ทำไม? ฟาต่ำ ดินสูง...
ใคร? จะใหญ่ไปกว่ากรรม.... การเมือง คือ การแสวงหาอํานาจ นักการเมือง คือ นักแสวงหาอํานาจ อํานาจที่ยิ่งใหญ่ คือ อํานาจปกครองประเทศ ประชาชนจึงต้องรู้จักนักการเมือง และพรรคการเมืองอย่างลึกซึ้ง ก่อนที่จะมอบอํานาจที่ยิ่งใหญ่ให้นักการเมือง เพราะโลกในอดีตปัจจุบันและอนาคต ผูกพันกับบทบาทของนักการเมืองทั้งสิ้น ประเทศจะเจริญก้าวหน้าหรือชงักงัน และถดถอยก็เพราะนักการเมืองที่ดี หรือที่ด้อยคุณภาพและขาดคุณธรรม จริยธรรมทางการเมืองนั่นเอง
ไกรสร ตันติพงศ์ บ้านไทยร่มเย็น เชียงใหม่
ผู้จัดทํา สโมสรสื่อมวลชนภาคเหนือ 72/65 หมู่บ้านระมิงค์นิเวศน์ ต.หายยา อ.เมือง เชียงใหม่
สถานที่ติดต่อ วิหคเรดิโอ 053-200555,053200999 Email: vihok001@gmail.com
ใคร? จะใหญ่
ไปกว่ากรรม...
บ้า
ติพงศ์ น ั ต ร ่ ไกรส ียงใหม ช เ น ็ ่มเย นไทยร
ทําความดี เพื่อความดี
?
ใคร คือ เขาคนนั้น...
รัฐมนตรีเศรษฐกิจจากพรรคประชาธิปัตย์
นายไกรสร ตันติพงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมพรรค
ประชาธิปัตย์ ไกรสรเป็นสส.ที่ได้รับเลือกจากประชาชนเชียงใหม่ติดต่อกันหลาย สมัย มีอาวุโสและความสามารถพอเพียงที่จะได้รับพิจารณาให้เป็นตัวแทนของ พรรคในตํ า แหน่ ง รั ฐ มนตรี ช ่ ว ยในกระทรวงใดกระทรวงหนึ ่ ง เมื ่ อ พรรค ประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ในฐานะพรรคเล็กๆ พรรค หนึ่งซึ่งมี สส.ประมาณ 30 คน คณะกรรมการของพรรคจึงตัดสินให้นายไกรสร ตัวแทนจากภาคเหนือได้ที่นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ตามโควต้ารัฐมนตรีที่มีพรรคประชาธิปัตย์มีสิทธิ์
ในเมื่อพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมในคณะรัฐมนตรีชุดนี้เพียง 4 คน คน
หนึ่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี อีกสองคนอยู่กระทรวงมหาดไทยและยุติธรรมตาม ลําดับ นายไกรสรจึงเป็นรัฐมนตรีเศรษฐกิจของพรรคประชาธิปัตย์ที่อยู่ท่ามกลาง รัฐมนตรีจากพรรคการเมืองขนาดใหญ่ถึง 2 พรรค คือ พรรคกิจสังคม และพรรค ชาติไทย ทางออกของนายไกรสรที่ต้องทําหน้าที่ของรัฐมนตรีช่วยอุตสาหกรรม เหมือนตัวคนเดียว จึงทดแทนโดยภาพพจน์ของนักการเมืองที่จะเข้ามาชําระล้าง การทุจริตในวงราชการ ผลงานที่ผ่านมาของนายไกรสรคือ นโยบายปราบปราม คอรัปชั่นของข้าราชการในกระทรวงและพ่อค้าเอกชนที่กระทรวงอุตสาหกรรมรับ ผิดชอบอยู่ ผลงานในคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบัน
เดือนพฤษภาคม ไกรสร รัฐมนตรีช่วยอุตสาหกรรมประกาศนโยบายตรวจ
เหล็กเส้นที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งจากจํานวนตัวเลขของระบุว่ามีอยู่ 41 โรง ปลาย เดือนพฤษภาคม โดยคําสั่งของรัฐมนตรีช่วยอุตสาหกรรม ทางสํานักงาน
1 ทําความดี เพื่อความดี
ทําความดี เพื่อความดี 2
รัฐมนตรีเศรษฐกิจจากพรรคประชาธิปัตย์
รัฐมนตรีเศรษฐกิจจากพรรคประชาธิปัตย์
มาตรฐานสินค้า ส่งเจ้าหน้าที่ออกอายัดและจับตัวดําเนินคดีแก่โรงงานที่ผลิต
ประวัติส่วนตัวของนายไกรสร ตันติพงศ์
เหล็กเส้นไม่ได้มาตรฐาน ดําเนินคดี 11 ราย และยึดของกลางกว่า 2,000 ตัน
กรณี โ รงงานรี ด เหล็ ก เส้ น ซึ ่ ง นายไกรสรฟั น อย่ า งไม่ เ ลี ้ ย งนี ้ บานปลายไปถึ ง
รุ่น สถานที่เล่าเรียนเริ่มตั้งแต่โรงเรียนวัดเกตการาม ชั้นมูลหรืออนุบาล ชั้น
เลขาธิการนายกรัฐมนตรีพันเอกจําลองศรีเมือง ต้องมาขอไกล่เกลี่ยเรื่อง
ประถม 1 โรงเรียนดาราวิทยาลัยชั้นประถม 2 ถึงประถม 4 โรงเรียนปริ๊นสรอย
เท่าที่ทราบอย่างไม่เป็นทางการคือ ใช้ชีวิตต่อสู้อย่างโชกโชนมาตั้งแต่วัย
ภายหลังจากกรณีเหล็กเส้น ไกรสรประกาศสั่งตรวจสอบคุณภาพอุปกรณ์
แยลล์วิทยาลัย “รุ่นโตโจสงเคราะห์” หมายเลขประจําตัว 2584 ชั้นมัธยม 1 ถึง
ไฟฟ้า ซึ่งในวงราชการไม่เคยมีใครทํามาก่อนเลย เท่านั้นยังไม่เพียงพอ ไกรสร
ชั้นมัธยม 4 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย “รุ่นศรีบุญเรือง” หมายเลขประจําตัว 2745
เดินเครื่องฟันคอรัปชั่นในกรมกองที่ตนรับผิดชอบ เริ่มจากสั่งสอบนายชายไหว
สําเร็จการศึกษาชั้นมัธยม 6 โรงเรียนปริ๊นสรอยแยลล์วิทยาลัย เข้าไปใช้ชีวิตเป็น
แสงรุจิ เลขาธิการสํานักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม รายต่อมาแต่งตั้ง
กรรมกรแบกหามท่าเรือทรงวาด กลางคืนเรียนหนังสือเพื่อเรียนวิชากฎหมาย แต่
คณะกรรมการสอบสวนผู้อํานวยการองค์การเหมืองแร่ โดยอ้างว่านายดําเนิน
ในที่สุดชัีวิตก็หักเหไปเป็นกะลาสีเรือสินค้า ออกท่องทะเลมหาสมุทร ไปใช้ชีวิต
สิทธิประสาส์น ปฏิบัติงานไม่ถูกต้องทางการเงินและส่อไปในทางทุจริต และราย
อย่างโชกโชน กลับมาเชียงใหม่ปี
ล่าสุดที่กลายเป็นชนวนงัดข้อระหว่างรัฐมนตรีช่วยอุตสาหกรรมคนที่ 2 กับ
กรรมกรแบกหามโรงเลื่อยจักร์ เป็นกรรมกรเหมืองแร่วุลแฟรม อาศัยมีวิชาความ
รัฐมนตรีอุตสาหกรรม คือกรณีนายไกรสรมีคําสั่งย้ายนายอุดมศักดิ์ ภาสะวณิชย์
รู้เปลี่ยนสถานภาพเป็นเจ้าของโรงค้าไม้แปรรูป ไกรสรในปี 2497 และในวันที่ 24
อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมที่กําลังจะเกษียณอายุในอีก 20 วันข้างหน้าไป
มิถุนายน 2498 เป็นนักหนังสือพิมพ์ ดําเนินกิจการพร้อมกับบรรดาเพื่อนฝูง มี
ประจํากระทรวงและเป็นที่ปรึกษา หลังคําสั่งนี้ออกมา 2 วัน พลตรีชาติชายได้ออก
นายมิตร มาลีกูล เป็นบรรณาธิการ, นายอารีย์ วีรพันธ์ เป็นผู้จัดการ, นายมานิตย์
คําสั่งโอนอํานาจการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการพนักงานและคณะกรรมการมา
สุจารีย์ เป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการ, นายดิสพงศ์ โอวาทสาร เป็นหัวหน้านักข่าว
เป็นของรัฐมนตรีแต่ผู้เดียว ซึ่งก่อนหน้านี้ได้แบ่งอํานาจนี้ให้แก่นายไกรสรตาม
ส่วนนายไกรสร ตันติพงศ์ เป็นผู้อํานวยการ และเป็นเจ้าของกิจการโรงพิมพ์ไกร
สายงานไปแล้ว ผลงานของนายไกรสรก็จบลงแต่เพียงเท่านี้
นิมิตรการพิมพ์ โดยมีวงดนตรี “คณะลูกระมิงค์” ซึ่งมีนายบุญชู วรรณฤทธิ์และ
2493 ทํางานเป็นกรรมกรโกดังน้ํามัน เป็น
คณะอีก 20 คน ร่วมขบวนการปลุกกระแส ให้ประชาชนในภาคเหนือ ซื้อ หนังสือพิมพ์แผ่นดินไทย อ่านกันอย่างแพร่หลาย พิมพ์จําหน่ายวันล็อตเตอรี่ แข่งขันกับหนังสือพิมพ์ชาวเหนือและคนเมืองโดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ “แผ่นดิน ไทย” มีเด็กๆ วัยรุ่นอายุ 12-15 ปี วิ่งขายกันนับร้อยกว่าคน ที่โด่งดังก็มี เด็กชาย
3 ทําความดี เพื่อความดี
ทําความดี เพื่อความดี 4
รัฐมนตรีเศรษฐกิจจากพรรคประชาธิปัตย์
รัฐมนตรีเศรษฐกิจจากพรรคประชาธิปัตย์
อินทรัตน์ ยอดบางเตย (พลตรีอินทรัตน์ฯ หรือ เสธ.ยอด), เด็กชายประเสริฐ ธนา
(หัวหน้าเสรีไทยนอกประเทศ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2484 อดีต
ฤทธิ์ (เจ้าของกิจการโรงเรียนพาณิชยการฯ), เด็กชายสันติ มาลีกุล (เจ้าของรถขน
นายกรัฐมนตรีคนที่ 6) เป็นรองหัวหน้าพรรค และเป็นหัวหน้าพรรค
แร่จังหวัดกาญจนบุรี) เป็นต้น
ประชาธิปัตย์คนที่ 2 โดยมีพันเอก(พิเศษ) ดร.ถนัด คอมันตร์ เป็น
หนังสือพิมพ์แผ่นดินไทยมีลักษณะเด่นกว่าหนังสือพิมพ์ดังกล่าวในภาค
หัวหน้าพรรคคนที่ 3 ซึ่งมีนายไกรสร ตันติพงศ์ เป็นรองหัวหน้า
เหนือ คือ
พรรคและประธานส.ส. พรรคประชาธิปัตย์
1. มีวงดนตรี “คณะลูกระมิงค์” ร่วมขบวนการปลุกกระแส 2. มีเพลง “หนังสือพิมพ์แผ่นดินไทย เรารับใช้ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนไทย ต้องซื่อตรง ไม่โกงไม่กิน และไม่หวั่นเกรงอิทธิ พลใดๆ” 3. มีทีมงานเข้มแข็งเป็นคนหนุ่มวัย 25-45 ปี 4. มีนายไกรสร ตันติพงศ์ที่ผ่านชีวิตมาอย่างโชกโชน จึงกล้าบ้าบิ่น
โดยหนังสือสมาคมเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฉบับวันที่
19-20 กันยายน 2523 ระบุชื่อนายไกรสร ตันติพงศ์ ในหน้า 1-92 ถึงหน้า 1-93 ว่าเป็นรัฐมนตรีเศรษฐกิจของรัฐบาล ฯพณฯพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ดังความ ละเอียดข้างต้นนั้น
นายไกรสร ตันติพงศ์ หรือพ่อนายไกรสร ตันติพงศ์ เมื่อได้เป็นส.ส. ในปี
พ.ส. 2500 ดังกล่าว ก็ได้เลิกกิจการหนังสือพิมพ์แผ่นดินไทย โดยยกกิจการโรง พิมพ์ไกรนิิมิตรการพิมพ์ และหนังสือพิมพ์แผ่นดินไทยให้นายมิตร มาลีกุล ไป
หิ้วหัวศพใส่ปี๊บเข้ากรุงเทพ เรียกร้องความเป็นธรรมให้ประชาชน
ดําเนินการร่วมกับนายประเวศน์ เชมนะศิริ นั่นคือ เมื่อเป็นนักการเมือง ก็ทํา
โดยไม่เกรงกลัวอิทธิพลใดๆทั้งสิ้น ในต้นปี 2499 และประชาชน
หน้าที่เป็นนักการเมืองอย่างแท้จริง และเมื่อเกิดเหตุการณ์ปฎิวัติรัฐประหารแต่ละ
ก็ได้รับความเป็นธรรมตามคําเรียกร้องทุกประการ
ครั้ง นายไกรสร ตันติพงศ์ ก็ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปอยู่ต่างประเทศเพราะเป็นฝ่าย
5. เมื่อประชาชนยกขบวนมาขอให้สมัคร ส.ส. ติดต่อกันหลายวัน
ค้านรัฐบาลเผด็จการในยุคนั้นๆ และโดยการสนับสนุนของ ฯพณฯมรว.เสนีย์
เป็นจํานวนนับร้อยๆคน ณ สํานักงาน หนังสือพิมพ์แผ่นดินไทยจึง
ปราโมช นายไกรสร ตันติพงศ์ ก็ใช้เวลาไปซุ่มร่ําเรียนวิชาความรู้ด้านเศรษฐกิจ
ทําให้นายไกรสร ตันติพงศ์ ตัดสินใจลงสมัครเป็น ส.ส. จังหวัด
การเมือง การปกครอง การปฏิรูปที่ดิน ฯลฯ โดยนายไกรสร ตันติพงศ์ ไม่เคยเอ่ย
เชียงใหม่ เป็นการเลือกตั้งแบบรวมเขตจังหวัด โดยสังกัดพรรค
ปากว่ามีวิชาความรู้อะไรเลย
ประชาธิปัตย์ที่มี “ฯพณฯควง อภัยวงค์” อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่
4 เป็นหัวหน้าพรรคในปี 2500 มี ฯพณฯมรว.เสนีย์ ปราโมช
นายไกรสร ตันติพงศ์ เปนหนึ่งในคณะรัฐมนตรีทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลฯพณฯพล
5 ทําความดี เพื่อความดี
แต่เอกสาร “สมาคมเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์” ได้ระบุว่า
ทําความดี เพื่อความดี 6
รัฐมนตรีเศรษฐกิจจากพรรคประชาธิปัตย์
การแก้ไขปัญหาของชาติไทย
เอกเปรม ติณสูลานนท์ นี่แหละตัวตนของ “นายไกรสร ตันติพงศ์” ที่คนเชียงใหม่
เรียกว่า “พ่อนายไกรสร ตันติพงศ์” ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2518 จนถึงปัจจุบัน ขณะนี้ อายุ
ประชากร 63 ล้านคน มีรายได้
จะ 80 ปี พํานักอยู่ที่บ้าน “ไทยร่มเย็น” เฝ้าติดตามการเมืองด้วยความเป็นห่วง
โดยรวมของประเทศทั ้ ง ในและ
โดยได้ยืนยันว่าวันที่ 19 สิงหาคม 2550 ไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติ “เห็นชอบ
นอกระบบถึงปีละประมาณ
รัฐธรรมนูญ” โดยมีคําคมว่า “ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร? คนไทยต้อง
ล ้ า น ล ้ า น บ า ท
สมานฉันท์” นี่แหล่ะคือตัวตนของพ่อนายไกรสร ตันติพงศ์ เสือลากหางอย่าง
(6,500,000,000,000.00 บาท)
แท้จริง.
เฉลี่ยคนไทยมีรายได้คนละ
ปัจจุบันประเทศไทยมี
103,175.00
บาทต่อปี
6.5
(หนึ่ง
แสนสามพั น หนึ ่ ง ร้ อ ยเจ็ ด สิ บ ห้ า บาท) ครัวเรือนไทยโดยเฉลี่ยมี 5 คน ซึ่งย่อมหมายถึงมีรายได้เฉลี่ยครอบครัว ละ 42,950 บาทต่อเดือน หรือมีรายได้ครอบครัวละ 515,400.00 บาทต่อปี
แต่ข้อเท็จจริงรายได้ประชาชาติ 6.5 ล้านล้านบาทข้างต้นนั้น 50% เป็น
รายได้ของคนเพียง 20% ของประชากร
63
ล้านคน
นั่นคือคนไทยชั้นหนึ่ง
จํานวน 12.6ล้านคน มีรายได้รวมกัน 3.25 ล้านล้านบาท ส่วนคนไทยอีก 80% หรือ 50.4ล้านคน รวมกันมีรายได้ 50% คือ 3.25 ล้านล้านบาท และในจํานวน 80% นี้มีคนไทย 20% คือจํานวน 10.8 ล้านคน มีรายได้เพียง 4% ของรายได้ 3.25 ล้านล้านบาท
นั่นคือมีคนไทยที่ยากจนถึง 10.8 ล้าน มีรายได้เพียง
104,000 ล้านบาทเท่านั้น
คนไทยชั้นหนึ่งจํานวน 20% ของประเทศคือ 12.6 ล้านคนมีรายได้รวม
กัน3.25 ล้านล้านบาท ซึ่งเฉลี่ยตกคนละ 250,000.00 นายไกรสร ตันติพงศ์ รับปากคุณแม่ทองสุก ตันติพงศ์ มารดาที่กําลังป่วย โดยไม่ลงเลือกตั้งใน เดือนกรกฎาคม 2531 เป็นต้นมา จึงเป็นส.ส.ที่ไม่เคยสอบตก
7 ทําความดี เพื่อความดี
บาทต่อปี
หรือมีรายได้
คนละ 20,850.00 ต่อเดือน โดยเฉลี่ยครอบครัวละ 5 คน มีรายได้ปีละ 1,250,000.00 บาท
ทําความดี เพื่อความดี 8
การแก้ไขปัญหาของชาติไทย
การแก้ไขปัญหาของชาติไทย
ส่วนคนไทยชั้นสองจํานวน 32.4 ล้านคน
หรือครอบครัวที่มีรายได้ปีละ 1,250,000.00 บาท ของคน 12.6 ล้านคน ซึ่งมี
มีรายได้ 3.25 ล้านล้านบาทนั้น เฉลี่ยมีรายได้
คนที่มีฐานะปานกลางจํานวน 32.4 ล้านคน ที่มีรายเฉลี่ยคนละ 96,000.00 บาท
คนละ 96,000 บาทต่อปี หรือเดือนละ
ต่อปี หรือโดยรวมครอบครัวละ 480,000.00 บาท กับคนยากจน 10.8 ล้านคน
8,000บาท โดยมี ร ายได้ เ ฉลี ่ ย ครอบครั ว ละ
ที่มีรายได้โดยเฉลี่ยคนละ 800.00 บาทต่อเดือน หรือคนละ 9,600.00 บาทต่อ
480,000.00ท ต่อปี
ปีนั้น
โดยมีคนไทยชั้นยากจน
จํ า นวน 10.8 ล้ า นคนนั ้ น
อยู่ที่แตกต่างกันอย่างฟ้ากับดิน หรือคนไทยประเภทหนึ่ง ที่ขับรถเก๋งโลดแล่นไป
มี ร ายโดยรวม
บนถนนคอนกรีต
104,000 ล้านบาท ต่อปี หรือคนละ 800.00 บาทต่อเดือนนั่นเอง
นี่คือความเป็นจริงทางเศรษฐกิจของชาติไทย ซึ่งสะท้อนถึงการดํารงชีวิต
ของประเทศไทย 63 ล้านคน
ที่มีรายได้ของประชาชาติโดยรวมปีละ 6.5
ล้าน
ล้านบาทข้างต้น โดยมีคนไทยที่สูงอายุ 8% ของประชากรทั้งประเทศ หรือมีคน อายุ 60 ปีขึ้นไปจํานวนประมาณ 5.04 ล้านคน
มันมีสถานะที่น่าวิตกอย่างยิ่ง เพราะความเป็นชนชาติไทยที่มีความเป็น
โดยรวมนับหมื่นนับแสนล้านบาท จํานวน
32.4
อภิมหาเศรษฐี
มีความ
เป็นอยู่แตกต่างกับคนไทยประเภทหนึ่งและสองอย่างสุดเอื้อม
ความแตกต่างระหว่างคนที่มีรายได้เฉลี่ยปีละ 250,000.00 บาทต่อปี
9 ทําความดี เพื่อความดี
และ
คลานต้วมเตี้ยมบนถนนเส้น
เดียวกันมีชีวิตอดมื้อกินมื้อ
ครอบครัวขาดความ
อบอุ่นหม่นหมอง ลูกหลานบางคนประกอบอาชีพ
ล้านคน และเป็นผู้สูงอายุประเภท
นับแต่เกิดจนถึงแก่เฒ่ามีความเป็นอยู่ที่ยากจนข้นแค้นลําบากยากเข็ญ
มหาเศรษฐี
มีอํานาจบริหารประเทศ
สามารถและโอกาส
ผู้มีรายได้ปานกลางคนละ 96,000.00 บาทต่อปี
จํานวน 1,008,000 คน นั่นคือคนไทย 20% ของชาติไทย จํานวน 10.8 ล้านคน
ที่มีทั้งอํานาจเงินมหาศาล
เช่นเศรษฐี
ยากจนแร้ น แค้ น ทั ้ ง สติ ป ั ญ ญาความรู ้ ค วาม
จํานวน
ยากจนที่มีรายได้โดยเฉลี่ยเดือนละ 800 บาท
ทีกําลังวิ่งบนถนนเส้นเดียวกันด้วยพลังความคิดสติ
บริหารธุรกิจต่างๆ นานาประการโดยที่มีคนไทยที่
1,008,000 คน มีคนไทยที่สูงอายุประเภทสอง จํานวน 3.24
ล้านคน
ส่วนคนไทยประเภทที่สองที่มีกําลังวังชา
ปัญญาความทะเยอทะยานอยากมีฐานะทางเศรษฐกิจ
โดยมีผู้สูงอายุประเภทหนึ่งที่มีรายได้โดย
เฉลี่ยปีละ 250,000.00 บาทต่อคน
ซึ่งบางคนบางครอบครัวร่ํารวยมหาศาลมีทรัพย์สินเงินทอง
ผิดกฎหมายศีลธรรม
เพื่อยังชีพอยู่รอดไปวันๆ
เป็นคนไม่มีอนาคตมั่นคง ทั้งทางเศรษฐกิจสังคม ไม่มีคุณภาพชีวิตมีแต่อนาคต ที่มืดมน
การแก้ไขปัญหาของชาติไทยของคนที่แตกต่างกันทั้งสามระดับ ทางพุทธ
ศาสนาจะต้องแก้ที่สาเหตุแห่งทุกข์ โดยการใช้ปัญญา ไม่ใช้นโยบายหลอกลวง ด้วยการสร้างภาพลวงตา ด้วยนโยบายเอื้ออาทรประชานิยม
ทําความดี เพื่อความดี 10
ไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปกว่ากรรม
การแก้ไขปัญหาของชาติไทย
การแก้ปัญหาโดยให้มี
ปัญญาหาเลี้ยงชีพด้วยวิชาความรู้ นานาประการรู้จัก “พอเพียง” ไม่ เอารั ด เอาเปรี ย บเพื ่ อ นร่ ว มชาติ ร่วมแผ่นดิน ซึ่งบางคนบาง ครอบครัวมีรายได้จากการ ผู ก ขาดสั ม ปทานหากิ น จากงบ ประมาณแผ่นดิน
การคอรัปชั่น
อย่ า งโจ่ ง แจ้ ง และซั บ ซ้ อ นทาง นโยบายนั้น ใหม่ให้รู้จัก
ถ้าเลิกได้ก็เลิกเสียโดยหันมาสู่ความจริง “พอเพียง”
มี
ฟื้นฟูพัฒนาคนไทยรุ่น
“ปัญญา” ดํารงชีวิตอยู่บนพื้นแผ่นดินไทย
นโยบาย “ประชานิยม”กระตุ้นให้ทุกคนคิดแต่เงินๆ
คือสิ่งแก้ปัญหาต่างๆ
นั้นแหละที่ทําให้ทุกคนดิ้นรนจนทําผิดทั้งกฎหมาย ศีลธรรม โสเภณี
เป็นโจรใส่สูทในรูปแบบข้าราชการ
เลิก
พ่อค้า
ค้ายาบ้า
นักการเมือง
เงิน เป็น
นักเลง
อันธพาล ผู้ทรงอิทธิพล บุคคลที่เอาเปรียบคนไทยในเชิงนโยบายคือคนอันตราย ทําลายชาติไทยในทศวรรษนี้นี่เอง
หนังสือพิมพ์ภาคเหนือ 1 ธันวาคม 2547 บ้านไทยร่มเย็น เชียงใหม่
ชีวิตจริงของชายไทยคนหนึ่งซึ่งเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2492 หลังสงคราม ระหว่างไทยกับฝรั่งเศสที่ เรียกว่า สงครามอินโดจีน ในปลายเดือนพฤศจิกายน 2483 ยุติในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2484 โดยกองทัพไทยบุกยึดได้เมืองพระตะบอง, ศรีโสภณ และมงคลบุรีของฝรั่งเศส เนื่องจากญี่ปุ่นมหาอํานาจเอเชียได้ยื่นมือเข้า มาไกล่เกลี่ยให้
ทําสัญญาสงบศึก
ประเทศไทยได้
ถูกฝรั่งเศสใช้กําลัง
ทหาร บุกยึดดิน
แดนของประเทศไทย
ไปตั้งแต่สมัย
พระบาทสมเด็จพระ
ปิยมหาราช
รัชกาลที่ 5 รวมเป็น
เนื้อที่ถึง
481,600 ตาราง
กิโลเมตร จาก
การรุกรานของ
ฝรั่งเศสรวม 5
ครั้ง ปัจจุบัน
ประเทศไทยมี
พื้นที่ 513,000
ตารางกิโลเมตร
ชายไทยคนดังกล่าว
ข้างต้นไม่มี
ความรู้บ่มเพาะ
เท่ากับบิดาของ
ตนเอง เพราะพ่อ ของ
เขาจบการศึกษา
จากโรงเรียนยุพราช
วิทยาลัย โรงเรียนประจําจังหวัดเชียงใหม่ ที่อบรมสั่งสอนให้รักชาติ ศาสนา พระ มหากษัตริย์ โดยพ่อของเขาเป็นยุวชนทหาร เดินขบวนเรียกร้องเอาดินแดนคืน จากฝรั่งเศสไปตามท้องถนนในจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งผู้เขียนก็เป็นคนหนึ่งที่เรียก ร้องเอาดินแดนคืนจากฝรั่งเศสเหมือนดั่งเช่นคนไทย
11 ทําความดี เพื่อความดี
ทําความดี เพื่อความดี 12
ไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปกว่ากรรม
ไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปกว่ากรรม
ครั้นเมื่อกลับมารับราชการตํารวจ และเมื่อมียศเป็นนายพันตํารวจตรี ก็ได้
ทั ่ ว ประเทศเรี ย กร้ อ งเอา
ดิ น แดนคื น จากฝรั ่ ง เศส
เป็นนายตํารวจติดตามนักการเมืองระดับรัฐมนตรี เขาก็รู้เห็น เรียนรู้การเมืองทุก
จนเกิ ด สงครามอิ น โดจี น
แง่ทุกมุม อาศัยที่เป็นคนเก่งเป็นคนฉลาดเกินคนธรรมดา เขาจึงเรียนรู้การเมือง
- ฝรั่งเศส ดังกล่าวข้าง
จากสิ่งที่พบเห็น และได้เห็นอํานาจยิ่งใหญ่ของการเมือง เมื่อนักการเมืองปรามา
ต้น
จารย์ของเขา เป็น ส.ส. สอบตก นี่คงเป็นส่วนประกอบในการตัดสินชีวิตของเขา
ชีวิตจริงของชายดัง
กล่าวแตกต่างไปจากพ่อ ของเขาโดยสิ้นเชิงนั่นคือ
จากยศพันตํารวจโท โดยการลาออกจากราชการมาดําเนินชีวิตเป็นนักธุรกิจ ที่ เป็นพื้นฐานชีวิตของครอบครัวของเขาที่ทํามาค้าขาย คิดเเต่ความร่ํารวยเป็นเป้า หมายหลักกระมัง?
เขาได้ ศ ึ ก ษาอบรบบ่ ม
เพาะในชั้นมัธยมต้น
่
เเละปลายจากโรงเรียนของชาวฝรั่งเศส ที่เน้นวิชาการเป็นเลิศ ในด้านประกอบ อาชีพทํามาหากิน ทํามาค้าขายให้มีฐานะอยู่ดีเป็นเป้าหมายหลัก และคงไม่เน้น สอนประวัติศาสตร์ที่ชาติไทยต้องเสียดินแดนให้ฝรั่งเศสถึง 5 ครั้ง เป็นพื้นที่ 481,600 ตารางกิโลเมตรนั่นคือ คงไม่เน้นอุดมการณ์รักชาติ เเละสถาบันพระ มหากษัตริย์กระมัง? ยิ่งในวัยรุ่นชีวิตของเขาเป็นเด็กที่เรียนเก่ง ช่วยพ่อเเม่ทํามา หากินได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจฉายหนังเร่บ้าง,โรงภาพยนตร์ของพ่อของเขา บ้าง ทําให้เขาได้รู้เห็นถึงความไม่ถูกต้องชอบธรรมจากการกระทําของเจ้าหน้าที่ รัฐกระมัง?
จึงทําไห้เขาเข้าศึกษาในโรงเรียนนายร้อยตํารวจสามพราน
จน
สําเร็จออกมารับราชการเป็นนายตํารวจในท้องที่นครบาล เเละคงได้เห็นความ จริงของตํารวจแตกต่างไปจากที่ได้เรียนมาเขาจึงดิ้นรนไปศึกษาหาความรู้เพิ่ม เติมในด้านอาชญากรรมวิทยา จากประเทศสหรัฐอเมริกาจนสําเร็จได้รับปริญญา เอก เป็นด๊อกเตอร์ทางอาชญากรรม
13 ทําความดี เพื่อความดี
ทําความดี เพื่อความดี 14
ไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปกว่ากรรม
ไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปกว่ากรรม
การทําธุรกิจของเขาล้มลุกคลุกคลาน เช็คเด้งครั้งเเล้วครั้งเล่า ต้องก้ม
บุญูคุณที่ยามลําบากยากจนหมุนเช็คเด้งที่เขาต้องทดแทน และบุญคุณคดี
หน้าขอความช่วยเหลือจากญาติพี่น้อง วงศาคณาญาติ เพื่อนฝูงนักธุรกิจ ดังที่เขา
ซุกหุ้นที่มีคนโอบอุ้มช่วยเหลือตลอดบุญคุณที่ถูกกล่าวหาหลีกเลี่ยงเสียภาษีแก
เคยเปิดเผยชีวิตครั้งเมื่อลําเค็ญให้ทราบโดยทั่วไป และในที่สุดเขาก็หลุดพ้นจาก
กรมศุลกากร วิบากกรรมของชีวิตจากคนเก่งที่ต้องทดเเทนบุญคุณแก่คนเหล่านั้น
ความหายนะมาเป็ น นั ก ธุ ร กิ จ ที ่ ม ี
และประกอบกับชีวิตคลุกเคล้ากับคนประเภทเอาแต่ได้ในที่สุดเขาก็ตกเป็นเครื่อง
สั ม ปทานของรั ฐ เป็ น หลั ก ประกั น
มือของคนมากมายมหาศาล ทุกคนเห็นเขาเป็นขุมทรัพย์เป็นบันไดไต่เต้าทาง
ธุรกิจผูกขาดทําให้ชีวิตเขาประสบ
หน้าที่การงาน
ความสําเร็จมีเงินทองนับร้อยนับ
ธุรกิจได้รับสัมปทานผูกขาด คนใกล้ตัวและคนล้อมรอบเขาจึงทําให้เขาถูกอุ้มชู
พันล้าน จนในที่สุดวันหนึ่งได้รับ
ลอยเด่นเป็นผู้นําเป็นผู้ยิ่งใหญ่จนเขากล้ากล่าวจากปากตัวเองว่า “เขาเป็นนายก
การเชื้อเชิญเป็นหัวหน้า
รัฐมนตรีทีดีที่สุดของประเทศไทย” เขาจะนําชาติไทยไปสู่ความเจริญเเละยิ่งใหญ่
พรรคการเมื อ งหนึ ่ ง หลั ง เดื อ น
เขาปลุกเร้ากระแสการเมืองทั้งในเเละนอกประเทศเพื่อไต่ระดับเป็นนักการเมือง
พฤษภาคมทมิฬ ชีวิตของเขาจึง
ระดับโลก
เพราะเขาเป็นคนประสบความสําเร็จในชีวิต
จากการเป็นนัก
ควบคู่เป็นมหาเศรษฐี อภิมหาเศรษฐีระดับชั้นนําของโลกด้วยคน
ก้าวเข้าเป็นผู้บริหารประเทศ เป็นรัฐมนตรีร่วมรัฐบาลผสม เขาได้ใช้วิชาความรู้ที่
แวดล้อมได้เอาเขาเป็นเครื่องมือได้รับแต่การสรรเสริญเยินยอ จนทําให้ชีวิตเขา
ได้ร่ําเรียนมา และจากประสบการณ์ชีวิตจริงมาปรับใช้ เขาเป็นคนเก่ง คิดไว ทํา
ไม่คิดถึง “โลกธรรมแปด” คือ เมื่อมีลาภก็เสื่อมลาภ มียศก็เสื่อมยศ มีสรรเสริญก็
ไว ปากไว ใจกล้า ในสมัยเด็ก ๆ เพื่อนนักเรียนให้ฉายาเขาว่า “ขี้คุย” หรือ “ขี้โว”
มีนินทา มีสุขก็มีทุกข์ ทําให้เขามีอารมณ์หงุดหงิด จิตฟุ้งซ่านในบางขณะเมื่อถูก
บ้าง ผลก็คือพรรคการเมืองที่เขารับเป็นหัวหน้าเริ่มแตกแยกในด้านความคิดเห็น
วิพากษ์วิจารณ์ เขาก็กล่าวคําผรุสวาทโต้ตอบอย่างรุนเเรง โดยคิดว่าคนอื่นเป็น
อุดมการณ์ จนในที่สุดเขาก็เลิกทํางานการเมือง โดยไปใช้ชีวิตศึกษาธรรมะของ
ศัตรูไปหมด คําพูดที่หวังดีจาก “บัณฑิต” กลายเป็นคําประสงค์ร้าย คําพูดมดเท็จ
พุทธศาสนา ศึกษาธรรมะของท่านพุทธทาสภิกขุ และได้เป็นศิษย์ของพระอิสระมุนี
สรรเสริญเยินยอ หลอกล่อให้เขาเป็น เครื่องมือเป็นน้ําทิพย์ชโลมใจเขา ประกอบ
ที่สอนว่า “ถ้าไม่แบก ก็ไม่ทุกข์” ความเลื่อมใสในคําสั่งสอนของพระอิสสระมุนี
กับภูมิต้านทานในตัวเขาที่ผ่านการศึกษา
ทําให้หายเครียด จนทําให้เขาเลื่อมใสและให้ลูกชายบวชเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ
ด้ า นธุ ร กิ จ เงิ น ทอง จึ ง ไม่ ค ิ ด ถึ ง สั ง คมและความมั ่ น คงของประเทศชาติ
อิสระมุนี เขาอาจมีวิบากกรรมในอดีตกระมัง? พระอาจารย์หลวงพ่ออิสระมุนีต้อง
ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมไทย
คํากล่าวหา เสพเมถุน จนต้องหลบหนีออกจากวัดสาบสูญไปหลังจากเขาได้รับ
เยาว์วัยจนถึงวันที่มีอํานาจอันยิ่งใหญ่ เป็นผู้บันดาลให้คนได้ดีมีสุข มีเงินมีทอง มี
เลือกตั้งในปี พ.ศ.2544 เเละรอดพ้นคดีซุกหุ้นแล้ว
ยศตําแหน่ง และในที่สุดไปสู่ความยุ่งเหยิง ไปสู่ความชุลมุนวุ่นวายไม่ว่าจะ
15 ทําความดี เพื่อความดี
เล่าเรียน เเละเกี่ยวดองของยุ่งใน เพราะเขาได้รับความกดดันชีวิตตั้งแต่
ทําความดี เพื่อความดี 16
ไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปกว่ากรรม
ไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปกว่ากรรม
เหตุการณ์ร้ายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ดี ในสังคมเมือง, สังคมชนบท และ
นั่นคือพฤติกรรมของชายคนนี้ ที่ถูกบ่มเพาะมาตั้งแต่เยาว์วัย ที่เก่ง กล้า ฉลาด
สังคมในกรุงมีแต่การแย่งชิงผลประโยชน์ ทุจริตคอรัปชั่นคิดเเต่เงินเเละความ
มาจากการศึกษาโรงเรียนมัธยมต้นและปลาย จากโรงเรียนของศัตรูที่แบ่งแยก
ร่ํารวยขาดศีลธรรม เสพยาเสพติดคนวัยหนุ่มสาวหมกมุ่นในกามกิเลส และทําให้
ดินแดนไทยไป 5 ครั้งเป็นพื้นที่ 481,600 ตารางกิโลเมตรนั้น ทําให้เขาเห็นความ
คนไทยแตกแยกกันเป็นฝักเป็นฝ่าย พวกได้ดีมีสุขอิ่มหมีพีมันก็ยกย่องเขาเป็นคน ดี, เป็นคนเก่ง พวกประจบสอพลอก็จะเอาเขาเป็นเครื่องมือต่อไปก็จะออกมาปก ป้องว่า “เขาเป็นคนเก่ง ขาดเขาไปจะไม่มีคนเก่งและมีฝีมือฝีเท้าแบบเขาอีก” ส่วนคนชั้นกลางนักวิชาการ,พวกไม่ได้ประโยชน์ เเละคนที่ไม่ประสงค์
ผลประโยชน์ใด ๆ จากเขา เเต่ต้องการเห็นบ้านเมืองสงบสุขต้องการให้
คนไทย 63 ล้านคนได้รับการดูเเลอย่างมีคุณธรรม มีขนบธรรมเนียม มีวัฒนธร รมเเบบไทย มี
ความเป็ น อยู ่
กันอย่างพอ
เพียง พอมีพอ
กินไม่ใช่ มี
คนรวยกระจุ ก
แต่มีคนจน
กระจาย มีคน
กลุ่มหนึ่งมี
อํ า นาจล้ น ฟ้ า
มี ค วามเป็ น อยู ่
เหนือมนุษย์
มนา สามารถ
หลี กเลี ่ ยงภาษี
ไม่ต้องเสียภาษี
เหมี อ นคนทั ่ ว
ๆ ไป ถ้าจับได้
ไล่ ท ั น ก็ จ ะเสี ย
เพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ กระแสความไม่พอใจของคนที่รู้ทัน และไม่ต้องการให้ชาติ บ้านเมืองถลําลึกไปสู่ความวิบัติ จึงมีกระเเสต่อต้านเรียกร้องให้เขาพ้นจากหน้าที่ ความรับผิดชอบ
เพราะเขาขาดคุณธรรม จริยธรรม ของนักการเมือง ของผู้นํา
17 ทําความดี เพื่อความดี
สําคัญของเงินมากกว่าความถูกต้องชอบธรรมลืมความมั่นคงของชาติ เอกราช อธิปไตย ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมอย่างไทย ๆไม่เข้าใจคําว่า “ความ พอเพียง” พอมีพอกินของคนไทยทั้งชาติ จึงมองเห็นเงินคือสิ่งที่บันดาลความสุข ทุก
ประการ โดย
หลงลืม
ความเป็นชาติ
ที่มั่นคง
สถาพร ต้อง
ประกอบ
ด้วยคนส่วน
ใหญ่ที่ต้อง
มีชีวิตอยู่
อย่างอิสระ
เสรี มีผู้
ปกครองที่
มีคุณธรรม
จริยธรรม
ทําตัวเป็น
ตัวอย่างที่
ดีสมกับเป็น
ผู้นําของ
ประเทศ จึง
เป็นวิบากกรรมของชายดังกล่าวที่ต้องตกเป็นเครื่องมือของคนกลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ ล้อมรอบใกล้ตัวเขาและเอาเขาเป็นเครื่องมือให้ได้ดีมีสุข ไม่มีใครกล้าเตือนสติ เขาว่า “ไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปกว่ากรรม” ทํากรรมใดไว้ในอดีตไม่ว่ากรรมดีหรือ กรรมชั่ว ผลกรรมย่อมจะส่งให้ประจักษ์ในวันใดก็ วันหนึ่งไม่ช้าก็เร็ว 5 ปีของ ตําแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 23 จะยืนยาวไปแค่ไหนอยู่ที่ดวงจิตดวงใจเขามอง เห็น “ธรรม” และเข้าใจคําว่า “ไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปกว่ากรรม”
ทําความดี เพื่อความดี 18
อนาคตของประเทศไทย อยู่ที่การปฏิรูปที่ดิน
ไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปกว่ากรรม
ขอให้นายก
เมื่ออดีตกาลนานนับพัน ๆ ปี ในบริเวณเเหลมสุวรรณภูมิ หรือแหลมทอง
๒๓
มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์เป็นป่าดิบชื้น ๖๐% ของพื้นที่มีไม้สักและไม้เนื้อแข็งเบญจ
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จงตั้ง
พันธุ์ รวมทั้งไม้กฤษณาที่มีเนื้อไม้สี่ดํามีกลิ่นหอม ไม้ฝางเนื้อไม้สีแดงใช้ย้อมผ้า
สติทบทวนจนเกิดสมาธิสงบ
เเละเป็นยารักษาโรค มีต้น
นิ่ง เกิดปัญญาเข้าใจคําว่า
สมุ น ไพรต่ า ง ๆ อี ก ทั ้ ง มี ส ิ น เเร่
“ไม่ ม ี ใ ครยิ ่ ง ใหญ่ ไ ปกว่ า
ทองคํา เหล็ก ทองแดง และดีบุก
กรรม” และรีบแก้ไขปัญหา
ที่อุดมสมบูรณ์
ให้ ผ ่ า นพ้ น ไปด้ ว ยความรา
ลุ ่ ม แม่ น ้ ํ า โขง (ของ) ชี - มู ล -
บรี ่ น และทุ ก ฝ่ า ยสงบสุ ข
สงคราม ในอี ส านตอนบนเเละ
ด้ ว ยมองปั ญ หาด้ ว ยตาใน
อี ส านตอนล่ า งและที ่ ร าบลุ ่ ม น้ ํ า
ไม่มองปัญหาด้วยตาเนื้อ หรือตานอกที่มองไม่เห็นขนตาของตน ทั้ง ๆ มันอยู่ใกล้
สาละวิน (คง) ปิง - วัง - ยม -
ตาที่สุด “ชนะวันนี้ จะพายแพ้ย่อยยับในวันหน้า”บริวารใกล้ชิดในวาระสุดท้ายจะ
น่าน - เจ้าพระยา - ป่าสัก – แคว
ละทิ้ง
น้อยใหญ่
รัฐมนตรีคนที่
กลับมาเป็นศัตรู เพื่อความอยู่รอดของพวกเขา เพราะพวกเขาเอา
ประโยชน์เหนือทุกสิ่ง
นี่แหละ “ไม่มีใครยิ่งใหญ่ไปกว่ากรรม” ไม่ช้าก็เร็ว ผล
ในบริเวณที่ราบ
ชนเผ่าไทยหลากหลายสาย
สัมพันธ์ุในสยามประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ ๘๐ ประกอบอาชีพการเกษตรกรรม
ของกรรมจะต้องเกิด 100%
เพราะมีปุ๋ยธรรมชาติที่เวลาน้ําไหลหลากมาแต่ละปี เข้าท่วมทับถมในพื้นที่นาที่
หนังสือพิมพ์ภาคเหนือและพลเมืองเหนือ
๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ บ้านไทยร่มเย็น อ.เมืองเชียงใหม่ (ออกอากาศทางสถานีวิทยุวิหคเรดิโอ)
19 ทําความดี เพื่อความดี
สวนทําให้ทํานาทําสวนได้ผลผลิตอุดมสมบูรณ์อีกทั้งในน้ํามีปู ปลา กุ้ง หอย ทั้ง ในน้ําจืด
น้ํากร่อย ในทะเลจีนและอันดามัน
ชนเผ่าไทยอยู่กันอย่างสงบสุข
นาน ๆ จะมีสงครามรุกรานจากชนชาติใกล้เคียงที่อยากแผ่อิทธิพลเช่นจีน และใน ระยะ ๓๐๐ - ๕๐๐ ปีก็มีพม่าที่รุกรานทําสงครามกับไทย ภาคเหนือ
กลาง และ
ใต้ เพราะประเทศไทยในน้ํามีปลา ในนามีข้าว ในผืนแผ่นดินมีสินแร่และอัญมณี ในป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ ด้วยไม้อันมี
ทําความดี เพื่อความดี 20
อนาคตของประเทศไทย อยู่ที่การปฏิรูปที่ดิน
อนาคตของประเทศไทย อยู่ที่การปฏิรูปที่ดิน
ค่าดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีช้างป่านับพันนับหมื่นเชือก มีฝูงควายป่า กระทิง แรด
เจ้าของสวนปาล์มในภาคใต้ที่บางครอบครัวมีที่ดินเป็นหมื่นไร่ ครั้นมาในรัฐบาล
เสือ หมีในน้ํามี ปู ปลา กุ้ง หอย ชนเผ่าไทยหลากหลายสายพันธุ์จึงกินข้าว กินปู
ยุคปัจจบันนี้กําลังจะให้ฝรั่ง และคนต่างชาติต่างภาษามีสิทธิถือครองที่ดินได้
ปลา กุ้ง หอย กินพริกกินกะปิ กินปลาร้า กินผักนานาชนิด ประชากรส่วนใหญ่ร้อย
คือผืนแผ่นดินไทยในแหลมสุวรรณภูมิของเรา ที่ยึดอาชีพเกษตรกรรมกําลังจะ
ละ ๘๐ ทําการเกษตรกรรมเลี้ยงครอบครัวสินค้าส่งออกของประเทศไทย ในอดีต
เป็นทาสทางเเรงงาน เป็นลูกจ้างและหญิงขายบริการเพิ่มปริมาณมากยิ่งขึ้น
คือข้าว ไม้สัก แร่ดีบุก อัญมณี จึงเป็นที่สนใจของชาวต่างชาติต่างภาษา ศาสนา
ไม่ว่าจะจากประเทศจีน อินเดีย ญี่ปุ่น ตลอดจนพวกฝรั่ง ชาวฮอลันดา โปรตุเกส อังกฤษ ฝรั่งเศส อเมริกา ที่ตั้งใจเข้ามาค้าขายเผยแพร่ศาสนาและต้องการยึด ครองเป็นอาณานิคมหรือเมืองขึ้นเคยมีเรือปืนของฝรั่งชาวโปรตุเกสจอดทอดสมอ ในปากน้ําเจ้าพระยา ครั้นตกหัวค่ําถูกฝูงยุงนับแสน ๆ ตัวบินไปรุมกัดกลาสีเรือดัง กล่าว จนต้องถอนสมอเรือหนีออกไปจากลําน้ําเจ้าพระยาและประเทศไทยเพราะ กลัวฝูงยุง “ปีศาจดํา” ที่นําโรคไข้มาเลเรียหรือไข้จับสั่นทําให้คนตายมากมายจน เป็นที่เกรงกลัวของพวกฝรั่งทั้งหลายนี้คือเกร็ดประวัติศาสตร์ ส่วนหนึ่งชาติไทย รอดพ้นจากอํานาจเรือปืนของโปรตุเกส ส่วนโรคระบาดที่ทําให้คนไทยล้มตาย เป็นหมื่นเป็นแสนคนในอดีตคือโรคห่า, กาฬโรค และอหิวาตกโรค
เกษตรกร
ไทยเป็นเจ้าของที่ดินที่เจ็บป่วยต้องกู้หนี้ยืมสิน โอนที่นาและสวนค้ําประกันเงินกู้ ที่ดินจึงเปลี่ยนมือเป็นของพวกนายทุน คหบดี และเศรษฐีเงินกู้จนรัฐบาลไทยใน อดีตเมื่อ ๖๐ - ๗๐ ปีต้องตรากฎหมายห้ามคนต่างชาติต่างภาษาที่ไม่มีเชื้อชาติ ไทยสัญชาติไทย มีสิทธิถือครองที่ดิน และยังกําหนดไม่ให้คนไทยถือครองที่ดิน เกษตรกรรมเกินครอบครัวละ ๕๐ ไร่ ครั้งมาในปี ๒๕๐๑ เมื่อจอมพลสฤษดิ์
ธนะ
รัชต์ ทําการปฏิวัติยึดอํานาจ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๐๑ แล้วในยุครัฐบาลของจอมพล สฤษดิ์ ได้ยกเลิกกฎหมายกําหนดให้ถือครองที่ดินดังกล่าว โดยให้ใครมีเงินทอง จะซื้อขายมีที่ดินกี่พัน กี่หมื่นไร่ก็ได้ ถ้าเป็นคนไทยและบริษัทของคนไทย เช่น
21 ทําความดี เพื่อความดี
นี่
ซึ่งในปัจจุบันคนไทยเพียง ๖๐% ที่ยังประกอบอาชีพเกษตรกรรมและ
เป็ น การทํ า การเกษตรกรรมที ่ อ าศั ย น้ ํ า ฟ้ า น้ ํ า ฝนถึ ง ๘๐% ที ่ อ ยู ่ ใ นระบบน้ ํ า ชลประทาน ทํานาทําสวนมี เพียง ๒๐% ประกอบกับพื้นดินที่ทํานาทําสวนมานาน นับร้อยนับพันปี ดินจืดขาดปุ๋ยธรรมชาติ นักวิชาการเเละพวกนักธุรกิจได้นําปุ๋ย เคมีและสารเคมีภัณฑ์ปราบศัตรูพืชมาขายให้เกษตรกร เพื่อจะได้เพิ่มผลผลิตต่อ ไร่ให้มากขึ้น แต่ในที่สุดก็ส่งผลร้ายทําให้ต้นทุนการทํานาทําสวนสูงขึ้น ดินแข็ง บางแห่งเป็นกรดเป็นด่างและดินเปรี้ยว การเกษตรกรรมที่เคยใช้วัวควายไถนา อาศัยกีบเท้าวัวควาย เจาะเซาะชอนไชพลิกพื้นเเผ่นดินควบคู่คันไถเเละคราด กับ ขี้วัวขี้ควายที่ถ่ายออกปะปนเป็นปุ๋ยธรรมชาติก็ขาดหายไป คงมีแต่รถไถนาและ ปุ๋ยเคมี ผลผลิตข้าว มันสําปะหลัง ลําไย ลิ้นจี่ หอมกระเทียม เงาะ ทุเรียน ลองกอง ราคาก็ตกต่ํา ต้องกู้เงินมาทําการเกษตรหรือให้รัฐบาลรับจํานําและใช้งบ ประมาณพยุงราคาในที่สุดเกษตรกรก็ยากจนต้องกู้หนี้ ทั้งเอกชนและธนาคารเพื่อ การเกษตร จนต้องมีนโยบายพักการใช้หนี้และปราบนายทุนเงินกู้ดอกเบี้ยร้อยละ ๒๔- ๓๖ ต่อปี มีคดีฟ้องร้องทั่วประเทศทั้งหนี้เงินกู้และหนี้สินค้าเงินผ่อนนับแสน นับล้านคดี ยิ่งรัฐบาลต้องการเปิดการค้าเสรี FTA กับนานาประเทศ ทั้งจีน ออสเตรเลีย อินเดีย อเมริกา ฯลฯ นั่นคือเกษตรกรต้องตกเป็นเบี้ยล่าง เสีย เปรียบในการเจรจาของกลุ่มทุนนิยมของฝ่ายไทยและต่างชาติ ที่ “เขา” จะได้
ทําความดี เพื่อความดี 22
อนาคตของประเทศไทย อยู่ที่การปฏิรูปที่ดิน
อนาคตของประเทศไทย อยู่ที่การปฏิรูปที่ดิน
ประโยชน์ซึ่งกันและกัน เเต่คนไทยส่วนใหญ่ ๘๐% ต้องซื้อยาเเพง บริโภคอุปโภค
สูงขึ้น รัฐบาลต้องมีนโยบาย“ปฏิรูปที่ดิน” อย่างจริงจังไม่ไช่ “แจกที่ดินให้ทํากิน
ผัก ผลไม้และสินค้านานาชนิดจากต่างประเทศ ตลอดจนผืนแผ่นดินไทยก็จะต้อง
ในรูป สปก. ปัจจุบัน” เพราะการปฎิรูปที่ดินที่เเท้จริงต้องพัฒนาปรับปรุงบํารุงดิน
ยินยอมให้ต่างชาติเป็นเจ้าของในรูปบริษัทมหาชน
และครอบครองที่ดินตามข้อ
พลิกฟื้นผืนแผ่นดินให้อุดมสมบูรณ์ด้วยปุ๋ยธรรมชาติมีระบบชลประทาน มีถนน
ตกลงเสรี เป็นการยึดครองประเทศไทยทั้งเศรษฐกิจ - สังคม - วัฒนธรรม -
หนทางสู่ไร่นาเเละเรือกสวน มีเมล็ดพันธุ์ที่ผลผลิตสูงเเละมีภูมิต้านทานโรค มี
ศาสนา และผืนแผ่นดินได้ตามข้อตกลงนั่นเอง
เครื อ ข่ า ยระบบสหกรณ์ เพื ่ อ รวมกั น ซื ้ อ เครื ่ อ งอุ ป โภคบริ โ ภคและอุ ป กรณ์
รัฐบาลไทยจึงต้องเร่งแก้ไขปัญหาของเกษตรกร ๖๐% ที่ทนทํานาทําสวน
ที่มีปัญหาดังนี้ 1. มีเกษตรกรจํานวนไม่น้อยกว่า ๑ แสนครอบครัวที่เป็นลูกจ้างรายวัน บ้าง เป็นลูกจ้างรายเดือนบ้าง ในท้องที่จังหวัดอยุธยา, อ่างทอง, สิงห์บุรี, ชัยนาท, สมุทรปราการ, นครนายก, สมุทรสาคร, ปทุมธานี, นนทบุรี, ฉะเชิงเทรา, นครปฐม, สุพรรณบุรี, สระบุรี
เป็นต้น
2. มีเกษตรกรเช่าที่ดินทํากินในภาคกลางประมาณ ๓๒๙,๖๐๐ ครอบครัว ในภาค เหนือประมาณ
๑๕๗,๕๐๐
ครอบครัว
ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ประมาณ ๕๒๖,๓๐๐ ครอบครัว ในภาคตะวันออกประมาณ ๕๒,๔๕๐ ครอบครัว และในภาคใต้ประมาณ ๒๕,๓๐๐ ครอบครัว 3. มีเกษตรกรที่จําใจต้องบุกรุกป่าสงวนที่มันเสี่อมโทรมที่รกร้างว่างเปล่าบริเวณ ต้นน้ําลําธารเป็นจํานวนไม่น้อยกว่า ๑ ล้านครอบครัว เป็นการครอบครองที่ดินไม่ ชอบด้วยกฎหมายไม่น้อยกว่า ๑๐ ล้านไร่
เพื่อแก้ไขปัญหาของเกษตรกรดังกล่าวข้างต้นเเละช่วยเหลือเกษตรกรที่
ทํานาทําสวนในพื้นที่ดินที่ชอบธรรมถูกต้องตามกฎหมาย ให้ได้ผลผลิตต่อไร่เพิ่ม
23 ทําความดี เพื่อความดี
การเกษตรในราคาถูกและรวมกันขายสินค้าในราคายุติธรรมไม่ถูก “กดราคาซื้อ ในต้นฤดูการผลิต” โดยมีเงินกองทุนหมุนเวียน ประกันราคา มีพันธุ์วัวควายให้ เกษตรกรทํ า นาทํ า สวน มี ว ิ ช าการเกษตรกรรมใหม่ ข อง พระบาทสมเด็ จ พระเจ้าอยู่หัว เป็นการเกษตรที่ “พอเพียง” ไม่ให้ชีวิตของเกษตรกร ๖๐% มีชี วิตเเร้นเเค้นถูกเอารัดเอาเปรียบ เป็นชีวิตที่มีความเป็นอยู่ผาสุกแบบ “พอเพียง”
นั่นคือต้องปฏิรูปที่ดินในภาคกลางประมาณ ๓
ล้าน ๒ เเสนไร่ ในภาค
เหนือประมาณ ๑ ล้าน ๕ แสนไร่ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ ๔ ล้าน ๕ แสนไร่ ในภาคตะวันออกประมาณ ๑ ล้าน ๘ แสนไร่ ในภาคใต้ประมาณ ๔ เเสน ๕ หมื่นไร่ และนําที่ดินราชพัสดุที่มีอยู่ทั่วประเทศที่จะทําการเกษตรกรรมได้ประมาณ ๔ ล้านไร่ รวมเป็นที่ดินทั้งสิ้นประมาณ ๒๐ ล้านไร่ ใช้เงินงบประมาณทั้งสิ้นไม่เกิน ๔ แสนล้านบาท เป็นการปฏิรูปที่ดินครบวงจร มีน้ําชลประทานหล่อเลี้ยงที่ดินดัง กล่าว ให้เสร็จสิ้นภายใน ๔ ปี
จัดตั้งธนาคารที่ดิน เพื่อรับซื้อที่ดินของเอกชนที่ให้เกษตรกรเช่าทํากินใน
ภาคต่าง ๆ
คือ ในภาคกลางประมาณ ๓ ,๖๘๗ ,๖๓๖ ไร่ ในภาคเหนือประมาณ
๑,๘๐๒,๔๐๐ ไร่ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ ๗,๙๘๖,๖๒๓ ไร่ ในภาค ตะวันออกประมาณ๑,๒๖๐,๙๑๐ ไร่ เเละในภาคใต้ประมาณ ๖๑๔,๗๖๓ ไร่ รวมที่
ทําความดี เพื่อความดี 24
อนาคตของประเทศไทย อยู่ที่การปฏิรูปที่ดิน
อนาคตของประเทศไทย อยู่ที่การปฏิรูปที่ดิน
เกษตรกรรมที่ทํากินทั้งสิ้น ประมาณ ๑๕,๓๕๒,๓๗๒ ไร่ ของเกษตรกรประมาณ
๒,๐๙๑,๑๕๐ ครอบครัว (ข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลงบวกลบไม่เกิน ๑๐%) โดยจากงบ
การจัดการปฏิรูปที่ดิน การชลประทาน การสหกรณ์ ธนาคารที่ดินและออก
ประมาณเเผ่ น ดิ น แหล่ งเงิ น กู ้ ภ ายใน - นอกประเทศ จํ า หน่ า ยพั นธบั ต รของ
กฎหมายกําหนดการครอบครองที่ดินให้แก่ผู้มีอาชีพหลัก “เกษตรกรรม” การ
ธนาคารที่ดิน จากเงินฝากและเงินชําระหนี้ของเกษตรกร เพื่อนําที่ดินมาปฏิรูป
แก้ ไ ขปั ญ หาของคน ๖๐% ที ่ เ ป็ น คนส่ ว นใหญ่ ข องประเทศที ่ ป ระกอบอาชี พ
ครบวงจรที่กล่าวข้างต้น ขายให้เกษตรกรผ่อนชําระ ๑๐ ปี ๑๕ ปี ๒๐ ปี โดยให้เช่า
การเกษตรกรรมเป็น “อาชีพหลัก” เงินงบประมาณ ๒ แสนล้านบาทเป็นอย่างต่ํา
ซื้อครอบครัวละ ๑๐ - ๒๐ - ๓๐ - ๔๐ เเละไม่เกิน ๕๐ ไร่แก่เกษตรกรที่จดทะเบียน
และไม่เกิน ๔
แสนล้านบาทเป็น
ทําการเกษตรกรรมเป็น “อาชีพหลัก” และมีศักยภาพที่จะซื้อที่ดินได้ตามจํานวน
อย่างสูงจะส่งผล
ให้ ค นไทยส่ ว นใหญ่ ม ี
มากน้อยดังกล่าว
ฐานะความเป็ น
อยู ่ อ ย่ า ง “พอเพี ย ง”
และจะทําให้
ระบบครอบครั ว ไทย
ขนบธรรมเนี ย ม
ประเพณี เเบบไทย ๆ
กลับคืน จาก
ปัจจุบันที่เป็น
ค ร อ บ ค ร ั ว
ยากจน ชีวิต พ่อ - แม่
- ลูก - ปู่ - ย่า -
ตา - ยาย ขาดความ
อบอุ่นพลัดพราก
ไปเป็นลูกจ้าง เป็นคน
แปลนพื้นที่เกษตรประณีต ๑ ไร่ ของพ่อผาย สร้อยสระกลาง
โดยรัฐบาลจะต้องจัดตั้งกระทรวงที่ดินและน้ําแห่งชาติ เพื่อควบคุมดูแล
ขายบริการและกระทําผิดกฎหมาย ศีลธรรม อีกทั้งจะส่งผลให้เกิดอุตสาหกรรม การเกษตรในตําบลต่าง ๆ ในเขตปฏิรูปที่ดินของตําบล อําเภอ ทั่วประเทศเป็น อุตสาหกรรมและหัตถกรรมที่ยั่งยืน สมกับการท่องเที่ยวของชาวต่างประเทศและ ชาวไทย ที่มีรากเหง้าอันดีงามเป็นเเผ่นดินธรรม เเผ่นดินทอง เป็นเมืองอบอุ่นร่ม เย็นมีเเต่สันติสุข ที่กินอยู่กันอย่าง“ พอเพียง” ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบเช่นปัจจุบัน รัฐบาลไทยใช้ความอดทนมีนโยบายทําจริงจังติดต่อไม่เกิน ๔ - ๘ - ๑๒ ปี แหลม สุวรรณภูมิของชาวเผ่าไทยหลากหลายสายพันธุ์ จะเป็น “ครัวโลก” เเละ “เมือง
25 ทําความดี เพื่อความดี
ทําความดี เพื่อความดี 26
อนาคตของประเทศไทย อยู่ที่การปฏิรูปที่ดิน
สันดานคน
วัฒนธรรม” สยามเมืองยิ้ม คนไทยจิตใจดีงาม
คิดอย่างไรก็จะเชื่อ
อย่างนั้น
หากไม่ทําการ “ปฏิรูปที่ดินอย่างจริงจัง” ดังกล่าวข้างต้น มหาภัยอันยิ่ง
เชื่ออย่างไรก็จะ
ใหญ่ใน ๑๐ – ๒๐ ปีข้างหน้า คือความล่มสลายของสังคมชนชาติไทยที่ตัวใครตัว
ทําอย่างนั้น ทําอย่างไรก็จะ
มัน - ไร้ศีลธรรม เป็นเมืองโลกีย์ ที่ชนต่างชาติจะมาหยิบฉวยเอาผลประโยชน์และ
ติดเป็นนิสัยอย่างนั้น นิสัย
ละทิ ้ ง สิ ่ ง สกปรกโสโครกให้ แ ก่ ช ุ ม ชนเผ่ า ไทยหลากหลายสายพั น ธุ ์ ใ นอนาคต
อย่ า งไรก็ จ ะเป็ น สั น ดาน
นั่นเอง (นสพ.พลเมืองเหนือ และถิ่นเหนือ 1 มีนาคม 2549)
อย่างนั้น
สันดานอย่างไรก็
จะประสบวิ บ ากกรรมอย่ า ง นั ้ น ในดี ย ่ อ มมี เ สี ย ในเสี ย ย่อมมีดี
เพราะปถุชนคน
ธรรมดาย่อมไม่มีดีครบถ้วน จึงควรนําส่วนดีมาใช้ ละทิ้งส่วนเสียออกไป ให้คนดีปกครองประเทศ ควบคุมคน ไม่ดีไม่ให้มีอํานาจ
เปรียบดังแมลงผึ้งที่ไต่ตอมดูดดมดื่มกินของหอมหวาน กับ
แมลงวันที่ไต่ตอมดูดดมดื่มกินของเหม็นหรืออาจม
หนอนในอาจมที่เหม็น ย่อม
ชื่นชอบชื่นชมในอาจมฉันใด นั้นมันเป็นปกติวิสัย สันดานของหนอน ที่อาศัยดื่ม กินอาจมฉันนั้น
คนไม่ดีมีสันดานต่ําช้าชั่วร้าย เห็นผิดเป็นชอบ ไม่ดํารงตนใน
ครรลองของคําสั่งสอนของศาสนาและกฎหมาย
เป็นปกตินิสัย จนเป็นกมล
สันดาน จนยากที่จะแก้ไข ได้ฉันใด การควบคุมคนไม่ดีมีสันดานชั่วช้าไม่ไห้มี อํานาจเป็นความชอบธรรมฉันนั้น เพราะบ้านเมืองจะสงบร่มเย็นเป็นสุขนั้น ไม่ใช่ การที่ให้คนดีปรองดองรักใคร่ ให้คนชั่วได้มีอํานาจ แต่ต้องแยกกันให้ชัดเจน ดัง แมลงวันกับแมลงผึ้ง มนุษย์ต้องเลือกเลี้ยงแมลงผึ้ง เพื่อผลิตน้ําผึ้งอันหอมหวาน 5 ธค. 2552 กลุ่มทหารเสือพระราชาร่วมกันกล่าวคําปฏิญานตนถวายความจงรักภักดี
และควบคุมไม่ให้แมลงวันไต่ตอมอาหารด้วยการกําจัดปัดไล่ให้แมลงวันไม่บิน ว่อนรบกวน และควบคุมและกําจัดให้มีปริมาณลดลง
27 ทําความดี เพื่อความดี
ทําความดี เพื่อความดี 28
สันดานคน
สันดานคน
หรื อ ให้ อ ยู ่ ใ นที ่ เ หมาะสมกั บ
ย่ อ มทราบอยู ่ แ ก่ ใ จว่ า ตั ว
นิสัยสันดาน ก็จะทําให้สังคม
เองทําชั่ว
อยู่กันอย่างปกติสุขนั้นเอง คน
น้ อ ยแค่ ไ หนจึ ง หลบหนี ไ ม่
ดี แ ละคนไม่ ด ี ไม่ ต ่ า งไปจาก
กลับมารับโทษทัณฑ์ นั่นก็
แมลงผึ้งกับแมลงวัน คนดีอย่าง
เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าทําดีเพื่อ
มหาตมะคานธี
มหาบุรุษของ
ตนเองด้วยสุจริตหรือทุจริต
อินเดีย ที่ถูกอังกฤษจับกุมคุม
คดโกงโดยแยบยลต่อ
ขั ง หลายครั ้ ง หลายหน
ประเทศชาติประชาชนหรือ
ใน
เลวระยํามาก
การนํ า มหาชนต่ อ สู ้ เ รี ย กร้ อ ง
ไม่
เอกราชด้วยสันติวิธีแบบอหิงสาในกรณีนํามหาชนปั่นฝ้ายทําเสื้อผ้านุ่งห่มและนํา
กฎแห่งกรรม
ฝูงชนเดินทางไปชายทะเลเพื่อทําเกลือ
ที ่ ส ุ ด ก็ ต กนรกรั บ กรรมเวร
ต่อต้านคัดค้านกฎหมายห้ามคนอินเดีย
ทําฝ้ายผ้าและทําเกลือ หรือ เนลสัน แมนเดลา
ของแอฟริกาใต้ที่เรียกร้อง
เอกราชและประชาธิปไตยจนติดคุกยาวนาน 20 กว่าปีและเป็นประธานาธิบดีใน
ด้วยการตรอมใจตายดังเช่น พลตํารวจเอกเผ่า
และในที่สุดก็หนีไม่พ้น เพราะใน
ศรียานนท์ ที่หัวใจวายตาย ที่ส
วิตเซอร์แลนด์นั้นเอง
ภายหลังก็ดี นางอองซานซูจี ของพม่ายอมถูกกังขังเป็นเวลา 14-15 ปีไม่ยอม หนีออกนอกประเทศก็ดี
หรือจอมพล
ป.พิบูลสงคราม ถูกจับขังในคุกบางเขน เมื่อ
8
ตุลาคม 2488
สงครามโลกครั้งที่ 2
หลัง
และปล่อยตัว 8
เมษายน 2489 เป็นเวลานาน 6 เดือน หรือ 180 วันนั้น ก็เพราะบุคคลดังกล่าว มีความมั่นใจว่าทําดีเพื่อชาติประชาชน ส่ ว นคนที ่ ห นี ค ุ ก หนี ค ดี ไ ปอยู ่ ต ่ า งแดน
29 ทําความดี เพื่อความดี
ทําความดี เพื่อความดี 30
ปัญหาที่ทําให้ชาติล่มจม
สันดานคน
ด้วยปัจจุบัน ราชอาณาจักรไทยมีปัญหารุนแรงถึงขั้นทําให้ชาติล่มจม 1. รัฐบาลไม่เข้มแข็ง ประชาชนไทยและต่างชาติขาดความเชื่อมั่น
1.1 นายกรัฐมนตรี บริหารประเทศแบบตั้งรับ แก้ไขปัญหาเป็นกรณีๆ ไม่มี
ยุทธศาสตร์ในเชิงรุก
1.2 นักการเมืองฉวยโอกาสร่วมมือข้าราชการ พ่อค้า นักธุรกิจ ทุจริต
ประพฤติมิชอบ
1.3 นักธุรกิจและนักการเมืองร่วมมือกันส่งเสริมสนับสนุนข้าราชการที่เป็น
พรรคพวก ขึ้นสู่ตําแหน่งหน้าที่หัวหน้างานขององค์กรต่างๆ เกิดการแตกแยกและ ทุจริตประพฤติมิชอบมากขึ้นๆ
ทักษิณเอ๋ย!!
เจ้าจงใช้เวรกรรมให้หมดไปโดยกลับมาติดคุก และขอ
พระราชทานอภัยโทษเพื่อเจ้าจะได้หมดกรรมเวร เชื่ออาเถอะ อย่าดื้อต่อไป เลิก คบคนชั่วเสียที
1.4 ไม่พัฒนาชาติสอดคล้องกับอุปนิสัย ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรม
ทรัพยากร ภูมิประเทศ ด้วยเศรษฐกิจผสมผสาน แต่เป็นทุนนิยมสามานย์ ประชา นิยมสุดโต่ง มือใครยาวสาวได้สาวเอา ใครพวกใดกดดันมากก็ยินยอมตามกลุ่มกด ดันนั้นๆ
จากอาผู้ปรารถนาดี
1.5 ไม่บังคับใช้กฎหมาย กฎกระทรวง กฎ คําสั่งระเบียบวินัยอย่าง
ไกรสร ตันติพงศ์
เคร่งครัด จนมีการทุจริตประพฤติมิชอบอย่างมากมายทุกกระทรวง ทบวง กรม
7 ธันวาคม 2552
1.6 คณะรัฐมนตรี ต้องประกอบด้วยคนดี คนเก่ง มีความรอบรู้
ประสบการณ์ภายในประเทศอย่างแท้จริง ต้องมีคุณธรรม จริยธรรม (จากหนังสืออํานาจที่ยิ่งใหญ่ ตอนที่ 38 หน้า 319-321)
2. ประชาชน ไม่เข้มแข็ง เพราะถูกมอมเมาจากนักการเมือง พ่อค้า นักธุรกิจ
(ออกอากาศทางสถานีวิทยุวิหคเรดิโอ 7 ธันวาคม 2552)
ข้าราชการ (พลเรือน ทหาร ตํารวจ) ที่ทําชั่วได้ดี จนเป็นต้นแบบให้ประชาชน แสวงหารายได้ทุกวิถีทาง เพราะเห็นบุคคลดังกล่าวทําชั่วได้ดีมีสุขร่ํารวยผิดปกติ
31 ทําความดี เพื่อความดี
ทําความดี เพื่อความดี 32
ปัญหาที่ทําให้ชาติล่มจม
ปัญหาที่ทําให้ชาติล่มจม
จึงเชื่อว่า "ทําดีได้ดีมีที่ไหน ทํา
การละเลยเพิกเฉย กฎระเบียบวินัยตัวบทกฎหมาย “ยึดระบบอุปถัมภ์” ไม่ยึด
ชั่วได้ดีมีถมไป" ทําให้
ระบบคุณธรรม แนะนําส่งเสริมสนับสนุนให้นักการเมือง พ่อค้า นักธุรกิจ ทุจริต
ประชาชนมี จ ิ ต ใจไม่ เ ข้ ม แข็ ง
คดโกงเงิ น งบประมาณในการจั ด ซื ้ อ จั ด จ้ า งในการกํ า หนดนโยบายที ่ เ อื ้ อ
ร่ ว มมื อ กั บ คนชั ่ ว จนเป็ น หมู ่
ประโยชน์แก่พวกพ้องในโครงการต่างๆ
ประชาชนล้อมรอบชุมโจรต่างๆ คอยรั บ เศษเนื ้ อ และแกงคนละ ถ้วย แบ่งแยกตามชุมโจรเป็น หลายก๊ ก หลายพวก หลาย พรรค ประชาชนแตกแยกขาด การสมัครสมานสามัคคีทําความดีเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ประชาชนอ่อนแอขาด จิ ต สํ า นึ ก "รู ้ รั กสามั ค คี บ นคุ ณ ความดี ถู กต้ องชอบธรรม" จนเกิ ด การจลาจล สงครามกลางเมือง
4. สื ่ อ มวลชนไม่ เข้ ม แข็ ง ขาดจิ ต สํ า นึ ก ของวิ ช าชี พ สื ่ อ สารมวลชน ร่ ว มมื อ สนับสนุนนักการเมือง ข้าราชการ พ่อค้า นักธุรกิจที่ทุจริตคดโกง ประพฤติมิชอบ โดยการปกปิดบิดเบือนช่วยเหลือ เสนอข่าวแต่ด้านดีปิดกั้นไม่เสนอข่าวสารตาม ความเป็ น จริ ง ในด้ า น เสีย เพราะนายทุนของ สื่อสารมวลชนนั้นๆ ต้ อ งหาเงิ น รายได้ จ าก บุคคลดังกล่าว ด้วยข่าว
3. ข้าราชการ (พลเรือน ทหาร ตํารวจ) ไม่เข้มแข็ง มุ่งแต่ประโยชน์ส่วนตน
สั ง คม สั ง สรรค์ งาน
มากกว่าส่วนรวม ประเทศชาติ ประชาชน เพราะถูกสังคมทุนนิยมสามานย์
โฆษณาสินค้า สถานเริง
ครอบงําแบบเห็นเงินคืออํานาจ จึงละเลยเพิกเฉยไม่คํานึงถึง เกียรติ ศักดิ์ศรี
รมย์ ผ ิ ด กฎหมาย ศี ล
ระเบียบวินัย ข้อบังคับบทกฎหมายที่ใช้บังคับกับตําแหน่งหน้าที่การงานที่ตน
ธรรม มอมเมาเยาวชน
สังกัด เกาะแข้งเกาะขานาย ยึดสถาบันการศึกษา ยึดรุ่น ไม่ยึดคุณงามความดี
ด้ ว ยละครภาพยนตร์ ท ี ่
คอยประจบเอาใจนายที่เป็นข้าราชการและนักการเมือง โดยยึดเป็นต้นแบบใน
ไร้สาระ ผิดศีลธรรม
การก้าวหน้าในราชการควบคู่การแสวงหารายได้ทุกวิถีทาง ด้วยการแสวงหา
ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรม อันดีงามของชาติไทย ทําให้สังคมทรุดโทรม
สมัครพรรคพวกข้ามกระทรวง ทบวง กรม หน่วยงานที่สังกัด คบหาสมาคมกับ
เสื่อมทรามจากการเผยแพร่ข่าวสารและภาพลามก ผ่านรายการวิทยุโทรทัศน์
พ่อค้านักธุรกิจและนักการเมือง จนเป็นเหตุนําไปสู่การทุจริตประพฤติมิชอบด้วย
หนังสือพิมพ์ สิ่งพิมพ์ โทรศัพท์มือถือ โทรสาร อินเตอร์เน็ต เฟสบุ๊ค ฯลฯ
33 ทําความดี เพื่อความดี
ทําความดี เพื่อความดี 34
ปัญหาที่ทําให้ชาติล่มจม
ซึ่งสื่อสารมวลชนคนทํางานด้านสื่อดังกล่าวจะปฏิเสธความรับผิดชอบที่สังคม เสื ่ อ มโทรมไม่ ไ ด้ ต้ อ งรั บ ผิ ด ชอบด้ ว ยการยิ น ยอมให้ ร ั ฐ กํ า หนดขอบเขตการ ทํางานบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ จะต้องเน้นโทษสื่อ มีโทษมากกว่าปัจจุบัน ควบคุม ฐานันดรตามที่รัฐธรรมนูญยกย่องให้เสรีภาพนั้นให้เข้มข้นขึ้น เพราะทุกวันนี้ สื่อสารมวลชนและคนทําหน้าที่สื่ออ่อนแอไม่ช่วยกอบกู้ชาติที่ กําลังล่มจม ให้เข้ม แข็งทําหน้าที่สื่อสารมวลชนไม่สนับสนุนคนทุจริตประพฤติมิชอบสังคมก็จะ ดีขึ้น ไม่ให้ประชาชนล้อมรอบชุมโจรด้วยเศษเนื้อและแกงคนละถ้วย จากนักการเมือง ทุจริตคดโกงด้วยประชานิยมสุดโต่งนั่นเอง 5. การศาสนาและการ ศึกษาไม่เข้มแข็ง ไม่เน้น การอบรมสั่งสอนกวดขัน ด้านคุณธรรม จริยธรรม ศี ล ธรรม ระเบี ย บวิ น ั ย วิ ช าความรู ้ ป ล่ อ ยปละ ละเลยจนเยาวชนละทิ ้ ง ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมอันดี งามของ ชาติไทย นิยมประเพณี วัฒนธรรมกินอยู่แบบฝรั่งคนต่างชาติต่างภาษา ครูบาอาจารย์พระสงฆ์สามเณร ไม่ปฏิบัติหน้าที่เป็นแบบอย่างที่ดีตามคําสั่งสอน ขององค์พระศาสดาและตําราวิ ชานั ้ น ๆ จนต้ อ งมี ส ํ า นั ก ปฏิ บ ั ต ิ ธ รรมและสถานกวดวิ ช าก็ เ พราะความ
35 ทําความดี เพื่อความดี
ปัญหาที่ทําให้ชาติล่มจม
หย่อนยานไม่เน้นศีลธรรม วิชาความรู้ อย่างจริงจัง เข้มงวดกวดขัน มุ่งแต่สร้าง ถาวรวัตถุ และอาคารสถานที่มากมายเกินความจําเป็นในการใช้สอย เพราะความ อ่อนล้าอ่อนแอของผู้ปฏิบัติธรรมและครูอาจารย์ สังคมที่ล้อมรอบวัดและสถานศึกษา คละเคล้าไปด้วยแหล่งอบายมุข สินค้าผิดศีลธรรม เยาวชนคนไทยจึงประพฤติตน ตามแบบอย่างผู้นําทางสังคม แบบ "ลูกปูเดินตามรอยแม่ปู" เยาวชนไทยอ่อนแอ อนาคตของชาติไทยหดหู่และสิ้นหวัง ถ้าการศาสนาและการศึกษาไม่ปลูกจิตสํานึก ความรับผิดชอบอย่างเข้มแข็ง ชาติไทยพินาศยับเยินแน่
บรรพบุ ร ุ ษ บรรพชน
บรรพกษั ต ริ ย ์ มาตั ้ ง มั ่ น ใน แหลมทอง ปกปักรักษา ทรั พ ยากรธรรมชาติ ท ี ่ ล ้ ํ า ค่ า มหาศาลในผืนแผ่นดินไทยทั้ง ใต้ปฐพี บนนภากาศ และใต้ ท้องทะเลในอ่าวไทยให้พวกเรา ได้ทํามาหาเลี้ยงชีพอย่าง สันติสุขมาจนถึงปัจจุบัน ที่คน ไทยแตกแยกแย่งชิงผล ประโยชน์ ทุจริตคดโกงจนชาติ ล่มจมดังเหตุ ทั้ง 5ดัง กล่าว ไม่ เข้มแข็ง อ่อนแอ อ่อนล้า จนถูกต่างชาติฉกฉวยโอกาส ลุกล้ํา แย่งชิงผลประโยชน์ ทรัพยากรล้ําค่าทั้งบนผืนแผ่นดิน ใต้ปฐพี บนนภากาศ และในท้องทะเลใต้อ่าวหาก
ทําความดี เพื่อความดี 36
ปัญหาที่ทําให้ชาติล่มจม
ปัญหาที่ทําให้ชาติล่มจม
ปล่อยให้นักการเมืองแย่งชิงอํานาจปกครองประเทศ อนาคตอันใกล้ ชาติไทย
ตะวั น ออกกลาง กระนั ้ น หรื อ ? ทํ า ไมคนไทยไม่ ร ่ ว มกั น หยุ ด นั ก การเมื อ ง
ล่มจมยับเยินแน่ เพราะนักการเมือง พ่อค้า ประชาชน นักธุรกิจ เห็นแก่ประโยชน์
ประชาธิปไตยจอมปลอม โดยไม่ยอมให้
ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม คนไทยแตกแยกท่ามกลางคนต่างชาตต่าง ภาษาจ้องเขมือบชาติไทยทั้งในด้านผล ประโยชน์เศรษฐกิจ สังคม กระทบต่อความ มั่นคงอธิปไตย ซึ่งบรรพกษัตริย์ไทยนําพาชาติรอดปลอดภัยจากมหาอํานาจและ ประเทศรอบข้างจะต้องมา ล่มจมในยุคสมัยพวกเรากระนั้นหรือ?
คนไทยยั ง จะ
ปล่ อ ยให้ น ั ก การเมื อ ง
“หมูหมากาไก่ขึ้น
เสพสวรรค์
เซ็งแซ่เสียงเห่าขัน
โกงกินอย่างเมามัน
นาพ่อ
ทุจริตกันทั้งพวกพ้อง
ทําชาติ ล่มจม”
กึกก้อง
เพี ย งไม่ ก ี ่ ร ้ อ ยคนแย่ ง ชิ ง อํ า นาจด้ ว ยการซื ้ อ เสี ย ง เพื ่ อ เป็ น รั ฐ บาล บริหารประเทศชาติบน ความปรองดอง ทุจริต คดโกง จลาจลวุ่นวาย เผาบ้านเผาเมือง ฆ่ากัน ตายหลายร้อยคน บาด เจ็บหลายพันคน โดยจับ ประเทศไทยเป็ น ตั ว ประกั น ให้ น ั ก การเมื อ งเผาบ้ า นเผาเมื อ งทุ จ ริ ต คดโกงโกหก
ไกรสร ตันติพงศ์ บ้านไทยร่มเย็น เชียงใหม่ 29 ธันวาคม 2553 (ออกอากาศทางสถานีวิทยุวิหคเรดิโอ)
ตอแหลไปวันๆจนเสียอธิปไตยและผลประโยชน์ทรัพยากรในอ่าวไทยที่มีมากมาย มหาศาล ต้องถูกเขมรกับชาติมหาอํานาจเอาไปถลุงเพียงเฉพาะพื้นที่ทับซ้อนไทย กับเขมรไม่ น้อยกว่า 5 ล้านล้านบาท ในพื้นที่ 27,000 ตาราง กิโลเมตร หรือ 16,875,000 ไร่จนพื้นที่อ่าวไทยที่มีมูลค่ามหาศาลต้องวุ่นวายแบบสงครามใน
37 ทําความดี เพื่อความดี
ทําความดี เพื่อความดี 38
ต้องถอยทางยุทธศาสตร์และรุกทางยุทธวิธี
นับตั้งแต่รัฐบาล พลเอกชาติชาย ชุณหะวัน นายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของ
ประเทศไทยสืบต่อรัฐบาล ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ในกลางปี 2531 นั้น ได้เปลี่ยนยุทธศาสตร์ให้ "สนามรบเป็นสนามการค้า" ในด้านชายแดนด้าน กัมพูชา
ส่งเสริมให้นักลงทุนต่างชาติมาลงทุนอุตสาหกรรมหนักในบริเวณนิคม
อุตสาหกรรม มาบตาพุด และแหลมฉบังโดยไม่คํานึงถึงมลภาวะเป็นพิษ และ สนับสนุนให้นักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนในกัมพูชา การค้าระหว่างชายแดนไทย เจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็ว มีโรงแรม ตลาด การค้า และบ่อนการพนันชายแดน ไทย-กัมพูชา
39 ทําความดี เพื่อความดี
ทําความดี เพื่อความดี 40
ต้องถอยทางยุทธศาสตร์และรุกทางยุทธวิธี
ต้องถอยทางยุทธศาสตร์และรุกทางยุทธวิธี
ประเทศกัมพูชาของ “นายกฮุนเซ็น” อาศัย การลงทุนของพ่อค้า นักธุรกิจ
ข้าราชการ พลเรือน ทหาร ตํารวจ นักการพนัน นักค้ามนุษย์ ยาเสพติดของหนี
กัมพูชา ก็ปีกกล้าขาแข็ง ยึดเอาทุนของไทยที่แห่กันไปลงทุนเป็นจํานวนนับหมื่นๆ
ภาษี สินค้ามือสอง กระจายไปทั่วชายแดนไทยจากจังหวัดตราด จันทบุรี สระแก้ว
ล้าน ของนักการเมือง
ภาคตะวั น ออกไปตลอดชายแดนภาคอี ส าน บุ ร ี ร ั ม ย์ ศรี ส ะเกษ สุ ร ิ น ทร์
ชั่วๆ ข้าราชการ
อุบลราชธานี เป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร
พลเรือน ทหาร
จนเวลาล่วงเลยมาเนิ่นนาน 20-30 ปี รัฐบาลนายกฮุนเซ็น ของเขมร
เป็นการค้าที่สร้างความร่ํารวยแก่นักลงทุนที่เห็นแก่เงินไม่ว่าจะเป็นพ่อค้า
ตํารวจเลวๆ เป็นตัว
นักธุรกิจ นักการเมือง ข้าราชการ พลเรือน ทหาร ตํารวจ ที่มีผลประโยชน์แอบแฝง
ประกั น กล้ า ต่ อ รอง
ปล่ อ ยปะละเลยให้ ม ี ก ารตั ้ ง บ้ า นเรื อ นถิ ่ น ฐานรุ ก ล้ ํ า ชายแดนอาณาเขตของ
หาผลประโยชน์ใน
ประเทศไทย
การนํ า ปราสาทพระ
วิหาร เป็นมรดกโลก พร้อมพื้นที่รอบ ปราสาทพระวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตร ประมาณ 2,875 ไร่ และพื้นที่แหล่งแก๊สและน้ํามันปิโตรเลียมในอ่าวไทย ที่มี ปัญหาทับซ้อนกับประเทศไทย ที่มีมูลค่า 5 ล้านล้านบาทนั้น
ประเทศไทย จึงต้องตกเป็นเบี้ยล่างทางยุทธศาสตร์ จะรุกรบก็ไม่ได้
เพราะภายในประเทศมีนักการเมืองชั่วๆ นักลงทุนเลวๆ เห็นแก่ประโยชน์ของ ตนเอง ที่ลงทุนในเขมรทําให้รัฐบาลของประเทศไทย ตกอยู่ในสภาวะเสียเปรียบ เพราะไม่ได้ปรับยุทธศาสตร์ หลงในความร่ํารวยจากธุรกิจฟอกเงินตามบ่อนการ พนันชายแดนและส่วยต่างๆ
41 ทําความดี เพื่อความดี
ทําความดี เพื่อความดี 42
ต้องถอยทางยุทธศาสตร์และรุกทางยุทธวิธี
ต้องถอยทางยุทธศาสตร์และรุกทางยุทธวิธี
ถ้าประเทศไทยไม่รีบถอยทางยุทธศาสตร์โดยรุกทางยุทธวิธี หากเกิด
ชีวิต กับเวียงจันทร์ของท้าวสุวรรณภู
สงครามลุกลามใหญ่โตพวกคนชั่วๆ ในประเทศไทยจะลุกฮือ ก่อความวุ่นวาย
มา กับท้าวสุภานุวงค์ คอมมิวนิสต์
แตกแยกจากพวก
ลาว จนรบกันวุ่นวายกว่าจะสงบสุขใช้
นักการเมืองบ้า
เวลาร่วม 20 ปี
อํ า นาจที ่ จ ะจั บ เอา
ประเทศไทย เป็น ตั ว ประกั น ร่ ว มมื อ กั บ ข้ า ราชการชั ่ ว ประเทศอาจจะ วุ่นวายจนแบ่งออก เป็ น หลายประเทศ ก็ได้
เขมร ก็ ส ร้ า งความแตกแยก
แย่งชิงอํานาจกันระหว่างเจ้าสีหนุ กับ จอมพลลอนนอน สื บ ต่ อ มาถึ ง เขมร คอมมิวนิสต์แดง กับเขมรคอมมิวนิสต์ พวกฮุนเซ็น โดยทิ้งยุทธวิธีให้เกิดการ บาดหมาง เพื่อจะกลับมาตักตวงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในภายหลัง
ดังจะเห็นจากปราสาทพระวิหารมรดกโลก พื้นที่แก๊สและปิโตรเลียมใน
พื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย จนลุกลามใหญ่โตก็จะยึดครองพื้นที่ของราชอาณาจักร ไทยในอ่าวไทยอันมหาศาล มีมูลค่าอันมหาศาลกว่าที่มีปัญหาทับซ้อนกับเขมรนับ
ดังนั้น คนไทยน่าจะศึกษาพวกมหาอํานาจที่เขาถอยทางยุทธศาสตร์หลัง
สงครามโลกครั้งที่สอง ที่ประเทศอาณานิคมของอังกฤษ ฝรั่งเศส เรียกร้อง เอกราช ในต้นปี 2490 – 2500 โดยยินยอมให้อินเดียเป็นเอกราชแต่ก็แบ่งแยก เป็น อินเดีย ปากีสถาน บังคลาเทศ ศรีลังกา ส่วนพม่าก็สร้างความแตกแยกแก่ พม่ากับชนเผ่าต่างๆ จนถึงทุกวันนี้ แม้กระทั่งมลายู ก็ขัดแย้งกับสิงคโปร์
ร้อยเท่าพันทวี
ประเทศไทยจึง ต้องถอยทางยุทธศาสตร์โดยรุกทางยุทธวิธีใช้ขบวนการ
สิทธิมนุษยชน บีบรัฐบาลเขมร ใช้ปราสาทเขาพระวิหารบีบรัฐบาลเขมร ให้ ประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนให้แก่สหรัฐอเมริกา ที่ถอยทางยุทธศาสตร์จากสงคราม เวียดนาม ในปี 2516 ให้กลับมามีบทบาทในทรัพยากรในพื้นที่ทับซ้อนของไทย
ส่วนอินโดจีนของฝรั่งเศส เขาถอยทางยุทธศาสตร์หลังจากพ่ายแพ้สง
โดยให้ญี่ปุ่น-จีน และออสเตรเลีย มีส่วนร่วม และการปิโตรเลียมของไทยมี
ครามเดียนเบียนฟู ให้เวียดนามเป็นเอกราช แต่แบ่งแยกเป็นเวียดนามเหนือ
บทบาทสํ า คั ญ ด้ ว ย เพื ่ อ ป้ อ งกั น สงครามลุ ก ลามยึ ด ครองทรั พ ยากรแก๊ ส และ
และเวียดนามใต้ ให้ลาวเป็นเอกราชแต่ก็แบ่งแยกเป็นหลวงพระบางของเจ้ามหา
ปิโตรเลียมในอ่าวไทย อันมหาศาลดังเช่นสงครามอ่าวเปอร์เซีย
43 ทําความดี เพื่อความดี
ทําความดี เพื่อความดี 44
“อุดมการณ์ชีวิตไกรสร ตันติพงศ์” ต้องถอยทางยุทธศาสตร์และรุกทางยุทธวิธี
รู้จักบุญคุณแผ่นดินถิ่นกําเนิด รู้จักเทอดองค์กษัตริย์ของรัฐฐา รู้จักคําสั่งสอนขององค์พระศาสดา รู้จักคําว่าประชาธิปไตย มีเมตตา กรุณา มุฑิตา แก่กันทั่วทั้ง ชาติ มีอุเบกขาในลาภ ยศ สุข สรรเสริญ มีความเจริญ เพราะขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด สุภาพและอดทน มีใจมั่นคงที่จะรักษาเอกราชของ ชาติไทย
ประชาชนกับข้าราชการพลเรือน ทหาร ตํารวจ พ่อค้า นักธุรกิจที่ดีๆ มีอีก
มากมายมหาศาลกว่าพวกชั่วๆ เลวๆ ดังกล่าว ต้องรีบถอยทางยุทธศาสตร์และรุก ทางยุทธวิธี ให้การเมืองเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคงของชาติไทยในประเทศไทย มั่นคง อย่าปล่อยให้เนิ่นช้าจนเกิดเหตุใหญ่ ต้องรุกทางยุทธวิธีจากเบาไปหาหนัก จากมรดกโลก สิทธิมนุษยชน ยกเลิก MOU2543 ปิดด่านชายแดนด้านตะวันออก ที่เป็นหัวใจของเขมร ถ้าพวกชั่วๆ เขาจับมือกับประเทศที่มีผู้นําเลวๆ ประสานมือ
นายไกรสร ตันติพงศ์ ส.ส. เชียงใหม่ ๓๑ ปี
กันกับพวกนักการเมืองเลวๆ ชาติไทยวิบัติ 100 % (ออกอากาศทางสถานีวิทยุ
(๒๕๐๐-๒๕๓๑) รัฐมนตรี 4 สมัย
วิหคเรดิโอ 1กุมภาพันธ์ 2554)
45 ทําความดี เพื่อความดี
บ้านไทยร่มเย็น จ. เชียงใหม่
ทําความดี เพื่อความดี 46