ผลการดำเนินงาน โครงการจัดการพื้นที่คุ้มครอง อย่างมีส่วนร่วม ในผืนป่าตะวันตก
คณะผู้จัดทำ xxxxxxxxxxxxxxxxxxxx xxxxxxxxxxxxxxxxx xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx xxxxxxxxxxxxxxxxxx xxxxxxxxxxxxxxxx xxxxxxxxxxxxxx
JoMPA ผลการดำเนินงาน โครงการจัดการพื้นที่คุ้มครอง อย่างมีส่วนร่วมในผืนป่าตะวันตก
สารบัญ
คำนำ การรักษาป่าตะวันตกร่วมกับหน่วยงานราชการและภาคเอกชนต่างๆ เป็นงานที่มูลนิธิสืบนาคะเสถียรภูมิใจในการดำเนิน การมาตลอดช่วงเวลา ๑๘ ปีนับแต่ก่อตั้งมูลนิธิเมื่อปี ๒๕๓๓ เป็นต้นมา ปี ๒๕๓๓ - ๒๕๔๐ มูลนิธสิ บื นาคะเสถียรได้สร้างอาคารอนุสรณ์สถานสืบนาคะเสถียร และรูปปัน้ คุณสืบ นาคะเสถียรเพือ่ เป็น สัญลักษณ์ของสามัญชนคนหนึ่งที่พยายามต่อสู้เพื่อรักษาผืนป่าตะวันตก ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง นับเป็นจุดรวม ใจรวมคนทั้งภาครัฐและภาคประชาชนเพื่อร่วมกันดำเนินการในทุกๆ รูปแบบเพื่องานอนุรักษ์ป่าไม้และสัตว์ป่า ในช่วงเวลานั้น มูลนิธิได้ระดมทุนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานอนุรักษ์ให้กับพื้นที่มรดกโลกห้วยขาแข้ง-ทุ่งใหญ่นเรศวรและจัดตั้งกองทุนเพื่อ ผู้พิทักษ์ป่าซึ่งได้จัดสรรเงินช่วยเหลือให้กับเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บ พิการ หรือเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่ราชการ ไม่อาจให้ความช่วยเหลือได้ ในช่วงปี ๒๕๔๐ - ๒๕๔๖ มูลนิธิปรับเปลี่ยนนโยบายการสนับสนุนงบประมาณตรงสู่พื้นที่อนุรักษ์มาเป็นการก่อตั้งกองทุน ป่าตะวันตกเพื่อสนับสนุนการดำเนินโครงการจัดการป่าตะวันตกเชิงระบบนิเวศ ร่วมกับกรมป่าไม้ในขณะนั้น ทำให้เกิดผลงาน การสำรวจขัอมูลเชิงนิเวศอย่างเป็นระบบทั่วทั้งป่าตะวันตก นำไปสู่แนวคิดการจัดการพื้นที่ในลักษณะป่าผืนใหญ่ (Forest Complex) และร่วมกิจกรรมการฝึกอบรมเสริมศักยภาพเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าในผืนป่าตะวันตกอย่างต่อเนื่อง ในปี ๒๕๔๗ - ๒๕๕๐ เป็นช่วงสำคัญยิ่งของการเปลี่ยนแปลงแนวทางการทำงานของมูลนิธิในการทำงานในภาคสนามใน โครงการจัดการพืน้ ทีค่ มุ้ ครองอย่างมีสว่ นร่วมในพืน้ ทีช่ มุ ชน โดยการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุน DANIDA ประเทศเดนมาร์ก โดยผลการปฏิบัติงานสามารถผลักดันให้เกิดการสำรวจแนวเขตพื้นที่ใช้ประโยชน์ชุมชนอย่างมีส่วนร่วมระหว่างชุมชนและเจ้า หน้าที่พิทักษ์ป่าในพื้นที่อนุรักษ์ได้ถึง ๕๐ ชุมชน จาก ๑๐๐ ชุมชนในผืนป่า ส่งผลให้สามารถลดความขัดแย้งในระดับพื้นที่ได้ ในระดับที่น่าพอใจแม้ว่าในการดำเนินงานยังไม่สามารถผลักดันเชิงนโยบายเพื่อให้เกิดต้นแบบการจัดการพื้นที่ใช้ประโยชน์ ชุมชนในระดับนโยบายได้กต็ ามที นอกจากนีย้ งั ทำงานหนุนเสริมชุมชนภายใต้แนวคิด “ซ่อมป่า รักษาชุมชน” จนกระทัง่ ปัจจุบนั เกิดแนวโน้มได้ชุมชนที่สามารถเป็นต้นแบบการจัดการพื้นที่ซึ่งแตกต่างกันไปตามสภาพภูมิประเทศและวิถีวัฒนธรรม ๒๖ ชุมชน นอกจากนี้ภายใต้โครงการจอมป่า มูลนิธิสืบยังทำหน้าที่ประสานให้เกิดกระบวนการทำงานของภาคประชาสังคมของ บุคลากรในสาขาอาชีพต่างๆ ที่มีความสนใจในงานอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตกร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ภายใต้ชื่อ “คณะกรรมการอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตก (กอต.) ๖ จังหวัด” ซึ่งได้ร่วมกับมูลนิธิสืบทำงานรณรงค์เชิงนโยบายเพื่อ ยับยั้งโครงการพัฒนาที่ส่งผลเสียหายต่อผืนป่าหลายโครงการ ปัจจุบันคณะกรรมการดังกล่าวได้ร่วมกันจัดตั้งองค์กรพัฒนา เอกชนด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อดำเนินการต่อเนื่องจากโครงการด้วยตัวเองในชื่อ “มูลนิธิเครือข่ายอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตก (มอต.)” เป็นพันธมิตรสำคัญที่ทำงานร่วมกับมูลนิธิสืบนาคะเสถียร รายงานฉบับนี้เป็นการสรุปผลการดำเนินงานโครงการจัดการพื้นที่คุ้มครองอย่างมีส่วนร่วมในช่วง ๔ ปีที่ผ่านมา ซึ่งมูลนิธิ ยังได้ดำเนินการต่อเนื่องจากการสนับสนุนเพิ่มเติมจาก DANIDA ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อสิ้นสุดโครงการจะสามารถจัดการ พืน้ ทีใ่ ช้ประโยชน์ชมุ ชนทัง้ หมดในผืนป่าตะวันตกให้เป็นตัวอย่างในการทำงานร่วมกันของชุมชนและเจ้าหน้าทีข่ องพืน้ ทีค่ มุ้ ครอง และนำไปสู่การร่วมรักษาผืนป่าตะวันตกให้คงคุณค่าสมบูรณ์ของระบบนิเวศให้ได้ และถ่ายทอดองค์ความรู้ไปสู่การจัดการ ผืนป่าอื่นๆ ของประเทศต่อไป ขอขอบคุณมิตรประเทศจากเดนมาร์ก ที่สนับสนุนการทำงานอย่างดียิ่ง และขอบคุณพี่น้องชาวบ้านในชุมชนที่ให้เราได้ เรียนรู้และร่วมมือในการทำงานที่ผ่านมา ขอบคุณกรมอุทยาน สัตว์ป่า และพันธุ์พืชสำหรับความไว้วางใจให้เราเข้าทำงานร่วม กันในพื้นที่ ขอบคุณเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าทุกท่านที่ได้ร่วมงานกันด้วยมิตรภาพที่ดี ขอบคุณพันธมิตรทุกๆ องค์กรและบุคคล ที่มี ส่วนร่วมในการทำงานครั้งนี้ของมูลนิธิสืบนาคะเสถียร เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า “เรามาไม่ผิดทาง” แน่ๆ ทีเดียว และเราจะเดินทางต่อไปกับมิตรสหายผู้ร่วมทางด้วยความเชื่อมั่น และศรัทธา
มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
JoMPA
JoMPA
ความเป็นมา
ความเป็นมา
“ผืนป่าตะวันตก” (Western Forest Complex : WEFCOM) เป็นคำใช้เรียกพื้นที่ป่าใหญ่ฝั่งตะวัน ตกของประเทศไทยบริเวณเทือกเขาถนนธงชัยต่อกับเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งมีอาณาเขตต่อเนื่องกับป่า ใหญ่ในประเทศเมียนมาร์ ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ประกาศให้เป็นพื้นที่คุ้มครอง สภาพธรรมชาติที่ต่อเนื่องใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีพื้นที่อนุรักษ์ จำนวน 17 แห่ง ประกอบด้วย เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 6 แห่ง ได้แก่ อุ้มผาง เขาสนามเพรียง ทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันออก ห้วยขาแข้ง และสลักพระ อุทยานแห่งชาติ 9 แห่ง ได้แก่ คลองวังเจ้า คลองลาน แม่วงก์ พุเตย เฉลิมรัตนโกสินทร์ เขื่อนศรีนครินทร์ เอราวัณ ไทรโยค และเขาแหลม และ พื้นที่ เตรียมประกาศอุทยานแห่งชาติ 2 แห่ง ได้แก่ ลำคลองงู และทองผาภูมิ ทั้ง 17 พื้นที่นี้จะอยู่ภายใต้การกำกับดูแล และสนับสนุนการดำเนินงานจากสำนักบริหารจัดการในพื้น ทีอ่ นุรกั ษ์ (สำนักงานป่าไม้เขตเดิม) 3 เขต ได้แก่ สำนักบริหารพืน้ ทีอ่ นุรกั ษ์ท่ี 3 (บ้านโป่ง) ที่ 12 (นครสวรรค์) และที่ 14 (ตาก) ปี พ.ศ. 2542 – 2546 รัฐบาลประเทศเดนมาร์ก (โดยกองทุน DANCED) ได้ให้การสนับสนุนงบประ มาณ โดยร่วมกับรัฐบาลไทยโดยกรมป่าไม้ จัดให้มีโครงการจัดการผืนป่าตะวันตกเชิงระบบนิเวศ (The Western Forest Complex Ecosystem Management - เรียกโดยทั่วไปว่า โครงการ WEFCOM) ได้ ริเริ่มการจัดการในภาพรวมของทั้งผืนป่า โดยเกิดกิจกรรมฝึกอบรม เกิดการสำรวจและประเมินสถานภาพ ทางนิเวศวิทยาผืนป่าตะวันตกทั่วทั้งพื้นที่ นำมาใช้เป็นข้อมูลในการแบ่งเขตการจัดการพื้นที่เชิงนิเวศ (ECOSYSTEM ZONNING) เป็นแผนที่ในระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS), เกิดการส่งเสริมเครือข่าย ชุมชนในนามคณะกรรมการอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตกระดับจังหวัด (กอต.) ขึ้นทั้ง 6 จังหวัด ที่เป็นที่ตั้งของ ผืนป่าตะวันตก พ.ศ. 2547 – 2551 มูลนิธิสืบนาคะเสถียร และ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และ พันธุ์พืช ได้ขอรับการ สนับสนุนโครงการที่จะดำเนินงานต่อเนื่องจากโครงการ WEFCOM โดยการดำเนินการขอรับการสนับ สนุนได้ดำเนินการภายใต้โครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาแห่งประเทศเดนมาร์ก (DANIDA) ในโปรแกรม การจัดการพื้นที่คุ้มครองอย่างมีส่วนร่วม (Joint Management of Protected Areas : JoMPA) การดำเนินโครงการจะดำเนินการจัดการพื้นที่คุ้มครองอย่างมีส่วนร่วม ที่มุ่งรักษาคุณค่า และเพิ่มพูนทรัพยากรในพื้นที่โดยวิธีการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน ตามแนวทางหลัก 2 ประการได้แก่
JoMPA
JoMPA รูปที่ 1 แสดงแผนที่องค์ประกอบของพื้นที่คุ้มครองต่างๆ ในผืนป่าตะวันตก
สีแดงเป็นพื้นที่ผืนป่าต่อเนื่องไปยังประเทศพม่า และสีฟ้าแสดงเกษตรกรรม โดยมีพื้นท ี่สีดำเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ แต่ในบางบริเวณที่เป็นพื้นที่สีเขียวสลับแดงเป็นผืนป่าก็เป็น ทุ่งใหญ่ธรรมชาติ ดังเช่นที่บริเวณทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก
รูปที่ 2 แผนภูมิแสดงแนวความคิดหลักในการดำเนินการของโครงการจอมป่า สำนักบริหารฯ
อบต. กอต.
องค์กรพันธมิตร
คณะกรรมการชุมชน
ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
เขตรักษาพันธุ์ฯ และ อุทยานแห่งชาติ
กรรมการเขตรักษาพันธุ์ฯ และ อุทยานฯ
ชุมชนกลางป่า ซึ่งเป็นหมู่บ้านเป้าหมาย
สำนักงานนวัตกรรมฯ
แนวทางหลัก 2 ประการต้องดำเนินการไปด้วยกันอย่างเกื้อหนุน ซึ่งกันและกัน รวมถึงการมุ่งสู่ การขยายผล (Replication) ไปสู่ พื้นที่อื่นๆ
ตกระดับจังหวัด (กอต.) ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่โครงการ WEFCOM โดยหลังจากสิ้นสุดโครงการแล้วหวังให้หมู่บ้านเป้าหมาย สามารถดำเนินชีวิต และมีแผนจัดการพื้นที่ร่วมกับเขตรักษาพันธุ์ สัตว์ปา่ หรืออุทยานแห่งชาติ อย่างปกติสขุ โดยมีกลไกสำคัญ คือ คณะ กรรมการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ โดยความร่วมมือของภาคีที่เกี่ยวข้องอื่นๆ
โครงการจะมุ่งสู่การรักษาผืนป่าผ่านกระบวนการหนุนเสริมชุมชน เป้าหมายให้มีวิถีชีวิตที่ไม่เป็นอันตรายต่อผืนป่า มีแนวเขตและข้อ ตกลงในพื้นที่ใช้ประโยชน์ชุมชนที่ชัดเจน โดยมูลนิธิสืบนาคะเสถียร รับหน้าที่ประสานงานให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมในทุกๆ ขั้นตอน โดยการทำงานกับชุมชนจะดำเนินการผ่านลักษณะของใช้วทิ ยากรกร ะบวนการ (Facilitator) และสร้างทีมวิทยากรทำงานในชุมชนทั้งจาก เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิสืบนาคะเสถียร เจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานฯใน ระดับพืน้ ที่ และวิทยากรอาสาสมัครจากชุมชน โดยจะประสานงานเชิง นโยบายผ่านภาคีพันธมิตรหลักคือคณะกรรมการอนุรักษ์ผืนป่าตะวัน
สำหรับกิจกรรมการจัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาอุทยานแห่ง ชาติ (กอช.) หรือคณะกรรมการทีป่ รึกษาเขตรักษาพันธุส์ ตั ว์ปา่ (กสป.) การประสานความร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) การ เพิ่มขีดความสามารถในการสนับสนุนกิจกรรมอนุรักษ์ในผืนป่าตะวัน ตกแก่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 12 และการวางระบบการติดตาม ความคงอยู่ของความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศ รวมถึง การพัฒนาระบบติดตามผลและการลาดตระเวนให้มีประสิทธิภาพ จะดำเนินการโดย สำนักงานนวัตกรรมพื้นที่คุ้มครอง (Protected Area Innovation Unit : PAIU) ซึ่งเป็นหน่วยงานของกรมอุทยานฯ
1) 2)
JoMPA 10
การจัดการเชิงนิเวศ (Ecosystem Management- EM) การจัดการอย่างมีส่วนร่วม (Joint Management-JM)
ที่จัดตั้งขึ้นดำเนินโครงการเป็นผู้รับผิดชอบหลัก และมีสำนักงานนวัต กรรมภาคสนามตั้งอยู่ที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ทั้งสามสำนัก การดำเนินงานที่ผ่านมา มูลนิธิสืบนาคะเสถียรมีบทบาทสนับสนุน การดำเนินงานของคณะกรรมการอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตก (กอต.) ทั้ง 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตาก กำแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี สามารถหนุนเสริมให้เกิดกรอบการทำงาน จากการระดมความคิดในระดับเครือข่ายคณะกรรมการอนุรักษ์ผืนป่า ตะวันตก 6 จังหวัด นอกจากนี้ยังศึกษาเรียนรู้และดำเนินกิจกรรมหนุ นเสริมชุมชนโดยเกิดกระบวนการทำงานและแนวทางการทำงานจัดก ารทรัพยากรที่ชัดเจน 55 ชุมชน ตลอดจนการเสริมสร้างบุคลากรจาก ภาคีให้มคี วามสามารถดำเนินกิจกรรมกับชุมชนในลักษณะทีเ่ ป็นวิทย ากรกระบวนการ ที่มีความเป็นพันธมิตรและเครือข่ายทำงานร่วมกัน
JoMPA กระบวนการสร้างการมีส่วนร่วม
JoMPA
อนุรักษ์ผืนป่าตะวันตกในรูปแบบ คณะกรรมการอนุรักษ์ ผืนป่าตะวันตก 6 จังหวัด
13
อนุรักษ์ผืนป่าตะวันตกในรูปแบบคณะกรรมการอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตก 6 จังหวัด
กระบวนการสร้างการมีส่วนร่วม JoMPA 14
ผืนป่าตะวันตกฝั่งใต้ คือ ผืนป่าใหญ่ในจังหวัดกาญจนบุรีและสุพรรณบุรีที่มีเนื้อที่ครึ่งหนึ่งของผืนป่า เป็นที่รองรับนโยบายการพัฒนาแบบโบราณ อาทิ การสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ เหมืองแร่ การทำไม้ ต่อมาก็ เป็นสมัยแห่งการท่องเที่ยวทุกรูปแบบ การพัฒนาชุมชนเมืองและการรุกรานจากรีสอร์ต ท่องเที่ยวกระจาย กินผืนป่าและสายน้ำ ธุรกิจยักษ์ขายเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ยาปราบศัตรูพืชไร่และพืชสวนที่หลอกใช้เกษตรกรให้ ถากถางทำไร่เพื่อให้เป็นหนี้พันธนาการกับนายทุน และระบบผูกขาดจากรัฐและทุนเอกชน ทำให้ป่าใหญ่ เมืองกาญจน์มสี ภาพโทรมทรุดเป็นบาดแผลเรือ้ รังของธรรมชาติอย่างยาวนาน เหลือสภาพป่าสมบูรณ์เป็น หย่อมเกาะกระจายอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์ต่างๆ เช่น ป่าเต่าดำในอุทยานแห่งชาติไทรโยค ป่าบริเวณแนวชาย แดนทีอ่ ทุ ยานแห่งชาติทองผาภูมิ ป่าใหญ่ตามแนวลำห้วยคลิตแ้ี ละลำคลองงู ยอดเขาสูงในเขตอุทยานแห่ง ชาติเขื่อนศรีนครินทร์ อุทยานแห่งชาติเอราวัณ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ แต่อย่างไรก็ตามป่า ทุ่งใหญ่นเรศวรนับเป็นทรัพยากรที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งป่าเมืองกาญจน์ ในด้านเหนือหลังจากพบแหล่งท่องเที่ยวสำคัญคือน้ำตกทีลอซูเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาทำให้เขตรักษาพันธุ์ สัตว์ป่าอุ้มผางได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว เจตนาการจัดตั้งเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าถูกสั่นคลอน และไม่อาจทัดทานการขอเปิดท่องเที่ยวจากทั่วโลก กระทั่งเกิดนโยบายจะเปลี่ยนจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ ป่าให้เป็นอุทยานแห่งชาติ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่ นี่ยังไม่รวมถึงการพัฒนาเส้นทางท่อง เทีย่ ว การค้าชายแดน และการรองรับผูอ้ พยพจากภัยสงครามของประเทศเพือ่ นบ้าน สิง่ เหล่านีล้ ว้ นนำการ ขยายตัวและการพัฒนาต่างๆ เข้าสู่พื้นที่ กระตุ้นให้เกิดการทำเกษตรเชิงเดี่ยวรุกผืนป่าอยู่จนทั่ว ชุมชนกะ เหรีย่ งทีเ่ คยอยูอ่ ย่างสงบและสมถะ ต้องเปลีย่ นสภาพเป็นแรงงานเกษตรให้บริษทั ทุนในทีด่ นิ ทำกินของตน เองตามรอยเมืองกาญจน์เหมือนอย่างไม่ทราบบทเรียน นับเป็นบาดแผลใหม่สดของผืนป่าที่ยังไม่รู้อนาคต ในขณะเดียวกัน ป่าคลองวังเจ้า ป่าคลองลาน และป่าแม่วงก์ ก็มีปัญหาคุกคามของการท่องเที่ยว และเกิด โครงการทำถนนผ่านป่าหลายเส้นทาง พื้นที่ใจกลางผืนป่าตะวันตกอย่างห้วยขาแข้งและทุ่งใหญ่นเรศวร ที่ยังคงสภาพความอุดมสมบูรณ์ ก็มี ผู้บุกรุกในรูปแบบของการท่องเที่ยวแบบตะลุยป่าฝ่าทางวิบากเพิ่มขึ้นทุกปี กองทัพ ทุนนิยมบุกคืบทับ วัฒนธรรมสงบของหมู่บ้านกะเหรี่ยงในทุ่งใหญ่นเรศวร นำการเรียกร้องให้เกิดการพัฒนาและเริ่มเข้าสู่วิถี แห่งพืชไร่อุตสาหกรรม การเปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ แม้ปัจจุบันสภาพป่ายังคงความอุดมสมบูรณ์แต่ อนาคตผืนป่ามรดกโลกใช่ว่าจะปลอดภัย
รูปที่ 3 แผนภูมิการดำเนินการที่ผ่านมาของ กอต. ทั้ง 6 จังหวัด กอต. จ. ตาก 1. มีสำนักงาน และเลขานุการ 1 ตำแหน่ง 2. จัดการประชุม กอต. รวม 3 ครั้ง 3. เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้ 4. ยื่นหนังสือแสดงความเห็น/คัดค้านการพัฒนา ที่ส่งผลเสียหายต่อทรัพยากร 5. จัดทำข้อมูลสถานการณ์ชายแดนเพื่อการแก้ไข ปัญหาด้านการอนุรักษ์
กอต. จ. นครสวรรค์ 1. มีสำนักงาน และเลขานุการ 1 ตำแหน่ง 2. จัดประชุม กอต. รวม 6 ครั้ง 3. สนับสนุนการตั้ง กอช.แม่วงก์ 4. คัดค้านการสร้างเขื่อนแม่วง 5. สนับสนุนการพัฒนาแก่งลานนกยูง อช.แม่วงก์ 6. จัดเวทีสิ่งแวดล้อมภาคเหนือตอนล่าง 7. สนับสนุนกิจกรรมของเครือข่ายสิ่งแวดล้อม กอต. จ. กาญจนบุรี 1. มีสำนักงาน และเลขานุการ 1 ตำแหน่ง 2. จัดการประชุม กอต. รวม 9 ครั้ง 3. จัดข้อมูลสถานการณ์ชายแดนเพื่อการแก้ไข ปัญหาด้านการอนุรักษ์ 4. จัดเวทีไกล่เกลี่ยความขัดแย้งด้านทรัพยากร 5. ร่วมกับศูนย์ต่อสู้ความยากจนแก้ไขปัญหาพื้น ที่ทำกิน
กอต. จ. กำแพงเพชร 1. มีสำนักงาน และเลขานุการ 1 ตำแหน่ง 2. จัดประชุม กอต. รวม 10 ครั้ง 3. สนับสนุนกิจกรรมเยาวชนอนุรักษ์ผืนป่า 4. จัดกิจกรรม/นิทรรศการด้านการอนุรักษ์ 5. สนับสนุนการตั้ง กอช./กสป. และ รสทป. 6. เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้ 7. คัดค้านการทำถนนลาดยางเข้าน้ำตกเต่าดำ
กอต. จ. อุทัยธานี 1. มีสำนักงาน และเลขานุการ 1 ตำแหน่ง 2. จัดประชุม กอต. รวม 9 ครั้ง 3. สนับสนุนเครือข่ายพระสงฆ์และเยาวชน เพื่อ การอนุรักษ์ 4. สร้างเครือข่ายวิทยุสื่อสารเพื่อการเฝ้าระวัง 5. นำชุมชนศึกษาดูงานด้านการอนุรักษ์
กอต. จ. สุพรรณบุรี 1. มีสำนักงาน และเลขานุการ 1 ตำแหน่ง 2. จัดประชุม กอต. รวม 7 ครั้ง 3. จัดทำจดหมายข่าว กอต. รวม 5 ฉบับ 4. เวทีแก้ไขปัญหาพื้นที่ทำกินกับพื้นที่ป่า 5. จัดทำข้อมูลเพื่อแก้ไขปัญหาพื้นที่ทำกิน 6. สร้างเครือข่ายเยาวชนอนุรักษ์ธรรมชาติ
จากปัญหาคุกคามผืนป่าดังกล่าว โครงการอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตก เชิงระบบนิเวศ (WEFCOM) จึงจัดตั้งคณะกรรมการอนุรักษ์ผืนป่า ตะวันตกให้เป็นองค์กรเพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ในผืนป่าตะวันตกและพืน้ ทีป่ า่ ธรรมชาติในจังหวัดให้คงอยูอ่ ย่างยัง่ ยืน โดยส่งเสริมการมีส่วนร่วมและความร่วมมือของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ในปี 2542 และได้ดำเนินการต่อเนื่อง โดยสนับสนุนผ่านมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร ภายใต้โครงการ JoMPA (2547-2548)
คณะกรรมการประกอบไปด้วยกลุม่ บุคคลทีท่ ำหน้าทีต่ ามกฎหมาย ในการอนุรักษ์ผืนป่า ได้แก่ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หัวหน้า อุทยานแห่งชาติ ตัวแทนสำนักบริหารฯ ผู้แทนทรัพยากรจังหวัด และ บุคลากรที่เกี่ยวข้องด้านสิ่งแวดล้อมจากภาคราชการ องค์กรพัฒนา เอกชน สถาบันการศึกษา นักธุรกิจ ผู้แทนชุมชนที่มีจิตสำนึกอนุรักษ์ ร่วมกันเป็นองค์กรหลักในรูปคณะกรรมการในแต่ละจังหวัดที่มีพื้นที่ ผืนป่าตะวันตก รวม 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดตาก กำแพงเพชร
JoMPA
เครือข่ายคณะกรรมการอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตก 6 จังหวัด 1. จัดประชุมเครือข่ายเป็นประจำทุก 3 เดือน รวม 9 ครั้ง 2. งานดูแลทรัพยากรธรรมชาติในผืนป่าตะวันตก - ยับยั้งการก่อสร้างถนนคลองลาน-อุ้มผาง - ขอให้ยกเลิกการก่อสร้างถนนผ่าป่าทุ่งใหญ่นเรศวร มรดกโลก 3. งานขับเคลื่อนเชิงนโยบาย - ปัญหาที่ดินทำกินในพื้นที่อนุรักษ์ - ติดตามสถานการณ์ พรบ. ป่าชุมชน ที่อาจมีผลกับพื้นที่อนุรักษ์ 4. งานสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน - ดำเนินโครงการสร้างเครือข่ายขยายแนวร่วม (สนับสนุนโดย พอช.) - ขยายเครือข่ายรั้ววิทยุสื่อสารรอบผืนป่าตะวันตก 5. หนุนเสริมชุมชนเพื่อการอนุรักษ์ - เป็นผู้ประสานความเข้าใจระหว่างชุมชนกับเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ - สนับสนุนการดำเนินกิจกรรมด้านการอนุรักษ์ของเครือข่าย
15
นครสวรรค์ อุทัยธานี สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี โดยมีตัวแทนจาก ภาคประชาชนทำหน้าที่ประธาน อนึ่งเพื่อความเข้มแข็งของการมีส่วนร่วมของประชาคม ในเรื่องที่ ต้องการบูรณาการให้เป็นเอกภาพทั้งผืนป่า เช่น เรื่องที่เป็นนโยบาย กฎหมาย ผลกระทบ รวมถึงการสร้างเครือข่ายในประเด็นที่เป็นประ โยชน์ตอ่ การอนุรกั ษ์และอืน่ ๆ จึงได้มกี ารรวมกันทัง้ 6 จังหวัด เป็นเครือ ข่ายคณะกรรมการอนุรกั ษ์ผนื ป่าตะวันตก 6 จังหวัด ซึง่ คณะกรรมการ เครือข่ายมีโครงการจอมป่าของผืนป่าตะวันตก มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ทำหน้าที่สำนักงานเลขานุการ มีการประชุมกันโดยสม่ำเสมอทุกสาม เดือน สามารถสรุปแผนภูมิการดำเนินการที่ผ่านมาของ กอต. ทั้ง 6 จังหวัดได้ในรูปที่ 3 ที่ผ่านมา กอต. ทั้ง 6 จังหวัดได้ดำเนินงานต่างๆ ใน 3 ส่วนได้แก่ 2.1) งานดูแลทรัพยากรธรรมชาติของผืนป่าตะวันตก
ยับยั้งการตัดถนนคลองลาน – อุ้มผาง (พ.ศ. 2547-2548)
กอต.ตาก เป็นผู้เปิดประเด็นขอให้รัฐบาลยับยั้งการตัดถนนจาก ช่องเย็นของอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ผา่ นเขตรักษาพันธุส์ ตั ว์ปา่ อุม้ ผาง ไปยังอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก และเครือข่าย กอต. 6 จังหวัด ได้ ทำงานอย่างเข้มแข็ง จนท้ายที่สุด ครม. ได้มีมติให้ยับยั้งการตัดถนน ข้างต้นไว้ก่อน
ขอให้ยกเลิกการสร้างถนนผ่าป่าทุ่งใหญ่นเรศวร มรดกโลก
กอต. กาญจนบุรแี ละเครือข่าย กอต. 6 จังหวัด และองค์กรพันธมิตร ร่วมกันขอให้การวางผังเมืองจังหวัดกาญจนบุรยี ตุ กิ ารสร้างถนนเชือ่ ม เมืองกาญจน์ กับอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ซึ่งสุดท้ายในเดือนธันวาคม 2548 ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีได้ประกาศยกเลิกการสร้าง ถนนสายนี้
สนับสนุนการพัฒนาแก่งลานนกยูง หน่วยพิทักษ์ป่าแม่เรวา
อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ (ในพื้นที่เตรียมเป็นหัว งานก่อสร้างเขื่อนแม่วงก์) กอต.นครสวรรค์ สนับสนุนการใช้งบผูว้ า่ CEO ของจังหวัดนครสวรรค์ พัฒนาพื้นที่แก่งลานนกยูง ของหน่วยฯ แม่เรวา เป็นพื้นที่ท่องเที่ยว แห่งใหม่ของจังหวัด ปัจจุบันสถานที่แห่งนี้ได้รับความนิยมสูงจากนัก ท่องเทีย่ ว พืน้ ทีเ่ ดียวกันนีถ้ า้ สร้างเขือ่ นแม่วงก์จะถูกทำลายกลายเป็น หัวงานของเขื่อน 2.2) งานสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน
JoMPA 16
ขยายแนวร่วม โดย กอต. กำแพงเพชร และ กอต.อุทัยธานี
ดำเนินโครงการสร้างเครือข่ายขยายแนวร่วมเพื่อการอนุรักษ์ผืนป่า ตะวันตก โดยสร้างกิจกรรมเสริมเครือข่ายราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์
ป่า (รสทป.) เครือข่ายพระสงฆ์ และเยาวชนเพื่อการอนุรักษ์ผืนป่าตะ วันตก กอต.อุทัยธานี กำลังขยายเครือข่ายรั้วมนุษย์สื่อสารของ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เพื่อให้ราษฎรตามแนวป่ากันชน ของเขตฯ และร่วมกับมูลนิธิสืบฯ สนับสนุนให้แต่ละหมู่บ้านมีป่าชุม ชนเป็นของตนเองได้ทำหน้าที่เป็นรั้วมนุษย์ให้แก่เขตฯ 2.3) งานเพื่อให้เกิดความอยู่ดีมีสุขของชุมชนภายในป่า กอต.กาญจนบุรี ได้เข้าร่วมในเวทีต่างๆ และประสานกับงาน ตามโครงการจอมป่าดำเนินการอยู่ในผืนป่าตะวันตก ที่ภาครัฐ เช่น เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก และ อุทยานแห่งชาติลำคลองงู กำลังดำเนินการอย่างเข้มข้นอยู่ในปัจจุบัน เช่นการที่โครงการจอมป่าดำเนินการอยู่ในหมู่บ้านในผืนป่าตะวันตก รวมถึงเสริมงานด้านชุมชนเป็นสุข งานรักษาป่าต้นน้ำ ฯลฯ
ปัจจุบนั การสนับสนุนตามโครงการฯ ได้สน้ิ สุดลง แต่การดำเนินกิจกรรมดังกล่าวเป็นที่ประจักษ์ชัดว่าเกิดประโยชน์ต่อสาธารณชนและ การทำงานร่วมกับภาคีที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างยิ่ง กอต. ทั้ง 6 จังหวัด จึงได้เตรียมการจัดตั้ง มูลนิธิเครือข่ายอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตก(มอต.) ขึ้นเพื่อให้เป็นองค์กรนิติบุคคลที่สามารถดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติใน 6 จังหวัดอย่างเป็นเอกภาพ และสามารถขอ รับการสนับสนุนงบประมาณจากแหล่งทุนได้มากขึ้น ขณะเดียวกัน กอต. ในแต่ละจังหวัดยังคงมีบทบาทดำเนินกิจกรรมภายในจังหวัด
JoMPA
กอต.สุพรรณบุรี ร่วมแก้ไขปัญหาการดูแลการใช้ที่ดินของประชาชนในเขตผ่อนปรน ที่ได้หมายแนวเขตกันแล้วของบ้านห้วยหินดำ กับอุทยานแห่งชาติพุเตย ซึ่งจะหากติกาเพื่อการอยู่ร่วมกันโดยสันติ เพื่อมิให้มีปัญหากระทบกันต่อไปในอนาคต
17
JoMPA กิจกรรมสำรวจแนวเขต
JoMPA
และหนุนเสริมชุมชน วิถีชีวิตเป็นมิตรผืนป่า
19
และหนุนเสริมชุมชนวิถีชีวิตเป็นมิตรผืนป่า
กิจกรรมสำรวจแนวเขต
บริเวณผืนป่าตะวันตกเป็นที่ตั้งของชุมชนทั้งที่เป็นชุมชนดั้งเดิม และชุมชนอพยพเข้าทำกินใหม่ ทั้งหมดถึง 100 ชุมชน มีชุมชนที่ตั้งประชิดขอบป่าอีก 100 ชุมชน หากนับชุมชนที่มีที่ตั้งโดยรอบพื้นที่อีก ประมาณ 150-200 ชุมชนก็จะรวมได้ถึงราว 350-400 ชุมชน และยังพบว่าชุมชนในผืนป่าเกือบทั้งหมดยัง มีความไม่ชดั เจนเกีย่ วกับพืน้ ทีใ่ ช้ประโยชน์ทง้ั พืน้ ทีอ่ ยูอ่ าศัยและพืน้ ทีเ่ กษตรกรรม รวมถึงปัญหาจากทัศนคติ ความขัดแย้งในวิธีการใช้ทรัพยากรป่าระหว่างชุมชนกับเจ้าหน้าที่รัฐ ยังไม่นับปัญหาปลีกย่อยมากหลาย จากท่าทีต่างๆ ที่สะสมยาวนาน แต่เดิมรัฐบาลมีนโยบายอพยพชุมชนออกจากพื้นที่อนุรักษ์ หากมีความขัดแย้งในเชิงสิทธิมนุษยชนใน กรณีทช่ี มุ ชนเป็นชุมชนท้องถิน่ ดัง้ เดิม และการทีไ่ ม่สามารถจัดพืน้ ทีร่ องรับชุมชนให้อพยพออกมาได้ ดังนัน้ จึงจำเป็นอย่างยิง่ ทีต่ อ้ งมีการจัดการพืน้ ทีช่ มุ ชนให้มคี วามชัดเจน หากลไกป้องกันการขยายพืน้ ที่ และหนุน เสริมให้ชุมชนมีวิถีชีวิตไม่เป็นภัยคุมคามกับผืนป่า ในขณะเดียวกันก็สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ได้ตาม ความเหมาะสม และมีส่วนร่วมรักษาทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่าให้คงอยู่อย่างสมดุลและยั่งยืน หากจำแนกชุมชนที่มีความเกี่ยวข้องกับผืนป่าตะวันตกตามที่ตั้งและระยะห่างของชุมชนและขอบเขต พื้นที่คุ้มครอง สามารถแบ่งที่ตั้งของชุมชนออกไปเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้ ชุมชนที่ตั้งอยู่กลางป่า 100 ชุมชน ในกรณีนี้มีชุมชนที่ได้เอกสารสิทธิทำกินกันออกจากพื้นที่คุ้ม ครอง 17 ชุมชน แต่ส่วนใหญ่ยังไม่ชัดเจนในแนวเขตและพื้นที่ใช้จริง ชุมชนที่ตั้งประชิดขอบป่า 100 ชุมชน ส่วนใหญ่มีสถานะภาพที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวน-แห่งชาติและ ในกรณีนี้ยังมีปัญหาความขัดแย้งในเรื่องแนวเขตพื้นที่คุ้มครองประมาณ 50 ชุมชน ชุมชนที่ตั้งโดยรอบป่า 150-200 ชุมชน ส่วนใหญ่ชุมชนจะตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวน-แห่งชาติ และบาง ส่วนได้เอกสารสิทธิทำกิน แต่อย่างไรก็ตามมักพบกรณี ความขัดแย้งกับพื้นที่คุ้มครองในเรื่องการเก็บหา ของป่าอยู่เสมอ
JoMPA 20
บานคลองเมือง บานทุงธารทอง บานไหลประดา บานคลองลึก บานวังชมภู บานผาผึ้ง บานเขาหมี บานดงชอม บานลำปาง บานใหมชัยมงคล บานน้ำตก บานหวยกุม บานไทรยอย บานปางสังกะสี บานมองาม บานหนองงาม บานสกบอน บานคลองลึก บานไรพิจิตร บานปางขนุน บานทาดินแดง บานลานศิลา บานโละโคะ(กะเหรี่ยง) บานนาบอคำ บานคลองมดแดง บานโละโคะ(มง) บานมอเจริญ บานปาหมาก บานคลองสมุยบานหนองป งไก บานปาคา บ า นโป ง น้ ำ ร อ น บานวุงกะสัง บานโปงน้ำรอน บานแมกลองนอย บานเพชรจะขอ บ า นเพชรนิ ยม บานแมกลองใหญ บานสุขสำราญ บานกะเหรี่ยงปางควาย บานแมกลองคี บานชัยมงคล บานศรีดอนชัย บานคลองพลู บานคลองเตย บานแมกระแซ บานสวนสม านปาสน บานยะแมะคี บานคลองลาน บาบนคลองนาข บานหนองหลวง าว บานแปลงสี่ บานเซอทะ บานยะโมคี บ า นปางเหนื อ บานแมพืช บานกลาทอ บานเดลอคี บานปางตาไหว บานคอโชทะ บานคลองปลาสรอย บานใหมพัฒนา บานกิ่วหาง บานอุมผางคี บานตากฟา บานนุเซะโปล บานแปโดทะ บานทรัพยเจริญ บานทรัพยตามิ่ง บานใหมธงชัย บานทีจอชี บานใหมแมเรวา บานเกาะแกว บานคลองแบง บานปาพลู บานโขะทะ บานแมคลองคต บานแมละมุงคี บานนุโพ บานปางขาวสาร บานปะหละทะ บานกุยเลอตอ บานหนองตะเคียน บานเซปะหละ บานเปงเคิ้ง บานยอดหวยแกว บานทิโมจิ บานกุยตะ บานปางสัก บานเจ็ดรอยไร บานกุยเคอะ บานบุแมว บานใหมไรเจริญ บานมอตาลัว บานพอกะทะ บานสวนปา บานมอทะ บานแมกะสัง ชุมชนกลางปา านหมองกั๊ว บานเลตองคุ บาบนแกวอทะ บานเขาเขียว ชุมชนประชิดปา บานเขามะตูม บานไผงาม ชุมชนรอบปา บาน กม.53 บาน กม.52 บ า นยู ไ นท ผืนปาตะวันตก บานบึงเจริญ บ า นกรู โ บ บานตละโคลง บานแมจันทะ บานอางหวยดง บานพุจือ บานโปงมะคา บานจะแกลาง บานแมจันทะเกาบานทิบาเก บานเขาหินเทิน บานจะแกบน บานคีรีวงศ บานชองแปะ บานพุหมอง บานหัวนา บานทรัพยสมบูรณ บานซับปาพลูใหม บานทิไลปา บานคลองชะนีบน บานอีซาพัฒนา บานกุดจะเลิก บานคลองเคียน บานสาละวะ บานคอกควาย บานไซเบอร บานพระเจดียสามองค บานคลองแหง บานไลโว บานภูเหม็น บานปะไรโหนก บานดง บานกระแหน บานซองกาเรีย บานน้ำพุ บานสะเนพอง บานโมราขา บานไรใหม บานหวยกบ บานตีนเขา บานเกาะเสดิ่ง บานปางสวรรค บานเวียกาดี้ บานชูแหละ บานใต บานกองมองทะ บานหวยมาลัย บานใหมอังวะ บานหมองสะเทอ บานคลองเสลา บานอีมาดอีทราย บานใหมพัฒนา บานทิโครง บานพุบอน บานเกาวังกะ บานลิเจีย บานไกรเกรียงบน บานเรดาร บานทินวย บานตะเพินคี่ บานองคพระ บานโชคดีสุพรรณ บานปาผาก บานพุของ บานไกรเกรียงลาง บานยางขาว บานกลวย บานปาขี บานวังขยาย บานทิพุเย บ านหวยหินดำ บานละวากกเชียง บานทุงเสือโทน บ า นปากลำ บ บานเกริงกาเรีย บานไปตานา บานน้ำพุ บานหาหลัง านพุเจริญ บานเสากระโดง บานวังยาว บานหุบตาอน บานน้ำตก บานเยา บานคลิตี้ลาง บานทาขามสุด บานน้ำตกไทรทอง บานทุงนางครวญ บานทาเดื่อ บานองคหลุ บานละวาวังควาย บานปลอกคู บานชะอี บานหนองอีเตา บานพุหวาย บานทุงมะกอก บานตีนตก บานใหมไรปา บานหวยแหง บานเจาที่ บานเขาพระอินทร บานวังโหรา บานวังกานเหลือง บานอูลอง บานกลาง บานทาแพ บานปลอกคี่ บานใหม บานบึงชะโค บ า นวั ง เกี ย ง บ า นห ว ยบ า นเก า บานไผสีทอง บานหนองไรปา บานปอมเปย บานแสวงบา บานเดาเสลา บ า นเขาหิ น ตั ง ้ บ า นภู เ ตย บ า นพุ ข อ ง บานองทิ บานสะพานลาว บานตนผึ้ง บานภูเตย บานเขาเหล็ก บ า นเสาหงส บ า นดงกลาง บ า นไร บานอีตอง บานดงเล็ก บานหวยปากคอก บานปรังกาสี บานทาลำใย บานอีปู บานสามหลัง บานรวมใจ บานหินแหลม บานทาแพขนานยนต บานดงเสลาเกา บานดงโครง บานพุกอง บานองเผาะ บานทามะเดื่อ บ า นพุ ม ว ง บานโปงชาง บานพุตะมา บานดงเสลา านลิ่นถิ่น บานนิคูฮุ บานหวยเขยง บานกุยบเหย บานโปงหวาย บานปากปาสวน บานพุน้ำใส บ า นตาทะ บานประจำ บานไรปา บานหมองกะลา บานทาน้ำ บานดานแมแฉลบ บานชะเย บานน้ำมุด บานหาดแตง บ า นลำอี ซ ู บานพุลอ บานทาขนุน บานแกงจอ บานหนองแกใน บานแมกระบุง บานสองสลึง บานตนมะพราว บานพุนอย บ า นพุ น ำ ้ เปรี ย ้ ว บานพุชะนี บานโปงรี บานถ้ำดาวดึงส บานหวยตลก บานทุงนา บานทากระดาน บานแมน้ำนอย บานลำดวน บานเกาะบุก บานทุงนา บานแกงประลอม บานกลาง บานพุถาด บานแกงแคบ บานหาดงิ้ว บานทาพุทรา บานพุเตย บานแกงละวา บานหมอเฒา บานลำอีโลก บ า นพุ ต ะเคี ย น บานบองตี้นอย บานทองชาง บานชองสะเดา บานปากคลองบานชองเหลา บานแกงระเบิด บานทาเสา บานวังกลา บานหนองประชุม บานโปงปด บานคีรีวงศ บานพุพัง บานพุมวง บานลำโองฟา บานหินดาด บานทามะนาว บานวังจาน บานหนองหอย บานวังดง บานบุงตะคลอ
JoMPA
รูปที่ 4 แสดงที่ตั้งชุมชนในผืนป่าตะวันตก
คำอธิบายสัญลักษณ
21
หากจำแนกชุมชนตามลักษณะการทำการเกษตร สามารถแบ่ง ลักษณะการใช้พื้นที่การเกษตร ออกเป็น 4 ลักษณะ ดังนี้ การทำไร่ข้าวในลักษณะวิถีวัฒนธรรมชาวกะเหรี่ยงซึ่งมีพื้น ที่หมุนเวียนพักดิน และการทำนาข้าวในพื้นที่ราบเล็กๆ ตาม ภูมิประเทศ โดยยังไม่มีการปลูกพืชเศรษฐกิจเชิงเดี่ยว ในผืนป่า ตะวันตกมีพื้นที่การเกษตรลักษณะนี้อยู่ 26 ชุมชนในเขตรักษาพันธุ์ สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ทั้งด้านตะวันออกและด้านตะวันตก และเขต รักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้ม-ผาง พื้นที่เกษตรในลักษณะนี้จะมีไร่ข้าวแทรก อยู่ในไร่ซากที่ลักษณะเป็นทุ่งหญ้าป่าไผ่ และมีพื้นที่ป่าเต็งรังและป่า เบญจพรรณเหลืออยู่ในพื้นที่เป็นจำนวนมาก ทั้งหมดเป็นพื้นที่ตั้งถิ่น ฐานของชุมชนแต่ดั้งเดิม อาจจะมีการย้ายพื้นที่บ้างแต่ก็อยู่ในบริเวณ ใกล้เคียงกัน หรือการอพยพระหว่างหมู่บ้านในลักษณะเครือญาติ การทำไร่ข้าวในลักษณะวิถีวัฒนธรรมชาวกะเหรี่ยงซึ่งมีพื้น ที่หมุนเวียนพักดิน และการทำนาข้าวในพื้นที่ราบเล็กๆ ตาม ภูมิประเทศ โดยมีการปลูกพืชเศรษฐกิจเชิงเดี่ยวร่วมด้วย ในผืน ป่าตะวันตกมีพื้นที่การเกษตรลักษณะนี้อยู่กลางผืนป่า 30 ชุมชน และประชิดขอบป่า 20 ชุมชน ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรี-นครินทร์ อุทยานแห่งชาติ (และพื้นที่เตรียม ผนวก)เฉลิมรัตนโกสินทร์ พื้นที่เตรียมประกาศอุทยานแห่งชาติลำ คลองงู อุทยานแห่งชาติพุเตย และ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง พื้น
ที่เกษตรในลักษณะนี้จะมีไร่ข้าวแทรกอยู่ในไร่ซากที่ลักษณะเป็นทุ่ง หญ้าป่าไผ่ และมีพื้นที่ป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณเหลืออยู่ในพื้นที่ อยู่บ้าง ทั้งหมดเป็นพื้นที่ตั้งถิ่นฐานของชุมชนแต่ดั้งเดิม อาจจะมีการ ย้ายพื้นที่บ้างแต่ก็อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันหรือการอพยพระหว่าง หมู่บ้านในลักษณะเครือญาติ พื้นที่ไร่พืชเศรษฐกิจเชิงเดี่ยวที่อยู่ในพื้นที่คุ้มครอง จากการ เปลี่ยนวิถีอาชีพของชุมชนที่อพยพจากการสร้างเขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนเขาแหลม และการอพยพเข้ามาบุกเบิกตั้งถิ่นฐานของคน ไทยพื้นราบจากจังหวัดห่างไกลโดยเฉพาะจากภาคตะวันออกเฉียง เหนือ รวมถึงชาวไทยภูเขาเผ่าม้ง พื้นที่เหล่านี้มีการขยายเพื่อปลูก พืชไร่ และแปลงผักอย่างกว้างขวางแต่ยังมีพื้นที่ป่าเหลืออยู่บ้างตาม
พื้นที่ไร่พืชเศรษฐกิจเชิงเดี่ยวที่อยู่รอบพื้นที่คุ้มครอง จากการ อพยพเข้ามาบุกเบิกตัง้ ถิน่ ฐานของคนไทยพืน้ ราบจากจังหวัดห่างไกล โดยเฉพาะจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และการขยายพื้นที่เกษตร จากชุมชนโดยรอบ ส่วนใหญ่มีการขยายพื้นที่ปลูกพืชไร่อย่างกว้าง ขวาง แต่อย่างไรก็ตามในพื้นที่ภูเขาซึ่งเป็นป่าสงวนยังมีพื้นที่ป่า หย่อมเล็กน้อยอยู่พอสมควรมีพื้นที่การเกษตรลักษณะนี้อยู่ 150-200
ชุมชน โดยอาจมองเป็นภาพรวม ในพื้นที่รอบอำเภอสังขละบุรี 10 ชุมชน พื้นที่สองฝั่งลำน้ำแควน้อย อำเภอไทรโยค - ทองผาภูมิ 30 ชุมชน พื้นที่รอบอุทยานพุเตยและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ 10 ชุมชน และพื้นที่ขอบป่าห้วยขาแข้ง แม่วงก์ คลองลาน คลองวังเจ้า และเขาสนามเพรียง อีก 100 -150 ชุมชน 3.1 ปัญหาในการจัดการพื้นที่ใช้ประโยชน์ชุมชนในผืนป่า ตะวันตก จากการศึกษาสภาพปัญหาในภาคสนามและการประสานงานกับ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติในพื้นที่ทำให้สามารถระบุปัญหาในการจัดการพื้น ที่ป่าตะวันตก โดยนโยบายต่างๆของรัฐในช่วงเวลาที่ผ่านมา ดังนี้
JoMPA
ยอดเขาโดดกลางไร่ มีพื้นที่ลักษณะนี้อยู่กลางผืนป่าประมาณ 20 ชุมชน ในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า อุทยานแห่งชาติศรีนครินทร์ อุทยานแห่งชาติเขาแหลม พื้นที่เตรียม ประกาศอุทยานแห่งชาติลำคลองงู และมีพื้นที่ประชิดขอบพื้นที่คุ้มครองอื่นๆ อีกประมาณ 80 ชุมชนที่เด่นชัดคือพื้นที่โดยรอบอุทยาน แห่งชาติเอราวัณ อุทยานแห่งชาติไทรโยค
23
บานคลองเมือง บานทุงธารทอง บานไหลประดา บานคลองลึก บานวังชมภู บ า นเขาหมี บานผาผึ้ง บานดงชอม บานลำปาง บานใหมชัยมงคล บานน้ำตก บานหวยกุม บานไทรยอย บ า นมองาม บานปางสังกะสี บานหนองงาม บานสกบอน บานคลองลึก บานไรพิจิตร บานปางขนุน บานทาดินแดง บานลานศิลา บานโละโคะ(กะเหรี่ยง) บานนาบอคำ บานคลองมดแดง บานโละโคะ(มง) บานมอเจริญ บานปาหมาก บานคลองสมุย บานหนองปงไก บานปาคา บานวุงกะสัง บานโปงน้ำรอน บานโปงน้ำรอน บานแมกลองนอย บานเพชรจะขอ บานเพชรนิยม บานแมกลองใหญ บานสุขสำราญ บานกะเหรี่ยงปางควาย บานแมกลองคี บานชัยมงคล บานศรีดอนชัย บานคลองพลู บานคลองเตย บานแมกระแซ บานสวนสม านปาสน บานยะแมะคี บานคลองลาน บาบนคลองนาข บานหนองหลวง าว บ า นแปลงสี ่ บานเซอทะ บานยะโมคี บานปางเหนือ บานแมพืช บานกลาทอ บานเดลอคี บานปางตาไหว บานคอโชทะ บานใหมพัฒนา บ า นคลองปลาสร อ ย บ า นอุ ม ผางคี บานกิ่วหาง บานตากฟา บานนุเซะโปล บานแปโดทะ บานทรัพยเจริญ บานทรัพยตามิ่ง บานใหมธงชัย บานทีจอชี บานใหมแมเรวา บานเกาะแกว บานคลองแบง บ า นป า พลู บานโขะทะ บานแมคลองคต บ า นแม ล ะมุ ง คี บานนุโพ บานปางขาวสาร บานปะหละทะ บานกุยเลอตอ บานหนองตะเคียน บานเซปะหละ บานเปงเคิ้ง บานยอดหวยแกว บานทิโมจิ บานกุยตะ บานปางสัก บานเจ็ดรอยไร บานกุยเคอะ บานบุแมว บานใหมไรเจริญ บานมอตาลัว บานพอกะทะ บานสวนปา บานมอทะ บานแมกะสัง ไรขาวกะเหรี่ยง บ า นหม อ งกั ว ๊ บานเลตองคุ บานแกวอทะ บานเขาเขียว ไรขาวกะเหรี่ยงและพื้นที่ปลูกพืชเชิงเดี่ยว บานเขามะตูม บานไผงาม พืชเชิงเดี่ยว บาน กม.53 บ า น กม.52 บานยูไนท พื้นที่รอบปาตะวันตก บานบึงเจริญ บานกรูโบ บานตละโคลง บานแมจันทะ บานอางหวยดง บานพุจือ พื้นที่กันออกจากพื้นที่คุมครอง บานโปงมะคา บานจะแกลาง บานแมจันทะเกาบานทิบาเก บานเขาหินเทิน บานจะแกบน ผืนปาตะวันตก บานคีรีวงศ บานชองแปะ บานพุหมอง บานหัวนา บานทรัพยสมบูรณ บานซับปาพลูใหม บานทิไลปา บานคลองชะนีบน บานอีซาพัฒนา บานกุดจะเลิก บานคลองเคียน บานสาละวะ บานคอกควาย บานไซเบอร บานพระเจดียสามองค บานคลองแหง บานไลโว บานภูเหม็น บานปะไรโหนก บานดง บานกระแหน บานซองกาเรีย บานน้ำพุ บานสะเนพอง บานโมราขา บานไรใหม บานหวยกบ บานตีนเขา บานเกาะเสดิ่ง บ า นปางสวรรค บานเวียกาดี้ บานชูแหละ บานใต บานกองมองทะ บานหวยมาลัย บานใหมอังวะ บานหมองสะเทอ บานคลองเสลา บานอีมาดอีทราย บานใหมพัฒนา บานทิโครง บานพุบอน บานเกาวังกะ บานลิเจีย บานไกรเกรียงบน บานเรดาร บานทินวย บานตะเพินคี่ บานองคพระ บานโชคดีสุพรรณ บานปาผาก บานพุของ บานไกรเกรียงลาง บานยางขาว บานกลวย บานปาขี บานวังขยาย บานทิพุเย บ านหวยหินดำ บานละวากกเชียง บานทุงเสือโทน บ า นปากลำ บ บานไปตานา บานเกริงกาเรีย บานน้ำพุ บานหาหลัง านพุเจริญ บานเสากระโดง บานวังยาว บานหุบตาอน บานน้ำตก บานเยา บานคลิตี้ลาง บานทาขามสุด บานน้ำตกไทรทอง บานทุงนางครวญ บานทาเดื่อ บานองคหลุ บานละวาวังควาย บานปลอกคู บานชะอี บานหนองอีเตา บานพุหวาย บานทุงมะกอก บานตีนตก บานใหมไรปา บานเจาที่ บานเขาพระอินทร บานหวยแหง บานวังโหรา บานวังกานเหลือง บานอูลอง บานกลาง บานทาแพ บานปลอกคี่ บานใหม บานบึงชะโค บานวังเกียง บานหวยบานเกา บานไผสีทอง บานหนองไรปา บานปอมเปย บานแสวงบา บานเดาเสลา บ า นเขาหิ น ตั ง ้ บ า นภู เ ตย บ า นพุ ข อ ง บานองทิ บานสะพานลาว บานตนผึ้ง บานเขาเหล็ก บานเสาหงส บานภูเตย บ า นดงกลาง บ า นไร บานอีตอง บานดงเล็ก บานหวยปากคอก บานปรังกาสี บานทาลำใย บานอีปู บานสามหลัง บานรวมใจ บานหินแหลม บานทาแพขนานยนต บานดงเสลาเกา บานดงโครง บานพุกอง บานองเผาะ บานทามะเดื่อ บ า นพุ ม ว ง บานโปงชาง บานพุตะมา บานดงเสลา านลิ่นถิ่น บานนิคูฮุ บานหวยเขยง บานกุยบเหย บานโปงหวาย บ า นปากป า สวน บ า นพุ น ำ ้ ใส บานตาทะ บานประจำ บานทาน้ำ บานดานแมแฉลบ องกะลา บานไรปา บบาานหม บานชะเย บานน้ำมุด บานหาดแตง บ า นลำอี ซ ู นพุลอ บานทาขนุน บานแกงจอ บานหนองแกใน บานแมกระบุง บานสองสลึง บานตนมะพราว บานพุนอย บานพุน้ำเปรี้ยว บานพุชะนี บานโปงรี บานถ้ำดาวดึงส บานหวยตลก บานทุงนา บานทากระดาน บานแมน้ำนอย บานลำดวน บานเกาะบุก บานทุงนา บานแกงประลอม บานกลาง บานพุถาด บานแกงแคบ บานหาดงิ้ว บานทาพุทรา บานพุเตย บานแกงละวา บานหมอเฒา บานลำอีโลก บ า นพุ ต ะเคี ย น บานบองตี้นอย บานชองสะเดา บานทองชาง บานปากคลองบานชองเหลา บานแกงระเบิด บานทาเสา บานวังกลา บานหนองประชุม บานโปงปด บานคีรีวงศ บานพุพัง บานพุมวง บานลำโองฟา บานหินดาด บานทามะนาว บานวังจาน บานหนองหอย บานวังดง
รูปที่ 5 แสดงลักษณะการใช้พื้นที่เกษตรกรรมของชุมชนในผืนป่าตะวันตก
บานบุงตะคลอ
JoMPA 24
คำอธิบายสัญลักษณ
3.1.1 ความขัดแย้งเชิงนโยบายเรื่องระบบไร่ข้าวกะเหรี่ยง ตามความเชือ่ ของชาวกะเหรีย่ งว่าผืนดินเป็นของซ่งทะรี (แม่ธรณี) ทุกคนไม่มสี ทิ ธิแ์ ม้แต่จะแสดงความเป็นเจ้าของในทีด่ นิ การจะใช้ทด่ี นิ เพือ่ การเกษตรหรือสร้างบ้านจึงต้องขออนุญาตจากซ่งทะรีกอ่ น โดยจะ ใช้พื้นดินเกินความจำเป็นไม่ได้ และตามสภาพนิเวศน์ของป่าบริเวณ ที่ตั้งบ้านเรือนของชาวกะเหรี่ยงเป็นป่าเบญจพรรณมีพื้นที่ที่มีความ สูงไม่มากนัก จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้คนกะเหรี่ยงสามารถทำไร่ ในระบบหมุนเวียน (Cyclical Bush Fallow System or Field Rotation) ซึ่งการหมายถึงการใช้ที่ดินในระยะเวลาอันสั้นและทิ้งให้ป่ามีการฟื้น ตัวในระยะเวลานานได้ (Short cultivation-Long fallow) เนือ่ งจากสภาพ ของป่าเบญจพรรณ จะฟื้นตัวเร็วกว่าป่าดงดิบทำให้สามารถย้อนกลับ มาใช้พื้นที่ป่าบริเวณนั้นในระยะเวลาอันสั้น ผิดกับกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ซึง่ อาศัยอยูใ่ นพืน้ ทีส่ งู และเป็นป่าดิบหนาทึบ ชนกลุม่ นีไ้ ม่สามารถหมุน เวียนเปลี่ยนที่ดินใหม่ในทุกปีได้ เนื่องจากการถางป่าดงดิบเป็นเรื่อง ยาก แต่ดินจะมีความอุดมสมบูรณ์สูงกว่า (หน้าดินลึกกว่าป่าเบญจพรรณ) ทำให้สามารถทำซ้ำในที่ไร่เดิม จนกระทั่งดินเสื่อมสภาพลงจึง จะอพยพกันทั้งหมู่บ้านเพื่อแสวงหาที่ดินใหม่ เพราะความเชื่อเรื่องที่ดินดังกล่าวนี้เอง ก่อให้เกิดระบบไร่หมุน เวียน ซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบการใช้ที่ดินเพื่อการเกษตรที่ยั่งยืนที่สุดไม่ ต้องใช้ปยุ๋ ปรับปรุงดิน เพราะการทิง้ ไว้ให้เป็นไร่ซาก ธรรมชาติจะสร้าง ความสมบูรณ์ของดินกลับคืนมาเอง ภายในไร่ซากจะประกอบด้วย การทำข้าวไว้กินในแต่ละปี รวมถึงพืชอาหารหลายชนิดปลูกผสมอยู่ ในไร่ขา้ ว มีทง้ั พริก อ้อย ยาสูบ ถัว่ มัน งา แตงเปรีย้ ว ฯลฯ และปลูกดอก ไม้ไว้ใช้ในพิธีกรรมต่างๆ ทำให้แต่ละปีมีอาหารกินได้อย่างเพียงพอ
ปัญหาการห้ามขยายพื้นที่เกษตรเพิ่มจากปัจจุบันที่ทำกินอยู่ (แต่ ละปีครอบครัวหนึ่งจะใช้ที่ดินประมาณ 3-5 ไร่และจะหมุนเวียนไปทำ ไร่ซากแปลงในฤดูกาลต่อไป) เป็นเรื่องที่ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐและ ชุมชนกะเหรี่ยงเกิดความไม่เข้าใจกันและขัดแย้งอย่างรุนแรง เพราะ ขณะที่คนกะเหรี่ยงเข้าไปทำกินในที่ดินที่เคยผ่านการทำไร่มาแล้วนั้น ไม่ใช่การบุกพื้นที่ป่าเพิ่มแต่เป็นไร่ซากของชุมชน ที่ทำกินมาตั้งแต่ บรรพบุรุษ การทำไร่ซากเป็นระบบการทำไร่หมุนเวียนเพื่อให้ดินได้ รักษาสมดุลในตัวให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ของ แร่ธาตุขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากต้นไม้ในไร่ซาก ได้เติบโตเต็มที่สามารถแปรสภาพเป็นธาตุ อาหารหลังการเผาไร่ได้ดี ในขณะที่การทำไร่ประจำตามกฎหมายที่ กำหนดนั้นจะเป็นการทำลายระบบนิเวศในธรรมชาติและระบบนิเวศ วิทยาของชนพืน้ เมืองมากขึน้ ด้วยความไม่เข้าใจในวิถชี วี ติ ของชุมชน กะเหรี่ยงดังกล่าว จึงไม่มีกฎหมายรับรองการใช้ประโยชน์ที่ดินใน แบบวิถีชีวิตของชุมชนกะเหรี่ยง
แต่อย่างไรก็ตามวิถีการผลิตแบบไร่หมุนเวียนกำลังมีการเปลี่ยน แปลงมาก เนื่องจากนโยบายการห้ามถาง เผา พื้นที่พักดินของกรม อุทยานฯ การส่งเสริมการปลูกพืชเชิงเดีย่ ว การพัฒนาถนน และไฟฟ้า ทำให้วถิ กี ารทำไร่เพือ่ พออยูพ่ อกินต้องเปลีย่ นแปลงไป รวมถึงวิถกี าร จัดการที่ดินแบบแปลงรวมที่เริ่มจับจองรายครอบครัวมากขึ้น ดังนั้น การกำหนดแนวทางการจัดการที่เหมาะสมเป็นเรื่องที่ต้องเร่งดำเนิน การ นอกจากนี้การเข้าสำรวจพื้นที่ถือครองของชุมชนโดยใช้วิธีการ แยกสำรวจรายแปลงทำให้เกิดภาวะการครอบครองเป็นกรรมสิทธิ์ ส่วนบุคคล นำไปสู่ภาวะการซื้อขายไปสู่คนภายนอก ดังนั้นจากบท เรียนทีไ่ ด้จดั แปลงทำกินในลักษณะเป็นแปลงถือครองของชุมชน น่าจะ เป็นแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม ทั้งนี้สามารถดำเนินการได้โดยง่ายใน การวงรอบ และดำเนินกิจกรรมเพื่อรักษาฐานทรัพยากรที่เหลืออยู่ ภายในให้เป็นป่าหมู่บ้านจะเป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้จริง 3.1.2 การขยายพื้นที่ทำไร่ของชุมชนเนื่องจากระบบการ รังวัดพิสูจน์สิทธิรายแปลง ตามนโยบายการดำเนินการรังวัดเพื่อพิสูจน์สิทธิการถือครองทำ ประโยชน์เป็นรายแปลงทำให้เกิดการรับรองกรรมสิทธิ์ที่ดินและเกิด การซื้อขาย เมื่อระบบการเกษตรที่มีการเพาะปลูกพืชเชิงเดี่ยวล้ม
JoMPA
ซึ่งระบบดังกล่าวได้รับการยอมรับจากนักวิชาการบางส่วนว่าหาก อยู่ในวิถีธรรมชาติ และชุมชนยังมีสภาพเป็นชุมชนปิดไม่มีการติดต่อ ค้าขายและต้องใช้ระบบเงินตราในการดำรงชีวิตมากนัก ก็นับว่าเป็น ระบบเกษตรที่เหมาะสมเพราะไม่ต้องพึ่งสารเคมี นอกจากนี้ยังเป็นที่ ประจักษ์โดยทั่วไปว่าชุมชนกะเหรี่ยงที่ยังคงวิถีการเกษตรแบบนี้จะ สามารถรักษาป่าไม้ไว้ได้มาก
25
เหลวขาดทุน นำไปสู่การเปลี่ยนมือของผู้ถือครองและบุกรุกป่าใหม่ อย่างกว้างขวาง ประกอบกับการแสดงแนวเขตแต่เดิมของพื้นที่คุ้ม ครองมีความไม่ชัดเจนและมีกระบวนการรังวัด แนวเขตที่ยุ่งยาก ซับซ้อน (ปัจจุบันสามารถใช้เทคโนโลยีเครื่องกำหนดตำแหน่งจาก ดาวเทียม - GPS) จึงทำให้การจัดการพื้นที่คุ้มครองแต่เดิมไม่สามารถควบคุมการขยายพื้นที่ออกไปได้มากนัก เนื่องจากกระบวนการ พิสูจน์ที่ล่าช้าและขาดหลักฐานในการทำงานกับชุมชน นอกจากนี้เมื่อมีการแจ้งให้ทราบถึงการพิสูจน์สิทธิมักเกิดการ ขยายพื้นที่รอรับอย่างกว้างขวางเกินกว่าที่หน่วยงานภาครัฐจะควบ คุมทันการ
JoMPA 26
3.1.3 ปัญหาจากการพิสูจน์สิทธิตามมติ คณะรัฐมนตรี 30 มิถุนายน 2541 และแนวคิดการย้ายชุมชนออกจากผืนป่า แต่เดิมแนวคิดในการจัดการพื้นที่คุ้มครองใช้แนวคิดการย้าย ชุมชนออกนอกพื้นที่ ซึ่งในอดีตสามารถทำได้ในหลายพื้นที่เนื่องจาก ยังมีที่ดินรองรับมากเพียงพอ แต่อย่างไรก็ตามมนโยบาย ดังกล่าวทำ ให้เกิดความขัดแย้งในเชิงสังคมสูงมาก นอกจากนี้หลายครั้งยังนำไป สู่การเสียพื้นที่ป่าสองพื้นที่ เนื่องจากพื้นที่ใหม่ไม่มีความเหมาะสมใน การทำการเกษตรเท่าพืน้ ทีเ่ ก่าจึงเกิดการโยกย้ายกลับสูพ่ น้ื ทีเ่ ดิม นอก จากนี้ในการรับรองสิทธิในพื้นที่ทำกินใหม่ ทำให้เกิดการซื้อขาย เปลี่ยนมือที่ดินได้อย่างมีราคา ทำให้การขยายรุกป่าใหม่เกิดขึ้นเสมอ แต่อย่างไรก็ตามในภาวะปัจจุบันหลังจากมีการขยายการตั้งถิ่นฐาน ของประชาชนมากขึ้นทำให้แทบไม่มีความเป็นได้ในการย้ายชุมชน ออกนอกพืน้ ทีเ่ ดิมได้อกี ต่อไป ดังเช่นการจำเป็นต้องเกิดนโยบายทีจ่ ะ
ต้องอนุญาตให้คนอยู่ในพื้นที่เดิมดังมติ ครม. 2541 แต่อย่างไรก็ตาม พบว่าปัญหาการพิสูจน์สิทธิที่ดำเนินการโดยกรมอุทยานฯมักติดขัด ปัญหา จากการสำรวจฐานข้อมูลไม่มรี ายละเอียดเพียงพอ และหลายๆ พื้นที่ไม่สามารถทำตามกระบวนการได้จบ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ก็ตาม นอกจากนี้สาธารณะชนยังเกิดการยอมรับในวิถีการพึ่งพิงระหว่าง คนกับป่าที่สามารถอยู่ร่วมกันได้ดังเช่นวิถีของชาวกะเหรี่ยง และการ จัดการพื้นที่ให้สอดคล้องกับระบบนิเวศ ดังเช่นโครงการนำร่องและ โครงการป่าไม้แผนใหม่ ตลอดจนแนวคิดการให้สิทธิชุมชนในการจัด การป่าในกรณีของ พระราชบัญญัติป่าชุมชน จากสภาพปัญหาดังที่กล่าวมาแล้ว เพื่อให้การทำงานโครงการจัด การพืน้ ทีค่ มุ้ ครองอย่างมีสว่ นร่วมสามารถดำเนินงานแก้ไขปัญหาต่าง ๆในผืนป่า โดยยังรักษาหลักการเชิงระบบนิเวศไว้ให้ได้จึงจำเป็นต้อง ดำเนินงานสำรวจแนวเขตชุมชน เพื่อมุ่งเน้นการดูแลให้ผืนป่าที่เหลือ อยู่สามารถรักษาไว้ให้ได้ก่อน แล้วจึงหามาตรการในการฟื้นฟูระบบ นิเวศในพื้นที่ใช้ประโยชน์ของชุมชนอย่างเหมาะสมต่อไป 3.2 ชุมชนเป้าหมายในพื้นที่ การทำงานโครงการมีเป้าหมายสุดท้ายให้ชุมชนสามารถดำเนิน ชีวิตและมีแผนจัดการพื้นที่ร่วมกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรืออุทยาน แห่งชาติอย่างปกติสุข สามารถรักษาระบบนิเวศและฐานทรัพยากร ไว้ได้ โดยมีกลไกสำคัญ คือ คณะกรรมการที่ปรึกษาเขตรักษาพันธุ์
ในเบื้องต้น จากการทำงานศึกษาข้อมูลพื้นฐานชุมชนทั่วผืนป่า และการประสานงานกับ เจ้าหน้าที่ในแต่ละพื้นที่คุ้มครอง ได้กำหนด เป้าหมายการดำเนินงานในพื้นที่โครงการที่ได้วางแผนร่วมกันไว้แต่ เริ่มดำเนินโครงการโดยเห็นว่าการสำรวจแนวเขตพื้นที่ใช้ประโยชน์ จะมุ่งเน้นไปที่พื้นที่คุ้มครองที่มีกลุ่มบ้านเป็นจำนวนมากเพื่อแก้ปัญหาในภาพรวมก่อน แล้วจึงดำเนินการต่อในพื้นที่ขอบป่าต่อไป กลุ่ม เป้าหมายการดำเนินงานในผืนป่าได้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 10 กลุ่มพื้นที่ ดังนี้ 1. พื้นที่ใช้ประโยชน์ชุมชนทั้งหมดในอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า 2. กลุ่มบ้านกะเหรี่ยงในหุบลุ่มน้ำแม่จันในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ ป่าอุ้มผาง ประกอบด้วย บ้านกุยเลอตอ กุยต๊ะ กุยเคอะ พอกะทะ มอทะ หม่องกั๊วะ 3. กลุ่มบ้านกะเหรี่ยงในหุบลุ่มน้ำแม่จันในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ ป่าทุง่ ใหญ่นเรศวร ด้านตะวันออก ประกอบด้วย บ้านยูไนท์ กรูโบ แม่จันทะ ทิบาเก ช่องแป๊ะ และ ตะละโคร่ง 4. กลุ่มบ้านกะเหรี่ยงในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ประกอบด้วย บ้านจะแก ทิไร่ป้า ไล่โว่ สาลาวะ เกาะสะเดิ่ง สะเน่พ่อง กองม่องทะ 5. หมู ่ บ ้ า นบุ แ ม้ ว ปางสั ก ในพื ้ น ที ่ อ ุ ท ยานแห่ ง ชาติ แ ม่ ว งก์ หมู่บ้านเขาเขียว ห้วยร่วม กุดจะเลิศ อีซ่าพัฒนา ในพื้นที่ประชิด แนวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง
6. กลุ่มบ้านปิล็อคคี่ ในอุทยานแห่งชาติเขาแหลม 7. ชุมชนในพื้นที่เตรียมประกาศอุทยานแห่งชาติลำคลองงู 8. ชุมชนกะเหรีย่ งในพืน้ ทีอ่ ทุ ยานแห่งชาติศรีนครินทร์ฝง่ั ตะวันออก และอุทยานแห่งชาติพุเตย 9. ชุมชนในพื้นที่ อุทยานแห่งชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ และพื้นที่ เตรียมผนวก 10. หมู่บ้านแม่กระบุง ดงใหญ่ ดงเล็ก ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติศรีนครินทร์ฝั่งตะวันตก หมู่บ้านแม่น้ำน้อย และหาดงิ้ว ในอุทยาน แห่งชาติไทรโยค และหมู่บ้านเกาะบุก ลำอีซู ในพื้นที่ประชิดแนว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ในการดำเนินโครงการได้มีการหารือร่วมกันระหว่างสำนักงาน นวัตกรรมพืน้ ทีค่ มุ้ ครอง พืน้ ทีค่ มุ้ ครองข้างต้น และมูลนิธสิ บื นาคะเสถียร กำหนดพืน้ ทีช่ มุ ชนเป้าหมายจำแนกเป็น 2 ระดับการทำงานคือ ชุมชน เป้าหมายหลัก และ ชุมชนเครือข่าย ชุมชนเป้าหมายหลักเป็นชุมชนซึ่งมีที่ตั้งอยู่กลางพื้นที่ป่า และมี ความพร้อมในการดำเนินการโครงการ ทั้งเรื่องทัศนคติต่อโครงการ และความสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่คุ้มครอง ตลอดจนถึงขนาด ของชุมชนทีส่ ามารถดำเนินการได้สมั ฤทธิผ์ ล เหมาะสมภายใต้งบประ มาณโครงการ ในชุมชนเป้าหมาย หลักมีเป้าหมายการดำเนินการให้ สามารถ 1. เกิดข้อตกลงในแนวเขตการใช้ประโยชน์ทด่ี นิ ของชุมชนทีช่ ดั เจน และยอมรับร่วมกันทุกฝ่าย
JoMPA
สัตว์ปา่ และคณะกรรมการทีป่ รึกษาอุทยานแห่งชาติ ตลอดจนการประ สานความร่วมมือของภาคีที่เกี่ยวข้องอื่นๆ
27
เขตรักษาพันธุสัตวปาเขาสนามเพรียง
บานคลองเมือง บานทุงธารทอง บานไหลประดา บานคลองลึก บานวังชมภู บานผาผึ้ง บานเขาหมี บานดงชอม บานลำปาง บานใหมชัยมงคล บานน้ำตก บานหวยกุม บานไทรยอย บานปางสังกะสี บานมองาม บานหนองงาม บานสกบอน บานคลองลึก อุทยานแหงชาติคลองวังเจา บานไรพิจิตรบานปางขนุน บานทาดินแดง บานลานศิลา บานโละโคะ(กะเหรี่ยง) บานนาบอคำ บานคลองมดแดง บานโละโคะ(มง) บานมอเจริญ บานปาหมาก บานคลองสมุยบานหนองป งไก บานปาคา บานวุงกะสัง บานโปงน้ำรอน บานโปงน้ำรอน บานแมกลองนอย บานเพชรจะขอ บานเพชรนิยม บานแมกลองใหญ บานสุขสำราญ บ า นกะเหรี่ยงปางควาย บานแมกลองคี บานชัยมงคล บานศรีดอนชัย อุทยานแหงชาติคลองลาน บบาานคลองพลู นคลองเตย บานแมกระแซ บานสวนสม บ านปาสน บานยะแมะคี บานคลองลาน บานคลองนาข บานหนองหลวง าว บานแปลงสี่ บานเซอทะ บานยะโมคี บานปางเหนือ บ า นแม พ ช ื บานกลาทอ บานเดลอคี บานปางตาไหว บานคอโชทะ บานคลองปลาสรอย บานใหมพัฒนา บานกิ่วหาง บานอุมผางคี บานตากฟา บานนุเซะโปล บานแปโดทะ บานทรัพยเจริญ บานทรัพยตามิ่ง บานใหมธงชัย บานทีจอชี เขตรักษาพันธุสัตวปาอุมผาง บานใหมแมเรวา บานเกาะแกว บานคลองแบง บานปาพลู อุทยานแหงชาติแมวงก บานโขะทะ บานแมคลองคต บานแมละมุงคี บานนุโพ บานปางขาวสาร บานปะหละทะ บานกุยเลอตอ บานหนองตะเคียน บานเซปะหละ บานเปงเคิ้ง บานยอดหวยแกว บานทิโมจิ บานกุยตะ บานปางสัก บานเจ็ดรอยไร บานกุยเคอะ บานบุแมว บานใหมไรเจริญ บานมอตาลัว บานพอกะทะ บานสวนปา บานมอทะ บานแมกะสัง บ า นหม อ งกั ว ๊ หมูบาน บานเลตองคุ บานแกวอทะ บานเขาเขียว ผืนปาตะวันตก บานเขามะตูม บานไผงาม เขตรักษาพันธุสัตวปาทุงใหญนเรศวรดานตะวันออก บาน กม.53 บ า น กม.52 บานยูไนท บ า นบึ งเจริญ โบ บานตละโคลงบบาานกรู บานอางหวยดง นแมจันทะ บานพุจือ บานโปงมะคา บานเขาหินเทิน บานจะแกลาง บานแมจันทะเกาบานทิบาเก บานจะแกบน บานคีรีวงศ บานชองแปะ บานพุหมอง บานหัวนา เขตรักษาพันธุสัตวปาหวย ขาแขง บานทรัพยสมบูรณ บานซับปาพลูใหม บานทิไลปา บานคลองชะนีบน บานอีซาพัฒนา บานกุดจะเลิก บานคลองเคียน บานสาละวะ บานคอกควาย บานไซเบอร บานพระเจดียสามองค บานคลองแหง บานไลโว บานภูเหม็น บานปะไรโหนก เขตรักษาพันธุสัตวปาทุงใหญนเรศวรดานตะวันตก บานดง บานกระแหน บานซองกาเรีย บานน้ำพุ บานสะเนพอง บานโมราขา บานไรใหม บานหวยกบ บานตีนเขา บานเกาะเสดิ่ง บ า นปางสวรรค บานเวียกาดี้ บานชูแหละ บานใต บานกองมองทะ บานหวยมาลัย บานใหมอังวะ บานหมองสะเทอ บานคลองเสลา บานอีมาดอีทราย บานใหมพัฒนา บานทิโครง บานพุบอน อุทยานแหงชาติทองผาภูมิ บานเกาวังกะ บานลิเจีย บานไกรเกรียงบน บานเรดาร อุทยานแหงชาติพุเตย บานทินวย บานตะเพินคี่ บานองคพระ อุทยานแหงชาติเขาแหลม บานโชคดีสุพรรณ บานปาผาก บานพุของ บานไกรเกรียงลาง บานยางขาว วย บานปาขี อุทยานแหงชาติเขื่อนศรีนครินทร บานกล บานวังขยาย บานทิพุเย บานหวยหินดำ บานละวากกเชียง บานทุงเสือโทน บ า นปากลำ บ บ า นไปตาน า บานเกริงกาเรีย บานน้ำพุ บานหาหลัง านพุเจริญ บานเสากระโดง บานวังยาว บานหุบตาอน บานน้ำตก บานเยา บานคลิตี้ลาง บานทาขามสุด บานน้ำตกไทรทอง บานทุงนางครวญ บานทาเดื่อ บานองคหลุ บานละวาวังควาย บานปลอกคู บานชะอี บานหนองอีเตา บานพุหวาย บานทุงมะกอก บ า นตี น ตก บานใหมไรปา บานหวยแหง บานเจาที่ บานเขาพระอินทร บานวังโหรา บานวังกานเหลือง บานอูลอง ÍØ·ÂÒ¹áË觪ҵÔÅÓ¤Åͧ§Ù บานกลาง บานทาแพ บานปลอกคี่ บานใหม บานบึงชะโค บานวังเกียง บานหวยบานเกา บานไผสีทอง บานหนองไรปา บานปอมเปย บานแสวงบา บานเดาเสลา บ า นเขาหิ น ตั ง ้ บ า นภู เ ตย บ า นพุ ข อ ง บานองทิ บานสะพานลาว บานตนผึ้ง บานภูเตย บานเขาเหล็ก บ า นเสาหงส บ า นดงกลาง บ า นไร บานอีตอง บานดงเล็ก บานหวยปากคอก บานปรังกาสี บานทาลำใย อุทยานแหงชาติเฉลิมรัตนโกสินทร์ บานอีปู บานดงเสลาเกา บานสามหลัง บานรวมใจ บานหินแหลม บ า นท า แพขนานยนต บานดงโครงบานพุกอง บานองเผาะ บานทามะเดื่อ บานพุมวง บานโปงชาง บ า นนิ ค ฮ ู ุ บ า นดงเสลา บ า นพุ ต ะมา านลิ่นถิ่น บานหวยเขยง บานกุยบเหย บานโปงหวาย บ า นปากป า สวน บ า นพุ น ำ ้ ใส บานตาทะ บานประจำ บานไรปา บานหมองกะลา บานทาน้ำ บานดานแมแฉลบ บานชะเย บานพุลอ บานน้ำมุด บานหาดแตงบานทาขนุน บานลำอีซู บานแกงจอ บานหนองแกใน บานแมกระบุง บานสองสลึง บานตนมะพราว บานพุนอย บ า นพุ น ำ ้ เปรี ย ้ ว บานพุชะนี บานโปงรี บานถ้ำดาวดึงส บานหวยตลก บานทุงนา บานทากระดาน บานแมน้ำนอย บานลำดวน บานเกาะบุก อุทยานแหงชาติไทรโยค บานทุงนา เขตรักษาพันธุสัตวปาสลักพระ บานแกงประลอม บานกลาง บานพุถาด บานแกงแคบ บานหาดงิ้ว าพุทรา งชาติเอราวัณ บบานท บานพุเตย อุบทายานแห านหมอเฒา นแกงละวา บานลำอีโลก บ า นพุ ต ะเคี ย น บานบองตี้นอย บานทองชาง บานชองสะเดา บานปากคลอง บานชองเหลา บานแกงระเบิด บานทาเสา บานวังกลา บานหนองประชุม บานโปงปด บานคีรีวงศ บานพุพัง บานพุมวง บานลำโองฟา บานหินดาด บานทามะนาว บานวังจาน บานหนองหอย บานวังดง
รูปที่ 6 แสดงที่ตั้งชุมชนเป้าหมายในผืนป่าตะวันตก
บานบุงตะคลอ
JoMPA 28
คำอธิบายสัญลักษณ
2. เกิดคณะกรรมการของชุมชนในการบริหารจัดการทรัพยากรภาย ในแนวเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินของชุมชน และร่วมกับเจ้าหน้า ที่พื้นที่อนุรักษ์ในการดูแลพื้นที่ป่าโดยรอบชุมชน 3. เกิดกิจกรรมหนุนเสริมให้ให้ชุมชนรักษาทรัพยากรและกิจกรรม หนุนเสริมวิถีชีวิตที่ลดการพึ่งพิง ทรัพยากรในผืนป่า 4. ชุมชนมีกระบวนการจัดทำแผนที่จัดการทรัพยากรชุมชน และ เกิดกิจกรรมชุมชนสอดคล้องตามแผนการจัดการทรัพยากร 5. ชุมชนกับเจ้าหน้าที่อนุรักษ์มีความเข้าใจอันดีต่อกัน และร่วมกัน ทำงานเพื่อการรักษาทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่แห่งนี้ต่อไป ส่วนชุมชนเครือข่าย เป็นชุมชนซึง่ อาจมีทต่ี ง้ั อยูบ่ ริเวณคาบเกีย่ วแ นวเขตพืน้ ที่ หรืออาจมีอปุ สรรคบางประการในการดำเนินโครงการ เช่น ทัศนคติของชุมชนต่อโครงการ สภาพปัญหา และขัดแย้งกับเจ้าหน้า ที่ในพื้นที่คุ้มครองซึ่งยังไม่สามารถเข้าดำเนินการได้ในระยะต้น ตลอ ดจนถึงขนาดของชุมชนที่มีประชากรและพื้นที่มากเกินความเหมาะส มของบุคลากรและงบประมาณ แต่อย่างไรก็ตามในชุมชนเครือข่ายมีเ ป้า หมายการดำเนินการให้สามารถ 1. เกิดเวทีทำความรู้จักเพื่อเพิ่มความเข้าใจต่อกันระหว่างชุมชนกั บพื้นที่คุ้มครอง 2. เกิดกิจกรรมหนุนเสริมให้ให้ชุมชนเกิดแนวคิดการรักษาทรัพยา กรและกิจกรรมหนุนเสริมวิถีชีวิตที่ลดการทำลายทรัพยากรในผื นป่า 3. มีการสำรวจแนวเขตร่วมกันในเบื้องต้นเพื่อนำไปสู่การหาข้อตก ลงในการจัดการพื้นที่ต่อไป 4. ชุมชนกับเจ้าหน้าทีอ่ นุรกั ษ์เริม่ มีความเข้าใจอันดีตอ่ กัน และมีแน วทางร่วมกันทำงานเพือ่ การรักษา ทรัพยากรธรรมชาติในพืน้ ทีแ่ ห่งนี้ต่อไป 3.3 ผลการสำรวจแนวเขตพืน้ ทีใ่ ช้ประโยชน์ชมุ ชน ตามกระบ วนการจัดการพื้นที่คุ้มครองอย่างมีส่วนร่วม การสำรวจแนวเขตชุมชน เพื่อมุ่งเน้นการดูแลให้ผืนป่าโดยรอบสา มารถรักษาไว้ให้ได้กอ่ น แล้วจึงหามาตรการในการฟืน้ ฟูระบบนิเวศใน
พืน้ ทีใ่ ช้ประโยชน์ของชุมชนอย่างเหมาะสมในการสำรวจพืน้ ทีใ่ ช้ประโ ยชน์ชุมชนในโครงการจัดการพื้นที่คุ้มครองอย่างมีส่วนร่วมได้เสนอแ นวคิดพื้นฐานในการดำเนินงานได้ดังนี้ :1. การสำรวจแนวเขตใช้ประโยชน์ชมุ ชนมิได้เป็นการสำรวจเพือ่ ออ กเอกสารสิทธิให้บุคคลใด แต่ดำเนินการเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อ งเป็นปัจจุบันในการนำมาปรึกษาหารือร่วมกันของภาคีที่เกี่ยวข้ องเพื่อนำไปสู่การจัดการที่เหมาะสมตามแต่สถานะภาพ และสถ านการณ์ที่เป็นไปได้ในแต่ละพื้นที่ต่อไป 2. การสำรวจข้อมูลแนวเขตเน้นในวงรอบนอก เพือ่ ยึดหลักว่าจะรัก ษาบริเวณผืนป่าใหญ่ให้ได้ทนั เสียก่อน มิเช่นนัน้ จะทำให้เกิดการ ล่าช้าและกระทบต่อทรัพยากรป่าผืนใหญ่อย่างไม่ทันการ ทั้งนี้อ าจปรากฏข้อมูลเป็นกลุม่ พืน้ ทีก่ ระจายอยูไ่ ด้ซง่ึ เป็นข้อมูลทีเ่ ป็นจ ริง 3. เกิดกลไกการสำรวจข้อมูลการใช้ทด่ี นิ ของชุมชนทีม่ สี ว่ นร่วมจาก ชุมชน และเจ้าหน้าที่พื้นที่คุ้มครอง โดยจำเป็นต้องให้ชุมชนสำร วจข้อมูลที่เป็นปัจจุบันของชุมชนก่อน และร่วมพิจารณาหลักกา รร่วมกับฝ่ายรัฐ เพือ่ นำไปสูก่ ารร่วมเดินหมายแนวเขตทีไ่ ด้รบั กา รยอมรับจริง ทั้งนี้ควรสนับสนุนให้เกิดคณะกรรมการชุมชน แล ะเจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานกิจการชุมชนทำงานร่วมกัน ในการดำเนินงานตามแนวคิดดังกล่าวมุง่ สูก่ ารจัดทำผลการสำรวจ จัดทำบนฐานข้อมูลแผนทีภ่ มู ปิ ระเทศและภาพจากดาวเทียม Landsat มาตราส่วน 1:50,000 สำรวจพิกัดในระบบ UTM (WGS 84) จัดเก็บใ นระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) โดยหวังว่าจะใช้ผลการสำรวจดัง กล่าวนำไปสู่การหารือข้อตกลงเบื้องต้น 3 ประการ ได้แก่ :1. การรักษาแนวเขตใช้ประโยชน์ชุมชน เพื่อรักษาทรัพยากรป่าไม้ ให้มีความสมบูรณ์ต่อไป 2. พืน้ ทีป่ า่ ภายในเขตพืน้ ทีใ่ ช้ประโยชน์ชมุ ชน จะได้รบั การดูแลเพือ่ ให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างเหมาะสม และให้คงสภาพดังที่เป็น อยู่ในปัจจุบันต่อไป 3. ชุมชนจะร่วมกับเจ้าหน้าที่พื้นที่คุ้มครองดูแลทรัพยากรป่าไม้ แหล่งน้ำ ที่ดินและสภาพแวดล้อมให้ดำรงอยู่สมบูรณ์ตลอดไป
ตารางที่ 1 แสดงชุมชนเป้าหมายหลัก และชุมชนเครือข่าย
ในโครงการจัดการพื้นที่คุ้มครองอย่างมีส่วนร่วม ในผืนป่าตะวันตก พ.ศ. 2549 - 2551 ¨»n¤ ¸É Á ¦´ ¬µ¡´ »r´ ªr iµ( .) ¨³ ºÉ° »¤ Á jµ®¤µ¥®¨´ °» ¥µ ®n µ · (° .) (18 »¤ ) 1
° . ¨° ª´ Á oµ
è³Ã ³, ª»o ³´
2
.°»o¤ µ
3
. »n Ä® n Á¦«ª¦ oµ ³ª´ °° . »n Ä® n Á¦«ª¦ oµ ³ª´  ª ´ ° .¤nª r ¨³ .®oª¥ µÂ o ° .Á µÂ®¨¤ ° .¨Îµ ¨° ¼
®¤n° ´Êª³ ( ª° ³, ¤° ³) ³¨³Ã n , ¦¼Ã
4 5 6 7 8 9 10
Á µ³³Á ·É , ° ¤n° ³ »Â¤oª Á µÁ ¸¥ª ®oª¥¦nª¤ °¸ nµ¡´ µ » ³Á¨·« d¨p° ¸É »n µ ¦ª ¨· ¸Ê¨nµ ®oª¥®· ε
° .Á ºÉ° «¦¸ ¦· ¦r {~ ³ª´ °° ¨³° .¡»Á ¥ ° .Á ¨·¤¦´ à · ¦r Á µÁ®¨È ¨³¡ºÊ ¸ÉÁ ¦¸¥¤ ª ° .Á ºÉ° «¦¸ ¦· ¦r {~ ³ª´ . ¤n ¦³ » ¨´ ¡¦³ ¨³° .Å ¦Ã¥
®¤µ¥Á® » : Á ¥µ¥ ªµ¤ ·
ºÉ° »¤ Á ¦º° nµ¥ (37 »¤ )
®¤µ¥Á® »
iµ®¤µ , µ ¹Ê , µ ´ ³¸, iµ µ »¥ p³ , »¥Á ¨°³, »¥Á¨° °, ¡° ³ ³ n°  k³, ³¨³Ã ¨n ,¤n ´ ³ Á nµ,¤n ´ ³Ä®¤n,¥¼Å r ·Å¦n jµ,³Á ¡n° ,, ³Â
¥´ Á®¨º°°¸ ªnµ 10 »¤ -
d¨È° ¼,n °µ¤ o ³°¸,Ê £¼Á ¥, ®oª¥Áº°
Á®¨º°°¸ 4 »¤ :Ũnên µ¨µª³ ¡» º°, »®¤n° ¤ . ε¨´ ε µ Á¡·É¤Á ·¤ ´ »¤ °º É Ç ¨°  ª Á®¨º°Ã °n° Á®¨º°³¡µ ¨µª £¼Á ¥
Êε¡» ³Á¡· ¸,É iµ µ
Á®¨º°Å ¦Á ¦¸¥
¹ ³Ã , ª nµ, ¸ , oµ ¨µ ,¡» ¨° Á¨È , ¨µ , ° ®¨» Á µ³ » ,®µ ·Êª,¤n µÊÎ o°¥
-
µ ´
: ° µ£¼¤,· ¨° ¨µ , Á µ µ¤Á¡¦¸¥ : Á°¦µª´ ¤¸Ã ¦ µ¦ ε¦n° ¹É ¤¸ oµ Á µÂ n Á¦¸¥ Á } ´ª°¥nµ ¨oª : »¤ Ä º iµ ³ª´ ¸É ¤ . ŤnÅ oÁ oµÅ ε µ Á®¨º° ¦³¤µ 45 »¤
¥´ Á®¨º°°¸ ªnµ 30 »¤
ºéÒ¹¼Ò¼Öé§
ชุมชนเคริอขาย 37 ชุมชน ชุมชนในผืนปาตะวันตก ผืนปาตะวันตก
ºéÒ¹¡ØÂàÅÍµÍ ºéÒ¹¡ØµêÐ ºéÒ¹»Ò§ÊÑ¡ ºéÒ¹¡ØÂà¤êÍÐ ºéÒ¹¾Í¡Ð·Ð ºéÒ¹ËÁͧ¡ÑêÇ ºéÒ¹ºØáÁéÇ (ÁÍ·Ð,á¡ÇÍ·Ð) ºéÒ¹à¢Òà¢ÕÂÇ ºéÒ¹ÂÙä¹·ì ºéÒ¹µÐÅÐâ¤Åè§ ºéÒ¹¡ÃÙ⺠ºéÒ¹áÁè¨Ñ¹·Ð(ãËÁè-à¡èÒ) ºéÒ¹·ÔºÒà¡ ºéÒ¹¨Ðá¡ ºéÒ¹ËéÇÂÃèÇÁ ºé Ò ¹ªè Í §á»êÐ ºéÒ¹·ÔäÅè»éÒ ºéÒ¹¡Ø´¨ÐàÅÔÈ ºéÒ¹ÊÒÅÒÇÐ ºéÒ¹ÍÕ«èҾѲ¹Ò ºéÒ¹äÅèâÇè ºéÒ¹ÊÐ๾èͧ ºéÒ¹à¡ÒÐàÊ´Ôè§ ºéÒ¹¡Í§Áèͧ·Ð
ºéÒ¹»ÔÅêÍ¡¤Ùè ºéÒ¹»ÍÊÒÁµé¹ ºéÒ¹»ÔÅêÍ¡¤Õè
ºéÒ¹µÐà¾Ô¹¤Õè ºéÒ¹»èÒ¼Ò¡ ºéÒ¹·Ø觹ҧ¤ÃÇÞ ºéÒ¹ËéÇÂËÔ¹´Ó ºéÒ¹¹éÓ¾Ø ºéÒ¹¤ÅÔµÕéÅèÒ§ ºéÒ¹µÕ¹µ¡ ºéÒ¹ªÐÍÕé ºéÒ¹¡ÅÒ§ ºéÒ¹ºÖ§ªÐ⤠ºéÒ¹áÊǧºèÒ ºéÒ¹ÀÙàµÂ ºéÒ¹¾Ø¢èͧ ºéÒ¹´§¡ÅÒ§ ºé Ò¹à¢ÒàËÅç¡ ºéÒ¹´§àÅç¡ ºéÒ¹áÁè¡Ãкا ºéÒ¹áÁè¹éÓ¹éÍÂ
ºéÒ¹à¡Òкء
ºéÒ¹ËÒ´§ÔéÇ
JoMPA
ชุมชนเปาหมายหลัก 18 ชุมชน
รูปที่ 7 แสดงชุมชนเป้าหมายหลัก และชุมชนเครือข่าย
คำอธิบายสัญลักษณ
ในโครงการจัดการพื้นที่คุ้มครองอย่างมีส่วนร่วม ในผืนป่าตะวันตก
ºéÒ¹»Ò§Êѧ¡ÐÊÕ ºéÒ¹âÅÐâ¤Ð ºéÒ¹»èÒËÁÒ¡ ºéÒ¹ÇØ駡ÐÊѧ ºéÒ¹»èÒ¤Ò
31
ตารางที่ 2 แสดงชุมชนที่มีการสำรวจพื้นที่ใช้ประโยชน์ชุมชน ในผืนป่าตะวันตกในการดำเนินการจนถึงปัจจุบัน (กันยายน 2550)
¨»n¤ ¸É Á ¦´ ¬µ¡´ »r´ ªr iµ( .) ¨³°» ¥µ ®n µ · (° .) 1 2 3
4
5 6 7 8
9
10
° . ¨° ª´ Á oµ .°»o¤ µ
妪 ¡ºÊ ¸É¨³ ´ ¦³ »¤Â¨oª (Ô× »¤ )
°¥¼n¦³®ªnµ µ¦ εÁ · µ¦
è³Ã ³ ª»o ³´ iµ®¤µ , µ ¹Ê , iµ µ ®¤n° ´Êª³ ( ª° ³, ¤° ³) »¥ p³, »¥ Á ¨°³, »¥Á¨° °, ¡° ³ ³ . »n Ä® n Á¦«ª¦ · µÁ , ¦¼Ã , n°  k³, ³¨³Ã ¨n , oµ ³ª´ °° ¤n ´ ³Á nµ, ¤n ´ ³Ä®¤n, ¥¼Å r . »n Ä® n Á¦«ª¦ Á µ³³Á ·É , ° ¤n° oµ ³ª´ ³ ·Å¦n jµ, ³Á ¡n° , ³  µ ´  ª ´ ° .¤nª r ¨³ . »Â¤oª Á µÁ ¸¥ª ®oª¥ µÂ o ®oª¥¦nª¤ °¸ nµ¡´ µ » ³Á¨·« ° .Á µÂ®¨¤ d¨p° ¸É d¨È° ¼,n °µ¤ o ° .¨Îµ ¨° ¼ »n µ ¦ª ®oª¥Áº° ³°¸Ê ¨· ¸Ê¨nµ £¼Á ¥ iµ µ ° .Á ºÉ° «¦¸ ¦· ¦r {~ ³ª´ °° ®oª¥®· ε Êε¡» ³Á¡· ¸,É ¹ ³Ã , ¨³ ° .¡»Á ¥ ¸ , oµ ¨µ , ¡» ¨° (¡ºÊ ¸É {~ ° .«¦¸ ¦· ¦r) ° .Á ¨·¤¦´ à · ¦r ¨³¡ºÊ ¸É Á µÁ®¨È , ª nµ ¹ ³Ã ¸ , oµ Á ¦¸¥¤ ª ¨µ ,¡» ¨° (¡ºÊ ¸É {~ Á ¦¸¥¤ ª ° . Á ¨·¤ ¦´ à · ¦r) ° .Á ºÉ° «¦¸ ¦· ¦r {~ ³ª´ ¨³ ¤n ¦³ » Á¨È , ¨µ ,° ®¨» .¨´ ¡¦³ ° .Å ¦Ã¥ ,Á µ³ » ,®µ ·Êª,¤n Êε o°¥
Á jµ®¤µ¥ µ¦ ε µ Ä ¦³¥³ n°Å µ ´ ³¸ °¸ ªnµ 10 »¤ -
Ũnên µ¨³ª³ ¡» º° ¡»®¤n°
à °n° ³¡µ ¨µª £¼Á ¥
-
¥´ Á®¨º°°¸ ªnµ 30 »¤
รูปที่ 8 แผนที่แนวสำรวจพื้นที่ใช้ประโยชน์ชุมชนคลิตี้ล่าง
JoMPA
ต. ชะแล อ. ทองผาภูมิ จ. กาญจนบุรี
33
จนถึงปัจจุบัน (2551) การดำเนินโครงการสามารถสำรวจพื้นที่ใช้ ประโยชน์ชุมชนและจัดประชุมเพื่อบันทึกข้อตกลงเบื้องต้นในพื้นที่เป้ าหมายได้ 36 ชุมชน ดังตารางที่ 2 3.4 กิจกรรมหนุนเสริมชุมชนให้มีวิถีชีวิต เป็นมิตรกับผืนป่า จากการเรียนรู้และจำแนกกิจกรรมที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหาพื้นที่ ใช้ประโยชน์ชมุ ชนสามารถแบ่งกิจกรรมทีไ่ ด้หนุนเสริมชุมชนออกเป็น 3 ขั้นตอน ได้แก่ 1. กิจกรรมแก้ไขปัญหาพืน้ ฐานชุมชน มีสาระสำคัญใน 3 ประเด็น คือ แนวเขตที่ทำกิน แนวเขตป่าหมู่บ้าน และ ปัจจัยพื้นฐานใน ชีวติ ประจำวัน เช่น อาหาร แหล่งน้ำ ทีอ่ ยูอ่ าศัย อุปกรณ์การเกษตร หนี้สิน เงินทุนหมุนเวียน 2. กิจกรรมการพัฒนาชุมชน มีสาระสำคัญใน 3 ประเด็นคือ การ พัฒนาทางกายภาพในเชิงสาธารณูปโภค สาธารณูปการ ต่างๆ การพัฒนาทางการศึกษาและวัฒนธรรม และการพัฒนาศักยภาพ ของคนและกลุ่มกิจกรรม 3. กิจกรรมที่นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งสร้างพื้นฐานให้ ปรับวิถีเกษตรเชิงเดี่ยวเป็นเกษตรผสมผสานรูปแบบต่างๆ การสนับสนุนกิจกรรมทั้งสามขั้นตอนสามารถนำมาสรุปเป็นแผน ภูมิเพื่อสร้าง ต้นแบบ (Model) การทำงานกับชุมชนของโครงการได้ ดังตัวอย่างแผนภูมิ Model ชุมชนคลิตี้ล่าง ในรูปที่ 9
JoMPA 34
ในภาพรวมของพื้นที่ผืนป่าตะวันตก มีกิจกรรมการอนุรักษ์ธรรม ชาติและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญเกิดขึ้นหลายโครงการ ตัวอย่างทีส่ ำคัญ คือ กิจกรรมจัดตัง้ พืน้ ทีอ่ นุรกั ษ์ในเขตชุมชน กิจกรรม การเฝ้าระวังทรัพยากรธรรมชาติในรูปแบบคณะกรรมการและอาสา
สมัคร กิจกรรมลดรายจ่ายในครัวเรือน ตัวอย่างที่สำคัญคือ การส่งเสริม ให้ชุมชนผลิตน้ำยาซักล้างและจัดตั้งกลุ่มผลิตน้ำยาซักล้าง สนับสนุน การเลีย้ งปลาบ่อ การตัง้ กลุม่ ผูท้ ำเกษตรอินทรี สนับสนุนผูเ้ ลีย้ งหมูหลุม สนับสนุนการปลูกไม้ยืนต้นรอบที่อยู่อาศัย สนับสนุนกองทุนพริกแลกเกลือ สนับสนุนกลุม่ ออมทรัพย์ สนับสนุน บ้านเรียนรู้เกษตรผสมผสาน และศูนย์กสิกรรมธรรมชาติ สนับสนุน โรงตีมีดชุมชน นอกจากนี้ยังเกิดกิจกรรมพาชุมชนไปศึกษาดูงานด้านเกษตร ธรรมชาติ กิจกรรมลดรายจ่าย กิจกรรมการอนุรักษ์ธรรมชาติ หลาย กิจกรรมทั่วทั้งพื้นที่เป้าหมาย จากการทำงานกับชุมชนเป้าหมาย พบว่าในชุมชนต่างๆ มีความ แตกต่างกันของวิถีวัฒนธรรม และวิถีอาชีพ จนถึงปัจจุบันพบการทำ งานที่พอจะยกตัวอย่างเป็นต้นแบบ (Model) ในการสรุปบทเรียน และ นำไปปรับใช้กับการทำงานกับชุมชนอื่นๆต่อไปได้ ได้ที่บ้านคลิตี้ล่าง และหมูบ่ า้ นทุง่ นางครวญ ในอุทยานแห่งชาติลำคลองงู บ้านแม่กระบุง ในอุทยานแห่งชาติเขือ่ นศรีนครินทร์ บ้านเขาเหล็ก ในอุทยานแห่งชาติ เฉลิมรัตนโกสินทร์ บ้านทิไร่ปา้ และบ้านกองม่องทะ ในเขตรักษาพันธุ์ สัตว์ปา่ ทุง่ ใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก บ้านปิลอ็ กคี่ ในอุทยานแห่งชาติ เขาแหลม บ้านห้วยหินดำ ในอุทยานแห่งชาติพุเตย บ้านเขาเขียว บ้านอีซ่าพัฒนา บริเวณแนวขอบเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง บ้านกะเหรี่ยงโละโคะ และบ้านวุ้งกะสัง ในอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า บ้านหม่องกั๊วะ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง บ้านเกริงโบ ใน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันออก
รูปที่ 9 แสดงตัวอย่างแผนภูมิ Model ชุมชนคลิตี้ล่าง ในพื้นที่เตรียมประกาศอุทยานแห่งชาติลำคลองงู
เป้าหมาย : ชุมชนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ และองค์กรเครือข่ายต่างๆ ที่เข้ามาช่วยกันสนับสนุนข้อมูล คำแนะนำและดำเนินกิจกรรม อันเป็นประโยชน์ และชุมชนมีความเข้มแข็ง สามารถวางแผนและกำหนดทิศทางการดำรงวิถีอยู่ได้อย่างเป็นปกติสุขด้วยตนเอง ผลการดำเนินงานภายใต้โครงการจอมป่า บ้านคลิตี้ล่าง : ชุมชนให้การยอมรับการทำงานร่วมกับอุทยานฯ มากขึ้น จนเกิดกระบวนการสำรวจพื้นที่ ใช้ประโยชน์ชุมชนอย่างมีส่วนร่วมและนำไปสู่การมีแนวเขตที่ชัดเจนและยอมรับร่วมกันทุกฝ่าย ขณะเดียวกันความเจ็บป่วยทางกายของคนในชุมชน ได้รับการเยียวยามากขึ้น ภายในชุมชนเองมีการฟื้นฟูประเพณีวัฒนธรรมของชุมชนจนเกิดการรวมกลุ่มทำกิจกรรมเพื่อการดูแลช่วยเหลือกันเอง ในชุมชน และเริ่มมีการปรับการทำเกษตรและอาชีพให้สอดคล้องเหมาะสมกับวิถีวัฒนธรรมชุมชนกลางป่าใหญ่
อบรมการศึกษาดูงานการทำ เกษตรอินทรีย์ / แปลงผักอินทรีย์ / ปลูกผักปลอดสารพิษ / สวนสมุนไพร
คนอยู่ได้ ป่าอยู่ได้ สัตว์อยู่ได้
กลุ่มเยาวชนอนุรักษ์
เกษตรสี่ชั้น
คุณภาพชีวิต
ชุมชนอยู่ดี มีสุข สุขอนามัย
ได้รับการเยียวยา / สุขภาพแข็งแรง
• • •
บุคลากร
ปัจจัยความเป็นอยู่
วัฒนธรรมชุมชน
การปลูกพืชเชิงเดี่ยว การใช้สารเคมี ความเป็นอยู่
ทรัพยากร
•
มีความขัดแย้งเรื่อง การทำไร่หมุนเวียน
ข้อมูลชุมชน สำรวจพื้นที่ ร้านค้าชุมชน โรงสีชุมชน
สวนสี่ชั้น
• •
ทำแนวเขตผ่อนปรน แผนที่ / กฏกติกา
กลุ่มอินทรีย์ ปลูกผักอินทรีย์ กลุ่มสมุนไพรอินทรีย์
รำวง, การแต่งกายชุด กระเหรี่ยงในวันสำคัญ
ที่ทำกิน • • •
ปัจจัยเกื้อหนุน : 1. มีกลุ่มแกนนำชุมชนที่มีความ ตั้งใจทำงานเพื่อชุมชน 2. มีโครงการพื้นที่ผ่อนปรนเข้า มาแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน 3. มีองค์กร เครือข่ายต่างๆช่วย สนับสนุน
ฟื้นฟูประเพณี
• •
มีการใช้ทรัพยากรจากป่า ใช้สารเคมี
ปลูกป่า / ฟื้นฟูป่าต้นน้ำ / บวชป่า กลุ่มปุ๋ยอินทรีย์ • •
ปลูกผักปลอดสารพิษ
แปลงผักอินทรีย์ สวนสมุนไพร
บ้านคลิตี้ล่าง หมู่ 4 ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี : เป็นชุมชนเชื้อสายกระเหรี่ยง(โพล่ว) ที่อยู่ในพื้นที่ใจกลางป่าของอุทยานแห่งชาติเตรียม ประกาศลำคลองงู มากว่า 150 ปี ชุมชนได้รับผลกระทบจากการปนเปื้อนของสารตะกั่วในลำห้วยทำให้สุขภาพอ่อนแอ มีภาวะโรคแทรกซ้อน บางคนเกิดมาพิการ คนในชุมชนจึงรวมกลุม่ กันต่อสูเ้ รียกร้องให้หน่วยงานต่างๆ ทีเ่ กีย่ วข้องเข้ามาแก้ไขปัญหาโดยตลอด ขณะเดียวกันชุมชนก็ประสบ ปัญหาเรื่องการใช้พื้นที่ทำไร่ข้าวหมุนเวียน และการขยายพื้นที่เพื่อปลูกข้าวโพด ก่อให้เกิดความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ถึงขั้นรุ่นแรง ชุมชนจึงมี แนวคิดให้ผู้เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินไร่หมุนเวียน โดยนำเสนอปัญหาผ่านเวทีประชุมคณะกรรมการอนุรักษ์ผืนป่าตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี
JoMPA
อุปสรรค : 1. นโยบายด้านการพัฒนาทีส่ ง่ ผล ถึงการเปลี่ยนแปลงวิถีวัฒนธรรม 2. ปัญหาด้านสุขภาพอ่อนแอจาก สารตะกั่ว 3. ขาดผู้นำที่เป็นทางการเนื่อง จากเป็นกลุ่มบ้าน
35
JoMPA เครือข่ายวิทยากร
JoMPA
กระบวนการชุมชนในพื้นที่
37
เครือข่ายวิทยากรกระบวนการชุมชนในพื้นที่ JoMPA 38
การทำงานร่วมกับชุมชน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีเวทีประชุม หารือเรื่องต่างๆทั้งที่เป็นทางการและ ไม่เป็นทางการ ปัญหาและอุปสรรค์สำคัญของการทำงานกับชุมชนคือ ช่องว่างของการสื่อสารระหว่างผู้ ปฏิบัติงานที่มักจะเป็นเจ้าหน้าที่ของอุทยานแห่งชาติ ซึ่งมีหน้าที่ต้องตรวจตราและจับกุมผู้กระทำผิดตาม พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ ซึ่งโดยพื้นฐานการทำงานแล้วทำให้เจ้าหน้าที่และชุมชนมีความรู้สึกเป็น ฝ่ายตรงกันข้ามกัน ดังนั้นการทำงานร่วมกับชุมชนในการจัดการพื้นที่คุ้มครองอย่างมีส่วนร่วมจึงจำเป็น ต้องมีกระบวนการปรับทัศนคติของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในทุกฝ่ายให้สามารถเกิดเวทีประชุมปรึกษาหารือ ร่วมกันได้ ตามข้อกำหนดโครงการจัดการพื้นที่คุ้มครองได้กำหนดให้มีกิจกรรมเสริมศักยภาพผู้ปฏิบัติงานในชุม ชนในลักษณะของเทคนิควิทยากรกระบวนการ (Facilitator) ที่สามารถจัดการประชุมระหว่างส่วนต่างๆ ที่ เกีย่ วข้องกับชุมชนให้เกิดกระบวนการแลกเปลีย่ นความคิดเห็นจัดเตรียมประเด็นหารือ ดำเนินกระบวนการ ประชุมอย่างสร้างสรรค์ นำไปสู่แนวทางแก้ไขปัญหาที่มีมายาวนานร่วมกัน ในการดำเนินโครงการครั้งนี้มูลนิธิสืบนาคะเสถียรเป็นฝ่ายรับผิดชอบการจัดอบรมเสริมศักยภาพบุคลากรที่เกี่ยวข้อง และสร้างเครือข่ายทีมวิทยากร ในพื้นที่และเครือข่ายเชื่อมโยงไปยังพื้นที่อื่น โดยมีองค์ ประกอบจากตัวเจ้าหน้าที่ภาคสนามของมูลนิธิสืบนาคะเสถียร เจ้าหน้าที่พื้นที่คุ้มครองที่มีหน้าที่รับผิด ชอบพื้นที่โดยตรง และขยายเครือข่ายไปสู่เจ้าหน้าที่ในส่วนอื่นๆ รวมถึงตัวแทนชุมชนที่มีความสนใจที่จะ ร่วมทำงาน ในส่วนการเสริมสร้างความรู้และเทคนิค มูลนิธิสืบนาคะเสถียรได้จัดให้มีการอบรมในเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง และจัดประชุมหารือเพือ่ แลกเปลีย่ นประสบการณ์ทำงานในพืน้ ทีต่ า่ งๆเป็นระยะๆ อย่างสม่ำเสมอ ตารางที่ 3 สรุปการจัดอบรมงานวิทยากรกระบวนการที่สำคัญในโครงการจัดการพื้นที่คุ้มครองอย่างมีส่วนร่วมโดย มูลนิธิสืบนาคะเสถียร
ตารางที่ 3 สรุปการจัดอบรมงานวิทยากรกระบวนการ
สำหรับบุคลากรผืนป่าตะวันตกในโครงการจอมป่า โดยมูลนิธิสืบนาคะเสถียร Á ºÊ°®µ µ¦ f ° ¦¤
¼oÁ oµ° ¦¤
¨ ¸ÉÅ o¦´
ª· ¥µ ¦ ¦³ ª µ¦ »¤ (15-18 . .47/ «¦¸ »¤¨° Á ¥r ¦¸°¦r ) ª· ¥µ ¦ : d¥³ ¡ª ε¨¸Â¨³ ³
 εÁ oµ® oµ ¸É µ ¡ºÊ ¸É »o¤ ¦° µ ¡ºÊ ¸É ¸É ¤¸ ¦³ µ¦ r¡ºÊ µ ε µ ´ »¤ / Á oµ® oµ ¸É£µ µ¤¤¼¨ · ·º µ ³Á ¸¥¦ ( ε ª 2 ) ´ªÂ Á oµ® oµ ¸É¡ºÊ ¸É »o¤ ¦° ´Ê 17 ¡ºÊ ¸É ¹É o° ε µ Á ¸É¥ª o° ´ à ¦ µ¦ °¤ iµ/ . £µ µ¤Â¨³Îµ ´ µ ¤¼¨ · ·º µ ³Á ¸¥¦ ( ε ª 60 )
Á · Á ¦º° nµ¥ ¦³µ µ¦ ε µ Ä ¡ºÊ ¸É »o¤ ¦° nª Ä® n ¨³µ¤µ¦ Á¦·¤É µ¦ ´ ¦³ »¤Áª ¸ »¤ nµ Ç°¥nµ ¤¸ ¦³· ·£µ¡ Á · Á ¦º° nµ¥ª· ¥µ ¦ ¦³ ª - µ¦ ¦³®ªnµ ¤¼¨ · ·º ²Â¨³¡ºÊ ¸É »o¤ ¦° ¦ » ¡ºÊ ¸É ®¨µ¥¡ºÊ ¸É ¨° Ä o ª µ  »¤ Å ¦³¥» rÄ µ¦ ε µ
´ªÂ Á oµ® oµ ¸É¡ºÊ ¸É »o¤ ¦° ´Ê 17 ¡ºÊ ¸É ¹É ε µ Á ¸É¥ª o° ´ à ¦ µ¦ °¤ iµ ¨³ . ¤¼¨ · ·²( ε ª 70 ) Á oµ® oµ ¸É¡ºÊ ¸É ¤»o ¦° ´Ê 17 ¡º Ê ¸É ¹É ε µ Á ¸É¥ª o° ´ à ¦ µ¦ °¤ iµ / Á oµ® oµ ¸É £µ µ¤¤¼¨ · · º µ ³Á ¸¥¦ ( ε ª 40 )  εÁ oµ® oµ ¸É¡ºÊ ¸É »o¤ ¦° ´Ê 17 ¡ºÊ ¸É ¹É o° ε µ Á ¸É¥ª o° ´ à ¦ µ¦ °¤ iµ ¨³ Á oµ® oµ ¸ÉÁ ¦º° nµ¥ ¸ÉÁ ¸¥É ª o° / Á oµ® oµ ¸É £µ µ¤¤¼¨ · · º µ ³Á ¸¥¦ ( ε ª 70 ) ´ªÂ  ε »¤ ¹É ¦nª¤ ε µ · ¦¦¤ ® » Á¦·¤ »¤ nµ ÇÄ ¡ºÊ ¸É ¨³°µµ¤´ ¦ »¤ Ä Ã ¦ µ¦ ( ε ª 30 )
¦oµ Á ¦º° nµ¥ª· ¥µ ¦ ¸É ´ Á ¨³¤¸ µ¦ · ´ · µ ¦· ´ Á · ¨¦¼ ¦¦¤Ä ®¨µ¥ ¡ºÊ ¸É Á¦·É¤ µ¦ ε µ Á } ¸¤ª· ¥µ ¦ εŠ¼n ´Ê ° µ¦ ´ ε ¸É妪 ¡ºÊ ¸É Ä o ¦³Ã¥ r »¤ Ä »¤ Á jµ®¤µ¥®¨´ ¦ » »¤
Á · µ¦ ´ Áª ¸ »¤ (22-25 .¡. 48/° .¤nª r) ª· ¥µ ¦ : ««· Á ¨·¤¨µ£ ¨³ ³ µ¦ª·Á ¦µ³®r ¦´¡¥µ ¦ µ o°¤¼¨ Remote Sensing (3-6 . .48/ .Á µ µ¤Á¡¦¸¥ ) ª· ¥µ ¦:««· Á ¨·¤¨µ£Â¨³ ³  ª µ µ¦ ´ µ¦¡ºÊ ¸É »o¤ ¦° °¥nµ ¤¸nª ¦nª¤ (17-20¡.¥.48/Ŧn ´ ¦r°n ¦´«¤¸) ª· ¥µ ¦ : ¤¼¨ · · º µ ³Á ¸¥¦ ¨³ ª· ¥µ ¦ ¼ o ¦ » ª» · µ £µ¥ ° Áª ¸ ¦³ »¤ »¤ ¨³ª· ¥µ ¦ ¦³ ª µ¦ µ »¤ (21-24¤¸. . 49/° . ¡»Á ¥)ª· ¥µ ¦:¤.º ²Â¨³ª· ¥µ ¦ ¼o ¦ » ª» · µ £µ¥ ° ª· ¥µ ¦ ¦³ ª µ¦Ä µ ° ¦¤ Á ¬ ¦ ¦¦¤ µ · (17-20 . .49 : µ ¡´ ¢g ¨³¡´ n° . ®µ Á oµÎµ¦µ ) ª· ¥µ ¦ : ««· Á ¨·¤¨µ£ ¨³ ³ Á · ª· ¥µ ¦ ¦³ ª µ¦Â¨³ µ¦ ´ µ¦ ªµ¤ ´ Â¥o (27-30¡. .50/®oª¥ µÂ o ´ ¦¸Ã±¤) ª· ¥µ ¦ : ««· Á ¨·¤¨µ£ ¨³ ³
εĮoÁ oµ® oµ ¸É ¸É · ´ · µ Ä ¨o · »¤ Á oµÄ  ª µ µ¦ ε µ ¨³Á · ªµ¤ ¦nª¤¤º°Ä µ¦ εÁ · · ¦¦¤ nµ Ç°¥nµ ªoµ ªµ Á ·  ε¨³°µµ¤´ ¦ ¸ÉÄ®o ªµ¤ ¦nª¤¤º°Ä µ¦ ¨´ ´ · ¦¦¤Ä »¤ Ä ®¨µ¥ »¤ Á jµ®¤µ¥
ª· ¥µ ¦ »¤ ¨³Á oµ® oµ ¸Éà ¦ µ¦ ° ¤¼¨ · · ¹É Á ¸¥É ª o° ´ µ ° ¦¤Á ¬ ¦ ¦¦¤ µ · ( ε ª 25 )
Á oµ® oµ ¸É ¸ÉÁ ¸¥É ª o° ´ µ ° ¦¤Á ¬ ¦ ¦¦¤ µ ·µ¤µ¦ Á¦·¤ ´ ¬³Ä µ¦ ´ f ° ¦¤Å o ¸ ¹Ê
 ε .¡ºÊ ¸ É »o¤ ¦° à ¦ µ¦ °¤ iµ ¨³ Á oµ® oµ ¸ÉÁ ¦º° nµ¥ ¸ÉÁ ¸¥É ª o° à ¥Á o µ¦¦oµ Á ¦º° nµ¥Á¡·É¤Á ·¤Îµ®¦´ » ¨µ ¦ ¸ÉÁ oµ¦nª¤ à ¦ µ¦¦»n Ä®¤n( ε ª 80 )
Á · µ¦ ª ¦³ ª µ¦Â¨³¦oµ Á ¦º° nµ¥¦nª¤ ´ ¦³®ªnµ Á ¦º° nµ¥ª· ¥µ ¦ Á ·¤ ´ » ¨µ ¦ ¸ÉÁ ¸É¥ª o° ¦»n Ä®¤nÄ ¡ºÊ ¸É nµ Ç°¥nµ ªoµ ªµ
JoMPA
µ¦ ´ ε »¤ ¡¹É Á° ( »¤ Á } » ) (22-25 . .47/° .Á°¦µª´ ) ª· ¥µ ¦ : ¼oÄ® nà ´¥ ¨·¤Ê ¦³ ·¬ r ¨³ ³
39
จากการเสริมทักษะ ในส่วนการสร้างทีมวิทยากรกระบวนการ พบ ว่าเจ้าหน้าทีซ่ ง่ึ ได้ประสานงานส่วนใหญ่ได้มบี ทบาทมากขึน้ ในการทำ งานร่วมกับชุมชนและที่สำคัญ คือ เกิดการยอมรับแนวทางการทำงา นชุมชนจากผู้บริหารพื้นที่อนุรักษ์ในหลายพื้นที่ และมอบหมายงานใ ห้เจ้าหน้าที่เข้ามามีส่วนร่วมจัดทำแผนปฏิบัติงานกับโครงการในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ได้แก่ เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าอุ้มผาง เขตรักษาพันธุ์ สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันออก อุทยานแห่งชาติเขาแหลม อุทยานแห่งชาติคลองงู และอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ นอกจากนี้หัวหน้าพื้นที่อนุรักษ์มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ที่ต้องประจ ำอยู ่ ใ นหน่ ว ยพิ ท ั ก ษ์ ต ่ า งๆ เข้ า มามี บ ทบาทในการร่ ว มคิ ด และร่วมกิจกรรมกับชุมชน รวมถึงกระบวนการสำรวจและวิเคราะห์ข้ อมูลพื้นฐานชุมชนด้วย จากนั้นนำเสนอเป็นแผนการปฏิบัติไปสู่การเ
ห็นชอบเชิงนโยบายจากผู้บริหารระดับสูงต่อไป คือ เขตรักษาพันธุ์สัต ว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ และอุทยา นแห่งชาติคลองวังเจ้า ในระยะเวลา 2 ปีที่ดำเนินโครงการมา ได้เสริมสร้างบุคลากรจากภ าคีตา่ งๆ ให้มคี วามสามารถดำเนินกิจกรรมกับชุมชนในลักษณะทีเ่ ป็น วิ ท ยากรกระบวนการ ที ่ ม ี ค วามเป็ น พั น ธมิ ต รและเครื อ ข่ า ย ทำงานร่วมกันอย่างน้อย 4 ทีมซึ่งมีความร่วมมือในการทำงานสม่ำเส มอในพืน้ ที่ ได้แก่ พืน้ ทีเ่ ขตรักษาพันธุส์ ตั ว์ปา่ อุม้ ผาง-ทุง่ ใหญ่ตะวันออก พื้นที่อุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า พื้นที่แนวเขตห้วยขาแข้ง-แม่วงก์ และพืน้ ทีจ่ งั หวัดกาญจนบุร-ี สุพรรณบุรี สามารถแสดงเครือข่ายทีมวิท ยากรได้ดัง ตารางที่ 4.
ตารางที่ 4 ทีมวิทยากรกระบวนการชุมชนในผืนป่าตะวันตก » ¨µ ¦®¨´
¡ºÊ ¸É Á ¦´ ¬µ¡´ »r ´ ªr µ¥¤Á · ε µ i µ °»o ¤ µ - »n Ä ® n ² µ¥ · ´¥ ·É¤Á¨n®r ( . »n Ä® n ³ª´ °° ) ³ª´ °° µ¥£·¦¤¥r ¡ª »¤µ¨¥r ( .°»o¤ µ ) µ¥¥» ´¥ » ¦Â oª µ µª » ¦¸¥r °· nª¥ (¤¼¨ · ·º ²) °» ¥µ ®n µ · ¨° ª´ µ¥ª·Ã¦ r Á ºÊ° µª¡·¤¡r Á oµ µ¥°´¬ µª» ¦³¼ Á · (° . ¨° ª´ Á oµ) µ¥ ¦ r ´¥ à °· ¦r µ¥¡¦ ¡ µª´ (¤¼¨ · ·º ²)  ªÁ ®o ª ¥ µÂ o -¤n µ¥¤ ´ · ¼¤µ ª r µ¥ ³ª´ µ¥ ® rª·¨´¥ (¤¼¨ · ·º ²)
´ ® ª´ µ » ¦¸ - µ¥ ¦³ ° nª¥«¦¸ ª¨ (° .«¦¸ ¦· ¦r) »¡¦¦ »¦¸ µ¥°Á «¦¸»¡¦¦ (° .Á µÂ®¨¤) µ¥¡ ¬r«´ ·Í ¤nª µ¤ µ¥ ¦·« oµ Á · µ¥ ¦µÃ¤ ¥r «¦¸Ä¥ (¤¼¨ · ·º ²)
» ¨µ ¦Á ¦º° nµ¥
µ¦ ε µ ¸ÉµÎ ´
Á oµ® oµ ¸É ¦³ ε® nª¥ n°  k³ » ( . »n Ä® n ³ª´ °° ) µ¥ ¡·¡o r °» ¦´ ¬r µ¥ª´ ´¥ ª´¨¥r» «¦¸/ µ¥Á ¨·¤ ´ ¥ ª´ ¨ ¥r » «¦¸ / µ¥ µ¥Â ª´ ¨ ¥r » «¦¸ / µ¥» ¦· ¥µ ¨Ä ³ ¦´¡¥r/ µ¥ª·¦´ r ¡¨Â ( .°»o¤ µ ) Á ¦º ° n µ ¥ ¦¼ à ¦ Á¦¸ ¥ ¤n ¢j µ ®¨ª »¤ ¨»n¤ Êε¤n ´ µ¥ ° Ä ÎµªµÃ¥/ µ¥Á¦º° Á ¦nª¤ ´¥£¼¤·/ µ¥Å¡ ¼¦¥r ´ ¦ ¤£¼ (° . ¨° ª´ Á oµ) µ °¦¡¦¦ ¦n µ Á¦· ( » ¤ ª»o ³´ ) µ¥ª· ¬ r ¡ ¨ ¡¨°¥ · ¡ «r (¤¼¨ · ·º ²- ° .) µ¥§ ¸ ¨º°Ã±o (° .¤nª r)/ µ¥ » Á¨· « Á ¸ ¥ o µ ( .®o ª ¥ µ  o ) Á oµ® oµ ¸Éà ¦ µ¦ iµ »¤ 30 iµ ¦´ ¬µ » æ ¨³Ã ¦ µ¦ ´ ´Ê iµ »¤ ¤nÁ d -¤nª r- ε¡ Á¡ ¦ (¤¼¨ · ·º ²Â¨³¤¼¨ · · ¤° .) ..¨Îµ¡¼¨ ¤ (° .¨Îµ ¨° ¼) ®´ª® oµ® nª¥¡· ´ ¬r iµ¡ºÊ ¸É »¤ . »n Ä® n ³ª´ ¸ ¤ Á o µ ® o µ ¸É ¦³µ µ » ¤ ° .¡»Á ¥/° .Á ¨·¤¦´ à · ¦r/ ° .Å ¦Ã¥ µ¥ µ ´¥ ε e µª (° .Á µÂ®¨¤) µ¥ ε¦ Á ºÊ°¤» ¦/ ..ª·£µ ¦´ r ° «¦¸ ( .¨´ ¡¦³) ¸ ¤ ° µ µ ¤´ ¦ » ¤ »n Ä ® n ³ª´ /¡» Á ¥-Á ¨· ¤ ¦´ r / Á µ ®¨¤ µ¥ª· ´¥ ¦ «¦¸Ã (¤.º ²)
 oÅ { ®µ ªµ¤ ´ Â¥o µ¦Ä o ¦´¡¥µ ¦ »¤ ³Á®¦¸É¥ ¨»n¤ Êε  ¤n ´  ¨ ³ Î µ ¦ ª ¡ºÊ ¸É Ä o ¦³Ã¥ r »¤ °¥nµ ¤¸nª ¦nª¤ ´ ´Ê Á ¦º° nµ¥°µµ¤´ ¦¦´ ¬µ ®¤¼n oµ ´ ´Ê Á ¦º ° n µ¥°µµ¤´ ¦ » £µ¡ »¤ ¨»n¤ Êε¤n ´
妪  ªÂ¨³ ¨¼ Ťo ªÁ Á oµ ª»o ³´ Î µ ¦ª ¨³ { ÁµÁ ¦ºÉ ° ®¤µ¥ Á oµ ³Á®¦¸É¥ è³Ã ³
Î µ ¦ª  ªÁ » ¤ ¦³ ·  ªÁ ¡ºÊ ¸É »o¤ ¦° ¨³ ´ ´Ê i µ » ¤ Á ´ ¨°  ª Á ®oª¥ µÂ o ²Â¨³ ¤nª r
 o Å { ®µ ªµ¤ ´ Â¥o ¨³  ªÁ »¤ Ä ¡ºÊ ¸É ´ ´Ê ¸ ¤ ª· ¥µ ¦ f ° ¦¤ ¦³ ª µ¦Á ¬ ¦ ¦¦¤ µ · ¢g ¢¼«¼ ¥r · ¦¦¤ ¦¦¤ µ · »n µ ¦ª · ¦¦¤ »¤ °ºÉ Ç
JoMPA
¸¤ª· ¥µ ¦
41
JoMPA
JoMPA
สรุปผลลัพธ์การดำเนินการ
43
สรุปผลลัพธ์การดำเนินการ
ในการดำเนินโครงการจัดการพื้นที่คุ้มครองอย่างมีส่วนร่วม ภาคีผู้มีส่วนร่วมโครงการได้ร่วมกันประชุม ได้ตกลงร่วมกันถึงกรอบการประเมินผลและกำหนดผลลัพธ์การดำเนินงานออกเป็น 9 ผลลัพธ์ คือ • • • • • • • • •
ผลลัพธ์ที่ 1 รัฐ/ราษฎร์ และผู้มีส่วนได้เสียมีส่วนร่วมในกระบวนการจัดการพื้นที่คุ้มครองอย่างจริงจัง ผลลัพธ์ที่ 2 มีการดำเนินการหมายแนวเขตพื้นที่ผ่อนปรนอย่างมีส่วนร่วมในพื้นที่คุ้มครอง ผลลัพธ์ที่ 3 มีข้อตกลงร่วมในการใช้ประโยชน์พื้นที่ผ่อนปรนที่ทุกฝ่ายถือปฏิบัติได้จริงจัง ผลลัพธ์ที่ 4 มีการจัดทำแผนการจัดการพื้นที่คุ้มครอง ผลลัพธ์ที่ 5 มีการดำเนินการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติโดยการสนับสนุนอย่างเหมาะสม ผลลัพธ์ที่ 6 การจัดทำระบบข้อมูล ผลลัพธ์ที่ 7 ชุมชนในพื้นที่ได้รับการส่งเสริมอาชีพและมีรายได้เพิ่มขึ้นโดยไม่ส่งผลกระทบทางลบต่อ ระบบนิเวศ ผลลัพธ์ที่ 8 บุคลากรที่เกี่ยวข้องได้รับการพัฒนาให้มีศักยภาพในการดำเนินงานเพิ่มมากขึ้น ผลลัพธ์ที่ 9 การบริหารจัดการ
จนถึงปัจจุบัน (2550) สามารถสรุปผลการดำเนินงานแยกตามผลลัพธ์ต่างๆ ในพื้นที่ผืนป่าตะวันตกได้ ดัง ตารางที่ 5.
ตารางที่ 5 รายงานสรุปผลกิจกรรม
ในโครงการจัดการพื้นที่คุ้มครองอย่างมีส่วนร่วมในผืนป่าตะวันตก ¨ µ¦ εÁ · µ
¨ ¸ É µ¤¤µ
¨¨´¡ r ¸É 1 ¦´ /¦µ¬ ¦Â¨³ ¼o¤¸ ªn Å oÁ¸¥ ¤¸nª ¦nª¤Ä ¦³ ª µ¦ ´ µ¦¡º Ê ¸É »o¤ ¦° °¥nµ ¦· ´ 1. ´ Áª ¸ ¦³ »¤Á¡ºÉ° ¸Ê à ¦ µ¦ ¦ª¤ 45 »¤ Á · ªµ¤Á oµÄ ¨³µ¤µ¦ εÁ · · ¦¦¤ nµ ÇÅ o°¥nµ n°Á º°É 2. ¦nª¤ µ¦ ¦³ »¤ »¤ ¦ª¤ 39 »¤ ¨³ ¦³µ µ Ä®o ¤¼¨ · ·º ¦´ ¦µ o°¤¼¨Ä ¦µ¥¨³Á°¸¥ µ¦ εÁ · · ¦¦¤Á } °¥nµ ¸ Á oµ® oµ¡ºÊ ¸É »o¤ ¦° ¦nª¤ 17 »¤ ¨³ »¤ ¥°¤¦´ µ¦ ε µ ° ¤¼¨ · ·º ¨³¡ºÊ ¸É »o¤ ¦° 3. Á oµ¦nª¤Á } ³ ¦¦¤ µ¦°» ¥µ ®n µ · 4 ¡ºÊ ¸É ¥´ Ťn¤¸ ¨ ¸É µ¤¤µ 4. ´ » Ä®oÁ · ³ ¦¦¤ µ¦° »¦´ ¬r¦ª¤ 34 »¤ ¦ª¤ Á · µ¦ εÁ · · ¦¦¤/à ¦ µ¦ oµ µ¦° »¦´ ¬r ¦ª¤ 44 · ¦¦¤/ ¦³¤µ 400 à ¦ µ¦ ¨¨´¡ r ¸É 2 ¤¸ µ¦ εÁ · µ¦®¤µ¥Â ªÁ n° ¦ °¥nµ ¤¸ªn ¦nª¤Ä ¡ºÊ ¸ É »o¤ ¦° 1. 妪  ªÁ ¡ºÊ ¸ÉÄ o ¦³Ã¥ r »¤ ¦ª¤ 43 »¤  ¸É ªÁ ¡ºÊ ¸ÉÄ o ¦³Ã¥ r ¤» Áª ¸ ¦³ »¤ ¸Ê  ªÁ ´ ¹ µ¦ ¦³ »¤ ¦ª¤ 30 »¤ °¥¼n¦³®ªnµ εÁ · µ¦ 13 »¤ 2. ´ » · ¦¦¤ µ¦ { ®¨´ Á 1 »¤ (è³Ã ³) ¥´ Ťn¤¸ ¨ ¸É µ¤¤µ ¨¨´¡ r ¸É 3 ¤¸ °o ¨ ¦nª¤Ä µ¦Ä o ¦³Ã¥ r¡ºÊ ¸É °n ¦ Ä Á ¡ºÊ ¸É »o¤ ¦° ¸ É » iµ¥Å o º° · ´ ·°¥nµ ¦· ´ 1. ´ ¦³ »¤¦nµ · µ¡ºÊ ¸É n° ¦ »¤ ¤¸ · µ¡ºÊ ¸É n° ¦ ¦ª¤ ε ª 11 »¤ °¥¼n¦³®ªnµ εÁ · µ¦ 2 »¤ ¨¨´¡ r ¸É 4 ¤¸ µ¦ ´ ε µ¦ ´ µ¦¡ºÊ ¸É ¤»o ¦° Ťn¤¸ µ¦ εÁ · µ¦ ¨¨´¡ r ¸É 5 ¤¸ µ¦ εÁ · µ¦° »¦´ ¬r¨³¢g ¢¼ ¦´¡¥µ ¦ ¦¦¤ µ ·Ã ¥ µ¦ ´ » °¥nµ Á®¤µ³¤ 1. à ¦ µ¦ ¨¼ Ťo iµÁ¦·¤Ä ¡ºÊ ¸É »¤ ¨³Â®¨n o Êε ¦ª¤ 5 · ¦¦¤ 2. ¦nª¤ µ¦ ¨¼ Ťo¥º o   ªÁ »¤ ¦ª¤ 1 · ¦¦¤( .ª»o ³´ ) 3. ´ ´Ê ¡ºÊ ¸É° »¦´ ¬rÄ Á »¤ ¦ª¤ 15 · ¦¦¤ Á · iµ »¤ Ä 11 »¤ 4. ´ » µ¦Á jµ¦³ª´ ¦´¡¥µ ¦ ¦¦¤ µ · ¦ª¤ 25 · ¦¦¤
5. ¦³ »¤ Á È o°¤¼¨¦µ¥¦´ - nµ¥ ¦´ªÁ¦º° ¨³ª·Á ¦µ³®r o°¤¼¨ Á¡ºÉ° ´ ε »¤ ¨³ ´ ¡·¤¡r ´ ¸ ¦´ªÁ¦º°
Á · o°¤¼¨¡ºÊ µ »¤ ¦ª¤ 30 »¤ µ¤µ¦ ´ ε ¸ÉÄ o ¦³Ã¥ r ¤» ¦ª¤ 58 »¤ µ¤µ¦ ´ ε ¸ÉÄ o ¦³Ã¥ r ¤» ¦ª¤ 42 »¤ ¤¸Â ¸É£µ¡ nµ¥ µ °µ µ«¦ª¤ 5 ¡ºÊ ¸É »o¤ ¦° Á¡ºÉ°Ä o ¦³ ° µ¦ ε µ Á · ¦³ ª µ¦ ´ ε »¤ ¡¹É Á° ¦ª¤ 8 »¤ Ťn¥´ ¤¸ ¨ ¸É µ¤¤µ
¨¨´¡ r ¸É 7 »¤ Ä ¡ºÊ ¸ÉÅ o¦ ´ µ¦n Á¦·¤°µ ¸¡Â¨³¤¸¦µ¥Å oÁ¡·É¤ ¹Ê à ¥Å¤nn ¨ ¦³ µ ¨ n°¦³ ·Áª« 1. ´ » µ¦ ε Êε¥µ ´ ¨oµ Ä oÄ ¦´ªÁ¦º° Á · ¨»n¤ ¨· Êε¥µ ´ ¨oµ ¦ª¤ 15 »¤ ¸É εÁ · · ¦¦¤°¥nµ n°Á ºÉ° ¦ª¤ 13 »¤ 2. ´ » µ¦Á¨¸Ê¥ ¨µÄ n° Á · n° ¨µÄ 16 »¤ °¥¼n¦³®ªnµ µ¦ · µ¤ ¨
JoMPA
¨¨´¡ r ¸É 6 µ¦ ´ 妳 µ o°¤¼¨ 1. Á È o°¤¼¨¡ºÊ µ »¤ ¨³Â ´ »¤ 2. Á ¦¸¥¤Â ¸É £µ¡ nµ¥ µªÁ ¸¥¤ ¡¦o°¤Ä oÄ ¦³ GIS 3. Á È o°¤¼¨¡· ´ ¡ºÊ ¸ÉÄ o ¦³Ã¥ r »¤ Ä ¦³ GIS 4. ´ ºÊ°Â ¸£É µ¡ nµ¥ µ °µ µ«Â¨³ GPS
45
3. ´ » µ¦ εÁ ¬ ¦°· ¦¸¥r Á n µ¦ ε »l¥ ¸ª£µ¡ 4. ´ ´Ê oµ Á¦¸¥ ¦¼o Ä oÁ } µ ¸É f ° ¦¤/ ¼ µ Á ¬ ¦ °· ¦¸¥r 5. ´ » µ¦ ¨¼ Ťo¥º o ¤ µ 6. ´ » ° » ¡¦· 7. ´ » æ ¸¤¸ »¤ 8. ´ » µ¦Á¨¸Ê¥ ®¤¼®¨»¤ 9. ´ » ¨»n¤°°¤ ¦´¡¥r
Á · ¨»n¤ ¼o εÁ ¬ ¦°· ¦¸¥r¦ª¤ 20 »¤ °¥¼n¦³®ªnµ µ¦ · µ¤ ¨ Á · oµ Á¦¸¥ ¦¼o 4 oµ (¦ª¤«¼ ¥r²) ¤¸ · ¦¦¤ ¼ µ / f ° ¦¤¦ª¤ 13 · ¦¦¤ Á · µ¦ ¨¼ Ťo ¤ µ Ä ¦´ªÁ¦º° ¨³ ¸Éµ µ¦ ³¦ª¤ 28 »¤ 576 ¦° ¦´ª °¥¼n¦³®ªnµ ¦ª ° ¨ µ¦ εÁ · µ ¦ª¤ 2 ¨»n¤¡ºÊ ¸ÉÄ . »n Ä® n °° ¤¸ ° » ®¤» Áª¸¥ ¦³¤µ 20, 000 µ Á · æ ¸¤¸ 2 »¤ ¡ºÊ ¸ÉÄ . »n Ä® n °° Á · ¼oÁ¨¸¥Ê ®¤¼®¨»¤¦ª¤ 7 ¦° ¦´ª Á · µ¦ ´ ´Ê ¨»n¤°°¤ ¦´¡¥rÄ 2 »¤
¨¨´¡ r ¸É 8 » ¨µ ¦ ¸ÉÁ ¸É¥ª o° Å o¦´ µ¦¡´ µÄ®o¤¸«´ ¥£µ¡Ä µ¦ εÁ · µ Á¡·É¤¤µ ¹Ê 1. µ¦«¹ ¬µ ¼ µ oµ Á ¬ ¦ ¦¦¤ µ · Á · ¦° ¦´ª εÁ ¬ ¦°· ¦¸¥¦r ª¤ 20 »¤ 36 ¦° ¦´ª 2. µ¦ ¼ µ · ¦¦¤¨ ¦µ¥ nµ¥ Á · à ¦ µ¦ ´ ´ Ê ° » Á¡º°É ε · ¦¦¤¨ ¦µ¥¦µ¥ nµ¥ ε ª 15 »¤ 38 ¦ ¦´ª 3. µ¦° ¦¤/ ¼ µ oµ µ¦° »¦´ ¬r ¦´¡¥µ ¦ ¦¦¤ µ · Á · à ¦ µ¦/ · ¦¦¤ oµ µ¦° »¦´ ¬r ¦´¡¥µ ¦ ¦¦¤ µ ·¦ª¤ 44 · ¦¦¤/à ¦ µ¦ 4. ´ µ¦° ¦¤Â »¤ Á } » °» ¥µ ®n µ ·Á°¦µª´ Á · Á ¦º° nµ¥ª· ¥µ ¦ ¦³ ª µ¦¦³®ªnµ ¤¼¨ · · º ¨³Á oµ® oµ ¸É (1/10/47) · ´ ·® oµ ¸É¦nª¤ ´ ¤¼¨ · ·º °¥nµ ¤¸ ¦³· ·£µ¡¤µ ¹ { » ´ 5. ´ ¦´ µ¦° ¦¤Á · ª· ¥µ ¦ ¦³ ª µ¦ »¤ Á · Á ¦º° nµ¥ª· ¥µ ¦ ¦³ ª µ¦¦³®ªnµ ¤¼¨ · · º ¨³Á oµ® oµ ¸É °» ¥µ ®n µ ·Â¤nª r(17/2/48) · ´ ·® oµ ¸É¦nª¤ ´ ¤¼¨ · ·º °¥nµ ¤¸ ¦³· ·£µ¡¤µ ¹ { » ´ Á · Á ¦º° nµ¥ª· ¥µ ¦ ¦³ ª µ¦¦³®ªnµ ¤¼¨ · · º ¨³Á oµ® oµ ¸É 6. ´ µ¦° ¦¤Á¦ºÉ° µ¦ª·Á ¦µ³®r£µ¡ ¦´¡¥µ ¦ µ o°¤¼¨ · ´ ·® oµ ¸É¦nª¤ ´ ¤¼¨ · ·º °¥nµ ¤¸ ¦³· ·£µ¡¤µ ¹ { » ´ Remote Sensing Á ¦´ ¬µ¡´ »r´ ªr iµ µ¤Á¡¦¸¥ (3/10/48) 7. ´ «¹ ¬µ ¼ µ Á¦ºÉ° µ °¥¼ n iµ¥´ . »¤¡¦(6-9/3/49) Á · Á ¦º° nµ¥ª· ¥µ ¦ ¦³ ª µ¦¦³®ªnµ ¤¼¨ · · º ¨³Á oµ® oµ ¸É · ´ ·® oµ ¸É¦nª¤ ´ ¤¼¨ · ·º °¥nµ ¤¸ ¦³· ·£µ¡¤µ ¹ { » ´ 8. ´ µ¦° ¦¤Á · ª· ¥µ ¦ ¦³ ª µ¦ µ »¤ ° .  ε »¤ · ´ ·® oµ ¸É¦nª¤ ´ ¤¼¨ · ·º °¥nµ ¤¸ ¦³· ·£µ¡¤µ ¡»Á ¥Ä®o ´ ε ε »¤ (21-23/3/49) ¹ { » ´ 9. ´ µ¦° ¦¤ª· ¥µ ¦ ¦³ ª µ¦Á¦ºÉ°  ª µ µ¦ ´ µ¦ Á · Á ¦º° nµ¥ª· ¥µ ¦ ¦³ ª µ¦¦³®ªnµ ¤¼¨ · · º ¨³Á oµ® oµ ¸É ¡ºÊ ¸É »o¤ ¦° °¥nµ ¤¸nª ¦nª¤ Ŧn ´ ¦r°n ¦´«¤¸(17/11/48) · ´ ·® oµ ¸É¦nª¤ ´ ¤¼¨ · ·º °¥nµ ¤¸ ¦³· ·£µ¡¤µ ¹ { » ´ 10. ´ µ¦° ¦¤Á · ª· ¥µ ¦ ¦³ ª µ¦Á¡·É¤Á ·¤ Á · Á ¦º° nµ¥ª· ¥µ ¦ ¦³ ª µ¦¦³®ªnµ ¤¼¨ · · º ¨³Á oµ® oµ ¸É ®oª¥ µÂ o ´ ¦¸Ã±¤(26-30/5/50) · ´ ·® oµ ¸É¦nª¤ ´ ¤¼¨ · ·º °¥nµ ¤¸ ¦³· ·£µ¡¤µ ¹ { » ´ 11. Á oµ® oµ ¸É¤¼¨ · ·º Á oµ° ¦¤Á¦·¤«´ ¥£µ¡ µ¤ Á oµ® oµ ¸É¤¼¨ · · º Á · ´ ¬³Â¨³ εÁ · · ¦¦¤ ´ »¤ ε® µ¦ ° ¤¼¨ · ·º °¥nµ ¤ÉεÁ¤° ¨¨´¡ r ¸É 9 µ¦ ¦·®µ¦ ´ µ¦ 1. ´ ¦³ »¤ ε® ¡ºÊ ¸ÉÁ jµ®¤µ¥¦ª¤ 5 Áª ¸ ( e 47)
JoMPA 46
2. ´ ¦³ »¤ªµ  µ¦ εÁ · µ¦Ã ¦ µ¦ °¤ iµÄ » ¡ºÊ ¸É »o¤ ¦° ( e 47) 3. Á oµ® oµ ¸É£µ µ¤Â¨³°µµ¤´ ¦¤¸ µ¦ ¦³ »¤¦µ¥ µ ¨ µ¦ εÁ · µ ´ ¤¼¨ · ·º ¤ÉεÁ¤°
¤¸ µ¦ εÁ · µ¦°¥nµ n°Á ºÉ° Ä »¤ Á jµ®¤µ¥¦ª¤ 55 »¤ ¨³ Á¡·É¤Á ·¤°¸ 3 »¤ Á · ³ ε µ ¦nª¤ ´ ¦³®ªnµ ¤¼¨ · ·º ² ´ ¡ºÊ ¸ É »o¤ ¦° ¨³ εÁ · µ¦°¥nµ n°Á ºÉ° ¤µ ¹ { » ´ ¤¼¨ · ·º ¤¸ µ¦ εÁ · · ¦¦¤¦nª¤ ´ ¡ºÊ ¸É° »¦´ ¬r°¥nµ ¤ÉεÁ¤°
ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ ขอขอบคุณ
“ คนอยู่ได้ ป่าอยู่ได้ เสือก็อยู่ได้ ”