1
108 ปญหา เครื่องคอมพิวเตอร ที่พบกันบอย ๆ และแนวทางการแกไขเบื้องตน รวบรวมปญหาตาง ๆ ที่พบไดบอย ๆ กับการใชงานเครื่องคอมพิวเตอร โดยไดพยายามรวบรวม ปญหาที่พบเห็นกันบอย ๆ และนํามาสรุปใหเปนแนวทางสําหรับ การแกไขปญหาเบือ้ งตน หวังวา จะมีประโยชนกับคนอื่น ๆ ไดบาง ปญหาของ Windows •
หลังจาก Setup Windows ใหมแลวเกิดการคาง ไมยอมทําการ Setup ตอไป เกิดขึ้นไดจากหลายสาเหตุ แตสิ่งหนึ่งที่พบบอย ๆ คือการตั้งคา Virus Warning ใน bios ไว ทําใหเครื่องไมสามารถ เขียนขอมูลทับลงบนสวนของ boot record ของฮารดดิสกได ให ลองแกใน bios ตั้งใหเปน Disable ไวกอน และหลังจากทําการ Setup Windows เสร็จแลว คอยตั้งเปน Enable ใหม
•
หลังจาก Setup Windows จะขึ้นขอความ Windows Protection Error ที่พบบอย ๆ มากคือปญหาของ RAM อาจจะเปนเฉพาะชวงที่ทําการ Setup Windows เทานั้น (โดยทีป่ กติกอน Setup Windows จะใชงานได ไมเปนอะไร) ใหทดลองหา RAM มาเปลี่ยนใหมดู หรือหากเปน SDRAM ใหทดลองตั้งคาใน bios คาของ CAS จากที่ตงั้ เปน 2 ลองตั้งเปน 3 ดู อาจจะชวยแกปญหาไดบาง
•
ใช AMD K6II-350 ขึ้นไปลง Windows95 แลวเกิด Error แตลง Windows98 ได จะเกิดจากการใช CPU ของ AMD ที่มีความเร็วตั้งแต 350MHz ขึ้นไปกับ Windows95 วิธีแกไขคือไป Download Patch สําหรับแกปญหานี้ที่ AMDK6UPD.EXE มาแกไขโดยสั่ง รันไฟลนี้แลวบูทเครื่องใหมกอน อานรายละเอียดทีน่ ี่
ปญหาของ ฮารดแวร •
RAM หายไปไหนเนี่ย ใสเขาไป 32 M. ทําไม Windows บอกวามี 28 M. เอง อาการของ RAM หายไปดือ้ ๆ จะเกิดกับการใชเมนบอรดรุนที่มี VGA on board นะครับ ที่ จริงก็ไมไดหายไปไหนหรอก เพียงแตสวนหนึ่งของ RAM จะถูกนําไปใชกับ VGA ครับ และขนาดทีจ่ ะโดนนําไปใชก็อาจจะเปน 2M, 4M หรือ 8M ก็ไดขึ้นอยูก ับการตั้งใน BIOS ครับ
2 •
ใชเครื่องไดสักพัก มักจะแฮงค พอปดเครื่องสักครูแลวเปดใหม ก็ใชงานตอไดอีกสักพักแลว ก็แฮงคอีก อาจจะเกิดจากความรอนสูงเกินไป อยางแรกใหตรวจสอบพัดลมตาง ๆ วาทํางานปกติดี หรือเปลา หากเครื่องทํา Over Clock อยูดวยก็ทดลองลดความเร็วลงมา ใชแบบงานปกติ ดูกอนวายังเปนปญหาอยูอีกหรือเปลา ถาใน bios มีระบบดูความรอนของ CPU หรือ Main Board อยูดวยใหสังเกตคาของ อุณหภูมิ วาสูงเกินไปหรือเปลา ทั้งนี้อาจจะทําการเพิม่ การ ติดตั้งหรือเปลีย่ นพัดลมของ CPU ชวยดวยก็ดี
•
มีขอความ BIOS ROM CHECK SUM ERROR ตอนเปดเครื่อง อาการนี้สวนใหญเกิดจากถานของ BIOS หมดหรือเกิดการหลวมครับ ใหลองขยับถานให แนน ๆ ดูกอน ถาไมหายก็ตอ งลองเปลี่ยนถานบนเมนบอรดดู (กอนเปลี่ยนถามี Meter วัด ไฟดูกอนก็ด)ี หลังจากเปลี่ยนแลวใหทําการ Clear BIOS Jumper กอนดวย จะเปน Jumper ใกล ๆ กับ IC BIOS นั่นแหละ ทําการ Jump คางไวสัก 5 วินาทีแลวก็ Jump กลับที่เดิมกอน หลังจากนัน้ ตองเขาไปตั้งคาตาง ๆ ของ BIOS ใหมดว ย
•
ลืม Password ของ BIOS จะทํายังไงดี ใหทําการถอดถานของ BIOS ออกสักครู แลวใสกลับเขาไปใหม ทําการ Clear Jumper BIOS กอนดวย หรือลองดูวิธีการ Clear/Reset Password ของ BIOS
•
ซื้อฮารดดิสกมาขนาดใหญ ๆ แตหลังจากทําการ Format แลวเครื่องมองเห็นแค 2G อยางแรกใหดกู อนเลยวา ใชระบบ FAT16 หรือ FAT32 ถาหากเปน FAT16 จะมองเห็นได สูงสุดแค 2G ตอ 1 Partition เทานั้น ตองใชแบบ FAT32 ครับ วิธีการคือใช FDISK ของ แผน Startup Disk WIN98 มาทํา FDISK (ถาเปน FDISK จาก DOS หรือ WIN95 จะเปน แบบ FAT16) ดูวิธีการทํา fdisk และ การ format ฮารดดิสก ที่นี่
•
ไมสามารถใชงาน ฮารดดิสกไดมากกวา 8G. สําหรับเมนบอรดรุนเกา ๆ เกิดจากที่ BIOS ไมสามารถรูจักกับ ฮารดดิสกที่มีขนาดใหญ ๆ ได จะเปนกับเมนบอรดรุน เกา ๆ ที่เคยพบมาอีกแบบคือ Windows มองเห็นเกิน 8G แตไมสามารถใชงานได จะบอกวา ฮารดดิสกของเราเต็ม วิธีแกไขอยางแรกคือ ใหลองทําการ Update BIOS เปน Version ใหม ดูกอน (ถาหาได) หรือไมก็หา Download โปรแกรมสําหรับจัดการพื้นที่ฮารดดิสก จากเวป ไซตของผูผลิตฮารดดิสกยหี่ อนั้น ๆ หรืออาจจะใชวิธีการแบง Partition ใหมีขนาดใหญไม เกิน 8G ตอ 1 Partition ก็อาจจะชวยได
3
ปญหาของ ซอฟตแวร •
หลังจากลงโปรแกรมปองกันไวรัส McAfee 4.0.3 แลวไมสามารถบูทเขา Windows ได เทาที่พบจะเกิดกับบางเครื่องเทานั้น ปญหาเกิดจากหลังจากที่เราติดตั้ง McAfee ลงไปแลว เครื่องจะทําการ Scan ขอมูลในฮารดดิสกโดยใสเปน Batch File ไวในไฟล autoexec.bat ซึ่งบางครั้งจะเปนปญหาทําใหคาง ไมยอมเขา Windows ตอไป วิธีแกไขคือ ใหเปดเครื่อง เขาใน MS-DOS Mode โดยกดปุม F8 คางไวขณะเปดเครื่อง จะเขามาที่เมนู Microsoft Windows 98 Startup Menu เลือกขอ 6. sefe mode command prompt only แลวใชคําสั่ง "edit autoexec.bat" เพื่อแกไขไฟลโดยใหลบบรรทัดที่มีคําสั่ง scan.exe ออกครับ ทําการ save file แลวทดลองบูทเครื่องใหมอีกครั้ง
•
พิมพหนา Web Page ออกเครื่องพิมพแบบ Ink Jet เปนภาษาไทยไมได จะมีแต ภาษาอังกฤษ สวนใหญ ปญหานี้จะเกิดกับการใชเครื่องพิมพแบบ อิงคเจ็ท รุนใหม ๆ วิธีแกไขคือ ใหลอง หา Download Driver รุนใหม ๆ ของเครื่องพิมพจาก Web Site ของเครื่องพิมพนั้น ๆ เพราะบางครั้งอาจจะมีการแกไขปญหานีแ้ ลว หรือไมกใ็ ชวิธีเขาไปตั้งคา Regional Settings ที่ Control Panel เปน English(USA) กอน เมื่อพิมพเสร็จแลวก็เปลีย่ นกลับมาเปน Thai เหมือนเดิม การตั้งคาก็ทําโดยกดที่ Start เมนู >> Settings >> Control Panel เลือกที่ Regional Settings เปลี่ยนเปน English(USA)
•
สั่ง Defrag Hard Disk แลวไมยอมเสร็จ จะกลับมาเริ่มตนใหม วนแบบนี้อยูเรื่อย ๆ สาเหตุ เกิดจากมีโปรแกรมบางตัวทํางานอยูในเวลานั้นดวยและสั่งเขียนขอมูลลงบนฮารดดิสก เชน Screen Saver, Winamp หรือพวก Anti Virus บางตัว ใหทําการปดโปรแกรมเหลานี้ให หมดกอน หรืออาจจะใชวิธีเขา Windows ใน Self Mode (กด F8 ตอนเปดเครื่องแลวเลือก Self Mode)
•
ใชการดจอของ TNT แลวเมื่อพิมพขอความตาง ๆ สระบนลางไมยอมขึน้ มาทันที ตองพิมพตัวตอไปกอนจึงจะเห็น เปนปญหาที่พบบอยมาก ๆ กับผูที่ใชการดจอของ TNT ครับใหลองหา Driver รุนใหม ๆ จากเวปไซตของผูผลิตการดจอมาใช จะแกไขไดหรือใช Driver ของ Detonator Version 3.65 ขึ้นไป หาไดจาก http://www.3dchipset.com
•
Audio Grabber โปรแกรมแปลงเพลงจาก ซีดีเพลงธรรมดา ใหเปน MP3
•
ในขณะนี้ เพลงในรูปแบบของ MP3 กําลังเปนที่นิยมกันมากสําหรับเครื่องคอมพิวเตอร วิธีการที่จะ แปลงเพลงจากรูปแบบของ CD Audio หรือ CD เพลงธรรมดาทั่ว ๆ ไปก็งาย ๆ โดยใชโปรแกรม Audio Grabber เปนตัวแปลง มาดูวิธีการกันเลยดีกวา
4 •
•
•
เริ่มตนจากหาโปรแกรม Audio Grabber มาติดตั้งกอน โปรแกรมนี้จะเปน Shareware ครับซึ่งจะมี ขอจํากัดตาง ๆ มากเหมือนกันเชนในรุนเกา ๆ ก็จะทําการแปลงไดเฉพาะบาง Track เทานั้น หรือในรุน ใหม ๆ ที่เห็นก็คือจะทําการแปลงไดเพียงแคครึ่ง Track ดังนั้น งานนี้ตองหาตัวที่เปน Full Version มาใช กันเอง เมื่อทําการ Download มาเรียบรอยแลวก็ทําการ Unzip ไปเก็บไวกอน แลวสั่ง Setup จากไฟล Setup.exe ไดเลย จากนั้นก็กด Next ไปเรื่อย ๆ จนเสร็จ (งาย ๆ นะ ขอไมลงรายละเอียดในสวนของ วิธีการติดตั้งนะ) นอกจากนี้แลว เจาโปรแกรม Audio Grabber ก็ยังสามารถทําการติดตั้งตัว Encoder ตัวอื่น ๆ เพิ่มเติมได ดวย ที่ผมแนะนําใหใชก็คือ BladeEnc's MP3 DLL หาไดจากเวปของ Audio Grabber Download เพราะวาจะไดเสียงที่ดีกวาตัว Encoder ที่มีมาใหกับ Audio Grabber มาก การติดตั้ง Encoder ก็ทําไดงาย ๆ ครับ เพียงแคทําการ Unzip เอาไปเก็บไวใน Folder เดียวกับโปรแกรม Audio Grabber เทานั้นก็ใชงาน ไดแลว ในขั้นแรก ใหทําการหา Download และติดตั้งใหครบกอน เริ่มตนเรียกโปรแกรม Audio Grabber (หากหาไมพบใน Start Menu ลองใช Windows Explorer เปดหา จาก C:\Program Files\AudioGrabber นะครับ เรียกไฟล audiograbber.exe ตามรูปตัวอยาง)
• • •
เมื่อเรียกโปรแกรมขึ้นมาและใสแผน CD เพลงในชอง CD ROM Drive จะเห็นหนาตาดังนี้
5
• •
•
กอนที่จะเริ่มตน ตองทําการ Set คาตาง ๆ กอนครับ เริ่มจาก ใชเมาสกดที่ปุม Settings บน Tool Bar
6 •
•
• • •
•
•
ที่ชอง Directory to store files in: ใหเลือกชื่อของ Folder ที่จะเก็บไฟล MP3 หลังจากที่ทําเสร็จแลว โดยอาจจะสราง Folder ขึ้นมาใหมก็ไดครับ เพื่อจะไดไมไปปนกับไฟลอื่น ๆ การเลือกก็ทําโดยกดที่ปุม Browse... แลวเลือก Folder ที่ตองการนะครับ เมื่อกําหนดเรียบรอยแลวก็กดที่ปุม OK ทําการ Setup ในสวนของการแปลงเปนไฟล MP3 โดยใชเมาสกดที่ปุม MP3 บนเมนู Tool Bar
ทําการติ๊กถูกที่ชองตอไปนี้ Send Wavefile to MP3 CODEC Delete wavefile after MP3 is created เพื่อใหทําการลบไฟล wave หลังจากทํา MP3 เสร็จ Encode with Highest Quality หรือตามรูปดานบนในสวนดานลาง ก็คือสวนที่สามารถใหเราทําการเลือกโปรแกรมที่จะทําการแปลง ไฟล MP3 ได ซึ่งจะมีทั้งแบบ External และ Internal เนื่องจากในขั้นตอนการติดตั้ง ผมแนะนําใหใช ตัวแปลงของ BladeEnc DLL นะ โดยหา Download มาแลวก็ Unzip เก็บไวใน Folder เดียวกับ Audio Grabber เลย การเลือกใชก็โดยใชเมาสกดเลือกที่ BladeEnc DLL ตามรูปเลย ชองของ Mode ก็คือการเลือกจํานวนของขอมูลที่จะเขารหัส โดยปกติจะใชงานที่ 128kBit/s, 44,100Hz, Stereo ครับ แตถาใครตองการคุณภาพเสียงที่ดีกวานี้ หรือแยกวานี้ ก็ลองเลือกเปนคาอื่น ๆ ดูก็ได ซึ่งยิ่ง เราเลือกคาสูงขึ้น ขนาดของไฟล MP3 ที่ไดก็จะใหญมากขึ้นตามไปดวย เลือกเสร็จเรียบรอยแลวก็กด OK เลย
7
• •
•
ขั้นตอนตอไป ก็คือการกด ติ๊กเครื่องหมายถูก ที่ Norm. เพื่อใหโปรแกรมทําการปรับระดับของเสียงให เสมอกัน และกด ติ๊กเครื่องหมายถูกที่ชอง MP3 ดวยนะ ที่ชองของ Track ตาง ๆ ก็เลือกเพลงที่ตองการ จะเปลี่ยนเปน MP3 จากนั้นกดที่ Grab! เพื่อเริ่มตน ไดเลย
8 •
• •
นี่คือภาพขณะโปรแกรมกําลังทํางาน โดยจะทําการ copy ขอมูลจากแผนเพลงกอน ทําการ Normal และ เปลี่ยนเปน MP3 ใชเวลามากนอยก็ขึ้นอยูกับความเร็วของเตรื่องคอมพิวเตอร และความเร็วของ CDROM Drive ดวยนะ รอจนเสร็จ ก็จะไดไฟล MP3 ตามตองการ
ไฟล MP3 ที่ไดจะเก็บอยูใน Folder ที่เราเลือกตอนแรก จะเห็นวาขนาดไมใหญมากนัก ก็ทําการเปลี่ยน ชื่อใหเปนชื่อเพลงซะ เปนอันจบ นําเอาไปฟงกับ Winamp ไดเลย
•
Cache นั้นสําคัญไฉน [ 15 Mar. 1999 ] •
Cache คืออะไร? และ ที่มาของ Cache Cache นั้น ถาวากันตามหลักการ มันก็คือ หนวยความจําชนิดหนึ่ง ซึ่งจะมีความเร็วในการเขาถึง และการถายโอนขอมูล ที่สูง โดยจะมีหนาทีใ่ นการเก็บ พัก ขอมูลที่มีการใชงานบอยๆ เพื่อเวลาที่ CPU ตองการใชขอมูลนั้นๆ จะไดคนหาไดเร็ว โดยที่ไม จําเปน ที่จะตองไปคนหาจากขอมูลทั้งหมด เปรียบเทียบกันงายๆ ก็เหมือนกับการอานหนังสือ แลวเวลาที่เจอขอความที่นาสนใจ ก็ทําการจดบันทึกไวทส ี่ มุด แลวเมือ ่ เวลา ตองการ ขอมูลนั้นๆ ก็สามารถคนหาจากในสมุดจดไดงายกวา เปดหาจากหนังสือทั้งเลม แนนอน ขอมูลที่จดลงในสมุดนั้น มี ขนาดนอยกวา ในหนังสือแนๆ คงไมมีใครที่จะลอกขอมูล ทุกบันทัด ทุกหนาของหนังสือ ลงในสมุดจดเปนแนแท เรามาวากันถึงเรื่อง Cache ของเรากันตอดีกวา จากที่กลาวมาแลวขางตน ในปจจุบัน เราจะพบการใชงาน Cache อยู 2 แบบ นั่น ก็คือ Memory Cache และ Disk Cache โดยที่หลักการทํางานของทั้ง 2 ชนิดนี้ก็คลายๆ กัน กลาวคือ Disk Cache นั้น จะเปน การอานขอมูลที่ตองการใชงานเขามาเก็บไวในหนวยความจําหลัก เมื่อ CPU มีการเรียกใชงาน ก็จะเขาไปคนหาในหนวยความจํา หลักกอน หากวาไมพบจึงจะไปคนหาใน Harddisk ตอไป และ ในกรณีของ Memory Cache นั้น ก็เปนอีกลําดับขั้นหนึ่งถัดจาก Disk Cache นั่นก็คือ จะทําการดึงขอมูลที่มีการเรียกใชงานบอยๆ เขามาเก็บไวในหนวยความจํา ขนาดเล็ก ที่มีความไวสูงกวา หนวยความจําหลัก เมื่อ CPU ตองการใชงาน ก็จะมองหาขอมูลที่ตองการที่ หนวยความจําขนาดเล็กนั้นกอน กอนที่จะเขาไปหา ในหนวยความจําหลักที่ มีการเขาถึงและการสงถายขอมูลทีช ่ า กวาตอไป และ หนวยความจําขนาดเล็กๆ นั้น เราก็เรียกมันวา Cache นั่นเอง สําหรับในบทความนี้ เราจะพูดถึงเรื่อง Memory Cache กันอยางเดียว เพราะฉะนั้นผมจะขอเรียกแคสั้นๆวา Cache ก็ขอใหเปน
9 อันเขาใจตรงกันนะครับ วามันหมายถึง Memory Cache
Cache นั้น ตําแหนงของมัน จะอยูระหวาง CPU กับ หนวยความจําหลัก โดยมันจะทําการดึง หรือ เก็บขอมูลที่มีการเรียกใชงาน บอยๆ จากหนวยความจําหลัก ซึ่งความไวในการอาน หรือ สงถายขอมูลจาก Cache ไปยัง CPU หรือ จาก CPU ไปยัง Cache นั้น จะทําไดเร็วกวา จากหนวยความจําหลักไปยัง CPU หรือจาก CPU ไปยังหนวยความจําหลัก มาก เพราะทําดวย SRAM ซึ่งมี ความไวสูง และมีราคาแพงกวาหนวยความจําของระบบที่เปน DRAM อยูมาก และก็เพราะราคาที่แพงนี้ ทําใหขนาดของ Cache ที่ใชในระบบ จึงมีขนาดนอยกวาหนวยความจําหลักอยูมากเชนกัน DRAM หรือ Dynamic RAM นั้นจะทําการเก็บขอมูลในตัวเก็บประจุ ( Capacitor ) ซึ่งจําเปนจะตองมีการ refresh เพื่อ เก็บ ขอมูลใหคงอยู โดยการ refresh นี้ ทําใหเกิดการหนวงเวลาขึ้นในการเขาถึงขอมูล และก็เนื่อง จากที่มันตอง refresh ตัวเองอยู ตลอดเวลานี้เอง จึงเปนเหตุใหไดชื่อวา Dynamic RAM สวน SRAM นั้นจะตางจาก DRAM ตรงที่วา DRAM จะตองทําการ refresh ขอมูลอยูตลอดเวลา แตในขณะที่ SRAM จะเก็บ ขอมูลนั้นๆ ไว และจะไมทําการ refresh โดยอัตโนมัติ ซึ่งมันจะทําการ refresh ก็ตอเมื่อ สั่งใหมัน refresh เทานั้น ซึ่งขอดีของ มัน ก็คือความเร็ว ที่เร็วกวา DRAM ปกติมาก แตก็ดวยราคาที่สูงกวามาก จึงเปนขอดอยของมันเชนกัน จากที่กลาวมาขางตน ก็ดูเหมือนวา Cache นั้น มีความสําคัญ ตอความเร็วของระบบอยูไมใชนอย แลวทําไมเราถึงเพิ่งจะให ความสําคัญกับมันละ? เพราะวา เพิ่งมีการใช Cache กับ CPU รุนใหมๆ อยางนั้นหรือ? เปลาเลย จริงๆแลว เรามีการใช Cache มาตั้งนานแลว ตั้งแตรุน 80486 ซึ่งสมัยนั้นทาง Intel ก็ไดเริ่มมีการใส Cache ใหกับ CPU ของตน โดยเริ่มใสขนาด 8KB ในรุน 486DX-33 และ ไดทําการเพิ่มเปน 16KB ในรุน 486DX4 เปนตนมา ซึ่ง Cache ที่ใส ไปนั้น ไดใสเขาไปในแกนหลักของ CPU เลย ทําใหการติดตอระหวาง CPU กับ Cache นั้น ทําไดเร็วมาก และมีการใช Cache อีกขั้นหนึ่ง โดยใสไวที่ Mainboard ซึ่งจะมีขนาดทีใ่ หญกวา แตชา กวา Cache ที่ใสไวในแกน CPU เมื่อ CPU ตองการขอมูลใดๆ ก็จะทําการคนหาจาก Cache ที่อยูภายในแกน CPU กอน หากวาพบขอมูลที่ตองการ ( เรียกวา Cache Hit ) ก็จะดึงขอมูลนั้นๆ มาใชงานไดเลย แตหากไมพบ ( เรียกวา Cache Miss ) ก็จะทําการคนหาในสวนของ Cache ที่ อยูบน Mainboard ตอไป และ หากวายังไมพบอีก ก็จะไปคนหาในหนวยความจําหลักตอไปอีกขั้น และหากวาในหนวยความจํา หลักนั้น ก็ยังไมมีขอมูลทีต ่ องการ ก็จะไปคนหาตอใน Harddisk ตอไป ดวยตําแหนงในการเก็บ Cache ที่ตา งกัน และ ลําดับขั้นในการเรียกใชงานตางกัน จึงเรียก Cache ที่อยูในแกนของ CPU วา Internal Cache หรือ Level 1 Cache ( L1 Cache ) และ เรียก Cache ที่อยูบน Mainboard นั้นวาเปน External Cache หรือ Level 2 Cache ( L2 Cache ) ตอมา ใน CPU รุน Pentium ของ Intel นั้น ก็ไดทําการแบง Cache ภายใน ออกเปน 2 สวนเพื่อแยกการทํางานกัน ซึ่งก็ไดแบง จาก 16KB นี้ ออกเปน 8KB เพื่อใช เก็บคําสั่งตางๆ เรียกวา Instruction Cache และ อีก 8KB เพื่อใชเก็บขอมูลตางๆ เรียกวา Data Cache และตอมา CPU ในรุน Pentium II ของทาง Intel นั้น ก็ไดมีการเปลี่ยนแปลงตําแหนงการเก็บ Cache ระดับ 2 ซึ่งจากปกติจะ จัดเก็บไว บน Mainboard ก็ทาํ การยาย มาเก็บไวบน Package เดียวกับ CPU ( CPU Intel Pentium II นั้น จะมีลักษณะเปน Cartridge แผนกวางๆ มี CPU อยูตรงกลางและ เก็บ Cache ไวขางๆ แลวรวมกันเปน Package เดียวกัน เรียกวา Single Edge
10 Contact Cartridge หรือ SECC แตก็ยังคงเรียก Cache ที่อยูบน SECC วาเปน External Cache หรือ Level 2 Cache เชนเดิม เพราะยังคง อยูภ ายนอกตัว CPU เพียงแคอยูบน Package เดียวกันเทานั้น แตดวยราคาทีส ่ ูงมากของ CPU Pentium II ในสมัยที่เพิ่งวางตลาดนั้น ทําใหมีผท ู ี่มีอํานาจในการซื้อมาใชงานนอย ทาง Intel จึงไดตัด Cache ระดับ 2 ออก จาก Pentium II เพื่อลดตนทุนการผลิต และ เปลี่ยนรูปแบบ Package ใหดูบางลง แลวเรียก CPU ใหมนี้วา Celeron และ เรียก Package ของ Celeron วา Single Edge Processor Package จากที่กลาวมาแลวขางตนมาแลววา Cache นั้นมีราคาสูง เพราะฉะนั้น เมื่อตัด Cache ระดับ 2 ออกทําใหราคาของ Celeron ถูก กวา Pentium II อยูมาก และ ทาง Intel ก็หวังจะใช Celeron ทีร่ าคาถูกนัน ้ ตีตลาดระดับกลาง และ ระดับลาง แตแลวก็ฝนสลาย เพราะ Celeron ที่ไมมี Cache นั้น ในดานการเลนเกมส ที่ไมมีการเรียกใช Cache เทาไร ทําคะแนน หรือ มี ความสามารถ เทียบเทากับ Pentium II ที่ระดับความเร็วเทาๆ กัน แต ในงานดาน Office Application เชน Microsoft Word, Microsoft Excell กลับทําไดแยมากๆ จากที่เห็นก็คือ Celeron ทีค ่ วามเร็ว 300 MHz นั้น เมื่อใชงานกับ Application ดังกลาว กลับชากวา Pentium MMX 233 เสียอีก ทําให Celeron รุนดังกลาวไมไดรบ ั ความนิยมเทาใดนัก ทาง Intel จึงไดผลิต Celeron รุนใหมที่ไดเติม Cache ระดับ 2 เขาไปดวย โดยใหมีขนาดเพียง 1/4 ของ Pentium II แตให ทํางานดวย ความเร็วเทากับ ความเร็วของ CPU ( Cache ระดับ 2 ของ Pentium II นั้นจะทํางานที่ความเร็วเพียงครึ่งหนึง่ ของ ความเร็ว CPU ) และเพียงแคเพิ่ม Cache ระดับ 2 เขาไปนี้เอง ผลคะแนนทีไ ่ ดจากการทํางานกับ Application ดังกลาวนัน ้ กลับ ั เพิ่มขึ้นมามาก ตางจาก รุนเดิมที่ไมมี Cache อยางเห็นไดชด นี่เปนจุดหนึ่งละนะ ทีท ่ ําให Cache เริ่มเปนทีส ่ นใจ มากขึ้น แตยังไมหมดเทานี้ อีกจุดหนึง่ ที่ทาํ ใหเรื่องของ Cache นั้น เปนที่ กลาวถึง กันมากขึ้นในขณะนี้ เกิดจากการประกาศตัวของ AMD K6-III AMD K6-III มีอะไรดี ถึงทําใหเรื่องของ Cache เปนที่นาสนใจนัก อันนี้คงตองเทาความกลับไปอีกสักนิดหนึ่งกอน วา CPU ของ AMD นั้นก็มีการใช Internal Cache และ External Cache เชนเดียวกับ CPU ของ Intel มาโดยตลอด เมื่อ Intel เปลี่ยน สถาปตยกรรมใหม เอา Cache ไปไวบน Package ของ CPU และไมมีการใช Cache บน Mainboard อีกตอไป แตทาง AMD ก็ ยังคงใชงานบน สถาปตยกรรมเดิม คือมี Internal Cache ภายใน CPU และมี External Cache อยูบน Mainboard เรื่อยมา จนถึงรุน AMD K6-2 พอมา AMD K6-III ( หรือก็คอ ื AMD K6-3 แตมีการเปลีย ่ นชื่อ เพื่อใหสอดคลองกับ Intel Pentium III ) ทาง AMD ก็ไดทํา การ เพิ่ม Cache เขาไปที่ Package ของ CPU บาง ( แตไมไดรวมเขาไปในแกนของ CPU ) และ ก็ยังคงใหมี Cache บน Mainboard เชนเดิม ดังนั้น จึงเกิดมีการใชงาน Cache ถึง 3 ระดับดวยกัน ( เรียกวา Tri-Level Cache ) โดย ระดับแรกสุดนั้น ก็ น Mainboard ซึ่ง คือ Cache ที่อยูภายในแกนของ CPU เลย ระดับถัดมา ก็อยูบ น Package ของ CPU และ ระดับสุดทายอยูบ ขนาดของ Cache ก็จะมากขึ้นตามลําดับ ในขณะที่ความเร็วในการใชงานกลับลดลงตามลําดับ และนี่เอง จึงทําใหเรื่องของ Cache นั้นเปนที่นาสนใจยิ่งนัก ทั้งเรื่องที่วา ขนาดของ Cache ที่มีใน Celeron มีนอย แตทาํ งาน ดวยความเร็วสูง เทากับความเร็ว CPU สวน Pentium II มี Cache มากกวา Celeron แตทํางานดวยความเร็วเปนครึ่งหนึ่ง ของ ่ งของ Tri-Level Cache ใน AMD K6-III นั้น จะทําใหระบบเร็วขึ้น CPU อยางไหนสําคัญกวากัน ขนาด หรือ ความเร็ว? และ เรือ จริงไหม? มี Cache หลายระดับดีกวาไหม? เราจะมาดูกันตอไป ถึงรายละเอียด และ ความสําคัญของ Cache ในแตละระดับกันตอไป •
Cache ระดับ 1 ( Level 1 cache ) ุ ทําให CPU สามารถเขาถึงได Cache ระดับ 1 นั้น จะเปนสวนที่สาํ คัญทีส ่ ุด และตําแหนงของมันก็จะอยูใกลๆ กับตัว CPU ที่สด รวดเร็วมาก ซึ่งโดยปกติแลวขนาดของมัน ก็จะไมใหญนัก เชน สําหรับ CPU Intel Pentium II หรือ Intel Celeron จะมี L1 Cache ขนาดเพียง 32 KB และ บน AMD K6-2 จะมีขนาด 64 KB ซึ่งถึงแมวาจะมีขนาดเพียง เล็กนอย แตก็มีความสําคัญมาก ลองดูผลการทดลองประกอบ เพื่อดูความสําคัญของ Cache ทั้ง 2 Level นะครับ o o o o o
AMD K6-2 350MHz บน ASUS P5A ( L2 512KB ) PC100 SDRAM 1x128 MB Matrox Millenium G200 8 MB Display Card Driver Version 4.26 ทดสอบโดย Program Final Reality 1.01 บน Windows 98 / DirectX 6.0 ทดสอบ 4 ครั้ง โดยทดสอบ ครั้งที่ 1 L1 on L2 on, ครั้งที่ 2 L1 on L2 off, ครั้งที่ 3 L1 off L2 on และ ครัง้ สุดทาย L1 off L2 off
ผลที่ไดจากการทดสอบเปนดังกราฟนีค ้ รับ
11
จากรูป จะเห็นวา เมื่อ disable L1 cache แลว Performance จะ drop ลงอยางเห็นไดชด ั ๆ เลย และ เชนกัน เมื่อ disable L2 Cache แลว Performance ก็ drop ลงเชนกัน แตก็ยังเห็นผลไดไมชัดเจนเทากับการ disable L1 Cache เอาละ ทีนี้ดผ ู ลการทดสอบอยางไมเปนทางการของผมประกอบนะครับ o o o
Intel Pentium II 300 MHz ( L1 32KB, L2 512 KB ) บน DFI LX ( ที่ office ) PC 66 SDRAM 1x32 MB ทดสอบโดย Wintum 98 version 1.0.33
การทดสอบ
Memory Performance ( MB/s )
L1:on, L2:on
636.0284
L1:on, L2:off
538.4206
L1:off, L2:on
*
L1:off, L2:off
*
่ เรียก Program ก็คา งไปเลย ( ไม หมายเหตุ * หมายถึง ใชเวลาในการ boot นานมาก ( มากกวา 5 นาที ) และ เมือ hang แตนานมาก ก็เลยไมไดทดสอบ )
จากผลการทดลองขางตน ทั้ง 2 การทดลอง ก็พอจะสรุปกันไดแลวนะครับ ถึงความสําคัญของ Level 1 Cache และ Level 2 Cache โดยเฉพาะอยางยิ่ง กับ Level 1 Cache นั้น เมื่อผมปดการใชงานของมันที่ BIOS เทานั้นหละ ( Disable Level 1 Cache ) กวาจะ boot ทีนึงก็นานเลย กวาจะทําอะไรๆ ก็ลําบาก จะขยับ mouse ยังยากเลยครับ พอเรียก program ก็รอกวา 5 นาที ถึงจะขึ้นหนาจอมา ยิ่งถา เปน mode ที่ disable ทั้งL1 และ L2 cache นั้น พอเรียก program ก็หยุดนิ่งไปเลย Level 1 cache นั้น จะทํางานดวยความเร็วทีเ่ ทากับ CPU เลย ( คงเพราะฝงอยูในตัว CPU ) และ สําหรับกวาที่วา ยิ่งมี Cache มากๆ ก็จะยิ่งเร็วกวา แนนอนวา คํากลาวนี้เปนจริง แตก็ไมใชทั้งหมดทุกกรณี เพราะวามีองคประกอบอื่นๆ ดวย ดังจะเห็นไดจาก L1 cache ของ Intel Pentium II ซึ่ง มี ขนาดเพียง 32 KB แตมีการเขาถึงได 4 ทิศทาง ( 4 way associative ) ในขณะที่ AMD K6-2 จะมี L1 cache ขนาด 64 KB แตมี การเขาถึงไดเพียง 2 ทิศทาง ( 2 way associative ) ซึ่งในกรณีของการเขาถึง แบบสุมนั้น Intel จะทําไดเร็วกวา AMD •
Cache ระดับ 2 ( Level 2 cache ) สวนถัดมาในการคนหาขอมูลของ CPU เมื่อคนหาใน Cache ระดับ 1 ไมพบ ก็คือ Cache ระดับ 2 ซึ่ง ขนาดของ Level 2 Cache นั้น ก็จะตางกัน ตามรุน และ ชนิดของ CPU นั้นๆ ซึ่ง ก็แนนอน จะมีความของความเร็วแตกตางกันไปดวย
12 จากที่กลาวมาแลวเมื่อตอนตนๆ ถึงเรื่องของ Celeron กับ Pentium II ที่วา Celeron นั้นมี Cache ระดับ 2 เพียง 128 KB แต ทํางานดวยความเร็วเทาๆ กับ CPU สวน Pentium II จะมี Cache ระดับ 2 ถึง 512 KB แตทํางานดวย ความเร็วเพียง ครึง่ หนึ่ง ของความเร็วของ CPU แลวอยางไหน สําคัญกวากัน ความเร็ว หรือวาขนาด ่ ุด เพราะวา เราจะมาดูผลการเปรียบเทียบประสิทธิภาพกันระหวาง Pentium II กับ Celeron ซึ่งดูจะยุติธรรม และ เปนกลางทีส ตางก็ใชแกนของ CPU เหมือนๆกัน จะตางกันก็เพียงแคขนาด และ ความเร็วของ Cache ระดับ 2 เทานั้น ใหสังเกตุที่รูปขางลาง 2 รูปตอไปนี้ ซึ่งเปนกราฟแสดงผลเปรียบเทียบ Performance ระหวาง Pentium II 300 และ Celeron 300A ดวย Mainboard ASUS P2B สวน spec อื่นๆ ก็ตามที่กลาวไวแลวขางตน ( ตอนทดสอบ K6-2 )
แสดงผลการเปรียบเทียบระหวาง ขนาด และ ความเร็วของ L2 cache ดวย Winstone
แสดงผลการเปรียบเทียบระหวาง ขนาด และ ความเร็วของ L2 cache ดวย Quake II
จะเห็นไดวา มี Level 2 Cache มากๆ นั้น ให Performance ที่ดีกวาจริงๆ แตก็ไมมากนัก เห็นผลไมชัดเจน เมื่อเทียบ กับ Celeron ที่มี Level 2 Cache ที่เร็วๆ อยางไรก็ตาม ขนาดของ Level 2 cache นั้น ก็ยังเปนจุดหลักสําคัญของ Performance เพื่อลดการ access disk โดยการอาน ่ ะตองอานขอมูล ขอมูลมาเก็บไวที่ RAM และนําสวนสําคัญๆ ทีใ่ ชบอยๆ มาเก็บที่ Cache นั้น ถา Cache มีขนาดทีใ่ หญๆ การทีจ จาก RAM ซึ่งชากวา Cache นั้น ก็ทําไดดีกวา ยิ่งกับระบบ Network-File-Server นั้น ยิ่งมี Cache มากๆ และ เร็วๆ จะยิ่งดี ดังนั้น Intel Pentium II Xeon จึงมี L2 Cache 512K หรือมากกวานั้น และ ทํางานที่ความเร็วเทาๆ กับ CPU สําหรับ AMD K6, K6-2 นั้น ใช cache ซึ่งอยูบน Mainboard ซึ่ง ความเร็วสูงสุด ก็ตาม FSB ที่ใช เชน K6-2 300 MHz นั้น Level 2 Cache ก็จะมี ความเร็ว ที่ 100 MHz ( FSB 100 MHz ) แต Intel Pentium II - 300 MHz นั้น จะมี Level 2 Cache ที่ ความเร็ว 150 MHz และ Celeron 300A จะมี Level 2 Cache ที่มีความเร็วถึง 300 MHz ซึ่งสําหรับ AMD K6-2 กับ Pentium II นั้น ดูไมแตกตางเทาไร แตหากวา เปน Pentium II 400 ละ จะมี Levl 2 Cache ทีท ่ ํางานที่ 200 MHz ในขณะที่ AMD K6-2 ่ ําใหผล Performance ใน 400 MHz ก็ยังใช Cache ทีท ่ าํ งานดวยความเร็ว 100 MHz เชนเดิม นั่นก็เปนสวนสําคัญจุดหนึ่งทีท เรื่อง Memory Performance ของ AMD ดอยกวา Intel Pentium II และ Celeron แตในสําหรับ AMD K6-3 นั้น ทาง AMD ไดรวม Level 2 cache เขากับ Package เดียวกับ CPU เลย โดยเก็บฝงไวบนตัวของ CPU เชนเดียวกับ Celeron แตมีขนาดเปน 2 เทา และ ทํางานที่ความเร็วเทาๆ กับ CPU ซึ่งก็ทําให AMD K6-3 นั้น มี L2 cache มากกวาถึง Celeron 2 เทา และ มี Level 2 cache ที่ความเร็วเปน 2 เทาของ Pentium II ( ที่ความเร็วเทาๆกัน )
13 มาดูความสําคัญของ Levl 2 cache จากการทดลองอื่นๆ บางนะครับ อันนีเ้ ปนการทดลองของทางบริษท ั Level 2 Company กัน นะครับ โดยใช Program Ziff-Davis' Ver. 3.0 program MAC version ( ทดสอบกับเครือ ่ ง Mac ) โดยทดสอบกับ L2 cache ขนาด 256 KByte และ 1024 KByte โดยผลที่ไดนี้ เปน เปอรเซ็นตที่เพิ่มขึ้นจากการที่ไมมี L2 cache
Processor Graphics Mix Publishing Graphics Mix QuickDraw Routines Copy Bits Text Lines
256 K 30% 27% 38%
1,024 K 57% 44% 95%
40% 47% 49%
70% 86% 117%
ก็เปนผลไวดูคราวๆนะครับ เพราะเปนผลบนเครื่อง Mac แตผลที่ไดกส ็ ามารถใชเปนขอสรุปไดเชนกันถึงความสําคัญ ของ Cache ไดเชนกัน •
Cache ระดับ 3 ( Level 3 cache ) AMD K6-III นั้น มีจุดที่นาสนใจมากๆ อยางหนึ่ง นั้นก็คือ K6-III นั้นจะมี Level 2 cache ฝงอยูใน chip CPU มาดวย แตใน ขณะเดียวกัน Mainboard ที่ใชสําหรับ AMD K6-III นั้น ก็มี Cache มาใหดว ย ทําให มันมอง Cache บน Mainboard นั้นๆ เปน Cache ระดับ 3 ( Level 3 Cache ) ทีนี้ เรามาลองดูกันวา ถามี Cache ระดับ 3 แลว Performance จะเพิ่มขึ้น หรือ ลดลงอยางไร และ ขนาดของ Cache ระดับ 3 นั้นจะตองเปนเทาไร โดยจากรูปนี้ เปนการทดลองจาก Tom's Hardware เปรียบเทียบใหเห็นถึงผลของการมี Cache ระดับ 3 ที่ ขนาดตางๆ โดยทดสอบกับ CPU AMD K6-III ( เพราะเปนรุนเดียวในปจจุบน ั ที่มีการใชงาน Cache ถึง 3 ระดับ )
จากกราฟ ก็คงจะเห็นถึง Performance ที่เพิม ่ ขึ้นเมื่อมี Cache ระดับ 3 และ Performance ที่เพิ่มขึ้น กับ ขนาดของ Cache ระดับ 3 แลวนะครับ แตจะเปนเชนนี้กับทุกกรณีหรือไม เรามาลองวิเคราะหกันดูดีกวานะครับ ถาผมกําหนดให เวลาทีใ่ ชในการอานขอมูลจากแหลงตางๆ เปนดังนี้
Cache ระดับ 1
1 หนวยเวลา ( Unit )
Cache ระดับ 2
10 หนวยเวลา ( Unit )
Cache ระดับ 3 ขนาด 512 K
100 หนวยเวลา ( Unit )
14 Cache ระดับ 3 ขนาด 1,024 K
200 หนวยเวลา ( Unit )
Cache ระดับ 3 ขนาด 2,048 K
400 หนวยเวลา ( Unit )
หนวยความจําหลัก
1,000 หนวยเวลา ( Unit )
เมื่อ CPU ตองการขอมูลเพื่อการประมวลผล ก็จะมองหาขอมูลทีต ่ องการดังกลาวเสียกอน จากใน Cache ระดับ 1 ซึ่งถาหาพบ ก็ จะใชเวลาเพียง ไมเกิน 1 หนวย แตถาไมพบ ก็จะไปมองหาที่ Cache ระดับ 2 ตอไป ถาหาพบ ก็จะใชเวลาไมเกิน 11 หนวย เวลา ( 1+10 ) แตถาหาไมพบ ก็ตองเสียเวลา มากกวา 11 หนวยเวลาเพือ ่ ไปคนหาในหนวยความจําหลัก หรือ ใน Cache ระดับ 3 ตอไป ถาไมมี Cache ระดับ 3 การหาขอมูลนั้น เมื่อหาจากใน Cache ทั้งระดับ 1 และ ระดับ 2 ไมพบ ก็จะเขาไปหาทีห ่ นวยความจํา หลักตอไป ซึ่งถาพบ ก็จะใชเวลามากกวา 11 ( 1+10 ) หนวยเวลา แตไมเกิน 1,011 ( 1+10+1,000 ) หนวยเวลา แตถามี Cache ระดับ 3 ก็จะทําการเขาไปคนหาใน Cache ระดับ 3 ตอไป ซึ่งเวลาทีใ่ ช ก็ขึ้นอยูกับขนาดของ Cache ระดับ 3 นั้นดวย ซึ่ง ถาหาพบใน Cache ระดับ 3 ก็จะใชเวลาที่มากกวา 11 หนวยเวลา แตนอยกวา 111 ( 1+10+100 ) หนวยเวลา สําหรับ Cache ระดับ 3 ขนาด 512KB และ นอยกวา 211 ( 1+10+100 ) สําหรับ Cache ระดับ 3 ขนาด 1,024 KB และ นอยกวา 411 ( 1+10+400 ) สําหรับ Cache ระดับ 3 ขนาด 2,048KB ซึ่งจะสังเกตุไดวา ถาสามารถหาขอมูลพบใน Cache ระดับ 3 นั้น เวลา ที่ใชงาน ก็นอยกวา การที่ไมมี Cache ระดับ 2 อยูมากกวาเทาตัว แตถา ไมพบละ? ถาไมพบขอมูลที่ตองการใน Cache ระดับ 3 ก็จะเสียเวลาในการคนหาที่มากขึ้น กอนที่จะไปคนหาใน หนวยความจําหลักตอไป ซึ่งตรงจุดนี้เอง ก็เปนผลทําให Performance ที่ไดลดลง แตอยางไรก็ตาม การทีม ่ ี Cache ระดับ 3 ขนาดใหญนั้น โอกาสที่จะทําใหคนหาขอมูลที่ตองการ นั้นก็มากขึ้น สําหรับอัตราสวนระหวาง Level 2 ตอ Level 3 นั้นก็มีสวนสําคัญ เชนเดียวกันกับ อัตราสวนระหวาง Level 1/Level 2 หากวา CPU มองหา ขอมูลที่ตองการใน Cache ระดับใดๆ ไมเจอ ก็จะทําการคนหาใน Cache ระดับถัดไป ซึ่งจะมีความเร็วชากวา แตมี ่ องการเจอนั้น ก็มีนอยกวา ขนาดใหญกวา แตอยางไรก็ตาม ถาใน Cache ระดับถัดไปนัน ้ ขนาดไมใหญ โอกาสทีจ ่ ะหาขอมูลทีต ( เพราะมีเนื้อที่ นอยกวา ทําใหโอกาสที่จะดึงขอมูลจาก RAM มา แลวตรงกับที่ตองการนัน ้ เปนไปไดนอยกวา ) ก็ทําให CPU นั้น เสียเวลา ในการคนหาไปอยางสูญเปลา ( ในกรณีทห ี่ าไมพบ ) แลวก็จะทําใหผล Performance นั้นชากวา จากทีค ่ วรจะเปน ปกติแลว อัตราสวนจะเปนระหวาง Cache ระดับถัดมาตอ Cache ระดับกอนหนา จะเปน 4:1 เชน Level 2 Cache /Level 1 Cache ของ Celeron จะเปน 128:32 ( 4:1 ) และ K6-3 จะเปน 256:64 ( 4:1 ) ยกเวนของ Pentium II ที่เปน 512:32 ( 16:1 ) ทาง AMD ก็ไดอางวา ดวย Cache 1Mb บน Mainboard นั้น จะทําให Performance เพิ่มขึ้น 3-4 % ( L3/L2 = 1024/256 = 4/1 ) ซึ่ง ปจจุบันนั้น ก็มี Mainboard ที่มี ทัง้ Cache 1M และ 512 K ใหเลือก เพราะฉะนั้น นี่คงเปนตัวชวยในการพิจารณาตัว ค ี่ ด ิ จะใช AMD K6-3 วาควรจะใช Mainboard อะไรดี สําหรับการ disable Level 3 Cache นั้น คิดวา หนึ่งแลวนะครับ สําหรับผูท เปนไปได โดยผานทาง BIOS ซึ่งก็นาจะมีผลชวยในการ Overclock ใหไดมากขึ้น คราวนี้เราลองยอนกลับไปดูถงึ ตอนแรก ที่ผมเปรียบเทียบเรื่อง Cache กับการจดโนตยอลงสมุดนั้น เราอาจสรุปไดวา สมองของ เราเปน Cache ระดับ 1 เพราะเมื่ออานและเห็นวาขอความไหน หรือประโยคไหนที่นา จําทีส ่ ุด สําหรับนักเรียน นิสิต นักศึกษา ก็ คงอาจเล็งไวแลววา ตรงนี้ อาจารยตองเอามาออกขอสอบแนๆ ก็จะอานแลวทองจําเอาไว และ เมื่อเกินความสามารถทีจ ่ ะทองจํา ก็ทําการจดโนตยอไวในสมุดเลมเล็กๆ นั่นก็คือ Cache ระดับ 2 นั่นเอง และ บางทีในการอาน ก็อาจมีเรื่องที่นาสนใจมากๆ จด โนตยอไมไหว ก็อาจใชปากกาขีดขอความสําคัญๆหรือทําการคั่นหนาหนังสือตรงนั้นไว นั่นก็คือ Cache ระดับ 3 นั่นเองครับ ก็เห็นกันแลวนะครับ วา ขนาดของ Cache นั้น เปนสิ่งสําคัญ และ ความเร็วของ Cache นั้น ก็สําคัญเชนกัน แต ถาใหเลือก ระหวาง Celeron 300A ซึ่งมี Level 2 cache 128 K ทํางานที่ความเร็วเทาๆ กับ CPU กับ Pentium II 300 ที่มี L2 cache 512 K ทํางานเปนครึ่งหนึ่ง แตราคานั้นตางกันเทาตัว ในขณะที่ Performance ในดานที่ไมเกี่ยวกับ Business นั้น แทบไมตา งกัน ก็ ขอเลือก Celeron จะดีกวา ( ถูกกวาตั้งเยอะ ) แตหากวาตองใชงานดาน Business แลวละก็ คงจะตองเลือก CPU ที่มี Cache มากๆ ไวกอน เพราะถึงแมวา Cache นั้นจะเร็ว แตมีขนาดนอย เปอรเซ็นตในการหาขอมูลพบใน Cache ก็นอยลง ถึงแมจะถูกชดเชยดวยความเร็ว แตมน ั ก็ทําให Cache นั้นตอง รับ ภาระที่หนักมากขึ้นไปดวย
15
ตารางขางลางนี้ ก็แสดงถึง Feature ตางๆ ของ L1,L2,L3 cache ของ CPU ในแตละรุน
K6-2
K6-3
K7
Celeron
Xeon
PII
64kB
64kB
128kB
32kB
32kB
32kB
2
2
2
4
4
4
512kB+
256kB
512kB+
128kB
512kB+
512kB
FSB
1xCPU
1/3,1/2xCPU
1xCPU
1xCPU
1/2xCPU
L3 Size
-
512kB+
-
-
-
-
L3 Speed
-
FSB
-
-
-
-
Memory Access
FSB
FSB
2xFSB
FSB
FSB
FSB
L1 Size L1 'associativety' L2 Size L2 Speed
•
Relate Link o o o o o o
เรื่องนารูเกี่ยวกับ เรื่องนารูเกี่ยวกับ
Intel Celeron
RAM Cache and More Cache at OverClocker.com ... [Web Link] Cache and everything about cache at PC Guide ... [Web Link] Introduction about Cache at WebOpedia ... [Web Link] What's Cache
โดย
L2 Company. ... [Web Link]
© Copyright 1999. BeyondXtreme-ByX's eXtreme. All Rights Reserved. WebMaster@ByXtreme.com
ทําอยางไร เมื่อคอมพิวเตอรแฮงค
16
การใชงาน Windows 98 ปกติตองบอกวา เปนเรื่องธรรมดามาก ๆ เลยที่จะเกิดอาการแฮงค ของเครื่องคอมพิวเตอร อาจจะเรียกไดวาเปนผลเนื่องจาก ระบบของ Windows ยังมีปญหาตาง ๆ อยู โดยที่หลาย ๆ ทานก็ยังบอกวาไมมี Windows รุนไหนหรอกครับที่จะสมบูรณที่สุด ทุกอยางยอม ตองมีปญหา และมีการแกไขปรับปรุงไปเรื่อย ๆ ครับ เขาเรื่องกันดีกวา วาเราควรจะทําอยางไรดี เมื่อจู ๆ เครื่องคอมพิวเตอรทกี่ ําลังใชงาน (หรือเลน) อยางเมามัน เกิดอาการนิ่งไปซะดื้อ ๆ ซะนี่ แต อยาเพิ่งคิดนะครับ วาผมจะสอนวิธีแกไขปญหาตาง ๆ ที่จริงตองบอกวา การแกไขปญหาแบบนี้ทํา ไดยากมาก ๆ เลยครับ เพราะสาเหตุของการแฮงค มีไดรอ ยแปดพันเกา ตองไลไปทีละจุดทีเดียว จนกวาจะเจอตนเหตุของปญหานั้น ๆ จริง ๆ เอาเปนวา วันนี้ จะแนะนําสิ่งที่ควรทําในเบื้องตน เทานั้น ลองทําดูทีละขั้นตอนกันนะครับ อยาเพิ่งกดปุม Reset หรือปดเครื่องในทันที เมื่อเครื่องคอมพิวเตอรแฮงค หรือนิ่งคางไมยอมรับการทํางานตาง ๆ โดยปกติแลว อยา พยายามกดปุม Reset หรือปดเครื่องในทันที เพราะการทําแบบนั้น อาจจะมีผลทําใหอปุ กรณตาง ๆ โดยเฉพาะ ฮารดดิสก มีปญหาหรือเสื่อมสภาพไดเร็วขึ้น การปดเครื่อง ควรจะเปนวิธสี ุดทายที่จะทํา เมื่อไมสามารถทําอะไรไดแลวจริง ๆ เทานั้น พยายามปดโปรแกรมหรือซอฟตแวรที่คางอยู สิ่งแรกที่ควรทํา คือใหพยายามปดโปรแกรมหรือซอฟตแวรที่ใชงานอยูและเกิดการคาง ขึ้นมา โดยวิธีการคือ ใหกดปุม Ctrl + Alt + Del พรอม ๆ กันทั้ง 3 ปุม ซึ่งจะมีหนาตางเมนูของการ Close Program ขึ้นมา
17
ตรงนี้ หนาตาอาจจะไมเหมือนกับรูปตัวอยางนี้นกั ขึ้นอยูกับวาในเครื่องนั้น มีการเรียก ซอฟตแวรอะไรไวบาง แตหลักการของเมนูนี้คือ เราสามารถทําการเลือกปดซอฟตแวรบางตัว (ที่มี ปญหาหรือคางอยูขณะนั้น) ไดเลย โดยปกติ หากมีซอฟตแวรที่มีปญหาคางอยู มักจะมีขอความวา Not Responding ตอทายชื่อซอฟตแวรตวั นั้น ๆ ดวยเสมอ ก็ใหเลือกปดไปเลยครับ (ถายังสามารถ ปดได) โดยกดที่ปุม End Task ซึ่งหากไมมีปญหาอะไรมาก จะสามารถปดโปรแกรมนั้นไดทนั ที และหลังจากนัน้ ก็ควรที่จะสัง่ Restart Computer ใหมสักครั้ง กอนที่จะใชงานตอไป แตถาในขณะนั้น ไมสามารถปดซอฟตแวรตาง ๆ ไดเลย เราจะทําอะไรไดบาง อยางแรกคือ ให ทําการทดลองสั่ง Shutdown โดยการกดที่ปมุ Shut Down ซึ่งเครื่องอาจจะรับหรือไมรบั ก็ได ให ทดลองดูกอนครับ ถากดที่ Shut Down แลวก็ยังไมสามารถทําอะไรได ขั้นตอนตอไปคือการกดปุม Ctrl + Alt + Del พรอม ๆ กันซ้ําอีกครั้ง ถาอานตามคําอธิบายดานบนก็จะบอกวา เปนการ Restart Computer ใหม ครับ ในบางครั้ง เมื่อเราสั่ง Shutdown อาจจะมีเมนูขึ้นมาถามวา ยังมีซอฟตแวรทใี่ ชงานอยู จะใหรอ (Wait) หรือปดเครื่องไปเลย (Shut Down) เผื่อไววา บางครั้งเราอาจจะตองการเวลาบาง เพื่อใหมกี าร Close ซอฟตแวรตัวนัน้ จริง ๆ ตรงนี้ก็ใหเลือก Shut Down ไปเลยครับ
ทําไมตองปดซอฟตแวรเหลานี้กอนดวย หลาย ๆ ทานคงสงสัยสิครับ วาทําไมเราจึงตองปดซอฟตแวรเหลานีก้ อน ทั้ง ๆ ที่ ความเปนจริง แลว ถาเครื่องคาง เราก็กดปุม Reset หรือกดปุมปดเครื่องแลวเปดใหมเลยก็ได ก็ขอแนะนําหลักการ งาย ๆ ครับวา หากสามารถปดเครื่องแบบปกติได เราควรจะทดลองทําดูกอนครับ เพราะวาถาเรามี การปดเครื่องหรือ Shut Down ได จะเปนการเคลียรขอมูลตาง ๆ ที่ใชงานของฮารดดิสก ให เรียบรอยกอนการ Shut Down จริง ๆ ครับ และเมื่อเปดเครื่องใหม ก็จะสามารถใชงาน ตอไปได ตามปกติทันที (ถาหากไมมปี ญหาทางฮารดแวรจริง ๆ) จะเกิดอะไรขึ้น หากไมมีการ Shut Down กอนปดสวิทชไฟ ถาหากไมสามารถทําการ Shut Down ไดกอนการปดเครื่อง เมื่อเราเปดเครื่องมาใหมในครั้งตอ ๆ ไป Windows จะมีการตรวจสอบการทํางานของฮารดดิสกกอนเสมอ โดยการเรียกโปรแกรม Scandisk ขึ้นมาทํางาน เราสามารถขาม ขั้นตอนนี้ไปไดโดยการกด Enter เพื่อออกจากการทํา
18
Scandisk ไดเลย (แตปกติแลว ก็ควรจะรอใหเครื่อง Scandisk ใหเรียบรอยจะดีกวา) หรือในบางครั้ง หากมีปญหาคอนขางมากจริง ๆ เราอาจจะเห็นเมนูใหเลือกเขา Safe Mode ซึ่งควรที่จะเลือกเขา Sefe Mode สักครั้งหนึ่งกอน ถาหากเครื่องไมมปี ญหาอะไรจริง ๆ ก็สั่ง Restart Windows ใหม ทุกอยางก็ จะกลับมาทํางานเปนปกติเหมือนเดิมครับ Blue Screen คืออะไร หลาย ๆ คนคงจะเคยไดยินคํา ๆ นี้มาบางแลว ที่จริงแลว Blue Screen ก็คือการแฮงค ของเครื่อง คอมพิวเตอรแบบหนึ่งนัน่ เอง แตแทนทีจ่ ะมีอาการแบบ นิ่ง หรือคางไปเฉย ๆ ที่หนาจอ จะ กลายเปนสีฟา และมีตัวหนังสือบอกรายละเอียดตาง ๆ (ที่อานไมเห็นจะเขาใจเลย) สวนใหญแลว ก็ จะมีขอความบอกวา ใหกดคียอะไรก็ได เพือ่ ทํางานตอไป หรือกด Ctrl + Alt + Del เพือ่ ทําการ Restart Computer ถาหากเจอหนาจอแบบนี้ ก็มีหลักการเดียวกันครับ คือกดลองกดปุมอะไรก็ได กอน และพยายามทําการ Shut Down ใหได แตถาหากไมไดจริง ๆ ก็กด Ctrl + Alt + Del เพื่อบูท เครื่องใหมเลยครับ
Power Supply ของเคสรุนใหมแบบ ATX แถมทายสําหรับผูที่ใชเครื่องที่มีระบบ Power Supply แบบ ATX ซึ่งจะใชซอฟตแวรในการ ควบคุมสวิทช ปด-เปด ดังนัน้ หากเครื่องแฮงค ในบางครั้งอาจจะไมสามารถกดปดเครื่องได ใหทํา การกดปุม Power นั้นคางไวประมาณ 10 วินาทีครับ จะเปนการสั่งใหเครื่องปดได โดยไมตองอาศัย ซอฟตแวรมาชวย ปญหาสวนใหญ เกิดจากอะไรบาง สวนใหญของปญหาเครื่องคอมพิวเตอรคางก็มีไดมากมาย แตสาเหตุหลัก ๆ ก็ขอรวบรวมมาไว ตรงนี้ 1. การไมเขากันของอุปกรณตาง ๆ เชนเมนบอรดกับการดจอ หรือการดเสียง 2. การตอสายไฟ สายสงขอมูลตาง ๆ หลวมหรือตอไวไมแนนดีพอ 3. การเสียบแรม ขั้วตอสาย หรือ การด ตาง ๆ หลวมหรือไมแนน 4. ความสกปรกของจุดสัมผัสของอุปกรณ เชนขาของแรม ขั้วตอของการดตาง ๆ ในเครื่อง 5. ฮารดดิสก เริ่มมีปญหา หรือใกลจะเสีย
19
6. ระบบไฟ หรือระบบจายไฟไมดีพอ เชนไฟตกบอย ๆ หรือชุดจายไฟไมดี 7. การลงโปรแกรมไมสมบูรณ หรือมีปญหากับซอฟตแวรบางตัว 8. ความรอนของ ซีพียู พัดลมของ ซีพียู ตรวจสอบวายังทํางานไดปกติหรือไม 9. กอนที่จะเกิดปญหา ไดมีการทําอะไรบาง เชนลงโปรแกรมเพิ่ม หรือเพิ่มการดในเครื่อง นั่น อาจจะเปนสาเหตุหลักก็ได
ระเบิดศึก ยุค Intel Pentium Classic กับ AMD 5x86 และ AMD K5 [ 11 Apr. 1999 ] Intel Pentium ( Classic )
เพื่อแกปญหาการอางชื่อรุนของ CPU ในการขาย CPU เลียนแบบจากทาง AMD และ Cyrix ทาง Intel จึงตัดสินใจจดลิขสิทธิช ์ ื่อ CPU ของตน แต ชื่อที่เปนตัวเลขนั้น ไมสามารถจดทะเบียนลิขสิทธิ์ได จึงไดทําการเปลีย ่ นชือ ่ CPU ใน generation ที่ 5 ของตนเปน Pentium ( Pentium มีรากศัพทมาจาก Penta ที่แปลวา 5 ) ซึ่งตอมา ก็เรียกวา Pentium Classic ่ ใจใหแก และพรอมๆ กันนั้นเอง ก็ไดเกิด slogan ของ Intel ซึ่งจะติดมาพรอมๆกับ CPU ของตนวา "Intel Inside" เพื่อสรางความมัน ลูกคาของตน วาได CPU ของตน ( Intel ) แนๆ ทาง Intel ไดประกาศตัว CPU Intel Pentium ในป 1993 โดยเพิ่ม Cache ภายใน หรือ L1 Cache เปน 2 เทาจากรุน 486 คือ จาก 8 K เปน 16 K แตแบงหนาที่การทํางานของ Cache เปน 2 สวน คือ เปน Data Cache ใชสาํ หรับเก็บขอมูลที่จะใชประมวลผล มีขนาด 8 K และ อีกสวนหนึ่ง เปน Instruction Cache ซึ่งใชเก็บคําสั่งตางๆ ที่จะใชในการประมวลผล อีก 8 K ในสวนของทรานซิสเตอรภายใน ก็เพิ่มจาก 486 ซึ่งมีประมาณ 1.2 ลานตัว ไปเปน 3.1 ลานตัว และ ในสวนของการประมวลผล ก็ เปลี่ยนจากเดิมมาเปน 32 Bit แตในสวนของ FPU นั้นใช 64 Bit ดังนั้น pin ตรง interface ที่ใช ก็ตองรองรับการสง/รับ ขอมูลขนาด 64 Bit ดวย ทําใหตองเปลี่ยน Interface ดวย ทําให CPU Intel Pentium ไมสามารถใชบน Mainboard ของ 486 ได เรียก Interface นี้วา SPGA ซึ่งมีจํานวนชองขาสําหรับใส pin ทั้งหมด 296 ขา หรือ ที่เราเรียกกันจนติดปากวาเปน Socket 7 นั่นเอง และ ไฟเลี้ยงของ CPU ก็เปลี่ยนมาเปน 5 Volt ใน Pentium รุนแรกๆ ( Pentium 60 และ Pentium 66 ) แตตอมา3.3 Volt เพราะการใช ไฟที่ 5 Volt นั้น ทําใหความรอนที่เกิดขึ้นสูงมาก จึงไดลดไฟเลี้ยงลง รวมถึงเปลี่ยนมาใช system bus ที่ 50 , 60 และ 66 MHz ดวย
20 CPU Intel Pentium นี้ ไดเพิ่ม Architecture เขาไปใหมที่เรียกวา "super-scalar" ซึ่งก็ทําใหประสิทธิภาพโดยรวมเพิ่มขึ้นมาจาก 486 มาก โดยเฉพาะประสิทธิภาพในดานการประมวลผลเลขจํานวนเต็ม ที่เพิ่มขึ้นเปนเทาตัวเลยทีเดียว เรามาดูลักษณะเดนๆ ของ Intel Pentium กันดีกวา
• • • • • • • • • • • • • •
เปน Superscalar Architecture Dynamic Branch Prediction ( เกี่ยวกับการทํานายผลการคํานวนลวงหนา ) สําหรับหนวยประมวลผลเลขจํานวนเต็มเปน Pipeline ( 2 Pipeline ) หนวยประมวลผลเลขทศนิยม ก็เปน Pipeline ( 1 Pipeline ) Improved Instruction Execution Time แบง Cache ออกเปน 8 K สําหรับขอมูล และ อีก 8 K สําหรับ คําสั่ง ในสวนของ Cache ขอมูล จะเปน Cache แบบ WriteBack 64-Bit Data Bus Bus Cycle Pipelining Address Parity Internal Parity Checking Functional Redundancy Checking Execution Tracing สนับสนุนการทํางานแบบ Symmetric MuliProcessing หรือ SMP ทําใหสามารถใช Dual CPU ชวยกันประมวลผลได แตอยางไรก็ตาม ในชวงที่ Pentium วางตลาดไมนาน ก็มีขาวทีท ่ ําใหทาง Intel ตองสะอึก นั้นก็คือในชวงปลายป ( ประมา ลเดือน พฤศจิกายน ) 1994 ( พ.ศ. 2537 ) มีการพบ Bug หรือขอผิดพลาดในการคํานวนเลขทศนิยม ซึ่งเกิดขึ้นกับการหาร เลย จนเปนขาวและทําใหผซ ู ื้อเกิดความลังเลอยูพอสมควร ทําให Intel ตองเรงแกปญหานี้ และ ออกแถลงการณแกขาวจนวุน ทีเดียว โดยทาง Intel ก็ยินดีเปลี่ยน CPU ทีม ่ ีปญหานั้นให ( รุนที่มีปญ หาคือรุนแรกๆ ไดแก Pentium 60 และ Pentium 66 )
AMD 5x86 และ AMD K5 สําหรับ AMD นั้น เมื่อแยกตัวออกมาจาก Intel และ ผลิต CPU เลียนแบบ CPU ของ Intel โดยใช Microcode ของ Intel ซึ่ง ก็ผลิตมาจนถึงรุน AMD 5x86 ซึ่งก็เปน CPU ที่มีความเร็วมากถึง 133 MHz ใชตวั คูณที่ 4 ( 33x4 ) ทําใหประสิทธิภาพ โดยทั่วๆไป นั้นใกลเคียงกับ ระดับ Intel Penium 75 เลยทีเดียว แตโดยสถาปตยกรรมภายในแลว ก็เหมือนๆกับ 486DX นั่นเอง เพราะ ไมใช Superscalar Design เพียงแต มันเพิม ่ ความเร็วขึ้นมาเทานั้นเอง แตก็มีบางสําหรับบางคําสั่ง ที่มน ั สามารถทํางานไดเสร็จภายใน 1 รอบสัญญาณนาฬิกา
21
AMD 5x86 นั้น มี Cache ภายใน หรือ L1 Cache ขนาด 16 K และ เปนแบบ Write Back เปน CPU แบบ 32 Bit และ ใช ความกวางของเสนทางขอมูล 32 Bit รวมถึงสามารถอางตําแหนงได 32 Bit ดวย โดยราคานั้น ก็ถูกมากๆ และ คิดคุณภาพตอราคา ก็จด ั วาคุม คามากๆ โดยใช Pin และ Mainboard แบบ 486 ได
และ ตอมา ทาง AMD ก็ไดหน ั มาผลิต CPU ที่เปนของตัวเองบาง โดยทําการออกแบบสถาปตยกรรมภายในใหมเองทั้งหมด และ เปลี่ยนชื่อ CPU ของตน ซึ่งจัดวาเปน Generation ที่ 5 เสียใหมวา AMD K5 ซึ่งในชวงแรกๆ ก็ยังคงเรียกวา AMD 5k86 เพื่อมิใหผูใชเกิดการสับสน และ เปรียบเทียบรุน ของ CPU ไมถูก โดยสถาปตยกรรมของ AMD K5 นั้นได spec ตางๆ เปนเทาตัวของ Intel Pentium และไดมีการใช P-Rating ( หรือ PR ) เปนตัววัดประสิทธิภาพ เทียบกับ CPU ของ Intel Pentium ซึ่งประสิทธิภาพของ AMD K5 นั้น ก็จัดไดวา ดีเยี่ยมทีเดียว เพียงแต รุนนี้ออกมาชา และขาดการโปรโมทที่ดี ทําใหไมไดรับการนิยมเทาที่ควร ทั้งๆ ทีค ่ วามสามารถนัน ้ ก็เทียบเทากับ Intel Pentium ( จะมีก็แตในสวนของ FPU ที่ยังคงตามหลังอยู ) และ ราคานั้น ก็ถูกกวา Intel Pentium อยูพอสมควรเชนกัน เรามาดูลักษณะเดนๆ ของ AMD K5 บางดีกวา o o o o o o o o o o o o o
4-issue core with full out-of-order execution and completion แบง L1 Cache เปนสองสวน คือ 8 K สําหรับ Cache ขอมูล และ อีก 16 K สําหรับ Cache คําสั่ง ในสวนของ Cache ขอมูล จะเปน Cache แบบ WriteBack Dynamic, block-oriented branch prediction with speculative execution 5-stage RISC-like pipeline 6 parallel functional units High-performance FPU Validated software compatibility Static clock control with AMD-patented Digital Phase Lock Loop (DLL) circuitry 64-bit Pentium-compatible และใช Socket 7 เชนเดียวกับ Pentium ใช System Bus เปน 60 และ 66 MHz Compatibility with existing 586-class systems and supporting designs ใชไฟเลีย ้ ง CPU 3.52 MHz
ั นี้ ถูก AMD เขาซื้อ และ รวมเทคโนโลยี เขาเปน CPU ในยุคใหม ผมจะขอกลาวถึง NextGen 5x86 สักนิดหนึ่ง เพราะ บริษท ในชวงเวลาถัดมา โดย CPU ของ NextGen ในสมัยนั้น คือ 5x86 มีคุณสมบัติทด ี่ ูแลวนาสนใจมากๆ เลยทีเดียว แตก็มีขอดอย ที่นาเสียดายใชนอยเชนกัน มาดูลักษณะเดนๆของ Nx586 กันดีกวา o
Superscalar Execution
22 o o o o
มี 2 Pipeline และสามารถจัดการกับคําสั่งแบบไมเรียงลําดับได แบง Cache ระดับ 1 ออกเปน สวนขอมูล และ สวนคําสั่ง Branch Prediction 64-bit bus
ซึ่งดูๆแลว ก็เหมือนๆ กับ ทั้ง Pentium และ AMD K5 เลย แตยังครับ ยังมีอยู 2 จุด ที่เปนจุดเดน และ นาสนใจของ Nx586 o
RISC86 Microarchitecture จากพื้นฐานการทํางานของ RISC นั้น จะเร็วและ มีประสิทธิภาพโดยรวม สูงกวาแบบ CISC ดังนั้น การเพิ่มประสิทธิภาพใหกับ CPU ตระกูล x86 ซึ่งเปน CISC ก็โดยการ แปลงคําสั่งของ RISC มาใชบน CISC ซึ่งก็เรียกวาเปน RISC86 ซึ่งผลที่ไดก็คือ 1. ไดประสิทธิภาพแบบ RISC สําหรับคําสั่งของ x86 ที่เปน CISC 2. หนวยการทํางาน หรือ Execution Unit ก็จะมีขนาดเล็กลง 3. หนวยการทํางานจะมีประสิทธิภาพดีขึ้น 4. งายตอการเพิ่มหนวยการทํางานในภายภาคหนา ซึ่งนอกจากจะทําใหมีประสิทธิภาพสูงในชวงนั้นแลว ยัง เผื่อสําหรับอนาคตตอไปไดอีกดวย
o
On-chip L2 Cache Controller Nx586 นั้นจะมีตัวควบคุมการทํางานของ L2 Cache ( ที่อยูบน Mainboard ) อยูใน ตัว CPU เองเลย ทําใหสามารถควบคุมการทํางานใหไดประสิทธิภาพมาก กวาการทีจ ่ ะใหตัวควบคุมบน Mainboard เปนตัวควบคุม ซึ่งแนนอน การทํางานของ L2 Cache ก็จะทํางานดวยความเร็วที่เทาๆกับความเร็วของ CPU เลย ซึ่งก็ จะทําใหไดประสิทธิภาพสูงขึ้นอีก
ดูแลวนาจะมีประสิทธิภาพสูง และ เปนคูแขงทีน ่ ากลัวมากสําหรับ Intel Pentium เลยนะครับ แต Nx586 นั้น มีขอดอยทีท ่ ําให ความเดนของมันลดลงไปเลย ก็คือ 21. ใช Socket ที่ตา งจาก Pentium และ K5 อีกทั้งยังใชไฟเลีย ้ ง 4 Volt ดวย ทําใหตองออกแบบ Mainboard มา เฉพาะตัวเลย 22. ไมสนับสนุนการทํางานเชิงทศนิยม ทําใหไม compatible กับ คําสั่งเกาๆ บางคําสั่งของ 486 DX และ ประสิทธิภาพ ดานนี้ดอยลงไปถนัดตา ซึ่งจุดนี้หละครับ ที่ทาํ ใหมันไมเดน ไมดังนัก แต มันก็เปนเทคโนโลยี ที่ AMD นําไปใชในการพัฒนา CPU ของตนตอไป รายละเอียดเพิ่มเติม Write Back กับ Write Through เปนวิธีการเขียนขอมูลกลับลง ที่หนวยความจําหลัก โดยที่ Write Throught นั้น เมื่อมีการเขียนขอมูลลงบน Cache แลว ก็จะทําการ เขียนขอมูลลงบน หนวยความจําหลักดวย ทันที ซึ่งก็จะเสียเวลาในการเขาถึงหนวยความจําหลักอยูมาก ( เมื่อเทียบกับการเขาถึง หนวยความจํา Cache ) แต Write Back นั้นจะตางกัน โดย Write Back นั้นจะเก็บขอมูลบน Cache ใหนานทีส ่ ุด เมื่อมีการ Idle หรือ ้ ๆ ลงบน หนวยความจําหลัก ซึ่งก็ชวยลดเวลาลงอีกมาก ตองการใชเนื้อที่บน Cache ในการเก็บขอมูล อื่น จึงจะทําการเขียนขอมูลนัน เลยทีเดียว PR ( P-Rating ) P-Rating นั้น เปนมาตรในการวัดประสิทธิภาพของ CPU ที่งา ยตอความเขาใจ ซึ่งเกิดจากความรวมมือในการกําหนดมาตรฐานรวมกัน ระหวาง AMD, Cyrix, IBM และ SGS Thomson โดยใชโปรแกรม Winstone เปนตัวทดสอบประสิทธิภาพ ( ในสมัยนั้นใช Winstone 96 ) ทําไมตองเปน P-Rating? ์ ื่อ Pentium แลว AMD, Cyrix และ เจาอื่นๆ ก็ไมสามารถจะใชชื่อ Pentium ได ซึ่งแตรุน ก็เพราะวา เมื่อ Intel ตัดสินใจจดลิขสิทธิช 286, 386 หรือแมแต 486 ทีผ ่ า นมา ไมวาจะของ Intel , AMD , Cyrix หรือเจาไหนๆ ก็ใชชื่อนี้ได แตเมือ ่ เกิดเหตุการณนี้ขึ้น ก็อาจ สรางความงุนงงแกผูซื้อ วารุนใหมๆ ของ AMD, Cyrix นั้น จะเอาไปเทียบรุน กับ Pentium ที่เทาไร จึงเกิดมาตรฐานนี้ข้น ึ มา การทดสอบประสิทธิภาพเพื่อหาคา PR นั้น ก็ทําโดยใช CPU Intel Pentium วัดประสิทธิภาพดวย Winstone ในระดับตางๆ จากนั้น จึง เอา CPU Intel Pentium ออก แลว เอา AMD K5 ( หรือ อื่นๆ ) ใสลงไปแทน แลว วัดประสิทธิภาพเปรียบเทียบกัน โดยที่อุปกรณอื่นๆ ยังคงเหมือนเดิม ตางกันที่ CPU เทานั้น
23 ถา AMD K5 นั้น มี P-Rating เปน 100 ( PR 100 ) นั่นก็หมายความวา CPU ตัวนั้นมีประสิทธิภาพที่เทียบเทา หรือ เหนือกวา CPU ของ Intel Pentium ที่ความเร็ว 100 MHz หรือ AMD K5 PR 133 ก็หมายความวา มีประสิทธิภาพในระดับเดียวกันหรือมากกวา Intel Pentium 133 MHz นั่นเอง แตอยางไรก็ตาม "PR" นั้น ก็ไมใชเปนตัวบอกความเร็วที่แทจริงของ ความเร็วของ CPU ดังที่ไดเห็นแลวจากตัวอยางขางตนของ AMD ปจจุบันนี้ ก็เหลือแต CPU ของ IBM และ Cyrix เทานั้น ที่ยังคงใช PR เปนตัวบอกรุนความเร็วของ CPU ของตน Pipelining คือการแบงหนาที่การทํางานของ CPU เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทํางาน โดยแบงคราวๆ เปน 5 ขั้นตอน คือ o o
o o
o
Instruction Fetch หรือ ภาครับคําสั่ง จะทําหนาที่รับคําสั่งใหมๆ ทั้งจากหนวยความจําหลัก หรือจากใน Instruction Cache เขามา เพื่อสงตอใหภาคตอไปจัดการตอ Instruction Decode หรือ ภาคการแปลคําสัง่ คือ จะทําหนาที่แยกแยะคําสั่งตางๆ ของ CISC ซึ่งในตอนที่แลว เรา ทราบแลววา CISC นั้น ในแตละคําสั่ง จะมีขนาดที่ไมแนนอน ตรงสวนนี้ก็จะทําการซอยคําสั่งนั้นเปนคําสั่งยอยๆ ใหมี ความยาวเทาๆกัน ในลักษณะเชนเดียวกับ RISC เรียกคําสั่งยอยๆ นั้นวา Micro Operation Get Operands หรือ ภาครับขอมูล คือ รับขอมูลที่จะใชในการประมวลผลเขามาเก็บไว เชนจากขั้นตอนที่ 2 เรารูวา จะใชการ "บวก" ก็ตองรับคาทีจ ่ ะใชในการบวก มาดวยอีก 2 คา บางทีขั้นตอนนี้ ก็ถูกรวมเขากับขั้นตอนที่ 2 Execute หรือ ภาคประมวลผล เปนขั้นตอนที่ทาํ การประมวลผลตามคําสั่งและ operand ที่ไดรับมาจากขั้นที่ 2 และ 3 ซึ่ง ถาใหขั้นที่ 2 เปนการถอดรหัสวาเปนการบวก ขั้นที่ 3 รับคาที่จะบวก ขั้นนี้ ( ขั้นที่ 4 ) ก็จะทําการบวกใหไดผล ลัพธออกมา Write Result หรือ ภาคการเขียนขอมูลกลับ เมื่อทําการประมวลผลเสร็จสิ้น ผลลัพธที่ไดกจ ็ ะนําไปเก็บไวใน register หรือ ใน Data Cache ซึ่งบางที ขั้นตอนนี้ ก็ถูกมองรวมไวกับขั้นที่ 4
ดังจะเห็นไดวา เมื่อ CPU ไดรบ ั คําสั่งเขามาแลว ก็จะทําการแปลงหรือถอดรหัสใหเปนคําสั่งที่ CPU เขาใจ แลวจึงทํางานตาม คําสั่งนั้นๆ ซึ่งในขณะที่ทาํ งานแตละคําสั่งนั้น ก็ตองรอใหทําครบทุกขั้นตอนเสียกอน จึงจะรับคําสั่งใหมๆ เขามาได การทํางาน แบบ Pipelining นั้น ก็จะชวยใชชวงเวลาใหคม ุ คา ให CPU ทํางานไดเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยในขณะที่รับคําสั่งเขามาก็จะ ทําการสงตอให ภาคแปลคําสั่ง เมื่อสงตอให แลว ก็ทําการรับคําสั่งถัดไปทันที และ เมื่อ ภาคแปลคําสั่งไดรับคําสั่ง ก็จะทํา การแปล และ แยกแยะคําสั่ง แลวสงตอใหภาครับขอมูลตอไป เปนทอดๆ ซึ่งทําใหสามารถทํางานไดหลายๆ คําสั่งในขณะ เวลาเดียวกัน การทํางานแบบ Pipeline นี้ ก็ชวยเพิ่มประสิทธิภาพของ CPU ไดอีกมากมายเลยทีเดียว Super Scalar อีกวิธีหนึ่งสําหรับเพิ่มประสิทธิภาพของ CPU นั่นก็คือ การให CPU นั้นสามารถทํางานหลายๆ คําสั่งไดพรอมๆกัน ใน 1 สัญญาณนาฬิกา หรือมีหลายๆ Pipeline ทําใหสามารถทํางานไดหลายๆ คําสั่งพรอมๆ กันได เรื่องของ Pipeline และ SuperScalar สามารถอานรายละเอียดเพิ่มเติมไดที่ Pipeline and SuperScalar ครับ
<< Prev : Page 1
Next : Page 3 >>
24
ชวงตนยุคที่ 6 ( ของ CPU ) [ 11 June 1999 ] Intel Pentium Pro ( P64C )
ในราวๆ เดือนพฤศจิกายน ป ค.ศ. 1995 Intel ก็ไดเปดตัว CPU ในยุคที่ 6 ของตน โดยมี CodeName วา "P6" ซึ่งพัฒนาและปรับปรุงการทํางานเพิ่มเติมขึ้นมาอีก พอสมควรจาก Pentium Classic แตไดมีการยาย Cache ภายนอก ( หรือ Cache ระดับ 2 , L2 Cache ) ซึ่งปกติแลวจะวางอยูบน Mainboard มาไวที่ แผน Silicon เดียวกันกับ CPU เลย ( แตไมไดอยู ภายใน CPU ) เพื่อเพิ่มความเร็วในการทํางานของ L2 Cache และ การเพิ่มความเร็วในการเขาถึง และดึง ขอมูลจากใน Cache ... แตก็ดวยเหตุที่ตองรวม เอา Cache เขาไปดวยนี้เอง ทําใหราคาของ CPU นั้นสูงเอามากๆ Intel ไดเปลี่ยนแนวคิดของตัวเอง โดยหันมาใชการประมวลผลแบบ RISC ใน CPU ของตนบาง ดวยการดัดแปลงชุดคําสั่งสําหรับ x86 ของตนใหเปน ชุดคําสั่ง ของ RISC ที่เล็กกวา เร็วกวา และ งายกวาเดิม เรียกวาเปนชุดคําสั่ง RISC86 Pentium Pro มี ชุด Pipeline 3 ชุด ซึ่งมากกวา Pentium Classic ซึ่งมีเพียง 2 ชุด และมีการแยกขั้นตอนการทํางานออกเปนถึง 14 ขั้นตอน และยังสนับสนุนการ ทํางาน แบบคาดเดาคําสั่งที่จะตองเรียกใชลวงหนาได ซึ่งเรียกวา Speculative Execution แต Intel เรียกการทํางานนี้วา เปน Dynamic Execution อีกสิ่งหนึง่ ที่เปลี่ยนไป ก็คือ Interface ที่ใช ซึ่งจากเดิมใชบน Socket 7 ก็หันมาใชที่ Socket 8 แทน ทําใหไมสามารถใชงานไดกับ Mainboard ของ Pentium Classic แนนอน จะใชรุนนี้ ก็ตอ งซื้อ Mainboard ใหมดวย สิ่งที่นาแปลกใจ สําหรับ Pentium Pro อยางหนึ่ง ก็คือ ขนาดของ Cache ภายใน หรือ Cache ระดับ 1 ที่ยังคงมีเพียง 16 K เทานั้น เทาๆ กับ Pentium Classic เลย แต ก็ชดเชยจุดดอยตรงนี้ดว ย Cache ระดับ 2 ที่มีขนาดใหญ และมีใหเลือกหลายรุน คือรุนที่มี Cache ระดับ 2 ขนาด 256 KB, 512 KB หรือ 1 MB และ ทํางานดวยความเร็ว เดียวกับ CPU เพราะอยูบน Silicon เดียวกัน Pentium Pro นี้ โดยมากจะถูกนํามาใชเปน Server มากกวาที่จะเปน Desktop PC เพราะ มันสนับสนุนการทํางานแบบ SMP หรือ Symmetric MultiProcessing ซึ่งทําใหใช CPU ได หลายตัว บน Mainboard ตัวเดียวกันได ทําใหชวยเพิม่ เสถียรภาพในการทํางาน สนับสนุนเรื่องของ Fault Tolerant ดวย เมื่อ CPU ตัวใดตัวหนึ่งเสียหาย อีกตัวหนึ่งก็จะทํางานแทนที่ได และยังชวยสนับสนุนการประมวลผลแบบขนานอีกดวย
Intel Pentium MMX ( P55C )
25
ในชวงตนป ค.ศ. 1997 Intel ก็ไดเปดตัวเทคโนโลยีใหมของตน คือ MMX หรือ MultiMedia eXtension ขึ้นมา โดยมีจุดประสงค เพื่อใหชวยเพิ่มความสามารถใน ดาน Multimedia เพราะในปจจุบันนี้ Computer และงานดาน Multimedia แทบจะแยกกันไมออกแลว ดวยเหตุนี้เอง ทาง Intel จึงไดรวมชุดคําสั่ง MMX เขามา ใน CPU ตระกูล Pentium ของตนดวย เพื่อเปนจุดขายใหม และ สราง มาตรฐานใหมของตนขึ้นมา มาดูกันดีกวาครับ วา Pentium MMX หรือ P55C นี้ มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจาก Pentium Classic หรือ P54C บาง อันดับแรกเลย คือชุดคําสั่ง MMX ไงละครับ อันนี้ของแนอยูแลว :-) ตอมาคือขนาดของ Cache ภายใน ที่เพิม่ ขึ้นมาเปนเทาตัวจากเดิม ซึ่งมี Data Cache 8 K และ Instruction Cache 8 K ก็ถูกเพิ่มอีกเทาตัวเปน Data Cache 16 K และ Instruction Cache 16 K ในสวนที่เปลี่ยนแปลงอีกอยาง ก็คือ เรื่องของ ไฟเลี้ยง ซึ่ง Pentium Classic นั้น ใชไฟเลี้ยง 3.3 Volt แต Pentium MMX นั้น จะใชไฟเลี้ยงเปน 2.8 Volt ที่ CPU core แต ในสวนของ CPU I/O ยังคงเปน 3.3 V. ในรายละเอียดปลีกยอยของสถาปตยกรรมภายใน ก็ไดมีการนําเอาเทคโนโลยีบางสวนจาก Pentium Pro ซึ่งจัดเปน CPU ในยุคที่ 6 ของ Intel ( P6 ) ที่เปดตัวออกมา กอนหนานี้ไมนานนัก ไดแก ความสามารถในเชิงของ Branch Target Buffer หรือ BTB ซึ่งเกี่ยวของกับการทํานายผลการคํานวนลวงหนา ... ชวยเพิ่มความเร็วในการ ประมวลผลไดอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ยงั มีการพัฒนา / ปรับปรุง ในเชิงของ Return Address Prediction อีกดวย อีกทั้งยังสามารถทําการถอดรหัส และแยกการทํางานออกเปน 2 Pipe พรอมๆ กันได เปน Pipe จํานวนเต็ม และ MMX ซึ่งสามารถทํางานไปพรอมๆกันไดเลย สรุปรายละเอียด ของ CPU Intel Pentium MMX o o o o o o o o o o o
มีตั้งแตรุนความเร็ว 166 MHz ถึง 233 MHz ใชเทคโนโลยี ขนาด 0.35 micron Cache ระดับ 1 มีขนาดเปนเทาตัวของ Pentium Classic คือเปน 32 K Die Size มีขนาด 141 ตารางมิลลิเมตร เพิ่มจํานวนของการ Write Buffer จาก 2 เปน 4 นําเทคโนโลยีเรื่อง Branch Prodiction ( Branch Target Buffer ) จาก Pentium Pro มาใช พัฒนาเรื่อง Return Stack ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีนั้นมีใน Cyrix/IBM 6x86 เพิ่ม step การทํางานของ U และ V Pipeline อีก 1 step พัฒนาเกี่ยวกับการทํางานแบบขนานของ Pipeline U และ V ชุดคําสั่ง MMX ใชไฟเลี้ยงใน CPU core 2.8 V แต ใชสําหรับ CPU I/O เปน 3.3 V.
Pentium MMX นี้ ยังคงเปน CPU ในรุนที่ 5 ของ Intel จะจัดเปนรุนที่ 5.1 ก็คงได ถึงแมจะออกมาทีหลัง Pentium Pro ซึ่งจัดเปน CPU ในรุนที่ 6 ของ Intel ก็ตามแต
AMD K6
26 ในวันที่ 2 เมษายน ป ค.ศ. 1997 ทาง AMD เอง ก็ไดทําการเปดตัว CPU ในรุนที่ 6 ของตนขึ้นมาบาง เพื่อหมายจะมาแขงกับ Intel Pentium MMX นั่นก็คือ AMD K6 ยังคงจําเรื่องของ NextGen ไดไหมครับ บริษัทนี้ถูก AMD ซื้อและทําการรวมเทคโนโลยีเขามาดวย ซึ่งในขณะที่ซื้อนั้น ทาง NextGen ก็ไดออกแบบ CPU ในรุนที่ 6 ของตนไว แลว คือ Nx686 ซึ่ง AMD ก็เลยไดถือโครงสรางทีน่ าสนใจของ Nx686 มารวมเขากับ เทคโนโลยีของตน และ เพิ่มชุดคําสั่ง MMX ของตนเองเขาไปดวย ทําใหได K6 ออกมา MMX ของ AMD K6 นั้น ถึงแมจะมีจํานวนชุดคําสั่งเทาๆ กัน มีคําสั่งเหมือนๆกันกับ Intel แตกระบวนการทํางานก็แตกตางกันไป เพราะ ถาทําในกระบวนการเดียวกัน ก็จะถือเปนการ ลวงละเมิดลิขสิทธิ์ของ Intel ซึ่งไดจดไวกอนแลว แตอยางไรก็ตาม MMX ของ AMD ก็ใชงานไดกับทุก Application ที่สนับสนุนการทํางานของ Intel MMX และใหประสิทธิภาพที่ไดผล พอๆ กัน ถึงดีกวาดวยซ้ํา สําหรับบางงาน ( AMD เรียก MMX ของตนวาเปน MMX enhanced )
สําหรับในรุนแรกนั้น AMD ไดเปดตัวที่ความเร็ว 166, 200 และ 233 MHz ซึ่งมี transistor ภายใน 8.8 ลานตัว และใชเทคโนโลยี ขนาด 0.35 micron และตอมาก็ได เปดตัว รุนความเร็วที่ระดับ 266 และ 300 MHz แลวก็ไดหันมาใชเทคโนโลยีขนาด 0.25 micon ดวย ซึ่งในชวงนั้นเอง ก็ไดทําการตัดราคา CPU ของตนลงอีก ดวย เพื่อหมายจะ แขงกับ Intel Pentium MMX ( คงไมหวังจะแขงกับ Pentium Pro ละครับ เพราะ เนนตลาดคนละดานกัน ) สิ่งที่ AMD K6 มีเพิ่มเติมเหนือไปกวา Intel Pentium MMX ที่เห็นไดชัดๆ ก็คือ ขนาดของ Cache ภายใน หรือ Cache ระดับ 1 ( L1 Cache ) ซึ่งจะมีขนาดเปน เทาตัวของ Intel Pentium MMX ซึ่งก็คือ มี Data Cache 32 K และ Intruction Cache 32 K แตสิ่งที่ทําให AMD K6 ไมเหนือไปกวา Intel Pentium MMX อยางสมบูรณ นั่นก็คือ เรือ่ งของ การคํานวนเชิงทศนิยม เพราะยังคงทําไดชา กวา ณ ที่ CPU ความเร็วเทาๆกัน ซึ่งใน ขณะนั้น เกมส 3 มิติ ( 3D ) กําลังเปนที่แพรหลาย และเปนที่ทราบกันวา การคํานวนเชิง 3 มิตินั้นตองใช การคํานวนเชิงทศนิยมอยางหนัก ตรงจุดนี้เอง ทีท่ ําให Intel Pentium MMX ยังคงเหนือกวา ( ณ ที่ความเร็วของ CPU เทาๆกันนะ ) แตดวยปจจัยของราคา ซึ่ง ในขณะนัน้ ราคาของ AMD K6 300 MHz นั้นพอๆกัน หรือแพงกวาเพียงเล็กนอย กับ Intel Pentium MMX 233 MHz และดวยความสามารถ ในการคํานวนเชิงทศนิยมของ K6 300 MHz นั้น ก็เทียบไดกับ Intel Pentium MMX 233 MHz ดวย แตดวยความเร็วดานอื่นๆ ที่เหนือกวา ก็เลยเปนจุดที่ชดเชยกันได อยาง ลนเหลือ ... มาดู สรุปรายละเอียดของ AMD K6 กันดีกวานะครับ o o o o
o
มีความเร็วตั้งแต 166MHz ถึง 300MHz ใชเทคโนโลยีขนาด 0.25 และ/หรือ 0.35 micron จัดเปน CPU ในรุนที่ 6 ของ AMD เปน RISC86 CPU ซึ่งมีสถาปตยกรรมดังนี้ มี 7 หนวยประมวลผลแบบขนาน สามารถถอดรหัสของ x86 ไปยัง RISC86 ไดทีละหลายๆคําสั่ง สามารถทํานายผลการประมวลผลลวงหนาได 2 ระดับ ( Branch Prediction ) สามารถคาดเดาคําสั่งทีจ่ ะตองทํางานลวงหนาได ( Speculative Execution ) สนับสนุนการทํางานแบบ Out-Of-Order Execution ( เปน Feature ที่ใชใน Pipeline ) สนับสนุนการทํางานแบบ Data Forwarding ( เปน Feature ที่ใชใน Pipeline ) มีชุดคําสั่งเพิ่มเติมเพื่อจัดการกับดาน MultiMedia ซึ่งก็คือชุดคําสั่ง MMX นั่นเอง
จริงๆ แลวในขณะที่ทาง AMD เปดตัว K6 ไดไมนาน Intel ก็ไดเปดตัว Intel Pentium II ขึ้นมาแขง หมายจะกลบรัศมีของ K6 ดวย ซึ่งความจริง ก็ควรจะจัดเปรียบเทียบ K6 กับ Pentium II แตดวยสถาปตยกรรมแลว ก็เลยขอเปรียบเทียบ K6 กับ Pentium MMX แทน ก็แลวกันนะครับ ... อาจเปนการไมแฟรสาํ หรับ Pentium MMX สักหนอย เพราะยังคงเปน CPU ในรุนที่ 5 แต AMD K6 เปนรุนที่ 6 แลว
27 ตารางเปรียบเทียบ สรุปความสามารถดานตางๆ ระหวาง Intel Pentium MMX , Intel Pentium Pro และ AMD K6
Processor Feature
AMD K6
RISC core Superscalar Speculative execution Out of order execution Data forwarding Register renaming Simple x86 decoders Sophisticated x86 decoders Long x86 decoders Vector x86 decoders Execution Pipelines Branch prediction Advanced 2 level branch prediction Branch history table entries Branch target cache entries Branch prediction accuracy MMX technology High performance FPU L1 instruction and data cache Industry compatible SMM Latency ( ยิ่งนอยยิ่งดี )
Yes / 6 issue
Pentium Pro Pentium MMX Yes / 5 issue Yes
No
Yes Yes Yes Yes 2 1 1 6
No No No No 1 1 2
2 1 5 Yes Yes
8,192 16 95% Yes 32K + 32K 2 clock
No 256
512 0 90% No Yes 8K + 8K Yes 5-7 clock
75-80% Yes 16K + 16K 2 clock
รายละเอียดเพิ่มเติม •
MMX MMX เทคโนโลยีนั้น เปนชุดคําสั่งภายใน CPU ที่เพิ่มเขามาอีก 57 คําสั่ง เพือ่ จัดการกับงานในมัลติมีเดีย โดยเพิ่มประสิทธิภาพของโปรแกรมทํางานเกี่ยวกับระบบเสียง (Audio) ภาพกราฟก 2 มิติ ( 2D ) ภาพกราฟก 3 มิติ ( 3D ) ,ภาพเคลือ่ นไหวตางๆ และรวมไปถึงระบบการวิเคราะหและจดจําเสียงพูด ( Voice Recognition ) และการสื่อสารผาน โมเด็ม โดย MMX นี้ เปนชุดคําสั่ง ที่ใชสถาปตยกรรมแบบ SIMD กลาวคือ สามารถประมวลผลดวยคําสั่งเดียวกัน แตใชชดุ ขอมูลตางกันได พรอมๆ กัน ( SIMD : Single Instrunction Multiple Data stream ) เรียกวาเปนการประมวลผลแบบขนาน หรือ Parallel Processing เรื่องของ SIMD นี้ สามารถอานเพิ่มเติมไดที่ สถาปตยกรรมแบบ SIMD ครับ เทคโนโลยีนี้ ทาง Intel เองก็ไดพยายามผลักดันใหผูผลิต Software และ Hardware ตางๆ ใหสราง Application และ Driver ที่ชวยสนับสนุนการทํางานของ MMX เพื่อ จะไดใชประโยชนในจุดนี้อยางเต็มที่ แตในความเปนจริง จนถึง ณ ปจจุบันนี้ ก็มีผูผลิต Software เพียงไมกเี่ จาเทานัน้ ที่ออกแบบมาเพือ่ MMX อาจกลาวไดวา เปนเทคโนโลยีที่ไมสําคัญเทาไรนัก ... แตจําเปนตองมี เพราะเหมือนกับเปน Standard สําหรับ CPU ในขณะนี้ไปเสียแลว ( หลังจาก Intel ประกาศเปดตัว MMX บริษัทผูผลิต CPU อื่นๆ ก็หนั มาจับ MMX ใส CPU ของตนตามไปดวย ทัง้ AMD , Cyrix และแมแตนองใหมๆ อยาง IDT หรือ RISE ก็จับเจา MMX นี้ใสลงใน CPU ของ ตนดวย ) จําเปนไหม? สําหรับ MMX กับงานดาน Business สําหรับผม คิดวาไมจําเปน เพราะแทบจะไมชวยอะไรเลย เวนเสียแตงานดาน Presentation ซึ่งจําเปนตองใช Multimedia มาสนับสนุนดวย สําหรับ Software ที่สนับสนุน MMX นี้ ที่เห็นเดนชัดเลย ก็มี Adobe Photoshop ซึ่งมี Patch ให upgrade ใชคําสั่ง MMX ได ทําใหการทํางานในบางดาน ทําไดเร็ว ขึ้นอยางเห็นไดชดั
•
Speculative Execution ( หรือที่ Intel เรียก Dynamic Execution )
28 เปนกระบวนการทํางานเมื่อทํางานคําสั่งใดๆ เสร็จเพียงครึ่งทางกอน แลวรอดูวา มีคําสั่งไหน ที่ตองการใชในขั้นตอไป และเรียกใชมันกอน ( เปนกระบวนการของ Out-Of-Order Execution ) ทําใหชวยเพิ่มประสิทธิภาพในการทํางานขึ้นอีกระดับ •
Out-Of-Order Execution
29
ชวงตนยุคที่ 6 ( ของ CPU ) [ 11 June 1999 ] Intel Pentium Pro ( P64C )
ในราวๆ เดือนพฤศจิกายน ป ค.ศ. 1995 Intel ก็ไดเปดตัว CPU ในยุคที่ 6 ของตน โดยมี CodeName วา "P6" ซึ่งพัฒนาและปรับปรุงการทํางานเพิ่มเติมขึ้นมาอีก พอสมควร จาก Pentium Classic แตไดมีการยาย Cache ภายนอก ( หรือ Cache ระดับ 2 , L2 Cache ) ซึ่งปกติแลวจะวางอยูบน Mainboard มาไวที่ แผน Silicon เดียวกันกับ CPU เลย ( แตไมไดอยู ภายใน CPU ) เพื่อเพิ่มความเร็วในการทํางานของ L2 Cache และ การเพิ่มความเร็วในการเขาถึง และดึง ขอมูลจากใน Cache ... แตก็ดวย เหตุที่ตองรวมเอา Cache เขาไปดวยนี้เอง ทําใหราคาของ CPU นั้นสูงเอามากๆ Intel ไดเปลี่ยนแนวคิดของตัวเอง โดยหันมาใชการประมวลผลแบบ RISC ใน CPU ของตนบาง ดวยการดัดแปลงชุดคําสั่งสําหรับ x86 ของตนใหเปน ชุดคําสั่ง ของ RISC ที่เล็ก กวา เร็วกวา และ งายกวาเดิม เรียกวาเปนชุดคําสั่ง RISC86 Pentium Pro มี ชุด Pipeline 3 ชุด ซึ่งมากกวา Pentium Classic ซึ่งมีเพียง 2 ชุด และมีการแยกขั้นตอนการทํางานออกเปนถึง 14 ขั้นตอน และยังสนับสนุนการ ทํางาน แบบคาดเดาคําสั่งที่จะตองเรียกใชลวงหนาได ซึ่งเรียกวา Speculative Execution แต Intel เรียกการทํางานนี้วา เปน Dynamic Execution อีกสิ่งหนึง่ ที่เปลี่ยนไป ก็คือ Interface ที่ใช ซึ่งจากเดิมใชบน Socket 7 ก็หันมาใชที่ Socket 8 แทน ทําใหไมสามารถใชงานไดกับ Mainboard ของ Pentium Classic แนนอน จะใชรุนนี้ ก็ตอ งซื้อ Mainboard ใหมดวย สิ่งที่นาแปลกใจ สําหรับ Pentium Pro อยางหนึ่ง ก็คือ ขนาดของ Cache ภายใน หรือ Cache ระดับ 1 ที่ยังคงมีเพียง 16 K เทานั้น เทาๆ กับ Pentium Classic เลย แตก็ชดเชยจุดดอยตรงนี้ดวย Cache ระดับ 2 ที่มีขนาดใหญ และมีใหเลือกหลายรุน คือรุนที่มี Cache ระดับ 2 ขนาด 256 KB, 512 KB หรือ 1 MB และ ทํางานดวย ความเร็วเดียวกับ CPU เพราะอยูบน Silicon เดียวกัน Pentium Pro นี้ โดยมากจะถูกนํามาใชเปน Server มากกวาที่จะเปน Desktop PC เพราะ มันสนับสนุนการทํางานแบบ SMP หรือ Symmetric MultiProcessing ซึ่งทําใหใช CPU ได หลายตัว บน Mainboard ตัวเดียวกันได ทําใหชวยเพิม่ เสถียรภาพในการทํางาน สนับสนุนเรื่องของ Fault Tolerant ดวย เมื่อ CPU ตัวใดตัวหนึ่งเสียหาย อีกตัวหนึ่งก็จะทํางานแทนที่ได และยังชวยสนับสนุนการประมวลผลแบบขนานอีกดวย
Intel Pentium MMX ( P55C )
30 ในชวงตนป ค.ศ. 1997 Intel ก็ไดเปดตัวเทคโนโลยีใหมของตน คือ MMX หรือ MultiMedia eXtension ขึ้นมา โดยมีจุดประสงค เพื่อใหชวยเพิ่มความสามารถในดาน Multimedia เพราะในปจจุบันนี้ Computer และงานดาน Multimedia แทบจะแยกกันไมออกแลว ดวยเหตุนี้เอง ทาง Intel จึงไดรวมชุดคําสั่ง MMX เขามาใน CPU ตระกูล Pentium ของตนดวย เพือ่ เปนจุดขายใหม และ สราง มาตรฐานใหมของตนขึ้นมา มาดูกันดีกวาครับ วา Pentium MMX หรือ P55C นี้ มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจาก Pentium Classic หรือ P54C บาง อันดับแรกเลย คือชุดคําสั่ง MMX ไงละครับ อันนี้ของแนอยูแลว :-) ตอมาคือขนาดของ Cache ภายใน ที่เพิม่ ขึ้นมาเปนเทาตัวจากเดิม ซึ่งมี Data Cache 8 K และ Instruction Cache 8 K ก็ถูกเพิ่มอีกเทาตัวเปน Data Cache 16 K และ Instruction Cache 16 K ในสวนที่เปลี่ยนแปลงอีกอยาง ก็คอื เรื่องของ ไฟเลี้ยง ซึ่ง Pentium Classic นั้น ใชไฟเลี้ยง 3.3 Volt แต Pentium MMX นั้น จะใชไฟเลี้ยงเปน 2.8 Volt ที่ CPU core แต ในสวนของ CPU I/O ยังคงเปน 3.3 V. ในรายละเอียดปลีกยอยของสถาปตยกรรมภายใน ก็ไดมีการนําเอาเทคโนโลยีบางสวนจาก Pentium Pro ซึ่งจัดเปน CPU ในยุคที่ 6 ของ Intel ( P6 ) ที่เปดตัวออกมากอนหนา นี้ไมนานนัก ไดแก ความสามารถในเชิงของ Branch Target Buffer หรือ BTB ซึ่งเกี่ยวของกับการทํานายผลการคํานวนลวงหนา ... ชวยเพิ่มความเร็วในการประมวลผลไดอีกทาง หนึ่ง นอกจากนี้ยงั มีการพัฒนา / ปรับปรุง ในเชิงของ Return Address Prediction อีกดวย อีกทั้งยังสามารถทําการถอดรหัส และแยกการทํางานออกเปน 2 Pipe พรอมๆกันได เปน Pipe จํานวนเต็ม และ MMX ซึ่งสามารถทํางานไปพรอมๆกันไดเลย สรุปรายละเอียด ของ CPU Intel Pentium MMX o o o o o o o o o o o
มีตั้งแตรุนความเร็ว 166 MHz ถึง 233 MHz ใชเทคโนโลยี ขนาด 0.35 micron Cache ระดับ 1 มีขนาดเปนเทาตัวของ Pentium Classic คือเปน 32 K Die Size มีขนาด 141 ตารางมิลลิเมตร เพิ่มจํานวนของการ Write Buffer จาก 2 เปน 4 นําเทคโนโลยีเรื่อง Branch Prodiction ( Branch Target Buffer ) จาก Pentium Pro มาใช พัฒนาเรื่อง Return Stack ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีนั้นมีใน Cyrix/IBM 6x86 เพิ่ม step การทํางานของ U และ V Pipeline อีก 1 step พัฒนาเกี่ยวกับการทํางานแบบขนานของ Pipeline U และ V ชุดคําสั่ง MMX ใชไฟเลี้ยงใน CPU core 2.8 V แต ใชสําหรับ CPU I/O เปน 3.3 V.
Pentium MMX นี้ ยังคงเปน CPU ในรุนที่ 5 ของ Intel จะจัดเปนรุนที่ 5.1 ก็คงได ถึงแมจะออกมาทีหลัง Pentium Pro ซึ่งจัดเปน CPU ในรุนที่ 6 ของ Intel ก็ ตามแต
AMD K6
ในวันที่ 2 เมษายน ป ค.ศ. 1997 ทาง AMD เอง ก็ไดทําการเปดตัว CPU ในรุนที่ 6 ของตนขึ้นมาบาง เพื่อหมายจะมาแขงกับ Intel Pentium MMX นั่นก็คือ AMD K6 ยังคงจําเรื่องของ NextGen ไดไหมครับ บริษัทนี้ถูก AMD ซื้อและทําการรวมเทคโนโลยีเขามาดวย ซึ่งในขณะที่ซื้อนั้น ทาง NextGen ก็ไดออกแบบ CPU ในรุนที่ 6 ของตนไว
31 แลว คือ Nx686 ซึ่ง AMD ก็เลยไดถือโครงสรางทีน่ าสนใจของ Nx686 มารวมเขากับ เทคโนโลยีของตน และ เพิ่มชุดคําสั่ง MMX ของตนเองเขาไปดวย ทําใหได K6 ออกมา MMX ของ AMD K6 นั้น ถึงแมจะมีจํานวนชุดคําสั่งเทาๆ กัน มีคําสั่งเหมือนๆกันกับ Intel แตกระบวนการทํางานก็แตกตางกันไป เพราะ ถาทําในกระบวนการเดียวกัน ก็จะถือเปนการ ลวงละเมิดลิขสิทธิ์ของ Intel ซึ่งไดจดไวกอนแลว แตอยางไรก็ตาม MMX ของ AMD ก็ใชงานไดกับทุก Application ที่สนับสนุนการทํางานของ Intel MMX และใหประสิทธิภาพที่ไดผล พอๆ กัน ถึงดีกวาดวยซ้ํา สําหรับบาง งาน ( AMD เรียก MMX ของตนวาเปน MMX enhanced )
สําหรับในรุนแรกนั้น AMD ไดเปดตัวที่ความเร็ว 166, 200 และ 233 MHz ซึ่งมี transistor ภายใน 8.8 ลานตัว และใชเทคโนโลยี ขนาด 0.35 micron และตอมาก็ได เปดตัว รุนความเร็วที่ระดับ 266 และ 300 MHz แลวก็ไดหันมาใชเทคโนโลยีขนาด 0.25 micon ดวย ซึ่งในชวงนั้นเอง ก็ไดทําการตัดราคา CPU ของตนลงอีก ดวย เพื่อหมายจะ แขงกับ Intel Pentium MMX ( คงไมหวังจะแขงกับ Pentium Pro ละครับ เพราะ เนนตลาดคนละดานกัน ) สิ่งที่ AMD K6 มีเพิ่มเติมเหนือไปกวา Intel Pentium MMX ที่เห็นไดชัดๆ ก็คือ ขนาดของ Cache ภายใน หรือ Cache ระดับ 1 ( L1 Cache ) ซึ่งจะมีขนาดเปน เทาตัวของ Intel Pentium MMX ซึ่งก็คือ มี Data Cache 32 K และ Intruction Cache 32 K แตสิ่งที่ทําให AMD K6 ไมเหนือไปกวา Intel Pentium MMX อยางสมบูรณ นั่นก็คือ เรือ่ งของ การคํานวนเชิงทศนิยม เพราะยังคงทําไดชา กวา ณ ที่ CPU ความเร็วเทาๆกัน ซึ่ง ในขณะนั้น เกมส 3 มิติ ( 3D ) กําลังเปนที่แพรหลาย และเปนทีท่ ราบกันวา การคํานวนเชิง 3 มิตินั้นตองใช การคํานวนเชิงทศนิยมอยางหนัก ตรงจุดนี้เอง ที่ทาํ ให Intel Pentium MMX ยังคงเหนือกวา ( ณ ที่ความเร็วของ CPU เทาๆกันนะ ) แตดวยปจจัยของราคา ซึ่ง ในขณะนัน้ ราคาของ AMD K6 300 MHz นั้นพอๆกัน หรือแพงกวาเพียงเล็กนอย กับ Intel Pentium MMX 233 MHz และดวยความสามารถ ในการคํานวนเชิงทศนิยมของ K6 300 MHz นั้น ก็เทียบไดกับ Intel Pentium MMX 233 MHz ดวย แตดวยความเร็วดานอื่นๆ ที่เหนือกวา ก็เลยเปนจุดที่ชดเชยกันได อยางลนเหลือ ... มาดู สรุปรายละเอียดของ AMD K6 กันดีกวานะครับ o o o o
o
มีความเร็วตั้งแต 166MHz ถึง 300MHz ใชเทคโนโลยีขนาด 0.25 และ/หรือ 0.35 micron จัดเปน CPU ในรุนที่ 6 ของ AMD เปน RISC86 CPU ซึ่งมีสถาปตยกรรมดังนี้ มี 7 หนวยประมวลผลแบบขนาน สามารถถอดรหัสของ x86 ไปยัง RISC86 ไดทีละหลายๆคําสั่ง สามารถทํานายผลการประมวลผลลวงหนาได 2 ระดับ ( Branch Prediction ) สามารถคาดเดาคําสั่งทีจ่ ะตองทํางานลวงหนาได ( Speculative Execution ) สนับสนุนการทํางานแบบ Out-Of-Order Execution ( เปน Feature ที่ใชใน Pipeline ) สนับสนุนการทํางานแบบ Data Forwarding ( เปน Feature ที่ใชใน Pipeline ) มีชุดคําสั่งเพิ่มเติมเพื่อจัดการกับดาน MultiMedia ซึ่งก็คือชุดคําสั่ง MMX นั่นเอง
จริงๆ แลวในขณะที่ทาง AMD เปดตัว K6 ไดไมนาน Intel ก็ไดเปดตัว Intel Pentium II ขึ้นมาแขง หมายจะกลบรัศมีของ K6 ดวย ซึ่งความจริง ก็ควรจะจัดเปรียบเทียบ K6 กับ Pentium II แตดวยสถาปตยกรรมแลว ก็เลยขอเปรียบเทียบ K6 กับ Pentium MMX แทน ก็แลวกันนะครับ ... อาจเปนการไมแฟรสาํ หรับ Pentium MMX สักหนอย เพราะยังคงเปน CPU ในรุนที่ 5 แต AMD K6 เปนรุนที่ 6 แลว ตารางเปรียบเทียบ สรุปความสามารถดานตางๆ ระหวาง Intel Pentium MMX , Intel Pentium Pro และ AMD K6
32 Processor Feature
AMD K6
RISC core Superscalar Speculative execution Out of order execution Data forwarding Register renaming Simple x86 decoders Sophisticated x86 decoders Long x86 decoders Vector x86 decoders Execution Pipelines Branch prediction Advanced 2 level branch prediction Branch history table entries Branch target cache entries Branch prediction accuracy MMX technology High performance FPU L1 instruction and data cache Industry compatible SMM Latency ( ยิ่งนอยยิ่งดี )
Yes / 6 issue
Pentium Pro Pentium MMX Yes / 5 issue Yes
No
Yes Yes Yes Yes 2 1 1 6
No No No No 1 1 2
2 1 5 Yes Yes
8,192 16 95% Yes 32K + 32K 2 clock
No 256
512 0 90% No Yes 8K + 8K Yes 5-7 clock
75-80% Yes 16K + 16K 2 clock
รายละเอียดเพิ่มเติม •
MMX MMX เทคโนโลยีนั้น เปนชุดคําสั่งภายใน CPU ที่เพิ่มเขามาอีก 57 คําสั่ง เพือ่ จัดการกับงานในมัลติมีเดีย โดยเพิ่มประสิทธิภาพของโปรแกรมทํางานเกี่ยวกับระบบเสียง (Audio) ภาพกราฟก 2 มิติ ( 2D ) ภาพกราฟก 3 มิติ ( 3D ) ,ภาพเคลือ่ นไหวตางๆ และรวมไปถึงระบบการวิเคราะหและจดจําเสียงพูด ( Voice Recognition ) และการสื่อสารผาน โมเด็ม โดย MMX นี้ เปนชุดคําสั่ง ที่ใชสถาปตยกรรมแบบ SIMD กลาวคือ สามารถประมวลผลดวยคําสั่งเดียวกัน แตใชชดุ ขอมูลตางกันได พรอมๆ กัน ( SIMD : Single Instrunction Multiple Data stream ) เรียกวาเปนการประมวลผลแบบขนาน หรือ Parallel Processing เรื่องของ SIMD นี้ สามารถอานเพิ่มเติมไดที่ สถาปตยกรรมแบบ SIMD ครับ เทคโนโลยีนี้ ทาง Intel เองก็ไดพยายามผลักดันใหผูผลิต Software และ Hardware ตางๆ ใหสราง Application และ Driver ที่ชวยสนับสนุนการทํางานของ MMX เพื่อจะไดใชประโยชนในจุดนี้อยางเต็มที่ แตในความเปนจริง จนถึง ณ ปจจุบันนี้ ก็มีผูผลิต Software เพียงไมกี่เจาเทานัน้ ที่ออกแบบมาเพือ่ MMX อาจกลาวไดวา เปนเทคโนโลยีที่ไมสําคัญเทาไรนัก ... แตจําเปนตองมี เพราะเหมือนกับเปน Standard สําหรับ CPU ในขณะนี้ไปเสียแลว ( หลังจาก Intel ประกาศเปดตัว MMX บริษัทผูผลิต CPU อื่นๆ ก็หนั มาจับ MMX ใส CPU ของตนตามไปดวย ทัง้ AMD , Cyrix และแมแตนองใหมๆ อยาง IDT หรือ RISE ก็จับเจา MMX นี้ใสลงใน CPU ของ ตนดวย ) จําเปนไหม? สําหรับ MMX กับงานดาน Business สําหรับผม คิดวาไมจําเปน เพราะแทบจะไมชวยอะไรเลย เวนเสียแตงานดาน Presentation ซึ่งจําเปนตองใช Multimedia มาสนับสนุนดวย สําหรับ Software ที่สนับสนุน MMX นี้ ที่เห็นเดนชัดเลย ก็มี Adobe Photoshop ซึ่งมี Patch ให upgrade ใชคําสั่ง MMX ได ทําใหการทํางานในบางดาน ทําไดเร็ว ขึ้นอยางเห็นไดชดั
•
Speculative Execution ( หรือที่ Intel เรียก Dynamic Execution ) เปนกระบวนการทํางานเมื่อทํางานคําสั่งใดๆ เสร็จเพียงครึ่งทางกอน แลวรอดูวา มีคําสั่งไหน ที่ตองการใชในขั้นตอไป และเรียกใชมันกอน ( เปนกระบวนการของ Out-Of-Order Execution ) ทําใหชวยเพิ่มประสิทธิภาพในการทํางานขึ้นอีกระดับ
33 •
Out-Of-Order Execution อานเพิ่มเติมไดที่ Out-Of-Order Execution ครับ
เมื่อจักรพรรดิตกบัลลังก [ 07 August 1999 ] Intel Pentium II ( Klamath/Deschute )
ในกลางป 1996 Intel ก็ไดสงตัว CPU ในตระกูล x86 ตัวใหมของตน ออกสูทอ งตลาด นั่นก็คือ Intel Pentium II ซึ่งจะวาไปแลว ก็เหมือน Pentium Pro ที่ถูก พัฒนาขึ้นมาอีกระดับหนึ่งนัน่ เอง เพราะโดยสถาปตยกรรมทั่วๆไปแลว ก็ไมตางจาก Pentium Pro เลย เพียงแตมีการปรับแตงบางอยางใหมีความสมดุลย และ มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เชนมีการใสคําสั่ง MMX เขาไป และมี การปรับแตง Interface เสียใหม โดยจากเดิมนั้นใช Interface แบบ Socket เชน Intel Pentium Pro ใช Socket 8 หรือ Intel Pentium MMX ใช Socket 7 ( และ/หรือ Socket 5 ) ก็หันมาใช Interface เปนแบบ Slot แทน และเปลี่ยน Package ของ CPU จากที่เปน PGA ( Pin-Grid Array ) มาเปน SECC ( Single Edge Contact Cartridge ) ซึ่งมีลักษณะ เหมือนกับ กลองวีดีโอเทป และ ไดมกี ารยายตําแหนงของ Cache ระดับ 2 ออกมาไวตา งหาก ถึงแมวาจะอยูใน SECC เหมือนกับ CPU แตก็ไมไดบรรจุไวบน Chip ของ CPU อยาง Pentium Pro และ ทํางานดวยความเร็วเปนครึ่งหนึ่งของ ความเร็ว CPU ( เชน CPU ความเร็ว 300 MHz เจา Cache ระดับ 2 นี้ ก็จะทํางานที่ความเร็วเพียง 150 MHz เทานัน้ ) และยังไดเพิ่มขนาดของ Cache ระดับ 1 เปน 32K ซึ่งเปน 2 เทาของ Intel Pentium Pro เลยทีเดียว รูปขางลางนี้ แสดง Package ของ Intel Pentium II ทั้งดานหนา และ ดานหลัง
เรียก Interface ใหมที่ใชตอเชื่อมระหวาง CPU กับ Mainboard วา เปน Slot-1 ( สล็อตวัน ) โดยสาเหตุหลัก ที่ Intel ตองเปลี่ยนมาใชเปน Slot-1 นั้น ทาง Intel อางวา เพื่อลดปญหาคอขวดระหวาง Cache ระดับ 2 และ หนวยความจําหลัก ซึ่งเปนปญหาสําคัญ ที่เปนตัวหนวงประสิทธิภาพของระบบ แตโดยความเห็นสวนตัวแลว คาดวาจุดประสงคหลัก จริงๆ แลว นาจะเปนเพราะเรือ่ งของลิขสิทธิ์มากกวา ... เพราะเมื่อ Intel ยายมาใชเปน Slot-1 แลวก็ไดมีการจดลิขสิทธิ์ไวทันที
34 บริษัทผูผลิต CPU เจาอื่นๆ หากตองการที่จะผลิต CPU ที่ใช Slot-1 ดวย ก็ตองจายคาสิทธิบัตรใหกับทาง Intel เปนจํานวนไมใชนอยๆเลยทีเดียว CPU Intel Pentium II นั้น มี 2 รุน ... รุนแรกทีอ่ อกสูทอ งตลาดนัน้ ใชเทคโนโลยีขนาด 0.35 Micron และ ใชไฟเลี้ยง ( Vcore ) 2.8 Volt มี Code Name วา Klamath ซึ่ง CPU รุนนี้จัดวามีความรอนสูง ตอมา ทาง Intel จึงไดทําการลดขนาดของแผนเวเฟอรลง หันมาใชเปนขนาด 0.25 Micron แทน และใชไฟเลี้ยงเปน 2.0 Volt แทน โดยรุน นีจ้ ะมี Code Name วา Deschute พรอมกันนั้น ก็ไดเปดตัว chipset ตัวใหมของตน ซึ่งสนับสนุนการทํางานถึง 100 MHz ดวย ... นั่นก็คอื chipset Intel 440BX เอาละครับ ลองมาดู Spec รายละเอียดของ Pentium II กันดีกวานะครับ o o o o o o o o o o
มีต้งั แตรุน 233 MHz ถึง 450 MHz ( 233-333 MHz ใช FSB 66 MHz , 350-450 MHz ใช FSB 100 MHz ) Deschute Core นั้น ใชเทคโนโลยีขนาด 0.25 Micron เพื่อเพิม่ ความถี่ของ core ไดมากขึ้น และ ใชไฟนอยลง มี MMX ดวย แตเหนือชัน้ ไปวา Intel Pentium MMX เพราะสามารถทํางานไดทีละ 2 ชุดคําสั่ง MMX ไดพรอมๆกัน มีสถาปตยกรรมแบบ Dual Independent Bus ( DIB ) โดยแบงเปน System Bus และ Cache Bus เพื่อเพิ่มความกวางของเสนทางขอมูล และ เพิ่ม ประสิทธิภาพโดยรวม รุน 350, 400 และ 450 MHz นั้น ใชความเร็วบัสของระบบ ( FSB ) เพิ่มจากเดิม 66 MHz เปน 100 MHz เพื่อดึงประสิทธิภาพใหเกิดมากที่สุด Cache ระดับ 1 ขนาด 32 K แบงเปน Cache ขอมูล 16 K และ Cache คําสั่งอีก 16 K Cache ระดับ 2 อยูใน SECC เดียวกัน ขนาด 512 K ทํางานที่ความเร็วเปนครึ่งหนึ่งของความเร็ว CPU รุน 350, 400 และ 450 MHz นั้น สามารถอางตําแหนงของหนวยความจําไดมากถึง 4 GB สามารถใชรวมกันเปน Dual Processor ได โดยจะสามารถอางหนวยความจําหลักไดถึง 64 GB และ ยังมีรายละเอียดปลีกยอยอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการตรวจสอบความผิดพลาดของ Cache ระดับ 2 อีกหลายอยาง
CPU ในสายการผลิตที่ใช Code Name วา Deschute นั้น ทาง Intel ไดมีการปองกันการ OverClock CPU ของตน โดยไดมีการ Lock คาตัวคูณ ใหคงที่ตลอด ไม วาจะปรับแตงอยางไร ก็ไมมีผล ( Multiplier Lock ) เพื่อลดปญหาการ Remark CPU ของตน และ เพื่อปดกัน้ การ OverClock CPU ของตนอีกทางหนึง่ แตกด็ ูเหมือนวา จะไรผล เพราะ ก็ยงั คงมีการ OverClock CPU ตระกูลนี้กนั ใหสนุกมือเลยทีเดียว :-)
Intel Pentium II Xeon
Pentium II Xeon นั้น ถูกพัฒนาเพื่อเนนใหใชงานสําหรับ Server โดยเฉพาะ ถึงแมวาสถาปตยกรรมโดยทั่วๆ ไป จะคลายๆ กับ Pentium II แตสิ่งที่แตกตางกันอยาง เห็น ไดชัดนัน้ ก็มีไมนอยเชนกัน ดังนี้ o o o o o o o o o o
ใช Interface ใหม เปน Slot-2 ( สล็อตทู ) และ ไมสามารถใชดวยกันไดกับ Slot-1 ใชงานบน Mainboard ที่ใช chipset 440GX ( AGP set ) และ/หรือ 440NX ( PCI set ) มีหนวยความจําแคช L2 ทั้งในขนาด 450MHz 512 กิโลไบต และ 400MHz 512 กิโลไบต หรือ 1 เมกะไบต ใชขอมูลรวมกันกับสวนที่เหลือของระบบผานทางซิสเต็มบัสความจุสูงที่ทํางานไดครั้งละหลายรายการ และมีความเร็ว 100MHz เพิ่มหนวยความจําไดสูงถึง 64 กิกะไบต ซิสเต็มบัสสนับสนุนการปฏิบัติตามคําสั่งหลายรายการพรอมกัน เพือ่ ขยายแบนดวิธ และยังสนับสนุนการทํางานโปรเซสเซอรไดสูงสุดถึง 8 ตัว PSE36 การขยายการสนับสนุนหนวยความจํา ใหเปนขนาด 36 บิตที่ทําใหระบบปฏิบตั ิการใชหนวยความจําขนาดใหญกวา 4 กิกะไบตได ซึ่งจะทําใหระบบ มี ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นสําหรับการใชงานแอพพลิเคชั่นที่ตองอานขอมูลมากๆ และใชพนื้ ที่หนวยความจํามากในการทํางาน สนับสนุนคลัสเตอร หรือความสามารถในการจัดระบบเครื่องเซิรฟ เวอรที่ใช โปรเซสเซอร 4 ตัวหลายระบบเปนสวนเดียวกันได มีระบบชวยตรวจจับความรอน โดย Diode ที่อยูบน PCB จะชวยตรวจจับอุณหภูมิ และ สามารถหยุดการทํางาน หากวาอุณหภูมิสูงเกินไปได มีระบบตรวจสอบ และ แกไขขอผิดพลาดของขอมูล ( ECC : Error Correction Code )
35 o
มีระบบตรวจสอบการทํางานแบบซ้ําซอน ( FRC : Functional Redundancy Checking )
โดยพื้นฐานของราคา และ เปาหมายทางการตลาดแลว ก็ดูจะไมเหมาะกับ HomeUser หรือผูใชงานระดับทั่วไป ละครับ
Intel Celeron ( SEPP / PPGA 370 )
ถึงแมวา Intel Pentium II ที่ออกมานั้น จะมีประสิทธิภาพที่ดูแลวเดน และ นาสนใจมากๆ แตก็ติดปญหาที่ราคานั้น จัดวาสูงมาก ทําใหไมสามารถเขามามีสวนแบงในตลาดระดับลาง ได ... ทาง Intel จึงไดเปดตัว Celeron ขึ้น โดยใชโครงสรางภายในมาจาก Intel Pentium II รุน Deschute นั่นเอง เพียงแตตัดเอา Cache ระดับ 2 ออก และ เปลี่ยน Package เล็กนอย เปน SEPP ( Singel Edge Processor Package )และไดผลิตออกมา 2 รุนคือ ที่ความเร็ว 266 และ 300 MHz โดยมี CodeName วา Covinton ซึ่งราคานั้น ก็จัดวาถูกกวา Pentium II ที่ความเร็วเทาๆ กัน ครึ่งตอครึ่งเลยทีเดียว แตดูเหมือนวา การตัด Cache ระดับ 2 ออกไปนั้น มีผลตอประสิทธิภาพโดยรวมเปนอยางมาก และ ยิ่งเปนจุดที่ทําให คูแขงไดมีโอกาสซ้ําเติมตรงนี้ และ ใชขอบกพรองตรงนี้ของ Celeron มาพัฒนา CPU ของตนใหเปนจุดเดนแทน ก็เลยทําใหทาง Intel ตัดสินใจใส Cache ระดับ 2 เขาไปดวย แตไมไดเอาไปไวบน PCB เดียวกัน อยาง Pentium II หากแต นําไปวางไวบนแผน Siligon เดียวกันกับ CPU เลย ทําให Cache ระดับ 2 ที่เพิ่มเขาไปนั้น ทํางานดวยความเร็ว เทากันกับ CPU เลยทีเดียว แตขนาดของ Cache ระดับ 2 นั้น หากทาง Intel เพิ่มเขาไป ในจํานวนเทาๆกับ Pentium II ( คือ 512 K ) ผลก็คือ ราคานั้น อาจจะพอๆกัน หรือ อาจจะแพงกวา Pentium II ซะดวยซ้ํา ... Intel ไมทําเชนนั้นแนๆ ดังนัน้ ขนาดของ Cache ระดับ 2 ที่ Intel ใสเพิ่มเขาไป จึงมีเพียงแค 128K หรือเปน 1/4 ของขนาดของ Cache ระดับ 2 ใน Pentium II เทานัน้ Celeron ที่เพิ่ม Cache ระดับ 2 เขาไปนั้น ก็มีตั้งแตรนุ ความเร็ว 300 MHz เปนตนไป เพื่อไมใหสบั สนในการเลือกซื้อ เพราะในรุนที่ไมมี Cache ระดับ 2 ก็มีรุนที่มีความเร็ว 300 MHz ดวย ทาง Intel จึงเรียกชื่อ Celeron รุน 300 MHz ที่มี Cache ระดับ 2 นี้วา เปนรุน Celeron 300 A แทน และ ใหชื่อสายการผลิตนี้วา Mendocino ตอมา เพื่อเปนการลดคาใชจายลงอีก ทาง Intel จึงไดตัดสินใจผลิต Celeron Version ใหม ที่ใช Core เดิม หากแตเปลี่ยน Interface หันกลับมาใชเปน Socket ตามเดิม แตวา ไดออกแบบใหม ( อีกแลว ) เปน Socket ที่มีจํานวนขา 370 ขา ( Socket 7 นั้นมี 321 ขา ) และเรียก Package ของ Celeron ใหมนี้วาเปน PPGA
รูปแสดงการเปรียบเทียบใหเห็นถึงความแตกตางของ CPGA ( 321 Pin ใชกับ Socket 7 ) และ PPGA ( 370 Pin ใชกับ Socket 370 )
สถาปตยกรรมโดยทั่วไปนั้น ก็ เหมือนๆกับ Pentium II เพราะใช Core หลัก เดียวกัน มีการล็อคตัวคูณสัญญาณนาฬิกาเหมือนกัน แตกตางกันก็ตรงที่ Celeron นั้น ยังคงใช ความเร็ว Bus ของระบบเปน 66 MHz ตลอดมา และ ใชผลิตรุนที่เปน SEPP ( ใช Interface เปน Slot-1 ) จนกระทัง่ รุนความเร็ว 433 MHz จึงเลิกผลิต และ หันไป เนนการผลิตแบบที่เปน PPGA แทน
36
รูปแสดงรูปราง และ รายละเอียดของ SEPP ของ Celeron รุน Mendocino Core
รูปเปรียบเทียบ SEPP, SECC ตั้งแต Celeron ( Covinton ) , Celeron ( Mendocino ) และ Pentium II ( Deschute )
AMD K6-2 3DNow!
หลังจากทีพ่ ลาดทามาแลวกับ รุน K6 ซึ่ง มีหนวยประมวลผลดานทศนิยมนั้นดอยกวาของ Intel อยู ตัง้ แต 1 - 2 ระดับ ( ประสิทธิภาพ FPU ของ K6 300 MHz นั้น พอๆ กับ Pentium MMX 233 MHz เทานั้น ทั้งๆ ที่ความเร็วหางกันอยูถึง 2 ระดับ ) ทําให CPU รุน K6 นั้น ไมเปนที่แพรหลาย สําหรับ ผูที่ตองการพลังในการประมวลผลดานทศนิยม เปนอยางมาก ... แนนอน ... กับเกมส 3D ที่กําลังเปนที่นิยมนั้น K6 ทําคะแนนไดไมดีเลย จัดวาแยเอามากๆ แตถาเปนการทํางานดานอืน่ ๆ นัน้ โดยเฉพาะกับงานดาน Office Application หรืองานที่ตองการใชการประมวลผลดานเลขจํานวนเต็ม ( เกมส 2D ก็ใช ) นัน้ K6 กลับทําไดดีเกินคุมเลยทีเดียว
37 AMD ก็ไดเล็งเห็นถึงขอบกพรองตรงนั้นของตน และก็คิดหาทางแกไข ... แตการออกแบบโครงสรางใหมนนั้ ไมใชงายๆ นอกจากจะใชเวลาไมใชนอยๆแลว ยังตองทุมทุนในการพัฒนาอีก มากดวย ซึ่งหาก AMD เลือกทางนี้ ก็จะไมมี CPU ออกมาแขงกับ Intel และ ปลอยให Cyrix นั้นแขงชิงความเปนเจาตลาดกับ Intel เทานั้น ... ซึ่งแนนอนไมวา ผลการชิงนั้น จะ เปนอยางไร AMD ก็คงไมยอมแนๆ เพราะ ตนไดแตเพียงมองดูเขาชิงกัน ... AMD ตองการมีสวนรวมดวย ... แตจะทําอยางไร ละ ในเมื่อ FPU ของ AMD นั้น สูกับทาง Intel ไมได เลย แลวจะทําอยางไรดี? 3DNow! จึงไดถือกําเนิดขึ้นมาเพือ่ การนี้โดยเฉพาะ โดย 3DNow! นี้ ก็เหมือนๆ กับ ชุดคําสั่ง MMX ของ Intel คือเปน คําสั่งใหมๆ ที่เพิ่มเขามาเพื่อการหนึง่ การใด ... ใชครับ 3DNow! นี้ มีมาเพื่อชวยเพิ่มประสิทธิภาพในการคํานวนเชิง FPU เพื่อใชกับเกมส หรือ Application ที่มีการคํานวนภาพแบบ 3 มิติ ( 3D ) นั่นเอง ก็ใชวา 3DNow! ที่เกิดขึ้นนี้ จะรุง และ เพิ่มประสิทธิภาพของ CPU ไดเต็มที่ซะทีเดียวนัก เพราะ 3DNow! นี้ เปนชุดคําสั่งภายใน ที่จําเปนตองมี Driver และ/หรือ Software ที่ใชนั้น ก็ตองมีการเรียกใช และมีการปรับแตงใหเขากับ 3DNow! ดวย จึงจะทําให มันใชงานไดมีประสิทธิภาพสูงสุด แตอยางไรก็ดี มีบริษัทผูผลิตเกมส และ ผลิต Graphic Chip ไมนอยเลยทีเดียว ที่ออกตัววาจะผลิตเกมส หรือ Driver ของ Graphic Chip ใหสนับสนุนการทํางานของ 3DNow! นี้ดว ย โดยเฉพาะอยางยิ่ง เมื่อเจาตลาด Graphic Chip 3D เกมสในขณะนั้น ซึ่งก็คือ 3Dfx ไดประกาศและพัฒนา Driver สําหรับ Chip Voodoo ของตน ใหสนับสนุนการทํางานของ 3DNow! นี้ดวย ก็ทําให CPU AMD K6-2 3DNow! นี้ เริ่มกลายเปนที่กลาวขวัญถึงกันอยางมาก ประกอบกับทาง VIA และ ALI ไดออก Chipset ที่ใชกับ Socket 7 ( AMD K6-2 นี้ยังคงใช Interface แบบ Socket 7 ) ที่ใชงานที่ 100 MHz ได ก็ชวยทํา ให AMD K6-2 นี้ มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอีก สําหรับทางดานรายละเอียดทั่วๆไป นั้นก็ขอสรุปคราวๆดังนี้ครับ o o o o o
ใช FSB ที่ 66 MHz สําหรับ AMD K6-2 266 , 300 MHz ( AFR-66 ) และ 366 MHz ใช FSB ที่ 95 MHz สําหรับ AMD K6-2 333 , 380 และ 475 MHz ใช FSB ที่ 100 MHz สําหรับ AMD K6-2 300, 350, 400 , 450 และ 500 MHz ใชเทคโนโลยีขนาด 0.25 Micron และใชไฟเลี้ยง CPU เปน 2.2 Volt ( K6-2/III 400 MHz ในรุนแรกๆ ใชไฟ 2.4 Volt ) ใช Interface แบบ Socket 7 ( 321 Pin )
ดวยประสิทธิภาพที่สูง และ เดนทั้งดานการคํานวนเลขจํานวนเต็ม และ ยังเดนในดานเกมส 3D ( ถึงแมจะไมใชที่ 1 แตคุณภาพ ก็อยูใน ขายที่ยอมรับได ) บวกกับ ราคาที่จัดวาถูกมากๆ ... ก็ทําให AMD K6-2 3DNow! นี้ ขายดิบขายดี เปนเทน้าํ เททา เลยละครับ
หลายคน โดยเฉพาะทาง Intel คงแทบไมเชื่อสายตาตัวเอง ที่ผลการสํารวจตลาดในเดือนมกราคม ป 2542 ที่ผานมานั้น ผลปรากฏวา ยอดขาย CPU โดยรวม ของ AMD นั้นสูงกวา เพราะ สวนแบงของตลาดระดับลาง และ ระดับกลางนั้น AMD แทบจะยึดครองไวไดเกือบหมด และ ในเดือนกุมภาพันธตอมา สวนแบงตลาด ของ AMD ก็ยังคงเหนือกวา Intel อีกเชนเดิม
เอาละสิ แลวอยางนี้ จักรพรรดิจะทําอยางไร? เมื่อบัลลังกถูกฉกชิงไปตอหนาตอตา ... จักรพรรดิจะสิ้นชื่อก็คราวนี้นะหรือ? ... สงครามบทนี้ จะจบลงอยางนี้หรือ? ... ไมแนๆ ... Intel คงตองหาทางโตกลับมาแนๆ แตจะโตกลับอยางไร และ สําเร็จไหม ... แลว AMD นั้น มีการเตรียมตัว ในการตัง้ รับการโตกลับของ Intel ไวอยางไร? ... มาดูกันตอเลยครับ
38 ตารางสรุปเปรียบเทียบ Spec ตาง
Processor Features
Performance Benefits
Process Technology (micron) Die size (mm2)
Smaller die size=lower cost
Clock speed (MHz)
Faster clock speed generally means faster processing and apps launching
AMDK6®-2 with Pentium Celero 3DNo ®II n w!™ techno logy 0.25
0.25
0.25
81
131
131 or 155
300 333 350/36 6/380 400 450 475
300 333 350 400 450
300/30 0A 333 366 400 433 466 500
L1 cache
Built-in feature that helps the CPU retrieve even faster
64K Yes
32K Yes
32K Yes
L2 cache Support
Augments L1 cache, making data retrieval even faster
Yes
Yes
No 266/30 0 MHz Yes 300A/3 33MH z
Processor bus (max bus speed)
Moves data between CPU and memory
MMX™ Technology
Enhances multimedia applications and runs other apps 10% faster
Yes
Yes
Yes
3DNow!™ Technology
Enables superior visual and multmedia experience
Yes
No
No
100 MHz Bus Support
Moves data between the CPU and the main memory. L2 cache can't improve performance without a fast bus to move the data. Faster bus eliminates the data bottleneck
Yes
Yes, but only at 350MHz and above
No
Accelerated Graphics Port Support
Speeds up 3D graphics
Yes
Yes
Yes
X86 compatibility
Standard industry architecture, essential for running standard PC applications
Yes
Yes
Yes
Super Slot 1 Slot 7™ 100MHz 1,Sock 100M 66MHz et 370 Hz 66MH Socket z 7 66MH z
39
รายละเอียดเพิ่มเติม •
3DNow! 3DNow! นั้น เปนชุดคําสั่งใหม ที่ทาง AMD เปนผูคิดคน และ พัฒนา โดยจะมีคาํ สั่งใหมๆ ที่เพิ่มเติมเขามาอีก คําสั่งที่ใชงานในแบบ SIMD ( Single Instruction Multiple Data stream ) เพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพในดานการคํานวนเชิงทศนิยม รวมถึงไดแกไขปญหาคอขวด ( BottleNeck ) ของ 3D Graphics Pipeline ระหวาง CPU และ 2D/3D Graphic Card ดวย ทาง AMD เลือกใชวธิ ีนี้ ในการแกไขปญหาเรื่องประสิทธิภาพดาน FPU ในการเลนเกมส 3 มิติ ซึ่ง CPU ของตนนั้นทําไดแยกวาของทาง Intel ที่ระดับความเร็วสัญญาณนาฬิกา เทาๆกัน อานรายละเอียดเรื่องของ 3DNow! และ ประสิทธิภาพในการประมวลผลของ FPU ตางๆ ไดที่ พลังแหงการประมวลผลเชิงทศนิยม ( FPU Power )
•
Cache Cache นั้น สําคัญไฉน อานเพิ่มเติมได ทีบ่ ทความเรื่อง Cache ครับ
•
Stepping คา Stepping เปนคาที่บงบอกถึงจํานวนการแกไข CPU โดย Stepping 0 หมายถึง core ที่เปน Original Product และเมื่อมีการพบขอผิดพลาดในสวนของ MicroCode ของ core CPU หรือพบ CPU นั้นๆไมสมบูรณ ก็จะทําการแกไขใหม เมื่อทําการแกไขใหมเรียบรอยแลว ก็จะเพิ่ม Stepping เปน 1 และเมื่อพบขอผิดพลาดและ ได ทําการแกไขอีกก็จะทําการเพิ่มคา Stepping เขาไปอีก ซึ่ง จะวาไปแลว Stepping นี้ ก็อาจเปรียบไดกับการพิมพหนังสือ ... เปนการพิมพครั้งที่ 1 ... พิมพครั้งที่ 2 หรือ พิมพ ครั้งที่ 3 เปนตน โดยปกติแลว จะพบวา CPU ที่มีคา Stepping มากกวา 0 มักจะ Overclock ไมคอยได หรือ มีเปอรเซ็นตสําเร็จ ในการ OverClock ต่ํากวา CPU ที่มี Stepping เปน 0 แตวา มันจะมีความ Stable สูงกวา สรุปงายๆ ก็คือ CPU ที่มี Stepping มาก ก็ยิ่ง OverClock แตมันก็มากดวยความ Stable
•
S-Code S-Code หรือ ที่ Intel เรียกวา S-Spec นั้นเปน ตัวอักษร 5 ตัวโดยนําหนาดวยตัว "S" ซึ่งทาง Intel ใชสําหรับระบุความแตกตางของชนิดของ CPU ของตนทัง้ ในดานของ ชนิด, Stepping, Vcore หรือแมแต ชนิดของการ Package CPU วาเปน OEM หรือ Retail โดยสามารถดูไดทตี่ ัวของ SEPP เลย หรือ ถาเปนรุน Retail ก็จะดูได จากขางกลองที่บรรจุ
•
Multiplier Lock ความเร็วในการทํางานของ CPU นั้นถูกกําหนดดวยคา 2 คา นั้นก็คือ คาความเร็ว Bus ของระบบ และ คาตัวคูณสัญญาณนาฬิกา โดย เรียกคาความเร็ว Bus ของระบบวาเปน ความเร็ว ภายนอก เพราะระบบ Bus จะใชความเร็วนีเ้ ปนหลัก แต ความเร็วภายในของ CPU หรือ ที่เราเรียกๆ กันวา CPU ความเร็ว 450 MHz นั้น เกิดจาก ผลคูณของความเร็ว Bus ของ ระบบ กับ คาตัวคูณสัญญาณนาฬิกา เชนความเร็ว Bus ของระบบ เปน 100 MHz และ คาตัวคูณสัญญาณนาฬิกานั้นเปน 4.5 ก็จะไดความเร็วของ CPU เปน 450 MHz เดิมทีนั้น ทั้งคาของความเร็วระบบ และ คาตัวคูณ จะสามารถปรับแตงไดจากการ set บน Mainboard แตเนื่องจาก เกิดปญหาเรือ่ ง CPU remark มากเหลือเกิน ซึ่งก็เกิดจากการ เพิ่มคาของตัวคูณใหมากขึ้น เชน จากเดิมเปน 4.5 ก็เพิ่มเปน 5 แลวทําการ Screen ตัว CPU เสียใหมวาเปน CPU 500 MHz แลวก็ขายในราคา 500 MHz ... แนนอน ... ผูเสียหายรายใหญนั้นคือ Intel ดังนัน้ ทาง Intel จึงได ทําการปรับแตงโครงสรางการกําหนดคาของ ตัวคูณเสียใหม โดยมีการฝงคานั้นไวในสวนของ Package CPU เลย และไม จําเปนตองอานคาตัวคูณจาก Mainboard อีกตอไป
•
OEM & Retail CPU แบบ OEM หรือที่เราเรียกกันติดปากวา เปนแบบ ถาด ( Tray ) จะเปน CPU ที่มีเพียงแคตัว CPU โดดๆ ไมมี Heatsink หรือ พัดลมจากทางผูผลิต CPU ให ( ที่มี ก็จะ เปนของที่ทางรานเพิ่มใหเอง ) การรับประกันจะมีใหเพียงไมนานนัก ซึ่งเปนการประกันโดยผูขายเอง ไมใชจากทางผูผลิตโดยตรง
40 Retail หรือ ที่เราเรียกกันวา แบบกลอง (BOX) ซึ่งแบบนี้ จะมี Heatsink และพัดลมติดมาพรอมกันเลย โดยทั้งหมดจะถูกบรรจุอยางดีในกลอง พรอมดวยคูมือ รวมถึงรับประกันจาก ทางผูผลิตไมต่ํากวา 1 ป โดยปกติแลว แบบ OEM จะมีราคาถูกกวาแบบ Retail อยูพอสมควร และ ในตลาดบานเราจะพบแบบ OEM ไดมากกวาแบบ Retail โดยเฉพาะอยางยิ่ง CPU ของ AMD, Cyrix และ IDT ซึ่งจะเห็นไดแตแบบ OEM เทานั้น ( พอจะพบเห็น CPU ของ AMD แบบ Retail บาง ... แตนอยมาก ) ประสิทธิภาพของ OEM และ Retail นั้น ไมแตกตางกัน จะมีบางก็ในเรื่องความสามารถในการ OverClock และ เสถียรภาพ ซึ่งก็ไมเห็นชัดเทาไรนัก
•
Empire Strike Back! [ 07 August 1999 ] Intel Pentium III ( Katmai )
Intel ตอบโต AMD กลับ ดวยการชิงเปดตัว Pentium III ออกมากอนหนา AMD K6-III โดยไดเปลี่ยนแปลงกําหนดการ ใหออกเร็วขึ้น และ ไดสรางความผิดหวังพอสมควร กับ การเรงออกจนเกินไปในครั้งนี้ เพราะอะไร? กอนหนานี้ Intel ไดประกาศวา Pentium III นั้น จะใชเทคโนโลยีขนาด 0.18 Micron ใชไฟเลี้ยง 1.8 Volt และ มี Cache ระดับ 1 ขนาด 64 K ดวย แตเมื่อถึงเวลาจริงๆ นั้นปรากฏวา ยังคงเปน เทคโนโลยีขนาด 0.25 Micron ใชไฟเลี้ยง 2.0 Volt และ ยังคงมี Cache ระดับ 1 เพียง 32 K เชนเดียวกับ Pentium II เลย จากขอมูลหลายๆแหลง กลาววา Pentium III นั้นใช สถาปตยกรรมแกนหลัก ( Core ) เดียวกันกับ Pentium II นั่นก็คือใช Deschute Core เชนเดิม เพียงแตได เพิ่มเติมประสิทธิภาพอยางอืน่ เขาไปแทน อาทิ SSE และ Processor Serial Number ( เรียก Core ใหมนี้วา Katmai Core ) ซึ่ง หากตัดความสามารถทั้ง 2 อยางนี้ ออกแลวละก็ .. Pentium III ก็ไมตางจาก Pentium II เลยทีเดียว ปญหาหนึง่ ที่นา จะเกิดขึ้นกับ Pentium III หนักกวา Pentium II นั้นก็คือเรื่องปญหาดานความรอน เนื่องจาก Pentium III นั้น มีจํานวนทรานซิสเตอรอัดแนนอยูภายใน CPU กวา 9.5 ลานตัว ซึ่งมากกวา Pentium II ถึง 2 ลานตัว และ อัดกันอยูบนแผนเวเฟอร ขนาด 0.25 Micron ผลก็คือ ความรอนที่เกิดขึ้นกับตัว CPU นั้น สูงกวา Pentium II แนนอน
41 สรุปสถาปตยกรรมโดยคราวๆของ Pentium III o o o o o o o o o
ใชเทคโนโลยีการผลิต ขนาด 0.25 Micron Katmai Core นั้น พัฒนาขึ้นมาจาก Deschute Core โดยการเพิ่มชุดคําสั่ง SSE Interface ที่ใชตอ เขากับ Mainboard เปน Slot-1 Cache ระดับ 1 ขนาด 32 K แบงเปน Cache ขอมูล 16 K และ Cache คําสั่ง 16 K โดยมีการเขาถึงได 4 ทาง ( 4-Way Associative ) Cache ระดับ 2 อยูบน PCB เดียวกันกับ CPU ใน SECC2 เดียวกัน โดยมีขนาด 512 K และทํางานที่ความเร็วเพียงครึ่งหนึ่งของความเร็ว CPU ใชไฟเลี้ยง CPU Core 2.0 Volt ชุดคําสั่ง พิเศษสําหรับชวยจัดการงานดาน Multimedia, Internet และ Graphics 3D อีก 70 คําสั่ง ( SSE ) Processor Serial Number ซึ่งเปนลักษณะเฉพาะของ CPU Pentium III แตละตัว ใช FSB 100 MHz และ ยังคงมีการล็อคคาตัวคูณสัญญาณนาฬิกา ( Multiplier Lock )
อยางไรก็ตาม Intel มีแผนการจะวางตลาด Pentium III ตัวใหมที่ใช Core ใหม ที่มี CodeName วา Coppermine ในราวปลายๆป 1999 นี้ โดยคาดวา Coppermine นี้ จะใช FSB ที่ 133 MHz รวมถึงใชเทคโนโลยีแบบ 0.18 Micron และเริ่ม ตนที่ความเร็ว 600 MHz
Intel Pentium III Xeon
เหมือนกับเปนผลรวมของ Pentium II Xeon บวกกับความสามารถใหมของ Pentium III คือ SSE และ Processor Serial Number ดังนัน้ โดยสถาปตยกรรม หลักแลว ก็ยังคงพื้นฐานเดิมของ Pentium II Xeon เชนเดิม เพราะฉะนั้น ความสามารถใหมๆ ที่เดนๆ ก็มีเพียง o o o o o o
Internet Streaming SIMD Extension ที่ชวยใหสามารถแสดงขอมูลที่เต็มไปดวยสื่อตางๆ ไดอยางรวดเร็ว และเสริมใหแอพพลิเคชัน่ ประเภท Streaming Media และ Application ที่ตองใชพื้นที่ในหนวยความจําสูงๆ สามารถทํางานไดดียงิ่ ขึน้ สามารถ ทํางานรวมกันกับแพลตฟอรมของเวิรก สเตชั่น และเซิรฟเวอรที่ใช Pentium II โปรเซสเซอร ได เขากันไดกับระบบปฏิบัติการตางๆ ทั้งบนไมโครซอฟต Windows NT หรือระบบ UNIX ได มีใหเลือกขนาดของ Cache ระดับ 2 ไดหลายแบบ กลาวคือ รุน 500 MHz นั้นมี ขนาดของ Cache ระดับ 2 ใหเลือกถึง 3 รุน คือ 512 KB, 1 MB หรือ 2 MB และแบบความจุ 512 KB สําหรับรุน 550 MHz ยังคงความสามารถตางๆ ที่มีใน Pentium II Xeon เดิม เชน ECC, SMB และ FRC ซึ่งจําเปนอยางมากสําหรับ WorkStation หรือ Server คุณสมบัติ Processor Serial Number
และก็เชนกันกับ Pentium II Xeon นั่นก็คือ CPU ตัวนี้ เหมาะกับการใชเปน Server และ / หรือ WorkStation เทานั้น ไมเหมาะกับ Home User ทั่วๆไป แนนอน ครับ ทั้งดวยประสิทธิภาพที่เกินความจําเปน และ ราคาที่สูงเกินอาจเอือ้ ม
AMD K6-III 3DNow! ( SharpTooth )
42
AMD หมายจะตอกย้ําความเจ็บช้าํ ใหกับ Intel ซึ่งไดเคยสรางไวแลว เมื่อคราว K6-2 ดังนั้น มาคราวนี้ AMD ไดรับประสปการณเรื่องความเร็ว Cache ระดับ 2 มาจาก Celeron ก็เลยตัดสินใจ รวม Cache ระดับ 2 เขาไปใน CPU ดวย โดยเพิ่มใหมขี นาดเปน 2 เทาของ Celeron คือ มีขนาดถึง 256 K และ ทํางานดวย ความเร็วเทาๆ กับ CPU เลยทีเดียว และ ยังคงใชกับ Mainboard Socket 7 ที่มี Cache บน Mainboard อีกดวย ก็เลยทําใหมันมอง Cache บน Mainboard นั้น เปน Cache ระดับ 3 ไปโดยปริยาย CPU ตัวใหมนี้ เดิมที AMD จะใหชื่อ K6-3 และ มี Code Name วา SharpTooth แตตอมา ภายหลังจากที่ทาง Intel ประกาศตัว Pentium III และ ทาง AMD เองก็หมายจะให CPU ตัวใหมนี้ของตนเปนคูแขงกับ Pentium III ก็เลยเปลี่ยนชือ่ K6-3 นี้เล็กนอย มาเปน K6-III แทน o
o
o o o
ดานสถาปตยกรรมแบบ SuperScalar มีหนวยประมวลผลที่สามารถทํางานไดพรอมๆ กันถึง 10 หนวย Branch Prediction 2 ระดับ Speculative Execution Out-Of-Order Execution แบบเต็มรูปแบบ Register Renaming และ Data Forwarding ทํางานดวยชุดคําสั่ง RISC86 ไดถึง 6 ชุดคําสั่ง ตอ 1 สัญญาณนาฬิกา สถาปตยกรรมแบบ Tri-Level Cache ( Cache 3 ระดับ ) Cache ภายใน มีขนาดโดยรวมมากถึง 320 KB Cache ระดับ 1 ขนาด 64 KB แบงเปน Cache ขอมูล 32 KB ( เปน Write-Back Dual-Port ) และ Cache ชุดคําสั่ง อีก 32 KB มีการเขาถึง Cache ระดับ 1 ได 2 ทางพรอมๆกัน ( 2 Way -Associative ) Cache ระดับ 2 ฝงอยูใน Silicon ชิ้นเดียวกับ CPU ขนาด 256 KB ( Write-Back ) มีการเขาถึง Cache ระดับ 2 ได 4 ทางพรอมๆกัน ( 4 Way -Associative ) มอง Cache บน Mainboard เปน Cache ภายนอก ( Cache ระดับ 3 ) ใชเทคโนโลยี 3DNow! ( 21 ชุดคําสัง่ SIMD FPU ) Package เปน Ceramic Pin Grid Array ( CPGA ) ซึ่งมี 321 ขา เพื่อใชกับ Interface แบบ Socket 7 ( Super 7 ) มีทรานซิสเตอร 21.3 ลานทรานซิสเตอร บน Die Size ขนาด 118 ตารางมิลลิเมตร และใชเทคโนโลยีขนาด 0.25 Micron 5 Layer-Metal Silicon
ดวยประสิทธิภาพที่ดพี อๆ กันในการใชงานทัว่ ๆไป และ มีขอเดนขอดอย ตางกัน ซึ่งเมือ่ จะมองๆ ไป ก็นาจะชดเชยสวนดอยกันไปได และ ราคานั้น AMD ก็ยังคงถูกกวา Pentium III ณ ระดับความเร็วเทาๆ กัน ... งานนี้ก็เลยดูเหมือนวา K6-III จะย้ําแคนไดสําเร็จ ... แต ในความเปนจริง กลับไมเปนเชนนั้น เพราะเมือ่ Intel ประกาศ เปดตัว Pentium III ก็ได เปดตัว SSE และ สรางภาพลักษณใหกับ Internet SSE อยางมาก เพื่อให ผูใชฝงใจวา หากจะเลน Internet ใหเร็วๆ แลว ก็ตองใช Pentium III ซึ่งเรื่องนี้ ทาง Intel ทุมทุนในการโปรโมทเปนอยางมาก อีกทั้ง Intel ไดทําการหั่นราคา CPU Pentium III ของตน ลงอยางรวดเร็ว ดังนั้น ผลลัพธ ก็เหมือนกับวา ทาง Intel นั้น เปนจักรพรรดิ ที่ กลับมาทวงบัลลังกคืน ดวยขุมกําลังอันมหาศาลเลยทีเดียว ... แลว Intel จะทวงบัลลังกคืนไดไหม? หรือวา เปนแคเพียงการดิน้ รนเฮือกสุดทาย หรือ AMD มีการเตรียมการโตตอบอยางไร ? กาลเวลาจะเปนผูใหคําตอบนี้ไดอยางดีที่สุด
ตารางสรุปเปรียบเทียบ Spec ตาง
43 Processor Features
Performance Benefits
Process Technology (micron)
AMD-K6®-III with Pentium®III 3DNow!™ technology 0.25
0.25
Die size (mm2)
Smaller die size=lower cost
118
140
Clock speed (MHz)
Faster clock speed generally means faster processing and apps launching
400 450
450 500 550
Total System cache (max)
Larger cache typically improves overall performance
2368 KB
544 KB
*Internal cache
Built-in feature that helps the CPU access data and instructions even faster
320 KB
32 KB
L2 cache support
Augments L1 cache, making data and instruction access even faster
256 KB (full speed)
512 KB (half speed)
L3 cache support
Provides additional system cache improving overall performance
Yes (up to 2 MB)
No
Processor bus (max bus speed)
Moves data between CPU and main memory
100MHz
100MHz
MMX™ Technology
Improves quality and performance of integer-based multimedia applications
Yes
Yes
Advanced Floating Point Multimedia Technology
Enables superior visual and multmedia experience
Yes 3DNow! technology
Yes Streaming SIMD Extensions
Accelerated Graphics Port Support
Speeds up 3D graphics
Yes
Yes
X86 compatibility
Standard industry architecture, essential for running standard PC applications
Yes
Yes
รายละเอียดเพิ่มเติม •
SSE : Streaming SIMD Extension เปนชุดคําสัง่ แบบ SIMD ที่ทาง Intel เพิ่มเขาไปใน CPU ของตน ซึ่งก็เหมือนกับ MMX และ 3DNow! ( ของ AMD ) เพียงแต MMX นั้น เปน SIMD สําหรับการ ประมวลผลเลขจํานวนเต็ม แต SSE นั้น เนนดาน ทศนิยมเปนหลัก และ ยังใชงานไดกวางขวางกวา 3DNow! ของ AMD อีก เพราะไมไดจํากัดแค Application ดาน 3D เทานั้น SSE นั้น เปนชุดคําสัง่ 70 คําสั่ง ที่มีคําสั่งในการประมวลผลเชิงทศนิยม อยู 50 คําสั่ง ... เปน ชุดคําสั่ง MMX ใหม ซึ่ง Compat กับ MMX เดิม 57 คําสั่ง อีก 12 คําสั่ง และ เปนชุดคําสัง่ ที่จัดการเกีย่ วกับ Cache อีก 8 คําสั่ง อานเพิ่มเติมได ที่บทความเรื่อง FPU Power : ประสิทธิภาพในการประมวลผลเชิงทศนิยม ครับ
•
PSN : Processor Serial Number เปน Feature ใหม ที่ทาง Intel เพิ่มเติมเขาไปใหกับ CPU Pentium III ของตน โดยแตเดิมนัน้ ใชขอมูลขนาด 32 Bit เทานั้น ในระบุชนิด ของ CPU แตใน Pentium III นั้น จะมี chip PROM ( Programable ROM ) ขนาด 96 Bit ฝงอยูใน Pentium III เลย โดยจะมีการจัดเก็บรหัสขอมูลของ CPU แตละตัวที่ ไมซ้ํากันเลย ( เปน Uniqe Number ) ขนาด 64 Bit และจะทํางานโดยการเรียกผานชุดคําสั่ง CPU_ID เพื่อใหใชงาน PSN ได
44 PSN นั้น ทาง Intel อางวา มีไว เพือ่ ใหผูดูแลระบบขององคการ สามารถใช PSN ในการติดตามขอมูลเกี่ยวกับ เครื่อง Computer ที่ตออยูกับ Network ทั้งในดาน ตําแหนง ที่ตั้งของเครื่อง, Configuration, Application ที่ใชงานตางๆ และ อื่นๆ ได อีกเหตุผลหนึง่ ก็คือ เรือ่ งของ Internet Security ซึ่ง Intel มองถึงเรือ่ งของ E-Commerce โดย PSN นั้นจะชวยปองกันการ Access เขาไปใชงาน จากผูที่ไมมีสิทธิ โดยผูใชสามารถลงทะเบียน PSN ของเครื่องที่ใชตดิ ตอกับเว็ปไซทที่ใชบริการ E-Commerce นั้นๆ แลว เมื่อมีการ Access เขาไปเพื่อจะติดตอธุรกิจ ก็อาจมีการใหใส login และ password จากนั้น ระบบก็จะสง PSN ไปใหกับผูใหบริการดวย เพื่อเปนการยืนยันอีกทางหนึง่ •
Tri-Level Cache สําหรับ AMD K6-III นั้น ไดมีการนําเอา Cache ระดับ 2 เขามาไวในตัว CPU เลย เปน Cache ภายในที่ทํางานดวยความเร็ว เทากับ ความเร็วของ CPU และมอง Cache ภายนอกที่อยูบน Mainboard ซึ่งทํางานดวยความเร็วเทาๆกับ System Bus เปน Cache ระดับ 3 ซึ่ง ผลที่ไดนั้นก็จะชวยลดการเกิด Cache Miss ลง และ ยังทําให CPU ดึงขอมูลที่ตองการใชงานไดงายขึ้นอีกดวย ประสิทธิภาพโดยรวมก็ดีขึ้น และ กับงานที่มีการเรียกใชงาน Cache มากๆ เชนพวก Presentation หรือ Office Application ตางๆ ก็จะยิ่งเห็นผลของ Tri-Level Cache ไดมากขึ้น อานเพิ่มเติมได ที่บทความเรื่อง Cache ครับ
ทิ้งทวนศตวรรษที่ 20 [ 12 November 1999 ] Intel Pentium !!! ( Coppermine ) Intel ไดปลอยตัว CPU Pentium !!! รุนใหม ที่เรียกวา Pentium !!! Coppermine โดยมีการ ปรับปรุงสถาปตยกรรมภายในอีกไมใชนอย เพื่อเปนการแกตัวจากการที่รีบปลอย Pentium !!! Katmai มากเกินไป จนทําให Katmai ที่ออกมา ผิดจาก Spec ที่เคยกลาวไวบางพอสมควร จุดเดนตางๆ ของ Pentium !!! ที่ใชเทคโนโลยีการผลิตแบบ 0.18 ไมครอน ( หรือ Coppermine Core ) ก็มีดังนี้ ลดขนาดของชองทางการเชื่อมตอระหวางทรานซิสเตอรภายในใหนอ ยลง ทําใหตดิ ตอกันไดเร็ว
o ขึ้น o o o o o o
ใช Fluorine-Doped SiO2 ( SiOF ) เปนขั้วไฟฟา Dielectric ทําใหมี ความเร็วในการทํางานที่ดีขึ้น มีชั้นโลหะมากขึ้น สําหรับสงผานขอมูลจํานวนมากๆ ชวยสงผลให Interface ของ Cache ระดับ 2 ที่อยูบน CPU สามารถทํางานดวยความเร็วเดียวกันกับ CPU ทํางานดวยศักยไฟฟาต่าํ ลง คือลดลงมาอยูในระดับ 1.1 - 1.7 Volt กินไฟต่ํา ( ใชพลังงานไฟฟาต่ํา ) ทําใหเกิดความรอนนอย ขนาดของแผน Die ลดลงจาก 128 ตารางมิลลิเมตร ( Katmai Core ) เหลือเพียง 106 ตารางมิลลิเมตร แตบรรจุทรานซิสเตอรไดมากขึ้นเปน 28.1 ลานตัว มี Cache ระดับ 2 ที่อยูบนตัว CPU ขนาด 256 KB ( Integrated On-Die L2 Cache )
45 6 Metal Layer Process
o
เทคโนโลยีใหมๆ ที่เปนอาวุธลับอีก 2 ชิ้น ทีท่ าง Intel กลาววา จะชวยให Pentium !!! ที่ใช เทคโนโลยีการผลิต 0.18 ไมครอนนี้ ใหประสิทธิภาพเหนือกวา Katmai Core เดิม ในทุกๆดาน ถึง 20% เมื่อเทียบกันที่ความเร็วของ สัญญาณนาฬิกาที่เทากันที่ 600 MHz ก็คือ Advanced Transfer Cache ( ATC ) และ Advanced System Buffering ( ASB ) ซึ่งจากเทคโนโลยีใหมที่เพิ่มขึน้ มาอีก 2 อยางนี้ ทาง Intel ก็ ไดอางวา มันจะทําให Pentium !!! ที่ใช Coppermine Core มีประสิทธิภาพที่เหนือกวา Katmai Core อยูถึง 20%
นอกจากนี้ ทาง Intel ยังไดเผยบรรจุภัณฑแบบใหมของ Pentium !!! คือ FC-PGA หรือ Flip-Chip Pin Grid Array ซึ่งสามารถใช Plug เขากลับ Socket แบบ 370 pin ไดอีกดวย โดยใหความเห็นวา เปนการลดขนาดของ CPU เพื่อใหตอๆไป ผูผลิต PC สามารถออกแบบ Case หรือเครื่องคอมพิวเตอรใหมี รูปทรงกระทัดรัด หรือ แปลกใหมไดงา ยขึ้น จากการที่ CPU Pentium !!! รุนใหมที่เปดตัวขึ้นมานี้ บางรุน ก็มีระดับความเร็วที่เทากับรุนเดิม ( Katmai ) ซึ่งก็อาจสรางความสับสนใหกับทั้งผูซื้อ และ ผูขายได ดังนัน้ ทาง Intel จึงไดกําหนดใหใชตัวอักษร E และ B กํากับไวหลังตัวเลขแสดงความเร็วเพื่อบงบอกถึงคุณสมบัติเหลานี้ ดังนี้ o o
ตัวอักษร E หมายถึง CPU Pentium !!! ที่ใชเทคโนโลยีในการผลิตแบบ 0.18 ไมครอน และมี Cache ระดับ 2 อยูบน Die เดียวกันกับ CPU ทํางานดวยความเร็วเทากันกับ CPU ( ซึ่งก็รวมถึงมี Advance Transfer Cache ดวย ) ตัวอักษร B หมายถึง CPU Pentium !!! รุนที่ใช FSB เปน 133 MHz
เพราะฉะนั้นรุน ที่มีทั้งตัว E และ ตัว B ก็จะหมายถึง CPU Pentium !!! Coppermine ที่ใชเทคโนโลยีการผลิตแบบ 0.18 มี On-Die Full Speed L2 Cache และใช FSB 133 MHz สวนรุนที่มีความเร็วมากกวา 650 MHz ขึ้นไป จะใชการผลิตแบบ 0.18 ไมครอน มี On-Die Full Speed L2 Cache และมี FSB 133 MHz ทั้งหมด ดังนั้นจึงไมจําเปน ตองมีตัวอักษร E หรือ B กํากับไว
AMD Athlon ( K7 ) ความพยายามของ AMD ที่พยายามจะหนีใหพนจากเรื่องทีถ่ ูกมองวามีเทคโนโลยีตามหลัง Intel อยูเสมอ ดูเหมือนจะถึง จุดสิ้นสุดแลว เมื่อทาง AMD ไดเปดตัว CPU ตระกูลใหม สายพันธุที่ 7 ของตน ที่ชอื่ วา Athlon โดยสลัดคราบ สถาปตยกรรมเดิมที่มีมาจนถึงรุน ที่ 6 จนหมดสิ้น เหลือไวเพียงชุดคําสั่ง 3DNow! เทานั้น ที่ยงั คงมีอยู แตกไ็ ดมีการ ปรับปรุง และเพิ่มเติมชุดคําสั่งนี้ใหม เรียกวา เปน Enhance 3DNow! โดยสถาปตยกรรมหลักคราวๆ ของ Athlon เปนดังนี้ o
เปน Superpipeline 9 สาย เปนสวนของหนวยประมวลผลทางทศนิยม ทีเ่ ปนแบบ Out-Of-Order และ Superscalar 3 สาย เปนสวนของหนวยประมวลผลเลขจํานวนเต็ม ที่เปนแบบ Out-Of-Order และ Superscalar 3 สาย เปนสวนของหนวยคํานวนหาตําแหนงสําหรับการประมวลผลอีก 3 สาย ชุดคําสั่ง Enhanced 3DNow! ที่รวมเอาชุดคําสั่งเดิม 21 คําสั่ง และอีก 19 คําสั่ง สําหรับการจัดการดาน Cache และ ชวยในการประมวลผลเลขจํานวนเต็ม และอีก 5 คําสั่งสําหรับการ ประมวลผลดาน DSP ( Digital Singal Processing ) ใช Alpha EV6 Bus ที่ความเร็ว 200 MHz โดย EV6 Bus นี้ใชเทคโนโลยี DDR ( Double Data Rate ) ทําให มีความเร็ว MHz สูงกวา FSB อยูเทาตัว Cache ระดับ 1 ขนาด 128 K และมี Cache ระดับ 2 อยูใน Package เดียวกัน กับ CPU ( แตไมไดอยูบน Die เดียวกัน )
o
o o
46 o o o
ใช Interface แบบ Slot A ในการ Plug เขากับ Mainboard แผน Die มีขนาด 184 ตารางมิลลิเมตร ใชเทคโนโลยีขนาด 0.25 ไมครอน และมีจํานวน Transistor 22 ลานตัว ใชเทคโนโลยีการผลิตแบบ 6 Metal Layer
AMD Athlon เปน CPU ในรุนที่ 7 ของ AMD ซึ่งนับเปนเจาแรก ที่เขาสูยุคที่ 7 เพราะแมวา Intel จะมี Pentium !!! Coppermine ออกมา แตก็ยงั จัดวาเปนรุนที่ 6 อยู เรื่อง FPU ของ AMD ที่เคยดอยกวา Intel เพราะทาง AMD นั้นใช Low Latency FPU ในรุนกอนๆ มารุนใหมนี้ ทาง AMD ก็ไดหันมาใชแบบ Pipeline แลว และไดใช Pipeline สําหรับประมวลผลดานทศนิยมถึง 3 สาย รวมถึงการเพิ่มขนาดของ Cache ระดับ 1 ถึง 128K เพื่อเพิม่ ประสิทธิภาพอีกดวย
นอกจากนี้ ทาง AMD ยังไดเปดโรงงานผลิตแหงใหมที่ Dresden ที่เรียกวาเปน Fab 30 ( Fab = Fabrication เปนลักษณะของโรงงานวิจัย และ ผลิต สวนเลข 30 หมายถึง AMD ไดกอตั้งมาเปนเวลา 30 ปแลว ซึ่งไมไดหมายถึงวา เปนโรงงานผลิตสาขาที่ 30 แตอยางใด ) ในไตรมาสสุดทายของป 1999เพื่อ ใช เปนที่ผลิต และ พัฒนา Copper Athlon แลวยังรวมไปถึงการคนควาวิจัยใน วงจรอื่นๆ ที่เกี่ยวของอีกดวย
Fab 30 ที่ Dresden นี้ ตัง้ อยูบนพื้นที่ขนาด 75 เอเคอร ทีท่ างเหนือของ Dresden ในรัฐ Saxony ประเทศเยอรมณี โดยจะใชเปนโรงงานผลิตหลักสําหรับ AMD Athlon ที่ใชเทคโนโลยี HiP6L หรือก็คือเทคโนโลยี Copper ขนาด 0.18 ไมครอน ภายใต ขอตกลงรวมกับทาง Motorola และคาดวาจะเริ่มทําการ ผลิต Copper Athlon เพื่อสงออกสูทอ งตลาด ในชวงครึ่งหลังของป 2000
เปรียบเทียบเทคโนโลยี 3DNow! ตัวใหมที่ใชกบั Athlon กับ ชุดคําสั่ง Intel SSE
Functionality
Enhanced 3DNow!
SSE
Conclusion
SIMD floating point functionality
21
50
สําหรับเรื่องนี้ ทาง AMD อางวา ตนนั้นเปนผูริเริ่ม SIMD FPU เปนเจาแรก โดยเทคโนโลยีดานนี้ของทาง AMD และ Intel ตางก็สนับสนุน การประมวลผลดานทศนิยมทีละ 4 คําสั่ง ตอสัญญาณนาฬิกา และตาง ก็สามารถทําไดถึงระดับ 2.4 GFlops ที่ระดับความเร็ว 600 MHz เทาๆกัน ในดานของชุดคําสั่ง AMD จะใชชุดคําสั่งทีน่ อยกวา และ เรียบงาย กวา ( เปนลักษณะของ RISC ) แตการทํางานที่สลับซับซอน ก็ จําตองเขียน Code สําหรับการ Optimize เอาเอง สวนทาง Intel จะใชชดุ คําสั่งที่มากกวา และ สลับซับซอนกวา ( เปนลักษณะ ของ CISC ) ซึ่ง ในการเรียกใชงานจะทําไดงายกวา แตในการ ทํางานอาจจะตองเสียเวลาในการรอถึง 2 สัญญาณนาฬิกา เพราะ จําตองใชการควบคุมของ MMX เขามาเกี่ยวของดวย
MMX (integer)
19
20
ทั้งคู ตางก็มชี ุดคําสัง่ สําหรับการจัดการ Cache และ ชุดควบคุม
47 Streaming Control โดยทาง AMD ไดเพิ่มชุดคําสั่งเขา มาจาก 3DNow! เดิมอีก 19 คําสั่ง สวนทาง Intel SSE นัน้ มีอยู 20 คําสั่ง โดย 12 คําสั่ง จะทํางานรวมกับชุดคําสั่ง MMX เดิม และอีก 8 คําสั่ง จะชวยในการจัดการของ Cache
augmentation and data movement DSP communication extensions
5
ไมมี
เปนชุดคําสัง่ ใหมของทาง AMD ที่ใชสถาปตยกรรม SIMD กับ การประมวลผลดาน DSP ( Digital Signal Processing ) สําหรับใชกับ Soft Modem , Soft ADSL , การคํานวนทางคณิตศาสตรที่ซับซอน , MP3 และ Dolby Digital
จํานวนชุดคําสั่ง ใหมทั้งหมด
45
70
-
หมายเหตุ ตารางนี้ ใชขอมูลอางอิงกับทาง AMD แตไดมีการแกไขและเพิ่มเติมขอมูลในสวนของทาง Intel ใหมแลว
AMD พลาดทาไปมากกับการเปดตัว Athlon ซึ่งหมายจะย้าํ แคนใหกับทาง Intel แตไมเปนดังคาด เพราะแมจะมีการเปดตัว Athlon ไปตั้งแตกลางๆ ปแลว มี CPU ขายแลว แตกลับไมมี Mainboard ใหใช ที่มีออกมา ก็กลับมีปญหาจนตองเรียกกลับคืน และกวาจะมี Mainboard มารองรับมากขึ้นก็ปาเขาไป ชวงไตรมาสสุดทาย ของปซะแลว ... แถมยังประสบปญหาจากการที่ไตหวันเกิดแผนดินไหวอีกดวย ทําใหงานนี้ AMD เจ็บตัวอยูไมนอ ย แตก็ใชวา จะเจ็บเปนอยูอยางเดียว เพราะอยางไร ประสิทธิภาพของ Athlon ที่ออกมา ความเร็วเปน MHz ที่ออกมาขม Intel เปนระยะๆ และ ราคาของ Athlon ที่ถูกกวา Intel Pentium !!! ที่ระดับ ความเร็วเทาๆ กัน ก็สรางความกดดันใหกับ Intel บาง ไมใชนอ ยๆ ... ยังไงก็นับวา "Athlon นี้เปนอาวุธชิน้ สุดทายของ AMD ที่ใชอัด Intel Pentium !!! ทิ้ง ทวน อําลาศตวรรษที่ 20 " รวมถึง Fab 30 ที่เพิ่งเปดตัว โดยทาง AMD หมายจะใชเปนกองกําลังหลักในป 2000 สําหรับการพัฒนา และ ผลิต Athlon ที่ใช ทองแดงในการเชือ่ มตอ ( Copper Interconnect ) กับ CPU ความเร็วในระดับ GHz ก็นับเปน " ความหวังใหมของทาง AMD ในศตวรรษที่ 21" Intel เอง ก็พลาดทากับการที่เปดตัว Coppermine แลว แตกลับไมมีสินคามาวางขาย อีกทัง้ ยังประสบปญหาในดาน Chipset ตัวใหมๆ ที่หมายจะเอา มาใชกับ Pentium !!! Coppermine ทําใหทาง Intel ก็ประสบปญหาไมแพทาง AMD เชนกัน ... ก็ดูเหมือนวาทาง Intel จะยอมรับวาประสิทธิภาพ ของ Pentium !!! ( Katmai ) นั้นจะแพ Athlon ที่ระดับความเร็ว MHz เทาๆ กัน ในหลายๆดาน ดังนั้น "Pentium !!! Coppermin นี่ก็คือ อาวุธ ชิ้นสุดทาย ของทาง Intel ที่จะใชตอกรกับทางหมายจะเอามาโตกลับ AMD Athlon คืน" ละครับ รวมถึง Chipset ใหมๆ ที่จะเอามาใชกับ Pentium !!! Coppermine ซึ่งจะรวมเอา เทคโนโลยีใหมๆ ความสามารถใหมๆ เชนการรองรับ RAMBUS , AGP 4X และ UDMA/66 ที่จะชวยทําให Pentium !!! Coppermine แสดงประสิทธิภาพไดอยางเต็มที่ ก็นับวาเปน "ความหวังใหมของ Intel ที่จะชวยเสริมฐานบัลลังกใหมนั่ คงกวาเดิม" เชนเดียวกันครับ
รายละเอียดเพิ่มเติม •
Advanced Transfer Cache ( ATC ) เทคโนโลยีนี้เปนเทคโนโลยีของการนําเอา Cache ระดับ 2 ขนาด 256 KB มาฝงไวในตัว CPU เลย ( Integrated On-Die 256 KB L2 Cache ) และไดขยายความกวางของระบบบัสที่ใชในการติดตอกับ Cache ระดับ 2 ที่จากเดิมใชเพียง 64 Bit มาเปน 288 Bit ( 256 Bit Data + 32 Bit ECC ) นอกจากนัน้ ยังไดเปลี่ยนเทคนิคการเขาถึงขอมูลแบบสุมของ Cache จาก 4 ทาง เปน 8 ทาง ( 8 - Way Associative ) และยังมีชวงจังหวะรอในการ รับสงขอมูลต่ํา ( Low Latency ) ทําใหมีความเร็วในการทํางานของ Cache เพิ่มขึ้นอยางนอย 4 เทา เมื่อเทียบกับความเร็วในการสงผานขอมูลของ Katmai Core สรุปจุดเดนของ ATC ไดดังนี้ o มีขนาด 256K บน Die เดียวกันกับ CPU ทํางานดวยความเร็วเทาๆ กับ CPU o มีการเขาถึงแบบสุมได 8 ทาง ( 8-Way Set Associative, 1024 sets , 32 Byte line + 4 Byte ECC , 36 Bit Physical Address ) o มีความเร็วในการทํางานของ Cache เพิ่มขึ้นอยางนอย 4 เทา เมือ่ เทียบกับ Katmai Core o มีความกวางของระบบบัสที่ใชในการติดตอรับสงขอมูลกับ Cache ระดับ 2 ขนาด 288 Bit ( เปนขอมูล 256 Bit และ เปน การตรวจสอบความ ผิดพลาด หรือ ECC 32 Bit ) o มี Back-To-Back Throughtput 2 ชวงสัญญาณนาฬิกา
48
•
Advanced System Buffering ( ASB ) เทคโนโลยีใหมอีกประการหนึง่ เปนเทคโนโลยี ที่มีการเพิ่มขนาดของ Buffer ( หรือทีพ่ ักขอมูล ) ใหมีจาํ นวนมากขึ้น โดยทาง Intel ไดกลาววา ปริมาณที่เพิ่มขึ้นนี้ ไดทํา การทดสอบแลววา เปนขนาดที่สมดุล และชวยใหใชประโยชนของ FSB 133 MHz ไดอยางเต็มที่แลว ซึ่งเทคโนโลยีนี้ ชวยทําใหหนวยประมวลผลกลาง หรือ CPU สามารถเขาถึงหนวยความจําหลัก หรือ Main Memory ไดเร็วขึ้น ASB นี้จะชวยลดปญหาคอขวด ( Bottleneck ) ใหลดนอยลง โดยการเพิ่มขนาดของ Fill Buffer จาก 4 เปน 6 หนวย ทําใหการทํางานของ Cache ดาน Concurrent Non-Blocking Data เพิ่มขึ้นอีก 50% และ เพิ่มขนาดของ Bus Queue Entry จาก 4 ไปเปน 8 หนวย ทําใหมีการทํางาน ประสานกัน ระหวาง Outstanding Memory กับระบบบัส มากขึ้น นอกจากนี้ ยังไดเพิ่มขนาดของ Writeback Buffer จาก 1 เปน 4 อีกดวย ซึ่งทําใหลด การ Block ระหวางขั้นตอน Cache Replacement ลง ละยังทําใหเวลาในการ Deallocation ในการ Fill Buffer เร็วขึ้นอีกดวย
แนวโนมในศตวรรษหนา [ Post : 12 November 1999 ] แนวโนมในอนาคตอันใกลนี้ ทั้งคู ตางก็เตรียมตัวที่จะฟาดฟนกันอีกครั้ง ดวย CPU ระดับ 64 Bit โดยในขณะนี้ทาง Intel ก็ไดประกาศตัว CPU ระดับ 64 Bit ออกมาแลว โดยใหชื่อวา Itanium ( หรือชื่อเดิมคือ Merced ) โดยไดเปลี่ยนแปลงโครงสรางทางสถาปตยกรรมภายในใหมเกือบทั้งหมด .. ในขณะที่ทาง AMD ก็ ไดเปดตัว Sledgehammer ( หรือรูจักกันในนาม K8 ) ที่เปนสถาปตยกรรมแบบ 64 Bit เชนกัน ... แตยังคงยึดหลักสถาปตยกรรม x86 เดิม กอนที่จะเขาสู CPU ระดับ 64 Bit นี้ ทาง Intel ก็จะทิ้งทวน CPU ระดับ 32 Bit ( IA32 ) ตัวรุนสุดทาย ที่มีชอื่ วา Willamette โดยใหฉายากันภายในวา "Athlon Killer" หรือ "เพชรฆาต Athlon" ซึ่งกอนหนานี้ ตาม Roadmap ของ Intel เจา Willamette นี้ ควรจะตองเปดตัวในราวไตรมาสที่ 3 ของป 2000 แตไปๆ มาๆ ทาง Intel ก็จําตองเลื่อนกําหนดการ ใหเขามาอีก จนมีขาวลือกันวา ปลายๆ ปนี้ คงไดมีการเปดตัว Willamette แนๆ ... ดูเหมือนวาทาง Intel เองก็ลนลานอยูไมนอยเหมือนกันนะครับ สําหรับการเปดตัว Athlon ของ AMD มาดูทางดาน CPU ระดับ 64 Bit ( IA64 ) ของ Intel กันบาง ... ยักษใหญ ผูครองตลาดมานาน ไดวางแผนไวแลว วาจะออก CPU Itanium ในราวๆ กลางป 2000 โดยจะทําการ เปลี่ยนแปลงสถาปตยกรรมภายในของ CPU นี้ ใหมหมด จนแทบไมเหลือคราบของ x86 อีกเลย ... โดยเฉพาะในสวนของชุดคําสั่งตางๆ ที่มีการ เปลี่ยนแปลงไปใช ชุดคําสั่ง EPIC ซึ่งทาง Intel ไดใหความเห็นเกี่ยวกับชุดคําสั่ง EPIC นี้วา เปนชุดคําสั่งที่ออกแบบมาเพื่อ ผูออกแบบ ระบบ hardware โดยจะ ชวยทําใหเขาถึง hardware ไดงาย และ มีสมรรถภาพเหนือกวา สถาปตยกรรมเดิม x86 อยูมาก ... รวมถึงประสิทธิ ภาพที่ไดนั้น ก็จะมากกวาเดิมอีกดวย ... โดยทาง Intel ก็ไดยกตัวอยางเพิ่มเติมวา ชุดคําสัง่ EPIC นี้จะสามารถทํางานไดทลี ะ 6 คําสั่ง ในชวง สัญญาณนาฬิการอบเดียว ซึ่งมากกวา ความเร็วของ Pentium III 32 Bit ในปจจุบัน ที่ทํางานไดเพียงแค 1.5 ถึง 2 คําสั่ง ในชวงเวลาเทากัน ในดานของสถาปตยกรรมบาง ... Itanium นี้จะเปน CPU ที่ใชสถาปตยกรรม IA-64 ซึ่งเปนสถาปตยกรรมแบบ 64 Bit ที่สนับสนุนทั้ง MMX และ SSE อยาง เต็มที่ รวมไปถึงยังสนับสนุน การทํางานแบบ 32 Bit ของ IA-32 อีกดวย โดยเจา Itanium นี้ นอกจากจะมี Cache ระดับ 2 บนเวเฟอรเดียวกันกับ CPU แลว ยังจะมี Off-Chip Cache ระดับ 3 ที่รองรับไดมากถึง 4 M อีกดวย ( IMHO, Off-Chip Cache นี้ นาจะเปนเหมือนกับ Cache ระดับ 2 ที่มีอยูใน Pentium II หรือ Pentium III รุน ปจจุบัน คืออยูใน Package เดียวกันกับ CPU แตไมไดอยูใน Chip CPU ) ก็ตองยอมรับวา Intel ใจเด็ดมาก ... เพราะเมื่อเปลี่ยนสถาปตยกรรมใหม Software ที่ใช ก็ตองเขียนใหม เพื่อใหรองรับกับสถาปตยกรรมใหมนี้ ไมวาจะเปน OS เชน ตองทํา 64 Bit Linux หรือ 64 Bit Windows เพื่อใชสําหรับ Itanium ( EPIC ) ... หรือแมแต Application ตางๆ ก็จาํ เปนตอง เขียนใหม ให สามารถใชงานไดบน Itanium นี้ จริงๆ เหตุการณทํานองนี้ Intel เองก็เคยทํามาแลว เมื่อคราวที่เปลี่ยนสถาปตยกรรมจาก 486 ไปสู Pentium ... ซึ่งในตอนนั้น Intel ยังคงใชพนื้ ฐานสถาปตยกรรม จากทาง x86 อยูไมใชนอยๆ ก็เลยไมมีปญหาหนักเทากับคราวนี้ ...
49 ในดานตลาดระดับกลาง และระดับลาง Intel ก็ยังคงใช Celeron เปนตัวบุกตลาดดานนี้เชนเดิม และคาดวา จะมีการใส Technology SSE เขา ใน Celeron อีกทั้งยังมีขาวลือตางๆ เกี่ยวกับ Celeron III อีกดวย ทางดาน AMD Sledgehammer นั้น ก็มีแนวทางการพัฒนาที่แตกตางไปอยาง Intel Itanium อยางสิ้นเชิง เพราะ AMD นั้น ยังคงใชโครงสรางหลัก จาก x86 เดิม เพียงแตไดทําการแกไข ปรับปรุงในบางสวน แลวเรียกสถาปตยกรรมใหมนี้วา x86-64 เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทาง AMD ไดใหความเห็นวา ในบางเวลา หรือ ในการใชงานบางอยางนั้น ก็ไมจําเปนที่จะตองใชการประมวลผลแบบ 64 Bit เสมอไป เชนงานดาน Word Processing หรือ การปรับแตง/แกไข ภาพ เปนตน ดังนั้น ทาง AMD จึงยังคงใหความสําคัญกับสถาปตยกรรมเดิมคือ x86 อยู และยังใหความเห็นเพิ่มเติมวา ทาง Intel Itanium นั้น ก็ยังคงตองใชการจําลอง Mode การประมวลผลแบบ 32 Bit อยูดี เพื่อใหใชไดกับ Application ที่ไมไดออกแบบมาสําหรับ 64 Bit ... โดยทาง AMD ก็ไดกลาวอีกวา ผูพัฒนา Application นั้น ก็คงไมอยากเสียเวลาแกไขโปรแกรมใหใชงานแบบ 64 Bit นักหละ เพราะผลตางของ ประสิทธิภาพที่ไดเพิ่มขึ้น ก็ไมไดมากมายนัก ไมคุมกับการเสียเวลา สิ่งหนึ่ง ที่นา สนใจ ก็คอื ประสิทธิภาพใน Mode จําลองการประมวลผลแบบ 32 Bit ของ Itanium นี้ จะเปนอยางไร? ... ดีกวา หรือวา แยกวา การประมวล ผลแบบ 32 Bit ของ Pentium III รุนปจจุบัน ... และเมื่อเทียบกับรุน Coppermine ละ? จะเปนอยางไร ... คําถามนี้ ทาง Intel ไดใหความเห็นวา จุดมุงหมาย หรือ ตลาดของ CPU ทั้ง 2 รุนนี้ ตางกัน .. การออกแบบอะไรๆ ก็ตา งกัน ดังนั้น จะใหเอามาเปรียบเทียบกัน ก็คงเปนไปไมได ... ในตลาดระดับกลาง และระดับลาง ... ทาง AMD ก็จะยังคงใช K6-2 และ K6-III เปนคูหัวหอก ในการถลมตลาดระดับนี้ โดยจะมี K6-2+ ซึ่งเปน CPU K6-2 เดิม แตมีการเปลี่ยนแปลงสถาปตยกรรมภายในบางอีกเล็กนอย และมีขาวออกมาบาง วา AMD จะยุติสายการผลิต K6-III แลวหัวมา ใชหัวหอกตัวเดียว คือ K6-2+ แทน เพราะ K6-2+ นั้นก็จะมี On-Die Cache เชนเดียวกับ K6-III แลว แถมยังใชเทคโนโลยีการผลิตขนาด 0.18 ไมครอน อีกดวย ซึ่งก็คาดวา จะเริ่มเขาบุก ตลาดในราวๆ ตนป 2000
ศึกนี้ไมจบสิน้ งายๆ [ First Post : 07 August 1999 ] [ Update 12 November 1999 ] ดานการตลาด ทุกวันนี้ การแขงขันดานตลาด CPU ของ AMD และ Intel รุนแรงมาก ทัง้ แขงกันดวย เทคโนโลยี และ ลูกเลนทางการตลาดมากมาย แตดวยเทคโนโลยีใหมๆ นั้น ตองอาศัยเวลาในการพัฒนาอยูไมใชนอ ยๆ ดังนั้น กลไก การแขงขัน ที่เกิดขึ้นในปจจุบัน ก็คือ กลไก ในเรือ่ งของราคา ซึ่งมีการลดราคา ห้ําหั่นกัน อยางรุนแรงเลยทีเดียว จากการที่ Intel ไดประกาศหั่นราคา CPU ของตน ทัง้ Pentium II/III และ Celeron ลงอยางหนัก และประกาศหั่นราคาลงถี่มากๆ ทําให AMD เอง ก็ตอง หั่นราคาของตนลงดวย เพราะ ในเมื่อ คุณภาพ ไมทิ้งกันมาก แตหากราคาพอๆ กัน ก็จะทําใหผูซื้อ ตัดสินใจลําบาก หรือ หากวา คุณภาพดอยกวา เล็กนอย แตราคาพอๆกัน ผูซื้อ ก็ ไมลังเลเลย ที่จะซื้อของที่มีคุณภาพสูงกวา จริงไหมครับ? ดังนัน้ เมื่อ Intel ประกาศหั่นราคาลง ทาง AMD ก็จําเปนตองหัน่ ราคาลงดวย ไมวา จะเต็มใจ หรือ ไมเต็มใจก็ตามที ผลที่ตามมานัน้ ก็คือ ผลกําไรลดลง จากรายงานทางการตลาดของ AMD ในไตรมาสที่ 2 ของป 1999 นี้ สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ผลปรากฏวา AMD มียอดขาดทุนสุทธิถึง 163 ลาน USD จาก ยอดขายทั้งหมด 595 ลาน USD ซึ่งจัดวาเปนมูลคาไมใชนอ ยๆ เลยทีเดียว ยิ่งเมื่อเทียบกับเมื่อไตรมาสแรก ที่มยี อดขาดทุนเพียงแค 65 ลาน USD เทานัน้ W.J. Sanders ซึ่งเปนประธาน และ CEO ของ AMD ไดชี้แจงใหเห็นวา เมื่อปที่ผานมา ( 1998 ) AMD สามารถ ทํากําไรจาก CPU ของตนไดถึงตัวละ 100 USD เลยทีเดียว แตแลวเมื่อมีสงครามการห้ําหัน่ ราคากันหนักขอขึ้น ก็ทําใหกําไรจาก CPU ของตนเหลือเพียงตัวละ 78 USD และ ทายสุดก็หลนมาเหลือเพียง 6 USD เทานั้น
50 ดังนัน้ หากมีสงครามห้าํ หั่นราคากันอยางหนักตอไป ก็คงเปนปญหากับทาง AMD แนนอน ... แลว ปญหานี้ไมเกิดกับ Intel หรือ? เกิดครับ เกิดแนนอน ... แตไมมีผลกระทบที่หนักเทากับ AMD เพราะ Intel นั้นเปนบริษัท ที่ใหญกวา และ มีโรงงานผลิตที่ใหญ และ มากกวา ดังนั้นตนทุนในการผลิต และ การบรรจุ Package ก็นอยกวา ถึงแมวา จะไดกําไรนอยลง จากสงครามการหั่นราคา แตกไ็ มทําให Intel สูญกําไรไปเสีย ทีเดียว เพราะ อยางไรซะ Intel ก็ยังคงไดกําไร ในสวนของ CPU สําหรับ High-End Computer หรือ Server ในตระกูล Xeon มากกวา เพราะถึงแมจะ คูแขงอยาง SUN แตก็ไมไดกอสงครามการหั่นราคา เพือ่ แยงตลาดกันรุนแรง เหมือนกับ Low-End Computer ทําใหทาง Intel ยังมีกําไร และ ไดผลบวกตรงจุด นี้อยู
ดานเทคโนโลยี ในดานเทคโนโลยี ถึงแมวา จะมีการแขงขันกันชากวาดานการตลาด แตก็ไดมีการบอกถึงแผนงานตางๆ รวมถึง แผนการออกแบบ CPU เพื่อมาขมขวัญกันอยูเปนระยะๆ มีการ ใชเทคโนโลยีใหมๆ เขามา เพื่อใชเปนจุดขาย และ เปนจุดเดนของ CPU ของตน ทุกวันนี้ AMD ก็ไดแกคําครหา วาเปนผูตามหลัง Intel ในดานเทคโนโลยี ไดแลว เพราะสามารถสราง CPU ของตน ใหกา วล้ํานํา Intel ไปบางแลว แมวาจะติดปญหา ดานอื่นๆ ไมใชนอยๆ ก็ตามที แตถามองเฉพาะดาน CPU แลว ก็นบั วา AMD ทําไดสําเร็จ โดยเฉพาะดานการประมวลผลเชิงทศนิยมที่สามารถพัฒนา และ ปรับปรุงใหดี ขึ้นมา ทัดเทียม หรืออาจจะเหนือกวา Intel ในบางดานแลว นอกจากนั้น ยังมีแผนงานสําหรับ CPU รุนใหมๆ เทคโนโลยีใหมๆ และ ระดับความเร็วสูงๆ ออกมาเกทับทาง Intel อยูเปนระยะๆ สวนทางดาน Intel เอง ก็ไมไดนอ ยหนา โดยการชิงเปดตัว CPU ที่ใชเทคโนโลยีการผลิต 0.18 ไมครอนกอนทาง AMD และยังมี เทคโนโลยีใหมๆ ออกมาอยูเสมอ ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ ... ผลัดกันเกทับอยูเปนระยะๆ ... ดานเทคโนโลยีนี้ คงหาผูชนะกันลําบาก เพราะผลัดกันแพ ผลัดกันชนะอยูเปนชวงๆ ผูแพ ผูชนะ ก็เปนแคชวงเวลาหนึ่งๆ เทานัน้ บทสรุป และ ความเห็นสวนตัว
ดูเหมือนวา ตางฝาย ตางก็งัดเอาอาวุธใหมๆ เขามาห้ําหั่นกันอยูเปนระยะๆ นะครับ ดูแลวไมนาจะจบสิ้นกันงายๆ ทาง Intel เองนั้น ก็คงจะลําบากหนอย เพราะวาตองรับมือ หลายทาง ทัง้ ดานตลาด Desktop PC ที่ตองรับมือกับทัง้ AMD และ Cyrix ( VIA ) ตลาด Chipset แขงกับทาง ( VIA และ ALI ) และรวมไปถึงตลาด เครื่อง Server ที่มีคูแขงอีกหลายเจา ทั้ง SUN และ Compaq ( Alpha ) แตในขณะที่ทาง AMD นั้น แมจะมี Chipset ของตนเองออกมาบางแลว และ พยายามจะผลักดัน CPU ตัวใหมๆ ของตนใหเขาสูตลาด Server ดวย แตก็ยังไมเนนหนักไปทางนั้นสักเทาไร โดยความเห็นสวนตัว ณ เวลานี้ ความเร็วของ CPU ดูเหมือนจะไมคอยมีผลกับความรูสึกในการทํางานแลว แมวาจะเพิ่มความเร็วกันใหถึงระดับ 1 GHz ก็ไมใหความรูสึก วาเร็วขึ้นจาก 300 MHz สักเทาไร เพราะเทคโนโลยีดานอื่นๆ ยังคงเปนตัวหนวงใหระบบอยู อยางนอยๆ ก็ Harddisk ละครับ ที่ยังคงเปนตัวหนวงความเร็วของระบบ มาชานานแลว ดังนั้น ถาทาง AMD จะหันมาสนใจดานการตลาดบาง หาพันธมิตรทางการคาเพิ่มเติมบาง ก็จะดีกวานี้ไมนอย ... เพราะทุกๆวันนี้ แมเทคโนโลยีจะทัดเทียม หรืออาจจะนําหนาทาง Intel ไปบางแลว แตดานการตลาดยังคงตามหลัง Intel อยูหลายกาวเลย ... จะอยางไรก็ดี แมวา เทคโนโลยีของทุกวันนี้ จะเปนไปอยางรวดเร็ว มีการคิดคนสถาปตยกรรมใหมๆ อยูเสมอ และ มีการแขงขันกันทางตลาด อยางมาก ทั้งเรือ่ งราคา และ เรื่อง การโฆษณาชวนเชือ่ ตางๆ นาๆ เพื่อใหหนั มาใช CPU รุนใหมๆ อยูเ สมอ แตก็ไมจําเปนเสมอไป ที่เราจะตอง ตามซื้อ เพือ่ ไลตามใหทนั เทคโนโลยีอยูเสมอไป ... ทัง้ AMD และ Intel แขงขันกัน ผลดีนั้นตกอยูที่ผูบริโภค เพราะจะไดซื้อ CPU คุณภาพดี ใหเหมาะสมกับงานที่ใช และ ราคาไมแพง แตก็ตอ งขึ้นอยูกับความเหมาะสมในการเลือกซื้อ / เลือกใชดวย บทความนี้ คงจะขอจบลงที่ตรงนี้ แต สงครามการแขงขันชิงความเปนเจาตลาดของ AMD และ Intel ยังไมจบ ยังคงมีอยูตอ ไปเรื่อยๆ หากวามีขอมูล ทัง้ ดานการตลาด และ ดานเทคโนโลยี เขามาเพิ่มอีกมาก ก็อาจมีภาค 2 ตอ ก็เปนได ... แตอยางไรซะ ก็อยากฝากขอคิดไวสักขอ ( แมจะไมเกี่ยวกับเรื่องนี้สักเทาไร ) ก็คือ " เราควรจะรูใหเทาทันเทคโนโลยี แต ไมจําเปนจะตอง ทําตัวตามใหทันเทคโนโลยีเสมอไป " ขอบคุณครับ
เจาะกะโหลก! DDR RAM
51 111111วันนี้ก็จะพามารูจ ักกับ DDR SDRAM ซึ่งตอนนี้ราคาก็ไดถูกลงแลวหลังจากตอนทีน ่ ําเขามาแรกๆ 128Mb 8,xxx บ. ตอนนี้อยูท ี่ 4,xxx บ. ราคาลงมากวาครึ่ง เพื่อนๆ หลายคนคงสงสัยวา DDR SDRAM มันมีประสิทธิภาพแตกตางกับ SDRAM และ RAMBUS อยางไร ตามมาดูเลยครับ...
DDR คืออะไร ? 11111 DDR ยอมาจากคําวา Double Data Rate ซึ่งเปนเทคโนโลยีแบบใหม ที่จะเขามาแทนที่ SDRAM ที่เราใชอยูใ นปจจุบัน เนื่องจาก DDR ไดรับการพัฒนา และ ยึดถือหลักการทํางานตามปกติของ หนวยความจําแบบ SDRAM จึงทําใหทํางานไดเหมือนกัน SDRAM แทบทุกอยาง แตกตางกันตรงที่ SDRAM โดยทัว่ ไปจะมีการโอน ถายขอมูลเพียงครั้งเดียวในหนึ่งลูกของสัญญาณนาฬิกา ในขณะที่ DDR สามารถสงขอมูลไดถึง 2 ครั้งในหนึ่งลูกของสัญญาณนาฬิกาดังรูป
คือสามารถสงขอมูลทั้งขาขึ้นและขาลงไดในครั้งเดียว ดังนั้นความเร็วที่แทจริงของ Bus จึงเพิ่มเปน 266 MHz ซึ่งมากกวาหนวยความจํา SDRAM PC133 ถึง 2 เทา สงผลใหขนาด BANDWIDTH ของ หนวยความจํานั้นสูงขึ้นจากเดิมถึง 50% ทําใหระบบตางๆทํางานไดอยางมีประสิทธิภาพกวาการใช หนวยความจําแบบเดิม
52
นอกจาก DDR จะทํางานไดเปน 2 เทา แลวยังเปนการชวยแกปญหาคอขวดในการใชงานใหลดลงอยาง มาก ทําใหเห็นไดชัดเจนวา DDR SDRAM เหนือกวา SDRAM PC100/133
หนวยความจําแบบ DDR SDRAM ในปจจุบน ั จะมีอยู 2 แบบคือ PC1600 และ PC2100 ซึ่งตัวเลขที่ ตอทายไมไดหมายถึงความเร็วของระบบ BUS ดังเชนตัวเลขที่ตอทาย SDRAM แตกลับเปนคาทีใ่ ชระบุ ขนาด BANDWIDTH ของหนวยความจํา มาดูในสวนของ Benchmark กันดีกวา
53 BAPco's SYSmarkj (Windows® 2000)
แตทวาที่กลาวมาทั้งหมดเปนเพียงทฤษฎี สวนการใชงานจริง DDR RAM มีประสิทธิภาพเหนือกวา SDRAM ไมถึง 2 เทาตามทฤษฎี ทั้งนี้เนื่องจากปจจุบัน Chipset ทีผ ่ ลิตขึ้นเพื่อสนับสนุน DDR RAM ยัง ไมสามารถเรียกใชประสิทธิภาพของแรมชนิดนี้ไดอยางเต็มที่รวมทั้ง Software ตางๆ แตทวาก็ยังมีการ พัฒนาตอไป และในไมชา เราจะไดเห็น DDRII หากมีขอผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว ณ ที่นี้ดวย ถามีขอ สงสัยอะไร หรือมีสิ่งใดอยากจะเสนอ ก็ POST ทาง EMAIL หรือ WEBBOARD ก็ได อางอิงโดย จุลสาร ATEC-COMPUTER
Direct Rambus มารูจักหนวยความจําชนิดนี้กันเถอะ [ 16 ธันวาคม 2542 ]
หลังจากที่ Intel ไดเผยขอมูล Chipset i820 ซึ่งรองรับการทํางานของหนวยความจําอีกแบบ หนึ่ง ซึ่งไมคุนหู คุนตาเรากันสักเทาไรนัก นัน ่ คือ Rambus ก็ทําใหกระแสเกี่ยวกับ Rambus นี้ เพิ่มขึ้นอยางมาก ทั้งตอบรับ และ ตอตาน ... ทั้งทีจ ่ ริงๆ แลว Rambus ก็ไมใชอะไรที่ใหม ไมใช สิ่งที่เพิ่งคิดคนขึ้นมา .. มันมีมานานแลว แตไมไดรับความสนใจ ดังนั้น การที่ Intel หันมาใช Rambus นี้ ก็เหมือนเปนการปลุกผี Rambus ใหกลับมีชื่อขึ้นมา แลว Rambus นั้น คืออะไร? มีดีอยางไร? ทําไม Intel ถึงไดหันมาใช Rambus นี้? เพราะ Intel เล็งเห็นวา Rambus มีประสิทธิภาพสูงกวา SDRAM ที่ใชอยู อยางนั้นหรือ? ... คําถามเหลานี้ อาจเปนคําถามที่คางคาใจเพื่อนๆ อยู ก็ได ... เรามาศึกษาเรื่องของ Rambus กันดีกวานะครับ วามันคืออะไร? มีขอดี ขอเสียอยางไร? เพื่อจะ ไดเปนแนวทาง ในการหาคําตอบของคําถามที่เหลือกันนะครับ
Rambus คืออะไร? Direct Rambus DRAM หรือ DRDRAM นั้น เปนชุดของเทคโนโลยีทางดานหนวยความจํา ที่ ประกอบดวย ความสามารถในการสงถายขอมูลในระดับสูงของ Chip หนวยความจํา , การ เชื่อมตอกับ Interface ของหนวยความจํา , Signaling Protocol และ การเชื่อมตอของสัญญาณ ตางๆ ที่เกี่ยวของ เขาไวดวยกัน Rambus นี้ เปนเทคโนโลยีทางดานหนวยความจําความเร็วสูง รุนที่ 3 ที่คด ิ คนและพัฒนาโดย บริษัท Rambus Inc. แหง Mountain View รัฐ California ซึ่ง บริษัท Rambus นี้ ไมไดผลิต Chip หนวยความจําชนิดนี้ และ ไมไดผลิตแผงวงจร ASIC ( Application Specific Integrated
54 Circuit ) เพื่อใชใน การเชื่อมตอแตอยางใด .. แตทาง Rambus นั้น ไดจดทะเบียนลิขสิทธิ์ ทางดานการออกแบบวงจรตางๆ รวมถึงเทคโนโลยีตางๆ ที่พวกเขาทําการออกแบบ และพัฒนา เอาไว .. ซึ่งถาบริษัทผูผ ลิตหนวยความจําใดๆ ตองการจะผลิตหนวยความจําชนิดนี้ ก็ตองเสีย คาลิขสิทธิใ์ หกบ ั ทาง Rambus แทน ื่ เอาไปผลิตนัน ่ เองละครับ พูดงายๆ ก็คือ ตัวเอง ไมผลิตเอง แตขาย Design ใหกับผูอน และเมื่อไมนานมานี้ทาง Intel ซึ่งเปนยักษใหญในวงการ Micro Processor และ ผูผ ลิต Chipset ตางๆ รวมถึงอุปกรณตางๆ ทีใ่ ชในเครื่องคอมพิวเตอร ไดประกาศวาจะใชหนวยความจําชนิด Direct Rambus เพื่อมาใชเปนหนวยความจําหลักของเครื่อง PC ( Personal Computer ) ใน อนาคต ซึ่งก็ได ใหเหตุผลหลักในการทีจ ่ ะใช หนวยความจําชนิดนี้อยู 2 ขอ 1. คือ ถึงเวลาของการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีของหนวยความจําทีใ่ ชกันมานานแลว และ 2. Direct Rambus นี้ ยังผลใหเกิดความเปลีย ่ นแปลงของระบบตางๆที่เกี่ยวของกับระบบ ของหนวยความจํา ทั้ง Chip ของหนวยความจําเอง , Module ของหนวยความจําทีจ ่ ะ ใชตอเขากับ Chipset , โปรโตคอลของสัญญาณตางๆ , อัตราการรับสงขอมูล , สัญญาณนาฬิกา และ การจัดการดานอุณหภูมต ิ างๆ
Easy Recovery โปรแกรมกูข อ มูลทีห ่ ายหรือถูกลบกลับคืนมาจากฮารดดิสก หลาย ๆ ครั้ง ทีค ่ ณ ุ อาจจะมีการเผลอ ทําการลบไฟลสําคัญทิ้งไป หรือกรณีที่เกิดการฟอรแมตฮารดดิสกทิ้งแบบไม ตองใจ รวมถึงกรณีที่ จู ๆ ขอมูลบนฮารดดิสก เกิดการอันธานหายไปเพราะสาเหตุใดก็ตาม ลองมาดูซอฟตแวรตวั หนึ่ง ที่อาจจะชวยทําการกูข อมูลเหลานัน ้ กลับคืนมาใหคณ ุ ได โปรแกรมที่กําลังจะกลาวถึงนี้คือ Easy Recovery ครับ นับไดวาเปนโปรแกรมสําหรับการกูข อมูล ทีท ่ ํางานไดดีในระดับหนึ่ง ที่สักวัน คุณอาจจะจําเปนตองพึ่งพาได ในยามคับขัน โดยปกติ เมื่อเราทําการลบไฟล หรือมีการทําฟอรแมตฮารดดิสก สวนที่เปนไฟลจริง ๆ นั้น จะยังไมถูกลบทิ้งไป ดังนัน ้ เมื่อตองการ กูขอมูลเหลานี้กลับคืนมา ตัวโปรแกรม Easy Recovery จะทํางานโดยการ คนหาไฟลตาง ๆ ที่ยังคางอยูบ นพืน ้ ที่ของฮารดดิสกนี้ และพยายามทําการอานกลับขึ้นมาใหม ซึ่งจะประสบความสําเร็วมากนอย เพียงใด ขึน ้ อยูกบ ั วา ไฟลเหลานัน ้ ถูกเขียนทับไปแลวหรือยัง ดังนั้น หากรูสึกตัววามีการลบไฟลหรือฟอรแมต ฮารดดิสกผิด สิ่งแรกที่ตองทําคือ พยายามอยาใหมก ี ารเขียนขอมูลทับลงไปบน ฮารดดิสกตัวนั้นโดยเด็ดขาด นั่น หมายถึงโอกาสที่จะกูขอมูลกลับคืนมาได จะมีสูงขึน ้ กอนอื่น ก็ตองทําการหาดาวนโหลดตัวโปรแกรม Easy Recovery ที่วานีม ้ าเก็บไว เตรียมใชงานกันกอน สามารถ หาไดจาก หนาดาวนโหลดซอฟตแวร ครับหลังจากนั้น ใหทาํ การ unzip และเตรียมการติดตั้งใชงาน สิ่งที่ตองเตรียมไว กอนใชงานโปรแกรมนี้คือ ถาหากเปนการกูขอ มูลจาก ฮารดดิสกหรือพารติชน ั่ ที่ถูกทําการฟอร แม็ตไปแลว ควรที่จะทําการหา ฮารดดิสกตางหากมาอีกตัว เพื่อใชสําหรับติดตั้ง Windows และเปดเครื่อง รวมถึง พื้นทีว่ าง ๆ สําหรับเก็บขอมูล ที่จะไดมาจากการกูไ ฟลไวดวย โดยอาจจะเปนฮารดดิสกตัวเดียวกันที่แบงเปนหลาย ๆ พารติชน ั่ ก็ได แตถาจะใหดี ขอแนะนําใหถอดฮารดดิสกตัวที่ถูกลบหรือฟอรแมตนี้ ไปตอพวงกับเครื่องอื่น และ
55 ลงโปรแกรมที่เครื่องอื่น จะไดผลดีกวากันครับ เชน สมมติวาฮารดดิสกคุณถูกฟอรแมตไปแลว ก็ใหถอดฮารดดิสก คุณ ไปตอพวงกับเครื่องของเพื่อน และลงโปรแกรม Easy Recovery ที่เครื่องของเพื่อน เพื่อทําการ กูขอมูลจาก ้ ะครับ ฮารดดิสกของคุณ โดยไฟลที่จะกูไดนน ั้ ก็นําไปเก็บไว ในฮารดดิสก ของเพื่อนคุณ คงจะพอเขาใจในจุดนีน ถัดมาหลังจากทีเ่ ตรียมอุปกรณกน ั ครบแลว เริม ่ ตนการติดตั้งตัวโปรแกรม Easy Recovery ที่เครื่องอื่นไดเลย โดยที่ขน ั้ ตอนการติดตัง้ จะไมมีอะไรมาก เพียงแคเรียกไฟลสําหรับการติดตั้ง และกดที่ปม ุ Next หรือ Yes เทานั้น กดไปเรื่อย ๆ จนถึง Finish เปนอันจบขัน ้ ตอนการติดตัง้ พรอมที่จะใชงานครับ หลังจากติดตั้งตัวโปรแกรมเรียบรอยแลว เริ่มตนการกูขอมูล โดยเรียกโปรแกรม Easy Recovery ขึ้นมาใชงาน ลองดูตามตัวอยางในภาพไปเรื่อย ๆ นะครับ
หลังจากทีเ่ รียกโปรแกรมใชงาน กดที่ปม ุ Next เพื่อทํางานตอไป
56
โปรแกรมจะแสดงขอมูล และรายละเอียดตาง ๆ ของฮารดดิสก ทีม ่ ีอยูในเครื่อง จากตัวอยางตามภาพดานบนนี้ จะ เห็นวา มีพน ื้ ที่อยูจ ํานวนหนึ่ง แสดงเปน Unknow File System Type นั่นคือขอมูล สวนที่หายไปและตองการกู คืน ใหเลือกทีไ่ ดรฟ หรือพื้นที่สว นที่ตองการกู และกดที่ปม ุ Next เพื่อทํางานตอไป
57 หนาจอตอไป จะเปนการกําหนดชวงของพื้นที่ฮารดดิสก ที่ตองการจะกูขอมูลกลับคืนมาจากสวนที่เลือก โดยที่ถาเรา ไมทราบ ก็ไมตองกําหนด คือจะเปนการเลือกใชพน ื้ ที่ทั้งหมดเทาทีม ่ ี สําหรับการหาไฟลตาง ๆ เพื่อทําการกูคน ื ตรง นี้ใหกด Next ไดเลย
หนาจอตอไป ใหกําหนดชนิดของ File System Type โดยทีค ่ วรจะเลือกชนิดใหถก ู อาจจะดูงาย ๆ คือ กอนที่จะ ทําการ ลบไฟลหรือ ฟอรแมตฮารดดิสกนน ั้ ฮารดดิสกตัวนัน ้ มีการจัดโครงสรางเปนแบบไหน FAT16 หรือ FAT32 ก็เลือกแบบนัน ้ (ปกติของ Windows จะเปน FAT32 ครับ) หากไมเขาใจเรื่อง FAT ตาง ๆ ขอให ยอนกลับไปอานเรื่อง ฮารดดิสก จากหัวขอ Article กันกอนนะครับ จากนัน ้ กดปุม Next เพื่อทํางานตอไป
58
โปรแกรม จะทําการแสดงขอมูลคราว ๆ ใหเราดู กดที่ปม ุ Next เพื่อทํางานตอไป
ตอมาที่หนาจอนี้ ตัวโปรแกรม จะเริ่มตนทําการสแกนหา โครงสรางตาง ๆ ของไฟล ที่ยังพอที่จะทําการกูกลับคืนมา ได รอสักพัก อาจจะนานสักหนอย โดยที่อาจจะเพิม ่ ความเร็วในการทํางานตรงนีไ้ ด โดยการกดที่ปม ุ Hide Progress Details ก็ได
59
รอใหโปรแกรมทํางานจนเสร็จกอน อาจจะใชเวลาคอนขางนานสักหนอยกวาจะได 100%
หลังจากที่โปรแกรมทําการสแกนหาไฟลจนเสร็จแลว จะมีหนาตางตามภาพดานบนนี้ กดปุม OK เพื่อทํางานตอไป ไดเลย
60
เริม ่ ตน ขบวนการเลือกไฟลที่ตองการจะกู โดยโปรแกรม จะแสดงโครงสรางของไฟลทั้งหมด เทาทีพ ่ อจะคนหามา ไดจากฮารดดิสก นํามาแสดง และจะใหคุณทําการเลือกวา ตองการกูไฟลไหนบาง ใหเลือกไฟลที่ตอ งการ โดยเอา เมาสกดที่ ตารางสี่เหลี่ยม ใหขึ้นเปนเครื่องหมายถูกไวครับ เลือกเทาที่คุณตองการ อยาลืมสังเกตุ ขนาดของไฟล รวมทั้งหมดดานลาง วามีการเลือกไวเปนจํานวนเทาใดแลวดวยนะครับ
61 หรือในกรณีที่เปนไฟล ที่เก็บอยูใน Sub Folder ก็สามารถเลือกไฟลยอยลงไปก็ได
ทําการเลือกไฟลที่ตองการ ใหครบ หรือเทาที่คด ิ วาเปนไฟลสําคัญ ที่ตองการจะกูกลับคืนมานะครับ เมื่อเลือกไดครบ แลว ใหกดทีป ่ ุม Browse ในชอง Destination เพื่อกําหนดวา จะทําการ copy ขอมูลเหลานี้ ไปเก็บไวที่ไหน ใน กรณีเชนนี้ ก็แนะนําวา ใหทําการเก็บไฟลทจี่ ะกูกลับมาไว บนฮารดดิสกตัวอื่น ที่ไมใชฮารดดิสกตวั ที่กําลังกูขอมูล เพราะวาเราตองการ ที่จะหลีกเลี่ยง การเขียนขอมูลทับ ลงไปใน ฮารดดิสก ตัวทีม ่ ป ี ญหา ใหมากทีส ่ ุดนะครับ เชน จากตัวอยาง ผมเลือกเก็บไวใน E:\ ครับ กดที่ปม ุ Next เพื่อเริม ่ ตน ขบวนการกูไฟลกลับคืนมา
และเนื่องจาก การที่จะตองทํา สแกนขอมูล ตามขัน ้ ตอนแรกใชเวลาคอนขางนาน หากไมมั่นใจวา อาจจะตองมีการ เขามาคนหาไฟล ที่ตองการกูกลับคืนมาใหม เราอาจจะทําการเก็บรายการนี้ไวกอนก็ได เพื่อที่จะไดไมตองทําการ สแกนไฟล ใหเสียเวลาใหมอีก แตถาไมตองการเก็บไวแลว ก็กดที่ No ไดเลย
62
โปรแกรม จะเริม ่ ตนการกู และทําการ copy ไฟลตาง ๆ ที่เลือกไว ใหรอจนจบขัน ้ ตอนนี้กอน
หลังจากที่ตวั เลขขึ้น 100% ก็เปนอันวาจบขั้นตอนกรกูขอมูลเรียบรอย ทดลองเปด windows explorer เพื่อดูไฟล ตาง ๆ ที่กูกลับคืนมาไดเลย
63
จากภาพดานบนนี้ จะเห็นวา ไฟลตาง ๆ สามารถกูก ลับคืนมาไดเปนสวนมาก แตทั้งนี้ อาจจะมีไฟลบางตัว ที่ทําการ กูกลับคืนมาได ไมสมบูรณนัก และบางครั้ง ไฟลทม ี่ ีชื่อเปนภาษาไทยบางไฟล ก็พบปญหาวา ไมสามารถกูชื่อไฟล ได โดยชื่อไฟลทเี่ ปนภาษาไทย จะกลายเปนขีด _ _ _ _ _ แทน ซึ่งก็ตองเสียเวลามาเปลี่ยนชื่อไฟลใหมดวยครับ แตอยางนอย ผมคิดวา ยังดีกวาทีจ่ ะ ไมไดอะไร กลับคืนมาเลย ใชไหมครับ เทคนิคเล็ก ๆ นอย ๆ เพิม ่ เติม ในการเลือกไฟลทต ี่ อ งการกูค น ื บางครั้ง หากไฟลที่ตองการกู มีมากมายและมีชื่อซ้ํา ๆ กัน อาจจะทําใหเราสับสน และไมสามารถกําหนดไฟลที่ ตองการกูคน ื มาได เราอาจจะใชตัวชวยคือ การกดที่ปม ุ Shoe Tag Options และใสชื่อหรือกําหนดคา ของไฟลที่ ตองการกูได เชายจากตัวอยาง ผมตองการไฟลที่เปน *.zip เทานัน ้ ครับ
64 โดยการใสคําวา *.zip ในชอง Tag File Named และกดทีป ่ ุม Tag ก็จะเปนการเลือกไฟลทงั้ หมด ที่มีชื่อลงทาย ดวย .zip ครับ สรุปผลทีไ่ ด จากการทดลองใชโปรแกรมกูไ ฟลกลับคืนมา โดยรวมแลว ถือไดวา เปนโปรแกรมที่ ควรจะมีตด ิ เครื่องไวบางครับ เพราะวาสักวัน คุณอาจจะมีความจําเปน ที่ จะตองงัดเจา โปรแกรมนี้ ขึ้นมาใชบางก็ได ถึงแมวา อาจจะไมสามารถทําการกูไฟล กลับคืนมาไดทั้งหมด และยังมี ปญหากับชื่อไฟลที่เปน ภาษาไทยอยูบ าง ก็ยังดีกวาขอมูลหายไปเลยครับ
คอมพิวเตอรนั้นมี Form Factor ที่แตกตางกัน. AT และ ATX นั้นเปนมาตราฐานทั่วไป. NLX และ LPX นั้นเปนสองแบบที่แตกตางออกไป. ซึ่ง Form เหลานี้จะอธิบายถึงรูปราง และขนาดของเมนบอรด รวมไปถึง layout และสวนประกอบตางๆบนบอรด. Form Factor จะเปนตัวกําหนดวาคุณจะตองซื้อเคส (Case) แบบใด. เพราะเคสตางก็มี layout และใช Power Supply ตางชนิดกัน. AT Form Factor ใน Form ของ AT นี้นั้นมีแบบ AT ธรรมดา และ Baby AT. ซึ่งพื้นฐานแลวทั้งสอง นั้นตางกันที่ขนาดของบอรด. บอรด AT นั้นจะมีความกวางประมาณ 12" ซึ่งแปลวามัน ไมสามารถนํามาใสกับเคสในบัจจุบันได. โดยทั่วไปแลวบอรดแบบ AT นี้จะเปนบอรด ชนิดเกาๆ เชน 386 หรือกอนหนานี้. การที่จะจัดการกับขางในเคสนั้นคอนขางจะมีปญหา เนื่องจากขนาดของเมนบอรดมันจะเหลื่อมล้ํากับชองใส Drive และสวนอื่นๆ Baby AT นั้นเปน Form ที่ถูกใชอยางกวางขวางในบอรดและเคสในปจจุบัน. เมนบอรดแบบ Socket 7 จํานวนมาก และบอรืดของ Pentium II อีกจํานวนนึง ก็ไดใช Form Factor แบบนี้. บอรดแบบ Baby AT นั้นมีขนาดกวางประมาณ 8.5" และยาว 13". ซึ่งจะมีขนาดเล็กกวา AT และทําใหการทํางานในเคสนั้นงายดายขึ้น เพราะวามันจะมีที่ วางมากกวา และมันมีมีรูใหขันนอดอยู 3 แถว. บอรดที่ใช AT Form นั้นจะตองใช serial และ parallel ports ติดอยูกับ expansion slot บนเคส และติดตอกับเมนบอรดดวยการใชสายเคเบิ้ล. บนบอรดนั้นจะมีเพียง keyboard connector เพียงตัวเดียวที่ติดอยูดานหลัง. สวน Processor นั้นจะยังคงอยู ตรงดานหนาของบอรด สวน SIMM slots นั้นจะอยูในที่ตางๆกัน และโดยทั่วไปแลวมัน จะอยูดานบนของบอรด ซึ่งตอนนี้นั้นวงการอุตสาหกรรมไดยานหนีจาก AT form factor ดวยเหตุผลงายๆ เพียงเพราะวา ATX นั้นมันมีขอไดเปรียบอยูมากมาย. ซึ่งผูคนโดยมากแลวจะรําคาญมาก กํากับการออกแบบของ AT form factor. เหตุผลขอแรกก็คือ มันจะตองใชสายเคเบิ้ล เพื่อติดตอ Connector กับ เมนบอรดมากมาย ไมวาจะเปน COM 1, COM 2, printer port, USB, PS/2 mouse, ฯลฯ ซึ่งทําใหภายในเคสนั้นจะดูรกไปหมด ทําใหจะทํางาน ไดยุงมาก เหตุผลขอที่สอง คือ รูปแบบของ AT นั้นไมเอื้ออํานวยตอระบบการระบายความรอน ลมจะไมพัดไปยังพื้นที่ๆตองการระบายความรอน อยางเชน CPU. และอากาศที่ไหลก็ มักจะนําฝุนมาดวย ซึ่งในบางครั้ง Power Supply มันจะเปนตัวเก็บฝุนเสียเอง ATX Form Factor ในป 1995 ทาง Intel ไดออก ATX Form Factor ซึ่งมันคอยๆไดรับความนิยมมาก ขึ้น และ ผูคนเริ่มโยนบอรด AT ซึ่งไดรับความนิยมมานานอยางชาๆ. ซึ่งเมนบอรด
65 Pentium II และบอรดรุนหลังจากนี้ สวนมากแลวจะเปนแบบ ATX แมวายังจะมีบอรด Pentium II แบบ AT บางตัววางขายอยู แตก็เปนสวนนอย. สวนบอรดของ Pentium ตอนแรกโดยทั่วไปนั้นจะเปนแบบ AT แตทางผูผลิตเมนบอรดก็ออกวางจําหนายบอรด ของ Pentium ในรูปแบบ ATX ออกมาตามหลังมากมาย รูปแบบของ ATX นั้นไดพัฒนาขึ้นมาจาก AT อยางมากมาย และไดแกไขขอเสียที่ เกิดขึ้นกับ AT ออกไปดวย. ซึ่งตั้งแต AT Form นั้นเกาเกินไป แถมยังมีขอยุงยาก มากมาย ทําให ATX นั้นสามารถเกิดไดอยางเต็มตัว. ตัวอยางของ feature ใหมๆ เชน - รวม I/O Connectors ไวบนบอรด : เมื่อผูใ ช AT นั้นจะตองตอ Port ตางๆติดกับ ดานหลังเคส และ ตองตอสายเคเบิ้ลเหลานั้นลงบอรดอีก ซึ่งเปนเรื่องยุงยาก แตบอรด ATX นั้นไดติด Port เหลานี้มาไวบนบอรดใหเลย ซึ่งทําใหการติดตั้งนั้นงายขึ้นมาก. - รวม PS/2 Mouse Connector ไวบนบอรด - ลดการเหลื่อมล้ําระหวางบอรดและชองใส Drive : บอรดแบบ ATX นั้นจะไมไป เหลื่อมล้ํากับชองใส Drive ในดานหนา ซึ่งทําใหผูใชนั้นสามารถที่จะถอด/ใส Drive และตัวเมนบอรดไดงายขึ้น และการที่ Drive มันไมไปเหลื่อมกับบอรดทําใหความรอน ลดลงดวย. - ลดการที่ซีพียูเขาไปยุงกับการด : CPU ใน AT นั้นบางตัวอาจอยูดานหลังของชอง ใสการดตางๆ ทําใหบางครั้งเราไมสามารถใสกาณืดที่มีความยาวมากๆได เพราะมันจะไป ติดซีพียู แต ATX ไดยายที่อยูของ CPU ไปอยูดานบน ซึ่งอยูใกล Power Supply ซึ่ง ตรงนี้เอง ทําใหผูใชนั้นสามารถที่จะใส expansion cards ที่มีความยาวเต็มที่ไดโดยไม ตองไปกังวลวาจะไปชนกับ Heaksink ของ CPU. - มี Power Connector ที่ใชงานไดงายขึ้น : ATX นั้นใช Power Connector แบบ 20-pin เพียงตัวเดียวในการติดตอกับเมนบอรด และมีสัญลักษณที่บอกวาสามารถตอให ถูกไดเพียงทางเดียว. ซึง่ งายกวา Connector ของ AT ซึ่งแบงออกเปน 2 ชิ้น และตอ ไดยาก. - มีการระบายความรอนที่ดีขึ้น - 3.3 Volt Power : เมนบอรด ATX นั้นไดถูกออกแบบมาใหรับไฟ 3.3 Volt ได โดยตรงจาก Power Supply. ซึ่งตั้งแต CPU รุนใหมนั้นทํางานที่ 3.3 Volt ซึ่งตรงนี้ สามารถทําใหเอาสวน voltage regulator ที่ใชในการลดไฟจาก 5V ไปเปน 3.3V ออกไปไดเลย. แตตองจําไววา CPU หลายตัว ไมไดทํางานที่ 3.3V ยังคงจําเปนจะตอง ใส voltage regulator เขาไปอยูดี NLX Form Factor NLX นั้นเปน Form Factor แบบใหม และออกมาเพื่อ PC ที่มีองคประกอบนอยๆ. ระบบ NLX นั้นจะตองใช riser board เหมือนกับระบบ LPX. Riser board นี้จะถูกวางตั้ง ตรงอยูในเคสและตอเขาโดยตรงกับ Power Supply และ expansion cards แตละตัว นั้นจะถูกตอเขากับ Riser board นี้ เชนเดียวกับ HDD และ FDD connectors ก็จะติดอยู บนบอรดของมันเอง. ดังนั้นแลว ถามองอยางายๆแลว Riser board นี้ก็เปรียบเหมือน Hub ของระบบ NLX ซึ่งทุกสิ่งทุกอยางจะถูกติดตอไปยัง Riser board. ดังนั้นแลว เมนบอรดของ NLX นี้จะถอดออกไดโดยงายโดยถอดแค Riser board ออก แลวเอา บอรดใหมมาเสียบเขาแทนที่. บอรด NLX นั้นจะดูแตกตางมาก มากกวาที่ AT ตางจาก ATX. อยางแรกเลยคุณตอง จําไดวา มันไมมี expansion card slots เลย และยังไมมี drive connectors. ดังนั้นแลว 340-pin connector ที่อยูบนเมนบอรดนั้น จะเปนตัวที่ใชเสียบ Riser board. แตสวนที่ คลายกับ ATX คือ I/O connectors จะอยูบน Panel ซึ่งอยูดานขางของบอรด และ สามารถใชอุปกรณ USB, parallel และ serial กับระบบ NLX ได
66 สวน Power supply นั้นจะดูคลายกับของ AT. และติดตอกับเมนบอรดโดยใช 20pin connector. และจะมีพัดลมดูดอากาศ 1 ตัว อยูใกลๆกับบริเวณที่วางซีพีบูบน เมนบอรด ซึ่งพัดลมตัวนี้ใชเปนระบบระบายความรอนของระบบ NLX. LPX Form Factor LPX นั้นดูคลายระบบ NLX ในรูปแบบ AT. เมนบอรด LPX นั้นก็มีหลายสิ่งที่ เหมือนกัน ขนาดพอๆกัน และมีมุมมองที่เหมือนเมนบอรด Baby-AT. และสามารถใช power connectors แบบเดียวกับ AT ได โดยเปน 6-pin connectors จํานวน 2 ชุด โดยปกติมักจะมีปายบอกวาเปน P8 และ P9. และสิ่งที่คลาย NLX นั้นคือใช riser card มาเปน Hub ของระบบ. สวน external I/O ports ของระบบ LPX ก็มีรูปแบบเหมือน ทั่วไป เรียงจากซายไปขวาดังนี้ VGA, parallel port, 2 serial ports, PS/2 mouse, PS/2 keyboard. แตในรุนใหมๆอจตางไปจากนี้โดยมี USB Port และ Lan Cennector ดวย. LPX ถูกนํามาใชในทุกวันนี้ และถูกผลิตโดยผูผลิตบางราย และสามารถใชไดถึงกับ Pentium II. แตดวยความลาชาของการกําหนดมาตราฐาน ทําใหมันไมสามารถไปไกล ไดมากกวานั้น.
การเตรียมตัวกอนลง Software หลังจากตอ Lan เพื่อใช Files &........ไดแลว เราก็คงอยาก ใช Internet รวมกัน ดวย การทําให Lan ของเราใช Internet รวมกันได มี Software ประเภท Proxy หลายตัว เชน Wingate , Winroute , Winproxy ,........ แตในที่นี่จะกลาว ถึง Software ที่มีมากับ Windows 98SE Thai คือ " Internet Connection sharing " [ ตอนนี้ Com. ก็จะมี Protocol : TCP/IP อยูดวยแลว จําเปนสําหรับ Internet ครับ ] เริ่มแรกตองดูวา Com. ของเราลง Software แลวหรือยัง และเปน Windows 98SE หรือเปลา [1] Click ขวาที่ Network Neighborhood--->Properties [ ดูวามี Internet Connection sharing หรือยัง ถายังก็เตรียม ตัวครับ ]
67 [2] Click ขวาที่ MY Computer ----------> Properties [ ดูวา เปน Windows 98 Second Edition หรือเปลา ]
ตองเปน Windows 98 Second Edition นะครับ สิ่งที่ตองเตรียมไวกอนลง Software ก็คือ : 1] แผน CDROM Windows98SEThai 2] แผน Floppy disk 1 แผน Formatใหเรียบรอยครับ [แผน Floppy diskใชทําแผน Client Configuration Disk เพื่อ ลงในเครื่องClient] 3] เครื่องที่เปน Host ควรจะทดลอง ตอเขา Internet ใหใชไดเปนปกติกอน หมายเหตุ สําหรับ IP Address ของ Host [เครื่องที่ตอกับ Modem] นั้น หลังจากลง Software นี้แลว จะถูกติดตั้งคา IP Addressเปนคา Default ของSoftware คือ 192.168.0.1 [ หมายความวา ถาเดิมเราตั้งไว 192.168.10.20 ก็จะถูก เปลี่ยนเปน 192.168.0.1 ซึ่งคงไมมี ปญหาสําหรับ Lan เล็กๆในบานของเรา เพราะSoftware นี้ สามารถจาย IP Address ใหกับ Client ไดอยาง อัตโนมัติ [[DHCP] คือชวง 192.168.0.2 ถึง 192.168.0.253 ]
การลง Software ที่ Host การลง Software Internet Connection sharing ก็เหมือนการลง Software อื่นๆ ของ Windows เพิ่มเติมครับ : My Computer ---> Control Panel ---> Add/Remove Programs --->Windows Setup
68
Click เลือก Internet Tools แลว Double click
Click เลือก Intenet Connection sharing OK ---> Apply
69 ใสแผน CDROM Windows 98SE แลว OK
เลือก DRIVE ของ CDROM แลว OK กําลังลง Software จาก CDROM
70
Click Next เลือกชนิดการตอเขา Internet แลว Next
กรณีใชหลาย Account เลือก Account ที่ตองการ [ เปลี่ยนทีหลังได ] แลว Next [ ถามี Account เดียวก็จะไมมี หนาตางใหเลือก ชนิดการตอเขา Internet และ Account ]
71
เตรียมสรางแผน Client Configurstion Disk แลว Click Next
ใสแผน Floppy disk ที่เตรียมไว แลว OK
ทําแผน Client Configuration Disk เสร็จแลว
72
OK Click Finish
Click เพื่อ Restart เปนอันเสร็จสิ้นขั้นตอนการลง Software ครับ การ Set Network ที่ Host หลังจาก Boot ขึ้นมา ก็ Logon เขาWindows [ตอง Logon เขามา หาม Cancel] Click ขวาที่ Network Neighborhood --->
73
Properties เลือกที่ TCP/IP ของ Lan Card แลว Click
Properties ที่ IP Address Tab จะไดคา IP Address เปน 192.168.0.1 ที่ Gateway Tab ใหปลอยวางไว ไมตองใสอะไร
74 จากนั้นก็เลือก TCP/IP ของ Internet Connection sharing แลว Click
Properties ที่ IP Address Tab เลือก Obtain an IP address automatically แลว OK สวน Tab อื่นไมตองเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ตั้งคาการใชงาน Internet Connection sharing ที่เครื่อง Host จากนี้ก็เปนการ Set คาการใชงานของ Internet Connection sharing ครับ My Computer ----> Control Panel
Double Click ที่ Internet
75
Option เลือก Enable Internet Connection sharing [เพื่อใหเครื่อง Client ใช Internet ไดดวย]
ถาเลือก Show Icon in Taskbar : จะมี Iconของ Internet Connection sharing
ถา Click ขวาที่ Icon จะเห็นวามีตัวเลือกใหเราสามารถ Set คาตางๆไดตามตองการครับ
เชน ถาเลือกที่ Status [หรือ Double Click ที่ Icon ICS เลยก็ได] จะแสดงใหเห็นถึง จํานวน Computers ที่ใช Internet รวมกันการติดตั้งในเครื่อง Client ที่เครื่อง Client กอนการลง Software จากแผน Client Configuration Disk เราควร Set คา Network ใหเรียบรอยกอน ดังนี้
76 Click ขวาที่ Network Neighborhood---> Properties
เลือก TCP/IP ของ Lan Card แลว ---> Properties
ที่ IP Address Tab เลือก Obtain an IP address
77
automatically
ที่ Gateway Tab ไมตองใสอะไร ที่ WINS Configuration Tab เลือก Use DHCP for WINS
78
Ressolution ที่ DNS Confoguration Tab เลือก Disable DNS แลว Click OK เมื่อมีการติดตั้งคาใหม ก็จะมีการ Restart ขึ้นมาใหม หลังจาก Com. Restart ขึ้นมาแลว เราก็ Logon เขา Windows เปดแผน Client Configuration Disk
Double Click ที่ icsClient.exe ซึ่งจะเปนการ Set คาใน Browser โดยอัตโนมัติ [ ขอความใน ReadMe.txt เปน ภาษาไทย ลองเปดอานดูซิครับ ]
79
Click Next
80
Click Next Click Finish เปนอันเสร็จสิ้นการ Set เครื่อง Client ครับ ลองเปดดูที่ Internet Option ใน Control Panel
81
Double Click ที่ Internet จะเห็นวาถูกติดตั้งคาอยูที่ Connect to the Internet using a local area network จากนี้เราก็สามารถ เลน Internet จากเครื่อง Client ไดแลวครับ อีกวิธีก็คือ
Click ที่ปุม Setup เลือกใชอินเตอรเน็ตผาน
82
Lan เลือกตอ
Lan ไมตอง Check ปุม ใดๆ
83
ไม Set คา E-mail (Set ภายหลังได)
Click ที่ปุม Finish
84
ดูเว็บไซตได
ที่ BROWSERS [ทั้ง IE & NETSCAPE] ไมตองปรับแตงอะไรเลยครับ[ไมตองSet Proxy] [ OPERA ผมไมไดใชครับ คิดวาคงใชไดเหมือนกัน ลองดูซิครับ] หมายเหตุ ที่เครือ่ ง Client สามารถใช ICQ , IRC & IPhone ไดเลยครับ [ไมตองSet Proxy] ใครแกปญหาอะไรไดก็ชวยๆบอกกันหนอยครับ ใครรูอะไร หรือวาผมเขาใจผิดที่ใด ก็แจงไดครับ
จั้มเปอร(Jumper) เชื่อหรือไม? เพิ่มศักยภาพใหคอมพไดงาย ๆ ผาน Jumper Dip Switch สะพานไฟแหงชีวิตคอมพ ของคุณ สิ่งที่หลายคนกลัวนักหนากําลังจะถูกเปดเผย ความจริง...
85
วันเวลาผานไปเทคโนโลยีกา วหนาไปเรื่อย ๆ ทุกวันนี้คงปฏิเสธไมไดวาคอมพิวเตอรมีบทบาทใน ชีวิตประจําวันของเราเปนอยางมาก หลายคนเลือกที่ซื้ออุปกรณ คอมพิวเตอรมาประกอบเอง หรือ ใหทางรานประกอบให แทนที่จะซื้อจากบริษัทขายคอมพิวเตอร Brandname ปญหาที่ตามมาคือเรา จะประกอบอุปกรณแตละชิน้ เขาไป ไดอยางไร? หรือในกรณีที่รานคาประกอบใหเรา เคยคิดบาง ไหมวารานคานั้นประกอบใหเราถูกตองหรือเปลา ? ประกอบเครื่องคอมพิวเตอรใหเราแลวสามารถ ดึง ประสิทธิภาพออกมาเต็มที่หรือเปลา ? บอยครั้งที่ผมเองก็พบวาชางที่รานติดตั้งตัว Jumper บน เมนบอรดผิด สับ Dip Switch ผิด อันจะเกิดจากชางไมมปี ระสบการณ หรือหลงลืมไปชั่วขณะก็ไม อาจทราบได แตสุดทายก็ผิดไปแลว
Jumper & Dip Switch อุปกรณนาสะพรึงกลัว
86
ผมเชื่อไดเลยวาเพื่อน ๆ หลายคนคงเคยไดยินคําวา Jumper, Dip Switch มาบางแลว แตอาจจะยังไม เขาใจวา เซ็ตอยางไร หรืออาจจะไมกลาไปยุงกับมัน อันที่จริงสิ่งเหลานี้ไมใชสิ่งที่นา กลัวเลย และ จําเปนมาก ๆ ที่เราจะตองรูไวบาง พวก Jumper, Dip Switch ตาง ๆ เหลานี้จริง ๆ มีหนาที่สําหรับ กําหนดการทํางาน ของอุปกรณคอมพิวเตอรใหทําหนาที่ตางกันออกไป จะเห็นตัวอยางหนาที่ ชัดเจนก็บน เมนบอรดรุนหนึ่งเราสามารถเลือกไดวาจะใหมี FSB (Font Side Bus) ความเร็วเทาไร 66,100,133 MHz จะใหตัวคูณ (Multiple) ของ CPU เทาไร ? เพื่อใหเมนบอรด รุนนัน้ ๆ สามารถ รองรับการทํางานของ CPU ไดมากที่สุด แลวก็เปนหนาที่ของชาง หรือเราเองที่จะตองมานั่งเซ็ตให ตรงกัน นี่เปนเพียงตัวอยางเล็ก ๆ นอย ๆ เทานั้น ในวันนี้เราจะมาคุยกันเรื่องที่เกี่ยวกับพวก Jumper ตาง ๆ ที่อยูบน เมนบอรด, Hard Drive , CD-ROM Drive กันวาสามารถเซ็ตอะไรไดบาง Jumper บน เมนบอรด เมนบอรดถือวาเปนสวนที่มี Jumper ใหเซ็ตติดตั้งอยูมากพอสมควร เมนบอรดรุนใหม ๆ พยายามจะ ลดความยุงยากในสวนนีจ้ ึงพยายาม ทําเทคโนโลยีที่เรียกวา "Jumper Less" คือมี Jumper ใหนอย ที่สุดหรือ ไมมีเลย แลวยายการเซ็ตคาตาง ๆ ไปเปนสวน Software หรือบน Bios ที่เรียกวา "Soft Menu" เพื่อใหผูใชงานยังคงสามารถปรับแตงคาตาง ๆ ได จากเดิมที่รูปรางหนาตาของ Jumper เปน ขาทองแดงแลวใชพลาสติกเล็ก ๆ ซึ่งขางในมีแผนโลหะเปนตัวเชื่อม เมนบอรดบางรุนก็เปลี่ยนมา เปน Dip Switch ที่ปรับแตงไดงายกวา สะดวกกวา และดูไมนากลัวแทน วิธีการเซ็ต Jumper สวน ใหญจะเปนการเชื่อมขาทองแดงเขาดวยกัน ซึ่งตองอาศัยตัวเชื่อมทีเ่ ปนลักษณะพลาสติกตัวเล็ก ๆ ที่ ขางในจะเปนทองแดง เปนสื่อใหขาทองแดงทั้งสองเชื่อมถึงกัน และพลาสติกรอบขางทําหนาที่เปน ชนวนปองกันไมใหทองแดงไปโดนขาอื่น ๆ
สวนวิธีการเซ็ต Dip Switch ก็งาย ๆ ใหเรานึกถึง Switch ไฟธรรมดาที่มีการปดและเปด ซึ่งจริง ๆ แลวทั้ง Jumper และ Dip Switch นั้นตางมีจุดมุงหมายเหมือนกันตรงทีท่ ํางานเปรียบเสมือน Switch ธรรมดา มีสภาวะเปดและปด (Open and Close) เพื่อใหการเชื่อมและตัดวงจรนั้นเปนตัวบอกให
87
เมนบอรด รูวาเราตองการใหทํางานอยางไร
ตัวอยาง Dip Switch บนเมนบอรด อันที่จริงแลวเวลาเราจะเช็ท Jumper หรือ Dip Switch เราจําเปนตองอานคูมือเมนบอรดใหดี ๆ กอน เพื่อที่จะไดรูวา เรากําลังจะเซ็ตอะไร เซ็ตตรงไหน อยางไร และไดคาอะไรนะครับ ภาพดานขางนี้ เปนตัวอยาง Layout ของเมนบอรดของ Soltek SL-75JV บนเมนบอรดที่สําคัญ ๆ หลัก ๆ ที่เราตองเซ็ตก็คือเรื่อง ของ FSB (Font Side Bus) และ Multiple ของ CPU เพื่อใหเมนบอรดทํางานสอดคลองกับ CPU ที่เรานํามา ติดตั้ง จากตัวอยางทั้งสองสวนนีเ้ ปนการเซ็ตแบบ DIP Switch ซึ่ง SW1 เปนการเซ็ต FSB (Font Side Bus) และ SW2 เปนการเซ็ต Multiple (ตัวคูณ) ตามคูมือเมนบอรด เปนดังตารางที่ 1 และ 2 เมนบอรดที่นํามาเปนตัวอยางนี้ รองรับการทํางาน CPU ตระกูล AMD เพราะฉะนัน้ หาก ผมตองการนําเอา CPU Athlon Thunderbird ความเร็ว 850 MHz มาติดตั้งบนเมนบอรดรุนนี้ผมตองเซ็ต SW1 CPU Clock = 100 MHz ซึ่งตองปรับ DIP 1-5 บน SW1 เปน Off On Off Off On ตามลําดับ สวน SW2 ตองเลือก Multiple 8.5x เพราะฉะนั้นตองเซ็ต DIP 14 บน SW2 เปน Off Off On Off
มีการเซ็ต Jumper หนึ่ง ที่เรานาจะรูไววาอยูตรงสวนไหนของเมนบอรด คือ การ Clear CMOS Data เอาไวเวลาที่เรา Update CMOS Version ใหม ๆ หรือ
88
วาหากเกิดปญหาจากการที่เราเขาไป Set คาตาง ๆ ใน BIOS แลวทําให BOOT ไมได เราจะไดใช Jumper Clear CMOS DATA ทําการ Clear คาตาง ๆ ใน BIOS ใหกลับไปอยูในสภาวะเริ่มตน เหมือนคาที่ถูกเซ็ตจากโรงงานนะครับ สําหรับเมนบอรดรุนนี้ตัว Jumper นี้จะอยูที่ JBAT1 ดังรูป สภาวะปกติตวั Jumper จะเชื่อมอยูที่ขา 1-2 หากเราตองการ Clear CMOS Data เราตองยาย Jumper มาที่ 2-3 แตอยาลืมนะครับวาตองทําการยาย Jumper ขณะปดเครื่อง และตามคูมือบอกวาแคเรายาย มาก็จะ Clear CMOS แลวไมตองเปดเครือ่ ง จากนั้นทําการยายกลับไปยัง 1-2 แลวทํางานตามปกติ
Jumper บน Hard Drive และ CD-Rom Drive
หนาที่หลัก ๆ ของ Jumper ใน Hard drive และ CD-Rom Drive ก็คือการเซ็ตวา Drive นั้นเปน Master หรือ Slave หลาย ๆ คนอาจจะเริ่มงงวาอะไร Master อะไร Slave จะขออธิบายคราว ๆ ดังนี้ นะครับวาปจจุบัน Drive จําพวก Hard Drive และ CD-Rom Drive นั้นจะมีมาตรฐานการตอแบบ IDE ซึ่งบนเมนบอรดสวนใหญจะมีชองตอ IDE สองชองซึ่งเรียกวา Primary และ Secondary แตละ ชองก็จะตอ Drive ได 2 Drive นั้นหมายความวาเครื่องโดยทั่วไปจะสามารถใส Hard drive และ CD-Rom Drive รวมกัน 4 ตัว เนื่องจาก 1 ชอง IDE สามารถตออุปกรณได 2 ตัวนีแ้ หละครับที่ทําให เราตองมานั่งเซ็ตวาจะใหตวั ไหนเปน Master ตัวไหนเปน Slave แตละรุน แตละยี่หอก็กําหนด ตางกันออกไป แตอยางไรก็ตามเราก็ยังสามารถ ใชพื้นฐานความรูในการเซ็ตเดียวกันได สําหรับ ฮารดดิสกและไดรฟ CD-Rom นั้น ผูผลิตมักจะระบุการเซ็ตคามาให บนตัวมันเอง ใกล ๆ กับจุดที่ เซ็ตอยูแลว และการดูก็ไมยากเทาไหร เพียงแตทานตอง เขาใจคําวา Master กับ Slave เทานั้น สวน
89
คาอื่น ๆ ที่เห็น เชน Cable Select นั้น จะเปนการใชงานแบบพิเศษกับ สายเคเบิ้ล จะเกิดอะไรหาก เราเซ็ตไมถูกตอง หรือเซ็ตอุปกรณ 2 ตัวมาชนกันเอง คําตอบคืออุปกรณไมถึงกับเสียหายหรอกครับ แคเครื่องของเราก็จะมองไมเห็นวา เราไดตดิ ตั้งตัว Drive นั้นไปแลวเทานั้นเอง พอเราเซ็ตใหมให ถูกตองทุกอยางก็จะ กลับมาเปนเหมือนเดิมครับ ไมตองกลัวกับการเซ็ต Jumper พวกนีน้ ะครับ สรุป เรื่องราวของ Jumper ที่จริงก็คือ สวนที่ชวยใหอุปกรณตาง ๆ ทํางานไดหลากหลายหนาที่ ตรงตาม ความตองการของผูใช ในเมนบอรดสวนใหญจะเปนการเซ็ตวาขณะนี้ตอ งการนําเอา CPU อะไรมา ติดตั้ง จะให Disable/Enable ความสามารถตาง ๆ ในเมนบอรดไมวาจะเปน Sound On Board, Vga On Board หรือจะเปนการ Clear CMOS Data สวนใน Drive ชนิดตาง ๆ ไมวา จะเปน Hard drive , CD-ROM Drive จะเปนการกําหนดบทบาทหนาที่ สวนในอุปกรณอื่น ๆ นั้น เราอาจจะเห็นการเซ็ต Jumper ไดใน Card Interface บางประเภท ทั้งนี้ทั้งนั้นการเซ็ตคาตาง ๆ ตองอาศัยคูมือประกอบ เพราะวาแตละอุปกรณ แตละโรงงานก็จะ ออกแบบมาไมเหมือนกัน เซ็ตผิดพลาดก็อาจจะทําใหอปุ กรณนนั้ ใชงานไมได แตโดยสวนตัวแลว คิดวาไมนาจะทําใหถึงกับเสียหายอะไร เพราะทางโรงงานผูผลิตตองเผื่อเหตุการณนี้ไวอยูแ ลว ขอ ใหเซ็ตใหถูกตองอุปกรณก็นา จะใชงานได ดังนั้น ไมตองกลัวนะครับของอยางนี้ ถาเราอานคูมือ เขาใจดีแลวก็ลยุ เลยครับ Norton Ghost โปรแกรมชวย แบคอัพฮารดดิสก เก็บไวเผื่อยามฉุกเฉิน ครั้งหนึ่ง สมัยที่ผมเองหัดใชงาน Windows ชวงแรก ๆ ก็ซนพอสมควร มีการลองของคือ ทดลองลงโปรแกรมตาง ๆ เดี๋ยวใส เดี๋ยวเอาออก ไมนานเทาไรนัก Windows ตัวเกงก็เพี้ยนไปเลย ตองมาลง Windows ใหมอีก เรียกไดวา ตองลง Windows ใหมทุกสัปดาหเลยก็วาได เปนอยางนี้อยูคอนขางนานพอสมควร ในสมัยนั้นผมเองก็คิดหาวิธีที่ จะทําการ copy ตัวซอฟตแวรตาง ๆ เก็บไวเปนแบคอัพสํารองเอาไว เพื่อที่เวลามีปญหา จะไดนําเอาไฟลที่ทําแบค อัพนั้นมาใชงาน จนกระทั่งมาพบกับโปรแกรม Norton Ghost ที่มีความสามารถเก็บขอมูลทั้งหมดใน พารติชัน ของฮารดดิสก ไวไดแบบที่เรียกวา ทุกกระเบียดนิ้วเลยทีเดียว อีกทั้งตัวโปรแกรมก็ทํางานบน DOS ซึ่งเปนการ ทํางานที่งาย ๆ ไมยุงยาก และสามารถทํางานหลังจากที่ทําการ ฟอรแม็ต ฮารดดิสก ไดทันที ใชเวลาในการทํา แบคอัพ และนํากลับคืนไมนานมากนัก ดังนั้น จึงขอแนะนําใหทานที่มีฮารดดิสก ที่มีพื้นที่เหลือมากพอ หลังจากที่ ทําการลง Windows ใหมและติดตั้งซอฟตแวรตาง ๆ เรียบรอยแลว ทําการเก็บแบคอัพขอมูลและ Windows เก็บไว ครั้งตอไป หากมีปญหาที่ตัว Windows ก็จะไดไมตองมาทําการลงโปรแกรมใหมทั้งหมดครับกอนอื่น ตองหา โปรแกรม Norton Ghost นี้มาใชงานกันกอน ลองดูจาก http://www.symantec.com/ นะครับ โปรแกรมจะมีขนาด ไมใหญมากนัก หลังจากดาวนโหลดมาแลวก็ใหทําการ unzip และเขียนไฟล ใสแผนดิสกไวกอน จากนั้น จะบูต เครื่องจากแผนดิสกที่ไดนี้ หรือจะ copy เฉพาะไฟล ghost.exe เก็บไวใน โฟลเดอรตางหาก เพื่อที่จะใชงาน โดยตรงเลยก็ได
90 ทําความเขาใจกับฮารดดิสกในเบื้องตนกอน กอนการใชงาน Norton Ghost อยากจะใหทําความเขาใจ ระบบการเก็บขอมูลและการแบงพารติชันของฮารดดิสก กันกอน เพราะตรงนี้ถือเปนสิ่งที่สําคัญมาก ๆ หากเราไมเขาใจและทําโดยใสไดรฟหรือพารติชันผิด ขอมูลตาง ๆ อาจจะหายไปทั้งหมดเลยก็ได ดังนั้น ขอใหพยายามศึกษาคําวา Drive และ Partition ใหเขาใจจริง ๆ กอน Drive ในที่นี้หมายถึง ตัวฮารดดิสก คือ ในคอมพิวเตอร 1 เครื่องสามารถที่จะทําการติดตั้ง ไดรฟตาง ๆ ไดหลาย ๆ ตัวเชน Drive A: คือฟลอปปดิสก Drive C: คือฮารดดิสกตัวแรก สวน Drive D: คือซีดีรอม เปนตน สําหรับกรณี ของฮารดดิสก จะมีพิเศษกวานั้น คือเราสามารถทําการแบงฮารดดิสก 1 ตัวใหเปนหลาย ๆ ไดรฟได เชน ฮารดดิสก 1 ตัวแตถูกแบงออกเปน Drive C: และ Drive D: โดยที่ซีดีรอม ก็จะกําหนดใหเปน Drive E: แทนเปน ตน Partition ก็คือการแบงพื้นที่ของฮารดดิสก ออกเปนหลาย ๆ ไดรฟ หรือเรียกวาการแบงเปนหลาย ๆ Partition นั่นเอง จากตัวอยางขางบน คือ เราสามารถที่จะแบงฮารดดิสก 1 ตัวออกเปนไดหลาย ๆ พารติชัน หรือแบง ออกเปนหลาย ๆ ไดรฟนั่นเอง ทีนี้ ลองสํารวจเครื่องคอมพิวเตอรที่ใชงานอยูกันกอน วามีฮารดดิสกติดตั้งอยูกี่ตัว และมีการแบงการใชงานหรือแบงพารติชัน ตาง ๆ ออกเปนอยางไรบาง อยางเชนฮารดดิสกของเครื่องที่ผมใชงาน มี 1 ตัวแตแบงออกเปน 2 พารติชัน ดังนั้น ในระบบ Windows เครื่องผมก็จะมองเห็นวามีไดรฟ C: กับ D: เปน ฮารดดิสก สวนซีดีรอม ก็จะเปนไดรฟ E: แทน ที่ตองใหทําความเขาใจกับเรื่อง Drive และ Partition ตรงนี้กอน ก็ เพราะวา ในการใชงาน Norton Ghost จะตองมีการอางถึงสองคํานี้ และเพื่อเปนการปองกัน การผิดพลาดที่อาจจะ เกิดขึ้นได จากการใสหรือระบุ Drive หรือ Partition ผิดครับ ฮารดดิสกที่จะทําแบคอัพได ตองเปนอยางไร จากที่ไดบอกแลววา การใชงาน Norton Ghost นี้จะเปนการทําสํารองหรือแบคอัพขอมูลทั้งพารติชัน ของ ฮารดดิสก ดังนั้น ฮารดดิสกหรือคอมพิวเตอรที่จะทําการแบคอัพแบบนี้ได จะตองมีการแบงพารติชัน ออกเปน อยางนอย 2 พารติชัน หรือจะตองมีไดรฟ อยูในเครื่องอยางนอย 2 ไดรฟนั่นเอง ดวยเหตุผลงาย ๆ ก็คือ เราจะทํา การเก็บทุกอยางใน Drive C: นําเอาไปเก็บไวใน Drive D: เพื่อที่จะไดทําการฟอรแมต Drive C: ได หลังจากนั้น ก็ ทําการนําขอมูลที่ถูกเก็บไวใน Drive D: มาใสคืนใน Drive C: ใหม หรือที่เรียกวาการ Restore นั่นเอง ดังนั้น หาก ใครมีฮารดดิสกแคเพียง Drive C: ตัวเดียว คงจะตองเริ่มตนวางแผน การจัดแบงพารติชันของฮารดดิสก กันใหม กอนนะครับ อยางนอยที่สุดก็ควรที่จะแบงออกเปน 2 ไดรฟ เพื่อใชสําหรับลง Windows ไดรฟหนึ่ง และอีกไดรฟ ที่เหลือก็สําหรับเก็บขอมูลและไฟลที่จะทําแบคอัพดวย Norton Ghost ดวย หากเครื่องใครที่คิดวาพรอมแลว ก็ เริ่มตนทดลองใชงานกันไดเลย เริ่มตนเรียกใชงานโปรแกรม Norton Ghost หลังจากที่หา ดาวนโหลด มาแลวก็ทําการ unzip และเก็บไวในโฟลเดอรที่สรางขึ้นมาใหม จะไดไฟล GHOST.EXE ซึง่ ในการใชงาน จะตองทําใน MS-DOS Mode เทานั้น วิธีการเขา DOS Mode ทําไดโดยการสั่ง Shutdown และเลือกที่ Restart in MS-DOS mode หรือเมื่อบูทเครือ่ งใหม กดปุม F8 คางไวและเลือกที่ MS-DOS mode หรือจะเปนการบูทเครื่องจากแผน Startup Disk Windows 98 ก็ได หลังจากเขา MS-DOS mode แลวก็ใช
91 คําสั่งเปลี่ยนโฟลเดอรไปที่ ๆ เก็บโปรแกรม Norton Ghost เรียก ghost และกด Enter จะมีโลโกของโปรแกรม กด ที่ปุม OK เพื่อเริ่มตนการใชงาน การทําแบคอัพหรือทําสําเนาฮารดดิสกเก็บไว ขั้นตอนแรก คือการทําแบคอัพเก็บไวกอน โดยการเรียกโปรแกรม Norton Ghost และกดที่ OK เพื่อเริ่มตนการ ทํางาน จะเห็นเปนเมนูตาง ๆ ใหเลือก
ในการทําแบคอัพเก็บขอมูล หลังจากเรียกโปรแกรมแลว ใหเลือกที่เมนู Local >> Partition >> To Image (ใชปุม ลูกศรซายขวา และกด Enter เพื่อเลือก) คือเปนการสั่งใหทํากับ Partition ใหสรางเปน Image ไฟลเพื่อเก็บไวใช งาน (Image คือไฟลแบคอัพ ที่จะเก็บขอมูลทั้งหมดของฮารดดิสกครับ) กดปุม Enter เพื่อเลือกการทํา Partition to Image ครับ
ทําการเลือก Drive ที่ตองการจะทําแบคอัพสํารองขอมูล คือ Drive ที่ 1 นั่นเอง (ตัวอยางนี้มีฮารดดิสก 1 ตัวใน เครื่องนี้) ใชปุม Tab เพื่อเลื่อนปุมไปที่ OK และกด Enter (กดที่ปุม Tab ไปเรื่อย ๆ เพื่อเปลี่ยนตําแหนงของการกด ปุมได)
92
จากนั้นทําการเลือก Partition ของ Drive ที่ตองการจะทําแบคอัพ เชนในที่นี้มีอยู 2 partition (คือ C: กับ D: นั่นเอง) ใหเลือกที่ Partition 1 คือ Drive C: และเลือกที่ OK (โดยกดปุม Tab สําหรับเปลี่ยนตําแหนงการกดปุมนะครับ)
จากนั้น เลือกชื่อไฟลของ Image file ที่จะเก็บเปนขอมูลไว เชน win98th หรืออะไรก็ได กดที่ Open เพื่อทํางาน ตอไป
โปรแกรมจะมีการถามถึงระดับของการบีบอัดขอมูล เลือกที่ Fast ครับ
93 โปรแกรมจะถามยืนยันอีกครั้ง ก็กดที่ Yes เพื่อเริ่มตนทําการแบคอัพทันที
ภาพตัวอยางขณะที่โปรแกรมกําลังทําการก็อปปหรือทําแบคอัพครับ รอจนจบก็เปนอันเสร็จขั้นตอนการแบคอัพ แลว ซึ่งเราจะไดไฟล win98th.gho หรือชื่อไฟลตามที่เราตั้งไว ที่มีขนาดใหญมาก ๆ เก็บสํารองไว
---------------------------------------------------------------------------การนําขอมูลที่เก็บไวมาใชงานใหมหรือที่เรียกวา Restore หลังจากนี้ หากวันดีคืนดี Windows มีอันตองเปนไปดวยเหตุผลใดก็ตาม หากเราตองการที่จะนําเอาขอมูลและ โปรแกรมตาง ๆ ที่ไดทําการสํารองเก็บไวออกมาใชเหมือนเดิม วิธีการก็จะคลาย ๆ กันคือ เรียกโปรแกรม Norton Ghost กอน (จาก MS-DOS mode นะครับ)
94 ในการนําขอมูลกลับมา หลังจากเรียกโปรแกรมแลว ใหเลือกที่เมนู Local >> Partition >> From Image คือเปน การนําเอา Image file มาใสลงใน Partition นั่นเอง
เลือกไฟลที่ตองการจะนําขอมูลมาใชงาน แลวเลือกกดที่ Open
เลือก Partition ของขอมูลที่อยูใน Image file และกด OK
เลือกฮารดดิสกที่จะใสขอมูลจาก Image file ควรระมัดระวัง Drive ใหถูกตองดวยนะครับถามีฮารดดิสกหลายตัว
95
ถาหากฮารดดิสกที่เลือกใสขอมูลกลับลงไปมีหลายพารติชัน ใหทําการเลือก Partition ที่ตองการ เชน Drive C: ก็ คือ Partition ที่ 1 นั่นเอง กดที่ OK
โปรแกรมจะมีการถามเพื่อยืนยันการทํางานอีกครั้ง หากมั่นใจวาไมมีอะไรใสผิดก็กดที่ Yes เพื่อเริ่มตนการนํา ขอมูลจาก Image file มาใสลงใน Partition ไดเลยครับ หลังจากที่โปรแกรมทําการก็อปปเสร็จเรียบรอยแลว ใน กรณีเชนนี้จะตองทําการ Restart Computer ใหมเสมอ หากไมมีอะไรผิดพลาด เราก็จะได Windows ตัวเดิมเมื่อ ครั้งที่ยังไมมีปญหากลับคืนมาเหมือนเดิมครับ ขอควรระวังอยางมากคือ การเลือก Drive และ Partition เพราะหากทําผิด Partition อาจจะทําใหขอมูลตาง ๆ หาย ได ดังนั้น กอนที่จะทํา ควรจะทําการสํารองขอมูลที่สําคัญมาก ๆ เก็บไวกอน เพื่อความปลอดภัยของขอมูลนะครับ นอกจากนี้ หากลองดูใหดี ๆ ในเมนูตาง ๆ จะเห็นวา เราสามารถที่จะทําการ โคลนนิ่งระหวางฮารดดิสก 2 ตัวได เลย โดยการเลือกที่ในเมนู Drive ซึ่งจะทําใหการ copy ขอมูลทุกอยางในฮารดดิสก ไปใสไวในฮารดดิสกอีกตัว หนึ่งไดอยางรวดเร็ว วิธีนี้ รานคาที่ประกอบคอมพิวเตอรขายนิยมใชกันมาก เพราะใชเวลาไมเกิน 20 นาทีก็ สามารถลงโปรแกรมตาง ๆ ในฮารดดิสกของเครื่องลูกคาไดแลว หากใครมีเครื่องคอมพิวเตอรหลาย ๆ ชุดที่มี อุปกรณตาง ๆ เหมือนกัน โดยเฉพาะตามรานอินเตอรเน็ตคาเฟ ตาง ๆ ที่มักจะมีปญหากับซอฟตแวรตาง ๆ บอย ๆ (เนื่องจากมีผูใชงานหลายคน) ก็สามารถที่จะทําการ โคลนนิ่งฮารดดิสกโดยวิธีนี้ไดดวยนะครับ
Partition Magic ซอฟตแวรสําหรับจัดการ พารติชั่นของฮารดดิสกแบบงาย ๆ โปรแกรม Partition Magic เปนซอฟตแวรที่ใชงานสําหรับ การจัดการแบงขนาดของฮารดดิสก โดยสามารถทํา การแบง ลบ สราง เปลี่ยนขนาด หรือเปลี่ยนชนิดของ FAT ของฮารดดิสกได โดยที่สามารถทําบนฮารดดิสก ที่มี ขอมูลอยูไดเลย และขอมูลที่เก็บอยู จะไมมีการสูญหายดวย (ถาไมมีปญหาของเครื่องระหวางการทํางาน) นอกจากนี้ ประโยชนที่เห็นไดอยางชัดเจนอีกอยางหนึ่งคือ ผูที่ไดทําการลง Windows XP ไวแบบ NTFS และเกิด
96 เปลี่ยนใจจะลบหรือ format พารติชั่นที่เปน NTFS จะไมสามารถ ทําไดงายนัก แตดวยโปรแกรม Partition Magic นี้ จะสามารถลบ FAT ที่เปนแบบ NTFS ไดสบาย ๆ •
เมื่อเอยถึง การจัดการกับฮารดดิสก ในสมัยกอนจะมีซอฟตแวรที่นิยมใชงานกันมากคือ FDISK ที่มีมา กับ DOS หรือ Windows โดยที่ตัว FDISK นี้ จะเปนโปรแกรมเล็ก ๆ สําหรับใชในการ ลบหรือสรางพาร ติชั่นของฮารดดิสก โดยสามารถกําหนดขนาดของ แตละพารติชั่นไดตามตองการ กอนที่จะทําการ format เพื่อใชงานตอไป แตปญหาที่มักจะพบกันบอย ๆ คือ การสรางหรือลบ พารติชั่นดวยโปรแกรม FDISK นั้น จะทําใหขอมูลบนฮารดดิสกหายไป และสําหรับคนที่ไมมีฮารดดิสกอีกตัวมาสํารองขอมูล ไว ก็จะตองสูญเสียขอมูลไปดวย ดังนั้น Partition Magic ก็เปนทางเลือกอีกทางหนึ่งที่นาใช
มาทําความเขาใจกับซอฟตแวร Partition Magic ที่จะแนะนําตัวนี้กันกอน เนื่องจากวา ตัวโปรแกรมเต็ม ๆ ของ Partition Magic นั้นจะมีขนาดใหญมาก และหาดาวนโหลดมาใชงานได คอนขางยาก ดังนั้น ซอฟตแวรที่ผมจะแนะนําตอไปนี้ จะไมใชเปนตัวเต็มของโปรแกรมนี้ แตจะเปนแผนดิสกที่ ไดจากการทํา Create Rescue Diskettes ซึ่งจะไดเปนแผนดิสกออกมา มีขนาดแคเพียงแผนดิสก 1 แผนเทานั้น และ สามารถนําแผนดิสกที่ไดนี้ ไปใชบูตเครื่อง และเรียกใชงานโปรแกรม Partition Magic ไดเหมือนกัน โดยอาจจะมี ความสามารถบางอยางที่ถูกตัดออกไปบาง แตสวนที่ยัง สามารถใชงานได ก็เพียงพอ ตอความตองการแลวหละ ครับ โดยสามารถดาวนโหลดได ที่นี่ จากนั้น ก็ทําการ แตกไฟล ที่ดาวนโหลดไปดวย winzip ออกมากอน จากนั้น ก็ดับเบิ้ลคลิกเรียกไฟลขางใน เพื่อที่จะเขียนลงแผนดิสกไดเลย เอาหละครับ เมื่อจัดการทําแผนดิสกไดเรียบรอยแลว ก็เริ่มตนการบูตเครื่องจากแผนดิสกนี้ไดเลย
เมื่อบูตเครื่องดวยแผนดิสกของ Partition Magic จะไดตามภาพดานบนนี้ รอสักครูกอน
97
เริ่มเขาหนาจอของโปรแกรม รอสักครูครับ
98 หลังจากนั้น ก็จะเริ่มเขาสูการใชงานตัวโปรแกรมครับ ขั้นแรก ทําการเลือก Disk หรือฮารดดิสกที่เราตองการ ทํางานใหถูกตองกอน จากปุมที่ดานบนขวามือ และลองมาดูรายละเอียดของฮารดดิสก ที่มีอยูในเครื่องครับ (ตัวอยางในภาพ เปนฮารดดิสกของผม ที่ไดทําการ แบงพารติชันตาง ๆ ไว และมีสวนที่เปน NTFS ที่ไมสามารถ ลบดวย FDISK ธรรมดาไดดวย) ตอไปนี้ ก็จัดการทําในสิ่งที่ตองการไดเลย เชนจะเปลี่ยนขนาด ลบ สราง หรือเปลี่ยนแปลงคาตาง ๆ โดยเลือกจาก เมนูตาง ๆ ครับ โดยที่จะขอ อธิบายความหมายของแตละเมนูคราว ๆ ที่ใชงานบอย ๆ ดังนี้ •
• • • •
Resize/Move คือการเปลี่ยนแปลงขนาดของพารติชันที่ไดเคยแบงไวแลวใหม โดยอาจจะเปลี่ยนใหใหญ ขึ้น หรือเล็กลงไดตามตองการ โดยที่ขอมูลไมสูญหายไปไหน (แตถาขอมูลสําคัญมาก ๆ ก็นาจะสํารอง เผื่อไวกอน) Create คือการสรางพารติชันขึ้นมาใหม ตองมีพื้นที่วาง เหลือมากพอที่จะสรางพารติชันใหม Delete คือการลบพารติชันที่สรางไวแลว สามารถลบ NTFS ของ Windows XP ไดดวย Label คือการเปลี่ยนชื่อของ Volumn Label ของฮารดดิสก Format คือการ format ฮารดดิสก
นอกจากนี้ ก็ยังมีเมนูของการ Convert และ Advance ที่สามารถใชกําหนดคาตาง ๆ ของพารติชั่นไดอีกดวย แต สําหรับ การใชงาน ในเบื้องตน ก็คงไมจําเปนตองใชงานมากนักครับ ดังนั้น สวนนี้ผมขอขามไป โดยจะแนะนํา เฉพาะสวนที่ ควรจะทราบไว และเปนสวนที่ นาจะใชงานจริง ๆ เทานั้น ตัวอยางของการแนะนําครั้งนี้ คือการทํา format พารติชันที่ถูกสรางจาก Windows XP และเปน NTFS โดยจะทํา การ format และเปลี่ยนใหเปน FAT32 เพื่อใชงานใหม (เพราะอยางที่บอกไววา หลายคนมีปญหาลบ Windows XP แบบ NTFS ไมได)
99
โดยการคลิกเมาสที่ พารติชั่นที่ตองการทํางานกอน จากนั้น เลือกที่เมนู Operations และ Format เพื่อทําการ format ครับ
100 จากนั้น ก็เลือกรูปแบบของระบบ FAT ใหม เชนสําหรับการใชงานทั่วไปก็เลือกเปน FAT32 ใสชื่อ Label ที่ ตองการ จะตั้งชื่อใหกับ ฮารดดิสก และพิมพคําวา OK ในชองขางลาง เพื่อการยืนยันคําสั่งครับ จากนั้นก็กดที่ปุม OK เพื่อกลับไปหนาแรก ในตรงนี้ โปรแกรมจะยังไมไดทํางานทันทีนะครับ เราสามารถกําหนดงานอื่นใหกับโปรแกรมไดอีก แตถา ตองการใหโปรแกรม ทํางานตามที่เราตองการ ก็กดที่ปุม Apply ที่มุมขวาดานลางไดเลย
กดที่ปุม Apply เพื่อเริ่มตนการทํางาน และกด Yes เพื่อยืนยันอีกครั้ง
101
รอสักครู ใหโปรแกรมทํางานไปจนเสร็จนะครับ เมื่อโปรแกรมทํางานเสร็จแลว ก็กด OK และถาไมตองการทํา อะไรตอ ก็กดที่ปุม Exit เพื่อออกจากโปรแกรมไดเลยครับ
102 ในบางครั้งที่เรากดออกจากโปรแกรม อาจจะมีการถามแบบตัวอยางในภาพดานบนนี้ เนื่องจาก การที่เราไลบ สรางพารติชั่นใหม การเรียกชื่อไดรฟเชน C: D: E: อาจจะเปลี่ยนไปจากเดิม ตรงนี้ก็กด OK ไปเลยก็ได ไมมี ปญหาอะไรครับ สรุป Partition Magic นับไดวาเปนซอฟตแวร ที่นาจะมีติดเครื่องไวใชงานมาก ๆ เหมาะสําหรับคนที่ตองทําการ format หรือแบงขนาดของฮารดดิสกบอย ๆ ครับ และโดยเฉพาะการใชงานในการลบ NTFS ของ Windows XP ที่ ทําไดแบบงาย ๆ ก็ทดลองเลนกันดูเองครับ สวนใครติดใจโปรแกรมนี้ จะหาซอฟตแวร ที่เปนตัวเต็ม มาใชงาน แบบจริง ๆ จัง ๆ ก็ไดครับ *** ขอควรระวัง ในการใชงาน Partition Magic คือ บอยครั้งที่เกิดการเครื่องแฮงค ระหวางการแบงพารติชั่น ซึ่ง จะพบไดมาก ในเครื่องที่มีอายุการใชงานมานานแลว หรือเครื่องคอมพิวเตอร ที่มีอุปกรณบางตัว อาจจะทํางานได ไมสมบูรณเต็มที่ (ปญหานี้พบบอยมากนะครับ) ซึ่งสวนมาก อาจจะเกิดอาการ พารติชั่นหายไปเลย หลาย ๆ ทาน จึงมีการตั้งชื่อภาษาไทยใหกับโปรแกรมนี้วา "พารติชั่นลองหน" นะครับ ***
RAM ยอมาจาก (Random Access Memory) เปนหนวยความจําหลักที่จําเปน หนวยความจํา ชนิดนี้จะสามารถเก็บขอมูลได เฉพาะเวลาที่มีกระแสไฟฟาหลอเลี้ยง เทานั้นเมื่อใดก็ตามที่ไมมีกระแสไฟฟา มาเลี้ยง ข็อมูลที่อยูภายในหนวยความจําชนิดจะ หายไปทันที หนวยควมจําแรม ทําหนาที่เก็บชุดคําสั่งและขอมูลที่ระบบคอมพิวเตอร กําลังทํางานอยูดวย ไมวาจะเปนการนําเขาขอมูล (Input) หรือ การนําออกขอมูล (Output) โดยที่เนื้อที่ของหนวยความจําหลักแบบแรมนี้ถูกแบงออกเปน 4 สวน คือ 1. Input Storage Area เปนสวนที่เก็บขอมูลนําเขาที่ไดรับมาจากหนวยรับขอมูล เขาโดย ขอมูลนี้จะถูกนําไปใชในการประมวลผลตอไป 2. Working Storage Area เปนสวนที่เก็บขอมูลที่อยูในระหวางการประมวลผล 3. Output Storage Area เปนสวนที่เก็บผลลัพธที่ไดจากการประมวลผล ตามความ ตองการของผูใช เพื่อรอที่จะถูกสงไปแสดงออก ยังหนวยแสดงผลอื่นที่ผูใชตองการ 4. Program Storage Area เปนสวนที่ใชเก็บชุดคําสั่ง หรือโปรแกรมที่ผูใชตองการ จะสงเขามา เพื่อใชคอมพิวเตอรปฏิบัติตามคําสั่ง ชุดดังกลาว หนวยควบคุมจะทําหนาที่ ดึงคําสั่งจากสวน นี้ไปที่ละคําสั่งเพื่อทําการแปลความหมาย วาคําสั่งนั้นสังใหทําอะไร จากนั้นหนวยควบคุม จะไปควบคุมฮารดแวรที่ตองการทํางานดังกลาวใหทํางานตาม คําสั่งนั้นๆ Module ของ RAM RAM ที่เรานํามาใชงานนั้นจะเปน chip เปน ic ตัวเล็กๆ ซึ่งสวนที่เรานํามาใชเปนนวย ความจําหลัก จะถูกบัดกรีติดอยูบนแผงวงจร หรือ Printed Circuit Board เปน Module ซึ่งมีหลัก ๆ อยู 2 Module คือ SIMM กับ DIMM
103
SIMM หรือ Single In-line Memory Module โดยที่ Module ชนิดนี้ จะรองรับ datapath 32 bit โดยทั้งสองดานของ circuit board จะใหสัญญาณ เดียวกัน ความเปนมาของ SIMM RAM ในยุคตน ๆ ที่คอมพิวเตอรเริ่มใชงานกันอยางแพรหลายมากขึ้น ซึ่งสวนมากมักเปน คอมพิวเตอร ระดับบุคคล (prosonal computer:PC) ใชซีพียู 8088 หรือ 80286 หนวยความจํา DRAM ถูกออกแบบให บรรจุอยูในแพคเกจแบบ DIP (dual in-line package) หรือที่เรียกวาแบบตีนตะขาบเหมือนกับไอซีที่ใชงานกันทั่วไป การใชงาน หนวยความจําแบบนี้ จึงตองมีการจัดสรรพื้นที่มากพอสมควร บนเมนบอรด ถาเคยเปดฝา เรื่องดูภายในก็จะเห็นซ็อกเก็ตไอซีเหลานี้ เรียงกันเปนแถวเต็มไปหมด การเพิ่มหนวยความจําชนิดนี้ทําไดงาย เพี่ยงแตซื้อ DRAM ตามขนาดความจุที่ ตองการมา เสียบลงใน ซ็อกเก็ตที่เตรียมไว และทําการติดตั้งจั๊มเปอรอีกบางตัวหรือบาง เครื่องอาจเพียงตั้งคาในซอตฟแวร ไบออส (BIOS) ของเครื่องใหม เปนอันเรียบรอยใช งานไดทันที ครั้งเมื่อเวลาผานไปเทคโนโลยีกาวหนาขึ้น เทคนิคการแพคเกจชิพไอซีลงบนตัวถัง ทันสมัยมากขึ้น และเปนที่รูจักกันดีกับเทคโนโลยี อุปกรณติดพื้นผิว ทําใหการติดตั้ง หนวยความจําหรือเพิ่มหนวยความจํา ทําไดยากขึ้นและตองมีเครื่องมือเฉพาะ จึงไดมี การคิดคน วิธีการใหม โดยการนําเอาตัวไอซี DRAM แบบ ติตงั้ บนพื้นผิวไปติดบน แผงวงจรแผนเล็ก ๆ กอน แลวจึงเดินลายทองแดงตอขาจากตัวไอซี DRAM ออกมา และแยกเปนขาเชื่อมตอเอาไวเมื่อตองการจะติดตั้งก็นําเปเสียบลงในซ็อกเก็ตที่เตรียมไว บนเมนบอรดไดทันที โมดูลหนวยความจําแบบนี้มีชื่อเรียกวา ซิพแรม (SIP RAM : Single In-line Package RAM) แรมชนิดนี้จะมี 30 ขา การพัฒนายังไมหยุดเพียงเทานี้ เพื่อความสะดวกในการใชงานมากขึ้น จึงไดมีการ ออกแบบซ็อกเก็ต สําหรับหนวยความจําชั่วคราว แบบใหม โดยออกแบบในลักษณะคอน เน็กเตอรที่สวนของลายทองแดงบนแผน วงจรของซิพแรมโดยตรง ทําใหสามารถตัดขา ที่ยื่นออกมา จากตัวโมดูลได ดังนั้นจึงไดมีการตั้งชื่อเรียกใหมวา แบบซิมแรม (SIMM RAM : Single In-line Memory Module RAM) ซิพแรมมีขาตอใชงาน 30 ขา เชนเดียวกับซิมแรม และสัญญาณที่ตอใชงานแตละขาก็เหมือนกันดวย DIMM หรือ Dual In-line Memory Module โดย Module นี้เพิ่งจะกําเนิดมาไมนานนัก มี datapath ถึง 64 บิต โดยทั้งสองดาน ของ circuite board จะใหสัญญาณที่ตางกัน ตั้งแต CPU ตระกูล Pentium เปนตนมา ไดมีการออกแบบใหใชงานกับ datapath ที่มากวา 32 bit เพราะฉะนั้น เราจึงพบวาเวลา จะใส SIMM RAM บน slot RAM จะตองใสเปนคู ใสโดด ๆ แผง เดียวไมได Memory Module ปจจุบันมีอยู 3 รูปแบบคือ 30-pin, 72-pin, 168-pin ที่นิยมใชใน เวลานี้คือ 168-pin
104 รายละเอียดของ RAM แตละชนิด Parity จะมีความสามารถในการตรวจสอบความถูกตองของ ขอมูล โดยจะมี bit ตรวจสอบ 1 ตัว ถาพบวามีขอมูลผิดพลาด ก็จะเกิ system halt ในขณะที่แบบ NonParity จะไมมีการตรวจสอบ bit นี้ Error Cheching and Correcting (ECC) หนวยความจําแบบนี้ ไดพัฒนาขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง เพราะนอกจากจะตรวจสอบวามี ขอมูลผิดพลาดไดแลว ยังสามารถแกไข bit ที่ผิดพลาดไดอีกดวย โดยไม ทําให system halt แตหากมีขอมูลผิดพลาดมาก ๆ มันก็มี halt ไดเหมือนกัน สําหรับ ECC นี้ จะเปลือง overhead เพื่อเก็บขอมูล มากวาแบบ Parity ดังนั้น Performance ของมันจึง ถูกลดทอนลงไปบาง ชนิดและความแตกตางของ RAM Dynamic Random Access Memory (DRAM) DRAM จะทําการเก็บขอมูลในตัวเก็บประจุ (Capaciter) ซึ่งจําเปนตองมีการ refresh เพื่อ เก็บขอมูล ใหคงอยูโดยการ refresh นี้ทําใหเกิดการหรวงเวลาขึ้นในการเขาถึง ขอมูล และก็เนื่องจากที่มันตอง refresh ตัวเองอยูตลอดเวลานี้เองจึงเปนเหตุใหไดชื่อ วา Dynamic RAM Staic Random Access Memory (SRAM) จะตางจาก DRAM ตรงที่วา DRAM ตองทําการ refresh ขอมูลอยูตลอดเวลา แต ในขณะที่ SRAM จะเก็บขอมูล นั้น ๆ ไว และจําไมทําการ refresh โดยอัตโนมัติ ซึ่งมัน จะทําการ refresh ก็ตอเมื่อ สั่งใหมัน refresh เทานั้น ซึ่งขอดีของมันก็คือความเร็ว ซึ่ง เร็วกวา DRAM ปกติมาก แตก็ดวยราคาที่สูงวามาก จึงเปนขอดอยของมัน Fast Page Mode DRAM (FPM DRAM) FPM นั้น ก็เหมือนกับ DRAM เพียงแตวา มันลดชวงการหนวงเวลาขณะเขาถึงขอมูล ลง ทําให มันมีความเร็วในการเขาถึงขอมูล สูงกวา DRAM ปกติ ซึ่งโดยที่สัญญาณ นาฬิกาในการเขาถึงขอมูล จะเปน 6-3-3-3 (Latency เริ่มตนที่ 3 clock พรอมดวย 3 clock สําหรับการเขาถึง page) และสําหรับ ระบบแบบ 32 bit จะมีอัตราการสงถาย ขอมูลสูงสุด 100 MB ตอวินาที สวนระบบแบ 64 bit จะมีอัตรา การสงถายขอมูลที่ 200 MB ตอววินาที เชนกัน ปจจุบันนี้ RAM ชนิดนี้แทบจะหมดไปจากตลาดแลวแต ยังคงมี ใหเห็นบาง และมักมีราคา ที่คอนขางแพงเมื่อเที่ยบกับ RAM รุนใหม ๆ เนื่องจากที่วา ปริมาณใน ทองตลาดมีนอยมาก ทั้ง ๆ ที่ยังมีคนตองการใชแรมชนิดนี้อยู Extended-Data Output (EDO) DRAM หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งก็คือ Hyper-Page Mode DRAM ซึ่งพัฒนาขึ้นอีกระดับหนึ่ง โดยการที่มันจะอางอิง ตําแหนงที่อานขอมูล จากครั้งกอนไวดวย ปกติแลวการดึงขอมูล จาก RAM ณ ตําแหนงใด ๆ มักจะดึงขอมูล ณ ตําแหนงที่อยูใกล ๆ จากการดึงกอนหนา นี้ เพราะฉะนัน ้ ถามีการองอิง ณตําแหนงเกาไวกอน ก็จะทําให เสียเวลาในการเขาถึง ตําแหนงนอยลง และอีกทั้งมันยังลดชวงเวลาของ CAS latency ลงดวย และดวย ความสามารถนี้ ทําใหการเขาถึงขอมูลดีขึ้นกวาเดิมกวา 40% เลยทีเดียว และมี ความสามารถโดยรวมสูงกวา FPM กวา 15% EDO จะทํางานไดดีที่ 66 MHzดวย timming 5-2-2-2 และก็ยังทํางานไดดีเชนกัน แมจะใชงานที่ 83 MHz ดวย Timming นี้และหากวา chip EDO นี้ มีความเร็วที่สูงมากพอ (มากวา 50ns) มันจะ สามารถใชงาน ได ณ 100 MHz ที่ Tomming 6-3-3-3 ไดอยางสบาย อัตราการสงถายขอมูลสูงสุด ของ DRAM ชนิดนี้อยูที่ 264 MB ตอวินาที EDO RAM ในปจจุบันนี้ไมเปนที่นิยมใชแลว Burst EDO (BEDO) DRAM BEDO ไดเพิ่มความสามารถขึ้นมาจาก EDO เดิม คือ Burst Mode โดยหลังจากที่ มันได address ที่ ตองการ adress แรกแลวมันก็จะทําการ generate อีก 3 address
105 ขึ้นทันที ภายใน 1 สํญญาณนาฬิกา ดังนั้น จึงตัดชวงเวลาในการรับ adress ตอไป เพราะฉะนั้น Timming ของมันจึงเปน 5-1-1-1 ณ 66 MHz BEDO ไมเปนที่แพรหลาย และไดรับความนิยมเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เนื่องจากวาทาง Intel ตัดสินใจใช SDRAM แทน EDO และไมไดใช BEDO เปนสวนประกอบในการพัฒนา chipset ของตน ทําให บริษัทผูผลิต ตาง ๆ หันมาพัฒนา SDRAM แทน Synchronous DRAM (SDRAM) SDRAM จะตางจาก DRAM เดิมตรงที่มันจะทํางานสอดคลงกับสัญญาณนาฬิกา สําหรับ DRAM เดิมจะ ทราบตําแหนงที่อาน ก็ตอเมื่อเกิดทั้ง RAS และCAS ขึ้น แลวจึงทําการ ไปอานขอมูลโดยมีชวงเวลาในการ เขาถึงขอมูล ตามที่เรามักจะไดเห็นบนตัว chip ของ ตัว RAM เลย เชน -50, -60, -80 โดย -50 หมายถึง ชวงเวลาเขาถึง ใชเวลา 50 นาโน วินาทีเปนตน แตวา SDRAM จะใชสัญญาณนาฬิกาเปนตัวกําหนดการ ทํางานโดยจะใช ความถี่ของสัญญาณเปนตัวระบุ SDRAM จะทํางานตามสัญญาณนาฬิกาขาขึ้นเพื่อรอรับ ตําแหนงขอมูล ที่ตองการใหมันอาน แลวจากนั้นมันก็จะไปคนหาให และใหผลลัพธ ออกมาหลังจากไดรับ ตําแหนงแลว เทากับคาของ CAS เชน CAS 2 ก็คือ หลังจากรับ ตําแหนงที่อานแลวมันจะใหผลลัพธออกมา ภายใน 2 ลูกของสัญญาณนาฬิกา SDRAM จะมี Timming เปน 5-1-1-1 ซึ่งแน มันเร็วพอ ๆ กันกับ BEDO RAM เลยที่เดียว แตวา มันสามารถทํางานได ณ 100 MHz หรือมากวา และมีอัตราการสงถาย ขอมูลสูงสุดที่ 528 MB ตอวินาที DDR SDRAM (หรือ SDRAM II) DDR RAM นี้แยกออกมาจาก SDRAM โดยจุดที่ตางกันหลัก ๆ ของทั้งสองชนิดนี้คือ DDR SDRAM นี้สามารถที่จะใชงานไดทั้งขาขึ้น และขาลง ขแงสัญญาณนาฬิกาเพื่องสง ถายขอมูล นัน ่ ก็ทําใหอัตราสงถาย เพิ่มขึ้นไดถึงเทาตัว ซึ่งมีอัตราการสงถายขอมูลสูสุด ถึง 1 G ตอวินาทีเลยทีเดียว Rambus DRAM (RDRAM) ชื่อของ RAMBUS เปนเครื่องหมายการคาของบริษัท RAMBUS Inc. ซึ่งตั้งมาตั้งแต ยุค 80 แลว เพราะฉะนั้นชื่อนี้ ก็ไมไดเปนชื่อที่ ใหมอะไรนัก โดยปจจุบันไดเอาหลักการ ของ RAMBUS มาพัฒนาใหม โดยการลด pin รวม static buffer และทําการปรับแตง ทาง interface ใหม DRAM ชนิดนี้ จะสามารถ ทํางานไดทั้งขอบขาขึ้น และลงของ สัญญาณนาฬิกา และเพียงชองสัญญาณเดียว ของหนวยความจํา แบบ RAMBUS นี้ มี Performance มากกวาเปน 3 เทา จาก SDRAM 100 MHz แลว และเพียงแคชอง สัญญาณเดียวนี้ก็มีอัตราการสงถายของมูลสูงถึง 1.6 G ตอวินาที ถึงแมวาเวลาในการ เขาถึงขอมูลแบบ สุมของ RAM ชนิดนี้จะชา แตการเขาถึงขอมูลแบบตอเนื่องจะเร็วมาก ๆ ซึ่งกาวา RDRAM นี้มีการพัฒนา Interface และมี PCB (Printed Circuit Board) ที่ดี ๆ แลวละก็รวมถึง Controller ของ Interface ให สามารถใชงานไดถึง 2 ชองสัญญาณ แลวมันจะมีอัตราการสงถายขอมูลเพิม ่ เปน 3.2 G ตอวินาที และหากวาสามารถใชไดถึง 4 ชองสัญญาณก็จะสามารถเพิ่มไปถึง 6.4 G ตอวินาที Synchronous Graphic RAM (SGRAM) SGRAM นี้ก็แยกออกมาจาก SDRAM เชนกันโดยมันถูกปรับแตงมาสําหรับงานดาน Graphics เปนพิเศษแตโดยโครงสรางของ Hardware แลว แทยไมมีอะไรตางจาก SDRAM เลย เราจะเห็นจากบาง Graphic Card ที่เปนรุนเดียวกัน แตใช SDRAM ก็มี SGRAM ก็มี เชน Matrox G200 แตจุดที่ตางกัน ก็คือ ฟงกชัน ที่ใชโดย Page Register ซึ่ง SG สามารถทําการเขียนขอมูลไดหลาย ๆ ตําแหนง ในสัญญาณนาฬิกาเดียว ในจุดนี้ ทําใหความเร็วในการแสดงผล และ Clear Screen ทําไดเร็วมาก และยังสามารถ เขียน แค บาง bit ในการ word ได (คือไมตองเขียนขอมูลใหมทั้งหมดเขียนเพียงขอมูลที่ เปลี่ยนแปลง เทานั้น) โดยใช bitmask ในการเลือก bit ที่จะเขียนใหมสําหรับงานโดย ปกติแลว SGRAM แทบจะไม ใหผลที่ตางจาก SDRAM เลย มันเหมาะกับงานดาน
106 Graphics มากกวา เพราะความสามารถที่ แสดงผลเร็วและ Clear Screen ไดเร็วมันจึง เหมาะกับใชบน Graphics Card มากกวา ที่จะใชบน System Video RAM (VRAM) VRAM ชื่อก็บอกแลววาทํางานเกี่ยวกกับ Video เพราะมันถูกออกแบบมาใชบน Dispaly Card โดย VRAM นี้ก็มีพื้นฐานมาจาก DRAM เชนกัน แตที่ทําใหมันตางกันก็ ดวยกลไกการทํางานบางอยาง ที่เพิ่มเขามา โดยที่ VRAM นั้น จะมี serial port พิเศษ เพิ่มขึ้นมาอีก 1หรือ 2 port ทําใหเรามองวามันเปน RAM แบบ พอรทคู (Dual-Port) หรือ ไตรพอรท (Triple-Port) Parallel Port ซึ่งเปน Standard Interface ของมัน จะ ถูกใชในการติดตอกับ Host Processor เพื่อสั่งการให ทําการ refresh ภาพขึ้นมาใหม และ Seral Port ที่เพิ่มขึ้นมา จะใชในการสงขอมูลภาพออกสู Display Windowns RAM (WRAM) WRAM นี้ ดู ๆ ไปลวเหมือนกับวา ถูกพัฒนาโดย Matrox เพราะแทบจะเปนผูเดียวที่ ใช RAM ชนิดนี้ บน Graphics Card ของตน (card ตระกูล Millenium และ Millenium II แตไมรวม Millenium G200 ซึ่งเปน ซึ่งใช SGRAM ) แตในปจจุบันก็เห็นมีของ Number 9 ที่ใช WRAM เชนกัน ในรุน Number 9 Revolutuon IV ที่ใช WRAM 8M บน Crad WRAM นี้โดยรวมแลวก็เหมือน ๆ กับ VRAM จะตางกันก็ตรงที่ มันรองรับ Bandwith ที่สูงกวา อีกทั้งยังใชระบบ Double-Buffer อีกดวย จึงทําใหมันเร็วกวา VRAM อีกมากทีเดียว
DRAM
Fast Page DRAM
EDO RAM
SDRAM
คือ เมโมรี่แบบธรรมดาที่สุด ซึ่งความเร็วขึ้นอยูกับคา Access Time หรือเวลาที่ใชในการเอาขอมูลในตําแหนงที่ เราตองการออกมาให มีคาอยูในระดับนาโนวินาที (ns) ยิ่ง นอยยิ่งดี เชน ชนิด 60 นาโนวินาที เร็วกวาชนิด 70 นาโน วินาที เปนตน รูปรางของ DRAM เปน SIMM 8 บิต (Single-in-line Memory Modules) มี 30 ขา DRAM ยอ มาจาก Dynamic Random Access Memory ปกติแลวขอมูลใน DRAM จึงถูกเก็บเปนชุด ๆ แตละชุด เรียกวา Page ถาเปน Fast Page DRAM จะเขาถึงขอมูลได เร็วกวาปกติสองเทาถาขอมูลที่เขาถึงครั้งที่แลว เปนขอมูล ที่อยูใน Page เดียวกัน Fast Page DRAM เปนเมโมรี่ SIMM 32 บิตมี 72ขา (Pentium มีดาตาบัสกวาง 64 บิต ดังนั้นจึงตองใส SIMM ทีละสองแถวเสมอ) EDO Ram นําขอมูลขึ้นมาเก็บไวใน Buffer ดวย เพื่อวา ถา การขอขอมูลครั้งตอไป เปนขอมูลในไบตถัดไป จะใหเราได ทันที EDO RAM จึงเร็วกวา Fast Page DRAM ประมาณ 10 % ทั้งที่มี Access Time เทากัน เพราะโอกาสที่เราจะ เอาขอมูลติด ๆกัน มีคอนขางสูง EDO มีทั้งแบบ SIMM 32 บิตมี 72 ขา และ DIMM 64 บิตมี 144 ขา คําวา EDO ยอ มาจาก Extended Data Out เปนเมโมรี่แบบใหมที่เร็วกวา EDO ประมาณ 25 % เพราะ สามารถเรียกขอมูลที่ตองการขึ้นมาไดทันที โดยที่ไมตองรอ ใหเวลาผานไปเทากับ Access Time กอน หรือเรียกไดวา ไมมี Wait State นั่นเอง ความเร็วของ SDRAM จึงไมดูที่ Access Time อีกตอไป แตดูจากสัญญาณนาฬิกาที่ โปรเซสเซอรติดตอกับ Ram เชน 66, 100 หรือ 133 MHz เปนตน SDRAM เปนแบบ DIMM 64 บิต มี 168 ขา เวลา ซึ้อตองดูดวยวา MHz ตรงกับเครื่องที่เราใชหรือไม SDRAM ยอมาจาก Sychronous DRAM เพราะทํางาน "sync" กับ
107
SDRAM II (DDR)
RDRAM
สัญญาณนาฬิกาบนเมนบอรด DDR (Double Data Rate) SDRAM มีขา 184 ขา มีอัตรา การสงขอมูลเปน 2 เทาของความเร็ว FSB ของตัว RAM คือ มี 2 ทิศทางในการรับสงขอมูล และมีความเร็วมากกวา SDRAM เชน ความเร็ว 133 MHz คูณ 2 Pipline เทากับ 266 MHz RDRAM หรือที่นิยมเรียกวา RAMBUS มีขา 184 ขา ทํามา เพื่อใหใชกับ Pentium4 โดยเฉพาะ(เคยใชกับ PentiumIII และ Chipset i820 ของ Intel แตไมประสบผลสําเร็จ เนื่องจากมีปญหาเรื่องระบบไฟจึงยกเลิกไป) มีอัตราการสง ขอมูลเปน 4 เทาของความเร็ว FSB ของตัว RAM คือ มี 4 ทิศทางในการรับสงขอมูล เชน RAM มีความเร็ว BUS = 100 MHz คูณกับ 4 pipline จะเทากับ 400 MHz เปนเมโมรี่ แบบใหมที่มีความเร็วสูงมาก คิดคนโดยบริษัท Rambus, Inc. จึงเรียกวา Rambus DRAM หรือ RDRAM อาศัย ชองทางที่แคบ แตมีแบนดวิทดสูงในการสงขอมูลไปยัง โปรเซสเซอร ทําใหความเร็วในการทํางานสูงกวา SDRAM เปนสิบเทา RDRAM เปนทางเลือกทางเดียวสําหรับ เมนบอรดที่เร็วระดับหลายรอยเมกกะเฮิรดซ มีแรมอีกชนิด หนึ่งที่ออกมาแขงกับ RDRAM มีชื่อวา Synclink DRAM ที่ เพิ่มความเร็วของ SDRAM ดวยการเพิ่มจํานวน bank เปน 16 banks แทนที่จะเปนแค 4 banks
หนวยความจําหรือ RAM เปนสิ่งที่ขาดไมไดเมื่อคุณคิดจะใชคอมพิวเตอร ดังนั้นการ พิจารณา เลือกซื้อคอมพิวเตอรจึงจําเปนตองคํานึงถึงการ เลือกซื้อชนิดและปริมาณของ หนวยความจําดวย ความตองการหนวยความจําของคอมพิวเตอรนั้นนับวันก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้ก็ เนื่องมา จากความตองการของผูใชที่ตองการเครื่องคอมพิวเตอรที่ใชงานไดงายขึ้นโดย ผูที่ไมคุนเคย ก็สามารถทําได หรือจะเปนความตองการทํางานในแบบมัลติมีเดียซึ่งเปน อีกปจจัยสําคัญที่ทําให ความตองการหนวยความจําเพิ่มมากขึน ้ ดวยเหตุนี้ทางผูผลิตจึงไดเรงผลิตหนวยความจําเขาสูทองตลาดจนปจจุบันราคาแรม ลดลงอยาง ที่ไมเคยปรากฏมากอน จากเมื่อตนปที่แลวที่ราคาแรมแบบ 72 พินขนาด 8 MB มีราคาประมาณ 5,000 บาท ทุกวันนี้ผูใชสามารถหาซื้อแรมชนิดเดียวกันไดในราคา เพียงประมาณ 800 บาทเทานั้น ดังนั้นการเพิ่มหนวยความจําจึงไมใชเรื่องยากอีกตอไป สําหรับผูใชโดยทั่วไป คําถามตอมาที่ผูใช สงสัยคือ หนวยความจําแบบใดจึงจะดีที่สุด หนวยความจําที่เปนที่รูจักและมีจําหนายมากที่สุดคือหนวยความจําแบบ 72 พิน สวน หนวย ความจําแบบ 30 พินซึ่งมีใชสําหรับเครื่องรุน 80386 นั้นตอนนี้ไดหายไปจาก ทองตลาดแลว ทั้งนี้ก็เพราะเครื่องคอมพิวเตอรรุนใหมตั้งแตเครื่องแบบ 486 เปนตนมา ตางก็ใชหนวย ความจําแบบ 72 พินทั้งนั้น สําหรับหนวยความจําแบบ 72 พินนั้นก็จะมี อยู 2 ประเภทที่ผูใช รูจักกันดีคือแบบ Fast Page Mode และ EDO ซึ่งแบบแรกนั้นก็เริ่ม จะไมเปนที่นิยมแลว ซึ่งเนื่องมาจากการพัฒนาแรมแบบ EDO ที่ทําใหมีความเร็วสูงกวา ดังนั้นหากผูใชตองการ จะซื้อหนวยความจําก็ควรจะเลือกแบบ EDO หรือที่เร็วกวาจึงจะ เหมาะ ที่สําคัญราคาของ หนวยความจําแบบ Fast Page Mode นั้นสูงกวาแบบ EDO แลวอันเนื่องมาจากปริมาณที่ มีอยูเพียงเล็กนอยในตลาด แตสําหรับเครื่องคอมพิวเตอร บา งรุนซึ่งไมสามารถใสแรม แบบ EDO ไดนั้นก็ยังคงตองใชแรมแบบ Fast Page Mode ตอไป ซึ่งเครื่องที่ไมสนับสนุน แรมแบบ EDO นั้นก็จะเปนเครื่องรุน 486 สวนแรมอีก ประเภทหนึ่งซึ่งเพิ่งจะมีใชไมนานนัก คือแรมแบบ SDRAM ซึ่งปจจุบันเปนแรมที่มี
108 ความเร็วสูงที่สุด โดยแรมประเภทนี้จะเปนแรม แบบ 168 พินซึ่งมีอยูในบอรดบางรุน เทานั้น สําหรับราคาของแรมประเภทนี้นั้นยังมีราคาสูง อยูทั้งนี้ก็เนื่องจากยังเปน เทคโนโลยีที่ใหมและยังไมแพรหลายมากนัก แตคาดวาในอนาคต ก็จ ะสามารถเขามา ครองตลาดไดเหมือนที่ EDO ทําไดมากอนหนานี้แลว วิธีการเลือกซื้อหนวยความจํานั้นผูใชตองคํานึงถึงซ็อกเก็ตใสหนวยความจําของบอรดวา มีอยูเทาใด โดยปกติบอรดในปจจุบันจะมีซ็อกเก็ตใสแรม 4 ซ็อกเก็ต โดยเวลาใสจะตอง ใส เปนคูจึงจะสามารถใชงานได ดังนั้นหากผูใชตองการเพิ่มหนวยความจําจึงตองซื้อ หนวย ความจําที่มีขนาดความจุเทากัน 2 แผง แตก็อาจมีบอรดบางรุนที่มีซ็อกเก็ตแรม 6 หรือ 8 ซ็อกเก็ตซึ่งมีประโยชนในกรณีตองการเพิ่มแรมในอนาคต จะสามารถทําไดอยาง ยืดหยุนมากกวา ตัวอยางเชน หากแรมในเครื่องผูใชเปนแบบแผงละ 8 MB 2 แผงแลว ตองการจะเพิ่มขึ้นไปอีก ผูใชที่มีซ็อกเก็ตแรมเพียง 4 ซ็อกเก็ตจะมีโอกาสเพิ่มไดเพียง ครั้งเดียว ทั้งนี้เพราะชองแรม ที่เหลืออยูมีเพียงคูเดียว ปญหาก็คือหากผูใชตองการเพิ่ม หนวยความจําใหสูง ๆ เชน ตองการแรมมากกวา 32 MB ก็ตองซื้อแรมแบบ 16 MB 2 แผงซึ่งเปนการจายเงินจํานวนมาก ในครั้งเดียว แตถาผูใชมีซ็อกเก็ตแรม 6 ซ็อกเก็ตก็ยัง มีโอกาสที่จะเพิ่มไดอีกในภายหลังทําให ไมจําเปนตองซื้อแรมแบบ 16 MB ในครั้งแรกนี้ ก็ได ซึ่งก็จะทําใหไมตองเสียคาใชจายในการ เพิ่มแรมมากนัก อยางไรก็ตามก็มีบอรดบางรุนที่ผูใชสามารถเพิ่มแรมทีละ 1 แผงไดซึ่งก็จะยิ่งเปน ประโยชน เพราะทําใหผูใชมีโอกาสเพิ่มแรมไดสะดวกยิ่งขึ้น สวนแรมแบบ SDRAM นั้น ปจจุบันบอรด ทั่ว ๆ ไปจะมีซ็อกเก็ต SDRAM เพียง 1 ซ็อกเก็ต ดังนั้นหากผูใชตองการ เพิ่มแรมก็จะมีโอกาส เพียงครั้งเดียวเชนกัน จะมีเพียงบอรดบางรุนเทานั้นที่มีซ็อกเก็ตแร มแบบ SDRAM มากกวา 1 ชอง ซึ่งที่พบในปจจุบันนั้นก็จะเปนแบบ 2 ซ็อกเก็ตสําหรับ บอรดเพนเทียม และสูงสุดที่พบคือ 4 ซ็อกเก็ตสําหรับเพนเทียมโปร (มีเฉพาะซ็อกเก็ต แรมแบบ SDRAM เทานั้น) อยางไรก็ตามบอรดที่มีซอ ็ กเก็ตแรมแบบ SDRAM นี้จะมีซ็อกเก็ตแบบ 72 พินรวมอยูดวย ซึ่ง สามารถใชหนวยความจําทั้ง 2 ชนิดรวมกันได แตทั้งนี้ก็ขึ้นอยูกับบอรดดวยวาผูใชจะ สามารถ ใสแรมทั้ง 2 แบบรวมกันไดในลักษณะใดบาง เชน เมื่อผูใชใสแร มแบบ SDRAM แลวจะใช ซ็อกเก็ตแรมแบบ 72 พินไดเพียง 1 คูเทานั้น หรืออาจใชไดครบทุก ซ็อกเก็ต ทั้งนี้ก็อยูท ี่เมนบอรดแตล ะรุน ผูใชจึงควรตรวจดูในคูมือใหแนชัดกอนวาบอรด รุนนั้น ๆ สนับสนุนการ ใสแรมในลักษณะใด สวนขนาดของแรมที่เหมาะสมในปจจุบันนั้น ขั้นต่ําจะอยูที่ 32 MB จึงจะ ใชงานไดอยางสะดวก แตแนะนําวาควรเปน 64 MB หรือสูง กวาเพื่อประสิทธิภาพในการ ใชงานที่สูงขึ้น
ศึกนี้ไมจบสิ้นงายๆ [ First Post : 07 August 1999 ] [ Update 12 November 1999 ]
ดานการตลาด ทุกวันนี้ การแขงขันดานตลาด CPU ของ AMD และ Intel รุนแรงมาก ทั้งแขงกันดวย เทคโนโลยี และ ลูกเลนทาง การตลาดมากมาย
109 แตดวยเทคโนโลยีใหมๆ นั้น ตองอาศัยเวลาในการพัฒนาอยูไมใชนอยๆ ดังนั้น กลไก การแขงขัน ที่เกิดขึ้นในปจจุบัน ก็คือ กลไก ในเรื่องของราคา ซึ่งมีการลดราคา ห้ําหั่นกันอยางรุนแรงเลยทีเดียว จากการที่ Intel ไดประกาศหั่นราคา CPU ของตน ทั้ง Pentium II/III และ Celeron ลงอยางหนัก และประกาศหั่น ราคาลงถี่มากๆ ทําให AMD เอง ก็ตองหั่นราคาของตนลงดวย เพราะ ในเมื่อ คุณภาพ ไมทิ้งกันมาก แตหากราคาพอๆ กัน ก็จะทําใหผูซื้อ ตัดสินใจลําบาก หรือ หากวา คุณภาพดอยกวา เล็กนอย แตราคาพอๆกัน ผูซื้อ ก็ไมลังเลเลย ที่จะซื้อของที่มี คุณภาพสูงกวา จริงไหมครับ? ดังนั้น เมื่อ Intel ประกาศหั่นราคาลง ทาง AMD ก็จําเปนตองหั่นราคาลงดวย ไมวาจะเต็มใจ หรือ ไมเต็มใจก็ตามที ผลที่ ตามมานั้นก็คือ ผลกําไรลดลง จากรายงานทางการตลาดของ AMD ในไตรมาสที่ 2 ของป 1999 นี้ สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ผลปรากฏวา AMD มี ยอดขาดทุนสุทธิถึง 163 ลาน USD จากยอดขายทั้งหมด 595 ลาน USD ซึง่ จัดวาเปนมูลคาไมใชนอยๆ เลยทีเดียว ยิ่ง เมื่อเทียบกับเมื่อไตรมาสแรก ที่มียอดขาดทุนเพียงแค 65 ลาน USD เทานั้น W.J. Sanders ซึ่งเปนประธาน และ CEO ของ AMD ไดชี้แจงใหเห็นวา เมื่อปที่ผานมา ( 1998 ) AMD สามารถ
ทํากําไรจาก CPU ของตนไดถึงตัวละ 100 USD เลยทีเดียว แตแลวเมื่อมีสงครามการห้ําหั่นราคากันหนักขอขึ้น ก็ทําให กําไรจาก CPU ของตนเหลือเพียงตัวละ 78 USD และ ทายสุดก็หลนมาเหลือเพียง 6 USD เทานั้น ดังนั้นหากมีสงครามห้ําหั่นราคากันอยางหนักตอไป ก็คงเปนปญหากับทาง AMD แนนอน ... แลว ปญหานี้ไมเกิดกับ Intel หรือ? เกิดครับ เกิดแนนอน ... แตไมมีผลกระทบที่หนักเทากับ AMD เพราะ Intel นั้นเปน บริษัท ที่ใหญกวา และ มีโรงงานผลิตที่ใหญ และ มากกวา ดังนั้นตนทุนในการผลิต และ การบรรจุ Package ก็นอยกวา ถึงแมวา จะไดกําไรนอยลง จากสงครามการหั่นราคา แตก็ไมทําให Intel สูญกําไรไปเสียทีเดียว เพราะ อยางไรซะ Intel ก็ ยังคงไดกําไร ในสวนของ CPU สําหรับ High-End Computer หรือ Server ในตระกูล Xeon มากกวา เพราะถึงแม จะคูแขงอยาง SUN แตก็ไมไดกอสงครามการหั่นราคา เพื่อแยงตลาดกันรุนแรง เหมือนกับ Low-End Computer ทํา ใหทาง Intel ยังมีกําไร และ ไดผลบวกตรงจุดนี้อยู
ดานเทคโนโลยี ในดานเทคโนโลยี ถึงแมวา จะมีการแขงขันกันชากวาดานการตลาด แตก็ไดมีการบอกถึงแผนงานตางๆ รวมถึง แผนการ ออกแบบ CPU เพื่อมาขมขวัญกันอยูเปนระยะๆ มีการใชเทคโนโลยีใหมๆ เขามา เพื่อใชเปนจุดขาย และ เปนจุดเดนของ CPU ของตน ทุกวันนี้ AMD ก็ไดแกคําครหา วาเปนผูตามหลัง Intel ในดานเทคโนโลยี ไดแลว เพราะสามารถสราง CPU ของตน ให กาวล้ํานํา Intel ไปบางแลว แมวาจะติดปญหาดานอื่นๆ ไมใชนอยๆ ก็ตามที แตถามองเฉพาะดาน CPU แลว ก็นับวา AMD ทําไดสําเร็จ โดยเฉพาะดานการประมวลผลเชิงทศนิยมที่สามารถพัฒนา และ ปรับปรุงใหดีขึ้นมา ทัดเทียม หรือ อาจจะเหนือกวา Intel ในบางดานแลว นอกจากนั้น ยังมีแผนงานสําหรับ CPU รุนใหมๆ เทคโนโลยีใหมๆ และ ระดับ ความเร็วสูงๆ ออกมาเกทับทาง Intel อยูเปนระยะๆ
110 สวนทางดาน Intel เอง ก็ไมไดนอยหนา โดยการชิงเปดตัว CPU ที่ใชเทคโนโลยีการผลิต 0.18 ไมครอนกอนทาง AMD และยังมี เทคโนโลยีใหมๆ ออกมาอยูเสมอ ผลัดกันรุก ผลัดกันรับ ... ผลัดกันเกทับอยูเปนระยะๆ ... ดานเทคโนโลยีนี้ คงหาผูชนะกันลําบาก เพราะผลัดกันแพ ผลัดกันชนะอยูเปนชวงๆ ผูแพ ผูชนะ ก็เปนแคชวงเวลาหนึ่งๆ เทานั้น บทสรุป และ ความเห็นสวนตัว ดูเหมือนวา ตางฝาย ตางก็งัดเอาอาวุธใหมๆ เขามาห้ําหั่นกันอยูเปนระยะๆ นะครับ ดูแลวไมนาจะจบสิ้นกันงายๆ ทาง Intel เองนั้น ก็คงจะลําบากหนอย เพราะวาตองรับมือหลายทาง ทั้ง ดานตลาด Desktop PC ที่ตองรับมือกับทั้ง AMD และ Cyrix ( VIA ) ตลาด Chipset แขงกับทาง ( VIA และ ALI ) และรวมไปถึงตลาดเครื่อง Server ที่มีคูแขงอีกหลาย เจา ทั้ง SUN และ Compaq ( Alpha ) แตในขณะที่ทาง AMD นั้น แมจะมี Chipset ของตนเองออกมาบางแลว และ พยายามจะผลักดัน CPU ตัวใหมๆ ของตนใหเขาสูตลาด Server ดวย แตก็ยังไมเนนหนักไปทางนั้นสักเทาไร โดยความเห็นสวนตัว ณ เวลานี้ ความเร็วของ CPU ดูเหมือนจะไมคอยมีผลกับความรูสึกในการทํางานแลว แมวาจะเพิ่ม ความเร็วกันใหถึงระดับ 1 GHz ก็ไมใหความรูสึกวาเร็วขึ้นจาก 300 MHz สักเทาไร เพราะเทคโนโลยีดานอื่นๆ ยังคง เปนตัวหนวงใหระบบอยู อยางนอยๆ ก็ Harddisk ละครับ ที่ยังคงเปนตัวหนวงความเร็วของระบบมาชานานแลว ดังนั้น ถาทาง AMD จะหันมาสนใจดานการตลาดบาง หาพันธมิตรทางการคาเพิ่มเติมบาง ก็จะดีกวานี้ไมนอย ... เพราะทุกๆวันนี้ แมเทคโนโลยีจะทัดเทียม หรืออาจจะนําหนาทาง Intel ไปบางแลว แตดานการตลาดยังคงตามหลัง Intel อยูหลายกาว เลย ... จะอยางไรก็ดี แมวาเทคโนโลยีของทุกวันนี้ จะเปนไปอยางรวดเร็ว มีการคิดคนสถาปตยกรรมใหมๆ อยูเสมอ และ มีการ แขงขันกันทางตลาด อยางมาก ทั้งเรื่องราคา และ เรื่องการโฆษณาชวนเชื่อตางๆ นาๆ เพื่อใหหันมาใช CPU รุนใหมๆ อยู เสมอ แตก็ไมจําเปนเสมอไป ที่เราจะตอง ตามซื้อ เพื่อไลตามใหทันเทคโนโลยีอยูเสมอไป ... ทั้ง AMD และ Intel แขงขัน กัน ผลดีนั้นตกอยูที่ผูบริโภค เพราะจะไดซื้อ CPU คุณภาพดี ใหเหมาะสมกับงานที่ใช และ ราคาไมแพง แตก็ตองขึ้นอยูกับ ความเหมาะสมในการเลือกซื้อ / เลือกใชดวย บทความนี้ คงจะขอจบลงที่ตรงนี้ แต สงครามการแขงขันชิงความเปนเจาตลาดของ AMD และ Intel ยังไมจบ ยังคงมีอยู ตอไปเรื่อยๆ หากวามีขอมูล ทั้งดานการตลาด และ ดานเทคโนโลยี เขามาเพิ่มอีกมาก ก็อาจมีภาค 2 ตอ ก็เปนได ... แตอยางไรซะ ก็อยากฝากขอคิดไวสักขอ ( แมจะไมเกี่ยวกับเรื่องนี้สักเทาไร ) ก็คือ " เราควรจะรูใหเทาทันเทคโนโลยี แต ไมจําเปนจะตอง ทําตัวตามใหทันเทคโนโลยีเสมอไป " ขอบคุณครับ
PC Bus
เมื่อ IBM ไดทําการเปดตัว IBM PC ( XT ) ตัวแรก ซึ่งใช CPU 8088 เปน CPU ขนาด 8 Bit ดังนั้น เครื่อง
111 Computer เครื่องนี้ จึงมีเสนทางขอมูลเพียง 8 เสนทาง ( 8 data line ) และ เสนทางที่อยู 20 เสนทาง ( 20 address line ) เพื่อใชในการอางตําแหนงของหนวยความจํา Card ที่นํามาตอกับ PC Bus นั้น จะเปน Card แบบ 62 pin ซึ่ง 8 pin ใชสําหรับสงขอมูล อีก 20 pin ไวสําหรับอาง
ตําแหนงของหนวยความจํา ซึ่ง CPU 8088 นั้น สามารถอางอิงหนวยความจําไดเพียง 1 Megabyte ซึ่ง ในแตละ pin นั้น สามารถสงขอมูลไดเพียง 2 คา คือ 0 กับ 1 ( หรือ Low กับ High ) ดังนั้น เมื่อใช 20 pin ก็จะอางอิงตําแหนงไดที่ 2 คูณกัน 20 ครั้ง ( หรือ 2 ยกกําลัง 20 ) ซึ่งก็จะไดเทากับ 1 Meg. พอดี สวน pin ที่เหลือ ก็ใชเปนตัวกําหนดการอานคา วาอานจากตําแหนงของหนวยความจํา หรือ ตําแหนงของ Input/Output หรือ บาง pin ก็ใชสําหรับจายไฟ +5, -5, +12 และ สาย Ground ( สายดิน ) เพื่อจายไฟใหกับ Card ที่ตอพวงบน Slot ของ PC Bus นั่นเอง และ ยังมี pin บางตัวที่ ทําหนาที่เปนตัว reset หรือ เปนตัว refresh หรือแมกระทั่ง clock หรือ สัญญาณนาฬิกาของระบบนั่นเอง ระบบ Bus แบบ PC Bus นี้ มีความกวางของ Bus เปน 4.77 MHz และ สามารถสงถายขอมูลดวยความเร็วสูงสุดที่ 2.38 MB ตอ วินาที
ISA Bus
ในยุคของ PC AT หรือ ตั้งแต CPU รุน 80286 เปนตนมา ไดมีการเปลี่ยนแปลงขนาดของ เสนทางขอมูลจาก 8 Bit ไป เปน 16 Bit ทําให IBM ตองมาทําการออกแบบระบบ Bus ใหม เพื่อใหสามารถสงผานขอมูลทีละ 16 Bit ได แนนอน วา การออกแบบใหมนั้น ก็ตองทําใหเกิดความเขากันไดยอนหลังดวย ( Compatble ) กลาวคือ ตองสามารถใชงานกับ PC Bus ไดดวย เพราะ ถาหากไมเชนนั้นแลว ก็คงจะขายออกยาก ลองคิดดูวา ถาหากออก PC AT ที่ใช ระบบบัสใหม ทั้งหมด และ ไมเขากันกับ PC XT ที่ออกมากอนหนานั้นได เครื่อง PC AT นั้นๆ อนาคตการตลาดก็คงรุงไดยาก แตปญหานี้ IBM แกไขไดดีทีเดียว นั่นก็คือ ไดทํา Slot มาตอเพิ่มจาก PC Bus เดิม อีก 36 Pin โดยที่เพิ่มเสนทางขอมูล อีก 8 Pin รวมแลวก็จะเปน 16 Pin สําหรับสงขอมูลไดทีละ 16 Bit พอดี และ เพิ่ม 4 Pin สําหรับทําหนาที่อางตําแหนง จากหนวยความจํา ซึ่งก็จะรวมเปน 24 Pin และ จะอางไดมากถึง 16 Meg. ( 2 ยกกําลัง 24 ) ซึ่ง ก็เปนขนาดของ หนวยความจําสูงสุดที่ CPU 80286 นั้น สามารถจะอางได แตอยางไรก็ตาม การอาง ตําแหนงของ I/O Port นั้น ก็ยังคง ถูกจํากัดไวที่ 1,024 อยูดี เนื่องจาก ปญหาดานความเขากันได กับ PC Bus นอกจากนี้ Pin ที่เพิ่มเขามา ยังชวยเพิ่มการอางตําแหนง DMA และ คาของ IRQ เพิ่มอีกดวย ซึ่งเรื่องของ DMA และ IRQ จะนํามาเขียน ใหอานกันตอไปครับ Slot แบบใหมนี้ เรียกวาเปน Slot แบบ 16-Bit ซึ่งตอมาก็เรียกกันวาเปน AT Bus แตเราจะรูจักกันในนามของ ISA Bus มากกวา โดยคําวา ISA มาจากคําเต็มวา Industry Standard Architecture
112
รูปแสดงรูปราง ของ ISA Bus แสดงตําแหนงของทั้ง 8 Bit และ 16 Bit เราสามารถนํา Card แบบ 8 Bit มาเสียบลงบนชอง 16 Bit ได เพราะ ใช สถาปตยกรรมพื้นฐานเหมือนๆกัน จะตางกันก็ ตรงสวนที่เพิ่มมา สําหรับ 16 Bit เทานั้น ซึ่งจะใช ( ในกรณีที่ใช Card 16 Bit ) หรือ ไมใช ( ในกรณีใช Card 8 Bit ) ก็ได ระบบ Bus แบบ ISA Bus นี้ มีความกวางของ Bus เปน 8 MHz และ สามารถสงถายขอมูลดวยความเร็วสูงสุดที่ 8 MB ตอ วินาที
ISA Bus ( Continue )
ในป 1985 ทาง Compaq ซึ่งไมยอมนอยหนา IBM ไดประกาศเปดตัว Computer ของตน ในรุน 286/12 โดย 12 นั้นหมายถึง ความเร็วคือ 12 MHz ซึ่ง ในขณะนั้น IBM มีแค 286 ที่ทํางานดวยความเร็ว 8 MHz ในขณะนั้น ความเร็ว จาก 8 MHz ไป 12 MHz นับวาสูงมากๆเลย เพราะเพิ่มขึ้นมาอีก ครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว ( ถาเทียบกับ สมัยนี้ ก็เหมือนๆกับ จาก Pentium II 300 ไปเปน Pentium II 450 นั่นหละครับ ) ซึ่งแนนอน Bus ของระบบ ก็ตอง ทํางานที่ 12 MHz ตามไปดวย แลวปญหาก็เกิดขึ้น ISA Bus นั้น เราทราบแลววามันทํางานที่ 8 MHz ถานํามันมาใชงานที่ 12 MHz ก็ตองมีปญหาแนๆ และ นี่หละ เปน
ปญหาสําคัญ เพราะหากวา CPU ทํางานไดเร็วจริง แตไมสามารถใช Card ตอพวงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพใหกับมันไดเลย ถาเปนคุณ คุณจะซื้อไหม? นี่หละครับ ปญหาที่ทาง Compaq จะตองแกใหได และ ก็แกไดดีทีเดียว นั่นก็คือ ในระบบบัส มันทํางานดวยความเร็วเดียวกับ CPU ไมได ก็แยกการใชนาฬิกา ของระบบบัส ออกจาก CPU ไป เลย โดยที่ CPU และ อุปกรณอื่นๆ บน Mainboard จะทํางานที่ความเร็ว 12 MHz แต ที่ตัว Bus เอง จะทํางานคงที่ ที่ 8 MHz เพราะใชสัญญาณนาฬิกา แยกจากกัน ซึ่งวิธีการนี้ ก็เปนทางแก ซึ่งก็ยังใชกันอยูจวบจนปจจุบันนี้ แต ... ในสมัยนั้น หนวยความจําหลัก หรือ RAM จะอยูบน Expansion Card ที่ตออยูกับ ISA Bus ดวย เพราะฉะนั้น มันก็เลย ทํางานดวยความเร็วเพียง 8 MHz เทานั้น และ ตอๆ มา ยิ่งมี CPU ขนาด 16 MHz หรือ 25 MHz ในยุคของ 386 ดวยแลว RAM ก็จะทํางานดวยความเร็วเพียงแค 8 MHz เทานั้นนะหรือ?
113 ทาง Compaq ก็เลยตองแกไขอีกครั้ง ซึ่งในตนป 1987 ทาง Compaq ก็ได วางตลาด Compaq Deskpro 386 ที่ ความเร็ว 16 MHz โดยคราวนี้ ก็แยกสัญญาณนาฬิกาของ RAM ออกไปดวยซะเลย ซึ่งก็เปนตนแบบสําคัญที่ใชกันตอมา ในปจจุบันนี้ โดยให ISA Bus ทํางาน ที่ความเร็วคาหนึ่ง RAM อีกคาหนึ่ง และ CPU อีกคาหนึ่ง
MCA Bus
ทั้ง IBM และ Compaq นั้น เปนคูแขงทางการคากัน ดังนั้น เรื่องที่จะให Compaq อยูเหนือตนเอง สําหรับ IBM นั้น เปนไปไมได ทาง IBM จึงไดออกมาตรฐานระบบบัส ของตนใหม เรียกวา Micro Channel Architecture หรือ MCA
เมื่อระบบบัส ไดมีการแขงขันกันขึ้น แนนอน ระบบที่ถูกนํามาใชเปนตัวเปรียบเทียบ คือ ISA ซึ่ง ก็มีการจับตามองวา ทาง IBM นั้น จะหาทางแกไขจุดออนของ ISA Bus ของตนอยางไร แต วิศวกรของทาง IBM นั้น มองในมุมที่แตกตางจาก คนอื่นๆ เมื่อ Intel ไดเปดตัว CPU ของตน รุน 80386 ซึ่งเปน CPU ขนาด 32 Bit สามารถอางตําแหนงหนวยความจําไดมาก ถึง 4 Gigabyte โดยมีความเร็วเริ่มตนที่ 16 MHz ซึ่ง ISA Bus ดูจะไมเหมาะแลว กับ CPU ระดับนี้ บรรดาผูใช PC ตางก็มองกันวา ทางออกที่ดี คือควรจะมีระบบบัสใหมที่สามารถรองรับในจุดนี้ได แตอยางที่บอกไปแลวนั้นวา วิศวกรของทาง IBM มองในจุดที่แตกตางจากคนอื่นๆ ทั่วไป เพราะ แตเดิมนั้น IBM จับ ตลาด Mainframe มากอน และ แนนอน วิศวกรของทาง IBM ก็จะชินและ ถนัดกับ Mainframe มากกวา ทําให วิศวกรเหลานั้นมองวา PC ก็ควรจะทํางาน แบบ หลายๆ task พรอมๆ กันได ( Multiple task ) ประกอบกับ IBM ตองการที่จะใหภาพพจน Mainframe ของตน ดูมีประสิทธิภาพสูงกวา PC จึงไมคอยไดเพิ่มหรือเปลี่ยนแปลงขีด ความสามารถใหกับระบบบัสใหมของตน ใหเดนกวาเดิมมากนัก มาดูกันดีกวาวา MCA นั้น มีจุดเดน และ จุดดอยอะไรบาง เริ่มจากจุดเดนของ MCA กันกอนเลยก็แลวกันนะครับ o
o
o
o
MCA นั้นใชตัวควบคุม Bus ของตัวเอง แยกจาก CPU เรียกวา Central Arbitration Point และ การ
สงผานขอมูล ก็ทําโดยผานระบบที่เรียกวา Bus Master ซึ่งชวยใหการสงผานขอมูลระหวาง Card ตางๆ กับ หนวยความจําหลัก ไดอยางรวดเร็ว และ ยังชวยในการสงผานขอมูลระหวาง Card อีกดวย สามารถกําหนดคาตางๆ ทั้ง IRQ, DMA, Port ผานทาง Software ได โดยไมตองไปยุงเกี่ยวกับ Jumper หรือ Dipswitch บน Card เลย โดยคาตางๆ สามารถ set ผานทาง Program เพียงตัวเดียว ก็สามารถ set ได กับทุกๆ Card ที่ใชกับ MCA สามารถแชร IRQ รวมกันได ซึ่ง นี่เปนปญหาสําคัญเรื่องหนึ่ง เพราะ IRQ มีจํานวนจํากัด แตก็อยากมี Card เพิ่มมากๆ IRQ ก็อาจไมเพียงพอ MCA สามารถ แชรการใชงาน IRQ รวมกันระหวาง Card อื่นๆ ได ทํางานที่ 10 MHz สนับสนุนเสนทางขอมูลทั้ง 16 Bit และ 32 Bit ซึ่งสามารถใหอัตราการสงถายขอมูลได
114 สูงสุดถึง 20 Meg ตอ วินาที เลยทีเดียว และ ดวย ความกวางของ เสนทางตําแหนงขนาด 32 Bit ก็ทําให สามารถอางตําแหนงบนหนวยความจําไดถึง 4 GigaByte ดูๆแลว ก็นาจะเปนสถาปตยกรรมระบบบัส ที่นาสนใจอยูใชนอยนะครับ แตสาเหตุที่ทําใหระบบบัส MCA นี้ ไปไมถึง ดวงดาว ก็คือ o
o
ความไมเขากันกับ ISA Bus เพราะ IBM นั้นไดออกแบบ MCA มาใหมทั้งหมด ทําใหไมเขากันกับ ISA เลย แมแตนอย แนนอน ระบบบัสแบบ MCA นี้ ไดนํามาใชบน IBM PS/2 ของ IBM เอง ดังนั้น ใน เครื่อง PS/2 นี้ ก็จะไมมี ISA และ Card ISA ก็ไมสามารถนํามาใชกับ PS/2 ได นี้หละ ปญหาหลักสําคัญเลย และ ปญหาที่หนักที่สุด ก็คือ ทาง IBM นั้น ไดจดลิขสิทธิ์ในเรื่องของ MCA เอาไวดวย ดังนั้นผูที่จะผลิต Card แบบ MCA เพื่อมาใชกับ Bus แบบ MCA ของตน ก็ตอง เสียคาลิขสิทธิ์ใหดวย ( เปนเงิน 5% ของรายไดจาก การขาย Card นั้น ๆ ) ซึ่งก็ไมใชนอยๆ เลยทีเดียว ตรงนี้หละ ที่เหมือนกับ IBM กําลังฆาตัวตาย กับวิธีการเชนนี้
ก็ตรงเรื่องลิขสิทธิ์นี่เอง ถึงแมวาจะดูแลวนาสนใจ ดูแลวเปนระบบที่ดี แต มาตายเพราะการตลาดของ IBM เสียเอง ตอมาในภายหลัง ไดมีการเพิ่มขีดความสามารถ เขาไปอีก คือเรื่องของ Streaming Data Mode ซึ่งทําใหใชเสนทาง ขอมูลไดถึง 64 Bit และ สามารถเพิ่มอัตราการสงผานขอมูลไดถึง 80 M/s และ ยังไดเพิ่มสัญญาณนาฬิกาไปเปน 20 MHz ซึ่งจะสามารถทําใหอัตราสงถายขอมูลสูงสุดที่ 160 M/s ดวย เพื่อแขงขันกับ EISA ซึ่งจะไดกลาวถึงตอไป
EISA Bus
จากที่ไดกลาวมาแลว ถึงจุดจบอันไมนาบังควรของ IBM ที่ทําการจดลิขสิทธิ์ และ เรียกเก็บคาลิขสิทธิ์ จากรายไดทั้งหมด 5 % ( จากรายไดทั้งหมดนะครับ ไมใชจากกําไรทั้งหมด ) แถมยังไมใหความชวยเหลือในดานขอมูลของระบบนี้อีก ทําใหมัน ถูกกองไวกับ IBM ไมแพรหลายทั่วไปอยาง ISA แนนอน Compaq ซึ่งเปนคูแขงทางการคาของ IBM คงไมไปกมหัวใหกับ IBM เพื่อขอใช MCA เปนแนแท ทาง Compaq จึงไดรวมทุนวิจัยระบบบัสใหม รวมกับอีก 8 บริษัท ในป 1988 ซึ่งเรียกกันวาเปน "Gang of Nine" แต พวกเขากลับเรียกตัวเองวา "WATCHZONE" เพราะ ประกอบไปดวยบริษัท Wyse, AST Research, Tandy, Compaq, Hewlett-Packard, Zenith Data Systems, Olivetti, NEC และ Epson และไดพัฒนา Extended Industry Standard Architecture หรือ EISA ขึ้นมาไดสําเร็จ EISA นั้น ใชพื้นฐานหลักมาจาก ISA แตไดเพิ่มขีดความสามารถบางอยางขึ้น ซึ่งบางอยางก็พัฒนามาจาก MCA ดวย ซ้ํา
ยังเขากันไดกับ ระบบ ISA รุนเกาดวย และ เสียคาลิขสิทธิ์นอยกวาที่จะตองจายใหกับ IBM อีกดวย เรามาดูจุดเดน/ดอยของ EISA กันดีกวาครับ
115
o o o
o
o
ใชเสนทางขอมูลขนาด 32 Bit ซึ่งทําใหมีอัตราสงผานขอมูลไดถึง 33 Meg ตอ วินาที อางหนวยความจําไดถึง 4 Gigabyte ดึงเอาความสามารถเดนๆ ทั้ง Bus Mastering, Automated Setup และ Interrupt Sharing จาก MCA และ พัฒนามาเปนแบบฉบับของตน ดังนั้นจึงสามารถ ปรับแตงคาตางๆ ทั้ง IRQ, DMA และ Port ผานทาง Software โดยไมตองไปยุงเกี่ยวกับ Jumper หรือ Dipswitch ได ใช สัญญาณนาฬิกาที่ 8.33 MHz เทานั้น ซึ่งตรงนี้เองที่เปนจุดดอยของมัน แตที่ตองใชเพียงเทานี้ ก็เพื่อคงความ เขากันไดกับ ระบบ ISA แบบเกา ไมมีการเพิ่ม IRQ และ DMA เพราะ ใชรวมกันได ( เปนความสามารถของ MCA ที่ EISA ดึงมาเปนแบบ ของตนเอง )
เมื่อทาง IBM เห็นเชนนี้ ก็ยอมไมได เพราะ จากอัตราสงถายขอมูล ซึ่งสูงกวา MCA ของตน ( 20 M/s ) จึงไดทําการ เพิ่ม Feature ใหกับ MCA ของตน ดังที่ไดกลาวมาแลว ซึ่งทําให อัตราการสงถายขอมูลเพิ่มไดถึง 160 M/s และ แนนอน ทาง WATCHZONE ก็ไมยอมนอยหนา ไดทําการพัฒนา EISA ขึ้นเปน EISA-2 ซึ่งมีอัตราการสงถายถึง 132 M/s เลยทีเดียว
Local Bus
เมื่อคราวที่ Compaq ไดเปดตัว Deskpro 386 นั้น ที่เคยกลาวไปแลววา ไดแยกสัญญาณนาฬิกาของหนวยความจํา หลัก , Bus และ CPU ออกจากกัน ซึ่ง Compaq ก็ได เปดตัว ระบบ Bus ใหมของตนไปดวย เพราะ หนวยความจําหลัก ของเครื่องนี้ จะอยูบน Slot ขนาด 32 Bit ซึ่งออกแบบมาเฉพาะของ Compaq เทานั้น ซึ่ง ก็เปนจุดเริ่มตน ใหผูผลิตแต ละบริษัท เริ่มที่จะหันไปออกแบบและผลิตระบบบัส ที่เปนมาตรฐาน ของตนเองขึ้นมา แนนอน Intel ก็เปนหนึ่งในนั้น ระบบบัสเหลานี้ แตเดิมเรียกวา เปน Private Bus เพราะใชเปนการสวนตัวเฉพาะบริษัทเทานั้น แตตอมาก็เรียกวาเปน Local Bus หรือ Bus เฉพาะที่ เพราะใช สัญญาณนาฬิกาเดียวกับ CPU โดยไมตองพึ่งวงจรสัญญาณนาฬิกาพิเศษแยก ออกจาก CPU เลย ขอดีของมันก็คือ ทําใหสามารถใชสัญญาณนาฬิกาเดียวกันกับ CPU ในขณะนั้นได ซึ่งก็มักจะนํามาใชกับ หนวยความจํา หลัก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของระบบ แตก็มี Card แสดงผลอีกชนิดหนึ่งที่ตองการความไวสูง เชน Display Card ซึ่ง หากมีการเขาถึงและสงถายขอมูลระหวาง CPU กับ Display Card ไดเร็วแลว ก็จะชวยลดปญหาเรื่อง Refresh Rate ต่ํา เพราะ CPU จะตองทําการประมวลผลและนํามาแสดงผลบนจอภาพ ยิ่งหากวามีการใช mode resolution ของ จอภาพสูงๆ และ เปน mode graphics ดวยแลว CPU ก็ยิ่งตองการการสงถายขอมูลใหเร็วขึ้น เพื่อ ภาพที่ไดจะไดไมกระตุกและไมกระพริบ ( Refresh Rate ต่ํา เปนเหตุใหจอกระพริบ ) เนื่องจากระบบ Local Bus นั้น จะชวยในการสงผาน และ เขาถึงขอมูลไดเร็ว จึงไดมีบริษัทหัวใส นําเอาระบบ Local Bus มาใชกับ Display Card ดวย โดยบริษัทแรก ที่นํามาใชและเปดตัวอยางเปนทางการ คือ NEC ซึ่งใชกับ NEC
116 Powermate ( ในป 1991 ) และ ตอๆมา ผูผลิตรายอื่นๆ ก็ไดพยายามเลียนแบบ แตก็ไดออกแบบระบบ Local Bus
ของตน ซึ่ง Card ของแตละบริษัท ก็นําไปใช กับ บริษัทอื่นไมได ทําใหมีการกําหนดมาตรฐานระบบ Bus นี้ขึ้นมา โดย กลุมนั้นชื่อ Video Electronic Standards Association หรือ VESA และ ไดเรียก มาตรฐานนั้นวาเปน VESA Local Bus หรือ สั้นๆวา VL Bus ในป 1992 ระบบ VL Bus นั้น สามารถใชสัญญาณนาฬิกา ไดสูงถึง 50 MHz ทั้งยังสนับสนุนเสนทางขอมูลทั้ง 32 Bit และ 64 Bit รวมถึงอางตําแหนงหนวยความจําไดสูงถึง 4 Gigabyte อีกดวย แตอยางไรก็ตาม VL Bus ก็ไมเชิงวาเปนสถาปตยกรรมที่ดีนัก เพราะไมมีเอกลักษณ หรือ คุณสมบัติพิเศษ นอกเหนือไปจาก ISA มากนัก เพราะมันเหมือนๆกับ การเพิ่มขีดความสามารถใหกับ ISA มากกวาที่จะเปนพัฒนา ความสามารถใหกับ ISA เนื่องจากมันก็ยังคงให CPU เปนตัวควบคุมการทํางาน ใช Bus Mastering ไมได และ ยังไม สามารถปรับแตงคาตางๆ ผานทาง Software ได จากจุดออนตรงจุดนี้ ทําใหทาง Intel ไดพัฒนาระบบ Local Bus ของ ตนขึ้นมานั่นเอง
PCI Bus
ระบบ PCI หรือ Peripheral Component Interconnect ก็เปน Local Bus อีกแบบหนึ่ง ที่พัฒนาขึ้นโดย Intel ในเดือนกรกฎาคม ป 1992 โดยที่แยกการควบคุมของระบบบัส กับ CPU ออกจากกัน และสงขอมูลผานกันทางวงจรเชื่อม ( Bridge Circuit ) ซึ่ง จะมี Chipset ที่คอยควบคุมการทํางานของระบบบัสตางหาก โดยที่ Chipset ที่ควบคุมนี้จะ เปนลักษณะ Processor Independent คือ ไมขึ้นกับตัว Processor ( หรือ CPU )
117 แรกเริ่มที่เปดตัวนั้น PCI จะเปนระบบบัสแบบ 32 Bit ที่ทํางานดวยความเร็ว 33 MHz ซึ่งสามารถใหอัตราเร็วในการ สงผานขอมูลถึง 133 M/s ตอมา เมื่อ Intel เปดตัว CPU ใน Generation ที่ 5 ของตน Intel Pentium ซึ่งเปน CPU ขนาด 64 Bit ทาง Intel ก็ไดทําการกําหนดมาตรฐาน ของ PCI เสียใหม เปน PCI 2.0 ในเดือนพฤษภาคม ป 1993 ซึ่ง PCI 2.0 นี้ก็จะมีความ กวางของเสนทางขอมูลถึง 64 Bit ซึ่งหากใชงานกับ Card 64 Bit แลว ก็จะสามารถใหอัตราเร็วในการสงผานที่สูงสุดถึง 266 M/s
จุดเดนของ PCI ที่เห็นไดชัด นอกเหนือไปจากขางตน ก็ยังมีเรื่องของ Bus Mastering ซึ่ง PCI นั้น ก็สามารถทําได เชนเดียวกับ EISA และ MCA แลว Chipset ที่ใชเปนตัวควบคุมการทํางาน ก็ยังสนับสนุนระบบ ISA และ EISA อีก ดวย ซึ่งก็สามารถทําใหผลิต Mainboard ที่มีทั้ง Slot ISA , EISA และ PCI รวมกันได นอกจากนั้น ยังสนับสนุน ระบบ Plug-and-Play อีกดวย ( เปนมาตรฐานที่พัฒนาในป 1992 ที่กําหนดให Card แบบ Plug-and-Play นี้ จะไม มี Dipswitch หรือ Jumper เลย ทุกอยาง ทั้ง IRQ, DMA หรือ Port จะถูกกําหนดไวแลว แตเราก็สามารถเลือก หรือ เปลี่ยนแปลงไดจาก Software )
รูปแสดงรูปราง ของ PCI Bus สวน Slot สีดําดานลาง ก็คือ Slot ISA นั่นเอง
118 รูปแสดงรูปราง ของ PCI Bus อีกรูปหนึ่ง
รูปแสดงลักษณะของ PCI 64 Bit ( วงสีเหลือง ) และ PCI 32 Bit ( วงสีแดง )
AGP
ในกลางป 1996 เมื่อ Intel ไดทําการเปดตัว Intel Pentium II ซึ่งพรอมกันนั้นก็ไดทําการเปดตัวสถาปตยกรรมที่ชวย เพิ่มประสิทธิภาพ ของหนวยแสดงผลดวย นั่นก็คือ Accelerated Graphics Port หรือ AGP ซึ่งก็ไดเปดตัว Chipset ที่สนับสนุนการทํางานนี้ดวย คือ 440LX ( ซึ่งแนนอน Chipset ที่ออกมาหลังจากนี้ ก็จะสนับสนุนการทํางานของ AGP ดวย ) AGP นั้น จะมีการเชื่อมตอกับ Chipset ของระบบแบบ Point-to-Point ซึ่ง จะชวยใหการสงผานขอมูลระหวาง Card AGP กับ Chipset ของระบบไดเร็วขึ้น และยังมีเสนทางเฉพาะ สําหรับติดตอกับหนวยความจําหลักของระบบ เพื่อใชทํา
การ Render ภาพ แบบ 3D ไดอยางรวดเร็วอีกดวย จากเดิม Card แสดงผล แบบ PCI นั้น จะมีปญหาเรื่องของหนวยความจําบน Card เพราะเมื่อตองการใชงานดานการ Render ภาพ 3 มิติ ที่มีขนาดใหญมากๆ ก็จําเปนตองมีการใชหนวยความจําบน Card นั้นมากๆ เพื่อรองรับขนาดของ พื้นผิว ( Texture ) ที่เปนองคประกอบสําคัญของงาน Render แนนอน เมื่อหนวย ความจํามากๆ ราคาก็ยิ่งแพง ดังนั้น ทาง Intel จึงไดทําการคิดคนสถาปตยกรรมใหมเพื่องานดาน Graphics นี้ โดยเฉพาะ AGP จึงไดถือกําเนิดขึ้นมา AGP นั้นจะมี mode ในการ Render อยู 2 แบบ คือ Local Texturing และ AGP Texturing โดยที่ Local Texturing นั้น จะทําการ copy หนวยความจํา ของระบบไปเก็บไวที่เฟรมบัฟเฟอรของ Card ( หนวยความจําบนตัว Card ) จากนั้นจึงทําการประมวลผลโดยดึงขอมูลจากเฟรมบัฟเฟอรบน Card นั้นอีกที ซึ่งวิธีการนี้ ก็เปนวิธีการที่ใชบน
119 ระบบ PCI ดวย วิธีนี้จะพึ่งขนาดของหนวยความจําบน Card มาก AGP Texturing นั้น เปนเทคนิคใหม ที่ชวยลดปริมาณของหนวยความจํา หรือ เฟรมบัฟเฟอรบน Display Card ลง
ไดมาก เพราะสามารถทําการใชงาน หนวยความจําของระบบใหเปนเฟรมบัฟเฟอรไดเลย โดยไมตองดึงขอมูลมาพักไวที่ เฟรมบัฟเฟอรของ Card กอน ( สามารถอานเรื่องของ AGP Texturing เพิ่มเติมไดที่ Vision4D ครับ )
แสดงระบบบัสแบบ PCI คราวๆ
แสดงระบบบัสของ AGP ที่มีจดุ เดนที่เหนือกวา PCI ตรง Port พิเศษของ AGP โดยปกติแลว AGP จะทํางานที่ความเร็ว 66 MHz ซึ่งแมวาระบบจะใช FSB เปน 100 MHz แตมันก็จะยังคงทํางานที่ 66 MHz ( ซึ่งตรงจุดนี้ Mainboard บางรุน บางยี่หอ สามารถปรับแตงคานี้ได แต ทั้งนี้ และ ทั้งนั้น ก็ควรคํานึงถึง ขีดจํากัดของ Card และ อุปกรณอื่นๆ ดวย ) ซึ่ง ใน mode ปกติของมัน ก็จะมีความสามารถแทบจะเหมือน กับ PCI แบบ 66 MHz เลย โดยจะมีอัตราการสงขอมูลที่สูงถึง 266 M/s และ นอกจากนี้ยังสามารถทํางานไดทั้งขอบขาขึ้นและขอบขา ลงของ 66 Mhz จึงเทากับวามันทํางานที่ 133 MHz ซึ่งจะชวยเพิ่มอัตราการสงถายขอมูลขึ้นไดสูงถึง 532 M/s ( แนนอนวาทั้ง Card ที่ใช และ Chipset ที่ใช ตองสนับสนุนการทํางานแบบนี้ดวย ) ซึ่งเรียก mode นี้ วา mode 2X และ mode ปกติวาเปน mode 1X สําหรับความเร็วในการสงถายขอมูลนั้น ก็ขึ้นกับชนิดของหนวยความจําหลักดวย ถาหนวยความจําหลัก เปน ชนิดที่เร็ว ก็จะ
120 ยิ่งชวยเพิ่มอัตราเร็วในการสงถายมากขึ้น ดังนี้ o
EDO DRAM หรือ SDRAM PC 66 ได 528 M/s
o
SDRAM PC100 ได 800 M/s
o
DRDRAM ได 1.4 G/s ( ขอขอบคุณ คุณ Noko สําหรับขอมูลตรงนี้ครับ )
อีกสาเหตุหนึ่งที่ระบบบัสแบบ AGP ทําไดดีกวา PCI ก็เพราะ เปน Slot แบบ เอกเทศ ไมตองไปใช Bandwidth รวมกับใคร ( เพราะเครื่องๆ หนึ่งมี Display Card เพียง ตัวเดียวก็เพียงพอแลว ดังนั้น จึงใน Mainboard จึงมี Slot AGP เพียง Slot เดียว )
รูปแสดงรูปราง ของ Slot AGP อีกไมนาน chipset ตัวใหมของทาง Intel ก็จะออกมาแลว ซึ่งจะรองรับการทํางานของ AGP 4X ซึ่งก็จะชวยใหเพิ่ม อัตราการสงผานขอมูลไดสูงขึ้นอีกเทาตัวจาก 2 X เลยทีเดียว
ตารางสรุปเกี่ยวกับระบบบัส ชนิด
ปที่เปดตัว
PC Bus 1981 ISA 1984
ความกวางของ Bus
ความเร็วนาฬิกา
8 Bit 16 Bit
4.77 MHz 8 MHz
121 MCA 1987 EISA 1988 VL Bus 1992 PCI 1992 AGP
1996
32 Bit 32 Bit 32/64 Bit 32/64 Bit 32 Bit ( or Greater Than )
10 MHz 8.33 MHz 50 MHz 33 MHz 66 MHz
อางอิง Winn L. Rosch, Hardware Bible : Premier Edition , SAMS Publishing, 1997 Vincent P. Heuring, Harry F. Jordan, Computer Systems Design and Architecture , Addison-Wesley, 1997 Peter Norton, John Goodman, Inside the PC , Seventh Edition, SAMS Publishing,1997 สัญญพงศ สายวงศนวล, คูมือการอัปเกรด และ บํารุงรักษา PC , Fourth Edition, ซีเอ็ดยูเคชั่น, 1996 [ Web Link ] http://www.agpforum.org [ Web Link ] http://developer.intel.com/drg/mmx/AppNotes/agp.htm
VGA Card หรือ Display Adapter มีหนาที่เปลี่ยนสัญญาณ digital ใหเปนสัญญาณภาพ โดยมี Chip เปนตัวหลักในการ ประมวลการแปลงสัญญาณ สวนภาพนั้น CPU เปนผูประมวลผล แตปจจุบัน เทคโนโลยี การประมวลผลภาพนั้น VGA card เปนผูประมวลผลเองโดย Chip นั้นไดเปลี่ยนเปน GPU (Grarphic Processing Unit) ซึง่ จะมีการประมวลภาพในตัว Card เองเลย เทคโนโลยีนี้เปนที่แพรหลายมากเนื่องจากราคาเริ่มปรับตัวต่ําลงมาจากเมื่อกอนที่ เทคโนโลยีนี้เพิ่งเขามาใหมๆ โดย GPU คาย Nvidia เปนผูริเริ่มการลุยตลาด
Card VGA-ISA
122
Card VGA-VESA
Card VGA-PCI
Card VGA-AGP หลักการทํางานพื้นฐานของการดแสดงผลจะเริ่มตนขึ้น เมื่อโปรแกรมตางๆ สงขอมูล มาประมวลผลที่ ซีพียูเมือ ่ ซีพียูประมวลผล เสร็จแลว ก็จะสงขอมูลที่จะนํามาแสดงผลบน จอภาพมาที่การดแสดงผล จากนั้น การดแสดงผล ก็จะสงขอมูลนี้มาที่จอภาพ ตาม ขอมูลที่ไดรับมา การดแสดงผลรุนใหมๆ ที่ออกมาสวนใหญ ก็จะมีวงจร ในการเรง ความเร็วการแสดงผลภาพสามมิติ และมีหนวยความจํามาใหมากพอสมควร หนวยความจํา การดแสดงผลจะตองมีหนวยความจําที่เพียงพอในการใชงาน เพื่อใชสําหรับเก็บ ขอมูลที่ไดรับมาจากซีพย ี ู และสําหรับการดแสดงผล บางรุน ก็สามารถประมวลผลได ภายในตัวการด โดยทําหนาที่ในการ ประมวลผลภาพ แทนซีพย ี ูไปเลย ชวยใหซีพียูมี เวลาวามากขึ้น ทํางานไดเร็วขึ้น เมื่อไดรับขอมูลจากซีพียูมาการดแสดงผล ก็จะเก็บขอมูลที่ไดรับมาไวใน หนวยความจําสวนนี้นี่เอง ถาการดแสดงผล มีหนวยความจํามากๆ ก็จะรับขอมูลมาจาก
123 ซีพียูไดมากขึ้น ชวยใหการแสดงผลบนจอภาพ มีความเร็วสูงขึ้น และหนวยความจําที่มี ความเร็วสูงก็ยิ่งดี เพราะจะมารถรับสงขอมูลไดเร็วขึ้น ยิ่งถาขอมูล ที่มาจากซีพียู มี ขนาดใหญ ก็ยิ่งตองใชหนวยความจําที่มีขนาดใหญๆ เพื่อรองรับการทํางานไดโดยไม เสียเวลา ขอมูลที่มี ขนาดใหญๆ นั่นก็คือขอมูลของภาพ ที่มีสีและความละเอียดของ ภาพสูงๆ ความละเอียดในการแสดงผล การดแสดงผลที่ดีจะตองมีความสามารถในการแสดงผลในความละเอียดสูงๆ ไดเปน อยางดี ความละเอียดในการแสดงผลหรือ Resolution ก็คือจํานวนของจุดหรือพิเซล (Pixel) ที่การดสามารถนําไป แสดงบนจอภาพได จํานวนจุดยิ่งมาก ก็ทําใหภาพที่ได มี ความคมชัดขึ้น สวนความละเอียดของสีก็คือ ความสามารถในการแสดงสี ไดในหนึ่งจุด จุดที่พูดถึงนี้ก็คือ จุดที่ใชในการแสดงผล ในหนาจอ เชน โหมดความละเอียด 640x480 พิกเซล ก็จะมีจุดเรียงตามแนวนอน 640 จุด และจุดเรียงตามแนวตั้ง 480 จุด โหมดความละเอียดที่เปนมาตราฐานในการใชงานปกติก็คือ 640x480 แตการด แสดงผลสวนใหญ สามารถที่จะแสดงผลไดหลายๆ โหมด เชน 800x600, 1024x768 และการดที่มีประสิทธิภาพสูงก็จะ สามารถแสดงผลในความละเอียด 1280x1024 สวน ความละเอียดสก็มี 16 สี, 256 สี, 65,535 สี และ 16 ลานสีหรือมักจะเรียกกันวา True color อัตราการรีเฟรชหนาจอ การดแสดงผลที่มีประสิทธิภาพ จะตองมีอัตราการรีเฟรชหนาจอไดหลายๆ อัตรา อัตราการรีเฟรชก็คือ จํานวนครั้งในการกวาดหนาจอ ใหมในหนึ่งวินาที ถาหากวาอัตรารี เฟรชต่ํา จะทําใหภาพบนหนาจอ มีการกระพริบ ทําใหผูที่ใชงานคอมพิวเตอร เกิดอาการ ลา ของกลามเนื้อตา และอาจทําใหเกิดอันตราย กับดวงตาได อัตราการรีเฟรชใน ปจจุบันอยูที่ 72 เฮิรตซ ถาใชจอภาพขนาดใหญ อัตรารีเฟรชยิ่งตองเพิ่มมากขึ้น อัตรารี เฟรชยิ่งมากก็ยิ่งดี
ผมเขียนแบบ Multi Config ที่ผมเอามาใหดูเปนของเครื่องผมนะครับ ไปประยุกตใชกับเคี่องคุณได แตวิธีนี้ตองแกไฟล Config.sys ดวยนะ (หลังเครื่องหมายบวกคือคําอธิบาย แตเวลาทําหามไส) ตัวอยาง Config.sys [MENU] +จําเปน MENUITEM=WINDOWS98 +หลังคําสั่งMenuitem=ตามดวยชื่อเมนูในที่นี้คือ Windows98 กับดอสตรับ MENUITEM=DOS [COMMON] +จําเปน +ใสคําสั่งที่ตองการใหrunในการเลือกทั้งสองเมนูนี้ [WINDOWS98] +จําเปนอางถึงเมนูที่ไสไวในคําสั่งmenuitem +ใสคําสั่งที่ตองการให run ในสวนของเมนูWindows98 ;DEVICE=C:\WINDOWS\HIMEM.SYS ;device=C:\WINDOWS\emm386.exe [DOS] +จําเปนอางถึงเมนูที่ไสไวในคําสั่งmenuitem +ใสคําสั่งที่ตองการให run ในสวนของเมนูDos DEVICE=C:\WINDOWS\HIMEM.SYS devicehigh=C:\WINDOWS\emm386.exe DEVICEHIGH=C:\CDPRO\VIDE-CDD.SYS /D:MSCD001 /P:1F0,14 /P:170,15 /P:1E8,12 /P:168,10 DEVICEHIGH=C:\WINDOWS\COMMAND\ANSI.SYS
124 DOS=HIGH,UMB [COMMON] +จําเปนกรณีใหrunทายไฟล +ใสใหrunทั้งสองเมนู ตังอยางไฟล Autoexec.bat GOTO %CONFIG% +ตองมี อางสวนของMulticonfig ของ Config.sys :WINDOWS98 +อางเมนู ใสคําสั่งที่ตองการใหrun @C:\PROGRA~1\NORTON~4\NAVDX.EXE /STARTUP GOTO END ไปบรรทับที่:END :DOS +อางสวนเมนู Dos +ใสคําสั่งที่ตองการใหrunในสวนdos @C:\PROGRA~1\NORTON~4\NAVDX.EXE /STARTUP \CREATIVE\SBLIVE\DOSDRV\SBEINIT.COM LOADHIGH C:\WINDOWS\COMMAND\MSCDEX /D:MSCD001 /V /E LH C:\WINDOWS\COMMAND\DOSKEY /INSERT LH C:\AMOUSE\AMOUSE LH C:\S3DRV\S3VBE20 /INSTALL C:\STARTDOS\DOS.BAT GOTO END :END การแกไขและซอมคอมพิวเตอรดวยตนเอง ถาคุณมีปญหาการใชคอมพิวเตอร หรือเครื่องพิมพ ลองตรวจสอบปญหาจากหัวขอเหลานี้กอน ไมแนนะ ทาน อาจพบวิธีการแกไขดวยตนเอง ขอมูลเหลานี้สวนใหญเกิดจากประสบการณในการซอมคอมพิวเตอรโดยตรง ซึ่ง พอสรุปปญหาได 2 ลักษณะ คือ ปญหาที่เกิดจาก Software และปญหาที่เกิดจาก hardware
1.ปญหาจากOperating System Windows ปญหานี้สวนใหญมาจากการติดตั้งโปรแกรมใหมๆ หรือการ Uninstall โปรแกรมแลวทําให File บางไฟล หายไปวิธีแกไขงายๆ คือการติดตั้ง Windowsทับเขาไปใหม (ชางสวนใหญแนะนํากันตอๆมา) ไมตองกลัวนะครับ วาโปแกรมที่มีอยูกอนแลวจะหายไป !ไมหายครับและก็ไมจําเปนตองลงโปรแกรมอื่นๆ ใหมดวยแตควรเตรียม แผน drive ของ การดจอ ซาวดการด ไวใหพรอมก็จะดี 2. ปญหาจาก Application เชนโปรแกรมการใชงานตาง ๆ ได Microsoft Word, Excel, internet Explorer มีหลักคลาย ๆ กันคือใหติดตั้ง โปรแกรมทับเขาไปใหม แตผมแนะนําวาใหลองปดโปรแกรมทั้งหมด แลว Restart ใหมจะดีกวา อีกเรื่องหนึ่งที่ นาสนใจคือ โปรแกรมบางตัวอาจไม support การใชงานบาง OS ดังนั้น อาจจําเปนตองมีการถอดการติดตั้งออก หรือที่เรียกวา uninstall (สวนใหญโปรแกรมที่เราติดตั้งจะมีมาใหดวย) ถาไมมีลองเขาไปที่ Control Panel เลือก Add/ Remove Program 3. ปญหาจากไวรัส
125 ปญหานี้อาจพบอาการแปลก ๆ เชน เปดโปรแกรมไมได, มีหนาตางแปลก ๆ แสดงขึ้นมาที่หนาจอ การแกไขก็ ลองตรวจสอบโดยใชโปรแกรมเช็คไวรัสดู เชน Norton Antivirus หรือ McAfee.VirusScan เปนตน 4. ปญหาจากผูใชงาน ตัวอยางเชน กดปุม Scroll Lock แลวหนาจอเลื่อนทั้งหนา (Microsoft Excel) เรื่องปกติครับ ไมมีใครทุกคนที่จะ สามารถใชโปรแกรมไดเกงทุกอยางบางครั้งก็มีพลั้งเผลอบาง เรื่องนี้ตองแกไขโดยการซื้อหนังสือมาอานครับ เพื่อที่จะทําใหเราสามารถใชโปรแกรมไดคลองและเกง
Disk Drive อานขอมูลไมได -> ใหแกไขโดยซื้อแผนทําความสะอาด + น้ํายา ลางก็จะสามารถแกไขได CD-ROM Drive อานขอมูลไมได -> สาเหตุมาจากฝุนที่เกาะอยู ใหซื้อแผนทําความสะอาดสําหรับ CD-ROM และสาเหตุอีก อยางหนึ่งคือ แผนที่อาน อาจมีปญหามาจากการบันทึกถาเปนไปได ใหทดสอบโดยนําแผนไปอาน CD-ROM Drive เครื่องอื่น ๆ ดู(ความเร็ว CD-ROM ถาต่ํากวา 24x มักจะมีปญหาในการอาน) RAM-Memory ถาเกิดฝุนละออง หรือมีอาการรอง -> ใหนํายางลบดินสอมาทําความสะอาด แลวนําเสียบลงไป ใหม หนวยความจํา ปจจุบันมีราคาถูกลงมาก อยางไรก็ตามปญหาที่พบ เกี่ยวกับ Ram คือการไมสัมพันธระหวางแรมเกา กับแกมใหม หมายความวา การเพิ่มแรมควรใชยี่หอเดียวกัน รุน เดียวกัน และขนาดเทากันจะดีกวาทั้งนี้ตองขึ้นอยูกับเมนบอรดของแตละรุนดวย Harddisk ทํางานชาลง -> สวนใหญมาจากพื้นที่วางใน harddisk ไมมากพอสําหรับผูใชวินโดวส 95,98 ควรมีพื้นที่เหลือ อยางนอยสัก 500 MB การแกไข ควรทําDisk Cleanup (ทําทุกวัน) ตามดวย Scandisk (ทําทุกวัน) และ Disk Defragment (ทําทุกเดือน) Power Supply ไฟไมเขา -> ลองขยับปลั๊กดูกอน ปญหานี้เกิดบอยมาก นอกจากนี้อาจเปนที่ฟวสขาด ใหหามาเปลี่ยน แตถาเสีย แลว ไมแนะนําใหซอม ซื่อตัวใหมเลยดีกวา สวนเรื่องการปองกันปญหาคือ ใหหาเครื่องเปา มาเปาอยางนอย 3 เดือนครั้ง ขึ้นอยูกับหองที่ติดตั้งเครื่องคอมพิวเตอรดวยวามีฝุนมากนอยเพียงใด Mouse เมาสเลื่อนสะดุด -> ปญหานี้แกไขงาย และมักเปนกันบอยๆ หลังจากใชงานไปไดสักพัก สาเหตุคือการไมคอย นิยมใชแผนรองเมาส ทําใหฝุนจากพื้นเขาเกาะติดไดงาย สําหรับการแกไข คือ ใหหงายเมาส แกะ ตัวล็อก นําลูกกลิ้งดานหลังออก จากนั้นใหดูในชองดานใน จะเห็นฝุนเกาะเปนคราบอยูใหใช น้ํายาทําความสะอาดเมาสเช็ด ทําความสะอาด Monitor ปญหาที่พบเชน สีเพี้ยน -> ใหลองถอดสายสัญญาณของจอออก แลวเสียบใหม หรือจอภาพมี แตสีขาวดํา ทั้งๆ ที่เปนจอสี ใหถอดสายสัญญาของจอและดูวาเข็มใดงอหรือไม ใหแกไข และ ลองเสียบใหม
126
เครื่องพิมพชนิดหัวเข็ม (Dot matrix) พิมพติดขัดเปนประจํา ปญหาที่พบสวนใหญมีเศษกระดาษ ผงกระดาษ หรือ Clip ตกลงไป ใหถอดมาทําความสะอาด และอีกอยาง หนึ่งที่มีปญหาบอยคือ แผงกั้นระหวางหัวพิมพกับกระดาษอาจชํารุด ใหหาซื้อมาเปลี่ยนเอง (จะไดราคาถูกกวา ไม เสียคาแรงดวย) สีจางมาก ทั้งๆ ที่เปลี่ยนตลับผาหมึกใหม เรื่องนี้ผมก็พบบอยเหมือนกัน ปญหานี้แกไขโดยการเลื่อนคันโยก ปรับตําแหนงของการพิมพใหอยูในระดับที่ ถูกตอง (เชน หมายเลข 0-1 สําหรับการพิมพกระดาษ 1 แผน , หมายเลข 2-3 กระดาษมีสําเนา 2 แผน เปนตน) พิมพกระดาษตอเนื่อง แลวไมเลื่อน ตรวจสอบคันโยกวาปรับตําแหนงใด ปกติจะมี 2 ตําแหนงคือ แบบกระดาษ 1 แผน และแบบกระดาษตอเนื่อง หัวเข็มหัก (คงตองสงซอม) สาเหตุที่พบมากคือ ปรับความใกลไกลเวลาพิมพกระดาษที่มีความหนาตางๆ ไมถูกตอง ลองศึกษาจากคูมือดู และอีกอยางหนึ่งผาหมึกถาจางแลวใหรีบเปลี่ยน อยาฝนใช เพราะจะทําใหหัวเข็มชํารุดไดงาย เครื่องพิมพพนหมึก (Inkjet) พิมพไมออก ไมมีสี ปญหาจากการอุดตันของตัวตลับหมึก ควรเลือกซื้อเครื่องที่หัวพนหมึกอยูในตลับจะดีกวา เวลาเปลี่ยนจะได เปลี่ยนพรอมกันไป (ราคาจะแพงกวาสักนิด) สําหรับวิธีปองกันปญหาไดบางคือ หลังจากมีการเปลี่ยนตลับหมึก แลว ควรใชใหหมด ไมควรถอดออกมาเพราะจะทําใหอุดตัน สําหรับการทดสอบ แกไขใหลองลางหัวเข็ม ผาน คําสั่งในโปรแกรม หรือผานทางเครื่องพิมพโดยตรง(คงตองอานคูมือดูแตละรุนอีกทีนะครับ) พิมพออกมาสีเพี้ยน หมึกหมดครับ สีใดสีหนึ่งอาจหมด ทําใหสีที่ผสมออกมาไมสมบูรณ การแกไขใหเปลี่ยนตลับหมึก Inkjet บาง รุนสามารถเปลี่ยนตลับสีแยกเปนสีๆ ไดดวย ชวยใหประหยัดเงินไดมากขึ้น แตถาไมใชเพราะคุณเพิ่งเปลี่ยนตลับ หมึก ใหทดสอบโดยใชวิธีการลางหัวเข็ม อาจลางผานคําสั่งในโปรแกรม หรือผานทางเครื่องพิมพโดยตรง(คงตอง อานคูมือดุแตละรุนอีกทีนะครับ) เครื่องพิมพเลเซอร (Laser) พิมพไมออก สีจาง ปญหาอยางหนึ่งคือ ผงหมึกไมอยูในแนวราบ ใหเอาตลับหมึกมาเขยา ๆ (แนวราบ) ออ! ถาเปนตลับใหม อยาลืมดึงแผนพลาสติกที่กั้นผงหมึกไวดวย มิฉะนั้นอาจพิมพไมติดเลย พิมพยังไงก็ไมออก สาเหตุอาจมาจากกระดาษติดครับ ผมพบบอยมากถึงมากที่สุด ใหลองถอด ตลับผงหมึกออกมา สังเกตวามีกระดาษติดหรือไม ถามีใหระวังเรื่องการดึง กระดาษโดยดูจากคูมือเรื่องทางเดินของกระดาษ ใหดึงไปตามเสนทางของทางเดินกระดาษ ฟนเฟองของเครื่องพิมพจะไดไมหัก (เฟองแตละตัว ราคาคอนขางแพงครับ) พิมพแลวสกปรก มีลายเสน
127 ตัวลูกกลิ้งสกปรก ใหเปดเครื่อง เอาตลับผงหมึกออก และทําความสะอาดลูกกลิ้งดู สาเหตุอีกอยางหนึ่งคือตัว ตลับไมไดมาตรฐาน (อาจเกิดจากตลับที่มีการนํามาใชใหม) ควรตรวจดูกอน นอกเหนือจากที่กลาวขางตนแลว การตรวจสอบปญหาเครื่องคอมพิวเตอรอีกวิธีหนึ่งที่คอนขางายและมี ประสิทธิภาพอยูในระดับที่นาพอใจคือ การใชโปรแกรมตรวจสอบปญหา เชน Norton Utilities หรือ First Aid เปนตน เพียงแคคุณติดตั้งโปรแกรมเหลานี้ จากนั้น run โปรแกรมดู (เครื่องคอมพิวเตอรที่มี Brand ดี ๆ อาจมี โปรแกรมตรวจสอบปญหาแถมมาใหดวย)
การแกปญหางานพิมพ เปนปญหาอีกปญหาหนึ่งที่มักเกิดขึ้นในระหวางการทํางานกับเคื่องคอมพิวเตอร ในขณะที่ทําการสั่งให เครื่องพิมพงานออกทางเครื่องพิมพ แยกเปนปญหาแตละปญหาออกไดดังนี้
เครื่องพิมพงานออกมาเปนภาษาตาง ดาว ปญหาลักษณะนี้เกิดจากการที่กําหนดคาของเครื่องพิมพผิดพลาด เนื่องจากมีการสลับการใชงาน เครื่องพิมพมากกวาหนึ่งตัวตอเครื่องคอมพิวเตอรหนึ่งเครื่อง สาเหตุ กําหนดไดรเวอรของเครื่องพิมพไมตรงกับเครื่องพิมพที่เชื่อมตอกับคอมพิวเตอร การแกปญหา กําหนดไดรเวอรของเครื่องพิมพใหถูกตอง 1. คลิกเมาสที่เมนู Start >..Setting >..Printer… 2. ที่หนาตางของ Printer ตรวจสอบดูวาเครื่องพิมพที่เชื่อมตออยูตรงกับรายการที่กําหนด ในสวน ของ Setting Printer นี้หรือไม
*** จากรูป จะเห็นวามีการติดตั้งไดรเวอรของเครื่องพิมพไวสองรุน เครื่องที่สามารถใชงานไดในขณะนี้ คือ
เครื่องที่มีเครื่องหมายเช็คมารกที่ Icon กลาวคือถาตอนนี้เครื่องพิมพที่ตออยูกับคอมพิวเตอรเปนเครื่องพิมพ HP Laser jet รุน 6L PCL เมื่อสั่งใหเครื่องพิมพเอกสารออกทาง เครื่องพิมพ จะพิมพออกมาไดอยางถูกตอง แต ถาเครื่องพิมพเปนยี่หอหรือรุนอื่น เครื่องพิมพจะพิมพงานออกมาผิดพลาดได ***
128
การยกเลิกการพิมพ ในการสั่งใหเครื่องพิมพเอกสารออกทางงเครื่องพิมพ เมื่อผูใชเห็นวาการพิมพออกมาผิดพลาด ก็ สามารถที่จะทําการยกเลิกการพิมพในขณะนั้นได 1. ดับเบิลคลิกที่ Icon Printer ที่ task bar
2. ที่หนาตาง Printer properties คลิกที่งานที่กําลังพิมพอยู
3. คลิกเมาสที่รายการ Document เลือกคลิกที่ Cancel Printing
4. สังเกต การทํางานในตําแหนง Status จะเปลี่ยนแปลงจาก Printing เปน Delete…
คลิกปดหนาตางทํางาน *************************************************************** ********
129
สั่งพิมพออกทางเครื่องพิมพแต เครื่องพิมพไมทํางาน ปญหาลักษณะนี้อาจเกิดจากการที่เครื่องพิมพถูกกําหนดใหหยุดการทํางานชั่วคราวหรืออาจมีการ กําหนดใหเปนการพิมพลงแฟม ในคําสั่งพิมพเอาไวก็ได
เครื่องพิมพถูกสั่งใหหยุดชั่วคราว 1. คลิกเมาสที่ เมนู Start >…Setting >…Printer… 2. คลิกขวาที่ Icon ของ Printer ตรวจดูวามีรอยเช็คมารกที่คําสั่ง Pause หรือไม ถามีใหทําการ
เช็คเครื่องหมายออก
โปรแกรมสั่งใหพิมพลงแฟม 1. เปดโปรแกรมทํางานขึ้นมา ที่รายการ แฟม…คลิกเลือกที่ พิมพ… 2. ที่กรอบโตตอบตรวจสอบดูวามีการเช็คที่คําสั่งพิมพลงแฟมหรือไม ถามีใหเช็คออก
****************************************************
บทความพิเศษเรื่อง การเกิด bad ของฮารดดิสก ที่นาจะไดอานกัน
130
ตกลงกันกอน บทความนี้ไดมาจากการที่มผี ูใจดีมาโพสตไวในกระทูของ pantip.com ซึ่ง เห็นวานาจะมีประโยชนสําหรับผูที่สนใจ และไมอยากใหบทความดี ๆ ตองสูญหายไป ดังนั้น จึงขอ นําเอาขอความที่มีผูมาโพสตนี้ เก็บไวในที่แหงนี้ เพื่อเผยแพรครับ (ขอใหอานโดยใชความเชื่อของ ทานเองนะครับ วาจะเชื่อหรือไม อยางไร) การ Low-level Format และ High-level Format การ Low-lovel Format เปนกระบวนการทํางานของฮารดดิสกโดยมีจดุ ประสงคเพื่อสราง หรือกําหนด Track, Sector หรืออธิบายไดอีกอยางวาเปนการเขียนโครงสรางของ Track,Sector ตาม รูปแบบที่ Firmware ภายในฮารดดิสกไดกาํ หนดไว เพื่อใหการทํางานของกลไกภายในกับวงจร ควบคุมหรือ PCB สอดคลองเปนระบบเดียวกัน ซึ่งการ Low-level Format นั้นเปนการลบขอมูลทุก สิ่งทุกอยาง โดยที่ขอมูลทุกสิ่งทุกอยางจะถูกลบไปอยางถาวรจริง ๆ กอนอื่นเราตองเขาใจกัน เสียกอนวา การ Low-level Format นั้น เปนกระบวนการทํางานหรือเปนคําสั่งของฮารดดิสกรุนเกา ที่ยังใช Actuator แบบ Stepper Motor ,ใชระบบ Servo เกา ๆ แบบ Dedicated Servo, มีการใช โครงสรางของ Track, Sector แบบเกา ซึ่งฮารดดิสกในปจจุบันนี้ไมใชและไมเหมือนกันเลย การใช Stepper Motor เปน Actuator ของฮารดดิสกรุนเกา ๆ นัน้ มีขอเสียหรือจุดออนตรงที่เมื่อเราใชไป นาน ๆ เฟองกลไกภายใน Motor จะหลวม ทําใหการควบคุมใหหวั อาน/เขียนอยูน ิ่ง ๆ บน Track (ที่ จะอานขอมูล)เปนไปไดยาก และอีกสาเหตุที่กลไกหลวม ก็เพราะอุณหภูมิที่สูงซึ่งเกิดจากการที่ตัว Actuator เคลื่อนที่ไปมาเพื่อหาขอมูล แนนอนครับ มันเปนโลหะที่ตองมีความรอนเกิดขึ้น เปรียบเทียบก็เหมือนกับ Ster รถจักรยานหรือรถจักรยานยนต ที่ตองรูด เมื่อเจอกับโซที่ลากผานไป มาเปนเวลานาน ๆ และก็เปนสาเหตุใหหัว/อานเขียน ไมสามารถอานขอมูลไดอยาง ถูกตอง ยิ่ง นับวันอาการก็จะรุนแรงมากขึ้น อีกประการหนึ่งที่การ Low-level Format ไมสามารถนํามาใชกับ ฮารดดิสกรุนใหมไดก็เพราะโครงสรางการจัดวาง Track, Sector ไมเหมือนกัน ฮารดดิสกรุนเกาจะมี จํานวนของ Sector ตอ Track คงที่ ทุก ๆ Track แตในฮารดดิสกรุนใหม จํานวนของ Sector จะแปร ผันไปตามความยาว ของเสนรอบวง (ของ Trackนั่นแหละครับ) ยิ่งตางรุนตางยี่หอตางความจุ ก็ยิ่ง ตางไปกันใหญ หากเราฝนไป Low-level Format ผมบอกตรง ๆ ครับวานึกไมออกวาจะเกิดอะไรขึ้น ฮารดดิสกอาจไมรับคําสั่งนี้เพราะ ไมรูจักหรืออาจรับคําสั่งแลวแตไมรจู ะทําอยางไร จนอาจจะทําให วงจรคอนโทรลเลอร (PCB) สับสนกันเอง (ระหวาง IC) จนตัวมันเสียหายก็ได แตถาฮารดดิสกของ เพื่อนทานใดเปนรุนเกา ซึ่งมีลักษณะตรงกับที่ผมเอยมา และมี BIOS ที่สนับสนุนก็สามารถ Lowlevel Format ไดครับ (เชน คอมฯ รุน 286 ของผม Hdd 40MB.) เราจะเห็นไดวา BIOS รุนใหมจะไม มีฟงกชั่น Low-level Format แลว เพราะ BIOS ก็ไมอาจทีจ่ ะรูจักโครงสราง Track, Sector ของ ฮารดดิสกไดทกุ ยี่หอ ทุกรุนเพราะความตางอยางที่ผมบอกไวละครับ กลับมาสูความจริงของ ความรูสึกเรากันหนอยนะครับ ซึ่งผมเขาใจดีวา เพื่อน ๆ ทุกคนหากเมื่อเจอ Bad Sector ใน ฮารดดิสกของตัวเองยอมใจเสียแนนอน เพราะขอมูล ที่อยูขางในนั้นมีผลกับจิตใจ กับความรูสึกของ
131
เรามาก และเราตองการที่จะไดมันคืน และในตอนนั้นเราก็ไมไดคดิ ถึงดวยซ้ําวาเราซือ้ มันมาแพง แคไหน และถาหากเราไดยิน ไดฟงอะไรที่เลาตอกันมาวา มันสามารถที่จะทําใหฮารดดิสกของเราดี เชนเดิมได เรายอมใหความสนใจ อยากลอง อยากได อยากมี แตเพื่อน ๆ ครับ อยางที่ผมบอกละ ครับวาการ Low-level Format นั้นใชไมไดกับฮารดดิสกรนุ ใหม ๆ ตัวผมเองก็เปน Salary Man หรือ มนุษย เงินเดือนเหมือนเพื่อน ๆ ละครับ ผมรูสึกเสียดายเปนเชนกัน แตเมื่อผมมาถึงจุด ๆ หนึ่งที่รูวา เราไมสามารถเอา สนามแมเหล็กมาเรียงใหดีเหมือนเดิมได และไมมีเครื่องมืออะไรที่จะมาชวยได ดวย ผมก็ตองปลง และถนอมมัน ใหดีที่สุด เอาละผมขอพากลับมาที่เนือ้ หากันตอนะครับ การ High-level Format หรือการ Format (หลังจากการแบง Partition แลว) ที่เราเรียกกันอยู บอย ๆ โดยใช DOS นั้นมีจุดประสงคเพื่อทําการเขียนโครงสรางของระบบไฟล (FAT: File Allcation Table ซึ่งมีทั้ง FAT32 และ FAT16) และเขียน Master Boot Record (ซึ่งเปนพ.ท.ที่จะเก็บ แกนหลักของระบบปฏิบัติการเชน DOS) การ Format นี้นั้นฮารดดิสกจะไปลบ FAT และ Master Boot Record ทิ้งไป แตมันไมไดทําการลบทุกสิ่งทุกอยาง เหมือนดังเชนเรากวาดของบนโตะทิ้งไป จนเหลือแตพนื้ เรียบๆ มันแคทําการเขียนขอมูล "0000" ลงไปบนแผนดิสก เทานั้น ซึง่ คําวา "เขียน ขอมูล 0000 ก็คือการFormat ของเรานั่นแหละครับ" ดังนัน้ หากใครคิดวาการ Format บอย ๆ นั้น ไม ดีก็... (ผมขอไมตอบเพราะมันเปนเรื่องนานาจิตตังครับ) เพื่อน ๆ บางคนถามในกระทูวา Virus ทํา ใหเกิด Bad Sector ไดหรือไม ผมขอตอบวาไม แตมันทําให ฮารดดิสกเสียไดครับ เพราะการที่มัน เขาไปฝงที่ Master Boot Record ครับ ก็ตองแกกนั โดยการ Fdisk กําหนด Partition กันใหม และ Virus ก็เปนเพียงแคขอมูล ๆ หนึ่งที่เราจะลบทิ้งไปก็ได และ Virus จะเขาไปใน Firmware และ System Area ของฮารดดิสกก็ไมไดเด็ดขาด เพราะ Firmware ของฮารดดิสกจะไมยอมใหแมกระทั่ง BIOS ของคอมฯเห็น Cylinder นี้ซึ่งเสมือนวา Cylinder นี้ไมมีอยูจริง การที่ฮารดดิสกพบ Bad Sector นั้น มันจะทําการทดลองเขียน/อานซ้ํา ๆ อยูพักหนึ่งจนกวาจะครบ Loop ที่ กําหนดแลว วา เขียนเทาไหรกอ็ านไมไดถูกตองซักที ฮารดดิสกกจ็ ะตีใหจุดนั้นเปนจุดตองหามที่จะเขาไปอานเขียน อีก แตถาขอมูลสามารถกูคืนมาไดมันก็จะถูกยายไปที่ ๆ เตรียมไวเฉพาะ เมื่อฮารดดิสกตีวาจุดใดเสีย แลวมันจะเอาตําแหนงนั้นไปเก็บที่ System Area ซึ่งขอมูลที่บอกวามีจุดใดที่เสียบางนั้นจะถูกโหลด มาทุกครั้งที่ฮารดดิสก Boot และเราไมสามารถเขาไปแกขอ มูลนี้ไดดว ยครับ Norton ก็ทําไมได สิ่งที่ มันทํา ก็ทําไดแค Mark ไวแลวก็เก็บขอมูล นี้ไว จากนัน้ ก็ทําเหมือนกับที่ Firmware ฮารดดิสกทํา คือไมเขาไปยุง เกี่ยว พ.ท.นีอ้ ีก หรือหลอกเราวาไมมี พ.ท.เสีย เกิดขึน้ เลย การ Format ดวย DOS ก็ แกไขไมไดเชนกันครับ เพื่อน ๆ บางคนคิดวาหากมี Bad Sector แลวมันจะขยายลุกลามออกไป ผม ขอตอบวาไมจริงครับ เราไมควรลืม วา บนแผนดิสกนนั้ คือสารแมเหล็กที่ฉาบอยู และมันหลุดได ยาก ตอใหหลุดแลวก็ลามไมไดดว ยนะครับ ไมเหมือน กับโรคผิวหนังครับ ผมขอจบลงเทานี้ละครับ การซอมฮารดดิสก โดยแกไขไมใหมี Bad Cluster หรือ Bad Sector
132
ผมขอชี้แจงเรื่อง การซอมฮารดดิสก โดยแกไขไมใหมี Bad Cluster หรือ Bad Sector ให เพื่อน ๆ เขาใจสักหนอยนะครับวา การที่ฮารดดิสกมี Bad Cluster หรือ Bad Sector นั้น เราไม สามารถที่จะแกไขไมใหมันหายไปได เพราะการทํางานของ Firmeware ในฮารดดิสกจะกําหนดไว วา ถาหากหัวอาน/เขียนของมัน พบปญหา เชนอานแลวขอมูลไมถูกตอง และวงจรตรวจสอบที่อยู บน PCB มันใช ECC หรือ CRC หรือ Read Retry (หรือวิธีอื่น ๆ ที่แลวแตเทคโนโลยีของ บ. ผูผลิต) เขามาชวยแลวแตแกไขไมได ฮารดดิสกจะตีวา พ.ท.นัน้ เปน Defect หรือกําหนดใหเปนจุดเสียที่มัน จะไมเขาไปยุงเกี่ยวอีก และขอมูลที่เอาไวบอกตัวฮารดดิสกเองวาจุดใดบางที่เสียนั้น จะเก็บไวที่ System Area ซึ่งเปน Cylinder ที่เราจะเขาไปแกไขขอมูลในจุดนี้ไมไดเลย เพราะเปน Cylinder ที่ ฮารดดิสกกันเอาไวใหตัวของมันเองโดยเฉพาะ และทุกครั้งที่ฮารดดิสกบูตมันจะตองเขาไปอาน ขอมูลที่ System Area แลเอามาเก็บที่ Ram เพื่อที่จะบอกกับตัวมันเองวามี พ.ท. ตรงไหนบางที่หาม เขาไปอาน/เขียน การที่จะเขาไปแกขอมูลในจุดนีต้ องใชเครื่องที่โรงงานผูผลิตนั้นออกแบบมา โดยเฉพาะ และตอใหเราเขาไปแกไดก็ไมมีประโยชนเพราะ พ.ท.ตรงนั้นอาจมีสิ่งสกปรกติดอยู หรือสนามแมอาจถูกกระทบกะเทือนจนหลุดออก ซึ่งเปนชิ้นเล็กที่ตาเปลามองไมเห็น และในความ เปนจริงยังมีสาเหตุอื่น ๆ อีกมากที่ทําใหเกิด Bad Cluster หรือ Bad Sector ก็ตามแตจะเรียก สิ่งที่เรา ทําไดดีที่สุดคือ หามกระแทกฮารดดิสกแรง ๆ ไมวามันจะทํางานอยูห รือไมก็ตาม และเมื่อคุณจับมัน ก็ไมควรจับที่ PCB เพราะไฟฟาสถิตยในตัวเราอาจวิ่งไปยังวงจรที่ PCB แลวทําให IC เสียหายได และจุดนี้เองทีร่ านที่ทําใหเกิดรานรับซอมฮารดดิสก ซึ่งเขาเพียงแคอาศัยการเปลี่ยนแผน PCB ที่ ประกบอยูโดยการหารุนและยี่หอที่ตรงกันมาเปลี่ยน งาย ๆ เทานี้เอง และการที่เราคิดวาแผนดิสก ภายในมีรอยก็นาจะเปลี่ยนได ผมขอบอกเพื่อน ๆ วาเปนไปไมไดเด็ดขาดที่จะเปด Cover หรือผา ครอบมันออกมาแลวเอาแผนใหมใสเขาไป เพราะบนแผนดิสกทุกแผนและทั้งสองดานของแผนจะ มีสัญญาณ Servo เขียนอยู ซึ่งสัญญาณนี้จะถูกเขียนในลักษณะตัดขวางเหมือนกับการแบงเคกกลม ๆ ออกเปนสวน ๆ โดยที่สัญญาณนี้จะตองตรงกันทุกแผนจะวางเยื้องกันไมไดเลย เพราะเครื่องเขียน สัญญาณกําหนดใหตองตรงกัน ซึ่งผมขอเปรียบเทียบกับลอรถยนตที่ตองมีจุบเติมลม ที่เราตองเอา จุบของลอทุกลอมาวางใหตรงกันเพื่อที่จะบอกให PCB ไดรับทราบวาจุดเริ่มตนของดิสกหรือ Sector 0 หมุนไปอยูที่ใดบนแผนดิสก และสัญญาณนี้ไมสามารถมองใหไดดว ยตาเปลาตอใหเอา กลองจุลทรรศมาสองก็ไมเห็น การที่เราจะจับฮารดดิสกใหมีความปลอดภัยนั้นตัวเราตองลง กราวนด นั่นคือเทาเราตองแตะพื้นใหไฟฟาสถิตยจากตัวเราไหลลงพื้นดิน เพื่อน ๆ อาจนึกไมถึงวา มันจะมีผลมากถึงขนาดวาทําใหฮารดดิสกเสีย แตเราอยาลืมวากิจกรรมในชีวิตประจําวันของเราไป จับโลหะอะไรมาบางแลวมันถายเทประจุใหเราเทาไหร,จะมีผลตอสิ่งอื่น ๆ ไหมเราไมรูเหมือนกับ รถบรรทุกขนถายน้ํามัน ที่เวลาวิ่งตองเอาโซลากไปตามถนนเพื่อระบายประจุ หรือทําใหเกิดความ ตางศักยนอยทีส่ ุด หรือเปนศูนยเพราะมันอันตรายมากที่เวลาเอาหัวจายน้ํามันรถไปตอกับวาลวรับ น้ํามัน ซึ่งอาจเกิดประจุไฟฟา วิ่งจากศักยสงู ไปศักยต่ําแลวเปนประกายไฟ เพราะเวลารถวิ่งไปชน อากาศที่มีประจุลอยอยูมันก็จะสะสมไปเรือ่ ย ๆ ผมอยากบอกกับเพื่อน ๆ วาผมก็เสียดายมาก ๆ หาก
133
ฮารดดิสกของผมเกิด Bad Sector ขึ้นมาแตก็ตองทําใจยอมรับ เนื่องจากมันแกไขไมไดจริง ๆ ตอให เอาเครื่องมือในโรงงานมากองตอหนาผมแลวใหผมอยูใน Clean Room ผมก็ทําไมได (ยกเวนนั่งรือ้ ชิ้นสวนออกหมดแลวเอาแผนดิสกใหมมาใสเพราะเครื่องเขียน Servo อยูในนั้น) แตการที่เราจะเลีย่ ง ไมใช พ.ท.ที่เสียอยูในตอนอื่น ๆ ของขอมูลนั้นก็ทําไดเชนแบงพารทชิ ั่นออกเปนสวน ๆ โดยให พารทิชันที่เราไมตองการครอบตรงจุดเสียไว หรือถาหากเราตองการกูข อมูลที่มีความสําคัญมาก ๆ ก็ ตองใช Software ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ เชน Spinrite หากถามวาทําไม บ.ผูผลิตไมออกแบบให ฮารดดิสกแกไขขอมูลใหถูกตองเสียกอน หรือใหมันสามารถกูขอมูลไดเลา คําตอบก็เปนเพราะมัน ทําใหตนทุนการผลิตสูงขึ้น, และทําใหระยะเวลาทีใ่ ชในการผลิตหรือกวาที่จะออกจําหนายไดชา ออกไปอีก ,ทําใหความเร็วในการทํางานลดลงดวย และมีอีกหลาย ๆ อยางที่ผมพิมพไมไหวแลว ผม หวังวาการที่ผมบอก Email Address ไวนนั้ จะทําใหเนื้อหานี้มีความนาเชื่อถืออยูบางนะครับ ป.ล.หากอานแลวไมเขาใจ ผมก็ขอโทษทีเพราะตอนนี้งว งมาก ๆ แลวครับ ออ! อีกอยางครับเกือบ ลืมบอกไปวาผมเคยทํางานอยู Failure Analysis มีหนาทีว่ ิเคราะหหาจุดเสียของฮารดดิสก... (เอาแค หนาที่เดียวก็พอเนาะ) ดวยความหวังดีกับทุก ๆ คนครับ (ประโยคนีเ้ ชยแตตรงกับความรูสึกผมดี) คําถาม ฮารดดิสกที่พงึ่ ซื้อมาทําไมถึงมีแบดไดครับใครที่รูเกี่ยวกับฮารดดิสชวยแนะนําหนอยครับ คําตอบ เทาที่ทราบนะคะ มันมี Bad Sector มาตั้งแตอยูขั้นตอนผลิตที่โรงงานแลวคะ กอนที่จะนํา ออกจําหนาย เคาจะทํา Low Level Format และ mark สวนที่เปน Bad sector ทิ้งไป ดังนั้นฮารดดิสค แตละตัว ถึงแมจะรุนเดียวกัน ยี่หอเดียวกัน จํานวน Cylinder, Head ฯลฯ เทากัน แตความจุที่แทจริง อาจไมเทากันก็ไดคะ เรื่องนี้ จริงๆแลวก็ทาํ นองเดียวกับ CPU รุนเดียวกันแตแยกขายที่ความเร็ว นาฬิกา ตางๆกันเปนชวงๆ เชน 200 MHz, 233MHz, 266 MHz, 300MHz ฯลฯ ซึ่งจริงๆแลว CPU พวกนี้ก็ทํามาจากแผนเวเฟอรเดียวกัน โรงงานเดียวกัน เพียงแต พอผลิตออกมาแลว ไมผานการ ทดสอบคุณภาพที่ความถี่สูง เคาก็ลดการทดสอบลงมา จนถึงความถี่ที่ผานการ ทดสอบ เคาก็แปะ ตราวารับรองวา CPU ตัวนี้ (หรือ lot นี้) ใชไดที่ความถีท่ ี่ทดสอบ แตก็เปนไปไดวา เรายังสามารถ Over Clock ขึ้นไปไดอกี (คือใชที่ความเร็วมากกวา ที่เคาระบุ) เผื่อแจคพอทนะคะ เพราะการ ควบคุมคุณภาพ เคาเฉลี่ยที่ทงั้ lot ซึ่งไมได หมายความวาทุกตัว สรุปวา คุณโชคดีคะ ที่แจคพอทไป เจอที่เคาตรวจ Bad sector ไปแลว แตกวาจะ ผานมาถึงมือคุณ มันเกิด Bad sector เพิ่มนะคะ จาก เคยไดยินมาเหมือนคุณ แ ต ง ก ว า ฮารดดิสคจะถูกออกแบบใหมีความจุ มากกวาขนาดที่ ระบุนิดหนอย สําหรับเผื่อใหกับ bad secter ที่อาจจะมี ถาฮารดดิสคนั้นยังมีเนื้อที่สว นที่ดีมากกวา
134
ขนาดที่ระบุกถ็ ือวาผานมาตรฐาน สามารถขายไดไมผิดกฏหมาย และไมถือวาเปนการเอาเปรียบผู ซื้อดวย ฮารดดิสกจะมี bad sector อยูเกือบทุกตัวอยูแ ลว จะมีไมกตี่ ัวที่ไมมี bad sector เลย เขาจะ กันไวเอาไปทําฮารดดิสกความเร็วสูง สวนพวกธรรมดาเมื่อผานขึ้นตอนการผลิตในโรงงาน เขาจะ ทําเครื่องหมายไว ทําใหเครื่องมองไมเห็น และเครื่องไมควรจะเห็น คราวนี้ถาเครื่องมองเห็น แสดง วามีการผิดปกติ ซึ่งไมเปนไร เพราะถาใช Dos หรือ วินโดวส ฟอรแม็ตมันจะกันไวอกี ที แลวก็ใชได อยางปกติ ไมมีปญหาเพราะเครื่องจะไมมองและไมใช ปญหาจะมีก็ตรงที่ใชๆ ไป กลับมี bad sector มากขึ้น หรือใชๆ ไปจูๆ เกิดฟองวามี bad sector แสดงวาเริ่มมี bad sector เกินขึน้ ตรงในสวนที่ดี งานนี้ตองสงโรงงานซอมเทานั้น ทําไฟลสํารองจากฮารดดิสกแลวสงซอมเทานั้นครับ คุณกาละมะชนพูดถูกครับ HDD ปจจุบันจะมี spare sector ที่ไมใชสํารองไวอยู ถาเกิดมี sector เสีย controller บน HDD จะ mark ไว และเอา spare sector ที่เหลือมาใชแทน กลไกนี้จะ ทํางานโดยอัตโนมัติในตัว HDD เราไมอาจสังเกตหรือรูไดเลย และนี่เปน เหตุผลสําคัญที่ผูผลิตหาม ไมใหผูใชพยายาม low-level format HDD แถม HDD ปจจุบันมักจะเสียแลวเสียเลย ซอมไมไดอีก แลว เพราะ controller ไมยอม ใหเปลี่ยนแปลงขอมูลตําแหนง sector เสียตรงนี้ได วาแตคุณเจาของ กระทูขน HDD ยังไงครับ การขนยาย HDD ผิดวิธีอาจทําใหมัน ถึงกับพังได ผมเคยเห็นบางคนขน HDD ยังกะขนหนังสือธรรมดา ที่แนะนําก็คือ ใสกลอง seashell หรือถุงกันไฟฟาสถิตยและหุม ฟองน้ํากันกระแทกครับผม และ อยาเขยาหรือไปเจอกับแรงสะเทือน คิดซะวามันเปราะกวาแกว ไวน
การแกปญหาระบบคอมพิวเตอร การแกไขปญหาในการทํางานของระบบคอมพิวเตอร จําเปนที่เราตองศึกษาการทํางานของระบบ คอมพิวเตอรแตละสวนไป ทั้งทางดานฮารดแวรและซอฟตแวร โดยทําการศึกษาถึงการทํางานของสวนประกอบ แตละสวนวามีการทํางานเปนอยางไร เพื่อที่จะเปนสวนที่ใชสําหรับการวิเคราะหปญหาไดอีกทาง เมนบอรด : MAIN BOARD เมนบอรด เปนสวนประกอบที่มีขนาดใหญที่สุดในเครื่องคอมพิวเตอร ลักษณะภายนอกจะเหมือนกับวง แผงวงจรไฟฟาทั่วไป โดยมีชิพไอซีและขั้วตอตางๆมากมายอยูบนตัวมันเพื่อใชในการควบคุมของอุปกรณตอพวง ไมวาจะเปน ซีพียู, หนวยความจํา, การดขยายตางๆ, ฮารดดิสก, ฟลอปปดิสก, ซีดีรอมไดรว ฯลฯ อุปกรณเหลานี้ แมจะมีความสําคัญเพียงใด ก็ไมสามารถทํางานไดถาไมติดตั้งลงบนเมนบอรด
สวนประกอบที่สําคัญบนเมนบอรด
135 1. ชุดชิพเซ็ต ชิพเซ็ตเปนหัวใจของเครื่องคอมพิวเตอร การทํางานของชิพเซ็ตนั้นเปรียบ
เสมือนลามแปรภาษาตางๆ ใหอุปกรณแตละชิ้นที่อยูบนเมนบอรดเขาใจและทํางานรวมกันไดอยางราบรื่น และมี ประสิทธิภาพสูงสุด โดยชุดชิพเซ็ตนี้จะประกอบดวยไอซีสองตัว(หรือมากกวาในชิพเซ็ตรุนใหมๆ) นั่นคือชิพเซ็ต ที่เรียกกันงายๆ วา North Bridge หรือที่เรียกอยางเปนทางการวา System Controller หรือ AGP Set และตัวที่สองคือ South Bridge เรียกเปนทางการวา PCI to ISA Bridge System Controller หรือ North Bridge ชิพเซ็ตตัวนี้จะมีหนาที่ควบคุมการทํางานของอุปกรณที่ทํางานดวยความเร็วสูงกวาอุปกรณอื่นๆ บน เมนบอรด อุปกรณเหลานี้ไดแกซีพียู, หนวยความจําแคชระดับสอง หรือ L2 cache หนวยความจําหลักหรือ RAM, ระบบกราฟกบัสแบบ AGP(Accelerated Graphic Port) ระบบบัส PCI PCI to ISA Bridge หรือ South Bridge ชิพเซ็ตตัวนี้จะรับภาระที่เบากวาตัวแรก คือเปนอุปกรณที่ใชเชื่อมตอระหวางระบบบัสแบบ PCI กับ อุปกรณอื่นๆ ที่มีความเร็วต่ํากวาตัวมัน เชนระบบบัสแบบ ISA, ระบบบัสอนุกรมแบบ USB, ชิพ คอนโทรลเลอร IDE, ชิพหนวยความจํารอมไบออส,ฟลอปปดิสก, คียบอรด, PS/2 เมาส, พอรทอนุกรมและ พอรทขนาน ชุดชิพเซ็ตนี้จะมีอยูดวยกันหลายบริษัทเชนเดียวกับซีพียู ทําใหเกิดการสับสนในการเลือกใชงาน โดย การพิจารณาวาจะใชชิพเซ็ตรุนใด ยี่หอใดตองพิจารณาจากซีพียูที่เราเลือกใชเพื่อเปนหลักในการเลือกชิพเซ็ตนั้นๆ ซึ่งจะกลาวถึงรายละเอียดอีกครั้ง
2. ROM BIOS& Battery Backup ROM BIOS : Basic Input Output System หรือบางครั้งอาจเรียกวา CMOS เปนชิพหนวยความจําที่
ใชเก็บขอมูล และโปรแกรมขนาดเล็ก ที่จําเปนตอการบูตระบบของเครื่องคอมพิวเตอร ซึ่งในอดีตสวนของ ROM BIOS จะแยกเปนสองสวนคือ ไบออสและซีมอส หนาที่ของไบออสคือ เก็บขอมูลพื้นฐานที่จําเปนตอ การบูตระบบของเครื่องคอมพิวเตอร สวนซีมอสทําหนาที่เก็บโปรแกรมขนาดเล็กที่จะใชในการบูตระบบซึ่งผูใช สาสมารถที่จะเปลี่ยนแปลงขอมูลภายในซีมอสนี้ได ในปจจุบันมีการนําเอาทั้งสองสวนมารวมไวดวยกัน และเรียกชื่อใหมวา ROM BIOS ดังนั้นบน เมนบอรดรุนใหมๆ จะไมมีซีมอสอยู เมื่อมีการรวมกันผลคือมีขอมูลบางสวนที่อยูภายในชิพรอมไบออสนั้น ตองการพลังงานไฟฟามาหลอเลี้ยงเพื่อรักษาขอมูลไว ทําใหจําเปนตองมีแบตเตอรี่แบคอัพบนเมนบอรด ซึ่ง แบตเตอรี่แบคอัพนี้ยอมมีวันที่จะหมดอายุเชนกัน ยี่หอของรอมไบออสที่นิยมใชในปจจุบันมีอยูสามยี่หอดวยกันนั่นคือ Award, AMI, Phoenix ซึ่ง ไบออสของ Award จะไดรับความนิยมมากที่สุดในเครื่องประเภทขายปลีก(Retail คือตลาดของผูใชทั่วไป) สวน AMI จะรองลงมา ในสวนของ Phoenix นั้นมักจะใชในเครื่องแบรนดเนมเปนสวนใหญ ประสิทธิภาพ ของไบออสนั้นจะใกลเคียงกัน ตางกันเฉพาะรายละเอียดในการปรับแตงเทานั้น 3.หนวยความจําแคช ระดับสอง : Level 2 Cache L2 cache ทําหนาที่เปนหนวยความจําสํารองหรือ บัฟเฟอร ใหกับซีพียู โดยพื้นฐานความคิดมาจาก ปญหาอุปกรณที่ทํางานดวยความเร็วสูงในคอมพิวเตอรมักเสียวลาสวนหนึ่งไปกับการรออุปกรณที่ทํางานชากวา ทํางานใหเสร็จสิ้นเสียกอน อุปกรณที่ทํางานดวยความเร็วสูงนั้นจึงจะสามารถทํางานไดตอไป
136 จากอดีต เมื่อซีพียูตองการขอมูลสักชุดตองไปคนหาและเรียกขอมูลจากฮารดดิสกซึ่งทํางานชากวาซีพียู อยูมาก หรือถาตองการคําสั่งที่จะนําไปประมวลผล ซีพียูก็ตองเขาไปเรียกหาจาก RAM ซึ่งมีความเร็วต่ํากวาซีพียู อยูดี ความมุงหมายในการนําหนวยความจําแคชระดับสองมาใชในชวงกอนก็เพื่อลดชองวางระหวางความเร็ว ของซีพียู และหนวยความจําหลัก RAM นั่นเอง โดยหนวยความจําแคชระดับสองบนเมนบอรดจะทําหนาที่ดึง ชุดขอมูลในลําดับถัดไปหรือชุดคําสั่งในลําดับตอๆ ไปหลายๆ ชุดจากฮารดดิสกหรือหนวยความจําหลักที่ทํางาน ชากวามาเก็บไวที่ตัวเองในระหวางที่ซีพียูกําลังทําการประมวลผลอยู เมื่อซีพพียูตองการขอมูลหรือชุดคําสั่งชุด ตอไปก็จะทําการเรียกใชจากแคชระดับสองซึ่งทํางานเร็วกวา RAM หรือฮารดดิสก ที่ทํางานชากวา ตามหลักการแลว ขนาดของแคชระดับสอง ถามีมากยิ่งจะทําใหซีพียูทํางานเร็วขึ้น แตเนื่องจาก หนวยความจําแคชระดับสองซึ่งเปน SRAM : Static RAM มีราคาแพง และโอกาสที่ซีพียูจะเรียกชุดคําสั่ง ในตําแหนงเดิม หรือตําแหนงที่อยูติดกันนั้นไมไดมีอยูตลอดเวลา ทําใหแคชระดับสองมีขนาดไมใหญนัก โดย มาตรฐานจะอยูที่ 512 KB และอยูบนเมนบอรด(ปจจุบันยายไปอยูในตัวซีพียู ในขนาดเทาๆ เดิม แตมีความเร็วที่ มากกวาคือความเร็วเทากับซีพียู) 4.ซ็อคเก็ต หรือสล็อตสําหรับติดตั้งซีพียู ซ็อกเก็ต หรือสล็อต ที่อยูบนเมนบอรดนั้น เปนอุปกรที่ชวยใหการติดตั้งซีพียูลงบน เมนบอรด ซึ่งเริ่มใชในซีพียูรุน 80386 ซึ่งตอนนั้นยังไมมีคานชวยสําหรับการถอดประกอบ โดยเริ่มมีคานชวย ในการถอดประกอบในซ็อกเก็ตแบบ Socket 3 ใชกับซีพียู 80486 โดยซ็อกเก็ตแตละตัวจะใชกับซีพียูในแต ละรุนไป ดังนี้(จะกลาวเฉพาะที่มีใชโดยทั่วไปในปจจุบันที่มีอยูเทานั้น) • Socket 3 ใชกับซีพียู ที่มีจํานวนขา 237 ขา 80486 SX, 80486DX2, 80486DX4 • Socket 5 ใชกับซีพียู ที่มีจํานวนขา 320 ขา Pentium 75-133, K5, Cyrix6x86MI • Socket 7 ใชกับซีพียู ที่มีจํานวนขา 321 ขา Pentium MMX,K6-2, K6-3, Cyrix MII • Socket 370ใชกับซีพียู ที่มีจํานวนขา 370 ขา Celeron, Celeron II, Pentium III Cumine • Socket 423ใชกับซีพียู Pentium 4 • Socket A ใชกับซีพียู 462 ขา Duron, Atlon Thunder Bird บางรุน • Slot I ใชกับซีพียู 242 ขา Pentium II, Pentium III, Celeron บางรุน ใชกับซีพียู 242 ขา Athlon, Athlon ThunderBird • Slot A 5.ซ็อกเก็ตสําหรับ หนวยความจําหลัก RAM ในชวงแรกๆ นั้น ซ็อกเก็ตที่ใชสําหรับการติดตั้ง RAM จะเปนแบบ SIMM : Single Inline Memory Module ที่รองรับ RAM ที่มีขาสัญญาณ 30 ขา สามารถเพิ่มหนวยความจําไดสูงสุดไมเกิน 2 Bank หรือ 8 สล็อต (เปนหนวยความจําแบบ 8 บิต) มีความจุแผงละ 1 – 4 MB เทานั้น ถัดมามีการพัฒนาเปนแบบซ็อกเก็ตติดตั้ง RAM แบบ SIMM 72 ขา เปน RAM แบบ 32 บิต มี ขนาดความจุตั้งแต 4 – 32 MB ซึ่งเมื่อนําไปใชกับซีพียูที่เปนแบบ 64 บิต เชน Pentuim จึงตองใชสองแผง จึงจะรองรับการทํางานรวมกับซีพียูไดดี ตอมาในชิพเซ็ตรุน 430 VX ซึ่งสามารถรองรับหนวยความจํารุนใหมคือแบบ DIMM : Dual Inline Memory Module 168 ขา 64 บิต ซึ่งมีทั้ง EDO RAM และ SDRAM ซึ่งมีความเร็วสูงกวา SIMM RAM มาก และเปน RAM มาตรฐานสําหรับคอมพิวเตอรจนถึงปจจุบัน (ขณะนี้ RAM ที่ออกมาใชกับเครื่องคอมพิวเตอรจะมีที่มาแรงคือ DDR SDRAM ใชงานกับซีพียู Pentuim 4, Duron, Athlon ThunderBird)
137 6.สล็อตสําหรับเสียบการดเพิ่มขยายตางๆ
จากยุคเริ่มแรกที่เปนสล็อตแบบ ISA ซึ่งเปนแบบ 8 บิต ทํางานที่ความเร็ว 8 MHz ตอมา พัฒนาขึ้นเปนแบบ 16 บิต เพื่อเพิ่มความเร็วใหสามารถรองรับอุปกรณใหมๆ ที่มีความเร็วในการทํางานสูงได ตอมาไดพัฒนาระบบบัสแบบ Vesa ISA 32 บิต ความเร็ว 33 MHz ขึ้นมาแตยังคงความยาวเอาไวเพื่อใชกับ การด ISA แบบเดิม ซึ่งเปนขอจํากัดของบัสแบบ Vesa ISA ตอมาทาง Intel ไดทําการออกแบบสล็อตแบบ ใหมที่เรียกวา PCI เขามาแทนที่สล็อตแบบ Vesa ISA ดวยคุณสมบัติที่เทากัน แตขอไดเปรียบคือมีขนาดที่สั้น กวา และยังสะดวกในการติดตั้งและอัพเกรดในตอนหลังอีกดวย แตความเร็วของ PCI ยังไมเพียงพอตอการใช งานรวมกับการดแสดงผลรุนใหมที่เปนแบบสามมิติ และมีชิพเรงความเร็วสามมิติอยูในตัวได จึงตองมีการพัฒนา ระบบบัสขึ้นมาสเพื่อใชงานรวมกับการดแสดงผลแบบใหมนี้ซึ่งเรียกวา AGP : Accerelated Graphic Port แบบ 32 บิต ความเร็วสูงถึง 100 MHz (AGP Port จะมีเพียง 1 Slot เทานั้นบนเมนบอรด) 7. วงจรควบคุมการจายไฟใหกับซีพียู หรือ Voltage Regulator บนเมนบอรดจะมีวงจรจายไฟใหกับซีพียูอยูอีชุดหนึ่ง โดยแยกจาก Power Supply ในเมนบอรดรุน เกาจะเปนแบบ Linear ซึ่งมีขอดอยคือไมสามารถรองรับกับซีพียูที่มีความเร็วสูงได จึงไดเปลี่ยนมาเปนแบบ Switching แทนเพื่อใหกระแสไฟฟาที่จายออกมามีความบริสุทธิ์พอ การสังเกตวาบน เมนบอรดนั้นมีวงจรจายไฟใหกับซีพียูเปนแบบใด ถาเปนแบบ Switching ใกลๆ ซอกเก็ต หรือสล็อตที่ใชติดตั้งซีพียูนั้นจะมีขดลวดทองแดงที่พันอยูบนแกนทรงวงแหวนอยางนอย สองวง แตถาวงจรควบคุมการจายไฟเปนแบบ Linear จะไมมีวงแหวนนี้ แตจะเปน IC Regulator แบบ 3 ขา แทน 8. วงจรกําเนิดสัญญาณนาฬิกา วงจรสัญญาณนาฬิกาสรางจากวงจรที่เรียกวา Oscillator หรือวงจรกําเนิดความถี่สัญญาณนาฬิกา ซึ่ง การตั้งคาความเร็วของสัญญาณนาฬิกาของระบบบัสที่ใชกับซีพียูแตละรุนนั้น คือการแจงหรือกําหนดใหวงจร กําเนิดความถี่สัญญาณนาฬิกกานี้ผลิตความถี่ที่ซีพียูแตละรุนตองการนั่นเอง ซึ่งเมื่อไดรับความถี่ที่ตองการแลว ภายในตัวซีพียูเองจะมีสวนที่เรียกวาวงจรอัตราการคูณสัญญาณนาฬิกาภายในทําหนาที่เพิ่มความถี่ของสัญญาณ นาฬิการะบบที่ไดรับมาอีกครั้งหนึ่ง เชนซีพียู Pentuim II 450 MHz ระบบบัสเทากับ 100 MHz ตัวคูณที่ ใชจะเปน 4.5(100X4.5=450) 9. ชิพควบคุมพอรตชนิดตางๆ หรือ Multi I/O (Multi Input Output) เปนชิพที่ควบคุมการทํางานของอุปกรณความเร็วต่ําเชน พอรตอนุกรม(Serial),พอรตขนาน (parallel),พอรต PS/2 ของคียบอรดและเมาส,พอรตอินฟราเรดและฟลอปปดิสกคอนโทรลเลอร เทคโนโลยี ในสวนนี้แทบไมมีการเปลี่ยนแปลงมานานแลว เนื่องจากอุปกรณตางๆ ที่ชิพตัวนี้ควบคุมอยูมีการทํางานที่ ความเร็วต่ําพอที่ชิพในปจจุบันสามารถที่จะควบคุมไดโดยไมตองมีการพัฒนา การเปลี่ยนแปลงในสวนนี้อาจมีบางในสวนของพอรตอนุกรม ซึ่งในยุคแรกจะใชชิพ UART 8255 หรือ 16540 ที่รองรับความเร็วในการรับสงขอมูลที่ความเร็ว 14.4 kbps เทานั้นซึ่งไมเพียงพอ ถาหากมีการใช อุปกรณเชนโมเด็มที่ใชการเชื่อมตอผานพอรตอนุกรมนี้และทํางานดวยความเร็วสูงกวา 14.4 kbps ทําใหมีการ พัฒนาชิพตัวนี้ไปเปนรุน16550 เพื่อใหสามารถรองรับความเร็วในการรับสงขอมูลผานพอรตอนุกรมไดเกินกวา 14.4 kbps 10. จัมเปอรและดิพสวิทช
ใชสําหรับการตั้งคาตางๆ บนเมนบอรดโดยมีรูปรางลักษณะตางกัน แตถูกนํามาใชงานในจุดประสงค เดียวกัน คือใชสําหรับการตั้งคาใหกับอุปกรณที่ติดตั้งบนเมนบอรดใหทํางานตามที่เราตองการ เชน
138 ใชตั้งคาอัตราตัวคูณใหกับซีพียู • ใชตั้งคาแรงดันไฟเลี้ยงที่จะปอนใหกับซีพียู • ใชตั้งคาสัญญาณนาฬิกาของระบบ • ใชสําหรับการลบคาที่บันทึกไวใน CMOS แตเดิมนั้นจะมีเฉพาะจัมเปอรซึ่งมีลักษณะเปนหลักตอที่เวลาจะเลือกใชจะตองมีแคพเปนตัว เชื่อมตอ ซึ่งการเสียแคพเขากับจัมเปอรตองใหตรงกับหลักนั้นทําไดยากพอสมควรเนื่องจากจัมเปอรมีขนาดเล็ก มาก ตอมาจึงมีการนําเอาดิพสวิทชมาใชแทนซึ่งสามารถใชงานไดงายกวา และมีสีสันที่สังเกตไดงายกวาดวย 11. คอนเน็คเตอรและพอรตชนิดตางๆ คอนเน็คเตอรและพอรตที่อยูบนเมนบอรดนั้นจะมีอยูหลายชนิด เชน • Primary IDE Connector เปนคอนเน็คเตอรขนาด 40 ขา ใชเชื่อมตอกับอุปกรณที่ใชมาตรฐานการเชื่อมตอแบบ EIDE สามารถใชงานพรอมกันได 2 ตัว เปนคอนเน็คเตอรขนาด 40 ขา ใชเชื่อมตอกับอุปกรณที่ใช • Secondary IDE Connector มาตรฐานการเชื่อมตอแบบ EIDE สามารถใชงานพรอมกันได 2 ตัว • Floppy Disk Connector คอนเน็คเตอรขนาด 34 ขา ใชตอกับฟลอปปดิสกไดรว • AT/ATX Power Connector ขั้วสําหรับรองรับขั้วตอสายไฟจากเพาเวอรซัพพลาย แบบ AT จะเปนแบบ12 ขั้วเรียงกัน พบในเมนบอรดรุนเกา สวนแบบ ATX จะมี 20 ขา (เปนแบบสองแถวคู) • Serial Port Connector มีรูปทรงคลายกับตัว D ในภาษาอังกฤษ บางครั้งเรียกวา DB-9 มี 9 ขา อยูภายนอกเครื่อง มีสองพอรทใชเชื่อมตอกับอุปกรณ ภายนอก เชน เมาส หรือโมเด็ม • Parallel Port Connector มีรูทรงเหมือนกับ Serial Port แตมี 25 ขา เรียกวา DB-25 ใช สําหรับการเชื่อมตอเขากับ Printer (หรือเรียกโดยทั่วไปวา พอรท พรินเตอร) • PS/2 Port เปนพอรทมาตรฐาน DIN 6 ขนาดใหญมี 5 ขาสัญญาณใชกับ AT Style เชื่อมตอกับคียบอรดเทานั้น อีกตัวหนึ่งเปน DIN 6 เล็ก ใช กับคียบอรดและเมาสแบบ PS/2 หัวตอเล็ก • USB Connector มีลักษณะเปนรูปสี่เหลี่ยมผืนผาแบนๆ มีสองพอรท ใชสําหรับ การเชื่อมตอกับอุปกรณรุนใหมๆที่ใชงานผานทางพอรทนี้ สวนใหญใน บอรดแบบ ATX จะติดตั้งบนเมนบอรดเลย แตถาเปนแบบ AT จะมี เฉพาะขั้วตอบนบอรดตองหาการด USB(Universal Serial BUS) มาตอเพิ่มเอง •
พอรทอื่นๆ บนเมนบอรด •
IrDA Infrare Module Connector เปนหลักตอแบบ 5 Pin บนบอรด ใชสําหรับเชื่อมตอกับ
อุปกรณที่ควบคุมดวยลําแสงอินฟราเรด สวนใหญเปนอุปกรณ ประเภทไรสาย เชน เมาส กลองดิจิตอล เปนตน
139 •
Wake-Up on LAN Connector
ใชคูกับการด LAN ที่สนับสนุนคุณสมบัตินี้ และตองเปดใช
คุณ สมบัติในไบออสในหัวขอ Wake-Up on LAN ดวย ใชสําหรับ การควบคุมปด-เปดเครื่องผานระบบ LAN • Modem Wake UP Connector ใชรวมกับการดโมเด็มแบบติดตั้งภายใน จุดประสงคเพื่อเปด เครื่องผานโมเด็ม ตองมีการตั้งคาในไบออสหัวขอ Resume by Ring ใหเปน Enable
*******************************************************************
การใชงาน Defrag ฮารดดิสก เพื่อเพิ่มความเร็วใหกับการทํางานของระบบ การทํา Defrag ฮารดดิสกหรือ Disk Defragmenter ก็คือการทําการจัดเรียงขอมูลของไฟลตาง ๆ ที่เก็บอยูใน ฮารดดิสก ใหมีความตอเนื่องหรือเรียงเปนระบบตอ ๆ กันไป ประโยชนที่จะไดรับคือ ความเร็วในการอานขอมูล ของไฟลนั้น จะมีการอานขอมูล ไดเร็วขึ้น ยกตัวอยางงาย ๆ เชนถาหากมีไฟลที่เก็บอยูในฮารดดิสก ที่มีการเก็บ ขอมูลแบบกระจัดกระจายอยูทั่วไป เมื่อตองการอาน ขอมูลของไฟลนั้น หัวอานของฮารดดิสกก็จะตองมีการ เคลื่อนยายไปมาเพื่อทําการอานขอมูลจบครบ หากเรามีการทํา Defrag ฮารดดิสก แลวจะทําใหการเก็บขอมูลจะมี ความตอเนื่องกันมากขึ้น เมื่อตองการอานขอมูลนั้น หัวอานของฮารดดิสกจะสามารถอานได โดยไมตอง เคลื่อนยายหัวอานบอยหรือมากเกินไป จะทําใหใชเวลาในการอานไดเร็วขึ้นที่จริงแลว ยังมีโปรแกรมของบริษัท อื่น ๆ อีกหลายตัวที่สามารถทําการจัดเรียงขอมูลใหมีความตอเนื่องกันได เชน Speed disk ของ Norton และอื่น ๆ อีกมาก แตในที่นี้จะขอแนะนําหลักการของการใชโปรแกรม Disk Defragmenter ที่มีมาใหกับ Windows อยูแลว ไมตองไปคนหาจากที่อื่นครับ ขอแนะนํากอนใชโปรแกรม Disk Defragmenter เพื่อใหการใชงาน Disk Defragmenter มีประสิทธิภาพมากที่สุด กอนการเรียกใชโปรแกรม Disk Defragmenter ควรจะเรียกโปรแกรม Walign กอนเพื่อการจัดเรียงลําดับของไฟลที่ใชงานบอย ๆ ใหมาอยูในลําดับตน ๆ ของ ฮารดดิสกครับ โดยที่โปรแกรม Walign จะทําหนาที่จัดเก็บขอมูลการใชงานไฟล ที่มีการเรียกใชบอย ๆ ไว และ นํามาจัดการเรียงลําดับ ใหอยูในสวนแรก ๆ ของฮารดดิสก ดังนั้นการที่เราเรียกโปรแกรม Walign กอนการทํา
140 Disk Defragmenter จะเปนการเพิ่มความเร็วของการอานขอมูลไดอีกทางหนึ่ง โปรแกรม Walign จะอยูใน Folder C:\WINDOWS\SYSTEM\Walign.exe ครับ เปดโดยการเขาไปใน My Computer และเลือกไฟล
กดดับเบิลคลิกที่ไฟล Walign เพื่อเรียกไฟล Walign.exe
โปรแกรมจะเริ่มตนการ Tuning up Application เมื่อเสร็จแลวจึงทําการ Defrag ตอไป นอกจากนี้ สิ่งที่สําคัญมาก ๆ ในการทํา Disk Defrag คือตองปดโปรแกรมตาง ๆ ที่ทํางานอยูในขณะนั้นใหหมด กอน เชน Screen Saver, Winamp หรือโปรแกรมอื่น ๆ ที่จะตองทําใหมีการอาน-เขียน ฮารดดิสก บอย ๆ เพราะวา เมื่อใดก็ตามที่ฮารดดิสกมีการอาน-เขียนขอมูล จะทําใหโปรแกรม Disk Defragment เริ่มตนการทํา Defrag ใหม ทุกครั้ง ทําใหการทํา Defrag ไมยอมเสร็จงาย ๆ หรืออาจจะใชวิธีเขา Windows แบบ Self Mode โดยการกด F8 เมื่อเปดเครื่องเพื่อเขาหนาเมนู และเลือกเขา Self Mode แทนก็ได การเรียกใชโปรแกรม Disk Defragmenter เรียกใชโปรแกรม Disk Defragmenter โดยการกดเลือกที่ Start Menu เลือกที่ Programs และเลือก Accessories เลือกที่ System Tools และเลือก Disk Defragmenter ตามรูปตัวอยาง
141
เลือกที่ Disk Defragmenter เพื่อเรียกใชโปรแกรม Defrag
เลือกที่ Drive ที่ตองการทํา Defrag และกด OK เพื่อเริ่มตนการทํา Defrag หรืออาจจะเลือกที่ Settings... เพื่อทําการ ตั้งคาตาง ๆ กอนก็ได
142 Rearrange program files... เลือกถาตองการใหมีการจัดเรียงลําดับการเก็บขอมูลของไฟล Check the drive... เลือกถาตองการใหมีการตรวจสอบฮารดดิสกกอนการทํา Defrag This time only เลือกถาตองการใหการตั้งคาขางบน มีผลเฉพาะการเรียก Disk Defragmenter ในครั้งนี้เทานั้น Every time I degragment... เลือกถาตองการเก็บคาที่ตั้งไวใหใชตลอดไปโดยไมตองเขามาเลือกใหม เมื่อเลือกไดแลวก็กด OK (แตขอแนะนําใหเลือกใชคาที่ตั้งไวอยูแลว จะดีกวาครับ)
เมื่อกด OK ก็จะเริ่มตนการทํา Disk Defragment ซึ่งระยะเวลาที่ใช จะคอนขางนานมากนะครับ ประมาณ 1-4 ชม. ทีเดียว ดังนั้นก็นาน ๆ ทําสักครั้งก็พอ ไมตองทําบอยนัก ถาสงสารฮารดดิสกที่ตองมีการทํางานที่หนัก ๆ มากครับ โดยสวนตัวผมแนะนําวา ถาไมมีการลงโปรแกรมตาง ๆ บอยนักก็ไมจําเปนตองทําก็ได แตถาหากรูสึกวา ฮารดดิสกทํางานชาลงไป ก็ลองทําดูสักครั้งครับ ขอควรระวังในการทํา Defrag ฮารดดิสก ขณะที่กําลังทําการ Defrag หากตองการยกเลิกการทํางาน จะตองกดที่ Stop เทานั้น หามปดเครื่องหรือกดปุม Reset เปนอันขาด ไมเชนนั้นขอมูลในฮารดดิสกของคุณอาจจะสูญหายไดครับ
การใชงาน Scan Disk สําหรับตรวจสอบขอผิดพลาดของ ฮารดดิสก Scandisk เปนโปรแกรมที่ใชสําหรับ ทําการตรวจสอบการทํางาน และความบกพรองของฮารดดิสก และระบบ ไฟลของ Windows ในเบื้องตน เมื่อใชงาน Windows ไปนาน ๆ และรูสึกวาการทํางานตาง ๆ ของ Windows เริ่ม จะมีปญหา อาจจะใชโปรแกรม Scandisk เพื่อทําการตรวจสอบ ฮารดดิสกและระบบไฟลตาง ๆ ของ Windows ได รวมทั้งการแกไขปญหาของระบบไฟล ถาหากการเสียหายนั้นไมมากจนเกินไป การเรียกใชโปรแกรม Scandiskเรียกใชโปรแกรม Scandisk โดยการกดเลือกที่ Start Menu เลือกที่ Programs และ เลือก Accessories เลือกที่ System Tools และเลือก Scandisk ตามรูปตัวอยาง
143
กดเลือกที่ Scandisk เพื่อเริ่มตนการทํางานของโปรแกรม
หนาตาของเมนูการเลือก Scandisk ซึ่งมีรายละเอียดตาง ๆ ดังนี้Select the drive(s) คือชองสําหรับเลือกฮารดดิสก ที่ตองการทําการตรวจสอบStandard จะเปนการตรวจสอบเฉพาะระบบไฟลตาง ๆ เทานั้นThorough จะเปนการ ตรวจสอบระบบไฟลตาง ๆ และทําการทดสอบพื้นที่ใชงานดวยวามีปญหาหรือไม Automatically fix errors เปนการกําหนดใหทําการแกไขปญหาที่พบโดยอัตโนมัติ เมื่อพบขอผิดพลาดขึ้นเมื่อ เลือกคาตาง ๆ ไดเรียบรอยแลวก็กดที่ Start เพื่อเริ่มตนการทําการตรวจสอบฮารดดิสกไดเลย ในที่นี้ หาก ฮารดดิสก ไมไดมีปญหาอะไรมากนัก ก็ทําแบบ Standard ก็พอแลว แตถาหากเปนฮารดดิสกที่สงสัยวาใกลจะเสีย หรือคิดวาปญหาเกิดจาก ฮารดดิสกแลว ใหเลือกที่ Thorough ครับซึ่งจะทําการตรวจสอบพื้นผิวไดดีกวา (แตก็จะ ใชเวลานานดวย)
144
หนานี้ คือรายงานผลของการตรวจสอบเมื่อสิ้นสุดครับ จะเปนรายละเอียดตาง ๆ ของฮารดดิสกที่ทําการตรวจสอบ การเลือกคาตาง ๆ ในแบบ Advanced นอกจากนี้แลว ยังสามารถทําการเลือกคาตาง ๆ แบบ Advanced ไดดวยโดยการกดเลือกที่ปุม Advanced...
เปนการเลือกคาตาง ๆ ดังนี้ System and data areas คือเลือกทําการตรวจสอบในสวนของไฟลระบบ และไฟลขอมูล System area only คือเลือกทําการตรวจสอบในสวนของไฟลระบบเทานั้น Data area only คือเลือกทําการตรวจสอบในสวนของไฟลขอมูลเทานั้น Do not perform write-testing คือการเลือกใหไมตองทําการทดสอบการเขียนขอมูลลงฮารดดิสก Do not repair bad sectors... คือการเลือกใหไมทําการซอมแซมไฟลที่เสียหาย หากเปนไฟลของระบบหรือไฟลที่ ซอนไว เลือกคาตาง ๆ แลวกดที่ OK
145 การเลือกคาตาง ๆ ในเมนู Options หากเราทําการเลือกการตรวจสอบแบบ Thorough จะสามารถเลือกที่ Options เพิ่มเติมไดดวย ก็ลองดูรายละเอียด ดานในกัน
รายละเอียดตาง ๆ ในเมนู Options ซึ่งก็จะสามารถเลือกคาตาง ๆ ตามใจชอบได แตที่จริงก็คงไมจําเปนเทาไรนัก หรอกครับ ใชตามที่มีตั้งมาใหแบบนี้นะแหละดีแลว หรือหากใครอยากเปลี่ยนแปลงก็ทดลองไดเลยครับสรุปวา ปกติก็คงไมตองทําการ Scandisk บอยนัก แตถาหากมีความรูสึกวา ฮารดดิสกเริ่มมีการทํางานแบบแปลก ๆ ไปก็ ลองเขามาทําการตรวจสอบกันดูบางสักครั้งก็ดีครับ
การตอสาย LAN การตอสายของระบบ LAN จะมีสองแบบหลักๆคือ Bus และ Star ถาจะตอแบบประหยัด ก็ใชแบบ Bus เพราะไมตอ งใช HUB แตวาหากเครื่องในระบบมากอาจจะเกิดปญหา จุกจิกได เนื่องจากสายหลุด หรือสายขาดเพียงจุดใดจุดหนึ่งก็จะทําใหระบบไมสามารถ ใชงานไดทั้งหมด เราลองมาดูเลยวาตอยังไง
146
ระบบ Star เมื่อสายขาด หรือ หลุดเสียหายจะมีผลกระทบกับคอมพิวเตอรเพียงเครื่อง เดียวเทานั้น สาย สายที่ใชในระบบ Bus จะเปนสาย Coaxial คลายๆสายอากาศทีวี สวนสายในระบบ Star จะเปนสาย UTP หรือเรียกแบบไทยๆวาสายคูตีเกลียว จะมี 4 คู หรือนับทั้งหมดได 8 เสน การตอสายในกรณีใชกับ HUB ดังรูป จะตอสายแบบปกติ pin ตอ pin ไมมีการสลับ สวนการตอแบบ Cross นั้นจะกลาวตอไปวาใชเมื่อไหรอยางไร การตอแบบ Bus จะ วุนวายกวานิดหนอย คือจะตองมี T-Connector และ Terminator มาวุนวาย การตอ ก็จะ ตอดังรูป ใหนํา T-Connector ตอกับการด LAN ที่เครื่องคอมพิวเตอรทุกตัวจากนั้น เครื่อง หัว-ทาย ให ปดดวย Terminator เพื่อใหสัญญาณวนครบตลอดทั้งระบบ Bus ตอแบบ 2 เครื่องโดยใชสาย UTP การตอแบบนี้จะใชไดแค 2 เครื่องเทานั้นไม สามารถขยายไดอีกเลยเพราะจะตองใชสาย UTP แบบ Cross เทานั้น
147
สาย Cross สามารถหาซือ ้ ไดตามรานขายอุปกรณและสาย Network ทั่วไป ตอ Star ใช HUB หลายตัว การขยาย HUB เพื่อเพิ่ม Port ใหมากขึ้นกวาเดิม จะมี การตออยูสามสี่แบบคราวๆ ตอไปนี้ 1. HUB บางยี่หอมีตัวตอพิเศษที่สามารถนํา HUB ยี่หอและรุนเดียวกันอีกตัวมาซอนทับ ไดเลยทันที 2. ถา HUB ที่มีหัว BNC (แบบที่ใชตอสาย Coaxial) สามารถตอเชื่อมกันดวยสาย Coaxial จะไดประหยัด Port 3. ถา HUB ที่ไมมีหัว BNC จะมีชองเสียบสาย UTP อยู 1 Port เขียนวา UP-LINK ใหใช สาย UTP แบบธรรมดา (ไมใชสาย Cross) เสียบชอง UP-LINK และไปเสียบที่ชอง ธรรมดา (ไมใชชอง UP-LINK) ของอีก HUB นึง 4. ถาไมมีชอง UP-LINK ใหใชสาย Cross ตอระหวาง Port ใด Port หนึ่งก็ไดระหวาง HUB สองตัว อุปกรณ เนื่องจากการตอLanมีหลายแบบและอุปกรณที่ใชก็มีแตกตางกันไปแตที่นี้จะกลาวถึง เฉพาะแบบ BUS ซึ่งเปนการตอ Computer ทุกตัวกับ สาย Cable ตามแนวของสาย Cable[โดยใชสายCoaxial] [เขาวากันวาใชความยาวไดถึง185 เมตร?] ขอดีของแบบ BUS ก็คืองาย และ ประหยัด ทีนี้ก็เริ่มเลยครับวาตองใชอะไรบาง 1.Lan Card เทา จํานวนComputer ที่ตองการตอ จะเปนแบบ PCI[เขาวาเร็ว] หรือ ISA ก็ได โดยใหมีขั้วตอแบบ BNC ดวย [เพราะบางCardจะมีเฉพาะRJ-45 ,บางอันมีครบ3 อยางคือมี AUI ดวย]
2. T-Connectorเทาจํานวน Lan Card , Terminator2 อัน [ 50 ohm] สําหรับปดเครื่อง หัว-ทาย สําหรับTerminator ถาฉุกเฉินจริงๆ ก็ใช ความตานทาน 50 ohm1/2 watt แทนไปกอนก็ไดครับ
148
3.สาย Coaxial RG 58 ซึง่ เปนสาย 50 ohm [พรอม BNC Connector ] จํานวนตามที่ ตองการตอ [สายที่ใชกับTV ใชไมไดนะครับ เพราะสาย TV เปน สาย 75 ohm] ถาทาน พอจะมีความรูทางชาง อยูบาง จะซื้อสาย Coaxial กับ ขั้ว BNC มาตอเองก็ไดครับ
รูปแสดงการเชื่อมโยงระหวางCom.ที่ขั้ว BNC
149
ในกรณีที่เราจะใชขั้วตอที่ RJ-45 Connector ตองใชสาย UTP[ซึ่งเปนสาย 100 ohm] [เห็นเขาวากันวาใชความยาวระหวางจุดไดถึง 100 เมตร ?] ความหมายแตละขาของRJ-45 Connector
วิธีการนับลําดับสาย
150
การตอสายเขากับConnector ทั้ง 2 ปลายสาย แบงไดเปน 2 กรณี คือ [1]ตอตรงระหวาง Computer 2 เครื่อง[ตอไดแค 2 เครื่อง?] โดยไมมี HUB Com.1 ลําดับสาย Com.2 White/Orange 1 White/Green Orange 2 Green White/Green 3 White/Orange Blue 4 Blue White/Blue 5 White/Blue Green 6 Orange White/Brown 7 White/Brown Brown 8 Brown สรุปคือ Cross สาย 1-3 , 2-6 ,3-1 & 6-2 สวนขาอื่นเหมือนเดิม [2] ตอจาก Computer ไปยัง HUB Com. ลําดับสาย Hub White/Orange 1 White/Orange Orange 2 Orange White/Green 3 White/Green Blue 4 Blue White/Blue 5 White/Blue Green 6 Green White/Brown 7 White/Brown Brown 8 Brown สรุปไมตอง Cross สายเลย [หมายเหตุกรณีที่เราตอใชที่ ขั้ว RJ-45 Connector ที่ขั้ว BNC -Connectorก็จะปลอย วางไวไมตอง ใสT-Connectorไว] การติดตัง ้ LAN CARD กอนอื่นที่ตองทําก็คือ ปดสวิทชเครื่องดึงปลั๊กออกแลวเปดฝาครอบออกใส Lan Cardใน Slot ที่เหมือนกับ Lan Card ใหแนน[เวลาใสใหใชแรงพอประมาณเพราะBoard อาจ
151 ชํารุดได] หลังจากใส Lan Card เรียบรอยแลวก็จะเปน การSetup[ลงDriver]ซึ่ง Card ที่เปน Plug&Play ก็จะสะดวกหนอยเพราะเมื่อเปดเครื่องๆก็จะเห็น Card เลย และจะมีขอความ บอกใหเราทํา ไปตามขั้นตอนจนเสร็จเรียบรอยครับแต Lan Card บางรุน[เกาหนอย] การSetupบางครั้งจะ ใหเราระบุคา IRQ ดวย ดังนั้นการ Set คา IRQใหกับ Lan Card ตองไมใหไปซ้ํากับ IRQ ของอุปกรณตัวอื่น หากเราตองการทราบวา ComputerของเราใชIRQ กับอุปกรณอะไรบาง Click ขวาที่ My Computer ---> Properties--->Click Device Manager--->Double Click ที่ Computer
การจะดูวา Lan Card ที่ติดตั้งแลวมีปญหาหรือไม Click ขวา ที่ My Computer เลือก Properties ---> Device Manager
152
ดูวา Lan Card ที่เราติดตั้ง มีเครื่องหมาย ! อยูขางหนาหรือเปลา ถา มี ให Remove แลวSetupใหม หมายเหตุ ในขั้นตอนตางๆ อาจมีการ สั่งให Restart หรือ ตองการแผน Cdrom Windowsดวยครับ การติดตัง ้ TCP/IP Protocol ปกติถา Com. เราเลน Internetได ก็จะมี TCP/IP Protocol ติดตั้งอยูแลว แตในกรณีที่ Setup Windows ใหม อาจยังไมไดติดตั้ง TCP/IP Protocol ไว การจะดูวาเครื่องของเราติดตั้ง TCP/IP Protocol หรือยัง ทําดังนี้ครับ ที่ Start ---> Setting ---> Control Planel ---> Double Click ที่ Network
153
ถายังไมมี Protocol TCP/IP ให Click Add
เลือกที่ Protocol แลว Click ที่ Add
154
ที่ Manufacturers เลือก Microsoft และที่ Network Protocols เลือก TCP/IP แลว Click OK
หมายเหตุ ในขั้นตอนตางๆ อาจมีการ สั่งให Restart หรือ ตองการแผน Cdrom Windowsดวยครับ การติดตัง ้ คา IP Address ของ Lan Card หลังจากทําการติดตั้ง Lan Card ตามคูมือของ Lan Cardที่ใหมาแลว เราก็จะได [Clickขวาที่Icon Network Neighborhood บนDesktop ---->Click Properties---
155 >Configuration]
Click ที่ File and Print Sharing [เพื่อทําให Computer ใช Files และ Printer รวมกัน ได]
156
Click เลือกทั้ง 2 ชอง แลว Click OK
157 Click เลือก TCP/IP ที่มีชื่อ Lan Card ที่เราติดตั้ง แลว Click Properties [หรือ Double Click ที่TCP/IPที่มีชื่อ Lan Card ที่เราติดตั้ง ก็ไดครับ]
Click เลือก Specify an IP address แลวใส หมายเลขลงในชอง IP Address และ Subnet Mask แลว Click OK โดย IP Address แตละเครื่องตองไมซ้ํากัน เชน เครื่องที่ 1 เปน 192.168.0.1 เครื่องที่ 2 เปน 192.168.0.2 เครื่องที่ 3 เปน 192.168.0.3ไปเรื่อยๆ แตคา Subnet Maskใหเหมือนกันทุกเครื่อง คาของ IP Address ใชคาอะไรก็ไดที่อยูในชวงของ Private IP ranges The private IP ranges that will not be allocated on the Internet are: 10.0.0.0 to 10.255.255.255 Class A 172.16.0.0 to 172.31.255.255 Class B 192.168.0.0 to 192.168.255.255 Class C Do not choose an IP range that is not on this list. Also note that 0 and 255 are reserved in any class. แลวที่สําคัญ อยาลืม ที่ Workgroup ของทุกเครื่อง ตองเปนชื่อเดียวกัน ถาเปนคนละ ชื่อจะมองไมเห็นกัน [Clickขวาที่Icon Network Neighborhood บนDesktop ---->Click Properties--->Identification]
158
ตอนนี้ถาเรา Double Click ที่ Icon Network Neighborhood [บน Desktop] เครื่อง ควรจะมองเห็นกันแลวครับ
หรือ เขาดูที่ Start--->Find--->Computer
Click ที่ Computer
159
พิมพชื่อเครื่อง Computer ที่ตองการทดสอบ แลว Click ที่ Find Now
ถึงเครื่องจะมองเห็นกันแลว แตการจะใช Files , Drives , Printer รวมกันได เราตองทํา การSharingกอนครับ หมายเหตุ ในขั้นตอนตางๆ อาจมีการ สั่งให Restart หรือ ตองการแผน Cdrom Windowsดวยครับ การตรวจสอบระบบเครือขาย TCP/IP Protocol 1. Click ขวา ที่ My Computer เลือก Properties ---> Device Manager
160
ดูวา Lan Card ที่เราติดตั้ง มีเครื่องหมาย ! อยูข างหนาหรือเปลา ถา มี ให Remove แลว Setupใหม 2. ที่ MS-DOS Prompt ใชคําสั่ง winipcfg , ping เพื่อดูขอมูล และปญหาการติดตอ ระหวางเครื่อง
161
winipcfg จะทําใหเราทราบขอมูลตางๆ ในระบบ เชน IP Address , Subnet Mask
การ Ping IP Address ของตัวเอง[ในที่นี้คือ 192.168.0.1] ถาไมมีการตอบกลับ อาจมี ปญหาเกี่ยวกับ Network Card เชน IRQ , IO Address
162
การ Ping IP Address ของเครื่องอื่น[เชน 192.168.0.3] ถาไมมีการตอบกลับ แสดงวา เครื่อง 192.168.0.3 เสีย หรือ ปดอยู
ถามีการตอบกลับก็แสดงวาปกติ
163
หรือกรณีอาจมีปญหากับ สายCable หรือ ขั้ว BNC หลวม คําสั่งที่ใชในการตรวจสอบ ความจริงแลวมีมากกวานี้ [ดูขางลาง] แตเทาที่ผมทราบและใชอยูมีเทานี้ครับ
การ Share Printers , Drives , Files , ..... Click ขวา ที่ Icon ของ Printer หรือ Drive หรือ File ที่ตองการจะ Share กับเครื่องอื่น แลว Click เลือก Sharing
164
Click เลือก Shared As กรอกขอความตามตองการ แลว Click ที่ Apply และ OK [ถาเราตั้ง Password จะมีผลทําให เครื่องที่ตอเขามาจะShareไดตองพิมพ Password ดวย] หลังจากนั้นที่ Folder ของ Printer หรือ Drive , ....จะมีรูปมือ บนFolder นั้นๆ
165
ในทุกเครื่องที่ตองการใหเครื่องอื่นมองเห็น ตองทํา Sharing ดวย ทีนี้ลอง Double Click ที่ Network Neighborhood ของทุกเครื่อง
ลอง Double Click เครื่องที่ชื่อ Compaq และ Upper
166
แสดงวาเครื่อง Compaq ยอมให Share คือ Drive C และ D
เครื่อง Upper ยอมให Share คือ Drive D , E และ Printer ในกรณีนี้ Printer ติดตั้งอยูกับเครื่องที่ชื่อ Upper ถาเครื่อง Compaq จะใชPrinterรวม ดวย จะตองลง Driverของ Printer hp ที่เครื่อง Compaq ดวย โดย การ Double Click ที่ Icon Printer hp
แลวทําตามขั้นตอนไปเรื่อยๆจนจบครับ หมายเหตุ ในขั้นตอนตางๆ อาจมีการ สั่งให Restart หรือ ตองการแผน Cdrom Windowsดวยครับ
167 การทําสายสัญญาณ เพือ ่ ใชเองในบานหรือในสํานักงานขนาดเล็กก็ได วิธีการก็ไมมี อะไรมากอยางแรกเลยก็จัดเตรียมเรื่องของอุปกรณตาง ๆ ที่จะตองใชใหครบถวนกอนจะ ไดไมตองวิ่งหาตอนติดตั้ง โดยอุปกรณโดยทั่วไปก็มี สายสัญญาณหรือ UTP Cable หรือที่บานเราเรียกกันวาสาย LAN แลวก็หัว RJ-45 (Male), Modular Plug boots หรือ ตัวครอบสาย หากวามี Wry Marker แลวก็จะมีเหมือนกันเพราะวาจะชวยในการทําใหเรา จําสายสัญาณไดวาปลายดานไหนเปนดานไหน ซึง่ โดยสวนมากแลวก็จะเปนหมายเลข ไวใสในสวนปลายทั้งสองดานเพื่อใหงายในการตรวจสอบระบบสายสัญญาณ คีม แคมสายสัญญาณ หรือ Crimping Tool, มีดปอกสาย หรือ Cutter เอาละมาวากันเลยดีกวากอนอื่นก็หยิบมีดหรือ Cutter อันเล็ก ๆ มาอันหนึ่งแลวก็เล็ง ไปที่นิ้วจากนั้นก็ตัดนิ้วทิ้งไปซะ แลวคอยเอาหัว RJ มาตอกับนิ้วแทน เทานี้คุณก็สามารถ เชื่อมตอตัวคุณเองเขาสูระบบเครือขายดวยความไวสูงสุดถึง 100 มิลลิลิตรตอนาที บาง ทีอาจจะเปน Full Duplex Mode อีกตางหาก ลอเลน ๆ เอาละนะใชมีดปอก สายสัญญาณที่เปนฉนวนหุมดานนอกออกใหเหลือแต สายบิดเกลียวที่อยูดานใน 8 เสน แลวก็จะเห็นดายสีขาว ๆ อยูใหตัดทิ้งได โดยการปอกสายสัญญาณนั้นใหปอกออกไว ยาว ๆ หนอยก็ไดประมาณสัก 1 เซ็นครึ่งก็นาจะไดนะตามตัวอยางดังรูปขางลางนี้
จากนั้นก็ใหใส Modular Plug boots เขากับสาย UTP ดานที่กําลังจะตอกับหัว RJ45 ไวกอนเลยดังรูปขางลางนี้
168
รูปแสดงคีมหรือ Crimping Tool ที่จะใชในการแคมหัว อันนี้เปนของยี่หอ Amp ราคาในตลาดก็คงประมาณ 5,000-6,000 บาทมั้งแตถาไมไดใชเยอะก็แนะนําใหเดินซื้อ แถวพันทิพย หรือ ศูนยคอมพิวเตอรที่มีอยูทุกมุมในปจจุบันนี้ ถาเอาแบบพอใชไดราคาก็ ประมาณ 400-800 บาท คุณภาพก็พอใชไดนะ ผมก็เคยซื้อมาใชหลายอันแลว แตของ Amp นี้คอนขางนาใชและชัวรกวาเยอะในการเขาสาย แตราคานี่สิผมวามันไมคอยจะนา สนเทาไหร ถาเราไมมีอาชีพในการทํางานดานนี้เฉพาะหรือ ตองมีการเดินระบบ สายสัญญาณบอย ๆ
รูปของคีมหรือ Crimping Tool ดานหนาที่จะใชแคมสาย
169
หลังจากที่ปอกสายเสร็จแลวก็ใหทําการแยกสายทั้ง 4 คูที่บิดกันอยูออกเปนคู ๆ กอนโดยที่ใหแยกคูตาง ๆ ตามลําดับตอไปนี้ สม-ขาวสม ---> เขียว-ขาวเขียว ---> น้ํา เงิน-ขาวน้ําเงิน ---> น้ําตาล-ขาวน้ําตาล เพื่อแบงสายออกเปนหมวดหมูใหญ ๆ กอน จากนั้นจึงคอยมาทําการแยกแตละคูออกมาเปนเสน โดยใหไลสีดังนี้ ขาวสม ---> สม ---> ขาวเขียว ---> น้ําเงิน ---> ขาวน้ําเงิน ---> เขียว ---> ขาว น้ําตาล ---> น้ําตาล ซึ่งสีที่ไลนี้เปนสีที่ใชเปนมาตรฐานในการเชื่อมตอ ซึ่งจริง ๆ แลวการเขาสายมี มาตรฐานการไลสีอยูหลัก ๆ ก็ 2 แบบแตในที่นี้ผมเอาแบบนี้แลวกันเพราะวาสวนมาก แลวเขาจะใชวิธีการไลสีแบบนี้ หลังจากจัดเรียงสีตาง ๆ ไดแลวก็ใหจัดสายใหเปน ระเบียบ ใหพยายามจัดใหสายแตละเสนชิด ๆ กัน ดังรูป
หลังจากนั้นใหใชคีมตัดสายสัญญาณที่เรียงกันอยูนี้ใหมีระบบปลายสายที่เทากันทุก เสน โดยใหเหลือปลายสายยาวออกมาพอสมควร จากนั้นก็ใหเสียบเขาไปในหัว RJ-45 ที่เตรียมมา โดยใหหันหัว RJ-45 ดังรูปจากนั้นคอย ๆ ยัดสายที่ตัดแลวเขาไป โดย พยายามยัดปลายของสาย UTP เขาไปใหสุดจนชนปลายของชองวาในหัว RJ-45 เลย
170
จุดสําคัญอีกอยางหนึ่งในการเชื่อมตอสายสัญญาณในชวงนี้ก็คือตองยัดฉนวนหุมที่ หุมสาย UTP นี้เขาไปในหัว RJ-45 ดวย โดยพยายามยัดเขาไปใหไดลึกที่สุดแลวกัน เพื่อเปนการปองกันไมใหเกิดการหักงอของสายงาย โดยใหยัดเขาไปใหไดดังรูป ขางลางนี้
แลวก็นําเขาไปใสในชองที่เปนชองแคมหัวของ RJ-45 ในคีมที่จะใชแคมหัว หรือ Crimping Tool ใหลงล็อกของคีมพอดี จากนั้นก็ใหทําการกดย้ําสายใหแนน เพื่อให Pin ทีอยูในหัว RJ-45 นั้นสัมผัสกับสายทองแดงที่ใสเขาไป บรรจงนิดหนึ่งนะครับในชวงนี้ เพราะวาเปนชวงหัวเลียวหัวตอของชีวิตสายสัญญาณของคุณเลยแหละ เทาที่ประสบ การในการเขาสายสัญญาณของผม ถาเปนไอเจา Amp นี่ก็ไมตองออกแรงมากเทาไหรก็ OK ไดเลย แตถาเปนแบบของทั่ว ๆ ไปก็คงตองออกแรงกดกันนิดหนึ่งแลวกัน
171
อา...ทายที่สุดก็จะไดปลายสัญญาณของระบบที่คุณตองการดังกลาวดังรูป ที่นี้ก็ไป ทําอยางที่วามานี้อีกครั้งหนึ่งที่ปลายสายอีกดานหนึ่ง แตอยาหลงเขาใจผิดวานี่เปนสาย Cross นะ เพราะวาสาย Cross นั้นคุณตองทําการสลับสายสัญญาณที่เขานี้ ลองไปดู หัวขอ Tip of the Day นะผมแนะนําการเขาสาย Cross ไวที่นั่นแลว เพราะวาการเขา สายทั้งสองแบบนี้การไลสีของสายไมเหมือนกัน แตกตางกันนิดหนอย สวนสาย Cross เราสามารถนําเอาไปเชื่อมตอเครื่องคอมพิวเตอร 2 เครื่องใหเปนระบบเครือขายไดโดยที่ ไมตองใช HUB ไดเลย แตไดแค 2 เครื่องเทานั้น สวนสายแบบที่ตอตรง ๆ นั้นจะใช เชื่อมตอจากเครื่องคอมพิวเตอรมายัง HUB
การครอสสายแลน(Cross) ของฝากวันนี้บอกเลาเรื่องเกี่ยวกับระบบสายสัญญาณใหฟงแลวกันนะ หลายๆ คนคงเคยทําระบบเครือขายมาบาง และคงสงสัยอยูวาบางครั้งเขาใชสายธรรมดา บางครั้งใชสาย Cross บาง แลวสองสายนี้แตกตางกันอยางไรบาง ลองมาดู ลักษณะการเชื่อมตอภายในของสาย UTP 8 เสนที่วากอนดีกวาวาเปนยังไงบาง ดูรูปเลยแลวกัน ถาเปนการเขาสายแบบธรรมดาหรือที่เขาใชกันทั่วไป จะเปนการ ตอแบบที่ 1 ไป และ 2 ไป 2 จนถึง 8 สวนการไลสีก็จะมีเปนมาตรฐานกลาง ๆ ในการ ใชดังที่แสดงอยูนั่นแหละ อันนี้เขาจะใชเชื่อมตอระหวาง เครื่อง คอมพิวเตอรมาที่ HUB หรือ Switching
172
สวนขางลางนี้เปนการเขาสายที่เราเรียกวา Cross Cable นั่นเอง สังเกตวาจะเปน การสลับระหวาง 1,2,3,6 ซึ่งเขา มักจะใชในกรณีของเชื่อมตอระหวาง HUB-toHUB โดยที่ไมผานทาง Uplink Port คือ ตอจาก Port ธรรมดาไป Port ธรรมดา เขาตองใชสาย Cross และเราสามารถนํามาดัดแปลง ใชกับเครื่องคอมพิวเตอร สองเครื่องที่ตองการตอเปน เครือขายโดยผานทางสาย UTP ไดโดยการใส LAN Card ลงที่เครื่องทั้งสองแลวใชสาย Cross ในการเชื่อมตอเครื่อง ทั้งสองใหเปน ระบบเครือขายโดยไมตองใช HUB ก็ได
สวนสายอีก 4 เสนที่เหลือคือ 4,5,7,8 ก็ไมตองไปสลับอะไรกับมันก็ได เพราะวา ไมไดใชในการสงสัญญาณนะจะ.. การตออินเตอรเน็ต โดยใชโมเด็ม 2 ตัวพรอมกัน หรือ Multi Link PPP ในปจจุบันนี้ การตออินเตอรเน็ตโดยใช โมเด็ม ธรรมดาทั่วไป จะสามารถทําความเร็วของการรับขอมูลได สูงสุดที่ 56Kbps ซึง่ ในความเปนจริงแลว มักจะไดความเร็วทีต ่ ่ํากวานั้น เชนอาจจะอยูที่ 40-50Kbps หากตองการใชงาน อินเตอรเน็ต ที่เร็วมากกวานี้ จะตองเปลี่ยน รูปแบบของการตอ อินเตอรเน็ตใหม เชนเปลีย่ นไปใช ISDN หรือ ADSL ซึ่งราคาคาบริการ จะแพงกวา การเชื่อมตอผาน โมเด็มธรรมดาคอนขางมาก ถาหากทานมี account ตอ อินเตอรเน็ตที่รองรับการเชื่อมตอแบบ Multi Link และมีโมเด็ม 2 ตัว มีคูสายโทรศัพท 2 สาย มาลองทําการ เชื่อมตออินเตอรเน็ตแบบ Multi Link ใหไดความเร็วเปน 2 เทาดีกวาครับ สิ่งแรกที่จะตองมี ในการใชงาน Multi Link คือ 1. Account สําหรับตออินเตอรเน็ตที่รองรับ Multi Link หรือที่ connect ไดพรอม ๆ กันหลายคนใน user เดียวกัน 2. โมเด็ม 2 ตัวติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร โดยจะเปนแบบ Internal หรือ External ก็ไดทั้งนั้น 3. คูสายโทรศัพท 2 เบอร สําหรับโมเด็ม 2 ตัวครับ 4. ระบบปฏิบต ั ิการตองเปน Windows98 ขึ้นไป หรือ Windows95 ที่อัพเกรต Dial-Up Networking เปนรุน 1.3
173 โดยปกติแลว การซื้อชั่วโมงอินเตอรเน็ตแบบรายชั่วโมง หากเปนแบบที่รองรับ Multi Link PPP แลว ระบบมักจะ ทําการ นับชั่วโมงการใชงานอินเตอรเน็ต เพิม ่ เปน 2 เทานะครับ เริม ่ ตนกับการเตรียมติดตัง้ โมเด็ม และอุปกรณตา ง ๆ ใหพรอมกอน กอนอื่น ก็ตองทําการติดตัง้ โมเด็ม 2 ตัวใหเรียบรอยกอน โดยดูวิธก ี ารติดตัง้ โมเด็มจากหนา setup ก็ได โดยที่ อาจจะตรวจสอบ การติดตั้งโมเด็ม 2 ตัวโดยการเขาที่ Control Panel เลือกเขาที่ Modem แลวจะเห็นรายการ โมเด็ม 2 ตัวตามภาพ
หลังจากที่ตด ิ ตั้งโมเด็มและลง driver ตาง ๆ ของโมเด็มเรียบรอยแลว ขั้นตอนตอไปก็คือ ทําการตัง้ คาของ DialUp Networking ใหสามารถใชงานแบบ Multi Link โดยเลือกเขาที่ My Computer >> Dial-Up Networking
174 ถาหากยังไมมีการตั้งคาของ Connection ไว ตองทําการเพิ่ม Connection เขาไปกอน (เหมือนกับการสราง Connection ทั่ว ๆ ไป) จากนัน ้ กดเมาสขวาที่ Connection ที่จะทําการตัง้ ใหเปน Multi Link นั้น เลือกที่ Properties
ตรงชอง Connect using จะเปนการกําหนดวา จะใชโมเด็มตัวไหนในการตออินเตอรเน็ต ใหเลือกที่ตัวใดตัวหนึง่ ไปกอนครับ จากนั้นกดที่ปาย Multilink เพื่อกําหนดโมเด็มอีกตัว ใหใชงานได
175
กดเลือกที่ Use additional device และกดปุม Add... เพื่อเลือก โมเด็มอีกตัวใหเปน Multilink
จะมีเมนู Edit Extra Device ใหทําการเลือกใช โมเด็มทีเ่ หลืออยูอ ีกตัว แลวกด ok และกําหนดเบอรโทร ของ โมเด็มตัวที่ 2 นี้ (ถาเปนคนละเบอรกับตัวแรก)
176
จะไดตามภาพตัวอยางครับ กด OK เปนอันเสร็จขั้นตอนการตัง้ คา การใชงานและเชือ ่ มตอโดยทําแบบ Multi Link หลังจากที่ตด ิ ตั้งและตั้งคาตาง ๆ เรียบรอยแลว เริม ่ ตนการเชื่อมตอแบบ Multi Link โดยการเขาผาน Connection แบบปกติ
การเชื่อมตอ ก็ทําแบบปกติ เปนการตอโมเด็มตัวแรกกอน (เหมือนกันตอเน็ตธรรมดาทุกอยาง)
177
รอจนกระทั่งการเชื่อมตอผานโมเด็มตัวแรก เสร็จเรียบรอย จากนัน ้ ใหกดดับเบิลคลิกที่ไอคอนของการเชื่อมตอ (ที่ task bar ดานลางขวามือของจอ) กดที่ปม ุ Details จะเห็นหนาตาของ Connection ตามภาพ
รอสักพัก ระบบจะทําการตอโมเด็มตัวที่ 2 ใหคุณเอง ถาหากการตอโมเด็มตัวที่ 2 สําเร็จ ความเร็วที่แสดงดานบน ก็ จะเพิม ่ ตัวเลขขึน ้ ไปครับ แตถาหากการเชื่อมตอไมสําเร็จ ความเร็วที่จะเทากับการตอแบบ โมเด็ม 1 ตัวธรรมดา ในสวนนี้ ผมเองยังไมมี Account ที่ใชงาน Multilink ไดจริง ก็เลยไมมีภาพตัวอยางของความเร็วที่จะไดมาแสดง ครับ โดยสรุป หากตองการความเร็ว ของการเชื่อมตออินเตอรเน็ตทีเ่ ร็วขึ้น โดยยังไมถึงขั้นเปลีย่ นไปใชพวก ISDN หรือ ADSL วิธก ี ารตอโมเด็มแบบนี้ อาจจะเปนอีกทางเลือกหนึ่ง สําหรับผูที่ตองการความเร็ว ในราคาประหยัดครับ
การตั้งคาและความหมายของคําตาง ๆ ใน BIOS ที่ควรทราบ โดยปกติแลว เราไมจําเปนตองทําการเปลี่ยนแปลงคาตาง ๆ ใน BIOS บอยนัก ยกเวนเมื่อ เราตองการเปลี่ยนแปลงการตั้งคาตาง ๆ หรือเมื่อมีการเปลี่ยนอุปกรณใหม ๆ เชน CPU, RAM หรือ Hard Disk เปนตน การเขาสู BIOS Setup Mode สําหรับวิธีการที่จะเขาไปตั้งคาตาง ๆ ใน BIOS ไดนนั้ จะขึ้นอยูกับระบบของแตละเครื่อง ดวย โดยปกติเมื่อเราทําการเปดสวิทชไฟของเครื่องคอมพิวเตอร BIOS ก็จะเริ่มทํางานโดยทําการ
178
ทดสอบอุปกรณตาง ๆ กอนที่จะเรียกใชงานระบบ DOS จากแผน Floppy Disk หรือ Hard Disk ในชวงนี้จะเปนชวงที่เราสามารถเขาไปทําการแกไขเปลีย่ นแปลงการตัง้ คาตาง ๆ ใน BIOS ไดโดย กด Key ตาง ๆ เชน DEL, ESC CTRL-ESC, CTRL-ALT-ESC ทั้งนี้ขึ้นอยูกับวาแตละเครื่องจะตั้ง ไวอยางไร สวนใหญ จะมีขอ ความบอกเชน "Press DEL Key to Enter BIOS Setup" เปนตน ปุม Key ตาง ๆ ที่ใชสําหรับการ Setup BIOS สวนใหญจะเปนแบบเดียวกัน โดยจะมีรูปแบบทั่วไป Up, Down, Left, Right ใชสําหรับเลื่อนเมนูตามตองการ Page Up, Page Down ใชสําหรับเพิ่ม ลบ หรือเปลี่ยนแปลงคาตามตองการ ESC Key ใชสําหรับยอนกลับไปเมนูแรกกอนหนานัน้ Enter Key ใชสําหรับเลือกที่เมนูตามตองการ F1, F2 ถึง F10 ใชสําหรับการทํารายการตามที่ระบุในเมนู BIOS Setup ตัวอยางการตัง้ คาตาง ๆ ใน BIOS Setup สําหรับตัวอยางตอไปนี้ผมนํามาใหดแู บบรวมทั่ว ๆ ไปของ BIOS เทาที่หาขอมูลไดนะ ครับ ซึ่งสวนใหญก็จะคลาย ๆ กัน เริ่มจากหลังจากที่กด DEL หรือ Key อื่น ๆ ขณะเปดเครื่องเพื่อ เขาสู BIOS Setup Mode โดยปกติแลว ถาหากเปนการตั้งคาครั้งแรก หลังจากที่ทําการ Reset CMOS แลว ก็เลือกทีเ่ มนู Load BIOS Default Setup หรือ Load BIOS Optimal-performance เพื่อเลือกการ ตั้งคาแบบกลาง ๆ ของอุปกรณทั่วไปกอน จากนั้นจึงมาทําการเลือกแกไขเปลี่ยนแปลงแตละคา ตาม เมนูตอไปนี้
Standard CMOS Setup Date และ Time Hard Disk
Primary / Master Primary / Slave Secondary / Master
ใส วันที่ และ เวลา ปจจุบัน กําหนดขนาดของ HDD (Hard Disk) วามีขนาดเทาไร โดยเลือกตั้ง คาเองแบบ User, แบบอัตโนมัติ Auto หรือไมไดติดตั้งก็เลือกที่ None อุปกรณที่ตอกับ IDE แรก แบบ Master อุปกรณที่ตอกับ IDE แรก แบบ Slave อุปกรณที่ตอกับ IDE ที่สอง แบบ Master
179
Secondary / Slave - Cyls - Heads - Precomp - Landz - Sectors Mode - Auto BIOS - Normal - Large - LBA Drive A: B: Video Halt On - All errors - All, But Key - All, But Disk - All, But Disk/Key Memory - Base Memory - Extended - Other Memory
อุปกรณที่ตอกับ IDE ที่สอง แบบ Slave จํานวน cylinders ใสตามคูมือ HDD จํานวน heads ใสตามคูมือ HDD write precompensation cylinder ไมตองกําหนดหรือใสตามคูมือ HDD landing zone ไมตองกําหนด หรือใสตามคูมือ HDD จํานวน sectors ใสตามคูมือ HDD ถาหากทราบคาที่แนนอนใหใสเปน User แตถาไมแนใจ ใหตั้ง Auto ไว จะทําการตรวจสอบและตั้ง Mode ของ HDD อัตโนมัติ สําหรับ HDD ที่มี clys,heads,sectors ไมเกิน 1024,16,63 สําหรับ HDD ที่มี cyls มากกวา 1024 แตไม support LBA Mode Logical Block Addressing สําหรับ HDD ใหม ๆ จะมีการสง ขอมูลที่เร็วกวา ชนิดของ Diskette Drives ที่ติดตั้งใชงาน 360K, 720K, 1.2M หรือ 1.44M ชนิดของจอแสดงภาพ (ปกติจะเปน EGA/VGA) กําหนดการ Stop หากพบ Error ขณะที่ POST (Power-On Seft Test) การ POST จะหยุดและแสดง prompts ใหเลือกการทํางานตอไป ทุก Error การ POST จะไมหยุดกรณีของการเกิด Keyboard Error การ POST จะไมหยุดกรณีของการเกิด Disk Drive Error การ POST จะไมหยุดกรณีของการเกิด Keyboard Error หรือ Disk Error จะแสดงขนาดของ Memory ที่ใสอยู ซึ่งไมสามารถเปลี่ยนแปลง ได โดยปกติจะเปน 640K สําหรับ DOS คือ Memory ในสวนที่สูงกวา 1M ขึ้นไป หมายถึงสวนของระหวาง 640K ถึง 1M
BIOS Features Setup Virus Warning
การเตือนเมื่อมีการเขียนขอมูลทับ Boot Record ของ HDD
180
[Enabled] CPU Int / Ext cache การใชงาน CPU Internal / External Cache [Enabled] CPU L2 Cache ECC Check การใช External Cache แบบ ECC SRAMs Quick Power On Seft Test การทํา POST แบบเร็ว [Enabled] Boot Sequence เลือกลําดับของการบูทเชนจาก C:, A: หรือ IDE-0, IDE-1 [C: A:] Swap Floppy Disk กําหนดการสลับตําแหนง Drive A: เปน Drive B: [Disabled] Boot Up Floppy Seek การตรวจสอบชนิดของ Disk Drive วาเปนแบบใด [Disabled] Boot Up NumLock Status กําหนดการทํางานของ Key NumLock หลังจากเปดเครื่อง [Disabled] Boot Up System Speed กําหนดความเร็ว CPU หลังจากเปดเครื่อง [High] Gate A20 Option การเขาถึง Address memory สวนที่สูงกวา 1M [Fast] Typematic Rate Setting กําหนดความเร็วของการกด Key [Enabled] Typematic Rate (Chars/Sec) กําหนดความเร็วของการกด Key [6] Typematic Delay (Msec) กําหนดคา delay ของการกด Key [250] Security Option กําหนดการตั้งรหัสผานของการ Setup BIOS หรือ System [Setup] PS/2 Mouse Control กําหนดการใชงาน PS/2 Mouse [Disabled] PCI/VGA Palette Snoop แกปญหาการเพี้ยนของสีเมื่อใชการดวีดีโออื่น ๆ รวมดวย [Disabled] Assign IRQ for VGA กําหนดการใช IRQ ใหกับการดจอ [Enabled] OS Select for DRAM > 64M การกําหนดหนวยความจําสําหรับ OS2 [Non-OS] HDD S.M.A.R.T capability Self-Monitering Analysis and Reporting Technology ควร เลือก [Enabled] Video BIOS Shadow กําหนดใหทํา Shadow กับ ROM จากการดแสดงผล C0000C4000 ควรเลือก [Enabled Adapter ROM กําหนดใหทํา Shadow กับ ROM จากการดที่เสียบเพิ่มเติม - C8000 ใชกับการดแสดงผลชนิด MDA (จอเขียว) - CC000 ใชกับการด controller บางประเภท [Disabled] - D0000 ใชกับการด LAN [ถาไมใชตั้ง Disabled] - D4000 ใชกับ controller สําหรับ Disk Drive ชนิดพิเศษ [Disabled] - D8000 ตั้ง [Disable] - DC000 ตั้ง [Disable]
181
- E0000 - E4000 - E8000 - EC000 System ROM
ตั้ง [Disable] ตั้ง [Disable] ตั้ง [Disable] ใชกับการด controller ชนิด SCSI [หากไมไดใชตั้ง Disable] การทํา Shadow กับ ROM ของ BIOS ที่ F000 [Enabled]
Chipset Features Setup Auto Configuration Hidden Refresh Slow Refresh
คือให BIOS จัดการคาตางๆโดยอัตโนมัตซิ ึ่งจะเปนคากลาง ๆ การเติมประจุไฟของ DRAM [Enabled] ให DRAM ลดความถี่ในการเติมประจุไฟลง 2 - 4 เทา [เลือก Enabled ถาไมมีปญหาในการใชงาน] Concurrent Refresh การอาน-เขียนขอมูล ไดพรอมๆกับการเติมประจุไฟใน DRAM [เลือก Enabled ถาไมมีปญหาในการใชงาน] Burst Refresh การเติมประจุไฟลง DRAM ไดหลายๆ รอบในการทํางานครั้งเดียว [เลือก Enabled ถาไมมีปญหาในการใชงาน] DRAM Brust at 4 Refresh จํานวนการ Burst Refresh เปน 4 รอบในการทํางาน 1ครั้ง [Enabled] Staggered Refresh การเติมประจุลวงหนาใน DRAM ใน Bank ถัดไปดวย [Enabled] Refresh RAS Active Time ใหทดลองกําหนดคานอยทีส่ ุดเทาที่เครื่องจะสามารถทํางานได AT Cycle Wait State เวลาที่รอใหการด ISA พรอม ใหตั้งคาที่นอ ยสุดเทาที่เครือ่ งทํางาน ได 16-Bit Memory, I/O Wait เวลาที่ซีพียูตองรอระหวางรอบการทํางาน ตั้งนอยที่สุดทีท่ ํางานได State 8-Bit Memory, I/O Wait เวลาที่ซีพียูตองรอระหวางรอบการทํางาน ใหตั้งนอยสุดที่ทํางาน State ได DMA Clock Source กําหนดความเร็วของอุปกรณ DMA โดยมีคาปกติคือ 5 MHz Memory Remapping หากเปดการทํางานนี้ไวจะทํา Shadows กับ BIOS ใดๆ ไมได Cache Read Hit Burst หรือ ระยะพักรอเมือ่ อานขอมูลลงใน L1 Cache ใหตั้งนอยที่สดุ เทาที่ SRAM Read Wait State ทํางานได Cache Write Hit Burst หรือ ระยะพักรอเมือ่ อานขอมูลลงใน L1 Cache ใหตั้งนอยที่สดุ เทาที่ SRAM Write Wait State ทํางานได Fast Cache Read / Write ใหแคชทํางานโหมดความเร็วสูง จะมีผลเมือ่ แคชมีขนาด 64 KB หรือ 256 KB
182
Tag Ram Includes Ditry ใหแคชทํางานในโหมดเขียนทับโดยไมตองยาย/ลบขอมูลเดิมออก กอน หากมี Ram นอยกวา 256 MB ควรใช Dirty Bit Non-Cacheable Block-1 กําหนดขนาดหนวยความจําที่หามทําแคช [OK หรือ Disabled] Size RAS to CAS Delay Time คาหนวงเวลากอนที่จะสลับการทํางาน RAS-CAS ตั้งคานอยที่สุด เทาที่ทํางานได CAS Before RAS การสลับลําดับการทํางานระหวาง RAS และ CAS CAS Width in Read Cycle กําหนดคาหนวงเวลากอนทีซ่ ีพียูจะเริ่มอานขอมูลใน DRAM ตั้ง นอยที่สุดที่ทํางานได Interleave Mode ใหซีพียูอาน - เขียนขอมูลจาก DRAM ในโหมด Interleave Fast Page Mode DRAM ใหหนวยความจําทํางานแบบ FPM โดยไมตองอาศัย RAS และ CAS ซึ่งจะเร็วกวา SDRAM CAS Latency ระยะรอบการทํางานของ CAS latency ใน SDRAM ตั้งคานอย Time หรือ SDRAM Cycle ที่สุด หรือใชคา 2 กับ RAM ชนิด PC100 และใชคา 3 กับ RAM Length ชนิด ความเร็วแบบ PC66/83 Read Around Write กําหนดใหซีพยี ูอาน - เขียนขอมูลจากหนวยความจําไดในคราว เดียวกัน [Enabled] DRAM Data Integrity เลือก Non-ECC หรือ ECC ตามขนิดของ SDRAM Mode System BIOS Cacheable การทําแคชของ System BIOS ROM #F0000-FFFFF [Enabled] Video BIOS Cacheable การทําแคชของ Video BIOS ROM [Enabled] Video RAM Cacheable การทําแคชของ Video RAM #A0000-AFFFF [Enabled ถาไมมี ปญหา] Memory Hole at 15M-16M การจองพื้นทีส่ ําหรับ ISA Adapter ROM [Enabled] Passive Release กําหนด CPU to PCI bus accesses ชวง passive release [Enabled] Delayed Transaction เลือก Enable สําหรับ PCI version 2.1 AGP Aperture Size (MB) กําหนดขนาดของ AGP Aperture กําหนดเปนครึ่งหนึ่งของ RAM ทั้งหมด Power Management Max Saving User Define Min Saving
กําหนดการประหยัดพลังงานแบบ สูงสุด กําหนดการประหยัดพลังงานแบบ ตั้งคาเอง กําหนดการประหยัดพลังงานแบบ ต่ําสุด
183
PM Control by APM Video Off Method - V/H SYNC + Blank - DPMS - Blank Screen Video Off After Standby Mode Supend Mode HDD Power Down Resume by Ring Resume by Alarm Wake Up On LAN
กําหนดใหควบคุมการประหยัดพลังงานผานทางซอฟทแวร APM กําหนดวิธีการปดจอภาพเมื่อเขาสูโหมดประหยัดพลังงาน จะปดการทํางาน V/H SYNC และดับจอภาพดวย Blank Screen สําหรับการดแสดงผลและจอภาพที่สนับสนุนโหมด DPMS จะทําการแสดงหนาจอวาง ๆ เมื่อประหยัดพลังงาน สําหรับจอรุน เกา ๆ ใหปดจอภาพเมื่อเขาสูโหมดประหยัดพลังงานแบบ Stanby หรือ Suspend กําหนดระยะเวลาเมื่อพบวาไมมีการใชงาน จะหยุดทํางานของ อุปกรณบางสวน จะตัดการทํางานบางสวนคลาย Standby Mode แตหยุดอุปกรณที่ มากกวา กําหนดระยะเวลากอนที่ BIOS จะหยุดการทํางานของ HDD เมื่อ Enabled สามารถสั่งใหทํางานจาก Soft Off Mode ได เมื่อ Enabled สามารถตั้งเวลาทํางานจาก Suspend Mode ได เมื่อ Enabled สามารถสั่งใหทํางานจาก Soft Off Mode ได
Integrated Peripherals IDE HDD BLOCKS MODE ให HDD อาน-เขียนขอมูลไดครั้งละหลาย Sector พรอมกัน [Enabled] IDE PIO Mode... กําหนดการทํางานแบบ Programe Input/Output [ตั้งสูงสุดหรือ Auto] IDE UDMA... กําหนดการทํางานแบบ DMA หรือ UDMA [Enabled หรือ Auto] On-Chip PCI IDE กําหนดการใชชองเสียบ HDD IDE ที่อยูบนเมนบอรด [Enabled] USB Keyboard Support กําหนดใหใช Keyboard แบบ USB [Enabled] Onboard FDC Controller กําหนดใหใชชองเสียบ Disk Drive ที่อยูบนเมนบอรด [Enabled] Onboard Serial Port 1 กําหนดคาแอดเดรสและ IRQ ให COM1 คาปกติคือ 3F8/IRQ4 Onboard Serial Port 2 กําหนดคาแอดเดรสและ IRQ ให COM2 คาปกติคือ 2F8/IRQ3 Parallel Port Mode กําหนดโหมดการทํางานของพอรตขนานไดใน 3 แบบ [EPP&ECP] - SPP (Standard Parallel Port) คือโหมดมาตรฐานเหมาะแกเครื่องพิมพรนุ เกาๆ - EPP (Enhanced Parallel Port) คือโหมด 2 ทิศทางเหมาะแกเครื่องพิมพรนุ ใหม - ECP (Extended Cap. Port) คือโหมดความเร็วสูง เมื่อตอพวงกับ Scanner, Laplink ฯลฯ
184
ECP MODE USE DMA
คือกําหนด DMA สําหรับ Port ขนานแบบ ECP ซึ่งคาปกติคือ 3
การตั้งคาอื่น ๆ Load BIOS Default Setup เมื่อกดเลือกทีน่ ี่ BIOS จะทําการตั้งคาตาง ๆ ใหเปนแบบกลาง ๆ สําหรับอุปกรณทั่ว ๆ ไป หรือเปน การตั้งคาแบบ Factory Setup ก็ได Load BIOS Optimize Setup เมื่อกดเลือกทีน่ ี่ BIOS จะทําการตั้งคาตาง ๆ ของอุปกรณ ใหไดประสิทธิภาพสูงสุด Password Setting ใชสําหรับการตั้ง Password เมื่อตองการจะเขาไปเปลี่ยนแปลงการตั้งคาตาง ๆ ใน BIOS หรือเมื่อ ตองการจะเปดเครื่อง โดยปกติเมื่อใส Password ระบบจะใหใส Confirm ซ้ํา 2 รอบเพื่อปองกันการ ใสผิดพลาด (ไมใสอะไรเลย คือการยกเลิก password) Exit with Save Setting หรือ Exit without Save Setting เมื่อทําการเปลี่ยนแปลงขอมูลการตั้งคาตาง ๆ ของ BIOS แลวตองทําการ Save เก็บไวดวยนะครับ สวนใหญเมื่อทําการ Save แลวจะบูทเครื่องใหม คาตาง ๆ ที่ตั้งไวจึงจะใชงานได CPU Setup นอกจากนี้ ในเมนบอรดรุนใหม ๆ ที่เปนแบบ Jumper Free (ไมใช Jumper แตจะใชเมนูใน BIOS สําหรับตั้งคาตาง ๆ ) จะสามารถตั้งคาของความเร็ว CPU, คา multiple หรือ FSB, คาไฟ Vcore และ อื่น ๆ อีกแลวแตรุนของเมนบอรดนั้น ๆ การตั้งใช Virtual Memory หรือ Swap File ใหกับระบบของ Windows มาทําความเขาใจกันกอนวา Virtual Memory คืออะไร ขออธิบายแบบงาย ๆ นะครับ ลองนึกภาพวา หากเรามี หนวยความจําหรือ RAM ใสอยูในครื่องคอมพิวเตอรจํานวนหนึ่ง เชน 32MB. เมื่อใชงาน Windows จริง ๆ แลว การทํางานอง Windows หรือระบบซอฟตแวร จะตองทําการโหลดขอมูลทุก ๆ อยางไปเก็บไวในหนวยความจํา หรือ RAM กอนแลวซีพียูจงึ จะทําการ ประมวลผลจากขอมูลเหลานั้น ซึ่งโดยปกติแลวเฉพาะ Windows อยางเดียว ก็กินพื้นที่ของ RAM ไปมากพอแลว นอกจากนั้น ยังตองมีพื้นที่สําหรับการเก็บขอมูล และรับโปรแกรมหรือ ซอฟตแวร อื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้น RAM ขนาด 32MB. ยอมไมพอใชงานแนนอน แตใน Windows ก็มีระบบการ จัดการกับ RAM ที่มีจํานวนนอยนิดนี้ได โดยจะทําการเขียนขอมูลตาง ๆ ที่ยังไมจําเปนตองใชงานในขณะนั้น ลง เก็บไวในฮารดดิสกชั่วคราวกอน เมื่อตองการใชงานขอมูลในสวนนี้ จึงจะทําการอาน ขึ้นมาใชงาน โดยจะทําการ อานและเขียนแบบนี้สลับกันไปตามความตองการใชงานของขอมูล เราเรียกการทํางานแบบนี้วาการทํา Swap File ซึ่งจะทําใหเราสามารถรันซอฟตแวรที่มีขนาดใหญ ๆ หรือรันซอฟตแวรพรอม ๆ กันหลาย ๆ ตัวได
185 ในระบบ Windows ที่ทําการติดตั้งแบบมาตราฐานทั่ว ๆ ไป การตั้งคาจํานวนของฮารดดิสก ที่จะสํารองไวสําหรับ ทํา Swap File นี้จะถูกจัดการโดย Windows ซึ่งจะทําการปรับเปลี่ยนขนาดของ Swap File อัตโนมัติตามขนาดของ หนวยความจําหรือ จํานวนพื้นที่ ที่ตองการรันซอฟตแวรในขณะนั้น นอกจากนี้ เรายังสามารถทําการกําหนด ขนาดของ Swap File ที่วานี้ใหมีขนาดคงที่จํานวนหนึ่งไดดวย โดยหากทําการกําหนดขนาดของ Swap File ให คงที่แลว Windows ก็จะใชงานไฟลในขนาดที่ไดทําการกําหนดไวแลวเทานั้น ขอเปรียบเทียบการกําหนด Swap File ทั้ง 2 แบบ การกําหนด Swap File โดยอัตโนมัติจาก Windows 1. ไฟลจะมีขนาดเปลี่ยนไปไดเรื่อย ๆ ทําให Windows สามารถใชงานพื้นที่ทั้งหมดของฮารดดิสกมาเปน Swap File ได 2. เมื่อไฟลมีการปรับเปลี่ยนขนาดอยูตลอดเวลา จะทําใหการจัดเรียงขอมูลของไฟลบนฮารดดิสกกระจัดกระจาย ไมตอเนื่อง 3. การอานและเขียนขอมูลของ Swap File จะทําไดชาลง เพราะไฟลมีการกระจายมากขึ้น การกําหนด Swap File ใหมีคาคงที่ 1. ไฟลจะมีขนาดคงที่ ทําใหเรากําหนดและคํานวนการใชงานฮารดดิสกที่เหลือได 2. ขอมูลของไฟลจะไมกระจายมากนัก เพราะจะใชพื้นที่เดิม ๆ ที่ไดกําหนดขนาดไวแลวในการเก็บขอมูล 3. การอานและเขียนขอมูลของ Swap File จะเร็วขึ้นเพราะไฟลมีการกระจายนอยลง วิธีการตั้ง Swap File หรือ Virtual Memory วิธีการตั้งการใชงาน Virtual Memory ทําไดโดย เริ่มตนจากการเรียก Control Panel โดยกดเลือกที่ Start menu >> Settings และเลือกที่ Control Panel เลือกที่เมนูของ System คลิกที่ปาย Performance เลือกที่ Virtual Memory จะ ไดหนาตาดังรูป
186
ที่เมนูของ Virtual Memory มีความหมายดังนี้ Let Windows manage... เลือกตรงนี้ถาตองการให Windows จัดการ virtual memory อัตโนมัติ Let me specify my own... เลือกที่นี่ ถาตองการกําหนดขนาดของ virtual memory เปนคาคงที่เอง Hard disk เลือกฮารดดิสกที่ตองการทํา Virtual Memory หรือ Swap File Mimimun กําหนดขนาดต่ําสุดของ Swap File Maximum กําหนดขนาดสูงสุดของ Swap File Disable virtual memory คือการกําหนดใหไมใช virtual memory (จะใช RAM จริง ๆ เทานั้น) หลักการกําหนดขนาดของ virtual memory ควรจะกําหนดให minimum และ maximum มีขนาดเทากันนะครับ เพื่อให Swap File มีขนาดคงที่ไมมีการเปลี่ยนแปลง โดยขนาดที่แนะนําใหใชคือ ถาเครื่องมีแรมอยูนอยกวา 64M ควรใสเปน 128 แตถาเครื่องมีแรม 128M หรือมากกวานี้ ควรใสเปน 256 โดยประมาณนะครับ และนอกจากนี้ ควรเลือก ฮารดดิสก ตัวที่มีความเร็วมากที่สุด สําหรับทํา Swap File เพื่อเพิ่มความเร็วในการใชงาน Windows หลังจากที่ใสคาตามตองการแลวก็กด OK จะมีเมนูยืนยันการเลือกอีกครั้งก็กด Yes และเมื่อปดหนาจอของการ เลือก Windows จะตองทําการ Restart ใหมครั้งหนึ่ง การตั้งคาตาง ๆ จึงจะมีผล เราสามารถดูขนาดของ Swap File ไดโดยที่เมื่อกําหนดแลว โดยจะเห็นเปนไฟลในฮารดดิสกชื่อ Win386.swp ซึ่ง หากลบทิ้งไป Windows ก็จะทําการสรางขึ้นมาใหมโดยอัตโนมัติ ขอแนะนําเพิ่มเติมของการทํา Virtual Memory การตั้ง Virtual Memory คือการจําลองพื้นที่ของฮารดดิสก มาใชงานแทน RAM ดังนั้นถาจะใหไดผลดีที่สุด จะตองหาทางทําใหพื้นที่ ที่กําหนดใหเปน Swap File เปนพื้นที่ที่อยูในฮารดดิสกตัวที่มีการอานเขียนขอมูลไดเร็ว ที่สุด มาดูหลักการตาง ๆ ของการกําหนดใช virtual memory ที่ถูกตองวามีอะไรบาง
187 พื้นที่สวนไหนของฮารดดิสกที่มีการอานเขียนไดเร็วที่สุด ลองนึกภาพฮารดดิสก 1 ตัวที่มีจานดิสกเปนรูปวงกลมหมุนอยูดวยความเร็วสูง และมีหัวอาน ที่เคลี่อนยายไปมา เพื่ออาน หรือเขียนขอมูล จะเห็นไดวาในการหมุนของจานดิสก 1 รอบ พื้นที่ขอมูลที่อยูรอบนอกสุด จะสามารถ อานไดจํานวนมากกวาพื้นที่ ที่อยูดานในของจานฮารดดิสก ดังนั้น หากเราสามารถกําหนดให Swap File อยูใน สวนของพื้นที่นอกสุดไดมากเทาไร อัตราการอานเขียนขอมูลก็จะทําไดเร็วมากขึ้น ในการแบงฮารดดิสกใหมี หลาย ๆ พารติชัน การใชงานพื้นที่ของพารติชันแรก จะอยูนอกสุด และพารติชันถัดไป จะใชพื้นที่สวนที่อยูรอบ ใน ถัดเขามาเรื่อย ๆ กรณีที่มีฮารดดิสก 2 ตัว หากใครมีฮารดดิสกตออยู 2 ตัว ก็เปนไปไดที่จะกําหนดใหใชพื้นที่สวนนอกสุด ของฮารดดิสกตัวที่ 2 มาทําเปน Virtual Memory เพราะวาจะเปนสวนสามารถอานเขียนขอมูลที่เร็วที่สุด ทั้งนี้จะใชไดในกรณีที่ฮารดดิสกทั้ง 2 ตัว มีความเร็วพอ ๆ กันดวย ถาหากฮารดดิสกตัวที่ 2 เปนฮารดดิสกเกาหรือมีความเร็วชากวาตัวแรก ก็แนะนําใหไป ทําในฮารดดิสกตัวแรกดีกวา จะแบงพารติชัน สําหรับทํา virtual memory ตางหากไปเลย บางคนบอกวา ถาอยางนั้นจัดการแบงพารติชันของฮารดดิสกใหเปนหลาย ๆ พารติชันและตั้งใหทํา Virtual Memory หรือ Swap File ในพารติชันที่แบงไวโดยเฉพาะไปเลยจะดีไหม กอนอื่นตองมาดูกันกอนนะครับ วาการ แบงพารติชันนั้น ในพารติชันแรก จะใชพื้นที่นอกสุดของฮารดดิสก และพารติชันถัดไป ก็จะใชพื้นที่ในสวนรอบ ในของจานฮารดดิสก เขาไปเรื่อย ๆ ดังนั้นสรุปวา พารติชันแรกสุดของฮารดดิสก จะมีอัตราการอานเขียนขอมูล ไดเร็วที่สุด หากจะแบงพารติชันสําหรับทํา Swap File ในพารติชันแรก ก็เปนการกระทําที่ถูกตองครับ แตถาหาก คิดจะแบงพารติชัน และเก็บการทํา Swap File ไปไวในพารติชันถัดไป อันนี้ไมใชทางเลือกที่ดีนัก เพราะความเร็ว การอานเขียนขอมูลของพารติชันถัดไปนี้ จะชากวาการอานเขียนขอมูลของ พารติชันแรกครับ ในเรื่องนี้ ผมขอ แนะนําวาไมมีความจําเปนถึงขนาดนั้นครับ เพียงแตวาถาหากมีฮารดดิสกแคตัวเดียว ก็ใหทํา Swap File ไวใน พารติชันแรกของฮารดดิสกตัวนั้นก็เพียงพอแลว การใชโปรแกรมบางประเภท ทําการยาย Swap File มาไวสวนแรกสุดของฮารดดิสก จะมีซอฟตแวรบางตัวเชน Norton Speed Disk มีความสามารถในการยายสวนของ Swap File มาไวในสวนแรกสุด ของฮารดดิสก เพื่อการเขาถึงขอมูลไดเร็วขึ้น อันนี้ก็เปนอีกวิธีหนึ่งที่ชวยเพิ่มประสิทธิภาพของการทํา Virtual Memory ได ซึ่งเทาที่ทราบมาโปรแกรม Defrag ของ Windows ไมมีความสามารถในสวนนี้
การติดตั้งซีพียู Intel Pentium4 ซีพียู Pentium4 จะมีความพิเศษกวาซีพียู Athlon XP เนื่องจากจะตองมีขั้นตอนติดตั้งฐานรองฮีตซิงคกอนจึง จะติดตั้งซีพียูได แตเมนบอรดโดยสวนใหญในทองตลาดจะใสมาใหแลว จึงอาจขามขั้นตอนนี้ไปไดเลย สําหรับ รุนนี้จะใชกับ Socket 478 ซึ่งเปน Socket แบบลาสุดของทาง Intel ขั้นตอนในการติดตั้งซีพียูมีดังนี้ ขั้นตอนการติดตั้งฐานรองฮีตซิงค 1. วางฐานรองฮีตซิงคลงบนเมนบอรด โดยสังเกตใหชองของฐานตรงกับชองบนเมนบอรด
188
2. กดหมุดสีดําลงในชองใหครบทั้ง 4 ชอง โดยกดหมุดลงไปใหสุด
3. ใสหมุดสีขาวลงในชองของหมุดสีดําอีกที โดยใชนิ้วกดหมุดลงไปใหสุดเชนกัน
ขั้นตอนการติดตั้งซีพียู Pentium 4 1. ยกขาล็อคซีพียูขึ้น โดยในการยกขาล็อคนี้จะยกขึ้นมาตรงๆ จะยกไมขึ้นเพราะจะติด Socket ใหกดลง เล็กนอยแลวงางขาออกดานขางจากนั้นก็ยกขึ้น
189
2. นําซีพียูมาเสียบลงใน Socket โดยหันซีพียูดานที่มีรูกลมๆไปไวมุมเดียวกับขาล็อค
3. กดกานล็อคซีพียูลง สังเกตใหขาล็อคและยึดเขากับ Socket
ขั้นตอนการติดตั้งฮีตซิงค 1. ทําการวางฮิตซิงคลงไปในบล็อกของฐานติดตั้งใหฐานลางของฮีตซิงคสัมผัสกับผิวหนาของซีพียูพอดี
190
2. กดฮีตซิงคลงไปบนฐานรอง โดยกดใหเขี้ยวของฮีพซิงคล็อคเขากับขาของฐานรองทั้งสี่ดาน
3. สับคันโยกของฮีตซิงค เพื่อยึดตัวฮีตซิงคเขากับซีพียู ใหระวังทิศทางของคานล็อคดวย
4. ติดตั้งฮีตซิงคเรียบรอยแลว
191
5. เสียบสายพัดลมซีพียู เขากับขั้วตอพัดลมบนเมนบอรด
ขั้นตอนการติดตั้งแรมแบบ SDRAM ในการติดตั้งก็เพียงแตใสแรมลงใน DIMM Sockets โดยหันดานทีม ่ ีรอยเวาใหตรงกับเสนของ DIMM Sockets แลวกดลงไปจนขาล็อคดีดขึ้นมาล็อคแผงแรม
ในที่นี้จะเปนการตอสายไฟ และสายสัญญาณจากเพาเวอรซัพพลาย (Power Supply) ของเคสไปยังเมนบอรด หลังจากนั้นก็ติดตั้งเมนบอรดเขากับเคส แตบางคนอาจตอสายไฟ และสายสัญญาณภายหลังจากติดตั้งเมนบอรด แตวิธีนี้จะทําใหเสียบสายสัญญาณยาก เนื่องจากคอนเน็กเตอรอยูใกลกับเคสมากอีกทั้งยังมองหา ตําแหนงของขายากอีกดวย จึงไมสะดวก
192 การตอสายเพาเวอรสําหรับเมนบอรด 1. หาตําแหนงของขั้วตอสายเพาเวอร
2. เสียบหัว AUX 20 Pin โดยหันดานที่มีหัวล็อคใหตรงกัน แลวเสียบลงไปตรงๆ (ถาใสผิดจะใสไมเขา)
รูจักสายสวิตชและสัญญาณชนิดตางๆ มาดูกันวามีสายสัญญาณอะไรบางที่จะตองตอเขากับ Front Panel Connector บนเมนบอรดซึ่งจะมีอยู 5 เสน ดวยกันดังนี้ POWER SW เปนสายไฟของสวิทชที่ใชในการเปด-ปดเครื่อง ซึ่งจะตอมาจากสวิทช ที่อยู ดานหนาเคส RESET SW เปนสายไฟที่ตอมาจากปุม Reset Switch ที่อยูทางดานหนาของเคสซึ่งจะเปนปุมที่ใช บูตเครื่องใหม ใชแทนการกดปุมPower เพื่อปดและเปดเครื่องใหม POWER LED เปนคอนเน็กเตอรที่จะสงไฟเลี้ยงไปยังหลอด LED ที่อยูทางดานหนาของเคส เพื่อ แสดงสถานะของเครื่องวาเปดหรือปด ถาเครื่องเปดอยูหลอด LED ก็จะแสดงไฟสีเขียว แตถาปดเครื่องไฟก็จะดับ H.D.D LED เปนสายไฟของหลอด LED ที่ตอมาจากดานหนาของเคส ใชแสดงสถานะการอาน หรือเขียนขอมูลของอุปกรณที่ตอกับ คอนเน็กเตอร Primary IDE หรือ Secondary IDE ไดแก ฮารดดิสก ซีดีรอมไดรว
193 SPEAKER เปนคอนเน็กเตอรที่ตอไปยังลําโพงของเครื่อง ใชแสดงเสียง Beep Code เทานั้น จะใช เสียงในรูปแบบอื่นๆไมได ขั้นตอนการตอสายสัญญาณ 1. เสียบสาย HDD LED ที่ขา IDELED โดยนําดานที่มีสายสีแดงเสียบที่ขั้วบวก (หันคอนเน็กเตอรดานที่มี ตัวหนังสือ HDD LED เขาทางดานในของเมนบอรด)
2. เสียบสาย POWER LED ที่ขา LED โดยนําดานที่มีสายสีเขียวเสียบที่ +5V (หันคอนเน็กเตอรดานที่มี ตัวหนังสือ Power LED เขาทางดานในของเมนบอรด)
3. เสียบสาย POWER SW ที่ขา ATX Power Switch
4. เสียบสาย SPEAKER ที่ขา SPEAKER Connector
194
5. เสียบสาย RESET SW ที่ขา RESET SW
การใสฐานรองเมนบอรด การใสฐานรองเมนบอรดมีจุดประสงคเพื่อปองกันไมใหแผนวงจรเมนบอรดสัมผัสกับเคสที่ทําจากโลหะ เพราะ จะทําใหเกิดการลัดวงจรไดทําใหเกิดความเสียหายขึ้นกับเมนบอรด โดยฐานดังกลาวจะมีทั้งที่เปนพลาสติก , อะลูมิเนียม หรือบางรุน ก็จะเปนน็อตสกูร ู
รูปแสดงฐานรองเมนบอรด และน็อตสกรู
195 1. สํารวจตําแหนงที่จะใสฐานรองเมนบอรด โดยวิธีที่งายที่สุดคือวางเมนบอรดทาบลงไปในเคสแลวใช ปากกาเมจิกมารคตําแหนงตางไว
2. ใสฐานรองในตําแหนงที่ทําการมารคไว จําเปนตองใสใหครบทุกจุดที่มารคไว เพื่อปองกันเมนบอรด สัมผัสกับเคส
3. เจาะชองดานหลังเคส โดยทั่วไปแลวดานหลังเคสจะเตรียมชองไวมากมาย เตรียมไวสําหรับใสพอรต ของเมนบอรดแตชองดังกลาวจะมีแผนอะลูมิเนียมปดไวให เลือกเจาะเฉพาะชองที่ตองใชเทานั้น
4. ติดตั้งเมนบอรดเขากับเคส โดยเริ่มจากเสียบพรอตกอนเปนอันดับแรก
5. สังเกตวาพอรตตางๆถูกติดตั้งเรียบรอย
196
6. จัดใหรูน็อตบนเมนบอรดตรงกับฐานรอง
7. ขันน็อตยึดเมนบอรดใหครบ และอยาลืมใสแผนรองน็อตดวยเพื่อปองกันเมนบอรดเปนรอย
8. เสร็จขัน้ ตอนการติดตั้งเมนบอรด
197 ขั้นตอนการตอสายไฟใหกับพัดลม 1. หาหัวตอของสายไฟของพัดลม โดยมากแลวจะมีลักษณะคลายหัวตอของสายไฟของฮารดดิสกแตจะ เปนปลั๊กสวม
2. เสียบสาย Power Supply เขากับสายพัดลม
นอกจากนี้ยังมีสายอีก 1 เสนที่ตองเชื่อมตอกันคือ สายที่ตอระหวางพัดลมตัวหนาและตัวหลัง 3. หาหัวตอของพัดลม แลวเสียบสายเขาดวยกัน ขั้นตอนการติดตั้งฟล็อปปดิสกไดรว 1. สอดฟล็อปปดิสกเขาไปในชอง ดันตัวไดรวใหเขาไปจนสุด สังเกตใหชองขันน็อตสกรูของไดรวพอดี กับรูน็อตของเคส
2. ขันน็อตสกรูยึดไดรวเขากับเคส ซึ่งจะมีทั้งหมด 4 ตัว ดานละ 2 ตัว
198
3. เลือกสายสัญญาณฟล็อปปดิสกไดรว สังเกตวาดานที่มีสีแดงอยูตรงไหน เสียบสายสัญญาณ โดยใหนํา ดานที่มีแถบสีแดงหันไปทางดานที่มีเลข 1 กํากับอยู บนบอรดของฟล็อปปไดรว
4. เสียบสายเพาเวอรเขากับไดรว ถาหันหัวผิดดานจะเสียบไมเขา
5. เสียบหัวคอนเน็กเตอรของสายสัญญาณเขากับคอนเน็กเตอร Floppy บนเมนบอรด โดยหันดานที่มี สีสันใหตรงกับรอง (หันดานที่มีแถบสีแดงไปทางดานที่มีเลข 1 กํากับก็ได)
การติดตั้งฮารดดิสก สําหรับขั้นตอนในการติดตั้งฮารดดิสกนั้นงายมาก เมื่อผานขั้นตอนของการเซตจัมเปอรเรียบรอย ก็ให จัดการติดตั้งฮารดดิสกเขาไปในเคสไดเลย และสําหรับการตอสายไฟและสายสัญญาณ ก็มีเคล็ดลับงายๆคือ หัน
199 หัวดานที่มีสีแดงเขาหากัน 1. เสียบจัมเปอรตําแหนง Master โดยดูจากสติกเกอรที่อยูบนฮารดดิสก
2. สอดฮารดดิสกเขาไปในชอง ขันน็อตยึดทั้ง 4 ตัว
3. เสียบสาย IDE และสาย Power โดยหันหัวดานที่มีสีแดงเขาหากัน
4. หาชองตอ IDE1 บนเมนบอรด (บางเมนบอรดอาจใชคําวา "PRIMARY IDE ") แลวสังเกตวาขา 1 อยูทางดาน ไหน โดยสังเกตวาจะมีคําวา "Pin 1" พิมพบอกไว
200
5. เสียบสาย IDE เขาที่ชอง IDE1 บนเมนบอรดหันดานที่มีแถบสีแดงไปทางดานที่มีเลข1 กํากับสังเกตวาสันของ หัวตอของสาย IDE นั้นจะเสียบเขาพอดีกับรองบนชอง IDE ฉะนั้นถาเกิดเสียบผิดดานก็จะเสียบไมเขา
ขั้นตอนการติดตั้งไดรว CD-ROM 1. เสียบจัมเปอรในชอง Master ที่ดานหลังของซีดีรอม
2. เลือกชองแลวสอดไดรว CD-ROM
201
3. ไขน็อตยึดไดรว CD-ROM เขากับเคส
4. เสียบสาย AUDIO เขาไปที่ชอง ANALOG AUDIO โดยหันสายสีแดงไปทางดานที่มีอักษร R
5. เสียบสาย IDE โดยหันแถบสีแดงไปทางชอง Power ซึ่งขา 1 ของ CD-ROM จะอยูทางดานนั้นพอดี
6. เสียบสาย Power โดยหันดานที่มีสายไฟเสนสีแดงเขาดานใน หรือสังเกตที่ดานหลังของไดรวจะเขียน วา +5 สวนสายไฟเสนสีเหลืองจะตองอยูทาง +12
202
7. ตอสาย AUDIO เขากับคอนเน็กเตอร CD-ROM บนเมนบอรด
8. ตอสายเขาที่ชอง Secondary IDE (IDE2) โดยหันดานที่มีแถบสีแดงใสเขาที่ Pin1
การติดตั้งการด AGP 1. หาสล็อต AGP สําหรับติดตั้งการดจอภาพ ซึ่งปกติแลวจะเปนชองสีน้ําตาล และจะอยูตรงกลางเมนบอรด
2. ถอดฝาดานหลังตรงสล็อต AGP ออก เพื่อเตรียมใสการด
203
3. เสียบแผนการดจอภาพลงในสล็อต AGP แลวใชนิ้วมือกดเบาๆจนสนิท
4. ขันน็อตยึดการดจอภาพเขากับตัวเคส
การติดตั้ง Sound Card
204
1. เสียบแผนการดลงในสล็อต แลวคอยๆออกแรงกดเบาๆ
2. ขันน็อต ยึดการดเสียงเขากับตัวเคส 3. ตอสาย AUDIO โดยนําสายที่ตออยูกับซีดีรอมไดรวตรงชอง Analog Audio มาเสียบเขาที่ คอนเน็ก เตอร CD_IN ของการดเสียง
การติดตั้งอุปกรณตอพวง กอนที่จะทําการติดตั้งสายไฟหรือสายสัญญาณใดๆใหตรวจสอบดูกอนวาอุปกรณแตละชนิดมีสายอะไรใหมาบาง และตองตอสายใดเขาที่พอรตใดบาง โดยตรวจสอบจากคูมือ หรือดูจากสัญลักษณที่กํากับมากับพอรตเสียกอน หลังจากนั้นก็เริ่มติดตั้งสายของ อุปกรณ ทีละเสนจนครบทุกอุปกรณ ซึ่งพรอตเชื่อมตอตางๆมีดังนี้
205
รูปแสดงพอรตเชื่อมตอชนิดตางๆที่อยูดานหลังเครื่อง LLF หรือ Low Level Format ฮารดดิสก ในสมัยกอน ๆ จะเปนขั้นตอนของการทําการ format ฮารดดิสกในระดับ ลึก ๆ ที่ไมใชการ format ธรรมดา โดยจุดประสงคคือ เพื่อเปนการจัดระบบการเก็บขอมูลของ ฮารดดิสกใหม และ แกไขปญหา bad sector ของฮารดดิสกไดดวย แตในปจจุบันนี้ ฮารดดิสกสวนใหญ มักจะไมจําเปนจะตองทําการ Low Level Format แลว เพียงแคใชวิธีการ format ธรรมดาก็มีความหมายเหมือนกัน โดยที่การทํา Low Level Format สมัยใหม ๆ นี้จะเปนเพียงแคการทํา Zero Fill หรือการลบขอมูลออกไปโดยการเขียนขอมูลทับใหหมด นั่นเอง Low Level Format ตางกับการ format ธรรมดาอยางไรฮารดดิสก เมื่อซื้อมาใชงานครั้งแรก จําเปนตองทําการ format กอนเพื่อใหสามารถใชงาน สําหรับการเก็บขอมูลตาง ๆ ได แตเมื่อเรามีการใชงาน ฮารดดิสกนั้น ไปนาน ๆ ในบางครั้ง หากพบวา ฮารดดิสกเริ่มจะมีปญหา เชนการอานหรือเขียน ขอมูลตาง ๆ เริ่มมีอาการสะดุดหรือคาง เปนบางครั้ง และหากใชโปรแกรม scan disk ตรวจสอบ อาจจะพบวา เริ่มจะมีสวนของ bad sector เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ นั่นคืออาการเริ่มตน ของฮารดดิสกที่ใกลจะมีปญหา การทําการ format ฮารดดิสกแบบธรรมดา โดยใชคําสั่ง format ที่มากับระบบ DOS หรือ Windows จะเปนเพียงแคการทดสอบวา พื้นที่ของฮารดดิสกสวนนั้น เสียจริง หรือไม หากตรวจสอบแลวพบวาเสีย ก็จะทําการ mark ตําแหนงนั้นไววาเสีย และจะไมมีการใชงานพื้นที่สวนนั้น อีกตอไป หรือทีม่ ักจะเรียกพื้นที่ที่เสียนั้นวา bad sector นั่นเอง ดังนั้น หากฮารดดิสกมี bad sector เกิดขึ้น ก็ไมตอง สนใจอะไรมากนัก เพียงแคการ mark bad sector ก็เพียงพอแลวแตในกรณีที่ พื้นที่ของฮารดดิสก เริ่มที่จะมีจุด bad sector เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ นั่นเปนอาการที่แสดงวา ฮารดดิสกเริ่มจะมีปญหา ซึ่งหากเราใชวิธีการ format ธรรมดา หรือการ mark bad ก็ไมชวยอะไรไดมากนัก เพราะวาพื้นที่ของฮารดดิสก จะมีพื้นที่ที่เสีย เพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ จนไม สามารถใชงาน เก็บขอมูลตาง ๆ ได ดังนั้น หากเปนถึงระดับนี้ การทํา Low Level Format อาจจะเปนหนทางหนึ่ง ที่จะสามารถชวยตออายุการใชงานฮารดดิสก ออกไปไดอีกระยะหนึ่ง เมื่อไรจึงจําเปนตองทําการ Low Level Formatจากที่กลาวมาแลว เรื่องการเกิด bad sector ดานบน ดังนั้น หาก ฮารดดิสกของเราเกิดอาการ bad sector และมีทีทาวา จะเริ่มเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อย ๆ การแกไขที่ดีที่สุด คือหาก ฮารดดิสกนั้น ยังมีประกันอยู ใหรีบสงเคลม เปลี่ยนตัวใหมโดยเร็ว แตถาหากเปนฮารดดิสก ที่หมดระยะเวลา
206 ประกันไปแลว ก็คงจะไมสามารถทําอะไรไดมาก ทางเลือกหนึ่งคือ หากยังคิดจะใชงานฮารดดิสกตัวนั้นตอไป ทดลองทําการ Low Level Format ดูกอนครับ อยางนอยที่สุด อาจจะชวยยืดระยะเวลา การใชงานฮารดดิสกตัวนั้น ออกไปไดอีกระยะหนึ่ง กอนที่จะทําการเปลี่ยนตัวใหมตอไปขอควรระวังในการทํา Low Level Format ฮารดดิสก คือ ขอมูลทุกอยางในฮารดดิสก จะถูกลบออก อยางถาวร ไมมีทางกูกลับมาไดอยางเด็ดขาด ดังนั้น กอนการทํา ควรที่จะตรวจสอบและสํารองขอมูลที่สําคัญ เก็บไวกอนเสมอ นอกจากนี้ ตองระวังเรื่องของการทําผิดไดรฟ หรือ ผิดตัวดวย ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของขอมูล ควรจะถอดฮารดดิสกตัวอื่น ที่ไมเกี่ยวของ ออกจากเครื่องไปกอน ครับ (ถาทําได) จะหาโปรแกรมสําหรับทําการ Low Level Format จากไหนที่แรกเลย สําหรับโปรแกรมหรือซอฟตแวร สําหรับ การทํา Low Level Format ก็คือ จากเว็บไซต ของผูผลิตฮารดดิสก ยี่หอนั้น ๆ แตถาหาก หาไมไดหรือหาไมพบ อาจจะใชโปรแกรมตามลิงคดานทายของหนานี้ก็ไดครับ
ตัวอยางการทํา Low Level Format ฮารดดิสกของ Maxtor ตอไปนี้ คือตัวอยางการใชงานของโปรแกรม Low Level Format ฮารดดิสก ซึ่งขอยกตัวอยางการใชงาน โปรแกรม MAXLLF.EXE ซึ่งเปนโปรแกรมสําหรับทําการ Low Level Format ของฮารดดิสกยี่หอ Maxtor ซึ่ง หากเปนกรณีของ ฮารดดิสกยี่หออื่น จะมีหลักการใชงานคลาย ๆ กันครับหลังจากที่ไดดาวนโหลด MAXLLF.EXE มาและทําการ unzip แลว เริ่มตนโดยการบูทเครื่องจากแผน Windows98 Startup Disk และเลือก บูทที่ DOS Prompt ครับ จากนั้นก็เรียกไฟล MAXLLF.EXE จากที่ไดดาวนโหลดมา
207 เมื่อเรียกโปรแกรม จะมีคําเตือนตาง ๆ โดยใหกดที่ปุมตัว Y เพื่อเริ่มตนการใชงานโปรแกรม หรือปุมอื่นๆ เพื่อ ยกเลิกการใชงาน
หนาตาของเมนูแรก จะเห็นรายละเอียดตาง ๆ ซึ่งในที่นี้ ใหสังเกตุที่ชอง Current Device จะเห็นวาแสดง ฮารดดิสกเปน QUANTUM FIREBALL ซึ่งเปนฮารดดิสก ที่ไมใชตัวที่ตองการทํา LLF ดังนั้น สิ่งแรกที่ตองทําคือ ทําการเปลี่ยน Drive ที่จะทํา LLF ใหเปน ฮารดดิสกตัวที่ตองการกอน โดยเลือกที่เมนู Select Device ครับ
จะมีกรอบขอความใหเลือก Device ที่ตองการคือ 0,1,2,3 ใหทําการเลือกเปลี่ยนไปเปน ฮารดดิสกตัวที่ตองการ เชนตัวอยาง เลือกที่ 2 ซึ่งเปนฮารดดิสก Maxtor ครับ
208
หลังจากนั้น จะเห็นวา รายละเอียดของ Current Device เปลี่ยนไปเปน Maxtor 71336 ซึ่งเปนฮารดดิสกตัวที่ ตองการทํา Low Level Format ที่ถูกตอง เมื่อตรวจสอบทุกอยางเรียบรอย และไมมีอะไรผิดพลาดแลว เริ่มตนสั่ง LLF โดยเลือกที่คําสั่ง Low Level Current Device และกด Enter ครับ
จะมีกรอบขอความ ถามยืนยันวาจะใช LBA Mode หรือไม ใหกด Y ครับ
209
จะมีกรอบขอความ ถามยืนยันการทํา Low Level Format อีกครั้ง ใหกด Y ครับ
หลังจากนั้น โปรแกรมจะเริ่มตนทําการ Low Level Format โดยจะมีรายละเอียดแสดงไปเรื่อย ๆ ครับ
210
หลังจากรอสักพัก จนโปรแกรมทํางานเสร็จเรียบรอย หรือมีขอความแจงวา low level format completed with no error ครับ เปนอันเสร็จเรียบรอย ใหกดปุมใด ๆ ก็ไดครับเพื่อกลับไปหนาแรกของโปรแกรม
สุดทายเมื่อเสร็จแลว ก็เลื่อนเมนูไปที่ EXIT เพื่อออกจากโปรแกรมนี้ครับ
หลังจากทํา Low Level Format แลวตองทําอยางไรตอไป
211 หลังจากนี้ ฮารดดิสกจะยังไมสามารถใชงานไดทันที จะตองทําการแบงพารติชันและทําการ format กอน จึงจะใช งานไดครับ
การทํา Multi Boot สําหรับใชงาน Windows หลายระบบในเครื่องเดียวกัน ถามกันมามากนะครับ วาจะลง Windows หลาย ๆ รุนในเครื่องเดียวกัน และใหสามารถเลือกบูตเขาระบบที่ ตองการไดอยางไร วันนี้ก็เลยเขียนคําแนะนํา วิธีการทํา Multi Boot สําหรับทานที่ตองการลง Windows หลาย ๆ ระบบมาใหดูกันครับ โดยโปรแกรมที่เปนพระเอกของเรื่องนี้คือ Partition Magic กับ Boot Magic ครับ กอนอื่น ตองขอบอกกอนวา บทความตอไปนี้ อยากจะแนะนําสําหรับทานที่พอจะลง Windows ดวยตัวเองเปน แลวเทานั้น เพราะในบางขั้นตอน อาจจะคอนขางยุงยาก และตองอาศัยความเขาในระบบของ ฮารดดิสกกันสัก หนอยครับ ดังนั้น ผมจะไมแสดงขั้นตอนแบบละเอียดมากนัก เอาแคพอเปนแนวทางเทานั้นพอครับ หากใครคิด จะทดลองทําดู ก็ตามผมมาไดเลยครับ เริ่มตนจากหาดาวนโหลดโปรแกรม Partition Magic และ Boot Magic มาเตรียมไวกอนนะครับ เพราะวาถือเปน หัวใจสําคัญของการทํา Multi Boot นี้ครับ ลองหาที่ http://kickme.to/fosi ดูนาจะมี หลังจากนั้น ใหทําการวาง แผนการแบง พารติชั่นของฮารดดิสก ไวเพื่อรองรับ Windows รุนตาง ๆ ใหเรียบรอย ยกตัวอยางของผมที่กําลังจะ ทําใหดู เปนฮารดดิสกขนาด 80G. โดยไดวางแผนการแบง พารติชั่นไวดังนี้ - 5G. สําหรับลง Windows 98 - 5G. สําหรับลง Windows Me - 6G. สําหรับลง Windows XP - และสําหรับเก็บขอมูลอีก 20G. และ 40G. ครับ จํานวนของพารติชั่นของฮารดดิสกที่จะแบง ก็แลวแตจะกําหนดกันใหเหมาะสมนะครับ อยางนอยก็ 1 พารติชั่น ตอวินโดวส 1 ระบบ สวนวิธีการแบงพารติชั่น ก็อาจจะใช FDISK หรือจะใช Partition Magic แบงก็ไดครับ หลังจากที่แบงและเตรียมความพรอม รวมทั้งโปรแกรม Partition Magic กับ Boot Magic เรียบรอยแลว ก็เริ่มตน กันเลยครับ โดยตัวอยางตอไปนี้ ผมจะลง Windows 98, Windows Me และ Windows XP รวมทั้งหมดเปน 3 ระบบ ในฮารดดิสกตัวเดียวกันครับ ขั้นตอนแรก ทําการลง Windows 98 ไปที่ไดรฟ C: กอน โดยมีขั้นตอนและวิธีการลงตามปกติทุกอยาง จัดการลง Driver ของอุปกรณตาง ๆ ใหเรียบรอยครับ (สําหรับทานที่ใชงาน Windows ตัวเดิมอยูแลวก็อาจจะไมจําเปน เพียง แคใช Partition Magic ทําการแบงพื้นที่ของฮารดดิสกที่เหลือใหเปน พารติชั่นใหมสําหรับ Windows ระบบอื่น ๆ ก็พอแลว) หลังจากนั้น ก็ทําการติดตั้งโปรแกรม Partition Magic และ Boot Magic ลงไปทั้งสองโปรแกรมครับ โดยขั้นตอน การติดตั้ง โปรแกรม Boot Magic จะมีขั้นตอนของการทํา Boot Magic Rescue Diskettes ดวย หามขามขั้นตอนนี้ ไปเด็ดขาดครับ ขอใหทําแผนบูตสําหรับโปรแกรม Boot Magic ไวดวยแผนดิสก 1 แผนครับ เพราะคุณจําเปนตอง ใชงานมันแนนอน
212
ขั้นตอนแรก ทําการเปลี่ยนชนิดของ partition จาก Logical เปน Primary กอน เอาหละครับ เพื่อทุกอยางพรอมแลวก็ลงมือกัน หลักการทํา Multi Boot ก็งาย ๆ ครับคือ ใหทําการเปลี่ยนชนิดของ partition ที่ตองการใหบูตไดจาก Logical เปลี่ยนเปน Primary จากนั้น ก็ใชโปรแกรม Boot Magic ทําการกําหนด ลําดับของการเลือกบูต จากพารติชั่นที่ตองการ เทานี้ครับ ลงมือทําการเปลี่ยนชนิดของ partition ที่จะลง windows ใหเปน Primary กอนโดยเรียกโปรแกรม Partition Magic ขึ้นมา
อันนี้เปนภาพที่ ผมไดทําการแบงฮารดดิสกเตรียมไวแลวนะครับ ดูที่ตําแหนงเมาสชี้อยูจะเปนวา ไดรฟ D: และ E: จะยังเปนแบบ Logical อยู ตองทําการเปลี่ยนตรงนี้ใหเปน Primary ครับ โดยกดเลือกที่ partition ที่ตองการจะ เปลี่ยน แลวเลือกเมนู Partition >> Convert ครับ
213
เลือกที่ชอง Primary partition แลวกด OK ครับ ทําแบบนี้ในทุก ๆ partition ที่ตองการลง Windows เมื่อครบแลวก็ กดเลือกที่ Apply เพื่อทําการเปลี่ยน partition ตอไปครับ ในกรณีที่มีการลง Drive Mapper ไวดวย หากมีการถาม Warning.... ตามภาพ
ก็เลือก No ไปเลยนะครับ จากนั้นก็รอใหโปรแกรม ทํางานไปจนเสร็จ แลวออกจากโปรแกรม Partition Magic และทําการ บูตเครื่องใหมกอน 1 ครั้งครับ เทานี้ก็เสร็จขั้นตอนแรกแลว ขั้นตอนตอไป ใชโปรแกรม Boot Magic เพื่อกําหนดการเลือกบูตระบบ ตอไป ใหทําการเรียกโปรแกรม Partition Magic ขึ้นมาโดยหนาตาของโปรแกรมจะเปนตามภาพดานลาง
214
จะเห็นวา มีเพียงแค partition เดียวที่ลง Windows 98 ไวแลวเทานั้น ดังนั้น ตองทําการเพิ่มรายการของ Partition ที่ ตองการใหเลือกบูตได โดยกดที่ปุม Add เพื่อเพิ่มการเลือกบูตจาก partition อื่น
ทําการเลือก partition ตอไปที่ตองการและกดปุม OK ครับ จะไดตามภาพดานลาง
215
ใสชื่อของระบบ ที่จะแสดงตอนเลือกบูตลงไปในชอง Name และกดปุม OK ครับ จากนั้นก็ทําการเพิ่ม partition ตอไปเรื่อย ๆ จนครับตามตองการ เชนตัวอยางของผมจะมี 3 Windows ใหเลือก
จากนั้น กําหนดคาตาง ๆ ดังนี้
216 - Set as Default สําหรับการกําหนดวา ถาไมเลือก จะเปนการบูตเครื่องจากที่ใด - Reorder เปนการเลื่อนลําดับของเมนูและ partition วาจะใหแสดงอันไหนกอนกัน - Startup Delay เลือกวา จะใหหนวงเวลาเทาไร ถาไมมีการเลือก ผมแนะนําใหตั้งไวเปน Timed 2 Seconds ครับ - BootMagic Enabled เปนการเลือกใหมีเมนูของการบูตเครื่อง ถาไมเลือกก็จะบูตจาก partition แรกครับ - Save/Exit เก็บคาที่ตั้งไวและออกจากระบบ เสร็จแลวครับ ตอไปนี้ หากทําการบูตเครื่องใหม จะมีขอความของการทํางาน Boot Magic แสดงใหเลือกครับ
และถาหากเราไมทําการ กดคียบอรด หรือขยับเมาสใด ๆ เลย โปรแกรมก็จะหนวงเวลาไว 2 วินาทีกอนที่จะบู ตจาก partition ที่เราเลือกเปน default ครับ แตถาหาก เราเพียงแคขยับเมาส หรือกดปุมบนคียบอรด เมนูของการ เลือกระบบ ก็จะแสดงและเราสามารถเลือกบูตจาก partition ตาง ๆ ไดครับ ของแถมอีกหนอยคือ หากจะใหการใชงาน Windows หลาย ๆ ระบบเปนไปดวยความงายดาย ก็สามารถทําไดโดย หลักการคือ ทําการซอน partition ที่ไมตองการไปซะ เชน เมื่อบูตเครื่องดวย Windows 98 ก็จะทําการซอน partition ของ Me กับ XP ไปกอนไมใหมองเห็น จะชวยใหเราสามารถจําชื่อไดรฟ และใชงานไดสะดวกขึ้นครับ โดยปกติแลว ถาเราทําการเปลี่ยนชนิดของ partition จาก Logical ไปเปน Primary แลว จะทําใหระบบ ไมสามารถ มองเห็น Primary Partition ตัวอื่น ๆ ไดอยูแลวครับ ดังนั้น กรณีเชนนี้ ไมตองทําอะไร แตถาหาก ทานใดตองการที่จะทําให สามารถมองเห็น partition ของตัวอื่น ๆ ไดดวย ก็สามารถกําหนดได โดยการ เลือกที่ partition ที่ตองการตั้งคา แลวกดปุม Properties >> Visible Partitions ครับ
217
หากตองการใหการบูต สามารถมองเห็น partition อื่น ๆ ไดดวยก็เลือกที่ชอง Override Default Selection และ เลือกที่ Partition ที่ตองการใหมองเห็นไดเลย จากนั้นก็กดปุม OK ครับ ขั้นตอนตอไป การลง Windows ตัวอื่น ๆ ตอไป ก็ทําการลง Windows ตัวอื่น ๆ ที่ตองการ โดยที่ กอนที่จะทําการลง Windows จะตองทําการเลือก Partition Default ใหเปน Partition ที่ตองการกอนนะครับ เชน ผมตองการลง Windows Me ก็ตองทําการเลือกให Partition ของ Windows Me เปนคา Default = Yes ไวกอน แลวคอยบูตเครื่องใหมจากแผนดิสก หรือจากซีดี เพื่อจะลง Windows ตอไปครับ หากไมทําการเลือกบูตระบบของ Windows ที่ตองการไว อาจจะทําใหขั้นตอนของการติดตั้ง Windows ตัวที่สอง มามองเห็นระบบ Windows ของตัวแรก และอาจจะทําใหมีปญหาก็ไดครับ ปญหาตอมาที่จะพบคือ เมื่อทําการลง Windows อีกตัวใน partition ใหมแลว บางครั้ง เราจะไมสามารถใชงาน Boot Magic เพื่อเลือกระบบได ตรงนี้แหละที่ผมแนะนําใหทําแผนดิสกของโปรแกรม Boot Magic ไว เพราะวา เพื่อลง Windows ตาง ๆ เรียบรอยแลว เราสามารถบูตเครื่องจากแผนดิสกนี้ และเขาไปทําการ Enable โปรแกรม Boot Magic ใหใชงานไดอีกครั้งครับ จากการทดลองของผม คือแบงขนาดของฮารดดิสกตามที่บอก และทําการลง Windows 98, Me และ XP ตาม ขั้นตอนที่เขียนมาจนจบ ทดลองใชงานดูก็ OK ดีครับ สบาย ๆ ไมพบปญหาอะไรครับ การทํางานของ CD-ROM ภายในซีดีรอมจะแบงเปนแทร็กและเซ็กเตอรเหมือนกับแผนดิสก แตเซ็กเตอรในซีดีรอม
218 จะมีขนาดเทากัน ทุกเซ็กเตอร ทําใหสามารถเก็บขอมูลไดมากขึ้น เมื่อไดรฟซีดีรอม เริ่มทํางานมอเตอรจะเริ่มหมุนดวยความเร็ว หลายคา ทั้งนี้เพื่อใหอัตราเร็วในการ อานขอมูลจากซีดีรอมคงที่สม่ําเสมอทุกเซ็กเตอร ไมวาจะเปนเซ็กเตอร ที่อยูรอบ นอกกรือวงในก็ตาม จากนั้นแสงเลเซอรจะฉายลงซีดีรอม โดยลําแสงจะถูกโฟกัส ดวยเลนสที่เคลื่อนตําแหนงได โดยการทํางานของขดลวด ลําแสงเลเซอรจะทะลุ ผานไปที่ซีดีรอมแลวถูกสะทอนกลับ ที่ผิวหนาของซีดีรอมจะเปน หลุมเปนบอ สวน ที่เปนหลุมลงไปเรียก "แลนด" สําหรับบริเวณที่ไมมีการเจาะลึกลงไปเรียก "พิต" ผิวสอง รูปแบบนี้เราใชแทนการเก็บขอมูลในรูปแบบของ 1 และ 0 แสงเมื่อถูกพิตจะกระจายไป ไมสะทอนกลับ แตเมื่อแสงถูกเลนสจะสะทอนกลับผานแทงปริซึม จากนั้นหักเหผาน แทงปริซึมไปยังตัวตรวจจับแสงอีกที ทุกๆชวงของลําแสงที่กระทบตัวตรวจจับแสงจะ กําเนิดแรงดันไฟฟา หรือเกิด 1 และ 0 ที่ทําใหคอมพิวเตอรสามารถเขาใจได สวนการ บันทึกขอมูลลงแผนซีดีรอมนั้นตองใชแสงเลเซอรเชนกัน โดยมีลําแสงเลเซอรจากหัว บันทึกของเครื่อง บันทึกขอมูลสองไปกระทบพื้นผิวหนาของแผน ถาสองไปกระทบ บริเวณใดจะทําใหบริเวณนั้นเปนหลุมขนาดเล็ก บริเวณทีไมถูกบันทึกจะมีลักษณะเปน พื้นเรียบสลับกันไปเรื่อยๆตลอดทั้งแผน แผนซีดีรอมเปนสื่อในการเก็บขอมูลแบบออปติคอล (Optical Storage) ใช ลําแสงเลเซอรในการอานขอมูล แผนซีดีรอม ทํามาจากแผนพลาสติกเคลือบดวย อลูมิเนียม เพื่อสะทอนแสงเลเซอรที่ยิงมา เมื่อแสงเลเซอรที่ยิงมาสะทอนกลับไป ที่ตัว อานขอมูลที่เรียกวา Photo Detector ก็อานขอมูลที่ไดรับกลับมาวาเปนอะไร และสงคา 0 และ 1 ไปใหกลับซีพียู เพื่อนําไปประมวลผลตอไป ความเร็วของไดรฟซีดีรอม มีหลายความเร็ว เชน 2x 4x หรือ 16x เปนตน ซึ่งคา 2x หมายถึงไดรวซีดีรอมมี ความเร็วในการหมุน 2 เทา ไดรสตัวแรกที่เกิดขึ้นมามีความเร็ว 1x จะมีอัตราในการโอนถายขอมูล (Data Tranfer Rate) 150 KB ตอวินาที สวนไดรฟ ที่มีความเร็วสูงกวานี้ ก็จะมีความเร็วในการโอนถายขอมูล ตามตาราง
ความเร็วของไดรว ซีดีรอม อัตราการโอนถายขอมูล (กิโลไบตตอวนาที) 1x 150 2x 300 3x 450 4x 600 6x 900 8x 1,200 10x 1,500 ความเร็วในการเขาถึงขอมูล (Access Time) ความเร็วในการเขาถึงขอมูลคือ ชวงระยะเวลาที่ไดรวซีดีรอมสามารถอานขอมูลจากแผน ซีดีรอม แลวสงไป ประมวลผล หนวยที่ใชวัดความเร็วนี้คือ มิลลิวินาที (milliSecond) หรือ ms ปกติแลวความเร็วมตราฐานที่ เปนของไดรวซีดีรอม 4x ก็คือ 200 ms แต ตัวเลขนี้จะเปนตัวเลขเฉลี่ยเทานั้น เปนไปไมไดแนนอนวาไดรว ซีดีรอมจะมีความเร็วใน การเขาถึงขอมูลบนแผนซีดีรอมเทากันทั้งหมด เพราะวาความเร็วที่แทจริงนั้นจะขึ้นอยู กับวาขอมูลที่กําลังอาน อยูในตําแหนงไหนบนแผนซีดี ถาขอมูลอยูในตําแหนงดานใน หรือวงในของแผนซีดี ก็จะมีความเร็วในการเขาถึงสูง แตถาขอมูลอยูดานนอกหรือวง นอกของแผน ก็จะทําใหความเร็วลดลงไป แคชและบัฟเฟอร ไดรวซีดีรอมรุนใหมๆ มักจะมีหนวยความจําที่เรียกวาแคชหรือบัพเฟอรติดตั้งมาบนบอรด
219 ของซีดีรอมไดรว มาดวย แคชหรือบัพเฟอรที่วานี้ก็คือชิปหนวยความจําธรรมดาที่ติดตั้ง ไวเพื่อเก็บขอมูลชั่วคราวกอนที่จะสง ขอมูลไปประมวลผลตอไป เพื่อชวยเพิ่มความเร็ว ในการอานขอมูลจากไดรวซีดีรอม ซึ่งแคชนี้มีหนาที่เหมือน กับแคชในฮารดดิกส ที่จะ ชวยประหยัดเวลา ในการอานขอมูลจากแผนซีดี เพราะถาขอมูลที่รองขอมามีอยู ในแคช แลว ก็ไมตองเสยเวลาไปอานขอูลจากแผนอีก ขนาดของแคชในไดรวซีดีรอมทั่วๆ ไปก็ คือ 256 กิโลไบต ซึ่งถายิ่งมีแคชที่มีขนาดใหญ ก็ยิ่งชวยเพิ่มความเร็วในการสงถาย ขอมูล ใหสูงขึ้นไปอีก ขอดีของการติดตั้งแคชลงไปในไดรวซีดีรอมก็คือ แคชจะชวยใหสามารถรับ-สงขอมูล ไดดวยความเร็ว สม่ําเสมอ เมื่อแอพพลิเคชั่นรองขอขอมูล มายังไดรวซีดีรอม แทนที่ จะตองไปอานขอมูลจากแผนซีดี ซึ่งมี ความเร็วต่าํ ก็สามารถอานขอมูล ที่ตองการจาก แคช ที่มีความเร็วมากกวาแทนได ยิ่งมีแคชจํานวนมากแลวก็ สามารถที่จะเก็บขอมูลมา ไวในแคชไดเยอะขึ้น ทําใหเสียเวลาอานขอมูลจากแผนซีดีนอยลง อินเตอรเฟซของไดรวซีดีรอม อินเตอรเฟซของไดรวซีดีรอมมีอยู 2 ชนิดคือ IDE ซึ่งมีราคาถูก มีความเร็วในการสงถาย ขอมูลอยูในขั้น ที่ยอมรับได และชนิด SCSI มีราคาแพงกวาแบบ IDE แตก็จะมีความเร็ว ในการสงถายขอมูลสูงขึน ้ ดวย เหมาะสําหรับนํามาใชเปนซีดีเซรฟเวอร เพราะตองการ ความเร็ว และความแนนอนในการสงถายขอมูลมากวา ไดรฟซีดีรอมจะมีอยู 2 แบบ คือ แบบติดตั้งภายใน และแบบติดตั้งถายนอก แบบติดตั้ง ภายในมีขอดีคือ ประหยัดพื้นที่ในการวางซีดีรอมไดรวและไมตองใชอดแปเตอรเพื่อ จายไฟใหกับไดรวซีดีรอม และที่สําคัญมีราคาถูกกวาแบบติดตั้งภายนอก แบบบติดตั้ง ภายนอกมีขอดีคือ สามารถพกพาไปใชกับ เครื่องอื่นไดสะดวก เทคโนโลยีซีดีรอม เทคโนโลยีซีดีรอมแบบที่นิยมใชกันมีอยู 2 ประเภทคือ CLV (Constant Linear Velocity) และ CAV (Constant Angular Velocity) การทํางานของ CLV คือตัวไดรฟจะทํางานที่ความเร็วในการสงผานขอมูลที่แนนอน (ความเร็ว X) แตมอเตอร นั้นหมุนที่ความเร็วระดับตางๆ กันขึ้นอยูกับเนื้อที่ในการเก็บขอูล โดยหากอานขอมูล บริเวณดานในของแผนซีดี ตัวไดรฟจะหมุนที่ความเร็วสูง แตเมื่อมีการอานขอมูลบริเวณ ดานนอก ตัวไดรฟจะลดความเร็วรอบลง โดย ความเร็วรอบนจะอยูระหวาง 500 ถึง 4,000 รอบตอนาที สําหรับซีดีรอมความเร็ว 8 เทา ซึ่งเทคโนโลยีนี้ทํา การเพิ่มความเร็ว ในการถายขอมูลโอนขอมูลไดยาก เนื่อจากตองคงความเร็ว ในการโอนถายขอมูลที่ 16 เทานั้น เมื่อขอมูลถูกเก็บอยูในพื้นที่วงในของแผนซีดี ตัวไดรฟจําเปนตองหมุนดวย ความเร็วสูง เพื่อใหคงอัตราการ ถายโอนขอมูลนั้นไว ทําใหเกิดปญหาความรอนและเกิด ขอมผิดพลาดในการรับขอมูลไดมากขึ้น แตสําหรับเทคโนโลยี CAV ซึ่งเปนเทคโนโลยีที่ใหมกวานั้นจะมีการทํางานที่ตางกัน โดยตัวไดรฟ CAV นั้นจะมีความเร็วในการหมุนคง ที่เชนเดียวกับที่เปนอยูในฮารดดิสก เมื่อมีการอานขอมูลบริเวณวงในของ แผนซีดีรอมนั้นตัวไดรฟอาจจะทําความเร็วในระดับ 8-12 เทา แตประโยชนที่ไดจาก แตประโยชนที่ไดจาก ตัวไดรฟเทคโนโลยีนี้ก็คือเมื่อ ไดรฟ ทําการอานขอมูลบริเวณวงนอกของแผนซีดีความเร็ว ในการอานจะเพิ่มขึ้น เปน 16 เทา เพราะเนื้อที่ดานนอกของซีดีนั้นจะเก็บขอมูลมากวาพืน ้ ที่วงในของแผน
การทํางานของคอมพิวเตอร เมื่อเรานึกถึงคําวา Technology เชื่อไดเลยวา สิ่งที่เราจะนึกถึง ในลําดับแรกๆ ก็คือ คอมพิวเตอร ที่ดูเหมือน จะเปนตัวแทน ซึ่งกันและกัน บางคน อาจจะคิดวา คอมพิวเตอร เปนเรื่องไกลตัว แตเราเชื่อวามันไมใชเรื่องยากจนเกินไป ที่จะสัมผัส และทํา ความคุนเคยกับมัน คําวาคอมพิวเตอรนั้น มีความหมาย ที่กวางขวางมาก ดังนั้น เพื่อให
220 เราทําความเขาใจ ไดตรงกันมากขึ้น เราจึงขอพุงเปามาที่ Personal Computer หรือ PC เพื่ออธิบายใหคุณ รูจักการทํางานของมัน
ภายใน PC นั้น จะประกอบไปดวยชิ้นสวนตางๆมากมาย ที่ถูกประกอบขึน ้ มา โดยมี microprocessor เปนศูนยกลางในการทํางาน ชิ้นสวนตางๆ ที่ประกอบกันขึ้นมา นอกจาก microprocessor แลว ยังมีตั้งแต หนวยความจํา, ฮารดดิสก, โมเด็ม ฯลฯ ซึ่งตางก็ ประสาน การทํางานรวมกัน และเรากลาวไดวา เจาเครื่อง PC นี้ ถือเปนเครื่อง อเนกประสงค ก็วาได เพราะมันสามารถ ตอบสนอง ความตองการของคุณ ไดอยาง หลากหลาย ตั้งแต การทํางานพื้นฐาน อยางการพิมพงาน, ตาราง ทําบัญชี รวมไปถึง การสื่อสาร ผาน email, chat หรือเลนอินเตอรเน็ต ซึ่งดวย บทความนี้ จะชวยใหคุณ เขาใจพื้นฐานการทํางานของมัน และเรียนรูไดมากขึ้นวา สวนประกอบทั้งหลายนั้น ประสานการทํางานรวมกัน ไดอยางไร สวนประกอบใน PC มาดูกันวา สวนประกอบหลักๆ ภายใน PC นั้น มีอะไรกันบาง Central processing unit (CPU) - ถือเปนสวนที่สําคัญที่สุด และเปนศูนยกลาง การทํางานของ PC ตัว CPU นั้น ถือวาเปน microprocessor ประเภทหนึ่ง ที่มี ความสามารถ ในการจัดการคําสั่ง และการประมวลผลที่มีความซับซอน เปนอยางมาก ถาเราเปรียบ PC กับการทํางานของมนุษยแลว เราจะเปรียบ CPU ไดเทากับเปนสมอง ของมนุษยเลยทีเดียว คุณคงจะคุนเคยกันดี เวลาเลือกซื้อ PC ที่มักจะตองคํานึงถึง CPU กันกอน วาจะเลือกใช Pentium III, Celeron หรือ Athlon ซึ่งนี่ก็คือตัวอยาง ที่แสดงให เห็น ถึงความสําคัญของ CPU ไดเปนอยางดี Memory - หรือหนวยความจํา ซึ่งถือวา เปนหนวยจัดเก็บขอมูล ที่ทํางานไดรวดเร็ว ที่สุด สวนใหญแลว เราจะคุนเคยกันดี กับ กับคําวา RAM ที่เสมือนหนึ่ง เปนตัวแทนของ หนวยความจํากันแลว การทํางานของมัน จะทํางานควบคูไปกับ CPU จึงจําเปน ตองมี ความเร็ว ในการทํางาน และอัตราการสงผานขอมูลที่สูง ซึ่งหากคุณ ยังมองไมเห็นภาพ วา Memory นั้น สําคัญอยางไร เราก็อยากจะอธิบายวา มันก็เปรียบเสมือนกับโตะทํางาน ของคุณ หากคุณ ไมมีโตะทํางาน เอาไวกองเอกสารตางๆ คุณคงจะยุงยากไมนอย กับ การจัดการ กับขอมูลเหลานั้น อยางไรก็ตาม ประเภทของหนวยความจํา ก็มอ ี ยู หลากหลาย ไมใชแคเพียง RAM เทานั้น นั่นคือ
221 • Random-access memory (RAM) - ถือเปน หนวยความจํา ที่เราคุนเคยกันมาก ที่สุด และเปนเสมือนหนึ่ง ตัวแทนของหนวยความจํา ก็วาได การทํางานของ RAM นั้น จะเปนเสมือนมือขวา ของ CPU โดยที่ขอมูลแทบทั้งหมด จะตองถูกสงผานมายัง RAM เสียกอน แลวจึงคอยสงตอไปให CPU อีกตอหนึ่ง • Read-only memory (ROM) - ถือเปน หนวยความจําถาวร ที่สามารถ เก็บขอมูล เอาไวไดภายใน แมวาจะไมมีประจุไฟฟา หลอเลี้ยงอยู ( ตางจาก RAM ที่เก็บขอมูลได ชั่วคราว เทาที่มี ประจุไฟฟาอยูเทานั้น ) จุดประสงค ของ ROM นั่นคือ สําหรับ กักเก็บ ขอมูลที่สําคัญๆ เอาไว อีกทั้ง ขอมูลเหลานี้ ยังไมสามารถ ปรับเปลี่ยนได เพื่อปองกัน ปญหา การโดนไวรัสเลนงาน หรือโดนผูไมประสงคดี จูโจมเอาได • Basic input/output system (BIOS) - BIOS ถือเปนสวนสําคัญ ที่อยูบน เมนบอรด เพื่อทําการ ควบคุม คาการทํางานตางๆ ของระบบ และคําสั่งการสื่อสารตางๆ ที่จําเปนตองใช ในระหวาง บูตเครื่อง ซึ่ง BIOS นั้น ก็ถือเปน ROM อีกชนิดหนึ่ง • Caching - ถือเปน หนวยความจํา ที่ทํางาน ไดอยางรวดเร็วที่สุด ซึ่งโดยตัวมันเอง ยังมีความสามารถ เหนือกวา RAM ดวยซ้ํา การทํางานของ Cache นั้น จะคอยประสาน การทํางาน ระหวาง RAM และ CPU อีกตอหนึ่ง โดยทุกวันนี้ CPU รุนใหมๆ จะมาพรอม Cache ในตัวดวยกันทั้งสิ้น เพื่อลดปญหา คอขวด ที่อาจเกิดขึ้น จากการสื่อสาร ระหวาง CPU และ RAM Mainboard - ถือเปน อุปกรณชิ้นใหญที่สุด ที่อยูภายในเครื่อง PC โดยลักษณะของ มันแลว จะเปนแผน circuit board รูปรางสีเหลี่ยมผืนผา ซึ่งเต็มไปดวย วงจร อิเล็กทรอนิกสที่ซับซอน นอกจากนี้ ตัวเมนบอรดเอง ยังเต็มไปดวย Slot มากมาย เพือ ่ การติดตั้ง ชิ้นสวนตางๆ ไมวาจะเปน CPU, RAM, Graphic Card, Sound Card รวมไป ถึง อุปกรณชิ้นใหญ อยางฮารดดิสก, CD ROM ก็ตอง ทําการเชื่อมขอมูล เขามายัง เมนบอรดผาน IDE Slot เชนเดียวกัน ดังนั้น หากเราเปรียบเทียบ กับตัว Case เปน เสมือนบาน แลวละก็ ตัวเมนบอรดเอง ก็คงเสมือนกับเปนพื้นบาน สําหรับติดตั้งอุปกรณ ตางๆ นั่นเอง
222
]
Power supply - ถือเปน หมอแปลงไฟฟาของระบบ เนื่องจาก อุปกรณทุกชิ้น ที่ติดตั้ง อยูภายใน PC นั้น จะตองไดรับ ไฟฟาหลอเลี้ยง มาจาก Power Supply ดวยกันทั้งสิ้น Hard disk - มันคือ คลังเก็บขอมูลของระบบ คุณจะขาดฮารดดิสกไปเสียไมได เพราะ ไมเชนนั้นแลว คุณจะไมสามารถ จัดเก็บขอมูลตางๆ ลงไปใน PC ของคุณไดเลย โดยตัว มันแลว ถือวาเปน สื่อเก็บขอมูลแบบถาวร ที่มีลักษณะเปนจานแมเหล็ก การทํางานของ ฮารดดิสกนั้น เปรียบเสมือน เปนตูลิ้นชัก สําหรับเก็บเอกสารจํานวนมาก เพราะฉะนั้น หากเราเปรียบเทียบ กับการทํางานแบบปกติแลว เราจะเห็นไดวา เมื่อเรา จะเริ่มตน ทํางาน เราก็ตอง หยิบเอกสารที่ตองการ มาจากตูลิ้นชัก ( หรือ ฮารดดิสก ) แลวก็นํา เอกสารเหลานั้น มากางลงบนโตะทํางาน ( เปรียบไดกับ RAM ) เพื่อเปนพื้นที่ทํางานอีก ทีหนึ่ง Operating system - หรือระบบปฏิบัติการ ซึ่งถือเปนสวนของซอฟตแวร ที่ถูกจัดเก็บ อยูบนฮารดดิสก ความสําคัญของ ระบบปฏิบัติการก็คือ มันเปนพื้นฐาน การทํางานของ PC หากคุณไมมีตัวระบบปฏิบัติการ คุณก็ไมสามารถ เปดเครื่อง PC และบูธขึ้นมาเพื่อ ทํางานไดเลย ตัวอยางของระบบปฏิบัติการ ที่คุนเคยกันดี ก็เลน Windows, Mac OS หรือ Linux Chipset - ถือเปนชิ้นสวน ที่ควบคุมการทํางาน ของทั้งระบบ ตั้งแต CPU, หนวยความจํา, IDE Drive หรือแมแตกราฟฟคการด อยางไรก็ตาม ตัว Chipset ดู เหมือนจะหางตัวเราสักหนอย เนื่องจากวา เวลาเลือกซื้อนั้น เราไมไดซื้อ Chipset แยก มาตางหาก แตมันจะถูกรวมมาอยูในเมนบอรด ตั้งแตโรงงานผลิตเลย ระบบบัส และ Port ตอเชือ ่ ม - ภายในเมนบอรดนั้น จะประกอบไปดวย ระบบบัส และ Port ตอเชื่อมที่หลากหลาย ซึ่งถูกติดตั้งขึ้นมา เพื่อรองรับ อุปกรณที่แตกตางกันออกไป ตั้งแต IDE Interface ที่ใชสําหรับตอเชื่อมกับ ฮารดดิสก และ CD-ROM ตอมาก็เปน PCI Slot ที่มีไว สําหรับการติดตั้ง อุปกรณอยาง การดเสียง และการดเน็ตเวิรก สุดทาย นั่นคือ AGP Slot สําหรับการติดตั้งกราฟฟคการด ซึ่งถือเปน Port ความเร็วสูงที่สุดตัว หนึ่ง ในบรรดา ที่เรากลาวถึงมา Sound card - PC ของคุณ อาจกลายเปนใบขึ้นมา หากขาด Sound Card เนื่องจากวา มันเปนตัวกลาง ในการควบคุม การทํางานที่เกี่ยวของกับเสียง ตั้งแต การบันทึกเสียง ไปจนถึงการเลนไฟลเสียงตางๆ ซึ่งถือไดวา เปนอุปกรณพื้นฐาน เพื่อรองรับระบบ มัลติมีเดียนั่นเอง อยางไรก็ตาม ในปจจุบัน ดวยวัตถุประสงคเพื่อลดตนทุนการผลิต ทํา
223 ใหมีการพัฒนา Chipset ที่รวมเอาความสามารถของ sound Card มาดวย แตมันก็ให ประสิทธิภาพที่ไมดีเทาไหรนัก เมื่อเทียบกับ การใชงาน Sound Card แบบแยกชิ้น Graphic Card - ถือเปนสวนของการแสดงผล ซึ่งจะชวยใหจอภาพของคุณ แสดงภาพ ตางๆ ไดอยางเต็มที่ และก็เชนเดียวกับ Sound Card นั่นคือ มันถือเปน อุปกรณพื้นฐาน เพื่อรองรับระบบมัลติมีเดีย และก็มีผูผลิตหลายราย ที่นําเอาคุณสมบัติของ Graphic Card มาไวใน Chipset แตมันก็ใหคุณภาพที่ไมดีนัก สําหรับ Graphic Card นี้ ก็ยังมีอีก หลายประเภท ตั้งแต การรองรับ คุณภาพในระดับ 2 มิติ ไปจนถึง การรองรับคุณสมบัติ แบบ 3 มิติ ซึ่งเหมาะสําหรับ นักเลนเกมส และผูใชงาน ในระดับ Graphic Design มือ อาชีพ การเชื่อมตอภายนอก ไมใชแคเพียง อุปกรณที่ติดตั้งภายในเทานั้น ยังมีอุปกรณภายนอก อีกหลายชิ้น ที่ทํา การเชื่อมตออยูกับ PC ของคุณ ซึ่งคุณจําเปน ตองใชงานมันทั้งสิ้น สวนใหญแลว เรามัก เรียก อุปกรณจําพวกนี้วา อุปกรณ Input / Output มาทําความรูจักกันวา อุปกรณ จําพวกนี้ มีอะไรกันบาง Monitor - จอภาพ อุปกรณที่ขาดไมได เพราะไมเชนนั้น คุณคงไมสามารถ รับชมการ แสดงผล ของ PC ไดเลย จอภาพนั้น จะอาศัยการทํางาน ของ Graphic Card หรือ VGA Card ซึ่งจะทําการประมวลผล ภาพการแสดงผลตางๆ แลวสงตอมายัง จอภาพผานทาง VGA Port Keyboard - เปนอุปกรณ Input ขอมูลเขาสูคอมพิวเตอร คียบ อรด ก็คือแปนพิมพดีด นั่นเอง อาจจะมีลักษณะแตกตางกันไปบาง ตามการออกแบบของแตละบริษัท Mouse - ลักษณะของเมาส ก็เหมือนหนูขาวตัวเล็กๆ นั่นเอง และนี่ก็คือสาเหตุ ที่ทําให อุปกรณชนิดนี้มีชื่อวา Mouse การทํางานของเมาส จะมีไวสําหรับ ชี้ตําแหนงบนหนาจอ คอมพิวเตอร เพื่อการสั่งงาน และเขาถึง โปรแกรมตางๆ ไดอยางงายดาย
สื่อบันทึกขอมูล - สื่อบันทึกขอมูล ที่เรากําลังพูดถึงนี้ ถือเปนอุปกรณ ทีส ่ ามารถ เคลื่อนยายได เพื่อใหคุณ สามารถ Save และพกพา ไฟลขอ มูล ไปตามที่ตางๆ ไดตาม ตองการ ( คงไมดีแน ที่จะมานั่งถอดฮารดดิสกไปไหนตอไหน ) ซึ่งก็จะมีตั้งแต • Floppy disk - ถือเปน อุปกรณพื้นฐาน และเปนสื่อบันทึกขอมูล ที่ไดรับความนิยม มากที่สุด เนื่องจาก มีราคาที่ถูกมาก และใชงานไดงายดาย แตมันก็มี ความจุต่ําแคเพียง 1.44 MB เทานั้น • CD-ROM / R / RW - Drive อานแผน CD ที่มีความสามารถ ในการจัดเก็บขอมูล ขนาดถึง 650 MB ตอแผน CD 1 แผน และจนถึงตอนนี้ ก็ไดพัฒนา ใหมีความสามารถ ในการเขียนแผนขอมูล ( CD-R ) และการเขียนซ้าํ ( CD-RW ) เชนเดียวกับ การใชงาน แผน Floppy Disk กันแลว อยางไรก็ตาม มันก็มีตนทุนที่สูงกวา และใชเวลา ในการ เขียนที่นานกวาดวย จึงเหมาะสําหรับ การจัดเก็บขอมูลขนาดใหญๆ เทานั้น • Zip Drive เปนอุปกรณจัดเก็บขอมูลที่มาแรง โดยใชหลักการเดียวกับ Floppy Disk
224 แตมีความสามารถ จัดเก็บขอมูลที่สูงกวามาก ในระดับ 100 - 250 MB นอกจากนี้ ยังมี อุปกรณประเภทเดียวกับ Zip Drive อีก อาทิ Click Drive, Super Disk Drive เปนตน ซึ่งตางก็ใหความจุที่นาทึ่ง แถมยังใหความเร็ว ในการอานเขียนที่ดีอีกดวย • DVD-ROM - ถือเปน หนวยจัดเก็บขอมูล ทีม ่ ีขนาดใหญสุด ในระดับ GB กันเลย ทีเดียว อยางไรก็ตาม มันก็มีตนทุนที่สูงพอสมควร และจนถึงวันนี้ ก็ไดมีการพัฒนา DVD แบบเขียนไดแลวดวย ซึ่งเราเรียกกันวา DVD-R แตมันก็ยังไมแพรหลาย และมีราคา ที่ แพงกวา CD-RW หลายเทาตัว Ports - ก็คือ ชองสําหรับตอเชื่อม ซึ่งถูกออกแบบมา สําหรับ เชื่อมตออุปกรณตางๆ ตั้งแต เครื่องพิมพ, สแกนเนอร, โมเด็ม หรือแมแต ฮารดดิสกแบบติดตั้งภายนอก สําหรับ Port ที่นิยมใชงานกันในปจจุบัน จะประกอบไปดวย • Parallel Port - ถือเปน Port รุนเกา ที่ใหความเร็ว ในการตอเชื่อม ที่ดีในระดับหนึ่ง ถึงวันนี้ แมจะยังมี อุปกรณรองรับอยู แตก็พบไมมากนัก สวนใหญ จะใชตอเชื่อมกับ เครื่องพิมพ และ สแกนเนอร เปนตน • Serial Port - เปน Port รุนเกา เชนเดียวกับ Parallel Port นิยมใชตอเชื่อมกับ โมเด็มรุนเกาๆ • USB Port - ถือเปน Port ที่มีความอเนกประสงคมากที่สุด เพราะมีอุปกรณรองรับกับ USB มากมาย ไมวาจะเปนเครื่องพิมพ, สแกนเนอร, โมเด็ม, กลองดิจิตอล หรือแมแต CD-RW ดวยขอดี ที่ติดตั้งไดงายดาย และใหความเร็วที่นาพอใจ • Firewire (IEEE 1394) - ถือเปน Port ความเร็วสูงที่สุด ในบรรดา Port ที่เราพูด ถึง ความเร็วของมัน จึงไมตองแปลกใจ ที่มีผูพัฒนา อุปกรณ ใหทํางานรองรับ Firewire ตั้งแตฮารดดิสก แบบ External, CD-RW ไปจนถึง กลองวิดีโอดิจิตอล • Internet และ Network - อุปกรณ เพื่อทําการตอเชื่อมเขากับเครือขาย ไมวาจะ เปน โมเด็ม หรือการดเน็ตเวิรก ตางก็ตองตอเชื่อม เขากับ PC เชนเดียวกัน โดย สําหรับ โมเด็มนั้น เปนอุปกรณที่จําเปน สําหรับการติดตอ กับเครือขายอินเตอรเน็ต ซึ่งก็มีตั้งแต โมเด็มแบบอนาล็อกแบบ 56 kbps ไปจนถึงโมเด็มดิจิตอล ทั้งแบบ DSL, Cable และ อินเตอรเน็ตผานดาวเทียม ในขณะทีก ่ ารดเน็ตเวิรกนั้น ก็ชวยให PC ของคุณ เชื่อมตอ เขากับเครือขายได ซึ่งก็แบงออกเปนหลายชนิด เชนเดียวกัน ตั้งแต ความเร็วในระดับ 10 / 100 Mbps ไปจนถึงความเร็วในระดับ 1 Gbps เลยทีเดียว
ประสานการทํางาน ถึงตอนนี้ คุณไดทําความเขาใจ เกี่ยวกับ สวนประกอบตางๆ ที่รวมกันขึ้นมาเปน PC กัน แลว มาดูกันวา สวนประกอบเหลานี้ ทํางานกันอยางไร ตั้งแต เปดเครื่อง ไปจนถึง บูธ เสร็จเรียบรอย ถึงไดผสานพลังชวยให PC กลายเปนเครื่องมือ อันทรงประสิทธิภาพ เชนนี้ 1. เมื่อคุณ กดปุมเปดเครื่อง ทั้งบนตัวเครื่อง PC และจอภาพ นั่นหมายความวา คุณ กําลัง ปลอยใหกําลังไฟฟา ไหลผานเขาสูระบบ และเริ่มตน การทํางานของ PC ของคุณ 2. ที่หนาจอ คุณจะเห็นซอฟตแวร BIOS กําลัง Run โปรแกรมตางๆเริ่มตน ตั้งแตชวง ของ การทดสอบแรกเริ่ม ที่เรียกวา power-on self-test ( POST ) ซึ่งโดยปกติแลว คุณ จะเห็นตัว BIOS แสดงรายละเอียด เกี่ยวกับ ขนาดของ Memory, ความเร็ว CPU หรือ ขนาดของฮารดดิสก ที่หนาจอคอมพิวเตอร จากนั้น ในระหวางที่บูธเครื่องนี้ ตัว BIOS ก็
225 จะเตรียมการทํางาน และชิ้นสวนตางๆ ของเครื่อง ใหพรอมรับการทํางาน ดังนี้ • BIOS จะเปนผูตัดสินใจวา Video Card ทํางานอยางไร ในขั้นตอนแรก เพื่อให สามารถ แสดงผลได เมื่อแรกเปดเครื่อง ซึ่งตามปกติแลว ที่ตัว Video Card ( หรือ Graphic Card ) ก็จะมี BIOS ของมันเพื่อควบคุม การทํางานของ Graphic Processor และ หนวยความจํา ที่ติดตั้ง อยูบน Card ดวย แตถาเปนการดแบบที่รวมอยูบน Chipset ก็จะอาศัยขอมูล ที่อยูใน ROM เพื่อทําการตั้งคา BIOS • ตัว BIOS จะทําการตรวจสอบ การทํางานของ RAM ตั้งแต ขนาด ความเร็ว และ ประสิทธิภาพ จากนั้น ก็จะตรวจหา ตัว Input / Output, Drive Cd, Harddisk, Floppy Disk ซึ่งหากพบปญหาเกิดขึ้น มันจะมีเสียงสัญญาณดัง และแสดงปญหา ขึ้นมา ที่ หนาจอของคุณ • เมื่อเตรียมพรอม และทดสอบ อุปกรณตางๆ วาพรอมทํางานเรียบรอยแลว ตัว BIOS จะเตรียมระบบ เขาสู bootstrap loader เพื่อเตรียมพรอม ระบบปฏิบัติการ ใหทํางาน ตอไป
3. The bootstrap loader จะทําการโหลดขอมูล ของระบบปฏิบัติการ มาไวบน RAM เพื่อเตรียมพรอมสําหรับ ประมวลผล โดย CPU จากนั้น จะเขาสู ขั้นตอน การ เตรียมเครื่อง มือการทํางานตางๆ ใหพรอมตั้งแต • Processor management - เปนตัวควบคุม จัดการ การทํางานของ CPU • Memory management - เปนการจัดการ ระบบไหลเวียนขอมูล ระหวาง หนวยความจําหลัก, หนวยความจําเสมือนกับฮารดดิสก และ หนวยความจํา Cache บน CPU • Device management - เตรียมพรอม การตอเชื่อมตางๆ ใหพรอมสําหรับ การ ทํางาน ตั้งแต Printer, Scanner หรืออุปกรณ ตอพวงอื่นๆ • Storage management - เตรียมการทํางาน ของฮารดดิสก ใหพรอมรับ สําหรับ การเขียนอานขอมูล • Application Interface - เตรียมพรอม ใหระบบปฏิบัติการ และโปรแกรมตางๆ สามารถสื่อสารรวมกันได • User Interface - เตรียม Interface ของระบบปฏิบัติการ ใหพรอมสําหรับการใช งาน
226 4. เมื่อ ระบบปฏิบัติการพรอม สําหรับการใชงาน จากนั้น ก็เปนหนาที่ของคุณ ในการ เรียกใชงานโปรแกรมตางๆ ที่ตองการ ผานการปอนขอมูลโดยเมาส และคียบอรด 5. เมื่อเรียกใชงานโปรแกรม ระบบปฏิบัติการ จะเรียกขอมูลมาจากฮารดดิสก มาเตรียม ที่ RAM เพื่อรองรับ การทํางานคูไปกับ CPU และในทางกลับกัน เมื่อคุณ ตองทําการ บันทึก ก็จะทําการยอนการกระทํา จาก RAM มาบันทึกลงฮารดดิสก สําหรับในบางครั้ง ที่โปรแกรม หรือไฟลมีขนาดใหญมากๆ โดยที่ RAM ของคุณ ไมสามารถรองรับได ระบบปฏิบัติการ ก็จะสรางหนวยความจําเสมือน โดยอาศัยพื้นที่บางสวนบนฮารดดิสก เพื่อรองรับการทํางานในกรณีนี้ 6. เมื่อคุณ ตองการเลิกใชงาน ก็คลิกที่ Start และเลือก Shut Down เพื่อปด PC ซึ่ง ระบบปฏิบัติการ จะทําการ ตรวจสอบ การทํางานทั้งหมด เพื่อปดโปรแกรมตางๆ และ พรอมสําหรับการปดเครื่อง จากนั้น เครื่องก็จะปดลงอัตโนมัติ ซึ่งก็รวมไปถึง การตัดไฟ ออกจากระบบดวย
การแบง Partition และ Format ฮารดดิสก
227 การแบงพารติชั่น (Partition) การแบงพารติชั่น หมายถึงการแบงพื้นที่ของฮารดดิส (HardDisk) ก็เปนไดรฟ (Drive) ตาง ๆ ตั้งแต C ไปไดเรื่อย ๆ ตามจํานวนเนื้อที่ของฮารดดิสกที่มีอยูเพื่อจัดสรรพื้นที่เก็บขอมูลใหไดคุมคาและมาก ที่สุด
การทําใหฮารดดิสกเปลี่ยนสถานะจากของใหมๆ ที่เพิ่งผลิตจากโรงงานมาเปนฮารดดิสกที่มีการ ติดตั้ง DOS หรือ Windows9x จะตองผาน 3 ขั้นตอน คือ การทํา Format ทางกายภาพ (Physical Formatting) การสรางพารติชั่น (Partitioning) และการ Format ทางลอจิคอล (Logical Formatting) เพื่อทําความเขาใจวาแตละขั้นตอนทํางานอยางไร เราลองมาดูสรุปเกี่ยวกับการทํางาน ของฮารดดิสกดังนี้ ฮารดดิสก (Hard Disk) คือ อุปกรณกลไกที่ประกอบดวยแผนจาน (โลหะกลมขนาดเล็กใชสําหรับ บรรจุแมเหล็กบนดานทั้งสอง) ซอนๆกัน มีแกนหมุน และมีหัวอาน/เขียน ขอมูล ทําหนาอานและ เขียนขอมูลจากแผนจาน หัวอานและเขียนจะเปนตัวทําใหประจุแมเหล็กถูกเก็บลงบนจาน (กลายเปน บิตตางๆ) เมื่อคุณสั่งใหโปรแกรมอานไฟลจากดิสก แผนจานจะหมุนไปรอบๆแกน แลวหัวอานจะ เลื่อนกลับไปกลับมาจนกระทั่งเจอบิตที่ตองการ จากนั้นซอฟตแวรในฮารดดิสกและตัวควบคุม ฮารดดิสก (Hard Disk Controller) จะอานขอมูลในบิตนั้นลงไปใน Ram และเมื่อคุณทําการบันทึก ขอมูล คอมพิวเตอรจะสงชุดของบิตไปยังฮารดดิสก และบันทึกดวยหัวเขียนกลายเปนประจุแมเหล็ก บนฮารดดิสก กลับมาเรื่องคอมพิวเตอรกันตอ ฮารดดิสกของคุณจะยังใชการไมไดจนกวาจะผานขั้นตอนการ Format และการทําพารตช ิ ั่น ขั้นแรก คือการ Format ทางกายภาพ หรือ Low-Level Format สวน ใหญผูผลิตจะทํามาใหแลว (สําหรับไดรวรุนเกาๆหรือไดรวแบบ SCSI นั้น จะมียูทิลิตี้ใรการทํา LowLevel Format สวน IDE จะไมมียูทิลิตี้ดังกลาว) การทํา Low-Level Format เปนการกําหนด โครงสรางฮารดดิสกใหเปนแทร็ก (Track) , เซ็กเตอร (Sector) , และไซลินเดอร (Cylinder) คุณจะ คุนเคยกับคําเหลานี้ถาคุณเปนคนชอบติดตั้งฮารดดิสก แทร็กมีลักษณะเหมือนรองบนแผนเสียง แตแทร็กแตละวงจรจะแยกจากกัน ไมไดเปนวงตอๆกัน เหมือนอยางบนแผนเสียง แทร็กจะถูกแบงออกเปนสวนๆเรียกวาเซ็กเตอร แตละเซ็กเตอรสามารถเก็บ ขอมูลไดมากมาย แตละแผนจานจะมีแทร็กและเซ็กเตอรเปนของตัวเอง แตละไซลินเดอรก็คือ กลุม แทร็กที่สัมพันธกัน ซึ่งก็คือแทร็กที่มีระยะหางจากแกนหมุนเทาๆกันนั่นเอง เราลองมานึกถึงภาพไซ ลินเดอรกัน สมมุติวามีแพนเคกวางซอนกันอยู และมีแกวน้ําจํานวนหนึ่ง ซึ่งแตละแกวมี เสนผาศูนยกลางไมเทากัน กดแกวแตละใบตรงกลางของกองแพนเคก ทําอยางนี้จนครบทุกแกว แพนแคกจะถูกแบงออกเปนวงๆตลอดทั้งกอง นั่นคือลักษณะของไซลินเดอร หลังจากทําการ Format ทางกายภาพแลว ฮารดดิสกจะถูกแบงออกเปนสวนๆ เรียกวา "พารติชั่น" แตละพารติชั่นคือการแบงกลุมไซลินเดอรที่อยูติดๆกัน และในระบบปฏิบัติการบางตัว เชน Linux คุณ สามารถระบุไดวาจะใหไซลินเดอรไหนอยูพารติชั่นใด จุดประสงคของการทําพารตอชันก็เพื่อชวย แบงสวนฮารดดิสก และทําใหสามารถ run ระบบปฏิบัติการไดหลายๆระบบบนเครื่องเดียว ซึ่งแตละ
228 ระบบปฏิบัติการจะสามารถทํางานไดดีที่สุดกับระบบไฟลของตน แตละพารติชั่นจะมีระบบไฟลืได เพียงอยางเดียวเทานั้น และในระบบไฟลก็จําเปนตองมีหลายพารติชั่นเพื่อลดการสูญเปลาของเนื้อที่ ซึ่งเราจะไดกลาวถึงเรื่องนี้ในลําดับตอไป แมวาเราจะทําการแบงพารติชั่นแลว แตละฮารดดิสกของคุณก็จะยังไมสามารถใชงานได และจะทํา ใหแตละพารติชั่นสามารถเก็บขอมูลได คุณจะตองทําการ Format ทางลอจิคอลเสียกอน ขณะที่การ Format ทางกายภาพ คือการกําหนดโครงสรางใหกับฮารดดิสกของคุณ การ Format ทางลอจิคอล จะเปนการแลกเปลี่ยนขอมูลกับระบบปฏิบัติการ โดยระบบปฏิบัติการจะกําหนดโครงสรางทางลอจิ คอล หรือระบบไฟลใหแกดิสก เมื่อคุณใชคําสั่ง Format บน DOS หรือเลือกเมนู Format ใน Windows Explorer นั่นหมายถึงคุณกําลังเริ่มตนทําการ Format ทางลอจิคอลใหกับแผนดิกสหรือ ฮารดดิสกของคุณ การ Format ทางลอจิคอล ก็คือ การใสระบบไฟลลงบนดิสก ระบบปฏิบัติการจะเปนตัวกําหนดวา ระบบไฟลแบบไหนที่จะใสลงบนดิสกของคุณ คุณไมสามารถเลือกเองได ระบบไฟลโดยทั่วๆไป สําหรับเครื่องที่ใช x86 ไดแก - FAT (File Allocation Table) เปนระบบไฟลมาตราฐานสําหรับ DOS และ Windows และดวยการที่ FAT เปนที่นิยมใชอยางกวางขวาง จึงสามารถใชรวมกับระบบปฏิบัติการอื่น เชน Linux , OS/2 และ ระบบปฏิบัติการอื่นๆอีกดวย - VFAT (Virtual File Allocation Table) เปนระบบไฟล FAT เวอรชันที่มีลักษณะเปน Protected Mode ซึ่งจะถูกใชโดย Windows 9x ระบบไฟลนี้จะคลายๆกับ FAT ตางกันตรงที่สามารรับชื่อไฟล ยาวๆได - NTFS (NT Files System) เปนระบบไฟลที่ถูกออกแบบมาเพื่อใชกับ WIndows NT โดยเฉพาะ แมวาคุณจะสามารถติดตัง้ Windows NT ในระบบไฟล FAT ได แตวา NTFS จะใหประสิทธิภาพที่ ดีกวาในดานระบบความปลอดภัยในการเขาถึงไฟลมากกวา และเสียเนื้อที่นอยกวา - HPFS (High Performance File System) เปนระบบไฟลที่ออกแบบมาเพื่อใชกับ OS/2 ซึ่ง HPFS ก็เหมือนกับ NTFS ที่จะมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดี , มีความเชื่อถือไดของขอมูล มีประสิทธิภาพ และความเร็วสูงกวา FAT - FAT32 (32-bit File Allocation System) ระบบไฟลแบบนี้จะอยูใน Windows95 OSR2 ในเวอรชัน ที่มีการติดตั้งจากผูผลิต และ WIndows98 , FAT32 จัดขอจํากัดของ FAT หลายประการออกไป แต ระบบไฟลนี้จะไมสามารถใชกับระบบปฏิบัติการอื่นนอกจาก Windows95 OSR2 , Windows98 หลังจากทําการ Format ทางลอจิคอลแลวพารตอชันจะถูกเรียกวา Volume และจะดีมากหากคุณทํา การตั้งชื่อใหกับพารติชั่นซึ่งสามารถทําไดโดยผานทางคําสั่ง LABEL บน DOS หรือใช Windows Explorer การตั้งชื่อจะทําใหจําไดงายขึ้นเวลาคุณใชซอฟทแวร อยางเชน FDISK ซึ่งจะลดความผิด พลาดในการลบไฟลผิดพารติชัน จุดประสงคในการแบงพารติชั่น 1. เพื่อทําใหฮารดดิสกสามารถ Boot ดวยตัวเองได เรียกวา การ Set Active Partition 2. เพิ่มจํานวนไดรฟใหมากขึ้น เพื่อตองการเก็บขอมูลที่สําคัญไวเปนสัดสวน 3. ลดขนาดของฮารดดิสกใหเล็กลง เพื่อนําฮารดดิสกที่มีขนาดใหญไปใชกับเครื่องรุนเกาได ความหมายของแฟต (FAT) Cluster หรือ Sector ของฮารดดิสกที่ใชบันทึกขอมูลแบงไดเปน2ขนาดคือ 1.ขนาด FAT 16 (File Allocation Table) มีความเร็วในการทํางาน 16 bit จะเปนการแบงฮารดดิสก ขนาดความจุตั้งแต 16 เม็กกะไบตจนถึง 2.1 กิกะไบต และตองใช DOS 6.22 , WIN 95 ในการแบง
229 พารติชั่น 2.ขนาด FAT 32 (File Allocation Table) มีความเร็วในการทํางาน 32 bit จะเปนการแบงฮารดดิสก ขนาดความจุตั้งแต 512 เม็กกะไบตขน ึ้ ไปและตองใช WIN 95 OSR 2 , WIN 98 ในการแบงพาร ติชั่น ตารางเปรียบเทียบขนาดพารติชั่น FAT 16 FAT 32 ขนาด KB/ Cluster ขนาด KB/ Cluster 16 - 127 MB 2 มองไมเห็น 128 - 225 MB 4 มองไมเห็น 226 - 511 MB 8 มองไมเห็น 512 - 1,023 MB 16 4 1,024 - 2,048 MB 32 4 2,049 MB - 8 GB มองไมเห็น 4 8 - 16 GB มองไมเห็น 8 ขนาดฮารดดิสก
สวนของพารติชั่นที่จะตองสราง 1. Primary Partition 2. Extend Partition 3. Logical Partition Primary Partition คือไดรฟแรกที่สรางขึ้นมาสําหรับ Boot เครื่องและทํางานหลัก Extend Partition คือสวนขยาย หมายถึงเมื่อสราง Primary แลว ก็ใหสราง Extend เปนพื้นที่เตรียม แบงเปนไดรฟยอย Logical Partition คือสวนที่แบงจาก Extend สามารถแบงได D - Z แลวแตความตองการ ตัวอยางเชน 100% = 100 MB 20% เปน Primary 80% เปน Extend C Extend Logical Primary 80 MB. D 20 MB. 20 MB. E 20 MB. F 20 MB. G 20 MB. หลังจากนั้นจึงเอา 80% มาแบงเปน Logical โดยแบงไดตั้งแตไดรฟละ1 เปอรเซ็นตขึ้นไปแตถาจะ สรางเพียง 2 ไดรฟคือไดรฟ C และไดรฟ D สวนที่เปน Extend ทั้งหมด ก็จะถูกเลือกเปน Logical คือไดรฟ D อนึ่งถาจะสรางเพียงไดรฟเดียวคือไดรฟ C ก็ไมตองแบงอะไรทั้งสิ้น สวนที่เปน Extend และ Logical ก็ไมตองสรางเพียงเลือกการสรางเปน Primary ทั้งหมดในการสรางครั้งแรก แลวก็ Set Active พารติชั่นเทานั้น ก็ออกไป Format แลวลงโปรแกรมไดเลย รูปแบบการแบง หลังจากที่ใชคําสั่ง FDISKแลว จะมีรายการใหเลือก 4 รายการคือ 1. Create Partition การสราง Partition 2. Active Partition ทําใหฮารดดิสก Boot ดวยตัวเองได)
230 3. Delete Partition การลบ Partition 4. Display Partition การตรวจสอบจํานวนไดรฟที่สรางแลว หมายเหตุ ในการตอฮารดดิสกมากกวา 2 ตัวขึ้นไปเมื่อใชคําสั่ง FDISK จะมีรายการที่ 5 เพิ่มมาอีก โดยรายการ ที่ 5 นี้ใหทําการเลือกการแบงวาจะแบงพารติชั่นของฮารดดิสกตัวไหน
โปรแกรมที่ใชแบงพารติชั่น 1. โปรแกรม FDISK ซึ่งอยูในแผนที่ 1 ของ DOS 6.22 , แผนSTARTUP 95 และ STARTUP 98
231 2. โปรแกรม Partition Magic ที่ติดตั้งบนวินโดวสใชแบงบนวินโดวสและยังสามารถทําใส แผน Diskette นํามาใชบน DOS ไดดวย และที่พิเศษคือแบงแลวขอมูลไมเสียหาย 3. โปรแกรม MAXTOR ซึ่งติดมากับฮารดดิสกยห ี่ อ MAXTOR ก็สามารถแบงพารติชั่นได แต MAXTOR จะใชไดกับฮารดดิสกบางยี่หอบางขนาดเทานั้น ขั้นตอนการสรางพารติชั่น 1. ใหใสแผนดอสในไดรฟ A แลว Boot เครื่องจะพบเครื่องหมายA:\> 2. ใหพิมพคําสั่ง FDISK แลวกด Enter ตัวอยาง A:\>FDISK จะพบหนาตางซึ่งเปนรายการหลักของโปรแกรม FDISK ดังนี้ 1. Create Primary Partition การสรางไดรฟที่จะใชเปนงานหลักในการ Boot เครื่อง 2. Set Active Partition การกําหนดใหไดรฟที่สรางพารติชั่นแลวสามารถ Boot ได 3. Delete Partition การลบพารติชั่นที่ไมตองการ 4. Display Partition การตรวจสอบพารติชั่นที่สรางแลววาถูกตองหรือไม ใหเลือกหัวขอการสรางคือหมายเลข 1 แลวกด Enter หลังจากนั้นจะพบรายการยอยของหัวขอที่ 1 อีกขอดังนี้ 1. Create Primary Partition การสรางไดรฟ C เพื่อทํางานหลัก 2. Create Extend Partition การกําหนดเนื้อที่ของดิสกที่เหลือจากการสรางไดรฟ C แลว 3. Create Logical Partition การนําสวนที่เหลือดังกลาวมาแบงเปนไดรฟยอย
ใหเลือกขอที่ 1 คือการสราง Primary กอน แลวกด Enter หลังจากนั้นเครื่องจะถามวา จะเลือกทั้งหมดฮารดดิสกเปนพารติชั่นเดียวหรือไม (Y/N) ถากด Y ก็ หมายถึงจะเอาตามนั้นแลวเครื่องจะจัดการสรางให แตถากด N หมายถึง เราจะแบงเอง ในที่นี้ก็ใหกด N แลวกด Enter เพราะเราจะแบงเอง ขอสังเกต ถาใชแผนSTARTUP 98 Boot เครื่อง แลวพิมพคําสั่ง FDISK จะปรากฏ Y 2 ครั้งคือ Y ครั้งแรก จะเปนการถามวาจะใชเนื้อฮารดดิสกขนาดใหญสุดหรือไม ใหกด Y แลวกด Enter
232
Y ครั้งที่ 2 จะถามวาจะใชเนื้อที่ทั้งหมดเปนไดรฟ C หรือไม ใหกด N แลวกด Enter
หลังจากนั้นจะปรากฏหมายเลขบอกจํานวนเนื้อที่ของฮารดดิสกและเปอรเซ็นต 100% ถาประสงคทํา เปนไดรฟ C เพียงไดรฟเดียวก็กด Enter ไปเลย แลวกลับไปรายการหลัก Set Active Partition ออก จากโปรแกรม FDISK Format ฮารดดิสกก็ลงโปรแกรมไดเลย แตในกรณีที่จะแบงเปนไดรฟอื่นอีกก็ใหพิมพระบุตัวเลขที่จะทําเปนไดรฟ C ในชองเลขบอกจํานวนจะ พิมพเปนเปอรเซ็นตหรือจะพิมพเปนจํานวนเม็กกะไบตก็ไดถาเปนจํานวนเม็กกะไบตก็ไมตองพิมพ %
233 ในที่นี้สมมติวาฮารดดิสก 520 MB จะเปนไดรฟ C เพียง 50 เปอรเซ็นต ใหพิมพ 50% ในชองจํานวน เลขของฮารดดิสกดังนี้ (520) (50%) โดยพิมพทับเลข 520 เลยแลวกด Enter หลังจากนั้นจะได ไดรฟ C มา ใหกดปุม ESC เพื่อกลับไปรายการหลัก
1. Create Primary Partition
234 2. Set Active Partition 3. Delete Partition 4. Display Partition ตอไปใหกดเลข 1 แลวกด Enter เพื่อเลือกรายการสรางอีกครั้งแลวจะปรากฏรายการยอยของหัวขอ การสรางดังนี้ 1. Create Primary Partition 2. Create Extend Partition 3. Create Logical Partition ใหกดเลข 2 แลว Enter เพื่อเลือกรายการสราง Extend หลังจากนั้นจะปรากฏจํานวนของ Extend ทั้งหมด 50% คือ สวนที่เหลือจากการสราง Primary นั้นเอง ใหเลือกทั้งหมด โดยปุม Enter เลย ก็ เสร็จการสราง Extend
235
ตอไปเตรียมการสราง Logical โดยกดปุม ESC 1 ครั้งหลังจากนั้นจะปรากฏขอความวา No Logical Drive Partition หมายถึงวาขณะนี้ยังไมมีไดรฟอื่นนอกจาก C จะสรางไดรฟอื่นอีกหรือไม ถาจะทํา ทั้งหมดเปนไดรฟ D ก็กด Enter ไปเลย สวนที่เหลือทั้งหมดก็จะเปนไดรฟ D แตในที่นี้ใหฝกแบง หลาย ๆ ไดรฟใหพิมพจํานวนเลขที่จะสรางเปน Logical คือ D , E , F , G แลวแตความตองการ โดย จะพิมพเปนจํานวนเมกกะไบต หรือ % ก็ไดที่เหลือสุดทายถาจะพอแลวก็ใหกด Enter เลยเพียง เทานี้เราก็จะไดไดรฟมาเปนจํานวนที่เราตองการ
236
เมื่อเสร็จสิ้นการแบงไดรฟยอยแลว ใหกดปุม ESC 2 ครั้ง เพื่อกลับไปรายการหลักดังนี้ 1. Create Primary Partition 2. Set Active Partition 3. Delete Partition 4. Display Partition ตอไปใหทําการเซ็ต Active Partition เพื่อกําหนดใหไดรฟที่จะทํางานเปนหลักโดยเลือกหัวขอที่ 2 แลวกด Enter หลังจากนั้นเครื่องจะถามวาจะเอาไดรฟใดเปนไดรฟทํางานหลัก ใหพิมพเลข 1 ใน วงเล็บ (1) แลวกด Enter หมายถึงไดรฟ C นั้นเอง หลังจากนั้นจะมีอักษร A ปรากฏใตคําวา STATUS หมายถึงการระบุใหไดรฟทํางานเสร็จสิ้นแลว ก็ใหกดปุม ECS 3 ครั้งออกจากโปรแกรม FDISK ไป Format ลงในโปรแกรมไดเลย ขั้นตอนการลบ Partition ถามีขอมูลสําคัญให Copy ขอมูลไวกอน เพราะการลบพารติชั่นขอมูลจะถูกลบทั้งหมดหลังจากนั้นจึง ทําการลบตามขั้นตอนนี้ 1. Create Primary Partition 2. Set Active Partition 3. Delete Partition 4. Display Partition เมื่ออยูที่รายการหลักใหเลือกหัวขอที่ 3 แลวกด Enter หลังจากนั้นจะปรากฏหัวขอยอยของขอที่ 3 ดังนี้อีก 4 ขอดังนี้ 1. Delete Primary 2. Delete Extend 3. Delete Logical 4. Delete Non DOS
237
ใหเลือกเลข 3 แลวกด Enter คือลบ Logical กอนหลังจากนั้นจะปรากฏวงเล็บพรอมทั้งแสง Cursor กระพริบอยูใหพิมพชื่อไดรฟที่จะลบในชองวงเล็บเชน (D) แลว Enter เครื่องจะถามวามีชื่อไดรฟ หรือไมถามีใหพิมพชื่อไดรฟถาไมมีใหกด Enter เลย แลวกด Y กด Enter ลบไปเรื่อย ๆ จนหมดทุก ไดรฟ หลังจากนั้นกด ESC กลับมาที่รายการหลักอีกครั้งดังนี้ 1. Create Primary Partition 2. Set Active Partition 3. Delete Partition 4. Display Partition ใหเลือกหัวขอที่ 3 แลวกด Enter หลังจากนั้นจะปรากฏหัวขอยอยของขอที่ 3 ดังนี้อีก 4 ขออีกครั้ง 1. Delete Primary 2. Delete Extend 3. Delete Logical 4. Delete Non DOS ใหเลือกเลข 2 แลวกด Enter คือลบ Extend หลังจากนั้นจะปรากฏวงเล็บพรอมทั้งแสง Cursor กระพริบอยู ใหกด Y แลว Enter หลังจากนั้นกด ESC กลับมาที่รายการหลักอีกครั้งดังนี้ 1. Create Primary Partition 2. Set Active Partition 3. Delete Partition 4. Display Partition
238 ใหเลือกหัวขอที่ 3 แลวกด Enter หลังจากนั้นจะปรากฏหัวขอยอยของขอที่ 3 ดังนี้อีก 4 ขออีกครั้ง 1. Delete Primary 2. Delete Extend 3. Delete Logical 4. Delete Non DOS ใหเลือกเลข 1 แลวกด Enter คือลบ Primary หลังจากนั้นจะปรากฏวงเล็บพรอมทั้งแสง Cursor กระพริบอยู ใหกด Y แลว Enter
239
ลําดับการลบ 1. ใหทําการลบ Logical ใหหมดกอน โดยลบทีละไดรฟ 2. ใหลบ Extend 3. ใหลบ Primaryเปนลําดับสุดทาย หมายเหตุ ขอที่ 4 มีไวสําหรับลบไดรฟที่เครื่องไมรูจักคือ NON DOS ถาฮารดดิสกเปน NON DOS จะไม สามารถทําอะไรกับฮารดดิสกไดเลย จะแบงพารติชั่น จะ Format จะลบพารติชั่นจะทําอะไรไมได ทั้งสิ้น จะตองลบ NON DOS ออกกอนจึงทําอยางอื่นตอไปไดและการที่จะรูฮารดดิสกเปน NON DOS เมื่อเขารายการหลักของ FDISK ใหกดเลข 4 แลวกด Enter ใหสังเกตใตคําวา TYPE จะมีคําวา NON DOS ปรากฏอยู การใชแผนสราง Partition ถาใชแผน DOS 6.22 สราง จะเปน FAT16 ถาใชแผน STARTUP 95 สราง จะเปน FAT16 ถาใชแผน STARTUP 98 สราง จะเปน FAT32 หมายเหตุ ถาใชโปรแกรม Partition Magic ในการแบง จะสามารถเลือกไดวาจะเก็บขอมูลเดิมไว หรือไมเก็บ และสามารถเลือก FAT ไดวา จะใช FAT16 หรือ FAT32 สามารถใช Mouseไดในขณะแบงและจะไม มีปญหากับฮารดดิสกขนาดใหญแตโปรแกรมนอกจากนี้เมื่อแบงแลวขอมูลจะสูญหายหมดและมักจะ ติดปญหากับฮารดดิสกขนาดใหญเชนเห็นจํานวนฮารดดิสกไมครบบาง เปนตน ขอควรระวัง การแบงพารติชั่นเกิน 6 ครั้งและ Format ทุกครั้ง ฮารดดิสกอาจจะเสียหายเพราะจะ เปนรอยที่เคย แบง แตถาแบงแลวไม Format การเสี่ยงก็นอยแตไมจําเปนไมควรแบงพารติชั่นบอยแบงเพียงครั้ง แรกที่ประกอบเครื่องเสร็จและลงโปรแกรมก็พอหลังจากนั้นถาเครื่องมีปญหาจะลงโปรแกรมใหมเพียง Format ฮารดดิสกอยางเดียวก็พอ
240
การ Format ฮารดดิสก หลังการทํา Partition HDD แลว จะตองทําการ Format ฮารดดิสก กอนที่จะติดตั้ง OS เชน Windows โดยในการ Format ฮารดดิสก สามารถกําหนดการใชงานระบบ FAT ได 2 รูปแบบคือ 1. ระบบ FAT 16 แนะนําใหใชแผนบูต DOS 6.22 เหมาะสําหรับการลงโปรแกรม Windows 3.11 , 95 , 98 หรือ Windows NT 2. ระบบ FAT 32 แนะนําใหใชแผน Startup Windows 98 เหมาะสําหรับการลงโปรแกรม Windows 98, Windows 2000 , Windows ME
3. การ Format ฮารดดิสก ใหพารทิชั่นแรกสามารถบูตเครื่องไดใหใชคําสั่ง C:\>format C:/s/c/u คําสั่ง /s หมายถึง ใหติดตั้ง Sysytem Files เพื่อบูตเครื่องได คําสั่ง /c หมายถึง การตรวจสอบฮารดดิสกแบบ Complete เพื่อหาตําแหนงเนื้อที่ที่เสียหาย (Bad Sector) คําสั่ง /u หมายถึง ไมตองการกูสิ่งใดกลับคืนหลังการ Format แลว การ Format ฮารดดิสกจะมีการถามยืนยันวา คุณกําลัง Format ฮารดดิสก ขอมูลจะสูญหาย จะทํา ตอหรือไม ตอบ Y เพื่อทําการ Format 4. หลังจาก Format เสร็จสิ้นแลวใหใส Volume Label (ชื่อฮารดดิสกใสได 11 ตัวอักษร) ถาไม ตองการให Enter ผานไป หลังจากนั้นสามารถติดตั้ง Windos และ โปรแกรมใชงาน ตามตองการ ตอไป
241
การติดตั้ง Windows หลังจาก Format ฮารดดิสก นั้น เริ่มจากการทําใหคอมพิวเตอรติดตอกับ CdRom ได โดยการใชแผน Startup Windows 98 Boot แลวเลือกขอ 1 หรือ Setup Driver ของ CdRom จากแผน Driver ของ Cd-Rom ลงในฮารดดิสกโดยตรง แลว Restart เครื่องใหมเพื่อลง Windows จากแผน CD ติดตั้งของ Windows ตอไป การคํานวณเนื้อที่ความจุของฮารดดิสก สูตรการคํานวณคือ ความจุฮารดดดิสก = จํานวนหัวอาน x จํานวนเซ็คเตอรในหนึ่งไซลินเดอร x จํานวนไบตในหนึ่งเซ็ค เตอร x จํานวนไซลินเดอร ความจุในหนึ่งไซลินเดอร = จํานวนหัวอาน x จํานวนเซ็คเตอรในหนึ่งไซลินเดอร x จํานวนไบตใน หนึ่งเซ็คเตอร ตัวอยางเชนฮารดดิสกที่มีหัวอาน 4 หัว มี 615 ไซลินเดอรๆละ 17 เซ็คเตอรๆละ 0.5 กิโลไบต(512 ไบต) จะได ความจุฮารดดิสก = 4 x 17 x 0.5 x 615 = 20,910 KB หรือ 20 MB ความจุในหนึ่งไซลินเดอร = 4 x 17 x 0.5 = 34 KB คราวนี้คุณก็สามารถกําหนดขนาดของความจุของแตละพารทิชั่นจากการกําหนดจํานวนไซลินเดอรได ตัวอยางเชน ถาใหพารทช ิ ั่นมีจํานวน 200 Cylinders ก็จะมีขนาด 6,800 KB เปนตน สําหรับ ฮารดดิสกของคุณจะมีจํานวนหัวอาน, จํานวนไซลินเดอร, จํานวนเซ็คเตอรในหนึ่งไซลินเดอร และ จํานวนไบตในหนึ่งเซ็คเตอรเปนเทาใด ใหตรวจสอบจากผูขาย หรือเอกสารที่แนบมากับฮารดดิสก
หลายๆทานคงจะไดยินการปรับคา CAS Latency ของแรมใหเปน 2หรือ3 นะครับ แลวมันคืออะไร ? ผม ขออธิบายสั้นๆแลวกันนะครับ คาตัวนีจ ้ ะเปนคาของเวลาที่แรมจะทําการหนวงขอมูลแลวสงตอไป ยัง chip
242 set โดยถาคายิง่ ต่ําแรม มันก็จะสงขอมูลไดเร็วขึ้น แตถาคาสูงมันจะหนวงขอมูลไวแลวคอยสงครับ ผลที่ ตามมาก็คือ การะประมวลผลของระบบก็จะชาไปดวย จะเห็นวานักเลนคอมหลายๆทานจะแนะนําใหปรับ เปน CL 2 หรือ 2-2-2 นั่นเอง แต ปกติที่ตัว m/b จะ set มาที่ 3-3-3 โดยทัง้ นี้ขึ้นอยูกับ ชนิดและคุณภาพ แรมที่ใชดวยนะครับ วาจะรันที่ cas 2 ไดหรือเปลา เพราะแรมบางตัวนั้นสามารถรันไดเพียงที่ bus 100 cas 3 เทานั้น แตพอปรับเปน cas 2 อาจจะทําใหเครื่อง boot ไมขึ้นหรือ มี error ได แตถา แรมตัวไหนรับ ไดก็จะทําให performance ในสวนของแรมเพิ่มขึ้น 5-10% ทีเดียวครับ โดยผมจะทดสอบแรมสองตัวที่ มีคา CL ตางกัน
ที่เห็นในรูปจะเปนแรมของ micron pc133 โดยตัวบนจะเปน CL 3(3-3-3) ตัวลางจะเปน CL 2 (2-2-2)
243
ดานซายนี้จะเปน pc133 CL3 ตัวแรมจะเขียน -7.5 ตัวนี้จะเปน CL 2จะเขียน -7e = 7ns ซึ่งสามารถรับ ns นะครับ bus ไดสูงกวา 7.5 แนนอน คราวนี้มาถึง system ที่ใชทดสอบ m/b asus p3b-f cpu PIII500e Hd IBM dpta 20.5G vga dimond viper 550 tnt1 8m sdram แรม micron pc133 CL 2 128M ในการทดสอบผมได overclock 500e ไปที่ 750 MHZ โดยปรับ fsb ที่ 150 ซึ่งที่ fsb ขนาดนี้ จะมีแรม ไมกี่ยี่หอทีร่ ันที่ CL 2 ได โดยในสวนอง micron เอง ในรุน pc133CL 3 นี้ไมสามารถรันที่ 150 CL2 ได เลย ผมจึงจัดเอาเฉพาะ pc133 cl2 มาทดสอบครับ โดยปรับใน ไบออสตามรูป
มาถึงการปรับ หลายๆทานคงจะสงสัยวาปรับยังไง ใหเขาไปที่ไบออส หัวขอ chip set configration นะครับ
ครับจะมีตัวเลข 3-4ตัวที่เกียวของ และตรงทีเ่ ห็นผลมากสุดคงเปน CAS Latency นี่ละครับ รูปนี้ปรับแบบ ปกติ 3-3-3 ครับ
244
สวนอันนี้จะเปนการปรับแบบ CL2 นะครับ โดยจะเห็นวาหัวขอ sdram wait state ผมจะปรับเปน fast ดวย ตรงนี้เทาปรับวาผมปรับใหแรมแทบไมตองรอการหนวงขอมูลเลย ยังไงลองดูผลเปรียบเทียบดูนะครับ
ผลจาก sisolf 2000 ในสวนของ memory bencmark ที่ bus 150 CL3 และ sdram wait stage " normal "
245
นี่ก็เปนผลที่ bus 150 CL2 sdram wait stage normal จะเห็นวา performance เพิ่มมากทีเดียว
246
สุดทายนี้เปนผลที่ bus 150 CL2 saram wait stage "FAST" ครับ ก็เรียบวาปรับ แบบสุดๆเลยทีเดียว ยิ่ง bus สูงขนาดนี้ ที่ผมใช bus 150 เพื่อตองการใหเห็นความแตกตางชัดเจนนะครับ เพราะเมื่อ fsb ต่ําลง ความแตกตางจะลดเปนอัตราสวนตามตัวครับ สวนทานใดสนใจแรม micron pc133 CL3 นี้ก็หาไดทวั่ ไปตามพันทิพย เชน busitek itec persolf เฟมมัส ครับ แตถาใครสนใจ micron pc133 cl 2 นี่ผมเห็นมีขายที่ save way ครับ สนนราคาก็ตองเจรจากันเอา เองนะครับ
BIOS (Basic Input/Output System) คือ Chip ROM (EPROM : Erasable Programmable Read-Only Memory) Bios เปนโปรแกรมที่ทําหนาที่ควบคุมฮารดแวรในการ Boot คอมพิวเตอร โดยทุกครั้งเมื่อ เราเปลี่ยนเครื่องอาน ขอมูล ไมวา Floppy Disk Drive , Hard Disk Drive และ Cd-Rom Drive โดยเฉพาะ ฮารดดิสก เมื่อตอเพิ่มหรือ ถอดออก จะตองบอกให Bios รับรูเพื่อใชเปนขอมูลในการ Boot เครื่อง เพื่อเขาสูโปรแกรม Windows หรือ OS ตอไป
247
BIOS (Basic Input/Output System) CMOS (Complementary Metal Oxide Semiconductor) ขั้นตอนการทํางานของ BIOS ขั้นที่ 1 เมื่อเปดเครื่อง BIOS จะตรวจสอบอุปกรณพื้นฐานที่จําเปนตอการใชงาน เชน คีบอรด, ดิสกไดรฟ, จอภาพ, หนวยความจํา ฯลฯ หากมีอุปกรณใดอุปกรณหนึ่งทํางานไมถูกตอง จะแจงขอผิดพลาดให ทราบทั้งในลักษณะขอความ (หากจอภาพทํางานได) และเสียง beep หากจอภาพทํางานไมได ขั้นที่ 2 โหลดคากําหนดเกี่ยวกับอุปกรณตางๆขึ้นมาใชงาน โดยคาตางๆเหลานี้จะถูกเก็บไวใน CMOS ซึ่ง ผูใชสามารถเปลี่ยนแปลงไดโดยผาน SETUP ขั้นที่ 3 โหลดระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งไวในดิสกขึ้นมาทํางาน ขั้นที่ 4 เมื่อระบบปฏิบัติการเริ่มทํางาน นั่นคือคอมพิวเตอรเครื่องนั้นจะอยูในสภาพที่พรอมสําหรับการใช งานแลว สวน BIOS จะทําหนาที่ใหบริการตางๆตอระบบการปฏิบัติการอยูเบื้องหลัง เชน การอานเขียนขอมูลจากดิสก, เปดจอภาพเมื่อผูใชไมไดใชงานเปนเวลานานๆ ฯลฯ ขั้นที่ 5 มื่อตองการปดเครื่อง BIOS จะปดการทํางานของอุปกรณตางๆทั้งหมดรวมถึงตัดกระแสไฟที่จายให power supply ดวย คากําหนดตางๆที่เก็บไวใน CMOS จะไมหายไป เมื่อผูใชเปดเครื่องขึ้นมาใหม เมื่อเปดเครื่องคอมพิวเตอร BIOS จะเขาสูขั้นตอนที่เรียกวา POST (Power-On Self Test) ซึ่งเปนการตรวจ สอบอุปกรณตางๆที่มีในคอมพิวเตอรเครื่องนั้นเอง สาเหตุที่ตอง ตรวจสอบกอนก็เพราะ คอมพิวเตอรแตละ เครื่องจะมี อุปกรณไมเหมือนกัน อีกทั้งผูใชยังสามารถเปลี่ยนแปลงอุปกรณเหลานี้ไดโดยอิสระอีกดวย ดังนั้นยอม เปนการดี ที่จะมาตรวจ สอบกันกอนเริ่มตนทํางาน ในกรณีที่เจอขอผิดพลาด ก็บังสามารถรายงานใหผูใชทราบ และแกไขไดอยางถูกตอง ขั้นตอนการทํางานของ POST การ POST คือการทํางานของ BIOS ขณะเริ่มตนระบบ ซึ่งพอสรุปขั้นตอนไดดังนี้ ขั้นที่ 1 แสดงขอความเริ่มตนของการดแสดงผล ซึ่งปกติจะขึ้นอยูกับชนิดของการดแสดงผลที่ติดตั้งอยูใน คอมพิวเตอรนั้นๆ โดยอาจแสดงชื่อบริษัท-โลโกของผูผลิต, ชื่อรุน, ขนาดของหนวยความจํา ฯลฯ หรือในบางรุน อาจไมแสดง ขอความ ใดๆในขั้นตอนนี้เลยก็ได
248 ขั้นที่ 2 แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับ BIOS รวมถึงหมายเลขอางอิงสําหรับผูผลิตเมนบอรดและขอความอื่นๆ จากภาพที่ 2-2 เปน BIOS ของ Award บนเมนบอรดซึ่งใชชิปเซ็ต Intel 430HX ขั้นที่ 3 ตรวจสอบและนับจํานวนหนายความจํา รวมทั้งเริ่มการทํางานของอุปกรณประเภทดิสกไดรฟ ขั้นที่ 4 เมื่อสิ้นสุดการทํางานของ POST แลว บนหนาจอจะแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับฮารดแวรพื้นฐาน ทั้งหมด จากนั้นจึง โหลดระบบปฏิบัติการ จากดิสกที่กําหนด (ผานทาง SETUP) มาทํางานตอไป
การ Set Bios โดยปกติแลว เราไมจําเปนตองทําการเปลี่ยนแปลงคาตาง ๆ ใน BIOS บอยนัก ยกเวนเมื่อเรา ตองการ เปลี่ยนแปลง การตั้งคาตาง ๆ หรือเมื่อมีการเปลี่ยน อุปกรณใหม ๆ เชน CPU, RAM หรือ Hard Disk เปนตน การเขาสู BIOS Setup Mode สําหรับวิธีการที่จะเขาไปตั้งคาตาง ๆ ใน BIOS ไดนั้น จะขึ้นอยูกับระบบของ แตละเครื่องดวย โดยปกติเมื่อเราทําการเปดสวิทชไฟของเครื่องคอมพิวเตอร BIOS ก็จะเริ่มทํางานโดยทําการทดสอบอุปกรณตาง ๆ กอนที่จะเรียกใชงานระบบ DOS จากแผน Floppy Disk หรือ Hard Disk ในชวงนี้จะเปนชวงที่เราสามารถเขา ไปทําการแกไขเปลี่ยนแปลงการตั้งคาตาง ๆ ใน BIOS ไดโดยกด Key ตาง ๆ เชน DEL, ESC CTRL-ESC, CTRL-ALT-ESC ทั้งนี้ขึ้นอยูกับวาแตละเครื่อง จะตั้งไวอยางไร สวนใหญ จะมีขอความบอกเชน "Press DEL Key to Enter BIOS Setup" เปนตน วิธีการ Clear/Reset Password ของ BIOS โดยปกติแลว หากคุณใชเครื่องคอมพิวเตอรคนเดียว ก็คงไมมีความจําเปนตองตั้ง Password สําหรับ เขาไป Setup BIOS หรือเปดเครื่อง แตถาหากไดเคยตั้งไวแลวลืม หรือไดเมนบอรดมาโดยที่มีการตั้ง Password ไวและไมรูวาใช Password อะไร ก็มีวิธีการที่จะ Reset หรือ Clere Password ซึ่งอาจจะตองลองหลาย ๆ วิธีดูนะครับเทาที่ผมไดรวบรวมมาดังนี้ 1. ลองใช Password แบบ Case Sensitive คือแบบที่นาจะเปน 2. ทําการ Reset โดยการ Clear CMOS ดังนี้ • มองหา jumper สําหรับ Reset CMOS กอนโดยดูจากคูมือ หรืออาจจะมองหา jumper ใกล ๆ กับแบตเตอรี่ของ CMOS ก็ได สวนใหญจะมีลักษณะเปน jumper 3 ขา • วิธีการ Reset คือทําการ jump ใหตรงขามกับปกติ คือถาหากเดิมมีการ jump อยูที่ 1-2 ก็เปลี่ยนมาเปน 2-3 หรือถาปกติ jump อยูที่ 2-3 อยูแลวก็เปลี่ยนเปน 1-2 • จากนั้นเปดเครื่องคอมพิวเตอร ทิ้งไวสัก 5-10 วินาที ปดเครื่องคอมพิวเตอร • เปลี่ยน jumper กลับมาที่เดิม Password จะถูก Reset
249 3. ทําการถอดแบตเตอรี่ของ CMOS ออก ถาหากไมสามารถหา jumper สําหรับ Reset CMOS ไดอาจจะมีอีกวิธี คือทําการถอดแบตเตอรี่ของ CMOS ออกสัก 5 นาทีแลวก็ใสเขาไปใหม จะเปนการตั้งคาทุกอยางของ BIOS กลับไปเปน Default ได แตเมนบอรดบางรุน จะยังมี Password อยูโดยจะเปน Default Password ตามดานบนนะครับ หลังจากใสแบตเตอรี่แลวก็ถายังถาม Password อีกใหลองใส Default Password ขางบนดู การ Set BIOS สําหรับตัวอยางตอไปนี้นํามาใหดูแบบทั่ว ๆ ไปของ BIOS ซึ่งสวนใหญก็จะคลาย ๆ กัน เริ่มจากหลังจากที่กด DEL หรือ Key อื่น ๆ ขณะเปดเครื่องเพื่อเขาสู BIOS Setup Mode โดยปกติแลว ถาหากเปนการตั้งคาครั้งแรก หลังจากที่ทําการ Reset CMOS แลว ก็เลือกที่เมนู Load BIOS Default Setup หรือ Load BIOS Optimal-performance เพื่อเลือกการตั้งคาแบบกลาง ๆ ของอุปกรณทั่วไปกอน จากนั้นจึงมาทําการเลือกแกไขเปลี่ยนแปลงแตละคา ตามเมนูตอไปนี้เลยครับ
Standard CMOS Setup Date และ Time ใส วันที่ และ เวลา ปจจุบัน Hard Disk กําหนดขนาดของ HDD (Hard Disk) วามีขนาดเทาไร โดยเลือกตั้งคาเอง แบบ User, แบบ อัตโนมัติ Auto หรือไมไดติดตั้งก็เลือกที่ None Primary / Master อุปกรณที่ตอกับ IDE แรก แบบ Master (1 IDE จะตอ HDD หรือ CD-ROM ได 2 ตัว) Primary / Slave อุปกรณที่ตอกับ IDE แรก แบบ Slave Secondary / Master อุปกรณที่ตอกับ IDE ที่สอง แบบ Master Secondary / Slave อุปกรณที่ตอกับ IDE ที่สอง แบบ Slave ซึ่งจะตองกําหนด Cyls (cylinders) Heads, Sectors และ Mode สําหรับ Mode มีดังนี้ - Auto BIOS จะทําการตรวจสอบและตั้ง Mode ของ HDD อัตโนมัติ - Normal สําหรับ HDD ที่มี clys,heads,sectors ไมเกิน 1024,16,63 หรือขนาดไมเกิน 528M. - Large สําหรับ HDD ที่มี cyls มากกวา 1024 แตไม support LBA Mode - LBA Logical Block Addressing สําหรับ HDD ใหม ๆ จะมีการสงขอมูลที่เร็วกวา (สําหรับ HDD ถาหากทราบคาที่แนนอนใหใสเปน User แตถาไมแนใจ ใหตั้ง Auto ไว) Drive A: B: ชนิดของ Diskette Drives ที่ติดตั้งใชงาน 360K, 720K, 1.2M หรือ 1.44M Video ชนิดของจอแสดงภาพ (ปกติจะเปน EGA/VGA) Halt On กําหนดการ Stop หากพบ Error ขณะที่ POST (Power-On Seft Test) - All errors การ POST จะหยุดและแสดง prompts ใหเลือกการทํางานตอไปทุก Error
250 - All, But Key การ POST จะไมหยุดกรณีของการเกิด Keyboard Error - All, But Disk การ POST จะไมหยุดกรณีของการเกิด Diskette Drive Error - All, But Disk/Key การ POST จะไมหยุดกรณีของการเกิด Keyboard Error หรือ Diskette Base Memory โดยปกติจะเปน 640K สําหรับ DOS Extended คือ Memory ในสวนที่สูงกวา 1M ขึ้นไป Other Memory หมายถึงสวนของระหวาง 640K ถึง 1M
BIOS Features Setup Virus Warning การเตือนเมื่อมีการเขียนขอมูลทับ Boot Record ของ HDD [Enabled] CPU Int / Ext cache การใชงาน CPU Internal / External Cache [Enabled] Quick Power On Seft Test การทํา POST แบบเร็ว [Enabled] Boot Sequence เลือกลําดับของการบูทเชนจาก C:, A: หรือ IDE-0, IDE-1 [C: A:] Swap Floppy Disk กําหนดการสลับตําแหนง Drive A: เปน Drive B: [Disabled] Boot Up Floppy Seek การตรวจสอบชนิดของ Disk Drive วาเปนแบบใด [Disabled] Boot Up NumLock Status กําหนดการทํางานของ Key NumLock หลังจากเปดเครื่อง [Disabled] Boot Up System Speed กําหนดความเร็ว CPU หลังจากเปดเครื่อง [High] Gate A20 Option การเขาถึง Address memory สวนที่สูงกวา 1M [Fast] Typematic Rate Setting กําหนดความเร็วของการกด Key [Enabled] Typematic Rate (Chars/Sec) กําหนดความเร็วของการกด Key [6] Typematic Delay (Msec) กําหนดคา delay ของการกด Key [250] Security Option กําหนดการตั้งรหัสผานของการ Setup BIOS หรือ System [Setup] PS/2 Mouse Control กําหนดการใชงาน PS/2 Mouse [Disabled] PCI/VGA Palette Snoop แกปญหาการเพี้ยนของสีเมื่อใชการดวีดีโออื่น ๆ รวมดวย [Disabled] Assign IRQ for VGA กําหนดการใช IRQ ใหกับการดจอ [Enabled]
251 OS Select for DRAM > 64M การกําหนดหนวยความจําสําหรับ OS2 [Non-OS] HDD S.M.A.R.T capability Self-Monitering Analysis and Reporting Technology [Enabled] Video BIOS Shadow กําหนดใหทํา Shadow กับ ROM จากการดแสดงผล C0000-C4000 [Enabled] Adapter ROM กําหนดใหทํา Shadow กับ ROM จากการดที่เสียบเพิ่มเติม C8000 ใชกับการดแสดงผลชนิด MDA (จอเขียว) CC000 ใชกับการด controller บางประเภท [Disabled] D0000 ใชกับการด LAN [ถาไมใชตั้ง Disabled] D4000 ใชกับ controller สําหรับ Disk Drive ชนิดพิเศษ [Disabled] D8000 ตั้ง [Disable] DC000 ตั้ง [Disable] E0000 ตั้ง [Disable] E4000 ตั้ง [Disable] E8000 ตั้ง [Disable] EC000 ใชกับการด controller ชนิด SCSI [หากไมไดใชตั้ง Disable] System ROM การทํา Shadow กับ ROM ของ BIOS ที่ F000 [Enabled]
252 Chipset Features Setup Auto Configuration คือให BIOS จัดการคาตางๆโดยอัตโนมัติซึ่งจะเปนคากลาง ๆ Hidden Refresh การเติมประจุไฟของ DRAM [Enabled] Slow Refresh ให DRAM ลดความถี่ในการเติมประจุไฟลง 2 - 4 เทา [Enabled ถาไมมีปญหา] Concurrent Refresh การอาน-เขียนขอมูล ไดพรอมๆกับการเติมประจุไฟใน DRAM [Enabled] Burst Refresh การเติมประจุไฟลง DRAM ไดหลายๆ รอบในการทํางานครั้งเดียว [Enabled] DRAM Brust at 4 Refresh จํานวนการ Burst Refresh เปน 4 รอบในการทํางาน 1ครั้ง [Enabled] Staggered Refresh การเติมประจุลวงหนาใน DRAM ใน Bank ถัดไปดวย [Enabled] Refresh RAS Active Time ใหทดลองกําหนดคานอยที่สุดเทาที่เครื่องจะสามารถทํางานได AT Cycle Wait State เวลาที่รอใหการด ISA พรอม ใหตั้งคาที่นอยสุดเทาที่เครื่องทํางานได 16-Bit Memory, I/O Wait State เวลาที่ซีพียูตองรอระหวางรอบการทํางาน ตั้งนอยที่สุดที่ทํางานได 8-Bit Memory, I/O Wait State เวลาที่ซีพียูตองรอระหวางรอบการทํางาน ใหตั้งนอยสุดที่ทํางานได DMA Clock Source กําหนดความเร็วของอุปกรณ DMA โดยมีคาปกติคือ 5 MHz Memory Remapping หากเปดการทํางานนี้ไวจะทํา Shadows กับ BIOS ใดๆ ไมได [Disable] Cache Read Hit Burst หรือ SRAM Read Wait State ระยะพักรอเมื่ออานขอมูลลงใน L1 Cache ใหตั้งนอยที่สุดเทาที่ทํางานได Cache Write Hit Burst หรือ SRAM Write Wait State ระยะพักรอเมื่ออานขอมูลลงใน L1 Cache ใหตั้งนอยที่สุดเทาที่ทํางานได Fast Cache Read / Write ใหแคชทํางานโหมดความเร็วสูง จะมีผลเมื่อแคชมีขนาด 64 KB หรือ 256 KB Tag Ram Includes Ditry ใหแคชทํางานในโหมดเขียนทับโดยไมตองยาย/ลบขอมูลเดิมออกกอน หากมี Ram นอยกวา 256 MB ควรใช Dirty Bit Non-Cacheable Block-1 Size กําหนดขนาดหนวยความจําที่หามทําแคช [OK หรือ Disabled] RAS to CAS Delay Time คาหนวงเวลากอนที่จะสลับการทํางาน RAS-CAS ตั้งคานอยที่สุดเทาที่ทํางานได CAS Before RAS การสลับลําดับการทํางานระหวาง RAS และ CAS CAS Width in Read Cycle กําหนดคาหนวงเวลากอนที่ซีพียูจะเริ่มอานขอมูลใน DRAM ตั้งนอยที่สุดที่ทํางาน ได Interleave Mode ใหซีพียูอาน - เขียนขอมูลจาก DRAM ในโหมด Interleave Fast Page Mode DRAM ใหหนวยความจําทํางานแบบ FPM โดยไมตองอาศัย RAS และ CAS ซึ่งจะเร็วกวา SDRAM CAS Latency Time หรือ SDRAM Cycle Length ระยะรอบการทํางานของ CAS latency ใน SDRAM ตั้งคานอยที่สุด หรือใชคา 2 กับ RAM ชนิด PC100 และใชคา 3 กับ RAM ชนิด PC66/83 Read Around Write กําหนดใหซีพียูอาน - เขียนขอมูลจากหนวยความจําไดในคราวเดียวกัน [Enabled] DRAM Data Integrity Mode เลือก Non-ECC หรือ ECC ตามขนิดของ SDRAM System BIOS Cacheable การทําแคชของ System BIOS ROM #F0000-FFFFF [Enabled] Video BIOS Cacheable การทําแคชของ Video BIOS ROM [Enabled] Video RAM Cacheable การทําแคชของ Video RAM #A0000-AFFFF [Enabled ถาไมมีปญหา] Memory Hole at 15M-16M การจองพื้นที่สําหรับ ISA Adapter ROM [Enabled]
253 Passive Release กําหนด CPU to PCI bus accesses ชวง passive release [Enabled] Delayed Transaction เลือก Enable สําหรับ PCI version 2.1 AGP Aperture Size (MB) กําหนดขนาดของ AGP Aperture กําหนดเปนครึ่งหนึ่งของ RAM ทั้งหมด
Power Management Max Saving กําหนดการประหยัดพลังงานแบบ สูงสุด User Define กําหนดการประหยัดพลังงานแบบ ตั้งคาเอง Min Saving กําหนดการประหยัดพลังงานแบบ ต่ําสุด PM Control by APM กําหนดใหควบคุมการประหยัดพลังงานผานทางซอฟทแวร APM Video Off Method กําหนดวิธีการปดจอภาพเมื่อเขาสูโหมดประหยัดพลังงาน V/H SYNC + Blank จะปดการทํางาน V/H SYNC และดับจอภาพดวย Blank Screen DPMS สําหรับการดแสดงผลและจอภาพที่สนับสนุนโหมด DPMS Blank Screen จะทําการแสดงหนาจอวาง ๆ เมื่อประหยัดพลังงาน สําหรับจอรุนเกา ๆ Video Off After ใหปดจอภาพเมื่อเขาสูโหมดประหยัดพลังงานแบบ Stanby หรือ Suspend Standby Mode กําหนดระยะเวลาเมื่อพบวาไมมีการใชงาน จะหยุดทํางานของอุปกรณบางสวน Supend Mode จะตัดการทํางานบางสวนคลาย Standby Mode แตหยุดอุปกรณที่มากกวา HDD Power Down กําหนดระยะเวลากอนที่ BIOS จะหยุดการทํางานของ HDD Resume by Ring เมื่อ Enabled สามารถสั่งใหทํางานจาก Soft Off Mode ได Resume by Alarm เมื่อ Enabled สามารถตั้งเวลาทํางานจาก Suspend Mode ได Wake Up On LAN เมื่อ Enabled สามารถสั่งใหทํางานจาก Soft Off Mode ได Integrated Peripherals
254
IDE HDD BLOCKS MODE ให HDD อาน-เขียนขอมูลไดครั้งละหลาย Sector พรอมกัน [Enabled] IDE PIO Mode... กําหนดการทํางานแบบ Programe Input/Output [ตั้งสูงสุดหรือ Auto] IDE UDMA... กําหนดการทํางานแบบ DMA หรือ UDMA [Enabled หรือ Auto] On-Chip PCI IDE กําหนดการใชชองเสียบ HDD IDE ที่อยูบนเมนบอรด [Enabled] USB Keyboard Support กําหนดใหใช Keyboard แบบ USB [Enabled] Onboard FDC Controller กําหนดใหใชชองเสียบ Disk Drive ที่อยูบนเมนบอรด [Enabled] Onboard Serial Port 1 กําหนดคาแอดเดรสและ IRQ ให COM1 คาปกติคือ 3F8/IRQ4 Onboard Serial Port 2 กําหนดคาแอดเดรสและ IRQ ให COM2 คาปกติคือ 2F8/IRQ3 Parallel Port Mode กําหนดโหมดการทํางานของพอรตขนานไดใน 3 แบบ [EPP&ECP] SPP (Standard Parallel Port) คือโหมดมาตรฐานเหมาะแกเครื่องพิมพรุนเกาๆ EPP (Enhanced Parallel Port) คือโหมด 2 ทิศทางเหมาะแกเครื่องพิมพรุนใหม ECP (Extended Capabilities Port) คือโหมดความเร็วสูง เมื่อตอพวงกับ Scanner, Laplink ฯลฯ ECP MODE USE DMA คือกําหนด DMA สําหรับ Port ขนานแบบ ECP ซึ่งคาปกติคือ 3 IDE HDD Auto Detection สําหรับคนหาฮารดดิสกแบบอัตโนมัติ โดยจะคนหา Primary Master , Primary Slave , Secondary Master , Secondary Slave ตามลําดับ โดยใหเราตอบ Y ในแตละขั้นตอนที่ตองการ ถาในขั้นตอนนี้ไมสามารถ คนหา ฮารดดิสกที่เราติดตั้งไวได ตองตรวจสอบการตอฮารดดิสกใหถูกตองอีกครั้ง
การตั้งคาอื่น ๆ Load BIOS Default Setup เมื่อกดเลือกที่นี่ BIOS จะทําการตั้งคาตาง ๆ ใหเปนแบบกลาง ๆ สําหรับอุปกรณทั่ว ๆ ไป หรือเปนการตั้งคาแบบ Factory Setup ก็ได Load BIOS Optimize Setup เมื่อกดเลือกที่นี่ BIOS จะทําการตั้งคาตาง ๆ ของอุปกรณ ใหไดประสิทธิภาพสูงสุด
255 Password Setting ใชสําหรับการตั้ง Password เมื่อตองการจะเขาไปเปลี่ยนแปลงการตั้งคาตาง ๆ ใน BIOS หรือเมื่อตองการจะเปด เครื่อง โดย ปกติเมื่อใส Password ระบบจะใหใส Confirm ซ้ํา 2 รอบเพื่อปองกันการใสผิดพลาด (ไมใสอะไรเลย คือการยกเลิก password) HDD Low Level Format เปนเมนูสําหรับทํา Low Level Format ของ Hard Disk ซึ่งใชสําหรับทําการ Format Hard Disk แบบระดับต่ําสุด ซึ่งถาหากไม มีปญหาอะไรกับ Hard Disk ก็ไมจําเปนตองทํา Exit with Save Setting หรือ Exit without Save Setting เมื่อทําการเปลี่ยนแปลงขอมูลการตั้งคาตาง ๆ ของ BIOS แลวตองทําการ Save เก็บไวดวยนะครับ สวนใหญ เมื่อทําการ Save แลวจะบูทเครื่องใหม คาตาง ๆ ที่ตั้งไวจึงจะใชงานได CPU Setup นอกจากนี้ ในเมนบอรดรุนใหม ๆ ที่เปนแบบ Jumper Free (ไมใช Jumper แตจะใชเมนูใน BIOS สําหรับตั้งคา ตาง ๆ ) จะ สามารถตั้งคาของความเร็ว CPU, คา multiple หรือ FSB, คาไฟ Vcore และอื่น ๆ อีกแลวแตรุนของ เมนบอรดนั้น ๆ การ Flash BIOS ก็ คื อการ Update เปลี่ยนแปลงขอมูลหรือซอฟทแวรที่บรรจุอยูใน BIOS ROM Chip ซึ่งจะเปนซอฟทแวรขนาดเล็ก ๆ ที่จําเปนสําหรับการบูทเครื่องคอมพิวเตอร การที่เราทําการ Update BIOS ก็คือการ Update ซอฟทแวรนี้นั่นเอง เหตุผลที่ตองมีการ Update BIOS มีดังนี้ - เพื่อให BIOS นั้นสามารถรองรับการทํางานของอุปกรณใหม ๆ ได - เพิ่มเติมและแกไขความสามารถตาง ๆ ใหมากขึ้นเชนการ Auto Detect อุปกรณตาง ๆ - เพิ่มการ Support กับ CPU ใหม ๆ ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นมาดวย - เพิ่มการรองรับกับ Hard Disk ขนาดใหญ ๆ - รองรับหรือแกปญหา Y2K - แกไขปญหาบางอยางที่เกิดขึ้นกับเมนบอรด - ในบางครั้ง ก็อาจจะชวยเพิ่มประสิทธิภาพและความเสถียรภาพของระบบโดยรวมได - และอื่น ๆ อีกมากมาย รายละเอียดของ BIOS แตละ Version คงตองหาขอมูลจากเวปไซตของผูผลิตเมนบอรดแตละยี่หอนะครับ วาจะมีอะไรไหม ๆ บาง จําเปนมากแคไหน ที่ตองทําการ Flash BIOS โดยทั่วไปแลว หากคุณสามารถใชงานเครื่องคอมพิวเตอรไดปกติไมมีปญหาอะไรก็คงไมมี ความจําเปนที่จะตองทําการ Update BIOS นะครับแตถาหากวันใดที่ตองการเพิ่มอุปกรณใหม ๆ เขาไปในเครื่องคอมพิวเตอรของคุณ เชนเปลี่ยน CPU หรือ Hard Disk ใหม และเกิดปญหา หรือไมสามารถใชงานได ก็อาจจะมีความจําเปนที่จะตองทําการ Update BIOS นะครับ ดังนั้น คงจะขึ้นอยูกับความจําเปนตาง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร วาตองการที่จะแกไขอะไรใน BIOS หรือไม เพราะจะวาไปแลว การ Update BIOS ไมใชเรื่องยากเย็นอะไรนัก แตหากเกิดการผิดพลาด ระหวางการ Flash BIOS ก็อันตรายมาก ถึงขนาดไมสามารถบูทเครื่องไดเลยเชียวนะครับ จะสามารถหา BIOS ใหม ๆ ไดจากที่ไหน
256 แนนอนครับ ก็ตองที่เวปไซตของผูผลิตเมนบอรดของแตละยี่หอนั้น ๆ และจะตองเปน BIOS ของเมนบอรดรุนเดียวกันดวยนะครับ ไมขอแนะนําใหนํา BIOS ของเมนบอรดรุนอื่น ๆ หรือ ที่ไมแนใจมาทําการ Flash เด็ดขาด สวนใหญจะไมสามารถใชงานได หรืออาจจะไมสามารถ บูทเครื่องไดเลยก็ได อีกที่หนึ่งสําหรับ Award BIOS นะครับ ถาหากหาไมไดและตองการ Flash จริง ๆ ก็ลองเขาไปหาดูที่ http://www.award.com.tw/download นะครับจะมี Image ของ BIOS อยูหลายรุน การเตรียมอุปกรณกอนทําการ Flash BIOS สิ่งที่ตองเตรียมสําหรับการ Flash BIOS มีดังนี้ • เตรียมแผน Floppy Disk สําหรับ Boot เครื่องเชน Windows Start Up Disk หรือแผน Boot DOS เพื่อใชสําหรับ Boot เครื่องเขา DOS Prompt อยางเดียว (อาจจะทําขึ้นมาเองงาย ๆ โดยใส แผนดิสกแลวสั่ง format a: /s ก็ได) • เตรียมโปรแกรมสําหรับ Flash BIOS โดยที่จะสามารถหาไดจากเวปไซตของผูผลิตเมนบอรด นั้น ๆ นะครับ สวนใหญจะเปนไฟลเล็ก ๆ เชน AWDFLASH.EXE หรือหากเวปไซตนั้น แนะนําใหใชโปรแกรมตัวอื่น ๆ ก็ขอใหใชตามนั้นนะครับ • เตรียม Image BIOS โดยที่จะสามารถหาไดจากเวปไซตของผูผลิตเมนบอรดนั้น ๆ นะครับ รูปแบบทั่วไปสวนใหญ จะเปนไฟลนามสกุล .BIN นะครับ อันนี้ขอเนนอีกครั้งวา ตองเปน Image BIOS สําหรับเมนบอรดรุนเดียวกันเทานั้นนะครับ ขั้นตอนการทํา Flash BIOS หลังจากที่ตัดสินใจจะทําการ Update BIOS แนนอนแลว และเตรียมอุปกรณหรือซอฟทแวรตาง ๆ พรอมแลว ก็เริ่มตนขั้นตอนตามนี้ • เปดเครื่อง และเขาไปทําการ BIOS Setup โดยกด DEL ระหวางที่เครื่องกําลังทดสอบ RAM อยู ทําการตั้งคาของ System BIOS Cacheable Option ใน BIOS ใหเปน Disabled เสียกอน ที่จะทําการ Flash BIOS ใหม •
ใหเปดคูมือของเมนบอรดเพื่อหาตําแหนงของ jumper สําหรับการ Flash BIOS (หากไมมีคูมือ ลองมองหาดู jumper ใกล ๆ กับ CMOS นะครับ สวนใหญจะเปน jumper 3 ขาและมีการพิมพ กํากับการใชงานอยูบนบอรด) ทําการเปลี่ยน jumper ไปที่ตําแหนง Flash นะครับ ซึ่งเทาที่ทราบมา เมนบอรดบางรุนอาจจะไมมีก็ได ใหลองหาดูกอน
•
Boot เครื่องใหม โดยทําการ Boot แบบ Clean Boot ครับ คือใหกด F8 ขณะที่กําลังจะเขาสูหนาจอ Start Windows จะเขาหนาจอของ Menu แลวจากนั้นเลือก Save Mode MS DOS Prompt แลวจึงทําในขั้นตอนตอไป หรือจะใหดีควรจะ Boot เครื่องจากแผนดิสกที่มีแตเพียง DOS อยางเดียว โดยไมมีการ Load Driver อะไรตาง ๆ เลย
•
สั่งหรือเรียกโปรแกรมสําหรับ Flash เชน AWDFLASH หรือโปรแกรมสําหรับ Flash BIOS ที่ Download มา ท โดยสวนใหญตรงนี้ โปรแกรมจะถามใหทําการ Save BIOS Version เกาที่มีอยู ในเครื่องเก็บไวกอน ขอแนะนําใหทําการ Save BIOS ใสแผนดิสกไวนะครับ เพื่อความไมประมาท
257 หรือถาหากเกิดการผิดพลาดขึ้น อาจจะยังพอแกไขได •
ใสชื่อของ file ที่เปน Image BIOS ที่ตองการจะ Flash จากนั้นทําการ Flash ตามขั้นตอนคําแนะนํา ของโปรแกรมนะครับ
•
การ Flash จะใชเวลาไมนานมากนัก ประมาณไมเกิน 1 นาที ระหวางนี้ก็ตองระวัง หามปดเครื่อง หรือทําการ Reset โดยเด็ดขาดนะครับ ไมเชนนั้น เมนบอรดคุณอาจจะไมสามารถ Boot ไดเลยก็ได (ตองระวังเรื่องไฟฟาดับดวยนะครับ พยายามอยาทําขณะที่เสี่ยงตอการเกิดไฟฟาดับเปนอันขาด)
•
หลังจากที่ Flash เรียบรอยแลว ใหปดเครื่องสักประมาณ 15 วินาที หากไดทําการเปลี่ยน jumper สําหรับการ Flash ไวตั้งแตตน ก็ทําการเปลี่ยนกลับไปเปนเหมือนเดิมดวยนะครับ
•
บางครั้ง ตองทําการ Clear CMOS jumper (คนละอันกับ Flash jumper นะครับ) กอนที่จะเปด เครื่องใหมดวยครับ
•
เปดเครื่องใหม เขาไปทําการ Setup BIOS โดยกด DEL ขั้นตอนแรกคือเลือกที่เมนู Load Default Setup หรือ Load BIOS Setup กอน จึงตั้งคาตาง ๆ ตามตองการ เลือก Save คาที่ตั้งไว ก็จบขั้นตอน การ Flash BIOS ครับ
•
สําหรับ Award BIOS หากวาในขณะที่ทําการ Flash BIOS ใหมนั้น เกิด Error Message มาวา Insufficient Memory ก็ไมตองตกใจนะครับ เพราะ มันก็จะยังไมไดทําการ Flash BIOS ใหใหม ดังนั้น ก็ใหคุณ Boot เครื่องใหม แลวเขาไป set ใน BIOS ตรง Chipset Feature Setup ใหเลือก Video BIOS Cacheable เปน Disable ซะ แลว Save และ Exit เพื่อ Boot ใหม Boot เขา Clean Boot แลวทําการ Flash ใหม ซึ่งก็ไมนาจะเกิดปญหานี้อีกแลว จากนั้น เมื่อทําการเสร็จแลว ก็ Reboot หรือ ปดเครื่องไวสักพัก แลวเปดใหม และเมื่อ Boot เขามาใหมแลว ใหเขาไปแกไขที่ Chipset Feature Setup ตรง Video BIOS Cacheable เปน Enabled เหมือนเดิมครับ
ขอควรระวังสําหรับการ Flash BIOS • ตองใช Image BIOS ที่เปนรุนเดียวกับเมนบอรดเทานั้น •
ระวังไฟตก ไฟฟาดับ หรือเครื่องแฮงก ขณะทําการ Flash เพราะอาจจะทําใหไมสามารถ Boot เครื่องไดเลย
•
ใหทําการ Save Image BIOS ของเดิมเก็บใสแผนดิสกไวกอนเสมอครับ
•
ถามีการเตือนวา Image BIOS ที่กําลังจะ Flash นั้นไมสามารถเขากันไดกับเครื่อง เหนือเมนบอรดของคุณ ระวัง อยาทําการ Flash โดยเด็ดขาด เพราะเปนไปไดมากที่คุณ ใช Image BIOS ผิดรุน ซึ่งอาจจะทําใหเครื่องคุณ Boot ไมขึ้นเลยก็ได
หาก Flash BIOS ไปแลว Boot ไมขึ้นจะแกไขอะไรไดบาง • การทํา Boot-Block
BIOS
258 สําหรับเมนบอรดรุนใหมๆ โดยเฉพาะที่ใชกับ Award BIOS นั้นจะมี Boot-Block BIOS มาดวย โดยจะเปนสวนของขอมูลเล็กๆ ที่จะไมมีการเขียนทับ หรือ แกไขใดๆ ลงไปได แมวาจะ Flash BIOS สักกี่ครั้งก็ตาม โดย Boot-Block BIOS นั้น จะรูจักแต Floppy Disk Drive และ Display Card แบบ ISA เทานั้น! หากวาใช Display Card เปน PCI หรือ AGP ก็หมดหวังเลยครับ และ Boot-Block BIOS นี้ จะสามารถ Boot เครื่องได เฉพาะ Floppy Disk เทานั้น ดังนั้น ก็เราก็สามารถเตรียม Image BIOS และ ตัว โปรแกรม Flash ใสไวในแผน แลว พอ Boot เสร็จ ก็ ทําการ Flash ซะใหม ก็ได หรือ จะเขียน autoexec.bat ใหทําการ Flash อัตโนมัติ เลยก็ไดครับ •
การทํา Hot Swapping การแกไขวิธีนี้ มีหลักการคือ นําเอา Chip BIOS ที่มีปญหาไปทําการ Flash กับเมนบอรดของเครื่องที่ใชงานไดปกติ โดยทําขณะที่ยังเปดเครื่องปกติอยู และถอด Chip BIOS ของเครื่องนั้นออก นําเอา Chip BIOS ที่ของเราที่มีปญหาใสเขาไปแลว ทําการ Flash ใหม การแกไขวิธีนี้วุนวายไมใชนอยๆ และ ผมขอไมรับผิดชอบนะครับ กับความเสียหาย ที่เกิดขึ้นจากวิธีนี้ นะครับ เพราะมันคอนขางละเอียด และ ผิดพลาดได งายๆ ... เพราะฉะนั้น ขอใหอยูในดุลยพินิจของตัวเองดวยนะครับ สําหรับวิธีนี้
1. ใหถอด Chip BIOS ที่มีปญหาออกมา แลวหาเมนบอรดรุนเดียวกัน Spec เดียวกัน ซึ่งไมมีปญหามาเพื่อใช ในการ Boot โดยกอนที่จะทําการ Flash ก็ใหเขาไปใน BIOS เพื่อ Set System BIOS Cacheable ใหเปน Enable กอนดวย 2. Boot เครื่อง ดวยเมนบอรดตัวที่ BIOS ไมมีปญหา และ Boot แบบ Clean ดังที่กลาวมาแลว 3. ทําการแกะ Chip BIOS จากเมนบอรดออกโดยที่ยังเปดเครื่องทิ้งไวอยู ตรงนี้ ตองใชความระมัดระวัง และ เสี่ยงเปนอยางมาก 4. ใส Chip BIOS ตัวที่มีปญหาลงไปแทนที่ แลวทําการ Flash BIOS ใหม จากนั้น ก็ Reboot หรือ ปดเครื่อง 5. ถาไมมีปญหาใดๆ เจา BIOS ที่เคยมีปญหา ก็จะกลับมาใชงานไดดังเดิมครับ ขอแนะนําเพิ่มเติมสําหรับใครที่คิดจะใชวิธีการนี้คือ กอนที่จะเริ่มตน ใหทําการแกะ Chip BIOS ออกมาจาก Socket กอนแลวใสใหมโดยวางแปะลงไป กดแตเพียงเบา ๆ แตตองแนใจวาทุก ๆ ขาของ Chip BIOS สัมผัสกับ Socket ดีนะครับ เมื่อถึงเวลาที่เปลี่ยน Chip BIOS โดยที่ยังตองเปดเครื่อง อยูนั้น จะชวยใหสามารถแกะ Chip CMOS ออกมาไดงาย เพื่อทําการ Flash BIOS แบบ Hot Swapping โดยที่ขณะที่จะทําการ Flash จะมีขอความเตือนวา BIOS นั้นไมสามารถเขากับเครื่องหรือเมนบอรดได ก็กด ยืนยันการทําการ Flash BIOS ตอไปไดเลย •
สําหรับเมนบอรดของ Intel โดยเฉพาะ
1. เปลี่ยน Jumper ตรง Flash Recovery Jumper ใหไปอยูตรง Recovery Mode ( อานจากคูมือ และ สําหรับบางรุน ก็ไมมี Jumper ตัวนี้นะครับ ) 2. เอาแผน Bootable Upgrade Disk ใสไวที่ Drive A;
259 3. Boot เครื่อง โดยเครื่องจะทํางานตามปกติ แตจะไมมีการ Display อะไรออกที่หนาจอ ( วิธีนี้ ก็คลายๆ กับ วิธีที่ Boot-Block BIOS เพียงแต ใชสําหรับเมนบอรดของ Intel บางรุน เทานั้น ) โดยจะดูผลการ Boot หรือ การทํางานโดย สังเกตุ จากไฟ LED บนฝา CASE และ/หรือ ฟงจากเสียง Beep 4. ระบบจะทําการกูคืนขอมูล BIOS ดวยขอมูลที่อยูบน Disk ให สังเกตุ ที่ไฟของ Floppy Disk ถาไฟติดอยู และ ยังมีเสียงอานอยู ก็แสดงวากําลังทํางานอยู และถาดับเมื่อไร ก็แสดงวาการ กูคืนนั้น เสร็จสิ้นลงแลว 5. ปดเครื่อง แลวเปลี่ยน Jumper จากขอแรกใหกลับอยูตําแหนงเดิม จากนั้นก็เปดเครื่องใหม ซึ่งก็นาจะไมมี ปญหาแลว
การแกไขเมื่อ Flash BIOS ลมเหลว หลังจาก Flash BIOS แลว ถากระบวนการดําเนินการไปอยางถูกตอง คอมพิวเตอรก็จะทํางานไดอยาง ถูกตอง ไม มีปญหาอยางใด อยางไรก็ตาม หลายครั้งพบวาผลจากการ Flash BIOS ไมไดเปนไปตามที่ คาดหวังทุก ประการ บางครั้ง อาจ พบความผิดพลาดได เชน ในกรณีของผูใชงานที่เคย Flash BIOS ครั้งแรก อาจจะทํา ผิดพลาด โดยการ ปดสวิทชไฟ ระหวางกระบวนการ Erase , Re-program BIOS ซึ่งกรณีนี้จะทําใหไบออสเสีย ใช บูตคอมพิวเตอร ไมได หรืออีกกรณี หนึ่งคือ มีความผิดพลาดในตัวโปรแกรมเอง เมื่อ Flash แลวปรากฎวาใชงาน ไมไดอีกตอไป อาการที่บงชี้วา ไบออสเสียก็คือ เมื่อเปดสวิทชแตเครื่องไมบูต ไมมีเสียง บี๊บ (POST = Power on self test) ไมมีขอความใด ปรากฎ บนจอภาพ ถาอาการดังกลาวเกิดขึ้นหลังจากการ Flash BIOS ก็ใหตั้งสมมุติฐาน ไวกอนวา เกิดปญหาขึ้นจากการ Flash BIOS สาเหตุที่ทําใหไบออสนอกจากการ Flash ผิดแลว ยังเกิดไดจากไวรัสบางตัว เชน W32.CIH.SPACEFILLER ซึ่งถูกตั้งเงื่อนไขให Flash BIOS ดวยโปรแกรมขยะอีกดวย
การแกไข หลังจาก Flash BIOS แลวเมื่อเปดคอมพิวเตอรแลวไมบูต ใหปดสวิทชแลวแกะไบออสออก ระหวาง การแกะให ระวัง เพราะตัว EEPROM สําหรับ BIOS นั้นมีหลายประเภท ประเภทที่เปนตีนตะขาบเสียบบน Socket จะแกะงายกวา แตหากเปนลักษณะคลายฝงตัวใน Socket แบบนั้นแกะลําบากมากกวา 1. ใหแกะ BIOS จากเมนบอรดที่ดี หรือนําเอา BIOS ที่ดีอยูแลว มาใสแทน BIOS ที่เสียแทน 2. ใหเปดเครื่องและบูตเครื่องตามปกติ สังเกตวาคอมพิวเตอรจะตองบูตตามปกติ ถาอาการเสียนั้นเกิดจากไบออส เสีย แตถาไมบูตอีก แสดงวาไบออสไมเสียแลว แตเปนเมนบอรดเสียแทน 3. ถาเครื่องก็บูตขึ้นมาแลว การทํางานของไบออสนั้นจะเหมือนกันกับสตารตเตอรในวงจรของหลอดฟลูออเรสต เซ็นต คือ เมื่อเปดคอมพิวเตอรไดแลว BIOS ก็หยุดทํางานไป (จะทํางานอีกครั้งเมื่อใชพวกโปรแกรม Management เขาถึงขอมูลใน DMI Pool เทานั้น) 4. ตอไปเมื่อคอมพิวเตอรเปดขึ้นมาแลว ก็เอาไบออสตัวเกาออก แกะขณะที่เปดเครื่องอยู (ระวังตัวไบออสตกลง บน เมนบอรด หรือพลาดขาไปถูกสวนอื่น ที่เปนวงจรในเคส ระวังเกิดความเสียหาย 5. เมื่อถอดเสร็จใหเอาไบออสตัวที่เสียใสลงไปแทน และ Flash BIOS ลงไปอีกครั้ง โดยใชโปรแกรม Flash BIOS ตามปกติ หลังจากนั้นใหลองบูตเครื่อง ถาบูตไดก็แสดงวา BIOS ตัวที่เสียถูก Re-Program ใหสามารถใชงาน ได ตามปกติอีก
260
เครื่องมือที่หาเองได ก็แผนเหล็กปดฝาหลังเคสนั่นแหละ หรือไมก็ไขควงปากแบนตัวเล็กๆ เอาไวสําหรับ EEPROM ออก จาก Socket ตองการมือที่นุมนวล แตแข็งแกรง ออกแรงนอยๆกอน แลวแรงเด็ดขาด อยาแรงมาก
แตถามี "คีมปากแบนแบบในภาพจะชวยไดมาก ปกติ แลวแตการวางตัวของ EEPROM ถางายขนาดวาไมตองถอด ออก จากเคสก็ไมตองเอาออกมาก็ได แตถามันยากเกินที่จะสอดมือใปทํางานในเคส ก็ถอดเอาเมนบอรดออกมา งานใหญละ คราวนี้จะเริ่มถอดละนะ คอยๆแซะละ อยารีบรอน บางตัวถอดงาย บางตัวยากเข็ญ และถาใชแรงมาก เกินไป ขา EEPROM จะหักเอา
เวลาถอดตัว EEPROM ออกมาแลว โปรดสังเกตดวยนะ มันจะมี Mark ไววาขาที่ 1 นะขาไหน โดยมากก็เปนจุด หลุมเล็ก บนตัว EEPROM โดยบน Socket เขาก็บากทําตําแหนงไว ตองใสใหตรงกัน ถาใสไมตรงกัน ไบออสจะ ไหมได ตรงนี้ตองระวังอยางมาก ถาถอดออกมาแลว
ไปหายืมเครื่องคอมพิวเตอรเครื่องอื่นๆที่ใชเมนบอรดรุนเดียวกันเพื่อเขียนไบออสใหมไมได ก็เห็นตองพึ่งพาเครื่อ เขียน ไบออส ที่หนาตาเปนแบบนี้แหละครับ หาใชบริการไดที่รานแถว "บานหมอ" และ "พันธทิพย"
261
สําหรับ BIOS แบบเสียบลง Socket พบในเมนบอรดของเครื่องมียี่หอบางรุน และเมนบอรดรุนใหมๆที่ใชชิปเซ็ตอ ยาง Intel 810 เพิ่มความยุงยากอีกนิดหนอย แตถารูเทคนิคแลว ไมยากหรอก นี่แหละตัว BIOS ฝงอยูใน Socket แบบนี้แหละ แตไมไดหมายความวาถอดออกมาไมไดนะ ถอดออกมาได
เคล็ดลับอยู "คลิปหนีบกระดาษ" ตัวเล็กๆ นี่แหละ เอามาคลายลวดออกใหปลายแหลมๆ ทําใหตอง "คลิป" เพราะ คลิปมันใช "ลวดเปน" งัย คือ ขืนตัวแข็งไมออนตัว ใชคลิปนี้แหละ ดานปลายลวดสอดเขาไปใน Socket แลวก็.. พยายามสอดและดึง EEPROM ขึ้นมานะ คงไมยากนะ อีกวิธีหนึ่งที่ไมเคยมีแนะนําไวในตํารา แตมีนักทดลอง หลายทานเคยบอกผมก็คือ ระหวางการเปดเครื่องนั้น ใหถอดไบออสดีออก และเอาไบออสเสียใสลงไป แลวปด เครื่องคอมพิวเตอรเปดสวิตช อีกครั้ง ก็จะเปน Hot Burn BIOS แตผมลองแลวไมประสบความสําเร็จ แตถาไมมี อะไรที่ดีกวานั้นสําหรับ เมนบอรดรุนใหมๆ ที่ Flash BIOS ได แตตัวไบออสถูกบัดกรีลงบนเมนบอรดอยางถาวร เชน Intel BI440ZX กรณีที่ถูก CIH ทําลายไบออส คงไมมีทางเลือกนอกจากสงเขาซอมเทานั้น เพราะอยางไรก็ แกไขเองไมได
การปรับหัวอาน CD-Rom วิธีการปรับหัวอาน CD-Rom บางรุนที่อานแผนบางแผนไมได โดยวิธีปรับหัว VR ใน Drive CD-Rom หรือที่เรียกกันวา Variable Resist
262 สําหรับผูที่มี CD-Rom แตวา Drive ของทานไม สามารถอานแผนทองหรือแผน CD-R ได หรือวาอานไดบาง ไมไดบางก็แลวแตครับ แตกรณีที่ผมจะพูดถึงนี้ไมรวมถึงอาการ ของ CD-Rom ที่มอเตอรเสียนะครับ ผมจะทําเปนขั้นเปนตอนละกัน จะไดดูกันงายๆ
กอนอื่นก็ตองเตรียมอุปกรณใหพรอมครับ ดูในรูปดานบน เลยครับ อันดับแรกก็ CD-Rom ที่เริ่มใชไมไดอยางใจ ทางที่ดีขอใหเปน CD-Rom ที่หมดประกันแลวจะเยี่ยม เลยครับ ไมตองกลัวเอาไปเคลมไมไดเพราะหมดอายุรับประกัน แลว คุณคงไมมีอะไรตองเสียอีก แลวละ เมื่อเตรียม Drive เรียบ รอยแลวก็อยาลืมไขควงสี่แฉกขนาดไมตองใหญมากก็ ไดครับ แตที่ขาดไมไดก็คือไขควงสองแฉกขนาดเล็ก เล็กสุดยิ่งดีครับ อะไรจะไดงาย เขา เอาละเมื่อเตรียมอุปกรณครบแลวก็มาแงะ เจา CD-Rom เจาปญหากันไดเลยครับ สําหรับในรูปผมใช CD-Rom ของ Creative 8X ตัวเกาของผม ที่มีอาการอยางวาครับ อานแผนทองไมได ก็เลยถึงคราว..
กอนอื่นใหใชไขควงสี่แฉกจัดการทะลวง void ดานหลัง ของ Drive CD-Rom ซะ ดูใน รูปดานบนละกันครับ อาจจะยับเยินนิดหนอย แตไมเปนไรครับ จัดการเอาน็อต สองตัวนี้ ออกใหไดกอนนะครับ อะไรๆจะไดงายขึ้น
เมื่อคุณสามารถจัดการกับน็อตเจาปญหาสองตัวดานหลังได แลว(ของผมนี่ขันไวแนน
263 สุดๆเลยครับ ตองออกแรงกันพอสมควร) ก็ใหจัดการถอดหนากาก CD-Rom ที่เปน พลาสติกออก อันนี้ไม ตองใชไขควงครับ เพราะเขาแคมีตําแหนงที่ยึดกันไวเฉยๆ แลวก็ อยาลืม ถอดหนากากที่ติดกับถาด CD-Rom ดวยนะครับ ดูในภาพดานบน เลยครับ จากนั้นก็คอยถอดฝาครอบ CD-Rom ออกมาใหหมดครับ ขั้นตอนนี้ของผมไมตองพึ่งไข ควงเลย ถาเสร็จแลวก็ไปตามขั้นตอนตอไป ไดเลยครับ
เอาละครับ ทีนี้มันก็จะโปอยางที่เห็นในภาพดานบน ใหจับตรงบริเวณ ตัวยึดแผน CD งางขึ้นแบบในรูปนะครับ จากนี้ใหเตรียมไขควง สองแฉกเบอรเล็กๆไวในมือไดแลวครับ เมื่องางขึ้นแลวก็ใหหาตําแหนง ของเลนซที่เอาไวอาน CD ใหดีนะครับ
เมื่อเจอตําแหนงของหัวอาน CD แลว ใหตรวจหาชิ้นสวนที่เปนโลหะสี ออกทองเหลือง รูปรางลักษณะจะเปนวงรีเล็ก ดูในรูปดานบนละกันครับ ตรง ตําแหนงที่ผมเอาไขควงชี้ไว ใหดูนั่นแหละครับ สําหรับตําแหนงที่นอนนั้น ผมไมคอยแนใจเทาไหรวา CD-Rom ทุก ยี่หอจะวางตําแหนง VR ไว ตําแหนงเดียวกันรึปลาว เทาที่ผมเคยแงะดูนอกจากของ Creative แลว ผมเคยดูของ LGs บางเหมือนกับ พบวาวางตําแหนงหัวปรับ VR ไวคนละ ตําแหนงกัน ยังไงก็คงตองหาดีๆหนอยนะครับ ทีนี้เมื่อทุกทานหาหัวปรับ VR เจอแลวก็ใหจัดการเอาไขควงอันจิ๋วของเรา จัดการหมุน หัวปรับ VR ไปตามเข็มนาฬิกาประกาณ 20-25 องศาครับ ไมตอ งหมุนหักโหมนะครับ นิดเดียวพอ รูปอาจจะมองไมคอยชัดนะครับ เพราะไอเจา VR นี้มันเล็กจิ๋วจริงๆ มุมกลองก็เลย คอนขางจํากัดครับ เอาเปนวาดูไวอางอิงตําแหนงหรือ รูปรางของหัวปรับ VR กับ Drive ของทานก็ไดครับ
264
เมื่อหมุนเรียบรอยแลวอยาเพิงประกอบกลับเขาไปนะครับ ใหลองใสแผน ทองหรือแผน อะไรก็ไดมี่เมื่อกอนมันไมสามารถอานได จากนั้นเสียบกลับ เขาไปทั้งโปๆอยางนั้นกอน เพื่อความแนใจ ถาเกิดวายังไมสามารถอานไดอีก ก็ใหเอาออกมาหมุนเพิ่มประมาณ 3-5 องศา จากนั้นลองดูอีกครั้งครับ
ถาอานไดก็แสดงวาสําเร็จแลว คุณอาจจะได CD-Rom ที่คุณคิดวา มันจากไปตลอดกาล กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง อยางนอยก็ใสไวฟงเพลง ละครับ ไมรูวาจเปลืองไฟรึปลาวนะ แตเจา CD-Rom ของผมทําแลว มันก็ OK ครับ แมวาจะสามารถอานแผนทองได ประมาณ 70% แตก็ ดีกวาสมัยกอนที่จะเอามาปรับหัว VR มากครับ เพราะกอนหนานั้น มัน ไมสามารถอานแผนทองไดเลย แตเทาที่ผมสังเกตุดู Drive CD-Rom ที่เอามาปรับ หัว VR นั้นจะใชเวลา seek แผนนานขึ้นกวากอนมากพอ สมควรเลยละครับ ถาเกิดทําตามขั้นตอนที่บอกมาแลวยังไมไดผลก็คงตองทําใจละครับ เพราะปจจัยที่ทํา ให CD-Rom เสียมันก็มีหลายสาเหตุ ที่จริงผมเองก็ ไมคอยจะรูอะไรเกี่ยวกับวิธีซอมมาก นัก เพราะผมเองก็ไมใชชางซะดวย ยังไง ถา Drive ยังอยูในประกันก็อยาเอามาเสี่ยง เลยครับ แนะนําวาใหสงราน เคลมดีที่สุด ปลอดภัยกวาครับ เพราะผมก็ไมการันตีวาทํา ตามวิธีนี้แลวจะ หายขาด 100% ก็หวังวาบทความนี้จะชวยใหหลายคนกระจางขึ้นนะครับวาไอเจา หัว VR ที่เคาวากันมัน อยูตรงไหน ถาจําไมผิดหนังสือคอมบางเลมก็ เคยลงเรื่องปรับหัง VR นี้บางเหมือนกัน แตไมไดลงรูปไวดวย หรือใครที่เคยแตไดยินเคาพูดกันแตตัวเองหาไมเจอหรือไมแนใจ ก็คงเอาไปทําตามไดไมยากนะครับ
265 การฟอรแมต ฮารดดิสก เพื่อเตรียมพื้นที่สําหรับติดตั้ง Windows ใหม การ ฟอรแมต ฮารดดิสก จะเปนขั้นตอนที่ตองทําตอจาก การจัดการแบงพารติชันของฮารดดิสก หรืออาจจะใชเมื่อ ตองการ ลบขอมูลทุก ๆ อยาง ที่มีอยูในฮารดดิสกออกทั้งหมด เชน ทําการฟอรแมตฮารดดิสก เพื่อจะทําการลง Windows ใหม เปนตนหลังจากที่ทําการจัดแบงพารติชัน โดยการทํา FDISK เสร็จแลว เราจะยังไมสามารถใชงาน Hard Disk นั้นไดในทันที โดยจะตองทําการ ฟอรแมตฮารดดิสกกอน ซึ่งก็จะมีวิธีการงาย ๆ คือใชคําสั่ง format ที่ อยูในแผน Windows 98 Startup Disk กอนอื่นมาดู คําสั่ง ในแบบตาง ๆ ที่นิยมใชกันกอน format c: แบบไมมีอะไรตอทาย คือการ format drive c: แบบมาตราฐานทั่วไป format c: /s คือการ format drive c: โดยจะทําระบบ system file ใหสามารถใชบูทเครื่องไดดวย format c: /q คือการ format drive c: แบบรวดเร็ว จะใชไดกับ Hard Disk ที่ format แลวเทานั้น format c: /c คือการ format drive c: โดยทําการตรวจสอบ bad sector ของฮารดดิสก ดวย format c: /u คือการ format drive c: โดยแบบนี้ จะไมสามารถทําการ unformat เพื่อกูขอมูลคืนมาได รูปแบบของคําสั่ง พอจะแบงออกไดคราว ๆ คือ format คือการเรียกคําสั่ง format นี้เพื่อเริ่มตนใชงาน c: หมายถึงชื่อของ drive ที่ตองการทําการ format โดยที่ในเครื่องคอมพิวเตอร อาจจะมีไดหลาย drive เชน c: d: e: หรือ f: ก็ได แลวแตวา จะมีการแบงพารติชันไวอยางไร ตรงนี้ตองระวัง ใสใหถูกตอง ไมเชนนั้น อาจจะทําให ขอมูลตาง ๆ หายไปหมดได /s หรือ /q หรือ /c หรือ /u เปนการกําหนดการทํางานของการ format เพิ่มเติมจากปกติ ตามรายละเอียดดานบน โดยอาจจะใสหรือไมตองใสก็ได ทั้งนี้การใชคําสั่งฟอรแมต แบบตาง ๆ อาจจะใชรวมกันก็ไดเชน format c: /s/q คือสั่งฟอรแมตแบบรวดเร็ว และทํา การสราง system file เพื่อใหสามารถใชบูทเครื่องไดดวย เปนตน วิธีการสั่งฟอรแม็ตฮารดดิสค เริ่มจากการบูทเครื่องคอมพิวเตอร โดยอาจจะใชการบูทจากแผน Windows Startup Disk แลวเลือกที่ขอ 1. จากเมนู หรือจะบูตเครื่องจากฮารดดิสก และสั่ง Shutdown โดยเลือกเขาที่ DOS Mode ก็ได จากนั้น พิมพคําสั่ง format ตามดวยคาพารามิเตอรดานบน และกด ENTER ครับ มาดูตัวอยางและหนาตาของการทําฟอรแมตฮารดดิสกตามรูปตอไป โดยรูปตัวอยางตอไปนี้ จะเปนการบูทเครื่อง จากแผน Windows Startup Disk และเลือกเขามาที่ DOS Prompt เขามาที่เมนูแรกหรือจะขึ้นเครื่องหมาย A:\> กอน จากนั้นพิมพคําสั่ง format c: /s (เปนการสั่งฟอรแม็ตโดยจะใส system file เพื่อใหใชบูทเครื่องไดดวย)
266
จากรูป เปนการสั่ง format c: /s เพื่อทําการฟอรแมตฮารดดิสก โดยกําหนดใหทําการสราง system file ดวยเพื่อให ฮารดดิสกนี้ ใชทําการบูทเครื่องได หลังจากสั่งฟอรแมตแลว จะมีการถามเพื่อยืนยันการฟอรแมตอีกครั้ง กด y และกด Enter เพื่อเริ่มตนการฟอรแมต รอสักพักอาจจะชาหรือเร็วขึ้นอยูกับขนาดและความเร็วของฮารดดิสก รอ จนเสร็จจะมีเมนูใหใสชื่อ Volume Label ก็ใสชื่อตามตองการ
หลังจากนั้น จะแสดงรายละเอียดตาง ๆ เทานี้เปนอันเสร็จขั้นตอนการฟอรแมต สามารถนําเอาฮารดดิสกนี้ไปใช งานไดทันที ในกรณีที่ไดทําการแบงฮารดดิสกออกเปนหลาย ๆ ไดรฟ ก็ตองทําการฟอรแมตทุก ๆ ไดรฟ จนครบ ตามตองการดวย
การวิเคราะหและแกปญหา คอมพิวเตอร
267 ในสวนของผูใชคอมพิวเตอรทั่วไป มักพบกับปญหาที่เกิดขึ้นกับเครื่องคอมพิวเตอรอยูบอยๆ สวนใหญ แลวตองทําการเรียกชางเทคนิคเพื่อทําการตรวจซอม ซึ่งถาหากวาในหนวยงานนั้น ไมมีชางเทคนิค หรือบุคคลที่ ทําจะการแกไขปญหานั้นๆ ได จําเปนตองใชบริการจากรานซอมทั่วไป ซึ่งตรงนั้นจะตองมีคาใชจายที่เพิ่มขึ้นมา เอกสารชุดนี้ เปนการรวบรวมปญหาที่เกิดขึ้นในระหวางการใชงานคอมพิวเตอร และแนวทางแกไข ปญหาเบื้องตนที่จะทําใหเครื่องคอมพิวเตอรสามารถทํางานตอไปได โดยไมจําเปนตองเสียคาใชจายในสวนของ ปญหาที่เกิดขึ้น เปนการประหยัดรายจายไดอีกทางหนึ่ง การรวบรวมปญหา จะเปนปญหาทั่วไปที่ไมเจาะลึกไปถึงทางดานเทคนิค เปนปญหาที่มักพบเสมอ สําหรับผูใชทั่วไป (ไมรวมถึงชางเทคนิค) ซึ่งเมื่อพบปญหาที่เกิดขึ้นจะตองใชเวลาในการตามชางเทคนิคใหมาทํา การแกไขให แมวาปญหานั้นอาจดูงายในสวนของชางเทคนิค แตผูใชทั่วไป มันเปนเรื่องใหญเสมอ แนวทางในการวิเคราะหและแกปญหาในเอกสารนี้ จะเปนแนวทางเบื้องตนสําหรับผูใชทั่วไป เปน แนวทางที่จะสามารถทําใหเครื่องคอมพิวเตอรทํางานเปนปกติในเบื้องตนกอนที่จะทําการแกไขปญหาที่เกิดขึ้น อยางตอเนื่องตอไป
การทํางานของระบบคอมพิวเตอร ในการที่จะทําการวิเคราะหและแกไขปญหาที่เกิดขึ้นกับเครื่องคอมพิวเตอร จําเปนที่ผูใชทั่วไปตอง ทราบถึงการทํางานของระบบคอมพิวเตอรกอน ตองทราบวาเครื่องคอมพิวเตอรเริ่มทํางานอยางไร เมื่อมีปญหา เกิดขึ้นก็จะสามารถที่จะวิเคราะหไดวาปญหาเกิดขึ้นที่สวนใด ทําใหการกําหนดสาเหตุไดแคบลงการแกปญหาก็ สามารถที่จะทําไดงาย
ขั้นตอนการเริ่มทํางานของระบบ คอมพิวเตอร ปญหาที่เกิดขึ้นกับเครื่องคอมพิวเตอร สามารถเกิดขึ้นไดทั้งในสวนของฮารดแวร และซอฟทแวร การที่ จะทําการแกไขปญหานั้นๆ ตองกระทําอยางเปนขั้นตอน โดยเรียงลําดับได ดังนี้
268 ทําการวิเคราะหวาปญหาเกิดที่สวนใด • ทําใหระบบตอบสนองการทํางานใหได • ทําใหเครื่องสามารถบูตระบบใหไดอีกครั้ง สวนมากแลวจะมุงไปที่สวนสุดทายซึ่งเปนสวนที่มีความสําคัญนอยที่สุด การวิเคราะหปญหา เปนสวนที่สําคัญที่จะทําใหเราทราบถึงปญหาที่เกิดขึ้นและทําการแกไขปญหาไดงายขึ้นโดยที่อาจไมกระทบไปถึง ขอมูลที่อยูภายในของเครื่องคอมพิวเตอร ทําใหสามารถที่จะรักษาขอมูลเดิมไวได กอนอื่นตองทําความเขาใจกอนวา เรากําลังพูดถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเครื่องคอมพิวเตอรที่เคย ทํางานไดดี แตมาถึงตอนนี้กลับทํางานไมไดทั้งที่กอนหนานั้นไมไดทําการเปลี่ยนแปลงใดๆ เลย (อาจมีผูใช มากกวาหนึ่งคน) •
ขั้นตอนการบูตเครื่องคอมพิวเตอร ถาเครื่องคอมพิวเตอรของเราอยูในสภาพที่ปกติจะมีขั้นตอนการทํางาน ดังนี้ 1. ฮารดแวรทํางาน และจัดการตามที่ระบุไวอยางถูกตอง 2. BIOS มีการโหลด MBR(Master Boot Record)และสงผานการควบคุมไปที่ MBR 3. MBR ทําการโหลด DBR(Dos Boot Record) และสงผานการควบคุมไปที่ DBR 4. DBR ทําการโหลดไฟลที่ซอนไว 5. ไฟลที่ซอนไวคือ IO.SYS ทํางานและทําการอาน CONFIG.SYS และไฟล MSDOS.SYS ทํางาน 6. โหลดไฟลคําสั่ง COMMAND.COM ของผูใชเครื่อง 7. มีการทํางานใน AUTOEXEC.BAT
การบูตขั้นที่ 1 : การตรวจสอบฮารดแวร ขั้นแรกจะมีการตรวจสอบฮารดแวรวาทํางานและมีการตอบสนองตอระบบอยางถูกตอง โดย Controller จะถามถึงฮารดแวรวาอยูที่นั่นหรือเปลา โดยการสั่งใหฮารดแวรทํางาน สําหรับฮารดดิสกแลว เครื่องจะสั่งใหทําการเลื่อนหัวอาน/บันทึก ไปที่ Cylinder 0 กอนแลวยายไปอยูที่ Cylinder สูงสุดแลว กลับมายัง Cylinder 0 อีกครั้ง การทํางานจะเปนไปตามนี้เมื่อมีการกําหนด คา Configuration อยางถูกตอง และสายตอตางๆ อยูใน ตําแหนงที่ถูกตองและแนนหนา รวมทั้งฮารดแวรตองทํางานอยางถูกตอง กรบูตขั้นที่ 2 : โหลด MBR และตรวจสอบความถูกตองของตารางพารติชั่น ถาการเซ็ตอัพฮารดแวรเปนไปอยางถูกตอง เครื่องจะปรากฏแสงที่ตําแหนงของฮารดแวรขึ้นมาในชวง สั้นๆ ในขณะที่ทําการบูตเครื่อง ในสวนของฮารดดิสกนั้นแสดงใหทราบวาระบบกําลังอาน MBR ซึ่งอยูที่ ตําแหนง head 0, cylinder 0, sector 1 ถาความพยายามในการอานไมไดผล ไดรวจะไมไดรับความสนใจ จากระบบ และอาจมีรายงานวา “Drive 0 failure” ทั้งนี้ขึ้นอยูกับ BIOS ของระบบที่ติดตั้งอยูในระบบเอง
269 MBR ประกอบดวยตารางพารติชันซึ่งนับวาเปนสวนที่สําคัญของฮารดดิสกซึ่งจะอธิบายวาฮารดดิสกมี
การแบงเนื้อที่อยางไรและโปรแกรมสั้นๆ สําหรับการตรวจสอบความถูกตองของตารางพารติชันนั้นดวย ถาตาราง พารติชันถูกตอง มันจะใชรายละเอียดในตารางพารติชันสําหรับคนหา และโหลด DBR จากพารติชันที่ทํางาน ในสวนของโปรแกรมสั้นๆ ที่อยูบน MBR มีหนาที่ 3 ประการดังนี้ 1. ตรวจสอบวาตารางพารติชันนั้นถูกตอง 2. คนหาพารติชันที่บูตได หรือทํางานบนไดรวได 3. โหลดเซกเตอรแรกของพารติชันนั้น ในกรณีที่เปนพารติชันของ DOS จะเรียกเซกเตอรแรกวา DBR(Dos Boot Record) การบูตขั้นที่ 3 : ตรวจสอบ (DBR)
ถาไมมีปญหาในสวนของ MBR ระบบจะทําการโหลดขอมูลที่เปนประโยชนสําหรับเซกเตอรที่ เรียกวา DBR เขาไปและทําให DBR ทํางานได ตารางพารติชันจําแนกตําแหนงของ DBR โดยการชี้ตําแหนงดังกลาว ระบบคอมพิวเตอรสวนมากจะ บรรจุ DBR ไวที่ตําแหนง cylinder 0, head 1, sector 1 เฉพาะกรณีที่ใชระบบปฏิบัติการตัวเดียว แตถา เปนแบบอื่นอาจไมเปนดังตัวอยาง
หนาที่ของ DBR มี 5 ประการดังนี้ 1. รีเซ็ตไดรวที่บูตได 2. โหลดเซกเตอรแรกของไดเร็คทอรีหลักเขาไวในหนวยความจํา 3. ตรวจสอบ 2 entries แรกวาเปนชื่อของไฟลที่ซอนอยู 4. โหลดไฟลที่ซอนอยูลงในหนวยความจํา 5. สงผานการควบคุมไปยังไฟลที่ซอนอยู DBR ไดบรรจุโครงสรางที่สําคัญของขอมูลที่เรียกวา BPB(The BIOS Parameter Block) เนื่องจาก DBR เปนเซกเตอรแรกในพารติชัน BPB จึงประกอบดวยขอมูลซึ่งอธิบายรายละเอียดของพารติชัน ให DOS รู การบูตขั้นที่ 4 : โหลดไฟลที่ซอนอยู DBR จะโหลดไฟลที่เปนหัวใจของระบบการทํางาน 2 ไฟลเขาไวในหนวยความจํา ซึ่งไดแกไฟล IO.SYS และ MSDOS.SYS ระบบจะไมบูตถาไฟลทั้งสองนี้ไมถูกตองหรือไมมีไฟลทั้งสองนี้อยู(ไมวาจะ เปนสาเหตุจากฮารดแวรหรือซอฟทแวรก็ตาม) การบูตขั้นที่ 5 : ตรวจสอบคําสั่ง CONFIG.SYS ระบบจะดําเนินการบูตตอไปโดยโหลดไฟลที่ซอนอยูไฟลแรก และใหมันทํางาน ซึ่งจะทําการโหลด คําสั่ง CONFIG.SYS แลวใหมีการทํางานตามคําสั่งนี้ คําสั่งใน CONFIG.SYS ที่สําคัญคือคําสั่ง “DEVICE=” ซึ่งใชในการโหลดดีไวซไดรเวอรที่จําเปนในการเขาสูไดรวตางๆ ที่ติดตั้งไว การบูตขั้นที่ 6 : ระบบจะทําการโหลด COMMAND.COM COMMAND.COM เปน User shell หมายความวามันเปนโปรแกรมที่ใชอานคําสั่งของ ผูใชเครื่อง และแปลคําสั่งนั้นไปสูระบบการทํางาน สําเนาของคําสั่ง COMMAND.COM ที่ไมถูกตองจะทํา ใหระบบไมสามารถบูตได การบูตขั้นที่ 7 : Autoexec.bat ทํางาน
270 Command.com จะเรียกคําสั่งตางๆ ใน Autoexec.bat ตามลําดับ ถาคําสั่งผิดปกติจะทําใหเสีย
ระบบการทํางานไปดวย จากขั้นตอนการบูตเครื่องจะเห็นวา ขั้นตอนที่ทําใหไมสามารถอานไดรวไดเลยคือขั้นที่ 1 และ ขั้นที่ 2 ซึ่งเปนขั้นตอนการตรวจสอบฮารดแวรและ MBR ในขั้นที่ 3 DBR จะมีความสําคัญมากขึ้นสําหรับ DOS เวอรชั่นหลังๆ และขั้นที่ 5 CONFIG.SYS มีความสําคัญสําหรับไดรวเพิ่มเติมเชน CD-ROM เปนตน
การวิเคราะหอาการและการแกปญหา เบื้องตน การวิเคราะหอาการและการแกปญหาที่เกิดขึ้นกับเครื่องคอมพิวเตอรนั้น จะตองเริ่มตนพิจารณาตั้งแต การเริ่มตนเปดเครื่องคอมพิวเตอรขึ้นมา เพื่อที่จะสามารถตรวจสอบไดวาปญหาเกิดขึ้นในชวงใดของการบูตระบบ โดยพิจารณาทีละขั้นตอน
การตรวจสอบฮารดแวร หลังจากเปดสวิทชใหระบบทํางาน CPU จะถูกรีเซ็ตใหไปอานขอมูลที่ BIOS เพื่อทําการตรวจสอบ ฮารดแวรที่เชื่อมตออยูภายในเครื่องคอมพิวเตอร BIOS : Basic Input Output System จะเปนตัวแรกที่ทํางานโดยจะเริ่มกระบวนการที่เรียกวา POST : Power On Self Test เพื่อทําการทดสอบระบบตางๆ ของคอมพิวเตอร โดยจะเช็คระบบตางๆ วา ทํางานเปนปกติหรือไม ในขั้นตอนนี้จะทําการติดตอกับหนวยความจํา ไดรว คียบอรด ฮารดดิสก จอภาพ และอุปกรณในสวน อื่นๆ ถาเกิดปญหาขึ้นมาในขั้นตอนนี้เครื่องจะทําการเตือนดวยขอความที่จอภาพ(กรณีที่ติดตอกับจอภาพได) แต ถาติดตอกับจอภาพไมไดเครื่องจะแจงเปนเสียงแทน
ขอความแสดงความผิดพลาด ขอความ CMOS BATTERY HAS FAIL CMOS CHECKSUM ERROR Disk Boot Failure, Insert System Disk and Press Enter FDD Controller Failure
ปญหา แบตเตอรี่แบกอัพ CMOS ออนกําลัง,แบตหมด ขอมูลภายใน CMOS ไมถูกตอง ซึ่งสวนใหญเกิดจากแบตเตอรี่ใกล หมด หรือมีการถอดแบตเตอรี่ออก BIOS ไมพบดิสกที่กําหนดใหใชสําหรับบูตระบบ หรือดิสกนั้นไมได ทําการติดตั้งระบบปฏิบัติการใดๆ ไว ระบบรีเซ็ตฟลอปปดิสกไมได อาจเนื่องจากการตั้งคาใน BIOS ไม ถูกตอง, สายเคเบิลหลุดหรือหลวม, หรือคอนโทรลเลอรเสีย
271 HDD Controller Failure KB/Interface Error Keyboard Error System Halted(Ctrl-AltDel) to Reboot
ระบบรีเซ็ตฮารดดิสกไมได อาจเนื่องจากการตั้งคาใน BIOS ไม ถูกตอง, สายเคเบิลหลุดหรือหลวม, หรือคอนโทรลเลอรเสีย หัวตอคียบอรดเสีย หรือหลุด/หลวม ไมไดติดตั้งคียบอรดหรือคียบอรดเสีย เกิดขอผิดพลาดบางประการขึ้น ซึ่งระบบจะพยายามแกปญหาโดยการ รีบูตเครื่องใหม
การ POST เสียงของ BIOS รหัสเสียงของ BIOS แตละยี่หออาจจะแตกตางกันไป แตสวนใหญรหัสเสียงจะใชสองลักษณะ คือ เสียงสั้น และเสียงยาว และใชทั้งสองแบบรวมกัน เพื่อใหไดความหมายที่มากพอ รหัสเสียง BIOS Award เสียง ความหมาย สั้น 1 ครั้ง POST ผาน ทุกอยางปกติ สั้น 2 ครั้ง POST ไมผาน มีปญหา ไมมีเสียง แหลงจายไฟ หรือเมนบอรดมีปญหา เสียงตอเนื่อง แหลงจายไฟ หรือเมนบอรดมีปญหา หรือหนวยความจํา RAM มีปญหา ยาว 1 สั้น 1 เมนบอรดมีปญหา ยาว1 สั้น 2 การดแสดงผลมีปญหา (MDA, CGA) ยาว 1 สั้น 3 การดแสดงผลมีปญหา (EGA) รหัสเสียง BIOS AMI เสียง สั้น 2 ครั้ง ไมมีเสียง เสียงตอเนื่อง ยาว1 สั้น 2 ยาว 1 สั้น 3 ยาว 1 ครั้ง
ความหมาย POST ไมผาน มีปญหา
แหลงจายไฟ หรือเมนบอรดมีปญหา แหลงจายไฟ หรือเมนบอรดมีปญหา หรือหนวยความจํา RAM มีปญหา การดแสดงผลมีปญหา (MDA, CGA) การดแสดงผลมีปญหา (EGA) การทดสอบเรียบรอย ไมมีปญหา
จากตารางรหัสตัวอยางเสียงของ BIOS ซึ่งเปน ยี่หอที่นิยมใชโดยทั่วไปในเครื่องที่เปนแบบ Home User สวนยี่หออื่นๆ เชน BIOS Phoenix จะมีใชในเครื่องประเภทแบรนดเนม เปนสวนใหญ ในสวนของ รหัสเสียงก็ใกลเคียงกัน ทั้งนี้ผูใช หรือผูดูแลระบบจะตองใชการสังเกตเอาเอง ********************************************************
การโหลด MBR และตรวจสอบความถูกตองของตารางพารติชัน
272 ขั้นตอนนี้จะกระทําตอเนื่องจากการตรวจสอบฮารดแวรเรียบรอยแลว มันจะทําการคนหาพารติชันที่บูต ไดของดิสกไดรว ในขั้นตอนการทํางานนี้ ถามีปญหาเกิดขึ้นจะมีขอความแสดงความผิดพลาดขึ้นมาขอความใด ขอความหนึ่งดังนี้ Invalid partition table, Error Loading Operating system หรือ Missing operating system การวิเคราะหใหดูตามผังการทํางานของ MBR โครงสรางของ MBR เปลี่ยนรหัส MBR จาก 0:7C00 ไปเปน อานตารางพารติชันแตละตารางเพื่อคนหาพารติชันที่บูต
พบ entries อื่นที่ไมใชไบตที่ 80 หรือ 00 ระบบแสดงขอความ Invalid partition คนพบ entry ที่บูตได Entry สําหรับตารางพารติชัน ทั้งหมดอยูในสภาพใชไดใชหรือไม
ไมมี entry สําหรับตารางพารติชัน ไมไดคนหาพารติชันที่บูตได ไปที่ ROM BIOS ไมใช
ระบบแสดงขอความ Invalid partition
ใช อาน Dos Boot Record ถึง ตําแหน งในหนวยความจํา การทํางานของ DBR
ไมสามารถอาน DBR
ความ Error หลังจากระบบทําการโหลด MBR เสร็จเรียบรอยแลว จะทํระบบแสดงข าการเรียกใหอDBR ทํางานเปนตัวถัดไป Loading การวิเคราะหปญหาในชวงการทํางานนี้สามารถวิเคราะหไดจากผังการทํ างาน Operating System โครงสรางของ DBR ตรวจดูวาไบตสุดทายของ DBR โหลดและทําการปรับปรุงตารางแสดงลักษณะเฉพาะดิสก ไมใช เปน AA55
ระบบแสดงขอความ Missing Operating System
ใช
รีเซ็ตไดรวที่บูตได
ทํางานโดยใช DBR
รีเซ็ตไดเรียบรอยหรือไม
ได คํานวณเซกเตอรจากไดเร็คทอรีแรกและเซกเตอร ของขอมูล จากนั้นอานเซกเตอรของไดเร็คทอรีแรก ไปที่ 0:500
ไมได
ขอความ Disk Boot
273
การทํางานของโปรแกรมระบบ ในขั้นตอนนี้เปนการทํางานที่เกิดขึ้นหลังจากการตรวจสอบฮารดแวรเรียบรอยแลว ถาเปนระบบ DOS จะมีการเรียกใชไฟล Config.sys เพื่อทําการโหลดดีไวซไดรเวอรของอุปกรณตางๆ ที่จําเปน หลังจากนั้นจึงทํา การเรียกใชไฟล Command.com เพื่อทําการติดตอกับผูใชงาน และสุดทายเปนการเรียกใชงาน Autoexec.bat ซึ่งเปนขั้นตอนเรียกใชโปรแกรมที่จําเปนสําหรับการเริ่มตนระบบ ตอไป สวนของ Windows’95/98 นั้น จะตางจาก DOS ตรงที่ไฟล Config.sys และ Autoexec.bat จะไมคอยมี ความสําคัญมากนัก แตจะเปนการเรียกใชงาน Windows Registry ซึ่งเปนสวนที่เก็บการเชื่อมตอกับอุปกรณ ตางๆ เขากับระบบไว ในขั้นตอนนี้ถามีปญหาจะพบกับขอความตอไปนี้ ขอความ ปญหาที่เกิด Bad or Missing ,Command ไฟล Command.com เสีย Interpreter Memory Allocation Error Cannot Load Command, System Halted Key_ Press any key to continues
Command.com ถูกทําลาย หรือมีโปรแกรมบางโปรแกรมพยามใช
หนวยความจําในตําแหนงที่สงวนไวสําหรับ Command.com เครื่องไมสามารถ โหลด Command.com ไดเนื่องจาก Bug ของ โปรแกรม หรือรุนของ Command.com ไมตรงกัน System file ของ Windows ถูกทําลาย ถาฟองไฟล XXX.Vxd จะเปนที่การติดตั้งระบบไมสมบูรณ ถาไม ฟองไฟล xxx.vxd มีปญหาที่ไฟล Autoexec.bat
จะเห็นไดวาปญหาที่เกิดจากการทํางานของระบบจะเกิดไดในทุกขั้นตอนการทํางาน โดยแตละสวน ปญหาที่เกิดขึ้นจะแตกตางกันไปโดยลักษณะของขอความที่ปรากฏจะเปนตัวบอกใหเราทราบวาปญหาที่เกิดขึ้น นั้นเกิดกับสวนใดของระบบนั่นเอง เมื่อใชแนวทางในเบื้องตนสําหรับการวิเคราะหถึงปญหาที่เกิดขึ้นแลว และทราบวาเกิดขึ้นกับสวนใด ของระบบ เราก็สามารถที่จะทําการแกไขไดงายขึ้นเนื่องจากเราไดกําหนดปญหาให แคบลง ทําใหการแกปญหาทําไดเร็วขึ้นดวย และเปนการแกไขปญหาไดอยางตรงจุด ***************************************************
274
แนวทางการแกปญหา ปญหาที่เกิดขึ้นกับเครื่องคอมพิวเตอร จะเปนตัวชี้ใหเห็นถึงตําแหนงที่บรรจุขอมูลสําคัญๆ ในเครื่อง คอมพิวเตอร และแตละสวนมีผลถึงกัน ถาสวนใดสวนหนึ่งถูกลบหรือเสียไป จะทําใหสวนอื่นๆ ไมสามารถที่จะ ทํางานตอไปได เชนถาหากตารางพารติชันเสียหาย เราก็จะไมอาจเขาสูระบบไดแมวาสวนที่เปน FAT จะยัง สมบูรณดีอยู
ตําแหนงขอมูลที่สําคัญในเครื่อง คอมพิวเตอร ขอมูล
ตําแหนงที่ตั้ง
การกําหนด บริษัทผูผลิต/ผูใช
POST(Power On Self Test)
ROM BIOS
ประเภทของฮารดดิสก
Controller บนเมนบอรด
กําหนด Configuration ของ ฮารดดิสก
Partition Record(MBR)
Head 0/Cylinder 0/Sector 1 บนฮารดดิสก
FDISK/ XFDISK
DOS Boot Record(DBR)
Sector แรกใน Partition
FORMAT
MBR เปนตัวชี้ตําแหนง FAT(File Allocation Table) Root Directory
IO.SYS/MSDOS.SYS CONFIG.SYS COMMAND.COM
AUTOEXEC.BAT
ขอมูลของผูใช
MBR เปนตัวชี้ตําแหนง
Format C: หรือ C:/S
บูตเรคคอรดของ DOS เปน Format C: หรือ Format C:/S ทางออม คือ DBR ชี้ตําแหนง FAT และกําหนดขนาดของ FAT และ Root Directory อยู ถัดจาก FAT Root Directory / FAT Format C:/S หรือ SYS C: Root Directory / FAT ใช ผูใชเครื่อง /การติดตั้ง Device โดย MSDOS.SYS Driver ใหกับอุปกรณตางๆ Root Directory /FAT ตัวชี้ Format C:/S หรือ SYS C: ปญหาคือ Bad or Missing Command Interpreter Root Directory/ Sub Directory FAT Root Directory/ Sub Directory FAT
ผูใชเครื่อง /การติดตั้ง Device Driver ใหกับอุปกรณตางๆ ผูใชเครื่อง
จากตาราง ทําใหเราทราบถึงตําแหนงของขอมูลแตละตัว และการกําหนดขอมูลแตละชุดแลว การ แกปญหาก็สามารถทําไดงายขึ้นเมื่อมีขอความแสดงความผิดพลาดในการทํางานของเครื่องคอมพิวเตอรขึ้นมา
275
การแกไขปญหาชวงตรวจสอบ ฮารดแวร ขอความ CMOS CHECKSUM ERROR
Disk Boot Failure, Insert System Disk and Press Enter
FDD/ HDD Controller Failure
KB/ Interface Error(Keyboard Error)
System Halted(Ctrl-Alt-Del) to Reboot
ปญหา/การแกไข ปญหา ขอมูลภายใน BIOS ไมถูกตอง สวนใหญเกิดจากแบ ตเตอรีออนกําลัง หรือมีการ Clear BIOS การแกไข เปลี่ยนแบตเตอรีใหม ทําการแกไขขอมูลใน BIOS ใหถูกตอง (ดูหัวขอการเซ็ตอัพ BIOS) ปญหา BIOS ไมพบดิสกที่กําหนดใหทําการบูตระบบ หรือดิสก นั้นไมไดทําการติดตั้งระบบปฏิบัติการใดๆ ไว สวนใหญจะเกิด จากการใสแผนดิสกไวในเครื่องขับ หรืออาจเกิดจากสายตอหลวม หรือหลุดก็เปนได การแกไข ตรวจสอบในเครื่องขับดิสกวามีแผนดิสกเก็ต อยูภายใน หรือไม/ เช็คสายตอภายในของดิสกวาแนนหรือไม/ บูตระบ บจากไดรว A: ใชคําสั่ง SYS C: หลังจากขึ้นขอความ System Transferred ถอดแผนดิสกออกจากเครื่องขับ บูต เครื่องใหมอีกครั้ง ปญหา ระบบทําการรีเซ็ต Floppy disk/ Hard Disk ไมได อาจเปนเพราะการตั้งคาใน BIOS ไมถูกตอง, คอนโทรลเลอร เสีย, แตสวนใหญแลวจะเกิดจากสายเคเบิลหลุดหรือหลวม การแกไข ตรวจสอบสายเคเบิลวาหลุดหรือหลวมหรือไม/ ตรวจสอบคาใน BIOS ใหถูกตอง ถาคอนโทรลเลอรเสียตองทํา การเปลี่ยนใหม ปญหา หัวตอคียบอรดหลุด/หลวม การแกไข ขยับหัวตอใหเขาที่/ ถอดหัวตอแลวใสกลับเขาไปใหม รีบูตระบบ ปญหา เกิดการผิดพลาดบางประการ ระบบจะพยายามแกปญหา โดยการบูตระบบใหม
การแกปญหาที่เกิดขึ้นจากการบูตระบบ ปญหา Chipset ที่ควบคุม Interrupt
เสีย ปญหาเกิดที่เมนบอรด Setup ชนิดของ HDD ใน BIOS ผิด
อาการ การแกไข นับ Memory เสร็จ แลว Hang ไป รีบูตเครือ่ งขึ้นมาใหมอีกครั้ง ถายัง เฉยๆ ไมมีขอความใดๆ ขึ้นมา เปนเหมือนเดิม ทําการตรวจเช็คที่ เมนบอรด นับ Memory เสร็จแลวขึ้นขอความ ตรวจเช็คชนิดของ HDD ใน Drive C: Failure หรือ Drive BIOS ที่หัวขอ STANDARD C: Error / PRIMARY IDE : กําหนด ชนิด HDD ใหถูกตอง ถามีหัวขอ
276 AUTO ใหกําหนดเปนหัวขอนี้ DOS Partition เสีย
Boot ที่ Drive A: แลวพิมพ C:
1. Boot ที่ Dive A: พิมพ
ไมขึ้นขอความ Invalid Drive
Sys C: รอจนขึ้นขอความ
Specification
System transferred แลวบูตที่ Drive C: อีกครั้ง ถายังบูตไมได 2. ใช Norton Utilities
หัวขอ Disk Tool ใชคําสั่ง Make Disk Bootable ทําตามขั้นตอน
HDD Track 0 เสีย
HDD Boot Record เสีย
ของโปรแกรม ถายังไมหาย 3. ทําการ Format Drive C: ใหมไดเลย 1. Boot ที่ Drive A: ใชคําสั่ง เลี่ยงไปบูตที่พารติชันแทนโดยการ กําหนดใหเปนสองพารติชัน แลว Sys C: แลวยังไมไดผล 2. ใช Norton NDD ตรวจดูแลว กําหนดใหพารติชันที่สองเปน DOS Partition ถาใช FDISK มี Bad Sector ที่ Track 0 3. Format C:/S ไมผาน แต กําหนดให Partition ที่สองเปน Active Format C: เฉยๆ ผาน 4. Format ดวย Low Level ของ Disk Manager ฟอง Track 0 เสีย 1. ขึ้นขอความ Disk Boot บูตที่ Drive A: พิมพ Sys C: Failure หรือ Hang ไปเฉยๆ รีบูตอีกครั้ง ถาไมหาย ใช 2. ขอความ Non-System Disk Disk tool ใน Norton เลือก or Disk Error
Make Disk Bootable
การแกปญหาที่เกิดจากโปรแกรม ปญหา Hang ที่ Config.Sys หรือ Autoexec.bat หรือที่โปรแกรม Driver
อาการ บูตระบบขึ้นมาแลวเขาไปที่ Safe Mode หรือมีขอ ความ Press any Key to Continues
การแกไข บูตเครื่องขึ้นมาใหม แลวกดปุม F8 เลือกหัวขอ Step by Step Confirmations เพื่อทําการ ตรวจสอบ Config.sys และ Autoexec.bat เพื่อตรวจดูวามี ปญหาที่จุดใดแลวทําการ Mark ไว จากนั้นเขาไปแกไขใน Edit
ไฟลระบบเสีย
ขึ้นขอความ Key_
Config.sys/ Autoexec.bat บูตที่ Drive A: พิมพ Sys C:
(IO.SYS/ MSDOS.SYS)
(WINDOWS’98)
แลวทําการบูตระบบขึ้นมาใหมใน
277
เครื่องไมสามารถโหลด Command.com ได เนื่องจาก Bug ของโปรแกรม หรือรุนของ Command.com ไมตรงกัน
ขึ้นขอความ Cannot Load Command, System Halted
กรณีนี้ถาระบบบูตไปที่ C:\> ตอง ทําการติดตั้ง(Setup)โปรแกรม ระบบลงไปใหม จึงจะใชงานได เช็คดูวาในฮารดดิสกมีไฟล Command.com หรือไม ถาไม มีใหทําการบูตจากไดรว A: แลว ใชคําสั่ง Sys C: บูตใหมอีกครั้ง ถาไมไดผลใหทําการตรวจเช็คที่ RAM
ไฟล Command.com ใน ฮารดดิสกไมมี อาจถูกลบหรือถูก ทําลายโดยไวรัสหรือสาเหตุอื่น ไฟล Command.com ถูก ทําลาย หรือมีโปรแกรมพยายามใช เนื้อที่ในหนวยความจําที่สงวนไว สําหรับ Command.com
ขึ้นขอความ Bad or Missing Command Interpreter
ขึ้นขอความ File Allocation Error
บูตระบบจาก Drive A: แลวใช คําสั่ง Sys C: แลวบูตระบบขึ้นมา อีกครั้ง ทําการบูตระบบขึ้นมาใหมโดยการ Reset ถาไมไดผล บูตระบบจากไดรว A: แลวใช คําสั่ง Sys C: Restart เครื่อง
การสราง ลบ หรือจัดแบง พารตช ิ น ั ของฮารดดิสก โดยใช fdisk การจัดพารติชน ั ของฮารดดิสก คือขั้นตอนของการ จัดรูปแบบการใชงานของ ฮารดดิสก กอนขั้นตอนการ ฟอรแมต โดยทีเ่ ราสามารถ ทําการแบง ฮารดดิสก ออกเปนขนาดตาง ๆ เพื่อกําหนดใหใชงานไดในแตละ Drive เพื่อความ เปนระเบียบของขอมูล เชน ฮารดดิสก ขนาดเต็ม 8 GB อาจจะทําการแบงออกเปน Drive C: ขนาด 3 GB เพื่อใช สําหรับลง Windows และซอฟตแวรตาง ๆ และทําการแบงเปน Drive D: อีกสวนหนึ่งโดยใหมข ี นาดเปน 5 GB เพื่อใชสําหรับเก็บขอมูลอื่น ๆ เปนตน ชนิดของพารติชน ั่ จะแบงออกตามชนิดของ FAT ตาง ๆ ไดดังนี้ • • •
FAT16 เปนการจัดพารติชน ั สําหรับ DOS, Windows 3.1 และ Windows 95 รุนแรก ๆ จะรองรับ ขนาดของพารตช ิ ันไดสูงสุดที่ 2 GB ตอ 1 พารตช ิ ั่นเทานัน ้ FAT32 เปนการจัดพารติชน ั สําหรับ Windows 95 OSR2 และ Windows 98 สามารถรองรับขนาด ของพารตช ิ ันไดจาก 512 KB ไปจนถึง 64 GB ตอ 1 พารติชน ั NTFS เปนการจัดพารติชน ั สําหรับ Windows NT
ั ก็ตองทําการสราง ดังนัน ้ หากจะทําการจัดแบงพารติชัน ใหใชงานฮารดดิสกที่ขนาดมากกวา 2 GB ตอ 1 พารติชน พารติชน ั แบบ FAT32 ซึ่งจะสามารถใชงานไดในระบบ Windows 95 OSR2 หรือ Windows 98 ขึ้นไปเทานัน ้ ซอฟตแวร ที่ใชสําหรับการจัดแบง พารติชน ั ของ ฮารดดิสก แบบงาย ๆ ก็คือโปรแกรม FDISK ที่มีมาใหกบ ั Windows 98 นั่นเอง โดยที่ตองอยาลืมวา การใช FDISK จาก Windows 98 จะสามารถสรางพารติชน ั แบบ FAT32 ได แตถาหากเปน FDISK ที่มากับ Windows 95 หรือของ DOS จะสามารถทําไดเฉพาะระบบ FAT16 เทานัน ้ ไมสามารถทําเปน FAT32 ได โดยปกติแลว ขัน ้ ตอนการจัดแบงพารตช ิ ันของฮารดดิสก ไมจําเปนตองทําบอยนัก จะทําในกรณีที่ตองการ เปลี่ยนแปลงรูปแบบ ชนิดของ FAT หรือกําหนดขนาดของพารตช ิ ันใหมเทานั้น ซึ่งขัน ้ ตอนการจัดพารตช ิ ันใหมนี้ ขอมูลทุกอยางทีเ่ ก็บอยูใน ฮารดดิสก จะหายไปทัง้ หมดดวย ดังนัน ้ ตองระวังหรือทําการเก็บสํารองขอมูลที่สําคัญเก็บ ไวกอน ในที่นจี้ ะยกตัวอยางของการจัดการ และการแบงพารตช ิ ันของฮารดดิสก โดยการใชคําสั่ง FDISK ที่มีมา กับ Windows เพื่อเปนการเตรียมฮารดดิสกกอนขั้นตอนการลง Windows ตอไป คําสั่ง FDISK จะสามารถหาไดจากแผน Windows 98 Start Up Disk ถาหากยังไมมี ตองทําการสรางแผน Windows 98 Startup Disk ขึ้นมากอน หลังจากนั้น จึงทําการบูทเครื่องคอมพิวเตอร โดยการบูทเครื่องจากแผน Windows 98 Startup Disk จากนัน ้ พิมพคําสั่ง fdisk แลวกด Enter
278
ถาฮารดดิสกมข ี นาดใหญมากกวา 512MB จะมีคําถามวาตองการสรางพารติชน ั ขนาดใหญหรือไม หรือเปนการ ถามวา ตองการใชงานแบบ FAT32 หรือไมนน ั่ เอง หากตอบ [N] ก็จะเปนการกําหนดใหใชงานแบบ FAT16 หรือ เหมือนกับการใช FDISK ของ DOS หรือ Windows 95 รุนเกาไป แตถาตองการแบงพารติชันแบบ FAT32 ก็ ใหกด [Y]
เมนูหลักสําหรับการใชงานแบบตาง ๆ โดยปกติแลวจะมีแค 4 รายการ แตถาหากมีการตอฮารดดิสกมากกวา 1 ตัว จะมีเมนูที่ 5 คือ Change current fixed disk drive สําหรับเลือกวาจะทํางานกับ ฮารดดิสก ตัวไหนใหเลือกดวย การแสดงขอมูลของ พารตช ิ ัน ตาง ๆ ทําโดยเลือกที่เมนู 4. Display partition information
279
เมนูของการแสดงพารตช ิ ัน (เลือกจากเมนู 4. จากเมนูหลัก) จะแสดงขอมูลตาง ๆ ของพารตช ิ ัน ในฮารดดิสก จะ เห็นรายละเอียดและการกําหนดรูปแบบการใชงานตาง ๆ รวมถึงการจัดแบงขนาดตาง ๆ ดวย ในกรณีทเี่ ปน ฮารดดิสก ที่ยงั ไมไดทําการจัดพารติชน ั ก็จะไมมข ี อมูลแสดงใหเห็น เราสามารถกดปุม ESC เพือ ่ กลับไปเมนูหลัก
เมนูของการลบพารติชน ั (เลือกเมนู 2. จากเมนูหลัก) จะมีเมนูใหเลือกรายการลบพารติชน ั ตาง ๆ ซึง่ ขออธิบาย ความหมายของแตละพารติชน ั ดังนี้ • • • •
Primary DOS Partition เปนพารติชน ั หลักของฮารดดิสก Extended DOS Partition เปนพารติชน ั ถัดไปของฮารดดิวก Logical DOS Drive(s) จะเปนการกําหนดขนาดตาง ๆ ที่อยูใน Extended DOS Partition อีกที ซึ่ง สามารถกําหนดการสรางไดหลาย ๆ Drive ตามตองการ Non-DOS Partition เปนพารติขันในระบบอื่น ๆ ที่ไมใชระบบของ DOS
ในการลบพารตช ิ ัน จะตองทําการลบโดยเรียงลําดับขอมูลดวย เชนตองลบ Logical DOS Drive ออกใหหมดกอน จึงจะลบ Extended DOS Partition ได และหลังจากนั้น จึงทําการลบ Primary DOS Partition ตามลําดับ ตอไป
280
หากทําการลบพารติชน ั ตาง ๆ ขอมูลทุกอยางที่เก็บอยูในพารติชน ั นั้น ๆ จะหายไปหมด ดังนัน ้ เมื่อจะทําการลบ พารติชน ั จะมีการถามยืนยันการลบ โดยใหใส Volume Label ของฮารดดิสกนน ั้ กอนดวย เพื่อเปนการปองกัน การลบขอมูล โดยไมไดตั้งใจหรือลบผิดพารติชน ั ดังนัน ้ หากจะทําขั้นตอนนี้ ตองใชความระมัดระวังและอาน รายละเอียดตาง ๆ ใหรอบคอบกอน
เมนูของการสรางพารตช ิ ัน (เลือกเมนู 1. จากเมนูหลัก) จะเปนการสรางพารติชน ั แบบตาง ๆ ซึง่ จะคลาย ๆ กับเมนู ของการลบพารติชัน คือจะมีการสราง Primary DOS Partion, Extended DOS Partition และการสราง Logical DOS Drive ใน Extended DOS Partition ปกติแลวก็จะสรางเรียงตามลําดับตามตองการ
281
กรณีทเี่ ลือกสราง Primary DOS Partition เปนอักแรก จะมีเมนูถามวา ตองการใชพน ื้ ที่ทั้งหมดในฮารดดิสก สําหรับทําเปน Primary DOS Partition หรือไม หากตองการใชพื้นทีท ่ ั้งหมดสรางเปน Drive เดียวก็เลือก [Y] แตถาหากตองการระบุขนาดตาง ๆ ของพารติชน ั ดวยตัวเอง ก็เลือกที่ [N] เพื่อกําหนดขนาดเอง
จากรูป ถาหากเลือกที่จะกําหนดขนาดของ Primary DOS Partition เองโดยเลือก [N] จากขัน ้ ตอนที่แลว จะมี เมนูใหใสขนาดของ Primary DOS Partition ตามตองการ โดยอาจจะใสเปนตัวเลขจํานวนของ MB หรือใสเปน ตัวเลขเปอรเซ็นตก็ได จากตัวอยางสมมติวากําหนดขนาดเปน 70% ของจํานวนฮารดดิสกทั้งหมด ก็ใส 70% แลว กด Enter
282
หลังจากนั้น ก็ทําการสราง Extended DOS Partiton จากสวนของพื้นที่ฮารดดิสกที่เหลือ โดยการเลือกเมนูที่ 2. Create Extended DOS Partition ทําการกําหนดขนาดของพืน ้ ที่ตามที่ตองการ จากตัวอยางคือจะใชพื้นที่ 30% ที่เหลือทั้งหมด โดยการกําหนดขนาดนี้อาจจะใสเปยตัวเลขจํานวน หรือใสเปนตัวเลขเปอรเซ็นต ก็ไดแลวกด Enter
หลังจากที่สราง Extended DOS Partition แลวจะมีการแสดงรายละเอียดของการแบงพารติชันตาง ๆ ใหดูตาม รูป
283
ในสวนของ Logical Drive จะเปนการสรางขึน ้ ภายในของ Extended DOS Partition อีกที ซึ่งการกําหนด ขนาดของพืน ้ ที่ฮารดดิสก ก็กําหนดขนาดตามตองการ หรือถาตองการแบงในสวนของ Extended DOS Partition ออกเปนหลาย ๆ Drive ก็สามารถทําการกําหนดแบงไดจากสวนของ Logical Drive นี้
หลังจากที่ทําการสรางและจัดแบงพารติชน ั ตาง ๆ เรียบรอยแลว เมือ ่ กลับมาที่เมนูหลัก จะมีคําเตือนวาไมมีการ กําหนดพารติชน ั ไหน active อยูเลย ตองทําการกําหนดพารติชน ั ทีส ่ รางขึ้นมาใหเปน active partition ดวย เพื่อใหสามารถใชบูทเครื่องได การกําหนดทําโดยการเลือกทีเ่ มนู 2. Set active partition
284
ใสหมายเลขของ Partition ที่ตองการใหเปน active partition และกด Enter
เมื่อเลือกที่เมนู 4. เพื่อดูรายละเอียดตาง ๆ ก็จะเห็นลักษณะการจัดและแบงพารตช ิ น ั ในฮารดดิสก รวมถึงพารตช ิ ัน ที่ตั้งใหเปน active partition ดวย
285
หลังจากที่ทําการกําหนดและแบง Partition ตาง ๆ เสร็จเรียบรอยแลว เมื่อออกจากโปรแกรม FDISK ก็จะมี ขอความเตือนวา ใหทําการ Restart เครื่องคอมพิวเตอรใหมกอน การจัดพารติชน ั ตาง ๆ จึงจะมีผลและทําการ format ฮารดดิสกตอไป
การจัดแบงพารติชันของ ฮารดดิสกนี้ โดยปกติแลว จะไมจําเปนตองทําทุกครั้งที่ลง Windows ใหม ซึ่งจะทําการจัดพารติชัน ก็ตอเมื่อตองการจัดแบงขนาดของ ฮารดดิสกใหม หรือตองการลบขอมูล ใหสะอาดจริง ๆ เนื่องจากเกิดการติดไวรัส เครื่องคอมพิวเตอร เทานั้น และอยาลืมวา การทํา FDISK นี้ขอมูลทุกอยางที่มีอยู ใน ฮารดดิสก จะหายไปทั้งหมดดวย จึงควรจะตองใชความระมัดระวัง ในการทํา ทุก ๆ ขั้นตอน
การสราง ลบ หรือจัดแบง พารติชันของฮารดดิสก โดยใช fdisk การจัดพารติชันของฮารดดิสก คือขั้นตอนของการ จัดรูปแบบการใชงานของ ฮารดดิสก กอนขั้นตอนการ ฟอรแมต โดยที่เราสามารถ ทําการแบง ฮารดดิสก ออกเปนขนาดตาง ๆ เพื่อกําหนดใหใชงานไดในแตละ Drive เพื่อความเปนระเบียบของขอมูล เชน ฮารดดิสก ขนาดเต็ม 8 GB อาจจะทําการแบงออกเปน Drive C: ขนาด 3 GB เพื่อใชสําหรับลง Windows และซอฟตแวรตาง ๆ และทําการแบงเปน Drive D: อีกสวนหนึ่งโดยใหมีขนาดเปน 5 GB เพื่อใชสําหรับเก็บขอมูลอื่น ๆ เปนตนชนิดของพารติชั่น จะแบงออกตามชนิดของ FAT ตาง ๆ ไดดังนี้FAT16 เปนการจัดพารติชันสําหรับ DOS, Windows 3.1 และ Windows 95 รุนแรก ๆ จะรองรับขนาดของพารติชันได สูงสุดที่ 2 GB ตอ 1 พารติชั่นเทานั้น FAT32 เปนการจัดพารติชันสําหรับ Windows 97 OSR2 และ Windows 98 สามารถรองรับขนาดของพารติชันไดจาก 512 KB ไปจนถึง 64 GB ตอ 1 พารติชัน NTFS เปนการจัดพารติชัน สําหรับ Windows NT ดังนั้น หากจะทําการจัดแบงพารติชัน ใหใชงานฮารดดิสกที่ขนาดมากกวา 2 GB ตอ 1 พารติชันก็ตองทําการสรางพารติชันแบบ FAT32 ซึ่งจะสามารถใชงานไดในระบบ Windows 95 OSR2 หรือ Windows 98 ขึ้นไปเทานั้น ซอฟตแวร ที่ใชสําหรับการจัดแบง พารติชันของ ฮารดดิสก แบบงาย ๆ ก็คือโปรแกรม FDISK ที่มีมาใหกับ Windows 98 นั่นเอง โดยที่ตองอยาลืมวา การใช FDISK จาก Windows 98 จะสามารถสราง พารติชันแบบ FAT32 ได แตถาหากเปน FDISK ที่มากับ Windows 95 หรือของ DOS จะสามารถทําไดเฉพาะ ระบบ FAT16 เทานั้นไมสามารถทําเปน FAT32 ไดโดยปกติแลว ขั้นตอนการจัดแบงพารติชันของฮารดดิสก ไม
286 จําเปนตองทําบอยนัก จะทําในกรณีที่ตองการ เปลี่ยนแปลงรูปแบบ ชนิดของ FAT หรือกําหนดขนาดของ พารติชันใหมเทานั้น ซึ่งขั้นตอนการจัดพารติชันใหมนี้ ขอมูลทุกอยางที่เก็บอยูใน ฮารดดิสก จะหายไปทั้งหมด ดวย ดังนั้นตองระวังหรือทําการเก็บสํารองขอมูลที่สําคัญเก็บไวกอน ในที่นี้จะยกตัวอยางของการจัดการ และการ แบงพารติชันของฮารดดิสก โดยการใชคําสั่ง FDISK ที่มีมากับ Windows เพื่อเปนการเตรียมฮารดดิสกกอน ขั้นตอนการลง Windows ตอไป หลักของการแบงพารติชั่นดวย FDISKกอนอื่น มาทําความเขาใจเรื่องของคําที่จะใช และหลักการแบงพารติชั่น ดวย FDISK กันกอนครับ โดยที่มีหลักการแบง เรียงตามลําดับ เพื่อใหเกิดความเขาใจแบบงาย ๆ และรวดเร็วดังนี้1. ขั้นแรก ตองสรางพารติชั่นที่เปน Primary DOS Partition กอน โดยถาหากจะแบงเปนไดรฟเดียว ก็เลือกตรงนี้ใหมี ขนาดเปน 100% ไดเลย แตถาหากตองการแบงใหเปนหลาย ๆ ไดรฟ ก็กําหนดขนาดไปตามตองการ 2. ตอไป ตองสราง Extended DOS Partition โดยกําหนดขนาดใหเทากับพื้นที่ ที่เหลือจากขอ 1. ครับ ตรงนี้จะยัง ไมใชไดรฟหรือพารติชั่นตัวที่สอง แตจะเปนการกําหนดพื้นที่สําหรับ พารติชั่นตัวที่สองหรือตัวถัดไปเทานั้น 3. ทําการสราง Logical DOS Drive(s) ขึ้นมาอีกครั้ง (ซึ่งจะใชพื้นที่ของ Extend DOS Partition ที่ไดสรางไวแลว) โดยที่ตรงนี้ จะกําหนดขนาดของพารติชั่นที่ตองการสําหรับไดรฟถัดไป เชนอาจจะกําหนด ใหใชพื้นที่ ที่เหลืออยู ทั้งหมด เปนอีกไดรฟหนึ่ง ก็เลือกขนาดเปน 100% แตถาหากตองการแบงยอยขนาดลงไป ก็ตองสราง Logical DOS Drive(s) ใหมีขนาดยอย ๆ ตามตองการยกตัวอยางละกัน สมมติวาฮารดดิสกขนาด 20G. ตองการแบงเปน 3 พารติชั่น โดยมีขนาดเปน 5+5+10 จากขอ 1. ก็ตองสราง Primary DOS Partition ขึ้นมาขนาด 5G. กอน แลวคอย สราง Extended DOS Partition ขนาด 15G. ที่เหลือ จากนั้นคอยทําการสรางเปน Logical DOS Drive(s) โดย กําหนดใหมีขนาด 5G. และ 10G. ตามลําดับครับ คําสั่ง FDISK จะสามารถหาไดจากแผน Windows 98 Start Up Disk ถาหากยังไมมี ตองทําการสรางแผน Windows 98 Startup Disk ขึ้นมากอน หลังจากนั้น จึงทําการบูทเครื่องคอมพิวเตอร โดยการบูทเครื่องจากแผน Windows 98 Startup Disk จากนั้น พิมพคําสั่ง fdisk แลวกด Enter
ถาฮารดดิสกมีขนาดใหญมากกวา 512MB จะมีคําถามวาตองการสรางพารติชันขนาดใหญหรือไม หรือเปนการ ถามวา ตองการใชงานแบบ FAT32 หรือไมนั่นเอง หากตอบ [N] ก็จะเปนการกําหนดใหใชงานแบบ FAT16 หรือ
287 เหมือนกับการใช FDISK ของ DOS หรือ Windows 95 รุนเกาไป แตถาตองการแบงพารติชันแบบ FAT32 ก็ใหกด [Y]
เมนูหลักสําหรับการใชงานแบบตาง ๆ โดยปกติแลวจะมีแค 4 รายการ แตถาหากมีการตอฮารดดิสกมากกวา 1 ตัว จะมีเมนูที่ 5 คือ Change current fixed disk drive สําหรับเลือกวาจะทํางานกับ ฮารดดิสก ตัวไหนใหเลือกดวย การ แสดงขอมูลของ พารติชัน ตาง ๆ ทําโดยเลือกที่เมนู 4. Display partition information
เมนูของการแสดงพารติชัน (เลือกจากเมนู 4. จากเมนูหลัก) จะแสดงขอมูลตาง ๆ ของพารติชัน ในฮารดดิสก จะ เห็นรายละเอียดและการกําหนดรูปแบบการใชงานตาง ๆ รวมถึงการจัดแบงขนาดตาง ๆ ดวย ในกรณีที่เปน ฮารดดิสก ที่ยังไมไดทําการจัดพารติชัน ก็จะไมมีขอมูลแสดงใหเห็น เราสามารถกดปุม ESC เพื่อกลับไปเมนูหลัก
288
เมนูของการลบพารติชัน (เลือกเมนู 2. จากเมนูหลัก) จะมีเมนูใหเลือกรายการลบพารติชันตาง ๆ ซึ่งขออธิบาย ความหมายของแตละพารติชัน ดังนี้ Primary DOS Partition เปนพารติชันหลักของฮารดดิสก Extended DOS Partition เปนพารติชันถัดไปของฮารดดิวก Logical DOS Drive(s) จะเปนการกําหนดขนาดตาง ๆ ที่อยูใน Extended DOS Partition อีกที ซึ่งสามารถ กําหนดการสรางไดหลาย ๆ Drive ตามตองการ Non-DOS Partition เปนพารติขันในระบบอื่น ๆ ที่ไมใชระบบของ DOS ในการลบพารติชัน จะตองทําการลบโดยเรียงลําดับขอมูลดวย เชนตองลบ Logical DOS Drive ออกใหหมดกอน จึงจะลบ Extended DOS Partition ได และหลังจากนั้น จึงทําการลบ Primary DOS Partition ตามลําดับตอไป
หากทําการลบพารติชันตาง ๆ ขอมูลทุกอยางที่เก็บอยูในพารติชันนั้น ๆ จะหายไปหมด ดังนั้นเมื่อจะทําการลบ
289 พารติชัน จะมีการถามยืนยันการลบ โดยใหใส Volume Label ของฮารดดิสกนั้นกอนดวย เพื่อเปนการปองกันการ ลบขอมูล โดยไมไดตั้งใจหรือลบผิดพารติชัน ดังนั้น หากจะทําขั้นตอนนี้ ตองใชความระมัดระวังและอาน รายละเอียดตาง ๆ ใหรอบคอบกอน
เมนูของการสรางพารติชัน (เลือกเมนู 1. จากเมนูหลัก) จะเปนการสรางพารติชันแบบตาง ๆ ซึ่งจะคลาย ๆ กับเมนู ของการลบพารติชัน คือจะมีการสราง Primary DOS Partion, Extended DOS Partition และการสราง Logical DOS Drive ใน Extended DOS Partition ปกติแลวก็จะสรางเรียงตามลําดับตามตองการ
กรณีที่เลือกสราง Primary DOS Partition เปนอักแรก จะมีเมนูถามวา ตองการใชพื้นที่ทั้งหมดในฮารดดิสก สําหรับทําเปน Primary DOS Partition หรือไม หากตองการใชพื้นที่ทั้งหมดสรางเปน Drive เดียวก็เลือก [Y] แต ถาหากตองการระบุขนาดตาง ๆ ของพารติชันดวยตัวเอง ก็เลือกที่ [N] เพื่อกําหนดขนาดเอง
290
จากรูป ถาหากเลือกที่จะกําหนดขนาดของ Primary DOS Partition เองโดยเลือก [N] จากขั้นตอนที่แลว จะมีเมนู ใหใสขนาดของ Primary DOS Partition ตามตองการ โดยอาจจะใสเปนตัวเลขจํานวนของ MB หรือใสเปนตัวเลข เปอรเซ็นตก็ได จากตัวอยางสมมติวากําหนดขนาดเปน 70% ของจํานวนฮารดดิสกทั้งหมด ก็ใส 70% แลวกด Enter
หลังจากนั้น ก็ทําการสราง Extended DOS Partiton จากสวนของพื้นที่ฮารดดิสกที่เหลือ โดยการเลือกเมนูที่ 2. Create Extended DOS Partition ทําการกําหนดขนาดของพื้นที่ตามที่ตองการ จากตัวอยางคือจะใชพื้นที่ 30% ที่ เหลือทั้งหมด โดยการกําหนดขนาดนี้อาจจะใสเปยตัวเลขจํานวน หรือใสเปนตัวเลขเปอรเซ็นต ก็ไดแลวกด Enter
291
หลังจากที่สราง Extended DOS Partition แลวจะมีการแสดงรายละเอียดของการแบงพารติชันตาง ๆ ใหดูตามรูป
ในสวนของ Logical Drive จะเปนการสรางขึ้นภายในของ Extended DOS Partition อีกที ซึ่งการกําหนดขนาด ของพื้นที่ฮารดดิสก ก็กําหนดขนาดตามตองการ หรือถาตองการแบงในสวนของ Extended DOS Partition ออกเปนหลาย ๆ Drive ก็สามารถทําการกําหนดแบงไดจากสวนของ Logical Drive นี้
292
หลังจากที่ทําการสรางและจัดแบงพารติชันตาง ๆ เรียบรอยแลว เมื่อกลับมาที่เมนูหลัก จะมีคําเตือนวาไมมีการ กําหนดพารติชันไหน active อยูเลย ตองทําการกําหนดพารติชันที่สรางขึ้นมาใหเปน active partition ดวยเพื่อให สามารถใชบูทเครื่องได การกําหนดทําโดยการเลือกที่เมนู 2. Set active partition
ใสหมายเลขของ Partition ที่ตองการใหเปน active partition และกด Enter
293
เมื่อเลือกที่เมนู 4. เพื่อดูรายละเอียดตาง ๆ ก็จะเห็นลักษณะการจัดและแบงพารติชันในฮารดดิสก รวมถึงพารติชัน ที่ตั้งใหเปน active partition ดวย
หลังจากที่ทําการกําหนดและแบง Partition ตาง ๆ เสร็จเรียบรอยแลว เมื่อออกจากโปรแกรม FDISK ก็จะมี ขอความเตือนวา ใหทําการ Restart เครื่องคอมพิวเตอรใหมกอน การจัดพารติชันตาง ๆ จึงจะมีผลและทําการ format ฮารดดิสกตอไป การจัดแบงพารติชันของ ฮารดดิสกนี้ โดยปกติแลว จะไมจําเปนตองทําทุกครั้งที่ลง Windows ใหม ซึ่งจะทําการจัดพารติชัน ก็ตอเมื่อตองการจัดแบงขนาดของ ฮารดดิสกใหม หรือตองการลบขอมูล ใหสะอาดจริง ๆ เนื่องจากเกิดการติดไวรัส เครื่องคอมพิวเตอร เทานั้น และอยาลืมวา การทํา FDISK นี้ขอมูลทุก อยางที่มีอยูใน ฮารดดิสก จะหายไปทั้งหมดดวย จึงควรจะตองใชความระมัดระวัง ในการทําทุก ๆ ขั้นตอน
การสรางแผน Startup Disk สําหรับใชบูทเครื่องคอมพิวเตอร จากแผนดิสก
294
แผน Windows 98 Startup Disk ก็คือแผนดิสก ใชสําหรับบูทเครื่อง โดยที่จะตองใชเมือ่ เกิด ปญหาตาง ๆ ขึ้นกับระบบ Windows และไมสามารถบูทเครื่องเขา Windows แบบปกติได โดยที่ ภายในแผนดิสกนี้ จะประกอบไปดวยระบบ DOS (ของ Windows) และไฟล Utilities ตาง ๆ ที่ จําเปนในการจัดการ และการฟอรแม็ต ฮารดดิสก รวมทัง้ โปรแกรมหรือคําสั่งของ DOS ตาง ๆ ใน สวนที่จําเปนตอการใชงาน โดยทั่วไป เรามักจะใชแผน Startup Disk สําหรับบูทเครื่อง เพื่อทําการจัด พารติชัน หรือ การ ฟอรแม็ต ฮารดดิสก ซึ่งโดยปกติ การใชงานเครื่องคอมพิวเตอร เราควรที่จะมีแผนดิสกนี้ไวสัก แผนนะครับ เผื่อไวใชยามฉุกเฉิน สวนวิธกี ารใชงานแผนดิสกนี้ หากเครื่องคอมพิวเตอร ที่ใชมีการ ตั้ง Boot Sequence ใหเลือกบูทจาก Drive A: กอนแลวคอยไปหา Harddisk ถาเราใสแผน Startup Disk ในชอง Floppy Disk Drive เครื่องก็จะเลือกบูทจากแผนดิสกนี้ แตถาหากตั้งให เครื่องบูท ระบบจาก ฮารดดิสกกอน เราตองไปเปลี่ยนใน bios ใหเปน Drive A: แทน จึงจะใชไดนะครับ ดู เรื่องการตั้ง bios จากหัวขอ การตั้งคาตาง ๆ ใน BIOS เพิม่ เติมนะครับ การสรางแผน Windows 98 Startup Disk สามารถทําโดยใชเครื่องมือที่อยูในระบบ Windows 98 ไดซึ่งแผน Startup Disk ที่ไดนี้ จะสามารถนํามาใชสําหรับการบูทเครื่องคอมพิวเตอร และภายในแผน จะมีชดุ คําสั่งตาง ๆ ที่จําเปนเบื้องตน และนอกจากนี้ ยังมีการติดตั้ง Driver ของ CD-ROM รวมอยูดวย ดังนัน้ จึงสามารถใชงาน CD-ROM Drive ไดทันทีโดยไมตองทําการตั้ง Driver ของ CD-ROM ตาง ๆ ใหยุงยาก วิธีการสรางแผน Windows 98 Startup Disk ถาหากระบบ Windows ของคุณติดตั้งจากแผน ซีดี ตองทําการใสแผนซีดีสาํ หรับติดตัง้ Windows เขาไปในเครื่องกอน แตถาหากเปนเครื่องที่ทํา การติดตั้งจากฮารดดิสกโดยตรงก็ไมจําเปนครับ
การสรางแผน Startup Disk เริ่มตนโดยการเลือกที่เมนู Start >> Settings >> Control Panel >> Add/Remove Programs เลือกที่ปาย Startup Disk ตามรูป
295
กดที่ปุม Create Disk เพื่อเริ่มตนการสรางแผน Startup Disk
ใสแผน Floppy Disk ในชอง Floppy Disk Drive และกดที่ปุม OK จากนั้นก็รอสักพัก เครื่องจะทํา การสรางและ ก็อปปไฟลตาง ๆ ที่จําเปนใสลงในแผน Floppy Disk เมื่อเสร็จแลวก็สามารถนําแผน Floppy Disk ที่ไดนี้ไปใชงานได โดยจะสามารถนําไปใชเปนแผนบูทเครื่องคอมพิวเตอรไดทันที การสรางแผน Startup Disk สําหรับใชบูทเครื่องคอมพิวเตอร จากแผนดิสก แผน Windows 98 Startup Disk ก็คือ แผนดิสก ใชสําหรับบูทเครื่อง โดยที่จะตองใชเมื่อเกิดปญหาตาง ๆ ขึ้นกับระบบ Windows และไมสามารถบูท เครื่องเขา Windows แบบปกติได โดยที่ภายในแผนดิสกนี้ จะประกอบไปดวยระบบ DOS (ของ Windows) และ ไฟล Utilities ตาง ๆ ที่จําเปนในการจัดการ และการฟอรแม็ต ฮารดดิสก รวมทั้งโปรแกรมหรือคําสั่งของ DOS ตาง ๆ ในสวนที่จําเปนตอการใชงานโดยทั่วไป เรามักจะใชแผน Startup Disk สําหรับบูทเครื่อง เพื่อทําการจัด พารติชัน หรือการ ฟอรแม็ต ฮารดดิสก ซึ่งโดยปกติ การใชงานเครื่องคอมพิวเตอร เราควรที่จะมีแผนดิสกนี้ไวสัก
296 แผนนะครับ เผื่อไวใชยามฉุกเฉิน สวนวิธีการใชงานแผนดิสกนี้ หากเครื่องคอมพิวเตอร ที่ใชมีการตั้ง Boot Sequence ใหเลือกบูทจาก Drive A: กอนแลวคอยไปหา Harddisk ถาเราใสแผน Startup Disk ในชอง Floppy Disk Drive เครื่องก็จะเลือกบูทจากแผนดิสกนี้ แตถาหากตั้งให เครื่องบูทระบบจาก ฮารดดิสกกอน เราตองไปเปลี่ยน ใน bios ใหเปน Drive A: แทน จึงจะใชไดนะครับ ดูเรื่องการตั้ง bios จากหัวขอ การตั้งคาตาง ๆ ใน BIOS เพิ่มเติม นะครับการสรางแผน Windows 98 Startup Disk สามารถทําโดยใชเครื่องมือที่อยูในระบบ Windows 98 ไดซึ่ง แผน Startup Disk ที่ไดนี้ จะสามารถนํามาใชสําหรับการบูทเครื่องคอมพิวเตอร และภายในแผน จะมีชุดคําสั่งตาง ๆ ที่จําเปนเบื้องตน และนอกจากนี้ ยังมีการติดตั้ง Driver ของ CD-ROM รวมอยูดวย ดังนั้น จึงสามารถใชงาน CD-ROM Drive ไดทันทีโดยไมตองทําการตั้ง Driver ของ CD-ROM ตาง ๆ ใหยุงยากวิธีการสรางแผน Windows 98 Startup Disk ถาหากระบบ Windows ของคุณติดตั้งจากแผนซีดี ตองทําการใสแผนซีดีสําหรับติดตั้ง Windows เขาไปในเครื่องกอน แตถาหากเปนเครื่องที่ทําการติดตั้งจากฮารดดิสกโดยตรงก็ไมจําเปนครับการสรางแผน Startup Disk เริ่มตนโดยการเลือกที่เมนู Start >> Settings >> Control Panel >> Add/Remove Programs เลือกที่ ปาย Startup Disk ตามรูป
กดที่ปุม Create Disk เพื่อเริ่มตนการสรางแผน Startup Disk
297
ใสแผน Floppy Disk ในชอง Floppy Disk Drive และกดที่ปุม OK จากนั้นก็รอสักพัก เครื่องจะทําการสรางและ ก็ อปปไฟลตาง ๆ ที่จําเปนใสลงในแผน Floppy Disk เมื่อเสร็จแลวก็สามารถนําแผน Floppy Disk ที่ไดนี้ไปใชงาน ได โดยจะสามารถนําไปใชเปนแผนบูทเครื่องคอมพิวเตอรไดทันที
นอกจากสัญญาณเสียง Beep Code ที่ไบออสจะคอยแจงใหเราทราบแลว หากมีความผิดพลาดเกิดขึ้นในขั้นตอน การ POST หรือมีความผิดพลาดของอุปกรณตัวใด แตในสวนของภาคการแสดงผลยังสามารถใชได ไบออสจะ รายงานขอความผิดพลาดนั้นออกมา ดังนั้นจึงจําเปนตองเขาใจความหมายเพื่อจะไดสามารถแกไข ปญหาไดอยาง ถูกตอง ดังตอไปนี้ การเสียจากการ Post ความหมาย 8024 Gate-A20 Error เกิดความผิดพลาดที่สัญญาณควบคุม A20 ที่ควบคุมโดยชิพ 8049 ที่คียบอรดเสีย ควรเปลี่ยนเมนบอรด Address time short เกิดความผิดพลาดในหนวยความจํา ทําใหเกิดความซ้ําซอนในการเขาถึงหนวยความจํา ควรเปลี่ยนหนวยความจํา Cache Memory Bad. Do not Enable Cache หนวยความจําแคชเสีย ควรปดการทํางานในสวนนี้ CMOS BATTERY HAS FAILED แบตเตอรี่ ที่จายใหกับ CMOS หมดควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม C: Drive Error ไมพบฮารดดิสก ควรตรวจเช็คการเชื่อมตอฮารดดิสก และตั้งคาไบออสใหม CMOS checkssum failure
298 ขอมูลที่เก็บภายใน CMOS ไมถูกตอง อาจเกิดจากแบตเตอรี่หมด ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม หากยังไมหายอาจตอง เปลี่ยนเมนบอรดใหม CMOS system options not set CMOS เก็บขอมูลไมอยู อาจเกิดจากแบตเตอรี่ออน หมดควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม หรือเปลี่ยนเมนบอรดใหม CMOS diskplay type mismatch คาการแสดงผลไมตรงกับที่กําหนดในไบออส ควรกําหนดคาการแสดงผลใหม CMOS memory size mismatch ขนาดของหนวยความจําเปลี่ยนไปจากที่กําหนดในไบออส อาจเกิดจากหนวยความจํา (แรม) บางสวนเสีย ควร เปลี่ยนแรม CMOS Time and Date Not Set คาวันและเวลาไมถูกตอง อาจเกิดจาก RTC (Real Time Clock) เสียหรือกําหนดคาไมถูกตอง ควรกําหนดคา ใหม DiSK BOOT FAILURE INSERT SYSTEM DISK AND PRESS ENTER สามารถบูตระบบปฎิบัติการได ใหเปลี่ยนไดรฟใหม
ไบออสไมพบไดรฟที่
DISK DRIVES OR TYPE MISMATCH ERROR-RUN กําหนดชนิดของดิสกไดรฟไมตรงกับอุปกรณ ควรกําหนดใหมใหตรงกับอุปกรณที่ติดตั้ง iskette Boot Failure ไบออสไมสามารถบูตระบบปฎิบัติการได อาจเกิดจากไดรฟหรือแผนดิสกไมมีระบบปฎิบัติการอยู
ความรูเรื่อง Hard Disk ลักษณะทั่วไป
ระบบฮารดดิสคแตกตางกับแผนดิสเกตต ซึ่งโดยทั่วไปแลวจะมีจํานวนหนาสําหรับเก็บบันทึก
299 ขอมูลมากกวาสองหนา นอกจากระบบฮารดดิสคจะเก็บบันทึกขอมูลเหมือนแผนดิสเกตตยังเปนสวน ที่ใชในการอานหรือเขียนบันทึกขอมูลเหมือนชองดิสคไดรฟ แผนจานแมเหล็กของฮารดดิสค จะมีความหนาแนนของการจุขอมูลบนผิวหนาไดสูงกวาแผน ดิส เกตตมาก เชน แผนดิสเกตตมาตราฐานขนาด 5.25 นิ้ว ความจุ 360 กิโลไบต จะมีจํานวนวงรอบ บันทึกขอมูลหรือเรียกวา แทร็ก(track) อยู 40 แทร็ก กรณีของฮารดดิสคขนาดเดียวกันจะมีจํานวน วงรอบสูงมากกวา 1000 แทร็กขึ้นไป ขณะเดียวกันความจุในแตละแทร็กของฮารดดิสคก็จะสูงกวา ซึ่งประมาณไดถึง 5 เทาของความจุในแตละแทร็กของแผนดิสเกตต เนื่องจากความหนาแนนของการบันทึกขอมูลบนผิวแผนจานแมเหล็กของฮารดดิสคสูงมาก ๆ ทํา ใหหัวอานและเขียนบันทึกมีขนาดเล็ก ตําแหนงของหัวอานและเขียนบันทึกก็ตองอยูในตําแหนง ที่ ใกลชิดกับผิวหนาจานมาก โอกาสที่ผิวหนาและหัวอานเขียนอาจกระทบกันได ดังนั้นแผนจานแม เหล็กจึงควรเปนแผนอะลูมิเนียมแข็ง แลวฉาบดวยสารแมเหล็ก ฮารดดิสคจะบรรจุอยูในกลองโลหะปดสนิท เพื่อปองสิ่งสกปรกหลุดเขาไปภายใน ซึ่งถาตอง การ เปดออกจะตองเปดในหองเรียก clean room ที่มีการกรองฝุนละออกจากอากาศเขาไปในหอง ออก แลว ฮารดดิสคที่นิยมใชในปจจุบันเปนแบบติดภายในเครื่องไมเคลื่อนยายเหมือนแผนดิสเกตต ดิสค ประเภทนี้อาจเรียกวา ดิสควินเชสเตอร(Winchester Disk) ฮารดดิสคสวนใหญจะประกอบดวยแผนจานแมเหล็ก(platters) สองแผนหรือมากกวามาจัด เรียง อยูบนแกนเดียวกันเรียก Spindle ทําใหแผนแมเหล็กหมุนไปพรอม ๆ กัน จากการขับเคลื่อน ของ มอเตอรดวยความเร็ว 3600 รอบตอนาที แตละหนาของแผนจานจะมีหัวอานเขียนประจําเฉพาะ โดย หัวอานเขียนทุกหัวจะเชื่อมติดกันคลายหวี สามารถเคลื่อนเขาออกระหวางแทร็กตาง ๆ อยางรวดเร็ว
จากรูปเปนภาพตัดขวางของฮารดดิสคแสดงแผนจาน แกนหมุน Spindle หัวอานเขียน และกาน หัวอานเขียน
300
จากรูปแสดงฮารดดิสคที่มีแผนจาน 2 แผน พรอมการกํากับชื่อแผนและหนาของดิสค ผิวของ แผนจานกับหัวอานเขียนจะอยูเกือบชิดติดกัน คือหางกันเพียงหนึ่งในแสนของนิ้ว และระยะหางนี้ ใน ระหวางแทร็กตาง ๆ ควรสม่ําเสมอเทากัน ซึ่งกลไกของเครื่องและการประกอบฮารดดิสคตอง ละเอียดแมนยํามาก การหมุนอยางรวดเร็วของแผนจาน ทําใหหัวอานเขียนแยกหางจากผิวจาน ดวย แรงลมหมุนของจาน แตถาแผนจานไมไดหมุนหรือปดเครื่อง หัวอานเขียนจะเลื่อนลงชิดกับ แผนจาน ดังนั้นเวลาเลิกจากการใชงานเรานิยมเลื่อนหัวอานเขียนไปยังบริเวณที่ไมไดใชเก็บขอมูล ที่เรียกวา Landing Zone เพื่อวาถาเกิดการกระแทรกของหัวอานเขียนและผิวหนาแผนจานก็จะไมมีผลตอ ขอมูลที่เก็บไว ฮารดดิกสเปนอุปกรณที่รวมเอาองคประกอบ ทั้งกลไกการทํางาน และอุปกรณอิเล็กทรอนิกส เขา ไวดวยกัน แมวาฮารดดิสก นั้นจะไดชื่อวาเปนอุปกรณที่มีความซับซอนที่สด ุ ในดานอุปกรณที่มีการ เคลื่อนไหว แตในความเปนจริงแลวการอธิบายการทํางาน ของฮารดดิสกนั้นถือวาไดงาย ภายใน ฮารดดิสกนั้นจะมีแผน Aluminum Alloy Platter หลายแผนหมุนอยูดวยความเร็วสูง โดยจะมีจํานวน แผนขึ้นอยูกับแตละรุนแตละยี่หอตางกันไป เมื่อผูใช พิมพคําสัง่ ใหคอมพิวเตอรทํางาน แขนกลของ ฮารดดิสก จะรอบรับคําสัง่ และเคลื่อนที่ ไปยังสวนที่ถูกตองของ Platter เมื่อถึงที่หมายก็จะทําการ อานขอมูลลงบนแผนดิสกนั้น หัวอานจะอานขอมูลแลวสงไปยัง ซีพียู จากนั้น ไมนานขอมูลที่ตองการ ก็จะปรากฏ การทํางานเขียนอานขอมูลของฮารดดิกส จะมีการทํางาน คลายกับการทํางาน ของของ เทปคาสเซ็ท แพล็ตเตอรของฮารดดิสก นั้นจะเคลือบไปดวยวัตถุจําพวกแมเหล็ก ที่มีขนาดความหนา เพียง 2-3 ในลานสวนของนิ้ว แตจะตางจากเทปทั่วไปคือ ฮารดดิสกนั้นจะใชหัวอานเพียง หัวเดียวใน การทํางาน ทั้งอาน และเขียนขอมูลบนฮารดดิกส สวนเขียนขอมูลลงบนฮารดดิสกนั้นหัวอานจะได รับกระแสไฟฟาผานเขาสู คอยลของหัวอาน เพื่อสรางรูปแบบแมเหล็กบนสื่อ ที่เคลือบอยูบนแพล็ต เตอรซึ่งเทา กับเปนการเขียนขอมูลลงบน ฮารดดิสก การอานนั้น ก็จะเปนการแปลงสัญญาณรูปแบบ แมเหล็กที่ไดบันทึก อยูบนฮารดิสกกลับแลวเพิ่ม สัญญาณและทําการ ประมวลผล ใหกลับมาเปน ขอมูลอีกครั้งอีก จุดที่แตกตาง กันของการเก็บขอมูลระหวาง ออดิโอเทปกับฮารดดิสกนั้นก็ คือเทปจะเก็บขอมูล ในรูปแบบของ สัญญาณ อนาล็อก แตสําหรับฮารดดิสกนั้นจะ เก็บในรูป สัญญาณ ดิจิตอลโดยจะเก็บ เปนเลขฐานสองคือ 0 และ 1 ฮารดดิสก จะเก็บขอมูลไวใน Track หรือ เสนวงกลม โดยจะเริ่มเก็บ ขอมูลที่ดานนอกสุด ของฮารดดิสกกอน จากนั้นจึงไลเขามาดานในสุด โดยฮารดดิสก จะเปนอุปกรณ ที่สามารถสุมเขาถึงขอมูลได คือการที่หัวอาน สามารถเคลื่อนที่ ไปอานขอมูลบนจุดใดของ ฮารดดิสกก็ได ไมเหมือนกับเทปเพลงที่หากจะตองการฟงเพลง ถัดไปเราก็ตองกรอเทป ไปยัง จุดเริ่มตนของเพลงนั้น หัวอานของฮารดดิสก นั้นสามารถบินอยูเหนือพื้นที่จัดเก็บ ขอมูลทันทีที่ไดรับ ตําแหนงมาจากซีพียู ซึ่งการเขา ถึงขอมูลแบบสุมนี้เปนเหตุผลสําคัญ ที่ทําใหฮารดดิสก สามารถ แทนที่เทปในการเก็บขอมูลหลักของคอมพิวเตอร ฮารดดิสกนน ั้ สามารถ เก็บขอมูลไดทั้ง 2 ดานของ แพล็ตเตอร ถาหัวอานเขียนนั้นอยูทั้ง 2 ดาน ดังนั้นฮารดดิสกที่ มีแพล็ตเตอร 2 แผนนั้นสามารถมี พื้นที่ในการ เก็บขอมูลไดถึง 4 ดาน และมีหัวอานเขียน 4 หัวการเคลื่อนที่ของ หัวอานเขียนนี้จะมีการ เคลื่อนที่ไปพรอม ๆ กันโดยจะมีการเคลื่อนที่ที่ตรงกัน Track วงกลมนั้นจะถูกแบงออก เปนหนวย ยอย ๆ เรียกวา Sector การเขียนขอมูลลงบนฮารดดิสกนั้นจะเริ่มเขียนจากรอบนอกสุด ของฮารดดิสก กอน จากนั้นเมื่อขอมูลใน Track นอกสุดถูกเขียนจนเต็มหัวอานก็จะเคลื่อนมายังแทร็กถัดมา ที่วาง
301 แลวทําการเขียน ขอมูลตอไป ซึ่งก็ดวยวิธีการนี้ทําใหประสิทธิภาพการทํางานสูงเปนอยางมากเพราะ หัวอานเขียนสามารถบันทึกขอ มูลไดมากกวา ในตําแหนงหนึ่งกอนที่จะเคลื่อนที่ไปยังแทร็คถัดไป ตัวอยางเชน ถาเรามีฮารดดิสกแบบ 4 แพล็ตเตอรอยูและหัวอานเขียนอยูที่แทร็ค 15 ไดรฟจะ เขียนขอมูลลงในแทร็ค 15 บนทั้ง 2 ดานของ แพล็ตเตอร ทั้ง 4 จนเต็มจากนั้นจึงเคลื่อนเขาไปหาที่ แทร็ค 16 ตอไป การหมุนของแพล็ตเตอรนั้นนับไดวา เร็วมาก ความเร็วต่ํา สุดก็เทากับ 3,600 รอบ ตอนาที และปจจุบันสูงสุดนับหมื่นรอบ ซึ่งเปนการทํางานที่เร็วกวา ฟล็อบปดิสกหรือเทปมาก ดวย ความเร็วขนาดนี้ทําใหหัวอานเขียนขนาดเล็กสามารถลอยหรือบินอยูเหนือพื้น ผิวไดหัวอานเขียนนั้น ไดรับการ ออกแบบใหบินอยูเหนือแผนแพล็ตเตอรที่กําลังหมุนอยูดวยความเร็วสูงนี้ ในความสูงเพียง 3 ลานสวนของนิ้ว ซึ่ง เทากับวาระยะหางระหวางหัวอานเขียนและแพล็ตเตอรนั้นมีขนาดเล็ก กวาเสน ผมของคนเราหรือแมกระทั่งฝุนมาก หากเกิดการกระแทก อยางรุนแรงขึ้นกับฮารดดิสกจนทําให หัวอานเขียนสัมผัสกับแผนแพล็ตเตอรก็จะทําใหพื้นผิว หรือหัวอานเขียน เกิดการเสียหาย ซึ่งสงผล ใหเกิด ปญหาขอมูลเสียหาย หรือถาโชครายก็คือฮารดดิสกพงั อยางแกไข ไมได อยางไรก็ตาม ปญหานี้มักจะไมเกิด กับฮารดดิสกในปจจุบัน ทั้งนี้เพราะฮารดดิสกในปจจุบันมีเทคโนโลยีการ ผลิตที่ สูงขึ้นและไดรับการปองกัน เปนอยางดีโดยถูกสราง ใหสามารถ รับแรงกระแทกไดสูงถึง 70-100 เทา ของ แรงดึงดูด (70-100G) การจัดเรียงขอมูลบนฮารดดิสก การจัดเรียงขอมูลบนฮารดดิสกนั้นมีลักษณะเดียวกับแผนที่ ขอมูลจะถูกจักเก็บไวในแทร็คบน แพล็ตเตอร ดิสกไดรฟทั่ว ๆ ไปจะมีแทร็คประมาณ 2,000 แทร็คตอนิ้ว (TPI) Cylinder จะหมายถึง กลุมของ Track ที่อยู บริเวณหัวอานเขียนบนทุก ๆ แพล็ตเตอร ในการเขาอานขอมูลนั้นแตละแทร็ค จะถูกแบงออกเปนหนวยยอย ๆ เรียกวา Sector กระบวนการในการจัดการดิสก ใหมีแทร็ค และ เซกเตอรเรียกวา การฟอรแมต ฮารดดิสก ในปจบันสวนใหญจะไดรับการฟอรแมตมาจากโรงงาน เรียบรอยแลว ในเครื่องคอมพิวเตอร โดยปกติ เซกเตอร จะมีขนาด เทากับ 512 ไบต คอมพิวเตอรจะ ใชขอมูลที่ไดรับการฟอรแมตนี้ เหมือนกับที่นักทองเที่ยวใชแผนที่ ในการเดินทาง คือใชระบุวาขอมูล ใดอยูที่ตําแหนงใดบนฮารดดิสก ดังนั้นหากฮารดดิสก ไมไดรบ ั การฟอรแมต เครื่องคอมพิวเตอร จะก็ ไมรูวาขอมูลถูกเก็บไวที่ใด และจะนําขอมูลมาไดจากที่ไหนในการออกแบบฮารดดิสก แบบเกานั้น จํานวน เซกเตอรตอแทร็กจะถูกกําหนดตายตัว เนื่องจากพื้นที่แทร็คบริเวณขอบนอกนั้นมีขนาด ใหญ กวาบริเวณขอบใน ของฮารดดิสก ดังนั้นพื้นที่สิ้นเปลืองของแทร็คดานนอกจึงมีมากกวา แตใน ปจจุบัน ไดมีการใชเทคนิคการฟอรแมต รูปแบบใหมที่ เรียกวา Multiple Zone Recording เพื่อบีบ ขอมูลไดมากขึ้น ในการนํามาจัดเก็บบนฮารดดิสกได Multiple Zone Recording จะอนุญาตใหพื้นที่ แทร็คดานนอก สามารถ ปรับจํานวนคลัสเตอรไดทําใหพื้นที่แทร็ค ดานนอกสุดมีจํานวนเซกเตอรมาก วา ดานในและดวยการแบงใหพื้น ที่แทร็คดานนอกสุดมีจํานวนเซกเตอรมากวาดานในนี้ ขอมูล สามารถจัดเก็บไดตลอดทั้งฮารดดิสก ทําใหมีการใชเนื้อที่บนแพล็ตเตอรไดอยางคุมคา และเปนการ เพิ่มความจุโดย ใชจํานวนแพล็ตเตอรนอยลงจํานวนของเซกเตอรตอแทร็ค ในดิสกขนาด 3.5 นิ้ว แบบปกติจะมีอยู ประมาณ 60 ถึง 120 เซกเตอรภายใตการจัดเก็บแบบ Multiple Zone Recording การทํางานของหัวอานเขียน หัวอานเขียนของฮารดดิสกนับเปนชิ้นสวนที่มีราคาแพงที่สุด และลักษณะของมัน ก็มีผลกระทบ อยางยิ่งกับ ประสิทธิภาพ ของฮารดดิสกโดยรวม หัวอานเขียนจะเปนอุปกรณแมเหล็ก มีรูปรางคลาย ๆ ตัว “C” โดยมีชอง วางอยูเล็กนอย โดยจะมีเสนคอยล พันอยูรอบหัวอานเขียนนี้เพื่อสราง สนามแมเหล็กไฟฟา การเขียนขอมูล จะใช วิธีการสงกระแสไฟฟาผานคอยล ทําใหเกิดความ เปลี่ยนแปลง ของสนามแมเหล็กซึ่งจะสงผลใหเกิด ความเปลี่ยนแปลงที่แพล็ตเตอร สวนการอาน ขอมูลนั้น จะรับคาความเปลี่ยนแปลง ของสนามแมเหล็กผาน คอยลที่อยูที่หัวอาน เขียนแลวแปลง คาที่ไดเปน สัญญาณสงไปยังซีพียู ตอไปเมื่อเทคโนโลยีพัฒนาไปความ หนาแนนของขอมูลก็ยิ่ง เพิ่มขึ้นในขณะที่เนื้อที่สําหรับเก็บขอมูลก็จะลดขนาดลง ขนาดบิตของขอมูลที่เล็กนี้ ทําใหสัญญาณ ที่เกิดขึ้นแลว สงไปยังหัวอานนั้นออนลง และอานไดยากขึ้น ดวเหตุนี้ทางผูพัฒนาจึงจําเปน ตองวาง หัวอานใหกับสื่อมากขึ้นเพื่อ ลดการสูญเสียสัญญาณ จากเดิมในป 1973 ที่หัวอานเขียนบินอยูหางสื่อ
302 ประมาณ 17 microinch (ลานสวนของนิ้ว) มาในปจจุบันนี้หัวอานเขียน บินอยูเหนือแผนแพล็ตเตอร เพียง 3 microinch เทานั้น เหมือนกับการนําเครื่องบิน โบอิ้ง 747 มาบินดวยความเร็วสูงสุด โดยให บินหางพื้นเพียง 1 ฟุต แตที่สําคัญก็คือหัวอานเขียนนั้นไมเคยสัมผัส กับแผนแพล็ตเตอร ที่กําลัง หมุนอยูเลยเมื่อเครื่อง คอมพิวเตอรถูกปด ฮารดดิสกจะหยุดหมุนแลวหัวอานเขียนจะ เคลื่อนที่ไปยัง พื้นที่ที่ปลอดภัย และหยุดอยูตรงนั้น ซึ่งแยกอยูตางหากจากพื้นที่ที่ใชเก็บขอมูล Seek Time คือระยะเวลาที่แขนยืดหัวอานเขียนฮารดดิสก เคลื่อนยายหัวอานเขียนไประหวางแทร็คของขอมูล บนฮารดดิสก ซึ่งในปจจุบันฮารดดิสก จะมีแทร็คขอมูลอยูประมาณ 3,000 แทร็คในแตละดานของ แพล็ตเตอร ขนาด 3.5 นิ้ว ความสามารถในการเคลื่อนที่ จากแทร็คที่อยูไปยังขอมูลในบิตตอ ๆ ไป อาจเปนการยายตําแหนงไปเพียง อีกแทร็คเดียวหรืออาจยายตําแหนงไปมากกวา 2,999 แทร็คก็ เปนได Seek time จะวัดโดยใชหนวยเวลาเปน มิลลิเซก (ms) คาของ Seek time ของการยาย ตําแหนงของแขนยึดหัวอานเขียน ไปในแทร็คถัด ๆ ไปในแทร็คที่ อยูติด ๆ กันอาจใชเวลาเพียง 2 ms ในขณะที่การยายตําแหนงจากแทร็คที่อยูนอกสุดไปหาแทร็คที่อยูในสุด หรือ ตรงกันขามจะตอง ใชเวลามากถึงประมาณ 20 ms สวน Average seek time จะเปนคาระยะเวลาเฉลี่ย ในการยาย ตําแหนง ของหัวเขียนอานไปมาแบบสุม (Random) ในปจจุบันคา Average seek time ของ ฮารดดิสกจะอยู ในชวงตั้งแต 8 ถึง 14 ms แมวาคา seek จะระบุเฉพาะคุณสมบัติในการทํางานเพียง ดานกวางและยาวของ แผนดิสก แตคา Seek time มักจะถูกใชในการเปรียบเทียบ คุณสมบัติ ทางดานความ เร็วของฮารดดิสกเสมอ ปกติ แลวมักมีการเรียกรุนของฮารดดิสกตามระดับความเร็ว Seek time ของตัว ฮารดดิสกเอง เชนมีการเรียกฮารดดิสก ที่มี Seek time 14 ms วา “ฮารดดิสก 14 ms” ซึ่งก็แสดงใหทราบวา ฮารดดิสกรุนนั้น ๆ มีความเร็วของ Seek time ที่ 14 ms อยางไรก็ตาม ถึงแมวาการใชคาความเร็ว Seek time กําหนดระดับชั้นของฮารดดิสกจะสะดวก แตคา Seek time ก็ ยังไมสามารถแสดงใหประสิทธิภาพทัง้ หมด ของฮารดดิสกได จะแสดงใหเห็นเพียงแตการคนหา ขอมูลในแบบสุม ของตัวไดรฟเทานั้น ไมไดแสดงในแงของ การอานขอมูลแบบเรียงลําดับ (sequential) ดังนั้น ใหใชคา seek time เปนเพียงสวนหนึ่ง ในการตัดสิน ประสิทธิภาพของ ฮารดดิสกเทานั้น Head Switch Time เปนเวลาสลับการทํางาของหัวอานเขียน แขนยึดหัวอานเขียนจะเคลื่อนยายหัวอานเขียนไปบน แพล็ตเตอร ที่อยูในแนวตรงกัน อยางไรก็ตามหัวอานเขียนเพียงหัวเดียวเทานั้นที่อานหรือบันทึก ขอมูลในเวลาใดเวลาหนึ่ง ระยะเวลา ในการสลับกันทํางาน ของหัวอานเขียนจะวัดดวยเวลาเฉลี่ยที่ ตัวไดรฟใชสลับ ระหวางหัวอานเขียน สองหัวในขณะ อานบันทึกขอมูล เวลาสลับหัวอานเขียนจะวัด ดวยหนวย ms Cylinder Switch Time เวลาในการสลับไซลินเดอร สามารถเรียกไดอีกแบบวาการสลับแทร็ค (track switch) ในกรณีนี้ แขนยึดหัวอานเขียน จะวางตําแหนงของหัวอานเขียนอยูเหนือไซลินเดอรขอมูลอื่น ๆ แตมีขอแมวา แทร็คขอมูลทั้งหมดจะตองอยูใน ตําแหนงเดียวกันของแพล็ตเตอรอื่น ๆ ดวย เวลาในการสลับ ระหวาง ไซลินเดอรจะวัดดวยระยะเวลาเฉลี่ยที่ตัว ไดรฟใชในการสลับจากไซลินเดอรหนึ่งไปยัง ไซ ลินเดอรอื่น ๆ เวลาในการสลับไซลินเดอรจะวัดดวยหนวย ms Rotational Latency เปนชวงเวลาในการอคอยการหมุนของแผนดิสกภายใน การหมุนภายในฮารดดิสกจะเกิดขึ้นเมื่อ หัวอาน เขียนวางตําแหนง อยูเหนือแทร็คขอมูลที่เหมาะสมระบบการทํางาน ของหัวอานเขียนขอมูล จะรอใหตัวไดรฟ หมุนแพล็ตเตอรไปยังเซ็กเตอรที่ถูกตอง ชวงระยะเวลาที่รอคอยนี้เองที่ถูกเรียกวา Rotational Latency ซึ่งจะวัด ดวยหนวย ms เชนเดียวกัน แตระยะเวลาก็ขึ้นอยูกับ RPM (จํานวน
303 รอบตอนาที) ดวยเชนกัน รูจักกับ ฮารดดิสก และมาตราฐานของการเชื่อมตอ แบบตาง ๆ ฮารดดิสก (Hard Disk) เปนอุปกรณที่ใชสําหรับเก็บขอมูลตาง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอร มี ลักษณะเปนรูปสี่เหลี่ยมที่มีเปลือกนอก เปนโลหะแข็ง และมีแผงวงจรสําหรับการควบคุมการทํางาน ประกบอยูทด ี่ านลาง พรอมกับชองเสียบสายสัญญาณและสายไฟเลี้ยง สวนประกอบภายในจะถูกปด ผนึกไวอยางมิดชิด โดยจะเปนแผนดิสกและหัวอานที่บอบบางมาก และไมคอยจะทนตอการกระทบ กระเทือนได ดังนั้น จึงควรที่จะระมัดระวังเปนอยางยิ่ง เวลาจัดถือไมควรใหกระแทกหรือกระเทือน และระมัดระวังไมใหมือโดน อุปกรณอน ื่ ๆ ที่อยูบนแผงวงจร โดยปกติ ฮารดดิสก มักจะบรรจุอยูใน ชองที่เตรียมไวเฉพาะภายในเครื่อง โดยจะมีการตอสาย สัญญาณเขากับตัวควบคุมฮารดดิสก และ สายไฟเลี้ยงที่มาจากแหลงจายไฟดวยเสมอ ในที่นี้ จะขอแนะนําใหรูจักกับ ฮารดดิสก แบบตาง ๆ ใน เบื้องตน พอเปนพื้นฐานในการทําความรูจักและเลือกซื้อมาใชงานกัน ชนิดของ ฮารดดิสก แบงตามอินเตอรเฟสทีต ่ อ ใชงาน ปจจุบันนี้ ฮารดดิสกที่มีใชงานทั่วไป จะมีระบบการตอใชงานแบงออกเปน 2 แบบใหญ ๆ คือ EIDE (Enhanced Integrated Drive Electronics) กับ SCSI (Small Computer System Interface) ซึ่งฮารดดิสกทั่ว ๆ ไปที่ใชงานกันตาม เครื่องคอมพิวเตอรตามบาน มักจะเปน การตอแบบ EIDE ทั้งนั้น สวนระบบ SCSI จะมีความเร็วของการรับสง ขอมูลที่เร็วกวา แตราคาของ ฮารดดิสกจะแพงกวามาก จึงนิยมใชกันในเครื่อง Server เทานั้น EIDE หรือ Enhance IDE เปนระบบของ ฮารดดิสกอินเตอรเฟสที่ใชกันมากในปจจุบันนี้ การตอ ไดรฟฮารดดิสกแบบ IDE จะตอผาน สายแพรและคอนเน็คเตอรจํานวน 40 ขาที่มีอยูบนเมนบอรด ชื่อ เรียกอยางเปนทางการของการตอแบบนี้คือ AT Attachment หรือ ATA ตอมาไดมีการพัฒนาไปเปน แบบยอยอื่น ๆ เชน ATA-2, ATAPI, EIDE, Fast ATA ตลอดจน ATA-33 และ ATA-66 ในปจจุบัน ซึ่งถาหากเปนแบบ ATA-66 แลวสายแพรสําหรับรับสงสัญญาณ จะตองเปนสายแพรแบบที่รองรับการ ทํางานนั้นดวย จะเปนสายแพรที่มีสายขางใน 80 เสนแทนครับ สวนใหญแลวใน 1 คอนเน็คเตอร จะ สามารถตอฮารดดิสกได 2 ตัวและบนเมนบอรด จะมีคอนเน็คเตอรให 2 ชุด ดังนั้น เราสามารถตอ ฮารดดิสกหรืออุปกรณอื่น ๆ เชนซีดีรอมไดรฟ ไดสงู สุด 4 ตัวตอคอมพิวเตอร 1 เครื่อง วิธีการรับสงขอมูลของฮารดดิสกแบบ EIDE ยังแบงออกเปนหลาย ๆ แบบ ในสมัยเริ่มตน จะเปนแบบ PIO (Programmed Input Output) ซึ่งเปนการรับสงขอมูลโดยผานซีพียู คือรับขอมูลจาก ฮารดดิสก เขามายังซีพย ี ู หรือสงขอมูลจากซีพียไ ู ปยัง ฮารดดิสก การรับสงขอมูลแบบ PIO นี้ยังมี การทํางานแยกออกไปหลายโหมด โดยจะมีความเร็วในกรรับสงขอมูลตาง ๆ กันไป ดังตารางตอไปนี้ PIO mode อัตราการรับสงขอมูล (MB./sec) อินเตอรเฟส 0 3.3 ATA 1 5.2 ATA 2 8.3 ATA 3 11.1 ATA-2 4 16.6 ATA-2 การรับสงขอมูลระหวาง ฮารดดิสก กับเครื่องคอมพิวเตอรอีกแบบหนึ่ง เรียกวา DMA (Direct Memory Access) คือทําการ รับสงขอมูลระหวางฮารดดิสก กับหนวยความจําโดยไมผานซีพียู ซึ่งจะ กินเวลาในการทํางานของซีพียูนอยลง แตไดอัตราการรับสง ขอมูลพอ ๆ กับ PIO mode 4 และยัง แยกการทํางานเปนหลายโหมดเชนเดียวกันการรับสงขอมูลทาง PIO โดยมีอัตราการรับสง ขอมูลดัง ตารางตอไปนี้
304 หัวขอ
DMA mode อัตราการรับสงขอมูล (MB./sec) อินเตอรเฟส 0 2.1 ATA Single Word 1 4.2 ATA 2 8.3 ATA 0 4.2 ATA Multi Word 1 13.3 ATA-2 2 16.6 ATA-2 ฮารดดิสกตัวหนึ่งอาจเลือกใชการรับสงขอมูลไดหลายแบบ ขึ้นอยูกับปจจัยหลักคือ ฮารดดิสกที่ใช นั้นสนับสนุนการทํางานแบบใดบาง ชิปเซ็ตและ BIOS ของเมนบอรดตองสนับสนุนการทํางานในแบบ ตาง ๆ และอยางสุดทานคือ ระบบปฏิบัติการบางตัว จะมีความสามารถเปลี่ยนหรือเลือกวิธีการรับสง ขอมูลในแบบตาง ๆ ได เพื่อใหเหมาะสมกับสภาพแวดลอมในการทํางาน เชน Windows NT, Windows 98 หรือ UNIX เปนตน ถัดจาก EIDE ในปจจุบันก็มีการพัฒนามาตราฐานการอินเตอรเฟส ที่มีความเร็วสูงยิ่งขึ้นไปอีก คือ แบบ Ultra DMA/2 หรือเรียกวา ATA-33 (บางทีเรียก ATA-4) ซึ่งเพิ่มความเร็วขึ้นไป 2 เทาเปน 33 MHz และแบบ Ultra DMA/4 หรือ ATA-66 (หรือ ATA-5) ซึ่งกําลังเปนมาตราฐานอยูในปจจุบัน โดย มีรายละเอียดดังนี้ DMA mode อัตราการรับสงขอมูล (MB./sec) อินเตอรเฟส Ultra DMA/2 33.3 ATA-33 (ATA-4) (UDMA2 หรือ UDMA/33) Ultra DMA/4 66.6 ATA-66 (ATA-5) (UDMA4 หรือ UDMA/66) นอกจากนี้ ปจจุบันเริ่มจะเห็น ATA-100 กันบางแลวในฮารดดิสกรุนใหม ๆ บางยี่หอ SCSI เปนอินเตอรเฟสที่แตกตางจากอินเตอรเฟสแบบอื่น ๆ มาก ความจริงแลว SCSI ไมไดเปน อินเตอรเฟสสําหรับ ฮารดดิสก โดยเฉพาะ ขอแตกตางที่สําคัญที่สุดไดแก อุปกรณที่จะนํามาตอกับ อินเตอรเฟสแบบนี้ จะตองเปนอุปกรณที่มีความฉลาดหรือ Intelligent พอสมควร (มักจะตองมีซีพย ี ู หรือหนวยความจําของตนเองในระดับหนึ่ง) โดยทั่วไป การดแบบ SCSI จะสามารถตอ อุปกรณได 7 ตัว แตการด SCSI บางรุนอาจตออุปกรณไดถึง 14 ตัว (SCSI-2) ในทางทฤษฎีแลว เราสามารถนํา อุปกรณหลายชนิด มาตอเขาดวยกันผาน SCSI ไดเชน ฮารดดิสก เทปไดรฟ ออปติคัลดิสก เลเซอร พรินเตอร หรือแมกระทั่งเมาส ถาอุปกรณเหลานั้น มีอินเตอรเฟสที่เหมาะสม มาดูความเร็วของการ รับสงขอมูลของ SCSI แบบตาง ๆ กันดีกวา Ultra Ultra 3 Ultra 2 Wide (Ultra160) บัสขอมูล (บิต) 8 8 19 16 32 16 32 16 32 ความถี่ (MHz) 5 10 5 10 10 20 20 40 40 รับสงขอมูล (MB/s) 5 10 10 20 40 40 80 80 160 คอนเน็คเตอร SCSI-1 SCSI-2 SCSI-2 SCSI-2 SCSI-2 SCSI-3 SCSI-3 SCSI-3 SCSI-3 หัวขอ
SCSI
Fast
Wide
Fast
Wide Ultra
ประสิทธิภาพของฮารดดิสกขึ้นอยูก ับอะไรบาง ความเร็วในการทํางานของฮารดดิสก ขึ้นอยูกับปจจัยหลายอยางเชน ความเร็งในการหมุน กลไก ภายใน ความจุขอมูล ชนิดของ คอนโทรลเลอร ขนาดของบัฟเฟอร และระบบการเชื่อตอที่ใชเปนตน ฮารดดิสกที่มีกลไกที่เคลื่อนที่เร็วที่สุดเพียงอยางเดียว อาจจะไมใชฮารดดิสกที่มีประสิทธิภาพดีที่สุด
305 ก็ได ความเร็วในการหมุนของฮารดดิสก ความเร็วในการหมุนของดิสก เปนสิ่งที่มีผลกับความเร็วในการอานและบันทึกขอมูลมากทีเดียว ฮารดดิสกทั่วไป ถาเปนรุนธรรมดา จะหมุนอยูที่ประมาณ 5,400 รอบตอนาที (rpm) สวนรุนที่เร็ว หนอยก็จะเพิ่มเปน 7,200 รอบตอนาที ซึ่งถือเปนมาตราฐาน อยูในขณะนี้ และถาเปนรุนใหญหรือ พวก SCSI ในปจจุบันก็อาจถึง 10,000 รอบหรือมากกวานั้น ฮารดดิสกที่หมุนเร็ว ก็จะสามารถ อาน ขอมูลในแตละเซ็คเตอรไดเร็วกวาตามไปดวย ทําใหความเร็วการรับสงขอมูลภายใน มีคาสูงกวา ฮารดดิสกที่หมุนมากรอบกวา ก็อาจมีเสียงดัง รอน และสึกหรอมากกวา แตโดยรวมทั่วไปแลว หาก ราคาไมเปนขอจํากัด ก็ควรเลือกฮารดดิสกที่หมุนเร็ว ๆ ไวกอน อินเตอรเฟสของฮารดดิสก ดังที่อธิบายแลววา ฮารดดิสกอินเตอรเฟสที่นิยมใชงานกันมากที่สุดสําหรับเครื่องคอมพิวเตอรใน ปจจุบันไดแก แบบ ATA-33 และ ATA-66 ซึ่งมีอัตราการรับสงขอมูลที่สูงกวาแบบเกา หากตองการ อัตราการรับสงขอมูลที่เร็วกวานี้ ก็ตองเลือกอินเตอรเฟสแบบ SCSI ซึ่งจะมีขอดีคือ มีความเร็วสูงกวา แบบ EIDE มากและยังสามารถตออุปกรณตาง ๆ ไดถึง 7 ตัวดวยกัน โดยที่ราคาก็ยังคงจะ แพงกวา แบบ EIDE ดวย จะเหมาะสําหรับงานที่ตองใชความเร็วสูงเชน Server ของระบบ LAN เปนตน ประเด็นสําคัญของการตอฮารดดิสกแบบ IDE ก็คือ แตละสายที่ตอออกมานั้น ตามปกติจะตอได 2 ไดรฟ โดยฮารดดิสก ที่อยูบนสาย คนละเสนจะทํางานพรอมกันได แตถาอยูบนสายเสนเดียวกัน จะตองทําทีละตัว คือไมทํางานกับ Master ก็ Slave ตัวเดียวเทานั้น ในเวลาหนึ่ง ๆ และหากเปน อุปกรณที่ทําการรับสงขอมูลคนละแบบบนสายเดียวกัน เชนการตอฮารดดิสกแบบ UltraDMA/66 รวมกับซีดีรอมแบบ PIO mode 4 อุปกรณทุกตัวบนสายเสนนั้น ก็จะตองทําตามแบบที่ชากวา ดังนั้น จึงไมควรตอฮารดดิสกที่เร็ว ๆ ไวกับซีดีรอมบนสายเสนเดียวกัน เพราะจะทําใหฮารดดิสกชาลงตาม ไปดวย หนวยความจํา แคช หรือ บัฟเฟอร ที่ใช อีกวิธีที่ผูผลิตฮารดดิสก ใชเพิ่มประสิทธิภาพการทํางานของฮารดดิสกในปจจุบัน คือการใช หนวยความจําแคช หรือบัฟเฟอร (Buffer) เพื่อเปนที่พักขอมูลกอนที่จะสงไปยัง คอมโทรลเลอรบน การด หรือเมนบอรด แคชที่วานี้จะทํางานรวมกับฮารดดิสก โดยในกรณีอานขอมูล ก็จะอานขอมูลจาก ฮารดดิสก ในสวนที่คาดวาจะถูกใชงานตอไปมาเก็บไวลวงหนา สวนในกรณีบันทึกขอมูล ก็จะรับ ขอมูลมากอนเพื่อเตรียมที่จะเขียนลงไปทันที ที่ฮารดดิสกวาง แตทั้งหมดนี้จะทําอยูภายในตัว ฮารดดิสกเอง โดยไมเกี่ยวของกับซีพย ี ูหรือแรมแตอยางใด หนวยความจําหรือแคชนี้ ในฮารดดิสกรุนราคาถูกจะมีขนาดเล็ก เชน 128KB หรือบางยี่หอก็จะมี ขนาด 256-512KB แตถาเปนรุนที่ราคาสูงขึ้นมา จะมีการเพิ่มจํานวนหนวยความจํานี้ไปจนถึง 2MB เลยทีเดียว ซึ่งจากการทดสอบพบวา มีสวนชวย ใหการทํางานกับฮารดดิสกนั้นเร็วขึ้นมาก ถึงแม กลไกการทํางานของฮารดดิสกรุนนั้น ๆ จะชากวาก็ตาม แตทั้งนี้ก็ขึ้นอยูกับลักษณะการทํางานของ โปรแกรมดวย ปจจัยอื่น ๆ ในการเลือกซื้อฮารดดิสก หลังจากที่ไดพอจะรูจักกับฮารดดิสกแบบตาง ๆ กันแลว หากตองการซื้อฮารดดิสกที่จะนํามาใช งานสักตัว ปจจัยตาง ๆ ดานบนนี้ นาจะเปนตัวหลักในการกําหนดรุนและยี่หอของฮารดดิสกที่จะซื้อ ได แตทั้งนี้ ไมควรที่จะมองขามปจจัยอื่น ๆ เหลานี้ไปดวย ความจุของขอมูล
306 ยิ่งฮารดดิสกที่มีความจุมาก ราคาก็จะแพงขึ้นไป เลือกใหพอดีกับความตองการแตไปเนนเรื่อง ความเร็วดีกวาครับ เชนหากมีขนาด 15G 7,200 rpm กับ 20G 5,400 rpm ที่ราคาใกลเคียงกัน ผม มอลวานาจะเลือกตัว 15G 7,200 rpm ดีกวา ความทนทานและการรับประกัน อยาลืมวา ฮารดดิสก เปนอุปกรณที่ตองทํางานตลอดเวลา มีการเคลื่อนไหวตาง ๆ มากมายอยู ภายในและโอกาสที่จะเสียหายมีไดมาก โดยเฉพาะเรื่องของความรอนและการระบายความรอนที่ไมดี ในเครื่อง ก็เปนสาเหตุสําคัญของการเสียหาย นอกจากนี้ การเกิด แรงกระแทกแรง ๆ ก็เปนสาเหตุ หลักของ การเสียหายที่พบไดบอย ดังนั้น ปจจัยที่คอนขางสําคัญในการเลือกซื้อฮารดดิสก คือ เรื่อง ระยะเวลาในการรับประกันสินคา และระยะเวลาในการสงเคลม วาจะชาหรือเร็วกวาจะไดของกลับคืน มาใชงาน รวมทั้งรานคา ที่เราไปซื้อดวย ที่ในบางครั้ง เวลาซื้อสินคา จะบอกวาเปลี่ยนได เคลมเร็ว แตเวลาที่มีปญหาจริง ๆ ก็จะไมคอยยอมเปลี่ยนสินคาใหเราแบบงาย ๆ เทาที่เคยไดยินมา สวนมากจะนิยมซือ ้ ยี่หอ Quantum, IBM, Maxtor กันครับ ทั้งนี้ก็คงจะขึ้นอยูกับ ราคา ความรอน เสียง ความเร็ว และความชอบของแตละคนกันครับ ที่สําคัญคือเรื่องของความเร็ว ตาง ๆ ก็เลือกกันใหดีนะครับ
รานหนังสือ ซีดีรอม สินคาไอที
บริการดาวนโหลด Driver และบันทึกลง CD
Get your Free Advertising...for Thai web sites only!
นอกเหนือจากเมนบอรด เพาเวอรซพ ั พลายและอุปกรณรอบขางอื่น ๆ แลว ยังมี อุปกรณอีกอยางหนึ่งที่สําคัญ เปนการดเพื่อขยายในเครื่องคอมพิวเตอร การดเพิ่มขยาย สวนใหญที่เสียบในสล็อตจะเปนคอนโทรลเลอร หรือการดควบคุมอุปกรณ (Controller Card) Controller Board คอนโทรลเลอรบอรด คือ บอรดที่มีสายริบบอน ตอเชื่อมตัวบอรด เขากับดิสกไดรฟ หรือฮารดดิสก นั่นคือบอรดคอนโทรลเลอร Harddisk Controller คือ ชนิดของอุปกรณควบคุมฮารดดิสก และใชเปนชื่อเรียก ชนิดของฮารดดิสกดวย Harddisk Controller ทําหนาที่ประสานงานระหวางฮารดดิสก กับ BUS บางครั้งรวมมาบนเมนบอรด ไมไดแยกเปนการด ฮารดดิสกคอนโทรลเลอรมี หลายชนิด คือ IDE,EIDE,ESDI,SCSI • IDE (Integrated Drive Electronic) เปนชนิดที่มีความเร็วสูงเปนมาตรฐาน อุตสาหกรรม (de facto standard) สําหรับเชื่อมตออุปกรณฮารดดิสก ที่ใชกันมากใน เครื่องระดับไมโครคอมพิวเตอร สามารถเชื่อมตออุปกรณไดสูงสุด 2 ตัว สงผานขอมูลได ดวยความเร็วสูงสุดที่ 3 เมกกะบิต/วินาที และรองรับฮารดดิสกความจุสูงสุดที่ 528 MB. ซึ่งดวยขอจํากัดตาง ๆ เหลานี้ ทําใหเปนอุปสรรคตอการใชงานอุปกรณรุนใหม ๆ จึงไดมี การพัฒนาเปน EIDE
307
• EIDE (Enhanced Integrated Drive Electronics) สามารถเชื่อมตออุปกรณ ไดถึง 4 ตัว รองรับฮารดดิสกไดสูงสุดถึง 8.4 กิ๊กกะไบต สงผานขอมูลไดสูงสุดที่ 9-16 เมกกะบิต/วินาที
• ESDI (Enhance Small Device Interface) เปนชนิดที่มีความเร็วสูงและความ จุสูง
• SCSI (Small Computer System Interface) นอกจากเปนฮารดดิสก คอนโทรลเลอรแลว ยังเปนคอนโทรลเลอรที่ควบคุมอุปกรณอื่น ๆ ไดอีก เปนมาตรฐาน การเชื่อมตอแบบขนานของ ANSI ใชเชื่อมตออุปกรณความเร็วสูงใด ๆ เชน ฮารดดิสก สแกนเนอร เปนตน สามารถเชื่อมตออุปกรณไดสูงสุด 8-16 ตัว
308
สังเกตโดยการไลสายริบบอน จากตัวฮารดดิสกไปยังแผงวงจร และแผงวงจรนั้นจะ เปนคอนโทรลเลอรของมัน บอรดฮารดดิสกคอนโทรลเลอรกับการตอสายริบบอนใชงาน จะเห็นไดวาขั้วตอบน ฮารดดิสกคอนโทรลเลอรจะมีขั้วแบบ 34 ขา อยู 2 แถว แตถูกตอใชงานไวเพียงแถว เดียว สวนขัว้ ตอแบบ 20 ขา มีสองแถวเชนกัน แตถูกตอกับสายริบบอนทั้งคู ขั้วตอ ทั้งหมดหาไดไมยาก มีลก ั ษณะเปนขาและมีฐานรองอยูขางลาง ศัพททางเทคนิคเรียกวา Pincushion แตมีฮารดดิสกบางแบบที่ไมไดอินเตอรเฟซ แบบ 3 ขั้วตอ แตใชการเชื่อม เพียงขั้วเดียว แตมีขาอยู 40 ขาแทน Tape Controller ถาตองการติดตั้งเทปไดรฟเพื่อสํารองระบบ จะตองมี คอนโทรลเลอรบางอยางดวย เทปไดรฟบางแบบสามารถใชฟล็อปปดิสกคอนโทรลเลอร ได แตมันไมไดถูกสรางขึ้นมาเพื่อสนับสนุนการใชงานกับเทป จึงทําใหการสํารองขอมูล ทําไดชามาก เทปไดรฟมีทั้งแบบติดตั้งภายนอกและภายใน ในการสํารองขอมูลควรใช แบบติดตั้งภายนอก เหมาะสําหรับการสํารองขอมูลหลาย ๆ เครื่อง และบางครั้งยัง สามารถใชรวมกันหลายคนได SCSI ทาชน IDE ทุกวันนี้เริ่มมีผูคนหันมาใชไดรฟแบบ SCSI กันมากขึ้น เพราะมีการทํางานที่ดีกวา เห็นไดจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นอยางรวดเร็วนะครับ แตก็ไมไดหมายความวา SCSI จะเขีย ่ IDE กระเด็นไปเสียเลยก็ไมใช หากทานจะเลีอกซี้อมาใชสักอัน คงตองพิจารณากัน หนอยนะครับ เอาละเรามาดูกันวาอะไรจะดีกวากันนะครับ โดยปรกติแลวไดรฟแบบ IDE ก็มีคุณสมบัตพ ิ อๆและทํางานคลายๆกับ SCSI แหละ ครับ แตถาพิจารณาจากราคาที่ถูกกวาของ IDE แลวก็จะเห็นวาบานเรามีผูใช IDE กัน มาก ซึ่งบางทีก็จะเห็นแบบ SCSI เขามาบาง เครื่องคอมพิวเตอรสวนบุคคลหรือ PC มักจะนิยมใส IDE กันมากเพราะราคาถูก และทํางานไดดีพอสมควร แตถาจะพิจารณา กันจริงๆแลวมันตองพิจารณากันใหดีๆ นานๆ บริษัทคอมบางแหงก็มีทั้งไดรฟแบบ SCSI และ IDE ใหเลือก ในไดรฟแบบ IDE และ SCSI มีทุกอยางที่เหมือนกันยกเวน logic board ของไดรฟแบบ SCSI จะมีชิปพิเศษอีกตัวหนึ่งซึ่งทําใหไดรฟแบบ SCSI ทํางาน บนบัสแบบ SCSI ดังนั้นไดรฟ SCSI สวนใหญก็คือแบบ IDE ที่เพิ่มชิปพิเศษตัวนี่ขึ้นมา นั่นเอง ในไดรฟแบบ SCSI นี้ขอมูลจะตองผานชิปพิเศษตัวนี้ดวย ทําใหไดรฟแบบ IDE เปน ตอในเรื่องนี้ เพราะไมมีชิปตัวนี้ใหผานใหเสียเวลา แตในคอมพิวเตอรหลายๆเครื่อง ไดรฟแบบ SCSI ก็ดีกวาแบบ IDE เพราะวา บัสSCSIจะคอนขางฉลาดกวาแบบ IDE ใน การสงผานขอมูลแบบ SCSI นี่จะมีขน ั้ ตอนมากมายยุงยาก ถาเอามาเปรียบเทียบกันจะ ทําใหไดรฟแบบ IDE ดูจะเร็วกวา แตใน Operating System ที่มีการสนับสนุน Multitasking หรือวาเราทํางานแบบทีเดียวหลายๆอยางในคราวเดียวกัน ไดรฟแบบ SCSI นาจะเปนตัวเลือกที่ดีกวานะครับ เพราะวาความฉลาดที่มันมีมากกวาแบบ IDE นั่นเอง
309 อุปกรณแบบ SCSI สามารถติดตอกับ CPU ไดอยางอิสระโดยผาน บัส SCSI เพราะวาอุปกรณทุกชนิดในคอมพิวเตอรจะมีตัวควบคุมที่ฝงอยู การรับ-สงขอมูลก็จะ สามารถทําไดที่ความเร็วสูงระหวางอุปกรณเหลานี้โดยไมใชกําลังของ CPU เลย ไดรฟ แบบ IDE ก็เหมือนกันคือใชตัวควบคุมนี้ แตวามันไมสามารถทํางานไดในเวลาเดียวกัน และไมสนับสนุนคําสั่งแบบหลายๆคําสั่งได ในจํานวนผูใชหลายๆคน สวนใหญไดรฟแบบ IDE ก็เพียงพอกับความตองการ และ ทํางานไดดี แตถาการทํางานของเราเปนแบบ multitasking แลวละก็ไดรฟแบบ SCSI นาจะเปนตัวเลือกที่ดีกวานะครับ สําหรับผูที่กําลังตัดสินใจที่จะซื้อไดรฟสองอยางนี้ ก็ พิจารณาการทํางานของเราใหดีๆนะครับวาเปนอยางไหน แลวก็ตัดสินใจใหดีกอนซื้อนะ ครับ.....
คอมพิวเตอรซอฟตแวร เนื้อหาประกอบดวยหัวขอตอไปนี้ • • • •
ความหมายของซอฟตแวรและหนาที่ของซอฟตแวร ประเภทของซอฟตแวร ขอดี - ขอเสียระหวางการจัดจางพัฒนาซอฟตแวรกับการจัดหาซอฟตแวรสําเร็จรูปในองคกร กฎหมายลิขสิทธิ์ของซอฟตแวร
บทนํา ในปจจุบัน คอมพิวเตอรไดเขามามีบทบาทสําคัญในการดําเนินชีวิต ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน มี การนําเครื่องคอมพิวเตอรมาใชในงานดานตาง ๆ เชน งานคํานวณ งานวิเคราะห งานวางแผน งานออกแบบ งานดานวิทยาศาสตร งานดานการแพทย ในยุคแรก ๆ นั้น เครื่องคอมพิวเตอรจะตองอาศัยมนุษยเปนผู ควบคุมการปฏิบัติงานของเครื่อง ตอมาไดมีการพัฒนาการสรางโปรแกรมขึ้นโดยรวบรวมคําสั่งงานตาง ๆ ที่มนุษยตองการเพื่อสั่งใหเครื่องทํางานแทน โปรแกรมหรือชุดคําสั่งนี้ เรียกวา ซอฟตแวร (Software) โปรแกรมหรือซอฟตแวรที่จะสั่งใหเครื่องคอมพิวเตอรทํางานจะตองมีรายละเอียดทุกขั้นตอนเพื่อใหเครื่อง ปฏิบัติตามจนไดผลลัพธที่ตองการ โปรแกรมนี้จะถูกเก็บไวในหนวยความจําภายในซีพียู หลังจากนั้น เครื่องจะทํางานดวยตนเองตามโปรแกรมภายใตการควบคุมของหนวยควบคุม ความหมายของซอฟตแวรและหนาที่ของซอฟตแวร ซอฟตแวร (Software) หมายถึง รายละเอียดของชุดคําสั่ง (Instructions) ที่เขียนขึ้นอยางมีลําดับ ขั้นตอนเพื่อควบคุมการทํางานของเครื่องคอมพิวเตอร หนาที่ของซอฟตแวรตอการบริหารองคกร มีดังนี้ - จัดการเกี่ยวกับทรัพยากรภายในองคกร - เปนเครื่องมือในการสรางความไดเปรียบของทรัพยากรที่มีตอคูแขงขัน - เปนสื่อกลางระหวางองคกรและการเก็บสารสนเทศภายในหนวยงาน ประเภทของซอฟตแวร สามารถแบงได 2 ประเภทคือ ซอฟตแวรระบบ (System Software)
310 ซอฟตแวรประยุกต (Application Software) 1 ซอฟตแวรระบบ (System Software) เปนโปรแกรมหรือชุดคําสั่งที่เขียนขึ้นเพื่อควบคุมการ ทํางานของเครื่องคอมพิวเตอรใหประสานกัน และควบคุมลําดับขั้นตอนการทํางานของอุปกรณตาง ๆ ใน ระบบคอมพิวเตอร ซอฟตแวรระบบที่นิยมแพรหลาย ไดแก DOS, UNIX, WINDOWS, SUN, OS/2, NET WARE เปนตน ประเภทของซอฟตแวรระบบ (System Software) โปรแกรมระบบปฏิบัติการ (Operating Systems : OS) หรือ Supervisory Programs หรือ Monitors Programs เปนโปรแกรมที่สําคัญที่สุดอีกประการหนึ่งและมีความสลับซับซอนมาก ชวยให คอมพิวเตอรสามารถควบคุม (Control) การปฏิบัติงานของเครื่องไดเองโดยอัตโนมัติ และดูแลตรวจตราทุก ๆ การทํางานของฮารดแวรในระบบคอมพิวเตอร นับตั้งแตเปดเครื่องจนกระทั่งปดเครื่อง ทําหนาที่เปน ตัวกลางเชื่อมระหวางซอฟตแวรกับฮารดแวร หนาที่หลัก ๆ ของโปรแกรมระบบปฏิบัติการ มีดังนี้ 1) การจองและการกําหนดการใชทรัพยากรคอมพิวเตอร 2) การจัดตารางงาน (Scheduling) 3) การติดตามผลของระบบ (Monitoring) 4) การทํางานหลายโปรแกรมพรอมกัน (Multiprogramming) 5) การจัดแบงเวลา (Time Sharing) 6) การประมวลผลหลายชุดพรอมกัน (Multiprocessing) ประเภทของโปรแกรมระบบปฏิบัติการ 1) โปรแกรมที่ทํางานทางดานควบคุม (Control Programs) หมายถึง โปรแกรมที่ใช ควบคุมการทํางานของเครื่องคอมพิวเตอรและอุปกรณที่เกี่ยวของที่สําคัญ ไดแก a. Supervisor การจัดการทั่วไปเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร จะอยูภายใต ความควบคุมของ Supervisor ซึ่งอยูในหนวยความจําหลักในซีพียูและทําหนาที่ประสานงานกับสวนอื่น ๆ ของโปรแกรมควบคุมระบบ เมื่อใดที่โปรแกรมภายใตระบบปฏิบัติการถูกเรียกมาใชงาน Supervisor จะสง การควบคุมไปยังโปรแกรมนั้น เมื่อการทํางานสิ้นสุดลง โปรแกรมดังกลาวจะสงการควบคุมกลับมายัง Supervisor อีกครั้ง b. โปรแกรมควบคุมงานดานอื่น ๆ (Other Job/Resource Control Programs) ไดแก โปรแกรม ที่ควบคุมเกี่ยวกับลําดับงาน ความผิดพลาดที่ทําใหการหยุดชะงักของโปรแกรม (Interrupt) หรือพิมพ ขอความหรือขาวสารใหแกผูควบคุมเครื่องทราบเมื่อมีขอผิดพลาด หรือตองการแจงใหทราบถึงสถานภาพ ของอุปกรณรับสง เปนตน 2) ระบบปฏิบัติการของไมโครคอมพิวเตอร (Microcomputer Operating System) จะมี ลักษณะเฉพาะโดยขึ้นอยูกับระบบปฏิบัติการและฮารดแวร โปรแกรมสําเร็จรูปไมสามารถใชขาม ระบบปฏิบัติการได เชน โปรแกรมสําเร็จรูปที่ใชบนระบบปฏิบัติการ MS - DOS จะไมสามารถนําไปใช บน Windows ได ระบบปฏิบัติการที่ใชกับเครื่องคอมพิวเตอร ไดแก a. MS - DOS (Microsoft Disk Operating System) เปนโปรแกรมควบคุม ระบบปฏิบัติการ พัฒนาในชวงปค.ศ. 1980 จากบริษัท Microsoft พัฒนาขึ้นมาเพื่อใชกับงานเครื่อง คอมพิวเตอรที่ใช Microprocessor รุน 8086, 8088, 80286, 80386, 80486 สําหรับผลิตภัณฑเครื่อง
311 คอมพิวเตอร IBM Compatible ทั่วไป มี 2 เวอรชัน (Version) ไดแก PC-DOS และ MS-DOS ดอสเปน ระบบปฏิบัติการที่มีสวนประสานกับผูใช (User Interface) เปนแบบปอนคําสั่ง (Command - line User Interface) MS - DOS นั้นจะมีสวนประกอบโปรแกรม 3 สวน คือ IO.SYS MS - DOS.SYS และ COMMAND.COM ทั้ง 3 โปรแกรมจะทําหนาที่ในการจัดการทํางานทุกอยางในระบบ สําหรับ MS DOS.SYS และ IO.SYS นั้นเปนไฟลระบบและถูกซอนไวในขณะที่เราสั่งงาน IO.SYS เปนสวนที่ทําหนาที่ควบคุมการทํางานของอุปกรณปอนเขา (Input Device) และอุปกรณ แสดงผล (Output Device) เชน แปนพิมพ จอภาพ และเครื่องพิมพ เปนตน MS - DOS.SYS เปนสวนที่ใชในการเขาถึง (Access) โปรแกรมยอย (Routine) ตาง ๆ ของดอส เมื่อโปรแกรมมีการเรียกใชรูทีนเหลานั้น ตัว MS - DOS.SYS จะรับขอมูลตาง ๆ จากโปรแกรมตาง ๆ ผานจากรีจิสเตอรทําการควบคุมการทํางาน (Control Block) และจัดพารามิเตอรใน การเรียกใช IO.SYS ใหทํางานตามที่ตองการ COMMAND.COM ทําหนาที่เปนตัวประสาน คอยรับคําสั่งจากผูใชผานทางแปนพิมพ เพื่อ สงผานคําสั่งไปยังคอมพิวเตอร เปรียบเสมือนตัวเชื่อมผูใชกับโปรแกรมจัดระบบ คําสั่งในระบบ MS - DOS จะแบงเปน 2 ประเภท คือ - คําสั่งภายใน (Internal Command) เปนคําสั่งที่มีอยูแลวภายในระบบ เชน คําสั่ง DIR (Directory) เปนการเรียกขอมูลจากหนวยเก็บขอมูลสํารอง ขึ้นมาดูเพื่อคนหาแฟมขอมูล คําสั่ง COPY เปน การสํารองขอมูลไว REN (Rename) เปนการเปลี่ยนชื่อแฟมขอมูลโดยที่ขอมูลภายในยังคงเหมือนเดิม คําสั่ง TYPE เปนการเรียกดูรายละเอียดของขอมูลแตละแฟมขึ้นมาดู แตแฟมนั้นจะตองอยูในรูปของ ขอความ (Text File) และคําสั่ง CLS (Clear) เปนคําสั่งลบขอความบนจอภาพ โดยที่ขอมูลที่อยูภายในแฟม จะไมหาย เปนตน - คําสั่งภายนอก (External Command) คําสั่งประเภทนี้ตองเรียกใชจาก แผนโปรแกรมหรือจากหนวยความจําสํารองที่ไดสรางเก็บคําสั่งตาง ๆ เหลานี้ไวหากไมมีก็จะไมสามารถ เรียกคําสั่งขึ้นมาใชได เชน คําสั่ง CHKDSK (Check Disk) เปนคําสั่งที่ใชในการตรวจสอบหนวยเก็บขอมูล สํารองวามีพื้นที่ในการเก็บเทาใด ใชไปเทาใด คงเหลือเทาใด และมีสวนหนึ่งสวนใดของหนวยเก็บขอมูล สํารองเสียหรือไม คําสั่ง FORMAT เปนการจัดเตรียมโครงสรางภายในแผนหรือจานแผนเหล็ก เปนการวิเคราะห แผนจานแมเหล็กสําหรับตําแหนง (Track) ที่เสีย b. Windows 3.X ประมาณตนป ค.ศ. 1990 บริษัทไมโครซอฟตไดผลิต Windows 3.0 ซึ่ง นํามาใชการทํางานระบบกราฟกเพื่อใหผูใชใชงานงายและสะดวกเรียกวา GUI (Graphic User Interface) โดยใชภาพเล็ก ๆ เรียกวา ไอคอน (Icon) และใชเมาส (Mouse) แทนคียบอรด (Key Board) นอกจากนี้ Windows 3.0 ขึ้นไป ยังสามารถทําใหเครื่องคอมพิวเตอรใชงานโปรแกรมไดมากกวาหนึ่งโปรแกรมใน ขณะเดียวกันเรียกวา Multitasking ไดพัฒนาระบบปฏิบัติการ Windows ขึ้นมามี 3 เวอรชัน (Version) ไดแก Windows 3.0, Windows 3.1 และ Windows 3.11 c. Windows 95 ตอมาในป ค.ศ. 1995 บริษัทไมโครซอฟตไดผลิต Windows 95 ซึ่งเปน ระบบปฏิบัติการที่ทํางานแบบหลายงาน (Multitasking) การทํางานในลักษณะเครือขาย (Network) Windows 95 มีคุณลักษณะเดน ดังนี้ - มีระบบติดตอกับผูใชโดยแสดงเปนกราฟก (Graphical User
312 Interface :GUI) - มีความสามารถในการเปดเอกสารไดครั้งละหลายไฟล และสามารถใช โปรแกรมหลาย โปรแกรมในเวลาเดียวกัน - มีโปรแกรมเวิรดโปรเซสซิ่ง เรียกวา Word Pad โปรแกรมวาดรูป และเกม - เริ่มมีเทคโนโลยี Plug and Play และสนับสนุนการติดตอสื่อสารผาน เครือขาย อินเทอรเน็ต โดยติดตั้ง Windows 95 ไมจําเปนตองติดตั้งที่ MS-DOS กอน แตสามารถใชงาน รวมกับ MS-DOS ได - สามารถใชแอปพลิเคชันที่รันบน Windows 3.1 ไดเลยโดยไมตองแกไข และซอฟตแวรที่รันบน Windows 95 มีความสามารถสง Fax และ E - mail ได d. Windows 98 เปนการเพิ่มประสิทธิภาพของ Windows 95 ระบบปฏิบัติการ Windows 98 เปนระบบที่สนับสนุนการทํางานของโปรแกรมตาง ๆ บน Windows โดย เชื่อมตอกับระบบอินเทอรเน็ตอยางมีประสิทธิภาพ e. Windows Millennium Edition หรือเรียกสั้น ๆ วา "Windows ME" ใน เวอรชันนี้พัฒนามา จาก Windows 98 เพื่อแกไขขอผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากเวอรชันเกา มีการสนับสนุนการทํางานแบบมัลติมีเดีย มากขึ้น f. Windows NT เปนระบบปฏิบัติการในสวนของเครือขาย (Network) คลาย กับ Windows 95 พัฒนามาจาก LAN Manager และ Windows for Workgroup โดย Windows NT มี 2 เวอรชัน ไดแก Windows NT Server และ Windows NT Workstation โดยที่ Server จะทําหนาที่ ระบบปฏิบัติการเครือขายที่คอยใหบริการแกเครื่องที่เปน Workstation คุณสมบัติของระบบปฏิบัติการ Windows NT มีดังนี้ - สามารถใชกับตัวประมวลผล (Processor) ไดหลายแบบ ทั้ง Pentium, DEC และ Alpha โดยยายรูปแบบโปรแกรมขามระบบได - สามารถเพิ่มขยายหนวยความจําไดถึง 4 จิกกะไบต (4 GB) - ทํางานไดในลักษณะหลายงานพรอมกันและสามารถเปลี่ยนแปลงรายการ แบบพหุคูณ หรือหลายรายการพรอมกัน (Multithreading) - สามารถใชกับเครื่องคอมพิวเตอรที่มีตัวประมวลผล (CPU) มากกวา 2 โปรเซสเซอร - สามารถสรางระบบแฟมของตนเองเปนแบบ NTFS ซึ่งแตเดิมจะเปนแบบ FAT (File Allocation Table) เพียงอยางเดียว - สามารถสนับสนุนเครื่องคอมพิวเตอรที่มีจานแมเหล็กหลายตัวตอเปนชุด ซึ่งเรียกวา RAID (Redundant Aray of Inerpenside Disks) - มีระบบปองกันความปลอดภัยของขอมูลโดยสรางรหัสผานใหกับผูใชแต ละคน และ สามารถกําหนดวันเวลาในการใชงาน - โปรแกรมที่ใชระบบ DOS ก็สามารถจะนํามาใชงานบน Windows NT ได g. Windows 2000 Professional / Standard เปนระบบปฏิบัติการที่ไดรับ การ พัฒนาใหอํานวยความสะดวกใหกับผูใชที่ใชงานลักษณะเปนกราฟก เชน มีโปรแกรม Windows Installation Service ที่ชวยใหผูใชสามารถทําการติดตั้งหรืออัพเกรด (Upgrade) โปรแกรมไดงายและมีการ จัดการระบบตลอดจนมีการบริหารแมขายแบบรวมศูนย เหมาะสําหรับใชในงานสํานักงานมากกวาที่จะใช
313 ที่บาน จุดเดนของ Windows 2000 คือ การตอเชื่อมระบบเครือขายและระบบรักษาความปลอดภัยที่มี ประสิทธิภาพสูงและสนับสนุน Multi Language h. Windows XP เปนระบบปฏิบัติการที่มีความสมบูรณแบบทั้งในดานการ ทํางานรวมกับ Internet Explorer 6 และ Microsoft Web Browser Windows XP มี 2 รูปแบบดวยกัน คือ Windows XP Home Edition และ Windows XP Professional Edition i. Mac OS X ระบบปฏิบัติการ Macintosh Operating System เปนระบบ ปฏิบัติการของเครื่องแมคอินทอช เปนผลิตภัณฑแรกที่ประสบความสําเร็จเกี่ยวกับการทํางานแบบ GUI ใน ป ค.ศ. 1984 ของบริษัท Apple ตอมาไดมีการเปลี่ยนชื่อเปนระบบปฏิบัติการ Mac OS โดยเวอรชันลาสุดมี ชื่อเรียกวา Mac OS X เหมาะสมกับคอมพิวเตอรที่ผลิตโดยบริษัท Apple และมีความสามารถในการทํางาน หลายโปรแกรมพรอมกัน (Multitasking) เหมาะกับงานในดานเดสกทอปพับลิชชิ่ง (Desktop Publishing) j. OS/2 Warp Client พัฒนาขึ้นมาโดยบริษัท IBM ไดนําเครื่อง คอมพิวเตอร PS/2 ขาสูตลาดก็ไดติดตอบริษัทไมโครซอฟต พัฒนาระบบปฏิบัติการตัวใหมเปน ระบบปฏิบัติการสําหรับเครื่องลูกขาย สามารถทํางานแบบการทํางานหลายงาน (Multitasking) ได มี ลักษณะการทํางานแบบดอสมากกวา Windows สนับสนุนการทํางานแบบเครือขาย มีขีดความสามารถ ติดตอกับผูใชแบบกราฟกแต OS/2 ที่ผลิตออกมาในขณะนั้นไมเปนที่นิยม เพราะตองใชหนวยความจํา ขนาดใหญ และโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นเพื่อใชกับ OS/2 ก็มีนอย k. UNIX เปนระบบปฏิบัติการที่ใหญ สามารถใชงานในลักษณะการทํางาน หลาย ๆ โปรแกรมพรอมกัน (Multitasking) และเปนแบบมัลติยูสเซอร (Multi-User) คือ มีผูใชหลาย ๆ คน พรอมกัน เปนระบบที่พัฒนามาใชกับเครื่องคอมพิวเตอรขนาดใหญ เชน เครื่องเมนเฟรม มินิคอมพิวเตอร และเวิรกสเตชั่น (Workstation) เครื่องไมโครคอมพิวเตอรธรรมดา ๆ ที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ UNIX สามารถทํางานรองรับเครื่องคอมพิวเตอรที่มี User ตอเชื่อมเขามาไดมากถึง 120 ตัว ไปพรอม ๆ กันและ เหมาะสมสําหรับระบบเน็ตเวิรก (Network) นอกจากนั้นยังสามารถเคลื่อนยายงานและแอพพลิเคชั่นไปมา ระหวางแพลทฟอรมได และสามารถยายงานที่รันอยูบนDOS หรือ Windows มาใชบนระบบปฏิบัติการ UNIX ได นอกจากนี้ยังมียูทิลิตี้ที่ชวยเพิ่มประสิทธิภาพใหกับ UNIX อีกดวย l. LINUX เปนระบบปฏิบัติการที่มีลักษณะคลายกับ UNIX พัฒนาขึ้นมาเพื่อ แจกจายใหใชโดยไมเสียคาใชจายบนเครือขายอินเทอรเน็ต และพัฒนาขึ้นเพื่อใชกับเครื่องคอมพิวเตอร PC ระบบปฏิบัติการลินุกซทะเล (Linux TLE) เกิดขึ้น เนื่องจากระบบปฏิบัติการลินุกซหลายคายจาก ตางประเทศยังใชงานภาษาไทยไดไมดีเทาที่ควร และการติดตั้งภาษาไทยก็ยุงยากพอสมควร จึงเปน อุปสรรคสําคัญในการนําลินุกซมาใชงาน จากปญหาเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ซอฟตแวรซึ่งมีราคาสูง ทําใหศูนย เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกสและคอมพิวเตอรแหงชาติ ไดตั้งทีมออกแบบพัฒนาใหใชงานภาษาไทยและ สามารถนํามาใชงานแทน Windows ได ใหชื่อวา Linux TLE (Thai Language Extension) หรือ ลินุกซทะเล และเปนการพัฒนาโดยคนไทยซึ่งตองการพัฒนาซอฟตแวรกลางที่มีภาษาไทยเสริม ภายใตมาตรฐานสากล TLE จึงเปนตัวแทนของจุดประสงคของการพัฒนา และแสดงเอกลักษณของความเปนไทย ใหสอดคลอง กับที่มาและสามารถเขาใจไดในเวทีสากล ลินุกซทะเลไดพัฒนาระบบภาษาไทยใหใชงานไดดีถึง 100% มี ระบบการตัดคําที่อางอิงจากดิกชันนารี เพิ่มฟอนตภาษาไทยประเภทบิตแมปอีก 20 ฟอนต รวมทั้งฟอนต แบบ True - Type สนับสนุนมาตรฐาน TIS620 เปนฟอนตไทยซึ่งทาง NECTEC ไดจดลิขสิทธิ์เปนที่ เรียบรอยแลว
314 m. Solaris Solaris เปนเวอรชันหนึ่งของ UNIX พัฒนาโดยบริษัท Sun Microsystems เปนระบบปฏิบัติการเครือขายที่ออกแบบสําหรับงานดานโปรแกรม E - commerce 3) ระบบปฏิบัติการสามารถแบงออกตามลักษณะการทํางานไดดังนี้ a. ระบบปฏิบัติการสําหรับเครื่องคอมพิวเตอรแบบ Stand - alone เปนระบบปฏิบัติการสําหรับ เครื่องคอมพิวเตอรสวนบุคคลหรือโนตบุค ที่ทํางานโดยไมมี การเชื่อมตอกับเครื่องคอมพิวเตอรเครื่องอื่น หรือหากมีการเชื่อมตอเปนระบบเครือขาย เชน LAN หรือ Internet ก็จะเรียกระบบปฏิบัติการนี้วา "Client Operating System" ไดแก MS - DOS, MS - Windows ME, Windows server 2000, Windows XP, Windows NT, Windows server 2003, UNIX, LINUX, Mac OS, OS/2 Warp Client b. ระบบปฏิบัติการแบบฝง (Embedded Operating System) เปนระบบปฏิบัติการที่มาพรอมกับ คอมพิวเตอร จัดเก็บไวบนชิพ ROM ของเครื่องมี คุณสมบัติพิเศษ คือ ใชหนวยความจํานอยและสามารถ ปอนขอมูลโดยใช สไตลลัส (Stylus) ซึ่งเปนแทงพลาสติกใชเขียนตัวอักษรลงบนจอภาพได ตัว ระบบปฏิบัติการจะมีคุณสมบัติวิเคราะหลายมือเขียน (Hand Writing Recognition) และทําการแปลงเปน ตัวอักษรเขาสูระบบไดอยางถูกตองพบไดในคอมพิวเตอรแบบ Hand Held เชน Palm Top, Pocket PC เปน ตน ระบบปฏิบัติการชนิดนี้ไดรับความนิยม คือ Windows CE, Pocket PC 2002 และ Palm OS เปนตน c. ระบบปฏิบัติการเครือขาย (Network Operating System : NOS) เปน ระบบปฏิบัติการที่ออกแบบเพื่อจัดการงานดานการสื่อสารระหวางคอมพิวเตอรให สามารถใชทรัพยากร รวมกันได เชน เครื่องพิมพ ฮารดดิสก เปนตน ระบบปฏิบัติการเครือขายจะมีลักษณะการทํางานคลายกับ ระบบปฏิบัติการดอส จะแตกตางในสวนของการเพิ่มการจัดการเกี่ยวกับเครือขายและการใชอุปกรณ รวมกัน รวมทั้งมีระบบปองกันการสูญหายของขอมูล ปจจุบันระบบปฏิบัติการเครือขายจะใชหลักการ ประมวลผลแบบไคลแอนดเซิรฟเวอร (Client / Server) คือ การจัดการเรียกใชขอมูลและโปรแกรมจะ ทํางานอยูบนเครื่องเซิรฟเวอร ในขณะที่สวนประกอบอื่น ๆ ของระบบปฏิบัติการเครือขายจะทํางานอยูบน เครื่องไคลแอนด เชน การประมวลผล และการติดตอกับผูใช d. ระบบปฏิบัติการบนเครื่องคอมพิวเตอรขนาดใหญ ใชกับเครื่อง คอมพิวเตอรขนาดใหญระดับเมนเฟรมคอมพิวเตอร โดยนํามาใชในดานธุรกิจและการศึกษา ซึ่งจะมี ผูใชงานพรอมกันจํานวนมาก โดยตองทําการดูแลสั่งงานโปรแกรมพรอม กันจํานวนหลาย ๆ โปรแกรม (Multitasking) การเขาใชงานเครื่องของผูใชจํานวนหลาย ๆ คน (Multi - User) การจัดลําดับและแบงปน ทรัพยากรใหกับผูใช ตลอดจนการรักษาความเปนสวนตัวและความลับของผูใชแตละคน e. ระบบปฏิบัติการแบบเปด (Open Operating System) สามารถนําไปใช งานบนเครื่องตาง ๆ กันได เชน ระบบปฏิบัติการยูนิกซ (UNIX) เปนตน การเลือกใชระบบปฏิบัติการกับเครื่องไมโครคอมพิวเตอร (Selecting a Microcomputer Operating System) เชน งานพิมพเอกสาร งานคํานวณ งานออกแบบ หรืองานทางดาน บัญชี และมีจํานวนผูใชกี่คน จําเปนตองใชขอมูลและโปรแกรมตาง ๆ รวมกันหรือไม ผูใชแตละคนอยูที่ เดียวกันหรืออยูคนละแหง ประสิทธิภาพของเครื่องคอมพิวเตอร โดยเฉพาะตัวประมวลผล ขนาดความจุ ของหนวยความจํา โปรแกรมประยุกตที่มีใชอยูเดิมใชกับระบบปฏิบัติการชนิดไหน ตนทุนในการจัดหา ระบบปฏิบัติวามีมากนอยเทาไร และความสามารถในการใหบริการหลังการขายของผูจัดจําหนาย ซึ่งแตละ ปจจัยก็มีผลตอการตัดสินใจจัดหาระบบปฏิบัติการเพื่อใหเหมาะสมกับองคการและงบประมาณที่มี โปรแกรมภาษา (Language Software) โปรแกรมหรือซอฟตแวรที่จะสั่งให
315 เครื่องคอมพิวเตอรทํางานนั้นถูกเขียนขึ้นดวยภาษาที่เรียกวา "ภาษาคอมพิวเตอร" ผูเขียนโปรแกรม (Programmer) จะตองเขาใจถึงกฎเกณฑไวยากรณของคําสั่ง และวิธีการเขียนโปรแกรมของ ภาษาคอมพิวเตอรที่เลือกใชเขียนโปรแกรม ปจจุบันภาษาคอมพิวเตอรที่ใชสําหรับเขียนโปรแกรมมีอยู มากมายหลายภาษา เชน Basic, C, C++, Java เปนตน โปรแกรมภาษาสามารถแบงออกได 3 แบบ คือ 1.ภาษาเครื่อง (Machine Language) เปนภาษาของเครื่องคอมพิวเตอรโดยมีโครงสรางและ พื้นฐานเปนเลขฐาน 2 และตัวสตริง (Strings) ซึง่ เครื่องสามารถเขาใจและพรอมที่จะทํางานตามคําสั่งได ในทันที ไมจําเปนตองมีโปรแกรมแปลภาษา คําสั่งของภาษาเครื่องนั้นจะประกอบดวยสวนสําคัญ 2 สวน คือ a. สวนที่บอกประเภทของคําสั่ง (Operation Code หรือ Op-Code) เปนสวนที่ จะบอกให เครื่องประมวลผล เชน ใหทําการบวก ลบ คูณ หาร หรือเปรียบเทียบ เปนตน b. สวนที่บอกตําแหนงของขอมูล (Operand) เปนสวนที่บอกใหทราบ ถึง ตําแหนงหนวยของขอมูลที่จะนํามาคํานวณวาอยูในตําแหนง (Address) ใดของหนวยความจํา 2) ภาษาที่ใชสัญลักษณ (Symbolic Language) ไดปรับปรุงใหงายขึ้นโดยสรางรหัส (Mnemonic Code) และสัญลักษณ (Symbol) แทนตัวเลขซึ่งเรียกชื่อภาษาวา ภาษาที่ใชสัญลักษณ ลักษณะโครงสราง ของภาษาสัญลักษณจะใกลเคียงกับภาษาเครื่องมากคือ ประกอบดวย 2 สวนที่เรียกวา Op - Code และ Operands โดยใชอักษรที่มีความหมายและเขาใจงายแทนตัวเลข 3) ภาษาระดับสูง (High - Level Language) เนื่องจากภาษาที่ใชสัญลักษณ ยังคงยากตอการเขาใจของมนุษย ประกอบกับความเจริญทางดานซอฟตแวรมีมากขึ้น จึงไดมีการพัฒนาให เปนคําสั่งที่มีความหมายเหมือนกับภาษาที่มนุษยใชกัน เพื่อใหสะดวกกับผูเขียนโปรแกรม เชน ใชคําวา PRINT หรือ WRITE แทนการสั่งพิมพ หรือแสดงคําวาใชคําวา READ แทนการรับคาขอมูลเขาสูเครื่อง คอมพิวเตอร เปนตน ภาษาระดับสูง ตัวอยางเชน Visual Basic, C, C++, Java เปนตน - คอมไพเลอร (Compiler) เปนโปรแกรมภาษาซึ่งทําหนาที่แปลคําสั่งในโปรแกรมตนฉบับที่ เขียนดวยภาษาโปรแกรมระดับสูงตามลําดับของชุดคําสั่งและขอมูลที่คอมพิวเตอรสามารถปฏิบัติการได - อินเทอรพรีเตอร (Interpreter) เปนโปรแกรมภาษาซึ่งทําหนาที่แปลคําสั่งในโปรแกรม ตนฉบับที่เขียนดวยภาษาโปรแกรมระดับสูง และปฏิบัติการตามคําสั่งโดยตรงจากโปรแกรมตนฉบับทันที จะแปลคําสั่งครั้งละหนึ่งคําสั่ง แลวประมวลผลในทันที หลังจากนั้น จะรับคําสั่งถัดไปเพื่อแปลเปน ภาษาเครื่อง แลวประมวลผลทันที เชนนี้เรื่อยไปจนกวาจะจบโปรแกรม หรือพบที่ผิดพลาดทางไวยากรณ ในคําสั่งที่รับมาแปล - ยุคของภาษาคอมพิวเตอร - ยุคที่ 1 (First Generation Language : 1GL) เปนภาษาระดับต่ํา (Low - Level Language) ประกอบดวยเลขฐานสอง ไดแก 0 และ 1 หรือเรียกวา "ภาษาเครื่อง (Machine Language)" - ยุคที่ 2 (Second Generation Language : 2GL) ไดมีผูพัฒนาใหมีการใชสัญลักษณแทนตัว เลขฐานสอง เรียกวา "ภาษาสัญลักษณ (Symbol Language)" คือ ภาษาอังกฤษ จะเปนคําสั่งสั้น ๆ ที่จําได งาย เรียกวา "นิวมอนิกโคด (Nemonic Code)" ทําใหนักเขียนโปรแกรมสามารถเขียนโปรแกรมไดงายขึ้น ตัวอยางภาษาสัญลักษณ ไดแก ภาษา Assembly และเนื่องจากเปนภาษาสัญลักษณ จึงตองใชตัวแปลภาษา เพื่อทําใหเปนภาษาเครื่องกอน ดวยตัวแปลภาษาที่เรียกวา "Assembler"
316 - ยุคที่ 3 (Third Generation Language : 3GL) ภาษาสัญลักษณไดมีการพัฒนาเพิ่มมากขึ้น ทํา ใหสามารถแทนตัวเลขฐานสองไดเปนคํา ทําใหกลายเปนภาษาที่มีไวยากรณที่เขาใจและเขียนไดงายขึ้น คําสั่งสั้นและกระชับมากขึ้น เชน ภาษา BASIC, COBOL, Pascal - ยุคที่ 4 (Fourth Generation Language : 4GL) ไดมีการพัฒนารูปแบบการเขียนโปรแกรมจาก ยุคที่ 3 ที่จัดวาเปนการเขียนแบบ Procedural ใหกลายเปนการเขียนแบบ Non - Procedural ที่สามารถ กระโดดไปทําคําสั่งใดกอนก็ไดตามที่โปรแกรมเขียนไว นอกจากนี้ จุดเดนของภาษาในยุคนี้เริ่มจากการ เขียนคําสั่งใหผูใชสามารถจัดการกับขอมูลในฐานขอมูลไดและพัฒนาตอมากลายเปนการเขียนคําสั่งใหได โปรแกรมที่มีสวนติดตอกับผูใชแบบกราฟกมากขึ้น และพัฒนาจนมาถึงการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (Object - Oriented Programming) เชน ภาษา C++, Visual C++, Delphi, Visual Basic เปนตน ปจจุบันมี ภาษาที่ใชหลักการของโปรแกรมเชิงวัตถุที่นิยมใช เชน ภาษา Java - ยุคที่ 5 (Fifth Generation Language : 5GL) เปนภาษาที่ใชสําหรับพัฒนาซอฟตแวรเพื่อระบบ ผูเชี่ยวชาญ (Expert System : ES) และปญญาประดิษฐ (Artificial Intelligence : AI) ภาษาในยุคที่ 5 เรียกวา "ภาษาธรรมชาติ (Natural Language)" คือ ไมตองสนใจถึงคําสั่งหรือลําดับของขอมูลที่ถูกตอง ผูใชเพียงแต พิมพสิ่งที่ตองการลงในเครื่องคอมพิวเตอรเปนคําหรือประโยคตามที่ผูใชเขาใจ คอมพิวเตอรจะพยายาม แปลคําหรือประโยคเหลานั้นเพื่อทําตามคําสั่ง แตถาไมสามารถแปลใหเขาใจได ก็จะมีคําถามกลับมาถาม ผูใชเพื่อยืนยันความถูกตอง โปรแกรมยูทิลิตี้ (Utility Software) เปนโปรแกรมที่ใหบริการตาง ๆ เชน การจัดเรียงขอมูลตาม หลักใดหลักหนึ่ง (Sort) รวมแฟมขอมูลที่เรียงลําดับแลวเขาดวยกัน (Merge) หรือยายขอมูลจากอุปกรณ รับสงอยางหนึ่งไปยังอีกอุปกรณหนึ่ง ประกอบดวยโปรแกรมตาง ๆ ไดแก Editor, Debugging, Copy 2 ซอฟตแวรประยุกต (Application Software) เปนโปรแกรมหรือชุดคําสั่งที่เขียนขึ้นเพื่อให เครื่องคอมพิวเตอรทํางานเฉพาะอยางหรือเฉพาะดาน ประเภทของซอฟตแวรประยุกต (Application Software) มี 2 ประเภท คือ ซอฟตแวรสําหรับงานทั่วไปหรือซอฟตแวรสําเร็จรูป - ซอฟตแวรเกี่ยวกับระบบจัดการ - ซอฟตแวรประมวลผลคํา - ซอฟตแวรกระดานคํานวณ - ซอฟตแวรจัดการขอมูลดานงานธุรกิจ - ซอฟตแวรนําเสนอ (Presentation Software) - ซอฟตแวรเพื่อการติดตอสื่อสารและเขาถึงขอมูล ซอฟตแวรสําหรับงานเฉพาะดาน เปนโปรแกรมที่ผลิตขึ้นมาเพื่อทํางานอยางใดอยางหนึ่ง และไมสามารถทํางานอื่นได เชน โปรแกรมระบบบัญชี โปรแกรมชวยงานอุตสาหกรรม เปนตน ขอดี - ขอเสียระหวางการจัดจางพัฒนาซอฟตแวรกับการจัดหาซอฟตแวรสําเร็จรูปในองคกร ขอดีของการจัดจางพัฒนาซอฟตแวร - ประหยัดคาใชจาย ขอดีของการจัดจางพัฒนาซอฟตแวร - การบริการบํารุงรักษา บริษัทผูรับจางจะชวยดูแลบํารุงรักษาและแกไขปญหาจน มั่นใจใน
317 ความถูกตองของโปรแกรม - ซอฟตแวรมีความยืดหยุนรองรับอนาคต - สามารถนําบุคลากรไปพัฒนางานอื่น ๆ ขององคกรได - การจัดการเงินทุน คาใชจาย แนนอนตามวงจรเวลาในขอสัญญา ขอเสียของการจัดจางพัฒนาซอฟตแวร - สูญเสียการควบคุม - ความตองการพึ่งพา (Dependency) - ความลับของหนวยงาน ขอดีของการจัดหาซอฟตแวรสําเร็จรูป - มีราคาต่ํากวาการพัฒนาเองเนื่องจากบริษัทผลิตขายในเชิงพาณิชยจํานวนมาก ทําใหตนทุน ต่ําลงกวาผลิตเพื่อขายในคราวเดียว - ความนาเชื่อถือ - การประมาณการเวลาจัดหา แนชัดและใชเวลานอยกวาวิธีใด ๆ ขอเสียของการจัดหาซอฟตแวรสําเร็จรูป - การจัดหาซอฟตแวรสําเร็จรูปมีขอเสียที่สําคัญทีส่ ุดคือ ความไมตรงกับความ ตองการของ หนวยงาน กฎหมายลิขสิทธิ์ของซอฟตแวร ความเปนมาของกฎหมายลิขสิทธิ์ ในประเทศไทยการกําหนดลิขสิทธิ์ไดปรากฏครั้งแรกราว พ.ศ.2445 ในรัชกาลที่ 5 เพื่อปองกัน การละเมิดลิขสิทธิ์ในงานวรรณกรรม (Literacy) เรื่อง "วัชิรญาณวิเศษ" และไดมีการปรับปรุงแกไข กฎหมายใหมในป พ.ศ.2457 สมัยรัชกาลที่ 6 โดยยังคงเนนงานดานวรรณกรรม ตอมาในปพ.ศ.2474 สมัย รัชกาลที่ 7 ไดมีการปรับปรุงแกไขกฎหมายฉบับนี้มีความสมบูรณครอบคลุมงานอื่น ๆ อีกเชน งานคิดคน ทางวิทยาศาสตรและผลงานของชาวตางชาติแกกฎหมายฉบับนี้มีบทลงโทษในสถานเบา ในปพ.ศ.2521 ได เพิ่มงานสื่อภาพ เสียง และวีดีโอใหครอบคลุมของกฎหมาย จากนั้นอีก 15 ป คือ พ.ศ.2534 รัฐบาลได ประกาศขยายความครอบคลุมงานดานวรรณกรรม ที่เกี่ยวของกับโปรแกรมคอมพิวเตอรหรือซอฟตแวร คอมพิวเตอร การนําไปเผยแพรและการใหเชา งานดานสื่อภาพ เสียง (Visual - Sound - Video) พระราชบัญญัติฉบับนี้ถูกใชมาจนถึงปจจุบันโดยเริ่มบังคับใชในวันที่ 21 มีนาคม 2538 ภายใตความ รับผิดชอบดูแลของกรมลิขสิทธิ์ทางปญญา กระทรวงพาณิชย (Department of Intellectual Property - DIP) ลิขสิทธิ์ในซอฟตแวรคอมพิวเตอร คอมพิวเตอรซอฟตแวรถูกกําหนดนิยามเปนชุดของคําสั่ง หรือสิ่งอื่นใดที่ใชงานรวมกับ คอมพิวเตอรสามารถทํางานไดหรือไดผลลัพธใด ๆ ออกมา ซอฟตแวรคอมพิวเตอรถือเปนงานวรรณกรรม (Literacy) คลาย ๆ กับหนังสือ บทประพันธ บทบรรยาย การละเมิดลิขสิทธิ์จะถูกลงโทษโดยการปรับ 20,000 ถึง 200,000 บาท หากละเมิดกระทําไปเพื่อหวังผลกําไร - เปนการคา จะปรับ 100,000 ถึง 800,000 บาท หรือจําคุก 6 เดือนถึง 4 ป หรือทั้งจําทั้งปรับ การปองกันสิทธิ์จะครอบคลุมตลอดอายุของผูสรางสรรค งานนั้น ๆ บวก 50 ป การขอลิขสิทธิ์จะตองจัดเตรียมหนังสือมอบอํานาจทําการแทน (ถามี) แบบฟอรมคํา รองขอจํานวน 3 ชุด ชุดสิ่งประดิษฐ 2 ชุดหรือภาพถาย (ในกรณีมิอาจนําสิ่งของ - ผลงานมายื่นเสนอได) ขอยกเวนเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ดานคอมพิวเตอรซอฟตแวร
318 ผูละเมิดจะไมมีความผิดหาก - มิไดมีเจตนาเพื่อการคาหรือแสวงหากําไร - มิไดลวงล้ําสรางความเสียหายที่รุนแรงใด ๆ ตอเจาของลิขสิทธิ์ การบังคับใชพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์จะครอบคลุมถึงคอมพิวเตอรจากตางประเทศ ดังนี้ - ผูเปนเจาของลิขสิทธิ์มีสัญชาติหรือเปนพลเมืองของประเทศที่เปนสมาชิกของกลุม ความตกลง กรุงเบริน (Berne Convention for Protection of Literacy and Artistic Works) เชน USA, UK, JAPAN - งานนั้นไดจดสิทธิบัตรไวในประเทศที่เปนสมาชิกของ Berne หรือ TRIPs (องคกรตางประเทศ ที่ประเทศไทยเปนสมาชิกอยู เชน United Nations - UN, WHO - World Health Organization) เปนตน สําหรับจังหวะสัญญาณ Beep Code ของไบออส ยี่หอ AMI นั้นคอนขางมีสวนคลายกับของไบออสยี่หอ Award อยูพอสมควร มีความหมายดังนี้
เสียงดัง 1 ครั้ง
แสดงวามีปญหาในสวนของเมนบอรด อาจตองเปลี่ยนเมนบอรดใหม
เสียงดัง 2 ครั้ง ควรตรวจสอบแรม
แสดงวามีปญหาในสวนของแรม เชน เสียบไมแนนหรือแรมเสียทําใหบูตเครื่องไมผาน
เสียงดัง 3 ครั้ง ควรตรวจสอบแรม
แสดงวามีปญหาในสวนของแรม เชน เสียบไมแนนหรือแรมเสียทําใหบูตเครื่องไมผาน
เสียงดัง 4ครั้ง
แสดงวามีปญหาในสวนของชิพ Timmer อาจตองเปลี่ยนชิพหรือเมนบอรดใหม
เสียงดัง 5 ครั้ง
แสดงวามีปญหาในสวนของซีพียู อาจตองเปลี่ยนซีพียูใหม
เสียงดัง 6 ครั้ง เอง
แสดงวามีปญหาในสวนของชิพควบคุมคียบอรดเสีย หรือไมอาจเปนที่ตัวคียบอรด อาจตองเปลี่ยนชิพ,เมนบอรด หรือคียบอรดใหม
เสียงดัง 7 ครั้ง
แสดงวามีปญหาในสวนในสวนของซีพียู อจตองเปลี่ยนซีพียูใหม
เสียงดัง 8 ครั้ง แนนดี
แสดงวามีปญหาในสวนของการดแสดงผล ( VGA ) ตรวจสอบการดแสดงผลวาเสียบ หรือไมหากยังไมไดผลอาจตองเปลี่ยนการดแสดงผลใหม
เสียงดัง 9 ครั้ง
แสดงวามีปญหาในสวนของไบออส อาจตองเปลี่ยนไบออสใหม
เสียงดัง 10 ครั้ง
แสดงวามีปญหาในสวนของการเขียน CMOS อาจตองเปลี่ยนเมนบอรดใหม
319 เสียงดัง 11 ครั้ง เมนบอรด
แสดงวามีปญหาในสวนในสวนของหนวยความจําแคช ควรตรวจสอบแคชภายนอกบน
เสียงดังยาว ๆ 1 ครั้ง แสดงวาขั้นตอนการบูตเครื่องหรือขั้นตอนการ Post เปนปกติ เจาะเทคนิค เพิ่มความเร็วระบบ ดวยตัวคุณเอง ถึงแมวาวันนี้ การใชวินโดวส 95 จะเลิกบูม ผูคนกําลังจะหันไปอัพเกรดวินโดวส 98 กันแทนกันแลว แมวายังมี อาการรอใหผูพัฒนา ปรับปรุงใหใชภาษาไทยไดสมบูรณแบบ เหมือนวินโดวส 95 ผมจึงคิดวาหลายๆ คนคงยังไม สํารวจ และปรับแตงระบบ 98 ใหทํางานไดเต็มที่มากนัก พูดงายๆ คือคงใชโปรแกรมเพียงอยางเดียว ยังไมคอย กลาเจาะระบบเทาไร เพราะกลัวมีปญหา แลวตองเสียคาจายโดยเปลาประโยชน ครานี้ ผมกําลังจะมาขจัดความกลัว ในการปรับแตงระบบของคุณ ใหใชโปรแกรมทํางานไดดีกวา ไมตองกลัวนะ ครับ ลองทําตามวิธีที่ผมแนะนํา เผื่อบางทีคุณจะไดเห็นคุณคาของมันมากขึ้น มาเริ่มปรับแตงโปรแกรมของคุณ ใหเรงความเร็วในการทํางานไดเต็มที่ และปองกันหนวยความจําที่ไมพอ กับหลากหลายเทคนิค ที่รวบรวมมาเพื่อ คุณโดยเฉพาะ กอนที่จะปรับปรุงระบบ ขอใหคุณทําความรูจักออปชันตัวแปร ที่ใชปรับแตงระบบเสียกอน ดังนี้ ครับ รายละเอียดของแตละออปชัน BootDelay เปนคาสําหรับตั้งเวลาในการแสดงคําวา Starting Windows 95 ในชวงบูต กอนที่จะทําการบูตขั้นตอน อื่นตอไป คาปกติคือ 2 วินาที BootMenudelay เปนคากําหนดเวลาที่จะใหโปรแกรมทํางาตอไป ถาในระหวางนั้นไมมีการเลือกจากเมนู คาปกติ ตั้งไวที่ 30 วินาที BootMenu คาปกติจะเปน 0 แตถาเปน 1 จะแสดง Startup Menu ใหผูใชเลือก แตถาเปนผูใชตองกด F8 เพื่อแสดง เมนู BootKeys เปนการกําหนดใหผูใชสามารถกดปุม F4, F5, F6 และ F8 ในชวงบูตไดเมื่อกําหนดคาเปน 1 และไมได เมื่อกําหนดคาเปน 0 และถากําหนดใหเปน 0 คา Boot Keys จะไมสามารถควบคุม Boot Delay BootGUI มีไวเพื่อกําหนดใหโหลดสวนติดตอผูใชที่เปนกราฟก คาปกติจะมีคาเปน 1 ถาตั้งคาเปน 0 จะเปนการ โหลด Dos prompt และถาตองการเขาวินโดวสอีกครั้งใหพิมพ Win เหมือนกับวินโดวส 3.11 DoubleBuffer คาปกติเปน 0 คือจะไมทําการ DoubleBuffer ในทุกกรณี ถาตั้งคาเปน 1 จะทําการ DoubleBuffer เฉพาะบาง Controller ที่ตองการเทานั้น แตถาตั้งเปน 2 จะ DoubleBuffer ในทุกกรณี DrvSpace & DblSpace คาปกติเปน 1 เปนการกําหนดใหวินโดวส โหลดแฟม DrvSpace.bin ซึ่งเปนโปรแกรมลด ขนาดขอมูลโดยอัตโนมัติ ถาตั้งคาเปน 0 เปนการยกเลิกการโหลดอัตโนมัติ Logo คาปกติเปน 1 แตถาเปน 0 จะไมปรากฏภาพของโลโกวินโดวส ในชวง Startup LoadTop คาปกติเปน 1 แตถาเชตเปน 0 วินโดวส จะไมโหลด Command.com ไวที่หนวยความจําสวนบนของ 640 กิโลไบต Autoscan คาปกติเปน 0 คือจะขอความขึ้นเตือนใหตอบคําถามเกี่ยวกับการแก Lost Cluster เมื่อบูตโดยไมผานชัต ดาวน แตถากําหนดคาเปน 2 จะซอม Lost Cluster ใหอัตโนมัติ แตถาใครติดตั้ง PowerToys จะมีออปชันนี้ให กําหนด เริ่มตนปรับแตงไฟลบูตระบบกอน เริ่มตนใหคุณใชคําสั่งคนหาไฟล Msdos.sys และคลี่แอททิบริวตจาก Read-only หรือ Hidden ใหสามารถเขียนทับ
320 ได หรือใชคําสั่งที่ C: พิมพคําสั่งดังในวงเล็บ (attrib -r -s -h msdos.sys) เพราะไฟลตัวนี้จะซอนไวในระบบ จากนั้นเปดไฟลขึ้นมา ใหคุณเพิ่มออปชันดังในรูปตัวอยางที่ใหมา ใหคุณลบ Comment ซึ่งกําหนดโดยการนํา ";" มาวางไวหนาบรรทัดที่ตองการใหเปน Comment รายละเอียดที่เห็น ในรูปตัวอยางที่ผานมา บรรทัดที่มีตัว "x" เยอะๆ ไมมีความหมายใดๆ พิเศษ เปนเพียงขอมูลขยะที่ทําใหไฟลมี ขนาดเกิน 1 กิโลไบตเทานั้น แลวเซฟไฟล จําลองหนวยความจําดวย Disk Cache ตามปกติแลว วินโดวสจะกันพื้นที่วางสวนหนึ่งของแรม มาทําเปนแคชสําหรับเก็บไฟลขอมูลที่ตองการเรียกใชอยู บอยๆ เพื่อใหการเรียกใชขอมูลเหลานี้สามารถทําไดเร็ว เพราะการอานขอมูลจากแรม ยอมจะเร็วกวาการอาน ขอมูลจากฮารดดิสก ซึ่งวินโดวสจะกําหนดใหัอัตโนมัติ แตถาบางเครื่อง กําหนดใหวินโดวสกําหนดใหอัตโนมัติ อาจจะทําใหการทํางานของวินโดวสชาลง ถาคุณใชเครื่องแลวเปนอยางที่วานี้ ผมอยากใหคุณเขาไปกําหนดคา ของแคชสูงสุดและต่ําสุด หลักการกําหนดแคช คือกําหนด 1 ใน 8 ของแรมที่มีอยูในเครื่อง เชน ถาคุณมีแรมอยู 64 เมกะไบต ขนาดแคชที่จะกําหนดก็คือ 8 เมกะไบต ใหคุณคนหาไฟลหรือใชเท็กซเอดิเตอรตัวใดก็ได เปดไฟล System.ini หรือใชคําสั่งที่ C: พิมพคําสั่งดังในวงเล็บ แตคุณตองเขาไปที่ไดเรกทอรีของวินโดวส กอนพิมพตาม คําสั่ง (edit system.ini) ใหคุณเพิ่มออปชันคาของแคชสูงสุดและต่ําสุด กันพื้นที่ให Virtual Memory งานนี้เพื่อเปนการจําลองเนื้อที่วางบนฮารดดิสก ใหเปนหนวยความจําชั่วคราว เพื่อจัดเก็บขอมูลขณะทํางาน สําหรับการเชต Virtual Memory บนวินโดวส ใหคุณทําตามขั้นตอนดังนี้ครับ คลิ้กเมาสขวามือที่ My Computer แลวเลือก Properties เลือกแท็บ Performent แลวคลิ้ก Vitual Memory เลือกไดรฟที่คุณตองการทํา swapfile ควรแยกใหอยูไดรฟตางหาก จะชวยใหทํางานเร็วขึ้น หรือแบงพารทิชันไว กอนลวงหนาสําหรับจัดเก็บ swapfile ตางหาก กําหนดคา Maximum ของเนื้อที่ฮารดดิสกทั้งหมด เชน กําหนดที่ไดรฟ E: เปนตน จากนั้นคลิ้กปุม OK แลวรีสตารทวินโดวส ปรับแตงประสิทธิภาพของฮารดดิสก การปรับแตงบทบาทของเครื่องคอมพแบบนี้ เพื่อปรับประสิทธิภาพของฮารดดิสกที่ติดตั้งอยูในเครื่องคอมพของ คุณ ในการเขาถึงระบบไฟลบนฮารดดิสก แตคุณควรตรวจดูกอน ถาเครื่องคอมพของคุณมีแรมถึง 64 เมกะไบต นั่นลัถึงจะเหมาะสมที่จะปรับแตงแบบนี้ แตถามีแค 32 เมกะไบต ก็สามารถใชได แตตองมีวิธีการเพิ่มเติม โดยให คุณทําตามขั้นตอนดังนี้ คลิ้กเมาสขวามือที่ My Computer แลวเลือก Properties เลือกแท็บ Performent แลวคลิ้ก File System เลือกแท็บ Hard Disk ใหเปนแบบ Network server ตรงชอง Typical role of this machine คลิ้กปุม OK แลวรีสตารทวินโดวส เช็คฮารดดิสกสนับสนุน DMA (Direct Memory Access) ถาฮารดดิสกของคุณมีออปชันสนับสนุน DMA แตคุณไมใชออปชันนี้ และไมไดบอกใหเครื่องรับรู คุณอาจตอง เสียดายแย ออปชันตัวนี้ชวยใหเขาถึงขอมูลไดอยางรวดเร็ว ใหคุณทําตามขั้นตอนดังนี้นะครับ เพื่อแจงบอกให เครื่องคอมพของคุณรับทราบ แตคุณตองแนใจนะครับวา ฮารดดิสกของคุณสนับสนุน DMA ไมเชนนั้นเครื่องจะ เกิดแฮงกเปนแนแท คลิ้กเมาสขวามือที่ My Computer แลวเลือก Properties เลือกแท็บ Device Manager แลวคลิ้ก หัวขอ Disk drives ใหเปนเครื่องหมายลบ แลวเลือก General IDE DISK TYPE47 แลวดับเบิลคลิ้ก จะปรากฏ หนาตาง General IDE DISK TYPE47 Properties แลวคุณเลือกแท็บ Settings จากนั้นใหคุณแลวคลิ้ก ทําเครื่องถูก
321 หนาหัวขอ DMA คลิ้กปุม OK แลวรีสตารทวินโดวส เพิ่มความเร็วในการบูตเครื่อง ถาเครื่องของคุณบูตเขา วินโดวสไดชากวาปกติ ใหคุณลองเขาไปดูในไฟล Config.sys และ Autoexec.bat วามีการเรียกใชไดรเวอรอะไรที่ ไมจําเปนหรือไม ถาไดรเวอรตัวไหนที่มีอยูแลวในวินโดวสใหคุณลบไดรเวอรออกจากไฟล Config.sys หรือ Autoexec.bat ไดเลย ทําใหวินโดวสไมตองไปเรียกใชไดรเวอรตางใหเสียเวลา ยกเลิกฟอนตตัวอักษรที่ใชในวินโดวส ฟอนตใดที่ไมจําเปนตองใชหรือไมไดใชบอยๆ ก็ควรลบออกไปเสียเพื่อให วินโดวส สามารถทํางานไดเร็วขึ้น หรือไมก็ในขณะที่คุณติดตั้งฟอนตในวินโดวส ใหคุณนําเครื่องหมายถูกออก จาก Copy fonts to Fonst folder อยาโหลดโปรแกรมฝงตัวใน System Tray ใหมาก เพราะตัวบางตัวกินเนื้อที่ หนวยความจําเยอะ ทําใหการเรียกใชโปรแกรมอื่นชา คลานเหมือนเตายังไงยังงั้น ทั้งๆ ที่แรมมีเหลือเฟอ แตถา ไมไดใชบอย ก็ควรยกเลิกหรือกําจัดออกไปซะบาง จะชวยใหการใชโปรแกรมเร็วขึ้น และไมควรโหลดโปรแกรม ใน Start Menu เหมือนกัน เทคนิคที่วามา ยังไงคุณก็ลองนําไปปรับแตงกันดูนะครับ เผื่อวาจะชวยใหเครื่องคอมพ คุณเร็วขึ้น สามารถรันแอพพลิเคชันไดหลายโปรแกรม หรือสั่งพิมพงานไมตองรอนาน ทีนี้คุณก็จะไดใช ประสิทธิภาพที่มีอยูจริงใหคุมคาเสียที กอนที่จะอําลา 95 แลวหันหนาสูวินโดวส 98 ตอไป สําหรับวิธีนี้ จะเปนการแกไขคาในรีจิสตรีอีกตัวหนึ่ง ที่จะชวยทําใหระบบโหลดเคอรเนลใน Windows XP เอา ไปเก็บไวในแรมเลย และวิธีการนี้จะชวยทําใหมีประสิทธิภาพของแรมเพิ่มสูงขึ้นอยางมาก แต! มีขอจํากัดอยูอยาง หนึ่ง คือ เครื่องที่สามารถใชงานไดจะตองมีแรมไมต่ํากวา 256 เมกะไบตขึ้นไปครับ จึงจะเห็นผล ขั้นตอนการปรับแตง 1. เปดโปรแกรม Registry Editor ขึ้นมา โดยคลิกที่ Start > Run > พิมพ Regedit กด OK 2. เขาไปที่ HKEY_LOCAL_MACHINE > SYSTEM > CurrentControlSet > Control > SessionManager > Memory Management 3. ใหหาคียดังตอไปนี้ ที่หนาตางทางขวงมือ "DisablePagingExecutive"=dword:00000000 "LargeSystemCache"=dword:00000000 4. เมื่อพบแลวใหแกไขคาตัวเลย โดยเปลี่ยนเลข 0 ตัวสุดทายใหเปนเลข 1 หรือหากไมมี ใหสรางคียใหม โดยตั้งคาดังนี้ "DisablePagingExecutive"=dword:00000001 "LargeSystemCache"=dword:00000001
322
เปน 0
5. รีสตารทเครื่องใหม เพื่อใหคาที่เปลี่ยนแปลงเริ่มทํางาน 6. หากตองการใหคาตางๆที่ปรับแตงไวกลับเปนเหมือนเดิม ใหเปลี่ยนจาก 1 ไป
อยากใชคอมพิวเตอรใหเปน จะตองทําอยางไรกันบาง เริม่ ตนจากตรงนี้ หลาย ๆ คนทีไ่ ดมีโอกาสใชงานเครื่องคอมพิวเตอร ก็ทาํ ไดแคเพียงใชซอฟตแวรตาง ๆ ที่มีอยูใน เครื่องสําเร็จรูปแลวเทานัน้ วันดีคนื ดี เจาคอมพิวเตอรเครื่องเกงมีอันตองเกิดปญหาขึ้นมา ไมรูจะหัน หนาไปพึ่งใคร หากคุณพอจะรูจักกับอุปกรณตาง ๆ รวมถึงซอฟตแวรตาง ๆ ที่มีอยูในเครื่อง คอมพิวเตอรนนั้ บาง คงจะชวยไดมากใชไหมครับ อยางไรจึงจะเรียกวา ใชคอมพิวเตอรเปน คําถามแรกเลย คุณใชคอมพิวเตอรเปนหรือยัง คงจะไมมีคาํ ตอบที่แนนอนตายตัว วา อยางไรเรียกวาเปนนะครับ ในความคิดเห็นของผม หากคุณสามารถบอกไดทั้งหมดวา เครื่อง คอมพิวเตอรนนั้ มีสเปคอยางไร ใชซีพียู ความเร็วเทาไร ขนาดของแรม ชนิดของการดจอและการด เสียง อุปกรณตาง ๆ ที่ตอใชงานอยู ระบบปฏิบัติการ และซอฟตแวร ที่ใชงานอยูมีอะไรบาง และที่ สําคัญมากคือ จากจุดเริ่มตน ถาฮารดดิสกของคุณไมมีอะไรอยูเลย คุณสามารถที่จะลง Windows และโปรแกรมตาง ๆ ไดดวยตัวเองจบครบ ตามที่ตองการใชงานได สามารถใชงานซอฟตแวร ตาง ๆ ตามความจําเปน อาจจะไมตองครบทุกอยาง นั่นแหละ เรียกวาใชคอมพิวเตอรเปนในความคิด ของผมครับ ลองสํารวจตัวคุณเองกอน วาตอนนี้อยูใ นขัน้ ไหน ตรงไหนรูแลว ตรงไหนยังไมรูครับ
323
ลําดับการเริ่มตนเรียนรูคอมพิวเตอร มาดูลําดับการเริ่มตนศึกษาหาความรูเรื่องคอมพิวเตอรกอน ลองศึกษาทีละขั้นตอน อยาขามนะครับ 1. ศึกษาการใชงาน Windows ในเบื้องตน โดยที่ควรจะสามารถใชงานฟงคชันตาง ๆ พื้นฐานไดพอสมควร 2. ศึกษาการใชงาน ซอฟตแวรตาง ๆ ที่มีมากับเครื่อง เทาที่คิดวาจําเปนและตองการใชงาน เชน internet, word, excel ฯลฯ 3. อุปกรณตาง ๆ เชน printer, scanner, modem ที่มีตออยู ตองรูจักและใชงานไดเต็ม ความสามารถ 4. สามารถทําการลงซอฟตแวรใหม ๆ และทําการ Uninstall ออกได เนนที่ซอฟตแวรตาง ๆ ยังไมถึงกับลง Windows ใหมนะ 5. เริ่มตนหัดลง Windows ดวยตัวเอง จากการฟอรแม็ตฮารดดิสก ลบขอมูลออกทั้งหมด และลง Windows ไดจนครบ 6. สามารถจัดการกับ ฮารดดิสก ไดตามตองการ เชนการกําหนดขนาด การแบงพารตชิ ัน ตาง ๆ ตามตองการ 7. เริ่มตน การรื้อ ถอด ประกอบ ชิ้นสวนฮารดแวรตาง ๆ ของคอมพิวเตอร โดยเริ่มจาก สายไฟตาง ๆ สายจอ สายเมาส ฯลฯ 8. เปดฝาเครื่อง ลองสํารวจอุปกรณภายใน และทําความรูจ ักวา ชิน้ ไหนคืออะไร ใชสําหรับ ทําอะไร (มองเฉย ๆ อยาเพิ่งรื้อนะครับ) 9. ตรวจสอบสเปคเครื่องอยางละเอียด วาใชอุปกรณยหี่ ออะไร รุนไหน ขนาดเทาไรบาง เปนบทเรียนเริ่มตนดานฮารดแวรนะครับ 10. เริ่มตนการถอดเปลี่ยน ฮารดดิสก กอน ศึกษาการตอสายไฟ และสายขอมูลตาง ๆ (ฮารดดิสก จะ เปนจุดแรกที่ควรทราบไว) 11. หลังจากรูจ ักฮารดดิสก แลว การศึกษาตัว ซีดีรอม ฟลอปปดิสก ก็คงจะไมยากนัก 12. ถามีการด ตาง ๆ ที่เสียบอยูบนเมนบอรด เชนการดจอ การดเสียง โมเด็ม การทดลอง ถอด ใส ก็เปนอีกบทเรียนหนึ่งที่ดีมาก ๆ
324
13. ซีพียู แรม ทดลองแงะออกมา แลวใสกลับเขาไปใหม ใหคุนเคยมือเลยครับ 14. อุปกรณอนื่ ๆ สายไฟของระบบ สายแพร สายเสียง ฯลฯ ดูใหครบวามีอะไรบาง 15. สังเกตุ jumper ตาง ๆ และลองเปดคูมือเมนบอรดมาอานดู วาแตละตัวใชสําหรับทํา อะไรบาง 16. นึกภาพ วาถาจะอัพเกรดเครื่อง เปลี่ยน ซีพียูใหม เพิ่มแรม ฯลฯ ตองทําอะไรบาง หรือ ถามีซีพียูตัวใหมจริง ๆ ก็ลุยกันเลยครับ 17. ทําไดแคนี้ ก็ถือวาเกงแลวครับ ถาจะใหดี ตองถอดทุกชิ้นสวนออกมา แลวประกอบ ใหม ถาเครื่องใชงานได แปลวาคุณสอบผาน 18. หากสนใจเรื่องอินเตอรเน็ต ก็ลองเขียนเว็บไซตเปนของตัวเองขึ้นมาซักเว็บนึง อาจจะมี ไอเดียดี ๆ เกิดขึ้นตอเนื่องไดครับ อานแลวอยาเพิ่งใจเสียกันนะครับ ทุก ๆ หัวขอดานบนนี้ ใชเวลาศีกษาอยางนอยก็ ครึ่งปขึ้นไป ดังนั้น ไมตองฝนหวานกันเลย วาจะสามารถทําทุกอยาง เรียนรูไดภายใน 1 สัปดาห (แบบที่โรงเรียน สอนคอมพิวเตอรทั่วไป นิยมใชพูดกัน) แตถาหากคุณ สามารถทําไดทั้งหมดนี้ ก็จะเปนความภูมิใจ สวนตัว ของคุณเองครับ ในสวนของผม ก็คงจะทําไดแคเพียง หาขอมูลตาง ๆ ที่นาสนใจ มาแสดง เปนตัวอยางและแนวทางใหทุกทานไดทดลองทํากัน อาจจะมีบางเรื่องที่ตรงกับความตองการบาง ไมมากก็นอย จะเริ่มตนศึกษา ตองลงทุนกันหนอย มีคําถามทํานองนี้เขามาคอนขางบอยวา อยากจะเรียนคอมพิวเตอร ชวยแนะนําสถานที่สอนหรือ โรงเรียนที่ดี ๆ ใหหนอย โดยสวนตัวผมเองแลว เครื่องคอมพิวเตอรที่คณ ุ ใชงานนั่นแหละครับ คือ ครูที่ดีที่สุด เพียงแตวา หากตองการใช เครื่องคอมพิวเตอร ในการศึกษาหาความรู ก็ตอ งลงทุนกัน หนอย อยาเพิ่งนึกวาเปนการลงทุนอัพเกรด หรือตองซื้ออุปกรณตาง ๆ เพิ่มเติมนะครับ ผมหมายถึง การลงทุนโดยการลบทุกสิ่งทุกอยาง ที่มีเก็บอยูในเครื่องคอมพิวเตอรของคุณออกใหหมด และ เริ่มตนจากการ ทําการติดตั้งและลงซอฟตแวรตาง ๆ ดวยตัวคุณเอง ถาหากไดทดลองสักครั้งหนึ่ง ครั้งตอ ๆ ไปก็ไมใชเรื่องยากเลยครับ คราวตอไป ตองการที่จะอัพเกรดเครื่องดวยตัวเอง ก็ลองหา การดตาง ๆ แรม หรือซีพียู มาเปลี่ยนเอง จากนั้นความรูแ ละความชํานาญในดานตาง ๆ ก็จะตามมา เอง ไมยากหรอกครับ หากคิดวายากเกินไป ก็คงตองหาเพื่อนที่พอเปนมาเปนพี่เลี้ยงในครั้งแรก ๆ กอนด็ดีครับ บทสรุปสงทาย
325
การเรียนรู จะเกิดขึ้นไดจากการทดลอง หากตองการเรียนรูตองทําการทดลองดวยตัวคุณเอง เว็บไซตนี้ จะเปนขอมูลในเบื้องตน สําหรับการเรียนรูของทุก ๆ ทาน โดยผมจะพยายามเพิ่มเติม เนื้อหาใหครอบคลุมในทุก ๆ ดาน ไมวาจะเปนทางดาน ซอฟตแวร ฮารแวร เทคนิคตาง ๆ เทาที่ผม เองพอจะทราบอยูบาง อาจจะทําไดชาไปสักนิดก็คงไมวากันนะครับ เพราะเว็บไซตนี้ ผมทําเองคน เดียว โดยใชเวลาวางจากงานประจํามาอัพเดทขอมูล กําลังใจของผมก็คอื จํานวนผูเขาเยี่ยมชม เว็บไซตครับ วันไหนเห็น ตัวเลขจํานวนผูเขาเยี่ยมชมเว็บเพิ่มขึ้น ก็รูสึกวา สิ่งที่ไดทําลงไป มีผูคน สนใจและตั้งใจที่จะเรียนรูมากขึ้นครับ สวนแบนเนอรของเว็บไซตสปอนเซอร ที่ติดอยูดานบนของ แตละหนาเว็บ ก็ขอฝากไวใหชวย ๆ กันดูแลกันบางนะครับ คลิกบอย ๆ หรือทุกครั้งที่แวะเขามา เยี่ยมชมเว็บไซตนี้นะครับ ขอใหมีความสุขกับการ ใชงานเครื่องคอมพิวเตอรนะครับ
326
ชนิดคําสั่ง DOS คําสั่งของ DOS มีอยู 2 ชนิดคือ 1. คําสั่งภายใน (Internal Command) เปนคําสั่งที่เรียกใชไดทันทีตลอดเวลาที่เครื่องเปดใชงานอยู เพราะคําสั่งประเภทนี้ถูกบรรจุลงในหนวยความจําหลัก (ROM) ตลอดเวลา หลังจากที่ Boot DOS สวนมากจะเปนคําสั่งที่ใชอยูเ สมอ เชน CLS, DIR, COPY, REN เปนตน 2. คําสั่งภายนอก (External Command) คําสั่งนี้จะถูกเก็บไวในดิสกหรือแผน DOS คําสั่งเหลานี้จะ ไมถูกเก็บไวในหนวยความจํา เมื่อตองการใชคําสั่งเหลานี้คอมพิวเตอรจะเรียกคําสั่งเขาสู หนวยความจํา ถาแผนดิสกหรือฮารดดิสกไมมีคําสั่งที่ตองการใชอยูก ็ไมสามารถเรียกคําสั่งนั้น ๆ ได ตัวอยางเชน คําสั่ง FORMAT, DISKCOPY, TREE, DELTREE เปนตน รูปแบบและการใช คําสัง่ ภายใน 20 คําสั่ง คําสั่ง หนาที่ รูปแบบ 1. CLS (CLEAR SCREEN) ลบขอมูลบนจอภาพขณะนั้น CLS 2. DATE แกไข/ดูวันที่ใหกับ SYSTEM DATE 3. TIME แกไข/ดูเวลา ใหกับ SYSTEM TIME 4. VER (VERSION) ดูหมายเลข (version) ของดอส VER 5. VOL (VOLUME) แสดงชื่อของ DISKETTE VOL [d:] 6. DIR (DIRECTORY) ดูชื่อแฟมขอมูล, เนื้อที่บนแผนดิสก, ชื่อแผนดิกส DIR [d:] [path] [filename [.ext]] [/p] [/w] • /p หมายถึง แสดงชื่อแฟมขอมูลทีละ 1 หนาจอภาพ ถาตองการดูหนาตอไปใหกดแปนใด ๆ • /w หมายถึง แสดงชื่อแฟมขอมูลตามความกวางของจอภาพ 7. TYPE แสดงเนื้อหาหรือขอมูลในแฟมขอมูลที่กําหนด TYPE [d:] [path] [filename.[.ext]] 8. COPY ใชคัดลอกแฟมขอมูลหนึ่ง หรือหลายแฟมขอมูลจากแฟมขอมูลตนทาง ไปยังแฟมขอมูล ปลายทาง อาจจะเปนจากแผนดิสกแผนหนึ่งหรือแผนดิสกเดิมก็ได COPY [d:] [path]
327
[filename[.ext]] [d:] [path] filename[.ext]] 9. REN (RENAME] เปลี่ยนชื่อแฟมขอมูล (ขอมูลขางในแแฟมขอมูลยังเหมือนเดิม) REN [d:] [path] [oldfilename[.ext]] [newfilename[.ext]] 10. DEL (DELETE) ลบแฟมขอมูลออกจากแฟนดิสก DEL [d:] [path] [filename[.ext]] 11. PROMPT COMMAND เปลี่ยนรูปแบบตัวพรอมรับคําสั่ง (system prompt) เปนตัวใหมตามที่ ตองการ PROMPT [prompt-text] or propt $p$ $ หมายถึงตัวอักษร t หมายถึง เวลา d หมายถึง วัน เดือน ป p หมายถึง เสนทาง Directory ปจจุบัน v หมายถึง DOS VERSION NUMBER g หมายถึง เครื่องหมาย > l หมายถึง เครื่องหมาย < q หมายถึง เครื่องหมาย = 12. MD (MAKE DIRECTORY) สราง subdirectory (หองยอย) เพื่อจัดเก็บแฟมขอมูล MD [d:] [path] [Dir_name] 13. CD (CHANGE DIRECTORY) เปนคําสั่งในการเปลี่ยนไปใชงาน subdirectory ที่ตองการ CD [d:] [path] [Dir_name] CD\ (การยายกลับมาสู ROOT DIRECTORY CD.. (การยายกลับมาที่ DIRECTORY) 14. RD (REMOVE DIRECTORY) ลบ subdirectory (หองยอย) ที่สรางดวยคําสั่ง MD RD [d:] [path] [Dir_name] คําสั่งภายนอก(EXTERNAL COMMAND) คําสั่งภายนอกมี 2 นามสกุล 1.นามสกุลเปน .COM เปน file ที่บรรจุขอมูลที่ถูกแปลงเปนภาษาเครื่องแลว 2.นามสกุลเปน .EXE เปน file ที่บรรจุขอมูลที่เขียนโดยใชภาษาระดับสูงและแปลงเปนภาษาเครื่อง แลว คําสั่ง หนาที่ รูปแบบ 1. TREE แสดงรายชื่อ directory ทั้งหมดในแผนดิสก ที่กําหนด TREE [d:] [/f] /f หมายถึงรายชื่อแฟมขอมูลในแตละ subdirectory ดวย 2. SYS (SYSTEM) เปนคําสั่ง copy แฟมขอมูลที่ใชในการเปดเครื่องลงในแผนดิสกหรือฮารดดิสก ที่ไมมีระบบ (เปดเครื่องไมได) SYS [d:] 3. CHKDSK (CHECK DISK) ตรวจสอบ directory หรือ file แสดงจํานวน memory ที่ใชไปและที่
328
เหลืออยู รวมถึงเนื้อที่ บนแผนดิสกที่ใชไป และที่เหลืออยู CHKDSK [d:] [path] [filename[.ext]] [/f] [/v] /f หมายถึง การตรวจสอบเนือ้ ที่ที่เสียหาย /v หมายถึง ใหแสดง directory และ แฟมขอมูลที่ซอนอยู 4. LABEL เพื่อกําหนดชื่อ (volume label), เปลี่ยนหรือลบ volume label บนดิสก LABEL [d:] [volume label] 5. FORMAT กรณีที่ diskette ใหม จะเปนการจัด track และ sector ของ diskette ใหม เพื่อใหเขียน ขอมูลได กรณีที่เปน diskette ที่มีขอมูลอยูแลวเมื่อใชคําสั่งนี้ขอมูลจะถูกลางไปหมด พรอมที่เขียนขอมูลใหม FORMAT [d:] [/s] [/v] /s หมายถึง ทําการ format โดยทําการคัดลอก โปรแกรมระบบดอส (BIO.COM, OS.COM, COMMAND.COM) /v หมายถึง กําหนด volume label ใหดิสก 6. DISKCOPY (COPY DISKETTE เปนคําสั่งที่ใช copy file ทั้งหมดจากแผนดิสกจากแผนหนึ่ง ไปใสอีกแผนหนึ่ง แตถาแผนดิสกอีกแผน ยังไมไดทาํ การ format ก็จะทําการ format ใหโดย อัตโนมัติ DISKCOPY [d:] [d:] อยากใชคอมพิวเตอรใหเปน จะตองทําอยางไรกันบาง เริม่ ตนจากตรงนี้ หลาย ๆ คนทีไ่ ดมีโอกาสใชงานเครื่องคอมพิวเตอร ก็ทาํ ไดแคเพียงใชซอฟตแวรตาง ๆ ที่มีอยูใน เครื่องสําเร็จรูปแลวเทานัน้ วันดีคนื ดี เจาคอมพิวเตอรเครื่องเกงมีอันตองเกิดปญหาขึ้นมา ไมรูจะหัน หนาไปพึ่งใคร หากคุณพอจะรูจักกับอุปกรณตาง ๆ รวมถึงซอฟตแวรตาง ๆ ที่มีอยูในเครื่อง คอมพิวเตอรนนั้ บาง คงจะชวยไดมากใชไหมครับ อยางไรจึงจะเรียกวา ใชคอมพิวเตอรเปน คําถามแรกเลย คุณใชคอมพิวเตอรเปนหรือยัง คงจะไมมีคาํ ตอบที่แนนอนตายตัว วา อยางไรเรียกวาเปนนะครับ ในความคิดเห็นของผม หากคุณสามารถบอกไดทั้งหมดวา เครื่อง คอมพิวเตอรนนั้ มีสเปคอยางไร ใชซีพียู ความเร็วเทาไร ขนาดของแรม ชนิดของการดจอและการด เสียง อุปกรณตาง ๆ ที่ตอใชงานอยู ระบบปฏิบัติการ และซอฟตแวร ที่ใชงานอยูมีอะไรบาง และที่ สําคัญมากคือ จากจุดเริ่มตน ถาฮารดดิสกของคุณไมมีอะไรอยูเลย คุณสามารถที่จะลง Windows และโปรแกรมตาง ๆ ไดดวยตัวเองจบครบ ตามที่ตองการใชงานได สามารถใชงานซอฟตแวร ตาง ๆ ตามความจําเปน อาจจะไมตองครบทุกอยาง นั่นแหละ เรียกวาใชคอมพิวเตอรเปนในความคิด ของผมครับ ลองสํารวจตัวคุณเองกอน วาตอนนี้อยูใ นขัน้ ไหน ตรงไหนรูแลว ตรงไหนยังไมรูครับ
329
ลําดับการเริ่มตนเรียนรูคอมพิวเตอร มาดูลําดับการเริ่มตนศึกษาหาความรูเรื่องคอมพิวเตอรกอน ลองศึกษาทีละขั้นตอน อยาขามนะครับ 1. ศึกษาการใชงาน Windows ในเบื้องตน โดยที่ควรจะสามารถใชงานฟงคชันตาง ๆ พื้นฐานไดพอสมควร 2. ศึกษาการใชงาน ซอฟตแวรตาง ๆ ที่มีมากับเครื่อง เทาที่คิดวาจําเปนและตองการใชงาน เชน internet, word, excel ฯลฯ 3. อุปกรณตาง ๆ เชน printer, scanner, modem ที่มีตออยู ตองรูจักและใชงานไดเต็ม ความสามารถ 4. สามารถทําการลงซอฟตแวรใหม ๆ และทําการ Uninstall ออกได เนนที่ซอฟตแวรตาง ๆ ยังไมถึงกับลง Windows ใหมนะ 5. เริ่มตนหัดลง Windows ดวยตัวเอง จากการฟอรแม็ตฮารดดิสก ลบขอมูลออกทั้งหมด และลง Windows ไดจนครบ 6. สามารถจัดการกับ ฮารดดิสก ไดตามตองการ เชนการกําหนดขนาด การแบงพารตชิ ัน ตาง ๆ ตามตองการ 7. เริ่มตน การรื้อ ถอด ประกอบ ชิ้นสวนฮารดแวรตาง ๆ ของคอมพิวเตอร โดยเริ่มจาก สายไฟตาง ๆ สายจอ สายเมาส ฯลฯ 8. เปดฝาเครื่อง ลองสํารวจอุปกรณภายใน และทําความรูจ ักวา ชิน้ ไหนคืออะไร ใชสําหรับ ทําอะไร (มองเฉย ๆ อยาเพิ่งรื้อนะครับ) 9. ตรวจสอบสเปคเครื่องอยางละเอียด วาใชอุปกรณยหี่ ออะไร รุนไหน ขนาดเทาไรบาง เปนบทเรียนเริ่มตนดานฮารดแวรนะครับ 10. เริ่มตนการถอดเปลี่ยน ฮารดดิสก กอน ศึกษาการตอสายไฟ และสายขอมูลตาง ๆ (ฮารดดิสก จะ เปนจุดแรกที่ควรทราบไว) 11. หลังจากรูจ ักฮารดดิสก แลว การศึกษาตัว ซีดีรอม ฟลอปปดิสก ก็คงจะไมยากนัก 12. ถามีการด ตาง ๆ ที่เสียบอยูบนเมนบอรด เชนการดจอ การดเสียง โมเด็ม การทดลอง ถอด ใส ก็เปนอีกบทเรียนหนึ่งที่ดีมาก ๆ
330
13. ซีพียู แรม ทดลองแงะออกมา แลวใสกลับเขาไปใหม ใหคุนเคยมือเลยครับ 14. อุปกรณอนื่ ๆ สายไฟของระบบ สายแพร สายเสียง ฯลฯ ดูใหครบวามีอะไรบาง 15. สังเกตุ jumper ตาง ๆ และลองเปดคูมือเมนบอรดมาอานดู วาแตละตัวใชสําหรับทํา อะไรบาง 16. นึกภาพ วาถาจะอัพเกรดเครื่อง เปลี่ยน ซีพียูใหม เพิ่มแรม ฯลฯ ตองทําอะไรบาง หรือ ถามีซีพียูตัวใหมจริง ๆ ก็ลุยกันเลยครับ 17. ทําไดแคนี้ ก็ถือวาเกงแลวครับ ถาจะใหดี ตองถอดทุกชิ้นสวนออกมา แลวประกอบ ใหม ถาเครื่องใชงานได แปลวาคุณสอบผาน 18. หากสนใจเรื่องอินเตอรเน็ต ก็ลองเขียนเว็บไซตเปนของตัวเองขึ้นมาซักเว็บนึง อาจจะมี ไอเดียดี ๆ เกิดขึ้นตอเนื่องไดครับ อานแลวอยาเพิ่งใจเสียกันนะครับ ทุก ๆ หัวขอดานบนนี้ ใชเวลาศีกษาอยางนอยก็ ครึ่งปขึ้นไป ดังนั้น ไมตองฝนหวานกันเลย วาจะสามารถทําทุกอยาง เรียนรูไดภายใน 1 สัปดาห (แบบที่โรงเรียน สอนคอมพิวเตอรทั่วไป นิยมใชพูดกัน) แตถาหากคุณ สามารถทําไดทั้งหมดนี้ ก็จะเปนความภูมิใจ สวนตัว ของคุณเองครับ ในสวนของผม ก็คงจะทําไดแคเพียง หาขอมูลตาง ๆ ที่นาสนใจ มาแสดง เปนตัวอยางและแนวทางใหทุกทานไดทดลองทํากัน อาจจะมีบางเรื่องที่ตรงกับความตองการบาง ไมมากก็นอย จะเริ่มตนศึกษา ตองลงทุนกันหนอย มีคําถามทํานองนี้เขามาคอนขางบอยวา อยากจะเรียนคอมพิวเตอร ชวยแนะนําสถานที่สอนหรือ โรงเรียนที่ดี ๆ ใหหนอย โดยสวนตัวผมเองแลว เครื่องคอมพิวเตอรที่คณ ุ ใชงานนั่นแหละครับ คือ ครูที่ดีที่สุด เพียงแตวา หากตองการใช เครื่องคอมพิวเตอร ในการศึกษาหาความรู ก็ตอ งลงทุนกัน หนอย อยาเพิ่งนึกวาเปนการลงทุนอัพเกรด หรือตองซื้ออุปกรณตาง ๆ เพิ่มเติมนะครับ ผมหมายถึง การลงทุนโดยการลบทุกสิ่งทุกอยาง ที่มีเก็บอยูในเครื่องคอมพิวเตอรของคุณออกใหหมด และ เริ่มตนจากการ ทําการติดตั้งและลงซอฟตแวรตาง ๆ ดวยตัวคุณเอง ถาหากไดทดลองสักครั้งหนึ่ง ครั้งตอ ๆ ไปก็ไมใชเรื่องยากเลยครับ คราวตอไป ตองการที่จะอัพเกรดเครื่องดวยตัวเอง ก็ลองหา การดตาง ๆ แรม หรือซีพียู มาเปลี่ยนเอง จากนั้นความรูแ ละความชํานาญในดานตาง ๆ ก็จะตามมา เอง ไมยากหรอกครับ หากคิดวายากเกินไป ก็คงตองหาเพื่อนที่พอเปนมาเปนพี่เลี้ยงในครั้งแรก ๆ กอนด็ดีครับ บทสรุปสงทาย
331
การเรียนรู จะเกิดขึ้นไดจากการทดลอง หากตองการเรียนรูตองทําการทดลองดวยตัวคุณเอง เว็บไซตนี้ จะเปนขอมูลในเบื้องตน สําหรับการเรียนรูของทุก ๆ ทาน โดยผมจะพยายามเพิ่มเติม เนื้อหาใหครอบคลุมในทุก ๆ ดาน ไมวาจะเปนทางดาน ซอฟตแวร ฮารแวร เทคนิคตาง ๆ เทาที่ผม เองพอจะทราบอยูบาง อาจจะทําไดชาไปสักนิดก็คงไมวากันนะครับ เพราะเว็บไซตนี้ ผมทําเองคน เดียว โดยใชเวลาวางจากงานประจํามาอัพเดทขอมูล กําลังใจของผมก็คอื จํานวนผูเขาเยี่ยมชม เว็บไซตครับ วันไหนเห็น ตัวเลขจํานวนผูเขาเยี่ยมชมเว็บเพิ่มขึ้น ก็รูสึกวา สิ่งที่ไดทําลงไป มีผูคน สนใจและตั้งใจที่จะเรียนรูมากขึ้นครับ สวนแบนเนอรของเว็บไซตสปอนเซอร ที่ติดอยูดานบนของ แตละหนาเว็บ ก็ขอฝากไวใหชวย ๆ กันดูแลกันบางนะครับ คลิกบอย ๆ หรือทุกครั้งที่แวะเขามา เยี่ยมชมเว็บไซตนี้นะครับ ขอใหมีความสุขกับการ ใชงานเครื่องคอมพิวเตอรนะครับ
ทําความรูจ ก ั กับ CPU รุน ตาง ๆ ทีม ่ ใี ชงานมาตัง้ แตอดีตจนถึงปจจุบน ั สําหรับหนานี้ มีความตองการใหทานไดพอรูจัก CPU ตาง ๆ บาง กอนอื่นก็ตองบอกกอนวา ทั้งหมดทีไ่ ดรวบรวม มา อาจจะมีบางอยางผิดพลาดไดบาง ทัง้ นีไ้ ดพยายามสรุปมาเทาที่ ความรูความสามารถจะพอทําได หวังเพียงวาให ทาน ไดพอรูจักการพัฒนาของ CPU แบบตาง ๆ ที่มีใชงานกันบาง CPU รุน เกา ๆ ในอดีต เริม ่ จากยุคแรก ๆ สมัยทีม ่ ีคอมพิวเตอรใชกันเลยอันนี้ก็เปนการพัฒนาของ Intel • • • • • • • • • • • • • •
1971 : 4004 Microprocessor รุนแรกของ Intel ใชงานในเครื่องคิดเลข 1972 : 8008 Microprocessor รุนที่พัฒนาตอมา ใชงานแบบ "TV typewriter" กับ dump terminal 1974 : 8080 Microprocessor รุนนีเ้ ปนการใชงานแบบ Personal Computer รุนแรก ๆ 1978 : 8086-8088 Microprocessor หรือรุน XT ยังเปนแบบ 8 bit เปน PC ที่เริม ่ ใชงานจริงจัง 1982 : 80286 Microprocessor หรือรุน AT 16 bit เริม ่ เปนคอมพิวเตอรที่ใชงานแพรหลายกันแลว 1985 : 80386 Microprocessor เริ่มเปน CPU 32 bit และสามารถทํางานแบบ Multitasking ได 1989 : 80486 Microprocessor เขาสูยุคของการใชจอสี และมีการติดตัง้ Math-Coprocessor ใน ตัว 1993 : Pentium Processor หลายคนยังใชอยูใ นตอนนี้ครับ 1995 : Pentium Pro Processor สําหรับเครื่อง Server และ Work Station 1997 : Pentium II Processor ปจจุบน ั ยังพอหาไดอยูบ าง 1998 : Pentium II Xeon(TM) Processor สําหรับ Server และ Work Station 1999 : Celeron(TM) Processor สําหรับตลาดระดับลางของ Intel ที่ตัดความสามารถบางสวนออก 1999 : Pentium III Processor เปนทีน ่ ยิ มกันมาก 1999 : Pentium III Xeon(TM) Processor สําหรับ Server และ Work Station
ในยุคของ 80486 และ Pentium สวนของ AMD ก็เริม ่ ออก CPU มาบางแลวเทาที่เคยไดยน ิ มาบางก็มด ี งั นี้ X86, AM186, AM386, AM486 แตรุนทีเ่ ริม ่ พอจะเคยไดยน ิ มาก็จะเริ่มที่ 5x86, K5, K6, K6-II, K6-III, Athlon ปจจุบน ั มีขาวของ Spitfire และ Thunderbird บางแลว ยุดกลาง ๆ ก็ยังมี Cyrix อีกยี่หอหนึ่ง เริ่มจากไหนไมแนใจ แตทเี่ คยไดยน ิ ก็จะเปน 6x86, 6x86MX และ Cyrix MII ซึ่งปจจุบน ั นีย้ ังพอเห็นมีขายอยูบาง มาดู CPU ในแตละรุน เปรียบเทียบกันดีกวา Brand
Model
Detail
Intel
8086
?
Intel
8088
?
332 Intel
80186
?
Intel
80286
?
Intel
80386 (SX/DX)
16-33 MHz Vcore 5.5V.
Intel
80486 (SX/DX2)
25-66 MHz L1=8K Vcore 5.25V.
Intel
80486 (DX4)
75-100 MHz L1=16K Vcore=3.6V.
Intel
80586 (Pentium)
60-100MHz L1=8+8K
Intel
Pentium Classic (P54C)
100-166MHz L1=8+8K Vcore 3.3V
Intel
Pentium MMX (P55C)
166-233MHz MMX, L1=16+16K Vcore 2.8V
AMD
5x86
L1=16K
AMD
K5
L1=8+16K
AMD
K6
166-300MHz MMX L1=32+32K
Cyrix
6x86
PR166 Vcore 3.5V
Cyrix
6x86MX
PR200-233 Vcore 2.9V
Cyrix
M II
PR300-333 Vcore 2.9V
CPU รุน ปจจุบน ั ทีนี้มาดู CPU รุน ปจจุบันกันบาง คงจะเปนตัวเลือกที่ดีสําหรับใครที่กําลังมองหาซื้อ CPU ใหมตอนนี้ Brand
Model
Speed
FSB
Vcore
Interface
Intel
Pentium II
233-333 MHz
66 MHz
2.8 V.
Slot-1
0.35Micron MMX L1=32K L2=512K Half Speed
Intel
Pentium II
350-450 MHz
100 MHz
2.0 V.
Slot-1
0.25Micron MMX L1=32K L2=512K Half Speed
Intel
Celeron
266-300 MHz
66 MHz
2.0 V.
Slot-1
0.25Micron MMX L1=32K no L2
Intel
Celeron
300-533 MHz
66 MHz
2.0 V.
Intel
Celeron II
533-766 MHz
66 MHz
0.18Micron MMX SSE Ondie 1.50 FC-PGA 370 L2=128K Full Speed V.
Intel
Celeron II
800-1000 MHz
100 MHz
0.18Micron MMX SSE Ondie 1.50 FC-PGA 370 L2=128K Full Speed V.
AMD
K6-II
266-366 MHz
66 MHz
2.2 V.
Socket 7
0.25Micron MMX 3DNow! L1=64K
AMD
K6-II
350-500 MHz
100 MHz
2.2 V.
Socket 7
0.25Micron MMX 3DNow! L1=64K
AMD
K6-III
400-450 MHz
100 MHz
2.4 V.
Socket 7
0.25Micron MMX 3DNow! L1=64K L2=256K Full Speed
AMD
K6-II+
500-550 MHz
100 MHz
2.0 V.
Socket 7
0.18Micron MMX 3DNow! L2=128K
AMD
K6-III+
450 MHz
100 MHz
2.0 V.
Socket 7
0.18Micron MMX 3DNow! L2=256K
AMD Athlon K7
500-1000 MHz
200 MHz DDR
1.60 V.
Slot-A
Cyrix
700-933 MHz
?
?
C3
Intel Pentium III
450-600 MHz
100 MHz / 2.0 V. 133 MHz
Techonoly
FC-PGA 370 0.25 Micron MMX L1=32K / Slot-1 L2=128K Full Speed
0.25Micron MMX E-3DNow! L1=128K L2=512K Half Speed
Socket 370 ? Slot-1
0.25 Micron MMX SSE L1=32K ECC L2=512K Half Speed
333 100 MHz / 133 MHz
0.18Micron MMX SSE Ondie 1.65 FC-PGA 370 L2=256K Full Speed V.
800-1130 133 MHz MHz Celeron II - 1.0A-1.3A 100 MHz Intel Tualatin GHz
0.18 Micron MMX SSE Ondie 1.70 FC-PGA 370 L2=256K Full Speed V. 0.18Micron MMX SSE Ondie 1.47 FC-PGA 370 L2=256K Full Speed V.
Intel Pentium III
500-733 MHz
Intel Pentium III
AMD
Duron
AMD
Athlon TBird
200 MHz DDR
1.60 V.
Socket A
0.18Micron MMX E-3DNow! L1=128K L2=64K Full Speed
700-1533 200/266 MHz MHz DDR
1.70 V.
Socket A
0.18Micron MMX E-3DNow! L1=128K L2=256K Full Speed
600-1200 MHz
AMD Athlon XP+
13331667 MHz
266 MHz DDR
1.75 V.
Socket A
0.18Micron MMX E-3DNow! L1=128K L2=256K Full Speed
AMD Athlon MP
1200 MHz
266 MHz DDR
1.75 V.
Socket A
0.18Micron MMX E-3DNow! L1=128K L2=256K Full Speed SMP
Intel
Pentium 4
1.3-1.8 GHz
400 MHz QDP
0.18Micron MMX SSE2 1.70 FC-PGA 423 L2=256K Full Speed V.
Intel
Pentium 4
1.5-2.0 GHz
400 MHz QDP
1.70 0.18Micron MMX SSE2 FC-PGA 478 V. L2=256K Full Speed
Intel
Pentium 4(A)
1.6A-2.2A 400 MHz GHz QDP
0.13Micron MMX SSE2 1.50 FC-PGA 478 L2=512K Full Speed V.
AMD
Advance Micro Device
MMX
MultiMedia eXtension
SSE
Streaming SIMD Extensions
PGA
Pin Grid Array
SECC
Single Edge Contact Cartridge
SEPP
Single Edge Processor Package
SMP
Symmetric Multi-Processor
FC-PGA
Flip-Chip Pin Grid Array
DDR
Double Data Rate
QDP
Quad-Pumped Techonology
L1
Cache Level 1 จะอยูภายในชิป
L2
Cache Level 2 อยูในหรือนอกชิป
On die Cache Level 2 ที่อยูในตัวชิป ก็ตองบอกกอนนะครับวาในหนานี้ทั้งหมด ผมเพียงแคสรุปมาใหเห็นภาพและเขาใจงาย ๆ เทานัน ้ หากทานใด ตองการขอมูลของ CPU แบบละเอียด ลึกซึ้งละก็ ไปดูทเี่ ว็บไซตตาม Link เหลานี้ • • • •
http://www.intel.com http://www.amd.com http://www.cyrix.com http://www.ibm.com
ปญหาการ shutdown และการแกใขเบื้องตน ปญหาจาก sound files เสียหาย เมื่อตองการตรวจสอบวาแฟมเสียง Exit Windows เสียหายหรือไม คลิก Start ชี้ไปที่ Settings คลิก Control Panel จากนั้นคลิก Sounds
334
ภายใต Events ใหคลิก Exit Windows ภายใต Name ใหคลิก (None) จากนั้นคลิก OK ปดระบบคอมพิวเตอร ถา Windows 98 ปดระบบอยางถูกตอง ปญหาอาจเกิดจากแฟมเสียงเสียหาย ใหเลือกหนึ่งใน ปฏิบัติการตอไปนี้เพื่อแกไขปญหา นําแฟมเสียงจากขอมูลที่ทําสํารองไวกลับคืนที่เดิม ติดตั้งโปรแกรมที่มีแฟมเสียงนั้นใหมอีกครัง้ ปลอยให Windows 98 กําหนดคาเพื่อไมใหมกี ารเลนแฟมเสียง Exit Windows ตอไป การปดระบบอยางรวดเร็วเปนคุณลักษณะใหมที่รวมอยูใน Windows 98 ที่ชวยลดเวลาทีใ่ ช ในการปดระบบคอมพิวเตอรไดมาก อยางไรก็ตาม คุณลักษณะนี้เขากันไมไดกับอุปกรณฮารดแวร บางอยาง และสามารถทําใหคอมพิวเตอรของคุณหยุดการตอบสนองถามีการติดตั้งอุปกรณเหลานี้ เมื่อตองการปดการใชการปดระบบอยางรวดเร็ว คลิก Start คลิก Run พิมพ Msconfig ในกลอง Open จากนั้น คลิก OK คลิก Advanced คลิกเพื่อเลือกกลองกาเครื่องหมาย Disable fast shutdown คลิก OK จากนัน้ คลิก OKอีกครั้ง เริ่มตนคอมพิวเตอรของคุณใหม เมื่อคุณไดรับแจงใหทําเชนนั้น ปดระบบคอมพิวเตอร และรอใหคอมพิวเตอรปดระบบ ถาคอมพิวเตอรปดระบบอยางถูกตอง คุณลักษณะการปดระบบอยางรวดเร็วอาจเขากันไมไดกับ อุปกรณฮารดแวร อยางนอยหนึ่งอยางที่ติดตั้งอยูในคอมพิวเตอรของคุณ คุณไมจําเปนตองทําตามขั้นตอนใด ๆ เพิ่มเติม อยางไรก็ตาม คุณอาจจะตองการติดตอกับผูผลิตอุปกรณที่ติดตั้งในคอมพิวเตอรของคุณ และสอบถามวาอุปกรณ ของคุณ เขากันไดกับคุณลักษณะการปดระบบอยางรวดเร็วของ Windows 98 หรือไม เมื่อตองการตรวจสอบวาคุณลักษณะ APM กอใหเกิดปญหาการปดระบบหรือไม คลิก Start ชี้ไปที่ Settings คลิก Control Panel และคลิกสองครั้งที่ System บนแท็บ Device Manager ใหคลิกสองครั้งที่ System Devices คลิกสองครั้งที่ Advanced Power Management support ในรายการอุปกรณ คลิกแท็บ Settings จากนั้นคลิกเพื่อลางกลองกาเครื่องหมาย Disable power status polling คลิก OK จนกระทั่งคุณกลับไปยัง Control Panel
335
เริ่มตนคอมพิวเตอรใหม ปดระบบคอมพิวเตอร คัดลอกมาจาก windows help ปญหาในการเเสดงผล ปญหาในการแสดงผล ใชการดจอของ TNT แลวเมื่อพิมพขอความตาง ๆ ไมยอมขึ้นมาทันที เปนปญหาที่พบบอยมาก กับผูที่ใชการดจอ TNT ลองใช Driver ของ Detonator Version 3.65 หรือใหมกวานี้ หาไดจาก http://www.nvidia.com ชัตดาวนแลวปรากฎขอความ Windows protect error เกิดมาจากไดรเวอรของอุปกรณฮารดแวรประเภทการดจอ และเมนบอรดเสีย การแกไขคือ ก็ไปดาวนโหลดไดรเวอร ตัวใหม มาแทนไดรเวอร ตัวเกา สวนคนที่ใชการดจอของ Nvidia และใช ไดรเวอร Detemator 3 (6.xx) ก็จะเกิดปญหานี้ดวย เพราะวา Detemator 3 (6.xx) จะไมทําการเคลียรแรม เมื่อเลิก ใช พอทําการชัตดาวนวินโดวสมันจะจัดการกับแรมที่คางไมได ทางแกไขนั้นใหทําการ ดาวนโหลดไดรเวอรการดจอของ Nvidia 7.xx แตไดรเวอรตัวนี้กยังมีปญหาในการเลน Mode 3D วิธีแกก็ใหคุณทําการรีสตารทใหม 1 ครั้ง แลวคอยชัตดาวนครับ เพราะเหตุใดจอจึงดับโดยไรสาเหตุ ใช Windows 98 ตอนบูตเครื่องขึ้นมาไมมีปญหา แตถาทิ้งเครื่องไวสักประมาณ 5 นาทีหรือขณะกําลังทํางาน อยู จอก็ดับไปเฉย ๆ แตเครื่องทํางานอยู ถาไปกดปุม ESC ก็จะกลับมาเหมือนเดิม สาเหตุที่เปนอยางนั้นก็คือ เกิดจาก การตั้งคา ในสวน Power Management ของวินโดวส ขั้นตอนการแกไขก็ทําตามขั้นตอนดังนี้ 1 เขาไปในสวนของ Display Properties คลิก Screen Saver 2 คลิกปุม Setting 3 คลิกที่ Power Schemes 4 เลือกคาตาง ๆ ในสวนของ Setting for Always ใหเปน Never ใหหมด และคลิกปุม OK 5 คลิกปุม OK อีกครั้ง แคนี้ก็สามารถแกไขปญหาไดแลว ปญหาสีเพี้ยนของหนาจอ ปญหาสีเพี้ยนลักษณะนี้อาจเกิดจากคลื่นแมเหล็กที่วางอยูใกล ( ไมโครเวพ,ลําโพง ) ถาพที จึงมีสีเพี้ยน ซึ่งหากวา มีการนําลําโพงที่ไมมี Shield ปองกันคลื่นแมเหล็ก ไปวางไวขางจอคอมพิวเตอร ก็อาจพบวาภาพบน จอคอมพิวเตอรแสดงสี วิธีการแกไขก็เพียงวางลําโพงใหหางจากจอคอมพิวเตอรหรือหาลําโพงที่ Shield ปองกันคลื่นแมเหล็กมาใช
จอภาพสั่น
336 ปญหานี้เกิดจากการไมไดเขาไปปรับอัตรา Refresh Rate ของจอภาพ หรือถาปรับแลวก็ยังสั่นอยูอีก ใหลองดูครับ วามีคลื่นแมเหล็กหรือเปลา เชน จอภาพที่วางใกล ๆ กัน หรือจะเปนคลื่นจากลําโพงที่วางไวใกลกับจอภาพ อัตรา Refresh สูง ๆ นั้นจะชวยใหภาพที่แสดงออกมานั้นนิ่งดูสบายตามากขึ้น สําหรับจอภาพขนาด 15" สวนใหญจะปรับอัตรา Refresh Rate อยูที่ 75-85 Hz ซึ่งการปรับอัตรา Refresh Rate นี้ จะสัมพันธกับความละเอียดของจอดวย เชน 800x600 @ 85Hz , 1024x768 @ 75Hz ฯลฯ ขั้นตอนการปรับอัตรา Refresh Rate ทําไดดังนี้ 1. คลิกขวาที่ Desktop เลือก Properties 2. คลิกที่แท็บ Settings และคลิกที่ Advanced 3. คลิกที่แท็บ Adapter ที่ Refresh Rate สามารถปรับอัตรา Refresh Rate ไดตามตองการ 4. คลิก ปุม OK 5. คลิกปุม YES เพื่อยืนยันอีกครั้ง เพียงแคนี้ก็สามารถแกปญหาไดแลวละครับ หากไมมีสวนใหปรับคา Refresh Rate ทําอยางไร หลังจากการที่ไดติดตั้งไดรเวอรตาง ๆ ครบแลวครั้นจะมาทําการปรับแตงอัตรา Refresh Rate แตปรากฎวาไม สามารถทําไดเลย เพราะไมมีชองใหปรับแตง ซึ่งหากวาพบปณหาแบบนี้ก็ตอง ใชซอฟตแวรชวยในการปรับแตง คือ โปรแกรม Power Strip โดยดาวนโหลดไดจากเว็บไซต http://www. Download.com ขั้นตอนในการปรับแตงจากโปรแกรม Power Strip มีดังนี้ 1 คลิกขวาที่ไอคอน Power Strip 2 เลือกไปที่ตัวเลือก Desk top 3 ปรับคารีเฟรชในสวนของ Refresh Rate ซึ่งควรปรับอยูที่ 70-85 Hz 4 เมื่อปรับแลวก็ให คลิกปุม OK เทานี้ก็สามารถปรับอัตรารีเฟรซไดแลวครับ ปญหาเมนบอรด อาการเสียที่เกิดจากเมนบอรดนั้นเปนปญหาที่คอนขางแกไขยาก และเกิดจากหลายสาเหตุ เนื่องจากมีอุปกรณ หลายตัวเขามาติดตั้งอยูบนเมนบอรด ทําใหเมื่อเมนบอรดมีปญหามักหาสาเหตุไมคอยเจอ สวนใหญจะมองไปที่ อุปกรณตัวอื่นมากกวา เพราะจะวาไปแลวโอกาสที่อาการเสียจะเกิดจากเมนบอรดนั้น มีคอนขางนอยทําใหอาจนึก ไมถึง สําหรับอาการเสียของเมนบอรดจะคลายกับอาการเสียของอุปกรณตัวอื่นที่ติดตั้งอยูบนเมนบอรด เชนเครื่องบูตไม ขึ้น , จอภาพมืด สวนใหญจะคิดวาสาเหตุนาจะเกิดมาจากจอภาพและฮารดดิสกมากกวา หรืออาการเครื่องแฮงค บอย หลายคนมักวิเคราะหวานาจะเกิดจากแรม หรือไมก็ ซีพียู แตแทจริงแลว หากเมนบอรดเสีย เครื่องก็ไม สามารถบูตได หรือเกิดอาการแฮงคบอยไดเหมือนกัน แนวทางในการวิเคราะหปญหาเกิดจากเมนบอรดมีดังนี้ - ตรวจสอบการเชื่อมตอของขั้วตอตาง ๆ บนเมนบอรดและอุปกรณตาง ๆ ใหแนนและถูกตอง เชนขั้วตอสายแพ กับฮารดดิสก , ขั้วตอสายไฟจากเพาเวอรซัพพลายกับกับเมนบอรด เปนตน - ตรวจสอบการติดตั้งของอุปกรณตาง ๆ บนเมนบอรดใหถูกตอง เชน แรม หรือการดตาง ๆ บนเมนบอรดใหแนน - ตรวจสอบการระบายความรอนบนอุปกรณเมนบอรดเชน พัดลมชิพเซ็ท พัดลมพาวเวอรซัพพลาย หรือพัดลม เสริมตัวอื่น ๆ วายังทํางานอยูดีหรือไม
337 - ตรวจสอบการเซ็ตจัมเปอรและดิปสวิตซบนเมนบอรดวากําหนดคาตาง ๆ ถูกตองหรือ สวนมากมักจะเปน เมนบอรด รุนเกา ๆ - ตรวจสอบการกําหนดคาในไบออสวามีการกําหนดคาถูกตองและเหมาะสมหรือไม - ตรวจสอบถานแบตเตอรี่บนเมนบอรดวาหมดแลวหรือยังถาหมดใหเปลี่ยนถานใหม - หากเมนบอรดถามหาพาสเวิรดแลวจําไมไดใหทําการเคลียรไบออสโดยถอดจัมเปอรไปเสียบที่ขา Clear Bios (ดู คูมือเมนบอรดประกอบ) หรือจะถอดถานแบตเตอรี่ออกมาทิ้งไวสักพักแลวใสเขาไปใหมก็ได - ตรวจวสอบอุปกรณฮารดแวรที่นํามาติดตั้งวาเขากันไดกับเมนบอรดหรือไม บางครั้งหากผูใชซื้ออุปกรณรุนใหม ๆ มาเมนบอรดตัวเดิมจะไมสามารถรองรับได ใหทําการอัพเดทไบออสเพื่อใหเมนบอรดมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถรูจักกับอุปกรณ ใหม ๆ ได หากไดทําการตรวจสอบขั้นตอนเหลานี้แลวยังไมพบปญหาก็อาจเปนไปไดวา เมนบอรดเสีย ใหเช็คดูวามี กระแสไฟลัดวงจร หรือเมนบอรดชอตหรือไม โดยตรวจสอบแทนรองน็อตหรือมีวัตถุแปลกปลอมอยางอื่นที่ สามารถนําไฟฟาไดแอบแฝงอยูบนเมนบอรดหรือไม ซึ่งปญหาที่พบบอยที่สุดคือ เมื่อผูใชไดติดตั้งเมนบอรดแลว ลืมนอตตกคางอยูบนเมนบอรดเมื่อมีกระแสไฟจายเขามาก็อาจทําใหเมนบอรดพังได เพราะนอตตัวเล็ก ๆ จะเปน ตัวนํากระแสไฟไดเปนอยางดี สรุป การที่จะรูวาเมนบอรดของคุณเสียเปลาตองมีการทดสอบคือนําเมนบอรดตัวใหมมาทดสอบครับ ถาไมมีคง จะตองถึงมือชางแลวละครับ ปญหาหนังไมมีภาพ วิธีแกไขภาพกระตุกเมื่อชมภาพยนตร ในการชมภาพยนตรนั้นหากวาอัตราการรีเฟรซภาพ (การกะพริบของหนาจอ) ไมเร็วภาพที่ออกมาก็จะมีอาการ กระตุก ๆ แตอาการกระตุกก็อาจเกิดจากเครื่องเลนซีดีเกาเกินไปหรือแผนที่ดูนั้นอาจไมดีก็ได ซึ่งหากวามีการรี เฟรซแลวอาการกระตุกยังไมหาย ก็ใหตรวจสอบจากจุดนี้ดวยโดยขั้นตอนการปรับอัตราการรีเฟรซของภาพใหเร็ว ขึ้นก็สามารถทําไดดังนี้ 1. คลิกขวาบนพื้นที่วาง ๆ ของเดสกทอป แลวเลือกไปที่คําสั่ง Properties 2. คลิกไปที่แท็ป Settings 3. เลือกสีในสวนของ Color เปน 256 Color 4. เลือกความละเอียดในสวนของ Screen ไปที่ 640 by 480 pixels 5. คลิกปุม Ok เพื่อทําการบันทึกคา เพียงเทานี้ก็จะทําใหอัตราการรีเฟรซของภาพเร็วขึ้นแลวครับ วิธีการปรับแตงไมโครโฟน ในการปรับแตงไมโครโฟนนั้นสามารถปรับแตไดในสวนของ Sound ที่อยูใน Control Panel โดยเมื่อทําการเสียบ ไมโครโฟนลงไปในซาวนการดแลวก็สามารถทํางานไดทันที แตในบางครั้งเราอาจจะไปปดเสียงของไมโครโฟน ไว ผลที่ตามมาเมื่อพูดใสโมโครโฟนก็จะไมมีอะไรเกิดขึ้น (ทําใหหลายคนคิดไปวาไมโครโฟนเสียแน ๆ ) ซึ่ง ขั้นตอนในการใชไมคนั้นสามารถทําไดดังนี้ 1. ดับเบิ้ลคลิกไอคอนรูปลําโพงขางลางทางซายมือของจอภาพ 2. คลิกเมนูคําสั่ง Option>Properties 3. จะพบตัวเลือกใหเลือกอยู 2 ตัวเลือกคือ
338 - Playback แสดงรายละเอียดของเสียที่จะออกมา - Recording แสดงรายละเอียดของการปรับรายละเอียดของการอัดเสียง ก็ใหเลือกที่ตัวเลือกแรก 4. คลิกเครื่องหมายถูกหนาตัวเลือก Microphone ในสวนของ Show all… 5. คลิกปุม OK 6. เพียงเทานี้ก็สามารถปรับเสียงดัง-เบาไดแลว โดยการเลื่อนตัวปรับระดับเสียงในสวนของ Microphone 7. หากวาตองการปรับรายละเอียดเพิ่มเติมของไมโครโฟน ก็ใหคลิกปุม Advanced 8. ซึ่งเราสามารถปรับเสียงสูง (Treble) เสียงต่ํา (Bass) ไดในสวนของ Tone Controls 9. เมื่อทําการปรับแตงจนพอใจแลว ก็ใหคลิกปุม Close ผมมีวิธีเลนอะไรสนุกๆ ใน System Properties ของ Windows มาบอกครับ วิธีเอา Logo ของคุณ ใสไป ใน System Property นะครับ และ ยังใส information ของเครื่องเราเขาไปเพิ่มเติมได ดวย โดยภาพจะเปนแบบรูปที่ผมเอามาใหดูนะครับ วิธีทําแบงเปน 2 ขั้นคือ สรางรูป Logo กับ สราง Infomation 1. สรางรูป ให สรางรูปขนาด สูง 114 กวาง 180 Pixel 2. ใส Logo ยังไง ก็ไดตามใจคุณ 3. save เปน file ชื่อ oemlogo.bmp 1.สราง information ใหสรางตาม pattern นี้ ครับ สวนขอมูลดานในที่เปนของผม หลัง เครื่องหมาย = คุณจะใส อะไรก็ได แตใหคงขอความ หนา เครื่องหมาย = ใวนะครับ [General] Manufacturer=My Custom Computer Model=Thunder Bird 800 MHz [Support Information] Line1= Built January 1,2001 Line2= Line3= System Info Line4= --------------------------------------Line5= Line6= TB 800 MHz With Alpha PAL 6035 + Delta Fan Line7= Run On Asus A7V Rev 1.04 Bios 1007 Line8= 320 Meg Of Ram <Micron 64meg & Infineon 256 meg> Line9= Vga Msi Geforce 256 SDR Tv Out Line10= Sound Blaster Vibra 128 Line11= Quantum Fireball Plus AS 20 Gig Line12= Modem Supra Express 56.6 Internal Line13= 6 Fans All over Case Line14=
339 Line15= And So On....... Line16=....................................... 2.ใสเสร็จให save เปน ชื่อ oeminfo.ini ครับ ขั้นสุดทาย ใหเอาทั้ง 2 file ไปใวที่ windows\system นะครับ โดยจะ back up file เดิมใวหรือไมก็ได ออ ใชไดทั้ง win 98/me นะครับ
เปดเครื่องแลวใชเวลาในการบูตนาน ทุกครั้งที่เปดเครื่องจะใชเวลาในการบูตนาน เนื่องจากมีการกําหนดใหเครื่องโหลดโปรแกรมในตอน เริ่มตนมากเกินไป หรืออาจเปนเพราะมีการปรับแตงการแสดงผลของจอภาพมากเกินไป เชนมีการใสภาพใหกับ หนาจอ หรือปรับแตงใหมีการแสดงผลในรูปแบบที่ตางไปจากการแสดงผลแบบปกติ ก็เปนได การเช็คดูวามีโปรแกรมใดบางที่โหลดขึ้นมาในชวงการบูตเครื่อง ขอสังเกตจุดแรกเลยก็คือที่ System tray ถามี Icon แสดงอยูมากแสดงวามีการโหลดโปรแกรมมาก ใหทําการเช็คดูวาสวนใดบางที่ไมจําเปนตอการใชงาน ขอแนะนํา
จากรูป 1. Icon Task monitor เปนโปรแกรมสําหรับการตรวจสอบระบบเอาออกได 2. Icon สลับภาษา 3. Icon Display 4. Icon Sound 5. Icon Sound card 6. Clock
ใชสําหรับสลับภาษาไทย/อังกฤษ มีหรือไมมีก็ได ใชปรับแตงหนาจอภาพ เอาออกได ปรับแตงเสียง เอาออกได ปรับแตงรายการตางๆ ไมจําเปน เอาออกได นาฬิกาบอกเวลา ใหคงไว
การตรวจสอบโปรแกรมที่โหลดขึ้นมา ชวงบูตเครื่อง 1. คลิกเมาสที่ปุม Start เลือก Run… 2. ที่กรอบโตตอบ พิมพ msconfig คลิก OK.
340
3. คลิกเมาสที่แถบ Start Up
*** รายการที่ปรากฏในหนาตาง แสดงถึงโปรแกรมตางๆ ที่เครื่องจะทําการโหลดขึ้นมาในชวงที่ทําการบูต
เครื่อง จะเห็นวาบางสวนเปนการโหลดโปรแกรมที่ไมจําเปนตองใชขึ้นมาดวย***
โปรแกรมสวนที่จําเปนตอการทํางาน สลับภาษา สํารองขอมูลของระบบอัตโนมัติ 2. ScanRegistry 3. system Tray แสดงการทํางานของระบบบน Task bar 4. LoadPowerProfile การกําหนดรหัสผาน 1. Internat.exe
เมื่อดูในสวนนี้จะเห็นวามีโปรแกรมจํานวนมากที่เครื่องทําการโหลดขึ้นมา แตที่จําเปนตอการใชงานจะ มีเพียงไมกี่โปรแกรม เมื่อทําการตรวจสอบดูแลว โปรแกรมใดที่ไมสําคัญสามารถที่จะกําหนดใหเครื่องไมตองทํา การโหลดโดยคลิกยกเลิกเช็คมารกหนาโปรแกรมออก หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงในสวนของ Config ของระบบ เครื่องจะใหทําการ Restart เครื่องใหม กอนจึงจะทําใหการเปลี่ยนแปลงนี้สมบูรณ แตถาหัวขอใดที่กําหนดใหทําการเปลี่ยนแปลงไมไดเครื่องก็จะทําการ เปลี่ยนใหเปนดังตอนเริ่มตนกอนการเปลี่ยนแปลงเหมือนเดิม **************************************** เครื่องคอมพิวเตอร Shut Down ไมได
341 ปญหาที่เกิดในสวนนี้อาจเกิดจากการตั้งคาของ Power Management เอาไว แลวเกิดการ Conflict กับโปรแกรมบางตัวทําใหเมื่อใชคําสั่ง Shut Down แลวทําใหเครื่องปดไมลง
การทดสอบปญหา 1. คลิกเมาสที่ปุม Start เลือกคลิกที่ Run… 2. ที่กรอบโตตอบพิมพ Msconfig คลิก OK.
3. ที่กรอบโตตอบคลิกเมาสที่ปุม Advance
4. คลิกเมาสยกเลิกเช็คมารกที่รายการ Disable fast shutdown ออก คลิกปุม OK 5. คลิกปุม OK. แลวทําการ Restart เครื่องใหมอีกครั้ง
หลังจากบูตเครื่องขึ้นมาใหทําการทดสอบโดยใชคําสั่ง Shutdown ดูวาเครื่องสามารถที่จะทําการ Shutdown ไดหรือไม(ปกติแลวถาไมมีปญหาอื่นๆ อีก เครื่องจะ Shutdown ไดตามปกติ)***
***
*****************************************
คอมพิวเตอรที่เราๆทานๆเห็นกันจนชินตานั้นสวนใหญจะเปนคอมพิวเตอรที่เรียกวา พีซี แตที่จริงแลวยังมี คอมพิวเตอรอีกมากมายหลายประเภทซึ่งแตละประเภทก็เหมาะสําหรับงานแตกตางกันออกไปสําหรับรายละเอียด นั้นมีดังนี้
342 คอมพิวเตอรประเภทนี้ถือวาเปนคอมพิวเตอรรุนใหญที่สุดที่มีพลังการประมวลผลเร็วที่สุดและสามารถ รองรับการคํานวณที่สลับซับซอน และมีปริมาณมหาศาลไดสบายสวนใหญแลวองคกรที่ใชซุปเปอรคอมพิวเตอร มักจะเปนองคกรรัฐบาลหนวยงาน ทางทหาร มหาวิทยาลัย หรือบริษัทที่มีขนาดใหญ เนื่องจากซุปเปอรคอมพิวเตอรราคาสูงมากนั่นเอง สําหรับ หนาตาของซุปเปอรคอมพิวเตอรก็มีหลากหลายแบบบางรุนก็มีลักษณะกระบอกสูงทวมหัวบางยี่หอ ก็มีลักษณะ เปนตูสี่เหลี่ยมขนาดใหญสวนยี่หอที่โดงดังที่สุดก็คือCray
คอมพิวเตอรประเภทนี้ก็จัดวาเปนเครื่องรุนใหญเหมือนกัน แตเมนเฟรมใชกัน แพรหลายกวาซุปเปอรคอมพิวเตอรเนื่องจากมีราคาต่ํากวาและสามารถรองรับงาน หนักของธุรกิจไดเปนอยางดี องคกรที่ใชเมนเฟรมจะเปนองคกรขนาดใหญ เชน ธนาคาร บริษัทประกันภัย มหาวิทยาลัย หนวยงานรัฐบาลเปนตน ระบบปฏิบัติการที่ใชสวนใหญจะเปนของ ผูผลิตเมนเฟรมเอง ปจจุบันเมนเฟรมเสื่อมความนิยมลงอยางรวดเร็ว เนื่องจากมีราคาแพง และมีคอมพิวเตอร อยางอื่นที่สามารถเขามารองรับงานไดเชนกัน จุดออนอีกอยางของเมนเฟรมก็คือจะตองซื้ออุปกรณและ ซอฟตแวรจากผูผลิตนั้นเพียงบริษัทเดียว
คอมพิวเตอรประเภทนี้จัดอยูในรุนกลาง ซึ่งไดรับความนิยมมากอยูพอสมควร เนื่องจากมีราคาถูกกวา เมนเฟรมและสามารถรองรับงานธุรกิจไดดีระดับหนึ่งสวนใหญแลวมินิคอมพิวเตอรจะใช Unix เปนระบบ ปฏิบัติการคอมพิวเตอรประเภทนี้พบมากในองคกรตั้งแตขนาดกลางขึ้นไป
ไมโครคอมพิวเตอร (Micro Computer) เปนเครื่องคอมพิวเตอรที่มีขนาดเล็ก ราคาถูก ที่เรามักจะ เรียกวา"คอมพิวเตอรสวนบุคคลหรือเครื่องพีซี"(Personal Computer : PC) สามารถใชเปนเครื่อง สวนตัวหรือใชเปนเครื่องลูก(Client)ในเครือขายซึ่งในปจจุบันถูกพัฒนาใหมีประสิทธิภาพสูงมากเราสามารถ แบงเครื่องในระดับไมโครคอมพิวเตอรตามขนาดของเครื่องไดดังนี้
เปนคอมพิวเตอรสําหรับตั้งโตะ (Desktop Computer) เปนเครื่องคอมพิวเตอรที่ใชงานตามบาน และสํานักงานเปนคอมพิวเตอรที่มีการใชงานอยางแพรหลาย เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูง ราคาไมแพง และถูก พัฒนาอยางตอเนื่อง โนตบุคคอมพิวเตอร (Notebook Computer) เปนคอมพิวเตอรที่มี ความสามารถเหมือนกับคอมพิวเตอรแบบตั้งโตะ แตถูกยอใหมีขนาดเล็ก น้ําหนักเบา เพื่อใหผูใชงานสามารถหิ้วไปไหนมาไหนไดสะดวกเหาะที่จะนําติดตัวไปใชงานตาม สถานที่ตางๆได
343
เปนคอมพิวเตอรแบบพกพาเชนเดียวกับโนตบุคสามารถใชประโยชนไดเชนเดียวกับคอมพิวเตอรแบบตั้งโตะ แตมีขนาดเล็กและน้ําหนักเบากวามาก เหมาะสําหรับผูใชที่ตองเดินทางไกลบอยๆ
ปาลม (Palm) เปนคอมพิวเตอรขนาดเล็กแบบใหมที่กําลังเปนที่นิยม เปนเครื่องประเภท Organizer ที่ใชเปนสมุดบันทึกประจําวัน กําหนดการ รับสงเมล เปนตน สามารถพกพาติดตัว ไปมาไดสะดวกเนื่องจากตัวเครื่องมีขนาดเล็กมาก แท็บเลต พีซี (Tablet PC) เปนคอมพิวเตอรที่กําลังทยอยออกสูตลาด ใชจดบันทึกขอความ ตารางนัด หมาย เก็บเบอรโทรศัพท ฯลฯ จุดเดนที่สําคัญของเครื่อง Tablet PC ก็คือ สามารถจดบันทึกขอความลงไป บนหนาจอไดเลย งายตอการจดบันทึก
หลักการทํางานของระบบคอมพิวเตอรเริ่มจากผูใชจะทําการปอนขอมูลหรือคําสั่งผานทางอุปกรณรับขอมูล (InputDevices) ซึ่งขอมูลหรือคําสั่งที่รับเขามาจะถูกนําไปตีความ และประมวลผลโดยหนวยประมวลผล กลาง (Central Processing Unit) แลวนําผลที่ไดจากการประมวลผลมาเก็บไวที่หนวยความจําแรม พรอมกับแสดง ออกทางอุปกรณแสดงผล(OutputDevices)
344
ดังนั้นระบบคอมพิวเตอรจึงประกอบดวย 4 สวน ไดแก สวนประมวลผลกลาง หนวยความจํา อุปกรณรับ ขอมูล และอุปกรณแสดงผลซึ่งแตละสวนมีรายละเอียดดังนี้ หนวยประมวลผลกลาง หรือซีพียู เปนสวนสําคัญที่ทําหนาที่ในการประมวลผลขอมูล และควบคุม การทํางานของระบบ เปรียบเสมือนกับสมองของคนที่ทําหนาที่ในการคิด คํานวณ และคอยควบคุมการทํางาน ทุกสวนของรางกาย ซีพียูก็เชนเดียวกันมันจะทําหนาที่คิดคํานวณ และควบคุมการทํางานทุกสวนของระบบ คอมพิวเตอรใหสามารถทํางานไดตามตองการ
หนวยความจํา เปนสวนที่ใชสําหรับเก็บขอมูลและโปรแกรมตางๆมีทั้งแบบที่ใชเก็บขอมูลแบบถาวรและแบบ ที่ใชเก็บขอมูลแบบชั่วคราวหนวยความจําเปนสวนที่มีความจําเปนตอการทํางานของระบบคอมพิวเตอรถาไมมี หนวยความจําเราก็คงไมสามารถบันทึกขอมูลใดๆไวไดเลย เราแบงหนวยความจําออกเปน 2 ประเภท คือ
หนวยความจําหลัก เปนสวนที่ทําหนาที่รวมกับซีพียู โดยจะเปนที่สําหรับเก็บขอมูลสําคัญๆสําหรับซีพียู มีทั้ง ที่เก็บขอมูลแบบถาวรและชั่วคราว ซึ่งไดแก หนวยความจํารอม (ROM) และหนวยความจําแรม (RAM) ตามลําดับ หนวยความจํารอม(ROM : Read Only Memory) เปนหนวยความจําชนิดที่อานได อยางเดียว ใชเก็บขอมูลแบบถาวร และไมตองการพลังงานไฟฟาในการหลอเลี้ยงเราใชหนวยความจํา ชนิดนี้ในการเก็บโปรแกรมควบคุมการทํางานของระบบที่เรียกวา ไบออส (BIOS : Basic Input Output System) หนวยความจําแรม(RAM:RanddomAccessMemory) เปนหนวยความจําชนิดที่ตองการ พลังงานไฟฟาในการทํางานขอมูลภายในแรมจะสูญหายทันทีที่มีการดับเครื่อง แรมจะทํางานรวมกับซีพียูโดย ซีพียูจะใชแรมเปนที่เก็บขอมูลที่จะเปนตอการประมวลผลในขณะนั้นซึ่งจะเปนการจัดเก็บขอมูลแบบชั่วคราว เทานั้น คอมพิวเตอรเครื่องใดที่มีแรมมากๆก็จะทําใหเครื่องนั้นทํางานไดเร็วขึ้น หนวยความจําสํารอง คือ อุปกรณที่ทําหนาที่ในการเก็บบันทึกขอมูล และโปรแกรมตางๆแบบถาวรไดแก ฮารดดิสก ฟล็อปปดิสก แผนซีดีรอม ฯลฯ โดยถาเปนขอมูลที่มีขนาดเล็ก และตองการเคลื่อนยายไฟลไปที่
345 คอมพิวเตอรเครื่องอื่นๆก็ใชฟล็อปปดิสก แตถาเปนขอมูลที่มีขนาดใหญมากๆก็จะเก็บลงในฮารดดิสก หรือ แผนซีดีรอมซึ่งขอมูลที่เก็บในฟล็อปปดิสก หรือฮารดดิสก เราสามารถเปลี่ยนแปลงแกไข และบันทึกลงไปใหม ไดสวนแผนซีดีรอมไมสามารถเปลี่ยนแปลงได อุปกรณรับขอมูล เปนสวนที่ทําหนาที่รับขอมูลหรือคําสั่งจากผูใชเขาสูระบบคอมพิวเตอรแลวนําไป ประมวลผล อุปกรณรับขอมูลที่วานี้ ไดแก เมาส คียบอรด ฟล็อปปดิสก สแกนเนอร เปนตน
อุปกรณแสดงผล เปนสวนที่ทําหนาที่ในการนําผลลัพธที่ไดจากการประมวลผลของซีพียูไปแสดงผลอุปกรณ แสดงผลที่วานี้ไดแกจอภาพพริ้นเตอรลําโพงเปนตน คอมพิวเตอรสามารถแบงไดเปน 2 สวนคือ สวนของฮารดแวร และซอฟตแวร โดยทั้งสองสวนนี้จะตองมีการ ทํางานรวมกันเพื่อใหเกิดการตอบสนองตอการสั่งงานจากผูใชซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ ฮารดแวร หมายถึง อุปกรณตางๆที่ประกอบขึ้นเปนเครื่องคอมพิวเตอร ทั้งสวนประกอบภายในและภายนอก เครื่อง อยางเชน ซีพียู แรม ฮารดดิสก จอภาพเปนตน ซึ่งเปนสวนที่เรามองเห็น และสามารถจับตองได ซอฟตแวร หมายถึง โปรแกรมหรือชุดคําสั่งที่ใชสั่งงานใหคอมพิวเตอรทํางานตามที่เราตองการ ซึ่งหมายถึง ระบบปฏิบัติการและโปรแกรมตางๆ ที่เราใชงานกันอยูทุกวัน ไมวาจะเปน Windows 98/ME ,MS Office ,Linux, Lotus, Winzip เปนตน ซึ่งเปนสวนที่ไมสามารถมองเห็นและจับตองได
เครื่องคอมพิวเตอรหรือที่เรามักจะเรียกวาเครื่องพีซีนั้น เกิดจากการประกอบกันของอุปกรณตางๆมากมาย ทั้ง สวนที่อยูภายในเครื่องและสวนที่อยูภายนอกเครื่องไมวาจะเปนซีพียู ,แรม,การดแสดงผล,ฮารดดิสก,เมาส, จอภาพ, คียบอรด ฯลฯ ซึ่งในแตละสวนก็จะมีหนาที่และความสําคัญแตกตางกันไป เราจึงจําเปนที่จะตองทําความ รูจักกับอุปกรณตางๆเหลานี้ และเรียนรูใหเกิดความเขาใจถึงหนาที่การทํางานของอุปกรณแตละสวน เพื่อเปน ความรูพื้นฐานกอนที่จะพิจารณาเลือกซื้ออุปกรณเหลานั้นมาประกอบเครื่องไดอยางถูกตองและมีประสิทธิภาพ
อุปกรณภายนอกเครื่องพีซี เปนสวนที่เราสามารถมองเห็นไดโดยไมจาํ เปนตองเปดเครื่อง ไดแก จอ ภาพ,เคส,คียบอรด,ลําโพง และเมาส
346
1.จอภาพ(Monitor)ใชแสดงผลขอมูลหรือกราฟกที่ไดจากการประมวลผลจากซีพียู 2. เคส (Case) ใชติดตั้งอุปกรณตางๆไมวาจะเปนเมนบอรด ฮารดดิสก ซีดีรอม ฟล็อปปดิสก การดตางๆ เปนตน 3.คียบอรด(Keyboard)ใชปอนขอมูลหรือคําสั่งตางๆเขาสูเครื่องพีซี 4. เมาส (Mouse) เปนอุปกรณชวยอํานวยความสะดวกในการเลือกคําสั่งหรือเลื่อนเคอรเซอรไปยังตําแหนงที่ ตองการ 5.ลําโพง(Speaker)เปนอุปกรณที่ใชแสดงเสียงจากสื่อมัลติมีเดียตางๆ
เมื่อเปดฝาครอบเครื่อง PC ออกมา จะพบวาภายในจะมีแผนวงจร และอุปกรณติดตั้งอยูในตําแหนงตางๆรวมไป ถึงสายไฟ และสายสัญญาณที่เชื่อมตอตามจุดตางๆตอไปนี้มาทําความรูจักกับชิ้นสวนตางๆภายในเครื่อง PC วาแต ละสวนเรียกวาอะไรและทําหนาที่อยางไร 1. ซีพียู (CPU) เปนสมองของคอมพิวเตอร ทําหนาที่ประมวลผลขอมูลและควบคุมการทํางานของระบบ ประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการทํางานของเครื่องจะขึ้นอยูกับซีพียู เปนหลัก ดังนั้น ซีพียูจึงเปนชิ้นสวนที่ สําคัญที่สุดและก็แพงที่สุดดวย 2. แรม (RAM) ใชเก็บขอมูลและโปรแกรมที่กําลังใชงานอยู เพื่อรอสงใหกับซีพียูใชประมวลผลโดยจะเปนการ เก็บขอมูลเพียงชั่วคราวเทานั้นถาปดเครื่องขอมูลก็จะหายทันที 3. เมนบอรด (Mainboard) เปนแผงวงจรขนาดใหญที่ใชติดตั้ง และเชื่อมตอกับอุปกรณตางๆไมวาจะเปนซีพียู แรม ฮารดดิสก ซาวนการด เปนตน เหมือนกับศูนยกลางการติดตอระหวางอุปกรณตางๆ 4. ฮารดดิสก (Harddisk) ใชเก็บขอมูลขนาดใหญไดอยางถาวร นอกจากจะใชเก็บขอมูลแลวฮารดดิสกยังเปน สวนที่ใชเก็บระบบปฏิบัติการรวมไปถึงโปรแกรมตางๆอีกดวย 5. ซีดีรอมไดรว (CD-ROM Drive) เปนอุปกรณที่ใชอานขอมูลจากแผนซีดีรูปแบบตางๆไมวาจะเปน แผนโปรแกรมแผนเพลงและแผนหนัง 6. ฟล็อปปดิสกไดรว (Floppy Disk Drive) เปนอุปกรณที่ใชอาน/เขียนแผน Floppy Disk ที่ใชเก็บขอมูลขนาด
347 เล็กซึ่งมีความจุเพียง1.44MBเหมาะสําหรับโอนถายขอมูลขนาดเล็กหรือใชทําแผนบูต 7. ชองขยาย (Expansion Slot) เปนชองตอเติมที่ใชติดตั้งการดชนิดตางๆ อยางเชน ซาวนการด การดแลน การด จอภาพ เปนตน ในปจจุบันจะมีอยู 3 ชนิดไดแก ISA, PCI และ AGP 8. แหลงจายไฟ (Power Supply) อุปกรณที่ใชจายไฟใหกับอุปกรณตางๆภายในเครื่อง จะเห็นวาจะมีสายไฟจาก เพาเวอรซัพพลายเชื่อมตอไปยังอุปกรณตางๆ
ระบบ BUS บนเครื่องคอมพิวเตอร BUS หมายถึง ชองทางการขนสงถายขอมูลจากอุปกรณหนึ่งไปยังอุปกรณหนึ่งของระบบคอมพิวเตอรเพราะการ ทํางานของระบบคอมพิวเตอร CPU จะตองอานเอาคําสั่งหรือโปรแกรมจากหนวยคงวามจํา มาตีความและทําตาม คําสั่งนั้นๆ ซึ่งในบางครั้งจะตองอานขอมูลจากอุปกรณอื่นๆ เพื่อใชประกอบในการทํางาน หรือใชประมวลผล ดวยผลลัพธของการประมวล ก็ตองสงไปแสดงที่ยังจอภาพ หรือเครื่องพิมพหรืออุปกรณอื่นๆ ระบบ CPU ทาง กายภาพ คือสายทองแดงที่วางตัวอยูบนแผงวงจรของเครื่องคอมพิวเตอร ที่เชื่อมโยงกับอุปกรณตางๆ ความกวาง ของระบบบัส จะนับขนาดขอมูลที่วิ่งอยูโดยจะมีหนวยเปน บิต (BIT) บนเครื่องไมโครคอมพิวเตอร บัสจะมีความ กวางจะทําใหการสงถายขอมูลจะทําไดครั้งละมากๆ จะมีผลทําใหคอมพิวเตอรเครื่องนี้ทํางานไดเร็วตามไปดวย ระบบบัส ขนาด 16 บิตก็คือระบบการสงถายขอมูลพรอมๆกันในคราวเดียวกันไดถึง 16 บิต และบัส 32 บิต ยอม
348 เร็วกวาบัส 16 บิต ในระบบบัสที่สงขอมูลไดจํานวนเทาๆกัน นั้นก็ยังมีบางอยางที่ทําใหการสงขอมูลมีความ แตกตางกัน ดังที่เราจะเห็นวาเครื่องพีซีของเราในปจจุบันจะมีระบบบัสอยูหลายขนาดเชน ISA, EISA. MCA, VLPCI เปนตน ทั้ง ISA, AGP,VLPCI ลวนแตเปน CARD เพิ่มขยาย (EXPANSION CARD) ซึ่งนํามาตอกับระบบ บัสเพิ่มขยาย (EXPANSION BUS) ที่จะชวยเพิ่มประสิทธิภาพ และชวยเพิ่มขีดความสามารถใหกับคอมพิวเตอร ระบบบัสเพิ่มขยายนั้น จะชวยใหเราสามารถปรับแตง หรือเพิ่มขยายความสามารถของระบบ โดยผานทาง PKUGINBOARD หรือเรียกวา เปน CARD เพิ่มขยาย EXPANSION CARD เชนเมื่อตองการให เครื่องCOMPUTER มี เสียง อยากใหคอมพิวเตอรเลนเพลงไดก็ตองหาซื้อSOUNDCARD และลําโพงมาตอเพิ่ม โดยแคนํามา PLUG ลง ใน EXPANSION SLIT บน MAINBOARD และทําการ CONFIG ก็สามารถใชงานได โดยไมจําเปนตอง เดินสายไฟ รื้อ MAINBOARD ใหยงุ ยาก ระบบบัสเพิ่มขยายนี้มีใชมานานแลว โดยสมัยแรกๆ ที่ทําการลดขนาด เมนเฟรม เปน MINICOMPUTER บริษัท DIGITAL EQUIPMENTDORPORATION หรือที่รูจักกันในนาม DEC ไดวางตลาด MINICOMPUTER ลักษณะ BUS-ORIENTED DESIGN ซึ่งประกอบไปดวย แผงวงจร ยอยๆบน BOARD นํามาประกอบรวมกัน ตอมา เครื่องจักรที่ไดรับยกยองวาเปน PC (PERSONAL COMPUTER) เครื่องแรกก็ไดถือกําเนิดขึ้นเปนผลงานของED ROBERTS โดยใหชื่อวา ALTAIR (อัลแตร) ซึ่งลักษณะของเครื่อง นี้ จะเปนลักษณะ SINGLE BOARD MACHINE กลาวคือมีเพียง BOARD เปลาๆ ซึ่งมี SLOTเพิ่มขยายใหจํานวน หนึ่ง และตัว CPU เองรวมทั้งหนวยความจําหลัก (MAINMEMORY/RAM) ก็อยูบน BOARD เพิ่มขยายที่นํามา PLUG บน SLOT นั้นๆนั่นเอง โดยระบบบัสที่ใชเรียกวา S-100 หรือ ALTAIR BUS (IEEE 696) ซึ่งก็ใชเปน มาตรฐานในวงการนี้มานานหลายป แตก็ใชวาเครื่องทุกๆ เครื่องจะตองใชALTAIR BUS นี้ เพราะทาง APPLE เองก็ออกมาตรฐานของตัวเองขึ้นมา เรียกวา APPLE BUSและทาง IBM เอง ก็ไดกําหนดมาตรฐาน PC BUS ขึ้นมาพรอมๆกับการ IBM PC ตนแบบ
การทํางานของระบบคอมพิวเตอร ถาเปรียบเทียบกับระบบโครงสราง รางกายของมนุษยเรานาจะ เปรียบเทียบไดงายและเห็นภาพชัดเจน เพราะอยางนอยคนเราสวนใหญคงจะพอรู ระบบโครงสรางการทํางาน ของรางกายของเราเองอยูบางไมมากก็นอยละ ดังนั้นระบบการทํางานของบัสก็จะ คลายกับเสนเลือดในรางกายของมนุษยนั่นเองสําหรับทําหนาที่ในการสงถายกระแสเลือดไปหลอเลี้ยงสวนตางๆ ของรางกาย ซึ่งกระแสเลือดในระบบคอมพิวเตอรก็คือขอมูล (Data)นั่นเอง บัส คือ ทางเดินหรือ ชองทางระหวาง อุปกรณที่ใชในการติดตอสื่อสารภายในคอมพิวเตอร ในระบบไมโครคอมพิวเตอร การสงถายขอมูลสวนมากจะเปนระหวางไมโครโปรเซสเซอรกับอุปกรณภายนอก ทั้งหมด โดยผานบัส ในไมโครโพรเซสเซอรจะมีบัสตางๆ ดังนี้ บัสขอมูล (DATA BUS) คือบัสที่ ไมโคร โพรเซสเซอร (ซีพียู) ใชเปนเสนทางผานในการควบคุมการสงถายขอมูลจากตัวซีพียูไปยังอุปกรณภายนอก หรือรับขอมูลจากอุปกรณภายนอกเพื่อทําการประมวลผลที่ซีพียู บัสรองรับขอมูล( ADDRESS BUS) คือบัสที่ตัว ซีพียู เลือกวาจะสงขอมูลหรือรับขอมูลจากอุปกรณไหนไปที่ใด โดยจะตองสงสัญญาณเลือกออกมาทางแอดเดรส บัส บัสควบคุม (CONTROL BUS) เปนบัสที่รับสัญญาณการควบคุมจากตัวซีพียูโดยบัสควบคุมเพื่อบังคับ วาจะอานขอมูลเขามา หรือจะสงขอมูลออกไปจากตัวซีพียู โดยระบบภายนอกจะตอบรับตอสัญญาณควบคุมนั้น ไมโครโพรเซสเซอรไมใชจะควบคุมการทํางานของบัสทั้งหมด บางกรณีในการสงถายขอมูลภายนอกดวยกันเอง ผานบัสไดเปนกรณีพิเศษเหมือนกัน เชนการอานขอมูลจากหนวยความจําสํารองขนาดใหญสามารถ
349 สงผานขอมูลมายังหนวยความําหลักไดโดยผานไมโครโพรเซสเซอรเลย ขบวนการ DMA (DIRECT MEMORY ACCESS)
ก็โดยการใชขบวนการที่เรียกวา
บัสเปนเสนทางหลักของคอมพิวเตอรในการเชื่อมโยงในการดขยายทุกชนิด ไปยังไมโครโพรเซสเซอร บัสความ จริงก็ คือ ชุดของเสนลวดที่วางขนานกันเปนเสนทางวงจรไฟฟาเปรียบเทียบเหมือนถนนที่มีหลาย ชองทางจราจร ยิ่งมีชองทางจราจรมาก ก็ยิ่งระบายความรอนไดมากและหมดเร็ว เมื่อเราเสียบการดลงชองเสียบบนแผงวงจรหลัก (สล็อต) ก็เทากับวาไดเชื่อมตอการดนั้นเขากับวงจรบัสโดยตรง จุดประสงคหลักของบัสก็คือ การสงผานขอมูลไป และกลับจากไมโครโพรเซสเซอรหรือจากอุปกรณหนึ่ง โดยทางคอนโทรลเลอร DMA การดทุกตัวที่เสียบอยูบน สล็อตของแผงวงจรหลักจะใชเสนทางเดินของบัสอันเดียวกัน ดังนั้นขอมูลตางๆจึงถูกจัดระบบและควบคุมการสงผานในระบบ จะพบวาบัสแบงไดเปน 4 สวนใหญๆดังนี้ 1.สายไฟฟา(POWERLINE)จะใหพลังไฟฟากับการดขยายตางๆ 2. สายควบคุม (CONTROL LINE ) ใชสําหรับสงผานสัญญาณเวลา (TIMING SIGNG) จากนาฬิกาของระบบ และสงสัญญาณอินเตอรรัพต 3. สายแอดเดรส (ADDRESS LINE) ขอมูลใดๆที่ถูกสงผานไป แอดเดรสเปาหมายจะถูกสงมาตามสายขอมูลและ บอกใหตําแหนงรับขอมูล(แอดเดรส)รูวาจะมีขอมูลบางอยางพรอมที่จะสงมาให 4. สายขอมูล (DATA LINE) ไมโครเมตรจะตรวจสอบวามีสายสัญญาณแสดงความพรอมหรือ (บนสาย I/O CHANNEL READY) เมื่อทุกอยางเปนไปดวยดีขอมูลก็จะถูกสงผานไปตามสายขอมูล จํานวนสายที่ระบุถึง แอดเดรสของบัส หมายถึงจํานวนของหนวยความจําที่อางแอดเดรสไดทั้งหมด เชน สายแอดเดรส 20 สาย สามารถใชหนวยความจําได 1 เมกะไบตจํานวนของสายบัสจะหมายถึงบัสขอมูล ซึ่งก็คือขอมูลทั้งหมด ที่สงผาน ไปในบัสตามกฎที่ตั้งไว ความเร็วในการทํางานที่เหมาะสมจะเปนไปไดก็ตอเมื่อ จํานวนสายขอมูลเพียงพอกับ จํานวนสายขอมูลของไมโครโพรเซสเซอร จํานวนสายสงขอมูลมักจะระบุถึงคุณสมบัติของบัสในเครื่องพีซีนั้นๆ เชน บัส 16 บิต หมายถึง บัสที่ใชสายขอมูล 16 สายนั่นเอง
PC BUS เมื่อ IBM ไดทําการเปดตัว IBM PC(XT) ตัวแรกซึ่งใช CPU 8088 เปน CPU ขนาด 8 BIT ดังนั้นเครื่อง คอมพิวเตอรเครื่องนี้จึงมีเสนทางขอมูลเพียง 8 เสนทาง (8 DATA LINE) และเสนทางที่อยู 20 เสนทาง (20 ADDRESS LINE) เพื่อใชในการอางตําแหนงของหนวยความจํา CARD ที่นํามาตอกับ PC BUS นั้นจะเปน CARD แบบ 62 PIN ซึ่ง 8 PIN ใชสําหรับสงขอมูลอีก 20 PIN ไวสําหรับอางตําแหนงของหนวยความจํา ซึ่ง CPU 8088 นั้นสามารถอางอิงหนวยความจําไดเพียง 1 เมกะไบต ซึ่งในแตละ PIN นั้นสามารถสงขอมูลไดเพียง 2 คา คือ 0 กับ 1 (หรือ ROW กับ HIGH) ดังนั้นเมื่อใช20 PIN ก็จะอางอิงตําแหนงไดที่ 2 คูณกัน 20 ครั้ง(หรือยกกําลัง 20) ซึ่งก็จะไดเทากับ 1 MEGABYTE พอดีสวน PIN ที่เหลือก็ใชเปนตัวกําหนดการอานคาวาอานจากตําแหนงของ หนวยความจํา หรือตําแหนงของ INPUT/OUTPUT หรือบางสวน PIN ก็ใชสําหรับจายไฟ +5ม -5ม +12 และสาย GROUND สายดิน เพื่อจายไฟใหกับ GARD ที่ตอพวงบน SLOT ของ PC BUS นั่นเอง และยังมี PIN บางตัวที่ทําหนาที่เปนตัว RESETหรือเปนตัว REFRESH หรือแมกระทั่ง CLOCK หรือสัญญาณของระบบนั่นเอง
350 ระบบ BUS แบบ PC BUS นี้มี ความกวางของ BUSเปน 4.77 MHzและยังสามารถสงถายขอมูลดวยความเร็ว สูงสุดที่ 2.38 ตอวินาที
ในยุคของ PC AT หรือตั้งแต CPU รุน 980286 เปนตนมาไดมีการเปลี่ยนแปลงขนาดของเสนทางขอมูลจาก 8 BIT เปน 16 BIT ทําให IBM ตองมาทําการออกแบบระบบ BUS ใหมเพื่อใหสามารถสงผานขอมูลทีละ 16 BIT แนนอนวาการออกแบบใหมนั้นก็ตองทําใหเกิดความเขากันไดยอนหลังดวย(COMPATBLE) กลาวคือ ตองสามารถใชงานกับ PC บัสไดดวย เพราะถาหากไมเชนนั้นแลว ก็คงจะขายออกยาก ลองคิดดูวา ถาหากออก PC AT ที่ใชระบบบัสใหมทั้งหมด และไมเขากันกับ PC XT ที่ออกมากอนหนานั้นได เครื่อง PC BUT เดิมอีก 36 PIN โดยที่เพิ่มเสนทางขอมูล 8 PIN รวมแลวก็จะเปน 16 PIN สําหรับสงขอมูลครั้งละ 16 BIT พอดี และ เพิ่ม 4 PIN สําหรับทําหนาที่อางตําแหนงจากหนวยความจํา ซึ่งก็จะรวมเปน 24 PIN และจะอางไดมากถึง 16 Meg. ซึ่งก็เปนขนาดของหนวยความจําสูงสุดที่ CPU 80286 นั้นสามารถที่จะอางได แตอยางไรก็ตามการอาง ตําแหนงของ I/O PORTนั้นก็ยังถูกกําหนดไวที่ 1024 อยูดี เนื่องจากปญหาการเขากันไดกับ PC BUS นอกจากนี้ PIN ที่เขามายังชวยเพิ่มการอางตําแหนง DMA และคาของIRQ SLOT แบบใหมนี้เรียกวาเปน SLOT แบบ 16-BIT ซึ่งตอมาก็เรียกกันวาเปน AT BUS แตเราจะรูกันในนาม ISA BUS มากกวาโดยคําวา ISA มาจากคําเต็มวา INDUSTRY STANDARD ARCHITECTUREเราสามารถนํา CARD แบบ 8 BIT มาเสียบลง ชอง 16 BIT ได เพราะใชสถาปตยกรรมเหมือนๆกัน จะตางกันก็ตรงที่เพิ่มมา สําหรับ 16 BIT เทานั้นซึ่งจะใช (ในกรณีที่ใช CARD 16 BIT) หรือไมใช (ในกรณีที่ใช CARD 8 BIT) ก็ไดระบบบัส แบบ ISA BUS นี้มีความ กวางของ BUS เปน 8 MHz และสามารถสงถายขอมูลดวยความเร็วสูงสุดที่ 8 MB ตอวินาที ในป 1985 ทาง COMPAG ไดประกาศเปดตัว COMPUTER ของตน ในรุน 286/12 โดย 12 นั้น หมายถึงความเร็วคือ 12 MHz ซึ่งขณะนั้น IBM มีแค 286 ที่ทํางานดวยความเร็ว 8 MHz ในขณะนั้น ความเร็วจาก 8 MHz ไป 12 MHz นับวาสูงมากๆเลย เพราะเพิ่มขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งเลยที่ เดียว (ถาเปรียบเทียบกับสมัยนี้ก็เหมือนๆกับจาก Pentium II 300 ไปเปน Pentium II 450 นั่นเอง) ซึ่งแนนอน BUS ของระบบ ก็ตองทํางานที่ 12 MHz ตามไป ดวย แลวปญหาก็เกิดขึ้น ISA BUS นั้นเราทราบแลววามันทํางานที่ 8 MHz ถามันทํางานที่ 12 MHz จะทําให เกิดปญหาที่สําคัญขึ้น เพราะหากวา CPU ทํางานไดเร็วจริง แตไมสามารถใช CPU ได ก็แยกการใชนาฬิกา ของ ระบบบัสออกจาก CPU ไปเลย โดยที่ CPU อุปกรณอื่นๆบน Mainboard จะทํางานที่ความเร็ว 12 MHz แตตัวที่ BUS เองจะทํางานคงที่ ที่ 8 MHz เพราะใชสัญญาณนาฬิกาแยกจากกัน ซึ่งวิธีการนี้ก็เปนวิธีการแกซึ่งก็ใชกัน จวบจนปจจุบันนี้ แตในสมัยนั้น หนวยความจําหลักหรือ RAM จะอยูบนExpansion Card ที่อยูกับ ISA BUS ดวยเพราะฉะนั้น มันก็เลยทํางานดวยความเร็วเพียง 8 MHz เทานั้นและตอๆมายิ่งมี CPU ขนาด 16 MHzหรือ 24 MHz ในยุคของ 386 ดวยแลว RAM ก็จะทํางานดวยความเร็วเพียงแค 8 MHz เทานั้น ทาง COMPAQ จึงได
351 ทําการแกไขอีกครั้ง ซึ่งในตนป 1987 ทาง COMPAQ ก็ไดวางตลาด COMPAQ Deskpro 386 ที่ความเร็ว 16 MHz โดยคราวนี้ก็แยกสัญญาณนาฬิกาของ RAM ออกไปดวย ซึ่งก็เปนตนแบบที่สําคัญที่ใชกันตอมาใน ปจจุบันนี้โดยให ISA BUS ทํางานที่ความเร็วคาหนึ่ง RAM อีกคาหนึ่ง และ CPU อีกคาหนึ่ง
ทั้ง IBM และ COMPAQ นั้นเปนคูแขงทางการคากัน ดังนั้นเรื่องที่จะให COMPAQ อยูเหนือตนเองสําหรับ IBM นั้นเปนไปไมได ทาง IBM จึงไดออกมาตราฐานระบบบัสของตนใหม เรียกวา MICRO CHANNEL AECHITECTURE หรือ MCA เมื่อระบบบัสไดมีการแขงขันกันขึ้นแนนอนระบบที่ถูกนําออกมา เปรียบเทียบ คือ ISAซึ่งก็มีการจับตามองวาทาง IBM นั้นจะหาทางแกไขจุดออนของ ISA BUS ของตนอยางไร ซึ่ง วิศวกรของทาง IBM นั้นมองในแงมุมที่แตกตางจากคนอื่นๆเมื่อ INTELไดเปด CPU ของตนรุน 80386 ซึ่งเปน CPU ขนาด 32 BIT สามารถอางตําแหนงหนวยความจําไดมากถึง 4 Gigabyte โดยมีความเร็วเริ่มตนที่ 16 MHz ซึ่ง ISA BUSดูจะไมเหมาะแลวกับ CPU ระดับนี้ บรรดาผูใช PC ตางก็มองกันวาทางออกที่ดี คือควรจะมีระบบบัส ใหมที่สามารถรองรับในจุดนี้ได จากการที่วิศวกรของ IBM ถนัดกับManinframe มากกวาทําใหวิศวกรเหลานั้น มองวา PC ก็ควรจะทํางานแบบหลายๆ TASK พรอมๆกันได (MULTIPLE TASK) ประกอบกับ IBM ตองการที่ จะใหภาพพจนMainframe ของตนดูมีประสิทธิภาพสูงกวา PC จึงไมคอยไดเพิ่มหรือเปลี่ยนแปลงขีด ความสามารถใหกับระบบบัสใหมใหเดนกวาเดิมมากนัก
เปนบัสที่สรางขึ้นจากกลุมผูขาย 9 บริษัท นําโดยบริษัท COMPAQ สรางขึ้นเพื่อสูกับ สถาปตยกรรมไมโครเชลแนลของ IBM EISA นั้นใชพื้นฐานหลักมาจาก ISA แตไดเพิ่มขีด ความสามารถบางอยางขึ้น ซึ่งบางอยางก็พัฒนามาจาก MCA ดวย ซ้ํายังเขากันไดกบั ระบบ ISA รุน เกาดวย และเสียคาลิขสิทธิ์นอยกวาที่จะตองจาย IBM อีกดวย บัส EISA รันที่ 8 MHz แตออกแบบ ใหกวางกวา 32 บิต หมายความวา แบนดวดิ ธ ของมันเปน 33 MHz ตอวินาที ผานบัสภายใตเงื่อนไข ที่ดีที่สุด บัส EISA มีปญหาการแอดเดรส และปญหาหนึ่งที่ทําใหเลิกพัฒนาอุปกรณไมโครแซน ISA BUS
352
เนล คือการคอมแพตทิเบิลยอนหลัง คือถาซื้อคอมพิวเตอรใหมแบบไมโครแซนเนลจาก IBM เรา จะตองซื้อการดอุปกรณพว งตอเปนรุน MCA ทั้งหมดซึ่งรวมถึงคอนโทรลเลอรของดิสก การด แสดงผลโมเด็ม และอื่นๆ ในทางตรงกันขาม ขอกําหนดของ EISA จะเรียกใชคอนเน็คเตอรที่ ยอมรับการด EISA หรือการด ISA อนุญาตใหมีการเปลี่ยนแปลงอุปกรณบางตัว หรือทั้งหมดของ เครื่องเกามาเครื่องใหมได สล็อตของ EISA จะทําจากพลาสติกสีน้ําตาล
MCABUS EISABUS
LOCAL BUSระบบบัสเหลานี้แตเดิมเรียกวา เปน PRIVATE BUS เพราะใชเปนการสวนตัวเฉพาะบริษัทเทานั้น แตตอมาก็เรียกวาเปน LOCAL BUS หรือ BUS เฉพาะที่ เพราะใชสัญญาณนาฬิกาเดียวกับ CPU โดยไมตองพึ่ง สัญญาณนาฬิการพิเศษแยกจาก CPU เลย ขอดีของมันคือ สามารถใชสัญญาณนาฬิกาเดียวกันกับ CPU ในขณะนั้นได ซึ่งก็มักจะนําไปใชกับหนวยความจําหลัก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของระบบ แตก็มีการด แสดงผลอีกชนิดหนึ่งที่ตองการความไวสูงเชนDISPLAY CARD ซึ่งหากมีการเขาถึงและสงถายขอมูลระหวาง CPU กับ DISPLAY CARD ไดเร็วแลว ก็จะชวยลดปญหาเรื่อง REFRESH RATE ต่ํา เพราะ CPU จะตองทํา การ ประมวลผลและนํามาแสดงผลบนจอภาพ ยิ่งหากวามีการใช ของจอภาพสูงๆ และเปน MODE GRAPHICS ดวย แลว CPU ก็ยิ่งตองการ การสงถายขอมูลใหเร็วขึ้น เพื่อภาพที่ไดจะไดไมกระตุก และไมกระพริบ เนื่องจากระบบ LOCAL BUS นั้น จะชวยในการสงผาน และเขาถึงขอมูลไดเร็ว จึงไดมีบางบริษัท นําเอาระบบ LOCAL BUS มา ใชกับ DISPLAY CARD ดวย ตอมาไดมีการทําการกําหนดมาตรฐานระบบบัสนี้ขึ้นมา โดยกลุมที่ชื่อ VIDEO ELECTRONICSTANDARDS ASSOCIATION หรือ VESA และไดเรียกมาตรฐานนั้นวา VESA LOCAL BUS หรือเรียกสั้นๆวา VL BUS ในป1992 ระบบ VL BUS นั้น สามารถใชสัญญาณนาฬิกาไดสูงถึง 50 MHz ทั้งยัง สนับสนุนเสนทางขอมูลทั้ง 32 BIT และ 62 BIT รวมถึงอางถึงตําแหนงหนวยความจําไดสูงถึง 4 GIGABYTE อีก ดวย แตอยางไรก็ตาม VL BUS ก็ไมเชิงวาเปนสถาปตยกรรมที่ดีนัก เพราะไมมีเอกลักษณ หรือคุณสมบัติ พิเศษนอกเหนือไปจาก ISA มากนัก เพาะมันเหมือนกับเพิ่มขีดความสามารถใหกับ ISA มากกวาที่จําเปนพัฒนา
353 ความสามารถใหกับ ISA เนื่องจากมันก็ยังคงให CPU เปนตัวควบคุมการทํางานใช BUS MASTERING ไมได และยังไมสามารถปรับแตงคาตางๆ ผานทาง SOFTWARE ได
VL BUSโลคอลบัสแบบ VESA ออกแบบโดยกลุมที่ชื่อ VIDEO ELECTRONIC STANDARDS ASSOCIATION หรือ VESA เปนการรวมมือของผูขายผลิตภัณฑ การแสดงผลและบริษัทที่เกี่ยวกับดานกราฟ ประมาณ 120 แหง ลักษณะคอนเน็ตเตอรเสียบของการดอุปกรณพวงตอแบบวีแอลบัส ควรจําไววา คอนเน็ตเตอร เสียบแบบมาตรฐาน ISA 16 บิต อยูดานขวาและมีคอนเน็ตเตอรเสียบเพิ่มแบบ โลคอลบัสดานซาย ขอสําคัญที่ตอง จําไววาการเพิ่มสล็อต โลคอลบัส เพียง 1หรือ 2 สล็อตใหกับระบบไมจําเปนวาจะสามารถปรับปรุงการทํางานของ ระบบไดจนไมนาเชื่อ มันจะปรับปรุงการทํางานแตกับเพียงสวนประกอบที่ออกมาโดยเฉพาะเทานั้น เชน เสียบ การดแสดงผลที่ไมใชการดเรงความเร็วในสล็อต โลคอลบัส อาจมีผลทําใหการทํางานชาลงมากกวาเสียบการดเรง ความเร็ววิโตรสลงในบัส ISA การออกแบบ VL BUS จะเรียกใชคอนเน็ตเตอรที่เพิ่มจากคอนเน็ตเตอรของEISA หรือ ISA ความจริงผูขายสวนใหญที่ใสสล็อต VL BUS ในเครื่องพีซีจะวางอยูขางๆ สล็อต ISA หรือ EISA บน บอรดแม ลองใหรันที่ความเร็วซีพียู และลองรับขอมูลแบบ 32บิต ได VL BUS มีแบนดวิดธสูงสูด 133 เมกะไบต ตอวินาทีลักษณะของ VL BUS ไมใชบัสที่ออกแบบมาทดแทน ISA เหมือนกับที่ EISA และ MCA ไดพยายามมา กอนและประสบความลมเหลว หากแตเปนบัสสวนขยายที่ผูผลิตเพิ่มเขาไปบนแผงวงจรหลักของรุนใหมๆจะมี สล็อตของ VL BUSที่ตอยื่นออกมาจากสล็อตเดิมของ ISA ซึ่งอาจมีตั้งแต 1-3 สล็อต ตามแตละบริษัทจะเปน ผูผลิต ความเร็วในการถายโอนขอมูลใน VL BUS ไมไดกําหนดใหมีคาตายตัวเหมือนกับบัสแบบ ISA หรือ EISA หากแตมีความเร็วตามความเร็วของซีพียูโดยตรง ขอจํากัดของ VL BUS วีแอลบัสมีขอจํากัดสําคัญประการหนึ่งคือ จํานวนการดแอลบัส ที่จะเสียบใชงานไดจะ ขึ้นอยูกับความเร็วของซีพียูที่กําหนดของ VESA แลวผูใชสามารถเสียบการดเมื่อใชซีพียู 486 ที่ความเร็ว 33MHz และตองลดกําหนดการดลงไป เมื่อใชซีพียูที่มีความเร็วสูงขึ้นทั้งนี้เพื่อความเพี้ยนของสัญญาณที่อาจเกิดขึ้นจนเกิด คาที่ ยอมรับได และจะสงผลใหไมสามารถใชงานระบบ ยกเวนในกรณีที่แผงวงจรหลักไดรับการออกแบบใหมี บัฟเฟอรสําหรับเก็บพักขอมูลอยูก็อาจเพิ่มการดไดมากขึ้นใชกับซีพียูที่มีความเร็วสูงๆ แตทวาการใชกับบัฟเฟอรก็ อาจมีขอเสียเนื่องจากจะเปนตัวถวงความเร็วของซีพียูจากการที่ตองเพิ่มสถานะการรอคอย ซึ่งยอมสงผลให สมรรถนะการทํางานลดลง ขอจํากัดของวีแอลบัส แนะนําวาไมควรติดตั้งการดเกินกวา 1 การด เมื่อใชซีพียูที่มี ความเร็ว 40 MHz และไมควรใชการดวีแอลบัส กับซีพียูที่มีความเร็ว 50 MHz เพราะการออกแบบ วิแอลบัสไม สามารถรับอุปกรณที่พวงตอใหเทากับความเร็วของซีพียูที่เกินกวา 40 MHz ได แผงวงจรหลักที่จําหนายใน เมืองไทย โดยสวนใหญจะมีสล็อตสําหรับ วีแอลบัสเพียง 2 สล็อต ซึ่งมักจะไมเปนปญหาสําหรับการใชงาน และ โดยเฉพาะอยางยิ่ง การดแบบวีแอลบัสที่มีจําหนายโดยทั่วไปคอนขางจํากัดอยูเพียงการดจอภาพและการดควบคุม ดิสกเทานั้น PCI BUSระบบ PCI หรือ PERIPHERAL COMPONENT INTERCONNECT ก็เปน LOCAL BUS อีกแบบหนึ่งที่พัฒนาขึ้นโดย INTEL โดยที่แยกการควบคุมของระบบบัส กับ CPU ออกจากัน และสงขอมูลผาน
354 กันทางวงจรเชื่อมซึ่งจะมี CHIPSET ที่คอยควบคุมการทํางานของระบบบัสตางหาก โดยที่ CHIPSET ที่ควบคุมนี้ จะเปนลักษณะ PROCESSOR INDEPENDENT คือไมขึ้นกับตัว PROCESSOR ตอมาเมื่อ INTEL เปดตัว CPU ใน GENERATION ที่ 5 ของตน INTEL PENTIUM ซึ่งเปน CPUขนาด 64 BIT ทาง INTEL ไดทําการกําหนด มาตรฐาน ของ PCU เสียใหมเปน PCI 2.0 ซึ่ง PCI 2.0 นี้ก็จะมีความกวางของเสนทางขอมูลถึง 64 BIT ซึ่งหากใช กับ CARD 64 BIT แลวก็จะสามารถใหอัตราเร็วในการสงผานที่สูงสุดถึง 266 M/s จุดเดนของ PCI ที่เห็นไดชัด นอกเหนือไปจากที่กลาวขางตนก็ยังมีเรื่องของ BUS MASTERING ซึ่ง CPI นั้นก็สามารถทําไดเชนกันกับ EISA และ MCA แลว CHIPSET ที่ใชเปนตัวควบคุมการทํางาน ก็ยังสนับสนุนระบบ ISA และ EISA อีกดวย ซึ่งก็ทําใหสามารถผลิต MAINBOARD ที่มีทั้ง SLOT ISA, EISA และ PCI รวมกันได นอกจากนั้นยังสนับสนุน ระบบ PLUG-ABD-PLAY อีกดวย
AGP ในกลางป 1996 เมื่อ INTEL ไดทําการเปดตัว INTEL PENTIUN II ซึ่งพรอมกันนั้นก็ไดทําการเปดตัว สถาปตยกรรมที่ชวยเพิ่มประสิทธิภาพของหนวยแสดงผลดวยนั่นก็คือ ACCELERATED GRAPHICS PORT หรือ AGP ซึ่งก็ไดเปดตัว CHIPSET ที่สนับสนุนการทํางานนี้ดวย คือ 440LX AGP นั้นจะมีการ เชื่อมตอกับ CHIPSETของระบบแบบ POINT-TO-POINT ซึ่งจะชวยใหการสงผานขอมูลระหวาง CARD AGP กับ CHIPSET ของระบบไดเร็วขึ้น และยังมีเสนทางเฉพาะสําหรับติดตอกับหนวยความจําหลักของ ระบบ เพื่อใชทําการ RENDER ภาพแบบ 3D ไดอยางรวดเร็วอีกดวยจากเดิม CARD แสดงผลแบบ PCI นั้น จะมีปญหาเรื่องของหนวยความจําเปน CARD เพราะเมื่อตองการใชงานดานการ RENDER ภาพ 3 มิติ ที่มี ขนาดใหญมากๆ ก็จําเปนตองมีการใชหนวยความจําบน CARD นั้นมากๆ เพื่อรองรับขนาดของพื้นผิว ที่เปน องคประกอบสําคัญของงาน RENDER แนนอนเมื่อหนวยความจํามากๆ ราคาก็ยิ่งแพง ดังนั้นทาง INTEL จึง ไดทําการคิดคนสถาปตยกรรมใหมเพื่องานดาน GRAPHICS นี้โดยเฉพาะ AGP จึงไดถือกําเนิดขึ้นมา AGP นั้นจะมี MODE ในการ RENDER อยู 2 แบบ คือ LOCAL TEXTURING และ AGP TEXTURING โดยใช LOCAL TECTURING นั้นจะทําการ COPY หนวยความจําของระบบไปเก็บไวที่เฟรมบัฟเฟอรของ CARD จากนั้นจะทําการประมวลผลโดยดึงขอมูลจากเฟรมบัฟเฟอรบน PCI ดวย วิธีการนี้จะเพิ่มขนาดของ หนวยความจําเปน CARD มาก AGP TEXTURING นั้นเปนเทคนิคใหมที่ชวยลดขนาดของหนวยความจํา หรือเฟรมบัฟเฟอรบน DISPLAY CARD ลงไดมาก เพราะสามารถใชงานหนวยความจําของระบบใหเปน เฟรมบัฟเฟอรไดเลย โดยไมตองดึงขอมูลมาพักไวที่เฟรมบัฟเฟอรของ CARD กอนโดยปกติแลว AGP จะ ทํางานที่ความเร็ว 66 MHz ซึ่งแมวาระบบจะใช FSB เปน 100 MHz แตมันก็ยังคงทํางานที่ความเร็ว 66 MHz ซึ่งใน MODE ปกติของมันก็จะมีความสามารถแทบจะเหมือนกับ PCI แบบ 66 MHz เลยโดยจะมีอัตราการ สงขอมูลที่สูงถึง 266 M/s และนอกจากนี้ยังสามารถทํางานไดทั้งขอบขาขึ้นและขอบขาลงของ 66MHz จึง
355 เทากับวามันทํางานที่ 133 MHz ซึ่งจะชวยเพิ่มอัตราการสงถายขอมูลขึ้นไดสูงถึง 523 M/s ซึ่งเรียก MODE นี้ วา MODE 2X และ MODE ปกติวาMODE 1X สําหรับความเร็วในการสงถายขอมูลนั้น ก็ขึ้นกับชนิดของ หนวยความจําหลักดวย ถาหนวยความจําหลักเปนชนิดที่เร็วก็จะยิ่งชวยเพิ่มอัตราเร็วในการสงถายมากขึ้น ดังนี้ - EDO RAM หรือ SD RAM PC 66 ได 528 M/s - SD RAM PC 100 ได 800 M/s - DR RAM ได 1.4 G/s อีกสาเหตุหนึ่งที่ทําใหระบบบัสแบบ AGP ทําไดดีกวา PCI ก็เพราะเปน SLOT แบบเอกเทศไมตองไปใช BANDWIDTH รวมกับใคร
เมนบอรด (Mainboard) หรือที่เรียกอีกอยางหนึ่งวา "มาเธอบอรด" (Matherboard) หมายถึง แผงวงจรไฟฟาขนาด ใหญที่ประกอบดวยอุปกรณอิเล็กทรอนิกสมากมาย เปนแผนวงจรหลักที่ทําหนาที่ควบคุมการทํางานของอุปกรณ ตางๆ และเปนศูนยกลางในการเชื่อมตอกับอุปกรณอื่นๆ รวมไปถึงอุปกรณตอพวงอื่นๆ ใหสามารถติดตอสื่อสาร ถึงกันไดเมนบอรดที่วางกันอยูในทองตลาด จะเปนเมนบอรดที่นําเขามาจากประเทศไตหวันและอเมริกา แต เมนบอรดที่ไดรับความนิยมมักจะมาจากไตหวันเนื่องจากราคาถูกกวา สวนในเรื่องของประสิทธิภาพก็ไมตางกัน มากนัก สําหรับเนื้อหาในบทนี้ จะมุงเนนใหทานไดรูจักกับสวนประกอบบนเมนบอรด หนาที่ของอุปกรณ ที่สําคัญ รวมไปถึงเทคโนโลยีใหม ๆ ที่ถูกบรรจุอยูบนเมนบอรดที่วางขายอยูในปจจุบัน
เมนบอรดประกอบไปดวยสวนตางๆ มากมายในหัวขอนี้จะนําใหผูอานไดรูจักกับสวนประกอบตางๆ ที่สําคัญ บนเมนบอรดเพื่อใหผูอานไดรูวาแตละสวนคืออะไรและมีหนาที่อยางไร
356
1. 2. 3. 4. 5.
6. 7. 8. 9. 10. 11.
หลังจากที่ไดรูจักสวนประกอบตาง ๆ บนเมนบอรดไปแลว ยังมีชิปหรือไอซีสําคัญ ๆ ที่ควรรูจัก โดยชิปที่วาจะ เปนชิปคอนโทรลเลอร (Controller) ที่ใชควบคุมการทํางานเฉพาะอยาง ตางกับชิปเซตที่ตองควบคุมทั้งเมนบอรด โดยชิปที่นาสนใจมีดังนี้Sound Chip หรือ Audio Chip เปนชิป Audio บนเมนบอรดที่เปนหัวใจในการควบคุม การทํางานแทนซาวนการด ปจจุบันเมนบอรดสวนใหญจะมี Sound Chip เกือบทั้งหมด ชิปที่ใชไดแก ADL 1980, AC97 Audio Codec และ CMedia8738I/O Contreller เปนชิปที่ทําหนาที่ควบคุมการรับสงขอมูลของเมนบอรด กับอุปกรณตอพวงผานพอรตตางๆ อยางเชน คียบอรด เมาส เครื่องพรินเตอร เปนตน USB 2.0 Controller Chip ชิปคอนโทรลเลอรตัวนี้จะทําหนาที่ควบคุมการใชงานพอรต USB ทั้งหมด ซึ่งคุณสมบัติที่ดีของพอรตประเภทนี้ก็ คือจะทํางานทันทีเมื่อมีการเสียบสายสัญญาณเขาที่พอรด USB นั่นเปนเพราะวาชิปคอนโทรลเลอรจะกระตุน โปรแกรมทันทีเมื่อรับรูวามีการใชงานพอรต USBRAID Controller Chip สําหรับชิป RAID Controller จะพบได ในเมนบอรดบางรุนเทานั้น โดยชิปดังกลาวจะทําหนาที่ควบคุมการสํารองขอมูลในรูปแบบของ RAID ซึ่งเปน มาตรฐานการสํารองขอมูลที่มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยสูงHardware Monitoring เมนบอรดที่ดีมักจะมี ชิปที่คอยตรวจสอบความผิดปกติทางดานฮารดแวร ซึ่งจะมีประโยชนอยางมากเมื่อเครื่องมีปญหา เพราะเมื่อชิป ดังกลาวตรวจพบก็จะบอกไดทันทีวา อะไรเสีย ก็จะไดทําการซอมไดถูกจุดSerial ATA Controller Chip เปนชิป
357 ที่พบไดในเมนบอรดรุนใหมๆ เทานั้นเนื่องจากฮารดดิสก มาตรฐาน Serial ATA เพิ่งเกิดไดไมนาน ซึ่งชิปดังกลาว ก็จะทําหนาที่ควบคุมการทํางานระหวางฮารดดิสกกับระบบใหเปนไปอยางราบรื่น
เปนที่ทราบกันดีแลววาชิปเซตจะประกอบดวยสวนที่เปนชิป North Bridge กับชิป South Bridge ซึ่งในการทํา นั้นชิปทั้ง 2 สวนจะตองมีการับสงขอมูลระหวางกันอยูตลอดเวลา ดังนั้นความเร็วในการโอนขอมูลระหวางชิปทั้ง สองจึงเปนปจจัยสําคัญที่บอกถึงประสิทธิภาพของชิปเซต เทคโนโลยีการโอนขอมูลระหวางชิปเซตนั้นมีอยูหลาย แบบดวยกัน โดยผูผลิตชิปเซตแตละยี่หอจะเปน ผูคิดคนขึ้น อยางเชน ชิปเซตจาก SiS จะใชเทคโนโลยี MuTIOL โดยสามารถสงผานขอมูลระหวางชิป North กับชิป Bridge South Bridge ไดที่ความเร็ว 1GB/s สวนถาเปนยี่หอ VIA จะใชเทคโนโลยี V-Link เปนตน
เปนสวนที่นาสังเกตวา คนสวนใหญไมเวนแตชางคอมพิวเตอรหลายตอหลายคน ยังไมเขาใจเรื่องของระบบ บัสภายในเครื่องมากนัก ทําใหเปนอุปสรรคในการเลือกซื้ออุปกรณที่เขากันไดดี ขอยกตัวอยางใหเห็นภาพงายๆ อยางนี้วา คุณอาจจะไปซื้อแรมประเภท DDR ที่ความเร็ว 333 MHz มาใชกับเมนบอรดที่สนับสนุนแรมที่ความเร็ว เพียง 266 MHz เทานั้น ถึงแมวาเครื่องจะทํางานไดตามปกติก็จริง แตถามองในแงประสิทธิภาพแลว ดูจะไม เหมาะสมนัก และก็สิ้นเปลืองโดยเปลาประโยชนอีกดวยที่เกริ่นมาขางตนเปนเพียงตัวอยางหนึ่งเทานั้น แตตอจาก นี้เราลองมาดูวาระบบบัสบนเมนบอรดเกี่ยวของหรือสัมพันธกับอุปกรณอื่นๆ อยางไร เพื่อใหเห็นภาพการทํางาน ทั้งระบบซึ่งจะนําไปสูการเลือกซื้ออุปกรณคอมพิวเตอรใหทํางานอยางมีประสิทธิภาพสูงสุด รูปแบบของเมนบอรด AT และ ATX การเลือกซื้อแรมเพื่อใสในเครื่องคงสรางความลําบากใจใหกับมือใหมไมนอยก็เพราะวาในปจจุบันนี้มีแรมหลาย มาตราฐานใหเลือกถึง 3 มาตรฐาน ไดแก SDRAM, DDR ,SDRAM และ RDRAM ซึ่งก็ตองเลือกเมนบอรดที่ สนับสนุนแรมเหลานี้ดวย เพื่อจะไดเขาชุดกัน อีกเรื่องหนึ่งที่สําคัญไมนอยก็คือการเลือกซื้อแรม เพราะ หลายคนมักมองขามเรื่องของคุณภาพแรม สวนใหญมักจะเลือกเอาถูกไวกอน สงผลใหเครื่องทํางานไดไมเต็มที่ หรือโอเวอรคล็อกไดนอย ในบทนี้เราก็จะมาทําความรูจักกับแรมมาตราฐานตางๆกัน แลวมาดูกันวามาตราฐาน ไหนมีประสิทธิภาพมากที่สุด อานบทนี้แลวก็จะสามารถเลือกแรมมาใชไดอยางถูกตองและใหเขากันได ตลอดจน การเลือกแรมคุณภาพสูงมาใช
แรม (Random Access Memory: RAM) เปนอุปกรณที่มีลักษณะเปนแผงวงจรรูปสี่เหลี่ยมผืนผาขนาดเล็กทํา หนาที่เก็บคําสั่งและขอมูลเพื่อรอสงใหกับซีพียูนําไปประมวลผล โดยที่ขอมูลและคําสั่งดังกลาวจะถูกโหลดมา จากฮารดดิสกอีกทีหนึ่ง คุณสมบัติที่สําคัญของแรมคือ มันจําเปนจะตองมีไฟเลี้ยงเพื่อหลอเลี้ยงขอมูล แตถาเมื่อไร ที่คุณเปดเครื่องขอมูลตางๆก็จะหายไปทันที แรมเปรียบเหมือนกับฮารดดิสกที่ใชสําหรับเก็บขอมูล แตการ ทํางานของแรมจะทําไดเร็วกวามากเนื่องจากแรมทําการอานเขียนดวยกระแสไฟฟา ผิดกับฮารดดิสกที่ตองอาศัย กลไกในการอานเขียนขอมูลลงบนจานแมเหล็ก ที่สําคัญคือ แรมมีขนาดความจุขอมูลนอยกวาฮารดดิสกหลายเทา
358 และยังเก็บขอมูลไดเพียงชั่วคราวคือในขณะเปดเครื่องเปดเครื่องเทานั้น เมื่อ ปดเครื่องขอมูลก็จะหายทันที่
แรมมีหลายชนิด ซึ่งแตละชนิดก็จะมีคุณสมบัติที่แตกตางกันไป ซึ่งแรม เหลานี้ไดถูกใชเปนมาตราฐานในสมัยตางๆตอไปนี้เปนแรมชนิดตางๆที่มีการ พัฒนาตั้งแตอดีตจนถึงปจจุบัน และแรมที่คาดวานาจะถูกใชในอนาคต FPM DRAM แรมสําหรับเครื่อง 286 FPM DRAM ( Fast Page Mode DRAM) โมดูลแบบ SIMM (Single Inline Memory Module) 30 ขา และ 72 ขา ใชกับเครื่องรุนเกา 286,386 และ 486 ปจจุบันไมมีการผลิตขายอีกแลว EDO RAM แรมสําหรับเครื่อง Pentium EDO RAM (Extended Data Output) ใชกับโมดูลแบบ SIMM 72 ขา มี ทางเดินขอมูลขนาด 32 บิต เมื่อใชกับซีพียูที่อานขอมูลทีละ 64 บิต ซึ่งก็คือซีพียูในรุนเพนเทียมเปนตนมา จึงตอง ใสเปนคู (32*2) แตถาใสกับซีพียู 486 ซึ่งเปนซีพียูแบบอานขอมูลทีละ 32 บิต จึงสามารถใสไดทีละแผง ปจจุบัน ไมนิยมใชกันแลว เพราะถูกแทนที่ดวย SDRAM SDRAM แรมที่กําลังจะเลิกใช SDRAM (Synchronous DRAM) เปนมาตราฐานแรมที่มีการใชงานสําหรับเครื่อง คอมพิวเตอรในปจจุบัน มี 168 ขาขนาด 64 บิต ใชติดตั้งบน DIMM Socket มีอยู 3 แบบ แบงตามความเร็วก็คือ PC66,PC100 และ PC133 MHz ที่ทํางานกับความเร็วบัส 66, 100 และ 133 MHz ตามลําดับ SDRAM ถูกนํามาใช แทนที่หนวยความจําแบบ EDO คุณสมบัติที่แตกตางกันของแรมชนิด SDRAM และ EDO คือ แรมแบบ SDRAM สามารถใสทีละแผงได เนื่องจากเปนแรมชนิดที่มีการทํางานแบบ 64 บิต เหมือนกับซีพียู ในขณะที่แรมชนิด EDO จะตองใสเปนคู เพราะแรมชนิดนี้มีการทํางานแบบ 32 บิตเทานั้นDDR SDRAM แรมมาตราฐานปจจุบัน DDR SDRAM (Double Data Rate SDRAM) เปนแรมที่มีการพัฒนาตอจากหนวยความจําแบบ SDRAM ใหมี ความเร็วในการทํางานทั้งของขาขึ้น และขาลงของสัญญาณ จึงทําให DDR SDRAM ทํางานไดเปน 2 เทาของ SDRAM โดยใชความถี่ในการทํางานเทากัน จากการที่ DDR SDRAM ทํางานไดเปน 2 เทาของ SDRAM ทําใหมี ผูเขาใจผิดวา DDR SDRAM ทํางานที่ความถี่เปน 2 เทาของ SDRAM แตความจริงแลว DDR SDRAM ใชความถี่ ในการทํางานเทาเดิม แตนําสัญญาณทั้งขาขึ้นและขาลงมาใช จึงทําใหทํางานไดเร็วเปน 2 เทา โดยความถี่ที่ โฆษณากันเปนความถี่เสมือน เชน DDR SDRAM PC200 กับ SDRAM PC100 ทํางานที่ความถี่ 100 เมกะเฮิรตซ เทากัน แต DDR SDRAM PC200 รับสงขอมูลไดมากกวา SDRAM PC100 เปน 2 เทา จึงถือกันวา DDR SDRAM PC200 ทํางานที่ความถี่ 200 เมกะเฮิรตซ และเนื่องจากแรมแบบ DDR SDRAM มีราคาไมแพงนัก แรมชนิดนี้จึง กลายเปนมาตราฐานใหมที่เขามาแทนที่ SDRAMRDRAM แรมสําหรับ Pentium 4 RDRAM (RAMBUS DRAM) เปนแรมที่ไดมีการคิดคนและพัฒนารูปแบบการทํางานใหมทั้งหมดโดยบริษัท แรมบัส (Rambus Inc.) โดยไดรับการสนับสนุนจากผูผลิตซีพียูยักษใหญอยางอินเทล (Intel) ใชเทคนิคการรับสงขอมูลแบบอนุกรมที่ ความถี่สูง โดยใชทั้งสัญญาณขาขึ้นและขาลงมากําหนดใหแรมทํางาน เชนเดียวกับ DDR SDRAM แมวาเสนทาง การรับสงขอมูล (Data Path) ที่แคบ แตมีความถี่ในการทํางานสูงสุดถึง 800 เมกะเฮิรตซ (400*2) ซึ่งทําใหสามารถ รับสงขอมูลไดสูงมากๆแตมีขอเสียที่รายแรงก็คือ RDRAM มีราคาตอหนวยที่สูงมากๆ(เนื่องจากการผลิตที่ ซับซอนบวกกับตนทุนในการคิดคนพัฒนาเทคโนโลยีใหมทั้งหมด)เมื่อเทียบกับ SDRAM และ DDR SDRAM แลวราคาและประสิทธิภาพที่ไดยังถือวาไมคุมคา
359
แรมกับการปอนขอมูลใหกับซีพียู CPU ถาจะถามวา อุปกรณชิ้นไหนสําคัญที่สุดในเครื่องคอมพิวเตอร ก็คงตองตอบวา "ซีพียู" เนื่องจากอุปกรณ ชิ้นสวนนี้ถูกเปรียบเสมือนกับสมองที่มนุษยใชในการคิด คํานวณ สั่งงาน รวมไปถึงควบคุมการทํางานของ รางกาย และยังถูกเปรียบเทียบวาเปนหัวใจของการทํางานอีกดวยในบทนี้เรามาดูกันวา ทําไมซีพียูจึงไดถูกเปรียบ เหมือนกับสมอง และหัวใจถือวาเปนอวัยวะที่สําคัญ ที่สุดของมนุษย มาดูกันวามันมีการทํางานอยางไร พรอมทั้ง มาดูสเปคซีพียูที่กําลังขายอยูในทองตลาด
ซีพียู (CPU : Central Processing Unit) หรืออาจเรียกอีกอยยางหนึ่งวา "โพรเซสเซอร" (Processor) เปนสวนที่ ทําหนาที่หลักในการประมวลผลขอมูล ไมวาจะเปนการคิดคํานวณตัวเลข การวิเคราะหขอมูลทางตรรกะ และเมื่อ ซีพียูประมวลผลเรียบรอยแลวก็จะสั่งการใหสวนอื่นๆ ทํางานตามคําสั่ง นอกจากนี้ซีพียูยังควบคุม การทํางานของ สวนตางๆ ในระบบคอมพิวเตอร เราจึงเปรียบซีพียูเหมือนกับสมอง และหัวใจของมนุษยที่จะขาดอวัยวะเหลานี้ ไมได ดังนั้นซีพียูจึงเปนอุปกรณที่สําคัญที่สุด และก็มีราคาแพงที่สุดในเครื่องคอมพิวเตอรซีพียูสามารถแบงออก ได 2 แบบ ไดแก ซีพียูแบบชิปจะมีลักษณะเปนรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีขาอยูดานลางมากมาย สําหรับติดตั้งลงบนซ็อกเกต (Socket) สวนอีกแบบหนึ่งเปนแบบการด จะมีลักษณะเปนแพ็คเกจสี่เหลี่ยมผืนผา ขางในจะเปนแผนวงจรที่ใชติดตั้งชิปซีพียูอีกทีหนึ่ง สวนดานลางของแผนวงจรจะมีแถบขาทองแดงที่ใช ติดตั้งลง บนสล็อต(Slot)
ซีพียูที่ใชกันอยูทุกวันนี้ผลิตจากผูผลิตชั้นนํา 3 บริษัทดวยกัน ไดแก อินเทล (Intel), เอเอ็มดี และเวียร(AMD) (VIA) แตละบริษัทตางก็ผลิตซีพียูออกปอนตลาดในระดับตาง ๆ ทั้งระดับลาง ระดับกลาง และระดับสูงซึ่งซีพียูแต ละยี่หอตางก็คุณสมบัติที่แตกตางกันไป ทั้งทางดานราคา และประสิทธิภาพในการทํางาน ในสวนนี้เราจะมาดูกัน วา แตละบริษัทผลิตซีพียูอะไรออกวางตลาดกันบาง บริษัท Intel Corporation อินเทล (Intel) เปนบริษัทผูผลิตซีพียูที่เกาแกที่สุด และก็เปนผูนําทางดานเทคโนโลยีการผลิตซีพียูที่ไดรับความ นิยมมากเปนอันดับหนึ่ง เนื่องจากมีการพัฒนามาอยางตอเนื่องและยาวนานที่สุด เริ่มตั้งแตรุน 80800, 80286, 80386, 80486, เพนเทียม (Pentium), เพนเทียม เอ็มเอ็มเอ็กซ (Pentium MMX),เพนเทียมโปร (Pentium Pro) เพ นเทียมทู (Pentium II), เซลเลอรอน (Celeron) เพนเทียมทรี (Pentium III) และลาสุดก็คือ เพนเทียมโฟว (Pentium 4) อินเทลมีเว็บไซตชื่อ www.Intel.com สําหรับใหขอมูลขาวสารเกี่ยวกับผลิตภัณฑของอินเทล รวมถึงการ แกปญหาตางๆ เพื่อเปนการสนับสนุนทางดานขอมูล และบริการสําหรับลูกคาทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีลิงคเชื่อมไป ยังประเทศตางๆ รวมถึงประเทศไทยดวย บริษัท Advanced Micro Devices, Inc. (AMD) เอเอ็มดี (AMD) เปนบริษัทคูแขงที่สําคัญของอิเทล ปจจุบัน ซีพียูจากเอเอ็มดีมีประสิทธิภาพสูงมาจนเปนที่ยอมรับของตลาดบานเราแลว และกําลังไดรับความนิยมมากขึ้น เรื่อยๆ ซีพียูจากเอเอ็มดี เชน k5,k6,k6-2,k6-lll,k7 Athlon, Duron, Athlon Thunderbird และซีพียูรุนลาสุดคือ Athlon XP เอเอ็มดีมีเว็บไซต ชื่อ www.amd.com สําหรับใหขอมูลขาวสารมากมาย รวมถึงการแกปญหาตางๆ เพื่อ ประโยชนสําหรับลูกคา ทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีเว็บไซตที่เปนภาษาตางๆ รวมถึงประเทศไทยดวย บริษัท VIA Techmologies, Inc. เวียร (VIA) ไดซื้อกิจการตอจากบริษัท Cyrix (ผูผลิตซีพียูยี่หอ Cyrix) และบริษัท IDT (ผูผลิตซียูยี่หอ Winchip) แลวทําการพัฒนาตอ แตปจจุบันยังไดรับความนิยมนอยอยูเมื่อเทียบกับซีพียูจากอิน
360 เทลและเอเอ็มดี แตก็เปนซีพียูที่มีราคาถูกและมีคุณภาพใชได เปนอีกทางเลือกหนึ่งของผูที่ตองการซีพียูราคาถูก ซีพียูจากเวียรรุนลาสุดก็คือ VIA Cyrix M lll หรือ VIA Cyrix lll นั่นเอง VIA มีเว็บไซตชื่อ www.via.com.tw หรือ www.cyrix,com สําหรับใหขอมูลขาวสารมากมายรวมถึงการแกปญหาตางๆ เพื่อประโยชนสําหรับลูกคาทั่วโลก
ความเร็วในการทํางานของซีพียู หนวยความจําแคช (Memmory Cache) เทคโนโลยีซีพียูจาก Intel เทคโนโลยีซีพียูจาก AMD เทคโนโลยีซีพียูจาก VIA สิ่งสําคัญที่สุดที่เปนตัวบงบอกวาคอมพิวเตอรเครื่องไหนทํางานไดเร็วกวากัน เราก็มักจะดูกันที่ความเร็วซีพียู เปนหลัก ซึ่งความเร็วของซีพียูที่วานี้จะมีหนวยเปน เมกะเฮิรตซ (MHz) และกิกะเฮิรตซ (GHz) โดยความเร็วที่เรา อางถึงก็คือ ความเร็วของสัญญาณนาฬิกานั่นเองหรือจะเรียกวาสัญญาณ "Clock" ก็ได โดยสัญญาณนาฬิกาที่วานี้ จะเปนตัวกําหนดจังหวะในการทํางานใหกับอุปกรณภานในเครื่องคอมพิวเตอร เทียบไดกับการแขงเรือพาย ที่ จําเปนตองมีผูคอยใหจังหวะในการพายเรือเพื่อใหฝพายเกิดความพรอมเพียงกัน ความเร็วของซีพียู (CPU Speed) คือ ตัวเลขที่ใชวัดความเร็วในการทํางานของซีพียูในแตละตระกูลโดยซีพียูในแตละตระกูลจะมีหลายความเร็วให เลือก อยางเชนซีพียูในตระกูล Pentium III ก็จะมีหลายความเร็ว ใหเลือกตั้งแต 450,500 และ 550 เมกะเฮิรตซ เปน ตน
หนวยวัดความเร็วซีพียูที่ควรรู ความเร็วในการทํางานของซีพียูนี้จะวัดกันในหนวยเมกะเฮิรตซ (MHz = ลานรอบตอวินาที) แตซีพียูในปจจุบันนั้นเร็วกวาเมื่อกอนมาก ดังนั้นจะเห็นไดจากซีพียูรุนใหมๆ จะมีความเร็ว สูง ถึงระดับกิกะเฮิรตซ (GHz) โดยในสวนของ "เมกะ" จะแทนดวยตัวอักษร "M" ซึ่งมีคา เทากับ 1,000,000 ในสวนของ "เฮิรตซ" จะแทนดวยตัวอักษร "Hz" ซึ่งหมายถึง รอบตอ วินาที • 1 MHz (Mega Hertz) = 1,000,000 Mz 1 หรือ 1 ลานเฮิรตซ • 1 GHz (Giga Hertz) = 1,000,000,000 Hz หรือ 1 พันลานเฮิรตซ เครื่องที่มีซีพียูความเร็วสูงอาจทํางานไดชากวาเครื่องที่มีซีพียูความเร็วต่ํากวา เครื่องคอมพิวเตอรจะทํางานไดเร็วหรือชานั้น ไมไดขึ้นอยูกับซีพียูแตเพียงอยางเดียว แตยัง ขึ้นอยูกับอุปกรณอื่นๆ ดวย อยางเชน ขนาดของหนวยความจํา ความเร็วของฮารดดิสกและ การดแสดงผล เปนตน ดังนั้นเครื่องที่มีซีพียูความเร็วสูงๆก็ไมไดหมายความวาจะทํางานเร็ว กวาเครื่องที่มีซีพียูความเร็วต่ํากวาเสมอไป หนวยความจําแคช Cache Memory หนวยความจําแคช เปนสวนที่ใชสําหรับเก็บขอมูลหรือคําสั่งแบบชั่วคราว กอนจะปอนใหซีพียู ประมวลผล โดย ขอมูลหรือคําสั่งดังกลาวก็จะเปนสวนที่มีการเรียกใชงานจากซีพียูบอยๆ เพื่อเวลาที่ซีพียูตองการใชขอมูลเหลานั้น ก็จะสามารถคนหาไดอยางรวดเร็ว โดยไมจําเปนที่จะตองไปคนหาจากหนวยความจําแรม หรือจากฮารดดิสก ที่มคี วามเร็วชากวา (แคชจะมีความในการทํางานเกือบเทากับความเร็วซีพียู ขณะที่ SDRAM มีความเร็วประมาณ 6ns และฮารดดิสกมีความเร็วประมาณ10ms)หนวยความจําแคชเปนหนวยความจําแบบ Static RAM (SRAM) ที่มี คุณสมบัติหลักคือมีความเร็วในการทํางานสูง แตราคาแพงกวาหนวยความจําหลักของระบบที่เปนแบบ Dynamic
361 RAM (DRAM) อยูมากทําใหขนาดของหนวยความจําแคชถูกจํากัดใหมีขนาดเล็ก หนวยความจําแคชระดับ 1 (Cache Level 1 : L1) เปนแคชที่สรางอยูภายในตัวซีพียู เราเรียกวา อินเทอรนอลแคช (Internal Cache) มีขนาดใหญไมใหญนัก หนวยความจําแคชระดับ 1 จะมีอยูในซีพียูทุกชนิด ทุกรุนทีมีขายอยูใน ทองตลาดในปจจุบัน เชน ในซีพียูเพนเทียมทรี หรือเพนเทียมทู จะมีหนวยความจําแคชระดับ 1 ขนาด 32 KB โดย แบงเปน 16 KB สําหรับแคชคําสั่ง และอีก 16 KB สําหรับแคชขอมูล หนวยความจําแคชระดับ 2 (Cache Level 2 : L2) มีทั้งแบบที่สรางอยูภายในตัวซีพียูและแบบที่อยู ภายนอก ถา ซีพียูคาหาขอมูลจากแคชระดับ 1 ไมพบ ก็จะทําการคนหาตอที่แคชระดับ 2 ซึ่งขนาดของแคชระดับ 2 นั้นก็จะ แตกตางกันตามรุนและชนิดของซีพียู เชน ซีพียูเซลเลอรอนจะมีหนวยความจําแคชระดับ 2 ขนาด128 KB สวน ซีพียูเพนเทียมทรี และเพนเทียมทูจะมีขนาด 512 KB แคชระดับ 2 นี้มีทั้งแบบที่สรางมาบนตัวซีพียูเลย เชน เพ นเทียมทู เพนเทียมทรี แตถาเปนซีพียู 6x86,K5 เพนเทียม MMX จะไมมีหนวยความแคชระดับ 2 มาดวย ซีพียูจึง มองแคชบนเมนบอรดเปนแคชระดับ 2 แทน หนวยความจําแคชระดับ 3 (Cache Level 3 : L3) เปนแคชที่อยูภายนอกตัวซีพียู เราเรียกวา เอ็กเทอรนอลแคช (External Cache) โดยแคชในระดับนี้จะเปนแคชที่ติดตั้งอยูบนเมนบอรดเทานั้น เนื่องจากซีพียู K6-lll นั้น จะมี หนวยความจําแคชระดับ 2 ที่ถูกสรางอยูภายในตัวซีพียูเลย แตในขณะเดียวกันบนเมนบอรดที่ใชสําหรับซีพียู K6lll นั้นก็ยังคงมีหนวยความจําแคชมาดวย ทําใหซีพียูมองหนวยความจําแคชบนเมนบอรดที่เคยเปนแคชระดับ 2 เดิมนั้น เปนหนวยความจําแคชระดับ 3 แทน
รูปแสดง ลําดับการคนหาขอมูลของซีพียู จากรูป แสดงลําดับในการคนหาขอมูลที่ซีพียูจําเปนตองใชในการประมวลผล โดยมักจะเริ่มคนหา ที่แคช ระดับ 1 กอนเปนอันดับแรก ถาภายในแคชระดับ 1 ไมมีขอมูลที่ซีพียูตองการ มันก็จะไปคนหาตอที่ แคชระดับ 2 และ 3 ตามลําดับ ถายังไมพบก็จะคนหาตอที่แรม และสุดทายก็คือคนหาที่ฮารดดิสก 1 KB และ 1 MB หมายถึงอะไร? ขอมูลในทางคอมพิวเตอรจะเปนขอมูลที่ถูกเก็บเปนตัวเลขทั้งหมด โดยอักษรแตละตัวจะ เรียกวา ไบต (Byte) ซึ่ง 1 ไบตนี้จะเทากับ 8 บิต คําวาบิตนี้เปนหนวยขอมูลที่เล็กที่สุดในแตละ บิตจะหมายถึงตัวเลข 1 กับ 0 เทานั้น สรุปไดวา ขอมูลทั้งหลายที่ปรากฏอยูบนจอภาพนั้นจะถูก แทนดวยตัวเลข 1 และ 0 ทั้งหมด โดย 1 ตัวอักษร (1 ไบต) จะประกอบดวยตัวเลข 1 และ 0 ทั้งหมด 8 ตัว เกิดเปนรหัสขอมูล • 1 Byte = 1 ตัวอักษร • 1 KB (Kilo Byte) = 1,024 Byte • 1 MB (Mega Byte) = 1,048,576 Byte คงไมมีใครไมรูจักอินเทล อยางนอยๆ ก็คงเคยไดยินโฆษณา Intel Inside มาบาง สําหรับซีพียูจากคาย อินเทลนี้ก็ นับวายังครอบตําแหนงแชมป โดยสามารถครองสวนแบงทางการตลาดซีพียูมากเปนอันดับ 1 ตลอดกาล ณ วันนี้ แมวาชื่อเสียงของอินเทลจะสั่นคลอนไปบาง อันเนื่องจากคูแขงขันอยางเอเอ็มดีทํากําลังดีวัน ดีคืน และสามารถชิง สวนแบงไปไดไมนอย แตอิเทลก็ยังปลอยซีพียูออกมาขับเคี่ยวแบบตาตอตา ฟนตอฟนเรามาดูกันวาซีพียูจากคาย อินเทลที่กําลังวางตลาดอยูในขณะนี้ มีตระกูลไหนบาง
362 Pentium 4 แกน Willamette ซีพียูรุนใหมลาสุดจากอินเทลภายใตชื่อรหัสวา "Willamette" หรือจะเรียกวา "แกน Willamette" ก็ได ตอมาได ชื่ออยางเปนทางการวา "Intel Pentium 4 Prpcessor" เขามาแทนที่ Pentium III ออกวางตลาด ดวยความเร็วเริ่มตน ที่ 1.4 GHz และ 1.5 GHz และมาสิ้นสุดที่ 2 GHz ใชสถาปตยกรรมใหมลาสุดที่ชื่อ Intel Netburst mmicroarchitecture ซึ่งถูกออกแบบใหสามารถทํางานไดอยางมีประสิทธิภาพสูงสุด ไมวาจะเปนการประมวลผลขอมูลที่มี ปริมาณมากๆการประมวลผลภาพกราฟก 3 มิติ ภาพวิดีโอ ระบบเสียง การเลนเกมที่มีลักษณะอินเตอรแอคทีฟ นอกจากนี้ยังไดเพิ่มชุดคําสั่งใหมเขาไปอีก 144 ชุดคําสั่งใน SSE 2 สําหรับ Socket ที่ใชในการติดตั้งซีพียู Pentium 4 นั้นจะมีชื่อวา Socket 423 ความเร็ว (Core Speed)
1.3,1.5,1.6,1.7,1.8,1.9,2.0,GHz
ความเร็วบัส (System Bus)
400 MHz FSB
ไฟเลี้ยง (Vcore)
1.7 โวลต
ชองติดตั้งซีพียู (Socket)
Socket 423
แคชระดับ 1 ขนาด 32 KB (Execution Trace ขนาดหนวยความจํา Cache) แคช(Cache) แคชระดับ 2 ขนาด 256 KB (Advance Transfer Cache) ขนาดเทคโนโลยี การผลิต
0.18 ไมครอน
สถาปตยกรรม
Intel NetBurst Micro-Architecture
ชุดคําสั่ง
SSE 2 (Streaming SIMD Extensions)
Pentium4แกนNorthwood หลังจากที่ซีพียู Pentium 4 แกน Willamette ออกไปไมนาน ทางอินเทลก็ปลอย Pentium 4 รุนที่ 2 ออกมาอีก ใช ชื่อรหัสวา "Nothwood" โดยไดตลอดขนาดของการผลิตลงจากเดิม 0.18 ไมครอน มาที่ 0.13 ไมครอน (กินไฟ นอยลง) เพื่อทะลวงขอจํากัดทางดานความเร็วที่ไปหยุดอยูแค 2 GHz โดยในรุนนี้ตัวซีพียูจะมีขนาดเล็กลงกวาเดิม มากและใชกับ Socket 478 ซึ่งเปน Socket แบบใหม แมวาจํานวนขาของซีพียูจะมาขึ้นกวาเดิม แตจะมีขนาดเล็ก กวาเดิมมากสวนเทคโนโลยีตางๆยังคงเหมือนกับแกนWillamette
363 2.0 - 3+ GHz ความเร็ว (Core Speed)
ความเร็วบัส (System Bus)
400, 533 MHz FSB
ไฟเลี้ยง (Vcore)
1.5 โวลต
ชองติดตั้งซีพียู (Socket)
Socket 478
แคชระดับ 1 ขนาด 32 KB(Execution Trace ขนาดหนวยความจํา Cache) แคช(Cache) แคชระดับ 2 ขนาด 5125 KB (Advance Transfer Cache) ขนาดเทคโนโลยีการ 0.13 Micron ผลิต สถาปตยกรรม
Intel NetBust Micro-Architecture
ชุดคําสั่ง
SSE 2 (Streaming SIMD Extensions) ที่เพิ่ม ชุดคําสั่งใหม 144 คําสั่ง
สําหรับซีพียู Pentium 4 แกน Northwood ที่มีความเร็วเทากับแกน Willamette จะใชอักษรA ตอทาย ความเร็ว เพื่อ ระบุวาเปนแกน Northwood เชน ถาเปน pentium 4 ความเร็ว 1.6 GHz ก็จะสกรีนวา 1.6A ดังรูป Pentium4แกนNorthwoodบัส533MHz อีกเรื่องหนึ่งที่สําคัญก็คือ จะเห็นวาในชวงเดือนตุลาคุม ป 2545 นี้มีเมนบอรดที่รองรับความเร็วบัส 533 MHz ออกมาจํานวนมาก ซึ่งเมนบอรดเหลานี้ออกมาเพื่อรองรับซีพียู Pentium 4 ในรุนความเร็ว 2.26 และ 2.40 GHz ขึ้น ไป ที่ใชระบบบัส 533 MHz FSB โดยการเปลี่ยนแปลงระบบัสจากเดิม 400 MHz FSB ไปเปน 533 MHz FSB เปน การเพิ่มประสิทธิภาพการทํางานระหวางซีพียูกับระบบ ซึ่งจะชวยใหความเร็วโดยรวมของเครื่องดีขึ้น CeleronTualatin ซีพียูราคาประหยัดที่ทางบริษัท Intel ผลิตออกมาเพื่อหวังเจาะตลาดระดับลาง และเพื่อการแขงขันกับบริษัท AMD โดย Celeron Tualatin ไดเพิ่มคําสั่งทางดานมัลติมีเดีย (ชุดคําสั่ง SSE ที่ใชใน Pentium III ) เพื่อเพิ่ม ความสามารถใหมากกวา Celeron ในรุนเดิม ใชเทตโนโลยีการผลิตขนาด 0.13 ไมครอน เทากับ Pentium 4 Northwood และมีการเพิ่ม L2 Cache เปน 256 KB ไดรับการออกแบบการตอเชื่อมลายวงจรโดยใชสารทองแดง (Copper Interconnection) แทนอะลูมิเนียม ซึ่งสงผลทําใหมีประสิทธิภาพการทํางานที่เร็วขึ้น
364
ความเร็ว (Core Speed)
1.4 GHz
133 MHz FSB
ความเร็วบัส (System Bus) ไฟเลี้ยง (Vcore)
1.3 โวลต
ชองติดตั้งซีพียู (Socket)
Socket 370 (สนับสนุน Tualatin CPU)
ขนาดหนวยความจําแคช(Cache)
แคชระดับ 1 ขนาด 32 KB แคช ระดับ 2 ขนาด 256 KB
ขนาดเทคโนโลยีการผลิต
0.13 Micron
สถาปตยกรรม
P6 Dynamic Execution Microarchitecture SSE 2 (Streaming SIMD Extensions) ที่เพิ่มชุดคําสั่งใหม 144 คําสั่ง
ชุดคําสั่ง
สําหรับซีพียูจากคาย AMD ที่กําลังเปนที่นิยมอยูในขณะนี้ก็คือ Athlon XP โดยคําวา "XP" ยอมาจาก "Extreme Performance" ซึ่งมีอยูดวยกัน 2 รุน โดยในรุนแรกใชแกนที่มีชื่อรหัสตามสายการผลิตวา "พาโลมีโน" (Palomino) และ "เธอโรเบรด" (Thoroughbred) แตกอนที่จะทําความรูจักกับซีพียูจากเอเอ็มดี ใหลองทําความ เขาใจกับ รูปแบบการแจงความเร็วที่ทางเอเอ็มดีเปลี่ยนใหมเสียกอน ทางเอเอ็มดีไดเปลี่ยนรูปแบบการแจงความเร็วของซีพียู แบบใหม โดยจะวัดตาม PR Rating (Performance Rating) ซึ่งก็คือคาความสามารถในการประมวลของซีพียู โดย ไมไดใชเรื่อง MHz/GHz เหมือนเดิมอีกแลว แตกลับมาแขงเครื่องประสิทธิภาของซีพียูในการประมวลผลแทน ซึ่ง คา PR Rating นี้จะเปนคาที่ เปรียบเทียบกับ Athlon Thunderbird เดิม ไมใชเปนการเปรียบเทียบความเร็วกับซีพียู จากคาย Intel แตอยางใด ซึ่งในชางเปดตัด AMD ไดสงออกมาทั้งหมด4รุนไดแก -AthlonXP 1500+ PR = 1.33 GHz -AthlonXP 1600+ PR = 1.4 GHz
365 -AthlonXP 1700+ PR = 1.47 GHz -AthlonXP 1800+ PR = 1.53 GHz จะเห็นไดวาซีพียูจาก AMD ภายใตชื่อ Athlon XP จะมีเครื่องหมายบวกเพิ่มเขามา เพื่อบอกวา Athlon รุนนี้มี ประสิทธิภาพเหนือกวารุน Thunderbird รุนกอนหนาเทาไร โดยตัวเลขเทียบไดกับความเร็วสัญญาณนาฬิกาของ รุนThunderbied ที่เทียบกับรุน XP AthlonXP แกน Palomino จุดเริ่มตนของ Athlon XP แกน Palomino จะคลายกับ Pentium 4 รุนแรกที่ใชแกน Willamette คือจะใช สถาปตยกรรมแบบใหม แตใชขนาดเทคโนโลยีการผลิตเทาเดิมคือ 0.18 ไมครอน สวน Athlon XP ตัวนี้ก็ เหมือนกันคือ ทําการพัฒนาตอจาก Athlon Thuderbied ตัวเดิมที่มีขนาดการผลิต 0.18 ไมครอน ใชสถาปตยกรรม แบบใหมที่เรียกวา "QuantiSpeed Architecture" มาพรอมกับเทคโนโลยี3Dnow! Professional ที่เพิ่มชุดคําสั่งใหม 72 ชุดคําสั่ง สนับสนุน FSB 266 MHz ที่ทํางานในแบบ Double Data Rate (DDR) กับความเร็วบัส 133 MHz มี หนวยความจําแคช L1 ขนาด 128 KB และ L2 ขนาด 256 KB ความเร็ว Speed)
(Core
1500+ - 2100+ GHz
ความเร็วบัส (System Bus)
266 MHz FSB
ไฟเลี้ยง (Vcore)
1.7 โวลต
ชองติดตั้งซีพียู (Socket)
Socket A
ขนาด แคชระดับ 1 ขนาด 128 KB แคชระดับ 2 ขนาด หนวยความจําแคช 256 KB (Cache) ขนาดเทคโนโลยี การผลิต
ใชเทคโนโลยีการผลิตขนาด 0.18 ไมครอน โดย มีทองแดงเปนตัวเชื่อมตอภายใน (Copper Interconneet) จากเมื่อกอนที่ใชอะลูมิเนียม (Aluminium Interconnect)
สถาปตยกรรม
QuantiSpeed Architecture
ชุดคําสั่ง
3Dnow ! Professional Technolgy (เพิ่ม 27 ชุดคําสั่งจาก 3Dnow!)
AthlonXPแกนThoroughbred ซีพียู Athlon XP รุนที่ 2 ที่เขามาแทน Palomino ดวยแกนที่มีชื่อวา "Thoroughbred" ที่ใชเทคโนโลยี การผลิตขนาด 0.13 ไมครอน เชนเดียวกับ Pentium 4 Northwood ของอินเทล โดยเริ่มตนที่รุน Athlon XP 2200+ ซึ่งมีความเร็วในการทํางาน 1.8 GHz และยังคงใช Socket 462 เชนเดิม หรือที่คุนกันในชื่อ Socket A เดิม โดยทั่วไปแลว Palomino และ Thoroughbred ไมมีความแตกตางกันในเรื่องของสถาปตยกรรมพื้นฐาน จะตางกัน เพียงแคเทคโนโลยีในการผลิตเทานั้นโดยลดจาก0.18มาเปน0.13
366 AthlonXPThoroughbredบัส333MHz เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้งกับซีพียู Athlon XP Thoroughbred เมื่อทางเอเอ็มดีไดมีการ เปลี่ยนแปลงขนาด ของ Die Size (แกน) เพิ่มขึ้นอีก 4 mm ทางเอเอ็มดีจะเรียกวา Thoroughbred "B" และไดเพิ่มความเร็วบัส FSB เปน 333 MHz จากเดิมที่ใชความเร็ว FSB 266 MHz ก็เหมือนกับที่ทาง Intel ปลอยซีพียูบัส 533 MHz ออกมาแทนรุนที่ ใชบัส 400 MHzสําหรับซีพียู Athlon XP บัส 333 MHz จะเริ่มตนที่รุน Athlon XP 2600+ ซึ่งมีความเร็ว 2.13 GHz และตอมาก็เริ่มผลิต Thoroughbred "B" ที่รุน ความเร็วต่ํา ๆ อยางรุน 2000+,2200+,2400+,2600+,2700+ และ 2800+แตอยาลืมวาจะตองใชกับเมนบอรดที่สนับสนุนความเร็ว333MHzดวยเมื่อดูจากรูปจะเห็นวาหนาตาของ ซีพียู Athlon XP ใชแกน Thoroughbred "B" จะเหมือนเดิมทุกอยางแตจะมีขนาดของDieSizeใหญกวาเดิมเล็กนอย เทานั้น ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติของซีพียู AMD Athlon XP & Intel Pentium 4 Processor Codename
AMD Thunderbird
AMD Palomino
AMD Thoroughbred
Intel Northwood
Micron Process
0.18 micron
0.18 micron
0.13 micron
0.13 micron
FSB operation 200 MHz (100x2)
266 (133x2)
266 MHz (133x2)
533 MHz (QDRx133)
Center Size
128 mm
128 mm
80 mm
146 mm
256 KB
256 KB
256 KB
512 KB
Voltage Drain 1.75 V
1.75 V
1.65 V
1.5 V
L2 Cache
Die
MHz
เปนอีกคายหนึ่งที่ผลิตซีพียูออกจําหนวยแขงกับอินเทลและเอเอ็มดี แตดวยคุณภาพที่ยังดอยกวา คูแขงขันอยูมาก ซีพียูจากเวียรจึงเหมาะกับเครื่องระดับลางเทานั้น แตก็มีจุดเดนตรงราคาที่ถูกมากเหมาะกับผูใชทั่วไปซึ่งมีรุนที่นาสนใจดังนี้VIA Cyrix III Cyrix lll จาก VIA ซึ่งวางกลุมเปาหมายใหอยูในตลาดระดับลาง มีความเร็วเริ่มจาก 533 MHz ไป จนถึง 667 MHz โดยจะติดตั้งอยูบน Socket 370 ใชเทคโนโลยีการผลิตที่ 0.18 ไมครอน เปนรุน ทีม่ ี แคชระดับที่ 1 สูงถึง 128 กิโลไบต ติดตั้งแบบ on - die คือผนวกอยูบนแกนซีพียูนั่นเอง แตไมมีแคชระดับ ที่ 2 ทํางาน ที่ความบัส 100 เมกะเฮิรตซ เหมาะสําหรับการใชงานทั่วๆไป เชน การใชโปรแกรมไมโครซอฟตออฟฟศ การ หนัง ฟงเพลง มีชุดคําสั่ง MMX กับ3D Now! ที่ชวยประมวลผลดานกราฟก และมัลติมีเดียแตดวยการที่ ไมมีแคชระดับที่ 2 ทําใหประสิทธิภาพในการทํางานดานกราฟก เลนเกม 3 มิติ และงานที่ตองการการ ประมวลผลสูงทําไดไมดีนักทั้งหมดนี้คือซีพียูจากคายตางๆที่กําลังออกสูตลาดคอมพิวเตอรบานเรา
367
เนื่องจากขอมูลและโปรแกรมตางๆ นั้นมีขนาดใหญเกินกวาที่จะเก็บลงแผนดิสกไดหมด ทําใหตองมีฮารดดิสก เอาไวเก็บขอมูลเหลานี้แทน ฮารดดิสกไดถูกพัฒนาใหมีความจะมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปจจุบันมีความจะมากกวา 200 เมกกะไบตแลวนอกจากการพัฒนาทางดานความจุของฮารดดิสกแลว ในดานความเร็วก็มีการพัฒนาควบคูไป ดวย โดยเฉพาะเมื่อมีการเปลี่ยนมาตรฐานจากเดิมที่เปนแบบ Ultra ATA ไปสู Serial ATA ซึ่งก็ชวยเพิ่มความเร็ว ในการรับสงขอมูลระหวางฮารดดิสกกับระบบไดมากถึง 150 เมกกะไบตตอวินาที สูงกวามาตรฐานเดิมที่มี ความเร็วแค 133 เมกกะไบตตอวินาทีเทานั้น
ฮารดดิสก (Harddisk) เปนอุปกรณทีสามารถเก็บขอมูลไดมากและเก็บไดอยางถาวรโดยไมจําเปนตองมีไฟฟามา หลอเลี้อยงตลอดเวลาเหมือนกับหนวยความจําแรม เมื่อปดเครื่องขอมูลก็จะไมสูญหายไปไหน จากคุณสมบัติเหลา รี้เองทําใหฮารดดิสกถูกใชเปนไดรวหลักในการเก็บระบบปฏิบัติการ โปรแกรมและขอมูลตางๆ นอกจากนี้พื้นที่ ของฮารดดิสกบางสวนยังถูกนํามาจําลองเปนแรมเสมือนหรือ Visual Memory อีกดวย ซึ่งชวยใหเครื่องทํางานได เร็วขึ้น
ปจจุบันฮารดดิสกมีรูปแบบการเชื่อมตออยู 3 มาตรฐาน ไดแก E-IDE, SCSI และลาสุดคือ Serial ATA ซึ่ง ฮารดดิสกทั้ง 3 แบบมีประสิทธิภาพ และ การใชงานที่แตกตางกันดังนี้ ฮารดดิสกมาตรฐาน E-IDE E-IDE (อานวา "อี-ไอดีอี") ยอมาจากคําวา Enhances Integrated Drive Electronics เปนฮารดดิสกที่ไดรับการ พัฒนาตอจากฮารดดิสกแบบ IDE (Integrated Drive Electronics) ซึ่งเปนมาตรฐานดั้งเดิมที่มีขอจํากัดในเรื่องของ ความจุคือ มีความจุเพียง 528 MB แตฮารดดิสกแบบ E-IDE สามารถจุขอมูลไดมากถึงระดับกิกะไบต ลาสุด สามารถพัฒนาความจุไดมากถึง 200 กิกะไบต ในสวนของชองที่ใชเชื่อมตอแบบE-IDE นี้จะมีจํานวน 40 ขา โดยจะเชื่อมตอเขากับสายสัญญาณหรือที่อาจจะเรียกวา "สายแพ" ก็ได เครื่องคอมพิวเตอรแตละ เครื่องจะสามารถตอฮารดดิสกได 4 ตัว ฮารดดิสกแบบE-IDE เปนมาตรฐานที่นิยมใชกันโดยทั่วไป เนื่องจากมี ราคาถูก หาซื้องาย และมีการติดตั้งไมยุงยาก ฮารดดิสกมาตรฐาน SCSI SCSI(อานวา "สกัซ-ซี") ยอมาจากคําวา Small Computer System Interface เปนฮารดดิสกที่มีจุดเดนในเรื่องของ
368 ความจุที่มีมากกวาแบบ E-IDE และมีความเร็วในการสงถายขอมูลกวาแบบ E-IDE นอกจากนี้ยังสามารถตอพวง กันไดมากดวย (7-15 ตัว) ฮารดดิสกแบบ SCSI เหมาะที่จะใชสําหรับเครื่องประเภทเครื่องแมขาย (Server อาานวา เซิรฟเวอร) มากกวาเครื่องที่ใชตามบาน เนื่องจากมีราคาแพง และมีการติดตั้งที่ยุงยากกวา เพราะจะตองมีการ ติดตั้งการดควบคุมเพิ่มเติม ในการติดตั้งจะตองใชสายสัญญาณแบบ 50 ขา จะเห็นวาสายสัญญาณของฮารดดิสก แบบ SCSI จะใหญกวาแบบ E-IDE ที่มีแพียง 40 ขา ฮารดดิสกมาตรฐาน Serial ATA สําหรับอฮารดดิสกมาตรฐานใหมลาสุดในนาม Serial ATA มีจุดเดนอยูที่สามารถพัฒนาความเร็วในการโอน ขอมูลระหวางฮารดดิสกกับระบบไดสูง กวามาตรฐานเดิม Ultra ATA (E-IDE) ที่มาตันอยูที่ความเร็ว 133 เมกกะไบตตอวินาที ขณะที่มาตรฐาน Serial ATA มีความเร็วสูงถึง 150 เมกกะไบตตอวินาที และเปนที่คาดวาจะ สามารถพัฒนาความเร็วไดสูงสุดถึง 600 เมกกะไบตตอวินาที
ฮารดดิสก IDE และ E-IDE ไดมีการพัฒนาในเรื่องของการรับสงขอมูลอยูอยางตอเนื่องควบคูไปกับการพัฒนา ความเร็วในการหมุนจานดิสก ซึ่งโหมดการรับสงขอมูลหรือ Transfer Mode ที่วานี้ ชวยทําใหการทํางานมี ประสิทธิภาพขึ้น ซึ่งมีอยูดวยกัน 2 แบบ คือ 1. แบบ PIO (Programmed Input/Output ) เปนโหมดการรับสงขอมูลผานซีดียู โดยฮารดดิสกที่มีการทํางานใน โหมดนี้จะตองอาศัยซีพียูชวยโอน ยายขอมูลให ทําใหเสียเวลาการทํางานของซีพียู 2. DMA (Direct Memory Access ) เปนโหมดการทํางานที่สามารถทําการรับสงขอมูลได โดยตรงระหวางแรม กับฮารดดิสก โดยไมตองผานซีดียู ซึ่งจะกินเวลาในการทํางานของซีพียูนอยลง เพราะไมตองขัดจังหวะใหซีพียู ชวยโอนยายขอมูล
ในหัวขอนี้จะพูดถึงมาตรฐานในแงของการพัฒนาทางดานความเร็ว เนื่องจากอุปกรณตางๆ ในคอมพิวเตอร ไม วาจะเปนซีพียู แรม การดแสดงผล ไดถูกพัฒนาใหมีความเร็วในการทํางานเพิ่มขึ้น ประกอบกับซอฟตแวร ระบบปฏิบัติการ และโปรแกรมมีขนาดใหญขึ้น เหตุนี้เองที่ทําใหตองมีการพัฒนาฮารดดิสกใหมีการรับสงขอมูล ไดมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นเครื่องคอมพิวเตอรที่มีอารดดิสกทํางานเร็ว ๆ ก็ยิ่งทําใหความเร็วโดยรวมของเครื่องสูงขึ้น ไปดวย
ฮารดดิสกแบบ IDE หรืออาจเรียกวา ATA (AT Attachment) นี้สามารถตอกับฮารดดิสกที่มี ความจุไมเกิน 528 เมกกะไบต ที่ใชกันในคอมพิวเตอรรุน 486 ใชการรับสงขอมูลในโหมด PIO (Programmed Input/ Output) Mode 0,1 และ 2 ไมสามารถตอกับอุปกรณ อื่นๆได นอกจากฮารดดิสกเพียงอยางเดียว ตอมาถูกพัฒนาเปนแบบ E-IDE เปนการพัฒนาตอจากมาตราฐาน IDE หรือ ATA ทําใหสามารถรับสงขอมูลไดรวดเร็วขึ้นและสามารถเชื่อมตอกับฮารดดิสกที่มีขนาดเกิน 528
369 เมกกะไบตได และพัฒนาใหสามารถเชื่อมตอกับอุปกรณอื่นๆ ไดอีก เชน ซีดีรอมไดรว หรือเทปไดรว โดยการ เชื่อมตอแบบ E-IDE นี้จะใชการสงขอมูลในโหมด PIO Mode 3 และ 4 เริ่มใชกับคอมพิวเตอรในรุนเพนเทียมเปน ตนมา
ฮารดดิสกมาตรฐาน Ultra ATA/33 ฮารดดิสกมาตรฐาน Ultra ATA/33 เปนฮารดดิสกแบบ E-IDE ที่มีการรับสงขอมูลผานทาง DMA (Direct Memory Access) ซึ่งจะชวยลดระยะเวลาการอาน/เขียนขอมูลจากบัฟเฟอร (Buffer) ของฮารดดิสกมีอัตราการ รับสงขอมูลเทากับ 33MB/S ฮารดดิสก Ultra ATA/33 จะมีความจุเทากับ 1.0-8.4 กิกะไบต ฮารดดิสกมาตรฐาน Ultra ATA/66 ฮารดดิสกมาตรฐาน Ultra ATA/66 ไดพัฒนาระบบการสงขอมูลใหรวดเร็วขึ้น และดลสัญญาณรบกวนทาง ไฟฟา โดยปรับประงสายสัญญาณ และคอนเนคเตอรใหมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไมไดพัฒนาเทคโนโลยีของแผน จานดิสกในดานความหนาแนนของของมูล แตคอมพิวเตอรที่จะใช Ultra ATA/66 ไดนั้นจะตองมีชิปเซตที่ สามารถรองรับความเร็วในการรับสงขอมูลขนาด 66 MB/S ไดดวย และในการติดตั้งจะตองใชสายสัญญาณแบบ 80 เสน แตฮารดดิสกแบบ Ultra ATA/66 นั้นยังคงใชกับสายสัญญาณแบบ 40 เสนแบบเกาไดเหมือนเดิมแตจะ ทํางานไดที่ความเร็วเทากับฮารดดิสก Ultra ATA/33 เทานั้น ฮารดดิสกมาตรฐาน Ultra ATA/100 ฮารดดิสกมาตรฐาน Ultra ATA/100 ไดพัฒนาความเร็วในการสงถายขอมูลใหสูงขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งคือสามารถ รับสงขอมูลไดที่ความเร็ว 100 MB/S ในการติดตั้ง ก็ยังตองใชสายสัญญาณแบบเดียวกับที่ใชใน Ultra ATA/66 ดวยคือ ใชสายแบบ 80 เสนมาตรฐานใหมนี้ยังเขากัน ไดกับฮารดดิสกมาตรฐานเกา และสามารถใชไดกับเมนบอรดรุนเกาที่สวนควบคุมฮารดดิสก (Controller) ไม สนับสนุน Ultra ATA/33 ฮารดดิสกก็ทํางานที่ความเร็ว 33 MB/S เทานั้น เพราะฉะนั้นถาตองการใหฮารดดิสก Ultra ATA/100 ทํางานที่ความเร็ว 100 MB/S ก็ตองใชกับเมนบอรดที่สนับสนุนและจะตองใชกับสายสัญญาณ แบบ 80 เสนดวย มาตรฐานความเร็วของฮารดดิสก SCSI ฮารดดิสกแบบ SCSI มีคุณสมบัติที่เหนือกวาแบบ E-IDE มาก ไม วาจะเปนความเร็วในการโอนถายขอมูล (Bandwidth) ที่ปจจุบันมีความเร็วสูงถึง 160 MB/s ขณะที่ฮารดดิสกแบบ E-IDE มีความเร็วเพียง 133 MB/s รวมถึงความจุใกลเคียงกับแบบ SCSI มากขึ้นทุกที การพัฒนามาอยางตอเนื่องเหมือนแบบ E-IDE เชนกัน โดย มาตรฐานของการเชื่อมตอแบบ SCSI มีดังตอไปนี้ มาตรฐาน
ความเร็วในการรับสงขอมูล (เมกกะไบตตอวินาที)
SCSI
5
Fast SCSI
10
Wide SCSI
10
Fast & wide SCSI
20-40
Ultra SCSI
40
Ultra Wode SCSI
80
370 Ultra 2 SCSI
80
Ultra 3 SCSI
160
จะเห็นไดวาการเชื่อมตอแบบ SCSI มาตรฐานใหมๆ นี้จะมีความเร็วในการรับสงขอมูลที่สูง มาก การใชการเชื่อมตอแบบนี้จะทําใหประสิทธิภาพการ ทํางาน หรือความเร็วในการทํางานของเครื่องสูงขึ้นมาก แตประสิทธิภาพที่ดี ตองแลกมาดวยราคาที่สูง อุปกรณและการดแบบ SCSI มีราคาที่คอนขางแพง จึงไมคอย นํามาใชงานในเครื่องคอมพิวเตอรทั่วๆ ไป จะเหมาะกับการใชงานสําหรับงานที่ตองการประสิทธิภาพสูงจริงๆ มาตรฐานของ SCSI ก็มีการพัฒนาทางดานความเร็วเชนเดียวกับแบบ E-IDE คือมีการพัฒนาใหมีความเร็วใน การสงถายขอมูลเร็วขึ้น จาก SCSI-2 ที่สงขอมูลได 10 MB/s มาเปน Ultra SCSI ที่สงขอมูลไดที่ 20 MB/sตอมาก็เปน Ultra Wide SCSI ที่สงขอมูลได 40 MB/s SCSI เปนอินเตอรเฟสที่แตกตางจากอินเตอรเฟสแบบอื่นๆ มาก ความจริงแลว SCSI ไมไดเปนอินเตอรเฟส สําหรับฮารดดิสกโดยเฉพาะ ขอแตกตางที่สําคัญที่สุดไดแก อุปกรณที่จะนํามาตอกับอินเตอรเฟสแบบนี้ จะตอง เปนอุปกรณที่มีความฉลาดหรือ Intellihent พอสมควร (มักจะตองมี ชิปควบคุมหรือหนวยความจําของตนเอง ในระดับหนี่ง) โดยทั่วไปการดแบบ SCSI จะสามารถตอกับอุปกรณได 7 ตัว แตการด SCSI บางรุนอาจตอ อุปกรณไดมากถึง 14 ตัว (SCSI-2) ในทางทฤษฎีแลวเราสามารถนําอุปกรณหลายชนิดมาตอเขาดวยกันผานSCSI ไดเชน ฮารดดิสก เทปไดรว ออปติคัลดิสก เลเซอรพรินเตอร หรือแมกระทั่งเมาส ถาอุปกรณ เหลานั้นมีอินเตอรเฟสที่เหมาะสม มาตรฐานเร็วของการรับสงขอมูลของ SCSI แบบตาง ๆ กันดีกวา โครงสรางและการทํางานของฮารดดิสก หลายคนคงเคยเดินผานตามรานขอยคอมพิวเตอร ซึ่งมักจะเปดหนังหรือไมก็เปดเกมกราฟกสวยๆ เอาไว เพื่อ ดึงดูดลูกคาใหมายืนดู เบื้องหลังของภาพสวยๆเหลานั้น เกิดจากความสามารถของการดแสดงผล ในบทนี้เราจะมาทําความรูจักกับการดแสดงผลและกาวหนาของการดใน ยุคปจจุบัน การผลิตการดแสดงผลในปจจุบันมีความหลากหลายมากขึ้นกวาเมื่อกอนมากโดยมีหลายี่หอที่สราง ขึ้นมาเพื่อการทํางานเฉพาะดาย อยางเชน การดประเภทที่ใชตอกับจอภาพได 2 ตัว การดที่ใชสําหรับเลนเกม การด ที่ใชสําหรับตัดตอภาพวิดีโอการดสําหรับงานออกแบบประเภท CAD/CAM หรือจะเปนการดทีวี Turner (รับสัญญาณโทรทัศนได) เปนตน จะเห็นวาการดเดี๋ยวนี้มีความสามารถเฉพาะดานมากขึ้น แตการดที่ใชงานกัน สวนใหญจะเปนการดประเภทที่สามารถประมวลผลภาพไดทั้ง 2 มิติและ 3 มิติ สําหรับคุณภาพในการแสดงภาพ วาจะออกมาสวย เหมือนจริงและเปนธรรมชาติแคไหน ก็ชึ้นอยูกับคุณภาพของการดในแตละรุนที่เลือกใช
การดแสดงผลหรือ "กราฟฟกการด" (Graphic Card) เปนการดที่ทําหนาที่นําผลลัพธที่ไดจากการประมวลผล ของซีพียูออกสูจอภาพซึ่งอยูในรูปของขอความ และรูปภาพ ซึ่งเมื่อกอนนี้เราจะเรียกการดแสดงผลวา "วีจีเอ การด" (VGA Card) แตในปจจุบันเรียกวา "กราฟฟกการด" แทน เนื่องจากการดรุนใหม ๆ จะเรียกกราฟฟกชิป (Graphic Chip) ที่สามารถประมวลผลขอมูลกราฟฟกแทนซีพียูไดอยางมีประสิทธิภาพ ชวยลดภาระใหกับซีพียู ไดอยางมาก และยังไดเพิ่มปริมาณวิดีโอแรม เพื่อรองรับงานทางดาน 3 มิติที่ซับซอนหรือมีรายละเอียดมากขึ้น ตลอดจนการพัฒนาชิปแรมใหสามารถทํางานไดอยางรวดเร็ว ที่กลางมาทั้งหมดเปนปจจัยที่สําคัญที่ชวยใหการด แสดงผลในปจจุบันสามารถแสดงภาพกราฟก ไดอยางรวดเร็ว และเหมือนจริง
371
เนื่องจากการดแสดงผลในปจจุบันมีการพัฒนาในหลาย ๆ สวน ทําใหมีสวนประกอบที่เราจําเปนตองรูจัก มากกวาการดในรุนเกา ซึ่งมีดังนี้ 1. กราฟกชิป (Graphic chip) หรือเรียกอีกอยางหนึ่งวา "GPU" ซึ่งยอมาจาก Graphics Asselerator Unit ทําหนาที่ ประมวลผลขอมูลทางดาน กราฟกกอนที่จะนําออกแสดงยังจอภาพ กราฟกชิปในปจจุบันใชเทคโนโลยีการผลิต ขนาด 0.15 ไมคอน 2. วิดโี อแรม (Video RAM) เปนหนวยความจําที่ใชเก็บขอมูลภาพกอนนําแสดงออกสูจอภาพซึ่งขอมูลดังกลาวได ถูกประมวลผลเรียบรอยแลว สําหรับขนาดของวิดีโอแรมของการดรุนเกาจะมีเพียง 1-4 เมกกะไบต แตสําหรับ การดในปจจุบันจะมีมากกวา 4 เมกกะไบต เพื่อรองรับงานกราฟกที่ซับซอนมากขึ้น โดยจะพบวาการดในปจจุบัน จะมีวิดีโอแรมตั้งแต 32,64,128 และ 256 เมกกะไบต 3. ชิปไบออส (BIOS Chip) มีหนาที่คลายๆ กับชิปรอมไบออสของเมนบอรดคือ ควบคุมการทํางานเบื้องตน และ คอยตรวจสอบความผิดปกติตางๆ บนการดแสดงผล 4. แรมแดค (RAMDAC) เปนสวนที่ทําหนาที่แปลงสัญญาณแบบดิจิตอล (Digital) ใหเปนสัญญาณแบบอะนาล็อก กอนที่จะสงใหกับจอภาพเพื่อนําไป แสดงผลตอไป โดยความเร็วขอRAMDACจะมีหนวยเปน MHz เชน ความเร็ว 400 MHz 5. เอจีพี อินเตอรเฟส (AGP Interface) เปนสวนที่ใชติดตั้งเขากับสล็อตของ เมนบอรด เพื่อเชื่อมทางเดินของขอมูลจากการดไปยังอุปกรณอื่นๆ ซึ่ง มาตรฐานการเชื่อมตอ ผานสล็อตแบบ AGP เปนมาตรฐานใหมที่ทํางานไดเร็ว กวาสล็อตแบบเดิมคือแบบ PCI 6. ชองเชื่อมตออุปกรณอื่นๆ ซึ่งการดแตละตัวจะมีจํานวนชองไมเทากัน ขึ้นอยู กับรุนของการดชองเชื่อมตออุปกรณที่เราควรรูจักไดแก » ชอง VGA Output สําหรับตอกับจอภาพ » ชอง DVI สําหรับตอกับจอภาพ LCD » ชอง Video In สําหรับตอกับกลองวิดีโอ » ชอง S-Video สําหรับตอกับทีวีความละเอียดสูง » ชอง Composite Output หรือ TV-Out สําหรับตอกับทีวี กราฟกชิปบนการดแสดงผลนั้น มีอยูหลายชนิดซึ่งมีประสิทธิภาพ และหนาที่ในการประมวลผลแตกตางกัน ดังนั้นเรามาดูกราฟกชิปขนิดตาง ๆ ที่มีหนา และการ ใชงานแตกตางกัน 1. ชิปเรงการประมวลผล 2 มิติอยางเดียว เปนยุคเริ่มแรกที่การแสดงผลแบบ 3 มิติยังไมเปนที่นิยมแพรหลายมาก นัก การแสดงผลเพียงแบบ 2 มิติก็เพียงพอตอความตองการแลว โดยใชซอฟตแวรจัดการการแสดงผล 3 มิติเพิ่ม เขาไปใหสามารถแสดงผลภาพแบบ 3 มิติแทน ตัวอยางของชิปแบบนี้ก็คือ S3 Trio จากคาย S3 2. ชิปเรงการประมวลผล 3 มิติ อยางเดียว เปนชวงเขาสูยุคที่การแสดงผลแบบ 3 มิติเริ่มมาแรงจึงมีการผลิตการดที่ เสริมการทํางานแบบ 3 มิติเพิ่มเขาไป ใหสามารถแสดงผลภาพแบบ 3 มิติไดอยางสวยงามมากยิ่งขึ้น ตัวอยางของชิปแบบนี้ก็คือ Voodoo 1 จากคาย 3Dfx
372 3. ชิปเรงการประมวลผลทั้ง 2 มิติ และ 3 มิติ เปนชวงที่การแสดงผลแบบ 3 มิติไดรับความนิยมเปนอยางมาก ประกอบกับความยุงยากที่จะตองติดตั้งทั้งการดแสดงผลแบบเรง 2 มิติและแบบเรง 3 มิติ ถึง 2 ตัว นั้นยุงยาก จึงทํา ใหมีการผลิตชิปที่ทําหนาที่ทั้งเรงการประมวลผล 2 มิติ และ 3 มิติอยูในตัวเดียวกันขึ้นมาซึ่งเปนแนวทางที่นิยมอยู ในปจจุบัน ตัวอยางของชิปแบบนี้ ก็คือ Savage 4 จากคาย S3, Voodoo 3 3000 จากคาย 3Dfx, G400 จากคาย Marox, TNT2 จากคาย nVidia หรือ Range 128 จากคาย ATI เปนตน ตารางเปรียบเทียบความเร็วของแรมบนการดแสดงผล ในการพัฒนาการดแสดงผล นอกจากจะพยายามเรงใหกราฟกชิปประมวลไดเร็วขึ้นแลว ก็ยังไดพัฒนา หนวยความจําบนการดใหทํางานไดเร็วขึ้นดวย ทําใหในปจจุบันมีหนวยความจําชนิดตาง ๆ ติดตั้งอยูบนการดดังนึ้ ชนิดของแรม
คําอธิบาย
EDO DRAM (Dxtended Data Out DRAM)
เปนแรมแบบเดียวกับที่ใชในเครื่องคอมพิวเตอร มีความเร็วในการ ทํางานไมสูงมาก ปจจุบันไมนิยมนํามาใชกับการดแสดงผลแลว
SDRAM (Synchronous DRAM)
เปนแรมแบบเดียวกับที่ใชในเครื่องคอมพิวเตอรเชนกัน มีความเร็วใน การทํางานสูง เปนที่นิยมนํามาใชกับการดแสดงผลในปจจุบัน
SGRAM (Synchronous Graphics RAM)
เปนแรมที่พัฒนามาจาก SDRAM ใหทํางานไดเร็วกวา ไวใชสําหรับ การดแสดงผลโดยเฉพาะ นิยมนํามาใชกับการดแสดงผลที่มี ประสิทธิภาพในากรทํางานสูง
DDR SDRAM (Double Data Rate SDRAM)
เปนแรมที่พัฒนามาจาก SDRAM อีกเชนกัน มีความเร็วในการงานเปน 2 เทาของ SDRAM นิยมนํามาใชกับการดแสดงผลที่มีประสิทธิภาพใน การทํางานสูง
DDR SDRAM (Double Data Rate SGRAM)
มีความเร็วในการทํางานเปน 2 เทาของ SGRAM นิยมนํามาใชกับการด แสดงผลที่มีประสิทธิภาพในการทํางานสูงๆ
VRAM (Video RAM)
เปนแรมที่มีพื้นฐานมาจาก DRAM แตพัฒนาใหสามารถทํางานรับ-สง ขอมูลไดพรอมกัน
WRAM (Video RAM)
เปนแรมที่พัฒนาจาก VRAM ใหมีความเร็วในการรับ-สงขอมูลที่สูงขึ้น มักจะพบในการดของ Matrox รุนเกาๆ และการดจาก Nomber Nine
MDRAM (Window DRAM)
เปนแรมที่พัฒนามาจาก DRAM ใหสามารถรับ-สงขอมูลไดในเวลา เดียวกันทําใหมีความเร็วในการทํางานที่สูงกวา
RDRAM (Rambus DRAM)
เปนแรมที่ไดมีการออกแบบใหมหมดโดยบริษัท Rambus มีความเร็วใน การทํางานที่สูงมากๆ เหมาะสําหรับที่จะใชกับการดแสดงผลที่มี ประสิทธิภาพสูง ๆ แตดวยราคาที่คอนขางแพงจึงยังไมคอยเห็นการ นํามาใชกับการดแสดงผลมากนัก
ความโดดเดนของผูผลิตกราฟฟกคายตางๆ ในปจจุบันมีผูผลิตกราฟฟกชิปอยูหลายคาย ซึ่งชิปของแตละคายมีมาตราฐาน และประสิทธิภาพแตกตางกันดังนั้น เรามาดูกันวาแตละคายมีความโดดเดนทางดานใดกันบาง
373 nVidia ผูผลิตกราฟฟกชิปตระกูล Riva TNT และ Geforce nVidia เปนผูผลิตกราฟกชิปที่ไดรับความนิยมมากที่สุด แตจะผลิตชิปขายอยางเดียว ไมไดผลิตการดขายดวย เรา จึงเห็นชิปคายนี้ติดอยูบนการดยี่หอตางๆโดยชิปรุนนี้ไดรับความนิยมอยางสูงสุดในขณะนี้ไดแก ชิปในตระกูล Riva TNT , TNT2, TNT2 m64 และชิปในตระกูล Geforce ซึ่งมีอยูหลายรุนเชนกัน ทั้ง Geforce2 , Geforce3 และ รุนใหมลาสุดคือ Geforce4 3Dfx ผูผลิตกราฟกชิปสําหรับตลาดเกมในตระกูล Voodoo กราฟกชิปของทาง 3Dfx ก็ไดแก Voodoo Banshee, Voodoo3, Voodoo4 และ Voodoo5 เมื่อกอนนี้ 3Dfxจะผลิตชิปจําหนายใหกับผูผลิตการดแสดงผลยี่หอ ตางๆทําใหมีหลากหลายยี่หอ เชนเดียวกับชิปของคาย nVidia แตตอมาไดรวมบริษัทกับผูผลิตการดเพียงรายเดียว เทานั้นคือ STB ทําใหมีการดเพียงยี่หอเดียวเทานั้นที่ใชชิปของ 3Dfx แตไมประสบความสําเร็จ และปจจุบัน ถูกเทคโอเวอรโดย nVidia แลว Matrox ผูผลิตกราฟกชิปในตระกูล G400 ที่เดนเรื่องภาพคมชัด กราฟกชิปจาก Matrox มีคุณสมบัติเดนในเรื่องคุณภาพในการแสดงภาพ ทั้งเรื่องของความ คมชัด และสัสัน เปนอีกคายหนึ่งที่ผลิตกราฟกการดที่มีคุณภาพ นอกจากจะผลิตชิปแลว Matrox ยังผลิตการด จําหนายเองอีกดวย แตตอมาไดจําหนายชิปใหกับผูผลิตการดบางยี่หอบางแลวอยาง Gigabyte ชิปคายนี้จะใช อักษร G นําหนา เชน G200, G400, G450 เปนตน S3 ผูผลิตชิปกราฟกระดับคุณภาพราคาถูกในตระกูล Savage S3 เปนผูผลิตกราฟกชิปชื่อดังอีกคายหนึ่ง เนื่องจากผลิตชิปราคาไมแพง และมีการผลิตกราฟกชิปรุน ใหมๆ ออกมาจําหนายอยางตอเนื่อง แตดวยคุณภาพและประสิทธิภาพที่ไมสูงนัก จึงขายไดเฉพาะตลาดระดับลาง กราฟกชิปที่ผลิตจากคาย S3 ไดแก S3 Savage 3D ,S3 Savage 4 , S3 Savage 2000 เปนตน ATi ผูผลิตชิปกราฟก ATi เปนอีกคายหนึ่งที่ผลิตทั้งชิป และการดขายเอง และก็มีคุณภาพสูงอยูในเกณฑดีทีเดียวแตก็มี ราคาคอนขางสูง ลักษณะของการดที่ผลิตจากคายATi มักจะเปนการดที่มีความสามารถหลายดาน เชน ใชทํางาน ทั่วไป ตอออก TV นํามาเลนเกม หรือจะรับสัญญาณวีดีโอก็ได เปนตน ในปจจุบันไดจับมือกับอินเทลที่จะชวยกัน พัฒนาชิปเซตเพื่อรองรับซีพียูจากอินเทล การดแสดงผลที่ผลิตจาก ATi ไดแก ATi Rage 128 Pro, ATi Ati Rage Fury, ATi Radeon เปนตน
SiS ผูผลิตชิปกราฟก SiS เปนคายที่ผลิตทั้งกราฟกชิป และชิปเซตที่ใชกับ Mainboard ซึ่งชิปเซตดังกลาวก็จะเปนชิป ประเภท VGA O Chipset คือมีการรวมเอาสวนประมวลผลทางดานกราฟกเขาไวในตัวชิปเซตเลย แตก็ผลิตกราฟก ชิปจําหนายใหกับผูผลิตการดคายตางๆดวย การดที่ใชชิปจากคายนี้จะมีราคาถูก และไดประสิทธิภาพที่คุมคา เหมาะสําหรับตลาดระดับลางเปนอยางยิ่ง โดยเฉพาะในรุน SiS 6326 นั้นขายดีมาก
374
3Dlabs ผูผลิตชิปกราฟก คายนี้ผลิตกราฟกชิปในระดับสูง เพื่อใชประมวลผลงานที่ซับซอนประเภทของออกแบบอยางเชน งานดาน CAD/CAM, 3D Studio นับเปนกราฟกที่ผลิตขึ้นมาเพื่องานเฉพาะดานจริงๆการดแสดงผลที่ใชชิปจาก คายนี้จะมีคุณภาพ และประสิทธิภาพสูงมาก แตราคาก็สูงตามไปดวย
ความสําคัญของการดแสดงผล จากที่กลาวมาแลววาการดแสดงผลจะมีอยู 2 มาตรฐาน คือ การดแสดงผลที่ใชระบบบัสแบบ PCI และแบบ AGP โดยการดแสดงผลแบบ AGP จะมีคุณภาพดีกวาการดแบบ PCI โดยมันจะเรงความเร็วในการแสดงภาพกราฟกทั้ง ภาพ 2 มิติและ 3 มิติ และมีการเพิ่มหนวยความจําบนการดทําใหแสดงผลไดอยางรวดเร็ว อีกทั้งยังมีการเพิ่มชิปประมวลผลบนการด เพื่อทําหนาที่แทนซีพียู เปนการลดภาระใหกับซีพียูไดอยางมานอกจาก สิ่งเหลานี้แลว ก็ควรรูจักคุณสมบัติอื่นๆ กอนที่จะเลือกซื้อการดแสดงผล ซึ่งคุณสมบัติที่วาจะบอกมากับกลองที่ บรรจุการด ถาเรารูวาคุณสมบัติตัวไหนหมายถึงอะไรก็จะทําใหเราเลือกการดแสดงผลไดอยางดี 1. หนวยความจําวีดีโอ (Video Memory/Frame Buffer) เปนหนวยความจําที่ใชเก็บขอมูลที่ ไดรับจาก ซีพียู เพื่อสงตอใหกับจอภาพเพื่อทําการแสดงผล ตอไป ถาการดมีหนวยความจํามากก็จะรับขอมูลจากซีพียูไดมาก ชวย ใหการแสดงผล บนจอภาพมีความเร็วสูงขึ้นและถาใชหนวยความจําที่มีความเร็วในการทํางานสูงก็ยิ่งทําให สามารถรับขอมูลไดเร็วขึ้น 2. บัส(BUS) ระบบบัสซึ่งเปนที่นิยมอยูในขณะนี้คือ ระบบบัสแบบ AGP ซึ่งเปนระบบที่ใชกับการดแสดงผล เทานั้น มีความเร็วในการทํางานสูงกวาระบบบัสแบบPCI เนื่องจากระบบบัสแบบ PCI นั้นชาเกินไปสําหรับการ ทํางานดานกราฟกแบบ3 มิติที่มีความละเอียดสูง ระบบบัสแบบ AGP จึงเปนมาตราฐานบัสแบบใหมทํางานที่ ความเร็ว66MHzขึ้นไป 3. ความละเอียด (Resolution) คือ จํานวนของจุดหรือพิกเซล (Pixel) ที่การดสามารถนําไปแสดงผลบนจอภาพ ไดจํานวนจุดยิ่งมากก็ทําใหภาพ ที่ไดมีความคมชัดขึ้น การดแสดงผลสวนใหญสามารถที่จะแสดงผลในความ ละเอียดไดในหลายๆโหมด เชน 640 x 480, 800 x 600, 1024 x 768, 1280 x 1024 สวนความละเอียด ของสีจะ เริ่มตนที่ 16 สี, 256 สี, 65,535 สี และ 16 ลานสี หรือมักจะเรียกกันวา True Colr ในการเลือกความละเอียดของ ภาพและจํานวนสีก็ขึ้นอยูกับการใชงาน ถาเปนงานพื้นฐานทั่วไปก็ควรเลือกโหมด 800 x 600 จํานวนสี 65,535 สี แตถาเปนงานดานกราฟกที่ตองการความละเอียดสูง ก็ควรจะใชโหมดความละเอียด 1024 x 768 หรือ 1280 x 1024จํานวนสี16ลานสี 4. อัตราการรีเฟรซ (Refresh Rate) คือ จํานวนครั้งในการวาดหนาจอใหมใน 1 วินาที ถาหากวาการรีเฟรชต่ํา จะทําใหภาพบนหนาจอกะพริบจะทําใหภาพบนหนาจอกะพริบ ทําใหดูไมสบายตา อัตราการรีเฟรชที่ใชงานอยูคือ 72 Hz ถาใชจอภาพขนาดใหญ อัตราการรีเฟรชยิ่งมากก็ยิ่งดีเพราะจอภาพขนาดใหญแตมีการรีเฟรชต่ําจะทําให
375 ภาพบนจอกระพริบเชนเดียวกัน
โพรเซสเซอร (Processor)
ถาเปรียบเทียบกับรางกายของมนุษยโพรเซสเซอรก็นาจะเปรียบเทียบเปนเหมือนสมอง ของมนุษยนั่งเอง ซึ่งคอยคิดควบคุมการทํางานสวนตางๆของรางกาย ดังนั้นถาจัดระดับ ความสําคัญแลวโพรเซสเซอรก็นาจะมีความสําคัญเปนอันดับแรก
376
บล็อกไดอะแกรมของโพรเซสเซอร สวนประกอบของโพรเซสเซอรมีดง ั นี้ • Bus Interface Unit (BIU) (Cbox) คือสวนที่เชื่อมตอระหวาง address bus, control bus และ data bus กับภายนอกเชน หนวยความจําหลัก (main memory) และ อุปกรณภายนอก (peripherals) • Memory Management Unit (MMU) (Mbox) คือสวนที่ควบคุมโพรเซสเซอรในการ ใชงานแคช (cache) และหนวยความจํา (memory) โดย MMU ยังชวยในการทํา virtual memory และ paging ซึ่งแปลง virtual addresses ไปเปน physical addresses โดยใช Translation Look-aside Buffer (TLB) • Integrated on-chip cache เปนสวนสําหรับเก็บขอมูลที่ใชงานบอยๆใน Synchronous RAM (SRAM) เพื่อใหการทํางานของโพรเซสเซอรมีประสิทธิภาพสูงสุด ใชงานไดทั้ง L1 และ L2 on chip cache • Prefetch Unit (part of Ibox) คือสวนที่ดึงขอมูลและคําสั่งจาก instruction cache และ data cache หรือ main memory based เมื่อ Prefetch Unit อานขอมูลและคําสั่ง มาแลวก็จะสงขอมูลและคําสั่งเหลานี้ตอไปให Decode Unit • Decode Unit or Instruction Unit (part of Ibox) คือสวนที่แปลความหมาย ถอดรหัส หรือแปลคําสั่ง ใหเปนรูปแบบที่ ALU และ registers เขาใจ • Branch Target Buffer (BTB) คือสวนที่บรรจุคําสั่งเกาๆที่เขามาสูโพรเซสเซอร ซึ่ง BTB นั้นเปนสวนหนึ่งของ Prefetch Unit
377 • Control Unit or Execution Unit คือสวนที่เปนศูนยกลางคอยควบคุมการทํางานใน โพรเซสเซอรดังนี้ • อานและแปลความหมายของคําสั่งตามลําดับ • ควบคุม Arithmetic and Logic Unit (ALU), registers และสวนประกอบอื่นๆของ โพรเซสเซอร ตามคําสั่ง • ควบคุมการเคลื่อนยายของขอมูลที่รับ-สงจาก primary memory และอุปกรณ I/O • ALU (Ebox) คือสวนที่ปฎิบัติตามคําสั่งและเปรียบเทียบ operands ในบาง โพรเซสเซอรมีการแยก ALU ออกเปน 2 สวนดังนี้ • Arithmetic Unit (AU) • Logic Unit (LU) • operation ที่ ALU ปฎิบัติตามเชน • Arithmetic operations (+, -, *, และ /) • Comparisons (<, >, และ =) • Logic operations (and, or) • Floating-Point Unit (FPU) (Fbox) คือสวนที่ทําการคํานวณเกี่ยวกับจํานวนตัวเลขที่ เปนจุดทศนิยม • Registers (part of Ibox, Fbox, และ Ebox) คือสวนที่ใชสําหรับเก็บขอมูลสําหรับ การคํานวณในโพรเซสเซอร • Data register set เก็บขอมูลที่ใชงานโดย ALU เพื่อใชสําหรับการคํานวณที่ไดรับ การควบคุมจาก Control Unit ซึ่งขอมูลนี้อาจสงมาจาก data cache, main memory, หรือ Control Unit ก็ได • Instruction register set เก็บคําสั่งที่กําลังทํางานอยู หนวยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU) หนวยประมวลผลกลางหรือซีพียู เรียกอีกชื่อหนึ่งวา โปรเซสเซอร (Processor) หรือ ชิป (chip) นับเปนอุปกรณ ที่มีความสําคัญมากที่สุด ของฮารดแวรเพราะมีหนาที่ในการ ประมวลผลขอมูลที่ผูใชปอน เขามาทางอุปกรณอินพุต ตามชุดคําสั่งหรือโปรแกรมที่ ผูใชตองการใชงาน หนวยประมวลผลกลาง ประกอบดวยสวนประสําคัญ 3 สวน คือ 1. หนวยคํานวณและตรรกะ (Arithmetic & Logical Unit : ALU) หนวยคํานวณตรรกะ ทําหนาที่เหมือนกับเครื่องคํานวณอยูในเครื่องคอมพิวเตอรโดย ทํางานเกี่ยวของกับ การคํานวณทางคณิตศาสตร เชน บวก ลบ คูณ หาร นอกจากนี้ หนวยคํานวณและตรรกะของคอมพิวเตอร ยังมีความสามารถอีกอยางหนึ่งที่เครื่อง คํานวณธรรมดาไมมี คือ ความสามารถในเชิงตรรกะศาสตร หมายถึง ความสามารถใน การเปรียบเทียบตามเงื่อนไข และกฏเกณฑทางคณิตศาสตร เพื่อใหไดคําตอบออกมาวา เงื่อนไข นั้นเปน จริง หรือ เท็จ เชน เปรียบเทียบมากวา นอยกวา เทากัน ไมเทากัน ของ จํานวน 2 จํานวน เปนตน ซึ่งการเปรียบเทียบนี้มักจะใชในการเลือกทํางานของเครื่อง คอมพิวเตอร จะทําตามคําสั่งใดของโปรแกรมเปน คําสั่งตอไป 2. หนวยควบคุม (Control Unit) หนวยควบคุมทําหนาที่คงบคุมลําดับขั้นตอนการการประมวลผลและการทํางานของ อุปกรณตางๆ ภายใน หนวยประมวลผลกลาง และรวมไปถึงการประสานงานในการ ทํางานรวมกันระหวางหนวยประมวลผลกลาง กับอุปกรณนําเขาขอมูล อุปกรณแสดงผล และหนวยความจําสํารองดวย เมื่อผูใชตองการประมวลผล ตามชุดคําสั่งใด ผูใชจะตอง สงขอมูลและชุดคําสั่งนั้น ๆ เขาสูระบบ คอมพิวเตอรเสียกอน โดยขอมูล และชุดคําสั่ง ดังกลาวจะถูกนําไปเก็บไวในหนวยความจําหลักกอน จากนั้นหนวยควบคุมจะดึงคําสั่ง จาก ชุดคําสั่งที่มีอยูในหนวยความจําหลักออกมาทีละคําสั่งเพื่อทําการแปล ความหมาย วาคําสั่งดังกลาวสั่งให ฮารดแวรสวนใด ทํางานอะไรกับขอมูลตัวใด เมื่อทราบ ความหมายของ คําสั่งนั้นแลว หนวยควบคุมก็จะสง สัญญาณคําสั่งไปยังฮารแวร สวนที่ ทําหนาที่ ในการประมวลผลดังกลาว ใหทําตามคําสั่งนั้น ๆ เชน ถาคําสั่ง ที่เขามานั้น
378 เปนคําสั่งเกี่ยวกับการคํานวณ หนวยควบคุมจะสงสัญญาณ คําสั่งไปยังหนวยคํานวณ และตรรกะ ใหทํางาน หนวยคํานวณและตรรกะก็จะไปทําการดึงขอมูลจาก หนวยความจําหลักเขามาประมวลผล ตามคําสั่งแลวนําผลลัพธที่ไดไปแสดงยังอุปกรณ แสดงผล หนวยคงบคุมจึงจะสงสัญญาณคําสั่งไปยัง อุปกรณแสดงผลลัพธ ที่กําหนดให ดึงขอมูลจากหนวยความจําหลัก ออกไปแสดงใหเห็นผลลัพธดังกลาว อีกตอหนึ่ง 3. หนวยความจําหลัก (Main Memory) คอมพิวเตอรจะสามารถทํางานไดเมื่อมีขอมูล และชุดคําสั่งที่ใชในการประมวลผลอยู ในหนวยความ จําหลักเรียบรอยแลวเทานั้น และหลักจากทําการประมวลผลขอมูลตาม ชุดคําสั่งเรียบรอบแลว ผลลัพธที่ได จะถูกนําไปเก็บไวที่หนวยความจําหลัก และกอนจะ ถูกนําออกไปแสดงที่อุปกรณแสดงผล
เมนบอรดเปนอุปกรณที่สําคัญรองมาจากซีพียู เมนบอรดทําหนาที่ควบคุม ดูแลและ จัดการๆ ทํางานของ อุปกรณชนิดตางๆ แทบทั้งหมดในเครื่องคอมพิวเตอร ตั้งแตซีพียู ไปจนถึงหนวยความจําแคช หนวยความจําหลัก ฮารดดิกส ระบบบัส บนเมนบอรด ประกอบดวยชิ้นสวนตางๆ มากมายแตสวนสําคัญๆ ประกอบดวย
1. ชุดชิพเซ็ต
379
ชุดชิพเซ็ตเปนเสมือนหัวใจของเมนบอรดอีกที่หนึ่ง เนื่องจากอุปกรณตัวนี้จะมีหนาที่ หลักเปนเหมือนทั้ง อุปกรณ แปลภาษา ใหอุปกรณตางๆ ที่อยูบนเมนบอรดสามารถ ทํางานรวมกันได และทําหนาที่ควบคุม อุปกรณตางๆ ใหทํางานไดตามตองการ โดยชิพ เซ็ตนั้นจะประกอบดวยชิพเซ็ตนั้นจะประกอบไปดวยชิพ 2 ตัว คือชิพ System Controller และชิพ PCI to ISA Bridge ชิพ System Controller หรือ AGPSET หรือ North Bridge เปนชิพที่ทําหนาที่ ควบคุมการทํางานของ อุปกรณหลักๆ ความเร็วสูงชนิดตางๆ บนเมนบอรดที่ ประกอบดวยซีพียู หนวยความจําแคชระดับสอง (SRAM) หนวยความจําหลัก (DRAM) ระบบกราฟกบัสแบบ AGP และระบบบัสแบบ PCI ชิพ PCI to ISA Bridge หรือ South Bridge จะทําหนาที่เปนอุปกรณที่ใชเชื่อมตอกัน ระหวางระบบบัสแบบ PCI กับอุปกรณอื่นๆ ที่มีความเร็วในการทํางานต่ํากวาเชนระบบบัส แบบ ISA ระบบบัสอนุกรมแบบ USB ชิพคอนโทรลเลอร IDE ชิพหนวยความจํารอม ไออส ฟล็อบปดิกส คียบ อรด พอรตอนุกรม และพอรตขนาน ชุดชิพเซ็ตจะมีอยูดว ยกันหลายรุนหลายยี่หอโดยลักษณะการใชงานจะขึ้นอยูกับ ซีพียูที่ใชเปนหลัก เชนชุด ชิพเซ็ตตระกูล 430 ของอินเทลเชนชิพเซ็ต 430FX, 430HX 430VX และ 430TX จะใชงานรวมกับซีพียู ตระกูลเพนเทียม เพนเที่ยม MMX, K5, K6, 6x86L, 6x86MX (M II) และ IDT Winchip C6 ชุดชิพเซ็ต ตระกูล 440 ของอิเทลเชน ชิพเซ็ต 440FX, 440LX, 440EX และชิพเซ็ต 440BX จะใชงานรวมกับ ซีพย ี ูตระกูลเพ นเที่ยมโปร เพนเที่ยมทู และเซลเลอรอน และชุดชิพเซ็ตตระกูล 450 ของอินเทลเชน ชุดชิพเซ็ต 450GX และ 450NX ก็จะใชงานรวมกับซีพียูตระกูลเพนเที่ยมทูซีนอนสําหรับ เครื่องคอมพิวเตอรระดับ Server หรือ Workstation นอกจากนี้ยังมีชิพเซ็ตจากบริษัท อื่นๆ อีกหลายรุนหลายยี่หอที่ถูกผลิตออกมา แขงกับอินเทลเชนชุดชิพเซ็ต Apollo VP2, Apollo VP3 และ Apollo mVp3 ของ VIA, ชุดชิพเซ็ต Aladin IV+ และ Aladin V ของ ALi และชุดชิพเซ็ต 5597/98, 5581/82 และ 5591/92 ของ SiS สําหรับซีพียูตระกูลเพ นเที่ยม เพนเที่ยม MMX, K5, K6, 6x86L, 6x86MX (M II) และ IDT Winchip C6 ชุด ชิพเซ็ต Apollo BX และ Apollo Pro ของ VIA, ชุดชิพเซ็ต Aladin Pro II M1621/M1543C ของ ALi และชุดชิพเซต 5601 ของ Sis สําหรับซีพียูตระกูลเพนเที่ยม ทู และเซลเลอรอน ซึ่งชิพเซตแตละรุน แตละยี้หอนั้นจะมีจุดดีจุดดอยแตกตางกันไป 2. หนวยความจํารอมไบออส และแบตเตอรรีแ ่ บ็คอัพ
380
ไบออส BIOS (Basic Input Output System) หรืออาจเรียกวาซีมอส (CMOS) เปน ชิพหนวยความจําชนิด หนึ่งที่ใชสําหรับเก็บขอมูล และโปรแกรมขนาดเล็กที่จําเปนตอ การบูตของระบบคอมพิวเตอร โดยในอดีต สวนของชิพรอมไบออสจะประกอบดวย 2 สวนคือ ชิพไบออส และชิพซีมอส ซึ่งชิพซีไปออสจะทําหนาที่ เก็บขอมูลพื้นฐานที่ จําเปนตอการบูตของระบบคอมพิวเตอร สวนชิพซีมอสจะทําหนาที่ เก็บโปรแกรมขนาด เล็ก ที่ใชในการบูตระบบ และสามารถเปลี่ยนขอมูลบางสวนภายในชิพได ชิพไบออสใช พื้นฐานเทคโนโลยีของรอม สวนชิพซีมอสจะใชเทคโนโลยีของแรม ดังนั้นชิพไบออสจึง ไมจําเปนตองใชพลังงานไฟฟา ในการเก็บรักษาขอมูล แตชิพซีมอส จะตอง การพลังงานไฟฟาในการเก็บรักษาขอมูลอยตลอดเวลาซึ่งพลังงานไฟฟา ก็จะมาจาก แบตเตอรี่แบ็คอัพที่อยูบนเมนบอรด (แบตเตอรี่แบ็คอัพจะมีลักษณะเปนกระปองสีฟา หรือเปนลักษณะกลมแบนสีเงิน ซึ่งภายในจะบรรจุแบตเตอรรี่แบบลิเธี่ยมขนาด 3 โวลต ไว) แตตอมาในสมัย ซีพย ี ตระกูล 80386 จึงไดมีการรวมชิพทั้งสองเขาดวยกัน และ เรียกชื่อวาชิพรอมไบออสเพียงอยางเดียว และการที่ชิพรอมไบออสเปนการรวมกันของ ชิพไบออส และชิพซีมอสจึงทําใหขอมูลบางสวนที่อยูภายใน ชิพรอมไบออส ตองการ พลังงานไฟฟาเพื่อรักษาขอมูลไว แบตเตอรี่แบ็คอัพ จึงยังคงเปนสิ่งจําเปนอยูจนถึง ปจจุบัน จึงเห็นไดวาเมื่อแบตเตอรี่แบ็คอัพเสื่อม หรือหมดอายุแลวจะทําใหขอมูลที่คุณ เซ็ตไว เชน วันที่ จะหายไปกลายเปนคาพื้นฐานจากโรงงาน และก็ตองทําการเซตใหม ทุกครั้งที่เปดเครื่อง เทคโนโลยีรอมไบออส ในอดีต หนวยความจํารอมชนิดนี้จะเปนแบบ EPROM (Electrical Programmable Read Only Memory) ซึ่งเปนชิพหนวยความจํา รอม ที่สามารถบันทึกได โดยใชแรงดันกระแสไฟฟาระดับพิเศษ ดวยอุปกรณ ที่เรียกวา Burst Rom และสามาถลบขอมูลไดดวยแสงอุตราไวโอเล็ต ซึ่งคุณไมสามารถอัพเกรด ขอมูลลงในไบออสได ดวยตัวเองจึงไมคอยสะดวกตอการแกไขหรืออัพเกรดขอมูลที่อยู ในชิพรอมไบออส แตตอมาไดมีการพัฒนา เทคโนโลยชิพรอมขึ้นมาใหม ใหเปนแบบ EEPROM หรือ E2PROM โดยคุณจะสามารถทั้งเขียน และลบขอมูล ไดดวย กระแสไฟฟาโดยใชซอฟตแวรพิเศษ ไดดวยตัวเองอยางงายดายดังเชนที่เราเห็นกันอยู ในปจจุบัน 3. หนวยความจําแคชระดับสอง หนวยความจําแคชระดับสองนั้นเปนอุปกรณ ตัวหนึ่งที่ทําหนาเปนเสมือน หนวยความจํา บัฟเฟอรใหกับซีพียู โดยใชหลักการที่วา การทํางานรวมกับอุปกรที่ ความเร็วสูงกวา จะทําใหเสียเวลาไปกับการรอคอยใหอุปกรณ ที่มีความเร็วต่ํา ทํางานจน เสร็จสิ้นลง เพราะซีพียูมค ี วามเร็วในการทํางานสูงมาก การที่ซพ ี ียูตองการขอมูล ซักชุด หนึ่งเพื่อนําไปประมวลผลถาไมมีหนวยความจําแคช ปจจุบันเทคโนโลยีคอมพิวเตอรมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปอยางรวดเร็ว ไมวาจะเปน เมนบอรด ซีพียู แรม บัส ฯลฯ ลวนแลวแตมีการพัฒนาและเพิ่ม ประสิทธิภาพในการทํางาน มากขึ้นอีกดวย นอกจากนี้ชิ้นสวนตาง ๆ ภายในเครื่อง
381 คอมพิวเตอร ยังเปนปจจัยหนึ่งใน การพิจารณาเลือกซื้อเครื่องคอมพิวเตอรอีกดวย ตอนนี้เราจะมาดูในเรื่องของเมนบอรด วาควรจะเลือกซื้อและพิจารณาสวนใดกันบาง สิ่งสําคัญในการเลือกซื้อ สิ่งสําคัญในการพิจารณาเลือกซื้อเมนบอรดสําหรับเครื่องคอมพิวเตอรนั้น คุณจะตอง พิจารณาในสวนตาง ๆ ที่มีสวนสําคัญและเกี่ยวของกับการทํางานใหเกิดประสิทธิภาพ มากที่สุด อาทิเชน ความคอมแพตทิเบิลของเมนบอรดกับซีพย ี ู, ซิพเซต, ไบออส,I/O chips, พอรตตาง ๆ รวมทั้งรูปแบบหรือโครงสรางของเมนบอรดดวย ฯลฯ นอกจากนี้สิ่ง หนึ่งที่สําคัญอีกประการก็คือ ยี่หอและรุนของเมนบอรดที่จะนํามาใชกับการทํางานที่ ตองการและประสิทธิภาพในการทํางาน ที่ไดรับ เมนบอรดในปจจุบัน เริ่มจากอดีตจนถึงปจจุบันหนาตาของเมนบอรดและประสิทธิภาพในการทํางานของ เมนบอรด มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงใหมีประสิทธภาพในการทํางานมากขึ้น ซึ่งใน ปจจุบันนี้เมนบอรด ที่กําลังเปนที่นิยมกันก็คงจะหนีไมพนเมนบอรดเพนเทียมที่แซงหนา เมนบอรดรุน 486 ที่กําลัง จะกลายเปนเมนบอรดที่ถูกทอดทิ้ง เนื่องจากประสิทธิภาพที่ เหนือกวาของเมนบอรด เพนเทียม อีกทั้งแนวโนมที่กําลังมาแรงของเมนบอรดเพนเทียม โปรที่มีการเปดตัวผลิตภัณฑออกมามาก ขึ้น จึงเปนสวนหนึ่งที่ทําใหผูใชคอมพิวเตอรให ความสนใจและจับตามองความเคลื่อนไหวอยาง ตอเนื่อง เมนบอรดที่มีคุณลักษณะที่เรียกวา ATX Form Factor นั่นก็คือการจัดองคประกอบหรือ วงจร ตาง ๆ บนเมนบอรดใหมีความกระชับ และเสันทางเดินวงจรใกลที่สุด นอกจากนี้ยัง built-in พวกพอรตตาง ๆ ไว เชน Com1, Com2, PS/2 Keyboard, Mouse และ Parallelไวบน เมนบอรดอีกดวย คุณลักษณะสําคัญ สําหรับคุณลักษณะสําคัญของเมนบอรดที่ควรพิจารณา ก็เริ่มจากเมนบอรดเพนเทียม ที่ กําลังเปนที่นิยมและใชงานกันมากขึ้น ในการเลือกซื้อนั้นควรจะพิจารณาเมนบอรดกับ ซีพียูวา เมนบอรดนั้นสามารถใชงานหรือตองการซีพียูในการทํางานรุนใด ซึ่งอยางนอย ควรเลือกซื้อ เมนบอรดรุนต่ําสุดเปนรุนเพนเทียม 133 MHz ขึน ้ ไปและเมนบอรดนั้น สามารถที่จะอัพเกรด ซีพย ี ูไดถึงระดับไหน นอกจากนี้ยี่หอของ CPU ที่มีการพัฒนาอยู ในทองตลาด เชน AMD, Cyrix และ Intel ยังเปนปจจัยในการพิจารณาเลือกซื้ออีกดวย รวมทั้งคุณภาพของชิพเซตและ ยี่หอที่เปนยอมรับในการทํางาน เชน Triton, Intel หรือ SiS เปนตน สําหรับชิพเชตที่เพิ่งประกาศตัวไมนานของ Intel นั้น ก็คือ ชิพเชตที่สนับสนุน โปรเซสเซอรที่มี MMX สําหรับเพนเทียม (Pentium) ไดแก ชิพเชตรุน 430TX สวนเพ นเทียมโปร (Pentium Pro) ไดแก ชิพ เซตรุน 440LX ซึ่งชิพเซตทั้งสองรุนนี้มีการนํา คุณลักษณะพิเศษที่เปนโมเดลใหม ของเพนเทียม (P55C) และเพนเทียมโปร (" Klamath") คือ MMX ที่รวมคุณสมบัตใิ นดาน ระบบมัลติมีเดียไวอยางครบถวน เชน เรื่อง ของเสียง,กราฟก, ภาพ ซึ่งในขณะนี้เมนบอรดทั้ง เพนเทียมและเพนเทียมโปรที่สนับส นุนคุณสมบัติ MMX กําลังทยอยนําเขามาสูทองตลาด ซึ่งเปนอีกคุณสมบัตท ิ ี่นาสนใจ มาก สําหรับเมนบอรดที่ใชชิพเชตอยาง 430TX และ 440LX นี้ก็นาจะมีซ็อกเก็ต สําหรับใส SDRAM อยูดวยเพื่อรองรับการทํางานในอนาคต SDRAM นั้นเปนแรมชนิดใหมชวยเพิ่ม ความเร็วในการ ทํางาน ซึง่ จะพบวามี SDRAM อยูบนเมนบอรดบางชนิด จะมีอยู 1 ซ็อก
382 เก็ต ซึ่งในปจจุบัน ควรจะเลือกเมนบอรดที่มีชองใส SDRAM อยู 2 ซ็อกเก็ต เพื่อการ เพิ่ม SDRAM ในอนาคต สําหรับลักษณะโดยทั่ว ๆ ไปของเมนบอรดในปจจุบันมักจะมีซอ ็ กเก็ตสําหรับใสแรมชนิด 72-pin (SIMM) เปนสวนใหญ ซึ่งเมนบอรดจะมีซ็อกเก็ตสําหรับใสแรมอยู 4 ซ็อกเก็ต แตสําหรับ เมนบอรดรุนใหม ๆ นั้นจะมีซ็อกเก็ตสําหรับใสแรมชนิด 72-pin อยูถึง 6-8 ซ็ อกเก็ตเลยทีเดียว ซึ่งผูใชสามารถเลือกซื้อไดตามความตองการที่จะใชงานของ หนวยความจําในการทํางาน สําหรับซ็อกเก็ตแรมแบบ 30-pin นั้นก็คงจะสูญไปเลย ทีเดียว สําหรับเมนบอรดรุนใหม ๆ ซึ่งหากจะใหแรมชนิด 30-pin ก็คงจะตองใชอะแดป เตอรในการแปลงเขาชวย และในการ พิจารณาซ็อกเก็ตที่มีอยูบนเมนบอรดก็มีสวน สําคัญในการทํางาน ดังนั้นผูซื้อควรเลือก เมนบอรดที่มีซ็อกเก็ตใสแรมไดหลาย ๆ แถว ซึ่งเราอาจจะพบวาเมนบอรดเพนเทียมนั้นมีการ ออกแบบมาให 1 แบงกประกอบดวย 2 ซ็อกเก็ต (มีบางเมนบอรดที่ออกแบบมาให 1 แบงก เทากับ 1ซ็อกเก็ต) ฉะนั้นหากผูใช ที่ตองการใชหนวยความจําในการทํางาน 16 MB ก็จะตองใสแรม 8 MB 2 แถวลงใน 2 ซ็อกเก็ต ก็จะครบ 1 แบงก ดังนั้นในการพิจารณาแบงก จึงเปนสิ่งสําคัญบนเมนบอรด ดวย เผื่อไวสําหรับอนาคตที่ตองการเพิ่มหนวยความจําใหกับ เครื่องคอมพิวเตอร สวนที่สําคัญอีกประการหนึ่งก็คือ สลอตบนเมนบอรด ซึ่งโดยสวนใหญแลว เมนบอรด ของ เพนเทียมจะประกอบดวย สลอต PCI และ ISA เปนสวนใหญ ซึ่งสลอตตาง ๆ ดังกลาวก็เปน ปจจัยหนึ่งที่สงผลใหกับการใชงานเครื่องคอมพิวเตอรดวยเชนกัน หากมี จํานวนสลอตมาก ๆ นั่นก็หมายความวาคุณสามารถที่จะติดตั้งการดที่สนับสนุน อินเตอรเฟสตาง ๆ ไดมากเพิ่มขึ้นดวย ในการพิจารณาเลือกซื้อเมนบอรดก็ควรจะ คํานึงถึงสลอตเหลานี้ดวย อยางนอยคุณก็ควรจะ เลือกสลอตแบบ PCI ใหมากไว เพราะสลอตแบบ PCI สามารถทํางานไดเร็วกวาสลอตแบบ ISA ดังนั้นเราจ ะสังเกตเห็น วาเมนบอรดที่เพิ่งจะออกมาในทองตลาดระยะหลังนี้จะสนับสนุนสลอต แบบ PCI มากกวาแบบ ISA คุณลักษณะ ATX เมนบอรดในปจจุบันมีการปรับเปลี่ยนและพัฒนารูปแบบใหมีความกระชับและมี ความสามารถ เพิ่มขึ้น ซึง่ เมนบอรด ATX นั่นก็คือ เมนบอรดที่ออกแบบวงจรใหมีความ กะทัดรัดมากขึ้น ซึ่ง จะทําใหมีความเร็วในการทํางานเพิ่มขึ้นประมาณ 10% รวมทั้งสวน ของ I/O Controler ที่มีอยู บนเมนบอรด และพวกพอรตตาง ๆ เชน Com1, Com2, PS/2, Parallel port, Mouse, มีติดอยูกับบอรดใหเลย นอกจากนี้ในสวนของ IR (infrared) Com Port ยังปนอีกสวนบนเมนบอรดซึ่งจะชวยใน เรื่อง ของการสงรับขอมูลโดยผานอุปกรณที่สนับสนุนระบบอินฟราเรดอยางพวกคียบอรด และ เครื่องพิมพ เชน เครื่องพิมพเลเซอรรุนใหม ๆ ของ HP ทุกรุนจะสนับสนุนการ ทํางานระบบ อินฟราเรด USB (Universal Serial Bus) ชองตอ I/O ที่สามารถตออุปกรณเพิ่มเติมแบบ Plug & Play ซึ่งมีความเร็วในการสงผาน ขอมูลสูงสุด 12 Mbและต่ําสุด 1.5 Mb (ขึ้นอยูกับอุปกรณที่ตอเชื่อม) เมนบอรดที่พรอมดวยเทคโนโลยี USB (Universal Serial Bus ) ซึ่ง USB ที่วานี้เปน I/O ที่เพิ่มเติมเขามาบนเมนบอรด สําหรับตออุปกรณ Plug and Play โดยในสวนของ USB นี้ จะเปนการเสริมประสิทธิภาพในการใชงานเมนบอรดเพิ่มมากขึ้น ชวยใหผูใช สามารถตอ เชื่อมอุปกรณตาง ๆ เขากับพีซีไดอยางงายดาย เชน การเชื่อมตอจอภาพ, เครื่องพิมพ, โมเด็ม, สแกนเนอร, กลองดิจิตอล,จอยสติกซ, ลําโพงดิจิตอล ฯลฯ USB มี
383 ความเร็ว (data rate) สูงสุด 12 Mbps และต่ําสุด 1.5 Mbps (ขึ้นอยูกับอุปกรณที่ ตอเชื่อม) นับวา USB ที่พัฒนาออกมานี้เปน การประชันกับการด SCSI ซึ่งคาดวาใน อนาคตคงจะเปนที่นิยมกันมากขึ้น และอาจจะเปน อีกออปชันหนึ่งที่ถูกพิจารณาเลือกซื้อ เมนบอรดในอนาคต Pipelined Burst Cache เมนบอรดนับวาเปนหัวใจหลักเลยทีเดียวในการทํางานของเครื่องคอมพิวเตอรเพราะเปน แผง วงจรที่รวบรวมหนาที่ของชิ้นสวนตาง ๆ ของเครื่องคอมพิวเตอรในการทํางานไว อยางครบถวน ดังนั้นอีกสิ่งหนึ่งที่ผูใชควรพิจารณาดวยก็คือสวนที่เรียกวา Pipelined Burst Cache ซึ่งในสวนนี้ เพิ่งจะมีการพัฒนาขึ้นใชบนเมนบอรดเพนเทียมเปนครั้งแรก เมื่อไมนานมานี้ ในระยะแรก ๆ นั้นจะเปนเพียงโมดุลที่แยกยอยใหติดตั้งเพิ่ม แตใน ปจจุบันไดมีการ built-in ลงบนเมนบอรดเลย Pipelined Burst Cache นี้เปนแคชที่เร็วกวาแคชธรรมดา และมีหนาที่เปนบัฟเฟอรใน การรับสงขอมูลระหวาง CPU กับ RAM ซึ่งจะชวยใหผูใชสามารถทํางานไดรวดเร็วขึ้น
I/O chips สิ่งสุดทายที่จะกลาวถึงความสําคัญที่เกี่ยวของกับการเลือกซื้อเมนบอรดก็คือ I/O chips อาทิเชน ชิพ UART16550 ซึ่งเปนชิพที่ชวยในการควบคุมการ Input และ Output ของ อุปกรณที่ตอเขากับเครื่องคอมพิว เตอรที่เปน Com Ports โมเด็มความเร็วสูงในปจจุบัน จะตองการสวนนี้ ซึ่งสวนใหญจะมีอยูแลวบนเมนบอรดปจจุบันทุกรุน นอกเหนือจากสิ่ง ตาง ๆ ดังกลาวขางตนที่เปนปจจัยตอการพิจารณาเลือกซื้ อเมนบอรดแลว ยังมีสิ่งที่ควร จะพิจารณา เพิ่มเติมรวมดวยนั่นก็คือการปรับ Voltage ซึ่งบนเมนบอรดจะมีตัว Regulator สําหรับแปลง ไฟโดยสามารถเซตไดที่จัมเปอร Chipset อุปกรณสําคัญอีกชิ้นหนึ่งที่ผูใชจะมองขามไมไดสําหรับการเลือกซื้ออุปกรณ คอมพิวเตอร ก็คือ "ชิพเซ็ต" โดยปกติแลวชิพเซ็ตมักจะเปนอุปกรณคอมพิวเตอรที่ผูใช มองขามอยูเสมอ เพราะเห็นวามีความสําคัญเพียงเล็กนอยกับการทํางานของ คอมพิวเตอร แตความเปนจริง แลวชิพเซ็ตถือเปนอีกหัวใจหลักหนึ่งในการทํางานของ คอมพิวเตอรเลย ทั้งนี้เพราะชิพเซ็ต จะเปนผูทําหนาที่เปนสะพานเชื่อมระหวางการ ติดตอของซีพียูกับอุปกรณอื่น ๆ หนาที่ของชิพเซ็ตนั้นจะดูแลการทํางานของอุปกรณตาง ๆ ทั้งหมดบนเครื่อง ี ูกับ คอมพิวเตอรให สามารถทํางานสอดคลองกัน ตั้งแตการติดตอระหวางซีพย หนวยความจําบนเครื่อง การควบคุม ดูแลการทํางานของฮารดดิสคและอุปกรณเชื่อมตอ อื่น ๆ รวมไปถึงการดูแล การทํางานของการดดาง ๆ ที่มีอยูในเครื่อง ดวยหนาที่ที่ครอบคลุมการทํางานของเครื่องคอมพิวเตอรมากเชนนี้ การเลือกใชชิพเซ็ต ที่มี ประสิทธิภาพสูงก็จะชวยใหการทํางานของระบบทั้งหมดดีขึ้น มีเสถียรภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังทําใหความเร็วของระบบสูงขึ้นดวย ดังนั้นในการเลือกซื้อคอมพิวเตอรผูใช จึงจําเปนอยางยิ่ง ที่จะตองใหความสําคัญกับชิพเซ็ตที่มีอยูบนเมนบอรดไมยิ่งหยอนไป กวาการเลือกอุปกรณตัวอื่น ชิพเซ็ตนั้นหากจะแบงงาย ๆ สําหรับตลาดคอมพิวเตอรในปจจุบันของบานเราก็คงจะ แบงเปน ชิพเซ็ตสําหรับหนวยประมวลผล Pentium และ Pentium Pro สําหรับชิพเซ็ตที่
384 เปนที่รูจักมากที่ สุดสําหรับผูใชบานเราก็คงเปนชิพเซ็ตจากบริษัทอินเทล แตสําหรับ ตลาดตางประเทศแลวก็จะม ียี่หออื่นอยูดวยเชนกัน เชน VIA Technology หรือ SiS ซึ่ง บานเราก็พอมีบาง แตเนื่องจาก ตลาดซีพียูในบานเราก็เปนตลาดของชิพจากบริษัทอิน เทล ดังนั้นจะขอเนนถึงชิพเซ็ตของ บริษัทอินเทลเปนหลัก ชิพเซ็ตของบริษัทอินเทลที่พัฒนามาเพื่อใชกับซีพียูเพนเทียมนั้น มีชิพเซ็ตที่รูจักกันดี 3 รุนคือ Intel 430FX PCIset, Intel 430HX PCIset และ Intel 430VX PCIset Intel 430FX PCIset นั้นจะเปนชิพเซ็ตสําหรับเพนเทียมรุนแรกที่บริษัทอินเทลผลิตขึ้นโดยมี ลักษณะเดน อยูที่การสนับสนุนหนวยความจําหลักแบบ EDO RAM และยังสนับสนุน แคชแบบ pipelined burst SRAMs ซึ่งมีความเร็วสูงและสามารถสนับสนุนการทํางาน ของชิพเพนเทียมตั้งแต 75 ถึง 100 MHz แตมาในปจจุบันชิพเซ็ตรุนนี้ไมสามารถตอบสนองเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปแลวดังนั้นทาง อินเทล จึงไดพัฒนาชิพเซ็ตใหมขึ้นคือ 430HX ซึง่ เปนรุนที่ดีที่สุดในปจจุบัน โดยมีความ คอมแพตทิเบิ้ล กับชิพเซ็ต 430FX และเพิ่มความสามารถอื่น ๆ เขาไปอีก เชน สนับสนุน MMX, สนับสนุน สถาปตยกรรม Concurrent PCI, สนับสนุน USB, คุณสมบัติที่ชวยลด ความซับซอนของวงจร ฯลฯ ซึ่งดวยความสามารถใหม ๆ ทั้งหมด ก็ทําใหสามารถเพิ่ม ความเร็วในการทํางานของ คอมพิวเตอรใหสูงขึ้นได สําหรับ Intel 430VX PCIset นั้น เปนชิพเซ็ตที่พัฒนาขึ้นเพื่อใหเหมาะ สําหรับการใชงานของธุรกิจขนาดเล็กและการใช งานแบบตามบาน เพราะออกแบบใหยืดหยุน ในการใชงานทําใหการใชงานคอมพิวเตอร ไดรับผลคุมคาที่สุด ชิพจะสนับสนุนหนวยความจํา แบบใหมคือ SDRAM นอกจากนี้ยัง ออกแบบใหสนับสนุนการทํางานแบบมัลติมีเดียมากที่สุด อีกดวย และเชนเดียวกับในรุน 430HX ในรุน 430VX นี้ก็สนับสนุน MMX เชนเดียวกัน ใน อนาคตนั้น อินเทลก็จะมีการ ผลิตชิพเซ็ตตัวใหมขึ้นมาอีกคือรุน 430TX ซึ่งจะเปนชิพที่เหมาะ สําหรับการทํางาน รวมกับ ชิพ Pentium MMX โดยเฉพาะซึ่งคาดวาจะชวยเพิ่มความเร็วใหกับ คอมพิวเตอร ไดอีกไมนอย ทางดานชิพเซ็ตสําหรับเพนเทียมโปรนั้นก็มีอยูหลายรุนตั้งแตรุน Intel 440 FX PCIset ซึ่งมี จุดเดนที่การปรับแตงใหใชประโยชนสําหรับการทํางานแบบ 32 บิต อยางเต็มที่, สนับสนุน Concurrent PCI ที่ชวยใหสลอตแบบ ISA และ PCI สามารถทํางานไปพรอม ๆ กันได, สนับสนุน USB และยังมีออปชันสนับสนุนการใชหนวยประมวลผล 2 ตัวอีกดวย สวนชิพเซ็ต 450GX PCIset นั้นจะเนนไปที่ตลาด OEM และเมนบอรดซึ่งเนนที่การ ทํางานในลักษณะ เซิรฟเวอร และความสามารถในการอัพเกรดเปนแบบ Multiprocessing ชิพเซ็ต 450KX จะเนนไปที่ความตองการเครื่องแบบ Workstation ประสิทธิภาพสูงซึ่งทั้ง 450GX และ 450KX นั้นจะเปนชิพเซ็ตที่มีเสถียรภาพในการ ทํางานสูง สวนชิพเซ็ตใหมในอนาคตของอินเทลสําหรับเพนเทียมโปรนั้นจะเปนรุน 430 LX ซึ่งจะ ผลิต ขึ้นเพื่อการสนับสนุนชิพเพนเทียมโปรที่เพิ่มเทคโนโลยี MMX เขาไปหรือที่ใชชื่อ รหัสวา Klamath ซึ่งก็คาดวาเมื่อผลิตออกมาคงจะชวยเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพ ของระบบไดดีทีเดียว
สําหรับเมนบอรดที่ใชไบออสยี่หอ Award นี้สัญญาณ เสียง Beep Code จะฟงคอนขางงายไมเหมือนไบออสยี่หอ อื่น โดยเสียงที่ไดยินจะเปนเสียง " ปบ" สั้นและยาวสลับกัน โดยมีจังหวะดังนี้ หวะเสียง เสียงดัง 1 ครัง้ แสดงวาขั้นตอนการบูตเครื่องหรือขั้นตอน Post เปนปกติ
385 เสียงดัง 2 ครั้ง แสดงวามีปญ หาในสวนของแรม เชน เสียบไมแนนหรือแรมเสียทําใหบต ู เครื่องไมผาน ควรตรวจสอบแรม เสียงดัง 3 ครัง้ เสียงดังตอเนื่อง เสียงดังถี่ ๆ เสียงดัง 6 ครั้ง เสียงดัง 7 ครั้ง เสียงดัง 8 ครั้ง เสียงดัง 9 ครั้ง เสียงดัง 10 ครั้ง เสียงดัง 11 ครั้ง ไมมีเสียง แสดงวามีปญหาในสวนของแรม เชน เสียบไมแนนหรือแรมเสียทําใหบต ู เครื่องไมผาน ควรตรวจสอบแรม แสดงวามีปญหาในสวนของแหลงจายไฟ เชน เพาเวอรซัพพลาย หรือเมนบอรดอาจมีปญ หา ใหตรวจสอบ เพาเวอรซัพพลาย และเมนบอรด แสดงวามีปญหาในสวนเมนบอรดใหตรวจสอบสายสัญญาณตาง ๆ และตัวเมนบอรด แสดงวามีปญหาในสวนของคียบ อรด ใหตรวจสอบคียบอรด แสดงวามีปญหาในสวนของซีพียู อาจตองเปลี่ยนซีพย ี ูใหม แสดงวามีปญหาในสวนของการดแสดงผล ( VGA ) ตรวจสอบการดแสดงผลวาเสียบแนนดีหรือไม หาก ยังไมไดผลอาจตองเปลี่ยนการดแสดงผลใหม แสดงวามีปญหาในสวนของไบออส อาจตองเปลี่ยนไบออสใหม แสดงวามีปญหาในสวนของการเขียน CMOS อาจตองเปลี่ยนเมนบอรดใหม แสดงวามีปญหาในสวนในสวนของหนวยความจําแคช ควรตรวจสอบแคชภายนอกบนเมนบอรด แสดงวามีปญหาในสวนของ เพาเวอรซัพพลาย, เมนบอรด หรือซีพียู รวมถึงสายสัญญาณ และสายไฟตาง ๆ
รูจักกับอุปกรณตาง ๆ ที่จําเปนตอการใชงาน เครื่องคอมพิวเตอร สําหรับทานที่อยากทราบวา คอมพิวเตอรเครื่องที่ใชงานอยูนั้น เปนรุนไหน ความเร็วเทาไร มีขีด ความสามารถอะไรบาง ลองอานบทความนี้ดู อาจจะเนนเฉพาะในสวนของตัวเครื่องคอมพิวเตอร อยางเดียวเทานั้น ในสวนของอุปกรณตอพวงตาง ๆ เชนเครื่องพิมพ สแกนเนอร จอแสดงผล และ อื่น ๆ ขอขามไปกอน เอาแตเฉพาะสวนประกอบที่เปนคอมพิวเตอรจริง ๆ เทานั้น
386
CPU หรือ Central Processor Unit สิ่งแรกที่ควรรูคือ เครื่องคอมพิวเตอรที่ใชงานอยูนี้ เปนเครื่องรุนไหน ความเร็วเทาไร สําหรับ CPU นี้ก็ขอพูดถึงแบบคราว ๆ โดยจะขอพูดถึงแตเฉพาะ CPU รุนที่ยังพอใชงานไดในปจจุบันเทานั้น ดังนี้ •
•
• •
• •
•
• •
•
• •
•
80486 เปน CPU ที่บางทานยังอาจจะมีใชงานอยู โดยทัว่ ไปที่พบจะเปน 486SX, 486DX และ 486DX4 Pentium Classic หรือ P54C จะมีความเร็วประมาณ 100-166 MHz ถือวายังพอใชงานไดอยู ในปจจุบนั แตอาจจะชาไปสักหนอย Pentium MMX หรือ P55C จะมีชุดคําสั่ง MMX ติดมาดวย ความเร็วตัง้ แต 166-233 MHz AMD K5 และ AMD K6 เปน CPU ของ AMD รุนแรก ๆ ที่พอมีขายในบานเรา ความเร็ว ประมาณ 166-300 MHz AMD K6-II และ AMD K6-III ปจจุบันยังถือวาใชงานไดดีอยู ความเร็ว 266-550 MHz IBM และ Cyrix MII ไมคอยไดยนิ ชื่อนัก แตพอมีขายอยูบ าง ความเร็วประมาณ PR200PR333 (หนวย PR ไมใช MHz นะครับแตถือวาใกลเคียงกัน) Intel Celeron รุนแรก ๆ จะเปน Slot 1 ความเร็ว 266-300 MHz และตอมาเปน Socket 370 ความเร็วที่ 300 MHz ขึ้นไป (ปจจุบันเทาทีไ่ ดยนิ จะมีความเร็วถึง 700 MHz แลว) Intel Pentium II เปน CPU แบบ Slot 1 รุนแรกครับ ความเร็ว 233-450 MHz Intel Pentium III รุนแรก ๆ จะเปน Slot 1 ความเร็ว 450-600 MHz รุนหลัง ๆ จะเปนแบบ FC-PGA 370 ความเร็วเริ่มที่ 500 เปนตนไป (จะมีรหัสตอทายดวย EB, E คือ CPU แบบ FC-PGA สวน B คือรุนที่รันดวยบัส 133 MHz) AMD Athlon เปน CPU ของ AMD ทํางานบน Slot A ครับที่เห็นความเร็วก็ 500 MHz ขึ้น ไป AMD Duron เปน CPU ของ AMD ทํางานบน Socket A ความเร็วตั้งแต 600 MHz ขึ้นไป AMD Thunderbird เปน CPU ของ AMD ทํางานบน Socket A ความเร็วตั้งแต 700 MHz ขึ้นไป Pentium IV เปนรุนใหมของ Intel ทํางานบน FC-PGA 423 ความเร็วตั้งแต 1.3 GHz ขึ้นไป
Mainboard สําหรับ CPU สําหรับ Mainboard ก็เปนสิง่ ที่สําคัญมาก โดยทั่ว ๆ ไปแลว Mainboard จะแบงออกเปนตามรูปแบบ ชนิดของ CPU ที่ใชงานดังนี้
387 •
• •
• •
• • •
Socket 3 สําหรับ CPU 80486 Socket 5 สําหรับ CPU Pentium รุนแรก ๆ ที่ความเร็ว ประมาณ 60-100 MHz Socket 7 สําหรับ CPU Pentium Classic และ Pentium MMX รวมถึง IBM และ Cyrix ดวย Super Socket 7 ที่จริงก็คือแบบเดียวกับ Socket 7 นั่นแหละ แตสามารถทํางานที่บัส 100 MHz ได (Socket 7 เดิมจะทํางานสูงสุดที่ 66 MHz) Socket 370 สําหรับ CPU Celeron โดยเฉพาะ Slot 1 สําหรับ CPU Celeron รุนแรก ๆ และ Pentium II, Pentium III แตจะมีอุปกรณ ตัว แปลง ที่เรียกวา Slotket เพื่อใหใช CPU แบบ Socket 370 หรือ FC-PGA ใหใชงานบน Mainboard แบบ Slot 1 ไดดวย Dual Slot คือจะมีทั้ง Socket 370 และ Slot 1 ทั้งคูซึ่งพอพบเห็นอยูบ าง Slot A สําหรับ CPU ของ AMD Athlon รุนแรก ๆ Socket A สําหรับ CPU ของ AMD Thunderbird และ Duron
นอกจากนี้ลักษณะของ Mainboard ยังมีการแบงตาม Case หรือระบบ Power Supply ดวยโดยแบง ออกเปน 2 ชนิดใหญ ๆ คือ AT กับ ATX โดยสวนใหญแลวหากเปน Mainboard รุนใหม ๆ จะทํา เปนแบบ ATX เปนสวนมากซึ่งแบบ ATX นี้เทาที่เคยไดยินมาจะมีขอดีกวาแบบ AT ซึ่งเปนแบบ เกาคือ ระบบการระบายความรอนและการไหลเวียนของอากาศดีกวา ระบบ Power Supply แบบ ใหมสามารถสั่ง เปด-ปด เครื่องโดยใช Software ไดและอืน่ ๆ อีกมากครับ อยาลืมนะครับวา Mainboard ของแบบ AT กับ ATX ไมเหมือนกันและใสใน Case ตางชนิดกันไมได ดังนั้นเวลาเลือก ซื้อคอมพิวเตอร ควรจะตรวจสอบใหดีกอนวาเปนแบบใด
รูปตัวอยาง Mainboard Mainboard ในปจจุบันยังมีแบบที่เรียกวา All in One ดวยคือรวมเอา การดจอ เสียง โมเด็ม พอรท ตาง ๆ USB LAN ฯลฯ รวมไวบน Mainboard อันเดียวและขายในราคาที่เทากับหรือถูกกวา Mainboard แบบเปลา ๆ ซะอีก โดยทัว่ ไปแลว Mainboard แบบ All in One จะมีขอดีคือ ราคาถูก ไม ตองหาซื้ออุปกรณอยางอืน่ สามารถใชงานไดครบ แตขอ เสียคือไมสามารถทําการเปลี่ยนแปลง อุปกรณตาง ๆ ไดเพราะมันติดอยูบนบอรดเลย (อาจจะเปลี่ยนไดนิด ๆ หนอย ๆ ครับ) ขอเสียอีก อยางคือ จะกินแรงของ CPU และ RAM ของระบบเครื่องคอนขางมาก RAM หนวยความจําของคอมพิวเตอร
388
RAM สําหรับเครื่องคอมพิวเตอร จะมีหนวยเปน MB. ครับ (1M = 1 ลาน bit) โดยทั่วไปก็ 32M หรือ 64M บางเครื่องอาจจะมี 128 M หรือถึง 256 M เลยก็ไดหากจําเปนตองใชงานที่ใหญ ๆ จริง ๆ สําหรับ RAM ที่ใชกันทัว่ ไปก็มีอยูหลายชนิดมาก ถาหากแบงคราว ๆ ก็ขอแบงแบบงาย ๆ ตาม รูปราง ดังนี้ • •
•
•
RAM 30 Pin สําหรับ CPU รุนประมาณ 80486 หรือกอนหนานี้จะมีขนาดแถวละ 1-4 M. RAM 72 Pin สําหรับ CPU รุนประมาณ Pentium ขึ้นมา ซึ่งเทาที่ทราบจะมีอยู 2 ชนิดคือ FPM และ EDO ขนาดเทาที่เคยเห็นจะมี 4, 8, 16, 32 และ 64 M. โดยสวนใหญจะเห็นมีขาย แตแบบ EDO ซึ่งเวลาใสจะตองใสเปนคู (คนขายเขาก็จะขายเปนคูดว ย) RAM 168 Pin หรือ ที่เรียกวา SDRAM จะเปน RAM รุนใหม มีความเร็วการเขาถึง การอาน และการเขียนขอมูลไดเร็วกวาแบบ EDO มาก สวนใหญปจจุบันจะใช RAM แบบนีท้ ั้งนั้น ครับ ขนาดที่พบคือ 16, 32, 64, 128 และ 256 M. มีความเร็วบัสตั้งแต 66MHz, 100MHz, 133MHz และ 150 MHz นอกจากนี้ แรมรุนใหม ๆ ยังมีแบบ RD-RAM และ DDR-RAM อีกดวยครับ
RAM แบบ 30 pin
RAM แบบ 72 pin
RAM แบบ 168 pin ตัวอยางของ RAM แบบตาง ๆ
Hard Disk อุปกรณเก็บขอมูลในเครื่อง เรื่องของ Hard Disk ก็คงไมมีอะไรมาก ดูวาขนาดเทาไร เปนยีห่ ออะไร ความทนทานมากนอย ปญหาและการรับประกันเปนอยางไร สวนใหญกจ็ ะดูกนั แคนี้ แตที่อยากใหตรวจสอบเพิ่มเติมก็คือ
389 •
•
•
เปนแบบ UDMA33, UDMA66 หรือ UDMA100 หรือเปลา ถาเปน UDMA66 หรือ UDMA100 การสงถายขอมูลก็จะเร็วขึ้นแต Mainboard ตองรองรับดวย ความเร็วการหมุน 5,400 หรือ 7,200 รอบตอนาที ถาการหมุนเร็ว การเขาถึงขอมูลก็จะเร็ว ดวย ลายคนบอกวาเลือกความเร็วแบบ 7,200 รอบจะไดความเร็วกวาแบบ UDMA66 ขนาดของ Buffer ที่เห็นก็มี 1M กับ 2M ถามีแยะก็ดี
รูปตัวอยางของ Hard Disk VGA Display Card การดแสดงผล แบงออกตามชนิดไดคราว ๆ คือ • •
•
•
VGA แบบ 2D สําหรับงานธรรมดาทั่วไป ดูหนังฟงเพลงครับ VGA แบบ 3D SLI จะเปนลักษณะชองการนํามาตอพวงกับแบบ 2D เพื่อใหสามารถใชงาน 3D ไดดีขึ้น VGA แบบ 3D ที่รวมเอา 2D ไวในการดเดียวกัน ปจจุบนั สวนใหญจะเปนแบบนีห้ มดแลว เหมาะสําหรับเลนเกมสที่เปน 3มิติ แตราคาคอนขางแพงอยูมาก จะมีอยู 3 คายใหญ ๆ ที่ นิยมกันคือของ 3dfx, ของ TNT และ Savage VGA แบบ TVin TVout จะเปน Option เพิ่มเติมขึ้นมาเพื่อใหสามารถตอสัญญาณภาพออก TV ไดดว ย
รูปตัวอยาง VGA Card นอกจากนี้ VGA Card ยังจะตองมี RAM อยูบนการดดวยเหมือนกัน ยิง่ RAM มากก็จะชวยใหเลน เกมสไดภาพทีไ่ หลลื่นขึ้นครับ เทาที่เห็นปจจุบันนีจ้ ะมีตงั้ แต 8M, 16M และ 32 M และ VGA Card ก็จะมีทั้งแบบ PCI สําหรับ Mainboard รุนเกา ๆ และแบบ AGP สําหรับ Mainboard รุนใหม ซึ่ง แบบ AGP จะทํางานไดเร็วกวาแบบ PCI ครับ ปจจุบัน Mainboard รุนใหมจะเปน AGP หมดแลว CD-ROM
390
อาจจะเปนสิ่งจําเปนในเครื่องคอมพิวเตอรอีกชิ้นนึงครับ ความเร็วในรุน เกา ๆ ก็ 4X, 8X ปจจุบันที่ เห็นจะอยูที่ 40-52X ครับ (1X คือความเร็วการสงถายขอมูลเทากับ 150k/s)
รูปตัวอยาง CD-ROM Drive Sound Card Sound Card หรือการดเสียง ที่ยังพอเห็นจะมีทั้งแบบ ISA รุนเกาและ PCI รุนใหมครับ อันนี้คงจะ ขึ้นอยูกับคุณภาพและราคาของแตละยีห่ อ เทาที่พบจะมีบางรุนที่มี Wave Table ซึ่งจะชวยใหเราเลน เพลงแบบคาราโอเกะหรือ midi ไดเพราะขึน้ หรือถาหากไมมีก็อาจจะสามารถซื้อเปน Module ไป เพิ่มเติมภายหลังได
รูปตัวอยาง Sound Card Modem สําหรับตอเน็ต Modem ปจจุบนั จะเปน V90 56K หมดแลว แตหากเครื่องใครเปน 28.8 K หรือ 33.3 K ก็ยังพอใชได ดีอยูครับ Modem จะมีทั้งแบบ Internal และ External ซึ่งถาเปนแบบ External จะดูยุงยาก ตองตอ สายไฟเพิ่มเติม แตจะมีขอดีคือไมกินแรงของ CPU ครับ ถาเปนแบบ Internal ก็จะมีแบบ Soft Modem ดวยซึง่ จะเปลืองแรงของ CPU ไปอีกหนอย สวนประกอบอื่น ๆ สวนประกอบอื่น ๆ ก็คงจะไมมีอะไรแตกตางกันมากนักครับ เชน Floppy Disk Drive, Key Board หรือ Mouse สุดทายนี้ผมหวังวาคงจะพอรูบางนะครับวาสเปคเครื่องที่ทานใชงานอยูน ะเปนอยางไร กันบาง วิธีการบูตเครื่องใหเร็วทันใจ การอัพเกรดไบออส ไบออสคือโปรแกรมเล็กๆ ที่ความสามารถไมเล็กตามโปรแกรม ที่อยูบนเมนบอรด โดยจะทําหนาที่ในการ ควบคุมการสงขอมูล ระหวางอุปกรณตางๆ ดังนั้น การรูจักอุปกรณตางๆ การอัพเกรดไบออสของคอมพิวเตอรให
391 ไดโปรแกรมที่ใหมที่สุด จึงเปนสิ่งที่จะทําใหการทํางานของเมนบอรดดีขึ้น และบางครั้งอาจทําใหบูตเร็วขึ้นอีก ดวย รูปที่ 1 แสดงการแฟลชไบออส ขั้นตอนการอัพเกรดไบออสนั้นใหดูที่คูมือเมนบอรดวาใชเมนบอรดยี่หออะไร รุนไหน แลวเขาไปที่เว็บไซต ก็ไป ที่สวนดาวนโหลด โดยจะตองดาวนโหลดทั้งไฟลที่ใชในการแฟลชไบออส และไฟลโปรแกรมของไบออส เมื่อ ดาวนโหลดมาแลวใหแตกไฟลออกมา โดยจะเอาไวเก็บที่ดีที่สุดคือที่รูทของ C: จากนั้นใหบูตจากแผนดิสกแลว กด Shift + F5 ตอนบูตเพื่อที่จะไดบูตแบบไมไดโหลดอะไรมาเลย แลวที่ดอสพร็อมพ ใหพิมพ C: แลวกด Enter เพื่อเขาไดรฟ C: แลวพิมพ execute.exe bios.img โดย execute.exe จะแทนชื่อโปรแกรมที่ใชในการแฟลช ใหพิมพ ใหตรงกับชื่อโปรแกรม bios.img จะแทนตัวไฟลของโปรแกรม โดยพิมพใหตรงกับชื่อ จากนั้นกดคีย Enter อาจจะมีการถามวาตองการแฟลชจริงหรือไม? ก็ใหตอบ Yes ไป ก็จะเริ่มเขาสูกระบวนการแฟลช ใชเวลาระยะ หนึ่งก็เสร็จ ชวงนี้เปนชวงที่สําคัญที่สุดเพราะถามีการผิพลาด เชน ไฟฟาดับ ก็อาจทําใหเมนบอรดเสียไปได ดังนั้น ถามี UPS ก็คงจะดี เมื่อแฟลชเสร็จแลวก็ใหรีบูตใหม ถาบูตเขาก็แสดงวาแฟลชเรียบรอยแลว ใหดูเวอรชันและ วันที่ของไบออสที่ไดแฟลชเขาไปใหม จะเห็นวามีการเปลี่ยนไป ปรับแตงไบออส อยางที่ไดบอกไปแลววา ไบออสเปนโปรแกรมพื้นฐานที่สุดที่ทําหนาที่ในการเชื่อมโยงการทํางานของอุปกรณ ตางๆ การเขาไปปรับแกเกี่ยวกับไบออสก็จะทําใหการทํางานไดประสิทธิภาพมากขึ้น และทําใหบูตเร็วขึ้นได ขั้นตอนการเขาไปแกไขไบออส ใหกดคีย Delete หลังจากเปดเครื่อง ซึ่งสวนใหญจะใชคีย Delete อยูแลว ถาไมใช ก็ลองมองดูที่หนาจอตอนบูตวาตองกดคียอะไรเพื่อเขาไปแกไขไบออส หลังจากเขาไปสูหนาไบออสเซตอัพแลว ซึ่งสวนใหญจะเปนตัวหนังสือลวนๆ ใหเขาไปหาสิ่งตอไปนี้แลวแกไขตาม รูปที่ 2 หนาตาของไบออสเซตอัพ - Turbo Frequency ใหเลือก ENABLE คําสั่งนี้ไมไดมีทุกเมนบอรด แตถามีก็ใหเอนเนเบิลไว จะทําใหความเร็วบัส เร็วขึ้นประมาณ 2.5% ซึ่งจะทําใหความเร็วโดยรวมของระบบเร็วขึ้น (เปนการโอเวอรคล็อกแบบไมมากนัก) - IDE Hard Disk Detection สั่งใหตรวจสอบฮารดดิสกและซีดีรอม จากนั้นก็บันทึกลงไบออส จะทําใหความเร็ว ในการบูตเร็วขึ้นชัดเจนเมื่อเทียบกับที่การตั้งเปน Auto แลวตองตรวจสอบทุกครั้งที่บูต - Standard BIOS Setup Menu เขาไปเช็คดูอีกครั้งวาฮารดดิสกและซีดีรอมไมไดอยูในภาวะที่เปน Auto - Quick Power On Self Test (POST) ให ENABLE ไวจะทําใหบูตเร็วขึ้น - Boot Sequence ใหเลือกเปน C นําหนา ถาไมตองการบูตจากแผนดิสก จะทําใหไมตองเสียเวลาไปเริ่มบูตจาก แผนดิสกกอน - Boot Up Floppy Seek ให DISABLE ไวจะไดไมตองเสียเวลาในการไปคนหาแผนตอนเริ่มบูต ลดโปรแกรมที่โหลดตอนเริ่มตนบูตเขาวินโดวส
392 ขั้นตอนนี้แหละที่ลดโปรแกรมที่ขึ้นมาเปนแผงที่ทาสกบาร ซึ่งทําใหเสียทั้งเวลาในการบูตและเสียทรัพยากรของ เครื่องโดยที่บางครั้งเราไมไดใชมัน ปกติโปรแกรมเหลานี้จะถูกเขียนไวในหลายๆ ที่ เชน ในรีจิสทรี ใน Startup การเขาไปลบ ถาตองเขาลบตรงๆ ก็อาจจะเสียเวลา แตวินโดวสก็ไดใหทูลในการเขามาชวย นั่นคือโปรแกรม System Configuration Utility หรือที่รูจักในชื่อ MsConfig ขั้นตอนการเรียกใชโปรแกรมใหไปที่ Start - Run แลวพิมพ msconfig จากนั้นกด Enter หลังจากเปดโปรแกรมขึ้นมาแลวใหไปที่แท็บ Startup ซึ่งเปนสวนที่แสดงโปรแกรมทั้งหมดที่โหลดขึ้นมาตอนเขา วินโดวส ไมวาจะเขียนไวที่ไหน ตรงนี้เราสามารถพอเดาชื่อโปรแกรมได ถาไมตองการโปรแกรมใดก็เอา เครื่องหมายถูกขางหนาโปรแกรมออก เชน ICQ, HotSync Manager, MSN Messenger ซึ่งเราไมไดมีความเปน ตองโหลดทุกครั้งที่เปดเครื่อง หลังจากเลือกโปรแกรมที่ไมตองการออกแลวใหกด OK ก็จะมีหนาตางขึ้นมาถามวา จะรีตารทเลยหรือไม? ตรงนี้ แลวแตวาจะทํางานตอหรือจะรีสตารทเลยก็ได หลังรีสตารทเขามาวินโดวสแลวจะไมมีโปรแกรมเหลานี้โหลดขึ้น อีก รูปที่ 3 แสดงแท็บ Startup ของ System Comfiguration Utility เอาเซอรวิสที่ไมจําเปนออก เซอรวิสจะเปนสวนของโปรแกรมที่ทําหนาที่ตางๆ ของวินโดวส โดยทํางานอยูแบ็กกราวนด เพราะฉะนั้นเราก็จะ ไมเห็นโปรแกรม แตเซอรวิสเหลานี้คอนขางใชเวลาในการเปดตอนเปดเขาวินโดวสเหมือนกัน และก็จะใช ทรัพยากรของเครื่องไป บางเซอรวิสเปนสิ่งที่เราไมจําเปนตองใชก็เปดขึ้นมาหมดดวย ดังนั้น การเอาเซอรวิสที่ไม ตองการออก ก็จะเปนการลดเวลาในการบูตและประหยัดทรัพยากรของเครื่องไปไดเปนอยางดี ขั้นตอนการเอาเซอรวิสที่ไมตองการออก ใหไปที่ System Configuration Utility แลวไปที่แท็บ Services กดเลือก Hide all microsoft services ออกกอน ก็จะเหลือแตเซอรวิสที่เปนโปรแกรมที่เราติดตั้งลงไปใหม ใหเลือกเอาสวน ที่คิดวาไมตองการออก แลวกดปุม Apply สวนเซอรวิสของไมโครซอฟทซึ่งมีอยูมากมายนั้น คงจะตองเขาไปอาน กันเองนะครับ วาจะใชตัวไหน ตัวไหนไมใช โดยเขาไปที่ Services แลวเลือก Start - Run ใหพิมพ Services.msc ก็ จะมีโปรแกรมขึ้นมา ที่นี่จะมีเซอรวิสทุกตัวใหอานกันจนตาลายเลยก็วาได และการดูตรงสวนที่แสดงคําอธิบายของแตละเซอรวิส
เอาโลโกตอนบูตออก เราสามารถเพิ่มความเร็วในการบูตได โดยเอาโลโกตอนบูตออก แตจะเพิ่มความเร็วไดเล็กนอย วิธีการใหเขา System Configuration Utility เลือก boot.ini เลือกบรรทัดที่มี /fastdetect แลวเลือก /NOGUIBOOT เสร็จแลวกด ปุม OK เราสามารถยกเลิกไดโดยการติ๊กเอาเครื่องหมายถูกออก การลดการคนหาไดรฟที่ไมมีอยูจริง
393 บางครั้งวินโดวสของคุณมีอาการบูตชากวาปกติ อาจจะเปนเพราะวินโดวสพยายามหาไดรฟที่ไมมีอยูจริง เชน ใน กรณีที่ Primary IDE ของคุณมีฮารดดิสกเพียงตัวเดียว แตวินโดวสจะพยายามหาฮารดดิสกตัวที่ 2 ขณะที่กําลังบูต ทําใหเสียเวลาเพิ่มในการบูต วิธีการแกไข ใหเขาไปที่ Device Manager แลวไปที่ IDE/ATAPI Controllers เลือกที่ Primary IDE คลิ้กขวาแลว เลือก Properties จะมี (ใสรูป 01.bmp) หนาตาง properties ขึ้นมาใหไปที่แท็บ Advanced Settings ที่ชอง Device 1 ซึ่งในที่นี้คือไดรฟตัวที่ 2 บน IDE 1 ซึ่งไมมีอยูจริง ใหแกที่ Device type เปน none (ใสรูป 02.bmp) แลวกดปุม OK เพื่อยืนยัน ถาที่ Secondary IDE มีไดรฟฺที่วางอยูก็ใหทําอยางนี้ดวย Bootcelerator โปรแกรมชวยเพิ่มความรวดเร็วของการบูตเครื่องคอมพิวเตอร ปญหาการใชงานเครื่องคอมพิวเตอร ที่ติดตั้งระบบ Windows และเปนสิ่งที่หลาย ๆ คนไมคอยชอบคือ การที่ใช เวลาในการ บูตเครื่อง เพื่อเขาใชงานระบบ Windows นั้นตองเสียเวลาคอนขางมาก มาดูโปรแกรมที่จะชวยลดเวลา ในการบูตเครื่องนี้ได คือโปรแกรม Bootcelerator โดยหลักการทํางานของโปรแกรมนี้คือ จะไปลดการโหลดไฟล ตาง ๆ ที่ไมจําเปนในการทํางานออกไป ทําใหไมตองเสียเวลาในการโหลดไฟลเหลานี้ ซึ่งจะชวยใหลดเวลา การบูตเครื่องไปไดมากกอนอื่นก็ทําการหาดาวนโหลดโปรแกรม Bootcelerator นี้มากอน จากนั้น ทําการคลาย ไฟล zip ออกมา และเริ่มตนการติดตั้ง โดยการเรียก ไฟลสําหรับการติดตั้ง ตามตัวอยาง
หนาตาของการติดตั้งโปรแกรม ตรงนี้จะงาย ๆ ครับ โดยการกดที่ปุม Next หรือ Yes ไปเรื่อย ๆ จนถึง Finish ซึ่ง จะไมขอแสดงรายละเอียดตรงสวนของการติดตั้งนะครับ
394
หลังจากที่กด Next ไปเรื่อย ๆ จนถึง Finish ตามตัวอยางดานบนนี้ ก็เปนอันจบขั้นตอนการติดตั้งโปรแกรม WinSplit โปรแกรมสําหรับตัดแบงไฟลใหญ ๆ เพื่อการก็อปปใสแผนดิสกเก็ต คงจะตองยอมรับวา การโอนยายขอมูลระหวางเครื่องคอมพิวเตอร 2 เครื่อง โดยวิธีการ copy ไฟลขอมูลที่ตองการ นั้น เก็บใสไวใน แผนฟลอปปดิสก และนําไปใสในคอมพิวเตอรอีกเครื่องหนึ่ง เปนวิธีการที่สุดแสนจะสะดวก และงายที่สุด เพราะวา ไมจําเปนตองใช อุปกรณอื่น ๆ มาก และคอมพิวเตอรทุกเครื่อง ก็จะมี floppy disk drive อยู แลว แตปญหาที่พบกันมากคือ ขนาดของไฟล ที่ปจจุบันนี้ อาจจะมีขนาดใหญเกินกวาที่จะ สามารถทําการ copy ไปใสไวในแผนดิสกเพียงแผนเดียวได (แผนดิสกแบบ 3.5 นิ้วในปจจุบัน 1 แผน จะสามารถเก็บไฟลตาง ๆ ได ขนาด 1.44MB) ดังนั้น หากตองการโอนยายขอมูลที่มีขนาดเกินกวา ที่แผนดิสก 1 แผน จะสามารถเก็บได จําเปน จะตองหาวิธีการมาชวย และวิธีที่งาย ๆ ก็คือ ทําการตัดแบงไฟลขอมูลนั้น ออกเปนหลาย ๆ สวน ใหมีขนาดเล็กลง พอที่จะเก็บใสในแผนดิสกได จากนั้น จึงคอยนําเอาไฟลขอมูลที่ถูกตัดออกนี้ copy ไปใสใน เครื่องคอมพิวเตอร ที่ ตองการ และทําการตอไฟลที่ถูกแบง เขาดวยกันใหม เทานี้ก็สามารถโดนยายไฟลใหญ ๆ ไดแบบสะดวกแลว โปรแกรมที่จะนํามาแนะนํากันคือ Winsplie เปนโปรแกรมขนาดเล็ก ๆ ที่มีความสามารถในการตัดแบงไฟล ออกเปนหลาย ๆ สวน โดยสามารถกําหนดวา จะแบงออกเปนกี่ชิ้น หรือแบงโดยการกําหนดขนาดของแตละไฟล ได นอกจากนี้ ยังสามารถสราง batch file สําหรับสั่งใหทําการ ตอไฟล ที่ถูกตัดแบงออกมานี้ ใหทําการเชื่อมตอ กันใหมไดโดยงายดาย ลองดูวิธีการใชงานงาย ๆ กันครับ และทําการ unzip เก็บไวกอน จากนั้น ก็เริ่มการใชงาน โดยจากตัวอยางตอไปนี้ จะสมมติวา ตองการแบงไฟล sdat4147.exe ที่มีขนาดเกือบ 5MB ออกเปนหลาย ๆ สวน เริ่มตนจากการเรียกไฟล winsplit.exe
395
หลังจากเรียกโปรแกรม จะไดหนาตาของโปรแกรมตามภาพ ใหทําการเลือกไฟลที่ตองการจะตัดแบง โดยกดที่ปุม Source File และเลือกไฟลที่ตองการ หลังจากนั้น เลือกที่เก็บไฟลปลายทางโดยการกดที่ปุม Target Dir ครับ ที่ชอง Other Parameter ใหทําการเลือกวิธีที่ตองการตัดไฟล วาจะแบงขนาดอยางไร เชน แบงเปนจํานวนชิ้น โดย เลือกที่ Pieces หรือหากตองการแบงตามขนาดของไฟล ก็เลือกที่ Size ตามตัวอยาง
กําหนดจํานวนชิ้น หรือจํานวนขนาดของไฟลที่ตองการแบง และอยาลืมเลือกชอง Generate Batch File? ดวย เพื่อใหโปรแกรม ทําการสรางไฟล ที่ใชสําหรับการตอไฟลขอมูลเขาดวยกันดวย จากนั้น ก็กดที่ปุม Split ครับ
396
จะมีเมนูยืนยันการตัดแบงไฟลอีกครั้ง กดที่ Yes เพื่อเริ่มการทํางานของโปรแกรม
หลังจากที่โปรแกรมทํางานเสร็จแลว ก็มีเมนูมาแจงเราวาเรียบรอยแลว กดที่ปุม OK ไดเลย
397
เมื่อทําการเปดดูไฟลที่อยูในชอง Target Dir จะเห็นวา มีไฟลที่มีชื่อขึ้นตนดวย ไฟลขอมูลที่ทําการตัดแบง แตจะมี ขนาดเทาที่ตองกําหนด และมีนามสกุลไฟล ลงทายดวยตัวเลข 1 2 3 หรือ 4 ไปเรื่อย ๆ นี่คือไฟลขอมูลของเราที่ถูก ตัดแบงแลว และจะมีไฟล Join.bat เพิ่มขึ้นมา ไฟล Join.bat นี้ จะเปนไฟลที่ใชสําหรับการรวม ไฟลตาง ๆ ที่ถูก แบงออกมาเขาดวยกันใหมอีกครั้ง ดังนั้น การ copy ไฟลใหทําการ copy ไฟล Join.bat รวมใสแผนดิสกไปดวยนะ ครับ วิธีการรวมไฟลเขาดวยกัน หลังจากที่ไดทําการ copy ทุกไฟลใสแผนดิสกและนํามาถายลวใน เครื่องคอมพิวเตอร อีกเครื่องหนึ่งแลว ใหเรียกไฟล Join.bat โดยการดับเบิลคลิก เพื่อสั่งใหทําการรวมไฟลเหลานี้เขาดวยกัน
หลังจากเรียกไฟล Join.bat จะมีเมนูรอการยืนยัน การรวมไฟลอีกครั้ง ใหกดปุม Enter เพื่อทํางานตอไปครับ
398
รอใหโปรแกรมทํางานสักพัก ก็จะไดหนาตาตามภาพ เปนอันวา ไฟล sdat4140.exe ที่มีขนาดเกือบ 5MB สามารถ ยายไปอยูใน เครื่องคอมพิวเตอรอีกเครื่องหนึ่งได โดยการแบงออกเปนไฟลเล็ก ๆ และก็อปปใสแผนดิสก เรียบรอยแลว เริ่มตนการใชงานโปรแกรม สําหรับการปรับแตงคาตาง ๆ โดยการเรียกโปรแกรมนี้ขึ้นมากอน
วิธีการตั้งคาตาง ๆ ก็งาย ๆ ครับ เพียงแคเลือกที่เมนู File และเลือก Recommended Settings เทานั้น ซึ่งจะเปนการ เลือกตั้ง ตามคาของโปรแกรมที่แนะนําใหตั้ง
399
หลังจากนั้น จะเห็นคาตาง ๆ ที่โปรแกรมแนะนําใหตั้ง กดที่ปุม Apply ก็เปนอันเสร็จเรียบรอย ทดลองและดูเวลา ที่ใช ในการบูตเครื่องครั้งตอ ๆ ไปนะครับ วาจะชวยเพิ่มความเร็วไดมากขึ้นแคไหน
วิธีการปรับแตง Windows98 ใหทํางานไดเร็วขึ้น แบบไมตองลงทุน เทคนิคการปรับแตง Windows 98 ใหใชงานไดเต็มประสิทธิภาพ ตรงนี้ ไดทําการรวบรวมมา จากประสบการณ เทาที่ไดทดลอง ใชงานจริง ๆ และรวบรวมมาจากเว็บไซตตาง ๆ ที่ไดแนะนํา เทคนิคเหลานีไ้ ว นํามาทดลอง และเลือกเฉพาะสิ่งที่คิดวา ควรจะทําการปรับแตงเทานั้น ที่จริงแลว ยังมีวิธีการปรับแตงอีกหลายรูปแบบ แตบางอยางเทาที่ไดทดลองทําดูแลว พบวา จะสามารถใชได เฉพาะกับอุปกรณบางยี่หอ และบางรุนเทานั้น หรือในบางครั้ง กลับสรางปญหาใหกบั อุปกรณรอบ ขางดวย ดังนัน้ จึงขอคัดเลือกมาเฉพาะทีค่ วรจะทําการปรับแตงจริง ๆ เทานั้น ลองทํากันทีละหัวขอ เลย แลวเปรียบเทียบความรูส ึกกันดูวา Windows ของคุณ เปลี่ยนแปลงไปอยางไรบาง •
ยกเลิกการใช Wallpaper ของ Desk Top สําหรับเครื่องที่มี RAM นอย
สําหรับทานที่ใช Windows และมี RAM นอยกวา 64M. ขอแนะนําใหยกเลิกการใชภาพ Wallpaper ของ Desk Top หรือถาหากจะใชจริง ๆ ก็ควรเลือกภาพที่มีขนาดเล็ก ๆ จะชวยทําใหคณ ุ มีหนวยความจําใชงานไดเพิม่ มาอีก 1-2 M. โดยที่หากตองการใหฉากหลังไมเรียบจนเกินไป ก็ลอง เลือกใช Pattern แทน Wallpaper การเปลี่ยนไปใช Pattern ก็เลือกที่ Start >> Settings >> Control Panel >> Display >> Background ที่ Wallpaper เลือก None และเลือกใช Pattern แทนโดยเลือกที่ ปุม Pattern และเลือก Pattern ที่จะใชงานแทน อานระยละเอียดเพิ่มเติมที่ การตั้ง Wallaper ของ เครื่อง
400 •
ตั้งหนาจอใหมีจํานวนสีแบบ High Color (16 bit)
โดยปกติแลว การตั้งหนาจอใหแสดงจํานวนของสีไดมากนอยเทาไรนัน้ จะขึ้นอยูกับการดจอที่ ใชงานอยูด วย เชน 256 Color, High Color (16 bit), High Color (24 bit) หรือ True Color (32 bit) แตจากขอมูลทั่ว ๆ ไปแลวสวนใหญจะบอกวา จํานวนของสีที่แสดงบนหนาจอนั้น ในระดับที่สูง กวา High Color (16 bit) นั้นสายตาของคนเรา จะไมสามารถแยกออกได ดังนั้นหากเปนการใชงาน คอมพิวเตอรโดยทัว่ ๆ ไปแลว การตั้งจํานวนสีแค High Color (16 bit) ก็เพียงพอแลว จะทําใหการ แสดงผลตาง ๆ ของหนาจอทําไดรวดเร็วขึน้ การแกไขก็ทําโดยเลือก Start >> Settings >> Control Panel >> Display >> Settings แลวเปลี่ยนตรงชอง Color กด OK
•
ใชวิธีการ Turn off Monitor แทนการใช Screen Saver
สําหรับทานที่ใช Windows และมี RAM นอยกวา 64M. ขอแนะนําใหใชวิธีการรักษาหนาจอ โดยการตั้ง Turn off Monitor แทนการใช Screen Saver ซึ่งจะชวยใหคุณมีหนวยความจําใชงานได เพิ่มขึ้นมาอีกหนอยนึง โดยวิธีการคือ เลือกที่ Start >> Settings >> Control Panel >> Screen Saver เลือกเปน None และเลือกที่ Settings ตั้งที่ Turn off Monitor เลือกเวลาที่ตองการปดหนาจอ กด OK อานรายละเอียดเพิ่มเติมที่ การตั้งใช Screen Saver •
การปรับแตงไฟล Msdos.sys
หากทานไมไดใชโปรแกรมบีบอัดขอมูลของ Hard Disk หรือ DriveSpace ของ Windows แลว ละก็ ควรทําการปรับแตงโดยเพิ่มคําสั่งตอไปนี้ในไฟล Msdos.sys ตามขั้นตอนดังนี้ 1. เปด Windows Explorer ขึ้นมากอน 2. เลือกที่เมนู View >> Folder Options 3. เลือก View >> Show All Files กด OK 4. เขาไปที่ Drive C:\ คลิกเมาสขวาที่ไฟล Msdos.sys กดที่ Properties 5. ยกเลิกเช็คบอกซที่ Read Only และ Hidden ออก แลวกด OK 6. เปด Notepad เลือก Open เปดไฟล C:\Msdos.sys 7. มองหาหัวขอ [Options] แลวเพิ่ม 3 บรรทัดนี้ลงไป
401
[Options] DrvSpace=0 DblSpace=0 BootDelay=0 8. บันทึกขอมูลโดยเลือกที่ File >> Save และปดโปรแกรม Notepad 9. เปลี่ยน Attributes ของ Msdos.sys ใหเปน Read Only และ Hidden เหมือนเดิมในขอ 4. และ 5.
•
การปรับแตงไฟล System.ini ใน C:\Windows 1. เลือกที่ Start Menu >> Run พิมพคําวา system.ini และกดที่ปุม OK 2. หาบรรทัดที่มีหัวขอ [386Enh] แลวเพิม่ คําสั่งเขาไป 2 บรรทัด [386Enh] LocalLoadHigh=1 PageBuffer=32 คาของ PageBuffer ใหกําหนดเปนครึ่งหนึ่งของ RAM ที่มีอยูทั้งหมด เชนมีแรมอยู 64M. ก็ กําหนดเปน 32 ครับ 3. หาบรรทัดที่มีหัวขอ [vcache] แลวเพิ่มคําสั่งเขาไป 2 บรรทัด [vcache] MinFileCache=8000 MaxFileCache=8000 คาของ 2 บรรทัดนี้จะหาไดจากจํานวน RAM คูณดวย 125 เชนแรม 64M. จะ เทากับ 64x125=8000 4. บันทึกขอมูลโดยเลือกที่ File >> Save และปดโปรแกรม Notepad
402 •
•
ปรับแตง Dial-Up Adapter 1. เปด Control Panel ดับเบิล้ คลิกที่ Network เลือก Dial-Up Adapter และกดที่ Properties 2. กดเลือกที่ Advance ชอง IP Packet Size เลือกเปน Large 3. ชอง Use IPX header compression เลือกเปน No กด OK ปรับแตง Dial-Up Networking 1. เปด Control Panel เลือกที่ Modem เอาเมาสคลิกเลือกที่ตัวโมเด็มทีใ่ ชงาน และเลือกที่ Properties 2. ตรงชองของ Maximum speed ใหเปลี่ยนเปนคาสูงสุดที่มีใหเลือกได เชน 115200 3. ใชเมาสกดที่ชอง Connection เลือกที่ปุม Port Settings... 4. ชอง Receive และ Transmit Buffer เลื่อนไปขวามือจนสุด แลวกด OK 5. ใชเมาสกดที่ชอง Advanced เอาเครื่องหมายถูกในชอง Use error control ออกซะ 6. ติ๊กถูกในชอง Use flow control และเลือก Hardware (RTS/CTS) 7. ชอง Extra String ใสคําวา s10=100 และกด OK ไปเรื่อย ๆ จนออกจากการตั้ง Modem
•
ปรับแตงความเร็ว COM Port สําหรับโมเด็มแบบ External 1. เปด Control Panel เลือกที่ System กดที่ Device Manager เลือกชอง View device by type 2. มองหารายการ +Ports (COM & LPT) กดขยายออกมาและเลือก COM2 หรือตําแหนงที่ ตอกับ Modem 3. ใชเมาสกดที่ COM Port นั้นกอน และกดที่ปุม Properites 4. กดเลือกที่ปา ย Port Settings ชอง Bits per seccond ใหเปลี่ยนเปนคาสูงสุดที่มีใหเลือก 5. จากนั้นกด OK ไปเรื่อย ๆ จนออกมาหนาเดิม
•
ใชการบีบอัดขอมูล (Compress Data) ของโมเด็มเพิ่มความเร็วการเลนเน็ต 1. สําหรับโมเด็มและ ISP ที่รองรับการบีบอัดขอมูลของโมเด็ม จะชวยใหการสงขอมูลเร็ว ขึ้นได 2. มีผลเฉพาะในสวนของขอมูลแบบ Text หรือ HTML ที่ยังไมผานการบีบอัดเทานัน้ 3. กรณีขอมูลไฟลหรือภาพตาง ๆ อาจจะไมคอยเห็นผลมากนัก 4. เริ่มจากเปดหนา My Computer >> Dial-Up Networking 5. คลิกเมาสขวาที่ตรงกับ Dial-Up ของ ISP ที่ใชงาน เลือกที่ Properties 6. เลือกที่ Configure.. เลือกปาย Connection กดที่ปุม Advanced.. 7. เอาเครื่องหมายถูกที่ชอง Compress data ออก และกดปุม OK 2 ครั้ง กลับมาที่หนา General กอน 8. กดที่ปาย Server Types ติ๊กถูกที่ชอง Enable software compression แลวกด OK จนจบ
403
9. ถาหากใชงานได เมื่อดูที่ Connection ขณะตออินเตอรเน็ต กด Details จะเห็นคําวา Microsoft Compression •
ปรับแตงสายโทรศัพท ใหมีสัญญาณรบกวนนอยที่สุด 1. สัญญาณรบกวนในสายโทรศัพท เปนสาเหตุหลักที่ทําใหเน็ตชานะครับ 2. อานรายละเอียดที่ การตอสายโทรศัพท และการปรับแตงตาง ๆ เพิ่มความเร็วและปองกัน สายหลุดของโมเด็ม
•
ปรับแตง Performance และการใช Swap File ของระบบ 1. เปด Control Panel ดับเบิล้ คลิกที่ System เลือกที่ Performance 2. ที่ Files System ชอง Typical role of this computer เปลี่ยนเปน Network Server กด OK 3. ที่ Virtual Memory เลือกที่ Let me specify my own virtual memory setting 4. ชอง Minimum และ Maximum ใสคาขนาดของ virtual memoey ควรจะอยูระหวาง 128256 5. จากขอ 4. ถามีแรม 64M ควรกําหนดเปน 128 แตถามีแรมอยู 128M หรือมากกวานี้ ควร จะกําหนดเปน 256 ครับ 6. กด OK 2 ครั้ง ทําการ Restart เครื่องใหม 7. อานรายละเอียดเพิ่มเติมจากเรื่อง การตั้งใชงาน virtual memory ครับ ทําความสะอาด Registry ลบสวนที่ไมจําเปนกับการใชงานออกไป 1. ดาวนโหลดโปรแกรม Regclean จากเว็บไซต http://www.microsoft.com/ 2. เรียกไฟล Regclean.exe เพื่อแตกไฟล และใชงาน 3. อานรายละเอียดไดที่ การทําความสะอาด Registry ครับ
•
•
ทํา Defrag ฮารดดิสก สักประมาณอาทิตยละครั้ง 1. โดยเลือกที่ Start Menu >> Programs >> Accessories >> System Tools >> Disk Defragmenter 2. ควรทําประมาณสัก อาทิตยละครั้งครับ 3. อานรายละเอียดการทํา และเทคนิคตาง ๆ เพิ่มเติมที่ การทํา Defrag ฮารดดิสก
•
การใชความสามารถของ DMA ใหเต็มที่ สําหรับทานมีใชเมนบอรดและฮารดดิสกทรี่ องรับการสงขอมูลแบบ DMA 1. เปด Control Panel ดับเบิล้ คลิกที่ System เลือกที่ Device Manager
404
2. เลือกที่ Disk Drives แลวกดเลือกที่ฮารดดิสกของเครือ่ ง 3. กดที่ Properties เลือกที่ปาย Settings 4. ใชเมาสกดเลือกที่ชอง DMA แลวกด OK ทําการบูทเครื่องใหมอีกครั้ง 5. สําหรับเครื่องที่ไมรองรับ DMA จะไมสามารถใชงานไดนะครับ โดยที่ชองที่ติ๊กไวจะ หายไปเอง
•
การปรับแตง Registry ใหระบบ Windows ใชงาน CPU ไดเต็มประสิทธิภาพ อีกวิธีหนึ่ง ในการปรับแตงระบบ Windows ตรงนี้สําหรับ Windows98 เทานั้น โดยการ ปรับแตง Registry ของระบบ เพื่อกําหนดคา Priorities ของการใชงาน CPU และตองขอ เตือนไวกอนนะครับวา วิธกี ารนี้ อยางนอย คุณควรที่จะพอทราบเรื่องตาง ๆ ของ Registry พื้นฐานบางนิดหนอยกอน หาอานไดจาก http://www.pssix.com ก็ไดครับ 1. ที่เมนู Start Menu เลือกที่ Run พิมพคําวา regedit กด OK 2. เขาไปที่คา Registry HKEY_LOCAL_MACHINE\System\CurrentControlSet\Services\VxD\BIOS 3. ทางขวามือกดเมาสขวา เลือก New >> DWORD Value ใสชื่อเปน CPUPriority กด Enter 4. ดับเบิลคลิกที่ CPUPriority แลวเปลี่ยนคา Value data จาก 0 เปน 1 กด OK 5. เขาไปที่คา Registry HKEY_LOCAL_MACHINE\System\CurrentControlSet\Control 6. ที่เมนูดานซายมือ เอาเมาสกดที่ Control แลวกดเมาสขวา เลือก New >> Key 7. ใสชื่อใหมเปน PriorityControl ไวครับ 8. ทางขวามือกดเมาสขวา เลือก New >> DWORD Value ใสชื่อเปน IRQ8Priority กด Enter 9. เปลี่ยนคาของ IRQ8Priority ใหเปน 1 แบบเดียวกับขอ 4. 10. กด OK และทดลองบูตเครื่องใหมแลวดูผลที่ได *** เนนอีกครัง้ การปรับแตง Registry แบบนี้ ลองกันเองครับ ผมไมรับประกันวาระบบจะ มีปญหาอะไรหรือไม เพียงแตบอกวา เครื่องผมไมมีปญหาอะไร ระบบเร็วขึ้นมาไดอกี พอสมควรครับ ***
หลังจากเสร็จสิ้นการปรับแตงทุกอยางแลว ลองเปรียบเทียบความรูสกึ ตาง ๆ ทั้งเวลาที่ใชงานทั่ว ๆ ไปและเวลาเลนอินเตอรเน็ตดูนะ วาไดผลอยางไรกันบาง
405
วิธีการปรับแตง Windows 98 ใหทํางานไดเร็วขึ้น แบบไมตองลงทุน เทคนิคการปรับแตง Windows 98 ใหใชงานไดเต็มประสิทธิภาพ ตรงนี้ ไดทําการรวบรวมมาจากประสบการณ เทาที่ไดทดลอง ใชงานจริง ๆ และรวบรวมมาจากเว็บไซตตาง ๆ ที่ไดแนะนําเทคนิคเหลานี้ไว นํามาทดลอง และ เลือกเฉพาะสิ่งที่คิดวา ควรจะทําการปรับแตงเทานั้น ที่จริงแลวยังมีวิธีการปรับแตงอีกหลายรูปแบบ แตบางอยาง เทาที่ไดทดลองทําดูแลว พบวา จะสามารถใชไดเฉพาะกับอุปกรณบางยี่หอ และบางรุนเทานั้น หรือในบางครั้ง กลับสรางปญหาใหกับอุปกรณรอบขางดวย ดังนั้น จึงขอคัดเลือกมา เฉพาะหัวขอที่ควรจะทําการปรับแตงจริง ๆ เทานั้น ลองทํากันทีละหัวขอเลย แลวเปรียบเทียบความรูสึกกันดูวา Windows 98 ของคุณ จะเปลี่ยนแปลงไป อยางไรบาง •
ยกเลิกการใช Wallpaper ของ Desk Top สําหรับเครื่องที่มี RAM นอย สําหรับทานที่ใช Windows และมี RAM นอยกวา 64M. ขอแนะนําใหยกเลิกการใชภาพ Wallpaper ของ Desk Top หรือถาหากจะใชจริง ๆ ก็ควรเลือกภาพที่มีขนาดเล็ก ๆ จะชวยทําใหคุณมีหนวยความจําใช งานไดเพิ่มมาอีก 1-2 M. โดยที่หากตองการใหฉากหลังไมเรียบจนเกินไป ก็ลองเลือกใช Pattern แทน Wallpaper การเปลี่ยนไปใช Pattern ก็เลือกที่ Start >> Settings >> Control Panel >> Display >> Background ที่ Wallpaper เลือก None และเลือกใช Pattern แทนโดยเลือกที่ปุม Pattern และเลือก Pattern ที่จะใชงานแทน
•
ตั้งหนาจอใหมีจํานวนสีแบบ High Color (16 bit) โดยปกติแลว การตั้งหนาจอใหแสดงจํานวนของสีไดมากนอยเทาไรนั้น จะขึ้นอยูกับการดจอที่ใชงานอยู ดวย เชน 256 Color, High Color (16 bit), High Color (24 bit) หรือ True Color (32 bit) แตจากขอมูลทั่ว ๆ ไปแลวสวนใหญจะบอกวา จํานวนของสีที่แสดงบนหนาจอนั้น ในระดับที่สูงกวา High Color (16 bit) นั้นสายตาของคนเรา จะไมสามารถแยกออกได ดังนั้นหากเปนการใชงานคอมพิวเตอรโดยทั่ว ๆ ไปแลว การตั้งจํานวนสีแค High Color (16 bit) ก็เพียงพอแลว จะทําใหการแสดงผลตาง ๆ ของหนาจอทําได รวดเร็วขึ้น การแกไขก็ทําโดยเลือก Start >> Settings >> Control Panel >> Display >> Settings แลว เปลี่ยนตรงชอง Color กด OK
•
ใชวิธีการ Turn off Monitor แทนการใช Screen Saver สําหรับทานที่ใช Windows และมี RAM นอยกวา 64M. ขอแนะนําใหใชวิธีการรักษาหนาจอโดยการตั้ง Turn off Monitor แทนการใช Screen Saver ซึ่งจะชวยใหคุณมีหนวยความจําใชงานไดเพิ่มขึ้นมาอีก หนอยหนึ่ง โดยวิธีการคือ เลือกที่ Start >> Settings >> Control Panel >> Screen Saver เลือกเปน None และเลือกที่ Settings ตั้งที่ Turn off Monitor เลือกเวลาที่ตองการปดหนาจอ กด OK อานรายละเอียด เพิ่มเติมที่ การตั้งใช Screen Saver
406 •
การปรับแตงไฟล Msdos.sys หากทานไมไดใชโปรแกรมบีบอัดขอมูลของ Hard Disk หรือ DriveSpace ของ Windows แลวละก็ ควร ทําการปรับแตงโดยเพิ่มคําสั่งตอไปนี้ในไฟล Msdos.sys ตามขั้นตอนดังนี้ 1. เปด Windows Explorer ขึ้นมากอน 2. เลือกที่เมนู View >> Folder Options 3. เลือก View >> Show All Files กด OK 4. เขาไปที่ Drive C:\ คลิกเมาสขวาที่ไฟล Msdos.sys กดที่ Properties 5. ยกเลิกเช็คบอกซที่ Read Only และ Hidden ออก แลวกด OK 6. เปด Notepad เลือก Open เปดไฟล C:\Msdos.sys 7. มองหาหัวขอ [Options] แลวเพิ่ม 3 บรรทัดนี้ลงไป [Options] DrvSpace=0 DblSpace=0 BootDelay=0
8. บันทึกขอมูลโดยเลือกที่ File >> Save และปดโปรแกรม Notepad 9. เปลี่ยน Attributes ของ Msdos.sys ใหเปน Read Only และ Hidden เหมือนเดิมในขอ 4. และ 5. •
การปรับแตงไฟล System.ini ใน C:\Windows 1. เลือกที่ Start Menu >> Run พิมพคําวา system.ini และกดที่ปุม OK 2. หาบรรทัดที่มีหัวขอ [386Enh] แลวเพิ่มคําสั่งเขาไป 2 บรรทัด [386Enh] LocalLoadHigh=1 PageBuffer=32 คาของ PageBuffer ใหกําหนดเปนครึ่งหนึ่งของ RAM ที่มีอยูทั้งหมด เชนมีแรมอยู 64M. ก็กําหนดเปน 32 หรือถาเครื่องมีแรม 128M. ก็เลือกเปน 64 ครับ 3. หาบรรทัดที่มีหัวขอ [vcache] แลวเพิ่มคําสั่งเขาไป 2 บรรทัด [vcache] MinFileCache=8000 MaxFileCache=8000 คาของ 2 บรรทัดนี้จะหาไดจากจํานวน RAM คูณดวย 125 เชนแรม 64M. จะเทากับ 64x125=8000 หรือแรม 128M. จะได 128x125=16000 ครับ 4. บันทึกขอมูลโดยเลือกที่ File >> Save และปดโปรแกรม Notepad
407 •
•
ปรับแตง Dial-Up Adapter เพิ่มความเร็วโมเด็มในการเลนเน็ต 1. เปด Control Panel ดับเบิ้ลคลิกที่ Network เลือก Dial-Up Adapter และกดที่ Properties 2. กดเลือกที่ Advance ชอง IP Packet Size เลือกเปน Large 3. ชอง Use IPX header compression เลือกเปน No กด OK ใชการบีบอัดขอมูล (Compress Data) ของโมเด็มเพิ่มความเร็วการเลนเน็ต 1. สําหรับโมเด็มและ ISP ที่รองรับการบีบอัดขอมูลของโมเด็ม จะชวยใหการสงขอมูลเร็วขึ้นได 2. มีผลเฉพาะในสวนของขอมูลแบบ Text หรือ HTML หรือไฟลที่ยังไมผานการบีบอัดเทานั้น 3. กรณีขอมูลไฟลหรือภาพตาง ๆ อาจจะไมคอยเห็นผลมากนัก 4. เริ่มจากเปดหนา My Computer >> Dial-Up Networking 5. คลิกเมาสขวาที่ตรงกับ Dial-Up ของ ISP ที่ใชงาน เลือกที่ Properties 6. เลือกที่ Configure.. เลือกปาย Connection กดที่ปุม Advanced.. 7. เอาเครื่องหมายถูกที่ชอง Compress data ออก และกดปุม OK 2 ครั้ง กลับมาที่หนา General กอน 8. กดที่ปาย Server Types ติ๊กถูกที่ชอง Enable software compression แลวกด OK จนจบ 9. ถาหากใชงานได เมื่อดูที่ Connection ขณะตออินเตอรเน็ต กด Details จะเห็นคําวา Microsoft Compression
•
ปรับแตงสายโทรศัพท ใหมีสัญญาณรบกวนนอยที่สุด 1. สัญญาณรบกวนในสายโทรศัพท เปนสาเหตุหลักที่ทําใหเน็ตชานะครับ 2. อานรายละเอียดที่ การตอสายโทรศัพท และการปรับแตงตาง ๆ เพิ่มความเร็วและปองกันสายหลุด ของโมเด็ม
•
ปรับแตง Performance และการใช Swap File ของระบบ 1. เปด Control Panel ดับเบิ้ลคลิกที่ System เลือกที่ Performance 2. ที่ Files System ชอง Typical role of this computer เปลี่ยนเปน Network Server กด OK 3. ที่ Virtual Memory เลือกที่ Let me specify my own virtual memory setting 4. ชอง Minimum และ Maximum ใสคาขนาดของ virtual memoey ควรจะอยูระหวาง 128-256 5. จากขอ 4. ถามีแรม 64M ควรกําหนดเปน 128 แตถามีแรมอยู 128M หรือมากกวานี้ ควรจะกําหนด เปน 256 ครับ 6. กด OK 2 ครั้ง ทําการ Restart เครื่องใหม 7. อานรายละเอียดเพิ่มเติมจากเรื่อง การตั้งใชงาน virtual memory ครับ ทําความสะอาด Registry ลบสวนที่ไมจําเปนกับการใชงานออกไป 1. ดาวนโหลดโปรแกรม Regclean จากเว็บไซต http://www.microsoft.com/ 2. เรียกไฟล Regclean.exe เพื่อแตกไฟล และใชงาน
•
•
ทํา Defrag ฮารดดิสก สักประมาณอาทิตยละครั้ง 1. โดยเลือกที่ Start Menu >> Programs >> Accessories >> System Tools >> Disk Defragmenter
408 2. ควรทําประมาณสัก อาทิตยละครั้งครับ 3. อานรายละเอียดการทํา และเทคนิคตาง ๆ เพิ่มเติมที่ การทํา Defrag ฮารดดิสก •
การใชความสามารถของ DMA ใหเต็มที่ สําหรับทานมีใชเมนบอรดและฮารดดิสกที่รองรับการสงขอมูลแบบ DMA 1. เปด Control Panel ดับเบิ้ลคลิกที่ System เลือกที่ Device Manager 2. เลือกที่ Disk Drives แลวกดเลือกที่ฮารดดิสกของเครื่อง 3. กดที่ Properties เลือกที่ปาย Settings 4. ใชเมาสกดเลือกที่ชอง DMA แลวกด OK ทําการบูทเครื่องใหมอีกครั้ง 5. สําหรับเครื่องที่ไมรองรับ DMA จะไมสามารถใชงานไดนะครับ โดยที่ชองที่ติ๊กไวจะหายไปเอง
•
การปรับแตง Registry ใหระบบ Windows ใชงาน CPU ไดเต็มประสิทธิภาพ อีกวิธีหนึ่ง ในการปรับแตงระบบ Windows ตรงนี้สําหรับ Windows 98 หรือ Windows Me เทานั้น โดย การปรับแตง Registry ของระบบ เพื่อกําหนดคา Priorities ของการใชงาน CPU และตองขอเตือนไว กอนนะครับวา วิธีการนี้ อยางนอย คุณควรที่จะพอทราบเรื่องตาง ๆ ของ Registry พื้นฐานบางนิดหนอย กอน ถาหากไมแนใจตรงนี้ ขามตรงนี้ไปกอน ไมตองทําการปรับแตงก็ไดครับ สําหรับการปรับแตง Registry ตรงนี้ เพื่อความงาย และไมถนัดเรื่อง Registry ดังนั้น จะขอไมขออธิบาย รายละเอียด แตใหทําการ คลิกที่ลิงคดานลางนี้ไดเลยครับ เปน Registry ที่ทําไวสําเร็จรูป คลิกแลวเลือก ที่ Open this file... และกด Yes แคนี้เองครับ โดยจะแบงเปน 2 ไฟลสําหรับเครื่องที่ใชการดจอแบบ AGP และ PCI 1. คลิกที่นี่เพื่อปรับแตง CPU Priority Registry สําหรับเครื่องที่ใชการดจอแบบ AGP Slot 2. คลิกที่นี่เพื่อปรับแตง CPU Priority Registry สําหรับเครื่องที่ใชการดจอแบบ PCI Slot *** เนนอีกครั้ง การปรับแตง Registry แบบนี้ ลองกันเองครับ ผมไมรับประกันวาระบบจะมีปญหา อะไรหรือไม เพียงแตบอกวา เครื่องผมไมมีปญหาอะไร ระบบเร็วขึ้นมาไดอีกพอสมควรครับ ***
หลังจากเสร็จสิน้ การปรับแตงทุกอยางแลว ลองเปรียบเทียบความรูสึกตาง ๆ ทั้งเวลาที่ใชงานทั่ว ๆ ไปและเวลา เลนอินเตอรเน็ตดูนะ วาไดผลอยางไรกันบาง
วิธีการปรับแตง Windows XP ใหทํางานไดเร็วขึ้น แบบไมตองลงทุน ความจริงแลว ระบบปฏิบัติการ Windows XP นั้น มีการจัดการกับสวนตาง ๆ ที่คอนขางจะดีอยูแลว ไมจําเปน จะตองไปปรับแตง อะไรเพิ่มเติมกันอีก แตถาหาก ใครอยากจะเสริมโนนนิด นี่หนอย ก็ลองมาดูขั้นตอน การ ปรับแตง Windows XP กันไดเลยครับ •
ทําการลง Driver ของอุปกรณตาง ๆ ที่มีมาใหสําหรับ Windows XP โดยเฉพาะ สําหรับทานที่ใชงาน Windows XP นั้น ความจริงหลังจากที่ลง Windows ใหม ๆ แลว อุปกรณบางตัว
409
•
อาจจะสามารถ ทํางานไดเลย โดยไมตองมานั่งลง Driver ใหยุงยาก แตเพื่อใหอุปกรณตาง ๆ นั้น สามารถทํางานได อยางเต็มประสิทธิภาพ มากขึ้น ขอแนะนําใหทําการลง Driver ของอุปกรณแตละตัว ไปอีกครั้งดวย จะชวยลดปญหาตาง ๆ ในการใชงานไดมาก การปรับแตง Performance ของระบบใหทํางานไดเร็วขึ้น เปนการตั้งคา Virtual Memory ของระบบที่เหมาะสม โดยเริ่มจากการคลิกเมาสขวาที่ My Computer บน หนา Desktop เลือก Properties และเลือก Advanced ในชอง Performance กดที่ปุม Settings >> Advanced และดานลางเลือกกดที่ปุม Change จะไดตามภาพ
ทําการเปลี่ยนคาของ Virtual ใหเปนแบบ Custom size และกําหนดไวที่ 512-512 ตามภาพแลวกด OK จากนั้น เครื่องจะทําการ Restart ใหมครั้งหนึ่งกอนครับ •
การปรับแตง Startup and Recovery ของระบบวินโดวส เปนการกําหนดขั้นตอน เมื่อระบบวินโดวสเริ่มตนทํางาน และการกําหนดการกระทํา เมื่อมีขอผิดพลาด เกิดขึ้นใหเหมาะสม โดยทําการคลิกเมาสขวาที่ My Computer บนหนา Desktop เลือก Properties และ เลือก Advanced ในชอง Startup and Recovery กดที่ปุม Settings จะไดตามภาพ
410
ทําการยกเลิกการเครื่องหมายถูกใตชอง System failure ออกใหหมด (สําหรับเครื่องหมายถูกดานบนใตชอง system startup ใหปลอยไวตามเดิม เนื่องจากเปนการกําหนดการเลือกบูต Windows แบบหลายระบบ หรือถาหาก เครื่องนั้น ลงระบบ Windows ไวแคตัวเดียว ไมไดใชลูกเลนนี้ก็เอาออกไปไดเชนกันครับ) จากนั้นก็กด OK ครับ •
การปรับแตงระบบรายงานขอผิดพลาดหรือ Error Reporting เปนการกําหนดวิธีการรายงานขอผิดพลาด ซึ่งไมคอยไดใชงานอะไร ก็จัดการยกเลิกการทํางานสวนนี้ ซะเลย โดยทําการ คลิกเมาสขวาที่ My Computer บนหนา Desktop เลือก Properties และเลือก Advanced ที่ดานลาง ใหกดที่ปุม Error Reporting จะไดตามภาพ
411
ทําการเลือกที่ชอง Disable error reporting ตามภาพแลวกด OK ครับ •
ปดการทํางานของ System Restore เพื่อไมใหเปลืองพื้นที่ของฮารดดิสก เปนการปดการทํางานของระบบ System Restore หรือระบบยอนเวลากลับของ Windows เชน ถาหาก เรามีการติดตั้ง ซอฟตแวรลงไปในเครื่อง แลวเกิดเปลี่ยนใจหรือวาซอฟตแวรตัวนั้น ไปสรางปญหา ใหกับระบบ เราก็สามารถยอยเวลากลับไป ณวันที่หรือเวลาที่เราตองการได แตเนื่องจากการที่จะ สามารถ ยอนเวลากลับไปไดนั้น Windows จะตองใชพื้นที่บน ฮารดดิสก สวนหนึ่ง ในการเก็บขอมูล ตาง ๆ เหลานี้ไวดวย ตรงนี้แหละครับที่เรียกวา System Restore ซึ่งถาหาก ไมตองการ ใชงานระบบใน สวนนี้ ก็จัดการปดการทํางานไปซะดีกวาครับ โดยทําการ คลิกเมาสขวาที่ My Computer บนหนา Desktop เลือก Properties และเลือก System Restore ตามภาพ
412
ติ๊กเครื่องหมายถูกที่ชอง Turn off System Restore on all drive แลวกด OK ครับ •
การตั้งใหปดระบบการทํางานของ Auto Update ไปเลยดีกวา เปนการตั้งใหระบบการอัพเดตไฟลหรือ Patch ตาง ๆ ผานทางเว็บไซตของ microsoft แบบอัตโนมัติไม ทํางาน เนื่องจาก ถาหากมีการตั้ง Auto Update นี้ไว จะทําใหเมื่อเลนอินเตอรเน็ตแลว จะมีการเช็คหรือ ตรวจสอบอยูบอย ๆ รวมถึงในบางครั้ง อาจจะเปนสาเหตุที่ทําให Windows ตอเน็ตเองดวย ซึ่งหากเรา ตองการที่จะทําการอัพเดตจริง ๆ ก็สามารถสั่งเองไดเชนกัน โดยทําการ คลิกเมาสขวาที่ My Computer บนหนา Desktop เลือก Properties และเลือก Automatic Updates ตามภาพ
413
เอาเครื่องหมายถูกหนาชอง Keep my computer up to date... ออกไปและกด OK ครับ •
การปดการทํางานของระบบ Remote Desktop เปนการปดการทํางานของการใชงาน Remote Desktop หรือการทํา Remote จากเครืองคอมพิวเตอร เครื่องหนึ่ง ไปยังอีกเครื่องหนึ่ง โดยปกติเราจะไมไดมีการใชงานสวนนี้อยูแลว ปดไปเลยดีกวาครับ โดย ทําการ คลิกเมาสขวาที่ My Computer บนหนา Desktop เลือก Properties และเลือก Remote ตามภาพ
414
เอาเครื่องหมายถูกออกไปใหหมดเหมือนภาพดานบน และกดที่ปุม OK ครับ ลักษณะทั่วไป ของฮารดดิสก
ระบบฮารดดิสคแตกตางกับแผนดิสเกตต ซึ่งโดยทั่วไปแลวจะมีจํานวนหนาสําหรับ เก็บบันทึก ขอมูลมากกวาสองหนา นอกจากระบบฮารดดิสคจะเก็บบันทึกขอมูลเหมือน แผนดิสเกตตยังเปนสวน ที่ใชในการอานหรือเขียนบันทึกขอมูลเหมือนชองดิสคไดรฟ แผนจานแมเหล็กของฮารดดิสค จะมีความหนาแนนของการจุขอมูลบนผิวหนาไดสูง กวาแผน ดิสเกตตมาก เชน แผนดิสเกตตมาตราฐานขนาด 5.25 นิ้ว ความจุ 360
415 กิโลไบต จะมีจํานวนวงรอบ บันทึกขอมูลหรือเรียกวา แทร็ก(track) อยู 40 แทร็ก กรณี ของฮารดดิสคขนาดเดียวกันจะมีจํานวน วงรอบสูงมากกวา 1000 แทร็กขึ้นไป ขณะเดียวกันความจุในแตละแทร็กของฮารดดิสคก็จะสูงกวา ซึ่งประมาณไดถึง 5 เทา ของความจุในแตละแทร็กของแผนดิสเกตต เนื่องจากความหนาแนนของการบันทึกขอมูลบนผิวแผนจานแมเหล็กของฮารดดิสค สูงมาก ๆ ทําใหหัวอานและเขียนบันทึกมีขนาดเล็ก ตําแหนงของหัวอานและเขียนบันทึก ก็ตองอยูในตําแหนง ที่ใกลชิดกับผิวหนาจานมาก โอกาสที่ผิวหนาและหัวอานเขียนอาจ กระทบกันได ดังนั้นแผนจานแม เหล็กจึงควรเปนแผนอะลูมิเนียมแข็ง แลวฉาบดวยสาร แมเหล็ก ฮารดดิสคจะบรรจุอยูในกลองโลหะปดสนิท เพื่อปองสิ่งสกปรกหลุดเขาไปภายใน ซึ่งถาตอง การเปดออกจะตองเปดในหองเรียก clean room ที่มีการกรองฝุนละออกจาก อากาศเขาไปในหอง ออกแลว ฮารดดิสคที่นิยมใชในปจจุบันเปนแบบติดภายในเครื่อง ไมเคลื่อนยายเหมือนแผนดิสเกตต ดิสคประเภทนี้อาจเรียกวา ดิสควินเชสเตอร (Winchester Disk) ฮารดดิสคสวนใหญจะประกอบดวยแผนจานแมเหล็ก(platters) สองแผนหรือ มากกวามาจัด เรียงอยูบนแกนเดียวกันเรียก Spindle ทําใหแผนแมเหล็กหมุนไปพรอม ๆ กัน จากการขับเคลื่อน ของมอเตอรดวยความเร็ว 3600 รอบตอนาที แตละหนาของแผน จานจะมีหัวอานเขียนประจําเฉพาะ โดยหัวอานเขียนทุกหัวจะเชื่อมติดกันคลายหวี สามารถเคลื่อนเขาออกระหวางแทร็กตาง ๆ อยางรวดเร็ว
จากรูปเปนภาพตัดขวางของฮารดดิสคแสดงแผนจาน แกนหมุน Spindle หัวอาน เขียน และกานหัวอานเขียน
416
จากรูปแสดงฮารดดิสคที่มีแผนจาน 2 แผน พรอมการกํากับชื่อแผนและหนาของ ดิสค ผิวของ แผนจานกับหัวอานเขียนจะอยูเกือบชิดติดกัน คือหางกันเพียงหนึ่งในแสน ของนิ้ว และระยะหางนี้ ในระหวางแทร็กตาง ๆ ควรสม่ําเสมอเทากัน ซึ่งกลไกของเครื่อง และการประกอบฮารดดิสคตอง ละเอียดแมนยํามาก การหมุนอยางรวดเร็วของแผนจาน ทําใหหัวอานเขียนแยกหางจากผิวจาน ดวยแรงลมหมุนของจาน แตถาแผนจานไมได หมุนหรือปดเครื่อง หัวอานเขียนจะเลื่อนลงชิดกับ แผนจาน ดังนั้นเวลาเลิกจากการใช งานเรานิยมเลื่อนหัวอานเขียนไปยังบริเวณที่ไมไดใชเก็บขอมูล ที่เรียกวา Landing Zone เพื่อวาถาเกิดการกระแทรกของหัวอานเขียนและผิวหนาแผนจานก็จะไมมีผลตอ ขอมูลที่เก็บไว ฮารดดิกสเปนอุปกรณที่รวมเอาองคประกอบ ทั้งกลไกการทํางาน และอุปกรณ อิเล็กทรอนิกส เขาไวดวยกัน แมวาฮารดดิสก นั้นจะไดชื่อวาเปนอุปกรณที่มีความ ซับซอนที่สด ุ ในดานอุปกรณที่มีการเคลื่อนไหว แตในความเปนจริงแลวการอธิบายการ ทํางาน ของฮารดดิสกนั้นถือวาไดงาย ภายในฮารดดิสกนั้นจะมีแผน Aluminum Alloy Platter หลายแผนหมุนอยูดวยความเร็วสูง โดยจะมีจํานวนแผนขึ้นอยูกับแตละรุนแตละ ยี่หอตางกันไป เมื่อผูใช พิมพคําสั่งใหคอมพิวเตอรทํางาน แขนกลของฮารดดิสก จะ รอบรับคําสั่งและเคลื่อนที่ ไปยังสวนที่ถูกตองของ Platter เมื่อถึงที่หมายก็จะทําการ อานขอมูลลงบนแผนดิสกนั้น หัวอานจะอานขอมูลแลวสงไปยัง ซีพียู จากนั้น ไมนาน ขอมูลที่ตองการก็จะปรากฏ การทํางานเขียนอานขอมูลของฮารดดิกส จะมีการทํางาน คลายกับการทํางาน ของของเทปคาสเซ็ท แพล็ตเตอรของฮารดดิสก นั้นจะเคลือบไป ดวยวัตถุจําพวกแมเหล็ก ที่มีขนาดความหนา เพียง 2-3 ในลานสวนของนิ้ว แตจะตาง จากเทปทั่วไปคือ ฮารดดิสกนั้นจะใชหัวอานเพียง หัวเดียวในการทํางาน ทั้งอาน และ เขียนขอมูลบนฮารดดิกส สวนเขียนขอมูลลงบนฮารดดิสกนั้นหัวอานจะได รับ กระแสไฟฟาผานเขาสู คอยลของหัวอาน เพื่อสรางรูปแบบแมเหล็กบนสื่อ ที่เคลือบอยู บนแพล็ตเตอรซึ่งเทา กับเปนการเขียนขอมูลลงบน ฮารดดิสก การอานนั้น ก็จะเปนการ แปลงสัญญาณรูปแบบแมเหล็กที่ไดบันทึก อยูบนฮารดิสกกลับแลวเพิ่ม สัญญาณและ ทําการ ประมวลผล ใหกลับมาเปนขอมูลอีกครั้งอีก จุดที่แตกตาง กันของการเก็บขอมูลระหวาง ออดิโอเทปกับฮารดดิสกนั้นก็ คือเทป จะเก็บขอมูลในรูปแบบของ สัญญาณ อนาล็อก แตสําหรับฮารดดิสกนั้นจะ เก็บในรูป สัญญาณ ดิจิตอลโดยจะเก็บเปนเลขฐานสองคือ 0 และ 1 ฮารดดิสก จะเก็บขอมูลไวใน Track หรือ เสนวงกลม โดยจะเริ่มเก็บขอมูลที่ดานนอกสุด ของฮารดดิสกกอน จากนั้น จึงไลเขามาดานในสุด โดยฮารดดิสก จะเปนอุปกรณที่สามารถสุมเขาถึงขอมูลได คือ การที่หัวอาน สามารถเคลือ ่ นที่ ไปอานขอมูลบนจุดใดของ ฮารดดิสกก็ได ไมเหมือนกับ เทปเพลงที่หากจะตองการฟงเพลง ถัดไปเราก็ตองกรอเทป ไปยังจุดเริ่มตนของเพลง นั้น หัวอานของฮารดดิสก นั้นสามารถบินอยูเหนือพื้นที่จัดเก็บ ขอมูลทันทีที่ไดรับ ตําแหนงมาจากซีพียู ซึ่งการเขา ถึงขอมูลแบบสุมนี้เปนเหตุผลสําคัญ ที่ทําใหฮารดดิสก สามารถแทนที่เทปในการเก็บขอมูลหลักของคอมพิวเตอร ฮารดดิสกนั้นสามารถ เก็บ ขอมูลไดทั้ง 2 ดานของ แพล็ตเตอร ถาหัวอานเขียนนั้นอยูทั้ง 2 ดาน ดังนั้นฮารดดิสกที่
417 มีแพล็ตเตอร 2 แผนนั้นสามารถมีพื้นที่ในการ เก็บขอมูลไดถึง 4 ดาน และมีหัวอาน เขียน 4 หัวการเคลื่อนที่ของ หัวอานเขียนนี้จะมีการเคลื่อนที่ไปพรอม ๆ กันโดยจะมีการ เคลื่อนที่ที่ตรงกัน Track วงกลมนั้นจะถูกแบงออก เปนหนวยยอย ๆ เรียกวา Sector การเขียนขอมูลลงบนฮารดดิสกนั้นจะเริ่มเขียนจากรอบนอกสุด ของฮารดดิสกกอน จากนั้นเมื่อขอมูลใน Track นอกสุดถูกเขียนจนเต็มหัวอานก็จะเคลื่อนมายังแทร็กถัดมา ที่วางแลวทําการเขียน ขอมูลตอไป ซึ่งก็ดวยวิธีการนี้ทําใหประสิทธิภาพการทํางานสูง เปนอยางมากเพราะหัวอานเขียนสามารถบันทึกขอ มูลไดมากกวา ในตําแหนงหนึ่ง กอนที่จะเคลื่อนที่ไปยังแทร็คถัดไป ตัวอยางเชน ถาเรามีฮารดดิสกแบบ 4 แพล็ตเตอรอยูและหัวอานเขียนอยูที่แทร็ค 15 ไดรฟจะเขียนขอมูลลงในแทร็ค 15 บนทั้ง 2 ดานของ แพล็ตเตอร ทั้ง 4 จนเต็ม จากนั้นจึงเคลื่อนเขาไปหาที่แทร็ค 16 ตอไป การหมุนของแพล็ตเตอรนั้นนับไดวา เร็ว มาก ความเร็วต่ํา สุดก็เทากับ 3,600 รอบตอนาที และปจจุบันสูงสุดนับหมื่นรอบ ซึ่งเปน การทํางานที่เร็วกวา ฟล็อบปดิสกหรือเทปมาก ดวยความเร็วขนาดนี้ทําใหหัวอานเขียน ขนาดเล็กสามารถลอยหรือบินอยูเหนือพื้น ผิวไดหัวอานเขียนนั้นไดรับการ ออกแบบให บินอยูเหนือแผนแพล็ตเตอรที่กําลังหมุนอยูดวยความเร็วสูงนี้ ในความสูงเพียง 3 ลาน สวนของนิ้ว ซึ่ง เทากับวาระยะหางระหวางหัวอานเขียนและแพล็ตเตอรนั้นมีขนาดเล็ก กวาเสนผมของคนเราหรือแมกระทั่งฝุนมาก หากเกิดการกระแทก อยางรุนแรงขึ้นกับ ฮารดดิสกจนทําให หัวอานเขียนสัมผัสกับแผนแพล็ตเตอรก็จะทําใหพื้นผิว หรือหัวอาน เขียน เกิดการเสียหาย ซึง่ สงผลใหเกิด ปญหาขอมูลเสียหาย หรือถาโชครายก็คือ ฮารดดิสกพงั อยางแกไข ไมได อยางไรก็ตามปญหานี้มักจะไมเกิด กับฮารดดิสกใน ปจจุบัน ทั้งนี้เพราะฮารดดิสกในปจจุบันมีเทคโนโลยีการ ผลิตที่สูงขึ้นและไดรับการ ปองกัน เปนอยางดีโดยถูกสราง ใหสามารถ รับแรงกระแทกไดสูงถึง 70-100 เทาของ แรงดึงดูด (70-100G)
การจัดเรียงขอมูลบนฮารดดิสก การจัดเรียงขอมูลบนฮารดดิสกนั้นมีลักษณะเดียวกับแผนที่ ขอมูลจะถูกจักเก็บไว ในแทร็คบนแพล็ตเตอร ดิสกไดรฟทั่ว ๆ ไปจะมีแทร็คประมาณ 2,000 แทร็คตอนิ้ว (TPI) Cylinder จะหมายถึงกลุมของ Track ที่อยู บริเวณหัวอานเขียนบนทุก ๆ แพล็ตเตอร ใน การเขาอานขอมูลนั้นแตละแทร็คจะถูกแบงออกเปนหนวยยอย ๆ เรียกวา Sector กระบวนการในการจัดการดิสก ใหมีแทร็ค และเซกเตอรเรียกวา การฟอรแมต ฮารดดิสก ในปจบันสวนใหญจะไดรับการฟอรแมตมาจากโรงงานเรียบรอยแลว ในเครื่อง คอมพิวเตอร โดยปกติ เซกเตอร จะมีขนาด เทากับ 512 ไบต คอมพิวเตอรจะใชขอมูลที่ ไดรับการฟอรแมตนี้ เหมือนกับที่นักทองเที่ยวใชแผนที่ ในการเดินทาง คือใชระบุวา ขอมูลใดอยูที่ตําแหนงใดบนฮารดดิสก ดังนั้นหากฮารดดิสก ไมไดรับการฟอรแมต เครื่องคอมพิวเตอร จะก็ไมรูวาขอมูลถูกเก็บไวที่ใด และจะนําขอมูลมาไดจากที่ไหนใน การออกแบบฮารดดิสก แบบเกานั้นจํานวน เซกเตอรตอแทร็กจะถูกกําหนดตายตัว เนื่องจากพื้นที่แทร็คบริเวณขอบนอกนั้นมีขนาด ใหญกวาบริเวณขอบใน ของฮารดดิสก ดังนั้นพื้นที่สิ้นเปลืองของแทร็คดานนอกจึงมีมากกวา แตในปจจุบัน ไดมีการใชเทคนิค การฟอรแมต รูปแบบใหมที่ เรียกวา Multiple Zone Recording เพื่อบีบขอมูลไดมากขึ้น ในการนํามาจัดเก็บบนฮารดดิสกได Multiple Zone Recording จะอนุญาตใหพื้นที่แทร็ คดานนอก สามารถ ปรับจํานวนคลัสเตอรไดทําใหพื้นที่แทร็ค ดานนอกสุดมีจํานวน เซกเตอรมากวา ดานในและดวยการแบงใหพื้น ที่แทร็คดานนอกสุดมีจํานวนเซกเตอร มากวาดานในนี้ ขอมูลสามารถจัดเก็บไดตลอดทั้งฮารดดิสก ทําใหมีการใชเนื้อที่บน แพล็ตเตอรไดอยางคุมคา และเปนการ เพิ่มความจุโดย ใชจํานวนแพล็ตเตอรนอยลง จํานวนของเซกเตอรตอแทร็ค ในดิสกขนาด 3.5 นิ้วแบบปกติจะมีอยู ประมาณ 60 ถึง 120 เซกเตอรภายใตการจัดเก็บแบบ Multiple Zone Recording
418 การทํางานของหัวอานเขียน หัวอานเขียนของฮารดดิสกนับเปนชิ้นสวนที่มีราคาแพงที่สุด และลักษณะของมัน ก็ มีผลกระทบอยางยิ่งกับ ประสิทธิภาพ ของฮารดดิสกโดยรวม หัวอานเขียนจะเปน อุปกรณแมเหล็ก มีรูปรางคลาย ๆ ตัว “C” โดยมีชอง วางอยูเล็กนอย โดยจะมีเสนคอยล พันอยูรอบหัวอานเขียนนี้เพื่อสรางสนามแมเหล็กไฟฟา การเขียนขอมูล จะใช วิธีการสง กระแสไฟฟาผานคอยล ทําใหเกิดความเปลี่ยนแปลง ของสนามแมเหล็กซึ่งจะสงผลให เกิด ความเปลี่ยนแปลงที่แพล็ตเตอร สวนการอานขอมูลนั้น จะรับคาความเปลี่ยนแปลง ของสนามแมเหล็กผาน คอยลที่อยูที่หัวอาน เขียนแลวแปลงคาที่ไดเปน สัญญาณสงไป ยังซีพียู ตอไปเมื่อเทคโนโลยีพัฒนาไปความ หนาแนนของขอมูลก็ยิ่ง เพิ่มขึ้นในขณะที่ เนื้อที่สําหรับเก็บขอมูลก็จะลดขนาดลง ขนาดบิตของขอมูลที่เล็กนี้ ทําใหสัญญาณที่ เกิดขึ้นแลว สงไปยังหัวอานนั้นออนลง และอานไดยากขึ้น ดวเหตุนี้ทางผูพัฒนาจึง จําเปน ตองวางหัวอานใหกับสื่อมากขึน ้ เพื่อ ลดการสูญเสียสัญญาณ จากเดิมในป 1973 ที่หัวอานเขียนบินอยูหางสื่อ ประมาณ 17 microinch (ลานสวนของนิ้ว) มาในปจจุบันนี้ หัวอานเขียน บินอยูเหนือแผนแพล็ตเตอรเพียง 3 microinch เทานั้น เหมือนกับการนํา เครื่องบิน โบอิ้ง 747 มาบินดวยความเร็วสูงสุด โดยใหบินหางพื้นเพียง 1 ฟุต แตที่ สําคัญก็คือหัวอานเขียนนั้นไมเคยสัมผัส กับแผนแพล็ตเตอร ที่กําลังหมุนอยูเลยเมื่อ เครื่อง คอมพิวเตอรถูกปด ฮารดดิสกจะหยุดหมุนแลวหัวอานเขียนจะ เคลื่อนที่ไปยัง พื้นที่ที่ปลอดภัย และหยุดอยูตรงนั้น ซึ่งแยกอยูตางหากจากพื้นที่ที่ใชเก็บขอมูล
Seek Time คือระยะเวลาที่แขนยืดหัวอานเขียนฮารดดิสก เคลื่อนยายหัวอานเขียนไประหวาง แทร็คของขอมูลบนฮารดดิสก ซึ่งในปจจุบันฮารดดิสก จะมีแทร็คขอมูลอยูป ระมาณ 3,000 แทร็คในแตละดานของแพล็ตเตอร ขนาด 3.5 นิ้ว ความสามารถในการเคลื่อนที่ จากแทร็คที่อยูไปยังขอมูลในบิตตอ ๆ ไป อาจเปนการยายตําแหนงไปเพียง อีกแทร็ค เดียวหรืออาจยายตําแหนงไปมากกวา 2,999 แทร็คก็เปนได Seek time จะวัดโดยใช หนวยเวลาเปน มิลลิเซก (ms) คาของ Seek time ของการยายตําแหนงของแขนยึด หัวอานเขียน ไปในแทร็คถัด ๆ ไปในแทร็คที่ อยูติด ๆ กันอาจใชเวลาเพียง 2 ms ในขณะที่การยายตําแหนงจากแทร็คที่อยูนอกสุดไปหาแทร็คที่อยูในสุด หรือ ตรงกัน ขามจะตองใชเวลามากถึงประมาณ 20 ms สวน Average seek time จะเปนคา ระยะเวลาเฉลี่ย ในการยายตําแหนง ของหัวเขียนอานไปมาแบบสุม (Random) ใน ปจจุบันคา Average seek time ของ ฮารดดิสกจะอยู ในชวงตั้งแต 8 ถึง 14 ms แมวา คา seek จะระบุเฉพาะคุณสมบัติในการทํางานเพียง ดานกวางและยาวของ แผนดิสก แตคา Seek time มักจะถูกใชในการเปรียบเทียบ คุณสมบัติทางดานความ เร็วของ ฮารดดิสกเสมอ ปกติ แลวมักมีการเรียกรุนของฮารดดิสกตามระดับความเร็ว Seek time ของตัว ฮารดดิสกเอง เชนมีการเรียกฮารดดิสก ที่มี Seek time 14 ms วา “ฮารดดิสก 14 ms” ซึ่งก็แสดงใหทราบวา ฮารดดิสกรุนนั้น ๆ มีความเร็วของ Seek time ที่ 14 ms อยางไรก็ตามถึงแมวาการใชคาความเร็ว Seek time กําหนดระดับชั้นของฮารดดิสกจะ สะดวก แตคา Seek time ก็ยังไมสามารถแสดงใหประสิทธิภาพทั้งหมด ของฮารดดิสก ได จะแสดงใหเห็นเพียงแตการคนหาขอมูลในแบบสุม ของตัวไดรฟเทานั้น ไมไดแสดง ในแงของ การอานขอมูลแบบเรียงลําดับ (sequential) ดังนั้น ใหใชคา seek time เปน เพียงสวนหนึ่ง ในการตัดสิน ประสิทธิภาพของฮารดดิสกเทานั้น Head Switch Time
419 เปนเวลาสลับการทํางาของหัวอานเขียน แขนยึดหัวอานเขียนจะเคลื่อนยายหัวอาน เขียนไปบนแพล็ตเตอร ที่อยูในแนวตรงกัน อยางไรก็ตามหัวอานเขียนเพียงหัวเดียว เทานั้นที่อานหรือบันทึกขอมูลในเวลาใดเวลาหนึ่ง ระยะเวลา ในการสลับกันทํางาน ของ หัวอานเขียนจะวัดดวยเวลาเฉลี่ยที่ตัวไดรฟใชสลับ ระหวางหัวอานเขียน สองหัวในขณะ อานบันทึกขอมูล เวลาสลับหัวอานเขียนจะวัดดวยหนวย ms Cylinder Switch Time เวลาในการสลับไซลินเดอร สามารถเรียกไดอีกแบบวาการสลับแทร็ค (track switch) ในกรณีนี้แขนยึดหัวอานเขียน จะวางตําแหนงของหัวอานเขียนอยูเหนือไซลินเดอร ขอมูลอื่น ๆ แตมีขอแมวา แทร็คขอมูลทั้งหมดจะตองอยูใน ตําแหนงเดียวกันของแพล็ต เตอรอื่น ๆ ดวย เวลาในการสลับระหวาง ไซลินเดอรจะวัดดวยระยะเวลาเฉลี่ยที่ตัว ไดรฟ ใชในการสลับจากไซลินเดอรหนึ่งไปยัง ไซลินเดอรอื่น ๆ เวลาในการสลับไซลินเดอรจะ วัดดวยหนวย ms Rotational Latency เปนชวงเวลาในการอคอยการหมุนของแผนดิสกภายใน การหมุนภายในฮารดดิสกจะ เกิดขึ้นเมื่อหัวอาน เขียนวางตําแหนง อยูเหนือแทร็คขอมูลที่เหมาะสมระบบการทํางาน ของหัวอานเขียนขอมูลจะรอใหตัวไดรฟ หมุนแพล็ตเตอรไปยังเซ็กเตอรที่ถูกตอง ชวง ระยะเวลาที่รอคอยนี้เองที่ถูกเรียกวา Rotational Latency ซึ่งจะวัด ดวยหนวย ms เชนเดียวกัน แตระยะเวลาก็ขึ้นอยูกับ RPM (จํานวนรอบตอนาที) ดวยเชนกัน รูจักกับ ฮารดดิสก และมาตราฐานของการเชื่อมตอ แบบตาง ๆ ฮารดดิสก (Hard Disk) เปนอุปกรณที่ใชสําหรับเก็บขอมูลตาง ๆ ของเครื่อง คอมพิวเตอร มีลักษณะเปนรูปสี่เหลี่ยมที่มีเปลือกนอก เปนโลหะแข็ง และมีแผงวงจร สําหรับการควบคุมการทํางานประกบอยูที่ดานลาง พรอมกับชองเสียบสายสัญญาณและ สายไฟเลี้ยง สวนประกอบภายในจะถูกปดผนึกไวอยางมิดชิด โดยจะเปนแผนดิสกและ หัวอานที่บอบบางมาก และไมคอยจะทนตอการกระทบ กระเทือนได ดังนั้น จึงควรที่จะ ระมัดระวังเปนอยางยิ่ง เวลาจัดถือไมควรใหกระแทกหรือกระเทือน และระมัดระวังไมให มือโดน อุปกรณอื่น ๆ ที่อยูบนแผงวงจร โดยปกติ ฮารดดิสก มักจะบรรจุอยูในชองที่ เตรียมไวเฉพาะภายในเครื่อง โดยจะมีการตอสาย สัญญาณเขากับตัวควบคุมฮารดดิสก และสายไฟเลี้ยงที่มาจากแหลงจายไฟดวยเสมอ ในที่นี้ จะขอแนะนําใหรูจักกับ ฮารดดิสก แบบตาง ๆ ในเบื้องตน พอเปนพื้นฐานในการทําความรูจักและเลือกซื้อมาใช งานกัน ชนิดของ ฮารดดิสก แบงตามอินเตอรเฟสทีต ่ อ ใชงาน ปจจุบันนี้ ฮารดดิสกที่มีใชงานทั่วไป จะมีระบบการตอใชงานแบงออกเปน 2 แบบ ใหญ ๆ คือ EIDE (Enhanced Integrated Drive Electronics) กับ SCSI (Small Computer System Interface) ซึ่งฮารดดิสกท่วั ๆ ไปที่ใชงานกันตาม เครื่องคอมพิวเตอรตามบาน มักจะเปนการตอแบบ EIDE ทั้งนั้น สวนระบบ SCSI จะมี ความเร็วของการรับสง ขอมูลที่เร็วกวา แตราคาของฮารดดิสกจะแพงกวามาก จึงนิยมใช กันในเครื่อง Server เทานั้น EIDE หรือ Enhance IDE เปนระบบของ ฮารดดิสกอินเตอรเฟสที่ใชกันมากในปจจุบันนี้ การตอไดรฟฮารดดิสกแบบ IDE จะตอผาน สายแพรและคอนเน็คเตอรจํานวน 40 ขาทีม ่ ี อยูบนเมนบอรด ชื่อเรียกอยางเปนทางการของการตอแบบนี้คือ AT Attachment หรือ ATA ตอมาไดมีการพัฒนาไปเปนแบบยอยอื่น ๆ เชน ATA-2, ATAPI, EIDE, Fast ATA ตลอดจน ATA-33 และ ATA-66 ในปจจุบัน ซึ่งถาหากเปนแบบ ATA-66 แลวสายแพร
420 สําหรับรับสงสัญญาณ จะตองเปนสายแพรแบบที่รองรับการทํางานนั้นดวย จะเปนสาย แพรที่มีสายขางใน 80 เสนแทนครับ สวนใหญแลวใน 1 คอนเน็คเตอร จะสามารถตอ ฮารดดิสกได 2 ตัวและบนเมนบอรด จะมีคอนเน็คเตอรให 2 ชุด ดังนั้น เราสามารถตอ ฮารดดิสกหรืออุปกรณอื่น ๆ เชนซีดีรอมไดรฟ ไดสงู สุด 4 ตัวตอคอมพิวเตอร 1 เครื่อง วิธีการรับสงขอมูลของฮารดดิสกแบบ EIDE ยังแบงออกเปนหลาย ๆ แบบ ในสมัย เริ่มตน จะเปนแบบ PIO (Programmed Input Output) ซึ่งเปนการรับสงขอมูล โดยผานซีพียู คือรับขอมูลจากฮารดดิสก เขามายังซีพียู หรือสงขอมูลจากซีพียูไปยัง ฮารดดิสก การรับสงขอมูลแบบ PIO นี้ยังมีการทํางานแยกออกไปหลายโหมด โดยจะมี ความเร็วในกรรับสงขอมูลตาง ๆ กันไป ดังตารางตอไปนี้ PIO mode อัตราการรับสงขอมูล (MB./sec) อินเตอรเฟส 0 3.3 ATA 1 5.2 ATA 2 8.3 ATA 3 11.1 ATA-2 4 16.6 ATA-2 การรับสงขอมูลระหวาง ฮารดดิสก กับเครื่องคอมพิวเตอรอีกแบบหนึ่ง เรียกวา DMA (Direct Memory Access) คือทําการ รับสงขอมูลระหวางฮารดดิสก กับหนวยความจํา โดยไมผานซีพียู ซึ่งจะกินเวลาในการทํางานของซีพียูนอยลง แตไดอัตราการรับสง ขอมูลพอ ๆ กับ PIO mode 4 และยังแยกการทํางานเปนหลายโหมดเชนเดียวกันการ รับสงขอมูลทาง PIO โดยมีอัตราการรับสง ขอมูลดังตารางตอไปนี้ หัวขอ
DMA mode อัตราการรับสงขอมูล (MB./sec) อินเตอรเฟส 0 2.1 ATA Single Word 1 4.2 ATA 2 8.3 ATA 0 4.2 ATA Multi Word 1 13.3 ATA-2 2 16.6 ATA-2 ฮารดดิสกตัวหนึ่งอาจเลือกใชการรับสงขอมูลไดหลายแบบ ขึ้นอยูกับปจจัยหลักคือ ฮารดดิสกที่ใชนั้นสนับสนุนการทํางานแบบใดบาง ชิปเซ็ตและ BIOS ของเมนบอรดตอง สนับสนุนการทํางานในแบบตาง ๆ และอยางสุดทานคือ ระบบปฏิบัติการบางตัว จะมี ความสามารถเปลี่ยนหรือเลือกวิธีการรับสงขอมูลในแบบตาง ๆ ได เพื่อใหเหมาะสมกับ สภาพแวดลอมในการทํางาน เชน Windows NT, Windows 98 หรือ UNIX เปนตน ถัดจาก EIDE ในปจจุบันก็มีการพัฒนามาตราฐานการอินเตอรเฟส ที่มีความเร็วสูง ยิ่งขึ้นไปอีก คือแบบ Ultra DMA/2 หรือเรียกวา ATA-33 (บางทีเรียก ATA-4) ซึ่งเพิ่ม ความเร็วขึ้นไป 2 เทาเปน 33 MHz และแบบ Ultra DMA/4 หรือ ATA-66 (หรือ ATA-5) ซึ่งกําลังเปนมาตราฐานอยูในปจจุบัน โดยมีรายละเอียดดังนี้ DMA mode อัตราการรับสงขอมูล (MB./sec) อินเตอรเฟส Ultra DMA/2 33.3 ATA-33 (ATA-4) (UDMA2 หรือ UDMA/33) Ultra DMA/4 66.6 ATA-66 (ATA-5) (UDMA4 หรือ UDMA/66)
421 นอกจากนี้ ปจจุบันเริ่มจะเห็น ATA-100 กันบางแลวในฮารดดิสกรุนใหม ๆ บางยี่หอ SCSI เปนอินเตอรเฟสที่แตกตางจากอินเตอรเฟสแบบอื่น ๆ มาก ความจริงแลว SCSI ไมไดเปน อินเตอรเฟสสําหรับ ฮารดดิสก โดยเฉพาะ ขอแตกตางที่สําคัญที่สุดไดแก อุปกรณที่จะนํามาตอกับอินเตอรเฟสแบบนี้ จะตองเปนอุปกรณที่มีความฉลาดหรือ Intelligent พอสมควร (มักจะตองมีซพ ี ียู หรือหนวยความจําของตนเองในระดับหนึ่ง) โดยทั่วไป การดแบบ SCSI จะสามารถตอ อุปกรณได 7 ตัว แตการด SCSI บางรุนอาจ ตออุปกรณไดถึง 14 ตัว (SCSI-2) ในทางทฤษฎีแลว เราสามารถนําอุปกรณหลายชนิด มาตอเขาดวยกันผาน SCSI ไดเชน ฮารดดิสก เทปไดรฟ ออปติคัลดิสก เลเซอร พรินเตอร หรือแมกระทั่งเมาส ถาอุปกรณเหลานั้น มีอินเตอรเฟสที่เหมาะสม มาดู ความเร็วของการรับสงขอมูลของ SCSI แบบตาง ๆ กันดีกวา
หัวขอ บัสขอมูล (บิต) ความถี่ (MHz) รับสงขอมูล (MB/s) คอนเน็คเตอร
SCSI Fast Wide Fast Wide Ultra
Ultra Ultra Ultra 3 Wide 2 (Ultra160)
8
8
19
16
32
16
32
16
32
5
10
5
10
10
20
20
40
40
5
10
10
20
40
40
80
80
160
SCSI- SCSI- SCSI- SCSI- SCSI- SCSI- SCSI- SCSI1 2 2 2 2 3 3 3
SCSI-3
ประสิทธิภาพของฮารดดิสกขึ้นอยูก ับอะไรบาง ความเร็วในการทํางานของฮารดดิสก ขึ้นอยูกบ ั ปจจัยหลายอยางเชน ความเร็งใน การหมุน กลไกภายใน ความจุขอมูล ชนิดของ คอนโทรลเลอร ขนาดของบัฟเฟอร และ ระบบการเชื่อตอที่ใชเปนตน ฮารดดิสกที่มีกลไกที่เคลื่อนที่เร็วที่สุดเพียงอยางเดียว อาจจะไมใชฮารดดิสกที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดก็ได ความเร็วในการหมุนของฮารดดิสก ความเร็วในการหมุนของดิสก เปนสิ่งที่มีผลกับความเร็วในการอานและบันทึกขอมูล มากทีเดียว ฮารดดิสกทั่วไป ถาเปนรุนธรรมดา จะหมุนอยูที่ประมาณ 5,400 รอบตอนาที (rpm) สวนรุนที่เร็วหนอยก็จะเพิ่มเปน 7,200 รอบตอนาที ซึ่งถือเปนมาตราฐาน อยู ในขณะนี้ และถาเปนรุนใหญหรือพวก SCSI ในปจจุบันก็อาจถึง 10,000 รอบหรือ มากกวานั้น ฮารดดิสกที่หมุนเร็ว ก็จะสามารถ อานขอมูลในแตละเซ็คเตอรไดเร็วกวา ตามไปดวย ทําใหความเร็วการรับสงขอมูลภายใน มีคาสูงกวา ฮารดดิสกที่หมุนมากรอบ กวา ก็อาจมีเสียงดัง รอน และสึกหรอมากกวา แตโดยรวมทั่วไปแลว หากราคาไมเปน ขอจํากัด ก็ควรเลือกฮารดดิสกที่หมุนเร็ว ๆ ไวกอน อินเตอรเฟสของฮารดดิสก ดังที่อธิบายแลววา ฮารดดิสกอินเตอรเฟสที่นิยมใชงานกันมากที่สุดสําหรับเครื่อง คอมพิวเตอรในปจจุบันไดแก แบบ ATA-33 และ ATA-66 ซึ่งมีอัตราการรับสงขอมูลที่ สูงกวาแบบเกา หากตองการอัตราการรับสงขอมูลที่เร็วกวานี้ ก็ตองเลือกอินเตอรเฟส แบบ SCSI ซึ่งจะมีขอดีคือ มีความเร็วสูงกวาแบบ EIDE มากและยังสามารถตออุปกรณ
422 ตาง ๆ ไดถึง 7 ตัวดวยกัน โดยที่ราคาก็ยังคงจะ แพงกวาแบบ EIDE ดวย จะเหมาะ สําหรับงานที่ตองใชความเร็วสูงเชน Server ของระบบ LAN เปนตน ประเด็นสําคัญของการตอฮารดดิสกแบบ IDE ก็คือ แตละสายที่ตอออกมานั้น ตามปกติ จะตอได 2 ไดรฟ โดยฮารดดิสก ที่อยูบ นสาย คนละเสนจะทํางานพรอมกันได แตถาอยู บนสายเสนเดียวกันจะตองทําทีละตัว คือไมทํางานกับ Master ก็ Slave ตัวเดียวเทานั้น ในเวลาหนึ่ง ๆ และหากเปนอุปกรณที่ทําการรับสงขอมูลคนละแบบบนสายเดียวกัน เชน การตอฮารดดิสกแบบ UltraDMA/66 รวมกับซีดีรอมแบบ PIO mode 4 อุปกรณทุกตัว บนสายเสนนั้น ก็จะตองทําตามแบบที่ชากวา ดังนั้น จึงไมควรตอฮารดดิสกที่เร็ว ๆ ไวกับ ซีดีรอมบนสายเสนเดียวกัน เพราะจะทําใหฮารดดิสกชาลงตามไปดวย
หนวยความจํา แคช หรือ บัฟเฟอร ที่ใช อีกวิธีที่ผูผลิตฮารดดิสก ใชเพิ่มประสิทธิภาพการทํางานของฮารดดิสกในปจจุบัน คือการใชหนวยความจําแคช หรือบัฟเฟอร (Buffer) เพื่อเปนที่พักขอมูลกอนที่จะสงไป ยัง คอมโทรลเลอรบนการด หรือเมนบอรด แคชที่วานี้จะทํางานรวมกับฮารดดิสก โดยใน กรณีอานขอมูล ก็จะอานขอมูลจากฮารดดิสก ในสวนที่คาดวาจะถูกใชงานตอไปมาเก็บ ไวลวงหนา สวนในกรณีบันทึกขอมูล ก็จะรับขอมูลมากอนเพื่อเตรียมที่จะเขียนลงไป ทันที ที่ฮารดดิสกวาง แตทั้งหมดนี้จะทําอยูภายในตัวฮารดดิสกเอง โดยไมเกี่ยวของกับ ซีพียูหรือแรมแตอยางใด หนวยความจําหรือแคชนี้ ในฮารดดิสกรุนราคาถูกจะมีขนาดเล็ก เชน 128KB หรือบาง ยี่หอก็จะมีขนาด 256-512KB แตถาเปนรุนที่ราคาสูงขึ้นมา จะมีการเพิ่มจํานวน หนวยความจํานี้ไปจนถึง 2MB เลยทีเดียว ซึ่งจากการทดสอบพบวา มีสวนชวย ใหการ ทํางานกับฮารดดิสกนั้นเร็วขึ้นมาก ถึงแมกลไกการทํางานของฮารดดิสกรุนนั้น ๆ จะชา กวาก็ตาม แตทั้งนี้ก็ขึ้นอยูกับลักษณะการทํางานของโปรแกรมดวย ปจจัยอื่น ๆ ในการเลือกซื้อฮารดดิสก หลังจากที่ไดพอจะรูจักกับฮารดดิสกแบบตาง ๆ กันแลว หากตองการซื้อฮารดดิสกที่ จะนํามาใชงานสักตัว ปจจัยตาง ๆ ดานบนนี้ นาจะเปนตัวหลักในการกําหนดรุนและยี่หอ ของฮารดดิสกที่จะซื้อได แตทั้งนี้ ไมควรที่จะมองขามปจจัยอื่น ๆ เหลานี้ไปดวย ความจุของขอมูล ยิ่งฮารดดิสกที่มีความจุมาก ราคาก็จะแพงขึ้นไป เลือกใหพอดีกับความตองการแต ไปเนนเรื่องความเร็วดีกวาครับ เชนหากมีขนาด 15G 7,200 rpm กับ 20G 5,400 rpm ที่ราคาใกลเคียงกัน ผมมอลวานาจะเลือกตัว 15G 7,200 rpm ดีกวา ความทนทานและการรับประกัน อยาลืมวา ฮารดดิสก เปนอุปกรณที่ตองทํางานตลอดเวลา มีการเคลื่อนไหวตาง ๆ มากมายอยูภ ายในและโอกาสที่จะเสียหายมีไดมาก โดยเฉพาะเรื่องของความรอนและ การระบายความรอนที่ไมดีในเครื่อง ก็เปนสาเหตุสําคัญของการเสียหาย นอกจากนี้ การ เกิด แรงกระแทกแรง ๆ ก็เปนสาเหตุหลักของ การเสียหายที่พบไดบอย ดังนั้น ปจจัยที่ คอนขางสําคัญในการเลือกซื้อฮารดดิสก คือ เรื่องระยะเวลาในการรับประกันสินคา และ ระยะเวลาในการสงเคลม วาจะชาหรือเร็วกวาจะไดของกลับคืนมาใชงาน รวมทั้งรานคา
423 ที่เราไปซื้อดวย ที่ในบางครั้ง เวลาซื้อสินคา จะบอกวาเปลี่ยนได เคลมเร็ว แตเวลาที่มี ปญหาจริง ๆ ก็จะไมคอยยอมเปลี่ยนสินคาใหเราแบบงาย ๆ เทาที่เคยไดยินมา สวนมากจะนิยมซือ ้ ยี่หอ Quantum, IBM, Maxtor กันครับ ทั้งนี้ก็คง จะขึ้นอยูกับราคา ความรอน เสียง ความเร็ว และความชอบของแตละคนกันครับ ที่สําคัญ คือเรื่องของความเร็วตาง ๆ ก็เลือกกันใหดีนะครับ
ฮารดดิสกบูตไมขึ้น จริงแลวสาเหตุที่ฮารดดิสกบูตไมขึ้นนั้นหลายครั้งมักเกิดจากความผิดพลาดทางดานซอฟตแวร สวนสาเหตุ ทางดานฮารดแวรนั้นสวนใหญมักเกิดจากฮารดดิสกมีแบดเซ็กเตอรเปนจํานวนมาก หรือเกิด แบดเซ็กเตอรบริเวณ พื้นที่ที่เก็บขอมูลสําคัญของฮารดดิสกจึงทําใหฮารดดิสกไมสามารถบูตขึ้นมาได โดยจะแสดงอาการเงียบไปเฉยๆ หลังจากที่บูตเครื่องขึ้นมาแลว หรืออาจฟองขึ้นมาวา No Boot Device หรือ Disk Boot failure Please insert system disk and please anykey to continue สําหรับวิธีแกไขนั้น ใหเราทําการตรวจสอบแบดเซ็กเตอรโดยอาจบูตเครื่องขึ้นมาดวยแผนบูตแลวใช คําสั่ง Scandisk หรือโปรแกรม Norton Disk Doctor เวอรชั่นดอสตรวจสอบแบ็ดเซ็กเตอรและซอมแซมดูกอน หาก มีแบดเซ็กเตอรมากก็อาจไมหาย หนทางสุดทายคือทํา Fdisk แบงพารทิชั่นใหมแลวพยายามกันสวนที่เปนแบดเซ็ก เตอรออกไป บางครั้งสาเหตุที่ฮารดดิสกบูตไมขึ้น นิ่งเงียบไปเฉยๆ อาจเกิดจากแผน PCB ( แผนวงจรดานลางของฮารดดิสก ) เกิดการช็อต วิธีแกไขคือใหนําฮารดดิสกรุนเดียวกัน สเปคเหมือนกันมาถอดเปลี่ยนแผน PCB ก็จะทําใหฮารดดิสก ตัวที่ช็อตกลับมาทํางานไดเหมือนเดิม หากตองการกูขอมูลที่สําคัญกลับมาไมควรใชคําสั่ง Fdisk เด็ดขาดเพราะจะทําใหขอมูลที่อยูภายในฮารดดิสกให เกลี้ยงไปหมด ในที่นี้แนะนําใหใชโปรแกรม Spinrite ในการกูขอมูลสําคัญๆ ซึ่งโปรแกรมนี้เปนโปรแกรมที่ถูก สรางมาเพื่อกูขอมูลภายในฮารดดิสกโดยเฉพาะ ปญหาที่เกิดจากซีพียู ซีพียูเปนอุปกรณที่ใชเทคโนโลยีในการผลิตคอนขางสูงภายในมีรายละเอียดซับซอนโดยจะมีทรานซิสเตอรตัว เล็กๆ อยูรวมกันนับลานๆ ตัวทําใหหากมีปญหาที่เกิดจากซีพียูแลวโอกาสที่จะซอมแซมกลับคืนใหเปนเหมือนเดิม นั้นเปนไปไมไดเลย ชางคอมพิวเตอรเมื่อพบสาเหตุอาการเสียที่เกิดจากซีพียูแลวก็ตองเปลี่ยนตัวใหมสถานเดียว ปญหาที่เกิดขึ้นกับซีพียูสวนใหญแลวจะมีเพียง 2 อาการที่ชางคอมพิวเตอรพบไดบอยๆ อาการแรกคือ ทําให เครื่องแฮงคเปนประจํา และอาการที่สองคือวูบหายไปเฉยๆ โดยที่ทุกอยางปกติ เชนมีไฟเขา พัดลมหมุน แตไมมี อะไรเกิดขึ้นบนหนาจอ สาเหตุสวนใหญมักจะเกิดจากซีพียูมีความรอนมากเกินไปจนเมื่อถึงจุดๆ หนึ่งก็เดี้ยงไป แบบไมบอกไมกลาว เลย สําหรับวิธีแกปญหาก็คือตองสงเคลมสถานเดียว RAM หายไปไหน Spec 128 MB. ทําไม Windows บอกวามีแรมแค 96MB. เอง อาการของ RAM หายไปดื้อ ๆ จะเกิดกับการใชเมนบอรดรุนที่มี VGA on board นะครับ ที่จริงก็ไมไดหายไปไหน หรอก เพียงแตสวนหนึ่งของ RAM จะถูกนําไปใชกับ VGA ครับและขนาดที่จะ โดนนําไปใชกอ็ าจจะเปน 2M, 4M, 8M ไปจนถึง 128M. ก็ไดขึ้นอยูกับการตั้งใน BIOS ครับ "Insert System Disk and Press Enter"
424 อยู ๆ ผมไมสามารถบูตเขาสูวินโดวสได ไมทราบวาเกิดอะไรขึ้น โดยจะขึ้นขอความวา "Insert System Disk and Press Enter" ทั้ง ๆ ที่ผมไมไดทําการปรับแตงวินโดวส เลย ปญหานี้เกิดจากบูตเครื่องโดยมีแผนดิสกที่ไมมี OS หรือระบบปฎิบัติการอยูในไดรว A ซึ่งขั้นตอนแกปญหาก็ให เอา แผนไดรว A ออกจากนั้นก็กดปุม Enter เพียงเทานี้ก็สามารถเขาวินโดวสไดแลว ไดรวซีดีรอม อานแผนไดบางไมไดบาง หาแผนไมเจอ แกปญหาอยางไร ปญหานี้มักจะไมเกิดกับไดรวซีดีรอมตัวใหม ๆ ครับ แตสวนใหญจะเกิดกับไดรวซีดีรอมที่มีการใชงาน มานาน แลว หรือประมาณ 1 ปขึ้นไป และสาเหตุที่เห็นกันบอยก็คือหัวอานสกปรก สวนใหญจะเปนพวกฝุน เขาไปกับ แผนซีดี แลวเราก็นํามันเขาไปอานในไดรว ฝุนก็เลยเขาไปติดที่หัวอาน พอสะสมมาก ๆ เขาก็เลย ทําใหเกิด อาการ ดังกลาว อานแผนไมไดบางละ หาแผนไมเจอบางละ วิธีการแกไขก็คือทําความสะอาดหัวอาน โดยใชแผนซีดีที่ไว สําหรับทําความสะอาดหัวอาน ที่มีขายอยูตามรานคอมพิวเตอรทั่วไปมาใช รับรองอาการดังกลาวจะไมเกิดขึ้น แนนอน ปญหาของ CD Audio ถาคุณเลนซีดีออดิโอใน CD Writer แลว Windows Media หรือ CD Playar แสดงขอความ "Please insert an audio compact disk" หรือ Data or no disk loaded อาจมีสาเหตุมาจากไดรเวอร วิธีแกคือ ใหเปด Control Panel เลือก Sound &Multimedia คลิก Devices ดับเบิลคลิก ที่ Media Control Devices และ CD Audio Devices (Media Control) คลิก Remove และ Yes คลิก OK เพื่อปด หนาตางทั้งหมดและบูตเครื่องใหม อะไรคือสาเหตุ ที่ทําใหแผน CD-ROM เลนเพลงจนแผนแตก กลายเปนเรื่องปกติธรรมดาไปแลวครับ เรื่องไดรว CD-ROM ทําแผนแตก ซึ่งสาเหตุก็เปนเพราะไดรว ที่ผลิตใน ปจจุบันมีความเร็วสูง ทําใหเมื่ออานแผนที่มีคุณภาพต่ําหรือแผนที่มีรอยขีดขวนลึก ๆ ก็ทําใหเกิดสะดุดเปนผล ทํา ใหแผนแตก ซึ่งปญหานี้เราจะไมพบในไดรวรุนเกา ๆ เลย ทางแกก็คือหลีกเลี่ยงการใชแผนที่มีคุณภาพต่ํา หรือ แผนที่เปนรอยมาก ๆ
agp pro ปกติเปนของเมนบอรด Asus ครับ
เรื่องของ 2X และ 4X นะครับ อานนะ เอามาเทานี้กอนนะ GA card แบบ AGP =============== AGP ยอมาจาก Accelerated Graphics Port พัฒนาโดย Intel โดยอางอิงอยูกับมาตรฐาน PCI 2.1 จึงมีแบนดวิดทอยูที่ 66 MHz. จุดประสงคของ AGP ก็เพื่อเพิ่มความเร็วในการแสดง
ผลโดยเฉพาะกับวัตถุ 3 มิติและการทําพื้นผิวที่เรียกวา texture ทําใหการแสดงผลภาพวิดิโอที่ละเอียดและราบรื่นมากขึ้น
425 สําหรับการพัฒนา AGP โดยอินเทลเริ่มใชตั้งแตยุคของ Slot-1 และ Pentium II ในปจจุบันก็ยังมีใชอยูรวมทั้งบอรดของซ็อคเก็ต 7 ที่ เรียกวา Super 7 ก็สนับสนุน AGP ดวย AGP ยุคแรกเปน AGP แบบ 1X ตอมา 2X และที่สูงสุดตอนนี้คือแบบ 4X ทีมีในเมนบอรด ที่ใชชิพเซ็ตรุนใหม ๆ การสรางภาพ 3 มิติจะมีสวนประกอบที่สําคัญ 2 สวนคือ การสรางวัตถุ 3 มิติและการทําพื้นผิว โดยทั่วไปหนาที่การสรางวัตถุ 3 มิติจะเปนหนาที่ ของซีพียูเนื่องจากซีพียูสามารถคํานวณเลขทศนิยมไดจํานวนมาก ๆ ได ดีกวาชิพแสดงผล สวนชิพแสดงผลที่อยูในการดวีจีเอจะจัดการทางดาน การทําพื้นผิวและแสงเงาตาง ๆ ถายิ่งมีการใชพื้นผิวขนาดใหญ จํานวนบิต สีมาก ๆ แลวจะตองมีการโอนถายขอมุลจํานวนมากมายและตอเนื่องเชนเกมส ประเภท 3 มิติ การเลนเกมสใหไดความเร็วสูง ๆ แอพพลิเคชั่นทางธุรกิจ วิศวกรรมโยธา แอนิเมชั่นตาง ๆ นี่ก็ตองการแรมมมาก ๆ นะครับ อยาคิดวา เราไมไดทํางานพวกนั้นนะครับก็อาจจะเปนการเรียนหรือเอามาศึกษาครับ โปรแกรมที่ตองการการประมวลผลที่ตองการความเร็วนี่หากมีหนวยความจํา มาก ๆ นี่ก็จะชวยใหความสามารถทางดาน 3 มิติดีและเร็วครับ ไมตองมามัว นั่งคอยทรมานอยูนะครับ เชน หากมีงานพรีเซนเตชั่นที่ตองการใหเห็นสินคา หรืออุปกรณที่ตองการเห็นในหลายมุมมองหรือที่ใกล ๆ ก็พวกชารตของ เอ็กเซลที่แสดงผลแบบแอนิเมชั่นนะครับที่ขนาดใหญ ๆ นั้นตองการหนวย ความจําในการแสดงผลมากทีเดียวครับ การเพิ่มแรมบนการดแสดงผลนั้น เปนการแกปญหาที่มีราคาแพงเพราะตอนทุนในการผลิตแรมที่มีราคาสูง ถือวา เปนการสิ้นเปลือง การดแบบ AGP ออกแบบมาเพื่อเปนการแกปญหานี้โดยจะ มีชองทางที่สรางขึ้นมาโดยเฉพาะ ไมขึ้นอยูกับบัสใด ๆ มีการจัดการเปนของตน เอง ชองทางที่สรางขึ้นนี้จะทําการติดตอระหวาง System Memory หรือแรม ที่อยูบนเมนบอรดติดตอกับ Graphic Chip เพื่อเพิ่มความเร็วในการถายขอมูล และดึงเอาสวนที่วางของ System Memory มาใชในการประมวลผลของ Texture ขนาดใหญชองทางนี้คือ AGP ทําใหลดการใชแรมจํานวนมากบนตัวการด การดวีจีเอแบบ AGP คุณสมบัติของการด AGP คือ DIME หรือ Direct Memory Excecute การประมวลผลผานหนวยความจําของระบบหรือแรมโดยตรง เสมือนวาเปนหนวยความจําของตนเอง ทําใหไมจําเปนตองมีแรมบนตัวการดแสดงผล ที่มากมาย ความจําหลักนั้นจะสงผลใหมีการสงผานขอมูลของการดวีจีเอมี ความรวดเร็วขึ้น การสงผานขอมูลของหนวยความจําหลักจะขึ้น กับชนิดของหนวยความจําดังนี้ครับ 1. แบบ EDO DRAM.SDRAM จะได 528 MB/S 2. แบบ SDRAM PC100 จะได 800 MB/S 3. แบบ DRDRAM จะได 1.4 GB/S
426 ดังนั้นการที่จะไดความเร็วของการสงผานขอมูลของ AGP กี่ X นั้น ก็ตองขึ้นกับชนิดของหนวยความจําหลักดวยครับ เชน คุณใชเมนบอรด ที่รองรับ AGP4X แตใช SDram ก็ไมไดใชความสามารถถึง 4X หรอกครับ เพราะแรมมีความไวไมถึงครับ เขาใจเรื่องกี่ X ของ AGP =================
เมื่อมีการเรียกใชขอมูลพื้นผิว ขอมูลพื้นผิวจะถูกอานจากอุปกรณจัดเก็บขอมูลเชน ฮารดดิสกหรือซีดีรอมเอาไปเก็บไวใน System Memory จากนั้น Graphic Chip จะประมวลผล Texture จาก System Memory ผานทางพอรต AGP เมื่อไดผลลัพธ แลวจะสงมายังบัฟเฟอรซึ่งก็คือ Local Video Memory เพื่อนํามาแปลงเปนสัญญาณ ภาพแสดงที่มอนิเตอรอีกทีหนึ่ง AGP มีความกวางของบัสเทากับ 32 บิตเหมือนกับ PCI แตแตกตางตรงกับที่มันวิ่งที่ ความเร็วเทากับความเร็วของ FSB ซึ่งตางกับ PCI ที่วิ่งดวยความเร็วครึ่งหนึ่งของ FSB หากเปนบัสความไว 66 MHz. ก็จะปรับคาสัดสวน AGP เปน 1/1 บนบัสความไว 100 MHz. จะปรับคาสัดสวน AGP เปน 2/3 สวนเมนบอรดรุนใหมที่ใชบัว 133 MHz. ก็จะปรับคา สัดสวน AGP เปน 1/2 ทําใหการโอนถายขอมูลของ AGP มีมากกวา PCI ถึง 2 เทา นอก จากนั้น AGP ยังสามารถสงขอมูลไดถึง 2 ครั้งตอ 1 รอบสัญญาณนาฬิกาโดยจะทําการสง ขอมูลทั้งขอบขาขึ้นและขาลงของสัญญาณนาฬิกา ทําใหมีการโอนถายขอมูลมากกวา PCI ถึง 4 เทาหรือ ประมาณ 528 MB./s และเนื่องจาก AGP เปนบัสแบบ pipeline ซึ่งทําให ชิพวีจีเอสามารถประมวลและโอนถายขอมูลขอมูลเปนไดอยางเต็มที่ อีกทั้ง AGP ยังไดเพิ่มบัส พิเศษอีก 8 เสนเรียกวา Sideband Addressing สําหรับใหชิพวีจีเอประมวลผลคําสั่ง พรอมกับสงขอมูลผานทางเมนบัส 32 เสนได
++++++++++++++++++ คําสั่ง : Format คําอธิบาย : เปนคําสั่งที่สําคัญ ใชในการจัดเรียงแทรกเซ็กเตอร สรางและแบงพื้นที่สําหรับจัดเก็บไฟล หากมีขอมูล อยูในดิสก แลวนํามาฟอรแมต จะทําใหหายไปสิ้น ฉะนั้นควรระวังเปนอยางมากในการใชคําสั่งนี้ รูปแบบคําสั่ง : format ไดรฟเชน C: D: A: /s /q /u ตัวอยางคําสั่ง : fotmat c:/s /u /q อธิบายออปชั่น : /s = ทําใหไดรฟที่เราฟอรแมตนั้นมีไฟลระบบที่สามารถบูตเครื่องอยูดวย /q = ทําการฟอรแมตแบบรวดเร็ว การใชออปชั่นนี้จะใชก็ตอเมื่อไดรฟนั้นเคยถูกฟอรแมตมาแลว /u = เปนการยกเลิกฟอรแมตแบบ "sefe format" ทําใหการฟอรแมตเร็วขึ้นกวาเดิม เพิ่มเติม : หลังการฟอรแมตแลว เราตองใชชื่อไดรฟที่เราฟอรแมต ซึ่งจะสามารถใสไดไมเกินกวา 11 ตัวอักษร สั่ง : Xcopy
427 คําอธิบาย : เปนคําสั่งที่ขยายความสามารถของคําสั่ง copy ธรรมดา โดยคําสั่งนี้เราสามารถกอปปไฟลในโฟลเดอร ไดที้หมด คําสั่งนี้จะใชในกรณีที่เราตองการกอปปไฟลจํานวนมากๆ และไมตองการเปลี่ยนหรือยายตําแหนงยอยของไฟล นั้น ๆ รูปแบบคําสั่ง : xcopy ไดรฟตนฉบับเชน C: D: A: /โฟลเดอรที่ตองการยาย เคาะหนึ่งครั้งแลวพิมพไดรฟเปาหมายเชน C: D: A: /โฟลเดอรเปาหมายที่ตองการยายไมจําเปนวาตองมีอยูแลว /s /e /v /w ตัวอยางคําสั่ง : xcopy c:\pos a:\mov /s /e /v /w อธิบายออปชั่น : /s = กอปปทั้งโฟลเดอรหลัก และโฟลเดอรยอยทั้งหมดไปยังเปาหมาย /e = กอปปโฟลเดอรที่วางไมมีไฟลอะไรอยูไปดวย / v = ตรวจสอบขอมูลดวยวาถูกตองหรือไม / w = หยุดเพื่อกดปุมใดๆ กอนที่จะมีการทํางานตอไป เพิ่มเติม : ถาปลายทางของการกอปปเปนโฟลเดอรที่ยังไมไดสรางขึ้นมา จะมีคําถามขึ้นมาวาจะใหสรางเปนไฟล หรือสรางเปน โฟลเดอร ซึ่งแนะนําใหกด D เพราะถากด F คําสั่ง : Deltree คําอธิบาย : คําสั่งนี้เปนคําสั่งที่ใชกันบอยเหมือนกันครับ คําสั่งนี้จะเปนการสั่งใหลบโฟลเดอรที่เรากําหนด ซึ่ง หากมีไฟลอยูในโฟลเดอร หรือแมแตซับยอยโฟลเดอรก็จะถูกลบไปหมดครับ รูปแบบคําสั่ง : deltree โฟลเดอร หรือไฟลที่ตองการลบ ตัวอยางคําสั่ง : deltree windows อธิบายออปชั่น : หลังจากสั่งลบคําสั่งนี้จะขึ้นขอความวา เราแนใจที่จะลบหรือไม ถาแนใจก็กด y ถาเปลี่ยนใจไม ลบ ก็กด N ครับ เพิ่มเติม : การสั่งลบดวยคําสั่งนี้ แมแตไฟลที่ถูกซอนจะไมรอดพนไปได ฉะนั้นควรระวังเปนอยางยิ่งในการใช งาน คําสั่ง : Move คําอธิบาย : คําสั่งนี้เปนคําสั่งใชในการเคลื่อนยายไฟลจากไดรฟ โฟลเดอรหนึ่ง ไปยังไดรฟโฟลเดอรอีกที่หนึ่ง การเคลื่อนยายนี้สามารถ กําหนดไดวาจะเคลื่อนยายไปทั้งหมด หรือไปที่ละไฟล นอกจากนี้ผูใชยังเปลี่ยนชื่อไฟลขณะที่ยายไดดวย รูปแบบคําสั่ง : Move ไดรฟตนฉบับเชน C: D: A: ตามดวยโฟลเดอร หรือไฟลที่ตองการยาย ไปยังเปาหมาย ที่ กําหนด ตัวอยางคําสั่ง : move C:\windows C:\win อธิบายออปชั่น : ถาตองการยายไฟลในโฟลเดอร ก็ใหพิมพชื่อไฟลตอทาย เชน C:\windows\win.exe เพิ่มเติม : คําสั่งนี้ใชในกรณีที่เราจะลงวินโดวสใหมแตยังไมแนใจวา ของตัวเกามีอะไรที่ยังตองใชอยูบาง ก็ใหใช วิธีนี้ครับ ถาแนใจวาตัวเกาไมมีอะไรเหลืออยูใหตองใช แลวก็ลบ ไดเลย คําสั่ง : Attrib คําอธิบาย : คําสั่งนี้ ใชสําหรับกําหนดคุณสมบัติใหไฟลวาสามารถทําอะไรกับไฟลไดบาง เชน h คือซอนไฟล รูปแบบคําสั่ง : attrib +r +h +a +s ตามดวยชื่อไฟลที่ตองการกําหนดคุณสมบัติ
428 ตัวอยางคําสั่ง : move +r +h jojo.txt อธิบายออปชั่น : คําสั่งจะมีการกําหนดสถานะของไฟลอยู 4 แบบดวยกันคือ +r สําหรับกําหนดใหไฟลสามารถอานไดอยางเดียวไมสามารถทําการลบ หรือเปลี่ยนชื่อไฟลได +h สําหรับกําหนดใหไฟลสามารถซอนตัวจากการมองเห็นได +a สําหรับกําหนดเพื่อแสดงใหรูวาไฟลนั้นๆ เปนไฟลที่กําหนดคุณสมบัติ โดยโปรแกรม +s สําหรับกําหนดเพื่อแสดงใหรูวา ไฟลนี้เปนไฟลของระบบ เพิ่มเติม : ถาตองการใหสถานะของไฟลกลับคืนหรือหายไป ใหทําการใชคําสั่งซ้ําอีกครั้งหนึ่งแตใชลบ เชน ไฟลมีสถานะสําหรับอานอยางเดียว ถาตองการแกคืนเชน attrib -r jojo.txt คําสั่ง : md คําอธิบาย : เปนคําสั่งสําหรับสรางไดเรกทอรี่ (โฟลเดอรนั่นหละ) รูปแบบคําสั่ง : md ตามดวยชื่อของไดเรกทอรีที่ตองการสราง ตัวอยางคําสั่ง : md kok อธิบายออปชั่น : ไมมี เพิ่มเติม : เปนคําสั่งงายๆ ครับลองทําดูซิครับ คําสั่ง : rd คําอธิบาย : เปนคําสั่งสําหรับลบไดเรกทอรี่ รูปแบบคําสั่ง : rd ตามดวยชื่อของไดเรกทอรี่ที่ตองการลบ ตัวอยางคําสั่ง : rd kok อธิบายออปชั่น : หามีไฟลอยูในไดเรกทอรี่จะไมสามารถทําการลบไดนะครับ ตองทําการลบไฟลที่อยูภายในทิ้ง เสียกอนครับ เพิ่มเติม : หากตองการลบไดเรกทอรี่แลวมีไฟลอยูดานในหรือมีไดเรกทอรี่ซอนอยู ใชคําสั่ง deltree ดีกวาครับ คําสั่ง : del คําอธิบาย : คําสั่งสําหรับสั่งลบไฟลครับ รูปแบบคําสั่ง : del ตามดวยชื่อไฟลที่ตองการลบครับ ตัวอยางคําสั่ง : del jojo.txt อธิบายออปชั่น : หากตองการลบไฟลที่มีจํานวนมากๆ อยูในไดเรกทอรี่เดียวกัน คุณสามารถใชคําสั่ง del *.* เพิ่มเติม : การสั่งลบไฟล หากไฟลนั้นตั้ง attrib เปน +r จะไมสามารถลบไดครับ ตองแก attrib นั้นเสียกอน