ทางเลือกในการจัดการน้ําแบบบูรณาการ กรณีไมตองสรางเขื่อนในอุทยานแหงชาติแมวงก โดย ศศิน เฉลิมลาภ มูลนิธสิ ืบนาคะเสถียร ขอพิจารณาพื้นฐาน 1. การสรางเขื่อนขนาดใหญในอุทยานแหงชาติแมวงก มีผลกระทบอยางรุนแรงตอระบบนิเวศที่เปนถิ่นที่อยูอาศัย ของสัตวปาในอุทยานแหงชาติแมวงก ที่เชื่อมโยงถึงระบบนิเวศ และการกระจายของถิ่นที่อยูของสัตวปาในปาตะวันตก ที่ผานการอนุรักษ และฟนฟูประชากรสัตวปาจนประสบความสําเร็จมาตลอดระยะเวลากวา 20 ป 2. โครงการสรางเขื่อนแมวงก สามารถบรรเทาปญหาน้ําทวมในพื้นที่ราบลุมของลําน้ําแมวงกไดเพียงบางสวน เนื่องจาก ยังมีสายน้ําหลากในชวงฝนตกหนัก ในพื้นที่ลาดชันและไมมีปา และพืชคลุมดินมากพอ ที่อยูนอกเหนือจากพื้นที่รับ น้ําที่เขื่อนแมวงกจะรองรับ รวมถึงการขาดระบบระบายน้ําที่มีประสิทธิภาพมากพอในเขตเทศบาลเมือง และพื้นที่เกษตรกรรม และสาเหตุดังกลาวนาจะเปนปจจัยสําคัญที่ทําใหพื้นที่ลุมต่ําดานทายโครงการเขื่อนแมวงกเกิดปญหาน้ําทวม ไมใชจากการที่ไม มีเขื่อนในอุทยานแหงชาติแมวงก 3. โครงการสรางเขื่อนแมวงก คาดวาจะบรรเทาภัยแลงไดพอสมควร ในพื้นที่ราวๆหนึ่งในสามของพื้นที่ชลประทาน ที่กําหนดไว 116,545 ไร ในชวงฤดูแลง จากพื้นที่กําหนดไวทั้งหมดถึง 291,900 ไร ซึ่งเปนการชลประทานในชวงฤดูฝนที่ไม ขาดแคลนน้ํา แตหากตองการลดภัยแลงใหครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดนาจะมีปริมาณน้ําไมเพียงพอ นอกจากนี้การคาดการที่จะ เก็บน้ําในฤดูฝน อาจจะคลาดเคลื่อนจากความเสี่ยงของความเปนเขตเงาฝนในพื้นที่เหนือเขื่อน ที่มีแนวโนมฝนตกนอยกวาใน จุดที่ตรวจวัดปริมาณน้ําฝน และขนาดของอางเก็บน้ํา ที่เมื่อพิจารณาจากเสนชั้นความสูงตามแผนที่ภูมิประเทศจะมีพื้นที่เก็บ กัก น้ํ า เพี ย งครึ่ ง เดี ย วของพื้ น ที่อ า งเก็ บ น้ํ า ตามโครงการ ดั งนั้ น การสร า งเขื่ อ นแม ว งก จึ ง มีค วามเสี่ ย งที่ จ ะเก็ บ น้ํ า ได น อ ย และบรรเทาภัยแลงไดต่ํากวาที่คาดไว พื้นที่ปญหาการจัดการน้ําในโครงการเขื่อนแมวงก เปนที่ทราบกันดีวาการจะแกปญหาน้ําทวม และเพิ่มปริมาณน้ําเพื่อการเกษตรใหเพียงพอในฤดูแลงจริงๆแลวจะตอง สรางเขื่อนขนาดใหญกวาโครงการเขื่อนแมวงกตามโครงการปจจุบัน ที่บริเวณกิ่วเขาแมกระทูและเขาพริกไท (เรียกวา “เขาชน กัน”) ซึ่งจะไดปริมาณน้ํามากกวา และรองรับปริมาณน้ําหลากจากลุมน้ําสาขาไดมากกวา ตั้งแตเมื่อสามสิบปที่แลว ในสมัยที่ ยังไมมีราษฎรอพยพมาอาศัยจํานวนมาก (บริเวณตําบล แมเลย) เชนในปจจุบัน ซึ่งเปนเรื่องที่นาเสียดายโอกาสเปนอยางยิ่ง และแทบจะไมสามารถคิดกลับไปสรางเขื่อนในบริเวณนั้นไดอีกในปจจุบันเนื่องจากตองอพยพชุมชนออกเปนจํานวนมากใน ขณะที่ มี ขอ มูล มากมายระบุ ชัด เจนวา พื้น ที่ป า อุท ยานแห ง ชาติ แม วงก ในบริเ วณที่ จะสร า งเขื่ อนในป จจุ บั นเปน พื้ นที่ ที่ มี ความสําคัญอยางยิ่งตอการเก็บรักษาไวเพื่ออนุรักษความหลากหลายทางชีวภาพ และฟนฟูประชากรสัตวปาในระดับที่สามารถ มี ศั ก ยภาพในการขอเป น พื้ น ที่ ม รดกโลก ขยายจากเขตรั ก ษาพั น ธุ สั ต ว ป า ห ว ยขาแข ง ซึ่ ง เป น ผื น ป า ต อ เนื่ อ งกั น และได ผลประโยชนไมคุมคาที่จะถูกทําลายโดยน้ําทวมจากเขื่อนที่เสนอโครงการจะสร างในบริเวณนี้ เนื่องจากอยูในเขตเงาฝน ไมรองรับลุมน้ําที่มีน้ําหลากมากในฤดูฝน และมีปริมาณความจุอางเก็บน้ํานอยกวาพื้นที่สรางเขื่อนที่เขาชนกันมาก
1
ภูเขาที่เห็นอยูไกลๆคือกิ่วเขาแมกระทูและเขาพริกไท หรือที่คนสวนใหญรูจักในชื่อ “เขาชนกัน”
นกยูงพันธุไทยที่ส ามารถพบเห็นไดทั่ว ไปบริเ วณแกง ลานนกยูง ซึ่งเปนจุดที่จะทําการกอสรางเขื่อนแมวงก พันธุไมที่อาจถูกน้ําทวมหากมีการกอสรางเขื่อนแมวงก 2
มุมจากยอดมออีหืดจะเห็นพื้นที่ปาบางสวนที่จะตองถูกน้ําทวมหากมีการกอสรางเขื่อนแมวงก
แมวงก
หวยขาแขง
ปาที่ราบต่ําที่มีความอุดมสมบูรณปจจุบันมีอยูสองที่ ผืนปาที่ราบริมน้ํามีอยูแ คเพียงไมกี่แหงในประเทศไทย คือ บริเวณเขตรักษาพันธุสตั วปา หวยขาแขง และอุทยานแหงชาติแมวงก
3
อยางไรก็ดี จากการศึกษาปญหาเรื่องการจัดการน้ําในพื้นที่ พบขอเท็จจริงที่เปนปญหาชัดเจนวาปญหาน้ําทวมใน พื้นที่สวนใหญ เปนเพียงลักษณะน้ําบา น้ําจะทวมขังไมนาน ซึ่งมักจะเกิดความเสียหายไมมากนัก ดังนั้นเพื่อการหลีกเลี่ยงการ สรางเขื่อนที่มีผลกระทบรุนแรงตอระบบนิเวศในอุทยานแหงชาติ และบรรเทาปญหาน้ําทวม และภัยแลงในพื้นที่ชลประทาน และพื้นที่โดยรอบ อาจจะพิจารณาพื้นที่ลุมน้ําแมวงก และพื้นที่ที่เกี่ยวของ ออกเปน 4 พื้นที่ดังนี้ 1. พื้นที่ลุมน้ําแมวงกตอนบน ไดแก พื้นที่ขอบเขตสันปนน้ําทางฝงตะวันตกมาจรดสันปนน้ําทางตะวันออกเขาชน กัน พื้นที่ในบริเวณนี้เปนพื้นที่ระบุในรายงานวิเคราะหผลกระทบสิ่งแวดลอมและสุขภาพ วาหากสรางเขื่อนแมวงกแลวจะ สามารถบรรเทาปญหาน้ําทวมไดทั้งหมด ซึ่งสภาพความเปนจริงเปนพื้นที่เนินเขาสลับที่ราบลูกฟูก มีที่นาเพียงเล็กนอย ซึ่งเปน พื้นที่ที่ไมไดมีปญหาน้ําทวมอยูแลว จะมีพื้นที่รับประโยชนจากชลประทานระบบทอ 10,000 ไร แตจริงๆ แลว พื้นที่แถวนี้ ราวๆ 200,000 ไร ไมไดประโยชนจากเขื่อนแมวงก สภาพปญหาน้ําหลากพบวา เมื่อฝนตกหนักจะมีน้ําหลากจากบริเวณลุมน้ํา สาขา มาลงในลําน้ําแมวงกเปนจํานวนมากเนื่องจากไมมีพืชคลุมดิน เขาใจวาในชวงน้ําหลากจะมีน้ํามากกวา 70% ไหลลงมา รวมกันที่บริเวณเขาชนกัน มีน้ําจากพื้นที่รับน้ําในอุทยานเพียง 20-30% เนื่องจากมีปาที่ซบั น้ําไวไดมาก 2. พื้นที่แมวงกตอนกลาง ไดแก พื้นที่ขอบเขตสันปนน้ําลุมน้ําสาขาแมวงกที่เขาชนกัน ไปจนถึงพื้นที่ประตูน้ําคลอง ขุนลาดหรือบริเวณตําบลเขาชนกัน และตําบลวังซาน อําเภอแมวงก ตอเนื่องถึงตําบลศาลเจาไกตอ สวนนี้ แทบไมมีปญหาน้ํา ทวมเพราะความลาดชันลําน้ําสูง น้ําไหลผานเร็ว มีบอ ฝาย และประตูบังคับน้ําเต็มพื้นที่ จัดการน้ํางายเพราะประสานงานกับ คนสองตําบล น้ําคอนขางพอใช เพราะ อยูตนน้ํา มีศักยภาพน้ําใตดินดีสูบมาเสริมไดในกรณีฝนทิ้งชวง หรือในฤดูแลง 3. พื้นที่แมวงกตอนลาง ไดแก พื้นที่รับน้ําหวยแมวงก ที่เปลี่ยนชื่อเปนหวยวังมา ขอบเขตสันปนน้ําที่เขาแมกระทู เขาหลวง สองฝงลําน้ําแมวงก เริ่มจากพื้นที่บานวังแจง อําเภอลาดยาวตอเนื่องกับ ไปถึงที่ตั้งอําเภอสวางอารมณ (เปลี่ยนชื่อ 4
เปนหวยวังมา และแควตากแดด)บริเวณนี้มีปญหาน้ําทวม-น้ําแลงพอสมควร แตมีการจัดการน้ําในลําน้ําแมวงกที่ดีพอควร มี การกั้นฝายยอยๆ เก็บน้ําในลําน้ําไดมาก มีน้ําจากลุมน้ําสาขามาเติม ทั้งจากเขาแมกระทูและเขาหลวง มีศักยภาพน้ําใตดิน พอสมควร 4.พื้นที่รับประโยชนจากโครงการเขื่อนแมวงกอําเภอลาดยาว และอําเภอเมือง ไดแก พื้นที่บานลานตะแบก บาน วั ง ยาง บ า นสร อ ยละคร พื้ น ที่ ร าบลุ ม รอบเทศบาลลาดยาวต อ เนื่ อ งจากพื้ น ที่ แ ม ว งก ต อนกลางไปทางด า นตะวั น ออก ที่มีบางสวนอยูในอําเภอเมืองนครสวรรค สวนใหญอยูนอกเขตพื้นที่ลุมน้ําแมวงก (หรือขอบเขตลุมน้ําสะแกกรัง) แตมีความ เชื่อมตอกับระบบทางน้ําแมวงก โดยคลองสงน้ําคลองใหญ และลําน้ําคลองมวง ที่มีที่ราบน้ําทวมถึงและทางน้ําที่ถูกขุดให เชื่อมตอกับลําน้ําแมวงก ตอเนื่องไปครอบคลุมพื้นที่ราบลุมกวางใหญทางตะวันออกจรดถนนสายเอเชีย ตามแนวคูน้ําเลียบ ถนนสาย 1072 และลําหวยหินลับ หวยวังยิ้มแยม ตามพื้นที่โครงการชลประทานเขื่อนแมวงกโดยเมื่อพิจารณาตามขอบเขตลุม น้ําพื้นที่นี้อยูในลุมน้ําปง แตเมื่อมีปริมาณและระดับน้ําหลากที่สูงจากลุมน้ําแมวงกก็อาจจะมีการไหลขามลุมน้ําโดยธรรมชาติ และในทางกลับกันเมื่อมีระดับน้ําหลากทุงมาจากที่ราบน้ําทวมถึงที่สูงกวาของแมน้ําปงก็จะไหลมาถึงไดบางเชนกัน แผนที่เพื่อการบริหารจัดการน้ําแบงพื้นที่ ออกเปน 4 พื้นที่ยอยดังภาพที่ 1 และประมาณขนาดพื้นที่ที่ตองการน้ําไว ดังตารางที่ 1 ภาพที่ 1 พื้นที่การจัดการน้ําตามลุมน้ําแมวงก และลาดยาว
จากแผนที่เพื่อการจัดการน้ํา พื้นที่แมวงกตอนบน เปนพื้นที่น้ําหลากผานบริเวณที่ลอนลาด ไมเปนที่น้ําทวมขัง (ความลาดชันลําน้ําประมาณ 1/300) สวนพื้นที่แมวงกตอนกลางที่เปนที่ราบ จะเปนลักษณะของพื้นที่น้ําทวมของธารประสาน 5
สาย (Braided Stream) สายน้ําแมวงกจะแตกออกเปนรองน้ําเล็กๆ ไหลประสานกันไปมา ทั้งแยกจากกัน และเชื่อมโยงเขา คลายเปนเปยถัก เกิดจากความตื้นเขินจากตะกอนกรวดทรายทับถมมาก ทําใหน้ําไหลไมสะดวก จึงเกิดเปนการไหลแยกเปน รอง ซึ่งเปนลักษณะปกติในบริเวณที่ธารน้ํากัดผานพื้นที่ธรณีสัณฐานที่เปนเนินตะกอนรูปพัดเชิงเขา ในที่นี้เปนเนินตะกอนรูป พัดของแนวเขาชนกันนั่นเอง ลักษณะเชนนี้ทางธรณีวิทยาจะเปนพื้นที่ลาดชันพอสมควรและมีน้ําหลากผานอยางรวดเร็ว ความ ลาดชันในบริเวณนี้จะมีความชันประมาณ 1/ 700 สวนพื้นที่แมวงกตอนลาง จะเปนพื้นที่ของเนินตะกอนรูปพัดเชื่อมกับที่ราบกวาง ที่เปนธรณีสัณฐานที่ราบน้ําทวมถึง ของลําน้ําแมวงก (วังมา) ที่เปนการสะสมตะกอนน้ําหลากของลําน้ําแมวงกในที่ราบพนจากพื้นที่เนินตะกอนรูปพัด จะมีน้ําทวม ขังมากกวาพื้นที่แมวงกตอนกลาง แตพื้นที่นี้มีความลาดชันพอสมควร ทําใหน้ําหลากสวนใหญไมทวมขังมากนัก (ความลาดชัน ลําน้ําประมาณ 1/1,000) พื้นที่ลาดยาว จริงแลวเปนพื้นที่ในสวนของสันปนน้ําแมวงก และแมน้ําปง แตเกิดจากการสะสมตัวของตะกอนแบบที่ ราบน้ําทวมถึงของเนินตะกอนรูปพัด และธารน้ําประสานสายบางเสนของแมวงกในชวงน้ําหลาก รวมกับน้ําคลองมวง และ คลองขุดนําน้ําไปใชที่ลาดยาว เชื่อมตอกับที่ราบน้ําทวมถึงกวางใหญของแมน้ําปง แตเดิมไมมีทางน้ําธรรมชาติผาน ทําเกษตร จากน้ําฝน จึงแหงแลงในหนาแลง ขาดแหลงกักเก็บ และไมมีศักยภาพน้ําใตดิน มีสภาพน้ําทวมใกลเคียงกับพื้นที่แมวงก ตอนลาง (ความลาดชันประมาณ 1/1000) แตมีปญหาการทับถมของตะกอนขวางกั้นการไหลของน้ํามากกวา และมีการจัดการ คูระบายน้ําไมดี จึงมักประสบปญหาน้ําทวมในบริเวณเทศบาลบอยๆ การมีที่ราบกวางจึงมีความตองการน้ําในการทํานามาก เมื่อมีการเพิ่มการทํานานอกฤดูกาล ตารางที่ 1 สรุปประมาณการพื้นที่การจัดการน้ําแมวงกเปรียบเทียบกับพื้นที่รับประโยชนจากเขื่อนแมวงก พื้นที่
พื้นที่ปาตนน้ํา (km2)
พื้นที่เนินเขา -ลอนลาด(km2)
พื้นที่ราบลุม (km2)
รวม (km2)
ประมาณพื้นที่ที่อาจไดรับ ประโยชนเขื่อนแมวงก
แมวงกตอนบน
650 (406,250 ไร)
190 (118,750 ไร)
10 (6,250 ไร)
850 (531,250 ไร)
10,000 ไร (1.9%)
แมวงกตอนกลาง
20 (1,250 ไร)
180 (112,500 ไร)
100 (62,500 ไร)
300 (187,500 ไร)
62,500 ไร 33%
ลาดยาว
10 (6250 ไร)
40 (25,000 ไร
350 (218,750 ไร)
400 (250,000ไร
218,750 ไร 87.5%
วงกลาง
50 (31,250 ไร
350 (218750 ไร
200 125,000 ไร)
600 (375,000ไร)
40,000 ไร 10.6%
รวม
710 (443,750 ไร) -
780 (487,500ไร) 200 (500 m2//ไร)
670 (418,750 ไร) 800 (2,000 m3/ไร)
2,160 (1,350,000ไร) 1,000 ลาน m3
331,250 ไร22.3% (ตามโครงการ 301,900 ไร) 20% (200 ลาน m3)
ความตองการน้ํา (ลานคิว)
6
ในพื้นที่ยอยทั้ง 4 พื้นที่ พื้นที่ที่ตองการการจัดการแกปญหาน้ําทวม-น้ําแลง คือพื้นที่ท4ี่ (พื้นที่ที่รับประโยชนจาก โครงการเขื่ อนแมวงกบ ริเวณอําเภอลาดยาวและอําเภอเมือง) บริเ วณนี้มีปญหามากทั้งน้ําท วม-น้ําแลง น้ําบอตื้นไม มี ศักยภาพเนื่องจากอยูบริเวณใกลสันปนน้ํา เฉพาะสวนนี้นี่เองทีห่ วังประโยชนจากเขื่อนแมวงกมากที่สุด แตอยางไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากขอมูลทั้งหมดแลวจะพบวาเขื่อนแมวงกสามารถบรรเทาปญหาความตองการน้ําได ประมาณ 20 % ของพื้นที่เทานั้น และหากพิจารณาจริงๆแลว ในฤดูแลงเขื่อนแมวงกมีศักยภาพในการกระจายน้ําประมาณ 100,000 ไร ซึ่งไมถึง 10% ของพื้นที่การจัดการน้ําเทานั้น (พื้นที่ทั้งหมดมีความตองการน้ํา 1,000,000 m3) การขุดคลองคลองใหญแบงน้ําแมวงก (วังมา) จากบานสะเดาซายมาเชื่อมกับคลองมวง ซึ่งนาจะเปนคลองหลักที่ แทจริงของอําเภอลาดยาว น้ําจากคลองใหญและคลองมวง จะนําน้ํามาทวมเทศบาล เนื่องจากไมมีการจัดการประตูน้ําคลอง ขุนลาด(สะเดาซาย)และฝายบานดอนปออยางเปนระบบ นอกจากนี้ดานเหนือของคลองมวง มีเนินเขาที่รับน้ําฝนเทลงมารวม พื้นที่มีแตไรมันไมมีอะไรชวยในการชะลอน้ํา พอน้ําถึงเทศบาลลาดยาว ก็เจอสิ่งปลูกสรางรุกล้ําเต็มไปหมด รวมทั้งตัวที่ทําการ เทศบาลเองก็รุกถมลงมาในลําน้ําดวย คูระบายน้ํา ที่ตองพาน้ําออกขาดการบํารุงรักษา มีการรุกล้ําโดยกั้นประตูน้ํา ถมดินปด เปนระยะ ขาดระบบสูบน้ําชวยระบายน้ํา และพื้นที่คาบเกี่ยวระหวางตําบลหลายตําบลที่ขาดผูประสานงานกัน ที่ปลายคูมีการ รุกล้ํา และถมกั้นจากอาคารขนาดใหญ ทําใหระบบน้ําที่ตองไหลระบายไปทางทิศตะวันออกไปไมไดเปนอุปสรรคตอการระบาย น้ําเปนอยางยิง่ ดังภาพที่ 2
ประตูน้ําคลองขุนลาด(สะเดาซาย)อีกหนึ่งตัวแปรสําคัญในการบริหารจัดการน้ําที่ทําใหน้ําเขาทวมพื้นที่ลาดยาว
ฝายบานดอนปออีกหนึ่งตัวแปรสําคัญในการบริหารจัดการน้ําที่ทําใหน้ําเขาทวมพื้นที่ลาดยาว 7
ภาพที่ 2การสํารวจพบสิ่งกอสรางในคูระบายน้ําในเทศบาลลาดยาว ชํารุดเสียหาย ไมมีการใชงานเปนอุปสรรคตอการ ระบายน้ําในพื้นที่ลาดยาว
8
ขยะในลําน้ําเปนอีกสาเหตุหนึ่งที่ทําใหน้ําไหลไปไมสะดวกและทําใหน้ําทวมพื้นที่ลาดยาวในที่สุด
ฝายที่ใชการไมไดเปนอีกหนึ่งอุปสรรคที่กีดขวางทางน้ําทําใหน้ําไมสามารถระบายได
ชาวนาปดทอทําใหน้ําไมสามารถระบายลงทุงไดเหมือนอดีต
สภาพคูระบายน้ํามีน้ําแตในนาไมทวม
น้ําไมสามารถระบายลงสูนาได เนื่องชาวนาปดทอระบายน้ําไว 9
โครงการเขื่อนแมวงก เปนวิธีการมองภาพรวมของทุกพื้นที่ที่วามา เอาความตองการน้ําของพื้นที่ปญหามาเปนตัวตั้ง ลามไปใหพื้นที่อื่นๆที่ไมขาดน้ําและมีศักยภาพที่จะพัฒนาแหลงน้ําขนาดเล็กไดมารอพวงไปดวย ทั้งที่จริงๆแลว หากแยกพื้นที่ ชลประทานโครงการเปนสวนยอยๆ จะพบวาบางสวนไมไดเกี่ยวของ บางสวนไมมีปญหา บางสวนมีปญหาบางแตสามารถแกไข ดวยวิธีอื่นได หากแยกสวนแกปญหา และนําศักยภาพที่แกปญหาแตละพื้นที่ยอยๆมาชวยพื้นที่ปญหามากอยางลาดยาว ก็อาจจะ แกปญหาทั้งหมดไดโดยไมตองสรางเขื่อนแมวงก จากการคํานวณปริมาณน้ําทา โดยใชสมการ
โดย
b
QM
=
aA
QM
=
ปริมาณน้ําทารายปเฉลีย่ (ลาน ลบ.ม.)
A
=
พื้นที่รับน้ําฝน (ตร.กม.)
aและb =
สัมประสิทธิ์ถดถอย
QF
3.7878A0.6076 (R2= 0.4135)
=
พบวา : พื้นที่รับน้ําประมาณ 2,000 km2พื้นที่การจัดการน้ํานี้จะมี น้ําทารายปประมาณ 755 ลาน m3ดังตารางคํานวณ ตารางที่ 2การประมาณการน้ําทารายเดือนในพื้นที่ประมาณ 2,000 km2
ดังนั้นเมื่อพิจารณาหากจะเก็บกักน้ําไวใชในพื้นที่ ที่มีปริมาณน้ําทาเฉลี่ยทั่วทั้งพื้นที่ จึงอาจจะใชการสรางแหลงน้ํา ขนาดเล็กกระจายใหทั่วเพื่อรองรับน้ําฝนและน้ําหลากที่อาจจะไมไดไหลมาจากพื้นที่รับน้ําเหนือพื้นที่โครงการเขื่อนแมวงก เทานั้น จะไดผลมากกวา 10
ภาพที่ 3 แผนผังเสนทางน้ําแมวงก และสภาพการวิเคราะหปญหาน้ําทวมน้ําแลงจากการสํารวจในพื้นที่ ขอเสนอแนะในการแกปญหาน้ําทวมในลุมน้ําแมวงก-ลาดยาว
จากการสํารวจสภาพปญหาตางๆ พบสาเหตุที่ทําใหน้ําทวมลาดยาวดังแผนผังในภาพที่ 4 1. การขาดการจัดการพื้นที่น้ําหลาก ลุมน้ํายอยคลองไทร-คลองหินดาด 2. ปริมาณตะกอนในลําน้ําแมวงก และลําหวยสาขาที่แตกออก ในพื้นที่แมวงกตอนกลาง 3. ขาดการบริ ห ารจั ด การประตู น้ํ า สะเดาซ า ย ให น้ํ า ไหลเฉลี่ ย ไปวั ง ม า ให พ อดี จํ า เป น ต อ งมี ค ณะกรรมการ โดยทองถิ่น ไดแก ต.มาบแก ต.วังมา ต.ลาดยาว ต.ศาลเจาไกตอ และ ต.สรอยละคร ในการจัดการประตูน้ําดวยกัน โดยมีกรม ชลประทานหรือเจาหนาที่เทคนิคมาชวยในการบริหารจัดการน้ํารวม และพัฒนาระบบใหครอบคลุมตั้งแตตนน้ําไปจนถึงปลาย น้ํา 4. ปริมาณน้ําคลองมวง ที่หลากจากเนินเขาบอถ้ําตองจัดการน้ําหลาก และผันน้ําเขาบึงหลม 5. คูระบายน้ํา มีสิ่งกอสรางกีดขวางทางน้ํา เชน สะพาน ฝายหรืออาคารระบายน้ําที่ไมไดใชงาน หรือชํารุด รวมถึงการ ถูกรุกล้ําลําน้ําทั้งจากอาคารของเอกชน วัด และสวนราชการ ทําใหน้ําไมสารถระบายและเก็บกักไปยังหนองอีเหนี่ยงกรณี สิ่งกอสรางในลําน้ํากีดขวางทางน้ํา เชน ฝาย ประตูระบายน้ํา หรือสะพานคอนกรีต ไมไดใชงาน หรือชํารุดใชงานไมได ควรมี การรื้อถอนออกเพื่อไมใหกลายเปนเครื่องกีดขวางทางน้ําเสียเอง ควรนําสิ่งกอสรางที่กีดขวางทางน้ําออก จะชวยบรรเทาน้ํา ทวมพื้นที่ลาดยาว 11
6. มีคลองขนานสองเสน ที่ไมไดใชในการระบายน้ํา เพราะไมมีคูเชื่อมจากคลองใหญ และไมเชื่อมคลองแมวงก (วังมา) ซึ่งคลองสองเสนนี้นําน้ําไปถึงอางหลวงพอจอยได 7. ควรมีการสํารวจเพื่อตรวจสอบแนวเขตทางน้ํา ตรวจสอบสิทธิการครอบครองของผูรุกล้ําและแนวทางการดําเนินการ ตามกฎหมาย จัดทํารายชื่อผูรุกล้ําเสนทางน้ําและกําหนดมาตรการการรื้อถอนหรือบังคับใชมาตรการที่มีอยูแลวโดยไมเลือก ปฏิบัติ รวมทั้งการจัดทําผังการใชประโยชนที่ดินรวม และจัดทําผังน้ําเพื่อใหประชาชนไดเขาใจสภาพตามธรรมชาติของลําน้ํา และไมบุกรุกเพิ่ม โดยพิจารณาจากลักษณะการใชพื้นที่จริงในปจจุบันเปนองคประกอบดวย รวมทั้งตองสอดคลองกับฤดูการ ผลิต วิถีชุมชน และสภาวะอากาศภูมิอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลงในอนาคต ซึ่งกระบวนการจัดทําจําเปนตองมีสวนรวมจากภาค ประชาชนดวย ภาพ 4 แผนผังสาเหตุที่ทําใหน้ําทวมพื้นที่ลาดยาว และศักยภาพทางเลือกการจัดการน้ําทวมกรณีไมสรางเขื่อนแมวงก
12
ขอเสนอแนะในการแกปญหาน้ําแลงในลุมน้ําแมวงก-ลาดยาว จากการสํารวจสภาพปญหาตางๆ พบศักยภาพที่สามารถแกไขปญหาน้ําแลงในพื้นที่ไดดังแผนผังใน (ภาพที่ 5) ภาพ 5 แผนผังศักยภาพทางเลือกการจัดการน้ําแลง กรณีไมสรางเขื่อนแมวงก
1. พื้นที่แมวงกตอนบน ยุทธศาสตรคือ การจัดการ น้ําหลากพื้นที่ปลูกพืชไรในพื้นที่แมวงกตอนบน โดยในระยะแรก จําเปนตองซอมแซมฝาย และประตูระบายน้ําที่ชํารุดในลุมน้ํายอย คลองไทร และคลองหินดาด เพิ่มเติมโครงการชลประทานที่เปน ฝายและประตูระบายน้ําขนาดเล็กที่จําเปน มีการขุดลอกตะกอน สม่ําเสมอ ปลูกหญาแฝกริมน้ําเพื่อกันตะกอน โดยในระยะยาวควร มีการสงเสริมการเปลี่ยนพืชไรเปนเกษตรผสมผสาน สรางประตูน้ํา เพื่อชะลอและลดปริมาณน้ําหลากที่เขาชนกัน ตลอดจนขุดลอกลํา น้ําแมวงกจากแกงเกาะใหญ ถึงเขาชนกันใหสามารถกักเก็บน้ําใน ฤดูแลง สะสมน้ําจากลําน้ําในอุทยานแหงชาติแมวงกที่มีมาตลอดป ทยอยปลอยไปดานแมวงกตอนกลาง
พื้นที่แมวงกตอนบน 13
2.พื้นที่แมวงกตอนกลาง ควรพัฒนาอางหวยหินลับ (คลองแหง) ใหกักเก็บน้ําเพิ่มเติม และเติมน้ําเขาสูแมวงก ตลอดป เพิ่มเติมฝายเก็บกักและยกระดับน้ําในลําหวยแมวงก ที่บานวังชุมพร และพื้นที่อื่นๆที่มีศักยภาพตามหลั กวิศวกรรม รวมถึงการปรับปรุงระบบฝายเดิมที่บานทาตาอยู ฝายไสงู และวังซาน รวมถึงประตูน้ําคลองขุนลาดใหมีประสิทธิภาพสมบูรณ ขุดลอกลําหวยแมวงก และลําหวยที่แยกจากแมวงกทุกเสนเพื่อเก็บน้ําไวในลําน้ํา พื้นที่นี้มีศักยภาพในการพัฒนาระบบการสูบ น้ําใตดินดวยไฟฟามาเสริมในชวงฤดูแลง นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ที่มีศักยภาพในการสรางเก็บน้ําขนาดเล็ก บริเวณบานวังชุมพร เพิ่มเติม ทั้งหมดจะสามารถชะลอน้ําในชวงน้ําหลาก และกักเก็บน้ําเพื่อทยอยแบงใหพื้นที่แมวงกตอนลาง และพื้นที่ลาดยาว ตอไป
พื้นที่แมวงกตอนกลาง
3. พื้นที่แมวงกตอนลาง พื้นที่แมวงกตอนลางคือ พื้นที่ที่รับน้ํามาเติมลําน้ําจากลําหวยตะกวดที่มีตนน้ําที่บาน ธารมะยม และหวยน้ําหอม ที่มีตนน้ําจากบานเขาแมกระทู ทางฝงตะวันตก และมีพื้นที่รั บน้ําจากฝงเขาหลวง มีศักยภาพใน การจัดการตนน้ําดวยฝายชะลอน้ําบนพื้นที่ภูเขา และ พัฒนาอางเก็บน้ําขนาดเล็กในพื้นที่ขอบเขา มากมาย เพื่ อ กั ก เก็ บ และเติ ม น้ํ า ให ที่ ร าบในช ว งฤดู แ ล ง นอกจากนี้ที่ราบกวางใหญของลุมน้ําแมวงกตอนลาง (วังมา) นี้มีศักยภาพในการพัฒนาบอน้ําตื้น และการ ขุดบอน้ําขนาดเล็กในไรนา นอกจากนี้ในลําน้ําแมวงก ยังมีการสรางฝายกักเก็บน้ําสามแหงที่มีประสิทธิภาพ ดีอยูแลว พื้นที่แมวงกตอนลาง
14
4. พื้นที่ลาดยาว มีศักยภาพแหลงน้ํา ที่ซอนอยูของลาดยาว คือ บึงหลม หนองอีเหนี่ยง คลองหินลับ-คลองยิ้มแยม รวมถึงอางเก็บน้ําหลวง พอจอย ซึ่งยังไมไดนํามาใชประโยชน และพัฒนา ศักยภาพใหมากเทาที่ควร หากสามารถศึกษาขอมูล และฟนฟูใหเปนแหลงน้ําที่กระจายน้ําไปกักเก็บใน บอ น้ํ า ในที่ส ว นบุ ค ลให ทั่ ว ถึ ง นา จะสามารถแก ไ ข ป ญ หาภั ย แล ง ไปได ม าก โดยจะต อ งกั ก เก็ บ น้ํ า สวนเกินในชวงน้ําหลากของคลองมวง และลุมน้ํา
พื้นที่ลาดยาว
แมวงก ที่ไหลแผขามลุมน้ํามาเก็บกักไวในแหลงน้ํา ใหได โดยอาจพิจารณาดึงน้ําบางสวนจากแมน้ําปง เขามาใชดวย แตจะตองสรางระบบกระจายน้ําขนาดเล็กและบอเก็บน้ําขนาดเล็กทั่วทั้งพื้นที่ลาดยาวที่ขาดแคลนน้ํา จากแหลง น้ําเดิมที่มีอยูแลวทั้ง 4 แหลง ภาพรวมของขอเสนอการจัดการน้ําทางเลือกไมสรางเขื่อนแมวงก สามารถสรุปเปนแผนภาพรวมขอเสนอแนะการจัดการน้ําไดในแผนภาพที่ 6 และตารางที่ 3 ดังนี้ ภาพ 6 แสดงแผนผังศักยภาพทางเลือกการจัดการน้ําลุมน้ําแมวงก-ลาดยาว
15
ตารางที่ 3 วิเคราะหเปรียบเทียบ การจัดการน้ําจากการสรางเขื่อนแมวงก และขอเสนอทางเลือกในการจัดการน้ํา พื้นที่ แมวงกตอนบน
ปญหา น้ําทวม
น้ําแลง อื่นๆ
แมวงกตอนกลาง
น้ําทวม น้ําแลง
แมวงกตอนลาง
มีพื้นที่รับประโยชนประมาณ 100,000 ในที่ราบลุม ถูกเวนคืนที่ดินคลองชลประทาน
น้ําทวม
ปกติ มี อุ ทกภั ย อยูบ า งเปน น้ํ า หลากผ า น มี เ ขื่ อ นแม ว งก นาจะลดน้ําทวมไดแตนอยกวา วงกกลางเพราะมีน้ําจาก พื้นที่รับน้ําอื่นๆมากมาย ปกติทํานาได 1-2 ครั้งแลวแตปริมาณฝน มีเขื่อนอาจจะได มากขึ้ นแต เป นพื้ น ที่ห า งไกล โอกาสที่ ก ระจายน้ํา มาถึ ง ในชวงแลงนาจะไมมากนัก
อื่นๆ
ระยะเวลา
ปกติเ ปน พื้น ที่น้ํ า ท ว มนอ ย มี เขื่ อ นแม ว งกล ดน้ํ า ท ว มได 30% ปกติทํานาไดสองครั้งอยูแลว หากมีเขื่อนอาจจะทําไดมาก ขึ้น
อื่นๆ
น้ําแลง
ลาดยาว
สรางเขื่อนแมวงก จัดการน้ําทางเลือก ไมไดเปนพื้นที่อุทกภัย แตอาจชวยลดน้ําหลากสองฝงลําน้ํา ไมไดเปนพื้นที่อุทกภัย แตการทําฝายชะลอน้ํา ประมาณ 10,000 ไร ทั่ว พื้ น ที่ ช ว ยลดน้ํ า หลากทั้ ง ลุม น้ํ า ประมาณ 200,000 ไร มีพื้นที่ชลประทานระบบทอ 10,000 ไร กระจายน้ําทั่วพื้นที่ 100,000 ไร - อาจเกิดปญหาความเสี่ยงน้ําลนทางระบายน้ําจากเขื่อน - ไมมีความเสี่ยง เมื่อมีฝนหนัก - ไมถูกเวนคืนที่ดิน - เสี่ยงความเสียหายหากเขื่อนชํารุด - ถูกเวนคืนที่ดินคลองชลประทาน
น้ําทวม
- มีพื้นที่รับประโยชนประมาณ นอยกวา100,000 ในที่ราบ ลุม - ถูกเวนคืนที่ดินคลองชลประทาน มีอุทกภัยใหญ ในคาบน้ําทวม 5-10 ป ภายหลังมีความ เสี่ย งน้ํ า ระบายไมทัน ทุก ครั้ง ที่ฝ นหนัก -น้ํ า หลาก หากมี เขื่อนคาดวาลดน้ําทวมได 20-30%
ขุด ลอกลํ า น้ํา และชะลอน้ํ า ในฝาย เพิ่ม การ ระบายน้ําไมนาจะนอยกวา 30% หากเพิ่ ม ฝายและระบบสู บ น้ํ า ด ว ยไฟฟ า ที่ ชาวบานจัดการเองได นา จะไดผลไมตา งจาก เขื่อน กระจายการจัดการน้ํา ทั่ว ทั้งลุมน้ํา ยอ ยหลาย แสนไร ไมถูกเวนคืนที่ดิน กระจายน้ําหลากกักเก็บในบอ และแกมลิง ไม น า จะมี ค วามแตกต า งเรื่ อ งลดน้ํ า ท ว ม เมื่ อ เปรียบเทียบกับมีเขื่อน องคกรบริหารสวนทองถิ่นพัฒนาแหลงน้ําขนาด เล็กไดเอง กระจายน้ํา ไดทุกพื้นที่ มีศักยภาพ ในการทํา บอ กัก เก็บ และระบบสู บ น้ํ า บ อ ตื้ น ดวยไฟฟา - กระจายการจัดการน้ําทั่วทั้งลุมน้ํายอยหลาย แสนไร - ไมถูกเวนคืนที่ดิน เพิ่มการระบายน้ํา ไปกักเก็บในแหลงน้ํา จัดตั้ง คณะทํา งานบริห ารประตู น้ํา จั ดการพื้นที่น้ํ า หลากที่เนินเขาเหนือคลองมวง นาจะมีผลการ ลดน้ําทวมมากกวาหรือไมนอยกวามีเขื่อน แบงพื้นที่ออกเปนสวนๆ พัฒนาแหลงกักเก็บน้ํา ในแตละสวนคือ บึงหลม หนองอีเหนี่ยง คลอง ยิ้มแยม-หินลับ และผันน้ําจากแมน้ําปง นาจะ ไดผลเทามีเขื่อน - บริหารน้ําไดเอง - ไมถูกเวนคืนที่ดิน
น้ําแลง
ทํานาได 1 ครั้ง แตมีเขื่อนนาจะไดสองครั้ง
อื่นๆ
- มีความเสี่ย งจะไมไดน้ํา เพราะอยูไกลจากเขื่อ น น้ํา ถูก นําไปใชพื้นที่ตนๆกอน - ถูกเวนคืนที่ดินคลองชลประทาน 8-10 ป 1-3 ป
16
จากแนวคิดการจัดการน้ํา ไดทดลองประเมินความเปนไปไดในการเสนอการจัดการน้ําผานโครงสราง และโครงการ ตางๆดังตารางที่ 4 และ 5 และอธิบายแนวคิดในการปฏิบัติจริงในแผนภาพ ที่ 7 ( โดยคิดพื้นที่ 5%ของพื้นที่ราบ ในแตละ พื้นที่การจัดการขุดบอลึก 5 เมตร) ตารางที่ 4 ประมาณปริมาณน้ําที่มีศักยภาพเปนไปไดในการจัดการน้ําทางเลือก เปรียบเทียบกับเขื่อนแมวงก** พื้นที่ แมวงกตอนบน
ประมาณปริมาณน้ําการจัดการน้ําทางเลือก เก็บน้ําในลําน้ํา
เขื่อนแมวงก 300,000
แมวงก 20 km 20,000*10*1
200,000 m3
m
100,000 m3
ลําน้ําสาขา 20 km 20,000*5*1
แมวงกตอนกลาง
อางเก็บน้ําขนาดเล็ก ไมมี
-
บอน้ําในที่ราบไมมี
-
เก็บน้ําในลําน้ํา
25,750,000
ลําน้ํา 5 สายๆละ 20 km. 5*20,000*5*1 m
500,000 m3
อางเก็บน้ําขนาดเล็ก อางหินลับ (มีแลว) 300 m2*5
150,000 m3
อางวังชุมพร
100,000 m3
บอน้ําในที่ราบ 5,000,0000*5 แมวงกตอนลาง
พื้นที่ลาดยาว
25,000,000 m3
เก็บน้ําในลําน้ํา
50,700,000 3
แมวงก 20 km. 20,000*10*2
400,000 m
ลําน้ําสาขา 40 km. 40,000*5*1
200,000 m3
อางเก็บน้ําขนาดเล็ก 100,000
100,000 m3
บอน้ําในที่ราบ 10,000,000*5
50,000,000 m3
เก็บน้ําในลําน้ํา
108,850,000
คลองใหญ 10 km.
100,000
10,000*10*1
25,000
คลองมวง 5 km. 5,000*5*1
75,000
คูน้ํา 15 km. 15,000*5*1 คลองหินลับ-วังยิ้มแยม 30 km
150,000
30,000*5*1
200,000,000-250,000,000
อางเก็บน้ําขนาดเล็ก บึงหลม 3,000,000 m2*10
30,000,000
หนองอีเหนี่ยง 1,000,000
10,000,000
2
m *10
1,000,000
อางหลวงพอจอย บอน้ําในที่ราบ 17,500,000*5 รวมศักยภาพเก็บน้ําการจัดการน้ําทางเลือก
87,500,000 205,600,000
หมายเหตุ **จํานวนและงบประมาณเปนการประมาณการเพื่อแสดงใหเห็นความเปนไปได คาดวาคลาดเคลื่อนไมเกิน 20%
17
ตารางที่ 5 ประมาณการงบประมาณในการจัดการน้ําทางเลือก** โครงการจัดการน้ํา
ฝาย/ประตูน้ํา ในลําน้ําสาขา
แมวงกตอนบน
แมวงกตอนกลาง
จํานวน งบประมาณ จํานวน
งบประมาณ
(ลานบาท)
(ลานบาท)
10
150
6
90
ลาดยาว จํานวน
แมวงกตอนลาง
งบประมาณ
จํานวน
(ลานบาท) 6
90
รวม
งบประมาณ (ลานบาท)
6
90
28 ตัว 420 ลานบาท
ฝาย/ประตูน้ํากั้นลํา 3
100
น้ําแมวงก อางเก็บน้ํา
2+เกา
50
-
-
เกา 3
20
3 1
50
ขนาดเล็ก
1+เกา
8 ตัว 170
50
3 เกา+1
50
1
เกา 3 +
300
ใหม 6
16 แหง 450 ลาน (ซอม 7)
ขุดลอกลําน้ํา
50 km. 50
100
100
100 km.
100
50 km.
50
km. บอน้ํา(ลานคิว)
6
10
20
200 km. 200 ลาน
50
100
200
60
100
186 ลาน m3 360 ลาน บาท
ฝายแมว
50 บ.
500,000 บ. 20 บ.
200,000 บ.
5 บ.
50,000 บ.
100 บ.
1,000,000 บ.
175 ตัว 1.75 ลาน
พัฒนาโครงการสูบ
-
200
20
200
420
น้ําดวยไฟฟา
ลานบาท
(ลานบาท) การฟนฟูปาตนน้ํา
(5ไร)
100,000 บ. (5ไร)
100,000 บ.
(5ไร)
100,000 บ.
(5ไร)
100,000 บ.
20 ไร 400,000
ฟนฟู-ปรับปรุงการ
50,000 50
50,000 50
10,000
10
100,000
100
200,050
ชะลางพังทลาย
ไร
พื้นที่พืชเชิงเดี่ยว
210 ลาน
(ไร) -
410
-
390
-
480
-
661
1,941 ลานบาท
หมายเหตุ **จํานวนและงบประมาณเปนการประมาณการเพื่อแสดงใหเห็นความเปนไปได คาดวาคลาดเคลื่อนไมเกิน 20%
18
แผนที่ทางเลือกในการจัดการน้ําแบบบูรณาการ กรณีไมตองสรางเขื่อนในอุทยานแหงชาติแมวงก
19
ภาพ 7 แผนผังสรุปกิจกรรมในการจัดการน้ําทางเลือกในแตละพื้นที่จัดการน้ําเชื่อมโยงกัน ปาตนน้ําอุทยานแหงชาติแมวงก - ทําฝายชะลอน้ําตามความเหมาะสม และสอดคลองกับธรรมชาติ ลุมน้ําคลองไทร และลุมน้ําคลองหินดาด - ทําฝายและโครงการชลประทานขนาดเล็ก ในลํ า น้ํ า สาขาตามความเหมาะสมทาง วิศวกรรม พรอมกับปรับการใชที่ดินเปนพืช ผสมผสานในระยะยาว - ฝายแมวในรองน้ําสําคัญที่เขาแมกระทู และ เขาพริกไทดานตะวันตก
สองฝงหวยแมวงกนอกอุทยาน - ขุดลอกลําน้ํา กั้นประตูกักเก็บชะลอ น้ําแกงเกาะใหญ และเขาชนกัน
ขุ ด ลอกและสร า งฝายและ ประตูชะลอน้ําในลําน้ําแมวงก เพิ่ ม เติม จากที่มี อ ยู แ ลว และ ลําน้ําที่แตกออกประสานสาย (braided) กั น หลายสาย ต า ม ค ว า ม เ ห ม า ะ ส ม ทา ง วิศวกรรม -เพิ่ ม เติ ม ระบบสู บ น้ํ า ด ว ย ไฟฟ า จากน้ํ า บ อ ตื้ น พื้ น ที่ น า สองฝงลําน้ํา
ลุมน้ําคลองปลาอาว และคลองแหง - ฝายชะลอน้ํารองน้ําสําคัญทีเ่ ขาพริกไท และ เขาแมกระทู (ดานตะวันออก) - ปรับปรุงอางหินลับ (คลองแหง) และพิจารณา สรางอางวังชุมพร
ลําน้ําแมวงกกลาง ลาดยาว ลุม น้ํ า ธารมะยม (ห ว ยตะกวด) และ หวยน้ําหอม - ฝายชะลอน้ํารองน้ําสําคัญที่เขาพริก ไท และเขาแมกระทู (ดานตะวันออก) - ทําฝายและโครงการชลประทานขนาด เล็ก และอางเก็บน้ําในลําน้ําสาขาตาม ความเหมาะสมทางวิศวกรรม พรอมกับ ปรั บ การใช ที่ ดิ น เป น พื ช ผสมผสานใน ระยะยาว
ลําน้ําแมวงกลาง (วังมา)
-พั ฒ นาระบบและบุ ค ลากรในการ บริหารน้ําสวนเกินในชวงน้ําหลากของ แมวงกผานประตูน้ําคลองขุนราษฎร ไป ทางคลองใหญ ไปสูระบบคูน้ําและบอ กักเก็บในพื้นที่เกษตรกรรม -เพิ่มเติมระบบสูบน้ําดวยไฟฟาจากน้ํา บอตื้นพื้นที่นาสองฝงลําน้ํา ขุดลอกและปรับปรุงฝายและ ประตูชะลอน้ําในลําน้ําแมวงก (มี แล ว ) ตามความเหมาะสม ทางวิศวกรรม -เพิ่ ม เติ ม ระบบสู บ น้ํ า ด ว ย ไฟฟ า จากน้ํ า บ อ ตื้ น พื้ น ที่ น า สองฝงลําน้ํา ระบายน้ําสูเขื่อนวังรอ ผานฝายสวาง -
ลําน้ําแมวงกบน
คลองมวงและบึงหลม - ระบบกักเก็บและชะลอน้ําขนาดเล็ก - ปรับการใชที่ดินเนินบอถ้ําเปนพืชผสมผสานใน ระยะยาว พื้นที่ลาดยาว -ขุดลอกและปรับปรุงฝายและประตูชะลอน้ําในคลอง ใหญ และคูระบายน้ํา (มีแลว) ตามความเหมาะสมทาง วิศวกรรมไปสูหนองอีเหนี่ยง -พัฒนาแหลางน้ําหนองอีเหนี่ยง และคลองสงน้ําจาก แมน้ําปง --เพิ่มเติมบอกักเก็บน้ําในพื้นที่เกษตรกรรมทั่วพื้นที่ -พัฒนาระบบสูบ น้ําระบายน้ําท วม กระจายน้ํ าแกน้ํ า แลง คลองหินลับ และคลองวังยิ้มแยม -ขุดลอก และกักเก็บน้าํ ในลําน้ํา -สรางระบบระบายน้ําสูอางหลวงพอจอย - -เพิ่มเติมบอกักเก็บน้ําในพื้นที่ เกษตรกรรม -ปรับปรุงอางหลวงพอจอย ลุมน้ําเขาหลวงดานตะวันตก - ฝายชะลอน้ํารองน้ําสําคัญ - ทําฝายและโครงการชลประทานขนาด เล็ ก และอ า งเก็ บ น้ํ า ในลํ า น้ํ า สาขาตาม ความเหมาะสมทางวิศวกรรม - เพิ่มเติมระบบสูบน้ําดวยไฟฟาจากน้ํา บอตื้น 20
โมเดลการจัดการน้ําระดับบุคคล ชุมชน และตําบล จากการลงพื้นที่ศึกษารูปแบบการจัดการน้ําที่มีประสิทธิภาพในพื้นที่ตลอด 3 ปที่ผานมา พบรูปแบบการจัดการน้ําที่ มีศักยภาพและสามารถประยุกต นํามาปรับใชในพื้นที่การจัดการน้ําทางเลือก ไดแก การจัดการน้ํานาลุงกรุน ที่เปนการจัดการ น้ําระดับครอบครัว ในพื้นที่แมวงกตอนกลาง การจัดการของชุมชนธารมะยม ในพื้นที่แมวงกตอนลาง และการจัดการน้ําระดับ ตําบลหนองหลวง ในพื้นที่แมวงกตอนลาง โดยการจัดการน้ําทัง้ 3 รูปแบบ โดยมีรายละเอียดดังตอไปนี้ 1. ทางออกการจดการน้ําระดับบุคคล ตน แบบของเกษตรกรท า นนี้ อาศั ย อยู หมู ที่ 3 เขตเทศบาลศาลเจ า ไกต อ อํ า เภอลาดยาว จั ง หวั ด นครสวรรค เกษตรกรในเขตเทศบาลศาลเจาไกตอ ประกอบอาชีพการทํานาเปนหลัก เกษตรกรตนแบบทานนี้ จึงมีแนวคิดที่จะบริหาร จัดการน้ําดวยตนเอง โดยความมุงมั่นบริหารจัดการน้ําดวยตัวเองเริ่ มมาจากการที่ที่นาของตนเองอยูไกลกวาคนอื่นและไม อยากไปแยงน้ํากับใครใหเกิดปญหา จึงคิดที่จะขุดบอบาดาลนําน้ํามาใชดวยตนเองโดยไมหวังพึ่งใคร รูปแบบการจัดการพื้นที่นา คือการลดตนทุนการผลิต เชน การใชระบบน้ําหมุนเวียนโดยการสูบน้ําขึ้นมาจากบอ บาดาลและกออิฐบล็อกเปนลํารางไลไปตามแปลงนาทั้งหมด ถาตองการใหน้ําไปที่นาแปลงไหนก็อุดชองรางแปลงอื่นๆ ไวเพื่อ น้ําจะไดถูกสงตอไปยังแปลงที่ตนเองตองการ
21
ลํารางเพื่อปลอยน้ําไปยังแปลงนาที่ตองการ
โดยเกษตรกรต น แบบมี พื้ น ที่ ทํ า นา จํ า นวน 22 ไร การทํ า นาต อ ครั้ ง จะใช ร ะยะเวลาประมาณ 5 เดื อ น ไดขาวเปลือก 17 เกวียน มีรายไดครั้งละประมาณ 187,000 บาท น้ําพอใชในการทํานาตลอดทั้งปโดยในแตละป สามารถทํา นาได2-3 ครั้ง มีตนทุนในการทํานาเพียง 2,064 บาท ตอไร คาไฟฟาในการสูบน้ําเพื่อทํานาในแตละครั้ง 10,300 บาท เฉลี่ยคา ไฟที่ใชในการสูบน้ําแตละไรใน 1 ฤดูกาลเพาะปลูก คือ 468 บาท ดังนั้นเมื่อหักลบตนทุนจากการทํานาทั้งหมด เชน คาปุย ชีวภาพ คาจางแรงงานในการเก็บเกี่ยว คาขนสงขาวเปลือกฯ เกษตรกรทานนี้จะมีรายไดจากการทํานาตอ 1 ฤดูกาล ประมาณ 140,000 กวาบาท และหลังการเก็บเกี่ยวก็ยังมีรายไดจากการปลอยน้ําในนาไปยังสระที่ขุดไวอยูทายแปลงนาเพื่อจับปลาขาย เปนรายไดเสริมหลังฤดูเก็บเกี่ยวปละ 1 ครั้ง ซึ่งทําใหมีรายไดเพิ่มอีกหลายพันบาทเลยทีเดียว
สระน้ําทายแปลงนา เปนรายไดเสริมในการจับปลาปละ 1 ครั้ง หลังจากการเกี่ยวขาวโดยปลอยน้ําจากนาขาวทั้งหมดให ไหลมารวมทีส่ ระน้ําทายแปลงนา
22
2. ทางออกในการจัดการน้ําระดับชุมชน ทางออกในการจัดการน้ําระดับชุมชน ตนแบบอยูที่บานธารมะยม เชิงเขาแมกระทู ตําบลวังซาน อําเภอแมวงก เปน หนึ่งในพื้นที่ที่ รัฐบาลอางวาเปนพื้นที่ประสบภัยแลง และจะไดรับประโยชนจากโครงการเขื่อนแมวงก แตในทางกลับกัน ชุมชนธารมะยมสามารถพึ่งตนเองได โดยมีระบบประปาของตนเอง รูปแบบการจัดการน้ําโดยชุมชนเริ่มมาจากการที่ แตเดิม เขาแมกระทูเปนเขาหัวโลนตนไมบนภูเขาถูกตัดโคนไปหมดไฟปาเกิดขึ้นทุกป จะใชน้ําแตละครั้งตองลงไปแบกน้ําเปนระยะ ทางไกลหลายกิโลเมตร ตอมาปพ.ศ.2539 การปโตรเลียมแหงประเทศไทย หรือ ปตท. ในขณะนั้น เขามาทําโครงการปลูกปา ถาวรเฉลิมพระเกียรติประมาณ 13,000 ไร และหลังจากนั้นสถาบันสิ่งแวดลอมไทยไดเขามาชวยจัดตั้งกลุมชาวบานเพื่อดูแล รักษาปา ในป 2543 ปาเริ่มฟนตัว ลําธารที่ มาจากปาเริ่มมีน้ําไหลจากเดิมที่ เคยแหงเหือด คนในชุมชนจึงเริ่มขึ้นไปทําฝาย ชะลอน้ําบนเขาเพื่อกักเก็บน้ําและไดงบประมาณจากองคการบริหารสวนจังหวดนครสวรรค 25,000 บาท เพื่อทําฝายชะลอน้ํา เพื่อใหชาวบานมีน้ําใช และรวมกันคิด วางแผนจัดการระบบน้ําในพื้นที่โดยสรางฝายเล็กๆ ชะลอน้ําในหมูบานทั้งหมด 6 ตัว และของบประมาณจากโครงการ SIP หรือโครงการลงทุนเพื่อสังคม ตอทอประปาจากภูเขาไปยังทุกบาน กวา 200 หลัง ทุก บานจะไดใชน้ําโดยไมตองไปรองน้ําประปามาใช โดยติดมิเตอรน้ําที่บานทุกหลัง และเก็บคาน้ําหนวยละ 3 บาท ใชงบประมาณ ทั้งสิ้น 800,000 บาท
ระบบเก็บกักน้ําและแจกจายน้ําของชุมชนธารมะยม
นอกจากการบริหารจัดการน้ําที่ทําใหคนในชุมชนมีน้ําใชไดตลอดแลว แตยังมีสิ่งที่นอกเหนือจากการบริหารจัดการ น้ําที่ดี คือ กําไรที่ไดจากการจัดการน้ําโดยนําเงินที่ไดจากการเก็บคาน้ําในชุมชน มาตั้งเปนกองทุนเพื่อใชเปนสวัสดิการดาน ตางๆ เชน ทุนการศึกษาใหเด็กนักเรียน คนชรา ใหกูยืมเวลาที่ บานใครมีคนเจ็บปวยกะทันหัน ซอมแซมฝายทอน้ําและ คาใชจายที่เปนประโยชนกับชุมชน ซึ่งจะมีการตกลงกันในที่ประชุม ทุกวันที่ 9 ของเดือน จะมีการประชุมหมูบาน และ นอกจากนี้ยังมีรายไดจากนาแปลงรวมของหมูบานที่มีอยู 2 ไร ซึ่งนา 2 ไรนี้ใชน้ําที่ลนจากหอเก็บน้ําที่สรางไวเพื่อพักน้ําที่เหลือ จากการใชสอยทุกปจะมีน้ําลนออกมา น้ําที่ลนนี้จะใชทํานา เปนนาที่เปนพันธุขาวแมพันธุ สามารถขายไดเกวียนละ 20,000 บาท เงินสวนนี้จะเขากองทุนสวัสดิการของหมูบาน และพันธุขาวบางสวนชาวบานจะขอไปปลูก ไดบานละ 1 ไรตอป ซึ่ง 23
รับประกันวาปนั้นเขาจะไดเงินจากการขายขาว 20,000 บาท คนในชุมชนมีการพูดคุยกัน แบงน้ํากัน ใชน้ําใหเกิดประโยชน ทํา นา ใชในครัวเรือน ผลที่ไดกลับมาก็คืนสูชุมชน
3. ทางออกการจัดการน้ําระดับตําบล ทางออกการจัดการน้ําระดับตําบลคือการที่ภาครัฐเขามามีสวนในการจัดการน้ํารวมกับชุมชน เพื่อใหเพียงพอตอ ความตองการใชน้ําที่คนในชุมชนตองการ ทางออกในการจัดการน้ําระดับตําบล ตนแบบการจัดการอยูในพื้นที่ตําบลหนอง หลวง อําเภอสวางอารมณ จังหวัดอุทัยธานี ขอมูลพื้นฐาน ตําบลหนองหลวง มีเนื้อที่ 43,462 ไร หรือ 69.54 ตารางกิโลเมตร สภาพพื้นที่โดยทั่วไปของ ต.หนอง หลวง มีลักษณะเปนที่ราบลุมและลาดเอียง โดยลาดเท จากทางดานทิศตะวันออกต่ําลงมาทางทิศตะวันตก มีเทือกเขาหลวงกั้น ระหวางตําบลหนองหลวง อําเภอสวางอารมณจังหวัดอุทัยธานี กับ อําเภอโกรกพระ จังหวดนครสวรรค ประชาชนสวนใหญ ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทํานาบริเวณที่ราบลุม การทําไร และเลี้ยงสัตว รวมทั้งอาชีพรับจางทั่วไป จํานวนพื้นที่เพาะปลูก ต.หนองหลวง ในฤดูฝน 6,255 ไร พื้นที่เพาะปลูกในฤดูแลง 1,650 ไรปจจุบัน ต.หนองหลวง มีแหลงน้ําสําหรับใชแบงเปน บอบาดาล 9 บอ สระน้ําทา 12 สระ และอางเก็บน้ําขนาดใหญ 2 อางเก็บน้ํา โดยมีปริมาตรรวม ทั้งหมด 1,701,200 ลบ.ม. ซึ่งโดยปกติแลว การทํานาจากการลงเก็บขอมูลภาคสนามใน ต.หนองหลวง พบวา ใน 1 ฤดูกาล สามารถทําการเพาะปลูก ตอ 1 ไร โดยใชน้ําในปริมาณ 2,000 ลบ.ม.มีน้ําใชเพียงพอในฤดูฝนเทานั้น สวนบางพื้นที่ในหนาแลง ที่มีน้ําไมพอตอการเพาะปลูกจะทํานาเพียงแค 1 ครั้ง ตอ 1 ป แตถาพื้นที่ใดมีน้ําเพียงพออยูแลว จะทํานาโดยปกติ ปละ 2-3 ครั้ง จากการลงพื้นที่สํารวจยังพบวาบางพื้นที่ แคอยูคนละฟากฝงถนนเทานั้น แตอกี ฝงหนึ่งมีน้ําใชเพียงพอตลอดทั้งป สามารถ ทํานาได ปละ 2-3ครั้ง แตอีกฟากของถนนกลับมีน้ําไมพอใชปญหาไมไดเกิดจากการมีน้ําไมเพียงพอแตปญหาอยูที่ระบบ บริหารจัดการน้ําไมมีประสิทธิภาพ
24
องคการบริหารตําบลหนองหลวง มีแผนพัฒนา 3 ป 2556 – 2558 เพื่อใหมีน้ําใชเพียงพอตอความตองการ โดยมี การวางแผนพัฒนาแหลงน้ําในระดับตําบล เชน โครงการขุดสระและสรางฝายเพื่อการอุปโภคบริโภค และน้ําเพื่อการเกษตร ของประชาชน ขุดลอกสระ การพัฒนาแหลงน้ําเพื่อการอุปโภค บริโภคและเพื่อการเกษตรโดยจัดใหมีการปรับปรุงซอมแซม และบํ า รุ ง รั ก ษาให มี คุ ณ ภาพ แหล ง น้ํ า ที่ ส ภาพชํ า รุ ด เสี ย หายได รั บ การพั ฒ นา ปรั บ ปรุ ง ซ อ มแซมและบํ า รุ ง รั ก ษาให มี ประสิทธิภาพพรอมใชประโยชน เพื่อใหมีน้ําเพื่อการอุปโภคบริโภคและเพื่อการเกษตรของประชาชน รวมทั้งปองกันปญหา อุทกภัย ดังนั้นถามีการบริหารจัดการอยางสอดคลองและเปนไปตามแผนที่วางไว 3 ป พื้นที่เพาะปลูกในฤดูแลง จํานวน 1,650 ไร หากจะใหมีน้ําเพียงพอเพื่อทําการเกษตรในชวงฤดูแลงโดยเฉพาะนาขาว ตองเพิ่มแหลงกักเก็บน้ําอีก 1.6 ลบ.ม. ม.3ซึ่ง เทากับตําบลหนองหลวงจะมีน้ําเพื่อทําการเกษตร 3,300,000 ลบ.ม.3 โดยแผนระยะยาว 3 ป จะมีการจัดสราง โครงการขุดสระเก็บน้ําเอื้ออาทร ขุดสระน้ํา 288 สระ กวาง 40 เมตร ยาว 50 เมตร ลึก 3เมตร ใน 1 บอ จะไดน้ํา 6,000 ลบ.ม. จะทําใหไดน้ําเพิ่มอีก 1,368,000 ลบ.ม. และบวกกับโครงการสรางอาง เก็บน้ําขนาดใหญพื้นที่ตําบลหนองหลวง อางเก็บน้ํา (อางมะขาม) ม.7 พื้นที่ 30 ไร จํานวน 1 แหง ความสูง 9.7 เมตร จะได น้ํา 465,600 ลบ.ม. (ใชงบประมาณ 80 ลานบาท) เมื่อน้ําทั้งสองโครงการมารวมกันจะทําใหไดน้ําทั้งหมด 3,534,800 ลบ.ม. เพียงพอตอการใชน้ําของคนทั้งตําบลหนองหลวงในฤดูแลง ทางออกของการจัดการน้ําระดับตําบล การพัฒนาแหลงน้ําโดยภาครัฐ ต.หนองหลวง
25