The Unique Legend ตำนานจอมเวทพิทักษ์โลก เล่ม 1 บทที่ 2

Page 1


บทที่ 2 พุ่งชนรถไฟ สถานที่ : ไต้หวัน เวลา : เช้ามืด หกโมงยี่สิบนาที สถานีรถไฟแห่งหนึ่งที่ไถจง สรุปแล้ว จนวันสุดท้ายผมก็ยังไม่รู้ว่าโรงเรียนที่ผมกำลังจะไปเรียน นั้นเป็นโรงเรียนอะไรกันแน่ ไม่ว่าจะค้นหาในอินเทอร์เน็ตหรือไปสอบถาม ตามหน่วยงาน ก็ไม่พบข้อมูลของโรงเรียนนี้เลย ผมค้นหาซ้ำไปซ้ำมาทั้ง คืน ตอนนี้รู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรงระดับสุดขีด ผมจ้องมองบรรยากาศอันสงบและงดงามในเช้าที่สดใส แต่ในใจ กลับรู้สึกเคว้งคว้างและสับสนอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าตัวเองมายืนอยู่ที่ สถานีรถไฟตั้งแต่เช้าตรู่เพื่ออะไร ผมตื่นนอนตั้งแต่เช้ามืด แล้วก็เดินตามแผนที่ในจดหมายตอบรับ ของโรงเรี ย น จนมาถึ ง สถานี ร ถไฟแห่ ง นี้ แล้ ว ผมก็ เ พิ่ ง สั ง เกตเห็ น เรื่ อ ง ประหลาดอีกอย่างหนึ่ง...ในใบตอบรับมีแค่เลขขบวนรถไฟ แต่ไม่มีที่อยู่ ของโรงเรียน ที่อยู่บนพัสดุก็เป็นแค่เลขตู้ปณ.เท่านั้น ผมกำลังถูกโรงเรียน แห่งนี้แกล้งอยู่ใช่ไหม? ไม่รู้ว่าเขาลืมเขียนที่อยู่ลงบนจดหมายตอบรับ จริงๆ หรือว่าอะไร?


ปฏิกิริยาของผมสงบนิ่งกว่าที่ผมคิดเอาไว้ อย่างน้อยโรงเรียนก็ยัง บอกว่าต้องนั่งรถขบวนไหน พอถึงชนบทก็คงมีคนลงไม่มาก ถึงตอนนั้น ค่อยถามทางชาวบ้านหรือไม่ก็ไปถามที่สถานีตำรวจก็ได้ น่าจะหาทางไป โรงเรียนได้ไม่ยาก ไต้หวันเล็กจะตาย ผมไม่เชื่อหรอกว่าจะหาไม่เจอ ช่วงเวลาเช้าตรู่เช่นนี้ สถานีรถไฟคนก็น้อยเป็นปกติ นับประสา อะไรกับสถานีเล็กๆ ที่ไกลแสนไกลแบบนี้ แน่นอนว่าไม่เหมือนกับใจกลาง เมืองที่ผู้คนขวักไขว่ ที่ชานชาลาหากนับรวมผมแล้ว ก็มีคนยืนรออยู่แค่ สามคน...คนหนึ่งเป็นคุณยายที่กำลังรอเปลี่ยนรถ ผ่านไปห้านาที คุณยาย ก็ ขึ้ น รถไป อี ก คนหนึ่ ง เป็ น ผู้ ห ญิ ง รู ป ร่ า งผอมสู ง น่ า จะเป็ น นั ก ศึ ก ษา มหาวิทยาลัย หมายความว่าเด็กมหาวิทยาลัยก็ต้องตื่นเช้าไปเรียนงั้นหรือ? ไหน ใครบอกว่าพอเข้ามหาวิทยาลัยแล้วก็ไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุกแล้วไง? ขณะที่ผมกำลังแอบมองเธออยู่นั้น พี่สาวคนนั้นก็หันขวับกลับมา แล้วเธอก็ยิ้มให้ผม ผมรีบก้มหน้าหลบตาเธอทันที ไม่ใช่เพราะผมเขินนะ ตีให้ตายผมก็ไม่ยอมรับหรอกว่าผมเขิน “สวัสดีจ้ะ เธอเป็นเด็กใหม่ที่จะไปอบรมใช่ไหม?” พี่สาวคนสวย เดินเข้ามาใกล้ผม ผมสังเกตว่าสำเนียงของเธอเหมือนคนต่างชาติ สงสัย จะเป็นเด็กนอกที่เพิ่งกลับประเทศแน่เลย “รู้ได้ไงครับเนี่ย!” นี่คือประโยคแรกที่ผมพูดกับเธอ พี่สาวคนนั้นชี้มาที่ซองสีน้ำตาลในมือผม “ฉันก็เรียนที่นั่นเหมือน กัน” แล้วเธอก็ยิ้มอีก ดวงตาคู่นั้นแวววาวเหมือนกับแม่น้ำลึก ถ้ามองนาน เกินไปก็คงจมดิ่งลงไปอย่างไม่รู้ตัว... ดูเหมือนเธอสังเกตเห็นว่าผมกำลังตาค้าง เธอก็เลยหันไปทางอื่น “โรงเรียนของเรามีตั้งแต่ม.ปลายจนถึงระดับมหาวิทยาลัย ต่อไปก็ทักทาย กันบ้างนะจ๊ะรุ่นน้อง” ทันใดนั้น ผมรู้สึกเหมือนว่าดวงตาของรุ่นพี่คนนั้นกลายเป็นสีเขียว

26


หู้เสวียน : เขียน / น้องสาม : แปล แต่ตอนที่เธอหันกลับมายิ้มให้ผม มันก็กลับมาเป็นสีดำเหมือนกับตาของ ผม หรือว่าผมเห็นภาพหลอนไปเอง เพราะช่วงนี้ผมมักจะฝันกลางวันอยู่ บ่อยๆ “ครับรุ่นพี่” ผมรีบตอบเธอ ไม่รู้ว่าผมตอบเร็วหรือตอบช้ากันแน่ รุ่นพี่คนสวยยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วก็ชี้มือมาที่ซองน้ำตาลใน มือผม “ได้อ่านคู่มือป้องกันตัวแล้วหรือยัง?” ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า เสียงของรุ่นพี่หวานยิ่งกว่าเดิมเสียอีก มันฟังดูนุ่มนวลเหมือนกับหมอนขนนกไม่มีผิด ฟังแล้วรู้สึกสบายใจ แตก ต่างจากพี่สาวผมอย่างสิ้นเชิง “อ่านแล้วฮะ” ความจริงแล้วผมยังไม่ได้อ่านเลยสักหน้าเดียว แต่ ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่กล้าพูดความจริงต่อหน้ารุ่นพี่คนนี้ รุ่นพี่พยักหน้าและยิ้มหวาน เธอไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ทำไมรอยยิ้ม ของเธอดูประหลาดพิกล เสียงรถไฟดังกระหึ่ม ดูจากความเร็ว รถคันนี้คงจะไม่จอดที่ป้ายนี้ แน่นอน เสียงของรถไฟดังสนั่นไปทั่วชานชาลา เท้าของผมรู้สึกได้ถึงแรง สั่ น สะเทื อ น แล้ ว จู่ ๆ รุ่ น พี่ ค นนั้ น ก็ ลุ ก ขึ้ น เส้ น ผมของเธอถู ก ลมพั ด ปลิ ว สยาย “รถมาแล้ว รีบตามมาเร็ว เดี๋ยวหลงทาง” เธอบอกผม แล้วก็รีบคว้า กระเป๋าวิ่งไปข้างหน้า ตามไปงั้นหรือ? ผมตามเธอไปอย่างงงๆ รางรถไฟด้านหน้าของผมมีหัวรถไฟสีดำ เล็กๆ กำลังมุ่งหน้าเข้ามาใกล้ และยังบีบแตรเสียงดังจนแสบแก้วหู พร้อม ด้วยรัศมีอันแรงกล้า รถคันนี้ไม่จอดแน่นอน ผมเบิกตากว้าง แล้วภาพเหตุการณ์ทุกอย่างก็ปรากฏขึ้นต่อหน้า ผม...รุ่นพี่คนนั้นกอดกระเป๋ากระโดดลงจากชานชาลา แล้วเธอก็หันหน้า

27


มาหาผมอย่างช้าๆ ดวงตาแสนสวยคู่นั้นเต็มไปด้วยความฉงนสงสัย เธอ คงอยากจะถามว่าทำไมผมไม่กระโดดลงไปกับเธอ รถไฟขบวนนั้นพุ่งชนเธออย่างจัง วินาทีนั้นภาพเบื้องหน้าทำให้ผม ตาลายไปหมด จนมองอะไรไม่เห็น กระแสลมโหมพัดจนหูของผมรู้สึกปวด ขาทั้งสองของผมกำลังสั่น มันสั่นไม่ยอมหยุด ผมตกใจจนขาอ่อนแทบจะยืนไม่อยู่ ผู้หญิงที่เพิ่งยืน คุยกับผมเมื่อไม่กี่วินาทีที่ผ่านมากระโดดลงจากชานชาลา แล้วรถไฟก็พุ่ง ชนตัวเธอ มันเป็นภาพที่เรามักจะได้เห็นในโทรทัศน์หรือหนังสือการ์ตูน แต่วันนี้มันกลับมาปรากฏอยู่หน้าต่อตาของผม มันทำให้ผมรู้สึกหนาวสั่น ไปทั้งตัว ไม่ กี่ วิ น าที ร ถไฟขบวนนั้ น ก็ แ ล่ น ผ่ า นชานชาลาไปอย่ า งรวดเร็ ว เหมือนไม่ทันสังเกตเห็นว่าเพิ่งชนคนไป ไม่มีภาพสยดสยองเลือดสาดศพ เละเหมือนในหนังสือการ์ตูน และไม่มีเสียงร่างกายมนุษย์ถูกบดใดๆ ทั้ง สิ้น สมองของผมว่างเปล่าจนคิดอะไรไม่ออก มี ค นตายต่ อ หน้ า ผม...ปกติ แ ล้ ว เวลาเห็ น ข่ า วในโทรทั ศ น์ ห รื อ หนังสือพิมพ์เกี่ยวกับคนกระโดดตึกหรือวิ่งชนรถไฟเพื่อฆ่าตัวตาย ผมจะ รู้สึกเฉยๆ บางครั้งยังตำหนิคนเหล่านั้นว่าโง่ ทำไมไม่รู้จักเห็นคุณค่าของ ชีวิตตัวเอง หรือบางครั้งข่าวพวกนั้นก็เป็นเหมือนกับกับแกล้มในเวลากิน ข้าวของครอบครัวเรา แต่พอมันเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาผม ความรู้สึกหน้า มืดตาลายคล้ายจะเป็นลมแบบนี้ คนที่ไม่เคยเจอคงจะจินตนาการไม่ออก หรอก แล้วตอนนี้ผมควรทำอะไร? ต้องโทรศัพท์แจ้งตำรวจก่อน...หรือว่า ควรแจ้งเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟก่อน...ผมสับสนไปหมดแล้ว ตอนนี้ควรจะ ทำอะไรกันแน่? แล้วเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือก็ปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์

28


หู้เสวียน : เขียน / น้องสาม : แปล จนถึงวันนี้แบตเตอรี่ของมือถือเครื่องนั้นลดไปแค่สองขีด เสียงเรียกเข้านั้น ดังลั่น “ฮัลโหล...ฮัลโหลครับ?” ผมรับโทรศัพท์อย่างไม่รู้ตัว สมองของผม ยังคงว่างเปล่า มือของผมหยิบโทรศัพท์มาแนบหู แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ตรง นี้ ที่สำคัญคือคำพูดที่ออกมาจากโทรศัพท์ต่างหาก กระโดดชนรถไฟตามไปงั้นหรือ? ผมอ้าปากค้าง อึ้งไปสามวินาที “อะไรนะครับ...กระโดดชนรถไฟ ตามไป?” วินาทีนั้น สมองของผมก็คิดได้ว่าเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้อาจจะ เป็นผู้นำลัทธิที่หลอกให้คนฆ่าตัวตาย พอคิดถึงตรงนี้ ผมก็ขนลุกซู่ไปทั้ง ตัว ผมมองซ้ายมองขวาอย่างหวาดผวาเหมือนกับคนบ้า กลัวว่าจะมีมือที่ มองไม่เห็นมาผลักผมตกรางรถไฟ ผมยังเด็กอยู่เลย ผมยังไม่อยากตายตอนนี้! “ฉันตื่นสาย ก็เลยวานให้เพื่อนมาแวะรับนาย แต่นายกลับไม่ยอม กระโดดตามไป!” เสียงถอนหายใจดังออกมาจากโทรศัพท์ เหมือนว่าเขา อยากจะพูดอะไรต่อ แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา กระโดดตามไป? สิ่งที่สองที่ปรากฏขึ้นในหัวสมองของผมก็คือ สายนี้โทรมาจากนรก โดยตรง เจ้าของโทรศัพท์มือถือก็คือยมทูต ตอนนี้ผมกำลังพูดอยู่กับยมทูต ที่จ้องเอาชีวิตผม เขายังอุตส่าห์ให้ผู้หญิงมาพาผมลงไปนรกพร้อมกันอีก แต่ผมไม่เข้าใจสิ่งที่รุ่นพี่คนนั้นบอกผม ผมก็เลยไม่ได้สละชีพเพื่อรัก... ไม่ใช่สิ ผมหมายถึงว่ากระโดดลงนรกไปพร้อมกับเธอ ผมไม่ได้ฟุ้งซ่านไป เองนะ ขนาดในการ์ตูนญี่ปุ่นยังมียมทูตทิ้งสมุดโน้ตเอาไว้เลย ครั้งนี้มาทิ้ง โทรศั พ ท์ มื อ ถื อเอาไว้ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ถึงจะทิ้งโทรทัศน์หรือไม่ก็ เครื่องซักผ้าอะไรพวกนั้น ยมทูตก็คงจะมีเหตุผลของเขา จุดนี้ผมก็จะไม่ไป คิ ด ให้ป วดหั ว สมองของยมทูตคิดอะไรอยู่ มนุษย์ธรรมดาอย่างเราคง

29


ไม่อาจเข้าใจได้ ดูเหมือนว่าคนในโทรศัพท์จะหมดความอดทนเสียแล้ว เขาพูดต่อ โดยไม่รอให้ผมตอบ น้ำเสียงที่เขาใช้เหมือนกำลังออกคำสั่งกับผม “ช่าง เถอะ เดี๋ยวฉันไปรับนายก็ได้ ยืนอยู่ตรงนั้นห้ามหนีไปไหนล่ะ!” ตื๊ด! เขาตัดสายไป มีเพียงเสียงตู๊ดตู๊ดดังตามมา ผมเสียวสันหลัง วาบ ความหนาวเหน็บจากปลายเท้าพุ่งขึ้นไปถึงสมอง เขาบอกว่าจะมา รับผม... หรือมันจะหมายความว่าชีวิตของผมจะสิ้นสุดลงวันนี้? ถึงแม้ว่าผม จะชอบบ่นว่าถ้าจะซวยขนาดนี้สู้ตายไปเสียดีกว่า สวรรค์ นั่นเป็นแค่คำ บ่นเท่านั้น! มันไม่ได้แปลว่าผมอยากตายจริงๆ สักหน่อย ท่านแยกคำบ่น กับเรื่องจริงไม่ออกหรือไง? ชานชาลาว่างเปล่า เหลือเพียงผมคนเดียวเท่านั้น สายลมพัดผ่าน ขยะกองหนึ่งถูกพัดมาหยุดอยู่ที่เท้าของผม ผมกำลังจะตายแล้ว แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรในจดหมายลาตายดี ไม่รู้ว่าผมยืนถือโทรศัพท์เครื่องนั้นอยู่นานเท่าไหร่ จนกระทั่งเสียง แผ่วเบาดังขึ้นที่ด้านหลังของผม ชาวบ้านพูดไว้ไม่มีผิด ตอนที่คนเราเครียดสุดขีด ความสามารถที่ ซ่ อ นอยู่ ใ นตั ว เราก็ จ ะเผยออกมา ผมใช้ เ วลาในการหั น หลั ง ไม่ ถึ ง เสี้ ยว วินาที มันรวดเร็วจนคนที่เรียกผมถึงกับอึ้ง พอเขาอึ้งเสร็จก็ถึงตาผมอึ้งบ้าง ที่จริงในประเทศไต้หวันโดยเฉพาะที่ไถจง ก็มีคนต่างชาติให้เราเห็น กันอยู่บ่อยๆ ปกติแล้วกลุ่มชาวต่างชาติที่เราเจอตามทางยังชอบโบกมือ ทักทายพวกเราอีกด้วย ผมเจอบ่อยจนชินแล้ว แต่ว่าผมยังไม่เคยเจอชาว ต่างชาติที่หน้าตาขนาดนี้...ถึงจะบอกว่าเป็นชาวต่างชาติ แต่หน้าตาของ

30


หู้เสวียน : เขียน / น้องสาม : แปล เขากลับเหมือนคนเอเชีย ผมสีเงินยาวสลวยถึงเอว เส้นผมเป็นเงางามเหมือนกับพรีเซ็นเตอร์ โฆษณายาสระผมในโทรทัศน์ ปอยผมข้างหน้าผากทั้งสองข้างย้อมสีแดง สด ดูเหมือนเขากำลังรีบร้อนเดินเข้ามา เส้นผมยาวเหยียดของเขาใช้แค่ ยางมัดผมธรรมดามัดเป็นหางม้าเอาไว้เท่านั้น ดวงตาสีแดงเหมือนกับ อัญมณีในตู้โชว์ชวนให้ผู้ที่พบเห็นอยากลองสัมผัสดูว่าเป็นของจริงหรือ เปล่า รู ป ร่ า งของเขางดงามยิ่ ง กว่ า รุ่ น พี่ ส าวสวยคนนั้ น เสี ย อี ก ช่ า งดู ปราณี ต อ่ อ นช้ อ ยเหมื อ นประติ ม ากรรมรู ป ปั้ น ระดั บ โลก แต่ ก ลั บ มี รั ง สี อำมหิ ต เลื อ ดเย็ น แผ่ ซ่ า นออกมา โดยเฉพาะตอนที่ เ ขาถลึ ง ตาใส่ ผ ม เหมือนกับตอนที่พี่สาวผมใช้แววตาสังหารคนเลยล่ะ ผิวของเขาขาวมาก ขาวจนเหมือนกับศพ แต่ก็ยังดูออกว่าเขาเป็นคนที่มีชีวิต ชุดสีดำสนิทตัด กับผิวสีขาวทำให้เขาดูพิลึกเข้าไปใหญ่ น่ากลัวนิดหน่อย...ความจริงคือน่ากลัวมาก ผมว่าเขาดูเหมือน ปีศาจรูปงามในหนังสือการ์ตูนมากกว่าจะเป็นคน “แกมั น ไอ้ ซื่ อ บื้ อ !” เขาเปิ ด ปากพู ด ด้ ว ยภาษาจี น ที่ ถู ก ต้ อ งตาม มาตรฐานเป๊ะ เหมือนกับเสียงในโทรศัพท์เมื่อกี้ไม่มีผิด ต่อให้ใช้หัวเข่าคิด ก็ รู้ ว่ า เขาก็ คื อ ยมทู ต ที่ ก ำลั ง จะพาผมไปตายคนนั้ น นั่ น ก็ ห มายความ ว่า...ยมทูตสมัยนี้รักสวยรักงามขนาดนี้เลยเหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ผม ก็อยากจะจ้องมองยมทูตให้เต็มตาก่อนตายสักหน่อย “ท่านยมทูตครับ!” ผมชิงเปิดปากก่อนที่เขาจะสังหารผมแล้วพา วิญญาณผมลงนรกไป “ผมยังคิดไม่ออกว่าจะเขียนจดหมายลาตายยังไง ผมขอเวลาอีกนิดนะครับ รับรองว่าไม่ขัดขวางการทำงานของท่านแน่นอน แป๊บเดียวเดี๋ยวก็เขียนเสร็จแล้วครับ” แต่ผมก็ยังไม่ถึงขนาดนั่งคุกเข่า ขอร้อง อย่ า งน้ อ ยก็ เ ขี ย นบอกทุ ก คนว่ า สวรรค์ ต้ อ งการเอาชี วิ ต ผม

31



หู้เสวียน : เขียน / น้องสาม : แปล ครอบครัวผมจะได้รู้ว่าผมไม่ได้ฆ่าตัวตาย! แล้วจู่ๆ “ยมทูต” ก็ใช้สายตาเหมือนกับที่มองคนบ้าเหลือบมองผม เขาหยิ บ โทรศั พ ท์ มื อ ถื อ ออกมาจากกระเป๋ า กางเกงสี ด ำของเขา เป็ น โทรศัพท์รุ่นเดียวกับที่ผมถืออยู่ อาจเป็นเพราะผมกลัวจนเสียสติ เลยไม่ได้ ตั้งใจฟังว่า “ยมทูต” กำลังคุยอะไรกับใคร แค่ได้ยินแว่วๆ เหมือนเขากำลัง ถามประมาณว่า “แน่ใจนะว่าปีนี้ไม่ได้รับคนบ้าเข้าเรียน” เขาดูไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ น้ำเสียงของเขาเย็นชาและราบ เรียบเป็นโทนเดียว ไม่มีเสียงต่ำเสียงสูง แล้วผมก็ได้ความรู้ใหม่ ที่แท้ ยมทูตก็มีอาการหงุดหงิดเหมือนคนเพิ่งตื่นนอนและมีอาการความดัน เลือดต่ำเหมือนกัน ผ่านไปครู่หนึ่ง ดูเหมือน “ยมทูต” แน่ใจเรื่องอะไรบาง อย่างแล้ว เขาวางโทรศัพท์แล้วหันมาถลึงตาใส่ผม ดวงตาสีแดงประหลาด คู่นั้นดูไม่เหมือนอัญมณีแล้ว แต่เหมือนกับดวงตาของสัตว์ร้ายกระหาย เลือดมากกว่า “พวกเขาจะเปิดประตูโรงเรียนให้อีกครั้ง ถ้าครั้งนี้นายยังไม่เข้า ก็ ไม่ต้องไปรายงานตัวแล้ว” น้ำเสียงเข้าฟังดูแย่ชะมัด แย่มากจริงๆ รายงานตัวเหรอ? ในที่ สุ ด ผมก็ ไ ด้ ยิ น คำศั พ ท์ ที่ ใ กล้ ตั ว ผมเพิ่ ง สั ง เกตเห็ น ว่ า บนชุ ด เครื่องแบบสีดำและแขนเสื้อของ “ยมทูต” มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนติดอยู่ นั่นมันตราสัญลักษณ์ของโรงเรียนใหม่ของผมนี่นา แล้วผมก็ตกอยู่ในภวังค์อีกครั้ง “อีกสิบนาทีรถไฟเที่ยวถัดไปถึงจะมา” เขาก้มดูนาฬิกา “ยมทูต” คนนี้ทำเสียงไม่พอใจอีกแล้ว ดวงตาสีแดงคู่นั้นเหลือบมามองผม แล้วเขา ก็เดินไปนั่งบนม้านั่งในชานชาลาอย่างรวดเร็วและแผ่วเบาราวกับสายลม คนหน้าตาดีแม้แต่ท่านั่งเก้าอี้ก็ยังดูดี ไม่แน่นะ ต่อให้เขาสะดุดล้มก็อาจ จะมีคนชมว่างดงามก็ได้ เดี๋ ย วนะ นี่ ไ ม่ ใ ช่ สิ่ ง ที่ ผ มควรจะสนใจตอนนี้ นี่ ! ยั ง เหลื อ เวลาอี ก

33


สิบนาทีเหรอ? นั่นก็หมายความว่าผมมีเวลาเขียนจดหมายลาตายแค่สิบ นาทีเท่านั้น! ตอนนี้ผมก็ไม่สนใจแล้วว่าตราสัญลักษณ์โรงเรียนบนเสื้อเขามี ความหมายว่าอะไร ผมรีบหยิบกระดาษและปากกาออกมาจากกระเป๋า สะพายอย่ า งรวดเร็ ว อ้ อ ได้ ยิ น ว่ า อั น ดั บ แรกต้ อ งแจกแจงสมบั ติ ข อง ตนเองก่อน แล้วก็ต้องบอกครอบครัวว่าอย่าเสียใจไปเลย...จู่ๆ ผมก็รู้สึก ปลื้มปีติขึ้นมาที่ในห้องของผมไม่มีซีดีหนังโป๊ที่แอบซื้อมาเหมือนกับเพื่อน คนอื่นๆ และไม่มีหนังสือโป๊ซ่อนเอาไว้ด้วย ไม่อย่างนั้นแม่ผมต้องทำหน้า บูดบึ้งตอนที่มาเก็บของให้ผมแน่ๆ ยมทู ต ที่ ก ำลั ง จะเคลิ้ ม หลั บ บนม้ า นั่ ง เหลื อ บตามามองผมเขี ย น จดหมายลาตาย ใบหน้างดงามของเขาเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม แล้วเขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะงีบหลับ และเดินเข้ามาดูว่าผมกำลังเขียน อะไรอยู่ พอเขาเห็นตัวหนังสือบรรทัดแรกที่เขียนว่าจดหมายลาตาย ซึ่งตอน นั้นผมกำลังเขียนถึง “ถ้าศพของผมเละเป็นเนื้อบดก็ไม่ต้องเสียเวลามา ประกอบร่างนะฮะ เอาไปเผาเลยน่าจะสะดวกกว่า” “นายมีลางสังหรณ์ว่าตัวเองต้องเขียนจดหมายลาตายแล้วเหรอ?” เขาแสยะยิ้มที่มุมปาก แล้ว “ยมทูต” ก็แย่งกระดาษที่ผมก้มหน้าก้มตา เขี ย นไปอย่ า งรวดเร็ ว และแผ่ ว เบาจนผมตั้ ง ตั ว ไม่ ทั น ได้ แ ต่ จ้ อ งมอง กระดาษที่ถูกดึงออกจากมือไป “นายวางใจเถอะ ถ้าไม่ได้ตายอนาถมาก ก็มีโอกาสฟื้นคืนชีพอยู่ แล้ว” เขาหันหน้ามายิ้มตาหยี ดวงตาสีแดงคู่นั้นทำให้ผมขนหัวลุก หรือว่ายมทูตจะให้ผมตายซ้ำตายซ้อน ให้รถไฟเหยียบซ้ำไปซ้ำมา ถึงจะพอใจ? ทำไมผมต้องมาเจอยมทูตซาดิสม์ด้วยเนี่ย! สวรรค์ช่างใจร้าย! สามวินาทีผ่านไป ผมตัดสินใจตายก่อนที่ยมทูตจะฆ่าผม ตายให้

34


หู้เสวียน : เขียน / น้องสาม : แปล มันรู้แล้วรู้รอดดีกว่ารอให้เขามากลั่นแกล้ง! รางรถไฟเริ่มสั่นสะเทือน รถไฟขบวนถัดไปกำลังจะมาแล้ว ผม เตรียมใจถูกรถไฟบดเสร็จก็หลับตาปี๋ และเร่งฝีเท้าพุ่งไปที่ชานชาลาด้วย ความมุ่งมั่นเหมือนเวลาแย่งซื้อข้าวกล่องตอนเที่ยง ไปยังตำแหน่งเดียว กับที่รุ่นพี่คนสวยคนนั้นตาย เสียงรถไฟดังสนั่นหวั่นไหว นี่คงเป็นเรื่องที่กล้าหาญที่สุดในชีวิต ของผม และเป็นวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชาตินี้ด้วยเช่นกัน หนึง่ วินาทีผา่ นไป ความหวาดกลัวของผมสลายหายไปกับกลีบเมฆ เสียงหวูดรถไฟพุ่งเข้ามาใกล้ศีรษะของผมเต็มที ผมแอบลืมตาดู แล้วก็เพิ่งเห็นว่ามือของใครบางคนกำลังจับคอเสื้อผมอยู่ พอเงยหน้าขึ้นก็ เห็น “ยมทูต” คนนั้นกำลังจับคอเสื้อผมด้วยท่าทางสบายๆ อีกแค่ก้าว เดียวความหวังของผมก็จะเป็นจริงแล้ว…บ้าชะมัดเลย! “ยมทูต” มองผมด้วยหางตา สีหน้าของเขาไม่ได้ตื่นตระหนกแต่ อย่างใด พอรถไฟแล่นผ่านไปเขาก็ปล่อยมือทันที แล้วก็พูดอย่างไม่สบ อารมณ์ “นายจำผิดแล้ว ที่นายต้องชนมันไม่ใช่ขบวนนี้ ถ้านายขืนกระโดด ลงไปก็คงต้องไปเกิดใหม่เลย ไม่มีทางฟื้นคืนชีพแน่นอน” อะไรเนี่ย! จะตายยังต้องกำหนดขบวนรถอีกเหรอ! ไปกำหนดกัน ตั้งแต่เมื่อไหร่! ผมคุกเข่าอยู่บนชานชาลา ปล่อยให้เงามืดปกคลุมร่างกาย ถ้าเรื่อง นี้ อ ยู่ ใ นหนั ง สื อ การ์ ตู น ตอนนี้ ค งมี ลู ก ไฟมาลอยอยู่ ข้ า งๆ ผมแน่ เงา ของกองเพลิงที่พลิ้วไหวคงเป็นความงดงามที่แสนเจ็บปวด และมันคงเป็น แสงสว่างรุ่งโรจน์แสงสุดท้ายของชีวิตผม พูดถึงดวงไฟ...เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อกี้ผมไม่ทันสังเกต ตอนนี้ถึงเพิ่งจะ คิดได้ว่าชานชาลาที่มีคนตายควรจะเปื้อนเลือดที่กระเด็นออกมาบ้างไม่ใช่ เหรอ?

35


ผมมองซ้ายมองขวา รอบๆ ตัวผมยังคงสะอาดสะอ้าน ความฉงน สงสั ย ที่ เ หมื อ นกั บ แม่ น้ ำ มื ด มนกำลั ง ค่ อ ยๆ กั ด กิ น หั ว ใจของผม ทำให้ ความอยากรู้อยากเห็นของผมเพิ่มมากขึ้นไปอีก มือและขาที่กำลังสั่นเทา ของผมคลานไปด้านข้าง รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีจ้องมองรางรถไฟ หนึ่งวินาที! หากคิดตามตรรกะ ภาพเบื้องหน้าผมควรจะเป็นซากศพที่ถูกบด จนไม่เหลือชิ้นดีถึงจะถูก แล้วผมก็ต้องกรีดร้องลั่น และช็อกหมดสติไป แล้วผมก็กรี๊ดจริงๆ แต่ไม่ใช่เพราะภาพสยดสยอง แต่เป็นเพราะชานชาลาไม่มีอะไร เลย ผมก็เลยตกใจจนร้องออกมา ทั้งๆ ที่ผมเห็นกับตาว่าคนเป็นๆ กระโดด ลงไป แต่ทำไมกลับไม่มีร่องรอยอะไรหลงเหลืออยู่เลย? ด้านล่างสะอาดเรียบร้อยดี มีเพียงเศษใบไม้ที่ปลิวลงมาเท่านั้น “ร้องทำบ้าอะไร!” ผมไม่รู้ว่า “ยมทูต” เอาจดหมายลาตายของผม ไปม้ ว นเพื่ อ เคาะกะโหลกผมตั้ ง แต่ เ มื่ อ ไหร่ แต่ แ รงฟาดของเขาสู สี กั บ พี่สาวของผมเลย มันแรงเสียจนหัวผมแทบหลุดลงไปบนรางรถไฟ “มะ...มะ...ไม่เหลือซาก...” วินาทีนั้น ผมลืมไปว่าผู้ชายหน้าตาดี คนนั้ น คื อ “ยมทู ต ” มื อ ที่ สั่ น เทาของผมชี้ ไ ปข้ า งล่ า ง และตอบเขาด้ ว ย น้ำเสียงเหมือนคนถูกไฟช็อต แล้วเส้นเลือดสีเขียวก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของยมทูต ผมว่าเขาคง รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกผมปั่นหัวอยู่แน่เลย และก็เป็นไปตามคาด รองเท้าของเขาพุง่ เข้ามาประทับบนหน้าของผม “โว้ย!” “ยมทูต” สบถออกมาหนึ่งคำ หลังจากนั้นผมก็ฟังไม่ค่อยชัด เพราะ ถูกถีบจนมึนไปหมด แต่เขาคงไม่ได้ด่าคำหยาบคายหรอก พอผมรวบรวม สติกลับมาได้ เขาก็ยืนอยู่ห่างจากผมระยะหนึ่ง กำลังซื้อเครื่องดื่มอยู่ที่ ตู้ขายน้ำ ผมไม่เคยเห็น “ยมทูต” ดื่มเครื่องดื่มเลย โดยเฉพาะนมถั่วเหลือง

36


หู้เสวียน : เขียน / น้องสาม : แปล รสน้ำผึ้ง! มันทำให้มนุษย์อย่างผมรำลึกถึงความทรงจำในวัยเด็ก ที่แท้ ยมทูตก็ชอบนมถั่วเหลืองรสน้ำผึ้งเหมือนกันเหรอเนี่ย “เอาไป” เขาก้มลงหยิบนมถั่วเหลืองรสน้ำผึ้งสองกระป๋อง โยนมา ให้ผมหนึ่งกระป๋อง พร้อมกับสั่งว่า “กินซะ เผื่อสมองจะดีขึ้นบ้าง” ผมน่าจะเป็นมนุษย์คนแรกบนโลกที่ยมทูตเลี้ยงน้ำ ผมควรจะดีใจ หรือเปล่านะ...? “ยมทูต” นั่งลงข้างๆ ตู้ขายน้ำ อาจเป็นเพราะชุดของเขาสีดำปี๋ก็ เลยไม่กลัวเปื้อน เส้นผมสีเงินยาวสยายอยู่หน้าตู้ขายน้ำ แสงไฟเล็กๆ ของ ตู้ ข ายน้ ำ ส่ อ งกระทบลงบนเส้ น ผมของเขา ทำให้ ผ มสี เ งิ น ของเขาส่ อ ง ประกายแวววาว ถ้าเขาไม่ใช่ยมทูต ภาพที่เขากำลังดื่มน้ำอย่างสงบคง ทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นเทวดาในนิทานแน่ๆ แค่ขาดปีกสีขาวไป เท่านั้นเอง สิบนาทีนี้คงเป็นช่วงเวลาที่ผมไม่อาจลืมได้ชั่วชีวิต ผมกำลังนั่งกิน นมถั่วเหลืองรสน้ำผึ้งกับยมทูตที่ชานชาลาเพื่อรอความตาย...เอ่อ จุด ประสงค์มันฟังดูพิลึกไปหน่อยนะ ไม่ รู้ ว่ า พอผมตายแล้ ว เขาจะลากวิ ญ ญาณผมลงนรกเลยหรื อ เปล่า? ผมแอบมองเขาอย่างกลัวๆ แล้วผมก็ต้องอึ้งอีกครั้ง ยมทูตดื่มนม ถั่วเหลืองไปแค่ครึ่งกระป๋องก็หลับไปเฉยเลย เขายังคงพิงตู้ขายน้ำ หลอด นมถั่วเหลืองยังคาอยู่ที่ริมฝีปากของเขา ยมทูตคงต้องทำงานหนักละสินะ ถึงได้แอบงีบในขณะปฏิบตั งิ าน ผมก้มลงดูนาฬิกา เหลือเวลาอีกหนึ่งนาทีก่อนรถไฟจะมา ผมค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้ “ยมทูต” ผมไม่เคยมองดูสิ่งมีชีวิตเหนือ ธรรมชาติใกล้ขนาดนี้มาก่อนเลย...เอ่อ รอยรองเท้าเมื่อกี้ไม่นับนะ ขนตาของ “ยมทูต” ยาวมาก เหมือนขนตาของตุ๊กตาเลยล่ะ ปอย ผมสีแดงตกอยู่ข้างแก้มทั้งสอง มันสั่นไหวพร้อมกับลมหายใจของเขา แต่

37


แปลกแฮะ “ยมทูต” หายใจได้ด้วยเหรอ? ผมคิดว่าวิญญาณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะไม่มีลมหายใจเหมือนในละคร ภาพยนตร์หรือในหนังสือการ์ตูนเสียอีก เป็นความรู้ใหม่อีกแล้ว หรือผมจะจดบันทึกความรู้ใหม่นี้ลงบนพื้น ของชานชาลาดีนะ? ถึงผมจะตายไป แต่การค้นพบอันยิ่งใหญ่นี้จะได้เผย แพร่ให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ ถ้าผมเคยเรียนวาดภาพ ตอนนี้ผมคงรีบวาดภาพ “ยมทูต” เอาไว้อย่างแน่นอน ถ้า “ยมทูต” ทุกคนหน้าตาดีแบบนี้ การถูก ยมทูตลากวิญญาณลงนรกก็คงไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป แต่ถ้าเขาพาไป สวรรค์ก็จะดีมากเลย เพราะยังไงทุกคนก็ชอบสวรรค์มากกว่านรกอยู่แล้ว ใช่ไหมล่ะ? รางรถไฟที่ชานชาลาเริ่มสั่นไหว รถไฟกำลังจะมาแล้วสินะ วินาทีนั้น ดวงตาสีแดงก่ำก็เปิดขึ้นทันใด “ยมทูต” ลุกพรวดขึ้นจาก พื้น เขาโยนหลอดและกระป๋องนมลงในถังขยะข้างๆ ผมขอชื่นชมที่เขา รู้จักรักษากฎระเบียบของโลกมนุษย์ แถมยังรู้จักแยกประเภทขยะอีกด้วย “รี บ กระโดดเร็ ว !” เขาตะโกนลั่ น เห็ น ผมยั ง คงยึ ก ยั ก ก็ รี บ วิ่ ง มา กระชากผมขึ้นจากพื้น รถไฟพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง คงไม่จอดที่สถานีนี้แน่ ผมรู้ดีว่า รถไฟขบวนนี้แหละที่จะเหยียบทับผม ถึงแม้จะทำใจเอาไว้แล้ว แต่วินาทีที่ถูก “ยมทูต” จับกระโดดลง จากชานชาลา ผมก็ยังอดร้องออกมาไม่ได้ ที่แย่กว่านั้นคือ เสียงร้องของ ผมเหมือนกับเสียงหมูถูกเชือด แค่ต่างกันที่หมูถูกมีดเชือด แต่ผมโดน รถไฟทับ สรุปแล้วผมก็ยังกลัวตายอยู่ดี กลัวมากเลยล่ะ ผมเห็นหัวรถไฟพุ่งเข้ามาใกล้ วินาทีต่อมา ผมก็หมดสติไป ผมอาจจะแค่ฝันร้าย

38


หู้เสวียน : เขียน / น้องสาม : แปล ในฝันผมบังเอิญเห็นรถไฟมรณะของยมทูต ยมทูตก็เลยมาเชิญให้ ผมถูกรถไฟทับตาย พอถูกรถทับ วิญญาณของผมก็ลอยออกจากร่าง และ มองเห็นตัวเองถูกเหยียบจนเละเหมือนโคลน แล้วรถไฟก็เบรกกะทันหัน คนในรถกรีดร้อง ผู้คนวิ่งเข้ามามุงดูศพของผม แล้วครอบครัวของผมก็ได้ รับโทรศัพท์จากสถานีตำรวจให้มารับศพผมไป บังเอิญที่ผมชนรถไฟจน พัง พวกเขาก็เลยได้รับใบแจ้งค่าเสียหายจำนวนมหาศาลมาพร้อมกันด้วย เมื่อครบรอบวันตายสามวัน แม่ของผมก็เผากระดาษไป ใช้แส้ฟาด เถ้ากระดูกผมเพื่อระบายความโกรธ ชีวิตมนุษย์ก็จบลงเช่นนี้ ถูกต้องไหม? แต่ชีวิตของผมมันสั้นจริงๆ และยังเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ที่ยังไม่มีคำตอบมากมาย ......... ผมสะลึมสะลือลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่ผมเห็นคือเพดานสีขาว แล้วก็มี ไฟอีกดวงหนึ่งซึ่งเปิดอยู่ ด้านล่างโคมไฟมีโมบายปลาวาฬสีฟ้าอ่อนแขวน อยู่ แต่ มั น กลั บ ไม่ แ กว่ ง อากาศในห้ อ งหนาวเย็ น คงเพราะเปิ ด แอร์ แน่นอน ใบหน้าของผมถูกลมจากแอร์พัดจนเย็นเฉียบ แล้วก็รู้สึกแสบๆ ชาๆ ด้ ว ย จมู ก ของผมได้ ก ลิ่ น แอลกอฮอล์ ล้ า งแผล ซึ่ ง เป็ น กลิ่ น ที่ ผ ม คุ้นเคยอย่างมาก ทุกครั้งที่ความซวยทำให้ผมได้รับบาดเจ็บ ก็จะมีคนใจดี หรือไม่ก็ครอบครัวพาไปโรงพยาบาลทุกครั้ง ผมไม่รู้ว่าเดือนหนึ่งต้องดม กลิ่นแบบนี้กี่ครั้ง ...เดี๋ยวนะ โรงพยาบาลเหรอ? สติและตรรกะกลับเข้ามาในสมองผมทันที ทำให้ผมนึกเหตุการณ์ ก่อนหน้านี้ออก...ถึงผมจะไม่ค่อยอยากคิดถึงมันก็ตาม ก็มันพิลึกซะขนาด นั้น วินาทีที่แล้วผมถูกรถไฟชน แต่ตอนนี้กลับฟื้นขึ้นที่โรงพยาบาลเฉยเลย พระเจ้าช่วย! ผมคงไม่ได้มีชีวิตรอดหรอกใช่ไหม? ซวยแล้วงานนี้ ถู ก รถไฟที่ วิ่ ง เร็ ว ขนาดนั้ น ชนยั ง ไม่ ต าย แสดงว่ า ผมคงหนี โ ชคชะตาที่

39


ซวยซ้ำซวยซ้อนไม่พ้น ผมอาจจะกลายเป็นเจ้าชายนิทรา เหลือเพียงสมอง เท่านั้นที่ยังใช้การได้…แล้วอีกอย่าง กระโดดลงรางรถไฟฆ่าตัวตายแต่ดัน ไม่ตาย แถมยังทำให้รถพังอีก ไม่รู้ว่าต้องชดใช้เงินเท่าไหร่… ถึ ง จะตื่ น มาแล้ ว รู้ ว่ า ตั ว เองยั ง ไม่ ต าย ผมก็ ไ ม่ มี อ ารมณ์ ดี ใ จ พอ นึกถึงความจริงอันโหดร้าย ผมก็เริ่มโทษยมทูตคนนั้นที่ไม่ยอมให้ผมตาย ไปให้รู้แล้วรู้รอด แบบนี้ถึงครอบครัวจะขายบ้าน เงินที่ได้ก็ยังไม่พอชดใช้ ค่ารถไฟอยู่ดี เป็นยมทูตที่ไม่เป็นมืออาชีพเลยจริงๆ แต่เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้ผมมองเห็นเพดานนี่นา… ผมลองขยับหัวช้าๆ ซึ่งก็ทำได้อย่างคล่องแคล่ว แล้วผมก็เห็นอะไร บางอย่ า งสี เ งิ น ระยิ บ ระยั บ ราวกั บ ผิ ว น้ ำ อยู่ ข้ า งเตี ย ง ท่ า มกลางสี เ งิ น แวววาว มี เ ส้ น สายสี แ ดงสดพาดผ่ า น เหมื อ นกั บ แมลงอะไรสั ก อย่ า ง ใบหน้าของใครบางคนที่แนบอยู่กับแขนถูกแม่น้ำสีเงินปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง ยมทูตคนนั้นฟุบหน้าหลับอยู่ข้างเตียงผม ดูเหมือนกำลังหลับสนิท เชียวล่ะ ข้างตัวเขามีกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งวางอยู่ มันไม่ใช่ของผม สงสัยจะ เป็นของเขา หรือว่าผมจะตายไปแล้ว? จดหมายลาตายก็ยังเขียนไม่เสร็จ ชีวิตซวยๆ ของผมจะสิ้นสุดลงแบบนี้เหรอ? เฮ้อ... กลั บ มาเรื่ อ งเดิ ม ผมว่ า ท่ า นยมทู ต คนนี้ นี่ ห น้ า ตางดงามจริ ง ๆ แม้แต่ตอนหลับก็ยังงดงาม แต่รัศมีประหลาดๆ กับความเย็นชาก็ยังคงไม่ หายไปไหน มันทำให้คนอื่นไม่กล้ารบกวนเขา เขาไม่ได้สวยแบบผู้หญิง สวย แล้วก็ไม่ได้สวยแบบผู้ชายหน่อมแน้ม จะพูดยังไงดีล่ะ มันเป็นความ งามที่อยู่ตรงกลาง มีแรงดึงดูดที่แรงกล้า ทำให้คนต้องหันมามอง แต่ก็ยัง ดูออกว่าเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง ขณะที่ผมกำลังคิดอยู่นั้น จู่ๆ ผ้าม่านข้างเตียงก็ถูกเลื่อนเปิดอย่าง แรง เสียง “ครืด” ดังไปทั่วห้อง ผมมองเห็นหัวสิงโต...เอ่อ ความจริงเป็นคนที่ทำผมเหมือนสิงโต

40


หู้เสวียน : เขียน / น้องสาม : แปล ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อแนบเนื้อจนทำให้เห็นกล้ามบนร่างกาย เขาดู เหมือนพวกนักรบผู้แข็งแกร่งในหนัง แต่ไม่ได้เหมือนคนเพาะกายที่กล้าม เป็นมันวาวแบบนั้นนะ หน้าตาเขาเหมือนคนต่างชาติ เส้นผมยาวฟูฟ่องสี น้ำตาลของเขาเหมือนสิงโตจริงๆ เขาใช้เครื่องประดับประหลาดๆ ถักผม ด้านหลังเป็นหางเปียจำนวนมาก รูปร่างหน้าตาของเขาทำให้คนอื่นคิดว่าเขาเป็นคนป่าที่หน้าตา ดี...เอ่อ อย่างน้อยก็มีผมคนหนึ่งแหละที่คิดแบบนี้ เขาเหลือบตามามองผม แววตาของเขาดูแปลกๆ ถ้าจะให้อธิบาย ผมว่ามันเหมือนกับแววตาของงูเห่าที่กำลังจ้องเหยื่อ ซึ่งทำให้เหยื่อรู้สึก เสียวสันหลังวาบ แล้วคนป่างูเห่าก็เหลือบตาไปมองยมทูตที่กำลังหลับอยู่ ที่แท้พวกเขาเป็นพวกเดียวกันงั้นเหรอ? จู่ๆ คนป่าอเมริกาใต้หัวสิงโตคนนั้นก็ยกฝ่ามือขึ้นราวกับกำลังจะ ตะครุบลูกเจี๊ยบ ฝ่ามือนั้นพุ่งเข้ามาที่เตียงของผม ถ้าเขาออกแรงเต็มที่ ผมเชื่อว่าเตียงของผมจะต้องถูกเขากดจนอีกด้านเด้งขึ้นอย่างแน่นอน แล้วผมที่นอนอยู่บนเตียงก็จะลอยออกไปข้างนอก แล้วก็ไปแปะอยู่บน กำแพง นี่เป็นภาพที่มักจะได้เห็นบ่อยครั้งในหนังสือการ์ตูน แต่ทั้งสอง เรื่องที่ผมคิดกลับไม่เกิดขึ้น เพราะลูกเจี๊ยบนั้นไวกว่าหลายเท่า รวดเร็วยิ่ง กว่าสายลม ไม่รู้ว่ายมทูตสีขาวตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ มือข้างหนึ่งของเขาเท้า กับเตียงของผม แล้วก็ดดี ตัวขึน้ ด้วยความเร็วและท่วงท่าทีว่ ชิ าวิทยาศาสตร์ ไม่สามารถอธิบายได้ เขาหมุนตัวอย่างรวดเร็ว เท้าข้างหนึ่งพุ่งไปถีบหน้า ของคนป่าอย่างแรง คนป่าถูกถีบจนตัวลอย ผมสงสัยว่ายมทูตคงติดนิสัยทารุณกรรมผู้อื่นด้วยเท้า เพราะเมื่อ ไม่นานมานี้ ผมก็เพิ่งโดนไปเหมือนกัน ใบหน้าของยมทูตยังคงดูง่วงเหงาหาวนอน เส้นผมสีเงินของเขา ประทับรอยไว้บนใบหน้า ดวงตาสีแดงเหลือบมามองผม ราวกับเขาไม่

41


สังเกตเห็นว่าคนป่าได้รับบาดเจ็บ มันเป็นแค่ปฏิกิริยาโต้ตอบของระบบประสาท...แค่นั้นเหรอ? คนป่าหัวสิงโตร้องโอดครวญ ตะเกียกตะกายลุกขึ้นจากพื้นด้วย ความเจ็บปวด เขาสบถภาษาต่างประเทศที่ผมฟังไม่ออกมายาวเหยียด ความจริงต่อให้ฟังไม่ออกก็รู้ว่าเขากำลังก่นด่า แล้วอีกอย่าง ยังมีเลือด สีแดงพุ่งออกมาจากจมูกของเขาสองสาย ดูน่าเวทนาจริงๆ เขาเอามือ ถูหน้าอย่างแรง จนเลือดเปรอะไปทั่วหน้า ตลกชะมัดเลย ตอนนี้ยมทูตตื่นเต็มตาแล้ว ดวงตาสีแดงก่ำสะลึมสะลือคู่นั้นหรี่ลง ทันใด เขาไม่พูดไม่จา ได้แต่จ้องมองคนป่าเลือดกำเดาไหลคนนั้น แม้แต่ ผมยังดูออกว่ายมทูตกำลังขู่เตือน แต่คนป่าคนนั้นก็ยังบ่นเสียงดังไม่หยุด แล้วก็ทำหน้าตากวนประสาทใส่ยมทูตอีก ห้าวินาทีผ่านไป คนป่าคนนั้นก็ ถูกเตะจนลอยกลับไปที่เดิมตามคาด “นายฟื้นแล้วเหรอ?” ยมทูตหันมาหาผม น้ำเสียงของเขาฟังดูไม่ เป็นมิตรอย่างแรง ผมรีบพยักหน้า “ผมอยู่ในนรกเหรอครับ?” จะดูอย่างไร ที่นี่ก็ไม่ เหมือนโลกมนุษย์ แต่ผมก็ยังสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด นั่นหมายความว่า ผมยังไม่ได้กลายเป็นผี เป็นไปได้แปดสิบเปอร์เซ็นต์ว่าผมไม่ตายแล้วก็ สลบไป ยมทูตผู้งดงามตรงหน้าก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี เลยลากผมพร้อม ชีวิตกลับมาก่อนแล้วค่อยคิดแผนต่อไป... ดวงตาสีแดงคู่นั้นจ้องมองผม ตามมาด้วยรอยยิ้มแบบปีศาจ “ถ้า นายจะคิดว่าที่นี่คือนรกก็ตามใจนาย แต่ฉันจะบอกให้ ทางที่ดีนายควร เตรียมใจเอาไว้ ถ้านายคิดแค่ว่าจะมาเพื่อหาความสนุกละก็ ที่นี่คงทำให้ นายทุกข์ทรมานยิ่งกว่าตกนรกหลายร้อยเท่า” คำพูดที่ออกมาจากริมฝีปากบางๆ ของเขาแต่ละคำมันช่างน่ากลัว จนผมตัวสั่น...ขนนะขน มันลุกซู่ไปทั้งตัวเลย คนป่ า หั วสิงโตที่เพิ่งถูกถีบลุกขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เขาไม่ กล้ายั่ว

42


หู้เสวียน : เขียน / น้องสาม : แปล โมโหยมทูตแล้ว เขาย่องมาที่ข้างเตียงผมอย่างระมัดระวัง ผมรู้สึกว่าเขา เหมือนหมีขนพองที่กำลังยิ้มให้ผม “เป็นไงบ้าง? ได้นอนพักแล้วรู้สึกดีขึ้นบ้างไหม?” เขารินน้ำจากกา ข้างเตียงผมให้ตัวเองหนึ่งแก้ว น้ำมีสีด้วยล่ะ ดูเหมือนจะไม่ใช่น้ำต้มทั่วไป ผมอึ้งไปชั่วขณะ คนป่าพูดภาษาจีนได้ด้วยเหรอเนี่ย? เจ้าหน้าที่ใน นรกต้องเรียนภาษาต่างประเทศหลายภาษาก่อนทำงานเหรอ? การแข่ง ขันสูงเหมือนกันนะเนี่ย “ดะ...ดะ...ดีขึ้นแล้วฮะ” อย่างน้อยผมก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว สามารถ เผชิญหน้ากับโชคชะตาอันโหดร้ายได้อีกครั้ง คนป่ายิ้มอีกแล้ว เป็นรอยยิ้มที่ดูแฮปปี้มาก เขาดูดีใจและสบายใจ “งั้นก็ดีแล้ว นายพลาดงานปฐมนิเทศสุดคลาสสิกไป อย่างน้อยก็ควรไป เดินชมห้องเรียนสักหน่อยนะ” งานปฐมนิเทศ? ห้องเรียน? ผมเงยหน้าขึ้น แล้วก็หันไปมองยมทูต ผู้งดงามคนนั้น ถึงจะบอกว่าเขาโหดก็ตาม แต่ผมรู้จักเขามาครึ่งวันแล้ว ผมเชื่อว่ายมทูตนิสัยดีเลยล่ะ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่เลี้ยงน้ำผมหรอก ยมทู ต กำลั ง จั ด ชุ ด สี ด ำบนตั ว ของเขาอยู่ ชุ ด ยาวๆ นั่ น ดู เ หมื อ น ชุดเครื่องแบบ แล้วก็ดูเหมือนเสื้อโค้ตของทหารด้วย รูปแบบของชุดเรียบ ง่าย ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมพอชุดนี้มาอยู่บนตัวเขาแล้วถึงได้มีรังสีอำมหิตแผ่ ซ่านออกมา แต่พอลองมองดูดีๆ ที่หน้าอกของเขามีตราสัญลักษณ์ติดอยู่ ตราสีเงินสีทองนูนบนพื้นหลังสีดำ ก็คือสัญลักษณ์ของโรงเรียนที่ผมจะเข้า เรียนนั่นเอง เหตุการณ์ทุกอย่างค่อยๆ ปะติดปะต่อเชื่อมโยงกับตราสัญลักษณ์ ของโรงเรียน ตั้งแต่เรื่องที่ผู้หญิงที่บอกว่าเป็นรุ่นพี่ของผมกระโดดลงราง รถไฟ แล้วก็เรื่องที่ยมทูตปรากฏตัวต่อหน้าผม จนถึงตอนนี้...ปริศนาทุก อย่างชี้ไปในทิศทางเดียวกัน เรื่องราวพิลึกชวนอึ้งได้เกิดขึ้นแล้ว! ฮือ ผมอยากร้องไห้

43


คนป่าคนนั้นพ่นน้ำชาออกมา มันกระเด็นลงที่เตียงผม วินาทีต่อมา ผ้าปูสีขาวสะอาดก็เต็มไปด้วยรอยน้ำชาที่ซักยากสุดๆ ดวงตาสีแดงเหลือบมามอง มันช่างเย็นชาเหมือนกับเมื่อตอนเช้าที่ ผมเห็น “โว้ย!” ครึ่งวินาทีต่อมาพื้นรองเท้าข้างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ผม

44



Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.