Complete sociological and anthropological week2 2 10 06 56

Page 1

SOCIOLOGICAL AND ANTHROPOLOGICAL THOUGHTS

แนวคิดสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา รหัสวิชา 261124 ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2556 (สัปดาห์ท่ี 2/1)


แนวคิดเกีย่ วกับสังคมและวัฒนธรรม แนวคิดเกีย่ วกับสังคม

แนวคิดเกีย่ วกับวัฒนธรรม

 ความหมายของสังคม

 ความหมายของวัฒนธรรม

 องค์ประกอบของสังคม

 ลักษณะของวัฒนธรรม

 ลักษณะความอยู่รอดของสังคม

 หน้าที่ของวัฒนธรรม

 หน้าที่ของสังคม

 ประเภทของวัฒนธรรม

 ประเภทของสังคม

 ความสัมพันธ์ระหว่างสังคมและวัฒนธรรม

 สรุป

่ วกับวัฒนธรรม  แนวความคิดบางประการเกีย  สรุป


คาถาม ... เรารูจ้ กั และเข้าใจ สังคม ดีพอแล้วหรือ ???

ศาสนา

นักปรัชญา

นักสังคมศาสตร์ สังคม ... คืออะไร


ศาสนา ... กับการอธิบายสังคมของมนุษย์

อธิบายความเป็ นอยู่ของสังคมมนุษย์ ปั ญหา และแนวทางแก้ไข เพือ่ ให้มนุษย์อยู่ในสังคมได้อย่างสงบสุข


นักปรัชญา ... กับการอธิบายสังคมของมนุษย์ อริสโตเติล... นักปรัชญาชาวกรีก ได้ ก ล่ าวว่ า มนุ ษ ย์ เ ป็ นสัต ว์ ส ัง คม ่ คือ มนุษย์โดย (Social Animal) นัน สภาพธรรมชาติจะต้องมีชีวิตอยู่ร่วมกัน กับบุคคลอืน่ ๆ ติดต่อสัมพันธ์ซึง่ กันและ กัน มีการจัดระเบียบร่วมกันภายในกลุ่ม เพราะกลุ่ ม สามารถตอบสนองความ ต้องการของมนุษย์ได้ ดังนัน้ มนุษย์จึงไม่ สามารถด ารงชี วิ ต อยู่ อ ย่ า งอิ ส ระตาม ลาพังแต่ผูเ้ ดียวได้ สังคมจึงเกิดขึ้น

Aristotle


นักสังคมศาสตร์ ... กับการอธิบายสังคมของมนุษย์ 

ผูท้ ศี่ ีกษาและให้ความสาคัญเกี่ยวกับสังคม  สังคมศาสตร์มีหลายสาขาวิชาด้วยกัน โดยนักสังคมศาสตร์แต่ละแขนง โดยเน้นถึงลักษณะเฉพาะในแต่ละด้านทีเ่ กี่ยวข้องกับสังคม อาทิเช่น ... นักสังคมวิทยา มุง่ ศึกษาสังคมในแง่ความสัมพันธ์และการกระทาระหว่างกัน* นักรัฐศาสตร์ มุง่ ศึกษาเกี่ยวกับการใช้อานาจและการปกครองสังคม นักจิตวิทยา มุง่ ศึกษาเกี่ยวภาวะจิตใจของปั จเจกบุคคลในสังคม นักเศรษฐศาสตร์ มุง่ ศึกษาเกี่ยวกับการอุปโภค บริโภคของสมาชิกในสังคม


ความหมายของสังคม 

นักสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ได้ให้ ความหมายของสังคม ไว้หลายประการ เช่น Fitcher (1957) สังคม

หมายถึง กลุม่ คนทีม่ ีการกระทาระหว่างกัน ทาให้เกิดความพึงพอใจ ในสังคม และมีสว่ นร่วมในวัฒนธรรมเดียวกัน Landis (1971) สังคม หมายถึง กลุม ่ คนทีอ่ ยูร่ วมเป็ นเวลานานพอสมควร และมีการยึดถือ วัฒนธรรมร่วมกัน พัทยา สายหู (ม.ป.ป.) สังคม หมายถึง ระบบความสัมพันธ์ของบุคคล ทีอ่ ยูร่ ว่ มกันเป็ นกลุม่ โดย ระบบความสัมพันธ์ดงั กล่าวได้ยึดเหนี่ยวคนในกลุม่ ไว้ดว้ ยกัน ทาให้กลุม่ มีความมัน่ คง การประพฤติปฏิบตั ิ ต่อกันนัน้ เอง นามาซึง่ การยอมรับและปฏิบตั ติ าม ระเบียบแบบแผนหรือกฎเกณฑ์ในการกาหนดสิทธิและ หน้าทีข่ องบุคคลทีจ่ ะปฏิบตั ติ อ่ ผูอ้ นื่ การปฏิบตั ติ อ่ กันเช่นนี้อย่างบ่อยครัง้ สมา่ เสมอ จนสร้างความสัมพันธ์ ให้เกิดขึ้นในสังคม สมศักดิ์ ศรีสนั ติสขุ (2551) หมายถึง กลุม่ คนหรือผูค้ นทีม่ าอาศัยอยูใ่ นบริเวณพื้นทีเ่ ดียวกัน มีความสัมพันธ์ซงึ่ เกิดจากการกระทาระหว่างกัน และยอมรับแบบแผนการดาเนินชีวติ ของกลุม่ มาปฏิบตั ิ กลายเป็ นสถาบันทางสังคม


องค์ประกอบของสังคม จากความหมายของสังคม สามารถสรุปเป็ น องค์ประกอบของสังคม 8 ประการ 1. อยูร่ ว่ มกันเป็ นกลุม ่ (group living) 2. มีอาณาเขตทีอ่ ยูร่ ว่ มกัน (territory) 3. มีความรูส้ ึกเป็ นพวกเดียวกันและไม่มีความรังเกียจเดียดฉันท์ (absence of discrimination) 4. 6.

มีปฏิสมั พันธ์หรือการกระทาระหว่างกัน (interaction) มีความสัมพันธเป็นหนึ่งเดียวกัน (relationship) มีการแบ่งหน้าทีแ่ ละร่วมมือ

7.

มีระบบความคิด ความเชือ่ ค่านิยม บรรทัดฐานร่วมกัน

5.

(division of labour and cooperation)

(idea belief value norms) 8. มีสถาบันทางสังคม (institutions)


ลักษณะความอยู่รอดของสังคม  1.

2.

ลักษณะ 4 ประการทีท่ าให้สงั คมอยูร่ อด สังคมต้องสนองความจาเป็ นมูลฐาน (basic needs) หรือ ความจาเป็ น/ความต้องการด้านร่างกาย สังคมต้องมีกระบวนการสืบทอดวัฒนธรรมหรือการสืบแทน (recruitment)

3.

4.

สังคมต้องมีการควบคุมทางสังคม (social control) สังคมต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางสังคม (social change)


หน้าที่ของสังคม  1.

2. 3.

การทีส่ งั คมจะอยูร่ อดได้ สังคมต้องพยายามจัดทาหน้าทีท่ จี่ าเป็ น ให้แก่สมาชิกในสังคม 4 ประการ หน้าทีใ่ นการสร้างสมาชิกใหม่ให้สงั คม (sexual production) หน้าทีด่ า้ นเศรษฐกิจ (economic functions) หน้าทีใ่ นการักษาความสงบเรียบร้อยให้กบั สมาชิกในสังคม (order functions)

4.

หน้าทีบ่ ารุงขวัญและกาลังใจให้กบั สมาชิกในสังคม (morality and psychological aspect)


ประเภทของสังคม (1)  นักสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาได้แบ่งประเภทของสังคมออกเป็ น

รูปแบบต่างๆ โดยมีหลักเกณฑ์ในการแบ่งทีแ่ ตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่น ทอนนีย่ ์ (Tonnies, Ferdinand) นักสังคมวิทยาชนบทชาวเยอรมัน ได้ใช้หลักเกณฑ์ ความสัมพันธ์ทางสังคม คือ Gemeinschaft ซึ่งเป็ น รู ป แบบสัง คมทึ ค นในสัง คมที่ มี ก ารพึ่ ง พาอาศัย ช่ ว ยเหลื อ ซึ่ ง กัน และกัน และมี ค วามผู ก พัน ด้า นจิต ใจอย่ า งมาก ส่ว นสัง คมแบบ Gesellschaft เป็ นสัง คมที่ มี ก ารพึ่ ง พาช่ ว ยเหลื อ กัน และความผู ก พัน ในด้า นของจิ ต ใจ น้อยกว่าแบบแรก Gemeinschaft vs Gesellschaft Dichotomy


ประเภทของสังคม (2) คูลลี่ย ์ (Cooley, C.H.) ได้แบ่งประเภทสังคมโดยใช้หลักเกณฑ์ ของความสัม พัน ธ์ท างสัง คม คื อ สัง คมที่ มี ค วามสัม พัน ธ์แ บบปฐมภู มิ ่ ีความผูกพันกันอย่างใกล้ชดิ (primary relationship) ซึง่ เป็ นสังคมทีม เหนียวแน่น มีความช่วยเหลือกันและกันอย่างมาก และสังคมที่มีความสัมพันธ์ แบบทุติยภูมิ (secondary relationship) เป็ นสังคมที่ความสัมพันธ์ แบบห่างเหิน ติดต่อกันในลักษณะที่เป็ นทางการ ไม่มีความสนิ ทสนมแบบ ส่วนตัวระหว่างสมาชิก

Primary vs Secondary Relationship


ประเภทของสังคม (3) เดอไคม์ (Emile, Durkheim) ได้แบ่งประเภทสังคมโดยใช้หลักเกณฑ์ ในเรื่องของ การแบ่งงานกันทา (division of labour) โดยแบ่งสังคม ออกเป็ น 2 ประเภท คือ ความเป็ นปึ กแผ่นของสังคมกลไก (mechanical solidarity) ซึ่งเป็ นสังคมที่ไม่มีการแบ่งงานกันทาอย่างชัดเจน สมาชิกใน สังคมมีความคิดเห็นและการกระทาคล้ายคลึงกัน ส่วนของ ความเป็ นปึ กแผ่น ทางอินทรี ย ์ (organic solidarity) ซึ่งเป็ นสังคมที่มีการแบ่งงาน อย่างเด่นชัด และมีความแตกต่างกันด้านอาชีพ ความคิดเห็น และการกระทา

Mechanical vs Organic Solidarity


ประเภทของสังคม (4)  นัก สัง คมวิท ยาชนบท

ได้แ บ่ ง สัง คมออกเป็ น 2 ประเภท โดยอาศัย อาชี พ เกษตรกรรม เป็ นเกณฑ์ ได้แก่ สังคมชนบท เป็ นสังคมที่ประชากรส่วนใหญ่ ประกอบอาชี พ เกษตรกรรม และมี ค วามใกล้ชิ ด สนิ ท สนมกัน ในระดับ สู ง ในขณะที่ สังคมเมือง ส่วนใหญ่ ประชากรไม่ได้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ความสัมพันธ์มีลกั ษณะทีเ่ ป็นทางการ ไม่ใกล้ชดิ กันเหมือนชนบท

นัก สัง คมศาสตร์บ างท่า นได้แ บ่ ง สัง คมในระดับ กว้า ง โดยใช้ห ลัก เกณฑ์ เศรษฐกิจ เป็ นตัวแบ่งความเจริญของประเทศต่างๆ เช่น สังคมกาลังพัฒนา สังคมทีพ่ ฒ ั นาแล้ว


ประเภทของสังคม (5)  ส่วนนักมานุษยวิทยานัน ้

แบ่งสังคมเป็ น 3 ประเภท ซึ่งหลักเกณฑ์ในการแบ่ง

คือ เทคโนโลยี ได้แก่ สัง คมที่ มี เ ทคโนโลยี ต่ า มี ก ารติ ด ต่ อ ระหว่า งชุ ม ชนและสัง คมภายนอก ไม่ ม ากนั ก สมาชิ ก ในสัง คมรู ้จ ัก กั น หมด ประกอบอาชี พ แบบง่ า ยๆ เช่ น การล่าสัตว์ หาของป่ า สังคมชาวนา คือ สังคมที่มีการประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็ นหลัก ชีวิต ผูกพันกับธรรมชาติ ยึดมัน่ กับขนบธรรมเนียมประเพณี สังคมเมือง/สังคมสมัยใหม่ สังคมที่มีอาชีพอืน่ ที่ไม่ใช่เกษตรกร ประชากรยึด หลัก เหตุ ผ ลในการด าเนิ น ชีวิต และความสัม พัน ธ์ใ นสัง คมเป็ นไปโดยค านึ ง ถึ ง ประโยชน์สว่ นตัว


ประเภทของสังคม (6)  ความผูกพันแบบสังคม

เมือง

 ความผูกพันแบบสังคม

ชนบท

สังคมเมือง/ สังคมทันสมัย

สังคมเทคโนโลยีตา่ / สังคมชาวนา

Gesellschaft ความสัมพันธ์แบบทุตยิ ภูมิ

Organic solidarity สังคมทีป่ ระกอบอาชีพเกษตรกรรม Agricultural Society สังคม/ประเทศทีพ่ ฒ ั นาแล้ว

Gemeinschaft ความสัมพันธ์แบบปฐมภูมิ Primary relationship ความเป็ นปึ กแผ่นของสังคมกลไก Mechanical solidarity สังคมทีไ่ ม่ได้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม Non-agricultural Society สังคม/ประเทศทีก่ าลังพัฒนา

Developed Countries

Developing Countries

Secondary relationship ความเป็ นปึ กแผ่นทางอินทรีย ์


สรุป 

แนวคิดสังคมต่างๆ ทาให้เราได้เข้าใจสังคมมนุษย์มากยิง่ ขึ้น  เนื้อหาสาระของสังคมวิทยา มีลกั ษณะทีเ่ กี่ยวข้องกับการศึกษาสังคม มนุษย์ในหลายระดับ  สังคมกับมนุษย์นน ั้ แยกออกจากกันไม่ได้  ความหมายของสังคม กลุม ่ คนทีม่ าอยูใ่ นพื้นทีเ่ ดียวกันความสัมพันธ์ท่ี เกิดจากการกระทาระหว่างกัน มีความรูส้ กึ เป็ นกลุม่ / พวกเดียวกัน โดยการยอมรับแบบแผนการดาเนินชีวติ ของกลุม่ ** ลิงค์กิจกรรมสัปดาห์ท2ี่ (10/06/56) : ความเหลื่อมลา้ http://www.youtube.com/watch?v=XFSHjBzFMF8


แนวคิดเกีย่ วกับสังคมและวัฒนธรรม แนวคิดเกีย่ วกับสังคม

แนวคิดเกีย่ วกับวัฒนธรรม

 ความหมายของสังคม

 ความหมายของวัฒนธรรม

 องค์ประกอบของสังคม

 ลักษณะของวัฒนธรรม

 ลักษณะความอยู่รอดของสังคม

 หน้าที่ของวัฒนธรรม

 หน้าที่ของสังคม

 ประเภทของวัฒนธรรม

 ประเภทของสังคม

 ความสัมพันธ์ระหว่างสังคมและวัฒนธรรม

 สรุป

่ วกับวัฒนธรรม  แนวความคิดบางประการเกีย  สรุป


วัฒนธรรม  ชีวต ิ ความเป็ นอยูใ่ นสังคมเป็ นเรือ่ งทีเ่ กี่ยวข้องกับวัฒนธรรม

แต่ละสังคมต้องมี วัฒนธรรม อันเนื่องมาจากวัฒนธรรมเป็ นเครือ่ งชี้แนวทางสาคัญสาหรับ พฤติกรรมหรือการกระทาของมนุษย์


ความหมายของวัฒนธรรม (ภาษา) คาว่าวัฒนธรรมมาจากภาษาบาลีสนั สกฤต คาว่า “วัฒน” เป็ นภาษาบาลี แปลว่า ก้าวหน้า “ธรรม” เป็ นภาษาสันสกฤต หมายถึ ง คุณความดี เมื่อมารวมกันแล้ว “วัฒนธรรม” หมายถึง ลักษณะที่แสดงถึงความ เจริญงอกงาม  วัฒนธรรม (ทัว่ ไป) บรรดาขนบธรรมเนี ยมประเพณีต่างๆ ที่ตกทอดมาตัง้ แต่ บรรพบุ รุ ษ เช่น พิ ธี ... แห่เ ที ย นพรรษา ท าบุ ญ สงกรานต์ ทอดกฐิ น ฯลฯ ซึ่งในบางครัง้ วัฒนธรรม หมายถึ ง พฤติกรรมที่บุคคลชัน้ สูง/ ผูท้ ่ีมีการศึกษา สูป่ ฏิบตั ิกนั ทาให้มีการเปรียบเทียบระหว่างชนชัน้ สูงและคนชัน้ ตา่ และถ้าคนชัน้ ตา่ ทาผิดวัฒนธรรม ก็มกั จะถูกกล่าวว่าเป็ นคนทีไ่ ม่มีวฒ ั นธรรม  วัฒนธรรม


ความหมายของวัฒนธรรม  วัฒนธรรม

(ปกครอง) พระราชบัญญัติวฒ ั นธรรมแห่งชาติ พ.ศ.2485 ได้กาหนด ความหมายของวัฒนธรรม คือ ลักษณะที่แสดงถึงความเจริญงอกงาม ความเป็ น ระเบี ย บเรีย บร้อย ความกลมเกลีย วก้าวหน้า ของชาติ และศี ลธรรมอันดีของ ประชาชน  วัฒ นธรรม (สัง คมศาสตร์ ) มี ค วามแตกต่า งจากความหมายของวัฒ นธรรม ที่ใ ช้กนั ทัว่ ไป เพราะนักสังคมศาสตร์พิจารณาถึ งวัฒนธรรม ในแง่ ของปั จจัย ส าคัญ ที่ อ านวยความสะดวกต่อ การด ารงชี วิต ของมนุ ษ ย์ใ นสัง คม โดยไม่ ไ ด้ คานึ งถึ งเรื่อง คุณธรรม จริยธรรม ความดี/เลว ความเหมาะสม/ไม่เหมาะสม ยกตัวอย่างเช่น ...


ความหมายของวัฒนธรรม (สังคมศาสตร์)  ไทเลอร์

(1871) บิดาของสาขามานุ ษยวิทยาวัฒนธรรม ได้ให้ความหมายของ วัฒนธรรมว่า วัฒนธรรม คือ ผลรวมของบรรดาสิ่งต่างๆ ที่มีความสลับซับซ้อน ที่ประกอบด้วย ความเชือ่ ศิลปะ ศีลธรรม กฏหมาย ประเพณี อุปนิสยั ตลอดจน พฤติกรรมอืน่ ๆ ทีม่ นุษย์แสดงออกในฐานะทีเ่ ป็ นสมาชิกของสังคม  กรี น (1972) นัก สัง คมวิท ยาชาวอเมริก น ั ได้ให้ค วามหมายของวัฒธรรมคือ กระบวนการถ่ายทอดทางวัฒนธรรม ให้บุคคลเกิ ดความรู ้ รูจ้ กั วิธีปฏิ บตั ิตน ตลอดจนมี ความเชื่อ ความเข้าใจ ผลผลิตทางศิลปะทัง้ หลาย และดารงรักษา สิง่ เหล่านัน้ ไว้ หรือเปลี่ยนแปลงไปในเวลาทีห่ เมาะสม  ลินตัน (1973) นักมานุษยวิทยาชาวอเมริกน ั ได้ให้ความหมายของวัฒธรรมไว้วา่ วัฒนธรรม เป็ นผลของความรู ้ ทัศนคติ แบบแผนพฤติกรรม ที่สมาชิกในสังคม ใช้รว่ มกัน และถ่ายทอดไปยังสมาชิกรุน่ ต่อมาในสังคมใดสังคมหนึ่ง


ความหมายของวัฒนธรรม (สังคมศาสตร์)  โรเจอร์

(1976) นักสังคมวิทยาชาวอเมริกนั ได้ให้ความหมายของวัฒนธรรมว่า วัฒนธรรมคือ แบบแผนพฤติกรรมทีเ่ กิดจากการเรียนรู ้ และเป็ นที่ยอมรับปฏิบตั ิ ร่วมกันของสมาชิกในสังคม รวมทัง้ มีการถ่ายทอดไปสูส่ มาชิกรุน่ ต่อๆ มา  พัทยา สายหู (2514) ได้ให้ความหมายของวัฒธรรมคือ แบบอย่างการดารงชีวต ิ ของกลุ่ ม คน ซึ่ ง สมาชิ ก เรี ย นรู แ้ ละถ่ า ยทอดด้ว ยการสัง่ สอน ทัง้ ทางตรงและ ทางอ้อม  ไพทูรย์ เครือแก้ว (2515) ได้ให้ความหมายของวัฒธรรมไว้ 2 ประการคือ ประการที่ 1 วัฒนธรรม หมายถึง มรดกทางสังคมเป็ นลักษณะพฤติกรรมของ มนุ ษ ย์ท่ี ไ ด้ส ง่ั สมไว้ใ นอดี ต และได้ต กทอดมาเป็ นสมบัติ ท่ี ม นุ ษ ย์ใ นปั จ จุ บ ัน ทีน่ าเอามาใช้ในการครองชีวติ ประการที่ 2 วัฒนธรรม หมายถึง แบบแผนแห่งการครองชีวติ


สรุป ความหมายของวัฒนธรรม  จากนิ ย ามวัฒ นธรรมข้า งต้น

สามารถสรุ ป ความหมายของวัฒ นธรรมได้ 2 ประเภท หนึ่ง วัฒนธรรม หมายถึง วิถีการดาเนินชีวติ ในสังคม ศิลปะ ประเพณี ศีลธรรม กฏหมาย สอง วัฒนธรรม หมายถึง ระบบความคิด ความเชื่อ ความรู ้ เพื่อนามากาหนดรูปแบบพฤติกรรมต่างๆ  ดังนัน ้ วัฒนธรรม หมายถึง วิถีแห่งการดารงชีวติ ที่มนุษย์สร้างขึ้น รวมถึงระบบ ความคิด ความรู ้ ความเชื่อ ที่มนุ ษย์ได้อบรม ปฏิ บตั ิ ถ่ายทอดไปสู่สมาชิกรุ่น ต่อมา และวัฒนธรรมเหล่านัน้ ได้มีการเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับสภาพความเป็ นอยู่ ของมนุษย์ในแต่ละยุคสมัย


ลักษณะของวัฒนธรรม (1)  1. 2. 3. 4. 5. 6.

วัฒนธรรมในสังคมใดสังคมหนึ่ง มีลกั ษณะดังต่อไปนี้ วัฒนธรรมเป็ นสิง่ จาเป็ น (necessity) วัฒนธรรมเป็ นสิง่ ทีม่ นุษย์สร้างขึ้น (man made) วัฒนธรรมต้องมีการยอมรับร่วมกัน (is shared) วัฒนธรรมเป็ นสิง่ ที่ตอ้ งเรียนรู ้ (is learned) วัฒนธรรมต้องมีการถ่ายทอด (is transmitted) วัฒนธรรมของแต่ละสังคมมีความแตกต่างกัน (varieties) 6.1 วัฒนธรรมสัมพัทธ์ (cultural relativism) 6.2 อคติทางชาติพนั ธุ ์ (ethnocentrism)


ลักษณะของวัฒนธรรม (2) 7. 8. 9.

วัฒนธรรมเป็ นสิง่ ทีเ่ ปลี่ยนแปลงได้ (is changed) วัฒนธรรมอาจจะสลายได้ (dead culture) วัฒนธรรมเป็ นผลรวมของหลายๆ สิง่ หลายๆอย่าง (subculture/ integrative)

10.

วัฒนธรรมเป็ นมรดกสังคม (social heritage)

ลัก ษณะชองวัฒ นธรรมเป้ นสิ่ ง ที่ ม นุ ษ ย์ ส ร้า งขึ้ น เพื่ อ ตอบสนอง ความต้องการ และเป็ นที่ยอมรับร่วมกันของสมาชิกในสังคม ทาให้มนุษย์ได้เรียนรู ้ จากการถ่ายทอดในฐานะสมาชิกของสังคม โดยวัฒนธรรมของแต่ละสังคมย่อม แตกต่างกันไปตามสภาวะแวดล้อมทางสังคม พร้อมทัง้ วัฒนธรรมเหล่านัน้ สามารถ เปลี่ ย นแปลงและสลายไปได้ เพราะวัฒ นธรรมเป็ นผลรวมของสิ่ ง ต่ า งๆ จนอาจกล่าวได้วา่ “วัฒนธรรมเป็ นมรดกทางสังคม”


หน้าที่ของวัฒนธรรม  1. 2. 3. 4.

5. 6. 7.

วัฒนธรรมมีหน้าที่อยูห่ ลายประการ ดังต่อไปนี้ วัฒนธรรมเป็ นตัวกาหนดรูปแบบสถาบันนทางสังคม วัฒนธรรมทาหน้าที่กาหนดพฤติกรรมของบุคคลในสังคม วัฒนธรรมเป็ นตัวกาหนดค่านิยมของบุคคลในสังคม วัฒนธรรมเป็ นแนวทางในการอบรมเลี้ยงดู และพัฒนาบุคลิกภาพแก่สมาชิก ใหม่ในสังคม วัฒนธรรมเป็ นเครือ่ งหมายหรือสัญลักษณ์ วัฒนธรรมเป็ นเครือ่ งมือในการควบคุมสังคม วัฒนธรรมเป็ นตัวกาหนดเป้ าหมายของชีวติ ของแต่ละบุคคลในสังคม


ประเภทของวัฒนธรรม (1) 

นักสังคมวิทยาแบ่งวัฒนธรรมเป็ น 2 ประเภทกว้างๆ กล่าวคือ 1. วัฒนธรรมด้านวัตถุ (material culture) 2. วัฒนธรรมทีไ่ ม่ใช่ดา้ นวัตถุ (non-material culture) 2.1 วัฒนธรรมความคิด (ideal culture) 2.2 วัฒนธรรมด้านบรรทัดฐาน (norms)  นักสังคมวิทยาและมานุษยวิทนาบางท่านแบ่งประเภทวัฒนธรรมออกเป็ น 4 ประเภท คือ 1. วัฒนธรรมด้านวัตถุ (material culture) 2. วัฒนธรรมด้านสังคม (non-material culture) 3. วัฒนธรรมด้านกฏหมาย (legal culture) 4. วัฒนธรรมด้านจิตใจและศีลธรรม (moral culture)


ประเภทของวัฒนธรรม (2)  1. 2. 3. 4. 5. 6. 7.

นักสังคมวิทยาแบ่งวัฒนธรรมเป็ น 7 ประเภท ดังนี้ ภาษา (language) ศาสนาและอุดมการณ์ (religion and idealogy) ระบบเศรษฐกิจ (economic system) จริยธรรม (ethic) ค่านิยม (value) อานาจโดยชอบธรรม (authority) ศิลปะและสุนทรียศาสตร์ (art and aesthetics)


ความสัมพันธ์ระหว่างสังคมและวัฒนธรรม (1)  สัง คม-มนุ ษ ย์ ไ ม่ ส ามารถแยกออกจากกัน ได้

กล่ า วอี ก นัย หนึ่ ง คื อ มนุ ษ ย์ จาเป็ นต้องดารงชีวิตร่วมกับผูอ้ ื่นในสังคม ไม่สามารถดารงชีวิตอย่างโดดเดี่ยว แต่ ล าพัง เพี ย งผู เ้ ดี ย วได้ ดัง นั้น เมื่ อ มี ค นรวมกัน มี ก ารติ ด ต่ อ สัม พัน ธ์ก ัน จึงจาเป็ นต้องมี ระเบียบกฏเกณฑ์ที่มนุ ษย์ได้สร้างและยอมรับ เพื่อมาใช้ในการ ดารงชีวติ ร่วมกัน ซึง่ กฏระเบียบเหล่านัน้ เรียกรวมกันว่า วัฒนธรรม

 สัง คมได้สร้างวัฒนธรรมให้ม นุ ษ ย์ไ ด้ด าเนิ น ชีวิตอย่างสมบู รณ์

เนื่ องมาจากว่า วัฒ นธรรมเป็ นหลัก ในการด าเนิ น ชี วิ ต จึ ง ถื อ ได้ว่า สัง คมและวัฒ นธรรม มีความหมายและความสาคัญต่อวิถีชวี ติ ของมนุษย์


ความสัมพันธ์ระหว่างสังคมและวัฒนธรรม (2) สังคม – กลุม่ คนทีม่ ีความสัมพันธ์ตดิ ต่อระหว่างกัน วัฒนธรรม – แบบแผนและวิธีการต่างๆ แห่งการดาเนินชีวติ  สัง คมใดที่ไม่มี วฒ ั นธรรม สังคมนัน้ จะมีสภาพไม่ต่างจากสังคมของสัตว์ ไม่มี ระเบี ย บแบบแผนในการด าเนิ น ชี วิ ต เพราะมนุ ษ ย์ รู ้จ ัก สร้า งวัฒ นธรรม ทาให้สงั คมมนุษย์สูงกว่าการรวมกลุม่ ของสัตว์  วัฒนธรรมนัน ้ จะอยู่โดยปราศจากสัวคมไม่ได้เช่นกัน เพราะมนุ ษย์อยู่ในสังคม เพื่อทีจ่ ะสร้างวัฒนธรรมขึ้นมา  ฉะนัน ้ เมื่ อสังคมมนุ ษ ย์เ กิ ด ขึ้ น ย่อมมี วฒ ั นธรรมเกิ ด ขึ้ น เช่น กัน ทัง้ สังคมและ วัฒ นธรรมต่ า งก็ เ ป็ นเครื่ อ งอ านวยความสะดวกสบายในการด าเนิ น ชี วิ ต ของมนุษย์ 


แนวความคิดบางประการเกีย่ วกับวัฒนธรรม (1)  การศึ ก ษาเรื่อ งวัฒนธรรมจะทาให้เ ข้าใจการด ารงอยู่ของมนุ ษ ย์ใ นสัง คมต่างๆ

ได้อ ย่ า งถู ก ต้อ ง แนวความคิ ด เกี่ ย วกับ วัฒ นธรรมที่ จ ะช่ ว ยให้เ ข้า ใจสภาพ ความเป็ นอยูข่ องมนุษย์ในสังคมมากยิ่งขึ้น มีดงั ต่อไปนี้ 1. วัฒนธรรมสากล (universal culture) 2. เขตวัฒนธรรม (culture area) 3. การเลือกทางวัฒนธรรม (alternative culture) 4. วัฒนธรรมเฉพาะ (specialties culture) 5. วัฒนธรรมอุดมคติ (ideal culture) 6. วัฒนธรรมความเป็ นจริง (real culture)


แนวความคิดบางประการเกีย่ วกับวัฒนธรรม (2) 7.

วัฒนธรรมย่อย (subculture)

7.1 วัฒนธรรมย่อยทางชาติพนั ธุ ์ (ethnic subculture) 7.2 วัฒนธรรมย่อยทางภูมิภาค (regional subculture) 7.3 วัฒนธรรมย่อยทางอายุ (age subculture) 7.4 วัฒนธรรมย่อยทางภูมิภาค (regional subculture) 8. 9.

วัฒนธรรมต่อต้าน (counter culture) ความล้าหลังทางวัฒนธรรม (cultural lag) 9.1 อัตราการเปลีย่ นแปลงทีใ่ ม่เท่ากัน ระหว่างวัฒนธรรมทางวัตถุดว้ ยกัน 9.2 อัต ราการเปลี่ ย นแปลงที่ ใ ม่ เ ท่ า กัน ระหว่ า งวัฒ นธรรมทางวัต ถุ กับวัฒนธรรมทีไ่ ม่ใช่วตั ถุ


แนวความคิดบางประการเกีย่ วกับวัฒนธรรม (3) 10.

11. 12. 13. 14.

การช็อคทางวัฒนธรรม (cultural shock) 10.1 ขัน้ ฟักตัว (incubation stage) 10.2 ขัน้ วิกฤต (crisis stage) 10.3 ขัน้ ฟื้ นตัว (recovery stage) 10.4 ขัน้ ยอมรับ (adjustment stage) วัฒนธรรมสัมพัทธ์ (cultural relativity) อคติทางชาติพนั ธุ ์ (ethnocentrism) ความขัดแย้งทางวัฒนธรรม (cultural conflict) การผสมผสานทางวัฒนธรรม (acculturation)


สรุป  

 

วัฒนธรรม คือ แบบแผนการดารงชีวติ ของมนุษย์ในสังคม ลัก ษณะของวัฒ นธรรม ชี้ใ ห้เ ห็ น ถึ ง สิ่ง ที่ ม นุ ษ ย์ส ร้า งขึ้ น มาเพื่ อ สนองความ ต้องการหรือความเป็ นพื้นฐานของสมาชิกในสังคม หน้าที่ของวัฒนธรรม ช่วยในการกาหนดรูปแบบสถาบัน และพฤติกรรมของ สมาชิกในสังคม ค่านิ ย มส่วนบุ คคล บุ ค ลิกภาพ สัญลักษณ์ และเป้ าหมาย แห่งชีวติ ประเภทของวัฒนธรรม ทัง้ ส่วนทีเ่ ป็ นวัตถุและไม่ใช่วตั ถุ ความสัมพันธ์ระหว่างสังคมและวัฒนธรรม มี ความสัมพันธ์กนั เป็ นเครื่อง อานวยความสะดวกในการดาเนินชีวติ แนวคิดบางประการเกี่ยวกับวัฒนธรรม


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.