พืน้ ฐานเครือข่ ายคอมพิวเตอร์ จุดประสงค์ของการประดิษฐ์คอมพิวเตอร์ใช้ในสมัยแรก ๆ นั้น เพื่อให้ คอมพิวเตอร์ได้ทาำ งานบางอย่างแทนมนุษย์ได้ เช่น การคำานวณเลข ซึ่ งถ้า เป็ นตัวเลขจำานวนมาก ๆ มนุษย์จะใช้เวลาในการคำานวณมากและมีโอกาส เกิดข้อผิดพลาดได้มาก ในขณะที่คอมพิวเตอร์สามารถคำานวณได้เร็ วกว่า มาก อีกทั้งยังมีความแม่นยำาและมีความผิดพลาดน้อยกว่ามนุษย์มาก
พืน้ ฐานเครือข่ ายคอมพิวเตอร์ (ต่ อ) การทำางานจะให้มีประสิ ทธิภาพสูงจะ ต้องทำาเป็ นหมู่คณะ หรื อทีม เวิร์ค (Teamwork) คอมพิวเตอร์กซ็ ่ ึ งถูกสร้างมาเพื่อทำางานแทน มนุษย์กจ็ าำ เป็ นที่ตอ้ งมีการสื่ อสารซึ่ งกันและกันเช่นกัน ฉะนั้น คอมพิวเตอร์เครื่ องใดที่ไม่ได้เชื่อมต่อเข้ากับเครื่ องอื่นก็เปรี ยบเสมือนคน ที่ชอบความสันโดษ ในการเชื่อมต่อกันเป็ นเครื อข่ายนั้น เป็ นสาเหตุที่ เนื่องมาจากการที่ผใู ้ ช้ตอ้ งการทำางานเป็ นกลุ่มหรื อทีม ซึ่งการทำางานแบบ นี้ยอ่ มมีประสิ ทธิภาพมากกว่าการทำางานแบบเดี่ยว ๆ
พืน้ ฐานเครือข่ ายคอมพิวเตอร์ (ต่ อ) หลังจากที่คอมพิวเตอร์ได้คิดค้นขึ้นมาแล้วนั้น ก็ยงั ได้มีการพัฒนา มาอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ วจน ในปัจจุบนั เป็ นที่ยอมรับมากว่า อุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์เป็ นอุตสาหกรรมที่มีการพัฒนารวดเร็ วอย่าง รวดเร็ วมากที่สุดอุตสาหกรรมหนึ่ง ปัจจุบนั นี้ กเ็ ป็ นยุคข้อมูลข่าวสารโดย การใช้เครื่ องคอมพิวเตอร์เป็ นเทคโนโลยีที่รองรับคอมพิวเตอร์ในสมัย แรก ๆ เท่านั้น
พืน้ ฐานเครือข่ ายคอมพิวเตอร์ (ต่ อ) เป็ นคอมพิวเตอร์ที่ถกู ออกแบบให้ใช้งานแบบรวมศูนย์ (Centralized Computing) เช่น เมนเฟรม มินิคอมพิวเตอร์ เป็ นต้น ซึ่ งคอมพิวเตอร์ จะถูกสร้าง และเก็บไว้ในห้อง ๆ หนึ่ง เนื่องมาจากสมัยนั้นเป็ น คอมพิวเตอร์ที่มีราคาแพงมาก ผูใ้ ช้แต่ละคนจะใช้จอภาพ (Dump Terminal) เพื่อเชื่อมต่อเข้ากับเครื่ องเมนเฟรม
รู ปเมนเฟรมและดัมพ์เทอร์ มินอล
พืน้ ฐานเครือข่ ายคอมพิวเตอร์ (ต่ อ) หลังจากนั้นก็ได้มีการคิดค้นคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดเล็ก หรื อ เรี ยกว่าไมโครคอมพิวเตอร์ (Microcomputer) ซึ่ งได้มีการใช้กนั อย่างแพร่ หลายในปั จจุบนั เนื่องจากราคาถูกกว่าเดิมและยังมี ประสิ ทธิภาพไม่นอ้ ยไปกว่าเครื่ องเมนเฟรมด้วย ถ้าเครื่ องคอมพิวเตอร์ที่ ทำางานเดี่ยวๆ(Stand-alone) ก็จะเป็ นเหมือนกับการที่คน ๆ หนึ่ง ทำางานเพียงคนเดียว เป็ นที่ทราบกันดีวา่
พืน้ ฐานเครือข่ ายคอมพิวเตอร์ (ต่ อ) การทำางานเพียงคนเดียวนั้นจะได้ผลลัพธ์ไม่ดีเท่า ที่ควรนัก การทำางานของมนุษย์น้ นั จำาเป็ นที่จะต้องทำางานกันเป็ นกลุ่ม หรื อทีมถึงจะมีประสิ ทธิภาพได้คอมพิวเตอร์กเ็ ช่นกัน ควรจะ ทำางานเป็ นกลุ่มหรื อทีม ซึ่งการทำางานเป็ นกลุ่มหรื อทีมของ คอมพิวเตอร์ น้ ีจะเรี ยกว่า “ เครื อข่าย (Network) ”
ความหมายเครือข่ ายคอมพิวเตอร์ เครื อข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) คือระบบที่มี คอมพิวเตอร์อย่างน้อยสองเครื่ องเชื่อมต่อกันโดยใช้สื่อกลาง และก็ สื่ อสารข้อมูลกันได้อย่างมีประสิ ทธิภาพ ซึ่งทำาให้ผใู้ ช้คอมพิวเตอร์ แต่ละเครื่ องสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่ งกันและกันได้ นอกจากนี้ ยงั สามารถใช้ทรัพยากร(Resources) ที่มีอยูใ่ นเครื อข่ายร่ วมกันได้
ความหมายเครือข่ ายคอมพิวเตอร์ (ต่ อ) เช่น เครื่ องพิมพ์ ซีดีรอม สแกนเนอร์ ฮาร์ดดิสก์ เป็ นต้น แนวคิดในการ สร้างเครื อข่ายคอมพิวเตอร์น้ นั เริ่ มมาจากการที่ผใู้ ช้ตอ้ งการที่จะแลก เปลี่ยนข้อมูลกันอย่างมีประสิ ทธิภาพและรวดเร็ ว คอมพิวเตอร์เดี่ยวๆ เป็ นอุปกรณ์ที่มีความสามารถในการประมวลผลข้อมูลในปริ มาณมาก อย่างรวดเร็ วอยูแ่ ล้ว แต่ขอ้ เสี ยคือ ผูใ้ ช้ไม่สามารถแชร์ขอ้ มูลนั้นกับคน อื่นอย่างมีประสิ ทธิภาพได้ก่อนที่จะมีเครื อข่ายคอมพิวเตอร์
องค์ ประกอบพืน้ ฐานของเครือข่ าย การที่คอมพิวเตอร์จะเชื่อมต่อกันเป็ นเครื อข่ายได้ ต้องมีองค์ประกอบพื้น ฐานดังต่อไปนี้
- คอมพิวเตอร์ อย่างน้อย 2 เครื่ อง - เน็ตเวิร์ดการ์ด หรื อ NIC ( Network Interface Card) เป็ นการ์ ดที่ เสี ยบเข้ากับช่องที่ เมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็ นจุดเชื่อมต่อ ระหว่างคอมพิวเตอร์และเครื อข่าย
องค์ ประกอบพืน้ ฐานของเครือข่ าย (ต่ อ) - สื่ อกลางและอุปกรณ์สาำ หรับการรับส่ งข้อมูล เช่น สาย สัญญาณ ส่ วนสายสัญญาณที่นิยมที่ใช้กนั ในเครื อข่ายก็เช่น สาย โคแอ็กเชียล สายคูเ่ กลียวบิด และสายใยแก้วนำาแสง เป็ นต้น ส่ วนอุปกรณ์ เครื อข่าย เช่น ฮับ สวิตช์ เราท์เตอร์ เกตเวย์ เป็ นต้น
องค์ ประกอบพืน้ ฐานของเครือข่ าย(ต่ อ) - โปรโตคอล ( Protocol) โปรโตคอลเป็ นภาษาที่คอมพิวเตอร์ใช้ติดต่อ สื่ อสารกันผ่านเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ที่สามารถสื่ อสารกันได้น้ นั จำาเป็ นที่ ต้องใช้ “ภาษา” หรื อใช้โปรโตคอลเดียวกันเช่น OSI, TCP/IP, IPX/SPX เป็ นต้น - ระบบปฏิบตั ิการเครื อข่าย หรื อ NOS (Network Operating System)ระบบ ปฏิบตั ิการเครื อข่ายจะเป็ นตัวคอยจัดการเกี่ยวกับการใช้งานเครื อข่ายของ ผูใ้ ช้แต่ละคน
เน็ตเวิร์คการ์ ด เน็ตเวิร์คการ์ด เน็ตเวิร์คการ์ดจะเป็ นจุดเชื่อมต่อระหว่าง คอมพิวเตอร์ และระบบเครื อข่าย ส่ วนใหญ่จะเรี ยกว่า “NIC (Network Interface Card)”หรื อบางทีกเ็ รี ยกว่า “LAN การ์ ด (LAN Card)” อุปกรณ์เหล่านี้จะทำาการแปลงข้อมูลเป็ นสัญญาณที่ สามารถส่ งไปตามสายสัญญาณหรื อสื่ อแบบอื่นได้ ปั จจุบนั นี้ กไ็ ด้ มีการแบ่งการ์ดออกเป็ นหลายประเภท
(ต่ อ) ซึ่งจะถูกออกแบบให้สามารถใช้ได้กบั เครื อข่ายประเภท แบบต่าง ๆ เช่น อีเธอร์เน็ตการ์ด โทเคนริ งการ์ด เป็ นต้น การ์ดในแต่ละประเภทอาจใช้กบั สาย สัญญาณบางชนิดเท่านั้น หรื ออาจจะใช้ได้กบั สาย สัญญาณหลายชนิด
รู ปเน็ตเวิร์คการ์ ด
เน็ตเวิร์คการ์ดจะติดตั้งอยูก่ บั คอมพิวเตอร์ โดยเต้าเสี ยบเข้ากับช่อง บนเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์ ส่ วนมากคอมพิวเตอร์ที่ผลิตในปั จจุบนั จะมี เฉพาะช่อง PCI ซึ่งก็ใช้บสั ที่มีขนาด 32 บิต อย่างไรก็ตาม ยังมีคอมพิวเตอร์ รุ่ นเก่าที่ยงั มีช่องแบบ ISA อยู่ ซึ่ งมีบสั ขนาด 16บิต และมีการ์ดที่เป็ น แบบ ISA จะประมวลผล ข้อมูลช้ากว่าแบบ PCI
สายสั ญญาณ สายสัญญาณ ปั จจุบนั มีสายสัญญาณที่ใช้เป็ นมาตรฐานใน ระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์แบ่งเป็ น 3 ประเภท 1.สายคูบ่ ิดเกลียว ( twisted pair ) ในแต่ละคู่ของสาย ทองแดงซึ่งจะถูกพันกันตามมาตรฐาน เพื่อต้องการลดการ รบกวนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ ากับคู่สายข้างเคียงได้แล้วผ่านไปยัง สายเคเบิลเดียวกัน หรื อจากภายนอกเท่านั้น เนื่องจากสายคู่บิด ำ กเบา ง่าย เกลียวนั้นมีราคาไม่แพงมากใช้ส่งข้อมูลได้ดี แล้วน้าหนั ต่อการติดตั้ง จึงทำาให้ถูกใช้งานอย่างกว้างขวาง
ตัวอย่างคือสายโทรศัพท์สายแบบนี้ มี 2 ชนิดคือ 1.1 สายคู่บิดเกลียวชนิดหุม้ ฉนวน 1.2 สายคู่เกลียวชนิดไม่หุม้ ฉนวน
สายสั ญญาณ(ต่ อ) 1.1 สายคูบ่ ิดเกลียวชนิดหุม้ ฉนวน (Shielded Twisted Pair : STP) เป็ นสายคู่บิดเกลียวที่หุม้ ด้วยฉนวนชั้นนอกที่หนาอีกชั้นดัง รู ป เพือ่ ป้ องกันการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ า
สายสั ญญาณ(ต่ อ) 1.2 สายคู่เกลียวชนิดไม่หุม้ ฉนวน (Unshielded Twisted Pair : UTP) เป็ นสาย คูบ่ ิดเกลียวที่หุม้ ด้วยฉนวนชั้นนอกด้วยซึ่งบางทีก็หุม้ อีกชั้นดังรู ป ซึ่ ง ทำาให้สะดวกในการโค้งงอ แต่กส็ ามารถป้ องกันการรบกวนของ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ าได้นอ้ ยกว่าชนิดแรก
สายสั ญญาณ(ต่ อ) 1.3 สายโคแอกเชียล สายโคแอกเชียล เป็ นตัวกลางการเชื่อมโยงที่มี ลักษณะเช่นเดียวกับสายทีวที ี่มีการใช้งานกันอยูเ่ ป็ นจำานวนมาก ไม่วา่ จะใช้ในระบบเครื อข่ายเฉพาะที่ และใช้ในการส่ งข้อมูล ระยะที่ไกลระหว่างชุมสายโทรศัพท์หรื อการส่ งข้อมูลสัญญาณ วีดีทศั น์ ซึ่งสายโคแอกเชียลที่ใช้ทวั่ ไปก็มีอยู่ 2 ชนิด คือ 50 โอห์ม
สายสั ญญาณ(ต่ อ) ซึ่งใช้ส่งข้อมูลแบบดิจิทอล และชนิด 75โอห์ม ซึ่งก็จะใช้ส่ง ข้อมูลสัญญาณอนาล็อก สายโคแอกเชียลมีฉนวนหุม้ เพื่อ ป้ องกันการรบกวนของคลื่นสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้ า และก็เพื่อ ป้ องกันสัญญาณรบกวนอื่น ๆ ซึ่งก็เป็ นส่ วนหนึ่งที่ทาำ ให้สาย แบบนี้ มีช่วงความถี่ที่สญ ั ญาณไฟฟ้ าสามารถส่ งผ่านได้กว้าง ถึง 500 Mhz จึงสามารถส่ งข้อมูลด้วยอัตราของการส่ งสูง ขึ้น
ลักษณะของสายโคแอกเชียล
สายสั ญญาณ(ต่ อ) 1.4 เส้นใยแก้วนำาแสง เส้นใยนำาแสง ( fiber optic ) เป็ นการที่ใช้ ให้แสงเคลื่อนที่ไปในท่อแก้ว ซึ่งสามารถส่ งข้อมูลด้วยเป็ นอัตราความ หนาแน่นของสัญญาณข้อมูลที่สูงมาก ที่ปัจจุบนั ถ้าใช้เส้นใยนำาแสงกับ ระบบอีเธอร์เน็ตก็ใช้ได้ดว้ ยความเร็ ว 10 เมกะบิต ถ้าใช้กบั FDDI ก็ จะใช้ได้ดว้ ยความเร็ วสูงถึง100 เมกะบิต
อุปกรณ์ เครือข่ าย อุปกรณ์ที่นาำ มาใช้ในเครื อข่ายทำาหน้าที่จดั การเกี่ยวกับการ รับ- ส่ งข้อมูลในเครื อข่าย หรื อใช้สาำ หรับทวนสัญญาณเพื่อ ให้การรับ-ส่ งข้อมูลได้ดี และส่ งในระยะที่ไกลมากขึ้น หรื อใช้ สำาหรับขยายเครื อข่ายให้มีขนาดใหญ่ข้ ึน อุปกรณ์เครื อข่ายที่ พบเห็นโดยทัว่ ไป เช่น ฮับ สวิตซ์ เราท์เตอร์
อุปกรณ์ เครือข่ าย (ต่ อ) ฮับ (Hub) คืออุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมกันระหว่าง กลุ่มของคอมพิวเตอร์ ฮับมีหน้าที่รับส่ งเฟรมข้อมูล ทุกเฟรมที่ได้รับจากพอร์ตใดพอร์ตหนึ่ง เพือ่ ส่ งไป ยังทุก ๆ พอร์ตที่เหลือ คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อเข้ากับ ฮับจะแชร์แบนด์วิธหรื ออัตราข้อมูลของเครื อข่าย
รูปภาพฮับ (HUB)
อุปกรณ์ เครือข่ าย(ต่ อ) สวิตซ์ (Switch) หรื อ บริดจ์ (Bridge) เป็ นอุปกรณ์ที่ใช้ สำำหรับเชื่อมต่อ LAN สองเครื อข่ำยเข้ ำด้ วยกัน โดยจะต้ อง เป็ น LAN ชนิดเดียวกัน และก็ใช้ โปรโตคอลในกำรรับส่งข้ อมูลเหมือน กัน เช่น ใช้ ในกำรเชื่อมต่อ Ethernet LAN ทังสองเครื ้ อข่ำยเข้ ำด้ วย กัน
อุปกรณ์ เครือข่ าย(ต่ อ) เรำท์เตอร์ ( Routing )เป็ นอุปกรณ์ที่ทำำหน้ ำที่เชื่อมต่อในระบบ เครื อข่ำยกับหลำยระบบเข้ ำด้ วยกันที่คล้ ำยกับบริดจ์ แต่ก็มีสว่ นกำร ทำำงำนจะซับซ้ อนมำกกว่ำบริดจ์มำก โดยเรำท์เตอร์ ก็มีเส้ นทำงกำร เชื่อมโยงข้ อมูลระหว่ำงแต่ละเครื อข่ำยเก็บไว้ เป็ นตำรำงเส้ นทำง เรี ยก ว่ำ Routing Table ทำำให้ เรำท์เตอร์ สำมำรถทำำหน้ ำที่จดั หำเส้ นทำง และเลือกเส้ นทำงเหมำะสมที่สดุ เพื่อใช้ ในกำรเดินทำง และเพื่อกำร ติดต่อระหว่ำงเครื อข่ำยได้ อย่ำงมีประสิทธิภำพ
อุปกรณ์ เครือข่ าย(ต่ อ) โปรโตคอล (Protocol) ในการเชื่อมโยงของเครื อข่าย เครื่ องคอมพิวเตอร์ ในแต่ละเครื่ องอาจก็ตอ้ งมีระบบที่ เหมือนกัน หรื อแตกต่างกัน เช่นในการใช้งานในเครื อข่ายจึง ต้องเป็ นมาตรฐานหรื อระเบียบที่ใช้ในการติดต่อให้แต่ละ เครื่ องมีวธิ ีการสื่ อสารที่เป็ นไปตามแนวทางเดียวกันได้
อุปกรณ์ เครือข่ าย(ต่ อ) เพื่อให้เป็ นการเชื่อมโยงข้อมูล และในการติดต่อสื่ อสารของ เครื่ องคอมพิวเตอร์ในแต่ละเครื่ องต้องมีความเข้าใจถูกต้องตรง กันและสามารถทำางานร่ วมกันได้เป็ นอย่างดี ไม่เกิดความเสี ยหาย นั้นเกิดขึ้น จึงมีการกำาหนดวิธีการมาตรฐานขึ้นเรี ยกว่า โปรโตคอล ดังนั้นอาจกล่าวได้วา่ โปรโตคอล หมายถึง กฎ เกณฑ์ ข้อตกลง ภาษาสื่ อสาร รู ปแบบ วิธีการเชื่อมต่อของเครื่ อง คอมพิวเตอร์ในเครื อข่าย (ระบบใดๆ ก็ตาม)ให้สามารถติดต่อ สื่ อสารมีการใช้งานร่ วมกันได้หลากหลาย
รู ปโปรโตคอล (Protocol)
ระบบเครือข่ ายคอมพิวเตอร์ ได้ กลายเป็ นส่ วนหนึ่งขององค์ กร สถำบันกำรศึกษำและบ้ ำนไปแล้ วกำรใช้ ทรัพยำกรร่วมกันได้ ทงั ้ ไฟล์ เครื่ องพิมพ์ ต้ องใช้ ระบบเครื อข่ำยเป็ นพื ้นฐำน ระบบเครื อข่ำยจะ หมำยถึง กำรนำำคอมพิวเตอร์ ตงแต่ ั ้ 2 เครื่ องขึ ้นไปมำเชื่อมต่อกันเพื่อจะ ทำำกำรแชร์ ข้อมูล และทรัพยำกรร่วมกัน เช่น ไฟล์ข้อมูลและเครื่ องพิมพ์ ระบบเครื อข่ำยสำมำรถแบ่งออกเป็ น 3 ประเภท ด้ วยกันคือ 1. LAN (Local Area Network)ระบบเครื่ องข่ำยท้ องถิ่น 2. MAN (Metropolitan Area Network)ระบบเครื อข่ำย เมือง 3. WAN (Wide Area Network)ระบบเครื อข่ำยกว้ ำงไกล
ประเภทของระบบเครือข่ าย
Peer To Peer เป็ นระบบที่เครื่ องคอมพิวเตอร์ ทกุ เครื่ องบนระบบเครื อข่ำยมีฐำนเท่ำเทียมกัน คือทุกเครื่ องสำมำรถจะใช้ ไฟล์ในเครื่ องอื่นได้ และสำมำรถให้ เครื่ องอื่นมำใช้ ไฟล์ของตนเองได้ เช่น กัน ระบบ Peer To Peer มีกำรทำำงำนแบบดิสทริ บิวท์(Distributed System) โดยจะกระจำยทรัพยำกรต่ำงๆ ไปสู่ เวิร์กสเตชัน่ อื่นๆ แต่จะมีปัญหำเรื่องกำรรักษำควำมปลอดภัย เนื่องจำก ข้ อมูลที่เป้นควำมลับจะถูกส่งออกไปสูค่ อมพิวเตอร์ อื่นเช่นกันโปรแกรมที่ ทำำงำนแบบ Peer To Peer คือ Windows for Workgroup และ Personal Netware
รู ปภาพของระบบPeer To Peer
ประเภทของระบบเครือข่ าย(ต่ อ) Client / Serverเป็ นระบบกำรทำำงำนแบบ Distributed Processing หรื อกำรประมวลผลแบบกระจำย โดยจะแบ่งกำร ประมวลผลระหว่ำงเครื่ องเซิร์ฟเวอร์ กบั เครื่ องไคลเอ็นต์ แทนที่แอพพลิ เคชัน่ จะทำำงำนอย เฉพำะบนเครื่ องเซิร์ฟเวอร์ ก็แบ่งกำรคำำนวณของโปร แกรมแอพพลิเคชัน่ มำทำำงำนบนเครื่ องไคลเอ็นต์ด้วย และเมื่อใดที่ เครื่ องไคลเอ็นต์ต้องกำรผลลัพธ์ของข้ อมูลบำงส่วน จะมีกำรเรี ยกใช้ ไป ยัง เครื่ องเซิร์ฟเวอร์ ให้ นำำเฉพำะข้ อมูลบำงส่วนเท่ำนันส่ ้ งกลับ มำให้ เครื่ องไคลเอ็นต์เพื่อทำำกำรคำำนวณข้ อมูลนันต่ ้ อไป
รู ปภาพของระบบClient / Server
รู ปแบบการเชื่อมต่ อของระบบเครือข่ าย LAN Topology ระบบ Bus กำรเชื่อมต่อแบบบัสจะมีสำยหลัก 1 เส้ น เครื่ อง คอมพิวเตอร์ ทงเซิ ั ้ ร์ฟเวอร์ และไคลเอ็นต์ทกุ เครื่ องจะต้ องเชื่อมต่อสำย เคเบิ ้ลหลักเส้ นนี ้ โดยเครื่ องคอมพิวเตอร์ จะถูกมองเป็ น Node เมื่อ เครื่ องไคลเอ็นต์เครื่ องที่หนึง่ (Node A) ต้ องกำรส่งข้ อมูลให้ กบั เครื่ องที่สอง (Node C) จะต้ องส่งข้ อมูล และแอดเดรสของ Node C ลงไปบนบัสสำยเคเบิ ้ลนี ้ เมื่อเครื่ องที่ Node C ได้ รับข้ อมูลแล้ วจะ นำำข้ อมูล ไปทำำงำนต่อทันที
รู ปภาพของระบบ Bus
รู ปแบบการเชื่อมต่ อของระบบเครือข่ าย LAN Topology(ต่ อ) แบบ Ring กำรเชื่อมต่อแบบวงแหวน เป็ นกำรเชื่อมต่อจำกเครื่ อง หนึง่ ไปยังอีกเครื่ องหนึง่ จนครบวงจร ในกำรส่งข้ อมูลจะส่งออกที่สำย สัญญำณวงแหวน โดยจะเป็ นกำรส่งผ่ำนจำกเครื่ องหนึง่ ไปสูเ่ ครื่ องหนึง่ จนกว่ำจะถึงเครื่ องปลำยทำง ปั ญหำของโครงสร้ ำงแบบนี ้คือ ถ้ ำหำกมี สำยขำดในส่วนใดจะทำำ ให้ ไม่สำมำรถส่งข้ อมูลได้ ระบบ Ring มีกำร ใช้ งำนบนเครื่ องตระกูล IBM กันมำก เป็ นเครื่องข่ำย Token Ring ซึง่ จะใช้ รับส่งข้ อมูลระหว่ำงเครื่ องมินิหรื อเมนเฟรมของ IBM กับ เครื่ องลูกข่ำยบนระบบ
รูปภาพของระบบ Ring
รู ปแบบการเชื่อมต่ อของระบบเครือข่ าย LAN Topology(ต่ อ) แบบ Star กำรเชื่อมต่อแบบสตำร์ นี ้จะใช้ อปุ กรณ์ Hub เป็ น ศูนย์กลำงในกำรเชื่อมต่อ โดยที่ทกุ เครื่ องจะต้ องผ่ำน Hub สำยเคเบิ ้ล ที่ใช้ สว่ นมำกจะเป้น UTP และ Fiber Optic ในกำรส่งข้ อมูล Hub จะเป็ นเสมือนตัวทวนสัญญำณ (Repeater) ปั จจุบนั มีกำร ใช้ Switch เป็ นอุปกรณ์ในกำรเชื่อมต่อซึง่ มีประสิทธิภำพกำรทำำงำน สูงกว่ำ
รูปภาพของระบบ Star
รู ปแบบการเชื่อมต่ อของระบบเครือข่ าย LAN Topology(ต่ อ) แบบ Hybrid เป็ นกำรเชื่อมต่อที่ผสนผสำนเครื อข่ำยย่อยๆ หลำยส่วนมำรวมเข้ ำด้ วยกัน เช่น นำำเอำเครื อข่ำยระบบ Bus, ระบบ Ring และ ระบบ Star มำเชื่อมต่อเข้ ำด้ วยกัน เหมำะสำำหรับบำง หน่วยงำนที่มีเครื อข่ำยเก่ำและใหม่ให้ สำมำรถทำำงำนร่วมกันได้ ซึง่ ระบบ Hybrid Network นี ้จะมีโครงสร้ ำงแบบ Hierarchical หรื อ Tre ที่มีลำำดับชันในกำรทำ ้ ำงำน
รู ปภาพของระบบ Hybrid
เครือข่ ายแบบไร้ สาย ( Wireless LAN) เครื อข่ำยแบบไร้ สำย ( Wireless LAN) อีกเครื อข่ำย ที่ใช้ เป็ นระบบแลน (LAN) ที่ไม่ได้ ใช้ สำยเคเบิลในกำรเชื่อมต่อ นัน่ คือระบบเครื อข่ำยแบบไร้ สำย ทำำงำนโดยอำศัยคลื่นวิทยุ ใน กำรรับส่งข้ อมูล ซึง่ มีประโยชน์ในเรื่ องของกำรไม่ต้องใช้ สำย เคเบิล เหมำะกับกำรใช้ งำนที่ไม่สะดวกในกำรใช้ สำยเคเบิล
เครือข่ ายแบบไร้ สาย ( Wireless LAN) (ต่ อ)
โดยไม่ตอ้ งเจาะผนังหรื อเพดานเพื่อวางสาย เพราะคลื่นวิทยุมี คุณสมบัติในการทะลุทะลวงสิ่ งกีดขวางอย่าง กำาแพง หรื อพนังห้องได้ดี แต่กต็ อ้ งอยูใ่ นระยะทำาการ หากเคลื่อนย้ายคอมพิวเตอร์ไปไกลจากรัศมีก ็ จะขาดการติดต่อได้ การใช้เครื อข่ายแบบไร้สายนี้ สามารถใช้ได้กบั คอมพิวเตอร์พีซี และโน๊ตบุก๊ และต้องใช้การ์ดแลนแบบไร้สายมาติดตั้ง รวมถึงอุปกรณ์ที่เรี ยกว่า Access Point ซึ่งเป็ นอุปกรณ์จ่าย สัญญาณสำาหรับระบบเครื อข่ายไร้สาย มีหน้าที่รับส่ งข้อมูลกับการ์ดแลน แบบไร้สาย
อ้างอิง เรื่ องระบบเครื อข่ำยคอมพิวเตอร์ เบิ ้องต้ น.(ออนไลน์).แหล่ง
ที่มำ:http://5332011101.blogspot.com/2012/02/teamworkcentralized-computing-dump.html
วันที่สืบค้ นข้ อมูล 20 สิงหำคม 2556. เรื่ องระบบเครื อข่ำยคอมพิวเตอร์ .(ออนไลน์).แหล่งที่มำ: http://www.bcoms.net/network/intro.asp
วันที่สืบค้ นข้ อมูล 22 สิงหำคม 2556 เรื่ องระบบเครื อข่ำยคอมพิวเตอร์ .(ออนไลน์).แหล่ง ที่มำ:http://media.rajsima.ac.th/sujittra/unit1_p3.html วันที่สืบค้ นข้ อมูล 22 สิงหำคม 2556
จัดทำาโดย 1. 2. 3. 4. 5.
นำงสำวอริ สำ ศรี ไลรัมย์ รหัสนักศึกษำ 564101010 นำงสำวสกุลกำนต์ ดวงแก้ ว รหัสนักศึกษำ 564101034 นำงสำววิรำวรรณ หำญประชุม รหัสนักศึกษำ 564101038 นำงสำววชิรญำณ์ เคลือบสำำริต รหัสนักศึกษำ 564101057 นำย สิทธิโชค ชูชมชื่น รหัสนักศึกษำ 564101063 สำขำวิชำภำษำไทย คณะมนุษศำสตร์ และสังคมศำสตร์