(ค.๑) คาฟ้ อง
๖๒ ๑๐๑๑ คดีหมายเลขดาที่ ...................../๒๕.................. ศาลปกครอง...กลาง.................... ๒๓ เดือน….พฤษภาคม...พุทธศักราช ๒๕..๖๒...... วันที่…………
ข้าพเจ้า
นายศรัลย์ ธนากรภักดี
เกิดวันที่ ๒๒ เดือน สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๖ อายุ ๕๖ ปี อาชีพ รับจ้าง อยูท่ ่ี ๑๒๗/๗๑ หมูบ่ า้ นเบญจพร หมูท่ ่ี ถนน สุขมุ วิท ตรอก/ซอย ตาบล/แขวง มาบตาพุด อาเภอ/เขต เมืองฯ ระยอง จังหวัด รหัสไปรษณีย์ ๒๑๑๕๐ โทรศัพท์ ๐๖๔ ๖๙๑๔๙๒๕ คณะรัฐมนตรี ที่ ๑, นายกรัฐมนตรี ที่ ๒, มีความประสงค์ขอฟ้ อง กระทรวงพลังงานที่ ๓ และบริษทั ปตท.จากัด (มหาชน) ที่ ๔ อยูท่ ่ี หมูท่ ่ี ถนน ตรอก/ซอย ตาบล/แขวง อาเภอ/เขต จังหวัด รหัสไปรษณีย์ โทรศัพท์ รายละเอียดของการกระทา ข้อเท็จจริง หรือพฤติการณ์ เกีย่ วกับการกระทาทีเ่ ป็ น เหตุให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายทีพ่ อเข้าใจได้ ข้อ ๑. คดีน้ีสบื เนื่องกับคาพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขแดงที่ ฟ.๓๕/๒๕๕๐ เมื่อ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๐ อ้างถึงคาพิพากษาหน้า ๘๗ ทีร่ ะบุให้ผถู้ ูกฟ้ องคดีทงั ้ ๔ ในคดีดงั กล่าวดาเนินการ คือ การคืนทรัพย์สนิ ของการปิ โตรเลียมแห่งประเทศไทยให้กบั กระทรวงการคลัง และให้นาคืนอานาจมหาชน จาก บริษทั ปตท.จากัด (มหาชน) ซึง่ ปรากฏใน หมายเหตุ
๑. ๒. ๓. ๔.
คาฟ้ องต้องใช้ถอ้ ยคาสุภาพและให้ทาเป็ นภาษาไทย ผูฟ้ ้ องคดีแนบพยานหลักฐานทีเ่ กีย่ วข้องกับคาฟ้ อง ถ้าไม่อาจแนบพยานหลักฐานมาได้ ให้ระบุเหตุทไ่ี ม่อาจแนบพยานหลักฐานไว้ดว้ ย ผูฟ้ ้ องคดีตอ้ งจัดทาสาเนาคาฟ้ อง และสาเนาพยานหลักฐานทีผ่ ฟู้ ้ องคดีรบั รองสาเนาถูกต้องตามจานวนของผูถ้ กู ฟ้ องคดีย่นื มาพร้อมกับคาฟ้ อง การจัดทาคาฟ้ อง ผูฟ้ ้ องคดีไม่จาเป็ นต้องทาตามรูปแบบของคาฟ้ องนี้ แต่ตอ้ งมีเนื้อหาสาระสาคัญครบถ้วนตามทีร่ ะบุไว้น้ี
๒ ภายหลังว่า การดาเนินการตามคาพิพากษาดังกล่าวยังไม่ครบถ้ วน แม้ จะมีคาสัง่ ของตุลาการศาล ปกครองสูงสุด นายจรัล หัตถกรรม เมื่อ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๑ ที่บนั ทึกในหน้ าแรกของคาร้ องของ บมจ.ปตท.(ผู้ถกู ฟ้องที่ ๔ หรื อลูกหนี ้ตามคาพิพากษา) ว่า “พิเคราะห์แล้ ว เห็นว่าผู้ถกู ฟ้องคดิที่ ๑ ถึงที่ ๔ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้ องได้ ดาเนินการตามคาพิพากษา เป็ นที่เรี ยบร้ อยแล้ ว” ซึง่ ความ ปรากฏในภายหลังว่า ผู้ถกู ฟ้องคดีที่ ๑ ถึงที่ ๓ เพิง่ เห็นพ้ องกับ การดาเนินการของผู้ถกู ฟ้องที่ ๔ เมื่อ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๓ หลังจากตุลาการศาลปกครอง นายจรัล หัตถกรรม มีคาสัง่ คาร้ องไป แล้ วนานถึง ๑ ปี ๗ เดือนเศษ (เอกสารแนบท้ ายคาฟ้อง หมาย ๕ – มติครม. ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๓) หรื อกรณีการยกคาร้ องต่างๆ เกี่ยวกับเรื่ องการนาส่งคืนท่อก๊ าซ ของศาลปกครองกลางและ ศาลปกครองสูงสุด รวมถึงการจาหน่ายคดีออกจากสารบบ การมีข้อโต้ แย้ งของสานักงานการตรวจ เงินแผ่นดินที่มีมาโดยตลอด จนมีมติเมื่อ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ การตีความของคณะกรรมการ กฤษฎีกา เมื่อ ๒๐ กันยายน ๒๕๕๙ มีผลเป็ นมติครม.เมื่อ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๙ รวมถึงการฟ้อง คดีต่อศาลปกครองกลางของสานักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เมื่อ ๔ เมษายน ๒๕๕๙ ซึง่ คดีอยู่ ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง ข้ อ ๒ ผู้ฟ้องคดีเป็ นประชาชนคนไทย ผู้เสียภาษี อากร และมีหน้ าที่ตามรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๕๐ (๒) ,๔๑(๓), ๕๐(๒),๕๑, ๕๗(๒) , ๕๘ ในการ ป้องกันประเทศ พิทกั ษ์ รักษาเกียรติภมู ิ ผลประโยชน์ของชาติ และสาธารณสมบัติของแผ่นดิน เป็ น ผู้บริโภคด้ านพลังงาน เป็ นผู้ใช้ น ้ามันเชื ้อเพลิงและก๊ าซ เป็ นผู้ได้ รับผลกระทบทังทางตรงทางอ้ ้ อม กับราคาพลังงานไม่เป็ นธรรม ที่จดั หาจัดสรรโดยบริษัท ปตท. จากัด (มหาชน) ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.๒๕๖๐ มาตรา ๓ วรรคหนึง่ อานาจอธิปไตยเป็ นของปวงชนชาวไทย คนไทย ทุกคน จึงมีสิทธิและหน้ าที่ปกป้องรักษาผลประโยชน์ของชาติ และปฏิบตั ิตามกฎหมาย และ
๓ มาตรา ๓ วรรคสอง รัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ หน่วยงานของรัฐต้ องปฏิบตั ิหน้ าที่ให้ เป็ นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายและหลัก นิติธรรม เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและ ความผาสุกของประชาชน โดยรวม, มาตรา ๔ ศักดิ์ศรี ความเป็ น มนุษย์ สิทธิ เสรี ภาพ และความ เสมอภาคของบุคคลย่อมได้ รับความ คุ้มครอง และปวงชนชาวไทยย่อมได้ รับความคุ้ม ครองตาม รัฐธรรมนูญเสมอกันจากหน่วยงานรัฐ ทุกหน่วย, มาตรา ๕ รัฐธรรมนูญเป็ นกฎหมายสูงสุดของ ประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎหรื อ ข้ อบังคับ หรื อการ กระทา ใดขัดหรื อแย้ งต่อ รัฐธรรมนูญ บทบัญญัตินนั ้ หรื อการกระทานันเป็ ้ นอันใช้ บงั คับไม่ได้ , ผู้ฟอ้ งคดีเป็ นแอดมินเพจทวงคืนพลังงานไทย และเป็ นผู้จดั ตังกลุ ้ ่มทวงคืน ปตท. / กลุ่มทวง คืนพลังงานไทย ในสื่อสังคมออนไลน์เฟสบุ๊ค จัดตังเมื ้ ่อ เดือนสิงหาคม ๒๕๕๔ และเป็ นผู้ ประสานงานกลุ่มพิทกั ษ์ อากาศสดชื่น มาบตาพุด ระยอง มาตังแต่ ้ ปี ๒๕๔๔ ฟ้องศาลปกครอง เกี่ยวกับ ปตท.สร้ างทาดาเนินการโรงงานวัตถุอนั ตรายไม่มีมาตรฐาน ในปี ๒๕๕๓ และขณะนี ้ ยังคงฟ้องศาลปกครอง อีกคดีหนึง่ โดยขอให้ มีการตรวจสอบ ตามหนังสือของสานักงานนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้ อม ที่ทาถึงอธิบดีกรมโรงงาน และผู้ว่าการนิคม อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ขอให้ ตรวจสอบโรงงานของ ปตท. ในพื ้นที่มาบตาพุด ระยอง คดีอยู่ ระหว่างการอุทธรณ์คาสัง่ ของศาลปกครองระยอง ผู้ฟอ้ งคดีเป็ นผู้เสียหาย และได้ รับผลกระทบจากการใช้ กฎหมายโดยทุจริตของนายปิ ย สวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานกรรมการ และบมจ.ปตท. ฟ้องศาลด้ วยความเท็จให้ เอาผิดทางอาญา ผู้ฟอ้ งคดี ซึง่ เป็ นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๗๕, ๑๗๗ และมาตรา ๑๘๐ ฟ้อง-เบิกความ และเสนอเอกสารพยาน อันเป็ นเท็จต่อศาล ซึง่ ฟ้องรวม ๖ คดี ในคดีอาญา ๕ คดี คดีแพ่ง ๑ คดี อยู่ระหว่างการไต่สวนมูลฟ้อง ๒ คดี ข้ อหาหมิ่นประมาท ในคดีหมายเลขดาที่ อ.
๔ ๓๓๖๒/๒๕๖๐ และ ๒๐๗๘/๒๕๖๑ ศาลอาญากรุ งเทพใต้ (เอกสารแนบท้ ายคาฟ้องหมาย..๖..) ขอศาลออกหมายเรี ยกพยานเอกสารสาคัญจาก สตง. คือ มติครม.เมื่อ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๙ และ รายงานการประชุมระหว่าง ปตท.กับหน่วยงานต่างๆ เมื่อ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ เรื่ องให้ ปตท. นาคืนท่อก๊ าซ ตามมติครม.ที่อิงมติสตง.เมื่อ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ) ทังนี ้ ้ยังมีการฟ้องเท็จในคดีที่ฟอ้ งนายกัมพล ทวีการ ที่ศาลอาญากรุงเทพ(รัชดา) กรณี โพสต์ในสื่อออนไลน์ ทวงคืนท่อส่งก๊ าซ หลังจากคุณกัมพล ทวีการ ฟ้องศาลปกครองซึง่ ศาล ปกครองไม่รับคาฟ้อง คดีหมายเลขแดงที่ ๗๖๘/๒๕๖๐ เมื่อ ๓๐ มิถนุ ายน ๒๕๖๐ แต่ศาลอาญา รับคาฟ้องของนายปิ ยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานกรรมการ และบมจ.ปตท. ฟ้องในคดีหมายเขดา ที่ อ.๒๑๐๔/๒๕๖๐ เมื่อ ๓๐ มิถนุ ายน ๒๕๖๐ ว่า คุณกัมพล หมิ่นประมาท เพราะปตท.คืนท่อก๊ าซ ครบถ้ วนแล้ ว คดีอยู่ระหว่างการสืบพยานโจทก์จาเลย ศาลอาญา ทาหนังสือส่งตัวให้ สถาบันกัลยา ฯ (สถาบันนิติเวช) ตรวจสอบสภาพจิต ถูกกักตัวไว้ ตังแต่ ้ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๒ เพื่อรอคาวินิจฉัย ของแพทย์ฯ การยกคาร้ องของประชาชน ที่ศาลปกครองมุ่งพิจารณาเพียงสิทธิในการฟ้องคดีของ ประชาชน การนาส่งคืนท่อก๊ าซ การเช่าท่อก๊ าซ บางส่วน ตามที่กรมธนารักษ์ ระบุค่าเช่า เป็ นสิทธิ ของบมจ.ปตท.ที่จะเรี ยกเก็บค่าผ่านท่อโดยการของอนุมตั ิจาก คณะกรรมการกากับกิจการ พลังงาน ค่าผ่านท่อถูกเรี ยกเก็บจากผู้รับซื ้อก๊ าซจากบมจ.ปตท. ที่ทาหน้ าที่จดั หาจัดสรร ความ ปรากฏว่า ค่าผ่านท่อเป็ นต้ นทุนของราคาค่าไฟฟ้า และต้ นทุนของราคาก๊ าซหุงต้ ม ที่ผลิตใน ประเทศไทย ค่าผ่านท่อก๊ าซจึงส่งผลกระทบโดยทางตรงและโดยทางอ้ อมกับประชาชน เพราะต้ อง จ่ายค่าผ่านท่อส่งก๊ าซธรรมชาติ ผ่านพลังงานชนิดต่างๆ ผลกระทบจากการเรี ยกเก็บเงินกองทุน น ้ามัน ผ่านราคาน ้ามันชนิดต่างๆ เพื่อนาเงินไปจ่ายส่วนต่างราคาก๊ าซหุงต้ มที่นาเข้ าและที่ผลิตได้
๕ จากโรงกลัน่ โรงแยกก๊ าซ แม้ ศาลปกครองจะมีคาสัง่ ไม่รับคาฟ้องของประชาชนว่า ไม่มีสิทธิฟอ้ ง ไม่ใช่ผ้ มู ีผลกระทบโดยตรง ทังๆที ้ ่ คนไทยทังชาติ ้ ที่ต้องจ่ายค่าพลังงานในราคาที่ไม่เป็ นธรรม คือผู้ มีผลกระทบ และเงินค่าผ่านท่อทังหมด ้ ก็ไม่ได้ นาส่งกระทรวงการคลัง ซึง่ หลายปี ที่ผ่านมามีข้อมูล ว่า บมจ.ปตท. แบ่งส่วนกาไรให้ รัฐเพียง ๒๖% โดยประมาณในแต่ละปี กรณีราคาก๊ าซที่จดั หา จัดสรรโดยปตท. ที่อ้างสัญญา มีค่าเฉลี่ยที่สงู ขึ ้นๆ ทุกปี อ้ างอิงราคาปี ๒๕๔๒-๒๕๕๗ และ ระหว่างปี ๒๕๕๗ จนถึงปั จจุบนั ประชาชนผู้สนใจปั ญหาผลกระทบทางพลังงานยังคงเรี ยกร้ องให้ มีการปฏิรูปพลังงาน ซึง่ ปั จจุบนั ราคาก๊ าซธรรมชาติของไทยก็ยงั สูงกว่าราคาในตลาดซื ้อขาย ล่วงหน้ า ๒-๓ เท่า ข้ อ ๓. จากคาพิพากษาศาลปกครองสูงสุดหน้ า ๘๓ ได้ ระบุไว้ ชดั แจ้ งว่า "ทรั พย์ สินส่ วนที่ เป็ นท่ อส่ งก๊ าซธรรมชาติและอุปกรณ์ ท่ ปี ระกอบกันเป็ นระบบท่ อส่ งก๊ าซธรรมชาติ รวมถึง ทรั พย์ สินที่ประกอบกันเป็ นระบบขนส่ งปิ โตรเลียมทางท่ อ เช่ น ท่ อส่ งนา้ มัน ซึ่งใช้ อานาจ มหาชนของรั ฐ ดาเนินการเช่ นเดียวกันกับระบบท่ อส่ งก๊ าซธรรมชาติ จึงเป็ นสาธารณ สมบัตขิ องแผ่ นดินประเภททรั พย์ สินที่ใช้ เพื่อประโยชน์ ของแผ่ นดิน โดยเฉพาะตาม มาตรา ๑๓๐๔(๓) ซึ่งผู้ถกู ฟ้ องคดีท่ ี ๑ มีหน้ าที่ต้องโอนทรั พย์ สินดังกล่ าวกลับไปเป็ นของ กระทรวงการคลัง ตามที่บญ ั ญัติไว้ ในมาตรา ๒๔ วรรคหนึง่ แห่งพระราชบัญญัติทนุ รัฐวิสาหกิจ พ.ศ.๒๕๔๒ เช่นเดียวกับกรณีการโอนที่ดินที่ได้ มาจากการเวรคืนอสังหาริมทรัพย์ให้ แก่ กระทรวงการคลัง " – ความจริงคือ บมจ.ปตท. ยังไม่ได้ นาส่งคืนระบบท่อส่งน ้ามัน คณะรัฐมนตรี ผู้ถกู ฟ้องที่ ๑ ได้ ดาเนินการตามคาพิพากษาโดยยอมรับให้ ดาเนินการตาม หลักเกณฑ์ที่เสนอโดยกระทรวงพลังงาน เห็นชอบจนเป็ นมติครม.เมื่อ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๐ นัน้ การที่ผ้ ถู กู ฟ้องคดีที่ ๔ ไม่ได้ ดาเนินการตามหลักเกณฑ์ดงั กล่าว ก็ถือได้ ว่า ผู้ถกู ฟ้องที่ ยัง ดาเนินการไม่เรี ยบร้ อย มาตังแต่ ้ การยื่นคาร้ องรายงาน เมื่อ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๑ ที่ตลุ าการศาล
๖ ปกครองเห็นว่า “ผู้ถกู ฟ้องคดิที่ ๑ ถึงที่ ๔ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้ องได้ ดาเนินการตามคาพิพากษา เป็ นที่เรี ยบร้ อยแล้ ว” จึงยังไม่เรี ยบร้ อย และยังปรากฏว่า ยังมีระบบขนส่งปิ โตรเลียมทางท่อ ที่เป็ น ท่อส่งน ้ามัน ซึง่ มีรายงานการประชุมของกรรมาธิการพลังงาน ใน ปี ๒๕๕๙ ระบุถึงเรื่ องท่อส่ง น ้ามัน เป็ นกิจการรัฐมาตังแต่ ้ ก่อนการแปรรูป ปตท. และปั จจุบนั ปตท.ก็ยงั เป็ นผู้ดาเนินการ และ ผู้รับผลประโยชน์ ทังที ้ ่ท่อน ้ามันดังกล่าวก็มาจากการใช้ อานาจมหาชน ที่ บมจ.ปตท.ต้ องส่งคืน จากสรุปผลการประชุม คณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาและติดตามด้ านพลังงาน ฟอสซิลในคณะกรรมาธิกาพลังงาน สภานิติบญ ั ญัติแห่งชาติ ครัง้ ที่ ๘๖/๒๕๕๙ วันอังคารที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๙ (เอกสารแนบท้ ายคาฟ้อง หมาย ๑) เรื่ องที่พจิ ารณา – พิจารณาศึกษาเกี่ยวกับ ระบบการขนส่งเชื ้อเพลิงทางท่อ โดยเชิญผู้แทนสานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และเจ้ าหน้ าที่ที่ เกี่ยวข้ องมาร่วมประชุม โดยผลการพิจารณาในข้ อ ๑ คือ ประเด็นการพิจารณา เรื่ องเสร็ จที่ ๘๘/ ๒๕๕๑ เรื่ องการร่วมทุนของการปิ โตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ในโครงการท่อขนส่งน ้ามัน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและโครงการท่อขนส่งน ้ามันภาคเหนือ โดยขณะนัน้ ปตท. เป็ นการ ปิ โตรเลียมแห่งประเทศไทย ซึง่ เป็ นหน่วยงานของรัฐ หากบริษัท ปตท. จากัด (มหาชน) ร่วมลงทุน กับเอกชน ซึง่ ถือหุ้นมากกว่า ร้ อยละ ๕๑ ถือว่ากิจการดังกล่าวเป็ นกิจการรัฐ ตามพระราชบัญญัติ ว่าด้ วยการให้ เอกชนเข้ าร่ วมงานหรื อดาเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.๒๕๓๕ อีกทังโครงการ ้ ดังกล่าวรัฐได้ มอบหมาย ให้ บริษัท ปตท. จากัด (มหาชน) เป็ นผู้ดาเนินการ และ ข้ อ ๒ .... หลังจากนัน้ เมื่อ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๙ กระทรวงพลังงาน เสนอ ร่างกฎกระทรวงระบบการขนส่ง น ้ามันทางท่อ พ.ศ. .... เสนอเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อขอมติ ครม. (เอกสารแนบท้ ายคาฟ้อง หมาย ๒) ซึง่ ไม่ได้ เกี่ยวข้ องการสิทธิ ทรัพย์สิน หรื อรายได้ ที่เป็ นของรัฐแต่อย่างใด
๗ ข้ อมูลจาก .. บริษัท ท่อส่งปิ โตรเลียมไทย จากัด (แทปไลน์) ก่อตังขึ ้ ้นเมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๓๔ ตามมติของคณะรัฐมนตรี โดยมีวตั ถุประสงค์เพื่อเพิม่ ประสิทธิภาพระบบการขนส่งน ้ามัน และลดปั ญหาการจราจรที่เกิดจากการขนส่งน ้ามัน ด้ วยปณิธาณมุ่งเน้ นบริการขนส่งน ้ามันที่รวดเร็ว ปลอดภัย ไร้ มลพิษ แทปไลน์จงึ พัฒนา ระบบขนส่งน ้ามันทางท่อ และการจ่ายน ้ามัน ให้ เป็ นระบบที่ทนั สมัยและปลอดภัยที่สดุ ปั จจุบนั แทปไลน์ให้ บริการขนส่งน ้ามันผ่านระบบท่อ ๓ เส้ นทางหลัก คือ ท่อส่งน ้ามันศรี ราชา – สระบุรี มีความยาว ๒๕๕ กิโลเมตร ออกแบบให้ มีกาลังการขนส่ง สูงสุด ๒๖,๐๐๐ ล้ านลิตรต่อปี มีเส้ นทางเริ่มต้ นจากสถานีขนส่งน ้ามันต้ นทางศรี ราชา จังหวัด ชลบุรี ซึง่ จะรับน ้ามันจากโรงกลัน่ น ้ามันเอสโซ่ โรงกลัน่ น ้ามันไทยออยส์ คลังน ้ามัน ปตท. และคลัง น ้ามันของบริ ษัท ชลบุรีเทอร์ มินลั จากัด เพื่อลาเลียงไปยังคลังปลายทางที่อาเภอลาลูกกาจังหวัด ปทุมธานี และที่อาเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี โดยมีท่อแยกไปที่คลังน ้ามันอากาศยานดอนเมือง ท่อส่งน ้ามันมาบตาพุด – ศรี ราชา แทปไลน์ได้ ขยายระบบท่อส่งจากศรี ราชาไปเชื่อมต่อยัง โรงกลัน่ น ้ามันพีทีที โกลบอล เคมีคอล และโรงกลัน่ สตาร์ ปิโตรเลียม ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด มีความยาวท่อ ๖๗ กิโลเมตร ออกแบบให้ มีกาลังการขนส่งสูงสุด ๑๐,๖๐๐ ล้ านลิตรต่อปี ท่อส่งน ้ามันอากาศยานสุวรรณภูมิ แทปไลน์ได้ ขยายระบบท่อส่งจากคลังน ้ามันลาลูกกาไป ยังคลังน ้ามันอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะทาง ๓๘ กิโลเมตร โดยมีขีดความสามารถจัดส่งน ้ามัน อากาศยานให้ กบั สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อรองรับผู้โดยสารได้ ๑๐๐ ล้ านคนต่อปี แทปไลน์มีคลังน ้ามันสองแห่งที่อาเภอลาลูกกา จังหวัดปทุมธานี และที่อาเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี เป็ นแหล่งสารองและเป็ นศูนย์กลางการจ่ายน ้ามันไปยังปริมณฑล ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ – แนบเอกสาร รายงานการเงินปตท. ปี ๒๕๕๘ ที่
๘ เกี่ยวข้ องกับ บริษัท ท่อส่งปิ โตรเลียมไทย จากัด และเอกสารจากเว็บไซต์ บริษัท ท่อส่งปิ โตรเลียม ไทย จากัด คณะกรรมการบริษัท (เอกสารแนบท้ ายคาฟ้องหมาย..๓..) จากเอกสารแนบท้ ายคาฟ้อง จะเห็นว่า ปตท. ไม่ได้ นาส่งระบบท่อส่งน ้ามัน คืนให้ กบั กระทรวงการคลังตามคาพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ทังไม่ ้ มีปรากฏในมติครม.เมื่อ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๐ ที่ดาเนินการกาหนดหลักเกณฑ์การดาเนินการตามคาพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดี หมายเลขแดงที่ ฟ.๓๕/๒๕๕๐ ที่ใช้ เวลาตีความความคาพิพากษา, ระบุทรัพย์สินที่ต้องส่งคืน กาหนดค่าเช่า และกาหนดหลักเกณพ์ เพียงไม่กี่ชวั่ โมงในช่วงเช้ าวันจันทร์ ที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๐ เพราะศาลปกครองสูงสุดมีคาพิพากษาในวันศุกร์ ที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๐ (เอกสารแนบท้ ายคา ฟ้องหมาย..๔..) และไม่พบในข้ อโต้ แย้ งจนเป็ นมติของสานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ครัง้ ล่าสุด เมื่อ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ จนมีผลเป็ นมติครม.เมื่อ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๙ หรื อคาฟ้องศาล ปกครองตามมติสานักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เมื่อ ๔ เมษายน ๒๕๕๙ แต่อย่างใด พระบาทสมเด็จพระเจ้ าอยู่หวั มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระราชทานพระ ราโชวาท เนื่องในวันข้ าราชการพลเรื อน ๑ เมษายน ๒๕๖๒ ความว่า “ข้ าราชการมีสิ่งสาคัญที่ควร ยึดมัน่ อยู่ ๒ อย่าง. อย่างหนึง่ คือผลประโยชน์ของแผ่นดิน อีกอย่างหนึง่ คือ ความถูกต้ องเป็ นธรรม. ผลประโยชน์ของแผ่นดินเป็ นเป้าหมายสูงสุดของการปฏิบตั ิราชการ ส่วนความถูกต้ องเป็ นธรรม เป็ นทังรากฐานและแนวทางปฏิ ้ บตั ิเพื่อให้ บรรลุถึงเป้าหมายนัน” ้ ผลประโยชน์ของแผ่นดิน มิเพียงข้ าราชการพลเรื อนเท่านันที ้ ่ต้องยึดมัน่ คนที่มีตาแหน่งใน คณะบริหารรัฐ (ครม.) สภานิติบญ ั ญัติ หรื อคนในกระบวนการยุติธรรมศาลต่างๆ และประชาชน คนไทยทังชาติ ้ ก็ย่อมต้ องยึดมัน่ และดาเนินการให้ เกิดความถูกต้ องชอบธรรม ซึง่ รัฐธรรมนูญ ปี ๒๕๖๐ หมวด ๔ หน้ าที่ของปวงชนชาวไทย มาตรา ๕๐(๒) “ป้องกันประเทศ พิทกั ษ์ รักษา
๙ เกียรติภมู ิผลประโยชน์ของชาติและสาธารณสมบัตขิ องแผ่นดิน รวมทังให้ ้ ความร่วมมือในการ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยก็ได้ บญ ั ญัติและกาหนด หน้ าที่” ซึง่ การทาหน้ าที่ของปวงชนชาว ไทย ตามรัฐธรรมนูญ ที่จะทวงคืนสาธารณสมบัติอนั เป็ นสมบัติของแผ่นดินโดยเฉพาะ จึงเป็ นสิทธิ อันชอบธรรม การเข้ าถึงกระบวนการศาลปกครอง ที่จะปกป้องผลประโยชน์แห่งตน เพราะบมจ. ปตท. (เอกชน) นาทังท่ ้ อส่งก๊ าซท่อส่งน ้ามัน (สาธารณสมบัติ) มามุ่งค้ าแสวงกาไรจากประชาชน ประชาชนทุกคนมีผลกระทบทังทางตรงทางอ้ ้ อม ซึง่ ศาลปกครองย่อมต้ องดาเนินการให้ เกิดความ ถูกต้ องชอบธรรม และศาลปกครองมีหน้ าที่ตามรัฐธรรมนูญ ที่มีอานาจพิจารณาพิพากษาคดีปกครองอัน เนื่องมาจากการใช้ อานาจทางปกครองตามกฎหมายหรื อเนื่องมาจากการดาเนินกิจการทาง ปกครอง ทังนี ้ ้ตามที่กฎหมายบัญญัติ อันเนื่องมาจาก ผู้ถกู ฟ้องคดีทงั ้ ๔ ในคดีหมายเลขแดงที่ ฟ. ๓๕/๒๕๕๐ ยังดาเนินการตามคาพิพากษาไม่ครบถ้ วน ปตท.ยังนาสาธารณสมบัติมาหาประโยชน์ จากประชาชน โดยไม่ได้ จ่ายค่าเช่าหรื อผลประโยชน์ในกิจกรรมระบบท่อขนส่งน ้ามันทางท่อ ให้ กบั กระทรวงการคลัง แต่อย่างไร เพราะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๖ ท่าน ห้ ามมิให้ ยกอายุความขึ ้นเป็ นข้ อต่อสู้กบั แผ่นดินในเรื่ องทรัพย์สินอันเป็ นสาธารณสมบัติของ แผ่นดิน และมาตรา ๑๓๐๕ ทรัพย์สินซึง่ เป็ นสาธารณสมบัติของแผ่นดินนันจะ[2]โอนแก่ ้ กนั มิได้ เว้ นแต่อาศัยอานาจแห่งบทกฎหมายเฉพาะหรื อพระราชกฤษฎีกา ซึง่ ยังไม่ปรากฏว่ามีพระราช กฤษฎีกาโอนระบบขนส่งปิ โตรเลียมทางท่อ อันได้ มาจากการใช้ อานาจมหาชน ของการปิ โตรเลียม แห่งประเทศไทย ให้ บมจ.ปตท. นาไปเป็ นสินทรัพย์ของผู้ถือหุ้น และนาไปใช้ แสวงประโยชน์อนั พึง ชอบตามกฎหมาย
๑๐ เพื่อผลประโยชน์ของแผ่นดิน และความถูกต้ องเป็ นธรรมสาหรับประชาชนคนไทยทังชาติ ้ อันสืบเนื่องจากผู้ถกู ฟ้องคดีทงั ้ ๔ ในคดีหมายเลขแดงที่ ฟ.๓๕/๒๕๕๐ ยังดาเนินการตามคา พิพากษาไม่ครบถ้ วน เพื่อศาลปกครองเรี ยกให้ ผู้ถกู ฟ้องคดีทงั ้ ๔ นาส่งข้ อมูลต่างๆ ทังหมด ้ เกี่ยวกับ ระบบขนส่งปิ โตรเลียมทางท่อ เพื่อพิจารณามีคาสัง่ ให้ ผ้ ถู กู ฟ้องคดีทงั ้ ๔ ดาเนินการให้ เกิดความถูกต้ องตามคาพิพากษาฯ และให้ เกิดความชอบธรรมต่อชาติประชาชนสืบไปฯ ควรมิควรแล้ วแต่จะโปรด นายศรัลย์ ธนากรภักดี (ผู้ฟอ้ งคดี) แอดมินเพจ ทวงคืนพลังงานไทย แนบรายชื่อ ผู้ฟอ้ งคดีร่วม
๑๑
คาขอของผูฟ้ ้ องคดี (ระบุวตั ถุประสงค์หรือความต้องการของผูฟ้ ้ องคดี) ๑.
เพือ่ ศาลปกครองเรียกข้อมูลจากผูถ้ ูกฟ้ องคดีท่ี ๓ และที่ ๔ และสตง.เพือ่
ตรวจสอบข้อเท็จจริง เรื่องระบบขนส่งปิ โตรเลียมทางท่อ (ท่อส่งน้ ามัน) เพื่อตรวจสอบความจริง ๒.
เพือ่ ศาลมีคาสังให้ ่ ผถู้ ูกฟ้ องทัง้ ๔ ร่วมกันนาส่งคืนระบบท่อส่งน้ ามัน อัน
เป็ นสาธารณสมบัตอิ นั เป็ นสมบัตขิ องแผ่นดิน คืนให้กบั กระทรวงการคลัง ๓.
เพือ่ ศาลปกครองมีคาสัง่ ให้นาส่งคืนผลประโยชน์ต่างๆ ที่ บมจ.ปตท.
ได้รบั จากการนาท่อส่งน้ ามัน ไปแสวงประโยชน์ คืนให้กบั กระทรวงการคลัง ๔.
ให้ผถู้ ูกฟ้ องทัง้ ๔ กาหนดหลักเกณฑ์การนาคืนอานาจมหาชน จากปตท.
ให้ชดั เจน เพราะยังคงมีการใช้อานาจมหาชน หลังจากศาลปกครองสูงสุดมีคาพิพากษาแล้ว ๕.
เพือ่ ศาลปกครอง สังให้ ่ ผถู้ ูกคดีท่ี ๑ ถึง ที่ ๓ ร่วมกันตรวจสอบ สาธารณ
สมบัตอิ นั เป็ นสมบัตขิ องแผ่นดิน ที่ บมจ.ปตท. ยังไม่ได้นาส่งคืนในรายการอื่นๆ และให้นาส่งคืน
(ลงชื่อ)
ผูฟ้ ้ องคดี
นายศรัลย์ ธนากรภักดี (...........................................)
๑๒
บัญชีเอกสารแนบท้ายคาฟ้ อง ๑. สาเนา สรุปผลการประชุม คณะอนุ กรรมาธิการพิจารณาศึกษาและติดตามด้านพลังงาน ฟอสซิลในคณะกรรมาธิกาพลังงาน สภานิตบิ ญ ั ญัตแิ ห่งชาติ ๒. สาเนา ร่างกฎกระทรวงพลังงาน ระบบการขนส่งน้ ามันทางท่อ พ.ศ. .... ๓. สาเนา รายงาน บริษทั ท่อส่งปิ โตรเลียมไทย จากัด และเอกสารจากเว็บไซต์ บริษทั และ รายงานการเงิน ปตท.ปี ๒๕๕๘ ๔. สาเนา มติครม.เมื่อ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๐ ทีด่ าเนินการกาหนดหลักเกณฑ์การดาเนินการ ตามคาพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่ ฟ.๓๕/๒๕๕๐ และ มติครม.เมื่อ ๗ มกราคม ๒๕๕๑ / คาสังค ่ าร้องรายงานการคืนทรัพย์สนิ เมื่อ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๑ ๕. สาเนา มติครม. ๑๐ สิงหาคม ๒๕๕๓ การดาเนินการตามคาพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดงที่ ฟ.๓๕/๒๕๕๐ ๖. สาเนา ขอศาลออกหมายเรียกพยานเอกสารสาคัญจาก สตง. คือ มติครม.เมื่อ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๙ และรายงานการประชุมระหว่าง ปตท.กับหน่วยงานต่างๆ เมื่อ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙
เอกสารแนบท้ายคำฟ้อง หมาย ...๑
..
เอกสารแนบท้ายคำฟ้อง หมาย ..๒...
เอกสารแนบท้ายคำฟ้อง หมาย ..๓..
. ก (
3
ก
(4) ก -3 'ก - 3 / 3 KPL v 2555 ` v 2557 3 .:'
$ + กก / .&'( ก
.< .< 4) . ( Z ) ก < (/ % ) % * 5.= / 3 79 %
7 2555 46 47 50 (3) 26 32 (6)
7 2556 39 40 44 (4) 24 33 (9)
2.2.2.6
3ก
7 2557 32 32 38 (6) 12 27 (15)
% % '$ 1% * ก) (THAPPLINE) 3 +, -'. < . ก 3 /8 - 9 9 ก 4 2534 % (- . &'(- .ก (&' 8,749 ' , .- 2 % ( 3 .ก 4 ) (- 6< . . 79 % ) ;) .'( 40.40 -59 ) ก / 3 3 (1) 'ก #(ก - *% ก $ % ( 3 Thappline (ก .33 'ก49 ( 3 6 - ( % 4 . 3 255 ก,'7/ 3 < 26,000 ' ' v 3ก 7 3 36 3 ' % 183 ( ก, 3ก' - ,1 , 3ก' < . .'= 4'3 / 3 . &'(4'3 / 3 ' % - = ' ก < .3 ' . 3 4'3 ' 'กก &'( ( % ( 3 ก 6. % #Z - 2 ก < /. . ( ก4'3 ' 'กก < .3 ก 6 . % #Z (.( 3 ( # 38 ก,'7 3 ก 6. < # 3,000 ก ' ' v ( 3 5% - 6 - 2 ก < /. . ( 3 ก6 < - 9 .3, 3 ก' / 3 5 ,ก' ' -4 4 ' ก ( ) &'(, 3ก' / 3 = +, -'. <b = 3 ก 3 (. 3 4 . ( # 67 ก,'7/ 3 < ( # 7,200 ' ' v (2) ก . ) ก ก / 3 3 &ก 4 ) (- 6< . , . Thappline 4'3 2 & 3 -Z ' 'กก 3 % * &'( -Z - < 3 ( % -59 - 2 6 .=ก' 3ก . < .3 #w' Z 4ก' 3 Z 4- 9 &'(Z 4 ( ก-x.3- 9 , . &.ก< .34'3 /3 ก - 9 -5'3ก ก %3- 5 ก ( ) -# ก 6. - 9 3 &'( ก 6. % #Z , . #ก ) ก ) v 2555 ` 6 - 9 v 2558 - 2 3
3.1(2)
42
. ก (
3
ก
.:' '
# ) $ * %5 '$ Base Gasohol 95 Base Gasohol 91 ULG ULR Hi Speed Diesel JET A-1 +
&
7 2555 648 779 1,190 7,563 3,110 13,290
7 2556 1,241 1,153 263 20 7,563 3,277 13,517
7 2557 1,277 1,282 197 7,496 3,335 13,588
(3) ก 4#(ก ก THAPPLINE (ก .ก ก 3 10 4 - 2 ก 79 % 9 7 4 (4) ก -3 'ก - 3 / 3 THAPPLINE ) v 2555 ` 6 - 9 v 2558 - 2 3
6 )4
7 2558 662 705 89 4,081 1,789 7,326
/3
. 3 4 &'(- 2
.:'
$ ก $ กก / .&'( ก
.< .< 4) . ( Z ) ก < (/ % ) % * 5.= / 3 79 %
7 2555 3,089 3,177 2,494 683 31,908 6,559 25,349
7 2556 3,131 3,225 2,446 780 31,110 4,991 26,119
2.2.2.7
7 2557 3,224 3,347 2,537 810 31,671 4,742 26,929
6 )4
7 2558 1,743 1,808 1,334 475 31,529 4,653 26,877
% 3%% %$&= % = * ก) (PTT Tank) 5 & 34= - = ' ก (PTT Tank) 3/8 - 9 6 4 2552 , .ก 79 % ก ก ( ) .'( 100 % (- . &'( % (&' 2,500,000,000 ( % '( 100 ) 7% ( 34=) ก 3 -59 - *% ก ) ก -ก] &'(/ 7 .-4 Z#w=- ' &'(ก0 1 'ก4 ) ก'% . y ) ก - . - 9 &'( ก --ก] - . ' Z#w=) &ก ก'% . ) -/ 59 4 % ก 5% , . - ) ก ) - 35 # .=< 3& 21 - . 2554 - . - 9 2 Maximum Cargo Size 60,000 DWT 183 7 3 ' Z#w= < 3 % 2,000,000 v Throughput Rate 600,000 / v (Utilization 30%) &'( 73-ก] ' Z#w=- ' 3 8 73 $ % ' Z#w= ) ก < &ก Sulfuric Acid, Propylene, Methyl Methacrylate, Acrylonitrile, Ammonia, LPG &'( NGL (1) ก 4#(ก ก # 30 7% . 2558 4 - 2 ก . 3 (2) ก -3 'ก - 3 / 3 PTT Tank ) v 2555 ` 6 - 9 v 2558 - 2 3 3.1(2)
43
"มติครม.เมื่อ๑๘ ธ.ค.๕๐ : กำหนดหลักเกณฑ์ในการคืนทรัพย์สิน ในหน้า ๒ ปตท.แจงศาลปกครองว่าได้ดำเนินการ ตามมติครม.ที่ให้สตง.ตรวจสอบและรับรองความถูกต้อง" เอกสารแนบท้ายคำฟ้อง หมาย ..๔...
"มุ่งนำท่อก๊าซแยกไปตั้งเป็นบริษัท ตามแนวคิด นายปิยสวัสดิ์ ครั้งที่เป็น เลขาธิการคกก.นโยบายพลังงานแห่งชาติ"
เอกสารแนบท้ายคำฟ้อง หมาย ..๕...
เอกสารแนบท้ายคำฟ้องหมาย..๖...
-๒ในรำยละเอี ยดดังที่ปรำกฏแล้ว …………………………………………………………..……...............................................................................…………….. คำฟ้องของโจทก์ ซึ่งข้ำพเจ้ำเห็นว่ำเป็นคำฟ้องเท็จ เป็นคำฟ้องที่ผิดกฎหมำย โดยศำลอำญำกรุงเทพ ……………………………………………….................................................................................……..….......……………….. ใต้ ได้รับคำฟ้องเท็จนั้นมำไต่สวนเอำผิดอำญำข้ำพเจ้ำตำมคำขอโจทก์ มีกำรออกหมำยเรียกโจทก์จำเลยมำไต่ …………………………………………...........................................................................................………..………………….. สวนมู ลฟ้อง ซึ่งย่อมสร้ำงภำระในคดีอำญำซึ่งข้ำพเจ้ำมีควำมเสี่ยงที่จะได้รับโทษ ถ้ำไม่สำมำรถต่อสู้คดีให้ …………………………………………..........................................................................................…………………………….. เป็ นไปโดยถูกต้องได้อย่ำงเต็มควำมสำมำรถ ซึ่งโจทก์ได้นำเรื่องที่อ้ำงว่ำมีข้อยุติจำกกำรอ้ำงอิงกรณีที่ตุลำกำร ………………………………………………............................................................……….........…………..................……….. ศำลปกครองมี ค ำสั่ ง รั บ รองรำยงำนเท็ จ ของปตท. (โจทก์ ที่ ๒) เมื่ อ ๒๖ ธั น วำคม ๒๕๕๑ ใช้ เ ป็ น …………………………………………...........................................................................................………..………………….. พยำนหลั กฐำนสำคัญมำนำเสนอต่อศำล แต่โจทก์และพวก กลับไม่ได้นำข้อมูลใหม่ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๔ ……………………………………………........................................................................................………..………………….. เมษำยน ๒๕๕๙ จนถึงปัจจุบัน มำเสนอต่อศำลแต่อย่ำงใด มีเพียงได้คัดมำบำงเรื่องในกรณีศำลปกครองยก …………………………………………………..…...........................................................................................……………….. ค……………………………………………….....................................................................................………..………………….. ำร้องต่ำงๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ตน มำเสนอต่อศำลเท่ำนั้น ซึ่งย่อมเป็นเจตนำที่ไม่สุจริต โดยตัดทอนปกปิด สำระส ำคัญต่ำงๆ มุ่งให้ศำลเข้ำใจผิดและมีกระบวนกำรพิจำรณำบนฐำนข้อมูลเท็จ ……………………………………….........................................................................................................………………….. ข้อ ๑ กำรที่โจทก์และพวกไม่เสนอข้อเท็จจริงต่อศำล กรณีนำยปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ (โจทก์ที่ ๑), ………………………………………...................................................................................................……………………….. ปตท.(โจทก์ ที่ ๒) และพวก ถูกองค์กรอิสระต่ำงๆตำมรัฐธรรมนู ญชี้มูลควำมผิด มีกำรส่งเรื่องให้สำนักงำน ……………………………..............................................................................................…………………..………………….. ป.ป.ช. มีกำรฟ้องศำลปกครองกลำง มำตั้งแต่กลำงปี ๒๕๕๙ ซึ่งในรำยงำนงบกำรเงินของปตท.ยังระบุว่ำ คดี ……………………………….................................................................................................……………..………………….. ทุ............................................................................................................................................................................ จริตท่อก๊ำซ ยังอยู่ระหว่ำงกำรพิจำรณำของศำลปกครองกลำง โดยสำระสำคัญในคำฟ้องของผู้ตรวจกำร แผ่ นดินที่ฟ้องต่อศำลปกครองกำร เมื่อ ๔ เมษำยน ๒๕๕๙ คือ กำรแจงเท็จครม.โดยรัฐมนตรีพลังงำน (นำย ............................................................................................................................................................................ ปิ............................................................................................................................................................................ ยสวัสดิ์ อัมระนันทน์) และกำรเสนอคำร้องรำยงำนเท็จต่อศำลปกครองโดยปตท. รวมถึงกรณีตุลำกำรศำล ปกครองมี คำสั่งตำมคำร้องโดยไม่ตรงกับควำมจริง เพรำะในคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุด คดีหมำยเลขแดง ............................................................................................................................................................................ ที............................................................................................................................................................................ ่ ฟ.๓๕/๒๕๕๐ ระบุให้ ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง ๔ ร่วมกันกระทำกำรแบ่งแยกทรัพย์สินตำมคำพิพำกษำ แต่ใน กระบวนกำรก่ อนที่ ปตท.จะเสนอรำยงำนกำรแบ่งแยกทรัพย์สินตำมคำพิพำกษำต่อศำลปกครอง เมื่อวันที่ ............................................................................................................................................................................ ๒๕ ธ.ค ๒๕๕๑ ปตท.(ผู้ถูกฟ้องที่ ๔) ไม่ได้มีกำรนำเสนอเรื่องสำคัญนี้ ให้คณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องที่ ๑) เพื่อ ............................................................................................................................................................................ พิ............................................................................................................................................................................ จำรณำและเห็นพ้องก่อนว่ำ มีกำรดำเนินกำรตำมมติครม.ที่ได้กำหนดหลักกำรต่ำงๆ เพื่อแบ่งแยกทรัพย์สิน ตำมค ำพิพำกษำ นั้น เรียบร้อยแล้วหรือไม่ ในรำยงำนที่ ปตท.เสนอต่อศำลฯ กลับมีกำรรำยงำนคำร้องว่ำ ............................................................................................................................................................................ “เห็ นว่ำผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง ๔ และผู้เกี่ยวข้องเห็นชอบในกำรแบ่งแยกทรัพย์สิน”... จึงเป็นกำรให้ข้อมูลต่อศำล ............................................................................................................................................................................ ปกครองที ่ไม่ตรงกับควำมเป็นจริง เพรำะก่อนหน้ำนั้น สตง.เห็นว่ำท่อก๊ำซในทะเลก็เป็นทรัพย์สินที่เป็นสำ ........................................................................................................................................................................... ธำรณสมบั ติที่ต้องแบ่งแยกคืนให้แผ่นดินด้วย แต่ทรัพย์สินส่วนนี้ไม่ได้แบ่งแยกคืนให้รัฐ ซึ่งครม.(ผู้ถูกฟ้องที่๑) ............................................................................................................................................................................ เพิ ่งมีมติรับทรำบเมื่อ ๑๐ สิงหำคม ๒๕๕๓ หลังตุลำกำรศำลปกครองมีคำสั่งตำมคำร้องไปแล้วเกือบสองปี ............................................................................................................................................................................
(๔๐ ก.)
-๓-
สำหรับศำลใช้
เมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภำคม ๒๕๕๙ ศำลปกครองกลำงมีคำสั่งเรียก ปตท. ให้ทำคำให้กำรแก้คำฟ้องที่ ............................................................................................................................................................................ สำนักงำนผู้ตรวจกำรแผ่นดินฟ้อง โดยให้ชี้แจงเฉพำะในประเด็นเกี่ยวกับกรณีกำรแบ่งแยกทรัพย์สินของกำร ............................................................................................................................................................................ ปิ โ ตรเลี ย มแห่ ง ประเทศไทย ในส่ ว นที่ เ ป็ น สำธำรณ สมบั ติ ข องแผ่ น ดิ น ให้ กั บ ผู้ ถู ก ฟ้ อ งคดี ที่ ๑ ............................................................................................................................................................................ (กระทรวงกำรคลัง) ว่ำได้ดำเนินกำรครบถ้วนตำมมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๘ ธันวำคม ๒๕๕๐ แล้ว ............................................................................................................................................................................ หรือไม่ เพียงใด ซึ่ง ปตท. โดยพนักงำนอัยกำรได้ยื่นคำให้กำรและคำให้กำรเพิ่มเติม ต่อศำลปกครองกลำง ............................................................................................................................................................................ แล้ว ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่ำงกำรพิจำรณำของศำลปกครองกลำง (จำกรำยงำนงบกำรเงินของปตท. ปี ๒๕๕๙ ............................................................................................................................................................................ เอกสำรแนบท้ำยคำร้องหมำย .... ) ............................................................................................................................................................................ ข้อ ๒ ขอประทำนกรำบเรียนศำลที่เคำรพ ด้วยมีข้อยุติใหม่โดยศำลปกครองสูงสุดมีคำสั่งที่ ๘๐๐/ ............................................................................................................................................................................ ๒๕๕๗ ระบุว่ำกำรไม่ปฏิบัตติ ำมมติ ครม.เมื่อ ๑๘ ธ.ค ๒๕๕๐ นั้น เป็นเรื่องที่ ครม.ต้องไปว่ำกล่ำวกันเอง ซึ่ง ............................................................................................................................................................................ คณะกรรมกำรตรวจเงินแผ่นดิน ได้ชี้แจงก่อนมีมติว่ำ “จำกคำสั่งที่ ๘๐๐/๒๕๕๗ ได้ทำให้ผู้ฟ้องคดีสำมำรถ ............................................................................................................................................................................ นำเรื่องไม่ปฏิบัติตำมมติ ครม. ในกำรคืนทรัพย์สิน มำร้องต่อคณะกรรมกำรตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ซึ่ งเป็น ............................................................................................................................................................................ หน้ำที่ของ คตง.ที่จะตรวจสอบได้ ” เมื่อ ๑๐ พฤษภำคม ๒๕๕๙ จึงมีมติของสตง.และคตง.ให้ชี้มูลควำมผิด ............................................................................................................................................................................ ทุจริตท่อก๊ำซและเสนอสำนักงำนป.ป.ช.ดำเนินคดีอำญำต่อบุคคลจำนวนมำกที่เกี่ยวข้อง ............................................................................................................................................................................ เมื่อ ๒๗ กันยำยน ๒๕๕๙ มีมติครม.สั่ง ก.คลัง -สตง. หำข้อยุติคดีคืนท่อก๊ำซปตท.ใหม่ โดยให้ยึด ............................................................................................................................................................................ ประโยชน์แผ่นดินเป็นสำคัญ! หลังกฤษฎีกำตอบข้อหำรือ ชี้ในกำรพิจำรณำของศำลยังไม่ได้มีกำรไต่สวนหรือ ............................................................................................................................................................................ รับฟังคำโต้แย้งสตง. แต่อย่ำงใด ............................................................................................................................................................................ ครม.มีมติให้หน่วยงำนที่เกี่ยวข้องไปพิจำรณำและรำยงำนผลกำรตรวจสอบกำรแบ่งแยกทรัพย์สิน ............................................................................................................................................................................ ตำมควำมเห็นของ สตง. ซึ่งมีกำรประชุมหลำยครั้ ง อำทิ กำรประชุมระหว่ำงกระทรวงกำรคลัง กระทรวง ............................................................................................................................................................................ พลังงำน กรมธนำรักษ์ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนอัยกำรสูงสุด และบริษัท ปตท.จำกัด ............................................................................................................................................................................ (มหำชน) ในวั น ที่ ๒๑ ตุ ล ำคม ๕๙ และกำรประชุ ม ร่ ว มกั น ระหว่ ำ งส ำนั ก งำนกำรตรวจเงิ น แผ่ น ดิ น ............................................................................................................................................................................ กระทรวงกำรคลัง กระทรวงพลังงำน สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ กรมธนำรักษ์ บริษัท ปตท.จำกัด ........................................................................................................................................................................... (มหำชน) โดยมี นำยวิษณุ เครืองำม รองนำยกรัฐมนตรี เป็นประธำนในที่ประชุมเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกำยน ............................................................................................................................................................................ ๕๙ อันเป็นที่มำของกำรนำมติที่ประชุมวันดังกล่ำว เป็นเหตุผลที่ คตง.ใช้ในกำรทักท้วงมติ ครม. ที่ให้ส่งศำล ............................................................................................................................................................................ ปกครองสูงสุดวินิจฉัยเรื่องควำมถูกต้องในกำรคืนท่อก๊ำซอีกครั้งว่ำ เป็นกำรดำเนินกำรที่ไม่ถูกต้อง ............................................................................................................................................................................ ครม.ซุ่มมีมติลับ ๒๑ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๐ ให้ อสส.ยื่นศำลปกครองสูงสุดวินิจฉัย ปม ปตท.อมท่อก๊ำซ ............................................................................................................................................................................ อีกรอบ มติ ครม.ดังกล่ำวได้ถูกทักท้วงจำกคณะกรรมกำรตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ซึ่งมีกำรประชุมในวั นที่ ๒ ............................................................................................................................................................................
-๔มีน ำคม ๒๕๖๐ เห็ น ว่ำเป็ น กำรด ำเนิน กำรที่ ไม่ ถูก ต้อง และให้ สตง.ส่งเรื่อ งให้ ครม.ทบทวนมติดั งกล่ำว ............................................................................................................................................................................ เนื่ องจำกกระทรวงกำรคลังไม่ได้รำยงำนผลกำรประชุม ๔ ฝ่ำย คือ กระทรวงกำรคลัง กระทรวงพลังงำน ............................................................................................................................................................................ สำนักงำนอัยกำรสูงสุด และ สตง. เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกำยน ๒๕๕๙ อย่ำงถูกต้อง เพรำะมติที่ประชุมครั้งนัน้ ให้ ............................................................................................................................................................................ ปฏิบัติตำมข้อเสนอของ สตง.โดยให้ ครม.ปฏิบัติตำมคำพิพำกษำศำลปกครองสูงสุดที่ ๘๐๐/๒๕๕๗ โดยให้ ............................................................................................................................................................................ คณะรัฐมนตรีสั่งให้กระทรวงกำรคลัง และกระทรวงพลังงำน ดำเนินกำรให้ ปตท.ส่งคืนท่อก๊ำซดังกล่ำว ให้ ............................................................................................................................................................................ กระทรวงกำรคลังตำมหลักกำรบังคับบัญชำ โดยไม่ต้องขอให้ศำลปกครองสูงสุดมีบังคับ (ข่ำวจำกสำนักข่ำว ............................................................................................................................................................................ ไทยรัฐ เมื่อ ๑๕ พฤษภำคม ๒๕๖๐) ............................................................................................................................................................................ ข้อ ๓. ซึ่งข้อเท็จจริงดังที่กล่ำวมำข้ำงต้น นำยปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์(โจทก์ที่ ๑) และ ปตท.(โจทก์ที่ ............................................................................................................................................................................ ๒) กลับไม่ได้บรรยำยมำในคำฟ้องแต่อย่ำงใด และอ้ำงอยู่เพียงคำสั่งตำมคำร้องของตุลำกำรศำลปกครองสูงสุด ............................................................................................................................................................................ เมื่อ ๒๖ ธันวำคม ๒๕๕๑ เท่ำนั้น ............................................................................................................................................................................ โจทก์และพวก กระทำกำรโดยที่รู้อยู่แล้วว่ำข้อควำมที่นำมำฟ้องนั้นไม่เป็นควำมจริง จึงเป็นกำรเอำ ............................................................................................................................................................................ ควำมอัน เป็น เท็ จฟ้องผู้อื่น ต่อศำลว่ำกระทำควำมผิด อำญำประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๑๗๕ โจทก์มี ............................................................................................................................................................................ ควำมผิดฐำนฟ้องเท็จ และกำรที่พยำนโจทก์และพวก เบิกควำมต่อศำลในชั้นไต่สวนมูลฟ้องและในชั้นพิจำรณำ ............................................................................................................................................................................ ยืนยันตำมข้อควำมอันเป็นเท็จดังกล่ำวจึงเป็นกำรเบิกควำมเท็จ ซึ่งควำมเท็จนั้นเป็นข้อสำคัญในคดี โจทก์ และ ............................................................................................................................................................................ พวกจึงมีควำมผิดฐำนเบิกควำมเท็จในกำรพิจำรณำคดีอำญำ ประมวลกฎหมำยอำญำ มำตรำ ๑๗๗ โจทก์และ ............................................................................................................................................................................ พวกมีควำมผิดฐำนเบิกควำมเท็จ ซึ่งย่อมถูกพิจำรณำโทษโดยศำล เพรำะอำจทำให้ควำมยุติธรรมเสื่อมเสียได้ ............................................................................................................................................................................ ข้ำพเจ้ำถูกนำยปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์(โจทก์ที่ ๑) และ ปตท.(โจทก์ที่ ๒) ฟ้องรวม ๖ คดี เป็น ๕ ........................................................................................................................................................................... คดีอำญำ และ ๑ คดีแพ่ง – ข้ำพเจ้ำทำคำร้องขอศำลออกหมำยเรียก พยำนเอกสำรที่เกี่ยวข้องกับกำรที่สตง. ............................................................................................................................................................................ และคตง.มีมติชี้มูลควำมผิดโจทก์และพวก ทำคำร้องคำขอหลำยครั้งมำตั้งแต่ ๑๐ ตุลำคม ๒๕๕๙ ก่อนมีคำ ............................................................................................................................................................................ พิพำกษำอันเป็นที่สุดของคดีต่ำงๆ ที่ผ่ำนมำ ซึ่งศำลไม่ได้มีคำสั่งแต่อย่ำงไร เพิ่งมีคำสั่งตำมคำร้องว่ำ “ศำลมีคำ ............................................................................................................................................................................ พิพำกษำแล้ว ให้ ยกคำร้อง” ... ข้ำพเจ้ำและคณะ ทำหนังสือถึงสำนักงำนกำรตรวจเงินแผ่นดิน และสำนั ก ............................................................................................................................................................................ เลขำธิกำรคณะรัฐมนตรี ได้รับกำรปฏิเสธที่จะให้เอกสำรดังกล่ำว โดยอ้ำงว่ำ เอกสำรดังกล่ำวมีชั้นควำมลับว่ำ ............................................................................................................................................................................ “ลับมำก” จึงมีควำมจำเป็นต้องขอให้ศำลออกหมำยเรียกนำมำพิจำรณำในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ............................................................................................................................................................................ โดยรัฐธรรมนูญ ปี ๒๕๖๐ มำตรำ ๔ บัญญัติว่ำ “ศักดิ์ศรีควำมเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภำพ และควำม ............................................................................................................................................................................ เสมอภำคของบุคคล ย่อมได้รับควำมคุ้มครอง ปวงชนชำวไทยย่อมได้รับควำมคุ้มครองตำมรัฐธรรมนูญเสมอ ............................................................................................................................................................................ กัน” ซึ่งควำมเสมอภำคทำงกฎหมำยหมำยถึง สิทธิที่เท่ำเทียมกันภำยใต้กฎหมำยเดียวกัน มีควำมหมำยรวมถึง ............................................................................................................................................................................
(๔๐ ก.)
-๕-
สำหรับศำลใช้
กระบวนกำรทำงกฎหมำยที่มีผลต่อประชำชนโดยรวมตั้งแต่กำรออกกฎหมำยที่ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อ ............................................................................................................................................................................ ประชำชนอย่ำงเท่ำเทียมกัน กำรบังคับใช้กฎหมำยและกำรพิจำรณำคดีตอ้ งเป็นไปอย่ำงเสมอภำคเท่ำเทียมต่อ ............................................................................................................................................................................ ประชำชนทุกคน กำรได้รับควำมคุ้มครองตำมกฎหมำยอย่ำงเท่ำเทียมกัน ซึ่งข้ำพเจ้ ำควรจะได้รับสิทธินั้นตำม ............................................................................................................................................................................ รัฐธรรมนูญ ในกระบวนกำรศำลยุติธรรมที่ต้องดำเนินกำรตำมกฎหมำย ในพระปรมำภิไธยฯ ............................................................................................................................................................................ ข้อ ๔. เพื่อศำลจะได้รับฟังข้อมูลที่ถูกต้องอันเป็นข้อยุติในปัจจุบัน นำมำประกอบกำรไต่สวนมูลฟ้อง ............................................................................................................................................................................ ที่โจทก์นำควำมเท็จมำฟ้องศำลให้เอำผิดอำญำข้ำพเจ้ำ ให้มีผลกระทบเป็นภำระในคดีอำญำและมีควำมเสี่ยง ............................................................................................................................................................................ ที............................................................................................................................................................................ ่จะตกเป็นจำเลยในคดี ที่ต้องประกันตัว และอำจถูกคัดค้ำนกำรประกันตัวโดยนำไปกักขังระหว่ำงสืบพยำน โจทก์จำเลย, หรือถูกเพิกถอนประกันตัวถูกนำไปกักขังหลำยเดือนจนมีคำพิพำกษำศำลชั้นต้น ดังที่เคยเผชิญ ............................................................................................................................................................................ ในกำรต่อสู้ในคดีที่ผ่ำนมำ รวมถึงกำรที่ศำลพิพำกษำสั่งปรับหลำยแสนบำท ศำลชั้นต้นแพ่งสั่งให้ลงโฆษณำที่ ............................................................................................................................................................................ จะต้องจ่ำยเงินหลำยแสนบำท ทั้งที่มีกำรยกเลิกมำตรำกฎหมำยที่ศำลชั้นต้นใช้สั่งลงโทษแล้ว นี้คือ ควำมผิด ............................................................................................................................................................................ เพรำะเรียกร้องควำมเป็นธรรมชอบธรรมด้ำนพลังงำนให้กับสังคม โดยก่อนมีคำพิพำกษำ ศำลไม่พิจำรณำที่จะ ............................................................................................................................................................................ รับฟังควำมจริงที่เกิดขึ้น อันเป็นมติของหน่วยงำนที่เกี่ยวข้องกับกำรตรวจสอบเงินแผ่นดินซึ่งเป็นเงินของ ............................................................................................................................................................................ ประชำชนทั้งชำติ ด้วยกำรไม่ออกหมำยเรียกพยำนเอกสำรสำคัญจำกสำนักงำนกำรตรวจเงินแผ่นดิน มำ ........................................................................................................................................................................... ประกอบกำรใช้ ดุลพินิจ ประเด็นต่ำงๆ ในคดี จึงย่อมไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ.มำตรำ ๒๖๖ และ ๒๒๗ ไม่ชอบด้วย ............................................................................................................................................................................ มำตรำ ๒๙, ๑๘๘ ของรัฐธรรมนูญ ปี ๒๕๖๐ ซึ่งข้ำพเจ้ำเห็นว่ำถูกละเมิดสิทธิ์และได้รับผลกระทบจำกกำรไม่ ............................................................................................................................................................................ ดำเนินกำรตำมกฎหมำยของศำลยุติธรรม ซึ่งข้ำพเจ้ำได้ทำคำร้องขอควำมคุ้มครองตำมรัฐธรรมนูญ ปี ๒๕๖๐ ............................................................................................................................................................................ มำตรำ ๒๑๒ และ ๒๑๓ โดยขอให้ศำลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ข้อโต้แย้งทำงกฎหมำยและกระบวนกำรทำง ............................................................................................................................................................................ คดี ที่ไม่สอดคล้องหรือขัดมำตรำ ๕ ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งศำลมีคำสั่งยกคำร้อง และ/หรือ ไม่สั่งอย่ำงใด ............................................................................................................................................................................ ศำลที่เคำรพโปรดพิจำรณำเพื่อประโยชน์แห่งควำมยุติธรรม และเป็นสิทธิ์ของข้ำพเจ้ำที่จะได้รับ ............................................................................................................................................................................ ควำมเป็นธรรมตำมกฎหมำย มีสิทธิ์ที่จะต่อสู้คดีด้วยข้อมูลควำมจริงด้วยพยำนเอกสำรสำคัญเชิงประจักษ์ อัน ............................................................................................................................................................................ เป็นมติคณะรัฐมนตรี และบันทึกกำรประชุมร่วมระหว่ำงกระทรวงกำรคลัง กระทรวงพลังงำน กรมธนำรักษ์ ............................................................................................................................................................................ ส............................................................................................................................................................................ ำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนอัยกำรสูงสุด และบริษัท ปตท.จำกัด (มหำชน) ในวันที่ ๒๑ ตุ............................................................................................................................................................................ ลำคม ๒๕๕๙ และบันทึกกำรประชุมร่วมกันระหว่ำงสำนักงำนกำรตรวจเงินแผ่นดิน กระทรวงกำรคลัง กระทรวงพลั งงำน สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ กรมธนำรักษ์ บริษัท ปตท.จำกัด (มหำชน) โดยมี นำย ............................................................................................................................................................................ วิษณุ เครืองำม รองนำยกรัฐมนตรี เป็นประธำนในที่ประชุมเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกำยน ๒๕๕๙ ............................................................................................................................................................................ ซึ่งปตท.(โจทก์ที่ ๒) ก็เข้ำร่วมประชุมเพื่อหำข้อยุติด้วยนั้น นำยปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์(โจทก์ที่ ๑) ซึ่ง ............................................................................................................................................................................
-๖ขณะนั ้นดำรงตำแหน่งประธำนบริษัทปตท. ย่อมต้องรู้เรื่องเป็นอย่ำงดี แต่กลับบรรยำยฟ้องเท็จศำลว่ำ มีข้อยุติ ............................................................................................................................................................................ แล้ ว คืนครบถ้วนแล้ว ไม่ตรงกับควำมจริงที่โจทก์และพวก ถูกชี้มูลควำมผิดและต้องนำคืนท่อส่งก๊ำซ สำธำรณ ............................................................................................................................................................................ สมบั ติอันเป็นสมบัติที่ใช้เพื่อแประโยชน์แผ่นดินโดยเฉพำะ ตำมประมวลกฎหมำยแพ่ง มำตรำ ๑๓๐๔(๓) ซึ่ง ............................................................................................................................................................................ มำตรำ ๑๓๐๕ ทรัพย์สินซึ่งเป็นสำธำรณสมบัติของแผ่นดินนั้นจะโอนแก่กันมิได้เว้นแต่อำศัยอำนำจแห่งบท ............................................................................................................................................................................ กฎหมำยเฉพำะหรื อพระรำชกฤษฎีกำ มำตรำ ๑๓๐๖ ท่ำนห้ำมมิให้ยกอำยุควำมขึ้นเป็นข้อต่อสู้กับแผ่นดินใน ............................................................................................................................................................................ เรื ่องทรัพย์สินอันเป็นสำธำรณสมบัติของแผ่นดิน มำตรำ ๑๓๐๗ ท่ำนห้ำมมิให้ยึดทรัพย์สินของแผ่นดินไม่ว่ำ ............................................................................................................................................................................ ทรั พย์สินนั้นจะเป็นสำธำรณสมบัตขิ องแผ่นดินหรือไม่ แต่โจทก์และพวกกลับใช้กลฉ้อฉลยักยอกสมบัติแผ่นดิน ............................................................................................................................................................................ มำแสวงประโยชน์ โดยกำรเสนอคำร้องรำยงำนเท็จให้ศำลปกครอง ซึ่งตุลำกำรศำลปกครอง ก็เร่งรีบโดยไม่ได้ ............................................................................................................................................................................ ระมั ดระวังอย่ำงถี่ถ้วน ทั้งที่มีคำสั่งว่ำพิเครำะห์แล้วก่อนมีคำสั่ง แต่กลับสั่งไม่ตรงกับควำมจริง โดยควำมจริง ........................................................................................................................................................................... คื............................................................................................................................................................................ อนำยกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และ ๒ ในคดีหมำยเลขแดงที่ ฟ.๓๕/๒๕๕๐) ไม่ได้รับรู้ หรื อเห็นชอบ หรือยอมรับ หรือเห็นพ้องกับกำรดำเนินกำรของปตท. แต่อย่ำงใด ข้อยุติของโจทก์ที่อ้ำงว่ำเป็น ............................................................................................................................................................................ ค............................................................................................................................................................................ ำสั่งของตุลำกำรศำลปกครองท่ำนเดียวที่รับรองรำยงำนเท็จโจทก์ จึงย่อมไม่ใช่ข้อยุติ ตำมประมวลกฎหมำย แพ่ ง มำตรำ ๑๗๓ ถ้ำส่วนหนึ่งส่วนใดของนิตกิ รรมเป็นโมฆะ นิติกรรมนั้นย่อมตกเป็นโมฆะทั้งสิ้น ดังนั้นกำรมี ............................................................................................................................................................................ ค............................................................................................................................................................................ ำสั่งตำมคำร้องของตุลำกำรศำลปกครองที่ไม่ตรงกับควำมจริง จึงไม่สมควรนำมำอ้ำงว่ำชอบด้วยกฎหมำยได้ หรื อว่ำเป็นคำสั่งชี้ขำดได้ ทั้งมีกำรดำเนินกำรโดยไม่ชอบด้วยพระรำชบัญญัติกำรจัดตั้งศำลปกครองและวิธี ............................................................................................................................................................................ พิ............................................................................................................................................................................ จำรณำฯ ปี ๒๕๔๒ ในส่วนที่ว่ำด้วยองค์คณะ และว่ำด้วยกำรทำคำพิพำกษำหรือคำสั่งของศำลปกครอง ปตท.(โจทก์ที่ ๒) ยังบังอำจนำภำพและข้อควำมที่ข้ำพเจ้ำรณรงค์ทวงคืนท่อส่งก๊ำซ “กรณี ๔ องค์กร ............................................................................................................................................................................ อิ............................................................................................................................................................................ สระตำมรัฐธรรมนูญ ชี้มูลควำมผิดทุจริตท่อก๊ำซ” มำเสนอต่อศำล ย่อมปรำมำสศำลด้วยหรือไม่ว่ำ จะไม่รับ ฟั............................................................................................................................................................................ งเรื่องกำรชี้มูลควำมผิดขององค์กรอิสระตำมรัฐธรรมนูญต่ำงๆ จำกกรณีที่ศำลไม่เคยพิจำรณำคำร้องต่ำงๆ ของข้ ำพเจ้ำ ที่ ขอศำลออกหมำยเรียกพยำนเอกสำรสำคัญ จำกสำนักงำนกำรตรวจเงินแผ่นดิน เพื่ อน ำมำ ............................................................................................................................................................................ ประกอบพิ จำรณำก่อนมีคำพิพำกษำอันเป็นที่สุดแห่งคดี ในคดีที่ผ่ำนมำแต่อย่ำงใด ............................................................................................................................................................................ ข้อ ๕. เพื่อให้ กำรไต่สวนมูลฟ้องของคดี ชอบด้วยควำมจริงและควำมเป็นธรรมควำมถูกต้อง ใน ............................................................................................................................................................................ กระบวนพิ จำรณำตำม ป.วิ.อ.มำตรำ ๒๒๗ ให้ศำลใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยำนหลักฐำนทั้งปวง อย่ำ ............................................................................................................................................................................ พิ............................................................................................................................................................................ พำกษำลงโทษจนกว่ำจะแน่ใจว่ำมีกำรกระทำผิดจริงและจำเลยเป็นผู้กระทำควำมผิดนั้นเมื่อมีควำมสงสัย ตำมสมควรว่ ำจำเลยได้กระทำผิด หรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่ งควำมสงสัยนั้นให้จำเลย และมำตรำ ๒๒๖ ............................................................................................................................................................................
(๔๐ ก.)
-๗-
สำหรับศำลใช้
พยำนวั ต ถุ พยำนเอกสำร หรื อ พยำนบุ ค คลซึ่ ง น่ ำ จะพิ สู จ น์ ไ ด้ ว่ ำ จ ำเลยมี ผิ ด หรื อ บริ สุ ท ธิ์ ให้ อ้ ำ งเป็ น ............................................................................................................................................................................ พยำนหลักฐำนได้ .... ซึ่งข้ำพเจ้ำย่อมมีสิทธิตำมกฎหมำยที่จะพิสูจน์ควำมบริสุทธิ์และเจตนำที่สุจริตฯ ............................................................................................................................................................................ ขอศำลประทำนควำมกรุณำเพื่อไม่ให้ข้ำพเจ้ำต้องมีภำระเป็นจำเลยในคดีอำญำมีผลกระทบและมี ............................................................................................................................................................................ ควำมเสี่ยงเสียหำยต่ำงๆ ได้โปรดออกหมำยเรียกพยำนเอกสำรสำคัญจำกสำนักงำนกำรตรวจเงินแผ่นดิน คือ ............................................................................................................................................................................ ๑. มติคณะรัฐมนตรี เมื่อ ๒๗ กันยำยน ๒๕๕๙ อันเป็นข้อยุติคำสั่งทำงปกครอง กรณี ให้ ปตท.นำคืน ........................................................................................................................................................................... ท่อส่งก๊ำซของกำรปิโตรเลียมแห่งประเทศ คืนให้กับกระทรวงกำรคลัง ............................................................................................................................................................................ ๒. บันทึกรำยงำนกำรประชุมหลำยหน่วยงำน เพื่อดำเนินกำรตำมมติคณะรัฐมนตรี เมื่อ ๒๗ กันยำยน ............................................................................................................................................................................ ๒๕๕๙ เพื่อประโยชน์แผ่นดิน ให้นำคืนท่อส่งก๊ำซ ตำมมติของสตงและคตง. เมื่อ ๑๐ พฤษภำคม ๒๕๕๙ คือ ............................................................................................................................................................................ ๒.๑ รำยงำนกำรประชุม ระหว่ำงกระทรวงกำรคลัง กระทรวงพลั งงำน กรมธนำรัก ษ์ สำนั กงำน ............................................................................................................................................................................ คณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนอัยกำรสูงสุด และบริษัท ปตท.จำกัด (มหำชน) ในวันที่ ๒๑ ตุลำคม ๕๙ ............................................................................................................................................................................ ๒.๒ รำยงำนกำรประชุมร่วมกันระหว่ำงสำนักงำนกำรตรวจเงินแผ่ นดิน กระทรวงกำรคลัง กระทรวง ............................................................................................................................................................................ พลังงำน สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ กรมธนำรักษ์ บริษัท ปตท.จำกัด (มหำชน) โดยมี นำยวิษณุ เครือ ............................................................................................................................................................................ งำม รองนำยกรัฐมนตรี เป็นประธำนในที่ประชุมเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกำยน ๕๙ (มีสองชุด ชุดแรกและชุดแก้ไข) ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ เพื่อศำลโปรดมีคำสั่งออกหมำยเรียกพยำนเอกสำรสำคัญดังกล่ำวจำกสำนักงำนกำรตรวจเงินแผ่นดิน ............................................................................................................................................................................ และนำเข้ำสู่กระบวนกำรไต่สวนมูลฟ้อง ตำมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมอำญำ มำตรำ ๒๒๖ และ๒๒๗ ............................................................................................................................................................................ เพื่อที่จะทำให้กระบวนกำรพิจำรณำได้ดำเนินไปโดยสอดคล้องควำมจริง และเพื่อประโยชน์แห่งควำมยุติธรรม ............................................................................................................................................................................ ที่จะได้เห็นถึงกำรไม่เคำรพศำลของโจทก์และพวก ซึ่งอำจสร้ำงควำมเสียหำยเสื่อมเสียให้กับควำมยุติธรรมได้ฯ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ลงชื่อ จำเลย ............................................................................................................................................................................ คำร้องฉบับนี้ ข้ำพเจ้ำนำยศรัลย์ ธนำกรภักดี จำเลยเป็นผู้เรียงและผู้พิมพ์ ............................................................................................................................................................................ ลงชื่อ ผู้เรียงและผู้พิมพ์ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................
-๘เอกสารแนบท้ายคาขอ ........................................................................................................................................................................... ๑. สำเนำ งบกำรเงินปตท. ปี ๒๕๕๙ ส่วนข้อพิพำททำงกฎหมำย ในกรณีกำรฟ้องศำลปกครองโดย ............................................................................................................................................................................ สำนักงำนผู้ตรวจกำรแผ่นดิน เมื่อ ๔ เมษำยน ๒๕๕๙ ............................................................................................................................................................................ ๒. สำเนำข่ำวไทยรัฐ เมื่อ ๑๕ พฤษภำคม ๒๕๖๐ ครม.ซุ่มมีมติลับ ๒๑ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๐ ให้ อสส. ............................................................................................................................................................................ ยื่นศำลปกครองสูงสุดวินิจฉัย ปม ปตท.อมท่อก๊ำซอีกรอบ มติ ครม.ดังกล่ำวได้ถูกทักท้วงจำกคณะกรรมกำร ............................................................................................................................................................................ ตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ............................................................................................................................................................................ ๓. สำเนำ หนังสือจำกสำนั กเลขำธิกำร ครม. ปฏิเสธที่จะให้เอกสำร มติ ครม. เมื่อ ๒๗ กัน ยำยน ............................................................................................................................................................................ ๒๕๕๙ อ้ำงว่ำมีชั้นควำมลับ ว่ำ “ลับมำก” ............................................................................................................................................................................ ๔. สำเนำ หนังสือขอเอกสำร มติ ครม. เมื่อ ๒๗ กันยำยน ๒๕๕๙ จำกสำนักเลขำธิกำร ครม. ............................................................................................................................................................................ ๕. สำเนำ คำร้องขอศำลออกหมำยเรียกพยำนเอกสำร จำก สตง. เมื่อ ๑๐ ตุลำคม ๒๕๕๙ ............................................................................................................................................................................ ๖. สำเนำ คำร้องขอศำลออกหมำยเรียกพยำนเอกสำร จำก สตง. เมื่อ ๑๙ มิถุนำยน ๒๕๖๐ ............................................................................................................................................................................ ๗. สำเนำ คำร้องขอศำลออกหมำยเรียกพยำนเอกสำร จำก สตง. เมื่อ ๗ กันยำยน ๒๕๖๑ ............................................................................................................................................................................ ๘. สำเนำ คำร้องขอศำลออกหมำยเรียกพยำนเอกสำร มติครม. เมื่อ ๗ กันยำยน ๒๕๖๑ ............................................................................................................................................................................ ๙. สำเนำ หนังสือนำกรำบเรียน อธิบดีศำลอำญำกรุงเทพใต้ ติ ดตำมคำร้องขอศำลออกหมำยเรียก ............................................................................................................................................................................ พยำนเอกสำร จำก สตง. เมื่อ ๗ กันยำยน ๒๕๖๑ ............................................................................................................................................................................ ๑๐. สำเนำ คำสั่งยกคำร้องขอศำลออกหมำยเรียกพยำนเอกสำร จำก สตง. เมื่อ ๑๗ กันยำยน ๒๕๖๑ ............................................................................................................................................................................ ๑๑. สำเนำ คำสั่งยกคำร้องขอศำลออกหมำยเรียกพยำนเอกสำร มติครม. เมื่อ ๑๗ กันยำยน ๒๕๖๑ ............................................................................................................................................................................ ๑๒. สำเนำ คำร้องขอควำมคุ้มครองตำมรัฐธรรมนูญ ปี ๒๕๖๐ เมื่อ ๒๔ เมษำยน ๒๕๖๑ ............................................................................................................................................................................ ๑๓. สำเนำ หนังสือ ขอเอกสำรมติครม.และบันทึกกำรประชุม ขอควำมคืบหน้ำกำรดำเนินกำรตำมมติ ............................................................................................................................................................................ ครม. กรณีให้นำคืนท่อก๊ำซ จำก สตง.และคตง. เมื่อ ๑๕ กุมภำพันธ์ ๒๕๖๒ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................................