STAAD.Pro CONNECT Edition - Workshop 13rd June 2018

Page 1

STAAD. Pro CONNECT Edition Fundamentals of STAAD.Pro

“The basics needed to be leaned befire full training”


สารบัญ หน้ า

บทที่ 1 : การเริ่ มต้ นใช้ งานโปรแกรม

1

บทที่ 2 : การสร้ าง Model (Members, Nodes และ Plates)

3

บทที่ 3 : การกาหนดคุณสมบัติ (Property Assignment)

15

บทที่ 4 : การกาหนดฐานรองรับ (Support Assignment)

19

บทที่ 5 : การกาหนดโหลดและโหลดคอมบิเนชัน่ (Load Assignment and Combination)

20

บทที่ 6 : การวิเคราะห์ (Perform Analysis)

24

บทที่ 7 : ผลลัพธ์จากการวิเคราะห์ (Analysis Results)

25

บทที่ 8 : การออกแบบคสล (RC Design)

28

บทที่ 9 : การออกแบบโครงสร้ างเหล็ก (Steel Design)

35

บทส่งท้ าย : แบบทดสอบหลัง workshop


บทที่ 1 : เริ่มต้ นกับโปรแกรม STAAD.Pro CONNECT Edition คำอธิบำยบท : ในบทนี ้คุณจะได้ เรี ยนรู้พื ้นฐำนของกำรสร้ ำงแบบจำลอง (Model) ใน STAAD.Pro CONNECT Edition

การปรับแต่ งคุณสมบัตเิ พิ่มเติมของโปรแกรม (Customize the Program Configuration) ในแบบฝึ กหัดนี ้ คุณจะได้ เรี ยนรู้วธิ ีกำรปรับแต่งคุณสมบัตขิ องโปรแกรมดังต่อไปนี ้  หน่วยฐำน(Base Unit): สัง่ กำรระบบหน่วยที่จะใช้ ภำยในโปรแกรมเพื่อคำนวณค่ำตัวเลขระหว่ำงกำรคำนวณ  แนวแกนหลัก(Global Axis Orientation): กำหนดทิศทำงของแกนแนวตังใน ้ STAAD.Pro โดยที่กำรวำง แนวแกนตังเริ ้ ่มต้ นของระบบแนวแกนหลักคือแกน Y 1. เปิ ดโปรแกรม STAAD.Pro CONNECT Edition หน้ ำต่ำง Welcome to STAAD.Pro CONNECT Edition Licensing ปรำกฎขึ ้น แล้ ว STAAD.Pro ในกรอบ Full Licensing 2. ในหน้ ำเริ่มต้ น STAAD.Pro ให้ คลิก๊ ที่ Configure 3. ในช่อง Application Configuration ให้ ข้อมูลตำมด้ ำนล่ำงนี ้:  Base Unit: Metric  Global Axis Orientation: Y up จำกนันคลิ ้ ก OK [กำรวำงแนวเริ่ มต้ นของระบบแกนหลักคือจุดแกน Y ชี ้ไปในทิศทำงแนวตัง้ และระนำบมุมมอง (Plan View) จะแสดงด้ วย ระนำบ XZ คุณมีตวั เลือกในกำรระบุแกนแนวตังเป็ ้ นแกน Z แต่ตวั เลือกนี ้จะลดควำมสำมำรถในกำรใช้ ฟังก์ชนั บำงอย่ำงใน โปรแกรมเช่นกำรสร้ ำงแรงลม (wind load generator)] 4. เปิ ดโปรแกรมไว้ สำหรับแบบฝึ กหัดต่อไป

การสร้ างโปรเจคใหม่ ในแบบฝึ กหัดนี ้คุณจะได้ เรียนรู้วธิ ีกำรสร้ ำงโปรเจคใหม่ใน STAAD.Pro CONNECT Edition ซึง่ มีโครงสร้ ำง / เวิร์กโฟลว์ ต่อไปนี ้เพื่อสร้ ำงรูปทรงเรขำคณิตของโมเดล  หลักกำรทำงำนเชิงวิเครำะห์(Analytical Workflow): ใช้ จำลองโครงสร้ ำงของคุณโดยใช้ องค์ประกอบเชิงวิเครำะห์ (analytical elements) แบบจำลองอะนำลิตคิ อล(Analytical Modeling)เป็ นแบบจำลองไฟไนต์เอลิเมนต์ของ โครงสร้ ำงโดยทัว่ ไปแล้ วจะถูกนำไปวิเครำะห์และออกแบบโดยตรง 

หลักกำรทำงำนเชิงกำยภำพ(Physical Workflow): ใช้ จำลองโครงสร้ ำงของคุณใน STAAD.Pro Physical Modeler โดยใช้ ชิ ้นส่วนกำยภำพ (physical members) ฟิ สคิ อลโมเดล(physical model) ใช้ วำดชิ ้นส่วน

1


โครงสร้ ำงตำมโครงสร้ ำงจริ งที่จะถูกก่อสร้ ำง จำกนันโปรแกรมจะแปลงโครงสร้ ้ ำงนันไปสู ้ โ่ หมดเชิงวิเครำะห์ (analytical modeling) แล้ วจะถูกนำไปนำไปวิเครำะห์และออกแบบ 1. ทำต่อในโมเดลที่เปิ ดจำกแบบฝึ กหัดที่แล้ ว 2. ในหน้ ำเริ่มต้ นของ STAAD.Pro ให้ คลิก๊ ที่ New item จำกนันใส่ ้ ข้อมูลตำมด้ ำนล่ำงนี ้:  File Name: ExStructure  Location: ชื่อโฟลเดอร์ Structure (ให้ สร้ ำงโฟลเดอร์ ใหม่บนหน้ ำ Desktop ของเครื่ องคอมพิวเตอร์ )  Type: Analytical  Units: Metric จำกนันคลิ ้ ก๊ บนปุ่ ม Create 3. เปิ ดโมเดลนี ้ไว้ สำหรับแบบฝึ กหัดต่อไป

2


3


บทที่ 2: การจาลองโครงสร้ างโดยใช้ Members, Nodes และ Plates คำอธิบำยบท: ในบทนี ้คุณจะได้ เรี ยนรู้ทกั ษะพื ้นฐำนในกำรสร้ ำงโมเดลใน STAAD.Pro โดยใช้ โหนด (nodes), เมมเบอร์ (members) และเพลต (plates) คลิกที่แถบริ บบอน Geometry เพื่อเริ่ มต้ นสร้ ำงโมเดล

การใช้ Beam Grid Option 1. คลิกที่หน้ ำต่ำงหลักเพื่อแอคทีฟกำรทำงำน 2. คลิก๊ ที่ไอคอน Beam Grid บนแถบริ บ บอน Geometry กลุม่ ริ บบอน Structure หน้ ำต่ำง Snap Node/Beam จะปรำกฎ เพื่อเปิ ดกริ ดหลัก (Default Grid) ใน หน้ ำต่ำงหลักของ STAAD. Pro กริ ดหลักประกอบไปด้ วย ระนำบ X-Y ทำมุมองศำกับระนำบ Y-Y= 0 ซึง่ ทังแกนX ้ และ แกนY มีเส้ นกริ ด 10 เส้ นและระยะห่ำง เส้ นละ 1 เมตร 3. คลิกที่ไอคอน ด้ ำนหน้ ำ

Front view บนแถบริ บบอน View กลุม่ ริ บบอน Tools เพื่อเปลีย่ นมุมมองของกริ ดเป็ น

4. ตรวจสอบดูวำ่ Snap Node / Beam เปิ ดอยูโ่ ดยให้ ดวู ำ่ มีสฟี ้ ำบนปุ่ มก่อนใช้ กริ ด ตำมรูป

5. วำดโครงสร้ ำงตำมค่ำ nodes ที่ให้ มำโดยคลิก๊ ซ้ ำยบนจุดกริ ด กดปุ่ ม Esc เพื่อยกเลิกคำสัง่ วำด nodes และ members

6. คลิกบนไอคอน Beam Grid บนแถบริ บบอน Geometry กลุม่ ริ บบอน Structure เพื่อปิ ดกริ ดในหน้ ำต่ำงหลัก ของ STAAD. Pro

4


7. กด Shift +N เพื่อให้ โปรแกรมแสดงตัวเลขของ Node และกด Shift +B เพื่อแสดงตัวเลขของ Beam [ใน STAAD.Pro จะเรี ยกทังคำนและเสำว่ ้ ำ Beam]

การใช้ Copy-Paste Beam Option 1. คลิกบนไอคอน

Front view ที่ริบบอน View

เสาต้ น 1

เสาต้ น 2

2. คลิกซ้ ำยบนเสำเพื่อเลือกและกด Ctrl ค้ ำงไว้ จำกนัน้ คลิกซ้ ำยที่เสำอีกต้ นดังรูป 3. คลิกบนไอคอน Isometric view ที่ริบบอน View เพื่อเปลีย่ นมุมมองเป็ นไอโซเมตริก 4. กด Ctrl +C เพื่อคัดลอกเสำทีถ่ กู เลือก 5. กด Ctrl +V เพื่อวำงเสำทีถ่ กู เลือก จำกนัน้ หน้ ำต่ำง Paste with Move จะปรำกฏขึ ้น 6. เลือก By distance between following two nodes option (ตำมรูป) Node 1: 1 Node 2: 2 กด OK เพื่อตกลงในกำรย้ ำย

การใช้ Structure Wizard Option 1. คลิกบนไอคอน

Structure wizard ในริ บบอน Geometry

2. เลือกชนิดโมเดล Model Type: Truss Model 3. คลิกซ้ ำยสองครัง้ บน Howe Roof (ตำมรูป) 4. จำกนันหน้ ้ ำต่ำง Select Parameters จะปรำกฏขึ ้น และใส่ข้อมูลตำมด้ ำนล่ำงนี ้: (ตำมรูป) Model Name: Howe Roof Length: 10 m

5


No. of bays along Length: 6 Height: 2.5 m Width: 0 m No. of bays along Width: 0 คลิกที่ปมุ่ Apply โครงถักจะถูกสร้ ำงขึ ้นในหน้ ำต่ำง Structure Wizard (ตำมรูป) 5. คลิกบนไอคอน

Transfer Model ที่ toolbar เพื่อส่งโมเดลไปในหน้ ำต่ำง STAAD.Pro

6. คลิก Yes เพื่อยอมรับกำร transfer/merge โครงถักนี ้ไปใน STAAD.Pro 7. จำกนันหน้ ้ ำต่ำง Paste Prototype Model จะปรำกฎขึ ้น ใส่ข้อมูลตำมด้ ำนล่ำงนี ้: (ตำมรูปที่ปรำกฎ) เลือก By the following X, Y, Z values X: 0 m Y: 6 m Z: 0 m 8. คลิก OK เพื่อยอมรับกำรส่งถ่ำย 9. คลิก OK อีกครัง้ เพื่อเมินเฉยกำรเกิดโหนดซ ้ำ

6


การใช้ Translational Repeat Option 1. เลือก

Beam Cursor ในแถบริ บบอน Select

2. คลิกซ้ ำยที่มมุ บนซ้ ำยเหนือโครงสร้ ำงแล้ วลำกครอบเพื่อเลือกทุกชิ ้นส่วนของ โครงสร้ ำง 3. คลิกที่ไอคอน

Translational Repeat ในริ บบอน Geometry

4. จำกนันใส่ ้ ข้อมูลตำมด้ ำนล่ำงนี ้: Global direction: Z No. of Steps: 3 Default Step Spacing: 4m Generation Flags: All ที่เหลือให้ เลือกตำมรูป 5. ติ๊กถูกที่ Link step และ Open base 6. คลิก OK

การใช้ มุมมองใหม่ New View Option 1. คลิกที่ไอคอน Front view บนริ บบอน View เพื่อเปลีย่ นมุมมองของ โครงสร้ ำงเป็ นด้ ำนหน้ ำ 2. เลือกโครงหลังคำถักทังหมดโดยคลิ ้ กซ้ ำยที่มมุ บนซ้ ำยของหลังคำแล้ วลำกเมำส์ ครอบโครงหลังคำถักแล้ วคลิกซ้ ำยที่มมุ ขวำล่ำงให้ เลยโครงหลังคำถักมำเล็กน้ อย 3. คลิกขวำในหน้ ำต่ำงหลัก 4. เลือก New View 5. ติ๊กถูก Display the view in the active window 6. กด OK เพื่อยอมรับ จำกนันจะมี ้ เพียงโครงหลังคำถักจะแสดงผลบนหน้ ำจอ

7


การลบชิน้ ส่ วนในโครงสร้ าง Delete Beam Option 1. ลำกเมำส์ให้ ครอบดังรูปเพือ่ เป็ นกำรเลือกเมมเบอร์ โดยที่เมื่อทำ ที่จดุ แรกแล้ ว ให้ กด Ctrl ค้ ำงไว้ แล้ วทำอีก4 ที่ ดังรูป 2. เปลีย่ นมุมมองเป็ นไอโซเมตริ กโดยคลิกที่ไอคอน ถูกเลือกทังหมด ้

Isometric view บนริ บบอน View เพื่อมองเห็นเมมเบอร์ ที่

3. คลิกที่หน้ ำต่ำงหลักเพื่อแอคทีฟกำรทำงำน 4. กดปุ่ ม Delete บนคีย์บอร์ ดเพื่อลบเมมเบอร์ ที่ถกู เลือก 5. คลิก Display Whole Structure ในแถบริ บบอน View กลุม่ ริ บ บอน Tools เพื่อแสดงผลโครงสร้ ำงทังหมด ้

การใช้ มุมมองใหม่ New View Option 1. คลิกที่ไอคอน Front view บนแถบริ บบอน View กลุม่ ริ บบอน Tools เพื่อเปลีย่ นมุมมองของโครงสร้ ำงเป็ นด้ ำนหน้ ำ 2. เลือกโครงสร้ ำงส่วนล่ำงทังหมดโดยลำกเมำส์ ้ ครอบส่วนล่ำงดังรูป 3. คลิกขวำบนหน้ ำต่ำงหลัก 4. เลือก New View 5. ติ๊กถูก Display the view in the active window 6. กด OK เพื่อยอมรับ หน้ ำต่ำงจะแสดงผลเพียงโครงสร้ ำงส่วนล่ำงเท่ำนัน้ 7. คลิกที่ไอคอน

Isometric View บนแถบริ บบอน View

กลุม่ ริ บบอน Tools

8


การใช้ เพิ่มเพลต Add Plate Option 1. คลิกที่ไอคอน

Add Quad Plate บนแถบริ บบน Geometryกลุม่ ริบบอน Plate เพื่อวำดเพลต

2. คลิกที่มมุ ทัง้ 4 มุมดังรูปทิศทำงตำมเข็มนำฬกิ ำ 3. กดปุ่ ม Esc เพื่อยกเลิกคำสัง่ เพิม่ เพลต 4. คลิกที่ไอคอน

Plate cursor บนริ บบอน Select

5. คลิกที่ด้ำนบนของโครงสร้ ำงเพื่อเลือกเพลตที่สร้ ำงไว้ แล้ ว

การใช้ Generate Plate Mesh Option 1. คลิกที่ไอคอน Cursor

Plate cursor บนแถบริ บบอน Select กลุม่ ริ บบอน

2. คลิกที่ด้ำนบนของโครงสร้ ำงเพื่อเลือกเพลตที่สร้ ำงไว้ แล้ ว 3. คลิกขวำบนหน้ ำต่ำงหลักแล้ วเลือก Generate Plate Mesh Option 4. เลือกชนิดเมช (Meshing Type) Quadrilateral Meshing 5. คลิก OK เพื่อยอมรับ 6. จำกนันหน้ ้ ำต่ำง Select Meshing Parameters ปรำกฎขึ ้น (ตำมรูป) Model Name: Quad Plate AB: Divn. 20 BC: Divn. 24 CD: Divn. 20 DA: Divn. 24 Element Type: Quadrilateral 7. คลิกบนปุ่ ม Apply เพื่อยอมรับกำรทำงำน 8. คลิก

Display Whole Structure ในริ บบอน View เพื่อแสดงผลโครงสร้ ำงทังหมด ้

9


การสร้ างกลุ่ม Group Option กลุ่มเสา 1 คลิกไอคอน

Groups ที่ริบบอน Utilities

2 จำกนันหน้ ้ ำต่ำง Define Group Name จะปรำกฏและใส่ข้อมูลตำม ด้ ำนล่ำงนี ้ : ชื่อกลุม่ Group Name: CONCRETE_COLUMN เลือกชนิด SELECT TYPE: BEAM 3 คลิก OK เพื่อสร้ ำงกลุม่ 4 คลิก๊ ที่ไอคอน Front view บนริ บบอน View เพือ่ เปลีย่ นมุมมองของโครงสร้ ำงเป็ นด้ ำนหน้ ำ 5 เลือกเสำทังหมดดั ้ งรูป 6 เปลีย่ นมุมมองเป็ นไอโซเมตริ กโดยคลิกที่ไอคอน

Isometric view

บนริ บบอน View เพื่อมองเห็นเสำที่ถกู เลือกทังหมด ้ 7 คลิกที่กลุม่ ชื่อ CONCRETE COLUMN ในกล่อง Create Group 8 เลือก Associate to Selected Geometry 9 คลิกที่ปมุ่ Associate เพื่อเพิ่มเสำทังหมดลงในกลุ ้ ม่ นี ้ 10 คลิกที่กลุม่ ชื่อ CONCRETE COLUMN ในกล่อง Create Group 11 คลิกปุ่ ม Highlight เพื่อเลือกเมมเบอร์ ในกลุม่ นี ้

10


กลุ่มคาน 1. คลิกที่ปมุ่ Create บนหน้ ำต่ำง Create Group ที่เปิ ดอยู่ 2. จำกนันหน้ ้ ำต่ำง Define Group Name จะปรำกฏ และใส่ข้อมูลตำมด้ ำนล่ำงนี ้ : ชื่อกลุม่ Group Name: CONCRETE_BEAM เลือกชนิด SELECT TYPE: BEAM 3. คลิก OK เพื่อสร้ ำงกลุม่ 4. คลิก๊ ที่ไอคอน Front view บนแถบริ บบอน View เพื่อ เปลีย่ นมุมมองของโครงสร้ ำงเป็ นด้ ำนหน้ ำ 5. เลือกคำนทังหมด ้ ดังรูป 6. เปลีย่ นมุมมองเป็ นไอโซเมตริ กโดยคลิกที่ไอคอน

Isometric view

บนแถบริ บบอน View เพื่อมองเห็นคำนที่ถกู เลือกทังหมด ้ 7. คลิกที่กลุม่ ชื่อ CONCRETE BEAM ในกล่อง Create Group dialog 8. เลือก Associate to Selected Geometry 9. คลิกที่ปมุ่ Associate เพื่อเพิ่มคำนทังหมดลงในกลุ ้ ม่ นี ้ 10. คลิกที่กลุม่ ชื่อ CONCRETE BEAM ในกล่อง Create Group dialog 11. คลิกปุ่ ม Highlight เพื่อเลือกเมมเบอร์ ในกลุม่ นี ้

กลุ่มเพลต 1. คลิกที่ปมุ่ Create บนหน้ ำต่ำง Create Group ที่ เปิ ดอยู่ 2. จำกนันหน้ ้ ำต่ำง Define Group Nameจะปรำกฏ และใส่ข้อมูลตำมด้ ำนล่ำงนี ้ Group Name: CONCRETE_SLAB SELECT TYPE: PLATE 3. คลิก OK เพื่อสร้ ำงกลุม่ 4. คลิกที่ไอคอน Plate cursor บนริ บบอน Select

11


5. ใช้ เมำส์ครอบเพื่อเลือกเพลตทังหมดโดยใช้ ้ Plate cursor 6. คลิกที่ชื่อกลุม่ CONCRETE_SLAB ในกล่อง Create Group 7. เลือก Associate to Selected Geometry 8. คลิกที่ปมุ่ Associate เพื่อเพิ่มเพลตทังหมดลงในกลุ ้ ม่ นี ้ 9. คลิกที่ชื่อกลุม่ CONCRETE_SLAB ในกล่อง Create Group 10. คลิกปุ่ ม Highlight เพื่อเลือกเมมเบอร์ ในกลุม่ นี ้

กลุ่มโครงสร้ างถัก (Top Chord) 1. คลิกที่ปมุ่ Create บนหน้ ำต่ำง Create Group ที่เปิ ดอยู่ 2. จำกนันหน้ ้ ำต่ำง Define Group Nameจะ ปรำกฏ และให้ ใส่ข้อมูลตำมด้ ำนล่ำงนี ้: Group Name: STEEL_TOP_C SELECT TYPE: BEAM 3. คลิก OK เพื่อสร้ ำงกลุม่ 4. คลิก๊ ที่ไอคอน Front view บนริ บบอน View เพื่อเปลีย่ นมุมมองของโครงสร้ ำงเป็ นด้ ำนหน้ ำ 5. เลือกจันทันทังหมดดั ้ งรูปโดยใช้ Beam cursor 6. เปลีย่ นมุมมองเป็ นไอโซเมตริ กโดยคลิกที่ไอคอน Isometric view บนริ บบอน View เพื่อมองเห็นจันทันที่ถกู เลือก ทังหมด ้ 7. คลิกที่กลุม่ ชื่อ STEEL_TOP_C ในกล่อง Create Group 8. เลือก Associate to Selected Geometry 9. คลิกที่ปมุ่ Associate เพื่อเพิ่มจันทันทังหมดลงในกลุ ้ ม่ นี ้ 10. คลิกที่กลุม่ ชื่อ STEEL_TOP_C ในกล่อง Create Group 11. คลิกปุ่ ม Highlight เพื่อเลือกเมมเบอร์ ในกลุม่ นี ้

12


กลุ่มโครงสร้ างถัก (Bottom Chord) 1. คลิกที่ปมุ่ Create บนหน้ ำต่ำง Create Group ที่เปิ ดอยู่ 2. จำกนันหน้ ้ ำต่ำง Define Group Name จะปรำกฏและ ใส่ข้อมูลตำมด้ ำนล่ำงนี ้: Group Name: STEEL_BOTTOM_C SELECT TYPE: BEAM 3. คลิก OK เพื่อสร้ ำงกลุม่ 4. คลิก๊ ที่ไอคอน Front view บนริ บบอน View เพื่อเปลีย่ นมุมมองของโครงสร้ ำงเป็ นด้ ำนหน้ ำ 5. เลือกเมมเบอร์ ดงั รูปโดยใช้ Beam cursor 6. เปลีย่ นมุมมองเป็ นไอโซเมตริ กโดยคลิกที่ไอคอน Isometric view บนริ บบอน View เพื่อมองเห็น เมมเบอร์ ที่ถกู เลือกทังหมด ้ 7. คลิกที่กลุม่ ชื่อ STEEL_BOTTOM_C ในกล่อง Create Group 8. เลือก Associate to Selected Geometry 9. คลิกที่ปมุ่ Associate เพื่อเพิ่มเมมเบอร์ ที่เลือกทังหมดลงในกลุ ้ ม่ นี ้ 10. คลิกที่กลุม่ ชื่อ STEEL_BOTTOM_C ในกล่อง Create Group 11. คลิกปุ่ ม Highlight เพื่อเลือกเมมเบอร์ ในกลุม่ นี ้

กลุ่มโครงสร้ างถัก(Web) 1. คลิกที่ปมุ่ Create บนหน้ ำต่ำง Create Group ที่เปิ ดอยู่ 2. จำกนันหน้ ้ ำต่ำง Define Group Nameจะปรำกฏและ ใส่ข้อมูลตำมด้ ำนล่ำงนี ้: Group Name: STEEL_WEB SELECT TYPE: BEAM 3. คลิก OK เพื่อสร้ ำงกลุม่ 4. คลิก๊ ที่ไอคอน Front view บนริ บบอน View เพื่อ เปลีย่ นมุมมองของโครงสร้ ำงเป็ นด้ ำนหน้ ำ 5. เลือกเมมเบอร์ web ทังหมดดั ้ งรูปโดยใช้ Beam cursor

13


6. เปลีย่ นมุมมองเป็ นไอโซเมตริ กโดยคลิกที่ไอคอน Isometric view บนริ บบอน View เพื่อมองเห็น webs ที่ถกู เลือกทังหมด ้ 7. คลิกที่กลุม่ ชื่อ STEEL_WEB ในกล่อง Create Group 8. เลือก Associate to Selected Geometry 9. คลิกที่ปมุ่ Associate เพื่อเพิ่มเมมเบอร์ webที่เลือกทังหมดลงในกลุ ้ ม่ นี ้ 10. คลิกที่กลุม่ ชื่อ STEEL_WEB ในกล่อง Create Group 11. คลิกปุ่ ม Highlight เพื่อเลือกเมมเบอร์ ในกลุม่ นี ้

กลุ่มโครงสร้ างถัก(แป) 1. คลิกที่ปมุ่ Create บนหน้ ำต่ำง Create Group ที่เปิ ดอยู่ 2. จำกนันหน้ ้ ำต่ำง Define Group Nameจะ ปรำกฏ และใส่ข้อมูลตำมด้ ำนล่ำงนี ้: Group Name: STEEL_PURLIN SELECT TYPE: BEAM 3. คลิก OK เพื่อสร้ ำงกลุม่ 4. คลิก left view ในริ บบอน View เพื่อเปลีย่ นมุมมองเป็ นด้ ำนซ้ ำย 5. เลือกแปทังหมดดั ้ งรูปโดยใช้ Beam cursor 6. เปลีย่ นมุมมองเป็ นไอโซเมตริ กโดยคลิกที่ไอคอน Isometric view บนริ บบอน View เพื่อมองเห็น webs ที่ถกู เลือกทังหมด ้ 7. คลิกที่กลุม่ ชื่อ STEEL_PURLIN ในกล่อง Create Group 8. เลือก Associate to Selected Geometry 9. คลิกที่ปมุ่ Associate เพื่อเพิ่มแปที่เลือกทังหมดลงในกลุ ้ ม่ นี ้ 10. คลิกที่กลุม่ ชื่อ STEEL_PURLIN ในกล่อง Create Group 11. คลิกปุ่ ม Highlight เพื่อเลือกเมมเบอร์ ในกลุม่ นี ้ 12. คลิกกำกบำกทีม่ มุ ขวำบน Create Group เพื่อปิ ด

14


บทที่ 3: การกาหนดคุณสมบัตขิ องรู ปทรงโครงสร้ าง(Assigning Properties) คำอธิบำยบท: ในบทนี ้คุณจะได้ เรี ยนรู้ทกั ษะพื ้นฐำนในกำรกำหนดคุณสมบัตใิ ห้ เมมเบอร์ และเพลตใน STAAD.Pro คลิกที่แถบ Properties เพื่อเริ่ มต้ น assigning properties

สร้ างคุณสมบัติ โดยใช้ ความหนา (Thickness) 1. คลิกที่ปมุ่ Thickness บนกล่อง Properties-Whole Structure 2. เลือกใส่คำ่ ที่ควำมหนำเพลต Plate Element Thickness Node 1: 0.10 Node 2: 0.10 Node 3: 0.10 Node 4: 0.10 ติ๊กถูกทีก่ ล่อง Material วัสดุ Material: Concrete

3. คลิกปุ่ ม Add เพื่อเพิ่มคุณสมบัตนิ ี ้ในรำยกำร 4. คลิกปุ่ ม Close เพื่อปิ ดหน้ ำต่ำง Plate Element/Surface Property

สร้ างคุณสมบัติ โดยการใช้ Define 1. คลิกปุ่ ม Define บนกล่อง Properties-Whole Structure 2. เลือก Rectangle(สีเ่ หลีย่ ม) บนหน้ ำต่ำง Property 3. ใส่คำ่ ดังนี ้ YD: 0.4 m ZD: 0.4 m ติ๊กถูกทีก่ ล่อง Material วัสดุ Material: Concrete 4. กดปุ่ ม Add เพื่อเพิม่ คุณสมบัตินี ้ในรำยกำร 5. เพิ่มหน้ ำตัดสีเ่ หลีย่ มอีกหนึง่ อัน 6. ใส่คำ่ ดังนี ้ YD: 0.4 m ZD: 0.35 m ติ๊กถูกทีก่ ล่อง Material

15


วัสดุ Material: Concrete 7. กดปุ่ ม Add เพือ่ เพิม่ คุณสมบัตินี ้ในรำยกำร 8. คลิกปุ่ ม Close เพื่อปิ ด define property

สร้ างคุณสมบัติ โดยการใช้ ฐานข้ อมูลหน้ าตัด Section Database 1. คลิกที่ปมุ่ Section Database บนกล่อง Properties-Whole Structure 2. เลือกหน้ ำตัดเหล็ก (Steel section) จำกตำรำง(Tables) Japanese Channel Select Channel: C150X75X6.5 Type Specification: ST Mark on the Material Checkbox Material: Steel 3. คลิก Add เพื่อเพิ่มหน้ ำตัดในรำยกำร 4. เลือกหน้ ำตัดเหล็กเพิ่มจำกตำรำง Japanese Channel Select Channel: C100X50X5 Type Specification: ST Mark on the Material Checkbox Material: Steel 5. คลิก Add เพื่อเพิ่มหน้ ำตัดในรำยกำร เลือกหน้ ำตัดเหล็กเพิ่มจำกตำรำง Japanese Angle

Select Angle: L60X60X4 Type Specification: ST Mark on the Material Checkbox Material: Steel 6. คลิก Add เพื่อเพิ่มหน้ ำตัดในรำยกำร 7. คลิก Close เพื่อปิ ด Section Profile Tables

16


การกาหนดคุณสมบัตใิ ห้ กับโครงสร้ างจากรายการที่สร้ างไว้ แล้ ว (Assigning Properties) 1. คลิก Plate 0.10 CONCRETE ในกล่อง Properties-Whole Structure 2. ในส่วน Assignment Method ให้ ติ๊ก Assign to View 3. คลิกที่ Assign เพื่อใส่ควำมหนำคอนกรี ตในทุกเพลต 4. คลิก Yes เพื่อยอมรับ 5. คลิก Rect 0.40 x 0.40 CONCRETE ในกล่อง Properties - Whole Structure 6. ไปที่ริบบอนแถบ Select กลุม่ ริ บบอน Attributesและคลิกไอคอน

Group

7. เลือกกลุม่ CONCRETE_COLUMN ในหน้ ำต่ำง Select Groups 8. ในส่วน Assignment Method ให้ ติ๊ก Assign to Selected Beam 9. คลิกที่ Assign เพื่อใส่คณ ุ สมบัตคิ อนกรี ตให้ กบั เสำ 10. คลิก Yes เพื่อยอมรับ 11. คลิก Rect 0.40 x 0.35 CONCRETE ในกล่อง Properties - Whole Structure 12. เลือกกลุม่ CONCRETE_BEAM ในหน้ ำต่ำง Select Groups(ที่ยงั เปิ ดอยู่ ถ้ ำไม่กดปิ ดไปแล้ วให้ ทำตำม ข้ อ 6 อีกครัง้ ) 13. ในส่วน Assignment Method ให้ ติ๊ก Assign to Selected Beam 14. คลิกที่ Assign เพื่อใส่คณ ุ สมบัตคิ อนกรี ตให้ กบั คำน 15. คลิก Yes เพื่อยอมรับ 16. คลิก C150X75X6.5 STEEL ในกล่อง Properties - Whole Structure 17. เลือกกลุม่ STEEL_PURLIN ในหน้ ำต่ำง Select Groups 18. ในส่วน Assignment Methodให้ ติ๊ก Assign to Selected Beam 19. คลิกที่ Assign เพื่อใส่หน้ ำตัดเหล็กให้ กบั แป 20. คลิก Yes เพื่อยอมรับ 21. คลิก C100X50X5 STEEL ในกล่อง Properties - Whole Structure 22. เลือกกลุม่ STEEL_TOP_C ในหน้ ำต่ำง Select Groups 23. ในส่วน Assignment Method ให้ ติ๊ก Assign to Selected Beam 24. คลิกที่ Assign เพื่อใส่หน้ ำตัดเหล็กให้ กบั จันทัน 25. คลิก Yes เพื่อยอมรับ 26. คลิก C100X50X5 STEEL ในกล่อง Properties-Whole Structure 17


27. เลือกกลุม่ STEEL_BOTTOM_C ในหน้ ำต่ำง Select Groups 28. ในส่วน Assignment Method ให้ ติ๊ก Assign to Selected Beam 29. คลิกที่ Assign เพื่อใส่หน้ ำตัดเหล็กให้ กบั Bottom Chords 30. คลิก Yes เพื่อยอมรับ 31. คลิก L60X60X4 STEEL ในกล่อง PropertiesWhole Structure 32. เลือกกลุม่ STEEL_WEB ในหน้ ำต่ำง Select Groups 33. ในส่วน Assignment Method ให้ ติ๊ก Assign to Selected Beam 34. คลิกที่ Assign เพื่อใส่หน้ ำตัดเหล็กให้ กบั Webs 35. คลิก Yes เพื่อยอมรับ

การสร้ างภาพ 3 มิติ (3D View) หลังจำกใส่คณ ุ สมบัติให้ กบั โครงสร้ ำงแล้ ว คุณสำมำรถเสร้ ำงมุมมอง3มิตใิ ห้ โปรแกรมแสดงหน้ ำตัดเต็ม ดังรูปตัวอย่ำง 1. คลิกบนพื ้นที่วำ่ งเปล่ำบนหน้ ำต่ำงหลักเพื่อไม่เลือกชิ ้นส่วนโครงสร้ ำงใดๆ 2. ไปที่ แถบริ บบอน View กลุม่ ริ บบอน Windows และคลิกไอคอน 3D Rendering 3. คลิกและลำกเพื่อหมุนหรื อเปลีย่ นมุมมอง

18


บทที่ 4: การกาหนดฐานรองรั บ Assigning Supports คำอธิบำยบท: ในบทนี ้คุณจะได้ เรี ยนรู้ทกั ษะพื ้นฐำนในกำรใส่ฐำนรองรับให้ กบั โครงสร้ ำง คลิกที่แถบ Supports เพื่อเริ่ มต้ น Assigning Support

การสร้ างฐานรองรับ Support 1.

2.

3.

คลิกบนปุ่ ม Create ในกล่อง Supports-Whole Structure คลิกที่แถบ Fixed ในกล่อง create support คลิกปุ่ ม Add เพื่อสร้ ำงฐำนรองรับ

การกาหนดฐานรองรับ 1. คลิก Support 2 ในกล่อง Supports – Whole Structure 2. คลิก Node Cursor ในริ บบอน Select 3. คลิก Front View ในริ บบอน View เลือกโหนดที่ ต้ นเสำทังหมดโดยกำรลำกเมำส์ ้ คลุมที่ปลำยเสำล่ำงทังหมด ้ 4. ในส่วน Assignment Method ให้ ติ๊ก Assign to Selected Nodes ในกล่อง Supports – Whole Structure 5. คลิกปุ่ ม Assign เพื่อยอมรับกำรกำหนดฐำนรองรับ

19


บทที่ 5: การกาหนดนา้ หนัก(Assigning Load)และการรวมนา้ หนัก (Load Combination) คำอธิบำยบท: ในบทนี ้คุณจะได้ เรี ยนรู้ทกั ษะพื ้นฐำนกำรกำหนดน ้ำหนักให้ โครงสร้ ำงและกำรรวมน ้ำหนัก คลิกที่แถบ Loading เพื่อเริ่ มต้ นกำรกำหนดน ้ำหนักและกำรรวมน ้ำหนัก

การสร้ างประเภทนา้ หนัก(Load Case) 1. คลิกที่ Load Case detail ในกล่อง Load & Definition 2. คลิกที่ Add เพื่อเพิ่มประเภทน ้ำหนัก (load case) 3. จำกนันหน้ ้ ำต่ำง Add New Load Case ปรำกฏขึ ้น ใส่ข้อมูล ตำมด้ ำนล่ำงนี ้ ตัวเลข Number: 1 ชนิดน ้ำหนัก Loading Type: Dead ชื่อน ้ำหนัก Title: Dead Load 4. คลิกปุ่ ม Add เพื่อเพิ่มเคส Dead Load 5. เพิ่มน ้ำหนักอีกหนึง่ ชนิด ใส่ข้อมูลตำมด้ ำนล่ำงนี ้ ตัวเลข Number 2 ชนิดน ้ำหนักLoading Type: Live ชนิดน ้ำหนัก Title: Live Load 6. คลิกปุ่ ม Add เพื่อเพิ่มเคส Live Load 7. คลิกปุ่ ม Close เพื่อปิ ดหน้ ำต่ำง

การสร้ างนา้ หนัก (Load Items) น ้ำหนักบรรทุกคงที่ Dead Load น ้ำหนักขององค์อำคำร Self-weight 1. คลิกที่ Dead Load ภำยใต้ Load Case Details 2. คลิกที่ Add เพื่อเพิ่ม load items ในเคส dead load 3. คลิกที่ Selfweight > Selfweight Load และใส่ข้อมูลตำม ด้ ำนล่ำงนี ้ Direction: Y Factor: -1 4. คลิก Add เพื่อเพิ่ม Selfweight Load ในเคส dead load

20


น ้ำหนักแผ่น Plate Load 1. คลิกที่ Plate Loads ในกล่อง Add New: Load Items 2. เลือก Pressure on Full Plate และใส่ข้อมูลตำมด้ ำนล่ำงนี ้ Load W1: -2 KN/sqm Direction: GY (เลือกทิศทำงตำมแกนหลัก) 3. คลิกปุ่ ม Add เพื่อเพิ่ม plate load ในเคส dead load

น ้ำหนักบนชิ ้นส่วนโครงสร้ ำง Member Load 1. คลิกที่ Member Load ในกล่อง Add New: Load Items 2. เลือก Uniform Force และใส่ข้อมูลตำมด้ ำนล่ำงนี ้ Force W1: -1.5 KN/m d1: 0 m d2: 0 m d3: 0 m Direction: GY 3. คลิก Add เพื่อเพิ่ม uniform force ในเคส dead load 4. คลิกที่ปมุ่ close เพื่อจบกำรเพิ่มน ้ำหนัก

น ้ำหนักบรรทุกจร Live Load น ้ำหนักบนชิ ้นส่วนโครงสร้ ำง Member Load 1. คลิก Live Load ภำยใต้ Load Case Details 2. คลิกที่ปมุ่ Add เพื่อเพิ่มน ้ำหนักในเคส live load 3. คลิกที่ Member Load ในกล่อง Add New: Load Items 4. เลือก Uniform Force และใส่ข้อมูลตำมด้ ำนล่ำงนี ้ Force W1: -0.5 kN/m d1: 0 m d2: 0 m d3: 0 m Direction: GY 5. คลิก Add เพื่อเพิ่ม uniform force ในเคส live load 6. คลิกที่ปมุ่ close เพื่อจบกำรเพิ่มน ้ำหนัก

21


การกาหนดนา้ หนักให้ โครงสร้ าง Load Items น ้ำหนักบรรทุกคงที่ Dead Load 1. คลิกเครื่ องหมำยบวก + ตรงหน้ ำ Load case details เพื่อขยำยให้ เห็น Dead Load และ Live Load 2. คลิกเครื่ องหมำยบวก + ตรงหน้ ำ Dead Load เพื่อขยำยให้ เห็นน ้ำหนัก ต่ำงๆ 3. เลือกที่ SELFWEIGHT Y-1 ใต้ เคส Dead Load 4. เลือก Assign To View ใน assignment method เพื่อใส่น ้ำหนักให้ ทงโครงสร้ ั้ ำง 5. คลิก Assign เพื่อยอมรับกำรกำหนดน ้ำหนักให้ โครงสร้ ำง ให้ สงั เกตเครื่ องหมำยคำถำม เปลีย่ น หมำยควำมว่ำ SELFWEIGHT Y -1 ได้ ถกู กำหนดใส่โครงสร้ ำงแล้ ส 6. คลิก Plate Cursor ในแถบริ บบอน Select ribbon 7. ใช้ เมำส์ลำกครอบเพลตทังหมดเพื ้ ่อเลือก 8. คลิก PR GY -2 KN/sq.mm ใต้ เคส dead load 9. เลือก Assign to Selected Plate ใน assignment method เพื่อใส่น ้ำหนักลงเฉพำะเพลตที่ถกู เลือก 10. คลิก Assign เพื่อยอมรับกำรกำหนดน ้ำหนักให้ โครงสร้ ำง 11. ไปที่ริบบอนแถบ Select ในกลุม่ ริ บบอน Attributesและคลิกไอคอน Group 12. เลือกกลุม่ CONCRETE_BEAM ในหน้ ำต่ำง Select Groups 13. คลิกที่ UNI GY -1.5 KN/m ในกล่อง Load and definition เพื่อเลือกน ้ำหนัก 14. เลือก Assign to Selected Beam ใน assignment method เพื่อใส่น ้ำหนักลงเฉพำะคำนที่ถกู เลือก 15. คลิกที่ปมุ่ close เพื่อจบกำรเพิ่มน ้ำหนัก

น ้ำหนักบรรทุกจร Live Load 1. ไปที่ริบบอนแถบ Select ในกลุม่ ริ บบอน Attributesและคลิกไอคอน Group 2. เลือกกลุม่ STEEL_PURLIN ในหน้ ำต่ำง Select Groups 3. คลิก UNI GY -0.5 KN/m ในกล่อง Load and definition เพื่อเลือก น ้ำหนัก

22


4. เลือก Assign to Selected Beam ใน assignment method เพื่อใส่น ้ำหนักลงเฉพำะคำนที่ถกู เลือก 5. คลิกที่ปมุ่ close เพื่อจบกำรเพิ่มน ้ำหนัก

การรวมนา้ หนัก Load Combination 1. เลือก Load Case Details ในกล่อง Load and Definition 2. คลิก Add จำกนันหน้ ้ ำต่ำง Add New : Load Case ปรำกฏขึ ้น 3. เลือก Define Combination ในกล่อง Add New: Load Cases ใส่ข้อมูลตำมด้ ำนล่ำงนี ้ Load No: 3 Name: 1.0DL+1.2LL Type: Normal แฟกเตอร์ Dead Load: 1.0 (Default ai) เลือก Dead load และคลิกที่เครื่องหมำย มำกกว่ำ (>) เพื่อเพิ่มใน Load Combination Definition เปลีย่ นแฟกเตอร์ Live Load: 1.2 (Default ai) เลือก Live load และคลิกที่เครื่ องหมำยมำกกว่ำ (>) เพื่อเพิ่มใน Load Combination Definition 4. คลิก Add เพื่อเพิ่มกำรรวมน ้ำหนัก 5. คลิก Close เพื่อจบกำรรวมน ้ำหนัก 6. คุณสำมำรถดูกำรรวมน ้ำหนัก combination ในกล่อง Load and Definition

23


บทที่ 6: การวิเคราะห์ Perform Analysis คำอธิบำยบท: ในบทนี ้คุณจะได้ เรี ยนรู้ทกั ษะพื ้นฐำนกำรเพิ่มคำสัง่ ทำกำรวิเครำะห์ (perform analysis command) และ กำรวิเครำะห์โครงสร้ ำง เรำจะทำกำรวิเครำะห์โครงสร้ ำงโดยใช้ linear elastic คลิกที่แถบ Analysis เพื่อเริ่ มต้ นกำรวิเครำะห์ 1. คลิกที่ Define Commands ในกล่อง Analysis- Whole Structure 2. เลือก Perform Analysis ในหน้ ำต่ำง Analysis/Print Commands เลือกวิธีพริ น้ ต์ Print Option as No Print. 3. คลิก Add เพื่อเพิ่มคำสัง่ ทำกำรวิเครำะห์ (perform analysis ) 4. คลิก close เพื่อปิ ดหน้ ำต่ำง Analysis/Print Commands 5. คลิกที่ไอคอน and Design

Run Analysis ในแถบริ บบอน Analysis

6. คลิกที่ save เพื่อบันทึกไฟล์ 7. จำกนันหน้ ้ ำต่ำง STAAD Analysis and Design จะ ปรำกฏขึ ้นและแสดงผลกำรวิเครำะห์ 8. หลังจำกโปรแกรมวิเครำะห์โครงสร้ ำงเสร็ จ โปรแกรมจะ แสดงผลจำนวน Error(s), Warning(s), Note(s) 9. เลือก Stay in modeling Mode 10. คลิก Done เพื่อปิ ด

24


บทที่ 7: การดูผลลัพธ์ จากการวิเคราะห์ Analysis Results คำอธิบำยบท: ในบทนี ้คุณจะได้ เรี ยนรู้ทกั ษะพื ้นฐำนในกำรดูผลกำรวิเครำะห์ของโหนด เมมเบอร์ และเพลต คลิกที่แถบ

Postprocessing ทำงด้ ำนซ้ ำยมือ(Workflow) เพื่อเริ่ มต้ นกำรดูผลลัพธ์จำกกำรวิเครำะห์

1. หน้ ำต่ำง Result Setup จะปรำกฏ จำกนันให้ ้ เลือกน ้ำหนักทังหมดในช่ ้ อง Available ย้ ำยไปช่อง Selected 2. คลิก Apply 3. คลิก Ok

การเคลื่อนที่สาคัญ Nodal Displacements 1. คลิกที่แถบ Displacement บนแถบเวิร์คโฟล Postprocessing หรื อไปที่ แถบริ บบอน Results กลุม่ ริ บบอน View Results เพื่อให้ ผลลัพธ์กำร เคลือ่ นที่สำคัญแสดงผล 2. รำยกำรผลลัพธ์กำรเคลือ่ นที่ของ Node Displacement และ Beam relative displacement จะปรำกฏทำงด้ ำนขวำของหน้ ำต่ำงหลัก 3. คุณสำมำรถคลิกที่ไอคอน Displacement บนแถบริ บบอน Results กลุม่ ริ บบอน View Results เพื่อดูกำรแสดงผลกำรเคลือ่ นที่ ไดอะแกรมบนโครงสร้ ำง สำมำรถปรับสเกลเพื่อให้ เห็นกำรเคลือ่ นของโครงสร้ ำงได้ ชดั แจ้ งมำกขึ ้นโดยกำรกด Ctrl ค้ ำงแล้ วหมุนเมำส์ปมุ่ กลำงเข้ ำออกเพื่อปรับสเกล

แรงปฏิกิริยาที่ฐานรองรับ Support Reaction 1. คลิกที่แถบ Reaction บนแถบเวิร์คโฟล Postprocessing เพื่อให้ แสดงผลลัพธ์ แรงปฏิกิริยำทีฐ่ ำนรองรับ 2. รำยกำรผลลัพธ์แรงปฏิกิริยำที่ ฐำนรองรับจะปรำกฏขึ ้นทำง ด้ ำนขวำของหน้ ำต่ำงหลัก 3. คุณสำมำรถดูผลลัพธ์แรง ปฏิกิริยำที่ฐำนรองรับได้ บน หน้ ำต่ำงหลักได้ ด้วย

25


ผลลัพธ์ คาน/เสา Beam Results 1. คลิกที่แถบ Beam Results บนแถบเวิร์คโฟล Postprocessing เพื่อให้ แสดงผลลัพธ์คำน/เสำ 2. รำยกำร Beam End forces และ Beam force details จะปรำกฏ ทำงด้ ำนขวำของหน้ ำต่ำงหลัก 3. คุณสำมำรถดูแรงสูงสุดในแนวแกน(Maximum axial forces) โมเมนต์ดดั สูงสุด(maximum bending moment)และแรงเฉือน สูงสุด(maximum shear forces)ได้ ในรำยกำร beam force detail 4. คุณสำมำรถกดที่ FX/FY/FZ หรื อ MX/MY/ MZ ในแถบริ บบอน Results เพื่อเรี ยกดูไดอะแกรมแรงและโมเมนต์ในสำมแกนหลัก สำมำรถปรับสเกลเพื่อให้ เห็นกำรเคลือ่ นของโครงสร้ ำงได้ ชดั แจ้ งมำก ขึ ้นโดยกำรกด Ctrl ค้ ำงแล้ วหมุนล้ อตรงกลำงเมำส์เข้ ำออกเพื่อปรับสเกล 5. คุณสำมำรถคลิกไอออน Beam Stress ในแถบริ บบอน Results เพื่อดู ไดอะแกรมควำมเค้ นของคำนและเสำ

ผลลัพธ์ ท่ เี พลต Plate Results 1. คลิกที่แถบ Plate Results บนแถบเวิร์คโฟล Postprocessing เพื่อให้ แสดง ผลลัพธ์ที่เพลต 2. จำกนันหน้ ้ ำต่ำง Diagram ปรำกฏขึ ้น และใส่ข้อมูลตำมด้ ำนล่ำงนี ้ Load Case: 3: 1.0DL+1.2LL Stress Type: Max Von Mis Contour Type: Normal Fill 3. คลิกที่ Apply 4. คลิกที่ Ok เพื่อสร้ ำงไดอะแกรม ควำมเค้ นบนเพลต 5. คุณสำมำรถดูรำยละเอียดควำม เค้ นของเพลตได้ ที่รำยกำรด้ ำนขวำของหน้ ำต่ำงหลัก 6. เมื่อคลิกไอออน Plate Stress ที่แถบริ บบอน Results ribbon เพื่อดูผลลัพธ์ที่เพลต

26


รายงาน 1. คลิกที่แถบ Reports บนแถบเวิร์คโฟล Postprocessing เพื่อสร้ ำง รำยงำน 2. หน้ ำต่ำง new Report Setup จะ ปรำกฏ 3. คลิกแถบ Items บนหน้ ำต่ำง Report Setup 4. เลือก Output จำกรำยกำรในช่อง Available 5. คลิกบนเครื่ องหมำย “>>” เพื่อย้ ำยทุกรำยกำรไปช่อง Selected 6. คลิก Ok เพื่อสร้ ำงรำยงำนพร้ อมปริ น้ 7. คุณสำมำรถหมุนปุ่ มกลำงของเมำส์เพื่อดูรำยละเอียดในรำยงำน 8. คุณสำมำรถคลิก Print ทำงด้ ำนซ้ ำยบนของรำยงำนเพื่อปริ น้ หรื อ บันทึกรำยงำน

27


บทที่ 8: การออกแบบคอนกรี ต Concrete Design คำอธิบำยคำ: ในบทนี ้คุณจะได้ เรี ยนรู้ทกั ษะพื ้นฐำนในกำรออกแบบคำน เสำและพื ้นคอนกรี ต คลิกที่แถบ Analytical Modeling ในเวิร์คโฟล (Workflow) เพื่อเริ่ มต้ นออกแบบคอนกรีต

เลือกโค้ ดออกแบบ Design Code 1. คลิกที่แถบ Design บนแถบเวิร์คโฟล Analytical Modeling หรื อ กดที่แถบริ บบอน Analysis and Design 2. เลือก Concrete บนแถบริ บบอน Analysis and Design กลุม่ ริ บ บอน Design Commands 3. เลือกโค้ ด ACI 318 2008 จำก Current Code ในกล่อง Concrete Design- Whole Structure 4. ตอนนี ้เรำได้ เลือกโค้ ดออกแบบเพื่อทำกำรออกแบบแล้ ว

ประกาศใช้ ตัวแปร Define Parameters 1. คลิกที่ Define Parameters ในกล่องConcrete DesignWhole Structure 2. หน้ ำต่ำง Design Parameters จำกนันเลื ้ อกค่ำตำมด้ ำนล่ำง 3. เลือก FC Compressive Strength of Concrete: 30000 kN/m2 4. คลิกปุ่ ม Add เพื่อเพิ่มค่ำตัวแปรไว้ ในรำยกำร 5. คลิก FYMAIN ในหน้ ำต่ำง Design Parameters และเลือก Yield strength สำหรับเหล็กเสริมหลัก: 415000 kN/m2 6. คลิกปุ่ ม Add เพื่อเพิ่มตัวค่ำตัวแปรไว้ ในรำยกำร 7. คลิก MAXMAIN ในหน้ ำต่ำง Design Parameters และเลือก ขนำดเหล็กเสริ มใหญ่สดุ ห้ ำมเกิน Maximum main reinforcement bar size: 20 8. คลิกปุ่ ม Add เพื่อเพิ่มตัวค่ำตัวแปรไว้ ในรำยกำร

28


9. คลิก MINMAIN ในหน้ ำต่ำง Design Parameters และเลือกขนำด เหล็กเสริ มเล็กสุดห้ ำมเกิน Minimum main reinforcement bar size: 8 10. คลิกปุ่ ม Add เพื่อเพิ่มตัวค่ำตัวแปรไว้ ในรำยกำร 11. คลิก REINF บน หน้ ำต่ำง Design Parameters และ เลือก (0) Tied column 12. คลิกปุ่ ม Add เพื่อเพิ่มตัวค่ำตัวแปรไว้ ในรำยกำร

13. คลิก TRACK บนหน้ ำต่ำง Design Parameters และเลือก (2) Beam Design-Track1 + Steel required at 1/12th section sections. Column D 14. คลิกปุ่ ม Add เพื่อเพิ่มค่ำตัวแปรไว้ ในรำยกำร 15. คลิก Close เพื่อจบกำรประกำศตัวแปร 16. คุณสำมำรถดูคำ่ ตัวแปรที่ประกำศไว้ ทงหมดได้ ั้ ในกล่อง Concrete DesignWhole Structure

กาหนดค่ าตัวแปรในโครงสร้ าง Assign Parameters 1. คลิก FC 30000 ในกล่อง Concrete Design- Whole Structure 2. เลือก Assign to View ในส่วน assignment method 3. คลิก Assign เพื่อใส่คำ่ ตัวแปรนี ้ให้ ทงโครงสร้ ั้ ำง

29


4. คลิก Yes เพื่อยอมรับกำรทำงำน สังเกตทีเ่ ครื่ องหมำยคำถำม ตรงหน้ ำ FC 30000 เปลีย่ นเป็ นเครื่ องหมำยถูก 30000 ถูกกำหนดใส่โครงสร้ ำงแล้ ว

หมำยควำมว่ำตัวแปร FC

5. คลิก FYMAIN 415000 ในกล่อง Concrete Design- Whole Structure 6. เลือก Assign to View ในส่วน assignment method 7. คลิก Assign เพื่อใส่คำ่ ตัวแปรนี ้ให้ โครงสร้ ำง 8. คลิก Yes เพื่อยอมรับกำรทำงำน 9. คลิก MAXMAIN 20 ในกล่อง Concrete Design- Whole Structure 10. ไปที่ริบบอนแถบ Select ในกลุม่ ริ บบอน Attributesและคลิกไอคอน Group 11. เลือกกลุม่ CONCRETE_COLUMN ในหน้ ำต่ำง Select Groups 12. เลือก Assign to Selected Beams ในส่วน assignment method 13. คลิก Assign เพื่อใส่คำ่ ตัวแปรนี ้ให้ เสำ 14. คลิก Yes เพื่อยอมรับกำรทำงำน 15. คลิก MINMAIN 8 ในกล่อง Concrete Design- Whole Structure 16. เลือกกลุม่ CONCRETE_COLUMN ในหน้ ำต่ำง Select Groups 17. เลือก Assign to Selected Beams ในส่วน assignment method 18. คลิก Assign เพื่อใส่คำ่ ตัวแปรนี ้ให้ เสำ 19. คลิก Yes เพื่อยอมรับกำรทำงำน 20. คลิก REINF 0 ในกล่อง Concrete Design- Whole Structure dialog 21. เลือกกลุม่ CONCRETE_COLUMN ในหน้ ำต่ำง Select Groups 22. เลือก Assign to Selected Beams ในส่วน assignment method 23. คลิก Assign เพื่อใส่คำ่ ตัวแปรนี ้ให้ เสำ 24. คลิก Yes เพื่อยอมรับกำรทำงำน 25. คลิก TRACK 2 ในกล่อง Concrete Design- Whole Structure dialog 26. เลือก Assign to View ในส่วน assignment method 27. คลิก Assign เพื่อใส่คำ่ ตัวแปรนี ้ให้ ทงโครงสร้ ั้ ำง 28. คลิก Yes เพื่อยอมรับกำรทำงำน เมื่อใส่คำ่ ตัวแปรในกำรออกแบบแล้ วให้ สงั เกตจะมีเครื่ องหมำยถูกสีเขียว อยูด่ ้ ำนหน้ ำดังรูป

30


การประกาศใช้ คาสั่ง Define Commands ออกแบบคำน 1. คลิกที่ปมุ่ Commands ในหน้ ำต่ำง Concrete Design-Whole Structure 2. เลือก DESIGN BEAM ในกล่อง Design Commands 3. คลิก Add เพื่อเพิ่มคำสัง่ ไปในรำยกำร

ออกแบบเสำ 4. เลือก DESIGN COLUMN ในกล่อง Design Commands 5. คลิก Add เพื่อเพิ่มคำสัง่ ไปในรำยกำร

ออกแบบพื ้น 6. เลือก DESIGN SLAB/ELEMENT ในกล่อง Design Commands 7. คลิก Add เพื่อเพิ่มคำสัง่ ไปในรำยกำร

คำสัง่ TAKE OFF ใช้ เพื่อให้ ถอดปริมำณวัสดุที่ใช้ ในโครงสร้ ำง 8. เลือก TAKE OFF ในกล่อง Design Commands 9. คลิก Add เพื่อเพิ่มคำสัง่ ไปในรำยกำร 10. คลิก Close เพื่อจบกำรเพิม่ คำสัง่ ออกแบบ

กาหนดคาสั่ง Assign Commands 1. คลิก DESIGN BEAM ในกล่อง Concrete Design- Whole Structure 2. ไปที่ริบบอนแถบ Select ในกลุม่ ริ บบอน Attributesและคลิกไอคอน Group 3. เลือกกลุม่ CONCRETE_BEAM ในหน้ ำต่ำง Select Groups 4. เลือก Assign to Selected Beams ในส่วน assignment method 5. คลิก Assign to ใส่คำสัง่ ออกแบบให้ กบั คำน 6. คลิก Add เพื่อเพิ่มคำสัง่ ไปในรำยกำร

31


7. คลิก DESIGN COLUMN ในกล่อง Concrete Design- Whole Structure 8. เลือกกลุม่ CONCRETE_COLUMN ในหน้ ำต่ำง Select Groups 9. เลือก Assign to Selected Beams ในส่วน assignment method 10. คลิก Assign to ใส่คำสัง่ ออกแบบให้ กบั เสำ 11. คลิก Yes เพื่อยอมรับกำรทำงำน 12. คลิก DESIGN ELEMENT ในกล่อง Concrete Design- Whole Structure 13. เลือกกลุม่ CONCRETE_SLAB ในหน้ ำต่ำง Select Groups 14. เลือก Assign to Selected Plates ในส่วน assignment method 15. คลิก Assign to ใส่คำสัง่ ออกแบบให้ กบั พื ้น 16. คลิก Yes เพื่อยอมรับกำรทำงำน

ทาการออกแบบ Perform Design 1. คลิกที่ไอคอน Save เพื่อบันทึกไฟล์ 2. คลิกที่ไอคอน Run Analysis ในแถบริ บบอน Analysis and Design เพื่อให้ โปรแกรมทำกำรออกแบบ 3. ต้ องไม่มีข้อผิดพลำดใดๆ นันคื ้ อ 0 Errors (ตำมรูป) 4. เลือก Stay in Modeling Mode หน้ ำต่ำง STAAD Analysis and Design 5. คลิก Done เพื่อปิ ดหน้ ำต่ำง

ผลลัพธ์ การออกแบบคอนกรีต 1. คลิกที่ไอคอน Analysis Output ใน แถบริ บบอน Utilities 2. หน้ ำต่ำง STAAD.Pro CONNECT Edition Viewer จะปรำกฎขึ ้น 3. คลิกสองครัง้ ที่ CONCRETE DESIGN ทำง ด้ ำนซ้ ำยของ Contents list 4. ตอนนี ้คุณสำมำรถดูผลลัพธ์กำรออกแบบคอนกรี ตของคำน เสำ และพื ้น

32


ตัวอย่ำงผลกำรออกแบบคำนคอนกรี ต

ตัวอย่ำงผลกำรออกแบบเสำคอนกรี ต

ตัวอย่ำงผลกำรออกแบบพื ้นคอนกรี ต

33


ผลปริมำตรวัสดุที่ใช้ ในโครงสร้ ำง Take Off

5. คลิก Close เพื่อจบกำรดูผลกำรออกแบบ 6. คุณสำมำรถดูผลกำรออกแบบทีห่ น้ ำต่ำงหลักได้ 7. คลิกสองครัง้ บนชิ ้นส่วนใดก็ได้ ในโครงสร้ ำงบนหน้ ำต่ำงหลักของ STAAD.Pro 8. เลือกแถบ Concrete Design เพือ่ ดูผลกำรออกแบบคอนกรี ต 9. คลิก Close เพื่อจบกำรดู

34


บทที่ 9: การออกแบบเหล็ก Steel Design คำอธิบำยบท: ในบทนี ้คุณจะได้ เรี ยนรู้ทกั ษะพื ้นฐำนในกำรออกแบบเหล็ก คลิกที่แถบ Analytical Modeling ใน เวิร์คโฟล (Workflow) เพื่อเริ่มต้ นกำรออกแบบเหล็ก

การเลือกโค้ ดออกแบบ Design Code 1. คลิกที่แถบ Design บนแถบเวิร์คโฟล Analytical Modeling 2. คลิก Steel บนแถบริ บบอน Analysis and Design กลุม่ ริ บ บอน Design Commands 3. เลือกโค้ ดออกแบบที่ Current Code: AISC 360-05 ในกล่องSteel Design- Whole Structure 4. ตอนนี ้คุณได้ เลือกโค้ ดออกแบบเรี ยบร้ อยแล้ ว

ประกาศใช้ ตัวแปรออกแบบ Define Parameters 1. คลิกที่ Define Parameters ในกล่อง Steel DesignWhole Structure 2. จำกนันหน้ ้ ำต่ำง Design Parameters จะปรำกฏขึ ้นมำ เลือกค่ำตัวแปรต่ำงๆ 3. คลิก FYLD และใส่คำ่ Yield strength of steel: 415000 kN/sqm 4. คลิก Add เพื่อเพิ่มคำสัง่ ไปในรำยกำร

5. คลิก METHOD และเลือกวิธีกำรออกแบบ Enter design method: ASD 6. คลิก Add เพื่อเพิ่มคำสัง่ ไปในรำยกำร 7. คลิก TRACK และเลือก Track parameter: 2 = Print the design output at maximum detail level 8. คลิก Add เพื่อเพิ่มคำสัง่ ไปในรำยกำร 9. คลิก Close เพื่อปิ ด Define Parameters

35


กาหนดคาสั่ง Assign Parameters 1. คลิก FYLD 415000 ในกล่อง Steel Design- Whole Structure 2. เลือก Assign to View ในส่วน assignment method 3. คลิก Assign เพื่อใส่คำ่ ตัวแปรนี ้ให้ ทงโครงสร้ ั้ ำง 4. คลิก Yes เพื่อยอมรับกำรทำงำน 5. คลิก TRACK2 ในกล่อง Steel Design- Whole Structure 6. เลือก Assign to View ในส่วน assignment method 7. คลิก Assign เพื่อใส่คำ่ ตัวแปรนี ้ให้ ทงโครงสร้ ั้ ำง 8. คลิก Yes เพื่อยอมรับกำรทำงำน

ประกาศคาสั่งออกแบบ Define Commands กำรตรวจสอบกับมำตรำฐำนออกแบบด้ วยคำสัง่ CHECK CODE 1. คลิก Commands ในหน้ ำต่ำง Steel Design-Whole Structure 2. คลิก CHECK CODE ในกล่อง Design Commands 3. คลิก Add เพื่อเพิ่มคำสัง่ ไปในรำยกำร คำสัง่ ถอดปริ มำตรวัสดุของแต่ละหน้ ำตัดเหล็กที่ใช้ ด้วยคำสัง่ MEMBER TAKE OFF 1. คลิก MEMBER TAKE OFF ในกล่อง Design Commands 2. ติ๊กถูกที่ After current 3. คลิก Add เพื่อเพิ่มคำสัง่ ไปในรำยกำร ใช้ เพื่อให้ ถอดปริ มำณวัสดุทใี่ ช้ ในโครงสร้ ำง TAKE OFF 1. คลิก TAKE OFF ในกล่อง Design Commands 2. ติ๊กถูกที่ After current 3. คลิก Add เพื่อเพิ่มคำสัง่ ไปในรำยกำร 4. คลิก Close เพื่อจบ define commands

36


กาหนดคาสั่ง Assign Commands 1. คลิก CHECK CODE ในกล่อง Steel Design- Whole Structure 2. เลือก Front View เพื่อเปลีย่ นเป็ นมุมมองด้ ำนหน้ ำ 3. ใช้ เมำส์ลำกครอบโครงสร้ ำงหลังคำดังรูป (ขวำมือ) 4. เลือก Assign to Selected Beams ในส่วน assignment method 5. คลิก Assign ใส่คำสัง่ Check Codeให้ กบั โครงหลังคำทีเ่ ลือกไว้ 6. คลิก Yes เพือ่ ยอมรับกำรทำงำน 7. คลิก STEEL TAKE OFF ในกล่อง Steel Design- Whole Structure 8. เลือกชิ ้นส่วนทังหมดของโครงสร้ ้ ำงโดยใช้ เมำส์ลำกครอบทังหมด ้ 9. เลือก Assign to Selected Beams ในส่วน assignment method 10. คลิก Assign เพื่อใส่คำสัง่ STEEL TAKE OFF ให้ กบั ทังโครงสร้ ้ ำง 11. คลิก Yes เพื่อยอมรับกำรทำงำน 12. คลิกที่ STEEL MEMBER TAKE OFF ในกล่อง Steel Design - Whole Structure (ตำมรูปขวำมือ) 13. เลือกชิ ้นส่วนทังหมดของโครงสร้ ้ ำงโดยใช้ เมำส์ลำกครอบทังหมด ้ 14. เลือก Assign to Selected Beams ในส่วน assignment method 15. คลิก Assign เพื่อใส่คำสัง่ STEEL MEMBER TAKE OFFให้ กบั ทังโครงสร้ ้ ำง 16. คลิก Yes เพื่อยอมรับกำรทำงำน

ทาการออกแบบ Perform Design 1. คลิกที่ไอคอน Save เพื่อบันทึกไฟล์ 2. คลิกที่ไอคอน Run Analysis ในแถบริ บบอน Analysis and Design เพื่อให้ โปรแกรมออกแบบเหล็ก 3. เลือก Stay in Modeling Mode ในหน้ ำต่ำง STAAD Analysis and Design 4. คลิก Done เพื่อปิ ดหน้ ำต่ำงนัน้

37


ผลการออกแบบเหล็ก Steel Design Results 1. คลิกที่ไอคอน

Analysis Output ในแถบริ บบอน Utilities

2. จำกนันหน้ ้ ำต่ำง STAAD.Pro CONNECT Edition Viewer จะปรำกฏขึ ้นมำ 3. คลิกสองครัง้ ติดกันที่ STEEL DESIGN ทำงด้ ำนซ้ ำย ของContents list 4. ตอนนี ้คุณสำมำรถดูผลกำรออกแบบเหล็กได้ 5. หมุนปุ่ มกลำงของเมำส์เพื่อดูผลกำรออกแบบในรำยกำร

ตัวอย่ำงผลกำรออกแบบโครงสร้ ำงเหล็ก

6. กด Ctrl +F หน้ ำต่ำงใหม่จะปรำกฏเพื่อใช้ ในกำรหำชิ ้นส่วนที่ไม่ผำ่ น ให้ พิมพ์ คำว่ำ Fail ในช่องค้ นหำ 7. คลิก Find Next 8. โปรแกรมจะแสดงค่ำชิ ้นส่วนที่ไม่ผำ่ น แต่ในโครงสร้ ำงไม่มชี ิ ้นส่วนไหนไม่ผำ่ น Find Results: 0 Matches 9. คลิกสองครัง้ ติดกัน TAKE OFF ทำงด้ ำนซ้ ำยของContents list 10. ตอนนี ้คุณสำมำรถดูผลกำร take off ของเหล็ก 38


11. คลิก MEMBER TAKE OFF ทำงด้ ำนซ้ ำยของContents list 12. ตอนนี ้คุณสำมำรถดูผลกำร MEMBER TAKE OFF ของเหล็ก ตัวอย่ำงผล TAKE OFF

ตัวอย่ำงผล MEMBER TAKE OFF

\

13. จำกนันคลิ ้ ก Close ใน STAAD.Pro CONNECT Edition Viewer เพื่อปิ ด 14. คุณยังสำมำรถคลิกสองครัง้ ที่ชิ ้นส่วนโครงสร้ ำงเหล็กใดก็ได้ ใน ตัวโมลเพื่อดูผลกำรออกแบบเหล็กได้ ด้วย 15. เลือกแถบ Steel Design บนหน้ ำต่ำงที่ปรำกฏขึ ้นมำ

39


16. เมื่อดูเสร็ จ คลิก Close เพื่อปิ ดหน้ ำต่ำง 17. คลิกแถบ Postprocessing ใน เวิร์คโฟล (Workflow) 18. คลิกไอคอน Utilization Ratio ในแถบริ บบอน Results เพื่อดูคำ่ Utilization ratio ของชิ ้นส่วนเหล็ก 19. คลิกที่ไอคอน Utilization Layout (ภำยใต้ view results layout) ในแถบริ บบอน Results ribbon area เพื่อดู รำยละเอียดในรำยกำรของทุกชิ ้นส่วน (ตำมรูป ด้ ำนล่ำง)

40


REI Software Co.,Ltd. 100/1 Vorasombat Building (14LB FL.), Rama IX Rd, Huay Kwang,Bangkok, 10310, Thailand TEL : +66 2 645 1018-9, FAX : +66 2 645 1017 www.reisoftwareth.com, www.reith-geo5.com


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.