คาสมาส คาสนธิ จุดประสงค์ของการเรียน คาสมาส คาสนธิ 1. เพื่อให้นักเรียนได้รู้จักคาบาลี คาสันสกฤตมากขึ้น 2. เพื่อให้นักเรียนรู้จักการนา คาบาลี คาสันสกฤต มาประสมกัน ทาให้เกิดคาใหม่ขึ้น 3. เพื่อให้นักเรียนเข้าใจความหมายของ คาสมาส คาสนธิ ได้ดีขึ้น 4. เพื่อให้นักเรียนรู้จักเลือก คาสมาส คาสนธิ มาใช้ในการแต่งประโยค 5. เพื่อให้นักเรียนเห็นความหลากหลายของภาษาที่ใช้ในภาษาไทย 6. เพื่อศึกษาให้รู้ถึงความเป็นมาของภาษาไทย 7. เพือ่ ศึกษาให้รู้ถึงรากภาษาของคา 8. เพื่อศึกษาถึงกฎในการรวมคาของ คาสนธิ และ คาสมาส 9. เพื่อศึกษาถึงความแตกค่างของ คาสนธิ กับ คาสมาส 10. เพื่อแสดงถึงความแตกค่างระหว่าง คาสนธิ คาสมาส กับ คาซ้อนและ คาซ้า ที่ผู้คนส่วนใหญ่อาจจะเข้าใจผิด 11. เพื่อแสดงถึงความแตกต่างของ คาสนธิ คาสมาส กับ คาเขมร ซึ่งบางคามี ความคล้ายคลึงกัน 12. เพื่อเป็นความรู้ในการแยกคาภาษาบาลีออกจากคาภาษาอื่นๆ คำสมำส คำสนธิ คาสมาส คือ คาที่เกิดจากการนาคาในภาษาบาลีและสันสกฤตมารวมเข้าด้วยกัน เพื่อทาให้เกิดคาใหม่ ที่มีความหมายใหม่ โดยยังมีเค้าของความหมายเดิมอยู่
หลักสังเกตคาสมาสในภาษาไทย 1. เกิดจากคามูลตั้งแต่สองคาขึ้นไป 2. เป็นคาที่มีรากศัพท์มาจากภาษาบาลีและสันสกฤตเท่านั้น เช่น กาฬพักตร์ ภูมิศาสตร์ ราชธรรม บุตรทาน อักษรศาสตร์ อรรถคดี ฯลฯ 3. พยางค์สุดท้ายของคาหน้า หากมีสระ อะ หรือมีตัวการันต์อยู่ ให้ยุบตัวนั้นออก (ยกเว้นคาบางคา เช่น กิจจะลักษณะ เป็นต้น) 4. แปลความจากหลังมาหน้า เช่น ราชบุตร แปลว่า บุตรของพระราชา, เทวบัญชา แปลว่า คาสั่งของเทวดา ราชการ แปลว่า งานของพระเจ้าแผ่นดิน 5. ส่วนมากออกเสียงพยางค์ท้ายของคาหน้า แม้จะไม่มีรูปสระกากับอยู่ โดยจะใช้เสียง อะ อิ และ อุ (เช่น เทพบุตร) แต่บางคาก็ไม่ออกเสียง (เช่น สมัยนิยม สมุทรปราการ) 6. คาบาลีสันสกฤตที่มีคาว่า พระ ซึ่งกลายเสียงมาจากบาลีสันสกฤต ก็ถือว่าเป็นคาสมาส (เช่น พระกร พระจันทร์) 7. ส่วนใหญ่จะลงท้ายว่า ศาสตร์ กรรม ภาพ ภัย ศึกษา ศิลป์ วิทยา (เช่น ศึกษาศาสตร์ ทุกขภาพ จิตวิทยา)