»¡Ë¹éÒã¹AD ÊÂÒÁ¡ÑÅ.pdf 1 23/8/2557 16:59:15
C
M
Y
CM
MY
CY
CMY
K
»¡Ë¹éÒã¹AD ÍԪԵѹ.pdf 1 9/7/2557 15:05:58
C
M
Y
CM
MY
CY
CMY
K
AD âçáÃÁÃÍÂÑÅ ä´Á͹ ྪúØÃÕ.pdf 1 26/8/2557 12:14:39
âçáÃÁÃÍÂÑÅ ä´Á͹ ྪúØÃÕ PHETCHABURI
C
M
Y
CM
MY
CY
CMY
K
âçáÃÁÃÍÂÑÅ ä´Á͹ ྪúØÃÕ
ºÃÔ¡ÒÃˌͧ¾Ñ¡Áҵðҹ 58 ˌͧ,ÇÔÇÊǹ ÇÔÇàÁ×ͧ áÅÐÇÔǾÃÐÃÒªÇѧ ºÃÔ¡ÒÃˌͧ¾Ñ¡»ÃЪØÁ ÊÑÁÁ¹Ò 5 ˌͧ ÃͧÃѺ䴌µÑé§áµ‹ 10 - 1,000 ·‹Ò¹ ºÃÔ¡ÒáÃØ »·ÑÇà 㹻ÃÐà·ÈáÅе‹Ò§»ÃÐà·È âµ ÐáªÃ §Ò¹àÅÕé§ÊѧÊÃä ºÃÔ¡ÒôպÒà ºÒà ʺÒÂæ ·‹ÒÁ ¡ÅÒ§áÁ¡äÁŒ áÅд¹µÃÕÊ´·Õè¨Í´Ã¶ ÃͧÃѺö¹µ 200 ¤Ñ¹ ö·ÑÇà 30 ¤Ñ¹ ºÃÔ¡ÒèѴàÅÕé§ã¹áÅÐ ¹Í¡Ê¶Ò¹·Õè ã¹Theme µ‹Ò§æ ÍÒ·Ô §Ò¹ÇÑ´ Êǹʹء »Òà µÕé ÊíÒÃͧ·Õè¹Ñè§Å‹Ç§Ë¹ŒÒä´Œ·Õè
032411061-70 081-5718524-5
www.royaldiamondhotel.com / www.facebook.com/royaldiamondhotel
p.003AD àÍàªÕ¿մ.pdf 1 27/8/2557 15:40:59
บริษท ั เอเชีย� น ฟี ด จํากัด "ผูผ ้ ลิตและจําหน่ ายอาหารสัตว์นํ�า"
C
M
Y
CM
MY
CY
CMY
K
บริษท ั เอเชีย� น ฟี ด จํากัด เลขที� 239 ม.3 ถนนเพชรเกษม กม. 180-181 ต.ท่ายาง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี 76130 Tel : 0-3243-7922-5 Fax : 0-3243-7134-5 Email : Asian7@asianfeed.co.th
AD â«à¿Ãª ÃÕÊÍÃì·.pdf 1 27/8/2557 15:24:53
C
M
Y
CM
MY
CY
CMY
K
· Ã Í Ê Õ Ã ª Ã â«à¿
ʺÒÂæ¡Ñº¡Òþѡ¼‹Í¹ã¹ºÃÃÂÒ¡ÒÈ Ê§ºæ 㨡ÅÒ§àÁ×ͧྪúØÃÕ ¡Ñº â«à¿Ãª ÃÕÊÍà · ·Õè¾Ñ¡ÊíÒËÃѺ¹Ñ¡·‹Í§à·ÕèÂÇ â«à¿Ãª ÃÕÊÍà · ໚¹ ÃÕÊÍà · ·ÕèµÑé§ÍÂÙ‹ã¹à¢µÍíÒàÀÍ àÁ×ͧྪúØÃÕ ã¡ÅŒÊ¶Ò¹·Õ跋ͧà·ÕèÂǵ‹Ò§æ ÁÒ¡ÁÒ ã¹àÁ×ͧྪà ઋ¹ ¾ÃÐÃÒªÇѧ ºŒÒ¹»„¹ ¾Ãй¤Ã¤ÕÃÕ ¶íéÒà¢ÒËÅǧ ËÃ×Í áËÅ‹§ÃѺ»ÃзҹÍÒËÒà ÃÇÁ¶Ö§ ʶҹ ºÑ¹à·Ô§µ‹Ò§æ
àÅ¢·Õè 64/33 ¶¹¹ÀÙÁÔÃÑ¡É µ.·‹ÒÃÒº Í.àÁ×ͧ ¨.ྪúØÃÕ 089-1774333
AD âÃÁáÃÁ«Ñ¹.pdf 1 25/7/2557 13:08:33
AD ++sbl.pdf
1
8/26/57 BE
7:00 PM
AD ¡Ñ§ÇÒÅ+à¾Ãª+sbl.pdf 1 25/8/2557 20:35:23
C
C
M
M
Y
Y
CM
CM
MY
MY
CY
CY
CMY
CMY
K
K
ร่วมเดินทางไปกับเรา
SBL MAGAZINE
(นิตยสารเส้นทางอุตสาหกรรมและท่องเที่ยว) www.smart-sbl.com
ติดตอลงโฆษณา
Tel. 0-2522-7171 บร�ษัท สมารท บิซิเนส ไลน จำกัด 52 ซอยรามอินทรา 99 แยก 2 ถนนรามอินทรา แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพฯ 10230 โทร. 0-2522-7171 แฟกซ. 0-2971-7747 E-mail : sbl2553@gmail.com
AD ford.pdf 1 25/8/2557 13:21:30
ºÃÔÉÑ· ».ÃØ‹§âè¹ ¹µÃ¡Òà 1997 ¨íÒ¡Ñ´
C
M
Y
CM
MY
CY
CMY
K
ºÃÔÉÑ· ».ÃØ‹§âè¹ ¹µÃ¡Òà 1997 ¨íÒ¡Ñ´ 298 ËÁÙ‹ 6 ¶.à¾Ãªà¡ÉÁ µ.ºŒÒ¹ËÁŒÍ Í.àÁ×ͧ ¨.à¾ÃªºØÃÕ 76000
â·Ã. 032-419266-8
E d i t o r ’s T a l k คณะที่ปรึกษา ศ.ดร.กฤช เพิ่มทันจิตต, นิเวศน กันไทยราษฎร ดร.วัลลภ อารีรบ, ดร.สุมิท แชมประสิทธิ์ ดร.พิชัย ทรัพยเกิด ฝายกฎหมาย สมคิด หวังเชิดชูวงศ, ทวิช อมรนิมิตร บรรณาธิการอํานวยการ ศุภกิจ ศิลปรังสรรค บรรณาธิการบริหารสายงานบุคคล พงษศักดิ์ พรณัฐวิฒิกุล บรรณาธิการการบริหารสายงานการตลาด ปณณศักดิ์ ศิลปรังสรรค กองบรรณาธิการ ชานันท หัสสรังสี, จุฑามาศ วองเลขา ชางภาพ กร พงศไพบูลยเวชย กราฟคดีไซน ศศิธร ดวงแสง, ชานันท หัสสรังสี ผูอํานวยการฝายขายโฆษณา กชกร รัฐวร ผูจัดการฝายโครงการ วิษณุ เกิดศิริ, เปรมยุดา ประพฤติธรรม ประสานงานภาครัฐ ชัชชัย สุโกสิ ฝาย IT และประสานงาน ชานันท หัสสรังสี, จุฑามาศ วองเลขา ฝายการเงิน-การบัญชี ดวงตา พิมลศิริ
ไมทนั ไรเราก็ผา นครึง่ ป 2557 มาอยางรวดเร็ว บานเมืองเราสงบสุขขึ้นและมีขาวดีๆ ออกมาเปน ระยะ ๆ โดยเฉพาะขาวในพระราชสํานักที่เผยแพร การเสด็จฯโครงการช า งหั ว มั น ของพระบาท สมเด็ จ พระเจ า อยู หั ว เพื่ อ ทรงติ ด ตามความ คืบหนาของโครงการฯอยางใกลชิด เปนภาพที่ เชื่อวาคนไทยเฝารอชมดวยความสุขที่ไดเห็นวา พระองคทรงมีพระพลานามัยสมบูรณแข็งแรง และ มีพระพักตรผองใส นิตยสาร SBL ฉบับแนะนําจังหวัดเพชรบุรี จึงไมพลาดที่จะนําเอาภาพ ความประทับใจของคนไทยมารวบรวมไวอกี ครัง้ คอลัมน “ใตรม พระบารมี” พรอม ทัง้ นําเอาความโดดเดนของจังหวัดเพชรบุรีมานําเสนอใหไดรจู ักกันมากยิ่งขึน้ โดย การสัมภาษณพิเศษ ทานผูวาฯมณเฑียร ทองนิตย พรอมบุคคลสําคัญอีกทาน หนึง่ คือ ทานอลงกรณ พลบุตร นักการเมืองเลือดใหมเจาของฉายา “Mr.Ethanol” และ “มือปราบคอรัปชั่น” ที่แมจะวางเวนจากการทําหนาที่ ส.ส. แตก็ยังไมละทิ้ง ภารกิจปูทางใหภาคธุรกิจกอนเขาสู AEC พรอมการพาเทีย่ วชมสถาปตยกรรมสวยๆ ของพระราชวังทั้งสามแหงในเมืองเพชร และชวนทานไปชมผลงานศิลปกรรมชาง สิบหมูที่หาชมไดยากยิ่ง และเรื่องราวอื่น ๆ อีกมากมาย ในโอกาสนี้กระผมใครขอขอบพระคุณท า นผู ว า ฯมณเฑี ย ร ทองนิ ต ย ทานอลงกรณ พลบุตร ทานประเสริฐ สีนํ้าเพชร--อุตสาหกรรมจังหวัดฯ และ พ.จ.อ.กาญจนกุล เทียนสุวรรณ ทองถิ่นจังหวัดฯ หนวยงานราชการตางๆ พรอม ทั้งองคกรปกครองสวนทองถิ่นที่เห็นความสําคัญของการเผยแพรประชาสัมพันธ การทํางานใหเปนที่แพรหลาย และทายนี้ตองขอบคุณบริษัท หางรานที่ใหการ สนับสนุนการจัดพิมพนิตยสารใหสําเร็จลวงดวยดี ซึ่งหากมีสิ่งใดขาดตกบกพรอง กระผมและทีมงานตองกราบขออภัยมา ณ โอกาสนี้ และพรอมรับฟงคําติชมจาก ทุกทานดวยความยินดียิ่งครับ ดวยรักและขอบคุณจากใจ
บริษัท สมารท บิซิเนส ไลน จํากัด 9/4-6 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร 10220 เบอรโทร 02- 522-7171 www.smart-sbl.com
(ศุภกิจ ศิลปรังสรรค) บรรณาธิการอํานวยการ ติดตอคุณศุภกิจ ศิลปรังสรรค โทรศัพท 08-1442-4445, 08-4874-3861 e-mail : supakit.s@live.com
Contents 100 170
172 158
25 90 17 25 36 45 52 62 63 64 66 68 70 72 74 80 90 119 120 122 124 125
ใต้ร่มพระบารมี เส้นทางพบผู้ว่าราชการจังหวัด เส้นทางพบบุคคลส�าคัญ เส้นทางพบอุตสาหกรรมจังหวัด เส้นทางพบท้องถิ่นจังหวัด เส้นทางพบสนง.สหกรณ์จังหวัด สหกรณ์หุบกะพง สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนจังหวัดเพชรบุรี สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนรวมน�้าใจท่ายาง สหกรณ์การเกษตรบ้านลาด เส้นทางพบสหกรณ์ออมทรัพย์ครู เส้นทางพบ สพป.เพชรบุรี เขต 1 เส้นทางพบโรงเรียนเบญจเทพอุทิศ เส้นทางพบโรงเรียนวัดดอนไก่เตี้ย เส้นทางท่องเที่ยว อบต.ดอนยาง อบต.ธงชัย อบต.ช่องสะแก อบต.บ้านหมอ ทม.ชะอ�า
126 128 130 132 134 135 136 140 142 146 180 182 183
อบต.ห้วยทรายเหนือ อบต.ยางน�้ากลัดใต้ ทต.หนองจอก อบต.มาบปลาเค้า อบต.ไร่สะท้อน อบต.ปากทะเล ทต.บ้านแหลม ทต.บางตะบูน อบต.บางตะบูน เส้นทางการอนุรักษ์ เส้นทางสู่ AEC เส้นทางสุขภาพ เส้นทางความงาม
166 36 90
110
90
Hanapella º·¤ÇÒÁ 1.pdf 1 15/11/2556 17:31:25
Hanapella º·¤ÇÒÁ2.pdf 1 15/11/2556 17:30:14
¹ŒÍ§Êµ Í» ¾ÃÔµµÕéà§Ô¹ÅŒÒ¹
¤Ø³»Ø‡Á਌Ңͧ¼ÅÔµÀѳ±
º·¤ÇÒÁâµâµéÒ.pdf 1 25/8/2557 14:10:22
âµâµŒÒàÁ×ͧྪÃ...·Õè˹Öè§ã¹àÃ×èͧºÃÔ¡Òà àª×èÍá¹‹Ç‹Ò ºÃÔÉÑ· âµâµŒÒàÁ×ͧྪà ¨íÒ¡Ñ´ ¤§¤ØŒ¹Ë٤،¹µÒªÒÇàÁ×ͧྪúØÃÕ ´ŒÇÂÊÑÞÅѡɳ ¼ÕàÊ×éÍ·Õèâ´´à´‹¹ ºÃÔËÒçҹâ´Â ¼ÙŒºÃÔËÒÃÃØ‹¹ãËÁ‹ä¿áç «Ö觵‹Ò§ÁØ‹§ËÇѧãËŒâµâµŒÒàÁ×ͧྪà ໚¹·Õè˹Öè§ã¹ã¨¢Í§ÅÙ¡¤ŒÒªÒÇàÁ×ͧྪúØÃÕáÅШѧËÇÑ´ã¡ÅŒà¤Õ§ÀÒÂ㵌ÊâÅ᡹ "QUALITY AND HAPPINESS ¤Ø³ÀÒ¾áÅФÇÒÁÊØ¢´ŒÇ·ÕèÊØ´áË‹§ºÃÔ¡ÒÃ"
C
M
Y
¤Ø³Ãʨѹ·Ã àÇÈ ÇÃصÁ ¡ÃÃÁ¡Òüٌ¨Ñ´¡Òà ¡Å‹ÒǶ֧¡ÒÃà» ´µÑǢͧâµâµŒÒàÁ×ͧྪÃÇ‹Ò “ àÃÒä´ŒÃѺ¡ÒÃᵋ§µÑé§ ¨Ò¡ º.âµâµŒÒÁÍàµÍà »ÃÐà·Èä·Â àÁ×èÍÇѹ·Õè 1 ¡Ã¡®Ò¤Á 2556«Ö觹͡¨Ò¡¨ÐÁÕâªÇ ÃÙÁ¨íÒ˹‹ÒÂö¹µ ·Ø¡ÃØ‹¹·Ø¡áºº ¾ÃŒÍÁÈٹ ºÃÔ¡Ò÷ѹÊÁÑÂáÅÐÁÕÈٹ «‹ÍÁµÑǶѧáÅÐÊÕ «Öè§ä´ŒÃѺ¡ÒÃÃѺÃͧÁҵðҹäÇŒà¾×èÍãËŒºÃÔ¡ÒÃÍ‹ҧ¤ÃºÇ§¨Ã ãËŒÊÍ´ ¤ÅŒÍ§¡ÑºÊÀÒÇеÅҴö¹µ ¢Í§¨Ñ§ËÇѴྪúØÃÕ ·ÕèÁÕ¡ÒÃᢋ§¢Ñ¹áÅÐà¨ÃÔÞàµÔºâµÍ‹ҧÃÇ´àÃçÇ»ÃСͺ¡ÑºÃ¶Â¹µ ໚¹»˜¨¨Ñ ÊíÒ¤ÑÞ˹Öè§ã¹¡ÒôíÒà¹Ô¹ªÕÇÔµ »˜¨¨ØºÑ¹âµâµŒÒàÁ×ͧྪà ÁÕÊíҹѡ§Ò¹ãËŒºÃÔ¡Òà 2 ÊÒ¢Ò¤×Í Êíҹѡ§Ò¹ªÐÍíÒáÅÐÊíҹѡ§Ò¹ãËÞ‹ ·‹ÒÂÒ§ â´ÂÁÕ»ÃѪÞÒËÃ×ÍËÑÇã¨ÊíÒ¤ÑÞ㹡ÒÃ㪌໚¹¹âºÒÂ㹡ÒúÃÔËÒçҹ¤×Í “QUALITY AND HAPPINESS ¤Ø³ÀÒ¾ áÅФÇÒÁÊØ¢´ŒÇ·ÕèÊØ´áË‹§ºÃÔ¡ÒÔ QUALITY ËÁÒ¶֧¤Ø³ÀÒ¾àÃÒµÃÐ˹ѡ´ÕÇ‹ÒÅÙ¡¤ŒÒ·ÕèÁÒÃѺºÃÔ¡Ò÷ÕèºÃÔÉÑ·âµâµŒÒàÁ×ͧྪà ŌǹµŒÍ§¡ÒäسÀÒ¾ ·Ñ駤سÀҾöãËÁ‹ ¤Ø³ÀҾ㹡Òë‹ÍÁºíÒÃا ¤Ø³ÀҾ㹡Òë‹ÍÁµÑǶѧáÅÐÊÕ ÃÇÁ¶Ö§¤Ø³ÀҾ㹡Òà ãËŒºÃÔ¡Òà áÅÐàÃÒàª×èÍÁÑè¹Ç‹Ò àÁ×èÍÅÙ¡¤ŒÒä´ŒÃѺ¤Ø³ÀÒ¾µÒÁ¤ÇÒÁ¤Ò´ËÇѧáÅŒÇ ¤ÇÒÁÊØ¢ËÃ×Í HAPPINESS ‹ÍÁà¡Ô´¢Öé¹µÒÁ ÁÒÍ‹ҧṋ¹Í¹ ÃÇÁ·Ñ駤ÇÒÁÊØ¢·Õèà¡Ô´¢Ö鹨ҡºÃÃÂÒ¡ÒÈáÅÐÊÔè§ÍíҹǤÇÒÁÊдǡµ‹Ò§æ ·ÕèàÃÒ·ÕÁ§Ò¹âµâµŒÒàÁ×ͧྪà 䴌¨Ñ´àµÃÕÂÁäÇŒÊíÒËÃѺãËŒºÃÔ¡ÒÃÅÙ¡¤ŒÒ·Ø¡·‹Ò¹Í‹ҧ´ÕÂÔè§ ¤Ø³Ãʨѹ·Ã àÇÈ ÇÃصÁ ¡ÃÃÁ¡Òüٌ¨Ñ´¡ÒÃ
CM
MY
CY
CMY
K
¤Ø³¨Ñ¡Ã¡Äɳ àÇÈ ÇÃصÁ ¡ÃÃÁ¡Òüٌ¨Ñ´¡Òà ¡Å‹ÒÇàÊÃÔÁã¹àÃ×èͧ¤ÇÒÁ¾ÃŒÍÁ¢Í§Èٹ ºÃÔ¡Ò÷Õè·Ñ¹ÊÁÑÂä´ŒÁÒµÃ°Ò¹Ç‹Ò “à¹×èͧ¨Ò¡µÅҴö¹µ ÁÕ¡ÒâÂÒµÑÇÍ‹ҧÁÒ¡ »ÃСͺ¡Ñº »ÃÐà·Èä·Â໚¹Èٹ ¡ÅÒ§¢Í§ AEC áÅзÕ輋ҹÁÒ performance ¢Í§¨Ñ§ËÇѴྪúØÃÕ´ÕÁÒ¡ ºÒ§à´×͹¶Ö§ 47 % ¢Í§ÂÍ´ ¢ÒÂöÃÇÁ ·íÒãËŒÈٹ ºÃÔ¡ÒõŒÍ§ÁÕ¢¹Ò´ãËÞ‹äÇŒà¾×èÍÃͧÃѺÅÙ¡¤ŒÒ à¾×èÍãËŒÅÙ¡¤ŒÒä´ŒÁÑè¹ã¨Ç‹Ò¼ÅÔµÀѳ± âµâµŒÒäÇŒ ÇÒ§ã¨ä´Œ µÒÁ·Õèà¤ÂÁÕÇÔ¨ÑÂã¹àÃ×èͧ Reliability «Ö觡Ò÷ÕèâµâµŒÒ໚¹à¨ŒÒµÅÒ´¹Ñé¹ àÃÒäÁ‹ä´ŒÁÒẺ¿Åؤæ ṋ¹Í¹à¹×èͧ¨Ò¡Ç‹ÒÃÒ¤Ò¢Òµ‹Í ¡Òë‹ÍÁºíÒÃا ËÃ×ÍÃÒ¤ÒÍÐäËÅ‹·ÕèäÁ‹á¾§ ·íÒãËŒâµâµŒÒÁըشá¢ç§ “áÅе͹¹ÕéàÃÒÁÕÃкº·ÕèàÃÕÂ¡Ç‹Ò TPS Line ¤×ÍàÃÒ¨Ðá¡»ÃÐàÀ·§Ò¹«‹ÍÁàºÒ «‹ÍÁ˹ѡ ¤×Íᡧҹ«‹ÍÁàºÒÍÍ¡ÁÒ ·íÒãËŒ«‹ÍÁ àÊÃç¨ÀÒÂã¹ 3 Çѹ «Öè§àÃçÇ¡Ç‹Òã¹ÊÁÑ¡‹Í¹ÁÒ¡ ÅÙ¡¤ŒÒ¡ç¾Ö§¾Íã¨ÁÒ¡¢Öé¹ Ê‹Ç¹µ‹ÍÁÒ¡ç¤×ÍÃкº ·ÕèãʋࢌÒä» àÃÕÂ¡Ç‹Ò Ãкº EMCS ¤×Í Electronic Motor Claim Solutions¤×ÍÅÙ¡¤ŒÒÊÒÁÒö ·ÃҺʶҹСÒà Claim ·íÒãËŒ¡ÒÃ͹ØÁѵÔÃÇ´àÃçÇÁÒ¡ ÀÒÂã¹Çѹà´ÕÂÇÅÙ¡¤ŒÒÁÒ¤ÃÑé§à´ÕÂÇ¡ç·ÃÒº ¼Åä´ŒàÅ à¾ÔèÁ¤ÇÒÁ¾Í㨢ͧÅÙ¡¤ŒÒ·ÕèÁÒ㪌ºÃÔ¡Ò÷ÕèÈٹ ºÃÔ¡ÒÃâµâµŒÒàÁ×ͧྪà ËÃ×ÍÇ‹ÒÈٹ «‹ÍÁµÑǶѧáÅÐÊÕäÁ‹¼Ô´ËÇѧṋ¹Í¹¤ÃѺ ÊíÒËÃѺ¤ÇÒÁ¾ÃŒÍÁ´ŒÒ¹ºØ¤ÅÒ¡Ã ¢Í§·Ñé§ 2 ÊÒ¢Ò àÃÒÁÕ ·ÕÁª‹Ò§·ÕèàªÕèÂǪÒÞ¼‹Ò¹¡ÒÃͺÃÁËÅÑ¡ÊٵèҡâµâµŒÒÁÍàµÍà »ÃÐà·Èä·Â ¡Ç‹Ò 50 ¤¹ ·Ñé§Èٹ ºÃÔ¡Òà Èٹ «‹ÍÁµÑǶѧáÅÐÊÕÁҵðҹ â´Â·Ò§ºÃÔÉÑ·âµâµŒÒàÁ×ͧྪÃÁÕ¡ÒùíÒ㪌Ãкº ICMS ã¹Ë¹‹Ç§ҹ CALL CENTER àÁ×èÍÅÙ¡¤ŒÒâ·ÃࢌÒÁÒà¾×è͹ѴËÁÒ¹íÒöࢌÒÃѺºÃÔ¡Òà Ãкº¨Ð´Ö§ ¢ŒÍÁÙÅ»ÃÐÇѵÔÅÙ¡¤ŒÒ¢Öé¹ÁÒä´Œ·Ñ¹·ÕÍ‹ҧÃÇ´àÃçÇ·íÒãËŒÅÙ¡¤ŒÒäÁ‹µŒÍ§àÊÕÂàÇÅÒ¹Ò¹áÅÐà¡Ô´¤ÇÒÁ »ÃзѺã¨ÁÒ¡ÂÔ觢Öé¹
Call Center 032 708 555
¤Ø³¨Ñ¡Ã¡Äɳ àÇÈ ÇÃصÁ ¡ÃÃÁ¡Òüٌ¨Ñ´¡ÒÃ
º·¤ÇÒÁâµâµéÒ.pdf 2 25/8/2557 14:10:29
¤Ø³¾Ñ¹¸Ø ¸Ñª ËÔÃÑÞ¨ÔÃÇ§È Ãͧ¡ÃÃÁ¡Òüٌ¨Ñ´¡Òà ¼ÙŒ´ÙáÅ´ŒÒ¹¡ÒõÅÒ´áÅйâºÒ´ŒÒ¹ªØÁª¹áÅÐÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁ ¢Í§âµâµŒÒàÁ×ͧྪúØÃÕ ä´Œ¡Å‹ÒǶ֧¤ÇÒÁãʋ㨵‹ÍÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁ Ç‹Ò “µÍ¹¹Õé ºÃÔÉÑ· âµâµŒÒ ÁÍàµÍà »ÃÐà·Èä·Â ¨íÒ¡Ñ´ ÁÕ¹âºÒÂãËÁ‹·ÕèÊ×èÍÊÒÃãËŒ¡ÑºÅÙ¡¤ŒÒ·ÃҺNjҵÑÇá·¹¨íÒ˹‹Ò ö¹µ âµâµŒÒ·ÑèÇ»ÃÐà·ÈÁÕ¤ÇÒÁˋǧ㵋ͪØÁª¹áÅÐÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁ ©Ð¹Ñé¹âµâµŒÒàÁ×ͧྪÃÊíҹѡ§Ò¹ãËÞ‹·Õè·‹ÒÂÒ§¨Ö§à»š¹Íա˹Öè§ ¼ÙŒá·¹¨íÒ˹‹ÒµÑÇÍ‹ҧ ·ÕèÊÌҧÍÒ¤ÒÃẺ»ÃÐËÂÑ´¾Åѧ§Ò¹ «Ö觨Ð໚¹ÁԵõ‹ÍÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁáÅÐÊдǡʺÒµ‹Í¾¹Ñ¡§Ò¹ áÅÐÅÙ¡¤ŒÒ·ÕèÁÒ㪌ºÃÔ¡Òö֧áÁŒÇ‹Ò¤‹Ò㪌¨‹ÒÂ㹡Òá‹ÍÊÌҧ¨Ð ÊÙ§¢Öé¹ÁÒ¡¡Ç‹Ò¡Òá‹ÍÊÌҧ·ÑèÇ仡çµÒÁ ᵋ¶ŒÒ¾Ù´¶Ö§¼Åã¹ÃÐÂÐ ÂÒǶ×ÍNjҤ،Á¤‹Ò ·Õèä´ŒÁÕʋǹª‹ÇÂàËÅ×ÍÊѧ¤ÁáÅдÙáÅÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁ µÒÁ¹âºÒÂËÅÑ¡¢Í§ ºÃÔÉÑ·âµâµŒÒ ÁÍàµÍà »ÃÐà·Èä·Â ¨íÒ¡Ñ´” ·Ñé§ËÁ´¹Õé¡ç¤×ͤÇÒÁá»Å¡ãËÁèáÅФÇÒÁ¾Ö§¾Í㨷Õè ÅÙ¡¤ŒÒ¨Ðä´ŒÊÑÁ¼ÑʡѺâµâµŒÒàÁ×ͧྪà (TOYOTA Muang Petch) ¤Ø³¾Ñ¹¸Ø ¸Ñª ËÔÃÑÞ¨ÔÃÇ§È Ãͧ¡ÃÃÁ¡Òüٌ¨Ñ´¡ÒÃ
C
M
Y
CM
MY
CY
CMY
K
¤Ø³¹¾Ãѵ¹ àÇÈ ÇÃصÁ Ãͧ¡ÃÃÁ¡Òüٌ¨Ñ´¡Òà ¼ÙŒ´ÙáÅàÃ×èͧ ÊÔè§ÍíҹǤÇÒÁÊдǡÀÒÂã¹Èٹ ºÃÔ¡Òà ãËŒÃÒÂÅÐàÍÕ´à¾ÔèÁàµÔÁÇ‹Ò “âµâµŒÒàÁ×ͧྪâͧàÃÒÁÕConcept·ÕèÇ‹Ò...¤ÇÒÁÊØ¢ÊÌҧ䴌·Õè¹Õè «Öè§ àÃÒÊÌҧäÇŒÃͧÃѺÊíÒËÃѺ·Ø¡ æ ¤¹ã¹¤Ãͺ¤ÃÑǢͧàÃÒ àÃÒÁÕÁØÁ ¡Òá¿äÇŒÊíÒËÃѺºÃÔ¡ÒÃÅÙ¡¤ŒÒ ໚¹¡Òá¿Ê´à¡Ã´¤Ø³ÀÒ¾ ÃÇÁ¶Ö§¢¹Á ऌ¡áÅТ¹ÁËÇÒ¹µ‹Ò§ æ ¡çÁÕäÇŒºÃÔ¡ÒÿÃÕÊíÒËÃѺ¼ÙŒ·Õè¹íÒöࢌÒÁÒÃѺ ºÃÔ¡Ò÷ÕèÈٹ ºÃÔ¡ÒâͧàÃÒ ã¹Ê‹Ç¹¢Í§ Internet Zone àÃÒÁÕ Internet ¤ÇÒÁàÃçÇÊÙ§äÇŒÊíÒËÃѺÃͧÃѺÅÙ¡¤ŒÒ¡ÅØ‹ÁÅÙ¡ æ ËÅÒ¹ æ ¢Í§àÃÒ ºØµÃËÅҹ䴌àÅ‹¹à¡ÁÊ à¾×èͤÇÒÁºÑ¹à·Ô§ ËÃ×ͨФŒ¹¤ÇŒÒËÒ¢ŒÍÁÙŵ‹Ò§ æ áÅÐã¹Ê‹Ç¹¢Í§ËŒÍ§ÅÙ¡¤ŒÒÃѺÃͧ ¡çÁÕ¤ÇÒÁâ͋⶧ ÊдǡʺÒ ÁÕ Movie Zone ´ŒÇÂ¨Í LED ¢¹Ò´ãËÞ‹¶Ö§ 70 ¹ÔéÇ à¾×èͤÇÒÁ¤ÁªÑ´ áÅЪѴਹ ÃÇÁ¶Ö§à¡ŒÒÍÕé¹Ñ觷ÕèÁÕ¤ÇÒÁÊдǡʺÒÂà·Õº෋ÒâçáÃÁ 5 ´ÒÇ ÊíÒËÃѺÅÙ¡¤ŒÒ·ÕèࢌÒÁÒ·ÕèÊíҹѡ§Ò¹ãËÞ‹·Õè·‹ÒÂÒ§¢Í§àÃÒ àÃÒÁÕ·Õè¨Í´Ã¶ ÁÒ¡¡Ç‹Ò 100 ¤Ñ¹äÇŒÊíÒËÃѺÃͧÃѺÅÙ¡¤ŒÒ ”Eco Showroom" à¾×èÍ Êѧ¤ÁáÅÐÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁ·Õè´Õ¡Ç‹Ò ¤Ø³¹¾Ãѵ¹ àÇÈ ÇÃصÁ Ãͧ¡ÃÃÁ¡Òüٌ¨Ñ´¡ÒÃ
Call Center 032 708 555
บทความพิเศษ
คุณโอฬาร อัศวฤทธิกุล
กับ “ไทยไดมอนดซิตี้
เพชรบุรี”
โครงการเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม
คุณโอฬาร อัศวฤทธิกุล ประธาน กรรมการบริ ห าร ไทยไดมอนด ซิ ตี้ เพชรบุ รี และ ไทยไดมอนด แ ลนด แกงกระจาน รีสอรทแอนดคันทรีคลับ อันโดงดังแหงจังหวัดเพชรบุรี ในวันนีท้ า นยังดูสดใส กระฉับกระเฉง จนแทบไมนาเชื่อทานมีวัยลวงมาถึง 75 ปแลว และไดใชเวลากวา 30 ป บากบั่น เจียระไนเพชรนํา้ งามบนพืน้ ทีก่ วาสามหมืน่ ไรแหงนี้ เพื่อจุดมุงหวังที่จะเปลี่ยนแปลง สังคม และเพื่อใหเปนที่เชิดหนาชูตาแก จังหวัดเพชรบุรี “โครงการนี้เราสรางขึ้นมาเพื่อที่ จะเปลี่ยนแปลงสังคม ใหเปนสังคม คุณภาพที่มีความรักใครปรองดองกัน ในครอบครัว โดยการจัดสรรที่ดินผืน งามๆ สัก 2 ไรใหแตละครอบครัว มีบา น พัก มีสิ่งอํานวยความสะดวกให เพื่อให ผูสูงอายุไดพักผอนอยางสุขสบาย อยู ในธรรมชาติที่ดี ในขณะเดียวกันทาน จะได ช ว ยเลี้ ย งหลาน เพราะเด็ ก ๆ ตองอยูใ นทีท่ อี่ ากาศดีๆ มีคนเลีย้ งทีด่ ๆ ี ที่รักเขาคือปูยา ตายาย ตกเย็นวันศุกร พอแมก็มาหาลูก มาหาปูยาตายาย มา ทําอาหารกินกันอยางมีความสุข” ไทยไดมอนดแลนดซิตี้ เพชรบุรี มี ทั้ ง การจั ด สรรที่ ดิ น แปลงสวย และ นิ ค มอุ ต สาหกรรมบริ ก ารท อ งเที่ ย ว ซึ่ ง เป ด โอกาสให นั ก ลงทุ น ต า งชาติ เ ข า มา ลงทุ น นอกจากนี้ ก็ มี บ ริ ก ารที่ พั ก ใน ไทยไดมอนด แ ลนด แก ง กระจาน รีสอรทแอนดคันทรีคลับ ซึ่งโครงการ ทั้ ง หมดนี้ มี จุ ด เด น อยู ที่ ก ารออกแบบ ตกแตงบริเวณโดยรอบ ซึ่งทานไดเลือก มื อ ดี ที่ สุ ด ในประเทศไทยมาช ว ยคื อ
14
อาจารยเดชา บุญคํ้า ภายในรีสอรทบานพักมีทั้งหมด 100 กวาหลังๆ ละ 2 หองนอน แตละหลังจะมีดีไซนแตกตางกัน ในสวนของสนามกอลฟ ทานไดคัดสรรผูยิ่งใหญทั้ง 3 ทวีปมาออกแบบ ไดแก Jack Nicklaus แหงทวีปอเมริกา Greg Norman ทวีปออสเตรเลีย สวนทวีปเอเชียคือคุณเชิด บุณยะรัตเวช ซึ่งเคยออกแบบสนามแรกใหทานประทับใจมาก ที่สุดคือ สนามกอลฟ บางปะกง ริเวอรไซด คันทรีคลับ “โครงการอยางนี้ไมมีในประเทศไทย ที่คนซื้อที่ 1 แปลงแลวไดใช facility ถึง 15 รายการ ทั้งสนามกอลฟ 3 สนาม สนามเทนนิส แบตมินตัน เทเบิ้ลเทนนิส อยางละ 15 สนามเหมือนกัน สนามฝกขี่มา สนามฝกบิน สนามฟุตบอล คลินิก เรา มีหมด รวมแลว15 รายการ ในโครงการเราเคยมีภตั ตาคาร 3 แหง เดีย๋ วนีเ้ รายุบไป หนึง่ ไปทําคลินกิ รักษาโรคภัยไขเจ็บฟรี เสียแตเฉพาะคาหองกับคายา แตถา คนจน ไมมีตังคเลยก็ไปที่วังมะนาว เรามีมูลนิธิโอฬารพัฒนาสนับสนุนอยู ที่นั่นฟรีหมด แตสําหรับคนที่พอมีสตางคจายเราก็ใหสวนลด 50%” ในฐานะของนักธุรกิจอาวุโส ทานไดใหขอคิดแกคนรุนใหมที่ตองการประสบความ สําเร็จในชีวิตวา “สวนตัวผมเองสังวรณอยูเสมอวาเราไมใชคนเกง เราเปนเด็ก ยากจนมา แลวเรามาทําประโยชนใหแผนดินไดแคนี้ก็บุญแลว เพราะอายุมาก
หากมีอายุอยางคนหนุมๆ สาวๆ ยัง ไมพอเพียงที่จะทํางานใหไดดีกวาที่ทํา มา เพราะเดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยีใหมๆที่ หาใชไมยาก ผมจึงขอฝากคนรุนใหม ว า อย า ท อ ถอยและหงอยเหงา ต อ ง ทําตัวใหคึกตลอดเวลา คนคึกจะเปน คนชนะตลอดครั บ ผมไม ไ ด เ ก ง กล า สามารถอะไร ผมจะตามรอยเบื้ อ ง พระยุคลบาท ในหลวงไปพัฒนาทาง ไหน ผมก็ไปทางนั้น ในหลวงเราทรง ชอบพัฒนาที่ดินรกรางวางเปลาไมทํา อะไร ปลอยรกรางทานก็จะไปพัฒนา ใหดีขึ้น” “คนไทยนี่นะ ถาขยันสักหนอย ไม พกขี้มาเต็มตัวอยางนี้จะเจริญรุงเรือง ผมอยากบอกวาถาคนไทยของเราทุก คนขยันขันแข็ง สลัดขี้ออกจากตัว ทั้ง ขี้เกียจ ขี้เหลา ขี้การพนัน ขี้ยา ขี้คุก สลัดออกใหหมดแลวเราจะเปนหนึ่ง ในเอเชีย” ทายสุดนี้ คุณโอฬาร อัศวฤทธิกุล ไดกลาวเชิญชวนนักทองเที่ยวใหไปสัมผัส กับธรรมชาติบริสุทธิ์ๆ ที่ ไทยไดมอนด แลนด แกงกระจาน รีสอรท แอนด คันทรีคลับ และจับจองที่ดินในโครงการ ไทยไดมอนดซิตี้ เพชรบุรี...ว .วา
“ที่ นี่ เ รามี บ ริ ก ารทั้ ง เที่ ย วท อ งป า สัมมนา ชมนก มีสนามกอลฟ มีกีฬา ทุกอยางใหเลนถึง 15 รายการ ใหทาน เลนโดยไมเสียตังค ยกเวนสนามกอลฟ กับมา และเครื่องบิน ถึงทานจะไมใช สมาชิกก็มาเทีย่ วได แลวกระผมขอกราบ เรียนวาใครที่สนใจเปนเจาของที่ดินใน โครงการไทยไดมอนดซิตี้ เพชรบุรี แหง นี้ ทานจะไดรับผลตอบแทนมากมาย ไมมีอีกแลวครับที่ดินอยางนี้ และเรา เป ด โอกาสให ต า งชาติ เ ข า มาลงทุ น เรื่อง BOI ก็ใหเต็มที่ เพราะฉะนั้นใคร อยากจะมาคามาขาย ใครอยากจะมาอยู อยางสุขสบาย ก็มาที่นี่ขอเชิญชวนนะ ครับ และตราบใดที่ผมยังมีชีวิตอยู ก็จะ ดูแลที่นี่จนกวาชีวิตจะหาไม”ครับ
Phetchaburi
15
“ ª Ñ § è Ë Ñ Ç Á Ñ ¹ ”
â ¤ Ã § ¡ Ò Ã ¢ Í § ¾ Íà ‹ ¾ × Í è ¾ Ê ¡ ¹ ¡ Ô Ã ä · Â
...คนทีไ่ ปดูกเ็ ห็นไดวา เริม่ ตนดวยไมมอี ะไรเลย แตวา ตอ มาภายในวันเดียว ทุกคนทีอ่ ยูใ นทองทีน่ นั้ ก็เขาใจวาตองชวย กัน และยิง่ ในสมัยนี้ ในระยะนีเ้ ราตองรวมมือกันทํา เพราะวา ถาไมมกี ารรวมมือกัน ก็ไมกา วหนา ไมมคี วามกาวหนา ฉะนัน้ การที่ทานไดทําแลวมีความกาวหนานี้ เปนสิ่งที่ดีมาก หลัก การก็อยูที่ทุกคนตองชวยกันเสียสละ เพื่อใหกิจการในทองที่ กาวหนาไปดวยดี กาวหนาไดอยางไรก็ดวยการชวยเหลือกัน แตกอนนั้นเคยเห็นวากิจการที่ทํามีกลุมคนกลุมหนึ่งทํา แลว ก็ทาํ ใหกา วหนา แตอนั นีม้ นั ไมใชกลุม หนึง่ มันทัง้ หมดรวมกัน ทํา และก็มีความกาวหนาแนนอน อันนี้ก็เปนสิ่งที่มหัศจรรย และเปนสิง่ ทีท่ าํ ใหมคี วามหวัง มีความหวังวาประเทศชาติจะ กาวหนาประเทศชาติจะมีความสําเร็จ.. พระราชด�ารัสข้างต้นนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานไว้วันที่ 21 สิงหาคม 2552 โดยแสดงถึงปัจจัยส�าคัญ ของความก้าวหน้าของ “โครงการช่างหัวมัน ตามพระราชดําริ” ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วน พระองค์จัดซื้อที่ดินที่แห้งแล้งเสื่อมโทรมประมาณ 250 ไร่ จาก ราษฎรบริเวณอ่างเก็บน�้าหนองเสือ บ้านหนองคอไก่ ต�าบลเขา กระปุก อ�าเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี และทรงพระกรุณาโปรด เกล้าโปรดกระหม่อม ให้กองงานส่วนพระองค์ ส�านักพระราชวัง เข้าพัฒนาพืน้ ทีเ่ พือ่ จัดท�าเป็นโครงการทดลองด้านการเกษตร และ ทรงมีรับสั่งว่าเมื่อท�าเสร็จแล้วจะเสด็จไปทอดพระเนตรโครงการ ด้วยพระองค์เอง ดังที่เราได้เห็นข่าวอยู่เสมอๆ ว่า พระองค์เสด็จ พระราชด�าเนินเป็นการส่วนพระองค์ ไปทอดพระเนตรกิจกรรมของ โครงการฯนี้เป็นระยะๆ จวบจนถึงปัจจุบัน
Phetchaburi 17
“ชั่งหัวมัน” ชื่อนี้มีความหมาย ชื่ อ ของ โครงการช่ า งหั ว มั น ฯ นี้ เ ป็ น ชื่ อ พระราชทาน โดยมี ที่ ม าของชื่ อ คื อ เมื่ อ ครั้ ง ที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯไปประทับ ที่พระราชวังไกลกังวล ทรงมีพระราชประสงค์ให้น�า หัวมันเทศที่ชาวบ้านน�ามาถวาย วางไว้บนตาชั่ง แบบโบราณ จากนัน้ พระองค์ได้เสด็จฯกลับกรุงเทพฯ ครั้นเมื่อพระองค์เสด็จฯกลับไปยังพระราชวังไกล กังวลอีก ปรากฏว่าหัวมันเทศที่วางบนตาชั่ง กลับมี ใบงอกออกมาทัง้ ๆ ทีไ่ ม่ได้มกี ารรดน�า้ จึงรับสัง่ ให้นา� หัวมันนั้นไปปลูกใส่กระถางไว้ เมื่อพระองค์ทรงซื้อที่ดินบริเวณอ่างเก็บน�้า หนองเสือในปี 2552 แล้ว ทรงมีพระราชด�ารัสให้ ทดลองปลูกมันเทศ เพราะขนาดหัวมันวางทิ้งไว้บน ตาชั่งยังขึ้นได้เอง ต่อให้ที่ดินแห้งแล้งอย่างไรมันก็ ต้องขึน้ ได้แน่นอน จึงตอบข้อสงสัยของราษฎรทีว่ า่ ... ท�าไมพระองค์ท่านทรงซื้อที่ดินซึ่งแห้งแล้งมากยาก แก่การปลูกพืชพันธุ์ให้ได้ผลส�าเร็จ
18
เปาหมายของโครงการชั่งหัวมันฯ โครงการชั่วหัวมันฯ เป็นการบริหารทรัพยากรแบบบูรณาการ โดยน�าส่วน ราชการที่มีความรู้ความช�านาญ เช่น กรมวิชาการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน กรม ข้าว กรมชลประทาน เกษตรอ�าเภอ เกษตรจังหวัด ฯลฯ เข้ามาดูในส่วนทีเ่ กีย่ วข้อง เพื่อให้เป็นศูนย์กลางเรียนรู้ด้านเกษตรกรรม หรือเป็นแม่บทในการท�าไร่แก่ เกษตรกร และประชาชนทั่วไป โดยมีเป้าหมายหลักๆ 3 ประการดังนี้ 1. เพื่อให้เปนแหล่งรวบรวมพันธุพืชเศรษฐกิจ พืชพันธุดีของอําเภอ ท่ายาง และของจังหวัดเพชรบุรี โดยแบ่งลักษณะของพืชที่ปลูกได้ 3 ประเภท ได้แก่ 1.1 พืชสวนครัว ได้แก่ มะเขือเทศราชินี มะเขือเปราะ กะเพรา โหระพา มะนาวแป้น ผักชี พริกพันธุ์ซุปเปอร์ฮอต กระเจี๊ยบเขียว วอเตอร์เครส มะระขี้นก ผักหวานบ้าน ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดเป็นการปลูกแบบปลอดสารพิษ โดยเฉพาะมะนาว นัน้ พระองค์ เคยเสด็จฯลงแปลงปลูกและเก็บมะนาวด้วยพระองค์เอง และผลผลิต มะนาวก็สามารถเก็บขายได้เงินจ�านวนมาก 1.2 ผลไม้ ได้แก่ สับปะรดปัตตาเวีย แก้วมังกร มะละกอแขกด�า มะพร้าว น�้าหอม มะพร้าวแกง ชมพู่เพชรสายรุ้ง กล้วยน�้าว้า กล้วยหักมุก ฯลฯ
1.3 พืชเศรษฐกิจ ได้แก่ อ้อยโรงงาน มันเทศญี่ปุ่น มันเทศออสเตรเลีย มันต่อเผือก มันปีนัง หน่อไม้ฝรั่ง ข้าว เหนียวพันธุช์ วิ แม่จนั ข้าวเจ้าพันธุข์ า้ วหอม ข้าวจ้างพันธุล์ ซี อ ข้าวเจ้าพันธุข์ า้ วขาว ยางนา ยางพารา และชมพูเ่ พชรสายรุง้ 2. เพือ่ เปนแหล่งเรียนรูด้ า้ นการเกษตรแก่เกษตรกร นักศึกษา และประชาชนทั่วไป เพราะอย่างที่เราๆ ท่านๆ ทราบดีวา่ อะไรทีย่ ากล�าบาก พระองค์ทา่ นจะทรงโปรด และ จะทรงท�าเป็นตัวอย่างให้ดู เพือ่ พิสจู น์วา่ ท�าได้ ทัง้ นีเ้ พือ่ จะได้ เป็นแม่แบบแก่พสกนิกรของพระองค์ 3. เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วม โดย ทุกๆวันพฤหัสบดี จะเป็นวันทีร่ าษฎรจาก 2 ต�าบล คือ ต�าบล กลัดหลวง และต�าบลเขากระปุก จะเดินมาช่วยกันท�างานใน ไร่ของพระองค์ โดยมาท�าด้วยใจมิได้มคี า่ ตอบแทน ทัง้ นีเ้ พือ่ ให้องค์พ่อหลวงที่พวกเขารักและเทิดทูนมีความสุข ส� า หรั บ ผลผลิ ต ในโครงการฯ เช่ น ผั ก และผลไม้ ที่ เก็บเกี่ยวได้ จะน�ามาล้างท�าความสะอาด คัดเกรด ตัดแต่ง และบรรจุภาชนะ พร้อมน�าไปจ�าหน่ายในสถานที่ต่างๆ ได้แก่ กองงานส่วนพระองค์ (ห้องเครื่องวังไกลกังวล และ สวนจิตรดา), ร้านโกลเด้นเพลส ทั้ง 5 สาขา, ตลาดกลาง การเกษตรหนองบ้วย อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี Phetchaburi 19
จุดเด่นในโครงการช่างหัวมันฯ บ้ า นไร่ ของในหลวง เป็นบ้านพักส่วน พระองค์ที่มีลักษณะเรียบง่ายและพอเพียง โดย พระบาทสมเด็ จ พระเจ้ า อยู ่ หั ว ทรงมี ชื่ อ ใน ทะเบียนบ้านเลขที่ 1 หมู่ที่ 5 บ้านหนองคอกไก่ ต.เขากระปุก อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี และทรงขึ้น ทะเบียนเป็นเกษตรกรท�าไร่ด้วย กังหันลมผลิตไฟฟา เพื่อผลิตไฟฟ้าจาก พลังงานสะอาด ตามนโยบายรัฐบาล ปัจจุบันมี ทั้งหมด 20 ต้น มีก�าลังการผลิตขนาด 50 กิโล วัตต์ ซึ่งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จะด�าเนินการเข้า มารับซือ้ พลังงานสะอาดทีไ่ ด้นี้ แล้วเงินรายได้จาก การขายจะน�าไปหักลบกับพลังงานทีใ่ ช้ในไร่ ซึง่ ทุก เดือนจะมีเงินเหลือจากการขายไฟฟ้าด้วย บันทึกเหตุการณสาํ คัญในโครงการช่างหัวมันฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเอา พระทัยใส่และเสด็จพระราชด�าเนินไปทรงติดตาม ผลการด�าเนินงาน และความคืบหน้าในแต่ละส่วน ของโครงการช่างหัวมันฯ เป็นระยะจนถึงปัจจุบัน ตามล�าดับเหตุการณ์ส�าคัญดังนี้ วันที่ 1 สิงหาคม 2552 : พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยูห่ วั เสด็จฯเป็นการส่วนพระองค์ พร้อม ด้วย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม ราชกุมารี, ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม และคุณทองแดง นับเป็นการเสด็จฯมาที่ไร่เป็น
20
ครัง้ แรก และประทับทีศ่ าลาเก้าเหลีย่ ม เวลาประมาณ 17.00 น. พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงขับรถพระที่นั่งแบลคโครเนียด้วยพระองค์เอง และทรงน�าหัวมันเทศญี่ปุ่นวางบนตาชั่ง แล้วทรงเปิดป้าย “โครงการชั่ง หัวมัน” และทรงขับรถยนต์พระที่นั่งทอดพระเนตรการด�าเนินงานภายใน โครงการฯ วันที่ 7 พ.ย. 2556 : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯไปยัง โครงการชัง่ หัวมันตามพระราชด�าริ จังหวัดเพชรบุรี เพือ่ ทอดพระเนตรความ คืบหน้าของโครงการฯ จากนัน้ เสด็จพระราชด�าเนินกลับต�าหนักเปีย่ มสุข วัง ไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีพสกนิกรเฝ้ารอรับเสด็จที่หน้า วังไกลกังวลเป็นจ�านวนมากตลอดเส้นทาง
วันที่ 15 ธ.ค.2556 : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯไปทอดพระเนตรผลการด�าเนินงานโครงการชัง่ หัวมันฯ ในส่วนของพื้นที่ปศุสัตว์ โดยในระยะแรกได้น�าโคนมที่ปลด จากการให้นมแล้ว จากโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา มาเลีย้ งไว้ 14 ตัว ในการนีไ้ ด้พระราชทานนมแก่ลกู วัวทีค่ ลอด ได้ 25 วัน เป็นเพศผู้พันธุ์โฮลสไตล์ ฟรีเชี่ยน หรือที่รู้จักกันใน กลุ่มผู้เลี้ยงโคนมทั่วไปว่าพันธุ์ขาว-ด�า โดยเกิดจากแม่วัวใน โครงการเลีย้ งโคนมชือ่ แม่ใบบัว ปกติลกู วัวจะได้กนิ นมวันละ 2 เวลาเช้า-เย็น ครั้งละ 2 ลิตร โดยใช้นมสดที่รีดมาจากแม่วัว ส�าหรับโคนมพันธุด์ งั กล่าวเป็นโคทีน่ ยิ มเลีย้ งกันในประเทศทีม่ ี อากาศหนาวเย็น แต่ปัจจุบันได้มีการพัฒนาสายพันธุ์มาเพื่อ ให้เหมาะกับสภาพอากาศบ้านเรา โดยมีคุณลักษณะพิเศษ คือให้น�้านมเยอะ จากนั้นได้พระราชทานหญ้าแก่แม่โคนม จ�านวน 9 ตัว ปัจจุบันมีแม่โคที่สามารถรีดน�้านมได้ 9 ตัว, โค ท้อง 2 ตัว และลูกโคอีก 9 ตัว จะรีดน�้านมเวลา 07.00 น.และ 16.00 น.สามารถรีดน�้านมได้ 17 ลิตรต่อวัน และในเดือนมกราคม 2557 จะขยายโครงการเลี้ยง โคนมเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งจะก่อสร้างโรงงานผลิตนมพาสเจอร์ ไรซ์ และนมสเตอร์ไรซ์ ขึ้นภายในพื้นที่โครงการ เพื่อจะได้รับ ซื้อน�้านมดิบในปริมาณเพิ่มมากขึ้นเพื่อให้เพียงพอส�าหรับ ป้อนโรงงานในปริมาณวันละ 10 ตันต่อวัน จึงจะเพียงพอต่อ ก�าลังการผลิต และจะรับซื้อน�้านมดิบจากสหกรณ์โคนมห้วย สัตว์ใหญ่ ซึ่งแต่เดิมส่งน�้านมดิบไปยังโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการขนส่งของ Phetchaburi 21
เกษตรกรไม่ให้เดินทางไกล รวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้ราษฎรได้ ดื่มนมที่มีคุณภาพ โดยจะผลิตเป็นนมพาสเจอร์ไรซ์ และสเตอร์ ไรซ์ วางจ�าหน่ายในพื้นที่อ�าเภอชะอ�า จังหวัดเพชรบุรี และอ�าเภอ หัวหิน รวมทั้งอ�าเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งขณะนี้ มีสมาชิกชุมนุมสหกรณ์โคนมภาคใต้ ได้ร่วมกันน้อมเกล้าน้อม กระหม่อมถวายแม่โคสาวเพิ่มให้กับโครงการอีกจ�านวน 14 ตัว ส�าหรับเลี้ยงภายในโครงการ วันที่ 1 มกราคม 2557 : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯไปยังโครงการชัง่ หัวมัน ตามพระราชด�าริ ทอดพระเนตรการ ด�าเนินงานในส่วนของพื้นที่โครงการเลี้ยงโคนม ได้พระราชทาน หญ้าพันธุ์แพงโกล่าแก่แม่โคนม จ�านวน 11 ตัว และพระราชทาน นมแก่ลูกวัวเพศผู้ พันธุ์โฮลสไตล์ ฟรีเชี่ยน หรือพันธุ์ขาว-ด�า อายุ 41 วัน ที่ได้พระราชทานนมให้เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2556 ซึ่งได้ พระราชทานชื่อว่า “น้องตุ่ม” การเสด็จพระราชด�าเนินในครั้งนี้ มีราษฎรในพื้นที่โครงการ ชั่งหัวมัน ตามพระราชด�าริ และพื้นที่ใกล้เคียงไปเฝ้าทูลละออง ธุลีพระบาทเป็นจ�านวนมาก โดยต่างปลื้มปีติที่ได้เห็นพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระพลานามัยที่แข็งแรง ซึ่งได้พร้อมใจ กันเปล่งเสียงถวายพระพรทรงพระเจริญอย่างกึกก้อง และต่าง
22
รู้สึกเป็นสิริมงคล ที่ได้มีโอกาสเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่พุทธศักราช 2557 ใน วันนี้ วันที่ 21 มี.ค.2557 : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั เสด็จฯ ไปยังโครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชด�าริ เพื่อทอดพระเนตรโรง เลี้ยงโคนม ทรงป้อนนมโคและทรงป้อนหญ้าพันธุ์แพงโกล่าแก่ลูก โค เพศเมีย อายุ 2 เดือน 30 วัน จ�านวน 2 ตัว ซึ่งเกษตรกรโคนม จ.ราชบุรี น้อมเกล้าฯ ถวายเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2557 พร้อมกันนี้ ได้ทอดพระเนตรการเจริญเติบโตของ “น้องตุ่ม” ลูกโค พันธุ์โฮล์ส ไตน์ฟรีเชียน ซึ่งขณะนี้มีการเจริญเติบโตแข็งแรงดี มีน�้าหนักตัว 130 กิโลกรัม โอกาสนี้ ประทับรถยนต์พระที่นั่ง ทรงติดตามผลการด�าเนิน งานของโครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชด�าริ โดยทางโครงการฯ ได้ จัดท�าแนวป้องกันไฟป่า ซึง่ เกิดขึน้ บ่อยในช่วงหน้าแล้ง ทีบ่ ริเวณรัว้ ทั้งภายในและนอกโครงการฯ ส�าหรับการปลูกยางพาราและยาง นา ได้ใช้ระบบน�า้ หยด เพือ่ ให้ความชืน้ ท�าให้ตน้ ยางสามารถเติบโต ได้และแข็งแรงดีทอดพระเนตรโรงเลี้ยงไก่ไข่ และแปลงนาข้าว ซึ่ง กรมพัฒนาทีด่ นิ ได้ดา� เนินการปลูกข้าวพันธุไ์ รซ์เบอร์รอี่ นิ ทรีย์ และ นาข้าวพันธุ์ กข.49
วันที่ 7 พ.ค.2556 : พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปยังโครงการชั่งหัวมัน ตามพระราชด�าริ เพื่อทรงติดตามการ ด�าเนินงาน ด้านการเลี้ยงโคนม ทรงป้อนนมแก่ลูกโคเพศเมีย เกิด เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา มีอายุเดือนกว่า โดยมีพระราชด�ารัส เกี่ยวกับชื่อเพื่อพระราชทานแก่ลูกโคด้วย และทอดพระเนตรแม่ โค “ทองหยิบ” ซึ่งเพิ่งคลอดลูกเพศผู้ เมื่อประมาณเที่ยงคืนวันที่ 6 พ.ค. ที่ผ่านมา ท�าให้ปัจจุบันมีโคพันธุ์โฮลสไตล์ฟรีเชี่ยน หรือพันธุ์ ขาว-ด�า รวม 34 ตัว เป็นโครีดนม 9 ตัว และลูกโค 6 ตัว นอกนัน้ เป็น โคตั้งท้อง พร้อมกันนี้ยังทอดพระเนตรโค “น้องตุ่ม” ที่ทรงเคยป้อน นม และทรงติดตามการเจริญเติบโตในโอกาสเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยม โครงการหลายครั้ง ปัจจุบันมีอายุประมาณ 5 เดือน มีสุขภาพแข็ง แรง และเจริญเติบโตดีเหมาะเป็นโคพ่อพันธุ์ต่อไป 25 จุดเรียนรู้ ในโครงการของพ่อ นายมณเฑียร ทองนิตย ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ได้ กล่าวถึงโครงการช่างหัวมัน ตามพระราชดําริ ว่า “ผมไปดู เดีย๋ วนีค้ นไปเยีย่ มวันหนึง่ ประมาณ 2,000 กวา คน เดือนหนึ่ง 4 - 5 หมื่นคน ไมนาเชื่อ เดี๋ยวนี้รถบัส 4-5 คัน
มา ก็ตองแวะมาแวะดู เพราะขาวจะออกเรื่อยๆ วาในหลวง เสด็จฯ นักทองเที่ยวเขาก็อยากมา บางคนก็โชคดีในหลวง เสด็จฯพอดี ก็ไดเขาเฝาดวย” นอกจากพสกนิกรจะได้ชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิดแล้ว ภายใน โครงการช่างหัวมัน ตามพระราชดําริ ได้จัดเตรียมเส้น ทางการเยี่ยมชมไว้ทั้งหมด 25 จุด อาทิ พลังงานลม และพลังงาน แสงอาทิตย์, แปลงยางนา, โรงเพาะเห็ด, แปลงมันเทศญี่ปุ่น, โรง บรรจุผลิตภัณฑ์ผัก, นาข้าว และโรงเลี้ยงไก่ไข่ ฯลฯ นอกจากนี้ยัง มีจุดถ่ายภาพประทับใจ และบริการจักรยานส�าหรับผู้รักการออก ก�าลังกายด้วย โดยเปิดให้ชมทุกวันเวลา 08.00-18.00 น. ค่าเข้า ชม ผูใ้ หญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท สอบถามรายละเอียดเพิม่ เติมได้ที่ โครงการชั่งหัวมันตามพระราชด�าริ โทร. 0 3247 2700-1 การเดินทาง โครงการฯตัง้ อยูห่ มูท่ ี่ 5 บ้านหนองคอไก่ ต�าบล เขากระปุก อ�าเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี โดยสามารถเดินทาง เข้าทางอ�าเภอท่ายาง ผ่านโครงการส่งน�า้ และบ�ารุงรักษาเพชรบุรี ไปทางเส้นทางต�าบลท่าไม้รวก ผ่านทีท่ า� การเขตห้ามล่าสัตว์ปา่ เขา กระปุก-เขาตอหม้อ ผ่านโรงเรียนบ้านทุง่ โป่ง ถึงโครงการชัง่ หัวมัน ตามพระราชด�าริ ระยะทางประมาณ 47 กิโลเมตร
Phetchaburi 23
AD »µ·ÍÂظÂÒ.pdf 1 7/5/2556 13:58:09
สารผูวาราชการ จังหวัดเพชรบุรี
เพชรบุรี มีประวัติศาสตรมาตั้งแตสมัยทวารวดี เรื่อยมา จนถึงสมัยสุโขทัย และสมัยอยุธยา ซึ่งเพชรบุรีเปนหัวเมืองหนา ดานที่สําคัญ ถึงสมัยรัตนโกสินทรตอนตน เพชรบุรีไดกลายเปน เมืองพักผอนจากอากาศของพระมหากษัตริยไทยถึง 3 รัชกาล คื อ พระบาทสมเด็ จ พระจอมเกล า เจ า อยู หั ว พระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูหัว และพระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว ปจจุบันเพชรบุรีไดกลายเปนเมืองทองเที่ยวขึ้นชื่อของคน ไทยและตางชาติ เพราะมีที่เที่ยวดึงดูดใจมากมาย โดยเฉพาะ อยางยิ่งพระราชวัง 3 แหง ซึ่งโปรดเกลาฯใหสรางใน 3 รัชกาล คือ พระราชวังพระนครคีรี พระรามราชนิเวศน และพระ ราชนิเวศนมฤคทายวัน มีวัดวาอารามที่งดงามดวยศิลปะปูน ปน ฝมอื ชางเมืองเพชรทีส่ วยงาม ประณีต ออนชอย มีทเี่ ทีย่ วทาง ทะเลทีป่ ลอดจากบรรดาคลับบาร มีอาหารการกินทัง้ ผลไมขนึ้ ชือ่ อยางชมพูเ พชรสายรุง ทีม่ รี สชาติหวานกรอบเปนเอกลักษณ เปน แหลงผลิตนํ้าตาลโตนดซึ่งนําไปทําขนมหวานเมืองเพชรที่ขึ้นชื่อ ในเรื่องความหอม หวาน มัน เขมขน กลมกลอม กระผม ในฐานะของผูวาราชการจังหวัดเพชรบุรี ขอ ขอบคุณนิตยสาร SBL ที่ไดประชาสัมพันธเมืองเพชรบุรีอยาง รอบดาน และขอขอบคุณหนวยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอด จนหางรานตางๆ ที่ใหการสนับสนุนจัดพิมพนิตยสารฉบับนี้ จน สําเร็จสวยงามอยูในมือของทาน และกระผมหวังเปนอยางยิ่งวา ผูอานทุกทาน คงจะมีโอกาสแวะมาเยี่ยมเยือนเพชรบุรีของเรา บางนะครับ
(นายมณเฑียร ทองนิตย) ผูวาราชการจังหวัดเพชรบุรี
เสนทางพบ
ผูวาราชการจังหวัด
ยิ่งอยูยิ่งรัก จังหวัดเพชรบุรี
แม ว า ท า นผู ว า ฯมณเฑี ย ร ทองนิ ต ย จะมาเป น พอเมืองเพชรบุรีไดราวสองป แตดวยเสนหอันเปยมลนของ จังหวัดเพชรบุรี ที่ไดชื่อวา “เมือง 3 วัง 3 รส 4 ทะเล” นี้ ก็ทําให ทานหลงรักเพชรบุรอี ยางชนิดทีว่ า “ยิง่ อยูย งิ่ รัก ยิง่ อยูย งิ่ ชอบ” และตองขอเสริมอีกวา...ยิ่งอยู ทานก็ยิ่งสรางสรรคเมือง เพชรบุรี ใหเจริญกาวหนายิ่งขึ้นไปในทุกๆ ดาน เพื่อเตรียมรับ โอกาสดีๆ ที่ไทยจะเขาสู AEC ในไมชานี้ นิ ต ยสาร SBL ไดรับเกียรติอยางสูงจากท า นผู ว า ฯ มณเฑียร ทองนิตย ใหสัมภาษณในหลายๆ ประเด็น อาทิ ภาพรวมด า นเศรษฐกิจและสังคม ศัก ยภาพที่โดดเด นของ จังหวัด หลากหลายโครงการทีเ่ ขาถึงทุกปญหาของทุกภาคสวน แนวทางการเตรียมรับมือกับ AEC และความในใจของทานผูว า ฯ ที่มีตอชาวเพชรบุรี ฯลฯ
ภาพรวมดานเศรษฐกิจ & สังคมเมืองเพชร
ภาพรวมดานเศรษฐกิจของจังหวัดเพชรบุรี สวนใหญ ก็จะเปนภาคบริการถึงรอยละ 55 รองลงมาก็เปนภาค อุตสาหกรรมรอยละ 30 และอีก 15% ก็เปนภาคเกษตรกรรม ถึ ง แม ว า ประชาชนจะประกอบอาชี พ เกษตรกรรมเป น หลั ก แตวามูลคาของภาคเกษตรกรรมก็ยังนอยกวาภาคบริการและ อุตสาหกรรม ดานสภาพสังคมและวิถีชีวิตของคนเมืองเพชร เนื่องจาก เพชรบุรีเปนสังคมเกษตรกรรมมาตั้งแตดั้งเดิม ในสมัยกรุง ศรีอยุธยามาก็เรียกวาเปนหัวเมืองของพระนครศรีอยุธยา เปนอู ขาวอูน าํ้ ทีเ่ วลามีศกึ สงคราม เพชรบุรกี จ็ ะสงเสบียงไปใหอยุธยา พอมาในสมัยรัตนโกสินทร ตั้งแตสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงโปรดฯให สรางพระนครคีรี ก็มีการเกณฑคนทั้งไทยทรงดํา ไทยพวน ไทย เวียง มาสรางวังตั้งแตสมัยรัชกาลที่ 3 ตอเนื่องมาจนถึงรัชกาล ที่ 4 แลวคนกลุม นีก้ ม็ าตัง้ หลักปกฐานอยูท นี่ ี่ อยูอ าศัยกลมกลืน กับคนพื้นบานที่นี่ดวย
26
ศักยภาพโดดเดนของเพชรบุรี
จังหวัดเพชรบุรีมีจุดเดนมีอยู 2 เรื่องหลักก็คือ ในเรื่อง ของเกษตรกรรมที่ผมบอกวาเปนอูขาวอูนํ้า เนื่องจากที่นี่เปน เขตชลประทาน เพราะวาเรามีเขื่อนแกงกระจานที่สรางขึ้นเพื่อ ปองกันนํ้าทวม และเรื่องของการชลประทานสงนํ้าใหทางภาค เกษตรเปนหลัก เพราะฉะนั้นจังหวัดเพชรบุรีจึงมีความอุดม สมบูรณเพราะวามีคลองชลประทานหลายสาย สาย 1 สาย 2 สาย 3 และมีคลองใสไก ในพื้นที่ตั้งแต แกงกระจาน บานลาด ทายาง มาที่เขายอย มาอําเภอเมือง และลงทะเลที่บานแหลม นอกจากนี้เรามีแมนํ้าเพชรบุรี ที่เกิดจากเทือกเขาตะนาวศรีติด ชายแดนไทยพมา และนํ้าก็จะไหลมารวมไวที่แกงกระจาน และ ก็สงมาตามลําแมนํ้าเพชรบุรีเดิม ซึ่งจะไหลผานจังหวัดเพชรบุรี แหงเดียว เพราะฉะนัน้ เพชรบุรกี จ็ ะทํานาไดปห นึง่ 3 รอบ คือนาป 1 ครั้ง นาปรัง 2 ครั้ง พอเรามีนํ้า เราก็สามารถปลูกพืชผลอะไร ก็ได ไมวา จะเปนกลวยหอมทองทีส่ ง ออกญีป่ นุ หวีหนึง่ ประมาณ 75 บาท แตวาญี่ปุนเอาไปแยกขายเปนลูกๆ ละรอย และพืชผล ของเราไมใสสารอะไร เพราะวาเขามาคุมคุณภาพและรสชาติไม ใหหวานมาก เพราะวาคนญี่ปุนไมชอบทานหวาน ที่ สํ า คั ญ เราก็ มี ช มพู เ พชรสายรุ ง เป น สิ่ ง บ ง ชี้ ท าง ภูมิศาสตร คือมีเฉพาะที่เพชรบุรี แลวชมพูที่อรอยจะ อยูแถววัดชมพูพน ริมแมนํ้าเพชรซึ่งจะมีนํ้าเค็มมาผสม ดวย ปลูกที่อื่นก็ไมอรอยเทาริมแมนํ้าเพชร เอาไปปลูกแถว แกงกระจาน แถวโนนโสน ก็อรอยสูไมได และเราก็จะมีมะนาว แปน แถวทายาง แถวบานลาด ลูกที่ผิวบางๆ นํ้าเยอะๆ มีกลิ่น หอม เหมาะสําหรับเอาไปทําสมตํา ทําสวนผสมของนํ้าจิ้มซีฟูด แลวเดีย๋ วนีท้ เุ รียนก็มที ปี่ า เด็ง แกงกระจาน รสชาติไมแพของนนท ของระยอง เพราะทุเรียนที่นี่จะหวานไมมากและก็มัน นอกจาก นี้ก็มีเงาะ มังคุด ลองกอง คือลองกองนี่มีคนที่เขาอยูภาคใต เขาหนีภัยสงครามภาคใต แลวเอาพันธุมาปลูกที่นี่มันใชไดผล มีมะไฟ มีละมุดบานลาดหวานกรอบอรอย ลูกใหญ เพราะวา ดินดีนํ้าดีมีทั้งป
นายมณเฑีผูยวารราชการจั ทองนิ ต ย งหวัดเพชรบุรี ฉะนั้นเรื่องการเกษตรนี่ที่นี่จะเปนหลัก ที่สําคัญที่สุดที่ ลืมไมไดคือตนตาลโตนด เพชรบุรีมีตนตาลโตนดมาก ทีส่ ดุ ในประเทศไทย ตั้งแตสมัยโบรํ่าโบราณมาแลว และ ผลิตผลจากนํา้ ตาลโตนดทีเ่ อามาทําเปนนํา้ ตาลผงใสกาแฟก็ ไมมีพิษตอรางกายเพราะวาไมไดฟอกขาวเหมาะสําหรับคน ที่รักสุขภาพ เขาวิจัยมาแลววาคนที่เปนความดันเบาหวาน กินได เพราะนํ้าตาลโตนดเปนผลผลิตจากธรรมชาติ แลว นํ้าตาลโตนดก็เอาไปทําขนมไดหลายอยาง ทําขนมหมอแกง ทําขนมเบื้อง ขนมชั้น คือเพชรบุรีนี่ขนมหวานขึ้นชื่อทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ใชนาํ้ ตาลโตนดมันจะหอมเปนเอกลักษณ ไมเหมือนที่อื่น และที่คนทั่วไปอาจจะไมรูจักเราคือ แถวบานแหลมนี่ มีนาเกลือสองหมื่นกวาไร ใหญที่สุดในประเทศไทย บางคน อาจจะคิดวามีแตที่สมุทรสงครามเพราะเขาอยูติดถนน แต ของเราติดชายทะเลเลย ถาเขาไปถนน เรียบบางโคล ไปบาง ตะบูน เลาะๆ ไปจะเห็นนาเกลือสุดลูกหูลกู ตา ธรรมชาติดมี าก สมเด็จพระเทพฯ ทรงโปรดเสด็จฯมาทางนี้ ชาวบานเขาก็จะ เรียกวาถนนสายพระเทพฯ เพราะทานมีพระดําริใหสรางถนน เลียบไปไดถงึ ชะอํา แลวแถวนัน้ ก็มบี อ ปลาสลิดตัวเบอเริม่ เลย สมุทรปราการยังสูเราไมไดตองมาเอาที่นี่ไปขาย แถวคลอง บานแหลมก็จะมีฟารมหอยแครงที่ใหญที่สุดในประเทศไทย ตัวใหญๆ เพราะวาเราไปซื้อพันธุมาจากมาเลย ชาวบาน เขาจะถีบกระดานเก็บหอย ไมวาจะเปนหอยสองฝา หอย แครง วันหนึ่งเก็บประมาณ 400-500 ดีกวาคาแรงขั้นตํ่า 300 บางคนขยันหนอยก็เปนพัน แต 400-500 นี่ทําแคครึ่งวัน
วิสัยทัศนเพชรบุรีคือ ‘เปนแหลงอาหาร และแหลงทองเที่ยวชั้นนําในอาเซียน’
Phetchaburi 27
นะ พอแดดมากๆ เขาก็พอ ซึ่งเราจะเรียกวาทะเลโคลน เพราะ วาอาวไทยนี่เปนรูป ก ไก ของเราผาน ก ไก ทางทิศตะวันตก ทรายเม็ดแรก จะอยูท บี่ า นแหลม จากสมุทรสาคร สมุทรสงคราม เปนโคลนอยู พอมาถึงเราก็เปนทรายแลว ฉะนั้นทรายเม็ดแรก อาว ก ไก อยูท บี่ า นแหลม ตรงแหลมผักเบีย้ เปนแหลมทีย่ นื่ มาใน ทะเล เพราะฉะนั้นเราก็จะมีการประมงดวยนอกจากการเกษตร สวนทางดานปศุสตั ว คนอาจจะไมรวู า พืน้ ทีข่ องเพชรบุรี โดยเฉพาะทีแ่ กงกระจานและทายาง เปนแหลงเนือ้ โคขุนที่
ใหญทสี่ ดุ ในประเทศไทย และเปนแหลงสงออกทีใ่ หญทสี่ ดุ ในประเทศไทยดวย โพนยางคําสูของเราไมได โพนยางคํา เขาอาจจะดังมากอน แตวาปริมาณของเราเยอะ คนเลี้ยงกัน เยอะ โคนมก็เยอะ ที่โครงการชั่งหัวมันของ พระบาทสมเด็จ พระเจาอยูหัว ตอนนี้กําลังจะสรางโรงนมพาสเจอรไรสเพราะ ทานเลี้ยงวัวอยูที่นี่ โรงนมที่นี่ก็จะเปนแหลงรับซื้อนมจากเกษตร กรรอบๆ โครงการ ฉะนั้นก็เรียกไดวาคนเพชรบุรีฐานะความเปน อยูด พี อสมควร เปนลําดับที่ 28 ของประเทศ ปหนึง่ มีรายไดเฉลีย่ ตอหัวก็แสนเศษๆ ตกเดือนละหมื่นนี่ก็โอเคนะ
วิสัยทัศนจังหวัดเพชรบุรี
กอนที่เราจะกําหนดวิสัยทัศน เราจะตองดูวาศักยภาพ หรือ potential ของเพชรบุรวี า เปนอยางไร ก็คอื เรามีพนื้ ฐาน ทางเกษตรกรรม เรื่ อ งอาหาร กั บ เรื่ อ งการท อ งเที่ ย ว เพชรบุรีนี่เรามีภูมิทัศนที่ดี มีภูมิประเทศที่ดีคืออยูไมไกลจาก กรุงเทพมหานคร เดินทางสะดวก ถนน 4 เลน ชั่วโมงกวาๆ เรามี หัวหิน ชะอําเปนแหลงทองเที่ยวที่อยูในอันดับโลก เพราะฉะนั้น เราก็จะไดสองอยาง คือเรื่องเกษตรกรรม เรื่องอาหาร กับเรื่อง การทองเที่ยว เพชรบุรีนี่มีครบเลย เรามีแมนํ้า มีภูเขา มีทะเล มีทะเลหมอก ทะเลโคลน ทะเลนํ้าเค็ม ทะเลนํ้าจืดที่อางเก็บนํ้า แกงกระจาน เรามีครบ เรียกไดวามาเที่ยวไดทั้งป
28
โครงการผูวาฯหนาเสาธง ไปเยี่ยม โรงเรียน ไปพูดใหนักเรียนฟงวาควรจะใช ชีวิตอยางไร เด็กๆ ควรจะตั้งเปาหมายใน ชีวิต วาโตขึ้นอยากเปนอะไร
โดยเฉพาะอุทยานแหงชาติแกงกระจาน เปนอุทยานทีใ่ หญ ที่สุดในประเทศไทย ตอนนี้ยื่นเรื่องไปเพื่อผลักดันใหเปนมรดก โลก ถาผานก็จะกลายเปนมรดกโลกแหงใหมของประเทศไทย และเปนพื้นที่ที่ใหญที่สุด ใหญกวาหวยขาแขง ใหญกวาที่เขา ใหญ ของเรามีพื้นที่ 1 ลาน 8 แสนไร เปนพื้นที่ที่มีความอุดม สมบูรณมาก มีสัตวปาที่หาไดยาก มีชาง มีนกเงือก จระเขนํ้า จืดก็มีแหงเดียวในประเทศไทย มีสุนัขจิ้งจอก มีวัวแดง มีนกยูง อะไรตางๆ มีความสมบูรณมาก มีความหลากหลายทางชีวภาพ ดังนั้นศักยภาพทางดานการทองเที่ยวสูงมาก ที่ชะอําเราก็ มีโรงแรม 5 ดาว 4 ดาว 3 ดาว 2 ดาว เรามีใหเลือก เที่ยวหัวหิน กลับมานอนชะอําถูกกวา อาหารการกินถูกกวา คาเชาที่พักถูก กวา เดินทางสะดวกกวารถไมติด จึงเปนที่นิยมของนักทองเที่ยว ชาวสแกนดิเนเวีย แลวพื้นที่ของเราจะไมมีพวกบารเบียร หรือ สถานบริการจะไมเหมือนพัทยาจะสงบสงบ สําหรับคนที่มา พักผอนก็จะชอบ เพราะฉะนั้นวิสัยทัศนเพชรบุรีก็คือ “เปนแหลงอาหาร และแหลงทองเที่ยวชั้นนําในอาเซียน” เพราะเราจะเขาสู ประชาคมอาเซียนในป 2558 เพราะเราดูจากศักยภาพของเรา ซึ่งเราสามารถสงเสริมได เขาถึงทุกพื้นที่ ทุกภาคสวน เพื่อแกไขทุกปญหา ในการทํางานเราจะตองเขาไปถึงพี่นองประชาชน เราจึงมี “โครงการเยี่ยมบานยามเย็น ครอบครัวคนเพชร” ซึ่งเปนวิธี หนึ่งที่เราจะเขาไปถึงพี่นองประชาชนในยามเย็น ที่เขาวางจาก ไรจากนากลับมาบาน เราก็ไปดูวิถีชีวิต เขาไปแลกเปลี่ยนความ คิดเห็นไปเยี่ยมคนที่ดอยโอกาส คนที่ยากจนก็เอาเครื่องอุปโภค บริโภค ไปชวยใหเงินนิดหนอย เอากาชาดไปดูบา นโทรมไหมอะไร ไหม อาจจะสรางบานใหซอมบานใหอะไรตางๆ แบบนี้ และใน ขณะเดียวกันเราก็ไปเยี่ยมคนที่ประสบความสําเร็จ คนที่เขานํา ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใชแลวสามารถสงลูกเรียนไดสูงๆ ครอบครัวมีความสุข เปนผูนําหมูบานอะไรอยางนี้ ก็คือใหถึงทั้ง สองภาค คือภาคคนทีย่ ากจนเราก็ไปชวยเหลือ คนทีฐ่ านะดีเราก็ ไปใหเปนตัวอยางของชุมชน ใหนําไปเปนตัวแบบ คือเปนเทคนิคที่เราจะเขาถึงชาวบาน แลวเราก็พา หัวหนาสวนราชการเขาไปสัมผัสกับพี่นองประชาชน แลว ใหประชาชนสะทอนปญหาเขามาวาหมูบ า นเขาขาดแคลน อะไร หมูบานเขาอาจจะขาดแคลนนํ้าประปา ถนนหนทางไมดี หรือไฟสาธารณไมดี มันเปลี่ยว หรือบางบานอาจจะอยากแกไข ปญหายาเสพติดอะไรตางๆ อยางนี้ เราก็จะเขาไปรับฟงปญหา โดยใหหัวหนาสวนราชการไดรับรูแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน Phetchaburi 29
เราจะเก็บเกี่ยว เอาปญหาความตองการของเขามาทําเปนแผน พัฒนา เราก็จะไปเยี่ยมอะไรแบบนี้เรื่อยๆ แล ว เราไม ไ ด มี โ ครงการเดี ย ว อย า งเมื่ อ เช า นี้ ก็ จ ะมี “โครงการผูว า ฯพาเยีย่ มวัด” ไปไมไดไปเปลานะ พาหัวหนาสวน ไปดวย ไปดูสิวาพระเขาอยูอยางไร แลวชาวบานเขามาทําบุญนี่ วิถีชีวิตความเปนอยูเขาดีไหม เราดูก็จะรูเลย แลววัดบางวัดก็จะ เปนแหลงรวมศิลปะแขนงตางๆ เชน งานปูนปน งานแกะสลัก บานประตูลายรดนํา้ ภาพเขียนทีฝ่ าผนัง งานวิจติ รศิลปอะไรแบบ นี้ คือเปนแหลงรวมของดานชาง นีค่ อื เราก็จะไดเยอะ หัวหนาสวน
ก็จะไดเรื่องศิลปวัฒนธรรมที่จะซึมซาบ ไปชวยกันโปรโมท ชวย กันเชิญชวนนักทองเที่ยวเขามาในพื้นที่ บางวัดมีกุฎีเกาแกมาก บางวัดยอนยุคไปตั้งแตสมัยกรุงศรีอยุธยามีของดีๆ เยอะ อยาง ที่บานแหลม บางวัดมีตําหนักตั้งแตสมัยสมเด็จพระเจาตากสิน วัดสุวรรณารามมีพระที่นั่งถอดมาตั้งแตสมัยกรุงศรีอยุธยา แลว เวลาที่เราลงพื้นที่ ก็มีโครงการสาธารณสุขของมูลนิธิ พอสว. ของสมเด็จพระศรีนครินทราฯ ทํามาอยางตอเนื่อง ที่โรงเรียน เราก็จะมี “โครงการผูวาฯหนาเสาธง” ไปเยี่ยม โรงเรียนไปพูดใหนักเรียนฟงวาควรจะใชชีวิตอยางไร เด็กๆ ควร จะตั้งเปาหมายในชีวิต วาโตขึ้นอยากเปนอะไร ใหมีจุดมุงหมาย ในชีวิต อยาใชชีวิตไปวันๆ ใชเวลาวางใหเปนประโยชน ใหรูจัก พัฒนาตัวเอง เพราะวาเราจะตองเขาสูส งั คมอาเซียนตองแขงขัน กันอะไรกัน อยาไปใชเวลาวางไปตีรนั ฟนแทง ไปมัว่ สุมยาเสพติด ไปมั่วอบายมุข ไปเธคไปผับ หรือวาเปนคุณแมวัยใส จะสอนเขา หมดแหละนี่เปนโครงการผูวาฯหนาเสาธง แลวผมก็จะไปเยี่ยมองคกรปกครองสวนทองถิ่น เรียกวา “โครงการผูว า ฯพาเยีย่ มองคกรปกครองสวนทองถิน่ ” ในพืน้ ที่ ของเรามี 85 แหง ตอนนี้ผมไปเยี่ยมมาแลว 60 กวา คิดวาคงจะ หมดจะครบ เราก็ไปฟงปญหาเขา ซึง่ ปญหาของทองถิน่ สวนใหญ
คืองบประมาณไมพอ สมมุติวามีงบประมาณในการบริหาร อบต. 20 กวาลาน จะเหลืองบพัฒนาจริงๆ 2-3 ลาน เพราะ ตองจายเงินเดือน คาจาง เงินอํานวยการ คานํ้ามันรถ คาไฟฟา นํา้ ประปา บางทีเขาก็อยากพัฒนาแตเขาไมมเี งิน เราก็ไปเก็บเกีย่ ว โครงการเขามา แลวเราก็มาทําแทน ก็นาจะไหว นาจะตรงกับ ปญหาความตองการ แตถาเราไมไปดูแบบนั้นเราก็จะไมเห็น พื้นที่ตรงนี้ถนนตรงนี้ อยางผมไปชองสะแกใกลๆ อําเภอเมือง ถนนปลูกขาวไดเลย นํ้าขัง ใครไมรูติดสองสามกิโลจากเทศบาล เรา แลวถนนก็เปลี่ยวไมมีไฟทาง เคยมีการดักจี้ดักปลน นี่ผม 30
แมระบบดีแตคนไมมีคุณภาพ ระบบก็ไป ไมได ระบบไมดีแตคนมีคุณภาพ ระบบ ยังพอไปได
ไปไลใหมพัฒนาเยอะ สงตํารวจไปชวยดูแล เพราะถาเราไมลง ไปพื้นที่ เราก็จะไมรูปญหาของเขาจริงๆ หรือบางที่ไดสนามฟุต ซอล ซึ่งสวนกลางจัดสรรให แบบนี้มันไมตรงกับความตองการ เราไปก็ไดเห็นปญหา นอกจากนี้ก็มี “โครงการผูวาฯพาเยี่ยมโรงงาน” คือที่ เขายอยจะเปนเขตสงเสริมอุตสาหกรรมเขต 3 คือยกเวนภาษี เขต BOI ใครมาสรางโรงงานก็ยกเวนภาษีไดกี่ปก็วาไป เอา เครื่องจักรเขามาก็ยกเวนภาษี ยกเวนภาษีรายไดของนิติบุคคล บางทีโรงงานแถวสมุทรสาครมันเต็ม พื้นที่ไมมีใหขยายโรงงาน เขาก็ขยายมานี่ บางคนเขาก็ขยายสาขาที่สมุทรสาครเสร็จ เขา ก็มาที่นี่ อยางโรงงานแคล-คอมพ ฯสาขาแรกอยูสมุทรสาคร กําลังสรางโรงงานที่เรา โรงที่ 7 ที่ 8 ที่ 9 แลว ปจจุบันนี้มีคนงาน ประมาณ 6,000 คนงานตางดาวเปนหลัก พมา กัมพูชา ถาเสร็จ แลวคนงานก็ประมาณ 10,000 คน มันทําใหเศรษฐกิจตรงนี้ เปนอยางไรรูไหมครับ ชาวบานที่มีบานอยูแถวนี้ ถามีที่มีทางก็ ทําหอพัก ทําใหมีรายไดหองหนึ่งก็สองพันสามพันสี่พัน ถามีสัก 6-7 หอง เดือนหนึ่งสองสามหมื่นอะไรอยางนี้ หองหนึ่งก็อยูกัน ที 4 คน 5 คน เขาทํางานเปนกะก็อยูรวมกัน ชาวบานแถวนั้นก็มี ตลาดนัดเอาของไปขาย เอาไกเอาปลาเอาผักไปขาย ก็มีอาชีพ สรางรายได
Phetchaburi 31
แตทางราชการมาชวย ไมดนิ้ รนดวยตัวเอง แตคนทีเ่ พชรบุรี เขาเลี้ยงตัวเองได และก็ไมไดหวังพึ่งอะไรจากทางราชการ มาก สวนใหญพึ่งตัวเอง คุณมีมะนาวนิดหนอย เชาขึ้นมาเอา มะนาวใสถงุ ปุย ไปขายในตลาดไดเงินใช ดีกวาคาแรงขัน้ ตํา่ คุณ อยูบ า นแหลมไปถีบหอยเก็บหอยไปถีบกระดานไดแลว 500-600 อยูท บี่ างตะบูนไปตกกุง 3 ตัวกิโลๆ ละ 500-600 ทํางานครึง่ วัน ไม ตองพึง่ คาแรงขัน้ ตํา่ ชาวบานไมมจี น บานลาดก็ตดั กลวยไปขาย ตลาด ทั้งกลวยนํ้าหวา กลวยหอมก็ไดเงินกลับมาแลว มีตลาด มีสหกรณการเกษตรก็ไปขาย เกษตรกรบานลาดรวย ธนาคาร กรุงศรีอยุธยาที่บานลาดเจง เพราะมีแตคนฝากไมมีคนกู แลวที่เพชรบุรีที่เดนที่สุดคือมีสหกรณเครดิตยูเนียน ใหญ ที่สุดในประเทศไทย เพราะวาใครอยากจะกูเงินก็ใหเพื่อนคํ้าให โดยไมตอ งมีหลักทรัพยอะไร เขาเรียกวาเครดิตยูเนียน ใครมีเงินก็ เอามาฝากใหคนอืน่ กูก นิ ดอกนิดๆหนอยๆ เพราะฉะนัน้ ทีเ่ พชรบุรี สหกรณเครดิตยูเนียนใหญที่สุดในประเทศไทย มีเงินประมาณ 5 หมื่นกวาลาน สมาชิกเกือบ 50% ของคนในจังหวัด เพชรบุรีนี่ มีคนประมาณ 4 แสนกวาเกือบ 5 แสน เปนสมาชิกของเครดิต ยูเนียนครึง่ หนึง่ เพราะฉะนัน้ ฐานะความเปนอยูเ ขาก็จะดี จะมีเงิน ชวยเหลืองานศพ งานอะไร ไปดูไดถามีงานศพนะคนเต็มศาลา เขาก็จะไปชวยกันยิงพลุยิงอะไรกันสนั่นหวั่นไหว
เพชรบุรี...ยิ่งอยูยิ่งรัก ยิ่งอยูยิ่งชอบ
ผมพูดอยูตลอดเวลาก็คือ เพชรบุรีนี้ผมมาอยูปครึ่งแลว ยิง่ อยูย งิ่ รัก ยิง่ อยูย งิ่ ชอบคือเราจะชอบทัง้ ภูมปิ ระเทศ อากาศก็ดี เรามีทงั้ ลมบกลมทะเล ลมบกก็จากอุทยานแหงชาติแกงกระจาน เปนโซนทีบ่ ริสทุ ธิ์ ลมทะเลก็มี เพราะฉะนัน้ อากาศมันไมรอ น รอน ก็ไมรอนมาก และก็เปนพื้นที่ที่อุดมสมบูรณไปดวยนํ้า ฝนก็ดีไม แลง อยางเขตแถวหัวหิน นํ้าตองเอาจากแกงกระจานไปใช นํ้า เขาไมพอตองเอาชลประทานไปใช ถาไมมนี าํ้ จากเราแยเลย ชาว บานก็ดีเพราะวาเขาไมเรียกรองอะไรจากทางราชการมาก ผม เคยรับราชการในหลายพื้นที่มีประสบการณ บางที่เขารอ
ผมจะเนนเรื่องบุคคลเปนหลักในการ ทํางาน ถาคนมีคุณภาพงานก็จะได
32
และทีจ่ งั หวัดเพชรบุรี เราก็มคี นทีป่ ระสบความสําเร็จหลาย ดาน เปนนายกรัฐมนตรีก็มีแลว พลเอกสุรยุทธ จุลานนท ดารา ก็มีปอ ณัฐวุฒิ นักรองก็มีเยอะแยะ ไพวัลย ลูกเพชร กังวาลไพร ลูกเพชร อะไรตางๆ เรามีมิตร ชัยบัญชา เรามีความหลากหลาย และที่สําคัญที่สุดเรามีศิลปนแหงชาติ ไมพูดไมไดเลย ศิลปน แหงชาติที่ดังที่สุดคือแทงหยวก งานสําคัญๆ เกี่ยวกับราชวงศ ตางๆ งานพระบรมศพของสมเด็จพระศรีนครินทรา งานของสม เด็จฯพระพี่นาง ฝมือแทงหยวกของชางเมืองเพชรทั้งนั้น ไปแทง หยวกประกอบเมรุทเี่ ชิงตะกอน และก็ชา งปูนปน คนเพชรบุรนี เี่ กง ไดเปนศิลปนแหงชาติ วิจิตรศิลปก็ไดเรื่องภาพวาด ชางทําทอง โบราณ คุณยายเนื่องก็จะมีสามสี่สาขาที่เราไดศิลปนแหงชาติ ดานศิลปะเพราะฉะนั้นชางสิบหมูเพชรบุรีจะดังมาก ลายรดนํ้า ปนหัวโขน ตอกหนัง ตอกกระดาษ ปูนปน ติดกระจกที่กระจก ประดับตามวัดวา แกะสลักไม ที่เอาไมโมกฝงไวในไมสักเปน ลายกนกสวยงามมาก เพราะฉะนัน้ เรามีความเปนศิลปนสูงมาก
มีประเพณีพนื้ เมือง มีการแสดงของไทยทรงดํา ไทยพวน ไทยเวียง กระเหรี่ยง กะหราง ชุมชนในเพชรบุรีอยางนอย 5 เชื้อชาติ เรามี จีน มีมอญ มีมุสลิม มีลาว มีไทย อยูดวยกันอยางสงบสุขไมมี ความขัดแยง บางหมูบ า นทีผ่ มเขาไปมีทงั้ 5 เชือ้ ชาติอยูด ว ย กัน มีสเุ หรา กับวัดอยูใ กลกนั แตเวลาเขามาฟอนตอนรับผม กลายเปนไทยทรงดํา ผมยังอยากใหสามจังหวัดชายแดน ภาคใตมาดูวาเพชรบุรีเขาอยูกันอยางสงบสุขไดอยางไร
AEC กับโอกาสดีๆ ที่ชาวเพชรบุรีตองตั้งรับ
เพชรบุรีจะไดเรื่องการทองเที่ยว ไดเต็มๆ เลย ถาการ คมนาคมดีสมมติวาถนนหนทางจากทางใตจากมาเลย จาก สิงคโปรเขามาเที่ยวใตเสร็จ ก็มาถึงเพชรบุรี เรามีรถไฟความเร็ว สูง มีรถไฟรางคู สนามบินสุวรรณภูมิ คนก็จะเดินทางไปมาหาสูไ ด งาย เพราะเรามีศกั ยภาพในเรือ่ งการทองเทีย่ ว ทะเล ยังพัฒนาได อีกเยอะ ตัง้ แตชะอําไลมาปกเตียน หาดเจาสําราญ สรางโรงแรม สรางรีสอรทไดเยอะแยะ และก็อา งเก็บนํา้ แกงกระจานโซนเหลา นี้ก็ยังเปนภูเขา พวกชอบขี่จักรยาน ชอบลุยปาอยางนี้ได ฉะนั้น เรื่องการทองเที่ยวเราก็จะได เรื่องอาหารการกิน ชมพูเพชรสายรุงนี่ 4 ลูกรอย แพ็คใส กลองสงสิงคโปร กลวยหอมทองสงญี่ปุน เพราะฉะนั้นผลหมาก รากไมทอี่ ยูใ นพืน้ ทีเ่ รา อาหารทะเลของเราก็จะไดประโยชน และ ทีส่ าํ คัญเรามีดา นสิงขรทีป่ ระจวบ พอดานสิงขรทีป่ ระจวบเสร็จก็ เปนดานถาวร เราสามารถนําวัตถุดิบพวกซีฟูด กุง หอย ปู ปลา ตัวใหญๆ จากพมาเขามาทางดานสิงขร แลวก็เอาเขาโรงงานที่ สมุทรสาคร อันนี้แหละที่เราไดประโยชน เรามีวัตถุดิบก็แพ็คสง ตางประเทศ คือวาเอาของดีของประเทศเราขายในประเทศกลุม อาเซียนดวยกัน และก็เรื่องเคลื่อนยายแรงงานอะไรตางๆ เชน เอาแรงงานมาทํางานที่เขายอย ผมวาอันนี้เปนโอกาส
Phetchaburi 33
แตอยางไรก็ตาม เราตองเตรียมตัวเราใหพรอมดวย เรา จะเนนเรือ่ งความสามารถของบุคคลเปนหลัก คือผมเนนใน เรือ่ งศักยภาพของบุคคล เพราะบางทีเราไปเนนในเรือ่ งของ ระบบมาก แตมองขามในเรื่องตัวบุคคล แมระบบดีแตคน ไมมีคุณภาพ ระบบก็ไปไมได ระบบไมดีแตคนมีคุณภาพ ระบบยังพอไปได เพราะคนมันดันระบบไปได เพราะฉะนั้น เราจึงเนนในเรื่องคุณภาพของคน อยางที่ผมพยายามพูดในทุก เวทีนะครับ คนเราอยาใชเวลาวางไปในสิ่งที่ไมเปนประโยชน หัดพัฒนาตัวเอง หัดเรียนรูภาษาเพื่อนบาน บางทีผมยังพูดวา พมาเขาดาคุณๆ ยังไมรเู ลย แตพมาบางทีมาอยูป ระเทศไทยพูด ภาษาไทยได เขาไดเปรียบเรานะ อีกหนอยเราเสียเปรียบ เราเวลา คาขายกับจีน เขามาเขาพูดไทยได แตเราพูดจีนไมได คาขายก็ เสียเปรียบเขาอีก เพราะฉะนั้นเรื่องการเตรียมพรอมเรื่องภาษา เรื่องคอมพิวเตอรนี่สําคัญ ในอนาคตทําอะไรก็ใชคอมพิวเตอร หมด จะซื้อตั๋วรถ ตั๋วหนัง จะชําระเงินใชคอมพิวเตอรหมด ถาคุณไมรูคอมพิวเตอรคุณก็เสียเปรียบ เพราะฉะนั้นเราตอง เตรียมพรอม ถาเราไมเตรียมพรอมเราก็จะเสียเปรียบ
บริหารงานดวยหลักทางสายกลาง
หลักในการบริหารงานของผมคือ ผมจะยึดสายกลาง เปนหลัก พระพุทธเจาสอนใหยึดทางสายกลาง คือไมตึง เกินไป ไมหยอนเกินไป อะไรที่พอพูดคุยกันได ก็ใชการเจรจา พูดคุยกันเปนหลักไมนิยมเรื่องการใชความรุนแรง นอกจากทาง
34
สายกลางแลวก็เนนไปที่บุคคลเปนหลัก ก็คือใหความสําคัญกับ เรื่องบุคคลเปนหลักเพราะมีความเชื่อมั่นวาคนมันเหนือระบบ }ดูตัวอยางรัฐธรรมนูญไทยกี่ฉบับแลว เรารางรัฐธรรมนูญยาว ที่สุดในโลก 300 กวามาตรา แตถามวาอยูไดกี่ป คุณภาพของ นักการเมืองคนไทยของเรา มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง เลือกกันไป มันก็ไดคนคุณภาพอีกระดับหนึ่งก็อยูไมยืด เปนวงจรแบบนี้ เพราะฉะนัน้ ผมจะเนนเรือ่ งคุณภาพของคนวามันเหนือระบบ คือ คุณรางรัฐธรรมนูญใหดีอยางไร แตคนมันไมปฏิบัติตาม ตีความ ตะแบงไปเรือ่ ยๆ ตีความแบบศรีธนญชัย เลนลิน้ เลนตัวอักษรกัน ไมดคู ณ ุ ภาพ ไมดเู จตนารมณ เพราะฉะนัน้ ผมจะเนนเรือ่ งบุคคล เปนหลักในการทํางาน ถาคนมีคุณภาพงานก็จะได
พัฒนาตัวเองไมหยุด เนนทํางานเชิงกลยุทธ
ผมเองไมคอยยึดคติพจนอะไร แตพยายามพัฒนาตัวเอง ตลอดเวลา เราตองแสวงหาความรู พัฒนาตัวเองตอเนือ่ งไมหยุด ไมมใี ครแกเกินเรียน ผมก็พยายามไปอบรมบาง ไปศึกษาเพิม่ เติม ไปเรียนทางดานกฎหมายเพิม่ บาง ไปเรียนทางดานการปกครอง พยายามหาความรูตลอด คือเราจะตองเปนคนทันสมัยไมหยุด นิ่ง และมองระยะยาว ทํางานในเชิงยุทธศาสตร ทํางานเชิงกล ยุทธ คือหมายความวาไมไดทําแบบสะเปะสะปะ ทํางานมี เปาหมายวาตองการใหสําเร็จถึงจุดไหน อยางไร ในระยะ เวลาเทาไหร ใชทรัพยากรอยางไร ไมใชทาํ สุม สีส่ มุ หาไปเรือ่ ย เพราะถาทรัพยากรมีจาํ กัด สมมติเงินในกระเปาเรามีจาํ กัด เราก็ ตองรูจักการจัดสรรปนสวน เพราะฉะนั้นการทํางานก็เหมือนกัน งบประมาณมีจํากัด เราก็ตองศึกษาแลวก็เนนไปวา อะไรสําคัญ ทํากอน เชนปญหาความเดือดรอนของประชาชนตองรีบทํา อะไร ไมสําคัญก็รองๆ ลงไป
สองปกับผลงานที่ภาคภูมิใจ
ผมมาอยูเพชรบุรีก็ไดรางวัลหลายรางวัล ไดโลทูบีนัมเบอร วัน ระดับเงิน ผมมาอยูนี่สองปก็ไดทั้งสองป คือมันมีตั้งแตระดับ ตนแบบ ระดับเงิน ระดับทอง ระดับเพชร มี 4 ระดับ แตละระดับ ก็อยูอ ยางนอย 2 ป ตอนนีเ้ ราไปถึงระดับเงินแลวก็ตอ งพัฒนาตอ ไป ไดโลเรื่องการปองกันแกไขปญหายาเสพติด จังหวัดเพชรบุรี นี้เคยไดที่ 1ในประเทศ เนื่องจากปองกันแกไขปญหายาเสพติด
ทํางานเชิงกลยุทธ คือหมายความวาไม ไดทําแบบสะเปะสะปะ ทํางานมีเปาหมาย วาตองการใหสําเร็จถึงจุดไหน อยางไร ในระยะเวลาเทาไหร ใชทรัพยากรอยางไร ฝากถึงชาวเพชรบุรี ใหรักษาสิ่งดีๆ ไว
ปที่แลวผมก็ไปรับโล มาปนี้ก็จะไดรับโลตอเนื่องเปนปที่ 2 แลว ก็ไดรับรางวัลเมื่อสงกรานตที่ผานมา เพชรบุรีไมมีคนตาย ตาย เปนศูนย มีหลายอยางที่ประสบความสําเร็จ แลวที่มาอยูที่ เพชรบุรีนี่ปญหาเรื่องความขัดแยงจะไมมี ไมวาเหลืองวาแดง เราคุยกันไดหมด จะไมเห็นวามีการตีกนั ยิงกันเหมือนบางจังหวัด เอาธงชาติมาไลฟาดกัน หรือวาเอาระเบิดมาไลขวางกัน ของเรา จะไมมี เราพูดคุยกันรูเรื่อง ขอรองกันได พูดกันได อยามาชุมนุม นะ หรือจะชุมนุมดวยสัญลักษณวันสองวันก็เลิกกันนะ คุยกันได คุณมีออเดอรมาจะตองแสดงสัญลักษณ ใหสองวันคุณกลับนะ คุยกันไดขอรองกันได
ผมอยากจะฝากพี่นองประชาชนเพชรบุรีและหัวหนาสวน ราชการที่มาทํางานในจังหวัดเพชรบุรีวา ประเทศไทยของเรา เปนพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ บางประเทศจะเปนทะเลทราย รอนเกินไป บางแหงก็จะเปนหิมะสูงทวมเขาไปไหนไมได บาง แหงก็จะมีแผนดินไหว ญี่ปุนนี่มีภูเขาไฟระเบิด มีสึนามิมีหมด ของเราไมมีอะไรหนักหนามาก ในบรรดา 76 จังหวัดที่ผมไป มาทั่วประเทศไทย เพชรบุรีเปนจังหวัดหนึ่งที่นาอยูนาอาศัย มาก ไมไกลกรุงเทพ มีความอุดมสมบูรณ คนดี ภาษาเพชรบุรี เขาบอกวา รูเรื่อง รูมาก คือรูเรื่องไมตองอธิบายมาก ไมตองไป จํ้าจี้จํ้าไชกัน คนเมืองเพชรนี่นักเลงไง พูดกันรูเรื่อง เพราะฉะนั้น เราไดอยูในพื้นที่ประเทศไทยที่ดีอยูแลว ก็ขอใหชวยรักษาตรง นี้ไว รักษาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอม ถาไมอยางนั้น เราจะสูญเสียสิ่งดีๆ เหลานี้ไป เรื่องการทองเที่ยวที่ไมดี อยาง บารเบียร มาเฟย อยางทีห่ ลายๆ แหงเขามีกนั เราก็อยาเอาเขามา ขอใหรักษาจุดดีของเราไว เพชรบุรีก็จะเปนจังหวัดที่นาอยู เพราะวาเรามีความไดเปรียบอยูแ ลวทัง้ ทางดานนํา้ อากาศ ภูมปิ ระเทศ ผูค น ศิลปวัฒนธรรม คือเราสุดยอดทุกดานอยู แลว เสนทางคมนาคมมีความพรอม สถานที่เที่ยวคุณจะนอน โรงแรมระดับไหนมีใหคุณไดเลือก อาหารการกิน จะกินอะไร จะ กินซีฟดู ผลหมากรากไม คือมันมีหมด เพราะฉะนัน้ เราตองรักษา ตรงนี้ เพราะเปนสิ่งที่ปูยาตายายใหเรา ถาเราไมชวยรักษามันก็ จะสูญหายไป ผมก็ขอฝากไว Phetchaburi 35
เสนทางพบ บุคคลสําคัญ
อลงกรณ พลบุตร
วันนี้…กับหลากหลายภารกิจเพื่อชาติ
คุณอลงกรณ พลบุตร เกิดและเติบโตในครอบครัวนักการ เมืองในจังหวัดเพชรบุรี แมในชวงแรกของชีวติ จะคลุกคลีอยูก บั ธุรกิจของครอบครัว และงานในแวดวงสื่อสารมวลชน เมื่อสบ โอกาสกาวสูแ วดวงการเมือง ทานก็เปนนักการเมืองทีม่ วี สิ ยั ทัศน กวางไกล และกลาหาญริเริ่มโครงการมากมาย เพื่อประโยชน ของประชาชนและประเทศชาติอยางแทจริง นิตยสาร SBL ฉบับแนะนําจังหวัดเพชรบุรี จึงไมพลาด ทีจ่ ะพูดคุยกับ ทานอลงกรณ พลบุตร ถึงแนวความคิดทางการ เมือง แนวคิดในการปฏิรปู พรรค ตลอดจนภารกิจมากมายทีท่ า น ยังคงเดินหนาสานตอ เพือ่ ใหประเทศไทยกาวสูก ารเปนประเทศ ชั้นนําของอาเซียน อยูประชาธิปตย เพราะประวัติดี มีอุดมการณ คุณอลงกรณ เลาถึงจุดเริ่มตนสูถนนสายการเมืองของ ท า น และเหตุ จู ง ใจที่ ทํ า ให ท า นตั ด สิ น ใจเลื อ กสั ง กั ด พรรค ประชาธิปตยวา “หลังจากมีการรัฐประหารโดย รสช. ในป 2534 รัฐธรรมนูญ ไดกําหนดวา สส.จะตองสังกัดพรรคการเมือง หลังจากดูที่มา หลายพรรคก็ตัดสินใจเลือกพรรคประชาธิปตย เพราะเห็นวา เปนพรรคทีเ่ ปนสถาบันการเมือง และเปนพรรคทีม่ อี ายุยาวนาน ทีส่ ดุ มีประวัตกิ ารตอสู มีอดุ มการณทดี่ ี และมีคณ ุ ชวน หลีกภัย เปนหัวหนาพรรค ซึ่งทานเปนคนตางจังหวัดและก็ไมไดมีฐานะ รํ่ารวย ไมไดมีตระกูลโดงดังอะไร แตวามีคุณงามความดี ก็นา เชื่อไดวาพรรคประชาธิปตยสวนใหญประกอบไปดวยคนดีมี อุดมการณ ก็เลยตัดสินใจเลือกพรรคประชาธิปต ย และลงสมัคร เลือกตั้งครั้งแรกที่จังหวัดเพชรบุรี ในเดือนมีนาคม ป 2535”
จุดแข็งของประชาธิปตยคือ ไมมีใคร เปนเจาของ มีความเปนพรรคมวลชน มีบุคลากรทางการเมืองที่มาจากหลาย สาขาอาชีพ มีความรู มีประสบการณ มีการยึดมั่นในอุดมการณที่มั่นคง 36
แมวาการลงสมัคร สส.ครั้งแรกจะไมประสบความสําเร็จ แตในเดือนตุลาคมปเดียวกัน คุณอลงกรณก็สามารถนําทัพ สส.พรรคประชาธิปตย เขาสูเสนชัยไดทั้งจังหวัด “การได รั บ เลื อ กเป น สมาชิ ก สภาผู แ ทนราษฎรจั ง หวั ด เพชรบุรีหลายสมัย ถือไดวาเปนความภูมิใจเพราะวาทําใหเรา มีวันนี้ วันที่มีโอกาสทํางานใหกับบานเมือง โดยเฉพาะอยางยิ่ง การแลกกับคะแนนเสียงของประชาชนชาวเพชรบุรี ดวยคําพูด สั้นๆ วา ขอโอกาสที่จะเปนผูแทนราษฎรที่ดีของคนเมืองเพชร และของประเทศไทย ทั้งที่การตอสูในยุคเริ่มแรกตองตอสูกับ กลุมการเมืองอิทธิพลที่แข็งแกรงมาก แตประชาชนก็ใหความ ไววางใจกับแนวทางอุดมการณประชาธิปไตยทีเ่ รานํามาบุกเบิก ที่จังหวัดเพชรบุรี จนทายที่สุดเราก็สามารถนําทีมไดรับเลือก ตั้งทุกเขตเลือกตั้งทั้งจังหวัด ไดอยางตอเนื่อง 2-3 สมัยที่ผาน มา นอกจากนั้นแลว ก็คือการที่สามารถเขาไปเปนแกนนําของ พรรคการเมืองทีเ่ กาแก และเปนพรรคการเมืองหลักของประเทศ ก็คือพรรคประชาธิปตย ไดเปนรองหัวหนาพรรคถึง 2 ครั้ง ไดไป ริเริม่ แนวทางการปฏิรปู พรรคทีไ่ ดรบั การตอบรับอยางกวางขวาง ทั้งประเทศ และยังเปนความหวังที่มีโอกาสที่จะประสบความ สําเร็จ ไมวาจะเหนื่อยยากเพียงไหน ก็จะพยายามตอไป” จับจุดแข็ง ปฏิรูปจุดออน เพื่อโอกาศของประเทศไทย ด ว ยสายตาของนั ก บริ ห ารที่ มี วิ สั ย ทั ศ น ก ว า งไกล คุ ณ อลงกรณ ไดนําเสนอแนวทางการปฏิรูปพรรค เพื่อเปนทาง เลือกใหมใหกับประชาชน และเพื่อเปนโอกาสในการพัฒนา ประเทศไทยใหกาวไปขางหนา ไวดังนี้ “จุดแข็งของประชาธิปตยคือ ไมมีใครเปนเจาของ มีความ เปนพรรคมวลชน มีบุคลากรทางการเมืองที่มาจากหลายสาขา อาชีพ มีความรู มีประสบการณ มีการยึดมัน่ ในอุดมการณทมี่ นั่ คง ก็ถือเปนจุดเดนที่ทําใหมองวาเปนพรรคที่เปนสถาบันทางการ เมือง จุดเดนอีกประการคือ การมีสาขาพรรคเกือบ 200 สาขา มีสมาชิกเกือบ 3 ลานคน ซึ่งตางจากพรรคการเมืองอื่นๆ อันนี้ก็ เปนจุดเดน และยังมีประสบการณการเปนรัฐบาลและการเปน ฝายคานอยูหลายยุคหลายสมัยซึ่งทําใหมีบุคลากรการเมืองที่ หลากหลายหลายรุนตอเชื่อมกัน” “แต ความที่ พรรคประชาธิ ป ต ย เ ป นพรรคที่ เก า แก ที่สุ ด ก อ ตั้ ง ตั้ ง แต ป 2489 ในด า นของการเป น องค ก ร ที่ เ รี ย กว า
Organization ถึงเวลาที่จะตองมีการ reengineering คือการ ยกเครือ่ งในเชิงโครงสรางและระบบ นอกจากนัน้ แลวก็จะตอง มีการปฏิรปู พรอมกันแบบองครวม จะทําดานใดดานหนึง่ ทีละ ดานไมได เพือ่ ใหเปนองคกรทีม่ คี วามเขมแข็ง มีประสิทธิภาพ มีความเปนประชาธิปไตย มีความเปนสถาบันการเมืองอยาง แทจริง ดังนั้นพรรคจะตองปฏิรูปอยางนอย 3 ดาน หนึ่ง-การปฏิรูปโครงสรางและระบบ สอง--การปฏิรูปการบริหาร การจัดการ สาม--การปฏิรูปวัฒนธรรมองคกรและบุคลากร นั่นคือสิ่งที่จําเปนอยางยิ่งเพื่อใหพรรคประชาธิปตยกลับมา เปนทางเลือกที่ดีของประชาชน เพราะวาในการเลือกตั้งครั้ง ที่ 2 คือเดือนตุลาคม ป 2535 เปนชัยชนะครั้งสุดทายของ พรรคประชาธิปต ยในการเลือกตัง้ ทัว่ ไป ตัง้ แตนนั้ มาเปนเวลา 22 ป ที่พรรคประชาธิปตยไมประสบชัยชนะในการเลือกตั้ง ทัว่ ไปเลย และก็เหมือนบางครัง้ ก็ไปอิงแอบอํานาจอืน่ นอกจาก แนวทางรัฐสภา ซึ่งตรงนี้เองที่ดูเหมือนวาพรรคกําลังเดินไป ในแนวทางที่ผิดพลาด แลวเราจําเปนตองปฏิรูปใหเกิดความ ทันสมัย และก็เปนสถาบันทางการเมือง ไมใชเปนเพียงสถาบัน ของนักการเมือง” “แตการที่พรรคประชาธิปตยไมปฏิรูปอยางจริงจัง ไมใช แตเพียงพรรคประชาธิปต ยจะเสียโอกาส แตวา ประเทศชาติจะ เสียโอกาส ระบอบประชาธิปไตยก็จะเสียโอกาส เพราะพรรค ประชาธิปต ยเปนพรรคการเมืองหลัก เปนพรรคการเมืองใหญ ซึ่งถาหากวาพรรคประชาธิปตยไดเปนผูนํารองในการปฏิรูป สูความเปนสถาบันทางการเมือง ก็จะเกิดแรงกระเพื่อมไปสู พรรคการเมืองอื่นที่จะตองปฏิรูปตัวเอง สถาบันการเมืองเขา สูยุคใหม มิติใหมทางการเมืองเชิงสรางสรรค เพราะประเทศ ของเราติดหลมมานาน การเมืองก็ขาดเสถียรภาพ ทําใหการ ขับเคลือ่ นยุทธศาสตร และนโยบายของประเทศขาดความตอ เนื่อง เปรียบเสมือนการยํ่าเทาอยูกับที่ ในขณะที่ประเทศอื่นๆ กําลังพัฒนารุดหนา นอกจากนั้นแลวภูมิภาคทางตะวันออก เฉียงใตเอง ก็กําลังถึงจุดเปลี่ยนที่สําคัญในการกาวเขาสูการ เปนประชาคมอาเซียนในป 2558 จําเปนที่ประเทศไทยเราจะ
พรรคจะตองปฏิรูปอยางนอย 3 ดาน หนึ่ง--การปฏิรูปโครงสรางและระบบ สอง--การปฏิรูปการบริหารการจัดการ สาม--การปฏิรูปวัฒนธรรมองคกรและ บุคลากร Phetchaburi 37
ตองมีรัฐบาลที่เขมแข็ง กาวหนา ทันสมัย มีภาวะความเปนผูนํา สูง สามารถนําประเทศกาวเดินไปขางหนาสูการเปลี่ยนแปลง ครัง้ สําคัญในภูมภิ าคนี้ และประเทศไทยก็เปนประเทศทีม่ ขี นาด เศรษฐกิจเปนอันดับสองของอาเซียน ถาประเทศไทยเกิดปญหา ก็จะกระทบตออาเซียนโดยรวม ดังนัน้ การปฏิรปู ของพรรค จึงไม ไดเปนเพียงแนวคิดเฉพาะการปฏิรูปพรรคประชาธิปตยเพื่อให ชนะเลือกตัง้ แตวา การปฏิรปู พรรคประชาธิปต ยมนั มีความหมาย มากกวานั้น จะนําไปสูการปฏิรูปการเมือง การปฏิรูปประเทศ นําไปสูมิติใหมทางการเมือง แตวาเมื่อเสียงสวนใหญยังไมเห็น ดวย ทําใหเสียโอกาส แตเราก็ตองพยายามตอไป”
38
ความภาคภูมิใจในฐานะนักการเมืองของประชาชน แมวา คุ ณ อลงกรณ พลบุ ต ร จะเปนนักการเมืองที่มี ประสบการณมากกวา 22 ป แตเรียกไดวาเปนนักการเมือง เลือดใหม ที่มีความกลาหาญที่จะลุกขึ้นมาริเริ่มสิ่งใหมๆ เพื่อ ผลประโยชนของประชาชนและประเทศชาติอยางแทจริง จนทาน ไดรับฉายาตางๆ มากมาย อันนํามาซึ่งความภาคภูมิใจในฐานะ นักการเมืองของประชาชน “ในฐานะนักการเมือง ก็มีโอกาสริเริ่มหลายเรื่อง เชน การ ริเริม่ ผลักดันแนวพระราชดําริใน โครงการเอทานอล ซึง่ โครงการ นี้มีความพยายามผลักดันมาหลายยุคหลายสมัยตั้งแตป 2517 แตเมื่อไดมีโอกาสเปนประธานโครงการเอทานอลในป 2543 ก็ไดทุมเทในการศึกษาคนควา จนกระทั่งเสนอคณะรัฐมนตรี ใหความเห็นชอบ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2543 นั่นคือการกําเนิด ของโครงการเอทานอลของประเทศไทยอยางเปนทางการ แลว ก็เปนการนําพระราชดําริของ องพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว มาทํ า ให เ กิ ด เป น จริ ง คนไทยได ใ ช นํ้ า มั น แก ส โซฮอล ทั่ ว ทั้ ง ประเทศ ลดการนําเขานํ้ามันเชื้อเพลิงจากตางประเทศ และยัง ชวยเกษตรกรเนื่องจากผลผลิตทางการเกษตรมาแปรรูปเปน เอทานอล แลวนํามาผลิตเปนแกสโซฮอล ซึง่ ทุกวันนีป้ ระเทศไทย เปนผูผลิตเอทานอลเปนอันดับ 5 ของโลก และเราจะกาวขึ้นเปน อันดับ 3 ของโลกไดอีกไมนานนี้ ถาหากวารัฐบาลมีนโยบายใน การสนับสนุนอยางจริงจังตอไป”
ในยามที่เรามีประชาธิปไตยเราไมสามารถ รักษาไว เราไมมีสิทธิไปโทษทหารไปโทษ ใครเลย เราควรจะหันมาโทษตัวเองบาง ทั้งพรรคการเมืองและนักการเมืองที่ทําให ประเทศชาติไมสามารถเดินไปขางหนาได “สอง--คือการไดรับฉายาวาเปน Research Creative จากการริ เ ริ่ ม นโยบายเศรษฐกิ จ สร า งสรรค ที่ เ รี ย กว า Creative Economy ชวงที่เปนรัฐมนตรี ในป 2552 โดยผลักดัน ใหมีการตั้ง สํานักงานเศรษฐกิจสรางสรรคแหงชาติ สังกัด สํานักนายกรัฐมนตรี มีกองทุนเศรษฐกิจสรางสรรค มีสถาบัน เศรษฐกิจสรางสรรค รวมกับ 15 มหาวิทยาลัย และเครือขาย กวา 100 มหาวิทยาลัย และยังไดผลักดันใหอาเซียน ดําเนิน โครงการ Creative Asean เพราะนโยบายนี้เทานั้นจะทําให ประเทศไทยกาวพนความยากจนและความลาหลัง เนื่องจากวา หลายรอยปที่เรากอตั้งประเทศมาจนถึงยุคโลกาภิวัตน จนถึงยุค ดิจติ อล ประเทศไทยยังเปนประเทศ OEM (Original Equipment Manufacturer) ยกตัวอยางงายๆ เปนเหมือนชางเย็บเสื้อโหล หรือเราเรียกวาเปนประเทศรับจางทําของ เราไดรายไดนอยมาก เพราะวาเรายังขายวัตถุดิบ แตเราจะตองอัพเกรดประเทศเขาสู การเปนประเทศ ODM (Original Design Manufacturer) และ สูการเปนประเทศ OBM (Original Brand Manufacturer) ก็คือ จากชางเย็บเสื้อโหล จะตองเปนชางออกแบบเสื้อผา และกาว เขาสูชางที่เปนเจาของแบรนด จากที่ขายไดโหลละรอย ก็ขาย ไดโหลละพัน และกาวเขาสูเปนการขายโหลละหมื่นได มันตอง ใชแนวทาง Creative Economy ในการที่จะเปลี่ยนประเทศ ไมวาจะเปนสินคาและบริการ นี่ก็เปนสวนหนึ่งที่ไดเริ่มผลักดัน และสรางโครงสรางใหมใหกับประเทศ แตเสียดายเมื่อเปลี่ยน รัฐบาล นโยบายเหลานี้ก็ถูกละทิ้ง คราวนี้ทุกคนก็เห็นวามันเปน ทางออกที่ดี เปนทางเลือกที่ดีของประเทศ” “สาม--คือการไดฉายาวาเปน Mr. Logistics ตอนที่เปน รัฐมนตรี ก็เห็นวาประเทศไทยเปนประเทศที่เชื่อมโยงกับ 4 ประเทศ ไมวาจะเปนมาเลเซีย ลาว กัมพูชา หรือวา เมียนมาร และยังเชื่อมตอไปถึงจีน ไปถึงอินเดียจากทางบกได และจุด ตั้งประเทศก็เปนจุดแข็งที่สุดของภูมิภาค คือเปนศูนยกลางที่ เราเรียกวา Logistics up แตในขณะนั้นเรามีตนทุน Logistics สูงมาก ประมาณเกือบ 20 % ของ GDP ซึ่งมันควรจะตํ่ากวา
10% ทําใหขีดความสามารถในการแขงขันของประเทศไมเคย กระเตื้องขึ้นเลย เพราะตนทุนการผลิตสินคาของเรา หรือบริการ ของเรามันจะสูงกวาของคนอื่น โดยเฉพาะตนทุน Logistics ตรงนี้นี่เองที่ทําใหคิดวาเราจะตองขับเคลื่อนยุทธศาสตรการ พัฒนา Logistics อยางรวดเร็ว ก็ไดรับแตงตั้งใหเปนประธาน กรรมการ Logistics การคาแหงชาติขึ้นมา จากนั้นมาเราก็เริ่ม วางแนวทางโครงสรางพืน้ ฐานในการเชือ่ มโลก ทัง้ ทางบก ทางนํา้ ทางอากาศ และก็ทางดานของ ICT เพื่อที่จะสรางโอกาสใหกับ ประเทศไทย ในการเปน Logistics up จึงไดผลักดันยุทธศาสตร ที่เรียกวา 3 วงแหวน 5 ประตู เปนครั้งแรกที่ประเทศไทยมี ยุทธศาสตรเศรษฐกิจและการคาที่ชัดเจน โดยมีเปาหมายของ ตลาดเปน 3 วงแหวน คือ อาเซียน, อาเซียน +3, อาเซียน +6
Phetchaburi 39
เปนวงแหวนที่ 1 วงแหวนที่ 2 วงแหวนที่ 3 ซึ่งมีประชากรหรือ กลุมลูกคารวมกันกวา 3 พันลานคน หรือเกินครึ่งโลก เพียงแค 16 ประเทศมีมูลคาการคาระหวางกันเกินครึ่งหนึ่งของมูลคา การคาโลก โดยมีไทยเปนศูนยกลาง ขณะเดียวกันก็ขับเคลื่อน ผาน 5 ประตูการคา ไมวาจะเปนประตูเหนือ ประตูใต ประตู ตะวันตก ประตูตะวันออก หรือประตูตะวันออกเฉียงเหนือ เราขับ เคลื่อนผานยุทธศาสตรสําคัญคือ การผลักดันจนโครงการทวาย เดินหนา แลวพมาไดตกลงกับประเทศไทย เพื่อใหประเทศไทย มีทางออกทางตะวันตกเชื่อมไปเอเซียใต ไปแอฟริกา ไปยุโรป ไปตะวันออกกลาง โดยการผลักดันใหเกิดระเบียงเศรษฐกิจ ไทย-มาเลเซีย ไทย-กัมพูชา ไทย-ลาว เปนตน ตอนนั้นวงการ Logistics ประเทศไทยก็ขนานนามวาเปน Mr. Logistics จนถึง ทุกวันนี้ แลวก็ทาํ ไปพรอมกับการปฏิรปู ระบบราชการทีเ่ กีย่ วของ กับดาน Logistics จนทําใหตนทุน Logistics ของประเทศไทย ลดจากเกือบ 20 % เหลือ 16 % ในชวงเวลา 2 ปกวา ตรงนี้ก็ยัง ตองเปนเรือ่ งขับเคลือ่ น รวมไปถึงโครงการรถไฟความเร็วสูง ผมก็ เปนคนทีเ่ ดินทางไปเชือ่ มโยงเรือ่ งนี้ จนกระทัง่ รัฐบาลไทยขณะนัน้ กับรัฐบาลจีนตกลงที่จะรวมมือกัน จากนั้นจึงไดเกิดคําวา High Speed Train เปนครัง้ แรกในประเทศไทย แลวก็นาํ มาสูโ ครงการ
ตอเนื่องของรัฐบาลชุดถัดๆ มา และโครงการรถไฟสี่รางทางคู นีก่ เ็ ปนโอกาสทีไ่ ดรบั ใชประเทศชาติในฐานะทีเ่ ปนนักการเมือง” “สุดทายนี่คือการเปน มือปราบคอรรัปชั่น ของรัฐสภา ตรงนี้ก็เปนปญหาใหญของประเทศ เหมือนมะเร็งรายที่เกาะกิน ประเทศของเรา ทําใหเปนเหมือนคนปวย ในฐานะที่เปน สส. ก็ไดรับแตงตั้งใหเปนประธานตรวจสอบการทุจริตของรัฐสภา ,5 ปเต็ม แตก็พวงมาดวยคดีเกือบ 20 คดี โดนฟองรองจากคนที่ เราไปตรวจสอบเขาวาเราหมิ่นประมาท แตในชวงนั้นก็เปนชวง ทีก่ ารตอตานคอรรปั ชัน่ เปนไปอยางคึกคัก โดยรวมกับ คุณหญิง จารุวรรณ เมณฑกา คุณกลาณรงค จันทิก และอีกหลายทาน กอตัง้ กลุม Corruption Watch ขึน้ มาทําหนาทีต่ รวจสอบ ปองกัน การทุจริต รวมทั้งเสนอมาตรการแกไขปญหาคอรรัปชั่น ตอนนั้น ในสภาตั้งใหเปนมือปราบคอรรัปชั่น ปราบทุกวันไมมีเวนวัน หยุด แลวในแตละป รัฐสภาโดยสื่อมวลชนทุกแขนง จะเลือก สมาชิกรัฐสภาที่มีผลงานดีเดนที่สุด 1 คนเทานั้น จาก 700 คน ในป 2546 เรามี สส. 500 คน วุฒิสภาอีก 200 คน ก็ไดรับเลือก ใหเปนดาวเดนแหงปของรัฐสภา เปน The Best Performance ก็ถือเปนเกียรติอยางหนึ่งของคนเพชรบุรีและก็ตัวเราเอง ฉะนั้น นี่คือตัวอยางหนึ่งที่เราทําหนาที่เพื่อสวนรวม เปนโอกาสที่เราได รับจากประชาชน โดยผานการเลือกตัง้ ในระบอบประชาธิปไตย”
วันนี้กับหลากหลายภารกิจเพื่อชาติ ปจจุบันแมจะเปนชวงที่วางเวนจากการทําหนาที่ สส. แต สําหรับคุณอลงกรณ แลว กลับใชชวงเวลานี้อยางคุมคา ในการ สานตอทั้งภารกิจสวนรวมเพื่อประเทศชาติ และภารกิจสวนตัว เพื่อครอบครัวและเพื่อชาวเพชรบุรี “ชวงนี้ก็มีงานทั้งสวนตัวและสวนรวม งานสวนตัวก็มีสอง ดานหลักๆ ก็คือเปนทั้งนักเรียน (กําลังศึกษาหลักสูตรผูบริหาร ระดับสูงดานการคาและการพาณิชย-TEPCoT) และก็เปนทั้ง อาจารย นอกจากนั้นแลวก็คือการทําธุรกิจสวนตัว 3-4 เรื่องดวย กัน หนึ่ง--ก็คือธุรกิจเหมืองแร สอง--ก็คือธุรกิจการพัฒนาที่ดิน 40
ในอนาคตเราตองการนักการเมือง เรา ตองการระบบการเมืองที่เปดกวางใหคน ดีมีที่ยืน คนเกงมีที่ยืน มีประตูที่จะเขามา ทํางานเพื่อชาติบานเมือง สาม--ก็คือธุรกิจนําเขา-สงออก สี่--คือธุรกิจทางดานการทอง เที่ยว เชน โครงการ Flower Land Fantasy เปนโครงการที่ ตองการสรางแหลงทองเทีย่ วใหมใหกบั เพชรบุรแี ละประเทศไทย” “งานดานสวนรวม หนึ่ง--ยังเปนประธานมูลนิธิสถาบัน พลังงานทางเลือกแหงประเทศไทย อยางตอเนื่องตั้งแตป 2543 เปนตนมา หลังจากที่เราไดเริ่มผลักดันโครงการเอทานอล ก็ตอเนื่องมาดวยโครงการไบโอดีเซล ก็ไดมีการจัดตั้งเปนมูลนิธิ สถาบันพลังงานทางเลือกแหงประเทศไทย เพื่อสงเสริมพลังงาน ทางเลือกทุกรูปแบบ รวมทัง้ การอนุรกั ษพลังงาน สอง—ทําหนาที่ เปนทูตเศรษฐกิจ เชื่อมโยงระหวางประเทศไทยกับประเทศใน
อาเซียน และพันธมิตรในอาเซียน หรือพันธมิตรของประเทศไทย ในการนํานักลงทุน-นักธุรกิจเขาไปลงทุน และก็ไปทําการคา ในประเทศตางๆ เชน ในพมาเพราะวาเคยดํารงตําแหนงเปน รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนดวย และก็เปนประธานกลุม มิตรภาพ รัฐสภาไทย-พมา ผมก็จะเดินทางไปในการเชื่อมความสัมพันธ ไทย-พมา และก็นําคณะนักธุรกิจไทยไปลงทุนในพมา รวมทั้ง จีน และประเทศในอาเซียนอื่นๆ นี่ก็ยังเปนภารกิจที่ทําตอเนื่อง” ผุดแนวคิดการทองเที่ยวใหม เพชรบุ รี เ ป น จั ง หวั ด ที่ มี ท รั พ ยากรทางการท อ งเที่ ย วที่ หลากหลาย ทั้ ง ป า เขา ชายทะเล โบราณสถาน และศิ ล ป วัฒนธรรม จึงไดรับความนิยมจากนักทองเที่ยวมาโดยตลอด ดังนัน้ คุณอลงกรณ จึงรวมกับพีน่ อ งในตระกูลพลบุตร สรางสรรค แหลงทองเทีย่ วแหงใหม และการทองเทีย่ วในรูปแบบใหมๆ เพือ่ ตอบสนองไลฟสไตลที่หลากหลายของนักทองเที่ยว “โครงการ Flower Land Fantasy เปนโครงการที่ตองการ สรางแหลงทองเที่ยวใหมใหกับเพชรบุรีและก็ประเทศไทย เปน อุทยานดอกไม เปนแหลงเรียนรูทางดานไมดอกไมประดับใน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต ในโครงการนี้ก็มีรีสอรทแบบ ใหม ที่เรียกวา Tree House Resort บานตนไม ออกแบบโดย ใชภูมิปญญาทองถิ่น ใชวัสดุทองถิ่น ใชฝมือชางสิบหมูทองถิ่น ของเรา เชื่อมโยงความตองการตลาดในและตางประเทศ และ ในโครงการนี้ก็ไดกําหนดใหมีศูนยเรียนรูดานพลังงานทดแทน ในประเทศไทยดวย โดยคาดวาจะเปดใหบริการไดในเดือน ธันวาคม 2557 นี้” “อีกโครงการคือการพัฒนาที่ดิน เพื่อสรางเปน Home Resort เปนรูปแบบการจัดสรรที่ดินในสไตลทัสคานี ซึ่งจะเปน แหงแรกในจังหวัดเพชรบุรี นอกจากนัน้ ก็เปนธุรกิจในเรือ่ งรถบาน หรือ Motor Home รวมมือกับทางอังกฤษ ธุรกิจนี้เหมือน CSR คือตองการที่จะสรางการทองเที่ยวชนิดใหมขึ้นในประเทศไทย คือการทองเทีย่ วโดยใชคาราวานรถบาน หรือมอเตอรโฮม เพราะ วาในยุโรป อเมริกา โดยเฉพาะออสเตรเลีย นิวซีแลนดจะนิยม มาก แตบา นเรายังไมมกี ารทองเทีย่ วประเภทนีท้ เี่ ปนกิจลักษณะ ซึ่งไดประสานกับทานผูวาการทองเที่ยวแหงประเทศไทย ในการ สนับสนุนและพัฒนาการทองเทีย่ วรูปแบบนี้ ซึง่ เปนอีกไลฟสไตล ที่อยากเห็นครอบครัวคนไทยไดใชชีวิตรวมกัน ไดสัมผัสชีวิต กลางแจง สัมผัสธรรมชาติ และวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิต พื้นบานมากขึ้น แทนที่จะเขาหางอยางเดียว” แมวาคุณอลงกรณจะมีภารกิจรัดตัว แตทานก็ยังหาเวลา วางอันนอยนิด ทํากิจกรรมสวนตัวที่ทานโปรดปราน เชน “ยามวางก็อานหนังสือ ขี่จักรยาน ตีกอลฟ สอนหนังสือ และก็ตั้งใจเขียนหนังสือสองสามเลม หนึ่ง--คือเรื่องการปฏิรูป Phetchaburi 41
ประเทศ การปฏิรูปเศรษฐกิจ สอง—คือเรื่องของ ทางเลือก ทางรอดของประเทศเรื่ อ งพลั ง งานทดแทน สาม—คื อ โมเดลเศรษฐกิจสรางสรรคอนาคตใหมของประเทศไทย และอาเซียน สี่—คือ Trading Nation มิติใหม ของอนาคต ประเทศไทย เพราะจากประสบการณการเปน สส. การเปน รัฐมนตรี ไปสูการเปนนักบริหาร การที่เราไดมีโอกาสเดินทางไป ทั่วโลก และการคนควาวิจัยเพิ่มเติม เลยพยายามที่จะถายทอด ประสบการณเหลานี้ออกมาเปนตัวหนังสือ เพื่อใหผูนําไทย รุนใหม รวมทั้งคนไทยไดมีโอกาสแลกเปลี่ยนวิสัยทัศนมุมมอง ทั้งปญหาและอนาคตของประเทศ วาเราควรจะกําหนดอนาคต ของประเทศบนเสนทางใด เพือ่ ใหประเทศไทยกาวเขาสูป ระเทศ ชั้นนําของอาเซียน”
ตองสรางระบบการเมืองที่คนมองวา ใครดีที่สุด แตทุกวันนี้ทุกคนก็ยังบอกวา เลือกไอคนที่มันเลวนอยที่สุด เลือกพรรค ที่มันเลวนอยที่สุด แลวประเทศไทย มันจะดีไดอยางไร 42
อนาคตประเทศไทย ตองปฏิรูปครั้งใหญ เมื่ อ ถามถึ ง ความคาดหวั ง ต อ อนาคตของประเทศไทย คุณอลงกรณ ตอบอยางไมลังเลวา “ประเทศไทยตองเดินหนาดวยระบอบประชาธิปไตยเทานัน้ จะตองสรางระบอบประชาธิปไตยใหมั่นคงยั่งยืน และการเมือง จะตองทบทวนปฏิรูปตัวเอง เพราะในยามที่เรามีประชาธิปไตย เราไมสามารถรักษาไวได เราไมมีสิทธิไปโทษทหารไปโทษใคร เลย เราควรจะหันมาโทษตัวเองบาง ทั้งพรรคการเมืองและ นักการเมืองที่ทําใหประเทศชาติไมสามารถเดินไปขางหนาได ไมสามารถแขงขันกับประเทศอื่นได ชวงนี้เปนจุดเปลี่ยนของ ประเทศ ทุกๆ ฝายจะไดตระหนักถึงความผิดพลาดในอดีตแลว เริม่ ตนใหม สรางอนาคตใหประเทศดวยวิถที างประชาธิปไตยดวย การปฏิรูปครั้งใหญ ที่สําคัญก็คือ ประเทศไทยตองมีเปาหมาย มี วิสัยทัศนที่เห็นพองตองกันใน สิบ-ยี่สิบปขางหนา ไมวาใครมา เปนรัฐบาลก็จะตองกาวเดินไปในวิถีทางนั้น” “แตการเมืองในระบบเกาไมสามารถ ตอบสนองตออนาคต ของประเทศได เรามีการคอรรัปชั่นมากเกินไป เราเอารัดเอา เปรียบมากเกินไป ทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ และสังคม เรามีปญหาความเลื่อมลํ้าสูงมาก ในชวง 50 ปที่ผานมา ความ เลื่อมลํ้าที่ 20% ของคนรวยที่สุดกับคนที่จนที่สุดแตกตางกัน 13 เทา มาวันนี้ เราแทบจะไมสามารถลดความแตกตางนี้ไดเลย แสดงวาประเทศไทยมีปญหาเชิงโครงสรางและระบบ เชน การ ผูกขาดทางธุรกิจทางการคายังมีอยูม าก การทีพ่ รรคการเมืองและ นักการเมืองตกอยูในอิทธิพลของกลุมผูกขาดตางๆ ไมสามารถ ที่จะออกกฎหมายหรือนโยบายที่จะขจัดความเลื่อมลํ้าเหลานี้
นี่เปนตัวสะทอนใหเห็นวาเรามีความพิกลพิการในยุทธศาสตร และทิศทางพัฒนาที่ผานมา” “ประกอบกับเจอวิกฤตการณทางการเมืองอยางตอเนื่อง ยิ่งทําใหประเทศของเราเสมือนถอยหลังเขาคลอง ในขณะที่ โอกาสทองรอยูขางหนา คือการเกิดประชาคมอาเซียน แตเราก็ กําลังจะสูญเสียโอกาสนั้น ฉะนั้นในอนาคตเราตองการนักการ เมือง เราตองการระบบการเมืองที่เปดกวางใหคนดีมีที่ยืน คน เกงมีที่ยืน มีประตูที่จะเขามาทํางานเพื่อชาติบานเมือง แลวก็ มีคณะรัฐมนตรีที่เกง ทรงประสิทธิภาพในการที่จะแขงขันกับ ประเทศ อยางสิงคโปร เกาหลี ญี่ปุน อเมริกา ยุโรปได เพราะทุก วันนี้เราแทบจะสิ้นหวังตอสิ่งเหลานั้น เพราะมันไดพิสูจนแลววา ครึ่งศตวรรษที่ผานมา เราไมไดกาวไปไหนเลย” “ฉะนั้นการที่จะเปดกวางไดก็คือ นักการเมืองจะตองเปน สถาบันการเมืองอยางแทจริง แมแตพรรคประชาธิปต ยเองก็ตอ ง ปรับเปลี่ยนตัวเองจากสถาบันของนักการเมืองมาสูความเปน สถาบันทางการเมือง สรางนโยบาย ยุทธศาสตร และวิสัยทัศนที่ กาวหนาทันสมัย เปลี่ยนการเมืองแบบทําลายลางซึ่งกันและกัน มาสูก ารแขงคิดแขงทํา แลวใหประชาชนตัดสิน ไมใชดวู า ใครเลว นอยที่สุด ซึ่งเปนแนวคิดที่ผิดมาก ตองสรางระบบการเมืองที่คน มองวาใครดีที่สุด แตทุกวันนี้ทุกคนก็ยังบอกวาเลือกไอคนที่มัน เลวนอยที่สุด เลือกพรรคที่มันเลวนอยที่สุด แลวประเทศไทยมัน จะดีไดอยางไร เราตองเปลี่ยนกระบวนทัศนนี้ใหได” “คนไทยตองคิดวาเราเปนเจาของประเทศ ความเปนเจาของ ตองมาพรอมกับความรับผิดชอบในหนาที่ ที่จะตองเลือกคนดี มีความรูเ ขามาเปนผูแ ทน มาเปน สส. มาเปนสมาชิกรัฐสภา เพือ่ ใหไดมาซึง่ คณะรัฐมนตรีทเี่ ปน dream team และก็คอยเฝาจับตา การทํางานของ สส. ก็ดี ของคณะรัฐมนตรีก็ดี แลวก็เลือกครั้งตอ ไปดวยการพิจารณาถึงความรู ความสามารถ ผลงาน มากกวา เหตุผลอื่น จะทําใหเรามีรัฐสภาที่ดี รัฐบาลที่ดี เพียงพอแลว สําหรับการที่จะตอบโจทยอนาคตของประเทศ”
เมืองสามวัง ความเปนเมืองสามนํ้า ความเปนเมืองสามรส และที่สําคัญคือเพชรบุรีกาวมาบนเทรนดของโลก คือการเปน Dream City เราจะเติบโตอยางไมหวือหวา แตเราจะเติบโต ตามพระราชดําริของ พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว คืออยู บนเสนทางของความพอเพียง ความพอดี และเปนการพัฒนา แบบยัง่ ยืน เรามีการทองเทีย่ ว ทีแ่ ตกตางไปจากจังหวัดทางภาค ตะวันออก เรายังรักษาความเปนเมืองทองเที่ยวสําหรับคนไทย และชาวตางประเทศ ที่ไมจําเปนจะตองขายเซ็กส ไมจําเปนจะ ตองขายสิ่งแวดลอมที่เรามี แตเรายังรักษาสิ่งเหลานี้ไวไดดวย การทองเที่ยวเชิงนิเวศน ดวยการทองเที่ยวอุทยานแหงชาติ แก ง กระจานก็ ดี ของบ อ นํ้ า พุ ร อ นก็ ดี ซึ่ ง กํ า ลั ง ได รั บ การขึ้ น ทะเบียนเปนมรดกโลกทางธรรมชาติ เปนอุทยานที่ใหญที่สุดใน ประเทศไทย แลวเราก็รักษาปกปองอุทธยานแหงนี้ไวไดอยางดี ยิ่ง เมื่อเทียบกับอีกหลายภูมิภาคในประเทศนี้” “ขณะเดียวกันเราก็มคี วามสงบ สันติในวิถชี วี ติ ของเรา เราไมตอ งการชีวติ ทีร่ วดเร็วหวือหวาแบบเมืองใหญ เพราะ วาอัตลักษณของเมืองเรา เราเติบโตมากับธรรมชาติและ วัฒนธรรม ผมมองไปขางหนาวาเพชรบุรเี ดินมาถูกทางแลว ผมพยายามจะรักษาความเปนเมืองที่เรียกวา Creative and Eco City ไวใหไดตลอดไป”
เพชรบุรี...บนเสนทางของความพอเพียงและยั่งยืน กอนจบการพูดคุยกับ ทานอลงกรณ พลบุตร ทานไดกลาว ถึงความภาคภูมใิ จทีม่ ตี อ จังหวัดเพชรบุรี และทิศทางการพัฒนา จังหวัดเพชรบุรีวา “เพชรบุรีเปนหนึ่งในความภูมิใจที่ผมไดเกิดบนแผนดินนี้ และไดมโี อกาสทํางานเพือ่ แผนดินนี้ และก็เปนตัวแทนประชาชน ของเมืองนี้ ผมไดเห็นสองทศวรรษที่ผานมาของเพชรบุรี วาเรามี อัตลักษณของตัวเอง มีจุดเดน จุดแข็งของตัวเอง นั่นคือความ เปนเมืองแหงประวัติศาสตร และวัฒนธรรม ความเปนเมือง สีเขียว ความเปนเมืองสรางสรรค ซึ่งเพชรบุรีไดรับเลือกใหเปน 1 ใน 10 Creative City ของประเทศ บนพื้นฐานของความ เป น เมื อ งช า งสิ บ หมู ความเป น เมื อ งขนมหวาน ความเป น Phetchaburi 43
AD ÂÙà¹Õè¹⪨ÔÃØªÔ (¡Ãк͡¹éÓ).pdf 1 22/1/2557 14:25:23
"Keep Warm & Cool Non Electric"
¡Ãеԡ¹íéÒ ¡ÃеԡÍÒËÒà Êáµ¹àÅÊÊÙÞÞÒ¡ÒÈ
FOOD JAR
MUG CUP
www.unionzojirushi.com , TEL 02-517-8160-1
สารอุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบุรี “พัฒนาอุตสาหกรรมให้มีมาตรฐาน สามารถแข่งขันได้ เพื่อผลักดันเศรษฐกิจของจังหวัด” คือวิสยั ทัศน์ของส�ำนักงำนอุตสำหกรรมจังหวัดเพชรบุรี โดยทาง ส�านักงานฯ ได้ด�าเนินโครงการต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์การ พัฒนาของจังหวัดเพชรบุรีคือ “เป็นแหล่งอำหำรคุณภำพ และแหล่ง ท่องเที่ยวชั้นน�ำในอำเซียน” ซึง่ ในส่วนของการเป็นแหล่งผลิตอาหารคุณภาพ เราได้นา� โครงกำร พัฒนำขีดควำมสำมำรถในกำรแข่งขันของอุตสำหกรรมแปรรูป กำรเกษตรในภูมภิ ำค ( One Province One Agro-Industrial Product : OPOAI ) มาใช้ โดยน�าผลผลิตที่มีศักยภาพของจังหวัดคือ เกลือ และ ข้าว เข้าสู่การส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตรให้มีมาตรฐาน และได้น�าแผนยุทธศาสตร์ของกระทรวงอุตสำหกรรมมาใช้ โดยการ ผลักดันโรงงานให้เข้าร่วมโครงกำรอุตสำหกรรมสีเขียว และโครงกำร ธรรมำภิบำลสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถอยู่ร่วมกับ สิง่ แวดล้อม และชุมชนได้อย่างยัง่ ยืน และประการส�าคัญคือ ต้องไม่สร้าง ผลกระทบต่อทรัพยากรด้านการท่องเที่ยวของเพชรบุรีด้วย นอกจากนี้ เรายังได้สนองนโยบายของคณะรักษำควำมสงบแห่ง ชำติ หรือ คสช. ซึ่งเล็งเห็นว่าผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs คือกลไกส�าคัญในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ เราจึงมี กิจกรรมให้ความรู้แก่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนในเรื่องต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อม สู่การแข่งขันในเวทีของอาเซียน และเวทีโลกด้วย ท้ายนี้ ผมขอขอบคุณทีมงาน SBL อย่างสูง ที่ให้ความส�าคัญกับ ภาคอุตสาหกรรมของจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นภาคส่วนที่ท�ารายได้เป็น อันดับสองให้กับจังหวัด และใคร่ขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก โปรดดลบันดาลให้ผู้อ่านทุกท่าน และทีมงานนิตยสาร SBL ประสบแต่ ความสุขความเจริญ
นำยประเสริฐ สีน�้ำเพชร อุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบุรี
Phetchaburi 45
เส้นทำงพบอุตสำหกรรมจังหวัด
นายประเสริฐ สีนํ้าเพชร
อุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบุรี
“นำยประเสริฐ สีน�้ำเพชร” อุตสำหกรรมจังหวัดเพชรบุรี กรุณาให้สัมภาษณ์กับนิตยสำร SBL ในประเด็นต่างๆ อาทิ ภาพรวม ด้านอุตสาหกรรมในเพชรบุรี วิสยั ทัศน์ และนโยบายการพัฒนาของส�านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบุรี แนวทางการพัฒนาเพือ่ รองรับ การเข้าสู่ AEC ตลอดจนการส่งเสริมผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชน ฯลฯ โดยมีสาระส�าคัญ ดังนี้ ภำพรวมด้ำนอุตสำหกรรมของจังหวัดเพชรบุรี อุตสาหกรรมหลักของจังหวัดเพชรบุรี เป็นอุตสาหกรรมทีเ่ กีย่ วข้องกับผลิตผลทางการ เกษตร จึงมีผลให้ระดับรายได้ไม่คงที่ ตามผลิตผลที่ได้จากทางการเกษตร และผนวก แปรผันตามความต้องการของภาวะการตลาดทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังการลงทุน ในภาคอุตสาหกรรมเกษตร ต้องใช้เงินทุนมาก เพราะต้องลงทุนทั้งเครื่องจักรและพื้นที่ ทีใ่ ช้ประกอบการ ซึง่ โรงงานส่วนใหญ่เป็นโรงสีขา้ วส�าหรับอุตสาหกรรมขนาดกลางและ ขนาดใหญ่จะอยูใ่ นเขตอ�าเภอเขาย้อย ซึง่ เป็นอ�าเภอทีม่ กี ารลงทุนและแรงงานมากทีส่ ดุ ในภาคอุตสาหกรรม ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบุรี ในป พ.ศ. 2556 เป็นการขยายตัวแบบ ทรงตัว เนือ่ งจากการจ้างงานในโรงงานอุตสาหกรรมไม่ได้เพิม่ ขึน้ จากปกอ่ น (2555) แต่ การลงทุนสภาพทรงตัว การประกอบการบางแห่งต้องหยุดชะงักเป็นพักๆ เนือ่ งจาก order สั่งท�าสั่งซื้อยังไม่แน่นอน และจากการหดตัวลงของสาขาการผลิตที่ส�าคัญ ได้แก่ สาขา อุตสาหกรรมจากภาวะราคาน�้ามันปรับตัวสูงขึ้น ท�าให้ต้นทุนการผลิตปรับตัวสูงขึ้น อี ก ทั้ ง มี ป ญ หาทางการเมื อ ง ท� า ให้ ค วามเชื่ อ มั่ น ของผู ้ ผ ลิ ต ลดลง การแจ้ ง จดทะเบียนอุตสาหกรรมใหม่จึงชะลอตัวลง ประเภทอุ ต สาหกรรมที่ มี ม ากที่ สุ ด ในจั ง หวั ด เพชรบุ รี คือ ผลิตภัณฑ์จากพืช 172 โรงงาน รองลงมาคืออุตสาหกรรม อาหาร 85 โรงงาน จากจ�านวนโรงงานทัง้ สิน้ 664 โรงงาน ข้อมูล ณ วันที่ 9 ก.ค. 2557 และตัวเลขรายได้จากภาคอุตสาหกรรม ในปที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 17,543 ล้านบาท วิสัยทัศน และนโยบำยของอุตสำหกรรมจังหวัด “พัฒนาอุตสาหกรรมใหมีมาตรฐาน สามารถแขงขันได เพื่อผลักดันเศรษฐกิจของจังหวัด” ซึง่ จังหวัดเพชรบุรมี แี ผนพัฒนาจังหวัดให้เป็นแหล่งผลิต อาหารคุณภาพและเมืองท่องเที่ยวชั้นน�าของอาเซียน และ แผนยุทธศาสตร์ของกระทรวงอุตสาหกรรมที่มุ่งการพัฒนา อุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน โดยเปาหมายดังกล่าวสอดคล้อง ในเรื่องของความยั่งยืน อยู่ร่วมกัน ทั้งในเรื่องของเกษตรและ อุตสาหกรรมในจังหวัดเพชรบุรี แผนพั ฒ นาดั ง กล่ า วได้ น� า ศั ก ยภาพของจั ง หวั ด เพชรบุ รี ที่ มีสิน ค้ า เกษตรและอาหาร เช่ น ข้ า ว เกลื อ น� า ไปสู ่ ก ารส่ง เสริม อุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตรให้มีมาตรฐาน ซึ่งมีโครงการพัฒนาขีด ความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตรในภูมิภาค ตามนโยบาย One Province One Agro-Industrial Product : OPOAI
จังหวัดเพชรบุรีมีแผนพัฒนา จังหวัดใหเปนแหลงผลิตอาหาร คุณภาพ และเมืองทองเที่ยว ชั้นนําของอาเซียน
โดยการให้ความรู้และค�าปรึกษาแนะน�าด้านการบริหารจัดการ โลจิสติกส์ การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การปรับปรุงคุณภาพ และพั ฒ นางาน ลดต้ นทุ นพลั ง งาน การยกระดับมาตรฐาน ผลิตภัณฑ์หรือระบบมาตรฐานสากล นอกจากนี้ก็มีสนับสนุนผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม ที่ มี ค วามสนใจในการลงทุ น ในจั ง หวั ด เพชรบุ รี และสถาน ประกอบการภาคอุตสาหกรรมในจังหวัดเพชรบุรีให้มีมาตรฐาน ตามโครงการอุตสาหกรรมสีเขียว และโครงการธรรมาภิบาล สิ่งแวดล้อมของกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งโครงการดังกล่าวจะ เป็นส่วนช่วยผลักดันให้สถานประกอบการในจังหวัดเพชรบุรี มีมาตรฐานและสามารถแข่งขันได้ เพื่อผลักดันเศรษฐกิจของ จังหวัดเพชรบุรี แนวทำงกำรพัฒนำเพื่อรองรับกำรเข้ำสู่ AEC ส�านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบุรี ด�าเนินการตาม แนวทางการพัฒนาเพื่อรองรับการเข้าสู่ AEC ซึ่งใช้แนวทาง ของกระทรวงอุ ต สาหกรรม โดยการประชาสั ม พั น ธ์ แ ละมี กิจกรรมเชิงลึกเพื่อพัฒนาสถานประกอบการ เช่น กิจกรรม ให้ ค วามรู ้ ข องกลุ ่ ม วิ ส าหกิ จ ชุ ม ชนเกี่ ย วกั บ เรื่ อ งของภาษี การจัดท�าบัญชี มีการอบรมสัมมนาให้แก่ผปู้ ระกอบการเรือ่ งเส้น ทางสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งจัดร่วมระหว่างส�านักงาน เศรษฐกิ จ อุ ต สาหกรรม และส� า นั ก งานอุ ต สาหกรรมจั ง หวั ด เพชรบุรี ด้านบุคลากรมีโครงการหลักสูตรภาษาส�าหรับการสื่อสาร เพื่อประชาคมอาเซียน โดยอบรมภาษาอังกฤษให้แก่เจ้าหน้าที่ และอุตสาหกรรมได้รว่ มประชุมระดมความคิดเห็น เพือ่ พัฒนากร อบนโยบายและทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรม เพื่อรองรับการ เข้าสูป่ ระชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของกระทรวงอุตสาหกรรมด้วย Phetchaburi 47
อุตสำหกรรมที่เป็นจุดแข็งของไทย ประเทศไทยมีแรงงานที่มีทักษะฝมือเมื่อเทียบกับประเทศ อืน่ ๆ มีวตั ถุดบิ ทางการเกษตรทีม่ ศี กั ยภาพ ทัง้ ในด้านปริมาณและ คุณภาพ และมีผลผลิตทีห่ ลากหลาย เช่น ข้าว ยางพารา อ้อย ผัก และผลไม้สด เป็นต้นมีที่ตั้งเหมาะสมในด้าน การเป็นศูนย์กลาง ภูมภิ าค ท�าให้มขี อ้ ได้เปรียบหลายด้าน โดยเฉพาะการขนส่ง และ การคมนาคมขนส่งทั้งทางบกและทางอากาศครอบคลุมและ รองรับได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยประเภทของอุตสาหกรรมที่ เข้มแข็งของไทย ประกอบด้วย 1. อุตสำหกรรมยำนยนต ประเทศไทยเป็นฐานการ ผลิ ต รถยนต์ อั น ดั บ 1 ของอาเซี ย น มี ศั กยภาพในการผลิ ต รถยนต์ ที่ มี ค วามเฉพาะใน 3 ผลิ ต ภั ณ ฑ์ ได้ แ ก่ รถป ก อั พ 1 ตั น รถยนต์ ป ระหยั ด พลั ง งาน หรื อ อี โ คคาร์ และรถยนต์ ขนาดเล็กคุณภาพสูง ซึ่งในส่วนของรถจักรยานยนต์ไทยมีการ ผลิตเป็นอันดับ 3 รองจากอินโดนีเซีย และเวียดนาม ดังนั้น หากเปด AEC ไทยควรจะรักษาฐานการผลิตรถยนต์ขนาดเล็ก ที่มีคุณภาพสูง ฐานการผลิต รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ และ ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยออกไปตั้งฐานการผลิตยานยนต์ และชิ้นส่วนในอาเซียน 2. อุตสำหกรรมเครื่องใช้ไฟฟำภำยในบ้ำน ไทยยัง มีศักยภาพในการแข่งขัน เนื่องจากเป็นฐานการผลิตอันดับ 1 ของอาเซียน อย่างไรก็ตาม หลังการเปด AEC ไทยอาจได้รับ ผลกระทบจากการย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กรณีทีวีแอลซีดีของโซนี่ ที่ได้ย้ายฐานไปมาเลเซีย เนื่องจากมี ต้นทุนในการขนส่งไปอินเดียที่เป็นตลาดหลักต�่ากว่า แต่ทั้งนี้ ไทยยังคงเป็นฐานการผลิตทีวีแอลซีดีของซัมซุง พานาโซนิก และแอลจี รวมทั้ ง ยั ง รั บ จ้ า งผลิ ต ให้ กั บ อี ก หลายแบรนด์ ขณะที่ เครื่องใช้ไฟฟาอื่นๆ เช่น เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่อง ซักผ้า ฯลฯ ยังมีแนวโน้มที่ดี 3. อุ ต สำหกรรมอิ เ ล็ ก ทรอนิ ก ส ไทยยั ง มี จุ ด แข็ ง ใน เรื่องแรงงานมีฝมือเป็นที่ยอมรับ และมีระบบสาธารณูปโภคที่ พร้อมแต่ยังมีปญหาการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งการเปด AEC คาดว่า เรื่องภาษีจะส่งผลต่ออุตสาหกรรมนี้ไม่มาก เพราะได้ ทยอยลดภาษีเป็น 0 เกือบหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ถ้ามองในแง่
นําศักยภาพของจังหวัดเพชรบุรี ที่มี สินคาเกษตรและอาหาร เชน ขาว เกลือ นําไปสูการสงเสริมอุตสาหกรรมแปรรูป สินคาเกษตรใหมีมาตรฐาน 48
ของมาตรการส่งเสริมการลงทุน ไทยยังเสียเปรียบมาเลเซีย และ สิงคโปร์ ทีใ่ ห้สทิ ธิประโยชน์ยดื หยุน่ กว่า โดยแนวโน้มการ อยูร่ อด ของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ จะต้องส่งเสริมให้เกิดการลงทุน ในผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง และใช้เทคโนโลยีชั้นสูง 4. อุตสำหกรรมเหล็ก ไทยมีศักยภาพในอันดับต้นๆ ของ อาเซียน เนื่องจากเป็นตลาดที่ใหญ่ และยังมีโอกาสขยายตลาด ในอาเซียนได้อีกมาก แต่มีจุดอ่อนในเรื่องการพึ่งพาวัตถุดิบ น�าเข้าจากต่างประเทศ ไม่มีโรงถลุงเหล็กต้นน�้า ซึ่งหลังจากเปด AEC แล้วความน่าสนใจในการลงทุนอุตสาหกรรมนีอ้ าจด้อยกว่า ประเทศเพื่อนบ้านที่มีการลงทุนเหล็กต้นน�้า 5. อุ ต สำหกรรมอั ญ มณี แ ละเครื่ อ งประดั บ ไทยมี จุ ดแข็ ง เรื่ องฝ มือแรงงาน โดยมี ความเชี่ ยวชาญในเรื่อ งการ ปรับปรุงคุณภาพพลอย แต่มีจุดอ่อนในเรื่องแรงงานมีฝมือซึ่ง มีแนวโน้มลดลง เพราะคนรุ่นใหม่หันไปท�างานด้านอื่น และ ขาดแคลนวัตถุดบิ ภายในประเทศต้องน�าเข้าถึง 90% แต่ทงั้ นี้ เมือ่ เปรียบเทียบในอาเซียนไทยยังคงมีศักยภาพการแข่งขันสูงกว่า ซึง่ เมือ่ เปด AEC จะท�าให้ไทยมีแหล่งวัตถุดบิ เพิม่ ขึน้ จากประเทศ เพื่อนบ้าน 6. อุ ต สำหกรรมสิ่ ง ทอ ไทยมีจุดเด่นในเรื่องขีดความ สามารถในการผลิตครบวงจร เป็นฐานการผลิตใหญ่ในอาเซียน รวมทั้ง ประเทศกัมพูชา พม่า และเวียดนาม ต่างก็ยังพึ่งพา สินค้ากลางน�า้ จ�าพวกผ้าผืนจากไทย ดังนัน้ เมือ่ เปด AEC จะเป็น
ผลดีเนื่องจาก ประเทศเพื่อนบ้านและเวียดนามมีอุตสาหกรรม เครื่องนุ่งห่มที่เติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ยังขาดแคลนอุตสาหกรรม ต้นน�า้ และกลางน�า้ จึงต้องน�าเข้าวัตถุดบิ ท�าให้เป็นโอกาสของไทย ในการขยายตลาดในอาเซียน 7. อุตสำหกรรมเครื่องนุ่งห่ม ไทยมีความได้เปรียบและ ความพร้อมในเรือ่ งคุณภาพการผลิตทีป่ ราณีต แต่มจี ดุ อ่อนเรือ่ ง ต้นทุนแรงงาน ดังนัน้ การเปด AEC จะเป็นโอกาส ในการออกไป ตัง้ ฐานการผลิตในสินค้า ปลายน�า้ ในประเทศเพือ่ นบ้านทีม่ ตี น้ ทุน แรงงานต�่า และยังสามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี (GSP) ของประเทศเพื่อนบ้านในการส่งออกไปยังยุโรป และสหรัฐฯ แต่ ผูป้ ระกอบการ จะต้องพัฒนาแบรนด์ และเพิม่ การออกแบบ เพือ่ ให้แข่งขันในตลาดสากลได้ 8. อุตสำหกรรมเม็ดพลำสติก ไทยมีจุดแข็งเมื่อเทียบกับ ประเทศในอาเซียน เพราะมีก�าลังการผลิตมากที่สุดในภูมิภาค การเปด AEC ลดภาษีเป็น 0% ไทยจะส่งเม็ดพลาสติกเข้าไปขาย ได้มากขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่มีอุตสาหกรรมต้นน�้าไม่เพียงพอ เช่น อินโดนีเซีย แต่อินโดนีเซียก็มีมาตรการกีดกันทางการค้าใน เม็ดพลาสติก PET จากไทย ดังนั้น หากขจัดอุปสรรคนี้ได้ก็จะ ท�าให้มีการส่งออกมากขึ้น 9. อุตสำหกรรมผลิตภัณฑพลำสติก มีสว่ นแบ่งการตลาด ในอาเซียนเป็นอันดับ 3 รองจากสิงคโปร์ และมาเลเซีย โดย มาเลเซียเป็นคู่แข่งที่น่ากลัว เนื่องจากมีต้นทุนวัตถุดิบ พลังงาน โลจิสติกส์ และแรงงาน ต�่ากว่าไทย รวมทั้งยังมีการเชื่อมโยง คลัสเตอร์พลาสติกที่ดีกว่า ซึ่งเมื่อเปด AEC อุตสาหกรรมนี้ จะขยายตัวตามเศรษฐกิจ ประกอบการไทยสามารถส่งไปยัง ประเทศเพื่อนบ้านได้มากขึ้น ยกเว้นเวียดนามที่เป็นตลาดของ มาเลเซีย 10. อุตสำหกรรมผลิตภัณฑยำง ประเทศไทยมีจุดเด่น ในเรื่องการส่งออกวัตถุดิบยางธรรมชาติเป็นจ�านวนมาก ท�าให้ อุตสาหกรรมนี้ของไทยมีศักยภาพ และความสามารถในการ แข่งขันโดยเฉพาะยางล้อที่เติบโตอย่างมาก แต่ขณะเดียวกัน
ประเทศลาว และเวียดนามได้ขยายการส่งออกยางมากขึ้น ท�าให้อตั ราการเติบของไทยลดลง และไทยยังประสบปญหาการ ขาดแคลนแรงงาน ดังนั้น จึงต้องเร่งผลิตบุคลากรทุกระดับ รวม ทั้งเพิ่มการวิจัยและพัฒนา เพิ่มส่งเสริมให้เกิดการใช้เทคโนโลยี ในการผลิต และการวิจัยสร้างนวัตกรรมในอุตสาหกรรมยาง 11. อุตสำหกรรมเครื่องส�ำอำงและเครื่องประทินผิว ไทยมีจุดเด่นในเรื่องคุณภาพสินค้าที่ดีกว่าจีน และยังเป็นท�าเล ทีเ่ หมาะต่อการเป็นศูนย์กลางกระจายสินค้าในอาเซียน และยังมี ความหลากหลายของสมุนไพรทีใ่ ช้เป็นวัตถุดบิ แต่การเปด AEC จะท�าให้ผู้ประกอบการSMEsต้องปรับตัว เพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขัน เพราะจะมีคู่แข่งมากขึ้น 12. อุตสำหกรรมอำหำร เป็นอุตสาหกรรมที่ไทยมีความ เข็มแข็งมาก สิ่งที่ต้องระวังคือ ปญหาการขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานสูงและมีสภาพแวดล้อม การท�างานที่ไม่จูงใจ ดังนั้น รัฐบาลควรมีนโยบายชัดเจนในเรื่อง การเอือ้ ประโยชน์ตอ่ นักลงทุน เช่น การเพิม่ ประสิทธิภาพ การลด ต้นทุนการผลิต การสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา เพื่อลดการ พึ่งพาแรงงาน
Phetchaburi 49
แนวโน้มของภำคอุตสำหกรรมที่จะได้รับกำรส่งเสริมเป็น พิเศษเมื่อเข้ำสู่ AEC นโยบายของรัฐบาลไทยเมือ่ เข้าสู่ AEC คือ ด�าเนินนโยบาย มุง่ เน้นการเปดเสรีและส่งเสริมการค้าเสรี ส่งเสริมการลงทุนจาก ต่างประเทศ น�าไปสู่การพัฒนาทักษะ เทคโนโลยี และนวัตกรรม อย่างจริงจัง โดยส่งเสริมและชักจูงอุตสาหกรรม 6 สาขาหลัก ได้แก่ เกษตรกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร พลังงานทดแทน ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร แฟชัน่ และบริการทีม่ มี ลู ค่าเพิม่ สูง ซึง่ รวมถึงอุตสาหกรรมบันเทิง บริการเพื่อสุขภาพและการท่องเที่ยว สาขาที่ได้รับการจับตา มองเป็นพิเศษ คือเกษตรกรรมและอุตสำหกรรมเกษตร จาก นโยบายดังกล่าวข้างต้นของรัฐบาลจึงท�าให้มีการขยายตัวของ เขตอุตสาหกรรม เพื่อรองรับความต้องการของพลเมืองของไทย และของอาเซียน
สงเสริมผูประกอบการในการดําเนินการ ขอรับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ ชุมชน เพื่อใหผลิตภัณฑของกลุม วิสาหกิจชุมชนมีคุณภาพ ไดมาตรฐาน และเปนที่ยอมรับ 50
ปญหำของภำคอุตสำหกรรมในเพชรบุรี และแนวทำงกำร แก้ไข การน�าความเจริญเข้ามาสู่ท้องถิ่น สิ่งที่ตามมาก็คือความ เสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชากรใน พื้นที่ ดังนั้น สิ่งที่ส�าคัญคือ การรักษาสภาพแวดล้อมบริเวณใกล้ เคียงโรงงานอุตสาหกรรม ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและชุมชน เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ด�าเนินชีวิตได้อย่างปลอดภัย ทางส่วน ราชการมีแผนรองรับในการแก้ไขปญหาคือ 1. กำรจั ด กำรน�้ ำ เสี ย มี ก ารก� า หนดมาตรการก� า จั ด น�้าเสียบริเวณสถานที่ก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม เร่งรัดการ สร้ า งระบบบ� า บั ด น�้ า เสี ย กลางของชุ ม ชนก่ อ นลงสู ่ แ หล่ ง น�้ า ธรรมชาติ และติดตามการบ�าบัดน�้าเสีย ส่วนกลางก่อนปล่อย ลงแหล่งน�้าสาธารณะอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อน�้า ใช้อปุ โภคและบริโภคของประชาชนในพืน้ ทีห่ รือบริเวณใกล้เคียง 2. กำรจัดกำรมูลฝอยและกำกของเสีย มีโครงการที่ จะน�ากากของเสียอุตสาหกรรมกลับมาใช้ใหม่ทั้งในรูปวัตถุดิบ และแหล่งพลังงาน สร้างสถานที่ฝงกลบขยะมูลฝอยที่ถูกหลัก สุขาภิบาล และตั้งศูนย์แลกเปลี่ยนของเสียหรือวัสดุเหลือใช้ ระหว่างโรงงานอุตสาหกรรม 3. กำรจัดกำรภูมิอำกำศ คุณภำพอำกำศ และคุณภำพ เสี ย ง ท� า การติ ด ตั้ ง ระบบก� า จั ด ฝุ น ละออง ส� า หรั บ โรงงาน อุ ตสาหกรรม เข้ มงวดกั บภาคการคมนาคมขนส่ง การผลิต การใช้พลังงาน การควบคุมเขม่า ควัน เสียงและฝุนละออง ปจจุบนั ผูป้ ระกอบกำรวิสำหกิจชุมชนในจังหวัดฯ ได้รบั กำร ส่งเสริมในด้ำนใดบ้ำง ส� ำ นั ก งำนอุ ต สำหกรรมจั ง หวั ด เพชรบุ รี ได้ส่งเสริม ผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนในด้านต่างๆ ดังนี้ 1. กำรด�ำเนินกำรตำมโครงกำรมำตรฐำนผลิตภัณฑ ชุมชน โดยให้การส่งเสริมผูป้ ระกอบการในการด�าเนินการขอรับ การรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชมุ ชน เพือ่ ให้ผลิตภัณฑ์ของกลุม่ วิสาหกิจชุมชนมีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และเป็นที่ยอมรับ ซึ่งถือ เป็นหลักประกันคุณภาพให้กบั ผูบ้ ริโภคในการเลือกซือ้ ผลิตภัณฑ์ ชุมชน เป็นการเพิม่ ศักยภาพการแข่งขันและสร้างรายได้แก่ผผู้ ลิต โดยในป 2557 ส�านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบุรีได้มีการ ส่งตัวอย่างเพื่อยื่นขอรับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน แล้วทัง้ สิน้ 72 ราย โดยเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทสิง่ ประดิษฐ์ของใช้ อาหารและเครื่องดื่ม สมุนไพรที่มิใช่อาหาร และผลิตภัณฑ์ ผ้าทอ เป็นต้น 2. กำรให้ควำมรู้ทำงด้ำนวิชำกำรต่ำๆ และกำรให้ค�ำ ปรึกษำแนะน�ำ พร้อมทั้งจัดฝกอบรมให้กับกลุ่มผู้ประกอบ กำรวิสำหกิจชุมชน โดยเชิญวิทยากรทีม่ คี วามรูค้ วามเชีย่ วชาญ มาถ่ายทอดให้ความรู้ในเรื่องของการตลาด การบริหารจัดการ
การเขียนแผนธุรกิจ การบัญชี การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุ ภัณฑ์ ภาษีอากร กฎหมายการคุ้มครองผู้บริโภค การเตรียม ความพร้อมเพือ่ รองรับผลกระทบของระเบียบข้อกฎหมายทีม่ ตี อ่ ผลิตภัณฑ์ชมุ ชนประเภทอาหารและเครือ่ งดืม่ การรักษาคุณภาพ และยกระดับผลิตภัณฑ์ชมุ ชนสูค่ วามยัง่ ยืน ซึง่ ผูเ้ ข้ารับการอบรม สามารถน�าความรูท้ ไี่ ด้จากการเข้ารับการอบรมไปประยุกต์ใช้ใน การพัฒนากลุ่มวิสาหกิจชุมชนของตนเองได้ 3. กำรน�ำผู้ประกอบกำรวิสำหกิจชุมชนศึกษำดูงำน บริษัทที่มีระบบในกำรบริหำรจัดกำร และกลุ่มอำชีพที่มี ควำมเข้มแข็ง โดยร่วมกับส�านักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชมุ ชน (สมอ.) ในการน�าผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนเข้าศึกษาดูงาน เพือ่ ให้ผปู้ ระกอบการวิสาหกิจชุมชนสามารถน�าความรูท้ ไี่ ด้ไปใช้ เป็นแนวทางในการบริหารจัดการ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ นโยบำยด้ำนสิง่ แวดล้อมของส�ำนักงำนอุตสำหกรรมจังหวัด เพชรบุรี นโยบำยสิ่ ง แวดล้ อ ม (Environmental Policy) คือ ความตั้งใจ มุ่งมั่น และหลักการในการท�างานด้านการจัดการ สิ่งแวดล้อมโดยรวม เพื่อสภาพแวดล้อมที่ดีของสังคม นโยบาย เป็นตัวส�าคัญในการขับเคลื่อนกลไกในการปฏิบัติ และปรับปรุง ระบบการจั ด การสิ่ ง แวดล้ อ มของสถานประกอบการ เพื่ อ ให้สามารถรักษาและปรับปรุงผลงานด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ส�านักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบุรี ร่วมกับองค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น และสถานประกอบการอุตสาหกรรม ได้ร่วมกันจัด ท�าแผนงานโครงการธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อมสถานประกอบ การอุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบุรี ขอบเขตการด�าเนินงานมีดังนี้ 1. ตรวจติ ด ตามสถานประกอบการอุ ต สาหกรรม ทาง ด้านความปลอดภัย สิ่งแวดล้อมด้านต่างๆ เช่น น�้าทิ้ง อากาศ กากอุตสาหกรรม สารเคมี ฯลฯ ให้เป็นไปตามกฎหมาย 2. กลุม่ เปาหมายมีการเปดเผยข้อมูลต่างๆ ในการประกอบ กิจการให้กับชุมชนรับทราบ กรณีที่อาจส่งผลกระทบต่อชุมชน
3. ชุมชนมีส่วนร่วม และเป็นเครือข่ายในการแก้ไขปญหา สิ่งแวดล้อมจากสถานประกอบการอุตสาหกรรม สามารถรับรู้ ข้อมูล และมีความรูเ้ กีย่ วกับสถานประกอบการอุตสาหกรรมและ หลักธรรมาภิบาล 4. สถานประกอบการอุตสาหกรรมมีความตระหนักในเรือ่ ง สิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย และใช้หลักธรรมาภิบาลเป็น แนวทางประกอบกิจการ ป จ จุ บั น ส� า นั ก งานฯ ได้ ด� า เนิ น โครงการดั ง กล่ า วอย่ า ง ต่อเนื่องทุกป เพื่อเป็นการพัฒนาทางด้านอุตสาหกรรมและ ป อ งกั น ป ญ หามลพิ ษ ด้ า นต่ า งๆ และความปลอดภั ย สร้ า ง จิตส�านึกในการรับผิดชอบต่อสังคม เพือ่ สร้างภูมคิ มุ้ กัน และเกิด การพัฒนาอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน สถำนประกอบกำรที่เข้ำร่วมโครงกำรอุตสำหกรรมสีเขียว สถานประกอบการในจังหวัดเพชรบุรีที่ได้รับการรับรอง อุตสาหกรรมสีเขียว ประจ�าป 2556 มี จ�านวน 15 ราย แบ่งเป็น ระดับที่ 1 : ความมุ่งมั่นสีเขียว Green Commitment คือความ มุง่ มัน่ ทีจ่ ะลดผลกระทบต่อสิง่ แวดล้อม และมีการสือ่ สารภายใน องค์กรให้ทราบโดยทั่วกัน จ�านวน 12 ราย และระดับที่ 3 : ระบบ สีเขียว Green System คือการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่าง เป็นระบบ มีการติดตามประเมินผล และทบทวนเพื่อการพัฒนา อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการได้รับรางวัลด้านสิ่งแวดล้อมที่เป็น ทีย่ อมรับ และการรับรองมาตรฐานด้านสิง่ แวดล้อมต่างๆ จ�านวน 3 ราย เช่น บริษทั ลีพฒ ั นาผลิตภัณฑ์ จ�ากัด (มหาชน) เป็นโรงงาน ผลิตอาหารสัตว์น�้า ตั้งอยู่ ณ อ�าเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ฝำกถึงภำคอุตสำหกรรมของจังหวัดเพชรบุรี ผมหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ยึดมั่นในการประกอบกิจการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ ประกอบกิจการด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมทั้งภายในและ ภายนอกองค์กรเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป Phetchaburi 51
เสนทางพบ
ทองถิน่ จังหวัด
พ.จ.อ.กาญจนกุล เทียนสุวรรณ ทองถิ่นจังหวัดเพชรบุรี
“พระบาทสมเด็จพระเจาอยูห วั ทานทรงงาน หนักมากเพือ่ ประโยชนของประชาชนชาวไทยทุก คน ซึ่งผมก็นอมนําพระราชดํารัสของพระองค ทานมาใชเปนแนวทางการปฏิบัติงานเสมอมา” คื อ คํ า กล า วจากใจของ พ.จ.อ.กาญจนกุ ล เทียนสุวรรณ ทองถิ่นจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งปฏิบัติ หนาทีใ่ นฐานะขาราชการในพระบาทสมเด็จพระเจา อยูหัว ดวยความตั้งใจและทุมเทอยางเต็มที่ เพื่อให เกิดความคุมคากับเงินภาษีของประชาชน และเพื่อ ประโยชนสขุ ของประชาชนและประเทศชาติเปนสําคัญ นิตยสาร SBL ไดรับเกียรติจากทานทองถิ่น จังหวัดเพชรบุรี ใหสัมภาษณถึงศักยภาพของ อปท. ในจังหวัดเพชรบุรี แผนการพัฒนาอปท. ตลอดจน การเตรียมพรอมกาวสู AEC เปนตน
แผนที่จะสงเสริมความเขมแข็งของ อปท เพชรบุรี คือ การกระตุนใหผูบริหารใหความสําคัญเกี่ยวกับ การสงเสริมตนทุนดานทรัพยากรธรรมชาติ 52
จุดเดนของ อปท.เพชรบุรี อปท.เพชรบุรี มีศักยภาพหรือจุดเดนที่สามารถ แบงออกเปนสองดาน ไดแก ดานการบริหารและ สภาพพื้นที่ ดังนี้ ด า นการบริ ห าร ผู บ ริ ห ารและพนั ก งาน/ ขาราชการสวนทองถิ่น สวนใหญมีคุณธรรมและมี ความมุ ง มั่ น ในการบริ ห ารงานและร ว มกั น พั ฒ นา พื้ น ที่ ใ ห มี ค วามเจริ ญ ทั้ ง ด า นโครงสร า งพื้ น ฐาน สาธารณูปโภค สาธารณูปการ และสิ่งอํานวยความ สะดวกตาง ๆ เพื่อประโยชนสูงสุดของประชาชน ดานสภาพพื้นที่ 1. จังหวัดเพชรบุรีเปนเมืองประวัติศาสตร เปน จังหวัดที่มีวังของพระมหากษัตริย 3 พระองค ไดแก รัชกาลที่ 4 รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 ซึ่งปจจุบันเปน สถานที่ทองเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ 2. มีความหลากหลายทางธรรมชาติ และผลผลิต ทางการเกษตร ไมวาจะเปน ทะเล ภูเขา นํ้าตก ถํ้า เขือ่ นแกงกระจาน พืชผลทางการเกษตรทีล่ อื ชือ่ ไดแก มะนาว นํา้ ตาลโตนด ชมพูเ พชร ทุเรียนปาละอู อาหาร ทะเลสด ขนมหวานขึ้นชื่อ 3. เสนทางคมนาคมที่สะดวกสบาย
จุดเดนทัง้ สามดานซึง่ กลาวมาทัง้ หมดกระจายอยูใ น แตละอําเภอ แตละทองถิ่นในจังหวัดเพชรบุรี วิสัยทัศน พันธกิจ และนโยบายของ สถจ.เพชรบุรี วิสยั ทัศน “เปนองคกรหลักในการสงเสริมสนับสนุนให องคกรปกครองสวนทองถิ่นปฏิบัติงานตามอํานาจหนาที่ ภายใตหลักธรรมาภิบาล เพื่อประโยชนสุขของประชาชน” เป น ไปตามวิ สั ย ทั ศ น ข องกรมส ง เสริ ม การปกครอง ทองถิ่น โดยสํานักงานสงเสริมการปกครองทองถิ่น จั ง หวั ด เพชรบุ รี ได มุ ง มั่ น ส ง เสริ ม สนั บ สนุ น องค ก ร ปกครองสวนทองถิ่นใหมีความเขมแข็งและมีศักยภาพใน การใหบริการสาธารณะเพื่อประโยชนสุขของประชาชน รวมถึงพยายามพัฒนาบุคลากรของสํานักงานสงเสริม การปกครองทองถิ่นจังหวัดเพชรบุรีใหมีศักยภาพใน การสงเสริมองคกรปกครองสวนทองถิ่น และประสาน ความรวมมือกับทุกภาคสวนและการมีสวนรวมของภาค ประชาชน เพื่อรวมกันพัฒนาและสงเสริม สนับสนุนการ บริหารจัดการขององคกรปกครองสวนทองถิ่น
มีการปรับทัศนคติในการทํางานของผูบริหาร และขาราชการทองถิ่นใหเปนมืออาชีพ มีการ กําหนดยุทธศาสตรในการพัฒนาทองถิ่น เชื่อมโยงกับอาเซียนมากขึ้น Phetchaburi 53
ยุทธศาสตรการพัฒนาของ สถ.จ.เพชรบุรี 1. เพิ่ ม ประสิ ท ธิ ภ าพข า ราชการสํ า นั ก งาน สงเสริมการปกครองทองถิ่นจังหวัดเพชรบุรี ให มีความรูความเขาใจในการปฏิบัติหนาที่ที่รับผิดชอบ เพือ่ ใหบรรลุตามวิสยั ทัศนของสํานักงานสงเสริมการ ปกครองทองถิน่ จังหวัดเพชรบุรี และกรมสงเสริม การปกครองทองถิ่น และทันตอการเปลี่ยนแปลง 2. เพิ่ ม ประสิ ท ธิ ภ าพการบริ ห ารจั ด การของ องค ก รปกครองส ว นท อ งถิ่ น ให ต อบสนองความ ตองการของประชาชน 3. เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานบุคคลและ กิจการสภาขององคกรปกครองสวนทองถิ่นตามหลัก ธรรมาภิบาล 4. เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานการเงินและ การคลังขององคกรปกครองสวนทองถิน่ ใหมอี สิ ระและ พึ่งพาตนเองได 5. เพิม่ ประสิทธิภาพการใหบริการสาธารณะของ องคกรปกครองสวนทองถิ่น แผนสงเสริมความเขมแข็งของ อปท.เพชรบุรี จั ง หวั ด เพชรบุ รี เ ป น จั ง หวั ด ที่ มี ต น ทุ น ด า น ทรั พ ยากรธรรมชาติ ก ระจายอยู ทั่ ว ไปของแต ล ะ อําเภอไมวาจะเปนอาหารทะเล ผลไม ภูเขา เขื่อน ปาไมที่สมบูรณ ซึ่งแตละอําเภอแตละทองถิ่นก็มี จุดเดนหรือเอกลักษณของตนเอง แผนที่จะสงเสริม ความเขมแข็งของ อปท เพชรบุรี คือ การกระตุนให ผูบริหารใหความสําคัญเกี่ยวกับการสงเสริมตนทุน ดานทรัพยากรธรรมชาติ และตนทุนดานภูมิปญหา ทองถิ่น โดยใหแตละ อปท.เพชรบุรีดึงจุดเดนของ ตนเองมาพัฒนาใหเกิดศักยภาพในดานตางๆ เชน แหลงทองเที่ยว ผัก ผลไม ปลอดสารพิษ เปนตน เพื่อ นําไปสูก ารสรางรายไดใหแกประชาชนในทองถิน่ ของ ตนเอง ซึ่งก็เปนไปตามวิสัยทัศนและยุทธศาสตรการ พัฒนาจังหวัดเพชรบุรี คือ “แหลงผลิตอาหารและ การทองเที่ยวชั้นนําของ ASEAN” แผนการเตรียมความพรอมกอนเขาสู AEC จั ง หวั ด เพชรบุ รี โ ดยสํ า นั ก งานส ง เสริ ม การ ปกครองทองถิ่นจังหวัดเพชรบุรี ไดจัดทําโครงการ ฝกอบรมเพิ่มศักยภาพขององคกรปกครองสวนทอง ถิ่น เพื่อการเตรียมความพรอมใหแกองคกรปกครอง สวนทองถิ่นกอนเขาสู AEC โดยผูบริหาร ปลัดองคกร 54
การสรางระบบการบริหารจัดการ ธรรมาภิบาลใหเกิดขึ้นกับองคกร ปกครองสวนทองถิ่น ปกครองสวนทองถิ่นในจังหวัดเพชรบุรี เขารับการฝกอบรมให ความรู สรางความเขาใจ ปรับทัศนคติในการปฏิบัติงาน และไป ศึกษาดูงานในตางประเทศซึง่ เปนประเทศทีอ่ ยูใ นภูมภิ าคอาเซียน หลังจากการฝกอบรม มีการสรุปผลการฝกอบรมและศึกษาดู งาน ทําใหองคกรปกครองสวนทองถิ่นมีการตื่นตัว และมีความ เขาใจเกี่ยวกับการปฏิบัติงาน เพื่อรองรับการเขาสู AEC มีการ ปรับทัศนคติในการทํางานของผูบริหารและขาราชการทองถิ่น ใหเปนมืออาชีพ มีการกําหนดยุทธศาสตรในการพัฒนาทองถิ่น เชื่อมโยงกับอาเซียนมากขึ้น รวมทั้งมีการสงเสริมใหประชาชนลดตนทุนการผลิตและ เพิ่มผลผลิตดานการเกษตร การบริการดานการทองเที่ยวรวมถึง การพัฒนาแหลงทองเทีย่ วใหไดมาตรฐานเปนสากล รวมทัง้ อปท. มีโครงการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษใหกับพนักงาน ขาราชการสวนทองถิ่นและประชาชนในพื้นที่ดวย ปญหาของ อปท.ในเพชรบุรี และแนวทางแกไข ปญหาที่ อปท.ตางๆ สะทอนมาคือ การไดรับงบประมาณ จากส ว นกลางไม เ พี ย งพอต อ การบริ ห ารจั ด การตามความ ตองการของประชาชน สําหรับในเรื่องนี้ สํานักงานสงเสริม การปกครองทองถิ่นไดทําความเขาใจและสงเสริมสนับสนุน ใหองคกรปกครองสวนทองถิ่นบริหารจัดการดานงบประมาณ ใหเกิดความคุมคา ดังนี้ 1. มาตรการประหยัดงบประมาณดําเนินการ 2. มาตรการประหยัดคาใชจายดานสาธารณูปโภค 3. มาตรการประหยัดนามันเชื้อเพลิง 4. สงเสริมประสิทธิภาพการจัดเก็บรายไดของ อปท. 5. สงเสริมการบริหารจัดการดานการเงิน การคลังและงบ ประมาณ โดยการแตงตั้งคณะทํางานตรวจผลการปฏิบัติงาน ดานการเงินและการคลังของ อปท. ผลการดําเนินงานตามนโยบายของภาครัฐ 1. การปองกันและแกไขปญหายาเสพติด 2. การขับเคลื่อนศูนยปรองดองและสมานฉันท 3. การจัดสรรงบประมาณใหแก อปท.
Phetchaburi 55
4. การพัฒนาบุคลากรของ อปท. 5. การสงเสริมให อปท. ตระหนักถึงความสําคัญของอาเซียน การสงเสริมความรวมมือระหวาง อปท.กับภาคประชาชน สํานักงานสงเสริมการปกครองทองถิน่ จังหวัดเพชรบุรี ใหความสําคัญกับภารกิจหนาที่ขององคกรปกครองสวนทอง ถิ่น กฎหมายกําหนดใหประชาชนเขามามีสวนรวมในการแสดง ความคิดเห็น หรือเปนสวนหนึง่ ในกําหนดนโยบาย เพือ่ ใหองคกร ปกครองสวนทองถิ่นและประชาชนมีสวนในการพัฒนาทองถิ่น ของตนเอง ดังนี้ 1. สงเสริมสรางความรูค วามเขาใจผูบ ริหาร/บุคลากร อปท. ในการสงเสริมการมีสว นรวมของประชาชนในการบริหารและการ พัฒนาทองถิ่น 2. สรางความรวมมือกับสถาบันการศึกษาในการสํารวจ จัด ทํา และพัฒนาฐานขอมูลภาคีเครือขาย ฯ 3. โครงการตรวจรับรองมาตรฐานการปฏิบัติราชการของ อปท. (Core Team) ผลการดําเนินงานที่ภาคภูมิใจ ผลงานทีส่ รางความภาคภูมใิ จของ สถจ.เพชรบุรี คือไดเปน ผูข บั เคลือ่ นนโยบายของรัฐบาล กระทรวงมหาดไทย กรมสงเสริม การปกครองทองถิ่น และจังหวัดเพชรบุรี เชน การปองกันและ แกไขปญหายาเสพติด การจัดทําแผนชุมชน การบูรณาการแผน พัฒนาระหวางองคกรปกครองสวนทองถิ่นกับจังหวัดเพชรบุรี และการพัฒนาความรูใหแกบุคลากรของ อปท.
56
อปท. เปนองคกรที่มีความใกลชิดกับ ประชาชนตั้งแตเกิดจนตาย ดังนั้น ภารกิจขององคกรปกครองสวนทองถิ่น จึงมีเปนจํานวนมาก โครงการเรงดวนเพื่อการพัฒนา อปท. การสรางระบบการบริหารจัดการธรรมาภิบาลใหเกิดขึน้ กับ องคกรปกครองสวนทองถิ่นโดยการเริ่มตนจากโครงการตรวจ รับรองมาตรฐานการปฏิบัติราชการขององคกรปกครองสวน ทองถิ่น ซึ่งเปนแบบประเมินองคกรปกครองสวนทองถิ่นดาน การบริหารจัดการ เปนการนําหลักการบริหารกิจการบานเมืองที่ ดีทั้ง 7 ดาน มากําหนดเปนแบบตรวจประเมิน หากผลการตรวจ ประเมิน อปท. เพชรบุรี ทั้ง 85 แหงผานทั้งหมด ก็จะสะทอนให เห็นวา อปท.เพชรบุรี มีคุณภาพดานการบริหารจัดการ
จากใจทองถิ่นจังหวัด ทองถิน่ จังหวัดมีหนาทีก่ าํ กับ ดูแล และสนับสนุนงานทีเ่ ปน อํานาจหนาที่ของผูวาราชการจังหวัดดานการกํากับดูแล อปท. เพือ่ ใหองคกรปกครองสวนทองถิน่ ปฏิบตั งิ านเปนไปตามระเบียบ กฎหมาย ตอบสนองความตองการของประชาชนไดอยางมี ประสิทธิภาพ และเกิดความยัง่ ยืน เพราะองคกรปกครองสวนทอง ถิ่นเปนองคกรที่มีความใกลชิดกับประชาชนตั้งแตเกิดจนตาย ดังนั้น ภารกิจขององคกรปกครองสวนทองถิ่นจึงมีเปนจํานวน มาก ซึง่ ภารกิจบางอยางบุคลากรยังมีความเขาใจอยางไมถอ งแท จึงตองไดรบั การพัฒนา หรือตองมีพเี่ ลีย้ งคอยใหความชวยเหลือ แนะนําแนวทางปฏิบัติที่ถูกตอง เพื่อการใหบริการแกประชาชน ในพื้นที่ไดอยางมีประสิทธิภาพไมวาจะเปนดานการศึกษา ดาน โครงสรางพื้นฐาน (งานกอสราง) เปนตน ภารกิจบางอยางที่ได รับการถายโอนจากภาคสวนอืน่ ตามพระราชบัญญัตกิ าํ หนดแผน และขัน้ ตอนการกระจายอํานาจของ อปท. สวนราชการทีถ่ า ยโอน ตองใหคาํ แนะนําทีถ่ กู ตองแก อปท. และ อปท. ตองตระหนักและ พัฒนาตนเองใหเปนมืออาชีพ เพื่ออํานวยประโยชนและเปนที่ ยอมรับของประชาชนและสวนราชการอื่นๆ
Phetchaburi 57
แผนที่
เสนทางพบ สนง.สหกรณจังหวัด
สํานักงานสหกรณจังหวัดเพชรบุรี
สํ า นั ก งานสหกรณ จั ง หวั ด เพชรบุ รี สังกัด กรมสงเสริมสหกรณ กระทรวงเกษตร และสหกรณ มีภารกิจหลักในการเผยแพร การสหกรณแกบุคคลทั่วไป ตลอดจนแนะนํา สงเสริมสหกรณ กลุม เกษตรกร และกลุม อาชีพ ที่ อ ยู ใ นจั ง หวั ด เพชรบุ รี ดํ า เนิ น งานภายใต วิสัยทัศน “เปนองคกรชั้นนําในการสงเสริม สหกรณและกลุมเกษตรกร ใหมีความเขม แข็ง เปนที่พึ่งของมวลสมาชิก”
กรมสงเสริมสหกรณ ไดมีการปรับปรุง และพั ฒ นากระบวนการด า นงานส ง เสริ ม สหกรณ ที่ เ รี ย กว า “ระบบการส ง เสริ ม สหกรณ” (Cooperative Promotion System : CPS) รวมไปถึงการประกาศคานิยมของกรม สงเสริมสหกรณ ที่วา “ริเริ่มสรางสรรค (Creative thinking) มุง มัน่ ฟนฝา (Proactive working) พัฒนา สหกรณ (Develop Cooperatives)” เปนการ สรางคานิยมในการทํางานเชิงรุก มุงเนนผล สัมฤทธิ์ในการทํางาน และคุณภาพการให บริการที่ดีแกสหกรณและกลุมเกษตรกร เพื่อ ใหเจาหนาที่ทุกคนของสํานักงานฯ สามารถ เข า ไปส ง เสริ ม สหกรณ แ ละกลุ ม เกษตรกร ตางๆ ที่รับผิดชอบไดอยางมีประสิทธิภาพยิ่ง ขึ้น โดยเนนหนักภารกิจดานการสหกรณใหมี ความเขมขนอยางเต็มรูปแบบประกอบดวย ระบบสงเสริมสหกรณ การขับเคลือ่ นวาระแหง ชาติดานการสหกรณ การสรางเครือขายเขม ขนสหกรณเขมแข็ง การสงเสริมศูนยกระจาย สินคาสหกรณ การผลักดันมาตรฐานสหกรณ สรางความเชื่อมโยงระหวางสหกรณเปนหวง โซแหงคุณคา (Value Chain) ตลอดจนการ 62
พัฒนาหวงโซการผลิต (Supply Chain) เพื่อ พัฒนาสูความสําเร็จ ป จ จุ บั น สํ า นั ก งานสหกรณ จั ง หวั ด เพชรบุรี มีสหกรณและกลุมเกษตรกรที่อยู ในความรั บ ผิ ด ชอบจํ า วนทั้ ง สิ้ น 148 แห ง (สหกรณ 86 แห ง และกลุ ม เกษตรกร 62 แหง) นายคํารณ พวงมณี สหกรณจังหวัด เพชรบุรี ไดเล็งเห็นถึงความสําคัญของการขับ เคลื่อนระบบการสงเสริมสหกรณ (CPS) และ การพัฒนาตน พัฒนาคน การพัฒนางาน เปน ไปตามคานิยมกรมสงเสริมสหกรณ จึงกําหนด นโยบายในการปฏิบัติงานดังนี้ 1. ส ง เสริ ม และพั ฒ นาสหกรณ กลุ ม เกษตรกร มุงสูคุณธรรม โดยใชหลัก จริยธรรม จรรยาบรรณ ธรรมาภิบาล ความรับผิดชอบ ตอสังคม 2. กําหนดแนวทางในการพัฒนาบุคลากร ของสํานักงานในแตละบุคคล และสานสัมพันธ (Share value) คนในองคกรใหอยูกันไดอยาง มีความสุข 3. พัฒนาองคกรใหเปนองคกรแหงความ ผาสุก (Happy work place) 4. ตรวจสอบการใชงบประมาณที่ไดรับ ให มี ก ารเบิ ก จ า ยเที ย บกั บ แผนการใช ง บ ประมาณ ใหทันตามกําหนดระยะเวลา และ ถูกตองโปรงใส 5. ดําเนินกิจกรรม 5 ส. ในสํานักงาน อยางตอเนื่อง โดยยึดหลัก “ผลการปฏิบัติ
งานดี สํานักงานนาอยู ผูปฏิบัติงานพึงพอใจ” 6. ปรั บ ปรุ ง และพั ฒ นาระบบงานให สอดคลองทันสมัย รวดเร็ว ถูกตอง โดยยึดหลัก การทํางาน ออกเปน 4 ขั้นตอน คือ Approach -A แนวทาง วิธีการที่เปน ระบบ มีการจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เพื่อ มอบหมายแผนงาน กําหนดกรอบแนวทาง รูปแบบการปฏิบัติงาน และถายทอดตัวชี้วัด ลงสูผูปฏิบัติรายบุคคล ตามแผนงานที่ไดรับ มอบหมาย และการจัดประชุมระดมสมอง เพื่อถายทอดองคความรู เหตุผล และความ สําคัญดานระบบการสงเสริมสหกรณ (CPS) ใหกบั บุคลากรของสํานักงานฯ เกิดความเขาใจ สามารถวิเคราะหสถานการณของสหกรณและ กลุมเกษตรกร เพื่อกําหนดประเด็นและ แนวทางแกไขรวมกัน Deployment -D มี ก ารถ า ยทอด แนวทาง/วิ ธี ก ารไปสู ก ารปฏิ บั ติ อ ย า ง ครอบคลุ ม และทั่ ว ถึ ง มี ก ารสื่ อ สาร และ การชี้แจงใหหนวยงาน หรือบุคคลที่มีสวน เกี่ยวของในทุกขั้นตอนของกระบวนงาน รับ รูและรับทราบหนาที่ความรับผิดชอบ และวิธี ดําเนินการผานชองทางการสือ่ สารขององคกร เพื่อใหการขับเคลื่อนกระบวนงานมีทิศทาง และการดําเนินการที่มีประสิทธิภาพ Learning -L การแลกเปลี่ยนเรียนรูและ นําสูการปรับปรุง สํานักงานสหกรณจังหวัด เพชรบุรี ไดวางกระบวนการไวในสวนของ Aproach และมีการจัดประชุมกลุมงานวิชา การ และกลุม สงเสริมสหกรณ เปนเวทีแหงการ แลกเปลีย่ น การสือ่ สาร การถายทอดแนวทาง นําไปสูปฏิบัติจริง (Deployment) เกิดการ เรียนรู สามารถปฏิบัติงานใหบรรลุผลสําเร็จ ตามเปาหมายได Integration –I การบูรณาการงานรวม กันระหวางหนวยงานภายนอก เชน สํานักงาน ตรวจบัญชีสหกรณจังหวัดเพชรบุรี สํานักงาน เกษตรและสหกรณ จั ง หวั ด เพชรบุ รี และ จังหวัดเพชรบุรี เปนตน เพื่อใหการปฏิบัติ การ วิเคราะห ปรับปรุง มุงสูเปาหมายไดอยางมี ประสิทธิผล Outcome ผลลัพธ 1. การแนะนําสงเสริมสหกรณไดรับการ ยอมรับจากสหกรณและกลุม เกษตรกรเพิม่ ขึน้ 2. ผู นํ า สหกรณ แ ละกลุ ม เกษตรกร ตระหนั ก และให ค วามสนใจที่ จ ะผลั ก ดั น กิ จ กรรม/โครงการต า ง ๆ เพื่ อ ส ง เสริ ม / พัฒนาการประกอบอาชีพ และคุณภาพชีวิต ของสมาชิก
เสนทางพบสหกรณ
ศูนยสาธิตสหกรณโครงการหุบกะพง
การขับเคลื่อนกิจกรรมการดําเนินงาน ตามแผนการดําเนินงาน ประจําป และแผนแมบทพัฒนาโครงการตามพระราชประสงค หุบกะพง ประจําปงบประมาณ พ.ศ. 2557 โดย ศูนยสาธิตสหกรณโครงการหุบกะพง สํานักงานสหกรณจังหวัดเพชรบุรี
ภายใต 4 ยุทธศาสตร ดังนี้ ยุทธศาสตรที่ 1 : จัดที่ดินใหเกษตรกรสมาชิกสหกรณ ประกอบอาชีพอยูอาศัยและสงเสริมพัฒนาปรับปรุงดิน เพื่อทําการเกษตรอยางมีประสิทธิภาพ
• โครงการออกหนังสืออนุญาตใหเขาทําประโยชนในที่ดิน ในเขตพื้นที • โครงการตามพระราชประสงคหุบกะพง อําเภอชะอํา จังหวัดเพชรบุรี รุน 3 จํานวน 66 ราย ยุทธศาสตรที่ 2 : สงเสริมสหกรณในการบริหารจัดการนํ้า จากระบบชลประทาน เพื่อการเกษตรและอุปโภคบริโภค อยางมีประสิทธิภาพ
• โครงการบริหารการใชนํ้าในพื้นที่โครงการตามพระราชประสงคหุบ กะพง • โครงการบริหารการใชนํ้า (เงินอุดหนุนใหสหกรณจางเจาหนาที่) ยุทธศาสตรที่ 3 : สงเสริมสหกรณใหเปนองคกร ที่เขมแข็ง สามารถจัดการผลิตผล ผลิตภัณฑ สินคา รวมทั้งดานเศรษฐกิจและสังคม อํานวยประโยชน แกเกษตรกรสมาชิกอยางมีประสิทธิภาพ
• โครงการสรางความนิยม (Brand) สินคาสหกรณและสงเสริมการ ตลาด • โครงการฝกอบรมมัคคุเทศกอาสาแกสมาชิก/เยาวชนสหกรณ • โครงการสนับสนุน สงเสริม การเขาเยี่ยมชมศูนยเรียนรูโครงการตาม พระราชประสงคหุบกะพง ยุทธศาสตรที่ 4 : สงเสริมสหกรณและสมาชิก พัฒนา สาธิตการประกอบอาชีพ และศูนยเรียนรูโครงการตาม พระราชประสงคหุบกะพง เปนแหลงเรียนรูเชิงทองเที่ยว ขยายผลสําเร็จสูประชาชนทั่วไป
• โครงการจัดระบบบัญชีรานจําหนายผลิตภัณฑปานศรนารายณของ สหกรณการเกษตร • โครงการสรางเครือขายตนกลาสหกรณเขมขนสูสหกรณเขมแข็ง • โครงการสงเสริมการทองเที่ยวเชิงศึกษาการสหกรณ โครงการตาม พระราชประสงคหุบกะพง • โครงการสงเสริมอาชีพสมาชิกสหกรณตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจ พอเพียง จํานวน 12 รายการ
ซึ่งการดําเนินกิจกรรมทุกโครงการ มีวัตถุประสงค โดยรวมเพื่อเปนการสงเสริม สนับสนุน พัฒนา เติมเต็ม และ แกไขปญหา ใหสมาชิกสหกรณการเกษตรหุบกะพง จํากัด และ เกษตรกรในพื้นที่ ไดอยูดี กินดี ตามอุดมการณ หลักการ วิธีการ สหกรณ และเปนไปตามวัตถุประสงคของโครงการตามพระ ราชประสงคหุบกะพง ภายในภาระหนาที่ความรับผิดชอบงาน ราชการของ ศูนยสาธิตสหกรณโครงการหุบกะพง สํานักงาน สหกรณจังหวัดเพชรบุรี ศูนยสาธิตสหกรณโครงการหุบกะพง 28 กรกฎาคม 2557 Phetchaburi
63
บทความพิเศษ
สหกรณเครดิตยูเนี่ยนจังหวัดเพชรบุรี
สถาบันการเงินและสวัสดิการชุมชนเพื่อชุมชน
พระธรรมรัตนดิลก
ผศ.ดร.นิวัติ กลิ่นงาม
ผศ.สุวิทย เปยผอง
อาจารยชํานาญ อิ่มสะอาด
ความเปนมา 4. คณะกรรมการและฝายจัดการมีความสามารถ และ ป พ.ศ. 2522 วิทยาลัยครูเพชรบุรี โดย อาจารยจํานวน 3 ทาน คือ มีความซื่อสัตย 1). ผศ.ดร.นิ วั ติ กลิ่ น งาม อธิ ก ารบดี ค นป จ จุ บั น 2). ผศ.สุ วิ ท ย 5. มีการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรูของคณะกรรมการ เปยผอง 3). ผศ.บัวเงิน พาทีทิน ไดเขารับ การอบรมและศึกษาดูงาน ทุกแหง เดือนละ 1 ครั้ง หลักสูตรเครดิตยูเนี่ยน ณ ชุมนุมสหกรณเครดิตยูเนี่ยน แหงประเทศไทย 6. การศึกษาอบรมของคณะกรรมการ/ ฝายจัดการ/ จํากัด และไดไปศึกษาดูงาน สหกรณเครดิตยูเนี่ยนดอนมดตะนอย จํากัด สมาชิกอยางตอเนื่อง จ.ราชบุรี และสหกรณเครดิตยูเนี่ยนนักบุญเปรโต จํากัด จ.นครปฐม ซึ่ง 7. รายไดของสมาชิก แตละแหงมีสมาชิกประมาณ 600 คน จึงเห็นโอกาสที่จะเสนอแนะให ชาวบานในจังหวัดเพชรบุรีรูจักประหยัด อดออมเปนประจําทุกเดือน โดยจัดตั้งเปนกองทุน (เครดิตยูเนี่ยน) ขึ้นในชุมชน เพื่อชวยเหลือซึ่งกัน และกัน สมาชิกที่จําเปนเดือดรอน สามารถกูยืมได โดยเสียดอกเบี้ยใน อัตราที่ตํ่า สมาชิกที่สะสมเงินไวจะไดบุญกุศลและไดปนผลเมื่อสิ้นป หลังจากการอบรมเรื่องเครดิตยูเนี่ยน อ.เสยย เกิดเจริญ อธิการ วิทยาลัยครูเพชรบุรี ไดมอบเงินใหจํานวน 3,000 บาท ใหไปจัดตั้งเครดิต ยูเนี่ยนแหงแรกขึ้น โดยมีหลวงพอวัดธรรมรังษี (พระครูอนุกูลประชากิจ) เปนผูรวมคนจัดตั้งเครดิตยูเนี่ยนวัดธรรมรังษี ขึ้นเปนแหงแรก โดย มีสมาชิกแรกตั้ง จํานวน 70 คน มีเงินออมครั้งแรก จํานวน 1,750 บาท ปจจุบัน มีสมาชิกมากกวา 8,000 คนเศษ มีเงินทุนหมุนเวียนประมาณ 150 ลานบาท ปจจุบัน พื้นที่จังหวัดเพชรบุรี มีเครดิตยูเนี่ยนจํานวน 60 แหง สมาชิกราย สค.รวมนํ้าใจทายาง จก. บุคคล 230,000 คน สินทรัพยรวมกวา 5,800 ลานบาท และเครดิต ยูเนี่ยนไดพัฒนาเปน สถาบันการเงินและสวัสดิการชุมชน เพื่อชุมชน สามารถแขงขันกับธนาคารพาณิชย ในดานการระดมเงินออมและ การใหบริการกูย มื และทีเ่ หนือกวา คือ มีการจัดสวัสดิการเพือ่ สมาชิก ที่หลากหลาย ตั้งแตเกิดจนตาย สค.บานหนองกระทุมพัฒนา จก. ปจจัยที่สนับสนุนความสําเร็จเปนจังหวัดเครดิตยูเนี่ยน 1. การสนับสนุนจากสภาบันราชภัฎเพชรบุรี / ชมรมเครดิตยูเนี่ยน เพชรบุรี / ชุมชน 2. การคมนาคมสะดวก 3. การเอาใจใสของผูนํา / อาสาสมัคร 64
สค.โรงเรียนวัดหนองแก จก.
สค.บานซองวังจันทร
สค.บานทับคาง จก.
สค.หนองขานาง จก.
ชมรมเครดิตยูเนี่ยนเพชรบุรี วัตถุประสงค 1. สงเสริมใหสมาชิกออมทรัพย โดยการถือหุนเปนประจําทุกเดือน 2. รับเงินฝากจากสมาชิก 2.1 ฝากออมทรัพย 2.2 ฝากประจํา 3. พัฒนาคนใหมคี ณ ุ ธรรม 5 ประการ ซือ่ สัตย เสียสละ รับผิดชอบ เห็นใจ และ ไววางใจ (สําคัญที่สุด) 4. ใหบริการกูยืมตามความจําเปนหรือมีประโยชน การเผยแพรจัดตั้งเครดิตยูเนี่ยน ในจังหวัดเพชรบุรี ใหมีเพิ่มมากขึ้น ทีมงาน ประกอบดวย ผศ.สุวิทย เปยผอง และ อ.ชํานาญ อิ่มสอาด ไดขอความเมตตา จากเจาคณะจังหวัดเพชรบุรี (พระธรรมรัตนดิลก) ใหชวยเปนองคอุปถัมภในการ อบรมถวายความรูเรื่อง เครดิตยูเนี่ยน แดพระสังฆาธิการ และผูนําชุมชน จํานวน 200 คน ที่วิทยาลัยครู (5 มี.ค.23) หลังจากอบรมครั้งนั้น สามารถจัดตั้งเครดิตยู เนีย่ นไดจาํ นวน 14 แหง และเพือ่ ใหมกี ารจัดตัง้ เครดิตยูเนีย่ นเพิม่ มากขึน้ ใน ป 2529 จึงไดจดั ตัง้ ชมรมเครดิตยูเนีย่ นเพชรบุรี ขึน้ โดยมี อ.คํารณ พราหมณฤกษ เปน ประธานชมรมคนแรก เพื่อทําหนาที่เผยแพร จัดตั้ง และนิเทศ ติดตาม ประเมินผล เยีย่ มเยียนใหกาํ ลังใจแกคณะกรรมการบริหารของเครดิตยูเนีย่ นแตละแหง จากการ ทํางานของผูนํารุนบุกเบิก โดยความรวมมือของคณะกรรมการชมรมเครดิตยูเนี่ยน อยางตอเนื่องและไมทอถอย จึงทําใหเพชรบุรี...เปนเมืองเครดิตยูเนี่ยน ประโยชนของเครดิตยูเนี่ยน 1. สมาชิกไดมีโอกาสสะสมเงินเปนกอนในวันหนึ่งขางหนา 2. ไดชวยเหลือเพื่อนสมาชิกใหกูยืมได 3. ทําใหคนมีเครดิต ( กูยืมได ) 4. ทําใหมีธนาคาร / สถาบันการเงินระดับหมูบาน ตําบล 5. สะดวกในการฝาก – ถอน – กูยืม เพราะตั้งอยูตามหมูบาน 6. ทําใหมีสมาชิกไดรับสวัสดิการตางๆ 6.1 สวัสดิการคุมครองเงินกู ( สก.1 ) 6.2 สวัสดิการคุมครองเงินสะสม ( สก.2 ) 6.3 สวัสดิการรักษาพยาบาล 6.4 สวัสดิการแตงงาน 6.5 สวัสดิการรับขวัญบุตร 6.6 สวัสดิการฌาปนกิจ ฯลฯ ฯลฯ ประโยชนที่ไดรับ - มีเงินออม - สวัสดิการ - แหลงเงินทุน
คุณธรรม 5 ประการ ซื่อสัตย เสียสละ รับผิดชอบ เห็นใจกัน ไววางใจกัน ยามมี มาฝาก ยามยาก มาถอน เดือดรอน มากู ไมรู ใหถาม ........จิตตารมณ.......... สนใจ หวงใย แบงปน รับใช ขบวนการเครดิตยูเนี่ยน เราถือวา We are brothers เราเปนพี่นองกัน
ชุมนุมสหกรณเครดิตยูเนี่ยนแหงประเทศไทย จํากัด สาขาจังหวัดเพชรบุรี โทรศัพท 0-3241-5617 โทรสาร 0-3241-5842 E-mail : cultpetch@cultthai.coop Phetchaburi
65
บทความพิเศษ
“รวมนํ้าใจทายาง” สหกรณเครดิตยูเนี่ยน ถ า เปรี ย บสหกรณ เ ป น บ า นหลั ง หนึ่ ง บ า นรวมนํ้ า ใจ ทายางก็นับเปนบานที่เราอยูกัน อยางมีความสุขตามสมควรกับ อัตภาพ มีรากฐานจากความเปน ครอบครัวทีส่ นใจ หวงใย แบงปน และรับใชซึ่งกันและกัน เปนบาน ที่อยูกันอยางอบอุน ยึดคุณธรรม เปนหลักในการดําเนินชีวิต และ พร อ มที่ จ ะพั ฒ นาลู ก หลานใน บานใหมีคุณภาพชีวิตที่ดี 32 ปมาแลวที่บานหลังนี้ปลูกสรางขึ้นมาจาก ความรวมมือรวมใจของชาวทายาง และทาคอย ที่ เสี ย สละและเห็ น คุ ณ ค า ของการสร า งบ า นนี้ ใ ห มี อุดมการณในการชวยเหลือตนเอง ชวยเหลือผูอ นื่ และ ชวยเหลือซึง่ กันและกัน การสรางบานเปนเรือ่ งยากอยู แลว เนือ่ งจากคนในทายางและทาคอยยังขาดความ เชื่อมั่นในชื่อเครดิตยูเนี่ยน แตการสืบสานใหมั่นคง สถาพรยิง่ ยากไปกวา แตจะยากอยางไร บรรพชนคน เครดิตยูเนี่ยนรวมนํ้าใจทายาง ก็แสดงใหเห็นถึงธาตุ แทของความเสียสละ จริงจัง จริงใจในอุดมการณดัง กลาว “บานรวมนํ้าใจทายาง” จึงเจริญเติบโตอยาง ไมขาดชวงขาดตอน จนกิจการสหกรณลมื ตาอาปาก ไดอยางคอยเปนคอยไป เติบใหญกา วหนาทามกลาง สภาพสังคมที่เปลี่ยนไป สมาชิกมากขึ้น เงินมากขึ้น ปญหามากขึ้น และศีลธรรมที่ออนไหวมากขึ้น
66
รวมนํา้ ใจทายาง ยินดีทมี่ สี ว นในการเปนองคกรทางการ เงินและสวัสดิการสังคมของชุมชนทายาง ทาคอย หนองแฟบ ทากระเทียม หนองบวย หนองแขม กระจิว และจังหวัดเพชรบุรี เรามีอาคารสํานักงานทีน่ า รักสวยงามพอเพียงทีย่ นิ ดีบริการทุก องคกร และทุกคณะบุคคลทีจ่ ะมาเยีย่ มชมกิจการหรือศึกษาหา ประสบการณในดานการสหกรณ
“Welcome to Ruamnumjaithayang” สหกรณเครดิตยูเนี่ยนรวมนํ้าใจทายาง จํากัด
วิสัยทัศน “เปนสหกรณชั้นนําที่มีคุณภาพและมั่นคง บริหาร จัดการอยางมีประสิทธิภาพ พัฒนาคุณภาพชีวิต นําไปสูการ พัฒนาสังคมอยางยั่งยืน” จํานวนสมาชิก (สามัญ) กรรมการดําเนินงานชุดที่ 32 ฝายตรวจสอบกิจการ ฝายจัดการ สวัสดิการสําหรับสมาชิก 1. สวัสดิการเงินกู 2. สวัสดิการเงินสะสม 3. สวัสดิการชวยเหลือ ซึ่งกันและกัน 4. สวัสดิการรับขวัญบุตร 5. สวัสดิการมงคลสมรส
ทุนเรือนหุน เงินฝากออมทรัพย เงินใหสมาชิกกู ทุนดําเนินงาน
6,483 คน จํานวน 15 คน จํานวน 5 คน จํานวน 8 คน
6. สวัสดิการรักษาพยาบาล 7. สวัสดิการเบี้ยยังชีพผูสูงอายุ 8. สวัสดิการอุปสมบท 9. สวัสดิการผูประสบอัคคีภัย 10. สวัสดิการสก.5 (สมัครเพิ่ม) 11. สวัสดิการสงเคราะหศพ ชมรมเพชรบุรี (สมัครเพิ่ม) จํานวน จํานวน จํานวน จํานวน
110,315,560 บาท 104,869,643 บาท 118,445,893 บาท 245,000,000 บาท
(ขอมูล ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2557)
สหกรณเครดิตยูเนี่ยนรวมนํ้าใจทายาง จํากัด โทร. 032 771221-2 แฟกซ 032 771220 Phetchaburi
67
บทความพิเศษ
สหกรณการเกษตรบานลาด จํากัด
สหกรณการเกษตร บานลาด จํากัด มุงเนน ที่ความพึงพอใจของผูใช บริการ สงเสริมใหทุกคน ช ว ยเหลื อ ตนเอง และ ชวยเหลือซึ่งกันและกัน
นายถม พรายประทีป ประธานกรรมการ
นายศิริชัย จันทรนาค ผูจัดการ
ขอมูลทั่วไปของสหกรณ สหกรณการเกษตรบานลาด จํากัด ตั้งอยูเลขที่ 91 หมูที่ 7 ตําบลบานลาด อําเภอบานลาด จังหวัดเพชรบุรี มีพนื้ ทีต่ ดิ กับอําเภอ เมือง อําเภอทายาง อําเภอหนองหญาปลอง และอําเภอแกงกระจาน โดยประชากรในพื้นที่สวนใหญประกอบอาชีพทําการเกษตร เชน ทํานา ทําสวน ทําไร และเลี้ยงสัตว ประวัติสหกรณ สหกรณเริ่มตนตั้งแตป พ.ศ. 2483 จากการรวมตัวกันของ สหกรณหาทุนจํานวน 28 สหกรณ และในป พ.ศ.2495 เพิ่มอีก 4 สหกรณ จัดตั้งเปนสหกรณการเกษตรบานลาด เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2512 สหกรณดําเนินงานเรื่อยมาจนถึง พ.ศ. 2518 ก็ไดจดทะเบียน ควบรวมกับสหกรณที่ดินบานลาด ในขณะนั้นจัดตั้งเปน “สหกรณ การเกษตรบานลาด จํากัด” เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2518 และใน ปเดียวกันสหกรณไดรับโลหรางวัลพระราชทานจากพระบาท สมเด็จพระเจาอยูหัว ประเภทสหกรณการเกษตรดีเดน ในปจจุบันสหกรณดําเนินธุรกิจที่หลากหลาย เพื่อตอบสนอง ความตองการของสมาชิก โดยยึดหลักความตองการของสมาชิกเปน หลัก มุงเนนซึ่งความพึงพอใจของสมาชิกเปนสําคัญ วิสัยทัศน สหกรณการเกษตรบานลาด จํากัด เปนสหกรณการเกษตรชัน้ นําระดับประเทศ พัฒนาสินคาเพือ่ การสงออก พัฒนากาวสูป ระชาคม เศรษฐกิจอาเซียน พัฒนาคุณภาพชีวิตสมาชิกและชุมชนบนพื้นฐาน เศรษฐกิจพอเพียง สถานภาพของสหกรณ (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2557 ) จํานวนสมาชิก 8,577 คน 80 กลุม สมาชิกสมทบ 4,487 คน ทุนเรือนหุน 134.86 ลานบาท ทุนสํารอง 98.54 ลานบาท ทุนสะสมอื่นๆ 48.58 ลานบาท เงินรับฝาก 721.52 ลานบาท **ทุนดําเนินงานหมุนเวียน 1,067.75 ลานบาท** กําไรสุทธิประจําปบัญชี 55/56 32.51 ลานบาท 68
การดําเนินธุรกิจตางๆ ของสหกรณ (ใสแผนภูมิสไลดที่ 11) ธุรกิจซื้อ แผนกวัสดุการเกษตร สหกรณวางแผนทางธุรกิจ ในการจําหนายวัสดุการเกษตร ปละ 70-80 ลานบาท โดยสํารวจ แบบสอบถาม และความตองการของสมาชิกเปนหลัก ผลิตปุยหมักอินทรีย สหกรณวางแผนลดปริมาณการใชปุย เคมีของสมาชิก โดยการรวมกับสมาชิกผลิตปุยหมัก ปละ10-20 ตัน ธุรกิจซือ้ แผนกวัสดุกอ สราง แผนธุรกิจจัดหาวัสดุกอ สรางโดย เชื่อมโยงกับธุรกิจสินเชื่อ ใน โครงการบานที่อยูอาศัย โดย ใหเงินกู 3 ระยะ คือ 1.เริ่มเทฐานราก จาย 30 % ของเงินกู 2.ขึ้นโครงหลังคา และ มุงหลังคาจาย 30% ของเงินกู 3.บ า นเสร็ จ พร อ มอยู อาศัย จาย 40 % ของเงิน กู โดยใหใชวัสดุกอสรางของ สหกรณ ซึ่งใชเงินทุนในธุรกิจ นี้ประมาณ 12 ลานบาทตอป ธุรกิจซือ้ แผนกอุปโภคบริ โ ภค สมาชิ ก มี ค วาม จํ า เป น ต อ งใช สิ น ค า ที่ ใ ช ในชี วิ ต ประจํ า วั น อยู แ ล ว สหกรณ จึ ง จั ด หาสิ น ค า มา จํ า หน า ยให กั บ สมาชิ ก ใน ราคาตํ่ากวา หรือเทากับทอง ตลาด อีกทั้งยังมีเงินปนผล และเฉลี่ ย คื น ให กั บ สมาชิ ก และสหกรณ ยั ง เป น ศู น ย กระจายสินคาใหกับสหกรณ อื่ น และร า นค า ของสมาชิ ก ในทองถิ่นอีกดวย ในธุรกิจนี้ ใชเงินทุนในการดําเนินธุรกิจ หมุนเวียน 5-6 ลานบาทตอป
ธุรกิจบริการ แผนกปมนํ้ามัน ซึ่งสหกรณเปน ตัวแทนจําหนายนํา้ มันเชือ้ เพลิงของ ปตท. ขนาด 8 หัว จาย โดยใชทุนในการดําเนินธุรกิจ ปละ 50 ลานบาท แตผลกําไรนอย เนื่องจากภาวะราคานํ้ามันไมคงที่ ธุรกิจแปรรูป แผนกโรงสี ปจจุบนั โรงสีขา วของ สหกรณมีกําลังการผลิต 100 ตัน ตอ วันใชวัตถุดิบขาว เปลือกตอปประมาณ 10-20 ลานบาท ไดรบั การรับรอง มาตรฐาน Codex : GMP, HACCP ธุรกิจรวบรวม ตลาดกลางขาวเปลือก สหกรณรวบรวมขาว เปลือกในพื้นที่ใหบริการ โดยเครื่องมือที่ทันสมัย และยุติธรรม ธุรกิจสงเสริมการเกษตร ปรับปรุงและจําหนายเมล็ดพันธุ ขาว สหกรณดําเนินธุรกิจปละ 10 ลานบาทเศษ ชวยใหเกษตรกรมี โอกาสใชเมล็ดพันธุขาวที่ดีมีคุณภาพ สงผลตอปริมาณผลผลิตที่ดี ไดมาตรฐาน ธุรกิจบริการ ตลาดกลางผัก-ผลไม เมื่อมีการผลิตยอมตองมี การตลาดเพือ่ รองรับผลิตผลดานการเกษตรจากสมาชิกของสหกรณ ซึง่ ในปหนาจะมีเงินหมุนเวียนในตลาดไมนอ ยกวา 100 ลานบาท และ ทําใหสมาชิกรูจักการตลาดมากขึ้น ธุรกิจสงเสริมและรวบรวมกลวยหอมทองปลอดสารพิษ เพือ่ การสงออก เปนธุรกิจทําการคาระหวางประเทศไทยกับประเทศ ญี่ปุน ซึ่งในแตละปมีการสงออก 20-30 ลานบาท ซึ่งขึ้นอยูกับภัย ธรรมชาติและผลผลิตของสมาชิก ธุรกิจบริการ รถตูใ หเชา เพือ่ เปนทางเลือกใหสมาชิกทีม่ คี วาม จําเปนตองเดินทางไปที่ตางๆ โดยคิดคาบริการในราคาถูก สวัสดิการของสหกรณ 1. สวัสดิการชวยเหลือสมาชิกกรณีประสบภัยพิบัติตางๆ 2. สวัสดิการชวยเหลือสมาชิกโครงการปลูกกลวยหอมทอง 3. สวัสดิการโครงการดวยรักและผูกพัน 4. สวัสดิการโครงการคิดถึงสหกรณกอนนอนคืนละบาท 5. สวัสดิการทุนการศึกษาแกบุตรสมาชิก 6. สวัสดิการรับขวัญวันวิวาห 7. สวัสดิการทุนสงเสริมอาชีพแกสมาชิก 8. สวัสดิการคารักษาสมาชิก 9. สวัสดิการจายเงินสงเคราะหศพใหสมาชิกที่อายุ 70 ปขึ้นไป 10. สวัสดิการบํานาญผูสูงอายุแกสมาชิก อายุ 70 ปขึ้นไป 11. สวัสดิการสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห 12. สวัสดิการเจาภาพรวมงานศพสมาชิก 13. สวัสดิการประกันชีวิตประธานกลุมทุกกลุม 14. สวัสดิการโครงการ “รักษาผืนแผนดินใหสมาชิก”
กิจกรรมสัมพันธ จัดกิจกรรมมิตรสัมพันธ ระหวาสงสมาชิกสหกรณการเกษตร บานลาด จํากัด กับสมาชิกชุมนุมฯ Pal system จัดคลินิกคลายทุกข สหกรณดําเนินโครงการ “คลินิกคลาย ทุกข” เพือ่ แกปญ หาหนีใ้ หกบั สมาชิกทีเ่ ปนหนีแ้ ลวคางชําระ สหกรณ จะชวยแกปญหาโดยการจัดหนวยเคลื่อนที่ และเปดคลินิกเพื่อแกไข การดําเนินธุรกิจตางๆ ของสหกรณโดยมุงเนนสมาชิก เปนศูนยกลาง (Members Center) และดําเนินธุรกิจตามความ ตองการของสมาชิกโดยการสํารวจความตองการของสมาชิกเพือ่ เปนขอมูลในการดําเนินธุรกิจ และสหกรณมกี ารสํารวจความพึง พอใจของสมาชิกเปนระยะเพื่อนําขอมูลมาพัฒนาธุรกิจตางๆ ใหเปนเลิศ โดยที่สมาชิกสามารถแสดงความคิดเห็นไดหลาย ชองทาง เชน กลองรับความคิดเห็น, โทรศัพท (0-3249-1268) เขาพบโดยตรง หรือฝากกระทูผานเว็บไซตของสหกรณไดที่ www.Banlat-coop.com การถือกําเนิดสหกรณการเกษตรบานลาด จํากัด ดวยสภาพเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนในอําเภอบานลาด ในอดีต ซึ่งสวนใหญประกอบอาชีพทํานา ตองประสบปญหาความ เดือดรอนขาดแคลนเงินทุน ถูกเอารัดเอาเปรียบจากพอคา คนกลาง จึงจําเปนตองมีการจัดตัง้ สหกรณการเกษตรบานลาด ขึน้ มาเพือ่ แกไข ปญหาดังกลาว
Phetchaburi
69
บทความพิเศษ
สหกรณออมทรัพยครูเพชรบุรี จํากัด วิ สั ย ทั ศ น และนโยบายของสหกรณ ออมทรัพยครูเพชรบุรี จํากัด วิสัยทัศน ; “เปนสหกรณชั้นนําใน จังหวัดเพชรบุรี ที่มั่นคง โปรงใส ทันสมัย ใสใจสมาชิกและสังคม” นโยบาย ; “บริหารงานเพื่อประโยชน ของสมาชิกเปนสําคัญ”
นายจําลอง บัวงาม ประธานกรรมการดําเนินการ ตําแหนงตนสังกัด รองผูอํานวยการ สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษา เพชรบุรี เขต 1 ประวัตคิ วามเปนมาโดยยอของสหกรณ สหกรณออมทรัพยครูเพชรบุรี จํากัด จดทะเบียนตามพระราชบัญญัติสหกรณ เมือ่ วันที่ 15 ตุลาคม 2500 มีชอื่ วา “สหกรณ ครูเพชรบุรี จํากัด สินใช” ใชอาคารเรียนของ โรงเรียนเบญจมเทพอุทิศหลังเกา (ปจจุบัน คือโรงเรียนอนุบาลเพชรบุร)ี เปนสํานักงาน สหกรณ มีสมาชิกทั้งหมด 725 คน ป พ.ศ. 2521 เปลีย่ นชือ่ เปน “สหกรณ ออมทรั พ ย ค รู เ พชรบุ รี จํ า กั ด ” โดยมี วัตถุประสงคเพื่อสงเสริมผลประโยชนทาง เศรษฐกิจและสังคมของสมาชิกโดยวิธชี ว ย ตนเอง และชวยเหลือซึ่งกันและกันตาม หลักการสหกรณดวยการรวมกันดําเนิน ธุ ร กิ จ ประกอบกิ จ การประเภทส ง เสริ ม ใหสมาชิกออมทรัพย รับฝากเงินสมาชิก ตลอดจนใหเงินกูแกสมาชิก ป พ.ศ.2528 จั ด ซื้ อ ที่ ดิ น และเริ่ ม กอสรางสํานักงานไดปลายป พ.ศ.2528 ป พ.ศ.2529 กอสรางอาคารสํานักงาน แลวเสร็จ ตั้งอยูที่เลขที่ 18/11 ถนนชีสระ อินทร ตําบลคลองกระแชง อําเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี จนถึงปจจุบันนี้ 70
สิทธิประโยชน และสวัสดิการสมาชิก Ø สวัสดิการวาดวยการมงคลสมรส ของสมาชิก 1,000 บาท Ø สวั ส ดิ ก ารทุ น การศึ ก ษาบุ ต ร สมาชิก 1,000 บาท (ตอครอบครัว) Ø สวั ส ดิ ก ารทุ น พั ฒ นาศั ก ยภาพ สมาชิก 500 บาท (ตอคน) Ø สวั ส ดิ ก ารว า ด ว ยเงิ น บํ า เหน็ จ สมาชิก 500 บาท ตอป แตไมเกิน 10,000 บาท Ø สวัสดิการวาดวยเงินสงเคราะห ศพสมาชิก (ทายาทรับ) 10,000 บาท100,000 บาท Ø สวั ส ดิ ก ารสงเคราะห ศ พ บิ ด า มารดา คูสมรส และหรือบุตรที่ถูกตองตาม กฎหมาย (ไมบรรลุนิติภาวะ) สหกรณชว ยเหลือ ศพละ 2,000 บาท Ø สวั ส ดิ ก ารมุ ทิ ต าจิ ต ต อ สมาชิ ก อาวุโส 500 บาท-2,000 บาท Ø สวั ส ดิ ก ารว า ด ว ยการรั ก ษา พยาบาล 2,000 บาท-10,000 บาท Ø สวัสดิการเงินประกันชีวิตกลุม สําหรับสมาชิก (ทายาทรับ) 100,000 บาท
รูปแบบการบริการ • รั บ ฝากเงิ น จากสมาชิ ก และ สหกรณ อื่ น ในอั ต ราดอกเบี้ ย ที่ สู ง กว า ธนาคารและสถาบันการเงินอื่น • บริการเงินกู ใหกับสมาชิก ใน อั ต ราดอกเบี้ ย ที่ ตํ่ า กว า ธนาคารและ สถาบันการเงินอื่น โดยแบงประเภทเงินกู ดังตอไปนี้ ü เงินกูสามัญ-สวัสดิการเพื่อการ ศึกษา ü เงินกูสามัญ-ทั่วไป ü เงินกูสามัญ-วิทยฐานะ ü เงินกูพิเศษ ü เงินกูฉุกเฉิน เปาหมายหรือทิศทางในการพัฒนาของ สหกรณออมทรัพยครูเพชรบุรี จํากัด พั ฒ นาระบบการบริ ห ารและการ จัดการใหมีคุณภาพตามหลักธรรมภิบาล เพือ่ ใหสมาชิกมีความเชือ่ มัน่ และศรัทธาใน สหกรณฯ เพือ่ ใหสหกรณเปนทีย่ อมรับของ สมาชิกและสังคม ตลอดจนเพือ่ ใหสหกรณ มีการบริหารและจัดการอยางเปนระบบ การยกระดับคุณภาพชีวิตครูในจังหวัด เพชรบุรี ทีไ่ ดดาํ เนินการแลว และโครงการ อื่นๆ ที่คาดวาจะทําในอนาคต สหกรณฯ เนนการชวยเหลือขาราชการ ครูในจังหวัดเพชรบุรีโดยการใหสินเชื่อที่ หลากหลาย ดวยอัตราดอกเบี้ยที่คอนขาง ตํ่าเพื่อเปดโอกาสใหขาราชการครูตลอด จนบุ ค ลากรทางการศึ ก ษาใน จังหวัดไดมีคุณภาพขีวิตที่ดี มี ความมั่ น คงทางการเงิ น มี ที่ อยูอาศัยที่เหมาะสมกับฐานะ
ตลอดจนมี พ าหนะเพื่ อ ไปปฏิ บั ติ ง าน ราชการตางๆ ภายใตหลักเกณฑการปลอย สินเชื่อที่ตองเหลือเงินหลังการหักชําระหนี้ เพียงพอในการดํารงชีวิต อีกทั้งสหกรณฯ มีการสงเสริมการจัดสวัสดิการตางๆ ให แกสมาชิกอยางสมํ่าเสมอ เพื่อใหสมาชิก สหกรณฯ ไดรับสวัสดิการอยางครอบคลุม หลากหลาย และทั่วถึง สหกรณ ฯ มี โ ครงการที่ ตั้ ง ใจจะทํ า ในอนาคตอันใกลที่สําคัญ คือการพัฒนา ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเชื่อมโยง เครือขายกับหนวยงานสหกรณ และสถาบัน การเงินอืน่ และการพัฒนาอาคารสํานักงาน ให ทั น สมั ย เพื่ อ ให เ ป น สํ า นั ก งานที่ เหมาะสมกั บ การเป น สถาบั น การเงิ น ที่ สามารถรองรับการใหบริการสมาชิกอยาง เพี ย งพอ ใช ป ระโยชน อ ย า งคุ ม ค า และ สวยงาม โดยสหกรณฯไดเตรียมที่สําหรับ การกอสรางอาคารสํานักงานใหมเรียบรอย แล ว บริ เ วณข า งโรงพยาบาลเพชรรั ช ต ส ว นการก อ สร า งยั ง อยู ใ นขั้ น ตอนการ พิจารณาวิธีการที่เหมาะสม และโปรงใส ในการจัดการโดยคณะกรรมการทั้งคณะ ท า นมี แ นวทางในการบริ ห ารจั ด การ สหกรณอยางไร เพื่อใหเกิดประโยชน สูงสุดแกสมาชิก สหกรณฯเนนการชวยเหลือในทุกๆ ดานใหแกสมาชิกเปนสําคัญ มุง เนนการให ขอมูลทีถ่ กู ตองและรวดเร็ว เนนการบริการ ที่เปนกันเอง ใหสมาชิกรูสึกอบอุน รูสึกมีที่ พึ่งเมื่อกาวเขามาสูสหกรณฯ โดยสหกรณ ของเรามีคําขวัญสําหรับ เปนขอยึดถือใน การปฏิบัติหนาที่ วา “สมาชิกคือเจาของ สหกรณ ยิ้มแยม ทักทาย ใสใจใหบริการ” หลักการบริหารบุคลากร และหลักการ บริ ห ารจัดการสหกรณเ พื่อ ใหเ กิดผล กําไรสูงสุด สหกรณออมทรัพย มิไดมุงเนนการ หากํ า ไรสู ง สุ ด แต ส หกรณ อ อมทรั พ ย คื อ สถาบั น การเงิ น ที่ ส ง เสริ ม ให บุ ค คคที่
เป น สมาชิ ก รู จั ก การประหยั ด รู จั ก การ ออมทรั พ ย แ ละสามารถบริ ก ารเงิ น กู ใ ห แกสมาชิกเพื่อนําไปใชจายเมื่อเกิดความ จําเปน โดยยึดหลักการชวยเหลือซึง่ กันและ กัน ระบบสหกรณจึงเปนการรวมกันแกไข ปญหาทางเศรษฐกิจและสังคมทางหนึ่ง ดั่งพระราชดํารัส ของ พระราชวรวงศเธอ กรมหมื่นพิทยาลงกรณ พระบิดาแหงการ สหกรณไทย “สหกรณเปนวิธจี ดั การรูปหนึง่ ซึ่งบุคคลหลายคนรวมกัน โดยความสมัคร ใจของตนเอง ในฐานะที่เปนมนุษย โดยมี สิทธิ์เสมอหนากันหมดเพื่อบํารุงตัวเองให เกิดความจําเริญในทางทรัพย”
แบงปนประสบการณในการทํางานให ประสบความสําเร็จ เพื่อเปนขอคิดที่ดี แกบรรดาครูที่เปนสมาชิก ความสามัคคี เห็นอกเห็นใจกัน ใน การทํางาน จะนําสูค วามสําเร็จในทีส่ ดุ การ อยูดวยกันอยางญาติมิตร อยูดวยกันดวย ความเขาใจซึ่งกันและกัน จะนํามาซึ่งการ ลดความขัดแยงจากความคิดที่แตกตาง ระหว า งตั ว บุ ค คลซึ่ ง เกิ ด ขึ้ น ได เ สมอใน องคกรตางๆ ดังนั้น การเอาใจเขามาใสใจ เรา คื อ แนวทางที่ สํ า คั ญ ที่ จ ะทํ า ให เ รา ประสบความสําเร็จทุกเรื่องไมใชเฉพาะใน การทํางาน
ผลการดําเนินงานของสหกรณในปที่ผานมา ผลการดําเนินงานและเงินลงทุนสหกรณ ณ 31 ตุลาคม 2556 (ปบัญชี 2556 ; พฤศจิกายน 2555-ตุลาคม 2556 ) สมาชิก - สามัญ เงินทุนเรือนหุนสะสม เงินฝาก ทุกประเภท เงินใหสมาชิกกู ทุกประเภท เงินกูยืมจากสถาบันการเงินอื่น รายไดรวม รายจายรวม กําไรสุทธิ สิง่ ทีท่ า นตองการฝากไปยังบรรดาสมาชิก สหกรณออมทรัพยครูจังหวัดเพชรบุรี จํากัด ผม นายจํ า ลอง บั ว งาม ประธาน กรรมการสหกรณ อ อมทรั พ ย ค รู เ พชรบุ รี จํากัด มีความจริงใจตอสมาชิกในการอาสา เขามาทํางานเพือ่ รับใชสมาชิกสหกรณฯทุก ทาน สิ่งที่ผมยึดมั่นและมอบนโยบายแก
7,236 คน 2,230,517,420.00 บาท 2,214,445,431.07 บาท 5,881,330,251.73 บาท 1,266,000,000.00 บาท 298,084,345.69 บาท 168,051,605.61 บาท 130,032,740.08 บาท เจาหนาทีส่ หกรณ คือ การชวยเหลือสมาชิก ใหไดมากที่สุด ทุกๆ การปฏิบัติงานใหทํา เพือ่ ประโยชนสงู สุดของสมาชิกภายใตการ ดํารงอยูไ ดของสหกรณเปนหลักสําคัญ นับ จากนี้ผมยังมีเวลาประมาณปเศษในการ บริหารสหกรณแหงนี้ ผมจะทํางานอยาง เต็มความสามารถเพือ่ การใหบริการแกมวล สมาชิกใหเกิดความพึงพอใจสูงสุด Phetchaburi
71
บทความพิเศษ
การบริหารจัดการศึกษา ดวย
ปณิธาน 7 ประการ
โดย ดร.กนก ปนตบแตง ผูอํานวยการสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1
หลักการสําคัญในการบริหารจัดการ ศึกษาในระดับเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษา ประการ แรกตองศึกษานโยบายของหนวยงานระดับ สูงกวาเชน นโยบายของรัฐบาล กระทรวง ศึกษาธิการ และสํานักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน ใหถองแท และนํา มาแปลงลงสูภ าคปฏิบตั ิ ซึง่ เริม่ ตนจากการ วิเคราะหสภาพแวดลอม วิเคราะหพันธกิจ วิเคราะหผลการดําเนินงานที่ผานมา และ กําหนดวิสัยทัศนของ สพป.เพชรบุรี เขต 1 ไวดังนี้ สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถม ศึกษาเพชรบุรี เขต 1 เปนหนวยงานหลัก ในการจั ด การศึ ก ษาภาคบั ง คั บ อย า งมี คุ ณ ภาพตามมาตรฐาน มี ค วามเสมอ ภาคด า นโอกาส มี คุ ณ ธรรม จริ ย ธรรม สามารถสื บ ทอดมรดกทางวั ฒ นธรรม ทองถิ่น ประเพณีเมืองเพชรบุรี ควบคูกับ การใชเทคโนโลยีที่เหมาะสมสูสากล เพือ่ สรางสังคมแหงการเรียนรู บนพืน้ ฐานปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียง โดยความรวมมือของ ทุกภาคสวน ในการขับเคลื่อนวิสัยทัศนลงสูภาค ปฏิบัติ นอกจากดําเนินงานตามกลยุทธ ของสํ า นั ก งานคณะกรรมการการศึ ก ษา ขั้นพื้นฐาน 5 กลยุทธแลว สพป.เพชรบุรี เขต 1 ไดกําหนดปณิธาน 7 ประการ ใน 72
ระดับเขตพื้นที่การศึกษาเพิ่มเติมขึ้น เพื่อใช เปนเปาหมายในการบริหารจัดการศึกษารวม กัน ประกอบดวย ปณิธานที่ 1 “นาอยู” (Pleasant Atmosphere) หมายถึง : สํานักงานเขตฯ มีความ สะอาด เปนระเบียบ รมรื่น สวยงาม ไรกลิ่นควันและเสียง รบกวน : บุคลากรในสํานักงานเขตฯ มีความสามัคคีกันเปนหนึ่งเดียว ไมแบงฝาย รวมมือ รวมใจกันในการปฏิบัติงาน มีความเอื้ออาทรและใหเกียรติซึ่งกันและกัน ปณิธานที่ 2 “อุนใจ” (Comfortable and Secure) หมายถึง : บรรยากาศของสํานักงานเขตฯ รูสึกอบอุน ปลอดกังวลจากความเสี่ยงตาง ๆ เชน ปลอดภัยทั้งรางกาย จิตใจ ทรัพยสิน และการปฏิบัติภาระงานในหนาที่ : บุคลากรในสํานักงานเขตฯ มีพฤติกรรมสุภาพ ที่แสดงถึงความเปนมิตรที่ดีตอกัน : บุคลากรในสังกัดไดรับความเสมอภาคในการปฏิบัติงาน : ผูรับบริการมีความพึงพอใจในการบริการที่รวดเร็ว เที่ยงธรรม ดวยบรรยากาศ กัลยาณมิตร ปณิธานที่ 3 “คิด อาน เขียนได” (Critical Thinking and Literacy) หมายถึง : ความสามารถของบุคลากรในสํานักงานเขตฯ
- สามารถคิดวิเคราะห คิดสังเคราะห กําหนดเปาหมายความสําเร็จของภาระงาน ที่ตนเองรับผิดชอบได - สามารถวินจิ ฉัยไดวา อะไรคือความ ถูกตอง ความดีงาม ถูกตองตามระเบียบ ทางราชการและมีจิตสาธารณะ - สามารถอาน สรุปประเด็นเรือ่ งทีอ่ า น ได ทั้งในสวนของภาระงานที่ตนเองรับผิด ชอบ และการแสวงหาความรู เพื่อนํามา สรางความรูใ หมหรือประกอบการตัดสินใจ และเพื่อพัฒนาศักยภาพของตนเอง - สามารถเขียนรายงานผลการดําเนิน งาน เพื่อรายงานผูบังคับบัญชา และเพื่อ สื่อสารใหผูอื่นเขาใจตรงกัน ในสวนของ ภาระงานที่ตนเองปฏิบัติ - สามารถพัฒนางานที่รับผิดชอบ ให เปนไปตามมาตรฐานกําหนดตําแหนง และ นําไปสูการวิจัย ปณิธานที่ 4 “มีจดุ ขาย” (Excellence) หมายถึง : การพัฒนาบุคลากรในแตละกลุม ให มีความโดดเดนเปนที่ยอมรับ ตามภารกิจ ของแตละกลุม (อัตลักษณ) : การพัฒนาสํานักงานเขตฯ ใหเปน เลิศหรือโดดเดน ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จน เปนที่ยอมรับของสถานศึกษาและบุคคล ทั่วไป (เอกลักษณ) ปณิธานที่ 5 “สรางเครือขาย” (Community Integration) หมายถึง : การสรางเครือขาย และใชเครือขาย ในการทํางาน ทัง้ ทีเ่ ปน องคกร หรือสถาบัน เพื่อชวยในการเรียนรู และการทํางานใน หนาที่ ใหประสบผลสําเร็จ : การสงเสริม สนับสนุนเครือขายการ เรียนรูของสถานศึกษา
: มีแหลงขอมูลทีส่ ามารถเปนเครือขาย ในการทํางานทัง้ ในเขตพืน้ ทีแ่ ละหนวยงาน ที่เกี่ยวของ ปณิธานที่ 6 “ใชตัวชวย” (Multidisciplinary) หมายถึง : มีตัวชวยในการทํางาน ที่เปนบุคคล เชน เพือ่ นรวมงานในเขตพืน้ ที่ หรือตางเขต พื้นที่ ภูมิปญญาทองถิ่น บุคคลในชุมชน ฯลฯ เปนตน : มีอุปกรณ ที่เปนเทคโนโลยี หรือ ICT ในการทํางานอยางเพียงพอ และมี ประสิทธิภาพ : มีการสงเสริม สนับสนุน การใชตัว ชวยเพื่อการเรียนรูของสถานศึกษา ปณิธานที่ 7 “พรอมดวยแหลงเรียนรู” (Academic Resources) หมายถึง : มีการจัดสภาพแวดลอมหรือแหลง ขอมูลเพื่อการเรียนรู ในสํานักงานเขตฯ และ Website ตาง ๆ เปนแหลงเรียนรู เพื่อ ใหบุคลากรในสํานักงานเขตฯ ใชแสวงหา ความรูและเรียนรูดวยตนเองตามอัธยาศัย ในการพัฒนาศักยภาพของแตละคน
: มีการสงเสริม สนับสนุนใหสถาน ศึกษาใชแหลงเรียนรูในการจัดกิจกรรม การเรียนรู การบริหารจัดการศึกษาดวยปณิธาน 7 ประการ ไดกําหนดไว 2 ระดับ คื อ ระดั บ เขตพื้ น ที่ ก ารศึ ก ษา และระดั บ โรงเรียน ซึ่งมีรายละเอียดแตกตางกัน ไปในแตละระดับ ในครั้งนี้ขอนําเสนอ ระดับเขตพื้นที่การศึกษา หวังใจวาจะ เปนประโยชนใหแกทานผูอานไดนําไป ปรับประยุกตใชเพื่อยกระดับคุณภาพ การบริหารจัดการศึกษาใหสูงยิ่งๆ ขึ้น ตอไป
Phetchaburi
73
บทความพิเศษ
โรงเรียนเบญจมเทพอุทิศ จังหวัดเพชรบุรี
โดย ดร.ไพบูลย เกตุแกว ผูอํานวยการเชี่ยวชาญ (คศ.4) โรงเรียนเบญจมเทพอุทิศจังหวัดเพชรบุรี อําเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี
“เบญจมเทพอุทิศ” เปนนามพระราชทานที่พระบาทสมเด็ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจา อยูหัว ทรงพระราชทานนามเพื่อเปนที่ระลึกถึงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลา เจาอยูหัว ใหกับสถานศึกษาแหงนี้ เบญจมเทพอุทิศ มีประวัติความเปนมายาวนานถึง 97 ป โดยมีพระยา เพชรพิไสยศรีสวัสดิ์ (แมน วสันตสิงห) เปนผูกอตั้ง เปนโรงเรียนสตรีประจํา จังหวัดเพชรบุรี ตั้งอยูที่ที่วัดชีสระอินทร บนเนื้อที่ 5 ไรเศษ ตอมา พ.ศ. 2473 สมเด็จพระราชปตจุ ฉาเจาฟาวไลยอลงกรณ กรมหลวงเพชรบุรรี าชสิรนิ ธร (พระธิดาในรัชกาลที่ 5) ไดทรงบริจาคพระราชทรัพยสวนพระองคเพื่อสราง อาคารเพิม่ เติม ตอมามีจาํ นวนนักเรียนเพิม่ มากขึน้ จึงไดยา ยมาอยูท ที่ รัพยสนิ สวน} พระมหากษัตริย (หนาเขาวัง) บนเนื้อที่ 36 ไร 3 งาน 76 ตารางวา มาจนถึงปจจุบัน โดยผมเขามาดํารงตําแหนงผูอํานวยการโรงเรียนแหงนี้ เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ 2554
โรงเรียนแหงนี้ ผลิตนักเรียนเนนการเปน คนดี เกง มีทักษะชีวิต จิตอาสา และอยูในสังคม ไดอยางมีความสุข
74
Phetchaburi
75
โรงเรียนเบญจมเทพอุทศิ จังหวัด เพชรบุรี เปนโรงเรียนขนาดใหญพิเศษ จั ด การเรี ย นการสอนแบบสหศึ ก ษา (นักเรียนชายและหญิง) มีนักเรียน 3,021 คน มีบคุ ลากรจัดการศึกษาประมาณ 200 คน โรงเรียนแหงนี้เปนโรงเรียนยอดนิยม ในจังหวัดเพชรบุรี มีอัตราการแขงขันสูง ในการสอบเขาเรียนตอระดับมัธยมศึกษา
76
ตอนตน (ม.1-3) และมัธยมศึกษาตอน ปลาย (ม.4-6) ในแตละปการศึกษาจะ มีนักเรียนมาสมัครเรียนตอเปนจํานวน มาก แตโรงเรียนรับนักเรียนไดในจํานวน จํากัด จึงใชการสอบเปนเครื่องมือในการ คัดเลือกนักเรียนเพียงครั้งเดียว ในดาน อัตลักษณของโรงเรียน มุงเนนความ ซื่อสัตย กตัญู รูหนาที่ มีนํ้าใจ มี เอกลักษณไทย กาวไกลสูส ากล โรงเรียน แหงนี้ผลิตนักเรียนเนนการเปนคนดี เกง มีทักษะชีวิต จิตอาสา และอยูในสังคม ไดอยางมีความสุข ในแตละปนักเรียน จะเขาศึกษาตอในอุดมศึกษาได 100% มหาวิทยาลัยยอดนิยมของประเทศ ไดแก จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร ฯลฯ การบริ ห ารงานในโรงเรี ย นนั้ น ผมมี ค วามเชื่ อ ว า ผูบริหารจะตองเปนมืออาชีพ เปนผูนําการเปลี่ยนแปลง และคิ ด นอกกรอบเพื่ อ การพั ฒ นา คณะครู อาจารย ตอง “เปนคนเกง” มีความรูความ การบริหารงาน สามารถในด า นวิ ช าการ เอาใจใส ดู แ ลนั ก เรี ย นดั่ ง เป น บุ ต รหลานของ ในโรงเรียนนั้น ผมมี ตนเอง สําหรับนักเรียนนั้น ถาผูบริหาร ความเชื่อวาผูบริหารจะ เอาใจใส นั ก เรี ย น คณะครู - อาจารย ตองเปนมืออาชีพ เปนผูนํา ถ า ยทอดความรู ไ ด อ ย า งดี เ ยี่ ย ม ผม การเปลี่ยนแปลงและ คิดวานักเรียนจะตองเปนคนดีและเปน คิดนอกกรอบเพื่อ คนเกง พรอมจะเปนกําลังสําคัญในการ
การพัฒนา
พัฒนาสังคมและประเทศชาติตอไป สวน หลั ก ในการทํ า งานนั้ น ผมใช 4 ต. ไดแก เต็มเวลา เต็มหลักสูตร เต็ม ความสามารถ และเต็มใจ บุคลากร ทุ ก คนของโรงเรี ย นมาทํ า งานเต็ ม เวลา คณะครู-อาจารยสั่งสอนลูกศิษย เต็มหลักสูตร เต็มความสามารถและ เต็มใจในการอบรมสั่งสอนศิษย
ความสํ า เร็ จ ของโรงเรี ย นที่ ทํ า ให เกิดความภาคภูมิใจของโรงเรียนแหง นี้คือ การไดรับรางวัลพระราชทาน 6 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 พ.ศ.2522 ครั้งที่ 2 พ.ศ.2527 ครั้งที่ 3 พ.ศ.2537 ครั้ง ที่ 4 พ.ศ.2541 ครั้งที่ 5 พ.ศ.2546 และครั้งที่ 5 พ.ศ.2552 และโรงเรี ยน และ ไดรับโลโรงเรียนรางวัลพระราชทาน อยางยัง่ ยืน (3 ครั้งรวมระยะเวลาไมเกิน 10 ป) โรงเรียนจึงเปนสถานทีศ่ กึ ษาดูงานของ โรงเรียนอื่นๆ และหนวยงานการศึกษาตางๆ ทั่วประเทศ คณะครู-อาจารย ไดรับการยกยองเปน ครูมืออาชีพและไดรับรางวัลระดับประเทศ ไดแก รางวั ล หนึ่ ง แสนครู ดี (ประมาณ 40 คน) รางวั ล
ความสําเร็จของ โรงเรียนที่ทําใหเกิดความ ภาคภูมิใจของโรงเรียน แหงนี้คือ การไดรับ รางวัลพระราชทาน 6 ครั้ง
ครูตนแบบในดานตางๆ รางวัลครูสอนดี เป น ต น ส ว นนั ก เรี ย นนั้ น ได รั บ รางวั ล พระราชทานปการศึกษา 2555 ไดแก เด็กหญิงชนกชนม สายนํ้าผึ้ง และป การศึกษา 2556 ไดแก เด็กหญิงฐิตริ ตั น เตชะพันธ ฯลฯ การจั ด การด า นบริ ก ารที่ โ รงเรี ย น จั ด ให กั บ บุ ค ลากรของโรงเรี ย น ด า น โภชนาการได รั บ รางวั ล อาหารไทย ปลอดภัยอยางมีคุณภาพ (Eat Safe Eat Smart) จากสถาบันอาหาร กระทรวง อุตสาหกรรม ดานหองนํ้า-หองสุขา ได รับรางวัลระดับจังหวัด ระดับภาค และ ระดับประเทศ ในโครงการสุขานาใช Phetchaburi
77
สุขใจไทย-เทศ จากกระทรวงสาธารณสุข รางวัล ชนะเลิ ศ โครงการประกวดปฏิ บั ติ ก ารรณรงค ประหยัดพลังงานระดับประเทศ จากสํานักงาน กกพ.อนุรักษพลังงาน ป 2555 เปนตน นอกจากจะสนั บ สนุ น ให นั ก เรี ย นเก ง ด า น วิชาการแลว โรงเรียนยังสงเสริมความเปนเลิศดาน อื่นๆ จนประสบผลสําเร็จดังนี้ รางวัลชนะเลิศวาย นํ้า กรมพลศึกษา ป พ.ศ.2554 นักเรียนไดรับการ คัดเลือกเปนนักกีฬาเยาวชนทีมชาติไทยแขงขัน กีฬาเอเชียนยุธเกมส ครัง้ ที่ 22 ประเทศ จีน รางวัลชนะเลิศวอลเลยบอล ชายหาด อายุ 18 ป หญิง รายการ สพฐ. รวมกับ ไทย พีบีเอส จังหวัดจันทบุรี ป พ.ศ.2557 ฯลฯ ในการเตรี ย มตั ว เข า สู ส มาคมอาเซี ย น และประชาคมโลก โรงเรี ย นแห ง นี้ ไ ด ดํ า เนิ น การมาตลอด มีการทํา MOU กับตางประเทศ ไดแก โรงเรียนควีน มากาเร็ท ประเทศแคนาดา และโรงเรียน คาปติ คอลเลจ ประเทศนิวซีแลนด และประเทศ ในกลุมอาเซียน มีการแลกเปลี่ยนนักเรียนระหวาง สถาบัน มีโครงการครอบครัวอุปถัมภ (ดูแลนักเรียน ตางชาติ) และในเดือนสิงหาคม 2557 โรงเรียนได สงนักเรียนแลกเปลี่ยน จํานวน 12 คน ไปศึกษา ณ ประเทศสหรั ฐ อเมริ ก า อั ง กฤษ เยอรมั น จี น เปนตน ทั้งนี้การดําเนินการจะบรรลุวัตถุประสงค ไดตองไดรับความรวมมือจากทุกฝายอันไดแก ผูปกครอง คณะครู-อาจารย และชุมชน ฯลฯ ชวยกันสรรคสรางเยาวชนของ ชาติใหเปนคนดี คนเกง มีทกั ษะชีวติ และอยูใ น สังคมอยางมีความสุข และเปนกําลังสําคัญใน การพัฒนาประเทศชาติ ใหเจริญกาวหนาตอไป
รางวัลชนะเลิศ โครงการประกวดปฏิบัติ การรณรงคประหยัดพลังงาน ระดับประเทศ จากสํานักงาน กกพ.อนุรักษพลังงาน ป 2555
78
AD ACONO.pdf 1 19/11/2556 15:48:18
บทความพิเศษ
โรงเรียนวัดดอนไกเตี้ย
เปนเลิศทางวิชาการสูมาตรฐานสากล
โรงเรี ย นวั ด ดอนไก เ ตี้ ย ตั้งอยู เลขที่ 281 หมูที่ 2 ตําบลธงชัย อําเภอ เมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี เปดทํา การสอนตั้งแตชั้นประถมศึกษาปที่ 1 ถึ ง ชั้ น ประถมศึ ก ษาป ที่ 6 ป จ จุ บั น มี นักเรียนจํานวน 2,318 คน ผูอํานวยการ โรงเรียนคนปจจุบันคือ นายไตรรงค อนันตนิติเวทย วิสัยทัศน โรงเรียนวัดดอนไกเตีย้ เปนโรงเรียน ชั้ น นํ า ทางวิ ช าการ สู ม าตรฐานสากล สรางคนเปนพลโลก ดวยครูมืออาชีพ คําขวัญ เน น คุ ณ ธรรม เป น ผู นํ า ความรู อยูเปนสุขในสังคม
นายไตรรงค อนันตนิติเวทย ผูอํานวยการโรงเรียนวัดดอนไกเตี้ย
นางสาวชลิตตา เชื้อนิล รองผูอํานวยการโรงเรียน งานงบประมาณและงานบุคคล
โครงการ / กิจกรรมพิเศษที่ดําเนินการ 1. โครงการพัฒนาทักษะทางวิชาการ เพื่ อ พั ฒ นานั ก เรี ย นชั้ น ประถมศึ ก ษาป ที่ 6 ใหมีทักษะทางวิชาการเต็มศักยภาพ มี ความพรอมในการสอบระดับชาติขนั้ พืน้ ฐาน (O-NET) และสอบเขาศึกษาตอในระดับ ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1 โดยจัดกิจกรรมกวด วิ ช า (ติ ว เตอร ) ในกลุ ม สาระการเรี ย นรู คณิ ต ศาสตร ภาษาไทย วิ ท ยาศาสตร สังคมศึกษา และภาษาอังกฤษ ตลอดปการ ศึกษา ในภาคเรียนที่ 1 ใชเวลาชวง 12.0012.30 น. โดยจัดตารางการสอน และให ครูที่มีความชํานาญในกลุมสาระนั้นๆ กวด วิชาใหกับนักเรียน และในเดือนมกราคมจะ จัดตารางการเรียน โดยปรับเวลาเรียนเหลือ วิชาละ 50 นาที ในหนึ่งวันจะเหลือเวลาอีก1 ชั่วโมง และในเวลา 1 ชั่วโมงนี้จะติวเขม โดยแบงนักเรียนออกเปน 3 กลุม คือ กลุม เกง กลุมปานกลาง และกลุมออน มุงหวังให นักเรียนพัฒนาอยางเต็มศักยภาพ จากการ ดําเนินการดังกลาว สงผลใหผลการทดสอบ ระดับชาติขั้นพื้นฐาน (O-NET) ชั้นประถม ศึกษาปที่ 6 ปการศึกษา 2556 ของนักเรียน 80
นายวิโรจน บุญดี รองผูอํานวยการโรงเรียน งานวิชาการและงานบริหารทั่วไป
ปรัชญาโรงเรียน ทนฺโต เสฏโฐ มนุสฺเสสุ บุคคลผูฝก ตัวดีแลวประเสริฐสุด
โรงเรียนวัดดอนไกเตี้ย มีผลสัมฤทธิ์เฉลี่ยสูงกวาเกณฑระดับชาติ และกลุมสาระการเรียนรู คณิตศาสตร นักเรียนไดคะแนนเต็ม 100 คะแนน จํานวน 10 คน 2. โครงการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการเปน ภาษาอังกฤษ (ENGLISH PROGRAM) ดวยการสอนเปนภาษาอังกฤษทุกวิชายกเวนภาษา ไทยและวิชาสังคม เพื่อใชภาษาอังกฤษเปนสื่อพัฒนาศักยภาพ ความรู ความสามารถ และ ทักษะภาษาอังกฤษของผูเรียน ตลอดจนการจัดการเรียนรูตามบริบทของความเปนไทยผสม ผสานกับความเปนสากล โดยเปดสอนตั้งแตชั้นประถมศึกษาปที่ 1-ชั้นประถมศึกษาปที่ 6 ระดับชั้นละ 1 หองเรียน 3. โครงการพัฒนาหลักสูตรสูม าตรฐานสากล (WORLD-CLASS STANDARD SCHOOL) โรงเรียนวัดดอนไกเตีย้ ไดเขารวมโครงการรุน ที่ 1 ตามที่ สํานักงานคณะกรรมการ การศึกษาแหงชาติ นํามาใชเปนมาตรการเรงดวนในการยกระดับคุณภาพการศึกษาไทย โดย มีเปาหมายหลัก คือ เปนเลิศทางการศึกษา สื่อสารสองภาษา ลํ้าหนาทางความคิด ผลิตงาน อยางสรางสรรค และรวมกันรับผิดชอบตอสังคมโลก โดยใชเครื่องมือที่สําคัญ คือ การศึกษา คนควาดวยตนเอง (INDEPENDENT STUDY : IS) 4. กิจกรรมสงเสริมคุณธรรมจริยธรรม เปนการปลูกฝงและอนุรักษขนบธรรมเนียม ประเพณีไทย สงเสริมใหนกั เรียนไดใกลชดิ พระพุทธศาสนา และซึมซับหลักธรรมทางพระพุทธ
ศาสนา พรอมทัง้ สืบสานความเปนไทยใหคงอยูต ลอดไป ดวยกิจกรรมวันพระพรอมใจใสชดุ สี ขาว รวมกิจกรรมตักบาตร ฟงธรรมหนาเสาธง นั่งสมาธิกอนเรียน การสวดมนตหมูสรภัญญะ การบรรยายธรรม กิจกรรมรวมมือสรางสรรคแบงปนนํ้าใจ ฯลฯ มีผลใหโรงเรียนไดรับรางวัล โรงเรียนดีเดนดานคุณธรรมจริยธรรม จากสํานักงาคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน รวมกับธนาคารออมสินอยางตอเนื่อง 5. โครงการสูตรคูณคลองและคณิตคิดคลอง เพือ่ พัฒนาทักษะทางดานคณิตศาสตร แกนักเรียนทุกคน และเพื่อฝกใหนักเรียนมีความรับผิดชอบตอตนเอง โดยจัดทําแบบฝกสูตร คูณคลอง 1 เลม 50 ชุด ๆละ 100 ขอ ใหนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 1-6 ฝกทํา จัดทําแบบ ฝกคณิตคิดคลอง บวก ลบ คูณ หาร 1 เลม 50 ชุด ๆละ 50 ขอ ใหนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปที่ 1 – 6 ฝกทํา และจะทําการทดสอบภาคเรียนละ 1 ครั้ง โดยสอบพรอมกันทั้งโรงเรียน โดยดําเนินการดังนี้ นักเรียนนั่งสอบประจําหอง เปลี่ยนกรรมการคุมสอบ หัวหนาโครงการ ประกาศเสียงตามสาย กําหนดการทําขอสอบและหมดเวลาสอบ สูตรคูณคลองใชเวลา 5 นาที คณิตคิดคลองใชเวลา 15 นาที สูตรคูณคลองเกณฑผานรอยละ 100 คณิตคิดคลองเกณฑ ผานรอยละ 80 ผูผานเกณฑจะไดรับเกียรติบัตร 6. กิจกรรมครูผูปกครองชวยสอน เพื่อพัฒนานักเรียนใหเต็มตามศักยภาพ และ สรางสัมพันธภาพอันดีระหวางบานและโรงเรียน โดยใหแตละหองคัดเลือกผูป กครองนักเรียน หองละ 1 คน มาสอนนักเรียนในหองบุตรของตนตามความถนัด โดยจัดภาคเรียนละ 1 ครั้ง ซึ่งกิจกรรมนี้นักเรียนไดรับความรูอยางหลากหลาย เปนการนําภูมิปญญาทองถิ่นมาจัดการ เรียนการสอนอยางเกิดประโยชนสงู สุด นํามาซึง่ ความสัมพันธอนั ดีระหวางโรงเรียน ผูป กครอง นักเรียน ครู และนักเรียน ผลการดําเนินงานของโรงเรียนวัดดอนไกเตี้ย 1. ไดรับรางวัลโรงเรียนรางวัลพระราชทาน ระดับประถมศึกษา ขนาดใหญ ในปการ ศึกษา 2556 2. ไดรับรางวัลโรงเรียนคุณธรรมจริยธรรมดีเดน ระดับประเทศ จัดโดยสํานักงาน คณะกรรมการการศึกษาขัน้ พืน้ ฐานรวมกับ ธนาคารออมสิน ในปการศึกษา 2556 3. เด็กหญิงฐิติรัตน เตชะพันธ ได รับรางวัลนักเรียนรางวัลพระราชทาน ระดับ ประถมศึกษาขนาดใหญ ในปการศึกษา 2554 4. เด็กหญิงเปรมกมล มาคลาย ไดรับ รางวัลชนะเลิศ ประกวดบรรยายธรรม รับโล พระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราช สุดาสยามบรมราชกุมารี ในปพุทธศักราช 2554 5. เด็กหญิงวรวลัญษ สุมนารุจริ างค ไดรับรางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 จากการ ประกวดบรรยายธรรม และรางวั ล ชมเชย เขารับโลพระราชทานจากสมเด็จพระเทพ รั ต นราชสุ ด าสยามบรมราชกุ ม ารี ในป พุทธศักราช 2555 และปพุทธศักราช 2556 6. เด็ ก ชายกนกทั ศ น ขํ า ทวี ไดรับ รางวัลงานศิลปะ จากสมเด็จพระเทพรัตน ราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ปพทุ ธศักราช 2555
7. เด็กหญิงพิมพชนก แสงสวัสดิภากร ไดรับรางวัล “นักเรียนดีเดนดานคุณธรรม จริยธรรม” ระดับประเทศ ปการศึกษา 2555 จัดโดยสํานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐานรวมกับธนาคารออมสิน 8. เด็กหญิงวรวลัญษ สุมนารุจิรางค ไดรับรางวัล “นักเรียนดีเดนดานคุณธรรม จริยธรรม” ระดับประเทศ ปการศึกษา 2556 จัดโดยสํานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐานรวมกับธนาคารออมสิน 9. นั ก เรี ย นได รั บ การคั ด เลื อ กเป น ตัวแทนของมูลนิธยิ วุ ทูตความดี กระทรวง การตางประเทศ ไปรวมกิจกรรม ณ ประเทศ อิ น โดนี เ ซี ย ได แ ก เด็ ก หญิ ง พิ ม พ ช นก แสงสวัสดิภากร ปพุทธศักราช 2556 10. เด็กชายรวัชญ ผดุงเกียรติวงษ เป น ตั ว แทนประเทศไทยเข า ร ว มแข ง ขั น คณิตศาสตรนานาชาติ ณ ประเทศสิงคโปร ในปการศึกษา 2556 และ ณ ประเทศอินเดีย ในปการศึกษา 2557 11. โรงเรียนไดรับรางวัลสถานศึกษา ดีเ ดน ที่ส งเสริม และพัฒนาคุณ ภาพ และ มาตรฐานการศึกษาที่ประสบความสําเร็จ กลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร ระดับชั้น ประถมศึกษา ปพุทธศักราช 2556 Phetchaburi
81
เส้นทางความเปนมา
¨Ò¡àÁ×ͧ¾ÃÔº¾ÃÕÊÙ‹
àÁ×ͧྪúØÃÕ จังหวัดเพชรบุรีมีพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ ย้อนไปตั้งแต่สมัยก่อนประวัติสาสตร์ โดยพบหลักฐาน เครื่องมือเครื่องใช้ประเภทขวานหินขัด เครื่องประดับ ที่ ท� า จากหิ น ภาชนะดิ น เผาขวานหิ น ขั ด ลู ก ปั ด หิ น คาร์นีเลียน ลูกปัดหินอาเกต ลูกปัดแก้ว เครื่องมือ เหล็กทีม่ รี ปู แบบดังทีพ่ บตามแหล่งโบราณคดีสมัยก่อน ประวัติศาสตร์ในแถบภาคกลางของประเทศไทย จึง สรุ ป ได้ ว ่ า มี ก ลุ ่ ม คนในสมั ย หิ น ขั ด อาศั ย อยู ่ ใ นเขต ภูเขาทางทิศตะวันตก และในที่ราบลุ่มแม่น�้าเพชรบุรี เมื่อประมาณ 4,000-2,000 ปีมาแล้ว เมื่อมีการติดต่อระหว่างชุมชนในภูมิภาคเอเชีย ตะวั น ออกเฉี ย งใต้ โ ดยทางเรื อ เมื่ อ ประมาณพุ ท ธ ศตวรรษที่ 7 มีเส้นทางการค้าระหว่างอินเดียกับจีนคือ ต้องผ่านคาบสมุทรมลายู โดยเดินทางเลียบตามชายฝัง่ คาบสมุทรมลายูทั้งทางด้านตะวันตก (ทะเลอันดามัน) และด้านตะวันออก (อ่าวไทย) ชุมชนแถบลุ่มแม่น�้า เพชรบุรตี งั้ อยูท่ างด้านตะวันออก จึงน่าเป็นจุดผ่านหรือ จุดพักการเดินทางที่อยู่บนเส้นทางดังกล่าว ต่อมาเมื่อ มีการพัฒนาการเดินเรือน�้าลึกในพุทธศตวรรษที่ 11 มี การขยายการค้าทางเรือของจีน ชุมชนแถบลุ่มแม่น�้า เพชรบุรที ตี่ งั้ อยูใ่ นเส้นทางคมนาคมเหล่านีจ้ งึ เป็นแหล่ง รวมสินค้าหรือจุดแวะพักเพื่อสะสมเสบียง
82
เมืองเพชรบุรีในสมัยทวารวดี เมื่อกระแสวัฒนธรรมจากอินเดียผสมผสานกับวัฒนธรรม ท้องถิน่ ในลุม่ แม่นา�้ เจ้าพระยา ได้เกิดเป็นรูปแบบวัฒนธรรมทีเ่ รียก ว่า วัฒนธรรมทวารวดี เมือ่ ประมาณพุทธศตวรรษที่ 11-16 ดินแดน ในทีร่ าบลุม่ แม่นา�้ เพชรบุรคี งรับเอารูปแบบวัฒนธรรมดังกล่าวเข้า มาด้วย จึงได้พบหลักฐานร่องรอยชุมชนทวารวดีกระจายอยูท่ วั่ ไป ในบริเวณนี้ โดยมีชมุ ชนโบราณทีส่ า� คัญได้แก่ ชุมชนโบราณหนอง ปรง ในเขตอ�าเภอเมือง ฯ โบราณสถานทุง่ เศรษฐี ทีบ่ า้ นโคกเศรษฐี ต�าบลนายาว อ�าเภอชะอ�า ชุมชนแหล่งนี้อยู่ในเขตที่พบพระพุทธ รูปโคลน และเศษวัสดุต่าง ๆ เป็นจ�านวนมาก แหล่งชุมชนโบราณ ส่วนใหญ่จะอยู่ใกล้แม่น�้า และติดชายฝั่งทะเล เมืองเพชรบุรีในวัฒนธรรมเขมร เมื่อวัฒนธรรมเขมรโบราณเริ่มขยายตัวตามดินแดนแถบ นี้ ชุมชนในลุ่มแม่น�้าเพชรบุรีก็ได้รับอิทธิพลของวัฒนธรรมเขมร โบราณ เช่นกัน มีการสร้างเมืองในรูปแบบวัฒนธรรมเขมรโบราณ เป็นรูปสี่เหลี่ยมอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น�้าเพชรบุรี หลักฐาน ที่เห็นได้ชัดได้แก่ โบราณสถานที่วัดก�าแพงแลง ที่มีลักษณะ เป็นปรางค์ขนาดใหญ่ห้าองค์ ก่อด้วยศิลาแลง ตกแต่งด้วยลาย ปูนปั้น ล้อมรอบด้วยก�าแพงศิลาแลง ลักษณะทางสถาปัตยกรรม ของวัดก�าแพงแลง เป็นลักษณะศิลปะบายน จึงสันนิษฐานว่าได้ รับอิทธิพลศิลปะเขมรโบราณแบบบายน มีอายุประมาณ ปรากฏชื่อเมือง พุทธศตวรรษที่ 18 เพชรบุรีในเอกสารจีน ในช่ ว งเวลานี้ เ มื อ งเพชรบุ รี น ่ า จะเป็ น เมื อ ง ท่ า ค้ า ขายเช่ น เดี ย วกั บ เมื อ งราชบุ รี ซึ่ ง เป็ น เมื อ ง ราชวงศ์หงวนว่า กันมู่ติง ร่ ว มสมั ย เดี ย วกั น โดยพบหลั ก ฐานเครื่ อ งถ้ ว ย (กทรเตง) ส่งทูตจากเมือง ชามจีนในชุมชนโบราณหลายแห่ง ที่เป็นชุมชน ปี้ชาปู้หลี่ (เพชรบุรี) มาถวาย โบราณสมัยทวารวดี โดยเฉพาะเศษภาชนะดิน เครื่องราชบรรณาการ เผาของจีนที่มีอายุตั้งแต่สมัยห้าราชวงศ์ จนถึง ราชวงศ์ สุ ้ ง หยวน และเหม็ ง เป็ น จ� า นวนมาก ซึ่งตรงกับปี พ.ศ. แสดงให้ เ ห็ น ถึ ง การติ ด ต่ อ กั บ จี น ตั้ ง แต่ ป ระมาณ 1837 พุ ท ธศตวรรษที่ 15-16 จนถึ ง พุ ท ธศตววรษที่ 18-19 เมืองเพชรบุรีร่วมสมัยกับสุโขทัย จากบันทึกของ ลาร์ ลูแบร์ ได้กล่าวถึงกษัตริยเ์ มืองเพชรบุรไี ว้ ว่า...ปฐมกษัตริย์สยามทรงพระนามว่า พระปฐมสุริยเทพ ฯ ครอง นครชัยบุรี เมื่อ พ.ศ.1300 สืบต่อมาสิบชั่วกษัตริย์ องค์สุดท้ายทรง พระนามว่า พญาสุนทรเทพ ฯ โปรดให้ยา้ ยเมืองหลวงมาตัง้ ใหม่ชอื่ ว่า ธาตุนครหลวง ในปี พ.ศ.1731 กษัตริย์องค์ที่ 12 ทรงพระนาม ว่า พระพนมไชยศิริ ได้ให้ราษฎร์ไปอยู่ ณ เมืองนครไทย ทางตอน เหนือของเมืองพิษณุโลก ส่วนพระองค์เองไปสร้างเมืองใหม่ชื่อว่า “พริบพรี” ตัง้ อยูบ่ นฝัง่ แม่นา�้ สายหนึง่ อยูท่ างทิศตะวันตกของแม่นา�้ Phetchaburi
83
เมืองเพชรบุรีใน สมัยอยุธยายังเปน จุดยุทธศาสตร์ที่สําคัญ ใช้เปนที่ตั้งกําลังทาง ทหารทั้งทางบกและ ทางนํ้า
เจ้าพระยา มีกษัตริยส์ บื ต่อมาสีช่ วั่ กษัตริย์ จนถึงองค์สดุ ท้ายทรง พระนามว่า รามาธิบดี ได้สร้างเมืองสยามขึ้น เมื่อปี พ.ศ.1894 มี ห ลั ก ฐานที่ ก ล่ า วถึ ง เมื อ งเพชรบุ รี ในศิ ล าจารึ ก หลั ก ที่ 1 ว่า “.....เบื้องหัวนอนรอดคนที พระบาง แพรก สุพรรณภูมิ ราชบุรี เพชรบุรี ศรีธรรมราช ฝั่งพระสมุทร เป็นที่แล้ว.....” นอกจากนี้ ยังปรากฏชือ่ เมืองเพชรบุรใี นเอกสารจีน ราชวงศ์หงวนว่า กันมูต่ งิ (กทรเตง) ส่งทูตจากเมืองปี้ชา ปูหลี่ (เพชรบุรี) มาถวายเครื่องราชบรรณาการ ซึ่งตรงกับปี พ.ศ. 1837 ปีที่ 31 ในราชวงศ์ รัชกาลจี้หยวน ซึ่งตรงกับรัชสมัยพ่อขุนรามค�าแหง ฯ ร่องรอยวัฒนธรรมก่อนสมัยอยุธยาในเขตเมืองเพชรบุรี มีโบราณสถานและโบราณ วัตถุหลายอย่าง ที่มีความแตกต่างจากศิลปะแบบอยุธยา ซึ่งเรียกว่า ศิลปะก่อนอยุธยา เช่น พระพุทธรูปในถ�้าเขาหลวง เจดีย์แปดเหลี่ยมในถ�้าเขาหลวง ใบเสมาที่วัดมหาธาตุ ซึ่งเป็นเสมาสลักจากหินทรายแดง ตัวเสมาสลักลวดลายเป็นประติมากรรม นอกจากนี้ ยังมีเสมาจากวัดร้างต่าง ๆ เป็นจ�านวนมาก มีลกั ษณะเก่ากว่าแบบทีน่ ยิ มในสมัยอยุธยา
เมืองเพชรบุรีในสมัยอยุธยา ในสมัยอยุธยา เพชรบุรเี ป็นเมืองชุมทางเชือ่ มต่อระหว่างเมืองในลุม่ แม่นา�้ เจ้าพระยา กับหัวเมืองชายทะเลทางใต้ เป็นเมืองท่าส�าคัญทีเ่ รือสินค้าต่างๆ แวะจอดพักก่อนเดินทาง ต่อไปกรุงศรีอยุธยาหรือจะล่องไปหัวเมืองทางใต้ รวมทั้งการเดินทางทางบกไปยังเมือง ท่าฝั่งตะวันตกคือ เมืองมะริด เมืองเมาะล�าเลิง และหัวเมืองมอญ จากศิลาจารึกวัดเขา กบ ซึ่งเป็นศิลาจารึกสมัยสุโขทัยได้กล่าวถึงเส้นทางที่ผ่านเมืองเพชรบุรีไปยังอินเดียคือ เดินทางมาขึ้นบกที่เมืองตะนาวศรี แล้วตัดข้ามมาเมืองเพชรบุรีแล้วไปราชบุรี จนถึง อโยธยาแสดงว่าเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่ใช้กันมาแต่โบราณ 84
จดหมายเหตุของ ม.เซเบเรต์ ราชทูตฝรั่งเศส ที่เดินทาง มาเจริญพระราชไมตรี ในสมัยสมเด็จพระนารายณมหาราช เมื่อปี พ.ศ.2230 กล่าวถึงการเดินทางไปลงเรือที่เมืองมะริดว่า ได้ล่องเรือจากเมืองลพบุรี ผ่านอยุธยา บางกอก แม่น�้าท่าจีน แม่น�้าแม่กลอง แม่น�้าเพชรบุรี ถึงเมืองเพชรบุรี แล้วเดินทาง ต่อไปชะอ�า เมืองปราณ เมืองตะนาวศรี และเมืองมะริด ระ หว่างเดกินทางได้บนั ทึกเหตุการณ์และบรรยายสภาพบ้านเมือง ต่างๆ เอาไว้ โดยได้กล่าวถึงเมืองเพชรบุรีไว้ว่า “เมื่อเรือได้เข้าล�าน�้าเพชรบุรี ได้พบผู้ว่าราชการเมือง เพชรบุรี .....ออกน�าหน้าเรือพวกเรา และได้โยงเรือพวกเรา สามล�าขึน้ ไปจนถึงเมืองเพชรบุรี ซึง่ อยูห่ า่ งปากน�า้ เข้าไปปราณ 8 ไมล์ แถวปากน�้าเพชรบุรีเป็นที่เปล่าเปลี่ยว ไม่มีผู้คนอยู่เลย แต่เมื่อขึ้นไปตามล�าน�้า ประมาณ 2 ไมล์ ภูมิประเทศดูดีขึ้น สองข้างแม่น�้าเป็นทุ่งนา .....บางแห่งก็เป็นทุ่งเต็มไปด้วยโค กระบือ มีเจ้าของน�ามาเลี้ยง .....เมืองเพชรบุรีเป็นเมืองขนาด ใหญ่ในสยาม แต่เดิมพระเจ้าแผ่นดินสยามก็เคยมาประทับ อยู่ที่เมืองนี้เสมอ เมืองนี้มีก�าแพงก่อด้วยอิฐล้อมรอบและมีหอ รบหลายแห่ง แต่ก�าแพงช�ารุดหักพังไปมากแล้ว ยังเหลือดีอยู่ แถวเดียว บ้านเรือนไม่สวยงาม เพราะเป็นเรือนทีส่ ร้างด้วยไม้ไผ่ ทั้งสิ้น สิ่งที่งามมีแต่วัดวาอารามเท่านั้น และวัดในเมืองนี้ก็มีเป็นอันมาก” นอกจากเมื อ งเพชรบุ รี ใ นสมั ย อยุธยายังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ส�าคัญ ใช้ เ ป็ นที่ ตั้ง ก� า ลั ง ทางทหารทั้ง ทางบก และทางน�้า ในสมัยสมเด็จพระมหา ธรรมราชา เมื่อพระยาละแวก ยกทัพ มาตีกรุงศรีอยุธยาถึงสามครั้ง พระยา เพชรบุรีมีส่วนส�าคัญในการศึกด้วยทุก ครั้ ง ในรั ช สมั ย สมเด็ จ พระนเรศวร มหาราช พระองค์ ไ ด้ โ ปรดให้ ย กทั พ
Phetchaburi
85
พระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะที่พระองค์ทรงผนวช ไปตีเขมร พระยาเพชรบุรีได้รับมอบหมายให้เป็นนายกองเรือ ยกขึ้นไปตีเมืองปาสักและเมืองจตุรมุข แล้วจึงยกไปสมทบ ได้เสด็จประพาสเมืองเพชรบุรี กองทัพหลวงที่เมืองละแวก หลายครั้ง และเมื่อพระองค์ เมื่ อ สมเด็ จ พระนเรศวรมหาราช และสมเด็ จ พระเอกา ได้ขึ้นครองราชย์ ก็ได้ ทศรถ ทรงยกทัพไปตีพม่า ได้โปรดให้พระยาเพชรบุรียกทัพช้าง ม้าและพลรบ จ�านวน 3,000 คน เป็นทัพหนุน ในปี พ.ศ.2308 พม่า โปรดเกล้าฯ ให้สร้าง ยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา ได้เดินทัพผ่านเมืองเพชรบุรี สมเด็จพระเจ้า พระนครคีรี เอกทัศน์โปรดให้พระยาตาก และพระยาเพชรบุรี คุมกองทัพเรือ ไปรับทัพ พม่า พระยาเพชรบุรีถูกพม่าล้อมและตายในที่รบ
เมืองเพชรบุรีสมัยกรุงธนบุรี ในปี พ.ศ.2312 สมเด็จพระเจ้าตากสิน โปรดให้ยกทัพไปตีนครศรีธรรมราช พระยา เพชรบุรีเป็นกองหน้า และได้ตายในที่รบ กองทัพหลวงยกไปทางเรือ ถึงต�าบลบางทะลุ หาดเจ้าส�าราญ กองเรือถูกพายุ เรือล่มหลายล�า ต้องพักอยู่ที่เมืองเพชรบุรีระยะหนึ่ง เมืองเพชรบุรีสมัยรัตนโกสินทร การเดินทัพของพม่าที่เข้าตีเมืองทางภาคใต้ของไทย จะเดินทัพมาทางด่านสิงขร ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเมืองเพชรบุรี ในการรบครั้งส�าคัญที่ต�าบลลาดหญ้า แขวงเมือง กาญจนบุรี พระยาสีหราชเดโชชัย พระยาท้ายน�้า และพระยาเพชรบุรี ได้รับค�าสั่งให้ไป คอยซุ่มโจมตีหน่วยล�าเลียงเสบียงของข้าศึก แต่ทั้งสามค�าท�างานไม่ได้ผลจึงถูกประหาร ชีวิต กองทัพพม่าที่เข้ามาทางด่านบ้องตี้ ได้เข้าตีเมืองราชบุรี เมืองเพชรบุรี ต่อลงไปถึง เมืองชุมพร 86
ในปี พ.ศ.2336 พระบาทสมเด็จ พระพุทธยอดฟาจุฬาโลกมหาราช ได้ โปรดเกล้าฯ ให้เตรียมทัพไปตีพม่า โดย ยกทัพไปตั้งที่เมืองทวาย ฝายพม่าได้ ยกทัพมาล้อมตีเมืองทวาย และยกเข้าตี ค่ายพระยาเพชรบุรี ซึง่ คุมก�าลังไปในการ ทัพครั้งนี้ด้วย พม่าตีค่ายพระยาเพชรบุรี ถึงสองครั้งจึงยึดค่ายได้ แต่ฝายเราก็ยึด คืนได้ภายหลัง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระ พุทธเลิศหล้านภาลัย พม่ายกทัพมาตี หัวเมืองฝายใต้ พระองค์ได้โปรดเกล้าฯ
ให้พระยาพลเทพไปรักษาเมืองเพชรบุรี และโปรดเกล้าฯ ให้กรมหลวงพิทักษ์ มนตรี เสด็จไปคอยสั่งการทัพที่เมือง เพชรบุรี ในรั ช สมั ย พ ร ะ บ า ท ส ม เ ด็ จ พระนัง่ เกล้าเจ้าอยูห่ วั เจ้าเมืองไทรบุรี แข็งเมือง เมื่อปี พ.ศ.2382 พระองค์ได้ โปรดเกล้า ฯ ให้พระยาเพชรบุรีคุมทัพ ไปตัง้ อยูท่ เี่ มืองสายบุรี เพือ่ ดูแลหัวเมือง มลายู จากเอกสารที่พิมพ์เผยแพร่เมื่อ ปี พ.ศ.2392 ได้แสดงข้อมูลประชากร ในเมืองเพชรบุรีว่ามีชาวสยามจ�านวน 2,700 คน ชาวจีน 800 คน ชาวมาเลย์ 4,300 คน และชาวลาว 530 คน ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะที่ พระองค์ทรงผนวช ได้เสด็จประพาสเมืองเพชรบุรีหลายครั้ง และ เมื่อพระองค์ได้ขึ้นครองราชย์ ก็ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระนคร คีรี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2402 โดยสร้างอยู่บนสามยอดเขาซึ่งเดิมเรียก ว่า เขาสมณะ ต่อมาพระองค์ได้พระราชทานนามใหม่ว่าเขา มหาสวรรค์ที่ยอดเขายอดกลาง โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระเจดีย์ ใหม่ครอบองค์เดิมที่ช�ารุด แล้วบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ แล้ว พระราชทานนามว่ า พระธาตุ จ อมเพชร ยอดเขาทางด้ า นทิ ศ ตะวันออก โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างพระเจดีย์ศิลา พระวิหาร พระปรางค์ หอระฆัง และศาลา ยอดเขาทางด้านทิศตะวันตก สร้างพระราชวังส�าหรับ
พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้า เจ้าอยู่หัว พระองค์ได้ เสด็จไปประทับแรม ที่เมืองเพชรบุรี หลายครั้ง
Phetchaburi
87
เป็นทีป่ ระทับ ประกอบด้วยพระทีน่ งั่ และ หมู ่ อ าคารต่ า งๆ พระราชทานนามไว้ เช่น พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ พระที่นั่ง ปราโมทย์มไหสวรรค์ พระที่นั่งเวชยันต์ วิเชียรปราสาท เป็นต้น ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระ จุ ล จอมเกล้ า เจ้ า อยู ่ หั ว พระองค์ได้ เสด็จประพาสเมืองเพชรบุรีหลายครั้ง และได้โปรดเกล้า ฯ ให้สร้างทางรถไฟ จากกรุงเทพ ฯ มาถึงเมืองเพชรบุรี เมื่อปี พ.ศ.2446 ในปลายรัชสมัยของพระองค์ ได้ โ ปรดเกล้ า ฯ ให้ บู ร ณปฏิ สั ง ขรณ์
พระนครคี รี เพื่ อ ใช้ รั บ รองแขกเมื อ ง และได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวัง บ้านปนขึ้นอีกแห่งหนึ่ง มาแล้วเสร็จใน รั ช สมั ย พระบาทสมเด็ จ พระมงกุ ฎ เกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามว่า พระรามราชนิเวศน์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระ มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้เสด็จ ไปประทั บ แรมที่ เ มื อ งเพชรบุ รี ห ลาย ครั้ง ได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพลับพลาที่ ประทับแรมขึ้นที่ชายทะเล ในเขตต�าบล บางทะเล เมื่อปี พ.ศ.2460 เป็นอาคาร ไม้ ใต้ถุนสูง หลังคามุงจาก ฝาขัดแตะ พระราชทานนามว่ า ค่ า ยหลวงหาด เจ้าส�าราญ ในช่วงเวลาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2460 - 2466 พระองค์ได้เสด็จมาประทับ แรมที่ค่ายหลวงหาดเจ้าส�าราญเกือบ ทุกปี 88
ในเวลาต่ อ มา พระองค์ ไ ด้ โปรดเกล้ า ฯ ให้ ส ร้ า งพระราชนิ เ วศน์ มฤคทายวั น ประกอบด้ ว ยพระที่ นั่ ง สามองค์ ได้แก่ พระที่นั่งสมุทรพิมาน พระที่ นั่ ง ไพศาลสาคร และพระที่ นั่ ง สโมสรเสวกามาตย์ ในปี พ.ศ.2468 พระองค์ ไ ด้ เ สด็ จ มาประทั บ แรม ณ พระราชนิเวศน์แห่งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ส่ ว นชื่ อ เมื อ งเพชรบุ รี มี ชื่ อ เรี ย ก แตกต่ า งกั น ตามปรากฏในหนั ง สื อ ชาวต่ า งประเทศ เช่ น ชาววิ ลั น ดา เรียกว่า “พิพรีย์” ชาวฝรั่งเศสเรียกว่า “พิพพีล์” และ“ฟฟรี” จึงสันนิษฐานกัน ว่าชื่อ“เมืองพริบพรี” คงเป็นชื่อเดิมของ เมืองเพชรบุรีในปัจจุบันนี้
ขอขอบคุณที่มา “วัฒนธรรม พัฒนาการ ทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และ ภูมิปัญญา” จังหวัดเพชรบุรี Phetchaburi
89
เสนทางทองเที่ยว
3
¾ÃÐÃÒªÇѧ ÃѪÊÁÑÂ...
ã¹àÁ×ͧྪÃÏ
90
เ พ ช ร บุ รี มี พั ฒ นาการทาง ประวัติศาสตรมาเนิ่นนานตั้งแตสมัย อาณาจั ก รทวารวดี แ ละศรี วิ ชั ย เจริ ญ รุ ง เรื อ ง ในสมั ย สุ โ ขทั ย ก็ มี ชื่ อ เมื อ ง เพชรบุรีปรากฏเปนลายลักษณอักษร ครัง้ แรก จนถึงสมัยอยุธยา เพชรบุรกี ย็ งั คงเปนเมืองสําคัญในฐานะหัวเมืองหนา ดานที่สําคัญ เปนแหลงสะสมเสบียง กรังสงกรุงศรีฯ และทีส่ าํ คัญยังเปนเมือง ทาขึน้ ลองระหวางเมืองมะริด ตะนาวศรี และกรุงศรีดวย ครั้นถึงสมัยรัตนโกสินทร เพชรบุรี ไดเปลี่ยนบทบาทจากเมืองยุทธศาสตร มาเปนเมืองที่ประทับแปรพระราชฐาน ของพระมหากษัตริยถึง 3 รัชกาลดวย กั น ดั ง นั้ น ในเมื อ งเพชรบุ รี จึ ง มี ถึ ง 3 พระราชวัง ซึ่งโปรดเกลาฯใหสรางขึ้น ไลลาํ ดับกันมาไดแก พระบาทสมเด็จ พระจอมเกลาเจาอยูหัว โปรดเกลาฯ ให ส ร า ง “พระราชวั ง พระนครคี รี ” หรื อ ที่ เ ราๆ ท า นๆ เรี ย กกั น ติ ด ปาก ว า “เขาวั ง ” พระบาทสมเด็ จ พระ จุลจอมเกลาเจาอยูหัว โปรดเกลาฯ ใหสราง “พระรามราชนิเวศน” หรือ “พระราชวังบานปน” และพระบาท สมเด็ จ พระมงกุ ฎ เกล า เจ า อยู หั ว โปรดเกลาฯใหสราง “พระราชนิเวศน มฤคทายวั น ” นับจากนั้นเปนตนมา จังหวัดเพชรบุรี จึงกลายเปนเมืองพัก ผอนตากอากาศสําหรับพระบรมวงศ และเจานายชั้นสูงในยุคแรกๆ ปจจุบัน เพชรบุรีไดกลายเปนเมืองทองเที่ยวขึ้น ชื่อของคนไทยและตางชาติเลยทีเดียว “เสนทางทองเที่ยว” ฉบับแนะนํา จังหวัดเพชรบุรี จึงขอนําเรือ่ งเกีย่ วกับ “ 3 พระราชวัง 3 รัชสมัย...ในเมือง เพชรฯ” มาเลาสูกันฟงอีกครั้ง เผื่ออาจ จะมีทานใดอยากไปรําลึกความทรงจํา สมัยยังเด็ก หรือสมัยยังเปนหนุมเปน สาวบางคะ Phetchaburi 91
¾ÃÐÃÒÁÃÒª¹ÔàÇȹ พระรามราชนิเวศน หรือ “พระราชวังบานปน” ในความรับ ผิดชอบของจังหวัดทหารบกเพชรบุรี ต.บานหมอ อ.เมือง จ.เพชรบุรี ครอบคลุมพืน้ ที่ 349 ไร 1 งาน 16 ตารางวา โดย พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกลาเจาอยูห วั ทรงใชพระราชทรัพยสว นพระองคจดั สรางขึ้นในชวงปลายรัชสมัย เนื่องจากชวงเดือนกันยายนมีฝนตก ชุกทําใหพระองคประชวรอยูเสมอ จึงทรงมีพระราชดําริที่จะหาที่ ประทับนอกพระนคร จึงมีพระราชโองการใหซื้อที่ดินจากชาวบาน ที่เขต “บานปน” ริมแมนํ้าเพชรบุรี และโปรดฯใหสรางพระราชวังตามแบบสถาปตยกรรมยุโรป แตเปนแบบโมเดิรน สไตล โดยมี มิสเตอร คารล ซีกฟรีด เดอห ริง (Karl Siegfried Dohring) ผูเ คยออกแบบ วังบางขุนพรหม วัง วรดิศ และวังพระองคเจาดิลกนพรัฐ เปนสถาปนิกออกแบบ ตามพระราชประสงค ที่ตองการพระตําหนักแบบโมเดิรนสไตล สถาปนิกจึงไดออกแบบมาในลักษณะสถาปตยกรรมแบบเยอรมนี โดยไดแบบแผนมาจากตําหนักในพระราชวังของ พระเจาวิล เฮิรม ไกเซอร แหงเยอรมันดังนั้น มิสเตอร คารล เดอหริง จึง เลือก ดร.ไบเยอร เปนวิศวกร พรอมทีมชางและมัณฑนาการชาว เยอรมนีทงั้ หมด และมี พระเจานองยาเธอ กรมหมืน่ ดํารงราชา นุภาพ (พระยศขณะนั้น) ทรงควบคุมการกอสราง และสมเด็จ พระเจาลูกยาเธอ เจาฟาบริพตั รสุขมุ พันธุ กรมขุนนครสวรรค วรพินิต (พระยศขณะนั้น) ทรงควบคุมดานการไฟฟา
94
ÍØ·ÂÒ¹»ÃÐÇѵÔÈÒʵà ¾Ãй¤Ã¤ÕÃÕ ในสมัยเด็กๆ จําไดวา ครอบครัวเคยพามาเทีย่ วขาวัง ตอนนัน้ ตองใชวธิ กี ารเดินขึน้ มาเทานัน้ เดินไปหยุดดูลงิ ไปเพลิดเพลินดีคะ พอชวงหลังมานีม้ กี ารสรางรถรางขึน้ ไป ทําใหสะดวกสบายแกคนที่ อายุอานามมากขึน้ บริเวณทางขึน้ ลงรถรางก็จดั สรางอยางสวยงาม มีรา นรวงใหดชู มและช็อปปง ดวยคะ แตอดใจไวตอนขากลับลงมา คอยแวะดูดีกวาคะ จะไดไมตองหิ้วขาวของพะรุงพะรัง “อุทยานประวัติศาสตรพระนครคีรี” หรือ “เขาวัง” สราง ขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว รัชกาล ที่ 4 เนื่องจากทรงพอพระราชหฤทัยที่จะสรางพระราชวัง สําหรับ
เสด็จแปรพระราชฐานในฤดูรอนขึ้น บนยอดเขามหสวรรคดาน ตะวันตก ซึ่งมีความสูง 92 เมตร สามารถมองเห็นวิวทิวทัศนเมือง เพชรบุรีไดสวยงาม จึงโปรดเกลาฯ ให เจาพระยาเพชรนิสัย ศรีสวัสดิ์ ปลัดเมืองเพชรบุรี เปนนายงานกอสราง โดยสรางเสร็จ เมื่อป พ.ศ. 2403 และทรงพระราชทานนามวา “พระนครคีรี” และในครั้ ง นั้ น ยั ง โปรดฯ ให บู ร ณะวั ด เก า สมั ย อยุ ธ ยา ชื่ อ “วั ด มหาสมณาราม” บู ร ณะพระธาตุ เ ก า แก ที่ ท รงบรรจุ พระบรมสารีริกธาตุไวภายใน และพระราชทานนามวา “พระ ธาตุจอมเพชร” โดยตัววัดและพระธาตุตั้งอยูบนสวนยอดกลาง ของเขา พรอมทั้งโปรดฯใหสราง “วัดพระแกว” ขึ้นใหมที่ยอดเขา ดานตะวันตกดวย
ปจจุบัน แมอายุอานามของพระราชวังพระนครคีรี จะ มากถึงรอยหาสิบกวาปมาแลว แตพระที่นั่ง พระตําหนัก และสิ่ง ปลูกสรางตางๆ เชน โรงมา โรงพระราชรถ โรงครัว ศาลามหาดเล็ก รวมถึงปอมปนทัง้ 4 ทิศ ทางกรมศิลปากรไดบรู ณะมาอยางตอเนือ่ ง ทําใหเราไดเห็นโบราณสถานอันทรงคุณคาทางประวัตศิ าสตรแหงนี้ ไฮไลทของการเที่ยวชมเขาวังคือ พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน, พระที่นั่งปราโมทยมไหสวรรย, พระที่นั่งเวชยันตวิเชียรปราสาท, พระที่ นั่ ง ราชธรรมสภา, หอชั ช ชวาลเวี ย งชั ย , หอพิ ม านเพชร มเหศวร, ตําหนักสันถาคารสถาน และ หอจตุเวทปริตรพจน ซึ่ง สวนใหญเปนสถาปตยกรรมแบบนีโอคลาสสิค และสถาปตยกรรม จีน เมื่อมีตนลั่นทมหรือลีลาวดีอายุนับรอยๆ ป ประกอบดวยก็ยิ่ง ไดบรรยากาศเกาๆ ที่ดูสวยงามคลาสสิคมากขึ้นไปอีก นอกจาก นี้ทางกรมศิลปากรยังจัดตั้ง “พิพิธภัณฑสถานแหงชาติพระ นครคีรี” ขึ้นเพื่อจัดแสดงโบราณวัตถุตางๆ ไดแก เครื่องราชูปโภค ของรัชกาลที่ 4 และ 5 ของประดับตกแตง เชน รูปหลอสําริดและ ทองเหลือง เครื่องกระเบื้องของจีน ญี่ปุน และยุโรป เปนตน เอกลักษณอีกอยางหนึ่งของเขาวังนอกเหนือจากตนลั่นทม แลว ที่นี่ยังเปนที่อยูอาศัยของลิงนับรอยๆ ตัว มาชานานแลว เห็น นารักๆ อยางนี้ อยาเผลอไปแกลงยั่วใหเขาโมโหนะคะ เพราะดู จากปายตามขางทางทีบ่ อกวา “ระวังลิงกัด” ก็แสดงวาลิงทีน่ คี่ งจะ ดุนาดู นอกจากนี้ยังมีปายสีแดงที่ระบุขอหามตางๆ เชน หามให อาหารลิง หามแหยลงิ โดยเฉพาะใครทีพ่ าเด็กเล็กๆ ไปดวยยิง่ ตอง ระมัดระวังเปนพิเศษดวยนะคะ
อุ ท ยานประวั ติ ศ าสตร พ ระนครคี รี เปดให เขาชมทุกวันตั้งแต 08.30-16.30 น. คาเขาชม (รวม คาเขาพิพิธภัณฑฯ และคารถรางไฟฟา) ชาวไทย 60 บาท ชาวต า งประเทศ 190 บาท สอบถาม รายละเอียดเพิ่มเติมไดที่ โทร.0-3242-5600
การกอสรางพระที่นั่งแหงนี้ ยังไมแลวเสร็จสมบูรณดี พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยูห วั เสด็จสวรรคต เสียกอน ครั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว เสด็จขึ้นเสวยราชย จึงโปรดเกลาฯใหดําเนินการกอสราง ตอตามพระราชประสงคของพระราชบิดา จนสําเร็จสวยงาม เมื่อ พ.ศ. 2461 และพระราชทานนามวา “พระที่นั่งศรเพ็ ชรปราสาท” และทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ เปลี่ยนนาม “พระราชวังบานปน” โดยพระราชทานนามใหมวา “พระราม ราชนิเวศน” นอกจากนี้ พระองคยงั โปรดเกลาฯ ใหพระเจาบรมวงศ เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงดําเนินการหลอ รูปปนพระนารายณทรงปน เพื่อนํามาประดิษฐานไวยังหนา พระทีน่ งั่ (ปจจุบนั รูปปน นีย้ า ยมาไวยงั หนาพระทีน่ งั่ พุทไธสวร รย พิพิธภัณฑสถานแหงชาติ พระนคร) แตคนทั่วไปจะเรียก ติดปากวา “พระราชวังบานปน” ตาม ชื่อเดิมของถิ่นที่อยู พระรามราชนิเวศน เปนที่ตั้งของ พระที่นั่งศรเพ็ชร ปราสาท ซึ่งมีลักษณะทางสถาปตยกรรมแบบบาโรค ( Baroque ) และแบบอารต นูโว ( Art Nouveau ) หรือที่เยอรมัน เรียกวา “จุงเกนสติล” ( Jugendstil ) ตัวพระตําหนักจะเนน ความทันสมัย ไมมีลายปูนปนวิจิตรพิสดารเหมือนอาคารใน สมัยเดียวกัน แตเนนความสูงของหนาตาง และเพดานซึ่งสูง เปนพิเศษ ทําใหพระตําหนักดูใหญโตอลังการ แผนผังของตัวอาคารสรางเปนสี่เหลี่ยมผืนผาลอมสวน หยอม มีสระนํ้าพุตั้งอยูตรงกลาง สวนที่ประทับเปนตึกสอง ชั้นขนาดใหญ หลังคาทรงสูงรูปโดม ภายในเปนโถงสูงมี บันไดโคงขึน้ สูช นั้ สอง ซึง่ เปนจุดเดนของพระตําหนัก เพราะมี เครือ่ งตกแตงมากมายนาดูชม เชน เสาทีป่ ระดับดวยกระเบือ้ ง เคลือบและตกแตงดวยโลหะ ขัดเงา เสาเหลานี้แลนตลอด จากพื้นจดเพดานชั้นสอง และประดับดวยกระเบื้องเขียวเขา Phetchaburi 95
กันกับบริเวณโดยรอบโถงบันได ที่ หัวเสาตาม ราวบันไดโคงมีตุกตา กระเบื้องรูปเด็กในอิริยาบถตางๆ ประดับไว รอบบริเวณโถงบันไดชั้น บนยังมีกรอบลูกไมกระเบือ้ งเคลือบ ประดับตามชองโดยรอบอีกดวย นอกจากนี้ การตกแตงภายใน แตละหอง ยังแตกตางกันทั้งสีสัน และวัสดุทใี่ ช เชน บริเวณโถงบันได ใช โ ทนสี เ ขี ย ว ห อ งเสวยใช โ ทนสี เหลือง ตกแตงชองประตูดวยเหล็ก ดัดแบบอารต นูโว และประดับผนัง ดวยแผนกระเบื้องเคลือบสีเหลือง สด ตัดกรอบดวยกระเบือ้ งเขียวเปน ชองๆ ตามแนวยืน โดยกระเบื้อง ประดั บ ผนั ง มี ล วดลายนู น เป น รู ป สัตวและพรรณพืชตางๆ แทรกอยู เปนระยะๆ หองพระบรรทมใชโทน สีทอง โดยตกแตงเสาในหองดวย แผนโลหะสีทองขัดเงาดุนลาย หัว เสาเป น ภาพเขี ย นแจกั น ดอกไม หลากสี บนพื้นครึ่งวงกลมสีทอง ดู สงางามและมลังเมลือง
96
พระรามราชนิเวศน เปดใหเขาชมทุกวันตัง้ แตเวลา 8.00 – 16.00 น. คาเขาชม ผูใ หญ 20บาท เด็ก 10 บาท สําหรับผูที่ตองการจะเขาชมเปนหมูคณะ และตองการวิทยากรบรรยาย สามารถทํา หนังสือถึง ผูบังคับการทหารบกจังหวัดเพชรบุรี คายรามราชนิเวศน อําเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี 76000 โทร. (032) 428506-10 ตอ 259
¾ÃÐÃÒª¹ÔàÇȹ ÁĤ·ÒÂÇѹ พระราชนิเวศนมฤคทายวัน ตั้งอยูในคายพระรามหก อําเภอชะอํา จังหวัดเพชรบุรี เปนพระราชวังฤดูรอน ซึ่งพระบาท สมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว รัชกาลที่ 6 ทรงรางแบบดวย ฝพระหัตถของพระองคเอง โดยมี เจาพระยายมราช (ปน สุขุม) เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย เปนผูอ าํ นวยการกอสราง และสราง แลวเสร็จในป 2467 ลักษณะสถาปตยกรรมเปนแบบไทยประยุกต หลังคาทรงปน หยา สรางดวยไมสกั ทองทัง้ หลัง มีสองชัน้ ใตถนุ สูง พืน้ ลางเทคอนกรีต ประกอบดวยพระที่นั่งสําคัญ 3 องค เชื่อมตอถึงกันดวยแนวระเบียงทางเดินมีหลังคาคลุม พื้นระเบียงและพระที่นั่งทําดวยไมสักลงเงาสวยงาม สวนเพดาน ใชคานไมดัดโคงบรรจุ ระหวาง ชวงเสาทุก ชวงตลอดแนวระเบียงแลดูสวยงามออนชอย พระทีน่ งั่ สามหมู ประกอบดวย พระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย สรางเพื่อเปนที่ ประชุมและจัดงานสโมสรตางๆ รวมถึงการแสดงละคร ซึ่งพระองคโปรดอยางยิ่ง ลักษณะเปนอาคาร ไมสอง ชั้น รูปสี่เหลี่ยมผืนผา ชั้นลางเปนโถงโลง ชั้นบนดานทิศ
Phetchaburi 97
ใต มีระเบียงเปนที่ประทับ เวลาเสด็จออก และมี ระเบียบรอบ ปลอยสวนกลางโลง หลังระเบียงที่ประทับ มีหองซึ่งปจจุบัน จัดแสดงเรื่องราว และสิ่งของที่เกี่ยวของ กับความเปนมา และการบูรณะพระราช นิเวศนแหงนี้ไวอยางนาชม พระที่ นั่ ง สมุ ท รพิ ม าน เป น ที่ ประทับในพระบาทสมเด็จ พระมงกุฎ เกล า ฯ อาคารด า นหน า ประกอบ ดวย หองสรง หองพระบรรทม และ หองทรงพระอักษร ซึ่งมีการจัดวาง สิ่งของเครื่องใช และเครื่องเรือน สวน พระองคใหชม อาคารสวนกลางเปน หองโลงกวางมีเพียงลูกกรงกั้นโดย รอบ ลักษณะคลายศาลา เปนที่ซึ่งพระองคโปรด ประทับในเวลากลางวัน ปจจุบันจัดตั้งโตะหมูบูชาประดิษฐาน พระบรมรูปใหคน ทัว่ ไปไดสกั การะ จากดานหนาของพระทีน่ งั่ องคนี้ มีทางเดินทอดยาวไปจดชายหาด พรอมทั้งมีพลับพลาสําหรับเปลี่ยนเครื่องทรง เมื่อเสด็จลงสรงนํ้าทะเลดวย 98
เสนทางทองเที่ยว
“á¡‹§¡ÃШҹ”
ÍØ·ÂÒ¹áË‹§ªÒµÔ·èãÕ ËÞ‹·èÊÕ Ø´ã¹»ÃÐà·Èä·Â
“เรือ่ งปาตนนํา้ ลําธารของแมนาํ้ เพชรบุรี ขอใหเจาหนาที่ ดูแลรักษาอยาใหมกี ารลักลอบตัดไม ถางปาทําไรในปาตนนํา้ ของแมนํ้าเพชรบุรี เพราะจะทําใหเกิดความแหงแลงแมจะ ไดมีการใหสัมปทานปาแปลงนี้ไปบางแลว ก็ขอใหเจาหนาที่ ตรวจดูแลการทําไมอยาใหเปนการทําลายปาเกิดขึ้น” จากพระราชดํารัสของพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว เมื่อ คราวที่ไดเสด็จพระราชดําเนินไปเขื่อนแกงกระจานในป 2522 และนโยบายรัฐบาลในขณะนัน้ มีมติของคณะรัฐมนตรี ใหประกาศ พืน้ ทีป่ า ตนนํา้ ลําธารของแมนาํ้ เพชรบุรแี ละแมนาํ้ ปราณบุรี มีภเู ขา สลับซับซอนสภาพปาสมบูรณ มีนํ้าตก ถํ้า หนาผา ทะเลสาบ พันธุ ไมมีคานานาชนิดและเปนแหลงที่อยูอาศัยของสัตวปาตางๆ เชน เลียงผา วัวแดง กระทิง นกและชางปาสัตว ฯลฯ จัดตั้งเปนเขต “อุทยานแหงชาติแกงกระจาน” ลําดับที่ 28 ของประเทศ เมื่อวัน ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2534 จากนั้นกรมป ่าไมไดมีการสํารวจพื้นที่ ปาโดยรอบหลายครั้งและไดรวมพื้นที่เขากับเขตอุทยานฯ ในที่สุด เขตพื้นที่ของอุทยานแหงชาติแกงกระจานจึงมีพื้นที่มากที่สุดใน ประเทศไทย โดยมีพื้นที่ครอบคลุมทองที่อําเภอหนองหญาปลอง อําเภอแกงกระจาน จังหวัดเพชรบุรี และอําเภอหัวหิน จังหวัด ประจวบคีรีขันธ รวมพื้นที่ปาประมาณ 1,821,687.84 ไร หรือ 2,914.70 ตารางกิโลเมตร ทั้งนี้เพื่อใหเปนแหลงพักผอนหยอนใจ และศึกษาความรูดานตาง ๆ และเพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ใหคงอยูเปนสมบัติของชาติถาวรสืบไปดังพระราชประสงคของ พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว Phetchaburi 101
ลักษณะเด่นของอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีลกั ษณะเด่นทางธรรมชาติที่ ส�าคัญหลายแห่ง เช่น ทะเลสาบ น�้าตก ถ�้า หน้าผาที่สวยงาม โดย เฉพาะพืชพรรณและสัตว์ป่านั้นก็มีความหลากหลาย ดังนี้ หลากหลายปาไมและพันธุไมในเขตอุทยานฯ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานปกคลุมด้วยพื้นที่ป่าร้อยละ 85.64 ประกอบด้วยชนิดป่าที่ส�าคัญ 4 ชนิด ได้แก่ ปาดงดิบชื้น พบขึ้นอยู่เป็นบริเวณกว้างในระดับความสูง ประมาณ 400 เมตรจากระดับน�้าทะเลปานกลางขึ้นไป พันธุ์ไม้ที่ ส�าคัญได้แก่ กระลอขน ตะแบก เสลา มะค่าโมง เขม่าสาย ยาง โอน เสม็ดฟอง พญารากด�า มะกอกแบน นกน้อย ผมหอม ตาเสือ เสม็ดเขา หนามขี้แรด ชมพูป่า ฯลฯ ส่วนพืชพื้นล่างโดยทั่วไปเป็น ลูกไม้ กล้าไม้ ของไม้ชนั้ บน รวมทัง้ ไม้เถา เช่น เถากระไดลิง เป็นต้น
102
ปาดงดิบแลง พบขึน้ กระจายอยูท่ วั่ พืน้ ที ่ โดยเฉพาะตามทีล่ มุ่ ริมฝง น�า้ ในหุบเขา ไหล่เขา และทีร่ าบต�า่ ระหว่างภูเขา ทีร่ ะดับความ สูงประมาณ 400-500 เมตรเหนือระดับน�้าทะเลปานกลาง พันธุ์ไม้ ที่ส�าคัญ ได้แก่ ด�าดง สมอ จัน ข่อยหนาม กระเบากลัก หมากเล็ก หมากน้อย ถอบแถบ ดีหมี กระเบากลัก กระชิด หงอนไก่ดง ฯลฯ ส่วนพืชพืน้ ล่างโดยทัว่ ไปเป็นลูกไม้ กล้าไม้ ของไม้ชนั้ บน รวมทัง้ ไม้ เถา เช่น ก�าลังหนุมาน สะแกวัลย์ หวายลิง เป็นต้น ปาเบญจพรรณ พบขึน้ อยูท่ างตอนกลางและส่วนเหนือของ อุทยานแห่งชาติ พันธุไ์ ม้ทสี่ า� คัญ ได้แก่ ตีนนก แดง ตะคร�า้ มะกอก ประดู่ ตะแบก อ้อยช้าง ตะโก ตีนเป็ด งิ้วป่า โมกมัน ติ้ว ฯลฯ ส่วน พืชพืน้ ล่างโดยทัว่ ไปเป็นลูกไม้ กล้าไม้ ของไม้ชนั้ บน รวมทัง้ ไผ่ หญ้า คา หญ้าปล้อง และไม้เถา เป็นต้น ป า เต็ ง รั ง พบขึ้ น อยู ่ ท างทิ ศ เหนื อ และทิ ศ ตะวั น ออกของ อุทยานแห่งชาติในระดับความสูง 200-400 เมตรจากระดับน�า้ ทะเล ปานกลาง พันธุไ์ ม้ทสี่ า� คัญ ได้แก่ เต็ง พลวง พะยอม ประดู ่ ตะแบก เปล้าหลวง แดง ฯลฯ ส�าหรับพืชพื้นล่างประกอบด้วย หญ้า ลูกไม้ ของไม้ชั้นบน และไม้เถา เป็นต้น
ศูนยรวมสัตวปาจากเหนือจรดใต เนือ่ งจากอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานอยูใ่ นเทือกเขาตะนาว ศรีซงึ่ เชือ่ มต่อกับเทือกเขาภูเก็ตของภาคใต้และตอนเหนือเข้าไปใน ประเทศพม่า สัตว์ป่าจากประเทศอินเดียและพม่าจะแพร่กระจาย ลงมาทางทิศตะวันตกของประเทศลงมาถึงบริเวณนี ้ และพวกสัตว์ ป่าจากประเทศมาเลเซียก็จะแพร่กระจายขึน้ มาตามเทือกเขาภูเก็ต มาถึงบริเวณนี้เช่นเดียวกัน ดังนั้นป่าแก่งกระจานจึงเป็นเสมือนศูนย์รวมสัตว์นานาชนิด จากทิศเหนือและทิศใต้ โดยมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกว่า 57 ชนิด ชนิด เช่น ช้างป่า หมีหมา หมาไน หมาจิ้งจอก เสือดาว เสือโคร่ง เลียงผา สมเสร็จ สมเสร็จมาเลย์ วัวแดง กวางป่า เก้งหม้อ ชะนี มือขาว ลิงเสน อีเห็น ฯลฯ มีนกมากกว่า 400 สายพันธุ์ โดยเฉพาะ นกเงือกมีถึง 6 ชนิด นกอินทรีย์ด�า นกแว่นสีน�้าตาล นกกระสา คอขาว นกหัวขวาน ไก่ปา่ เหยีย่ ว นกกินปลาใหญ่หวั เทา นกเค้าหน้า ผากขาว ฯลฯ สัตว์เลื้อยคลานและสัตว์ครึ่งบกครึ่งน�้า อาทิ กบทูด ปาดยักษ์ เต่าหก จิ้งเหลนภูเขาสีจาง เป็นต้น นอกจากนี้ในบริเวณ ล�าธารและอ่างเก็บน�้า ส�ารวจพบปลาน�้าจืดอาศัยอยู่หลายชนิด เช่น ปลานางอ้าว ปลาซิวใบไผ่ ปลาขี้ยอก ปลากระสูบขีด ปลา กดเหลือง ปลาดุกด้าน ปลากระทุงเหว ปลาหมอช้างเหยียบ ปละ กระสง และปลากระทิง ฯลฯ Phetchaburi 103
นํ้าตกทอทิพย
แหล่งท่องเที่ยวสําคัญ แม้ว่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จะได้ชื่อว่าเป็นอุทยานที่ ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย แต่ก็ยังเป็นอุทยานที่รักษาสภาพความ เป็นธรรมชาติได้ได้อย่างดี จ�านวนนักท่องเที่ยวยังไม่พลุกพล่าน เท่ากับอุทยานแห่งชาติอื่นๆ เรียกว่าเหมาะอย่างยิ่งกับนักนิยม ธรรมชาติตัวจริง ในเขตอุทยานมีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย อาทิ นํ้าตกทอทิพย นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปชมได้โดย ทางรถยนต์ เพราะเป็นเส้นทางที่พัฒนาเพื่อการท่องเที่ยวโดย เฉพาะ ระหว่างทางสามารถชมทิวทัศน์ได้ตลอดสายเห็นภูเขา ทะเล หมอก ป่าเขียวขจี และพบเห็นสัตว์นานาชนิด จุดเริ่มต้นของทาง ลงเขาสู่น�้าตกทอทิพย์อยู่บริเวณ กม. 36 สุดทางของเส้นทางสาย วังวน-พะเนินทุ่ง เป็นทางดิ่งลงเขาตลอดระยะทาง 4 กิโลเมตร ตัว น�้าตกมีถึง 9 ชั้น สายน�้าไหลลดหลั่นลงมาเป็นทางยาวตามความ ชันของพืน้ ที ่ สามารถเดินเลาะข้างน�า้ ตกลงมาจนครบทุกชัน้ ปลาย ทางของสายน�้าจะไหลลงสู่แม่น�้าเพชรบุรี บริเวณริมแม่น�้าเป็นจุด กางเต็นท์พักแรมที่เรียกว่า เคยู แค็มป
104
นํ้ า ตกป า ละอู อยู่ทางตอนใต้ของอุทยานแห่ง ชาติ แ ก่ ง กระจาน ในท้ อ งที่ อ� า เภอหั ว หิ น จั ง หวั ด ประจวบคีรีขันธ์ ห่างจากหัวหินประมาณ 60 กิโลเมตร เป็นน�้าตกขนาดใหญ่ มีความสูง 15 ชั้น ไหลลดหลั่น ลงมาเป็นทางยาว ชั้นที่ 1-3 เหมาะส�าหรับการเล่นน�้า เนื่องจากน�้าตกชั้นที่สูงขึ้นไปต้องปีนป่ายไปตามโขด หินสูงชัน น�้าตกชั้นที่สวยที่สุดคือ น�้าตกชั้นที่ 7 มีแอ่งน�้า ใหญ่อยู่ท่ามกลางป่าร่มครึ้ม ใกล้หน่วยพิทักษ์อุทยาน แห่งชาติที่ กจ.3 (ห้วยป่าเลา) บริเวณนี้ทางอุทยานแห่ง นํ้าตกปาละอู
ชาติจดั ให้มพี นื้ ทีก่ างเต็นท์ บ้านพัก และค่ายพักแรม โทรศัพท์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 08 7161 2922 ถํ้ า วิ ม าน ภายในถ�้ า มี หิ น งอกหิ น ย้ อ ยที่ ส วยงาม มี อากาศเย็นสบาย นอกจากนัน้ ยังมีหลักฐานการอาศัยอยูข่ อง มนุษย์ในยุคโบราณ เช่น เซรามิกส์ และขวานหิน ทีร่ าบหนุมาน (เขาปะการัง) เป็นภูเขาหินทีม่ ลี กั ษณะ เหมือนปะการังใต้น�้า เป็นบริเวณที่มีค่างและชะนีอาศัยอยู่ มากและเป็นจุดชมวิวที่ดี เขาพะเนินทุง่ อยูห่ า่ งจากทีท่ า� การอุทยานแห่งชาติ 50 กิโลเมตร เป็นเขาทีส่ งู ประมาณ 1,207 เมตรจากระดับน�า้ ทะเล ปานกลาง จึงมีความหนาวเย็นตลอดปี บนยอดเขาปกคลุม ด้วยทุ่งหญ้าและไม้ต้นเล็กๆ ประกอบด้วยทิวทัศน์ที่งดงาม ทั้งยามปกติ และยามมีทะเลหมอกในช่วงปลายฤดูฝนและ ต้นฤดูฝนหนาวที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่ง การเดินเท้าขึ้นยอดเขาพะเนินทุ่งมี 2 เส้นทาง เส้นทาง แรกเริม่ จาก กม. ที ่ 27.5 ของเส้นทางสายวังวน-พะเนินทุง่ โดย เดินข้ามล�าธารหลายสายก่อนขึน้ ถึงยอดเขา ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง อีกเส้นทางหนึ่งเริ่มจากบริเวณ กม. ที่ 30 ของเส้น ทางสายวังวน-พะเนินทุ่ง ใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมง แต่ต้องข้าม เนินเขาหลายลูก ผู้สนใจต้องติดต่อขอเจ้าหน้าที่ช่วยน�าทาง เนื่องจากเส้นทางบ้านกร่าง-เขาพะเนินทุ่ง เป็นเส้น ทางที่ลาดชัน บางช่วงแคบ ผ่านหน้าผา อุทยานแห่งชาติ แก่งกระจานจึงก�าหนดเวลาขึ้น-ลงส�าหรับรถยนต์ที่ใช้เส้น ทางนี ้ เพือ่ ความปลอดภัยของนักท่องเทีย่ ว ดังนี ้ เวลาขึน้ จาก บ้านกร่าง 05.30 น. -07.30 น. เวลาลงจากเขาพะเนินทุ่ง 09.00 น.-10.00 น. และ 16.00 น.-17.00 น. ส่วนนักท่องเทีย่ ว Phetchaburi 105
106
ที่เดินทางเพื่อพักค้างแรมที่เขาพะเนินทุ่ง ก�าหนดให้เดินทางดังนี้ คือ เวลาขึ้นจากบ้านกร่าง 13.00 น.-15.00 น. เวลาลงจาก เขาพะเนินทุ่ง 09.00 น.-10.00 น. และ 16.00 น.-17.00 น. กิจกรรมท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ชมทะเลหมอก สามารถชมทะเลหมอกได้เกือบตลอดปี ตรงจุดชมวิวบริเวณ กม.ที่ 36 ของเส้นทางสายวังวน-พะเนินทุ่ง ก่อนถึงทางลงสู่น�้าตกทอทิพย์ ในยามเช้าจะมองเห็นทะเลหมอก สีขาวปกคลุมทั่วหุบเขา เมื่อทะเลหมอกสลายตัวไปแล้วจะมอง เห็นผืนป่าดงดิบเบือ้ งล่างเบียดตัวกันแน่น ท่ามกลางเทือกเขาสลับ ซั บ ซ้ อ นกว้ า งไกลสุ ด ตา บางครั้ ง อาจพบนกกกและนกเงื อ ก กรามช้างบินอยู่เหนือผืนป่า การเดินทางขึ้นสู่จุดชมทะเลหมอกใช้ เส้นทางขึน้ เขาทีม่ กี า� หนดเวลาแน่นอนในการขับรถยนต์ขนึ้ เขาและ ลงเขา ทั้งนี้นักท่องเที่ยวที่จะชมทะเลหมอกต้องกางเต็นท์พักแรม ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ (พะเนินทุ่ง) บริเวณ กม.30 เพื่อ ตื่นขึ้นมาชมทะเลหมอกในยามเช้า ดูนก จุดที่น่าสนใจส�าหรับการดูนกส่วนใหญ่อยู่ตามเส้น ทางสายวังวน-พะเนินทุ่ง บริเวณกิโลเมตรที่ 15 มีนกพญาปาก กว้าง นกบั้งรอก นกหัวขวาน นกแต้วแล้ว และนกเงือกหลายชนิด ช่วงกิโลเมตรที่ 26 - 29 มีนกเสือแมลงหัวขาว นกกะรางหัวหงอก โดยเฉพาะนกกะลิงเขียดหางหนาม ซึ่งมักหากินรวมฝูงอยู่กับนก ระวังไพรปากแดงสั้น จากบริเวณนี้เป็นต้นไป สามารถพบนกทาง ภาคเหนือ เช่น นกปรอดหัวตาขาว นกเสือแมลงปีกแดง นกกะลิง เขียดสีเทา ฯลฯ ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการดูนก คือ ตั้งแต่เวลา 07.00-10.00 น. และ 15.00-17.00 น. ดูผีเสื้อ จุดที่น่าสนใจส�าหรับการดูผีเสื้ออยู่บนเส้นทางสาย วังวน-พะเนินทุง่ โดยเริม่ ตัง้ แต่กโิ ลเมตรที ่ 10 เป็นต้นไป จะพบผีเสือ้ ตามสองข้างทาง บริเวณแอ่งน�้ามีผีเสื้อหนอนจ�าปีจุดแยก ผีเสื้อ
Phetchaburi 107
สะพายฟา ผีเสือ้ วาวสีตา งฤดู ตามพุม ไมมผี เี สือ้ กะลาสีธรรมดา ผีเสื้อสีตาลจุดตาหา ผีเสื้อ ชางรอน ตามกองมูลสัตวมีผีเสื้อเหลืองหนาม ธรรมดา ผีเสื้อตาลหนามใหญ จากหนวย พิทักษอุทยานแหงชาติที่ กจ. 4 (บานกราง) อาจพบผีเสือ้ หางติง่ สะพายเขียวซึง่ เปนผีเสือ้ หายากชนิดหนึง่ โดยชวงเวลาทีเ่ หมาะสมใน การดูผเี สือ้ คือ ตัง้ แตเวลา 10.00 - 14.00 น. ลองแพ/ลองเรือ พายเรือแคนู/คยัค ชมทิ ว ทั ศ น และแค ม ป ป ง ที่บริเวณ อ า งเก็ บ นํ้ า แก ง กระจาน ซึ่ ง มี เ นื้ อ ที่ ประมาณ 46.5 ตารางกิโลเมตร เกิดจาก การสรางเขื่อนดินปด 3 ชองทางระหวาง หุบเขา ทําใหนํ้าเออลนทวมแกงนํ้าเดิม เปนพื้นนํ้าอาณาเขตกวางขวางจากยอดเขา เนินเขาหลากเปนเกาะโผลพนนํ้าถึง 30-40 เกาะ กอใหเกิดทิวทัศนงดงามยิ่งเหมาะสําหรับการนั่งเรือ ชมทัศนียภาพและชมพระอาทิตยตกยามเย็นที่สันเขาตะนาวศรี 108
เขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน (รวมบริเวณบ้านกรางและพะเนินทุ่ง) จะปดไม่ใหนักท่องเที่ยวเขาใน ฤดูฝนตั้งแต่เดือนสิงหาคมถึงตุลาคมของทุกป เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและการฟนตัวของป่า สนใจ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ “อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน” ต.แก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี 76170 โทรศัพท์ 0 3246 7326, 08 6166 2991, 0 3245 9293, 0 32433658 โทรสาร 0 3245 9291
Phetchaburi 109
เสนทางธรรมหนุนนําชีวิต
äËÇŒ¾Ãдѧ àÁ×ͧྪÃ
ù
ͧ¤ ÇÑ´
เปนทีท่ ราบกันดีวา จังหวัดเพชรบุรนี นั้ มีความสําคัญมาตัง้ แตสมัยอยุธยาเปนราชธานี ทัง้ ในฐานะของการ เปนเมืองหนาดาน เปนแหลงสะสมเสบียง และเปนเมืองทาขึ้นลองจากอยุธยาไปเมืองมะริดและเมืองตะนาว ศรี ดังนัน้ ในเมืองเพชรจึงมีผคู นอาศัยอยูม ากมายและผูค นในยุคนีต้ า งมีความศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก จึงชอบทําบุญสรางสมบารมีดวยการสรางวัดตาง ๆ ขึ้นหลายแหง และทุกวันนี้พุทธศาสนิกชนก็ยังนิยมไป ไหวพระใหครบ 9 วัดในวันเดียว ดวยความเชื่อวาจะไดบุญมากและเพื่อเสริมความเปนสิริมงคลแกชีวิตดวย พระศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 9 องค 9 วัด ซึ่งเปนปูชนียวัตถุเกาแกคูบานคูเมืองเพชรบุรีมาชานาน ไดแก
1.“ËÅǧ¾‹ Í ·Í§ÇÑ ´ à¢ÒµÐà¤ÃÒ” เปน
พระพุทธรูปนั่งปรกมารวิชัยหรือปางสะดุงมาร หลอดวยเนื้อ ทองหรือทองสัมฤทธิ์ ประดิษฐานอยูภายในศาลาวัดเขาตะ เครา อําเภอบานแหลม เปนวัดเกาแกที่มีชื่อเสียงมาแตโบราณ พุทธศาสนิกชนตางเคารพนับถือรํ่าลือในความศักดิ์สิทธิ์ไดมา นมัสการปดทององคหลวงพอมานานนับรอยป กระทั่งทองคํา เปลวที่ ป ด บนองค ท า นพู น หนาทั้ ง องคจนกลมเหมือนลูกฟก จึง เรียกขานวา “หลวงพอ ทองวัดเขาตะเครา”
110
2. “ËÅǧ¾‹ÍÊÑÁÄ·¸ÔÇì ´Ñ µŒ¹Ê¹” ประดิษฐาน
อยูในวิหารวัดตนสน อําเภอบานแหลม เปนพระพุทธรูปเนื้อ สัมฤทธิ์ประทับยืนบนฐานยกพระหัตถทั้งสองในลักษณะปาง หามสมุทร ศิลปะสมัยลพบุรี มีกษัตริยมอญเปนผูสรางขึ้นราว พ.ศ.1600 ตามตํานานเลาวา หลวงพอสัมฤทธิ์วัดตนสน และ หลวงพอทองวัดเขาตะเครา เปนพี่นองกัน เดิมทั้ง 2 องคลอย นํ้ามา โดยหลวงพอสัมฤทธิ์ลอยมาติดที่ทา หนาวัดตนสน ชาวบานจึงไดอัญเชิญ มาประดิ ษ ฐานที่ วั ด และเป น ที่ เคารพนั บ ถื อ สั ก การบู ช าของ พุ ท ธศาสนิ ก ชนทั่ ว ไปตั้ ง แต อดีตจนถึงปจจุบัน
Phetchaburi 111
4. “ËÅǧ¾‹ÍÇÑ´ãËÞ‹ÊØÇÃóÒÃÒÁ” เปนวัด
เกาแกที่สรางในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีการปฏิสังขรณครั้งใหญใน สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจา อยูหัว(รัชกาลที่ 5) ภายในอุโบสถ ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปน ลงรั ก ป ด ทองปางมารวิ ชั ย เปนองคประธาน ดานหลัง พระประธานประดิษฐาน ด ว ยพระพุ ท ธรู ป โลหะ ปางมารวิชัย ที่แตกตาง จากพระพุ ท ธรู ป องค อื่ น เนื่ อ งจากพระบาทขวามี 6 นิ้ว
Phetchaburi 113
5. “¾Ãй͹ÇÑ´¾Ãоط¸äÊÂÒʹ ” ประดิษฐาน อยูภ ายในพระวิหารวัดพระพุทธไสยาสน (เชิงเขาวังทิศใต) อําเภอ เมืองเพชรบุรี เปนวัดเกาแกสมัยอยุธยา เปนพระพุทธรูปปาง ไสยาสน ยาว 21 วา 1 ศอก 1 คืบ 12 นิ้ว ฝ มื อ ช า งเอกสมั ย อยุ ธ ยาสร า งด ว ย อิ ฐ ลงรั ก ป ด ทองตลอดทั้ ง องค งดงามสมบูรณแบบ ปจจุบัน พระนอนวัดไสยาสนองคนมี้ ี ความยาวเปนอันดับ 4 ของ ประเทศไทย
114
6. “¾ÃÐËǧÇÑ´·‹ÒäªÂ” หรือ “¾Ãоط¸ÈÔÃâÔ Ã¨¹ ”
เปนพระพุทธรูปสําริด ปางหามญาติ ศิลปะสมัยลพบุรีรุนหลังอายุ มากกวา 700 ป ประดิษฐานอยูภายในโบสถวัดทาไชยศิริ เปน พระประธานเก า แก แ ละมี ลั ก ษณะพิ เ ศษมี เ พี ย ง 1 ใน 3 ของวัดทั่วประเทศที่มีพระประธานทายืน ประดิษฐานในพระอุโบสถ
Phetchaburi 115
7. “ËÅǧ¾‹ÍྪÃÇѴྪþÅÕ” เปนพระพุทธรูป
ปางสมาธิ รูปสวนสันทัดเนื้อหินเขียวขาวสลักหินเรียบ ประทับ นั่งในซุมบนกําแพงวัดเพชรพลี ซึ่งเปนวัดเกาแกในสมัยตนของ สุวัณณภูมิ (อักขระตามจารึกในประวัติกระเบื้องจารโบราณ) ระหวางป พ.ศ. 272-273 หันพระพักตรเขาวัดซึ่งตรงกับ “บอนํ้า เพชรมหาไชย” คลายนัง่ เสกนํา้ ในบอใหเปนนํา้ พระพุทธมนตอนั ศักดิ์อยูตลอดกาล
116
8. “ËÅǧ¾‹Í´íÒÇÑ´¶íÒé ç¤ ” ประดิษฐานอยูใ นภูเขาหินปูนของวัด ถํา้ รงค อําเภอบานลาด เปนพระพุทธรูปโบราณศักดิส์ ทิ ธิป์ างหามญาติ สมัยทวารวดีที่มีอายุกวา 1,000 ป สลักขึ้นแบบนูนสูงลอยองค ประดิษฐานบนผนังถํ้าบริเวณขอเทาหลวงพอดํามีโซลามอยู ตํานานเลาวาหลวงพอดําเปนพระเจาชู เมื่อเห็นสาว ๆ จะ เขาไปพูดจาเกี้ยวพาราสี จนชาวบานอดทนตอพฤติกรรม ของหลวงพอดําไมไดจึงนําโซมาลามที่ขาไมใหออกไป พบปะพูดคุยกับใคร
Phetchaburi 117
9. “¾Ãоط¸ÃÙ»» ´·ÇÒ÷ѧé 9” ประดิษฐาน
อยูบริเวณริมชายหาดหนาวัดเนรัญชราราม อําเภอชะอํา เปนพระพุทธรูปปูนปนขนาดใหญลักษณะปดทวารทั้ง ๙ คือ ตาสอง จมูกสอง หูสอง ปากหนึ่ง ทวารหนักและทวาร เบา สรางขึ้นเพื่อเปนปริศนาธรรม วาปดหูซาย-ขวา เพื่อมิ ใหไดยินไดฟงสิ่งเปนอัปมงคล ปดตาสองขางไมรูไมเห็น สิ่งไมดีไมงาม ปดปากเสียบางคือไมวากลาวใหรายปายสี ผูอ นื่ เชือ่ วาหากเราทําไดอยางปริศนาธรรมตัวเราก็จะไมมี ทุกขฉันใดก็ฉันนั้น
ขอขอบคุณขอมูลจาก “อบจ.พาเที่ยว” วารสารสัมพันธ องคการบริหารสวนจังหวัดเพชรบุรี ปที่ 2 ฉบับที่ 17 ประจําเดือน พฤศจิกายน 2554 118
เสนทางพบองคการบริหารสวนตําบล (อ.เมือง)
1.
องคการบริหารสวนตําบลดอนยาง “ดอนยางเปนชุมชนนาอยู ประชาชน มีคณ ุ ภาพชีวติ ทีด่ ดี าํ รงชีวติ แบบเศรษฐกิจ พอเพียง รวมใจตานภัยยาเสพติด สงเสริม ผลผลิตทีม่ คี ณ ุ ภาพ มีการบริหารจัดการ ตามหลักธรรมาภิบาล” คื อ วิ สั ย ทั ศ น ก ารพั ฒ นาของ องคการบริหารสวนตําบลดอนยาง อําเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งปจจุบัน มี นายแสง มีทรัพย ดํารงตําแหนง นายกองค ก ารบริ ห ารส ว นตํ า บล ดอนยาง พรอมคณะผูบริหารประกอบ ดวย นายประเชิ ญ กลิ่ น พิ กุ ล และ นายมานะ ชื่นอารมย ดํารงตําแหนง รองนายกองค ก ารบริ ห ารส ว นตํ า บล ดอนยาง นายพรชัย พุฒเทศ ดํารง ตํ า แหน ง เลขานุ ก ารนายกฯ และมี นายพัสกร บุญผูก ดํารงตําแหนงปลัด องคการบริหารสวนตําบลดอนยาง ป จ จุ บั น องค ก ารบริ ห ารส ว น ตํ า บลดอนยางดํ า เนิ น งานในการ แก ไ ขป ญ หาและจั ด ทํ า โครงการเพื่ อ การพั ฒ นาตามความต อ งการของ ประชาชนในพื้ น ที่ ค รบทุ ก ด า น โดย เฉพาะดานโครงสรางพื้นฐานปจจุบัน ถนนแทบทุกสายสรางเปนถนนคอนกรีต ทุกหมูบาน มีระบบไฟฟาทุกครัวเรือน มีการบริหารจัดการประปาหมูบานจน เป น นํ้ า ประปาดื่ ม ได ตั้ ง แต ป 2556
นายแสง มีทรัพย
นายกองคการบริหารสวนตําบล ดอนยาง
2.
3. 4.
เป น ต น ตลอดจนสนั บ สนุ น ส ง เสริ ม กิ จ กรรมการศึ ก ษาและการกี ฬ าแก เยาวชน ด า นการสาธารณสุ ข และ สิ่งแวดลอม และการอนุรักษวัฒนธรรม และประเพณีทองถิ่น
ผลการดําเนินงานที่ผานมาถือได วา การพัฒนาขององคการบริหารสวน ตําบลดอนยางประสบความสําเร็จ เปน ที่ ย อมรั บ สามารถแก ไ ขป ญ หาและ ตอบสนองความตองการของประชาชน ในพื้นที่ไดเปนอยางดี ครอบคลุมถึงการ จัดสถานที่ที่สะดวกสบายและสะอาด เพื่อตอนรับประชาชนที่เขามาใชบริการ จนไดรับรางวัลชนะเลิศสํานักงานสวย สะอาด ตามโครงการ “ทองถิน่ เพชรบุรี สวยดวยมือเรา” 1. การแขงขันกีฬาตําบลดอนยาง ต า นยาเสพติ ด เพื่ อ ความปรองดอง สมานฉันท 2. การแขงขันจักรยานแรลลี่ตาน ยาเสพติด 3. โครงการสงเสริมการเรียนรูดาน วิ ช าการและวิ ช าชี พ ตํ า บลดอนยาง (ภาษาอังกฤษ) 4.โครงการส ง เสริ ม คุ ณ ธรรม จริยธรรมโดยการนําผูบริหาร สมาชิก สภา พนักงาน อบต. เขาวัด ฟงธรรมะ Phetchaburi 119
เส้นทางพบองค์การบริหารส่วนต�าบล (อ.เมือง)
“พั ฒ นาอย า งมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพ สู สังคม ASEAN” คือวิสัยทัศน์ของ องค์ ก ารบริ ห าร ส่ ว นต� า บลธงชั ย ซึ่งมีส�านักงานตั้งอยู่ เลขที่ 464 หมู่ที่ 8 ถ.คีรีรัฐยา ต.ธงชัย อ.เมือง จ.เพชรบุรี ปัจจุบนั มี นายประหยัด แสงหิรญ ั เปน นายกองค์การบริหารส่วน ต�าบลธงชัย และมี นายปรัชญา เมืองสุข ด�ารงต�าแหน่ง ปลัดองค์การบริหารส่วน ต�าบลธงชัย ยุทธศาสตร์การพัฒนา ผู้บริหารองค์การบริหารส่วนต�าบล ธงชัย ก�าหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาไว้ 8 ยุทธศาสตร์ ดังนี้ 1.ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ องค์ ก ารบริหารส่วนต�า บลธงชัย ส่งเสริมประชาชนให้ประกอบอาชีพ พึ่งพา ตนเองตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง ผลักดัน ให้มกี ระบวนการสร้างรายได้ให้กบั ประชาชน โดยส่งเสริมตั้งแต่กระบวนการผลิต การ จ�าหน่าย ส่งเสริมการรวมตัวกันเปนกลุ่ม อาชีพ กลุ่มเกษตรกร ส่งเสริมผู้ประกอบ การธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก เพื่อ เสริมสร้างกระบวนการสร้างรายได้ให้กับ ประชาชน
องคการบริหารสวนตําบลธงชัย
2. ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภค และสาธารณูปการ องค์ ก ารบริ ห ารส่ ว นต� า บลธงชั ย จะพั ฒ นาระบบโครงสร้ า งพื้ น ฐานและ สาธารณูปโภค ก่อสร้างและปรับปรุงบ�ารุงรักษาทั้งถนน ทางระบายน�้า ปรับปรุงซ่อมแซม ถนน ทั้งสายหลัก และสายซอย เพือ่ ให้ประชาชนมีเส้นทางคมนาคมที่สะดวกรวดเร็ว และ ปลอดภัย ขยายเขตประปา ปรับปรุงและ พัฒนาแหล่งน�า้ เพือ่ ให้ประชาชนมีนา�้ เพียง พอต่อการอุปโภคบริโภคเพื่อการเกษตร ติดตั้งไฟฟ้าสาธารณะ และไฟส่องสว่าง ในซอยต่างๆ ครอบคลุมพื้นที่ต�าบลธงชัย โครงการวางท่อระบายน�้า ซอย จส. 8 หมู่ที่ 2 3. ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านทรัพยากรธรรมชาติ สิง่ แวดล้อมและแหล่งท่องเทีย่ ว องค์การบริหารส่วนต�าบลธงชัย พัฒนาโครงสร้างทางด้านบริการสาธารณะบน เขาหลวงเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว กระจายรายได้ให้แก่ประชาชนในต�าบลธงชัย และ ส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจพื้นที่ และเก็ บ ก� า จั ด ขยะและ เศษวัสดุตา่ งๆ ทีม่ คี นน�ามา ทิง้ ไว้ตามข้างทาง เช่น ศาล พระภูมิ และเศษวัสดุตา่ งๆ ถ�า้ วิมาณจักรี (ถ�า้ เขาหลวง) เปนสถานที่ท่องเที่ยวที่มี ชื่อเสียงในจังหวัดเพชรบุรี
โครงการสาธิตการท�าตุก ตาโมบายลดกลิน่ อับ เพื่อจ�าหน่ายเปนอาชีพเสริม โดยสาธิต ทั้ง 9 หมู่ 4. ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านแหล่งน�้า องค์การบริหารส่วนต�าบลธงชัย ได้ ขุดลอกคลองส่งน�า้ และระบายน�า้ เพือ่ ก�าจัด วัชพืช ให้น�้าระบายได้สะดวก ซึ่งเปนคลอง โครงการสาธิตการท�าปอเปยะสดเพื่อเปน ชลประทานทีใ่ ช้สง่ น�า้ เพือ่ การเกษตร ให้กบั อาชีพเสริมเพื่อสร้างรายได้ ทั้ง 9 หมู่ หมู่ที่ 4, หมู่ที่ 5, หมู่ที่ 6, หมู่ที่ 7 120
ให้เจ้าหน้าทีจ่ ดั เก็บศาลพระภูมทิ มี่ คี นน�ามา ทิ้งไว้ ตามข้างทาง
โครงการขุดลอกคลองก�าจัดวัชพืช เพือ่ ระบาย น�้าได้สะดวก คลองชลประทานทีใ่ ช้สง่ น�า้ เพือ่ การเกษตร ให้กับ หมู่ที่ 4, หมู่ที่ 5, หมู่ที่ 6, หมู่ที่ 7
5. ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการศึกษา ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณี และภูมิปัญญาท้องถิ่น องค์การบริหารส่วนต�า บลธงชัย ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนในพื้นที่ได้รับ การศึกษาอย่างเสมอภาค ได้ตรวจเยี่ยม ศูนย์พฒ ั นาเด็กเล็กต�าบลธงชัย และส่งเสริม ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้และร่วมกิจกรรมนอก สถานที่
โครงการ “ชาวเบาหวานวางใจห่างไกลจาก ภาวะแทรกซ้อน”
นายประหยัด แสงหิรัญ นายประหยัด แสงหิรัญ นายกองค์การ บริหารส่วนต�าบลธงชัย และคณะผูบ้ ริหาร ได้ ต รวจเยี่ ย มศู น ย์ พั ฒ นาเด็ ก เล็ ก ของ ต�าบลธงชัย
โครงการพ่นหมอกควัน ป้องกันโรคไข้เลือดออก 7. ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านคุณภาพ ชีวิต องค์ ก ารบริ ห ารส่ ว นต� าบลธงชั ย ส่งเสริมสนับสนุนและพัฒนาคุณภาพชีวิต คนในชุมชนให้ครอบคลุมทุกด้าน
กิจกรรมเสริมสร้างนันทนาการให้สมวัย กับเด็กๆ
กิจกรรมพัฒนาศูนย์เด็กเล็กสัมพันธ์
6. ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านสาธารณสุข องค์การบริหารส่วนต�า บลธงชัย จะส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนมี สุขภาพที่ดีถ้วนหน้า ควบคู่ไปกับความรู้ การป้องกัน และการควบคุมทั้งโรคติดต่อ และไม่ตดิ ต่อให้กบั ประชาชน เพือ่ ยกระดับ คุ ณ ภาพชี วิ ต ของประชาชนในต� า บลกั บ คุณฯภาพชีวิตของประชาชนในต�าบล
บริการตรวจสุขภาพแก่ผสู้ งู อายุให้คา� แนะน�า และปรึกษาด้านสุขภาพ
นายกองค์การบริหารส่วนต�าบลธงชัย 8. ยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านการบริหาร จัดการทีด่ ี และส่งเสริมประชาธิปไตย องค์ ก ารบริ ห ารส่ว นต�า บลธงชัย ส่งเสริมให้ประชาชนในต�าบลมีส่วนร่วม ในการบริการจัดการภายในต�าบล เสนอ แนะแนวทางวิ ธี แ ก้ ป ั ญ หา และเสนอ โครงการต่างๆ เพื่อพัฒนาชุมชน
โครงการประชาคมหมู ่ บ ้ า นและรั บ ฟั ง ประชาชนเสนอปัญหา
กิจกรรมรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด
องค์การบริหารส่วนต�าบลธงชัย เลขที่ 464 หมู่ที่ 8 ถ.คีรีรัฐยา ต.ธงชัย อ.เมือง จ.เพชรบุรี โทร. 032-780-242 121
เสนทางพบองคการบริหารสวนตําบล (อ.เมือง)
นายชุบ คลายคลึง นายกองคการบริหารสวนตําบลชองสะแก
องคการบริหารสวนตําบลชองสะแก “ต น สะแกเป น ตํ า นาน เล า ขาน กํ า แพงเมื อ ง ลื อ เลื่ อ งงานปู น ป น ผลิ ต ภั ณ ฑ ข า วเกรี ย บงา ภู มิ ป ญ ญา นาฏศิลป ผืนแผนดินถิ่นคนดี นําวิถี ความพอเพียง” คื อ คํ า ขวั ญ ของตํ า บลช อ งสะแก ซึ่ ง อยู ภ ายใต ก ารปกครองขององค ก าร บริ ห ารส ว นตํ า บลช อ งสะแก ซึ่ ง มี สํานักงานตั้งอยูหมูที่ 6 ตําบลชองสะแก อํ า เภอเมื อ ง จั ง หวั ด เพชรบุ รี ป จ จุ บั น มี นายชุบ คลายคลึง ดํารงตําแหนง นายก องคการบริหารสวนตําบลชองสะแก โดยบริ ห ารงานให เ ป น ไปตามวิ สั ย ทั ศ น ขององคการบริหารสวนตําบลชองสะแก ที่วา“โครงสรางพื้นฐานดี ประชาชนมี คุณภาพ เศรษฐกิจกาวหนา มุงสูการ พัฒนาแบบยั่งยืน” ขอมูลพื้นฐานและสภาพทั่วไป ตําบลชองสะแก มีเนื้อที่ประมาณ 13.73 ตารางกิ โ ลเมตร หรื อ ประมาณ 8,581.25 ไร มีประชากร รวมทั้งสิ้น 7,012 คน (ขอมูล ณ วันที่ 30 มิถนุ ายน 2557) พืน้ ที่ 122
สวนใหญของตําบลชองสะแก มีลักษณะ เปนพื้ น ที่ ลุ มดิ นดํ า เหมาะแก การเกษตร เป น พื้ น ที่ กึ่ ง เมื อ งกึ่ ง ชนบท ประชากร ส ว นใหญ ป ระกอบอาชี พ เกษตรกรรม เชน ทําสวน ทํานา เลี้ยงสัตว และการ แปรรูปสินคาเกษตร เชน นํ้าตาลโตนด ขาวเกรียบงา เปนตน ผลการดําเนินงานที่โดดเดน ศูนยพฒ ั นาเด็กเล็กองคการบริหาร สวนตําบลชองสะแก ด ว ยความตระหนั ก ว า การศึ ก ษา คื อ พื้ น ฐานสํ า คั ญ ในการพั ฒ นาคนให มี คุณภาพ องคการบริหารสวนตําบลชอง สะแก จึ ง ให ค วามสํ า คั ญ ในการจั ด การ ศึ ก ษาให กั บ ลู ก หลานของชาวตํ า บล ชองสะแก โดยมี “ศูนยพัฒนาเด็กเล็ก องคการบริหารสวนตําบลชองสะแก” เพื่ อ พั ฒ นาเด็ ก เล็ ก ให มี คุ ณ ภาพทั้ ง ทาง รางกาย สติปญญา มีความสุข มีความ พรอมที่จะศึกษาในระดับชั้นที่สูงขึ้น และ ประการสําคัญคือ เพื่อแบงเบาภาระการ ดูแลบุตรหลานใหกับชาวตําบลชองสะแก
1.
2.
และเปนทีท่ ราบกันดีวา งานศิลปะปูนปน ของ ชางเมืองเพชรนั้นมีความประณีต งดงาม ละเอียดและออนชอย ซึ่งเปนเอกลักษณที่ โดดเดนและขึ้นชื่อของจังหวัดเพชรบุรี ในตํ า บลช อ งสะแกมี บุ ค ลากรที่ มี บทบาทสํ า คั ญ ในการสืบสานงานศิล ปะ ปู น ป น สองท า นได แ ก นายทองร ว ง เอมโอษฐ ศิลปนแหงชาติ สาขาทัศนศิลป (ประณีตศิลป-ศิลปะปูนปน ) ประจําป พ.ศ. 2554 และนายสมบั ติ พู ล เกิ ด บุคคล แหงป ประจําป 2555 ดานอนุรักษสืบสาน ศิลปะปูนปน โดยสามารถหาชมผลงาน ศิลปะปูนปน ไดหลายแหง เชน งานปูนปน
1. นายทองรวง เอมโอษฐ 2. นายสมบัติ พูลเกิด
ซึง่ การดําเนินงานทีผ่ า นมาของศูนยพฒ ั นา เด็กเล็กฯ ไดรับรางวัลมากมาย อาทิ ● ไดรับการประเมินรับรองเปนศูนย พั ฒ นาเด็ ก เล็ ก แหล ง เรี ย นรู โ ภชนาการ สมวัยยอดเยี่ยมระดับดี ป 2555 ● รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 โครงการ ประกวดศู น ย เ ด็ ก เล็ ก น า อยู ใ นชุ ม ชน ป 2555 ● ได รั บ การคั ด เลื อ กเป น ศู น ย เ ด็ ก เล็กคุณภาพดีเดนระดับจังหวัด ประจําป 2556 – 2557 ความสําคัญของตําบลชองสะแก มหาวิ ท ยาลั ย จุ ฬ าลงกรณราช วิทยาลัย วิทยาเขตเพชรบุรี จัดสรางอาคารมหาวิทยาลัยจุฬา ลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ณ วัดพระรูป
ตําบลชองสะแก เพือ่ เปนสถานศึกษาระดับ อุดมศึกษา และวิชาชัน้ สูง สําหรับพระภิกษุ สามเณร และคฤหัสถ (ประชาชนทัว่ ไป) ซึง่ คาดวาจะแลวเสร็จป 2559 แหลงรวมภูมิปญญาทองถิ่น ดาน ศิลปะปูนปน ศิลปะปูนปน จัดเปนงานชางสาขา หนึ่งในชางสิบหมูของจังหวัดเพชรบุรี ที่ ปรากฏหลักฐานวามีมาแตสมัยอาณาจักร ทวารวดี เรื่อยมาจนถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา มี ทั้ ง งานป น พระพุ ท ธรู ป และงานปู น ป น ประดั บ ตกแต งตามหน าบั น อุ โ บสถ วิหาร ฐานพระพุทธรูป ฐานเจดีย ที่แสดง ถึ ง เรื่ อ งราวทางพุ ท ธประวั ติ เทพเทวดา สัตวหมิ พานต และสัตวในวรรณคดี เปนตน หน า บั น พระวิ ห ารหลวง พระปรางค งานปูนปน ของศาลาวัดมหาธาตุวรวิหาร งานปนหอระฆัง วัดนาค วัดไตรโลก และวั ด แรก จั ง หวั ด เพชรบุ รี เปนตน ปจจุบนั ทัง้ สองทานเปนอาจารยสอนศิลปะ ปูนปน ถายทอดความรูป ระสบการณใหกบั เด็กและเยาวชน เพือ่ สืบทอดเปนมรดกไทย
สนใจขอมูลเพิ่มเติมติดตอไดที่ อบต.ชองสะแก โทร.032-400058 หรือ www.chongsakae.go.th Phetchaburi 123
เสนทางพบองคการบริหารสวนตําบล (อ.เมือง)
องคการบริหารสวนตําบลบานหมอ วิสัยทัศน “นายกหมี” “โครงสรางการบริหารงานทองถิ่น สาระหลักเปนเรื่องของการมีสวนรวม ที่ ผ า นมาเลยยึ ดปรัช ญาวา ทํา อยา งไร ใหอบต. มีความสัมพันธที่ดีกับทุกสวน และเอาทุกสวนที่มีกําลังมาเปนแรงขับ เคลื่อน” นายธี ร ศั ก ดิ์ พานิ ช วิ ท ย นายก องค ก ารบริ ห ารส ว นตํ า บลบ า นหม อ อําเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี หรือที่ ชาวบานเรียกกันอยางคุนเคยสั้นๆ วา “กํานันหมี” หรือ “นายกหมี” มี แนวทางการบริหารงานในตําแหนง นายกอบต.บานหมอ โดยใชหลัก ปฏิบัติสําคัญ 3 ประการ คือ 1. แบงความสัมพันธของงาน ในระดับตางๆใหมีสวนรวมในการ ใชอํานาจหนาที่และโครงสรางเชิง อํานาจ 2. การสรางภาคีเพื่อมาหนุนเสริม เชน เมื่อกอนไมมีอนามัย ไมมีโรงเรียนก็ตองไป เอาการมีสวนรวมมาเคลื่อนงานเสริม เปน โครงสรางเชิงระบบการบริการ 3. โครงสรางเชิงแสดงเจตจํานงความ เปนเจาของ ทีเ่ ปดโอกาสใหประชาชนบริหาร
124
จัดการไดเองในบางเรื่อง และใหอํานาจใน เชิงการตรวจสอบ เปดพื้นที่ใหตรวจสอบ ตอบโจทยรวมคิด รวมทํา รวมตรวจสอบ ดึงการมีสวนรวมในทุกภาคสวนมาใชในมิติ ที่ตางกัน มีการแบงอํานาจการสรางความ รวมมือเพื่อใหไดมาซึ่งการบริการ ดวยเหตุที่ตําบลบานหมอมีความเปน เมือง 60% และชนบท 40% ทําใหการมี สวนรวมนอยมาก จึงจัดทําแผนปฏิบัติงาน
นายธีรศักดิ์ พานิชวิทย
นายกองคการบริหารสวนตําบลบานหมอ คือการเขาพบประชาชนในพืน้ ทีใ่ หมากทีส่ ดุ เช น กลยุ ท ธ ห นึ่ ง เย็ น หนึ่ ง ซอย เมื่ อ มี โอกาสจะไปนัง่ คุยกับประชาชน เพือ่ รับทราบ สารทุกขสกุ ดิบ แลวนํามาคิดแผนงานพัฒนา หรือแกไขปญหา ดังที่ นายกหมี ไดกลาว เพิ่มเติมวา “หลังจากนี้จะเนนงานที่มุงสู การพั ฒ นาทรั พ ยากรบุ ค คล ยกระดั บ คุณภาพชีวติ และคุณภาพดานการศึกษา รวมถึงการดูแลผูสูงอายุใหมากขึ้น” สํ า หรั บ แผนการเข า ถึ ง ประชาชนใน อนาคตอันใกลนี้คือ “โครงการจากหนารั้ว สูครัวเรือน” คือการเขาไปพัฒนาคุณภาพ ชีวติ ความเปนอยูใ นบานเรือนของประชาชน ใหดีขึ้น ซึ่งเปนความตั้งใจของ นากยกหมี ตามที่ไดกลาวเพิ่มเติมวา “ปจจุบันตําบล บ า นหมอมี โ ครงสร า งพื้ น ฐานต า งๆ เชน ถนนหนทาง ซึ่งเปรียบเสมือนงาน หนารั้ว สําเร็จเรียบรอยแลว จึงตองการเขาไปในครัวเรือน คื อ เข า ไปเป น ส ว นหนึ่ ง ของ ครอบครัว เพื่อทําใหเกิดความ เชือ่ มัน่ ใหมากขึน้ นัน่ คือแผนงาน ที่เราจะตองเดินหนาตอไปใน อนาคต”
เสนทางพบเทศบาลเมือง (อ.ชะอํา)
เทศบาลเมืองชะอํา “ชะอําเมืองนํา้ ทะเลใส หาดทรายขาว เจาพอเขาใหญศกั ดิส์ ทิ ธิ์ คนจิตใจงาม” คื อ คํ า ขวั ญ ของเมื อ งชะอํ า ซึ่ ง อยู ภายใต ก ารปกครองของ เทศบาลเมื อ ง ชะอํา เลขที่ 31 ถ.นราธิป ตําบลชะอํา อําเภอ ชะอํา จังหวัดเพชรบุรี ปจจุบันมี นายนุกูล พรสมบูรณศริ ิ เปน นายกเทศมนตรีเมือง ชะอํา ซึง่ ไดรบั ความไววางใจจากประชาชน ใหดํารงตําแหนงติดตอกันถึง 5 สมัย วิสัยทัศน (Vision) ชะอําเปนเมืองนาอยูน า เทีย่ ว ประชาชน มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุข พันธกิจ (Mission) พัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพของ กระบวนการพั ฒ นาท อ งถิ่ น คื อ พั ฒ นา โครงสรางพืน้ ฐานและสิ่งแวดลอมในการให บริการ การพัฒนาคุณภาพชีวิต การศึกษา และสงเสริมศิลปวัฒนธรรมทองถิ่น การ สาธารณสุข และความปลอดภัยในชีวติ และ ทรัพยสินของประชาชน รวมทั้งสงเสริมการ ทองเที่ยวอยางยั่งยืน
นายนุกูล พรสมบูรณศิริ นายกเทศมนตรีเมืองชะอํา
ยุทธศาสตร (Strategies) 1. ปรับปรุงและพัฒนาโครงสรางพื้นฐานเมือง การสาธารณสุขและสิ่งแวดลอมของ ประชาชนใหมมี าตรฐานสูงขึน้ ทัว่ ถึง สอดคลองกับสภาพจริงและระเบียบกฎหมายทีเ่ กีย่ วของ 2. ปรับปรุงและพัฒนาการศึกษาทุกระดับใหมคี ณ ุ ภาพและทัว่ ถึง พรอมกับสงเสริมศิลป วัฒนธรรม และภูมปิ ญ ญาทองถิน่ ใหเพิม่ คุณคา และเปนสวนหนึง่ ของวิถชี วี ติ ของประชาชน 3. ปรับปรุงและพัฒนากระบวนการพัฒนาคุณภาพชีวติ และความปลอดภัยในชีวติ และ ทรัพยสินของประชาชนใหมีประสิทธิภาพและทั่วถึง นโยบายการบริหารงาน 12 ดาน 1. นโยบายดานการพัฒนาโครงสรางพืน้ ฐาน 2. นโยบายดานการอํานวยความสะดวกและ การบริการประชาชน 3. นโยบายดานเศรษฐกิจ 4. นโยบายดานสิ่งแวดลอม 5. นโยบายดานสวัสดิการและคุณภาพชีวิต 6. นโยบายดานการศึกษา 7. นโยบายดานสาธารณสุข 8. นโยบายดานประเพณี ศิลปวัฒนธรรม 9. นโยบายดานการทองเที่ยว 10. นโยบายดานการเสริมสรางความเขม แข็งของชุมชน 11. นโยบายดานความมัง่ คงปลอดภัย ในชีวิต และทรัพยสิน 12. นโยบายการพัฒนาองคการเทศบาล
สนใจขอมูลเพิ่มเติมติดตอไดที่ สํานักงานเทศบาลเมืองชะอํา 31 ถ.นราธิป ตําบลชะอํา อําเภอชะอํา จังหวัดเพชรบุรี หรือ www.cha-amcity.go.th Phetchaburi 125
เสนทางพบองคการบริหารสวนตําบล (อ.ชะอํา)
องคการบริหารสวนตําบลหวยทรายเหนือ “หุบเขาทุงแฝกขึ้นชื่อ เลื่องลือดอก กระเจี ย วบาน แหล ง ผลิ ต อ อ ยนํ้ า ตาล ตํานานเนื้อทราย” คือคําขวัญของตําบลหวยทรายเหนือ ซึง่ ปกครองโดย องคการบริหารสวนตําบล หวยทรายเหนือ มีสํานักงานตั้งอยูเลขที่ 29/9 หมูท ี่ 1 บานทุง จับญวน ตําบลหวยทราย เหนือ อําเภอชะอํา จังหวัดเพชรบุรี โดยตัง้ อยู หางจากอําเภอชะอําประมาณ 26 กิโลเมตร ปจจุบนั มี นายสมพิษ ดังสะทาน เปน นายก องคการบริหารสวนตําบลหวยทรายเหนือ โดยบริหารงานตามวิสัยทัศนการพัฒนาที่ วา “สงเสริมคุณภาพชีวิต สนับสนุนการ ศึ ก ษา ศาสนาและวั ฒ นธรรม พั ฒ นา สาธารณูปโภคพืน้ ฐาน สนับสนุนการทอง เที่ยวเชิงอนุรักษสิ่งแวดลอม ตามหลัก ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ขอมูลทั่วไป ตําบลหวยทรายเหนือ มีเนือ้ ที่ 40.11 ตร.กม. หรือประมาณ 24,571 ไร แบงเขตการ ปกครองออกเปน 7 หมูบ า น (เรียงตามลําดับ) ไดแก บานทุงจับญวน บานทุงหลวง บานทุง 126
เคล็ด บานบอหลวง บานหนองขาม บานพุ หวาย บานไรดนิ ทอง มีจาํ นวนครัวเรือนทัง้ สิน้ 1,321 ครัวเรือน มีประชากรทัง้ สิน้ 4,073 คน แบงเปนเพศชาย 2,008 คน เพศหญิง 2,065 คน ประชากรมีความหนาแนนเฉลีย่ 102 คน/ ตารางกิโลเมตร (ขอมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2557 โดยสํานักงานทะเบียนอําเภอชะอํา) ด ว ยสภาพพื้ น ที่ ส ว นใหญ ข องตํ า บลห ว ย ทรายเหนือเปนที่ราบสูงเชิงเขา ราษฎรสวน ใหญจึงประกอบอาชีพเกษตรกรรม ไดแก ไร ออย ไรสับปะรด ไรมันสําปะหลัง 8 นโยบายการพัฒนาของ อบต.หวยทรายเหนือ 1. นโยบายดานแหลงนํ้า 2. นโยบายดานการศึกษา ศาสนา และ วัฒนธรรม 3. นโยบายดานโครงสรางพื้นฐาน 4. นโยบายดานเศรษฐกิจ 5. นโยบายดานสังคม 6. นโยบายดานสาธารณสุข 7. นโยบายดานการเมืองการบริหาร 8. นโยบายดานทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอม กิจกรรมเดนในรอบปที่ผานมา โครงการเฉลิ ม พระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว “5 ธันวา มหาราช”
อบต.หวยทรายเหนือ ไดจัดพิธีเนื่อง ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา 5 ธันวาคม 2556 ณ บริเวณวัด ทุ ง จั บ ญวน ภายในงานมี พิ ธี ถ วายเครื่ อ ง ราชสักการะ และมอบรางวัลพอดีเดน-ลูก ดีเดน จํานวน 7 หมูบาน การแสดงบนเวที ของดารานั ก แสดงนํ า จากช อ ง 7 สี อาทิ แพนเคก--เขมนิจ, ไท--ธนาวุฒิ, คุณอวน--
วารุณี สุนทรีสวัสดิ,์ ดาว--มยุรี ,ตู- -ดิเรก, คุณ พิเชษฐ เปนตน โครงการเฉลิมพระเกียรติ 12 สิงหา มหาราชินี ประจําป 2556 อบต.ห ว ยทรายเหนื อ ได ดํ า เนิ น โครงการเมื่ อ วั น ที่ 8 สิ ง หาคม 2556 ณ ศูนยพัฒนาเด็กเล็กตําบลหวยทรายเหนือ กิ จ กรรมในงานประกอบด ว ย การกล า ว ถวายราชสดุดี มอบประกาศเกียรติคุณแก แมตัวอยาง ในการอบรมเลี้ยงดูลูกใหเปน เด็กดี เด็กเกง การแสดงของเด็กๆ และลูกๆ มอบชอมะลิใหแม เพื่อเปนการแสดงความ กตัญูกตเวที โครงการสืบสานประเพณีสงกรานต และลานวัฒนธรรม อบต.ห ว ยทรายเหนื อ ได จั ด งาน ประเพณีสงกรานตขึ้น เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2557 ณ บริเวณวัดทุงจับญวน ในงานมี กิจกรรมตางๆ ที่แสดงออกถึงประเพณีไทย
อาทิ พิธรี ดนํา้ ขอพรผูส งู อายุ แขงขันกีฬาและ การเลนพื้นบาน เชน แขงขันขูดมะพราว ,ชัก คะเยอ ,ปดตาตีปบ ,ตีกอลฟ ,ชกมวยตับจาก ,เกาอีด้ นตรี เปนตน บรรยากาศในงานเต็มไป ดวยความสุข สนุกสนาน และความสามัคคี ของคนในตําบลหวยทรายเหนือ โครงการพิธมี อบวุฒบิ ตั รบัณฑิตนอย ประจําป 2557 อบต.ห ว ยทรายเหนื อ จัดพิธีมอบ เกี ย รติ บั ต รแก นั ก เรี ย นที่ ผ า นการศึ ก ษา หลักสูตรเตรียมความพรอมในระดับกอนวัย เรียน เมื่อ 22 มีนาคม 2557 ณ ศูนยพัฒนา เด็กเล็กตําบลหวยทรายเหนือ ดวยเล็งเห็นวา จุดเริม่ ตนชีวติ คือการเริม่ ชีวติ ในชวงปฐมวัย ดังนัน้ การศึกษาระดับปฐมวัยจึงเปนการวาง รากฐานที่ดี และเปนชวงเวลาที่เหมาะสม ที่สุดสําหรับการปูพื้นฐานทักษะตางๆ ใหแก เด็ก เพื่อใหเด็กมีความพรอมที่จะพัฒนาใน ระดับตอไป
นายสมพิษ ดังสะทาน
นายกองคการบริหารสวนตําบล หวยทรายเหนือ “โครงการวันเด็กแหงชาติ ประจํา ป 2557” อบต.หวยทรายเหนือ ไดจัดกิจกรรม วันเด็กแหงชาติขึ้น เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2557 ณ บริ เ วณวั ด ทุ ง จั บ ญวน เพื่ อ ให ประชาชนและผูรับผิดชอบตออนาคตของ เด็ก ไดตระหนักถึงความสําคัญของเด็กและ เยาวชน ในการเลี้ยงดู อบรมสั่งสอน และให เด็กและเยาวชนมีโอกาสแสดงออกถึงความ สามารถในดานตางๆ อีกทั้งไดตระหนักถึง วินัยหนาที่ของตนเองตอไป ชมทุงดอกกระเจียวบานสะพรั่ง กลาง “หุบเขาทุงแฝก” “หุบเขาทุงแฝก” เปนแหลงทองเที่ยว เชิงอนุรักษบนเทือกเขา “พระรอบ” มีภูเขา น อ ยใหญ ล อ มรอบซึ่ ง ปกคลุ ม ด ว ยหญ า แฝก จนชาวบานเรียกติดปากวา “หุบเขา ทุงแฝก” ซึ่งมีลักษณะเปนภูเขาสลับซับซอน สูงจากพื้นดินประมาณ 500 เมตร ดานบน เปนที่ราบประมาณ 2,000 ไรเศษ มีพันธุไม นานาชนิด และมีทุงดอกกระเจียวซึ่งจะบาน สะพรั่งพรอมกันไปทั้งหุบเขา ชวยแตงแตม สีสันใหกับธรรมชาติในชวงเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนสิงหาคม รอรับการสัมผัสชื่นชมจาก นักทองเที่ยวทั่วทุกสารทิศ
Phetchaburi 127
เสนทางพบองคการบริหารสวนตําบล (อ.หนองหญาปลอง)
นํ้าตกแมกระดังรา หมู 3 บานลิ้นชาง อางเก็บนํ้าหวยแมประจันต หมู 1 บานทุงกระตาย (อันเนื่องมาจากพระราชดําริ)
องคการบริหารสวนตําบล ยางนํ้ากลัดใต “เปนแหลงทองเที่ยวเชิงนิเวศน และแหลงเรียนรูอัตลักษณชาติพันธุ กะเหรี่ยง” คือวิสัยทัศนของการบริหารงานของ องคการบริหารงานสวนตําบลยางนํ้า กลัดใต อําเภอหนองหญาปลอง จังหวัด เพชรบุ รี ซึ่ ง ป จ จุ บั น มี นายพี ร ศั ก ดิ์ กาฬดิษฐ ดํารงตําแหนง นายกองคการ บริหารสวนตําบลยางนํ้ากลัดใต ขอมูลทั่วไปของอบต.ยางนํ้ากลัดใต สถานภาพทางกฎหมายลั ก ษณะ ปกครองทองถิน่ ตําบลยางนํา้ กลัดใตจดั ตัง้ เปนสภาตําบล (นิตบิ คุ คล) เมือ่ เดือนมีนาคม พ.ศ.2538 และไดยกฐานะเปนองคการ บริหารสวนตําบลในป พ.ศ.2540 ตอมา ได มี ก ารยุ บ รวมสภาตํ า บลยางนํ้ า กลั ด เหนือ ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยวา ดวย การสํารวจเจตนารมณของประชาชน ในเขตสภาตํ า บลหรื อ องค ก ารบริ ห าร สวนตําบล เพื่อไปรวมกับองคการ บริหาร สวนตําบลหรือหนวยการบริหารราชการ สวนทองถิ่นอื่น พ.ศ.2547 เมื่อวันที่ 29 เดือนกันยายน พ.ศ.2547 ทําใหองคการ บริหารสวนตําบลยางนํ้ากลัดใตมีลักษณะ 128
พื้ น ที่ ท างกายภาพและการปกครองที่ แตกต า งจากตํ า บลอื่ น ในลั ก ษณะหนึ่ ง ตําบลสองทองที่ และมีพื้นที่ในเขตความ รับผิดชอบกวางขวางอยูใ นอันดับตนๆ ของ องค ก ารบริ ห ารส ว นตํ า บลที่ มี พื้ น ที่ ม าก แหงหนึ่งในประเทศไทย องคการบริหารสวนตําบลยางนํ้า กลั ด ใต ตั้งอยูเลขที่ 36 ม.2 ต.ยางนํ้า กลัดใต อยูหางจากที่วาการอําเภอหนอง หญ า ปล อ ง ไปทางทิ ศ ใต ป ระมาณ 15 กิโลเมตร สามารถเดินทางติดตอไดโดย ทางหลวงแผ น ดิ น สาย พบ 3349 สาย หนองควง- หนองหญาปลอง อยูหางจาก ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ไปทางทิศตะวันตก 22 กิโลเมตร อยูหาง จากตัวจังหวัด 33 กิโลเมตร
องคการบริหารสวนตําบลยางนํ้า กลัดใต มีพนื้ ทีร่ บั ผิดชอบทัง้ หมดประมาณ 1,086 ตารางกิ โ ลเมตร หรื อ ประมาณ 678,750 ไร จําแนกดังนี้ 1. ตําบลยางนํ้ากลัดใต มีพื้นที่ 419 ตร.กม. ประมาณ 262,108 ไร 2. ตํ า บลยางนํ้ า กลั ด เหนื อ มี พื้ น ที่ 667 ตร.กม. ประมาณ 423,593 ไร ยุ ท ธศาสตร ก ารพั ฒ นาของผู บ ริ ห าร อบต.ยางนํ้ากลัดใต ยุทธศาสตรที่ 1: ยุทธศาสตรการ พัฒนาดานโครงสรางพื้นฐาน มุงเนนการกอสราง ปรับปรุง บํารุง รักษา ซอมแซมถนน พรอมทั้งปรับปรุง ระบบไฟฟาสองสวาง เพื่อใหการสัญจรมี ความสะดวก ปลอดภัย กิจกรรมการประชุมสภา อบต.
โค รง ก าร ฝ ก อ บ รม ป หมอกควัน
อ งกั น ไฟ ป า แ ล ะ
กิจกรรมวันเด็กแหงชาติ
ยุทธศาสตรที่ 2 : ยุทธศาสตรดาน การพัฒนาเศรษฐกิจ สงเสริมการลงทุนและการทองเที่ยว และพั ฒ นากลุ ม อาชี พ ในพื้ น ที่ ใ ห มี ก าร บริหารจัดการอยางมีระบบตอเนื่องและ เหมาะสมกับสภาพทองถิ่น สงเสริมการ แปรรูปสินคาทางการเกษตร และสงเสริม การท อ งเที่ ย วเชิ ง นิ เ วศน ใ นพื้ น ที่ เช น นํ้าตกกระดังรา นํ้าพุรอน อางเก็บนํ้าหวย แมประจันต (อันเนื่องมาจากพระราชดําริ) ยุทธศาสตรที่ 3 : ยุทธศาสตรการ พัฒนาดานการศึกษา ศาสนา ประเพณี ศิ ล ปวั ฒ นธรรมท อ งถิ่ น นั น ทนาการ และพัฒนาคุณภาพชีวิต มุ ง เน น ส ง เสริ ม พั ฒ นาด า นการ ศึ ก ษา สนั บ สนุ น อนุ รั ก ษ แ ละสื บ สาน ขนบธรรมเนียมศิลปวัฒนธรรมประเพณี และภูมิปญญาทองถิ่นตลอดจนสงเสริม การเล น กี ฬ านั น ทนาการต า งๆ เพื่ อ ให เยาวชนใชเวลาวางใหเกิดประโยชน หาง ไกลยาเสพติด สงเสริมสุขภาพอนามัยของ ประชาชนโดยเนนเชิงรุกคือปองกันมากกวา การรักษา ยุทธศาสตรที่ 4 : ยุทธศาสตรการ พัฒนาดานการจัดระเบียบชุมชน สังคม และความสงบเรียบรอย
สงเสริมสนับสนุนกิจกรรมดานการ ดู แ ลรั ก ษาความปลอดภั ย ในชี วิ ต และ ทรัพยสินของประชาชน สนับสนุนกิจกรรม ปองกันยาและแกไขยาเสพติดในชุมชน โดยบู ร ณาการการทํ า งานกั บ หน ว ยงา นอื่นๆที่เกี่ยวของ สนับสนุนการปฏิบัติงาน ของอาสาสมั ครป องกั นภั ยฝ า ยพลเรื อน (อปพร.) ใหมีความพรอมในการรับมือกับ ปญหาไดทันทวงที ยุทธศาสตรที่ 5 : ยุทธศาสตรดาน การเมือง การปกครองและการบริหาร จัดการ บริหารงานดวยความโปรงใส โดย ยึดหลักธรรมาภิบาลเพื่อใหเกิดประโยชน สู ง สุ ด กั บ ประชาชน พั ฒ นาศั ก ยภาพใน การทํางาน การใหบริการประชาชนอยาง มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สามารถ แกไขปญหาความเดือดรอนใหกบั ประชาชน อยางทัว่ ถึงและเปนธรรม สงเสริมการมีสว น ของประชาชนในการพัฒนาทองถิ่น ยุทธศาสตรที่ 6 : ยุทธศาสตรการ พัฒนาดานอนุรกั ษทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอม สงเสริมการมีสวนรวมของประชาชน ในการอนุ รั ก ษ ท รั พ ยากรธรรมชาติ แ ละ สิ่ ง แวดล อม ปลู กจิ ตสํ า นึ กในการรั กษา และใชประโยชนจากทรัพยากรธรรมชาติ อยางรูคุณคา
นายพีรศักดิ์ กาฬดิษฐ
นายกองคการบริหารสวนตําบล ยางนํ้ากลัดใต
“ตากเกมส” โครงการแขงขันกีฬาชาวดอย
กิจกรรมหนวยแพทยอาสา(พอ.สว.) ขบวนแหงานพระนครคีรีป 2557 นํ้าพุรอน หมู 5 บานพุนํ้ารอน
กิจกรรมสานสายใยวันปดภาคเรียน
Phetchaburi 129
เสนทางพบเทศบาลตําบล (อ.ทายาง)
วัดหนองจอก
เทศบาลตําบลหนองจอก
คําขวัญเทศบาลตําบลหนองจอก “อําเภอเการุงเรือง เมืองดอกบัวบาน อนุรักษจักสาน สรางงานผาบาติก”
วิสัยทัศน ” พัฒนาโครงสรางพืน้ ฐาน สืบสาน วัฒนธรรมประเพณี ประชาชนมีสวน รวมในการพัฒนาทองถิ่น“ เทศบาลตําบลหนองจอก ตั้งอยูหมู ที่ 5 ถนนหลังสถานีรถไฟ ตําบลหนองจอก อําเภอทายาง จังหวัดเพชรบุรี อยูหางจาก ที่วาการอําเภอทายาง 10 กิโลเมตร และ อยูหางจากตัวเมืองเพชรบุรี 24 กิโลเมตร อยูห า งจากกรุงเทพมหานคร 158 กิโลเมตร เทศบาลตําบลหนองจอก เปนเทศบาล ขนาดเล็ก ในเขตจังหวัดเพชรบุรี ไดรับการ ยกฐานะจากสุขาภิบาลหนอกจอก ตาม พระราชกฤษฎีกา เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2542 130
นโยบายการพัฒนาของเทศบาลตําบล หนองจอก 1.ดานการพัฒนาโครงสรางพืน้ ฐาน เพื่อปรับปรุงโครงสรางพื้นฐานใหได มาตรฐาน และจัดสิ่งอํานวยความสะดวก ทั้งในดานสาธารณูปโภค สาธารณูปการ อันเปนสิง่ จําเปนขัน้ พืน้ ฐานใหกบั ประชาชน อยางเพียงพอ โดยจะดําเนินการ ดังนี้ 1.1 โครงการกอสรางอาคารสํานักงาน เทศบาลตําบลหนองจอก ใหแลวเสร็จ เพื่อ สรางมาตรฐานการทํางานที่มีระบบ 1.2 โครงการกอสรางทีน่ งั่ รอรถ ทีพ่ กั ริมทาง 1.3 โครงการกอสรางถนนปลอดฝุน และทางระบายนํ้า 1.4 โครงการไฟฟาสวางเต็มที่ 2. ดานการพัฒนาสังคม และคุณภาพ ชีวิตของประชาชน อนุ รั ก ษ ม รดกทางศิ ล ปวั ฒ นธรรม จารีต ประเพณี และภูมปิ ญ ญาทองถิน่ โดย
พระวชิรธรรมคณี เจาคณะจังหวัดเพชรบุรี เจาอาวาสวัดหนองจอก
จะดําเนินการ ดังนี้ 2.1 สงเสริมการพัฒนาการศึกษาศูนย พัฒนาเด็กเล็กใหมีคุณภาพและมาตรฐาน เพื่อสรางสรรคสังคมแหงการเรียนรู
2.2 สนับสนุนวัดใหเปนสถานที่ไหว พระสําหรับนักทองเที่ยว 2.3 โครงการเยีย่ มบานตัง้ แตเด็กแรก เกิด ดูแลเยาวชน สวัสดิการผูส งู อายุถงึ เสีย ชีวิต 2.4 โครงการใหทนุ การศึกษานักเรียน 2.5 โครงการสายตรวจชาวบาน 24 ชัว่ โมง คุมเขมยาเสพติด เพือ่ ความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพยสินของประชาชน 3. ดานเศรษฐกิจ เพือ่ สงเสริมและสนับสนุนการประกอบ อาชี พ และพั ฒ นาการเพิ่ ม รายได ข อง ประชาชน สนั บ สนุ น ให ป ระชาชนได รั บ ความเปนธรรม ไมถูกเอารัดเอาเปรียบใน การซื้อสินคา 3.1 สนั บ สนุ น โอท็ อ ป ขนมเป ย ะ หนองจอก เครื่องจักรสานหนองจิก และ ผลิตภัณฑ โอท็อปบานดอนยี่พรม 3.2 ปรับปรุงและพัฒนาตลาดนัด ให เปนตลาดสะอาด ปลอดภัย ไดมาตรฐาน เพื่อสงเสริมใหประชาชนไดบริโภคอาหาร ที่สะอาดปลอดภัย และถูกสุขลักษณะ 4. ดานการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอม
เพือ่ สนับสนุนการจัดการสิง่ แวดลอมที่ ดี เพิม่ พืน้ ทีส่ เี ขียว ควบคูไ ปกับการเสริมสราง ความรูค วามเขาใจ ปลูกจิตสํานึกและความ ตระหนักในคุณคาของทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอมแกประชาชนในทองถิ่น โดยจะดําเนินการ ดังนี้ 4.1 ปรั บ ปรุ ง และฟ น ฟู อ นุ รั ก ษ บั ว หลวง (บัวหลวงพระราชินี) 4.2 ปรั บ ปรุ ง ภู มิ ทั ศ น ต ามสถานที่ ตางๆ ในเขตเทศบาลตําบลหนองจอก และ ติดปายประชาสัมพันธเชิญชวนประชาชนใน พื้นที่ใหชวยกันดูแลรักษา 5. ดานการพัฒนากระบวนการ จัดการทีด่ ใี นองคกร และมีสว นรวมของ ประชาชน เพือ่ พัฒนาประสิทธิภาพในการบริหาร ตามหลักธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการ
นายจรัญ ไมจันทร
นายกเทศมนตรีตําบลหนองจอก โดยคํานึงถึงความตองการของประชาชน โดยให ป ระชาชนเป น ศู น ย ก ลางในการ พัฒนา และการเปดโอกาสใหประชาชน ทุกภาคสวนมีโอกาสเสนอแนะขอคิดเห็น ตอเทศบาล ดําเนินการควบคูไปกับการ พัฒนาบุคลากรทองถิน่ ใหยดึ หลักคุณธรรม จริยธรรม การมีจิตสาธารณะ และความ รับผิดชอบตอประชาชนโดยรวม โดยมีการ ดําเนินการ ดังนี้ 5.1 จัดทําโครงการเทศบาลเคลื่อนที่ เพื่อรับฟงปญหา ขอเสนอแนะ และความ คิดเห็นของประชาชนตอเทศบาล 5.2 เนนการบริหารแบบมีสวนรวม โดยใหประชาชนเปนศูนยกลางการพัฒนา ไมทงิ้ ประชาชน สอดคลองกับความตองการ ของประชาชน 5.3 จัดทําเวทีประชาคม จัดทําประชา พิ จ ารณ ในการบริ ห ารกิ จ กรรมอั น เป น ประโยชนตอประชาชนโดยรวม 5.4 เนนการพัฒนาศักยภาพบุคลากร ของเทศบาล เพื่ อ รองรั บ การบริ ก าร ประชาชนใหมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล สูงสุด
Phetchaburi 131
เสนทางพบองคการบริหารสวนตําบล (อ.ทายาง)
องคการบริหารสวนตําบลมาบปลาเคา “มาบปลาเคา คนตรง ดงเกษตร เขต อนุรักษวัฒนธรรม” คือคําขวัญประจําตําบลมาบปลาเคา ซึ่ ง อยู ภ ายใต ก ารปกครองขององค ก าร บริ ห ารส ว นตํ า บลมาบปลาเค า ซึ่ ง มี สํ า นั ก งานชั่ ว คราวตั้ ง อยู ที่ โรงเรี ย นบ า น หนองหินถวง หมูที่ 8 ตําบลมาบปลาเคา อําเภอทายาง จังหวัดเพชรบุรี อยูห า งจากตัว อําเภอทายางประมาณ 4 กิโลเมตร ปจจุบัน มี นายไชยยา ไขศรี ดํารงตําแหนง นายก องคการบริหารสวนตําบลมาบปลาเคา ซึ่งบริหารงานใหสอดคลองกับวิสัยทัศนที่วา “มาบปลาเคาเปนชุมชุนที่นาอยู มีปจจัย โครงสรางพื้นฐานครบครัน มีวัฒนธรรม พืน้ บาน ทีเ่ ปนเอกลักษณของชุมชน เปน แหลงผลิตพืชผลทางการเกษตรที่ปลอด สารพิษ” ประวัติความเปนมา “มาบ” เป น ภาษาท อ งถิ่ น แปลว า “ที่ราบตํ่าจนเปนแองนํ้าขนาดใหญ” โดย บรรพบุรษุ ดัง้ เดิมของชาวตําบลมาบปลาเคา เปนกลุมไทยพวนที่อพยพหาแหลงทํามา หากินแหงใหม และไดมาตั้งถิ่นฐานยังมาบ หรือแองนํ้าแหงนี้ซึ่งมีปลาเคาชุกชุมมาก จึง อาศัยแหลงนํ้าแหงนี้เปนที่ทํากิน จนสราง เปนหมูบ า นขนาดยอม และไดตงั้ ชือ่ วา “บาน มาบปลาเคา” ตามลักษณะภูมิประเทศที่ โดดเดน 132
สภาพทั่วไป และขอมูลพื้นฐาน องคการบริหารสวนตําบลมาบปลาเคา มีเนือ้ ทีท่ งั้ หมด 10,277 ไร หรือ 16.44 ตาราง กิโลเมตร มีจาํ นวนหมูบ า นทัง้ สิน้ 11 หมูบ า น สภาพภูมิประเทศ เปนที่ราบลุม มี คลองชลประทานไหลผาน จํานวน 1 สาย ประชากรสวนใหญประกอบอาชีพทางการ เกษตร โดยมีพื้นที่ทางการเกษตร จํานวน 9,253 ไร พื ช ผลทางการเกษตรที่ สํ า คั ญ ไดแก ขาว กลวยหอม มะนาว มะมวง ฯลฯ ประชากร มีประชากรทั้งสิ้น 3,869 คน แยกเปนชาย 1,849 คน หญิง 2,020 คน จํานวนครัวเรือน 1,132 ครัวเรือน มีความ หนาแนน 23,5.34 คน/ตารางกิโลเมตร ผู มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภา อบต. จํานวน 2,699 คน ยุทธศาสตรการพัฒนา 1. ยุทธศาสตรพัฒนาดานโครงสราง พื้นฐาน 2. ยุทธศาสตรพฒ ั นาดานการสงเสริม การศึกษา และพัฒนาคุณภาพชีวิต 3. ยุทธศาสตรพฒ ั นาดานการจัดระเบียบ ชุมชน สังคม และรักษาความสงบเรียบรอย 4. ยุทธศาสตรพฒ ั นาดานการวางแผน การสงเสริมการลงทุน พาณิชยกรรม และ ทองเที่ยว
5. ยุทธศาสตรพัฒนาดานการบริหาร จัดการ และการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอม 6. ยุทธศาสตรพฒ ั นาดานศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณี และภูมิปญญาทองถิ่น 7. ยุ ท ธศาสตร พั ฒ นากระบวนการ บริหารจัดการที่ดีในองคกร และการมีสวน รวมของประชาชน
แนวทางการพัฒนาทองถิ่น 1. พัฒนาระบบสาธารณูปโภคใหเพียง พอตอความตองการของประชาชน 2. พัฒนาการศึกษาใหมคี ณ ุ ภาพ สงเสริม กิจกรรมสาธารณสุข และสรางรายไดใหชมุ ชน 3. สรางความสงบเรียบรอย และความ ปลอดภัยในชีวิตและทรัพยสิน 4. สงเสริมชีวติ แบบพอเพียงพัฒนาการ สรางรายได การอนุรักษ การสงเสริมการ ทองเที่ยว 5. จั ด การทรั พ ยากรธรรมชาติ แ ละ สิ่งแวดลอม ใหยั่งยืนควบคูไปกับการใช ประโยชนอยางสมดุล 6. การอนุ รั ก ษ ภู มิ ป ญ ญา และวั ฒ นธรรม ไทย 7. ปรั บ ปรุ ง พั ฒ นา องคกร ประชาชนพึงพอใจ ในการบริหารกิจการของ องคกร
ผลการพัฒนาขององคการบริหารสวน ตําบล นับตั้งแต องคการบริหารสวนตําบล มาบปลาเคา ไดรบั การยกฐานะมาจากสภา ตําบล ในป 2539 ทางคณะผูบริหารตาง คํานึงถึงความตองการของประชาชนในพืน้ ที่ ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งความตองการ ดานโครงสรางพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภค การศึกษา สาธารณสุข ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอม โดยเฉพาะดานโครงสราง พื้นฐานจะเปนความตองการอันดับตนๆ องคการบริหารสวนตําบลมาบปลาเคา จึงไดดําเนิน การแกไ ขปญหา และจัดทํา โครงการพัฒนาตางๆ เพื่อตอบ สนองความตองการของประชาชน ในพื้ น ที่ ซึ่ ง ในป จ จุ บั น ในพื้ น ที่ องค ก ารบริ ห ารส ว นตํ า บลมาบ ปลาเคาไดรับการพัฒ นาไปมาก อาทิ
การพั ฒ นาด า นโครงสร า งพื้ น ฐาน ปจจุบนั ถนนแทบทุกสายในทุกๆ หมูบ า น ได กอสรางเปนถนนคอนกรีต ทําใหการสัญจร ไปมาสะดวกสบายยิ่ ง ขึ้ น มี ร ะบบประปา หมูบานเพื่อผลิตนํ้าเพื่อการอุปโภคบริโภค ที่ ส ะอาด และมี ก ารขยายเขตไฟฟ า เพื่ อ ใหความเปนอยูสะดวกสบาย และมีความ ปลอดภัยในชีวิตและทรัพยสินเพิ่มขึ้น การพั ฒ นาด า นสั ง คม ส ง เสริ ม ด า น การกีฬาใหกับชาวตําบลมีสุขภาพรางกาย เขมแข็ง สนับสนุนดานวัฒนธรรมพื้นบาน และสงเสริมภูมิปญญาทองถิ่น โดยปจจุบัน มีทั้งศูนยทอผาพื้นบาน (สืบสานวัฒนธรรม ไทยพวน บานมาบปลาเคา) และมีโรงสีขาว ซ อ มมื อ ซึ่ ง นั ก ท อ งเที่ ย วชาวต า งชาติ ใ ห ความสนใจแวะเวียนมาเยี่ยมชมอยูเสมอ และทีส่ าํ คัญคือ ตําบลมาบปลาเคาเปนตําบล เดียวของอําเภอทายาง ที่มีสภาวัฒนธรรม ตําบล
สนใจขอมูลเพิ่มเติมติดตอไดที่ อบต.มาบปลาเคา หมูที่ 8 มาบปลาเคา ทายาง เพชรบุรี โทร 032-506200 หรือ www.mapplakhao.go.th Phetchaburi 133
เสนทางพบองคการบริหารสวนตําบล (อ.บานลาด)
องคการบริหารสวนตําบลไรสะทอน “ขุนสะทอนพอบาน เมืองตาลโตนด เลิศลํ้า ถิ่นวัฒนธรรม ภูมิปญญา แหลง การเกษตรลํ้าคา ศูนยการศึกษา ศาสนา ภาษาถิ่นประทับใจ” คือคําขวัญของตําบลไรสะทอน ซึ่ง อยูภายใตการปกครองของ องคการบริหาร สวนตําบลไรสะทอน อําเภอบานลาด จังหวัด เพชรบุรี ปจจุบันมี นายยอม ศรีแจ เปน นายกองคการบริหารสวนตําบลไรสะทอน โดยบริหารงานใหเปนไปตามวิสัยทัศนการ พัฒนาทีว่ า “ตําบลนาอยู อูอ าหารปลอดภัย ดํารงวิถีไทยสู ASEAN ” 7 นโยบายของนายก.อบต.ไรสะทอน นายยอม ศรีแจ นายกองคการบริหาร สวนตําบลไรสะทอน ไดแถลงนโยบายการ บริหารตอ สภาองคการบริหารสวนตําบล ไรสะทอน โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. นโยบายด า นโครงสร า งพื้ น ฐาน พัฒนาแหลงนํ้า และระบบประปาหมูบาน พัฒนา ปรับปรุง และบํารุงรักษาถนน สะพาน ทางเทา ทอระบายนํ้า ขยายเขตไฟฟาใหทั่ว ถึง พรอมไฟฟาสาธารณะ และพัฒนาระบบ จราจร 2. นโยบายดานการสงเสริมการศึกษา
134
และพั ฒ นาคุ ณ ภาพชี วิ ต ไดแก สงเสริม สนับสนุนพัฒนาการศึกษา ทั้งในระบบและ นอกระบบ สงเสริมสุขภาพอนามัย รวมถึงการ ปองกัน และแกไขปญหายาเสพติดและโรค ติดตอ สงเสริมกีฬาและนันทนาการทุกระดับ สงเสริมสวัสดิการสังคม 3. นโยบายดานการพัฒนาดานการ จั ด ระเบี ย บชุ ม ชน สั ง คมและการรั ก ษา ความเรี ย บร อ ย ได แ ก รั ก ษาความสงบ เรี ย บร อ ยและความปลอดภั ย ในชี วิ ต และ ทรัพยสิน จัดหาวัสดุ อุปกรณในการปองกัน และบรรเทาสาธารณภัย สงเสริมและใหความ รูแกเจาหนาที่และประชาชนในการปองกัน อาชญากรรม และสงเสริมการจัดระเบียบ และ สนับสนุนการจัดระเบียบสังคมและชุมชน 4. นโยบายดานการวางแผน การสงเสริม ลงทุ น พาณิ ช ยกรรมและการท อ งเที่ ย ว ไดแก สงเสริมการผลิต ผัก ผลไมปลอดสาร พิ ษ เพื่ อ การบริ โ ภค ส ง เสริ ม สนั บ สนุ น และ พั ฒ นากลุ ม อาชี พ ให กั บ ประชาชน พั ฒ นา และส ง เสริ ม การท อ งเที่ ย ว ทางเลื อ กด า น ประวัติศาสตร ศิลปะ วัฒนธรรม ควบคูกับ การสงเสริมตลาดนัดนักทองเทีย่ วกลุม ประชุม สัมมนา นันทนาการและสรางความเชื่อมโยง กับการทองเที่ยวหลัก
นายยอม ศรีแจ
นายกองคการบริหารสวนตําบลไรสะทอน 5. นโยบายด า นการบริ ห ารจั ด การ และการอนุรักษ ทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอม ไดแก สรางจิตสํานึก และความ ตระหนักในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอม บําบัดและฟนฟูทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดลอม จัดระบบบําบัดนํ้า เสีย บําบัดและจัดการขยะ ปองกันอุทกภัย และพั ฒ นาภู มิ ทั ศ น สิ่ ง แวดล อ มเมื อ งและ แมนํ้าสายหลัก 6. นโยบายดา นศิลปะ วัฒนธรรม จารี ต ประเพณี และภู มิ ป ญ ญาท อ งถิ่ น ไดแก สงเสริมและเผยแพรศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณี และภูมปิ ญ ญาทองถิน่ อนุรกั ษ ศิลปวัฒธรรม โบราณสถาน โบราณวัตถุ และ พิพิธภัณฑสถานแหงชาติ 7. นโยบายดานกระบวนการที่ดีใน องคกรและการมีสวนรวมของประชาชน ไดแก พัฒนาการบริหารจัดการที่ดีในองคกร ปรั บ ปรุ ง และพั ฒ นาบุ ค ลากรในองค ก ร ปรับปรุงและพัฒนาเครื่องมือ เครื่องใชและ สถานที่ปฏิบัติงาน สงเสริมการมีสว นรว ม ของประชาชน ในการบริหารงานของทองถิ่น สงเสริมความรู ความสนใจเกี่ยวกับกิจการ ทองถิ่น ปรับปรุงและพัฒนาหารายได และ ปรับปรุงระบบการบริหารกิจการพาณิชย
เสนทางพบองคการบริหารสวนตําบล (อ.บานแหลม)
โครงการกอสรางอาคารกีฬาเฉลิมพระเกียรติ งบประมาณ 9,000,000 บาท
องคการบริหารสวนตําบลปากทะเล
“หลวงพ อ ปลอดศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ แหล ง ผลิตเกลือดี เขียวขจีปา ชายเลน งามเดน กระซาขาว” คือคําขวัญของตําบลปากทะเล ซึ่ง อยูภ ายใตการปกครองของ องคการบริหาร สวนตําบลปากทะเล อําเภอบานแหลม จังหวัดเพชรบุรี โดยมี นายวิโรจน ศรีนาค เป น นายกองค ก ารบริ ห ารส ว นตํ า บล ปากทะเล ซึ่งบริหารงานตามวิสัยทัศนที่ วา “เปนองคการที่มีคุณภาพ มาตรฐาน ดานการศึกษา พัฒนาแหลงทองเที่ยว เชิงอนุรักษ เนนหนักคุณภาพชีวิต ตาม แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง”
ประวัติตําบลปากทะเล เดิมปากคลองปากทะเลมีขนาดกวาง ชาวประมงและพ อ ค า มั ก นํ า เรื อ ประมง และเรือฉลอม (เรือขนสงสินคา) มาหลบ ลมมรสุม คลองปากทะเลจึงกลายเปนแหลง ขนสงและแลกเปลี่ยนสินคาทางเรือ และ เปนเสนทางขนสงทางนํ้าที่สําคัญในอดีต อีกทั้งยังเปนคลองระบายนํ้าที่แยกมาจาก แมนาํ้ เพชรบุรี ผานคลองวัดเกาะ ผานตําบล ชองสะแก ตําบลบางจาน และไหลลงสูท ะเล ทีป่ ากคลองปากทะเล จึงไดตงั้ ชือ่ ตําบลนีว้ า “ตําบลปากทะเล”
จุดเดนของตําบลปากทะเล ตํ า บลปากทะเล มี เ นื้ อ ที่ ป ระมาณ 5,545 ไร หรือ 8.87 ตร.กม. สภาพพื้นที่สวน ใหญเปนที่ราบลุม และที่ราบชายฝงทะเล จึงมีปา ชายเลนทีค่ อ นขางอุดมสมบูรณ และ เปนแหลงกําเนิดกุง หอย ปู ปลา โดยเฉพาะ อยางยิ่งคือ หอยแครง และหอยเสียบ
นายวิโรจน ศรีนาค
นายกองคการบริหารสวนตําบลปากทะเล
นโยบายการบริหาร ของนายก อบต.ปากทะเล 1. จะพัฒนาโครงสรางพื้นฐาน และ การคมนาคมใหมีความสะดวกรวดเร็ว ได มาตรฐาน ใหครอบคลุมสอดคลองกับความ ตองการของประชาชน 2. จะพัฒนาการศึกษา การสาธารณสุข ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และภูมิปญญา ทองถิน่ เปนระบบ ไดมาตรฐานและสอดคลอง กับวิถีชีวิตชุมชน 3. ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดลอม คงอยูและใชประโยชนอยางสมดุล 4. ประชาชนมีความมั่นคงปลอดภัย ในชีวิตและทรัพยสิน และมีสวนรวมในการ บริหารงานกับ อบต. 5. สงเคราะหใหความชวยเหลือแกผู ดอยโอกาสในสังคมอยางทั่วถึง 6. ประชาชนมีอาชีพทีม่ นั่ คงและมีรายได เพียงพอตอการดํารงชีวิต 7. จะพัฒนาตําบลใหเปนแหลงทองเทีย่ ว เชิงนิเวศ
สนใจขอมูลเพิ่มเติมติดตอ องคการบริหารสวนตําบลปากทะเล อําเภอบานแหลม จังหวัดเพชรบุรี โทร 032-783590-1 หรือ ww.pakthale.go.th Phetchaburi 135
เสนทางพบเทศบาลตําบลบานแหลม
“วัดเขาตะเคราศักดิ์สิทธิ์ หลวง พอสัมฤทธิ์คูบาน ถิ่นฐานหอยแครง สูแหลงเกลือดี เขียวขจีปาชายเลน” คือคําขวัญของอําเภอบานแหลม จังหวัดเพชรบุรี ที่ตั้งของเทศบาลตําบล บานแหลม โดยมี นายวัน เมฆอัคคี เปน นายกเทศมนตรีตําบลบานแหลม ซึง่ บริหารงานใหเปนไปตามวิสยั ทัศนทวี่ า “เทศบาลตําบลบานแหลม เปน องค ก รปกครองส ว นท อ งถิ่ น ที่ เ อื้ อ อํานวยและประสานเชื่อมโยงทั้งภาค รัฐและเอกชนในการพัฒนาทองถิ่น เพือ่ ใหประชาชนมีคณ ุ ภาพชีวติ ทีด่ ี ได รับบริการ สวัสดิการ และการคุม ครอง อยางทั่วถึงเปนธรรมและเสมอภาค ทัง้ สามารถพัฒนาตนเองเพิม่ ศักยภาพ ชวยเหลือครอบครัวใหเขมแข็งและ ชุมชนเปนเมืองนาอยูยิ่งขึ้น”
เทศบาลตําบลบานแหลม
แม นํ้ า เพชรบุ รี ไ หลผ า นชุ ม ชนจากทาง ตะวันตกไปตะวันออกสูทะเลที่ปากอาว บานแหลม
เขตการปกครองเทศบาลตําบล บานแหลม มีพื้นที่เขตปกครองทั้งหมด ขอมูลพื้นฐาน 9 ชุมชน ไดรบั การยกฐานะจากสุขาภิบาล สภาพทัว่ ไปของเทศบาลตําบลบานแหลม เปนเทศบาลตําบล เมือ่ วันที่ 25 พฤษภาคม ที่ตั้ง เทศบาลตําบลบานแหลม 2542 ตั้งอยูในเขตอําเภอบานแหลม จังหวัด เพชรบุรี หางจากอําเภอเมืองประมาณ 15 ประชากร จากหลักฐานทางทะเบียน กิโลเมตร โดยอยูห า งจากกรุงเทพมหานคร ราษฎร ณ เดือน กรกฏาคม พ.ศ.2557 ระยะทางประมาณ 140 กิโลเมตร ตาม ของสํานักทะเบียนทองถิ่น เทศบาล ทางหลวงหมายเลข 4 ถนนเพชรเกษม ตําบลบานแหลม มีจํานวนประชากร และตามเส น ทางถนนพระราม 2 เข า รวม 12,465 คน แบงเปบชาย 6,041 สู ตํ า บลยี่ ส าร-บางตะบู น ระยะทาง คน หญิง 6,424 คน มีจาํ นวนครัวเรือน ประมาณ 19 กิโลเมตร 3,997 ครัวเรือน สภาพพืน้ ที่ เทศบาลตําบลบานแหลม มีพนื้ ที่ 5.23 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 3268 ไร มีสภาพเปนที่ราบลุมและที่ราบ ชายฝงทะเล พื้นดินมีลักษณะเปนดินเลน และปาชายเลน พื้นที่ทางดานทิศตะวัน ออกเฉียงเหนือติดทะเลอาวไทย และมี
136
3. ชุมชนบานกลางสามัคคี 4. ชุมชนบานในพัฒนา 5. ชุมชนศาลเจากวงกงพัฒนา 6. ชุมชนยานซื่อพัฒนา 7. ชุมชนวัดลักษณารามสามัคคี 8. ชุมชนประมงเจริญพัฒนา 9. ชุมชนศาลเจาฮุดโจวรวมใจพัฒนา ลั ก ษณะการประกอบอาชี พ เนื่องจากพื้นที่เทศบาลตําบลบานแหลม อยูติดกับทะเลอาวไทยทําใหประชาชน สวนใหญมีอาชีพการทําประมง รับจาง อุ ต สาหกรรมในครั ว เรื อ น ข า ราชการ พนั ก งานรั ฐ วิ ส าหกิ จ และพนั ก งานใน องคกรเอกชน ลักษณะชุมชนในทองถิน่ ชุมชนใน เขตเทศบาลตําบลบานแหลม เปนชุมชนที่ ตั้งขึ้นตามนโยบายของกรมการปกครอง ( เดิม) ที่กําหนดใหเทศบาลฯสงเสริมให ประชาชนในเขตเทศบาลฯซึ่ ง แบ ง เป น ชุมชนได มีการรวมกลุมเพื่อรวมกันคิด รวมกันทํา รวมกันแกไขปญหาของกลุม ในรูปแบบของชุมชนยอย ซึง่ อาจแบงตาม สภาพพื้นที่หรือการรวมกลุมตามสังคม โดยจัดใหมีแกนนําชุมชนในรูปของคณะ กรรมการชุมชน เปนผูบริหารงาน และมี ชุมชนจํานวน 9 ชุมชน ดังนี้ 1. ชุมชนวัดอุตมิงคพัฒนา 2. ชุมชนวัดตนสนพัฒนา
เปดวิสัยทัศนการพัฒนา นายวัน เมฆอัคคี นายกเทศมนตรี ตํ า บลบ า นแหลม ได แ ถลงนโยบาย การบริ ห ารต อ สภาเทศบาลตํ า บล บานแหลม ในการประชุมสภาเทศบาล สมัยวิสามัญ สมัยที่ 1 ประจําป 2555 เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2555 โดยมีใจความ สําคัญบางสวนวา “กระผมขอใชเวลาอันมีคาของ สภาอั น ทรงเกี ย รติ แ ห ง นี้ แถลง นโยบายในการบริ ห ารงานเทศบาล ตําบลบานแหลม ในระยะเวลา 4 ป ข า งหน า ตามกรอบ ภารกิ จ และ อํ า นาจหน า ที่ ข องเทศบาลตาม กฎหมาย โดยเนนการบริหารงานอยาง มีประสิทธิภาพ ซือ่ สัตย สุจริต โปรงใส และสามารถตรวจสอบได กระผม พร อ มที่ จ ะรั บ ฟ ง ความคิ ด เห็ น ของ ประชาชนโดยสวนรวม เพือ่ นํามาเปน แนวทางในการปฏิบตั หิ นาที่ โดยคํานึง
นายวัน เมฆอัคคี
นายกเทศมนตรีตําบลบานแหลม
Phetchaburi 137
ถึงประโยชนสูงสุดของประชาชนเปน ที่ตั้ง ภายใตนโยบายที่วา...รวมคิด รวมทํา รวมกันพัฒนา” นโยบายการพัฒนา 10 ดาน (1) พัฒนาและปรับปรุงโครงสราง พืน้ ฐานในพืน้ ทีเ่ ขตเทศบาลตําบลบานแหลม ใหไดมาตรฐาน เพื่อคุณภาพชีวิตทีดี่ ของ ประชาชน (2) สนับสนุนและประสานความรวม มือทุกภาคสวน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในการขับเคลื่อนพัฒนา ทองถิ่น (3) ปรับปรุงและพัฒนารายไดของ เทศบาล ดานการจัดเก็บภาษีอากร คา ธรรมเนียม ใหทั่วถึงและเปนธรรม
(4) ส ง เสริ ม สนั บ สนุ น การสั ง คม สงเคราะห โดยเฉพาะเด็ก สตรี คนชรา คน พิการ ผูดอยโอกาส และผูประสบภัย (5) มุ ง เน น การบริ ก ารเชิ ง รุ ก ที่ มี ประสิทธิภาพ เพื่ อ อํ า นวยความสะดวก และความ พึงพอใจแกประชาชน (6) สงเสริมและสนับสนุนการดําเนิน งานของชุมชนทุกชุมชน เพือ่ เปนแนวรวมใน การพัฒนาเทศบาลอยางมีประสิทธิภาพ (7) มุงเนนการบริหารงานเทศบาล โดยใชหลักธรรมาภิบาล และหลักการ บริหารกิจการบานเมืองที่ดี
138
(8) สงเสริมการพัฒนาบุคลากรของ เทศบาลใหเปนผูท มี่ คี วามรูค วามสามารถ รวมทัง้ พัฒนาเครือ่ งมือเครือ่ งใชใหมคี วาม เหมาะสมเพียงพอและทันสมัย เพื่อให สามารถแกไขปญหาความเดือดรอนของ ประชาชนไดอยางมีประสิทธิภาพ (9) สงเสริมดานการศึกษาใหกบั เด็ก เยาวชน และประชาชน (10) ดานสุขภาพและสิ่งแวดลอม ให ป ระชาชนทุ ก เพศ ทุ ก วั ย มี สุ ข ภาพ สมบูรณ แข็งแรง ปราศจากโรคภัย รวมถึง การปองกันโรคตางๆ และสงเสริมอนุรกั ษ ใหสิ่งแวดลอมอยูในสภาพที่ดี
วัดตนสน.... ตั้งอยูในอําเภอบานแหลม เปนวัด สําคัญของชาวบานแหลม เปนศูนยรวม ในการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมตาง ๆ ของชุมชนบานแหลม มีสิ่งสําคัญอันเปน มิ่งขวัญของชาวบานแหลม คือหลวงพอ สัมฤทธิ์ นอกจากนี้ยังมีรูปปนกรมหลวง ชุมพรเขตรอุดมศัดดิ์ ซี่งแปลกกวาที่อื่น เนื่องจากดานหลังมีรูปปนหลวงพอทวด ยื น เกื อ บชิด กัน บริเวณหนาวัด ตั้งอยูริม แมนํ้าเพชรบุรี มีสะพานคอนกรีตสูงทอด ขามแมนํ้า มีศาลาไทยริมนํ้าสําหรับนั่งพัก ผอน มองเห็นทิวทัศนสวยงามของหมูบาน ชาวประมงมีเรือจอดอยูเรียงรายและมีนก นางแอนมาทํารังอยูในวัดและโดยรอบ จึง มีการทําธุรกิจเก็บรังนก โดยการสรางตึก สูงสําหรับใหนกนางแอนมาอาศัย วัดในกลาง..... เป น วั ด เก า แก มี อ ายุ ไ ม น อ ยกว า 250 ป เปนวัดที่ สมเด็จพระเจาตากสิน มหาราช ทรงสรางเพื่อถวายพระราชกุศล แดพระมารดาซึ่งเปนคนบานแหลม เจดีย อุโบสถแบบมหาอุด กุฏิ ศาลาการเปรียญ หอระฆั ง และสิ่งปลูก สรางอื่น ๆ ในวัด ลวนเปนศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย วัด นี้เปนที่ประดิษฐาน หลวงพอสุโขทัย ซึ่ง เปนพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ปางมารวิชัย เปนที่เคารพสักการะของชาวบานตําบล บานแหลมและประชาชนทั่วไป
ผลิตภัณฑ OTOP • ผลิตภัณฑผาไทย ผลิตจากเศษผา ไหมไทยนํามาตัดเย็บเปนกระเปา ถุงใส สิ่งของ ซองจดหมาย อื่น ๆ อีกมากมาย หลายแบบ สวยงามทรงคุณคา • อาหารทะเลแห ง ปราศจากสาร พิษที่ผูบริโภคมั่นใจได ดวยวัตถุดิบที่สด สะอาด และรักษาความใหมสด ดวยการ เก็บผลผลิตดวยขั้นตอนการบรรจุภัณฑที่ ทันสมัย เทศกาลสําคัญ • เทศกาลสงกรานต ในวันที่ 13 – 15 เมษายน ณ วัดลักษณาราม • เทศกาลประเพณีงานปดทองวัด ตนสน เทศกาลประเพณีงานลอยกระทง ประมาณเดือนพฤศจิกายน ณ วัดตนสน • งานเปดโลกทะเลโคลน ณ ที่ทําการ อําเภอบานแหลม
สถานที่ติดตอ สํานักงานเทศบาลตําบลบานแหลม 99 หมู 7 ตําบลบานแหลม อําเภอบานแหลม จังหวัดเพชรบุรี โทร 032-772095-7 www.Banlaemcity.go.th Phetchaburi 139
เสนทางพบเทศบาลตําบล
เทศบาลตําบลบางตะบูน “บางตะบูนเมืองนาอยู สูการพัฒนา สงเสริมการศึกษา พัฒนาคุณภาพชีวิต สรางจิตสํานึกรักษสิ่งแวดลอม พรอมนํา สูการเปนเมืองทองเที่ยว” คื อ วิ สั ย ทั ศ น ข อง เทศบาลตํ า บล บางตะบูน ภายใตการนําของนายชัยยศ สงวนทรั พ ย นายกเทศมนตรี ตํ า บล บางตะบู น ซึ่งบริหารงานเทศบาลตําบล บางตะบูนมาตลอดระยะเวลา 17 ป และ มี ค วามมุ ง มั่ น ตั้ ง ใจที่ จ ะพั ฒ นาตํ า บล บางตะบูน ซึ่งเปนบานเกิดของตนเอง จาก อดี ต ที่ มี ค วามไม พ ร อ มในหลายด า น จน ปจจุบันสามารถดําเนินการใหมีความเจริญ รุ ง เรื อ งรุ ด หน า ก า วไกลทั ด เที ย มท อ งถิ่ น อื่นๆ โดยมีการพัฒนาอยางครอบคลุมและ หลากหลาย เพื่ อ ให บ างตะบู น เป น เมื อ ง นาอยู มีความสะดวกสบายอยางครบครัน ทัง้ ดานสาธารณูปโภค สาธารณูปการ ประชาชน มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายไดเพิ่มขึ้น มีที่อยู อาศัยที่มั่นคง มีสุขภาพกายที่แข็งแรง และ มีสุขภาพจิตที่ดี ตลอดจนเปนสถานที่ที่มี ความพรอมในการรองรับนักทองเที่ยวที่จะ เขาเยือนเพื่อสัมผัสธรรมชาติที่สวยงาม จากผลการดําเนินงานที่ผานมา นาย ชัยยศ สงวนทรัพย นายกเทศมนตรีตาํ บล บางตะบูน ไดพิสูจนใหเห็นถึงศักยภาพใน การบริหารทองถิ่นและการสรางเครือขาย การทํางานรวมกันกับหนวยงานทั้งภายใน และภายนอก โดยบูรณาการความรวมมือ ประสานการทํางาน เพื่อจัดหางบประมาณ มาใชในการพัฒนาตําบลบางตะบูน ใหมี ความเจริญกาวหนาสมดังเจตนารมณทไี่ ดตงั้ ไว อีกทัง้ สามารถตอบสนองตอความตองการ ของประชาชนในพื้นที่ 140
เทศบาลตํ า บลบางตะบู น มุ ง เน น พั ฒ นาศั ก ยภาพของคนทุ ก วั ย ทุ ก ระดั บ โดยเริม่ ตนตัง้ แตเด็กปฐมวัยในศูนยพฒ ั นา เด็ ก เล็ ก โดยมี ก ารบริ ห ารจั ด การศู น ย พั ฒ นาเด็ ก เล็ ก อย า งเป น ระบบและมี มาตรฐานเอื้อตอการเรียนรู ตลอดจน เปนศูนยเด็กเล็กที่ปลอดโรค จนทําให ศู น ย พั ฒ นาเด็ ก เล็ ก เทศบาลตํ า บล บางตะบูน ไดรบั รางวัลและเกียรติประวัติ จากองค ก รภายนอกอย า งมากมาย นอกจากนั้นเทศบาลตําบลบางตะบูนยังได นํากระแสพระปณิธานของสมเด็จพระบรม โอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร และ พระเจาวรวงศเธอพระองคเจาศรีรัศมิ์ พระวรชายา มาเปนแนวทางในการจัดตั้ง ศูนยสามวัยสานสายใยรักแหงครอบครัว บางตะบูนขึน้ ใหสอดคลองกับ 5 แนวคิด หลัก คือ “เตรียมพรอมกอนครองคู เรียนรูร ว มกันแตในครรภ คิดสรางสรรค แตเยาววัย ครอบครัวเสริมกายใจ ผู สู ง วั ย สานใยรั ก ” โดยให ค วาม อนุ เ คราะห ใ ช อ าคารป อ งกั น และ บรรเทาสาธารณภั ย ฯ ปรั บ ปรุ ง เป น อาคารศู น ย ส ามวั ย สานสายใยรั ก แห ง ครอบครั ว บางตะบู น เพื่ อ เป น ศูนยกลางในการพัฒนาคุณภาพชีวติ เนนความตอเนื่องเชื่อมโยงเปนวงจร ทุกชวงวัย รวมทั้งสรางรูปแบบตัวอยางที่ ดีในการพัฒนา และบูรณาการดําเนินงาน ทุ ก ภาคสวนใหบริก ารแบบองคร วม โดย พระเจาวรวงศเธอพระองคเจาศรีรัศมิ์ พระวรชายา ทรงเปดศูนยฯ แหงนี้เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2557 ที่ผานมา
นายชั ย ยศ สงวนทรั พ ย นายก เทศมนตรีตําบลบางตะบูน ไดใหความ สํ า คั ญ กั บ การพั ฒ นาแหล ง ท อ งเที่ ย ว เพื่ อ สร า งจุ ด เด น และจุ ด ขายให แ ก ตํ า บล บางตะบูน ซึ่งมีความโดดเดนในธรรมชาติ ที่ อุ ด มสมบู ร ณ มี ภู มิ ทั ศ น ที่ ส วยงามน า สนใจศึ ก ษาเที่ ย วชม เหมาะสํ า หรั บ การ ท อ งเที่ ย วเชิ ง นิ เ วศน ทั้ ง แบบไปเช า เย็ น กลับและพักคางคืน เพื่อสัมผัสธรรมชาติที่ สวยงามและหาชมไดยาก หากมองจาก สะพานเฉลิ ม พระเกี ย รติ ซึ่ ง เชื่ อ มต อ สองฝงแมนํ้าบางตะบูนออกไปบริเวณ ปากอาวบางตะบูน จะเห็นกระเตงเฝา หอยแครงที่นักทองเที่ยวนิยมไปพักคาง
ตกปลา การนั่ ง เรื อ ชมวิ ถี ชี วิ ต ชาว บางตะบู น พื้ น บ า น การชมวาฬบรู ด า การเดินสะพานชมนิเวศนเพื่อเที่ยวชม ศูนยอนุรกั ษและศึกษาระบบนิเวศนวทิ ยา ป า ชายเลน โรงเรี ย นบางตะบู น วิ ท ยา ชมอาคารภูมปิ ญ ญาพืน้ บาน ซึง่ ไดบอกถึง ความเปนมา วิถชี วี ติ และภูมปิ ญ ญาพืน้ บาน ในพื้นที่อยางมากมาย ขณะนี้ยังไดมีการปรับภูมิทัศนบริเวณ ตางๆ อีกมากมาย เชน การจัดสรางหอนาฬกา การพัฒนาริมชายฝงทะเล ลานริมนํ้า ลาน กิจกรรม การจัดสรางอนุสรณสถานกรมหลวง ชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เพื่อเปนที่สักการะแก ชาวประมงในพืน้ ที่ และผูส ญ ั จรมาทองเทีย่ ว การกอสรางอาคารจําหนายสินคาพื้นเมือง เพื่ อ รองรั บ นั ก ท อ งเที่ ย วที่ เ ข า มาลิ้ ม ชิ ม รส อาหารทะเลสดรสชาติอรอย เทศบาลตําบลบางตะบูน เปนเทศบาล ตนแบบที่มีการพัฒนาอยางรุดหนากาวไกล ในทุกดานเพื่อใหทัดเทียมกับทองถิ่นอื่นจน
ไดรบั การยอมรับจากบุคคล องคกรภายนอก และไดรับรางวัลมากมาย ไดแก รางวั ล ศู น ย พั ฒ นาเด็ ก เล็ ก น า อยู ดีเดน จากกรมอนามัย ประจําป 2548 รางวัลโครงการจัดระเบียบการจําหนาย สินคาในที่สาธารณะฯ ดีเดน ประจําป งบประมาณ พ.ศ.2550 รางวัลพระราชทานสมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รางวัล เทศบาลน า อยู อ ย า งยั่ ง ยื น ระดั บ ประเทศ ประจําป 2550 ประเภทรางวัลชยเชยเทศบาล ขนาดกลาง รางวัลศูนยพัฒนาเด็กเล็กตนแบบ ดีเดนระดับจังหวัด จากกรมสงเสริมการ ปกครองสวนทองถิ่น ประจําป 2550 รางวัลโครงการประกวดศูนยพฒ ั นา เด็ ก เล็ ก ดี เ ด น ขององค ก รปกครองส ว น ทองถิ่น ประจําปงบประมาณ พ.ศ.2551 ประเภทศูนยพัฒนาเด็กเล็กตนแบบดีเดน รางวั ล โครงการท อ งถิ่ น สะอาด สงเสริมการทองเที่ยวเพชรบุรี ประจําป
นายชัยยศ สงวนทรัพย
นายกเทศมนตรีตําบลบางตะบูน งบประมาณ 2551 ประเภทองคกรปกครอง สวนทองถิ่นที่มีพื้นที่ติดแมนํ้าเพชรบุรี รางวัลทองถิน่ สะอาด (ดานการอนุรกั ษ แมนาํ้ เพชรบุร)ี 4 ปซอ น ตัง้ แตป 2551-2555 รางวัลศูนยพัฒนาเด็กเล็กนาอยูดี เดน จากกรมอนามัย ประจําป 2553 ประเภท ศูนยพัฒนาเด็กเล็กตนแบบดีเดน รางวัลประกาศเกียรติคุณ ประเภท ผูบริหารเขมแข็ง ในการเปนเจาภาพจัด สัมมนาพลังชุมชนพลังทองถิ่น ขับเคลื่อน เมืองนาอยู โลรางวัลศูนยพัฒนาเด็กเล็กผาน เกณฑโภชนาการสมวัยดีเดน ประจําป 2555 ศูนยพัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตําบล บางตะบู น ได ผ า นเกณฑ ก ารประเมิ น ศูนยเด็กเล็กปลอดโรค ของกรมควบคุม โรค ประจําป 2556 รางวั ล ชนะเลิ ศ ประกวดท อ งถิ่ น สะอาด (ดานการอนุรักษแมนํ้าเพชรบุรี) ประจําป 2557 ผานการประเมินคุณภาพการศึกษา ของสํานักงานรับรองมาตรฐานและประเมิน คุณภาพการศึกษา (สมศ.) ระดับดีมาก
Phetchaburi 141
เสนทางพบองคการบริหารสวนตําบล (อ.บานแหลม)
องคการบริหารสวนตําบลบางตะบูน สารนายกองคการบริหารสวนตําบลบางตะบูน
นับตั้งแตกาวเขามาทํางานเพื่อทองถิ่น จนถึง ณ วันนี้ กระผมยังรูสึกภาคภูมิใจ ที่ประชาชนไดใหโอกาสเขามาพัฒนาทองถิ่นของเราตามนโยบายที่ไดแถลงตอสภา ทองถิ่นไว กิจกรรมและโครงการตาง ๆ ที่ไดดําเนินการมาสําเร็จลุลวงไปดวยดีหลาย ตอ หลายโครงการ โดยเฉพาะการพัฒนาในดานสาธารณูปโภคพื้นฐาน ซึ่งมีความ สําคัญและจําเปนตอชีวิตความเปนอยู ของพี่นองประชาชนเปนอันดับแรก รวมทั้งยัง เปนพื้นฐานในการพัฒนาในดานอื่น ๆ อีกดวย ถึงแมในบางครั้งอาจยังมีอุปสรรคใน การดําเนินงานอยูบาง แตดวยความรวมมือรวมใจของประชาชนและผูเกี่ยวของทุก ฝาย ก็ทําใหการดําเนินงานตาง ๆ ผานพนไปไดดวยดี กระผมในฐานะหัวหนาผูบริหาร จะผลักดันภารกิจตาง ๆ ที่เปนความตองการ ของประชาชนใน พื้นที่ รวมทั้งดําเนินการตามภารกิจที่ไดรับถายโอนจากรัฐในการก ระจายอํานาจสูท อ งถิน่ ทัง้ ดานสาธารณูปโภคและสาธารณูปการ เพือ่ พัฒนาชีวติ และ ชุมชนตามหนาทีค่ วามรับผิดชอบใหประชาชนในพืน้ ทีม่ คี ณ ุ ภาพชีวติ และความเปนอยู ที่ดีบนพื้นฐานแหงความพอเพียงตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง อันเปนพระราชดําริของ องคพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว ที่ไดทรงพระราชทานไวแกปวงชนชาวไทย และ จะดําเนินงานภายใตหลักการแหงกฎหมาย ระเบียบปฏิบัติที่ถูกตอง เพื่อใชจายงบ ประมาณอยางคุมคาและเกิดประโยชนสูงสุด นายจําลอง เจิมจันทร นายกองคการบริหารสวนตําบลบางตะบูน
142
ขอมูลทัว่ ไป ตําบลบางตะบูน เปนตําบลหนึ่งใน สิบของอําเภอบานแหลม จังหวัดเพชรบุรี หางจากที่วาการอําเภอบานแหลมไปทาง เหนือประมาณ 12 กิโลเมตร มีเนือ้ ทีท่ งั้ หมด 13,380 ไร (21.40 ตารางกิโลเมตร) ลักษณะภูมิประเทศ พื้นที่สวนใหญ ของตําบลบางตะบูนเปนพื้นที่ราบลุมและ เปนที่ราบชายฝงทะเลมีนํ้าทวมถึง ดินเปน ดินเลน ชายทะเลดานทิศตะวันออกของ ตําบลมีสภาพเปนปาชายเลน มีแมนํ้าและ ลําคลองไหลผาน เชน แมนํ้าบางตะบูน ซึ่งเปนสาขาของแมนํ้าเพชรบุรี ซึ่งในสมัย กอนแมนํ้าสายนี้เปนเสนทางสัญจรทาง เรือของพอคาวาณิชตาง ๆ ในสมัยกรุง รัตนโกสินทรตอนตน เมื่อสุนทรภูเดินทาง มาเมืองเพชรบุรี พ.ศ. 2374 ก็ไดใชเสนทาง นี้ ดังคํากลอนที่วา “แลวเคลื่อนคลาลาจากปากคลองชอง ไปตามรองนํ้าหลักปกเปนแถว ขามยี่สารบานสองพี่นองแลว คอยคลองแคลวเขาชวากปากตะบูน”
เขตการปกครอง อบต.บางตะบูน มี หมูบานในเขตความรับผิดชอบ 4 หมูบาน ไดแก หมูที่ 4 บานคุงตําหนัก ตําบลบาง ตะบูนอก หมูที่ 6 บานคลองไหหลํา ตําบล บางตะบูน (บางสวน) หมูที่ 7 บานบางกาง หมูที่ 8 บานบางสามแพรก จํานวนประชากร อบต.บางตะบูนมี ประชากรรวม 4 หมูบาน ประมาณ 1,591 คน แยกเปนชาย 791 คน หญิง 800 คน จํานวนครัวเรือนทั้งสิ้น 423 ครัวเรือน มี ความหนาแนนเฉลี่ยของประชากร 74 คน/ ตารางกิโลเมตร อาชีพ ดวยสภาพพื้นที่ปาชายเลน ของ อบต.บางตะบูน มีตน ตะบูน ตนโกงกาง ตนแสม ตนตะบัน ตนจาก ฯลฯ ซึ่งไมเหลา นี้ถือเปนไมเศรษฐกิจที่หลอเลี้ยงชีวิตชาว บางตะบูนมาหลายชั่วอายุคน ประชากร สวนใหญจงึ ประกอบอาชีพปลูกปาโกงกาง และนําไมจากปาโกงกางมาเผาเปนถาน จําหนาย บางสวนก็รับจางทั่วไป และทํา ประมงจับสัตวนํ้า ยุทธศาสตรการพัฒนา วิสยั ทัศนการพัฒนาองคการบริหาร สวนตําบล “บานเมืองนาอยู ทรัพยากรธรรมชาติ อุ ด มสมบู ร ณ เพิ่ ม พู น รายได ป ระชากร ปกครองตามหลัก ธรรมาภิบาล”
ยุทธศาสตรการพัฒนา องค ก ารบริ ห ารส ว นตํ า บลบาง ตะบู น ได กํ า หนดยุ ท ธศาสตร เ พื่ อ ให สามารถดําเนินการไปสูวิสัยทัศนที่กําหนด ไว โดยกํ า หนดยุ ท ธศาสตร ห ลั ก ไว 7 ยุทธศาสตร ดังนี้ 1. ยุทธศาสตรการพัฒนาดานโครงสราง พืน้ ฐาน 2. ยุทธศาสตรการพัฒนาดานการ สงเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต 3. ยุทธศาสตรการพัฒนาดานการจัด ระเบียบชุมชน สังคม และการรักษาความ สงบเรียบรอย 4. ยุทธศาสตรการพัฒนาดานการ วางแผน การสงเสริมการลงทุน พาณิชยกร รมและการทองเที่ยว 5. ยุทธศาสตรการพัฒนาดานการ บริหารจัดการและการอนุรักษทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดลอม 6. ยุทธศาสตรการพัฒนาดานศิลปะ วัฒนธรรม จารีตประเพณี และภูมิปญญา ทองถิ่น 7. ยุทธศาสตรการพัฒนากระบวนการ บริหารจัดการในองคการ และการมีสวน รวมของประชาชน
สนใจสอบถามขอมูลเพิ่มเติมไดที่ “สํานักงานองคการบริหารสวนตําบลบางตะบูน” ตั้งอยูหมูที่ 7 ตําบลบางตะบูน อําเภอบานแหลม จังหวัดเพชรบุรี (ขางวัดคุงตําหนัก) โทรศัพท 0-3270-6033 , 0-3270-6044 โทรสาร ตอ 12 Phetchaburi 143
p.144 AD sbl.pdf
1
8/26/57 BE
6:48 PM
ร่วมเดินทางไปกับเรา
SBL MAGAZINE
(นิตยสารเส้นทางอุตสาหกรรมและท่องเที่ยว) www.smart-sbl.com
C
M
Y
CM
MY
CY
CMY
K
ติดตอลงโฆษณา
Tel. 0-2522-7171 บร�ษัท สมารท บิซิเนส ไลน จำกัด
52 ซอยรามอินทรา 99 แยก 2 ถนนรามอินทรา แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพฯ 10230 โทร. 0-2522-7171 แฟกซ. 0-2971-7747 E-mail : sbl2553@gmail.com
AD true.pdf 1 30/7/2556 15:01:25
เสนทางการอนุรักษ์
ª‹Ò§ÊÔºËÁÙ‹...
Áô¡ÅíéÒ¤‹ÒáË‹§àÁ×ͧྪúØÃÕ เพชรบุ รี เป น จั ง หวั ด ที่ มี ค วามสํ า คั ญ ทาง ประวั ติ ศ าสตร มี ท รั พ ยากรและมรดกทาง ศิลปวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายซึ่งแสดงถึง เอกลักษณของทองถิ่น โดยเฉพาะอยางยิ่งมรดก ทางศิลปกรรมและงานชางที่เรียกวา “สกุลชาง เมืองเพชร” นั้น ไดรับการสืบสานงานฝมือมา ตั้งแตอดีตจวบจนปจจุบัน ในอดีต “ช่างหลวง” หรือ “ช่างสิบหมู่” จัดเป็น กรมหนึ่ ง ที่ ร วบรวมช่ า งฝ มื อ ไว้ ห ลากหลายสาขา (มิ ไ ด้ ห มายถึ ง ช่ า งฝ มื อ เพี ย งแค่ สิ บ สาขาเท่ า นั้ น ) เช่น ช่างเขียน ช่างมุก ช่างไม้ ช่างหุ่น ช่างปั้น ช่าง ศิราภรณ์ ช่างรัก ช่างบุ ช่างกลึง ช่างหล่อ ช่างไม้สูง ช่างฉลุกระดาษ ช่างแกะสลัก (จ�าหลัก) มรดกอันเป็นผลงานสร้างสรรค์ของช่างสิบหมู่ ในเมืองเพชรบุรีมีอยู่หลายสาขา ซึ่งส่วนใหญ่ช่างจะ สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา เราจึงเห็นมรดกล�้าค่า เหล่านี้ตามวัดวาอารามต่างๆ โดยช่างเมืองเพชรใน แต่ละสาขาต่างได้พัฒนาฝมือ รูปแบบ และเนื้อหา จนกลายเป็ น ผลงานศิ ล ปกรรมที่ มี ค วามประณี ต งดงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตนเอง จนได้รับการ ขนานนามว่า “สกุลช่างเมืองเพชร” งานช่างสิบหมู่ที่ โดดเด่นของเมืองเพชรบุรี ประกอบด้วย
ขอขอบคุณขอมูลจาก สถาบันวิจัยและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ศูนย์ข้อมูลกลางทางวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม 146
1.งานปูนปน
งานปูนปั้น เป็นงานช่างสาขาหนึ่งของ เพชรบุรีที่นิยมกันมาแต่สมัยโบราณ มีทั้ง งานปั้นพระพุทธรูป และงานปูนปั้นประดับ ตกแต่ ง ตามหน้ า บั น อุ โ บสถ วิ ห าร ฐาน พระพุทธรูป ฐานเจดีย์ ซึ่งถ่ายทอดเรื่องราว ทางพุทธประวัติ เทพเทวดา สัตว์หิมพานต์ และสัตว์ในวรรณคดี เป็นต้น จากหลั ก ฐานที่ เ ป็ น ลวดลายปู น ปั ้ น สมัยทวารวดีพบว่า ในอดีตกาลนั้นมีการท�า ปูนจากเปลือกหอยเผาแล้วต�าจนละเอียด ผสมกับไฟเบอร์ เช่น ฟางข้าว กล้วยน�้าว้า เยื่อกระดาษ และตัวประสานคือหนังควาย หรือกระดูกควายเคี่ยว เติมน�้าอ้อยเพื่อให้ ปูนรัดตัว ซึ่งแต่ละท้องถิ่นจะมีสัดส่วนและ ส่วนผสมต่างๆ กันไปแล้วแต่สกุลช่างและ ความนิยม ปูนทีไ่ ด้จะมีความเหนียวสามารถ ปั้นเป็นรูปต่างๆได้ง่าย และเมื่อแห้งแล้ว จะแข็งตัวและทนแดดทนฝนได้ดี จึงมีชื่อเรียกปูนนี้ว่า “ปูนเพชร” ส่วนสูตรการท�าปูนที่เป็นจุด เด่ น ของช่ า งเมื อ งเพชรใน ปั จ จุ บั น คื อ น� า หิ น ปู น มา
เผาแล้วหมัก ผสมกับน�้าตาล กาวและกระดาษฟาง ต�าให้เข้ากันจนเหนียว สามารถเก็บไว้ใช้ได้นานเป็นเดือนๆ สามารถหาชมงานศิลปะปูนปั้นได้หลายแห่ง เช่น งานปูนปน หนาบันพระวิหารหลวง พระปรางค์ และ งานปูนปนของศาลา วัดมหาธาตุวรวิหาร ซึ่งเป็นผลงานของช่างเมืองเพชรหลายท่าน เช่น นายพิณ อินฟาแสง นายทองร่วง เอมโอษฐ นายเฉลิม พึ่งแตง นายสมพล พลายแก้ว งานปูนปนหนาบันวิหารพระคันธารราฐ วัดพลับพลาชัย ฝมอื ของนายพิณ อินฟาแสง หนาบันและซุม ประตู อุโบสถวัดปากคลอง ฝมือของนายแปว บ�ารุงพุทธ เป็นต้น ส่วนงาน ปูนปั้นฝมือช่างสมัยอยุธยามีปรากฏอยู่หลายแห่ง เช่น วัดไผ่ล้อม วัดสระบัว วัดเกาะ วัดใหญ่สุวรรณารามวรวิหาร วัดบันไดอิฐ เป็นต้น
Phetchaburi 147
2. งานช่างลายรดน�้า
งานช่างลายรดน�้า เป็นงานประณีตศิลป์ด้านตกแต่งซึ่ง รวมอยู่ในช่างรัก “ลายรดน�้า” หมายถึง การเขียนลวดลาย หรือรูปภาพให้ปรากฏเป็นลายทองด้วยวิธีปิดทองแล้วเอา น�า้ รด จัดเป็นงานประณีตศิลป์ทมี่ คี วามละเอียดอ่อน สวยงาม และทรงคุณค่า การท� า ลายรดน�้ า พบว่ า นิ ย มมาแต่ ค รั้ ง สุ โ ขทั ย เจริ ญ รุ ่ ง เรื อ ง และนิ ย มเรื่ อ ยมาจนถึ ง สมั ย อยุ ธ ยา และสมั ย รัตนโกสินทร์ โดยใช้ส�าหรับตกแต่งสิ่งของเครื่องใช้ และ เครื่องประดับ ตลอดจนใช้ประดับตกแต่งผนังห้องที่มีขนาด ใหญ่ จนกลายเป็นมรดกที่ต กทอดมาถึงยุค สมัยนี้ ได้ แ ก่ ตู้พระธรรม เครื่องใช้สอย เครื่องครุภัณฑ์ ได้แก่ หีบต่างๆ ไม้ประกับหน้าคัมภีร์ พานแว่นฟา โตก ตะลุ่ม ฝา บานตู้ ฉากลับแล ฝาผนัง บานประตูหน้าต่าง เป็นต้น จะเห็นได้ ว่าศิลปะลายรดน�้านี้ได้รับใช้ชนทุกชั้น ตั้งแต่ระดับชาวบ้าน ชาววัด และชาววังเลยทีเดียว
3. งานลงรัก-ปดทอง-ประดับกระจก
งานลงรัก-ปิดทอง-ประดับกระจก จัดเป็นช่าง ศิลป์ประเภทหนึ่งในหมู่ช่างรัก ประกอบด้วย ช่างลงรัก ช่างปิดทอง ช่างประดับกระจก และช่ า งมุ ก โดยงานปิ ด ทองริ เ ริ่ ม มา แต่ ส มั ย ทวารวดี จากหลั ก ฐานที่ พ บ คือ พระพุทธรูปสมัยทวาราวดี ที่ถ�้า เขางู จั ง หวั ด เพชรบุ รี พบร่ อ งรอย การปิดทองที่องค์พระและที่ฐานชุกชี ส่วนสมัยสุโขทัยนั้นมีหลักฐานการปิด ทองบนลวดลายสลักไม้ปรากฏอยู่ตาม เจดีย์ พระพุทธรูป ซุ้มพระปรางค์ ส่วน งานปิดทองและงานประดับกระจกนั้น ได้ รับอิทธิพลและแบบอย่างมาจากอินเดีย ซึ่งนิยม ประดับกระจกสีชิ้นเล็กๆ ลงบนเสื้อผ้าอาภรณ์ หลักฐาน ที่เด่นชัดคือ สมัยอยุธยานิยมประดับกระจกเพื่อเพิ่มความ สวยงามให้กับงานประณีตศิลป์ต่างๆ ปัจจุบันเราสามารถหาชมงานประดับกระจกในจังหวัด เพชรบุรีได้หลายแห่ง เช่น พระวิ ห ารหลวงวั ด มหาธาตุ วรวิหาร ฐานพระประธานในอุโบสถวัดใหญ่สวุ รรณาราม วรวิหาร หรือตามหน้าบันอุโบสถ ช่อฟา ใบระกา ธรรมาสน์ คันทวย และฐานชุกชีพระพุทธรูป เป็นต้น
148
4. งานจิตรกรรม
งานจิตรกรรม เป็นงานศิลปกรรมที่รงคุณค่ายิ่งอย่างหนึ่งของไทย ซึ่งในอดีตนิยมเขียนงานจิตรกรรมไว้ตามผนังอุโบสถ วิหาร หอธรรม ศาลาการเปรียญ สมุดข่อย และสมุดภาพ จิตรกรรมฝาผนังที่ขึ้นชื่อ ของเมืองเพชรคือ งานจิตรกรรมในอุโบสถวัด วัดใหญ่สุวรรณาราม ซึ่งเป็นผลงานของช่างเมืองเพชรในสมัยอยุธยาตอนปลาย โดยเฉพาะ ภาพทวารบาลบนประตูอุโบสถนั้น อาจารย์สันติ เล็กสุขุม ได้ บรรยายไว้ในหนังสือ “ศิลปอยุธยา งานช่างหลวงแห่งแผ่นดิน” ว่า...มีความงดงามไม ความงดงามไมมีที่เปรียบ เกิดจากทีทาสงาอยางนุมนวล พระหั ต ถ ข า งหนึ่ ง ยกขึ้ น ถื อ ช อ ประดิ ษ ฐ ด ว ยกระหนกพริ้ ง พราย สีที่ใชไดอยางสดใส แตละสีประกอบกันอยางมี
เอกภาพ สอดคลองกับประสิทธิภาพของการตัดเสน คือคุณภาพเดียวกับจิตรกรรมฝาหนัง ไม่เพียงเท่านั้น ในคราวที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกลาเจาอยู่ หัว เสด็จมาเมืองเพชรบุรี ในป พ.ศ. 2452 ทรงมีพระ ราชหัตถเลขาแสดงความชื่นชมจิตรกรรมฝาผนังแห่ง นี้ไว้มาก ปัจจุบันจิตรกรรมแห่งนี้ก็เป็นที่ยอมรับกัน ในด้านความคิดและฝมืออันยอดเยี่ยมของส�านักช่าง เพชรบุรีในยุคปลาย
Phetchaburi 149
5. งานช่างทอง
งานศิลปหัตถกรรมเครื่องทองรูปพรรณแบบโบราณ เป็น สั ญ ลั ก ษณ์ อ ย่ า งหนึ่ ง ของจั ง หวั ด เพชรบุ รี ที่ มี ชื่ อ เสี ย งเป็ น ที่ ยอมรับกันทั่วไปว่า เป็นผลงานด้านหัตถศิลป์ที่มีคุณค่า มีความ ประณีต งดงาม แสดงถึงเอกลักษณ์แห่งภูมิปัญญาที่ผสมผสาน กับฝมือของช่างทองเพชรบุรี ที่มักสอนหรือถ่ายทอดให้คนใน ครอบครัว และผู้ที่มีใจรักในศิลปะ จากหลักฐานที่ปรากฏ ช่างทองคนแรกของจังหวัดเพชรบุรี คื อ นายหวน ตาลวั น นา หลั ง จากนั้ น ก็ มี ต ระกู ล ช่ า งอื่ น ๆ ที่ สื บ สานงานศิ ล ปหั ต ถกรรมเครื่ อ งทองจนเป็ น ที่ รู ้ จั ก กั น ดี ใน เวลาต่อมา คือ ช่างทองตระกูล “สุวรรณช่าง” ตระกูล “ทองสัมฤทธิ์” ตระกูล “ชูบดินทร์” ตระกูลช่างทองเหล่านี้ ได้ ถ่ายทอดความรู้ด้านงานช่างทองแก่ลูกหลานและศิษย์ไว้หลาย คน แต่ส่วนใหญ่เสียชีวติ ไปเกือบหมดแล้ว บางคนอายุมากและ สุขภาพไม่ดีจึงเลิกท�าทอง มีแต่ นางเนื่อง แฝงสีค�า ช่าง ทองเชื้ อ สายตระกู ล “ชูบดินทร์” เพียง คนเดี ย วที่ ยั ง คง ท�าทองอยูจ่ นถึง ปัจจุบัน ลั ก ษณะเด่ น ของทองรู ป พรรณของช่ า งทอง เชือ้ สาย ตระกูล “ชูบดินทร์” เป็นการผสมผสานระหว่าง งานช่างกับศิลปะอย่างสมดุล เป็นผลงานที่เกิดจาก ความรู้ ผสานกับอารมณ์ ความรู้สึกและใจรัก งานทุก ชิ้นจึงมีลักษณะเด่นเฉพาะตัว ให้อารมณ์ความรู้สึกที่ลึกซึ้ง สร้างสรรค์ ไม่เลียนแบบผู้ใด และมีความประณีตงดงาม
150
6. งานแทงหยวก
การสลักหยวก หรือ การแทงหยวก เป็นงานฝมือประเภท ช่างสลักของอ่อน ที่สืบทอดกันมาหลายร้อยป โดยมีประเพณี ที่เกี่ยวเนื่องกับการแทงหยวกกล้วย 2 อย่าง คือ การโกนจุก และการเผาศพ (โดยเฉพาะศพผู้ที่มีฐานะปานกลางไปขึ้นไป) ซึ่งประเพณีการโกนจุก จะมีการจ�าลองเขาพระสุเมรุตามความ เชื่อ แล้วตกแต่งภูเขาด้วยรูปสัตว์ต่างๆ ส่วนภูเขาพระสุเมรุ จะตั้งอยู่ตรงกลางร้านม้า ซึ่งท�าโครงสร้างด้วยไม้แล้วหุ้มด้วย หยวกกล้วยแกะสลักเป็นลวดลายต่างๆ ประเพณีการเผาศพ ก็เช่นกันจะท�าร้านม้าซึ่งท�าโครงสร้างด้วยไม้ แล้วประดับด้วย หยวกกล้วยแกะสลักอย่างงดงาม กระบวนการแทงหยวกนั้น ต้องเริ่มจากการ ไหว้ครู เพื่อร�าลึกถึงครูอาจารย์ มีธูป 3 ดอก เทียนขี้ผึ้ง 1 เล่ม ดอกไม้ 3 สี สุรา 1 ขวด ผ้าขาวม้า 1 ผืน เงินค่าครู 142 บาท ขั้นตอนการแทงหยวกและประกอบ เข้าเป็นลายชุด มี 3 ขั้นตอนใหญ่ๆ
คือ ขั้นเตรียมหยวกกล้วย ขั้นแทงลวดลายลงบนหยวก และขั้น ประกอบเป็นลายชุด การแทงหยวกหรือการสลักหยวกกล้วยนัน้ ผู้ที่เป็นช่างจะต้องได้รับการฝกหัดจนเกิดความช�านาญ เพราะ ช่างจะไม่วาดลวดลายแต่จะจับมีดปลายแหลมสองคมแล้ว ลงมือสลักลงบนหยวกกันเลยทีเดียว จึงเรียกว่า “การแทงหยวก” ช่ า งแทงหยวกชื่ อ ดั ง ของเมื อ งเพชรคื อ นายประสม สุสุทธิ ผู้ถวายงานแทงหยวกประดับตกแต่งพระจิตกาธาน ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระศรี นครินทราบรมราชชนนี ในวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ.2539 และ เคยถวายงานแทงหยวกตกแต่งพระจิตกาธานในงานพระราช พิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็ จ พระเจ า พี่ น างเธอฯ พระเมรุมณฑลพิธที อ้ งสนามหลวง ในวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ปัจจุบนั แม้ลงุ ประสมจะเสียชีวติ ลงแล้ว แต่งานแทงหยวกสุกลช่างประสม ก็ได้รับการ สืบทอดโดยลูกหลานในตระกูล อีกทั้งเมื่อ ลุงประสมยังมีชวี ติ อยู่ ก็ได้ถา่ ยทอดศิลปะ แขนงนี้ให้กับเด็กและเยาวชนในจังหวัด เพชรบุรีด้วย
Phetchaburi 151
7. งานตอกกระดาษ
งานตอกกระดาษ คือการน�ากระดาษมาสลักโดยการตอก ด้วยสิ่วให้เป็นลวดลายต่างๆ มีทั้งลายไทย รูปสัตว์ในวรรณคดี สิบสองนักษัตร หรือลายประดิษฐ์อย่างอื่นตามต้องการ ใช้ ส� า หรั บ ประดั บ หรื อ ตกแต่ ง สถานที่ หรื อ เครื่ อ งมื อ เครื่ อ งใช้ ส�าหรับเมืองเพชรบุรีนั้นจะใช้งานตอกกระดาษท�าเป็นลายไทย แล้วน�ามาติดประดับที่ “ลูกโกศ” ซึ่งเป็นโกศขนาดใหญ่บรรจุ กระดูกที่ล้างท�าความสะอาดแล้วส�าหรับตั้งบ�าเพ็ญกุศล ไม่ เพียงงานศพเท่านั้น แต่งานตอกกระดาษยังน�ามาใช้ในงานบุญ เช่น งานบวชและงานแต่งงาน โดยมักใช้กระดาษสีสดใสท�า เป็น “ธงราว” โดยมีลวดลายที่ตอกเป็นลายไทย หรือรูปสัตว์ทั้ง 12 นักษัตร แล้วน�ามาแขวนเรียงราย สร้าง สีสนั และบรรยากาศภายในงาน และใน งานบุญนี้เราก็มักจะเห็นธงราวอยู่ คู่กับ “พวงมะโหตร” หรือเครื่อง ตกแต่ ง กระดาษอี ก แบบหนึ่ ง ที่ใช้วิธีการพับเป็นทบและตัด และเมื่ อ คลี่ ก ระดาษออกมา ก็จะกลายเป็นพวงระย้าสีสัน สดใสสวยงาม
152
8. งานจ�าหลักหนังใหญ่
เป็นการฉลุลายบนหนังวัวหรือหนังควายทีข่ ดู ขนหรือฟอกหนังตากแห้งดีแล้วให้ โดยฉลุเป็นรูปตัวละครในวรรณคดี หนังใหญ่เมืองเพชรมีชอื่ เสียงโด่งดังในสมัยรัชกาล ที่ 5 แต่ปัจจุบันสามารถชมตัวหนังใหญ่ได้ที่ พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่ วัดพลับพลาชัย ปัจจุบันมีช่างจ�าหลักหนังใหญ่สกุลช่างเมืองเพชรคือ นายมนู เนตรสุวรรณ ศิลปินสาขาทัศนศิลป์ ที่มีความสามารถด้านศิลปะงานสกุลช่างหลายด้าน เช่น งานปูนปัน้ งานแกะสลักไม้ การท�าหัวโขน ท�าเครือ่ งประดับศิราภรณ์ และงานจ�าหลัก หนังใหญ่ เป็นต้น ปัจจุบันรับราชการในต�าแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านช่างประณีตศิลป์ (ศิราภรณ์) ที่ส�านักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม
Phetchaburi 153
9. งานแกะสลักไม
งานแกะสลั ก ไม้ หรื อ งานจ� า หลั ก ไม้ เป็ น งาน ศิ ล ปกรรมเก่ า แก่ ป ระเภท หนึ่ ง ของไทย ซึ่ ง นิ ย มแกะ สลักไม้ประกอบโบสถ์ วิหาร ศาลาวัด หอพระไตรปิฎก ตู้พระ ไตรปิฎก พระเจดีย์ ฯลฯ สามารถหา ชมงานแกะสลักไม้สุกลช่างเมืองเพชร ได้ที่ ศาลาการเปรียญ วัดใหญ่สุวรรณาราม ที่ มี ลั ก ษณะที่ โ ดดเด่ น จากงานแกะสลั ก ไม้ ที่ สวยงาม โดยเฉพาะบานประตูสลักลายก้านขด ปิดทอง ธรรมาสน์รูปทรงบุษบกแกะสลักลงรัก ปิดทองงดงาม นอกจากนี้ ยั ง มี ง านแกะสลั ก ไม้ ขั้ น เทพที่ วัดกุฏิ ซึ่งมีพระอุโบสถที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง โดยพระครู เ กษม สุ ต คุ ณ (หลวงพ่ อ ชุ ่ ม ) เมื่ อ ป พ.ศ.2479 โดยรอบพระอุโบสถด้านนอกสลัก เป็ น เรื่ อ งมหาชาติ ช าดก 13 กั น ฑ์ และไซอิ๋ ว หน้าบันโบสถ์ทิศตะวันออกแกะสลักเป็นเหรียญ ตรามงกุ ฎ สมั ย รั ช กาลที่ 4 ส่ ว นด้ า นหลั ง ทาง ทิศตะวันตกแกะสลักเป็นรูปเหรียญกษาปณ์ ราคา 1 บาท พร้อมตราแผ่นดินรัชกาลที่ 5 บานประตู เป็นลายเถาทะลุโปร่ง แกะสลักลายลึก ประณีต ละเอียดอ่อนด้วยฝมือช่างเมืองเพชรชั้นครู 154
10. งานปนหัวโขน หัวละคร หัวสัตว์
ส่วนใหญ่จะเป็นการปั้นหัวละครที่เป็นตัวเอกในวรรณคดี ต่างๆ ส่วนงานปั้นหัวสัตว์ จะน�าเอาส่วนที่เป็นเขาของวัว ควาย เก้ง หรือกวางที่เสียชีวิตแล้ว มาติดเข้ากับหัวที่ปั้น ขึน้ แล้วประดับตามฝาผนังวัด บ้านเรือน หรือ ท�าขึน้ เพือ่ ระลึกถึงหรือแสดงความผูกพัน ทีม่ ตี อ่ สัตว์เลีย้ ง ซึง่ จะพบเห็นได้ทวั่ ไป เกือบทุกวัดในเพชรบุรี ปัจจุบันมี การประยุกต์งานปัน้ หัวสัตว์เป็นปัน้ สัตว์ทั้งตัวเสมือนจริง
Phetchaburi 155
เส้นทางการอนุรักษ
µÒÅâµ¹´àÁ×ͧྪÃ... ¡‹Í¹¶Ö§¡ÒÅÍÇÊÒ¹
156
“พอแดดร่มลมชายสบายจิต เที่ยวชมทิศทุกอย่างกลางวิถี ทั่วประเทศเขตแคว้นแดนพริบพรี เหมือนจะชี้ไม่พ้นแต่ต้นตาล ที่พวกท�าน�้าโตนดประโยชนทรัพย มีดส�าหรับเหน็บข้างอย่างทหาร พะองยาวก้าวตีนปีนทะยาน กระบอกตาลแขวนก้นคนละพวง” “นิราศเมืองเพชร” ของ “สุนทรภู” กล่าวถึงต้นตาลและ วิถีชีวิตของชาวเมืองพริบพรี หรือเพชรบุรี ซึ่งผูกพันกับต้นตาล มาช้านาน พอจะท�าให้เราๆ ท่านๆ นึกย้อนไปถึงภาพของจังหวัด เพชรยุรีในอดีตได้ว่า คงจะมีต้นตาลขึ้นอยู่ทุกหัวไร่ปลายนา จน มีการน�าเอาภาพต้นตาลมาเป็นส่วนหนึ่งของตราสัญลักษณ์ และธงประจ�าจังหวัดเพชรบุรี ควบคูก่ บั ภาพพระนครคีรเี ลยที เดียว ทว่าปัจจุบนั จ�านวนต้นตาลเมืองเพชรกลับลดลงอย่าง มาก อาจจะด้วยความเปลี่ยนแปลงของสภาวะธรรมชาติ และวิถีชีวิตของชาวเมืองเพชรเองที่อาจส่งผลต่อการอยู่ รอดของต้นตาล
มีการน�าเอาภาพ ต้นตาลมาเปนส่วนหนึ่ง ของตราสัญลักษณ์และ ธงประจ�าจังหวัดเพชรบุรี นิตยสาร SBL ขอน�าเสนอบทความว่าด้วยเรื่อง ควบคู่กับภาพ “ตาลโตนดเมืองเพชร...กอนถึงกาลอวสาน” เพือ่ เผยแพร่ พระนครคีรี ความพยายามในการอนุรักษ์ต้นตาล และภูมิปัญญาการใช้ ประโยชน์จากต้นตาล พันธุ์พืชซึ่งครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่ามีมากที่สุด ในจังหวัดเพชรบุรี เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้รู้จักต้นตาลและประโยชน์ ของต้นตาล ก่อนที่ตาลเมืองเพชรจะกลายเป็นแค่ต�านานเล่าขาน ให้ลูกหลานฟัง
Phetchaburi 157
ลักษณะทางพฤกษศาสตรของต้นตาล ต้นตาลเป็นพืชตระกูลปาล์มพัดชนิดหนึ่ง ที่มีอายุยืนเป็น ร้อยปี ทั่วโลกพบต้นตาลมากกว่า 4,000 ชนิด (Species) มีชื่อ วิทยาศาสตร์วา่ Borasas flabellifer L. จัดอยูใ่ นสกุล Borassas ชื่อสามัญ Palmyra Palm ส่วนในประเทศไทยเรียกชื่อต้นตาล แตกต่างกันไปในแต่ละภูมภิ าค เช่น ภาคกลางเรียก ตาลใหญ่ ตาลนาไทย ภาคเหนือเรียก ปลีตาล ภาคใต้เรียก โนด เขมร เรียก ตะนอย เป็นต้น ตาลโตนดเป็นพืชล�าต้นเดีย่ ว (Single stem) ขึน้ จากพืน้ ดิน เพียงต้นเดียว ไม่มกี ารแตกหน่อ ล�าต้นมีขนาดใหญ่ เส้นรอบวง ประมาณ 2-4 ฟุต ผิวด�าเป็นเสี้ยนแข็ง มีความสูงจากพื้นดินถึง ยอดประมาณ 25-30 เมตร หลังจากปลูกต้นตาลแล้วประมาณ 3-5 ปี จะมีความสูงราว 1 เมตรเท่านั้น แต่หลังจากนั้นจะเพิ่ม ความสูงประมาณปีละ 30-40 เซนติเมตรเลยทีเดียว ตาลโตนดที่นิยมปลูกมี 3 พันธุ์ ได้แก่ 1. ตาลหม้อ ซึ่งมีล�าต้นแข็งแรง ตาลหม้อนี้จะ แยกย่อยตามลักษณะของผล หากผลใหญ่เรียกว่า
จากหลักฐาน ทางประวัติศาสตร์ พบว่า เมื่อประมาณ พุทธศตวรรษที่ 11-16 ได้มีตราประทับรูป คนปนต้นตาล
158
“ตาลหม้อใหญ่” มีผิวสีด�ามันแทบไม่มีสีอื่นปนเลย เมื่อสุกแก่มีรอย ขีดตามแนวยาวของผล เมล็ดหนา ใน 1 ผลจะมี 2-4 เมล็ด ใน 1 ทะลายจะมีประมาณ 1-10 ผล โดยจะให้ผลเมื่ออายุ 10 ปีขึ้นไป ขึ้น อยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของต้น ส่วนพันธุ์ที่ให้ผลเล็กเรียกว่า “ตาล หม้อเล็ก” มีผลขนาดเล็กสีดา� ผลจะมีรอยขีดเมือ่ แก่ ใน 1 ผล จะมี 2-4 เมล็ด ใน 1 ทะลาย จะมีประมาณ 1-20 ผล ไม่เป็นทีน่ ยิ มเนือ่ งจากผล มีขนาดเล็กและเต้าหรือลอนที่ได้จะมีขนาดเล็กตามไปด้วย 2. ตาลไข ล�าต้นแข็งแรง ผลมีขนาดเล็กสีค่อนข้างเหลือง แบ่ง ออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ “ไข่เล็ก” ผลค่อนข้างเล็ก ใน 1 ทะลายจะมีผล 1-20 ผล เนื่องจากผลเล็กจึงท�าให้เต้ามีขนาดเล็กตามไปด้วย จะให้ ผลเมื่ออายุ 10 ปีขึ้นไป และ “ไข่ใหญ่” ผลมีขนาดใหญ่กว่าไข่เล็ก สี ค่อนข้างเหลือง ใน 1 ทะลายจะมีผล 1-10 ผล เต้ามีขนาดใหญ่กว่า ไข่เล็ก 1ผลจะมี 2-3 เต้า จะให้ผลเมื่ออายุ 10 ปีขึ้นไป 3. ตาลพันธุล กู ผสม ล�าต้นตรงใหญ่แข็งแรง ลูกค่อนข้างใหญ่ เกือบเท่าตาลพันธุ์หม้อ สีด�าผสมน�้าตาล (เหลืองด�า) ในผลจะมี 2-3 เต้า ให้ผลประมาณ 1-20 ผลต่อทะลาย เป็นตาลทีม่ จี า� นวนมากทีส่ ดุ ในจังหวัดเพชรบุรี ส่วนใหญ่จะให้ผลเมื่ออายุ 10 ปีขึ้นไป
สวนประกอบของผล แบ่งออกเป็น 3 ส่วน 1. เปลือกชั้นนอก ผิวเรียบเป็นมันเรียกว่า Exocarp 2. ส่วนที่เป็นเส้นใยเรียก Mesocarp 3. ส่วนที่เป็นกะลาแข็งหุ้มเมล็ดเรียกว่า Endocarp เมื่อผล ตาลแก่จัด (สุก) จะมีกลิ่นหอม จากการศึกษาพบว่าเนื้อตาลสุก ประกอบด้วยแปงและน�า้ ตาลเป็นจ�านวนมาก นอกจากนีย้ งั มีสว่ น ผสมของแคโรทีนอยด์ซึ่งให้สีเหลือง ใช้แต่งสีและกลิ่นของขนม ต่างๆ เช่น ขนมตาล ขนมสอดไส้ ขนมไข่ปลา ขนมขี้หนู เป็นต้น
Phetchaburi 159
ก�าเนิดต้นตาล และต้นตาลในเมืองเพชร นักชีววิทยาได้ศกึ ษาต้นก�าเนิดของต้นตาลและพบว่า ต้นตาล น่าจะมีถิ่นก�าเนิดทางฝังตะวันออกของอินเดีย แพร่ขยายไปสู่ ศรีลังกา สหภาพเมียนม่าร์ ไทย อินโดนีเซีย กัมพูชา โดยมีการ สันนิษฐานถึงการแพร่กระจายของต้นตาลว่า น่าจะมาจากสัตว์ เป็นตัวแพร่พันธุ์ เช่น ช้าง เมื่อกินผลสุกของตาลโตนดจะกลืนทั้ง เมล็ด เมื่อช้างมีการอพยพไปยังถิ่นต่างๆ ก็จะถ่ายมูลไปตามเส้น ทาง เมล็ดตาลจึงแพร่กระจายจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่งได้ ส่วนในประเทศไทย มีต้นตาลจ�านวนมากที่จังหวัดเพชรบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ส่วนภาคใต้พบมากที่อ�าเภอสทิงพระ อ�าเภอ ระโนด จังหวัดสงขลา โดยสันนิษฐานว่าน่าจะมีการใช้ประโยชน์ จากต้ น ตาลมาก่ อ นสมั ย ทวารวดี เพราะจากหลั ก ฐานทาง ประวัตศิ าสตร์พบว่า เมือ่ ประมาณพุทธศตวรรษที่ 11-16 ได้ มีตรา ประทับรูปคน ปีนต้นตาล แสดงว่าในสมัยนัน้ ได้รจู้ กั วิธใี ช้ประโยชน์ จากต้นตาลแล้ว นอกจากนีต้ าลยังถูกบันทึกเป็นลายลักษณ์อกั ษร มาตั้งแต่สมัยโบราณ เช่น จารึกวัดแดนเมือง จารึกวัดศรีคูณเมือง จารึกวัดศรีเมือง จารึกวัดถ�้าสุวรรณคูหา
ในอดีตต้นตาลเมืองเพชรบุรจี ะขึน้ อยูต่ ามธรรมชาติมากมาย บางแห่งขึน้ เกาะกลุม่ กันเรียกว่า “ดงตาล” ส่วนบางแห่งขึน้ ตามหัว ไร่ปลายนา มองเห็นเป็นแถวจึงเรียกว่า “นาตาลแถว” หรือ “นา ตาลเรียง” เป็นต้น ส่วนสายพันธุ์ต้นตาลเมืองเพชร แบ่งออกได้ เป็น 2 พันธุ์ ดังนี้ 1. ตาลบ้าน มีจ�านวนเต้าตาลในแต่ละผล 1-4 เต้า แบ่งสาย พันธุ์ย่อยได้อีก 3 พันธุ์ คือ ตาลหม้อ--มีผลขนาดใหญ่ ผิวด�าคล�้า ,ตาลไข--มีผลสีขาวเหลือง ผลขนาดเล็กกว่า แต่เต้าตาลใหญ่ขนาด ใกล้เคียงกับตาลหม้อ (มีเนือ้ หุม้ เต้าตาลบาง) และตาลจาก--มีผล ดกแน่นคล้ายทะลายจาก 2. ตาลปา มีผลเล็กขนาดตาลไข่ มีสเี ขียวคล�า้ มีเต้า 1-2 เต้า ล�าต้นสีเขียวสด ก้านใบยาว (บางคนเรียกว่า ตาลก้านยาว) พบแถบ เขาแด่น อ�าเภอบ้านลาด และในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ตาลปายังไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก เพราะมักขึ้นอยู่ในปา ด้วยเหตุทมี่ ตี น้ ตาลขึน้ เป็นจ�านวนมากในจังหวัดเพชรบุรี จึงมี การตัง้ ชือ่ หมูบ่ า้ นด้วยชือ่ ตาลแตกต่างกันไป เช่น บ้านโตนดหลาย บ้านโคกโตนด บ้านโตนดน้อย บ้านตาลเดีย่ ว บ้านโตนดหลวง บ้าน ถนนตาล บ้านตาลกง ฯลฯ นอกจากนี้ตาลโตนดเมืองเพชร ยัง มีความเกี่ยวเนื่องกับหน้าประวัติศาสตร์ของไทยมาตั้งแต่ สมัยอยุธยาเป็นราชธานี คือในปีพ.ศ.2134 สมเด็จพระ นเรศวร ฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระเอกาทศรถ ได้ เสด็จฯทางสถลมารคไปยังต�าบลสามร้อยยอด เพื่อ ประพาสทางทะเลและทรงเบ็ดทอดปลาฉลามกลาง ทะเล โดยได้เสด็จฯประทับแรม ณ พระต�าหนัก ต�าบลโตนดหลวง (ปัจจุบันอยู่ในเขตต�าบลบาง เก่า อ�าเภอชะอ�า) เป็นเวลา 12 วัน จึงเสด็จฯเข้าเมือง เพชรบุรี และในปี พ.ศ.2246 สมเด็จพระเจ้าเสือ ได้ เสด็จประพาสเมืองเพชรบุรี และได้ประทับแรม ณ พระ ต�าหนักต�าบลโตนดหลวง เช่นกัน จากนัน้ ได้เสด็จไปทรงเบ็ด ที่ต�าบลสามร้อยยอด
สมเด็จพระนเรศวรฯ พร้อมด้วยสมเด็จพระ เอกาทศรถ ได้เสด็จฯ ทาง สถลมารคไปยังต�าบล สามร้อยยอด... โดยได้เสด็จฯ ประทับแรม ณ พระต�าหนัก ต�าบลโตนดหลวง
160
หวานเหมือนน�้าตาลเมืองเพชร เป็นทีท่ ราบกันมาแต่โบราณกาลว่า...ต้นตาลเมืองเพชรนัน้ ให้ผลผลิต น�า้ ตาลโตนดทีม่ รี สชาติหวานอร่อยกลมกล่อมไม่หวานแหลมแบบน�า้ ตาล ทราย ทีส่ า� คัญยังมีกลิน่ หอมติดปากติดใจ จนมีการเปรียบเปรยว่า “หวาน เหมือนน�้าตาลเพชรบุรี” ดังนั้นต้นตาลจึงนับเป็นพืชเศรษฐกิจที่ส�าคัญของจังหวัดเพชรบุรี ซึ่ง ชาวนามักจะปลูกต้นตาลไว้บริเวณคันนา นับเป็นการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า และท�าให้มีรายได้มาเจือจุนในครัวเรือนเพิ่มขึ้นด้วย และคงไม่เกินเลย ไปนักที่จะกล่าวว่า...น�้าตาลโตนดสร้างวังได้ เพราะรายได้จากการเก็บ ภาษีสินค้าที่มาจากน�้าตาลโตนดและหม้อตาลเมืองเพชร ยังสามารถน�า มาใช้เป็นส่วนหนึ่งในการก่อสร้างพระราชวังพระนครคีรี (เขาวัง)ได้อย่าง วิจิตรสวยงาม จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ส� าคัญ ของเมืองเพชรด้วย และที่ขึ้นชื่อชนิดที่เรียกว่า...ใครไปเมืองเพชรแล้วไม่ซื้อหรือชิมขนม หวานเมืองเพชร ก็เหมือนไปไม่ถงึ เมืองเพชรจริงๆ เพราะความอร่อยนัน้ มา จากชาวเมืองเพชรจะใช้น�้าตาลโตนดเป็นส่วนผสมที่ส�าคัญในการท�าขนม หวานเมืองเพชร จนมีชอื่ เสียงโด่งดังมาจนถึงปัจจุบนั ดังค�าสวดสุบนิ กุมาร ที่มีอายุมากกว่าร้อยปี กล่าวว่า... “เป็นเครื่องหวานเพชรบุรี โตนดเต้าแลจาวตาล กินกับน�้าตาลปี ของมากมีมาช่วยกัน”
Phetchaburi 161
ประโยชนของต้นตาล ต้นตาลไม่เพียงแต่จะมีประโยชน์แค่ใช้ทา� น�า้ ตาลโตนด รสอร่อยเท่านัน้ แต่เรายังสามารถใช้ประโยชน์จากต้นตาลได้ ครบทุกส่วนตั้งแต่ ผิวนอกของลูกตาล เมือ่ เอามีดปาดออก เรียกว่า “พลอ มออก” ใช้เป็นอาหารส�าหรับวัว ควายได้ มีกลิ่นหอมและรส ออกหวานเล็กน้อย เมล็ดตาลสุก ใช้ท�าของเด็กเล่นได้ โดยน�าเมล็ดตาล ที่ยีเนื้อไปใช้แล้ว ล้างและฟอกให้สะอาด แล้วน�าไปตาก แห้ง เส้นใยตาลสีเหลืองสวยจะมีลกั ษณะฟูฝอย ละเอียดนุม่ สวยงามคล้ายผมตุ๊กตาบาร์บี้ เด็กๆ ผู้หญิงในสมัยโบราณ ที่ยังไม่มีตุ๊กตาส�าเร็จรูปขาย ก็สามารถจินตนาการว่าเป็น หัวตุ๊กตาผู้หญิงผมยาว แล้วใช้หวีหรือแปรงจัดรูปทรงได้ หลายแบบ เปลือกตาล คือส่วนที่เป็นกะลา หลังจากที่ผ่าเอาจาว ตาลออกแล้ว ใช้ท�าเชื้อเพลิงที่มีคุณภาพ เพราะเมื่อเผาแล้ว จะได้ถ่านสีด�าที่มีเปอร์เซ็นต์ของคาร์บอนสูง ปัจจุบันมีผู้รับ ซื้อถ่านที่ผลิตจากเปลือกแข็งของลูกตาลจ�านวนมาก เพื่อ ท�าเป็นสินค้าส่งออก นอกจากนี้ยังใช้เป็นส่วนประกอบของ ยาแก้ท้องอืด ท้องเฟอ และลดกรดในกระเพาะอีกด้วย ส่วนกะลาลูกที่สวยงาม น�ามาผ่าครึ่งเป็นสองฝา แล้ว ขัดถูผิวนอกให้เรียบเนียน เซาะขอบด้านในของฝาหนึ่งกับ ขอบนอกของอีกฝาหนึ่ง แล้วครอบปดเข้ากัน คนโบราณ ใช้แทนตลับหรือกล่องส�าหรับเก็บสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ เช่น กระดุม เข็ม ใบจาก เส้นยาสูบ ใบตาลและทางตาล สามารถท�าเป็นพัด โดยตัดเจียน แล้วเย็บริมขอบให้เข้ารูป หรืออาจคัดเลือกใบตาลอ่อนแล้ว รีดให้เรียบ น�ามาจักเป็นใบๆ แล้วเย็บเป็นพัดใบตาลแบบพับ ก็ได้ ซึ่งเหมาะที่จะพกติดตัวไปได้ นอกจากนี้ ใบตาลออน ยังใช้สานท�าเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ส�าหรับแขวนให้เด็กดูเล่นได้ อีกหลายชนิด เช่น ปลาตะเพียน กุง้ ตัก๊ แตน ชฎา หรือท�าเป็น รูปสัตว์ใส่ล้อแบบล้อเกวียนให้เด็กๆ ลากเล่น หรือน�ามาจัก เป็นเส้นตอก ถ้าใช้เส้นใหญ่มักสานขึ้นเป็นรูปกระเช้า ถ้าใช้ ตอกเส้นเล็กนิยมสานเป็นกระเปาสตางค์ ส่วนใบตาลขนาด ใหญ นิยมน�ามาผ่าซีกแล้วหักงอผูกกับส่วนที่เป็นก้าน เรียก ว่า “หักคอม้า” น�าไปมุงหลังคา ท�าปะร�า มุงกระท่อม หรือ โรงนา มีอายุใช้งานประมาณ 2-3 ปี ทางตาล เป็นส่วนก้านของใบตาล สามารถลอกผิว นอกส่วนที่อยู่ด้านบน เรียกว่า “หน้าตาล” มาฟันเป็นเชือก ส�าหรับผูกล่ามวัว ควาย เหมาะกับการใช้งานทีต่ อ้ งตากแดด ตากฝน เพราะมีความชุม่ น�า้ ซึง่ หากใช้เชือกทีท่ า� จากวัสดุอนื่ จะเปอยผุพังเร็ว 162
ขาตาล เป็นส่วนของทางตาลตอนโคน ซึง่ อยูต่ ดิ กับต้นตาล มีจา� นวน 2 แฉก เมือ่ ทางตาลแก่จดั จนใบแห้งจะร่วงหล่นลงมาเอง ชาวบ้านเรียกส่วน โคนนี้ว่า “ขาตาล” มีลักษณะบางและแบน จึงเหมาะกับการน�ามาตัดใช้ เป็นคราด หากต่อด้ามหรือท�าเป็นกาบ จะเรียกว่า “กาบตาล” ส�าหรับกอบ สิ่งของที่เป็นกอง เช่น ใช้กอบมูลวัว กอบขี้เถ้า กอบเมล็ดข้าว บางครั้งยังมี การน�าขาตาลแก่จัดมาเป็นส่วนประกอบของเก้าอี้แบบเอนนอนเอกเขนก ได้ด้วย นอกจากนี้ขาตาลแก่ที่ทุบจนแตกฝอย ยังใช้ท�าเป็นแปรงหยากไย่ หรือท�าไม้กวาดได้ค่ะ ล�าต้นตาล ที่อายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป สามารถน�าเปลือกนอก ซึ่งมี ความแข็งและมีเสีย้ นตาล เป็นเส้นสีดา� แทรกอยูใ่ นเนือ้ ไม้ มา แปรรูปแล้วจะได้ไม้กระดาน ขนาด 4-6 นิ้ว หรือ น�ามาประดิษฐ์เป็นเฟอร์นิเจอร์ได้หลายรูป แบบ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ เตียงนอน หรือน�าไป เมล็ดตาลสุก ใช้ท�า ท�าของช�าร่วยเล็กๆ เช่น กล่องใส่บุหรี่ ของเด็กเล่นได้ โดยน�า ถ้วยน�า้ ชา แจกันใส่ดอกไม้ ครก ฯลฯ
เมล็ดตาลที่ยีเนื้อไปใช้แล้ว ล้าง และฟอกให้สะอาด แล้วน�าไปตากแห้ง เส้นใยตาลสีเหลืองสวยจะมีลักษณะ ฟูฝอย ละเอียดนุ่ม สวยงาม คล้ายผมตุ๊กตาบาร์บี้
Phetchaburi 163
อาหารคาว-หวาน จากตาลเมืองเพชร แทบไม่นา่ เชือ่ เลยนะคะว่าตาลโตนดต้นเดียว จะมีบทบาทต่อ วิถชี วี ติ ของเราได้มากถึงเพียงนี้ นีย่ งั ไม่รวมถึงเมนูอาหารคาว-หวาน อีกนะคะ เรามาดูกันว่าตาลโตนดจะท�าอาหารอะไรได้บ้างค่ะ ขนมจากลอนตาลออน ในลูกตาลอ่อน จะมีลอนตาลอยู่ 2-3 ลอน ในนั้นมีน�้าขังอยู่ สามารถรับประทานได้ทันที หรือน�ามาหั่น บางๆ ใส่นา�้ แข็งไสราดน�า้ หวาน และนมข้นแค่นกี้ อ็ ร่อยได้ นอกจาก นี้อาจน�าไปต้มในน�้าเชื่อมท�าเป็น “ลูกตาลลอยแก้ว” ก็ได้ค่ะ จาวตาลเชื่อม จาวตาลเกิดจากผลแก่จัดของต้นตาลตัวเมีย จาวตาลนิยมน�าไปเชื่อมรับประทานเป็นของหวานรับประทาน กับข้าวเหนียวมูนน�า้ กะทิ เติมงาคัว่ ผสมน�า้ ตาลทราย เกลือปน และ มะพร้าวขูด จะได้ขนมพื้นเมืองของชาวเพชรที่เรียกว่า “ข้าวเหนียว โตนด” หรือ “ข้าวเหนียวหน้าโตนด” หรือ “ข้าวเหนียวลูกตาล” น�า้ ตาลสด น�าน�า้ ตาลสดทีเ่ ก็บใหม่ๆ จากงวงตาลไปต้มให้สกุ จะได้นา�้ หวานรสชาติหวานหอมอร่อย ใส่นา�้ แข็งดืม่ ได้ชนื่ ใจยิง่ กว่า เครื่องดื่มน�้าซ่าหรือน�้าผลไม้อื่นๆ เชียวค่ะ ขนมตาล ท�าจากลูกตาลสุก น�ามายีได้เนือ้ สีเหลืองมีลกั ษณะ เหลวๆ น�าไปห่อผ้าดิบให้สะเด็ดน�า้ เสร็จแล้วคลุกเคล้ากับแปงและ น�้าเล็กน้อย นวดให้เข้ากันแล้วน�าไปผึ่งแดดประมาณ 2-3 ชั่วโมง จากนั้นเติมน�้าตาลพอสมควร แล้วกวนผสม ให้เข้ากัน น�ามาใส่หอ่ ใบตองหรือใส่กระทงนึง่ ให้ แกงคั่วหัวตาล สุกโรยหน้าด้วยมะพร้าวขูดเป็นเส้นๆ จะได้ คล้ายๆ แกงคั่ว ขนมเนื้อนุ่มฟู เรียกว่า “ขนมตาล” นับเป็น ขนมอีกอย่างหนึ่งที่เกิดจากภูมิปัญญา ชาวเพชรบุรีนิยมใช้เนื้อย่าง หรือเนื้อเค็มหั่นบางๆ ผสมลงไป ของชาวบ้าน โดยไม่ต้องใช้ผงแปงฟูแต่ พร้อมกับใส่ใบส้มซ่าแทนใบมะกรูด อย่างใดแกงคั่วหัวตาล ใช้ลูกตาลที่ยังไม่ เปนอาหารคู่บ้านคู่เมืองของ แก่จัด น�าเอาส่วนของหัวตาลมาปอกผิว นอกออก แล้วหั่นออกเป็นชิ้นบางๆ ก็จะ จังหวัดเพชรบุรีมา ได้หัวตาลอ่อนน�าไปท�าแกงคล้ายๆ แกงคั่ว แต่โบราณกาล มีส่วนผสมของกะทิ กระชาย ปลาย่าง ปลาก รอบ หรือกุ้งสด พริกแกง ปรุงรสด้วยน�้าตาลเมือง เพชร เป็นอาหารทีม่ รี สอร่อยกลมกล่อม แต่สว่ นใหญ่แกงหัว ตาลของชาวเพชรบุรีนิยมใช้เนื้อย่าง หรือเนื้อเค็มหั่นบางๆ ผสมลง ไปพร้อมกับใส่ใบส้มซ่าแทนใบมะกรูด หรืออาจใช้หอยขมมาแกะ เนื้อใส่ผสมลงไปด้วย เป็นอาหารคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเพชรบุรี มาแต่โบราณกาล ขนมโตนดทอด ใช้จาวตาลเชือ่ มมาชุบแปงข้าวเหนียวทีผ่ สม กับน�้าตาลโตนด และหัวกะทิ (บางสูตรผสมแปงข้าวเจ้านิดหน่อย) แล้วน�าไปทอดลงในกระทะน�้ามันร้อนๆ จะได้ขนมโตนดทอดที่นุ่ม หอม หวาน น่ารับประทาน
164
ตาลโตนดเมืองเพชร...ฤาจะเปนแคต�านาน แม้ว่าจังหวัดเพชรบุรีจะได้ชื่อว่ามีต้นตาลมากที่สุด โครงการส่งเสริม ในประเทศไทย แต่จากข้อมูลปี พ.ศ. 2541 พบว่ามี ต้นตาลอยู่ประมาณ 1,445,000 ต้น มีมากในเขต การปลูกตาลล้านต้น เพื่อ อ�าเภอเมือง ฯ รองลงมาได้แก่ อ�าเภอบ้านลาด เฉลิมพระเกียรติเนื่องวโรกาส อ�าเภอชะอ�า อ�าเภอเขาย้อย และอ�าเภอท่ายาง ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามล�าดับ อ�าเภอที่มีต้นตาลน้อยที่สุดคือ อ�าเภอ หนองหญ้าปล้อง ทรงมีพระชนมายุ ทว่าในปี 2550 ต้นตาลกลับลดลงเหลือเพียง ครบ 80 พรรษา 300,355 ต้นเท่านั้น (รวมต้นตัวผู้-ตัวเมีย และที่แยก ในป 2550 เพศไม่ได้) เนือ่ งจากปัจจุบนั มีการท�านา 2 ครัง้ ต่อปี(หรือ อาจมากกว่านัน้ ) พืน้ ทีน่ าจึงมีนา�้ ขังมากและนานเกินไป เป็น ผลให้ตน้ ตาลปรับสภาพไม่ทนั เพราะต้นตาลไม่ได้พกั ตัว หรือทีช่ าว เมืองเพชรเรียกว่า “แต่งตัว” ในที่สุดก็ต้นตาลส่วนใหญ่ก็ต้องยืนต้นตาย ดังนั้นในสมัยที่ นายสยุมพร ลิ่มไทย เป็น ผู้วาราชการจังหวัด เพชรบุรี ท่านเล็งเห็นความส�าคัญของตาลโตนดอันเป็นเอกลักษณ์ ส�าคัญของจังหวัดเพชรบุรี จึงมีกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์ ต้นตาลเมืองเพชรไว้ อาทิ ● โครงการสงเสริมการปลูกตาลล้านต้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูหัว ทรงมีพระชนมายุครบ 80 พรรษา ในปี 2550 ● การจั ด ประกวดต้ น ตาลที่ สู ง ที่ สุ ด ในจั ง หวั ด เพชรบุ รี ซึ่ ง ปรากฏว่าต้นที่สูงที่สุดอยู่ที่ต�าบลโรงเข้ อ�าเภอบ้านลาด มีความสูงถึง 37.22 เมตร และเป็นต้นที่ยังคงให้ผลผลิตอยู่ นอกจากนีท้ า่ นผูว้ า่ ฯ ยังได้มอบหมายให้ ส�านักงานเกษตรจังหวัด เพชรบุรี ท�าการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวตาลโตนดทั้งหมดไว้ เพื่อเผยแพร่ และสนับสนุนส่งเสริมให้ตาลโตนดไม่สูญหายไปจากจังหวัดเพชรบุรี SBL ขอถือโอกาสนี้เชิญชวนคุณผู้อ่านว่า หากมีโอกาสไป เยือนเมืองเพชร อย่าลืมอุดหนุนน�้าตาลโตนดเมืองเพชรด้วยนะ คะ เพราะนอกจากเราจะได้น�้าตาลหวานๆ หอมๆ จากธรรมชาติ คุณภาพดีแล้ว ยังช่วยต่อลมหายใจต้นตาลเมืองเพชร และสานต่อ ภูมิปญญาการท�าน�้าตาลโตนดเมืองเพชร ให้ยืนยาวคู่กับจังหวัด เพชรบุรีด้วยค่ะ การเลือกซื้อน�้าตาลโตนดแท้ วิธีสังเกตว่าน�้าตาลโตนดที่จะซื้อนั้นเป็นของแท้หรือเทียมให้ สังเกตดังนี้ค่ะ น�้าตลาดโตนดแท้ จะมีสีออกแดง เนื้อละเอียด ถูกอากาศแล้ว จะนุ่มเหลว รสหวานนุ่ม กลมกล่อม มีกลิ่นหอมหวานของตาลโตนด ชัดเจน น�้าตาลโตนดเทียม จะมีสีจะออกขาว ลักษณะแข็งอยู่ได้นาน เพราะอาจผสมแบะแซ ให้แข็งตัวและได้ปริมาณมาก มีรสหวานเลี่ยน และมีกลิ่นตาลโตนดน้อย
*ขอขอบคุณข้อมูลจาก ส�านักงานเกษตรจังหวัดเพชรบุรี Phetchaburi 165
เสนทางการอนุรักษ
166
ªÁ¾Ù‹à¾ªÃÊÒÂÃØŒ§...
Íա˹Ö觤ÇÒÁËÇÒ¹¤Ù‹àÁ×ͧྪà ÁÒ¡Ç‹Ò »‚
180
แค ฟ ง ชื่ อ “ชมพู เ พชรสายรุ ง ” ก็ ใ ห รู สึ ก ถึ ง ความไม ธ รรมดาของชมพู พั น ธุ นี้ ยิ่ ง เมื่ อ ได ท ราบ ราคาซื้ อ ขายในป จ จุ บั น ด ว ยก็ ยิ่ ง ไม ธ รรมดาสม ชื่ อ เพราะราคากิ โ ลกรั ม หนึ่ ง ไม ตํ่ า กว า ร อ ยบาท และไม ใ ช ว า จะหาซื้ อ กั น ได ง า ยๆ ทั้ ง ๆ ที่ ไ ปถึ ง ถิ่ น เรามาดู ค วามไม ธ รรมดาของชมพู พั น ธุ นี้ กันคะ ประวัติของชมพูเพชรสายรุง แตเดิม “ชมพูเพชรสายรุง” มีชื่อเรียกหลายชื่อ เชน ชมพูเ ขียวเสวย เพราะมีผลสีเขียว บางทองทีเ่ รียก ชมพูสายนํ้าผึ้ง เพราะเวลาแกจะมองเห็นเสนที่ขางผล เปนสายๆ บางทองที่เรียกชมพูเพชรเฉยๆ แตปจจุบัน นิยมเรียก “ชมพูเพชรสายรุง” เพื่อชี้ชัดลงไปวาเปนพันธุ แทตนตํารับจริงๆ เพราะปจจุบันมีการตั้งชื่อพันธุชมพูที่ปลูกใน เมืองเพชรกันหลากหลายชื่อทําใหคนซื้อสับสน เชน เพชรสุวรรณ เพชรจินดา เพชรทูลเกลา ชมพูเพชรสายรุง เปนชมพูที่มีรสชาติหวานกรอบอรอย จนคนถิ่น อาจพากันชืน่ ชมวา “หวานเหมือนนํา้ ตาล” ก็มี และมักมีการหยอกลอกัน วา...ชมพูเ พชรสายรุง นี้ เปนชมพูท คี่ นกินไมไดซอื้ คนซือ้ ไมไดกนิ เพราะ นิยมซือ้ ไปเปนของกํานัลแกผหู ลักผูใ หญทเี่ คารพรักนับถือหรือฝากผูป ว ย เพราะเปนชมพูป ลอดสารพิษและมีราคาคอนขางแพง บางชวงอาจแพง ถึงสองรอยสามรอยบาทตอกิโลกรัมเลย เพราะคนปลูกจะตองทะนุถนอม ทุกขั้นตอนกวาจะถึงมือผูบริโภค เชน ตองทํานั่งรานและหอกระดาษ ปองกันแมลงตัง้ แตผลยังเล็ก เรียกวาดูแลกันยิง่ กวาไขในหินเลยทีเดียว ตามประวั ติ ที่ เ ล า ต อ ๆ กั น ทํ า ให ท ราบว า ย อ นหลั ง ไปเมื่ อ ป พ.ศ.2375 พระครูญาณวิมล (หลวงพอพวง) เจาอาวาสองคที่ 2 ของวัดศาลาเขื่อน (ตอมาไดสมณศักดิ์เปนพระครูญาณเพชรรัตน) ไดเดินทางไปศึกษาพระธรรมที่วัดราชาธิวาส ซึ่งขณะนั้นพระบาท สมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูห วั ทรงผนวชและเปนเจาอาวาสครองวัด อยู พระองคทรงสอนภิกษุสามเณรเกี่ยวกับคันถธุระและทรงเชี่ยวชาญ เรือ่ งพระไตรปฎก และทรงมีลกู ศิษยลกู หามากมาย รวมทัง้ หลวงพอพวง ก็เปนหนึ่งในลูกศิษยดวย Phetchaburi 167
เมื่ อ ศึ ก ษาเสร็ จ สิ้ น แล ว หลวงพ อ พ ว งก็ จ ะเดิ น ทางกลั บ จั ง หวั ด เพชรบุ รี พระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว จึงไดพระราชทานตนอโศกระยา 1 ตน และกิง่ ตอนตนชมพู 1 ตน ซึ่งเปนตนชมพูที่ปลูกอยูในวังที่ประทับ นอกจากนี้ พระองคยงั ไดพระราชทานหองครัวซึง่ สรางดวยไมสกั จํานวน 3 หอง และเรือมาศ 4 แจว 1 ลํา เพื่อใชสําหรับบรรทุกวัสดุในการทํากุฏิ (ปจจุบันยังอยูที่วัดศาลาเขื่อน) เมื่อหลวงพอกลับถึงวัดจึงนํากิ่งชมพูที่ไดรับพระราชทานมาปลูกที่ขางบันได ทางขึ้นที่อยูหนาวัดศาลาเขื่อน ต.ตําหรุ อ.บานลาด จ.เพชรบุรี ในป 2378 เมื่อ ตนชมพูเจริญเติบโตขึ้นหลวงพอไดกออิฐโบกปูนลอมรอบตนชมพูไว ทําใหการ ถายเทอากาศไมสะดวกและการขยายตัวทางดานขางของตนชมพูถ กู จํากัด ในทีส่ ดุ ตนชมพูนี้ตายลงเมื่อป 2530 รวมอายุได 152 ป พื้นดินถิ่นปลูกชมพูเพชรสายรุง เมื่อผูคนไดชิมรสชาติชมพูชนิดนี้ตางก็พากันติดอกติดใจ และมาขอตอนกิ่งตนนี้เปนจํานวนมาก ทําใหชมพูตนนี้ ขยายพันธุอ อกไปอยางรวดเร็ว ปจจุบนั มีการนําไปปลูก เกือบทั่วประเทศ แตคุณภาพยังสูที่ปลูกในจังหวัด เพชรบุรีไมได
จากการศึกษาวิจัยพบวาชมพูพันธุนี้สามารถ ปลูกไดดีในดินแทบทุกชนิด เชน ดินชุดทามวง ดินชุดชัยนาท ดินชุดธนบุรี และดินชุดเชียงใหม แต ดิน ที่ ดีที่สุดคื อดิ นชุ ดท า ม ว ง ซึ่ง เกิด จากการ ทับถมของตะกอนลํานํ้าใหม หรือเกิดจากตะกอนที่ แมนํ้าลําคลองพัดพามาทับถมทุกๆ ป เปนดินใหม อายุนอยในจังหวัดเพชรบุรี สวนใหญดินชุดทามวงจะอยูบริเวณสองฝง แม นํ้ า เพชรบุ รี มี ค วามลาดชั น 5% ระบายนํ้ า ค อ นข า งดี เป น ดิ น ร ว นปนทรายสี นํ้ า ตาลปน เหลืองออน หนาดินลึกไมเกิน 30 เซนติเมตร มี อินทรียวัตถุสูง ดินบนเปนดินรวนปนทรายแปง จนถึ ง ดิ น ร ว นเหนี ย วปนทรายแป ง สี นํ้ า ตาล สี นํ้ า ตาลเข ม และสี นํ้าตาลปนเทา ความเปนกรด เปนดางประมาณ 5.5-6.5 มีปริมาณฟอสฟอรัสและ โปแตสเซียมคอนขางสูง จึงจะเหมาะกับการปลูก ชมพูเพชรสายรุง ปจจุบันมีเกษตรกร เครือขายปลูกชมพูเพชร สายรุ ง ที่ ตํ า บลหนองโสน และตํ า บลบ า นกุ ม อํ า เภอ เมืองเพชรบุรี ตําบลทาแรง อําเภอ บานแหลม ตําบลทาเสน ตําบลสมอ พลือ ตําบลทาชาง ตําบลถํา้ รงค อําเภอบานลาด และตําบลทาไมรวก อําเภอทายาง เพราะสภาพ ดินอุดมสมบูรณดังคําที่เรียกวา “นํ้าไหลทรายมูล” ทํ า ให ไ ด ผ ลผลิ ต ดี มี คุ ณ ภาพ ผลใหญ เนื้ อ หนา สีสวย และมีรสชาติหวานกรอบอรอย แตกตางไป จากชมพูเขียวที่มีอยูเดิม ตํานานชมพูเพชรสายรุงหนองโสน แมจะมีการนํากิง่ พันธุช มพูไ ปปลูกตามทีต่ า งๆ ทั่วจังหวัดเพชรบุรี แตขึ้นชื่อวาชมพูที่ปลูกบริเวณ วัดชมพูพน ตําบลหนองโสน อําเภอเมือง จังหวัด เพชรบุรี นัน้ ใหผลผลิตดีกวาชมพูท ปี่ ลูกในพืน้ ทีอ่ นื่ ๆ ซึง่ มีตาํ นานเลาขานเกีย่ วกับเรือ่ งนีว้ า คนทีเ่ อาชมพู เพชรสายรุงมาปลูกเปนคนแรกในตําบลหนองโสน คือ นายหรั่ง แซโคว เกิดเมื่อป พ.ศ.2438 ซึ่งตั้ง บานเรือนอยูริมนํ้าเมืองเพชรบุรี ฝงตรงขามวัดขุน ตราแตเดิมเรียกกันวาบานสะพานยายนม
168
นายหรั่ง เปนชาวหนองโสนโดยกําเนิด มีอาชีพคานํ้าตาล ทางเรือ ระหวางเพชรบุรี-กรุงเทพฯ ตอมานายหรั่งไดนํากิ่งตอน พันธุชมพูเพชรมา 3 กิ่ง ไมปรากฏวามาจากสวนแหงใด ชมพู เพชรทั้ง 3 กิ่งนี้ เปนชมพูเพชรรุนแรกที่นํามาปลูกในบริเวณแมนํ้า เพชรบุรี ซึ่งริมนํ้ามีดินดี มีความรวนซุย นํ้าทวมถึง มีปุยและอิน ทรียวัตถุอุดมสมบูรณ จึงเจริญเติบโตงอกงามใหผลดี สีสวยและ มีรสชาติอรอย ตอมามีผูขอขยายพันธุชมพูเพชรไปปลูกบาง แต เจาของไมประสงคจะใหขยายกิง่ พันธุชมพูเ พชรไปปลูกแพรหลาย ดังนัน้ ในระยะแรกชมพูเ พชรทัง้ สามตนจึงยังไมไดแพรพนั ธุไ ปปลูก ในที่แหงใด ตอมาในชวงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงมีการขยายพันธุ ดวยการตอนกิ่งชมพูเพชรออกจําหนายใหคนที่ตองการในราคา ประมาณกิ่งละ 200-250 บาท ซึ่งนับวาเปนราคาที่แพงมากใน สมัยนั้น และภายหลังจากป พ.ศ.2500 เปนตนมา กิ่งชมพูเพชร ก็เปนที่แพรหลายไปอยางกวางขวางในทุกพื้นที่ของ จ.เพชรบุรี แตไมอรอยเทากับการปลูกที่ตําบลหนองโสน การทําสวนชมพูเ พชรตามแบบฉบับของชาวตําบลหนองโสน คือ นิยมปลูกในสวนหลังบานคนละ 5-30 ตน ไมนิยมปลูกมาก เนื่องจากตองใชแรงงานในการดูแลและเก็บเกี่ยวมาก เพราะตอง หอตั้งแตผลยังเล็ก ซึ่งตนชมพูสวนใหญจะมีความสูงไมตํ่ากวา 10 เมตร เกษตรกรผูปลูกจึงตองทําหางจาก ไมไผถึง 2-3 ชั้น สูงราว 8 เมตร เพื่อ การห อ และเก็ บ เกี่ ย วผลผลิ ต ราคาไม ไ ผ ใ นการนํ า มาทํ า ห า ง ก็ ต ก ที่ ตั น ล ะ พั น กว า บาทขึ้ น ไป และ ต อ งคอยเปลี่ ย นเมื่ อ ห า งผุ พั ง ด ว ยเพื่ อ ความปลอดภั ย ของ เกษตรกรเอง นอกจากปญหา ที่วาแลว ยังมีปญหา อั น เกิ ด จากลั ก ษณะ เฉพาะของชมพูซึ่งเปน ผลไม ที่ เ น า เสี ย หรื อ มี ตํ า หนิ ง า ย และในการเก็ บ ผลผลิตแตละครัง้ แมจะทะนุถนอม อยางดี ก็มักจะมีผลชมพูเนาเสียหรือ มีตาํ หนิประมาณ 30 % ซึง่ หากมีตาํ หนิแลวราคาจะ ลดลงถึง 50 % หรือกวานั้น ดังนั้นจึงพบวามีเกษตรกรปลูกชมพู เพชรสายรุงในปจจุบันไมมากนัก
Phetchaburi 169
ตีทะเบียนชมพูเพชรสายรุง ดวยความโดดเดนของชมพูเพชรสายรุงนี้เอง นายชาย พานิชพรพันธ อดีตผูวาราชการจังหวัดเพชรบุรี จึงไดนํา ชมพูเพชรสายรุงไปตอนรับผูนําและคณะในการประชุมอาเซียน ซัมมิท 2009 เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ - 1 มีนาคม 2552 ที่อําเภอ ชะอํา จังหวัดเพชรบุรีดวย จนเปนที่ชื่นชอบและไดรับความสนใจ สั่งซื้อไปจําหนายยังตางประเทศมากขึ้น แตในขณะเดียวกันมีการแอบอางเอาผลผลิตชมพูพันธุอื่น ไปจําหนายแทน ท า นผู ว า ฯชาย จึงจดทะเบียนชมพู เพชรสายรุง ในฐานะสิ่งบงชี้ทางภูมิศาสตร เพื่อ แสดงความเป น เจ า ของในทรั พ ย สิ น ทาง ปญญา และทานยังเปนประธานลงนาม ขอตกลงความรวมมือระหวางผูแทน กลุ ม เกษตรกรเพาะปลู ก ชมพู เ พชร สายรุง กับผูประกอบการจําหนาย สินคาประเภทของฝากจากเมืองเพชร
170
ใน “โครงการอนุรักษและพัฒนาศักยภาพชมพูเพชรสายรุง” เพื่อใหเปนผลไมมีชื่อเสียงระดับโลก โดยกลุม เกษตรกรทีเ่ ขารวมโครงการจะไดรบั การสนับสนุนทัง้ งบประมาณ การสงเสริมการตลาดและการผลิต ขณะนีม้ เี กษตรกร ทีไ่ ดรบั การคัดเลือกเขารวมโครงการนํารอง 2 กลุม คือ เกษตรกร ตําบลทาไมรวก อ.ทายาง และเกษตรกรหนองโสน อ.เมืองฯโดย มีสํานักงานเกษตรจังหวัดเพชรบุรี อบรมใหความรูการผลิตชมพู ที่ปลอดภัยเพื่อใหผลผลิตไดมาตรฐานตรงความตองการของ ผูบริโภคและตลาด
วิธีเลือกซื้อชมพูเพชรสายรุงแท ชมพูเพชรสายรุงแทๆ จะมีลักษณะผลที่สามารถสังเกตได ชัดคือ ผลแกจะมีสีเขียวออนปนชมพู ตัวผลไมเงาแตจะขุนขาว เนื้อหนาแนนกรอบ รสชาติหวานถึงหวานจัด บริเวณกนชมพู เพชรสายรุงจะมี 4 กลีบเบียดกันแนน ผลแกจัดจะมองเห็นเสน สีชมพูขางผลเปนสาย ผลที่มีขนาดใหญเฉลี่ย 7-9 ผล/1 กิโลกรัม เลยที เ ดี ย ว ซึ่ ง ราคาก็ จ ะสู ง ตามไปด ว ย บางแห ง กิ โ ลกรั ม ละ สองรอยก็มี สํ า หรั บ ผู ที่ ชื่น ชอบรั บ ประทานชมพูแ ลว เผอิญวาได มีโอกาสไปเที่ยวเมืองเพชรบุรีละก็ อยาลืมแวะหาซื้อชมพู เพชรสายรุงรับประทานดวยนะคะ เดี๋ยวถูกจะกลาวหาวา... ไปไมถึงเมืองเพชร
Phetchaburi 171
เสนทางการอนุรักษ
ä·Â·Ã§´íÒàÁ×ͧྪà ไทยทรงดําเปนกลุมชาติพันธุหนึ่งที่พูดภาษาตระกูลไท เปนชนชาติไทย สาขาหนึ่ง เรียกวา พวกผูไท ซึ่งแบงออกตามลักษณะสีของเครื่องแตงกาย เชน ผูไทขาว, ผูไทแดง และผูไทดํา เปนตน ผูไทดํา นิยมแตงกายดวยสีดํา จึงเรียกวา “ไทยทรงดํา” หรือ เรียกไดหลายชื่อเชน โซง, ซง, ไทยโซง, ไทยซง, ลาวโซง, ลาวซง, ลาวทรงดํา และ ลาวพุงดํา คําวา “โซง” สันนิษฐานวามาจากคําวา “ซวง” ซึ่งแปลวา กางเกง เพราะ ชาวไทยทรงดํานิยมนุงกางเกงทั้งชายและหญิง คนไทยและลาวพวนจึงเรียกวา “ลาวซวง” ซึ่งหมายถึงลาวนุงกางเกง ตอมาเพี้ยนเปน “ลาวโซง” เหตุที่เรียกไทย ทรงดําวา “ลาวโซง” เพราะคําวา “ลาว” เปนคําที่คนไทยทั่วไปใชเรียกคนที่อพยพ มาจากถิ่นอื่น แตชาวไทยทรงดําถือตนเองวาเปนชนชาติไทย จึงนิยมเรียกตนเอง วา “ไทยโซง” หรือ “ไทยทรงดํา”
172
ที่มาของชาวไทยทรงดํา ผลพวงจากสงครามสมัยพระเจากรุงธนบุรี (สมเด็จ พระเจาตากสินมหาราช) สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธ ยอดฟาจุฬาโลก (รัชกาลที่ 1) มาจนถึงสมัยพระบาท สมเด็จพระนัง่ เกลาเจาอยูห วั (รัชกาลที่ 3) ทําใหลาวโซง หรือไทยทรงดํา ถูกกวาดครัวมาอยูเ พชรบุรี ระยะแรกไทยทรงดํ า ตั้ ง ถิ่ น ฐานอยู ที่ ตํ า บล หนองปรง อําเภอเขายอย (สมัยพระเจาตากสิน และ รัชกาลที่ 1) ระยะที่สอง (สมัยรัชกาลที่ 3) โปรดฯ ใหมาตั้งบานเรือนอยูที่ตําบลทาแรง อําเภอ บานแหลมลาวโซ ลาวโซงหรือไทยทรงดํา จึงมาตัง้ ถิน่ ฐานทีท่ า แรง เมือ่ ป พ.ศ. 2378 - 2381 กอนไทยมุสลิมทาแรง ซึง่ ถูกกวาดครัว เขามาภายหลังโซง ไทยมุสลิมหรือ ที่เรียกวา แขกทาแรง มาสูเพชรบุรี ในลั ก ษณะถู ก กวาดครั ว เข า มาอยู ณ เมืองเพชรบุรีราวป พ.ศ. 2328 เนื่องดวยเหตุผลทางสงครามเชนกัน สงครามครั้งนั้น พวกลาวพวน หรือ ไทยพวน พวกลาวเวียง หรือไทยเวียง ซึ่ง เปนชนชาติไทยดวยสาขาหนึ่ง ไดถูกกวาดครัว มาดวยกัน เมืองเพชรจึงประกอบดวยชนกลุมนอย
ที่เรียกวา “สามลาว” อัน ไดแก ลาวโซง ลาวพวน และ ลาวเวียง ธ ร ร ม ช า ติ ข อ ง ลาวโซง หรือไทยทรงดํา ชอบอยู ที่ ด อนนํ้ า ท ว ม ไมถึง ชอบภูมิประเทศที่ เปนปาเขา เสมือนถิ่นดั้งเดิม ของตน ครั ว โซ ง กลุ ม นี้ ไ ม ช อบ ภูมิประเทศที่ทาแรง เพราะโลงเกิน ไป จึงไดอพยพยายถิ่นฐานบานเรือน ไปเรื่อย ๆ สวนใหญเคลื่อนยายมา ตั้งถิ่นฐานอยูที่สะพานยี่หน ทุงเฟอ วั ง ตะโก บ า นสามเรื อ น เวี ย งคอย เขายอย ตามลําดับ เอกลั ก ษณ เ ฉพาะของชาวไทย ทรงดํา ภาษาของชาวไทยทรงดํ า มี ลั ก ษณะคล า ยกั บ ภาษาไทยอื่ น ๆ ทัว่ ไป แตมลี กั ษณะเฉพาะในการออก เสียงและศัพทเฉพาะบางคํา และมี อักษรเขียนของตน ซึง่ ปจจุบนั มีผอู า น ไดนอยลง
Phetchaburi 173
ลั ก ษณะการแต ง กาย เน น ด ว ยผ า สี ดํ า หรื อ สี ก รมท า โดยแบ ง ออกเป น ของ ผูชายและผูหญิง การแตงกายผูชาย คือ ใสเสื้อไทติดกระดุมเงินตั้งแต 11 เม็ดขึ้น ไป สวมซ ว งก อ ม หรื อ (กางเกงขาสั้ น ) คาดด ว ยสายคาดเอว หรื อ (ฝ ก เอว) ใส เ สื้ อ ฮี ช ายในชุ ด พิ ธี ก รรม การแต ง กายผู ห ญิ ง คื อ ใส เ สื้ อ ก อ มติ ด กระดุ ม เงิ น ไม เ กิ น 11 เม็ ด ฮ า งผ า ซิ่ น ลาย แตงโม ทรงหนาวัว หรือหนาสั้นหลังยาว ผาดบ า ด ว ยผ า เป ย ว สะพายกะเหล็ บ ใสเสื้อฮีหญิงในชุดพิธีกรรม
ท ร ง ผ ม นั บ เป น เอกลั ก ษณ อี ก อย า งหนึ่ ง ที่ นาสนใจโดยเฉพาะทรงผมของ ผูห ญิงมีถงึ 8 แบบ แตละแบบจะ บงบอกถึงสถานภาพของสตรีผูนั้น ไดแก เอื้อมไร สับปน นกกะแลหรือชอดอกแค จุกตบ ขอกะตอก ขอดซอย ปนเกลาตวง ปนเกลาตก (หญิงที่สามีเสียชีวิต) ลักษณะที่อยูอาศัย โซงปลูกบานทีม่ ลี กั ษณะของตนเองแบบหลังคาไมมจี วั่ หลังคายกอกไกสูง มุงดวยตับตนกกมิใชตับจาก รูปหลังคา 174
ลาดคุมเปนรูปคลายกระโจม คลุมลงมาตํ่าเตี้ยจรดฝา ดูไกลๆ จะดู เหมือนไมมีฝาบาน เพราะหลังคาคลุมมิดจนมองไมเห็น บานโซง จะไมมีหนาตาง เนื่องจากโซงมาจากเวียดนามและลาว อยูตาม เทือกเขา อากาศหนาวเย็น ไมชอบมีหนาตางใหลมโกรก พื้นปู ดวยฟากไมไผ รองพื้นดวยหนังสัตว มีใตถุนบานสูงโดยใตถุนบาน ใชเปนที่เลี้ยงสัตวดวย ชาวไทยทรงดํากับการกอสรางพระนครคีรี ในชวงที่มีการกอสรางพระราชวังบนเขา ในยุคที่เครื่องจักรกลหรือ เครื่องทุนแรงยังไมมี ดังนั้นการแผวถางปรับสภาพยอดเขาทั้งสามยอดใหมีทาง ขึ้นลงเชื่อมตอกัน การลําเลียง อิฐ หิน ดิน ทราย อุปกรณการกอสราง จําเปนตอง ใชแรงงานคนจํานวนไมนอย พระเจ า ยาศรี สุ ริ ย วงศ (ช ว ง บุ น นาค) ซึ่งในขณะนั้นดํารงตําแหนง พระสมุหกลาโหม ในฐานะแมกองงานใหญ ในการกอสรางพระราชวังบนเขา มีทงั้ อํานาจทางทหารกําลังไพรพลในการควบคุมดูแลโซงทีไ่ ดกวาดครัวมาไวทเี่ พชรบุรี สมัยรัชกาลที่ 3 (พ.ศ. 2378-พ.ศ. 2381) ไดอพยพมาจากทาแรงโดยตัง้ ถิน่ ฐานใหม ที่เชิงเขากิ่ว สะพานยี่หน เวียงคอย วังตะโก ซึ่งอยูใกลกับเขาสมน จึงถูกกําหนด เกณฑมาใชเปนแรงงาน สรางพระราชวังในครั้งนี้ Phetchaburi 175
นั บ เนื่ อ งแต พ.ศ. 2401-พ.ศ. 2405 เป น ต น มาทุ ก เช า จรดเย็ น แรงงานโซ ง นุงกางเกง (ซวง) สีดํา สวมเสื้อกอมยอมสีครามดํา เดินออกจากหมูบานสะพานยี่หน มุงตรงไปยังเขาสมน นับวัน นับเดือน นับป ดวยความซื่อสัตย และจงรักภักดีตอหนาที่ เมื่อพระราชวังบนเขา พระนครคีรี สําเร็จเปนที่แปรพระราชฐาน ทรงงาน รับ รองพระราชอาคันตุกะตางประเทศ และเปนที่ พักผอนสวนพระองคแล แลว พระบาทสมเด็จพระจอมเกลา เจาอยูหัว รัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ให บุ ต รหลานเจ า เมื อ งและคหบดี ที่ มี ชื่ อ มารั บ ราชการ เปนมหาดเล็ก และโปรดเกลาฯใหคัดเลือกโซงมาเปน เด็กชาดวย เนื่องจากทรงเห็นความดีความชอบจากที่ โซงมาเปนแรงงานกอนสราง ชวงกอสรางพระราชวัง พระนครคีรี ดวยความอดทน อุตสาหะ
176
ชาวไทยทรงดําในเพชรบุรี ป จ จุ บั น ชาวไทยทรงดํ า ในเพชรบุ รี ส ว นใหญ อาศั ย อยู ใ นอํ า เภอเขาย อ ย มี อ าชี พ หลั ก คื อ ทํ า นา ทําไร หาของปา และจับสัตวปา นอกจากนีย้ งั มีความ สามารถเปนพิเศษในการจับปลาตามหวย หนอง ลําคลอง สวนอาชีพรอง คือ อาชีพจักสานเปนอาชีพ ที่ แ พร ห ลายของชาวไทยทรงดํ า ในเขตอํ า เภอ เขายอย โดยเฉพาะการจักสานหลัวหรือเขง **คนควาขอมูลเพิ่มเติมไดที่ www.khaoyoi-thaisongdam.com
Phetchaburi 177
เสนทางสู AEC
ธรรมเนียมปฏิบัติใน เมียนมารและเวียดนาม
ศูนยขอมูลประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน กรมเจรจาการคาระหวางประเทศ กระทรวงพาณิชย ไดให ขอมูลที่เปนเกร็ดความรูที่ถึงธรรมเนียมปฏิบัติหรือสิ่งที่ควรทําและไมควรทํา เพื่อการเตรียมตัวใหพรอมเมื่อตองไป ดําเนินธุรกิจหรือพํานักในประเทศกลุมอาเซียน ซึ่งฉบับที่แลวเราไดนําเสนอประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตย ประชาชนลาวและราชอาณาจักรกัมพูชาไปแลว ฉบับนีข้ อนําเสนออีก 2 ประเทศคือ สาธารณรัฐแหงสหภาพเมีย นมารและสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามคะ เรามาดูกนั วาธรรมเนียมปฏิบตั ขิ องประเทศเขาเปนอยางไรบางคะ
สาธารณรัฐแหงสหภาพเมียนมาร ธรรมเนียมปฏิบัติในเมียนมาร 1. ควรใชมือขวาเทานั้นในการรับและ ยื่นสิ่งของใหแกกัน 2.ไม ค วรพู ด เรื่ อ งการเมื อ งภายใน ประเทศ 3. การเดินทางเขาไปในสหภาพเมีย นมาร เ ครื่ อ งประดั บ หรื อ สิ่ ง ของมี ค า ควร ติดตัวไปใหนอยที่สุด เพราะตองแจงบัญชี ทรั พ ย สิ น ต อ เจ า หน า ที่ ศุ ล กากรเวลาเข า เมือง และตองแสดงวาอยูครบเวลาจะเดิน ทางกลับจากสหภาพเมียนมาร หากไมครบ ตองเสียภาษีทนั ทีเพราะศุลกากรจะถือวานํา ทรัพยสินนั้นไปขาย 4. การใชจายภายในประเทศตองใช เงินสดเทานั้น ไมมีการรับบัตรเครดิต 5. การเดินทางไปยังเมียนมารตองเต รียมเงินดอลลารสหรัฐเพื่อมาแลกเปลี่ยน
180
เปนเงินจาด โดยมีขอ พึงระวังวาเงินดอลลาร สหรัฐที่นํามาแลกตองมีความสมบูรณ ไมมี รอยพั บ เพราะมั ก จะถู ก ปฏิ เ สธไม รั บ เงิ น ดอลลารสหรัฐที่มีรอยพับหรือรอยยับยูยี่ 6. คนตางชาติที่พํานักในสหภาพเมีย นมารและจําเปนตองจายคาสาธารณูปโภค หรือสินคาทีผ่ ลิตโดยราชการหรือองคกรของ รัฐเชน คานํ้า คาไฟ คาโทรศัพท หรือนํ้ามัน ตองจายดวยเงินสกุลดอลลารสหภาพเมีย นมาร ซึ่งไดจากการนําเงินดอลลารไปแลก 7. รัฐบาลของสหภาพเมียนมารใหใช เงินบาท เงินจาด และเงินดอลลารสหรัฐ
สําหรับการคาชายแดนได เพื่อใหการคา ชายแดนมีความคลองตัว 8. สหภาพเมียนมารมีภาษาทองถิ่นถึง 100 ภาษา โดยนักธุรกิจสามารถใชภาษา อังกฤษในการสื่อสารได สําหรับนามบัตร ควรมีคําแปลเปนภาษาพมาอยูในนั้นและ เมื่อไดรับนามบัตรมาควรอานกอนที่จะเก็บ เพื่อเปนการใหเกียรติ 9. ชาวพม า ไม นิ ย มนั ด หมายหรื อ สือ่ สารผานทางอีเมล ควรติดตอทางโทรศัพท โทรสารหรือพบปะหารือ 10. สิ่งของที่นิยมมอบเปนของที่ระลึก ใหกับชาวพมาคือ นิตยสาร หนังสือที่เปน ภาษาอังกฤษและเครื่องสําอางแบรนดเนม. ขอควรระวังในการพํานักอยูใ นเมียนมาร 1.ไมควรพูดคุยเรื่องทางการเมืองของ เมียนมารกับบุคคลทั่วไปที่ไมรูจักมักคุน 2.ไมควรใสกระโปรงสั้น หรือกางเกง ขาสั้นในสถานที่สาธารณะ และในสถานที่ สําคัญทางศาสนา 3. ไมควรถายรูปในบริเวณสนามบิน สถานีรถไฟ และสถานที่ราชการกอนไดรับ อนุญาต เมื่อจะถายรูปชาวเมียนมารก็ควร ขออนุญาตเชนกัน 4. ควรมีความสํารวมในวัดและศาสน สถาน ไมสงเสียงดังรบกวนผูอื่น 5. ระมัดระวังการพูดเชิงลบเกี่ยวกับ ประเทศหรือชาวเมียนมารในที่สาธารณะ เพราะมีชาวเมียนมารจํานวนมากที่เขาใจ ภาษาไทยไดดี
6. เมี ย นมาร ไ ด เ ปลี่ ย นชื่ อ ประเทศ แลว จึงไมควรใชชื่อเดิม (Burma) กับชาว เมียนมาร 7. ผูท มี่ ปี ญ หาสุขภาพควรจัดเตรียมยา ประจําตัวมาดวย 8. ควรระมั ด ระวั ง เลื อ กรั บ ประทาน อาหารและนํ้าดื่มจากรานที่สะอาดถูกสุข
สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ธรรมเนียมปฏิบัติของชาวเวียดนาม 1. การแตงกายเพือ่ ไปเจรจาธุรกิจ หาก ใสเครือ่ งประดับมาก เกินไปชาวเวียดนามจะ มองวาเปนมารยาทที่ไมเหมาะสม 2. ระหวางประชุมไมควรปฏิเสธการรับ ชา กาแฟหรือของวาง เพราะตามธรรมเนียม ถือวาหยาบคาย 3. หามแสดงความคิดเห็นเรือ่ งสงคราม การเมืองกฎหมาย ศาสนา 4. เมื่อตองการนัดเจรจาธุรกิจควรนัด ลวงหนาอยางนอย 1 สัปดาห 5. ชาวเวียดนามตรงตอเวลา ขอนัดเพือ่ เจรจาธุรกิจก็ควรไปใหตรงเวลา 6. การทักทายของชาวเวียดนามบาง คนจะใช ก ารสั ม ผั ส มื อ แบบสองมื อ โดย วางมือซายไวบนขอมือขวา
7. ชาวเวียดนามจะใหความสําคัญกับ การเคารพผูอาวุโส ซึ่งคลายกับชาวไทยจึง เปนโอกาสทีน่ กั ธุรกิจไทยจะเขาถึงและสราง ความประทับใจไดมากกวานักธุรกิจทีม่ าจาก ชาติตะวันตก 8. การพบกันครั้งแรกควรมีการแลก นามบัตรกันโดยใชมือทั้ง 2 ขางยื่นนามบัตร จากนั้นไมควรเก็บใสกระเปาทันที แตควร อ า นชื่ อแบบออกเสี ยงเพื่ อแสดงถึ ง ความ ใสใจ 9. หามมอบผาเช็ดหนาเปนของขวัญให แกชาวเวียดนาม เพราะถือวาเปนสัญลักษณ ของความโศกเศรา 10. การประชุมควรเริ่มจากกลาวคํา ขอบคุณที่ใหโอกาสเขาพบ การเจรจาควร พู ด ให ต รงประเด็ น ไม อ อ มค อ ม หากชาว เวียดนามพยักหนาในระหวางที่ดําเนินการ เจรจาไมไดมีความหมายวาจะยอมรับ
อนามัย โดยเฉพาะนํ้าดื่ม ควรดื่มนํ้าที่บรรจุ ในขวดปดผนึกเรียบรอย 9. ทางการเมียนมารอาจหามชาวตาง ชาติเดินทางไปยังบางเมืองหรือบางพื้นที่ หากประสงคที่จะเดินทางไปเมืองที่ไมใช แหลงทองเทีย่ วของเมียนมาร ควรตรวจสอบ ขอมูลกอน ขอควรระวังในการพํานักอยูใ นเวียดนาม 1. การใชเงินในเวียดนาม ใชไดทงั้ สกุล ดองของเวียดนาม และเงินยูเอสดอลลาร ดังนั้นไมจําเปนตองแลกเงินเวียดนามเยอะ มากนัก เพราะคุณจะงงและสับสนกับตัวเลข มากมายได แลกไวพอใชจายสําหรับซื้อของ เล็กๆ นอยๆ หรือตอนรับประทานอาหาร พื้นเมืองตามรานเล็กๆ สวนเงินดอลลาร ไวสําหรับจายคาโรงแรมหรือแพ็กเกจทัวร ระหวางทาง ซึ่งควรมีติดตัวไวเปนธนบัตร หลาย ๆ จํานวน 2. การบริ โ ภคอาหารและนํ้ า ดื่ ม ใน เวียดนามตองระมัดระวัง ควรซื้อนํ้าดื่มที่ บรรจุเปนขวด หรือกรองนํ้าแลวตมกอนจะ ดื่ม และการบริโภคอาหารประเภทผักผลไม ตองลางใหสะอาดกอน 3. อย า นํ า สิ่ ง ต อ งห า มเหล า นี้ เ ข า ประเทศเวียดนาม เชน อาวุธ วัตถุระเบิด อุปกรณทางการทหาร ยาเสพติด สารเคมี ประทัดและดอกไมไฟ วีดีโอเทป (สําหรับ วิดีโอเทปศุลกากรจะกักไวระยะหนึ่ง เพื่อ การตรวจสอบ) สิ่งที่ทําใหเสื่อมเสียศีลธรรม และเปนภัยตอการเมืองและความมัน่ คง สือ่ ลามกอนาจาร 4. อยาตกลงซื้อของหรือใชบริการใดๆ โดยที่ไมสอบถามราคาใหแนใจเสียกอน ไม เชนนั้นจะเสียใจภายหลังได
Phetchaburi 181
เสนทางสุขภาพ
ออกกําลังกาย
ใหเหมาะสมกับวัย
(วัยเด็ก)
ขอแนะนําในการออกกําลังกาย 1. กิจกรรมการออกกําลังกาย ควรเนนความสนุกสนาน รูปแบบ ที่งายๆ 2. ควรคํานึงถึงความปลอดภัย ไมหนักเกินไป 3. ควรจัดกิจกรรมในลักษณะคอยๆ เพิ่มระดับความหนักของ การออกกําลังกายจนถึงระดับหนักปานกลาง 4. ควรอบอุ นร างกายกอ นออกกําลัง กาย และผอนคลาย รางกายหลังการออกกําลังกายทุกครั้ง 5. การออกกําลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกลามเนื้อ ควรใชกิจกรรมลุกนั่ง ดันพื้น โหนบาร ยกลูกนํ้าหนักที่ไมหนักมาก
วัยเด็กเปนวัยที่อยูในชวงของการพัฒนาทางดานรางกาย จิตใจ อารมณ สังคม และสติปญญา การออกกําลังกายจะชวย สงเสริมใหระบบตางๆ ของรางกาย เชน ระบบกระดูก ระบบ กลามเนื้อ ระบบขอตอตางๆ รวมทั้งสงเสริมสุขภาพจิตของเด็ก ไดอกี ดวย มาดูกนั วาการออกกําลังกายทีเ่ หมาะสมสําหรับเด็กๆ ลูกหลานที่เรารักควรเปนอยางไรกันคะ หลักของการออกกําลังกายในวัยเด็ก 1. กิจกรรมการออกกําลังกาย ไดแก วิ่ง เลนกีฬา ตางๆ เชน ฟุตบอล บาสเกตบอล เทนนิส แบดมินตัน วายนํ้า เปนตน 2. ความหนักของการออกกําลังกาย โดยใหอตั ราการเตนของหัวใจอยูร ะหวาง 60-80% ของอัตราการเตนของหัวใจ สูงสุด 3. ความนานของการออก กําลังกาย ใชเวลา 20-60 นาที 4. ความบ อ ยของการ ออกกําลังกาย 3-5 วันตอ สัปดาห
182
ขอควรระวังในการออกกําลังกาย 1. เมื่อเด็กไมสบายมีไข ตัวรอน ไมควรออกกําลังกาย 2. หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีการปะทะกระทบกระเทือนหรือใช ความอดทนมากเกินไป 3. ควรหลี ก เลี่ ย งสภาพอากาศร อ น หรือมีแสงแดดมาก และตองใหเด็กดืม่ นํา้ เปนระยะๆ
แคจัดหากิจกรรมการออกกําลัง กายใหบุตรหลานอยางเหมาะสมกับวัยและ สภาพรางกายหรือความพรอมของเด็กเอง ก็จะชวยให พวกเขามีสุขภาพสมบูรณแข็งแรง สดใส ราเริงไดคะ
ที่มา: คณะวิทยาศาสตรการกีฬาและสุขภาพ สถาบันการพลศึกษา วิทยาเขตชุมพร
เสนทางความงาม
สิว!
รักษาผิวไมใหเกิด
เดี๋ยวนี้มีปจจัยหลายอยางนะคะที่ทําใหเกิดสิวบนใบหนาได ไมวา จะเปนกรรมพันธุข องผิวทีอ่ าจแพงา ย หรือมีความมันไดงา ย ความสกปรก จากฝุนควันหรือเชื้อโรคตางๆ ที่เราไปสัมผัสมา สิวที่เกิดแลวไมยอม จางหายไปไหนแตจะสรางความรําคาญทุกครั้งที่สองกระจกนั้นก็คือ สิวอุดตัน ทําใหสาวๆ อาจจะตองกลบรองพื้นมากหนอยเวลาแตงหนา เพื่อลบรอยสิวดําๆ แตหารูไมยิ่งกลบก็ยิ่งจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเปน สิวอุดตันที่จุดอื่นๆ ของใบหนาตอไปไดอีก เรามาดูวิธีการปองกันและรักษาสิวอุดตันกันนะคะวามีอะไรที่พอ จะชวยเราไดบางคะ 1. รักษาความสะอาดของใบหนาไมใหมีคราบสกปรกหลงเหลือ ตกคางอยู ขอควรระวังคือ หากเริ่มมีสิวอุดตันบนใบหนาควรงดการ แตงหนาดวยเครื่องสําอาง เพราะจะยิ่งทําใหเกิดการอุดตันของ สิวมากยิ่งขึ้น 2. ทายารักษาสิวซึ่งสวนใหญมักจะอยูในรูปแบบของโลชั่น ครีมแตม โดยเลือกที่มีสวนประกอบของกลุมเบนซอยลเพอรออก ไซต (BP) แตควรเริ่มใชจากคาเปอรเซ็นตนอยๆ กอนนะคะ, กรด ไซลิไซลิก (BHA) และกลุมคลินดามันซิน เปนตน สวนครีมทาสิว อุดตันในกลุม Tretionoin ที่มีลักษณะเปนเจลหรือนํ้า ยิ่งมีความ เขมขนสูงก็ยิ่งละลายสิวอุดตันไดดี แตจะมีผลคางเคียงทําให ใบหนาเกิดความระคายเคืองมากขึ้นตามไปดวย 3. ยารั ก ษาสิ ว ชนิ ด รั บ ประทานในกลุ ม Retinoids อาทิ เชน Roaccutane, Isotretionoin, โดยมีขนาดตั้งแต 10-20 mg. ใชตามลักษณะความรุนแรงของอาการ ประโยชน คือชวยลดปญหาผิวมัน โดยการลดการทํางานของตอม ไขมันในรางกาย ทําใหหนาแหงและมีความมันนอยลง
4. ยาลอกขุยและยาทําใหผิวแหง เชน Salicylic acid, Resorcinol, Sulphur, Aluminum oxide ชวยในการลอกขุย และ ทําใหสิวแหงหลุดออกมา นอกจากนีก้ ย็ งั มีการรักษาสิวอุดตันโดย การพบแพทยผูเชี่ยวชาญ ซึ่งจะมีกรรมวิธี ตั้งแตการกดสิวอุดตันใหหลุดออกมา, การ ฉายดวยแสงเลเซอรสีแดงซึ่งทําหนาที่คลาย กับยาแกอกั เสบทําลายเชือ้ แบคทีเรียทีท่ าํ ให เกิดสิว พรอมกับชวยลดการทํางานของตอม ไขมัน ทําใหสิวแหงเร็ว, การทํา Treatment เพื่อใหผิวหนังมีการผลัดเปลี่ยนผิวที่รวดเร็ว มากยิ่งขึ้น และการทํา Iontophresis จะชวย ผลักตัวยาใหเขาสูช นั้ ผิวหนังทีล่ กึ ซึง่ การทายา โดยปกติทวั่ ไปไมสามารถทําได มักจะใชรว มกับ ยาทาสิวอุดตันกลุม Tretionoin หรือ Retin-A ไมวาจะรักษาดวยวิธีใดก็ตามยอมมี ผลขางเคียงไมอยางใดก็อยางหนึ่งเสมอ ทางที่ ดี เ ราควรหาทางป อ งกั น จะดี ก ว า ปลอยใหเกิดสิวอุดตันดีกวานะคะ เชน รักษาความสะอาดของใบหนา รับประทาน ผักผลไมที่มีกากใยสูง และออกกําลังกาย เพือ่ ใหกระตุน ใหตอ มนํา้ เหลืองในรางกาย ทํางานไดดีขึ้น เชน การแกวงแขนวันละ 500-1,000 ครั้งคะ (วิธีนี้ผูเขียนทดลอง มาด ว ยตนเองแล ว ) เพราะนอกจากจะ ประหยัดสตางคมากกวาแลวยังไมเจ็บตัว ดวยคะ
AD ¹Ñ¹ÂÒ§.pdf 1 27/8/2557 16:16:34
¡ÅØ‹ÁºÃÔÉÑ· ¹Ñ¹ÂÒ§à·ç¡« ä·Å ¾Ñ¹¸¡Ô¨..mission
àÃÒÁØ‹§ÁÑè¹ÃÇÁ¾Åѧ·Ò§¸ØáԨ â´Â¡ÒÃÃǺÃÇÁ·ÃѾÂҡõ‹Ò§æ à¾×è͵ͺʹͧ¤ÇÒÁµŒÍ§¡ÒâͧÅÙ¡¤ŒÒ ·Ñ駤سÀÒ¾áÅФÇÒÁÃÇ´àÃçÇ àÃҨз؋Áà·¾ÅѧÍ‹ҧÁØ‹§ÁÑè¹ à¾×èÍÊ‹§ÁͺÊÔ¹¤ŒÒµÒÁ¡íÒ˹´ àÃÒ¨ÐäÁ‹ ËÂØ´¹Ôè§ã¹¡ÒäԴ¤Œ¹ ¾Ñ²¹Ò¼ÅÔµÀѳ± ¡Ãкǹ¡Ò÷ҧ¸ØáԨ áÅÐ ºØ¤ÅÒ¡Ã à¾×èͤÇÒÁà¨ÃÔÞàµÔºâµÍ‹ҧÁÑ蹤§¢Í§Í§¤ ¡ÒÃ
C
M
Y
CM
MY
CY
CMY
K
ÇÔÊÑ·ÑÈ ..vision
¡ÅØ‹ÁºÃÔÉÑ·¹Ñ¹ÂÒ§à·ç¡« ä·Å àÃÒ ¶×ÍÇ‹ÒÅÙ¡¤ŒÒ¤×Í ËÑÇ㨢ͧ¸ØáԨ àÃÒµÑé§ ã¨ÁÕʋǹËÇÁ㹤ÇÒÁÊíÒàÃ稷ҧ¸ØáԨ ¢Í§ÅÙ¡¤ŒÒ â´Â㪌·ÃѾÂҡ÷ء´ŒÒ¹·ÕèÁÕ »ÃСͺ¡Ñº ¤ÇÒÁ¤Ô´ ÊÌҧÊÃä â´Â·ÕÁ§Ò¹Á×ÍÍÒªÕ¾¢Í§àÃÒ ¤‹Ò¹ÔÂÁËÅÑ¡ ¨ÔµÊíÒ¹Ö¡¢Í§¤ÇÒÁÃѺ¼Ô´ªÍº¤ÇÒÁÃѺ¼Ô´ªÍº µ‹Í˹ŒÒ·Õè·Õèä´ŒÃѺÁͺËÁÒµÒÁ¤íÒÁÑè¹ÊÑÞÞÒ·Õèä´ŒãËŒäÇŒ â´Â»¯ÔºÑµÔ§Ò¹´ŒÇ¤ÇÒÁ ÁØ‹§ÁÑè¹áÅз؋Áà· à¾×èÍãËŒ§Ò¹ ºÃÃÅؼÅÊíÒàÃç¨áÅÐÃѺ¼Ô´ªÍºµ‹Í¼Å¨Ò¡¡ÒáÃзíÒ ÁØ‹§à¹Œ¹¤ÇÒÁ¾Ö§¾Í㨢ͧÅÙ¡¤ŒÒ ¡ÒÃãËŒ¤ÇÒÁÊíÒ¤ÑÞ àÍÒã¨ãʋ㹡ÒüÅÔµÊÔ¹¤ŒÒ ãËŒºÃÔ¡Òà ᡌ䢻˜ÞËÒà¾×è͵ͺʹͧµ‹Í¤ÇÒÁµŒÍ§¡Òà ¢Í§ÅÙ¡¤ŒÒÍ‹ҧ¶Ù¡µŒÍ§áÅÐÃÇ´àÃçÇ ÃÇÁ¶Ö§¡ÒþѲ¹Ò »ÃѺ»ÃاÍ‹ҧµ‹Íà¹×èͧ à¾×èÍÊÌҧÊÃä ¤ÇÒÁ¾Ö§¾Í㨠ÊÙ§ÊØ´á¡‹ÅÙ¡¤ŒÒ ºÃÔÉÑ· ¹Ñ¹ÂÒ§à·ç¡« ä·Å ¨íÒ¡Ñ´ µÑé§ÍÂÙ‹àÅ¢·Õè 185,186,189 ËÁÙ‹ 2 ¶¹¹à¾ªÃà¡ÉÁ µ.à¢ÒŒ͠Í.à¢ÒŒ͠¨.ྪúØÃÕ
ºÃÔÉÑ· ¹Ñ¹ÂҧῺÃÔ¤ ¨íÒ¡Ñ´ µÑé§ÍÂÙ‹àÅ¢·Õè 187-188 ËÁÙ‹ 2 ¶¹¹à¾ªÃà¡ÉÁ µ.à¢ÒŒ͠Í.à¢ÒŒ͠¨.ྪúØÃÕ
p09 HANA.pdf 1 16/11/2556 12:04:52
µÑÇá·¹¨íÒ˹‹Ò¨ѧËÇÑ´ÃÐÂͧ
¤Ø³¾ÅÍ (Ìҹ¾ÅÍÂÊÇ ˌҧáËÅÁ·Í§) T.087-110-4532, ¤Ø³ºÕÁ (ÌҹºÕºÕª Í» µÅÒ´¹Ñ´ÊµÒà ) T.081-055-8283, ¤Ø³áÁç¡ (·ÑºÁÒ) T.086-331-6330
AD toyota.pdf 1 23/8/2557 16:22:09
C
M
Y
CM
MY
CY
CMY
K