ยอ่ มจะเดินไปตามทางทีโ่ รยดว้ ยกลีบกุหลาบ อยา่ งแทจ้ ริง ทางแก้
ควรใช้หลักธรรม ๓ ชุด คือ มีศีล ๕ ละเวน้ อบายมุขและมีฆราวาสธรรม ๔ ขอ้ คือ ๕๒
สวรรค์ - นรก ๑. ศีล ๕ และธรรม ๕
ควรฝึ กท�ำให้ได้ ๑. ไมฆ่ า่ สัตว์ (รวมทัง้ คนดว้ ย) และมีเมตตา ๒. ไมล่ ักทรัพยแ์ ละมีสัมมาชีพ ๓. ไมผ่ ิดผัว-เมียคนอื่น และมีความสันโดษ คือความยินดีและความ พอใจ ๔. ไมพ่ ูดเท็จและมีสัจจะ ๕. ไมด่ ่มื สุราและมีสติ ไมป่ ระมาท ๒. อบายมุข ๖
ตอ้ งเวน้ ให้ขาด
๑. การดื่มน้�ำเมา ๒. การเป็ นคนเจ้าชู้ ๓. เลน่ การพนัน ๔. การเทีย่ วเตร่ ๕. การคบคนชัว่ หรือคนพาล ๖. ความเกียจคร้าน
๓. ฆราวาสธรรม ๔ ควรมีประจ�ำ
๑. สัจจะ ซื่อสัตยแ์ ละจริงใจตอ่ กัน ๒. ทมะ การรู้จักขม่ จิตขม่ ใจตนเอง ฝึ กฝนปรับปรุงตนให้ดีข้นึ ๓. ขันติ อดทนและอดกลัน้ ทุกสิง่ ๔. จาคะ แบง่ ปั นและสละมะเร็งในอารมณ์ ถ้าครอบครัวใดทัง้ ผว้ และเมีย ปฏิธรรมเพียง ๓ ชุดเทา่ นี้ รับรองวา่ ตอ้ งมี ความสุข ตามวิสัยกัลยาณปุถุชนอยา่ งแนน่ อน
๕๓
สวรรค์ - นรก
การจู้จขี้ บี้ น่ พูดมาก ขอ้ นีส้ ว่ นมากมักเป็ นแกแ่ มบ่ า้ น สว่ นพอ่ บา้ นก็มีบา้ ง แตน่ อ้ ย ตน้ เหตุเพราะคนในบา้ นไมใ่ ห้ความร่วมมืิอ อะไรๆ จึงมาตกแก่ แมบ่ า้ นหมด ทัง้ งานนอกงานใน ขีเี้ ยีย่ วไมอ่ อกก็แมบ่ า้ นคนเดียว ถ้า ท�ำใจ คือวางและปลงไมไ่ ด้ โรคประสาทก็จะมาเยือนอยา่ งแนน่ อน ทางแก้ ทัง้ พอ ่ บา้ น แมบ่ า้ นและลูกบา้ น ควรร่วมมือกัน อะไรพอท�ำไดก้ ็ ควรช่วยกัน และแมบ่ า้ นทีฉ่ ลาด ก็ไมค่ วรจะผูกขาดงานในบา้ นเสียคน เดียว ใครๆท�ำให้ก็ไมถ่ ูกใจ ควรฝึ กให้ลูกๆ ขยันและช่วยตัวเองให้มากๆ การเอาแตใ่ จตัวเอง คือชอบท�ำอะไรเผด็จการ ไมป่ รึกษาหารือกันกอ่ น ผัวเมียแมม้ ีสองร่าง แตค่ วรมีหัวใจเดียวกัน มีเหตุผล อยา่ ท�ำอะไรตาม ทาสของอารมณ์ แมว้ า่ การท�ำเช่นนัน้ จะไมท่ �ำให้ครอบครัวแตกแยกก็จริง แตต่ อ้ งนอนหันหลังให้กัน มันจะมีความสุขทัง้ กายและใจไดอ้ ยา่ งไร ทางแก้ ควรควบคุมอารมณ์ กอ ่ นท�ำหรือพูดควรมีสติและปั ญญาก�ำกับ ดว้ ย เราไมช่ อบสิง่ ใด ก็ไมค่ วรท�ำหรือพูดสิง่ นัน้ ควรลดทิฐิมานะ และ อุปาทานให้มาก เอาเหตุและผล ความถูกตอ้ งมาเป็ นแนวทาง ควรมีสันโดษ คือพอใจในสิง่ ทีม่ ี และยินดีในสิง่ ทีไ่ ด้ อยา่ เทียบฐานะกับ คนทีเ่ หนือกวา่ ถ้าจะเทียบก็ควรเทียบกับคนทีด่ อ้ ยกวา่ แลว้ ใจจะเป็ นสุข ควรอยูใ่ นศีลธรรมทางศาสนา มีความกตัญญูตอ่ บรรพบุรุษและผูม้ ี พระคุณ
คิดแล้วเบา จิตเป็นนิจจัง อันนีพ้้ นทุกข์ ได้ คิดแล้วหนัก จิตเป็นนิจจัง อันนีเกิ้ ดเป็นทุกข์ อยู่เนืองนิจ ทางที่เบาเป็นทางสุดหยุดแล้วไม่มีต่อ พอแล้วไม่แสวงหา
ธรรมจากหลวงปู่ชม อนํคโณ
สวรรค์ - นรก
วิธีดับทุกข์ เพราะลูก
พระพุทธองคไ์ ดต้ รัสถึงลูกไวใ้ นปุตตสูตร (๒๕/๒๕๗) วา่ มีอยู่ ๓ ประเภท คือ อภิชาติบบุตร อนุชาตบุตร อวชาตบุตร โดยทรงยกเอาศีล ๕ มาเป็ นมาตรวัดไว้ ดังนี้ อภิชาตบุตร ลูกทีส ่ ูงกวา่ ตระกูล คือ พอ่ แมไ่ มม่ ีศีล ๕ แตล่ ูกเป็ นผูม้ ีศีล ๕ อนุชาตบุตร ลูกทีเ่ สมอกับตระกูล คือ พอ ่ แมม่ ีศีล ๕ และลูกก็เป็ นผูม้ ี ศีล ๕ ดว้ ย อวชาตบุตร ลูกทีต่ ่ �ำกวา่ ตระกูล คือ พอ่ แมม่ ีศีล ๕ แตล่ ูกไมม่ ีศีล ๕ ในขัตติยสูตร (๑๕/๑๐) พระพุทธเจ้าไดต้ รัสไวว้ า่
ลูกคนใดเป็ นลูกทีเ่ ชือ่ ฟั ง ลูกคนนัน้ นับว่าเป็ นลูกทีป่ ระเสริฐ สุดกว่าลูกทัง้ ปวง.....
โดยในพระพุทธวจนะ ทีไ่ ดย้ กมากลา่ วไวน้ ี้ เป็ นเครื่องแสดงวา่ พระพุทธ องคท์ รงชีใ้ ห้ดูวา่ ลูกจะดีหรือชัว่ อยูท่ วี่ า่ เป็ นผูม้ ีศีล ๕ และการเชื่อฟั งพอ่ แม่ คนมีลูก ย่อมเสียใจเพราะลูก เพราะลูกในยุคปั จจุบัน พากันเป็ น ลูกบังเกิ ดเกล้า กันเป็ นสว่ นมาก ตน ้ เหตุเกิดจากการเลีย้ งลูกไมถ่ ูกวิธี คือ มักตามใจลูกในทางทีผ่ ิด เช่น ถนอมลูก ไมย่ อมให้ลูกท�ำอะไรเลย มี พอ่ แม่ หรือคนรับใช้ท�ำให้เสร็จ ลูกอยากไดอ้ ะไรก็ให้ อยากไดเ้ งินเทา่ ไหร่ก็ตามใจ ตามใจลูกทุกอยา่ ง ลูกก็เลยกลายเป็ นลูกเทวดา ปราถนา อะไรก็ไดด้ งั่ ใจ กลายเป็ นคนเห็นแกต่ ัว ใช้เงินเกง่ ไมเ่ ห็นคุณคา่ ของเงิน ท�ำอะไรเองก็ไมเ่ ป็ น ตีนไมต่ ิดดิน เหยียบขีไ้ กไ่ มฝ่ ่ อ... ๕๕
สวรรค์ - นรก
ทางทีถ่ ูกนัน้ ควรมุง่ ปลูกฝั งคุณธรรม หรือศีลธรรมลงในจิตใจของลูก ตัง้ แตเ่ มื่อยังเล็กๆ อยู่ เพราะเมื่อเด็กมีคุณธรรมหรือศีลธรรมในใจแลว้ ยอ่ มเป็ นลูกทีม่ ีความกตัญญูกตเวทีตอ่ พอ่ แม่ เคารพและเชื่อฟั งพอ่ แม่ ยอ่ มท�ำในสิง่ ทีด่ ีงาม น�ำความชื่นใจและปราบปลื้มใจมาให้พอ่ แม่ แตถ่ ้า ลูกขาดคุณธรรมแลว้ ถึงจะมีความรู้วิชาชีพสูง ก็เอาตัวไมร่ อด แมพ้ อ่ แม่ จะมีฐานะร่�ำรวย ลูกก็มักจะผลาญหมด แตถ่ ้าลูกเป็ นคนดี ถึงฐานะจะ ยากจน ลูกก็สร้างขึ้นมาได้ ถ้าไมร่ ีบปลูกฝั งศีลธรรมลงในตัวของลูกไวแ้ ตเ่ ล็กๆ แลว้ โอกาสทีล่ ูกจะ เป็ นเด็กดีก็คอ่ นขา้ งยาก ทัง้ นีเ้ พราะวัฒนาการทางวัตถุยงิ่ เจริญมากขึ้น จิตใจของคนโลกก็ยงิ่ ต่�ำลง เห็นแกต่ ัวมากขึ้น โหดร้ายมากขึ้น ตน้ เหตุทีส่ �ำคัญคือ ทุกคนตอ้ งแขง่ ขันกัน มีวัตถุให้มากขึ้น เพื่อสง่ เสริม ความสุขทางเนื้อหนัง การเอารัดเอาเปรียบกัน ก็ยอ่ มจะเพิม่ ขึ้นเป็ นเงา ตามตัว พอ่ แมก่ ็ตอ้ งออกไปหาเงินเพื่อให้พอใช้จ่าย โอกาสทีจ่ ะเลีย้ งลูก เองจึงไมม่ ี สายสัมพันธร์ ะหวา่ งพอ่ แมก่ ับลูกก็ยิง่ ห่างไกลออกไป ดว้ ยเหตุนี้ เพื่อนจึงมีความส�ำคัญทีล่ ูกมักจะให้ความเชื่อถือมากกวา่ พอ่ แม่ เพราะพอ่ แมท่ ีส่ ว่ นมากมักจะไมต่ ามใจลูกในทางทีผ่ ิด เมื่อเห็นลูกท�ำ ผิดก็มักจะตักเตือนหรือดุดา่ จนถึงเฆีย่ นตีเป็ นตน้ ตรงกันขา้ มกับเพื่อน มี แตค่ �ำหวาน ตามใจกันแมใ้ นสิง่ ทีผ่ ิด ลูกจึงรักเพื่อนมากกวา่ พอ่ แม่ คน เราเมื่อรักกันแลว้ ก็ตอ้ งถนอมน้�ำใจกัน มักจะพยายามท�ำสิง่ ทีเ่ พื่อน ขอร้องหรือท�ำในสิง่ ทีเ่ พื่อนชอบ จุดมืดหรือจุดสวา่ งของลูกจึงอยูต่ รงนีเ้ อง ถ้าคบเพื่อนดีก็เป็ นบุญ ถ้าคบ เพื่อนชัว่ ก็พาตัวพินาศ เสียอนาคต กวา่ จะรู้สึกตัวก็หมดเสียโอกาสเสีย แลว้ สาเหตุอีกประการหนึ่ง ทีล่ ูกๆ ไมใ่ ห้ความเคารพเชื่อฟั งพอ่ แม่ ก็ ๕๖
สวรรค์ - นรก
เกีย่ วกับการประพฤติตัวของพอ่ แมเ่ องเช่น ไม่ให้ความอบอุ่นกับลูก ถือวา่ มีเงินให้ใช้ มีขา้ วให้กินอิม ่ ทอ้ งก็เป็ นบุญ
แลว้ ลืมไปวา่ คนเรา มีทงั้ กายและใจ การให้อาหารก็ควรให้ให้ครบ คือ ให้ทงั้ อาหารกายและอาหารใจ เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี เช่นติดเหลา้ ติดการพนัน ติดผูห ้ ญิง โกง หาเงิน ทางทีผ่ ิดกฏหมาย หรือเอาเปรียบสังคม ถืออารมณ์มากกว่าเหตุผล เมื่อลูกท�ำผิดเล็กนอ ้ ย ก็ถือวา่ เป็ นเรื่อง
ใหญโ่ ตคอขาดบาดตาย ใช้อารมณ์ ใช้อ�ำนาจเขา้ ขม่ ก็จะเอาชนะให้ได้ แตก่ าย แตห่ าไดช้ นะใจลูกไม่ รักลูกตามอารมณ์ คือตอ ้ งการให้ลูกท�ำอยา่ งนัน้ ท�ำอยา่ งนี้ เช่น ตอ้ ง เรียนวิชานัน้ ตอ้ งท�ำงานอยา่ งนี้ ท�ำเหมือนลูกไมม่ ีหัวใจ เหตุเพียงเพราะ พอ่ กับแมช่ อบเป็ นตน้ จู้จี้ขี้บ่น ทุกคนไมว่ า่ เด็กหรือผูใ้ หญ่ ยอ ่ มไมช่ อบคนจู้จขี้ บี้ น่ ดว้ ยกันทัง้ นัน้ คนฟั งมักร�ำคาญ สว่ นคนบน่ มักไมร่ �ำคาญ พอ่ แมท่ อี่ ยากให้ลูกๆ อยู่ ใกลช้ ิด ควรระวังขอ้ นีไ้ วด้ ว้ ย เลีย้ งลูกให้ขเี้ กียจ คือกลัวลูกจะเหนื่อย ล�ำบาก เลยท�ำอะไรๆแทนเสีย หมด ลูกจะท�ำก็กลัวเสียของ ลูกก็เลยท�ำอะไรไมเ่ ป็ น บางคนโตจนเป็ น หนุม่ สาวแลว้ ซักผา้ ตัวเองยังไมเ่ ป็ น หุงขา้ วก็ไมส่ ุก ก็เลยกลายเป็ น เลีย้ ง ลูกไม่ให้ โต ไป การหาเงินหรือมีเงิน เป็ นของดีควรท�ำ แตเ่ งินก็เป็ นของกลางๆ เป็ น สมบัติกลาง ถ้าคนดีก็ใช้เงินให้เป็ นคุณ ถ้าคนชัว่ ก็ใช้เงินให้เป็ นโทษ ๕๗
สวรรค์ - นรก
ดังนัน้ พอ่ แมท่ ดี่ ี จึงไมค่ วรจะงมโขง่ กม้ หนา้ หาเงินเพียงอยา่ งเดียว จนลืม ปลูกฝั งคุณธรรมลงในจิตใจลูก เพราะถ้าลูกมันชัว่ แลว้ เงินร้อยลา้ นพัน ลา้ น มันก็ผลาญหมดในไมช่ ้ า แถมพาตัวเขาให้พินาศไปดว้ ย การเลีย้ ง ลูกทีด่ ี ควรใช้หลัก ๔ ขัน้ คือ แม่น�้ำ ลูกยอ กอไผ่ ใส่เตา แม่น�้ำ คือเอาน้�ำเย็นเขา้ ปลอบ พูดจาดว้ ยภาษาดอกไม้ เชื่อเถอะ จิตใจ ของคนเราไมไ่ ดส้ ร้างดว้ ยหินดอก เมื่อลูกรู้วา่ ยังมีคนรักและเมตตาเขา ดว้ ยความจริงใจ ดว้ ยเหตุผลและความเป็ นจริง ไมใ่ ช้อารมณเ์ ขาก็ยอ่ ม จะเชื่อฟั งบา้ ง ลูกยอ คือ ใช้วิธียกยอ ่ งชมเชยในสิง่ ทีล่ ูกมีและท�ำได้ ให้ก�ำลังใจในการ ท�ำความดี ถ้าถล�ำท�ำชัว่ ก็ขอให้กลับตัวใหม่ อยา่ ประณามกันรุนแรง คน เราท�ำผิดกันได้ เมื่อผิดแลว้ ก็ตอ้ งยอมรับผิด และตอ้ งกลับตัว ก็จะถือวา่ มีเชื้อของบัณฑิต คือการใช้เรียวไผห่ วดกน้ เมื่อใช้ไมน้ วมมาสองขัน้ ไมส่ �ำเร็จ ก็ตอ้ ง ใช้ไมแ้ ข็งกันบา้ ง แตร่ ะวังตอ้ งตีดว้ ยเหตุผลและความเป็ นจริง อยา่ ได้ เผลอใสอ่ ารมณ์ (โกรธ)บวกเขา้ ไปโดยเด็ดขาด ความหวังดีจะกลายเป็ น ร้ายไปทันที กอไผ่
ใส่เตา คือการเผาหรือฌาปนกิจ เมื่อ ๓ ขัน ้ ไมส่ �ำเร็จ ก็ใช้ไมส้ ุดทา้ ย คือ
คิดวา่ เขาไดต้ ายจากเราไปแลว้ ก็ควรตอ้ งเผาเขาไปเลย คือตอ้ ง ท�ำใจ ให้ได้ ถ้าเขาเป็ นลูกลา้ งลูกผลาญก็ขอให้จบกันเทา่ นี้ เขาจะขึ้นช้างลงมา้ เขา้ คุก ก็ปลอ่ ยให้เป็ นไปตามกรรมของเขาเถิด การท�ำใจในขอ้ นี้ ถ้าพอ่ แมม่ ีธรรมะในใจต่�ำ ก็จะท�ำไมไ่ ด้ เพราะไมอ่ าจจะตัดใจได้ แตถ่ ้าศึกษา ธรรมะอยา่ งถูกวิธีแลว้ ก็จะท�ำไดง้ า่ ยมาก นัน่ คือ ระลึกถึงค�ำสอนของ พระพุทธเจ้าทีว่ า่ ทุกคนมีกรรมเป็ นของตนเอง จะฝื นกฎแห่งกรรมไปหา ๕๘
สวรรค์ - นรก
ไดไ้ ม่ แมแ้ ตพ่ ระพุทธเจ้าเอง ทา่ นก็ทรงอยูภ่ ายใตก้ ฏแห่งกรรมเช่นกัน การทีเ่ รามีลูกดี ระลึกถึงแลว้ มีแคค่ วามชื่นใจและสบายใจก็เป็ นเพราะ เหตุของกุศลกรรมทีเ่ ราท�ำไว้ ไดม้ าสนองเรา เกิดจากผลของกรรมดี การทีเ่ รามีลูกไมด่ ี เกิดมาล้ างผลาญ กอ่ แตค่ วามทุกขแ์ ละน�ำแตค่ วาม เดือดร้อนมาให้ไมร่ ้จู ักสิน้ สุดก็เป็ นเพราะ ผลของอศุลกรรมของเราท�ำไว้ เอง และก�ำลังให้ผลเราอยู่ ทางทีถ่ ูกเราไมค่ วรตีโพยตีพาย ซึ่งจะไมม่ ีอะไรดีข้นึ เลย นอกจากจะเป็ น โรคประสาทหรือเป็ นบา้ ควรจะยอมรับความจริง แลว้ ปฎิบัติไปในทางที่ ถูกทีค่ วร ท�ำไมไ่ ดก้ ็ให้วางอุเบกขา ถือวา่ เป็ นกรรมของสัตว์ อยา่ ไปคิด เปรียบเทียบวา่ ลูกเราไมเ่ หมือนลูกคนอื่น ก็มันกรรมใครกรรมมัน ตา่ ง คนตา่ งท�ำ มันจะเหมือนกันไดอ้ ยา่ งไร ถ้าเลือกไดท้ ุกคนก็เลือกเป็ นราชา หรือเศรษฐีกันหมด ควรคิดในแงด่ ี และในแงข่ องความเป็ นจริงวา่ เราได้ ชดใช้ กรรมเก่าเสีย แต่ในบัดนีก้ เ็ ป็ นการดีแล้ ว จะได้ หมดเวรหมดกรรมกันไปเสียที ชาติ หน้ าจะได้ ไม่ต้องไปใช้ เขาอีก คิดไดอ้ ยา่ งนีเ้ ราก็สบายใจ มีพอ่ แมเ่ ป็ นอัน มาก เลีย้ งลูกไมถ่ ูกวิธี หรือไมอ่ าจจะเลีย้ งได้ เพราะมีป่ ู ยา่ ตา ยาย คอย ให้ทา้ ยในทางทีผ่ ิดๆ ลูกก็เลยเสียนิสัย ตามใจตัวเองและเห็นแกต่ ัว จน ไมอ่ าจแกไ้ ขได้ ก็อาจเป็ นกรรมของลูกดว้ ย ทางแก้ ๑. ความกตัญญูและกตเวที เป็ นพื้นฐานของคนดี ควรอบรมหรือปลูก
ฝั งกอ่ นสิง่ อื่นใดทัง้ หมด ติดตามดว้ ยความขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ อดทน เสียสละ และมีระเบียบวินัย เป็ นตน้ ๕๙
สวรรค์ - นรก
้ งลูกดว้ ยอารมณ์ ตามใจในสิง่ ที่ ๒. ควรเลี้ยงลูกด้วยเหตุผล อยา่ เลีย
ถูก ขัดใจในสิง่ ทีผ่ ิด ยกยอ่ งเมื่อเขาท�ำดี ต�ำหนิหรือลงโทษเมื่อเขาท�ำผิด เช่นหนา้ ที่ การงาน การเงิน เป็ นตน้ หัดให้เขาใช้ความคิดเป็ นของตัวเอง ไมค่ วรชีแ้ นะไปเสียทุกสิง่ ๓. หัดให้ลูกเป็นคนรับผิดชอบตัวเอง
๔. ควร เลี้ยงลูกให้โต อยา่ พยายาม เลี้ยงลูกให้เตี้ย เพราะเราไมอ ่ าจ
ตามเลีย้ งเขาไดจ้ นตลอดชัว่ ชีวิต
๕. ค�ำพูดทีว่ า่ จงท�ำตามฉันสอน แต่อย่าท�ำตามฉันท�ำ ไมค ่ วรน�ำมา
ใช้กับลูก นัน่ คือ พอ่ แมค่ วรเป็ นแบบพิมพท์ ดี่ ีและถูกตอ้ ง ถ้าจ�ำเป็ นตอ้ ง ท�ำชัว่ ก็อยา่ ให้ลูกรู้หรือเห็น เด็กจะเสียก�ำลังใจในการท�ำความดีและจะ ถือเป็ นขอ้ อ้างในการท�ำความชัว่ แมแ้ ตเ่ รื่องการดื่มสุราหรือการสูบบุหรี่ เป็ นตน้ ๖. อย่าห้ามลูกไม่ให้ท�ำอะไร ถ้าสิง่ นัน ้ ไมผ่ ิด หรือไมเ่ ป็ นอันตราย เพราะเด็กยอ่ มอยากรู้อยากเห็นเป็ นเรื่องธรรมดา ๗. ควรรักลูกด้วยพรหมวิหาร คือ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ให้ครบทัง้ ๔ ขอ้ อยา่ แสดงออกให้ลูกๆ เห็นวา่ พอ่ แมร่ ักลูกไมเ่ ทา่ กัน ๗. ควรหาโอกาสพาลูกๆ ไปวัด ฟังเทศน์ ฟังธรรม ให้ทาน รักษา ศีล เจริญภาวนา ตามสมควร โดยเฉพาะกอ ่ นนอน ควรหัดให้ลูกๆ ไหว้ พระ สวดมนต์ แผเ่ มตตา กอ่ นเขา้ นอน
๖๐
สวรรค์ - นรก
ตัญหากับการพิจารณาโทษ
หลวงปู่ ชม อนํคโณ
ทุกขท์ งั้ ปวงทีอ่ าศัยอยูใ่ นตนคือกิเลสกาม กิเลสกามคือความใคร่ ความ อยากสัมผัสถูกตอ้ ง ความยึดถือ ความยึดติด สิง่ ทีป่ ิ ดบังจิตของมนุษย์ และสัตวไ์ มใ่ ห้ร้ทู ุกข์ ไมใ่ ห้ร้เู หตุแห่งทุกข์ คือ ๑. ตัญหา ให้เกิดความรักความพอใจ ปิ ดบังไว้ ๒. ตัญหา ให้เกิดความก�ำหนัดยินดี ปิ ดบังไว้ ๓. ตัญหา ให้เกิดความใคร่ ความอยากไดป้ ิ ดบังไว้ เหตุทงั้ ๓ ประการนีท้ คี่ อยเป็ นฝ้า ปกปิ ดจิตใจของมนุษยเ์ รา ให้มืดให้ มัวหลงอยูจ่ นวันตาย ตายแลว้ ก็เกิดอีก เกิดแลว้ ก็ตายอีกไมร่ ู้จักจบสิน้ เพราะตัญหามันปิ ดบังไว้ ไมใ่ ห้มนุษยเ์ ป็ นสมุฏฐานแห่งความทุกขท์ งั้ หลายของสัตว์ ความรัก ความใคร่ ความอยาก ความชอบ พอมันยัว่ ยวน ชวนพิศวาสของเจ้าพวกตัญหาบา้ กามเหลา่ นี้ มันท�ำให้ลืม ท�ำให้หลง มันปิ ดหู ปิ ดตา ปิ ดใจ ยัว่ ยุหรือชักพาให้มนุษยก์ ระท�ำการทีเ่ ป็ นอกุศล และกุศล หรือไมใ่ ช่บุญไมใ่ ช่กุศล สร้างภพสร้างชาติ ไมร่ ้จู ักจบ มนุษยผ์ หู้ ลงอยูใ่ นโลกียธรรม ลุม่ หลงบันเทิงสุขสันสืบเนื่องมาจากความ มึนเมาในทรัพยส์ มบัติ ชาติตระกูล ความหรูหราฟุ่มเฟื อย ยศศักดิแ์ ละ เกียรติยศอันจอมปลอมในสังคมทีอ่ าศัยอันสวยงาม อาหารอันชูรส พร้อมเสื้อผา้ อาภรณอ์ ันตอ้ งใจ หลงอยูใ่ นอ�ำนาจและความทนงตน ทัง้ หมดนีท้ �ำให้คนมีนัยนต์ าอันฝ้าฟาง มองไมเ่ ห็นความงามของพระ สัทธรรม ๖๑
สวรรค์ - นรก
โลภะ
โลภะ เกิดจากตัณหาคือความทะยานอยากได้ เมื่อเกิดขึ้นแลว้ ท�ำให้จิต
หิวโหยอยากได้ เกิดความดิน้ รน อยูไ่ มเ่ ป็ นสุข หากหยุดยัง้ ไมไ่ ดก้ ็จะ เป็ นตน้ เหตุให้ดนิ้ รนแสวงหาสิง่ ทีอ่ ยากไดม้ าสนองความตอ้ งการ หรือ เมื่อไมไ่ ดโ้ ดยวิธีชอบธรรมก็น�ำให้ไปท�ำความชัว่ ความไมด่ ีงามตา่ งๆ เช่น ลักขโมย การทุจริต คอรัปชัน่ โกง ปลน้ จนถึงฆา่ คนตาย การจะละโลภะให้ละความอยาก ความอยากในกามอารมณต ์ า่ งๆ
เช่น อยากไดร้ ูปสวย เสียงไพเราะ กลิน่ หอม รสอร่อย เครื่องสัมผัสทีอ่ บ อุ่นนิม่ นวล แลว้ ก็ยึดถือวา่ เป็ นของตน ความทะยานอยากเป็ นรากเหงา้ หรือตน้ เหตุแห่งความโลภซึ่งจะน�ำความทุกขท์ งั้ ปวงมาให้ในภายหลัง ถ้า จิตของเราละความอยากเสียได้ ไมเ่ ขา้ ไปติดรูปติดนาม ไมม่ ีเชื้อเหลืออยู่ ความเกิดทีเ่ ป็ นภัยก็ไมม่ ี ไมต่ อ้ งเกิดอีกตอ่ ไป ถ้ายังอยากเกิดให้มีเยื่อมี ใยไว้ ถ้าอยากเกิดทีด่ ีก็ให้ยึดอารมณด์ ี ถ้าอยากเกิดทีเ่ ลวก็ยึดอารมณช์ ัว่ ถ้าวางเสียได้ ไมอ่ ยูก่ ับเหตุกับผล เมื่อเราปลอ่ ยเหตุปลอ่ ยผลเสียแลว้ เราก็ไมม่ ีเกิด ไมม่ ีตาย พน้ จากความทอ่ งเทีย่ ววนเวียน จิตเราก็ไมต่ ิดไม่ ขอ้ งอยูใ่ นอารมณข์ องโลก ไมข่ อ้ งอยูใ่ นสังสารวัฏฏ์อีกตอ่ ไป โทสะ โทสะ เกิดจากมานะคือความถือตัวถือตน ความรู้สึกวา่ ตัวเดน ่ กวา่ เขา
ตัวดอ้ ยกวา่ เขา หรือตัวเสมอกับเขา เมื่อถูกกระทบเขา้ ก็เกิดความไม่ พอใจ เกิดโทสะขึ้น เมื่อเกิดขึ้นแลว้ หากระงับไมไ่ ดก้ ็จะน�ำให้ท�ำความชัว่ ความไมด่ ีตา่ งๆ เช่น ทะเลาะวิวาทกัน กลัน่ แกลง้ กัน ท�ำร้ายกัน ฆา่ กัน เป็ นเหตุให้ตัวเองเดือดร้อน โลกก็เร่าร้อน ขาดสันติภาพ อยูก่ ันอยา่ ง เดือดร้อน หวาดระแวงกันและกัน ๖๒
สวรรค์ - นรก การจะละโทสะให้ละความหึงหวง ความหึงหวงนัน ้ มีอยูห่ ลายประการ
ความหึงหวงในอ�ำนาจวาสนา ต�ำแหนง่ หนา้ ทีย่ ศศักดิ์ ฤทธิเ์ ดชอยา่ งหนึ่ง ความหึงหวงในวัตถุสังขารทัง้ ทีม่ ีใจครองและไมม่ ีใจครองอยา่ งหนึ่ง เช่น ทรัพยส์ มบัติ ขา้ ทาสบริวาร แลว้ ก็เอาใจเขา้ ไปยึดถือวา่ เป็ นของตน ถ้ามี ผูอ้ ่นื พาเคลื่อนไป หยิบไป ขโมยไป หรือท�ำให้เสียหาย ขัดใจหรือขัด ขวางงานของตน จะเกิดโทสะ เกิดความโกรธ พยาบาทปองร้าย จองเวร ขึ้นทันที เกิดความริษยาอาฆาต เกิดความทุกขไ์ มส่ บายใจ มนุษยแ์ ละ สัตวท์ งั้ หลายทีถ่ ูกโทสะครอบง�ำอยูเ่ วลานี้ เพราะความหึงหวงนัน่ เอง เป็ น เหตุแห่งความโกรธ เมื่อเราตัดเหตุ คือความหึงหวงเสียได้ ความโกรธก็ จะไมเ่ กิดขึ้น โมหะ โมหะ คือความหลงลืม ความเผลอ หลงรูปหลงนาม หลงยศหลงศักดิ์
หลงไปตามโลกธรรม ๘ ประการ หลงแก่ หลงเกิด หลงเจ็บ หลงตาย หลงวนเวียนอยูใ่ นกองทุกข์ หลงมัวเมาอยูใ่ นตัญหา ความกลัวยิง่ มีมากเทา่ ไหร่ ความ หลงยิง่ มีมากเทา่ นัน้ เช่น กลัวจน ก็พยายามสะสมทรัพยส์ มบัติ ขา้ วของ เงินทองไวม้ ากมาย ไมใ่ ช้ไมจ่ ่าย บุญก็ไมท่ �ำ กรรมก็ไมเ่ หลียวแล หลง มัวเมาอยูแ่ ตค่ วามร่�ำรวยนัน้ เอง ตายไปแลว้ ก็เอาไปดว้ ยไมไ่ ด้ ความกลัว อยา่ งอื่นยังมีอีก คือ กลัวจะไมม่ ีอ�ำนาจวาสนา ยศถาบรรดาศักดิ์ เป็ นเจ้า คนนายคน เมื่อไดแ้ ลว้ ก็กลัวจะมัวหมอง เสื่อมเสียอ�ำนาจเหลา่ นัน้ อีก มี โมหะความหลง เพราะหลงวา่ ตัวเองเกง่ กลา้ สามารถ เหมือนเอาหัวโขน มาใส่ บอกบทเตน้ ร�ำเป็ นเสนาขา้ ราชการอ�ำมาตย์ มีฤทธิเ์ ดชมากมาย กา่ ยกอง อยูไ่ ดพ้ ักเดียวก็ตายเสียแลว้ หลงมัวเมาหมกมุน่ อยูก่ ับนาม การจะละโมหะให้ละความกลัวเสีย
๖๓
สวรรค์ - นรก
สมมุติทีไ่ มเ่ ทีย่ งแทแ้ นน่ อน กลัวจะไมม่ ีความสุข กลัวจะมีความทุกข์ กลัว จะถูกต�ำหนิติเตียน ความกลัวความหวาดสะดุง้ ก็ดี ขนพองสยองเกลา้ ก็ดี เหลา่ นีพ้ วกหลงอยูใ่ นความทุกข์ ความสุขสรรเสริญเยินยอเหลา่ นัน้ กลัว เขาจะวา่ เป็ นคนโง่ ไมม่ ีปัญญาความรู้ เลีย้ งบุตรภรรยาไมไ่ ด้ ตอ้ งอาศัย ศาสนาหากิน กลัวจะไมไ่ ดเ้ กิดเป็ นคน กลัวตาย เหลา่ นี้ เขาเรียกวา่ ยังมี ความหลงอยู่ จึงตอ้ งเกิดอีก
หลักปฏิบัติผู้สนใจในทางปฏิบัติ หลักปฏิบัติของผูท้ ีส่ นใจในทางปฏิบัติ สมาธิกรรมฐานอันใดใดก็ดี วิปัสสนาอันใดใดก็ดี ปฏิบัติไดท้ งั้ นัน้ แตม่ ีหลักให้พิจารณาทางกาย วาจา ใจ ดว้ ยกันทุกๆ กรรมฐาน ให้เกิดปั ญญารู้แจ้งในทางพิจารณา ยืน เดิน นัง่ นอน ให้มีสติอยูพ่ ร้อมทัง้ ๔ อริยาบถ ดังนี้ ๑. ให้พิจารณา ให้ร้ซู ้ึงถึงบุญและบาปวา่ มีจริงให้ผลจริง ๒. ให้พิจารณา หาทางทีจ่ ะละเลิก ละจากบาปให้ไดเ้ ป็ นอันขาด ๓. ให้พิจารณา ทีจ่ ะบ�ำเพ็ญบุญแตฝ่ ่ ายเดียวให้ไดเ้ ป็ นเด็ดขาด ๔. ให้พิจารณา ให้ร้จู ักซึ่งกองทุกขท์ งั้ ปวง ให้ไดเ้ ป็ นเด็ดขาด ๕. ให้พิจารณา ให้ร้จู ักทางออกในความพน้ ทุกขใ์ ห้ไดเ้ ป็ นเด็ดขาด ๖. ให้พิจารณา ในทางศีล สมาธิ ปั ญญา ให้ร้แู จ้งในเหตุและผล ๗. ให้พิจารณา มรรค ผล นิพพาน ให้ร้จู ักเหตุและผล ๘. ให้พิจารณา ให้ร้จู ักทางพระนิพพานให้แจ้งเป็ นทา้ ยทีส่ ุด
๖๔
สวรรค์ - นรก
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ความจริงอยูใ่ นการกระท�ำ ความคิดทีก่ ลับกลอกนัน้ มันหลอกตนเอง น้�ำ ลึกก็ยังใสไมข่ นุ่ มัว มองเห็นไดใ้ นรูปนาม ตัณหาสามก็ยังเอามาพูดกันได้ โดยไมร่ ้สู ึกตัว ปิ ดความชัว่ ของตนไวไ้ มป่ ลอ่ ยวาง ไมถ่ าก ไมถ่ าง ไมล่ า้ ง ออก พูดไดก้ ็ไมด่ ี เพราะมีราคีอยูภ่ ายใน แตใ่ จนัน้ นึกรู้ วาจาคือลมปาก ชอบพูดทับถมอยูเ่ รื่อยไป ไมร่ ้วู า่ นอกหรือใน พูดไดเ้ ป็ นเอา จิตนัน้ เขลา แตย่ ังไมร่ ู้ตัว มีอยูใ่ นตัวของหมูท่ า่ น เพราะมันเป็ นบา้ นของตัณหา สว่ น ใจนัน้ หนาลึกไกลแสนโกฏ มนุษยใ์ นโลกมองไดแ้ ตไ่ มเ่ ห็น กรรมเวรทา่ น ก็ยังไมร่ ู้ หลงอยูใ่ นบา้ นของตัณหาอยูช่ ้ านาน หลงกายาของชายหญิงใน โลก แตถ่ ้าไฟดับ ลมหมดสิน้ ไปจากกายา น้�ำเนา่ ก็เกิดขึ้นมาไมน่ าดู ดิน มันจะพัง สว่ นหนังนัน้ เลา่ มันก็จะเปื่ อยยอ่ ยยับดับสูญไป มนุษยช์ ายหญิง ยังไมร่ ้อู ะไรเป็ นอะไร ไมร่ ้ถู ึงแหลง่ เกิดภัย แหลง่ ทีม่ ีแตท่ ุกข์ มองเห็นวา่ เป็ นของสนุก หลงเอาบว่ งมาผูกคอตน ทุกขน์ นั้ มองเห็นไดย้ าก ยิง่ มีทุกข์ ยิง่ ไมร่ ู้ตัว กลัวบาปแตไ่ มร่ ้กู รรมเวร เห็นแตด่ ีไมร่ ้ทู ุกข์ เห็นแตส่ นุกไมร่ ู้ เศร้าหมอง พระพุทธเจ้าทา่ นตรัสวา่ อนัตตาคือความตายหรือความวา่ ง เปลา่ ก็ได้ ความวา่ งในทีน่ ที้ า่ นหมายความวา่ ให้ปลอ่ ยวางจากทุกขท์ งั้ ปวง ซึ่งจะไดย้ ึดเอาเป็ นทีพ่ ่งึ ทีอ่ าศัยของตนสืบไป สมกับค�ำของพระพุทธ ่ ึง่ แห่งตน เมื่อ องคท์ รงตรัสไว้ อัตตาหิ อัตโนนาโถ แปลวา่ ตนเป็ นทีพ ปลอ่ ยวางจากทุกขท์ งั้ ปวงแลว้ ก็ให้ยึดถือพระพุทธ พระธรรม พระอริย สงฆ์ วา่ เป็ นสรณะทีพ่ ่ึงทีอ่ าศัย แลว้ ท�ำจิตให้เบิกบานสวา่ งแจ่มแจ้งแห่ง พระนิพพานวา่ เป็ นทีพ่ ่งึ แห่งอารมณท์ งั้ ปวง ความวา่ งทีห่ มูท่ า่ นเขา้ ใจ นอกเหนือจากนีน้ นั้ มันหมายถึงความตายตา่ งหาก มิใช่ความวา่ งเกีย่ ว กับเรื่องของพระนิพพาน ควรปล่อยวางออกจากทุกข์ทั้งปวง แล้วน�ำ ๖๕
สวรรค์ - นรก จิตเข้าสู่ความเบิกบาน สว่างแจ่มแจ้ง แห่งพระนิพพานนั้น ท่าน แปลว่า เป็นธรรมอันไม่ตาย เพียงแต่สูญไปจากตัณหาอาสวะทั้ง ปวงเท่านั้น มิใช่วา่ พระนิพพานคือการดับสูญดังทีบ ่ างทา่ นเขา้ ใจ สูญ
มันมีอยูท่ เี่ กิดทีต่ ายเทา่ นัน้ พระนิพพานนัน้ ไมม่ ีเกิด ไมม่ ีแก่ ไมม่ ีเจ็บและ ไมม่ ีตาย มีแตค่ วามสุขอยา่ งยิง่ หาทีเ่ ปรียบมิไดเ้ ลย เราจงรีบไปกันเถิด
อานิสงส์ในการบ�ำเพ็ญบุญ การบริจาคทานนัน้ นับวา่ เป็ นบุญเป็ นกุศลขัน้ ตน้ บริจาคทานร้อยหนยัง ไมเ่ ทา่ การรักษาศีลหนึ่งหน รักษาศีลร้อยหนยังไมเ่ ทา่ ท�ำจิตให้เขา้ สู่ สมาธิกรรมฐานหนึ่งหน ท�ำสมาธิกรรมฐานร้อยหนยังไมเ่ ทา่ ความสวา่ ง แจ่มแจ้งแห่งปั ญญาหนึ่งหน การรู้แจ้งเห็นจริงใน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แห่งกายาของเราวา่ เป็ นทุกขก์ ็นับวา่ เป็ นอานิสงส์ แตจ่ ะมากหรือนอ้ ย ยอ่ มขึ้นอยูก่ ับผูป้ ฏิบัติ ผูป้ ฏิบัติดี ปฏิบัติตรงยอ่ มไดบ้ ุญมากหรือมี อานิสงสม์ าก ผูห้ ยอ่ นการปฏิบัติยอ่ มไดอ้ านิสงสน์ อ้ ยหรือไมม่ ีเลยก็วา่ ได้ สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติทีไ่ มเ่ หมือนกันนัน้ เอง มนุษยท์ เี่ กิดมาจึงมีรูป ร่างลักษณะทีแ่ ตกตา่ งกันคือ บางทา่ นด�ำ บางทา่ นขาว บางทา่ นขีเ้ หร่ บางทา่ นสวย บางทา่ นรวย บางทา่ นยากจน บางทา่ นเป็ นพระราชา บาง ทา่ นเป็ นพระราชินี ผลกรรมอันนีเ้ อง พระพุทธเจ้าทา่ นทรงตรัสไวใ้ นเรื่อง การปฏิบัติ ทรงพร่�ำสอนให้ปฏิบัติแตใ่ นสิง่ ทีเ่ ป็ นบุญเป็ นกุศล อยา่ หลง อยูใ่ นกายาเพราะตัณหามันกอ่ ให้เกิดกรรม กิเลสกามความรักใคร่ ความ ก�ำหนัดมันลอ่ ลวงยอ้ มใจ ไมใ่ ห้ร้ถู ึงซึ่งพระนิพพานวา่ เป็ นสุขอยา่ งยิง่ รู้ แตก่ ารสะสมกิเลสกาม วัตถุกาม ทุกขอ์ ันใดจะยิง่ ไปกวา่ ทุกขใ์ นสังขาร ร่างกายยอ่ มไมม่ ี การแกท้ ุกขไ์ ดอ้ ยา่ งสิน้ เชิงนัน้ คือ ท�ำพระนิพพานให้ ๖๖
สวรรค์ - นรก
โดยระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ วา่ เป็ นทีพ่ ่งึ ทีอ่ าศัย ให้หมัน่ กราบไหวอ้ ยูเ่ ป็ นนิจ ท�ำสมาธิกรรมฐานแห่ง ญาณทัสนะ ให้เป็ น พื้นฐานของเรา เพราะมันเป็ นทางแห่ง พระนิพพาน แจ้ง
พระคาถาเงินล้าน
(ตัง้ นะโม ๓ จบ) นาสังสิโน
(คาถาปั ดอุปสรรค) พรหมา จะ มะหาเทวา อะภิลาถา ภะวันตุ เม (คาถาเงินแสน) มะหาปุญโญ มะหาลาโภ ภะวันตุเม (คาถาลาภไมข่ าดสาย) มิเตพาหุหะติ (คาถาเงินลา้ น) พรหมา จะ มะหาเทวา สัพเพ ยักขา ปะลายันติ
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทา สี วิระทาสา วิระอิตถิโย อิตถิ พุทธัสสะ มานีมานะ อิตถิ พุทธัสสะ สวาโหม สัมปะติจฉามิ เพ็งๆ พาๆ หาๆ ฤาๆ
(คาถาพระปั จเจกพุทธเจ้า) (คาถาเร่งลาภให้ไดเ้ ร็วขึ้น) (ค�ำโบราญ)
(บูชา ๙ จบ ตัวคาถาตอ้ งวา่ ทัง้ หมด) พระคาถานี้ อานิสงสแ์ ห่งคาถาจะส�ำเร็จสัมฤทธิผ์ ล ตอ่ เมื่อผูส้ วด ๑. ปฏิบัติตนเป็ นคนกตัญญู รู้คุณบิดา-มารดา และบุพการี ๒. รักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ ๓. มีคุณธรรม คือ พรหมวิหาร ๔ (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) เมื่อประพฤติ ปฏิบัติไดด้ ังกลา่ ว เมื่อทา่ นคิดปราถนาสิง่ ใด ในสิง่ ทีไ่ มผ่ ิด ศีลธรรม ลว้ นแตส่ �ำเร็จโดยเร็วพลันทุกประการ ๖๗
สวรรค์ - นรก
บทสวดมนต์ประจ�ำวัน เวลาสวดมนตใ์ ห้ก�ำหนดเวลาทีแ่ นน่ อนในการสวดแตล่ ะวัน สมมุติเรา ก�ำหนดเวลาสวดมนต์ ๒ ทุม่ เราก็ตอ้ งเตรียมพร้อมในการสวดมนตใ์ น เวลาทีเ่ ราตัง้ ใจ เพื่อวา่ เทวดา ภูตผี เจ้าทีเ่ จ้าทางทา่ นจะไดเ้ ตรียมตัวมา ฟั งหรือร่วมอนุโมทนาบุญกับเราไดใ้ นเวลาทีแ่ นน่ อน กอ่ นสวดให้เตรียม จิตให้พร้อม เป็ นสมาธิ ค�ำบูชาพระรัตนตรัย
อิมินา สักกาเรนะ, พุธธัง อะภิิปูชะยามิ, อิมินา สักกาเรนะ, ธัมมัง อะภิปูชะยามิ, อิมินา สักกาเรนะ, สังฆัง อะภิปูชะยามิ, อะระหัง สัมมาสัมพุธโธ ภะคะวา, พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ) สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ) สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ (กราบ) อาราธนาศีล ๕
มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปั ญจะสี ลานิ ยาจามะ ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปั ญจะสีลานิ ยาจามะ ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะนัตถายะ ติสะระเณนะ สะหะ ปั ญจะสีลานิ ยาจามะ ๖๘
สวรรค์ - นรก
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (กลา่ ว ๓ ครัง้ ) ไตรสรณคมน์
ทิตุยัมปิ ทิตุยัมปิ ทิตุยัมปิ ตะติยัมปิ ตะติยัมปิ ตะติยัมปิ
พุทธัง ธัมมัง สังฆัง พุทธัง ธัมมัง สังฆัง พุทธัง ธัมมัง สังฆัง
สะระณัง สะระณัง สะระณัง สะระณัง สะระณัง สะระณัง สะระณัง สะระณัง สะระณัง
คัจฉามิ คัจฉามิ คัจฉามิ คัจฉามิ คัจฉามิ คัจฉามิ คัจฉามิ คัจฉามิ คัจฉามิ
ค�ำสมาทานศีล
๑. ปาณาติปาตา เวระมะณีสิกขาปะทัง สะมาทิยามิ ๒. อะทินนาทานา เวระมะณีสิกขาปะทัง สะมาทิยามิ ๓. กาเมสุมิจฉาจารา เวระมะณีสิกขาปะทัง สะมาทิยามิ ๔. มุสาวาทา เวระมะณีสิกขาปะทัง สะมาทิยามิ ๕. สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณีสิกขาปะทัง สะมาทิยามิ อิมานิ ปั ญจะสิกขา ปะทานิ สะมาธิยามิ อิมานิ ปั ญจะสิกขา ปะทานิ สะมาธิยามิ อิมานิ ปั ญจะสิกขา ปะทานิ สะมาธิยามิ ๖๙
สวรรค์ - นรก
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (กลา่ ว ๓ ครัง้ ) สวดบทอิติปิโส
อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปั นโน สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติ (กราบ ๑ ครัง้ ) สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปั จจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติ (กราบ ๑ ครัง้ ) สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุค คะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ (กราบ ๑ ครัง้ ) พุทธชัยมงคลคาถา (พาหุง)
พาหุงสะหัสสะมะภินิมมิตะสาวุธันตัง ครีเมขะลัง อุทิตะโฆระสะเสนะมารัง ทานาทิธัมมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ
มาราติเรกะมะภิยุชฌิตะสัพพะรัตติง โฆรัมปะนาฬะวะกะมักขะมะถัทธะยักขัง ขันตีสุทันตะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ
๗๐
* ถ้าสวดให้ผูอ้ ่นื ให้เปลีย่ นจาก เม เป็ น เต
สวรรค์ - นรก
นาฬาคิริง คะชะวะรัง อะติมัตตะภูตัง ทาวัคคิจักกะมะสะนีวะ สุทารุณันตัง เมตตัมพุเสกะวิธินา ชิตะวามุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ
อุกขิตตะขัคคะมะติหัตถะสุทารุณันตัง ธาวันติโยชะนะปะถังคุลิมาละวันตัง อิทธีภิสังขะตะมะโน ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ
กัตวานะ กัฏฐะมุทะรัง อิวะ คัพภินียา จิญจายะ ทุฏฐะวะจะนัง ชะนะกายะมัชเฌ สันเตนะ โสมะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ
สัจจัง วิหายะ มะติสัจจะกะวาทะเกตุง วาทาภิโรปิ ตะมะนัง อะติอันธะภูตัง ปั ญญาปะทีปะชะลิโต ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ
นันโทปะนันทะภุชะคัง วิพุธัง มะหิทธิง ปุตเตนะ เถระภุชะเคนะ ทะมาปะยันโต อิทธูปะเทสะวิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ
* ถ้าสวดให้ผอู้ ่นื ให้เปลีย่ นจาก มิ เป็ น หิ
๗๑
สวรรค์ - นรก
ทุคคาหะทิฏฐิภุชะเคนะ สุทัฏฐะหัตถัง พรัมมัง วิสุทธิชุติมิทธิพะกาภิธานัง ญาณาคะเทนะ วิธินา ชิตะวา มุนินโท ตันเตชะสา ภะวะตุ เม* ชะยะมังคะลานิ
เอตาปิ พุทธะชะยะมังคะละอัฏฐะคาถา โย วาจะโน ทินะทิเน สะระเต มะตันที หิตวานะ เนกะวิวิธานิ จุปัททะวานิ โมกขัง สุขัง อะธิคะเมยยะ นะโร สะปั ญโญ ฯ
มหาการุณิโก
มะหาการุณิโก นาโถ, หิตายะ สัพพะปาณินัง ปูเรตวา ปาระมี สัพพา, ปั ต โต สัมโพธิมุตตะมัง เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ โหตุ เม ชะยะมังคะลัง ชะยัน โต โพธิยา มูเล สักยานัง นันทิวัฑฒะโน เอวัง อะหัง วิชะโย โหมิ* ชะยัสสุ ชะยะมังคะเล อะปะราชิตะปั ลลังเก สีเส ปะฐะวิโปกขะเร อะภิเสเก สัพพะ พุทธานัง อัคคัปปั ตโต ปะโมทะติ สุนักขัตตัง สุมังคะลัง สุปะภาตัง สุหุฎฐิตัง สุขะโณ สุมุหุตโต จะ สุยิฏฐัง พรัหมะจาริสุ ปะทักขิณัง กายะ กัมมัง วาจากัมมัง ปะทักขิณัง ปะทักขิณัง มะโนกัมมัง ปะณีธี เต ปะ ทักขิณา ปะทักขิณานิ กัตวานะ ละภันตัตเถ ปะทักขิเณฯ ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะพุทธานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เม* ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะธัมมานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เม* ภะวะตุ สัพพะมังคะลัง รักขันตุ สัพพะเทวะตา สัพพะสังฆานุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เม* (กราบ ๓ ครัง้ ) ๗๒
* ถ้าสวดให้ผูอ้ ่นื ให้เปลีย่ นจาก เม เป็ น เต
สวรรค์ - นรก
บทแผ่เมตตาให้ตนเอง
อะหัง สุขิโต โหมิ อะหัง นิททุกโข โหมิ อะหัง อะโรโค โหมิ อะหัง อะเวโร โหมิ อะหัง อัพยาปั ชโฌ โหมิ อะหัง อะนีโฆ โหมิ สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ
ขอให้ขา้ พเจ้ามีความสุขเถิด ขอให้ขา้ พเจ้าปราศจากความทุกขเ์ ถิด ขอให้ขา้ พเจ้าปราศจากโรคภัยเถิด ขอให้ขา้ พเจ้าปราศจากเวรภัยเถิด ขอให้ขา้ พเจ้าปราศจากอุปสรรค อันตรายทัง้ ปวงเถิด ขอให้ขา้ พเจ้าปราศความล�ำบากกาย ล�ำบากใจเถิด ขอให้ขา้ พเจ้ามีสติสัมปชัญญะอยูท่ ุกเมื่อ รักษากาย วาจา ใจ ให้พน้ จากทุกขภ์ ัย ทัง้ สิน้ เถิด
บทแผ่เมตตา
สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ อะเวรา โหนตุ อัพยาปั ชฌา โหนตุ อะนีฆา โหนตุ สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุ
สัตวท์ งั้ หลายทัง้ ปวง ทีเ่ ป็ นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ดว้ ยกันทัง้ หมดทัง้ สิน้ จงเป็ นสุข เป็ นสุขเถิด อยา่ ไดม้ ีเวรแกก่ ัน และกันเลย จงเป็ นสุข เป็ นสุขเถิด อยา่ ไดเ้ บียดเบียน ซึ่งกันและกันเลย จงเป็ นสุข เป็ นสุขเถิด อยา่ ไดม้ ีความทุกข์ กาย ทุกขใ์ จเลย จงมีความสุขกาย สุขใจ รักษาตนให้พน้ จากทุกขภ์ ัยทัง้ สิน้ เทอญ
๗๓
สวรรค์ - นรก
อุทิศส่วนกุศล อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ, สุขิตา โหนตุ, มาตาปิตะโร
ขอสว่ นบุญนีจ้ งส�ำเร็จ แกม่ ารดา บิดาของขา้ พเจ้า ขอให้มารดา บิดา ของขา้ พเจ้า จงมีความสุข อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ, สุขิตา โหนตุ ญาตะโย,
ขอสว่ นบุญนีจ้ งส�ำเร็จ แกญ ่ าติทงั้ หลายของขา้ พเจ้า ขอให้ญาติทงั้ หลาย ของขา้ พเจ้า จงมีความสุข อิทัง เม คุรูปัชฌายาจริยานัง โหตุ, สุขิตา โหนตุ, คุรูปัชฌายา จริยา
ขอสว่ นบุญนีจ้ งส�ำเร็จ แกค่ รูอุปัชฌายอ์ าจารยข์ องขา้ พเจ้า ขอให้ครู อุปัชฌายอ์ าจารยข์ องขา้ พเจ้า จงมีความสุข อิทัง สัพพะเทวานัง โหตุ, สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวา,
ขอสว่ นบุญนีจ้ งส�ำเร็จ แกเ่ ทวดาทัง้ หลายทัง้ ปวง ขอให้เทวดาทัง้ หลาย ทัง้ ปวง จงมีความสุข อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ, สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา,
ขอสว่ นบุญนีจ้ งส�ำเร็จ แกเ่ ปรตทัง้ หลายทัง้ ปวง ขอให้เปรตทัง้ หลายทัง้ ปวง จงมีความสุข อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ, สุขิตา โหนตุ สัพเพ เวรี,
ขอสว่ นบุญนีจ้ งส�ำเร็จ แกเ่ จ้ากรรมนายเวรทัง้ หลายทัง้ ปวง ขอให้เจ้า กรรมนายเวรทัง้ หลายทัง้ ปวง จงมีความสุข อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ, สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา,
๗๔
สวรรค์ - นรก
ขอสว่ นบุญนีจ้ งส�ำเร็จ แกส่ ัตวท์ งั้ หลายทัง้ ปวง ขอให้สัตวท์ งั้ หลายทัง้ ปวง จงมีความสุข ................................................................. ค�ำอธิษฐานบารมี
กอ่ นนอนทุกวัน หรือหลังบ�ำเพ็ญกุศลทุกครัง้ เพื่อประคับประคองตนให้ เป็ นผูช้ นะตลอดไป ดว้ ยบุญกุศลทีข่ า้ พเจ้าตัง้ ใจบ�ำเพ็ญ โดยการ ................ เพื่อสืบทอด พระพุทธศาสนาในครัง้ นี้ เพราะบุญนัน้ และการอุทิศแผส่ ว่ นบุญนัน้ ขา้ พเจ้าขอตัง้ สัจจะบารมี อธิษฐานบารมี ขอให้สมความปราถนาดังนี้ ๑. นับแตบ่ ัดนีเ้ ป็ นตน้ ไป ไมว่ า่ ขา้ พเจ้าจะไปแห่งหนต�ำบลใด หรืออยู่ ณ. สถานทีใ่ ด เกิดภพใด ชาติใดก็ตาม ปั จจัย ๔ อันไดแ้ ก่ เครื่องนุม่ ห่ม อาหาร ทีอ่ ยูอ่ าศัย ยารักษาโรค ตลอดถึงเครื่องอุปโภค บริโภค และ เครื่องอ�ำนวยความสะดวกอื่นๆ ทีค่ นในยุคนัน้ ถิน่ นัน้ สมัยนัน้ นิยมกัน จงบังเกิดขึ้นแกข่ า้ พเจ้าและหมูค่ ณะอยา่ งเพียงพอ ไมว่ า่ ขา้ พเจ้าคิดจะท�ำ ทานประเภทใด แกใ่ คร มากนอ้ ยเพียงใดก็ตาม ขอให้มีท�ำได้ โดยไมร่ ้จู ัก หมดสิน้ ๒. ไมว่ า่ ขา้ พเจ้าคิดจะท�ำงานทางโลกหรือทางธรรม จะเป็ นงานเล็กงาน ใหญเ่ พียงใดก็ตาม ค�ำวา่ ไม่ส�ำเร็จ อยา่ ไดบ้ ังเกิดขึ้น ขอให้พบแตค่ �ำวา่ ส�ำเร็จ ดังใจปราถนา ๓. ขอให้จิตใจของขา้ พเจ้าจงตัง้ มัน่ อยูก่ ับพระรัตนตรัย มีความบริสุทธิ์ กาย วาจา ใจ ให้ไดส้ ร้างบุญกุศลบารมีไปอยา่ งตอ่ เนื่อง ตราบจนสิน้ อายุขัย ให้ไดท้ �ำความดียิง่ ๆ ขึ้นไปตลอดชีวิต
๗๕
สวรรค์ - นรก
๔. สิง่ ใดทีเ่ ป็ นบาป เป็ นอกุศล ขออยา่ ไดค้ ิด อยา่ ไดพ้ ูด อยา่ ไดท้ �ำ คน ภัย คนพาลอยา่ ไดม้ ากล้�ำกลาย ให้ไดพ้ บแตค่ นดี พบแตน่ ักปราชญ์ ราช บัณฑิต พบแตก่ ัลยาณมิต ๕. ให้ไดเ้ กิดในปฎิรูปเทศ ไดม้ นุษยส์ มบัติ ไดเ้ พศบริสุทธิ์ พน้ แลว้ จาก ฐานะอันอาภัพ ๑๘ ประการ มีร่างกายสมสว่ น เหมาะสมแกก่ ารประพฤติ ปฏิบัติธรรม ทุกข์ โศก โรค ภัย อันตรายตา่ งๆ ทัง้ ภายนอกภายในอยา่ ไดม้ าเบียดเบียนตลอดอายุขัย ให้ไดเ้ กิดในยุคที่ พระพุทธศาสนาก�ำลัง เจริญรุ่งเรือง มีการบ�ำเพ็ญ ทาน ศีล ภาวนา กันมาก และไดพ้ บกับทา่ นผู้ รู้คอยชีแ้ นะแนวทางแห่งความพน้ ทุกข์ คือ สวรรคแ์ ละพระนิพพานให้ ๖. ขอให้ขา้ พเจ้าเป็ นผูม้ ีสัมมาทิฐิ มีขันติ มีหิริโอตตัปปะ มีศรัทธา เป็ นผู้ ปฏิบัติธรรมไดโ้ ดยสะดวก เป็ นผูร้ ่งุ เรืองดว้ ยสติปัญญาความสามารถทีจ่ ะ น�ำตนไปสูค่ วามพน้ ทุกข์ และเกื้อกูลตอ่ ทา่ นเหลา่ อื่น ตราบสิน้ ลมหายใจ ขอความปราถนาทัง้ ๖ ประการ จงบังเกิดผลบังเกิดมีให้เป็ นไปตามค�ำ สัจจะอธิษฐานนี้ จงทุกประการ นับตัง้ แตบ่ ัดนี้ วันนี้ เป็ นตน้ ไป ทุกภพ ทุกชาติ เมื่อใดองคพ์ ระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผูแ้ สดงธรรมเครื่องพน้ ทุกข์ บังเกิดขึ้นแลว้ ในโลก เมื่อนัน้ ขา้ พเจ้าขอโอกาสบรรลุธรรม พน้ จากกรรม อันชัว่ ช้าทัง้ หลาย ไดร้ ับฟั งธรรมเฉพาะพระพักตข์ องพระพุทธเจ้าแลว้ สามารถท�ำอาสวะให้สนิ้ ไปโดยฉับพลันดว้ ยเทอญ ค�ำแผ่เมตตาอธิษฐานกรวดน�้ำ (ตอนเย็นหรือกอ่ นนอน)
ให้เอาน้�ำสะอาดใสภ่ าชนะอยา่ งใดอยา่ งหนึ่ง เช่นแกว้ หรือขันก็ได้ ยกขึ้น ระหวา่ งอกหรือหวา่ งคิว้ ทา่ นัง่ จะคุกเขาหรือพับเพียบก็ได้ ท�ำจิตให้วา่ ง สงบ นอ้ มระลึกถึงบุญกุศลทีท่ า่ นไดเ้ คยกระท�ำมา ให้บอกชื่อของทา่ น ๗๖
สวรรค์ - นรก
ดว้ ย จะกรวดน้�ำทีบ่ า้ นของทา่ นทุกๆ วันไดย้ งิ่ ดี ยอ่ มเป็ นมงคล เป็ นบุญ กุศล ตอ่ ทา่ นทัง้ หลาย ไมม่ ีทสี่ นิ้ สุด ทา่ นจะเป็ นผูช้ นะตอ่ เดรัตถี อาลัชชี และหมูม่ ารทัง้ หลาย ตลอดทัง้ ในชาตินี้ ชาติหนา้ และตลอดชาติอยา่ งยิง่ กอ่ นอธิษฐานให้ตงั้ นะโม ๓ จบ นึกนอ้ มนมัสการตรัยสรณคมณ์ ค�ำอธิษฐานกรวดน้�ำ มีดังนี้ ขา้ พเจ้าชื่อ....... นามสกุล ......... ขอนมัสการนอบนอ้ มระลึกถึงอานุภาพ บุญกุศลบารมีทีข่ า้ พเจ้าไดเ้ คยสร้างสมอบรมมาในประการทัง้ ปวง ตัง้ แต่ อดีตชาติจนถึงปั จจุบัน และทีไ่ ดก้ ระท�ำแลว้ วันนีโ้ ดยการ ....................... และดว้ ยอ�ำนาจแห่งคุณงามความดีทีข่ า้ พเจ้าเชื่อมัน่ ในพระพุทธศาสนา มีศรัทธาตัง้ มัน่ ในคุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรมเจ้า คุณพระอริยสงฆเ์ จ้า ตลอดถึงบุญกุศลทีข่ า้ พเจ้าไดน้ มัสการกราบไหวแ้ กพ่ ระรัตนตรัย และได้ ปฎิบัติตามค�ำสอนของพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทัง้ โลกียธรรมและ โลกุตตระธรรม บ�ำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา ดว้ ยเดชาอานุภาพแห่งบุญกุศล บารมีความดีทงั้ หลายทัง้ ปวงนี้ ขา้ พเจ้าขอบูชาเป็ นความสุขความเจริญ นอ้ มเป็ นบารมีแกค่ ุณมารดา บิดา ผูป้ ้ อนขา้ วป้อนน้�ำ คุณมารดาบิดา ทัง้ หลายทัง้ ปวง ถึงคุณครูอุปัชฌายอ์ าจารย์ ตลอดผูม้ ีคุณ ผูเ้ คยอุปการะ คุณ ตัง้ แตอ่ ดีตจนถึงปั จจุบัน ถึงพระอริยสงฆ์ พระสมมติสงฆ์ ทัง้ พระ นวกะ พระมัชฌิมะและพระเถระทุกองค์ พระวิสุทธิเทพ พระอริยะเทพ ทา้ วมหาพรหม สมเด็จปู่พรหมปกาศิต และองคพ์ รหมทุกๆองค์ ทุกขช์ นั้ ฟ้า ทา้ ววสวัตตีและเหลา่ เทพเจ้าในสวรรคช์ นั้ ปรินิมมิตวสวัตตี ทา้ วสุนิม มิตและเทพเจ้าชัน้ นิมมานรตี ทา้ วสันดุสิตและเทพบุตรเทพธิดาในชัน้ ดุสิตทุกองค์ พระสยามและเทพบุตรเทพธิดาในชัน้ ยามา พระอินทราธิ ราชและเทพบุตรเทพธิดาในชัน้ ดาวดึงส์ ทา้ วธตรฐและคนธรรพท์ งั้ ปวง ทา้ ววิรูปักษแ์ ละนาคทัง้ ปวง ทา้ ววิรุฬหกและกุมภัณฑท์ งั้ ปวง
๗๗
สวรรค์ - นรก
ทา้ วเวสสุวัณและยักษท์ งั้ ปวง ถึงทา่ นผูม้ ีฤทธิม์ ีเดช มีอ�ำนาจ มีอานุภาพ บุญญาธิการประเสริฐในประการทัง้ ปวง ทีเ่ กิดมาแลว้ ก็ดี ยังไมม่ าเกิดก็ดี และทีจ่ ะเกิดในปั จจุบันก็ดีและเบื้องหนา้ ก็ดี ทุกสถานที่ ทีม่ ีดิน น้�ำ ลม ไฟ อากาศ ตัง้ แตช่ นั้ ต่�ำ ชัน้ กลาง ชัน้ สูงสุด ถึงพระโพธิสัตว์ พระ โพธิญาณทัง้ หลาย ผูเ้ ป็ นหนอ่ เนื้อพุทธากูรของพระพุทธเจ้า ทา่ นผู้ สงเคราะห์โลกพิทักษธ์ รรม ทา่ นผูร้ ักษาพระศาสนา รักษาธรรม ทา่ นผูช้ ี้ ทางสวา่ งแกว่ ิญญาณ มนุษย์ เทวดาทัง้ หลาย พระปั จเจกพุทธเจ้าทัง้ หลายทัง้ ปวง ถึงหมูอ่ สูรทัง้ หลาย สุริยเทวบุตร จันทเทวดา ทา่ นเทพบุตร เทพธิดา ทุกภพภูมิ ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา ทุกภาษา ต่�ำ กลาง สูงสุด ถึง ภุมมเทวา รุกขเทวา อากาสเทวา ทา่ นเจ้าเขา เจ้าป่า ทา่ นพระภูมิเจ้าที่ ฤาษีทงั้ หลาย ใกลไ้ กลก็ดี ถึงพระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระสยามเทวา ธิราช ตลอดถึงเจ้าพอ่ หลักเมือง ทีป่ ระจ�ำอยูต่ ามหัวเมืองตา่ งๆ ทัว่ ผืน แผน่ ดินไทย ถึงพระมหากษัตริย์ ชาย หญิง ทุกพระองค์ ตัง้ แตอ่ ดีตจนถึง ปั จจุบัน พระราชิินี พระบรมษานุวงศ์ ขา้ ราชบริภาร เสนาอ�ำมาตยน์ อ้ ย ใหญ่ นักรบไทย วีรบุรุษ วีรสตรีไทยทุกทา่ น ผูเ้ สียสละเลือดเนื้อเพื่อ ประเทศชาติทุกทา่ น ถึงเจ้าพอ่ เขาใหญ่ เจ้าพอ่ เสือ เจ้าพอ่ เขาเจ้า เจ้าพอ่ พระกาฬ เจ้าแมก่ วนอิม ขุนศรีวิชัยชุมพล ปู่ทับทิม พระนารายน์ พระ อิศวร พระวิษณุกรรม พระพาย พระเพลิง พระพิรุณ แมพ่ ระธรณี แมพ่ ระ คงคา แมพ่ ระโพสพ ถึงพระยายมราช พระยายมบาล นายนิรยบาล เทวทูต เลขาบัญชีทงั้ หลาย ตลอดถึงหมูม่ าร หมูอ่ สูรทัง้ ปวง ขอฤทธิเ์ ดช อานุภาพของทา่ น พึงรับทราบในการอธิษฐานกุศลของขา้ พเจ้าดว้ ยเถิด ขา้ พเจ้าชื่อ................ขอบูชาบุญกุศลบารมีทงั้ หลายทัง้ ปวง เป็ นความ สุขความเจริญ เป็ นบุญญาธิการของทา่ นทัง้ หลาย ขอทา่ นทัง้ หลายจง เป็ นผูร้ ่งุ เรืองอยูใ่ นอายุขัยแห่งความเป็ นทิพยต์ ลอดกาลนาน ตามความ ๗๘
สวรรค์ - นรก
ปราถนา จงเป็ นผูม้ ีจิตตัง้ มัน่ อยูใ่ นแดนพระรัตนตรัย ความปราถนาใดๆ ทีเ่ ป็ นกุศลให้ส�ำเร็จโดยงา่ ยทุกเมื่อ ขอบุญกุศลนีจ้ งนอ้ มน�ำให้ทา่ นทัง้ หลายเป็ นผูร้ ุ่งเรืองดว้ ยสติปัญญาสูค่ วามพน้ ทุกขด์ ว้ ยเทอญ อีกสว่ นหนึ่งของกุศลนี้ ขา้ พเจ้าขออุทิศให้แก่ อุบาสก อุบาสิกา มนุษย์ ชายหญิงทีข่ า้ พเจ้าไดร้ ับประโชยนท์ ุกขส์ ุขในประการทัง้ ปวง ถึงเจ้ากรรม นายเวร ถึงผูท้ เี่ ป็ นมิตรสหายทัง้ หลาย ถึงผูเ้ ป็ นศัตรูทงั้ หลายทีอ่ ยูใ่ นรูป มนุษยช์ ายหญิง อยูใ่ นรูปของวิญญาณทัง้ หลายก็ดี ศัตรูทีอ่ ยูใ่ นรูปของ สัตวเ์ ดรัจฉานทัง้ หลายก็ดี ถึงวิญญาณทัง้ หลายทัง้ ปวง เป็ นญาติก็ดี ไมใ่ ช่ญาติก็ดี อยูต่ ามถนนหนทาง ตรอก ซอกซอย ในทีอ่ ับชื้นโคลนตม อยูใ่ นน้�ำก็ดี อยูบ่ นบกก็ดี อยูใ่ นอากาสก็ดี อยูใ่ นบา้ นก็ดี นอกเขตบา้ น ก็ดี อยูใ่ นร่มก็ดี ในทีแ่ จ้งก็ดี อยูต่ ามวัดวาอารามตา่ งๆ ก็ดี อยูใ่ นสถานที่ นีก้ ็ดี มีผยู้ กยอ่ งก็ดี ไมม่ ีผยู้ กยอ่ งก็ดี มีผรู้ ้จู ักก็ดี ผูไ้ มร่ ู้จักก็ดี วิญญาณที่ มีฤทธิเ์ ดชทัง้ หลาย ถึงสัตวเ์ ดรัจฉานทุกชนิด สัตวน้์ �ำ สัตวบ์ ก สัตวเ์ ล็ก สัตวใ์ หญ่ สัตวม์ ีคุณ สัตวท์ ีข่ า้ พเจ้าไดเ้ คยอาศัยเลือดเนื้อมาเลีย้ งชีวิต สัตวท์ ีข่ า้ พเจ้าไดเ้ คยเบียดเบียนไว้ ดว้ ยกาย วาจา ใจ ตัง้ แตอ่ ดีต จนถึง ปั จจุบัน สัตว์ ๒ เทา้ ก็ดี สัตว์ ๔ เทา้ ก็ดี สัตวม์ ีเทา้ มากก็ดี สัตวไ์ มม่ ีเทา้ ก็ดี สัตวท์ เี่ กิดในครรภ์ก็ดี เกิดในไขก่ ็ดี เกิดในโคลนตมก็ดี ผูท้ เี่ กิด โดยมีกรรมเป็ นก�ำเนิดก็ดี ถึงเปรตทุกชนิด อสูรกายทุกชนิด สัตวน์ รกทุก ชนิด ขอบุญกุศลนีจ้ งไปถึงแกท่ า่ นทัง้ หลาย ทา่ นใดทีม่ ีทุกขข์ อให้พน้ จาก ทุกข์ ทา่ นใดทีม่ ีสุข ก็ขอให้สุขยิง่ ๆ ขึ้นไปดว้ ยเถิด อีกสว่ นหนึ่งของกุศลนี้ ขา้ พเจ้าขอนอ้ มเป็ นบารมีเฉพาะแก่ .................... (ให้เอ่ยชื่อ ถ้าเป็ นผูเ้ สมอเรา หรือต่�ำกวา่ ให้ใช้ค�ำวา่ อุทิศ แทน) ขอบุญกุศลนี้ จงเป็ นอานิสงค์ เป็ นพะละวะปั จจัย เป็ นนิสัยตามสง่ สูค่ วาม ๗๙
สวรรค์ - นรก
พน้ ทุกข์ คือ มนุษยส์ มบัติ สวรรคส์ มบัติ และพระนิพพานสมบัติ จงดว้ ย กันทุกมวลทา่ น ทุกมวลสัตว์ ทุกมวลวิญญาณ จงทุกประการ ในการทุก เมื่อเทอญ (เมื่ออธิษฐานเสร็จแลว้ ให้น�ำน้�ำออกไปกลางแจ้ง นัง่ ในทีอ่ ัน ควร คุกเขา่ หรือพับเพียบ แลว้ ให้วา่ ดังนี)้ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ) พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภุมมานิวา ยานิวะ อันตะลิกเข ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง พุทธัง นะมัสสามะ สุวัตถิ โหตุ ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภุมมานิวา ยานิวะ อันตะลิกเข ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง ธัมมัง นะมัสสามะ สุวัตถิ โหตุ ยานีธะ ภูตานิ สะมาคะตานิ ภุมมานิวา ยานิวะ อันตะลิกเข ตะถาคะตัง เทวะมะนุสสะปูชิตัง สังฆัง นะมัสสามะ สุวัตถิ โหตุ
ขอเดชาอานุภาพ บุญกุศลบารมี คุณงามความดีในประการทัง้ ปวงของ ขา้ พเจ้าทีไ่ ดเ้ คยสร้างสมอบรมมาแลว้ นี้ เมื่อขา้ พเจ้าหลัง่ น้�ำลงสูพ่ ้นื แม่ พระธรณีเมื่อใด ขอบุญกุศลจงถึงแกแ่ มพ่ ระธรณีเมื่อนัน้ เมื่อขา้ พเจ้าหลัง่ น้�ำลงสูพ่ ้นื แมพ่ ระธรณีเมื่อใด ขอบุญกุศลจงถึงแก่ แมพ่ ระคงคา แมพ่ ระโพสพเมื่อนัน้ เมื่อขา้ พเจ้าหลัง่ น้�ำลงสูพ่ ้นื แมพ่ ระธรณีเมื่อใด ขอ บุญกุศลทัง้ หลายทัง้ ปวงจงถึงแกผ่ ทู้ ขี่ า้ พเจ้าเจตนาแลว้ ทุกๆ ทา่ นเมื่อนัน้ ทา่ นทัง้ หลาย วิญญาณทัง้ หลายและหมูส่ ัตวท์ งั้ หลายทีม่ ิอาจทราบใน การอธิษฐานกุศลของขา้ พเจ้าได้ ไมว่ า่ จะเป็ นดว้ ยเหตุใดก็ตาม ขอทา่ น เทพบุตร เทพธิดาทีร่ ้เู ห็นการกระท�ำของขา้ พเจ้า ขอฤทธิเ์ ดช บุญบารมี ของทา่ นจงช่วยชีน้ �ำกุศลนีใ้ ห้ทา่ นทัง้ หลายเหลา่ นัน้ จงมีสว่ นอนุโมทนา ดว้ ยเถิด ขอบุญกุศลนี้ จงเป็ นอานิสงส์ เป็ นพะละวะปั จจัยสูค่ วามพน้ ทุกข์ ๘๐
สวรรค์ - นรก
หากทา่ นใดปราถนามนุษยส์ มบัติ ขอให้ไดซ้ ่ึงมนุษยส์ มบัติ ปราถนา สวรรคส์ มบัติขอให้ไดซ้ ่ึงสวรรคส์ มบัติ ปราถนาพระโพธิญาณ ก็ขอให้ ส�ำเร็จพระโพธิญาณ และขอให้มีความสุข ความเจริญยิง่ ๆ ขึ้นไป ใน สมบัตินนั้ ๆ ทุกภพทุกชาติ ตลอดจนถึงชาติอยา่ งยิง่ จนถึงความพน้ ทุกข์ คือ เขา้ สูพ่ ระนิพพาน จงดว้ ยกันทุกมวลทา่ น ทุกมวลวิญญาณ ทุกมวล สัตว์ จงทุกประการ ในการทุกเมื่อเทอญฯ (แลว้ คอ่ ยๆ เทน้�ำลงพื้น อยา่ ใช้นวิ้ รอง อยา่ สาด ในขณะนัน้ ให้ส�ำรวมจิต ภาวนาวา่ พระจตุโลก พระยมกทัง้ ๔ ขอสง่ น้�ำอุทิศนีเ้ ขา้ ไปในลังกาทวีป ในห้องพระสมาธิ เป็ นทีป่ ระชุมการใหญข่ องแมพ่ ระธรณี ขอแมพ่ ระธรณี จงมาเป็ นทิพยานเป็ นผูว้ า่ การในโลกอุดร ขอแมพ่ ระธรณี โปรดน�ำสง่ บุญ กุศลทีข่ า้ พเจ้า ................. ไดก้ ระท�ำในครัง้ นี้ น�ำสง่ ให้แกข่ า้ พเจ้าในการ บัดเดีย๋ วนีเ้ ถิด นิพพานะ ปั ตจะโย โหนตุ ทา่ นทัง้ หลายจงเป็ นสุขๆ เถิด)
กามความก�ำหนัดรักใคร่นนั ้ เกิดเพราะธาตุนำเป็ � ้ นมูล ความโลภอยากได้สงิ ่ นัน้ เกิดเพราะธาตุดินเป็นมูล ความโทสะหึงหวงดุรา้ ยนัน้ เกิดเพราะธาตุไฟเป็นมูล ความโมหะหลงกลัวอยู่นนั ้ เกิดเพราะธาตุลมเป็นมูล
ธรรมจากหลวงปู่ชม อนํคโณ
๘๑
สวรรค์ - นรก
รายนามผู้จัดพิมพ์หนังสือ
พอ่ วิรัตน์ พูลบุญ แมบ่ ัวลา พูลบุญ
๘๒
๑,๐๐๐ บาท ๕๐๐ บาท
สวรรค์ - นรก
นางสาวจุฑาภรณ์ พูลบุญ www.dmc.tv www.dmc.tv/pages/ตายแลว้ ไปไหน/มหา นรกทัง้ 8ขุม-รายละเอียดมหานรกแตล่ ะขุม.html เนื้อหา: ส�ำนักสงฆ์ เขานันทาพาสุภาพ อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี เนื้อหา: www.sites.google.com/site/thrrmthan1 ภาพ: อาจารยเ์ ฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ภาพ: ณรงชัย ประทุมมาตย์ ภาพ: นรก-สวรรคบ์ นดิน โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก จัดท�ำและเรียบเรียงโดย: เนื้อหาและภาพ: เนื้อหาและภาพ:
ขอขอบคุณเจ้าของภาพและเจ้าของเนื้อหา ทัง้ ทีไ่ ดก้ ลา่ วถึงและไมไ่ ดก้ ลา่ วถึงก็ดี ขา้ พเจ้ามีเจตนา พิมพห์ นังสือเลม่ นีแ้ จกเพื่อเป็ นธรรมทาน ไมไ่ ดม้ ีเจตนาน�ำผลงานของทา่ นเพื่อไปใช้ในการซื้อ ขายแตอ่ ยา่ งใด ขอผลบุญของการพิมพห์ นังสือแจกเป็ นธรรมทานนีจ้ งบังเกิดแกท่ า่ นและญาติทงั้ หลายของทา่ นดว้ ยเทอญ ส�ำนักพิมพ์:
..
๘๓
วิธีการปฏิบัติตัดกรรมให้จิตขาดจากตัญหา
ตอ่ ไปนีเ้ ธออยา่ นึก คิด หรือท�ำอะไรๆ ดว้ ยทางอกุศล ให้อยูใ่ นสมาธิ ถือใจมัน่ ในทางกระท�ำจิตตนให้วา่ ง วางเฉยตอ่ อารมณท์ งั้ ปวง ตาเห็น เราก็รู้ หูไดย้ ินเราก็รู้ อะไรๆ เราก็รู้ ให้วางเฉยเสีย ให้ยกจิตตนเขา้ สูส่ งิ่ ไมม่ ีเป็ นอารมณ์ ให้จิตขาดจากอคติ ไมร่ ัก ไมเ่ กลียด แกท่ า่ นชาย-หญิง แตอ่ ยา่ งใด กรรมนัน้ จะขาดไปไมม่ ีแกเ่ รา มีแตค่ วามสุขอยา่ งเดียว จงท�ำ เถิด ให้เอาพุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ เป็ นทีพ่ ่งึ เถิด พระครูสังฆรักษ์ หลวงพอ่ ชม อนํคโณ ส�ำนักสงฆ์ เขานันทาพาสุภาพ อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี