Touring

Page 1



MUANGKHONG



ก่ อนนั้น... ...จนวันนึง ผมไม่แน่ใจว่าจะมีใครจำได้หรื อเปล่า ว่าตอนเด็กเราเริ่ มจับจักรยานกันตอนไหน สำหรั บ ผมมัน เป็ นเพี ย งภาพลาง...ลาง... เลือนลางมากๆ...ไม่ค่อยแน่ ใจว่าเมื่อไหร่ เท่าที่พอจะจำได้...เอ่อ!...มันคงเป็ นภาพ เด็กคนหนึ่งที่ลงไปนอนกองอยูก่ บั พื้น!!! ...ใช่ครับ!... ผมว่าในตอนนั้นตัวผมคง มีปัญหากับการปรับสมดุลย์อย่างมากเลยที เดียว ผมจำได้วา่ ผมหัดขีจ่ กั รยานอยูน่ าาาาน ...นานมาก ไม่แน่ใจเหมือนกันว่านานสัก แค่ไหน แต่แทบทุกภาพทีจ่ ำได้...คงเป็ นภาพ เด็กคนเดิมลงไปนอนกองอยูก่ บั พืน้ !!!... มัน คงเป็ นภาพอย่างนั้นไม่รูก้ ค่ี รั้งต่อกีค่ รั้ง ทีม่ นั คงทำให้ท้ งั เจ็บ ได้แผลและเลือดไหล ...ก้ม ลงไปยังคงมีแผลเป็ นอยูถ่ ึงทุกวันนี้!... แต่ ยังไงก็ยงั ไม่ยอ่ ท้อ ยังคงขอหัดต่อไป ต่อไป ต่อไป ...จากหนึ่งเมตร เป็ นสองเมตร เป็ น สามเมตร เป็ น...ค่อยเรี ยนรู ้ไปวันละนิดวัน ละหน่อย ค่อยๆคืบไปได้ทลี ะน้อย ทีละน้อย จนวันหนึ่งก็สามารถขีจ่ กั รยานจนได้ ... แค่ขี่จกั รยานให้ได้... มันก็คือการประสบ ความสำเร็ จอันยิง่ ใหญ่แล้ว แต่...ทีพ่ ยายามมาขนาดนั้นเป้ าหมายมัน ไม่ใช่เพราะการขีจ่ กั รยานได้ สำหรับเด็กชาย คนหนึ่งการได้ขี่จกั รยานก็เพื่อเป้ าหมายที่ ยิง่ ใหญ่กว่านั้น มันคือ...การเล่น...

วันเวลาผ่านไป...จักรยาน...ได้กลับมาอยู่ ในชีวติ ผมใหม่หลังจากหายหน้ากันไปนาน การกลับมาครั้งนี้มนั ไม่ใช่การกลับมาเพื่อ เล่นแบบเด็กๆอย่างเมื่อก่อน แต่กลับกลาย เป็ นการสนุกอย่างจริ งจังในแบบผูใ้ หญ่ ปั่นเล่น ท่องเที่ยว ออกกำลังกาย ใช้งานใน ชีวติ ประจำวัน จึงต้องมีการศึกษาหาข้อมูล อย่างเป็ นเรื่ องเป็ นราว เพื่อการใช้งานให้มี ประสิ ทธิภาพสูงสุ ด จนวันนึง เมื่อการปั่นจักรยานอย่างบ้า คลัง่ ปั่นไปทัว่ มัว่ ไปหมด ที่นนั่ ที่นู่น ที่นี่ ทีท่ พ่ี อจะปั่นไปได้ภายในหนึ่งวันก็ไปมาจน หมดจนไม่รูจ้ ะไปทีไ่ หน การอยากจะไปให้ ไกลกว่านี้กไ็ ด้เกิดขึ้น ประกอบกับมีพท่ี ร่ี ูจ้ กั ที่ป่ันอยูด่ ว้ ยกันประจำมาเอ่ยปากชวน ...ไป ลาวกัน... มันก็เลยจุดประกายความฝัน อยาก จะไปให้ไกลๆสักครั้งก็ยงั ดี มันจึงเป็ นที่มา ที่พาให้ นักจักรยานทัวริ่ งมือใหม่อย่างผม กล้าทีจ่ ะออกไปในสถานทีใ่ หม่ๆ ...ออกไป เผชิญโลกที่ กว้างใหญ่กว่าที่เคย... แต่ดนั มี เหตุผดิ พลาดบางประการ ทำให้ผมต้อง ฉายเดี่ยว ...ขี่จกั รยานออกนอกประเทศครั้ง แรกในชีวติ ด้วยตัวคนเดียว...




...ยังขึ้นอยู่ และยังคงขึ้นต่อไปอีกเรื่ อยๆไม่มีที่สิ้นสุ ด... ถึงจะเคยรู ้อยูแ่ ล้วว่า เส้นทางนี้เป็ นอย่างไรจากการที่เคยนัง่ รถผ่านอยูห่ ลายครั้ง แต่พอเปลี่ยนมาเป็ นการ ถีบจักรยาน “ใช่สิ...ถีบจักรยาน...ของจริ งเลยหล่ะ ใช้คำว่าปั่ นไม่ได้เลยสักนิด” การ ค่อยหมุนขาพาเจ้าจักรยานสองล้อค่อยๆขึ้นเขาอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วไม่เกินแปด กิโลเมตรต่อชัว่ โมงอย่างนี้ติดต่อกันมาหลายวัน มันก็เป็ นความบ้าดีเหมือนกันนะ คนเรา ตอนนี้ผมกำลังพยายามขี่จกั รยานขึ้นภูเขาสักลูกหนึ่ง จากภูเขานับร้อยนับ พันลูกในจังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดที่ได้ชื่อว่ามีภเู ขามากที่สุดในเมืองไทย มากจน กระทัง่ ผมก็ไม่แน่ใจว่าผมได้ขี่ข้ ึนมาแล้วกี่ภเู ขานับตั้งแต่เริ่ มเดินทางออกมา กับการ


เดินทางอันดูค่อนข้างจะโหดร้ายไปสักหน่อยสำหรับมือใหม่อย่างผม ใช่สิ...ผมนี่ หล่ะมือใหม่แกะกล่องทางการทัวริ่ งตัวจริ งเลยแหละ ก็นี่...มันเป็ นการออกทริ ป ทัวริ่ งด้วยจักรยานจริ งๆครั้งแรกในชีวติ ของผม ถ้าจะให้วา่ กันตามจริ ง การทีจ่ ะทัวริ่งครั้งแรกมันก็ไม่สมควรทีจ่ ะหักโหมกัน เกินไปขนาดนี้ นี่อะไร! ไม่รู้วา่ จะให้ปั่นกันไปถึงไหน ก็ไม่รู้วา่ จะปั่ นกันไปทำไม ตั้งหลายวัน จะปั่ นให้มนั ได้อะไร เหนื่อยก็เหนื่อย เมื่อยก็เมื่อย ไกลก็ไกล ปั่ นเท่า ไหร่ กไ็ ม่ถึงซะที แถมทริ ปง่ายๆดีๆก็มีถมไปก็ไม่ไปกับเขา ดันเลือกมาทริ ปขึ้นเขา ขึ้นเขา และขึ้นเขา แล้วเลือกเอาเองอย่างนี้แล้วจะมาบ่นอยูท่ ำไม!!! ...ก็ไม่ได้บ่น ที่ตอ้ งทนอย่างนี้มนั ก็มีสาเหตุ... สาเหตุที่ผมจำเป็ นต้องตัดสิ นใจหาทริ ปสำหรับ ทัวริ่ งด้วยจักรยานเป็ นการเร่ งด่วนนั้น เพราะดันมีเป้ าหมายใหม่เข้ามาในชีวติ แบบ ฉุกเฉิ น!!!


กาลครั้งหนึ่ง...เรื่องมีอยู่ว่า

ด้วยคำชักชวนจาก “พีว่ ดู้ ดี้” พีช่ ายคนหนึ่งที่อยูใ่ นกลุม่ ที่ร่วมขีจ่ กั รยานด้วยกัน บ่อยๆ ได้เปรยคำถามลอยๆกึ่งๆเอาจริ งขึ้นมากับผมว่า ...ไปกันม๊ ะ??? ไปลาวกัน... มันช่างเป็ นสิ่ งที่น่าสนใจสำหรับผมจริ งๆ มันคือหนึ่งในความอยากที่ตวั ผมเองก็มี มันอยูใ่ นใจมานาน แต่กไ็ ม่เคยได้มีโอกาสที่จะได้ทำแม้สกั ครั้ง ก็การทัวริ่ งด้วย จักรยานที่ตอ้ งไปค้างอ้างแรมติดต่อกันหลายๆวันมันน่าสนุกน้อยไปซะทีไ่ หน แล้วนี่ ยังจะได้ไปถึงลาวมันยิง่ ดึงดูดใจเข้าไปใหญ่ ผมใช้เวลานัง่ คิดอย่างถีถ่ ว้ นอยูไ่ ม่ถงึ นาที ทำตาลุกวาว หันกลับไป แล้วตอบกลับแทบจะในทันทีวา่ ...ไปกัลลล!!!... โจทย์ในชีวติ ผมเปลี่ยนไปเลย ณ บัดนั้น จากที่ถึงจะดูเป็ นคนที่มีจกั รยานติด ตัวตลอดเวลา จะเดินทางไปไหนมาไหนจะใกล้หรื อไกลผมก็จะพามันไปด้วยกัน ตลอด จะขีเ่ ทีย่ วหรื อจะออกทริ ปอย่างทีเ่ ขานิยมกันนี่กไ็ ปมาหมด รวมถึงไปขีก่ นั ไกลๆ กับกลุม่ ในระยะเกินร้อยก็เคยไปมาหลายครั้ง ...แต่มนั เทียบไม่ได้เลยกับการเดินทาง ออกทริ ปไกลๆทีต่ อ้ งใช้จกั รยานในระยะเวลาหลายๆวัน... ถ้าต้องการจะทำมัน ก็ตอ้ ง จริ งจัง!!! การตัดสิ นใจจะไปในระยะเวลากระชั้นชิด จากกำหนดการคร่ าวๆของเราจะ เหลือเวลาเตรี ยมการทั้งหมดประมาณราวครึ่ งปี ซึ่งสำหรับผมก็ถือเป็ นเวลาค่อนข้าง น้อยมากสำหรับทุกอย่างที่จะเริ่ มจากศูนย์ มันมีเวลาไม่มาก เมื่อทุกๆอย่างต้อง


ดำเนินการไปพร้อมๆกัน ทั้งแผนการณ์เดินทาง อุปกรณ์ รถจักรยานและความพร้อม ของร่ างกาย ...ส่ วนใจนั้นพร้อมเป็ นที่สุดอยูแ่ ล้ว... แผนการณ์คร่ าวที่สุดได้ถกู เริ่ มวางกันตั้งแต่ตอนนั้นเลย แผนการเดินทาง ทั้ง หมดพี่วดู ้ ดี้จะเป็ นคนจัดการให้ ปล่อยให้ผมู้ ีประสบการณ์ดแู ลไป เพราะถือว่าพี่เขา เป็ นผูช้ ำนาญการกว่า ซึ่งเป็ นความโชคดีท่พี เ่ี ขาเคยผ่านการทัวริ่ งด้วยจักรยานมาแล้ว หลายที ส่วนผมเป็ นเด็กใหม่จะเข้าไปยุง่ ก็ใช่ท่ี สิ่ งที่ผมต้องเตรี ยมให้พร้อมคือ ...รถทัวริ่ งใหม่ที่พร้อมใช้สมบุกสมบันซักคัน อุปกรณ์ของใช้มากมายหลายอย่าง และจัดโปรแกรมฝึ กซ้อมให้ร่างกายพร้อมจะเดินทาง... ผมเริ่มต้นเคีย่ วเข็ญให้ตวั เองจัดโปรแกรมฝึ กซ้อมอย่างจริ งจังด้วยการออกทริ ป ระยะร้อยกิโลฯให้บอ่ ยขึ้น ไม่วา่ จะไปเป็ นกลุม่ ซึ่งไปกันประจำแทบทุกเดือนอยูแ่ ล้ว นัดไปซ้อมด้วยกันสองคนให้บ่อยขึ้นเพื่อเพิ่มความคุน้ เคย พยายามหาเส้นทางให้มี ร้อยกิโลเมตรเพิ่มในทุกสัปดาห์ เพื่อเตรี ยมร่ างกายกันให้พร้อมและเข้าขากันมากยิง่ ขึ้น และยังจะมีโปรแกรมซ้อมเดี่ยวให้บอ่ ยขึ้น เพือ่ ให้ร่างกายได้ชินและฟิ ตอยูต่ ลอด เวลา แต่ถึงขนาดนั้นพี่วดู ้ ดี้บอกว่ายังไม่พอ ...ต้องลองออกไปหา ไปขี่ ทริ ปทัวริ่ ง จริ งๆดูสกั ที... ...ผมจึงจำเป็ นต้องมาหมุนขาเล่นอยูบ่ นเขาในตอนนี้!!!...


วงกลมแม่ ฮ่องสอน

ผมพยายามมองหาทริ ปดีๆซึ่งมีให้เลือกอยูม่ ากมายหลากหลายที่ที่น่าสนใจ เลือกไปเลือกมา เลือกมาเลือกไปอยูห่ ลายที่ไม่ลงตัวสักทีเลยไม่ได้ไปซักที่ เวลาก็เริ่ ม กระชั้นชิดลงเต็มที จนในทีส่ ุดก็มที ริ ปนี้เข้ามา...ทริ ปนี้หล่ะทีต่ อบโจทย์ทกุ ประการ!... ...ทริปในตำนาน... ทริปทีใ่ ครๆหลายคนอยากมีโอกาสซักครั้งทีจ่ ะได้ไป ทริปที่ ผมคิดว่าวันนึงอยากจะผ่านมันไปให้ได้ ทริ ปทีผ่ มไม่เคยคิดว่าน่าจะใช่สำหรับมือใหม่ ทริ ปที่ใครๆต่างก็ใช้ชื่อว่า ...”ทริ ปวงกลมแม่ฮ่องสอน”... ทริ ประยะทางประมาณ เจ็ดร้ อยกิ โลเมตร เริ่ มต้นจากเชี ยงใหม่ ผ่านโค้งบนเขานับพันโค้งในแม่ฮ่องสอน ก่อนที่จะออกมาจบที่เชียงใหม่ในอีกทาง ...ผมได้ยนิ แว่วๆมาว่าปี นี้ “พี่ธานิน” จะเป็ นคนจัดทริ ปนี้ พี่ธานินผูท้ ี่มีประวัติกบั การเป็ นนักจักรยานทัวริ่ งคนแรกๆของประเทศไทย ผูท้ ี่มีประสบการณ์การทัวริ่ งด้วยจักรยานมาแล้วนับครั้งไม่ถว้ น หนึ่งในบุคคลต้น แบบสายทัวริ่ งในใจของใครหลายๆคน ผูท้ ่เี ป็ นเจ้าของแบรนด์จกั รยานทัวริ่ งสัญชาติ ไทยรายแรกและรายเดียว “Rit Bicycle” จัดทริ ปทางไกลปลายปี ทจ่ี ดั เป็ นการภายใน... แต่ผมดันมีกำลังภายในแทรกตัวเข้าไปขอร่ วมแจมทริ ปนี้จนได้ .........ผมจึงตั้งใจว่า จะเอาทริ ปนี้น่ีแหละเป็ น...“การฝึ กคอร์ทเร่ งรัด”... เรี ยนลัดเอาจากผูน้ ำที่มากประสบการณ์ และเส้นทางอันน่าท้าทาย มันก็น่าจะทำให้ได้ความรู ้อะไรหลายอย่างติดกลับ มาบ้างไม่มากก็นอ้ ย.............



เพือ่ นร่ วมชั้น

มันก็เป็ นเรื่ องที่น่าเสี ยดายนิดหน่อย ...แต่โชคดีมากมาย... ที่ทริ ปนี้ไม่ได้เปิ ด โอกาสให้พวกเราต้องแบกสัมภาระอันหนักอึ้ งในแบบที่ ผมนึ กภาพเอาไว้ต้ งั แต่ ทีแรก ...ได้ปั่นรถจักรยานหนักๆ สัมภาระจัดเต็มทั้งหน้าหลัง ในแบบที่นกั จักรยานทัวริ่ งเขาปั่นกัน... มันไม่ได้เป็ นอย่างนั้นสักนิด แต่นี่มนั อะไร! กระเป๋ าก็ไม่ตอ้ ง แบกสักใบ แถมมีรถตูเ้ ซอร์วสิ เตรี ยมเอาไว้เก็บศพเวลาไม่ไหว ผมว่ามัน... มัน... มัน ใช่เลยทีเดียว!!! จริ งๆแล้ว ไอ้การที่ไม่ตอ้ งแบกกระเป๋ าขึ้นเขาไปด้วย มันก็เป็ นหนึ่งเหตุผลที่ ทำให้ผมกล้าตัดสิ นใจที่จะมาทริ ปนี้ เพราะลำพังแค่ตวั เองกับรถก็ยงั ไม่แน่ใจว่าจะมี แรงไปกันไหวสักแค่ไหน ถ้าจะต้องให้เพิ่มน้ำหนักเข้าไป ก็คงอาจจะไปกันไม่รอด เหมือนกัน หลังจากการที่ข้ นึ เขากันมาหลายวัน พวกเราก็ตา่ งเห็นความสำคัญของรถตูไ้ ป ตามๆกัน เพราะนอกจากความสบายทีไ่ ม่ตอ้ งแบกน้ำหนักกันแล้ว ยังได้เป็ นรถเสบียง ไว้คอยช่วยเติมน้ำ เติมอาหาร ให้ชว่ ยเสริ มพลังงานระหว่างทาง และยังทำหน้าทีส่ ำคัญ ในการตามเก็บคนที่มีปัญหา คนที่ปั่นกันไม่ไหว และบางคนที่ใจไม่สูก้ ม็ ีให้เห็นอยู่ บ่อย แทบทุกวัน ...เพราะหลายๆคนนั้น ก็มือใหม่เหมือนกันกับผมนี่หล่ะ... ซึ่ งใน ตอนแรกก็ยงั นึกว่าตัวเองจะยังเป็ นมือใหม่เพียงคนเดียว เพราะไม่เคยได้รู้เลยว่าเพือ่ น ร่ วมทริ ปจะเป็ นใครกันบ้างนอกจากพี่ธานิน แต่ปรากฎว่าทริ ปนี้เกือบจะเป็ นทริ ป รวมมือใหม่หดั ทัวริ่ งด้วยกันแทบทั้งหมด ก็มีบา้ งที่เคยขึ้นเขาแต่กย็ งั ไม่ได้มาเส้นทาง ทีโ่ หดอย่างนี้ บางคนเคยทัวริ่งแต่ไม่เคยขึ้นเขาก็มี ทีเ่ คยขีแ่ ล้วไม่เคยออกทริ ปก็มี แถม ยังมีคนที่ไม่ได้จบั จักรยานนับสิ บปี ก็ยงั กล้ามาด้วยกัน แต่ถึงจะเป็ นมือใหม่อย่างนั้น ทุกคนก็ยงั ดูจะใจสูก้ นั จนถึงที่สุด ถ้าไม่จำเป็ นไม่มีเหตุสุดวิสยั จริ งๆก็ไม่ยอมโดน เก็บขึ้นรถกันง่ายๆเหมือนกัน และนัน่ ก็เป็ นอีกเหตุผลนึงเหมือนกันที่ทำให้ผมนั้นยังคงทนอยูบ่ นนี้ได้ ยัง ค่อยๆหมุนขาเหยียบบันได ขึ้นเขาไปได้เรื่ อยๆ ผมเหนื่อย เขาก็เหนื่อย พีๆ่ น้องๆลุงๆ เขาก็เหนื่อย มองไปข้างหน้า หันไปข้างหลังก็จะเห็นเขาปั่นกันตามมาบนถนนเส้น เดียวกัน ...“เพื่อนร่ วมทาง”...ใครว่าไม่สำคัญสำหรับผมมันไม่ใช่อย่างนั้น พอเวลาที่



แรงเริ่ มจะหมด ใจเริ่ มจะไม่สู้ แต่พอมองดูเห็นคนอื่นเขาก็ยงั ไปกันได้ ...มันเป็ นการ เสริ มสร้างกำลังใจ... ขาไม่ไหวแต่พอใจสูข้ ้ นึ มา ต่อให้เส้นทางลำบากยากมากแค่ไหน มันก็จะผ่านไปจนได้ทุกครั้ง ด้วยความหลากหลายประสบการณ์ของพวกเราทั้งกลุม่ ถึงจะเป็ นกลุม่ เล็กๆแต่ ก็ยงั มีเรื่ องราวมากมายให้ศึกษา เพราะแต่ละคนผ่านอะไรมาไม่เหมือนกัน มันเลย ทำให้ให้ได้อะไรมากกว่าที่คิดไว้ต้ งั แต่ทีแรก

บทเรียนภาคทฤษฎี

ตั้งแต่วนั แรกที่ผมเริ่ มต้นเดินทางออกมากับความรู ้งูงูปลาปลา ...จากทั้งที่เคย ศึกษาหาอ่าน ทั้งที่เคยสอบถามหาความรู ้จากผูม้ ีประสบการณ์ มันเป็ นการที่ไม่มี ความรู ้อะไรจริ งๆเกี่ยวกับการทัวริ่ งเลยสักอย่างเมื่อมาเทียบกับตอนที่เจอของจริ ง... ทั้งๆที่ตวั ผมเองก็ขี่จกั รยานมานาน แต่พอเปลี่ยนมาเป็ นการออกทริ ปอย่างนี้แล้ว ทุกอย่างแทบจะเริ่ มต้นจากศูนย์ จากประสบการณ์ที่ผา่ นมาในหลายๆวัน ผมได้ความรู ้ใหม่ๆติดตัวเพิม่ ขึ้นมา หลายอย่าง ทั้งจากการพูดคุยและฟังอย่างตั้งใจ ทั้งจากการมอง ลอกเลียนแบบและ ลักจำแล้วนำมาใช้ ทั้งจากสิ่ งที่คิดขึ้นมาได้เองจากการทำซ้ำๆติดต่อกันหลายๆวัน ทำให้ผมได้รู้วา่ ...สิ่ งที่ยากที่สุดในมาการออกทัวริ่ งด้วยจักรยาน ไม่ได้อยูท่ ี่การขึ้น เขาหรื อเส้นทางที่เราจะต้องฝ่ าไปในแต่ละวัน แต่มนั เป็ นการที่ตวั เรานั้นจะต้องรู ้จกั ตัวเราเอง... ก่อนที่จะเรี ยนรู ้อย่างอื่นต้อง...เรี ยนรู ้จกั ตัวเอง...ซะก่อน จึงจะเป็ นวิธีที่จะพา ตัวเองและจักรยานไปให้ได้จนตลอดรอดฝั่ง พากันไปจนจบทริ ปได้โดยไม่ตอ้ งเดือด ร้อนใคร

วิชารู้ จกั ตัวเอง

แม้จะเป็ นการขีจ่ กั รยานเหมือนกัน แต่ทกุ อย่างมันดูจะขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง จากการที่ผมเคยคิดเอาเองเมื่อครั้งที่ยงั ซ้อมปั่นกับการเอาตัวเองมาออกทริ ปจริ งๆ มันทำให้ได้รู้วา่ หลายๆอย่างที่เคยคิดไว้วา่ น่าจะเป็ นอย่างนูน้ น่าจะทำอย่างนี้ได้น้ นั


...มันไม่ใช่อย่างที่คิดเอาไว้ ถ้าจะให้ยอ้ นกลับไปในช่วงที่หกั โหมเก็บตัวซ้อมเป็ นอย่างหนัก ผมก็ใช้วธิ ี การบ้าพลังเลยเป็ นหลัก ไม่วา่ จะปั่นไปไหน เมื่อไหร่ ก็จะใส่ แรงเต็มที่ พอกลับถึง บ้านก็แทบจะหมดแรง นอนแผ่ ทำอะไรต่อแทบไม่ได้ พอมาออกทริ ปทัวริ่งวันแรกๆ ก็เลยดูจะไม่ค่อยทันใจเท่าไหร่ ก็วธิ ีการปั่นจักรยานแบบทัวริ่ งนั้น...ไม่เข้าใจ ทำไม ถึงต้องค่อยๆไป เลยเอาวิธีปั่นเหมือนตอนซ้อมมาใช้ ซึ่ งผลที่ได้กค็ ือ...“หมด”... หมดก่อนใครเขาเพื่อนเลย!!! แต่กย็ งั มีโชคดีอยูน่ ิดนึงที่ก่อนมาซ้อมมาเยอะ ร่ างกายจึงค่อนข้างสมบูรณ์ แข็งแรงอยูพ่ อตัว ได้พกั ไม่นานก็สามารถฟื้ นตัวกลับไปขี่ต่อได้เลย แต่ระหว่างพักก็ ไม่อยากจะให้ใครรู ้วา่ ไม่ไหว ก็เลยใช้วธิ ีแกล้งจอดรถถ่ายรู ปไปเรื่ อย การขึ้นเขาใน วันแรกของทริ ปจึงเป็ นวันที่ผมแอบพักมากกว่าใคร แทบจะเอาตัวไม่รอด เกือบจะ ขี่ไม่จบวันเหมือนกัน ...นัน่ ถือเป็ นบทเรี ยนแรกที่ได้เจอ... ผมต้องกลับมาพิจารณาตัวเองว่าเรานั้นลืมอะไรไปสักอย่างนึง อ่อ!...ผมจะมา ทริ ปนี้ดว้ ยเป้ าหมายที่จะหาความรู ้... ใช่สิ! ผมต้องเปลี่ยนวิธีการซะใหม่ จะไม่ด้ือ ไม่ซ่าส์เกินความจำเป็ น จะพยายามเชือ่ ฟังคุณครูเป็ นอย่างดี จะพยายามกอบโกยความรู้ ให้มากทีส่ ุดเท่าทีจ่ ะทำได้ ...นัน่ คือสิ่งทีน่ ่าจะทำตั้งแต่แรก!!!... วิธีทจ่ี ะพาตัวเองและ จักรยานไปให้ได้จนจบทริ ป ไปจนตลอดรอดฝั่งนั้น สิ่ งที่จำเป็ นคือต้องตั้งใจมอง ตั้งใจฟัง และปฏิบตั ิตามจากผูช้ ำนาญการอย่างเคร่ งครัด ซึ่งต่อจากนั้นผมก็ต้งั ใจและ พยายามบอกกับตัวเองเอาไว้วา่ ...หลังจากนี้จะเป็ นเด็กดี!!!... แต่...ความรู้ท่จี ะได้กค็ ง ไม่มีใครเขามาสอนกันด้วยปากหรอก ถ้าอยากจะได้กค็ งต้องใช้วธิ ี...ลอกเรี ยนแบบ! ...นับจากนั้นผมก็พยายามตั้งใจดูวธิ ีการทุกอย่างจากพี่ธานินตั้งแต่ข้ ึนรถกัน เลยทีเดียว พยายามเลียนแบบทุกอย่างตั้งแต่จงั หวะการใช้รอบขา จังหวะเปลี่ยนเกียร์ การเลือกใช้เกียร์ การขึ้นเขา บลา บลาๆๆๆ ลอกทุกอย่าง!!!... แต่กไ็ ม่ได้นานเท่าไหร่ ผมก็จำเป็ นต้องแซงขึ้นไปอย่างเก่า ...ก็กำลังเรานั้น มันไม่เท่ากันหนิ... มันมีคำสอนอยูอ่ ีกอย่างนึงที่ได้มาจากทริ ปนี้ ...แรงใครแรงมัน ไม่ตอ้ งขี่ตามกัน...ซึ่ งที่จริ งเขาสอนเพื่อเอาไว้ใช้กบั พวกแรงน้อยแต่อยากขึ้นไปซ่าส์


กับพวกแรงดีๆ มันจะทำให้หมดแรงก่อนเวลาอันควร แต่สำหรับผมซึ่ งแรงอาจจะดี จากการซุ่มซ้อมมานาน จะให้ไปปั่นช้าๆตามเขาก็จะเป็ นการเปลืองแรงโดยใช่เหตุ ผมจึงใช้เวลาช่วงสั้นๆตอนออกตัวกับจากช่วงพักในการลักจำเอาความรู ้เก็บมาไว้ ทีละนิดทีละหน่อย แล้วเอามาประกอบประสบการณ์ที่เพิม่ ขึ้นในแต่ละวัน จนในที่ สุดผมก็ป่ันจบในแต่ละวันได้โดยที่แรงยังไม่หมด ยังมีแรงเหลือเก็บเอาไว้ใช้งานต่อ ไปได้อีกเรื่ อยๆ เรื่ อยๆ...เรื่ อยๆ ความลับมันก็มีอยูแ่ ค่นิดเดียวเท่านั้นเอง แค่...รู้จกั ตัวเอง... รู้วา่ กำลังของตัวเอง นั้นมีแค่ไหน ประกอบกับต้องรูค้ ร่าวๆว่าเส้นทางทีจ่ ะไปในแต่ละวันจะเป็ นแบบไหน แล้วพยายามอย่าใช้แรงทั้งหมดที่มี ...ทดแรง... เก็บแรงเอาไว้เพื่อใช้ในยามฉุกเฉิ น วิธีง่ายๆก็คือใช้แรงให้นอ้ ยกว่าปกติ ลดเกียร์ให้เบาลงกว่าเดิมสักหน่อย หยุดพักบ้าง สักนาทีเมื่อรู ้ตวั ว่าเริ่ มจะขี่ไม่ไหว อย่าให้ถึงกับต้องหมดแรง อาจจะต้องใช้เวลามาก ขึ้นกว่าเดิมสักนิด แต่แรงจะมีเหลือให้ใช้ไม่มีวนั หมด

ทำสมาธิ

นับวันการขึ้นเขาของผมก็ดีข้ นึ เรื่ อยๆ ถึงจะยังคงเป็ นไปด้วยความเชื่องช้า ด้วย ความเร็ วไม่เกินห้าถึงแปดกิโลเมตรต่อชัว่ โมงอย่างทุกวัน แต่ถึงจะเป็ นระยะทางที่ พอกันเราก็ใช้เวลากันน้อยลง เพราะด้วยระยะทางที่ผา่ นมาเคี่ยวกรำให้ร่างกายพวก เราแข็งแรงขึ้น การพักขาที่เคยบ่อยก็นอ้ ยครั้งลงตามไปด้วย ผมว่าการปั่ นขึ้นเขาด้วยจักรยาน ก็เป็ นการฝึ กสมาธิที่ดีอย่างหนึ่งเลยทีเดียว พยายามทำให้จงั หวะก้าวขาเป็ นไปตามจังหวะลมหายใจ ...ค่อยๆหมุนขาไป หายใจ เข้าออกยาวๆ... มันเป็ นสิ่ งที่ผมได้มาตอนเหนื่อยมากๆจนแทบไม่ไหว เลยเริ่ มจาก เปลี่ยนจังหวะลมหายใจ แล้วทำสมาธิตาม “...หายใจเข้าพุทธ หายใจออกโธ หายใจ เข้า.....” ผลที่ได้กลับมาคือความเหนื่อยและการเมื่อยล้าลดลง พอเบื่อๆก็เปลี่ยนมา ฮัมเพลงเบาๆในบางครั้ง ...ใจสูห้ รื อเปล่า ไหวไหมบอกมา โอกาสของผูก้ ล้า....... บลา บลา บลา.......



อย่างที่ผมได้บอกไปในหลายๆที ว่าจะให้ดีเวลาขึ้นเขาให้กม้ หน้าเอาไว้ มอง ระยะล้อหน้ากับเส้นถนนไปเรื่ อยๆ นานๆค่อยเงยหน้าขึ้นมองว่าจะยังต้องขึ้นต่อไป อีกสักเท่าไหร่ เพราะถ้าจะให้เงยหน้าขึ้นมองทางตลอดเวลาหล่ะก็ อาการท้อจะบัน่ ทอนแรงออกไปเสี ยเปล่าๆ ยิง่ ช่วงไหนขึ้นตรงๆยาวๆ ก้มหน้าแล้วค่อยๆหมุนขาเข้า ไปเดี๋ยวก็ข้ ึนไปถึง ...มันก็เหมือนกับตอนรับน้อง โดนพี่วา๊ กสัง่ ก้มหน้าตลอดเวลา ถ้าพลาดเงยหน้าขึ้นมาก็ตอ้ งโดนทำโทษ เหนื่อยเพิ่มขึ้นอีกสองสามเท่า!...

โภชนาการ

อีกสิ่ งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้ส่ิ งใดสำหรับการที่ตอ้ งใช้แรงกายอันมากมายก็คือ... อาหาร... มันคือส่ วนสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถเอาตัวรอด ปฏิบตั ิภาระกิจให้ เสร็ จสิ้ นผ่านพ้นไปได้ในแต่ละวันได้จนสำเร็ จ อาหารเช้าคือส่ วนสำคัญที่ตวั ผมเองไม่ค่อยเอาใจใส่ มากนัก แม้จะผันตัวมา เป็ นนักปั่นถึงมันจะต้องใช้พลังงานมากในแต่ละวันก็ตาม ออกทริ ปกับกลุม่ ทีไรก็เอา ง่ายเข้าว่า เรื่ องโภชนาการนักปั่นก็เคยอ่านเคยศึกษามาแต่กไ็ ม่ค่อยใส่ ใจ แต่การมา ปั่ นทัวริ่ งที่ตอ้ งใช้เวลาติดต่อกันหลายๆวันจะไม่สนใจก็ไม่ได้ ถ้าจะพูดถึงนักปั่ นไม่ ว่าทางใกล้หรื อทางไกลที่ตอ้ งใช้พลังงานมากๆ สิ่ งสำคัญหลักที่ร่างกายจะดึงไปใช้ ก็คอื คาร์โบไฮเดรต เพราะฉะนั้นก่อนออกเดินทางอาหารทีเ่ ราเลือกรับประทานหลักๆ ก็น่าจะเป็ นจำพวกแป้ ง ข้าว ขนมปังเป็ นอาหารที่หนักท้องที่ทำให้ร่างกายสามารถดึง พลังงานมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ถ้ายังจำกันได้ที่ตอนเด็กเราเคยเรี ยนเรื่ องสารอาหาร แป้ งที่เรากินเข้าไปร่ างกาย จะไปเปลี่ยนเป็ นน้ำตาล แล้วจากน้ำตาลก็จะถูกขับออกไปเป็ นพลังงานที่ตอ้ งถูกใช้ แต่ถา้ เรากินแป้ งมากเกินที่ร่างกายจะเอาไปใช้ ส่ วนที่เหลือคงค้างอยูก่ จ็ ะกลายเป็ น ไขมันไปเกาะเป็ นเซลลูไลท์ยว้ ยๆอยูต่ ามร่ างกาย!!! ...เพราะฉะนั้นกินอิม่ แต่พอดีอย่า ให้ถงึ กับให้เกินขนาด เพราะเราคงจะไม่เห็นผลเรื่องอ้วนในทันตา แต่เหตุทเ่ี กิดเฉพาะ หน้าก็คืออาการจุกจนจะปั่นก็ไม่ไหว


นอกจากอาหารเช้าอย่างพอเหมาะแล้ว สิ่งที่นกั ปั่นทัวริ่ งต้องเตรี ยมอย่างพิเศษก็ คือเสบียง...ของติดตัวกันตาย ยิง่ เส้นทางนอกเมืองหรื ออย่างในป่ าที่เราจะไปกันต่อ การหาร้านค้าระหว่างทางเป็ นเรื่ องที่ยากเป็ นที่สุด ถ้าเป็ นทางราบการใช้พลังงาน อาจจะน้อย อาหารที่ตุนเอาไว้ในท้องอาจจะพอไปต่อได้ในระยะไกลๆ แต่ถา้ เจอภูมิ ประเทศทีเ่ ป็ นภูเขานี่ไม่ตอ้ งพูดถึง ยิง่ ชันมากพลังงานทีจ่ ำเป็ นต้องใช้กม็ ากตามไปด้วย อาหารเช้าทีก่ นิ เข้าไปคิดว่าน่าจะไหวซักห้าสิบกิโลฯ แต่โดนการฝื นแรงโน้มถ่วงเข้าไป ห้ากิโลฯแรกก็ใช้หมดซะแล้ว ...ฉะนั้นบางทีเราก็ตอ้ งพึ่งของที่ตอ้ งใช้ฉบั พลัน!!!... ขนมปั งชิ้นเล็กๆก็เป็ นสิ่ งที่พ่ ึงได้ กล้วยหอมนี่กเ็ ป็ นแหล่งพลังงานอย่างดี กล้วยตาก นี่กส็ ุ ดยอด (กล้วยตากอาหารยอดนิยมของนักปั่น สะดวก พกง่าย ช่วยให้ร่างกายนำ น้ำตาลไปแปลงเป็ นพลังงานได้เลย) และมีอกี อย่างหนึ่งทีผ่ มใช้อยูเ่ ป็ นประจำนัน่ ก็คอื ช็อกโกแล็ต...ประโยชน์ของมันจะเห็นผลเร็วกว่าอย่างอืน่ สารในช็อกโกเล็ตจะทำให้ ร่ างกายสดชื่น และแปลงเป็ นพลังงานได้เร็วสุดๆ แต่การออกฤทธิ์ของมันก็ส้ นั มากๆ เช่นกัน ฉะนั้นจึงต้องใช้ในปริ มาณเยอะ และกลายเป็ นของสะสมให้กบั พุงเป็ นอย่างดี แถมความร้อนจากร่ างกายทำให้ละลายเลอะเทอะกันเข้าไปใหญ่ และเช่นเดียวกันสำหรับอาหารเย็น...แป้ งก็ยงั เป็ นส่วนสำคัญ เพราะนักปั่นทัวริ่ง ยังต้องมีภาระกิจในวันต่อไป การเก็บไว้ต้งั แต่เย็นเพือ่ การเติมในตอนเช้าจะได้ไม่ตอ้ ง เติมกันมากเกิน อย่างที่นกั ปั่นสายแข่งเขาเรี ยกกันว่า “โหลดคร์โบฯ” ก็คอื มื้อเดียวกัน นี้หล่ะที่นกั ปั่นทัวริ่ งก็จำเป็ นเหมือนกัน การทำเป็ นประจำเวลาเดินทางไกลหลายวัน ร่ างกายจะจดจำและเก็บเอาไว้ใช้เป็ นอัตโนมัติ ยังมีสารอาหารอีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือโปรตีน ความแข็งแรงของ ร่ างกายหลักๆได้มาจากอาหารพวกเนื้อสัตว์ เราต้องการโปรตีนไปเสริ มสร้างกล้าม เนื้อที่เราจะใช้ในแต่ละวัน อาหารของทั้งวันจึงน่าจะมีส่วนประกอบของโปรตีนเข้า มาช่วยด้วย และที่สำคัญที่สุดก็คือมื้อเย็น โปรตีนจะเข้าไปช่วยเสริ มสร้างส่ วนที่สึก หรอที่เราทำการทรมานร่ างกายมาในระหว่างวัน ให้กลับมาสมบูรณ์พร้อมที่จะออก ศึกได้ในวันต่อไป


รู้ จกั จักรยาน

...เพราะการออกทริ ปทัวริ่ ง คนกับรถจำเป็ นต้องรวมเป็ นชีวติ เดียวกัน... สิ่ งที่ สำคัญที่สุดในการเดินทางเลยก็คือการประสานกับรถให้ดี เรากับรถจะต้องไปด้วย กันทุกที่ เราจะต้องขี่เขาไปตลอด เขาเป็ นอย่างไร มีจุดบกพร่ องตรงไหน มีขอ้ ดีอะไร ข้อเสี ยอะไร เราจำเป็ นต้องรู ้ให้หมด เพราะจะเป็ นอีกส่ วนหนึ่งที่จะบอกเราได้วา่ ... เราจะเอาตัวรอดไปจนจบทริ ปได้หรื อไม่...เลยทีเดียว รถจักรยานคันนึงนั้นถึงจะสมบูรณ์ทส่ี ุดอย่างไร ก็จะยังมีท้งั ข้อดีและข้อด้อยอยู่ ด้วยเสมอ การรูจ้ กั ข้อดีและข้อด้อยของรถเราเองนั้นสำคัญมาก เพราะมันหมายถึงการ ช่วยเราในการ...ผ่อนแรงหรือเพิม่ ภาระ... ยิง่ ถ้าเรารู้จกั ข้อเสียของรถเราดีมากเท่าไหร่ เรายิง่ สามารถเตรี ยมพร้อมที่จะรับมือกับมันได้ ทำให้ขอ้ ด้อยเหล่านั้นเกิดปั ญหากับ ตัวเราให้นอ้ ยทีส่ ุด แล้วภาระเหล่านั้นจะไม่เป็ นปัญหาอีกต่อไป และทีส่ ำคัญรถทุกคัน ที่จะนำมาออกทริ ปกันหลายๆวัน ผมเชื่อว่าเจ้าของรถแต่ละคนคงจัดการดูแลกันมา อย่างเรี ยบร้อยอยูแ่ ล้ว แต่ดว้ ยการเดินทางหลายๆวัน ต้องผ่านอุปสรรคมากมายหลาก หลาย ระหว่างทางอาจจะเกิดข้อบกพร่ องขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่จำเป็ นอย่างหนึ่ง เมื่อปั่นจบในแต่ละวันและก่อนจะออกเดินทางในทุกเช้า การตรวจเช็คสภาพรถให้ อยูใ่ นสภาพสมบูรณ์ที่สุดจะเป็ นสิ่ งที่ช่วยให้การปั่นในแต่ละวันของเราเป็ นไปได้ อย่างราบรื่ น ไม่ตอ้ งเกิดปัญหาให้หนักใจระหว่างทาง

แผนการเดินทาง

จากที่ขี่กนั มาหลายๆวัน สิ่ งหนึ่งที่เห็นได้ชดั ที่ทำให้เราปั่ นกันจนจบทริ ปใน แต่ละวันได้แม้จะเป็ นมือใหม่ ก็ตอ้ งยกให้ความสำคัญของการวางแผนการเดินทาง จากผูน้ ำ ถึงเส้นทางนี้จะเป็ นเส้นทางตายตัวที่ตอ้ งใช้ปั่นกันอยูแ่ ล้ว แต่การวางแผน ในระยะทางที่ตอ้ งขี่ในแต่ละวัน มีการผ่อนหนักผ่อนเบา วันนึงหนักอีกวันก็จะร่ น ระยะ มีการวางแผนมาอย่างดี ช่วยให้เรามีแรงเหลือ และแถมมีกำลังใจในการปั่นใน วันต่อไป ...ต่อไป ...ต่อไปได้เรื่ อยๆ จนคิดว่าน่าจะจบทริ ปกันได้อย่างไม่มีปัญหา


...แต่... มันก็น่าจะเป็ นปัญหากับผมซะแล้ว ไอ้ที่จะจบทริ ปนี้คงไม่มีอะไรเท่า ไหร่ ยากๆก็ผา่ นมาได้หมดแล้ว ...ปัญหามันก็อยูท่ ี่ทริ ปหน้านี่หล่ะ เพราะเริ่ มได้ข่าว มาคร่ าวๆแล้วว่า”ทริ ปไทยลาว”ของเรา ผมกับพี่วดู ้ ดี้อาจจะมีอนั ต้องแยกทาง พี่วดู ้ ดี้ อาจจะไปด้วยไม่ได้ซะแล้วทั้งๆที่เป็ นคนต้นคิด แต่ไม่เป็ นไร ที่ผมคิดไว้วา่ ถ้าจะยัง เหลือคนเดียวก็ยงั จะไป แต่แล้วใครจะวางแผนเดินทางหล่ะทีน้ ี!!!...




ก่อนอื่นผมคงต้องแนะนำตัวเองนะครับ ผมชื่อ...สมคิส... ชื่อเดียวกับเจ้าสมคิส หลายคันที่กองกันอยูเ่ ต็มบ้านเจ้านายของผม...ไม่เข้าใจทำไมไม่ต้ งั ชื่อให้ไม่เหมือน กันนะ เข้ายากจริ งๆ... ซึ่งแต่ละคันเขาก็จะมีหน้าที่ของเขา ผมก็มีหน้าที่ของผม ผมชื่อสมคิสครัช เป็ น...จักรยานทัวริ่ ง...

จักรยาน

ที่จริ งแล้ว นี่ไม่ใช่หน้าที่ของผมเลย แต่บงั เอิญเจ้านายผมบอกว่าขี้เกียจแล้ว เรื่ องของใครก็ให้คนนั้นเล่ากันเอง เลยโบ้ยมาให้ผมเป็ นคนเล่า...เอาไงต่อดี...ไม่รู้จะ เริ่ มตรงไหน มาทำความรู ้จกั กับผมก่อนดีกว่า... ตัวผมเองถูกเจ้านายขุดมาจากซอกหนึ่งของร้านจักรยานมือสองแห่งหนึ่ง ซึ่ ง ผมนอนอยูน่ านจนจำไม่ได้แล้วว่านานแค่ไหน คงเพราะผมตัวใหญ่ไซส์มนั ไม่เข้า กับคนไทยเท่าไหร่ เลยไม่มีใครสนใจ ...ก็ตวั ผมมันใหญ่ไซส์ต้ งั 58 เซ็นติเมตร มัน ต้องคนสู ง180 กว่าขึ้นไปถึงจะเข้ากับผมได้... ก็ผมมันสัญชาติฝรั่งเศสหนิ จะมาตัว เล็กๆอย่างญี่ปุ่นที่นิยมกันได้อย่างไร เห็นเขาว่า เขาตามหาผมมานานมากแล้ว กว่าจะเจอ มองตากันก็รู้ทนั ทีวา่ ...เป็ น เนื้อคู.่ ..ฟังดูแล้วน่าขนลุก ก็ผมเป็ นผูช้ ายนี่ครับ แต่ดนั เกิดมากับภาระกิจอันใหญ่หลวง ...เกิดมาเพื่อให้ผชู ้ ายขี่...ภาระกิจนี้ช่างหนักหนาเหลือเกิน ผมยอมกลับบ้านมากับเขาโดยดี ทั้งๆที่ไม่คอ่ ยอยากเท่าไหร่ แต่กข็ ดั เสี ยไม่ได้ ก็ผมเริ่ มไม่ค่อยมัน่ ใจ...เพราะเขาบอกจะเอาผมไปขึ้นเขา...จะได้ยงั ไง ผมไม่ไหว ด้วยหรอกนะ ถึงผมจะเป็ นจักรยานทัวริ่ งก็จริ ง แต่ผมเป็ นแค่ “หมอบทัวริ่ ง” เท่านั้น


เองนะเจ้านาย เอาผมไปก็เอาไปตายเท่านั้นแหละ!!!

จักรยานทัวริ่ง

ที่วา่ หมอบทัวริ่ งก็เพราะ หุ่นของผมมันไม่ได้มีสรี ระเหมือนกับทัวริ่ งที่คนเขา นิยมใช้กนั ก็ผมมันโดนพัฒนามาจากเสือหมอบนี่ครับ สมบุกสมบันได้อยูเ่ หมือนกัน ...แต่ถา้ จะปั่นขึ้นเขาหล่ะก็คิดอีกทีนะเจ้านาย ดูซะก่อนว่าผมมันใช่หรื อเปล่า... ...ได้สิ! เดี๋ยวจัดการให้ได้ ถอดนู่นนิด ใส่ นี่หน่อย...... ...ไม่ใช่เฟร้ย!ครับ องศาหน่ะองศา ไม่รูเ้ รื่องก็เงียบๆไปเลย เดีย๋ วเล่าเอง...ครัช! ...เอาใหม่!... ผมเป็ นจักรยานรุ่ นเก่า ที่ใครๆเขาเรี ยกพวกเราว่าจักรยานวินเทจ เกิดมาก็นานกันพอสมควร จักรยานทัวริ่ งอย่างพวกเรามันก็ยงั ไม่สำคัญเท่าไหร่ การ ออกแบบจึงถูกพัฒนามาจากจักรยานทีเ่ ขานิยมกันในสมันนั้น อย่างตัวผมเองก็เหมือน กัน หลักๆพื้นฐานก็มาจากเสื อหมอบ ยืดนู่นนิด เอียงตรงนี้หน่อย เพิ่มอุปกรณ์นนั่ นี่ อีกนิด ...ก็ได้ตรงตามคอนเซ็ป นัง่ สบาย บรรทุกของได้...ก็จบ แต่มนั ก็ยงั ห่างจากคำ ว่าสมบุกสมบันอีกเยอะเลย ซึ่งถ้าจะให้ใช่ ก่อนอืน่ ผมว่าต้องมานิยามคำว่าทัวริ่งด้วยจักรยานกันก่อน ...การ ทัวริ่ งคือการเดินทางไกลไปในสถานที่ใหม่ๆที่เราไม่คุน้ เคยทั้งภูมิประเทศและภูมิอากาศ สภาพถนนและสภาวะแวดล้อม... เพราะฉะนั้นจักรยานทัวริ่ งหนึ่งคันจะต้อง รับสถานการณ์ท้ งั หมดนี้ได้ ถึงเส้นทางที่เราจะไปจะเคยมีคนขี่มาก่อนแล้ว แต่เมื่อ เวลามันต่างกัน อาจจะเกิดอะไรขึ้นได้เสมอ ฝนตก น้ำขัง ลูกลัง หลุม บ่อ แรงลม ภูเขา หรื อแม้แต่อุปสรรคจากเพื่อนร่ วมทางอย่างมอเตอร์ไซด์ รถบบรทุกหรื ออะไร ก็ตาม เราอาจจะได้เจออย่างใดอย่างหนึ่งหรื อทั้งหมดในหนึ่งทริ ป เพราะฉะนั้นนอก จากคนแล้ว ...รถจักรยานก็ตอ้ งสามารถฝ่ าทั้งหมดนี้ไปได้...


...แล้วคิดว่าผมไปได้ไหมหล่ะ! ตอบ!... ได้สิครับ แต่อาจจะลำบากกันทั้งคู่ ... มันจะยากเกินไปไหม???... ...แล้วมันต่างกันตรงไหน? ตอบ!...

เฟรม

อย่าเพิ่งเอาเรื่ องต่างเลย มันจะเยอะเกินไป เอาเป็ นว่าอะไรที่เหมือนก่อนดีกว่า มัย๊ !!! มัย๊ ! ก็นี่ไง...เหล็ก...ใช่ครับเหล็ก วัสดุที่สร้างพวกเราชาวรถทัวริ่ งขึ้นมาคือเหล็ก ...เหล็กโคโมลี่...หนักๆที่พวกทำความเร็ วเขาไม่ตอ้ งการนี่ แหละคือสิ่ งที่พวกเราทั้ง หมดเป็ น จักรยานทัวริ่ งต้องการความแข็งแรงทนทาน ทนต่อการสมบุกสมบันที่สูง ... เหล็กโคโมลี่...ซึ่ งมีความแข็งแรงกว่าวัสดุชนิดอื่นจึงตอบโจทย์น้ ี ได้ดีกว่าวัสดุชนิด อื่น วัสดุน้ ีถกู พัฒนามานานแล้ว ด้วยการนำเหล็กมาผสมกับโคโมลี่ดว้ ยอัตราส่ วน ประมาณนึง ทำให้เหล็กเป็ นสนิมยากขึ้น และยังได้ของแถมมาอีกหนึ่งอย่าง คือทำให้ เนื้อเหล็กมีความยืดหยุน่ มากขึ้น ...ที่เขาเรี ยกว่าการให้ตวั นัน่ แหละ... ซึ่ งมันเป็ นผล ดีในตอนที่ขี่รถในระยะทางไกล เพราะมันจะช่วยให้เบาแรงถีบลงเมื่อขี่ได้ความเร็ ว คงที่ประมาณนึงแล้ว ถึงจะเป็ นเหล็กก็จริ ง แต่โคโมลี่ที่มีนำ้ หนักเบาที่นกั แข่งสมัยที่ผมเกิดนิยมใช้ นี่กม็ ีนะ เขามีวธิ ีในการรี ดให้ทอ่ บางลงแต่จุดเชื่อมยังแข็งแรงเหมือนเดิมได้ เบาสุดๆ


เลยหล่ะ! แต่เพราะมันเปราะบางไปหน่อย พวกเราชาวรถทัวริ่ งไม่นิยมใช้กนั หรอก สำหรับพวกเราต้องขนาดมาตรฐาน แข็ง อึด ถึก ทน ทุกสภาพถนน ลองสังเกตตาม ท่อเฟรมของแบรนด์จกั รยานทัวริ่ งดังๆอย่าง SURLY SOMA หรื อแม้กระทัง่ แบรนด์ ไทยอย่าง RIT ก็มีใช้อยูบ่ างรุ่ น จะมีรหัสติดที่ทอ่ คือ 4130 ถือเป็ นมาตรฐานของเฟรม โคโมลี่ที่แข็งแรงสุ ดๆ!

องศา

...และองศานี่หล่ะที่ผมบอกว่าเป็ นปัญหา!!!... ...องศาคืออะไร???... ขี่จกั รยานมาตั้งนานแล้วดันมาถามว่าองศาคืออะไร ...องศาก็คือความเอียง ของท่อยังไงหล่ะ!!!... เฟรมรถจักรยานประกอบด้วยท่อด้านหน้าสี่ ท่อคือ ท่อหน้า ท่อนอน ท่อตั้งและท่อเฉี ยง กับท่อด้านหลังที่เขาเรี ยกรวมว่าหางหลัง องศาการเอียง และความยาวมากน้อยของท่อใดท่อหนึ่ง มันจะมีผลต่อท่อที่เหลือทั้งหมดโดยสิ้นเชิง ยกตัวอย่างง่ายๆนะ อย่างเจ้านายถนัดเสือหมอบซึ่งเป็ นรถทีต่ อ้ งการความเร็ว ท่อนอน กับหางหลังจะสั้น ท่อตั้งจะชัน มันเป็ นผลให้รถทั้งคันแคบนิดเดียว ...แคบทำไมหล่ะ... ก็นง่ั แล้วตัวมันโน้มไปข้างหน้าหรื อเปล่าหล่ะ มันช่วยให้ป่ันแล้วรถพุง่ กว่ารถ ประเภทอืน่ ไง ...นัน่ หล่ะ! คือองศาของรถจะมีผลกับผูใ้ ช้และการใช้งาน... ส่วนรถทัวริ่ งอย่างพวกผมจะเน้นใช้งานสมบุกสมบัน โต้ลมได้ บรรทุกของได้ รถทั้งคันเลยยาวกว่า ท่อนอนก็ยาว หางหลังก็ยาว ตะเกียบหน้าก็เอียงกว่าเขา...ก็เพือ่ เพิม่ ให้เรามีความมัน่ คงมากขึ้น... แถมท่อตั้งที่ดเู อียงๆนัน่ ก็เหมือนกัน มันทำให้นง่ั


สบายขึ้น เพราะเจ้านายจะต้องขีผ่ มในระยะทางไกลๆ ต้องนัง่ หลังขดหลังแข็งเป็ น เวลานานๆ ...การนัง่ สบายมันก็เป็ นการช่วยให้ใช้เวลาอยูบ่ นรถได้เป็ นเวลานานขึ้น ไม่ตอ้ งหาเรื่ องลงไปพักบ่อยๆ... ที่วา่ มาทั้งหมดนี้ผมก็มีเหมือนคันอืน่ นะ แต่อย่างที่บอก...ว่าผมมันถูกพัฒนามา จากเสือหมอบ ไอ้ทอ่ นอนตรงๆขนานกับพื้นโลกนี่มนั เหมาะไว้ขนานกับพื้นโลกนะ ขีท่ างราบก็ยงั จะสบายๆดีอยู่ แต่เมื่อไหร่ ท่คี ดิ จะขึ้นทางชัน ขึ้นเนิน ขึ้นเขา จะต้องใช้ แรงมากกว่าคนอืน่ ที่ใช้รถองศาทัวริ่ งปกติ ..แล้วมันจะไหวมัย๊ !!!... ...แล้วทำไมเพิง่ มาบอกหล่ะ ก็ซ้ือมาแล้ว ขายมัย๊ !!!... ...เอ่อ!!!... !!! ...พูดถึงออกแรงมากกว่าคนอืน่ แล้วไอ้ 700c นี่อกี หล่ะ!...

ล้อ

...700c ก็ดีดิ ขีท่ างไกลก็ไปได้เร็วกว่าคนอืน่ ... ...นัน่ มันสำหรับทางราบคับลูกพี!่ !!... รู้มย๊ั ว่าทำไมจักรยานทัวริ่ งส่วนใหญ่ถงึ ได้ใช้ลอ้ 26” เนื่องจากวงล้อขนาดนี้ สามารถเคลือ่ นทีไ่ ด้ดที ้งั ในทางราบ ไม่กนิ แรงมากเหมือนล้อขนาดใหญ่ในเวลาขึ้นเขา ทนแรงกระแทกได้ดใี นทางสมบุกสมบัน แถมยังเป็ นไซส์ทน่ี ิยมใช้กนั ในจักรยานทุก ประเภท การเดินทางไกลๆอาจจะทำให้รถมีปัญหาได้ตลอดเวลา เมื่อเป็ นของที่เป็ น มาตรฐานอะไหล่กย็ อ่ มจะหาง่ายกว่าด้วยเช่นกัน ...ก็เข้าใจนะว่าล้อ 26” มันกว้างกว่าถึงได้แข็งแรงกว่า แต่เดี๋ยวนี้ 700c สำหรับ ทัวริ่ งที่แข็งแรงๆ ดีๆ ก็มีผลิตมาตั้งมาดมาย นี่กฝ็ ากให้พธ่ี านินช่วยดูให้แล้วไง แถม ซีล่ วดอย่างหนากันพลาดมาให้ดว้ ย แต่ไอ้ทว่ี า่ กินแรงตอนขึ้นเขานีม่ นั คือยังไง ไม่เข้าใจ...


อ้าว!...วงล้อมันกว้างกว่า จุดสัมผ้สพื้นถนนต่อหนึ่งรอบก็ยาวกว่า เวลาขึ้นเขา ในเกียร์ที่เบาเท่ากัน คุณพี่กจ็ ำเป็ นต้องออกแรงมากกว่ากว่าจะครบรอบไง!!!... ...เข้าใจแระ!!! ตกลงขายเลยดีกว่า!... ...เดี๋ยวดิ๊!!! ลองก่อนก็ยงั ทันนะครับ อย่าเพิ่งรี บตัดสิ นใจ ยังไม่ทนั ได้ลองเลย ก็จะขายซะแล้นนน!!!...

ยาง

...แล้วยางอ่ะ สัง่ ยัง!... ...กันหนาม สามสิ บห้า... ...เก่งมาก! นึกว่าสัง่ ยีส่ ิบสาม... ยางของทัวริ่งจะไม่ใช้ยางถนนหน้าแคบนะ ต้อง ใช้หน้ากว้างหน่อย เพราะเราต้องบรรทุกของหนัก เพราะฉะนั้นยางก็สำคัญกับความ สมดุลย์ของรถเหมือนกัน

เฟื อง

...เฟื องท้ายนี่กส็ ำคัญนะ มาธรรมดาๆจะไม่ไหวเอานะ ไหนๆขี่รถมีเกียร์กใ็ ช้ ให้เป็ นประโยชน์หน่อย ขึ้นเนิน ขึ้นเขา จะได้ช่วยทดแรงกันบ้าง เดี๋ยวนี้เห็นเขามีเฟื องสำหรับขึ้นเขาโดยเฉพาะขายกันอยู.่ .. ...สัง่ แล้ว เฟื องเก้า 12:36 ทางราบสบายๆ ขึ้นเขาก็น่าจะช่วยได้เยอะเลยหล่ะ!... ...เฟื องเก้า!!! บ้าแล้ว! เฟื องเก้าดุมหลังต้องกว้างเท่าไหร่ ผมมันรถรุ่ นดึกดำบรรพ์ไม่เหมือนรถรุ่ นใหม่ที่จะใส่ ยงั ไงก็ได้ หางหลังผมแคบจะตาย จะยัดเข้าไปได้ เช่นไร!!!... ...ช่างโอ๋ ถ่างให้ได้ ถามแล้ว... ...แหกกันพอดี! นี่หล่ะ ใช้ของไม่ถกู วิธี เลยต้องแปลงมัว่ ไปหมด...

เกียร์

...เฟื องเก้า แล้วเกียร์หล่ะครับ สับถังอย่างนี้กม็ ีนะ เห็นมีของแคมเปกโนโล อยูต่ วั นึงที่ใช้ได้ถึงสิ บเลยนะ...


...ไม่ไหวอ่ะ! ถึงเวลาขึ้นเขาจะให้เลื่อนมือลงมาเปลี่ยนเกียร์บ่อยๆก็ตกเขากัน พอดี เช็คของไว้แล้ว มือเกียร์แบบวินเทจหน้าตาดี น่าจะเข้ากับแกอยูน่ ะ... ...!!!...หน้าตากูจะออกมายังไงวะเนี่ย

ขาจาน

...แล้วจานหล่ะครับ ทัวริ่ งเขาใช้จานหน้าสามใบนะรู ้เปล่า???... รถทัวริ่ งจะใช้จานสามใบเหมือนรถเสือภูเขา แต่ใบจานจะใหญ่กว่า เพราะเสื อ ภูเขาเน้นการลุยซะมากกว่า ทั้งหลุม ทั้งดิน ทั้งลูกรัง บุกป่ า ลุยพงหญ้า ไม่จำเป็ นต้อง ใช้ความเร็ วซึ่ งต่างจากรถทัวริ่ งที่เน้นภูมิประเทศที่หลากหลายกว่า ใช้จานใบใหญ่ ทำความเร็ วได้ในทางราบ และใบเล็กสุ ดในการผ่อนแรงในการขึ้นเขา ส่ วนใบกลาง เอาไว้ ...!!!... หลายๆคนใช้ใบกลางนะ! กำลังพอดีกบั แรงบางคน ...เตรี ยมไว้แล้ว จานหน้าสามใบ 48:45:24... ...บ้าหรื อเปล่า! ปกติท่เี ขาใช้ 48:38:28 กันมันก็จะเนียนดี แล้วนี่อลั ไล!!! ไอ้45 ใบกลางนี่มนั คืออะไร มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยหรื อเปล่า แล้วข้ามไปใบเล็ก24นี่ก็ เหมือนกัน ปรับน้ำหนักขาไม่ทนั เลยนะท่าน...

ระบบเบรก

...แล้วยังเหลืออะไรอีกหล่ะ... ...ที่เหลือก็ใช้ของเดิมนัน่ แหละ ตังค์หมดแล้ว... ...เบรกหล่ะลูกพี่ เบรกก็สำคัญนะ เดินทางไกลๆ... ...ของเดิมเป็ นเบรกดึงกลาง ตั้งดีๆก็แน่นหนาใช้ได้... ก็ใช่ได้แหละนะ มาตรฐานของรถทัวริ่งจะใช้เบรกลักษณะนี้ เบรกทีใ่ ช้กำลังจาก แกนกลางเป็ นตัวดึงให้เบรกทำงาน อย่าง”เบรกผีเสื้ อ” ซึ่ งดูจะเป็ นมาตรฐานที่ติดมา กับรถทัวริ่ งรถใหม่ทุกคัน แต่กจ็ ะมีจกั รยานบางยีห่ อ้ ที่เริ่ มมีการเพิม่ ติดดิสเบรกมาใ ห้ดว้ ย แต่ท้ งั นี้ท้ งั นั้นจะให้ปลอดภัยควรใช้ให้ถกู วิธีดว้ ยนะ ...แค่เบรกมันต้องมีวธิ ีดว้ ยเหรอ?...


ก็ตอ้ งมีสิครับ ทำเป็ นไม่รู้ เห็นเล่าไปบ้างแล้วไม่ใช่เหรอ ...เอางี้...ง่ายๆ คือถ้า เป็ นทางปกติกไ็ ม่มีอะไรเท่าไหร่ แต่ที่สำคัญคือเวลาฉุกเฉิ นและตอนลงเขา ถ้าเราจะ ต้องกดเบรกกระทันยิง่ ต้องจำให้ได้ ...มือขวาล้อหน้า มือซ้ายล้อหลัง... กระทันหัน ดันกดมือขวาสุดแรงงง!!! สิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะไม่ได้แค่ทำให้รถหยุดอยูก่ บั ที่ ...อาจจะ ทำให้รถอยูก่ บั ที่แถมตัวคนขี่อาจจะลอยข้ามแฮนด์ไปเลยก็ได้... ...นัน่ แหละๆ! เรามีวธิ ีช่วยได้ ลองตั้งให้เบรกหน้าอ่อนๆ แล้วเบรกหลังหนึบๆ เวลาเผลอตัวกดเบรกมือขวาแล้วเอาไม่อยู่ มือซ้ายจะกดอัตโนมัติ ...ทำอย่างนี้ หัวไม่ ทิ่มแน่นอน... ...เออเนอะ มีวธิ ีน้ ีดว้ ย ลูกพี่นี่กฉ็ ลาดเหมือนกัน... ...มันอยูท่ ี่ความชำนาญด้วยนะ อันนี้เป็ นประสบการณ์ส่วนตัว ยกตัวอย่างเอา ไว้เฉยๆ... ...แล้วมือเบรก... ...ก็มือเบรกหมอบนี่หล่ะ ใช้แฮนด์หมอบก็ตอ้ งมือเบรกหมอบหนะซิ ... ...ใช้แฮนด์หมอบ ไม่กม้ ไปหน่อยเหรอฮะ... ...อย่าเรื่ องมาก ที่บา้ นมีแต่แฮนด์หมอบขี้เกียจหาใหม่... ...ไม่ลงทุนเลยเจ้านายเรา... ฯ ล ฯ ...บลาๆๆๆ... ...ตะแกรงหน้าหลังก็สำคัญนะ... ...หน้าไม่ใช้ หลังใช้ของเดิมแหละน่าจะไหว... ...จุดยึดกระติกน้ำจะเพิ่มยังไง ผมยึดได้กระบอกเดียว... ...นี่หล่ะปัญหา ถ้าเป็ นเฟรมทัวริ่งใหม่ๆ เขาจะมีจดุ ยึดให้อย่างน้อยสองหรื อสาม จุด กลายเป็ นจุดอ่อนของแกเลยนะเนี่ย... ...งั้นขายผมเลย... ...ไม่ขายแล้ว ไม่คุยแล้วด้วย ไป...ไปหาช่างโอ๋ กนั ไปตรวจดูความเรี ยบร้อย กันก่อนออกเดินทาง...




ทุกอย่างดูจะเป็ นข่าวร้ายไปหน่อยหลังจากได้รูว้ า่ พีว่ ดู้ ดี้จะไม่เดินทางไปกับผม จริ งๆ ก่อนทีผ่ มจะออกทริ ปแม่ฮอ่ งสอนก็พอได้รูม้ าคร่าวๆแล้ว...แต่กเ็ ป็ นแค่อาจจะ... พอกลับมาจากทริ ปก็ได้ขอ้ สรุปแน่นอนแล้วว่า...อาจจะไม่มใี ครไปลาวด้วยซะแล้ว!!! การออกทัวริ่ งด้วยจักรยาน ปัญหาใหญ่อย่างแรกไม่ใช่เรื่ องรถ ประสบการณ์ หรื อเรี่ ยวแรง แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่ องของเวลา เพราะแต่ละคนก็ตอ้ งมีภารกิจส่ วน ตัวที่จะต้องรับผิดชอบ จะหายตัว หายหน้าหายตากันไปเป็ นเวลานานๆก็ยากอยู่ พอ จะหาเวลาว่างได้แค่ส่วนตัวคนเดียวก็ยงั พอไหว แต่เพื่อนที่จะไปด้วยที่พอจะเข้าขา คุยกันภาษาเดียวกัน ที่จะมาว่างพร้อมๆกัน พร้อมจะไปเรื่ อยเปื่ อยด้วยกันมันก็ไม่ได้ หากันง่ายๆเลย เรื่ องที่จะตัดใจไม่ไปนี่ไม่เคยมีอยูใ่ นหัวของผมอยูแ่ ล้ว กว่าที่จะโน้มน้าวให้ หลายๆคนเปิ ดโอกาสให้ขนาดนี้คงไม่ได้หากันง่ายๆ ทีค่ ดิ ได้ในขณะนี้กม็ แี ค่ทางเดียว ...จะยังไงก็ขอไปตายเอาดาบหน้าก่อนก็แล้วกัน ถ้าจะต้องไปคนเดียวก็จะไป.... แต่กย็ งั มีเรื่ องโชคดีอยูอ่ ย่างนึง ถึงอย่างไรก็ไม่ตอ้ งเดินทางคนเดียวตลอดเส้น ทาง เมื่อ...”กานต์”...น้องที่ข่จี กั รยานด้วยกันประจำและอยูใ่ นกลุม่ เดียวกัน มีแผนจะ ขึ้นเชียงใหม่กบั ครอบครัวในช่วงปี ใหม่ รูแ้ ผนการไปลาวของผมกับพีว่ ดู้ ดี้มาโดย ตลอดเลยคิดจะขอพ่วงไปเชียงใหม่กบั พวกผมอยูแ่ ล้ว ถึงตอนนี้จะไม่มีพว่ี ดู้ ดี้ไปด้วย อีกแล้วแต่กย็ งั คงสนใจจะไปอยู่ เพราะฉะนั้นยังอุ่นใจได้อยูบ่ า้ งว่าระยะทางในเมือง ไทยก็ยงั มีคนไปด้วยกัน ...บทสรุปก็คอื ทริปนีจ้ ะเป็ นทริปจักรยานทัวริ่งทางไกล ประเทศไทยจาก กรุงเทพฯจะขึน้ เหนือไปจบพักสั กระยะทีเ่ ชียงใหม่ มีไปด้ วยกันสองคน แล้ วค่ อยหา ทางไปข้ ามแดนทีเ่ ชียงของจังหวัดเชียงราย จากนั้นจะขีค่ นเดียวลงจากลาวเหนือถึง ลาวใต้ ตอนจบกลับถึงเมืองไทย จะยังขีต่ ่ ออีกไหมค่ อยว่ ากันอีกที..............

เตรียมตัว...

ทุกอย่างดูช่างเร่ งรี บกับเวลาที่เหลืออยูไ่ ม่ถึงเดือนกับภารกิจอีกหลายอย่างที่


ต้องทำกัน ทั้งแผนการเดินทางใหม่ท้ งั หมดที่ผมยกหน้าที่ของเส้นทางในเมืองไทย ให้นอ้ งเอาไปจัดการ ส่วนตัวผมก็วนุ่ วายอยูก่ บั การหาข้อมูลของลาวแบบคร่ าวๆ จาก หลายๆคนที่เคยไป ซึ่ งค่อนข้างเป็ นปัญหา เพราะว่าจากแผนในหัวกับความเป็ นจริ ง ก็ยงั ไม่ใครเคยไปอย่างที่ผมอยากจะไปมาก่อน มันจะย้อนศรกับชาวบ้านชาวเมือง เขาไปหมด เลยต้องกลับมาคอนเซ็ปต์เดิมกันอีกครั้ง ...จะยังไงก็ขอไปตายเอาดาบหน้า ก่อนก็แล้วกัน... ผมก็เป็ นคนหนึ่งที่เวลาท่องเที่ยวแล้วชอบส่ งโปสการ์ดกลับไปหาตัวเองที่ บ้าน แต่การไปในบางทีก่ ารจะหาซื้อโปสการ์ดซักใบยังเป็ นเรื่องยาก และในทีท่ ม่ี กี ม็ กั จะหาแบบที่ถกู ใจลำบาก เมื่อแผนการเดินทางสำเร็ จ ผมก็เลยจัดการผลิตขึ้นมาเอง ซะเลยด้วยการอัดรูป ส่วนของไทยก็จดั การติดแสตมป์ เอาไว้ ส่วนของลาวเดีย๋ วพอไป ถึงค่อยหาเอาใหม่ พอเตรี ยมเส้นทางเสร็จก็ตอ้ งมาไล่ดขู องทีจ่ ะเอาไปกัน ซึ่งถือเป็ นอีกหนึ่งเรื่อง ใหญ่ เพราะเราจะไปแบบ...ฟลูโหลด... ซึ่งถือเป็ นครั้งแรกของเราทั้งสองคน อะไร ที่คิดว่าจำเป็ นเราจึงขนกันไปทั้งหมด

กระเป๋ าเดินทาง

ตัวผมเองก็เคยคุยเคยถามคนที่เดินทางไกลบ่อยๆมาคร่ าวๆ เลยพอได้รู้วธิ ีการ เตรี ยมของมาบ้างเล็กน้อย ผมเลือกใช้กระเป๋ าเฉพาะคูห่ ลังสองใบกับติดหน้าแฮนด์อกี หนึ่งใบ สองใบหน้า ไม่ใช้เพราะคิดว่าไม่จำเป็ น...เดีย๋ วมันจะบานปลาย... เอางบประมาณมาซื้อแบบกันน้ำ อย่างดีทีเดียวจบมาใช้เลยดีกว่า เพราะเห็นตัวอย่างจากหลายๆคนที่เลือกใช้ของถูก แต่สุดท้ายก็ตอ้ งขายมาเปลี่ยนเป็ นของดีกนั แทบทุกคน ส่วนวิธีการจัดกระเป๋ าหลักๆจะเน้นการหยิบเอาไปใช้งานให้งา่ ยและสะดวกที่ สุด กระเป๋ าหน้าแฮนด์จะใช้สำหรับเก็บของเล็กๆน้อยๆทีใ่ ช้ในชีวติ ประจำวัน กระเป๋ า สตางค์ โทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรู ป และของเล็กๆน้อยๆ ส่ วนสองใบหลังจะไว้ใส่


ของหนัก จะบรรทุกหนักเท่าไหร่ กไ็ ด้แต่ใบหลังทั้งสองใบซ้ายขวาน้ำหนักต้องใกล้ เคียงกัน...เพื่อความสมดุลย์ เนื่องจากภายในกระเป๋ าจะเป็ นพืน้ ทีโ่ ล่ง ผมจึงใช้วธิ ีแยกของแต่ละอย่างใส่กระเป๋ าใบเล็กๆหรื อถุงผ้าอีกที เพือ่ ให้งา่ ยกับการหยิบใช้และของจะไม่ปะปนเลอะเทอะ โดยแบ่งให้ใบหนึ่งใส่ สมั ภาระเครื่ องใช้ส่วนตัว อุปกรณ์อาบน้ำและเสื้ อผ้าสำหรับ ใช้สกั สองถึงสามวันก็พอเพราะเราจะใช้วธิ ีซกั และตากแดดไปบนรถ และอีกอย่าง นึงที่ตอนแรกผมก็ลืมไปว่าจำเป็ นต้องมีมนั ก็คือ...กระเป๋ ายา... ส่วนอีกใบผมจะใช้สำหรับใส่ถงุ นอน อุปกรณ์ท้งั หลาย เครื่องมือและอะไหล่ตา่ งๆ และผมก็มีอุปกรณ์พิเศษเพิม่ มาอีกสองอย่างที่มีไว้แล้วชีวติ จะง่ายขึ้นเยอะ ซึ่ งได้คำ แนะนำมาจากผูท้ ี่ได้คำแนะนำมาจากผูท้ ี่มีประสบการณ์อีกที นัน่ ก็คือ ...“อุปกรณ์ เสี ยบไฟระยะไกล”... และ...“อุปกรณ์อาบน้ำแบบพกพา”... การออกทัวริ่ งด้วยจักรยาน เป้ าหมายในแต่ละวันนอกจากที่พกั แล้วยังมีอกี สอง สิ่ งที่ไม่ได้จำเป็ นที่สุด...แต่มีกด็ ี อย่างแรกก็คือรู ปปลัก๊ สำหรับเสี ยบชาร์ทไฟให้กบั อุปกรณ์อิเล็คทรอนิคทั้งหลายที่ใช้ในชีวติ ประจำวัน แบตฯกล้อง แบตฯมือถือ นั้น เป็ นสิ่งจำเป็ นที่จะต้องใช้ทกุ วัน สถานที่ท่เี ราไปพักบางทีมีรูปลัก๊ แต่อยูห่ ่างจากเต้นท์ มาก ไอ้เราจะเสี ยบทิ้งไว้มนั ก็คงจะหายแน่นอน ...”อุปกรณ์เสี ยบไฟระยะไกล”... ช่วยท่านได้ จะให้พกรางเสี ยบไฟไปด้วยมันก็ใหญ่และเกะกะ ทำขึ้นมาเองแบบตัว เล็กสายยาวๆจะได้สะดวกในการใช้งาน เวลาใช้กเ็ สี ยบไฟไว้แล้วลากสายเข้าเต้นท์ แค่น้ ีกป็ ลอดภัยหายห่วง ส่วนอีกอย่างห้องน้ำสำหรับทำธุระ อาบน้ำและซักผ้า แต่บางทีท่ ไ่ี ปก็ไม่ได้สะดวก สบายนักหนา บางที่อาจจะไม่มีหอ้ งน้ำมีแค่กอ๊ ก บางที่มีหอ้ งน้ำแต่ตำแหน่งของก๊อก ไม่อำนวย ถ้ามีกอ๊ กน้ำ ...”อุปกรณ์อาบน้ำแบบพกพา”...นี่แหละช่วยคุณได้ เอายางใน จักรยานที่ไม่ได้ใช้พกติดตัวไว้ ...แนะนำเป็ น 700c นะกำลังพอดีไม่หลวมไป... พอ ถึงเวลาก็เสี ยบเข้าไปแล้วใช้ได้ตามสบาย ทั้งหมดก็ดเู หมือนไม่มอี ะไรเท่าไหร่ แต่ดว้ ยการทีต่ อ้ งออกเดินทางไปเป็ นเดือน


กว่าจะจัดกระเป๋ าเสร็จก็ตอ้ งตรวจเช็คเอาเข้าเอาออกอยูห่ ลายรอบวุน่ วายไปหมด กว่า จะพร้อมก็คืนก่อนออกเดินทางนัน่ หละถึงจะเรี ยบร้อย

รถจักรยาน

เพราะได้ไปขึ้นเขามาหนึ่งทริ ปเลยได้รู้วา่ ...มีปัญหาที่ตอ้ งแก้ไขอย่างเร่ งด่วน และเป็ นสิ่ งที่สำคัญที่สุด นัน่ คือตัวจักรยาน!!! เพราะโดยพื้นฐานของตัวผมแล้วจะถนัดการขี่รถจักรยานเสื อหมอบ การเซ็ท รถ เซ็ทอุปกรณ์ เซ็ทร่ างกาย เซ็ทท่านัง่ ในการปั่นจึงทำอย่างถนัด ทำให้รถรู ปร่ างและ ลักษณะดูจะเป็ นไปอย่างเสื อหมอบไปสักหน่อย แต่พอถึงเวลาการใช้งานจริ งก็เลย ได้รู้วา่ ค่อนข้างจะมีปัญหา ไม่เหมาะกับการทัวริ่ งระยะไกลเป็ นอย่างยิง่ ชีวติ บนรถ ค่อนข้างจะลำบากเกินไปหน่อย คงจะต้องมีการปรับแต่งรถเพิม่ อีกซักหน่อย ที่จริ งแล้วในทางราบก็ไม่คอ่ ยมีปัญหาอะไรสักเท่าไหร่ แต่พอต้องใช้ติดต่อกัน หลายๆวันในระยะทางไกลๆ มันทำให้ความปวดเมือ่ ยมันสะสม ยิง่ พอเป็ นเส้นทางชัน ทางขึ้นเขานี่ไม่ตอ้ งพูดถึง ท่านัง่ ในแบบก้มนี่เขาเอาไว้ใช้ทำความเร็ว เอามาใช้ข้ นึ เขา ช้าๆยิง่ ทำให้ท้งั แขนทั้งมือทั้งขาทั้งหลังปวดเมื่อยกันเข้าไปใหญ่ หลังจากกลับมาจาก ทริ ปนั้น ทำให้ร่างกายระบมไปหลายวัน แล้วถ้าจะไปทัวริ่ งควรจะเซ็ทรถอย่างไรหล่ะ เอาเป็ นข้อสรุ ปง่ายๆคร่ าวๆจาก ประสบการณ์ของตัวผมเอง ...เราต้องไปด้วยกันไกลๆหลายๆวัน เพราะฉะนั้นเซ็ท ให้นงั่ ปั่ นสบายที่สุดเท่านั้นพอ... แล้วสิ่ งที่สำคัญที่สุดสำหรับรถที่ขาดไม่ได้เลยนั้น เพราะว่าตัวเองไม่ได้เกิดมา เป็ นช่าง จะทำอะไรก็คงสูไ้ ปพึ่งผูช้ ำนาญการเฉพาะด้านไม่ได้ จึงต้องมีช่างจักรยาน เก่งๆที่ไว้ใจได้นี่แหละสำคัญที่สุด ผมโชคดีที่มีช่างอยูใ่ นกลุ่มที่ปั่นจักรยานอยูด่ ว้ ย กัน ...ช่างโอ๋ ... ซึ่ งคอยดูแล วุน่ วาย ค่อยๆใช้เวลาอยูน่ านเพื่อที่จะประกอบรถตาม ความต้องการอันแสนยากของผมคันนี้ข้ ึนมาตั้งแต่ออกทริ ปครั้งแรก การจะไปไกล ครั้งนี้ผมเลยตัดสิ นใจและไว้วางใจให้นายช่างใหญ่กลับมาดูแลรถให้ผมอีกครั้ง


ถึงเวลา...ออกเดินทาง...

ของพร้อม รถพร้อม ส่วนคนจะพร้อมไม่พร้อมก็ไม่คอ่ ยแน่ใจ ...แต่กถ็ งึ เวลา ต้องไปซะที... เมือ่ เด็กน้อยอ่อนต่อโลกสองคนจะออกผจญภัยในโลกกว้าง บรรดาเหล่าผูใ้ หญ่ ทั้งหลายๆคนก็เลยออกอาการเป็ นห่วง เช้าวันออกเดินทางเลยมีคนมาร่วมส่งพวกเรา กันหลายคัน ...ทีจ่ ริ งเป็ นวันทีต่ อ้ งปั่นกันอยูแ่ ล้ว ทำเป็ นมาส่ง... เราสองคนเริ่มออกเดินทางพร้อมกับขบวนจักรยานกลุม่ ใหญ่ กลุม่ จักรยาน ...rabbitz cycling... ออกเดินทางมาส่งพวกเราประมาณสามสิบกิโลฯแรก ซึ่งยังถือเป็ น เส้นทางทีค่ นุ ้ ชินและเป็ นเส้นทางทีเ่ ราใช้ซอ้ มขากันอยูบ่ อ่ ยๆ ถึงจะมีจกั รยานกลุม่ ใหญ่ ล้อมหน้าล้อมล้อมหลังประคองเราไปตลอด แต่มนั ก็ยากกว่าทีค่ ดิ เอาไว้มากเมือ่ ต้องขี่ รถหนักๆทีบ่ รรทุกสัมภาระเต็มคัน ถึงจะเป็ นเส้นทางทีช่ ำนาญแต่กย็ งั เดินทางไปอย่าง ทุลกั ทุเล ใช้เวลามากกว่าปกติอยูพ่ อสมควร พอไปถึงจุดหมายกว่าจะใช้เวลารำ่ ลากันได้กไ็ ม่ใช่นอ้ ย เราปล่อยให้ทมี ทีม่ าส่ง ค่อยลาหายจากไปทีละคัน...ทีละคัน...ทีละคัน จนในทีส่ ุดก็เหลือยืนค่อมรถมองหน้า กันอยูส่ องคน ...ถึงเวลา เริ่มผจญภัย!!!...




Thailand Day1

ลมเหนือพัดมาเป็ นระลอกๆ..... อากาศของหน้าหนาวใน ปี นี้ท่วี า่ หนาวกว่าปกติไม่ได้ช่วยอะไรเราเท่าไหร่ เสื้อกันหนาวที่ ใส่มาเมื่อเช้าถูกถอดออกเก็บไปเรี ยบร้อยแล้วทั้งๆที่เพิ่งเริ่ มออก เดินทางมาไม่กี่สิบกิโลฯ มันเป็ นสิ่งที่เราทั้งคูท่ ำใจยอมรับกันมาแล้วว่าจะเป็ นหนึ่ง อุปสรรคแรกๆที่เราจะต้องเจอ การขี่รถขึ้นเหนือในฤดูหนาวทำ ให้เราต้องขี่สวนลมกันไปตลอดทาง ลมคือหนึ่งปัจจัยที่จะช่วย ผ่อนแรงให้นกั จักรยานได้เมือ่ ขีไ่ ปทางเดียวกับมัน แต่ในทางกลับ กันถ้าเราขี่สวนทางกับลมมันจะกลายเป็ นอุปสรรคให้เราได้ เหนื่อยหนักกันเลยทีเดียว เส้นทางทีเ่ ดินทางออกจากกรุงเทพฯมุง่ สู่จงั หวัดสุพรรณบุรี นั้น มันเป็ นถนนเส้นตรงๆโล่งๆยาวๆสุ ดลูกหูลกู ตา อยากจะหา จุดเลี้ยวจุดโค้งเพื่อหลบลมสักนิดสักหน่อยก็ไม่มี มองไปเห็นธง ข้างทางถูกลมพัดปลิวตึงเหมือนมีมือใครมาดึงเอาไว้อีกข้าง สวนกลับมากับทางที่เราจะต้องไป ...หันไปมองเพื่อนร่ วมชะตา กรรมยังคึกคักสดใส แต่ตวั ผมชักจะไม่สนุกเหมือนเมื่อตอนเช้า อีกแล้วหล่ะสิ ... โดยปกติแค่รถจักรยานเปล่าๆรุ่นใหม่ๆ เขาจะพยายามผลิต รถให้เป็ นทรงแอโร่ เพื่อให้มีจุดปะทะกับลมน้อยที่สุด แต่นี่กบั เราทีใ่ ช้จกั รยานทัวริ่งท่อแบบธรรมดา แถมกระเป๋ าคูห่ ลังทีบ่ รรทุก ของเต็มพิกดั พร้อมปะทะกับลมได้ตลอดเวลาแล้วด้วย มันยิง่ ช่วย บัน่ ทอนแรงไปได้มากเสี ยเหลือเกิน


อุปสรรคทีค่ าดไม่ถงึ

แค่แปดสิบกิโลฯแรกเท่านั้น... ครับ...ออกเดินทางมาแค่แปดสิบกิโลฯตัวผมก็มี ปัญหาซะแล้ว ทั้งๆที่รู้วา่ ต้องเดินทางไกลแต่ตวั ผมก็วนุ่ วายอยูก่ บั การที่ตอ้ งหายออก จากบ้านไปเป็ นเดือน จึงทำให้เมื่อคืนไม่ได้หลับแม้สกั นิดเดียว ประกอบกับที่ตอ้ งมา ปะทะกับลมแรงด้วยน้ำหนักรถที่มากขึ้นจึงต้องออกแรงขามากขึ้นตามไปด้วย ส่ ง ผลให้นอ้ งตะคริ วลูกใหญ่ข้ ึนมาทักทายเอาตั้งแต่วนั แรก และเรายังไปได้ไม่ถึงครึ่ ง ทางของเป้ าหมายวันนี้เลยด้วยซ้ำ ไม่รู้วา่ จะประคองตัวเองไปไหวแค่ไหน ...แล้วถ้า ไปไม่ถึงที่หมายแล้วเราจะนอนที่ไหนกันดีหล่ะคืนนี้?!?!?... ตะคริ วนั้นเกิดจากการหดเกร็ งของกล้ามเนื้อแล้วไม่ยอมคลายออก มีสาเหตุ ได้จากมากมายหลายอย่าง การพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่ างกายขาดน้ำ ความเมื่อยล้าจาก การออกแรงในท่าเดิมๆนานๆ และมันยิง่ เป็ นปัญหามากสำหรับคนที่ออกกำลังกาย หนักโดยทีร่ ่างกายฟิ ตไม่พอ จะพูดไป...มันก็เป็ นเรื่องธรรดาสำหรับใครๆทีข่ จ่ี กั รยาน ก็จะต้องเป็ น ยิง่ ประสบการณ์การขี่มีมากเท่าไหร่ กใ็ ช่วา่ จะหลีกหนีมนั ไปได้ นานที ปี หน...อยูด่ ีๆมันก็จะโผล่มาทักทายให้ได้มีอาการเจ็บปวดกันบ้างเป็ นครั้งคราว ส่วน วิธีการแก้ไขก็คงแล้วแต่ความชำนาญและประสบการณ์ของแต่ละคน ส่ วนวิธีการของผมก็ง่ายๆคือกินน้ำเข้าไปเยอะๆ น้ำหวานก็ช่วยได้ และงดใช้ งานขาสักพัก ...พักไปบนรถนัน่ แหละ...ค่อยๆใช้ขาอีกข้างประคองไป เป็ นเรื่องโชคดี เส้นทางเป็ นทางราบ ไม่มีสะพานให้ตอ้ งเกร็งกล้ามเนื้อขาสักเท่าไหร่ หลังจากพักซัก แป๊ บก็สามารถประคองรถให้ค่อยๆไหลไปช้าๆ หายใจเข้าออกยาวๆให้ออกซิ เจน เข้าเลี้ยงปอดมากที่สุด ออกแรงเฉพาะขาที่ยงั สบายดี ไม่นานก็จะหายเป็ นปกติ

เปลีย่ นแผน

...เราใช้เวลานานเกินไปกับหลายเหตุการณ์ทค่ี าดไม่ถงึ ... กว่าทีเ่ ราจะได้หยุดพัก กินอาหารกลางวันมันก็ปาเข้าไปเกือบจะบ่ายสามโมง มันคงจะถึงเวลาที่เราน่าจะมา


นัง่ คุยกันใหม่ แผนการณ์เดิมที่วางกันมามันไม่น่าจะใช่ เราจำเป็ นต้องวางแผนกัน เส้นทางและจุดหมายกันใหม่อกี ที เพราะสิ่งที่กะเกณฑ์กนั เอาไว้บางครั้งก็ไม่สามารถ ใช้ได้ในสถานการณ์จริ ง อุปกรณ์การเดินทางใหม่ถกู งัดออกมาใช้ ...แอพพิเคชัน่ กูเกิ้ล แมพ...(Google Map App) เมือ่ เราเลือกทีจ่ ะใช้เทคโนโลยีให้กลายเป็ นหนึ่งอวัยวะสำคัญประจำวัน แล้ว เราก็ควรจะใช้มนั ให้เป็ นประโยชน์และคุม้ ค่ามากที่สุด และมัน...ก็เป็ นสิ่งสำคัญ และเป็ นประโยชน์กบั ทริ ปนี้ของเราอย่างมากจริ งๆ จากแผนแรกที่เราต้องการจัดหนักกันตั้งแต่เริ่ มต้น ในวันที่เรี่ ยวแรงของเรายัง พร้อมสมบูรณ์อยู่ แล้วค่อยไปผ่อนให้เบาลงในวันหลังๆ แต่ดว้ ยอุปสรรคทั้งปวงที่ ผ่านมาตั้งแต่เช้า ทำให้เราได้รู้วา่ คงจะไม่สามารถไปถึงจุดหมายเดิมได้ตามเวลา เรา จึงต้องนัง่ คิดหาเป้ าหมายกันใหม่......แล้วจะไปที่ไหน...ที่ไหน...ที่ไหนดี....ที่นี่ไง! เราตกลงปลงใจเลือกที่นี่ สอบถามข้อมูลจากเจ้าถิ่นว่าถ้าเราจะเข้าไปเขาจะให้พกั ได้ ไหม ...คำตอบส่ วนใหญ่กบ็ อกว่าน่าจะได้...น่าจะขอเขากางเต้นท์คงไม่มีปัญหา ไม่ ลองก็คงไม่รู้...ลองไปดูกนั ดีกว่า เขาคงไม่ใจร้ายกับเราหรอกน่า นะ...“บึงฉวาก”...

สถานการณ์ เลวร้ าย

เราแวะเข้าตัวเมืองสุพรรณฯเพือ่ หาซื้อของเพิม่ เติมนิดหน่อย ส่วนใหญ่จะเป็ น จำพวกของใช้ที่ยงั ขาด ที่ลืมพกติดตัวกันมา ส่ วนพวกเสบียงพวกน้ำพวกอาหาร เรา ยังหวังที่จะพึ่งน้ำบ่อหน้ากันอยู่ และเราก็ยงั ไม่อยากเพิ่มน้ำหนักให้กบั รถ ...เอาไว้ เดี๋ยวไปอีกหน่อยค่อยไปหากินเอาข้างทางกันอีกที!... พอออกจากเมืองมาสักพักเราก็เริ่มรูจ้ กั คำว่า “สำนึก” กับอีกสิ่งหนึ่งทีเ่ ราก็ไม่ได้ คาดคิด ร้านค้าข้างทางที่ปกติสกั พักก็จะเจอ สักพักก็เจอมาเสมอๆ อยูด่ ีๆก็หายไป... หายไปหลายสิ บกิโลฯเข้าให้แล้ว เสบียงยังไม่ตอ้ งพูดถึง เพราะตอนนี้แค่น้ำเปล่าเรา สองคนยังไม่มีเหลือสักหยด ชิ....หายหล่ะสิ เคยคิดว่าไม่ใช่ป่ายังไงก็หาได้ แล้วคราว นี้จะเอายังไงกันดี.....



ความมืดเข้ามาเยือนกับความหวังที่ริบหรี่ ลงทุกที ขณะนี้แม้เวลาจะเพิง่ หกโมง กว่าๆแต่ทอ้ งฟ้ าหน้าหนาวก็มืดลงเกือบสนิท ถึงจะเป็ นทางหลวงแต่ไฟถนนก็ไม่มี แสงไฟข้างทางนั้นนานๆทีกจ็ ะเห็นสักดวง แต่ละดวงก็จะเป็ นแค่บา้ นคน จะหาชุมชน หาตลาดร้านค้าก็หาไม่เจอ เราใช้เวลาอีกเป็ นชัว่ โมงกว่าจะได้มินิมาร์ทในปั๊มนำ้ มันมาเป็ นที่พ่งึ ก่อนจะถึง ที่พกั อีกไม่กี่สิบกิโลฯ ...ได้เวลาขนของตุนเสบียง น้ำหนักเท่าไหร่ กไ็ ม่เกี่ยงกันแล้ว คราวนี้... หลังจากปรึ กษากันว่าต่อไปนี้เราจะไม่หวังพึ่งน้ำบ่อหน้าอีกต่อไป ตัดสินใจ ตุนทั้งน้ำ มาม่า อาหารแห้งและเสบียงกันอย่างเต็มที่ ให้รู้วา่ ...ยังไงคืนนี้ยงั ไงก็ รอดตายแน่นอนแล้ว ...แต่!!!... ถึงจะเป็ นทางหลวงแต่ปริ มาณเพือ่ นร่ วมทางก็ช่างน้อยนัก ถนนช่วงนี้มนั ก็มืด ซะเหลือเกิน เราเร่ งทำเวลากันในช่วงสุ ดท้ายเพราะเริ่ มสำนึกได้วา่ ทางที่เราขี่กนั อยู่ นี่มนั ช่างมืดและเปลีย่ วเกินไปแล้ว ผมซึ่งเป็ นคนนำก็พยายามเร่ งฝี เท้าควงขาไม่ได้ หยุด กานต์เองก็ตามผมมาติดๆไม่ยอมให้ห่าง ช่วงที่ผมตั้งหน้าตั้งตาปั่ นแบบไม่คิด ชีวติ อยูน่ ้นั ไม่ได้รูแ้ ละไม่ได้สำเหนียกเลยว่า...เหมือนจะมีอนั ตรายตามมาข้างหลัง!!! ผมได้แต่ต้ งั หน้าตั้งตาปั่ นอยูข่ า้ งหน้าโดยไม่รู้เลยว่ากานต์กำลังถูกกดดันอยู่ ด้านหลัง ...สิ่งที่อนั ตรายที่สุดสำหรับนักปั่นในยามคำ่ คืน คือมือมืดที่รอจะทำร้ายเรา อยูโ่ ดยไม่รู้ตวั ... เหล่าสองล้อผูท้ า้ ความเร็ ว กับข่าวมากมายที่คอยทำร้ายคนจักรยาน เป็ นสิ่ งที่น่ากลัวที่สุดของเราชาวนักปั่น ซึ่งขณะนี้ได้เข้าประจำการทำการกดดันอยู่ ด้านหลังขบวนตลอดหลายกิโลฯที่ผา่ นมา ถึงเขาจะไม่ได้ทำอะไรเราแต่กไ็ ม่ยอม แซงไปข้างหน้า ...ช่างน่าสงสัยในพฤติกรรม... แถมจากไปตอนไหนก็ไม่แน่ใจ แล้วอารมณ์ท้ งั หมดก็เปลี่ยนไป นัน่ ไงป้ ายใหญ่ๆบอกว่าเรานั้นเข้าใกล้...ใกล้ เข้าไป...ใกล้จะถึง...จะถึง...จะถึง...ถึง...ถึงแล้ว! ถึงซะทีทางเข้าบึงฉวาก เลี้ยวเข้าไป อีกแค่สามกิโลฯ แล้วเราก็จะได้รู้กนั สักทีวา่ วันนี้จะมีที่นอนหรื อไม่! เราค่อยๆวนขาปล่อยให้รถค่อยๆไหลไปเรื่ อยๆ พอรู วา่ จะถึงที่หมายความ เหนื่อยก็หายไปโดยปลิดทิ้ง...



เรือนนอน

เราเข้ามาถึงริ มบึงฉวากด้วยความสบายใจ ตาก็พยายามมองหาท่านผูร้ ักษา ความปลอดภัยแต่ไม่มีแม้สกั คน จนกระทัง่ มาถึงศาลาริ มน้ำว่างเปล่าแห่งหนึ่ง ซึ่ ง เหมาะมากกับการพักผ่อนในค่ำคืนนี้ ใจนึงก็อยากจะเข้าไปจับจองเลย แต่กย็ งั ไม่แน่ ใจว่าถ้าไม่ขอใครให้เป็ นเรื่ องเป็ นราวแล้วจะถูกไล่ออกไปไหม บังเอิญฝั่งตรงกันข้ามกับศาลา มีร้านค้าตั้งอยูพ่ อดี เจ้าของกำลังเก็บของเตรี ยม จะปิ ดร้าน ...ก็เพราะป้ าเป็ นมนุษย์คนเดียวและคนแรกที่เราเจอ ตั้งแต่เข้ามาที่นี่... เราจึงถือโอกาสเข้าไปติดต่อห้องพักกับป้ า จองห้องพักศาลาริ มน้ำ ป้ าบอกตามสบาย นอนได้เลยป้ าไม่วา่ คุณ...รปภ...ก็คงไม่วา่ เพราะเคยเห็นมีคนมาพักอยูเ่ หมือนกัน แต่ คนอื่นเขาใช้กางเต้นท์นะไม่เคยเห็นมีใครใช้ศาลา เวลาสองทุ่มกว่ากับระยะทางที่เดินทางกันมาทั้งหมดร้อยหกสิ บห้ากิโลฯ เรา ได้ท่พี กั ดีกว่าที่คดิ เอาไว้ เต้นท์เดี่ยวสองหลังติดตั้งเสร็จหลบน้ำค้างฤดูหนาวอยูก่ ลาง ศาลาริ มบึง...ริ มบึงฉวาก บึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ ที่มองไปได้ไกลสุ ดลูกหูลกู ตา แม้ในขณะนี้ขณะที่เป็ นเวลาคำ่ คืน ก็เพราะบรรยากาศนั้นไม่ได้สงบอย่างที่มนั ควรจะ เป็ น จากจุดที่เรามองเห็น แสงไฟส่ องมาจากระยะไกลๆจากริ มฝั่งอีกด้านหนึ่ง ประกอบกับทั้งเสี ยงดนตรี สบั เปลี่ยนกับเสี ยงโฆษกพูดออกไมค์อยูเ่ ป็ นระยะ ซึ่ งเราก็พอ จะเดากันได้อย่างไม่ยากว่า น่าจะเป็ นเสี ยงมาจาก...ปาร์ต้ ีงานบวช...นัน่ เอง บรรยากาศจากสองฟากริ มน้ำช่างต่างกันอย่างสิ้ นเชิง อาหาคำ่ มื้อแรกของ พวกเราเป็ นไปอย่างง่ายๆด้วยชุดหม้อสนาม ส่วนอีกฟากหนึ่งคงมีอาหารมากมายให้ กินจนเหลือทิ้งขว้าง ...ถ้าเขารู ้วา่ มีเราอยูต่ รงนี้จะมีคนใจดีแบ่งปั นมาให้เราบ้างไหม หนอ... เราคงได้แต่นงั่ กินกันไปคุยกันไปวางแผนของวันต่อไปกันเบาๆ จนทำธุระ ส่ วนตัวเสร็ จ แยกย้ายกันมุดเข้าเต้นท์ของตัวเอง หลับลงไปอย่างง่ายดายเพราะความ เหนื่อยล้ามาทั้งวัน พร้อมกับเสี ยงดนตรี ที่ค่อยๆหายไปในภวังค์ ...ตื๊ด ตื๊ด ตะ ลืด ตื๊ด ตื๊ดดดด......


อรุณสวัสดิ์

ทริ ปนี้อากาศหนาว เป็ นฤดูหนาวที่ หนาวอย่างจริ งจัง เช้านี้ผมตืน่ สายทั้งๆทีต่ ้งั ปลุกเอาไว้ ผมรู ดซิบปิ ดเต้นท์ทนั ทีท่ีเปิ ด มาปะทะกับอากาศหนาวด้านนอก ต้องรี บ มาเปิ ดเช็คดูอุณหภูมิก่อนปรากฏว่าอยูท่ ี่... สิ บสององศาเซลเซี ยส!!!... กว่าทีผ่ มจะตัดใจมุดออกจากถุงนอน แล้วค่อยๆใสหัวออกจากเต้นท์ได้กใ็ ช้เวลา นานอยู่ พอปรับสภาพร่ างกายให้คงที่ได้ก็ เสี ยเวลาไปกับการชื่นชมธรรมชาติอยูอ่ ีก หลายนาที กว่าจะนึกได้วา่ ต้องเก็บเต้นท์ เก็บของจัดแจงตัวเองเสร็จก็ปาเข้าไปแปด โมงเช้า


กานต์นำหน้าผมไปพักใหญ่ไปรออยูท่ ่รี ้านค้า ร้านค้าของป้ าคนเมื่อคืนที่ต้งั อยู่ อีกฟากถนน ...ร้านป้ าอนงค์...ที่เป็ นที่พ่ ึงให้เราได้มากสำหรับเช้านี้ เราตัดสิ นใจกัน เอาเองในการยึดร้านป้ ามาเป็ นของพวกเรา กลายเป็ นเด็กวุน่ วายสองคนที่ใช้ร้านของ ป้ าเป็ นเหมือนบ้านตัวเอง อุปกรณ์อเิ ล็กทรอนิคทั้งหลายที่ตอ้ งถูกชาร์ตไฟถูกขนเอา ออกมาเรี ยงรายเสี ยบไว้เป็ นแถวเป็ นแนว สายระโยงระยางเต็มไปหมด ห้องน้ำก็ไม่ เว้น พร้อมใจกันเดินวนเข้าวนออก ทั้งแปรงฟันจนถึงอาบน้ำและทำธุระส่ วนตัว ก็ เมื่อวานตอนคำ่ เรามีแค่กอ๊ กในสวนสาธารณะให้ใช้ เลยรู้สึกยังไม่คอ่ ยสะใจกัน เท่าไหร่ พอมีหอ้ งน้ำให้ใช้เราก็เลยใช้กนั จนเต็มที่ และทีเ่ ยีย่ มทีส่ ุดก็คอื อาหารเช้าร้านป้ าอร่อยมาก เราเลยซัดกันเต็มคราบ พร้อม กักตุนเสบียงไว้อีกเล็กน้อย กว่าจะพร้อมออกเดินทางก็ร่วมเก้าโมงเข้าให้แล้ว



Thailand Day2

ใจนึงเราก็อยากจะรี บไปแต่อกี ใจก็ยงั อยากจะขีเ่ ที่ยวเล่นอยูข่ า้ งในบึงฉวาก กันอีกซักหน่อย สอบถามป้ าก็ได้ความว่า... ถ้าจะวิง่ ข้างในจะมีทางลัดออกถนน ใหญ่ได้...เราจึงอาศัยเส้นทางช่วงนี้เป็ นการ WARM UP ร่ างกายไปในตัว ผมเคยมาบึงฉวากครั้งหนึ่งเมือ่ นานมาแล้ว จำได้แต่พิพิธภัณฑ์สตั ว์น้ำที่อยู่ ด้านใน ไม่เคยรู ้มาก่อนว่ามีสวนสัตว์อยูด่ า้ นนอกด้วย... ตัวสวนสัตว์ถึงในเวลา นี้ยงั ไม่เปิ ด แต่เราก็ยงั เพลิดเพลินกับการดูสตั ว์ได้ เพราะกรงตั้งอยูต่ ดิ ถนนเลียบ ไปกับทางทีเ่ ราขีไ่ ป กว่าจะกลับออกมาถึงถนนใหญ่เราจึงใช้เวลากันนานอยูพ่ อ สมควร แต่... เอ...ทางทีเ่ ราโผล่ออกมาปรากฏว่ามันเป็ นทางเดียวกับทางเข้าเลยนี่นา แล้วมันเป็ นทางลัดตรงไหนหล่ะหว่าาา!!! ตอนเข้าเราใช้ระยะทางสามกิโลฯ แต่ ตอนออกมาเพิ่มขึ้นเป็ นแปดกิโลฯ!... ไม่ใช่แระ!!! ท่าจะคุยกับป้ าไม่เข้าใจ เฮ้ออออ!!! แต่ไม่เป็ นไร ถึงเป็ นการขีเ่ ที่ยวผ่อนคลายยามเช้าก็แล้วกัน เราเสี ยเวลากับช่วงเช้ามากไปหน่อย เลยตัดสิ นใจจะเร่ งทำเวลากัน พอ ตกลงกันได้ตามนั้น...เราก็เลยต้องเร่ งฝี เท้ากันมากขึ้น ...แต่ไม่ทนั ไร!!!... ปัญหาอีกอย่างนึงคือเรานั้นติดกาแฟกันทั้งคู่ ถ้าไม่ได้กินก็เหมือนจะขาด อะไรไปบางอย่าง ปั่นกันไม่คอ่ ยออกเท่าไหร่ ระ-ยะทางไม่เกินสิบกิโลฯเราก็ขา้ ม ชายแดนจังหวัดสุพรรณฯเข้ามาสู่จงั หวัดชัยนาท... แค่น้ กี ส็ บายใจได้แล้ว นัง่ พัก กินกาแฟกันอีกหน่อย คงไม่เสี ยเวลาเท่าไหร่ สิ บเอ็ดโมงเป็ นเวลาที่กว่าเราจะได้เริ่ มต้นจริ งจังกับการปั่น ผมว่าการ จับคู่นี่กเ็ ป็ นส่ วนสำคัญ ถ้านิสยั ไม่เหมือนกันคงมาใช้ชีวติ อยูร่ ่ วมกันหลายๆวัน ลำบาก การออกทริ ปแบบเรื่ อยเปื่ อยขนาดนี้คงไม่คอ่ ยมีใครเขาทำกันเท่าไหร่ ขีไ่ ปคุยไปหยุดไปพักไป...ก็คงมีแต่แค่คู่ผมที่ทำได้


ชัยนาท

...ออกก็สาย รู้วา่ รี บแต่กย็ งั คงขี้เกียจกันอยูด่ ี... ยิง่ เส้นทางที่เราจะต้องฝ่ ากันไป ในวันนี้ ดูท่าจะไม่มีร่มไม้ให้พอบังหลบแสงแดดอันร้อนแรงได้เลยตั้งแต่หลุดจาก สุ พรรณฯมา ทำให้การเดินทางยิง่ ล่าช้าลงไปมากกว่าที่ควรจะเป็ น ยิง่ ช่วงก่อนออก จากชัยนาทหลายสิ บกิโลฯ เส้นทางกลับมาเป็ นถนนโล่งๆเหมือนช่วงเข้าสุพรรณฯ เมื่อวาน ถึงลมจะแรงไม่เท่าแต่จากการที่เรารับแสงแดดกันมามากเกินไปมันยิง่ ทำให้ ร่ างกายเริ่ มอ่อนแรงลงทุกที...ทุกที... เราขีก่ นั ไป พักกันไป บ่อยครั้งเข้าทุกที การฝื นขีต่ อ่ ไปทั้งๆทีแ่ รงไม่มมี นั ไม่ได้ ช่วยให้การเคลื่อนที่ไปข้างหน้าเป็ นไปได้ดีเท่าไหร่ ยิง่ พยายามฝื นต่อไปยิง่ ทำให้ ความเร็วในการขีย่ ง่ิ ลดลง สิ่งทีค่ ดิ ว่าคงจะดีทส่ี ุดในตอนนี้กค็ อื การหยุดพักอย่างจริ งจัง ...และเติมพลังงานเข้าไป... ...เคยเห็นมัย๊ เผงขายของฝากประจำจังหวัดของชาวบ้าน ที่ชอบมีต้ งั ให้เห็น ตามชานเมืองในแทบทุกจังหวัด... ส้มโอ! ส้มโอครับส้มโอเรี ยงรายกันเป็ นหย่อมๆ อยูห่ ลายสิบแผง ไม่เคยรูม้ าก่อนว่าทีช่ ยั นาทนี่ของฝากจะเป็ นส้มโอ และส้มโอนี่แหละ ดูจะเป็ นตัวเลือกที่ดีที่สุดของเราในเวลานี้ ...........โอ่อออ!!!.......... ส้มโอที่ชยั นาทนี่กอ็ ร่ อยมว๊าาากก... ไม่เคยรู ้มาก่อน เลยว่า ผลไม้น่ี...สามารถเรี ยกความสดชื่นให้กลับคืนมาได้อย่างฉับพลัน น้ำตาลที่ได้ จากผลไม้น่ชี ว่ ยฟื้ นฟูความเหนื่อยล้าได้ดจี ริ งๆ จากทีค่ ดิ ว่าจะต้องใช้เวลาพักกันซักพัก กลับไม่ตอ้ ง เราสามารถกลับมาปั่ นได้ในเวลารวดเร็ ว แถมยังกลับมาทำความเร็ วได้ ดีกว่าเดิม นอกจากจะได้ความรูใ้ หม่จากประโยชน์ของผลไม้แล้ว ผมยังได้ประโยชน์ของ กระเป๋ าหน้าแฮนด์เพิม่ ขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง นอกจากจะเป็ นที่บรรจุอุปกรณ์พกประจำ กาย โทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรู ป กระเป๋ าสตางค์ อุปกรณ์พกพาเพื่อการหยิบฉวย อย่างเร่ งด่วนบางอย่างแล้ว หลังจากนี้มนั จะกลายเป็ นที่เก็บเสบียง...ที่สามารถคว้า เข้าปากได้ตลอดเวลาแม้ในขณะรถวิง่ !!!



ไม่ เข็ด

เหตุการณ์มอเตอร์ไซด์เมื่อคืนวาน เราเลยทำข้อตกลงกันไว้วา่ ...ยังไงก็ตอ้ งหา ที่พกั ให้ได้ก่อนมืด... แต่นี่แค่ขา้ มวันเอง ก็ดนั มามืดก่อนถึงที่พกั อีกแล้วหล่ะสิ ... ก็ช่วยไม่ได้!!! เมื่อเช้าดันขี่ชิลล์เรื่ อยเปื่ อยกันไปหน่อย ตกค่ำก็ตอ้ งรับกรรมกันไป อาหารคำ่ วันนี้เราตัดสินใจหยุดพักที่ปากทางเข้า...บึงบอระเพ็ด... ที่ท่เี ราจะไป ขอพึ่งพาอาศัยซุกหัวหลับนอนในคืนนี้ เพราะได้แต่ผา่ นมาไม่เคยเข้าไปสักที เราเลย ไม่แน่ใจว่าข้างในจะมีอะไร เป็ นยังไง จะหาอะไรกินได้หรื อไม่ เลยจะขอยึด คอนเซ็ปต์เดิมเอาไว้ ...ไม่ขอหวังน้ำบ่อหน้าอีกต่อไป... ตุนเสบียงกันอย่างเต็มที่


...มันเป็ นเหมือนเดจาวู... เหตุการณ์เดิมๆจากเมื่อวาน มีมอเตอร์ไซด์ขป่ี ระกบ ตามอย่างเมื่อคืนวาน คืนวันนี้กม็ ีมาตามมาส่งกันอีกแล้ว น้องเล่าให้ฟังก็ดเู หมือนจะ เข้าใจ แต่พอวันนี้ลงมาปิ ดท้ายยิง่ เข้าใจมากขึ้นไปอีก ไอ้ความกดดันที่มนั ตามมา ข้างหลังแบบไม่มีเหตุผลอยูน่ านสองนาน...สามนาน...สี่นานนน... แซงได้กไ็ ม่แซง ยังคงกดดันสร้างความระทึกเกือบตลอดระยะทางแปดกิโลฯที่เข้ามา พอมาถึง จุดหมายเราก็มวั แต่ดีใจจนไม่แน่ใจว่าพวกเขาเหล่านั้นหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ...คิด ในแง่ดี หรื อว่าเขาจะตามมาดูแลเรา!... ไม่วา่ จะยังงัยก็ดจู ะน่ากลัวไปสักหน่อย

บึงบอระเพ็ด

บึงบอระเพ็ดเป็ นอุทยานทีม่ รี ้ วั รอบขอบชิด ลักษณะเป็ นเหมือนสวนสาธารณะ ขนาดใหญ่ ถึงจะเป็ นเวลาสองทุม่ เข้าให้แล้ว ประตูกย็ งั คงเปิ ดรอต้อนรับพวกเราอยู่ แต่เท่าที่ดกู ไ็ ม่รู้วา่ จะนอนตรงไหนกันได้ เลยตัดสินใจแวะติดต่อยามถามหาที่กาง เต้นท์กนั ก่อน จึงได้คำแนะนำว่าให้เข้าไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ดา้ นใน ยิง่ ขีล่ กึ เข้าไป...เข้าไป... ทำไมมันถึงไม่สงบอย่างที่คดิ ยิง่ ลึกเข้าไปยิง่ แว่วเสียง เพลงดังขึ้น...ดังขึ้น...ดังขึ้นเรื่ อยๆ มีเสี ยงเพลงดังลัน่ มาจากจุดที่ดูจะเป็ นอาคารที่เรา กำลังมุ่งกันไป เราเริ่ มเอ๊ะใจ หันมองหน้ากัน มันใช่อย่างที่คิดไหม??? ...เดจาวูอีก แล้ว... เหมือนเคยเห็นเหตุการณ์อย่างนี้ที่ไหนน๊าาาา... เราขี่เข้ามาถึงสำนักงานการท่องเที่ยวพร้อมพบกับ...พิธีมอบรางวัลนักกีฬา... อะไรสักอย่าง... งานเลี้ยง ดนตรี พิธีกร มอบรางวัลกันดังกระหึ่ ม ...!!!...เอ่อ.... ช่าง มันก่อน มาถึงแล้วยังงัยก็ตอ้ งไปหาที่นอนกันก่อนดีกว่า โชคดีทใ่ี นสำนักงานยังคงมีคนอยู่ เขาแนะนำให้ไปตั้งเต้นท์อยูท่ ร่ี ิ มบึงด้านหลัง สำนักงาน ให้พกั อยูใ่ กล้เจ้าหน้าที่เอาไว้จะดีกว่าเพื่อความปลอดภัย แถมห้องน้ำก็มี ให้ใช้จะเปิ ดเอาไว้ให้ท้ งั คืน แถมอาจจะมีปลัก๊ ไฟให้ใช้ นี่กอ็ ีกอย่างที่ขาดไม่ได้ ...จะยังงัยก็ได้ แค่ขอให้นอนอยูต่ ิดริ มน้ำ...


เราได้ที่ต้ งั เต้นท์อยูร่ ิ มบึง ติดกับตึกสำนักงานการท่องเที่ยว และที่สำคัญคือ เราอยูห่ ่างจากหลังเวทีไม่เท่าไหร่ งานของเขาดำเนินไปเราก็เก็บของ อาบน้ำ จัดการ ตัวเองกันไป ไม่นานเท่าไหร่ เสี ยงสวรรค์กด็ งั ขึ้นมา ...พวกเราเหล่ามาชุมนุม ต่างกุม ใจรักสมัครสมานนนน... เพลงสามัคคีชุมนุมดังขึ้น เป็ นการบอกให้รู้วา่ ... ได้เวลาเลิกงาน ...และในไม่ชา้ ...ทุกอย่างก็สงบลง... เราก็สงบลง... ราตรี สวัสดิ์... คร่ อกกก...Zzzz


...อรุ ณสวัสดิ์สิบเอ็ดองศา!!!...บ้าไปแล้ว ลืมตาตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่ตอ้ งทำ ก็คอื การเช็คอุณหภูมิ มันเป็ นการทำใจขั้นต้นก่อนมุดหัวออกจากเต้นท์ อากาศหนาวๆยามเช้าก็เหมาะกับกาแฟอุ่นๆยามเช้า ชุดหม้อสนามถูกงัดออก มาต้มน้ำ กาแฟผงสำเร็ จรู ปที่แวะซื้ อเตรี ยมเอาไว้ต้ งั แต่เมื่อวานพร้อมกับขนมปั งซัก ก้อนนึง แค่น้ ีกไ็ ด้ชุดอาหารเช้าแบบง่ายๆ ...ไว้นงั่ จิบระเรี ยดรอดูพระอาทิตย์ข้ ึนจาก ริ มบึง... จิบกาแฟกันไป คุยกันไป ถ่ายรู ปกันไป กว่าเราทั้งคูจ่ ะขยับตัวเก็บของกัน ก็ ต้องรอให้ตะวันขึ้นสูงพอที่ส่งไอแดดมาไล่ความหนาวให้ออกจากร่ างกายไปได้บา้ ง


Thailand Day3

การเดินทางทีผ่ า่ นมาทั้งสองวัน เราได้แต่ป่นั ปั่น ปั่นแล้วก็ป่นั ปั่น ปั่น ตั้งหน้า ตั้งตาปั่นกันอย่างเดียว ...ซึ่งนัน่ ดูเหมือนว่าจะไม่ถกู ต้องซักเท่าไหร่ เราไม่ได้ตอ้ งการ พิสูจน์หรื อทำสถิติอะไร และก็ไม่ได้มีกำหนดการที่จะต้องรี บไปเท่าไหร่ ออกจาก บ้านเดินทางมาก็ต้งั ไกลเพือ่ จะปั่นจักรยานก็ใช่ท่ี น่าจะดีถา้ จะขีไ่ ปและเทีย่ วไปในเวลา เดียวกัน เราจึงตกลงกันไว้วา่ ...ต่อจากตรงนี้เป็ นต้นไป เราจะกลายเป็ นนักท่องเที่ยว เป้ าหมายในแต่ละวันจะต้องสวยงาม... แต่... เป้ าหมายวันนี้สวยงามหรื อเปล่าก็ไม่รู้ เพราะทั้งคูก่ ย็ งั ไม่เคยไป แต่ทร่ี ูว้ า่ อย่างไรก็จะต้องไป ไปเพราะมีคำเชิญชวน...คำชักชวนจากพีค่ นหนึ่งทีร่ ูว้ า่ จะมีทริ ปนี้ เกิดขึ้น พี่คนนี้ท่บี งั เอิญได้มีโอกาสไปรู้จกั กับกานต์จากการปั่น และเป็ นความบังเอิญ ที่พเ่ี ขาขึ้นมาทำงานอยูท่ ่นี น่ั พีเ่ ขาบอกว่าถ้าเราบังเอิญจะผ่านไปแถวนั้นก็ให้แวะไป ...เดีย๋ วจะเตรี ยมหาทีพ่ กั ไว้ให้... ซึ่งคำเชิญชวนแบบนี้เราเองก็ไม่อยากจะพลาดอยูแ่ ล้ว ...หลังจากเราแวะเที่ยวถ่ายรู ปกับเมืองนครสรรค์เป็ นที่พอใจกันแล้ว ก็ถงึ เวลา ออกเดินทางกันซะที!... ถ้าจะบอกว่าเส้นทางวันนี้เป็ นการอ้อมหล่ะก็ใช่ ...เพราะว่าเป็ นเส้นทางที่เรา ไม่จำเป็ นต้องผ่านเข้าไป... แต่ถา้ ต้องอ้อมไปแล้วได้แวะเที่ยวเราก็ไม่มีปัญหา เพราะ เท่ากับว่าเราจะได้เปิ ดหูเปิ ดตา ได้ไปในที่ที่ไม่เคยไป ก็การแวะพักแต่ละที่ที่ผา่ นมา ก็คอื การเพิม่ ระยะทางและเสียเวลาน้อยซะที่ไหน ...นี่แค่เพิม่ ระยะแวะเที่ยวไปอีกสัก ร้อยกิโลฯ... ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร และเส้นทางทีเ่ ราเลี้ยวเข้ามานี้กก็ ลายเป็ นสวรรค์สำหรับเราไปในแทบทันที!!!... ลมเหนือทีด่ จู ะเป็ นอุปสรรค์ของเราในสองวันทีผ่ า่ นมา วันนี้ มันไม่ตามเรามา เราเลย ทำเวลากันดีข้ ึนอย่างเห็นได้ชดั จากปกติที่ให้อดั กันแค่ไหนก็อยูป่ ระมาณยีส่ ิ บกิโล เมตรต่อชัว่ โมง แต่นี่ขี่กบั แบบสบายๆยังทำความเร็ วกันได้เกือบๆสามสิ บตลอดทาง





พิจติ ร

นอกจากจระเข้แล้ว ถ้าจะให้พดู ถึงจังหวัดพิจติ รจะคิดถึงอะไร... ข้าวไง! ข้าวที่ เรากินอยูท่ กุ วันถูกผลิตออกมาจากจังหวัดนี้อย่างมากมาย วันนี้บรรยากาศรอบข้างเลย ดูเปลีย่ นไป เปลีย่ นจากป่ าไปเป็ นทุง่ นา และสิ่งแรกทีเ่ ราได้รบั การต้อนรับจากทีน่ ่กี ค็ อื ชาวนา หมู่มวลมหาชาวนา คือ...ม็อบชาวนา... เราสวนทางผ่ากลางม็อบที่กำลังตั้งขบวนเดินสวนมาตั้งแต่เราข้ามจังหวัดเข้า มาไม่เท่าไหร่ ถนนถูกปิ ดโดยปริ ยาย รถใหญ่ไม่สามารถผ่านมาได้ แต่สำหรับจักรยาน สองคัน ทุกคนพร้อมเปิ ดทางให้ ยิม้ และโบกมือทักทาย ยอมให้เราสองคันผ่านมาได้ แต่โดยดี ถนนช่วงนั้นจึงมีจกั รยานสองคันครองถนนเปล่าๆอยูห่ ลายกิโลฯพอสมควร

สี่ แยกประติมากรรม

นอกจากข้าวแล้ว ถ้าจะให้พดู ถึงจังหวัดพิจิตรจะคิดถึงอะไร... ก็จระเข้นะเซ่ มองไปทางไหนก็เห็นยืนสวัสดีกนั เต็มไปหมด ถ้าใครออกท่องเทีย่ วบ่อยๆน่าจะเคยสังเกตุเห็น...สัญลักษณ์ประจำจังหวัด ประจำ อำเภอกลางถนน...กันมาบ้าง ตามเกาะกลางถนนตามสี่แยกมักจะมีรูปสัญลักษณ์หรื อ รู ปปั้ นมาคอยทักทายให้เราได้รู้วา่ เรามาถึงที่...นี่แล้วนะ อย่างนกที่ชยั นาท มังกรที่ นครสวรรค์ และที่นี่ ...จระเข้สวัสดี...ที่พิจิตร ผมเคยผ่านมาพิจิตรโดยใช้ถนนอีกเส้นหนึ่ง ซึ่ งจะได้เห็นรู ปปั้ นจระเข้คู่หญิง ชายหลายแบบหลายสไตล์จากหลากหลายศิลปิ น ยืนต้อนรับสวัสดีอยูใ่ นทุกสี่ แยก มันน่าตื่นตาตื่นใจ อยากลุน้ ดูอยากจะรู ้วา่ ...แยกต่อไปข้างหน้าจระเข้จะหน้าตาเป็ น


แบบไหน แต่มนั เป็ นเรื่ องที่น่าเสี ยดายที่เส้นทางที่เราครั้งนี้ มันเป็ นเส้นตัดกับถนน เส้นนั้น เราเลยได้เจอกับจระเข้ใหญ่ยกั ษ์แค่คู่เดียว

เลีย่ งเมือง

...กูเกิ้ลแมพ...ยังมีประสิ ทธิภาพในการทำงานของมันเป็ นอย่างดี เส้นทางลัด ที่ได้รับการแนะนำมานั้นดูดีทีเดียว!... หลังจากทีท่ ้งั วันเราขีก่ นั อยูบ่ นถนนสายหลักซึ่งเป็ นทางเรี ยบบ้าง พังบ้าง เรี ยบ บ้าง หลุมบ้าง มาตลอดทาง มันก็นำทางเรามาสู่ถนนเลีย่ งเมืองเส้นหนึ่ง กว้างๆ โล่งๆ นานๆจะมีเพื่อนร่ วมทางโผล่มาซักคัน นานๆจะมีบา้ นเรื อนร้านค้าให้เห็นสักครั้ง ซึ่งก็ดูจะเหงาๆไปซักหน่อยแต่กไ็ ม่เท่าไหร่ เพราะกลับรู ้สึกดีมากกว่ากับบรรยากาศ

โดยรอบ มันช่างเป็ นเส้นทางช่วงที่ขี่แล้วรู ้สึกเพลินมาก ถ้าจะให้จดั อันดับถนนที่สวยที่สุดในทริ ปหล่ะก็...ถนนเส้นนี้ติดหนึ่งในห้า อันดับถนนสวยไปได้เลย... ทั้งถนนที่ตรงๆยาวๆลาดยางสี เข้มๆตัดกับความเขียวจัด ของนาข้าวสองข้างทาง สีฟ้าของท้องฟ้ าผสมผสานกับแสงแดดอ่อนๆของบ่ายแก่ๆ ...ช่างวางตาจากมันยากจริ งๆ... แต่ถา้ ตอนที่มาถึงเป็ นช่วงเที่ยงๆก็คงไม่ไหว เพราะ จะหาร่ มไม้ใหญ่ขา้ งทางให้หลบพึ่งเงาช่างยากเสี ยเหลือเกิน ถนนเส้นนี้ทอดยาวไปจนก่อนถึงทีห่ มายของเราไม่น่าเกินห้ากิโลฯ เพราะเป็ น เส้นทางที่วงิ่ ค่อนข้างสบาย รถราสัญจรบางตา เราจึงทำเวลากันได้ดี จึงเป็ นวันแรก ที่เรามาถึงจุดหมายในขณะที่ฟ้ายังสว่างอยู่


พบเสื อเจ้ าถิน่

อย่างที่บอกเอาไว้ ว่าการที่เราเลี้ยวเข้ามาจังหวัดนี้กเ็ พราะได้นดั กับพี่ชายคน หนึ่งเอาไว้...พีม่ ืด สไมล์คลับ... พีท่ ่จี ะช่วยดูแลหาที่พกั หลับนอนให้เราในคืนนี้ แต่... พีเ่ ขายังไม่เสร็จงาน กลายเป็ นว่าเรามาถึงเร็วไปซะอีก แต่พเ่ี ขาก็ไม่ปล่อยให้รอเก้อ ส่ งเสื อเจ้าถิ่น...ทีมเสื อภูเขาแห่งพิจิตร...มารอรับเราอยูก่ ่อนแล้ว พีม่ ืดขึ้นมาทำงานอยูท่ ่นี ่ีจนสนิทกับทีมจักรยานเจ้าถิน่ ด้วยการเป็ นคอจักรยาน เหมือนกันทำให้สนิทกันง่าย ทำให้เราได้รับส่ วนบุญไปด้วย คนที่นี่นิยมใช้จกั รยาน กันพอสมควร และที่สำคัญหนึ่งในคนรักจักรยานนั้นมี...นายก อบต...รวมอยูด่ ว้ ย ทำ ให้เราได้อภิสิทธิ์ในที่พกั สุดพิเศษ ได้ต้งั เต้นท์กนั อยูก่ ลางสวนสาธารณะ...บึงสี ไฟ... เรานัง่ คุยสารทุกข์สุกดิบอยูก่ บั พีๆ่ ทีม่ ารับพวกเราได้ไม่นานก็ขอตัวไปซ้อมปั่น กันต่อ ก็พอดีกบั ทีพ่ ม่ี ดื เลิกงานมา พีเ่ ขาบอกว่าปกติไม่เคยเปิ ดให้ใครเข้ามาพัก เพราะ นี่เป็ นสวนสาธารณะ ถึงเวลาประตูกจ็ ะปิ ดห้ามคนเข้า เราสองคนจะเป็ นคู่แรกที่เขา อนุญาติ แถมยังอำนวยความสะดวกให้พวกเราอย่างเต็มที่ ห้องน้ำก็เปิ ดปลัก๊ ไฟก็มี ให้ใช้...พวกผมหล่ะก็ไม่มอี ะไรจะตอบแทน นอกจากคำขอขอบคุณจากใจ ...XOXO...

พักผ่ อน

วันนี้เรามีโอกาสนัง่ ชมพระอาทิตย์กนั ทั้งวัน ตั้งแต่ตอนเช้ากับพระอาทิตย์ข้ ึน ทีบ่ งึ บอระเพ็ด เมือ่ ตอนกลางวันเราก็รบั แดดมาตลอดทางเพราะหาต้นไม้บงั แทบไม่มี พอจบวันเราก็ดนั โชคดีอีกครั้ง...เพราะที่บึงสี ไฟนี่มีพระอาทิตย์ตกน้ำ... นัง่ คุยกันไปนัง่ ชมพระอาทิตย์กนั ไปจนมันหายไปจากขอบฟ้ าก็ได้เวลารำ่ ลา พีม่ ดื ปล่อยให้เราพักผ่อนกันก่อน และนัดว่าจะแวะมาหามาส่งเราตอนเช้าก่อนจะออก เดินทาง แล้วทุกอย่างก็กลับสู่ ความสงบ ผูค้ นในสวนก็หายออกไปจนหมด ...แล้ว คืนนี้ สวนนี่จะเป็ นของเรา!... เสี ยงอึกทึกครึ กโครมจากสองคืนที่ผา่ นนั้นหายไป ที่นี่เหลือไว้แต่ความเงียบ



สงบในยามคำ่ คืน นี่แหละคือสิ่งที่ตอ้ งการ ความสงบที่หามานาน ...เราจึงได้พกั ผ่อน กันจริ งๆเสี ยที...

ลาก่ อน

อากาศยามเช้ายังหนาวเย็นเช่นเคย ก่อนออกจากเต้นท์ผมยังใช้วธิ ีแหย่แขน ออกมาเพื่อปรับอุณหภูมิก่อน...แล้วค่อยๆโผล่หวั ...ไหล่...ตัว... กว่าจะออกมาทั้งตัว ได้กต็ อ้ งใช้เวลานานอยูพ่ อสมควร เช้าวันนี้เราต้องจัดแจงตัวเอง ของและรถเสร็จกันอย่างรวดเร็ว ไม่มีเวลามานัง่ อ้อยอิ่งอย่างทุกวัน ก็เพราะยังงัยที่นี่กเ็ ป็ นสวนสาธารณะ เลยจะมีคนมาใช้บริ การตั้ง แต่เช้าตรู่ อากง อาม่า คุณป้ า คุณปู่ มาเดินมาวิง่ มาอยูต่ ้ งั แต่เรายังไม่มุดหัวกันออกมา ...ไอ้เหล็กพวกนี้มงั บ้ากังหรื อป่ าววะ อยูร่ ี ๆก็เอาเต้งมานองกางสวงซะหยัง่ งั้ง!!!... เราไสหัวกันออกมาก็พอดีกบั เวลาที่พี่มืดมาถึง พี่เขาไม่ปล่อยให้เราลาจากไป ง่ายๆ ยังพาเราไปเลี้ยงอาหารเช้าเติมพลังก่อนออกเดินทาง ที่จริ งก็เกรงใจแต่ผใู ้ หญ่ ให้ของจะปฏิเสธก็กระไรอยู่ ...ต้องขอขอบคุณจากใจจริ งอีกสักที... เราจึงประหยัด กันไปได้อีกหนึ่งมื้อ

Thailand Day4

...กว่าเราจะได้ออกเดินทางก็ปาไปเก้าโมง!!!... ที่จริ งแล้วเราร่ ำลากับพีม่ ืดตั้งแต่ยงั ไม่แปดโมงด้วยซำ้ แต่ดว้ ยความเรื่ อยเฉื่อย ของเราทีไ่ ม่มที ที า่ ว่าจะแก้ให้หายไปได้งา่ ยๆ ไหนจนวนกลับไปเข้าห้องน้ำ ไหนจะต้อง กินกาแฟ ไหนจะหาซื้อเสบียง ไหนจะ...ขี้เกียจ มันช่างมีกจิ กรรมให้ทำกันมากมายจริงๆ กิจกรรมมากมายเกินไปจนทำให้เราลืมในสิ่ งที่สำคัญที่สุด กว่าจะรู ้ตวั เอาก็ ออกห่างจากเมืองมาเป็ นสิ บกิโลฯเข้าให้แล้ว เป็ นสิ่ งที่ลืมไปซะสนิท ...ลืมคิดที่จะ ถ่ายรูปกับพีม่ ดื มันเป็ นทีร่ ะลึกทีจ่ ะหาไม่ได้อกี แล้ว ...แล้วยังไง ...เอายังไงดี ...ให้พเ่ี ขา ขับรถตามมาถ่ายรู ปกับเรามัย๊ ยย... ...!!!... จบข่าว ...เราผิดไปแล้ว ...ขอโทษครับ...



เส้นทางที่เราใช้ออกจากเมืองเป็ นคนเส้นกับที่เมื่อวานเข้ามา ซึ่ งไม่ใช่ทุ่งนา กลับไปเป็ นป่ าอีกครั้ง เป้ าหมายในวันนี้ของเราค่อนข้างไกล แต่ตกลงที่จะไปกันด้วย ความอยากกันเพียงอย่างเดียว ...ไม่ได้คิดเลยว่ามันเป็ นไปไม่ได้... จากความเหนื่อยล้าสะสม การอัดกันหนักๆมาหลายวันมันเริ่มมีผล ถึงเรี่ยวแรง จะไม่ได้นอ้ ยลงแต่ความขี้เกียจเริ่ มมาเยือน เราแวะพักกันบ่อยสุ ดแต่ใครจะขอ การ เดินทางเลยเป็ นไปอย่างล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็ น การขี่ในวันนี้เลยไม่สนุกเท่าที่ควร และเพราะความอืดอาดอันมากมายในวันนี้ จึงถึงเวลาทีเ่ ราต้องมานัง่ คุยกันใหม่ เวลาบ่ายสามโมงกับระยะทางที่ได้มาไม่ถงึ ครึ่ งทางของเป้ าหมาย จะยังคงจะไปหรื อ ไม่ไป... หรื อจะเปลี่ยนเป้ าหมายกันใหม่... ไป...ไม่ไป...ไปเถอะ ลองดู!

ดูเหมือนการนัง่ คุยกันจะได้ผลเหมือนกัน เหมือนการช่วยปลุกใจกันเอง เรา ทำเวลากันดีข้ ึนอย่างเห็นได้ชดั ...แต่!!!...กานต์ หยุดแป๊ บ!!!... ผมตะโกนเรี ยกน้อง เพราะสายตาของผมดันหันไปเห็นอะไรบางอย่าง และ...นัน่ อาจเป็ นคำตอบที่เรา มองหามาทั้งวัน!... ฝั่งตรงข้ามมีป้ายขนาดใหญ่ มีใจความสำคัญว่า ...”เขื่อนนเรศวร”... เรามอง หน้ากันแทบไม่ตอ้ งพูดอะไร ...ป่ ะ! เตรี ยมเสบียงกัน!!!... เป้ าหมายเราเปลี่ยนอย่างฉับพลัน พร้อมบรรยากาศเปลีย่ นไปจากหลังมือเป็ น หน้ามือ หน้าผมเป็ นอย่างไรก็ไม่รู้เพราะผมก็ไม่เห็น แต่ท่เี ห็นคือหน้าของน้อง...มันดู เบิกบานขึ้นผิดหูผดิ ตา... เราขีก่ นั ไป คุยกันไป ร้องเพลงกันไปอย่างสบายใจ ถึงระยะ


ทางเข้าไปจะทั้งลึกและไกลเราก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ค่อยๆวนขาไปอย่างเรื่ อยเปื่ อย แบบไร้กงั วล ...เพราะยังงัยซะคืนนี้เราสองคนก็จะนอนกันที่น่ีอยูด่ ี...

ริมน้ำ

เราเข้ามาถึงตัวเขื่อนก็เย็นมากแล้ว สิ่ งแรกที่เราต้องทำเป็ นประจำก็คือการขอ อนุญาต ...เราไม่ควรไปปักเต้นท์มว่ั ซัว่ เป็ นอันขาด เพราะนอกจากเสี่ยงทีจ่ ะถูกไล่ทแ่ี ล้ว ยังเสี่ยงอันตรายจากคนที่ไม่รู้จกั อีก... ควรจะขออนุญาตให้เจ้าของที่เขาได้รับรู้ ว่าเรา ได้เข้ามาอยูใ่ นความดูแลของเขา ...และคนแรกที่เราจะติดต่อง่ายที่สุดก็คอื คุณ รปภ... ทีน่ ่ไี ม่เคยมีใครมาขอตั้งเต้นท์มาก่อนอีกแล้ว พีเ่ ขาเลยไม่รูว้ า่ จะต้องขออนุญาต ใคร ...เอาเป็ นว่า......ไปตั้งเต้นท์บนนั้นก็แล้วกัน บนศาลานัน่ น่าจะใช้ได้ คงจะไม่มี ใครไล่ ไฟก็มีให้ใช้เปิ ดได้เลย ส่ วนห้องน้ำมาใช้ที่ตยู ้ ามนี่กแ็ ล้วกัน... ไหนบอกไม่รู้ จะขออนุญาตใคร พีเ่ ล่นจัดการให้เสร็จสรรพ์ ...เล่นเอาพวกผมไม่รูจ้ ะเกรงใจตรงไหน ก่อนเลย... ฝั่งริ มเขือ่ นมีศาลาหลังใหญ่ท่เี อาไว้ใช้ประกอบพิธีฯ เราเลยตัดสิ นใจจะไม่ข้ นึ ไปรบกวน ขอเปิ ดไฟแค่สองสามดวงกับขอพึ่งปลัก๊ ไฟก็พอ ส่วนเต้นท์จะขอตั้งข้างๆ ก็พอ เราตั้งเต้นท์เสร็ จไม่นานฟ้ าก็มืดลง อุณหภูมิกล็ ดลงอย่างฉับพลัน คงถึงเวลา ต้องรี บอาบนำ้ กันก่อน... ทุกวันที่ผา่ นมาเรามีหอ้ งนำ้ ให้ใช้มาตลอด ส่วนวันนี้กม็ ี ห้องนำ้ ให้ใช้ แต่เพราะด้วยความขี้เกียจเดินไกล เราจึงต้องใช้...อุปกรณ์อาบนำ้ แบบ พกพา... อุตส่ าห์พกมาได้ใช้สกั ที เผอิญจุดใกล้ๆมีที่ก่อสร้างอยู่ เขาต่อก๊อกเอาไว้ให้คนงานได้ใช้แต่ตอนนี้ไม่ เหลือใคร ...เราจึงยึดเป็ นห้องอาบนำ้ กลางแจ้งส่ วนตัวกันซะเลย... ความเย็นของนำ้ กับความหนาวของลม และอุณหภูมิที่ต่ำลงมาผสมกัน มันช่างลงตัวเสี ยเหลือเกิน


DONE

หลังจากอาหารมื้อคำ่ เราก็ยงั คงนัง่ พูดคุยกันต่อถึงจุดหมายและเส้นทางของ วันต่อไป ไม่อยากให้พลาดเหมือนในวันนี้ ...กูเกิล้ แมพ...ยังคงเป็ นอุปกรณ์สำคัญใน การลากเส้นทาง แต่เราก็ยงั วางจุดที่ตายตัวไม่ได้ เป็ นว่า...รอขอปรึ กษาเจ้าถิ่นก่อน น่าจะดีกว่า... ...ไม่นาน...เราก็มีแขกมาเยือน... กอล์ฟ เพื่อนรุ่ นพี่ของกานต์ ย้ายตัวเองมาอยู่ ที่จงั หวัดนี้ที่...พิษณุโลก... ได้รู้วา่ เรามาค้างอ้างแรมอยูท่ ี่นี่ จึงยกครอบครัวและขนม ขบเคี้ยวมาดูสภาพพวกเรา ซึ่งเราก็ถือเป็ นโอกาสดีที่เราจะเอาแผนที่มานัง่ ปรึ กษากั บเจ้าถิ่น จนได้ความว่า...เราควรจะไปทางไหน ครอบครัวของกอล์ฟกลับไป ทุกอย่างก็กลับสู่ ภาวะปกติ ภาวะแห่งการภวังค์... ที่ค่อยๆหาย..ย ไปพร้อมกับเสี ยงขับกล่อมจากเขื่อนนน...


Thailand Day5

เก้าโมงเช้า...เราทั้งสองมานัง่ ประจำการณ์อยู่ ณ บ้านกอล์ฟ... เราแวะมาตามคำเชิญชวนจากเมื่อคืน ...จากการลากเส้นทาง เราไม่จำเป็ นต้อง ย้อนไปยีส่ ิ บกิโลฯเพือ่ ออกทางเก่า เราสามารถวิง่ เข้าต่อไป...ต่อไป...และต่อไป ก็จะ สามารถไปถึงจุดหมายของวันนี้ได้เหมือนกัน แถมยังได้เส้นทางสั้นกว่าเดิม... และดู ช่างเป็ นเรื่ องบังเอิญ เส้นทางที่เราต้องไปจะต้องผ่านทางนี้ บ้านนี้พอดี จึงได้โอกาสดี ...ข้าวเช้าฟรี ๆอีกหนึ่งมื้อ...ขอขอบคุณในความมีเมตตา...

คอฟฟี่ เบรก

...การทดลองจากเมื่อวานมันได้ผล... ซึ่งผมก็ดนั ลืมไปว่ากระบอกนำ้ ...ที่...มี คนใจดีให้มาทดลองใช้...มันสามารถเก็บนำ้ ร้อนได้... พอคิดได้ดงั นั้นก็เลยตัดสิ นใจ แวะเข้าไปพึ่งมินิมาร์ทชื่อดังอย่าง “เซเว่นฯ” ขอนำ้ ร้อนมาบรรจุใส่ กระบอกปรากฏ ว่าได้ผลดีเกินคาด ...สามารถเก็บความร้อนไว้ได้ถึงครึ่ งวัน แล้วยังสามารถเอามาใช้ ชงกาแฟดื่มได้... จากนั้นเราก็ไม่ตอ้ งต้มน้ำอีกต่อไป แวะขอน้ำร้อนจากที่นู่น ที่นี่ ที่นนั่ ไปเรื่ อย เราก็จะมีกาแฟดื่มกันตลอดทาง ขอให้มีที่เติมน้ำร้อนก็พอ จากนั้นผมก็ไม่มีกระบอกใส่ นำ้ กินอีกต่อไป แต่ไม่เป็ นไร...เพื่อความบันเทิง ของทริ ปเรา เอาไว้ค่อยหาเอาใหม่




พระเอกของเรา GOOGLE MAP

เส้นทางวันนี้จะแตกต่างจากทุกวันที่ผา่ นมา เพราะทางส่ วนใหญ่ที่เราเลือกไว้ จะใช้ถนนสายรอง...เส้นทางเลี่ยงเมือง... ซึ่งถ้าดูกนั ในแผนที่เราจะได้ทางที่ลดั กว่า การกลับไปวิง่ ในถนนสายหลัก แต่...พอมันเป็ นทางลัด ป้ ายบอกทางต่างๆก็จะดูงงๆ ทางนูน้ ก็ไปได้ ทางนี้กไ็ ปได้เหมือนกัน ถ้าจะให้มนั แน่ใจเราจึงต้องหยุดเช็คแผนที่ กันแทบทุกแยก ...“Google Map Application”...คือแผนที่ที่เราเลือกใช้ เพราะมีคนนิยมใช้กนั มาก ตัวแผนที่จึงถูกพัฒนาให้มีความละเอียดมากกว่า...แอพฯ...อื่นๆ ตัวนำทางก็ใช้ งานง่าย สามารถกำหนดจุดเริ่ มต้นไปจนถึงจุดหมาย ตัวแอพฯจะคำนวณหาความ เป็ นไปได้ในการทีจ่ ะเลือกใช้เส้นทางตั้งแต่ระสั้นทีส่ ุดถึงยาวทีส่ ุด ถึงจะมีบา้ งเหมือน กันที่คนใช้ถกู พาไปในที่ประหลาดๆ ...หลายๆแห่งที่ไม่ใช่ถนนแค่ถกู ทำให้เป็ นทาง สัญจร บางครั้งกูเกิล้ ก็เอามารวมไว้หมด... แต่เพราะเปอร์เซ็นต์ท่กี เู กิล้ พาไปได้มีมาก กว่า จึงยังเป็ นแอพฯที่น่าใช้อยูด่ ี และเป็ นอีกครั้งที่ “อากู๋” พาพวกเรามาดู มาพบกับเส้นทางที่สวยงามอีกเส้น หนึ่ง เส้นทางทีเ่ ป็ นถนนเส้นเล็กๆทีต่ ดั ผ่านไร่นา ซึ่งดูน่าจะเป็ นเส้นทางสัญจรสำหรับ คนในท้องถิ่นซะมากกว่า คนนอกน่าจะไม่ค่อยรู ้จกั รถราจึงน้อยมาก มีแต่พวกรถ เครื่อง มอเตอร์ไซด์ชาวบ้าน รถกระบะนานๆคัน ส่วนใหญ่จะเป็ นพวกรถไถ รถอีแต๋ น ...ซึ่งถือเป็ นอีกหนึ่งถนนที่สวยมากในทริ ปนี้...


สุ โขทัย...เมืองเก่ าของเราแต่ ก่อน

...เราขีช่ มวิวกันเพลินไปหน่อย พอสุดถนน อยูด่ ๆี เราก็โผล่มาวนขาจักรยานกัน อยูบ่ นจังหวัดสุ โขทัย... โดยไม่รู้ตวั ผมเคยได้มาสุ โขทัยแล้วครั้งนึงเมื่อไม่นานมานี้กบั ทริ ปของพี่ธานิน มาครั้งนั้น ก็เลยติดใจคิดว่ายังไงก็ตอ้ งกลับมาใหม่อีกครั้ง ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้อยูใ่ นแผนการมา ครั้งนี้เลย แต่พอเส้นทางที่เราเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เปลี่ยนมาเปลี่ยนไปอยูห่ ลายครั้ง ก็เลยพอดี วนมาทีน่ ่กี ด็ เี หมือนกัน ...ไหนๆใจมันก็อยากแวะเทีย่ วกันอยูแ่ ล้ว แล้ว แล้ว เราจะพลาดกันได้อย่างไร... เราจิม้ เป้ าหมายแล้วก็ตามกูเกิล้ ไปเรื่ อยๆ ซึ่งมันก็ยงั ทำหน้าที่ของมันได้ดี พาเรา อ้อมไปก็ออ้ มมาอยูห่ ลายที แต่ที่วา่ ดีนี่กเ็ พราะเราได้โผล่ไปเจอทางที่สวยๆแปลกตา อยูห่ ลายแห่ง ขี่กนั ไปก็เพลิดเพลินกันไป ดูววิ กันไป ซากกำแพง ซากเจดีย ์ วัดวา อารามดูสวยงามไปหมด กว่าจะรู้ตวั ว่าเราใช้เวลากับการร่ าเริ ง...นาาานเกินไป ก็ใกล้ คำ่ แต่เรานั้นยังไม่รูก้ นั เลยว่าจะพักกันทีไ่ หน จึงต้องใช้วธิ ีกลับไปพึ่งเจ้าถิน่ และเจ้าถิน่ ที่จะรู ้ดีที่สุดก็คือ...พี่สามล้อวิน...คนนี้นี่เอง


สรุ ปแล้วที่ท่นี ่าจะเป็ นไปได้ อยูไ่ ม่ไกลเกินไปนัก และตรงตามคอนเซ็ปต์การ ท่องเที่ยวของเรามากที่สุดก็คือ “อุทยานประวัติศาสตร์ศรี สชั นาลัย” ...แล้วเขาจะให้เราพักมัย๊ อ่ะพี่ อุทยานประศาสตร์เลยนะ... ...เอ่อ! พีก่ ไ็ ม่รเู้ หมือนกัน ลองไปขอเขาดูเถอะ เขาเห็นมากันอย่างนี้กน็ า่ จะได้นะ...

ข้ างกำแพง

...จักรยานสองคันพุง่ ตรงผ่านกำแพงใหญ่เข้าไป เกือบๆจะเป็ นเวลาเดียวกับ ที่แสงสุ ดท้ายบนท้องฟ้ ามืดดับลง บรรยากาศโดยรอบค่อนข้างน่าเกรงขาม เพราะมี แต่ซากของเก่าที่เป็ นประวัติศาสตร์อายุมากกว่าพันปี ... แผนการสำรองเราไม่เคยมีอยูแ่ ล้วด้วย ยิง่ เวลานี้แล้วยังไงก็ตอ้ งพักทีน่ ่ใี ห้ได้ ซึ่ง ...ง่ายกว่าที่คดิ ... จากที่เห็นสภาพพวกเราสองคน คงไม่ได้มาคิดร้าย คงจะไม่ทำอะไร ที่ไม่ดี ไม่น่ามีพิษมีภยั แถมคนของอุทยานก็อยูก่ นั ตั้งหลายคน เขาเลยยอมให้เราพัก กันได้แต่หา้ มเสียงดัง กลางคืนห้ามเข้าไปวุน่ วายในอุทยาน ...ยังงัยก็ได้ ขอแค่มีท่พี กั ก็พอ... เราได้ที่ต้ งั เต้นท์หลังที่พกั อุทยาน ห่างกันไม่ไกลเท่าไหร่ แต่กไ็ กลพอที่จะ รู้สึกว่า...เป็ นป่ ามากที่สุดตั้งแต่ออกทริ ปมา... เพราะเป็ นลานเล็กๆบนเนินสูงห่างจาก ลำธารไม่มาก ใกล้ๆจะเป็ นต้นไม้ใหญ่ พร้อมมีซากกำแพงเก่ากั้นเต้นท์เรากับตึก สำนักงาน ...อ้าว! นี่เราอยูน่ อกกำแพงนี่หว่า ที่วา่ นอนอยูใ่ นอุทยานก็ไม่ใช่หละสิ!!!.. เป็ นความตั้งใจกันตั้งแต่แรกแล้วว่าวันนี้จะตื่นแต่เช้าแต่จะออกสาย เพราะจะ แวะเข้าไปถ่ายรูปกันก่อน...จนกว่าจะพอใจ!... เราจึงลุกขึ้นมาต้มนำ้ ชงกาแฟ เก็บของ กันตั้งแต่เช้ามืด ตั้งใจว่าสว่างเมื่อไหร่ จะเข้าไปทันที แต่....


จากเมื่อวานที่เราเข้ามานั้นมันมืดมากจนพวกเรามองไม่เห็นอะไร ...แต่เมื่อถึง เวลาฟ้ าสาง พระอาทิตย์โผล่พน้ ขึ้นบนท้องฟ้ า แสงแดดส่องลอดกิ่งไม้ลงมากระทบ กับพื้นดิน ลำธารที่เมื่อคืนได้ยนิ แต่เสียงอยูไ่ ม่ไกลแต่ลกึ ลงไปด้านล่าง มีหมอกบางๆ ลอยละเลียดนำ้ อยู.่ .. ทำให้เราได้รูว้ า่ เราอยูก่ นั ในป่ าจริ งๆ ป่ าทีส่ วยงามจนเราต้องเสีย เวลาเก็บภาพนั้นอยูอ่ ีกนาน


อุทยานประวัตศิ าสตร์

...อุทยานประวัติศาตร์ศรี สชั นาลัย...เรากลายเป็ นนักท่องเที่ยวสองคนแรกที่ เข้ามาเยีย่ มชม ตั้งแต่ยงั ไม่เจ็ดโมงเช้า!!! อุทยานประวัติศาสตร์ศรี สชั นาลัย เป็ นเมืองประวัติศาสตร์ของชาติไทยที่มี โบราณสถานมากมายถึงสองร้อยสิ บห้าแห่ง...ข้อมูลจากวิกิพีเดีย... เป็ นเมืองเก่าที่ยงั คงสภาพเดิมจากประวัติศาสตร์ ยังไม่ได้ถกู บูรณะใหม่อะไรมากมายมาย จึงเป็ น สถานที่หนึ่งที่น่าสนใจในการเข้าไปศึกษาประวัติศาสตร์ และปั จจุบนั ยังเป็ นสถาน ที่หนึ่งที่ได้ข้ ึนทะเบียนเป็ นมรดกโลกแล้วด้วย ด้วยความตืน่ ตาตืน่ ใจ ทุกอย่างช่างดูตระการตาไปหมด ทีน่ ่นู ก็สวย ทีน่ น่ั ก็สวย ที่นี่กส็ วย ไม่วา่ ตรงไหนก็น่าดูน่าชมไปหมด เราสองคันเค ลื่อนตัวไปด้วยกันได้ไม่ เท่าไหร่ กก็ ระจายตัว วิง่ วุน่ วายแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง ดีที่มีจกั รยาน การ เคลือ่ นทีจ่ ากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งไม่ตอ้ งเสียเวลา ถ้าจะให้เดินวันนี้คงไม่ตอ้ งไปไหนกัน ขี่วนกันจนอย่างพอใจก็ถึงเวลาจากไปสักที ...สุ โขทัยยังมีที่ให้เที่ยวชมอีก หลายที่ ถ้ามีโอกาสคงต้องกลับมาอีกครั้ง...




Thailand Day6

สัมภาระบนรถของเราแต่ละคันนับวันจะกลายเป็ นภาระที่หนักอึ้ง มันส่ งผล ให้การใช้ชีวติ ลำบากขึ้น พลาดตั้งรถเสี ยหลักก็แทบจะต้องทิ้งรถให้ลม้ ยกก็แทบ ไม่ไหว การก้าวข้ามขึ้นลงรถแต่ละทีกล็ ำบากยากเย็น จะออกตัวแต่ละครั้งก็ตอ้ งใช้ แรงที่มากขึ้น ที่มนั เป็ นอย่างนี้เพราะได้ประสบการณ์สอนมา นำ้ หนักที่เพิม่ ขึ้นส่ วน ใหญ่มาจากเสบียงแทบทั้งนั้น ...โดยเฉพาะนำ้ นี่หล่ะ เพื่อชีวติ เลยหล่ะ...

น้ำเพือ่ ชีวติ

อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่า กระบอกนำ้ ประจำรถผมได้สละไปให้กบั นำ้ ร้อน ภาระอันหนักหน่วงที่เพิม่ ขึ้นมาบนรถคือ...ขวดนำ้ ขนาดลิตรครึ่ งจำนวนสี่ ขวด... ถ้า ช่วงไหนกินนำ้ เยอะก็จะเบาลงไป ถ้าช่วงไหนหาซื้อนำ้ ไม่ได้กจ็ ะเบาลงไปอีก แต่ถา้ ช่วงไหนบรรจุเต็มหล่ะก็!!! ...มันก็เหมือนมีคนมานัง่ ซ้อนท้ายอีกคน... ก็อย่างว่า...เรามาขีจ่ กั รยาน... เพราะฉะนั้นเราจะเสียนำ้ ไปกับเหงื่อมากมายใน แต่ละวัน ร่ายกายจึงต้องการเติมเข้าไปให้พอกับทีเ่ สียออก วันๆนึงเราจึงตองเสียเงินไป กับการซื้อนำ้ มากพอสมควร กว่าจะจบทริ ปก็ไม่รูว้ า่ จะบวกลบคูณหารไปสักเท่าไหร่ เผลอๆจะมากกว่าค่าอาหารทั้งหมดรวกกันซะอีก แต่เมื่ออย่างไรก็เป็ นของสำคัญ เราจึงจำเป็ นต้องหาวิธีการใหม่ๆ ...ตูก้ ดนำ้ ...ที่ต้ งั อยูต่ ามหมู่บา้ น ตามตึกนี่หล่ะคือ คำตอบที่พวกเราเลือกใช้ แค่เตรี ยมขวดนำ้ เอาไว้กป็ ระหยัดไปได้หลายสตางค์


เรา และ เขา

จากนำ้ หนักสัมภาระที่มากมายของพวกเรา มันเลยทำให้ผมเกิดความไม่แน่ใจ ว่าวันนี้เราจะไปกันไหวหรื อไม่ หลังจากทีเ่ ราสมบุกสมบันฝ่ าฟันกันมาห้าวัน กับระยะ ทางที่ผา่ นมาแล้วกว่าหกร้อยกิโลฯ ก็ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องใช้เรี่ ยวแรงที่เหลือ เอา มาใช้กบั เส้นทางทีเ่ หลือของวันนี้ท้งั วัน ก็มนั เป็ น ...ภูเขาล้วนๆ... การที่เราเปลี่ยนเส้นทางเข้ามาที่สุโขทัยนี่ นอกจากเหตุผลดีๆในการหนีเที่ยว แล้ว ยังมีเหตุที่ตอ้ งการหลีกเลี่ยงภูเขาลูกใหญ่ในอีกเส้นทางแฝงเอาไว้ดว้ ย ถึงจะรู ้ กันอยูแ่ ล้วว่าอย่างไรซะก็หนีไม่พน้ กันหรอกไอ้การขี่ข้ ึนเขาเนี่ยยย...แต่สำหรับทริ ป นี้ขอแค่พอประมาณก็พอ เพราะถึงยังงัยไอ้การฝื นแรงดึงดูดขึ้นไป มันก็ไม่ได้สนุก สนานสักเท่าไหร่ เลย ออกจากตัวเมืองไม่กี่โลฯเราก็ได้ข้ ึนเขากันแล้ว สำหรับผมเองถึงจะผ่านทริ ป ขึ้นเขาหนักๆมาแล้วครั้งนึงแต่ครั้งนั้นก็แค่ตวั เปล่า แค่คนกับรถไม่มีภาระอะไร ส่ วน กานต์เองแล้วไม่ตอ้ งพูดถึง ...เพราะนี่คือทริ ปทัวริ่ งครั้งแรก!... แต่การแบกนำ้ หนัก ของเราเพื่อไต่ข้ ึนไป...ขึ้นไป...ขึ้นไปในช่วงนี้เป็ นไปได้ดีกว่าที่คิด อาจเพราะความ ชันช่วงแรกนี้จะไม่ค่อยมาก ถึงบางทีกม็ ีชนั บ้างเป็ นบางครั้ง แต่กย็ งั เป็ นขึ้นบ้างลง บ้างราบบ้างไปตลอด เราจึงยังไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ ในช่วงนี้ ถึงจะอยูก่ นั บนเขาแต่เราก็โชคดีกว่าที่คิด ทางบนเขาช่วงนี้ไม่ได้เป็ นป่ าสัก เท่าไหร่ จะมีหมูบ่ า้ นเล็กใหญ่ให้เราได้เจอตลอดทาง กำลังงานที่เราใช้ในการขึ้นเขา ถูกแบ่งเบาไปได้เพราะเราแวะเติมเสบียงกันบ่อยครั้ง เหนื่อยนักก็พกั หมดแรงก็หยุด เพื่อเป็ นการออมแรงเก็บเอาไว้ เพราะไม่วา่ ยังงัยตามที่เช็คดูจากแผนที่ เส้นทางที่เรา น่าจะเจอกันเย็นนี้ ...เราน่าจะต้องเจอกับสันเขาอันสูงชัน!...

เขา และ เรา

...เห็นแล้ว!!!... ความชันมันต่างกันลิบลับกับทีเ่ ราเจอมาทั้งวัน ถึงจะเทียบไม่ได้ กับที่ผมเคยผ่านมาแต่มนั น่าหวัน่ ไหว แต่กเ็ หมือนเดิมหล่ะครับ...ยังไงก็เลี่ยงไม่ได้ มาถึงนี่แล้วยังไงก็ตอ้ งขึ้นไป!!!...


ผมปล่อยกานต์ไปดูเชิงก่อนซึ่งก็น่าจะพอได้...น้องมันน่าจะไหว... ถึงความเร็ว จะตกลงอย่างเห็นได้ชดั แต่กน็ ่าจะเอาตัวรอดได้อยู่ ส่วนตัวผมเองนั้นกลับไม่มีปัญหา รู ้เลยว่า...การที่เคยได้ไปขึ้นเขาในทริ ปที่ผา่ นมามันได้ผล... ความเร็วที่เคยขึ้นรถเปล่า กับความเร็วตอนนี้แทบไม่ตา่ งกัน ผมเลยต้องปั่นขึ้นไปแวะรอน้องไปเป็ นระยะๆ เพราะช่วงก่อนทีจ่ ะขึ้นเขาลูกนี้กเ็ ย็นมากแล้ว กว่าเราจะใช้เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้าย ขึ้นถึงยอดได้ทอ้ งฟ้ าก็มืดลงพอดี นัน่ หมายความว่า...เราต้องลงเขาไปกับความมืด... ถนนช่วงนี้ถงึ จะเป็ นบนภูเขาแต่กเ็ ป็ นทางเชื่อมระหว่างสองจังหวัด เลยมีรถราสัญจร มากกว่าปกติ ...แค่ลงธรรมดา ถนนเปล่าๆในเวลามืดอย่างนี้กค็ อ่ นข้างอันตรายอยูแ่ ล้ว นี่ยงั เพิม่ อุปสรรคอีกมากมายทั้งบรรทุก ตู้ กระบะ รถยนต์วง่ิ กันให้เต็มไปหมด... เกือบชัว่ โมงทีเ่ ราใช้เวลาขึ้นไป กลายเป็ นไม่ถงึ ห้านาทีทเ่ี ราใช้ในการเอาตัวรอด กลับลงมา ...แสงสุดท้ายทีม่ ดื ลงเมือ่ ตอนเราอยูย่ อดเขา มันเทียบไม่ได้เลยกับความมืดมิด เมือ่ เราลงมาถึงป่ าด้านล่าง... ระยะทางต่อจากนี้ถงึ เป้ าหมายของเราคือตัวเลขประมาณ ยีส่ ิบกิโลฯ แต่ท้งั ความมืดความหิวและความหนาวจับใจ ทำให้เราต้องคิดใหม่ทำใหม่ กันอีกสักที ก็พอดีกบั ที่ที่เราลงมามีแสงไฟรวมๆอยูก่ ลุ่มหนึ่ง มองจากไกลๆมีป้อม ตำรวจตั้งอยู่ น่าจะเป็ นชุมชนหรื อหมูบ่ า้ นอะไรสักอย่าง เราตัดสินใจเข้าไปจอดโดยคิด ว่าน่าจะมีร้านค้าพอที่จะหาของกินประทังความหิวกันก่อน ...แล้วค่อยว่ากันต่อไป... ลมที่ปะทะตัวเราเมื่อตอนลงเขาได้พาเอาความหนาวมาด้วย เสื้ อกันหนาวถูก เอาออกมาใส่ อย่างฉับพลัน เมื่อเราได้ที่มนั่ เป็ นร้านข้าว...ร้านอาหารค่ำกันตายของ เราในวันนี้ ช่างเป็ นสถานที่ท่ชี ่วยบรรเทาความหนาวกับความหิวของเราได้เป็ นอย่าง ดี ...อุ่นแล้ว อิ่มแล้ว ก็ถึงเวลาขี้เกียจซะแล้วสิ พวกเรา!!!...


ตำรวจทางหลวง

ต้องยอมรับกันอย่างไม่อายว่าถึงเวลานี้เข้าให้แล้ว เรายังไม่แน่ใจกันเลยว่า เป้ าหมายที่แท้จริ งของคืนนี้คือที่ไหน มันเป็ นอีกวันหนึ่งที่จุดหมายเราไม่แน่นอน ยิง่ พอมองไปข้างหน้าเส้นทางมีแต่ความมืด อากาศก็ยง่ิ หนาว แถมอิม่ แล้วเราก็ยง่ิ เพิม่ ความขี้เกียจแม้จะแค่ขยับตัว ร่ างกายไม่พร้อมจะไปไหนต่ออีกแล้ว เรานัง่ มอง...มอง...แล้วก็มอง...จุดบริ การประชาชน!... ไอ้เรามันก็ประชาชนตา ดำๆตั้งสี่ดวง ก็สมควรถูกบริ การอยูเ่ หมือนกัน มันอาจจะดูผดิ วัตถุประสงค์ของทริ ป นี้ไปหน่อย แต่กค็ งไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว อย่างน้อยก็แค่ให้มีที่พกั ในคืนนี้ก่อนก็ พอ จึงตกลงใจกันว่าน่าจะไปลองขอเขาดู ...พี่ๆตำรวจเขาคงไม่ใจร้ายกับเรา... ...ถ้าจะอยูก่ ถ็ ึงเวลาต้องเจรจา... ผลการเจรจาออกมาเกือบจะดี สรุ ปว่าเราได้ ที่พกั สำหรับคืนนี้แน่นอนแล้ว แต่...มีปัญหาอยูน่ ิสนึง “ป้ อมตำรวจทางหลวงแม่ทะ” นี้กำลังจะมีอีเว้นท์ จะมี...แกรนด์โอเพนนิ่ง...เปิ ดป้ อมตั้งแต่เช้าตรู่ จะมีคนมาดูแลจัด สถานทีต่ ้งั แต่ตหี า้ “พรุ่งนี้ตอ้ งตืน่ กันเช้าหน่อยนะ เพราะพรุ่งนี้จะมีผใู้ หญ่มาทำพิธีเปิ ด ที่ทำการ จะมีคนมาจัดงานตั้งแต่เช้า ตีหา้ ต้องเก็บของกันให้เรี ยบร้อย!!!”... ตีหา้ ก็ตีหา้ คงไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ ที่นอนก็มี ปลัก๊ ก็มี ห้องนำ้ ก็มี ...เท่านี้กด็ ีที่สุดแล้ว...


ในสายหมอก

...ปรากฏว่าเราตื่นสายไปหน่อย ลืมตามาก็เกือบจะตีหา้ เข้าให้แล้ว แล้ว...... กว่าจะมุดตัวออกมา เก็บของ เก็บเต้นท์ เพ็ครถ ก็ปาเข้าไปเกือบตีหา้ ครึ่ ง ...ซึ่ง...ไม่รู้วา่ จะรี บกันทำไม ยังไม่เห็นมีใครมาสักคน!!!... เมือ่ ยังไม่มใี ครมาเช้านี้เราเลยมีเวลามากเกินไป เตรี ยมตัว เตรี ยมรถ เตรี ยมของ ก็พร้อมหมดแล้วแต่ฟ้าก็ยงั ไม่สว่างเลยไม่รู้จะทำอะไร จะให้เริ่ มออกเดินทางเลยก็ ไม่ไหว...มองไปทางไหนก็มีแต่หมอก มีแต่หมอกเต็มไปหมด... ตลอดเส้นทางที่ผา่ น มาเรายังไม่เคยเจอหมอกลงหนาขนาดนี้ ก็คงเหลือไม่กี่อย่างที่เรายังคงทำได้ ถ่ายรู ป เล่น กาแฟและอาหารเช้าจากเสบียงเบาๆ แล้วก็นงั่ รอเวลา........ เราย้ายมานัง่ ประจำอยูศ่ าลารอรถประจำทางที่ฝ่ังตรงข้ามเพราะ ...หกโมงกว่า เพิง่ จะมีคุณพี่ตำรวจมาคนแรก!...เลยกลัวแกะกะพวกพี่เขา แต่เราก็ยงั คงต้องนัง่ รอ... นัง่ รอ...รอต่อไป...รอให้ฟ้าสว่างขึ้นอีกสักนิด ก็มนั ดูจะอันตรายไปหน่อย มองออก ไปยังเห็นได้ไกลไม่เกินสองร้อยเมตร ขีไ่ ปเดีย๋ วจะโดนรถบรรทุกเหยียบหัวเอาซะก่อน จนในที่สุดเราก็ทนไม่ไหว!!! หลังจากรออยูเ่ ป็ นชัว่ โมงแต่ยงั ไงหมอกก็ยงั ไม่ยอมจางลง แต่ฟ้าก็พอสว่าง ให้เราน่าจะเอาตัวรอดกันได้แล้ว เราจึงตัดสิ นใจ ...ค่อยๆไปคงไม่เป็ นไรหละมั้ง...


Thailand Day Final

ตลอดทุกเช้าของทริ ปนี้เราค่อนข้างโชคดีที่ได้การอนุเคราะห์จากอากาศอัน หนาวเย็น เพราะอย่างทีร่ ๆู้ กันอยูว่ า่ ความร้อนนั้นจะเป็ นตัวบัน่ ทอนกำลัง การได้อากาศ เย็นจึงเป็ นการช่วยแบ่งเบาความเหนื่อยล้าของเราได้เป็ นอย่างดี แต่เมื่อบางทีท่อี ะไรๆ มันมากเกินไปก็ไม่ไหวเหมือนกัน เมื่อต้องขี่ฝ่าความหนาวเย็นขนาดนี้ การแต่งตัวก็ ต้องจัดกันอย่างเต็มที่เสื้ อผ้าคนละสามสี่หา้ หกชั้นตามแต่ใครจะใส่ลงไปไหว ...ก็มนั ช่างหนาวจับใจ... ด้วยอุณหภูมสิ ิบสององศาแถมยังมีลมทีเ่ ข้ามาปะทะร่างกายในตอน ที่ตอ้ งขี่นนั่ อีก ...โอยยยยย! จะหนาวไปไหน... เช้านี้เรายังคงอยูบ่ นเขา ...ขึ้นๆลงๆ...ลงๆขึ้นๆ... แต่กไ็ ม่ได้หนักหนาไม่ได้ชนั เท่ากับเมื่อวาน ประกอบกับเราพึ่งได้พกั ผ่อนกันมาอย่างเต็มที่ เรี่ ยวแรงก็ยงั ดีอยู่ แต่... ถึงยังงัยก็เป็ นภูเขาทำให้เราต้องออกแรงกันมากกว่าอยูบ่ นทางราบ จากทีห่ นาวๆอยูด่ ๆี ความร้อนก็เข้ามาแทนที่ กว่าถึงยอดเขาลูกสุดท้ายเสื้อกันหนาวที่ยดั ใส่กนั เข้ามาไม่รู้ ว่าจะกี่ช้ นั ต่อกี่ช้ นั ก็ค่อยๆหลุดออกทีละชิ้น จนแทบหมด!... แต่พอถึงช่วงลงเขาก็ตอ้ งกลับใส่ เพิ่มทีละชิ้น...ทีละชิ้น... จนต้องกลับมาแต่ง ครบเครื่ องกันเหมือนเดิม กับเส้นทางที่เราต้องปื นขึ้นเขา บางทีเราก็ทำตัวไม่ถกู กัน เหมือนกันว่าจะต้องทำอย่างไร ...จะใส่ หรื อจะถอด จะถอดหรื อจะใส่ ... แต่ไอ้การที่ เราโดนหนาวสลับร้อน ร้อนสลับหนาวอย่างรวดเร็ วอยูบ่ ่อยครั้งแล้วไม่สามารถทำ อะไรกับเราได้ น่าจะเป็ นสิ่ งที่บ่งบอกได้ดีวา่ ...ช่วงนี้ ร่ างกายของเราแข็งแรงสุ ดๆ... เราแวะเข้าตัวเมืองลำปางกันก่อนทั้งๆที่เราไม่จำเป็ นต้องผ่านเข้าไปก็ได้ แต่ท่ี เราต้องเข้าไปก็เพื่อการเติมพลังงาน สิ่ งที่ตอ้ งการคืออาหารเช้าและเสบียงสำหรับ การขึ้นภูเขาลูกใหญ่รอบสุ ดท้าย ภูเขาที่ถกู โจษท์จนั ท์จากนักทัวริ่ งหลายๆคนว่าทั้ง โหดทั้งชัน เขาที่ขวางกั้นระหว่างเป้ าหมายกับเรา ยอดเขา...ดอยขุนตาน...



อุทยานแห่ งชาติดอยขุนตาน

ในที่สุดเราก็มีสมาชิกเพิ่ม มีคนอยากมาร่ วมปั่นกับเรา ...น้องไอซ์... หนึ่งใน สมาชิกกลุ่มแรบบิทที่ปั่นด้วยกันอยูบ่ ่อย ขึ้นมาเยีย่ มบ้านที่ลำปางในช่วงนี้พอดี เลย ถือโอกาสมาขอแจมปั่ นขึ้นเขาด้วยกัน ขุนตาลไม่ได้โหดหินอย่างทีพ่ วกเราคิดไว้ต้งั แต่ทแี รกเมือ่ เทียบกับเมือ่ วาน ก็ไม่ แน่ใจหรื อว่าพวกเราคิดกันไปเองว่า...วันนี้ความชันมันน้อยกว่า ประกอบกับถนนที่ ใหญ่ๆและไหล่ทางอันกว้างขวางจึงขีก่ นั ค่อนข้างสบาย ค่อยๆขีก่ นั ขึ้นไป ยังกวนกัน ได้ ยังเล่นกันได้ ยังพูดคุยกันได้ ถึงความเร็วจะไม่ตา่ งจากเมือ่ วานเท่าไหร่ แต่ระยะทาง ที่ใช้อยูบ่ นรถต่อครั้งนั้นไกลกว่าเดิม การพักก็นอ้ ยลง มีผลทำให้เราทำเวลากันได้ดี กว่าที่คิดเอาไว้ต้ งั แต่แรกมากทีเดียว ...ชะลันล่าใจ... เรามารูต้ วั กันทีหลังว่าทีผ่ า่ นมาในช่วงแรกนั้นมันยังไม่ใช่ ทีค่ ดิ ไว้วา่ ไม่ค่อยชันสักเท่าไหร่ มนั มีเอาไว้ซอ้ มขาเล่นๆ มันเป็ นช่วงทดลองก่อนขึ้นไป เจอของจริ ง ของจริ งทีร่ ออยูห่ ลังจากนี้อกี ครึ่งทาง ของจริ งทีร่ ออยูห่ ลังจากพักใหญ่กนั อีกที จุดสิ้นสุดของช่วงนี้อยูต่ รงจุดที่พกั รถบนภูเขา เราก็เลยถือโอกาสพักขาเติมพลัง หาของกินกันอีกที จะได้มีเรี่ ยวแรงเก็บไว้ไปฝ่ าฟันกับช่วงที่เหลือกันอย่างเต็มที่


เราออกเดินทางต่อด้วยความพร้อมกันอย่างเต็มที่ ถึงทางช่วงนี้จะดูชนั กว่าช่วง แรกอย่างที่เขาบอกมาแต่กไ็ ม่ได้รู้สึกว่ามากสักเท่าไหร่ ถึงจะชันขึ้นแต่กย็ งั รู้สึกว่ายัง น้อยกว่าลูกเมื่อวาน ความเร็ วของเราจึงไม่ตกลงเท่าไหร่ ยังคงไปกันได้แบบสบายๆ จนกระทัง่ ...เราถูกแซง!!!... ถ้าเทียบนักจักรยานทัวริ่ งด้วยกัน ความเร็ วในการขึ้นเขาของพวกเราก็ไม่ได้ ช้ามากขนาดถูกแซงทิง้ ห่างกันได้ขนาดนี้ แต่...เอ๊ะ!...ไม่สิ ลองสังเกตุดๆี นัน่ มันขี้โกง นี่หว่าาา!!!... ฝรัง่ ขี้โกงเกาะรถพ่วงบรรทุกรถขึ้นไป หันกลับมาโบกไม้โบกมือตะโกน ทักทายพวกเรา เลยตกกะใจทำอะไรไม่ถกู กว่าจะรู ้ตวั จะยกกล้องขึ้นถ่ายรู ปก็ไม่ทนั ได้แต่มองเขาปั่นขึ้นไป ...ขึ้นไป ...ขึ้นไป ...หายไป ...หายลับไปกับตา... แต่ในทีส่ ุดเราทั้งหมดก็มาหยุดยืนพักขาพูดคุยเฮฮากันอยูบ่ นยอดเขา เราทั้งสาม กับฝรั่งอีกหนึ่งที่ถงึ จะใช้วชิ ามารพาตัวเองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว...แต่กท็ งิ้ เพือ่ นอีกหนึ่ง ที่เลือกจะใช้วธิ ีฝืนแรงโน้มถ่วงด้วยกำลังขาของตัวเองเหมือนกับพวกเรา...จึงยังคง ต้องรอต่อไป ยังคงไปไหนไม่ได้ จนเราพักเหนื่อยกันจนพอใจและกำลังจะเดินทางกัน ต่อไป เพือ่ นเขาถึงเพิง่ ขึ้นมา เราจึงได้แต่ทกั ทายและขอตัวลาไปก่อน


มันเป็ นความรูส้ ึกไม่เท่าเทียมทุกครั้งเมือ่ ต้องมาคิดเปรี ยบระหว่างความเหนื่อย ยากที่มาพร้อมกับเวลาที่ตอ้ งเสี ยไปกับการขึ้นเขาอันมากมาย เทียบกับความสบาย ตอนลงเขาด้วยเวลานิดเดียว ...เพราะแค่คิดเสร็ จเราก็ลงมาถึงตีนเขาเรี ยบร้อยพอดี... ถึงตอนนี้เราก็กลับมาเหลือสองคนตามเดิม เพราะน้องไอซ์จะจบภารกิจเขากับเราแค่น้ ี ถนนข้างหน้าก็เหมือนว่าจะเป็ นทางราบๆธรรมดา แต่ถา้ ลองได้มาขี่แล้วจะ รูส้ ึกเลยว่า...มันเป็ นทางลง... เรายังคงลง...ลง...ขึ้น...ลง...ลง...ลง...ขึ้น...ลง...ลง...ขึ้น... ลง...อยูไ่ ด้พกั ใหญ่ และเราก็เข้าใกล้เป้ าหมายของเราเข้าทุกที แต่...เดี๋ยว!!! เดี๋ยวก่อน! จะรี บไปไหน...จะรี บไปไหน!!!... เวลาที่เราทำมากันในวันนี้มนั ดีเกินคาด มันเลย ยังพอมีเหลือนิดหน่อย...ไอ้เวลานี่หน่ะ... เรามานัง่ ปรึ กษาวางแผนกันใหม่วา่ ...เรามากันเร็วไป เวลายังคงเหลือพอให้เรา เถลไถล เชียงใหม่กไ็ ม่ได้หนีไปไหน ถ้าจะไปให้ถึงจุดหมายอ้อมออกไปอีกสักนิด ก็คงไม่เสี ยหายอะไร ถ้าเราจะเข้าเชียงใหม่โดยไม่ไปถนนเส้นหลักเรายังมีเส้นรอง ให้วงิ่ รถก็นอ้ ยกว่าแถมถนนก็สวยกว่า แต่ถา้ จะไปต้องแวะตัวเมืองลำพูน... ก็ผมไม่เคยไป กานต์กไ็ ม่เคยไป ...เมื่อความเห็นตรงกัน ก็ไปกัลลล!!!...

ลำพูน

“พระธาตุหริ ภญ ู ชัย” เป็ นชื่อเดียวที่นึกออกสำหรับจังหวัดลำพูน เราเลยตัด สิ นใจมาตั้งหลักกันที่นี่กนั ก่อน แต่การคิดจะมาตั้งหลักของเรากลายเป็ นการ“ติดกับ” เพราะที่เมืองนี้มี...ถนน คนเดิน...ทุกเย็นวันศุกร์ และนี้กว็ นั ศุกร์!!! การแวะเที่ยวลำพูนของเราจบสิ้ นกันแค่ นี้...ลั้นลาาา!!!... ........... ........ ...... ...พระอาทิตย์ลบั หลังคาโบสถ์...




ถนนต้ นยาง

ด้วยความชอบเป็ นพิเศษของตัวผมเอง จากเชียงใหม่ผมเคยเข้ามาขี่ที่ถนนนี้ แล้วหลายครั้ง แต่ยงั มาไม่ถงึ ลำพูน และเวลาที่ขน่ี ้ นั ก็เป็ นตอนกลางวันไม่ใช่กลางคืน เพือ่ นผมเคยเล่าให้ฟังว่า ...ถนนนี้เป็ นถนนอนุรักษ์ ต้นยางแต่ละต้นจะถูกบวช ที่เราเรี ยกกันว่าบวชต้นไม้ โดยเอาผ้าสี มาพันรอบต้นไม้ไว้ กันการโดนตัด และห้าม ใครตัดโดยเด็ดขาด... เพราะฉะนั้นตลอดระยะทางกว่ายีส่ ิ บกิโลฯระหว่างลำพูนกับ เชียงใหม่ จะมีตน้ ยางสูงใหญ่เรี ยงรายกันสองข้างไปตลอดทาง ถ้ามาตอนกลางวันจะขี่สบายด้วยร่ มเงาจากไม้ใหญ่ แต่พอเป็ นกลางคืนออก จะมืดไปหน่อย แม้จะมีไฟส่องตลอดทาง แต่ดว้ ยความมืดประกอบกับรถทีว่ ง่ิ น้อยไป หน่อย เราเลยไม่คอ่ ยอยากอยูก่ นั นานเท่าไหร่ ตั้งหน้าตั้งตาปั่ นกันลูกเดียว ...เดี๋ยวก็ จะถึงแล้วนะจุดหมายของเรา...เชียงใหม่

Chiang Mai, the Final.

...อาหารมื้อใหญ่ที่สุดในทริ ปนี้... เรามาสรุ ปจบทริ ปกันที่อาหารค่ำ ...ณ ร้าน ปิ้ งย่าง... ที่มีมากมายดาดดื่นในเมือง เชียงใหม่ เพราะตอนนี้ส่ิ งที่เราต้องการเอา เข้าไปคือ ...โปรตีน!... ...แปดร้อยห้าสิบแปดกิโลเมตร... คือ ตัวเลขระยะทางนับตั้งแต่เริ่ มเดินทางออก จากกรุ งเทพฯ อ้อมบ้าง ลัดบ้าง แวะเที่ยว บ้าง ขึ้นเขาบ้าง ลงเขาบ้าง มาสิ้ นสุ ดที่ร้าน อาหารคำ่ ของพวกเราที่เชียงใหม่ ซึ่งที่จริ ง ยังไม่ใช่จดุ หมาย เพราะทีพ่ กั ปลายทางของ เรา...บ้านพี่ของกานต์...นั้นจะต้องปั่นไป อีกร่ วมยีส่ ิ บกิโลฯ


ทีพ่ กั ครั้งสุ ดท้ าย

ผมยังคงใช้เทคนิคเดิมๆ เหมือนเคยทำมาก่อน ค่อยๆควาญแขนออกมาหยัง่ อุณหภูมิขา้ งนอกก่อนมุดหัวออกจากเต้นท์ ทั้งๆที่ตื่นก็สายปาไปตั้งสิ บโมงกว่า แต่ ก็ยงั หนาวอยู่ เมื่อคืนเรากลับมาถึงบ้าน...“พี่นก นวลวรรณ และครอบครัว”...ซึ่ งเป็ นบ้าน พีส่ าวของกานต์กด็ ึกมากอยู่ เพราะตั้งแต่ออกจากร้านเราก็ป่ันกันมาอย่างช้าๆ พูดคุย กันไปมาอย่างเรื่ อยเปื่ อย ไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องรี บร้อนอะไรอีกต่อไป ...ก็นี่เรามาถึงที่ หมายกันแล้ว ไม่มีภารกิจที่จะต้องทำอีกต่อไป... แถมพอมาถึงก็มวั แต่นงั่ เฉื่ อยแฉะ สบายอารมณ์ ไม่หลับไม่นอน เราตัดสิ นใจตั้งเต้นท์นอนทิง้ ทวนกันต่อ เพราะว่าหลังจากนี้แล้วก็ไม่รู้เมื่อไหร่ จะหาโอกาสได้ใช้มนั อีกที แถม...เท่าทีร่ ูม้ า“เขา”ว่าทีล่ าวจะไปตั้งเต้นท์ไม่ได้ ห้ามโดย เด็ดขาด!!!... พอออกจากนี่ ผมก็จะทิ้งเต้นท์ฝากน้องให้เอากลับกรุ งเทพฯไปเลย เนื่องจากพี่พี่ช่างใจดี ผมเลยถือโอกาสนี้ขอที่ซุกหัวนอนพักผ่อนไปก่อนสัก สองคืนก่อนแยกย้าย เพราะถึงเราจะทำระยะทางกันมาอย่างมากมายในหลายๆวัน แต่เมื่อขึ้นมาถึงเชียงใหม่แล้วนี่กย็ งั มีที่ที่อยากจะไปกันอีกหลายที่ ยังคงตระเวนขี่ จักรยานออกไปวนขาเล่นตามสันดานกันต่อไป...ต่อไป...และต่อไป จนสุ ดท้ายถึง เวลาทีง่ านเลี้ยงต้องมีวนั เลิกรากันไป เราก็ยงั คงรำ่ ลากันครั้งสุดท้าย...บนอานจักรยาน...

Home sweet home!

การได้ข้ นึ มาเชียงใหม่กเ็ หมือนผมได้กลับมาอยูบ่ า้ นอีกหลัง ...มันไม่ใช่สำนวน ไทยหรื อคำเปรี ยบเปรยใดๆทั้งสิ้ น เพราะผมหมายความตามนั้นจริ งๆ... บ้านอีกหลัง ของผมที่ไม่ใช่ของผม ผมโชคดีทม่ี .ี ..เพือ่ นอุปถัมภ์...อยูท่ น่ี ่ี เพือ่ นทีพ่ ่งึ พิงได้ทกุ ครั้งทีผ่ มขึ้นมาเชียงใหม่ เพื่อนที่ให้ที่พกั พิงทุกครั้งเมื่อผมขึ้นมาที่นี่ ...เพื่อนจักรชัย...


ผมเลยมาอาศัยอยูบ่ า้ นเพื่อนผมทุกครั้งที่ข้ ึนมา อาศัยอยูจ่ นเป็ นความเคยชิน ...หลายๆครั้งขึ้นมาอยูน่ านจนเหมือนบ้านตัวเอง... ขึ้นมาครั้งนี้กเ็ หมือนกัน ซึ่งที่จริ ง จะมาก็เกรงใจ แต่ถา้ ไม่มาก็ยงิ่ เกรงใจ เลยตั้งใจจะมาอาศัยอยูส่ กั สามสี่ วนั ...ก่อน เดินทางต่อไป...

สวัสดี...ปี๋ ใหม่ เมือง การพักขาช่วงนี้โชคดีข้ ึนมาตรงกับปี ใหม่พอดี ก็ไอ้งานปี ใหม่ไม่วา่ ที่ไหนๆ ผมก็ไม่ได้ไปมาหลายปี ก็เลยถือเป็ นโอกาสดีได้มาเที่ยวปี ใหม่ต่างเมือง ...ฟิ น....


เซอร์ วสิ

ผมเริ่ มสังเกตอาการแปลกประหลาดของรถผมได้ต้ งั แต่เข้าเขตจังหวัดลำปาง หลังจากเราขึ้นเขามาได้ไม่เท่าไหร่ ด้วยความสมบุกสมบันหนักหนามาสองทริปใหญ่ๆ การบดขึ้นเขามานานๆกับสัมภาระหนักอึ้งและมากมาย ทำให้ตอนนี้ ...“กระโหลก” ของรถผมน่าจะมีปัญหา... เวลาหมุนขาเหมือนจานจะหลุดตามออกมา จึงถึงเวลาต้อง ดูแลรักษาหาหมอกันสักที เชียงใหม่เป็ นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีคนหันมาขี่จกั รยานกันมาก ร้านจักรยานเลย มีให้เลือกหลายหลากหาได้ไม่ยากเท่าไหร่ แต่...ปัญหาคือช่วงนี้คือช่วงปี ใหม่ ร้านที่ เปิ ดให้บริ การจึงมีนอ้ ย ผมลองขีว่ นๆหาดูร้านจักรยานอยูห่ ลายวันแล้วแต่กไ็ ม่ได้จริ ง จังเท่าไหร่ แต่เมื่อการเดินทางต่อไปกำหนดเอาไว้เป็ นที่แน่นอน ก็ถึงเวลาต้องตั้งใจ หาอย่างจริ งจัง ...สภาพรถก็แย่ลงทุกที!... ไล่เช็คและลองวนไปดูตามแผนที่หลายร้านก็ปิด หมด ร้านทีเ่ ปิ ดช่างก็ไม่มี ไม่รูจ้ ะทำยังงัยดีหาตั้งแต่เช้ายันบ่ายจนเกือบจะถอดใจ ดูแล้ว ...ถ้าไม่ได้ซ่อม ยังงัยก็ไม่มที างไปต่อไหว... อยูด่ กี ม็ รี า้ นทีไ่ ม่มอี ยูใ่ นแผนที่ ดันมาโผล่ อยูใ่ นเส้นทางที่กำลังจะวนกลับอย่างคาดไม่ถึง ...” heem ride”... ร้านจักรยานเฉพาะคอวินเทจเท่านั้น ซึ่ งตรงตามที่ตอ้ งการ ทุกประการ เหมือนเปิ ดไว้รอลูกค้าคนนี้โดยเฉพาะ แล้วทุกอย่างก็ตรงตามข้อสันนิฐาน ...เมื่อถอดจานออก ลูกปื นกระโหลกร่ วง กราวแทบจะในทันที... เหตุเกิดเพราะการที่ฝืนบดขึ้นเขามาเป็ นเวลานาน และยังจะ น้ำหนักบรรทุกที่มากเกินไป ผลก็คอื ทำให้เกินพิกดั ที่มนั จะรับไหว แต่พอถึงมือหมอ แล้วก็ไม่เท่าไหร่ แก้ดว้ ยวิธีการใส่ ลกู ปื นชุดใหม่เข้าไปก็เรี ยบร้อย และแล้วก็...กลับ มาสภาพเหมือนใหม่ไร้ที่ติ เหมือนได้รถใหม่พร้อมจะออกเดินทางอีกครั้ง...


...แต่ถา้ เกิดเหตุแบบนี้ในลาวน่าจะมีปัญหาแน่ เพราะสิ่ งสำคัญคือเครื่ องมือ ถอดกระโหลกนั้น...ไม่มี!!!...




...สถานีต่อไป เชียงของ...

ช่วงก่อนปี ใหม่ผมวนไปเช็ครอบรถทัวร์ท่ขี นส่งอยูห่ ลายที แต่กเ็ ป็ นช่วงเวลาที่ หารถว่างค่อนข้างยากทีเดียว แผนการเดินทางก็เลยคารังคาซังมาถึงตอนนี้ เพื่อนผม ...เพือ่ นจักรของผมมันเห็นก็คงลำคาญ... จึงหวังดีจะขับรถพาไปส่งให้ถงึ ที่ จะได้ไม่ตอ้ ง วุน่ วาย ...ผมเลยกลายเป็ นตัวภาระของเพือ่ นอีกครั้ง!!!... และก็ไม่ได้เป็ นภาระแค่เพือ่ น คนเดียว ทั้ง“ยุน่ ”แฟนเพื่อนจักร และ“จิ๋ว”เจ้าหมาตัวเล็กกิตติมศักดิ์ ยกโขยงมาส่ง กันทั้งบ้านเป็ นทีค่ รึกครื้น ...ขึ้นเขา ลงหุบ ฝ่ าถนนหนทางระยะกว่าสองร้อยกิโลฯ...มา ส่ งผมจนถึงที่พกั จุดหมายคือ...อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย... อีกจุดหนึ่งที่เชื่อมต่อระหว่าง ชายแดนไทยและลาวไว้ดว้ ยสะพานมิตรภาพ เป็ นเส้นทางที่ผมเลือกที่จะใช้ในการ เริ่ มต้นในการเดินทางเข้าประเทศลาว ...ขอบคุณทุกคนมากๆ อุตส่าห์ดแู ลและคอยเป็ นธุระให้ วันหลังจะไปตอบแทน ด้วยการกลับไปเป็ นภาระใหม่อีกหลายๆรอบ...

เชียงของ

ยังไม่ทนั จะทำใจ พวกเขาทั้งหมดก็หนีผมกลับไป ปล่อยผมทิง้ ไว้ให้อยูค่ นเดียว และคงเพราะได้สนุกสนานกับการเจอผูค้ นมากมายมาหลายวัน อยูด่ ีๆกลับต้องมานัง่ อยูค่ นเดียว...แค่พอเพื่อนจักรและยุน่ กลับไปก็รู้สึกเหงาขึ้นมาจับใจแทบจะในทันที ต้องอยูค่ นเดียวในบรรยากาศอย่างนี้ บรรยากาศที่น่าจะมีใครสักคนมานัง่ อยูเ่ ป็ น เพื่อน ...แบบนี้นี่มนั เหงาจัง!... ...แล้วเราจะมานัง่ เหงาเศร้าซึมอยูแ่ ล้วมันจะได้อะไร... ไหนๆก็ถอ่ มาถึงนี่ จะมา นัง่ เฉยๆให้มนั เสี ยเวลาอยูท่ ำไม ออกไปขี่รถชมเมืองถ่ายรู ปเล่นก่อนจะดีกว่า!



เชียงของเป็ นเมืองเล็กๆอีกเมืองที่เหมาะกับคนที่ชอบความเรื่ อยเปื่ อย ใช้ชีวติ เนิบช้า ไม่ตอ้ งวุน่ วาย ไม่รีบร้อน ไม่ตอ้ งขยับตัวมาก ค่อยๆปล่อยลมหายใจไปกับวิว รอบข้าง อยากไปไหนก็ไปได้ง่ายๆ เพราะเป็ นเมืองไม่ใหญ่ ขี่จกั รยานสิ บนาทีกท็ วั่ ทั้งเมือง ถึงที่เที่ยวจะมีไม่เท่าไหร่ แต่มีอยูจ่ ุดหนึ่งที่ไหนๆก็มาถึงนี่แล้วยังไงก็ตอ้ งไป ให้ได้ ...บ้านอลัน เบทอยูไ่ หนหว่าาา???... วนไปก็วนมา หาเท่าไหร่ กห็ าไม่เจอ เมื่อหาไม่เจอ...หาอะไรไม่ได้กถ็ ึงเวลาต้องใช้การท่องเที่ยวด้วยปาก ถามเข้าไปเดี๋ยว ก็ตอ้ งมีใครสักคนที่รู้จกั ถาม ถาม ถามจนได้ความ ...เข้าซอยนี่ไปหาไม่ยากอยูก่ ลาง ซอย พอเห็นแล้วจะรู ้ทนั ที... “อลัน เบท”(Alan Bate) นักปั่นจักรยานชาวอังกฤษที่มาติดใจ ตั้งรกรากอยู่ เมืองไทย ผูท้ ำสถิติโลกด้วยการปั่นระยะทาง 29,400 กิโลเมตรรอบโลกด้วยระยะ เวลา 113 วัน และจบภาระกิจด้วยการปั่นไปลงนามถวายพระพรแด่ในหลวง พอเห็นก็รูท้ นั ทีจริ งดัง่ ว่า “เดอะฮับ” บาร์และพิพธิ ภัณฑ์จกั รยานทีต่ ้งั ตระหง่าน อยูก่ ลางซอย แต่น่าเสี ยดายที่เหมือนจะมาผิดเวลาไปหน่อย ...ผมเผอิญได้เจอภรรยา เขาซึ่งเป็ นคนไทย บอกว่าช่วงปี ใหม่รับแขกเยอะเกินไปหน่อย ตอนนี้คุณอลันเลย ไม่สบาย ช่วงนี้ร้านจึงปิ ดชัว่ คราว... ผมเองก็เลยไม่อยากรบกวน จึงขอตัวลากลับ ด้วยความเสี ยดาย เชียงของมีถนนสายเล็กเรี ยบแม่น้ำโขง ที่มีคนนิยมมาออกกำลังกาย มาวิง่ มา ขีจ่ กั รยาน มาทำกิจกรรมกันมาก ...ถึงตรงนี้ประเทศลาวทีเ่ ป็ นจุดหมายต่อไป มองเห็น ไม่ไกลแค่แม่น้ำกั้น... แต่ผมตัดสิ นใจว่าคงต้องคอยก่อนอีกสักสองสามวัน ...ก็ เชียงของไม่ใช่ที่ที่มากันง่ายๆ ยังไงก็ขอขี่เที่ยวเล่นสบายๆอยูฝ่ ั่งนี้อีกสักหน่อย... ขอเวลาทำใจอีกสักนิดก่อนออกไปพิชิตลาว!!!



SIAM RIVER VIEW

ช่างเป็ นเรื่ องบังเอิญเมื่อเจ้าของที่ท่ผี มพักอยูเ่ คยเป็ นนักจักรยานทัวริ่ งเก่าเราเลย คุยกันถูกคอ ยิง่ เมื่อรู้วา่ ผมจะเดินทางข้ามไปลาว ลุงแกก็เลยมีเรื่ องมาเล่าให้ฟังกันยืด ยาว ...เพราะเมื่อก่อนแกเคยไปขี่ทวั ริ่ งที่ลาวมาแล้วก็หลายครั้ง ไปตั้งแต่ยงั ไม่เจริ ญ เหมือนสมัยนี้ บลา บลาๆๆ เดี๋ยวข้ามไปก็รู้เอง... ผมก็นงั่ ฟังตาใส เพลินๆกันไป และจากการที่ได้คยุ กับลุงนี่เอง ทำให้รู้วา่ แผนที่ผมวางไว้ต้งั แต่แรกมันผิดไป หมด ...คิดเอาไว้วา่ จะข้ามฝั่งด้วยเรื อนั้นมันเป็ นไปไม่ได้ เพราะตั้งแต่เปิ ดสะพานเขา ก็เลยย้ายที่ทำเอกสารไปหมด ถ้าจะข้ามจะต้องขีอ่ อกจากเมืองนี่ไปที่สะพานอีกสิ บ กิโลฯ แล้วไปทำเอกสารที่นน่ั ... เป็ นอันเหมือนว่าจะเข้าใจ!!!

ข้ ามแดน

...ถึงเวลาที่ตอ้ งไป ดีใจที่ได้เจอ... ผมตั้งใจตื่นตั้งแต่เช้าฝ่ าหมอกหนาวมุ่งตรงสู่ ...“สะพานมิตรภาพไทย-ลาว”... ตั้งใจจะเอาพาสปอร์ตไปทำเอกสารออกจากไทยก่อน แล้วจะวนกลับมาข้ามเรื อ ...ซึ่ง ไม่รู้วา่ วนกลับมาทำไม นัน่ ทำให้รู้สึกว่าตัวเอง “โง่” ไป ฟังอะไรมาแล้วไม่เข้าใจก็ดนั ไม่ถามให้หมด... ...แผนของผมคือต้องไปข้ามเรื อที่ “ห้วยทราย” ให้ทนั ในเวลาบ่ายโมง เดินทาง สองคืนเพือ่ จะไปตั้งต้นเดินทางที่ “หลวงพะบาง”...แต่ปรากฏว่าข้ามเรื อไม่ได้ เพราะ ยังไงก็ตอ้ งไปทำเอกสารเข้าลาวที่ปลายสะพานอยูด่ ี เช้านั้นผมจึงต้องวนไปวนมา ร่ วมสามสิ บกว่าโลฯโดยไม่จำเป็ น แถมยังทำให้ไปไม่ทนั ขึ้นเรื อ... แล้วทีน้ ีจะเอาไง ก็ยงั นึกไม่ออก จึงต้องตัดสิ นใจข้ามไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน...



HOUEI XAI BOKEO

CHAING KHONG


...ค่าเอกสารห้าบาท ค่าข้ามสะพานของคนกับรถร้อยยีส่ ิ บ!... ไม่เข้าใจ! ทำไม เดินข้ามก็ไม่ได้ ผมมีรถจักรยานนะก็ขา้ มไม่ได้ ต้องขึ้นไปกับรถบัสเพื่อข้ามสะพาน เท่านั้น ไม่รู้วา่ จะทำกันให้ยากทำไม ...แต่กฎก็ตอ้ งเป็ นกฎ!!!...

Laos Day1

สมแล้วที่บา้ นสองเราสนิทกัน ...คนไทยผ่านเข้าแดนง่ายกว่าที่คิด... จากจุดนี้จะต้องขี่ไปห้วยทรายอีกสิ บกิโลฯ ...มันเป็ นเหตุผลแรกเลยที่ทำให้ ผมดื้อจะข้ามเรื อ... ซึ่ งที่จริ งถึงเวลานี้กไ็ ม่น่าจะไปทันเรื อแล้ว แต่จะให้ไปไหนก็ยงั ไม่มแี ผนสำรองเอาไว้ ยังไงทีน่ น่ั ก็นา่ จะเป็ นตัวเมือง คงจะทำอะไรได้บา้ งไม่มากก็นอ้ ย สิ่ งแรกที่เป็ นปั ญหาไม่ใช่การขี่รถเลนขวาที่ไม่ใช่ซา้ ยอย่างบ้านเรา ซึ่ งมันยัง ไม่งงเท่าไหร่ แต่ปัญหามันดันอยูท่ ต่ี อนเลี้ยวไปแล้วไม่รูจ้ ะเข้าเลนไหน เพราะพอเลี้ยว ไปสัญชาตญาณจะให้เข้าซ้ายตลอด ต้องปรับกันอยูน่ าน...กับความที่ไม่เคยชิน... ผมขีไ่ ปก็วางแผนไปและต้องดูแผนที่ไปในหลายๆที ก็ท่ลี าวนี่ป้ายบอกทางมัน ไม่ได้มีมากเหมือนบ้านเรา นานๆทีจะมีให้เห็นสักป้ ายนึง ซึ่งบางทีกไ็ ม่ได้บอกในสิ่ง ที่เราต้องการ ที่เมืองไทยถ้าไม่มีป้ายผมจะอาศัยดูหลักกิโลฯแทนเอา แต่สิ่งหลักกิโลฯที่นี่ เขาบอกก็ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการอีกเช่นกัน จึงต้องเดาบ้าง หลงบ้าง วนไปวนมา... สุดท้ายก็ตอ้ งกลับไปพึ่งกูเกิล้ กับปากถามทางอีกเล็กน้อยก็มาถึงจนได้อย่างทุลกั ทุเล...



ภารกิจ

ถึงจะไม่ทนั เรื อก็ยงั มีอย่างอื่นให้ทำอีกตั้งมากมาย ตามแผนที่วางเอาไว้อย่าง แรกก็คือต้องหา...ธนาคาร...เพื่อแลกตังค์ น่าจะสำคัญที่สุด ซึ่ งเมืองก็ไม่ใหญ่กเ็ ลย หาไม่ยากสักเท่าไหร่ เดินเข้าไปแล้วรู้สึกไม่มน่ั ใจเท่าไหร่ แม้จะได้รับการต้อนรับเป็ นอย่างดี เพราะ ที่นี่แม้แต่คุณ รปภ. ก็ยงั ใส่ เสื้ อเชิ้ตผูกไทด์กนั ทุกคน ส่ วนตัวผมนั้นสภาพสุ ดจะทน ผมเดินออกจากธนาคารเหมือนเศรษฐีพร้อมเงินปึ กใหญ่ ขนาดแลกมาก็ไม่มาก เท่าไหร่ เพราะไม่อยากพกเงินเยอะๆติดตัวเอาไว้ ไม่แน่ใจว่าเดินทางคนเดียวจะอันตรายแค่ไหนเหมือนกัน ก้มลงมองเงินอันมากมายหลากหลายในมือแล้วก็เหนื่อยใจ คง ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะทำความเข้าใจว่าแบงค์สีอะไร ราคาเท่าไหร่ ...เพราะมันมี หลายสี หลายไซส์ซะเหลือเกิน... ...อัตราแลกเปลี่ยนตอนนั้นก็จำไม่ค่อยได้ แต่แน่ๆที่จำได้คือ 5000กีบ = 20บาท... เสร็ จจากภารกิจแลกเงินก็ตอ้ งต่อด้วยการใช้เงิน และเงินที่ตอ้ ง ใช้อย่างแรก เลยก็คือ ต้องซื้อ...ซิ มโทรศัพท์... เขาบอกมาว่า...ถ้ามาต่างประเทศแล้วจะโรมมิ่งหน่ะ มันเปลือง!!!... ยิง่ มา หลายวันให้เปลีย่ นไปใช้ซิมแบบมีอนิ เตอร์เน็ตของประเทศนั้นๆเลยจะคุม้ กว่า ถ้าจะ โทรข้ามประเทศก็ใช้ “SKYPE” แทนเอา แถมได้เห็นหน้ากัน จะได้ไม่เหงา... เผอิญมีร้านโทรศัพท์อยูต่ ิดกับธนาคารพอดี เลยตั้งใจเข้าไปเจรจา ปรึ กษาหา โปรโมชัน่ แบบคุม้ ๆค่าสักหน่อย แต่กม็ ปี ัญหาตรงทีร่ า้ นมือถือส่วนใหญ่มแี ต่ซิมขนาด ปกติขาย ส่วนโทรศัพท์ผมต้องใช้ซิมอันน้อย ไซส์เล็กพิเศษเขาไม่มี ...นู่นเลย! ขึ้นไป ข้างบนโน่นเลยอ้าย ขึ้นไปเลี้ยวขวาแล้วจะเจอบริ ษทั เทเลคอมพ์ลาว นี่นนั่ มีแน่ๆ... ขึ้นไป!...นัน่ คือขึ้นเขาไป ถึงมันไม่สูงเท่าไหร่ หรอกนะ แต่ชนั มากกก...ก็ไม่รู้ ว่ามากเท่าไหร่ รู้แค่วา่ ต้องตั้งคอมองขึ้นไป ...ยังไงก็ตอ้ งขึ้นไป จะสักเท่าไหร่ กนั เชียว .......เท่า......เท่าสองหมาหอบ!...แฮ่กๆๆๆๆๆๆๆ...



การถ่อขึ้นไปไม่เสี ยเที่ยวเปล่า ได้ของตามที่ตอ้ งการ ...ซิ มอันน้อยราคาสี่ สิบ บาทไทย กับโปรโมชัน่ รายเดือนโทรฯและเน็ตทัว่ ลาวสองร้อยห้าสิ บบาท... นี่คือ ราคาที่เขาคิดเป็ นเงินไทยมาให้ เป็ นเงินลาวเท่าไหร่ จำไม่ได้เหมือนกัน จำได้อย่าง เดียวว่า ...เอาเงินทั้งหมดขึ้นมา แล้วส่ งให้เขาไปทั้งหมด ให้เขาเลือกหยิบเอาไปเอง จะเอาไปเท่าไหร่ กเ็ อาไปเถอะ โกงไปก็ได้นะไม่รู้หรอก!.. สองภาระกิจแรกลุลว่ งไปได้ดว้ ยความรวดเร็ว อย่างค่อนข้างง่ายดาย และได้รบั การดูแลเป็ นอย่างดี นี่ถา้ เป็ นเมืองไทยแล้วผมแต่งตัวอย่างนี้เข้าไปไม่รู้วา่ เมื่อไหร่ จะ ได้รับบริ การ คงต้องรอกันนานเลยทีเดียว

ทีพ่ กั ณ บ่ อแก้ ว

ถึงจะไม่ทนั เรื อแล้วก็ตามแต่ผมก็ยงั คงไม่ถอดใจ เพราะว่าผมมีอาวุธลับพิเศษที่ ได้มาจากเชียงของ ลุงบอกมาว่าถ้าจะไปหลวงพะบางมีทางให้เลือกอีกทางหนึ่ง ...รถ ทัวร์จากบ่อแก้วถึงหลวงพระบาง...ใช้เวลาคืนเดียว เทคนิคเดิมตั้งแต่เมืองไทยก็ยงั ใช้ได้อยู่ ผูร้ ู ้ที่สุดประจำท้องถิ่น...คนขับรถรับ จ้าง... ผมเอาแผ่นพับที่ได้มาตั้งแต่เชียงของมาปรึ กษาพี่วนิ รถเครื่ อง ซึ่ งก็ได้เรื่ องดี จริ งๆด้วย ...มีรถบริ การอยูส่ องเจ้า เจ้าหนึ่งสี่ โมงอีกเจ้าหนึ่งห้าโมง ขี่ยอ้ นกลับไป ทางที่มานี่หล่ะ ตรงแถวๆปั๊มน้ำมันเดี๋ยวก็เจอ... ที่จริ งแล้วที่หว้ ยทรายนี่กต็ ้ งั อยูใ่ นเมืองบ่อแก้วนี่แหละ ...ถึงว่า ทำไมมองหา ชื่อในหลักกิโลไม่เจอ... แต่ที่ดูจะเจริ ญกว่าตัวเมืองเพราะเป็ นท่าเรื อใหญ่ ที่ใช้ขา้ ม ไปมาระหว่างลาวกับไทย ผมปั่นย้อนกลับไปในทางทีม่ าอย่างทีพ่ เ่ี ขาแนะนำมา วนไป วนมาหาเท่าไหร่ กห็ าไม่เจอ เลยคิดจะแวะถามเด็กปั๊มอีกที ...หลังปั๊มนัน่ ไง รถทัวร์ไป หลวงพะบาง... แล้วกัลลล!!! วนผ่านไปผ่านมาหาตั้งนาน ดันไปแอบอยูด่ า้ นหลังปั๊ม นี่เอง!!!


เพราะที่นี่น่าจะอยูใ่ กล้ชายแดนจึงยังรับสตางค์ไทย “ค่ารถห้าร้อย จักรยาน สามร้อย บาทไทย” ...ทำไมค่าจักรยานแพงจัง!!!... ยืนคุยไปหัวก็คำนวณไป ...ถ้าเมื่อ เช้ามาทันเรื อจะต้องใช้ตงั ค์???... พยายามหาความคุม้ ค่าให้มากที่สุด ...ถ้าจะหาที่พกั แล้วขีต่ อ่ ไปต้องใช้เวลากีว่ นั ???... จะต้องอยูอ่ กี หลายวัน ...ถ้าขึ้นไปก็ประหยัดค่าทีพ่ กั ได้อีกหนึ่งคืน!... เดี๋ยวเงินจะหมดเสี ยก่อน ...นี่หล่ะที่พกั คืนนี้ของเรา!!!...

สาวลาว

สุ ดท้ายผมก็มานัง่ อยูใ่ นรถทัวร์ ส่ วนเจ้าจักรยานคู่ใจของผมถูกระเห็ดไปนอน ชมวิวอยูบ่ นหลังคา ...ค่าตัวแพงกว่าเลยได้อยูส่ ูงกว่าาา... ถึงตัวรถจะดูเก่าไปซะหน่อย ที่นง่ั จะดูคบั แคบเบียดเสี ยดไปซักนิด แต่ท่ีน่ีกย็ งั มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันไม่ต่างจากรถทัวร์เมืองไทย ...ขนมปั งหนึ่งชิ้น น้ำ หนึ่งขวด และที่สำคัญมีผา้ ห่มหนึ่งผืน... ซึ่งสภาพก็พอได้ และได้ใช้ประโยชน์อย่าง ดีซะด้วย ก็กระเป๋ าสองใบขึ้นไปอยูบ่ นหลังคา และก็ลมื คิดว่าอากาศมันจะต้องหนาว ....ซึ่งมันก็หนาวอย่างจริ งจัง โชคดีท่เี บาะข้างๆติดริ มหน้าต่างเป็ นสาวลาวเดินทางคนเดียว ตัวเล็กๆไม่อว้ น แต่คอ่ นข้างอวบมีเนื้อนิดหน่อย ...สาบานว่าไม่ได้คดิ อะไร... แค่ขอไออุน่ ช่วยประทัง ความหนาวให้สกั นิดสักหน่อยก็ยงั ดี ที่นง่ั ก็คบั แคบ รถวิง่ ไปก็โขยกไป ตัวเราก็เบียด กันก็สีกนั ไป ...อุ่นใช้ได้ดีเหมือนกัน!!!... แต่เหมือนน้องเขาคงจะไม่ไว้ใจอะไรผมสักเท่าไหร่ ผมหลับแล้วก็ตื่น...ตื่น แล้วก็หลับอยูห่ ลายรอบ ก็ยงั เห็นน้องเขานัง่ กินอะไรอยูต่ ลอดไม่หลับไม่นอนสักที ทั้งขนม ส้ม มะขาม อะไรต่อมิอะไรไม่รูจ้ ะกีอ่ ย่าง น้องเขาก็ขนออกมานัง่ กินหมด ...หรื อจริ งๆแล้วเขาไม่ได้ระแวงอะไรผมหรอก น้องเขาคงหิ ว เด็กกำลังโต...


แล้วในทีส่ ุดอานิสงค์กต็ กถึงผม เขาก็คงสงสาร เห็นผมนัง่ มองอยูน่ านสองนาน แล้วส้มและมะขามหวานถูกแบ่งมาให้ผมหลายกำมือใหญ่ ผมก็ได้แต่ขอบคุณและ รับเอาไว้...แล้วเราสองคนก็ไม่ได้พดู อะไรกันอีกเลย...

ปลากระป๋ อง

ตั้งแต่รถออกจากบ่อแก้วมาผมก็เห็นแล้วว่าที่นงั่ เต็มทุกที่ แต่กม็ ีคนขึ้นลงมา ตลอด ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่ เพราะความรู้สึกตัวครั้งสุดท้ายหายไปตั้งแต่ หัวค่ำ ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรมาเบียดอยูข่ า้ งขวาของตัวผม ในฝั่งที่มนั เคยว่างๆใช้เป็ นทางเดินสัญจรไปมา พอลืมตาตื่นขึ้นมาก็ตกกะใจ ...ขณะนี้รถคันนี้ มีที่นงั่ ห้าแถวเข้าให้แล้ว ข้างซ้ายสอง ขวาสอง เพิ่มตรงกลางมาอีกหนึ่ง ทั้งคนทั้ง ของทั้งสัมภาระชิ้นน้อยชิ้นใหญ่มากมาย เบียดเสี ยดยัดเยียดกันอย่างแน่นเอี๊ยด!จน เต็มรถไปหมด... ตอนนี้หล่ะยิง่ กว่าไออุ่นซะอีก ทั้งรถมันดูช่าง...อบ และอึดอัดไป ซักหน่อย อีกวัฒนธรรมที่เรานั้นเหมือนกัน ซึ่งไม่แน่ใจว่าที่ประเทศอื่นเป็ นกันไหม แต่ รถทัวร์รอบดึกของเราทั้งสองประเทศมีพกั กินข้าวรอบดึก ...ที่ลาวนี่รถรอบดึกก็มีพกั ให้กินข้าวเหมือนกันนะ แต่ตอ้ งหากินเองตามอัธยาศรัย... พอถึงจุดพักรถถึงได้รู้ คำตอบว่า เขาใช้เก้าอี้พลาสติกแบบไม่มีพนักพิง มาใช้เป็ นเก้าอี้เสริ มอยูต่ รงกลาง นัง่ หัวสัน่ หัวคลอนกันไปตลอดทางแต่กย็ งั ต้องไป...เพราะคงไม่มีทางให้เลือกมากนัก สังเกตุจากที่วนั นึงๆน่าจะมีรถวิง่ แค่ไม่กี่รอบ... ถึงตรงนี้กเ็ ป็ นเวลาที่เราต้องลาจาก ...น้องสาวผูใ้ ห้ไออุน่ แก่ผม... ถึงเวลาต้อง จากกัน จากกันไปที่น่ี ไปทั้งๆที่ยงั ไม่ได้ร่ำลากันสักคำ.....สะบายดี ...จากนั้น...ที่นงั่ ริ มหน้าต่างก็เป็ นของผม...สะบายดีzzZ


สาม...เสื อ

ไม่น่าเชือ่ ว่ารถทีน่ ่จี ะตรงเวลามากขนาดนี้ ผมมาถึง...หลวงพะบาง...ตามกำหนด เวลา เจ็ดโมงเช้าพอดีเด๊ะๆ!!! ในขณะทีผ่ มยืนรอน้องจักรยานของผมทีก่ ำลังค่อยๆลงมาจากหลังคารถทัวร์ ก็ ได้ยนิ เสียงทักทายเป็ นภาษาไทยมาจากด้านหลัง ...สวัสดีครับ!... พอผมหันกลับไป ก็เจอคนไทยตัวเป็ นๆจริ งๆด้วย...ชายสูงวัยสองคนชาวไทยที่ใส่ชุดจักรยาน ...สวัสดี ครับ...ผมตอบกลับไปด้วยภาษาที่คุน้ เคย

หลังจากรับรถมาเป็ นที่เรี ยบร้อย ผมก็หนั กลับไปพูดคุยกับคุณลุงทั้งสองต่อ ได้ความว่า...แกมากันสามคน เห็นเด็กกำลังขนจักรยานลงจากรถทัวร์อยู่ เลยแยกตัว กับเพื่อนเดินมาดู ถึงได้รู้วา่ เป็ นคนไทย... เราเดินกันไปคุยกันไปจนมาสมทบกับ เพื่อนอีกคน ...รวมเป็ นสามเสื อเตรี ยมตัวจะไปบุกเวียดนาม!!!...


...แล้ววางแผนไว้ยงั ไง จะไปไหนต่อ มีที่พกั หรื อยัง???... คำถามมาเป็ นชุดซึ่ ง ผมก็ยงั ตอบอะไรไม่ได้สกั อย่าง อย่างเดียวที่ตอบได้กค็ ือ ...วันนี้จะขออยูเ่ ที่ยวที่นี่ที่ หลวงพะบางก่อน ส่วนเรื่ องต่อไปค่อยคิดเอาอีกที... ลุงแกเลยแนะนำที่พกั ของเมื่อคืน ที่พวกแกไปพักมาให้ อยูส่ บายใจกลางเมืองราคาไม่แรง แถมจัดแจงติดต่อให้คนมา รับอย่างเสร็ จสรรพ์ ...ก็โรงแรมเขามีบริ การรถรับส่ งให้ดว้ ย...ก็...สบายดีเหมือนกัน จะได้ไม่ตอ้ งไปวิง่ หา พักที่นี่ไปก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยวางแผนหาทางไปอีกที...

...ทั้งๆที่แนะนำตัวกันอย่างดีแต่ผมต้องขอโทษที่จำชื่อลุงสามคนไม่ได้ ต้อง ขอบคุณที่ช่วยเหลืออย่างจริ งใจ สักวันอาจจะได้พบกันใหม่อีกครั้ง... ก่อนจากลุงๆ ยังช่วยอวยชัยให้พร ...ขอให้โชคีมีชยั ให้ทำได้สำเร็ จดังตั้งใจ... พอรถมาก็ถึงได้เวลา ร่ำลา ไม่รู้วา่ หนทางข้างหน้ายังจะได้เจอคนไทยอีกบ้างไหม........


Laos Day2

ได้ที่พกั ดีดงั คำโฆษณา ราคาก็พอไหว ...แปด หมื่นกีบเท่ากับสามร้อยยีส่ ิ บบาทไทย... พัดลม ทีวี และห้องน้ำในตัว...ที่สำคัญคือเป็ นชักโครกและน้ำ อุ่น... แถมมีกาแฟ โอวันติน มีนำ้ ร้อนให้กินอีกด้วย ...ครบเลย!... ช่วงเช้าตัดสิ นใจจะยังไม่เคลื่อนไปไหน นัง่ ปรึ กษาเจ้าของที่พกั หาที่เที่ยว ดูวา่ มีที่ไหนควรจะ ไปบ้าง จะได้ขีดเส้นทางวางแผนการเดินทางก่อน หลังได้ถกู สุ่มไปเรื่ อยๆด้วยตัวเองคงจะไม่ได้อะไร เท่าไหร่

สะบายดี หลวงพะบาง

พอมีที่พกั ก็ทำให้สบายขึ้น ไม่ตอ้ งคอย ห่วงหน้าพะวงหลังต้องหาที่นอนคืนนี้ แถมจะไปไหนก็ไม่ตอ้ งมีภาระไว้ คอยถ่วง ...ก็กระเป๋ าใบใหญ่ พร้อมสัมภาระอันมากมาย นั้นเอาออกไปเก็บไว้หมด แล้ว... วันนี้จึงเป็ นวัน หนึ่งที่เป็ นวันเที่ยว อันแสนสบาย!

KOUANGXI WATER FALL


LUANG PRABANG


สำหรับประเทศลาว หลวงพะบางถือเป็ นเมือง ใหญ่ทม่ี นี กั ท่องเทีย่ วหลากหลาย และมีผคู้ นมารวมอยู่ กันมากมาย ใจกลางเมืองส่ วนใหญ่จะเป็ นโรงเรี ยน และสถานที่ราชการ ร้านค้าและบ้านพักอาศัย ส่ วน โรงแรม เกสต์เฮาท์ หมู่บา้ นนักท่องเที่ยว พระราชวัง พิพิธภัณฑ์และวัดขนาดใหญ่ จะไปอยูร่ วมๆกันแถว ริ มฝั่งโขง ที่เที่ยวในเมืองผมเลือกจะเที่ยววัดซะเป็ นส่วน ใหญ่ อาจจะเพราะเป็ นวันธรรมดาพระราชวังจึงไม่ เปิ ดให้เข้า หลังจากขี่วนดูอยูร่ อบนึงจึงตัดสิ นใจแวะ เข้าไปดูสองสามวัด ที่สามารถให้จกั รยานอยูใ่ นสาย ตาได้อย่างไม่ไกล ...จอดเอาไว้ใกล้คนเก็บเงิน... ครับ …สถานที่ท่องเที่ยวที่นี่แทบทุกที่จะต้องเสี ยตังค์เข้า ซึ่ งส่ วนใหญ่ก็ประมาณหมื่นกี บหรื อยี่สิบบาทไทย ...ถึงจะไม่เท่าไหร่ แต่จ่ายทีละหมื่นนี่กใ็ จหายเหมือน กัน!!!... ผมใช้เวลาวนเล่นอยูใ่ นเมืองไม่นานเท่าไหร่ เพราะมีอีกที่ที่จะต้องไป สถานที่แนะนำว่าถ้ามาถึงนี่ แล้วไม่ไป ...ก็เหมือนมาไม่ถึงหลวงพะบาง...




น้ำตกตาดกวางสี

สถานที่สุดฮิตอีกที่หนึ่งที่นกั ท่องเที่ยวนิยมไปกันมากที่สุด ได้ชื่อว่าเป็ นหนึ่ง ในน้ำตกที่สวยที่สุดที่ลาว ไหนๆก็มาถึงนี่แล้วจะไม่ไปดูกก็ ระไรอยู่ ตัดสิ นกันง่าย เลย ...ไปก็ไป!... น้ำตกตาดกวางสี ต้ งั ห่างออกไปนอกเมืองประมาณสามสิ บกิโลฯ เส้นทางเป็ น งัยก็ไม่รู้ลองไปดูเอาข้างหน้า ไปกลับหกสิบก็ถอื ว่าเป็ นการวอร์มขาก่อนเจอของจริ ง พรุ่ งนี้ ถึงจะไม่มีสมั ภาระก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด เส้นทางช่วงแรกดูจะมีปัญหาไปหน่อย ตรงที่ถนนบางช่วงจะหิ นคลุกขี่ไปหัวก็สนั่ ก็คลอนกันไป จนผ่านไปได้สกั ห้าโลฯ ถนนจึงจะกลับเรี ยบดีดงั เดิม แต่...เป็ นถนนเรี ยบดีที่อยูบ่ นเขา! ไม่ได้ข้ นึ เขาจริ งๆมาหลายวันชักจะฝื ด ดูเหมือนจะอืดอาดกว่าปกติไปซักหน่อย ...ปั่นไม่ค่อยออก... ใช้เวลาเป็ นชัว่ โมงกว่าจะกลับมาปั่ นได้เป็ นปกติ แต่กว่าจะกลับ มาปกติกเ็ กือบจะถึงที่หมาย และเป็ นเกือบจะถึงที่เพิ่มความชันมากกว่าเก่า! ...สัก สองกิโลฯ... น้ำตกตาดกวางสีสวยดีสมคำรำ่ ลือ แต่กเ็ ป็ นเรื่องน่าเสียดายทีผ่ มจะอยูน่ านไม่ได้ พะวักพะวงไม่แน่ใจ เพราะต้องจอดรถทิ้งไว้ดา้ นนอก ...ที่น้ำตกนี่กเ็ หมือนกัน ต้อง เสี ยตังค์สองหมื่นกีบเป็ นค่าผ่านทาง จักรยานก็ตอ้ งเสี ยตังค์สองพันห้าเป็ นค่าฝากไว้ ด้านนอก แต่กด็ ูไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่ เพราะต้องล็อคไว้กบั ไม้ไผ่ท่อนเดียว...


ถนนฅนเดิน

ผมกลับถึงเมืองพร้อมแสงอาทิตย์ ลับหายไปจากท้องฟ้ า ได้เวลายำ่ ราตรี พอ ดิบพอดี ผมตัดสิ นใจเอารถเข้าไปเก็บใน ห้องก่อน ที่จะออกมาพักผ่อนเดินเที่ยว เล่นที่...ถนนฅนเดิน...ที่อยูไ่ ม่ห่างจาก ที่พกั เท่าไหร่ ที่หลวงพระบางก็มีการปิ ดถนนเพือ่ ให้คนมาขายของให้นกั ท่องเที่ยวออกมา เดินเล่นช้อปปิ้ งจับจ่ายใช้สอยที่เรี ยกว่า... ถนนฅนเดิน...อย่างที่ฮิตกันเหมือนใน เมืองท่องเที่ยวบ้านเรา ผมเดินเล่นอยูไ่ ม่นานก็เบื่อ เพราะ ของขาย สิ นค้าไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่ ส่วนใหญ่จะเป็ นของที่ได้เห็นมาแล้วตาม เมืองท่องเทีย่ วทางภาคอีสานกับภาคเหนือ ของเมืองไทยทีน่ ำข้ามมาขายแล้วบวกกำไร นิดหน่อย ...ก็เมืองลาวไม่ใช่ประเทศผูผ้ ลิต สินค้าหลายชนิดก็เลยคุน้ ตาเพราะข้ามมา จากบ้านเรา เพราะฉะนั้นตอนอยูเ่ มืองไทย เคยซื้อเท่าไหร่ มาถึงที่นี่ตอ้ งบวกเพิ่ม เข้าไปอีกนิดนึง ค่าใช้จ่ายที่นี่จึงสูงกว่าที่ ไทย!!!...


เพราะเป็ นวันธรรมดาจำนวนแม่คา้ จะมีมากกว่านักท่องเที่ยวที่มีไม่มากนัก พอเดินครบรอบก็ตดั สิ นใจจะเดินออก แต่จากบรรยากาศที่ร้านค้าขายของกันอย่าง สงบๆ กลับได้ยนิ เสี ยงโหวกเหวกโวยวายตะโกนขายสิ นค้ากันแบบตลาดเมืองไทย มาจากอีกฟากหนึ่ง ดูจะเป็ นโซนที่ครึ กครื้ นที่สุดบนถนนในตอนนี้ ...อ๊ะนี่!!! ภาษา ไทย!... ผมก็เลยตัดสิ นใจเลี้ยวเข้าไปดู แผงค้าสี่ ถึงห้าแผงเล็กๆแยกตัวออกมาตั้งอยูต่ ่างหาก ...แม่คา้ ก็ขบั รถกันมาเอง จากจังหวัดน่าน... ของขายส่วนใหญ่จะเป็ นจำพวกขนม นำ้ พริ กและอาหารแห้ง ราคา ก็ไม่แพงพอๆกับที่ซ้ื อในไทย ซึ่งผมคิดว่าสามารถเป็ นเสบียงเก็บไว้ในยามฉุกเฉิ น ได้ดีเหมือนกัน ผมเลยอุดหนุดป้ าๆเขาไว้หลายอย่าง ...ถ้าพรุ่ งนี้ยงั คิดจะเดินทาง ก็หมดเวลาเที่ยวสำหรับวันนี้ลงแต่เพียงเท่านี้เถอะ เดี๋ยวจะไม่ตื่น!!!..

Laos Day3

...ตื่นสาย!!!... กว่าจะย้ายรถ ขนของ เตรี ยมตัวเรี ยบร้อยก็ปาเข้าไปแปดโมงเกือบเก้าโมง!!!... เส้นทางในวันนี้เท่าที่ดูในแผนที่น่าจะยากใช่เล่น เท่าที่เห็นเป็ นเส้นถนนที่วก วนจนน่าตกใจ พอสอบถามเจ้าถิ่นว่าสภาพเป็ นแบบไหน ...อ่อ! เส้นทางนี้...ก็ตอ้ ง ขึ้นเขาไปลูกเดียว!... เอาหล่ะสิ สรุ ปว่าวันนี้ข้ ึนเขาทั้งวัน แล้วฉันจะไหวมัย๊ เนี่ย!!! ถึงจะออกตัวสายแต่ผมก็ยงั มีโอกาสผ่อนคลายได้เล็กน้อย เพราะระยะทาง ช่วงยีส่ ิ บกิโลฯแรกยังคงเป็ นทางราบและเนินเล็กๆซะเป็ นส่ วนใหญ่ จึงตั้งใจจะค่อย ไปหาข้าวเช้ากินแถวนั้น ...กินก่อนออกแรงปั่นจริ ง...



เขา...เราขึน้ มาทำอะไรบนนี้

ดูเหมือนการขึ้นเขาครั้งนี้ไม่รู้จะ สิ้นสุดลงเมื่อไหร่ ไม่รู้วา่ ตอนนี้ข้ นึ มาสูง ขนาดไหน ...และไม่รู้วา่ ลำบากขนาดนี้ จะขึ้นมาทำไม... เส้นทางวันนี้ที่จริ งก็ไม่ได้ยาก ลำบากอะไรกว่าทีเ่ คยผ่านมาเลย ถนนนั้น ก็เรี ยบดี ความชันนั้นก็ไม่ได้มีมากกว่าที่ เคยผ่านๆมาเท่าไหร่ ในช่วงแรกก็ค่อยๆ ขึ้นมาได้อย่างสบายๆ ด้วยวิธีการหมุนขา อย่างทีค่ นุ ้ เคย ขึ้นมาด้วยความมันส์ ความ สนุก และความมัน่ ใจว่ายังไงก็ไหว ...ขึ้น ไป...ขึ้นไป...และขึ้นไป... ยังคงขึ้นไปได้ เรื่ อยๆ ...สบายมาก... ผมค่อยๆหมุนขาตามทางขึ้นไป เรื่ อยๆโดยลืมสังเกตไปว่าข้างๆมีแต่ป่า และป่ า และป่ า จะหาบ้านคนให้เห็นสัก หลังนั้นแทบไม่มีอยูใ่ นความทรงจำ กว่า จะนึกได้กเ็ มือ่ ขึ้นมาเจอร้านค้า เหมือนได้ ขึ้นมาเจอ“โอเอซีส”กลางป่ า หลังจากขึ้น มาแล้วยีส่ ิบห้ากิโลเมตร จึงรูต้ วั ว่าถึงเวลา จะต้องปฎิสมั พันธ์พดู คุยกับใครสักคน เลย ต้องถือโอกาสแวะพักขา หาผูค้ นพูดคุย


ก่อนที่จะต้องเดินทางต่อไปในทางที่ดวู า่ จะยังคงขึ้นต่อไปในป่ าอีกนาน อย่างที่คิดไว้จริ งๆ ผมยังคงต้องปั่นขึ้นเขากลางป่ าอยูอ่ ีกพักใหญ่ จนในที่สุดก็ มีทางลงมาให้ช้ืนใจ ...แต่ขอบอกเลยว่ามันช่างสั้นเกินไป เทียบไม่ได้เลยกับทางที่ข้ นึ มา... ได้ลงเขาไม่ถึงอึดใจก็ตอ้ งกลับขึ้นไป ...และจะต้องขึ้นไปอีกจนจบวัน!!!... ผมยังคงตั้งหน้าตั้งตาวนขา วนขา วนขาขึ้นเขาไปเรื่ อยๆตั้งแต่เช้า จนสาย จน เที่ยง จนบ่าย จนนี่กค็ อ่ นข้างจะเย็นอยูแ่ ล้วก็ยงั คงขึ้นต่อไปไม่รู้วา่ มันจะสิ้นสุดที่ตรง ไหน แต่การขึ้นรอบนี้จะดีกว่าช่วงเช้าตรงทีย่ งั มีหมูบ่ า้ นเล็กๆให้ได้พบเห็นอยูบ่ อ่ ยครั้ง และด้วยการที่ผา่ นเข้าหมู่บา้ นในเวลาเย็น มันเป็ นเวลาที่ทุกหมู่บา้ นค่อนข้างคึกคัก ทุกคนเสร็จจากกิจกรรมประจำวันกลับมาอยูบ่ า้ นหมดแล้ว อยูก่ นั เต็มหมูบ่ า้ นไปหมด และก็เป็ นเวลาเดียวกับที่ผมได้ใช้เรี่ ยวแรงไปกับวันนี้แทบจะหมด ร่ างกายก็แทบจะ ไม่อยากเคลื่อนไหว ขาก็แทบไม่มีแรงกดบันได ถึงอยากจะหยุดพักแต่กท็ ำไม่ได้ ...เคยไหม?!? เวลาทำอะไรแล้วมีคนมายืนคอยให้กำลังใจอยูข่ า้ งๆ มันก็รู้สึกดี หล่ะนะ แต่รู้มย๊ั ว่ามันกดดัน!!!... ในขณะที่ทุกคนในหมู่บา้ นมีกิจกรรมที่ตอ้ งทำให้ เสร็ จก่อนจะค่ำ ไม่วา่ จะหุงหาอาหาร เก็บข้าวของ อาบนำ้ อาบท่า ซึ่ งทุกคนที่ได้เห็น ว่ามีผมขี่รถผ่านมา ก็จะพยายามส่ งสายตา ยิม้ ให้และโบกไม้โบกมือ แถมยังมีเด็ก ชาวบ้านตัวเล็กตัวน้อย วิง่ มามาคอยดักหน้าดักหลังให้กำลังใจ ยืนเชียร์และทักทาย ...สะบายดี! สะบายดี!... เท่านั้นยังไม่พอ ยังขอตีมือ ...แค่ปั่นก็แทบจะไม่ไหวยังต้อง give me five ไปตลอดทาง มันไม่สบายดีเลยจริ งๆ!!!...


กว่าจะหลุดหมูบ่ า้ นสุดท้ายมาได้กเ็ ป็ นเวลาใกล้จะคำ่ เต็มที ขณะนี้ร่างกายก็แทบ จะเกินขีดจำกัด ขาสองข้างก็โดนตะคริ วเล่นงานครบทั้งบน ทั้งล่าง ทั้งหน้า ทั้งหลัง เต็มพิกดั ...แถมใจก็เริ่ มจะท้อลงทุกที!!!... แต่ผมก็ยงั ฝื นทน วนขาขึ้นเขาไปเรื่ อยๆ เหนื่อยก็พกั ........พัก.....พัก...พัก..พัก.พักบ่อยครั้งเข้าทุกที! บทเรี ยนจากการขึ้นเขาทีเ่ คยผ่านมา ผมว่ามันก็ไม่ได้หนักหนาน้อยกว่านี้เท่าไหร่ และทุกครั้งก็ยงั ผ่านมาได้อย่างสบายๆ แต่ครั้งนี้ไม่รู้วา่ ทำไม...ทำไม...ทำไมน๊าาา... ในตอนแรกที่รู้สึกหมดเรี่ ยวหมดแรงนั้นก็คงเพราะระยะทาง เพราะยังไม่เคยขึ้นเขา ด้วยระยะทางทีไ่ กลขนาดนี้มาก่อน ...แต่ผมว่าจริ งๆแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นซะทีเดียว... มันมีอีกสิ่ งหนึ่งที่ต่างออกไป สิ่ งที่ขาดไปทำให้มีอีกสิ่ งหนึ่งที่ไม่ได้ทำและทำไม่ได้ เหมือนทุกที คือการมี“เพือ่ นร่วมทาง”ที่จะปฏิสมั พันธ์ ช่วยผ่อนคลาย พูดคุย พูดเล่น และเป็ นกำลังใจให้กนั พากันไปให้ถึงจุดหมาย การไม่มีมนั จึงเป็ นปั ญหาใหญ่ที่บนั่ ทอนกำลังกายและตัดกำลังใจได้เป็ นอย่างดี!!! ไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดปั ญหาอย่างนี้ ปัญหาจากการ...การขี่คนเดียว!... มืดแล้ว...อากาศเย็นลงถึงขั้นหนาวแทบจะในทันที... ถึงเส้นทางตอนนี้จะชัน น้อยลงถึงขั้นเหลือแค่เนินซึมๆถึงแทบจะไม่ตอ้ งไต่ข้ นึ อีกเท่าไหร่ แต่แรงของผมตอน นี้บอกได้เลยว่าแทบจะไปไม่ไหว แถมใจก็ชกั จะไม่สซู้ ะแล้ว สักห้าถึงสิ บนาทีจะมีรถ ผ่านมาสักคัน ถึงตอนนั้นใจนึงก็อยากจะโบกขอติดรถขึ้นไป ...แล้วนีผ่ มขึน้ มาทำ อะไรบนนี!้ จะมาทรมานตัวเองอยู่อย่างนีไ้ ปทำไม!! ถ้าโบกรถไปแล้วใครจะรู้ถ้าผม ไม่บอก!!!.....ก็ตวั ..เองนัน่ ไง รู้ดกี ว่าใครเลย!!!!!...


กิว่ กะจำ

ถึงแผนการทีแรกของผมจะวางจุดหมายไว้อยูห่ ่างไปอีกเมืองนึงข้างหน้า แต่ใน เวลานี้กบั สภาพร่ างกายแบบนี้ แค่จะไปให้ถึงเมืองข้างหน้านี้กย็ งั จะยากเลย ...ผมยัง ต้องฟันฝ่ าทั้งภูเขา ตะคริ ว ความมืด ความเหนื่อย ความเมื่อย ความท้อ ความเหงา ความหนาวและความหิ วต่อไป... แต่มนั อาจจะไม่มากเท่าไหร่ แล้ว แสงไฟที่เห็นอยู่ ลิบๆข้างหน้าทำให้เริ่ มมีความหวัง และความหวังมันทำให้รถเร็ วขึ้นได้อย่างไม่น่า เชื่อ แต่!!! ก็ตอ้ งผิดหวังเมื่อไปถึง ...ปู่ นนนน ไปข้างหน้าอีกหลักนึงงง!!!... ...สองทุม่ พอดิบพอดีท่ไี ด้มาถึงที่พกั ... ที่พกั ที่กว่าจะมาถึงได้ช่างยากเย็น “กิ่วกะจำ” เป็ นเมืองเล็กมากๆที่มีที่พกั ไว้บริ การนักท่องเที่ยวแค่สองแห่ง ซึ่ ง ราคาและหน้าตาของห้องผมก็ไม่รู้วา่ ต่างกันตรงไหน เพราะพอเข้าเมืองมาเจอที่นี่ ก่อนผมก็แวะทันทีเลย ...ก็มนั ทั้งเหนื่อยและหนาวจนสัน่ ไปทั้งตัวแล้วหนิ!... ที่พกั วันนี้มีปัญหากับผมนิดหน่อย สำหรับตัวห้องพักไม่ค่อยนั้นก็พอได้ แต่ ที่แย่หน่อยก็คือห้องน้ำรวมที่ไม่มีน้ำอุ่นทั้งๆที่อากาศโครตหนาว และที่ไม่ไหวก็คือ โถส้วมแบบนัง่ ยองทั้งๆที่อาการตะคริ วยังไม่หายดี


Laos Day4

เพราะที่พกั มีพร้อมทั้งร้านอาหารและร้านค้า จึงไม่ตอ้ งเสี ยเวลาไปหาที่อื่น ทุกอย่างเลยพร้อมตั้งแต่เช้าตรู่ ทั้งของ ทั้งรถ ทั้งอาหารเช้าและเสบียง รวมทั้งสภาพ ร่างกายก็พร้อมกลับมาลุยต่อ ยิง่ พอได้รบั คำบอกเล่ามาว่าทางทีผ่ มจะไปวันนี้ส่วนใหญ่ เป็ นทางลง...ยิง่ ทำให้มีกำลังใจมากขึ้น...



สไลเดอร์ !!!

หลังจากออกเดินทางมาได้แค่ประมาณชัว่ โมง กว่าๆ จากช่วงแรกที่ยงั ขึ้นตลอดมา ...ก็ถึงเวลาได้ลง เขากับเขาสักที... และด้วยความรวดเร็ว ...ใช้เวลาลงมาไม่ถงึ นาที!!!...จากที่ตอนแรกลงเขามาปกติ อยูด่ ีๆรถก็ส่าย โดยไม่รูส้ าเหต ...ความผิดปกติมนั เกิดมาจากทางด้าน หลัง!... และเพราะเป็ นทางลงอย่างต่อเนื่อง จะให้ เบรกรถเพื่อลงไปดูอาการก็แทบจะเป็ นไปไม่ได้ และหลังจากนั้นเมื่อผ่านอีกไม่กี่โค้งต่อมา...!!!... ...จักรยานก็ไถลลงไปจอดนอนนิ่งสนิทอยู่ กลางถนน!!!... ...ตัวผมกลิ้งออกมาหยุดอยูต่ รงข้างทาง!... ...แล้วเหตุการณ์ทุกอย่างก็สงบลง.......... .......... ....... ... . ...เลือดกระจาย!!!...


ถือเป็ นความโชคดีที่วนั นี้ไม่ค่อยซ่าส์เท่าไหร่ อาจจะเพราะเป็ น โค้งระยะสั้นจึงทำให้ลงมาด้วยความเร็ วที่นอ้ ยกว่าที่เคย เลยไม่ค่อย เป็ นอะไรกันเท่าไหร่ ! รี บเช็คตัวเองดูก่อน สภาพร่ างกายยังครบสามสิ บสอง มีหมูแดง เลือดซึมกันในจุดปกติ ข้อศอก หัวเข่าและมือ ถือว่าไม่หนักหนากับการ ที่ได้ไถลลงเขามา จะดูมีปัญหาก็ตรง...จุดอ่อน...เดิมๆ ...ข้อมือขวาส้น อีกแล้ว!!!... ส่วนรถแทบไม่เป็ นอะไรเท่าไหร่ นอกจากโซ่หลุดแล้ว นอกนั้น กระเป๋ าหลังกับผ้าพันแฮนด์รับเอาไว้หมด แต่กไ็ ม่ได้เสียหาย ...กระเป๋ า ของเขาทนทานใช้ได้จริ งๆ... และ...ไอ้กระเป๋ านี่เองคือจุดอ่อนในครั้ง นี้!!!... พอผมยกรถขึ้นมา ก็สนั นิฐานความน่าจะเป็ นไปได้แทบจะในทัน ที จากสภาพที่กระเป๋ าหลังด้านซ้ายห้อยต่องแต่งอยูข่ า้ งรถ!!! ที่เป็ นเช่น นั้นมันน่าจะเกิดจากความสับเพร่ าของตัวผมเอง!!! .....เมื่อเช้าตอนเพคกระเป๋ าติดกับรถคงจะรี บร้อนไปหน่อย เลย ไม่ได้ตรวจดูความเรี ยบร้อย ตอนขึ้นเขามันก็ไม่เท่าไหร่ แต่พอลงเขา ทั้งความเร็ วของรถประกอบกับแรงเหวีย่ งตอนเข้าโค้ง ทำให้กระเป๋ า ที่ใส่ ไว้ไม่ดีหลุดออกจากล็อก น้ำหนักสองข้างจึงไม่สมดุลย์ รถก็เลย เสี ยศูนย์ เหวีย่ งไปเหวีย่ งมาไม่กี่ครั้งก็เลยทำให้รถคว่ำ!..... มันต้องเป็ น อย่างนี้แน่ๆ!!! ผมเสี ยเวลาไปอีกเป็ นครึ่ งชัว่ โมงไปกับการค่อยๆทำแผล ค่อยๆ เก็บของที่กระจัดกระจาย และยืนทำใจอยูพ่ กั ใหญ่กว่าจะกล้าขี่ลงมา อีกครั้ง...



ข้างทาง

แทนที่จะเป็ นวันสบายๆกับการลงเขา แต่พอเจ็บตัวก็เลยไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ ไหนจะกล้าๆกลัวๆจากเหตุที่เพิ่งประสบมา ไหนจะต้องทนเจ็บทั้งที่แผลและข้อมือ ซึ่งก็ถือเป็ นเรื่ องหนักหนาอยู่ ...ยังไม่วาย แถมการเสี่ ยงตายจากการถ่ายรู ป...ไปด้วย อีกอย่าง ช่างเป็ นอีกวันนึงที่น่าจดจำจริ งๆ ปกติตอนที่ขร่ี ถลงเขาเราจะต้องระมัดระวังตัวเป็ นพิเศษ ทั้งอุปสรรคที่บางทีจะ โผล่มากลางถนนอย่างไม่คาดคิด ทั้งความเร็วของรถที่มากเกินปกติ อาจก่อให้เกิด อันตรายขึ้นได้ตลอดเวลา และการลงเขายาวๆที่ววิ ข้างทางค่อนข้างน่าสนใจนี่กถ็ ือ เป็ นปัญหา เพราะความที่อยากถ่ายรู ปแต่จะให้ยกกล้องขึ้นมาถ่ายขณะขี่รถเหมือน ตอนปกติมนั ก็อนั ตรายไป ถ้าอยากได้รูปวิธีเดียวที่ทำได้กค็ ือ...การหยุดรถ!!!... ผมผ่านวิวข้างทางที่สวยงามมามากมายหลายจุด ทั้งๆที่ใจอยากจะหยุดถ่ายรู ป


แต่กจ็ นใจไม่รู้จะจอดรถยังไง จนกระทัง่ ...ได้เห็นภาพข้างหน้า...คิดเลยว่า...ยังไงก็ จะต้องหยุดถ่ายภาพตรงนี้...แล้ว...ยังงัย???...แล้วมันจะหยุดยังงัย!?!?!... เวลาคิดมี ไม่มากเท่าไหร่ ...ทำเท่าที่ทำได้แล้วกัลลล!!!... ...อ่อ! เวลารถที่ใช้ความเร็ วมากๆห้ามกำเบรกเด็ดขาด ยิง่ ถ้าใครตั้งเบรกไว้ดี มากๆนั้นหล่ะปัญหา การเบรกโดดฉับพลันขณะรถทำความเร็ว ผลมีอย่างเดียวเท่านั้น ...กลิ้ง!!!คับผม... ต้องค่อยชะลอรถด้วยการกำๆปล่อยๆเบรกถี่ๆเป็ นวิธีที่ดีที่สุด... ผมค่อยๆชะลอรถ...ชะลอรถ...ชะลอรถ ถึงความเร็ วจะลดลงแต่กไ็ ม่ได้มีทีท่า ที่สามารถหยุดรถลงได้เลย เพราะแรงโน้มถ่วงยังคงมีอยูม่ าก ...เบรก...ไม่อยยยู!้ ... ความเร็ วมากเกินไป!!! แค่ปกติรถเปล่าลงเขาก็มีความเร็ วมากอยูแ่ ล้ว นี่รวมน้ำหนัก กระเป๋ าและสัมภาระเข้าไป แรงโน้มถ่วงยิง่ ช่วยเพิม่ ความเร็วเข้าไปอีก แต่ถา้ ต้องการ จะทำให้จงได้กต็ อ้ งมีกรรมวิธีกนั นิดหน่อย


...ถึงเวลาจำเป็ นต้องหาตัวช่วย!... พงหญ้าข้างทางนี่แหละช่วยได้ ...ระหว่าง ค่อยๆชะลอรถให้มองออกไปไกลๆ เล็งหาพงหญ้าที่มีขนาดยาวไม่ตอ้ งใหญ่ เพื่อให้ มีระยะจอด พอได้ระยะก็พงุ่ เข้าไปอย่าให้ลึก พยายามให้ขนานไปกับถนน ความ หยาบของหญ้าจะช่วยลดความเร็ วของรถได้อีกส่ วนหนึ่ง ช่วงนี้กถ็ ึงเวลากำเบรก อีกครั้ง รถก็จะหยุดพอดี... ...ที่จริ งวิธีน้ ีมนั ค่อนข้างอันตรายเพราะเราไม่สามรถรู้ได้เลยว่าเราจะเข้าไปเจอ อะไรบ้างข้างในพงหญ้า ฉะนั้นถ้าไม่จำเป็ นจริ งๆอย่าได้เอาไปใช้เด็ดขาด!...

ท้ าทาย ทักทาย

ชักจะกลับมาชินกับการลงเขาอีกครั้งเมื่อวันนี้ท้ งั วันส่ วนใหญ่อยูก่ บั การลง จริ งๆอย่างที่เขาบอกมา ถึงจะมีข้ ึนอยูบ่ า้ งแต่กม็ ีลงซะมากกว่าจนคิดว่า วันนี้คงจบ วันกันแบบง่ายๆสบายมาก ...แต่มนั ก็ไม่เป็ นเช่นนั้นซะทีเดียว... ...มันช่างชัน ดูน่าจะชันกว่าตอนขึ้นไปซื้อซิมโทรศัพท์ น่าจะชันที่สุดแล้วนะ ตั้งแต่เคยเจอมา... ผมยืนคอตั้งมองตามทางที่จะต้องขึ้นไปลิบๆๆ...ๆ... ตาปริ บๆ... ทำใจอยู!่ ... ทั้งๆที่เมื่อกี้เห็นมาแต่ไกล แต่กไ็ ม่ได้นึกว่าจะชันได้ถงึ ขนาดนี้ ถ้าจะถาม ว่าชันขนาดไหนหล่ะก็...ถ้าเอาตัวผมเองเป็ นแกนที่ต้ งั ฉากกับพื้นโลก จักรยานก็น่า จะเงยหน้าไปที่สิบนาฬิกา...ประมาณนั้น! กลั้นใจ...อึ๊บบบ!... ฝื นแรงโน้มถ่วงของโลกขึ้นมาเกือบครึ่ งกิโลฯ ...ครึ่ งกิโลฯ ที่แสนโหดร้าย... ถึงได้พน้ ความชันขึ้นมาได้ กว่าจะพ้นขึ้นมาได้กเ็ หนื่อยแทบขาดใจ ดันมาเจอหมู่บา้ นนิสยั ดี เฟรนด์รี่มี ความเป็ นมิตรกันดีเหลือเกิน เห็นหน้าก็น่าจะรู ้วา่ จะไม่ไหว ถามกันอยูไ่ ด้ ...สะบายดี สะบายดี สะบายดี!...


...อยูด่ ีๆก็เคยกลายเป็ นจุดสนใจ เหมือนมีไฟสปอร์ตไลท์ส่องตาม ผูค้ นที่พบ เห็นต่างชื่นชม... อารมณ์จะคล้ายๆเมื่อเย็นวาน แต่หมูบ่ า้ นนี้จะเยอะกว่า ทุกบ้าน ทุก คน จะหันมาสนใจพร้อมโบกมือทักทายว่า ...“สะบายดี!”... ซึ่ งผมก็ตอ้ งจำใจตอบ กลับไปว่า...สะบายดี...ทุกบ้านไป ทั้งๆที่ไม่สบายดีเลยสักนิด! ช่างเป็ นหมู่บา้ นที่อธั ยาศรัยดีที่สุดเท่าที่เคยเจอ เหมือนจะเป็ นการสอนกันมา ให้ตอ้ นรับนักท่องเที่ยว พ่อแม่ทกั มายังไม่พอยังสะกิดให้ลกู ๆ เด็กๆที่เล่นอยูใ่ กล้ๆก็ จะหยุดหันมาทักทาย มีท้ งั ดักหน้าทั้งวิง่ ไล่ให้วนุ่ วายไปหมด ...ส่ วนผมเองแรงก็จะ หมดเต็มที พอมาเจออย่างนี้เข้า ก็เลยต้องอดทนทำหน้าตาร่าเริ งเข้าไว้... ไม่สบายดี!

กาสี

สุ ดท้าย...ผมตัดสิ นใจหยุดรถเพื่อเข้าที่พกั ก่อนจะถึงเมืองสามกิโลฯ ทั้งๆที่ ยังมีเวลาเหลือเฟื อ ถึงวันนี้ร่างกายจะไม่เหนื่อยล้าเท่าไหร่ แต่ยงั ไงก็ยงั ได้รับความบอบช้ำจาก อุบตั ิเหตุเมื่อตอนเช้า ...ชักจะรู ้สึกร้าวๆที่ขอ้ มือ ดื้อไปเดี๋ยวพรุ่ งนี้จะไม่ไหว... แถม พรุ่ งนี้จุดหมายระยะทางไม่ไกลเท่าไหร่ วันนี้จึงไม่จำเป็ นต้องไปต่อ พอหลุดจากหมู่บา้ นที่แล้ว ก็ข้ ึนเขาต่อมาอีกไม่กี่โลฯ พอลงปั๊ บก็มาโผล่ตรงนี้ ปุ๊ บพอดีเลย ...ช่วงนี้ดเู หมือนจะเป็ นที่ราบยาวๆหลายสิบกิโลฯที่แรกที่ได้เจอ บรรยากาศเป็ นไร่ นาโล่งๆสุ ดลูกหูลกู ตา... บังเอิญเจอร้านค้าที่มีที่พกั ดูเวลาแล้วคิดว่าที่นี่ หล่ะน่าจะเหมาะ เพราะไม่อยากจะไปพักบรรยากาศในเมือง ซึ่ งไม่รู้วา่ จะเจอ บรรยากาศอย่างไร ที่พกั วันนี้ถกู สุ ดๆ ห้าหมื่นกีบหรื อสองร้อยบาท กับทีวแี ละห้องน้ำในตัว แต่ ก็อีกนัน่ แหละ...ไม่มีนำ้ อุ่นและไม่มีชกั โครก... แต่กช็ ่างมันเถอะ พักผ่อน...พักผ่อน อย่าคิดมาก เก็บแรงไว้พรุ่ งนี้จะดีกว่า


Laos Day5

...หมอก... ผมออกเดินทางแต่เช้าฝ่ าสายหมอกมาพร้อม กับแก๊งค์จกั รยานกลุม่ ใหญ่ ...แก๊งค์แฟนฉัน... เนื่องจากเป็ นนอกเมือง ในตอนเช้าเด็กๆจึงต้องเดินทางเข้าไปเรี ยนในเมือง ซึ่งโรงเรี ยนอยูห่ ่างไปอีกร่ วมสองกิโลฯ รถประจำทางมีหรื อเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ แต่ เท่าที่เห็นพาหนะส่ วนใหญ่นิยมใช้กนั คือ...จักรยาน...

พวกเด็กคงมองผมด้วยความแปลกตา...ว่าไอ้ผใู้ หญ่บา้ คนนี้อยูด่ ๆี จะมาขีจ่ กั รยาน ร่ วมกับพวกเขาอยูท่ ำไม... ขี่กนั ไปก็มองกันไป มีท้ งั ทักทายและยิม้ ให้กนั เด็กซ่าส์ บางคนก็มาท้าแข่งกัน ผมก็เลยรู ้สึกเพลิดเพลินสนุกไปด้วย ปั่นไปเล่นไปกับเด็กจน ส่ งพวกเขาเข้าโรงเรี ยน

เขาลูกเดียว

หลังจากอาหารมื้อเช้าในเมือง ก็ถึงเวลาออกเดินทางจริ งซะที วันนี้ค่อนข้าง สบายๆไม่ตอ้ งรี บร้อน เพราะจุดหมายวันนี้ต้ งั เอาไว้ไม่ไกล แค่มีภเู ขาใหญ่ๆลูกเดียว ข้างหน้ากั้นเอาไว้



ปั ญหาใหญ่ของวันนี้จึงไม่ได้เกี่ยวกับระยะทาง แต่กลายเป็ นเส้นทาง บ่อ หลุม ทั้งเล็กจนถึงใหญ่มากๆมีขวางถนนเต็มไปหมด ชนิดถ้าเกิดพลาดร่ วงลงไป อาจจะ สร้างปั ญหาใหญ่กบั ล้อและยางได้ แม้ขณะตอนขึ้นเขาแล้วถนนก็ยงั คงไม่ดีข้ ึน จาก ระยะทางทีไ่ ม่ไกลเท่าไหร่น่าจะทำเวลาได้ดี กลายเป็ นช่วงที่ทำความช้ากว่าปกติ ขึ้นเขามาจนสุ ดทาง จากตรงนี้ต่อไปจะเป็ นทางลงกันอีกแล้ว ผมก็ตอ้ งหยุด เช็ครถอีกครั้ง เมื่อตลอดทางที่วง่ิ มาตั้งแต่เช้า ...กดเบรคแล้วมีเสี ยงแปลกๆ... แต่ท่เี พิง่ มาสนใจเพราะเห็นว่าที่ผา่ นมาเป็ นทางขึ้นจึงยังไม่จำเป็ นเท่าไหร่ แต่เมื่อถึงทางที่จะ ต้องลงคงต้องเช็คดูกนั หน่อย...เพื่อความปลอดภัย... แล้วสิ่ งที่ผมคิดก็เป็ นจริ งดังคาด เสี ยงเบรกที่เสี ยดแทงแสบแก้วหูประหลาดๆ นั้นมันเกิดมาจาก ...ผ้าเบรกหมด... หมดเกลี้ยงเกลา ราบเรี ยบ ไม่เหลือส่วนไหนที่จะ กดล้อได้เลย ...อารมณ์แหยงๆจากอุบตั ิเหตุการลงเขาเมื่อวาน จึงใช้เบรกบ่อยเกิน ความจำเป็ น... ยังดีที่นายช่างเตือนไว้ต้งั แต่กอ่ นออกเดินทาง ให้เตรี ยมผ้าเบรกสำรอง มาเผือ่ ไว้ เพราะถ้าไม่ได้เอามามีหวังว่าตอนลงคงต้องเข็นเป็ นแน่ ช่วงเขานี้ผมไม่ตอ้ งเหงาเหมือนทุกวัน คงเพราะมันใกล้จะถึงเมืองใหญ่ จึงได้ เจอเพื่อนร่ วมทางเป็ นจักรยานหลายกลุ่มสวนทางมาให้ได้ทกั ทายกัน โดยส่ วนใหญ่ จะเป็ นนักปั่นทัวริ่ งชาวฝรั่งที่มีมาทั้งเป็ นคูแ่ ละทั้งปั่นเดี่ยว แถมยังมีนกั ท่องเที่ยวที่เช่า จักรยานกันมาเป็ นกลุม่ ๆก็ไม่นอ้ ย มีขส่ี วนกันมาให้เห็นตลอดทาง

นัก...เดิน...ทาง

ยิง่ ใกล้เมืองเท่าไหร่ ตัวผมได้มีโอกาสทักทายนักท่องเที่ยวชาวจักรยานด้วย กันมากขึ้น ซึ่งจะเป็ นฝรัง่ และส่วนใหญ่กจ็ ะสวนทางไป จึงได้แต่เซย์...Hello...ทักทาย แล้วก็จากกัน ...ก็ดีเหมือนกัน เพราะถ้าจะให้ลงไปคุยเป็ นเรื่ องเป็ นราวก็ไม่รู้เรื่ องกัน เปล่าๆ ก็ภาษาอังกฤษของผมนั้นเล่า ช่างเก่งเสี ยเหลือเกิน!!!... ดับเบิ้ลงูดบั เบิ้ลปลา กันเลยทีเดียว!!!


แต่กอ่ นเข้าเมืองประมาณสามกิโลฯ ผมมองเห็นนักท่องเที่ยวสองคนกำลังเดิน ลากรถขนกระเป๋ าที่ติดธงอยูห่ ลายประเทศแต่ไกล ดูน่าสนใจเลยตัดสิ นใจเข้าไป ทักทาย เพียงเพราะเขาทั้งคู่น้ นั เป็ น“นัก...เดิน...ทาง” ...ฟิ ลลิปส์ชายชาวฝรั่งเศสกับภรรยาชาวฟิ ลิปปิ นส์ ที่กำลัง...เดิน...ลากรถขน กระเป๋ ากันไป ไม่แน่ใจว่าจะเรี ยกว่าอะไรเหมือนกัน ...เริ่ มเดินทางมาไกลจากยูนาน เพื่อจะไปจบทริ ปที่กมั พูชา!!!...

ผมนี่อ้ งึ !ไปเลย เพราะความตั้งใจของผมมันดูเด็กไปเลย! เรายืนคุยกันอยูส่ กั พัก ก็ลาจาก แยกย้ายไปทำภารกิจของใครของมัน ...ผมกำลังจะใช้เจ้าสองล้อของผมพา ไปให้ถึงจุดหมาย ส่ วนพวกเขาสองคนก็กำลังลากเจ้าสองล้อไปยังเป้ าหมาย... พอผมได้ออกมาจากกะลาแล้วถึงได้รู้วา่ ...โลกมันช่างกว้างใหญ่เกินกว่าที่เรา จะจำกัดคำว่าทีส่ ุดได้... ไม่ได้มใี ครยิง่ ใหญ่กว่าใคร ไม่ใช่เรื่องของใครจะน่าสนใจกว่า ใคร บอกไม่ได้วา่ วิธีการของใจเจ๋ งกว่าใคร ไม่สำคัญว่าเป้ าหมายจะสำเร็ จหรื อไม่ ...ทีส่ ำคัญคือคิดแล้ วได้ ทำก็พอ...


VANG VIENG


วังเวียง

ถึงแล้ว! นี่มนั ... นี่มนั ปายชัดๆ!... วังเวียงถือเป็ นเมืองท่องเทีย่ วยอดนิยมอันดับต้นๆทีม่ นี กั ท่องเทีย่ วตั้งใจมาเยือน มากที่สุดเมืองหนึ่งของลาว และเป็ นอีกเมืองหนึ่งที่ผมตั้งใจไว้ต้ งั แต่แรกเหมือนกัน ว่ายังไงก็ตอ้ งมาแวะพักที่สกั วัน ซึ่งในแผนเก่าผมน่าจะมาถึงนี่เย็นๆก็จะอยูเ่ พิ่มอีก เต็มๆวัน แต่ที่มาถึงนี่มนั เพิ่งเวลาเที่ยงกว่าๆเท่านั้น เลยว่าจะเที่ยววันนี้น่าจะพอ... จุดเด่นของวังเวียงคือมี...แม่นำ้ ซอง...ไหลผ่าน ซึ่ งตัวผมเองถ้ามีโอกาสก็อยาก ได้ทพ่ี กั ติดนำ้ มากกว่าอยูใ่ นเมือง เพราะฉะนั้นเรื่องแรกทีต่ อ้ งทำคือการหาทีซ่ กุ หัวนอน โชคดีที่ผมมีคู่มือเที่ยวลาวติดมาด้วย และนี่กเ็ ป็ นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ใช้ มันช่วยในการหาทีพ่ กั ซึ่งมันก็ทำหน้าทีไ่ ด้ดี ช่วยทีจ่ ะหาทีพ่ กั ในแบบทีต่ อ้ งการได้ไม่ ยากนัก ที่พกั ราคาเป็ นกันเองริ มแม่นำ้ อย่างที่ตอ้ งการ ...บานาน่า บังกะโล...ที่พกั สไตล์กระต๊อบเล็กๆอย่างที่ผมคุน้ เคย แถมด้วยมีกาแฟและ WIFI บริ การให้ฟรี แค่น้ ี ก็ดีที่สุดแล้ว ตรงหน้าที่พกั มีบาร์เล็กๆ พร้อมแคร่ ที่ต้ งั เรี ยงรายอยูใ่ นนำ้ นัน่ กลายเป็ นเป้ า หมายใหม่ต้ งั แต่แรกเห็น ส่ วนเรื่ องเที่ยวนี่กลายเป็ นเรื่ องรองไป ยิง่ หลังจากผมลองเช็คดูขอ้ มูลท่องเที่ยว ...เดินป่ า ปี นเขา ล่องห่วงยาง... ผม จึงตัดทิ้งทั้งหมด อดเที่ยว...ก็จะให้ไปคนเดียว ไม่มีเพื่อนไปด้วยแล้วมันจะสนุก ตรงไหน... เปลี่ยนไปเป็ นพักขา นอนเล่น จิบเบียร์ ริ มนำ้ สบายๆน่าจะดีที่สุด บ่ายนี้ กิจกรรมพิเศษคือ ...นอนและนอน!!!... ...Feel Good!!!...........




Laos Day6

กว่าจะได้ออกเดินทางก็เสี ยเวลาไปกับการเรื่ อยเปื่ อยถ่ายรู ปอยูน่ าน ...ก็ใจนั้น ยังไม่อยากจากไปเลย...จริ งๆ ผมยังคงดื้อยื้อให้ถึงที่สุด แม้จะออกมาแล้ว แต่ผมดันพกความขี้เกียจออกมา ด้วย ยังคงแวะดูนู่นดูนี่อยูอ่ ีกพักนึง จนกระทัง่ ...

ภารกิจ!!!

และในทีส่ ุดความคึกคักก็กลับมา เมือ่ ผมออกจากวัดแล้วมาเจอ ...เพือ่ นร่วมทาง... ผมมองเห็นนักจักรยานทัวริ่งฝรัง่ กำลังปั่นเดีย่ วไปในทิศทางเดียวกับทีผ่ มจะไป ในระยะไกลๆ ในใจก็เลยนึกสนุกขึ้นมา ...MISSION! ไล่ล่าฝรั่ง... น่าจะเป็ นเกมส์ เพื่อช่วยให้ขยันปั่ นได้มากขึ้น แต่มนั กลับกลายเป็ นสิ่ งที่ยากกว่าที่คิด เพราะฝรั่งดันเรื่ อยเปื่ อยกว่าซะอีก เลย ตามทันง่ายจนเกินไป ต้องมีการปรับวิธีกนั หน่อย ผมจึงใช้วธิ ีจอดพักบ่อยๆและขีใ่ ห้ ช้าลง เนื่องจากยังไม่อยากให้ภารกิจนี้จบลงโดยเร็ว ...แต่กใ็ ช้เวลาไม่ถงึ ชัว่ โมง ภารกิจ นี้กจ็ บลงอย่างรวดเร็วเมื่อถึงทางขึ้นเขา เขาก็ยง่ิ ปั่นช้าเข้าไปใหญ่ ผมก็เลยทนไม่ไหว ไล่ข้ ึนไปไม่นานก็ทนั กันบนเขาพอดี ...เขาชื่อสเตฟาน เป็ นชาวอิสราเอล จุดหมายคือเวียงจันทน์... ผมว่าไหนไหนก็ไหนไหน...ก็ป่นั มันไปด้วยกันนี่หล่ะ อย่างน้อยก็จะได้มเี พือ่ น จะได้ไม่ตอ้ งปั่ นเหงาๆอยูค่ นเดียว แต่กเ็ ป็ นช่วงเวลาแค่ส้ นั ๆ เพราะความเร็ วของเรา นั้นมันต่างกันจนเกินไป ยิง่ ตอนขึ้นเขาแล้วยิง่ ไปกันใหญ่ ผมเลยขอตัวนำไปก่อน ...จากนั้น...เหมือนมิชชัน่ จะกลับมาอีกครั้ง



อย่างที่คิดไว้ วันนี้แทบทั้งวันจึงกลายเป็ นวันที่ปั่นสนุกที่สุดในลาว เนื่องจาก เหมือนมีเพื่อนปั่นถึงจะไม่ได้ไปด้วยกันตลอด ถ้าผมหยุดพักซักพักเขาก็จะแซงไป เมื่อผมตามไปซักพักก็จะแซงกลับ ผลัดกันนำผลัดกันตาม ผลัดกันตามผลัดกันนำ อยูพ่ กั ใหญ่ จนกระทัง่ ถึงเวลาพักกินข้าวกลางวัน ผมได้ซุม้ ขายของข้างทางเป็ นที่พกั กลางวัน นัง่ กินไปรอสเตฟานไปจนเกือบ จะเสร็จเขาถึงผ่านมา และผมก็ปล่อยให้เขานำไปข้างหน้าสักพักก่อนแล้วค่อยตามไป ...แต่นนั่ ดันเกือบจะเป็ นครั้งสุ ดท้ายที่ได้เจอกัน... เพราะหลังจากนั้น ผมพยายามขี่ ตามไปเท่าไหร่ กไ็ ม่ทนั ซะที เร่ งเท่าไหร่ เร่ งยังไงก็ไม่ทนั จนค่อนข้างแน่ใจว่าผมนั้น คงแซงเขามาอีกแล้ว ...แต่กไ็ ม่รู้วา่ เมื่อไหร่ เหมือนกัน...

โพนโฮง

เหมือนจะคำนวณผิดไปหน่อย เพราะดันเอาไปวัดกับมาตรฐานของทุกวัน หรื อ อาจจะเป็ นเพราะวันนี้จะปั่นสนุกเกินไป จึงมาถึงจุดหมายที่ต้ งั ใจเอาไว้วา่ จะใช้เป็ น ที่พกั ในคืนนี้เร็วกว่าที่ควรจะเป็ น มาถึงตั้งแต่ยงั ไม่บา่ ยสี่โมงเย็น เห็นว่าเวลายังเหลือ จึงขอหยุดพักซักหน่อยเพือ่ ตัดสินใจว่าจะเอางัย...เอางัย...จะเอาอย่างไรดี???... เดี๋ยว ค่อยตัดสิ นใจอีกที!!! ณ จุดนี้มรี ถบัสประจำทาง รถบัสเข้าเมืองเวียงจันทน์ซ่ งึ ห่างออกไปเจ็ดสิบกิโลฯ ขณะที่ผมยืนพักกินไอติมสบายใจอยูน่ ้ นั ก็มีสาวทัวริ่ งชาวออสเตรเลียเข้ามาทักทาย ที่สำคัญเธอปั่นมาคนเดียว และกำลังจะขนจักรยานขึ้นรถบัสเข้าเมืองไป...น่าเสียดาย เราเลยไม่ได้คุยกันมากเท่าไหร่ เพราะได้เวลารถจะออกพอดี ผมได้แต่ยนื มองตาม ปริ บๆ มองดูเด็กรถกำลังขนจักรยานขึ้นรถไป แล้วเธอก็โบกมือลาเดินจากขึ้นรถไป ในขณะที่ผมยังตัดสินใจอะไรไม่ได้อยูน่ ้ นั ...อยูด่ ีๆสเตฟานก็ขผ่ี า่ นมา โบกมือ ลาแล้วก็ขี่ผา่ นไป เฉยเลย!!!... รถบัสก็จะออกสาวเจ้าก็จากไป ...ทุกคนก็จากไป...



จากไป...ไปกันหมดทุกคน และทุกคนมุ่งไปสู่ ...“เวียงจันทน์”... ใครๆเขาก็ไปต่อ ซึ่งดูจากเวลาและระยะทางหล่ะก็...พอจะเป็ นไปได้ คงถึง เวลาต้องตัดสิ นใจว่า ...ไปก็ไป!!!...

ไทยแลนด์

เนื่องจากยังสนุกกับการปั่นอยู่ การตัดสิ นใจกลับไปเดินทางต่อจึงไม่ใช่เรื่ อง ยาก โดยผมเริ่ มจากการจะกลับเข้ามิชชัน่ ใหม่ ...กลับไปตามล่าหาสเตฟาน!... ผมตามหาสเตฟานอยูช่ วั่ โมงกว่าแต่ไม่มีทีท่าว่าจะเจอ ก็เลยเริ่ มที่จะถอดใจ ...คงเป็ นเหมือนนิทานกระต่ายกับเต่า ผมเองก็ดนั ชะล่าใจเกินไปหน่อย จึงได้แต่ยอม รับความพ่ายแพ้แต่โดยดี... เป็ นการจบภารกิจโดยที่ยงั ติดใจอยูจ่ นถึงทุกวันนี้ แต่ก็ ทำอะไรไม่ได้ซะแล้ว พอไม่ตอ้ งรี บอีกต่อไป เวลาก็เลยยังพอมีเหลือ แถมยังทำระยะมาได้ดีกว่าที่คิด ผมจึงตัดสิ นใจแวะพักอีกรอบใน...วัดข้างทาง... ตอนแรกคิดแค่วา่ จะแวะเข้าไปถ่าย รู ปเล่นเท่านั้น ...เดินถ่ายทางนูน้ ที...ทางนี้ที...ทางนั้นที...เพราะไม่มีใครสักคนจึงเดิน ไปเรื่ อยเปื่ อย เดินวนไปวนมาซักพักอยูด่ ีๆก็มีคนมาทักจากด้านหลัง ...โยมมม ไป ไงมาไง คนไทยหรื อเปล่า... ช่างบังเอิญจริ งๆ วัดมีเป็ นร้อยไม่เข้ามาเข้าวัดนี้ ดันเข้า มาพบกับ”พระไทย”...พระไทยที่จำพรรรษาอยูใ่ นวัดลาวมาแล้วร่ วมสิ บปี ... ผมกับท่านในตอนนั้นเหมือนคนที่พลัดพรากจากบ้านมา ถึงผมจะไม่นาน เท่าไหร่ แต่กท็ ำให้มีเรื่ องคุยกันมากมายหลายเรื่ อง ตั้งแต่เรื่ องในไทย เรื่ องลาว จนถึง เรื่ องธรรมะ เพราะว่าผมอาจจะไม่ได้พดู คุยกับใครอย่างจริ งจังมาเป็ นเวลาหลายวัน เราจึงยืนคุยกันอยูน่ าน คุยกันนานจนท่านต้องใช้ให้เด็กวัดไปเอาเก้าอี้มานัง่ คุย และ ก็นงั่ คุยกันต่อไปอีกนาาาน...เป็ นชัว่ โมง สุ ดท้ายกว่าผมจะได้ขอตัวลาท่านเพื่อที่จะ เดินทางต่อฟ้ าก็มืดพอดี พอดูเวลาถึงได้รู้วา่ ...ปาเข้าไปหกโมงครึ่ งเข้าให้แล้ว... ถึงจะมืดแล้วแต่ผมก็เดินทางสบายใจกว่าเก่า เพราะพระท่านเล่าว่า...ที่เมือง


ลาวนี้ไม่มีปัญหา เรื่ องปล้น ฆ่า ทำร้ายกันจนเป็ นคดีน้ นั ไม่มี คนที่น่ีไว้ใจได้ จะขีก่ ลางคำ่ กลางคืนดึกดื่นแค่ไหน ก็ไม่ตอ้ งกลัว... ก่อนถึงเวียงจันทน์ประมาณยีส่ ิ บกิโลฯ ผมก็ดนั หันไปเจอกับสิ่ งที่คุน้ ตา ทั้งสถานที่ ทั้งป้ าย ทั้งโลโก้ ที่ มองเห็นได้ตง้ ั แต่ระยะไกลๆบอกได้เลยว่า นีม่ นั คือดินแดน ไทย!... ที่เรี ยกว่า “ปั๊มปตท.เจ็ท” แค่เห็นก็ตอ้ งปรี่เข้าไป โดยไม่ตอ้ งคิดอะไรมากเลย ทั้งบรรยากาศ ทั้งดีไซด์ มัน ก็คือดินแดนที่เป็ นของไทยจริ งๆ โดยเฉพาะอย่างยิง่ ... มินิมาร์ท... นี่หล่ะที่คดิ ถึงมากที่สุด เพราะที่เมืองลาวนั้น ไม่ได้มีมากมายอย่างบ้านเรา ตั้งแต่มาก็เพิ่งจะเห็นที่นี่ เป็ นที่แรกนี่เอง

พักก่ อน

ก่อนถึงเวียงจันทน์ประมาณสิ บกิโลฯ อีกครั้งที่ ผมตัดสินใจเปลีย่ นแผนอย่างกระทันหัน เนื่องจากตอนนี้ เวลาก็ปาไปสองทุ่มเข้าให้แล้ว ...กว่าจะเข้าเมือง กว่าจะ หาพีพ่ กั กว่าจะได้พกั ผ่อน... ถ้าหาทีน่ อนแถวนี้แล้วตอน เช้าค่อยเข้าไปก็น่าไม่ตา่ งกัน แถมที่ซุกหัวแถวนี้กน็ ่าจะ ถูกกว่าเยอะ ...เคล็ดลับง่ายๆสำหรับผมเอง...คือ สิ่งทีผ่ มมองหา ไม่ใช่ป้ายที่พกั แต่เป็ นการหาร้านของกิน ได้อาหารเย็น ด้วยได้คำปรึ กษาจากเจ้าถิน่ ด้วยน่าจะเป็ นประโยชน์กว่า


NONGKHAI

VIENTIANE


Laos Day7

โปรแกรมวันนี้ท้ งั วันคือ...เที่ยวเวียงจันทน์...


เวียงจันทน์

สิ่ งแรกเลยที่บ่งบอกความเป็ นเมืองใหญ่ คือจำนวนบ้านเรื อนที่มากมายกว่าที่ เคยเป็ น และความกว้างขวางของถนนที่ใหญ่กว่าที่เคยเห็น ตั้งแต่เริ่ มเดินทางในลาวมา นอกจากตรงจุดผ่านแดนแล้ว ถนนจะเป็ นสองเลน แบบสวนทางมาตลอด ก็เพิ่งจะมีวนั นี้นี่แหละ ที่ยงิ่ เข้าใกล้เมืองเท่าไหร่ เลนถนนก็ เพิ่มขึ้นเรื่ อยๆ แถมมีเกาะกลางถนนเพิ่มขึ้นมาให้ดว้ ย ทำให้วนั นี้ขี่รถค่อนข้างสบาย กว่าทุกวัน พอเข้ามาถึงกลางเมืองก็ถึงเวลาหาที่เที่ยว แต่กย็ งั ไม่รู้จะไปที่ไหนดีบา้ ง ก็เลย ต้องไปหาทีต่ ้งั หลักสักที่ ...ประตูไซหรื อประตูชยั ...ทีม่ าถึงทีน่ ่แี ล้วยังไงก็ตอ้ งไป เป็ น สัญลักษณ์วา่ ได้เดินทางมาถึงเวียงจันทน์เป็ นแน่แท้ คงต้องขอไปตั้งหลักที่นนั่ ก่อน ก็แล้วกัน



...วางแผนเสร็ จก็ถึงเวลาออกเที่ยว... ส่ วนใหญ่ที่เที่ยวก็ยงั คงเป็ นวัดและพิพิธภัณฑ์เป็ นหลัก ซึ่งผมก็ไม่คอ่ ยได้เข้าไปเทีย่ วสักเท่าไหร่ เพราะไม่อยากทิง้ น้องจักรยาน ไว้คนเดียว แวะดูนู่นดูนี่ แวะถ่ายรู ปอย่างเดียวก็พอใจแล้ว ถึงจะเป็ นเมืองหลวงแต่กไ็ ม่ได้ใหญ่เท่าไหร่ ยิง่ มีจกั รยานอยูด่ ว้ ยยิง่ สบายเข้าไป ใหญ่ ขี่ไป หลงไป แวะเที่ยวไปด้วยไม่ถึงครึ่ งวันก็รอบเมือง แผนเก่าที่วา่ จะอยูท่ ี่นี่ อีกวันเป็ นอันพับไป ...ต้องงัดเอาแผนสองมาใช้ซะแล้วสิ !... ตอนแรกผมยังชัง่ ใจอยูร่ ะหว่างจะปั่นลงต่อไปเรื่ อยๆ กับการหาทางข้ามไป เริ่มต้นทีล่ าวใต้เลย ...ซึ่งผมเคยอ่านรี ววิ ว่าเคยมีคนเคยปั่นระหว่างเวียงจันทน์กบั ลาวใต้ เขาบอกว่าไม่คอ่ ยมีอะไรน่าสนใจ... ผมก็เลยเก็บทางเลือกอันนี้เอาไว้กอ่ น ส่วนถ้าจะ ข้ามไปเริ่มอีกทีทล่ี าวใต้เลยก็ยงั มีตวั เลือกน่าสนใจอยูส่ องเมือง คือปากเซและสะหวัน นะเขต ...ซึ่งผมก็เคยได้ยนิ มาอีกว่า มีเรื อนัง่ จากเวียงจันทน์ไปสะหวันนะเขต... นี่น่า จะเป็ นทางเลือกแรกที่น่าสนใจ ต้องลองหาข้อมูลเพิม่ เติมจากเจ้าถิน่ ดูกอ่ น ...แต่!!!... ดูเหมือนจะได้ขอ้ มูลมาผิดๆ ถามคนนูน้ ถามคนนี้ ถามคุณตำรวจก็ยงั ถามกลับมาเลย ว่า ...มีจริ งๆเหรอ!!!... แต่กย็ งั ใจดีช้ ีทางไปท่าเรื อให้ วนไปวนมาอยูห่ ลายรอบก็ยงั หาไม่เจอ ...จบกัลล! ต้องเลือกทางอื่นกันอีกแล้ว... และในเส้นทางที่ผมวิง่ วนหาท่าเรื อนัน่ เอง นัน่ !...หนองคายยย!!! ฝั่งตรงข้าม นัน่ ไง ประเทศไทย!!!... เปิ ดแผนที่ด่วน ถนนเรี ยบโขงนี่ไง! วิง่ ออกนอกเมืองได้ เหมือนกัน!... จึงตัดสิ นใจขี่เรี ยบโขงชมวิวประเทศไทยไปเรื่ อยๆ เรื่ อยๆ เรื่ อยๆ......


จนกระทัง่ ขี่ลอดสะพานมิตรภาพก็เกิดปัญหาขึ้นมา!!!

ดวงจันทร์

ไม่นึกว่าขี่ในเมืองหลวงจะเจออย่างนี้!!! เสี ยงกระหึ่ มจากลำโพงขนาดงานวัดที่ดงั ออกมาจากแทบทุกบ้าน ทุกหลังคา เรื อนในแถบนี้... มันไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยกับที่ผมกำลังขี่จกั รยานไป โยกย้ายตัวเข้า จังหวะไป หัวสัน่ หัวคลอนไปในขณะนี้!!!... มันช่างประจวบเหมาะกับที่ผมโผล่มากลางงานบุญอะไรสักอย่าง ที่ทำให้ทุก บ้านเหมือนกำลังจัดปาร์ต้ ปี ระชันกัน ในขณะที่ผมนั้นต้องขีร่ ถอยูบ่ นถนนดวงจันทร์ ถนนที่ผมดันพลาดเข้ามา ...หรื อว่าไม่!!!... ก็ที่จริ งผมเห็นสภาพถนนแล้วตั้งแต่ก่อน ที่จะเข้ามา แต่กย็ งั ดื้อดึงไม่นึกว่ามันจะเป็ นแบบนี้ไปตลอดทั้งเส้นขนาดนี้ ขีไ่ ปก็ได้ แต่ต้ งั ความหวังไปว่ามันคงเป็ นแบบนี้ไม่เท่าไหร่ เดี๋ยวไปทางข้างหน้ามันก็จะต้อง เรี ยบ ...จนผ่านไปประมาณห้ากิโลฯกับการใช้เวลาเกินครึ่ งชัว่ โมง!!!... ชักจะทน ไม่ไหว! จำใจต้องแวะไปคุยกับเจ้าของพื้นที่สกั ที! สรุปว่าถนนจะเป็ นอย่างนี้ไปจนออกนอกเมือง ...อีกหลายสิบกิโลฯ... โหหห!... ไม่เอาดีกว่า! คนก็ชกั จะไม่ไหวแถมสงสารน้องรถอีกต่างหาก เปลีย่ นแผน!ด่วนเลยทีน้ ี ดูแผนที่...ก็ยงั ดีไม่ตอ้ งย้อนกลับซะทีเดียว มีทางลัดออกอีกทาง ...แต่ตอ้ งเข้าป่ าไป!...


ทางแยก

ด้วยความทนไม่ไหว ...ป่ าก็จะไป!... ผมมาโผล่ถนนอีกเส้นหนึ่งที่สามารถออกนอกเมืองก็ได้ ตัดกลับเข้าเมืองก็ได้ โดยไม่ตอ้ งย้อนกลับไปทางเก่า แต่ไม่วา่ จะทางไหนก็ไม่ค่อยเข้าท่าทั้งนั้น ...ก็ตอน นี้มนั กำลังจะบ่ายห้าโมงครึ่ งเข้าไปแล้ว!!!... ผมตัดสิ นใจมองหาที่พกั ในเส้นทางออกนอกเมือง ดีกว่าที่จะต้องเสี ยเวลาวน กลับไป เพราะระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ๆ ถึงตรงนี้กอ็ อกมาไกลพอสมควร แต่ยงิ่ ขี่ไป... ขี่ไป... ขี่ไป... ก็ยงิ่ หมดหวัง ถนนเส้นนี้อย่าว่าจะหาที่พกั แค่จะหาบ้านคนยังยากเลย ...ถึงเวลาต้องหาที่ปรึ กษาอีกแล้ว... ในเส้นทางอันเว้งว้าง ก็พอมีรา้ นสไตล์เชียงกงให้เห็นอยูเ่ ป็ นระยะๆ แต่กย็ งั ยาก ในการหาสิ่งมีชีวติ กว่าจะเจอได้ผมก็ตอ้ งใช้จกั รยานเป็ นตัวนำทาง...ได้ไง???... ก็ใช้ สัญชาตญาณผูช้ าย!!!... เจ้าน้องจักรยานของผมมันมีเรดาร์ส่วนตัวในการหาสาวๆ ใช้เวลาไม่นานก็พาผมมาพบกับ...สาวๆป้ าๆญี่ปุ่นกลุ่มใหญ่... ค่าตัวพันห้าร้อยบาท ไทยทุกนาง!!! โอ้ว! อยากจะพากลับไปด้วยแต่กค็ งไม่ไหว ก็เธอเหล่านั้นมัน ...จักรยานแม่บา้ นณี่ ปุ่นมือสอง... ส่ วนตัวผมเองก็หนั มาหาข้อมูลกับทางเจ้าของร้านว่า...ถ้ายังจะดื้อไปทางนี้ต่อ กว่าจะหาที่พกั ได้กน็ ่าจะใกล้ๆแยกหน้าที่ห่างไปประมาณห้าสิบกิโลฯ ...โอ้โหหห!... ไกลหนะไม่เท่าไหร่ แต่เปลี่ยวอย่างนี้กไ็ ม่ไหวเหมือนกัน ตัดสิ นใจย้อนกลับน่าจะ ดีกว่า น่าจะหาที่พกั ได้ง่ายกว่า ค่อยๆกลับ ค่อยๆหาไประหว่างทาง

ทางเลือก

ท้องฟ้ ามืดลงสักพักแล้ว ทางที่แยกออกมาเพื่อกลับเข้าเมืองความเปลี่ยวก็ไม่ ได้ต่างจากเส้นเมื่อเย็นนั้นเลย แถมถนนดวงจันทร์เมื่อบ่ายก็ดนั มาสร้างปั ญหาจนได้ มันเป็ นข้อสันนิฐานของผมเองว่าน่าจะเป็ นการกระแทกจากหลุมใดหลุมนึง


ของเมื่อบ่าย แต่กค็ งไม่ได้ทำความเสี ยหายมากสักเท่าไหร่ ยางเลยเพิ่งมาแบนตอนนี้ ...หลังจากที่เช็คคร่ าวๆดูวา่ ไม่ได้ร่ัวอะไร เป็ นเพียงแค่อาการซึ มเบาๆ แต่สถานที่ไม่ เหมาะ จึงยังไม่ได้เปลี่ยนยางใน แค่เติมลมเฉยๆก็วงิ่ ต่อได้ แต่กไ็ ม่สบายใจเท่าไหร่ ถ้าดื้อวิง่ ต่อไปนานๆเดี๋ยวก็ตอ้ งแบนอีก... ถึงเวลาต้องหาที่พกั ให้ได้ด่วนที่สุด!!! ไม่นานผมก็เดินทางมาถึงทางสามแยก แยกที่มีทางให้ตอ้ งตัดสินใจกันอีกครั้ง จะไปทางซ้ายเพือ่ กลับเข้าเมืองดี หรื อจะไปทางขวาเพือ่ ออกนอกเมืองดี ไม่วา่ จะทาง ไหนก็มีดีท้ งั นั้น...ช่างเลือกยากเสี ยจริ งๆ... ยิง่ วันนี้ท้ งั วัน วันที่ผา่ นการเลือกมาแล้ว ไม่รู้จะกี่ครั้ง และดันเลือกผิดทุกครั้งไป แต่...ครั้งนี้ไม่มีทาง!!! ผมไม่เลือกสักทางทั้งซ้ายและขวา เพราะตอนนี้มนั มีทางให้เลือกมากกว่านั้น ...ข้างหน้านัน่ ไง! น่าสนใจ ลองเข้าไปดูดีกว่า... แล้วสิ่ งที่เห็นอยูข่ า้ งหน้าขณะนี้ก็ คือ...สถานีขนส่ ง...

ทางไป

ที่ขี่เข้ามาที่นี่กย็ งั ไม่ได้ตดั สิ นใจอะไรเด็ดขาดทั้งนั้น ตั้งใจเข้ามานัง่ พักและหา ข้อมูลประกอบการตัดสิ นใจก่อน ...เฮนโล่ๆ แว อา ยู โก???... ผมกำลังนัง่ ดูขอ้ มูลเที่ยวรถอยูด่ ีๆก็มีคนเข้ามาทัก ทาย ไม่ไม่ไม่!!! ไม่ใช่ทกั ทายสิ เข้ามาขายของจะมากกว่า ผมกำลังนัง่ ดูขอ้ มูลเที่ยว รถอยูด่ ีๆก็มีคนลาวมาขายตัว๋ ...แว อา ยู โก? คัม วิท มี๊! สะหวันนะเขต ออ ปากเซ? ไอ แฮบ อะ บัด... ผมหันไปมองหน้าทำตาปริ บๆ แล้วลองหยัง่ ถามไปดูวา่ ...ปากเซเท่าไหร่ มี จักรยานด้วยหนึ่งคัน???... ...คนไทยหรื อพี่!!! แสนเจ็ดพันกีบ เที่ยวสองทุ่ม ถึงเจ็ดโมงเช้า...เขาตอบกลับ มาแบบยิม้ ๆ


ก็น่าสนใจดีเหมือนกัน ลดเวลาปั่นไปได้ร่วมห้าวัน ประหยัดค่าที่พกั ไปได้ หลายคืน ผมมองดูนาฬิกาที่ติดอยูต่ รงขนส่ ง มันบอกเวลาทุ่มสิ บห้า ถ้าคิดจะไปก็ ควรตอบกลับไปว่า ...ไปครับ!... ผมเดินลากจักรยานตามเขาไปเฉยเลย ทั้งๆที่ยงั ไม่ได้เห็นรถด้วยซ้ำ ...คิดว่า ยังไงก็คงไม่แย่ไปกว่าที่เคยนัง่ มาในวันแรกอีกแล้ว... และผม...ผม...ผมก็บอกไม่ถกู ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดผิด หรื อคิดถูก แต่ดูเหมือนจะถูก ...ก็ที่เห็นข้างหน้ามันคือ รถทัวร์สองชั้น สภาพดีกว่าที่คิดเอาไว้มากมาย...

รถนอน

ผมว่ามันเป็ นการคิดถูกจริ งๆ เพราะถ้าผมไม่ตดั สิ นใจไป คงจะเสี ยใจที่ไม่ได้ มาเห็นอะไรแบบนี้ เพราะในเมืองไทยก็คงไม่มีให้เห็น ยืนมองจากด้านนอกมันก็ไม่ได้ต่างกับรถทัวร์ปกติ มันดูจะเตี้ยกว่ารถสองชั้น บ้านเราไปซะด้วย แต่...เมื่อโผล่หน้าเข้ามาด้านในแล้วจะทึ่ง เพราะมันถูกดีไซด์ ฟังก์ชนั่ การใช้งานได้อย่างลงตัวมาก ...จะอธิบายยังงัยดีหล่ะ!?!?! เอ่ออ!... พื้นที่แบ่งออกเป็ นสองชั้นเท่าๆกัน ความสูงประมาณชั้นละเมตรกว่าๆ เวลา จะเดินก็แล้วแต่วา่ ใครจะสามารถใช้วธิ ีไหน จะก้ม คลาน ไถล หรื อสไลด์ แต่คอ่ นข้าง


ยากไปหน่อยสำหรับคนตัวสูงอย่างผม ก็ตอ้ งค่อยๆก้มไป กระดึ๊บๆไปตามเรื่ อง ยิง่ ได้ที่ช้ นั สองเกือบหน้าสุ ดก็เลยยิง่ ยากเข้าไปใหญ่ เพราะบันไดดันไปอยูด่ า้ นหลัง ส่วนทีน่ ง่ั ...ไม่ม!ี มีแต่พนักพิงขนาดสองทีต่ ้งั อยูท่ ้งั สองฝัง่ และตรงทีท่ น่ี ่าจะเป็ น ที่นง่ั ได้กลายเป็ น...ฟูกนอน!... ใช่ครับ ฟูกนอนยาวประมาณเมตรเจ็ดสิบกว้างเท่ากับ พนักพิง ไม่มีหมอนแต่มีส่ิ งอำนวยความสะดวกให้สองอย่างคือผ้าห่มและน้ำดื่ม มันกลายเป็ นความสนุกที่ได้มานอนอยูใ่ นที่แปลกๆ แต่มนั ก็ไม่ได้สบายซัก เท่าไหร่ เพราะกับไอ้ท่แี คบๆขนาดนี้ มีแค่ผมกับกระเป๋ าและสัมภาระทั้งหมด ก็แทบ จะไม่มีที่เหลือให้หมุนตัวอยูแ่ ล้ว นี่ยงั ต้องมีคนมานอนอยูข่ า้ งๆอีกคน ...คนมานอน ข้างๆ!!! แล้วเขาจะเป็ นใคร ผูช้ ายหรื อผูห้ ญิงกันน๊าาา!.. ตั้งแต่ออกจากเชียงใหม่ ผมก็เดินทางมาด้วยตัวคนเดียวตลอด ไม่มีคืนไหน เลยที่จะ........รำคาญหูขนาดนี้!!! ข้างๆผมเป็ นผูช้ ายที่ไม่รู้วา่ ไปเก็บกดอะไรมา ตั้งแต่ ขึ้นรถมาก็ชวนผมคุย พอผมไม่คยุ ก็พดู ไปเรื่อยไม่ยอมหยุด...ไม่ยอมอยูน่ าน พูดมาก จนผมจำไม่ได้แล้วว่าเขาคุยอะไรบ้าง แต่ที่จำได้อย่างเดียวเขาบอกว่า...ถ้าไม่มีหูฟัง ผมจะนอนไม่หลับ แต่วนั นี้ดนั ลืมพกมา... ผมก็นึกว่าน่าจะซวยแล้ว ...เขาพูด พูด พูด พูด...zzZ... อยูด่ ีๆก็เงียบไป กรนใส่ ผมซะอย่างงั้น


PAKSE


Laos Day8

ท่ารถที่ลาวไม่ต่างกับไทยเท่าไหร่ วัฒนธรรมรถรับจ้างจะคล้ายๆกัน คือเมือ่ รถทัวร์ เลี้ยวเข้ามาจอดเมื่อไหร่ กจ็ ะมีคนกรู กนั เข้ามา เรี ยกผูโ้ ดยสารเมื่อนั้น ผมจึงน่าจะเป็ นคนนึงที่ บรรดารถรับจ้างเกลียดขี้หน้า เพราะเมือ่ ผมรับ จักรยานมา ทุกคนก็จะเดินหนีไปหมด ................... และเป็ นอย่างทีค่ ดิ เอาไว้...ยางซึม...จริ งๆ ด้วย ผมต้องเสี ยเวลาอยูท่ ี่ท่ารถอีกพักใหญ่ไป กับการเปลี่ยนยางใน ก็ไม่เป็ นไร โปรแกรม วันนี้กว็ า่ จะไม่ไปไหน จะอยูเ่ ที่ยวที่นี่แหละนะ ...ปากเซ


ปากเซ

ผมยังคงเรื่ อยเปื่ อยละเลียดกาแฟและอาหารเช้าอย่างไม่รีบร้อน รอเวลาที่ฝาก ที่ร้านให้ช่วยชาร์ทแบตเตอรี่ กล้องถ่ายรู ปให้เต็มซะก่อน แล้วค่อยเดินทางต่อ ที่ปากเซนี่ผมก็ไมรู ้วา่ มีอะไรดีบา้ ง เพียงแต่จำได้วา่ เคยได้ยนิ ชื่ออยูใ่ นหนัง ...“สะบายดี หลวงพะบาง”... เลยทำให้สนใจอยากมา พอมาถึงแล้วก็ได้รู้วา่ เป็ นเมือง ที่เพลินดีเหมือนกัน เมืองเล็กๆ ไม่วนุ่ วาย ผูค้ นไม่พลุกพล่านเท่าไหร่ เหมาะกับการ นัง่ นิ่งๆชมผูค้ นใช้ชีวติ ไปเรื่ อย...เรื่ อย... จนไม่อยากจะเคลื่อนไหวตัว ผมว่า...ยิง่ ผมใช้เวลาอยูก่ บั จักรยานนานๆ ผมก็เริ่ มมีปัญหากับมันเพิม่ ขึ้นทุกที เวลามาเที่ยวอย่างนี้ ก็มนั สะดวกสบายจนเกินไป เวลาจะไปไหนมาไหนใช้เวลาแค่ นิดเดียว คิดจะไปนู่นไปนี่เดี๋ยวก็ถึงที่ อุตส่ าห์เอ้อระเหยทุกทีเวลาที่จอดดูนู่นดูนี่ ขีห่ ลงวนซำ้ ไปซำ้ มาก็บอ่ ยครั้ง ยังใช้เวลาน้อยกว่าทีค่ วรจะเป็ น แค่ครึ่งวันก็หมดทีจ่ ะไป ...แล้วจะเอายังไงหล่ะทีน้ ี เป็ นแบบเดิมอย่างนี้ทุกที ...ติ๊กต่อกๆๆ...นี่ไง... ไปที่นี่ดีกว่า...



วัดพู

เขาว่ามาที่นี่กต็ อ้ งไป...“วัดพู”... หนึ่งในมรดกโลกของลาวที่อยูไ่ ม่ไกลจากนี่ เท่าไหร่ ออกจากเมืองไปอีกสักห้าสิ บกิโลฯ แต่ถา้ ตัดสิ นใจจะไป ผมถึงกับต้อง วางแผนการเดินทางเพิ่มข้ามไปอีกสามวัน!!! พอขีดเส้นทางเสร็จก็ตอ้ งรี บไปกันเลย ยังไม่รูว้ า่ สภาพถนนทีจ่ ะไปจะเป็ นยังไง บ้าง เดี๋ยวถ้าเกิดปั ญหาไปถึงเย็นมากจะไม่ได้เที่ยวซะเปล่าๆ ผิดคาด...ถนนกว้างใหญ่และราบเรี ยบกว่าทีค่ ดิ แต่กม็ ปี ัญหาอยูด่ ที ร่ี อบข้างเป็ น ทุง่ นากว้างๆโล่งๆ ลมโบกสะบัดพัดแรงสวนทางมา ให้ผมต้องปั่นต้านลมอีกแล้ว!!!... และต้องปั่นอย่างนี้ไปอีกสามสิ บกิโลฯ จุดแรกที่ผมต้องผ่านและเป็ นที่หมายตาว่าจะเป็ นที่พกั ในคืนนี้คือ...เมือง จำปาสัก...เมืองใหญ่และเก่าแก่ของลาวใต้ที่มีประวัติมายาวนาน แต่พอผ่านเข้าไป เมืองนี้กไ็ ม่ได้ใหญ่อย่างที่คิด แถมถนนในเมืองนี้กลายเป็ นถนนกรวดไปตลอดทาง ทำความเร็ วไม่ได้เลย กว่าจะมาถึงวัดพูได้กบ็ ่ายแก่ๆแล้ว ...วัดพู...อลังการสมคำร่ำลือ..... วัดพูเป็ นปราสาทหินอายุกว่าพันปี มีส่ิงก่อสร้างที่น่าสนใจมากมาย กินอาณาเขตกว้างใหญ่...เดินกันเมื่อย แถมต้องปี นบันไดอีกหลายสิ บขั้น... แต่กค็ ุม้ ค่าในการ ที่ตดั สิ นใจมามาก แต่ขอติอย่างเดียวว่า ค่าเข้าแพงไปหน่อยนะ...ห้าหมื่นกีบ...



จำปาสั ก

เย็นมากเต็มที ผมยังต้องขีไ่ ปบนถนนกรวดย้อนกลับไปอีกสิ บห้ากิโลฯเพือ่ หา ที่พกั ในเมือง ซึ่งที่จริ งน่าจะแวะหาตั้งแต่ขามาซะดีกว่า จะได้ไม่ตอ้ งไปลุน้ หาเอาตอน ใกล้มืดอย่างนี้ ดีนะว่ามีเล็งๆเอาไว้อยูแ่ ล้ว เท่าทีด่ จู ากทีผ่ า่ นมาก็เห็นทีพ่ กั อยูก่ ห็ ลายที่ แต่ทส่ี นใจทีน่ ่กี เ็ พราะว่าติดแม่นำ้ โขง ก็ต้งั แต่ขา้ มมาที่ลาวนี่กไ็ ด้แต่หอ้ งพักที่อดุ อู้ ไม่มีววิ สวยให้ดเู ลยซักนิด พอมาถึงก็ได้ วิวอย่างที่คิดเอาไว้ ...มีที่นงั่ เล่นริ มนำ้ ... แต่หอ้ งพักก็ยงั เป็ นห้องเหลี่ยมๆเหมือนเดิม พระอาทิตย์ตกไปแล้วซักพักนึง แต่ผมยังคงนัง่ อยูร่ ิ มแม่นำ้ โขง นัง่ รับลมเรื่ อย เปื่ อยซักเดี๋ยวก่อนไปพักผ่อน ก่อนเข้าห้องนอน...นอนในห้องพักอันแสนสงบ... สงบที่ไหนกันเล่า!!!...ที่พกั อันสงบมันได้หายไปพร้อมแสงอาทิตย์ต้ งั นานแล้ว ก็ตอนเข้ามาพักก็ดนั ไม่ดูให้ดี ว่าที่นี่...มีคาราโอเกะอยูด่ า้ นหน้า!!!


Laos Day9

หลังจากที่พลาดการขึ้นเรื อมาสองรอบ และแล้ววันนี้กท็ ำสำเร็ จซักที เพราะ เส้นทางที่จะไป จะต้องใช้วธิ ีขา้ มเรื อ...ข้ามแม่นำ้ กลับไปอีกฝั่งนึง...

ข้ ามฟาก

ที่จริ งทางที่จะไปในวันนี้มีให้เลือกอยูส่ องทาง ทางหนึ่งต้องกลับไปตั้งต้นที่ ปากเซ อีกทางหนึ่งย่นระยะไปประมาณหกสิ บกิโลฯ ด้วยการข้ามแพ ...ซึ่ งมันไม่ได้ ยากกับการตัดสิ นใจเลยสักนิด... เพราะทำการเซอร์เวย์ไว้แล้วตั้งแต่เมื่อวาน ผมจึงมุ่งตรงสู่ ท่าเรื อได้ไม่ยาก เท่าไหร่ ตกลงราคา...สองหมื่นกีบ...ถึงจะแพงแต่ยงั ไงก็ตอ้ งไป ...เมื่อมันไม่มีทาง เลือกอื่น แปดสิ บบาทไทยกับการข้ามเรื อนี่นะ ก็ตอ้ งยอมๆกันไป...TT__TT ...ตัวแพเป็ นเรื อเล็กสองลำเชือ่ มติดกันด้วยกระดานไม้ และขับเคลือ่ นด้วยเครื่อง เรื อหางยาว... ก็แปลกดีเหมือนกัน นัง่ ชมวิวเพลินเพลิน เผลอแป๊ บเดียวก็ถึงฝั่ง...ถึง ไวเกินไปหน่อย ถ้าราคาถูกกว่านี้ ว่าจะนัง่ วนเล่นอีกสักรอบ...



จากฝั่ง จะต้องฝ่ าถนนลูกรังออกไปอีกห้าหลัก จะถึง...จุดเริ่ มต้น...ของเส้นทาง ในวันนี้ ที่ประเทศลาวเขาจะไม่ใช้คำว่ากิโลเมตร จะถามระยะทางกับคนลาวต้องถาม เป็ น...หลัก...ตามหลักกิโล วันนี้ผมต้องเดินทางตามหลักกิโล...ไปสักร้อยหลัก...

ระหว่ างทาง

วันนี้เป็ นอีกวันที่เน้นการขี่จกั รยาน...ชมวิวป่ า...ปั่ นจักรยาน...ผ่านหมู่บา้ น... ปั่นไป...ชมวิวทุง่ นา...วนขา...หมูบ่ า้ นอีกแห่ง...ปั่นไป...ไม่ได้แวะเที่ยวไหน...ปั่นไป ...วนขาไป...เพียงอย่าวเดียว เนื่องจากวันนี้มีท้งั เมืองเล็กๆหมูบ่ า้ นน้อยใหญ่ท่อี ยูร่ ะหว่างทางมากมาย ทำให้ การปั่นนั้นไม่ได้เหงาเท่าไหร่ เวลาผ่านไปแล้วมีใครเห็นก็จะตะโกนทัก...สะบายดี... เหมือนตอนที่ปั่นอยูล่ าวเหนือ แต่ถา้ มีเด็กอยูด่ ว้ ยตัวผูใ้ หญ่จะสะกิดให้เด็กๆเป็ นคน ทักทายแทน...สะบายดี สะบายดี... ซึ่งผมมองว่านี่น่าจะเป็ นนโยบายเพื่อสร้างความ ประทับใจให้กบั นักท่องเที่ยวแบบง่ายๆ...ซึ่งมันก็ได้ผลดีทีเดียว... ช่วงบ่ายๆผมมีโอกาสขี่ผา่ นหลายโรงเรี ยนที่กำลังเลิก เด็กนักเรี ยนกำลังเดิน กลับบ้านกัน เด็กๆก็ยงั คงตะโกนทักทายกันอย่างคึกคักเช่นเคย แต่พอมีการศึกษาเข้า มาเกี่ยวข้อง ภาษาที่ทกั ทายก็เปลี่ยนไป ไม่มีใครทักว่าสะบายดีอีกต่อไป ...เซย์ แฮนโหล... กันไปตลอดทาง มันก็เป็ นมารยาทนะที่เมื่อเวลามีคนทักมาเราก็จะอยูเ่ ฉยมิได้ จะต้องโบกไม้โบกมือหรื อตอบกลับ เราก็ตอ้ งเลือกทำอะไรสักอย่าง เมื่อเด็กๆ...Hello...มา ผมก็จะ ตอบกลับว่า...สะบายดี... ทักมาก็ตอบไป ตอบไปจนกระทัง่ !!!... ...คุณรู ้จกั จิ๊กโก๋ หวั สะพานมัย๊ !?!?!... เด็กนักเรี ยนโตสักประมาณประถมสี่ ประถมห้าคนหนึ่งนัง่ อยูต่ รงหัวสะพาน ท่าทางเอาเรื่ องกำลังมองมาทางผมแต่ไกล


ผมก็กำลังปั่นเข้าไป...เข้าไป...เข้าไป น้องเขาก็มองหน้าผมอย่างไม่ละสายตา...เข้าไป... ผมก็มองกลับไป จนในที่สุดผมก็เข้าไปใกล้ ใกล้ในระยะที่พดู กันเบาๆแล้วได้ยนิ ผมก็ยงั มองอย่างสงสัย ดูเหมือนน้องเขากำลังจะบอกอะไรกับผมสักอย่าง มองกันไป มองกันมา แล้วน้องเขาก็เอ่ยออกมาว่า ...แท้ ง กิว้ !!!... ...ขึ้นๆ...ลงๆ...ขึ้น...ลง...ขึ้น...ลง...กันต่อไป ถึงจะไม่สูงชันขนาดเป็ นเขาลูก ใหญ่ แต่ลกู ที่สูงที่สุดก็ประมาณสะพานปิ่ นเกล้าสองสะพานต่อกันเห็นจะได้ จึงต้อง ใช้แรงหนักๆเพื่อการกดบันได และไอ้การขึ้นเนินบ่อยๆนี่เอง ประกอบกับหนทาง ที่บุกบัน่ มาไกล รวมทั้งน้ำหนักที่บรรทุกกันแบบเกินพิกดั กำลังจะก่อปั ญหาขึ้นมา อีกแล้ว อาการ...กระโหลกคลอน...ดูจะเป็ นจุดอ่อนของรถคันนี้ไปซะแล้ว ถึง ตอนนี้เพิ่งเริ่ มมาแค่เบาๆ แต่ดูจากอาการแล้ว ...หลังจากนี้ไม่น่าหักโหมจนเกินไป...


สุ ดทาง

หกโมงเย็น...เป็ นเวลาของแสงสุ ดท้าย ผมยังคงยืนปรึ กษากับเจ้าของร้านค้า เพื่อจะหาที่พกั ซึ่ งผมก็ยงั เลือกไม่ได้วา่ จะพักที่ไหนถึงจะสะดวกสำหรับวันพรุ่ งนี้ ผมขี่ตามนิ้วของพี่เค้าที่ช้ ีมาทางนี้ มาได้หอ้ งพักที่...ที่ดูดีที่สุดในทริ ปนี้ ดูดี สภาพ เป็ นรี สอร์ทจริ งๆ พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน แถมราคาแสนถูก เสี ยอย่างเดียวตรงที่หอ้ งอยูช่ ้ นั สอง ต้องแบกจักรยานขึ้นๆลงๆ...หลายรอบมาก! ผมตัดสิ นใจพักที่นี่สองคืน โดยที่คืนพรุ่ งนี้จะได้ไม่ตอ้ งหาที่พกั ใหม่ เพื่อไว้ เป็ นที่เก็บสัมภาระและเอาไว้เป็ นศูนย์กลางเพื่อการเดินทางไปเที่ยวรอบๆแถวนี้...ก็ แถวนี้มีที่เที่ยวมากมาย และเป็ นที่เที่ยวจุดสุ ดท้ายปลายทาง เพราะห่างไปจากตรงนี้ อีกประมาณสามสิ บกิโลฯ ก็จะเป็ นชายแดนกัมพูชา...


DON KHONG

BAN NAKASONG

DON DET

LI PHI

DON KHON

DON PHAPHENG


Laos Day10 ...วันเทีย่ ววววว!!!... บ้ านนากะสั ง

มันเป็ นจุดหมายปลายทางที่คิดเอาไว้ต้ งั แต่แรกว่ายังไงก็ตอ้ งมาให้ได้ เคยเห็น ในหนังและในรูปมาก็หลายหน อยากมาดูของจริ งเองสักครั้ง กับดินแดน...สี่พนั เกาะ... ...สี่ พนั ดอน คือที่ที่มีเกาะใหญ่นอ้ ยยิบย่อยมากมายกว่าสี่ พนั เกาะ ที่ต้ งั ขวาง แม่น้ำโขงอยู.่ ..ผมรู ้มาแค่น้ นั แต่มนั ก็น่าสนใจตรงที่ขวางแม่น้ำโขงนี่หล่ะ... การจะเดินทางไป ผมต้องไปข้ามเรื อที่นากะสังซึ่งอยูห่ ่างจากที่พกั ไปอีกแค่เจ็ด หลัก วันนี้จึงตื่นสาย อืดอาด ยืดยาด เรื่ อยเปื่ อย กว่าจะออกเดินทางแบบขี้เกียจๆก็ สายมากกกกแล้ว... ท่าเรื อบ้านนากะสังเป็ นเมืองท่าเล็กๆ ทีเ่ ป็ นจุดศูนย์รวมนักท่องเทีย่ วทีต่ อ้ งการ จะข้ามไปยังเกาะเป็ นจำนวนมาก ซึ่งเกาะที่เราจะข้ามไปคือ...ดอนเดด...จะเป็ นเกาะ ใหญ่ที่จะมีร้านค้า มีบงั กะโลที่พกั และเป็ นศูนย์กลางเพื่อจะต่อไปที่เที่ยวอื่น ผมต่อคิวรอจะขึ้นเรื ออยู่ ดูวนุ่ วายกว่านักท่องเที่ยวคนอื่นตรงที่ตอ้ งคอยยก จักรยานข้ามไปข้ามมา ...ดีนะที่ไม่มีสมั ภาระอันหนักอึ้งติดมาด้วย ไม่เช่นนั้นคงลำบากกว่านี้อกี มาก... ค่าเรื อพร้อมจักรยานอยูส่ องหมื่นกีบ ไม่แน่ใจว่าถ้าไม่มีจกั รยาน จะถูกกว่าหรื อเปล่า เพราะคนอื่นก็มีกระเป๋ าสัมภาระพะรุ พะรังที่รวมแล้วไม่ได้ เกะกะไปน้อยกว่าจักรยานเท่าไหร่


พระเอกของเรา GOOGLE MAP

...และแล้วสิ่ งที่เป็ นประโยชน์มาตลอดเส้นทางก็ทำพิษ!!!... อย่างที่ผมบอกตั้งแต่ทีแรก ว่าการออกเดินทางในทริ ปนี้ หลักๆผมอาศัยแผนที่ จาก ...กูเกิล้ แม็พ... ซึ่งที่ผา่ นมาจนถึงก่อนหน้านี้กย็ งั นำทางได้ดีมาตลอด จนข้ามฝั่ง มาถึงที่นี่........ พอขึ้นฝั่งได้ผมก็เริ่ มให้กเู กิ้ลนำทางอย่างที่เคย ตรงไป...ตรงไป...เลี้ยวขวา... ตรงไป...เลี้ยว...เลี้ยวไปไหน!!! ไม่ใช่แระ!!! อยูด่ ีๆผมขึ้นมาขีร่ ถบนคันนาที่ไม่รู้วา่ จะไปถึงไหน จะให้ไปทางไหนต่อ ไปต่อไม่ได้ จึงตัดสิ นใจจอดแล้วมองหาทาง อีกที ...นัน่ ไง!...ทางนั้นมีรถผ่านไป นัน่ น่าจะใช่ถนนจริ งๆ สรุ ปสุ ดท้ายถ้าผมจะกลับไปขึ้นถนน จำเป็ นต้องเดินเข็นไป เพราะทางที่กเู กิ้ล พามามันไปไม่ได้ เข็นๆ...ยกๆไป...ไกลเหมือนกัน กว่าจะกลับมาสู่ เส้นทาง

หลีผ่ ี

ถนนบนเกาะนี้จะเป็ นทางลูกรัง ลูกรังแดงๆตลอดเส้นทาง การเดินทางบนเกาะ ของนักท่องเที่ยวจึงนิยมเหมารถหรื อเช่าจักรยาน ซึ่งจุดหมายจะไปหลักๆก็คอื ที่เดียว กันที่...หลี่ผ.ี .. มันเป็ นเรื่ องหนึ่งที่ค่อนข้างขัดใจผมอยูน่ ิดหน่อยที่สถานที่ท่องเที่ยวหลายๆที่ ห้ามนำจักรยานเข้า ซึ่งจริ งๆผมก็เข้าใจนะว่าบางที่มนั ก็อนั ตราย บางที่มนั ก็ไปเกะกะ รบกวนคนอื่น แต่การที่จะให้จอดรถเอาไว้มนั ก็กลัวหายเหมือนกัน จำใจต้องล็อกจักรยานไว้ดา้ นนอกรวมกับหมู่สาวๆแม่บา้ น แล้วจ่ายตังค์สอง หมื่นห้าเป็ นค่าเข้า ค่อยๆเดินตามๆกันเข้าไป...ไม่ผดิ หวัง คุม้ ค่ากับการถ่อมาจริ งๆ... ...หลี่ผ.ี .. เป็ นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลผ่านโขดหิ นมากมาย ด้วยความยิง่ ใหญ่




และสวยงาม ทำให้นกั ท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวกันมาก ตัวผมเองก็สมใจอยาก...กว่าจะ มาถึงต้องใช้เวลาตั้งสิบวัน เลยยังไม่อยากรี บไปไหน เดินเล่น ถ่ายรูป นัง่ เล่นเรื่อยเปื่ อย ไม่ตอ้ งสนใจใคร ไม่ตอ้ งสนใจเวลา... กว่าจะกลับออกมาก็บ่ายหลายโมงเข้าไปแล้ว เรื่ อยเปื่ อยเกินไปหน่อย เพราะ ยังมีอีกที่นึงที่ตอ้ งไป เผอิญเดินออกมาเจอ...lowracer...จอดอยูห่ นึ่งคัน ซึ่ งไม่รู้วา่ เจ้าของอยูท่ ไ่ี หน ขีเ่ ข้ามาได้อย่างไรถึงทีน่ ่ี ขนาดผมนัง่ ขีเ่ ข้ามายังหัวสัน่ หัวคลอน นี่เขา นอนขี่ ไม่มปี ัญหาหรื อไร ไม่เคยลองขีเ่ หมือนกัน ขากลับออกมาไม่มอี ปุ สรรคหลงทางเหมือนขาเข้า เลยปั่นรวดเดียวสามหลัก กลับถึงหาดเพื่อ ...หาเรื อกลับเข้าฝั่ง... แต่เรื อขากลับนั้นต่างกัน!!! จากที่ตอนข้ามมา ที่เหมือนว่าจะเป็ นเรื อข้ามประจำทาง รอคนเต็มลำถึงจะออกเรื อ แต่ถา้ จะข้ามกลับ มันไม่ใช่อย่างนั้น เป็ นเรื อแบบเดียวกันแต่ไม่ประจำ ใครจะไปต้องเหมาลำ ...เลยโดน ไปซะสามหมื่นกีบ...


คอนพะเพ็ง

จากปากทางเข้านากะสัง เดินทางลงใต้ต่อไปอีกสิ บกว่าหลัก ก็จะถึง “น้ำตกคอนพะเพ็ง”...ไนแองการ่ าแห่งเอเชีย...เขาว่าอย่างนั้น ถ้าเป็ นเช่นนั้นจะให้ พลาดไปได้อย่างไร ไหนไหนก็ไหนไหน เข้าไปชมดูสกั ครั้ง นี่สิ! ที่ยงิ่ ใหญ่จริ งๆ สมกับเป็ นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ มันช่างอลังกาลงานสร้างเกินคำบรรยาย.....จะให้เล่าเป็ นคำพูด............. ยิง่ ที่นี่เอารถเข้ามาได้ เดินไปไหนมาไหนก็ยงั มองเห็น พอไม่ตอ้ งห่วงรถเลย ยิง่ สนุก ปี นป่ ายหามุมถ่ายรู ปทัว่ ไปหมด...



นักทัวริ่งคนสุ ดท้ าย

ก่อนจะกลับที่พกั ผมก็ได้เพื่อนร่ วมทางระยะสั้น...เพื่อนร่ วมอุดมการณ์อีก หนึ่งคน... เป็ นนักปั่นจักรยานทัวริ่ งชาวเยอรมัน ที่เพิง่ เข้าลาวมาวันนี้วนั แรก ในวัน จบภารกิจวันสุ ดท้ายของผม เราขี่กนั ไปคุยกันไป ได้ความมาว่า ...แกออกเดินทางมาจากกรุ งเทพฯ ข้าม เข้าเขมรมาทางสระแก้ว แล้วค่อยๆเลาะขึ้นมาเรื่ อยๆเป็ นเวลาสามสัปดาห์แล้วกว่าจะ ถึงที่นี่ คืนนี้จะข้ามไปพักที่ดอนเดด หลังจากนั้นจะสวนทางกับที่ผมมา ค่อยๆขึ้น ไปลาวเหนือ แล้วจะไปจบทริ ปที่เชียงใหม่... ฟังแค่น้ ียงั รู ้สึกอิจฉา แม้วา่ เป็ นทางที่ ผมผ่านมาแล้ว ยังรู ้สึกอยากกลับไปปั่นอีกที ออกเดินทางมาครั้งนี้ นับวันยิง่ ได้เจอคนที่มีเป้ าหมายใหญ่ๆมากมาย ...สิ่งที่ผม ทำอยูน่ ี่มนั ช่างเล็กน้อยนัก...

Laos Day Finish

เป็ นวันที่ออกเดินทางเช้าที่สุดตั้งแต่ออกทริ ปมา เพราะน่าจะเป็ นวันที่ตอ้ งขี่ ระยะยาวที่สุดในทริ ปด้วยเหมือนกัน



อาหารการกิน

อาหารเช้ามีความจำเป็ น...ผมก็รู้ดี แต่วนั นี้กว่าจะได้ขา้ วเช้ากินก็ปาไปเกือบ เก้าโมงครึ่ ง กับการเดินทางมาแล้วร่ วมห้าสิ บหลัก สำหรับการใช้ชีวติ สิ บเอ็ดวันที่ลาวนี่ ก็มีได้ลองอาหารลาวอยูห่ ลายอย่าง แต่ก็ มีอยูไ่ ม่กี่อย่างที่กินเป็ นประจำ จะเน้นหาง่ายข้างทาง กินเพื่อประทังชีวติ ...เฝอ... ดูจะเป็ นอาหารหลักที่หากินง่ายที่สุด หาได้ในแทบทุกที่ที่มีหมู่บา้ น อารมณ์มนั ก็เหมือนก๋ วยเตี๋ยวน้ำใสที่ใช้เส้นเหมือนเส้นเล็กบ้านเราแต่เป็ นเส้นกลมๆ ส่ วนเครื่ องจะใส่ พวกหมู ไก่ และหมูยอตามแต่ทอ้ งที่ ทีเด็ดอยูต่ รงที่น้ำซุปแปลกดี แต่อร่อยใช้ได้ จะเสริ ฟพร้อมผักตระกร้าใหญ่ใส่ได้ไม่อ้นั แต่...มันก็มสี ่ิงทีน่ ่ากลัวตรง ตระกร้าเครื่องปรุงทีว่ างอยูข่ า้ งหน้าจงระวังไว้ให้ดี มันจะมีกระปุกทีม่ ผี งสีขาวเรี ยงราย กันอยูส่ ามอันปริ มาณมากมายเท่าๆกัน มันคือ เกลือ น้ำตาล และผงชูรส ซึ่ งอย่าง สุ ดท้ายนี่หล่ะ ที่นี่เขานิยมกินกัน จะใส่ จะเติมอะไรก็ระวังกันไว้ให้ดี!!!... ส่ วนราคาจากเหนือยันใต้นี่ไม่ต่างกัน อยูท่ ี่สองหมื่นถึงสองหมื่นห้าประมาณ นั้น แต่จะต่างกันที่ปริ มาณ...ในเมืองก็นอ้ ยหน่อย นอกเมืองก็มากหน่อย... ...แซนวิส...นี่กก็ ินซะจนเบื่อ เขาใช้ขนมปังฝรั่งเศสแข็งๆนัน่ แหละ ผ่าตาม ยาวแล้วใส่ ผกั ถ้าเป็ นแบบธรรมดาพื้นๆก็จะใส่ หมู ใส่ หมูยอแล้วราดซอสราคาหมื่น ห้า ถ้าแอดวานส์หน่อยราคาก็จะเพิ่มแล้วแต่ไส้ ...ข้าวเหนียว...เสบียงหลัก ราคาเริ่ มต้นที่หา้ พันคือยีส่ ิ บบาทไทย แต่ปริ มาณ นั้นกินทั้งวันก็ไม่หมด อาหารที่นี่ส่วนใหญ่ราคาจะเป็ นมาตรฐาน ไม่วา่ เมืองใหญ่ เมืองท่องเที่ยว เมืองเล็ก หรื อว่าหมู่บา้ น ถ้าอาหารอย่างเดียวกันก็จะราคาเดียวกัน แตกต่างกันที่ ปริ มาณ เพราะฉะนั้นถ้าจำราคาได้ ถ้าคิดจะสัง่ ก็เตรี ยมตังค์ไว้จ่ายได้เลย แต่ที่จะต่างคือพวกน้ำดื่ม น้ำอัดลม ของที่นำเข้าจากไทย แต่ละร้านจะตั้งราคา ไว้ต่างกัน ก่อนจะซื้อก็ถามให้ดีก่อน


อาการน่ าเป็ นห่ วง

วันนี้เป็ นอีกวันที่ทำความเร็ วได้นอ้ ยมาก เพราะเส้นทางเป็ นถนนที่ยอ้ นกลับ มาจากวันที่รถเริ่ มมีปัญหา เส้นทางที่วา่ มีเนินไม่สูงใหญ่แต่มากมาย และจะเป็ น อย่างนี้ไปตลอด การเดินทางในวันนี้เป็ นไปอย่างทุลกั ทุเลดัง่ ที่คิดเอาไว้ ก็ไอ้อาการกระโหลก คลอนที่วา่ มันจะเป็ นจุดอ่อนมันเริ่ มแผลงฤทธิ์ออกมาแล้ว การกดบันไดขึ้นเนินไป แต่ละครั้งมันยิง่ เป็ นการบัน่ ทอนทำให้รถอาการแย่ลงเรื่ อยๆ การออกแรงเหยียบลง ไปแต่ละทีเหมือนขาบันไดมันแทบจะหนีออกจากตัวรถ กดลงไปก็กลัวไปทุกที... แต่กค็ ิดว่าน่าจะพอเอาไปไหว น่าจะไปได้จนจบทริ ป ไปด้วยกันอีกแค่ร้อยแปดสิ บ หลักเท่านั้นเอง!!!... เนื่องจากแรงทั้งหมดในการเริ่มต้นเคลือ่ นจักรยาน อยูท่ ก่ี ารกดเท้าลงทีบ่ นั ไดซึ่ง ติดอยูก่ บั ขาจาน ประสานขาทั้งสองข้างเข้าด้วยกันโดย “แกนกระโหลก” นี่เอง กระโหลกจะยึดติดแน่นอยูก่ บั เฟรม ทำหน้าที่เป็ นแกนข้อเหวีย่ งในการหมุนใบจาน เพราะฉะนั้นการออกแรงจากขาที่ลงมาถึงเท้าแต่ละครั้ง สิ่ งที่รับแรงมากที่สุดก็คือ ตัวกระโหลกนี่เอง ถ้าในทางราบ การกดบันไดจะไม่หนัก เพราะเราจะใช้การถีบ แต่ในทางขึ้น เนินหรื อขึ้นเขา ยิง่ ชันมากเท่าไหร่ แรงที่กดบันไดมันก็มากตามไปเท่านั้น ...การที่ตวั มันเองเป็ นทั้งแกนหมุนและตัวรับแรง แรงที่กดลงไปแต่ละครั้งเท่ากับเราทำร้ายเจ้า แกนกระโหลกไปทุกครั้ง นานๆเข้าผลที่ตามมา...อย่างดีกค็ ือจุดยึดคลาย ถ้าอย่าง เลวร้ายก็จะเหมือนตอนที่เชียงใหม่คือลูกปื นแตก... ยิง่ ระยะทางเพิ่มขึ้น อาการของรถก็ยงิ่ ส่ อแววว่ายิง่ แย่ลง ทำให้หลายๆครั้ง รู ้สึกท้อไปเหมือนกัน เกือบจะตัดใจโบกรถเข้าเมืองไปก็หลายครั้ง เข้าเมืองไปก็น่า จะมีทางแก้ปัญหาได้บา้ ง เพราะตลอดทางที่ผา่ นมาก็พยายามมองหาร้านจักรยาน หรื อร้านมอเตอร์ไซด์กน็ ่าจะพอไหว น่าจะช่วยซ่อมช่วยประทังอาการไปได้บา้ ง


แต่หายังไงก็หาไม่เจอ การพักเลยเกิดขึ้นบ่อยครั้งเมื่อหลังต้องฝื นขึ้นเนินใหญ่ๆ กลายเป็ นปั่ นไป จอดพักไป ยิง่ ทำให้เสี ยเวลากันเข้าไปใหญ่ ออกมาแต่เช้ากว่าจะถึงเมืองก็บ่ายจน เกือบเย็น และในที่สุดก็เห็นแล้ว มาถึงจนได้นะ ...ปากเซ... ก่อนจะถึงปากเซผมก็ยงั ตัดสิ นใจไม่ถกู อยูเ่ หมือนกันว่าจะทำยังไงกับตัวเอง ต่อ ซ่อมรถแล้วก็พกั อยูท่ ี่นี่อีกคืน หรื อจะลุยต่อไปแล้วข้ามชายแดนกลับเลยตั้งแต่ วันนี้ ...อย่างไหนดี...อย่างไหนก็ดีท้ งั นั้น...ค่อยๆคิดอีกทีมนั ก็ไม่สาย แต่พอมาถึงทางดันเป็ นใจ ...ลง และ ลง และ ลง... ลงจนลืมไปเลยว่าอยากจะ หาร้านซ่อมรถ มารู ้ตวั อีกทีกถ็ ึงทางออกนอกเมืองซะแล้ว เลยตามเลยแล้วกัน อีกแค่ สามสิ บหลักน่าจะเอาตัวรอดได้ไม่น่ามีปัญหา

สามสิ บ

ระยะทางสุ ดท้ายกลายเป็ นระยะทางที่ทรมานใจที่สุด หลังจากที่วนั นี้ขี่รถมา แล้วร่ วมร้อยห้าสิ บหลัก เมื่อยทั้งแขน ทั้งขา ปวดมือ ปวดคอ ปวดก้น ล้าไปหมด ทั้งร่ างกาย แล้วไหนจะความหนาว ที่เข้ามาพร้อมกับความมืดที่ยง่ิ ขี่ไปยิง่ มากมาย เพราะบ้านคนนับจะน้อยลง...น้อยลง...น้อยลงจนแทบหายไปเลยในบางช่วงก็มี ไหนจะเรื่ องรถที่มีปัญหา ยิง่ พาให้ขี่ได้ชา้ ลง...ช้าลงไปเรื่ อยๆ เสี ยเวลากันไป ใหญ่ ทั้งๆที่ตอ้ งรี บไปให้ทนั ...ก่อนที่ด่านชายแดนประเทศลาวจะปิ ดทำการ ณ เวลา ยีส่ ิ บนาฬิกา... เวลากระชั้นชิดเข้ามาเรื่ อยๆ...เรื่ อยๆ...เรื่ อยๆ... ตัวเลขบนไมล์วดั ความเร็ วกับ นาฬิกา มันช่างสวนทางกันอย่างสิ้ นเชิง ยิง่ เวลาใกล้จะหมดลงเท่าไหร่ แต่ทำไม ตัวเลขบนไมล์มนั ช่างน้อยลง...น้อยลงอย่างต่อเนื่อง


สิ บ

ระยะทางที่คำนวณเอาไว้มนั ก็น่าจะใกล้ถึงได้แล้ว ยิง่ ช่วงหลังนี้บา้ นคนได้ หายไปนานแล้ว ไฟทางไม่ตอ้ งพูดถึง ถ้าไม่ใช่เมืองใหญ่ไม่เคยมีอยูแ่ ล้ว เพื่อนร่ วม ทางที่เป็ นรถอะไรก็ได้หลายนาทีจะมาให้เห็นสักคัน ไอ้ความกลัวไม่ทนั มันชักเริ่ ม หายไป กลายเป็ นเริ่ มมากลัวความเปลี่ยวแทนซะแล้ว

สาม

เริ่ มมีแสงเรื องๆหลังเนินเขาข้างหน้า ชีวติ เริ่ มมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง

สอง

รอดแล้ว! แสงไฟจริ งๆด้วย ข้ามเนินเขามาได้กเ็ ห็นดวงไฟลิบๆ อีกไม่กี่โค้ง เท่านั้น!

หนึ่ง

ใช่แน่นอน ป้ ายข้างหน้า ...ทุ่มครึ่ ง!... เฉี ยดฉิ ว สิ้ นสุ ดดินแดนลาว ยืน่ เอกสาร...จ่ายตังค์...ไปต่อ... .......... ..... ... .


ดินแดนไทย ก้มจูบพื้น ...ไม่ม้ งั !!!... หรื อใช่???

Thailand Day Finale

...Welcome to Thailand!... จากด่านชายแดนลาวขี่มาถึงด่านชายแดนไทยใช้เวลาไม่ถึงนาทีกเ็ ข้าตรวจ พาสปอร์ตได้เลย นายด่านยิม้ ให้ถามว่าจะไปไหนต่อ ...กรุ งเทพฯครับ... ...ต้องเข้าเมืองนะ รถที่ด่านนี่หมดตั้งแต่หา้ โมงเย็นแล้วหล่ะ ทำไมไม่พกั ก่อน แล้วค่อยไปพรุ่ งนี้เช้า มีโรงแรมอยูต่ รงนี้เอง ถ้าจะเข้าเมืองต้องขี่ไปอีกห้าสิ บกิโลฯ มืดแล้ว อันตราย พักก่อนดีกว่า... พี่เขาคงเห็นผมอ้ำๆอึ้งๆ ท่าทางคิดอะไรไม่ออก ...ก็ลืมหนิ ไม่ได้คิดไว้ก่อน เลยว่าเข้าประเทศมาแล้วจะทำอะไรต่อ ไม่รู้สถานการณ์ล่วงหน้าเลยว่าจะต้องเจอ อะไรบ้าง คิดแต่วา่ เข้ามาให้ทนั เวลาก็พอ... บังเอิญมีรถกระบะเข้ามาจอดต่อรอจะเข้า ประเทศเหมือนกัน พี่เขาเลยเดินไป ปล่อยให้ผมอ้ำอึ้งไปก่อน!?!?! ซักพักพี่เขาเดินกลับมาพร้อมมีทางเลือกใหม่ให้ผม ...บังเอิญรถกระบะคันนี้เขาจะเข้าเมืองพอดี ติดรถน้องเขาไปมัย๊ เขาเป็ น คนลาวนะ พี่ติดต่อไว้ให้แล้ว แล้วค่อยไปว่ากันในเมือง จะหาที่พกั หรื อจะยังไงค่อย ไปว่ากัน... ...ก็ ก็ได้ครับ... ผมตอบรับไปอย่างงงงง!...



อุบลราชธานี

ผิดจากที่จินตนาการไว้ลิบลับ ...ถนนที่อุบลฯนี่สวยจัง... ไฟทางก็สว่างไสว ถนนก็ดเู รี ยบร้อยน่าขีเ่ ป็ นที่สุด ถ้าโอกาสหน้าได้มาขีก่ น็ ่าจะดีเหมือนกัน แต่สำหรับ สภาพร่ างกายและดูจากสภาพรถตอนนี้แล้ว โชคดีแล้วที่ได้อาศัยรถกระบะน้องเขา มา ...ก็เส้นทางมันโครตชันเลย... ข้ามมาถึงเมืองไทยแล้วแต่เรื่ องของลาวยังไม่จบ น้องเขาเป็ นคนคุยเก่งมาก เล่านู่นเล่านี่ไม่หยุด เลยได้ความรู้เกี่ยวกับประเทศลาวมาอีกเยอะ เรี ยกได้วา่ ตอนอยูท่ ่ี ลาวสิ บเอ็ดวัน ยังรู ้ไม่ละเอียดเท่ากับคุยกับน้องเขาแค่ครึ่ งชัว่ โมง เข้าใจเลยหล่ะว่า... ทุกสิ่ งที่เจอมามันเกิดมาจากอะไรบ้าง... ผมตัดสินใจให้นอ้ งเขาส่งผมใกล้ๆกับขนส่ง เพราะเวลานี้เพิง่ จะสามทุม่ อาจจะ มีลุน้ หารถกลับกรุ งเทพฯเลยตั้งแต่คืนนี้ ไม่ตอ้ งนอนอยูท่ ี่นี่อีกคืน ตอนแรกเคยคิดว่าพอถึงเมืองไทยจะค่อยปั่นกลับ แต่พอข้ามกลับมาจริ งๆ ความรู ้สึกมันบอกว่า...จบทริ ปซะที!!!... ถ้าจะปั่น ต่อมันคงไม่มีความสนุกอีกแล้ว... ไม่เอาดีกว่า! ตั้งแต่ออกเดินทางมาก็เกือบเดือนนึงแล้ว ชักจะคิดถึงบ้านแล้วด้วย!.. ผมโชคดีได้รถเที่ยวสี่ทมุ่ ...ขอขอบคุณนครชัยแอร์... บริ การดี ที่นง่ั สบาย แถม ค่าจักรยานก็ไม่ตอ้ งเสี ยเพิ่มด้วย มันช่างดูดี...โชคดีมาตลอดเลยตั้งแต่ขา้ มแดนเข้า มานี่... ...เปลี่ยนซิ ม โทรกลับบ้านก่อนดีกว่า!...

กรุงเทพมหานคร

รถจอดเทียบท่าเวลาเจ็ดโมงเช้าพอดี ถึงซะที...จากไปซะนาน...คิดถึงเหมือน กันนะ...ไอ้รถติดนี่หน่ะ!...


ภารกิจแรกของเช้าวันนี้คือ...การค่อยๆขี่ฝ่าฝูงรถติดไปอีกยีส่ ิ บกิโลฯ จาก หมอชิตถึงบ้าน... แค่คิดก็ข้ ีเกียจแล้ว หากาแฟกินนัง่ คิดเรื่ องของภารกิจที่สองก่อน ดีกว่า ......ภารกิจที่วา่ ....... ...จะบอกที่บา้ นยังไงดีหว่า ว่าข้ามไปลาวคนเดียว!!!... ...!!!...





Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.