Ying yang shi Vol.1

Page 1





การอ่านคือ การบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญา

ท่องไปในโลกหนังสือออนไลน์ของพวกเราชาว ได้ที่... website www.smm.co.th facebook www.facebook.com/KIRINPUBLISHING


ข้อมูลทางบรรณานุกรม ผู้พิทักษ์สองโลก เล่ม 1. ผู้เขียน : อวี๋จี, ผู้แปล : กล่องไม้ พิมพ์ครั้งที่หนึ่ง : มีนาคม 2557 จำนวน : 200 หน้า, ราคา : 185 บาท 1.นวนิยายจีนแปล. I.ชื่อเรื่อง. ISBN : 978-616-299-728-0

ลิขสิทธิ์ฉบับภาษาไทยเป็นของ สำนักพิมพ์คิริน ภายใต้การดูแลของ บริษัท สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ห้ามลอกเลียนแบบส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ รวมทั้งการจัดเก็บ ถ่ายทอด ไม่ว่ารูปแบบ หรือวิธีการใดๆ ในกระบวนการอิเล็กทรอนิกส์ การบันทึก การถ่ายภาพ หรือวิธีการใดโดยไม่ได้รับอนุญาต ยกเว้นเพื่อการประชาสัมพันธ์หนังสือเท่านั้น

YING-YANG SHI VOL. 1 : NO RETURN © 2010 by Chi Yu Cover illustrated by Hei Qu Thai language translation rights arranged with the author c/o Gaea Books. Co., Ltd. through LEE’s Literary Agency, Taiwan © 2014 by Siam Inter Multimedia Public Co., Ltd.

ผู้จัดพิมพ์ สำนักพิมพ์คิริน คณะที่ปรึกษา ระวิ โหลทอง, สมชาย กรุสวนสมบัติ, สฤษฎกุล แจ่มสมบูรณ์, วิฑูร นิรันตราย, อัญชลี ธีระสินธุ์, วิรัตน์ ทีฆพุฒิสกุล, ปราชญ์ ไชยคำ, นวลพร สิทธิ์ธนาวิธาน, ภูษณาภรณ์ เกษเมธีการุณ บรรณาธิการบริหาร สิทธิเดช แสนสมบูรณ์สุข กองบรรณาธิการ ณัฐพล จันทรวินิจ, นลัทพร ศรีดำ เลขานุการกองบรรณาธิการ ปฏิญญา ชูภักดี ผู้จัดการฝ่ายเตรียมผลิต อรุณพร พาหุบุตร หัวหน้าแผนกศิลปกรรม กองงานปกและสื่อสิ่งพิมพ์ ประพัทธ์ รัตนธารี หัวหน้าแผนกศิลปกรรม กองงานศิลปกรรมออกแบบรูปเล่ม เบญจภัทร บุญบงกชรัตน์ กองงาน ศิลปกรรม ธนิดา จุลจินดา, จรัสพรรณ มากรอด, อลิสา มาประดิษฐ ออกแบบปก Pa-Re Prae จัดรูปเล่ม ธนิดา จุลจินดา หัวหน้ากองงานพิสูจน์ อักษร สุชาดา บุญเสริมเจริญสุข รองหัวหน้ากองงานพิสูจน์อักษร พรทิพย์ พวงจำปา พิสูจน์อักษร ธนพรรณ มีนมณี ผู้อำนวยการใหญ่สายงานธุรกิจ สิ่งพิมพ์ ดวงตา เทียมทัด ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ณิชนันทน์ วิบูลย์ศิริวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายต่างประเทศ กิตติวัฒน์ นิรันตราย ผู้อำนวยการ ใหญ่สายการผลิตและพัฒนาสินค้า ชูชัย ศิระจินดา ฝ่ายการผลิต ปฏิวัติ มัชถาประเท, ยุวศรี หิรัญโน แยกสี S.S.Film Process พิมพ์ที่ บริษัท สยามพรินท์ จำกัด จัดจำหน่ายทั่วประเทศ บริษัท สยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) 459 ซ.ลาดพร้าว 48 แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310 โทร. 0-2694-3031-33 ต่อ 1601-1607, 0-2276-5035-39 ลูกค้าสัมพันธ์ : โทร. 0-2693-0904



คำนำสำนักพิมพ์

“ผู้ พิ ทั ก ษ์ ส องโลก” เป็ น เรื่ อ งราวของผู้ รั บ ใช้ ท วิ ลั ก ษณ์ คื อ ผู้ ใ ช้ ศาสตร์แห่งหยินหยาง มีเพียงผู้ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นติดตัวมาตั้งแต่เกิด เท่านั้นที่จะได้เป็นผู้รับใช้ทวิลักษณ์... ในตอนแรกนี้ ผู้รับใช้ทวิลักษณ์ผู้เก่งกาจนามเจี่ยงไท่อวี่ได้เผชิญ หน้ากับเหตุการณ์ลึกลับเหนือธรรมชาติมากมายหลากหลายรูปแบบ ทั้ง อุบัติเหตุทางจราจรบนทางหลวงพิเศษ ศีรษะของผู้เคราะห์ร้ายสูญหาย

ไร้ร่องรอย หญิงสาวชุดแดงผู้กระโดดตึกฆ่าตัวตายปรากฏตัวในทุกค่ำคืน ร่ำร้องจะเอาชีวิตชายผู้หมดรัก ตำรวจที่ถูกสิงร่าง ตำนานที่เล่าขานกันมา ตั้ ง แต่ ยุ ค สมั ย ที่ ญี่ ปุ่ น ปกครอง กองถ่ า ยรายการเกี่ ย วกั บ สิ่ ง ลี้ ลั บ เหนื อ ธรรมชาติทไี่ ด้พบ ทัง้ ยังมีซง่ จ้าวเจินเพือ่ นสมัยเรียนนำปัญหาใหม่มาให้อกี สิ่งต่างๆ ที่ดูไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่น้อย กลับซ่อนความ ลึกลับเกินคาดเดา เจี่ยงไท่อวี่จะปราบวิญญาณชั่วร้ายเหล่านี้ได้หรือไม่ ตามไปลุ้ น เอาใจช่ ว ยกั น ได้ คอนิ ย ายแฟนตาซี ลึ ก ลั บ สยองขวั ญ ขอ แนะนำว่าอย่าพลาด! เสี่ยวฉีหลิน (กิเลนน้อย)


ผู้รับใช้ทวิลักษณ์ - กฎข้อบังคับ 1. หน้าที่ของผู้รับใช้ทวิลักษณ์ คือ รักษาความสมดุลระหว่าง โลกนี้และโลกหน้า ไม่ ใช่ปรมาจารย์ปราบผี ภูตผีวิญญาณก็มีสิทธิ์ ใน การมีตัวตนอยู่เช่นกัน อย่าจับพวกมันทันทีที่เห็น 2. ไม่ว่าจะเป็นภูตผีวิญญาณที่เลวร้ายโฉดชั่วสักเพียงใด อย่างไร เสียก็เคยเป็นมนุษย์มาก่อน การตกต่ำลงมาอยู่ ในสภาพเช่นนี้ย่อมมี สาเหตุของความทุกข์ทรมานนั้นอยู่อย่างแน่นอน ขอให้ประนีประนอม ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่าขับไล่หรือกำจัดพวกมันโดยไม่พิจารณาให้ ดีเสียก่อน 3. ผู้รับใช้ทวิลักษณ์เป็นอาชีพอาชีพหนึ่ง มิใช่งานการกุศล หาก ไม่ มี ผู้ ว่ า จ้ า งอย่ า งเป็ น ทางการ ก็ ไ ม่ ค วรทำงานที่ เ หนื่ อ ยไม่ คุ้ ม แรง อย่างไรก็ดี การตัดสินใจที่จะรับงานหรือไม่รับงานและเรื่องของค่าจ้าง นั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจส่วนบุคคล


ผู้รับใช้ทวิลักษณ์ - ข้อห้าม 1. ห้ า มรั บ งานกรณี เ ดี ย วกั น อี ก เป็ น ครั้ ง ที่ ส อง หากภู ต ผี วิญญาณที่เคยถูกส่งไปนรกแล้วผุดกลับขึ้นมาอีกย่อมเป็นที่แน่ชัดว่า กรณีนี้เป็นความเคียดแค้นที่ฝังรากลึก ขอให้คืนเงินค่าจ้างและไม่นำตัว เองเข้าไปยุ่งเกี่ยว 2. ห้ามรับงานจากผู้ว่าจ้างที่เป็นภูตผีวิญญาณ บุญคุณความ แค้นระหว่างคนกับผีนั้นซับซ้อนวุ่นวายเหลือคณานับ การที่ทั้งสองฝ่าย เผชิญหน้ากันไม่ ใช่เรื่องปกติ ขอให้ส่งวิญญาณกลับลงนรกไป ไม่ว่า อย่ า งไรการฆ่ า คนก็ เ ป็ น สิ่ ง ที่ ผิ ด ตั้ ง แต่ ต้ น อยู่ แ ล้ ว ผู้ รั บ ใช้ ท วิ ลั ก ษณ์

เป็นเพียงตัวแทนผู้รักษาความสมดุล ไม่ใช่นักฆ่า 3. คนกับผีอยู่คนละโลก ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีรูปร่างสวยงาม จับตาจับใจถึงเพียงไหน หรือจะมีเสน่ห์ดึงดูดน่าคบหาสักเพียงใดก็ตาม ไม่ว่าอย่างไรทั้งสองโลกก็เป็นโลกที่แตกต่างกัน ความเป็นจริงไม่งดงาม ชวนฝันเช่นนั้น อย่าคิดจะเล่นหนังรักระหว่างคนกับผี



“รายงานข่าววันนี้ ทางหลวงพิเศษจงซานช่วงเถาหยวนที่ มุ่งหน้าไปทางใต้ ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นโดยไม่คาดคิด ส่งผลให้มี

ผู้เสียชีวิตหนึ่งรายและผู้ ได้รับบาดเจ็บหนึ่งราย ผู้เสียชีวิตเป็น ชายแซ่ เ ฉิ น มี ภู มิ ล ำเนาอยู่ ที่ ไ ถหนาน จากปากคำของพยาน

ผูพ ้ บเห็นเหตุการณ์ชี้ให้เห็นว่าในขณะนัน้ ผูเ้ สียชีวติ ได้จอดรถยนต์ อยู่ข้างทางและกำลังอยู่ ในระหว่างการเปลี่ยนยางล้อรถยนต์ที่ ชำรุด รถคันหลังที่ขับตามมาเกิดการขัดข้องและสูญเสียการ ควบคุ ม กะทั น หั น จึ ง ได้ ช นเข้ า กั บ ผู้ เ สี ย ชี วิ ต ในขณะนี้ ทางเจ้ า หน้ า ที่ ต ำรวจกำลั ง ทำการตรวจสอบหาสาเหตุ ที่ แ ท้ จ ริ ง ...

ผู้ประกาศข่าวเฉินอี๋ซินรายงานจากสถานที่เกิดเหตุ”


บทที่ 1 รถชนหัวหาย ทางหลวงพิเศษจงซาน ช่วงเถาหยวน เวลา 23.30 น. รถเล็กซัสสีเงินคันหนึ่งห้อตะบึงไปทางใต้ด้วยความเร็วสูง คนขับ เป็นชายท่าทางสุภาพเรียบร้อย มีอายุอยู่ในช่วงสามสิบต้นๆ เขาเพิ่งจะ เสร็จสิ้นจากการทำงานนอกสถานที่ที่ไทเปและกำลังขับรถโต้รุ่งเพื่อกลับ บ้านที่อยู่ทางใต้ คนขับรถฮัมเพลงคลอตามเพลงป๊อบที่เปิดอยู่ในรถขณะ ที่มุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วเกือบร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมง ท่าทางของเขา แสดงให้เห็นถึงความสุขที่เปี่ยมล้น เขาประสบความสำเร็จอย่างมากใน การเจรจาธุรกิจครั้งนี้ บอกได้เลยว่ารายได้เดือนนี้ของเขาจะต้องไม่น้อย อย่างแน่นอน จู่ๆ รถยนต์ก็เกิดอาการขัดข้องเมื่อเคลื่อนผ่านด่านเก็บค่าผ่านทาง ไปได้ไม่นาน เสียงระเบิดดังขึ้นจากด้านหลังรถ รถยนต์เสียหลักและเริ่ม เคลื่อนที่คดไปเคี้ยวมาเหมือนงูเลื้อย ยางแตก! ความคิดนี้ดังขึ้นในหัวของเขา สองมือของคนขับรถจับ พวงมาลัยไว้แน่น ละเท้าขวาจากคันเร่งแล้วใช้เท้าซ้ายเหยียบเบรกเต็ม แรง โชคดีที่รถคันนี้ได้รับการติดตั้งระบบเบรก ABS ไว้แล้ว ล้อจึงไม่ล็อก ตายจนเสียการควบคุมแล้วไถลลื่นออกข้างทาง แต่ตัวรถก็ยังคงเสียดสี กับแผงกั้นทางไปข้างหน้าอีกหลายสิบเมตรจึงค่อยหยุดลง


อวี๋จี : เขียน / กลองไม : แปล

“Shit!” ชายผู้นั้นสงบสติจากอาการตกใจ ปาดเหงื่อบนใบหน้าแล้ว ลงจากรถไปตรวจดูว่าเกิดอะไรขึ้น ปรากฏว่ายางล้อหลังด้านขวาแตกไป เสียแล้ว เวรเอย! เขาสบถออกมาสองสามคำแล้วเหวี่ยงเท้าเตะยางรถที่แตก มอง สีข้างของรถที่มีรอยครูดลึกเป็นทางยาวแล้วนึกเจ็บใจที่กระเป๋าจะต้องฉีก ครั้งใหญ่ กำไรที่ได้จากการไปไทเปคราวนี้หายไปแล้วครึ่งหนึ่งในพริบตา เดียว เขาหยิบปายฉุกเฉินจากท้ายรถไปตั้งไว้ห่างออกไปหลายสิบเมตร แล้วหยิบแม่แรงและยางสำรองออกมาเตรียมเปลี่ยนยางรถ เมื่อเขาถอดยางรถออกมาก็รู้สึกเดือดเป็นฟนเป็นไฟ ตะปูขนาดห้า นิ้วใหม่เอี่ยมวาววับเสียบคาล้อรถให้เห็นอยู่คาตา แม่งเอย! ยางไม่แตกก็แปลกแล้ว คนขั บ รถดึ ง วั ต ถุ ตั ว การที่ ท ำให้ ย างรถแตกออกมา ปาตะปู เ จ้ า ปัญหานั่นออกไปนอกทางหลวงด้วยความขุ่นเคืองแล้วลงมือเปลี่ยนยาง รถต่อไป ทันใดนั้นก็เกิดเสียงยางแตกดังสนั่นขึ้นอีกครั้งตามด้วยเสียงเบรก ดังยาวเสียดแก้วหู เขารี บ หั นไปมอง สิ่งที่ปรากฏให้เห็นคือแสงสว่างจ้าบาดตาจน ทำให้ลืมตาไม่ขึ้น “ฮัลโหลๆ...119 ใช่ไหม! เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ขึ้นที่ทางหลวง พิ เ ศษ มี ค นหนึ่ ง ตายคาที่ อี ก คนหนึ่ ง ได้ รั บ บาดเจ็ บ สาหั ส ใช่ แ ล้ ว ที่ นี่ คือ...” วันรุ่งขึ้น “รายงานข่าววันนี้ ทางหลวงพิเศษจงซานช่วงเถาหยวนที่มุ่งหน้าไป ทางใต้ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นโดยไม่คาดคิด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหนึ่งรายและ

11


ผู้ ไ ด้ รั บ บาดเจ็ บ หนึ่ ง ราย ผู้ เ สี ย ชี วิ ต เป็ น ชายแซ่ เ ฉิ น มี ภู มิ ล ำเนาอยู่ ที่ ไถหนาน จากปากคำของพยานผู้พบเห็นเหตุการณ์ชี้ให้เห็นว่าในขณะนั้น ผู้เสียชีวิตได้จอดรถยนต์อยู่ข้างทางและกำลังอยู่ในระหว่างการเปลี่ยน ยางล้อรถยนต์ที่ชำรุด รถคันหลังที่ขับตามมาเกิดการขัดข้องและสูญเสีย การควบคุมกะทันหันจึงได้ชนเข้ากับผู้เสียชีวิต ในขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ ตำรวจกำลังทำการตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริง...ผู้ประกาศข่าวเฉินอี๋ซิน รายงานจากสถานที่เกิดเหตุ” สองสัปดาห์ถัดมา กลางดึกตอนตีสอง รถลากเฉพาะกิจของทาง หลวงแผ่นดินจอดอยู่ที่จุดพักรถใกล้กับด่านเก็บค่าผ่านทางโดยมีคนขับ กำลังนอนหลับอยู่บนเก้าอี้คนขับในรถ ตอนค่ำช่วงนี้มักจะเกิดเหตุรถยนต์ขัดข้อง และจุดเกิดเหตุแทบ ทั้งหมดก็ล้วนอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับด่านเก็บเงินด่านนี้ทั้งสิ้น ทุกคืน อย่างน้อยจะต้องเกิดเรื่องสักเรื่องหนึ่ง เวลาที่มีเรื่องเยอะๆ ก็ต้องขอให้คน จากที่อื่นมาช่วยดูแล วันนี้ก็เพิ่งจัดการเสร็จไปหนึ่งเรื่อง ในขณะที่รอดูว่า ยังมีงานให้ทำอีกหรือไม่ คนขับก็แอบใช้เวลาว่างไปงีบหลับบนรถ คนขับรถลากกำลังง่วงได้ที่ ขณะที่กำลังสะลึมสะลือก็รู้สึกเหมือน ได้ยินเสียงเคาะประตู เขาเขม้นมอง แต่นอกหน้าต่างไม่มีอะไรเลย เขาคิด ว่าสงสัยจะหูแว่วไปเองจึงไม่เก็บไปใส่ใจ หลับตาเอนตัวลงนอนต่อ นอนต่อได้ไม่นาน เสียงเคาะประตูกอกๆ ก็ดังขึ้นอีก คนขับรถลาก ลืมตาขึ้น ครั้งนี้เขามั่นใจว่าเขาได้ยินเสียงเคาะประตูแน่ๆ จึงยันตัวขึ้นมอง ไปทางหน้าต่าง แต่ไม่ว่าซ้ายขวาหน้าหลัง จะที่ไหนๆ มองอย่างไรก็ไม่เห็น แม้แต่เงาของใครเลย เขาคิดในใจว่าคงจะมีใครมาเล่นพิเรนทร์เสียแล้ว แต่ความง่วงที่มีมากกว่าทำให้เขาเลือกที่จะไม่สนใจ และกะว่าจะไปเข้า เฝาพระอินทร์ต่อ ทว่าเมื่อเอนตัวปิดเปลือกตาลง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น อีกในทันที คราวนี้คนขับรถลากเดือดจัด ลุกขึ้นกระชากประตูรถเปิดออก กะ

12

ผูพิทักษสองโลก เลม 1


อวี๋จี : เขียน / กลองไม : แปล

จะดูหน้าไอ้ขี้ขลาดรนหาที่ตายที่กล้ามารบกวนการนอนของเขา เมื่อเปิดประตูออก ทั้งร่างของเขาก็ชะงักงันอยู่ตรงนั้นในทันที แผ่น หลังแข็งเกร็งราวกับโดนสาดน้ำเย็นเข้าใส่ ความรู้สึกหนาวยะเยือกแล่น ขึ้ น อย่ า งรวดเร็ ว จากปลายเท้ า ไปจนถึ ง ปลายเส้ น ผม พู ด อะไรไม่ อ อก แม้แต่คำเดียว ดวงตาทั้งคู่ของเขาจ้องค้างไปข้างหน้า จ้องไปยังร่างของชายผู้ยืน อยู่ข้างประตูที่ยกมือขึ้นเหมือนกำลังจะเคาะประตู สิ่งที่ทำให้เขาต้องตก ตะลึงก็คือ คนคนนี้ไม่มีหัว! สองขาของเขาสั่นระริก ขนทั้งร่างตั้งชัน ร่างทั้งร่างสั่นเทาโดยไม่ สามารถควบคุมได้ ฟันบนและฟันล่างกระทบกันไม่หยุด สมองหยุดการ ทำงานในทันใด ชายไร้หัวหันร่างมาทางคนขับรถลากแล้วเปล่งเสียงถามออกมา จากส่วนไหนของร่างกายก็ไม่รู้ “คุณเห็นหัวของผมหรือเปล่า...” ร่างที่ไม่มีหัวพูดได้จริงๆ เสียด้วย ความสยองขวัญที่เกิดขึ้นนั้นมาก เกินกว่าที่สติสัมปชัญญะของเขาจะรับได้ เขาส่งเสียงขลุกขลักในลำคออยู่ พักหนึ่งก่อนจะเค้นเสียงกรีดร้องเหมือนหมูถูกเชือด ดวงตาเหลือกลาน ก่อนจะสิ้นสติล้มลง ตอนเช้าตรู่ เพื่อนร่วมงานที่มาเปลี่ยนกะพบเขานอนหมดสติอยู่ ข้างรถจึงรีบปลุกเขาให้ตื่น ทว่าคนขับรถลากที่ฟ้นขึ้นมานั้นกลับเสียสติไป แล้ว เขาพร่ำพูดซ้ำไปซ้ำมาอยู่เพียงว่า “ผมไม่รู้ ผมไม่รู้จริงๆ ผมไม่เห็นหัว ของคุณเลย” หนึ่งเดือนถัดมา ชายผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่บริเวณด่านเก็บค่าผ่านทาง การมาของ เขาดึงดูดความสนใจของผู้คนบริเวณนั้นได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าถ้าเป็นผู้ชายธรรมดาๆ สักคนก็คงจะไม่น่าแปลกอะไร แต่ถ้าเป็นผู้ชายที่สวมชุดคลุมสีดำยาวตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างกับคีอานู

13


รีฟส์ในภาพยนตร์เรื่องเดอะเมทริกซ์กลางเดือนพฤษภาคมที่ร้อนระอุแบบ นี้ละก็ คนที่ไม่มองเป็นไอ้บ้าต่างหากที่แปลก ถึงขั้นมีพนักงานเก็บค่าผ่านทางที่คิดไปไกลหันมองไปรอบด้าน นึก สงสัยว่ามีใครมาถ่ายทำภาพยนตร์ที่นี่หรือเปล่า ตำรวจทางหลวงที่ค่อนข้างมีอายุนายหนึ่งเห็นว่าท่าทางของชาย หนุ่มชุดดำดูมีพิรุธจึงเข้าไปสอบถาม ชายชุดดำผู้นั้นยื่นนามบัตรของตน ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ “นี่มันอะไร” นายตำรวจมองดูนามบัตรแล้วถามขึ้นด้วยความงุนงง ด้านหลังของนามบัตรเป็นไพ่เอซโพดำครึ่งดำครึ่งขาว ตรงกลางมี สัญลักษณ์เต๋า ส่วนสีดำของสัญลักษณ์เต๋าอยู่ตรงส่วนสีขาวของเอซพอดี ทั้งสองสิ่งแสดงให้เห็นถึงคู่ตรงข้ามที่ตัดกันอย่างรุนแรง ด้านหน้าของ นามบั ต รเขี ย นว่ า “ผู้ รั บ ใช้ ท วิ ลั ก ษณ์ . ..เจี่ ย งไท่ อ วี่ ” ที่ มุ ม ล่ า งซ้ า ยยั ง มี หมายเหตุตัวเล็กๆ เขียนไว้บรรทัดหนึ่งด้วยว่า “ผู้เชี่ยวชาญการจัดการกับ ภูตผีปีศาจทุกรูปแบบ ไม่เห็นผลไม่คิดค่าใช้จ่าย” ด้านบนของนามบัตรไม่มีที่อยู่เขียนไว้ มีแต่เลขเก้าเรียงกันเป็น แถวยาว นับดูแล้วได้ทั้งหมดเก้าตัว นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีอะไรเขียนไว้อีก สิ่งนี้มันคืออะไรกันแน่ เจ้าหน้าที่ตำรวจดูหน้าตาท่าทางของชายชุดดำคร่าวๆ แล้วก็พบว่า ยังหนุ่มอยู่มาก สูงประมาณร้อยเจ็ดสิบร้อยแปดสิบเห็นจะได้ อายุน่าจะ อยู่ในช่วงยี่สิบต้นๆ คงไม่แคล้วเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ดูแล้วน่าจะยัง ไม่ เ คยเป็ น ทหารเกณฑ์ เ สี ย ด้ ว ยซ้ ำ หน้ า ตาก็ ดี อ ยู่ พ อตั ว แต่ สิ่ ง ที่ ดึ ง ดู ด สายตาผู้คนคือนัยน์ตาสีดำคู่นั้นที่เจิดจ้าเปี่ยมไปด้วยพลัง เป็นสายตาที่ ข่มให้ผู้คนรู้สึกเกรงกลัว เขากะพริบตาครั้งหนึ่งแล้วพิจารณาชายหนุ่ม อย่างละเอียดอีกครั้ง เพียงพริบตาเดียวนัยน์ตาคู่นั้นก็กลายเป็นสีน้ำตาล เจ้าหน้าที่ตำรวจกะพริบตาซ้ำๆ เข้าใจว่าตนเองมองผิดไป ในใจคิด ว่าชายชุดดำอาจจะกำลังแต่งพวกคอสเพลย์อะไรทำนองนั้น กิจกรรม

14

ผูพิทักษสองโลก เลม 1


อวี๋จี : เขียน / กลองไม : แปล

อะไรสักอย่างซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในหมู่คนหนุ่มสาวสมัยนี้ที่รวมกลุ่มกัน แต่งหน้าแต่งตัวให้เหมือนพวกตัวละครในหนังสือการ์ตูนหรือพวกการ์ตูน ที่ฉายทางโทรทัศน์ บางคนก็ถึงขั้นทำตัวเหมือนกับเป็นตัวละครนั้นๆ เลยที เดียว เจ้าหน้าที่ตำรวจส่ายหน้าไปมาแล้วพูดกับชายชุดดำว่า “ทางหลวง พิเศษอันตรายมาก ถ้าไม่มีธุระก็อย่ามาเดินเล่นมั่วซั่วแถวนี้ รีบออกไป เถอะ” พูดจบก็หย่อนนามบัตรลงในกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะโบกมือเดินจากไป ริ ม ฝี ป ากบางของชายหนุ่ ม นามเจี่ ย งไท่ อ วี่ ห ยั ก ยิ้ ม ขึ้ น เล็ ก น้ อ ย ดวงตาคู่สีอำพันเปล่งประกายขึ้นวาบหนึ่ง แล้วนัยน์ตาที่แต่เดิมไม่ต่างกับ คนทั่ ว ไปก็ เ ปลี่ ย นเป็ น สี ด ำสนิ ท กลายเป็ น วงกลมสี ด ำสองวงซ้ อ นกั น เหมือนล้อรถ เขายื่นมือออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าได้คว้าบางอย่างมาจาก ร่างของนายตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เดินจากไปเอียงคอไปมา จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าไหล่ เบาลงไปมาก เจี่ยงไท่อวี่ก้มลงมองวิญญาณขนาดเล็กที่ดีดดิ้นอยู่ในมือ นี่คือภูต สูบพลัง หนึ่งในภูตผีปีศาจทั้งสามสิบหกที่ได้รับการบันทึกไว้ในคัมภีร์กฎ ประหาร มักจะฉวยโอกาสเข้าสิงร่างกายของคนที่อ่อนแอหรือป่วยหนัก แล้วดูดกินพลังชีวิตเป็นอาหาร เป็นภูตผีระดับค่อนข้างต่ำชนิดหนึ่ง “ความเสื่อมแห่งกาล ความเสื่อมแห่งทิฐิ ความเสื่อมด้วยกิเลส ความเสื่อมด้วยอายุ ความเสื่อมแห่งการระลึกถึง ความเสื่อมแห่งสัตว์ ใจ สรรพสัตว์ทั้งหลายมีสะอาดมีสกปรก ต่อหน้าพระฉายาแห่งพระโพธิสัตว์ ผู้ทรงละจากโลกอันแปดเป้อนนี้ไปไกลแสนไกล บริสุทธิ์ผ่องใสไร้มลทิน สามารถกำจัดโทษทั้งสิบ สลายบาปทั้งห้า...” เจี่ยงไท่อวี่ร่ายคาถามหารัศมีกระจ่างสากลพิภพ และพร้อมกันนั้น ไฟก็ลุกท่วมร่างของภูตสูบพลัง วิญญาณร้ายดิ้นทุรนทุรายและหายไป

15


ท่ามกลางกองเพลิง ในขณะที่มองกลุ่มควันสีฟาม้วนตัวลอยสูงขึ้นไป เขาก็พูดขึ้นเบาๆ ว่า “กลางวันแสกๆ อย่างนี้ยังมีวิญญาณชั้นต่ำพรรค์นี้โผล่ออกมา ท่าทาง จะเป็นที่นี่ไม่ผิดแน่” ในสถานีตำรวจทางหลวงที่อยู่ห่างจากด่านเก็บค่าผ่านทางไปไม่ ไกล นาฬิกาควอตซ์ในโถงชี้บอกเวลาสองทุ่ม เฉินเจิ้งคังเจ้าหน้าที่สูงวัยที่ กำลังประจำการอยู่ยืนขึ้นบิดตัวไล่ความเมื่อยล้าพลางลูบหน้าท้องที่ลงพุง น้อยๆ ของตน เฉินเจิ้งคังย้ายมาปฏิบัติหน้าที่เป็นตำรวจทางหลวงได้หลายสิบปี แล้ว ในระหว่างนั้นถึงแม้จะย้ายไปหลายแห่ง แต่ทั้งหมดก็ล้วนแต่อยู่ใน พื้นที่ใกล้เคียงกัน ที่จริงแล้วเงินเดือนของงานตำแหน่งนี้ถือว่าไม่เลวร้าย อะไรนัก เทียบกับตำรวจทั่วไปแล้วก็พูดได้ว่าสบายกว่าไม่น้อย วันๆ ก็ถ่ายรูปจับพวกรถที่ความเร็วเกินกำหนด พวกรถขนทราย หรื อ รถพ่ ว งที่ บ รรทุ ก น้ ำ หนั ก เกิ น ไม่ ก็ ค อยตรวจสภาพเครื่ อ งวั ด ระดั บ ความเร็วว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า ที่ต่างออกไปหน่อยก็คือเกมล่าสมบัติ ที่ทำอยู่เป็นประจำตามกำหนด แน่นอนว่าไม่ใช่การตามหาสมบัติที่ซ่อน ไว้จริงๆ แต่เป็นการหาเครื่องตรวจจับสัญญาณเรดาร์ของกล้องตรวจจับ ความเร็ว เครื่องตรวจจับสัญญาณเรดาร์ของกล้องตรวจจับความเร็วนั้นนิยม เรียกกันอย่างง่ายๆ ว่า “เครื่องหัวไชเท้า” เป็นอุปกรณ์ที่ค่อนข้างเรียบง่าย และติดตั้งสะดวก รุ่นนี้ใช้ได้เฉพาะกับกล้องประเภทติดตั้งถาวรที่ใช้ตรวจ จั บ รถที่ ค วามเร็วเกินกำหนด รถที่ฝ่าไฟแดง และรถที่จอดล้ำเส้น โดย จำเป็นต้องให้ตัวแทนผู้จัดจำหน่ายฝังเครื่องส่งสัญญาณไว้ตรงบริเวณที่ จัดไว้เป็นพิเศษ เมื่อเครื่องหัวไชเท้าได้รับสัญญาณก็จะทำการแจ้งเตือน ด้วยเสียงซึ่งจะทำให้สามารถรู้ตำแหน่งที่ตั้งของกล้องจับความเร็วที่อยู่

16

ผูพิทักษสองโลก เลม 1


อวี๋จี : เขียน / กลองไม : แปล

ข้างหน้าได้อย่างถูกต้องแม่นยำ อุ ป กรณ์ ช นิ ด นี้ ร าคาค่ อ นข้ า งถู ก หาซื้ อ ได้ ไ ม่ ย ากนั ก ตามตลาด กลางคืนหรือรายการขายสินค้าทางโทรทัศน์ ในมุมมองของเฉินเจิ้งคัง เขาไม่คิดว่าสิ่งนี้จะมีอะไรไม่ดี ไม่ว่าจะ ในระดั บ ใดก็ ต าม เพราะมั น สามารถเตื อ นให้ บ รรดาผู้ ขั บ ขี่ ที่ เ ข้ า ใจว่ า ตัวเองเป็นชูมัคเกอร์1 ได้พักเท้าจากคันเร่งบ้าง ไม่สักแต่เอาความเป็น ความตายมาเป็นเรื่องล้อเล่น เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา นอกจากจะ ทำให้ตำรวจทางหลวงลำบากแล้ว ยังสร้างความเดือดร้อนให้กับบรรดา ผู้ขับขี่สัญจรบนท้องถนนคนอื่นเสียยิ่งกว่า ลองนึกดูสิ ตอนที่รถวิ่งด้วยความเร็วร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงพุ่งอัด กันจนแทบจะกลายเป็นก้อนเดียว ไม่ว่าจะเป็นรถหรูราคากี่แสนกี่ล้าน ก็กลายเป็นเศษเหล็กหมดนั่นแหละ คนที่อยู่ในรถยิ่งไม่ต้องพูดถึง ถ้าตอน นั้นยังพอจะเรียกว่าเป็นคนได้อยู่น่ะนะ ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ยังดูเหมือนชิ้นเนื้อที่ขายในตลาดสดเสียมากกว่า รับรองได้ว่าคนที่เห็นครั้งแรกจะต้องกินข้าวไม่ลงไปสามวันสามคืน แค่ เห็นเนื้อก็อยากอาเจียนแล้ว นั บ ตั้ ง แต่ อุ บั ติ เ หตุ ค รั้ ง นั้ น เมื่ อ เดื อ นครึ่ ง ที่ แ ล้ ว เป็ น ต้ น มา ก็ เ กิ ด อุบัติเหตุอย่างต่อเนื่องในบริเวณนี้ ศีรษะของชายที่โดนรถชนตายคนนั้น หลุดกระเด็นหายไป คนจำนวนมากพยายามช่วยกันตามหาในรัศมีหลาย ร้อยเมตรจากจุดเกิดเหตุ แต่ก็ไม่มีใครพบศีรษะนั้นเลย พูดให้ชัดเจนก็คือ ถึงตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอ ตั้งแต่ตอนนั้นอุบัติเหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเรื่อยมาไม่หยุด โดย เฉพาะอย่างยิ่งในเดือนที่ผ่านมา หลังจากที่ตาแก่จางคนขับรถลากเป็นบ้า ไป ผู้คนต่างก็ลือกันไปทั่วว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในระยะนี้ล้วนแล้วแต่เกิด มิคาเอล ชูมัคเกอร์ ( Michael Schumacher ) นักแข่งรถฟอร์มูลาวันชาวเยอรมันที่ได้ตำแหน่ง แชมปโลกติดต่อกัน 7 สมัย 1

17


ขึ้นเพราะชายที่เสียหัวคนนั้นต้องการจะตามหาหัวของตัวเอง คงต้องไป ปรึ ก ษากั บ หั ว หน้าดูว่าควรจะหาหมอผีสักคนมาทำพิธีส่งวิญญาณให้ วิญญาณคนขับไร้หัวนั่นไปสู่สุคติดีหรือเปล่า ตอนนั้นเองที่เฉินเจิ้งคังนึกถึงชายหนุ่มที่พบในช่วงเช้า ถึงแม้ใน แวบแรกจะดูเป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาที่ดูไม่น่าพึ่งพาได้ แต่ตอนนี้พอ ลองย้อนนึกดูดีๆ เฉินเจิ้งคังรู้สึกว่าชายชุดดำให้ความรู้สึกอีกแบบที่ทำให้ รู้สึกว่าเป็นคนที่เชื่อถือได้ อาจจะด้วยเหตุนี้ก็ได้ที่ทำให้เขารับนามบัตรใบ นั้นมา เฉินเจิ้งคังหยิบนามบัตรที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อออกมา มองดูเบอร์ โทรศัพท์บนนามบัตร เลขเก้าเก้าตัวงั้นเรอะ ในไทเปมีที่ไหนใช้เบอร์แบบนี้ กัน อยู่มาจนอายุปูนนี้แล้วยังไม่เคยเห็น เมื่อชั่งน้ำหนักของนามบัตรบน ฝ่ามือแล้วก็นึกอยากหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาลองโทรดู ในขณะที่สองมือของ เขากำลังยื่นไปหาโทรศัพท์โดยไม่รู้ตัวนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทำเอา เฉินเจิ้งคังสะดุ้งสุดตัว ในขณะเดียวกัน ไฟทั้งสถานีตำรวจก็กะพริบติดๆ ดับๆ เฉิ น เจิ้ ง คั ง รู้ สึ ก เหมื อ นฟ า ผ่ า กลางกระหม่ อ ม ใจเต้ น รั ว ไม่ เ ป็ น จังหวะ ขนลุกซู่ตั้งแต่หัวจรดเท้า เขารู้สึกว่ามีลมพัดเอาความหนาวเย็น เข้ามาปกคลุมทั่วทั้งสถานีตำรวจ เป็นความหนาวยะเยือกผิดธรรมชาติที่ ทำให้รู้สึกกลัว “กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง” เฉินเจิ้งคังจ้องโทรศัพท์ที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน รู้สึกได้ถึงลางไม่ดี เขายกหูโทรศัพท์ขึ้นแนบหู “ฉิบหาย! เป็นเรื่องจริงๆ แล้ว” เฉินเจิ้งคังรีบมุ่งหน้าไปยังสถานที่เกิดอุบัติเหตุตามที่ปลายสาย ระบุ สภาพที่เกิดเหตุเลวร้ายจนดูแทบไม่ได้ รถสามคันอัดกอปปี้กันเป็น

18

ผูพิทักษสองโลก เลม 1


อวี๋จี : เขียน / กลองไม : แปล

ก้อนเดียว รถคันหน้าสุดเป็นรถเก๋งสีขาว ทั้งคันติดอยู่กับแผงกั้นทาง ตัวรถ บุ บ บี้ เ ข้ า ไปครึ่ ง คั น ร่ า งของชายคนขั บ ที่ นั่ ง อยู่ ต รงเก้ า อี้ ค นขั บ โดนแรง กระแทกมหาศาลบีบอัดจนแหลกเหลว แต่ที่น่าแปลกคือไม่มีร่องรอยของ หัวของเขาเลย เลือดสดๆ ชุ่มร่างราวกับเพิ่งผ่านเครื่องคั้นน้ำผลไม้มา อย่างไรอย่างนั้น เลือดที่สาดกระจายเต็มพื้นไหลรวมกันเป็นทางยาวสี แดงก่ำราวกับแม่น้ำเลือด รถคันกลางเป็นรถตู้สีเขียวแก่ ตัวรถพลิกคว่ำ ท้องรถหงายขึ้นฟา มี ร่องรอยการเสียดสีกระจายอยู่ทั่วคันรถ ถึงแม้ว่าตัวรถจะไม่ได้รับความ เสียหายร้ายแรงอะไร แต่คู่สามีภรรยาที่อยู่บนรถกลับคอหักเสียชีวิตทั้งคู่ คันสุดท้ายเป็นรถโดยสารประจำทางขนาดใหญ่ ตัวรถสีเขียวอ่อน ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ แต่หน้ารถกลับยุบเข้าไปอย่างรุนแรง ดูเหมือน จะชนท้ายรถตู้เข้าเต็มๆ มองแล้วไม่สามารถระบุสภาพของคนขับรถบัส คั น นี้ ไ ด้ เ ลย เห็ น เพี ย งเลื อ ดสี แ ดงฉานที่ ไ หลริ น ลงอาบพื้ น แล้ ว ค่ อ ยๆ กระจายออกเป็นวงกว้างซึ่งน่าจะเป็นลางร้ายมากกว่าลางดี ความโชคดีครั้งใหญ่ในความโชคร้ายครั้งนี้ก็คือบรรดาผู้โดยสาร ส่วนใหญ่ของรถบัสมีเพียงอาการตื่นตระหนกและได้รับแผลฟกช้ำเพียง เล็กน้อยเท่านั้น ตอนที่เฉินเจิ้งคังรุดมาถึงก็เห็นคนยี่สิบกว่าคนยืนเรียงกัน เป็นแถวอยู่ข้างแผงกั้นทางพลางนิ่งมองจุดเกิดเหตุ บางส่วนก็โทรศัพท์ บอกคนที่บ้านว่าตนเองปลอดภัยดี เฉิ น เจิ้ ง คั ง ไล่ ส อบถามทุ ก คนในสถานที่ เ กิ ด เหตุ เ พื่ อ ตรวจสอบ ลำดับเหตุการณ์ในการเกิดอุบัติเหตุ ทว่าคนส่วนมากไม่ค่อยแน่ใจนักว่า เกิดอะไรขึ้น ผู้โดยสารบนรถบัสเกินกว่าครึ่งสะดุ้งตื่นในขณะที่กำลังนอน หลับอยู่ ถามอยู่นานสองนาน เสียเวลาไปครู่ใหญ่จึงสามารถเรียบเรียง ลำดับการเกิดเหตุการณ์อย่างคร่าวๆ ขึ้นมาได้ สันนิษฐานว่าจุดเริ่มต้นคือรถเก๋งสีขาวเกิดอุบัติเหตุขึ้นก่อน พยาน ผู้พบเห็นเหตุการณ์คาดว่าน่าจะเป็นเพราะยางรถแตก

19


เฉินเจิ้งคังได้ฟังแล้วก็คิดในใจเงียบๆ ‘เป็นอุบัติเหตุที่เริ่มจากยาง แตกอีกแล้ว’ หลังยางแตก รถเก๋งสีขาวก็ชิดเข้ากับไหล่ทาง รถตู้สีเขียวแก่ที่ขับ ตามหลังมาอยู่ดีๆ ก็เกิดเสียหลักพุ่งออกนอกเส้นทางโดยไม่ทราบสาเหตุ แน่ชัด แล้วจึงเพิ่งสังเกตเห็นรถเก๋งสีขาว ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่คน ขับรถเก๋งสีขาวกำลังเปิดประตูลงมาจากรถพอดี รถตู้สีเขียวแก่จึงรีบหัก เลี้ยวหลบเข้าเลนใน ตอนนั้นเองที่โดนรถบัสที่พุ่งตรงมาด้วยความเร็วสูง จากข้างหลังชนท้าย รถตู้สีเขียวแก่พลิกคว่ำทั้งคันแล้วกระเด็นไปกระแทก กับรถคันสีขาว แล้วโดนรถบัสอัดซ้ำอีกครั้ง พุ่งเข้าชนอย่างรุนแรงจนรถ เก๋งสีขาวบุบบี้ลงไปเหลือแค่ครึ่งคัน แล้วหน้ารถบัสก็ชนท้ายรถตู้สีเขียวแก่ เป็นการปิดท้าย สอบถามไปได้สิบกว่าคนจึงพอจะได้ผลสรุปที่สมบูรณ์ครบถ้วน แต่ มีอยู่สองเรื่องที่ทำให้เฉินเจิ้งคังผู้เป็นตำรวจมาร่วมสามสิบปีรู้สึกได้ถึง ความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง เรื่องหนึ่งก็คือการที่เจ้าของรถเก๋งรีบร้อนเปิดประตูลงจากรถโดยไม่ แม้แต่จะเปิดไฟฉุกเฉินเสียก่อน กับอีกเรื่องคือในขณะที่รถบัสกำลังจะพุ่ง เข้าปะทะ มีผู้โดยสารได้ยินเสียงคนขับร้องตะโกนอะไรสักอย่างคล้ายๆ คำว่า “หัว หัว” ดังลั่น สองเรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกหนาววูบขึ้นมาและรู้สึกขนลุกขนพองอยู่ ในใจ เมื่อหันไปมองกองซากรถตรงจุดเกิดเหตุก็รู้สึกเหมือนมีลมเย็นเยียบ มืดมนพัดวูบออกมาจากในนัน้ เฉินเจิง้ คังรีบสะบัดหัวรัวเร็วเพือ่ ไล่ความคิด พิลึกพิลั่นดังกล่าวออกไปจากหัว ไม่นานรถพยาบาลกับรถกู้ภัยก็มาถึง สมทบด้วยรถถ่ายทอดสด ผ่านดาวเทียมของสำนักข่าวบางเจ้า เฉินเจิ้งคังส่ายหน้าไปมา นึกชื่นชม บรรดานักข่าวเหล่านี้จากใจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาจะต้องเตรียมตัว พร้อมลงพื้นที่ทั้งวันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

20

ผูพิทักษสองโลก เลม 1


อวี๋จี : เขียน / กลองไม : แปล

รถลากที่มาถึงเริ่มแยกชิ้นส่วนรถทั้งสามคันออกจากกัน เจ้าหน้าที่ หน่วยกู้ภัยช่วยกันใช้กรรไกรตัดเหล็กแงะประตูรถเปิดออก คู่สามีภรรยา ซึ่งกระดูกคอหักที่ช่วยออกมาได้เป็นคู่แรกถูกนำส่งขึ้นรถพยาบาลออกไป ก่อน หลังจากนั้นเมื่อกู้ร่างของคนขับรถเก๋งสีขาวและคนขับรถบัสออก มาได้แล้วก็ต้องตกตะลึงที่พบว่านอกจากหัวของคนขับรถเก๋งสีขาวที่หาย ไปแล้ว หัวของคนขับรถบัสก็หายไปด้วยเช่นเดียวกัน เฉินเจิ้งคังใจหล่นวูบ หัวคนหายอีกแล้ว นี่มันต้องมีปัญหาแน่ๆ คง ต้องไปคุยกับหัวหน้าแล้ว ประจวบเหมาะพอดีกับตอนที่จะตามหาหัวหน้าของตน เฉินเจิ้งคัง เห็นบุคคลดังกล่าวโดนสื่อมวลชนกลุ่มใหญ่รุมล้อมรอบตัว ไม่มีเวลาปลีก ตัวออกมาแม้แต่น้อย เขาจึงตัดสินใจช่วยจัดระเบียบเปิดทางการจราจร ก่อน ให้รถเคลื่อนไปได้อย่างน้อยสักสองช่องทางจากสี่ช่องทางที่หนา แน่นจนขยับเขยื้อนไปไหนไม่ได้เพื่อให้การจราจรบนทางหลวงพิเศษไม่ หยุดชะงัก ท่ามกลางความวุ่นวาย เฉินเจิ้งคังรู้สึกคล้ายกับว่าเห็นชายชุด ดำยืนอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของทางหลวง แต่เมื่อหันกลับไปมองอีกครั้งก็ไม่มี ใครอยู่ตรงนั้นแล้ว เฉินเจิ้งคังขยี้ตาตัวเองไปมา คิดว่าคงจะตาฝาดไปเอง เขาหันไปยุ่ง กับงานต่อ จนถึงเที่ยงวันของวันรุ่งขึ้นจึงจัดการเรื่องต่างๆ เสร็จเรียบร้อย แต่ก็ยังหาหัวของคนขับทั้งสองรายนั้นไม่พบอยู่ดี เจ้าหน้าที่ตำรวจอายุค่อนข้างน้อยนายหนึ่งเดินมาพูดกับเฉินเจิ้งคัง ว่า “พี่คัง หัวหน้าให้พวกเราล่วงหน้าไปหาหัวของคนขับสองรายนั้นกลับ มาก่อนเลย” “ไปแค่ พ วกเราสองคนเรอะ” เฉิ น เจิ้ ง คั ง ข้ อ งใจ มองหาผู้ บั ง คั บ บัญชาของตน แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา เขาจึงถามขึ้นอีก “แล้วหัวหน้าล่ะ” “ไปหาเสี่ยวจางที่เป็นคนดูแลรถลาก ลากรถตู้คันที่สองนั่นไปแล้ว”

21


“เอาเถอะ งั้นไปหาคนมาช่วยเพิ่มอีกสองสามคน” เฉินเจิ้งคังพยัก หน้าแบบไม่มีทางเลือก เรื่องพวกนี้มันควรจะเป็นงานของพวกหัวหน้า ไม่ใช่หรือไง! ทำไมพอเกิดเรื่องแล้วก็ชอบเผ่นทุกทีเสียอย่างนั้น หลายวันมานี้เกิดอุบัติเหตุติดๆ กันหลายครั้งจนเขาขวัญกระเจิงไป หมด แล้วนี่ยังจะให้เขาไปตามหาหัวคนอีก บัดซบจริงๆ แต่บ่นไปก็เท่านั้น เรื่องที่ต้องทำ ยังไงก็ต้องทำอยู่ดี เขาตามตัวพี่น้องตำรวจที่สนิทสนมได้ จำนวนหนึ่ ง ก่ อ นจะติด ต่อ ขอให้เจ้ าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมาช่ วย จากนั้นก็ กำหนดทิศทางทีน่ า่ จะพบหัว แล้วจึงแบ่งเป็นกลุม่ กลุม่ ละสองคน กระจาย กันออกไปตามหาในทิศทางที่กำหนดไว้ ที่จริงแล้วเฉินเจิ้งคังเข้าใจผู้บังคับบัญชาของตนผิดไป เจิ้งเจียหมิง เป็นผู้รับผิดชอบสำนักทางหลวงที่เจ็ดของกรมทางหลวง การเกิดอุบัติเหตุ ติดต่อกันไม่เว้นวันในช่วงนี้ทำให้เขาตกที่นั่งลำบากไม่น้อย แรงกดดันจากเบื้องบนมีมาอย่างต่อเนื่อง แต่เขากลับอธิบายถึง สาเหตุที่แท้จริงของการเกิดอุบัติเหตุเหล่านี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ที่เลวร้าย ก็คือบรรดาสื่อมวลชนเริ่มพุ่งความสนใจมาที่เรื่องนี้แล้ว เห็นว่าจะมีการ ทำสกูปรายงานพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย ถ้ายังไม่สามารถหาที่มาของ อุบัติเหตุออกมาได้เร็วๆ นี้ก็ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าผลการประเมินการปฏิบัติ งานในปีนี้จะออกมาเป็นยังไง ตอนนี้แค่ไม่โดนย้ายก็บุญโขแล้ว

22

ผูพิทักษสองโลก เลม 1




เจิ้งเจียหมิงหยิบนามบัตรใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เฉินเจิ้งคังจำนามบัตรใบนี้ ได้ ในกระเป๋าเสื้อของเขาเองก็มีของ อย่างเดียวกันอยู่ มันคือนามบัตรที่ชายหนุ่มในชุดดำยาวตั้งแต่ หัวจรดเท้าให้เขามานัน่ เอง แต่นามบัตรทีอ่ ยู่ในมือของเจิง้ เจียหมิง มีบางอย่างที่ต่างออกไป ส่วนสีดำของสัญลักษณ์เต๋าและเอซโพ ดำซีดลงไปมาก เหมือนกับโดนน้ำเจือจางจนเหลือเพียงเส้นร่าง บางๆ และด้านข้างก็มีตัวหนังสือเล็กๆ เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งบรรทัด เขียนว่า “ช่วยคุณได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น”


บทที่ 2 ชายเสื้อฟ้า เจิ้งเจียหมิงกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างคนขับรถลากพลางนิ่ง มองนามบัตรในมืออย่างเงียบๆ ด้านหลังของนามบัตรใบนี้มีลาย สัญลักษณ์เต๋าและไพ่เอซโพดำพิมพ์ไว้ แสงไฟจากนอกรถส่องพาด ใบหน้าของเขาเป็นระยะ หัวคิ้วของเจิ้งเจียหมิงย่นเข้าหากันแน่น ดู เหมือนกำลังพิจารณาเรื่องที่ตัดสินใจได้ยากเย็น “อ้ายหัวหน้าเจิ้ง นายมัวแต่มองอะไรอยู่หา” เสี่ยวจางที่กำลังขับรถ อยู่ถามเขาด้วยสำเนียงถิ่นไต้หวัน เสี่ยวจางเป็นคนขับรถของบริษัทรถลากที่มีชื่อเสียง เป็นบริษัทที่

รับผิดชอบลากรถเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเกิดการขัดข้องของรถบนทางหลวง แผ่นดิน นอกจากเรื่องงานแล้วเขาก็มักจะแวะมานั่งคุยเล่นและดื่มชาที่ สำนักทางหลวงเป็นประจำ ทั้งคู่จึงสนิทกันพอสมควร “ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่นามบัตรใบหนึ่ง” หัวหน้าเจิ้งเก็บนามบัตรลง ในกระเป๋าเสื้อ เสี่ยวจางร้องอ๋อ ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในหัวทันที เขาฉีกยิ้ม กว้างล้อเลียน “อ้ายหัวหน้าเจิ้ง นั่นมันนามบัตรที่สาวสักร้านให้มาล่ะสิท่า มีเรื่องดีๆ แบบนี้มันก็ต้องรู้จักแบ่งปันกันบ้างสิ ฉันรู้ว่าช่วงนี้นายยุ่งมาก ไม่มีเวลาจะไปแฮปปี้ แต่ว่าผู้ชายน่ะนะ ยังไง้...ยังไงมันก็ต้องมีช่วงคลาย


อวี๋จี : เขียน / กลองไม : แปล

เครี ย ดกั น บ้ า งล่ ะ น่ า ” เสี่ ย วจางหั ว เราะลั่ น น้ ำ หมากสี แ ดงในปากพุ่ ง กระจาย บริษัทของเสี่ยวจางเป็นบริษัทเอาท์ซอร์สให้กรมตำรวจทางหลวง ซึ่งทำธุรกิจในส่วนของรถลากยก ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุรถชนหรือรถยนต์ ขัดข้องก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในความดูแลของพวกเขาทั้งสิ้น การที่พวกเขา กิจการรุ่งเรืองก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าช่วงนี้ทางหลวงพิเศษเกิดเรื่องขึ้นบ่อย มาก เจิ้งเจียหมิงเป็นหัวหน้าสำนักทางหลวงที่มีหน้าที่รับผิดชอบพื้นที่ บริเวณนี้ ก็เป็นที่แน่นอนว่าจะต้องโดนคนระดับสูงรุมกระหน่ำด่ายับเยิน “อ้ายหัวหน้าเจิง้ ฟากโน้นเหมือนมีคนกำลังหาของอยูแ่ น่ะ” หัวหน้า เจิ้งมองตาม ไม่ไกลนักนอกแผงกั้นมีเงาตะคุ่มๆ ของชายเสื้อสีฟาที่กำลัง ก้มหาอะไรบางอย่าง สัญชาตญาณตำรวจร้องเตือนเจิ้งเจียหมิงถึงความไม่ปกติ เขาพูด ขึ้นว่า “เสี่ยวจาง พวกเราไปดูกันหน่อยเถอะ” “อื้ม” เสี่ยวจางรับคำแล้วหมุนพวงมาลัยเข้าประชิดข้างชายคนนั้น จะว่าไปก็แปลก รถลากอยู่ห่างจากชายคนดังกล่าวไปเพียงไม่กี่สิบเมตร เป็นระยะทางที่แค่กะพริบตาไม่กี่ครั้งก็คงจะไปถึงแล้วเมื่ออยู่บนทางด่วน แต่เสี่ยวจางขับไปตั้งกิโลเมตรกว่าๆ เกือบสองกิโลเมตรจึงเพิ่งจะไล่ตาม เขาทัน สถานการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้เป็นสิ่งที่ทั้งสองคนไม่เคยพบ เคยเจอมาก่อน ทั้งคู่เริ่มรู้สึกไม่แน่ใจ ความเงียบที่ไม่อาจอธิบายได้เกิดขึ้นในใจ ของทั้งสองคน รถลากจอดลงตรงด้านหลังชายเสื้อฟา หัวหน้าเจิ้งลดกระจกลง ก่อนจะยืน่ หน้าออกไปร้องถาม “คุณครับ ดึกป่านนีแ้ ล้วมาทำอะไรอยูต่ รงนี้ ครับ ขอความกรุณาอย่าเดินเตร็ดเตร่ในพื้นที่ของทางหลวงพิเศษครับ เพราะเป็นการกระทำที่อันตรายมาก คุณรู้ไหมครับ”

27


ชายคนดังกล่าวไม่ได้ยินเสียงของหัวหน้าเจิ้ง ยังคงก้มหาของของ ตัวเองอยู่ตรงนั้นต่อไป หัวหน้าเจิ้งจึงตัดสินใจร้องเรียกอีกครั้งด้วยเสียง ที่ดังขึ้น “เฮ้ย อ้ายหัวหน้าเจิ้ง” เสี่ยวจางชี้ไปที่แผ่นหลังของชายผู้นั้นแล้ว พูดขึ้นอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก “ท่าทางเขาจะได้รับบาดเจ็บนะ เลือดสาด เต็มเสื้อเลย” พอเสี่ยวจางพูดขึ้นมา หัวหน้าเจิ้งจึงเพิ่งจะเห็นว่าเสื้อของชายผู้นั้น เป้อนเลือดเป็นวงกว้าง เขาต้องเลือดออกเยอะมากแน่ เสื้อถึงเปียกชุ่มได้ ขนาดนี้ “คุณครับ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เจิ้งเจียหมิงตกใจมาก รีบปลด เข็มขัดนิรภัยแล้วยื่นตัวออกไปนอกหน้าต่างรถ เอื้อมมือแตะไหล่ของชาย โชกเลือด ชายผู้นั้นหันกลับมาในทันใด เจิ้งเจียหมิงเห็นดังนั้นก็ถอยกรูดกลับ ไปนั่งบนเก้าอี้ก่อนจะส่งเสียงกรีดร้องออกมาดังลั่น ปฏิกิริยาของเจิ้งเจียหมิงทำให้เสี่ยวจางตื่นกลัวไปด้วย เขาแข็งใจ หันไปมองนอกหน้าต่าง ปากก็ร้องถามลั่น “มีอะไร เกิดอะไรขึ้น” สรุปว่าชายเสื้อฟาที่เข้าใจมาตลอดว่าก้มหัวหาของอยู่นั้น จริงๆ แล้วไม่ได้ก้มอยู่ แต่เขาไม่มีหัวตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก! เห็นอย่างนั้นแล้วทั้งร่างของเสี่ยวจางก็สั่นสะท้านไม่หยุด หนาว ยะเยือกไปทั้งตัว ขนหัวลุกตั้ง นัยน์ตาทั้งคู่จ้องค้างไปที่ร่างของชายไร้หัว พูดอะไรไม่ออก บรรยากาศอันตรายค่อยๆ คืบคลานเข้ามาใกล้ แล้วเสียงของผู้ชาย ที่เต็มไปด้วยความปวดร้าวขมขื่นถึงขนาดทำให้คนที่ได้ฟังตัวสั่นทั้งๆ ที่ อากาศไม่ได้หนาวก็ดังเข้าหู “คุณเห็นหัวของผมหรือเปล่า...” เจิ้งเจียหมิงและเสี่ยวจางรู้สึกเหมือนโดนฟาผ่าแสกหน้า ร่างทั้งร่าง สั่นกระตุก เค้นแรงทั้งหมดที่มีกรีดร้องเสียงดังที่สุดเท่าที่เคยทำมาในชีวิต

28

ผูพิทักษสองโลก เลม 1


อวี๋จี : เขียน / กลองไม : แปล

เสี่ยวจางกระทืบคันเร่งอย่างไม่คิดชีวิต รถลากทั้งคันพุ่งทะยานไป ข้างหน้าราวกับม้าป่าที่หลุดจากบังเหียน น้ำตาแห่งความหวาดกลัวและ เสียงครวญครางแหวกอากาศกระแทกเข้ากับหน้าต่างหลังรถ น้ำตาที่ไหล พรากสะท้อนให้เห็นไฟสัญญาณเตือนที่ส่องมาจากทางข้างหน้า และแล้วก็เกิดเสียง “โครม!” ดังสนั่น รถลากพุ่งชนแผงกั้นลอยออก นอกทางด่วน อัดปายโฆษณาข้างถนนถล่มลงอย่างไม่ปรานีปราศรัย แรง กระแทกรุนแรงทำให้เจิ้งเจียหมิงที่เพิ่งปลดเข็มขัดนิรภัยพุ่งทะลุหน้าต่าง ออกไปนอกรถ กลิ้งไปตามทางลาดแล้วตกลงไปในร่องนา ในขณะที่กำลังกลิ้งหลุนๆ อยู่นั้น เจิ้งเจียหมิงก็เห็นรถตู้สีเขียวแก่ที่ ลากมาลอยขึ้นสูง วาดออกเป็นรูปครึ่งวงกลมตามรัศมีของโซ่เหล็กที่เกี่ยว อยู่แล้วค่อยๆ ร่วงหล่นลงเหนือรถลาก เจิ้ ง เจี ย หมิ ง ที่ น อนพั ง พาบอยู่ ใ นนาไม่ มี แ รงขยั บ เคลื่ อ นไหว ท่ามกลางความมึนงงนั้นเอง เขารู้สึกว่ามีคนจ้องมองมาที่ตน จึงบังคับ ตัวเองให้ลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก นึกไม่ถึงว่าสิ่งที่สะท้อนกลับมาจะ เป็นนัยน์ตาว่างเปล่ากลวงโบ๋คู่หนึ่ง! เจ้าของใบหน้านั้นเปรอะเป้อนไปด้วยเลือดและดินโคลน อีกฝ่าย อ้าปากขึ้นน้อยๆ เหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง เจิ้งเจียหมิงเห็นสิ่งที่อยู่ตรง หน้าเต็มตา ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ เปากางเกงเปียกเป็นหย่อมๆ ในทันที เขาร้องลั่นสุดเสียง... “ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” เสียงร้องโหยหวนดัง ก้องไปทั่วท้องนา เฉินเจิ้งคังที่อยู่อีกทางนำกลุ่มตำรวจและหน่วยกู้ภัยจำนวนสิบกว่า คนขยายขอบเขตในการตามหาบนทางหลวงออกไปถึงสี่ร้อยเมตร พวก เขาเดินกลับไปกลับมาสามสี่รอบ แต่ก็ยังหาศีรษะของคนขับรถเก๋งสีขาว ไม่พบ ในขณะที่พบศีรษะของคนขับรถบัสแล้ว แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ

29


ศีรษะของคนขับรถบัสกลับไปปรากฏอยู่ในรถเก๋งสีขาว เมื่อดูนาฬิกาข้อมือก็พบว่าเป็นเวลาตีหนึ่งกว่าๆ เฉินเจิ้งคังรู้ว่า ทุกคนเหนื่อยล้ามากแล้วจึงหยุดการตามหาลงชั่วคราวเพื่อให้ทุกคนได้ พักผ่อน พอฟาสว่างมองเห็นอะไรได้ชัดเจนกว่านี้ค่อยเริ่มทำการค้นหาต่อ ตอนนั้นเองโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นเจิ้งเจียหมิงที่ออกไป ก่อนหน้านี้ เฉินเจิ้งคังก็คิดในใจว่าหัวหน้าเองก็มีน้ำใจกับเขาบ้างเหมือน กัน รู้ว่าทุกคนทำงานเหนื่อยก็ยังอุตส่าห์โทรมาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง เฉิ น เจิ้ ง คั ง ยกโทรศั พ ท์ ขึ้ น กดปุ่ ม รั บ สาย ยั ง ไม่ ทั น จะพู ด ฮั ล โหล ข้อมูลที่ได้รับจากปลายสายก็ทำให้เขาตกใจแทบสิ้นสติ “ว่าไงนะ! หัวหน้าเจอหัวคน!” เจิ้งเจียหมิงซึ่งมีผ้าขนหนูสีน้ำตาลที่พิมพ์ชื่อโรงพยาบาลพันอยู่ รอบตัว สองมือของเขากำลังประคองถ้วยชาร้อนๆ อยู่ในมือ เขาตัวสั่นไม่ หยุด ความกลัวยังคงคั่งค้างอยู่ในใจขณะที่เล่าถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เมื่อสักครู่ เฉินเจิ้งคังนั่งอยู่ข้างๆ ฟังสิ่งที่อีกฝ่ายเล่าอย่างตั้งใจ ถึงแม้อายุของ ทั้งสองคนจะห่างกันเป็นรอบ แต่ทั้งคู่ก็สนิทสนมกันดี นับถือกันเป็นพี่เป็น น้องมาตลอด ชาที่อยู่ในมือของเจิ้งเจียหมิงก็เป็นชาขิงสกัดที่เฉินเจิ้งคังชง ให้เป็นพิเศษ “เสี่ยวจางเป็นยังไงบ้าง...” เจิ้งเจียหมิงเห็นรถตู้บดลงบนรถลากต่อ หน้าต่อตา ในใจก็พอจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเสี่ยวจางน่าจะรอดยาก ที่ถาม เฉินเจิ้งคังเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็แค่อยากจะยืนยันให้แน่ใจเท่านั้น เฉิ น เจิ้ ง คั ง ส่ า ยหน้ า ไปมา ผ่ า นไปครู่ ห นึ่ ง จึ ง พู ด ขึ้ น ด้ ว ยน้ ำ เสี ย ง เคร่งเครียด “หัวหน้า มีเรื่องที่จำเป็นต้องถามอยู่เรื่องหนึ่ง ศีรษะที่หัวหน้า พบได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นหัวของคนขับรถเก๋งสีขาว แต่จุดที่พบหัว ของคนขั บ รถเก๋ ง สี ข าวนั้ น อยู่ ห่ า งจากจุ ด เกิ ด เหตุ อ ย่ า งน้ อ ยๆ ก็ ส อง

30

ผูพิทักษสองโลก เลม 1


อวี๋จี : เขียน / กลองไม : แปล

กิโลเมตร ฉันว่ามันชักจะไปกันใหญ่แล้วเรื่องนี้ สงสัยจะเป็นอย่างที่เขาว่า กัน เราเจอผีเข้าซะแล้ว” “พี่ใหญ่ ที่พี่พูดมาผมก็พอรู้อยู่ ผมมีอีกเรื่องที่ต้องบอกพี่ ตอนที่ผม ชนกับปายโฆษณาแล้วกระเด็นออกมาจากรถ ตอนแรกนึกว่าจะไม่รอด แล้ว แต่อยู่ดีๆ ก็เหมือนกับมีพลังบางอย่างช่วยชะลอความเร็วไม่ให้ผม กระแทกพื้นแรงนัก เพราะอย่างนั้นผมถึงรอดชีวิตมาได้” “พลัง?” เห็นเจิ้งเจียหมิงพูดอย่างจริงจัง เฉินเจิ้งคังฟังแล้วก็ยังอด สงสัยไม่ได้ เขาเองก็เหมือนกับคนทั่วไปที่พอได้ยินเรื่องผีสางนางไม้แล้วก็ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ถึงจะมีปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติเกิดขึ้นรอบๆ ตัว ใจของเขาก็ ยั ง สงสั ย เกี่ ย วกั บ การมี ตั ว ตนอยู่ จ ริ ง ของสิ่ ง เหล่ า นั้ น อยู่ ดี มนุษย์ก็เป็นสิ่งมีชีวิตประหลาดๆ แบบนี้แหละ “อืม พี่ดูนี่สิ มันคือสิ่งที่ผมเพิ่งพูดถึงเมื่อกี้” เจิ้งเจียหมิงหยิบนามบัตรใบหนึง่ ออกมาจากกระเป๋าเสือ้ เฉินเจิ้งคัง จำนามบัตรใบนี้ได้ ในกระเป๋าเสื้อของเขาเองก็มีของอย่างเดียวกันอยู่ มันคือนามบัตรที่ชายหนุ่มในชุดดำยาวตั้งแต่หัวจรดเท้าให้เขามานั่นเอง แต่นามบัตรที่อยู่ในมือของเจิ้งเจียหมิงมีบางอย่างที่ต่างออกไป ส่วนสีดำ ของสัญลักษณ์เต๋าและเอซโพดำซีดลงไปมาก เหมือนกับโดนน้ำเจือจาง จนเหลือเพียงเส้นร่างบางๆ และด้านข้างก็มีตัวหนังสือเล็กๆ เพิ่มขึ้นอีก หนึ่งบรรทัดเขียนว่า “ช่วยคุณได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น” เจิ้งเจียหมิงหยิบนามบัตรขึ้นมาดูใกล้ๆ แล้วพูดขึ้น “ตอนแรกมัน ไม่ได้เป็นแบบนี้...” “ฉันรู้ เพราะฉันก็มีเหมือนกันใบหนึ่ง” เฉินเจิ้งคังพูดแทรก พลาง หยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เจิ้งเจียหมิงมองแล้วตะโกนลั่น “ใช่ มันหน้าตาแบบนี้แหละ อ้าว พี่ ใหญ่ ทำไมพี่ก็มีเหมือนกันล่ะ” “ฉันเพิ่งได้มาวันนี้...” เฉินเจิ้งคังอธิบาย

31


“อ้อ...พี่ได้พบเขาวันนี้น่ะเอง! ผมบังเอิญเจอเขาที่จุดพักรถเมื่อ วานซืน รูปร่างหน้าตาไม่ต่างจากที่พี่บอกเท่าไร แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไม แต่ผมพกนามบัตรนี่ติดตัวอยู่ตลอดเลย แต่ก็เพราะอย่างนั้นมันถึง ได้ช่วยชีวิตผมเอาไว้” เจิ้งเจียหมิงก้มมองนามบัตรในมือนิ่ง ผ่านไปสักพัก จึงเงยหน้าขึ้นแล้วถามอย่างระมัดระวังว่า “พี่ใหญ่ พี่จะว่ายังไงถ้าเราจะ ไปขอให้คนคนนั้นมาช่วย นามบัตรใบนี้ของเขาช่วยชีวิตผมมาแล้วครั้ง หนึ่ง ผมคิดว่าเขาน่าจะสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย ผม จะคิดหาวิธีเอง ผมมานึกดูแล้ว วันนี้เขาช่วยชีวิตผมไว้ และต่อไปจะมีอีก หลายชีวิตที่เขาจะช่วยไว้ได้ ถ้าเขาแก้ไขปัญหานี้ได้สำเร็จ จะแพงแค่ไหน ก็คุ้มค่า” ทั้งสองคนสบตากัน ตัดสินใจได้ภายในเสี้ยววินาที “งั้นฉันโทรเดี๋ยวนี้เลยนะ” เฉินเจิ้งคังพูดแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด หมายเลขเก้าเก้าตัว “ฮัลโหล สวัสดีครับ นั่นใช่คุณผู้รับใช้ทวิลักษณ์เจี่ยงไท่อวี่หรือเปล่า ครับ” สองวันถัดมา เฉินเจิ้งคังขับรถพาเจิ้งเจียหมิงนั่งรถไปด้วยกันบน ทางหลวงพิเศษ ขณะนี้เป็นเวลายี่สิบสามนาฬิกาห้าสิบแปดนาที ตาม แผนการของเจี่ยงไท่อวี่ พวกเขาจะต้องล่อให้วิญญาณไร้หัวนั้นปรากฏตัว ออกมา ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงได้แต่ขับรถไปกลับวนไปเวียนมาอยู่บนถนน ช่วงนี้ตั้งแต่ตอนสี่ทุ่ม แต่นี่ก็เกือบสองชั่วโมงแล้ว พวกเขาขับวนเป็นรอบที่สิบสองแล้วก็ ยังไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น ดีที่รถยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยูที่พวกเขาใช้อยู่เป็นรถ ตรวจการเฉพาะกิจของกรมตำรวจทางหลวง ตอนผ่านด่านเก็บค่าผ่าน ทางสามารถใช้ช่องทางพิเศษได้ ไม่อย่างนั้นแค่ค่าผ่านทางที่ต้องเสียก็คง เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาถังแตกกระจุยกระจายกันได้ง่ายๆ ที่จริงแล้วการเอาตัวเองเป็นเหยื่อล่อเนี่ย ถ้าไม่ใช่เพราะไม่มีทาง

32

ผูพิทักษสองโลก เลม 1


อวี๋จี : เขียน / กลองไม : แปล

เลือกอื่นแล้ว ใครมันจะอยากหาเรื่องใส่ตัวกัน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสิ่ง เหนือธรรมชาติแบบนี้ เป็นใครก็กลัวกันทั้งนั้นแหละ อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ เจิ้งเจียหมิงได้แต่ ทำใจแล้วเดินหน้าต่อไปเพื่อแก้ไขปัญหา เฉินเจิ้งคังเคยถามเจี่ยงไท่อวี่ว่า “ทำไมจะต้องให้พวกเราไปเป็นเหยื่อล่อวิญญาณไร้หัวนั่นด้วย เจี่ยงไท่อวี่ ไปหาเองจับเองเลยไม่ได้หรือไงกัน” เจี่ยงไท่อวี่ตอบด้วยถ้อยคำอันเป็นสัจธรรมที่ใครๆ ต่างก็รู้กัน มี ที่ไหนบ้างในไต้หวันที่ไม่เคยมีคนตาย ไม่ว่าที่ไหนก็มีภูตผีวิญญาณทั้งนั้น เขาไม่สามารถจับวิญญาณทั้งหมดที่พบเห็นได้ ตำรวจเองยังไม่สามารถ จั บ คนทุ ก คนที่ เจอเข้าคุกหมดเลยใช่ไหม! ที่จ ริงแล้วผู้รับใช้ทวิลักษณ์ ก็ไม่ต่างจากตำรวจ จะกำจัดหรือปลดปล่อยให้เข้าสู่สังสารวัฏก็เฉพาะ ภูตผีหรือวิญญาณที่ทำร้ายผู้คนหรือฝ่าฝนกฎเท่านั้น การจะให้เจี่ยงไท่อวี่ไปเป็นเหยื่อล่อเองนั้น จริงๆ แล้วก็เป็นเรื่องที่ สามารถทำได้ แต่ก่อนหน้านี้เขาก็ได้ไล่ตามหาวิญญาณดวงนี้มาเป็นเวลา เกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว ไม่รู้เลยว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไรจึงจะหาพบ ต่างกับเจิ้งเจียหมิงที่ได้เผชิญหน้ากับวิญญาณไร้หัวแล้ว เห็นได้ชัด ว่าแรงดึงดูดระหว่างเจิ้งเจียหมิงกับผีตนนั้นมีสูงมาก ดังนั้นโอกาสที่เขาจะ ล่อให้มันออกมาจึงสูงตามไปด้วย ส่วนที่ให้เฉินเจิ้งคังมาด้วยกันนั้นก็เพื่อ ช่วยเป็นกำลังใจให้กับเจิ้งเจียหมิงนั่นเอง พ้นเที่ยงคืนไปแล้ว สีหน้าเคร่งเครียดของทั้งสองคนเริ่มแสดงความ เหนื่อยล้าออกมาให้เห็น เจิ้งเจียหมิงอ้าปากหาว ปาดน้ำตาที่รื้นขึ้นมาที่หางตาแล้วเสนอขึ้น “พี่ใหญ่ พวกเราลงไปพักสูบบุหรี่กันสักมวนเถอะ!” เฉินเจิ้งคังเองก็รู้สึกล้าเหมือนกันจึงเห็นด้วยกับความคิดนี้เต็มที่ รถยนต์เคลื่อนลงจากทางแยกหนานคั่น เกินกว่าครึ่งของบริเวณนี้ เป็นโรงงานขนาดใหญ่ และยังมีห้างสรรพสินค้าอยู่แห่งหนึ่ง แต่เพราะสิ้น

33


สุดเวลาให้บริการไปนานแล้ว ประตูเหล็กจึงม้วนปิดลงมาทั้งหมด ที่นี่อยู่ ห่างออกมาจากย่านที่พักอาศัยอยู่พอประมาณ รอบด้านเงียบสงัดไร้ผู้คน อีกฟากหนึ่งของสี่แยกมีรถแท็กซี่ที่จอดรอรับผู้โดยสารอยู่สองคัน ทั้งสองคนลงจากรถ จุดบุหรี่ขึ้นสูบแล้วพ่นควันออกมา ที่นี่เป็นจุด กลับรถขึ้นทางด่วนซึ่งอยู่ห่างจากช่วงทางผีสิงนั่นหลายกิโลเมตร จึงนับ เป็นพื้นที่ปลอดภัย ทั้งสองคนรู้สึกค่อนข้างสบายใจ คุยเล่นกันสองสามประโยคแล้วเจิ้งเจียหมิงก็ถามขึ้น “พี่ใหญ่ พี่ว่า หมอผีคนนี้มันพึ่งได้ไหม” ถึงเขาจะเป็นคนเสนอให้เรียกมาเอง แต่ก็ยัง รู้สึกกระวนกระวายใจอยู่ไม่น้อย “เรี ย กว่ า หมอผี เ ขาคงไม่ ช อบใจนั ก หรอก ต้ อ งเรี ย กว่ า ผู้ รั บ ใช้ ทวิลักษณ์สิ” เฉินเจิ้งคังกล่าวเตือน “แล้วมันต่างกันตรงไหน เรียกว่าหมอผีก็ดีออก แถมยังเข้าใจง่าย อีกด้วย” เจิ้งเจียหมิงยิ้มแล้วพูดกลับเข้าประเด็น ถามด้วยความกังวลว่า “พี่ใหญ่ พี่ขับเร็วขนาดนี้แล้วเขาจะตามทันได้ยังไง แล้วช่วงทางที่ผีเฮี้ยน นี่มันก็กินบริเวณตั้งเกือบสามสิบกิโลเมตร เขาจะรู้ได้ยังไงว่าเราอยู่ที่ไหน ผมคอยสังเกตข้างหลังมาตลอดทาง ไม่เห็นมีใครตามมาเลยตั้งแต่แรก แล้ว ถ้าล่อไอ้ผีไม่มีหัวนั่นออกมาได้จริงๆ ปรากฏว่าผู้รับใช้ทวิลักษณ์นั่น ไม่โผล่มาแล้วเราจะทำยังไง” “จะกังวลก็ไม่แปลก” เฉินเจิ้งคังหยิบนามบัตรในกระเป๋าเสื้อออก มา “เขาบอกว่าถ้าเผานามบัตรใบนี้ เขาก็จะมาถึงในทันที ถ้านามบัตรใบ นี้สามารถช่วยชีวิตนายได้ ฉันก็เชื่อว่ามันน่าจะมีพลังทำอย่างอื่นได้ด้วย เหมือนกัน พวกเราขอให้เขาช่วยก็ควรจะเชื่อใจเขา” “พูดไปมันก็จริง” เจิ้งเจียหมิงนึกถึงวันที่กระเด็นออกจากรถแล้วไม่ ได้รับบาดเจ็บราวกับปาฏิหาริย์ก็สงบใจลงไปได้ไม่น้อย เขายันเข่าลุกขึ้น พูดโดยที่ยังคาบบุหรี่ไว้ในปาก “ผมไปฉี่ก่อนนะ แล้วจะเดินตรวจดูรอบๆ สักหน่อย” พูดจบก็เดินไปทางพุ่มไม้ที่อยู่ใต้สะพานทางด่วน

34

ผูพิทักษสองโลก เลม 1


อวี๋จี : เขียน / กลองไม : แปล

ตอนกำลังจะปลดปล่อยนั้นเองก็มีคนเดินมาข้างๆ เจิ้งเจียหมิงคิด ว่าเป็นเฉินเจิ้งคังจึงไม่ได้ใส่ใจ เมื่อปัสสาวะไปได้ครึ่งหนึ่งก็เกิดสงสัยว่า ทำไมพี่ใหญ่ถึงไม่ลงมือทำอะไรเสียที จึงเหลียวมองก่อนจะพบว่าคนคน นั้นไม่ใช่เฉินเจิ้งคัง แต่เป็นชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อสีฟา ส่วนที่อยู่เหนือแผ่น อกขึ้นไปมีพุ่มไม้บังไว้จนมิด เจิ้งเจียหมิงยักไหล่ ลงมือทำธุระส่วนตัวต่อไป ทันใดนั้นเองภาพ บางอย่างก็ผุดขึ้นมาในใจของเขา ทำไมชายเสื้อฟาคนนี้ถึงคุ้นตาเขาเหลือ เกิน วินาทีเดียวกันกับที่ความเข้าใจทุกอย่างแล่นวาบเข้ามาในหัว ความ เย็ น ยะเยื อ กก็ เ คลื่ อ นเข้ า ปกคลุ ม ทั่ ว ร่ า งในชั่ ว พริ บ ตา เขาตั ว แข็ ง ขณะ พยายามหันกลับไปมอง ชายเสื้อฟาคนนั้นก็หันมาทางเขาในเวลาเดียวกัน “คุณเห็นหัวของผมหรือเปล่า...” “อากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” เสียงกรีดร้องโหยหวน แหลมสูงดังขึ้นทำลายความเงียบในยามค่ำคืน เจิ้งเจียหมิงอยากจะก้าวถอยหลัง แต่ขาทั้งสองข้างกลับไม่ยอมฟัง คำสั่ง ร่างทั้งร่างอ่อนยวบร่วงไปกองกับพื้น เขารู้สึกตัวชัดเจน แต่สติที่มี กลับส่งไปไม่ถึงมือเท้าทั้งสี่ กางเกงเป้อนปัสสาวะเป็นวงกว้างเปียกทะลุ ชุ่มผืนดิน อาจกล่าวได้ว่าเป็นสภาพที่เลวร้ายเกินคำบรรยาย แต่ เ ขาไม่ ว่ า งพอจะมาใส่ ใ จเรื่ อ งพวกนั้ น สองมื อ ยั น พื้ น ดั น ตั ว พยายามเอาชีวิตรอด เขาคิดอยากจะหนีไปให้พ้นจากตรงนี้ แต่ไม่ว่าจะ พยายามสักเพียงใดก็ยังขยับไปไหนไม่ได้แม้แต่น้อย สุดท้ายเขาก็นึกถึงนามบัตรในกระเป๋าเสื้อ มือที่สั่นไม่หยุดคว้าเอา นามบัตรออกมาอย่างยากลำบากแล้วจุดไฟแช็ก แต่จุดอย่างไรก็จุดไม่ติด ทันใดนั้นเอง ความรู้สึกเย็นเหมือนได้สัมผัสก้อนน้ำแข็งก็ไล่ขึ้นมาจาก ข้อเท้า เขาเพ่ ง มองแล้ ว ก็ พ บว่ า ศพไม่ มี หั ว ได้ จั บ ข้ อ เท้ า ของตนไว้ แ น่ น ความหนาวเย็นเสียดกระดูกเลื้อยไล่ขึ้นมาตามต้นขาเหมือนกับงู

35


เจิ้งเจียหมิงร้องไม่ออก ความหนาวเย็นคืบคลานขึ้นมาเหนือเอว อย่างรวดเร็ว นามบัตรกับไฟแช็กในมือที่จะใช้ช่วยชีวิตก็ไม่รู้หล่นหายไป ไหน เขาคิดจะคว้าปนที่เหน็บอยู่ตรงเข็มขัด แต่การชักปนที่ฝกอย่างดีมา ตลอดกลับไร้ประสิทธิภาพโดยสิ้นเชิงเมื่อถึงเวลาสำคัญ มือที่ไม่ฟังคำสั่ง นั้นแค่ซองใส่ปนก็ยังเปิดไม่ออก “หาหัวของผมไม่เจอ...งัน้ ก็...ใช้หวั ของคุณแทนก็ได้...” เจิง้ เจียหมิง ไม่สามารถควบคุมร่างกายของตนเองได้อีก แม้แต่ครางก็ยังครางไม่ออก รู้สึกเหมือนทั้งร่างโดนโยนลงไปในน้ำ ค่อยๆ สูญเสียสัมผัสรอบด้านไป อย่างช้าๆ สิ่งเดียวที่ยังคงรู้สึกได้คือจังหวะการเต้นของหัวใจของตนเองที่ เบาลงไปเรื่อยๆ “ฟาดินไร้สิ้นสุด ด้วยพลังแห่งทวิลักษณ์ ยันต์จารึกสุริยันจันทรา ดาราสวรรค์หนึ่งกำลัง!” เสียงที่ดังก้องสะท้อนมาจากที่ห่างออกไปเป็นเหมือนกับค้อนยักษ์ ที่ ฟ าดลงทำลายห้ ว งบรรยากาศที่ บี บ รั ด อยู่ นี้ ล งจนไม่ เ หลื อ ชิ้ น ดี บรรยากาศเย็นยะเยือกจางหายไปอย่างรวดเร็วเหมือนน้ำค้างในยามเช้า เจิ้งเจียหมิงที่ได้สติกลับมากระตุกเฮือกลุกขึ้นนั่ง รู้สึกได้แค่ว่าเสื้อทั้งตัว เปียกโชกชุ่มเหงื่อ เขาพยายามจะพยุงตัวลุกขึ้น แต่ก็รู้สึกวิงเวียนและหมด สติลงอีกครั้ง วิญญาณไร้หัวที่ถอยห่างออกไปเปลี่ยนสภาพเป็นเงาสีเทาก่อนจะ พุ่งหายไปทางเหนืออย่างรวดเร็ว “พรึ่ บ ” ร่ า งที่ ยื น ขวางเจิ้ ง เจี ย หมิ ง ไว้ ก็ คื อ ผู้ รั บ ใช้ ท วิ ลั ก ษณ์ เ จี่ ย ง ไท่อวี่นั่นเอง เขายังคงอยู่ในชุดของคีอานู รีฟส์เหมือนเดิม สิ่งที่มีเพิ่มขึ้น มาก็คือหนังสือปกหนังสีแดงเล่มหนาที่อยู่ในมือซ้ายและแผ่นยันต์สอง แผ่นที่อยู่ในมือขวา “ตรึงวิญญาณสองกำลัง!” เจี่ยงไท่อวี่ร่ายคาถาพร้อมกับก้าวเดินตามวิถีดารา ยันต์ทั้งสอง

36

ผูพิทักษสองโลก เลม 1


อวี๋จี : เขียน / กลองไม : แปล

แผ่นกลายเป็นแสงสว่างสีเหลืองสองดวงพุ่งออกไป วิญญาณไร้หัวหนีไป ได้ไม่ถึงร้อยเมตรก็โดนแสงสีเหลืองพันรัดตัวอยู่กับที่ เฉินเจิ้งคังประคองร่างของเจิ้งเจียหมิงที่ดูเหมือนยังไม่ได้สติขึ้น ถามด้วยความเป็นห่วง “ไอ้น้องชาย นายเป็นยังไงบ้าง” เจิ้งเจียหมิงที่เกือบได้ไปเยือนโลกหน้าได้รับการช่วยเหลือไว้ได้ทัน ท่วงที ใบหน้าของเขาซีดขาวราวกับกระดาษจนเกือบกลายเป็นสีเขียวคล้ำ ทั้งร่างยังคงสั่นไม่หยุด ไม่ตอบอะไรเลยแม้แต่คำเดียว เฉินเจิ้งคังเห็นเจิ้งเจียหมิงเอาแต่สั่นไม่หยุด ทั้งยังไม่มีปฏิกิริยา ตอบสนองใดๆ ก็หันไปหาเจี่ยงไท่อวี่แล้วร้องตะโกนลั่น “เฮ้ย ไอ้หมอผี ทำไมเขาถึงไม่ตอบอะไรเลย แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้ หัวหน้าจะเป็นอะไร หรือเปล่า” “ผมไม่ใช่หมอผีอะไรแบบนั้น! ผมคือผู้รับใช้ทวิลักษณ์” เจี่ยงไท่อวี่ ขมวดคิ้วกล่าวแก้ไขด้วยความไม่พอใจ เฉินเจิ้งคังที่ร้อนรนจนลืมใส่ใจวิธีเรียกก็รีบขอโทษและเปลี่ยนวิธี เรียกใหม่ “ผู้รับใช้ทวิลักษณ์ คุณช่วยรีบๆ ดูหน่อยเถอะว่าเขาเป็นอะไร หรือเปล่า” เจี่ยงไท่อวี่เหลือบมองแล้วตอบอย่างไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร “เขาไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ แค่ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ สามจิตเจ็ดวิญญาณหายไปหนึ่งจิตสองวิญญาณ” “อย่างนี้เรียกว่าไม่เป็นไรงั้นเหรอ!” เฉินเจิ้งคังตกใจมาก ถึงเขาจะ ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วไอ้สามจิตเจ็ดวิญญาณอะไรนี่มันมีไว้ใช้ทำอะไร แต่เขา มั่ น ใจเต็ ม ที่ ว่ า มั น จะต้ อ งเป็ น สิ่ ง ที่ ส ำคั ญ กั บ ชี วิ ต คนคนหนึ่ ง มากแน่ ๆ เพราะถ้าไม่ใช่อย่างนั้น เจิ้งเจียหมิงก็คงไม่มีสภาพย่ำแย่อย่างนี้ “แน่นอนครับ ขอแค่เอาจิตวิญญาณนั้นกลับคืนมาใส่ในร่างได้ก็ไม่ เป็นไรแล้ว” เจี่ยงไท่อวี่ยังคงพูดตอบด้วยน้ำเสียงเหมือนเป็นเรื่องทั่วไปที่ พบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน ก่อนจะหันกลับไปยกมือขึ้นทำสัญลักษณ์

37


“ประทับสัญลักษณ์บงกชสิงห์คำราม พระมหาไวโรจนะสงบสาม วิญญาณ!” พร้อมกับที่เขาทำสัญลักษณ์มือบริกรรมคาถา ร่างของเจิ้งเจียหมิง ก็กระตุกครั้งหนึ่งและได้สติกลับคืนมา เฉินเจิ้งคังมองปากอ้าตาค้าง เขาไม่คิดสงสัยเจี่ยงไท่อวี่อีกตั้งแต่นี้ เป็นต้นไป แต่เดิมนั้นเขาไม่ค่อยคิดอะไรกับคาถาอาคมทางศาสนาเหล่านี้ มากนัก มีเพียงมุมมองแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเท่านั้น ถึงนามบัตรใบนั้น จะช่วยชีวิตเจิ้งเจียหมิงไว้ แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้เขาเชื่อได้ลง จนกระทั่งเมื่อสักครู่นี้เองที่เขาได้ยินเสียงร้องของเจิ้งเจียหมิงแล้ว จุดไฟเผานามบัตร ทันทีที่ไฟไหม้นามบัตรหมด เจี่ยงไท่อวี่ก็โผล่มาไล่ โจมตีวิญญาณไร้หัวให้ดูต่อหน้าต่อตา ไม่แค่จับตัวมันไว้ได้ แต่ยังทำมือ ทำไม้ร่ายคาถาสองสามคำเพื่อช่วยเจิ้งเจียหมิงที่สติหลุดลอยไปไหนไม่รู้ ให้กลับมาได้ด้วย เมื่อได้เห็นเรื่องที่น่าจะมีแต่ในภาพยนตร์เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ต่อ หน้ า ต่ อ ตา ตั ว เขาที่ มี ชี วิ ต อยู่ ม าสี่ สิ บ กว่ า ปี ก็ เ พิ่ ง ตระหนั ก ได้ ว่ า ตั ว เอง ยั ง มี เ รื่ อ งที่ ไ ม่ รู้ อี ก มากมายเพี ย งใด ถึ ง แม้ เ ขาจะไม่ รู้ ว่ า คำว่ า “ผู้ รั บ ใช้ ทวิลักษณ์” หมายความว่าอะไร แต่ชื่อของเจี่ยงไท่อวี่จะคงอยู่ในความ ทรงจำของเขาตลอดไป “ผู้รับใช้ทวิลักษณ์ คุณพอจะมีวิธีปลดปล่อยวิญญาณไร้หัวดวงนี้ หรือเปล่าครับ” เฉินเจิ้งคังถามอย่างนอบน้อม “ไม่มีครับ” เจี่ยงไท่อวี่ส่ายหน้าในทันทีและพูดเสริมโดยไม่รอให้ เฉินเจิ้งคังที่กำลังตกตะลึงถามต่อ “เดิมทีผมคิดว่าแค่หาหัวคืนให้เขาก็ เพียงพอแล้ว เมื่อเขาตายตาหลับก็จะสามารถปลดปล่อยเข้าสู่สังสารวัฏ ได้” เจี่ยงไท่อวี่ชี้ไปที่ห่อผ้าสีดำที่วางอยู่บนพื้น สื่อความตามที่พูด ศีรษะที่ อยู่ในห่อผ้าเป็นของวิญญาณไร้หัว เฉินเจิ้งคังหนาวสั่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว “ดูท่าจะเป็นผมเองที่คิดง่ายเกินไป วิญญาณไร้หัวตนนี้เข่นฆ่าผู้คน

38

ผูพิทักษสองโลก เลม 1


อวี๋จี : เขียน / กลองไม : แปล

มามากเกินไป ทั้งยังรับเอาความรู้สึกด้านลบของบรรดาผู้ถูกทำร้ายเข้าไป มากเสียจนเปลี่ยนจากวิญญาณมีห่วงกลายเป็นวิญญาณชั่วร้ายไปแล้ว” “ถ้าอย่างนั้นควรจะทำอย่างไรดีครับ” เจี่ยงไท่อวี่ยกหนังสือปกหนังสีแดงในมือขึ้น พูดเน้นพยางค์ชัดถ้อย ชัดคำ “ก็-ต้อง-ส่ง-เขา-ไป-ลง-นรก-ครับ” กล่าวจบ เจี่ยงไท่อวี่ก็ใช้มือซ้ายยกหนังสือขึ้นแล้ววางมือขวาเหนือ หนังสือ หนังสือปกหนังสีแดงพลิกเปิดออกเอง พลังบางอย่างที่มองไม่เห็น ค่อยๆ แผ่กระจายออกจากหน้าหนังสือแบบที่ทั้งเฉินเจิ้งคังและเจิ้งเจีย หมิงเองก็ยังรู้สึกได้ “ทัณฑ์สวรรค์บญ ั ญัตพิ ภิ พ ด้วยพลังแห่งทวิลกั ษณ์ บัดนีม้ วี ญ ิ ญาณ ไร้หัวได้เข่นฆ่าทำร้ายผู้คนนับไม่ถ้วน กระทำชั่วไม่สำนึก ด้วยพระนาม แห่งองค์ไท่ซานผู้เป็นเจ้าแห่งตำหนักปรโลกที่เจ็ดขอบัญชา โทษหมื่นเข็ม ทะลวงกาย ตามบัญญัติ!” ลำแสงสีแดงเข้มพุ่งออกจากหนังสือปกหนังสีแดง วิญญาณชั่วร้าย ไร้ หั ว ซึ่ ง ถู ก มั ด ไว้ ดิ้ น พล่ า นราวกั บ รู้ ว่ า ภั ย ร้ า ยกำลั ง มาถึ ง ตั ว เวทตรึ ง วิญญาณถูกกระชากออกด้วยแรงมหาศาล วิญญาณร้ายพุ่งหนีไปข้าง หน้า เจิ้งเจียหมิงกับเฉินเจิ้งคังรู้สึกว่าแผ่นดินค่อยๆ สั่นสะเทือน แล้ว แท่งเหล็กแหลมขนาดความกว้างอย่างน้อยหนึ่งคนโอบก็พุ่งทะลุขึ้นจาก ผืนดิน วิญญาณชั่วร้ายไร้หัวนั้นพยายามหลบเลี่ยง แต่ก็ไม่อาจหนีการ จู่โจมของแท่งเหล็กได้พ้น โดนแทงทะลุร่างอยู่ตรงนั้นเอง วิญญาณไร้หัวที่โดนเหล็กเสียบตรึงอยู่ไม่ได้สูญสลายไป มันยังคง หมุนตัวบิดร่างไปมาไม่หยุดหวังจะเอาตัวรอด เสียง “ชิ้ง” ดังขึ้น เหล็ก แหลมขนาดต่ า งๆ จำนวนมหาศาลแทงทะลุ อ อกมาจากทั่ ว แท่ ง เหล็ ก เหมื อ นหนามต้ น กระบองเพชร เสี ย งกรี ด ร้ อ งครวญครางบาดหู ข อง วิญญาณไร้หัวดังลั่น แล้วเข็มใหญ่น้อยจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งทะลุออกมา

39


จากร่างนั้น “ลงนรกไปเสียเถอะ!” กองแท่งเหล็กพาวิญญาณชั่วร้ายไร้หัวจมหายลงไปในดินอย่าง รวดเร็ว เจี่ยงไท่อวี่ปิดหนังสือลง แสงสว่างจางหายไป ภูเขาแท่งเหล็กกับ วิญญาณร้ายหายไปแล้ว พื้นดินบริเวณนั้นราบเรียบจนดูไม่ออกว่ามีอะไร ต่างไปจากปกติ เหมือนกับว่าเมื่อครู่นี้ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเลย “จบแล้วครับ” เจี่ยงไท่อวี่หยิบห่อผ้าสีดำที่อยู่บนพื้นส่งให้ทั้งสอง คนที่ยืนมองตาค้าง “ขอให้พวกคุณทั้งสองนำศีรษะนี้กลับไปส่งให้สมาชิก ในครอบครัวของผู้เสียชีวิตเพื่อนำไปประกอบพิธีให้เรียบร้อยนะครับ” ทั้ง สองคนพยักหน้าพร้อมกันโดยอัตโนมัติ “แล้วก็อย่าลืมโอนค่าใช้จ่ายมาที่บัญชีของผมด้วยนะครับ ลาก่อน” พูดจบเจี่ยงไท่อวี่ก็ไม่รีรอ หมุนตัวเดินจากไป ทิ้งให้ดวงตาสองคู่ของคน ทั้งสองมองตามไปจนสุดสายตา “ไอ้น้องชาย นายว่าจะเขียนรายงานเรื่องนี้ยังไงดี” “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีอาจจะเขียนเรื่องอะไรสักอย่างที่ไม่มี ความเกี่ยวข้องกันเลย แล้วค่อยไปรายงานเหตุการณ์ทั้งหมดกับหัวหน้า ใหญ่โดยตรงอีกที” เจิ้งเจียหมิงตอบอย่างไร้เรี่ยวแรง “มันก็เป็นวิธีที่ดีนะ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเขียนยังไงอยู่ดีนั่นแหละ... เอะ? ไอ้น้องชาย ไอ้ที่อยู่ในมือนายนั่นมันคืออะไร เมื่อกี้เขาบอกว่ามันคือ อะไรนะ” “อากกกกกกกกกกก หัวคนนีห่ ว่าาาาาาาา!” เสียงโหยหวนของทัง้ คู่ ดังขึ้นอีกครั้งท่ามกลางความเงียบสงบในยามค่ำคืนโดยมีเสียงหมาหอน ดังมาจากที่ห่างไกลตอบรับเสียงร้องของทั้งสองคน

40

ผูพิทักษสองโลก เลม 1




Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.