[Title will be auto-generated]

Page 1

โอวทตุ โน ภนฺเต ภควา, อนุสาสตุ โน ภนฺเต ภควา, ยํ อมฺหากํ อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายาติ ฯ ตสฺมา ติห โว ธมฺม ทินฺน เอวํ สิกฺขิตพฺพํ เย เต สุตฺตนฺตา ตถาคตภาสิตา คมฺภีรา คมฺ ภีรตุถา โลกุตฺตรา สุฺตปฏิสํยุตฺตา เต กาเลน กาลํ อุปสมฺปชฺช วิ หริสฺสามาติ ฯ … น โข เนตํ ภนฺเต สุกรํ อมฺเหหิ ปุตฺตสมฺพาธสยนํ อชฺฌาวสนฺเตหิ กาสิกจนฺทนํ ปจฺจนุโภนฺเตหิ มาลาคนธวิเลปนํ ธารยนฺเตหิ ชาตรูปรชตํ สาทิยนฺเตหิ, … เต สนฺโน ภนฺเต ภควา อมฺหากํ ปฺจสุ สิกฺขาปเทสุ ตานํ อุตฺตรึ ธมฺมํ เทเสตูติ. “ขาแตพระองคผูเจริญ ! ขอพระผูมีพระภาคเจา จงประทานโอวาท ; ขาแตพระองคผูเจริญ ! ขอพระผูมีพระภาคเจา จงประทานอนุศาสน ; ที่จะเปนไปเพื่อประโยชนและความสุข แกพวกขาพระองคทั้งหลาย ตลอดกาลนาน” ดังนี้. “ดูกอน ธรรมทินนะ ! ถาเชนนั้น ทานทั้งหลายพึง สําเหนียก อยางนี้วา สุตตันตะทั้งหลายเหลาใด อันพระ ตถาคตภาษิตแลว มีความลึกซึ้ง มีอรรถอันลึกซึ้ง ยิ่งกวาวิสัย โลก ประกอบพรอมเฉพาะดวยสุญญตา เราทั้งหลาย จักเขา ถึงสุตตันตะเหลานั้น แลวแลอยูตลอดกาลอันสมควร” ดังนี้. …ขาแตพระองคผูเจริญ ! ขอนั้นมิใชสิ่งที่จะทําไดโดยงาย สําหรับขาพระองคทั้งหลาย ผูนอนแออัดดวยบุตร ผูลูบไลกระแจะ จันทร จากแควนกาสี ผูทัดทรงมาลาเครื่องหอมและเครื่องลูบทา ผู ยังยินดี อยูดวยทองและเงิน, … ขาแตพระผูมีพระภาคเจา ! ขอพระ ผูมีพระภาคเจา จงทรงแสดงซึ่งธรรมอันยิ่ง สําหรับพวกขาพระองคทั้ง หลาย ผูตั้งอยูแลวในสิกขาบท ๕ ประการเถิด … ฯ

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org (ธัมมทินนสูตร มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๑๒/๑๖๒๕)


ตสฺมาติห เต คหปติ เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ; น จกฺขุ อุปาทิยิสฺสามิ, น จ เม จกฺขุนิสฺสิตํ วิฺาณํ, …น รูป…, น จกฺขุวิฺาณํ…, น จกฺขุสมฺผสฺสํ…, น จกฺขุสมฺผสฺสชํ เวทนํ…, น ปฐวี ธาตุ…, น รูป…, น อากาสานจายตฺนํ…, น อิธ โลกํ…, น ปรโลกํ…, ยมฺป เม ทิฎํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมฺป น อุปาทิยิสฺสามิ, น จ เม ตนฺนิสฺสิตํ วิ ฺาณํ ภวิสฺสตีติ, … เอวํ วุตเต อนาถปณฺฑิโก คหปติ ปโรทิ อสฺสูนิ ปวตฺเตสิ, … เตนหิ ภนฺเต สารีปุตฺต คิหีนํป โอทาตวสนานํ เอวรูป ธมฺมิกถา ปฏิภาตุ: สนฺติ หิ ภนฺเต กุลปุตฺตา อปฺปรชกฺขชาติกา. อสฺสวนตา ธมฺมทสฺส ปริหายนฺติ, ธมฺมสฺส อฺาตาโรติฯ (อนาถปณฑโกวาทสูตร อุปริ.ม. ๑๔/๔๖๗–๔๗๑/๗๒๗–๗๓๗.) ดูกอนคหบดี! ในเรื่อง (อาพาธ) นี้ ทานพึงทําความสําเหนียกอยางนี้วา “ เราจักไม ยึดมั่นถือมั่นซึ่งจักษุ, วิญญาณอันอาศัยจักษุ ก็จักไมมีแกเรา…, จักไมยึดมั่นถือมั่นซึ่ง รูป …, จักไมยึดมั่น ถือมั่น ซึ่งจัก ขุวิญ ญาณ…, ซึ่งจัก ขุสัม ผัส …, ซึ่งจัก ขุสัม ผัส สชา เวทนา…., ซึ่ ง ปฐวี ธ าตุ … , ซึ่ ง รู ป ขั น ธ … ., ซึ่ ง อากาสานั ญ จายตนะ…., (ในที่น้ยี กมาเฉพาะหัวขอแรกของหมวด พึงทราบวา ในบาลี กลาวเรียงอยางครบทุก อยางของทุกหมวด)…ซึ่ง โลกนี้…, ซึ่ง โลกอื่น …, ดูกอ นคหบดี! อารมณใ ดๆ อัน เราเห็น แลว ฟง แลว รู ส ึ ก แล ว รู แ จ ง แล ว แสวงหาแล ว เที่ ย วไปแล ว ด ว ยใจ เราจั ก ไม ยึ ด มั่ น ถื อ มั่ น ซึ่งอารมณแมนั้นๆ ; อนึ่ง วิญญาณอันอาศัยอารมณนั้นๆ ก็ จักไมมีแกเรา” ดังนี้. ครั้นพระสารีบุตรไดกลาวอยางนี้แลว อนาถปณฑิกคหบดี ไดรองไหแลว,… มีน้ําตานอง หนาแลว,… ไดกลาวแกพระอานนทวา “ ขาแตทานพระอานนท ขาพเจามิไดอาลัยในชีวิต มิไ ดม ีใจจดจอ ในชีวิต แตวา พระศาสดาเปน ผูที ่ขาพเจา เขา ไปนั่ง ใกลแ ลว ตลอด เวลานาน, ภิกษุทั้งหลายก็เปนที่ชอบพอกันเปนอันมาก; แตวาธรรมกถาอยางชนิดนี้ ขาพเจาไมเคยฟงเลย”, … และไดกลาวกะทานพระสารีบุตรวา “ถาอยางนั้นขอธรรมกถา อยางชนิดนี้ จงเปนที่แจมแจงแมแกคฤหัสถผูนุงขาวทั้งหลายเถิด. ขาแตทานผูเจริญ! กุลบุตรผูมีชาติแหงธุลีในดวงตาแตเล็กนอย ก็มีอยู, เมื่อไมไดฟงธรรมะนี้แลว จัก เสื่อมจากประโยชน; กุลบุตรผูรูทั่วถึงธรรม จักมีเปนแท” ดังนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org (เมื่อพระสารีบุตรและพระอานนทกลับไปแลวไมนาน อนาถปณฑิกคหบดี ไดกระทํากาละแลว.)


www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ฆราวาสธรรม

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


น โข คหปติ ตาวตเกเนว ตุฎ ิ กรณีย า มยํ ภิก ขุส งฆํ ปจฺจุป ฎิต า … … ตสฺม า ติห คหปติ เอวั สิกฺขิต พฺพํ กินฺติ มยํ กาเลน กาลํ ปวิเวกํ ป ตึ อุ ป สมฺ ป ชฺช วิห เรยฺ ยามาติ … … ยสฺ มึ สารีปุตฺต สมเย อริยสาวโก ปวิเวกํ ปตึ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ปฺจสฺส านานิ ตสฺมึ สมเย น โหนฺติ……… ดูกอนคหบดี! ทานทั้งหลาย ไมพึงกระทําความพอใจแตเพียงวา “ เราทั้ งหลายได บํ ารุ งภิ กษุ สงฆ ด วยจี วรบิ ณ ฑบาตเสนาสนะคิ ลาน ปจจย- เภสัช ชบริข าร” ดูกอ นคหบดี! เมื ่อ เปน ดัง นั้น เกี่ย วกับ เรื่องนี้ทานทั้งหลายพึงสําเหนียกอยางนี้วา ถากระไร เราทั้งหลาย จัก เข าถึ งซึ ่ง ปวิเ วกปต ิ แลว แลอยู  โดยกาลอัน สมควร. ดูก อ น คหบดี ! ทานทั้งหลายพึงสําเหนียกอยางนี้แล…ฯลฯ..ดูกอนสารีบุตร! สมัยใด อริยสาวกเขาถึงซึ่งปริเวกปติ แลวแลอยู; สมัยนั้น ฐานะทั้ง ๕ ยอมไมมีแกอริยสาวกนั้น คือ ไมมีทุกขโทมนัสอันอาศัยกามดวย ไมม ีส ุข โทมนัส อัน อาศัย อกุศ ลดว ย ไมม ีท ุก ขโสมนัส อัน อาศัย อกุศลดวย ไมมีสุขโทมนัสอันอาศัยกุศลดวย ไมมีทุกขโสมนัส อันอาศัยอกุศลดวย ดังนี้แล.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org (ตรัสแกอนาถปณฑิกะ กับบริษัทหารอย ที่เชตวัน, ปติสูตร ปฺจก.อํ.๒๒/๒๓๐/๑๗๖)


ฆราวาสธรรม พุทธทาสภิกขุ อบรม พระนิสิต ฯ บวชภาคฤดูรอน พ.ศ. ๒๕๓๓

ธรรมทานมูลนิธิ จัดพิมพดวยทุน “สุภีคลองการยิง” เปนอันดับที่สองแหงทุนนี้ เปนการพิมพครั้งแรก อันดับที่ ๑๗ ก. บนพื้นแถบสีแดง ของหนังสือชุด ธรรมโฆษณ จํานวน ๑,๕๐๐ ฉบับ พ.ศ. ๒๕๑๘

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org (ลิขสิทธิ์ไมสงวนสําหรับการพิมพแจกเปนธรรมทาน , สงวนเฉพาะการพิมพจําหนาย)


www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


คําปรารภ -------------ธรรมทานมู ล นิ ธิ ขอถื อ โอกาสนี้ ปรารภต อ ท านทั้ งหลาย ผู ได รั บ ประโยชน จากการพิมพหนังสือชุดธรรมโฆษณนี้ขึ้น โดยทั่วกัน. หนั ง สื อ เล ม นี้ จั ด พิ ม พ ขึ้ น มาได ด ว ยดอกผลจากเงิ น ทุ น “สุ ภี ค ล อ งการยิ ง อนุ ส รณ ” ผู เห็ น ประโยชน เกื้ อ กู ล ในทางธรรม. คณะกรรมการธรรมทานมู ล นิ ธิ ปรึกษาตกลงกั นว า จะใช เงินดอกผลรายนี้ ในการเผยแพรธรรม ตามวั ตถุ ประสงค ข อ ๑ ของมูลนิธิ โดยจัดพิ มพเรื่องตางๆ ที่ทานพุทธทาสไดแสดงไว เปนลําดับไป ใหครบถวน อยู เสมอ; โดยดํ าเนิ นการทํ านองเดี ยวกั นกั บหนั งสื อชุ ดธรรมโฆษณ เล มอื่ นๆ ที่ ได ทํ า อยูแลว. หนั ง สื อ ที่ พิ ม พ ด ว ยทุ น “สุ ภี ค ล อ งการยิ ง อนุ ส รณ ” นี้ จะมี เ รื่ อ งประเภท ธรรมบรรยาย เช น แนะแนวจริ ย ธรรม ซึ่ ง บรรยายในการอบรมครู , ปาฐกถา, เทศนา ฯลฯ เพื่อนํามารวบรวมไวเปนชุด เปนหมวดหมู สะดวกแกการศึกษาคนควา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org หนั งสื อชุ ดนี้ จั ดพิ มพ ขึ้ นด วยกระดาษปอนด เย็ บปกแข็ งประเภทเดี ยวเท านั้ น หนั งสื อส วนหนึ่ ง จะมอบไว ตามห องสมุ ด สถานศึ กษา ฯลฯ ตามมติ คณะกรรมการ ที่ตั้งขึ้นไวเพื่อการนี้, อีกสวนหนึ่งจําหนายในราคาชนิดที่ “ เอากุศลเปนกําไร” เพื่อ พุ ทธบริษั ท ผู มี รายได น อยโดยเฉพาะ จะได หาซื้ อไปไว เป นส วนตั วบ าง; ทํ าให แพร หลายไปในบรรดาผู ศึ กษาธรรมะโดยตรง. เงินที่ ได จากการจํ าหน ายประเภทนี้ จะได นํามาสมทบทุนไว เพื่อจัดพิมพหนังสือชุดนี้ ในอันดับตอไป. ธรรมทานมูลนิธิ ไชยา


สารบาญ ๑. ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว …. …. …. ๑ ๒. ปญหาเพียงขอเดียวของมนุษยชาติ …. …. ๒๓ ๓. ความเปนฆราวาส …. …. …. …. ๔๒ ๔. ธรรมะสําหรับฆราวาส …. …. …. …. ๖๔ ๕. ฆราวาสธรรมที่เปนธรรมประเภทเครื่องมือ …. …. ๗๗ ๖. ความสุขของฆราวาส …. …. …. …. ๙๓ ๗. ความทุกขในความเปนฆราวาส …. …. ๑๑๐ ๘. - ๙. ธรรมรวม สําหรับคฤหัสถและบรรพชิต …. …. ๑๒๘ - ๑๔๗ ๑๐. ความมีสติของฆราวาส …. …. …. …. ๑๖๖ ๑๑. ปญหาเพศรสของฆราวาส …. …. …. …. ๑๘๖ ๑๒. การควบคุมความรูสึกทางเพศของฆราวาส …. …. ๒๐๕ ๑๓. สุญญตา กับ ฆราวาส …. …. …. …. ๒๒๓ ๑๔. รฆาวาส กับ อุดมคติของโพธิสัตว …. …. ๒๔๕ ๑๕. กําลังของฆราวาส …. …. …. …. ๒๖๒ ๑๖. ความรอดพื้นฐานของฆราวาส …. …. …. ๒๘๑ ๑๗. หายนธรรม ของโลกฆราวาส …. …. …. ๓๐๑ ๑๘. ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน (โลภะ) …. ๓๒๑ ๑๙. ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน (โทสะ โมหะ) ๓๔๑ ๒๐. ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน (ความเห็นแกตัว) ๓๖๒ ๒๑. ฆราวาส กับ ไสยศาสตร …. …. …. …. ๓๘๕ ๒๒. - ๒๓. ฆราวาส กับ พุทธศาสตร …. …. ๔๐๕ - ๔๒๓ ๒๔. เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม …. …. …. ๔๔๕ ภาคผนวก ๑. ทิศทางที่ฆราวาสจะตองเดินไป …. …. ๔๗๒ ๒. อุดมคติที่ควรมีตอทิศทั้งหก …. …. ๔๘๗ ๓. หลักปฏิบัติ ตอ ทิศเบื้องหนา …. …. ๕๐๗ ๔. ทิศเบื้องหลัง และเบื้องขวา – ซาย …. ๕๒๗ ๕. ทิศเบื้องบนและเบื้องต่ํา …. …. ๕๕๐ ๖. จุดหมายปลายทางที่มนุษยตองเดินไป …. ๕๖๙

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org

โปรดดูสารบาญละเอียดหนาตอไป


สารบาญละเอียด ๑. ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว บทแรกนี้กลาวดวยเรื่องสําหรับจะเขาใจหัวขอเรื่องในวันตอ ๆ ไป…. …. ๑ ที่จริงกิเลสก็ดี ทุกขก็ดี มันเรื่องของใจคน ไมเลือกวาเปนพระหรือฆราวาส ๒ มีหลักกวาง ๆ ในเรื่องนี้ คือไมวาใคร ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว …. ๒ ตัวหนึ่งคือความรู ฝากแรงไวกับอีกตัวหนึ่ง เพื่อทําอะไรสําเร็จ …. ๓ ถาขาดตัวรู ชีวิตก็อันตราย อยางพวกเมาเทคโนโลยีในโลกเวลานี้ …. ๔ ชาวตะวันออกเคยสวางไสวทางวิญญาณนานชา เพิ่งไปเอาอยางฝรั่งมากขึ้น ๕ ไปเปนทาสเทคโนโลยี เกิดโลภไมมีขอบเขต จึงทุกขยากระส่ําระสาย …. ๖ ทุกศาสนามีหลักเดียวกันคือรูความพอดี ไมโลภลามก ทําใหเดือดรอนกันหมด ๗ นี้คือตนตอของปญหายุงยากสมัยนี้ ครั้งปูยาตายายทานมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์กั้นไวได ๘ การแก มันจึงอยูที่เราจะใหชีวิตเทียมควายสองตัว ไดหรือไมเทานั้น …. ๙ วิชาความรูสมัยใหมมันไมรูสิ่งควรรู ไมเกี่ยวมาทางศาสนาในแงชนะตน ๙ สมัยกอนรูเทาที่ตองรู เรี่ยวแรงเทาที่มีก็ผาสุกได เพราะรูจุดหมายชีวิต ๑๑ “วิปสสนา” ก็คือมองจนเห็นตัวปญหา แลวแกถูกสภาพ ไมใชเรื่องหลับตา ๑๓ ฉะนั้นใหตั้งตนรูพุทธศาสนาที่ตัวทุกขสัจจตามลําดับ ไมใชทําอยางสมัครเลน ๑๔ ถาไปจับเรียนวิธีอื่น ยิ่งเรียนก็ยิ่งไมรูพุทธศาสนา เพราะไมเรียนตัวเอง ๑๕ “ชีวิต” ฝายวิญญาณ เปนเรื่องทางศาสนาซึ่งตรง ๆ กันหมด ตองรูจึงจะชวยได๑๖ “รู” นั้นมีหลายระดับ : รูดวยเรียน รูดวยหยั่งคิด รูโดยผานดวยชีวิตจิตใจ ๑๗ แมรูโดยวิธีผานชีวิตมาจริง ก็ตองเปนแขนงที่เกี่ยวกับความดับทุกขโดยตรง ๑๘ ฉะนั้น “อุดมศึกษา” แท ตองเปนเรื่องนี้ อยาแนใจวา แคจบการเลาเรียน ๑๙ วิธีปองกันและแกทุกขที่ถามนั่นแหละ เปนอุดมศึกษา ขอใหติดตาม …. ๒๐

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org

[๒]


[๓]

๒. ปญหาเพียงขอเดียวของมนุษยชาติ ปญหาการปองกัน - แกทุกขมันอยูที่รู เกิดมาทําไม เพียงขอเดียว …. ๒๓ คนทุกวัย ถาไมรูกอนวา เกิดมาทําไม ไปทําอะไรมันจะผิดวัตถุประสงคหมด ๒๔ ปญหา เกิดมาทําไม จึงตองรูกอน ตองตัง้ ตนดวยความไมประมาท รีบรูเสีย ๒๕ ทุกคนเกิดมาแลว จําตองยอมที่จะรู เกิดมาทําไม แลวประพฤติใหถูกตามนั้น ๒๖ การที่จะรูวา เกิดมาทําไม ตองไตไปถึงวา อะไรทําใหเกิดมา ๒๗ สิ่งทําใหเกิดมาก็คือธรรม ซึง่ หมายกวางคลุมทุกสิ่งหมด รวมทั้งกฎธรรมชาติ ๒๘ ฉะนั้นไปรูจักสิ่งนั้นเสียใหเพียงพอ ก็จะรูว าธรรมชาตินั้นตองการใหเราทําอะไร ๒๙ คน เปนผลทีธ่ รรมชาติผลิตและปรุงแตง เปนไปตาม “เจตนา” ของธรรมชาติ ๓๐ เจตนารมณของธรรม ก็เพือ่ ใหมนุษยไปถึงจุดสูงสุดของความเปนมนุษย ๓๑ ฉะนั้นจึงควรมุง ศึกษาทําความเขาใจจนรูจักพระธรรม ปญหาตาง ๆ จะหมด ๓๒ ธรรมะสรางคนมาใหผิดจากสัตว คือใหคนมีธรรมะอยางคน …. …. ๓๓ หากเรามีธรรมะแลว เราอาจอยูลําพังได เขาสังคมเพือ่ ธรรมก็ได …. ๓๔ ทั้งฆราวาสทั้งพระตองไปสูยอดสุดบรมธรรม จะชาเร็ว อยูที่ทําผิดหรือถูก ๓๕ คนเรานอกจากเกิดมาเพื่อมีธรรมแลว เกิดมานี้ก็ยังเพื่อไมเปนทุกขอีกดวย ๓๗ แมยังชอบหวังอยู ก็ใหรูจักตั้งความหวัง ใหคลอยธรรมชาติ ไมมีทางผิดหวัง ๓๗ ทุกขเกิดคราวใด ดวยอะไร ใหมีหลักไวทีกอน วาฉันไมไดเกิดมาเพือ่ ทุกข ๓๙ พุทธบริษัทสวางไสว รูวา เกิดมาทําไม รูจักมีวัตถุไวใช ทําใหไมทุกขทุกกรณี ๔๐ ทั้งหมดนี้เปนเรื่องตองมองใหเห็นทั่วกอน วาชีวิตเพื่ออะไร จะไมทําผิด ๆ ๔๑

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ๓. ความเปนฆราวาส เพศฆราวาส ใคร ๆ มักเขาใจไปวายังไมควรเผยอไปเกี่ยวของธรรมะ ใหเขาใจเสียใหม วาไมมีใครบวชมาแตในทอง ชีวิตนี้เปนเรื่องเรียนเรื่อยมา

๔๒ ๔๓


[๔] การเปนฆราวาสนั่นแหละ คือการเขาโรงเรียนจริงเพื่อรูจักชีวิตจากธรรมชาติ ๔๓ ธรรมะเปนหนาที่ ไมทําไมได คนเราชีวิตจะสมบูรณตองผานอาศรมครบ ๔. ๔๔ อาศรมสี่มีการทําหนาที่ที่ถูกตามลําดับ : พรหมจารี คฤหัสถ วนปรัสถ สันยาสี ๔๕ การครองฆราวาสเปนขั้นตอนที่ตองเขาโรงเรียนชีวิต ยิ่งกวาลําดับอื่น ๆ ๕๐ พรหมจารีชั้นประถม คฤหัสถชั้นมัธยม วนปรัสถคือขั้นอุดม ไปสุดที่สันยาสี ๕๑ ทุก ๆ ขั้นตอน ก็อาจตอบ เกิดมาทําไม ไดไปคนละระดับ จากโง ๆ จนสูงสุด ๕๒ ฉะนั้นอยาเพอวารูจักชีวิตดี จะพลาด ชีวิตจะไมสมบูรณถึงปลายทาง …. ๕๒ สิ่งที่ทุกคนควรคิดและตองผาน เชนครอบครัว ความรัก ทรัพยยศไมตรี ฯลฯ ๕๓ ใหไปรูจักสิ่งเหลานี้ถูกตองเสียกอน จะรูความเปนฆราวาสดีที่สุด …. ๖๑ บวชทั้งทีตองเห็นความสําคัญของธรรมะ ของศาสนา จะไมเปนไกไดพลอย ๖๑ สรุปอยูที่รูอะไรเปนอะไร เปนฆราวาสนี้ ก็เพื่อผานไปใหดี เพือ่ สูจุดสูงสุด ๖๓

๔. ธรรมะสําหรับฆราวาส ทราบเคาโครงรูปการณชีวิตคนเราแลว ก็ถึงธรรมะสําหรับฆราวาสโดยเจาะจง ๖๔ ธรรมปฏิบัติยอ มมีทั้งหัวขอธรรม ๑ ทั้งธรรมเครื่องชวยใหปฏิบัติไดตามนั้น ๑. ๖๕ ฆราวาสธรรม ในฐานะหัวขอธรรม ชี้การครองเรือนใหกาวสูงไป ๆ จนสุดได ๖๖ ทั้งนี้เพราะถาเปนฆราวาสใหดีไมได ก็จะสูงไปไมได มันเปนขั้นตอนใหกัน ๖๖ พุทธศาสนาชี้ขอปฏิบัติ ทั้งขั้นตน ขั้นกลาง ขั้นสูง สําหรับชีวิตฆราวาส : ขั้นตน - ใหลุลวงไปดี เกี่ยวกับสวนตัว ในเรื่องทรัพย ยศ สมาคม …. ๖๗ - ใหลุลวงไปดีเกี่ยวกับสังคม คือทําถูกกับคนรอบทิศ …. ๖๘ ขั้นกลาง : มีศรัทธามั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ มีอริยกันตศีล ๗๒ ขั้นสูง : ปฏิบัติปองกัน บรรเทา และขจัดทุกขในชีวิต ดวยหลักสุญญตา ๗๔ สุญญตาสําหรับลุนิพพานนี่แหละ ใชบรรเทาและดับทุกขสําหรับชนทุกชั้นได ๗๕

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


[๕]

๕. ฆราวาสธรรมที่เปนธรรมะประเภทเครื่องมือ กลาวขอธรรมชี้ทางปฏิบัติแลว ยังมีธรรมะเครื่องมือชวยใหทําไดตามนั้นอีก ๗๗ หมวด ฆราวาสธรรมสี่ ในฐานะเปนเครื่องมือ : สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ ๗๙ ๑. สัจจะ ความจริงใจ จริงที่จะลงมือในขอปฏิบัติที่จําตองทํา ๘๐ ๒. ทมะ บังคับใจตัวเอง ฉลาดเรื่องจิต ทํากับจิตถูกวิธี …. ๘๑ ๓. ขันติ อดทนตอกิเลสบีบคั้น เพื่อรองรับไมใหลมเหลวกอนไดผล ๘๓ ๔. จาคะ รูจักระบายสิ่งที่ตองทนหรือสิ่งไมตองการ ที่มีอยูในจิต ๘๕ กิจที่ตองละตองบําเพ็ญลวนสําเร็จดวยอุบาย คือธรรมะประเภทเครื่องมือ ๘๖ ธรรมะ ๔ ชื่อนี้ จะแจงใหเปนเพียงชื่อหัวขอปฏิบัติ ก็ยอมได …. ๘๘ หมวด อิทธิบาทสี่ ในฐานะเปนเครื่องมือ : ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ๙๐ การปฏิบัติสมควรแกธรรม ตองถูกเทคนิค แยกรูขอปฏิบัติกับธรรมะเครื่องมือ ๙๑ รูเรื่องนี้จะทําใหปรับปรุงดีไดสําเร็จทุกดาน ใชไดแมในมหาวิทยาลัย ๙๒

๖. ความสุขของฆราวาส

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org “ฆราวาส” คํานี้หมายถึงคนหลายระดับ ยากที่จะพูดวาแคไหนใช แคไหนไมใช ๙๓ สุขของฆราวาสจึงกวางไกลไมเพียงแคมีทรัพย จับจายได ไมมีหนี้ มีงานดี ๙๕ ฆราวาสยังสามารถแสวงหาความสุขที่ดีที่สูงไปกวานั้นไดมาก …. … ๙๖ ฆราวาสมีภูมิจิตใจตาง ๆ กัน สุขที่ฆราวาสหาไดจึงตาง ๆ ไป …. …. ๙๗ จะเปนสัตวอะไรชี้ไดที่ภูมิของจิต จิตอยูไหนเวลาไร โลกของเขาก็อยูระดับนั้น ๑๐๒ ฆราวาสคนหนึ่งจิตอาจเปลี่ยนไดครบทั้ง ๔ ภูมิ ทั้งที่กายยังอยูในโลกนี้ ๑๐๔ ความสุขของฆราวาสจึงมีตามชั้น : - ชั้นสามัญที่ปฏิบัติอยูในทิศหก - ชั้นกลางที่ปฏิบัติตัวในปุญญาภิสันทะ - ชั้นสูงที่ปฏิบัติขั้นสุญญตา ๑๐๕


[๖] ฉะนั้นฆราวาสไมจําตองสกปรกลามก อาจสูงขึ้นถึงชั้นอนาคามีได …. ๑๐๗ เราจะเอาเกณฑกันที่คําพูด หรือที่โลกวัตถุไมได ตองเอาภูมิจิตใจเปนหลัก ๑๐๗ สรุปวาฆราวาส คือดงความยุง ควรถือเอาจิตใจเปนสําคัญ ก็จะไปไดไกล ๑๐๘

๗. ความทุกขในความเปนฆราวาส วากันวาฆราวาสทุกข แตที่จริงอยูที่คน ๆ นั้นเปนฆราวาสไดถูกตองแคไหน ๑๑๐ ถาเปนสัตบุรุษ ก็ทุกขนอย ถาเปนอสัตบุรุษก็มีเรื่องใหทุกขตามประสาพาล๑๑๒ ฉะนั้นการเปนชาววัดชาวบาน จะถือเปนเกณฑชี้เรื่องทุกขทางจิตใจไมได ๑๑๓ แตอยางไร ฆราวาสไมโลงโถงเทา เรื่องที่จําตองมี - ตองหามันมาก …. ๑๑๔ วิธีทํากับทุกขของฆราวาส ก็คือเอาทุกขนั่นแหละเปนบท ที่ตองรู – ตองผาน๑๑๖ ฆราวาสจึงมีเปน ๒ อยาง เปนอยางหลับหูหลับตา กับเปนอยางนักศึกษา ๑๑๗ จัดทําใหถูกกับขั้นตอนแหงชีวิตนี้ไปทุกระยะ ก็จะเปนคนมีสติ ไมทุกขมาก ๑๑๘ ฆราวาสชั้นดีมีวิธีตอนรับทุกข วัตถุประสงคพุทธศาสนาก็เพื่อใหเปนผูชนะ ๑๒๑ สัตบุรุษนั้นอยูที่แกปญหาชีวิตได มีสุขตามสภาพ ทําชีวิตเปนเรื่องศึกษา ๑๒๓ ฉะนั้นเปนสัตบุรุษได จะเปนฆราวาส เปนพระ เปนอริยเจาไปพรอมกันได ๑๒๔ ฆราวาสแบบพระพุทธเจา ตองมีหลักสุญญตา ชีวิตไมติดตันลุถึงปลายทางได ๑๒๕ ความทุกข ทําใหคนฉลาด ทําใหคนเปนพระพุทธเจา หากรูจักตอนรับมัน ๑๒๖ สรุปก็วาอยูที่เปนฆราวาสโงหรือฉลาด ถาฉลาดก็ฝาไปได เหนือทุกขได ๑๒๗

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ๘ - ๙ ธรรมรวม สําหรับคฤหัสถและบรรพชิต ที่จริงทุกคนมีกิเลสมีทุกขเหมือน ๆ กัน หลักธรรมะก็เลยใชไดรวมกัน…. ๑๒๘ คือมีเหมือนกันทั้งขอปฏิบัติ ทั้งเครื่องมือชวยใหปฏิบัติ และที่อนุโลมใชกันได๑๒๙


[๗] ธรรมะประเภทระบุใหปฏิบัติ : หลักปฏิบัติ ที่รวมกันมีสรณาคมน ซึ่งทุกคนเขาถึงดวยใจสะอาด สวาง สงบ ๑๓๐ หลักทฤษฎี ที่รวมกัน มีอริยสัจจสี่ ก็เปนหลักเดียวกัน ที่ตองรู ตองปฏิบัติ ๑๓๑ ขอปฏิบัติองคมรรค ฆราวาสบรรพชิต ก็ตองปฏิบัติใหอยูกับเนื้อกับตัวทั้งแปด ๑๓๑ หลักไตรสิกขา ทั้งฆราวาสทั้งบรรพชิตก็ตองมีศีล สมาธิ ปญญาเดียวกัน ๑๓๔ หลักสุญญตา ที่วาสูงนั้น พุทธองคกลับระบุวามันเกื้อกูลฆราวาสตลอดกาล ๑๔๔ ธรรมะประเภทเครื่องมือ ที่ชวยใหปฏิบัติไดตามนั้น : ทั้งฆราวาสและบรรพชิตก็เปนคน จึงมีวิธีขจัดกิเลสดับทุกขเหมือน ๆ กัน ทุกชีวิตกําลังเดินทาง แมถือเพศไร ๆ ก็ตองจัดทําใหสนับสนุนการเดินทาง ฆราวาสธรรมสี่ เปนเครื่องมือในการปฏิบัติ แมถือเพศไหนก็จําตองใช อิทธิบาทสี่ ก็ใชไดแมขั้นทํากิน ขั้นศึกษาเลาเรียน ขั้นปฏิบัติธรรมชั้นสูง โพชฌงคเจ็ด ใชเปนเครื่องชวยใหลุธรรมสูงดวย ใชใหการงานสําเร็จดวย

๑๔๗ ๑๔๙ ๑๕๔ ๑๕๕ ๑๕๖

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ธรรมะประเภทอนุโลมใชของกันและกันได : บทปจจเวกขณ ปจจัยสี่ของภิกษุ ฆราวาสก็นําเอามาปฏิบัติใหเกิดประโยชนได ๑๖๐ อภิณหปจจเวกขณของบรรพชิต ฆราวาสก็เอามาเปนเครื่องกั้นและแกทุกขได ๑๖๒ รวมความวาธรรมะใดถาเอามาใชประโยชนสูงสุดได นั่นแหละคืออภิธรรมแท ๑๖๒ ฉะนั้นคนเราอยาไปหามลอตัวเอง จํากัดใหตกจมวัฏฏะตอไปอีกเลย …. ๑๖๕

๑๐. ความมีสติของฆราวาส “สติ” ที่ฆราวาสจะพึงมีนั้น ตองเปนสติสําหรับรักษาอุดมคติแหงตน ๆ ใครจะมีอุดมคติในระดับไหน ก็จะไปสุดอยูที่เปนมนุษย รูวาเกิดมาทําไม อุดมคติของฆราวาส ก็คือเปนมนุษยที่ไดสิ่งดีที่สุด เทาที่มนุษยสามารถได

๑๖๖ ๑๖๗ ๑๖๙


[๘] ชีวิตนี้เปนการศึกษา เพื่อเลื่อนถึงชั้นที่ดีไปกวา กิน กาม เกียรติ ๑๗๑ อุดมคติที่ดีกวา กิน กาม เกียรติ ก็คือใจสูง มีจิตสะอาด สวาง สงบ ๑๗๒ สติชวยรักษาอุดมคติ อุดมคติมีอยูไดเพราะสติชวยรักษาไว ๑๗๓ ๑. ฆราวาสตอง มีสติรักษา อุดมคติของมนุษย ตลอดเวลา ๑๗๔ ๒. ฆราวาสตอง มีสติรักษา อุดมคติของการงาน ที่กําลังทําอยู …. ๑๗๔ ๓. ฆราวาสตอง มีสติในขณะทํางาน ไมใหผิดพลาด …. …. …. ๑๗๕ ๔. ฆราวาสตอง มีสติในการจํา : จําเกง - จํามาก จํากวาง - จําไกล ๑๗๖ ๕. ฆราวาสตอง มีสติไดในทันควัน (สติทันควันเปนพื้นฐานของสติทั้งหมด) ๑๗๘ ๖. ฆราวาสตอง มีสติในการที่จะไมเสียสติ ในขณะวิกฤต …. …. ๑๗๙ ๗. ฆราวาสตอง มีสติเมือ่ จะตาย คือตายอยางมนุษยที่ดี มีสัมปชัญญะ ๑๘๑ วัฒนธรรมการตายตามแบบของพุทธบริษัท สมัยปู ยา ตา ยาย ๑๘๓ ครอบครัวชาวพุทธที่อบรมใหมีสติมาแตเด็ก จะคุมได ชวยใหไดสิ่งดีที่สุด ๑๘๔

๑๑. ปญหาเพศรสของฆราวาส

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org “เพศ” เปนใจความของฆราวาส หรือคฤหัสถ - ผูมีเคหะไวกําบังอะไร ๆ ๑๘๖ เคหะมีมาตัง้ สมัยคนปาเริ่มละอาย ตองบังเรื่องเพศ จึงไมใชเรื่องเล็กนอย ๑๘๗ คนสัตวถึงวัยผูใหญ จับทําอะไร ลวนผลักดันจากความรูสึกทางเพศ …. ๑๘๘ สัตวมีชีวิตที่ตองการอยู มันก็อยูเพื่อเอร็ดอรอยแหงความรูสึกทางเพศ ๑๘๙ แมเกียรติก็ไมพนไปจากเรื่องเพศที่ซอนเงือ่ นอยู ๑๙๑ ฉะนั้นเปนเรื่องที่นากลัว เพราะมันสามารถครอบงํา หรือลมเลิกอุดมคติได ๑๙๒ คน มักไมรูสึก ไมเห็น มีแตสมัครเปนทาสเที่ยวหาทุกอยางเพื่อเพศรส ๑๙๓ ที่จริง เพศรส เปนเพียงเรื่องหลอกลวงในทางอายตนะ ถึง ๒ ซอน …. ๑๙๔ ธรรมชาตินั้นเองหลอก แลวยังลวงสัตวไมใหสูญพันธุ โดยจางดวยเพศรส ๑๙๖ ฉะนั้นผูรูจึงวางระเบียบ เพื่อลดทุกขโทษจากการเปนทาสของกาม …. ๒๐๐


[๙] ถารูเรื่องนี้ถูกตอง และจัดทํากับมันเหมาะสม ไมเทาไรก็จะเหนือไปได …. ๒๐๐ ฆราวาสหลีกไมไดก็ตองเกี่ยวของใหถูก เพื่อจะไมตองเปนทาสอยูนาน ๒๐๑ หลักที่จะชนะไดคือตองไดผานจนรูรสอรอย, รูโทษ และรูอุบายที่จะเหนือมัน ๒๐๑ โดย “ลูกไม” ออกจากอํานาจกามนี้ ผัวเมียเลยเปนคูที่ตองเดินไปดวยกัน ๒๐๒ ควรรูไว วาการคุมเพศรสได จนอิสระนั้น ไมใชเปนงานของคนโง ๆ …. ๒๐๓ ฉะนั้นการพยายามจึงไมใชบา แตเปนการเอาชนะได ไมใหบามากเกินไป ๒๐๔

๑๒. การควบคุมความรูสึกทางเพศ ฆราวาสกับบรรพชิต มีขั้นความถูกตองเรื่องคุมความกําหนัดไมเทากัน …. ๒๐๕ ราคะตามตัวหนังสือ หมายความรูสึกเขาผูกพันติดแนนทางจิตทุกชนิด …. ๒๐๖ ราคะ วาถึงตัวจริง เปนเพียงเรื่องกลไกทางกายจิต ที่มันทําหนาที่ของมัน ๒๐๗ สัตวในภูมิกามาวจร ไดหลงในการทํางานของกายจิต ที่เปนดั่งเครื่องจักร ๒๐๙ ฉะนั้นแตโบราณมา ไดมีการคนความาก ในการควบคุมความกําหนัด …. ๒๑๐ เลยพบวาราคะ เปนสิ่งควบคุมได ใหไมรูสึกก็ได ซึ่งไมใชเรื่องบาบอ …. ๒๑๒ หากควบคุมได กลับเปนผลดีทางกาย ทางสติปญญา ทางสมอง …. ๒๑๓ ฆราวาสจึงควรทอนลงใหพอเหมาะ โดยรูสึก รูจัก และปองกันแกไข …. ๒๑๓ ความกําหนัดทําอันตรายความผาสุกของจิตใจ มีวิธีคมุ ทั้งทางกายทางจิต ๒๑๓ การควบคุมทางกาย เชนผาตัด ใชยา บีบคั้นกาย ซึง่ ไมถูกไมตรงนัก ๒๑๔ การควบคุมทางจิต โดยใชกําลังความคิดความรู บมจนเปนญาณตามลําดับ : - ความรูพื้นฐานคือมองใหเห็นสภาพตามธรรมชาติ เชนปฏิกูล อสุภ ฯลฯ ๒๑๕ - ความรูที่สูงขึน้ ไดแกพิจารณาความเปนธาตุ ในแงถูกลวง ในแงพายแพ ๒๑๖ - ความรูสูงสุด คือสติสัมปชัญญาทันควันกอนหรือหลังวามันก็สักวาความรูสึก ๒๑๘ มัชฌิมาในเรื่องเพศ ก็คือเกีย่ วของใหถูกตอง เพือ่ ความเจริญทางจิตใจ ๒๑๙ ทางพุทธไมใชขอรองใหตัดในเมื่อมันทําไมได แตใหบริโภคทุกทางใหถูกวิธี ๒๒๑ จงผานเรื่องเพศไปในลักษณะถูก ใหมันเปนทาสเราและเปนบทเรียนแกเรา ๒๒๒

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


[๑๐]

๑๓. สุญญตา กับฆราวาส ความรูเรื่องสุญญตา เปนความรูที่สําคัญที่สุด แมฆราวาสก็ใชแกปญหาได ๒๒๓ พระพุทธองคยนื ยันวาสุญญตาเปนประโยชนเกื้อกูลแกฆราวาสตลอดกาลนาน ๒๒๔ สุญญตาที่ตรงกับ วาง นี้ อาจวางฝายวัตถุ, วางทางจิต, วางจากตัวกู - ของกู ๒๒๖ ที่ถูกตอง ตองวางจากความสําคัญมั่นหมายวา ตัวกู - ของกู ที่ตอ งการระบุ ๒๒๗ ขณะใดความรูส ึกนึกคิดไมเจือโลภโกรธหลงนั่นแหละวาง จิตไมรูสึกตัวกู ๒๒๘ จิตไมกูกรบกวน และยังประกอบอยูดวยสติปญญา จึงจะเปน จิตวาง ในที่นี้ ๒๒๘ จิตวาง คือเวลาที่วางจากตัวกู - ของกู ขณะนั้นมันมีสติปญญาอยูเอง ๒๒๙ วางจากตัวกูชนิดที่ ๑ เปนเองตามธรรมชาติ เชนนอนหลับ (นี่ไมใชทําเอา) ๒๒๙ ชนิดที่ ๒ เปนโดยประจวบเหมาะ บางที (นี่อาจทําเอาไดบาง) ๒๒๙ ชนิดที่ ๓ เปนโดยจงใจจัดทํา เชนทํากัมมัฏฐาน ปฏิบัติทางจิต ๒๓๐ ชนิดที่ ๔ จิตวางไดเพราะกิเลสดับ ไมมีตัวกู – ของกูมารบกวน ๒๓๑ พุทธศาสนามี ๔ วางนี้เทานั้น นอกนั้นวางอันธพาล คือแกลงบาง หลงบาง ๒๓๑ จิตวางที่ถูก มีสติปญญาเต็ม ทําหนาที่ทุกอยางดวยสติปญญา ไมมีตัวกูของกู ๒๓๒ การงานแมของฆราวาสระดับใด ก็ควรมีจิตวาง เพราะมันปองกันบาปได ๒๓๓ จิตวางแลว การงานเปนสุข, จิตวุนแลว การงานเปนทุกข …. …. ๒๓๔ ฆราวาสมารูเรือ่ งนี้ ก็ประกันได ผลงานจะดีจะเสีย ก็สามารถหัวเราะได ๒๓๔ เพื่อใหสนใจ ไมกลัว ขวนขวายในเรื่องนี้ จึงมีวิธีกลาวถึงนางสาวสุญญตา ๒๓๕ “นางสาวสุญญตา” จะนําความคิดเราไปรูจ ักสิ่งที่มีคาแทจริงและประเสริฐสุด ๒๓๖ ฆราวาสเปนพวกใกลไฟ จําตองมีสุญญตาเปนเครื่องทําใหไฟทําอะไรไมได ๒๓๗ รูสุญญตาถูกตองอยู โลภโกรธหลงจะไมเกิด นั่นเปนการปฏิบัติธรรมอยูแลว ๒๓๘ วางจากตัวของกูได นั่นคือสติปญญา ชือ่ วามีมิ่งขวัญ เกิดมัชฌิมาปฏิปทา ๒๓๘ เพียงแตรูเรื่องนี้ดี ก็เปนมัชฌิมะ พอดีในการจัด – การทําอะไรทุกอยาง ๒๓๙ ฆราวาสเกี่ยวของกับกิน กาม เกียรติ อยางลืมตาแลว จะสอบไลผานไปได ๒๔๐

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


[๑๑] การที่ไมมีตัวกูของกู นั่นคือกูตายแลว นิพพานอยูตลอดเวลากอนที่กายจะตาย ๒๔๑ นิพพานนี้ เย็นได ๓ ระดับ : ประจวบเหมาะ, ขมบังคับจิต, และกิเลสดับ ๒๔๑ ฉะนั้นฆราวาสขอใหไดประโยชนทันตา โดยมีนิพพานทุกระดับและตามลําดับ ๒๔๒ จะใหดีตองไมเปนฆราวาสหรือบรรพชิต มีแตทําหนาที่ถูกตองก็จะดีขึ้น ๆ ๒๔๓ ทําใหชินเปนนิสัย ที่จะไมเกิดตัวกูของกู มันก็สบาย ไมมีทุกข ก็พอแลว ๒๔๓ ระวังใหเห็น กิน กาม เกียรติ เปนเพียงอุปกรณ สําหรับเราจะเหนือมัน ๒๔๔ เดี๋ยวนี้ มีแตวาเราควรทําใหสุดความสามารถ ก็เปนการถูกตองแลว ๒๔๔

๑๔. ฆราวาส กับอุดมคติโพธิสัตว โพธิสัตว เปนไดทั้งบรรพชิตและฆราวาส สวนใหญเปนฆราวาส …. ๒๔๕ “โพธิสัตว” ตามรูปศัพทหมายได ๓ : เพื่อโพธิ มีโพธิ ใชโพธิ …. ๒๔๖ “โพธิสัตว” ตามเปนจริง มีเปน ๓ : - ผูพยายามเปนพระพุทธเจา (คติเถรวาท) …. …. …. ๒๔๗ - ผูสนองพระพุทธโองการ รับใชพระพุทธเจา (คติมหายาน) …. ๒๔๗ - ผูสมาทานศีลของโพธิสัตว (คติมหายาน) …. …. …. ๒๕๐ แตอยางไรฆราวาสผูครองเรือน ก็สามารถเปนโพธิสัตวไดทั้ง ๓ ความหมาย ๒๕๑ การถือหลักเกณฑอยางนี้ ไมใหโทษ มีแตประโยชนโดยสวนเดียว …. ๒๕๒ ถาสรุปเอาเพียงความหมายใหญอันเดียว ก็คือชวยผูอื่น - เห็นแกผูอื่น ๒๕๒ ยุคปจจุบัน ภัยอันตรายรายแรงที่สุดของมนุษยคือความเห็นแกตัว …. ๒๕๓ อุดมคติโพธิสตั ว เปนของจําเปนอยางยิ่งสําหรับโลกปจจุบันโลกตองการมาก ๒๕๓ ฉะนั้นถาชอบอุดมคตินี้ จงเชื่อวาทําได เปนไดแมในเพศฆราวาส …. ๒๕๔ อุดมคติโพธิสัตว จําเปนทุกกรณีแกคนในโลก แมจะเปนนักกีฬาที่แท ๒๕๕ คนเราถามีอุดมคติโพธิสัตวมาคุมไว ครอบครัว เพื่อนบาน ประเทศชาติจะดี ๒๕๕ มหาบุรุษจริง ๆ นั้น ตองแบบโพธิสัตวในพุทธศาสนา ไมเห็นแกตัว ชวยโลก ๒๕๖

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


[๑๒] นี้เปนเรื่องที่ทุกคนตองพยายาม ธรรมชาติตองการ สถานการณตองการ ๒๕๖ บารมี ที่จะทําใหเปนโพธิสัตว มี ๑๐ : ทาน ศีล เนกขัมมะ ปญญา เปนตน ๒๕๗ ทั้ง ๑๐ นี้ อยางไหนที่ฆราวาสไมควรปฏิบัติ หรือปฏิบัติไมได? …. ๒๕๗ ปฏิบัติอยูใน ๑๐ ขอนี้ ก็ชื่อวามัชฌิมาปฏิปทา มีฆราวาสธรรมครบถวน ๒๖๐ ฉะนั้นขอใหเอาไปคิดดวยจิตใจที่อิสระ วาถามีอุดมคตินี้กันแลว โลกก็นาอยู ๒๖๑

๑๕. กําลังของฆราวาส ฆราวาสผูมีอุดมคติกวางไกล ตองมีกําลังซึ่งเปนเครื่องมือใหความสําเร็จ ๒๖๒ พื้นฐานที่จะทําใหมีกําลัง ไดแกอุดมคติ, อุดมคติเปนจุดตั้งตนของกําลัง ๒๖๓ กําลังสําหรับกอนทํา ขณะทํา และทํากรณียกิจเสร็จมี ๔ ประการ : ๑. กําลังกาย และนับเนื่องทางกาย เชนกําลังทรัพย เพื่อนฝูง ฯลฯ ๒๖๕ ๒. กําลังจิตคือสิ่งอบรมใหเกิดแกตัวจิต : ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ๒๖๕ ๓. กําลังปญญา รวมทั้งความฉลาดสามารถ ความมีศิลป ฝไมลายมือ ๒๗๑ ๔. กําลังธรรม คือกําลังความถูกตอง สําหรับควบคุม ๓ กําลังขางตน ๒๗๒ กําลังของธรรมะนี้ ขยายถึงความดีความถูกที่เคยทํา ๆ ไว …. …. …. ๒๗๓ กําลังกาย จิต ปญญา นี้เปนของเราทําเอา สวนความถูกตองเปนของธรรมชาติ ๒๗๕ การปฏิบัติในหลักสุญญตานั้นเปนกําลังฝายธรรมะ เพื่อความไมทุกข …. ๒๗๕ ตรงกันขาม ไปทําตัวนิยมวัตถุ มันเปนกําลังฝายผิดธรรมะ ฆราวาสจึงรอน ๒๗๖ ฆราวาสที่ไมทุพพลภาพตองมีกําลังธรรม ตานกิเลสที่แผดเผาผูกพัน ทิ่มแทง ๒๗๖ สรุปแลวกําลังทั้งสี่ อยูที่ “ธรรม” คําเดียว : ๑. ฆราวาสตองทําทุกทางใหมีกําลังกาย รวมทั้งหาเครื่องมือแวดลอม ๒๗๗ ๒. ฆราวาสตองอบรมใหจิตมีพลัง ดวยศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ….๒๗๗ ๓. ฆราวาสตองคุมปญญาความรูอยูในขอบเขต ไมพราจนไมรูจบ …. ๒๗๗ ๔. ฆราวาสตองประพฤติธรรมะใหสุจริต ตอจากมีอุดมคติและภักดี ๒๗๘

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


[๑๓] ไมมีทางใด ที่จะทําใหไมเพลียระอาทองาน นอกจากสรางกําลังขึ้นใหครบ ๒๗๘ ในพละทั้งหานั้น หัวเหงามีอันเดียว คือปญญาที่ถูกตอง มันจะดึงมาครบ ๒๗๙ ปญญาที่เปนความถูกตองนี้ จะเปนกําลังของฆราวาสผูเดินทางสูที่สุดทุกข ๒๘๐

๑๖. ความรอดพื้นฐานของฆราวาส เปนฆราวาสไดดี ปูพื้นอยูแลว จะไปเปนอะไร ๆ ก็เปนไดดี …. …. ๒๘๑ ฆราวาสรอดตัวได ดวยเกณฑพื้นฐาน คือวัฒนธรรมที่เนื่องมาจากศาสนา ๒๘๑ ชาวพุทธมีวัฒนธรรมของตนเอง โดยมีรกรากจากหลักธรรมพุทธศาสนา ๒๘๓ ธรรมะเปนเรื่องถูกตอง และไมจํากัด ยอมสากลแกฆราวาสไดทุกพวก ๒๘๔ วัฒนธรรมที่มีรากฐานอยูบนพุทธศาสนา อาจประมวลเปนขอ ๆ : ๑. มีความขยันขันแข็ง กลา อยูดวยการตอสูตลอดเวลา ; นี่ทําใหอยูรอด ๒๘๕ ๒. สุภาพ ออนโยน เชื่อฟงผูเฒาผูแก ; นี่ทําใหไทยอยูรอด …. ๒๘๖ ๓. กตัญู รับรูความมีบุญคุณแมสิ่งไมมีชีวิต แมอุปสรรคศัตรู …. ๒๘๘ ๔. ความมีศีลมีสัตว ถือไมเบียดเบียน ไวใจได ; นี่ทําใหไทยอยูรอด ๒๙๑ ๕. ประหยัด – สันโดษ รูจักสรางกําลังใจขึ้นหลอเลี้ยง ; นี่ทําใหไทยอยูรอด ๒๙๒ ๖. เมตตากรุณา ใจกวาง - ใจบุญ ชนิดชวยปองกันทุกขได ; นี่ทําใหอยูรอด ๒๙๕ ๗. ความอดกลั้น อดทนดวยใจแจมใส รอได - คอยได ; นี่ทําใหอยูได ๒๙๖ ๘. เปนฝายยอมได ใหอภัยได เพื่อใหอะไร ๆ มันลงกันดวยดี ไมกอปญหา ๒๙๗ ๙. ความไมตามใจกิเลส เลือกขางถูกธรรม ไมเปนทาส; นี่ทําใหไทยอยูรอด ๒๙๘ ๑๐. มีแบบฉบับในการเปนอยู ชนิดเปนของตนเอง ไมตามกนใคร …. ๒๙๙ ทั้งหมดนี้ ขอเรียกวา “วัฒนธรรมของชาวพุทธ” เปนพื้นฐานแหงความรอด ๓๐๐

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ๑๗. หายนะ ของโลกฆราวาส หายนะคือความเสื่อม ที่เปนอุปสรรคและทําลายวัฒนะ ใหดิ่งสูค วามวิบัติ หายนะของฆราวาส มีทั้งทําชีวิตใหไมกาวไป และใหตกจม ทนทรมาน

๓๐๑ ๓๐๒


[๑๔] มูลเหตุสําคัญคือโลกปจจุบันเขลาชนิดแสงสวางบังตา พราถอยสูปาเถื่อน ๓๐๕ หายนะของสถาบันฆราวาสในโลกเวลานี้ ใหดูตัวอยางที่ : ๑. มีเบียดเบียนกันพิศดาร ถือเอาไดเขาวา ทําในสิ่งไมควรทําอยางมุทะลุ ๓๐๖ ๒. จัดการศึกษาชนิดเปนเครื่องมือหาประโยชนทางวัตถุเฟอดวยหลักปรัชญา ๓๐๗ ๓. เรงชวยกันผลาญทรัพยากรธรรมชาติ มีน้ํามัน แร ไม ชีวิตสัตว ชีวิตคน ๓๐๙ ๔. เอาศาสนามาใชเปนเครื่องมือของการเมือง ลดราคาศาสนามาเพื่อวัตถุ ๓๑๒ ๕. กําลังขบถตอธรรม เห็นแกตัว ประกาศสงครามกับพระเจาตลอดเวลา ๓๑๔ แมใคร ๆ พูดไมรูเรื่อง เราก็อยากลัว ยังมีทางรอดสําหรับคนที่สามารถ ๓๑๗ ตองเขมแข็ง ไมหลงตามระบบศึกษาที่เขามีอยูนี้ จะดีมีความสุขไดสวนตัว ๓๑๘ ตองไมเปนไปตามโลกเวลานี้ ที่กําลังหลงทางและแขงขันกันอยูในดงสกปรก ๓๑๙ จงหลีกหายนะทางวิญญาณ จงกาวตามเกณฑอาศรมสี่ มีจิตสะอาด สวาง สงบ ๓๒๐

๑๘ - ๑๙. ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน ประเด็นนี้เปนเรื่องควรและจําเปนตองพิจารณา ในการแกปญหาของฆราวาส ๓๒๑ ภาวะจิตทราม คือจิตตกต่ําจนไมสมเปนมนุษย มีแตสกปรกมืดมัวเรารอน ๓๒๒ อารยธรรมปจจุบัน คือความกาวหนาทางวัตถุ เพื่อประโยชนแกเนื้อหนัง ๓๒๓ อารยธรรมแผนใหมทําใหจิตทราม ตามแง โลภะ โทสะ โมหะ : จิตทรามในแงโลภะ เปนเรื่องเนื้อหนังเฟอลน ทางลามกอนาจารฝายกาม ๓๒๕ ดูใหดี จะพบความเฟอ เกินจําเปน ที่การอยาก – แสวงหา – มีไว - และใชสอย ๓๒๖ จิตทรามเพราะทุกแหงเฟอไปดวยการยั่ว หลอก ลวงเอาประโยชนกัน ๓๒๗ กอนหนานี้ คนเรามีอารยธรรมทางศาสนาศีลธรรม เพิ่งมาบูชากันเรื่องเพศ ๓๒๘ อารยธรรมดื่มด่ําสตรีรสและเมรัย ดูไดที่กระโปรง, ที่เปลือย, ที่แกศีล ๓๒๙

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


[๑๕] จิตทรามมีทั้งทางฝายบุรุษสตรี : ฝายบุรุษมีจิตทรามลุมหลงสตรีในฐานะเปนของเลน ไมใหเกียรติเพศมารดา ๓๓๒ ฝายสตรีจิตทรามดวยลดตัวมาเปนของเลน เลือกขางงามอยางภูตผีปศาจ ๓๓๔ ระเบิดขวด รับจางรบ นายทุนงก กรรมกรบา เหลานี้ลวนแตจิตทราม … ๓๓๗ อารยธรรมโบราณเขามีแตหุมหอประดับสตรีไวในที่มีเกียรติ เก็บไวบูชา ๓๓๙ จิตทรามในแงโทสะ เปนปศาจรายกาจที่สุดของมนุษย คือเห็นแกตัว ๓๔๒ ยุคที่หาเกินจําเปนไมเปนธรรม ความคิดก็ไปทางบาปมาก แยงชิงอิจฉาริษยา ๓๔๓ ศาสนา ศิลป ปรัชญา ถูกนํามาใชลาเมืองขึ้นทางวัฒนธรรม ชีวิตคนไมมีคา ๓๔๔ เดี๋ยวนี้การฆา และเครื่องมือฆา ทําใหคนใจเปนยักษโดยไมรูสึก …. ๓๔๕ ตั้งแตจดประวัติโลกมา นั่นเปนผลของอารยธรรมแผนใหมยั่วหลอกใหฆากัน ๓๔๖ จิตทรามแงทํารายกันนี้เกิดจากการเห็นแกตัวเปนรากฐานเพราะเจริญทางวัตถุ ๓๔๗ เดี๋ยวนี้ไมเพียงรบปองกันตัวหรือแยงประโยชน รบกลัวเขาเปนเจาโลกก็มี ๓๔๗ การทะยานเปนเจาโลกคือจิตทรามทั้งแงโลภะโทสะโมหะเบียดเบียนอยางยิ่ง ๓๔๘ โลกจึงกลุมดวยมุงรายจองเวร กลายเปนอาณาจักรแหงความกลัวแกทุกฝาย ๓๕๐ จิตทรามในแงโมหะ เปนเรื่องมืดทางวิญญาณ กระทําแตที่เปนความมืด ๓๕๑ เมื่อมืดแลว มันก็พาลไปทุกอยาง คือออนทางความรูความเจริญ ทําผิดหมด ๓๕๒ ทําใหโลกไมมีพอแม ครูอาจารยไมมีคนเฒาคนแก ไมมีศาสนา ไมมีบุญบาป ๓๕๓ เรื่องบุญบาปไมรับรู จองแตประโยชนเปนวัตถุ ถือศาสนาเงิน บูชาเนื้อหนัง ๓๕๖ จิตพาลนั้น ออนทั้งปญญา ทั้งกําลัง ทั้งความคิด เรงทําในสิ่งไมจําเปน : - เชนการเปลี่ยนหัวใจ นั่นฝนธรรมชาติ ไปพยายามในสิ่งที่ไมคุม ๓๕๗ - โครงการอวกาศนั้นเพราะหวังเกียรติ ทําในสิ่งไมตองทํา ไขวกันเสีย ๓๕๘ - การคุมกําเนิดทางฟสิคสนั้นไมทําโลกใหดี สูแกทางวิญญาณไมได ๓๕๙ - การศึกษามีแตใหรูในสิ่งที่ไมจําตองรู ไปรูในสิ่งที่ทําใหเปนอันธพาล ๓๖๐ อารยธรรมแผนใหม นําไปสูความมี โลภะ โทสะ โมหะ และเพิ่มมากขึ้น ๆ ๓๖๑

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


[๑๖]

๒๐. ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน (เห็นแกตัว) จิตทรามในรูปโลภะ โทสะ โมหะ มันสรุปรวมอยูที่เพราะเห็นแกตัว ๓๖๑ คนมีการถือตัวจัดกวาสัตว เกินระดับธรรมดาที่เพียงรูจักรักตัว สงวนตัว ๓๖๔ พุทธศาสนาก็สอนในชั้นตนใหรักตัว สงวนตัว โดยทําความดีตามระเบียบ ๓๖๕ คริสตศาสนาก็กลาวถึงบาปดั้งเดิมเริ่มจุดแรกที่รูสึกวามีตัว รูจักเปนดี เปนชั่ว ๓๖๖ แตแลวหากจะพนทุกขก็ตองถายถอนความมีตัวเสีย โดยรูจักดีชั่วจนไมยึดมั่น ๓๖๗ โลกปจจุบันทําตรงขาม ไมทําลายความยึดมั่นแลว ยังศึกษากาวไปทางเพิ่ม ๓๖๘ การศึกษาทําเทคโนโลยี่ใหเปนเครื่องมือโหมไปทางมีตัวตน หาประโยชนตน ๓๖๙ ผลก็คือโลกขาดแคลนอยางราย คือขาดเครื่องชวยคนเราไมทุกขจากสิ่งที่มี ๓๗๑ สิ่งขาดแคลนที่วานี้พุทธศาสนาถือเปนธรรมะหัวใจ คือความไมเห็นแกตัว ๓๗๑ เดี๋ยวนี้คนพากันเปน “ผูดี” ชนิดจิตทราม คือมีของทิพยหมด แตตกนรก! ๓๗๒ อยูดีกินดีที่ใฝฝนกันนักนั้นไมใชอันเดียวกับ “กินอยูแตพอดี” ของพุทธเจา ๓๗๔ ดูจิตทรามได - ที่ตางก็อยากอยูกันในเมืองใหญ เต็มอัดอยูดวยเห็นแกตัว ๓๗๕ - ที่การกีฬาไมมีสะปริต กลับเพิ่มความถือเขาถือเราทั้งผูเลนผูเชียร …. ๓๗๖ - ที่การเก็บหอมรอมริบ สะสมที่ผิดทาง ทําใหตามใจตัวเอง เพื่อเนื้อหนัง ๓๗๗ - ที่การทําบุญใหทานของคนวัด ที่เห็นแกตัว ตายดาน ฝงจมอยูกับที่ ๓๗๙ - ที่เกลื่อนไปดวยปากทางที่จะตกไปสูอบาย จึงไดจมกันหมด …. ๓๗๙ นรก เปรต เดรัจฉาน อสุรกายกําลังทวมโลก เพราะสิ่งเดียว คือเห็นแกตัว ๓๘๑ คนเดี๋ยวนี้ไมตองการแก เพราะไมรูจักวาเหตุมันอยูที่ความเห็นแกตัว …. ๓๘๑ เขาไพลไปกลัวความไมยึดมั่นถือมั่น เห็นวิธีแกถูกทางนั้นเปนเรื่องบาบอไป ๓๘๒ โลกสมัยนี้ ไมชอบทางรอดอันเดียวนี้ไมกลาสอนเรื่องทําลายความเห็นแกตัว ๓๘๓ ฉะนั้นจะแกปญหาชีวิต จะตองรูจักชีวิตที่เห็นแกตัว ซึ่งกําลังบูชานี่เสียกอน ๓๘๔

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


[๑๗]

๒๑. ฆราวาส กับไสยศาสตร ยุคที่ยังพึ่งไสยศาสตร คนไมตะกละเนื้อหนัง หากแตมีขลาดเขลาโดยไมรู ฉะนั้นจิตทรามอยางปจจุบัน กับจิตต่ํายังถือไสยศาสตร ไมใชอันเดียวกัน เมื่อปลอยรูสึกคิดนึกไป ๆ ไมใชเหตุผล มันก็เกิดไสยศาสตร แตก็ยังดี คือดีที่มันหายกลัวได และยังมีประโยชนในการปกครองผูคนในยุคนั้น กลัวนั้นมาจากความอยาก แมวิทยาศาสตรทวมเพื่อตะกละเนื้อหนัง ก็ยิ่งกลัว ไสยศาสตรจึงมีอยูได ถูกอุปโลกนใหวาไมตองพิสูจน มันนอกเหนืออํานาจ ไสยศาสตรตั้งตนที่สิ่งมองไมเห็นตัว รูจักไมได มนุษยกลัว จึงตองมีไวอุนใจ เดี๋ยวนี้คนขลาดมากขึ้น จนเอาไสยศาสตรมาครอบศาสนาซึ่งเปนของถูกตอง ถาเกี่ยวของกับพุทธศาสนาโดยใหปญญานําสัทธา ก็เปนพุทธ ไมเปนไสย ไสยศาสตรอยูในรูปใหออนวอนก็มี ใหปฏิบัติตัวตามนั้นโดยไมใหเหตุผลก็มี พุทธซึ่งมีเหตุผล อาจฝากไวกับไสย เพื่อบางคนจะไดผลดี แมทําอยางงมงาย ไสยยุคตาบู พอมีประโยชน ; มาสมัยนี้หายไป เพราะคนมีไสยแบบใหม ชีวิตฆราวาสมันอยากมาก ทําใหคิดพึ่งเพราะกลัว จึงงมงายไสยศาสตรไดงาย ฉะนั้นสําหรับฆราวาสที่ยังโง ก็ใชใสยศาสตรเปนเครื่องมือ พอใหผสมผสาน สวนฆราวาสผูจะกาวไปตองเริ่มละความออนแอ : สักกายะวิจิกิจฉาสีลัพพตะ ทุกสิ่งมันไมใชดีหรือไมดีโดยสวนเดียวแมเคยพึ่งไสย มาในขั้นสูงก็ตองละ ฆราวาสที่ดีตองทําใหถูกตอง ไมใหมันครอบงํา มีสรณะอันเกษมยิ่งขึ้น ๆ

๓๘๖ ๓๘๖ ๓๘๖ ๓๘๗ ๓๘๘ ๓๘๙ ๓๘๙ ๓๙๐ ๓๙๒ ๓๙๔ ๓๙๕ ๓๙๗ ๓๙๘ ๓๙๙ ๔๐๑ ๔๐๓ ๔๐๔

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ๒๒ - ๒๓. ฆราวาส กับ พุทธศาสตร

ไสยศาสตรและพุทธศาสตรเขาเกี่ยวของกับคน นับแตใชดับทุกขชั่วขณะไป ไสย ฯเปนศาสตราตัดสิ่งไมตองการไดชั่วขณะ สวนพุทธ ฯ ตัดตนเหตุสิ่งนั้น ฆราวาสพึงเปนพุทธบริษัทแทไดมากขึ้น ๆ โดยฝนไมขลาด ใฝรูที่จะแกขลาด พระพุทธเจาใหรู เห็น เขาใจอะไรโดยเหตุผล มีความเชื่อเปนของตนเอง

๔๐๕ ๔๐๖ ๔๐๗ ๔๐๘


[๑๘] พุทธบริษัท มีหลักเกณฑตัดสิน สิ่งที่เปนปญหา : - หลักมหาปเทส ๔ ทางวินัย : เกี่ยวกับอะไรถูกอะไรควร …. - หลักมหาปเทส ๔ ทางสูตร : เกี่ยวกับธรรมที่จะรับมาปฏิบัติตาม - หลักกาลามสูตร ๑๐ : ไมใหเชื่อกอน จนกวาจะทนพิสูจน …. - หลักโคตมีสูตร ๘ : หลักเกณฑตัดสินวาอะไรผิดทาง อะไรถูกทาง พุทธบริษัท มีหลักธรรมโดยตรง คือ – หลักอนัตตา หรือสุญญตา …. - หลักกรรม ที่เปนอยางพุทธศาสนา …. …. …. …. - หลักเกี่ยวกับคําวา “เกิด” อยางพุทธศาสนา …. …. …. - หลักเหตุปจจัย หรือตัวเหตุและผลของธรรมชาติ …. …. พุทธบริษัท มีผลสุดทาย คือนิพพานในความหมายอยางพุทธ คือเย็น - เย็นของวัตถุ, เย็นของสัตว, เย็น ไมมโี ลภโกรธหลง …. …. - เย็นชั่วคราว, เย็นโดยขมไว, เย็นสิ้นกิเลสสมบูรณ …. …. เพราะฉะนั้นควรขอบใจความที่เย็นไดแมชั่วคราว เพื่อขยายไป จนถึงที่สุด

๔๑๐ ๔๑๒ ๔๑๔ ๔๑๙ ๔๒๔ ๔๓๑ ๔๓๓ ๔๓๘ ๔๔๒ ๔๔๓ ๔๔๔ ๔๔๔

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ๒๔. เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม

ครั้งนี้บรรยายสรุปและชี้เคล็ดที่จะไดเอาไปใชใหสําเร็จประโยชน …. ๔๔๕ คํา “เคล็ด” “เทคนิค” “อุบาย” ลวนเปนวิธีใหทําไดงาย สะดวก มีผลดี ๔๔๖ เคล็ดนี้ทําใหฆราวาสทั้ง ๆ ไมบวชก็ยังไดรับประโยชนทางธรรมมากได ๔๔๘ เมื่อยังบวชไมได ก็ทําเหมือนบวชอยูแลวในตัว ถือปฏิบัติมีหลัก ก็แลวกัน ๔๔๙ มีเคล็ดวาธรรมะนี้ เพื่อฆราวาสอยูในโลกโดยไมทุกข ทําทีเดียวไดถึงสอง ๔๕๐ พุทธองคระบุสุญญตาใหฆราวาสใช พรอมกันไปกับเรื่องทํามาหากิน ๔๕๒ ปฏิบัติตอกิน กาม เกียรติ พอใหรู และยังชีพเพื่อทําใหไดสิ่งดีที่สุดของมนุษย ๔๕๓ โลกพากันจมวัตถุ เคล็ดมันอยูที่ไมหลงไปกับเขา ถือความเย็นทางใจเปนใหญ ๔๕๓


[๑๙] นิพพาน ที่แทก็คือภาวะที่อายตนะเปนของเย็น เย็นที่ตา ที่หู ฯลฯ ๔๕๔ การทําใหเย็นไดในกรณีใด นั่นเปนนิพพานสวนหนึ่ง ๆ ไปเรื่อยจนกวาสูงสุด ๔๕๕ นิพพานเปนของจําเปนแกฆราวาสซึ่งชีวิตอยูในวัฏฏะ อยาแยกออกไปจากกัน ๔๕๖ เรื่องดับทุกขใจ ไมแยกเปนของพระของฆราวาส ลวนเปนเรื่องไมยึดมั่น ๔๕๘ อุดมคติโพธิสัตว สําหรับฆราวาสมากกวา บําเพ็ญจากในบานใหกวางออกๆ ๔๖๒ หลักปฏิบัติทุกขอ ฆราวาสถือปฏิบัติโดยใจความ : ใหถูก พอดี และครบถวน ๔๖๒ ตัวอยางซึ่งเปนเคล็ดที่สุดพึงถือเปนหัวใจใหได : “ตายเสียกอนตาย” ๔๖๒ “ปากอยาง ใจอยาง” ๔๖๖ เหลานี้คือมีชีวิตอยูดวยสติปญญา มองเห็นทุกอยางเปนธรรมชาติธรรมดา ๔๖๗ เกิดมานี้ก็เพื่อใหไดสิ่งดีที่สุด เปนฆราวาสที่ดีได ตองแบบพุทธบริษัท ๔๖๙

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


คํานํา ----------หนั งสื อ เรื่ อ งนี้ คื อ คํ า บรรยายที่ บ รรยายขึ้ น ไว เพื่ อ แก ไขความเข า ใจผิ ด อัน สํ า คัญ ขอ หนึ ่ง คือ ขอ ที ่ว า ฆราวาสไมต อ งสนใจธรรมะเรื ่อ งความดับ ทุ ก ข ในขั ้น เหนือ โลก, ใหข วนขวายแตเ รื ่อ งทํ า มาหากิน ใหม ากๆ และสุจ ริต เขา ไว ก็พ อแลว . คติที ่ว า ใหฆ ราวาสสนใจแตเ รื ่อ ง “โลกีย ” อยา งเดีย วนั ้น คือ คติ ที่ทําใหฆราวาสกลายเปนคนตกนรกทั้งเปนตลอดกาล. เมื่ อ มี ผู ไปทู ล ถามพระพุ ท ธองค ว า อะไรเป น ธรรมที่ เป น ไปเพื่ อ ประโยชน เกื ้อ กูล แกฆ ราวาสทั ้ง หลายตลอดกาลนาน. พระองคไ ดต รัส ตอบวา “เย เต สุต ฺต นฺต า ตถาคตภาสิต า คมฺภ ีร า คมฺภ ีร ตฺถ า โลกุต ฺต รา สุฺตปฺป ฏิส ํย ุต ฺต า = บรรดาสุต ตัน ตะทั ้ง หลายที ่ต ถาคตไดก ลา วไว เปน ของลึก มีอ รรถอัน ลึก เห นือ โลก เนื ่อ งเฉ พ าะดว ยสุญ ญ าตา” ดัง นี ้. นี ้เ ปน หลัก ที ่แ สดงวา เรื ่อ ง สุญ ญ ตาหรือ ความวา ง ซึ ่ง เปน ทั ้ง รากฐาน เปน ทั ้ง หัว ใจ และเปน ทั ้ง ยอดสุด ของพุ ท ธศาสนา แล ว แต ก รณี , นั้ น เป น ธรรมที่ เ ป น “ประโยชน เ กื้ อ กู ล ” แก ฆราวาส ตลอดกาล. ขอนี้ มีอธิบายใหเห็นไดงายๆ ดังตอไปนี้:

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คนเราจะอยู ในโลกซึ่ ง มี แ ต ค วามบ า หลั ง มากขึ้ น ทุ ก ที ๆ นั้ น จะอยู ใ ต ฝ า เท า มั น ดี ห รื อ อยู บ นศรี ษ ะมั น ดี ? โลกเต็ ม ไปด ว ยความสกปรกเศร า หมองเร า ร อ น และเปน ทุก ข, จะอยู ใ ตฝ า เทา มัน ดี หรือ ยู บ นหลัง บนบา บนศรีษ ะมัน ดี? คิ ด ดู ใ ห ดี ใ นข อ นี้ ก็ จ ะเข า ใจได ทั น ที ว า ทํ า ไมพระพุ ท ธองค จึ ง ตรั ส เช น ที่ ย กมาไว ขา งบนนั ้น , โดยเฉพาะอยา งยิ ่ง คํ า วา “โลกุต ตรา” ซึ ่ง แปลวา เหนือ โลก คนที่ ห ลงใหลในเรื่ อ ง กิ น -กาม-เกี ย รติ อย า งเป น บ า เป น หลั ง จนมี ค วามวิ ป ริ ต

[๒๑]


[๒๒] ในเรื ่อ งนี ้นั ้น ถึง อยา งเสีย ก็ค งจะฟง เรื ่อ งนี ้ไ มเ ขา ใจ ; แตค นธรรมดาสามัญ คงจะพอฟ งออกไปในทางที่ วา เราจะต องพยายามอยู เหนื อความครอบงําของโลก ให ม ากที่ สุ ด ที่ จ ะมากได ไว เสมอไป, มิ ฉ ะนั้ น เราจะมี ชี วิ ต อยู อ ย า งตกนรกทั้ งเป น ตลอดกาล. พระพุ ท ธองค ท รงหมายความว า สุ ต ตั น ตะที่ ตื้ น ๆ สนุ ก สนานเข า กั บ ความเห็ น แก ตั ว ของคนเรานั้ น ไม ส ามารถจะแก ป ญ หาตกนรกทั้ ง เป น ได . ต อ ง สุต ตัน ตะ หรือ ธรรมะที ่ล ึก พอ ที ่จ ะชว ยใหไ มอ ยู ใ ตฝ า เทา ของโลกไดเ ทา นั ้น ที ่จ ะเปน ที ่พึ ่ง ได. คํ า วา “ฆราวาส” แปลวา ครองเรือ น หมายความวา ตอ ง ตอ สู ก ับ โลก เพื ่อ เอาชนะโลกนี ้ใ หไ ดใ นวัย หนุ ม หรือ “หัว ค่ํ า ” แลว จะตอ งเอา ชนะโลกหน า ให ได ใน “วั ย ดึ ก ” แล ว ชนะโลกทั้ ง ปวงให ได ในเวลา “สว า งรุ ง ขึ้ น ” ซึ ่ง หมายถึง การอยู เ หนือ โลกนั ่น เอง. ทํ า ไดเชน นี ้ จึง จะเรีย กวา ไมเสีย ทีที ่เ กิด มาเป น มนุ ษ ย และยั ง แถมได พ บพระพุ ท ธศาสนา เพราะได รั บ สิ่ ง ที่ ดี ที่ สุ ด ที่ มนุษ ยจ ะพึง ไดร ับ อยา งครบถว นจริง ๆ. ขอใหท ุก คนเปน ฆราวาส ที ่ถ ูก ตอ ง ตามอุดมคติของฆราวาสเชนนี้ ดวยกันทุกคนเถิด.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คํ า บรรยายชุ ด นี้ มี เจตนาพิ เ ศษอยู อี ก ย า งหนึ่ ง แฝงอยู ใ นตั ว , คื อ การที่คนเราสามารถสรางความกาวหนาทางโลกกุตตรธรรม พรอมกันไปกับ การที ่เรามีค วามกา วหนา ทางโลกิย ธรรม, คือ ใหโ ลกิย ธรรมสอนความจริง เกี่ ย วกั บ โลกุ ต ตรธรรมทุ ก คราวที่ มี ค วามผิ ด พลาด ในหน า ที่ ก ารงาน หรือ ที่ เรีย ก กั น ว า ในชี ว ิ ต . เราไม โ กรธ ไม เ สี ย ใจ ไม ก ลั ว ไม เ ศร า ไม อ ะไรๆที ่ เ ลวๆ เช น นั้ น ทุ ก คราวที่ มี ค วามผิ ด พลาด, นี้ ทํ า ให เราไม ต อ งรั บ ทุ ก ข จ ากโลกิ ย ธรรม, แล วยั งแถมช วยให มี แสงสวางในเรื่องของอนิ จจัง ทุ กขั ง อนั ตตาไปเรื่อยๆ จนกวา จะเพี ย งพอในการที่ จ ะไม ต อ งมี ค วามทุ ก ข อี ก ต อ ไป. ในโลกนี้ เต็ ม ไปด ว ยสิ่ ง ที่ จ ะ


[๒๓] ทําใหเกิดความผิดพลาด, แตค วามรูเรื่องโลกุตตรธรรมจะชวยใหเราทําอะไร ไมผ ิด พลาด หรือ ผิด พลาดนอ ยที ่ส ุด . ความรู ใ นเรื ่อ งโลกุต ตรธรรมทํ า ใหรู ความพอเหมาะพอดี ไม ม ากไม น อ ย เพราะมั น เป น เรื่อ งป อ งกั น ไม ให เราทํ า อะไร ไปตามอํ า นาจของกิ เลสอย า ผลี ผ ลาม เหมื อ นที่ ทํ า กั น อยู ทั่ ว ไปตามประสาโลก. ถาทํ าอะไรผิดพลาดลงไปอยางมาก มันจะชวยใหไม ต องเสียน้ําตา, หรืออยางน อย ที ่ส ุด ก็จ ะชว ยเช็ด น้ํ า ตาให ในลัก ษณะที ่ใ ครๆจะชว ยทํ า เชน นั ้น ไมไ ด, โดย ไมตอ งใช “จิต วางอัน ธพาล” เขามาชว ยเหลือ เหมือ นที่ช อบใชห รือ ชอบพูด ถึงกันอยางพร่ําเพรื่อ ในยุคที่โลกเต็มไปดวยคนอันธพาลเชนนั้นยิ่งขึ้น. ขอให ทุ ก คนสั ง เกตดู ใ ห ดี ๆ ว า เราต อ งทํ า งานหนั ก สลั บ กั น ไปกั บ การ พั ก ผ อ นที่ เ พี ย งพอ. แต นั่ น มั น เป น เรื่ อ งทางร า งกาย หรื อ ส ว นของร า งกาย. สว นเรื่อ งทางจิต หรือ ทางวิญ ญาณนั้น โลกิย ธรรมเทา กับ การทํา งานหนัก . โลกุต ตรธรรมเท ากับ การพั กผอนของวิญ ญาณ. ถามีไมสมดุลกันแลว จะเกิด ความฉิ บ หายทางวิญ ญาณ, แม ท างรา งกายจะดู ยั งดี อ ยู เขาก็ เป น อั น ธพาลทาง ทางวิญ ญาณโดยสิ้นเชิง ; ที่ เรียกวามี อะไรดี อยูนั้ น เป นดี อยางปลอมเที ยมทั้ งนั้ น. ทุก อยา งมีแ ตค วามทุก ขท รมานใจ ไมม ีส ว นไหนที ่จ ะยกมือ ไหวต ัว เองได. เขา ตองเป นโรคภั ยไขเจ็บประจําตัว เนื่องจากความพั กผอนทางวิญ ญาณมีไม เพี ยงพอ เช น เป น โรคเส น ประสาท, วิ ก ลจริ ต , อั น พาต หรื อ ตายไปอย า งไม มี ส ติ ส มปฤดี . แมย ัง ไมเ จ็บ ไข หรือ ยัง ไมต าย, เขา ก็เ หมือ นกับ ตายแลว อยา งที ่ต รัส ไวว า “เย ปมตฺ ต า ยถา มตา -พวกที่ ป ระมาทแล ว คื อ คนตายแล ว ” นั่ น แหละ คือคนนรกโลก! ถึงแมจะเปนฆราวาสอยางไร เราก็ไมควรจะเปนคนนรกโลก.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ชีวิตคือการเดินทาง ! มันเปนการเดินทางจาการอยูภายใตความทุกข ไปอยู เหนื อ ความทุ ก ข . ไม ว า จะเป น ความทุ ก ข ช นิ ด ไหน คนเราจะต อ งไต เต า


[๒๔] จนขึ้ น ไปอยู เหนื อ ความทุ ก ข ทั้ ง นั้ น , แม ที่ สุ ด แต ค วามทุ ก ข อั น เกิ ด มาจากความ ยากจน. ฆราวาส ก็ เป น สั ต ว มี ชี วิ ต , ดั งนั้ น ก็ ต อ งเดิ น ทางกั บ เข า ด ว ยเหมื อ นกั น , เดิน อยา งไรเร็ว และดี ตอ งเดิน กัน อยา งนั ้น . ทุก คนนา จะเห็น วา การทํ า งานคือ โลกิยธรรม การพั กผอนคือโลกุตตรธรรม : นั่นแหละคือการเดินทางที่ดีที่สุด สํ า หรั บ ฆ ราวาสผู ไ ม ถ อยหลั ง แต เ ดิ น ก า วไปโดยรวดเร็ ว ประกอบไปด ว ย “ประโยชนเ กื้อ กูล แกค วามเปน ฆราวาสตลอดกาลนาน” ดั่ง ที่พ ระองคต รัส ซึ่งไดนํ ามากลาวไวแลวขางตน. คําบรรยายชุดนี้ มีความประสงคดังนี้, พยายาม จะใหฆ ราวาสพุท ธบริษ ัท เปน ฆราวาสกัน ในแบบนี ้ หรือ แบบที ่พ ระองคท รง แนะนํา. คนจะเปนฆราวาส หรือเปนบรรพชิต ก็ตองเปนชีวิตที่เปนการเดินทาง ไปข างหน า ด วยกั น ทั้ งนั้ น , ไม วา จะช า หรือ เร็ว ก็ ต าม, มิ ฉ ะนั้ น แล วก็ ห มดความ เป น มนุ ษ ย ที่ แ ปลว า สั ต ว มี ใ จสู ง , หรื อ เหล า กอของผู ที่ มี จิ ต ใจสู ง . ไม ว า จะเป น บรรพชิต หรือ ฆราวาสก็ต าม ลว นแตต อ งมีจ ิต ใจสูง ไปตามแบบ หรือ ตาม มาตรฐานของตนๆ. ถา ใหฆ ราวาสเดิน ทวนกลับ จากที ่บ รรพชิต เดิน ก็จ ะ ถอยหลัง กลับ ไปเปน สัต ว เชน สุนัข เปน ตน เทา นั้น เอง ; ขอใหล องคิด ดู ใหด ีๆ : แตถ า เกิด ตอ งการจะใหช ีว ิต ตามแบบฆราวาสเปน การเดิน ไปขา งหนา ดว ยกัน กับ บรรพชิต แลว คํ า บรรยายชุด นี ้ จะชว ยทํ า ใหก ารเดิน นั ้น งา ยขึ ้น บา ง ไมมากก็นอย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org โมกขพลาราม, ไชยา ๒๓ ตุลาคม ๒๕๑๔


ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว -๑๒๑ เมษายน ๒๕๑๓ วั น นี้ เ ป น วั น บรรยายวั น แรกของพวกเรา. ในวั น นี้ จะพูด แตเ รื ่อ งที ่เ ปน อารัม ภบท คือ เริ ่ม เรื ่อ งทั ่ว ๆ ไปสํ า หรับ จะไดเ ขา ใจเรื ่อ งเฉพาะเรื ่อ ง ที ่พ วกคุณ ตอ งการจะทราบ . จากบัน ทึก ที ่พ วกคุณ เขีย นให ผมก็ร วบรวมใจความออกมา ดู วามีเรื่องอะไรบางที่จะตองพูดกันอยางไร. ในเรื่ อ งอารั ม ภบทนี้ ก็ คื อ หั ว ข อ ที่ คุ ณ อยากจะทราบว า จะปฏิ บั ติ อยา งไรจึง จะปอ งกัน มิใ หค วามทุก ขเ กิด หรือ แกไ ขความทุก ขที่เ กิด อยู แล ว สํ า หรั บ พวกฆราวาส. การที่ ต อ งการจะทราบเรื่อ งสํ า หรับ ฆราวาส ก็ ถู ก เหมื อนกั น คือวาเราไม ได อยูเป นพระตลอดไป จะต องออกไปเป นฆราวาสจึงอยาก จะทราบในฐานะที่ จ ะแก ป ญ หาของพวกฆราวาส. แต ผ มอยากจะพู ด ไปอี ก ทาง หนึ่ งวา ไม ต อ งพู ด ถึ ง พระถึ งฆราวาสกั น ก็ ได แต ค วรพู ด ในฐานะเป น เรื่อ งทั่ วไป สําหรับมนุษย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ฆราวาสธรรม

คุ ณ ต องเข าใจว า จะเป นฆราวาส หรื อจะเป นบรรพชิ ตก็ ตาม เรื่ องของ กิ เลสและความทุ ก ข นั้ น มั น เป น เรื่ อ งเดี ย วกั น อย า งเดี ย วกั น ; เพี ย งแต ว า เรื่ อ ง ของฆ ราวาสนั้ น มั น ออกจะหยาบ ๆ ต่ํ า ๆ; แต ก็ เ ป น เรื่ อ งเดี ย วกั น คื อ ว า ฆราวาสก็ต าม บรรพชิต ก็ต าม ถา จะมีค วามทุก ขแ ลว ก็มีเ พราะความ ยึด มั ่น ถือ มั ่น ดว ยกัน ทั ้ง นั ้น , คือ มาจากตัณ หาอุป าทานดว ยกัน ทั ้ง นั ้น ไมวา พระไม ว า ฆราวาส และบางที มั น ก็ เหมื อ นกั น เสี ย ด ว ย จนไม รูว า สํ า หรับ พระหรื อ ฆราวาสกั น แน เพราะว า กิ เ ลสก็ ด ี ความทุ ก ข ก ็ ด ี มั น ไม ม ี พ ระ ไม มี ฆราวาส; มันเปนเรื่องของจิตใจคน. คนนั้ น แม ว า เป น พระ ไปนึ ก คิ ด อย า งฆราวาสก็ ได ฆราวาสนึ ก คิ ด อย า งพระก็ ได บางที ก็ ต รงกั น . ยิ่ ง พระสมั ย นี้ ด ว ยแล ว ก็ มี อ ะไรที่ คิ ด นึ ก เหมื อ น ฆราวาสมาก. แตข อใหด ูเปน พิเศษตรงที ่ว า กิเ ลสนั ้น มัน เหมือ นกัน . ความ โลภ ความโกรธ ความหลง ก็ต าม, ตัณ หา อุป าทานก็ต าม, ทั ้ง ของพระ ของฆราวาส นี้ มั น เหมื อ นกั น ; มั น เกิ ด ความทุ ก ข ขึ้ น มาจากกิ เ ลสนั้ น มั น ก็ เหมือ นกัน อีก . นี ่ข อใหด ูใ นวงกวา ง ๆ อยา งนี ้ก ัน กอ น แลว ที ่จ ะไปแบง แยก เปน พ ระ เปน ฆ ราวาสนั ้น เปน เรื ่อ งเล็ก นอ ย. เมื ่อ พูด ถึง ความทุก ขแ ลว ก็ แ ทบจะเหมื อ นกั น เลย เพราะฉะนั้ น เราพู ด กั น ถึ ง เรื่ อ งของมนุ ษ ย หรื อ ของคน รวม ๆ กันไปดีกวา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สํ าหรั บป ญ หาที่ ถามว า จะป องกั นความทุ กข และแก ไขความทุ กข กั น อย า งไร ? เราจะไม พู ด กั น โดยรายละเอี ย ด จะพู ด กั น โดยหลั ก กว า ง ๆ อย า งที่ เรียกวา อารัมภกถา ดังที่กลาวแลว. แตวาก็เปนการตอบปญหาที่ตรงเหมือนกัน.

เกี่ ยวกั บข อนี้ ก็ อยากจะพู ดเป นหลั กไวก อ นว า ชี วิ ต ของคนเรานี้ ต อ ง เที ย มด วยควายสองตั ว , เปรีย บเหมื อนการไถนาด วยควาย คนไทยเราใชควาย


ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว

ไถนา ก็ เลยเอาเรื่องควายไถนานี้ มาพู ด เหมื อนกั บเป น symbollc ช วยความจํ า ให แม น ยํ า วา ชี วิต ของคนเราต อ งเที ย มด วยควายสองตั ว นั่ น แหละจึงจะดั บ ทุกขที่เกิดอยูได และปองกันความทุกขที่ยังไมเกิดได. ผมอยากจะเล าเรื่ อ งควายที่ ไถนา เพราะว าพวกคุ ณ เป น เด็ ก ๆ ไม รู เรื่อ งนี้ และยิ่ งนั บ วั น จะไม รู. ผมเกิ ด ก อ นคุ ณ ในสมั ย ที่ เห็ น เขาไถนาด ว ยควาย สองตั ว เดี๋ ยวนี้ เขาไถตั วเดี ย ว หรือ บางที ก็ ใชเครื่อ งจัก รไปเสี ย เลย. ปู ย าตายาย ของเราไถนาด วยควายสองตั ว และอย าไปเขาใจวา ควายสองตัวนี้ มั นเป นควาย เหมื อ นกั น . ควายตั ว หนึ่ ง ฉลาด ตั ว เล็ ก ก็ ไ ด ผ อมก็ ไ ด ไม ค อ ยมี แ รง แต ตั ว นี้ ฉลาด เขาเรีย กมัน วา “ควายตัว ตน ” แลว ควายอีก ตัว หนึ ่ง แข็ง แรงตัว ใหญ เขาเรีย กวา “ควายตัว ปลาย.” ที ่เ จา ของเคาะไมเ รีย ว หรือ วา พูด อะไรดัง ลั ่น อยูในทุ งนานั้ น เขาพู ด กั บ ควายตั วที่ ห นึ่ งทั้ งนั้ น , ภาษาพู ด นั้ นเขาใชกับ ควายตั ว ที ่ห นึ ่ง ทั ้ง นั ้น . ควายตัว ที ่ส องหูห นวกก็ไ ด คือ ไมต อ งรับ ฟง คํ า พูด นั ้น , เมื ่อ เขาพู ด ว า ซ า ย หรือ ขวานั้ น เขาบอกให ค วายตั ว ที่ ห นึ่ งเบี ย ดไปทางซ า ย หรือ เบีย ดไปทางขวา. สว นตัว ที ่ส องมัน โง ใหค วายตัว ที ่ห นึ ่ง หยุด บอกใหห ยุด ควายตัวที่สองก็ยังเดินเรื่อย เพราะฉะนั้น มันก็เลี้ยวได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่ แหละให รูไววา ควายนั้ นไม ได ทํ าหน าที่ เหมื อนกั นทั้ งสองตั ว ไม ได ฟ ง คํ า สั่ ง ที เดี ย วพร อ มกั น ทั้ ง สองตั ว . ตั ว ต น เป น ควายที่ ฉ ลาด เรี ย กว า “ตั ว รู ” (ความรู ), ตัว ที ่ส องแข็ง แรง เรีย กวา “ตัว แรง” (หรือ ตัว มีแ รง). ฉะนั ้น จะเห็ น ว า ตั ว หนึ่ ง มั น ฝากแรงไว กั บ อี ก ตั ว หนึ่ ง การไถนาก็ เป น ไปได จ นสํ า เร็ จ . เราก็ แ ยกออกไปได ว า ตั ว หนึ่ ง เป น ตั ว รู อี ก ตั ว หนึ่ ง เป น ตั ว แรง. การไถนา ประกอบอยูดวยลักษณะอยางนี้ แลวก็ดีมาก.

ชีวิตของคนเรา ก็ตองเทียมดวยควายสองตัวเหมือนกัน. คือตัว หนึ่งรู และตัวหนึ่งแรง. ตัวหนึ่งคือความรู ตัวหนึ่งคือกําลัง ถาชีวิตไหน


ฆราวาสธรรม

เทียมดวยควายแตตัวเดียว มันก็มีปญ หา. ถาเผอิญ วา มันไมเทีย มดวยควาย เพียงตัวเดียว คือตัวมีแรง มีกําลัง และขาดตัวที่รูแลว ชีวิตนั้นอันตรายมาก. กลายเปน อันตรายมาก. แต ถาเผอิญ วามีแตตัวเดี ยวคือ ตัวที่เป นตัวรู ไมมี ตัวที่ เป นแรง นี้ ยั งไม อัน ตราย แต วามั น ทํ าอะไรได น อ ยหน อ ย; แต ถึงอย างนั้ น มั น ก็ ปลอดภั ย ถ า ชี วิ ต นี้ มั น เที ย มด ว ยควายตั ว ต น ตั ว เดี ย ว คื อ มี ค วามรู มั น ก็ ยั ง ปลอดภั ย ไปได ช า ๆ หรื อ พอเหมาะพอดี ก็ ไ ด . แต ถ า มั น เผอิ ญ ไปเที ย มด ว ย ควายตัว ที ่ส อง คือ ตัว มีแ รงเพีย งตัว เดีย ว มัน ก็อ ัน ตราย ระวัง ใหด ี; และก็ ไดแกพวกคุณทั้งหมดนี่เอง ที่กําลังมีควายเพียงตัวเดียว แลวก็มีควายตัวแรงนั้น ; และก็ไดแกคนในโลกทั้งหมดสวนมากในเวลานี้ดวย. ในที่นี้จะชี้ใหเห็นชัดลงไปอีกวา ชาวตะวันออกเรา รุมรวยไปดวยความ สวางไสวทางวิญ ญาณ คุ ณ แปลเองก็ ได วา Spiritual-Enlightenment นี้ คื อสมบั ติ ของทางฝายตะวันออก เปนความรุงเรืองสวางไสวแจมแจงในทางฝายวิญญาณ. คุณจะเห็นไดวา ศาสนาทุกศาสนานั้นเกิดในทางตะวันออก: ศาสนาคริสเตียนเกิด ในปาเลสไตน ก็ เป น แดนตะวัน ออก ; ศาสนาพุ ท ธ ศาสนาพราหมณ ศาสนา เล า จื๊ อ ขงจื๊ อ โซโรอั ส เตอร อะไรก็ ต าม มั น ตะวั น ออกทั้ ง นั้ น . ดั ง นั้ น ตะวั น ออกจึงรุงเรืองไปดวยความสวางไสวทางวิญญาณ. พวกตะวันตกมีแตความรูเรื่อง ปากเรื่องทอง เดี๋ยวนี้มีวิวัฒนาการมากจนเรียกวา เทคโนโลยี ที่พวกคุณกําลังบูชา กัน อยู . พวกฝรั่งเขาบู ช าเทคโนโลยี่ หายใจเป น เทคโนโลยี่ ก็ คื อ เรื่อ งปากเรื่อ ง ทอ ง, ความสวา งไสวทางวิญ ญาณหายไปหมด. ที ่เคยนับ ถือ ศาสนากัน บา ง ก็ละทิ้งหมด เขาวา พระเจาตายแลวเดี๋ยวนี้, เดี๋ยวนี้ไมตองถืออะไร พวกฝรั่ง ก็เหลื อ แต เทคโนโลยี่ . พวกฝรั่งมี แ ต เทคโนโลยี่ นี่ ฟ งดู ให ดี คื อ มั น มี แ ต ค วาย ตั วที่ ส อง ซึ่ งมี แ ต เรี่ย วแรง จะบั น ดาลอะไรก็ ได ไปโลกพระจั น ทรก็ ได หรือ จะ เอาเรื่องปากเรื่องทองกันเทาไรก็ได เกี่ยวกับเทคโนโลยี่ ซึ่งมันเจริญมาก แตแลว มันไมมีความสวางไสวทางวิญญาณคือ Spiritual - Enlightenment.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว

นี่แหละ ดูขอนี้ใหเขาใจกันกอน มิฉะนั้นเราจะไมรูอะไรอีกมากมาย และขอสําคัญก็คือไมรูวา โลกนี้กําลังเปนอยางไร. โลกนี้กําลังนารื่นรมยหรือไม นาบูชาหรือไม คุณลองไปคิดดูเอาเอง มันเลวลงทุกที มันสกปรกลงทุกที. อยาง เรื่องเล็ก ๆ นอย ๆ เชนวา แตกอนนี้ประชาชนแถวนี้ รอน ๆ อยางนี้ก็นอนบน แครใตถุนเรือนได สบายจนสวางเลย; เดี๋ยวนี้ไมกลานอน เพราะมีคนมายิงตาย นอนอยูบนเรือนซึ่งปดประตูหนาตางแลว ก็ยังไมปลอดภัย. เมื่อกอนนี้เขานอน ใตถุนบนแครตากลมจนสวางได. ทีนี้คุณดูที่กรุงเทพ ฯ ปลนจี้ อนาจารกลางวัน แสก ๆทั้งนั้น เดี๋ยวนี้กําลังลักพาหญิงไปหาประโยชน. ยิ่งดูเมืองนอกมันก็ยิ่งกวา กรุงเทพ ฯคดีลามกอนาจารในบางประเทศมีอยูทุกหนึ่งวินาที ผมเคยพบหนังสือ ขา วแบบนั้น . อยา งนี้ไมเคยมีใ นสมัย โบราณ นั่น แหละคือ ผลของเทคโนโลยี่ ซึ่งมีแตใหเอร็ดอรอยทางปาก ทางทอง ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น หรือ วา จะเอาอะไรก็ไ ดใ นทางฝา ยวัต ถุ ; ไปโลกพระจัน ทรก็ไ ด จะทํา อะไรก็ไ ด, แตความสวางไสวทางวิญญาณมันไมมี จนไมรูวา เกิดมาทําไม.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฝายตะวันออกเรา พวกเรานี้ มั นมี Spiritual - Enlightenment ความ สวางไสวทางวิญญาณ เปนมรดกตกทอดกันมานมนานแลวก็คอยๆจางไปเลือน ไปในเวลานี้ เพราะไปตามกนฝรั่ง ซึ่งมี ให แต เทคโนโลยี่อ ยางเดี ยว. คุ ณ ไปดู พวกฝรั่ง เขามี ให เราแต เพี ย งเทคโนโลยี่ อ ย า งเดี ย ว; ส ว นเรามี ส มบั ติ เดิ ม คื อ spiritual - enlightenment เหลือเฟอ คือเคยผาสุกสบายเยือกเย็นทางจิตทางใจ แมไมมีรถยนตขี่ ไมมีเรือบินขี่ ไมมีอะไร ก็ยังมีความสงบสุขตามแบบของมนุษย. ทีนี้ พอไปเกี่ยวของกับฝรั่งไปตามกนฝรั่ง ก็คอย ๆ ไปเมาในผลของเทคโนโลยี่ ก็สลัดละทิ้ง spiritual - enlightenment มรดกดั้งเดิม กําลังตามกนฝรั่ง. พวกคุณ ก็คือพวกที่กําลังจะไปตามกนฝรั่ง : คุณเรียนตามความนิยมของพวกฝรั่ง ครูบา อาจารยก็เปนฝรั่ง, จะไปเมืองนอกเมืองนา ไปหาวิชาความรู ผลสุดทายก็ไป หอบเอาเทคโนโลยี่แขนงใดแขนงหนึ่งมา.


ฆราวาสธรรม

คุณต องดู ให ดี วา เดี๋ ยวนี้ ศาสตร (science) ทั้ งหลายที่ เป นพื้ นฐานนั้ น มัน ถูก กวาดไปเปน ทาส เปน ขี ้ข า ของเทคโนโลยี ่ห มด, จะเปน คณิต ศาสตร วิท ยาศาสตร อะไรศาสตร ก็ ต าม. มั น เอาไปเป นทาสของเทคโนโลยี่ห มด คื อ มัน มุ ง หมายที ่จ ะใชเพื ่อ เทคโนโลยี ่แ ตอ ยา งเดีย ว. ถา เปน สมัย กอ นศาสตรๆ เหลานี้เขาจะเอาไปใชในทางความรูทางวิญญาณ หรือความสวางไสวทางวิญญาณ ก็ ไ ด ใช กั น ทั้ ง สองฝ า ยก็ ไ ด . เดี๋ ย วนี้ คุ ณ จะเรี ย นหนั ง สื อ เรี ย นอั ก ษรศาสตร วิท ยาศาสตร หรือ อะไรศาสตรก ็ต าม มัน ไปเปน ทาสของเทคโนโลยี ่ห มด. ผมพูด จริง หรือไมจริง ก็เอาไปคิดดู เองก็แลวกัน วา ศาสตรทั้งหลายที่ม นุษ ย กํ า ลั งเรีย นกั น อยู ในโลกนี้ เรี ย นเพื่ อ จะไปเป น เครื่ อ งมื อ หรือ เป น อุ ป กรณ ข อง เทคโนโลยี่, ไมเคยนําไปใชเปน อุปกรณ ของความสวางไสวทางวิญญาณ ซึ่งเปน มรดกของตะวันออก. ปูยา ตายาย ของเราไมเคยประสบความทุกข หรือปญหา ยุงยากทางศีลธรรม หรือทางอะไรเหลานั้น ก็เพราะวาเขายึดหลักในทางความสวาง ไสวทางวิญ ญาณ คือ พระธรรม หรือศาสนา. แตแลวก็มิใชวา เขาจะไมมีแ รง. เขาก็ มี วิ ช าความรู เรื่ อ งการทํ า มาหากิ น เรื่ อ งประดิ ษ ฐ เรื่ อ งอะไรเหมื อ นกั น แต วาพอสมควรเท านั้ น ; เพราะวาเขาไม ตอ งการที่ จะไปโลกพระจัน ทร หรือ วา ไมต อ งการที ่จ ะทํ า อะไรมากกวา ที ่จํ า เปน ; โดยที ่เ ขาถือ พระพุท ธภาษิต ที ่ว า “อติโ ลโภ หิ ปาปโก” คือ โลภเกิน นั้น ลามก. อติโ ลโภ แปลวา โลภเกิน , หิ-ก็, ปาปโก-ลามก, - โลภเกินก็ลามก.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พวกที่เปนทาสของเทคโนโลยี่นั้น โลภ ไมมีขอบเขต ตองการจะมีวัตถุ อุปกรณใชสอยฟุมเฟอยไมมีขอบเขต, ตองการจะไปโลกพระจันทร โลกพระอังคาร โลกอะไรอี ก กี่ โ ลก ก็ ต ามใจ ไม มี ข อบเขต. นี่ มั น เข า บทพระพุ ท ธภาษิ ต ที่ ว า “โลภ เกิ น นั ้ น ลามก”. ลามกก็ ค ื อ เป น ทุ ก ข ระล่ํ า สะสายไปทั ้ ง โลก คุ ณ ไปค น เถอะจะพบว า ที่ ทํ า สงครามกั น อยู ที่ นั่ น ที่ นี่ ทุ ก หั ว ระแหงในโลกนี้


ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว

มั นมาจากโลภเกิ นทั้ งนั้ น. จะเป นคนชาติ ไหนก็ ตามใจ ที่ เป นคู สงคราม และทํ า สงครามกันอยู ก็เพราะความโลภเกินทั้งนั้น. ขอให รูวา ศาสนาทุ กศาสนาเขาถื อหลั กเดี ยวกันหมด : โลภเกินนั้ น ลามก ; เพีย งแตเ ขาไมไ ดพ ูด ไวช ัด เหมือ นของเรานี ้ ; ของเรามีช ัด อยู ว า : อติโ ลโภ - โลภเกิน , หิ - ก็, ปาปโก - ลามก. ในศาสนาคริส เตีย นก็ม ีวา : ถาแสวงหาหรือมีไวเกินจําเปนนั้น เปนบาป เปน sinful คือมีบาป ;เพราะคนที่ แสวงหาหรื อ โลภเกิ น นั้ น มั น ต อ งทํา ให ค นอื่ น เดื อ ดร อ นมาก แล ว ตัว เองก็มีค วามทุก ขเกิน กวาที่ค วรจะเปน ; ฉะนั้น จึง ใหแสวงหา หรือ มีไว แต เพี ยงพอเหมาะพอดี, เท าไรก็ตามใจเถิ ด พู ดไม ถูก พอเหมาะ พอดี , ให ม ัน พอดี อยา ใหม ัน เกิน . ในศาสนาไหน ๆ ก็เหมือ นกัน จะสอนในลัก ษณะที่วา ให แสวงหา หรือมี ไว เท าที่ มั นพอเหมาะพอดี นอกนั้ น มั น ไม จํ าเป น เพราะมั น เปนเรื่องกอใหเกิดความทุกข จึงวาลามก.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ เราก็มีความรูหรือแสงสวาง ในเรื่องฝายวิญญาณ ก็รูวา โลภเกิน นี้ล ามก. ฉะนั้น ปูยา ตายายของเราไมเคยโลภเกิน . โลภพอดี. ฝา ยพวกฝรั่ง มาเห็ นเขา ก็ วา อย างนี้ ขี้เกี ยจ อย างนี้ ถอยหลั ง. เราก็ เกิดไปเข าใจผิ ดตามเขา เลยลูกหลานของตายาย ก็พลอยไปโลภเกินเหมือนพวกฝรั่ง ; จะเอร็ดอรอยทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย กันอยางไมมีที่สิ้นสุด. นั่นแหละดูใหดีวา ปูยา ตายายของเรานั้ น มี ค วาย ๒ ตั ว เที ย มชี วิ ต . Spiritual - Enlightenment นี้ รั บ มรดกตกทอดกันมาเรื่อย, แลวก็มีการทํามาหากิน กสิกรรม เกษตรกรรมอะไร เขาก็ ทํ าได , แล วก็ พ อเหมาะพอดี ที่ ม นุ ษ ย ค นหนึ่ งจะมี ค วามสุ ข , คนทั้ งโลกก็ มี ความสุข ; ตางคนตางพอใจถึงขนาดวานอนตากลมบนแครใตถุนเรือนไดจนสวาง ไมมีใครมาลอบยิง. นี่คือวัฒนธรรมประจําชาติที่แสนประเสริฐของพวกเราชาวไทย


ฆราวาสธรรม

คื อวั ฒนธรรมแห งการที่ ชี วิตนี้ เที ยมอยู ด วยควายสองตั ว.Spiritual – Enlightenment คือ ควายตัว รู, แลว ก็ วิช าทํ า มาหากิน เทคโนโลยี ่ข นาดนอ ย ๆ ตามที ่เขา จะทําไดนี้ เปนควายตัวที่สอง ตัวแรง ; ชีวิตนี้เทียมดวยควายสองตัว พอเหมาะ พอดี ; อยางนี้ก็เลยสบาย. พวกฝรั่ งนั้ น เผลอตั ว ตกไปเป น ทาสของวั ต ถุ มั น จึ งก าวหน าพรวด พราด ๆ ไปทางเทคโนโลยี่ มีแตควายตัวที่สอง ดําทะมึนสูงกวาภูเขา, มันเปน ควายขนาดยั ก ษ ใหญ ก วา ภู เขา และมี ค วายตั ว เดี ย วเท า นี้ ; ส ว นตั วที่ จ ะเป น Spiritual – Enlightenment นั้ นไม มี ; นี่ มั นผิ ดกั นกั บ ปู ย าตายายของเราอย างนี้ . ลูกหลานจะเอาขางไหนก็ตามใจใครวาใครไมได ; เพราะวา เราเชิดชูประชาธิปไตย จะเอาอยางไหนก็ได : จะเลือกเอาควายตัวเดียวอยางฝรั่งก็ได หรือควายสองตัว อย า งปู ย า ตายายก็ ได : แต ผ มกํ า ลั งบอกพวกคุ ณ ว า ปู ย า ตายาย ท านไม มี ปญหาอยางที่คุณถาม ที่วาจะปองกันความทุกขอยางไร ? จะแกความทุกขที่เกิดแลว อย า งไร ? เช น นี้ เขาไม มี ป ญ หาอย า งนื้ ; เพราะว า เขามี เครื่ อ งรางศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ปองกันอยูแลวในตัว คือ ชีวิตที่มีควายสองตัวนั่นแหละมันเปนเครื่องราง ป องกั นอยู แล ว ไม ให เกิ ดความทุ กข ไม ยุ งยากลํ าบาก ลามกอนาจาร เหมื อ น ลูกหลานสมัยนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่แหละคืออารัมภกถา คุณฟงดูใหดี บอกใหทราบถึงตนเหตุ มูลเหตุ ของปญหายุงยากสมัยนี้, ปูยา ตายาย ไมเคยมีปญหานี้ เพราะมีวัฒนธรรมไทยที่ ถู กต อง เป นเครื่องรางป องกั นไว. มั นมี มากมายเหลื อเกิ น เกี่ ยวกั บรองรอยต าง ๆ ของวัฒนธรรมอั นสูงสุดทางฝ ายวิญญาณ ที่ อยู ในผื นแผ นดิ นไทยนี้ ; แม ที่ สุดแต บทกลอ มลูก ใหน อน เรื่อ งมะพรา วนาฬิเกร ที ่ไ ดส รา งสระเปน อนุส าวรีย ไ วที่ ตรงนั้ น ; นั้ นก็ เป นซากหรือรองรอยของการที่ มนุ ษย มี วัฒ นธรรมสู ง ในทางฝ าย


ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว

Spiritual - Enlightenment. พวกคุ ณ เองเสี ย อี ก จะยั งไม รู ว า “มะพร า วนาฬิ เกร กลางทะเลขี้ผึ้ง” นั้นเปนอยางไร ? เรื่องนี้เขาเคยรูกันมาตั้งพันกวาปแลว สมัยที่ พระพุทธศาสนายังรุงเรืองอยูในถิ่นนี้. นี้แหละมาทิ้งของดี ๆ ไปอยางนาใจหาย หรือวามันหมุนกลับไปสูทางมืดมัว ทางมืดมน. พวกเราจะสามารถมี ชี วิ ตชนิ ดที่ เที ยมด วยควายทั้ งสองตั ว หรือไม นั่นแหละคือตัวป ญ หา. สําหรับ เรื่องทฤษฎีนั้นมันก็หมดกันไปแลว วา มันตอ ง เที ยมด วยควายสองตั วแน ; แต ที นี้ ป ญ หามั นเหลื ออยู ในทางปฏิ บั ติ วา เราจะ สามารถทํา ไดห รือ ไม ในการที่จ ะใหชีวิต นี้ มัน เทีย มดว ยควายสองตัว โลกปจจุบันมันหมุนไปแตในทางที่จะมีควายตัวเดียวคือเทคโนโลยี่. ทีนี้ พวกคุณก็จะถามขึ้นวา วิชาความรูนี้มันไมใชความรูดอกหรือ ? ผมก็ย อมรับ วา มัน เปน ความรู แตมัน ไมรูเรื่อ งที่ควรจะรู, และมัน รูผิด ในเรื่อ ง ที่ ค วรจะรู คื อ รูผิ ด เช น เห็ น ไปวา Spiritual - Enlightenment นี้ เป น ของครึค ระ ล า สมั ย . นั ก เรี ย นมหาวิ ท ยาลั ย จะเห็ น ว า ธรรมะ หรื อ ศาสนานี้ ล าสมั ย , พวก ฝรั่งเทานั้นที่ทันสมัย แลวก็เฮไปตามกนเขา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org แต อยาลืมวาเดี๋ยวนี้ พวกฝรั่งบางคน หรือสวนน อย เขาลื มตาขึ้นมา เขากลับมองเห็นวาตะวันออกนี้มีของประเสริฐวิเศษ จึงมาตะวันออก มาแสวงหา สิ่งวิเศษนี้ คือมาเรียนศาสนาของตะวันออก ที่ เป นตัวศาสนาจริง ๆ ที่ ไม ใชเป น แต เพี ยงปรัชญาเพ อเจ อ. ที่ พวกฝรั่งเอาไปสอนกั นในมหาวิ ทยาลั ยอั งกฤษ หรื อ อเมริก า อะไรก็ ต าม เขาสอนพุ ท ธศาสนาในลั กษณะที่ เป น ปรัช ญา แล วก็ เป น ปรัชญาเพ อเจอ ; ไมไดส อนวิธีป ฏิ บั ติที่เป นตัวพระศาสนา. ถาสอนวิธีป ฏิ บัติ ที่ เปนตัวศาสนา ก็ควรสอนเรื่องที่วาทําอยางไรจึงจะควบคุม ตา หู จมูก ลิ้น กาย


๑๐

ฆราวาสธรรม

ใจ หกอยา งนี ้ไ วไ ด ใหอ ยู ใ นอํ า นาจของเรา ; เมื ่อ มัน ไดร ับ อารมณค ือ รูป เสีย ง กลิ ่น รส สัม ผัส แลว มัน จะไมป รุง แตง ใหเ กิด ตัณ หาอุป าทานนั ้น ; ต อ งฝ ก ฝนอย า งนั้ น จึ ง จะเป น ตั ว ศาสนา. แต เ ขากลั บ เอาไปพู ด กั น ในเรื่ อ ง ทฤษฎีนั ่น ทฤษฎีนี ่ แมแ ตเ รื ่อ งนิพ พาน เรื ่อ งอนัต ตา สุญ ญตา อะไรก็ต าม เอาไปพูด อยา งทฤษฎีเปน ปรัช ญาไปหมด. สอนอยา งนี ้ ใหส อนกัน จนตายอีก กี่ ชาติ ก็ ไม อ าจเข าถึ งตั วพุ ท ธศาสนา มั น เป น ปรั ชญาเพ อ เจ อ อยู อ ย างนั้ น แหละ. พวกฝรั่ ง ที่ ฉ ลาดบางคนเขาจึ ง อุ ต ส า ห ม าทางบ า นเรา ศึ ก ษาวิ ธี ป ฏิ บั ติ ที่ เรี ย กว า “กั มมั ฏฐาน วิ ป สสนา” คื อให รู ว าทํ าอย างไร เราจึ งจะชนะ ตา หู จมู ก ลิ้ น กาย ใจ ของเราได ; นี่แหละคือตัวศาสนา. ทางโนน เขามัว สอนกัน แตเ รื ่อ งในรูป ของปรัช ญา เปรีย บเทีย บกับ ปรัชญานั้ น เปรียบเที ยบกั บปรัชญานี้ ตั้ งเหตุ ผลทาง logic ว า ทํ าไมเป นอย างนั้ น ทํ า ไมเป น อย า งนี้ . ตอบได ชั้ น หนึ่ ง แล ว ก็ ยั ง ถามว า ทํ า ไมจึ ง เป น อย า งนั้ น อี ก , ตอบได แ ล ว ก็ ยั ง ถามอี ก ว า ทํ า ไมจึ ง เป น อย า งนั้ น อี ก ;นี้ เป น ปรั ช ญาเพ อ เจ อ . พระพุ ท ธเจ า ท า นไม ต อ งการให รู เกิ น กว า จํ า เป น ที่ จ ะต อ งรู เช น ว า เราจะดั บ ทุ ก ข ก็ ต องรูเท าที่ จะดั บ ทุ กข ; ไม ต อ งถามว า ทํ าไมต อ งเป น อย างนั้ น ? ทํ าไมต อ งเป น อย า งนั้ น อี ก ? เป น ชาวนาก็ รู แ ต เพี ย งว า เอาดิ น อย า งนี้ ม าทํ า ปุ ย ต น ไม ก็ ง าม เมื่ อ ปลู ก ต น ไม ได ง าม ได กิ น ผล ; ไม ต อ งรู ว า ทํ า ไมจึ ง เป น อย า งนั้ น , ทํ า ไมดิ น นั ้น จึง เปน อยา งนั ้น , ทํ า ไมธาตุนั ้น จึง ประกอบเปน ดิน อยา งนี ้ ; ไมต อ งรู  ขืน รู ก็เปนเรื่องเพอเจอ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เดี๋ ยวนี้ เรามั น ไปรู ส วนเพ อ เจ อ จึ งอยู ในสภาพที่ ว าความรู ท วมหั วเอา ตั ว ไม ร อด ; เรื่ อ งเล็ ก เรื่ อ งใหญ เรื่ อ งสู ง สุ ด เรื่ อ งอะไรก็ ต าม มั น เป น ไปในรู ป “ความรู ท ว มหั ว เอาตั ว ไม ร อด”, อย า งนี้ ผ มเรี ย กว า ปรั ช ญ าเพ อ เจ อ . พวก


ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว

๑๑

ฝรั่งกํ าลั งเรียน กํ าลั งสอนพุ ทธศาสนากั นอยู ตามมหาวิทยาลั ยต าง ๆ ในต างประเทศ มัน ไมใ ชต ัว พุท ธศาสนา, คือ มัน ไมใ ชต ัว ศาสนา ไมใ ชต ัว religion : แตม ัน เป น ตั ว Philosophy หรื อ เป น logic เป น อะไรไปตามเรื่ อ ง. ฉะนั้ น แม จ ะรู จ น ท ว มหั ว รู จ นหาบกั น ไม ไ หวหรื อ อะไรก็ ต าม มั น ไม มี ป ระโยชน อ ะไร ; สู ปู ย า ตายายของเราที่ มี ค วายสองตั ว เล็ ก ๆ เที ย มอยู ใ นชี วิ ต ไม ไ ด : ความรู ก็ รู เทาที่จะตองรู, เรี่ยวแรงก็มีเทาที่จะตองมี, แลวชีวิตนี้ก็เปนผาสุก. นี่ คุ ณ ระวั งให ดี คุ ณ อย าเข า ไปหลงแต ค วายตั ว ใหญ ไม รู ที่ สิ้ น สุ ด แต เพี ยงตั วเดี ยว. คุ ณ จะมี เรี่ยวมี แรงในการแสวงหาอะไรมาบํ ารุงบํ าเรอ ตา หู จมู ก ลิ้ น กาย ใจ ด ว ยเรื่ อ งกิ น เรื่ อ งกาม เรื่ อ งเกี ย รติ เรื่ อ งประสบความสํ า เร็ จ ใน หน าที่ การงาน แต เรื่องทางวิ ญ ญาณไม มี . อย างนั้ นมั นก็ ก อหวอดขึ้ นแล วในมหาวิ ท ยาลั ย ของพวกคุ ณ : มี ตี มี ฆ า มี อ ะไรกั น ในมหาวิ ท ยาลั ย , มี ท ะเลาะวิ ว าท กั น ในมหาวิ ท ยาลั ย ซึ่ ง เมื่ อ ก อ นนี้ ไ ม เคยมี ใ นสถาบั น อย า งนี้ เดี๋ ย วนี้ มั น มี แ ล ว . มั น ก็ มี เชื้ อ โรคมาจากการที่ นิ ย มแต เพี ย งควายดํ าเมื่ อ มตั วใหญ นั้ น ตั วเดี ย ว ; ไม มี ควายตั ว ที่ สํ า คั ญ ตั ว ต น คื อ ความรู ว า ชี วิ ต นี้ คื อ อะไร ? ชี วิ ต ของคนเรานี้ มี วั ต ถุ ประสงค อ ย า งไร ? ความรู อ ย า งนี้ ไม มี ; ซึ่ ง คุ ณ ก็ เห็ น อยู ก็ ป ระจั ก ษ อ ยู ใ นจิ ต ใจ ของคุ ณ เองแล วว า ในมหาวิ ท ยาลั ยไม มี ก ารสอนว า ชี วิ ต นี้ คื อ อะไรในแง ของฝ า ย Spiritual - Enlightenment. เขาสอนทาง Biology ทางอะไรไปก็ ไ ด แต มั น ก็ ไ ม มี ประโยชน อ ะไรเลย มั น ก็ เท า กั บ ไม รูห รือ รูผิ ด อยู เรื่อ ยไป ; ไม มี ก ารสอนว า เกิ ด มา ทํ า ไม ? ผมไม เห็ น มี ม หาวิ ท ยาลั ย ไหน โรงเรี ย นไหน ที่ ส อนเรื่อ งคนเรานี้ เกิ ด มา ทํ า ไม ? เขาสอนวิ ช าสารพั ด อย า ง สอนเทคนิ ค ต า ง ๆ นั่ น แหละคื อ ไม มี ค วาย ตัวที่หนึ่ง ซึ่งเปนตัวรู, มีแตตัวแรง มันเปนเสียอยางนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org วิ ชาความรู ที่ คุ ณ มี กั น เกื อ บจะท วมหั วอยู แ ล วนี้ มั น เป น เรื่ อ งของการ คลํ า ไปหมด, เที่ ย วคว า เที่ ย วคลํ า ไปหมด ; เพราะคุ ณ ไม รู ใ นข อ ที่ ว า เกิ ด มา


๑๒

ฆราวาสธรรม

ทํ า ไม เห็ น ไหม ? เดี๋ ย วนี้ คุ ณ ไม รู อ ย า งกระจ า งแจ ง ในข อ ที่ ว า เกิ ด มาทํ า ไม ? ฉะนั้นวิชาความรูที่คุณ มีอยูทั้งหมด มันก็เปนเรื่องคลํา ๆ - คลํา ๆ - คลํา ๆ ไมมี ที ่สิ ้น สุด ไมรู ว า จะเอาอะไรมาใชอ ะไร ที ่ไ หน ? อยา งดีที ่ส ุด ก็เ อามาใชก ับ เรื่องปาก เรื่องทอง ก็มีความรูเพียงไปทําอาชีพ หนาที่การงานอยางใดอยางหนึ่ง ไดเงินมาหลอเลี้ยงความตองการของเรา ซึ่งลวนแตเปนกิเลส ตัณหา เพราะเรา ไม รูวาเกิด มาทํ าไม ? ถาเรารูวาเกิดมาทําไมอยางถูกตอ ง เราก็ จะใชสิ่ งเหลานี้ ทั ้ง หมด เพื ่อ วัต ถุป ระสงคอ ัน นั ้น ใหรูวา เกิด มาทํ า ไมอยา งถูก ตอ ง. อยา งผม มักจะพูด อยา งกํา ปน ทุบ ดิน วา เกิด มาเพื่อ ใหไ ดสิ่ง ที่ดีที่สุด ที่ม นุษ ยค วร จะได ;คุณ ก็ไ มท ราบวา มัน คือ อะไร. ฉะนั ้น ที ่อ ุต สา หป ลุก ปล้ํ า อยู ทั ้ง วัน ๆ ในการเลาเรียน การอะไรก็ตาม นี้ก็ไมรูวา ทํ าทําไม ? ทําเพื่ ออะไร ? นอกจาก เพื่อเอร็ดอรอยทางปาก ทางทอง.นั้นแหละเปนเรื่องของควายตัวที่สองเสียเรื่อย. ไมมี เรื่องของควาย ตัวที่ หนี่ ง ที่ รูวา เกิดทํ าไม ? ชีวิต มี วัตถุประสงคอ ยางไร ? อะไรเปน goal ของชีวิต ? อยางนี้เปนตน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ในเรื่องคลํานี้ มันก็มากออกไปทุกที ๆ คือ มนุษยจะเลาเรียนในเรื่อง เทคโนโลยี่ นี้ ม ากออกไปทุ ก ที ๆ ; อย า งที่ ฝ รั่ ง บางคนเขาพู ด ว า ไปโลกพระจันทรนี้ก็เพื่อที่จะรูถึงความรูที่สูงสุดของมนุษย. ผมไมเชื่อ แตยังมีความสุภาพ ที่จะไมพู ดวา เขาโกหก. ความจริง เขาอาจจะรูวาเรื่องนี้มั นแกปญ หาอะไรไมได เลย, ไปโลกพระจั น ทรนี้ . มั น จะแก ป ญ หาสั น ติ ภ าพของมนุ ษ ย อ ะไรไม ได เลย ; แตเขาก็ตองพูดวา มันจะชวยแกปญหาวิกฤตกาลของโลก จะทําใหมีสันติภาพอะไร อยา งนี ้ ; เราไมเชื่อ . ทีนี ้ม ัน ก็จ ะคลํา ตอ ไปอีก ไปโลกอื่น โลกไหนก็ต ามใจ, ก็ค ลํ า ๆ คลํ า ๆอยู นั ่น แหละ คลํ า ตอ ไปอีก ; สุด ก็ไ มรูว า จะแกป ญ หาตา ง ๆ ไดอยางไรกัน.


ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว

๑๓

คุ ณ จะต อ ง “ทํ า วิ ป ส สนา” ในข อ นี้ กั น เสี ย ก อ น คื อ ไปสู ที่ ส งั ด เงี ย บ ตามสมควร แล วหลั บ ตาใคร ค รวญ พิ จ ารณาว า โลกนี้ มั น อยู ในสภาพอย างไร ? เราเองด ว ย อยู ใ นสภาพอย า งไร ? มั น ถู ก จุ ด ประสงค ข องธรรมชาติ แ ล ว หรื อ ยั ง ที่วามีมนุษยขึ้นมาทําไม ? นิ ยายปรัมปรา ที่ เราเอามาทํ าเป นสะไล ด เรื่ องล อคน ฉายดู เล นกั นอยู นี้ เขาก็ ยั งมี บอกว า พระเจ าสรางมนุ ษย ขึ้ นมาในโลก เพื่ อให โลกนี้ มั นดี ขึ้ น ให โลกนี้ มัน นา อยู  ใหม ัน งดงาม ใหม ัน ประเสริฐ . พระเจา สรา งมนุษ ยขึ ้น มาในโลกนี้ ก็เพื่ อ ให โ ลกนี้ มั น งดงามน า อยู ดี ขึ้ น และประเสริ ฐ . แล ว เดี๋ ย วนี้ ม นุ ษ ย ก็ กํ า ลั ง มากขึ้ น ในโลก, มากขึ้ น ๆ แล วมั น ทํ าโลกนี้ ให น าอยู ให งดงาม ให ป ระเสริ ฐจริ ง ไดห รือ ไม ก็ล องคิด ดู. ลองไปนั ่ง ทํ า วิป ส สนา คือ ใครค รวญ อยา งลึก ซึ ้ ง ในขอ นี ้ก ัน เสีย กอ น ;ใหเ ห็น ความนา สลดใจ นา เศรา นา สงสาร นา เกลีย ด น า ชั ง ของความบ า หลั ง ของมนุ ษ ย ส มั ย นี้ กั น เสี ย ก อ น ที่ รู จั ก แต ค วายตั ว เดี ย ว ควายตั ว ที่ ส องตั ว เดี ย วอยู เ รื่ อ ย ; แล ว เรากํ า ลั ง จะเป น อย า งไร ? ตั ว เราเองนี้ กํ าลั งจะเป น อย างไร ? อยู ในฐานะอย างไร ? หรือ ได เป น เข าไปแล วอย างไรบ าง ? นั่ นแหละจะเรียกวาคุ ณ กํ าลั งเข ารองเข ารอยของการที่ จะศึ กษาธรรมะในพระพุ ทธศาสนา คือตองมองเห็นตัวปญหา หรือตัวความทุกขที่มันเปนปญหา ตัวความ ทุก ขนั่น แหละคือ ปญ หา ; ตอ งมองใหเ ห็น ปญ หานั ้น ใหถูก ตอ งเสีย กอ น ในฐานะมันเปนปญหา แลวมันจึงจะแกปญหาไดถูกตอง. อยางนอยเราตอง รูเรื่อ ง ความเจ็ บ ความไข ความป วย อะไรของเรานี้ เสี ยก อ น ว ามั น เป น อย างไร เราจึงจะหาวิธีแกไขมันได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถ าคุ ณมองไม เห็ นตั วป ญหาหรือตั วความทุ กข แล วมาขอคํ าตอบจากผม ขอวิธ ีแ กไ ขปอ งกัน ความทุก ขอ ะไรนี ้ มัน ก็เปน เรื่อ งนา หวัว ; บางทีจ ะเปน เรื่อ ง หลั บตากั นทั้ งคุ ณ และผม ทั้ งสองฝ ายต างก็ หลั บตาวากั นไป โดยที่ ไม รูวาอะไรเป น


๑๔

ฆราวาสธรรม

ตั ว ป ญ หา หรื อ ตั ว ความทุ ก ข ; แล ว ก็ พู ด กั น ถึ ง เรื่ อ งวิ ธี แ ก ป ญ หา แก ค วามทุ ก ข กันเสี ยจนน้ํ าลายฟุ งไปเท านั้ นเอง. เดี๋ ยวนี้ มั นอยู ในสภาพอยางนี้ ทั้ งนั้ น ที่ กรุงเทพ ฯ ก็ต าม ที ่ไ หนก็ต าม มัน อยู แ ตใ นสภาพอยา งนี ้ ; มัน มีแ ตเ รื ่อ งพูด ซึ ่ง ตัว ผู พ ูด ก็ไม รู ว า อะไร, แล ว ฟ ง ดู ก็ แ ปลกดี สนุ ก ดี ดู ป ระเสริ ฐ สู ง สุ ด อะไรดี , เรื่ อ งธรรมะ อยางนั้นอยางนี้, ธรรมะสูงสุดอยางนั้นอยางนี้. ขอใหตั้งตน ดว ยการรูจักตัว ความทุกขกัน เสียกอ น แลวก็มาตาม ลํ า ดั บ ว า เหตุ ใ ห เกิ ด ทุ ก ข คื อ อะไร ? จึ ง จะรู ส ภาพตรงกั น ข า ม คื อ ความดั บ ทุ ก ข นั ้น เปน อยา งไร ? แลว ก็จ ะพบวิธ ีที ่ถ ูก ตอ งได นั ้น ก็ค ือ เรื ่อ งอริย สัจ จใ นพระ พุท ธศาสนา มีอ ยู  ๔ หัว ขอ วา ; - ความทุก ขค ือ อะไร ? - เหตุใ หเ กิด ทุก ข คือ อะไร ? - ความไมมีทุก ขเ ลยนั้น คือ อยา งไร ? - แลว จะทํา โดยวิธีใ ด จึงจะไดมา ? นี่คืออริยสัจจ ที่เรียกกันวา เปนตัวพระพุทธศาสนา มีอยูอยางนี้. เดี่ ยวนี้ มั นอยู ในลั กษณะอื่ น คื อสมั ครเล น สมั ครรูสมั ครเรียนโดยที่ ไม มี ป ญ หา คื อ ตั ว ความทุ ก ข แต ม าสมั ค รจะปฏิ บั ติ เพื่ อ ดั บ ทุ ก ข . พวกไปวั ด ไปวา เขา วัด เขา วาก็เ ปน อยา งนี ้เ สีย โดยมาก. ทีนี ้ค นหนุ ม นัก ศึก ษาหรือ นัก เรีย นนี้ ก็ส นใจพุท ธศาสนา ก็ม ัก จะอยู ใ นรูป นี ้เ สีย โดยมาก, คือ ไมไ ดพ บตัว ปญ หา แลว ติ ด ตามมาจากป ญ หานั้ น ๆ. ถ า เอาไปสอนในมหาวิ ท ยาลั ย ในฐานะเป น วิ ช าพุ ท ธศาสนา ก็ เ ป น เรื่ อ งทฤษฎี ปรั ช ญา ทั้ ง นั้ น เลย ; ไม ทํ า ให เ กิ ด ความ สว า งไสวทางวิ ญ ญาณอะไรได . มั น กลายเป น เรื่ อ งยุ ง หรื อ ว า ปนกั น ยุ ง ในทาง วิ ญ ญาณมากขึ้ น . และถ า หากว า ข อ ที่ เอาไปเรี ย นนั้ น มั น ผิ ด ๆ ถู ก ๆ ด ว ยแล ว มั น ก็ จ ะปนกั น ยุ งใหญ จนผู เรี ย นจั บ อะไรไม ได ; ฉะนั้ น เรี ย นพุ ท ธศาสนา ยิ่ งไม รู พุทธศาสนา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว

๑๕

ผมไปพูด ที่คุรุส ภาวา ยิ่งเรีย นพระไตรปฎ กยิ่งไมรูพุท ธศาสนา เขาไมเ ชื ่อ รอ ยเปอรเ ซ็น เลย วา จะเปน อยา งที ่ผ มพูด นั ้น มัน ไมม ีเ หตุผ ล. ยิ่งไปเรียนพระไตรปฎก ยิ่งไมรูพระพุทธศาสนา เพราะพระไตรปฎกนั้นมันอยูใน รูป ของวรรณคดี อัก ษรศาสตร พอไปเรีย นเขา มัน เพลิน ไปในแงว รรณคดี และอักษรศาสตร ; แมไปเรียนอภิธรรม มันก็เปนเรื่อง logic เปนเรื่องปรัชญา, มั น ก็ มั ว เพลิ น แต เรื่อ ง logic เรื่ อ งปรัช ญา. เมื่ อ จิ ต ใจไม พ บป ญ หาความทุ ก ข แล วไม ส นใจจะดั บ ทุ ก ข โดยตรง ยิ่ งไปเรีย นพระไตรป ฎ ก ยิ่ งไม รูพุ ท ธศาสนา ; มันคืออยางนี้ คุณเอาไปคิดดูบาง. ที่ จริงแท นั้ น มั นต องเรียนชี วิต เรียนธรรมชาติ เรียนตั วเอง จึ งจะรู พุทธศาสนา. พระไตรปฎกก็เปนการบอกวิธีเรียนเหมือนกัน แตมันมากนักจนคน จับไมได ; เวนไวแตจะศึกษาอยางถูกตอง และเก็บเอามาอยางถูกตอง ใชเปนวิธี สํ า หรับ ดับ ความทุก ขใ นใจโดยตรงนั ้น ได.แตถ า ไปมัว เรีย นอยา งอัก ษรศาสตร วรรณคดี แ ล วละก็ ไม มี ท าง ; เชน ไปเรีย นจนได เปรีย ญ ๙ ประโยค ๑๐ ประโยค เป น มหาเปรี ย ญแล ว ก็ ยั ง ไม รู อ ะไรเลยที่ จ ะดั บ ทุ ก ข . เพราะเรีย นในแงอั ก ษรศาสตร วาไปได อย างนกแก ว นกขุน ทองเลย. ฉะนั้ น เรีย นพระไตรป ฎ กจะไม รู พุท ธศาสนา ตอ งเรีย นเขา ไปที ่ต ัว กิเ ลส ตัว ความทุก ขจ ากในใจของคนเรา ในใจของตัวเองนั่นแหละ ; พระพุทธเจาทานสอนอยางนั้น : วาโลกก็ดี เหตุให เกิ ด โลกก็ ดี ความดั บ แห ง โลกก็ ดี ทางให ถึ ง ความดั บ แห ง โลกก็ ดี เราตถาคต บัญญั ติอยูในรางกายที่ยาววาหนึ่งนี้ ที่ยังเปน ๆ ที่ยังมีสัญญาและใจ ; นี่เหมือน กับ พวกคุณ นี ้ ที ่ย ัง มีช ีวิต อยู ที ่ย ัง เปน ๆ อยู . ในรา งกายนี ้ม ัน มีโลก มีเหตุใ ห เกิด โลก มีค วามดับ สนิท แหง โลก และทางใหถ ึง ความดับ สนิท แหง โลก. หมายความวาพระพุทธเจาทานไมไดตรัสวา ใหไปดูในพระไตรปฎกในเรื่องเหลานี้ แตใหดูในชีวิตในรางกายที่ยาววาหนึ่งนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๑๖

ฆราวาสธรรม

นี่คือขอที่ผมพูดวา ตองเรียนจากชีวิตโดยตรง เรียนจากจิตใจนี้ โดยตรง คือ เรีย นตัว กิเ ลส ตัว ความทุก ข โดยตรง จึง จะรูพุท ธศาสนา ช นิ ด ที ่ ว  า เป น พุ ท ธ ศ าส น าจ ริ ง ๆ . ถ า ไม เ ช น นั ้ น แล ว มั น เป น เป ลื อ ก เปน กระพี ้ เปน อะไรของพุท ธศาสนา ในแงข องวรรณ คดี อัก ษ รศาสตร อะไรตาง ๆ นานา. นี่ เรียกว า เราจะมองกั นอย างกว างๆ ให รูจั กสิ่ งที่ เรียกว าชี วิ ตนี้ เสี ยก อน. ชี วิ ต ทาง Biology ทางอะไรนั้ น ผมไม เอานะ ไม พู ดด วย เมื่ อ protoplasm ในเซลล หนึ่ ง ๆ ยั ง สดอยู เรี ย กว า มี ชี วิ ต อยู , อย า งนี้ ไม เกี่ ย วข อ งกั น เลย. คํ า ว า “ชี วิ ต ” ทางฝ า ยวั ต ถุ อ ย า งนั้ น มั น ไม เกี่ ย วข อ งกั น เลยกั บ พุ ท ธศาสนา : มั น ต อ งหมายถึ ง ชี วิ ต ในทางฝ า ยธรรมะ ฝ า ยspiritual - sense มั น จึ งจะเป น เรื่ อ งของพุ ท ธศาสนา. ศาสนาไหนก็ เหมื อ นกั น แหละ คํ า ว า “ชี วิ ต ” เขาไม ได ห มายถึ งชี วิ ต ทาง Biology หรื อ ภาษาพู ด ธรรมดาว า ยั ง เป น ๆ อยู ยั ง ไม ต าย ก็ เรี ย กว า มี ชี วิ ต อย า งนั้ น มัน เปน ชีว ิต ในภาษาอัก ษรศาสตร ; อยา งนี ้ม ัน ไมพ อ เพราะคํ า วา “ชีว ิต ” มัน มีอ ะไรมากกวา นั ้น เพราะเขาอาจจะพูด ไดว า แกนี ่ไ มม ีช ีว ิต แลว บางที ยัง เปน ๆ อยูนี่ แหละ แตก็ชี้หน าไดวา ไม มีชีวิต แลว ; คื อไม มี ชีวิต ตามความ หมายของคําวา “ชีวิต”.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ในคั ม ภี ร ของพวกคริ สเตี ยน พระเยซู พู ดว า : - สละชี วิ ตเสี ย แล วจะได “ชีว ิต ”. “สละชีว ิต เสีย แลว จะไดช ีว ิต ” พูด สั ้น ๆ เทา นี ้ พวกคริส เตีย นเอง ก็ ค งฟ งไม ถู ก แล วพวกคุ ณ ก็ ยิ่ งฟ งไม ถู ก ในสํ านวนประหลาด ๆ อย างนี้ .ให ส ละ ชี วิ ต บ า ๆ บอ ๆ นี้ เสี ย แล วก็ จ ะได ชี วิ ต นิ รั น ดรของพระเจ า นี้ คื อ ชี วิ ต ที่ เป น แบบ แห ง การครองชี วิ ต ก็ เรี ย กว า ชี วิ ต ได เหมื อ นกั น . คํ า ว า life นั้ น มั น มี ค วามหมาย มากมาย : - จงสละ life แลว จะได life. เดี ๋ย วนี ้ม ัน มี life, มีช ีว ิต อยา งโง ๆ ไปหลงควายตั วที่ สองเรื่อยไปเสี ยก อน แล วจึ งเลื่ อนขึ้ นมาได ชี วิ ตใหม ที่ ฉลาด รูจั ก


ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว

๑๗

คุ ณ ค า ของควายสองตั ว แล ว ก็ ดํ า เนิ น ชี วิ ต ไปถู ก ทาง, แล ว ก็ ไปถึ งพระเจ าได เรีย กวา ชีวิต นิรัน ดร. พุท ธบริษัท ก็เ รีย กวา อมตธรรม อมตภาพ ชีวิต ที่ไ ม รูจักตาย. ชีวิต ที่แ ทจ ริงนั้น ตอ งไมรูจัก ตาย ; ถายังรูจักตาย ยังไมใชชีวิต อยางนี้เปนตน. นี ่เรารูจัก ชีวิต กัน แตใ นแงข องวัต ถุ หรือ ในแงข องภาษาชาวบา น ไมรูจักชีวิตในภาษาศาสนา. เดี่ยวนี้เราเรียกวา ชีวิตทางฝายวิญญาณ ชีวิตทาง ฝายที่ไมใชวัตถุนี้ ลองคิดดูใหดี ๆ วาอะไรที่เรายังไมรู ? คํ า ว า Spiritual - Enligjhtenment. Enlightenment คื อ ความตรั ส รู คื อ ความรู อ ย า งสว า งไสว. มี ค วามรู อ ย า งสว า งไสวนั้ น แล ว ยั ง ต อ งมี คํ า ว า Spirtual กํากับ อยูอีก ; คื อมั นทางฝายธรรมะ ทางฝายจิตฝายธรรม ; ดังนั้ น ความรูท างฝ า ยวั ต ถุ นี้ มั น ช วยไม ได . แล ว สิ่ ง ที่ เรีย ก ว า Enlightenment นั้ น อยาไปทําเลนกับ มัน พวกคุ ณ อาจจะไม รูวาคื ออะไรก็ได เพราะคําวา รู รู นี้ มันมีหลายคํานัก แลวมันหลายระดับดวย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุณอานหนังสือ เรียนหนังสืออยางในมหาวิทยาลัยนี้ คุณก็ไดความรู เราเรียกวา knowledge หรืออะไรก็ตามใจ, มันก็คือความรูเทานั้น. แลวคุณ ก็ใชความรูนี้ในการศึกษาคนควา ในการใชเหตุผล ใช reasoning, โดยใชอันนี้ เปนเครื่องมือ คุณก็จะได understanding หรืออะไรที่เปนทํานองเดียวกันนั้นมา ; เรียกวามัน convince เขาไปอีกขั้นหนึ่งจาก knowledge ; นี้ก็ยังไมใช enlightenment เพราะมั น อาศั ย เหตุ ผ ล (reasoning).สํ า หรับ ความรู knowledge นั้ น อาศัยตํารับตําราศึกษาเลาเรียน (studying) อะไรก็ตาม นั้นมันยังต่ําเกินไป. ที่ นี้ ค วามเข า ใจ(understanding) พวกนี้ มั น ก็ อ าศั ย เหตุ ผ ล (reasoning), มั น เปนทาสเปนขี้ขาของเหตุผล ไมใชความรูแจง (enlightenment).


๑๘

ฆราวาสธรรม

ที นี้ คุ ณเอาความรู understanding อั นนี้ ไปใช ต อไป ในการรูจั กสิ่ งที่ รู จากจิตใจโดยตรง, คือเอาประสพการณ (experience) ตาง ๆ ในชีวิตเปนบทเรียน แล วก็ ยั งจํ ากั ดชั ดลงไปด วยว า spiritual experience ต องเป น experirnce ทาง spiritual คือทางฝายที่เกี่ยวกับจิต วิญญาณซึ่งเปนธรรมะชั้นสูงนั้นมา. เชน คุณ เคยเปนเด็กมา เปนอยางไร ? แลวมันผานอะไรมาในชีวิต ? ตั้งแตเด็กมาจนบัดนี้ เจ็ บ ปวดอย า งไร ? สุ ข ทุ ก ข อ ย า งไร ? กิ เลสเป น อย า งไร ? เหล า นั้ น แหละเขา เรียกวาเป น spirtual experience เอาเรื่องเหลานี้มาศึกษาใหม โดยใชวิชาความรู ที่เรียนทางหนังสือ ทาง reasoning อะไรตาง ๆ มาชวยกันจนกวาจะรูแจงมั นวา กิ เลสคื อ อะไร ? ความทุ ก ข คื อ อะไร ? อย า งที่ เรี ย กว า realization มั น จึ ง จะ เปนประเภท enlightenment. ฉะนั้ นพวก Knowledge ยั งพึ่ งไม ได , พวก understanding ทั่ ว ๆ ไปนี้ ก็ยังไวใจไมได เพราะมันยังขึ้นอยูกับเหตุผล. ฉะนั้นตองเหนือจากเหตุผล ก็คือ เรื่ อ งจริ ง ที่ มี ม าแล ว แต ห นหลั ง แล ว มาเห็ น อยู ก ระทั่ ง เดี๋ ย วนี้ , เช น ว า พอเกิ ด ความกํ า หนัด เกิด ราคะขึ ้น มา แลว มัน รอ นอยา งไร? คุณ ไมต อ งใชเ หตุผ ล ไมต อ งอาศัย ความรูใ นหนัง สือ .ถึง แมค วามรูใ นหนัง สือ จะบอกวา ราคะเปน ของรอ น มั น ก็ ค ล ายนกแก ว พู ด . หรือ จะใช เหตุ ผ ลว า ราคะคงจะเป น ของรอ น มันก็เปนการคาดคะเนเทานั้นเอง มันตองเคยมีราคะมาแลว แลวมันรอนอยางไร รู อ ย างนั้ น แ ห ล ะ เรี ย ก ว า spirtuat experience มั น เป น material ข อ ง enlightenment. เราไม เ อา Enlightenment แขนงอื่ น เราจะเอาแต แ ขนงที่ เกี่ ยวกั บ เรื่อ งทางจิ ต ทางวิญ ญาณ คื อ ความทุ ก ข และความดั บ ทุ ก ขท า เดี ย ว Spiritual- Enlightenment อย างนี้ เคยมี เต็ มไปหมด ในผืนแผ นดิ นตะวันออกของเรา คื อ มี ศ าสนาพุ ท ธ มี ศ าสนาโซโรอั ส เตอร แล ว ก็ มี ศ าสนาเวทานตะ คื อ ฮิ น ดู กระทั่งมีเลาจื๊อ ขงจื๊อ กระทั่งมีคริสเตียน ศาสนาซิกซ ศาสนาอิสลาม เปนตน,

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว

๑๙

ซึ่งเปนเรื่องแสงสวางทางวิญ ญาณทั้งนั้น. แตแลวเราก็ไมเขาใจศาสนาเหลานั้น หรือ วา คนในศาสนานั ้น ๆ ก็ไ มเขา ใจศาสนานั ้น ๆ ยิ ่ง ขึ ้น ทุก ที ๆ ;ไมเหมือ น สมัย กอ น. ยิ ่ง ไมเชื ่อ แลว ก็ต ัด ความเชื ่อ ไปเสีย เลย ดว ย ; ความเขา ใจไมมี แล ว ก็ ไม ย อมเชื่ อ ไม ย อมรับ ด ว ย, เราจึ ง เลยสู ญ เสี ย ของประเสริฐ วิ เศษของ ตะวันออกนี้ไปทุกที ๆ ไปเปนทาสทางปรัชญาของฝรั่งทางตะวันตกมากขึ้นทุกที. ผมพู ดอยางนี้ไมกลัวพวกฝรั่งโกรธ พู ดที่ไหนก็พูดอยางนี้. พู ดกับพวก ฝรั่งก็พูด อยางนี้ เขียนก็เขียนอยางนี้ ไมก ลัวโกรธ ; เพราะถือ วาพูด ความจริง นี้อยางหนึ่ง แลวก็ถือวาพูดเพื่อจะดึงพวกเรานี้ กลับมาสูของดี วิเศษประเสริฐ ของเรา ที่ เคยมี ม าแต ก าลกอ น ; ดึ งกลั บ มาสู ของดี ที่ เราเคยมี มาแต กาลก อ น ซึ่งเวลานี้กําลังจะแหกคอก แตกคอกออกไปนิยมสิ่งที่เปนมาร สิ่งที่จะเปนผูทําลาย ลาง ใหมนุษยสูญเสียความเปนมนุษย ใหโลกนี้ไมมีสันติภาพ. ดึงมาสูสภาพเดิม ของเรา. มัน เป นสิ่งที่ทํ าได เพราะวาเรื่องนี้มันเป นเรื่องเฉพาะคนเป นคน ๆ ไป เราไม อ าจจะดึ ง มาทั้ ง หมด หรื อ ทั้ ง โลกแต ว า เราอาจจะดึ ง มาได เป น คน ๆ ไป ดว ยการขอรอ งใหค น ๆ นั ้น ดูเสีย ใหม วา อะไรเปน อยา งไร ? ชีว ิต คือ อะไร? เกิดมาทําไม ? มนุษยจะไดสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษยจะไดรับนี้ ไดโดยวิธีใด ?

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เดี๋ ยวนี้ ผมกํ าลั งพู ดกั บพวกคุ ณ ซึ่ งเป นนิ สิ ตมหาวิทยาลั ย หรือวาใน ระดับที่เทียบเทาอยางนั้น ก็อยากจะขอเตือนสักหนอยวา พวกคุณอยาเพอทะนงตัว วามีความรูในชั้นอุดมศึกษา เพราะวาคุณยังไมรู แมแตคําถามที่วาเกิดมาทําไม ?, คุ ณ ยั งไม รูแ ม แ ต วาตั วเองนี้ เกิ ด มาทํ าไม ? คุ ณ ขาดความรูอั น นี้ , ฉะนั้ น ไม ใช อุด มศึกษาดอก,สิ่งที่ เรียน ๆ อยูนั้ น ถาวาเป น อุด มศึกษา มัน ก็เป น อุด มศึกษา ของเด็กอมมือ ที่เห็นแตลูกกวาด, คือเปนอุดมศึกษาของมนุษยที่รูจักแตเรื่องกิน เรื่อ งกาม เรื่อ งเกี ย รติ . พอคุ ณ จบมหาวิ ท ยาลั ย คุ ณ ก็ มี อุ ด มศึ ก ษาของมนุ ษ ย ธรรมดา ที่มีแตเรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรติ,ถือวาเปนอยางดีที่สุดของมนุษย ที่เปนทาสของเทคโนโลยี่.


๒๐

ฆราวาสธรรม

การที่ยืมเอาคําวา “อุดมศึกษา” ไปใชนั้น พวกพุทธบริษัทเขาหัวเราะ เพราะวาอุด มศึกษาของพุ ทธบริษั ทนั้ น มั นหมายถึงปฏิ บัติ ไปจนถึงขนาดบรรลุ มรรค ผล นิพ พาน. ขอ ที ่พ ุท ธบริษ ัท เรีย กวา อุด มศึก ษา อุด มวิช า อุด ม อะไรก็ต าม มัน หมายถึง บรรลุ มรรค ผล นิพ พาน. ถา เอาอุด มศึก ษาไปใช แกก ารจบหลั ก สู ต รมหาวิทยาลั ย เสี ยแล ว, แล วเรื่อ งบรรลุ มรรค ผล นิ พ พาน จะเอาคํ าไหนมาใช. ที่ พู ด กั น นี้ เพื่ อ ป อ งกัน การลื ม ตั ว วาอุ ด มศึ กษานั้ น มั น ยั ง เปนอุดมศึกษาของเด็กอมมือ คือเด็กที่ยังไมรู วาเกิดมาทําไม ? ถาพวกคุณ ยัง ไมรู ว า เกิด มาทํ า ไม ? ผมอยากจะเรีย กวา เด็ก อมมือ ,ไมใ ชเ รีย กวา นิส ิต หรือนักศึกษา ในอุดมศึกษา แตจะเรียกวา เด็กอมมือที่ยังไมรูวา เกิดมาทําไม ? ในสั งคมทั่ วไปนั้ น คุ ณ ก็ เป น นิ สิ ต คุ ณ ก็ เป น นั ก ศึ ก ษา ในขั้ น อุ ด ม ศึ ก ษา, แต ในสั งคมสวนโมกข นี้ คุ ณ เป น เด็ ก อมมื อ , เพราะว า คุ ณ ยั ง ไม รู ว า เกิด มาทํ าไม ? นี่แ หละขอใหนํา เรื่อ งนี ้ไปคิด ดู เพราะวา คุณ ตั้งปญ หาถามมา ในลักษณะที่เป นอุดมศึกษาจริง ๆ วา ทําอยางไรจึงจะป อ งกัน ไมให ความทุกข เกิดขึ้นมา ? แลวทําอยางไรจึงจะทําลายความทุกขที่เกิดอยูแลวใหหมดไปได ? นี่แหละเปนอุดมศึกษาจริง ๆ, เปนปญหาทางอุดมศึกษา; ถารูแลวก็เปนผูสําเร็จ อุดมศึกษา ไมใชเด็กอมมือ. ผมก็เลยตอบอยางคราว ๆ กวาง ๆ รวม ๆ กันไปวา คุณตองมีควายสองตัวสําหรับเทียมชีวิต, ใหชีวิตเปนไปไดดวยควายสองตัว คือ ทั้ งเทคโนโลยี่ และทั้ ง Spiritual- Enlightenment สองอย างนี้ คู กั น ไป คุ ณ ก็ จ ะ พ น จากภาวะที่ เป น เด็ ก อมมื อ ในพุ ท ธศาสนา ;จะมาสู ค วามเป น มนุ ษ ย ที่ ว า เติบโตแลว เจริญแลว ถึงขนาดที่เรียกวาจะเปนพุทธบริษัทได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว

๒๑

ในวั น นี้ เราพู ด กั น ถึ ง เรื่ อ งอารั ม ภกถา ก็ ห มายความว า เรื่ อ งกว า ง ๆ ที่จะใหเขาใจเรื่องเฉพาะ ๆ อยางชัดเจน แลววันหลั งเราก็จะพู ดถึงโดยรายละเอียด อย างใดอย างหนึ่ ง ในข อที่ วาความทุ กข เป นอย างไร ? เกิ ดมาจากอะไร ? จะดั บ มั น ได โดยวิ ธี ใด เป น ต น . เพราะการที่ พู ด แต เพี ย งว า ให ชี วิ ต นี้ เที ย มด ว ยควาย สองตัว นี ้ม ัน ก็เ ห็น ครา ว ๆ เทา นั ้น วา เราจะตอ งเจริญ ทั ้ง วิช าฝา ยเนื ้อ หนัง และวิชาฝายวิญญาณ; จะตองรูจักคําพูดทั้ง ๒ ภาษา คือคําพูดภาษาคนธรรมดา และคํ า พู ด ภาษาพระอริ ย เจ า พู ด . ไปหารายละเอี ย ดอ า นเอาเอง จากหนั ง สื อ เล ม เล็ ก ๆ ที่ เรี ย กว า “ภาษาคน – ภาษาธรรม” ซึ่ ง คุ ณ จะได รู ภ าษาสองภาษา เพิ่มขึ้น. เช น คํ า ว า “ชาติ ” - ความเกิ ด นี้ ภาษาคนก็ ว า เกิ ด มาจากท อ งแม , แต ภ าษาธรรมเขาหมายว า ความเกิ ด แห ง conceptual thought ว ากู ว าของกู ครั ้ง หนึ ่ง , เรีย กวา “ความเกิด ”. คํ า วา ความเกิด มีค วามหมายตา งกัน อยู อยา งนี้ นี่ เป น ตั วอย างเท านั้ น ;ต อ เมื่ อ คุณ รูจัก ทุ ก ๆ สิ่ งในความหมายทางภาษา ธรรมด ว ย เมื่ อ นั้ น แหละ จึ ง รู จั ก ควายสองตั ว อย า งถู ก ต อ ง, จะมี ค วามรู เรื่ อ ง ควายสองตัวถูกตองและครบถวน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรื่องอารัมภกถาของเราก็พอกันทีสําหรับวันนี้.


ในวัน นี้ถา เกิด ฉุก นึก แปลกใจวา ทํา ไมเรามา นั ่ ง กลางดิ น กั น อย า งนี ้ ก็ ข อให น ึ ก ถึ ง พ ระพุ ท ธเจ า ว า นี ่ เ ร า ทํ า เ พื ่ อ จ ะ เ ป น เ ค รื่ อ ง ร ะ ลึ ก ถึ ง พ ร ะ พุ ท ธ เ จ า , ป อ ง กั น ค ว า ม ป ร ะ ม า ท . คุ ณ เ รี ย น กั น บ น ตึ ก ร า ค า แ ส น ๆ ล า น ๆ ทั ้ ง นั ้ น ที ่ ก รุ ง เท พ ฯ คุ ณ นั ่ ง เรี ย น นั ่ ง ส อ น กั น บ น ตึ ก ร า ค า แ ส น ๆ ล า น ๆ เดี ๋ ย ว นี ้ ผ ม ขอใ ห ค ุ ณ นั่ ง ก ล า ง ดิ น , เพ ร า ะ ว า พ ร ะ พุ ท ธ เจ า ท า น เ กิ ด ก ล า ง ดิ น ต รั ส รู ส ั ม ม า สั ม โ พ ธิ ญ า ณ ก ล า ง ดิ น โ ค น ต น ไ ม แ ล ว ก็ ส อ น ส า ว ก ส ว น ม า ก ก็ ก ล า ง เ ดิ น ใ น ที ่ ส ุ ด พ ร ะ พุ ท ธ เ จ า ก็ น ิ พ พ า น ที ่ ก ล า ง ดิ น . ฉ ะ นั ้ น เ ร า ไ ม ต  อ ง ก า ร ตึ ก ร า ค า ล า น ๆ . ก า ร ทํ า อ ย า ง นี้ จ ะ เ ป น ท า ง ใ ห เ ร า ป ลี ก ตั ว อ อ ก ม า จ า ก ค ว า ม เ ป น ท า ส ข อ ง เ ท ค โ น โ ล ยี ่ อ ย า ง นี ้ เ ป น ก า ร ใ ช ชี ว ิ ต อ ย า ง ส า ว ก ข อ ง พ ร ะ พุ ท ธ เ จ า นั ่ ง ก ล า ง ดิ น ใ ต ต น ไ ม แ ล ว ก็ เ ป น เ ว ล า ที่ ส ง บ ส งั ด .

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ปญหาเพียงขอเดียวของมนุษยชาติ -๒๒๒ เมษายน ๒๕๑๓ เวลาของพวกเราล ว งมาถึ ง ๔ นาฬิ ก าครึ ่ ง แล ว จะไดพ ูด กัน ตอ ไปถึง เรื่อ งที ่ค า งอยู . ในขอ แรก อยากจะไห ระลึก ไปถึง เรื่อ งที ่พ ูด มาแลว วา ทํ า อยา งไร จึง จะปอ งกัน ความทุก ขแ ละแกไ ขความทุก ขไ ด โดยเฉพาะสํ า หรับ ฆราวาส ตามหัว ขอ ปญ หาที ่ถ ามมา .ปญ หาทั ้ง หมดขึ ้น อยู ก ับ ปญ หา ที ่ ว  า เกิ ด มาทํ า ไม ? นี ่ ใ คร จะเห็ น ด ว ย หรื อ ไม เ ห็ น ด ว ย ก็ ต าม แตค วามรูส ึก ของ ผม ตลอดเวลาที ่ไ ดส ัง เกตศึก ษา สิ ่ง ตา ง ๆ มา จนกระทั ่ง บัด นี ้ รู ส ึก วา ปญ หาทั ้ง หมดขึ ้น อยู กั บ ป ญ หา ๆ เดี ย ว ว า เกิ ด มาทํา ไม ? เพราะฉะนั้ น ในชั ้น นี ้ ขอใหส นใจปญ หานี ้ เพื ่อ จะเขา ใจตามที ่ผ มจะพูด ซึ ่ ง จ ะ พู ด ใน ลั ก ษ ณ ะ ที ่ ว  า มั น ขึ ้ น อ ยู  ก ั บ ป ญ ห า เดี ย ว ว า เกิ ด มาทําไม ?

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org

๒๓


๒๔

ฆราวาสธรรม

เด็ก ๆ เขาถามวา ทําอยางไรจึงจะเลาเรียนดี ? ผมก็ตอบไปวา ตองรู วาเกิดมาทําไมเสียกอน จึงจะเลาเรียนดี. คนโต ๆ มักจะถามวา ทําอยางไรจึงจะ ประสบความสําเร็จในการงาน ? ผมก็ตอบวา จะตองรูเสียกอนวา เกิดมาทําไม ? คนแก ๆ สวนมากจะถามวา จะปฏิบัติธรรมอยางไรจึงจะดับทุกขได ? ผมก็ตอบวา มันตองรูเสียกอนวา เกิดมาทําไม ? เพราะเดี๋ยวนี้คุณ ก็ไมรูวา เกิดมาทําไม ? แล วจะปฏิ บั ติ ธรรมะอย างไร ? แล วจะปฏิ บั ติ ธรรมะข อไหน มั นก็ จะผิ ดไปหมด เพราะไมรูวาเกิดมาทําไม ? เพราะฉะนั้นปญหาที่ถามวา ทําอยางไรจึงจะปองกันความทุกขในชีวิต ฆราวาสได ? มันก็รวมอยูที่วา ตองรูเสียกอนวา เกิดมาทําไม ? ถาไมอยางนั้นแลว มัน พรา ไปหมด. เราเลา เรีย น เราประกอบการงานในอาชีพ เราก็ไดผ ลงาน มาบริโภคใชสอย กระทั่งมีเกียรติยศ ชื่อเสียง มีอะไรตาง ๆ ที่เราตองการจะมี. แตถา เราไมรูวา เกิด มาทํา ไมแลว มัน จะผิด วัต ถุป ระสงคไ ปหมด. แมแ ตจ ะ เลา เรีย น หรือ ประกอบการงาน หรือ แมแ ตจ ะรับ ประทานเขา ไป ; นี ่พ ูด คํา หยาบๆ. ถา ไมรูวา เกิด มาทํา ไมแลว มัน ก็จ ะกิน เขา ไป หรือ รับ ประทาน เขา ไปในลัก ษณะที่ผิด ๆ ทั้งนั้น . ฉะนั้น ขอใหไปคิด ดูใหดีวา ปญ หาทั้ง หมด มันขึ้นอยูกับปญหาเพียงปญหาเดียว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เมื่อคืนตอนหัวค่ําเราก็พูดกันถึงวา ชีวิตนี้มันตอ งเทียมดวยควาย สองตัว จึงจะดับทุกขหรือปองกันความทุกขได; นั่นก็เปนเรื่องของการรูวาเกิดมา ทําไมดวยเหมือนกัน. หากรูวาเกิดมาเพื่อประโยชนอะไรแลว จึงรูตอไปวา จะตอง ทําอยางไร ? จนกระทั่งวาจะตองจัดใหชีวิตนี้ มันเทียมดวยควายสองตัว.ควาย ตัว ที่ห นึ่ง ก็เรีย กวา ความรู ในเมื่อ ตัว ที่ส องเรีย กวา กํา ลัง แรง. ดัง นั้น ควาย ตัวที่หนึ่งตองรูวา เกิดมาทําไม ? และพวกคุณก็เปนเด็กอมมือในมหาวิทยาลัย


ปญหาเพียงขอเดียวของมนุษยชาติ

๒๕

เพราะไมรูวา เกิดมาทําไม, เพราะฉะนั้นเราจะตองรูขอนี้ เพื่อไมเปนเด็กอมมือ อีก ตอ ไป. เพราะไม รูขอ นี้ จึงได ซึ่ งวาเป น เด็ ก อมมื อ ฉะนั้ น ตอ งรูขอ นี้ เพื่ อ พ น จากความเปนเด็กอมมือ.นี่คือปญหาเฉพาะหนา คือปญ หาที่จะตองทําใหนิสิต มหาวิทยาลัยพนจากความเปน เด็กอมมือ. แลวก็ตองไมห ลับตา หลงไปตาม ที่พูดกัน หรือนิยมกันวา การศึกษาในมหาวิทยาลัยนั้นเปนอุดมศึกษา เพราะ ที่แ ทยัง เปน เรื่อ งของเด็ก อมมือ อยู เพราะไมรูวา เกิด มาทํา ไมนั่น เอง. อัน นี้ ก็เป น เรื่อ งสํ า คั ญ คื อ เรื่อ งของความไม ป ระมาท. ตอนนี้ อ ยากจะพู ด ถึ งเรื่อ ง ความประมาทสักนิดหนึ่ง. คําวา “ความประมาท” ในภาษาธรรมะของพระพุทธเจานั้นมันกวาง ไมแ คบๆ เหมือ นในภาษาไทย ซึ ่ง หมายแตเ พีย งอวดดี. สํ า หรับ คํ า วา ความประมาท ในภาษาธรรมะนั้นแปลเปนภาษาไทย หรือภาษาอะไร ๆ ไมได. ขอให ใ ช คํ า ว า “ประมาท” หรื อ “ไม ป ระมาท” ไปตามเดิ ม . เพราะคํ า ว า ประมาท มันรวมไวทั้งหมดของสิ่งที่ไมพึงปรารถนา :ความไมรูก็รวมอยูในคําวา ประมาท, ความอวดดีก็รวมอยูในคํา วาประมาท, ความสะเพราไมรอบคอบ ก็รวมอยูในความประมาท, ความขี้เกียจก็รวมอยูในความประมาท, แมแตความ ไมตั้งอกตั้งใจฟนฝาอุปสรรคใหสําเร็จ ก็เรียกวาความประมาททั้งนั้น ; มันรวม อยูในคําวา “ประมาท” ทั้งนั้น. หรือ ถาเดี๋ยวนี้ เรายังหลับตาอยู ยังไม รูวาเรา เป นอะไร เราเปนเด็กอมมือ หรือวาเราเป นนิสิตมหาวิทยาลัย ขั้นอุดมศึกษา ; อยางนี้ก็เรียกวา ความประมาทเหมือนกัน แมโดยไมรูสึกตัว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สําหรับความประมาทในภาษาไทยนี้มันแคบ ประกอบไปดวยเจตนา แล วก็ มี การรูสึ ก ตั ว แล วอวดดี หรือ ประมาท. ส วนในภาษาบาลี หรือ ภาษา ธรรมะนั้น มันไปไกลกวานั้น แมไมรูสึกตัว ก็เรียกวา ความประมาทเหมือนกัน.


๒๖

ฆราวาสธรรม

ฉะนั้นเราจะตองตั้งตนดวยความไมประมาท คือตองตั้งตนดวยการรูจักความ ประมาท แมที่ไมรูสึกตัวนี้ ใหกลายเปนความไมประมาทเสียกอน. เราสวดมนตทํ า วัต รทุก เชา ทุก เย็น ดว ยบทปจ ฉิม โอวาทของพระ พุทธเจา คือคําสั่งสุดทายเมื่อกอนจะปรินิพพานนั้นวา “จงถึงพรอมดวยความไม ประมาท” พระเณรก็ สวดกั นอยู ทุ กเช าทุ กเย็ น. แต ถ าไม รู ว า เกิ ด มาทํ าไม มั น ก็ยังประมาท ก็ยังโงอยูนั่นเอง. ก็สวดแตปากพลอย ๆ ไปทั้งเชาทั้งเย็น,- มันก็ยัง ประมาทอยู นั่ น เอง. ฉะนั้ น ขอให นึ ก ไว เพื่ อ กั น ความประมาท แล ว ก็ จ ะได พยายามรูเสี ยเร็ว ๆ วา เกิ ด มาทํ าไม ? ที นี้ ก็ จะได พู ด กั น ในหั วข อ ที่ วา เกิ ด มา ทําไมตอไป : ขอแรก บางที จะมีคนเถียงวา เราไม ไดอยากเกิดมา ดังนั้ นเราไม รับ ผิ ด ชอบในป ญ หาข อ นี้ ; ถ ามั น มี อ ย างนี้ ก็ พึ งรูเกิ ด ว า นั่ น แหละคื อ คนประมาท อยางยิ่ง ประมาทถึงที่สุด เปนความโงบวกความประมาท และอะไรอื่น ๆ อีก มากมาย จนถึงกับพู ดวาเราไมรับผิดชอบในการที่วา เราเกิดมาทําไม ? เพราะวา เราไมไดอ ยากเกิด มา พอ แมทํ า ใหเราเกิด มา หรือ อะไรทํ า นองนั ้น เราไมไดรู ไมไดชี้ทั้งนั้น . ถามีปญ หาอยางนี้ ก็อ ยากจะขอตัด บทลงไปเสีย วา อยาไปคิด ในสว นนั ้น ขอใหค ิด ในสว นที ่ว า มัน เกิด มาแลว , เดี ๋ย วนี ้ม ัน เกิด มาแล ว เกิดมาเสร็จแลว ; เพราะเกิดมาแลว มันก็เปนภาระจํายอม ที่เราจะตองจํายอม วาเราเกิดมาแลว เราจะตองทําใหถูกกับความประสงคของการที่ไดเกิดมา เราจะรู หรือไมรู มันไมมีทางจะแกตัว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สิ่งที่มันทําใหเราเกิดมานั้น มันไมยอมรับฟงขอแกตัวของเรา เราจึง ตองรับภาระจํายอมนี้วา เราเกิดมาแลว ; แลวเราตองรูวา เกิดมาทําไม ? แลว ยังจะต อ งประพฤติ ป ฏิ บั ติ ให ถู กต อ งตามนั้ น ด วย. นี่ ขอให ห มดป ญ หาตอนนี้ ไป


ปญหาเพียงขอเดียวของมนุษยชาติ

๒๗

เสียทีวา เราจะรูหรือไมรูวาเราเกิดมาเพราะอะไร ? เพื่ออะไร ? นี้มันก็มีหนาที่ ที่จ ะตอ งรูวา เกิด มาทํา ไม อยูนั่น แหละ; เพราะวา การเกิด มานี้ มัน อยูใ ต อํานาจของสิ่ง ๆ หนึ่ง แลวแตวา มนุษยผูมีปญญาคนแรก ๆ เขาจะเรียกมันวา อะไร ไปตามที่เห็นวา ดีที่สุด ที่จะมีประโยชนที่สุด. ขอ นี้มัน เปน ปญ หาของ ทางฝายจิต ฝายวิญญาณ. พวกที่เปนวัตถุนิยมจะไมยอมรับเอาปญหาอันนี้ แลวจะไมยอมรับวา มีอะไรที่ทําใหเกิดมา เพราะมันยุง ; เขาวาอยางนั้น. เขาเกิดมาตองการวัตถุ ก็ผลิตวัตถุ มันก็ตองการ เทคโนโลยี่ เปนพระเจา สําหรับชวยใหการผลิตวัตถุ ที่เขาตอ งการ สํา เร็จ ตามความปรารถนา. อยา งนี้เราเรีย กวา พวกวัต ถุนิย ม เขาจะไมยอมคิดปญหาอยางที่เรากําลังคิด แลวเขาก็จะหาวาพวกเรานี้บา มาคิด ปญหาที่ไมจําเปนจะตองคิด วา เกิดมาทําไม. หรืออะไรทําใหเกิดมา ? แตทีนี้ ฝายเรา กลาวคือชาวตะวันออก ซึ่งรุงเรืองอยูดวยความสวางไสวในทาง วิญญาณนั้น มัน คิด , มัน ตอ งคิด และมัน เคยคิด มามากแลว ; และรูแ ลว ดว ย วา เกิด มา ทําไม? หรืออะไรทําใหเกิดมา? แลวก็ไมไดรูเกิดขอบเขต, รูแตพอดี เทาที่จะ ดับความทุกขในการเกิดนี้ได. นี้คือตัวพุทธศาสนา ไดแกวิชาความรูเทาที่จําเปน ที่มนุษยจะตองรู เพื่อจะดับความทุกขได โดยเฉพาะก็ของทุกคนทั่วๆไป คือ ฆราวาส เหมือนที่คุณกําลังตั้งปญหามานี้. ฉะนั้นขอใหคิดวาเกิดมาทําไม? โดย ไตไปถึงวา อะไรทําใหเกิดมา? ถาเรารูจักสิ่งที่ทําใหเกิดมา เราก็จะรูไดงายวา เกิดมาทําไม? คือมันเกิดมาตามความตองการของสิ่งที่ทําใหเราเกิดมา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org อะไรทําใหเกิดมา? พูดอยางภาษาของคนตะวันออก ที่รุงเรืองดวย ความสวางไสวทางวิญญาณ เขาก็พูดกันตามที่เห็นวา เหมาะแกบุคคลในยุคนั้น ในถิ่น นั้น . บางพวกก็พูด วา พระเจา ทํา ใหเราเกิด มา สรางเรามา. แตพุท ธ-


๒๘

ฆราวาสธรรม

บริ ษั ทนี้ ใช คํ า ว า “พระธรรม”. พระธรรมทํ า ให เกิ ด มา. ที นี้ เดี๋ ย วนี้ ก็ เกิ ด มี ความคิด ที่จ ะเปน อิส ระ คือ ไมใชคํา วา “พระเจา ” หรือ “พระธรรม” จะใช คํ า วา “ธรรมชาติ” ก็ไ ด ธรรมชาติทํ า ใหเ ราเกิด มา. แตอ ยา ลืม วา ใน พุทธศาสนานั้น สิ่งที่เรียกวา ธรรมชาติ นั้น เขารวมไวในคําวา “พระธรรม”. นี่แหละคุณ จะตอ งเขาใจคําวา ธรรมชาติ ที่ช อบพูด กัน นัก นี้ ใน พุท ธศาสนารวมไวใ นคํา ที่เรีย กวา “พระธรรม” ; เพราะคํา วา “ธรรม” หรือ พระธรรม นี้มัน กวาง มัน ครอบคลุม ไปทุก สิ่งทุก อยางหมด. ตัวธรรมชาติก็ดี ตัวกฎของธรรมชาติก็ดี ตัวหนาที่ของมนุษยตามกฎของธรรมชาติก็ดี ตัวผลที่ได รับ จากการปฏิบ ัติห นา ที่นั้น ก็ดี เรีย กวา “ธรรม” เพีย งคํา เดีย ว. สิ่ง ตา ง ๆ ๔ ประเภท จําแนกเปนอยางๆแลว ไมรูกี่ลานอยางนั้น รวมอยูในคําวา “ธรรม” เพีย งคํ า เดีย ว. ธรรม ก็ค ือ พระธรรมในที ่นี้. พระธรรมในที่นี ้ไ มใ ชห มาย แตเพีย ง คํา สั่ง สอนของพระพุท ธเจา เหมือ นอยา งที่เราทอ งกัน ในแบบเรีย น แตหมายถึงทุกสิ่ง รวมทั้งสิ่งที่มีอํานาจ บันดาลใหสิ่งตาง ๆ เปนไป คือพระธรรม ในฐานะที่เ ปน กฎของธรรมชาติ ฉะนั้น จึง เห็น ไดทัน ทีวา พุท ธบริษัท ถือ วา พระธรรมเปนผูสรางเรามา, แลวก็มีความมุงหมายจํากัดตายตัว ไมพรา ไมเลือน วาที่สรางใหเกิดมานี้ เพื่อใหมาทําอะไร ?

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พวกอื่นเขาไมเรียกวา พระธรรม เขาเรียกวาพระเจา ก็ไดเหมือนกัน คุณ ควรจะเขาใจคําวา “พระเจา” เพราะวา พระเจานี้ เปนภาษาไทย ไมใ ช ภาษบาลี ไมใชภาษาฝรั่ง. พวกฝรั่งเขามีคําวา “พระเจา” ของเขา เชนคําวา God เปนตน ; แลวมีคําที่ใชแทนคําวา God นี้อีกมากมายหลายสิบคํา, แตแลว เขาก็ไมรูจักพระเจา หรือ God เชนเดียวกับที่พวกพุทธบริษัทไมรูจักพระธรรม ในลักษณะที่ถูกตอง และสมบูรณ.


ปญหาเพียงขอเดียวของมนุษยชาติ

๒๙

คําวา “พระเจา” ที่แทในภาษาไทยนั้น มันก็คือพระธรรม คือทํา หนาที่สรางโลก ควบคุมโลก ใหโลกเปนไปตามกฎเกณฑ, นั่นแหละคือพระธรรม หรือจะเรียกวาพระเจาก็ได ;แตแลวเด็ก ๆ นี้ถูกสอนใหเขาใจผิด จนพระเจานี้ กลายเปน บุค คล หรือ เปน ผี หรือ เปน อะไรก็ต าม ที่มีค วามรูสึก อยา งคน, ใหพระเจารูสึกเหมือน ๆ คน เชนพระเจาบางชนิดมักมากในกามารมณก็มี, หรือ อยา งนอ ยที่สุด ก็รูจัก โกรธ รูจัก เกลีย ด รูจัก รัก รูจัก พอใจ เหมือ นกะคน, มันก็เลยผิดไปจากความหมายที่ถูกตองของคําวา พระเจา แลวพระเจาก็มี คุณลักษณะ หรือ qualification นั้น มากจนพูดไมไหว คือสามารถทําทุกอยาง มีหนาที่ทุกอยาง แลวเราก็ไปเอาแตเพียงหนาที่อยางคน ๆ. มันก็ไมถูกตอง ไมยุติธรรมแกพระเจา นั่นแหละคือ การไมรูจักพระเจา. เมื่อไมรูจักทั้งพระเจา ไมรูจักทั้งพระธรรม มันก็ไมรูวา พระเจาหรือ พระธรรมนั้น ตองการใหเราทําอะไร ? ฉะนั้นคุณควรจะไปรูจักพระเจา รูจัก พระธรรม ใหเพียงพอเสียกอน ; แลวก็จะรูจักวา พระเจา หรือพระธรรมนี้ ตองการใหเราทําอะไร ?. แลวมันก็จะเปนสิ่ง ๆ เดียวกัน เปนเรื่อง ๆ เดียวกัน กับที่วา ธรรมชาติตองการใหเราทําอะไร ? ทีนี้พอพูดถึงคําวา “ธรรมชาติ” คุณก็รูนิดเดียวอีกนั่นแหละ รูนิดเดียวอีกตามเคย วาธรรมชาติก็คือ สิ่งที่มนุษย ไมไดทํา ที่มันเกลื่อนๆอยูตามธรรมชาติ ที่มนุษยไมไดสราง ไมไดทํา ; ถารู เทานี้ก็เรียกวารูนิดเดียวของความหมายทั้งหมด ของคําวา “ธรรมชาติ”.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คําวา “ธรรมชาติ” ในภาษาธรรมะ ในภาษาศาสนา ละก็กวางหมด; อยางเดียวกันกับคําวาพระเจา, อะไร ๆ เปนธรรมชาติหมด ไมมีอะไรที่ไมใช ธรรมชาติ ; แลวยังแบงไวเปน ๒ ประเภท ไดแกสิ่งที่มันมีสิ่งอื่นปรุงแตง ก็เรียกวา “ธรรมชาติ” สิ่งที่อยูเหนือการปรุงแตงของสิ่งใด ๆ ก็ยังเรียกวา


๓๐

ฆราวาสธรรม

“ธรรมชาติ” อยู นั ่น เอง. เชน เรื ่อ งสูง สุด คือ นิพ พานอยา งนี ้ นิพ พานก็เปน ธรรมชาติ ; แตผูที่ไมเคยบวช ไมเคยเรียนภาษาบาลีจะไมรูอยางนี้ จะไมไดยิน อยางนี้ แลวจะไมเขาใจอยางนี้. ในภาษาบาลีจะใชคําวา “ธรรมชาติ” แกทุกสิ่ง ; เรื่องโลก ๆ นี้ ก็เป นธรรมชาติ , เรื่องธรรมะก็เป นธรรมชาติ, กระทั่ งเรื่อ งสูงสุ ด เหนื อ โลก เหนื อ อะไรหมด ก็ เ รี ย กว า ธรรมชาติ ; ฉะนั้ น นิ พ พานเป น ธรรมชาติ แ ห ง ความไม ต าย, เป น ธรรมชาติ ที ่ อ ะไรปรุ ง แต ง ไม ไ ด , เป น ธรรมชาติซึ่ง เปน ที่สิ้น สุด ของสิ่ง ที่ป รุง แตง อยา งนี้เปน ตน . นี่มัน ไกลออกไป จนคุณฟงไมเขาใจ ใชไหม ? เพราะวาในมหาวิทยาลัยของคุณไมเรียนธรรมชาติ อย า งนี้ ไปเรี ย นธรรมชาติ ดิ น น้ํ า ลม ไฟ ของเด็ ก ๆ อมมื อ อยู ต ามเดิ ม . เรี ย นเรื่ อ งก อ นกรวดก อ นหิ น ความรอ น แสง เสี ย ง อะไรก็ ต าม ก็ เป น เรื่อ ง ธรรมชาติทางวัตถุไปหมด. สวนธรรมชาติที่ไมใชวัตถุนั้นไมรูจัก แลวก็ไมยอม รับ วา เป น ธรรมชาติ ก็ ได . ฉะนั้ น ถ า เข า ใจคํ าว า “ธรรมชาติ ” ในบาลี หรือ ใน พุทธศาสนา มันก็จะหมดปญหาไปมากทีเดียว ; คือทําใหรูวาธรรมชาติตองการ ให “คน” นี้ทําอะไร ?

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org “คน” นี้ ถาพูดตามภาษาธรรมะอยางนี้ ก็คือผลิตผลของธรรมชาติ แมแตที่คุณเรียนวิทยาศาสตรอยางใหม ๆ จากพวกฝรั่งมา คุณก็พอเขาใจไดวา มนุษย สัตว เหลานี้มันเปนผลิตผลของธรรมชาติ ;มันไมเคยมีอยูในโลกมากอน แลวมันก็เพิ่งมีขึ้นมา ไปเรียนชีววิทยาดู มันก็รู. แมตัวโลกเองกอนนี้มันก็ไมมี มันก็เพิ่งมีขึ้นมา ฉะนั้นโลกนี้มันก็เปนผลิตผลของธรรมชาติ คือดวยการบันดาล ของธรรมชาติ, ในภาษาธรรมเขาเรียกวาปรุงแตง เปนการปรุงแตงของธรรมชาติ ซึ่งมันไมมีจิต ไมมีเจตนาเหมือน “คน” มันก็ยังปรุงแตงได บันดาลสิ่งตาง ๆ ได. คุณเอาไปคิดดูซิวา ถาคุณเชี่อวา โลกนี้มันแตกเปนสะเก็ดออกมาจากดวงอาทิตย หรือวาการรวมกลุมเขมขนของเนบิวลา (nebula) จนเกิดเปนโลกขึ้นมาก็ตาม,


ปญหาเพียงขอเดียวของมนุษยชาติ

๓๑

คุณ จะเรีย กวา มัน เปน เจตนาของธรรมชาติห รือ ไม? ถา ถือ เสีย วา ธรรมชาติ ไมใชคน ก็อาจจะถือวาไมใชเจตนาก็ได. แตเดี๋ยวนี้เรามีภาษาใชที่กวางออกไป แมไ มม ีช ีว ิต จิต ใจ รูส ึก นึก คิด มัน ก็ม ีค วามหมายอยู ใ นนั ้น . ที ่ม ัน ไมอ ยู นิ ่ง ที่มันหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงอยูเสมอนี้ เราเพ งดูใหดีเถิด มัน ก็มีความหมายใน ลักษณะที่เหมือนกับเจตนา. เพราะเราตองยอมรับวา ธรรมชาตินี้มีวิวัฒ นาการ คื อ เปลี ่ ย นไปเรื่ อ ย ไปในทางที ่ แ ปลกออกไป ๆ แปลกออกไป ๆ นั ้ น คื อ วิวัฒนาการ จะดวยความประสงคอยางไร ก็เพื่อที่จะถึงที่สุด หรือถึงจุดจบของมัน. ดังนั้ น การที่ธรรมชาติใหมีอะไรขึ้นมาไมสิ้นสุดหยุดหยอนนี้ ก็ควร จะถื อวา เพื่ อถึ งจุ ดจบของมั น. ที นี้ ถ าเป นจุ ดจบทางวัตถุ ธาตุ มั นก็ อาจจะเป น เพียงความสลายตัวไปอีกก็ได, สลายตัวไมมีเหลืออยูอีกครั้งหนึ่งก็ได ; คือโลกนี้ มีจุดจบสักวันหนึ่งขางหนา เมื่อมันมีการสลายตัว ไมมีเหลืออยูอีกก็ได. แตนี้มัน เป น เรื่ อ งทางวั ต ถุ มั น ไม ใช เรื่ อ งของคนที่ มี ชี วิ ต จิ ต ใจ ; ดั ง นั้ น เรื่ อ งของคนที่ มี ชี วิตจิ ตใจ มั นก็ เลยมี จุ ดจบมากกว านั้ น หรือดี กวานั้ น วิเศษกวานั้ น ; มั นก็ คื อ เรื่อ งจุ ด จบทางฝ ายวิ ญ ญาณ เป น เรื่อ งของความสวางไสวทางวิญ ญาณ หรือ Spiritual - Enlightenment ดังที่เราไดพู ดกันมานานแลว. นี่แหละทางวัตถุก็ไปให ถึง จุดสูงสุดของฝายวัตถุ ทางฝายวิญญาณก็ไปใหถึงจุดสูงสุดของทางฝายวิญญาณ. นี่แหละจะไปเป นอั นเดี ยวกั นกั บ ความประสงค ของพระเจา หรือความประสงค ของพระธรรม. พระธรรมเปนเรื่องทางฝายวิญ ญาณ เปนสวนสําคัญ มันก็ตอง มีจุดจบตามทางฝายวิญญาณ คือมีจิตใจสูงสุด เทาที่สิ่งที่เรียกวาจิตใจนี้มันจะสูงได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้เมื่อถามวา พระธรรมมีความมุงหมาย มีเจตนารมณ อยางไร ใน การที่ สรางมนุษ ยขึ้น มานี้? ก็เพื่ อ ใหม นุ ษ ยไปถึ งจุดสู งสุ ดของความเป น มนุ ษ ย . พระจ า ก็ เหมื อ นกั น เมื่ อ ถื อ ตามหลั ก ของพวกคริ ส เตี ย น ซึ่ ง เขี ย นเรื่อ งพระเจ า


๓๒

ฆราวาสธรรม

เอาไวชัดเจนพอนี้ ตั้งแตที่ยังเปนศาสนายิว เขาก็พู ดไวชัดวา เพื่ อมนุษ ยจะไป รวมกับพระเจาในที่สุด, เพื่อมนุษยจะไปเกิดในโลกของพระเจา คือไปเปนอันเดียว กั น กั บ พระเจ า ในที่ สุ ด ; แล ว ก็ จ บกั น แค นั้ น . เดี๋ ย วนี้ ม นุ ษ ย ยั ง อยู ใ นโลกของ มนุ ษ ย ที่ เป น ความสกปรกมื ด มั ว เรารอ น เป น ทุ ก ข นี้ ก็ ให ป ฏิ บั ติ ศ าสนาไปจน พระเจา โปรด รับ เขา ไวใ นอาณาจัก รของพระเจา ไมตอ งเปน อะไรอีก ตอ ไป. จุดจบของพวกที่ถือศาสนาพระเจา เขาวาดไวอยางนี้ แตแลวเราก็ไมเขาใจเขา ; แลว ไปดูถ ูก เขาวา บา ๆ บอ ๆ. นี ่ผ มอยากจะทายลว งหนา วา พวกคุณ ไมรู ใจความของศาสนาคริส เตีย นจนไปดูถ ูก เขาวา เปน เรื่อ งบา ๆ บอ ๆ ก็ไ ด. ทั้งนี้ก็เพราะวา แมแตพวกคริสเตียนเองที่ไมรูเรื่องนี้ก็มี. นับถือศาสนาคริสเตียน แต ป าก เหมื อ นที่ ค นไทยเรานั บ ถื อ พุ ท ธศาสนาแต ป าก ; เมื่ อ พวกโน น ไม รู จั ก พระเจา พวกนี้ก็ไมรูจักพระธรรม. ถาคุณรูจักพระธรรมแลวก็จะหมดปญหา แลวจะไมถามปญหาอยางนี้, แลวก็ไมจําเปนที่จะตองมาสวนโมกข.ที่ถามปญ หาอยางนี้มันแสดงอยูในตัวแลว วา ไมรูจ ัก สิ ่ง ที ่เรีย กวา “พระธรรม” ฉะนั ้น ก็เปน การสมควรแลว ที ่วา เราจะ มาพบกัน ที่ ไหนแหงหนึ่ ง เพื่ อ ศึก ษา หรือ เพื่ อ ทําความเขาใจเกี่ ยวกั บ พระธรรม จนรูจักพระธรรม ; แลวปญ หาต าง ๆ จะหมด. คื อรูจักพระธรรมแลว ก็จะรูวา เกิดมาทําไม ? ใครบันดาลใหเกิดมา ? ดวยวัตถุประสงคอะไร ? แลวเราจะตอ ง ทํ าอย างไรต อ ไปให ลุ ล วงไปจนถึ งที่ สุ ด ? ถ ารูจั ก พระธรรมมั น ก็ ต อ งรูอ ย างนั้ น . เดี๋ยวนี้ยังไมรูถึงขนาดนั้น คือไมรูถึงขนาดที่จะเรียกวารูพระธรรม มันก็เปนเหตุ ให ไม ประสบความสําเร็จในการเรียน. ตั้ งต นแต การเป นเด็กนี้ ก็ไม ประสบความ สํ าเร็จ ในการเรียน ในการงาน ในการบริโภคผลงาน ชนิ ดที่ มั นจะไม เป นความ ทุกข ;มันมีแตความยุงโกลาหล วุนวาย หรือเปนความทุกขไปหมด. วัฒ นธรรม

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ปญหาเพียงขอเดียวของมนุษยชาติ

๓๓

หรือ ศาสนาอื ่น ถือ คํ า วา “พระเจา ” พุท ธบริษ ัท ถือ คํ า วา “พระธรรม” เราจะ ตอ งทํ า ตามความประสงค ข องสิ่ งที่ เรีย กว า “ธรรม”, มั น มี เจตนารมณ ข องมั น อยางไรเราตองทําตามนั้น. พูดอยางกําปนทุบดินกอน ไมมีทางผิด วาพระธรรม สรา งเรามา เพื ่อ ใหเ รามีธ รรม. คุณ จะฟง ออก ชอบหรือ ไมช อบก็ต าม ; พระธรรมนี้ สรางเรามาเพื่ อให เรามี ธรรม, สรางมนุ ษ ย ม าเพื่ อให มี ธรรม ; เมื่ อ มี ธรรมแลวก็จะไดแตกตางจากสัตว. ฉะนั้นเขาจึงมีคําพูดมาแตโบราณดึกดําบรรพวา “ธรรมะนี้ เพื่ อความผิดแปลกแตกตางจากสัตว” ; ถ าท องคาถานี้ ไวบ างก็ จะดี วา “อาหารนิ ทฺ ทาภยเมถุ นญจ “ - การหาอาหารกิ น การแสวงความสุ ขในการนอน การรูจ ัก ขี ้ข ลาด วิ ่ง หนีอ ัน ตราย และการประกอบเมถุน ธรรม, “สามาญญเมตปฺป สุภ ิ นรานํ” - สี่อ ยางนี้ม ีเสมอกัน ระหวา งคนกับ สัต ว, “ธมโม หิ เตสํ อธิโก วเสโส” - ธรรมะเทานั้นที่จะทําความผิดแปลกแตกตางระหวางคนกับสัตว, “ธมฺ เมน หี น า ปสุ ภิ สมานา” - เมื่ อ เอาธรรมะออกไปเสียแล ว คนก็ เท ากัน กั บ สัตว. มันมีใจความวา ธรรมะนี้ทําใหคนตางจากสัตว, ธรรมะสรางคนขึ้นมา ผิดจากสัตวก็เพราะวา ตองการใหคนมีธรรมะอยางคน อยางมนุษย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เดี๋ยวนี้ เราก็เรียกตัวเองวาเปนคน หรือเปนมนุษย มันก็ตองมีธรรมะ ถ า ใครไม มี ธ รรมะก็ ไ ม ต า งอะไรจากสั ต ว . คํ า ว า “ธรรมะ” ในที่ นี้ ก็ ห มายถึ ง ธรรมะสํ า หรับ คน ธรรมะเพื ่อ มนุษ ย เพื ่อ คน ก็ค ือ รู ว า เกิด มาทํ า ไม ? แลว ก็ทํ า ไปให ถึ งที่ สุ ด . พอพู ด ถึ ง พระเจ า ก็ อ ย างเดี ย วกั น อี ก พระเจ า ต อ งการ ให คนดีกวาสัต ว แล วไปอยูกับ พระเจา. ถาพู ด ถึงธรรมชาติ ธรรมชาติ ตอ งการ ใหมีวิวัฒ นาการ ไมหยุด วิวัฒ นาการมาจนเปนมนุษ ย แลวก็ใหไปถึงที่สุดของ ความเปนมนุษย ; ในที่สุดเราก็ไปจบอยูที่การมีธรรมะอยางถูกตองและสมบูรณ.

นี่เรารูจักวา พระธรรมตองการใหเรามีธรรม พูดอยางกําปนทุบดินก็วา ธรรมะสรา งมนุษ ยขึ ้น มาสํ า หรับ ใหม ีธ รรมะ. ทีนี ้ เดี ๋ย วนี ้เ รามีธ รรมะแลว


๓๔

ฆราวาสธรรม

หรือ ยัง ? คุณ ก็ต อบไดด ว ยตนเอง. ผมพูด ทีไ รมัน ก็ก ระทบกระเทือ นทุก ที วามนุษยในโลกนี้มีธรรมะหรือยัง ?พวกเราชาวไทยนี้มีธรรมะหรือยัง ? และโดย เฉพาะคน คนเดียว เปนคนหนึ่ง ๆ เชนคุณ เอง มีธรรมะหรือยัง ? ผมก็ตอบ ไดแ ตเพีย งวา ถา มีธ รรมะจริง แลว มัน ไมยุ ง ยาก โกลาหล วุน วาย อยา งที่ เปน อยู เดี๋ ย วนี้ . ทั้ ง โลกก็ ดี ทั้ งประเทศก็ ดี หรือ แม แ ต ค น ๆ เดี ย วก็ ดี , ถ า มี ธรรมะแลว ก็จะไมมีอะไรที่เปนปญหานาเกลียดนาชังอยางนี้. อันนี้เราก็รูกันเอง เฉพาะคน ๆ เป น ภายในไปก็ แ ล ว กั น . แต ถ า มองดู ที่ สั งคม คุ ณ ก็ ต อ งได ม าก กวานั้น วาสังคมกําลังเปนอยางไร. เมื่อรูวาสังคมเปนอยางไร เราก็อาจสามารถที่จะปลีกตัวออกมาจาก สังคมโดยทางจิตใจ ;ทางรางกายมันเนื่องอยูดวยสังคม หลีกไมคอยพน แตทาง จิตใจนี้ เราสามารถที่จะปลีกออกมาเสียจากสังคมที่สกปรก ; คือมามีธรรมะ อาศัยธรรมะเปนเครื่องมือ, แลวเราก็ยังคงไดรับประโยชนจากธรรมะ ยังสามารถ ทําใหตรงตามความประสงคของพระธรรม ที่สรางเรามาทําไม นี้. ในสวนนี้ผม ขอรองวา คุณอยาเปนคนปดมดเท็จ แกตัว วาไมอาจจะแยกจากสังคม ไมอาจจะ ปลีกจากสังคม. เมื่อเพื่อนสูบบุหรี่ เราก็ตองสูบ, เมื่อเพื่อนกินเหลา เราก็ตอง กินเหลา, เมื่อเพื่อนสํามะเลเทเมาเรื่องเพศ เราก็ตองสํามะเลเทเมา, เราไมอาจ จะแยกจากสังคม. อยางนี้ผมวาเปนคนมุสา เปนคนขี้ปดมดเท็จ สําหรับจะแกตัว สําหรับจะไปทําความชั่ว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ธรรมชาติสรางเรามาโดยทางจิตใจ สามารถที่จะแยกออกจากสังคม ไปนิพพานตามลําพังเราคนเดียวก็ได. ถึงทางรางกายก็เหมือนกัน ถาเรามีความ กลาหาญพอ เราก็สามารถจะแยกออกจากสังคม ;หรือวาถาเราจะเขาไปรวมอยู ในสังคมเราก็จะตองเปนฝายที่ตอตาน ไมใหขบถตอพระธรรม.


ปญหาเพียงขอเดียวของมนุษยชาติ

๓๕

ผมไดยินขาวหนังสือพิมพลงวา พวกนิสิต นักศึกษามหาวิทยาลัยเขาไป ต อ สู ท างการเมื อ ง เกี่ ย วกั บ พรรคนั้ น พรรคนี้ ; แต แล วก็ ยั งสงสั ย อยู วา ทํ าไป ดว ยความบริส ุท ธิ ์ใ จ เพื ่อ พระธรรมหรือ เปลา ? ถา พวกนิส ิต เหลา นี ้ไ ปตอ สู ทางการเมือง ทางสังคมแลว มันก็ตองเพื่อความเปนธรรม เพื่ อความถูกตอ ง ตามความตอ งการของพระธรรม; มัน ก็ไดเหมือ นกัน แมจ ะอยูในสัง คม ถา อยูในลักษณะอยางนี้มันก็มีประโยชนเหมือนกัน แตถาพลอยผสมโรงไปในทาง ที่ไมใชพ ระธรรม, ไมใชของพระธรรม, หรือ วาเปน อธรรม, หรือ วาเปน ธรรม ที ่ผ ิด ๆ แลว มัน ก็ใ ชไ มไ ด; มัน ผิด วัต ถุป ระสงคข องพระธรรม พระธรรม ไมต อ งการอยา งนั ้น พระธรรมตอ งการใหเรามีธ รรม พระธรรมสรา งเรามา เพื ่อ ตอ งการใหเรามีธ รรมเรื่อ ย ๆ ไป, คือ ดีขึ้น ไป สูงขึ้น ไป จนถึงบรมธรรม สุดยอด. สิ่งที่เรียกวา “บรมธรรม” นั้น เขาเรียกหลายชื่อ มีหลายชื่อเชน นิพพาน เปนตน อมตธรรม เปนตน นั่นแหละคือบรมธรรมสูงสุดของมนุษย. ฉะนั้นขอใหถือวา พระธรรมสรางเรามา เพื่อใหเรามีธรรมเรื่อย ๆ ไปจนกระทั่ง ถึ ง บรมธรรม นี้ เป น สิ่ ง ที่ ห ลี ก เลี่ ย งไม ได ปฏิ เสธไม ไ ด . ถ า ปฏิ เสธแล ว จะยุ ง เพราะผิดและสับสนกัน. แมวา เดี๋ยวนี้คุณก็มุงหมายที่จะเปนฆราวาส ที่จะสึก ออกไปเปนฆราวาส, หรือเอาพวกฆราวาสเปนหลัก เราก็ยังพูดยืนยันอยูนั่นเอง วาเปนมนุษยนี้เพื่อมีธรรมะ เพื่อถึงยอดสุดของบรมธรรม.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฆราวาสก็ตองเดินทางไปหาบรมธรรม บรรพชิตก็ตองเดินทางไปหา บรมธรรม ; ใครจะไปเร็วชากวากัน มันอยูที่ใครทําผิดหรือทําถูก. ที่ออกมาเปน บรรพชิตนี้ก็เพื่อจะไปไดเร็ว ๆ คือตัดความผูกพันสวนใหญออกไปเสีย เพื่อจะไป เร็ว ๆ ; แต แ ล วมั น ก็ เห็ น อยู วา ไม ไปเร็ว ๆ ก็ มี ยั ง ขบถต อ อุ ด มการอั น นี้ ก็ มี ;


๓๖

ฆราวาสธรรม

เพราะบรรพชิ ต ก็ มี ห ลายชนิ ด หลายประเภท ;บางที ฆ ราวาสไปเร็ วกว าก็ มี . ถาฆราวาสเปนผูประพฤติธรรมดวยความบริสุทธิ์ใจอยูเสมอ มันก็เลื่อนชั้นไป โดยเร็ว ไมมีอะไรที่คงที่ตายตัว ตายดานอยูที่นั่น ; แลวจิตใจมันก็วิวัฒนาการ ไปดวยเหมือนกัน. สิ่งที่เคยรัก เคยบูชา มันก็อาจจะกลายเปนสิ่งที่ไมรักไมบูชา แลวก็เลื่อนไหลไปหาสิ่งอื่น ที่ไปรักไปบูชา, ไมเทาไรก็เห็นเปนเรื่องไมนารัก ไมนาบูชา ; มันก็เลื่อนตอไปอีก คือเลื่อนไปจนถึงยอดสุด ที่จะเลื่อนไปอีกไมได คือบรมธรรม. ฉะนั้นพวกฆราวาสนั่นแหละ บางชั่วโมงก็หลงใหลทางกามารมณ บางชั่วโมงก็ต อ งการพั ก ผอน บางชั่วโมงก็ ตอ งการความวาง ความหยุด นิ่ ง ความสงบ ไมมีอะไรรบกวน มีรสชาติทํานองเดียวกันกับนิพพาน ; แตแลว ไมสนใจ ไมสังเกต. และสวนที่บูชากันเปน สวนใหญ ก็เปนเรื่องเอร็ดอรอ ย ทางเนื้อหนัง ; ฉะนั้นชีวิตฆราวาสสวนมากมันจึงเปนเสียอยางนั้น เพราะวา วัฒนธรรมกําลังเสื่อม. ถาวัฒนธรรมของพุทธบริษัทยังเขมขน เขาก็มีชั่วโมงที่เปนตัวเอง อย างนั้ น อย างนี้ อย างโน น ไปครบถ วนเหมื อ นกั น ; ชั่ วโมงแห งความสงบ ประกอบไปดวยธรรม อยางนี้ก็มี.เดี๋ยวนี้เราถูกสอนใหบาหลังในเรื่องทางฝาย วัตถุ ทางฝายเนื้อหนัง จนไมมีชั่วโมงแหงความสงบ. นักศึกษาหนุมสาวเหลานี้ ก็พรอมที่จะเปนบา, พรอมที่จะฆาตัวตาย, พรอมที่จะทําอะไรผิด ๆ แปลก ๆ ดวยมานะทิฏฐิ หรืออวิชชา.ที่จริงการที่ตั้งกลุมพุทธศาสตรและประเพณีขึ้นใน มหาวิทยาลัยนี้ ก็นับวาถูกตองตามความประสงคของพระธรรมอยางยิ่ง. ทีนี้ กลัววามันจะตั้งแตปาก ตั้งแตชื่อ มันก็มีผลเทากับไมไดตั้ง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่ เราจะตองรับรูพระธรรมในลักษณะอยางไร ? พระธรรมสรางเรามา เพื่อใหเรามีธรรม เราก็หนีไมพน หลีกไมได และปฏิเสธไมได, ก็ตองพยายาม


ปญหาเพียงขอเดียวของมนุษยชาติ

๓๗

ให มี พระธรรม. ป ญ หาข อแรกมั นจึ งตอบได ว า เพื่ อมี พระธรรม. เกิ ดมาทํ าไม ? ตอบวา เกิดมาเพื่อมีบรมธรรม, คือมีธรรมะเรื่อย ๆ ไปจะถึงบรมธรรม. ที นี้ เราจะเอาผล เอาผลอี กชนิ ด หนึ่ ง ซึ่งมั น น าชื่น ใจหน อ ย. ถ า ถามวา เกิดมาทําไม ?ก็ขอใหภาวนาไวเปนเครื่องรางเลยวา “เกิดมาเพื่อไมเปน ทุก ข - เกิด มาเพื่อ ไมเปน ทุก ข “ คํา นี้ฟ ง ยาก แตวา มัน ก็พ อจะใชป ฏิบัติไ ด คือใหถือเปนหลักไวกอนวา เราเกิดมาเพื่อไมเปนทุกข. ฉะนั้นคุณอยารองให คุณอยาเสียใจ ในเมื่อมีความผิดหวังใด ๆ ซึ่งไมใชความผิดของคุณ. แมไมใช ความผิดของคุณ แตแลวมันก็มีขึ้นมา, แลวก็มาเสียใจ มารองให, อยางนี้ เปนคนโง ไมรูจักความหมายของคําวา “เกิดมาทําไม”. อยางนอยเราจะตอง ถือ วา เกิ ด มาเพื่ อ ไม มี ความทุ ก ข ไวก อ น. ดั งนั้ น เมื่ อ ความทุ ก ขมั น เกิ ด ขึ้นใน ลักษณะใด หรือในระดับใดที่ตาม จะตองปดทิ้งออกไปกอนวา นี้ไมใชเพื่อเรา ไมใชสําหรับเรา ; ฉะนั้นเราจะไมมีการรองให จะไมตองมีการเสียใจ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้นจึงไมตองพูดถึงการฆาตัวตาย นั่นมันบาเกินไป. เราจะ สลัดปญหาเหลานั้นออกไป โดยที่ไมตองรูวาเพราะอะไรมากนัก ; รูแตเพียงวา มันไมใชสําหรับเรา. ความทุกขนี้ไมใชสําหรับเรา เราจะตองไมทุกขเขาไวกอน ; แลวก็แกปญหาไปดวยความรู หรือสติปญญา. ความผิดหวังนั่นแหละเรียกวา ความทุกขก็ได คือไมไดตามที่เราตองการ. ทีนี้คนหนุมสาวนี้มักจะบูชาความหวัง, บูชาความหวังในลักษณะที่ผิด ๆ คือโงไปปกใจ วามันจะตองสมหวัง ถาไม สมหวังแลวตายเสียดีกวา นี้คือคนโงที่สุด. เพราะวาธรรมชาติมันไมไดสราง มาสําหรับใหสมหวังเสมอไป ; แลวมันก็ไมตองการใหสมหวังสําหรับคนโง มันตองการใหสมหวังสําหรับคนฉลาด.คือคนที่รูจักธรรมชาติดี ฉะนั้นเราตองฉลาด รูจักธรรมชาติดีพอที่จะตอสูกับธรรมชาติได ; แลวเราก็จะสมหวัง, คือเราไมไป หวังอยางโง ๆ เหมือนที่หนุมสาวหวังกัน


๓๘

ฆราวาสธรรม

เรามามีความหวังอยางถูกตอง อยางลึกซึ่ง คลอยตามกฎของธรรมชาติ แลว เราก็จ ะไมต อ งผิด หวัง ; หรือ ถา พูด อยา งธรรมะที ่ล ึก ก็คือ ไมห วัง อะไร , เราจะไม หวังอะไรจากธรรมชาติ เพราะเรารูวาธรรมชาติมั นเป น ของศักดิ์สิท ธิ์ หรือเด็ดขาดอยูในตัวมันเอง ; มันไมแพใคร แลวมันก็เปนไปอยางตายตัวตามกฎ ของธรรมชาติ. ถาเราไปหวังใหผิดไปจากกฎของธรรมชาติ มันก็เปนไปไมได. ที่ นี้ เ ราจะเป น ผู ผ สมโรงกั บ ธรรมชาติ , คื อ ทํา ให เ ป น ไปอย า งถู ก ต อ ง ตามกฎของธรรมชาติ หรื อ พระธรรมนั่ น แหละ แล ว เราก็ จ ะไม ผิ ด หวั ง . คุณศึกษาเลาเรียนใหมันคลอยตามกฎของพระธรรม,คุณทําการงาน ใหมันคลอยตามกฎของพระธรรม, คุณ มีลูกมีเมียมีอะไรใหคลอยตามกฎของ พระธรรม แลว ก็จ ะไมม ีผ ิด หวัง . คํ า วา “ผิด หวัง ” จะไมม ีใ นชีวิต นี ้ เพราะ มัน ประกอบอยูดวยธรรม, ทีนี้ห นุมสาวโง ๆ มันไปหวัง ตามอํานาจของกิเกส ซี่งมั นก็ ตองฝน ธรรมชาติ แล วมั น ก็ตองผิดหวังทุ กเวลานาที อ ยูนั่ นแหละ. มั น กระหายดวยความผิดหวังอยูเสมอไป. มันหวังมากเกินไป หรือมันหวังผิดทาง นอกทาง ; เพราะฉะนั้นมันจึงมืดมนกลัดกลุมอยูตลอดเวลา นี้คือไมมีพระธรรม ไมมีธรรมอยูในบุคคลนั้น มันจึงเปนนรก หรือวาเปนความเรารอนอยูตลอดเวลา ดวยความผิดหวัง. ฉะนั้ น ถาหากจะบู ชาความหวัง ก็บู ชาให ถูกต อ ง ; เพราะ ความหวังมันตองเขารอยกันกับกฎของธรรมชาติ แลวเราก็จะไมมีความผิดหวัง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ดัง นั ้น จึง เปน อัน วา เกิด มาเพื ่อ รู ธ รรมชาติ แลว ไปดว ยกัน กับ ธรรมชาติ คือ พระธรรม หรือ พระเจา อยา งที ่ไ มม ีผ ิด หวัง , นี ่ผ มใชคํ า วา เกิด มาเพื่อไมทุกข. ฉะนั้นคุณไมตองรองไห ไมตองเปนหวง ไมตองวิตกกังกล ไม ต อ งทํ า อะไรให มั น เป น ทุ ก ข . ถ า ความทุ ก ข เกิ ด ขึ้ น ด ว ยความเผลอของเรา


ปญหาเพียงขอเดียวของมนุษยชาติ

๓๙

ก็ รี บ ป ดออกไปทั นที ว า นี้ ไม ใช เรื่ อ งของเรา, เราจะต องตั้ งต นทํ าใหม โดย ไม ต อ งรูสึ ก เป น ทุ กข . มี ความรู มี ส ติ ป ญ ญาทํ าต อ ไป มั น ก็เป น ความก าวหน า วิวัฒ นาการ ไปตามทางของพระธรรมอยู เรื่อ ยไป ;ไมม ีค วามทุก ขเรื่อ ย ๆ ไป จนถึงยอดสุดคือบรมธรรม. ขอใหถือวา ถาความทุกขเกิดขึ้นในลักษณะใดก็ดี เทาไรก็ดี ก็หมาย ความว า มั น ทํ า ผิ ด เรามั น ขบถต อ พระธรรมด ว ยความรู ตั ว บ า ง ไม รู ตั ว บ า ง เจตนาบ า ง ไม เจตนาบ า ง ; ฉะนั้ น อย า ไปเสี ย ใจมั น . แม ที่ สุ ด แต ค วามเจ็ บ ไข เกิ ด ขึ้ น ซึ่ ง เป น ธรรมชาติ ที่ สุ ด ก็ อ ย า ไปทุ ก ข กั บ มั น อย า ไปเสี ย ใจกั บ มั น . จะ รัก ษาเยีย วยาโรคภัย ไขเจ็บ ก็ไ มต อ งเปน ทุก ข, กระทั ่ง วา ตายก็ไ มต อ งกลัว , ตายก็ ไ ม ต อ งเป น ทุ ก ข จะตายก็ ไ ม ต อ งกลั ว . ถ า ว า ความวิ ต กกั ง วล ความ ระแวง หรือ ความกลัว เปน ทุก ข ก็บ อกวา ไมใ ชเ รื ่อ งของเรา ไมต อ งกลัว . เอาอยา งนี ้ไ วท ีห นึ ่ง กอ น, เอาดื ้อ ๆ อยา งนี ้ไ วท ีห นึ ่ง กอ น แมว า เดี ๋ย วนี ้ย ัง ไม เปน พระอรหัน ต แตขอใหยึด หลัก ของพระอรหัน ตไวทีห นึ่ง กอ น : ความทุก ข ไมใชของเรา เราไมยอมรับเอาสิ่งใด. ขอใหฝกอยางนี้ จะเปนการฝกตาม

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พ ธรรม เปนการปฏิบัติพระธรรมอยางสูงสุด.

ขอยกตัวอยางที่วาฟงแลวนาขบขันสักหนอยวา ถาไปเจอะเสือกลางปา ก็ไมต อ งกลัว และเปน ทุก ข, จะขึ ้น ตน ไม ก็ขึ ้น โดยไมต อ งกลัว และเปน ทุก ข, จะวิ ่ง หนี ก็วิ ่ง หนีโ ดยไมต อ งกลัว และเปน ทุก ข. ถา จวนตัว ที ่จ ะตอ งสู เ สือ ชกกับ เสือ ก็ช กกับ เสือ โดยไมต อ งกลัว และเปน ทุก ข. ใหจํ า หลัก นี ้ไ วใ หไ ด ทีห นึ่ง กอน วา “เราไมไดเกิดมาสําหรับเปนทุกข” แลวก็จะทําอะไรไดดีดวย. ถา เราทั ้ง กลัว และทั ้ง เปน ทุก ข วิ่ง ขึ ้น ตน ไมก ็จ ะวิ ่ง ขึ ้น ไมไหว, หรือ จะขึ ้น ผิด ๆ ถูก ๆ พลาดตกลงมาใหเสือกัดเสียอีก.ตองไมกลัวและเปนทุกข มีสติสัมปชัญญะ อยู เรื่อ ย จะขึ ้น ตน ไมก ็ขึ ้น ไดด ี จะวิ่ง ก็วิ่ง ไดด ี, หรือ จะสู ก ับ เสือ ก็อ าจจะชก ทีเดียวเสือตายก็ได. นี้ตองไมกลัว ตองไมเปนทุกข.


๔๐

ฆราวาสธรรม

“ฉัน ไมไ ดเกิด มาเพื ่อ เปน ทุก ข” ขอใหท อ งคาถานี ้ไ ว แลว ก็ใ ชใ ห ถูกตามทางของพระธรรม, อยาใหเปนมิจฉทิฏฐิขึ้นมา. จิตวางแบบอันธพาลนั้น เพื่ อ แก ตั ว ที่ จ ะทํ า ความชั่ ว ; “ฉั น ไม ต อ งเป น ทุ ก ข ” แล ว ก็ เลยติ ด คุ ก ติ ด ตะราง อะไรก็ ไ ด ไม ต อ งเป น ทุ ก ข ; ทํ า ความชั่ ว อย า งไรก็ ไ ด แล ว ไม ต อ งเป น ทุ ก ข ; อยางนี้มั นเป นจิตวางแบบอัน ธพาล. อุดมคติแบบอันธพาลวา ฉันไม ไดเกิด มา เพื่ อ เป น ทุ ก ข แต มั น ไม รูจั กความทุ ก ข มั น ไปเห็ น ความทุ ก ข เป น ความสุ ข หรือ เปนอะไรไปเสีย. ถาเรารูผิดชอบชั่วดีวา อะไรเปนความทุกข เราก็รูจักหลีกเลี่ยงเสีย ; หรือวาอะไรเปนเครื่องทรมานใจ เราก็ไมเอาสักอยางเดียว. นั่นแหละ ใหถือกัน ในแงที่วา เราเกิดมาสําหรับไมเปนทุกขในทุก ๆ กรณี ; แลวเรามีความรู มีสติปญญา มีสติสัมปชัญญะ ปฏิบัติไป แกไขไป ; เพื่อไมใหสิ่งที่จะเปนทุกขนั้น มัน เกิด ขึ ้น หรือ มาอีก . แตเมื ่อ มัน มาถึง เขา เราไมย อมรับ เอา เราพยายาม หาหนทางที ่จ ะไมใ หม ัน มาถึง ; เรีย กวา เผชิญ หนา กับ เสือ คือ ความทุก ข. เมื่อความทุกขเกิดขึ้น หรือมีเขามา เราจะไมทุกข. เราจะยิ้มแยมแจมใส เพื่อฆา เสือ นั ้น เสีย หรือ วา จะหลบหลีก จะหนีเ สือ ก็ต อ งดว ยความไมม ีท ุก ข ดวยความไมเปนทุกข.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่แหละคือความมุงหมายของพระธรรม เพียงอยางเดียวเทานั้น. คือ เพื่ อ จะไม ใ ห ค นเป น ทุ ก ข . เพื่ อ ให ค นมี ธ รรมะแล ว ไม เ ป น ทุ ก ข . ฉะนั้ น เราเกิด มาเพราะพระธรรมสรางเรามา เราก็ตอ งทําให ถูกตามวัตถุประสงค ของ พระธรรม ที ่ส รา งเรามา ; ปญ หาก็จ ะหมดไป. ปญ หาที ่วา “เกิด มาทํ า ไม ?” เราก็ ต อบอย า งดี ที่ สุ ด เลยว า เพื่ อ ทํ าตามความประสงค ข องพระธรรม ที่ ส รา ง เรามาหรือ ที่ ทํ า ให เราเกิ ด มา จะเรีย กพระธรรมนั้ น ว า พระเจ า หรือ ธรรมชาติ


ปญหาเพียงขอเดียวของมนุษยชาติ

๔๑

ก็ไดทั้งนั้น, ลวนแตที่ความประสงคที่จะทําใหมนุษยนี้ไมมีความทุกข. ใหเปน อยูในสภาพที่ไมมีความทุกข. คือเปนอันเดียวกันกับพระธรรมหรือพระเจา. ทีนี้ พอสรางขึ้นมาในความไมรู, เด็ก ๆ เกิดมาไมรูอะไรมีการอบรม สั่งสอน หรือ วัฒนธรรมไมดี กําลังหลงผิดไปมาก เหมือนพวกฝรั่งที่กําลังนิยม เทคโนโลยี่ มันก็หลีกหางจากพระธรรม, เดินหางออกไปจากพระธรรม ก็สราง โลกที่เ ดือ ดรอ นเปน ไฟขึ้น มา. ฝา ยพวกเราเปน พุท ธบริษ ัท ชาวตะวัน ออก ขอใหคงรักษาไว ซึ่งความสวางไสวในทางวิญญาณ ; รูวาเกิดมาทําไม อยาไป ตามกัน พวกฝรั่ง . ถา จะมี เทคโนโลยี่ ก็ตอ งมีม าสํา หรับ เปน ควายตัว ที่ส อง คือ ควายตัว ที่มีแ รง, แลว เราก็ยึด หลัก ควายตัว ที่ห นึ่ง , ตัว ที่มีค วามรู ตัว ที่รู, รูวา เกิดมาทําไม. ใหควายตัวที่สองมันตามหลังไป มันก็จะไปถึงไดดวยความ สะดวกสบาย. สว นทคโนโลยี ่ นี ่ก ็เ พื ่อ ใหช ีว ิต ทางรา งกายเปน อยู เ ทา นั ้น . ปูยา ตายาย ของพวกเราเอาแตพอสมควร ไมเอามากเหมือนพวกฝรั่งเดี่ยวนี้, เอาเทาที่จะเปนอยูไดโดยสะดวก ดวยเรื่องเครื่อ งนุงหม หรือ อาหารการกิน ที ่อ ยู อ าศัย การแกบํ า บัด โรค, แตแ ลว เราก็ม ีข องวิเ ศษคุ ม ครองปอ งกัน ไว แมวามันจะขาดแคลนเราก็ไมเปนทุกข. แมมันจะขาดแคลน จนกระทั่ง ทําให ชีวิต นี้ดับ ไป เราก็ไมเปน ทุก ข นี่คือ ความสวางไสวทางวิญ ญาณ. ฉะนั้น เรา จึงไมบาสรางสิ่งซึ่งทําใหเราเปนทาส, แลวไดรบราฆ าฟนกัน เพราะไปแยงชิง หวงแหนสิ่งที่เราตองการทางวัตถุ ทางเนื้อหนัง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี้มันเปนเหมือนกับวา birds eye view ซึ่งคุณจะตองมองดูใหเห็น เสียกอน คือคุณตองบินขึ้นไปสูงเหมือนนก แลวดูขางลาง วาอะไรเปนอยางไร ใหทั่วถึงเสีย กอน ; แลว จึงจะรูจัก ทําสิ่งเฉพาะจนใหมัน สําเร็จ ลุลวงไปดวยดี. ที่ผมชักชวนใหมามองในปญหาที่วา เกิดมาทําไม นี้มันเหมือนกับขึ้นไปใหสูง ๆ แลว มองดูขา งลา ง ; ใหรูวา ชีวิต ทั้ง หมดนี้ มัน เพื่อ อะไร ; เปน ผูอ ยูบ นยอด ภูเขา แลวมองดูคนขางลาง มองดูโลกขาลาง อยางนี้ก็ไมมีทางที่จะทําผิด. บัดนี้ก็พอสวางพอดี ยุติกันทีสําหรับวันนี้.


ความเปนฆราวาส -๓๒๒ เมษายน ๒๕๑๓ สํ าหรั บพวกเราได ล วงมาถึ งเวลา ๒๐.๓๐น. แล ว เปนเวลาที่จะไดพูดกันตอไปถึงขอความที่คางอยู ในครั้ง ที่แลวไดพูดในลักษณะที่เปนเพียงอารัมภกถา คือเรื่องทํา ความเข าใจในเบื้ อ งต น ทั่ ว ๆไป.ถึ งแม ในครั้งนี้ ก็ จ ะขอ โอกาส กลาวในลักษณะที่เปนอารัมภกถาอีกสักครั้งหนึ่ง เพื่อใหเขาใจเรื่องทั่วไปโดยสมบูรณ ยิ่งขึ้น โดยจะไดกลาว ถึงดวยหัวขอวา “ความเปนฆราวาส”. ป ญหาที่ พวกคุ ณเขียนส งมา ลวนแต เป นเรื่องสําหรับฆราวาส หรือ คฤหั สถ ; เพราะฉะนั้ น เราจะต องรู จั กความหมายของคํ าว า “คฤหั สถ ” หรื อ “ฆราวาส” นี ้. สํ า หรับ คํ า วา “ฆราวาส” หรือ “คฤหัส ถ” นี ้ ก็ด ูเหมือ นจะ เขาใจผิดกันอยูบางบางอยาง : โดยทั่วไปมักจะเขาใจไปวา เปนเรื่องที่ตรงกันขาม จากเรื่องธรรมะ หรือศาสนา, หรือเหมาเอาวาเปนเพศที่ยังต่ําทรามเกินไป จาก ธรรมะหรือศาสนา ; ถาเคยเขาใจอยางนี้ ก็ควรเขาใจกันเสียใหม.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org

๔๒


ความเปนฆราวาส

๔๓

ในครั้งที่ แล วมา เราได พู ดกั นจนเป นที่ เข าใจวา เกิ ดมานี้ เกิ ดมาเพื่ อ มีธ รรมะ ;เพราะวา เราเกิด มาจากพระธรรม พระธรรมสรา งเรามา. ความ มุ ง หมายของพระธรรมก็ คื อ เพื่ อ ให เรามี ธ รรมะ ; เพราะฉะนั้ น เราต อ งยอมรั บ ลั ก ษณะนี้ ว า การเกิ ด มานี้ ไม มี อ ะไรอื่ น ดี ไ ปกว า ที่ เกิ ด มาเพื่ อ มี ธ รรมะ. ที นี้ เมื ่อ เกิด มา ไมม ีใ ครเปน พระ เปน นัก บวช มาแตใ นทอ ง, มัน ตอ งเปน เด็ก เป นผู ใหญ เรื่อย ๆ มาในลั กษณะที่ เป นคฤหั สถ หรือเป นฆราวาส ; บางคนก็ เป น อย างนั้ นไปจนตาย ไม เคยบวชเป นพระ แล วจะเอาเวลาไหนมาเป นเวลาสํ าหรับ ที่จะมีธรรมะ ถาไมเอาเวลาที่เปนฆราวาส หรือเปนคฤหัสถนั่นเอง. เราจะเห็น ไดว า พอเกิด มา แลว ก็เ ติบ โตเรื ่อ ยไป จนกระทั ่ง ตาย ทั้งหมดนั้นเป นเวลาที่ จะตองมี ธรรมะ ด วยการศึ กษา ด วยการปฏิ บั ติ ; ฉะนั้นเรา จึงเกิดมาในลักษณะสํ าหรับจะเขาโรงเรียนศึกษาธรรมะ จะเรียกวา เขาโรงเรีย น ของพระธรรมก็ ได , เข าโรงเรียนของพระเจ าก็ ได . คุ ณ ต องเข าใจความข อนี้ ให ดี ๆ วาแม เราจะไม มี โรงเรียน หรือมหาวิทยาลั ย อยางที่ เขามี ๆ กันอยูเดี๋ ยวนี้ ชีวิตนี้ ก็เปน การเขา โรงเรีย นอยู ใ นตัว มัน เอง. ถา ไมเชน นั ้น แลว คนปา สมัย หิน ก็ไ มมี ทางที่ จะเป นบรรพบุ รุษของพวกเราได. คนป าสมั ยหิ นคุณ ก็รูดีอยูวา เป นอยางไร, ทํ า ไมจึ ง คลอดลู ก ออกมาเป น พวกเราได ; เพราะว า ชี วิ ต มั น เป น โรงเรี ย น, เป น บทเรีย น, เปน การสอบไลอ ยู ใ นตัว เสร็จ . มนุษ ยเ พิ ่ง รู จ ัก ตั ้ง โรงเรีย นแบบที ่มี กัน อยู  ก็เ มื ่อ ไมน านมานี ้เ อง ; แตแ ลว ก็ไ มรู อ ะไรมาก หรือ ไมรู สิ ่ง ที ่ค วรจะรู เชนไมรูวา เกิดมาทําไม ? เปนตน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ผมอยากจะให ทุ ก คนถื อ ว า แม ค วามเป น ฆราวาสนี้ ก็ เป น การเข า โรงเรีย นของพระเจา ซึ ่ง ไมต อ งมีต ึก เรีย น มีอ าจารย มีชั ่ว โรงเรีย น เหมือ น กับ ที ่คุ ณ เรี ย นกั น อยู ใ นมหาวิ ท ยาลั ย . มั น เป น การเรี ย นอยู ใ นตั ว ชี วิ ต คื อ


๔๔

ฆราวาสธรรม

ทุกสิ่งทุกอยางที่เกิดขึ้น ในชีวิตประจําวัน มันเปนการสอนอยางดีที่สุด คื อ รู จ ริ ง แจ ม แจ ง จริ ง ไม เ หมื อ นกั บ เรี ย นหนั ง สื อ . เรี ย นหนั ง สื อ นั้ น มั น เป น การเรียนชนิดที่ ทองจํา หรือ ฝากความเขาใจไวกับเหตุ ผล,เป นทาสของ ความจํา เปนทาสของเหตุผล อยางที่เราเปน ๆ กันอยู ถาเรียนจากชีวิตจริง ๆ แลว มันไมเกี่ยวกันเลย เชนคุณทํามีดบาดมือ มัน สอนอะไรใหบ า ง; ไมเ กี ่ย วกับ ความจํ า ไมเ กี ่ย วกับ เหตุผ ล ; มัน เจ็บ อยางไรก็รูดี ตองระมัดระวังอยางไรก็รูดี. หรือเราทําผิดในเรื่องที่ใหญ โตกวานั้น กี่ อ ย า ง ๆ ดี ชั่ ว อย า งไร เราก็ รูดี . ขอให ม องเห็ น ว า นี่ เป น การศึ ก ษาที่ แ ท จ ริ ง . ตอนนี้ มั น เป น การเรีย นธรรมะจากพระธรรม หรือ จากธรรมชาติ อ ยู ต ลอดเวลา จนกวาจะถึงเวลาแตกดับของสังขาร. ความเปนฆราวาสก็มีความหมายเปนการ ศึกษาธรรมะอยูในตัว ; เมื่อเราเกิดมา จึงเกิดมาเพื่อเรียนธรรมะไปจนตลอดชีวิต. คําวา “ธรรม” ก็เกิดเปนคําที่มีความหมาย หรือมีความสําคัญขึ้นมา สํ า หรับ เราจะตอ งรู. ผมอยากจะบอกวา คุณ จะตอ งจํ า คํ า วา “ธรรม” นี ้ไ ว ใหด ี ๆ. “ธรรม” คํ า นี ้ถ า เปน ภาษาทั ่ว ไปหมายถึง ”หนา ที ่” ; ถา คุณ ไมเคย ไดยิ น มาก อ น ก็ จ งได ยิ น เสี ย เดี๋ ย วนี้ ว า คํ า ว า ธรรม แปลว า หน า ที่ ที่ ต อ ง ปฏิบ ัต ิ. คุณ ลองนึก ดูซ ิว า คํ า วา “ธรรม” จะเกิด ขึ ้น มาในโลก ในภาษาพูด ของมนุษ ยไ ดอ ยา งไร ? มนุษ ยใ นสมัย หิน มัน ก็ไ มม ีคํ า ๆ นี ้ใ ช ; แลว มนุษ ย ตอมาเจริญ เจริญจนรูจักมีคําพูดคํานี้ใชขึ้นมา เขาเล็งถึงอะไร ? คําพูดคํานี้เกิดขึ้น ที่ ริม ฝ ป ากมนุ ษ ย พู ด กั น เป น ครั้ง แรก มั น เล็ งถึ ง หน าที่ ที่ ต อ งทํ า ไม ทํ าไม ได มัน เลยกลายเปน ของดีที ่ส ุด ไปเลย เพราะไมทํ า ไมไ ด, ตอ งทํ า . คํ า วา “ธรรม” จึง แปลวา “หนา ที ่”. สว นที ่เรามาแปลกัน วา คํ า สั ่ง สอน หรือ อะไร ออกไปนี้ มั น เป น เรื่ อ งที ห ลั ง ; สั่ ง สอนเรื่ อ งอะไร ? ก็ สั่ ง สอนเรื่ อ งหน า ที่ .

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ความเปนฆราวาส

๔๕

ถ า ว าธรรมในฐานะที่ เป น มรรค ผล นิ พ พาน มั น ก็ คื อ ผลของหน าที่ ; เพราะ ฉะนั ้น มัน เกี ่ย วกับ หนา ที ่ข องมนุษ ย. มนุษ ยท ุก คนมีห นา ที ่. ทุก คนตอ งทํ า หนา ที ่ใ หด ี นับ ตั ้ง แตห นา ที ่ชั ้น ต่ํ า ๆ ธรรมดาสามัญ ที ่ส ุด , เชน จะกิน ขา ว อาบน้ํ า ถายอุจจาระ ป ส สาวะ อะไรก็ ต าม เป น หน าที่ ที่ จะต อ งทํ า, และต อ ง ทําใหดี. ทีนี้ เราก็มีหนาที่ตามธรรมชาติ คือหาเลี้ยงชีวิต ซึ่งตองทําใหถูกตอง. ถาจะตองมี คูครอง ซึ่งก็เป นหนาที่ ของมนุ ษ ยตามปกติ หรือ สัตวตามปกติ มั น ก็ตอ งทําใหถูก ตอ ง. มีค รอบครัวขึ้น มา ก็ตอ งทําใหถูก ตอ ง ลวนแตเปน หนา ที่ ที ่จ ะต อ งทํ า ให ถู ก ต อ ง สู งขึ้ น ไป - สู งขึ้ น ไป, จนกระทั่ ง ทางจิ ต ใจ ก็ ต อ งทํ า จิ ต ทําใจใหถูกตอง, กระทั่งวาจะตายไป ก็ใหมันตายอยางถูกตอง. ทั้งหมดนี้มันอยู ในคํา ๆ เดียววา “หนาที่” เรียกเปน ภาษบาลีวา “ธมฺ ม” ในภาษาสันสกฤตวา “ธรฺม ”, ภาษาไทยวา “ธรรม”. มื ่อ รู ว า “ธรรม” คือ หนา ที ่อ ยา งนี ้แ ลว มันงายเขาที่จะรูวา ฆราวาสนั้นมีหนาที่อยางไร ?

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรามองกันทีเดียวใหครอบคลุมหมดไปเสียเลยดีกวา โดยถือตามหลักที่ เขากลา วไวม าแตบ รมโบราณ. ในประเทศอิน เดีย เปน ตน ตอของวัฒ นธรรม สายนี้ ซึ่งไทยเราก็รับเอามานี้ เขาถือกันวา มนุษยที่ฉลาดที่สุดคนแรกของโลกคือ พระมนู ไดก ลา วหลัก อาศรม ๔ ไว. อาศรม ๔ คือ ความเปน พรหมจารี ความเปนคฤหัสถ, ความเปนวนปรัสถ, ความเปนสันยาสี.

อาศรมที่ ๑ ความเปนพรหมจารี คือเด็ก ๆ รุนหนุมรุนสาว ที่ยัง ไมครองเรือน ที่ยังไมมีสามีภรรยา เขาเรียก “พรหมจารี”, ตั้งแตเกิดมา จนถึง วาระสุดทายของการที่เปนโสดเรียกวา พรหมจารี.


๔๖

ฆราวาสธรรม

อาศรมที่ ๒ ถัดจากพรหมจารีก็มีสามีภรรยา ครองเรือน ; ก็เรียกวา คฤหัสถ หรือ ฆราวาส. อาศรมที่ ๓ คฤหัสถผูมีสติปญญา ตอมารูสึกเบื่อ รูสึกเอือมระอาตอ ความซ้ําซากของความเปนคฤหัสถ จึงหลีกออกไปสูที่สงัด บําเพ็ญตนเปนนักบวช คือ ไมยุ ง เรื่อ งเหยา เรือ นอีก ตอ ไป เรีย กวา วนปรัส ถ แปลวา อยู ป า , คือ อยู ในที่สงบสงัด. อาศรมที่ ๔ เมื่อพอใจใจความเปนอยางนั้นแลว ในที่สุดก็ออกเที่ยว สั่งสอน ทองเที่ยวไปในหมูมนุษยอีก, แตไมใชไปอยางผูครองเรือน ไมใชลึกไป ครองเรือ นเหมื อ นพวกเราสมั ย นี้ , เขาเที่ ยวสั่ งสอนประชาชน เรียกวา สั นยาสี หรือสันยาสี คือผูทองเที่ยวปะปนไปในหมูประชาชน. ลองพิ จารณาดู เถิดวา ชีวิตนี้ ถาสมบู รณ แบบจริง ๆ แลว ก็แบ งเป น ๔ ระยะ : ระยะพรหมจารี, ระยะคฤหัส ถ, ระยะวนปรัส ถ, ระยะสัน ยาสี, เดี๋ยวนี้คุณ ทุกองคนี้ ก็เปนผูที่อยูในอาศรมพรหมจารี หมายความจะตองศึกษา และจะตองประพฤติปฏิบัติระเบียบวินัยตาง ๆ อยางเครงครัดที่สุด เขาเรียกวา พรหมจารี ;เป น สั ง คม ๆ หนึ่ ง หรือ ว า เป น ขั้ น ตอนชนิ ด หนึ่ ง ลั ก ษณะหนึ่ ง ของ ชี วิ ต ในชั้ น นี้ .ระหว า งที่ เป น คนโสดอย า งนี้ ถ า เรีย กให ถู ก เขาไม เรีย กว า คฤหั ส ถ หรือ ฆราวาส, เขาเรีย กวา พรหมจารีฟ ง ดูก ็น า ฟง ; แตแ ลว เราก็ม ัก จะ เรียกพวกเราวา ฆราวาส หรือคฤหัสถไปเสีย. อยางพวกคุณอยูในมหาวิทยาลัย นี้ก็จัดตัวเองเปนฆราวาส หรือเปนคฤหัสถ ; ที่แทยังไมใช.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฆราวาสหรือ คฤหัส ถ หมายถึง ผู ที ่ค รองเรือ น คือ มีค รอบครัว ; สวนเรายังเป นพรหมาจารี ยังไมถึงขั้นนั้ น. ถาเราเขาใจผิด เราก็คงไปทําอะไร


ความเปนฆราวาส

๔๗

ผิด ๆ เขาแลว ; ฉะนั้นรูเสียใหมจะไดไมประมาท จะไดสํารวมระวังใหมีลักษณะ ของความเปน พรหมจารี. และขอใหรูเสีย ดว ยวา คํ า วา “พรหมจารี” ในที ่นี้ มีความหมายไมเหมือนกับที่คนทั่วไปเขาพู ดกัน คนที่มีการศึกษาแคบ ๆ นอย ๆ ก็เขาใจวา พรหมจารีนี้หมายถึงผูหญิ งในระดับที่ยังไมมีครอบครัว ยังประพฤติ อะไรเครง ครัด อยา งใดอยา งหนึ ่ง ตามขนบธรรมเนีย มประเพณี. แตที ่จ ริง คํ า นี้ ไม ได ห มายความอย างนั้ น ; หมายทั้ งหญิ ง ทั้ งชาย ตั้ ง แต แ รกเกิ ด มาเป น เด็ ก จนกระทั่งเปนหนุมสาว. “พรหมจารี” แปลวาประพฤติอยางพรหมคือไมเกี่ยวกับเพศตรงกันขาม หรือคูครอง ตองทําตัวเปนผูสํารวมระวังอยางดีในการที่จะไมไปของแวะกับเพศ ตรงกัน ขาม เพื่ อจะไดมี ก ารศึ กษาที่แท จริงที่ บ ริสุ ท ธิ์สะอาด หรือ เต็ม ที่ นั่ น เอง ; เขาจึงมีระเบียบใหประพฤติอยางพรหม อยางไปเกี่ยวของเรื่องเพศตรงกันขาม. เดี ๋ย วนี ้เด็ก ๆ ไมรูจ ัก ตัว เอง ทํ า ตัว เปน เจา ชู ตั ้ง แตเล็ก ไปเกี ่ย วขอ งเรื่อ งเพศ ตั้งแตเล็ก ; นี่คือคนที่ไมรูจักตัวเองวาอยูในอาศรมชื่ออะไร ไมรูวาอยูในอาศรม พรหมจารี.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ครั้นเมื่อเลื่อนชั้นขึ้นไปชั้นหนึ่ง ก็ถึงอาศรม “คฤหัสถ” คือมีครอบครัว ครองเรือน หน าที่ การงานมั นก็ เปลี่ ยนไป ; เช นการศึ กษาก็ สิ้ นสุ ดลง อย างที่ คน หนุมคนสาวจะตองเรียน, มันเปลี่ยนไปมีการงาน ทําหนาที่ของพ อบานแมเรือ น ไมใชหนาที่ศึกษาอยางนักเรียนแลว ; กลายเปนมีหนาที่ คือการงานอยางพอบาน แม เรื อ น มั น ต า งกั น ลั บ . ฉะนั้ น เขาจึ ง แยกเป น อาศรมอี ก อั น หนึ่ ง เรี ย กว า คฤหัสถ ทําหนาที่ของพอบานแมเรือนไป กระทั่งมีบุตรมีหลานออกมา. เปนเรื่อง ที่หนักที่สุดในชีวิตของคนเรา.


๔๘

ฆราวาสธรรม

ทีนี้เมื่อไดทําไป ๆ มันก็สอนใหเอง จนรูสึกเบื่อขึ้นมาเองได คือมอง เห็นวาอยางนี้มันเปนการทรมาน เราไมควรจะเปนอยางนี้จนกระทั่งวันตาย, ควร จะไดรับ การพัก ผอ น หรือ ไดอ ะไรที ่ด ีก วา นี ้. ฉะนั ้น จึง เปลี ่ย นระบบของชีว ิต ไปเปนผูอยูในที่วิเวกทางกาย วิเวกทางจิต ; ถึงแมวาเขาจะอยูที่บาน เขาก็เปลี่ยน ลัก ษณะการเปน อยู  ชนิด ที ่ไ มส ูส ีก ับ ชาวบา น หรือ ไมส ูส ีก ับ ใคร, หลีก ไปหา มุม สงบตามริมรั้วบ าน กอไผกอกลวยอะไรก็ได . หรือจะไปอยูป าหิ ม พานตเลย ก็ไ ด ตามใจ ไมม ีใ ครวา แตก ารงานมัน เปลี ่ย นไปหมด ; สว นใหญไ ปอยู เพื่ อทบทวนรําพึง ถึงเรื่องชีวิตจิตใจเรื่องบุญ เรื่องบาป เรื่องดีเรื่องชั่ว เรื่องกิเลส เรื่องความทุกข. เขามานั่งดูชีวิตนั่งคนหาความจริงของชีวิตในสวนลึก เรื่อย ๆ ไป จนไดรูสิ่งที่ไมเคยรู หรือไดนึกสิ่งที่ไมเคยนึก. คุ ณ ลองคิ ดดู เกิ ดวา data หรือ material สํ าหรับเอามาคิ ดมานึ กนี้ จะเอามาจากไหน ? มันก็ตองเอามาจากสิ่งที่ผานมาแลวตั้งแตแรกเกิดมา จนเปน หนุ ม เป น สาว เป น พ อบ านแม เรือ น จนมี ลู กมี หลาน. รายละเอี ยดต าง ๆ มั น ก็ อยู ในเรื่อ งที่ ได ผ านมาแลวในชีวิต มั น จึงเอามาคิ ด ได อ ยางถู กต อ ง ;รูค วามจริง ของชีวิต รูความลับของชีวิต รูเรื่องที่มนุษยควรจะทําอยางไร ? ควรจะไดอะไร ? ควรจะไปสูจุดหมายปลายทางที่ไหน ? คนสูงอายุปูนนี้บางคนจึงมีความสวางไสว ในเรื่อ งของชีวิต ยิ ่ง กวา พวกพรหมจารี หรือ พวกคฤหัส ถ. เพื ่อ ความสะดวก จึงมีการออกบวช ไปเสียจากบานจากเรือน ไปอยูอยางนักบวช ไปครองชีวิตแบบ นัก บวช มัน สะดวกที ่จ ะคิด พิจ ารณาสิ ่งเหลา นี ้ ซึ ่งเรีย กกัน วา ทํ า สมณธรรม, ทํ า กัม มัฏ ฐาน, ทํ า วิป ส สนา อะไรก็ต าม. เรื่อ งของนัก บวช หรือ “วปรัส ถ” มันเปนอยางนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เดี๋ ยวนี้ เราโดยเฉพาะพวกคุ ณหนุ ม ๆ กระโดดข ามมาเป น วนปรัสถ มันก็ยากที่ จะให มีความรูสึก ความเขาใจ อยางที่เขาเป นกันมาตามลําดับ คือเป น


ความเปนฆราวาส

๔๙

พรหมจารี เปน คฤหัส ถ แลว จึง มาเปน วนปรัส ถ. มัน ก็ม ีท างจะเปน ไปได เหมื อ นกั น ถ า สติ ป ญ ญามี ม ากพอ ออกบวชตั้ ง แต ยั ง หนุ ม ยั ง เล็ ก นี้ ก็ ทํ า ได ; แต ไ ม ส ะดวก ไม ดี เท า ไม จ ริ ง เท า คนที่ ไ ด ผ า นชี วิ ต มาตามลํ า ดั บ . ฉะนี้ แ หละ พระหนุ ม ๆบวชเข า แล ว มั น จึ ง กระสั บ กระส า ย เพราะมี อ ะไรที่ ยั ง อยากลอง อยากรู รบกวนความสงสัย อยู ม าก ; จึง มัก จะตอ งสึก ออกไปมีบ ุต รภรรยา มี อ ะไรกั น ไปตามเรื่อ ง ; จึ งสู พ วกที่ ผ านมาอย างถู ก ต อ ง ตามลํ าดั บ ตามหน าที่ ของธรรมะนี้ไมได. ครั้น เป น วนปรัส ถ จนเป น ที่ พ อใจแล ว หรือ ว าถึ งที่ สุ ด ของการค น คว า เรื่อ งนี้ แล ว แต ชีวิต ยั งมี อ ยู ยั งไม ตาย ก็ คิ ด ถึงผู อื่น ; เพราะตั วเองมั น หมดเรื่อ ง ก็ เลยนึ ก ถึ ง ผู อื่ น ทํ า ประโยชน เพื่ อ ผู อื่ น . เราใช สํ า นวนพู ด ว า “แจกของส อ ง ตะเกีย ง”. “แจกของ” - ก็คือ เที่ย วทํา ประโยชนใ หเ ขา ; “สอ งตะเกีย ง” คือทําความรู ความสวางใหเขา จนกวาจะแตกดับลงไป.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุ ณ ลองคิ ด ดู ว า มั น สมบู รณ หรือ ไม ส มบู รณ และมั น ต างกั น อย า ง เปรีย บกัน ไมไ ด. พรหมจารีไ ปอยา งหนึ ่ง , คฤหัส ถไ ปอยา งหนึ ่ง , วนปรัส ถ ก็ไ ปอยา งหนึ ่ง , สัน ยาสีก ็ไ ปอีก อยา งหนึ ่ง ; นั ่น คือ ชีว ิต ที ่ส มบูร ณ แบง ออก เป น ๔ ตอน. ทุ ก คนอาจจะทํ า ได เว น ไว แ ต จ ะโง เกิ น ไป หรื อ มี อ ะไรมาทํ า ให โง มากเกิ น ไป จึ ง ไม ผ า นไปได ถึ ง ตอนที่ ๔. โง เกิ น ไปก็ ไปติ ด จมอยู ในเรื่อ งยั่ ว ยวน ไม สามารถจะผ านอาศรมเหลานี้ ไปตามลําดั บ ๆได ; น าสงสารในขอที่ วา เกิดมา ทีหนึ่ง ก็ไม ได สิ่งที่ ดีที่สุดที่ มนุษยควรจะได หรือไมไปจนถึงจุดมุ งหมายปลายทาง ของชีวิต ที่พระธรรมไดกําหนดไว. อยาลืมวา เราเคยพูดมาแลว ในขอที่วา เกิดมาเพื่อมีธรรมะ เพื่ อ ประพฤติ ธ รรม ;เพราะว า พระธรรมบั น ดาลให เราเกิ ด มา. มี ธ รรมะ


๕๐

ฆราวาสธรรม

ในที่นี้หมายความวา มีถึงจุดปลายทางขั้นสุดทาย ; - มีธรรมะอยางพรหมจารี, มีธรรมะอยางคฤหัสถ, มีธรรมะอยางวนปรัสถ, มีธรรมะอยางสันยาสี, ก็สูงสุด ;มนุษยไปไดเพียงเทานั้น. ทีนี้พวกคุณเรียนจนสําเร็จไปทําราชการ หรือทํางาน อะไรก็ตาม มีทรัพยสมบัติ มีเกียรติยศชื่อเสียง มีครอบครัว อะไร ๆ ที่ตองการ ก็พอจะมีได ; แตแลวจะไปถึงวนปรัสถไดหรือไมนั้น ก็ลองคาดคะเนดูเอาเอง. แล วจะมี ใจกวางพอ มี เมตตากรุณ ามากพอ ที่ จะเป น สั นยาสี เที่ ย วแจกของ สองตะเกียงไดหรือไม ก็ลองคิดดู. ที ่จ ริง เปน สิ ่ง ที ่ค นเราทํ า ได เชน เราทํ า การงานมา จนอายุพ อ สมควรแลว อยางที่เขาเรียกวาเกษียณอายุแลว เงินบํานาญบําเหน็จก็มีพอเลี้ยง ชี วิต ; ถ าต อ งการชี วิต วนปรัส ถ ก็ ห ลบไปอยู ต ามมุ ม บ าน ที่ ก อไผ กอกล ว ย รําพึงถึงชีวิตในดานในได. แตเดี๋ยวนี้พ วกเกษียณ พวกกิน บํานาญ เหลานั้น ยังไปเที่ยวไนทคลับ ยังไปเที่ยวอะไรอยูเหมือนเด็ก ๆ, ไมถือเอาโอกาสนี้สําหรับ บํ า เพ็ญ ชีว ิต วนปรัส ถ; มัน ก็เ ลยไมต อ งพูด ถึง สัน ยาสี. เพราะไมม ีค วามรู ความสวางอยางแทจริง อยางแจมแจงในเรื่องของชีวิต แลวจะเอาอะไรไปสอนใคร จะเอาแสงตะเกีย งที่ไ หนมาสองใหค นอื่น . แลว คุณ ก็ดูซิ ในประเทศไทยเรา มีใครบํา เพ็ญ ชีวิต ครบบริบูรณทั้ง ๔ อาศรมนี้บาง ; เราเองกําลังเปน อยางไร ก็ลองวาด ๆ ไวดู ทํานายลวงหนาไวดูก็ได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที่ผมพูดมาเสียยึดยาวเกี่ยวกับอาศรมทั้ง ๔ คือลําดับแหงชีวิต ๔ ลําดับ ก็เพื่อจะใหรูวาฆราวาสก็คือ ผูที่เขาโรงเรียนของพระเจา ยิ่งกวาตอนไหนหมดเลย. เด็ก ตัว เล็ก ๆ รุน หนุม สาวขึ้น มา เปน พรหมจารี เขา โรงเรีย นของมนุษ ย, ที่มนุษยสรางขึ้น ; ตอเมื่อเปนคฤหัสถครองเรือนนี้จึงจะเขาโรงเรียนของพระเจา คื อ ตั ว ชี วิ ต ที่ ห นั ก ที่ สุ ด , ที่ เ ครี ย ดที่ สุ ด ที่ ต อ งต อ สู ห รื อ ผจญภั ย มากที่ สุ ด ;


ความเปนฆราวาส

๕๑

นั่ น แหละคื อ โรงเรี ย นของพระเจ า . คุ ณ ก็ ส นใจป ญ หาตอนนี้ กั น มาก ถามแต ปญ หาของฆราวาส ; เพราะฉะนั ้น ก็ข อใหเขา ใจไปเสีย เลยวา เปน ฆราวาส คือ ผู ที ่เ ขา โรงเรีย นของพระเจา . ถา คุณ เขา ใจขอ นี ้แ ลว ปญ หาจะหมด ผม กลาทา. ปญ หาที่ ถาม ๆ มานี้ถาคุ ณ เขาใจที่ ผ มพู ด วา ฆราวาสคื อ ผูที่กําลั ง เขาโรงเรียนของพระเจา หรือ ของพระธรรม ซึ่งสู งขึ้น ไปกวาโรงเรียนของเด็ ก ๆ หรือมหาวิทยาลัยของพวกคุณ ที่กําลังเรียนอยูเดี๋ยวนี้ ซึ่งเรียนจนจบอุดมศึกษา แลว ก็ไ มรู ว า เกิด มาทํ า ไม ? ไปคิด ดูเ สีย ใหมว า อัน ไหนจะเปน อุด มศึก ษา กั น แน ; ชั้ น พรหมจารีก็ เป น การศึ ก ษาระดั บ หนึ่ ง , ชั้ น คฤหั ส ถ ก็ เป น การศึ ก ษา ระดั บ หนึ่ ง , ชั้ น วนปรั ส ถ ก็ เป น การศึ ก ษาอี ก ระดั บ หนึ่ ง , มี อ ยู ๓ ระดั บ อย า งนี้ ควรจะถื อ เอาอั น ไหนเป น อุ ด มศึ ก ษา. ส ว นสั น ยาสี ไ ม ใ ช ก ารศึ ก ษาแล ว ; มั น เที่ยวแจกการศึกษา เที่ยวแจกของสองตะเกียง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฉะนั้นเรานาจะสมมติกันลงไปเลยวา ยุคพรหมจารีเปนประถมศึกษา, ยุคคฤหัสถเปนมัธยมศึกษา วนปรัสถก็เปนอุดมศึกษา นั่งหลับตาคนเดียวอยูตาม กอกลวยมุมบานนั้นจะเปนอุดมศึกษา. คุณจะตั้งตัวเองเปนนักอุดมศึกษากันแต เดี๋ยวนี้ ก็จงถือวาเปน อุดมศึกษาของมนุษย ที่หลับหูหลับตา ไมใชอุดมศึกษา ของพระเจา หรือ ของพระธรรม. คุณ อยา ลืม วา ผมกํ า ลัง พูด เรื่อ งนี ้ใ นฐานะ เปน อารัม ภกถา, พูด ตีว งกวา ง สํ า หรับ ใหรูใ นวงกวา ง, เขา ใจชีวิต ในวงกวา ง จนกระทั่งเปรียบเทียบใหดูวา อุดมศึกษานั้นมันมีอยางไรบาง. อุดมศึกษาอยาง ภาษาคน อย า งความรูสึ ก ของคน แค นี้ ก็ เป น อุ ด มศึ ก ษาแล ว ; แต พ ระเจ า ไม เล น ด วย พระเจ าไม ย อมรับ พระธรรมไม ย อมรับ วา นี่ เป น อุด มศึ ก ษา. เพราะ มั น ยั ง เข า ถึ ง ธรรมะน อ ยเกิ น ไป จนไม รู ว า อะไรเป น อะไร. ขอร อ งให ช ว ยคิ ด


๕๒

ฆราวาสธรรม

ในข อ นี้ ใ ห ม ากก อ น ; เป น เพี ย งอารั ม ภกถาก็ จ ริ ง แต มั น สํ า คั ญ ที่ จ ะรู เรื่ อ งต อ ไป ข างหน าโดยเฉพาะเรื่องนั้ นอย างถู กต อง อย างลึ กซึ้ ง. ต อเมื่ อเป นวนปรัสถ นั่ งอยู ที่มุมสงบ ดูโลกดูชีวิต ทีเดียวไดตลอด นั่นจึงจะเปนนักศึกษาที่สมบูรณ. เดี๋ ย วนี้ ไ ม รู ว า อะไรเป น อะไร ; มั น คล า ย ๆ กั บ กบที่ มี ค วามรู แ ต เรื่ อ งบ อ น้ํ า น อ ย ๆ ที่ จ ะรู โ ลกอั น กว า งขวางไม ไ ด ; ฉะนั้ น ถ า ไปถามเด็ ก ๆ ว า ชีว ิต คือ อะไร ? เกิด มาทํ า ไม ? มัน ก็เ ปน เรื ่อ งนา หวัว ที ่เ ด็ก ๆ ก็จ ะตอบวา เกิ ด มากิ น มาเล น ให ส นุ ก . คนรุ น หนุ ม รุ น สาวก็ จ ะพู ด ไปในทํ า นองว า เกิ ด มา เพื่ อ แสวงหาความรู สึ ก ที่ สู ง สุ ด ที่ เกี่ ย วกั บ เพศตรงกั น ข า ม หรื อ อะไรทํ า นองนี้ . แมเ ขาละอาย ไมก ลา พูด ตรง ๆ แตใ นใจก็รู ส ึก อยา งนั ้น วา เกิด มาเพื ่อ สิ ่ง นั ้น ถ าไปถามพ อ บ านแม เรือ นที่ เครงเครีย ดในหน าที่ ก็ จะต องรูสึ กว า เกิ ด มาทนทุ ก ข ทรมาน เหมือ นวัว เหมือ นควาย ที ่ล ากแอกลากไถ. พอไปถามคนที ่ส ูง ไป กวา นั ้น คือ พวกวนปรัส ถเ ขาจะตอบได อา ว ! เกิด มาเพื ่อ รู ท ุก สิ ่ง ตามที่ เปน จริง ; เพราะเขานั ่ง ดูท ุก สิ ่ง ตามที ่เ ปน จริง อยู ใ นที ่ส งบสงัด มัน ก็รู ส ึก ไดเองวา เราเกิดมานี้เพื่อรูธรรมะ เพื่อมีธรรม เพื่อปฏิบัติธรรม เพื่อได รับผลของธรรม. ถาไปถามพวกสุดทาย พวกสันยาสีวา เกิดมาทําไม ? ก็ตอบวา เกิด มาเพื ่อ ทํ า ประโยชนผู อื ่น ; เรื ่อ งของเราไมม ี, เรื ่อ งสว นตัว เราไม สํ า คัญ หรือ ไมม ี, เกิด มาเพื ่อ ทํ า ประโยชนผู อื ่น . นี ่แ หละ เกิด มาทํ า ไม ? มั น อาจจะตอบแตกต างกั น ได ถึ งอย างนี้ ; ฉะนั้ น คน ๆ หนึ่ งก็ เคยโง แล วก็ ฉ ลาด, โงแลวก็ฉลาด เรื่อยไปตามลําดับกวาจะถึงที่สุด.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฉะนั้ น ถ าเราอยู ในอาศรมพรหมจารี ในอั นดั บแรกนี้ ก็ อย าเพ ออวดดี วา รู จ ัก ชีว ิต ดี รู จ ัก สิ ่ง ทั ้ง ปวงดี : ใหค อ ยดูต อ ไปดีก วา . ที ่พ ูด นี ้ก ็เพื ่อ ใหร ะวัง ไว ว าอย าเพ อ คิ ด ว า ตั วรู อ ะไรถู ก ต อ งและสมบู รณ เพราะผ า นชี วิ ต มาเพี ย งวั ย เดี ย ว


ความเปนฆราวาส

๕๓

เพี ย งขั้น เดีย ว ดํ าลั บ เดี ยว ในพวกพรหมจารี ; แล วยังจะทํ าผิด พลาด ชิงสุ ก กอ นหาม อยางนั้น อยางนี้ อยางโนน ไปเสีย อีก ;ก็ไมไดความรูอัน สมบูรณ ในวัย ของพรหมจารี. บางคนก็เลน ไมซื่อ หมายความวา เปน คนเลน ไมซื ่อ ตอ หนา ที่ ตอ ธรรมะ ที่เปน หนาที่ใ นระดับ ของตน ๆ มัน ก็ยิ่ง เละเทะมากไป. เราคอย ๆ ดูไป - คอย ๆ ดูไป แลวคอย ๆ รูความจริงที่ถูกตอง หรือเด็ดขาด ; อยางนอยก็ในชีวิตขั้นที่สาม คือผานความเปนคฤหัสถ หรือเปนฆราวาสไปอยาง ถูกตองแลว ก็จะรูวาอะไรเปนอะไรทุกอยางไปเลย. ทีนี้ ผมจะยกตั วอยาง เรื่องที่เราจะตองรู ที่ เราจะตองเขาใจวา มั น คืออะไร ? คือเปนปญหาที่คุณทุกองคควรจะรับเอาไปคิดไปพลางก็ได ในฐานะ ที่มันเปนปญหา ; เชนจะถามวา โดยที่แทจริงแลว ความรักคืออะไร ? ครอบครัว คืออะไร ? หรือวาอาชีพ คืออะไร ? ทรัพยสมบั ติคือ อะไร ? เกียรติยศชื่อเสียง มันคืออะไร ? การสังคมคืออะไร ? บุญ กุศลคืออะไร ? ศาสนา หรือธรรมะนี้ มันคืออะไร ?

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org อยางปญหาที่วา ครอบครัวคืออะไร ? คุณลองไปตอบดูซิ มันจะ ถูกสักกี่เปอรเซ็นต. สิ่งที่เรียกวาครอบครัวคืออะไร ? คุณ อาจจะทะนงวาตอ ง ตอบถูกรอยเปอรเซ็นตแน เพราะเห็นอยู. เห็นครอบครัวตาง ๆ อยูแมครอบครัว ของเราเอง เรามีบ ิด ามารดา เราเปน ลูก เราก็รูวา ครอบครัว นั ้น คือ อะไร ? ผมรูสึกวานี้ยังเปนคําตอบที่ยังทะนงมาก หรืออาจจะกลายเปนอวดดีมากก็ได. ถาไมไดผานความมีครอบครัวไปแลว ไมมีทางที่จะรูโดยสมบูรณอยางถูกตองที่จะรู วาครอบครัวคืออะไร.

เขยิบมาถึงคําวา ความรักคืออะไร ? ผมจะพูดดวยการยกตัวอยางมา หลาย ๆ อย า ง ให คุ ณ เลื อ กเอาเอง ว า มั น ควรจะเป น อย า งไร : มี ค นพู ด กั น


๕๔

ฆราวาสธรรม

ทั่ ว ๆ ไปว า ตั ว เองรู จั ก สิ่ ง ที่ เรี ย กว า ความรั ก ; อย า งนี้ ผ มก็ ย อมรั บ ว า เขารู จั ก และเขาก็ ค วรจะพู ด อย า งนั้ น ; แต แ ล ว มั น ถู ก น อ ยเกิ น ไป. เรามายกตั ว อย า ง ดว ยเรื ่อ งของคนที ่ผ า นโลกมานานแลว คือ เปน คนรุ น แก ๆ กัน แลว , และ บันทึกที่ มีอยูในเรื่องบรมโบราณ ในสมัยพวกกรีกรุงเรืองดวยสติปญญา มีเรื่องวา ที่ บ านคน ๆ หนึ่ ง เขาเชิ ญ นั กปราชญ เพื่ อนฝู งไปเลี้ ยง รวมทั้ งโสเครติ สคนหนึ่ ง รวมอยู ด ว ย. เมื่ อ กิ น เลี้ ย งอิ่ ม หนํ า สํ า ราญแล ว ก็ คุ ย กั น ตามประสานั ก ปราชญ โดยตั้งคําถามวา ความรักคืออะไร ? บุคคลที่นั่งพูดกันอยูนั้น ไมมีคนหนุม ๆ มีแต คนแก ๆ หนวดขาวทั้ งนั้น. คนหนึ่งบอกวา ความรัก คื อ ความต อ งการที่ จ ะ รวมตัว กัน ใหมข องคน,ของสัต ว ที ่เ รีย กวา คน. ตามที ่เ ขาเชื ่อ กัน มาแต เดิ ม ว า “คน” นี้ ที แ รกเป น สั ต ว ก ลม ๆ มี ปุ ม อยู แ ปดปุ ม เหมื อ นพวงมาลั ย ที่ ถื อ ทายเรือ . เทวดาเห็ น วา มนุษ ยในสภาพอยางนี้ มั น มีแรงมากนัก มี กําลังมากนั ก มี ฤ ทธิ์ ม ากนั ก มั น จะเล น งานเอาพระเจ า หรือ เทพเจ า ; ก็ เลยผ า มนุ ษ ย อ อกให เป น สองส ว นเสี ย คื อ เป น ชายส วนหนึ่ ง เป น หญิ งส วนหนึ่ ง . แปดปุ ม ก็ เลยเหลื อ สี ่ปุ ม คือ มือ สอง เทา สอง. มัน ก็เ ลยเปน สัต วช นิด ที ่ม ีเ พีย งสี ่ปุ ม , กํ า ลัง มัน น อ ยลงไปครึ่ ง หนึ่ ง ทํ า อะไรเทพเจ า ไม ได . แต แ ล ว มนุ ษ ย ห ญิ ง และชาย นี้ มั น อยากจะรวมกัน อยา งเดิม เพื ่อ มีกํ า ลัง อยา งเดิม . ฉะนั ้น ความรัก ก็ค ือ ความ รู สึ ก ที่ ต อ งการจะรวมกั น อย า งเดิ ม เพื่ อ มี ฤ ทธิ์ มี เดชอะไร ชนิ ด ที่ พ ระเจ า จะได เกรงขาม.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เขามี ความเข าใจอย างนี้ มั นลึ กมาก : ความรักนี้ อย างน อยก็ มี ความ หมายวา จะรวมกํ าลั งฝ ายหญิ ง และรวมกํ าลั งฝ ายชาย เขาด วยกัน เป น กําลั ง พิ เศษสู ง สุ ด เข็ ม แข็ ง อั น หนึ่ ง เพื่ อ แก ป ญ หาต า ง ๆ ให ลุ ล ว งไป ; สิ่ ง ที่ เรี ย กว า ความรัก นั ้น ก็น า บูช า. ไมเ หมือ นกับ คนที ่พ ูด วา ความรัก คือ “กํ า ลัง ”, นั้ น หมายถึ ง ความบ า . เมื่ อ มี ค วามรัก เข า หู เข า ตาแล ว ก็ มี กํ า ลั งชนิ ด ที่ ม หาศาล


ความเปนฆราวาส

๕๕

ไม ก ลั ว ตาย บ า บิ่ น มั น มี กํ า ลั ง มากกว าธรรมดา.เมื่ อ มี ก ารออกความเห็ น กั น คนละอยางสองอยาง กระทั่งมาถึงอาจารย โสเครติส เขาบอกวา ความรักนี้ คืออํานาจที่จะนําไปสูพระเจา. เขาใหคําอธิบายวา ถายังไมมีความรักก็ไมมี กําลังมากพอที่จะเขาถึงพระเจา ซึ่งเลยไปถึงวา มนุษยนี้จะมีการสืบพันธุ เพื่อ การลุถึงพระเจาในที่สุด. เขาไมไดใหความหมายไปในทางอยางลามกอนาจาร หรือหลงใหล หลั บ หูห ลั บตา. ความรักคือ ความต อ งการที่จะผูกพั นเพศทั้งสองไว สําหรับ มี พื ช พั น ธุเหลื อ อยู จนกวาจะเขาถึ งพระเจ าในที่ สุ ด . หรือ วา ถ าไม ส มบู รณ ทั้ ง สองเพศ ไม รวมกัน เป นอัน เดียวกันแลว มั น เขาถึงพระเจาหรือ สิ่งสูงสุดไม ได . แลวในที่ประชุมครั้งนั้น ก็ไมมีใครพูดใหดีไปกวานี้อีก ก็ยุติกัน. คุณลองคํานวณดู ถาเขาถามคุณวา ความรักคืออะไร ? คุณกําลังจะ ตอบวาอยางไร ? ก็ลวนแตเปน เรื่อ งที่ฝนไปได ตามประสาของคนที่รูจัก โลก รูจักชีวิตเพียงเทานี้. คนหนุมคนสาวรูจักสิ่งที่เรียกวาความรัก ในลักษณะที่เปน อันตรายแกตัวเองทั้งนั้น. มันเปนความโงมาก ถึงขนาดที่ตองฆาตัวตายเพราะ ความรัก ก็มีอยูมาก ; ฉะนั้นจึงมองเห็นไดวา ความรักของคนชนิดนี้ คือความ บ า บิ่ น ความโง , โง เหมื อ นคนตาบอด ; หรือ ว า เลวลงไปถึ ง ว า ความรั ก คื อ ความตองการที่จะแสวงหาความสุขทางเนื้อหนัง อยางนี้เปนเรื่องของราคะ เรื่อง ของดําฤษณา คือตัณหาชนิดที่เลวที่สุดไปเสียเลย

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ มนุษยเราจะรูจักสิ่งที่เรียกวา ความรักโดยถูกตองสมบูรณ นั้นจะรู กั น ได เ มื่ อ ไร ? และเมื่ อ ไรจะรู หรื อ จะมองไปในแง ที่ มั น ลึ ก ชนิ ด ที่ โสเครติสวา ; วาความรักคือสื่อที่จะนํามนุษยไปสูพระเจา. เวลานี้เราอาจจะไม เห็ น ด ว ย หรื อ หาว า บ า ที่ สุ ด ก็ ได เสร็ จ แล ว ใครเป น คนบ า ลองคิ ด ดู . เดี่ ย วนี้


๕๖

ฆราวาสธรรม

คนในโลกสมั ย นี้ รูจั ก ความรัก กั น ในแงไหน. ถ าอยู ในพวกที่ ต ามก น ฝรั่ง ก็ ไปดู พวกฝรั่งบาง วาเขารูจักความรักกันในแงไหน. เดี๋ยวนี้มีเรื่องอนาจารเกี่ยวกับความ รักมากมาย เกิดขึ้นใหม ๆ ในประเทศแกนดิเนเวีย, คุณก็คงเคยอานหนังสือพิมพ นี ่ม นุษ ยบ า หลัง ไปไกลเทา ไร ในเรื่อ งที ่เกี ่ย วกับ ความรัก ,ยัก ยา ยกัน อยา งนั ้น ยักยายกันอยางนี้ แลวสิ่งนี้มันไมใชสิ่งเล็กนอย มันเปนสิ่งที่กําลังกําชีวิตจิตใจของ คนในโลกไวทีเดีย ว. โดยเฉพาะอยา งยิ่ง ในสมัย วัต ถุน ิย มอยา งนี ้, หรือ ในหมู คนที่เปนวัตถุนิยมอยางนี้ เรื่องเพศ เรื่องความรัก ก็เปนเรื่องใหญ กวาทั้งหมด. ถาปลอยใหเลือกเอาตามชอบใจแลว ก็เลือกกันไปในเรื่องอยางนี้ทั้งนั้น. นี่เปน ตั ว อย า งเรื่อ งหนึ่ งที่ คุ ณ ไปคํ านวณได เองว า เรารูจั ก มั น ในลั ก ษณะไหน ?เพี ย ง เทาไร ? จะไปเปนฆราวาสที่ดีไดอยางไร ? จะอาศัยเรื่องนี้เปนเครื่องตัดสินได. ถาถามวา ครอบครัวคืออะไร ? คนที่ไมเคยมีครอบครัวก็คงจะฝน เอาเองอี ก , ฝ น อย า งเป น สุ ข สนุ ก สนาน คื อ อย า งนั้ น อย า งนี้ ; ไม ม องเห็ น ใน ลักษณะที่วา มันเปนความหนักอึ้งของชีวิต คือบุคคลที่อยูในอาศรมคฤหัสถนั้น เต็ ม ไปด วยความหนั ก อึ้ ง ในการต อ สู ในการอดทน ในการอะไรต าง ๆ วามั น เปน ภาระหนัก อยางไร ; นี่เปน หลัก ทั่ว ๆ ไป. คนหนุมสาวที่ยังโง ก็จ ะรูสึก วา สิ่ งที่ เรีย กว าครอบครัว นั้ น เป น ที่ น า สนุ ก อย า งหนึ่ ง . คนที่ เป น พ อ บ า นแม เรือ น ผ า นมาแล ว ก็ รู สึ ก ว า มั น เป น ความทุ ก ข ท รมานอย า งหนึ่ ง . แต ถ า โสเครติ ส ว า หรือ อธิบ าย มัน ก็ไปในรูป วา นี่คือ กําลัง ไปสูพ ระเจา. การที่มีค รอบครัว มีลูก มี หลาน คื อ การที่ เรากํ าลั งใกล พ ระเจ าเข าไปทุ ก ที ๆ ; ถ าเราตายเสี ย ก อ น ลู ก ของเราก็ จะเดิ น ต อไป จนให ถึ งพระเจา ในนามของมนุ ษ ยให จนได, ให ม นุ ษ ย ถึง พระเจา ใหจ นได. ฉะนั ้น ครอบครัว คือ ทายาทที ่จ ะรัก ษาไวเ ปน อยา งดี สําหรับใหมนุษยถึงพระเจาใหจนได. เขาจึงอบรมลูกหลานเหลน ในลักษณะที่จะ ต อ งให เ ข า ถึ ง พระเจ า จนได . ไม อ บรม ลู ก หลาน เหลน ให เห็ น แก ตั ว ให

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ความเปนฆราวาส

๕๗

เห็น แตว งคส กุล ของตัว เห็น แกอ ะไร ๆ ลว นแตเปน ของตัว เหมือ นคนสมัย นี้ ตั ว เองก็ ไ ม รู จั ก ที่ จ ะไปหาพระเจ า แล ว จะเอาป ญ ญาไหนมาอบรมลู ก หลาน ใหไปหาพระเจา. ฉะนั้น ก็อ บรมลูก หลานของตัวใหบามากยิ่งไปกวาตัว แลวก็ ไมมีอะไรอีก. คุ ณ ลองไปหลั บตานึ กดู พ อแม กํ าลั งหวั งจะให ลู กเป นอย าง ? ต อง การให ดี ให ส วย ให ข ายได แ พง ๆ. พู ด อย างภาษาของผมก็ วา ให ลู ก ชายมั น ดี ให ลู ก หญิ งมั น สวย แล วก็ ข ายกั น ได แ พง ๆ; ไม มี อ ะไรที่ จ ะพู ด ถึ งพระเจ า ที่ ว า เพื ่อ ใหม นุษ ยถ ึง พระเจา ดว ยการที ่ เรามีล ูก มีห ลาน มีเ หลนนี ่แ หละ แมแตวาครอบครัวคืออะไร ? มันก็ยังมีตอบกันได แตกตางมากมายอยางนี้. ถามวา ทรัพยสมบัติคืออะไร ? ก็คงจะมองในแงที่วา เปนปจจัย สําหรับใหแสวงหาความสนุกสนาน เอร็ดอรอย ทุกเวลานาทีของชีวิต จึงตองการ มีท รัพ ยส มบัต ิอ ยา งนั ้น ; แลว ก็เ ลยละโมบโลภลาภ จนกลายเปน ลามก, อติโลโภ หิ ปาปโก - โลภมาก นั้นลามก. เดี๋ยวนี้ก็ยังโลภมากกันอยูอยางนั้น ; เพราะไปเข า ใจคํ า ว า ทรัพ ย ส มบั ติ ผิ ด . ถ า เข า ใจถู ก ก็ จ ะถื อ ว า มั น เป น เพี ย ง ปจจัยสําหรับใหเรามีชีวิตอยูได สําหรับเดินทางไปหาพระเจา, ถาถือตามภาษา พูด ของพวกคริส ต ก็ไปหาพระเจา, ถือ ตามภาษาพูด ของพวกเรา พุท ธบริษัท ก็คือไปหาพระธรรม, จุดสูงสุดของพระธรรมคือพระเจาเหมือนกัน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทรัพยสมบัตินี้มีไวใหอํานวยความสะดวกในการที่จะมีชีวิตอยู, เพื่ อ ให ม นุ ษ ย มี จิ ต ใจ เจริ ญ -เจริ ญ - เจริ ญ ไปจนถึ ง พระเจ า ; ไม ใ ช ม ามั ว เมา ละโมบโลภลาภกัน ไดลานหนึ่งแลวยังไมพอ จะเอาสิบลาน, ไดสิบลานก็ไมพอ จะเอารอยลาน พันลาน หมื่นลาน แสนลาน.เขาใจทรัพยสมบัติกันในลักษณะนี้


๕๘

ฆราวาสธรรม

มันก็เกิดมาเปนเปรตเทานั้นเอง, คือหัวเรื่อยไมมีที่สิ้นสุด ; ฉะนั้นมันจึงมีหลักวา อติโลโภ หิ ปาปโภ - โลภเกินนั้นลามก. คนที่มีความรูสึกวา ทรัพ ยสมบัตินี้ เป น เพี ยงเครื่อ งมื อ อํ านวยความสะดวกในการเป น อยู และให เรามี ชี วิต อยู ได สําหรับเดินทางไปหาพระเจา อยางนี้ไมมีทางที่จะโลภเกิน ; เพราะเขารูจักสิ่ง ที่เรียกวาทรัพยสมบัตินั้นถูกตอง. ทีนี้ก็จะถามตอไปวา อาชีพนั้นคืออะไร ? ก็ตอบไดงาย ๆ เพราะ เรารูว า ทรัพ ย ส มบั ติ คื อ อะไรเสี ย แล ว . ที่ นี้ ต อบได งา ยว า อาชี พ นั้ น คื อ อะไร เพราะวาอาชีพนั้นเปนเครื่องมือสําหรับที่จะไดทรัพยสมบัติ, ฉะนั้นมันก็ขึ้นอยูกับ ความมุงหมายของทรัพยสมบัติ. อาชีพเปนเพียงเครื่องมืออันหนึ่งที่จะใหอยูได อยางสะดวกสบายดวยการมีทรัพยสมบัติ. ฉะนั้นอยาหวังใหมันมากเกินขอบเขตไป มันจะลามกอีก ;จะตองรูจักแสวงหาอาชีพที่เหมาะสม และพอสมควรที่จะเปน มนุ ษ ยที่ ดี ได ก็ พอแลว. อาชีพ นี้มั น ก็อ ยู ในขอบเขต ที่เพี ยงวาทํ าเพื่ อ ให เรามี ชีวิต อยูไ ด สํา หรับ ไดสิ ่ง ที ่ด ีที ่ส ุด ที ่ม นุษ ยค วรจะไดรับ . อาชีพ นั ้น ไมใ ชสิ ่ง ที ่ด ีที ่ส ุด ที ่ม นุษ ยค วรจะไดร ับ , เปน เพีย งอุป กรณ สํ า หรับ ใหเ ราอยู ไ ด เพื่อไดสิ่งที่ดีที่สุด ที่มนุษยควรจะไดรับ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ดูตอไปวา เกียรติยศ ชื่อเสียง นั้นมันคืออะไร ? ผมกลาพูดวา คุ ณ ทุ ก ๆ องค นี้ ต อ งการเกี ย รติ ย ศ ชื่ อ เสี ย ง เป น อย า งยิ่ ง , และก็ จ ะบู ช า เกีย รติย ศ ชื ่อ เสีย ง ; นี ้ม ัน ขึ ้น อยู ก ับ คํ า วา “ดี” เพีย งคํ า เดีย ว. ใคร ๆ ก็ ชอบดี รักดี อยากจะมีอะไรดี ในความหมายของคําวาดี, และเราก็เรียกมันวา เกียรติ. มันเปนเครื่องยั่วใหเรามุมานะ ; ผมก็ไมตองอธิบายอะไรนัก คุณก็รูสึก แก ใจได . แต แล วเอาไปใชอ ะไร ? มั น ก็ เอาเกี ย รติ นี้ ไปใช เพื่ อ หาความสะดวก สบาย หาอํ า นาจวาสนา หาทรัพ ย ส มบั ติ นั่ น อี ก . เกี ย รติ ก ลายเป น เครื่อ งมื อ


ความเปนฆราวาส

๕๙

สํ า หรั บ ใช แ สวงหาทรัพ ย ส มบั ติ ; มั น ก็ ก ลั บ ไปเป น ของต่ํ า หรือ ของสกปรกไป เทานั้นเอง. ถาจะพูดวาเกียรติมีไวสําหรับสบายใจ มีไวอิ่มใจวาเรามีดี อะไรเชนนี้ ก็ ยั งไม พ นไปจากความบ าหลั ง, บางที ก็ ฆ าตั วตาย เพราะป ญ หาเรื่องเกี ยรติ เป น สว นมาก. มีเงิน มีอ ะไรแลว ก็ย ัง ไมม ีเกีย รติ หรือ กลัว จะเสีย เกีย รติก ็ย อมฆา ตัว ตาย ซึ ่ง ยัง ไมรูเลยวา เกีย รตินั ้น คือ อะไร ; เขา ใจผิด ๆ ใชม ัน ผิด ๆ และ หามัน ผิด ๆ จนหาเกีย รติม าในลัก ษณะที ่เ ปน ของปลอม,เกีย รติย ศที ่ป ลอม, มีคนเปนอันมาก สรางตัวเองใหมีเกียรติ ดวยวิธีที่ไมซื่อตรง ไมสุจริต. คําวา “เกียรติ” นี้ มันก็มีหลายชนิดนัก : เกียรติ เพราะดีจริง ๆ ก็มี เกี ย รติ เพราะอํ า นาจวาสนามาบั งคั บ เอาก็ มี , ป ด ปากคนอื่ น ได มั น ก็ มี เกี ย รติ . ระวังใหดีวา เกียรตินั่นมันมีหลายชนิด ชนิดที่ดีที่สุด มันคืออะไร ? แมที่สุดจะ พบวา มันยังไมใชสิ่งที่ดีที่สุด ที่มนุษยควรจะไดรับ ; มันยังจะทําความยากลําบาก ใหแ กผู ที ่ ยึด มั ่น ถือ มั ่น ; ฉะนั ้น เราอยา ไปหลงมัน เกิน ขอบเขต. ถา ไมห ลง เสี ย ได ก็ เป น การดี . ฉะนั้ น ถ า จะถามวา เกี ย รติ คื อ อะไร ก็ รูกั น อยู แ ล ว ไปคิ ด กันเอาเองตอไป.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพื่อนฝูง มิตรสหาย สังคม คืออะไร ? ผมก็ยังรูสึกวา ยังไมเขา ใจกันอยูนั่น วามิตร สหาย นี้มันคืออะไร ; แมวาจะเขาใจกันไดถูกตองอยูมาก ก็ ยั ง ไม ใช ทั้ ง หมด.ผมอยากจะพู ด ว า “มิ ต รสหาย” คื อ เครื่อ งมื อ ที่ จ ะพาไปหา พระเจ า หรือ พระธรรม. คํ า ว า “มิ ต ร – มิ ต ร” นี้ มั น จะเป น เพื่ อ นเล น เพื่ อ นหั ว เพื ่อ นกิน สํ า มะเลเทเมาเสีย มากกวา . คุณ มัก จะพูด วา ถา ไมย อมสูบ บุห รี่ กิ น เหล า ไปกั บ เขา จะเสี ย มิ ต ร จะเสี ย สหาย ; นั่ น น ะ มั น หลั บ ตากี่ ม ากน อ ย.


๖๐

ฆราวาสธรรม

คําวา “มิตร” นี้ มันตองการเปนเครื่องมือ ที่จะพาเราไปสูจุดสูงสุดของมนุษย, ชวยกันไปสูจุดสูงสุดของมนุษย คือพระเจาอีกนั่นแหละ. พระพุทธเจาทานตรัส ว า “กั ล ยาณมิ ต ร” คื อ ทั้ ง หมดของความสํา เร็ จ . พระอานนท เ ข า ใจว า กับ ยาณมิตร คือครึ่งหนึ่งของความสําเร็จในชีวิต ; แตพ ระพุ ทธเจาท านตรัสวา มันเปนทั้งหมดของความสําเร็จในชีวิต. ถ า เรามี เพื่ อ นที่ ดี , เพื่ อ นจริ ง คื อ เพื่ อ นที่ ดี จะไม ล ากเราไปลงนรก หรือ ไปอบายมุ ข หรือ ไปเสี ย เวลาอยู ที่ ไหน. ท า นก็ ระบุ ไปยั งบุ ค คลที่ ป ระกอบ ดวยองคแหงมรรค บุคคลที่ประกอบอยูดวยองคแหงมรรคมีองคแปดนั้นแหละ :มีความเห็นถูกตอง มีความปรารถนาถูกตอง มีการพูดจาถูกตอง,มีการกระทํา ถูก ตอ ง เลี ้ย งชีวิต ถูก ตอ ง พากเพีย รถูก ตอ ง มีส ติถ ูก ตอ ง มีส มาธิถ ูก ตอ ง, ที ่เ รีย กวา มรรคมีอ งคแ ปดนี ้ เปน กัล ยาณมิต รจะพาไปสู น ิพ พาน. ฉะนั ้น ผูเปนกัลยาณมิตรก็คือ ผูที่จะพาเราไปสูพระเจา หรือไปสูนิพพาน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org แตเดี๋ยวนี้เรามาคิดแตเพียงวา ถาเราไมกินเหลากับเขา เขาก็จะไมเปน มิต รกับ เรา ;ไปเปรีย บเทีย บกัน ดูซ ิ. หรือ เราไมไ ปเที ่ย วสํ า มะเลเทเมากับ เขา ตามที่นั่นที่นี่ เขาก็จะไมเปนมิตรกับเรา. ผมอยูที่นี่ไดยินมากที่สุด ในขอแกตัว อัน นี ้ ; คือ สึก ออกไปแลว ก็ม าสารภาพวา เดี ๋ย วนี ้ก ิน เหลา แลว เพราะวา ทนเพื ่อ นไมได กลัว จะเสีย เพื ่อ น นี ่เขาบอกอยา งนี ้ ; ทั ้ง ๆ ที ่ม ีอ ายุม ากแลว มีฐานะสูงพอสมควรแลว ก็ยังตองทําอยางนี้อยู. ฉะนั้นคุณไปรูจักสิ่งเหลานี้เสีย ใหถูกตองวาอะไรคืออะไร.

ในที่ สุดก็มาถึงป ญหาสุดท าย ก็ นาจะเป นคํ าวา บุ ญกุ ศล หรือคํ าวา ศาสนาคืออะไร ? อยาไดไปเห็นวาเปนของครึคระลาสมัย. นักเรียนเมื่อขึ้นถึง ขั้นมหาวิทยาลัยแลว มักดูถูกวาศาสนาเปนของครึคระลาสมัย. เมื่อยังเปนเด็ก ๆ


ความเปนฆราวาส

๖๑

เขาชวนไหวพระ สวดมนต ก็ทํา ; แตพอเปนนิสิตมหาวิทยาลัยแลว ไมยอมทํา หาวาเปนเรื่องครึคระลาสมัย เปนเรื่องของเด็กอมมือ ; เห็นศาสนาไมมีความหมาย อะไรมากไปกวาของครึคระ. เลยสูเมื่อยังเปนเด็กเล็ก ๆ ไมได ยังเชื่อฟงพอแม กลัวบาป กลัวความชั่ว, ตองการจะมีความดี ตองการจะมีบุญกุศล หวังพึ่งศาสนา ; พอเปนนิสิตกันแลว ก็เห็นศาสนาเปนของครึ ตามพวกฝรั่งไปเลย. ไปคิดดูใหมวา บุญกุศลนั้นมันคืออะไร ? ศาสนานั้นคืออะไร ? สิ่งที่ เรียกวา “บุญ กุศล” หรือศาสนา หรือพระธรรม ไมมีวันจะครึ หรือ ลาสมัย ; ยังใหมเอี่ยมทันสมัย ไมมีทางที่จะลาสมัย, ยังจําเปนแกคนทุกยุคทุกสมัยอยูนั่นเอง. ฉะนั้นพวกเราที่มีปญหาวา จะเปนฆราวาสอยางไรใหดีที่สุดนั้น ผมวาไปรูจักสิ่ง เหลานี้ใหถูกตองเสียกอน แลวก็จะรูจักวา ทําอยางไรจึงจะเปนฆราวาสไดดีที่สุด ในลักษณะที่พึ งปรารถนา, ไม เสียที ที่เกิด มา. เดี๋ยวนี้ม าคิ ดวา สิ่งเหลานี้ เป น ของครึ, พระธรรมเปน ของครึ มีอ ยูแ ตที่วัด , เปน ของครึสํา หรับ ผูที่เจริญ อยู ที ่บ า น; ฉะนั ้น ศาสนาจึง เปน หมัน สํ า หรับ คนเหลา นี ้ แตพ รอ มกัน นั ้น คน เหลานี้มันก็เปนไกโง ๆ ที่ไดเพชรพลอย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุณทุกองค ผมเขาใจวา ก็พิสูจนอยูชัดแลววา เพราะมาบวชก็เป น พุท ธบริษัท เกิด ในตระกูล ของพุท ธบริษัท , แลวระวัง ใหดี กํา ลัง จะเปน ไกโง ที่ไดพ ลอย ก็ไดน ะ ระวังใหดี. พวกคุณ ที่บ วชแลว ก็ระวังใหดี จะเปน ไกโงที่ ไดเพชรพลอย, สูแ ตขาวสุก ขาวสารเม็ด หนึ่งก็ไมได. คุณ จะรูส ึก วา ศาสนานี้ เป นเรื่ อ งบ า ๆ บ อ ๆ, เป นเรื่ อ งครึ ค ระ, สู เ รื่ อ งเขี ย ว ๆ แดง ๆ ตามที่ สํ า มะเลเทเมาสั ก นิ ด หนึ่ ง ก็ ไ ม ไ ด ; เช น เดี ย วกั บ ไก ที่ พู ด ว า เพชรพลอยนี้


๖๒

ฆราวาสธรรม

สู ข า วสารเม็ ด เดี ย วก็ ไ ม ไ ด . คนที่ ป ระมาท หรื อ โง เขลาได ฟ ง ธรรมในพระพุ ท ธ ศาสนานี้ แ ล ว มั น ก็ ไม มี ค วามรูสึ ก อะไรมากไปกว าไก ที่ ได เพชรพลอย, ยั งรูสึ ก ว า มัน เปน เรื ่อ งครึค ระอยู นั ่น เอง ; ไมเขา ใจไมอ าจจะทํ า ความเขา ใจ. เดี ๋ย วนี ้เรา มาบวช อุ ต ส า ห ส ละอะไร ๆ หลายอย า ง มาบวชชั่ ว ป ด ภาคนี้ ก็ ยั ง ดี . ขอให เป น เวลาที่ จะแก ป ญ หาเหล านี้ ให เบาบางไป, เพื่ อ ว าคุ ณ จะไปเป น ฆราวาสที่ ดี ได คื อ ไมมีความทุกขตามที่ตองการ ดังปญหาที่ยื่นมาใหผมตอบ. ในที่สุดก็ไปสรุปรวมอยูที่วาเรารูอะไรเปนอะไร : ความเปนฆราวาส คื อ เป น อะไร ? อย า ไปจั ด ให มั น เป น เรื่อ งลามก สกปรก ต่ํ าทราม เหมื อ นคนที่ เขาเข าใจอย างนั้ น . ขอให ถื อ ว า ความเป น ฆราวาสคื อ ขั้ น หนึ่ งของการเดิ นทางไป หาจุ ด สู งสุ ด ; พรหมจารีนี้ เป น ประถมศึ ก ษา คฤหั ส ถ เป น มั ธ ยมศึ ก ษา วนปรัส ถ เป น อุ ด มศึ ก ษา อย า งที่ ว า มาแล ว เมื่ อ กี้ อย า ลื ม เสี ย .ถ า มองเห็ น อย า งนี้ แ ล ว ฆราวาสก็คือ ผูที่กํา ลัง เรีย นอยูใ นโรงเรีย นของพระเจา , จนกระทั่ง พบ ว า อะไรเป น ความทุ ก ข หรื อ เป น ตั ว ป ญ หาสํ า หรั บ ฆราวาส. อะไรเป น ช อ งทาง เป น ทางออกของฆราวาส. หมายความว า ช อ งทางที่ เราจะเป น ฆราวาสใหด ีที ่ส ุด แลว ผา นออกไปไดถ ึง ขั ้น ที ่ส ูง ขึ ้น เชน ไปเปน วนปรัส ถ ; มันก็มีอยู ๒ อยางนี้เทานั้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org อะไรเป น ตั ว ป ญ หา เป น อุ ป สรรค เป น ตั ว ความทุ ก ข ? นี้ อ ย างหนึ่ ง ; แ ลว อ ะ ไรเปน อุบ า ย วิธ ีที ่จ ะ อ อ ก ไป ไดจ า ก ค ว า ม ทุก ข ? นี ้ก ็ส ว น ห นึ ่ง . เพราะฉะนั้ น คฤหั ส ถ ก็ คื อนั กเรียนที่ ก าวหน าขึ้ น มาได จนถึ งมั ธยมศึ ก ษา. อย าไป ดูถ ูก ดูห มิ ่น ตนเองในเรื ่อ งนี ้ ; ขอใหถ ือ วา นี ่ เปน การกา วหนา ขั ้น หนึ ่ง แลว ที่จะตองทําใหดี ใหถูกตองตอไป.


ความเปนฆราวาส

๖๓

การที่ถ ามปญ หาอยา งที่ถ ามมานี้ ผมก็เ ห็น ดว ย และอนุโ มทนา ในการ ที่รูจักถาม รูจักเปนหวงในความเปนฆราวาสของตน เกรงวาจะเปนไดไมดีเทาที่ ควรจะเป น . ฉะนั้น วัน นี้ ผ มจึงพู ด ถึงคําวา “ความเป น ฆราวาส” ความเป น คฤหัสถ หรือความเปนฆราวาสนี้มันคืออะไร ในฐานะเปนอารัมภกถาอีกครั้งหนึ่ง. ในครั้งตอ ๆ ไป ผมก็จะตอบปญหาที่เปนตัวเรื่องกันเสียที. สําหรับอารัมภกถาก็พอแลว หรือหมดเพียงเทานี้. ครั้งตอไปก็จะพูดถึง ธรรมสําหรับฆราวาสโดยตรง. เอาละ พอกันที่สําหรับวันนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ธรรมะสําหรับฆราวาส -๔๒๓ เมษายน ๒๕๑๓ สําหรับพวกเรา ลวงมาถึงเวลา ๒๐-๓๐ น. แลว เปนเวลาที่จะไดบรรยายตอจากที่บรรยายไวกอน. ในทุกครั้ง ที่แ ลว มาเราพูด ในลัก ษณะอารัม ภกถา คือ เคา โครงกวา งๆ ที่มัน เชื่อ มโยงกัน เกี่ย วกับ ปญ หาของเราโดยรอบ. มาถึง วันนี้ก็จะไดพูดกันถึงเรื่อง ตัวธรรมะโดยตรงกันเสียที. ที่จริง อารัม ภกถาก็เปน เรื่อ งธรรมะ แตวา เปน เรื่อ งที ่พ ูด กัน อยา ง คราว ๆ และเทาที่มันสัมพันธกัน ระหวางธรรมะนั้นธรรมะนี้ เพื่อชวยใหเขาใจเคาโครงของสิ่งที่เรียกวา “ธรรมะ” กันเสียที หนึ ่ง กอ น.ในเมื ่อ เราอยากจะทราบสว นไหนโดยเฉพาะ ก็ ค อ ยพู ด ถึ งส วนนั้ น .เช น เราอยากจะทราบเรื่อ งฆราวาสธรรม ธรรมะสําหรับฆราวาส ก็จะไดพูดถึงเรื่อธรรมะสําหรับฆราวาส โดยเฉพาะ ใหชัดเจนลงไป อยางนี้เปนตน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org

๖๔


ธรรมะสําหรับฆราวาส

๖๕

ตอไปนี้ ก็มีขอที่จะตองทําความเขาใจ เกี่ยวกับคําวา “ธมฺม” หรือ “ธรรมะ” นี ้ต อ ไปอีก วา สิ ่ง ที ่เรีย กวา ธรรม นี ้ม ี ๒ ประเภท : ประเภทหนึ ่ง เปนตัวหลัก ที่เราจะตองปฏิบัติโดยตรง ; เปนวัตถุประสงค เปนความมุงหมาย อย า งนั้ น ๆ โดยเฉพาะ. ประเภทที่ ส อง เป น ธรรมะในลั ก ษณะที่ เป น เหมื อ น เครื่องมือ ที่ชวยใหเราปฏิบัติ ตามที่เราตองการนั้นไดสําเร็จ. ธรรมะทําหนาที่ ตางกันอยูอยางนี้, ทั้งนี้ก็เพราะวา ที่เรารูวา จะตองปฏิบัติอยางไรแลว ก็จริง ; เพราะฉะนั้นเราจึงตองมีธรรมะ ที่จะใชบังคับตัวเองใหได, เพื่อปฏิบัติตามที่เรา ตอ งการใหไ ด อีก ทีห นึ่ง . กลา วโดยตรงก็คือ วา เราบัง คับ จิต ของเราไมได ; คือมันมีหลักเชนวา จะเลิกสูบบุหรี่ เลิกกินเหลา ; นี่เปนหลักที่จะตองปฏิบัติ. แตทีนี้เราบังคับตัวเองไมได ทั้งที่รูอยูก็บังคับไมได ; ฉะนั้นจะตองมีธรรมะอะไร อีกประเภทหนึ่ง ที่ชวยใหบังคับตัวเองได. นี่โดยสวนใหญก็แบงธรรมะออกเปน ๒ ประเภทอยางนี้ แลวก็มีสวน ประกอบอยางที่เปนสวนยอย ๆ ลงไปอีก ตามที่มันจําเปน. เพราะฉะนั้นเรื่องที่ เราจะตองรูก็คือ ธรรมะที่เราจะตองปฏิบัตินั้นอยางไร ? ธรรมะที่เปนเครื่องมือที่ จะชวยใหเราปฏิบัติไดตามนั้นอยางไร ? ถาในเรื่องชั้นสูงก็มีธรรมะที่ชวยใหจิตสงบ เสียกอน เชนเปน สมาธิ เปนตน แลวจึงเอาไปใชปฏิบัติ เพื่อใหรูสวนที่จะตองรู จนบรรลุมรรค ผล นิพพาน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุณพอจะสังเกตเห็นไดเองวา การที่ไมประสบความสําเร็จของเราใน เวลานี้โดยทั่ว ๆ ไปก็ดูจะอยูที่ เราไมสามารถบังคับตัวเอง ใหทําตามที่เรารูอยู วาจะตองทํา. เชน รูวา ขี้เกีย จ ไมดี, เราก็ยังบังคับไมได มัน ก็ยังขี้เกีย จอยู; ก็แ ปลวา มั น ขาดธรรมะประเภทหลั ง, ประเภทที่ เป น เครื่อ งมื อ . โดยเฉพาะ


๖๖

ฆราวาสธรรม

สําหรับฆราวาส ซึ่งมีเรื่องยั่วยวนมาก มันก็ยิ่งลําบากที่จะบังคับตัวเอง ใหทํ า ในสิ่ง ที ่เ ราตั ้ง ใจวา จะทํ า ; เพราะฉะนั ้น ขอใหส นใจใหม าก ใน ธรรมะประเภทที่เปนเครื่องมือดวย อีกอยางหนึ่ง. ในที่ นี้ เราจะพู ด ถึ ง ตั ว ธรรมะที่ จ ะต อ งปฏิ บั ติ ก อ น แล ว จะพู ด ธรรมะที ่เ ปน เครื ่อ งมือ ทีห ลัง . สํ า หรับ ฆราวาสก็แ ปลวา ผู ค รองเรือ น, คฤหั ส ถ ก็ แ ปลวา ผู ที่ อ ยู ที่ บ า นเรือ น ; ก็ มี เรื่อ งที่ เขาบั ญ ญั ติ ไว เฉพาะ เรีย กว า “ฆราวาสธรรม”. แตขอเตือนวา อยาลืมวาแมเปนเรื่องฆราวาสธรรม มันก็มี ความมุงหมายที่จะไปใหถึงที่สุด ของธรรมทั้งหมดอยูนั่นเอง ; ดังที่เราไดพูดกัน เมื่ อวานนี้ ฆราวาสก็เป น เพี ยงขั้น หนึ่ งในทุ กขั้น ที่ เราจะต อ งปฏิ บั ติให ถึ ง คื อ เป น พรหมจารี แล วเป นคฤหั ส ถ แล วเป น วนปรัส ถแล วก็เป น สั นยาสี. ถาเป น ฆราวาส หรือเปนคฤหัสถ ที่ดีไมได ก็หมายความวา สอบไลในชั้นมัธยมศึกษาตก ; แมวาจะผานชั้นพรหมจารี ที่เปนขั้นประถมศึกษามาได ก็มาตกที่ขั้นนี้ ; ดังนั้น จะตอ งทํ าใหดี ที่ สุด ดวยเหมื อ นกัน จึงจะผ านไปถึงขั้นสุ ดท าย. พอเรามองใน ลั กษณะอย างนี้ ก็ จะพบว า ฆราวาสธรรม ก็ เป นเรื่ องจํ าเป นสํ าหรั บผู ที่ จะไป นิพพาน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฟงดูแลวก็นาขัน หรือมันขัดแยงกันกับที่เขาพูด ๆ กันอยู วาฆราวาส ไปทางหนึ ่ง ,จะไปมรรค ผล นิพ พาน ก็ต อ งไปอีก ทางหนึ ่ง ; แลว ผมก็ม า บอกวาเปนสายเดียวกัน เปนเพียงลําดับขั้นของกัน. ฟงแลวก็ขอใหเอาไปคิดดู ; และอยากจะพูดวาถาเปนฆราวาสใหดีไมไดก็ไปนิพพานไมได. และในการ ศึกษาในขั้นคฤหัสถนั่นเอง เปนเครื่องมือที่จะสงเสริมใหเรามีเรื่อง มีความรูที่จะ ไปนิพพานได. เพราะวาในชีวิตของคฤหัสถนี้ มันมีอะไรมาก ลวนแตเปนอยาง ชนิด ที ่เรีย กวา รุน แรง หรือ โชกโชน หรือ อะไรทํ า นองนั ้น มากพอที ่จ ะใหรูวา ชีวิตนี้นาเสนหา หรือนาเบื่อหนาย ถาปลอยไปตามธรรมดามันจะเปนอยางไร ?


ธรรมะสําหรับฆราวาส

๖๗

เราตองจัดการกับมันอยางไร ? มันตองทําใหถูกตองไปตั้งแตในขั้นเริ่มตนที่สุดเลย ; เหมือนเราจะตองเรียนใหดีตั้งแตขั้น ก ข, ก กา จึงจะเรียนในชั้นตอ ๆ ไปไดดี. ในที่ นี้ เราจะพู ด ถึ ง ตั ว ฆราวาสธรรม โดยตรง,แม อ ย า งนั้ น ก็ ยั ง อยากจะแบง ออกเปน ขั ้น ๆ อีก เหมือ นกัน : ขั ้น ต่ํ า ๆ อยา งหนึ ่ง ขั ้น กลาง ๆ ขั้นสูง ๆ สูงสุดอีกอยางหนึ่ง. คําสั่งสอนเกี่ย วกับ ฆราวาสที่เปน ขั้น ตน ขั้น ต่ํา นี้ มัน เปน เรื่อ ง ทํามาหากิน เรื่องสังคม ; นี่ก็แปลวาในหลักพุทธศาสนาก็ยอมรับเรื่องทํามาหากิน และเรื่องสังคมจะตองทําใหดีใหถูก. เรื่องทํามาหากินเชนทิฏฐธัมมิกประโยชน : มีความพากเพียร แสวงหาทรัพย, -มีความสามารถในการรักษาทรัพย,-สามารถ ในการใชจายทรัพ ยใหถูกตอง และในการครองชีวิต ที่พ อดี, แลวก็มีมิตรสหาย ที่ดี. รายละเอียดของเรื่องเหลานี้คุณจะหาอานไดจากหนังสือประเภทนั้น, เราไม จําเปนที่จะตองเอามาพูดกันใหเสียเวลาซึ่งมันมีอยูนอย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอต นเปนผูที่ไมเหลวไหลในการแสวงหาทรัพย ; พู ดรวม ๆ กันเป น เรื่องเดียวกันวา ความสําเร็จในการแสวงหาทรัพยนี้ ก็คือ ทําใหมีทรัพย, ทําใหมี เกีย รติ, ทํ า ใหม ีเพื ่อ น,เขาใหห ัว ขอ ไว ๓ หัว ขอ วา ทรัพ ย เกีย รติ เพื ่อ นที ่ด ี ; ถาใครทําไดครบทั้งสามนี้ก็เรียกวา คนนั้นกาวหนา สอบไลไดในขั้นนี้. คุณอยา ทําเลน กับ ๓ คํานี้ - คือ ทรัพ ยส มบัติ เกีย รติย ศชื่อ เสีย ง แลวก็เพื่อ นหรือ สังคม ที ่ด ี มีพ รอ มหรือ ยัง ; ลองไปสัง เกตดูเอง. อยากจะพูด อีก อยา งหนึ ่ง ก็ค ือ วา คํา สอนประเภทนี้มัน มีม าแลว กอ นพุท ธกาลดว ยซ้ํา ไป, หรือ กอ นพระพุท ธเจา ก็ มี ก ารสอนที่ ค ล า ยกั น หรื อ ลงรอยกั น ไปได ; หรือ แม แ ต ใ นศาสนาอื่ น ที่ ไม ใช พุ ท ธศาสนาก็ มี ส อน แล วมั น ก็ ล งรอยกั น ได . คุ ณ ไปศึ ก ษา แล ว เปรีย บเที ย บดู ตอนนี้. อยาไดทะนงตัวไปดวยความเขาใจผิด ๆ วา พุทธศาสนาของเราไมเหมือน


๖๘

ฆราวาสธรรม

ใคร. อีกวาใครไปเสียหมด. สวนที่ มั นเหมื อนกั นทุ ก ๆ ศาสนานั้ นก็มี สวนที่ ผิ ด กันนั้นก็มี. แตมันก็ไมไดผิดกันมากมายนักจนถึงกับวา หันหลังใหกัน, มันก็ไป ในสายเดียวกัน มุงหมายอยางเดียวกันอยูทั้งนั้น. โดยหลักใหญ แลว ทุกศาสนา ตองการจะกําจัดความทุกขดวยกันทั้งนั้น ดวยการทําลายความเห็นแกตัว อยางนี้ ทุกศาสนาขอใหไปสังเกตดวย. ความเห็ นแก ตั วนั่ นแหละเป นต นเหตุ แห งความทุ กข ทั้ งโดยส วนตั ว บุ ค คลและโดยส ว นสั งคม เพราะฉะนั้ น คํ าสอนในขั้ น ต น ๆ เกี่ ย วกั บ ความเป น ฆราวาสนี้ ก็ ไม ต า งกั น เลย จะเหมื อ นกั น ทุ ก ศาสนาด ว ยซ้ํ าไป, เพี ย งแต คํ า พู ด หรือตัวหนังสือมันตางกันบาง ซึ่งไมใชของสําคัญ. ทีนี้ อยากจะพูดถึงสิ่งที่เรียกวา “สังคม" คือตองขจัดปญหาสวนตัว ของเรา, เรื่ องทรั พย สมบั ติ อะไรเหล านี้ เสี ยที หนึ่ ง แล วก็ ยั งต องขจั ดป ญ หาต าง ๆ เกี่ ยวกั บสั งคม. ป ญ หาเกี่ยวกับสั งคม พระพุ ทธเจาท านก็ได ตรัสวางเป นหลั กไว เรียกวา ทิศหก.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org “ทิศหก” นั้นไมไดหมายถึงทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต, ไมไดหมายถึงตัวทิศทํานองนั้น แตหมายถึงบุคคลประเภทหนึ่ง ๆ ที่ควรจะเอามา เปรียบกันกับทิศตาง ๆ ที่อยูรอบตัวเรา. แลวทานก็ตรัสไปตามความเหมาะสมวา ทิศ เบื ้อ งหนา - ทิศ เบื ้อ งหลัง คู ห นึ ่ง , ทิศ เบื ้อ งขวา - ทิศ เบื ้อ งซา ยอีก คู ห นึ ่ง , แล ว ก็ ทิ ศ เบื้ อ งบน - ทิ ศ เบื้ อ งล า ง อี ก คู ห นึ่ ง ; เป น ๖ ทิ ศ พู ด อย า งวั ต ถุ อย า ง วิทยาศาสตรก็พูดไดวา มันเปน radiation รอบตัว เหมือนกับรัศมีของดวงไฟนั้น มัน มีร อบตัว . ขา งหนา ครึ ่ง หนึ ่ง ขา งหลัง ครึ ่ง หนึ ่ง , ขา งซา ยครึ ่ง หนึ ่ง ขา งขวาครึ ่ง หนึ ่ง ก็ร อบแลว ,ขา งบนครึ ่ง หนึ ่ง ขา งลา งครึ ่ง หนึ ่ง ก็ร อบ หมดเลย ; ถาเปนการทําถูกในทิ ศทั้งหา ก็แปลวาเราทําถูกหมดรอบดานนั่นเอง.


ธรรมะสําหรับฆราวาส

๖๙

ทิศเบื้องหนาคูกับทิศเบื้องหลัง ก็จําไวงาย ๆ วาไดแก บิดามารดา อยูขางหนา บุตรภรรยาอยูขางหลัง ; ก็ตองประพฤติถูกตอบิ ดามารดา, ประพฤติ ถู ก ต อ บุ ต รภรรยา เป น ต น .อย า ได จํ า กั ด แต เพี ย งว า บิ ด ามารดา, ควรต อ งเอา ญาติ ผู ใ หญ ทั้ ง หมด พี่ ป า น า อา ลุ ง ตา อะไรก็ ต าม จะต อ งอยู ข า งหน า ต อ งนึ ก ถึ ง ก อ น. บุ ต รภรรยาอยู ข า งหลั ง ก็ จ ะต อ งปฏิ บั ติ ต อ ให ถู ก ต อ งด ว ย เหมือนกัน. ทิศเบื้องขวา เบื้องซาย. เบื้องขาวเขาถือวาเปนสําคัญ กวา หรือ มีเกียรติกวาเบื้องซาย ก็เลยเอาพวกครูบาอาจารยไวขวามือ, เอาเพื่ อนฝูง มิตร สหายไวทางซายมือ. ทําไมเอาครูกับเพื่อนมาไวคูกัน ? ก็เพราะวามันคลายกัน มาก :ครูบ าอาจารย ชวยเราในทางฝายวิญ ญาณ,เพื่ อ นชวยเราในทางฝายวัตถุ . คุณ ตองมองดูใหเห็นในขอนี้ : เพื่อนนั้นคือผูชวยทางวัตถุ แตครูบาอาจารยเปน ผูชวยในทางฝายวิญญาณ ฝายลึก ฝายจิตใจ มันก็เปนเพื่อนในฝายวิญ ญาณ. มิ ต รสหายธรรมดาก็ เป น เพื่ อ นช วยทางเรื่อ งฝ ายวัต ถุ จะชวยด วยแรง ด วยเงิน ดวยของตาง ๆ ก็เลยเปนฝายวัตถุ หรือฝายรางกาย ; เอาความหมายนี้เปนสําคัญ. ถาเพื่อนของเราคนใดคนหนึ่งเกิดชวยเราในทางฝายวิญญาณขึ้นมา เราตองจัดเขา ไวในฝายครูบ าอาจารย ; พรอ มกัน นั้ นเขาก็เป น เพื่ อ นในฝ ายวัต ถุ รางกายด วย, อี ก ส ว นหนึ่ ง ก็ เป น เพื่ อ นทางฝ า ยวิ ญ ญาณด ว ย. เพื่ อ นคนหนึ่ ง เพื่ อ นธรรมดา ของเรานี้ ถาเขาสามารถที่จะตักเตือนเรา, คุมครองเราในเรื่องความดีความชั่ว บุญ บาป, อยา งนี ้ตอ งจัด ใหเขาเปน อาจารยดว ย อีก สว นหนึ ่ง คือ เปน เพื ่อ น ผูที่ชวยในฝายวิญญาณ. แตถามันแยกทําหนาที่กันเด็ดขาด ครูบาอาจารยก็อยู ขางขวา, เพื่อนธรรมดาลวน ๆ ก็อยูขางซาย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถัด ไป คือ เบื ้อ งบน เบื ้อ งลา ง. เบื ้อ งบนนั้น คือ สมณะ หรือ ผู ม ีคุ ณ ธรรมสู งกว าระดั บธรรมดาสามั ญ . ส วนข างล างนั้ นคื อบ าวไพร กรรมกร


๗๐

ฆราวาสธรรม

หรื อ พวกที่ ด อ ยกว า เรา. เบื้ อ งบนที่ พู ด ว า สมณะ หรื อ สมพราหมณ พระเจ า พระสงฆ เป นต น นี้ เขาไม ได เพ งเล็ งไปในทางเป นครูบาอาจารย ; ครูบาอาจารย อยู ข า งขวาแลว . สมพราหมณ อะไรพวกนี ้ ยิ ่ง กวา ครูบ าอาจารย คือ เปน ปู ช นี ย บุ ค คลของส ว นรวมหรื อ ของโลก. แม เขาจะไม ส อนอะไรแก เราโดยตรง เหมือ นครูบ าอาจารย, เพีย งแตเ ขามีช ีว ิต อยู ใ นโลกเฉย ๆ เราก็ย ัง ตอ งบูช า ตอ งเอาใจใส ตอ งรับ รู . อยา งเชน พระพุท ธเจา พระอรหัน ต นี ้ แมว า ทา น จะไม เคยเกี่ ยวข องกั บเราเลย อยู กั นคนละยุ คคนละสมั ย อย างนี้ เราก็ ยั งต องรับรู ตองบูชา. ใจความสําคัญเรื่องนี้มั นมีอยูอยางหนึ่งคือวา การสอนชนิดที่ไมตองพู ด ไม ต อ งสอนมั น ก็มี อ ยู ; เพี ยงแต เขามี อ ยูเป น หลั ก ในโลกนี้ มี อ ยู เป น หลั กสํ าหรับ การที ่จ ะประพฤติป ฏิบ ัต ิต าม. คือ เขาถือ วา เพีย งแตไดเห็น พระอรหัน ตเทา นั ้น ก็เ ปน การดีอ ยา งยิ ่ง เสีย แลว , แมไ มไ ดพ ูด จาอะไรกัน เลย.นี ่เ ขาเรีย กวา เปน ปูช นีย บุค คลประเภทหนึ ่ง จัด ไวขา งบน เบื ้อ งสูง . ตรงกัน ขา มกับ เบื ้อ งต่ํ า คือ คนที่ ด อยกวาเราในทางคุ ณ สมบั ติ ต าง ๆ เช นพวกลู กจ าง พวกบ าวไพร กรรมกร ; พวกคนที่จนกวา ดวยกวาอะไรอยางนี้ เอาไวขางลาง .

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุ ณ ควรทํ าความเข าใจเกี่ ย วกั บ คํ าว า “ทิ ศทั้ งหก” นี้ ให ถู กต อ ง เป น บทเรียนบทใหญ ของฆราวาส; เพราะวาถาทํ าผิ ดในหกทิ ศนี้ แล ว อื่น ๆ ก็จะพลอย ลมละลายดวย คือเรื่องการหาทรัพยสมบัติ การหาเกียรติยศชื่อเสียง การมีเพื่ อน ฝูง ที่ดี ก็พ ลอยลม ละลายไปดว ย. เพราะฉะนั้น เรารูเ รื่อ งทิศ หกแลว ปฏิบ ัติ ใหถูก ตอ ง ใหพ อก็พ อแลว ; จะรวบเอาธรรมะหมวดอื่น เขา ไวไ ดห มด. ผมจึงขอแนะธรรมะหมวดนี้ คือเรื่องทิ ศหก ; ก็ไปหารายละเอียดอานเอาเองจาก หนั ง สื อ ประเภทนั้ น เช น หนั ง สื อ นวโกวาท เป น ต น . ในที่ นี้ ก็ บ อกแต ค วาม


ธรรมะสําหรับฆราวาส

๗๑

หมายที่เปนใจความสําคัญ ของคํานั้น ๆ รวมเรียกตัวคําเพียงสั้น ๆ วา “ปญ หา ทางสังคม”. คุณไปเทียบกันดูวา ปญหาทางสังคม ตามที่ คุณเขาใจ มั นเขากันกับ ปญหาทางสังคม ที่มีอยูในพุทธศาสนาหรือไม ? การเลนเรียน การสั่งสอนกันอยู ในมหาวิทยาลัยนั้น เมื่อพูดกันถึงปญหาสังคม เขาหมายถึงอะไร คุณก็รู ; แตเมื่อ พูดทางหลักพุทธศาสนาแลว ปญหาสังคมเขาหมายถึงอยางนี้. สังคมเบื้องหนา สัง คมเบื ้อ งหลัง , สัง คมเบื ้อ งขวา - สัง คมเบื ้อ งซา ย, สัง คมเบื ้อ งบน สังคมเบื้องลาง. อะไรดีกวาเราแลว ก็สงเคราะหเขาไวเปนเบื้องบน, มีคุณ ธรรม หรืออะไรที่ ดี กวา สู งกวาเรา สงเคราะห ไวเป นเบื้ องบน, ต องสงเคราะห เจ านาย ไวเบื ้อ งบนดว ย. สงเคราะหที ่ต่ํา กวา เราไวเบื ้อ งลา ง. เอาผูที ่ใ หกํ า เนิด เรามา มีห นา ที ่ผ ูก พัน ที ่เ ราจะตอ งทดแทน สนองคุณ บุญ คุณ นี ้ไ วข า งหนา ; คือ บิดามารดาตองนึกถึงกอน ก็เพราะวามีบุญคุณ, มีพระเดชพระคุณที่ผูกพันกอน บุคคลใด เราตองนึกถึงกอน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั ้น การที ่ว างหลัก เรื ่อ งทิศ หกนี ้ มัน ก็ม ีเ หตุผ ล หรือ มี ความหมาย หรือ มี เทคนิ ค อยู ในตั ว ; ก็ ข อให ส นใจให ดี ๆ จะได แก ป ญ หาทาง สังคมไดหมดสิ้น ; และความเปนฆราวาสตามเรื่องราวของฆราวาสนั้น ก็จะเปน ไปอยางถูกตอง. นี่ผมเรียกมันวาฆราวาสธรรมขั้นต่ํา ๆ, ยังมีธรรมะอีกหลายหมวด หรือหลายสิ บหมวดก็ ได แจกเป นฝอยละเอี ยดออกไป, หรือวาจั ดกั นอย างนั้ นที อยา งนี ้ที แตแ ลว ในที ่สุด มัน ก็ม าสํา คัญ อยูต รงที ่ป ฏิบ ัต ิเ รื่อ งทิศ ทั ้ง หกนี้ ใหถูก ตอ ง, แลว ธรรมะหมวดอื่น ๆ จะงา ยดาย หรือ พลอยถูก ตอ งไป โดยอัตโนมัติ. ขอใหสนใจเรื่องทิศหกเปนพิเศษ,


๗๒

ฆราวาสธรรม

ที นี้ ก็ ม าถึ ง ฆราวาสธรรม ที่ เป น ขั้ น สู งไปกว านั้ น ซึ่ งจะเรียกว าขั้ น กลาง ๆ หรือ ขั ้น สูง สุด . ในสองขั ้น นี ้จ ะขอพูด ในคราวเดีย วกัน เสีย ดีก วา วา ขั ้น สูง สุด นั ้น มัน ก็ส ูง ถึง เรื ่อ ง มรรค ผล นิพ พาน ดว ยเหมือ นกัน ; ลดต่ํ า กวา นั้ น ลงมาก็ เป น ขั้ น กลาง ๆ ; คื อ มี ฆ ราวาสกลุ ม หนึ่ ง ไปเฝ า ทู ล ถามพระพุ ท ธเจ า ขอให ช วยบอกธรรมะที่ เป น ประโยชน เกื้ อ กู ล แก พ วกฆราวาสที่ ค รองเรือ น ที่ แออั ด อยู ด ว ยบุต รภรรยา. พระพุท ธเจา ทา นไดต รัส วา ธรรมะที ่เ นื ่อ งดว ยสุญ ญตา เป นประโยชน เกื้ อกู ลแก ฆ ราวาสตลอดกาลนาน. เรื่อ งสุ ญ ญตาคื อ เรื่อ งไม มี ตั วตน เรื ่อ งวา งจากตัว ตน ; ฆราวาสพวกนั ้น เขาก็ว า มัน สูง เกิน ไปสํ า หรับ พวกเขา. พระพุ ท ธเจ าก็ ต รั ส ว า ถ า อย างนั้ น ก็ ล ดลงมา เหลื อ ธรรมะ ๔ ข อ คื อ : - มี ศ รั ท ธา มั่ น คงในพระพุ ท ธ, - ศรั ท ธามั่ น คงในพระธรรม, - ศรั ท ธามั่ น คงในพระสงฆ , แลว ก็ม ีศ ีล ชนิด ที ่ด ี จนเปน ที ่พ อใจของพระอริย เจา . สี ่ข อ นี ้ฆ ราวาสเหลา นั ้น เขาก็ท ูล ขึ ้น วา นี ่ค ือ สิ ่ง ที ่ป ฏิบ ัต ิอ ยู แ ลว . พระพุท ธเจา ก็ต รัส อนุโ มทนาวา ก็ดี อยู แ ล ว . คุ ณ ลองพิ จ ารณาเรื่ อ งนี้ ดู ว า เป น เรื่ อ งที่ มี อ ยู ใ นพระไตรป ฎ ก ชั ด เจน อยูอยางนี้ วามันเปนอยางไร.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พระพุ ทธเจ าท านตรัสว า เรื่องสุ ญญตา เป นประโยชน เกื้ อกู ลแก ฆราวาส ตลอดกาลนาน ; ถา เขาวา มัน สูง เกิน ไป ก็ล ดลงเหลือ ๔ เรื ่อ ง ที ่เ รีย กวา “ปุญ ญาภิส ัน ทะ”. ปุญ ญาภิส ัน ทะ แปลวา ทอ ธารเปน ที ่ไ หลออกแหง บุญ , บางทีก ็เ รีย กวา โสตาปต ติย ัง คะ - คือ องคป ฏิบ ัต ิที ่จ ะชว ยใหเ ปน โสดาบัน . ข อ ปฏิ บั ติ ๔ อย า งนี้ มี ชื่ อ ๒ อย า งคื อ อย า งหนึ่ ง เป น ท อ ธารที่ ไ หลออกแห ง บุ ญ , อย า งหนึ่ ง เป น องค ป ระกอบแห ง ความเป น โสดาบั น . ระดั บ ข อ ปฏิ บั ติ ขั้ น นี้ ผ มเอา มาไวตรงกลาง ๆ ระดับกลาง ๆ ; แลวจัดระดับสูงสุดไดแกเรื่องสุญญตา. ขอปฏิบัติที่เปนระดับกลาง ๆ สําหรับผูเปนฆราวาสก็คือ ธรรมะ ๔ ขอ นี้ เรี ย กว า “พุ ท ธอเวจจั ป ปสั ท ธา” ความเชื่ อ ที่ แ น น แฟ น ไม ห วั่ น ไหวคลอนแคลน


ธรรมะสําหรับฆราวาส

๗๓

ในพระพุ ท ธเจ า . ธั ม มอเวจจั ป ปสั ท ธา ความเชื่ อ ที่ ไม งอ นแงน คลอนแคลนใน พระธรรม. สัง ฆอเวจจัป ปสัท ธา คือ ความเชื ่อ ที ่ไ มง อ นแงน คลอนแคลนใน พระสงฆ. แลว ก็ม ีอ ริย กัน ตศีล คือ ศีล ชนิด ที ่ร ัก ษาไดด ี จนเปน ที ่พ อใจของ พระอริ ย เจ า ; นี่ เป น ที่ ไหลออกแห ง บุ ญ เรื่ อ ยไป จนกระทั่ ง สู ง ขึ้ น ไป กระทั่ ง พรอ มที ่จ ะเปน พระโสดาบัน , คือ ผู ที ่แ รกถึง กระแสแหง นิพ พาน. ถา สูง ไป กวานั้น ก็เปน เรื่อ งบรรลุ มรรค ผล นิพ พาน. เราอยูต รงกลางก็ห มายความวา รูจ ัก พระพุท ธเจา ดี พระธรรมดี พระสงฆด ี จนแนน แฟม , มีศ รัท ธา มีค วาม เชื่อ มีความเลื่อมใสแนนแฟน, ไมอาจจะทําชั่วทําผิดอะไรได เพราะมีความเชื่อ ไมง อ นแงน คลอนแคลนในพระพุท ธ พระธรรม พระสงฆ ; แลว ก็พ ิส ูจ น อยูด วยการปฏิ บั ติ ที่ ปฏิ บั ติ อยู เป นอริยกันตศีล ศี ลบริสุทธิ์ไม มี ที่ ติ , ตั วเองก็ ติ ตัวเองไมได, คนอื่นมาดูแลก็ติไมได นี่เรียกวาอริยกันตศีล. ถาคุณเปนฆราวาสก็ดูใหดี ทําอยางไรจึงจะเรียกวา มีศรัทธาไมคลอนแคลน ในพระพุท ธ ในพระธรรม ในพระสงฆ. เดี ๋ย วนี ้รูสึก วา นา ระแวงหรือ นา อัน ตราย, ศรัท ธาในพระพุท ธ พระธรรม พระสงฆ มัน ยัง คลอนแคลน ; แมเขาจะประกาศตัวเปนพุทธมามกะ เปนอะไรอยูทุกเมื่อเชื่อวัน รับศีลรับสรณา – คมนอยูทุกวัน มันก็รับแตปาก ; พอจะไดอะไรที่ถูกอกถูกใจหนอย ก็ทิ้งสรณา – คมน ไปเอาสิ ่ง นั ้น ก็ไ ด หมายความวา ไปทํ า ชั ่ว ตอ หนา พระพุท ธ พระธรรม พระสงฆ ก็ ได . นี้ เรียกวายังไม แน นแฟ น ยั งงอ นแงน คลอนแคลน. มั น ต อ งเป น ถึงขนาดที่วา ยอมตายได ไมย อมเสีย ขอ ปฏิบัติ หรือ ธรรมะไป จึง จะเรีย กวา ไมง อ นแงน คลอนแคลน. เดี ๋ย วนี ้ม ีอ ะไรมาจา ง มายั ่ว มาลอ สัก หนอ ย ก็ทิ ้ง พระพุ ท ธ พระธรรม พระสงฆ ไปเอาสิ่ งนั้ น แล ว , ไม ว า คนหนุ ม สาว คนเฒ า คนแก ก็ ยั งเป น อยู อ ย างนี้ , ไปดู ให ดี มั น ก็ มี อ ริย กั น ตศี ล ไม ได ศี ล ก็ ด างพรอ ย ลุม ๆ ดอน ๆ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๗๔

ฆราวาสธรรม

ฆราวาสธรรมที่ เป น ระดั บ กลางก็ คื อ แน น แฟ น มั่ น คง ในพระ รัต นตรัย, แล วก็ มี การปฏิ บั ติ ตั วอยูในลั กษณะที่ วา ตั วเองก็ติ เตี ย นตั วเองไม ได ไหวตั วเองได เคารพตั งเองได . เขาเป น ผู ที่ บํ าเพ็ ญ บุ ญ อยู อ ย างสู งสุ ด แล วก็ มี ความกาวหนาเรื่อยไป พรอมที่จะเปนพระโสดาบัน. นี้ผมเรียกวาฆราวาสธรรม ระดับกลาง. ฆราวาสธรรมที่เปนระดับสูง คือ สุญญะตัปปะฏิสัยุตตา – ธรรมะที่ เนื่ องเฉพาะด วย สุญญตา. สุญญตา แปลวาความวาง ; มั นมี เรื่องมาก ไวพู ดกั น โดยละเอียดอีกที. คราวนี้จะบอกใหรูวา สุญญตาคือความวางในจิตใจ ที่วาง จากความรูสึกวาตัวเรา หรือของเรา. ความรูสึกประเภท egoism นี้คือความ รู สึ ก ที่ เ ป น ตั ว เป น ตน ; ที่ มั น เนื่ อ งอยู กั บ ตั ว ตนนี้ ก็ เ รี ย กว า ของตน. จะเป น ฆราวาสหรือ เปนบรรพชิตก็ตาม มีความทุกขอยางลึกซึ้งอยู ก็ดวยอํานาจตัวตน หรือของตนนี้ทั้ งนั้น. เพราะฉะนั้น ฆราวาสก็ทุกขม ากอยูดวยเรื่อ งตัวตนของตน จึงเปนการสมควรที่จะตองบรรเทาเสียบาง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พระพุทธเจาจึงตรัสวา เรื่องสุญญตานี้เปนประโยชนอยางยิ่ง เกื้อกูล แกฆราวาสตลอดกาลนาน. ทานเสนออยางนี้ชาวบานกลุมนั้นไมเอา วาสูงเกินไป ; แตพ อบอกใหล ดลงไปกวา นั ้น ก็ป ฏิบ ัต ิอ ยู แ ลว ; อยา งนั ้น ก็ไ มม ีท างไปไหน นอกจากจะตองปฏิบัติเรื่องสุญญตาตอไปเทานั้น ;ถาไปทางอื่นมันก็ไมมี.

เดี๋ยวนี้มาเขาใจกันเสียวา เรื่องนี้สูงเกินไปไมตองเอามาสอนฆราวาส ; ผมก็เคยถูกหาม. ผูหลักผูใหญเคยหามวา อยาเอาเรื่อง อนัตตา สุญญตามาสอน ชาวบ าน มั น สู งเกิ น ไป ; บางคนก็ เยาะเย ยถากถางวา ผมเอาเรื่อ งที่ สู งเกิ น ไป มาสอนชาวบาน - เชนเรื่องจิตวาง ก็ถูกลอบางถูกดาบาง. แตผมก็พยายามทํา


ธรรมะสําหรับฆราวาส

๗๕

ใหดีที่สุด ใหตรงตามที่พระพุทธเจาทานแนะไว วาฆราวาสก็ควรจะมีความรูเรื่อง สุ ญ ญตา หรือ เรื่อ งจิ ต วางนี้ ต ามสมควรที่ ฆ ราวาสควรจะรู, มั น จะได บ รรเทา ความทุก ขย ากลํ า บาก ทางจิต ทางใจ.เพราะวา มีค วามจริง หรือ ขอ เท็จ จริง อยูอยางหนึ่งวา คนเรามี ความทุกขอ ยางรายแรงเนื่อ งมาจากความดี. ยึดมั่ น ถือมั่ น ในความดี. อย างคุณ สอบไลต ก มี ความรูสึ กเป น ทุ กขม าก นี่ ก็เพราะ เรายึด มั่น ในเรื่อ งจะสอบไลได หรือ ความดี. หรือ วา ไมไ ดอ ะไรตามที ่ห วัง ไว ในทางฝายดี ฝายสูงแลว ก็ตองเสียใจเปนทุกข. บางคนไปทําลายตัวเองดวย การฆาตัวตายก็มี. เมื่อเปนอยางนี้แลว เรื่องอื่นมันชวยไมได นอกจากความรู เรื่องสุญญตาจึงจะชวยได. สุญญตา จะชวยเด็ก ไมใหเด็ก ๆ ตองรองไห เมื่อสอบไลตก, ชวย ผูใหญไมใหรองไหเมื่อผิดหวังในเรื่องที่หวังไวมาก ๆ. พระพุทธเจาทานทรงเห็น อยางนี้จึงไดยกเรื่องสุญญตาขึ้นมา วาเปนเรื่องเกื้อกูลแกฆราวาสตลอดกาลนาน. เราคอ ยไปศึก ษาเรื ่อ ง อนัต ตา เรื ่อ งสุญ ญตา กัน อีก ทีห นึ ่ง โดยละเอีย ด. เดี๋ยวนี้เพียงยกมาใหเห็นวามันเปนลําดับกันอยูอยางไร จะไดครบชุด. ฆราวาส ธรรมอยา งต่ํา สรุป ไวถึง เรื่อ งทิศ หก, ปฏิบัติใ หถูก ตอ งเกี่ย วกับ สัง คม. สู ง ขึ้ น ไปก็ เ รื่ อ งปุ ญ ญาภิ สั น ทะ โสตาป ต ติ ยั ง คะ. สู ง สุ ด ก็ คื อ เรื่ อ ง สุญญตา. นี้เปนฆราวาสธรรม.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรื่องสุญญตา เปนเรื่องบรรลุ มรรค ผล นิพพานโดยตรง. คนพวก หนึ ่งก็จ ะคัด คา นวา ไมใชเรื่อ งของฆราวาส ; ผมก็ม ีที่อ า งในพุท ธภาษิต ใน พระไตรป ฎ กมี ชั ด อยู อ ย างนั้ น . คุ ณ จะถื อ เอาหรือ ไม ถื อ เอาก็ ไปคิ ด ดู . ถ าอ าง หลักพระพุทธภาษิตมันก็มีอยูในพระไตรปฎก อยางนั้นแหละ. ทีนี้ถาเอาเหตุผล สวนตัวกัน ก็ไปคิดดูซิ เมื่อฆราวาสรอนเปนไฟอยูก็ตองมีน้ํามาดับไฟ ซึ่งไมมี


๗๖

ฆราวาสธรรม

อะไรที ่ด ีไ ปกวา เรื่อ งไมย ึด มั ่น ถือ มั ่น ; เพราะฉะนั ้น ฆราวาสก็จ ะตอ งมี ความรูเรื่องไมยึดมั่นถือมัน หรือวางจากความยึดมั่นถือมั่น ที่เรียกวา สุญญตา ; แลวก็มีจิตวางชนิดนี้อยูพอสมีควรกับความเปนฆราวาส ก็จะเปน ฆราวาสที่ไมมีความทุกข และนาบูชา, เปนฆราวาสที่ดีที่สุด นาบูชา. ขอใหเอาไปนึกดวยเหตุผลของตนเองอีกทีหนึ่ง คือในพระบาลีที่อางไว ก็ม ี เหตุผ ลก็เห็น อยู ว า จริง อยา งนั ้น ก็ถ ือ ปฏิบ ัต ิไ ด. แตถ า วา โดยที ่แ ทแ ลว พระพุ ท ธเจาท านสอนให เอาเหตุ ผ ลของตั วอย าไปเชื่ อ มี อ ยู ในบาลี เพราะใคร เขีย นเติม เขา ไปเมื ่อ ไรก็ไ ด ; ขอใหใ ชค วามเห็น แจม แจง ของตัว เองเปน เครื่องตัดสิน. วัน นี้เราพูดกันถึงตัวฆราวาสธรรมโดยหัวขอ ใหญ ๆ ฆราวาส ธรรมชั้นต่ํา ๆ - กลาง ๆ- สูง ๆ, มีอยูเปน ๓ ชั้น สามระดับอยางนี้ ก็หมดเวลาที่ เราจะพูดกันไดในวันนี้. ขอใหถือเอาไว เปนหัวขอที่จะพูดในรายละเอียดเฉพาะ เรื่อง ๆ ตอไปในวันหลัง โดยเฉพาะอยางยิ่งก็คือเรื่องสุญญตา. ทีนี้เหลืออยูเรื่อง ธรรมะประเภทที่เปนเครื่องมือ ที่จะทําใหปฏิบัติลุถึงจุดมุงหมายนี้มันอีกพวกหนึ่ง เขาเรี ย กว า “ฆราวาสธรรม” โดยตรงเหมื อ นกั น ; มี ธ รรมอยู ๔ ข อ เรี ย กว า สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ ๔ อยางนี้ก็เอาไวพูดในวันตอไป.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สําหรับวันนี้ พอกันที เพราะวาหมดเวลาเพียงเทานี้.


ฆราวาสธรรมที่เปนธรรมะประเภทเครื่องมือ -๕๒๓ เมษายน ๒๕๑๓ สํ า หรับ พวกเราลว งมาถึง เวลา ๒๐.๓๐ น.แลว . ใน วัน นี ้จ ะ ไดพ ูด กัน ถึง เรื ่อ ง ฆ ราวาส ธ รรม ซึ ่ง ห ม าย ถึง ฆราวาสธรรม ที่ เ ป น ธรรมประเภทเครื่ อ งมื อ . ในครั้ ง ที่ แ ล ว มาได ชี้ ใ ห เห็ น ตั ว ฆราวาสธรรมโดยตรงไว ถึ ง ๓ ระดั บ คื อ ต่ํ า – ก ล าง - สู ง . ฆ ราวาส จะต อ งมี ฆ ราวาส ธรรม ทั ้ง ๓ ระดับ จึง จะเปน ฆราวาสที ่ม ีค วามสุข . ฆราวาสธรรม ต่ํ า ๆ ก็ คื อ เรื่ อ งทํ า มาหากิ น เรื่ อ งการสั ง คม เรื่ อ งทิ ศ หก เป น ต น ; นี ้ ต  อ งป ฏิ บ ั ต ิ ใ ห ด ี จ ะได ม ี ท รั พ ย มี เ กี ย รติ ย ศ มี สั ง คมที่ ดี ก็ เป น อั น เสร็ จ เรื่ อ งไปตอนหนึ่ ง สํ า หรั บ ฆราวาส, สํ า ห รั บ ห น า ที ่ ข องฆ ราวาส ซึ ่ ง มี ฆ ราวาส ธรรม ใน ขั ้ น ต่ํ า เปนคูกัน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี ้ฆ ราวาสควรจะตอ งมี ฆราวาสธรรม ในขั ้น กลางก็ค ือ รู จ ัก พระพุ ท ธ รู จั ก พระธรรม รู จั ก พระสงฆ , แล ว ก็ มี ศี ล ที่ ดี ; นี้ ก็ ห มายความว า


๗๘

ฆราวาสธรรม

เปนเรื่องสูงขึ้นไป สําหรับจะไดมีจิตใจสูงขึ้นไปในทางธรรม, นี้เรียกวาฆราวาส ธรรมในระดั บ กลาง ซึ่ ง จะต อ งรู จั ก หลั ก ของพระศาสนาอย า งถู ก ต อ ง, และมี ความศรัท ธา ความเชื ่อ ความเลื ่อ มใส แนน แฟน ในพระพุท ธ พระธรรม พระสงฆ และมีศ ีล ดี ; ก็ไ ดค วามสุข ใจในขั ้น ที ่ส ูง ขึ ้น ไปดว ยเหมือ นกัน . แต เทานี้ยังไมพอ ฆราวาสจะตองมีฆราวาสธรรมขั้นสูงอีกขั้นหนึ่ง คือธรรมะในขั้นสูง ที่ เรียกวา สุ ญ ญตา หรืออนั ตตา สํ าหรับฆราวาสจะได ปลงตก ในเมื่ อสิ่ งต าง ๆ มันไมเปนไปตามปรารถนา เชน ความวิบัติเกิดขึ้น หรือความทุกขอยางอื่นเกิดขึ้น. แมที่สุดแตความเจ็บไขเปนตนก็ดี เขาจะไดมีความรูเรื่องสุญญตา อนัตตา มาเปน เครื่องปลง แล วก็ สลั ดความทุ กข ที่ เกิ ดมาจากการวิบั ติ หรือการที่ จะต องเป นไป ตามธรรมชาตินั้น ออกไปเสียได, เลยไมมีความทุกข ; มิฉะนั้นจะเปนฆราวาส ที่โงเขลา มีความทุกข ในเมื่อสิ่งตาง ๆ มันไมเปนไปตามที่ตนปรารถนา. ฆราวาสควรจะรูเสียดวยวา มันไมมีอะไรที่จะเปนไปตามปรารถนา ของเราไปทุกสิ่งทุกอยาง ; มันเปนไปตามปรารถนาไดนอยมาก แลวมันก็ยาก ที ่จ ะเปน ดว ย. เพราะฉะนั ้น เราตอ งมีธ รรมะในขั ้น สูง สํ า หรับ แกป ญ หาขอ นี้ ซึ ่ง อยา ใหฆ ราวาสตกนรกทั ้ง เปน , อยา ตอ งนั ่ง รอ งไหบ อ ย ๆ เมื ่อ ลูก ตาย เมื่ อ ผั ว ตาย เมื่ อ เมี ย ตาย, หรื อ เมื่ อ วิ บั ติ ด ว ยโจรภั ย อั ค คี ภั ย หรื อ จะต อ งเจ็ บ ตองไขในลักษณะที่รักษาไมได, ฆราวาสนั้นก็จะไมตองเปนทุกขมาก. นี่ฆราวาส ตองมีฆราวาสธรรม ถึง ๓ ระดับอยางนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org แตบางคนเขาไมยอมใหมีหลักอยางนี้ ไมยอมใหถือวาเรื่องธรรมะชั้นสูง เชน สุญ ญตาเปน ตน นั ้น วา เปน เรื่อ งของฆราวาส ; แตใ นพระบาลีม ีอ ยู ช ัด ในพระไตรป ฎ กนี้ พระพุ ท ธเจ า ตรัส ว า เรื่อ งสุ ญ ญตา เป น เรื่อ งที่ เป น ประโยชน เกื้ อ กู ล แก ฆ ราวาสตลอดกาลนาน. คุ ณ เอาไปคิ ด ดู เอง คุ ณ จะประสบว า ใน


ฆราวาสธรรมที่เปนธรรมะประเภทเครื่องมือ

๗๙

ประเทศไทย ในกรุง เทพ ฯ นี ้แ หละ ไมใ ชที ่อื ่น , เขาจะคัด คา นเรื ่อ งฆราวาส จะต องรู จะต องเรียนเรื่องสุ ญ ญตาเป นต น ; หาวาสู งไป เอามาสอนนั้ นไม ควร ; แล ว ว า จะเป น อุ ป สรรคแก ค วามเจริ ญ ของฆราวาสด ว ย ; มั น ผิ ด กั น อยู อ ย า งนี้ . สวนผมก็ยังขอยืนยันอยูตามเดิมวา ฆราวาสจะตองมีฆราวาสธรรมใน ๓ ระดับนี้ ; ระดั บ ต่ํ า เพื่ อ ทํ า มาหากิ น ; ระดั บ กลาง เพื่ อ ประกอบการบุ ญ การกุ ศ ลทางจิ ต ทางวิญญาณ ทางศาสนา ; ระดับสูง เพื่ อประกอบการบุ ญการกุศล ทางวิญญาณ ที ่จ ะเกิด ขึ ้น แกฆ ราวาสเปน ประจํ า เชน ลูก ตาย เมีย ตาย เปน ตน . เมื ่อ ครบ ทั้ ง ๓ อย าง ก็ จ ะเป น ฆราวาสที่ ไม ต กนรกทั้ งเป น . นี้ เป น เรื่อ งที่ เราได พุ ด กั น แล ว และเปน หลัก ตายตัว ที ่จ ะตอ งปฏิบ ัต ิใ หไ ด. ขอย้ํ า วา เปน เรื่อ งที ่จ ะตอ งปฏิบ ัติ ใหได. ทีนี้เราก็มักจะปฏิบัติไมได จึงตองมีธรรมะสําหรับฆราวาสอีกหมวดหนึ่ง มาเปน เครื ่อ งมือ ที ่จ ะชว ยใหป ฏิบ ัต ิใ หไ ด. ดัง ที ่ผ มไดก ลา วแลว วา ธรรมะ แบ ง ออกเป น ๒ ประเภท คื อ ธรรมะประเภทที่ เ ราจะต อ งปฏิ บั ติ และธรรมะ ประเภทที่ จ ะช ว ยให เ ราปฏิ บั ติ ไ ด ในสิ่ ง ที่ เ ราจะต อ งปฏิ บั ติ . วั น นี้ จ ะพู ด ใน ฆราวาสธรรม ประเภทที่เปนเครื่องมือ สําหรับใหปฏิบัติฆราวาสธรรม อยางที่ กลาวมาแลว ๓ ระดับนั้นได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฆราวาสธรรม ที่ เป นเครื่อ งมื อนี้ มี ระบุ ไว ชั ดในพระบาลี อี กเหมื อนกั น วา มีอ ยู  ๔ ขอ :- สัจ จะ - ความจริง ใจ, ทมะ - การบัง คับ ตนเอง , ขัน ติ ความอดกลั้ นทดทน, จาคะ – การสละสิ่ งที่ ไม ควรจะมี อยู ในใจ ออกไปเสี ยจากใจ ; รวมเปน ๔ อยา งดว ยกัน เรีย กวา “ฆราวาสธรรม ในฐานะที ่เปน เครื ่อ งมือ ”. เราจะอธิบายกันทีละขอ วาธรรมะ ๔ ขอนี้เปนเครื่องมืออยางไร ?


๘๐

ฆราวาสธรรม

ขอแรก สัจจะ คือความจริงใจ นี้คือความตั้งใจจริง ๆ ที่จะปฏิบัติ ใน สิ่ งนั้ น เรี ย ก ว า สั จ จะ, ตั้ งใจให มั่ น อ ย า งถึ ง ขี ด ที่ สุ ด เขาก็ เ รี ย กว า “อธิฏ ฐานะ” ในภาษาบาลี, หรือ อธิษ ฐาน รวมกัน เขา ทั ้ง สองคํ า ก็เ รีย กวา สั จ จาธิ ษ ฐาน, ดั งที่ เราได ยิ น อยู บ อ ย ๆ วา มี สั จ จาธิ ษ ฐานะ – คื อ อธิษ ฐานใน สัจจะความจริงอยางใดอยางหนึ่ งที่ เราจะทํ า, ตั้งใจจะทํ า. ขอ นี้ มี ค วามสําคั ญ อยางไร คุณ ก็พ อจะเขาใจได. เราตอ งมีค วามตั้งใจจริงนี้เปน ขอ แรก : แมเรา จะรูอยูวาอะไรเปนอะไร หรือจะตองทําอะไร ; เพียงเทานั้นมันไมพอ มันตองมี สั จ จธิ ษ ฐานในเรื่อ งนั้ น ในข อ นั้ น . ฉะนั้ น พิ ธี รีต องต า งๆบางอย า งบางชนิ ด ก็ มี ประโยชน คื อตั้งสัจจาธิษ ฐานจะทํ านั่ น ทํานี่ ; ถาไม สํ าเร็จไม ย อมเลิกละ, เชน อธิษฐานวา ตองสําเร็จ ไมสําเร็จก็ตองตาย, มีสองอยางเทานั้น. เมื่ อพระพุ ทธเจ าทํ าความเพี ยรเพื่ อตรัสรู ก็ มี สั จจาธิ ษฐานทํ านองนี้ เมื่อประทับนั่งลงไปที่โคนตนโพธิ์ แลวทรงอธิษฐานวา แมอะไร ๆ จะหมดไปจน เหลือแตกระดูกก็ตาม ถาไมบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณแลวจะไมลุกขึ้นจากที่นั่งอันนี้ ลองฟ งดู .เลื อ ดเนื้ อ เส น เอ็ น อะไรก็ ต าม จะแห งไปจนเหลื อ แต ก ระดู ก ก็ ช างมั น ถายั งไม บรรลุ พระสัมมาสัมโพธิญ าณ จะไม ลุกจากที่ นั่ งอันนี้ . ในที่ สุดก็ได บรรลุ สัมมาสัมโพธิญ าณที่ นั่น ในวันนั้น. เรื่องของคนอื่น ๆ ก็เหมื อนกัน ถาเป นเรื่อง ทางจิต ใจ ก็เ ปน เรื ่อ งเหมาะสมที ่ส ุด ที ่จ ะมีส ัจ จาธิษ ฐาน ; เพราะวา เรื ่อ ง ทางจิตใจนี้มันจัดทําเอาไดงายกวาเรื่องเปนวัตถุขางนอกตามธรรมชาติ ; หรือเรื่อง ที ่ม ัน เนื ่อ งกับ คนอื ่น นี ้ม ัน บัง คับ ไมไ ด หรือ บัง คับ ไดน อ ย แตถ า เรื่อ งสว นตัว ของเรา แลวยิ่งเปนเรื่องทางจิตใจดวยแลว ยอมอยูในวิสัยที่จะมีสัจจาธิษฐาน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้เราจะพูดถึงเรื่องที่ต่ําตอยที่สุด อยางการศึกษาเลาเรียนของพวกคุณ ในโรงเรียน ในวิทยาลั ยก็ ตาม ถ ามี สั จจสธิษฐานกั นเสี ยบ าง, และทํ าให มั นจริง ๆ ผลคงจะดี ก ว า นี้ . เดี๋ ย วนี้ มั น มี สั ก แต ค วามตั้ ง ใจ เราก็ ตั้ ง ใจ ; แต แ ล ว ก็ มี ก าร


ฆราวาสธรรมที่เปนธรรมะประเภทเครื่องมือ

๘๑

โลเลเหลาะแหละ แทรกแซงอยูตลอดเวลาทุก ๆ วัน. ถาตั้งใจจริงมันตองดีกวานี้ คุณไปดูเถิด ในการศึกษาเลาเรียนของคุณนั้น ถาตั้งใจจริงจะตองดีกวานี้ อยาง นอยอีกแลว ๒๐ - ๓๐เปอรเซ็นต ; มันมีเวลาที่เหลวไหล เหลาะแหละ ผลัดวัน ประกัน พรุ ง หรือ วา ขี ้เ กีย จ. ฉะนั ้น เรามองเห็น กัน แลว ก็จ ะตอ งถือ เปน หลักธรรมะที่สําคัญ ขอหนึ่งที่จะตองเคารพธรรมะขอนี้. นี้เปนขอแรก คือตั้งใจ จริงขนาดอธิษฐาน. ข อ ที่ ๒ คื อ ทม (อ า นว า ทะมะ) – แปลว า บั ง คั บ ตั ว เอง ข ม ขี่ บังคับตัวเอง บังคับใจของตนเอง. สิ่งที่เรียกวา จิตใจนี้ มันบังคับยากใคร ๆ ก็รู พอจะเขาใจกันได วามันบังคับยาก ;แตทานก็ยังสอนใหบังคับ ไมใหยอมแพ . พระพุทธภาษิตเกี่ยวกับ “ทมะ” นี้มีนาฟงมาก คือวา “จงทรมารตน, จงบังคับตน ใหเหมือนควาญชางที่ฉลาด สามารถบังคับชางที่ตกน้ํามัน” . ลองนึกถึงภาพ พจนอันนี้ก็จะเขาใจไดงายขึ้น. ชางที่ตกน้ํามัน ไมใชชางธรรมดา, ควาญชาง มีคําวาฉลาดประกอบอยูดวย จึงจะบังคับชางที่ตกน้ํามันได ; เราจงบังคับจิต ของเราให ได เหมื อ นอย างนั้ น . เราก็ ต องเป น ควาญชางที่ ฉ ลาด ถ าเป น ควาญ ชางโง มันก็ตายเพราะชางนั้น ; เพราะวาจิตนี้มันจะยิ่งกวาชางที่ตกน้ํามัน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุณจะตองสังเกตดูใหดีวา จิตนี้มันยิ่งกวาชางที่ตกน้ํามัน ถาเราไม ไปแตะตองมัน เขา มันก็ดูคลายๆกับ ไมมีพิษสงอะไร ; อยางเรานั่งอยูอ ยางนี้ รูสึกอยูอยางนี้ ดูคลายๆกับวา จิตนี้มันเปนของอยูในอํานาจ หรือควบคุมงาย บังคับ งาย. แตพ อลองไปเริ่ม บังคับ มัน มัน จะตอ สู, แลวมัน จะดิ้น รนยิ่ง กวา ชางตกน้ํามัน ; และเมื่อทําไมถูกวิธี เปนหมอชางที่โง ก็จะตองตาย เชนเปนบา.

การบังคับจิตอยางไมถูกวิธีนี้ มันทําใหคนนั้นกายเปนบา. เหมือน หมอชางที่ไมฉลาดพอ ไปบังคับชางที่ตกน้ํามัน มันก็ตองตาย.


๘๒

ฆราวาสธรรม

เราจะตองเป นผูฉลาดในเรื่องของจิต แลวก็ บั งคั บให ถูกวิธี มั นก็ จะ บัง คับ ได. วิธ ีบ ัง คับ จิต นั ้น มัน เปน เทคนิค เฉพาะ เปน เรื ่อ ง ๆ เรื ่อ ง ๆ ไป; จะบั งคั บ ในลั ก ษณะไหน ก็ ต อ งไปศึ กษาเอาในลั ก ษณะนั้ น , เช น บั งคั บ ให เป น สมาธิ หรือจะบั งคับ ให เปน วิป สสนา คือ เห็น แจง, หรือจะบั งคับ ให มีฤทธิ์มีเดช มีป าฏิห าริย , ก็ล ว นแตต อ งเปน การฝก ที ่ถ ูก วิธ ี เฉพาะเรื ่อ งดว ยกัน ทั ้ง นั ้น . แตถ า พอทํ า ผิด วิธ ี มัน ก็ก ลายเปน ความทุก ข; บางทีก ็ทํ า ใหก ลายเปน บา เสียสติไป. ฉะนั ้น ในเรื ่อ งบัง คับ จิต เขาจึง มีอ ุบ ายที ่แ ยกเอาไวเ ปน ๒ ชนิด เรี ย กว า ป ค คาหะ กั บ นิ ค คะ: ป ค คาหะ - คื อ ว า เอาดี เข า ว า เอาดี เข า ต อ , ประคั บ ประครองประเล าประโลมจิ ต ; วิธี นิ ค คหะ – คื อ วิ ธีที่ ข ม ขี่ ล งไปโดยตรง บี บ บั งคั บ โดยตรง. ฉะนั้ น จะต อ งดู โอกาสว า จะต อ งใช อ ย างไร ? ใช วิ ธี ไหน ? หรือใชทั้งสองอยางใหทันทวงที ใหทันเหตุการณ อยางไร เราจึงจะบังคับจิตนี้ได. เหมือนกับเราจะบังคับเด็กสักคนหนึ่ง ดวยไมเรียวตลอดเวลา มันคงจะโกลาหล วุน วาย ; บั งคั บ ด วยสตางค ด วยขนม ด วยถูก กวาด หรือ อะไรดู บ าง มั น ก็ จ ะ เรีย บรอ ยกวา . เรื ่อ งของจิต ก็ม ีอ ยา งนี ้, มี นิค คหะ ปค คาหะ. นิค คหะ คือขมขี่ลงไป เหมื อนใชไมเรียว ; ปคคาหะ- คือประคับประคองประเลาประโลม เหมือนใชขนมบังคับ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เปรี ย บจิ ต กั บ เด็ ก นี้ ก็ มี ส ว นจริ งอยู ม าก ; คื อ มั น ยั งไม รู อ ะไร. ถ า เปรีย บกั บ ช างมั น ก็ มี ส วนจริงอยู มาก คื อ มั น มี แรงมาก ถึ งบทมั น ดื้ อ ขึ้น มาแล ว มัน ก็อ ัน ตราย. เราไปใชก ารสัง เกตการพิจ ารณาใหด ี ๆ ใหรูเ รื่อ งของจิต รูธรรมชาติ ของจิ ต รูเล ห เหลี่ ย มมายาของจิ ต , ก็ จะต อ งบั งคั บ ได ในที่ สุ ด .แต ถ า เรื่อ งในทางศาสนาแล ว เขี ย นไว ค รบถ ว น เป น ตํ ารา เป น คํ า สอน. ในเรื่อ งของ


ฆราวาสธรรมที่เปนธรรมะประเภทเครื่องมือ

๘๓

ชาวบา นนั ้น ก็ต อ งไปหาวิธ ีเอาเองที ่จ ะบัง คับ จิต . เชน คุณ อยากจะไปดูห นัง ในกรณี ที่ ไม ส มควรจะไป ก็ ล องต อ สู กั น กั บ จิ ต ดู มั น ก็ จ ะมี โอกาสที่ จ ะพบกั บ ธรรมชาติของจิต หรือการบังคับจิต. การบัง คับ จิต นี ้เรีย กวา ทมะ เปน ธรรมะสืบ ตอ มา เปน ขอ ที ่ส อง. ขอที่ ๑ สัจจะ ความตั้งใจจริง เรากลัววา หรือมันมักจะเปนทีเดียววา การตั้งใจ จริงนี้ มั นอยู ไม ค อยจะได มั นไม จริงไปตลอด ฉะนั้ นเพื่ อจะให จริงตลอดก็ ต องมี ขอที่สอง คือบังคับเขาไวใหอยูในรองในรอยของความตั้งใจจริง. มาถึงขอที่ ๓ ขันติ แปลวา ความอดทน นี้จําเปนจะตองมีเขามา รับ ชว งอีก ที; เพราะวา ในการบัง คับ จิต นั ้น มัน โกลาหลวุ น วา ย มัน เจ็บ ปวด มัน ตอ งทน , เพราะความเจ็บ ปวด เพราะความโกลาหลนั ้น มัน ตอ งทน. ถา ไมมีการทน มันลมละลายที่ตรงนั้นเอง ฉะนั้นตองเอาความอดทนเขามารองรับ ไวอีกทีหนึ่ง ; จะตองมีความหนักแนนและอดทน มันจะไดไมโกลาหลมากมาย มันจะไดไมเป นบ า เพราะเราทํ าความหนั กแนน ให แกจิต. แปลวาสงบรํางับ จิต ใหม ัน ทนได รอได คอยได ; เพราะในบรรดาความสํ า เร็จ ทั ้ง หลายนั ้น มัน ไมไดมาทันอกทันใจ มันตองการเวลา บางทีก็ตองการเวลามากเสียดวย ถาไม ทนมั น ก็ ล ม เหลว มั น ยั ง ไม ถึ ง เวลาที่ จ ะได ผ ล แล ว เราก็ ไ ม ท น มั น ก็ เลิ ก กั น . ฉะนั ้น เราก็ต อ งทนไดด ว ย รอคอยไดด ว ย. สํ า หรับ ภิก ษุใ นพระพุท ธศาสนานี้ เขามี คํ า ที่ ไพเราะน า ฟ ง มากอยู คํ า หนึ่ ง ว า “ประพฤติ พ รหมจรรย ด ว ยน้ํ า ตา” หมายความวา เปนภิกษุ เปนบรรพชิตนี้ มีสิกขาวินัยที่เราตองประพฤติปฏิบัติ ; ทีนี้มันฝนความรูสึกของเรา, เราตองทน ทนจนน้ําตาไหล ก็ไมยอมใหมันเสียไป ในข อ ปฏิ บั ติ . ฉะนั้ น ความอดทนนี้ ถ า พู ด ให ถู ก แล ว มั น อดทนต อ การบี บ คั้ น ของกิเลส.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๘๔

ฆราวาสธรรม

ในโรงเรียนเขามั กจะสอนกันแต วา อดทนตอคนดาวา, อดทนต อ ความรอ นหนาวตามธรรมชาติ, อดทนตอ ทุก ขเวทนาเมื ่อ เจ็บ ไข. ผมวา อยางนี้ไมยาก นี้เปนของเด็กเลน ; ที่มันยากที่สุดก็คืออดทนตอการบีบคั้นของ กิเลส,จะเปน ราคะ โทสะ โมหะ อะไรก็ต าม ที่มัน บีบ คั้น เผาผลาญจิต ใจ. ถาคุณเคยมีราคะก็ลองสังเกตดูบาง วามันมีพิษสงเทาไร ? จะตองอดทนเทาไร ? แมแตอยากไปดูหนัง อยากจะทําสํามะเลเทเมาอะไรบางอยางนี้ เมื่อไมไดไป ทําตามที่มันอยากแลว มันมีพิษสงอยางไร ? นั่นก็คือความบีบคั้นของกิเลสนั่นเอง. ทีนี้กิเลสบางชนิดมันยังรายกวานั้น มันคอยแตจะใหเราลมละลาย หรือฉิบหาย. ความบีบคั้นของกิเลสเปนเรื่องของความรักก็ได เปนเรื่องของความ เกลีย ดก็ไ ด เปน เรื่อ งของอยา งอื่น เชน อิจ ฉาริษ ยา ความกลัว ความอะไร ก็ต ามใจ, ลว นแตบ ีบ คั ้น ทั ้ง นั ้น ;โดยเฉพาะอยา งยิ ่ง ความวิบ ัต ิพ ลัด พราก ความไมไดอยางใจ, ไม ไดอยางที่กิเลสตองการนี้ มัน บีบ คั้น ที่สุด ; จึงตอ งใช ความอดทน ซึ่งเรียกวา อธิวาสนขันติ - เปนขันติอันเปนความอดทนชั้นสูงสุด. อดทนต่ํา ๆนั่นคืออดทนรอน อดทนหนาวตามธรรมชาติ, อดทนเมื่อเจ็บเมื่อไข เมื่ อเกิดทุกขเวทนา, อดทนเมื่อ เขาดา เขาสบประมาท ก็ยังไมเทาการบี บ คั้น ของกิเลสในภายในของตัวเอง. แตถึงอยางไร เราก็ตองอดทนทุกอยาง อดทน อย างงาย ๆ อย างธรรมดานั้ น ด วย อดทนอย างสู งสุ ด คื อการตามบี บ คั้ นของ กิเลสดวย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ลองคิดดูวา เราเคยมีความอดทนถึงขนาดนี้หรือเปลา ในชีวิตของเรา ที่ผานมาแลวแตหนหลัง. ในการศึกษาเลาเรียนนี้ ไมตองไปเอาที่อื่น เราเคย มีความอดทนถึงขนาดที่นานับถือ นาเลื่อมใสอยางนี้บางหรือเปลา. เดี๋ยวนี้ไมมี ใครบังคับเรา เราฟรี เราตามใจตัวเองก็ได ก็เลยไมคอยจะมีการอดทน ; แมที่


ฆราวาสธรรมที่เปนธรรมะประเภทเครื่องมือ

๘๕

สุดแตวา ตั้งใจวาคืนนี้จะศึกษาเรื่องนี้ใหเสร็จไป, ตั้งใจเปนสัจจะ แลวบังคับ ตั ว เองให ทํ า .แล ว ก็ ท นง ว งนอน ทนอะไรต า ง ๆ นา ๆ, ทนได ห รื อ ไม ? ทนจนเรื่อ งนี้ มั น เสร็จไปได ; ถ างวงนอนขึ้น มาก็ ไปแก ไขด วยวิธีนั้ น วิธีนี้ ให มั น หายงวงนอน ใหเรียนตอไป ใหมันไดเสียกอนจึงจะนอน ;อยางนี้เคยทํากันบาง หรือไม ? ทั้งหมดนี้เรียกวา “ความอดทน” จะตองเขามารองรับการขมขี่ บังคับ ตัวเอง, อยาใหมันลมละลายไปเสียงาย ๆ ; คือเราทนอยูเรื่อย การบังคับตัวเอง ก็เปนไปไดเรื่อย. ตอไปก็มาถึงขอสุดทาย ขอที่ ๔ จาคะ นี้เปนการระบายออกของสิ่งที่ ตอ งทน.จาคะ แปลวา ให หรือ บริจ าคออกไป ; ในที ่นี ้ม ัน ไมไ ดห มายถึง ใหสิ่ง ของ. คํา วา จาคะ หมายถึงใหสิ่ง ของก็มี ใหอื่น ๆ อีก ก็ม ี ; แตใ นที ่นี้ เราหมายถึง บริจาคสิ่งที่เราไมตองการใหมีอยูในจิตใจของเรา; สละสิ่งซึ่งเปน ขาศึกแกความดี หรือความสําเร็จ ออกไปจากจิตใจของเรา ก็เรียกวา “จาคะ” ในที่นี้. นี่หมายความวา เราจะไมตองทน จนทนไมไหว หรือวาจนตายเพราะทน ที่ช าวบา นเขาเรีย กวา “ขัน แตก”. ขัน ติ คือ อดทน แตท นไปทนมา อยา งไร ก็ ไ ม ท ราบ เกิ ด ขั น แตก คื อ ล ม ละลาย. ที นี้ เ พื ่ อ ไม ใ ห ขั น แตก เราก็ ต อ ง มีการระบาย มีลิ้นวาลฺว (valve) สําหรับระบายออกอยูเสมอ, คือเราจะตองชวยทํา อยางใดอยางหนึ่งอยูเสมอ, ใหมันระบายออกไปเสียเรื่อย ๆอยาใหตองทนจน ทนไมไหว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้น ถามีอะไรที่จะชวยบรรเทาได ก็ชวยบรรเทามันออกไป; เราตองปลอบจิตใจ จะตองสวดมนตภาวนา หรือวา จะตองทําอะไรตามที่วาควร จะทํา ใหเปนรูรั่ว สําหรับระบายความกดดันออกไปเรื่อย ๆ พอทนไหวเรื่อย ๆ, รวมทั้ ง การพั ก ผ อ น การเปลี่ ย นแปลงนั่ น นี่ ให เป น ไปโดยถู ก วิ ธี ที่ เรี ย กว า


ฆราวาสธรรมที่เปนธรรมะประเภทเครื่องมือ

๘๗

ภาษาลีก็มีคําจํางาย ๆ คําแรกก็คือ อปาย (อปายะ). อบาย คือชั่ว หรือ เลว เสื่อ ม ที่ตอ งละ. คําที่ส อง เรีย กวา - สปาย (สปายะ) คือ สบายดี นี่ทํ าใหมี ขึ้นมา. และเราก็ต องมี อุป าย (อุปายะ) คือ วิธีการที่ จะทํ าให อ บาย หมดไป ใหส บายเกิด ขึ ้น . สามคํ า ลงทา ยวา บาย ๆ ดว ยกัน ทั ้ง นั ้น . อบาย - สบาย - แล วก็ อุ บ าย ; ถ าเป น ภาษาบาลี ก็ วา อปาย สปาย อุ ป าย ; เหลานี้เปนเรื่องชีวิตธรรมดาสามัญ นี่เอง แตเราไมเคยรู ไมเคยเรียกมัน. สวน ที่เราตองละก็ละ ระบุอยูที่อบายมุขทั้งหลาย ไปหารายชื่ออานเอาในหนังสือตํารา หรือเป นเรื่องที่ เคยเรียนกั นมาแล ว ไม ต องพู ดถึ งให เสี ยเวลา. สปายยะ คื อถู ก กระทําถูก หรือเจริญ เราก็ตองสรางสรรคสิ่งตาง ๆ ทําหนาที่จนมีทรัพยสมบัติ จนมีเกียรติยศชื่อเสียง จนมีสมาคม มิตรสหายที่ดี นี่ฝายที่ตองสรางขึ้นมา ; มี กี่ เรื่อง คุ ณ ก็ ไปดู เอง อาจจะรูได วา ฆราวาสจะต องละอะไรบ าง จะต องทํ า อะไรบาง. ในเรื่องการละบุ หรี่ ละเหล า ฯลฯ ก็ ยั งต องใช ธรรมมะอย างนี้ คื อ สว นที่ล ะ. ทีนี ้สว นที่ตอ งทํ า ใหมีขึ้น เชน วา คุณ จะเรีย นหนัง สือ จะสอบไล ใหได ก็จะตองใชธรรมะทั้ง ๔ อยางนี้อีกเหมือนกัน : จัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ ไมตองพูดถึงอยางอื่น. ถามี ๔ อยางนี้แลว ไมตองพูดอันอื่นอีกก็ได : แตวามัน อาจจะมีอยูอีกที่เรียกชื่ออยางอื่น แตเนื้อแทมันก็เหมือนกัน เรายังไมตองไปพูด ถึง ดีกวาหรือถาจะพูดก็เอาไวทีหลัง. ขอใหสนใจบูชา “ฆราวาสธรรมที่เปนเครื่อง มือ” นี้ สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ สี่ชื่อนี้ใหกองอยูในหู อยูในจิตในใจเสมอ. สัจจะ ทมะ ขั น ติ จาคะ เป น เครื่อ งมื อ กํ า จั ด มาร, เป น เครื่อ งมื อ ที่ จ ะสรา งสิ่ ง ที่ เรา ปรารถนาในทุกกรณี โดยเฉพาะของฆราวาส. แมบรรพชิตที่จะปฏิบัติเพื่อบรรลุ มรรคผลนิพพาน ก็ตองใชอยางนี้ ; ธรรมหมวดนี้มันจะมีชื่อเรียกวา “ฆราวาสธรรม” - ธรรมสํ า หรั บ ฆราวาสก็ ต าม ก็ ยั ง ใช ได แ ม จ นกระทั่ ง ไปนิ พ พานเลย

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๘๘

ฆราวาสธรรม

เรามี สั จจะ ทมะ ขั น ติ จาคะ ในข อ ปฏิ บั ติ ทุ ก ขั้ น ทุ ก ตอน เรื่ อ ย ๆ ขึ้ น ไป ก็ จ ะ สําเร็จตามลําดับ จนถึงบรรลุนิพพาน. นี่ ผมพู ดอธิ บายธรรมะหมวดนี้ ในฐานะที่ เป นธรรมะประเภทเครื่องมื อ. เพื่ อ ทํ า ให ฆ ราวาสธรรมที่ เป น ตั วธรรม ที่ เราจะต อ งประพฤติ นั้ น สํ า เร็จ แม ย อ น ไปนึ ก ถึ ง ที่ พู ด แล ว ในคราวก อ นว า ฆราวาสธรรมต่ํ า ๆ ที่ จ ะต อ งปฏิ บั ติ ใ นเรื่ อ ง ทิ ศ ทั้ ง หกให ดี , ทํ า มาหากิ น ให ดี นี้ ก็ ต อ งใช ๔ อย า งนี้ . ที นี้ ฆ ราวาสธรรมที่ สู ง ขึ้ น มา ที่ ว า จะต อ งมี ศ รั ท ธา ป ญ ญา ในทางธรรม, มี ศี ล ที่ พ ระอริ ย เจ า ชอบใจ เหล านี้ เราจะมี สิ่งเหลานี้ได จะตองมี ธรรมะเครื่องมือ ๔ อยางนี้ ชวยอีกเหมือนกัน. ทีนี ้ขั ้น สูง สุด ที ่เราจะตอ งมีค วามรูเรื ่อ ง สุญ ญตา หรือ วา อบรมจิต ใจของเรา ใหม ัน แจม แจง อยู ด ว ยสุญ ญตา ไมไ ปเที ่ย วยึด นั ่น ยึด นี ่ใ หเ ปน ทุก ข เราก็ต อ ง ใชเครื่อ งมื อ ๔ ข อ ๔ อย างนี้ อี ก เหมื อ นกั น . ฆราวาสธรรมพวกโน น ได ฆ ราวาสธรรมพวกนี้เปนเครื่องมือแลวก็จะอยูในวิสัยที่จะทําสําเร็จได ; นี้เสร็จไปตอนหนึ่ง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที นี้ ก็ อ ยากจะบอกอี ก เหลี่ ย มหนึ่ ง หรื อ แง ห นึ่ งว า ฆราวาสธรรม ๔ ประการนี้ ที่ เราเรีย กว า “เครื่อ งมื อ ๆ” อยู ห ยก ๆ นี้ เราอาจจะพลิ ก ให ไปเป น ฆราวาสธรรม ที่ จํ า ต อ งปฏิ บั ติ ก็ ได เหมื อ นกั น . ในโรงเรี ย นนั ก ธรรมชั้ น ต น ๆ เขาก็ส อนฆราวาสธรรม ๔ ขอ นี ้ ในฐานะ เปน ธรรมะที ่ต อ งปฏิบ ัต ิ; ไมไ ด สอนชี้ให เห็ นวาเป นเครื่องมื อ อย างที่ ผมพู ดมาแล ว ; เขาสอนให กลายเป นหั วข อ ธรรมะที่ตองปฏิบัติไปอยางไรก็ลองฟงดู :

- ให มี สั จจะ ซื่ อตรงต อเพื่ อนฝู ง ต อลู กเมี ย ต อเวลา ต อการงาน ; (มี สั จจะอย างนี้ ) - แล ว มี ท มะเป น เครื่ อ งข ม ให มี ท มะเป น เครื่ อ งข ม ใจตนเอง อย า ให พ ลุ ง พล า น บั น ดาลโทสะ หรื อ ว า บั น ดาลความรั ก - ความเกลี ย ดอะไรขึ้ น มา. กลายเป น อยางนี้ไป


ฆราวาสธรรมที่เปนธรรมะประเภทเครื่องมือ

๘๙

- ขั น ติ ก็ ใ ห อ ดทน อย า งว า อดทนร อ น อดทนหนาว อดทน เหนื่อย อดทนเจ็บไข อดทนเขาดา. นี่มีขันติอยางนี้. - จาคะ ก็ ให รูจั ก เอื้ อ เฟ อ เผื่ อ แผ เพื่ อ นบ า น มิ ต รสหาย ให ป น . จาคะก็กลายเปนอยางนี้ไป. ถาอธิบายอยางนี้ ในธรรมะ ๔ ขอนี้ เลยกลายเปนธรรมะธรรมดาที่จะ ต อ งประพฤติ ป ฏิ บั ติ ; ถ า อธิ บ ายอย า งที่ ได อ ธิ บ ายมาแล ว ก็ ก ลายเป น ธรรมะ เครื่องมือสําหรับใหประสบความสําเร็จในการปฏิบัติธรรมใด ๆ ที่เราตองการปฏิบัติ. ถาเห็ นอยางนี้ เราก็ไม หลง วาธรรมะชื่อเดียวกันนั้น ในบางกรณี มันก็เป นธรรมะ ที่ตองปฏิบัติ, ในบางกรณีมันเปนธรรมะประเภทเครื่องมือชวยใหปฏิบัติสําเร็จ. ตัวอยางธรรมะ ๔ ขอนี้ ถาจะเอาเปนธรรมะต่ําๆสําหรับปฏิบัติมันก็ได : สัจ จะเปน คนจริง , ทมะ ก็เปน ผู บ ัง คับ ตนเอง, ขัน ติก ็เปน คนอดทน, จาคะ เปนคนเอื้อเฟอเผื่อแผ. แตถาวาเราจะใหเปนธรรมะเครื่องมือ มันมีความหมาย ที ่เ ปลี ่ย นไป : สัจ จะ คือ การอธิษ ฐานจิต , ทมะ คือ การบัง คับ จิต , ขัน ติ คือ อดทน ใหบังคับ อยูได, จาคะ บริจ าคสิ่งที่ไมควรจะเอาไวในใจใหออกไป ; นี่ ให เข าใจไวเสี ยด วยวา ภาษาบาลีเป นอย างนี้ . คํ า ๆ เดี ยวกั นมี ความหมายได หลายระดั บ หรือ ถึ งกั บ ต างกั น เลยเป น คนละเรื่ องก็ มี , เป น เรื่อ งเดี ย วกั น แต ค น ละระดั บ ก็ มี ; ฉะนั้ น อยาไปประหลาดใจเลย เมื่ อ ไปพบเขาอย างนี้ , ไม ต อ งงง ไมตองสงสัยใหมันเสียเวลา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราไดพูดถึงธรรมะเครื่องมือมาหมวดหนึ่งแลว คือสัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ ต อไปก็ จะยกตั วอย างธรรมที่ เป นเครื่ องมื อ มาให พิ จารณากั นอี กสั กหมวด หนึ่ง, และเปนหมวดที่บางทีคุณจะเคยชินมาแลวในการฟง การใช นั่นก็คือหมวด


๙๐

ฆราวาสธรรม

ที่ ชื่ อ ว า อิ ท ธิ บ าท ๔, อย า งที่ เห็ น อยู ว า มี อ ยู ใ นหลั ก สู ต รที่ ส อนเด็ ก นั ก เรี ย น เรีย กวา อิท ธิบ าท ๔ อยา ง : บาท แปลวา ฐาน เชิง รอง เชน เทา ตีน ก็เ รีย กวา บาท เพราะเปน เชิง รองรับ รา งกาย ; อิท ธิ แปลวา ความสํ า เร็จ , คํ า ว า ฤทธิ ก็ แ ปลว า ความสํ า เร็จ . อิ ท ธิ บ าทแปลว า รากฐานแห ง ความสํ า เร็จ เขาระบุของ ๔ อยางคือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา. ฉั น ทะ คื อ ความพอใจในสิ่ ง ที่ เราจะต อ งทํ า . วิ ริ ย ะ คื อ ความ พากเพีย ร เพีย รไปในสิ ่ง ที ่เราพอใจ. จิต ตะ ก็ค ือ เอาใจใส ฝก ใฝ อยู แ ตสิ ่ง นั ้น ไมเ ป ลี ่ย นเรื ่อ ง. วิม ัง ส า คือ คน ค วา สอดสอ ง เพื ่อ จะแกป ญ ห า อุป สรรคอยู เสมอไป เรียกวา วิมั งสา. เมื่ อ ทํ าอย างนี้ ก็ ตอ งสํ าเร็จเหมื อ นกั น ได ในทุก กรณี. ฉัน ทะ แปลวา ความพอใจ รัก ในเรื่อ งที ่เ ราอยากจะทํ า หรือ ที่ เราอยากจะได ผ ล. เชน เราเป น ฆราวาส อยากจะได เงิน อยากมี เกี ยรติ อยาก จะมี เพื่ อนที่ ดี เราก็ พอใจอยู แล ว ดู จะพอใจได งาย, เวนไวจะเป นเรื่อ งสู งขึ้ นไป ถึง มรรค ผล นิ พ าน ดู จะพอใจยาก. เรามี วัตถุ ป ระสงค ที่ พ อใจอยู ก็เรียกวา มีฉันทะ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org วิ ริ ย ะ คื อ ค ว า ม พ า ก เพี ย ร ก ล า ห า ญ ที่ จ ะ บ า ก บั่ น . คํ า ว า ค ว า ม เพี ย รนี้ มี ชื่ อ มาก ควรรูกั น ไว : วิ ริ ย ะ แปลว า ความพากเพี ย ร มี ค วามหมาย เปน ความกลา หาญ ความเขม แข็ง ; วายามะ คือ ความพยายาม ; อฐิติ แปลว า ความไม ย อมหยุ ด ; อั ป ปฎิ ว าณี แปลว า ความไม ถ อยหลั ง ; ปรั กฺ ก ม แปลว า ก า วไปข า งหน า ; มี อี ก เยอะแยะ ล ว นแต เป น ชื่ อ ของความ เพีย รทั ้ง นั ้น ; แตใ นที ่นี ้เ รีย กวา วิร ิย ะ ไดใ นประโยควา : เกิด มาเปน บุรุษก็ตองพากเพี ยรไปจนกวาวัตถุประสงค ที่มุงหมายไวจะสําเร็จ คือตาย หรือ สําเร็จ มีสองอยาง.


ฆราวาสธรรมที่เปนธรรมะประเภทเครื่องมือ

๙๑

จิต ตะในที ่นี ้ เปน คํ า เดีย วกับ คํ า วา จิต ใจ แตไ มไ ดห มายถึง จิตใจ หมายถึ งการที่ ฝ กใฝ เอาใจใส อยู แต สิ่ งนั้ น, ไม เปลี่ ยนความมุ งหมาย ไม เปลี่ ยน เรื่ อ งอะไร, ฝ ก ใฝ อ ยู แ ต ใ นสิ่ ง นั้ น . คนเรามั ก จะเปลี่ ย นอยู เรื่ อ ย เดี่ ย วอยาก ทํ า นา เดี ๋ย วอยากคา ขาย เดี ๋ย วอยากเปน ขุน นาง นี ่ก ็เ รีย กวา ไมม ี จิต ตะ อยางนี้ . เดี๋ยวอยากเอาดีทางเลาเรียน, เดี๋ยวอยากเอาดีทางกีฬ า, เดี๋ยวอยาก จะเอาดีอ ยา งอื ่น , ทางสัง คม ทางอะไรไป ฯลฯ ; มัน ไมจ ริง . แมเ ราจะ ฝกใฝถึงขนาดนี้แลว มันก็ยังมีอุปสรรค ตองแกอุปสรรคดวย วิมังสา. วิมังสา คือสอดสองอยู อยางละเอียดลออ อยางเยือกเย็นอยูเสมอ ก็จะแกอุปสรรคได. สรุ ป แล ว ธรรมะที่ เรี ย กว า “อิ ท ธิ บ าท ๔“ นี้ ก็ คื อ ธรรมะประเภท เครื่ อ งมื อ ไม ใ ช เป น ตั ว ธรรมปฏิ บั ติ โดยตรง, มั น เป น เครื่ อ งมื อ ให ก ารปฏิ บั ติ สํ า เร็จ เชน เดีย วกับ ฆราวาสธรรม ๔ อยา ง ดัง ที ่ไ ดก ลา วมาแลว . หมวดนี ้ก็ ใชไ ดทั ้ง ฆราวาสและทั ้ง บรรพชิต เหมือ นกัน สํ า หรับ อิท ธิบ าท ๔ นี ้ ไปมรรค ผล นิพพานก็ได, เปนเครื่องมือสาระพัดนึกเชนเดียวกันอีก.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org วันนี้ เรื่องที่เราตั้งใจจะพูดกันนี้ คือ เรื่องธรรมะประเภทเครื่องมือ. แล ว เอาไปใช ป ฏิ บั ติ ธ รรมะที่ เราจะต อ งปฏิ บั ติ ก็ จ ะประสบความสํ า เร็จ .เท า ที่ สั งเกตเห็ น ดู เขาปนกั น ยุ ง ไปหมด,ธรรมะปฏิ บั ติ กั บ ธรรมะประเภทเครื่อ งมื อ ปนกั นยุ งไปหมด. นี้ คื อไม มี เทคนิ คในการปฏิ บั ติ , ไม ป ฏิ บั ติ ให ถู กต อ ง สมควร แกการปฏิบัติ. นี่เปนคําที่จะตองสนใจไวคือ “ธัมมานุธัมมปฏิ บัตติ” - ปฏิบัติ ธรรมใหสมควรแกธรรม, คื อใหถูกต องตามเทคนิ คของธรรม. ถาปนกัน ยุงก็น า สงสาร เปน การหลับ ตาทํ า . ฉะนั ้น ตอ งรูวา อะไรเปน อะไร ทํ า ไปใหถ ูก เรื่อ ง ถูกหนาที่ ก็เปนลืมตาทํา ก็มีความกาวหนา และสําเร็จ.


๙๒

ฆราวาสธรรม

ดังนั้นคุณไปแยกดู วาอะไรเปนเรื่องที่ตองทํา หรือวาเรื่องที่ตองเรียน; แล ว อะไรเป น เครื่ อ งที่ จ ะช ว ยให ทํ า สํ า เร็ จ หรือ เรีย นสํ า เร็ จ ก็ ใช มั น ให ถู ก วิ ธี . อยา งนี ้เ รีย กวา เปน ผู รูธ รรมจริง , ปฏิบ ัต ิธ รรมจริง ,. และไดผ ลจริง , เกิด เปนของจริงขึ้นมาอยางนี้. ถามันเปนสิ่งมีอยูแลว คุณปฏิบัติกันอยูแลว ก็ขอให ปรับ ปรุง ใหด ียิ ่ง ขึ ้น ; ถา ยัง ไมม ี ไมรู อ ิโ หนอ ิเ หน ก็ไ ปทํ า ใหม ัน เขา รูป วา ตอ งทําอะไร ตองใชอุบายอยางไรจึงจะสําเร็จตามนั้น. ในระหวางที่มาบวชนี้ ใชก็ใชเครื่องมือของพระพุทธเจา, ศึกษาก็ศึกษาเครื่องมือของพระพุทธเจา, เชน ฆราวาสธรรม ๔ หรืออิทธิบ าท ๔. ในมหาวิทยาลัยของคุณ เขาสอนกันอยางไร ผมไมทราบ ไมเคยเขามหาวิทยาลัย ไมทราบวา เขาสอนอุบายแหงความสําเร็จ หรือ เครื่องมือที่จะทําใหประสบความสําเร็จกันอยางไร นี้ไมทราบ. แต อยากจะขอยืน ยัน วา อัน นี้ ที่ พ ระพุ ทธเจาตรัสไวนี้ เอาไปใชได แมในมหาวิทยาลัย เพื่อประสบความสําเร็จในหนาที่การงาน, จะเปนการเรียน การกีฬา หรือการสังคม หรืออะไรก็ไดทั้งนั้น. ฉะนั้นอยาใหเสียทีที่บวชระหวาง ป ด ภาคนี้ ; ไม กี่ วั น ก็ จ ริ ง แต ถ า ทํ า ให ดี จั ด ให ดี ศึ ก ษาให ดี มั น ก็ พ อจะได อะไรๆ กลั บ ไปคุ ม ค า . นี่ คื อ ธรรมะในฐานะที่ เป น เครื่ อ งมื อ , เพื่ อ จะช ว ยให ธรรมะที่ เป น ตั ว การปฏิ บั ติ ที่ ก ล า วครั้ ง ที่ แ ล ว มา ให เป น ไปได ถึ ง จุ ด หมาย ปลายทางประสบความสําเร็จ ; เปนธรรมะแฝด เปนคูฝาแฝดกันไปในทุกกรณี.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org วันนี้ก็พอกันที.


ความสุขของฆราวาส -๖๒๔ เมษายน ๒๕๑๓

สํา หรับ พวกเราลว งมาถึง เวลา ๔.๔๕ น. แลว ในวัน นี ้จ ะไดก ลา วถึง ความสุข ของฆราวาส เปน หัว ขอ สําหรับ บรรยาย. ลองนึกทบทวนมาตั้งแตตน ถึงเรื่องตาง ๆ ที่เ กี่ย วกับ ฆราวาสที่ไ ดพูด มาแลว : นับ ตั้ง แตอ ารัม ภกถา คือ เรื่อ ที ่เกี่ย วกับ มนุษ ยทั ่ว ๆ ไป เราถือ วา มนุษ ยโดยทั ่ว ไป เปน ฆราวาส มีช ิว ิต อยู ใ นโลกนี ้ ซึ ่ง จะตอ งมีทั ้ง ความรู และกํ าลั ง สํ าหรับ ปฏิ บั ติ ต ามความรู จนเรีย กวา ชี วิ ต นี้ ต อ ง เทีย มดว ยควายสองตัว เพื ่อ ใหเจริญ ไปตามลํ า ดับ จนถึง วัต ถุป ระสงค ที่มีอ ยูวา มนุษ ยนี้เกิด มาทํา ไม ? เกิด มาเพื่อ ไดอ ะไร ? และก็ไ ดรู เ รื ่อ งประพฤติธ รรมะ ทั ้ง ที ่เ ปน ตัว ธรรมปฏิบ ัต ิ และที ่เ ปน เครื่อ งมือ ใหสํ า เร็จ ประโยชน ใน การปฏิบ ัต ิ อยา งที ่ไ ดก ลา วมาแลว เมื ่อ ครั้ง สุด ทา ย. ทีนี้ ผลที ่จ ะไดร ับ ก็ค ือ ความสุข ของฆราวาส หรือ จะเรีย กวา ความสุ ข ของคฤหั ส ถ ก ็ ต าม. แต แ ล ว ก็ ม ี ป  ญ หาเกิ ด ขึ ้ น ตรงที่ภาษาพูดเปนสิ่งที่ทําความยุงยาก.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org

๙๓


๙๔

ฆราวาสธรรม

เมื่อเราพูดวาความสุขของคฤหัสถ อยางนี้มันมีปญหาตรงที่วาคฤหัสถ นี้ ได แก บุ คคลจํ าพวกไหน? ถ าถื อเอาตามตั วหนั งสื อมั นก็ ไปอย างหนึ่ ง. ถ าถื อ เอาตามความหมายของตัวหนังสือ มันก็กวางออก ไปมากกวานั้นอีกมาก, และถา ถือเอาตามขอเท็จจริง ที่เปนอยูจริง ๆ แลว มันพูดยากที่สุด ที่เกี่ยวกับภาษาไทย วาพวกไหนเปนฆราวาส ? คุณอาจจะยังไมเคยคิด แตอยางผมนี้ ตองคิดจนชิน ; เพราะวา มัน เปน ปญ หาที่เกิด ขึ้น ในการที่จ ะปฏิบ ัติธรรม หรือ สั่ง สอนธรรม. คุณลองคิดดูอยางนี้ก็แลวกันวา คนที่เปนคฤหัสถ ไมใชบรรพชิต มันมีอยูหลาย ชนิ ด : คนอั นธพาลก็ เป นคฤหั สถ , ชาวบ านที่ ดี ก็ เป นคฤหั สถ , ชาวบ านที่ เป น บัณฑิ ต นักปราชญ ฉลาดสามารถก็เปนคฤหัสถ, พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี ที่เปนคฤหัสถก็ยังมี. คุณอาจจะไมทราบ เพราะไมเคยอานเรื่อง ราวเหลานี้ ถาเคยไดยินชื่อ มหาอุบาสิกา วิสาขา หรืออนาถปณฑิกเศรษฐีก็ขอให รูเถอะวา นั่นเปนพระโสดาบัน เปนพระอริยบุคคล ; แตทานเหลานั้นเปนฆราวาส อยูบานอยูเรือน มีบุตร ภรรยา สามี, อยูกับลูกกับหลานกับเหลน, แลวยังมี อีกจํานวนรอย จํานวนพัน ที่เปนพระโสดาบัน หรือเปนพระสกิทาคามีในครั้งนั้น. ทีนี้ ยัง มีสูง ขึ้น ไปถึง อนาคามี ที่ม ีชื่อ เสีย ง ในพระบาลีก็มี คน ๆ หนึ่ง ชื่อ ฆฏิการบุตร เขาชื่ออยางนั้นเปนอนาคามี เลี้ยงพอแม ที่ตาบอด โดยการปนหมอ ขาย. บาลีมีพูดถึงวาเขาไปเอาดินที่ไมตองขุด เปนดินที่สัตวมันขุดขึ้นมา เปนขุย เปนกองอยูนั้นขึ้นมาปนหมอ ปนภาชนะดินตาง ๆ ขายเลี้ยงชีวิตพอแมที่ตาบอด.นี่ เปน พระอนาคามี, ยัง มีพ ระอนาคามีอื ่น ๆ อีก มากหลายเหมือ นกัน เชน พระพุทธบิดาเปนตน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุณลองหาความหมายของฆราวาสดูซิวา เปนอยางไร ? อนาถปณฑิก เศรษฐี , มหาอุ บ าสิ ก า วิ ส าขา นี่ เป น ฆราวาสหรื อ เปล า ; นี่ ไม เป น ป ญ หา เพราะยั ง ครองเรือ น อยู กั บ บุ ต ร ภรรยา สามี ; แต ว า พวกที่ เป น อนาคามี


ความสุขของฆราวาส

๙๕

ไมไ ดค รองเรือ น ชนิด ที ่ว า ไมม ีบ ุต ร ภรรยา สามี. แตว า อยู ที ่บ า น ที ่เ รือ น ไมไดอยูที่วัด, แตงเนื้อแต งตัวเปนอยูอ ยางคฤหัสถทั่วไป จะผิดกัน แตเรื่อ งไม มี กิจ กรรมระหวา งเพศ ; จิต ใจของเขาสูง ขนาดโกรธไมเปน เปน ตน ; แลว ใคร จะไปรู ในเรื่ อ งจิ ต ใจ การแต ง ตั ว กิ น อยู นุ ง ห ม อยู ที่ บ า นที่ เรื อ น. ความรูสึ ก ธรรมดาสามัญของเรา หรือวา เมื่อกลาวโดยภาษาไทยธรรมดาของเรา ก็ตองวา เขาเป น ฆราวาส เป นคฤหั ส ถ. ทีนี้ คุ ณ ไล ม าดู ได ตั้งแต คนอัน ธพาล ที่ เลวราย ที่ สุ ด มาถึงคนธรรมดา มาถึ งคนเฉลี ย วฉลาด, เป น คนดี กระทั่ งเป น โสดาบั น เป น สกิ ท าคามี เป น อนาคามี ; มั น มี ถึ ง อย า งนี้ คนไหนเป น ฆราวาส หรือ คน ไหนไมเปน. ถ า เอาตามธรรมดาก็ ต อ งถื อ วา เป น ฆราวาส เป น คฤหั ส ถ อยู บ า น เรือ นหมด. พอป ญ หามั น มี เขามาวา อย างไหนเรีย กวา ความสุ ขของฆราวาส มันก็ตอบขาก ; เพราะมัน ไมเหมื อนกัน, มั นตางกันลิบ. คนอันดับ สุดทายที่วา ปนหมอขาย เลี้ยงบิดามารดาตาบอด เขามีความสุขของเขาอยางไร ? ภรรยาก็ไมมี ทรัพยสมบัติอะไรก็ไมมีมากไปกวาปนหมอขาย เลี้ยงพอแมไปวันหนึ่ง ๆ .

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุณไปเปดดูหนังสือตํารับ ตํารา เชน นวโวาท ก็จะมีธรรมะประเภท คิห ิป ฏิบ ัต ิ ระบุถ ึง ความสุข ของฆราวาส วา มีอ ยู  ๔ อยา งคือ ๑. สุข เกิด จากความมี ท รั พ ย . ๒ สุ ข เกิ ด จากการจ า ยทรั พ ย บ ริ โภค. ๓.สุ ข เกิ ด จากการไม ตอ งเปน หนี ้. ๔. สุข เกิด จากการทํ า งานที ่ป ราศจากโทษ. ผมวา หลายองค คงเคยเรียนมาแลว หรือเรียนมาแลวตั้งแตอยูในมหาวิทยาลัย เพราะเขาใหเรียน หั วขอ ธรรมะกั น . สุ ข เกิ ด จากการมี ท รัพ ย เกิ ด จากการจ ายทรัพ ย เกิ ดจากการ ไมเปนหนี้ เกิดจากการงานอันไมมีโทษ. ฆราวาสทั่วไปที่เปนฆราวาสที่ดี ก็เป น ไดอยางนี้ กลาวคือแสวงหาทรัพยม า, ใชทรัพ ยบ ริโภค, แลวอยูดวยจิตใจที่ไม


๙๖

ฆราวาสธรรม

หนัก อกหนัก ใจเพราะไมม ีห นี ้ส ิน , การงานที ่ทํ า อยู นั ้น ไมม ีโ ทษ เชน ตอ งไป ติด คุก ติด ตะรางเปน ตน . นี ่ เราก็จ ะเห็น ไดวา เปน หลัก พื ้น ฐานขั ้น ตน ๆ ทั่วไปเทานั้น. ฆราวาสยังอาจจะแสวงหาความสุขที่ดีกวานี้ ที่สูงกวานี้. ดังที่เราไดพูดมาแลว วาฆราวาสชั้นต่ํา ๆ ก็ปฏิบัติเรื่องเกี่ยวกับทํามา หากิน , ฆราวาสที ่ม ีธ รรมะชั ้น ปานกลาง ก็ป ฏิบ ัต ิเกี ่ย วกับ ปุญ ญาภิส ัน ทะ หรือ องค แ ห งความเป น พระโสดาบั น ; นี้ มั น ก็ ได ค วามสุ ข ที่ สู งขึ้ น ไปมาก. แล ว ฆราวาสขั้ น สู ง ก็ ป ฏิ บั ติ สุ ญ ญตา ตามคํ า แนะนํ า ของพระพุ ท ธองค , นี้ ก็ ไ ด ความสุขที่สูงขึ้นไปอีกมาก จนเปนลักษณะของนิพพานชนิดชั่วคราว เปนครั้งเปน คราว, หรือบรรเทาความรอนอกรอนใจนานาชนิดได ที่มันมักจะเกิดแกฆราวาส. แลวเขาจะไมถือวา นี่เปนความสุขของฆราวาส หรืออยางไร ? ฆราวาสที่ เป นพระโสดาบั น ก็ ประกอบอยู ด วยองค ๔ ประการ : - มี ศรัท ธามั ่น คงในพระพุท ธ, มีศ รัท ธามั ่น คงในพระธรรม, มีศ รัท ธามั ่น คงใน พระสงฆ , แลวก็มีอริยกันตศีล คื อ มีศี ลดี จนเป น ที่พอใจของพระอริยเจา, นี้ ก็ เปนฆราวาส. แลวความสุขที่เกิดมาจากคุณ ธรรม ๔ อยางนี้มันสูงไปกวาที่เพียง แต จ ะมี ท รั พ ย จ า ยบริ โภค ไม เป น หนี้ หรื อ ไม ต อ งติ ด คุ ก ติ ด ตะราง. ที นี้ พู ด ถึ ง พระอนาคามีองคที่ยกมาเปนตัวอยางนั้น ก็ไมมีทรัพยสมบัติอะไร นอกจากปนหมอ เลี้ยงชีวิตไปวันหนึ่ง ๆ เพราะความจําเป นที่จะตองเลี้ยงพอ แมที่ตาบอด ; เรื่อ ง มันมีอยูวาจําเปนที่ตองเลี้ยงพอแมที่ตาบอด ไมเชนนั้นเขาจะไปเปนอยูอยางอื่น ; ไปเป น นั ก บวช ไปเป น อะไรอย า งอื่ น ; นี้ เรี ย กว า แทบไม มี ท รั พ ย ส มบั ติ อ ะไรที่ เปนหลักทรัพย. ทํางานไปวันหนึ่ง ๆ พอเลี้ยงบิดามารดากวาทานจะตาย แลวก็ ไมตองมีทรัพยสมบัติอะไรอีกตอไป.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ความสุขของฆราวาส

๙๗

เหลานี้คือปญหายุงยากที่เกิดขึ้นจากภาษา. ผมเรียกวา ภาษาทําพิษ หรือ ภาษาทํ า ใหเ กิด ปญ หา วา อยา งไรเรีย กวา ฆราวาส ,เพื ่อ เราจะพบวา อยา งไรเรีย กวา ความสุข ของฆราวาส. เขากลา วกัน เปน พื ้น ฐาน และมี พุ ทธภาษิ ตที่ จะตอบคํ าถามของคนบางคน เชนวา ความสุ ขของฆราวาสนี้ บั ญญั ติ ไวเ ปน เพีย งความมีท รัพ ย. ไดใ ชท รัพ ยจ ับ จา ย, ไมม ีภ าระหนี ้สิ ้น , และ การงานไมม ีโทษ. นี ้ม ัน คลา ยจะถือ เอาเปน เพีย งมาตรฐาน สํ า หรับ ฆราวาส โดยทั่วไปเทานั้น. แตฆราวาสอาจจะสามารถหาความสุขไดมากกวานี้ เหมือนที่ ไดกลาวมาแลวนั้น มันอยูที่หัวใจ เปนความรูสึกในจิตใจจริง ๆ. ที นี้ คุณ ก็ ไปคิ ด ดู เอาเองวา ควรจะพู ด อยางไร ? ควรตอบคําถามนี้ อยางไร ? วาอะไรเป นความสุ ขของฆราวาส ? หรืออะไรที่ ฆราวาสอาจจะได รับ. ถ า มี ก ารแบ งชั้ น ของฆราวาสเป น ๓ ชั้ น อย า งที่ พู ด วัน ก อ นว าฆราวาสชั้ น ต่ํ า ๆ ฆราวาสชั้ น ปานกลาง ฆราวาสชั้ น สู ง ; ความสุ ข ก็ ต า งกั น โดยนั ย ที่ ก ล า วมานี้ จนพูดไดวาฆราวาสก็มีความสุขไดครบทุกชั้น ในบรรดาความสุขที่มนุษยจะมีได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ ถาจะรูเรื่องนี้ใหชัดลงไป คุณจะตองรูเรื่องของจิตใจ คือเรื่องภูมิ เรื ่อ งชั ้น หรือ ระดับ ของจิต ใจใหค รบถว น ; และอาจเปน เรื ่อ งที ่ไ มเ คยไดฟ ง เกี ่ย วกับ ภูม ิข องจิต ใจในพระพุท ธศาสนา หรือ วา จะกอ นพุท ธศาสนา นอก พุ ท ธศาสนาก็ เป น ได ที่ เขาวางหลั กแห งภู มิ ของจิ ต ใจไว ๔ ภู มิ ด วยกั น คื อพวก กามาวจร - รูปาวจร - อรูปาวจร - และโลกุตตรภูมิ. กามาจรภูมิ นี้แปลวาจิตที่ยังทองเที่ยวไปในกาม. รูปาวจรภูมิ คือจิตที่ทองเที่ยวไปในรูปสิ่งที่มีรูปเปนรูปเฉย ๆ ไมเกี่ยวกับกาม.


๙๘

ฆราวาสธรรม

อรูป าวจรภูมิ คือ ภูมิข องจิต ทอ งเที่ย วไปในสิ่งที ่ไมม ีรูป นี้ก็ยิ่ง ไมเกี่ย วกับ กาม โลกุตตรภูมิ จิตที่อยูเหนือโลก. ก็แปลวา ๓ ภูมิแรกอยูใตโลก กามาวจรภูมิ รูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ นี ้อ ยู ใ ตโ ลก ; คือ โลกที ่เ ปน กาม โลกที ่เ ปน รูป โลกที ่เ ปน อรูป . อัน สุด ทา ย อยู เหนื อ โลก มี ภู มิ เดี ย ว อยู เหนื อ โลก ไม แ จก, ถ า แจกก็ แ จกได แต ไม นิ ย ม แจก. สว นที ่อ ยู ใ ตโ ลกนั ้น แจกเปน สาม คือ กามาวจร รูป าวจร อรูป าวจร. ขอนี้ผมขอบอกไวกอน วาผมไมเชื่อวาเปน พระพุทธภาษิต ; ทางพวกอภิธรรม เขาว า เป น พุ ท ธภาษิ ต แต ผ มไม เชื่ อ ; อาจเป น เรื่อ งที่ จั ด กั น ขึ้ น ที ห ลั ง บั ญ ญั ติ อย างนี้ อาจจะมี กอนพระพุ ทธเจาก็ได เพราะเขารูเรื่องกาม เรื่อ งรูป เรื่อ งอรูป กันมากอนพระพุทธเจาแลว และในเรื่องโลกุตตรภูมิเขาคงจะเคยฝนถึง ; แมวา อยางนอยเขาจะไมไดบรรลุ ; เขาอาจจะไดเคยฝนถึงสิ่งที่เหนือไปจากโลก. ทีนี้ปญหาก็จะมีขึ้นอีกในเมื่อพวกที่จัดอยางนี้ หรือหลักที่จัดไวอยางนี้ ในคัมภีรนั้นก็มักจะอธิบายโลกุตตรภูมิกันเฉพาะวาเปน พระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี แล ว ก็ พ ระอรหั น ต . พระโสดาบั น ก็ มี ส องพวก คื อ โสดาปฏิ ม รรค โสดาปฏิ ผ ล. สกิ ท าคามี ก็ มี ส องพวก คื อ สกิ ท าคามิ ม รราค -สกิ ท าคามิ ผ ล. อนาคามี ก็มีสองพวก คืออนาคามีมรรค - อนาคามิผล. อรหันตก็มีสองพวกคือ อรหัต ตมรรค - อรหัต ตผล. นี ้ไ ดเ ปน ๘ แลว เพิ ่ม นิพ พานขึ ้น อีก หนึ ่ง เปน ๙ เขาเรี ย กว า “โลกุ ต ตรธรรม” คื อ ธรรมที่ อ ยู เ หนื อ โลก. ฉะนั้ น โสดาบั น สกิท าคามี อนาคามี เหลา นี ้ก็ถ ูก จัด ไวเ หนือ โลก เปน โลกุต ตระ ; แลว คุณ ก็จะไมเขาใจที่วาพระโสดาบัน สกิทาคามีนี้ เปนชาวบานก็ยังมี, อยูกับลูกเมีย บุ ตรภรรยาสามี อย างนี้ ก็ มี อยู เชนตั วอย างที่ ได ยกมาแลว ; ถื อตามหลักนี้ ก็ เป น พวกโลกุตตรภู มิไปแลว ก็ยังเป นฆราวาสอยูพวกหนึ่ง ไมไดบ วช. ทีนี้ความสุข ของเขาเปนอยางไร ?

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ความสุขของฆราวาส

๙๙

เราจะพู ดเรื่องภู มิ ของจิตให เป นหลักเสียกอน แลวจะไดเขาใจอื่น ๆได งาย. พวกกามาวจรภู มิ หรือ ความหมายของกามาวจรภู มิ นี้ ห มายถึ งจิต มั น ยั ง พอใจอยู เป น ปรกติ วิ สั ย ในสิ่ ง ที่ เรี ย กว า กาม หรื อ กามารมณ , มั น ยั ง มี ค วาม พอใจเป น ปรกติ วิ สั ย อยู ใ นส ว นนี้ .พวกรู ป าวจรภู มิ จิ ต ก็ เ ห็ น เรื่ อ งกาม เรื่ อ ง กามารมณ นั้ นเป นของรบกวน. เขาอยากจะอยูโดยไมมี ความรบกวนของกามารมณ ก็หั น ไปหาสิ่ งที่ เป น รูป ธรรมบริสุ ท ธิ์จนได ความสุ ข ที่ เกิ ดมาจากรูป ธรรมบริสุ ท ธิ์ , นับ ตั ้ง แตจ ะไปสนใจอยู ก ับ สิ ่ง ที ่ไ มใ ชก ามารมณ เชน ศิล ปวัต ถุ เชน ธรรมชาติ อั น สวยงาม. ผมอยากจะพู ด ว า แม แ ต ค นที่ ห ลงเล น สั ต ว เลี้ ย ง เล น ต น ไม ที่ ไม เกี่ ยวกั บกามารมณ ก็ ยั งมี , แล วพอใจจนไม ไปยุ งกั บเรื่องกามารมณ ; นี่ จิ ตใจมั น เลื่อนไปอีกภูมิหนึ่ง. พวกถั ด ไปก็ เห็ น ว า เรื่อ งรูป นี้ มั น ก็ ยั งลํ า บากยุ งยาก ; หั น ไปนึ ก ถึ ง เรื่อ งที ่ไ มม ีรูป สิ ่ง ที ่ไ มม ีรูป เรื่อ งอากาศ เรื ่อ งวิญ ญาณ เรื่อ งความไมม ีอ ะไร, นี่ มุ ง หมายอย า งนี้ . ในหลั ก เขาระบุ อ ากาศ วิ ญ ญาณ ความไม มี อ ะไร, กระทั่ ง ความที่ มี จิต ใจเหมื อ นกั บ วา ตายแล วก็ได คื อ ไม มี ค วามรูสึ กอะไร.แต ความรูสึ ก วา ตัว กู ตัว ฉัน ที ่ต อ งการความสุข นี ้ ยัง มีอ ยู  ; นี ้ก ็ไ ปไกลโขอยู . สนใจ เรื่องอากาศในฐานะเป นความวาง, สนใจเรื่องจิ ต เรื่องวิญ ญาณ เรื่อ งนามธรรม ในฐานะเป น สิ่ ง ที่ ล ะเอี ย ด ประณี ต , สนใจในความไม มี อ ะไร ไม ส นใจในอะไร แลว ก็ไ ปสนใจในความไมม ีอ ะไรนั ้น เอามาเปน อารมณข องจิต , ใหจ ิต นั ้น หมกมุนหรือทําความรูสึกอยูแตในความไมมีอะไร จนไดความสุขเกิดขึ้นมา จากสิ่ง ที ่ไ มใ ชร ูป เหลา นี ้ เขาก็เ รีย กวา เปน ภูม ิอ รูป าวจร = อรูป + อวจร. อวจรแปลวา เที ่ย ว หรือ เที ่ย วลงไป, ลงไปเที ่ย วอยู ใ นนั ้น , ลงไปเที ่ย วอยู ใ นสิ ่ง ที่ เปนอรูป หรือไมมีรูป.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๑๐๐

ฆราวาสธรรม

ทั้ ง สามอย า งนี้ เ ป น โลก เป น วั ต ถุ สํ า หรั บ รู สึ ก และมั น เป น สิ่ ง ที่ เปลี่ ย นแปลง. คํ า ว า “โลก” นี้ แ ปลว า สิ่ ง ที่ มี ก ารแตกดั บ ; หรื อ บางที ก็ เรี ย กว า โลกิย ะ เพราะมัน เนื ่อ งกัน อยู ก ับ โลก. โลก ก็แ ปลวา โลก, โลกิย ะก็แ ปลวา เนื่ อ งกั น อยู กั บ โลก. ส วนโลกุต ตรภู มิ นั้ น ก็ เป น จิ ต ใจที่ เป น ไปในทาง ไม มี ตั วตน ไมม ีต ัว กู ไมม ีข องกกู ยิ ่ง ขึ ้น ไป ๆ จนไมม ีต ัว ตนเลย ไมม ีค วามรู ส ึก วา มีฉ ัน มีต ัว ตนเหลือ . สว น ๓ ภูม ิข า งตน นั ้น มัน เขม ขน อยู ด ว ยตัว ตน มีต ัว ตนที่ เขม ขน , ฉัน จะหาความสุข อยา งนั ้น ฉัน จะหาความสุข อยา งนี ้ นี ่ม ัน ลว นแต มี ตัวตนเขม ขน ; ส วนโลกุ ตตรภู มิ นั้ น ตั วตนมั น เริ่ม จางไป ในลั กษณะที่ แน น อน วา จะตองสิ้นไป หมดไปโดยแนนอน ; นี้ก็เปนเรื่องโลกุตตรภูมิ. ที่เขาพู ดอยูสอนกันอยู เขาก็เลยแบงที่อยูกันเสียอีก วา กามาวจรภูมิ นี้ คื อ สั ต ว ม นุ ษ ย สั ต ว เดรั จ ฉาน หรื อ เทวดาประเภทที่ บ า ในกามเหมื อ นมนุ ษ ย เหมือ นสัต วเดรัจ ฉาน เขาเอาไวที ่โลกนี ้ ; โลกนี ้ก ็ม ีม นุษ ย หรือ สัต วเดรัจ ฉาน จนกระทั่ งสั ตวน รก ; เพราะสั ตว นรกนั้ น แม กระทั่ งเขาทรมานลํ าบากอยู อย างไร เขาก็ ยั งต องการกามารมณ อยู นั้ น. พอถึ งเทวดา เขาก็ เอาไปไว ที่ โลกอื่ น อย างที่ คุ ณ ก็ เคยได ยิ น ว า แยกเทวดาออกไปเป น โลกอื่ น เทวดาอยู ที่ ไ หนก็ บ อกไม ได ; แล วยั งมี เทวดาชนิ ด ที่ ค าบเกี่ ยวกั น อยู กั บ มนุ ษ ย โลกกั บ เทวดาโลก เทวดาครึ่ง ๆ กลาง ๆ เช น จาตุ ม หาราชิ ก าเทวดา รุ ก ขเทวดา ฯลฯ อะไรก็ ต าม ; และยั ง มี เทวดาในสวรรค ชั้น ดุ สิต กระทั่ งชั้น ปรนิ ม มิ ต วสวัต ตี ถึ งขีด สูงสุ ดของกามารมณ อยู ที่ ไหนเขาก็ บอกไม ได แต เราได ยิ นได ฟ งเขาบอกวา มั นอยู อี กโลกหนึ่ งข างบน ขึ้นไปนี้. ระวังใหดีๆ ที่เขาพูดไวมันเปนอยางนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี ้พ อมาถึง พวกรูป าวจรภูม ิ หรือ รูป พรหม เขาก็เ รีย กมัน วา พรหมโลก.อยู ที่ ไ หน ? เขาก็ บ อกไม ไ ด ว า อยู ที่ ไ หน แต ชี้ ไ ปที่ อื่ น จากโลกนี้


ความสุขของฆราวาส

๑๐๑

จากเทวโลกชั ้น กามาวจรเสีย ดว ย. พรหมโลกมีอ ยู อ ีก โลกหนึ ่ง , อยู ไ หน เขาก็บอกไมได เขายืนยันแตวามันมี. พอถึงชั้น อรูป าวจรภูมิ อรูปาวจรภพ นี้ก็แยกไปอีกโลกหนึ่งอีก ; พอถึงเรื่องโลกุตตระ และนิพพาน เขาก็วาตอตาย แลว สักกี่สิบชาติก็ไมรู, ตายแลวตายเลา ตายแลวตาย อีกกี่หมื่นชาติวาจะ ถึงนิพพาน ก็เลยยิ่งไมรูวาอยูที่ไหนใหญ ; แลวมีสํานวนพูดกันเปนวัตถุขึ้นมาวา “นิพ พานเปน เมือ งแกว ”, เปน นครศิว โมกขศ วาลัย ก็พ ูด ไป, เอาความหมาย ของตัวหนังสือของฝายอื่นมาดวยซ้ําไป.เด็ก ๆ ก็เลยงงใหญ วาเมือ งนิพ พาน อยูที่ไหน ? คนแก ๆ ก็เลยบอกวา โอย ! อยาเพอไปรูเลย เพียงใหไวแตลักษณะ อยางนั้นอยางนี้ ; ไมตายบาง อะไรบาง, ผัดเพี้ยนพวกเด็ก ๆ ไวกอน วาอยา มาถาม อยามารู. นี่เขาเอาเรื่องเหลานี้มาอธิบายอยางนี้ มันก็มีอยูพวกหนึ่ง. มนุษยโลกอยูที่นี่ บรรจุไวซึ่งสัตวเดรัจฉาน และมนุษยธรรมดาสามัญ ; แลว ก็เ อานรก หรือ อบาย เอาไปไวข า งใตล งไปอีก , ชี ้ล งไปขา งใตด ิน . เทวโลกก็ชี ้ไ ปขา งบน พอถึง พรหมโลกก็ขี ้พ น ขึ ้น ไปอีก - และชี ้ขึ ้น ไปอีก สํา หรับ พรหมโลกชั้น สูง สุด . สว นพระนิพ พานนั้น ชี้ไ มถูก วา อยูที่ไ หน ก็เ ลย ไดแ ตพ ูด ๆ ไว เผื่อ ๆ ไวอีก หลายหมื่น ชาติ แลว คงจะถึงสัก วัน หนึ่ง . นี ่เขา พูด ไวอ ยา งนี้ก็มี ; แบง ภูมิข องจิต ออกเปน ๔ ระดับ . พอถามวา คนเหลา นั้น อยูที่ไหน ? เขาก็เลยชี้ไวอยางนี้. ทีนี้เด็ก ๆ ที่ฉลาดก็จะถามขึ้นวา พระโสดาบัน พระสกิท าคามี พระอนาคามี อยู ที ่ไ หน ? ในโลกนี ้ก ็ม ีอ ยา งที ่เ คยเลา วา มหาอุบาสิกา วิสาขา อนาถบิณฑิกเศรษฐี พระอนาคามีก็อยูในโลกนี้ใชไหม ? มัน ก็เ ลยตีก ัน ยุ ง , คนตอบก็ต อบไมไ ด ; นี ่เ พราะเขาไปบัญ ญัต ิอ ะไรตาม หลักเกณฑทางวัตถุมากเกินไป. วาพระอริยเจาอยูในโลกุตตรภูมิ ทําไมจึงมาอยู รวมกับพวกเราที่นี่ ในโลกมนุษยนี้. ปญ หาก็เลยคางเติ่งอยูที่นั่น. ยังมีเรื่องยุง อีกมาก ที่เขาจะพูดกันในลักษณะที่เอาวัตถุ เอาเนื้อหนังเปนหลักเชนนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๑๐๒

ฆราวาสธรรม

ผมเห็ น ว า เรื่ อ งภู ม ิ ข องจิ ต นี ้ ม ั น อยู  ที ่ จ ิ ต ; จิ ต อยู  ที ่ ไ หน โลก ก็ อ ยู ที่ นั่ น . จิ ต กํ า ลั ง เป น อย า งไร โลกก็ กํ า ลั ง เป น อย า งนั้ น . เพราะฉะนั้ น เรา จึงเห็ น ได วา ในโลกนี้ โลกของมนุ ษ ย นี้ มั น มี อ ะไรครบทุ กภู มิ ทุ กภพ ; มั นแล ว แตวา จิตกําลังเปนอยางไร. ถาจิตหมกมุนในกามารมณ บูชากามารมณ โลกนี้ ก็เปนกามาวจรภพสําหรับคนเหลานั้น. บางคนจิตเปนรูปาวจรภูมิ หรืออรูปาวจร ภู มิ โลกนี้ มั น ก็ เป น ภพ เป น ภู มิ นั้ น สํ า หรั บ คนนั้ น . เพราะว า เมื่ อ เราไปสนใจ หรือวายึดมั่น ถือมั่นในสิ่งใด สิ่งอื่นมันก็เหมือนกับไมมี. เอาที่จิตใจเปนหลัก. ปญหาก็เหลืออยูแตวา เขาเปนอยางนั้นตลอดไป หรือวาเปนชั่วคราว ? ถาเปนอยางนั้นตลอดไปมันก็ไมมีปญหา เชน คน ๆ นี้มีจิตใจไมชอบกามารมณ ชอบสิ่งที่ไมใชกามารมณ ตลอดชีวิตไป มันก็ไมมีปญ หา ; โลกนี้ทั้งโลกมันก็เปน รูป โลก อรูป โลก สํ า หรับ คนนั ้น ไปโดยแนน อนตายตัว . แตท ีนี ้จ ิต ใจที ่ม ัน ยัง กลั บ ไปกลั บ มาได ชั่ ว โมงนี้ ชอบกามารมณ ชั่ วโมงหลั ง ชอบพั ก ผ อ น ไม ยุ งกั บ กามารมณ, หัน ไปสนใจเรื ่อ งรูป ธรรมลว น ๆ หรือ อรูป ธรรมลว น ; เมื ่อ นั้นแหละคือที่วามันสับเปลี่ยนกันยุง เปนการเปลี่ยนแปลงระหวางภพ ระหวางภูมิ ยุ งไปที เดี ย ว ; และอาจจะมี ได ค รบทั้ ง ๔ ภู มิ โดยอนุ โลม (อย า ลื ม คํ า ว า “โดย อนุโลม”)

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นาย ก. เป นคนธรรมดาสามั ญ มี การศึ กษาดี มี ฐานะการเป นอยู ดี อายุ ก็ ม ากแล ว ; ชั่ วโมงหนึ่ ง อาจจะสนใจเรื่อ งกามารมณ เรื่อ งเพศ เรื่อ งอะไร ตามที่ เคยกระทํ า มา ; อี ก ชั่ วโมงหนึ่ งก็ เบื่ อ เอื อ ม จะไปขลุ ก อยู กั บ วั ต ถุ ศิ ล ปะ หรือ สัต วเลี ้ย ง หรือ อะไรก็ต าม ที ่ม ัน ไมเกี ่ย วกับ กามารมณ บางทีเปน หลาย ชั่ ว โมงหลายวั น ก็ ได . บางที ก็ เบื่ อ สิ่ ง บ า ๆ บอ ๆ เหล า นี้ สํ า รวมจิ ต ใจ พอใจ แน ว แน มั่ น คงอยู กั บ เรื่ อ งบุ ญ กุ ศ ล เรื่ อ งโลกหน า , หรื อ แม ที่ สุ ด แต ว า เรื่ อ ง


ความสุขของฆราวาส

๑๐๓

เกี ย รติ ย ศ ความงาม ความดี ; เขาก็ ก ลายเป น คนละคนไป. บางเวลาที่ ช อบ วา ง ไมม ีอ ะไรเลย, อยา มีอ ะไรมารบกวนในจิต ใจ ชอบความวา ง. หรือ ยิ่ ง เป น ผู ที่ เคยศึ ก ษาปฏิ บั ติ วิ ป ส สนามาบ า งแล ว ก็ ส ามารถทํ า ให จิ ต ว า งจากสิ่ ง รบกวนไดเปนคราว ๆ. นี่ แ หละคุ ณ เข าใจเถอะว า นาย ก. คนนี้ เขามี ค รบทั้ ง ๔ ภู มิ แต มั น ไม ถ าวรเด็ ด ขาดลงไป ; เป น เรื่ อ งชั่ ว คราว กลั บ ไปกลั บ มา. เดี๋ ย วอยู ใ นภู มิ นี้ เดี๋ ย วไปอยู ในภู มิ นั้ น ; หรือ ถ าเขาเกิ ด เผลอนิ ด เดี ย ว ก็ อ าจเป น กามาวจรชั้ น เลว ก็ ไ ด , หรื อ ทํ า ผิ ด จนร อ นใจ เหมื อ นกั บ ตกนรกก็ ไ ด , หรื อ ไปติ ด ตะรางก็ ไ ด ; เพราะปุ ถุ ชนมั นเปลี่ ยนได อย างนี้ . เมื่ อเขาทํ าชั่ วทํ าผิ ดแล วรอนใจ เขาก็ ลงอบาย แล ว ทั้ งที่ อ ยู ในโลกนี้ , มี ชี วิ ต อยู ในโลกมนุ ษ ย นี้ แต ว าจิ ต ลงไปในอบายภู มิ แล ว เรียกวากามารจรภูมิชั้นที่เปนอกุศล. ฉะนั้ น คน ๆ หนึ่ ง เป น สั ต ว น รก เดรั จ ฉาน เปรต อสุ ร กาย เมื่ อ ไร ก็ไ ด, เปน มนุษ ยธ รรมดาสามัญ อยา งปกติก ็ไ ด. แลว ก็เ ปน รูป าวจรภูม ิ, เป นเทวดาในสวรรค มี ความสุ ขความพอใจ อย างเดี ยวกั บเทวดาในสวรรค ชั่ วครู ก็ไ ด, แลว ก็เ ปน พรหม อยา งในพรหมโลกที ่ว า ไว เหมือ นที ่พ ูด ใหฟ ง เปน ตัว อยา งมาแลว ; เดี ๋ย วอาจจะเปน พระอริย เจา ชิม ลอง ผมใชคํ า วา ชิม ลอง, มีจิตใจเหมือนพระอริยเจาสักชั่วขณะหนึ่งก็ได คือ มีจิตใจวางจากทุกสิ่งไมมีอะไร รบกวน ไม มี อ ะไรยึ ด ถื อ เป น พระอริ ย เจ า ชิ ม ลองก็ ไ ด . แต ถ า เป น พระอริ ย เจ า จริง ๆ ก็หมายความวามันไมกลับมาอีก สวนพระอริยเจาชิมลองนั้นกลับมาอีก คือ อาจจะมีสักขณะหนึ่ง ที่พอจะมีความรูสึกพอใจในความวาง – ในความไมมี ตัวกูนี้. คนธรรมดาสามั ญ ไม อ าจจะเป น ได ค รบอย า งนี้ ; แต วา ฆราวาสชั้ น ดี เขาอาจจะ เป น ได ถึ ง ขนาดนี้ เพราะว า คํ า ว า นิ พ พาน นี้ มั น มี ห ลายคํ า ซึ่ ง แสดงน้ํ า หนั ก หรือความหมายหลายระดับ ;

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๑๐๔

ฆราวาสธรรม

อย า งเช น พู ด ว า ตทั ง คนิ พ พาน - เรีย กว า นิ พ พานก็ ได แต ไม ถ าวร ไมเ ด็ด ขาด ; มัน ประจวบเหมาะ ใหเ รามีจ ิต ใจวา งโปรง ไมย ึด มั ่น ถือ มั ่น . เชนเราไปอยูในสถานที่ ที่ธรรมชาติแวดลอม ใหจิตใจมันวางโปรง แลวก็วางได มีจิตใจเปนตทังคนิพพานได. หรือเราไปนั่งคุยกับผูที่เปนสัตบุรุษ เปนพระอริยเจ า , เราก็ มี จิ ต ว า งโปร ง ไปชั่ ว ขณะได ; อย า งนี้ เขาเรี ย กว า นิ พ พานประจวบ เหมาะ แลวก็มี จิตใจเย็นเป น สุขสบายเหมื อนกั บ นิพ พานจริงเหมื อ นกัน แต มั น เปนเรื่องชั่วคราว. ถาเราสามารถบั งคั บดวยการกระทํ ากั มมั ฏฐานภาวนาอะไร บั งคั บจิ ต ใหม ัน วา ง ใหม ัน เย็น ไดย าวออกไป ; นี ้ก ็เปน นิพ พานชนิด วิก ขัม ภนะ – คือ เราจัดมัน ทํามัน ปรับปรุงมัน. ถัด จากนี ้ก ็เ ปน นิพ พานจริง ๆ พระอรหัน ตจ ริง ๆ. ถึง อยา งนั ้น ก็ยังอาจจะแบงไดเปนระดับ ๆ อีกหลายระดับ ; แลวยังแบงเปนสวนใหญ ๆ กันวา นิพ พานที ่จ ะรู ไ ดด ว ยตนเอง ทัน ตาเห็น คือ ทัน ทีท ัน ใด ; หรือ นิพ พานที ่จ ะ ตองคอยเปนคอยไปในโอกาสหลัง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฉะนั้ นจึ งถื อวา ฆราวาส หรือคฤหั สถ อยู ในโลกอยางนี้ บางคราวก็ มี จิตใจประจวบเหมาะพอที่จะไดชิมรสของพระนิพพานตัวอยาง ; แลวก็พอใจอยูได ระยะหนึ ่ง จะกี่ชั่ว โมง กี่วัน กี่เดือ นอะไรก็ต ามใจมัน ก็เปน ได. ตอนนี้เราควร จะจัดเขาไววาอยูในแบบของโลกุตตรภูมิ หรือเปนโลกุตตรภูมิแบบประจวบเหมาะ.

ขอใหเขาใจไวทีวา คน ๆ หนึ่งเป นฆราวาส เปนคฤหัสถ อยูบานเรือน มี บุ ต ร ภรรยา สามี แต เขาอาจจะมี จิต ใจที่ เปลี่ ย นไปได ค รบทั้ ง ๔ ภู มิ ; ยั งไม


ความสุขของฆราวาส

๑๐๕

ทั นตายจากโลกนี้ ไปไหน เดี๋ ยวอยูในกามาวจรภู มิ เดี๋ ยวอยู ในรูปาวจรภู มิ เดี๋ ยว อยูในอรูปาวจรภูมิ เดี่ยวอยูในโลกุตตรภูมิ ซึ่งเปนแบบหนึ่ง และชั่วคราว ไมใช เด็ดขาดถาวร. นี่ผมพูดวามันลําบาก เพราะภาษา คือจะถามขึ้นมาวา ฆราวาส หรือ คฤหัสถนี้จะมีความสุขไดอยางไรบาง ? ชนิดไหนบาง ที่เรียกวาความสุขที่ฆราวาส อาจจะรับได ? นี้มั นก็มีทั้ ง ๔ ระดับ ทั้งกามาวจรภู มิ รปู าวจรภู มิ อรูปาวจรภู มิ โลกุตตรภูมิ. มันเอาเนื้อ เอาตัว เอาอะไรเปนหลักไมได สําหรับคําวา ฆราวาส ; เพราะวา ฆราวาสส วนมาก ฆราวาสส วนใหญ นั้ น ก็ คื อผู ที่ มี จิ ตใจท องเที่ ยวไป แต ในกามาวจรภู มิ ; ก็ เลยยกเอากามาวจรภู มิ ไว ให ฆ ราวาส ไว ให คฤหั ส ถ เป น มาตรฐานไป. แลว ก็อ ยา ลืม วา คนในแบบฟอรม ของฆราวาสนั ้น บางคน บางเวลา อาจจะไปถึง รูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ โลกุตตรภูมิได. ดังนั้นโดยความสมัครใจของผมเอง ผมก็อยากจะแบ งฆราวาสออกเป น ๓ ประเภท อย างที่ ได พู ด กั นวั น ก อ น : ฆราวาสต่ํ า ๆ ธรรมดาสามั ญ หรือ เมื่ อ แยกเอาเฉพาะสวนที่เปนธรรมดาสามัญ; ฆราวาสก็ปฏิบัติฆราวาสธรรมชั้นต่ํา ๆ เชน ทิศ ๖ ก็ไ ดรับ ประโยชนส ุข อยา งที ่ว า นี ้ : มีเ งิน ใช ก็ม ีค วามสุข , แลว ก็ ไดใ ชเ งิน ก็มีค วามสุข , มีค วามสบายเพราะไมมีห นี้ส ิน , แลว ก็ไ มมีโ ทษอะไร ที่ จะมาพ องพาน เกี่ยวกับความเป นฆราวาสในโลกนี้ ก็สบายแล ว. ที นี้ ฆราวาส ชั้ น กลาง ๆ ขึ้ น มา : - มั่ น คงในพระพุ ท ธ พระธรรม พระสงฆ มี ศี ล ดี เขาก็ มี ความสุขไปดวยความสุขที่สูงขึ้นมา คือความสุขจากบุญกุศล หรือความดี มีคาสูง ไปกวา พวกแรก. ทีนี ้ฆ ราวาสชั ้น สูง ๆ ที ่ส ามารถรับ เอาเรื ่อ งสุญ ญตาของ พระพุทธเจาไปปฏิบัติได ฆราวาสพวกนี้ก็มีโอกาสที่จะมีจิตใจวางโปรงสบายแบบ พระอริยเจา, สงเคราะหเปนพวกพระอริยเจาไปก็ได ; แลวถาเขาเปนพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อยูในรูปคฤหัสถไมไดบวช ก็อยูในพวกนี้เต็มตัว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๑๐๖

ฆราวาสธรรม

นี่ถามวา ฆราวาสจะหาความสุขไดอยางไรบาง ? มันก็ไปไดสูงถึง โลกุตตระอยางนี้ ; จะเปนโลกุตตระถาวร หรือโลกุตตระชั่วคราว มันก็เปน โลกุตตระทั้งนั้น. เมื่อใดจิตใจอยูเหนือโลก เหนือกาม เหนือรูป เหนืออรูป มัน ก็เปน โลกุต ตระ ไมมีท างเปน อื่น ; เปน ไดส ัก ๕ นาทีก็ยัง ดี. ความสุข ของฆราวาส ถาเอามาตรฐานที่เขาจัดไว ก็เรื่องกิน เรื่องเลน อะไรตามแบบ ของฆราวาส คือเรื่องกามารมณ. เขาพูดกันอยางนั้น ก็เพราะเอาสวนใหญ ๆ ทั่ ว ๆ ไปเป น หลั ก ; แต ข อ เท็ จ จริ ง นั้ น ผู ที่ โ ลกเรี ย กว า “ฆราวาส” หรื อ “คฤหัสถ” นั้นก็ยังเปนเทวดาก็ได เปนพรหมก็ได เปนอริยเจาชนิดชิม ลอง ก็ได แลวก็เปนพระอริยเจาจริง ๆ เชน เปนพระโสดาบันจริง สกิทาคามีจริง หรืออนาคามีจริง เหมือนที่ยกตัวอยางมาใหฟงแลวก็ได ; อยางที่เปนคนไมมี ทรัพยสมบัติอะไร เอาดินที่สัตวขุดทิ้ง ๆ ไวมาปนหมอขาย เลี้ยงบิดามารดาที่ ตาบอด ; นั้นเปนพระอริยเจา แตก็อยูในรูปของฆราวาส หรือคฤหัสถ. ทีนี้ลองมาดูเรื่องของ มหาอุบาสิกาวิสาขา วามีลูก ๓๒ คน มีหลาน คนละ ๓๒ มี เ หลนอี ก คนละ ๓๒, ไม ทั น จะตายมี ลู ก หลาน เหลน เป น ร อ ย ๆ ; แล ว บางที ก็ ร อ งให เ พราะหลานคนนั้ น ตาย หลานคนนี้ เ จ็ บ ; มหาอุบ าสิก านี ้เปน พระโสดาบัน ในเรื่อ งราวพระคัม ภีรม ีเขีย นไวอ ยา งนี ้, อรรถกถาธรรมบทมีเขียนอยางนี้. พระโสดาบัน ก็ยังครองเรือน มีสามี มีการ งานอยางฆราวาส เลี้ยงลูก เลี้ยงหลานเปนรอย ๆ บางคราวก็รองไหไปหา พระพุ ท ธเจ า . อย า งนี ้ ก ็ เ รี ย กว า ฆราวาส หรื อ คฤหั ส ถ ได และก็ มี ความสุขอยางพระโสดาบันได. เพราะฉะนั้นเราจึงแยกพูดวา ถาถูดตามภาษาพูด ก็ ไ ป อย า งห นึ่ ง , ถ า ถู ด ต าม ข อ เท็ จจริ ง ว า เป นอยู อ ย า งไรมั นก็ ไ ป อี ก อยางหนึ่ง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ความสุขของฆราวาส

๑๐๗

ฆราวาสไม จําเป นจะตองสกปรก ลามก ไปตามที่เขาบัญญั ติ ; อาจจะ เปนถึงพระอนาคามีก็ได. แตแลวฆราวาสสวนใหญ เปนอยางไร มันก็อีกเรื่องหนึ่ง. เราจะเอาจุดไหนเปนฆราวาส ? ก็ควรจะเอาฆราวาสที่เปนปรกติธรรมดาสามัญ สว นใหญ ; แลว ก็อ ยา ลืม วา คน - คน นี ้ เปน ไดท ุก อยา ง ; ฆราวาสนี้ เป น ได ทุ ก อย า ง เป น สั ต ว น รก เดรั จ ฉาน อะไรก็ ไ ด ถ า เขามี จิ ต ใจอย า งนั้ น ; แลว ก็เ ปน มนุษ ยธ รรมดาสามัญ นี ้ก ็ไ ด ; เปน เทวดาก็ไ ด เปน พรหมก็ไ ด เปน พระอริย เจา ก็ไ ด. เพื ่อ ใหค ุณ เห็น วา ในโลกนี ้. ในโลกมนุษ ยนี ้ม ัน มีค รบ หมดอยา งนี ้ ; แลว มัน ก็ม ิไดม ีอ ยู ใ นตัว โลก มัน มีอ ยู ใ นจิต ใจของคน. สวรรค อยู ใ นอก นรกอยู ใ นใจ นิพ พานก็อ ยู ใ นใจของคน ; ฉะนั ้น คํ า วา “โลก” นี ้ม ัน อยู ใ นใจของคน, โลกชนิด ตา ง ๆ นานสาระพัด อบายโลก มนุษ ยโลก หรื อ เทวโลก พรหมโลก มั น อยู ใ นใจ ใจของคนนั่ น แหละคื อ โลก. ความเป น คฤหัสถอยูที่ตรงไหน ? มันก็มีอยู เมื่อมีจิตใจอยางคฤหัสถ ตามที่เขาบัญญั ติกัน ตามภาษาพูด.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี ้ ไปถึง ภาษาพูด มัน ก็ข ัด นั ่น ขัด นี ่ แยง นั ่น แยง นี ่ก ัน อยู ใ นตัว ผมจึงวา ภาษานี่มันเปนอุปสรรคในการเขาใจอะไรตาง ๆ. คุณอยาเอาภาษาเปน หลักนัก. เอาตัวจริงตามที่เปนจริง ๆ ขอเท็จจริง นี่เปนหลัก. มนุษยโง ๆ ก็พู ด ไปอย า งหนึ่ ง , มนุ ษ ย ฉ ลาดก็ ใ ช คํ า พู ด ไปอี ก อย า งหนึ่ ง . ใช คํ า พู ด คํ า เดี ย วกั น อย างนี้ มั น ยุ งตาย. แม แต คํ าวา “ความสุ ข” นี้ ; พวกคนอั น ธพาลก็มี ความสุ ข ไปอยางหนึ่ ง พวกคนดีก็ มี ค วามสุ ขไปอยางหนึ่ ง. ใชคํ าวาความสุ ขเหมื อ นกั น ; แลวความพอใจในความสุขนั้นอาจจะเทากันเสียดวย.

คฤหัสถ แปลวาผูที่อยูในคฤหะ คือเรีอน, ฆราวาส แปลวา ผูครอง อยู ค รอง ฆร คื อ เรื อ น. คํ า ว า “บ า นเรื อ น” นี้ มั น ไม ไ ด ห มายถึ ง บ า นเรื อ น


๑๐๘

ฆราวาสธรรม

ที่เป นหลัง ๆ ถาไปหมายอยางนั้น พระเราก็อ ยูบ านเรือ น อยูกุฏิ เชนเดี ยวกั บ บา นเรือ น. คํา วา “บา นเรือ น” เขาหมายถึง ความหมายของกามารมณ มากกวา ; หรือ อยา งนอ ยก็เรีย กสั้น ๆ วา กาม. ที่บ านเรือ นนั้น ตอ งมีสิ่ง ที่ เรียกวา กาม เรี่องเพศ เรื่องบุตร ภรรยา สามี ทรัพยสมบัติอะไรใหยุงไปหมด ; นั่นแหละ ภาษาธรรมะเขาเรียกวา “บ านเรือน” ภาษาตัวหนังสือ เรือนเป น หลัง ๆ ก็เรียกวาบานเรือนได, เรือนราง ๆ ไมมีใครอยูก็เรียกวาบานเรือนได. ในภาษาธรรมที่สูง ๆ ขึ้นไป “บานเรือน” เขาหมายถึงสิ่งที่ผูกพันยุงยากสับสน อลเวงอลวน ในจิตในใจ ที่เกิดมาจากเงิน ทรัพยสมบัติ บุตร ภรรยา สามี เกียรติยศ ชื่อเสียง สังคม อะไรก็ตาม ที่มันเปนเรื่องยุงไปหมดนั่นแหละคือ บานเรือน ไมไดหมายถึง ตัวเรือนเปนหลัง ๆ. ผูอยูครองเรือน หรือฆราวาสก็คืออยูดวยความยุงยากแบบนี้ ความสุข มันก็หายากเต็มที ; มันเต็มไปดวยความผูกพัน ความเรารอน ; ตองแกปญหา ทางการเงิน การสังคม อะไรใหเรียบรอยไปเสียหนอย มันก็พอจะมีเวลาหายใจ สบายบา ง ; ก็ตอ งอยูที่มีท รัพ ย มีล ูก มีเ มีย มีเ กีย รติอ ะไรอยา งถูก ตอ ง. ถาทําไมถูกตอง ก็จะตองไปติดคุกติดตะราง มันก็เปนการงานที่มีโทษไป.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราพูด กัน แลว ก็ไ ดค วามวา ฆราวาส เปน เรื่อ งยุ ง เปน ที ่อ ยู ในความยุง, ถือเอาความผูกพันอยางนี้เปนความหมายของคําวา ฆราวาส. ทีนี้ ถาถือเอาจิตใจเปนหลัก มันยังไปไดไกล. อยูในบานเรือนอยางนี้ แตวาจิตใจ สูงไปอีก - สูงไปอีก จนไปอยูในกระทอมนอย ๆ ปนหมอขายเลี้ยงชีวิตบิดามารดา ; เอาจิตใจเปนหลักมันก็ออกไปไดไกลอยางนี้. ในที่สุดเราสรุปความไดวา ถาเปน ฆราวาสชั้นธรรมดา หรือชั้นเลว ก็เอาเรื่องทรัพยสมบัติ เกียรติยศชื่อเสียง ที่ไดมา โดยถูกตองนี้ เปนความสุข ; ถาเปนฆราวาสชั้นกลาง ก็เอาความดี ความงาม


ความสุขของฆราวาส

๑๐๙

มีบุญกุศล ที่บริสุทธิ์ เปนความสุข. ถาเปนฆราวาสชั้นสูงก็เอาความสุขที่เกิดมา แตความไมยึดมั่นถือมั่น นั่นแหละเปนความสุข. ผมพูดแลวก็ขัดกันหมดกับที่เขาพูด ๆ กันอยู คือเขาพูดกันนั้น ไมให ไปเกี่ยวของกับความไมยึดมั่นถือมั่น ; เขาไมใหฆราวาสศึกษาเรื่องจิตวาง เรื่อง ความไมยึดมั่นถือมั่น ; ผมบอกวา นี่พระพุทธเจาทานแนะให คือเรื่องสุญญตา ถาไมเชนนั้น ฆราวาสจะมีอาการเหมือนกับอยูในนรกหมกไหม ; เดี๋ยวลูกตาย เดี๋ยวเมียตาย เดี๋ยวผัวตาย เดี๋ยวทรัพยสมบัติถูกไฟไหม ; มันมีสารพัดอยาง ที่จะตกนรกเมื่อไรก็ไมรู. ก็ตองเอาเรื่องสุญญตา อนัตตา มาเปนเครื่องปองกัน ใหฆราวาสเปนฆราวาสที่นาดู ; เปนกัลยาณปุถุชน ก็ยังดีถมไปแลว ยังมีภาวะ ที่นาดู ไมเปนทุกขทรมานจนเปนสัตวนรก. สรุปอีกทีหนึ่งวา ความสุขของฆราวาสนั้น ขอใหมีอยู ๓ ชั้น ; ชั้นต่ํา ชั้น กลาง ชั้น สูง . ชั้น ต่ํา ก็เอาเรื่อ งกิน เรื่อ งกาม เรื่อ งเกีย รติที่พ อเหมาะสม ที่ถูกตอง ; ชั้นกลางขึ้นไปก็เอาความสงบในทางบุญกุศล ในทางจิตใจที่มันสูง ยกมื อไหวตัวเองได ; ถาชั้น สูงขึ้นไปอีกก็เป นอนุโลมตามพระอริยเจาหรือ เป น พระอริยเจาไปเลย มีความไมยึดมั่นถือมั่นเปนหลัก แลวมีความสุขที่เกิดมาจาก ความไมยึดมั่นถือมั่นเทาที่เราจะทําได ในวิสัยของฆราวาส ; เรื่องก็จบกัน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุณเรียนศึกษาในหมาวิทยาลัย ไมเคยเรียนกันในเรื่องเชนนี้ ; ผมวา ยังไมใชอุดมศึกษา เพราะวายังไมรูวาเกิดมาทําไม ? จะเปนอยางไรไดกี่แบบ กี่อยาง ? ฉะนั้นอุตสาหฟงเรื่องชนิดนี้ เปนของเพิ่มเติม ใหความรูของเราเปน อุดมศึกษาขึ้นมาจริง ๆ. พอกันที นกกางเขนรองบอกวาพอกันกันที.


ความทุกขในความเปนฆราวาส -๗๒๔ เมษายน ๒๕๑๓

สํ า หรั บ พวกเรา ล ว งมาถึ ง เวลา ๒๐.๓๐ น. แล ว เป น เวลาที่ จ ะได ได บ รรยายต อ จากตอนที่ แ ล ว มา. วั น ที่ แ ล ว มา เราพู ด กั น โดยหั ว ข อ ว า “ความสุ ข ของฆราวาส” ส ว นใน วั น นี ้ จ ะ พู ด โ ด ย หั ว ข อ ว า “ค ว า ม ทุ ก ข ใ น ค ว า ม เ ป น ฆราวาส” เพื่อจะไดตอบปญหาตามที่ไดยื่นถามไวตอไป. วัน กอ นเราพู ดถึงความสุขของฆราวาส วัน นี้จะได พู ดถึ งความทุก ข ของฆราวาส ดูม ัน คลา ย ๆกับ วา จะเปน การคา นกน อยูในตัว ; และโดยทั ่ว ไป คนเขารูกั น อยู แ ละเขาพู ด กั น อยู ว า เรื่ อ งของฆราวาสแล ว ต อ งเป น เรื่ อ งทุ ก ข มี ความทุก ข, เรื ่อ งบรรพชิต เปน เรื ่อ งไมท ุก ข. นี ้ข อใหน ึก ถึง ที ่ผ มเคยบอกวา ความยุงยากนี้มันเกิดจากคําพูด เกิดจากภาษาพูด ทําใหเขาใจไดแปลก ๆ ตาง ๆ กัน เพราะฉะนั้ นเราตองระวังคําพู ดหรือ ภาษาพู ดโดยเฉพาะที่มั นเป นภาษาคนหรือ เปน ภาษาธรรม ; และแมที ่เ ปน ภาษาคนตามธรรมดา มัน ก็ย ัง มีข อ ยกเวน ในการที่บางอยางมันจะมีความหมายไปอยางหนึ่ง บางอยางมีความหมายไปอีกอยาง หนึ่งในคํา ๆ เดียวกัน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org

๑๑๐


ความทุกขในความเปนฆราวาส

๑๑๑

ทีนี้ เราจะพูดกันถึงคําวา “ฆราวาสวิสัย” หรือ “ชีวิตฆราวาส” คือ ความเปนฆราวาส นั่นเอง : และเมื่อพูดกันอยางสําหรับพูด หรือเรียกวาโดย นิตินัย คือบัญญัติกันขึ้นพูด ก็ตองพูดวาชีวิตฆราวาสนี้เต็มไปดวยความทุกข ซึ่งคุณก็ไดยิน และบางทีก็จะเชื่ออยางนั้นอยูดวย จึงไดเสนอ ถามปญหาวา ทํา อยางไรฆราวาสจึงจะแกไขความทุกขหรือปองกันความทุกขได. ฉะนั้น โดยสมมติ โดยบัญญัติ คือโดยนิตินัยแลว ถือกันวาชีวิตของฆราวาสนั้นเปนความทุกข. แต ทีนี้ถาดูกันโดยพฤตินัย คือตามที่มันมีอยูจริง ๆ นั้น มันก็ไมไดตายตัวลงไป อยางนั้น คือเปนทุกขก็ได ไมเปนทุกขก็ได แลวแตวามันจะเปนฆราวาสไดดี เพียงไร. นี้เรียกวาโดยพฤตินัยนั้นไมแนที่จะพูดวา ฆราวาสแลวเปนทุกขเสมอไป. มันอาจจะมีความยุงยากมากกวาบรรพชิต แตแลวมิไดหมายความวามันจะเปนทุกข ทรมานเหมือนกับตกนรกทั้งเปนอยูเสมอไป. ถาเปนฆราวาสใหดี ใหถูกตอง อาจจะไมมีความทุกขก็ได. ภาษาผมพูดก็พูดวา เปน คนใหถูก ตอ ง หรือ พูดใหกวางออกไปวา

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org “ยามจะได ยามจะเปน ยามจะตาย

ไดใหเปน เปนใหถูก ตายใหเปน

ไมเปนทุกข ตามวิถี เห็นสุดดี ฯ”

ถาทําเปน มันก็ไมทีทุกข คือมันอยูที่ทําไมเปน คิดไดไมเปน เปน ไมเปน ตายไมเปน ก็เปนทุกขไปทั้งนั้น. แลวบรรพชิตสมัยนี้เปนทุกขยิ่งกวา ฆราวาสก็ม ี เปน บา ไปก็ม ี, บรรพชิต สมัย นี ้ก ็เปน โรคประสาทกัน มากขึ้น ; ฉะนั้นมันไมไดอยูที่คําพูดหรือบัญญัติยางนั้น มันอยูที่วาขอเท็จจริงมันเปนอยางไร มัน เปน เปน หรือ ไมเปน มัน ไดเปน หรือ ไมเปน นั้น ตา งหาก.เพราะฉะนั้น โดย พฤตินัยเราก็ไมพูดวาฆราวาสจะตองเปนทุกขเสมอไป ; ยิ่งเปนฆราวาสที่เปน


๑๑๒

ฆราวาสธรรม

พระอริยเจา เปนโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามีอะไรดวยแลว มันก็ยิ่งมีขอยกเวน มากขึ้ น ที่ จ ะไม ต อ งเป น ทุ ก ข . ฉะนั้ น เมื่ อ คุ ณ ถามผมวา ฆราวาสจะดั บ ทุ ก ข ได อยางไร นี้มันก็ตองดูกันเสียกอนวา ฆราวาสชนิดไหน ; เพราะมันแยกออกจาก กันได พูดงาย ๆ ก็คือวาฆราวาสโงหรือฆราวาสฉลาดนั่นเอง.นี้ก็เปนคูแรกที่จะ ตองพิจารณาดู ฆราวาสโง ฆราวาสฉลาด ตองตางกันมากทีเดียว หรือจะเรียกวา เป นกัลยาณปุ ถุชน หรือเป นพาลปุ ถุชน. เป นคนพาลหรือเป นบั ณ ฑิ ต. ถาเป น พาลปุถุชน มันก็มีเรื่องที่ตองเปนทุกข มากมายรุมกันเขามาหลายเรื่อง, ถาเปน กัล ยาณปุ ถุ ชนจวนจะเป น พระอริยเจ าอยู แล ว มั น ก็ ไม ค อ ยจะมี เรื่อ งที่ จะต อ ง เปนทุกข. ทีนี ้ ยัง มีคํ า อีก คู ห นึ ่ง ขอใหจํ า ไวด ว ยวา สัต บุรุษ กับ อสัต บุรุษ . อสัตบุรุษนั้นคือคนพาล สัตบุรุษคือบัณฑิต แตเขาเล็งเอาความสงบรํางับเปนหลัก. สัตบุรุษแปลวาบุรุษสงบรํางับ, อสัตบุรุษ ก็แปลวาบุรุษที่ไมสงบรําลัง. ชาวบาน ทั่วไปมักจะเรียกไปวา “สัปบุรุษ” สัปบุรุษที่พูดกันตามวัดตามวานั่นแหละคือสัตบุรุษ แปลวาผูมีความสงบ, แลวอสัตบุรุษก็แปลวาเปนพาลคือไมมีความสงบ, นี่มัน เป น ฆราวาสได ด ว ยกั น ทั้ งนั้ น ฆราวาสโง ก็ เป น พาลปุ ถุ ช น,เป น อสั ต บุ รุ ษ ไป ; ฆราวาสฉลาด ประพฤติตัวดีสมกับความฉลาดก็เปนกัลยาณปุถุชน เปนสัตบุรุษไป ; ทั ้ง หมดนี ้ล ว นแตเ ปน ฆราวาสทั ้ง นั ้น . เพราะฉะนั ้น ถา พูด ขึ ้น มาคลุม ๆ วา ความทุกขของฆราวาส หรือฆราวาสจะตองเปนทุกขเสมอไปอยางนี้ มันไมคอย ถูกนัก; จะตองดูใหดีเสียกอนวาฆราวาสชนิดไหน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที นี้ ทํ าไมเขาจึ งพู ด ว า ฆราวาสต อ งเป น ทุ กข ถ าเรายอมรับ ข อ นี้ แลวมันก็แสดงอยูในตัววามันหมายถึงฆราวาสโง ฆราวาสเปนพาล ฆราวาสเปน


ความทุกขในความเปนฆราวาส

๑๑๓

อสั ต บุ รุ ษ . ที นี้ อ าจจะคิ ด ให ล ะเอี ย ดลงไปว า แม ฆ ราวาสที่ ดี เป น ฆราวาสที่ ดี นั้ น มั นก็ มี เรื่ องมะรุมมะตุ มนั่ นนี่ โน นมากกว าบรรพชิ ต เลยต องถื อว าฆราวาสนั้ นเต็ มไป ด ว ยความทุ ก ข ; อย า งนี้ มั น ก็ ถู ก เหมื อ นกั น . แต อ ย า ลื ม ว า ฆราวาสกั บ บรรพชิ ต นี้ มั น อาจจะป น กั น ยุ ง ก็ ไ ด . เดี๋ ยวนี้ เรายอม เอ าเสี ย ว า เป น ฆ ราวาส ที่ ดี เป น บรรพชิ ต ที่ ดี ด วยกั น ก็ ต องถื อว าฆราวาสมี เรื่ องรบกวนมาก คื อ ต อ งมี ทุ กข มากกว า บรรพชิ ต . นี่ ยุ ติ กั น ได อ ย า งนี้ . แต แ ล ว ก็ อ ย า ถื อ ว า เป น ฆราวาสแล ว จะต อ งมี ทุ ก ข เหมื อ นตกนรกทั้ ง เป น เสมอไป. ฆราวาสที่ ดี ที่ เป น สาตบุ รุ ษ ก็ ไ ม จํ า เป น จะต อ ง เปนอยางนั้น ; หรือยิ่งเปนพระอริยเจาดวยก็ยิ่งไมตองเปนอยางนั้น. เดี๋ ยวนี้ เราอาจจะเข าใจผิ ดตามสมมติ นั้ นมากเกิ นไปก็ ได มั นก็ จะมี ผลเสี ย ในข อ ที่ ว า ถ า เกิ ด โง ขึ้ น มาก็ จ ะยอมรับ เอาความทุ ก ข เข ามาดื้ อ ๆ อะไร ๆ ก็ ย อมทุ ก ข ยอมรั บ ทุ ก ข เ ข า มาดื้ อ ๆ เพราะถื อ เสี ย ว า มั น ต อ งเป น ทุ ก ข ; ผมว า ทํ า อย า ง นั้ น ไม ถู ก . โดยปกติ แ ล ว เราจะต อ งมี จิ ต ใจชนิ ด ที่ ไ ม เ ป น ฆราวาส ไม เ ป น บรรพชิต ดีก วา ถา ไปยึด ถือ วา เปน ฆราวาส เปน บรรพชิต มากไปมัน ก็เ ขา รอย ที่ เขาพู ด ๆ กั น ไว โดยไม ทั น รู ตั ว หรื อ ว า โดยสมั ค รใจไปเสี ย เลย ไม มี ก ารต อ ต า น. เพราะฉะนั้ น ลื ม เสี ย ก็ ไ ด ว า เป น ฆราวาสหรื อ เป น บรรพชิ ต ถื อ เสี ย ว า มั น เป น มนุ ษ ย เกิ ด มา แล ว ก็ มี ป ญ หาอย า งไรก็ ต อ งแก ให มั น หลุ ด ลุ ล ว งไปให ได อย า งนั้ น ยั ง จะดี ก ว า ;ไม เป น การท อ แท ล ว งหน า หรื อ ว า เป น การเศร า โศกล ว งหน า ; แล ว เราก็ เห็ นอยู แล วว า คนเกิ ดมาก็ เป นฆราวาส ไม ใช มี ใครเกิ ดมาแล วมาก็ เป นบรรพชิ ต มาแตใ นทอ ง มัน ก็เ ปน สิ ่ง ที ่เ ลือ กได. เมื ่อ ตอ งการจะทํ า อยา งบรรพชิต มัน ก็เลือ กได แลว ก็ทํ า ทีห ลัง ; แลว การเปน ฆราวาสหรือ เปน บรรพชิต นี ้ ก็อ ยา เอาอยูบานอยูวัดเปนหลักเกณฑกันนัก ตองเอาที่จิตใจวาเปนอยางไร นี่เรา ก็ไดพูดกันโดยละเอียดแลว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๑๑๔

ฆราวาสธรรม

อยูวัดสมั ยนี้ มี จิตใจเหมื อนคนอยูบ าน หรือยิ่งกวาคนอยูบ านก็ยังได ; คนอยู บ า นสมั ย นี้ เขาอาจจะมี จิ ต ใจเหมื อ นพระ หรือ เป น อยู อ ย างบรรพชิ ต ก็ ได . ถา เขามีป ญ ญา มีค วามเฉลีย วฉลาด มีบ ุญ มีท รัพ ยส มบัต ิ มีอํ า นาจที ่จ ะจัด จะทํ าอะไรภายในบ านเรือนให เป น ไปอย างสงบเรียบรอ ย มั น ก็ ทํ าได เหมื อนกั น ; มันก็เลยเป นบรรพชิตโดยไม รูสึกตั ว ดีกวาเป นบรรพชิตชนิ ดที่ มั นรุงรังมากไปกวา ฆราวาส แลวไพลไปทําอะไรอยางฆราวาส. นี ่เ ราพูด กัน โดยหลัก ทั ่ว ๆ ไปวา ฆราวาสครองเรือ น ฆราวาสมี ครอบครัว มี บุ ต รภรรยาสามี มี ท รั พ ย ส มบั ติ มี การสั งคมที่ ผู ก พั น กั น ยุ งไปหมด เพราะฉะนั้ น ป ญ หาจะต อ งมี ขึ้ น มากกว าบรรพชิ ต; ก็ เรี ย กว า ฆราวาสนี้ เป น รั ง ของ ความยุ ง ยาก ลํ า บาก สับ สนวุ น วาย โกลาหล. แตม ัน มีท างออกหรือ ทางที่ จะต องคิ ดอยางที่ ไดพู ดมาแล วแต วันกอ นอีกเหมื อ นกันวา สิ่งเหล านั้น มั นก็ไม ได มี ม าสํ า หรั บ ให เป น ทุ ก ข หรือ เป น ความทุ ก ข โดยตรงโดยเฉพาะเจาะจงมัน มีม า ใหสํ า หรับ เปน บทเรีย นก็ไ ด หรือ มาสอบไล มาเลื ่อ นชั ้น มนุษ ยก ็ไ ด.คนที ่อ อก ไปบวชเปน บรรพชิต หรือ เปน ฤาษีม ุนีอ ยูในปา เพราะเบื ่อ ฆราวาสนั ้น ก็เพราะวา ความเปน ฆราวาสมัน สอนใหเ ขาจึง รู จ ัก เบื ่อ เพราะฉะนั ้น ตอ งถือ วา มัน เปน บ ท เรีย น ห รือ มัน เปน โรงเรีย น . ถา ค นโงเ กิน ไป ไมรู จ ัก เบื ่อ ก็ต อ งท น อ ยู ที ่นั ่น , ถา ค น รู จ ัก เบื ่อ มัน ก็อ อ กไป ได; แตแ ลว อ ยา ลืม วา สิ ่ง เหล านั้ น มั นสอนให . คื อทรั พย สมบั ติ บุ ตรภรรยาสามี อาชี พการงาน ป ญ หาสารพั ดอย าง นี้มันสอน, มันสอนให. ถาเรามองมันไปในแงของความทุกขมันก็เปน ทุกข, แตถามองในแงดีกันบาง มันก็จะยุติธรรม คือวามันเปนสิ่งที่มาสอนให มา ผลั กไสให เราก าวไปโดยเร็ว, เพราะฉะนั้ นถ าไม มี ชี วิ ตแบบฆราวาสเป นมาตรฐาน อยู อ ย างนี้ คนเราก็ ค งจะไม ฉ ลาดกี่ ม ากน อ ย เพราะอุ ป สรรคหรื อ ความทุ ก ข นั้ น มันเปนเครื่องชวยใหเกิดความฉลาดในภายหลังทั้งนั้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ความทุกขในความเปนฆราวาส

๑๑๕

ทีนี้ ดู กั นในพระบาลีบ าง ก็พู อยางเดี ยวกั น มี คํ าตรัสของผูเป นบั ณ ฑิ ต หรื อ แม แ ต ของพระพุ ท ธเจ าเอง ก็ พู ด อย างที่ เขาพู ด กั น ทั่ ว ๆ ไปว า : ฆราวาสนี้ อึ ดอั ด เป นทางมาแห งธุ ลี . ถ าแปลเป นไทยว าอย างนั้ น ฆราวาสนี้ คั บแคบอึ ดอั ด เปน ทางมาแหง ธุล ี ; ความเปน บรรพชิต เปน นัก บวชนั ้น โลง โถงอยา งอากาศ แลว ก็ไ มเ ปน ทางมาแหง ธุล ี. สมฺพ าโธ แปลวา อึด อัด คือ ถูก กระทบกระทั ่ง รอบด า น. ชี วิ ต ฆราวาสนั้ น เป น สมฺ พ าโธ คื อ อึ ด อั ด แล ว ก็ เป น ทางมาแห งธุ ลี ธุ ลี ในที่ นี้ คื อกิ เลส. อึ ดอั ดคั บแคบก็ หมายความว ามั นถู กกระทบกระทั่ งรอบด าน เดี๋ ยวเรื ่อ งนั ้น เดี ๋ย วเรื่อ งนี ้ เดี ๋ย วเรื่อ งโนน คลา ย ๆกับ วา มัน มาสอบไล แลว มัน ก็ เป นทางมาแห งธุ ลี คื อกิ เลส ก็ จริงเหมื อนกั น แต วามั นจะเกิ ดธุ ลี หรือไม เกิ ดธุ ลี นั้น มันก็ขึ้นอยูกับบุคคลนั้นอีก. เขาวางเปนหลักไวทั่วไปอยางนี้. ที นี้ บรรพชิ ตมั นก็ ออกไปเสี ยจากบ าน จากเรือน จากครอบครัว จาก ทรัพยสมบัติ จากญาติพี่นอง จากสังคมอะไรตาง ๆ มันก็ไปในทางตรงกันขาม คือ โล งโถงเหมื อ นอากาศ แล วก็ ไม ค อ ยมี ท างมาแห งธุ ลี . ฝรั่งคนหนึ่ งเขาเอาบาลี นี้ ไปแปลเปนคํากลอน เขาทีมาก :

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org A den of strife, is household life, And filled with toil and need ; But free and high as the open sky, ls the life the homeless leads.

นี่ คุ ณ ฟ งดู เขาก็ ถู กและไพเราะ : ความเป น household life ก็ คื อ ชี วิ ต ฆราวาส เป น den of strife เป น ดงหรื อ เป น ถ้ํ าของความสั บ สนวุ น ว าย เต็ ม ไป ด วยความทะเยอทะยานและความต องการ filled with toil and need. เพราะว า ฆราวาสนี้ มั นเต็ มไปด วยความทะเยอทะยานและความต องการ มั นจั งเป นดง เป น ถ้ํ าที่ สะสมหมั กหมม เรื่องของความกระทบกระทั่ ง. คุ ณ ไปหลั บตามองดู ก็ แล วกั น


๑๑๖

ฆราวาสธรรม

มั นเป น ภาพพจน ที่ พอจะมองเห็ นได . ฆราวาสมี toil and need มาก ก็ เห็ นอยู ชัด ๆ วามั นต องการมาก ต องการเพื่ อตั วเองก็ ต องการมาก ต องการเพื่ อบุ ตรภรรยา สามี ก็ ต อ งการมาก ต อ งการอย างนั้ น อย างนี้ ก็ ม าก. ส วนพระนี้ จ ะมี แ ต บาตรกั บ จีว รก็พ อ แลว ก็เ ดิน เรร อ นไปอยู ไ หนก็ไ ด ; มัน ตา งกัน อยา งนี ้. เพราะฉะนั ้น จึ งเปรีย บพระเหมื อ นกั บ ว า นก มี แ ต ป ก ก็ พ อ นกมี ส มบั ติ เพี ย งแต ป ก อย างเดี ย ว ก็ พ อ เพราะป ก ช ว ยให น กบิ น ไปได . เมื่ อ มั น บิ น ไปได มั น ก็ พ บอาหาร พบอะไร ตามที ่ม ัน จํ า เปน แกช ีว ิต ไปหากิน ไดเ ทา นั ้น เอง. ชีว ิต ของพระก็เ หมือ นกับ นก มีสมบัติเพียงปกเทานั้น. สวนฆราวาสนั้ นมี อะไรๆเป นสมบั ติ จะเรียกวานั บไม ไหวก็ได เหมือน สัตวอะไรก็ เปรียบยาก.เมื่ อเปรียบบรรพชิตกั บนกแล ว จะเปรียบฆราวาสกั บอะไร คุณไปคิดดูเอง ผมไม มีป ญญาจะเปรียบเทียบ คือมั นจะยิ่งกวาวัวควายหรืออะไรไป เสี ย อี ก เพราะว า มนมี อ ะไร ๆ มากเกิ น ไป. เพราะฉะนั้ น ถ า จะให ยึ ด หลั ก ว า ฆราวาสแลวตองเปนทุกข บรรพชิตตองไมเปนทุกข มันก็ตองอยางนี้ ก็ตองมองกัน ในแงนี้ . เป นบรรพชิตให ถูกต อง, เป นฆราวาสให ถู กต อง, มั นก็ยั งมี ขอเสียเปรียบ กั น อยู อ ย า งนี้ . เพราะฉะนั้ น ความทุ ก ข ใ นฆราวาสก็ มี ม ากกว า เพราะทุ ก อย า ง มันเปนทางมาแหงธุลี แลวมันก็ไดเกิดขึ้นจริง ๆ ดวย คือกิเลสนานาชนิด.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี้คุณก็ไมไดถามปญหาที่จะเปนพระอยางไร ? คุณถามปญหาวาจะเปน ฆราวาสอย างไรผมก็ ต องตอบอย างนี้ คื อแม วามั นจะมี ความทุ กข อยู มาก แต ถ าเรา รับเอามาในฐานะเป นบทเรียนหรือเป นขอสอบไล มั นก็กลายเป นของดีไปในที่ สุด. เพราะฉะนั้น ที่คุณถามวาจะปองกันความทุกขอยางไร ? จะแกไขความทุกขอยางไร? ผมก็ ต อบด ว ยคํ า ตอบสั้ น ๆ นี้ ว า รั บ เอามาในฐานะเป น บทเรี ย น. ถ า มั น เกิ ด เป นความทุ กขขึ้นมาเพราะเรื่องของฆราวาสนั้น ก็อย ารับเอามาในฐานะเป น ความทุกขทรมาน, ใหรับเอามาสําหรับเปนปญหาที่จะตองแก เปนบทเรียน ที่ จ ะต อ งเรี ย น แล ว ก็ ส อบไล ใ ห ไ ด คื อ ผ า นไป.วิ ธี นี้ แ หละที่ จ ะสู ค วามทุ ก ข ข อง


ความทุกขในความเปนฆราวาส

๑๑๗

ความเปนฆราวาสได. ถาไปโงไปกันหัวลงรับเอามาในฐานะเปนความทุกขแลว ก็คงจะทนไมได ;แตแลวคนทั่วไปเขาก็รับมันในลักษณะอยางนั้น เพราะฉะนั้น จึงนาสงสาร. เราก็ไดขอสังเกตสักอยางหนึ่งวา เปนฆราวาสนี้เปนได ๒ อยาง คือ เปนในฐานะเปนคนหลับหูหลับตาโงเงาไป เหมือนกับลากเกวียน ลากแอก ลากไถ อย างวั วควายไปก็ ได นี้ อ ย างหนึ่ งก็ มี ทุ ก ข ม าก. ที นี้ เป น อย างนั ก ศึ ก ษา เป น อยางผูที่มีปญญาสําหรับศึกษา แลวก็สอบไลใหแกตัวเอง ;มันก็เปนอีกอยางหนึ่ง ไมเหมือ นกันเลย. เขาเปน ฆราวาสที่เรียกวาพอดูได หรือ วานาดูก็ได เพราะ คนนั้นเขาเกง ที่ทําอะไรใหลุลวงไปได นี้มันก็นาดู ; ถึงจะมีความทุกขเขามา ก็เขามาสําหรับใหชนะ ไมใชใหพายแพ มันก็นาดูที่ตรงนี้. การที่จะหลีกทิ้งออกไปบวชเปนอิสระเหมือนนกนี้มันก็ไปอีกเรื่องหนึ่ง แต แลวก็ ปรากฏวามี ไม กี่คนที่ ออกไปแล วเป นอิสระ ฟรีเหมื อนนกได มั นก็ไปเขา บว งอยา งอื ่น ถึง กับ สึก กลับ ออกมา นี ้ก ็ม ี. ก็แ ปลวา ไมไ ดเ ปน บรรพชิต โดยแทจริง เปนแตรูป แตแบบ แตธรรมเนียม. เพราะฉะนั้นคุณก็ใชสติปญญา ของตัวเองพิจารณาดูเอง วาความทุกขของฆราวาสนี้มันคืออะไร, มันเปนอยางไร ; แลวเราก็กําลังเปนอะไร ; แลวเราจะตองรับมันใหดีที่สุดในฐานะเปนการศึกษา นั้ น อย างไร. แล วคุ ณ ก็ อย าลื ม ที่ พู ด กัน ไววัน ก อ นวา เรื่องเป นอะไร หรือ อยู ที่ ไหนนั้ น มั นอยูที่ จิต เอาจิตเป นประมาณ.เพราะฉะนั้ นฆราวาสสามารถจะจั ด หลีกในชีวิต ประจําวันใหมัน เปน นั่น เปน นี่เปน โนน ก็ได. ชั่วโมงนี้เปนฆราวาส เต็มหนัก. ชั่วโมงหนาเปนพระดูเลนสักสองสามชั่วโมงก็ได ; นี่บอกเผื่อเอาไว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้เปนฆราวาสที่เปนโสดมันก็ยิ่งทําไดงายขึ้น แตอยาลืมวาผมไมได เรียกคนโสดวาฆราวาสคือถือตามหลักมนูธรรมศาสตรบรมโบราณวาคนโสดนั้น


๑๑๘

ฆราวาสธรรม

เปนพรหมจารีไมใชเปน ฆราวาส. เรื่องนี้ก็พูด แลว คุณ ก็จดจําไปแลว. คนโสด ที่แทจริงคือตั้งแตยังเปนเด็กขึ้นมาจนถึง เปนหนุมเปนสาวนั้นยังไมใชเปนฆราวาส ยั งเป นพรหมจารี มั นยั งน าดู ยั งงดงาม หรือวายั งมี ความทุ กข น อย.พอย างเข า มาเปนฆราวาส มีบานมีเรือน มีครอบครัวนี้ มันก็เปนฆราวาสเต็มที่ ตองเผชิญ กับปญหารอบดาน. นี่ก็ทําใหนึกถึงนิทานสมมุติที่เลากันเลนสนุก ๆ วา ตอนเปน ชี วิ ต ฆราวาสแท ๆ มั นไปเอาของวั วมา ไปเอาชี วิ ต ๒๐ ป ที่ พ ระจ าลดให วั วมา เพราะความโง เพราะความโลภ เลยก็ไดเป นวัวราว ๒๐ ป คือ พอ บานแมเรือ น ที่ หนั กอึ้ งเหมื อนวั วลากเกวี ยน ๒๐ ป จึ งค อยถอนตนออกไปเป นอย างอื่ น คื อเป น วนปรัส ถ คื อ เป น สั น ยาสี ก็ รอดตั ว ไปที . แต ถ า ไปเกิ ด เป น สุ นั ข ไปเกิ ด เป น ลิ ง เขาอีกก็แย คือเป นฆราวาสตลอด ๒๐ ป หนักอึ้งแลว พอแกไปกวานั้นอีก ก็ไป มีเรื่อ งวิต กกัง วล หว งลูก หว งหลาน หวงเหลนอะไรมากตอ ไปอีก ก็เปน สุนัข ที่ เฝ าทรัพ ย นอนหลั บ ไม ได . นี้ ด วยเหตุ ที่ ว าไม ได ทํ าไว ให ดี ชี วิต นี้ ไม ได รับการ ศึ กษาฝ กฝนให เป นอย างดี ;พออายุ มากเข ามั นป า เป อ มั นเลื อนฟ นเฟ อน มี สติ สัมปชัญญะไมสมบูรณ ก็กลายเปนลิงไป คือเปนตัวตลกใหเด็ก ๆ หัวเราะ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้นคุณจะตองรูไวดวยวา จะตองเปนพรหมจารี ใหถูกตอง, เป น ฆราวาส คฤหั ส ถ ใ ห ถู ก ต อ ง,แล ว พอสิ้ น ยุ ค ของฆราวาสนี้ ก็ จ ะพยายาม เปนวนปรัสถใหมาก คือพยายามเปนผูสลัดเรื่องยุง ๆ ของฆราวาสนั้น ใหมากที่สุด ที่ จ ะมากได , แล ว อยู ด ว ยความสงบ. แม ที่ บ า นที่ เรือ น ที่ เรีย กว า เป น ฆราวาส นั้ นแหละแต เราไม เป นฆราวาสอย างอายุ ๒๐ ป นั้ นแล ว. เราเป นคนระลึ กนึ กคิ ด ฝกฝนจิตใจกันเสียใหมใหดีที่สุด และอายุตอไปในบั้นปลายของชีวิต จะไมปาเปอ เลอะเลื อนเหมื อนคนทั่ ว ๆ ไป ; จะมี สติ สั มปชั ญ ญะสมบู รณ จนวิ นาที สุ ดท าย ; แลวเราก็มีโอกาสที่จะใชชีวิตบั้นปลายสุดทายถึงที่สุด แมวาจะแกชราลุกไปไหน ไมไดแลวก็นั่งเปนสันยาสีอยูที่ตรงนั้นก็ได ; คือวาสอนลูก สอนหลาน สอนเหลน ใหรูในสิ่งที่ควรจะรู เพราะวาเราผานโลกมาอยางถูกตองเปนเวลาเกือบรอยป.


ความทุกขในความเปนฆราวาส

๑๑๙

คนแกชนิดนี้มีประโยชนมาก ที่จะตอบปญหาของเด็ก ๆ ไดหมดทุกอยาง ทุก ประการ ; มีไ วใ นบา นในเรือ นก็เหมือ นมีพ ระเจา อยู อ งคห นึ ่ง สํ า หรับ ให แสงสวาง. คนแก อายุ ตั้ ง ๙๐ ป นั้ นย อมรอบรูอะไรมาก, กํ าลั งไม ฟ นเฟ อนเลอะ เลือนเลย ไมเสียสติสัมปชัญญะเลย เพราะอบรมมาดี. ถาผูใดกลัววาอายุมาก ๙๐ ป ๑๐๐ ป แลวจะฟนเฟอนเลอะเลือน เหมือนที่เห็น ๆ กันอยูโดยมากนั้น ผมขอบอก วามีทางปองกัน อยาใหมีความทุกขในชีวิตฆราวาสตอนนี้ นั่นคือพยายามฝกจิต ตามหลักพระพุทธศาสนาใหมาก ที่เขาเรียกวา “ฝกสติ” นั่นแหละ. เราฝกสติให เป นระเบี ยบอยูทุ กวัน ๆ ตอนแกอายุ ๙๐ ป ๑๐๐ ป มั น ไมหลง. ถาเราปลอยใหกิเลสตัณหาครอบงําเราทุกวัน ๆ ไมตองสงสัยอายุ ๙๐ ป ๑๐๐ ป มัน จะหลงจะฟ น เฟอ น. เพราะฉะนั ้น เราจะตอ งเสีย สละ : เมื ่อ อายุมันมากพอแลว งานก็ทํามามากพอแลว ก็ยอมเสียสละเอาเวลามาฝกจิตให ถู กวิ ธี ที่ จะฝ ก โดยเฉพาะเช นอานาปานสติ นี้ อ ยู เป น ประจํ า ; ผมเชื่ อ ว า,จะจริง หรือ ไมจ ริง ไมท ราบใหม ีอ ายุส ัก ๑๕๐ ป หรือ ๒๐๐ ป ก็จ ะไมห ลง ; มีแ ตว า รางกายมั นจะทนไม ไหว มั นจะเน าไปเสี ยก อนเท านั้ น. ถ าสมมุ ติ วามั นจะอยู ได อายุ ๒๐๐ ป มัน ก็ไ มห ลงดอก ; ถา อยู ด ว ยจิต ใจที ่เ ปน ระเบีย บในเรื ่อ งของ จิตใจอยูทุกวัน ๆ แลวไมมีหลงได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่ คุ ณ เห็ นไหมวา มั นน ากลั วหรือไม น ากลั ว ? อายุ สั ก ๘๐ ป แล วมั น เกิ ด หลงเหมื อ นคนที่ ห ลงบางคน, กิน ก็ วาไม ได กิ น อะไรก็ วาไม รูทั้ งนั้ น , นุ งผ า หรือ ไมนุ ง ผา ก็ไ มรู, กลางวัน หรือ กลางคืน ก็ไ มรู, อะไรก็ไ มรู, ตัว เองชื่อ อะไร ก็ ไม รู, นี่ มั น หลงขนาดนี้ ; น ากลั วหรือ ไม น ากลั ว ? นี่ ก็ เป น ฆราวาสที่ เป น ทุ ก ข อยางยิ่งได. จะปองกันไดโดยวิธีฝกสติสัมปชัญญะ ตามหลักของพระพุทธศาสนา อยู เป น ประจํ า แล ว ก็ ฝ ก มากขึ้ น ในตอนที่ อ ายุ มั น มากขึ้ น ; คื อ ยอมสละสิ่ งอื่ น


๑๒๐

ฆราวาสธรรม

ออกไป ใหม ีเวลามาทําจิต ใจใหดี ใหม ากขึ้น ; นี่ก็จ ะรับ ประกัน ได. ถา ยิ่งทํ า ไปไดตั ้ง แตย ัง หนุ ม ๆก็จ ะยิ ่ง ดี ; ดีที ่ต รงไหน ? ก็ด ีต รงที ่ไปเปน ฆราวาส เปน พอบานแมเรือนที่เขมแข็ง ที่เฉลียวฉลาด ที่บึกบึน ที่ทําหนาที่ฆราวาสใหลุลวงไป ดว ยดีได ; แลว พอตอ จากนั้น ก็ไปเปน คนแกที่ส มองใส ที่จิต ใจสวางไสว เปน ที่พึ่งแกคนอื่นได ดีอยางนี้. เมื่ อคุณ ต องการจะแก ป ญ หาของฆราวาสทุ กชนิ ดละก็ ก็ให ทํ าเป น ขั้นๆ ไป : เป นพรหมจารีต องทํ าอย างไร ? ถ าทํ าผิ ด ความทุ กข ก็ จะเกิ ดขึ้นตั้ งแต เป น พรหมจารี ; คือเด็ก ๆ ของเราเปนบาบาง กระโดดน้ําตายบาง หรือวาทําอะไร ที่ ไม น าดู อี ก หลาย ๆ อย า ง ; เพราะมั น ทํ าผิ ด ไปตั้ ง แต ขั้ น ที่ ๑. นี่ ข อให ก ลั วกั น ใหมาก ละอายกันใหมากในเรื่องอยางนี้ จะไดปองกันได. ทีนี้เลื่อนไปขั้นที่ ๒ เปนคฤหัสถ. ถาในขั้นพรหมจารีทํามาดี ในขั้น คฤหัสถก็เชื่อวาจะตองดี จะตองเปนคนฉลาด จะตองเปนคนอยูในธรรม, อยูในพระ ธรรม, อยู ใ นระเบีย บวิน ัย อยู ใ นอะไรดี มีค วามเขม แข็ง อดทน มีกํ า ลัง ใจ ที่สูง ไมมีอะไรมาทําใหมันหวั่นไหวโลเล ทอแทอะไรได ; ปฏิบัติงานที่หนักที่สุด ของชีวิตไดตลอดสมัยของเขา คือเปนพอบานแมเรือนที่ดี.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org หลังจากนั้นก็เปน วนปรัสถ อยูในบานนั้นแหละ สนใจแตเรื่องในทาง ความสงบของจิตใจให มากขึ้น. แลวก็เป นสั นยาสี อยูในบ านเรือนนั้ น สอนลู ก สอนหลาน สอนเหลน สอนอะไรก็ไ ด แลว แตจ ะมีห รือ นั ่ง ตอบคํ า ถาม ของเด็ก ๆ เหลานี้ใหถูกตอง.

ถาทําไดอยางนี้ ฆราวาสก็เกือบจะไมเปนทุกขเลย ; หรือถามันเป น ความทุกขเกิดขึ้นในบางอยาง ก็กลายเปนของนาหัวเราะ คือมันมาทําใหเราฉลาด


ความทุกขในความเปนฆราวาส

๑๒๑

มัน มาใหเราแกใ หลุลว งไป. จะเปน ทุก ขทํา ไม ? จะตอ งไปเปน ทุก ขมัน ทํา ไม, ก็ต ัด อะไร ๆ ออกไปไดม าก. แตถ า ไมไดฝ ก จิต ใจใหเขม แข็ง ใหสูง อยา งนี ้แ ลว มั นรับเอาไว ไม ได . ดั งนั้ นการที่ คุ ณเรียนกั นในมหาวิ ทยาลั ยเดี๋ ยวนี้ หนุ ม ๆ สาว ๆ เรียนกันอยูอยางนี้ ผมวาไมมีทางเลย ไมมีทางที่จะตองรับความทุกขในชีวิต ใน ฐานะเป น บทเรี ย นเลย ; จะนั่ งรอ งไห บ าง จะกระโดดนตายบ าง จะยิ งตั วตาย บาง ไปเสียทางนั้นมากกวา. เพราะฉะนั้นการศึกษาเลาเรียนในมหาวิทยาลัย มันยังไมเปนอุดมศึกษา เพราะเหตุ นี้ ; มั นยั งไม ชวยให รูวา เกิ ดมาทํ าไม ? แล วจะแก ไขความทุ กข ที่ มั น จะเกิ ด ขึ้ น ในจิ ตใจด วยความยิ้ ม แย ม ได . มั น จะกลั ว มั นจะเสี ย สติ สั ม ปชั ญ ญะ สู ญ เสี ยความเข ม แข็ งอะไรไป ; แล วก็ ป วดหั ว เรีย กกั น ว าปวดหั ว ; พอได เป น นาย เปนผูบังคับบัญชาสูงขึ้นไป มันก็ยิ่งปวดหัว ก็เลยทําอะไรหวัด ๆ. สรุปความกันสักทีหนึ่ งก็ไดวา เป นฆราวาสนี้ เปนใหถูกตองมาตั้งแต พรหมจารี, แลว ก็ม าถึง คฤหัส ถ กระทั ่ง ไปจนถึง วนปรัส ถ และสัน ยาสี. สี่คํานี้ถาไม มี คําอื่นที่ ดีกวาแล ว ก็ขอให เอาไปใช.ถาคุณ มี คํ าอื่นที่ดี กวาก็ตามใจ แตผ มวา นี้ถือ เปน หลัก ได : ชีวิต มนุษ ยเกิด มา กวา จะแตกดับ ใหแ บง ออกเปน ๔ ส วนอย างนี้ : - เป น พรหมจารี เสี ย ส วนหนึ่ ง, เป น คฤหั ส ถ เสี ย ส วนหนึ่ ง, เป น วนปรั ส ถ เสี ย ส ว นหนึ่ ง เป น สั น ยาสี ส ว นสุ ด ท า ย ; แล ว จั ด ชี วิ ต ในความเป น ฆราวาสนั้นใหถูกตองทั้ง ๔ สวน ก็จะเปนผูที่พอจะกลาวไดวา มีชัยชนะ เปนผูชนะ เกิ ด มามี แ ต ค วามชนะ, เป น ชิ น ะคื อ เป น ผู ช นะ นี้ ต ลอดชี วิ ต เลย.และนี่ คื อ วั ต ถุ ประสงคของพุทธศาสนา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org วัตถุประสงคของพุทธศาสนา คือจะชวยใหคนมีแตชัยชนะจนตลอด ชี วิ ต , ให อ ยู ใ นโลกด ว ยชนะจนตลอดชี วิ ต ไม มี วั น พ า ยแพ . อาจจะไม มี ใคร


๑๒๒

ฆราวาสธรรม

สนใจที ่ผ มพูด นี ้น ัก ก็ไ ด แตผ มวา นี ้ค ือ ทั ้ง หมด. พระธรรม ในพุท ธศาสนานี้ ไม ใช มี ไว สํ าหรั บ ชวนให ค นหนี โลก ไปอยู ป า อยู ด ง ; นั้ น มั น แพ ตามความรู สึ ก ของผมคือ นั ่น มัน แพ ที ่ไ มก ลา เผชิญ กับ โลก, แลว หนีไ ปบวชเปน ฤาษีด าบส เปนมุนี เปนภิกษุอะไรก็ตาม นั่นมันแพ. พระพุทธศาสนามีไวสําหรับใหทุกคนนี้อยูในโลกดวยชัยชนะ ไม ตองหนีโลก. ใหอยูในโลกโดยชนะไปทุกแขนงตั้งแตเกิดมาทีเดียว. ฉะนั้น ให มองธรรมะในลั กษณะอยางนี้ แลวให รับเอาไปในลักษณะอย างนี้ ; ในการที่ คุ ณ จะไปศึ ก ษาเล า เรี ย นในมหาวิ ท ยาลั ย ก็ ข อให ป ระสบแต ชั ย ชนะ. ถ า ออกจาก มหาวิท ยาลัย ไปประกอบงานอาชีพ ก็ข อใหป ระสบแตช ัย ชนะ ; แลว ไปเปน พ อบ านแม เรือนต อไปก็ ขอให ประสบแตชัยชนะ ทั้ งภายนอกและภายใน. ภายใน คือจิตใจก็ใหประสบชัยชนะเสียกอน แลวภายนอกก็ จะชนะแน คื อจะชนะสิ่ งต างๆ รอบดา น ; จะเปน สัง คมก็ต าม จะเปน โรคภัย ไขเจ็บ ก็ต าม จะเปน อะไรก็ต าม ที่ มั น จะประดั งเข ามารบกวนเรานี้ เราจะชนะ คื อจะตะเพิ ดให มั น กลั บ ไป แล วก็ หัวเราะเลนได แมแตความตายจะมาถึง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พระพุท ธเจา เรีย กพระองคว า “ผู ช นะ” มีใ นบาลีบ างแหง เรีย ก พระองคเ องวา ผู ช นะ, คือ เปน ชิโ น เปน ชิน ะ. ทีนี ้เ ราเปน ลูก ศิษ ยข อง พระพุท ธเจา ก็จ ะตอ งเปน อยา งนั ้น ; ถา ไมอ ยา งนั ้น มัน ก็ไ มใ ชล ูก ศิษ ยข อง พระพุ ท ธเจ า. จะต อ งเตรีย มพร อ มสํ าหรับ จะไปเป น ผู ช นะทุ ก ชั่ วโมง ทุ ก วั น ทุ ก เดือน ทุกป ;แลวก็เปนฆราวาสที่ดีในลักษณะที่กลาวมาแลว ตั้งแตเกิดจนตาย. พู ดภาษาวั ด ๆ วา ๆ กั นก็ ได : คื อเป นฆราวาสอย างสั ตบุ รุษอย าเป น ฆ ราวาส อย างอ สั ต บุ รุ ษ . คํ าว า สั ต บุ รุ ษ นี้ เป น บ รรพ ชิ ต ก็ ได คื อใช ได


ความทุกขในความเปนฆราวาส

๑๒๓

หมดเลย เป น พระอรหั น ต ก็ เรี ย กว า เป น สั ต บุ รุ ษ ได เหมื อ นกั น คํ า ว า สั ต บุ รุ ษ ความหมายของมันกวางอยางนี้ เปนบรรพชิตก็ได, เปนพระอรหันตไปเลยก็ได เรียกวา สัตบุ รุษผูสงบรํางับ ; แตเดี๋ ยวนี้ เราเอาเพี ยงวา เป นฆราวาส อยูบ าน เรือน นี่ก็เปนสัตบุรุษได. นี่คุณจะเอาอะไรมาวัด หรือมาสอบดู ? ผมก็คิดวา มีเครื่องวัดสัก ๓ หัวขอ ขอใหจําใหดี ๆ: - สามารถจะแกไขปญหาในชีวิตได หมายความวาปลดเปลื้องความทุกขไปได. - แลวก็มีความสุขตามที่ควรจะมี, ตามที่ฆราวาสควรจะมีได. - ทํ า ชีว ิต ของเรานี ้เปน การศึก ษา หรือ เปน การเดิน ทางที ่ด ีอ ยู เสมอ. ใหช ีว ิต ของฆราวาสนั้นเปนการศึกษาที่ถูกตอง หรือเปนการเดินทางที่ถูกตองอยูเสมอ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เวลานี้เราไมมีความทุกข เวลานี้เรามีความสุข เทาที่ฆราวาสจะมีได อยา งสูงสุด อยา งที่ก ลา วมาแลว ก็ได ; แลว ชีวิต นี้ม ัน เปน การศึก ษาเพิ ่ม ขึ้น , แลว ก็เปน การเดิน ทางที ่ถ ูก ตอ งอยู เสมอ ; คือ จากพรหมจารีไ ปสู ค ฤหัส ถ, จากคฤหัส ถไ ปสูว นปรัส ถ, จากวนปรัส ถไปสูสัน ยาสี.หรือ จะพูด ใหม ัน ชัด ลง ไปเลยวา เป นกั ลยาณบุ ถุ ชน แล วเป นพระโสดาบั น เป นพระสกิ ทาคามี เป น พระอนาคามี แลวก็ไปเปนพระอรหันต ; ตอวาระสุดทายดับจิตก็ได มีหวังที่จะ เป น พระอรหั น ต ในนาที สุ ด ท ายของชีวิต ก็ยั งได . มี วิธีงาย ๆ คื อ วา เราตั ด บท ออกไปวา ไมอยากจะมีตัวกู ของกูอีกตอไป แลวก็ดับไปดวยตามที่รางกายมันดับ ; มันก็ถึงจุดสูงสุดไดเหมือนกัน. นี่เปนฆราวาสอยางสัตบุรุษ, ซึ่งคํา ๆ นี้หมายถึง คนดีแตตนขึ้นไป จนเปนพระอริยเจา และเปนพระอรหันตในที่สุด.


๑๒๔

ฆราวาสธรรม

ที่ผมพูดนี้คุณตองรูไวดวยวา คนอื่นเขาไมยอมรับ วาพระอรหันตเปน สัต บุรุษ ; นี่เขาไมเคยไดยิน ไมเคยเห็น . ที่ต ามโรงเรีย นที่เขาสอน ๆ กัน อยู โรงเรีย นนัก ธรรม อภิธ รรมอะไรนั ่น เขาจะไมเรีย กพระอรหัน ตว า สัต บุร ุษ เพราะเขาไมเคยเห็น ไมเคยไดยิน. ผมเคยเห็น จากจารึกผะอบศิลา ใสกระดูก พระโมคคัลลีบุตร จารึกนั้นวา : - “สปฺปุริสสฺส โมคฺคลฺลีปุตฺตสฺส” ซึ่งเขาถือกัน วาเปนพระอรหัน ต. พระอรหัน ตหลายองคก็มีคํานําหน าวา “สัปปุ ริส” ทั้งนั้ น คือ สัต บุรุษ . ถา ไมเรีย นโบราณคดีกัน อยา งนี ้บ า งก็ไ มม ีโ อกาสจะรู วา คํา วา สัตบุรุษนั้นใชแกพระอรหันตก็ได, และใชแกอุบาสก อุบาสิกาตามวัด ตามบาน ก็ได ; ไม เชื่อคุณ ไปถามพวกที่ กรุงเทพ ฯ ดู ที่เขาสอนกันอยูตามโรงเรียนบาลี หรือพวกอภิธรรมก็ตาม. เดี๋ยวนี้ผมกําลังพูดวา เปนฆราวาสชนิดสัตบุรุษก็แลวกัน พอแลว ; ซึ่งมันเปนไดตั้งแตคนดีไปจนถึงเปนพระอริยเจา แลวเปนพระอรหันตไปเลย ; ในวินาทีสุดทายของฆราวาสคนนั้นเปนพระอรหันตก็ได.และเมื่อปฏิบัติอยูอยางนี้ มันคลายกับเปนบรรพชิต เปนการบวชอยูแลวในตัว ; ชั่วโมงที่เปนคฤหัสถมีนอย ที่สุด ที่จะกลุมอกกลุมใจดวยเรื่องลูก เรื่องเมีย ดวยทรัพยสินเงินทอง มันมีนอย ที่สุด หรือมันไมมีเสียเลยก็ได มันอาจจะปดออกไปได ; มันเลยมีลักษณะเหมือน เปน บรรพชิต อยูในบานนั้น เอง. นี่เราเรีย กวาเปน “ฆราวาสชนิด สัต บุรุษ ” ยืดหยุนไดมาก ขยายความไดไกล จากัลยาณบุถุชนไปถึงพระอรหันตเลย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที นี้ ถ าไม เป นอย างนั้ น มั น ก็ ตรงข าม คื อ เป นฆราวาสอสั ตบุ รุษ ขอ นี ้ไ มต อ งสงสัย มัน ตกนรกทั ้ง เปน , สมน้ํ า หนา ที ่เ ปน ฆราวาสชนิด นั ้น คือเปนฆราวาสที่โงเขลา ; ทุกอยางมีแตจะประดังเขามามีอาการเหมือนกับตก นรกทั้งเปน. แตยังมีขอแมวา ถาความโงเขลาของเขานั้นรูจักเปลี่ยนแปลงบาง


ความทุกขในความเปนฆราวาส

๑๒๕

มั นอาจจะเปลี่ ยนแปลงได เหมื อนกั น.เมื่ อได ตกนรกทั้ งเป นสั กพั กหนึ่ งมั นก็ เกิ ด ฉลาดรูจั กอะไรขึ้ นมาก็ เปลี่ ยนได ทั นเหมื อนกั น. ก อนที่ จะตายก็ เปลี่ ยนได ทั น . อยา งนี ้ก ็เ รีย กวา ยัง ดี ตั ้ง ตน ดว ยความมืด แลว ไปสวา งไดใ นตอนปลาย ก็ก ลายเปน สัต บุรุษ ไป. ฆราวาสคนนั ้น ที่เ ปน อสัต บุรุษ แลว เปน อาชาไนย อยูบาง ก็รูเร็ว รูงาย มันเปลี่ยนไดเร็ว ไมทันตายก็เปนสัตบุรุษได. คุณมองดูปริทัศน, outl - ine ปริทัศนของมันในลักษณะอยางนี้ : วา ชีวิต นี้มัน เปนอะไรไดบาง ก็ค งจะสามารถถือ หางเสือ ของชีวิต นี้ไปไดดีที่สุด ; ลัดเลาะ เลี้ยวหลีก เกาะแกงที่เปนอันตรายตาง ๆ ไปไดอยางหวุดหวิด ๆ แลวก็ออก ไปพนอันตรายได. ขอใหศึกษาธรรมะกันในลักษณะอยางนี้ แมจะศึกษาธรรมะ ที่เรียกวา ฆราวาสธรรม ก็ขอใหศึกษาอยางที่เราพูดกันมา ๒ - ๓ คืนแลว. อยา ไปศึกษาอยางที่เขาพูด ๆ กัน ; นั่นมันยอมแพตึงแตตอนมือ. การยอมแพตั้งแต ตนมือนั้นมันนาละอาย : เขาไปหมายเอาวา ถาเปนฆราวาส มันก็ตองเปนทุกข, ถา เปน ฆราวาสมัน ก็ไ มม ีเรื่อ งอะไร มีแ ตทํ า มาหากิน เทา นั ้น หาเลี ้ย งปาก เลี้ยงทองเทานั้น, เขากําหนดตัวเองอยูเพียงเทานั้น ; มันก็เปนการยอมแพตั้งแต ตนมื อ. เพราะวา ลงหลั กลงรากตั วเอง ให มั นหยุดอยู ที่ นี่ เพี ยงเท านี้ . เพราะ ฉะนั้น อยาไปถือตามพวกนั้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราจะเปนฆราวาสในแบบที่พระพุทธเจาทานสั่งสอน. ดังที่มีผูไปถาม ทาน ทานก็บอกวา สุญญตา เปนประโยชนเกื้อกูลแกฆราวาสตลอดกาลนาน ; ก็หมายความมาจนถึงนี่ มาจนถึงจุดหมายปลายทางของสัตบุรุษ เปนลําดับไป ๆ, เปนลําดับไปจนถึงขั้นสุดทายของสัตบุรุษก็คือเปนพระอรหันต. ถามีบาปหนา มีธุลีใ นดวงตามาก ก็ปก หลัก อยูที ่นั่น ; เปน ตกนรกทั้ง เปน จนกระทั ่ง ตาย. แตผมคิดวาเปนยาก มีไดยากในลักษณะอยางนั้น ; เพราะคนเรารูจักเจ็บ รูจักจํา


๑๒๖

ฆราวาสธรรม

รูจักเข็ดหลาบ มั นก็ต องเปลี่ยนแปลงไป - เปลี่ ยนแปลงไป, ผลสุดทายมั นก็ทะลุ กลางปลอง ทิ้งลูกทิ้งเมียไปบวชก็ได. เพราะฉะนั้น เราดูใหดีวา ฆราวาสที่มันตันนั้นมันเปนอยางไร ? ชีวิต ฆราวาสที่ไปติ ดตันอยู นั้นเป นอยางไร ? แล วชีวิตของฆราวาสที่มี การจัดดี ทํ าดี มันไมตัน มันออกไปไดจนถึงปลายทาง; แมวาไปอยางหนัก เหมือนกับเรือหนักๆ เกวี ย นหนั ก ๆ ถ า ทํ า ดี มั น ก็ ลุ ล ว งไปได ;ไปช า หน อ ย แต มั น ก็ ฉ ลาดโขที เดี ย ว. ฉะนั้ น สํ าหรับคนที่ จะบิ น ไปได นี้ มั นคงจะเคยโงกว า โงกว าคนที่ เคยเดิ น เท า ; เพราะฉะนั้นอยาดูหมิ่นความทุกข วาเปนของเลวเสมอไป. ความทุกขทําใหเราฉลาดขึ้น ความทุกขทําใหบุคคลเปนพระสัมมาสัมพุทธเจา; ฉะนั้นถาฆราวาสเต็มไปดวยความทุกข ก็ตอนรับมันในลักษณะนี้, ในลักษณะที่ทําใหฉลาด หรือในลักษณะที่ทําใหบุคคลเปนพระสัมมาสัมพุทธเจา. ถาไมมีความทุกขในชีวิตของคนแลวละก็ พระพุทธเจาก็ไมตองเกิด ไมจําเปนตอง เกิดหรือวาไม อาจจะเกิ ด. ความทุ กขมั นบี บคั้ น ท านหาทางออกพบ ท านก็ เป น พระสั ม มาสั ม พุ ท ธเจ า . ที นี้ เราก็ ได เปรีย บ หรือ มี บุ ญ ที่ เราไม ต อ งค น เอาเอง ; รับคํ าชี้ แจงแนะนํ าของท านมา ก็ งายกวา ในการที่ จะดั บทุ กข ; เรียกวามี โชดดี อยูมาก.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั ้น อยา ใหม ัน เสีย ไปเปลา ๆ ตอ นรับ เอาใหถ ูก ตอ ง ให พระพุท ธเจา มีป ระโยชนแ กเ รา พูด ภาษาธรรมดาหนอ ย, ใหพ ระพุท ธเจา หรือ การตรัส รูข องพระพุท ธเจา มีป ระโยชนแ กเ รา. เดี ๋ย วนี ้เ ราก็บ วชโกนหั ว นุงเหลืองกันทุ กองค ; ถาการตรัสรูของทานไม มีประโยชนแกเราแลว เราก็เปน คนบ า ๆ บอ ๆ ทั้ ง ๆ ที่ บวชอยูอยางนี้. นี้ ผมขอรองวา ใหฟ งให ดี เอาไปคิ ดให


ความทุกขในความเปนฆราวาส

๑๒๗

เขาใจ มันจะไดถูกตอง ; แลวนําไปใชเปนประโยชนได แมวาจะบวชเพียงไมกี่วัน มันก็ยังไดรับประโยชนเพียงพอเหมือนกัน. ขอใหสนใจกันใหดี. สรุปเรื่องวันนี้ก็มีวา ความทุกขของฆราวาสนั้น มันอยูที่วา เปน ฆราวาสโงห รือ วา เปน ฆราวาสที่ฉ ลาดเปน สัต บุรุษ หรือ เปน อสัต บุรุษ . ถา เปนฆราวาสโงมันก็เรียกวา มันสุมทับเปนภูเขาเลากา สารพัดอยางจนเปนบา ไปเลย. ถาเปนฆราวาสที่ฉลาด มันก็ฟนฝาออกไปได ; แลวก็เลยกลายเปน คนฉลาด อยู เหนื อ ความทุ ก ข ได เหมื อ นกั น . เพราะฉะนั้ น ความทุ ก ข ข อง ฆราวาสนั้น เรียกวาดีก็ได เรียกวาชั่วก็ได ; แลวแตคน ๆ นั้นจะเปนฆราวาส ชนิดไหน. ขอใหรูจักความทุกขในชีวิตฆราวาสอยางนี้ เพื่อเปนผูมีชัยชนะในการ ที่ไดเกิด มาในโลก แลวก็ช นะโลก ชนะทุก สิ่ง ; แลว ก็ไมเสีย ทีที่เปน มนุษ ย และพบพระพุทธศาสนา อยางวานี้. เทานี้ก็พอแลว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org วันนี้ก็พอกันที.


ธรรมรวม สําหรับคฤหัสถ และบรรพชิต -๘๒๕ เมษายน ๒๕๑๓ สํา หรับ พวกเราลว งมาถึง เวลา ๔.๔๕ น. แลว ใน วันนี้จะไดพูดกันถึง ธรรมะรวมกันทั้งฆราวาสและบรรพชิต. ขอใหส ัง เกตดูม าตั ้ง แตต น วา ที ่แ ลว ๆ มานั ้น เราพูด กัน แต เรื่อ ง ฆราวาส ; แมจ ะพูด ถึง ธรรมะชั้น สูง ก็พูด ในลัก ษณะ ที่ มั น เกี่ ย วกั น กั บ ฆราวาส คล า ย ๆ กั บ ว า แยกธรรมะสํ า หรั บ บรรพชิ ตออกไป เป นอี กเรื่องหนึ่ ง และอยู ในลั กษณะที่ เหมื อน กับ ตรงกัน ขา ม เปน คนละพวกไปที เดีย ว;ที ่จ ริง มัน ไมเ ปน อยางนั้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สิ่งที่เรียกวา ธรรมะ ที่เปนตัวศาสนาจริง ๆ นั้น ใชไดรวมกันทั้ง ฆราวาสและบรรพชิด ; เพราะวา กิเลส และความทุกขโดยตรงนั้น มันเหมือนกัน สํ า หรับ คนทุก คน ; ทีนี ้ห ลัก ธรรมะก็เลยใชไ ดสํ า หรับ คนทุก คน. ที ่แ ยกออก เป น เรื่ อ งของฆราวาสโดยเฉพาะนั้ น มั น จึ ง มี น อ ย, ที่ จ ริ ง มั น มี น อ ย. ถ า ว า

๑๒๘


ธรรมรวม สําหรับคฤหัสถ และบรรพชิต

๑๒๙

พุ ท ธศาสนาทั้ งหมดมี กํ ามื อ หนึ่ ง มั น ก็ เป นเรื่อ งทั่ วไป ทั้ งฆราวาสและบรรพชิ ต เกือ บทั ้ง หมด ; จะเปน สํ า หรับ ฆราวาสโดยเฉพาะก็ส ัก หยิบ นิ ้ว มือ หนึ ่ง เทา นั ้น ถาทั้งหมดมันกํามือหนึ่ง. คุณ ลองคิดดูใหดี แมวาเรื่องขอปฏิบัติของฆราวาสโดยตรง เชนเรื่อ ง ท ิศ ๖ เป น ต น ; เราท อ งก ัน ย ืด ย าวค ล า ย ก ับ วา ม ัน ม าก ม าย .เมื ่อ ไป เปรียบเที ยบดูกั บตั วพุ ทธศาสนาสวนใหญ แลว มั นก็เป นเรื่องนิ ดเดี ยว ชั่วจะติ ด ปลายนิ้ วมื อ หยิ บ เดี ย ว ถ าทั้ ง หมดมั น สมมุ ติ วากํ ามื อ หนึ่ งเต็ ม ๆ. เพราะฉะนั้ น วันนี้ผมจึงอยากจะพูดใหเห็นชัด ในการที่ธรรมะเปนของใชรวมกันไดทั้งบรรพชิต และฆราวาสนั้ น มั นมี อย างไร ? และมี มากน อยเท าไร ? และก็ อ ย าลื ม วา เมื่ อ พูดถึงธรรมะแลวละก็ จะตองนึกถึงเปนประเภทใหญ ๆ วา ธรรมะในฐานะที่เปน เครื ่อ งมือ สํ า หรับ ใหป ฏิบ ัต ิธ รรมะอื ่น สํ า เร็จ นี ้ก ็พ วกหนึ ่ง ,แลว ก็ธ รรมะที ่เ ปน ตัวการปฏิบัติโดยตรงที่เราจะตองปฏิบัติลงไป โดยใชธรรมะเครื่องมือเปนตนนั้น นี้มัน ก็อีก พวกหนึ ่งตา งหาก; แลว ทีนี้ยัง จะมีแ ถมพิเศษเขา มาอีก พวกหนึ่งก็ได คือ ธรรมะพวกที ่จ ะเอามาใชอ ยา งเครื่อ งมือ ก็ไ ด หรือ เปน ธรรมะในตัว มัน เอง โดยตรงก็ได ก็ยังมีเหมือนกัน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สํ าหรับวันนี้ เราจะพู ดกั นถึ ง ธรรมะที่ ใชรวมกั นได ในฐานะเป นตั ว ธรรมะกันกอน ; แลวจะพู ดเรื่องธรรมะเครื่องมื อ หรือ ที่อาจจะใชเป นเครื่องมื อ ในวันหลัง.

ธรรมะที่ใชรวมกันไดทั้งฆราวาสและบรรพชิตนี้ หรือวาขอเท็จจริง สวนนี้ ไดถูกมองขามโดยคนทั่ว ๆ ไป แมที่เปนครูบาอาจารยสอนอยูทุกวันอยางนี้ เขาก็ ไปแยกวา ฆราวาสต องปฏิ บั ติ อย างหนึ่ ง,บรรพชิดต องปฏิ บั ติ อี กอย างหนึ่ ง คลาย ๆ กับวา เปนมนุษยคนละประเภท อยางที่มันไมมีอะไรเหมือนกันเสียทีเดียว.


๑๓๐

ฆราวาสธรรม

ผมก็เลยรับบาป หรือวาถูกดาอยูเปนประจํา ถูกดา ที่วา เอาธรรมะชั้นสูงมาสอน ฆราวาส หาวาเปนความโงเขลาอยางยิ่ง แลวก็ทําผิดหลักพระพุทธศาสนาอยางยิ่ง. สวนผมเห็นวา นี่คือฉลาดอยางยิ่ง แลวก็ทําถูกตองตามพระพุทธประสงคอยางยิ่ง ที่เอาธรรมะชั้นหัวใจของพุทธศาสนามาสอนชาวบาน ทําไรทํานาอยางนี้ ซึ่งจะได พูดใหเห็นตอไปในขางหนา. พูดสรุปสั้น ๆ ก็วา เอาเรื่องที่ปฏิบัติเพื่อไปนิพพาน มาใชแกคนที่กําลังไถนาอยูในนา อยางนี้ก็ได. แลวคุณก็ตองไดยินคํากลาวหา อัน นี้ ที่เ ขากลา วหาผม ; และถา คุณ ไปพูด กัน เอง เขาก็ตอ งกลา วหาคุณ ; ก็ขอบอกเอาไวใหรูลวงหนาอยางนี้. สําหรับตัวธรรมะที่เปนหลักปฏิบัติ ที่วาใชไดรวมกัน ทั้งแกบรรพชิต และแก ค ฤหั ส ถ นั้ น ขอให ตั้ งต น ไปตั้ งแต ห มวดแรกที่ สุ ด เลย, มั น มี ม ากหมวด เปนหมวด ๆ ไป, แตวาหมวดแรกที่สุดที่จะยกมาใหเห็น เชนสรณาคมน. สรณาคมน แปลวา การถึงพระรัตนตรัย เป นสรณะ คื อ ถึงพระ พุ ท ธ พระธรรม พระสงฆ เป น สรณะ, มี แ บบ (formula) เหมื อ นที่ พู ด กั น ทุก ๆ วัน วา พุท ฺธ ํ สรณํ คจฺฉ ามิ, ธมฺม ํ สรณํ คจฺฉ ามิ. สงฺฆ ํ สรณํ คจฺ ฉ ามิ . นี้ คุ ณ ก็ รู กั น อยู ดี แ ล ว ว า อย า งไร หมายความว า อย า งไร. นี่ เราใช รวมกั น ทั้ งคฤหั ส ถ และบรรพชิ ต ; ไม ต องแยกสํ าหรับ ฆราวาสอย างหนึ่ ง ของ บรรพชิ ต อยางหนึ่ ง ;เพราะเราไม อาจมี พระพุ ทธ พระธรรม พระสงฆ แยกกัน ; เพราะเหมื อ นกัน และก็ตองถึงโดยวิธีเดียวกัน . เพราะฉะนั้น จะทําในใจให ถึง พระพุ ท ธ พระธรรม พระสงฆ อย างไร ก็ ทํ าเหมื อ นกั น หมดทั้ ง ฆราวาสและ บรรพชิต. สวนที่ใครจะทําไดไกลกวา ดีวา มากกวา นั้นมันเปนอีกเรื่องหนึ่ง. แตโดยหลักแลว ก็ตองทําสุดความสามารถ ในวิธีเดียวกัน จะเปนการรับแตปาก

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ธรรมรวม สําหรับคฤหัสถ และบรรพชิต

๑๓๑

มั น ก็ รับ เหมื อ นกั น ; จะเป น การทํ าในใจถึ งพระคุ ณ ของ พระพุ ท ธ พระธรรม พระสงฆ ดวยบท อิติป โส ภควา เปนตน ก็เหมือนกัน. ถาทําไดจริง มีใจ สะอาด สวาง สงบ ในลักษณะที่มีจิตใจเหมือน พระพุ ทธ เหมือนพระธรรม เหมือนพระสงฆ มันก็เหมือนกันอีก. เพราะฉะนั้น การถึงสรณาคมนนี้ เปนหลักที่ใชเหมือนกัน อยางเดียวกันทั้งฆราวาสและบรรพชิต. นี้เราเรียกวาธรรมะรวมกัน เหมือนกันระหวางบรรพชิตและฆราวาส ซึ่งคุณจะตอง หารายละเอียดมาอาน มาศึกษาตอไป. ที นี้ ก็ จะมองดู กั นที่ ตั วของพุ ท ธศาสนา. เมื่ อผมพู ดวา ตั วของ พุทธศาสนานี้ คุ ณ ก็ พ อจะเข า ใจได : ถ า เป น ตั ว พุ ท ธศาสนาในส ว นทฤษฎี เราเรีย กวา อริย สัจ จ ๔ คือ - เรื่อ งทุก ข, - เรื่อ งเหตุใ หเ กิด ทุก ข ไดแ กกิเ ลส, - เรื่องความดับทุกขสนิทไมมีเหลือ นี้คือทําลายกิเลสไมเหลือ, - เรื่องการปฏิบัติ เพื่ อความดั บทุ กข ก็คื อปฏิ บั ติ ให มั นถูกตอง ๘ ประการ, ที่เรียกกั นวา มรรคมี องค ๘ หรือมัชฌิมาปฏิปทา. ถาเราพูดถึงในลักษณะที่เปนทฤษฎีหรือหลักการนั้น เราเรียกวา อริยสั จจ ; แยกออกเป น ๔ ขออยางนี้ ก็ ใชรวมกั นทั้ งฆราวาสและ บรรพชิตอีก โดยหลักการอันเดียวกัน ไมมีอะไรแตกตางกัน. ถาใหมากเทาไร ยิ่งดี ทั้งฆราวาสและบรรพชิต ; คือ เขาใจไดมากเทาไรก็ยิ่งดี แลวจะไดเอา ไปปฏิบัติ. นี่คือตัวพระพุทธศาสนาในฐานะที่เปนหลักทฤษฎี.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ตัวพุทธศาสนาในสวนที่เปนการปฏิบัติโดยตรง มันก็ไดแกปฏิบัติ ตามหลักอริยสัจจขอสุดทายที่เรียกวา มรรคมีองค ๘ นั่นแหละ. เมื่อพระพุทธเจา ทรงแสดงปฐมเทศนา คือ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตรนี้เปนการแสดงถึงตัวพุทธศาสนา ที่ พระองค ได ค นพบใหม ไม เคยได ยิ นได ฟ งกั นมาแต ก อน ; ก็ ตรั สเรื่ องมั ชฌิ มา ปฏิ ปทา คื อ มรรคมี อ งค ๘ ประการนี้ . พระองค ท รงยกให เป น ตั วสิ่ งที่ ได ต รัส รู


๑๓๒

ฆราวาสธรรม

ไม เคยได ยิ น ได ฟ งมาแต ก อ นจากผู ใด ก็ ระบุ เป น การปฏิ บั ติ ที่ ถู ก ต อ ง ๘ ประการ เมื่ อรวมกั น เป น อั น เดี ย วเรียกว า “มั ชฌิ ม าปฏิ ป มา” ได แก - ความเข าใจถู กต อ ง, - ความหวัง หรือ ปรารถนาที ่ถ ูก ตอ ง- การพูด จาที ่ถ ูก ตอ ง, - การกระทํ า ทาง กายที่ ถู กต อง, - การเลี้ ยงชี วิตอยู อย างถู กต อง,- ความพากเพี ยรพยายามอยู เสมอ อย างถู กต อง, - ความมี สติ มี ความสํ านึ กรูสึ กประจําใจอยู อย างถู กต อง,- มี สมาธิ คื อ ความตั้ ง มั่ น ของจิ ต อย า งถู ก ต อ ง. ครบทั้ ง ๘ คื อ มี พ ร อ มกั น อยู ค รบทั้ ง ๘ แลวก็เรียกวามัชฌิมาปฏิปทา.

ที่ เขาพู ดกั นโดยทั่ ว ๆ ไปเขาไม ค อยเอ ยถึ งสิ่ งนี้ ในฐานะเป นตั วศาสนา ดว ยซ้ํ า ไป. แตแ ลว ไปดูใ หด ี พระพุท ธเจา ไดต รัส ถึง สิ ่ง นี ้ ในการประกาศ พระศาสนาครั้ งแรก ; แล วในคราวเดี ย วกั น จึ งได ต รั ส ถึ งเรื่ อ งอริ ย สั จ จ ต อ ไป ติ ด ตามมา ว า เรื่ อ งทุ ก ข เรื่ อ งเหตุ ให เกิ ด ทุ ก ข ฯลฯ นี้ ต อ งรู ต อ งปฏิ บั ติ และต อ ง ปฏิบ ัต ิเ สร็จ แลว . สํ า หรับ เรื ่อ งอริย สัจ จนั ้น แจกไวช ัด เลยวา : - ตอ งรู ม ัน วา จะตอ งทํ า อยา งไร, แลว ก็ทํ า มัน ลงไป, แลว ก็รู ว า ไดทํ า เสร็จ แลว ทํ า ถูก ตอ ง แล ว : คื อ รู ว า เรื่ อ งนี้ มั น เป น อย า งนี้ ๆ, แล ว เรื่ อ งนี้ เรามี ห น า ที่ ต อ งทํ า อย า งไร, แล ว เราได ทํ า เสร็ จ แล ว ในหน า ที่ นั้ น ๆ ; นั้ น คื อ หลั ก ที่ พ ระพุ ท ธเจ า ท า นใช กั บ อริยสัจจ แลวสอนใหทุกคนทําอยางนั้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราตอ งรู อ ริย สัจ จแ ตล ะขอ ๆ นั ้น วา มัน เปน อยา งไร ๆ, แลว เรามี หนา ที ่เกี ่ย วกับ เรื่อ งนี ้อ ยา งไร คือ ตอ งทํ า , แลว เราทํ า เสร็จ แลว – คือ เมื ่อ เราได ทํ า เสร็ จ แล ว ถู ก ต อ งแล ว บริ บู รณ แ ล ว. นี่ แ หละหลั ก เกณฑ ในเรื่ อ งมั ช ฌิ ม า ปฏิปทา รวมทั้งเรื่องอริยสัจจนี้ ใชเหมือนกันทั้งพระทั้งฆราวาส โดยเฉพาะ อย างยิ่ งมรรคมี องค ๘ หรือมั ชฌิ ม าปฏิ ป ทานี้ จะต อ งมี อ ยู ที่ เนื้ อ ที่ ตั วของฆราวาส เช น เดี ย วกั บ ที่ ต อ งมี อ ยู ที่ เนื้ อ ที่ ตั วของบรรพชิ ต . เพราะฉะนั้ น คุ ณ ท อ งไว ให มั น


ธรรมรวม สําหรับคฤหัสถ และบรรพชิต

๑๓๓

ขึ้ น ใจ : - เข า ใจถู ก ต อ ง, - มี ค วามหวั งถู ก ต อ ง, - มี ก ารพู ด จาถู ก ต อ ง, - มี ก าร กระทํ า ถูก ตอ ง- เลี ้ย งชีว ิต ถูก ตอ ง, - พากเพีย รถูก ตอ ง, - มีส ติถ ูก ตอ ง, - มี สมาธิถูก ตอ ง. เปน ๘ ถูก ตอ ง. นี้ก ็ไมใชท อ งไดแ ตป าก ตอ งมองเห็น ตัว จริง ของมันดวย ; แลวยิ่งกวานั้น ยังตองรูที่สําคัญที่สุด คือวา มันตองมีพรอมกัน, คือมั นเนื่ องกั นอยู ; ถ าขาดไปเสียอย างเดี ยว ไม ครบ ๘ นี้ ก็ ไม เรียกวา “มั ชฌิ มาปฏิป ทา” หรือ ไมเ รีย กวา “อัฏ ฐัง คิก มรรค” ; ถา มัน พรอ มกัน อยู  ทํ า งาน คราวเดีย วกัน พรอ มกัน อยู แ ลว ก็เรีย กวา “อริย มรรค” หรือ อัฏ ฐัง คิก มรรค หรือมัชฌิมาปฏิปทา. อริยมรรคนี้ ขอแรกพระพุทธเจาทานเอาความเขาใจถูกตอง, ความ เห็ น ถู ก ต อ ง หรื อ ความรู ถู ก ต อ งนี้ ม าก อ น เรี ย กว า “สั ม มาทิ ฏ ฐิ ” .เราต อ งมี ความเขาใจ หรือ ความรู หรือความเห็น ก็ต ามถูก ตอ ง. แลวเราจะมีขอ ถัด ไป คือ มีความหวัง มีความปรารถนา มีความใฝฝน มีความดําริก็ตาม แลวแต จะเรียกวา นั้นมันก็ถูกตอง .เพราะเรารูถูกตอ งแลว เราจะไปปรารถนาผิดได อยางไร; มันก็ปรารถนาถูกตอง, เรียกวาเขาใจถูกตอง แลวก็ปรารถนาถูกตอง ดว ย. หลัง จากปรารถนาก็มีก ารกระทํา, การกระทํา นั้น มัน ก็ถูก ตอ งไปหมด. การกระทําทางวาจาก็ถูกตอง, การกระทําทางกายก็ถูกตอง, เลี้ยงชีวิตก็ถูกตอง, พากเพียรอยูก็ถูกตอง. แลวก็มีสติถูกตอง เพราะมัน รูถูกตอ ง, ควบคุมความ รูสึกใหถูกตองอยูเสมอ นี้เรียกวามีสติถูกตอง แลวใจที่มั่นคงเขมแข็งเปนสมาธินั้น มันก็ตองถูกตอง เพราะมันถูกจูงไปโดยความรู หรือความเขาใจที่ถูกตองของ ขอแรกนั้น มันก็เลยถูกตองกันเปนหาง ตามไปหมด. นี้เปนหลักที่คุณจะตองใช ในชีวิต ประจําวัน . พอถึงตอนเย็น หรือ ตอนชั่วโมงสุ ดท ายแห งวัน , คือจะเขา นอนแลวก็จะตองทบทวนดูวา วันนี้มันมีอะไรที่ไมถูกตอง แลวก็จะไดเสียใจใหมาก

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๑๓๔

ฆราวาสธรรม

ละอายใหมาก เพื่อความถูกตองโดยงายในวันตอไป. ที่ปฏิบัติไดเหมือน ๆ กันทั้ง ฆราวาสและบรรพชิต. หลักหมวดถัดไป ซึ่งที่แทก็หมวดเดียวกันกับอันนี้ แตวาเขาไปเรียกให แปลกออกไปวา ไตรสิกขา. ไตร = สาม, สิกขา = การศึกษา. แตวาการศึกษา ในลักษณะนี้เขาหมายถึงการประพฤติปฏิบัติ.การศึกษานั้นคือ การทําลงไปจริง ๆ ใหเ กิด ผลขึ ้น มา นั ้น เขาเรีย กวา การศึก ษา. แบง เปน ศีล สมาธิ ปญ ญา; องคมรรคทั้ง ๘ องคนั้นแหละ เขามาจัดเปนศีล สมาธิ ปญญา ก็ได. สองขอตน เปน ปญ ญา, สามขอ ตรงกลางเปน ศีล , สามขอ สุด ทา ยเปน สมาธิ. แต เดี๋ยวนี้เราจะมองกันในแงอื่น ; เปนแงทฤษฎีอยูมากคือ เอาศีลมาไวเบื้องตน. ชื ่อ ศีล - สมาธิ - ปญ ญา นี ่ร ะวัง โดยทฤษฎีม ัน กลา วจากตั ้ง แต ต่ํา สุด ไปหาสูง สุด จึง เปน ศีล สมาธิ ปญ ญา. แตพ อลงมือ ปฏิบ ัต ิเ ขา จริง ไม เป น อย างนั้ น ต อ งเอาป ญ ญามาก อ น แล วให มั น ดึ งจู ง ศี ล และ สมาธิ ; เพราะกลัววา ศีล สมาธิ มันจะเขารกเขาพงไปก็ได ฉะนั้นจึงเอาปญญามากอน กลายเป น ป ญ ญา - ศี ล - สมาธิ . เมื่ อ มั น มาเป น ตั ว การปฏิ บั ติ เข า มั น กลาย เป นป ญ ญา - ศี ล - สมาธิ. ถ าเอาไวพู ดกั นเป นหลั ก ๆ มั นก็ เป น ศี ล - สมาธิ ป ญ ญา. ทํ า ไมจึ ง เป น อย า งนั้ น ? ตอบได ง า ยนิ ด เดี ย ว ; เพราะว า ถ า ไม มี ปญญาแลว มันจะไมรูเรื่อง ศีล, แลวจะไมชอบศีลดวยซ้ําไป.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาไมมีปญญาก็ไมชอบศีล ไมชอบสมาธิ. เพราะฉะนั้นเราตองมีปญญา พอที่จะมองเห็นวาชีวิตเปนทุกขอยูอยางไร ? แลวจะตองแกไขมันอยางไร ? มีหลัก การอยางไร ? นี่ปญญามากอนอยางนี้แลว ก็พบวาลงมือปฏิบัติใหถูกตองทางกาย ทางวาจา. เพราะฉะนั้ น ดู ลํ า ดั บ หรื อ ความสั ม พั น ธ กั น ขององค ม รรคทั้ ง ๘


ธรรมรวม สําหรับคฤหัสถ และบรรพชิต

๑๓๕

อยา งที ่ว า มาแลว ก็ค ือ - เขา ใจถูก ตอ ง,- หวัง อยา งถูก ตอ ง, แลว ก็ทํ า อยา ง ถู ก ต อ ง. ครั้น เมื่ อ มาพู ด เป น ศี ล สมาธิ ป ญ ญา ก็ ให ความหมายที่ ก วางออก ไปได คื อ ความประพฤติ การกระทํ าที่ ถู ก ต อ งทางกายและวาจา ทั้ งแก ตั วเอง และแกสังคม นี่แหละคือศีล. ทีนี้ก็กําลังจิตที่เพียงพอที่เหมาะสม นี้คือ สมาธิ, การที่มี กําลังจิตที่ถูกตอง เหมาะสม แลวก็มากพอ พอเหมาะ นี้คือสมาธิ.แลว มีความรูในเรื่องที่ควรรูตั้งแตตนจนปลายไปเลย ; ยังไมรู ก็รู, รูอะไรบางแลวก็รู, จะตองรูอะไรตอไปอีกก็รูเรียกวา ปญญา. พูดใหเป นสมั ยใหม หรือวาเป นสากล กวาง ๆ หนอย ไมตองพู ดวา เป น พุ ท ธะหรื อ อะไรกั น แล ว ก็ พู ด ได ง า ย ๆ ว า ; - ศี ล นั้ น คื อ บั ง คั บ ตั ว เองได , สมาธิ นั้ น คื อการบั งคั บ จิ ต ได ; มั น ต างกั น อยู อ ย างนี้ . ศี ล นี้ บั งคั บ ตั วเองข าง นอก ; สมาธิ บัง คับ ตัว เองขา งในคือ จิต . ปญ ญา ก็เปน การรูเรื่อ งที ่ม นุษ ย จะต องรู เพื่ อ แก ป ญ หาทุ กชนิ ดของมนุ ษ ยนั้ น . ศี ล สมาธิ ป ญ ญา ก็ อาจจะมี ได แ ก ค นทั้ งโลก, แล ว ก็ ค วรจะมี แ ก ค นทั้ งโลก ไม ว า เขาจะนั บ ถื อ ศาสนาอะไร หรือ ลิท ธิอ ะไร เปน คํา กลางที่ส ุด ได.คุณ ก็ไปคิด ดูเอาเองวา มัน มีค วามหมาย ที่กวาง ๆ อยางนี้อยางไร.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฆราวาส หรือบรรพชิตก็ยอมตองมีศีล สมาธิ ปญญาเดียวกันนั่นแหละ ไมตองแบงกันเปนคนละชั้น, มีศีล สมาธิ ปญญา ดวยกันเหมือนกัน. ทีนี้เด็ก ๆ อาจจะถามวา แล วทํ าไมเณรถื อศี ล ๑๐ พระถื อศี ล ๒๒๗ แล วชาวบ านถื อศี ล ๕ ศี ล ๘, มั น ก็ ต างกั น . นี้ เพราะเขาไม รู เพราะเขาไม รู ห ลั ก ที่ เป น หั วใจ หรื อ ว า เป น ใจความ จึ งดู ต างกั น . อั น ที่ จ ริง แล วมั น เหมื อ นกั น โดยหั วใจ ; แต วา ขยาย ให ม ากให ล ะเอี ย ดออกไป สํ า หรั บ บรรพชิ ต ที่ จ ะทํ า ให ดี ก ว า ทํ า ให เร็ ว กว า ; แลวมันก็ไมพนไปจากเรื่องศีล ๕ ที่เปนหลักประธาน แลวก็ขยายออกไป.


๑๓๖

ฆราวาสธรรม

จะยกตัวอยาง การไมใหฆา ก็คือไมใหเบียดเบียนผูอื่น. ทีนี้มันตาง กันไปตามภูมิตามชั้น นั้นมันก็เปนเหตุผลรอบนอก. เชนวา ฆราวาสไมฆา ไม เบียดเบียน อยางนี้ มันก็มีขอบเขตจํากัด ; ในการทํามาหากินที่ทําสัตวใหตาย อยา งนี ้ มัน ยกเวน ได ; เมื ่อ ไถนา ฆราวาสไถนา คุณ ไปดูที ่ร อยไถ มัน มีสัตวตายเยอะ เชนปูนาอะไรอยางนี้ ขาดกระจายไปเลย. เขาไมถือวาฆราวาส ขาดศีล คือ ขาดศีล หา ของฆราวาส. แตถ า เปน พระ จะทํ า อยา งนั ้น ไมไ ด ; โดยความมุ ง หมายเดีย วกัน จะวา ไมฆ า ไมเ บีย ดเบีย นไมไ ด ; แตฆ ราวาส ทําอยางนั้นได. พระทําอยางนั้นไมได เพราะพระจะเอาดี เอาเร็วกันกอน ก็เลย ทําอยางที่วา. นอกจากทําอยางนั้นไมไดแลว ยังฆาตนไมก็ไมได. เปนฆราวาส ฆาตนไมก็ไดไมเปนไร, แตพระฆาตนไมพืชพันธุชีวิตของเขียวนี้ไมได. แลวยังมี สิกขาบทปลีกยอยวา พระแมแตเงื้อมือจะตีใครก็ไมได ถือเปนอาบัติ. แลวยังมี อยางอื่นอีกมาก ทีขยายออกไปจาก การที่จะไมฆา หรือไมเบียดเบียน ; แตใจ ความก็ยังเปน ไมฆาไมเบียดเบียน ในศีลขอหนึ่ง. เพราะฉะนั้นมันเหมือนกัน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขึ้นชื่อวาศีลแลวมันก็จะตองเหมือนกัน นอกจากขยายการปฏิบัติใหมัน ปลีกยอยออกไป ใหถี่ยิบออกไป ; นี้มันเปนความประสงคสําหรับผูที่จะไปชา ไปเร็ว, เร็วมากเร็วนอย. เพราะฉะนั้นชาวบานทั่วไปก็ถือศีล ๕ อุบาสก อุบาสิกา ก็ถือศีล ๘ เณรก็ถือศีล ๑๐ พระก็ถือ ศีล ๒๒๗ , แลวมันอาจจะแยกขยายออก ไปไดจากศีล ๕. แลวยังมีศีลนอกปาฏิโมกขอีกตั้งหลายพันสําหรับพระจะตองถือ ; ถานับขอดูจะเปนหลายรอย หรือหลายพัน, คือมันใหถือไปไดหมดเลย - ถามัน เปนเรื่องของการเบียดเบียนอยางใดอยางหนึ่งแลว มันมือไปไดหมดเลย. เพราะ ฉะนั้นคุณจับหัวใจของสิ่งนี้ใหมันได แลวก็จะขยายออกไปไดเอง กี่รอยกี่พันอยาง. ทีนี้ จะพูดยกเอาศีล ๕ นั้นเปนหลักตามที่ไดพูดมาแลว :


ธรรมรวม สําหรับคฤหัสถ และบรรพชิต

๑๓๗

ศีลขอที่ ๑ ปาณาติบาต: ไมประทุษรายชีวิตรางกายของผูอื่นดวย เจตนาราย. “ไมประทุษรายชีวิตรางกายผูอื่นดวยเจตนาราย” นี้ผมอยากจะใชเปน บทนิยาม เปน deffinition ที่รัดกุม และตายตัวอยางนี้ ; แลวมันขยายไปไดถึงคําพูด กี่รอ ยกี ่พ ัน ขอ . ไมป ระทุษ รา ยชีวิต รา งกาย นี ้ม ัน ก็ก วา งที ่ส ุด เลย โดยวิธีใ ด วิธีหนึ่งก็ตาม “ดวยเจตนาราย” ; เชนชาวนาไถนา ปูนาถูกไถขาดกระจายอยางนี้ ไมไดทําดวยเจตนาราย ไมไดทําดวยเจตนาฆา, ทําดวยเจตนาที่จะปองกันชีวิต ตัวเองคือหากิน อยางนี้เขาไมเรียกวา เจตนาราย. เพราะฉะนั้นเราตองมีคําวา “เจตนาราย”, ดวยเจตนาราย เจตนาชั่ว. ศีลขอที่ ๒ อทินนาทาน : ก็คือไมประทุษรายทรัพยสมบัติของผูอื่น โดยวิ ธี ใ ดก็ ต าม. ข อ นี้ ไ ม ต อ งพู ด ว า ด ว ยเจตนาชั่ ว ก็ ไ ด แต ถ า จะพู ด อี ก ก็ ไ ด เหมื อนกั น เพราะคํ าวาประทุ ษ ราย มั นก็ ต องเจตนาชั่วอยู แล ว นี้ มั นหมายถึ ง เฉพาะทรัพยสมบัติทั่ว ๆ ไป จะเปนทรัพยสมบัติชนิดไหนก็ได เงิน ทอง ขาวของ วั ว ควาย ไรน า กระทั่ ง บุ ต รภรรยา ก็ คื อ ว า เป น ทรั พ ย ส มบั ติ . แต มั น จะแยก ความหมายกั น ตรงที่ วาอะไรเป นของรักดุ จดวงใจ, วาอยางนี้ ดี กวา ใช ภาษา ชาวบาน ๆ อยางนี้ มันจึงมาอยูในศีลขอ ๓.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ศีลขอที่ ๓ กาเมสุมิจฉาจาร : ศีลขอนี้คือ ไมประทุษ รายของรัก ดังดวงใจของผูอื่นทุกชนิด. นี้แหละตรงตามบาลีที่เรารับศีลวา “กาเมสุมิจฉาจาร”. กาเมสุ - แปลวา ของรักของใครทั้งหลาย, สํานวนพหูพจนวา ทั้งหลาย, อะไร ก็ตามใจ ถามันเปนของรักใครขนาดเปน กาม คือรักใครดังดวงใจ อยางนี้มันก็รวม อยูในศีลขอนี้. เมื่อศีลขอที่ ๒ หามประทุษรายทรัพยสมบัติทั่วไป, ศีลขอนี้ไมเล็ง ถึงทรัพยสมบัติ, แตเล็งถึงของที่รักใครดังดวงใจ เพราะฉะนั้นมันจะเปนอะไรก็ได. ทีนี้บุตรภรรยา สามี ถาหากวาในกรณีที่มันรักใครดังดวงใน มันก็มาอยูในขอนี้.


๑๓๘

ฆราวาสธรรม

แตแลวมันขยายออกไปไดถึงอะไรก็ตามใจ ที่เขารักเปนพิเศษ เด็กตัวเล็ก ๆ เขารัก ของเลน เชนตุกตา หรือของเลน เปนพิเศษ เพราะยังไมรูเรื่องเพศ เรื่องอะไร ; แตแลวของรักดังดวงใจนั่นแหละเปนวัตถุแหงศีลขอที่ ๓ นี้. เพราะฉะนั้นเด็ก ๆ ตองไม ไปล วงเกินตุ กตาตั วรักที่ สุดของผู อื่น. ในเมื่ อเด็ กคนหนึ่ งเขารักขนาดไม อยากใหใครเอานิ้วมาแตะเลย ; ถาใครไปแกลง เอานิ้วไปแตะใหเขาเจ็บใจเลน มันก็เปนเรื่องขาดศีลขอนี้ ทั้ง ๆ ที่เปนเด็กตัวเล็ก ๆ. ในเรื่องนี้ พวกอนุศาสนาจารย เขาไมอธิบายอยางนี้มาแตกอน สวน ผมอธิบ ายอยา งนี ้ ทีแ รกเขาก็ค า น วา ผมพูด ผิด ๆ พูด เอาเอง วา เอาเอง ; แตตอมาดูเหมือนหลายคนชักจะเห็นดวยเสียแลว ถาอยางนั้น ไมรูวาจะไปสอน เด็กเล็ก ๆ ในชั้นอนุบาลวาอยางไร จะใหถือศีลขอกาเมสุมิจฉาจารไดอยางไร. เขาก็เลยไปอธิบายเด็ก สอนเด็กวา อยาทําชู. ใหเด็กตัวเล็ก ๆ อยาทําชู มัน ก็เปนเรื่องตลกสิ้นดี.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พระพุทธเจาทานทรงวางหลักเกณฑกวาง ๆ ไว กาเมสุ = ในของรัก ขนาดเปนกามทั้งหลาย ; กาม แปลวาของรักของใครทั้งหลายไดทุกอยาง มันไม เฉพาะกับ เรื่อ งหญิง กับ ชาย หรือ เรื่อ งเพศ. กาม - แปลวา . ความใคร ; ถาเปน ที่ตั้งแหงความใคร หรือ ความรักใคร แลวละก็ ทุกอยางเลย. ถาเรารู อยู วา คนหนึ่ งเขารัก อะไร เป นของรักดั งดวงใจ จะเป นอะไรก็ต าม ก็อ ยาไป แตะตองใหเขาเจ็บช้ําน้ําใจ, แมมันเปนเพียงวัตถุสิ่งของก็ตาม. สวนเรื่องของรัก ดังดวงใจ อยาง ภรรยา สามี หรือวา ลูกสาว หลานสาว อะไรก็ตาม นี้มันก็ รวมอยูในนี้อยางยิ่งอยูแลว เปนวัตถุประสงคมุงหมายโดยตรงอยูอยูแลว. ที่เขาสอน กันวา อยาทําชูนั้น บัญญั ติคําขึ้นใหม , แตตัวหนังสือแท ๆ วา “อยาประพฤติ ผิ ด ในของรั ก ทั้ ง หลาย” มิ จ ฉาจาร - แปลว า ประพฤติ ผิ ด , กาเมสุ – ในกาม


ธรรมรวม สําหรับคฤหัสถ และบรรพชิต

๑๓๙

ทั้ งหลาย คื อในของรั กทั้ งหลาย. นี้ ก็ ขยายออกไปได มากสํ าหรั บฆราวาส อุ บาสก อุบาสิกา สําหรับเณร สําหรับพระ ไมไปแตะตองของรักของผูอื่น. ศีล ขอที่ ๔ มุ ส าวาท : นี้ ก็ คือ ไม ป ระทุ ษ รายความเป น ธรรม ความ ชอบธรรมอะไรของผูอื่น โดยใชวาจาเปนเครื่องมือ. ศีลขอนี้มันระบุเฉพาะวาจา เพราะวาจาที่จะไปประทุษรายกระทบกระทั่งความถูกตอง ความเปนธรรม หรือ สิ ท ธิอั น ชอบธรรมอะไรของผู อื่ น มั น ห ามไวด วยศี ล ขอ นี้ . มี ขอบเขตกวางขวาง เหลือประมาณ จะใชวาจาพลิกแพลงชนิดไหนก็ตาม ถามันไปทําลายความเป น ธรรมความชอบธรรม หรื อ สิ ท ธิ โดยชอบธรรมของผู อื่ น มั น ล ว นแต เป น เรื่ อ ง ประทุษรายทั้งสิ้น. ศี ลข อที่ ๕ สุ ราเมรยมั ช ชปมาท : นี้ คื อไม ประทุ ษ รายสติ สมปฤดี . ประทุ ษ รา ยสมปฤดี และป ญ ญาของตั ว เอง. เมื่ อ เราเสพน้ํ า เมา, เขาใช คํ า ว า ของเมา, ของเมาจะเปน น้ํ า หรือ ไมใ ชน้ํ า ก็ต าม. เสพ - หมายความวา เอาเขาไป ดวยวิธีใดก็ตาม ; เสพของเมาทุกชนิดนั้นเปนการประทุษรายสมปฤดี และสติป ญ ญาของตนเอง. สมปฤดี ก็ค ือ สตินั ่น แหละ ภาษาสัน สกฤต เปน สมฺ ป ฤติ เป น บาลี ก็ ค ื อ สติ ; แต พ อมาเป น ภาษาไทย มั น ใช ต  า ง กัน.พอเรามีของเมาเขาไปในรางกาย สมปฤดีมันเสียไป ; คือคนเมาก็ชักจะเลือน ชักจะฟนเฟอน นี่เรียกวา เสียสมปฤดี กระทั่งลมนอนเมาเหมือนคนตาย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org “เสียสติปญญา” ก็หมายความวา เสียความรูที่ถูกตอง ที่แจมกระจาง ที่จะชวยใหรอดได หรือที่มันกําลังวิวัฒนาการอยูก็ตาม ; สติปญญาโดยตรงอยางนี้ มั นก็ เสี ยไป คื อมั นถู กประทุ ษรายโดยของเมา. เมื่ อเสพไป - เสพไป มั นก็ ทํ าให เกิ ด การเปลี่ ย นแปลง ตกต่ํ า ทรุ ด โทรม.เพราะฉะนั้ น จึ ง พู ด ให ชั ด ลงไปว า


๑๔๐

ฆราวาสธรรม

“ประทุษรายสมปฤดี และสติปญญา ของตนเอง”. ขอนี้มันครอบคลุมไปไดทุกอยาง แม จ ะเป น ของที่ ดื่ ม กิ น เข าไป ของสู ด ดม หรื อ ของเพี ย งแต ก ระทํ า หรื อ เข าไป เกี่ยวของ หรือเขาใกลมันก็เปนเรื่องมีผลอยางเดียวกัน. คุณฟ งใหดี ใหไดใจความของศีล ๕ ขอนี้ แลวมันจะขยายออกไปได . ที่ เสี ยสติ สมปฤดี นั้ น เช นคุ ณ เป นภิ กษุ เลิ นเล อ คุ ณ ไม เอาใจใส กั บ บาตร จี วร, ทิ้ งขวาง ปราศจากบาตร จีวร นี้ มั นก็ คื อเสี ยสติ สมปฤดี เลินเลอ ; ทั้ ง ๆ ไม ได ดื่มเหลาสักนิดหนึ่ง แตถามันมีอาการอยางนี้ ก็เรียกวา เสียสติสมปฤดี เสียสติ ปญญา. นี้ก็สงเคราะหอยูในศีลขอกินเหลานี้ก็ได. เพราะฉะนั้นวินัยสําหรับพระ โดยตรงมากมายหลายอย าง ถ ามั น มี ไว เพื่ อ ป อ งกั น ความเลิ น เล อ ความเสี ย สติ สมปฤดี แล ว มั นก็ มาจากศี ลข อ ๕ นี้ ทั้ งนั้ น. เพราะฉะนั้ นอย าไปดู ถู กศี ล ๕ เข า ว า เป น ศี ล ต่ํ า ๆ ศี ล ก ข,ก กา ของฆราวาส ; นั้ น เพราะไม รู ค วามมุ ง หมาย หรือวิญญาณอันแทจริงของศีลเหลานั้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั ้น ชว ยจํ า ไวใ นลัก ษณะอยา งที ่ผ มพูด เมื ่อ ตะกี ้นี ้ : ศีลขอ ๑ ประทุษรายชีวิตรางกาย. ศีลขอ ๒ ประทุษรายทรัพยสมบัติของเขา. ศีลขอ ๓ ประทุษรายของรักดังดวงใจของเขา. ศีลขอ ๔ ประทุษรายความเปนธรรมโดยทางวาจา. ศี ลข อ ๕ ประทุ ษร ายสมปฤดี หรื อสติ ป ญ ญาของตั วเอง ซึ่ งมั น ทํ า ให ทํ า ผิด อื ่น ๆ ไดัทั ้ง หมด. ถา ไปประทุษ รา ยสมปฤดี และปญ ญ า ของตั ว เองด ว ยศี ล ข อ ที่ ๕ แล ว มั น ก็ ทํ า ที่ ไม ดี ในศี ล ข อ อื่ น ๆ ได ทั้ งหมด . แล ว คนประทุษ รา ยผูอื ่น หรือ คนประทุษ รา ยตัว เองนั ้น มัน ใชไมไ ดเทา ไรไปคิด ดู. สี่ ข อ ข า งต น หมายถึ ง ประทุ ษ ร า ยผู อื่ น โดยตรง, ข อ สุ ด ท า ย สุ ร าเมรั ย นี้ มั น


ธรรมรวม สําหรับคฤหัสถ และบรรพชิต

๑๔๑

ประทุ ษรายตั วเองโดยตรง. นี้ใครขืนไปลวงละเมิ ดเขา มันก็คนบ าแสนที่ จะบ า แสนที่จะโง. หั ว ข อ ศี ล ๕ ข อ นี้ มั น ออกไปเป น ศี ล ๘ ศี ล ๑๐ ศี ล ๒๒๗ หรื อ ศี ล นอกปาฏิโมกขอีกหลายรอยหลายพัน. นี่พูดเสียยึดยาวเรื่องศีล จนหมดเวลา ไปมากก็ เพื่ อ ที่ จ ะให รู ว า ฆราวาสก็ ต าม บรรพชิ ต ก็ ต าม มี ศี ล อย า งเดี ย วกั น รัก ษาศีล รว มกัน . ที ่ไ ปแยกเปน ศีล ฆราวาส เปน ศีล พระนั ้น มัน เปน ผิว เปลือกนอก หัวใจมันเหมือนกัน. ทีนี้มาถึง สมาธิ. ถาคุณ เคยอานคํา บรรยายเรื่อ งสมาธิ มาแลว ที่ผมเคยพูดมามากมายแลว ก็จะจับได วาสมาธิ หรือ จิตที่เปนสมาธินั้นคืออะไร ? ถาจะเอานิยามสั้น ๆ อยางเรื่องศีลเมื่อตะกี้นี้ ; จิตที่เปนสมาธินั้น เขาใชคําวา - ปริส ุท โธ สมาหิโ ต กัม มนีโ ย. ปริส ุท โธ – คือ มัน สะอาด จิต สะอาด. สมาหิโ ต - คือ จิต ตั ้ง มั ่น , กัม มนีโ ย - คือ จิต ไวตอ หนา ที ่ พรอ มที ่จ ะปฏิบ ัติ หนาที่. จิตบริสุทธิ์ จิตตั้งมั่น แลวจิตพรอมที่จะไปปฏิบัติตอหนาที่ ; รวมกัน ทั้ง ๓ อยางนี้ ก็เรียกวาเปนสมาธิ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุณอยาไปหลับตา นึกถึงแตเรื่อง นั่งแข็งทื่อ เปนทอนไม จึงจะเปน สมาธิ. แทจ ริง มัน จะอยู ใ นอิริย าบถไหนก็ไ ด ; เดิน ยืน นั ่ง นอน ก็ไ ด ถาจิตมันบริสุทธิ์ แลวจิตมันมั่นคง และมันไวตอการงาน. ไวตอการงาน นี้คุณ ก็จะพูดถึงมันอยูทุกวัน แตคุณไมรูวา มันคําเดียวกันกับคําวา active ที่พูดกัน ทั่วโลก ใคร ๆ ก็ตองการ activeness ความที่เปน active คือมันพรอมและไว ตอหนาที่ ; มันมีอะไรพรอมที่จะทําหนาที่ แลวมันไวตอการทําหนาที่ ก็เรียกวา active. ภาษาบาลีเขาเรียกวา กัมมนีโย กัมมนีย. กัมม - แปลวาการกระทํา ; นี ย - หมายถึ ง ว า มั น ควร เหมาะแล ว ควรแล ว สมแล ว ที่ จ ะทํ า การงาน.


๑๔๒

ฆราวาสธรรม

ปริ สุ ท โธ - บริ สุ ท ธิ์ , สมาหิ โต - ตั้ ง มั่ น ที่ เรี ย กว า steadiness หรื อ firm หรื อ อะไร อยางนี้มันก็ตรงกับคําวา สมาหิโต ตั้งมั่น ; แลวปริสุทโธ มันก็สะอาด ไมมีมลทิน คือกิเลส หรือ ความมืดมัว หรืออะไร เขาไปรบกวนอยูในขณะนั้น. หลักนี้มันจะตองใชเทากันทั้งแก ฆราวาส และบรรพชิต ในการมีสมาธิ. พอถึงปญญาขอสุดทาย มันก็เปนปญญาเอาตัวรอดอยางถูกตอง ไมใช ปญญาเอาเปรียบ.ปญญาในภาษาบาลีแยกออกเปน ๒ คือ ปญญาเพียงแตเรื่อง ชั้นต่ํา ๆ เรื่องบานเรือน เรื่องอะไรอยางนี้ จะเปนปญญาพลิกแพลง ปญญาที่จะ ไปใช อย างโกง ๆ ก็ ได ก็ เรียกว า เฉโก ; เฉลี ยวฉลาดปราดเปรื่องในการที่ จะ พลิ ก แพลงอะไรต า ง ๆ กระทั่ ง ใช ค ดโกงก็ ไ ด ; นี้ อ ย า งหนึ่ ง . อี ก อย า งหนึ่ ง ป ญ ญาจริ ง ๆ มั น ก็ บ ริ สุ ท ธิ์ คื อ รู สิ่ งที่ ค วรรู เท าที่ จํ าเป น จะต อ งรู แล วก็ ดั บ ความทุก ขไ ด นี ้ค ือ ปญ ญาจริง , มัน จะเปน ไปเพื ่อ ดับ ทุก ข. สว นเฉโกนี้ ถามากเขามันก็จะบาไมมีที่สิ้น สุด ; บาหา บากิน บาเลน บาทะเยอทะยาน บ า อะไร แล ว ในที่ สุ ด ก็ ต อ งไปเป น cunning เหมื อ นสุ นั ข จิ้ งจอกตั ว โกงก็ ได . ปญญาอยางนี้ไมรวมอยูในนี้ ไมรวมอยูในศีล สมาธิ ปญญา. เมื่อมันเปน ศีล สมาธิ ปญญาโดยตรงแลว ใชไดทั้งแกฆราวาสและบรรพชิตโดยไมตองอั้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่คือความเหมือนกันของ ศีล สมาธิ ปญญา ที่จะใชรวมกันระหวาง ฆราวาสและบรรพชิต ; เพราะฉะนั้ นฆราวาสก็ทํ าสมาธิได ในลั กษณะที่ครบ องค ๓ อยาง นี้คือ - จิตสะอาดดี, - จิตมั่นคงดี, - จิตวองไวตอหนาที่การงานดี. ฆราวาสต องมี ให ม ากที่ สุ ด เท าที่ จะมี ได ; โดยเฉพาะพรหมจารีที่ เป น นั กเรีย น อยางพวกคุณ นี้ดวยแลว จะตอ งมีใหม ากที่สุด . พระมีเทาไรเราก็มีเทานั้น ; แตเรากํา ลัง เอาไปใชต างกัน . เรากํา ลังเลา เรีย น ก็ใชมัน ไปในการเลา เรีย น ; พระไปทําวิปสสนา ก็ใชไปในเรื่องของวิปสสนา.


ธรรมรวม สําหรับคฤหัสถ และบรรพชิต

๑๔๓

พอถึ งเรื่อ งป ญ ญา มั น ต อ งรูสิ่ งที่ มั น จะช วยดั บ ไฟในจิ ต ใจได ; แม พวกคุณ หรือ พวกเด็ก ๆ ก็ต อ งรู เ รื ่อ งของอนิจ จัง ทุก ขัง อนัต ตา. เพราะ ฉะนั้ น เด็ ก เล็ ก ๆ ก็ ต อ งรู เรื่ อ ง อนิ จ จั ง ทุ ก ขั ง อนั ต ตา ตามสั ด ส ว นของเขา ; แตว า หลัก เกณฑ หรือ ใจความมัน เหมือ นกัน เชน เด็ก ๆ รู ว า “อนิจ จัง นะ” เมื ่อ ตุ ก ตาตกแตก นี ้ก ็อ ยา รอ งไหเ ลย ; ไมต อ งรอ งไหน ะ ; นี ่ม ัน ก็เ ปน เรื ่อ ง เห็น อนิจ จัง . เพราะฉะนั ้น เด็ก ๆ อาจจะมองเห็น วา ทุก อยา งนี ้พ อไปรัก เขา ไปอะไรเขา มัน ก็เปน ทุก ข ; นี ่เรีย กวา เขารูจ ัก ความทุก ข รูจ ัก ทุก ขข ัง .เด็ก ๆ ก็รูว า อะไร ๆ มัน ไมอ ยู ใ นอํ า นาจเราเสมอไป มัน อยู ใ นอํ า นาจของพระเจา มั น อยู ในอํ านาจของธรรมชาติ ; ดั งนั้ น ไม ต องเสี ยใจ ไม ต อ งรองไห เมื่ อ มั น ไม ได ต ามต อ งการ, หรือ มั น ไม เป น ไปตามที่ เราต อ งการ. ถ า พ อ แม ส อนลู ก เล็ ก ๆ กันมาอยางนี้ตั้งแตเล็ก ๆ แลว ผมวาวิเศษที่สุดเลย. แตเ ดี ๋ย วนี ้ มัก จะสอนไปในทางตรงกัน ขา ม คือ ใหย ึด มั ่น ถือ มั ่น โดยหลั บ หู ห ลั บ ตาเสี ย โดยมาก. วั ฒ นธรรมเดิ ม แท ๆ ของชาวพุ ท ธดี ม ากกว า เดี ๋ย วนี ้ม าก คือ สอนลูก สอนหลาน ภายในบา นในเรือ น เขาสอนชนิด ที ่ไ ป ดวยกันกับหลักของพุทธศาสนา, ประกอบอยูดวยหลักของพุทธศาสนา ; ฉะนั้น เขาจึ งมี ค วามสุ ข สงบในบ า นเรื อ นมากกว า เดี๋ ย วนี้ ม าก. เด็ ก ๆ น า รั ก หรื อ ว า กตั ญ ู ต อพ อแม หรือวา นั บ ถื อพ อแม เป นพระเจ า, อย างนี้ ก็ มี มาก. ส วนเด็ ก เดี๋ยวนี้ มันเหมือนกับวาเปลี่ยนไปสูวัฒนธรรมฝรั่ง ที่เรียกวา วัฒนธรรมเนื้อหนัง ซึ ่ง เปน ขา ศึก แกค วามสงบ. เอาเรื ่อ งสวย เรื ่อ งรวยอะไร เปน เบื ้อ งหนา ; แทนที่จะเอาเรื่องดี เรื่องถูกเรื่องจริง เรื่องบริสุทธิ์สะอาด เปนเบื้องหนา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ดั ง นั้ น เด็ ก ๆ ก็ ค วรจะมี ป ญ ญาชนิ ด ที่ ม องเห็ น อนิ จ จั ง ทุ ก ขั ง อนั ต ตา แนวเดี ย วกั บ บรรพชิ ต ด ว ยเหมื อ นกั น . ที นี้ ค นหนุ ม คนสาว พ อ บ า น


๑๔๔

ฆราวาสธรรม

แม เรือน ก็ จะต องมี อัน นี้ เป น เครื่อ งคอยดั บ ไฟในหั วใจ ; เพราะไฟมั นจะเกิ ด มากขึ้ น ในหั วใจของคนหนุ ม สาว กระทั่ งพ อ บ านแม เรื อ น ; เขาต อ งมี ป ญ ญา อยา งเดีย วกัน แบบเดีย วกัน ในหลัก เกณฑเดีย วกัน กับ บรรพชิต . สว นที่เรามี ไดไมเทากัน หรือไมสูงเทากันนั้น มันอีกเรื่องหนึ่งตางหาก ; แตมันตองใหแน ลงไปวา ตอ งมีสิ่งเดียวกัน นั่น แหละ. เหมือ นเชน เดี๋ยวนี้ ฆราวาสทุก คนตอ ง มี เงิน มั นตายตั วไดอยางนี้ , จะมี ๑๐ บาทก็ได ๑๐๐ บาทก็ได กี่ ลานบาทก็ได แลวแตวาเขาจะสามารถทําไดอยางไร, แตมันตองมีแน. นี้ ขอให ถื อว า ศี ล สมาธิ ป ญ ญา ซึ่ งเป นตั วพุ ทธศาสนา หรือ ว า เปนหัวใจของพุทธศาสนานี้ เปนหลักธรรมะรวมกัน ทั้งแกฆราวาสและบรรพชิต ; ขอใหทําใหเขาถึงหัวใจดวยกันทั้งนั้น. นี่เราไดพูดมาถึงเรื่องที่วา หลักธรรมะ ที่ เป น ตั วการปฏิ บั ติ ที่ ต อ งปฏิ บั ติ เหมื อ นกั น ทั้ งฆราวาส และบรรพชิ ต . ที นี้ อาจสรุป สุด ยอดเลยก็วา เรื่อ งสุญ ญตานั้น ทั้ง ฆราวาสทั้งบรรพชิต จะตอ ง มีความรูความเขาใจ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรื่อง สุญ ญตา คือ วางจากกิเลส – วางจากความยึดมั่นถือ มั่น วาตัวกู - ของกูนี้คือ สุญญตา. มีพระบาลีชัดเจนอยูเลยวา มีฆราวาสกลุมหนึ่ง มี ธั ม ทิ น นะเป น หั ว หน า ไปเฝ า พระพุ ท ธเจ า ขอให แ สดงธรรมที่ เป น ประโยชน เกื้อ กูล แกฆ ราวาส. พระพุท ธเจา ทา นแสดงในเรื่อ งเกี่ย วกับ สุญ ญตานี้วา : สุฺญตปฺปฏิสํยุตฺตา สุตฺตนฺตา - คือระเบียบปฏิบัติทั้งหลายเหลาใด ที่ประกอบ เนื ่อ งเฉพาะอยู ด ว ย สุญ ญตา ; ตถาคตภาสิต า - ที ่ต ถาคตไดป ระกาศไว ; คมฺภ ีร า - ลึก ซึ ้ง ; คมฺภ ีร ตฺถ า - มีอ รรถอัน ลึก ซึ ้ง ; โลกุต ฺต รา – เปน ไปเพื ่อ อยูเหนือโลก นี้เปนประโยชนเกื้อกูลอยางยิ่งแกฆ ราวาส มันมีคําวา ตถาคตภ าสิต า ป ระกอบอยู ด ว ย ที ่ร ะบุช ัด วา “ที ่ต ถาคตประกาศ ” ; ฉะนั ้น


ธรรมรวม สําหรับคฤหัสถ และบรรพชิต

๑๔๕

หมายความวา เรื่อ งอื ่น ตถาคตไมป ระกาศ ไมส อน สอนแตเ รื่อ งสุญ ญตา. ดังนั้นสุญญตา มันจึงมาอยูหมดในขอปฏิบัติทั้งหลายทั้งปวง. ศีล สมาธิ ปญญา นี้มันก็เปนไปเพื่อสุญญตา. ถามีความยึดมั่นถือมั่นแลว มันทําใหปฏิบัติศีลไมได, มีสมาธิไมได, มีปญญาไมได. ฉะนั้นดูใหดีในเรื่องสุญญตานี้ ใหวางจากความยึดมั่นถือมั่นวากู ว าของกู นี้ มั นจะแทรกซึ ม เป น หั วใจ อยู ในธรรมะทั้ งหลายทั้ งปวง ; เพราะว า การปฏิ บั ติ ทั้ งหมด เป นไปเพื่ อความไม ยึ ดมั่ นถื อมั่ นทั้ งนั้ น : ศี ลก็ เป นไปเพื่ อ ไม ยึดมั่ นถือมั่ นเลว ๆ, สมาธิก็หยุดยึดมั่นถือมั่นเสียดวยบั งคับมั นไว ดวยวิธีที่เป น สมาธิ, ปญญามันก็ฉลาดจนไมยึดมั่นถือมั่น. ฉะนั้ น เรื่องสุ ญ ญาตานี้ เป นเรื่อ งที่ พ ระพุ ทธเจ าตรัส เรื่อ งอื่ น ท าน ไมต รัส . ฟง แลว จะไมน า เชื ่อ . ผมพูด ขอ ความนี ้ล งไปในคํ า บรรยายบา ง, ผมบรรยายเรื่ อ งนี้ บ า ง แล ว เอาไปพิ ม พ กั น เป น ภาษาฝรั่ ง ซึ่ งตรงนั้ น มั น ก็ มี ว า “พระพุ ทธเจาจะไม พู ดเรื่องอื่ น นอกจากเรื่องสุ ญ ญตา” มี ฝรั่งเขียนถามมาจาก สวีเดน หรือ จากที่ไหนไมแน ; เขาถามวา มีป รากฎอยูที่ต รงไหน ในพระบาลี มีต รงไหน วา พระพุท ธเจา ไมพ ูด เรื่อ งอื ่น นอกจากเรื่อ งสุญ ญตา. ผมเห็น ได ทัน ทีวา หมดนี ่ไมเคยอา น สังยุต ตนิก ายซึ่ง มีเยอะแยะไปหมด เกี ่ย วกับ เรื่อ ง สุฺญตปฺปฏิสํยุตฺตา สุตตฺนฺตา ตถาคตภาสิตา นี้เขาไมเคยอาน เลยไปตอบไป. ชา งหัว มัน ที ่ขี ้เ กีย จเอง. ฉะนั ้น ขอใหเ ขา ใจวา พระพุท ธเจา จะพูด แตเ รื่อ ง ไมย ึด มั ่น ถือ มั ่น เรื ่อ งตัว กู - ของกู เทา นั ้น ; แตพ ูด ไวใ นคํ า พูด ชื ่อ อื ่น . แต เราพู ดไดวา ชื่อธรรมะทุกชื่อมีความหมายของสุญญตาซอนอยู ; หมายความวา ธรรมะทุกขอ ตองการจะสอนไมใหยึดมั่นถือมั่น ในปริยายใดปริยายหนึ่ง ฉะนั้น จึงถือวาเปนเรื่องสุญญตา. ถาไปจับไปฉวยเขามันไมวาง ; ถาไมจับไมฉวยอะไร มันวาง เราตองมีจิตอยางนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๑๔๖

ฆราวาสธรรม

ฉะนั้น เรื่องสุญญตา ก็เปนเรื่องธรรมะรวมกันระหวางฆราวาสและ บรรพชิต ; แลวมันก็สูงสุดเทานี้ ไมมีอะไรสูงสุดอีก. ใครจะวาผมบาบอในการทํา อยางนี้ ผมก็สมัครจะเปนคนบาบอชนิดนี้ ; แลวยังยืนยันตอไปวาเรื่องสุญญตา ตองใชแมแตฆราวาส ; ตามที่พระพุทธเจาทานตรัสออกมาตรง ๆ วา นี่แหละ สิ่งที่เปนประโยชนเกื้อกูลแกพวกเธอทั้งหลายตลอดกาลนาน. เป นอั น ว าธรรมปฏิ บั ติ ตั้ งแต ต่ํ าที่ สุ ดจนถึ งสู งที่ สุ ด ในความหมาย ของคํ าพู ดนี้ เป นเรื่องที่ ใชรวมกั นทั้ งแก บรรพชิต และแกฆ ราวาส มี อยู อย างนี้ . นกกางเขนก็บอกวา มันหมดเวลา ฉะนั้นวันนี้ก็ยุติไวที.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ธรรมรวม สําหรับคฤหัสถ และบรรพชิต (ตอ) -๙๒๖ เมษายน ๒๕๑๓ สําหรับพวกเราลวงมาถึงเวลา ๔.๓๕ น. แลว วันนี้ จะไดก ลา วถึง ธรรมรว มกัน ระหวา งฆราวาสและบรรพชิต ตอ จากครั้ง ที ่แ ลว มา เพราะวา ยัง ไมจ บ. ในครั ้ง ที ่แ ลว มาได พู ด ถึ ง ธรรมะที่ เป น ตั ว การปฏิ บั ติ โ ดยตรง และใช ร ว มกั น ทั้ ง ฆราวาสและบรรพชิต . ในวัน นี้จ ะไดก ลา วถึง ธรรมประเภท ที่เปนเครื่องมือ หรือที่อาจจะนํามาใชเปนเครื่องมือ. ธรรมะประเภทที่ เป นเครื่ องมื อ เช นฆราวาสธรรม ๔ อิ ทธิ บาท ๔ เปน ตน ซึ่งเปน ธรรมะที่มีลัก ษณะเห็น ไดชัด วา เปน เครื่อ งมือ . สวนธรรมะที่ อยูในลักษณะที่อาจจะนํามาใชเปนเครื่องมือ นี้ก็หมายความวา ตามปกติมิไดใช เปนเครื่องมือ แตเราอาจจะนํามาใชเปนเครื่องมือก็ได. และยังมีสวนที่ตองสนใจ เปน พิเศษอีก อยา งหนึ ่ง ก็ค ือ วา เปน ธรรมะสํ า หรับ บรรพชิต ใชเปน เครื่อ งมือ หรือใชปฏิบัติอยูเปนประจําก็ตาม จนถูกสมมติวาเปนธรรมะสําหรับบรรพชิตไป ; แตก็ยังอาจจะนํามาใชเปนเครื่องมือสําหรับฆราวาส. แลวก็ธรรมะประเภทนี้เอง

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org

๑๔๗


๑๔๘

ฆราวาสธรรม

ที่มักจะเปนปญ หาที่ถกเถียงกันหรือไมยอมรับ ; แตวานั่นมั่นเปนความคิดเห็น สวนบุคคล ; แลวก็มักจะเปนบุคคลที่เอาแตความคิดเห็นของตัว. ถาเปนบุคคล ที่มีสติปญญาก็สามารถจะมองเห็นไดกวางดวยตนเอง วามันอาจจะเอามาใชได อยา งไร ? หรือ วา ความเห็น ตา ง ๆ ที ่เขามีก ัน อยู นั ้น มัน ยัง แคบเกิน ไปบา ง ยังไมถูกไมตรงบางซึ่งเราจะไดพิจารณากันดูในวันนี้. ถาวากันโดยวงกวาง ๆ แลว เราตองไมลืมหลักที่วา กิเลสหรือความ ทุ กข นั้ นมั นไม มี จํ ากั ดว าจะเป นฆราวาส หรื อบรรพชิ ต ; เช นความเกิ ด ความแก ความเจ็บ ความตาย อยางนี้ มั นก็ไม เลื อกวาตองเป นฆราวาส หรือบรรพชิต ; มั น เป น ของ “คน” ในความหมายทั่ ว ๆ ไป.นี่ เรี ย กว า ความทุ ก ข นี้ มั น เป น ฆราวาส เปนบรรพชิตกะเขาไมได มันก็เปนความทุกขอยูนั่นแหละ ; เปนความ ทุกขกลาง ๆ คือปญหาที่เกิดมาจาก ความเกิด ความแก ความเจ็บ ความตาย ; แลวปญหาเฉพาะเรื่อง เฉพาะเวลา เฉพาะคน เชนความทุกข ความโศก ที่เกิด มาจากสิ่งตาง ๆ ไมเปนไปตามที่ตนตองการ, หรือพบกันเขากันสิ่งที่ไมตองการ, หรือพลัดพรากจากสิ่งที่ตองการ ; เหลานี้ก็ลองคิดดู มันเหมือนกันทั้งของบรรพชิต และของฆราวาส. เมื่อหลักใหญ ๆตามธรรมชาติมันเปนอยูอยางนี้ ก็ยอมจะมี หลั ก ต อ ไปที่ ว า วิ ธี ที่ จ ะขจั ด กิ เลสดั บ ทุ ก ข นี้ มั น ก็ เหมื อ นกั น ทั้ ง ฆราวาสและ บรรพชิตเปนสวนใหญ ; โดยสวนใหญหรือเกือบรอยเปอรเซ็นตนั้นมันเหมือนกัน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ ผมอยากจะใหทุกคนมองดูในลักษณะที่กวาง หรือลึก หรือฉลาด หรือที่มันจริงกวาที่เขาพูดๆกัน คืออยามองไปตามความสมมุติ ที่สมมุติพูดกัน หรือ วายึด ถือ กัน จนแยกฆราวาสกับ บรรพชิต ใหอ ยูกัน เสีย คนละโลกอยางนี้. ถามองไปในลักษณะอยางนี้มันทําใหมีปญหามาก แลวทําใหเกิดความทอแท ; แลวในที่สุดก็จะเกิดความโง ชนิดที่ทําใหไมสามารถจะแกปญหา หรือสามารถจะ


๑๕๐

ฆราวาสธรรม

ดังนั้นโดยเนื้อแท มันก็เหมือนกันทั้งฆราวาสและบรรพชิต ในขอที่วา ชี วิ ต นี้ เป น การเดิ น ทาง. นี้ มั น จะต า งกั น ตรงไหน ? มั น ก็ ต า งกั น ตรงที่ ว า คน หนึ ่ง เดิน ชา คนหนึ ่ง เดิน เร็ว . ทีนี ้ใ ครจะเดิน ชา ใครจะเดิน เร็ว มัน ก็เปน คน เดิน ทางอยู นั ่น แหละ เปน เพื ่อ นเดิน ทางกัน อยู นั ่น แหละ. ทีนี ้คํ า วา เดิน ชา เดิ น เร็ ว นี้ มั น เป น เรื่ อ งที่ ส มมุ ติ พู ด กั น จนเป น อย า งนั้ น ว า ฆราวาสเดิ น ช า บรรพชิต เดิน เร็ว. เราจะถือเป น หลักอยางนั้ นโดยทั่ว ๆ ไปก็ ได ; แต ก็มี ขอ ยก เวน พิเศษเปนบางคน. เหมือ นกับ เรื่อ ง เตาแขงกับกระตาย อยางนี้ กระตาย วิ่งเร็วเปรียบเหมือนพระ แตถาไปเกิดประมาทเสีย มันก็แพแตเตา ; คือเหมือน ฆราวาสเดินงุมงาม แตเขาเดินไมหยุด มีความสม่ําเสมอ ผลก็ไปไดเร็วกวาพระ. ฉะนั้น เราจึงมองเห็นชัดอยูวา ในสมัยปจจุบันนี้ มีบรรพชิต หรือ พระสวนมากเหมือนกันที่อยูหลังฆราวาสในทางจิตใจ ในเรื่องภูมิของจิตใจ. ฆราวาสบางคนมีอ ะไรที่เ ปน ความเห็น แกตัว นอ ย มีค วามทุก ขนอ ย มีจิต ใจสูง สูง กวา พระบางองค หรือ สว นมาก ก็ม ีไดเหมือ นกัน . ฉะนั ้น ถา ชีวิต เปน การ เดิ น ทาง พระเป น ผู เดิ น เร็ว ฆราวาสเป น ผู เดิ น ช า ; ยอมรับ อย า งนี้ ก็ ได เป น หลักทั่ว ๆ ไป. แตขอใหมองกันในแงที่สําคัญที่สุดวา มันเปนการเดินทาง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาคุณจะอยูฝายฆราวาส คือวา จะสึกออกไปเปนฆราวาส จัดตัวเอง ไวในกลุมฆราวาส ก็ตองขอใหยอมรับวา ชีวิตนี้เปนการเดินทางอยูเสมอ. ถาจะ มีภรรยา ก็มีอยางในฐานะเปนเพื่อนเดินทาง ไมใชเปนหามลอ.ถาจะมีลูกก็ขอ ใหมีในฐานะเปนบุคคลที่เราเตรียมไว สําหรับการเดินทางตอไปจากเรา ; หรือวา ชวยสนับสนุนเปนเพื่อนเดินทางอยูนั่นแหละ ไมใชเปนหามลอ. ถาจะมีทรัพย สมบัติ ก็ใหมีเพื่อสนับสนุนการเดินทาง. จะมีเกียรติยศชื่อเสียง มีอะไรก็ตาม


ความรวม สําหรับคฤหัสถและบรรพชิต (ตอ)

๑๕๑

ขอใหม ัน เปน เรื ่อ งเดีย วกัน หมด คือ ใหเปน เครื ่อ งสนับ สนุน แกก ารเดิน ทาง ; ฉะนั้นจะมีเพื่อนสักกี่คน ก็ขอใหเปนเพื่อนที่ดีที่สนับสนุนแกการเดินทาง ; อยาให มันกลายเปนเครื่องหามลอ หรืออะไรที่คลาย ๆ กับที่เปนอุปสรรค. ถาจะพูดวา เครื่องหามลอ ก็ดูจะไมคอยตรงนัก แตมันเปนเครื่องถวง ใหเกิดความเนิ่นชา.คําวาหามลอนี้ บางทีก็มีความหมายที่ดี คือมันหามในเมื่อ มันจะเร็วเกินไป จนจะเปนอันตรายเหมือนกับ brake ที่เราใชกับรถยนตนั้น เพื่อ จะปองกันอันตราย. แตบางที เราก็หมายความวา มันเป นเครื่องอุปสรรค, เกิดมา เปนหามลอ ไมเปนเครื่องสนับสนุน. ฉะนั้นขอใหจัดใหทําไปในลักษณะที่มันเปน การเดินทาง, และเปนเครื่องสนับสนุนการเดินทางไปหมด. แลวฆราวาสนั้นแหละ ในครอบครัวของฆราวาสที่มีทั้งภรรยา มีลูกหลาน เหลน นั่นแหละมันจะเปนการ เดินทางไปหมด. เดี๋ยวนี้พอของเขา หรือหัวหนาครอบครัวนั้นมันโงหลับหูหลับตา ไมรู วา เกิดมาทําไม ; มันก็ไปยึดนั่นยึดนี่ หลงใหลในนั่นในนี่ โดยเฉพาะ คือความ เอร็ดอรอยทางเนื้ อหนัง, ใชคําอยางนี้ มั นกวางที่สุด จะเปนอะไรก็ได มันก็เลย ไมลืม หูลืม ตา ไมป ระสีป ระสาวา ชีวิต นี ้เปน การเดิน ทาง.มัน จะไมรูวา มีชีวิต มีอะไรเลยดวยซ้ําไป ; เพราะมัวเอร็ดอรอยแตทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย, เรื่อ งปาก เรื่อ งทอ ง เรื่อ งกิน เรื่อ งกาม เรื่อ งเกีย รติ ไปเสีย หมด ; ไมใ ชสิ ่ง เหลา นี ้เปน อุป กรณ สํ า หรับ การเดิน ทาง ; จนกวา มัน จะรูจัก และเบื ่อ นั่นแหละ, จนกวาคนโงคนนั้ นจะรูจัก วาอะไรเป นอะไร แลวก็เบื่ อ สิ่งเหลานั้น , แลวตองการจะไปใหพน ใหมันปราศจากความรบกวนของสิ่งเหลานี้ จึงจะเริ่มมอง เห็นวา ชีวิตนี้เปนการเดินทาง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๑๕๒

ฆราวาสธรรม

ถาเราเปนฆราวาส ประเภทพรหมจารี ยังไมมีครอบครัว มารูวา ชีวิต นี้ที่แทเปนการเดินทางแลว ก็นับวาเปนโชคดีมาก ตรงที่วา จะไดเตรียมตัวไดถูก ตอ ง, ใหชีวิต มัน เปน การเดิน ทาง ใหมัน กา วหนา เรื่อ ย. กา วหนา ทางโลก ๆ ก็เปนการเดินทางเหมือนกัน ดีกวามาหลง ๆ อยูในเรื่องโลก ๆ. ทีนี่เมื่อละชีวิต โสดไปเป นชีวิตครอบครัว มันก็จะไดรูจักจัด รูจักทํา ใหมันเขารูปเขารอย. มี ภรรยาก็เพื่อจะสนับสนุนการเดินทาง กลายเปนเดินสองคน ; มันจะชาลง หรือ มันจะเร็วขึ้น มันก็แลวแตความโง หรือความฉลาดของบุคคลคูนั้น. ถามันชวน กันไปลุมหลงในอะไรเสีย มันก็จะชาเขา. แตถามันรูความจริงในธรรมะขอนี้ มัน ก็เปนเครื่องชวยสนับสนุนกัน คือเปนคูปรึกษาหารือ หรือเปนผูสนับสนุนกันได เหมือนกัน. ทีนี้ ถามีบุตรออกมาตัวเล็ก ๆ ก็อบรมไปในทางที่ใหมันรูวา ชีวิตนี้ เปนการเดินทาง ; หรือเตรียมพรอมสําหรับที่วา โตขึ้นมันจะไดเดินทางไดดีกวา พอของมัน กวาแมของมัน. นี่เปนมนุษยที่แทจริง คือชีวิตนั้นเปนการเดินทาง ที่นาดู เพราะเปนมนุษยที่แทจริง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที่ผมพูดขอนี้ออกจะยืดยาวไป ก็เพื่อจะชี้เพียงนิดเดียววา มันไมมีอะไร แตกตางกันโดยเนื้อหาสาระระหวางบรรพชิตกับฆราวาส เพราะวามีชีวิตเปนการ เดิน ทางอยูเรื่อ ย จะผิด กัน ที่ชา หรือ เร็ว ; นี ้ม ัน ก็ไมใชเรื่อ งสํา คัญ มัน สํ า คัญ อยูที่วา ตองเดินทางไปเรื่อย ๆ แลวบางทีมันอาจจะกลับสับเปลี่ยนกันอยูก็ได ; เดี๋ ยวเดิ นชา เดี๋ ยวเดิ นเร็ว, เดี๋ ยวเดิ นชา เดี๋ ยวเดิ นเร็ว, เป นได ทั้ งฆราวาสและ บรรพชิต. ยิ่งสมัยนี้ดวยและ ก็ยิ่งเปนไดมาก ในการที่ฆราวาสจะเดินไดดีกวา บรรพชิต.โดยทั่วไป ถาปฏิบัติถูกตองตามหลักตามระเบียบ ตามความมุงหมาย กัน ทั้ งสองฝายแล ว บรรพชิต ยอมจะไดเปรียบเป น ธรรมดา ตามที่ รับ รองกัน ; เพราะไมมีคูค รอง คือ เปน โสดแน นี้มัน อยา งหนึ่ง แลว ที่จ ะทําใหเร็ว ; แลว ก็ไมมีหนาที่การงานภาระอะไร ที่มันจะตองเลี้ยงคนหลายคน มันก็เดินเร็ว.


ความรวม สําหรับคฤหัสถและบรรพชิต (ตอ)

๑๕๓

แตถาบรรพชิตเกิดมาเป นผู มีลู กศิษยลู กหามาก เลี้ยงพระเลี้ยงเณร เลี้ย งเด็ กมาก กระทั่ งเลี้ ยงสุ นั ข เลี้ย งแมวมาก ;ก็ ไปคิ ด ดู เองเถิด วา มั นจะเป น อยางไร. ถาทําไมถูกวิธี สิ่งเหลานั้นก็กลายเปนอุปสรรค เปนหามลอ หรือเปน อะไรขึ้ น มาได เหมื อ นกั น ; เว น ไว แ ต ว า จะฉลาด หรือ ทํ า ถู ก วิ ธี หรือ ว า เป น ผู ที่ เดินไปแลวโดยจิตใจถึงจุดหมายปลายทางแลว หรือวาอยูในขั้นที่ปลอดภัยแลว ; มั น ก็ ได เหมื อ นกั น ในการที่ จ ะช ว ยผู อื่ น . แล ว เรื่อ งมั น ก็ ค ล า ย ๆ กั บ ครอบครัว , เพี ยงแตวา ไมใชครอบครัวที่เกิดจากภรรยาสามีโดยตรง มันก็เป นครอบครัวโดย ธรรมะไป ; เช น เป น อุ ป ช ฌาย อ าจารย มี ลู ก ศิ ษ ย ลู ก หามาก นั้ น มั น ก็ เหมื อ น กั บ ครอบครั ว ; มั น เป น บุ ต รโดยธรรม เป น ลู ก โดยธรรม โดยพระธรรม ที่ จ ะ ตองชวยเหลือกัน ซึ่งขอนี้ก็เปนที่ยอมรับ เชนพระพุทธเจาก็มีสาวกมาก. อุปชฌาย อาจารยคนหนึ่งก็มีผูที่ตองรับผิดชอบเลี้ยงดู เชนคุณ พอบวช เขามา ก็ตองมีอุปชฌายะ คอยดูแลคุมครองกวาจะครบหาป จึงจะปลีกตัวออกไปได อย างนี้ เป นต น. แต แล วความดี วิเศษมั นอยู ตรงที่ วา มั นเดิ นทางด วยกั น มั นไม ป ด แขงป ดขากั น มั น เดิ น ทางไปด วยกัน ทั้ งครอบครัว ; ทํ าอะไรเหมื อ นกัน หมด ไปในทางเดี ย วกั น หมด. นี้ คื อ ขอ ที่ วา ฆราวาสกั บ บรรพชิ ต มั น เหมื อ นกั น โดย วิญ ญาณ โดยหั วใจ คื อชี วิ ตนั้ นเป นการเดิ นทางอยู เสมอ ช าหรือเร็วก็ ปล อยไป ตามเรื่อง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ เราอยากจะมองอยางที่จะแกตัว หรือที่จะเห็นแกตัวอีกบางก็ได วา ถา เรือ เล็ก ๆ เบา ๆอยา งเรือ พาย เรื่อ แคนนู เล็ก ๆ เบา ๆ ก็ไ ปไดค นเดีย ว, เบา ๆ เร็ว ๆ มัน ก็ไ ปไดเ ร็ว . แตถ า มัน เปน เรือ ลํ า ใหญ  ๆ มาก เปน เรือ กําปนใหญ ๆ เอาของไปมาก, หรือวาแพ หรืออะไรก็ตาม มันเอาของไปไดมาก มั น ก็ ช า แต มั น เอาไปได ม าก อย า งนี้ มั น ก็ น า ดู เ หมื อ นกั น นั่ น แหละคื อ ถ า


๑๕๔

ฆราวาสธรรม

ฆราวาสคนไหนเกงพอที่จะทําชีวิตใหกาวหนาลุลวงไปได อยางหอบหิ้วผูอื่นไปดวย ไดม าก มัน ก็เ กง ; เหมือ นกับ แพสัก แพหนึ ่ง บรรทุก ของไปไดม าก ๆ ไปชา อืด อาด แตก ็ไ ปไดห ลาย ๆ คน ไปไดม าก มีข องเอาไปดว ยมาก .ทีนี้ เรือลําปนลําเล็ก ๆ เรียว ๆ แลนเร็วเพรียวน้ําลําเดียว พายไปคนเดียว นี้มันก็ผิด กันไกลในทางที่จะเอาประโยชนไปได หรือชวยขนคนอื่นไปได. เอาละ พอกันที เราสรุปเสียทีวา ชีวิตนี้เปนการเดินทาง ทั้งฆราวาส และบรรพชิ ต ; ดั ง นั้ น มั น ต อ งเหมื อ นกั น หรื อ ยื ม ใช กั น ได สํ า หรั บ เครื่ อ งมื อ . ฉะนั้นธรรมะที่เปนเครื่องมือที่ใชสําหรับบรรพชิต ก็เอามายืมใชสําหรับฆราวาสได. ยกตั วอย างเช น อิ ท ธิ บ าท ๔ ในบาลี พ ระพุ ท ธภาษิ ต นั้ น ไม ได พู ด ถึ งฆราวาส ; พูดถึงภิกษุ ผูปฏิบัติเพื่อบรรลุ มรรค ผล นิพพานโดยเร็วที่สุด. อิทธิบาท ๔ นั้น เป น เรื่ อ งปฏิ บั ติ เพื่ อ บรรลุ มรรค ผล นิ พ พานโดยเร็ ว ที่ สุ ด ; แต แ ล ว เดี่ ย วนี้ ฆราวาส ก็ เอามาพู ด ถึ ง เอามาใช ; เพราะมั น ใช ได มั น เป น เครื่อ งมื อ กลาง ๆ จะเอามาใชเ รื ่อ งทํ า นาก็ไ ด จะใชใ นการเลา เรีย นในโรงเรีย นก็ไ ด. นี ่แ หละ เครื่องมือที่จัดไวสําหรับภิกษุโดยตรงนั้น จะเอามาใชสําหรับฆราวาสได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้เครื่องมือสําหรับฆราวาสโดยตรง ที่พระพุทธเจาตรัสบัญญัติไวเชน สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ นี้ เป นเรื่องจัดไวสํ าหรับฆราวาสโดยตรง แตก็ เอาไปใช สํา หรับ บรรพชิต ได แมจ ะไปนิพ พาน เปน อุป กรณของการไปนิพ พาน ดังเชน - มี สัจจะ ในการที่ จะปฏิบั ติเพื่ อไปนิ พ พาน. – มีทมะ บั งคับ ตัวเองให อยูในรอ ง ในรอยนั้นเรื่อย. - เมื่ อเกิดความลําบาก เพราะความบี บคั้นของกิเลส ก็อดทน ๆ อดทน ๆ - พรอ มกัน นั ้น ก็ร ะบายกิเ ลสออกอยู เ รื ่อ ย ดว ย จาคะ. นี ้มี สัจ จะ ทมะ ขัน ติ จาคะ เปน เครื ่อ งมือ ในการปฏิบ ัต ิ เพื ่อ บรรลุ มรรค ผล นิ พ พาน มั น ก็ ใ ช ได ธรรมะหมวดนี้ พ ระพุ ท ธเจ า มอบให ฆ ราวาสโดยตรง


ความรวม สําหรับคฤหัสถและบรรพชิต (ตอ)

๑๕๕

จนเรีย กวา ฆราวาสธรรม ; แตว า เอาไปใชสํ า หรับ พระก็ไ ด. ที ่จ ัด เอาไว สํ า หรับ พระโดยตรงเช น อิ ท ธิบ าทสี่ ก็ เอามาใช สํ าหรับ ฆราวาสได แม ในเรื่อ ง ไถนา แม ในเรื่อ งหาเงิน กระทั่ งเรื่อ งศึ กษาเล าเรีย น. แลกเปลี่ ย นเครื่อ งมื อ กั น ไดอยางนี้ ก็เพราะวา ชีวิตนี้มันเปนการเดินทางดวยกัน ทั้งพระและฆราวาส. ที นี้ เครื่ อ งมื อ ชั้ น สู ง สุ ด เอามาใช ได แ ม ใ นกรณี ทั่ ว ไป : เครื่ อ งมื อ สูงสุดในที่นี้ผมอยากจะระบุ โพชฌงค ๗ ประการ ; ถาเปนคําแปลกหูสําหรับ บางองค ก็ จํ าไว ด ว ย อย า ให มั น เป น คํ า แปลกหู . โพชฌงค ๗ ประการ. ถ า คุ ณ สวดอานาปานสติสูตร มั นก็จะพู ดถึง อานาปานสติ ๑๖ ขั้น จะเปนเครื่องทําให สติ ป ฏ ฐาน ๔ บริ บู ร ณ ; เมื่ อ สติ ป ฏ ฐาน ๔ บริ บู ร ณ แล ว จะทํ า โพชฌงค ใ ห บริบูรณ ;เมื่อโพชฌงค ๗ บริบูรณแลว ก็จะทําวิชชาและวิมุตติใหเกิดขึ้น ; ฉะนั้นเรื่อง โพชฌงค ๗ เป นเรื่องสูงสุดในการปฏิ บัติ. โพชฌ + อังครวมกันเป น โพชฌงค. โพชฌ - ในที่ นี้ คื อ ตั ว โพธิ เขาเปลี่ ย นตามแบบสนธิ ข องภาษาบาลี โพธิ เป น โพชฌ ; เปลี่ยนรูปเปน โพชฌ แลวก็ อังค = โพชฌงค แปลวาองคแหงโพธิ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org องคแหงการตรัสรูเรียกวาโพชฌงค มีอยู ๗ ขอ : ขอที่ ๑ สติระลึกได. ข อ ที่ ๒ ธั ม มวิ จยะ- สอดส องธรรม เลื อกเฟ น คั ด เลื อกธรรม เรียกว าธั ม มวิ จยะ. ขอ ที ่ ๓ วิร ิย ะ - ความพากเพีย รพยายามดว ยความกลา หาญ. ขอ ที ่ ๔ ปต ิ อิ่ ม อกอิ่ ม ใจ. ข อ ที่ ๕ ป ส สั ท ธิ – ความรํา งับ หรือ ความเข ารูป เข ารอย. ข อ ที่ ๖ สมาธิ - ความตั ้ง มั ่น . ขอ ที ่ ๗ อุเ บกขา. นี ้เ ปน องคแ หง การตรัส รู  หมาย ความวา ในการที่ จะรูแจ งอะไรขึ้ นมา ที่ เป นญาณทั สสนะ ชนิ ดที่ กลั บกํ าเริบได หรือ ไม ก ลั บ กํ าเริบ ได อ ะไรก็ ต าม มั น ก็ ต อ งการองค ๗ องค นี้ หรือ ปฏิ บั ติ อ ยู ใน ๗ องคนี้.


๑๕๖

ฆราวาสธรรม

ถ า เป น เรื่ อ งบรรลุ มรรค ผล นิ พ พ าน มั น ก็ มี อ ธิ บ ายไปในทางที่ มั น สู ง เพราะว า สติ - มั น ก็ ร ะลึ ก ในธรรมชั้ น สู ง ทั่ ว ๆ ไป. ธั ม มวิ จ ยะ – ก็ เ ลื อ ก ธรรมชั ้น สูง . วิร ิย ะก็พ ากเพีย รไป ในธรรมชั ้น สูง ๆ ฯลฯ. ถา วา เปน การขอยืม มาใช กั บ ฆราวาส ในธรรมชั้ น ต่ํ า มั น ก็ เ ป น แต เ พี ย งเปลี่ ย นลงมาเป น เรื่ อ งธรรม ชั ้น ต่ํ า เท า นั ้น แ ล ว ก็ใ ช ๗ ป ร ะ ก า ร นั ้น อ ยู ด ี. ส ม ม ต ิว า ช า ว น า ช า ว ไ ร ชาวบ าน พ อ ค าอะไรก็ ต าม เขาจะปฏิ บั ติ ห น าที่ ของเขา ตามความประสงค ข องเขา ก็ ใ ช ธ รรมะ ๗ ประการนี้ ไ ด . และถ า ใช เ ป น ใช ไ ด ดี ก็ จ ะสํ า เร็ จ ประโยชน เ ร็ ว ; หรือวามีความทุกขนอย หรือจะไมมีความทุกขเลย. ในการทํ างานที่ ถื อ กั น ว า มี ค วามทุ ก ข ม าก ยากมาก หรื อ พวกฆราวาส มีภ าระหนัก มาก นั ่น ก็เ พราะวา ไมม ีธ รรมะ ไมรู จ ัก ใชธ รรมะ. ธรรมะนั ้น มี หน า ที่ ต รงมาช ว ยให ง า ย และช ว ยให ไ ม เ ป น ทุ ก ข พร อ มกั น ไปในตั ว . คุ ณ จํ า ไว ให ดี ว า ธรรมะที่ มั น จํ า เป น สํ า หรั บ ชี วิ ต นี้ มั น จะช ว ยให ง านในชี วิ ต นั้ น ง า ย ราบรื่น เปน ไปสะดวก, และปอ งกัน ความทุก ขท ี่จ ะเกิด ขึ้น พรอ มกัน ไปในตัว มั น ตรงจุ ด ของป ญ หาที่ คุ ณ เสนอถามมา ว า ทํ า อย า งไรจึ ง จะป อ งกั น ความทุ ก ข ไ ด แลว ดับ ความทุก ขที ่เ กิด ขึ ้น แลว ได. นี ่ถ า ฆราวาสมีห ลัก ธรรมะอยา งโพชฌ งค อยู เป น ประจํ า ในการงานที่ ก ระทํ า การงานนั้ น ก็ จ ะสํ า เร็ จ ไปได โดยง า ย โดยเร็ ว แลวจะไมมีความทุกขเกิดขึ้นไดเลย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที นี้ ถ าสมมุ ติ ว า ความทุ กข เกิ ดขึ้ น ธรรมะนี้ ก็ จะช วยทํ าลายให หมดไป. ถ า จะเอาธรรมะสู ง สุ ด หมวดนี้ ที่ เ พื่ อ ตรั ส รู เพื่ อ นิ พ พานโดยตรงนี้ ม าใช ใ นชี วิ ต ฆราวาส เราก็ ถื อ เอาแต ค วามหมาย ถื อ เอาแต ห ลั ก หรื อ ความหมาย แล ว เอามา ใช ใ ห ถู ก เรื่ อ งของมั น ; เช น เครื่ อ งมื อ สํ า หรั บ ตั ด ที่ เ ขาตั ด ของที่ สู ง ที่ แ พงอะไร ; ถ า เราจะเอ าม าใช สํ าห รั บ ตั ด ขอ งที่ ราค าถู ก ๆ มั น ก็ ไ ด เห มื อ น กั น ; เพ ราะ


ความรวม สําหรับคฤหัสถและบรรพชิต (ตอ)

๑๕๗

ความหมายมันถูกใชในลักษณะที่เปนการตัด. สําหรับโพชฌงค จะเอามาใชได อยางไร คุณจําใหแมนยํา ; สติ - นี้ เราระลึ กในเรื่อ งนั้ น อยางทั่ วถึง วา มั น มี อะไรบ างกี่อ ยาง กี่สิบอยางมองดูรอบดาน. ระลึกขึ้นมาอยางทั่วถึง ; สติมันระลึกอยางทั่วถึง. ธัม มวิจ ยะ- ก็เ ลือ กเอาแตอ ัน ที ่ต รงจุด นอกนั ้น ก็ไ มต อ งเอา. ธัม มวิ จ ยะ นี้ ห มายความว า เลื อ กเอาแต ที่ ต รงจุ ด ที่ ต รงแก เรื่อ งของเราหรือ หนาที่การงานของเรา โดยเฉพาะในอันนั้น ในเรื่องนั้น. วิริยะ - นั้นบากบั่นลงไปใหเต็มความสามารถ ในจุดนั้น ในสิ่งที่ทํานั้น. ปติ - ใหอิ่มอกอิ่มใจ ในการไดกระทํานั้นอยูเสมอ มันจะไดหลอเลี้ยง วิริย ะ. วิริย ะนี ้ถ า หนัก เขา มัน เหนื ่อ ย เหนื ่อ ยเขา เดี ๋ย วมัน ก็ท อ แทห รือ ชัก เขว ตอ งมีอะไรมาหลอเลี้ยงมั น อยาให วิริยะออนกําลังหรือ เขว ก็คือ ป ติ, พอใจ อยูในสิ่งที่กําลังกระทํา. ยกตัวอยางเชน ชาวนาฟนดินอยู ที่ละกอน ๆ กลาง แดดกลางลมอยา งนี้ นั่น วิริย ะ ; นี่มัน หลอ เลี้ย งดว ยปติ. ฟน ไดกอ นหนึ่ง ก็สําเร็จไปกอนหนึ่ง ฟ นอีกกอนก็สําเร็จไปอีกกอน ;เพราะหลอเลี้ยงไวดวยปติ อยางนี้ วิริยะมันก็เปนไปไดเรื่อย. ถาไมเอาปติมาหลอเลี้ยงมันเกิดขี้เกียจ คือนึก วามันยังมีอีกเยอะแยะนัก มัวฟนอยูทีละกอน เมื่อไรจะเสร็จ ; มันก็ทิ้งงานเสีย. เพราะฉะนั้น ความอิ่มอกอิ่มใจ คือปตินี้ มันจะหลอเลี้ยง วิริยะ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ต อ ไป ก็ จ ะเป น ป ส สั ท ธิ - คื อ เข า รู ป , ความรํ า งับ ลงของป ญ หา ตาง ๆ เขาแปลวา ความรํางับแหงจิต ; แตผมแปลวา ความเขารูปแหงสิ่งทุกสิ่ง ที่มัน เกี่ย วกับ จิต . ในที่นี้ข องเรามัน ก็เกี่ยวกับ การงาน เกี่ยวกับ ปญ หา เกี่ย ว กับหนาที่ ; พูดงาย ๆ ตามภาษาปจจุบันนี้ก็วา งานมันเขารูป. ถาเราทํามาอยางนี้ แลว งานที่ทํามัน เขารูป เขารอย เรียกวาปส สัท ธิ ; ระงับความวุน วายที่เกี่ย ว กับปญหาจุกจิกหยุมหยิมอะไรไปหมด, นั้นมันรํางับไปหมด.


๑๕๘

ฆราวาสธรรม

ทีนี้ก็มาถึง สมาธิ - แปลวาระดมกําลังทั้งสิ้นเทาที่มีอยู กําลังจิตทั้งสิ้น เทาที่มีอยูลงไปในนั้นอยางเดียว เพียงอยางเดียว คือ แนวแน. ขอสุดทาย อุเบกขา - ความวางเฉย คือปลอยใหมันเปนไปอยางนั้น เราเพียงแตรอ,เราไมทําอะไรเพียงแตรอ. เมื่อ ทุกสิ่งมัน เขารูปแลว กําลังก็ใช ลงไปหมดแลว ทีนี้ก็รอจนกวามันจะถึง ไมไดทําอะไร. อุเบกขาจึงถูกเปรีย บ กับ อาการ เหมือ นกับ ที ่วา ถือ เชือ ก ถือ บัง เหีย นอยู เฉย ๆมัน เปน ไปไดเอง. ถาเปรียบดวยรถสมัยโบราณก็เปนรถมา ; มันก็ตองจัดเสร็จเรียบรอย จนมาก็รู เรื่องดี, ถนนหรืออะไรก็เขารูปเขารอยกันดี ; คนขับรถก็เพียงแตถือเชือกเฉย ๆ ; มาก็วิ่งไปตามถนนได. นี้แหละชีวิตที่จัดเปนรูป เปนรอย เขารูปเขารอยดี แลว คนก็เพียงแตอยูเฉย ๆ ปลอยใหมันเปนไป วิ่งไป ; อยางนี้เขาเรียกวา “อุเบกขา”. อยาเขาใจวา เฉยไมทําอะไรมาแตทีแรก. มันเฉยเมื่อทุกสิ่งมันเขารูป เขารอยแลว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org อยางคุณขับรถยนต เมื่อทุกอยางมันเขารูปเขารอยแลว. เครื่องยนต ก็ดี รถอะไรก็ดี ถนนก็ดี ดินฟาอากาศอะไรก็ดี, มัน เขารูปเขารอยหมดแลว, ก็ถือพวงมาลัยเฉย ๆ รถก็แลนไป. ฉะนั้น อุเบกขา แปลวา ความวางเฉยก็จริง แตมันไมใชวางเฉยตั้งแตทีแรก คือไมทําอะไร ; มันวางเฉย เมื่อทุกสิ่งทุกอยาง เขารูปเขารอย ไดที่ดีแลว ก็ปลอยมันใหเปนไปอยางนั้น ; แลวก็รอได คอยได จนกวา มัน จะออกดอกออกผล. เราปลูก ตน ไม เราตอ งขุด ดิน เราตอ งทํ า หลายอยาง วุน วายเหลือเกิน ; แตพ อทุก อยางครบถวนแลว มัน ก็รอจนกวา มันจะออกดอกออกผลออกมา. นี่ เรีย กวา “โพชฌงค ” มั น มี ห ลั ก อย างนี้ ในฐานะที่ เป น เครื่องมื อ สํ า หรั บ บรรลุ นิ พ พาน. คุ ณ ลองฟ ง คํ า สั้ น ๆ สรุป ความสั้ น ๆ ว า - สติ ระลึ ก


ความรวม สําหรับคฤหัสถและบรรพชิต (ตอ)

๑๕๙

ทั่ ว ถึ ง . ธั ม มวิ จ ยะเลื อ กเอาแต ที่ ต รงจุ ด . วิ ริ ย ะ ระดมกํ า ลั ง ลงไปพากเพี ย ร พยายาม. ปต ิ อิ ่ม ใจเพื ่อ หลอ เลี ้ย งวิร ิย ะไว ; ไมเ ทา ไรก็ป ส ลัท ธิ. ปส สัท ธิ คือ เขา รูป เขา รอ ย . ทีนี ้ก ็ใ ชส ม า ธิ โห ม ล งไป ทั ้ง ห ม ด เปน กํ า ลัง ที ่ม า ก หรือ จะเรีย กวา เพีย งพอก็ไ ด. ทีนี ้ก ็ป ลอ ยไป คือ อุเ บกขา เปน การปลอ ยไป คื อ รอได คอยได . นี่ เ ทคนิ ค ของการบรรลุ นิ พ พาน มั น เป น อย า งนี้ เรี ย กว า โพชฌงค. เมื่ อ คุ ณ ปฏิ บั ติ อ านาปานสติ ค รบทั้ ง ๑๖ ขั้ น ในนั้ น แหละเป น ความ สมบูร ณข องสติป ฏ ฐาน ๔ : กาย เวทนา จิต ธรรม มีค รบ ; แลว ในนั ้น ดู เถิ ด ถ ามั นปฏิ บั ติ ได สํ าเร็จและครบ จะพบโพชฌงค ทั้ ง ๗ ข อนี้ . ถ าไม ดู ก็ ไม เห็ น และถา ดูก ็จ ะเห็น . ถา เราไมต อ งการจะรู  ไมด ูก ็ไ ด,มัน มีอ ยู แ ลว โดยไมต อ ง ดูก ็ไ ด ก็บ รรลุ ม รรค ผ ล ได โด ย ที ่ไ มต อ งรู ว า มีน มี ๗ อ ยา งนี ้. สํ า ห รับ พระอรหั สต พวกสุ กขวิ ป สสก เขาต องการแต จะหมดกิ เลส ดั บทุ กข เท านั้ น ; ไม มา มั ว ศึ ก ษาในแง ข องปริ ยั ติ หรื อ อภิ ธ รรม หรื อ อะไร. แต เดี๋ ย วนี้ เราพู ด กั น ในแง ของปริ ยั ติ ที่ จ ะชี้ ให ดู ว า จิ ต กํ า ลั ง เป น อย า งไร - จิ ต กํ า ลั ง เป น อย า งไร มากมาย กายกอง จึงพบเรื่องโพชฌงคเขา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org โพชฌงค นี้ พอดู เข าก็ พบว ามั นเป นอย างนี้ ในการประสบความสํ าเร็ จ ไมว า อะไร มัน จะเปน อยา งนี ้ ; นับ ตั ้ง แตก ารบรรลุน ิพ พาน จนถึง การไถนา ทํ า นา. แม คุ ณ จะเรี ย นหนั ง สื อ ในโรงเรี ย น ก็ ล องไปทํ า ดู , ใช ห ลั ก ๗ ประการ สํ า หรั บ ไปนิ พ พาน มาเรี ย นหนั ง สื อ สํ า หรั บ สอบไล มั น ก็ ไ ด ; ทํ า นองเดี ย วกั บ เอาอิ ท ธิ บ าท สํ าหรั บ บรรลุ มรรค ผล นิ พ พาน มาใช เป น อิ ท ธิ บ าทในการทํ างาน ทุ กอยางได . นี้ แหละคื อขอ ที่ วา ธรรมะที่ เป น เครื่อ งมื อ ของบรรพชิ ต ผู จ ะไป นิพพานนั้น ยืมมาใชเปนเครื่องมือสําหรับชาวบาน ที่จะใชทําไรทํานาทํานา กิน อะไรก็ได อยางนี้เอง.


๑๖๐

ฆราวาสธรรม

ต อ ไป ก็ มี ธ รรมะพวกที่ อ าจจะเอามาใช เป น เครื่ อ งมื อ ; เขามิ ไ ด วางไวสํ า หรับ เปน เครื่อ งมือ แตเ ราเอามาใชเ ปน เครื่อ งมือ มัน ก็ย ัง มี ถา วา จํ า เปน ขึ ้น มา. หรือ วา มัน เปน เครื ่อ งมือ ที ่ใ ชแ ทน ที ่เอาไปใชผ ิด ที ่ใ ชไ มต รง ตามความประสงคเดิ ม นี้มั นก็ยังมีได. ใชได. อยางเราไม มีค อนที่ จะตอกตะปู ก็เอาอะไรที่ไมใชคอนมาทุบหัวตะปู มันก็ยังทําใหตอกลงไปไดเหมือนกัน ; แตมัน ไมดีเทา ที่จะเอาเครื่องมือที่ถูกตอง เฉพาะเรื่องเฉพาะสิ่งนั้นมาใช. จะยกตัวอยางที่เบ็ดเตล็ดออกไปอีก เพราะวา คุณนี้ไมเทาไรก็จะไป เปน ฆราวาส ; เมื ่อ คุณ อยู เ ปน พระอยา งนี ้ คุณ ก็ส วด ปจ จเวกขณ ปจ จัย สี ่จี ว ร บิ ณ ฑบาต เสนาสะ เภสั ช . บทที่ คุ ณ สวดก็ คื อ บทที่ เขาวางไว สํ า หรั บ ภิ ก ษุ ทั้ ง นั้ น เลย. ป จ จเวกขณ ๔ คื อ พิ จ ารณ าจี ว รอย า งนั้ น ๆ พิ จารณ า บิณฑบาตอยางนั้น ๆ, แลวสูงสุดเสียดวย เชน พิจารณาสักวาเปนธาตุ ไมใชสัตว ไมใชบุคคล ตัวตน เรา เขา นี่มันสูงสุดสําหรับไปนิพพาน สําหรับปจจเวกขณ นี้ แตแลวพอสึกออกไป ก็ยังเอาไปใชเปนประโยชนอยางยิ่งได และก็จําเปนดวย. ถามองเห็นจนรูจักมั นแลวก็จะเห็นวามันจําเปน ; ที่วาเมื่อ คุณ สึกไปแลว จะได พิ จารณาเสื้ อผ า เครื่องนุ งห ม อย างเดี ยวกั บที่ พระพิ จารณานี้ มั นจะทํ าให คุ ณ ไมบาสวยบา งาม ในเรื่อ งการแตงตัว . นี่อ ยา งนอ ยก็ไดป ระโยชนอ ยางยิ่ง แลว ที่หนุม ๆ สาว ๆ เสียเงินไปมากมายในการแตงตัว. อยางผูกเนคไท นี้มันบาที่สุด มั น ไม จํ า เป น จะต อ งผู ก , มั น โง ต ามก น ฝรั่ ง แล ว ก็ ผู ก เนคไท. ถ า เรามองดู ด ว ย หลักอันนี้แลว จะเห็นวา โอ ! มันบาที่สุด ที่ทําไมจะตองผูกเนคไท มันเปนเรื่อง บาตามกันฝรั่ง แลวก็ตามกนกันเอง. ถาอิทธิพลของการปจจเวกขณ นี้มันยังติด คุณไปถึงบาน เมื่อสึกแลว มันก็จะไปจัดไปทําอะไรตาง ๆ ที่เกี่ยวกับเครื่องนุงหุมนี้ ใหถูกตองขึ้นอีกมาก.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ความรวม สําหรับคฤหัสถและบรรพชิต (ตอ)

๑๖๑

เรื่องอาหารการกินนี้ เราเปนพระ พิจารณาวา กินเหมือนกับกินเนื้อลูก กลางทะเลทราย,กิ น เหมื อ นหยอดน้ํ า มั น ที่ เพลาเกวี ย น ; แต เมื่ อ คุ ณ อยู ที่ บ า น หรือคุณกําลังจะกลับไปอยูที่บานนั้น คุณคงไมคิดวาจะกินอยางนั้น ที่วากินเหมือน กับกินเนื้อลูกกลางทะเลทราย หรือน้ํามันหยอดเพลาเกวียน. มันก็ตองมีเรื่องบา มากอีกตามเคย, บ าเรื่องกิน. อุตสาห ขับรถยนตไปกินอาหารกลางวันมื้ อเดียวที่ ตา งจัง หวัด นี ้ม ัน โกม าก ; แตไ มรู ว า มัน เปน เรื ่อ งบา มาก. ถา เราพิจ ารณา ปจจเวขณ อยางพระอยูเสมอ ตามบทป จจเวกขณ ที่คุ ณ สวดอยูเปนประจําวัน นี้ มันก็จะกินอาหารอยางนั้นไมได. มันจะกิกแตพอดีเหมือนกับน้ํามันหยอดเพลา เกวียนไดเหมือนกัน หรือเหมือนน้ํามันหยอดลอรถพอหมุนสะดวก. เรื่องที่อยูที่อาศัย, เครื่องใชไมสอยในที่อยูที่อาศัยก็อยางเดียวกันอีก. กระทั่ ง หยู ก ยาสํ าหรั บ เจ็ บ ไข มั น ก็ อ ย างเดี ย วกั น อี ก , ไม มี ย าสํ า อาง รวมกั น หมดแล ว คุ ณ จะเป น คนกล า หาญต อ ความเจ็ บ ไข แ ละความตาย ไม ก ลั วตาย ; แลว ไมม ีป ญ หาเรื่อ งเงิน ไมพ อใชเพราะความเจ็บ ไข หรือ ความตาย. เดี ๋ย วนี้ คุ ณ กํ า ลั งถู ก สอนให โงก ว างออกไป - กวา งออกไป. ยกตั วอย างเช น วา ถ าคุ ณ เปนโรคชนิดหนึ่งซึ่งตองเปลี่ยนหัวใจ เขาจะเอาเงินเปนแสน เปนลาน คุณจะเอา ที่ ไหนมา แล ว คุ ณ ก็ ก ลั ว ตาย. ที นี้ ถ า รูธ รรมะข อ นี้ มั น ก็ ไม ต อ งคิ ด ที่ จ ะเปลี่ ย น หัวใจ, ความตายไมมีความหมายอะไร. มันก็รูไปในลักษณะที่วา มันถึงวาระแลว มันควรจะมีเพียงเทานั้นแลว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เหมื อนคนโบราณ ถ ามั นมี โรคที่ เหลื อวิสั ยที่ จะรักษาได ก็ ตาม หรือ เหลือวิสัย ที่กําลังเงิน กําลังทรัพยของตนจะรักษาไดก็ตาม เขาก็บอกวา มันถึง เวลาแลว ก็เลยไมมีทุกขรอนอะไรดับจิตไปดวยอาการยิ้มแยม เพราะมันถึงเวลา แล ว พอกั นแล วสํ าหรับ ชีวิต ของเรา มั น มี กํ าหนดไวเท านี้ , เมื่ อ ไม มี เงิน ที่ จะไป


๑๖๒

ฆราวาสธรรม

เปลี ่ย นลิ ้น หัว ใจ หรือ จะไปทํ า อะไร มัน ก็ไ มเ ดือ ดรอ น. เดี ๋ย วนี ้ผ มสัง เกตดู มีค นเดือ ดรอ นมาก เพราะวา ถามีโรคอยางนี้ ตอ งไปรัก ษาที่ก รุง เทพฯ, แลว ก็หมดพิเศษ แพง ; ก็ไมมีเงิน แมแตคารถไฟอยูแลว, แลวก็เสียใจจนเปนบา ; นี้มันก็ไมถูก. ฉะนั้นการพิ จารณา ปจจเวกขณ , อภิณหปจจเวกขณ อะไรต าง ๆ นี้ มันชวยได ; ชวยใหเราไมเกิดความทุกข หรือความทุกขที่เกิดขึ้นมา จะไมมีกําลัง ไมมีอํานาจบีบคั้นเรา ; นี่เราขจัดความทุกขออกไปได หรือเราปองกันความทุกข ไมใหเกิดขึ้นได พราะเราใชความรูของพระพุทธเจาอยางการปจจเวกขณ สําหรับ ภิกษุโดยตรงนี้ ฆราวาสก็นําไปใชได. เราจะตองเจ็บไขก็เปนธรรมดา เราจะตอง ตายก็เปนธรรมดา เราจะไมมีสัตวบุคคล ตัวตน เราเขา ; อะไรนี้รวม ๆ กันแลว ก็ คื อ เครื่อ งมื อ ที่ พ ระและฆราวาสนํ าไปใช รว มกั น ได มี ไว สํ า หรับ พระเอามาใช อย า งฆราวาสก็ ไ ด ; ที่ มี ไ ว สํ า หรั บ ฆราวาส เอามาใช อ ย า งพระก็ ไ ด ; มี ไ ว สําหรับไปนิพพาน เอามาใชทําไรทํานา คาขายเลาเรียนก็ได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุ ณ ไม ต อ งแตกฉานอภิ ธ รรม อย างที่ ไม รูวา เรีย นกั น ไปทํ า ไม ; แต ขอใหแ ตกฉานอภิธ รรมชนิด ที ่ผ มกํ า ลัง พูด นี ้ กลา วคือ อภิธ รรม ชนิด ที ่เ ปน พระธรรมอยา งยิ่ง ธรรมะอยา งสูง สุด ที่ม ัน จะแกป ญ หาทุก อยางได. ถา มัว แต นั่งพูดนั่งนับนั่งคํานวณ ตองใชเลขคณิ ตกันอยูละก็ เปนอภิธรรมเฟอ. ถาเอาไป ใชได เปน apply ได เปนประยุกตได นี้ก็เปนอภิธรรมจริง คือเปนธรรมะสูงสุด ใชแ กป ญ หาไดจ ริง . ฉะนั ้น เรื่อ งอภิธ รรมชนิด นี ้ เอามาใชก ับ เรื่อ งทํ า ไรไ ถนา คา ขายเรื ่อ งเปน อยู ใ นชีว ิต ประจํ า วัน ของฆราวาสได ขอแตว า ใหม ัน เปน อภิธรรมจริง.

คุ ณ รูห รือ ยั งว า “อภิ ” preffix หรือ อุ ป สรรคตั ว นี้ นั้ น มั น แปลได ว า เกิ น , ยิ่ ง ใหญ ; แปลว า ยิ่ ง ใหญ ก็ ไ ด แปลว า เกิ น ก็ ไ ด สํ า หรั บ อภิ นี้ .


ความรวม สําหรับคฤหัสถและบรรพชิต (ตอ)

๑๖๓

อภิธรรม ก็แปลวา ธรรมะ ที่เปนสวนเกินก็ได, ธรรมที่ยิ่งหรือใหญก็ได หรือสูง ก็ได. เพราะถามันเอามาใชประโยชนสูงสุดก็ได มันก็เปนอภิธรรมยิ่ง อภิธรรม ใหญ ; แต ถ าใช อ ะไรไม ได มั น ก็ เป น ส วนเกิ น เป น ความรู เป น ปรัช ญา เป น อะไรที่เปนสวนเกิน. ทีนี้ ผมไมอยากใหมันเปนสวนเกิน ใหเปนธรรมที่ประยุกต ไดกับชีวิตจิตใจ. ธรรมสูง สุด ที่เปน ไปเพื่อ นิพ พาน เอามาใชกับการศึกษาเลาเรียนการ ทํ ามาหากิ น การมี ครอบครัว การอะไรต าง ๆ. แม โดยหลั กโพชฌงค ๗ ประการนี้ คุณ ทําใหดีเถิด จะแกปญ หาชีวิตประจําวันทุกขอได. ปญ หาในชีวิตประจําวัน มันมีกี่ขอ เอาขึ้นมาดูใหชัด แลวก็ใชหลัก ๗ ประการนี้แกมันใหถูกจุด ถูกเรื่อง ทีละเรื่อง ๆ ไป ; แลวถาสมมุติวา คุณมีครอบครัว และประสงคที่จะไปนิพพาน ทั้งครอบครัวนั้นเลย นั่นก็จะทําใหวิ่งไปนิพพาน ไมใชคลานตวมเตี้ยม. นี้เราพูดกันเรื่องธรรมะรวมระหวางฆราวาสและบรรพชิต มา ๒ ครั้ง แลว ผมก็พูดถึงตัวธรรมะแท แลวก็ธรรมะเครื่องมือ. สําหรับธรรมะเครื่องมือนี้ เราใชเปลี่ยนกันไดถึงขนาดนี้ ระหวางพระกับฆราวาส ; เหมือนกับธรรมะแท ๆ เชนอริยมรรคมีองค ๘ หรืออะไรก็ตาม มันใชไดอยางเดียวกันทั้งฆราวาสและ บรรพชิ ต : เรามี พ ระพุ ท ธ พระธรรม พระสงฆ อ งค เดี ย วกั น ทั้ งฆราวาสและ บรรพชิ ต ; เรามี ไ ตรสิ ก ขาเหมื อ นกั น ทั้ ง ฆราวาสและบรรพชิ ต ; มี ม รรค มี อ งค แ ปดเหมื อ นกั น มี อ ะไรเหมื อ นกั น ทั้ งฆราวาสและบรรพชิ ต . เดี๋ ย วนี้ เรา กําลังมีเครื่องมือ เชน สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ ; หรือ ฉันทะ วิริยะ จิต ตะ วิ สั งสา ; หรือ สติ ธั ม มวิ จ ยะ วิ ริย ะ ป ติ ป ส สั ท ธิ สมาธิ อุ เบกขา เหมื อ น

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๑๖๔

ฆราวาสธรรม

กัน ทั ้ง ฆราวาสและบรรพชิต . ผมก็ว า พอแลว สํ า หรับ การชี ้ใ หเห็น วา ธรรมะ รว มกัน ระหวา งบรรพชิต กับ ฆราวาส มัน มีอ ยู อ ยา งนี ้. เพราะเหตุผ ลเพีย ง ข อ เดี ย ว ว า กิ เลสก็ ดี ความทุ ก ข ก็ ดี มั น ไม เป น ฆราวาส หรื อ บรรพชิ ต . มั น เปนธรรมชาติ ตามธรรมชาติ เพราะฉะนั้น ธรรมะก็คือธรรมชาติ ตามธรรมชาติ ไมต อ งเปน ฆราวาส หรือ เปน บรรพชิต ก็ไ ด. ถา เอามาใชใ หม ัน ตรงเรื่อ งแลว มัน ก็เ ปน การสํ า เร็จ ประโยชน.เปน บรรพชิต อยู ที ่บ า นเรือ นก็ไ ด เพราะวา สามารถที่ จ ะเป น พระโสดาบั น สกิ ท าคามี อนาคามี อยู ที่ บ า นที่ เรือ นก็ ได . มี จิตใจอยางคนป นหมอคนนั้น อยูที่บ านที่ เรือนนั้ น มันยิ่งกวาเป นบรรพชิตสมัยนี้ ตั้งมากมายกายกอง. เปนพระอริยเจาแลว มันก็เปนยิ่งกวาบรรพชิต เขาใจไหม ? คือถามีธรรมะจริง ๆ แลว มันก็เปนยิ่งกวาเปนบรรพชิตเฉย ๆ คือเปนบรรพชิต แตไมไดบรรลุธรรม. ฉะนั้ น จะเป น พระ หรื อ ไม เป น พระ, จะเป น สมณะ หรื อ ไม เ ป น สมณะนั้ น มั น อยู ที่ บ รรลุ ธ รรมะ หรือ มี ธ รรมะหรือ ไม เท านั้ น ; ไม ได กํ าหนดวา อยูบานหรืออยูวัด. ฉะนั้นโดยภาษาบาลีคุณจะยิ่งขําใหญ วาเปนเถระนี้ มันก็อยูที่ บรรลุ ธ รรม ; ฉะนั้ น ฆราวาสก็ เป น เถระได , บางที เตลิ ด เป ด เป งออกไปใช คํ าว า เปน พราหมณ. เปน พระอรหัน ตนั ้น คือ เปน พราหมณเ พราะวา หมดบาป. “พหราหมณ ” นี้เขาหมายถึง ลอยบาปแลว หมดบาปแลว ฉะนั้นเปนพระก็ได เปนฆราวาสก็ได เปนพราหมณก็ได ถาหมดบาป ถามีบาปนอย หรือวาถากําลัง ลอยบาปอยู. คําพูดทําใหเราเวียนหัวอยางนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org โดยเฉพาะคํ า วา ฆราวาส หรือ บรรพชิต นี ้ ถา เขา ใจไมถ ูก มันก็มีความสับสนแลวก็จะเกิดหามลอตัวเอง, เปนความโงที่สุด ที่หามลอตัวเอง.


ความรวม สําหรับคฤหัสถและบรรพชิต (ตอ)

๑๖๕

เหมือนกับเรามีรถยนตอยูคันหนึ่ง เรามัวแตนั่งหามลออยูนั่น แลวจะทําอยางไรกัน. เดี๋ยวนี้มันจะเกิดเปนหามลอตัวเอง - ตัวเองหามลอตัวเองอยูที่นี่ ก็เรียกวาปกหลัก ป ก ตออยู ในวั ฏ ฏสงสาร ออกไปจากวั ฏ ฏสงสารไม ได เพราะไม รูจั ก ความเป น ฆราวาส หรือความเปนบรรพชิต, ไมรูจักเครื่องมือที่จะใชในการที่จะถอนความ เปน ฆราวาส หรือ ความเปน บรรพชิต ออกไปเสีย ใหห มด ; ใหม ัน เหลือ แต ธรรมชาติแหงความทุกข กับธรรมชาติแหงความดับทุกข.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พอกันทีสําหรับวันนี้.


ความมีสติของฆราวาส - ๑๐ ๒๖ เมษายน ๒๕๑๓ สํ า หรั บ พวกเรา ล ว งมาถึ ง เวลา ๒๐.๓๐ น. แล ว เปน เวลาที ่จ ะไดพ ูด กัน ถึง เรื่อ งที ่ค า งอยู ต อ ไป. ในวัน นี ้จ ะได พูด ถึง เรื่อ ง ความมีส ติสํา หรับ ฆราวาส, ในปญ หาที่เ สนอ ขึ้นมานั้นมีอยูปญ หาหนึ่งถามวา ฆราวาสจะมีสติไดอยางไร ? ก็เลยขอถือโอกาสพูดกันในวันนี้. การที่จะถามวา ฆราวาสมีสติไดอยางไรนั้น มันเปนคําถามที่ยังไม ชัดเจนสมบูรณ ฉะนั้นจะตองขยายความออกไป วามันมีสติในเรื่องอะไร ? ฆราวาส จะมีสติในเรื่องอะไร ? ก็ตอบวา มีสติในเรื่องที่เกี่ยวกับฆราวาสทุกอยาง. ที่นี้เรื่อง ทุกเรื่องของฆราวาสนี้ มันขึ้นอยูกับสิ่งสําคัญสิ่งหนึ่ง ซึ่งเรียกกันวา “อุดมคติ”.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คําวา “อุด มคติ” นี ้ ผมเชื่อ วา พวกคุณ คงจะเคยไดยิน และเคย ได พู ด กั น มาแล วมากที เดี ย ว ; แต ถึ งอย างนั้ น ก็ ยั งคิ ด วายั งไม อ าจจะเป น คนมี อุ ด มคติ ได ; คื อ พู ด ถึ ง อุ ด มคติ กั น อยู เสมอ แต คุ ณ ก็ ไม อ าจจะมี อุ ด มคติ ได ;

๑๖๖


ความมีสติของฆราวาส

๑๖๗

เพราะเหตุว า ยัง ไมรู ใ จความสํ า คัญ ที ่จ ะเปน อุด มคตินั ่น เอง. อยา งเชน วา เกิด มาทํ า ไม ? คุณ ก็ไ มรู ว า เกิด มาทํ า ไม ? แลว นี ่จ ะมีอ ุด มคติไ ดอ ยา งไร ? อุด มคติใ นการเกิด มาเปน คนนี ้ มัน ก็ม ีไ มไ ด ถา ยัง ไมรู ว า เกิด มาทํ า ไม ; หรือ รู  ว  า เกิ ด ม า ทํ า ไม นั ่ น แ ห ล ะ จึ ง จ ะ รู  อ ุ ด ม ค ติ สํ า ห รั บ ม นุ ษ ย เ ป น อ ย า ง ไร . แตถ า ใครมาพูด วา คุณ ไมรู จ ัก อุด มคติ ไมม ีอ ุด มคติ คุณ ก็โ กรธ ; แตแ ลว ข อเท็ จจริงมั น ก็ อาจมิ ได จนถึ งว า คุ ณ ไม มี อุ ดมคติ เพี ยงรูจั กชื่ อของมั น เพราะยั ง ไม รู ว า เกิ ด มาทํ า ไม. นี่ ข อให คิ ด กั น ดู ว า เรื่ อ งอุ ด มคติ นี้ มั น คงจะไม ใช เรื่ อ งเล น ๆ เล็ก ๆ นอย ๆ, ฉะนั้น เราพูดกันถึงคําวา อุดมคติสักหนอยก็จะดี. คํ า วา “อุด มคติ” ในความหมายที ่เ ปน กลาง ๆ นั ้น มัน มีอ ยู ว า คนเราต อ งมี อุ ด มคติ ; และสิ่ ง ที่ เรี ย กว า “อุ ด มคติ ” นั้ น คื อ หลั ก สํ า หรับ ยึ ด หน ว ง ในการที่ จ ะลุ ถึ ง จุ ด หมายปลายทาง มั น เป น หลั ก สํ า หรั บ จะเป น เครื่ อ งยึ ด หน ว ง ตลอดเวลา ในการที ่จ ะถึง จุด หมายปลายทาง, ทีนี ้ ทํ า ไมจะตอ งมีอ ุด มคติ ? มัน เนื ่อ งจากวา ถา ปราศจากอุด มคติม ัน ก็เ ควง ควา งอยา งนี ้. คนบางคนมี อุ ดมคติ เปลี่ ยนเรื่อย นี้ ก็ คื อคนไม มี อุ ดมคติ มั นเคว งคว าง ; กวาจะรูจั กอุ ดมคติ จน ไม เคว ง คว า งนี้ ก็ ต อ งการเวลามากเหมื อ นกั น . มี อุ ด มคติ เพื่ อ อะไร ? มี อุ ด มคติ ก็เ พื ่อ จะเปน หลัก ยึด หนว ง ไมใ หแ กวง , เปน เครื ่อ งแนใ จ แลว ก็เ ปน เครื ่อ ง ให กํ า ลั งใจ พยุ งกํ า ลั งใจ และรวมทั้ งเป น แสงสว า งตลอดเวลาด ว ย ; ประโยชน ของมันมีอยูอยางนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี ้ เราจะพูด วา เราจะมีอ ุด มคติไ ดอ ยา งไรตอ ไปอีก โดยวิธ ีใ ด ? นี ้ก ็จ ะมาถึง สิ ่ง ที ่เรีย นวา สติ ; ดัง นั ้น การที ่ว ัน นี ้จ ะพูด ถึง สิ ่ง ที ่เ รีย กวา “สติ” ก็เพราะวา เปนเครื่องมือสําหรับใหเรามีอุดมคติได ตามที่เราตองการจะมี ; และอุ ด มคติ นั้ น ไม ใ ช ข องสั ก แต ว า ชื่ อ มั น ต อ งมี อ ยู จ ริ ง ๆ ; ที่ จ ะมี อ ยู จ ริ ง ๆ ได


๑๖๘

ฆราวาสธรรม

ก็เพราะวา มีสติเพียงพอ. สําหรับตอนนี้ก็อยากจะแนะใหสังเกตเห็นวาคนเรา ที่วาปฏิบัติอะไรไมไดสม่ําเสมอนั้น เพราะวาขาดสติไมใชเพราะวาขาดความรู. ความรูที่เรียกวาปญญาในเบื้องตนนี้ ปญญาในระดับแรกระดับตนนี้ เราเรียก วาความรู ; นี้ไมขาด ไมยินไดฟงอยูจนเหลือเฟอ และจนกระทั่งวา เราก็รูโดย เหตุผ ลวาเรามีอุด มคติของเราอยางไร ? ควรจะมีอ ยางไร ? ตอนนี้ไมคอ ย จะยาก.แตแลวมันจะยาก, ยากตอนที่ ไมมีสติจะรักษาสิ่งนี้ไวได. คุณรูจักสติในฐานะเปนธรรมะสําหรับการรักษานั้นโดยเฉพาะคือ การรัก ษาจิต . สตินี ้เ ปน คุณ ธรรม มีห นา ที ่สํ า หรับ รัก ษาคุ ม ครอง ; ที ่เรา เผลอไปเพราะขาดสติ ไมใชเพราะไมมีความรู ; ทั้งที่มีความรูทวมหัวนี้ มันก็ยัง ขาดสติอยูนั่นเอง ; ฉะนั้นจึงจําเปนจะตองพูดกันถึงเรื่องสติ. ถามวา ฆราวาสจะมีสติไดอยางไร ? ก็ตองระบุ ใหช ัด ลงไปวา มีส ติสํ า หรับ ที ่จ ะเปน ฆราวาสที ่ด ีที ่ส ุด ได อยา งไร ? ถา เราขาดสติเ ราก็เ ปน ฆราวาสไมไ ด ; ไมต อ ง พูด ถึง ฆราวาสที ่ด ี ฆราวาสธรรมดาก็เ ปน ไมไ ด. เพราะ ฉะนั ้น จะตอ งพูด ถึง อุด มคติต อ ไป วา มัน เปน สิ ่ง ที ่จ ะมีไ ด เพราะสติ . ตั ว มั น ก็ ค ื อ หลั ก สํ า หรั บ ยึ ด หน ว งของจิ ต ใจ ; เหตุ ที ่ ต  อ งมี ก ็ เ พราะว า ถ า ไม ม ี มั น ทํ า ให เ คว ง คว า ง ; ฉะนั ้น ประโยชนข องมัน ก็ค ือ วา จะไดม ีห ลัก มีกํ า ลัง มี แสงสวางอยูในนั้น ; แลวจะมีไดเพราะวาเรามีสติเพียงพอ

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ ก็มาถึงอุดมคติของฆราวาส : ถาจะพูดกันถึงวาอะไรเปน อุ ด มคติ ข องฆราวาส ก็ อ ย า ลื ม ว า จะต อ งนึ ก ถึ ง คํ า ว า “มนุ ษ ย ” ก อ นคํ า ว า


ความมีสติของฆราวาส

๑๖๙

ฆราวาส ; เพราะอยางไรเสีย ฆราวาสก็ตองเปนมนุษย บรรพชิตก็เปนมนุษย. การที่เราพูดถึงฆราวาสนี้ เราจะตองเล็งจะตองระลึกไปถึงคําวามนุษยกอน ; ฉะนั้นเราจะตองนึกถึงอุดมคติของมนุษยกอนแลวจึงจะมานึกถึง อุดมคติของ ฆราวาส. อุดมคติของมนุษย คุณอาจจะเขาใจไดดวยขอความที่พูดมาแลว ครั้งกอน ๆ ; เพราะวาอุดมคติของมนุษยนั้น มันไมมีอะไร นอกจากจุดหมาย ปลายทาง คือไปใหถึงนิพพาน. มนุษยเกิดมามีชีวิตเปนการเดินทาง เทียมดวย ควายสองตัวเรื่อยไป แลวไปถึงจุดหมายปลายทางก็คือ นิพพานของมนุษย. นิพพานกลายเปนอุดมคติของมนุษย ฟงแลวมันนาชื่นใจ ; แตพอ มาถึงอุดมคติของฆราวาสฟงแลวมันนาเศรา นาอิดหนาระอาใจ นาขยะแขยง ก็มี ; เพราะคําวา ฆราวาส เขาใหความหมายต่ําเกินไปเสียแลว ยุงกันแต เรื่องโลก ๆ อยางเดียว. สังเกตดูใหดี ๆ ในขอนี้ ; ถาพูดถึงอุดมคติของมนุษย แหม ! มันอิ่มอกอิ่มใจ, มีความกระหยิ่มที่จะไดจะถึง. แตพอพูดถึงอุดมคติ ของฆราวาส ชัดจะมืดมัว ชักจะลังเล หรือบางทีก็นาเศรา ; ก็เห็น ๆ กันอยู.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ เราก็จะเอาอุดมคติอันไหนกัน ? เมื่อฆราวาสก็เปนมนุษย ก็ให อุดมคติแกฆราวาสใหมันสูง ๆ เขาไว ใหเปนมนุษยเขาไว. มนุษย ตัวหนังสือ ก็แ ปลวา ใจสูง ก็ได, แปลวา ลูก หลานของมนูก็ได ; มนูก็ คือ คนที่มีใ จสูง ฉะนั้นก็แปลวาคนมีใจสูงก็ได, ลูกหลานของคนมีใจสูงก็ได. ทีนี้มันสูงไปจน ถึงอยูเหนือโลกนั้น. ฉะนั้นถาฆราวาสมีอุดมคติอยางนั้นอยู ก็คงมีอุดมคติของ มนุษยอยู. อยางที่เราไดพูดกันหลายครั้งหลายหนมาแลววา พยายามที่จะเปน มนุษย ที่จะไปใหถึงที่สุดจุดหมายปลายทาง ;อยาเปนเพียงฆราวาสที่วาตกหลม จมเลนอยูที่นี่ คือมันเปนเรื่องวัตถุ เรื่องความสุขทางวัตถุ ทางเนื้อหนังไปเสีย ทั้งนั้น. นี่เราจะตองถือวา อุดมคติของฆราวาสก็คือ เปนมนุษยที่ดีที่สุด


๑๗๐

ฆราวาสธรรม

ที่มนุษ ยจะเปนได กระทั่งวาไมมีพระ ไมมีฆราวาสเสียแลวตอนนี้ มันเปนแต มนุษยที่กําลังตะเกียกตะกายไปสูความดีที่สุด หรือสูงสุดที่มนุษยจะเปนได. ถา ให ค วามหมายอย า งนี้ อุ ด มคติ ข องฆราวาสก็ น า ชื่ น ใจอยู ต ามเดิ ม ไม น า กลั ว หรือนาขยะแขยง. แม ว าเราจะกํ าลั งเป นอะไรก็ ตาม จะต องมี อุ ดมคติ ของมนุ ษย ในลั กษณะนี้ ทั้ งนั้ น ; แต ว าเด็ ก ๆ เกิ ดมา มั นก็ ยากที่ จะมี ความรู สึ กในอุ ดมคติ ชนิ ดนี้ โดยกระจ าง แจ ง . แต ถึ ง อย า งนั้ น ก็ ฝ ากเอาไว ที ก อ นก็ ไ ด ว า ขอให เด็ ก ๆ ทุ ก คนมี ค วาม หมายมั่นปนมือไววา จะใหถึงสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษยควรจะไดจะถึง. ทั้งที่เรายังไมรู บัดนี้วามันคืออะไร ? ทั้ง ๆ ที่เวลานี้เด็ก ๆ ยังไมรูวา นั่นมันคืออะไร ? แตเขา พอจะเขาใจได เพราะวาใชคําวาดีที่สุดที่มนุษยควรจะได ; ถึงจะยังไมรูวาอะไร ก็พอที่จะหวังได เพราะวาเขาก็อยากดี แลวมันก็คอยเติบโตขึ้นเปนเงาตามตัว. เด็กโตขึ้นก็คอย ๆ รูจักอะไรสูงขึ้น ๆ สูงขึ้นจนมาเปนพรหมจารี, เปน หนุ มเป นสาว มั นก็ ต องรูอะไรมากขึ้ น ; เพราะวา ในชี วิตนั้ นมั นเป นการศึ กษา, ความผิ ด พลาดเป น ครูที่ ดี ที่ สุ ด มั น ก็ เป น การสอนอยู ในตั ว. ที นี้ พ อเป นแม บ าน พอเรือนเขาก็รูอะไรมาก จากความทุกขทรมานในการเปนพอบานแมเรือนนั่นเอง. ในที่สุด เมื่อ ผา นโลกพอ บานแมเรือ นมาพอสมควรแลว มัน ก็รูได วาจะตอ งไป ยังที่หยุด ที่สะอาด ที่สวาง ที่สงบของจิตใจ, ที่เขาเรียกกันวาเย็น เปนนิพพาน. นี้คืออุดมคติตลอดสายที่เลื่อนไปตามลําดับ มีจุดหมายปลายทางอยูที่นั่น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราเปนนักศึกษานี้ อุดมคติอยูที่การสอบไลได หรืออยูที่การสําเร็จใน การศึ ก ษา มี เงิน ใช มี ลู ก มี เมี ย , แค นี้ มั น ก็ เป น อุ ด มคติ ขั้น เด็ ก ๆ ไปเท านั้ น เอง เรื่ อ ย ๆ ; ยั ง ไม ใ ช อุ ด มคติ อั น สุ ด ท า ย อั น สู ง สุ ด ; แต ถึ ง อย า งนั้ น แหละ


ความมีสติของฆราวาส

๑๗๑

ฆราวาสก็จะตองมีสติ ตองนึกไววานี่ยังไมใชอุดมคติอันสูงสุด จะไดเงิน ไดทรัพย สมบัติมาก ไดคูครองที่ถูกอกถูกใจ ไดอะไรก็ตาม อยางนอยก็ตองมีสติระลึกวา นี ่ย ัง ไมใ ชถ ึง ที ่ส ุด ของสิ ่ง ที ่ด ีที ่ส ุด ที ่ม นุษ ยค วรจะได หรือ ควรปรารถนา ; ทีนี้ เราก็ สามารถที่ จะยึ ดอุดมคติ ชนิ ดที่ มั นเขยิบไปได เลื่ อนชั้นขึ้นไปไดเรื่อย ดวยสติ ระลึก อยู  ไมใ หไ ปหลงในสิ ่ง ที ่ม ัน ถึง เขา เฉพาะหนา หนา มัน กํ า ลัง เอร็ด อรอ ย เปนสุขสนุกสนาน. โดยหลักใหญ ๆ อยางนี้ ก็ตองการสิ่งที่เรียกวา “สติ” เสียแลว พอเผลอสติเมื่อไร มันก็ไปจมลงไปในสิ่งที่ไมใชอุดมคติ หรือ อุดมคติที่เลวที่ ต่ํา อุดมคติ ของเด็ กอมมื อไปอี ก ผมใช คํ าพู ดวาเรื่องกิ น แล วก็ เรื่องกาม แล วก็ เรื่อง เกียรติ จํากันงาย ๆ วา ๓ ก. เรื่ อ งกิ น เรื่ อ งกาม เรื่ อ งเกี ย รติ สิ่ งทั้ ง ๓ นี้ คงจะมี ค นเป น อั น มาก ถือเอาเป น อุด มคติ ยึ ด เอาเป น อุด มคติ แล วคุ ณ จะเห็ น ด วยหรือ ไม ? แต ถ าวา ไมเ ห็น ดว ยก็ร ะวัง ใหด ีว า กํ า ลัง หลงมัน อยู ห รือ ไม ? ในเรื ่อ งกิน เรื ่อ งกาม เรื่องเกียรติ ถาไมเห็นดวยและไมใชอุดมคติ ทําไมจึงไปหลงมัน .เรื่องกินก็ตอง เป น อุ ด มคติ ข องสั ต ว เดรั จ ฉาน. คํ า สุ ภ าษิ ต บรมโบราณพู ดว า จะผู กมั ด จิ ตใจสั ต ว เดรัจฉานก็ตองดวยอาหาร.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรื่อ งกามก็เป น เรื่อ งของคนที่ เหลวไหล บั งคับ จิตใจไม ได จะเรีย ก ว า พวกเทวดาก็ ไ ด ;เทวดาเป น พวกเหลวไหล บั ง คั บ จิ ต ใจไม ไ ด สาละวนแต เรื่อ งกาม กามคุณ ; แลว มนุษ ยก ็เปน อยา งนั ้น สมัค รจะเปน อยา งนั ้น . มัน ก็เปน เรื่อ งของคนบา ๆ บอ ๆ มัน จะเปน อุด มคติไปไมได แตค นก็ห ลงไหลกัน ที่ สุ ด ยิ่ งกว าสิ่ งใด คุ ณ ไปมองดู เองก็ แ ล วกั น . ป ญ หาส วนใหญ ที่ เขาหาเงิ น ไม รู จักอิ่มไมรูจักพอ ;ไมพอกันสักทีนี้ ก็เพราะเรื่องกามนี่เปนสวนใหญ.


๑๗๒

ฆราวาสธรรม

ทีนี้ ก็มาถึงเรื่องเกียรติ เรื่องเกียรตินี้ไมตองดูอะไรมาก ดูวามันขึ้น อยู ก ับ อะไร ? มัน ก็ขึ้น อยู ก ับ ที ่ค นเขาเทิด หรือ เขาเชิด . เกีย รติม ีค วามหมาย ขึ้ น มาได ก็ เพราะว า คนเขาเชิ ด ชู ย กย อ งกั น ;แม ทํ า ความดี แต ค นเขาไม เชิ ด ชู มันก็ไมมีเกียรติอยูนั่นแหละ. ทีนี้คนสวนมากเปนคนตะกละในเรื่องกินเรื่องกาม มั น ก็ ไปเชิ ด ชู ค นที่ มั น มี เรื่อ งกิ น เรื่อ งกามมาก วาเป น คนมี เกี ย รติ . ฉะนั้ น เรื่อ ง เกียรติก็เปนเรื่องที่ขึ้นอยูกับความนิยมอยางหลับหูหลับตานี้อยางหนึ่ง มันไมได หมายความวาดีจริง. แม วาเขาเป นคนขนาดที่จะเสียสละชีวิตได เพื่ อ อยางนั้ น อยางนี้ แล วก็ ยกยอ งวา เขาเป น คนมี เกี ยรติ นี้ ก็ ดู ให ดี เถิด วาสิ่ งที่ เขาทํ าไปนั้ น มีประโยชนอะไรบ าง ? แลวเกียรติชนิดที่หลับหูหลับตา ยอมเสียชีวิตไดนั้น มั นก็ ไม ไดมี จํากัดอยูเพี ยงเท านั้ น คนบ าบิ่ นก็ทํ าได ; สัตวเดรัจฉานบางชนิดมั นก็กั ด กั น จนตาย ไม ย อมแพ นั้ น มั น ก็ เพราะอั ส มิ ม านะประเภทเดี ย วกั น กั บ เกี ย รติ นี้ . คุ ณ เอาจิ้ ง หรี ด เอาปลากั ด อะไรมากั ด กั น มั น ไม ย อมแพ กั ด กั น จนตาย มั น ก็ เพราะความรูสึกอยางเดียว เป นอัสมิ มานะ คือเห็ นแกตัวกู. แตสําหรับมนุษยนั้ น ตองมีคนคอยชวยโห ชวยปรบมืออยูดวย ; มันตางกันอยูเทานั้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรื ่อ งกิน เรื ่อ งกาม เรื ่อ งเกีย รติ นี ้ไ มใ ชอ ุด มคติ ; มัน จะตอ งมี อะไรที ่ด ีก วา นั ้น . ฉะนั ้น ไป ๆ มา ๆ ก็ไ มพ น ไปจากเรื ่อ งของนิพ พาน คือ ความที่มีจิตใจสูงสมกับความเปนมนุษย มีความสะอาด สวาง สงบ, หรือวามี ความบริสุทธิ์ใจ แลวก็เอื้อเฟอเผื่อแผ แลวก็มีแตความเยือกเย็นเปนสุขทั้งตนเอง และทั ้ง ผู อื ่น ; ถา ทํ า ไดอ ยา งนี ้จ ึง ถือ วา เปน เกีย รติ. ถา คุณ รับ อุด มคติอ ยา งนี้ คุ ณ ก็ จ ะนึ ก ไปในทํ านองวา พระบรมศาสดาของเรา เป น ผู ที่ มี เกี ย รติ ที่ สุ ด . ใน บรรดามนุ ษยทั้ งหมดในโลก เราจะมองเห็นวา พระพุ ทธเจาเป นผูที่ มีเกียรติที่ สุด วาทานทําอะไรบาง ? ไปดูเอาเองก็แลวกัน.


ความมีสติของฆราวาส

๑๗๓

ถาเราจะเอาขางคนยกยอ คนเชิดชูเทิดทูนกัน พระพุทธเจาทานก็มีคน ยกยอมาก ไมน อ ยกวา ใคร ๆ ; หรือ มากวา ใคร ๆ เสีย อีก . ครั ้ง หนึ ่ง ที่ พิษณุ โลก ผมถามปญ หาขึ้นในหมู นักศึกษา นักเรียนชั้นสูง วาในโลกนี้ใครเป น คนที่เขาสรางอนุสาวรียใหมากที่สุด ? มีเด็กฉลาดคนหนึ่งตอบขึ้นมาทันควันเลย เมื ่อ เด็ก คนอื ่น เงีย บกริบ ทํ า ตาคา ง. เด็ก คนนั ้น เขาตอบวา “พระพุท ธเจา ”. ผมเลยถามวามากอย างไร? เขาตอบวา พระพุ ทธรูปมาก นั บ ไม ไหว. จํานวน พระพุท ธรูป เฉพาะในประเทศไทยนี ้ก ็ม ีไ มรู กี ่ล า น ๆ องค ยิ ่ง พระองคเ ล็ก ๆ พระเครื่องรางดวยแลว ก็มีจํานวนเปนลาน ๆ เลย . นี่คนที่เขาสรางอนุสาวรียให มากที ่ส ุด คือ พระพุท ธเจา ; มองดูก ็จ ริง . ทีนี ้ พระพุท ธเจา ทา นมีเ กีย รติ โดยธรรม,โดยธรรมคือมี ดีในตัวท าน แลวมีเกียรติโดยโลก ๆ , คือ ที่เขานิ ยมกัน ยกยองกัน สรางอนุสาวรียใหมากที่สุด ก็เพราะวาทานมีอุดมคติสูงสุด. เราจงรูจักอุดมคติของพระพุทธเจา วาทานออกบวชทําไม ? หรือถา จะเอาใจมากกวานั้นก็สรุปเรื่องทั้งหมดในชีวิตของพระองคแลว ก็จะมองเห็นไดวา ทานเกิดมาทําไม ? นี่เราก็จะพบอุดมคติสูงสุดของมนุษยอยูที่นั่น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เอาละที นี้ เราก็ลองมองดูเป นเรื่อง ๆ ไป ในการที่จะมีสติรักษาอุดมคติ ในระดั บ ไหนบ า ง ?อย า ลื ม ว า เรื่ อ งสติ นี้ จะช ว ยรั ก ษาอุ ด มคติ .ให ยุ ติ กั น ไว เสี ย ก อ นว า “สติ ช ว ยรั ก ษาอุ ด มคติ ” หรื อ “อุ ด มคติ มี อ ยู ได เ พราะว า สติช ว ยรัก ษาไว” . อุด มคติเ ปน สิ ่ง ที ่ร ัก ษาไวไ ดด ว ยสติ หรือ วา จะพูด กลับ กัน วา สตินี ้เปน เครื่อ งรัก ษาไวซึ ่ง อุด มคติ ; แยกกัน ไมไ ด พอแยกกัน มัน ก็ จ ะล ม ละลาย. ไม มี ส ติ อุ ด มคติ ก็ ล ม ละลายไม มี อุ ด มคติ สติ ก็ ไม รูจ ะรั ก ษา อะไร ; เปนอยางนี้.

โดยทางปฏิบัติ มันก็เหลืออยูแตที่จะมีสติ หรือทําสติ. ฆราวาสจะตอง มีสติ รักษาอุดมคติของมนุษยอยางที่วามาเมื่อตะกี้นี้ ; รักษาอุดมคติของมนุษย


๑๗๔

ฆราวาสธรรม

เสี ย ก อ น, มี ส ติ รั ก ษาอุ ด มคติ ข องมนุ ษ ย อ ยู ต ลอดเวลา. เดี๋ ย วมั น จะปนกั น ยุ ง คุ ณ ฟ ง ให ดี น ะ “มี ส ติ รั ก ษาอุ ด มคติ ข องมนุ ษ ย อ ยู ต ลอดเวลา” เมื่ อ คุ ณ เรี ย น หนั ง สื อ หรื อ เมื่ อ ทํ า งาน หรื อ เมื่ อ กิ น ข า วอาบน้ํ า หรื อ เมื่ อ ไปไหนก็ ต ามใจเถิ ด ใหม ีส ติรัก ษาอุด มคติข องมนุษ ยไ วใ หไ ด ; มัน จะไมเผลอทํ า ผิด พลาด, มัน จะ ไมเขา ไปในโรงเหลา , มัน จะไมเขา ไปในไนทค ลับ หรือ วา อะไรตา ง ๆ ; เพราะ รูว า นั ่น ไมใ ชอ ุด มคติข องมนุษ ย. เพราะฉะนั ้น จึง บัญ ญัต ิคํ า นิย ามลงไปเลยวา “มีสติรักษาอุดมคติของมนุษยอยูตลอดเวลา ไมวากําลังทําอะไร” และทําอยู ตลอดเวลา ไปหาความหมายรายละเอี ยดอะไรเอาเองว า : ไม ว าเราเป นอะไรอยู เรานึกถึงความเป นมนุ ษยอยูเสมอ, นึ กถึงความสูงสุดของความเป นมนุษยอยูเสมอ ; แล วมั นก็ ไม มี ทางที่ จะไปทํ าอะไรผิ ด ๆ หรือกล าทํ าอะไรผิ ด ๆ, ถ าสติ อั นนี้ มั นอยู ในการรั ก ษาอุ ด มคติ ข องมนุ ษ ย นี้ แ ล ว มั น ไม มี ท างที่ จ ะไปทํ า อะไรผิ ด ๆ หรื อ กลา ทํ า อะไรผิด ๆ. ทีนี ้ก ลัว แตว า ไมม ีอ ุด มคติ ทํ า ไปโดยลืม อุด มคติ ; ฉะนั้ น ก็ เลยทํ า สิ่ ง ที่ ม นุ ษ ย ไม ค วรจะทํ า นั่ น แหละ เมื่ อ ไรก็ ได ; มั น เสี ย ไปหมด อยางนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถัดไปก็คือ มีสติรักษาอุดมคติของการงานที่กําลังทําอยู ; นี้มันแคบ เขา มา. การงานที ่เ รากระทํ า อยู นั ้น มัน เปน การงานอะไร เราตอ งรัก ษา อุด มคติข องการงานอัน นั ้น ; เชน เปน นัก เรีย นเปน ครู เปน ผู พ ิพ ากษา เปน อะไรก็ ต ามใจ ซึ่ ง ล ว นแต มั น เป น การงาน เป น ชิ้ น เป น อั น เป น อย า งหนึ่ ง ๆ เป น อย าง ๆ ไป ; อุ ดมคติ ของการงานนั้ น ๆ มี อ ย างไร ต อ งมี สติ รักษาอุ ดมคติ ข อง การงานนั้ น ๆ อยู อ ย า งถู ก ต อ งเสมอ. เมื่ อ เป น อย า งนี้ แ ล ว เป น นั ก เรีย นก็ จ ะไม ทํ าอะไรนอกเรื่อ งของนั กเรีย น,หรือ จะเป นอะไรอื่ น ก็จะไม ทํ าอะไรที่ เป นนอกเรื่อ ง นอกหนาที่ของตัว ซึ่งมันเปนการขบถตออุดมคติของการงานที่ตนกําลังกระทําอยู.


ความมีสติของฆราวาส

๑๗๕

ตอไปก็ มีสติ ในการที่จะทําการงานไมใหผิดพลาด. สติอยางนี้ เปน ชื ่อ ของความไมป ระมาท. เราทํ า งานผิด พลาดเพราะความประมาท ; ส ว นใหญ หรือ ส ว นมากที่ สุ ด ไม ใช เพราะความไม รู ; แต มั น เป น เพราะความ ประมาท หรือ วา เหยีย บรู  สะเพรา , ไมทํ า ดว ยสติที ่ส มบูร ณ ; เรีย กวา ทํ าอยางขอไปที อย างนั้ น , ทํ าอย างขอไปที หวัด ๆ ไม ได ทํ าด วยสติ ที่ ส มบู รณ . ฉะนั้นตองมีสติ ที่จะทําการงานไมใหผิดพลาดดวยความไมประมาท วา “แหม! ! นี ่เปน เรื่อ งงา ย นี ่เปน เรื่อ งเล็ก นอ ย นี ้เปน เรื่อ งทํ า เลน ๆ ก็ไ ด.” ผมสัง เกต เห็ น อยู ทุ ก วั น เลย พระเณรทํ า อะไรผิ ด พลาด เพราะไม ใช ไม รู แ ต เพราะอวดดี เพ ราะ ป ระ ม าท เพ ราะ ไม เห็ น ว า นี้ มั น สํ าคั ญ ที่ สุ ด ; เข าเห็ น เป น เรื่ อ ง เล็กนอยไป. ผมอยากจะขอรองใหทุก ๆ องคจําไววา ไมมีอะไรที่เปนเรื่องเล็กนอย ; อยา ไดถ ือ วา มีอ ะไรเปน เรื่อ งเล็ก นอ ยเปน อัน ขาด ; แมค ุณ จะไปตัก น้ํ า มาดื ่ม สัก แกว หนึ ่ง ก็อ ยา ไดถ ือ วา เปน เรื ่อ งเล็ก นอ ย ; หรือ อะไรที ่ม ัน ต่ํ า ไปกวา นั ้น ก็อ ยา ไดถ ือ วา เปน เรื ่อ งเล็ก นอ ย. ขอใหทํ า ดว ยสติ นับ ตั ้ง แตเ อามือ ควา ไป จั บ แ ก ว , แ ล ว ก็ จ ุ ม ล ง ไป ใน น้ํ า , แ ล ว ย ก ขึ ้ น ม า , แ ล ว ดื ่ ม ; นี ้ ใ ห ส ติ ติด เนื ่อ งกัน . ถา เขีย นเปน กรา ฟ แลว ก็จ ะเห็น เปน เสน ที ่ต ิด เนื ่อ งกัน . ฉะนั ้น จะทํ า อะไรก็ต าม, จะรับ ประทานอาหาร จะอาบน้ํ า จะถา ยปส สาวะอุจ จาระ, จะเดิน จะยืน จะนั ่ง จะนอน อะไรก็ต าม, อยา ไดเ กิด ความผิด พลาดขึ ้น , โดยเฉพาะการทํางาน ไมใหเกิดความผิดพลาดขึ้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที นี้ เราแบ ง งานเป น ๒ ชนิ ด คื อ งานที่ จ ะต อ งทํ า ตามธรรมชาติ ธรรมดาเชน กิน ขา ว อาบน้ํ า อยา งนั ้น ก็เ รีย กวา “งาน” งานบริห ารชีว ิต บริ ห ารร า งกาย. งานที่ ทํ า ที่ โ รงเรี ย น ทํ า ที่ อ อฟฟ ศ มั น ก็ ง านอี ก งานหนึ่ ง ;


๑๗๖

ฆราวาสธรรม

มั น งานเฉพาะ ไม ใ ช ต ามธรรมชาติ ที่ เรามี ต า ง ๆ กั น ว า จะต อ งทํ า งานนั้ น . ทั้ ง ๒ งานนี ้ อยา ทํ า ใหผ ิด พลาด. การผิด พลาดเกิด เพราะเผลอไป เห็น วา เป น เรื่ อ งเล็ ก น อ ย. และจากเรื่ อ งเล็ ก น อ ยนี้ มั น จะถึ งกั บ ฆ าคนนั้ น ก็ ได คื อ ทํ าฉิ บ หาย หมดเลยก็ไ ด. ฉะนั ้น การงานทุก ชนิด จะเปน เรื ่อ งบริห ารรา งกายตาม ธรรมชาติ หรือวา ทํางานเฉพาะในหนาที่ก็ตาม อยาเห็นเปนเรื่องเล็กนอย เลย : แล ว ก็ หั ด ให มี ส ติ อ ยู เรื่ อ ย ๆ ไป ตอนแรก ๆ มั น อาจจะงุ ม ง า มบ า ง หรื อ ว า นา รํ า คาญบา ง ; แตว า เมื ่อ ทํ า ไปจนชิน เปน นิส ัย แลว มัน ก็ค ลอ งแคลว ได แลว ดีกวากันมากมาย. กัม มัฏ ฐาน วิป ส ส น า บ างชน ิด เชน ยุบ ห น อ พ อ งห น อ อ ะไร หนอ ๆ อย า งนี้ ก็ มี ค วามมุ ง หมายอย า งนี้ คื อ เราจะเป น คนที่ มี ส ติ อ ยู ทุ ก อิ ริ ย าบถ ; แตแ ลว เราฟง เขาไมถ ูก เขา ใจวา ไปนั ่ง หนอ ๆ บา ๆ บอ ๆ อยา งนั ้น เพราะ เข า ใจผิ ด แล ว ทํ า ผิ ด . แต ที่ จ ริ ง ต อ งการให มี ส ติ ทุ ก อย า งไร เหมื อ นอย า งกั บ ว า คุ ณ เอาสิ่ ง นี้ ม าวางไว ต รงนี้ แล ว ลื ม หาไม เห็ น ไม รู ว า อยู ที่ ต รงไหน ; อย า งนี้ มั น ก็ เพราะขาดสติ . หรื อ บางที แ ว น ตาสวมอยู นี้ บางวั น มั น อาจจะไม รู ว า แว น ตาอยู ที ่ไ หน ทั ้ง ที ่ย ัง สวม อยู . นี ่ก ็เ พื ่อ ปอ งกัน อยา งนี ้ ไมใ หม ีล ืม มีพ ลาด . ฉะนั ้น ขอตอไปผมก็อยากจะพูดถึง การที่มีสติในการจํา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org การมี ส ติ ใ นการจํ า นี่ เ รารู ก นอยู ทั่ ว ไปแล ว ว า “ความจํ า ” นั้ น มั น สํ า คั ญ . แล ว เราลองเกิ ด จํ า ไม ไ ด ดู ซิ ; เมื่ อ เกิ ด จํ า ไม ไ ด แล ว คุ ณ จะทํ า อะไรได . เดี ๋ย วนี ้เ พราะจํ า ได วา นี ่อ ะไร - นี ่อ ะไร; มัน จํ า ไดจ ึง ทํ า อยา งนั ้น ไดอ ยา งได, กิ น ข า ว ไ ด  อ า บ น้ํ า ไ ด  . ถ า ล อ ง จํ า ไ ม  ไ ด  ก็ ทํ า อ ะ ไ ร ไ ม  ถ ู ก . นี ่ เ รี ย ก ว า เกี่ ย วกั บ ความ จํ า ที่ เราไม รู สึ ก ตั ว เราเรี ย กว า สั ญ ญ า ห รื อ ว า “สม ป ฤดี ”. สั ญ ญา = ความจํ า , สมปฤดี = ก็ คื อ ความรู สึ ก ตั ว อยู ต ามปกติ คื อ จํ า อะไรได นั้ น เอ ง ; พ อ จํ า อ ะ ไร ไม ได ห รื อ ว า ห ยุ ด ไป นี้ ก็ เรี ย ก ว า ไม มี ส ม ป ฤ ดี .


ความมีสติของฆราวาส

๑๗๗

จําตามธรรมชาติอยางนี้ เราไมเคยสนใจกับมัน เราไมคอยสนใจกับมัน เพ ราะว า ยั ง จํ า ได อ ยู  นี ่ อ ะไร, - นี ่ อ ะไร แล ว ก็ เ ดิ น มา ลุ ก ไป หรื อ จะ ทําอะไร มันทําได ก็เลยไมสนใจกับความจําชนิดนี้ของธรรมชาติตามอัตโนมัติ. ทีนี้ จําที่ เราอยากจะจํา เชนจําการเลาเรียน จําอะไร หรือวา เรื่องที่ มั นต องจํา ในหน า ที่ ก ารงานอย า งนี้ ; ถ า เราเป น คนจํ า เก ง ก็ มี ป ระโยชน ที่ สุ ด . ผู ที่ เป น บั ณ ฑิ ต นั กปราชญ หรือทํ าอะไรได สําเร็จ ก็ต อ งจําอะไรไดทั้ งนั้น ; ไม เชน นั้ น ก็พูดไมถูก ทําไมถูกตามนั้น. ฉะนั้นคนที่มีปญญามาก ก็รวมทั้งการจําเกง จํามากอยูดวยเหมือนกัน. ที่นี้ความจํานี้มันจําไดมาก อยางหนึ่ง แลวก็จําไดกวาง หมายความวา จําไดไกล ๆ นี้ อี ก อย า งหนึ่ ง . จํ า ได ม ากแล ว ก็ จํ า ได ไกล อย า งนี้ เขาเรี ย กว า ระลึ ก ชาติ ได , ระลึก ชาติห นหลัง ได. คือ คุณ จะตอ งจํ า ไดว า เมื ่อ เชา ทํ า อะไร ? เมื ่อ วาน ทําอะไร ? แลวเมื่อวานซืนทําอะไร ? จนกระทั่งสัปดาหถอยถัดไปโนนทําอะไร ? เดือนถอยถัด ไปโนน ทํ าอะไร ? ป ถอยถัด ไปโน น ทํ าอะไร ? นั้ น คือระลึ กชาติได . จนกระทั่งที่เขาพูดกันวา ตายไปกี่ชาติ ๆ แตหนหลังก็ระลึกได ก็รวมอยูในขอนี้ แหละ ; แตผ มวา มากเกิน ไป เอาแตเ พีย งวา เมื ่อ วานนี ้ค ุณ ทํ า อะไรบา ง คุณ จํ า ไดไหม ? ใหนั ่ง นึก สัก สามชั ่ว โมง ; เมื ่อ วานนี ้ทํ า อะไรบา ง มัน ก็จ ะจํ า ไมห มดกระมั ่ง . พอไปถึง วานซืน นี้ก็แ ยแ ลว ; ถัด ไปจากวานซืน อีก วัน หนึ ่ง ก็ยอมแพแลว ; นั่นเพราะไมคอยมีความจําชนิดที่ไกลอยางนั้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาคุณ ฝกหัดสตินี้ ฝกสติตามแบบที่เขามีไววางไว จะจําได, จําได ถอยหลัง ๆ ถอยหลัง จนกระทั ่ง ชาติก อ นก็จํ า ได, สิบ ชาติ ยี ่ส ิบ ชาติก ็จํ า ได. จะเอาชาติ ไหนเป น เกณฑ ก็ ต ามใจ จะเอา “ชาติ ” ตามภาษาธรรมที่ ว า – เกิ ด ตั ว กู - ของกู ครั้ ง หนึ่ ง เป น ชาติ ห นึ่ ง ก็ ไ ด ; หรื อ “ชาติ ” ชนิ ด เข า โลงที ห นึ่ ง ;


๑๗๘

ฆราวาสธรรม

ถา มัน มี ก็ช าติห นึ ่ง ๆ นั้น ก็ไ ดทั ้ง นั ้น . คือ วิธีเดีย วกัน ตอ งใชวิธีเดีย วกัน คือ การระลึกถอยหลังดวยความจํา. ทีนี้ เรามีสติในการจํา เอาแตเพียงวาในชาติปจจุบันนี้ก็พอ ใหมัน จําแมนขนาดวา ขางหลังก็จําได ; แลวถือชาติในภาษาธรรม คือเกิดความรูสึก ที่ เป น ตั ว กู - ของกู อ ะไรนี้ ; โลภ หรื อ โกรธ หรื อ หลง หรื อ อะไร ครั้ ง หนึ่ ง เรีย กว า ชาติ ห นึ่ ง . ถ า วั น นี้ โกรธ ๓ หน ก็ เรี ย กว า ๓ ชาติ , แล ว โลภอี ก ๕ ครั้ ง ก็ เป น ๕ ชาติ, แล วโง อย างอื่ นอี ก ๗ - ๘ ครั้ งก็ รวมกั้ นเป นเกื อบ ๒๐ ชาติแ ลว . ในวัน เดีย วนี ้ต อ งระลึก ใหไ ด ถอยหลัง ไปใหไ ด วา - ชาตินั ้น มีเ รื ่อ งอะไร ? -ชาตินี้มีเรื่องอะไร ? ทําไดดวยสติ, ดวยการฝกสติตามวิธีที่วางไว. นี้เรียกวา มีส ติใ นการจํา นับ มาแต สัญ ญา สมปฤดี จํา เกง โดยธรรมชาติ โดยนิส ัย . เด็กบางคนจําเกงมาโดยนิสัยโดยธรรมชาติ กระทั่งมาจําไดเกงในสิ่งที่จะตองจํา เพิ่ ม ขึ้น ในการศึก ษาเล าเรียน ในหน าที่ การงาน ; ล วนแต ใชค วามจําทั้ งนั้ น . พอแก เฒ าเขามั น ก็ เลื อ น ชัก จะเลื อ นอย างผมนี้ เรีย กวาความจํ าก็ ชัก จะเลื อ น เพราะอวัยวะที่เปนเครื่องชวยความจํา ไดใชมันมาก มันก็เสื่อมคุณภาพ อยางนี้ เปนตน. แตถาไมฝกอยางที่มีวิธี สอนใหฝกแลว มันจะยิ่งกวานี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ตอไป ก็คือการมีสติในการมีสติทันควัน. สติถามาชาก็ชวยอะไร ไมไ ด ; เรามีส ติท ัน ควัน นั ่น แหละจะชว ยได. ฝก มีส ติ ในการที ่จ ะมีส ติ ทัน ควัน . สํ า หรับ พวกที ่ต อ งทํ า งานเร็ว ๆ เชน ขับ รถยนต ขับ เรือ บิน อะไร เหลา นี ้ ตอ งมีส ติ หรือ วา การตัด สิน ใจ หรือ อะไร ที ่ม ัน เนื ่อ งกัน เร็ว ๆ ; ยิ ่ง ขับ รถเร็ว เทา ใด ก็ยิ ่ง มีส ติท ัน ควัน มากเทา นั ้น . ในเหตุก ารณที ่ม ัน เกิด ขึ ้น ทางจิตใจก็เหมือนกัน โลภะ โทสะ โมหะจะเกิดขึ้นในจิตใจอยางนี้ สติตองมี


ความมีสติของฆราวาส

๑๗๙

ทัน ควัน เชน เดีย วกับ ทางวัต ถุ ขับ รถเร็ว ๆ ตอ งมีส ติท ัน ควัน . ในทางภายใน ในทางจิ ต ใจก็ ต อ งมี ส ติ ทั น ควั น ถ า ไม อ ย า งนั้ น คุ ณ ก็ ไปโกรธเสี ย แล ว โกรธเสี ย เปน วรรคเปน เวร ไปดา ไปตีเขาเสีย แลว จึง จะมีส ติ ; อยา งนี ้ม ัน ก็ช ว ยอะไร ไม ไ ด . โดยเฉพาะเมื่ อ ถู ก สอบไล สอบสั ม ภาษณ หรื อ สอบอะไร ที่ เขาไม ใ ห เวลามากไปกว า กระพริ บ ตาเดี ย ว ถ า เราไม มี ส ติ ห รื อ ความจํ า ระลึ ก ได ทั น ควั น มัน ก็ทํ า ไดไ ด. ฉะนั ้น ฆราวาสจะตอ งไปฝก การมีส ติท ัน ควัน ดว ย ; แลว ถือ วา สติ ทั น ควั น นี้ คื อ พื้ น ฐานของสติ ทั้ ง หมด เพราะคํ า ว า สติ นี้ หมายถึ ง ความรู ที่ วิ่ ง มาชวยเราทันควัน ; ถาไมทําหนาที่อยางนี้ก็คือไมมีสติ. สติ กั บ ป ญ ญ า ไม ใ ช สิ่ ง เดี ย วกั น .ป ญ ญ า คื อ ความรู ; สติ คื อ ความรู ใ นโอกาสที ่วิ ่ง มาทัน ควัน , ที ่เ กิด ขึ ้น ทัน ควัน แลว เฉพาะเรื ่อ งนั ้น . แล ว ก็ ยั ง มี อี ก คํ า หนึ่ ง ว า สั ม ปชั ญ ญะ นี้ คื อ สติ ที่ มี อ ยู ไ ม ข าดตอนเป น พื้ น ฐาน. ปญญา เรียกวา ความรู ;บางชนิ ดเอามาไวเป นพื้ นฐานไม ขาดตอน มีสัมปชัญ ญะ ; บางชนิ ดก็ตองทําชนิ ดที่ วามาเร็ว ๆ ทั นควัน แล วก็เพี ยงพอ ; เหลานี้ ที่ แท คื อสติ . สั ม ปชั ญ ญะก็ คื อ สติ ที่ มั น ยั ง คงอยู ที่ ยั ง คงค า งอยู เ ป น เวลานาน. นี่ เ รามี ส ติ สัม ปชั ญ ญะมั น ก็ ป ลอดภั ย . สติ มาทั น ควัน แล วอยูในรูป ของสั ม ปชัญ ญะตลอด เวลานานพอสมควร ; ทั้งสองอยางนี้คือ ความรู.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นอกจากนี้อยากจะกลาวอีกสักขอหนึ่งวา มีสติในการที่จะไมเสียสติ. มี สติ ในการที่ จะไม เสี ยสติ มั นก็ เกื อบคล ายกั นนั่ นแหละ แต วาเราจะแยกออกให เห็น อีก ชนิด หนึ ่ง ; คลา ยกับ ที ่แ ลว มา คือ วา เราเปน คนมีค วามรู  มีอ ะไร พอสมควร, ตามปรกตินั ้น เรามีส ติ ; แตพ อถูก ขู เ ขา หรือ ถูก ตวาดเขา หรือ อะไรเกิ ด ขึ้ น เฉพาะหน า เข า สติ มั น เสี ย ไป ; นี่ เรีย กว าสติ มั น เสี ย ไป, สติ ที่ มี อยู แ ลว นั ้น หรือ สัม ปชัญ ญะก็ต ามมัน เสีย ไปเสีย เพราะมีอ ะไรเขา มาเกิด ขึ ้น . นี้เราจึงมีหนามี่ ที่วาจะตองไมเสียสติ.


๑๘๐

ฆราวาสธรรม

อยางเชน คุณเดินไปก็มีสติ พอสุนัขสักตัวหนึ่งกระโชกเขามา คุณ ก็ไมรูวาจะทําอยางไร, สติไมรูไปไหนหมด. บางทีสุนัขกัดเอาเลย เพราะทําผิด เรื่อง ; อยางนี้สําคัญมาก หรือมีปญหาในชีวิตประจําวัน. พออะไรปงปงเปงปาง มันเสียสติ ; ถาเสียสติมากเทาไรมันก็ยิ่งเปนผลรายเทานั้น, เสียสตินานเทาไร ก็มีผ ลรายมากเทานั้น . เมื่ออยูน อกหอ งสอบเราก็ดูราเริงดี มีค วามรูสึกแนใจ ตัว เอง ; พอยา งเขา ไปในหอ งสอบ ก็เ สีย สติ ; หรือ พอไดรับ ขอ สอบมา ก็เสียสติ ; หรือพบปญ หาบางขอ คําถามบางขอ งงเลย ทําใหเสียสติ จนขอ อื่น ๆ พลอยเลื่อนไปหมด. ฉะนั้นเราจะตองฝกหัดใหมีสติ ในการที่จะไมเสียสติ. ผมเคยพูดตัวอยางที่นี่ อาจจะไมมีใครเชื่อ ในเรื่องความกลัว. ถาเจอ เสือแลวจะตองมีสติที่จะไมตองกลัว - ไมตองกลัว ; จะไมกลัวไวกอน แลวจะขึ้น ตน ไมก็ไ ด คือ ขึ้น ดว ยความไมก ลัว ,จะวิ่ง หนีก็ไ ด วิ่ง หนีดว ยความไมก ลัว , จนตรอกแลวจะชกเสือก็ได ก็ชกตอยเสือดวยความไมกลัว. นี้มันตองมีสติที่จะ ไมกลัว คือ มีสติที่จะไมเสียสติ. ถาขึ้นตนไมดวยความกลัว เดี๋ยวมันก็พลาดตก ลงมา ; ฉะนั้น มัน ก็ตอ งบวกกัน กับ ปญ ญา ความรู ความสามารถ ความมี สติดว ย ; แลว ก็ไมก ลัว ขึ้น ตน ไมไป. หรือ จะวิ่งหนีก็ตอ งทํ า ดว ยความมีส ติ, จะฟดกันกับเสือ ก็ตองทําดวยความมีสติ ; อยาใหสูญเสียความมีสติ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เทาที่ยกตัวอยางมานี้ มันก็ลวนแตฆราวาสจะตองทํา ลวนแตฆราวาส จะตองฝก จะตองมี จะตองทํา : มีสติรักษาอุดมคติของมนุษยไว – วาอุดมคติ ของมนุษยเปนอยางไร ? มนุษยคืออะไร ? และอุดมคติของการงานที่กําลังกระทํา อยูเฉพาะหนา, แลวก็มีสติในการที่จะทํางานไมผิดพลาด, มีสติในการจํา, มีสติ ในการที่จะมีสติใหทันควัน, แลวก็มีสติในการที่จะไมเสียสติ.


ความมีสติของฆราวาส

๑๘๑

อันสุดทายที่สุด อยากจะพูดอีกสักอันหนึ่งวา มีสติเมื่อจะตาย. นี่จะ ปดฉากแลวมีสติเมื่อจะตาย เพราะวาเวลาตายเปนเวลาปดบัญชีงบดุลยงบอะไรทั้ง หมด ; มันจึงเปนเวลาที่สําคัญอยางยิ่ง.ถาเผลอสติตอนนี้ก็แปลวาจะฉิบหายหมด หรือ ฉิบ หายมากทีเ ดีย ว. ถา มีส ติต อนนี ้ก ็จ ะเรีย กวา ดีม าก, แนน แฟน มาก มั ่น คงมาก. คุณ คงจะคิด วา - โอ ยัง อยู ไ กล มัน อยู ไ กลโวย เรายัง ไมต าย ยั ง หนุ ม อยู ; ก็ ไ ม ถู ก นั ก นะ มั น อาจจะมี ม าเมื่ อ ไรก็ ไ ด . ยิ่ ง อยู ใ นกรุ ง เทพ ฯ อยางนี้ มันอยูในฐานะที่จะมีอุบัติเหตุ ตายลงไป เมื่อไรก็ได ; หรือวาจะอยูไป จนเฒา จนแกก็ต ามใจ ก็ตอ งเตรีย มพรอ มสํา หรับ การตายใหด ีที ่สุด . พูด อีก ที่ คือตายแบบอุดมคติ ตายอยางมีอุดมคติ. ตายแบบอุดมคติ ตายอยางมนุ ษยที่ ดี คื อ ตายอยางพระอริยเจาตาย ; คือวา ถาเรามี อะไรที่เรายังทํ าไม ไดในทางธรรม เชนละกิเลส หรือ ละความชั่ว หรือ อะไรไม ได อยางนี้ ตอนที่ จะตายจะต อ งทํ าให ได ; เพราะมั น งายนิ ด เดี ย ว มัน จะสิ ้น อยู แ ลว . เลิก ลา งความคิด ชั ่ว อะไรชั ่ว นั ้น แลว ก็ต ายไป ; หรือ จะ เอากันอยางสูงสุดวาเราสมัครดับไมเหลือ. การเกิดมาเวียนวายอยูในวัฏฏสงสาร อยางนั้นอยางนี้ อยางโนน มันพอกันที ; จิตใจของเราสมัครดับไมเหลือ สิ้นสุด หยุดสิ้นสุด พอกันที. อยางนี้มันก็จะดับไปได หรือตายไป ในลักษณะที่ดีที่สุด ที่เปนอุดมคติ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ผมอยากจะพู ดแบ งแยกกั นอย างนี้ วา ที่ วาตาย ๆ กั นนั้ น มั นตายตาม ธรรมดา, ตายของคนโง อยา งนั ้น เรีย กวา ตาย ; เปน สิ ่ง ที ่น า เกลีย ด นา ชัง นาขยะแขยง คือมันตายอยางคนธรรมดาตาย. ตายไมมีสติดวย แลวตายดวย ความดิ ้น รน คือ ไมอ ยากจะตายดว ย นี ้ค ือ ตายโหง. คนที ่ต อ งตายไปโดย ที่ ไม อ ยากตาย, แล ว มี อ ะไรมาตั ด ให พ ลั น ตายลงไปนี้ ก็ เรี ย กว า “ตายโหง” ;


๑๘๒

ฆราวาสธรรม

มันก็ควรจะเรียกวาตาย. แตถาเราเปนคนมีความรูดวย แลวก็มีสติตั้งแตเดี๋ยวนี้ ดว ย มัน ก็ม ีก ารเตรีย ม มีก ารกะกํ า หนด มีก ารวางอะไรไวใ หเ หมาะสม ; มัน ก็ มี สติ ส มบู รณ อยางยิ่ง แล วก็ไมไดมี ก ารต อ สูวา “ไม อยากตาย” หรืออะไร ทํานองนั้น. เราเปนคนมีความรู มีความฉลาดเพียงพอ มันตองตายโดยวัย โดยอายุ ดวยโรคอะไรอยางนั้น อะไรอยางนี้, เราก็สมัครตายใหมันแตกดับไปตามธรรมดา ของสัง ขาร แลว เราก็อ ยู ด ว ยสติส ัม ปชัญ ญะ ; อยา งนี ้เขาไมไ ดเรีย กวา ตาย, เขาเรีย กเป น นิ พ พาน เป น อะไรไปในทํ า นองนั้ น เหมื อ นพระอรหั น ต นิ พ พาน ; คือ วา หมดความยึด มั ่น วา “ตัว ฉัน ” เสีย กอ น, แลว เหลือ แตเ ปลือ ก เหลือ แตซ าก มัน ก็แ ตกดับ ไปตามเรื ่อ ง. สัง ขารของผู ที ่ไ มม ีค วามยึด มั ่น ถือ มั ่น แตกดั บ อย างนี้ เขาเรีย กวา นิ พ พาน เขาไม ได เรีย กวา ตาย. ตาย นี้ เป น ของ คนโง ของคนไมอ ยากตาย ; แลว มัน ก็ต อ งตาย อยา งฝน ความรูส ึก นี ่เรีย ก วา ตาย. แตถ า คนที ่ถ อนกิเ ลสวา ตัว กู - ของกู ไดเ สีย ตั ้ง แตก อ นตาย ; อยา งนั ้น มัน ไมม ีต ายอีก ตอ ไป ก็เ หลือ รา งกายลว น ๆ หรือ วา จิต ลว น ๆ มันดับไปตามธรรมชาติ ; อยางนี้เรียกวาไมตาย, ไมใชตาย เปนเรื่องดับไปตาม ธรรมชาติ หรือ อะไรทํ า นองนั ้น .แตภ าษาพูด ตามธรรมดาก็เ รีย กวา ตายอยู นั่นแหละ. เราจะตายอยางพระอรหันตปรินิพพานนั้น เราตองมีสติ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org อยากจะเลาสักนิดหนึ่งเผื่อวาจะมีประโยชนแกพวกคุณ ที่อายุนอย ๆ วาวัฒ นธรรมโบราณของไทยนั้น คนเฒ าคนแกสมัยโบราณ เขาตายอยางนี้กัน ทั้งนั้น. และ ใครตายไดอยางนี้ มีการนับถือยกยองบูชาอยางยิ่ง. เขาไมไดกลัว โรคภัยไขเจ็บ เขาเห็น เป นของธรรมดา เพราะถูกสอนให เห็น เปน ของธรรมดา ;


ความมีสติของฆราวาส

๑๘๓

พอเวลาใกลจะตายเขามาตามลําดับ เขาก็รูวา สังขารนี้ตองแตกดับตามธรรมชาติ ก็ ไม ดิ้ น รนว า ตั ว กู ไม อ ยากจะตาย ตั วฉั น ไม ย อมตายอะไรทํ า นองนั้ น . ฉะนั้ น เมื่ อ ถึ ง ในระยะพอสมควร ก อ นหน า สั ก ๗ - ๘ วั น ใกล จ ะตาย เขาก็ บ อกเลิ ก อาหาร อยา งนี ้เ ปน ตน เพราะกิน เขา ไปก็ไ มม ีป ระโยชน. เขาไมก ิน อาหาร กิน แตน้ํ า หยูก ยาไปตามเรื ่อ ง. พอลว งไปอีก ๓ - ๔ วัน จะตาย น้ํ า ก็ไ มก ิน ; พอใกลเขา ไปอีก ยาก็ไมกิน ขออยูดวยความสงบ “อยา มากวนฉัน ใหกิน ยา กิน น้ํ า หรือ อะไรก็ต ามใจ อยา มากวน” ; ตอ งการจะอยูนิ ่ง ๆ เพื ่อ สํ า รวมสติ แลวใหดับไปเหมือนตะเกียงหมดน้ํามัน อยางนั้นแหละ. วัฒ นธรรมการตายของปู ย า ตายาย เคยมี ถึ ง อย างนี้ . ที่ ผ มได ยิ น ไดเห็นก็มี ; นี่เพราะวาเขาสอนกันมาอยางนั้น วาตายอยางนี้ดีที่สุด. เมื่อคุณตา ของผม ก็ไดยิน โยมผู หญิ งเล าวาตายได ดวยอาการอย างนี้ . โยมไปนั่ งเฝ าดูอ ยู ปรนนิบัติอยูตั้งหลายวัน จนกระทั่งตายไป. เราจะไมอวดวาแกตายเปนพระอรหันต หรือเปนอะไร แตวาแกรักษาวัฒ นธรรมที่ดีที่สุดของพุทธบริษัทไวไดในการตาย ; คือตายตามแบบของพุทธบริษัท, ตายอยางมีอุดมคติอยางที่วา. เดี๋ยวนี้เราไมมี ใครสมั ค รตายอยางนี้ ; มี แตจะให กินยา ฉีดยา ฉีด น้ํ าเกลือ จนนาที สุด ท าย ; แล ว ก็ ต ายไม ล ง เพราะมั น ถู ก กระตุ น ไว ; มั น ก็ เลยเสี ย สติ ตั้ ง สติ อ ะไรไม ได ; แล ว มั น ก็ ต อ งตายอยู ดี . ที นี้ ค นแก เขาไม ต อ งการอย า งนั้ น เขาต อ งการแต ส ติ เทา นั ้น , อื ่น ๆ เขาไมต อ งการหมดเลย ; ตอ งการแตส ติสํ า หรับ จะตาย. อย า งนี้ ก็ รู ไ ว ด ว ย เล า ให ฟ ง ว า มั น เคยมี อ ย า งนี้ ; มั น เคยเป น วั ฒ นธรรมทาง วิญ ญาณที่ สู งสุ ดมาถึ ง ขนาดนี้ สํ า หรับ พุ ท ธบริษั ท ;เรีย กว า มี ส ติ สํ าหรับ ตาย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๑๘๔

ฆราวาสธรรม

นี้ก็ไปไลเอาซิ วาแมเปนฆราวาสก็จะตองมีสติอยางนี้. ถาฆราวาส มี ส ติ อ ย างนี้ แ ล วก็ จ ะมี อุ ด มคติ ข องมนุ ษ ย ; มั น ก็ น าดู . ถ าเป น ฆราวาสที่ โงเงา หว งนั ้น หว งนี ่ หว งลูก หว งหลาน หว งเงิน หว งกามารมณ หว งอะไรตา ง ๆ ; ไมยอมตาย ดิ้นรนกันไป แลวก็ตองดับไปโดยไมมีสติเลย นี้มันก็ตายอยางฆราวาส ในความหมายทั ่ว ๆ ไป ; คือ มัน โง. ถา ทํ า ไดอ ยา งมีส ติ นี ้ก ็เ ปน ฆราวาส ที่เปนสัตบุรุษ หรือวาเปนมนุษยที่ดี. รวมความแล ว ก็ เป น อั น วา เราพู ด กั น ถึ งเรื่อ งสติ ตั้ ง แต ต น จนปลาย วาฆราวาสจะต องมี สติอยางไร? แลวคติพ จน ที่ผ มเขียนให บ อ ย ๆ เกื อบทุ กคน แลวนั้น ใหเอาไปใช. คติพจนนั้นจะทําใหมีอุดมคติ, จะทําใหมีสติได : “ยามจะได ยามจะเปน ยามจะตาย เมื่ออยางนี้

ไดใหเปน เปนใหถูก ตายใหเปน ไมมีทุกข

ไมเปนทุกข ; ตามวิถี เห็นสุดดี. ทุกเมื่อเอย”.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เมื ่อ จะไดอ ะไรก็ใ หม ีส ติไ ดใ หเ ปน ; แลว ก็ไ มเ ปน ทุก ข. เมื ่อ จะเป นอะไร ตั้งตั วเป นอะไร หน าที่ อะไร ตําแหนงอะไร อย างนี้ก็มี สติ เป นให ดี , เปนใหเปน. กระทั่งเมื่อจะตายในวาระสุดทาย ก็มีสติตายไปใหเปน ; ก็แปลวา มีสติตลอดเวลา กระทั่งวาระสุดทายของสังขารรางกาย.

ถา มัน เปน ไปไดวา ในหมูค นไทยเรา ในครอบครัว ของพุท ธบริษ ัท มีก ารอบรมสั ่ง สอนใหเด็ก ๆ มีส ติเรื่อ ยมาตามลํ า ดับ จนเปน หนุ ม เปน สาว เป น ผู ใ หญ จนกระทั่ ง วาระสุ ด ท า ยจะวิ เศษที่ สุ ด .มั น จะคุ ม กั น อะไรได ห มด ;


ความมีสติของฆราวาส

๑๘๕

ในที่เปนเรื่องเสียหาย หรือเปนทุกข ; แลวมันจะชวยใหไดสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษยควร จะได. ถาไมไดเวลาอื่น มันจะไปไดในวินาทีสุดทายของชีวิต คือดับจิต มันตาย ดว ยจิต . เดี๋ย วนี้ค นจะตายโดยไมมีส ติกัน ทั้ง นั้น เพราะมีโ รงพยาบาลมาก เอาไปรักษาเยียวยา เอาไปกระตุนไวดวยอะไรของเขาสาระพัดอยาง จนตาย เมื่อไรก็ไมรู ; แลวเขาไปเก็บใหนอนตายอยูในหองสําหรับตาย อยางนี้มันก็ไมมี ใครรู. นี่คือวัฒนธรรมใหมของสมัยใหม ซึ่งเปนทาสทางวัตถุ เปนทาสของวัตถุ. สวนของเดิมเขาเปนเรื่องทางวิญญาณ ตองการความสูงทางวิญญาณ ตายดวย สติสัมปชัญญะ อยูเหนือความตาย. ตอไปมันก็อาจจะมีวัฒนธรรมทางวัตถุ ที่ดีไปกวานี้ กวาที่มีอยูเดี๋ยวนี้ ; คือพอเห็นวาใครจะตายแนแลว ก็เอาปนยิง ตายเลย ; มันจะเปนไปไดถึงอยางนี้ เมื่อนิยมวัตถุมากเขา ๆ

เรื่องฆราวาสจะมีสติอยางไรก็พอกันที.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ปญหาเพศรส ของ ฆราวาส - ๑๑ ๒๗ เมษายน ๒๕๑๓ สํ า หรั บ พ วกเรา ล ว งมาถึ ง เวลา ๔.๔๕ น. แล ว เปน เวลาที ่จ ะไดพ ูด กัน ตอ ไป ถึง เรื ่อ งของฆราวาสในทุก แง ทุ ก มุ ม ตามป ญ หาที ่ เ สนอขึ ้ น มา ; มี ป  ญ หาข อ หนึ ่ ง เสนอ ขึ ้น มาถึง เรื ่อ งวา จะควบคุม ความกํ า หนัด ของฆ ราวาสได อยา งไร ? ดัง นั ้น ในวัน นี ้จ ะไดก ลา วโดยหัว ขอ วา “ปญ หา ความรูสึกทางเพศของฆราวาส”. สํ า หรั บ คํ า ว า “เพศ” ย อ มหมายถึ ง เพศตรงกั น ข า ม ไม ใ ช เพี ย ง แตวาเพศฝายเดียว. เพศตรงกันขามตองมีสองเพศ ซึ่งตรงกันขาม ; แลวทําใหเกิด ปญ หาระหวา งเพศขึ ้น มา. และใหรูว า เรื่อ งของสิ ่ง ที ่เ รีย กวา “เพศ” ในที ่นี้ คือใจความสําคัญของเรื่อง ฆราวาส หรือคําวาฆราวาส. ถาไมมีสิ่งที่เรียกวาเพศ เรื่องปญหาตาง ๆ ของฆราวาสก็จะไมมี หรือจะไมมีคําวาเพศดวยซ้ําไป.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org มีขอความกลาวไวในบาลี ที่ นาขัน อยูตอนหนึ่ งวา : ฆราวาส หรือ คฤหั ส ถ ที่ แ ปลว า ผู ค รองเรื อ น ; มี คํ า ว า เคหะ หรื อ เรื อ น นี่ แ ปลว า

๑๘๖


ปญหาเพศรสของฆราวาส

๑๘๗

ที่ กํ า บั ง . เมื่ อ มนุ ษ ย เริ่ม มี ค วามรูสึ ก สู งขึ้ น มา ถึ ง ขนาดที่ เรีย กว า อาดั ม กั บ อี ฟ กิ น ผลไม ข องพระเจ า เข า ไป รูสึ ก ขึ้ น มาว า อะไรดี อ ะไรชั่ ว อะไรหญิ ง อะไรชาย อะไรดีอ ะไรไมด ี, นุ ง ผา ไมนุ ง ผา นี ้เ ปน ตน เกิด ขึ ้น มา ; นั ้น เปน ขอ ความ ที่ ก ล า วไว ใ นฝ า ยคริ ส เตี ย น. แต ใ นคั ม ภี ร พุ ท ธเราก็ มี ถึ ง ว า มนุ ษ ย เราเริ่ ม รู จั ก ความน าละอาย หรือความไม นาละอาย จึงนุงผา และมีสิ่งกําบังที่จะตองบั งตา ไม ให ผู อื่ น เห็ น ในเมื่ อ ประกอบกิ จ กรรมระหว า งเพศ. ก อ นนี้ มั น ก็ เหมื อ นกั น กั บ สัต วเ ดีย รัจ ฉาน มัน ยัง ไมรู ส ึก วา เราเปน คน โนน เปน สัต ว, ไมรู ส ึก วา หญิง หรือ ชาย, วา นา ละอายหรือ ไมน า ละอาย. เดี ๋ย วนี ้ม ัน เกิด ความรูส ึก สูง ขึ้น มา ที ล ะนิ ด ๆๆ จนรู สึ ก ว า นี้ เป น สิ่ ง ที่ น า ละอาย เลยคิ ด สร า งเครื่ อ งปกบิ ด จึ ง มี ห องหั บ มี อะไรสํ าหรับ ป องกั น ไม ให คนอื่ นเห็ นการกระทํ าระหวางเพศของตน. คําวา “เคหะ” จึงถูกเรียกขึ้นมาในภาษาพู ด สําหรับหมายถึงเครื่องที่จะปองกัน ไมใหค นอื่น เห็น สิ่ง ที่เราไมตอ งการใหเขาเห็น . ที ่วา นา ขัน ก็ห มายความวา คํ า ว า บ า นเรื อ น นี้ มั น มี ค วามหมายอย า งนี้ เอง ; ข อ ความในบาลี ก็ มี ก ล า ว อยางนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี้จะเห็ นไดวา คนป าในสมั ยโบราณโนน ก็เริ่มรูจักความละอายเกี่ยว กับ เพศ จึง เกิด คํ า วา “บา นเรือ น” ขึ ้น มา ; แลว คนที ่อ ยู ใ นบา นเรือ นก็ใ ช บ านเรือ น หรือ ห อ งหั บ นั้ น สํ า หรับ บั งกั้ น ความละอาย ข อ นี้ ; แสดงวา มั น ไม ใช เรื่อ งเล็ ก น อ ย มั น เป น เรื่อ งที่ ทํ าให ท นอยู ไม ได ต อ งมี ป ญ หาอย างใดอย างหนึ่ ง เกิดขึ้น. แมนี้ก็นับรวมอยูในปญหาเรื่องเพศไดเหมือนกัน.

นี้ขอใหสังเกตวา คําวา “เพศ” นี้คือใจความสําคัญของคําวาฆราวาส. ถา ไมม ีเ รื่อ งเพศแลว เรื่อ งฆราวาสก็ด ูจ ะไมม ี ; เรื่อ งทํ า มาหากิน นี ้ สัต วม ัน ก็ มี ; มั น เป น ของพื้ น ฐานต่ํ า กว า นั้ น ลงไป. ความหมายเรื่อ งเพศ ถึ งกั บ จะทํ า


๑๘๘

ฆราวาสธรรม

ใหเกิดปญ หายุงยาก จนกระทั่งละอายอะไรเหลานี้ มันมีพิ เศษออกมา. เราจะ เห็ นได วา คนที่ ต องติ ดอยู กับบ านเรื่องออกไปบวชไม ได มั นเรื่ออะไร ? มั นก็ เรื่อง เพศ ; ทํ า ใหค นติด อยู ก ับ บา นกับ เรือ นออกไปบวชไมไ ด. อีก ทางหนึ ่ง ยอม เหน็ด เหนื ่อ ยอยา งเปน ทาส ยิ ่ง กวา ทาส ตอ อีก ฝา ยหนึ ่ง มัน ก็เ ปน เพราะ เรื่อ งเพศ, คือ มัน ยอมภัก ดีโ ดยจิต ใจ โดยไมรูส ึก ตัว ก็ไ ด ; ที ่ย อมเสีย สละ ถึงขนาดนี้มันก็เพราะความหมายของคําวาเพศ ; เพราะฉะนั้นจึงถือวาเรื่องเพศ นี้คือเรื่องฆราวาส. ทีนี้ สําหรับคําวา “เพศ” ที่มีความหมายเต็มที่ ก็ตองสําหรับมนุษ ย บุคคลที่มี อายุหรือมีรางกายเติ บโตถึงขนาดที่ อวัยวะเกี่ยวกับเพศทํ าหนาที่ ; มั น จึงยังไมมี ปญ หาแกเด็กเล็ก ๆ หรือ วาคนที่ ไมมีอ วัยวะหรือ ตอมแกลนด ที่เกี่ยว กับ เพศนั ้น โดยสมบูร ณ. คํ า วา เพศ นี ้จ ึง เปน เรื ่อ งของคนที ่ม ีค วามรูส ึก ทาง เพศ คือ วา คนที ่ถ ึง ขนาดเปน adult หรือ ที ่เ ราเรีย กวา เติบ โตเปน ผู ใ หญ จนมีความรูสึกทางเพศ คือทําการสืบพันธุได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ความรูสึกทางเพศมันลึกกลับซับซอน จนมีความกลาววา motive ตางๆ ของมนุ ษ ย นี้ ม าจากความรู สึ ก ทางเพศ เช น ซิ ก มั น ฟรอยด เป น ต น . ถ า พิจารณาดูก็เห็นจริงได แตตองยอมใหวาคําพูดของเขานั้นมันกํากวมหรือกวางไป จนกลา วไดว า เนื ่อ งกัน อยู ก ับ เพศ. ถา ใชคํ า วา เพราะ, “เพราะเพศ” เสีย ทุ ก ๆ อย า ง มั น ก็ ไ ม ถู ก ได เหมื อ นกั น ; เว น ไว แ ต จ ะใช คํ า ว า “เพราะ” ให มี ความหมายกวาง คื อ วาเนื่ องกัน , เนื่ อ งกั น อยู . คื อ ถาฝาย “positive” นั้ น เห็ น ได ชั ด วาเราต อ งการนั่ น ต อ งการนี่ ต อ งการโน น ทุ ก ๆ อย างในโลกนี้ ในเพศ ฆราวาสนั้ น มั น เกี่ ย วกั บ เพศ.เช น ว า เราแต ง เนื้ อ แต ง ตั ว นี้ มั น ก็ เกี่ ย วกั บ เพศ ;


ปญหาเพศรสของฆราวาส

๑๘๙

หรื อว าเราทํ าการทํ างาน แม เป นขโมย ไปขโมยเขามา นี้ มั นก็ มี ต นตอมาจากเรื่ อ ง ของเพศ ; หรื อ ว า เราอยากจะมี ชี วิ ต อยู ไม อ ยากตาย นี้ มั น ก็ เป น เรื่ อ งของเพศ ; เพราะตามความรูสึกสวนลึกของสัตวที่มีชีวิตนั้น มันตองการอยูเพื่อสิ่งที่เปน ความเอร็ด อรอ ยแหง ความรูสึก ทั ้ง นั ้น . ทีนี้เ รื่อ งการแตง เนื้อ แตง ตัว นั้น มัน ก็ เกี่ ยวเนื่ องกั น อยู กั บ เพศ เพราะว ามั น ต องการจะยั่ วเพศฝ ายตรงกั น ข าม แม โดย ไม รู สึ ก ตั ว ; มั น จึ ง ลึ ก ลั บ ซั บ ซ อ นกั น อยู ทุ ก ชั้ น . แม แ ต ก ารประกอบอาชญากรรม มันก็มีมูลมาจากเรื่องของเพศ ; คุณไปคิดเอาเองก็แลวกัน วามันเปนไดอยางไร. แต ฝ า ย negative นั้ น ต อ งคิ ด ให ลึ ก ไปกว า นั้ น ; เช น การออกบวชคื อ ทิ ้ง เรื ่อ งทางเพศไป ออกไปบวชมัน ก็เ ปน ความผลัก ดัน ในเรื ่อ งของเพศนั ้น เอง คื อ มั น เกลี ย ดขึ้ น มา. ถ า กล า วโดยภาษาอ อ มค อ มก็ ว า เนื่ อ งมาจากเพศ นั้ น อี ก เหมือ นกัน จึง ออกไปบวช. ที ่จ ริง การไมอ อกไปบวชก็เ พราะติด ในรสของเพศ มั น ไม อ อกไปบวชก็ เพราะเพศ. แล ว การออกไปบวชก็ เพราะเพศ อี ก เหมื อ นกั น แต เ ป น ในแง negative คื อ ตรงกั น ข า ม ; มั น เกลี ย ดชั ง ขึ้ น มาเพราะความน า ขยะแขยงของเรื่องระหวางเพศ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ในนิท านลอ คนของเราที ่ม ีอ ยู เ รื ่อ งหนึ ่ง เรื ่อ งคํ า สาบานของคนตรง ที่ พ วกฤาษี ส าบานนั้ น . ฤาษี ห ลาย ๆ องค สาบานว า ถ าได ทํ าผิ ด เรื่อ งนี้ จริ งแล ว ขอให ไปเกิ ดเป นคนที่ มี สตรีบํ ารุงบํ าเรอ มี ลู กมี เมี ย มี บุ ตรภรรยาอี นุ งตุ งนั งไปหมด ; ผู รับ ฟง จึง ยอมเชื ่อ วา คนนั ้น ไมไ ดข โมยไปจริง . ถา พวกฤาษีส าบานถึง ขนาดนี้ ก็ห มายความวา ก็ส ูง สุด เสีย แลว - สาบานวา ถา ทํ า ผิด ใหร่ํ า รวยดว ยเพศรส. นั่ น ก็ เพราะว า เป น ไปในมุ ม กลั บ กั น เป น ความเกลี ย ดขยะแขยงจนกระทั่ ง กลั ว ตอสิ่งที่เรียกวาเพศ ผลักดันใหออกไปบวช.


๑๙๐

ฆราวาสธรรม

หรือ สํ านวนอื่ น ก็ ใช คํ าวา “พรหม”. การที่ ไปเป น พรหม มี จิ ต ใจสู ง ประเภทรูปาวจร อรูปาวจร นั้นไมเกี่ยวกับเพศ. ไมใชเพศเปนสิ่งผลักดันใหเขา มีจิตใจอยางนั้นโดยตรง แตก็เพราะความเกลียด หรือความกลัว หรือวาเอือมระอา ตอ สิ่ งที่ เรียกวา เพศ ; มั น จึงผลัก ดัน ให ทํ าอยางนั้ น . เพราะฉะนั้น จึง เป น คํ า พูด ที ่ก ิน ความกวา ง ตอ งใชคํ า วา “เนื ่อ งจากเพศ”. ความรู ส ึก ที ่เ นื ่อ ง จากเพศ ทํ าให เราติ ดในบ านเรือนก็ ได , ทํ าให เราหลุ ดออกไปจากบ านเรือนก็ ได ; แลวแตจะเปนมุม positive หรือ negative นั้นเอง. เพราะฉะนั้น คุณก็ลองพิจารณา ทําจิตใจใหสูง เหมือนขึ้นยอดภูเขา แลวมองดูขางลาง ก็จะเห็นวาเรื่องเพศนี้ไมใชเรื่องเล็กนอย มันเรื่องทั้งหมดในโลก ก็ได. ใชคําวา “รื่องทั้งหมดในโลก” นั้นมันจะนอย เอาเรื่องนอกโลกดวยก็ได ; ล ว นเนื่ อ งอยู ในอํ า นาจอิ ท ธิ พ ลของเพศ ของสิ่ งที่ เรีย กวา เพศทั้ งนั้ น . เอาละ ลองมองดูเดี๋ย วนี้ มี อะไรเคลื่ อ นไหวอยูในโลก ความเป น ไปทั้ งโลกนี้ คนอยาง ซิกมันฟรอยต เขาจะยืนยันวา เพราะเรืองเกี่ยวกับเพศ. ถาเราคิดไปตามนั้นจริง มันก็พอจะเห็นได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สมมุ ติ ว า เราไปโลกพระจั น ทร นี้ มั น จะเกี่ ย วกั บ เพศอย า งไร. มั น ตอ งคิด ไปหลายชั้น หลายซับ หลายซอ น : การที ่ต อ งการเกีย รติย ศชื่อ เสีย ง นี้มี มูลเหตุชั้นลึกของมันที่เรียกวา “อยากมีดี” อยากมีอะไรดี ๆ เพื่ อเปนเครื่อ ง ต อ รองระหวางเพศ. นั บ ตั้ งแต วา ถ าเขาเป น คนโสดเขาอยากจะได เมี ย อยาก ได อ ะไรที่ ดี : หรื อ ถ า เขามี ลู ก มี เมี ย อยู แ ล ว ก็ เพื่ อ ถู ก อกถู ก ใจเมี ย ก็ ไ ด .ฉะนั้ น เกียรติ อะไรของผั ว มั นก็ขึ้นอยูกั บเมี ย ที่ เป นความรูสึ กส วนลึ ก ที่ มองไม เห็ นได งา ย ; มัน เปน เรื ่อ งจิต วิท ยาสว นลึก . หัว หนา ครอบครัว ก็ต อ งการจะทํ า ชื ่อ เสีย งเกีย รติย ศใหแ กค รอบครัว ; แลว คํ า วา ครอบครัว ก็ม ีค วามหมาย เรื่อ งเพศเป น ส ว นลึ ก . กิ น เพื่ อ ให มี ชี วิ ต อยู ก็ เพื่ อ เรื่อ ง เพศ. เรื่อ งกาม นั้ น เป น


ปญหาเพศรสของฆราวาส

๑๙๑

เรื ่อ งเพศโดยตรง. เรื ่อ งเกีย รติม ัน ยัง เปน เรื ่อ งบริว ารหรือ ขี ้ข า ของเรื ่อ งเพศ. เพราะฉะนั้ น อย าคุ ย โตไปวา “ผมต อ งการเกี ย รติ , ผมต อ งการเกี ย รติ ”. นี่ ระวัง ให ดี วา เรื่อ งเกี ย รติ มั น ก็ ยั งไม พ น ไปจากเรื่อ งเพศ แต มั น ซ อ นอยู ลึ ก มาก ; จน กระทั่ งออกไปบวชก็ยั งไม พ น ไปจากอํ านาจของเพศผลั ก ดั น ในมุ ม กลั บ ในแง ตรงกั น ข า ม. ในเรื่อ งบวชสมั ย โบราณ ครั้งพุ ท ธกาลดู จ ะเป น เรื่อ งเพศโดยตรง ดวยซ้ําไป. เพราะพุทธเจาตรัสถามพวกชฏิลพันคนวา บวชทําไม ? บูชายัญทําไม ? ทําไมบวชเปนชฏิล ? ก็เพื่อสตรี เขาบอกอยางนั้น, เขาหมายถึงเพศรสที่สูงขึ้น ไปในโลกหนา ในชาติห นา ในภพหนา ; เพราะไมม ีค วามรู ส ึก อะไรสูง ไป กวานั้ น แมวาจะไม ชอบเพศชนิด ที่เป นมนุ ษ ย ๆ ด วยกัน ยังชอบเรื่องเพศที่สู ง ไปกวามนุษยที่เปนเทวดาหรือเปนสวรรค. นี่ นับประสาอะไรกับคนที่ เขากําลังวิ่งวอนอยูเดี๋ยวนี้ ไปรถ ไปเรือ ไปเรือ บิน ไป ๆ มา ๆ นี ้ม ัน วุน ยุ ง กัน อยู ทั ้ง โลก, เพื ่อ แสวงหาเหยื ่อ หรือ สิ ่ง ที่จะไปหลอเลี่ยงความรูสึกทางเพศ ทั้งนั้น. ถามีเงินลานหนึ่งก็ยังไมพอ รอยลาน ก็ย ัง ไมพ อ พัน ลา นก็ย ัง ไมพ อ หมื ่น ลา นก็ย ัง ไมพ อ. หาเงิน หาเกีย รติ อะไรรวม ๆ กันไป นี่ก็เพราะเรื่องเกี่ยวกับเพศที่ซอนอยูในสวนลึกของจิต; ตาย แล ว ยั ง หวั ง จะไปเกิ ด เพื่ อ ให ได สิ่ ง นี่ ที่ ดี ขึ้ น ไปกว า เดิ ม . นี้ จึ ง เกิ ด ไปรวบรั ด เอา ดวยความโงของตัววา ในโลกของพระเจาก็เต็มไปดวยกามารมณ ; หรือชาวพุทธ ประเภทที่ โง ก็ ว า นิ พ พานก็ เป น เมื อ งที่ สู ง สุ ด ในทางกามารมณ , หรือ มี สิ่ งที่ ตั ว ตองการในประเภทกามารมณ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี้ ข อให เห็ น กั น เสี ย ที่ ห นึ่ ง ก อ นว า เรื่ อ งเพศนี้ เป น ต น ตอหรื อ เป น มู ล เหตุ ใ หม นุ ษ ย ทํ าทุ ก ๆ อย างทั้ งในแง positive และในแง negative คือ เพื ่อ จะเอาจะได หรือเพื่อจะหลีกหนีไปเสียก็ตาม. ฉะนั้นเปนสิ่งที่นากลัวหรือไมนากลัว


๑๙๒

ฆราวาสธรรม

คุณลองคิดดู ทําไมฤาษีพวกนั้น จึงไดกลัวกันนัก. เพราะฉะนั้นเราพอพูดไดเลย วากําลังของเพศรสนั้นสามารถครอบงํา หรือเพิกถอนอุดมคติตาง ๆ ได. เมื่อวานเราพูดกันถึงเรื่องอุดมคติเปนสิ่งสูงสุดของมนุษย แลวสิ่งที่มา ครอบงํา อุด มคติ หรือ เพิก ถอนอุด มคติข องคุณ ไดใ นพริบ ตา ไมท ัน รูส ึก ตัว นี้ ก็ค ือ เรื ่อ งเพศ หรือ เพศรส ; ซึ ่ง พรอ ม ๆ กัน นั ้น ก็เ ปน การทํ า มนุษ ยใ หเ ปน ทาสของมันอยูตลอดเวลา เลยทําใหมีอุดมคติอยูที่เพศ ; นี้ตามความหมายของ ฆราวาสที ่เปน กลาง ๆ ทั่ว ไป. ฆราวาสมีอ ุด มคติอ ยูที ่เรื่อ งเพศ ถา ไมเชน นั ้น ก็ ไม เป น ฆราวาส ตามความหมายทั่ ว ๆ ไปของคํ า ว า ฆราวาส. นี้ เรารู ไว ว า อิ ท ธิพ ล หรือ อํ านาจ หรือ กํ าลั งอะไรของเพศ ซึ่ ง หมายถึ งเพศรส. รสของเพศ สามารถทว มทับ อุด มคติอื ่น ๆหมดโดยไมท ัน รูต ัว จนเอาเพศนั ้น เปน อุด มคติ เสี ย เลย. อุ ด มคติ ของความเป น มนุ ษ ย ที่ วาเกิ ดมาเพื่ อ ได สิ่ งที่ ดี ที่ สุ ด ของมนุ ษ ย ถูกบดขยี้ใหแหลกไปหมดไมทันรูตัวเพราะสิ่ง ๆ นี้ ;และในที่สุดก็ปรากฏวากําลัง เปนทาส เปนทาสของสิ่งอยูทั้งกลางวันกลางคืน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เกี่ยวกับเรื่องนี้มีพระพุทธภาษิตที่ตรัสไวโดยตรงในบาลี พระพุทธเจา ตรัสวา “เรามองไมเห็ นรูปประเภทใดประเภทหนึ่ง ที่ จะครอบงําจิตใจของบุ รุษ แล ว ตั ้ ง มั ่ น อยู  เหมื อ นรู ป ของสตรี ไม เ ห็ น เสี ย งประเภทใดประเภทหนึ ่ ง ที่ ครอบงําจิต ใจของบุ รุษ แลวตั้ งมั่ น อยูเหมื อ นเสี ยงของสตรี ; และไม เห็ น กลิ่ น ชนิ ด ใดชนิ ด หนึ่ งที่ ค รอบงําจิ ต ใจของบุ รุษ แล วตั้ งมั่ น อยู เหมื อ นกลิ่ น ของสตรี ; แล ว ก็ ไ ม เห็ น รสชนิ ด ใดชนิ ด หนึ่ ง เกิ ด ขึ้ น ครอบงํ า จิ ต ใจบุ รุ ษ แล ว ตั้ ง มั่ น อยู เหมือ นรสที ่เ กิด มาจากหรือ เนื ่อ งมาจากสตรี ; ไมเ ห็น โผฏฐัพ พะหรือ สัม ผัส ผิว หนัง ชนิด ใดชนิด หนึ ่ง เกิด ขึ ้น ครอบงํ า จิต บุร ุษ แลว ตึง มั ่น อยู เ หมือ น โผฏฐั พ ะที่ เ นื่ อ งมาจากสตรี ; ไม เห็ น ธรรมารมณ อั น ใดอั น หนึ่ ง คื อ ความคิ ด


ปญหาเพศรสของฆราวาส

๑๙๓

ความนึ ก ความฝ น อะไรก็ ต าม ที่ ค รอบงํ า จิ ต ใจบุ รุ ษ แล ว ตั้ ง มั่ น อยู เหมื อ น ธรรมารมณที ่เ นื ่อ งดว ยสตรี”. พู ด ตรงกั น ข า มก็ ค รอบงํ า จิ ต ใจของสตรี… เหมื อ นรู ป เสี ย ง กลิ่ น รส สั ม ผั ส ธรรมารมณ ที่ ม าจากบุ รุ ษ ; ก็ เป น อั น ว า พู ด ทั้ งสองฝ าย. ไม เห็ น อะไรที่ จ ะครอบงําจิ ต ของบุ รุษ แล วตั้ งมั่ น แน น แฟ น อยู เหมื อนเรื่องที่ เกี่ ยวกับสตรี ; แลวไม เห็ นอะไรที่ ครอบงําจิตใจสตรี แลวตั้ งมั นอยู เห มื อ น กั บ เรื ่ อ ง บุ ร ุ ษ นี ่ แ ล ว คุ ณ ไป อ ธิ บ า ย ได เ อ ง เพ ร า ะ มี ค ว า ม รู  ส ึ ก ทางเพศโดยสมบูร ณแ ลว ไมใ ชเ ด็ก ๆไมใ ชพ ิก าร ; คุณ ไปอธิบ ายไดเ องวา มันจริงอยางไร. คํ า ว า รู ป ของสตรี หรื อ เสี ย งของสตรี กลิ่ น ของสตรี รสของสตรี สั ม ผั ส ผิ ว หนั ง ของสตรี นี่ ขอให กิ น ความกว างหน อ ย คื อ มั น เนื่ อ งมาจากสตรีก็ แลว กัน ; เชน อยา งรสทางลิ ้น , เราจะไปกิน เนื ้อ ของเพศตรงกัน ขา มนั ้น มัน เปน ไปไมไ ด ; แตว า รสอาหาร หรือ รสอะไรก็ต ามที ่ม ัน เนื ่อ งดว ยเพศ ตรงกัน ขา ม, ปรุง มาโดยเพศตรงกัน ขา ม ที ่เรารัก เราพอใจ ฯลฯ, หรือ วา เอา เพศตรงกันขามมาประกอบในขณะที่มีการกิน อะไรอยางนี้ ; มันก็เรียกวาเปนรส ที่เกิดมาจากสตรี หรือเนื่องดวยสตรีทั้งนั้ น ; มี ความหมายกวางอยางนี้. เดี๋ยวนี้ เราจะเห็นไดวา เขาใชเรื่องทางเพศเปนเครื่อ งมือ สําหรับ ที่จะทําคนที่เป นลูกค า ใหลุ ม หลงในสถานที ่บํ า รุง บํ า เรอตา ง ๆ ทุก อยา งทั ้ง ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้ น ทางกาย และทางใจล ว น ๆ. มั น ก็ จ ริ ง ตาม ที่ พ ระพุ ท ธเจ า ตรั ส ; แต แล ว ก็ ไ ม มี ใ ครรู สึ ก ตั ว ไม มี ใ ครมองเห็ น เป น เรื่ อ งเสี ย หาย หรื อ อั น ตราย ;นี่ ก็ เพราะสมั ค รใจเป น ทาสของมั น โดยไม รูสึ ก ตั ว . หาเงิน หาทอง หาทรัพ ย ส มบั ติ เกียรติยศ ชื่อเสียงอะไรมา ก็เพื่อไดสิ่งเหลานี้ใหมากขึ้น ๆ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ เราก็มาถึงตอนที่จะตองศึกษาใหละเอียดเปนพิเศษ คือวา เพศ, เพศรส, เหล า นี้ มั น เป น เพี ย งความหลอกลวงในทาง อายตนะ, มั น เป น บท


๑๙๔

ฆราวาสธรรม

นิยาม ที่คุณจะตองศึกษาและเขาใจ วาเพศรส เปนเพียงความหลอกลวงใจทาง อายตนะ. ทีนี้ก็มีปญหาสําคัญอยูตรงที่คําวา หลอกลวง : ถาเรายังไมรูเทา มัน อยูเพียงใด มัน ก็หลอกลวงไดอ ยูเพียงนั้น ; พอเรารูเทาเมื่อไรมัน ก็ห ยุด หลอกลวง มันไมอาจจะหลอกลวงไดทันที. คํ า วา “หลอกลวง” นี ้ มีค วามหมายลึก ซึ ่ง มาก, คือ ไมรู เทา ตลอดเวลาที่ไมรูเทา หรือไมรูความจริง. เดี๋ยวนี้เพศรสกําลังครอบงําจิต ใจ ของคนทั้ง โลก หลอกลวงคนทั้ง โลก โดยที่มัน ทําใหค นทั้งโลกไมรูสึก วา ถูก หลอกลวง ; เมื่อนั้นแหละมันจึงจะเปนการหลอกลวงได. ถาไปรูสึกเสียแลว มันจะหลอกลวงไดอยางไร. เพศรสมันเปนเพียงความหลอกลวงทางอายตนะ. จะตัด บทเขามาสั้น ๆ เพีย งวา เปน ความหลอกลวงของ ตา หู จมูก ลิ้น กายใจ, หรือวาทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ทีนี้ขยาย คําวา “เพศรส” ออกไปเปน ๖ ทาง เพศรสทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ. ที ่ว า “หลอกลวง” นี ้ม ีอ ยู  ๒ อยา ง : หลอกลวง เหมือ นกับ หลอกลวงคู ป รปก ษ อยา งนี ้ก็อ ยา งหนึ่ง ; แลว หลอกลวงของ ธรรมชาติโ ดยที่ม นุษ ยไ มอ าจจะรู, ไมรูส ึก ได นี้อีก อยา งหนึ่ง . ที่แ ทก็ค ือ หลอกลวงของธรรมชาติทั้งนั้น. ถาเรายังโงมากเกินไป เราก็ยังไมรูเรื่องธรรมชาติ หลอกลวง. เพราะฉะนั้น เราจะเห็น วา คนตอ คนหลอกลวงกัน นี้ มัน ตื้น นิดเดียว. แตธรรมชาติหลอกลวงแลว มันลึกซึ่งจนคนไมรูสึก.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คน ๆ หนึ่งเอาวัตถุทางเพศรสมาหลอกลวงคน ๆ หนึ่งใหหลงเขาไป ; เชนวาพวกที่เขาตั้งสถานบํารุงบําเรอขึ้น แลวก็ใหคนไปอุดหนุน เอาเงินไปให เขานั้น ; คนหลอกลวงคน โดยอาศัยเครื่องมือคือเพศสร นั้นมันไมเทาไร. หรือ วาเจาตัวเขาเอง เพศตรงกันขามเขาเอง เขาใชการหลอกลวงตอคนอีกคนหนึ่ง


ปญหาเพศรสของฆราวาส

๑๙๕

ดว ยเรื ่อ งของเพศ นี ้ม ัน ก็เ ปน การหลอกลวง. หลอกลวงของคน อยา งนี ้ม ัน ไม เท า กะผี ก ริ้ น ของความหลอกลวงของธรรมชาติ . ธรรมชาติ มั น หลอกลวงให มนุ ษ ย มี ค วามรู สึ ก ทางตา ทางหู ทางจมู ก ทางลิ้ น ทางกาย ทางใจ อย า งที่ กําลังรูสึกอยู ; แลวไมรูสึกวาเปนการหลอกลวง. เกี ่ย วกับ เรื่อ งนี ้ม ัน จะตอ งพูด กัน มาก กิน เวลานาน ; แตอ าจจะพู ด สรุ ป ได ว า รสอร อ ยที่ เกิ ด รู สึ ก อยู ทางตา ทางหู ทางจมู ก ทางลิ้ น ทางกาย ทางใจ นั ้น เปน ความหลอกลวง ภาษาจิต วิท ยาก็จ ะเรีย กวา imagination คื อ มโนภาพ หรื อ มโนคติ ที่ ส ร า งขึ้ น มาโดยอั ต โนมั ติ โดยไม รู สึ ก . เรื่ อ งของ เพศตรงกั นขามทุ กเรื่อง จะเป น ทางตา ทางหู ทางจมู ก ทางลิ้ น ทางกาย ทางใจ อะไรก็ ต าม, ก็ สําคัญ ที่ สุ ด อยู ที่ เรื่อ งทางผิ วหนั ง สั ม ผั สทางผิ วหนั ง. จิต มั น สราง มโนภาพซ อนขึ้นมาอีกที หนึ่ ง เนื่ องจากถูกอดี ตสั ญ ญาปรุงแต ง ซึ่งเราไม มี ทางจะ รูสึ กได ตามธรรมชาติ . เพราะวารูป รส กลิ่ น เสี ยง สั มผั ส อะไรก็ ตาม ของเพศ ตรงกัน ขา มนั ้น มัน เปน วัต ถุไ มเ ขา ไปในจิต ใจของเราได. คุณ ฟง ดูใ หด ี. ตั วเสี ยง ตั วกลิ่ น ตั วผู หญิ ง อะไรนั้ นมั นไม เข าไปในจิ ตใจของเราได , แต วาจิ ตใจ สร า ง imagination เหมื อ นนั้ น ทุ ก อย า งทุ ก ประการ ขึ้ น มาทั น ควั น โดยอั ต โนมั ติ อะไรไมรูสึกตัว ดังนั้นมันจึงเขาไปถึงจิตใจของคนได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ข อนี้ ถ าเราจะพิ สู จน มั นก็ ยาก แต พิ สู จน ได ด วยเหตุ ผลงาย ๆ เช นว า เสี ยงของเพศตรงกันขามที่ เราหลงรัก แม ถูกบั นทึ กในจานเสี ยง ในเทป มั นก็ชวย ใหเกิด ความรู ส ึก ชนิด นั ้น ได, แมจ ะเปน กลิ ่น รส อะไรก็ต าม. ฉะนั ้น คนจึง ใชของปลอม หรือของเที ยม เข นหุ นเที ยมหรืออะไรประกอบกิ จกรรมทางเพศได , ถ า สามารถสร า ง imagination ได . แต ถ า ไม ส ามารถสร า ง imagination ได มั น ก็ เป น ไปไม ไ ด ; แม ค นจริ ง ๆ หรื อ คนที่ เรารั ก จริ ง ๆ แต มั น มี อ ะไรที่ ม าทํ า


๑๙๖

ฆราวาสธรรม

ใหเราไมสรางความรูสึกวา เปนอยางนั้นได มันก็ไมมีความหมายอะไร. เชน ความเกลียด หรือความอิดหนาระอาใจ เกิดขึ้นในขณะนั้นดวยเหตุใดก็ตาม, คน ๆ นั้นก็ไมสรางความรูสึกทางเพศใหไดเหมือนกัน. เพราะฉะนั้น สิ่งที่ไปครอบงําจิตใจแลวตั้งมันอยู เหมือนพระพุทธเจา ตรัสนั้น มันคือ imagination ที่สรางขึ้นโดยอัตโนมัติ โดยไมรูสึกตัว ; แลว เร็วยิ่งกวาเร็ว จนเรากําหนดรูไมไดวามันเปนเพียง imagination. นี่หลักใหญ มีอ ยูเพียงเทานี้ คุณ ไปหารายละเอีย ดสังเกตดูเองเถิด . เพราะฉะนั้น จึงพูด เปนบทนิยามวา “เพศรส เปนเพียงความหลอกลวงทางอายตนะ”, ขอย้ําวา เพศรสที่กําลังรูสึกอยูนี้เปนเพียงความหลอกลวงทางอายตนะ. อายตนะคือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ. ที นี้ ทางอายตนะของใคร ? ก็ ของอายตนะ, พู ดกํ าป นทุ บดิ นวา “ของอายตะ”. แลวอายตนะของอะไร ? มั น ก็ของธรรมชาติ อัน เรน ลับ ที่ สุด . ธรรมชาติ ในความหมายวา พระธรรม หรือกฎธรรมชาติ หรือธรรมชาติ อะไร ก็ตาม มันเปนสิ่งที่ลึกลับ แลวก็สรางสิ่งนี้มาในลักษณะอยางนี้ คือในลักษณะที่ ลวงมนุษ ยไ ด ; ถา ไมอ ยา งนั ้น มนุษ ยส ูญ พัน ธุ, มัน ขึ้น อยูกับ การสืบ พัน ธุ. ธรรมชาติจึงฉลาดยิ่ง กวา คน หรือ อะไร จนเราตอ งเรีย กวา พระเจา หรือ พระธรรม, สามารถลวงสัตวมีชีวิต หรือสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งได ดวยอาศัยเพศรส ทางอายตนะ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สิ่งที่เปนความมุงหมายตอ ไป คือ การสืบพัน ธุ. ทีนี้การสืบ พัน ธุ มันเปนเรื่องไมสนุก นาเกลียด นาขยะเขยง ลําบากลําบนเหลือเกิน เชนมีลูก ออกมาก็ต อ งเลี ้ย งดูร ัก ษา อยา งที ่ม นุษ ยไ มช อบ,ไมช อบที ่ส ุด แตก ็ต อ ง สมัครใจทําโดยไมรูสึกตัว เพราะการหลอกลวงของธรรมชาตินี้. ถามีแตการ


ปญหาเพศรสของฆราวาส

๑๙๗

สืบพันธุลวน ๆ ไมมี “คาจาง” ชนิดที่ไมรูสึกตัว ก็ไมมีใครสืบพันธุ. เพราะฉะนั้น ในทางเพศรส หรือ ความหลอกลวงทางอายตนะนี ้ มัน เปน เครื่อ งมือ หรือ เปน คาจาง ที่ธรรมชาติมันจางคนใหทําการ ใหทําในสิ่งที่คนตามธรรมดาไมยอมทํา, คือ วา ความยุ ง ยากลํ า บาก สกปรก โกลาหล วุน วายนี ้ คนไมย อมทํ า . แต ก็มีเครื่องมือ หรือคาจางที่บังคับหลอกลวงใหทําได โดยไมรูสึกตัว.เพราะฉะนั้น จึงสรางตอมแกลนดชนิดหนึ่งมา เพื่อการสืบพันธุนั้น ใหเกิดความรูสึกสูงสุดทาง อายตนะคือ อายตนะถูก กระตุ น ถึง ที ่ส ุ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ ้น ทางกาย ทางผิว หนัง มัน ถูก กระตุ น ในอัต ราที ่พ อเหมาะ ลึก ซึ ้ง สุข ุม ที ่ส ุด ; นั้นคือสิ่งที่เรียกวา ความอรอย หรือเรียกในบาลีวา อัสสาทะ. อั สสาทะคื อ ความอรอยทางตา อร อยทางหู อร อยทางจมู ก อรอย ทางลิ ้น อรอ ยทางผิว หนัง , แลว ทางผิว หนัง เปน เรื ่อ งสูง สุด ; อรอ ยสูง สุด จนคนหรือสั ต วพ ายแพ แกสิ่ งนี้ , ยอมเป นทาสของสิ่ งนี้ บู ช าสิ่ งนี้ . เพราะฉะนั้ น เราจึ งถื อ วาธรรมชาติ มี เพศรสเป น เครื่อ งมื อ หรือ เป น ค าจ าง ให ม นุ ษ ย ทํ าสิ่ งที่ ตามปรกติม นุษ ยไ มย อมทํ า . นี ่พ ระเจา มาเหนือ เมฆ ธรรมชาติม าเหนือ เมฆ กวา มนุษ ยที ่เต็ม ไปดว ยความโง ; ธรรมชาติฉ ลาดกวา จึง ใสอ ะไรมาใหเสร็จ . ถาไมมีการกระทําอันนี้ มนุษยไมอาจจะเกิดขึ้น ไมอาจจะสืบพันธุมาจนถึงบัดนี้, มนุษ ยก ็ส ูญ พัน ธุไ ปหมดแลว หรือ ไมเกิด ขึ ้น . เพราะฉะนั ้น ความเกิด ขึ ้น แลว สืบ พั น ธุกัน มาได จนถึ งบั ด นี้ ขึ้น อยู กั บ สิ่ งนี้ คื อความรูสึ ก ทางเพศ ที่ เป น ความ อรอยสูงสุด ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจนี้. ถาเรียกอยาง ที่ จ ะเตื อ นสติ ตั ว เราเอง ก็ เ รี ย กว า ค า จ า ง : มั น จ า งให เ ราทํ า สิ่ ง ที่ ส กปรก โกลาหลวุนวาย ที่ตามธรรมดาเราไมอยากจะทํา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอให ดู สั ต ว เดรั จ ฉานต อ ลงไปอี ก : สั ต ว เดรั จ ฉาน เช น สุ นั ข เมื่ อ ต อ มแกลนด มั น สุ ก ถึ ง ที่ สุ ด มั น ไม มี ชี วิ ต เป น อย า งอื่ น นอกจากเรือ งผสมพั น ธุ


๑๙๘

ฆราวาสธรรม

กับ เพศ, มัน กัด กัน จนตาย สุน ัข ของเราก็เ คยตาย, มัน กัด กัน จนตายใจชั ่ว ระยะเวลา ๕ - ๖ วั น ที่ ค วามรูสึ ก ทางเพศสู ง สุ ด ; นั่ น มั น ก็ ไม รูว า ทํ าไปทํ า ไม แตที่มันรูสึกก็เพื่ออรอยทางอายตนะสูงสุด มันเลยพยายามสุดความสามารถ ตอสู กั ด กั น จ น ต า ย อ ย า ง นี ้ ; แ ล ว มั น ก็ ไ ม ไ ด รู  ว  า เพื ่ อ ก า รสื บ พั น ธุ  เ พ รา ะ “นายจา ง” คือ ธรรมชาติ ซอ นเรน ความลับ อัน นี ้ไ ว ในลัก ษณะที ่ส ัต วม ีช ีว ิต ไมอาจจะรูได. ทีนี้ คุณดูใหต่ําลงไปอีกถึงตนไม ไปเรียนชีวิวิทยาเรื่องตนไม : มันก็มี เพศตรงกันขาม แลวมั นต องการดิ้ นรนขวนขวายสุ ดประมาณเหมื อนกั น ที่ จะให เกิ ด การสื บ พั น ธุ คื อ การพบกั น ระหว า งเกสรตั ว ผู กั บ เกสรตั ว เมี ย มี ม ากมาย หลายชนิ ด ; มั น ก็ มุ ง หมายจะอยู เพื่ อ สิ่ ง นี้ เหมื อ นกั น ; แล ว ธรรมชาติ ก็ ช ว ย หลาย ๆ ทาง มี เกสรตัวผูตั วเมี ยในดอกเดี่ ยวกันบ าง มั นก็ พ บกัน ได งาย, แล ว มั น ดิ้ น รนต อ สู เพื่ อ ที่ จ ะพบกั น จนได . ถ าไม ได พ บกั น จะยั งไม ย อมตาย .เพราะ ฉะนั้นคนที่ฉลาดในการเพาะพันธุไม เขาไปตัดยอดไมมาเพาะใหงอกนั้น เขาเลือก ตั ด ยอดที่ มั น กํ า ลั ง มี ด อก, เช น ต น เข็ ม อย า งนี้ จะตั ด ยอดมาป ก เอายอดที่ มี ดอกมาเถอะ ไมต ายแน ; เพราะวา มัน ตอ งการที ่จ ะสืบ พัน ธุ  มัน ตอ งการ จะบานแลวก็จะสืบพันธุ, มันสงวนชีวิตไวเพื่อใหไดสืบพันธุจนได มันก็เลยออก รากเร็ว หรือ ง า ย. เกสรตั ว ผู - เมี ย ที่ อ ยู ค นละดอก มั น ก็ ต อ งมี อ ะไรช ว ย มา ผสมกันจนได มันพรอมที่จะรับอยูเสมอ ; แลวมีการปองกัน มีการรักษา กระทั่ง ลมพามา กระทั่ งไหลมาตามน้ํ า ซึ่งอยูห างกั น เป น กิโลเมตร ๆ ; เกสรตั วผูไหล มาตามน้ํา มาพบเกสรตัวเมียขางใตน้ํา มาเปนกิโลเมตร ๆ ก็มี.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุณไปศึกษาดูในแงอยางนี้ที่วา มันเปนอะไรทั้งหมดของสิ่งที่มีชีวิต ; หากแตวาตนไมมันไมมีอะไรที่เปนอายตนะสําหรับรับความรูสึกเอร็ดอรอย สูงเทา


ปญหาเพศรสของฆราวาส

๑๙๙

สัตวหรือคน แตมันก็ตองมีเหมือนกัน ; ถาไมเชนนั้น มันคงจะไมดิ้นรนพยายาม เพื่อจะสืบพันธุ. เพราะฉะนั้นอันนี้มันก็อยูใตวิสัยความหลอกลวงของธรรมชาติ ของพระเจา ดว ยเหมือ นกัน . สิ ่ง ที ่ม ีช ีวิต ก็ไ มม ีอ ะไรนัก นับ มาจากพืช – แลว ขึ ้น มาถึง สัต ว - แลว ขึ ้น มาถึง คน. ทีนี ้ค นมีอ ายตนะมากอยา ง คือ ตา หู จมูก ลิ ้น กาย ใจ, แลว ก็ม ีค ุณ สมบัต ิส ูง จึง รับ รสไดม าก, ฉะนั ้น มัน จึง ลุ ม หลงในเรื่อ งเพศรสในทางอายตนะยิ่ ง กวาสั ต ว ยิ่ ง กวาต น ไม . แล วก็ อ ย าได อวดดีไป มันคื อโงกวานั่ นแหละ หรือ วาถูกหลอกลวงมากกวา ; จนมีค วามคิ ด ความหวังที่จะไดอยางไมมีขอบเขต ไดทันอกทันใจ สมมุติเปนสถานบันเทวดาขึ้นมา ในเทวโลก. เทวดานั้นไมมีความหมายอะไร นอกไปจากกามารมณ , ไมทําการ ทํ า งานอะไร ไม ป ฏิ บั ติ ธ รรมอะไรเหมื อ นมนุ ษ ย ด ว ยซ้ํ า ไป, มี แ ต ลุ ม หลงทาง กามารมณทั้งวันทั้งคืนตอลดเวลา. มันเปนความคิดฝนของมนุษยเจาอารมณ ทาง กามารมณ มากกวา บัญ ญั ติเรื่องเทวดาขึ้นมาอยางนี้.เอาละสมมุติวา ถามีจริง ตามที่เขาพูด มันก็เปนเรื่องบาที่สุด คือเปนทาสกามารมณยิ่งกวามนุษย

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้นคุณทําความเขาใจเรื่องนี้ใหดีวา เพศรสคือความหลอกลวง ทางอายตนะสํ า หรั บ ธรรมชาติ ห ลอกหรื อ จ า งมนุ ษ ย ใ ห ทํ า สิ่ ง ที่ ต ามธรรมดา มนุ ษ ย จ ะไม ย อมทํ า เป น อั น ขาด. ถ า รู ค วามลํ า บาก ยุ ง ยาก เจ็ บ ปวด มี อ ยู อย า งนี้ ในการสื บ พั น ธุ มนุ ษ ย ก็ ไม ย อมทํ า ; แต มั น มาเหนื อ เมฆตรงที่ พ ระเจ า หรือธรรมชาติเอาอันนี้มาเปนคาจาง. แลวมันก็มีปญหายุงยากกี่มากนอย คุณก็รูดี ; หรือ วา ความสงบมีไ มไ ดใ นโลกนี ้ มัน ก็เพราะเรื่อ งนี ้แ หละ แตม ัน ซับ ซอ นกัน อยูหลาย ๆ ชั้น. จะทํ า สงคราม ฆ า กั น ตาย วั น หนึ่ ง เป น ร อ ยเป น พั น เป น อะไร ก็ มี มู ล มาจากเพศรสหรือ กามารมณ , แต มั น ซั บ ซ อ นอยู ห ลายชั้ น . ทหารเหล า นั้ น


๒๐๐

ฆราวาสธรรม

มารบเพื ่อ อะไร เพื ่อ คา จา งรางวัล มัน ก็เ พื ่อ กามารมณ , เพื ่อ เกีย รติข อง ประเทศชาติ ก็เ พื ่อ วา ประเทศชาติอ ยู มั ่น คงแลว เราก็ม ีโ อกาสที ่จ ะอยู อ ยา ง มั่ น คง เพื่ อ เสวยกามารมณ , อะไรมั น ไปรวมอยู ที่ นี่ อ ย า งซิ ก มั น ฟรอยต ว า อยู มากที เดี ย ว. เพราะฉะนั้ น มนุ ษ ย ที่ ลื ม หู ลื ม ตาขึ้ น มา ที่ มี ค วามฉลาดก อ นคนอื่ น เขาจึ งมี การบั ญญั ติ ระเบี ยบแบบแผน วิ นั ย ลงไปเกี่ ยวกั บการปฏิ บั ติ ทางเพศ หรือ ระหว า งเพศให มี ศี ล อย า งนั้ น ให มี ศี ล อย า งนี้ . เช น ว า กาเมสุ มิ จ ฉาจาร ที่ เรา พู ด ถึ งกั น อยู เสมอ เป น ศี ล ขึ้ น มา ; ตลอดถึ ง ระเบี ย บปฏิ บั ติ อ ย างอื่ น ที่ ล ะเอี ย ด ลงไป เกี่ ย วกั บ การประกอบกรรมอั น นี้ :เขี ย นไวในฐานะที่ เป น สู ต ร เป น ศาสตร เป นบทบั ญ ญั ติ สมบู รณ เหมื อนกั น เพื่ อไม ให เกิ ดเป นทุ กขเนื่ องมาจากกามารมณ นั ้น ; หรือ วา เพื ่อ ลดความเปน ทาสของกามารมณนี ้ใ หน อ ยลง ใหอ ยู ใ นวิส ัย ที่พอจะดูได. เพราะฉะนั้นจึงบัญ ญัติวาการประกอบกิจทางเพศที่ถูกตอ งนั้น คือ การประพฤติธรรม. ประพฤติธรรม เหมือนที่เรากําลังพู ดถึงกันอยูนี่แหละ. การประกอบกิจ กรรมทางเพศอยา งถูก ตอ งนั ้น คือ การประพฤติธ รรม ;ดัง นั ้น เขาจึ ง มี สู ต รต า ง ๆ ที่ เขาเขี ย นกั น ขึ้ น มาเกี่ ย วกั บ เรื่ อ งนี้ ใ ห ถู ก ต อ งอย า งนั้ น ๆๆ เพื่อใหมีโทษนอย ใหมีประโยชนเกิดขึ้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุ ณ อาจจะฟ งไม ถู กว า ประโยชน เกิ ดขึ้ นอย างไร ? คื อว าถ ามี ความรู ถูก ต อง กามารมณ นี่ เองมั น จะผลั ก ไสคน ให อ อกไปนอกโลกได ; ดั งนั้ น จะต อ ง ประพฤติ ประกอบกิ จกรรมระหวางเพศในลั กษณะที่ ลื มหู ลื มตา ฉลาดเฉลี ยว ไม ลุ ม หลงมากเกิ น ไป ; แล ว ไม เท า ไร ก็ จ ะถอนตั ว ออกมาได คื อ คิ ด ที่ จ ะออกไป เสียจากสิ่งนี้ หรือจะอยูเหนื ออํ านาจของสิ่ งนี้ เชนไปบวชเป นฤาษี อยางนี้ เป น ต น นี ้พ ูด ถึง สมัย โนน . ผู ที ่ร วมความมุ ง หมายของการเขีย นสูต รเหลา นี ้ ที ่ถ ูก ตอ ง ที่บริสุทธิ์นั้น เขามุ งหมายที่จะใหประกอบกิจกรรมอยางถูกตอง คื อพอเหมาะพอสม พอประมาณ แล ว ในลั ก ษณะที่ ไม เท า ไรจะทํ า ให เบื่ อ แล ว อยากไปบวช ; ดั งนั้ น


ปญหาเพศรสของฆราวาส

๒๐๑

สูตรเหลานี้จึงเปนสูตรของพระธรรมดวยเหมือนกัน; และการปฏิบัติกิจเหลานี้ อยางถูกตองก็คือปฏิบัติธรรมดวยเหมือนกัน. โดยเหตุที่ถือวาฆราวาสหลีกเรื่องนี้ไปไมไหว หลีกเรื่องนี้ไปไมพน ; เพราะฉะนั้นจะตองใหเขาไปเกี่ยวกับเรื่องนี้อยางถูกตอง และพอเหมาะ พอสม ; พอสมควรแลวก็เอือมระอา หรือวารู รูจักสิ่งนี่ดี จนอยากจะหลีกไปพนจากสิ่งนี้. นี่มันก็เขารูปเขารอยเดิมของเราวา อุดมคติของมนุษยที่วาชีวิตคือการเดินทาง ไปจนกวาจะถึงยอดสุดที่ สุดของการเดินทาง. ดังนั้ นเขาจึงถือเรื่อ งนี้เป นเพี ยง เรื่องประกอบตอนหนึ่ง หรือสวนหนึ่งของชีวิตทั้งหมด. ดังนั้นเขาจึงสอนใหเปน พรหมจารี ที ่ถ ูก ตอ ง, แลว ก็เปน คฤหัส ถ ที ่ถ ูก ตอ ง, มัน ก็ง า ยที ่จ ะไปเปน วนปรัส ถ หรือ สัน ยาสี. ฉะนั ้น เราจะรูจ ัก เรื่อ งเหลา นี ้ หรือ สิ ่ง เหลา นี ้ใ หถ ูก ต อ งนั้ น มั น ก็ เป น สิ่ งที่ มี ป ระโยชน อ ย า งยิ่ งคื อ จะไม ต อ งเป น ทาสของเพศรสนี้ นาน และในลักษณะที่เรียกวาพายแพหมดทุกประตู ; แตไปเกี่ยวของในลักษณะ ที่จะรู, แลวผานไปได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ก็อาศัยความรูอะไร ? ชนิดไหน ? ถาถือตามหลักทางพุทธศาสนา มีหลักที่วางไวใชไดในทุกกรณี วา : การที่จะรูอะไรเพื่ อชนะสิ่งนั้น เราจะตอ งรู อยางนอย ๓ อยางเสมอ คือรู อัสสาทะ - รสอรอยที่ใชสําหรับลวงคน ; แลว ก็รูอ าทีน วะ - คือ โทษ ความเลว ความอะไรของมัน ที ่ทํ า อัน ตรายคน ; แลวอันที่ ๓ ก็รู นิสสรณะ - คืออุบายที่จะมีอํานาจเหนือสิ่งนั้น, ภาษาธรรมดา ก็เรียกวา ลูกไม ที่เราจะเปนผูชนะตอสิ่งนั้น. ทบทวนอีกทีหนึ่งวา : รูจักรสอรอย ที่ใชยั่วยวนหลอกคนของมัน, ในที่ นี่ ก็ คื อ เพศรสของกามารมณ ; แล ว ก็ รู โ ทษ รู ค วามเลวทรามของมั น


๒๐๒

ฆราวาสธรรม

ที่แผดเผาให คนผู ที่เขาไปลุม หลง ; และรูจักลูกไม ที่ จะอยูเหนื อ มั น. ก็อ ยาง เดียวกับที่พูดมาแลววาสูตรหรือคําสอนที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็สอนเพื่อ ๓ อันนี้ ; มันใหรสอรอย ใหความหลอกลวงยั่วยวนอยางไรก็รูเสียโดยเร็ว ; แลวก็รูวา มันใหความเจ็บปวด ทิ่มแทง เผาลน อะไร อยางไร ก็รูในขณะนั้น.พอรูเทานี้ มันก็พอที่จะเห็นวา มันเปนอันตราย ถอนตัวออกมาได คืออยาไปหลงใหล รสอรอยของมัน, มันจะวนเวียนกันอยู. เรารูความอรอยของมัน ที่ยั่วยวนเรา หลอกเราไปเปนทาสของมัน ; วิธีแก เราก็อยาไปหลงในความยั่วยวนของมัน เรียกวานิสสรณะ. การที่ ห ลี ก ออกไปเสี ย จากามารมณ เขาก็ เรียกว านิ สสรณะ หรื อ เนกขัมมะ ออกบวชจากดงของเพศรสคือฆราวาส เรียกวา เนกขัมมะ; คือ ออกไปจากเรือ น ; นี้เปน นิส สรณะ คือ “ลูก ไม” ที่อ อกไปเสีย จากอํา นาจ ของมัน, เราพนจากอํานาจของมัน. แตก็ไมไดหมายเฉพาะทางรางกายออก บวชไปเปน ฤาษีอ ยู ใ นปา ; อาจจะเปน ไดว า ในบา นเรือ นนั ่น เอง ถา มี ความรูความฉลาด ในเรื่องสอนเรื่องแรกพอ แลวมัน ก็เฉย หรือ วาควบคุม ได ; แลว ก็ทําแตพ อสมควร หรือ แตเทา ที่จํา เปน ที่จ ะตอ งทํา ; หรือ กระทั่ง ไมทําเลยก็ได คือไมเปนทาสของสิ่งนี้ตอไป ; ก็อยูอยางคนที่มีความรูความ เฉลียวฉลาด ผานสิ่งเหลานี้มาแลว ก็เคยมีเหมือนกัน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรื่องราวเคยมีแตโบราณ ผัวเมียนั้นก็เลยกลายเปนคูเดินทางไปหา โมกษะ หรือ นิพ พาน, ไปดวยกัน คลองแขนกันไป โดยไมมีการประพฤติ ทางเพศ ก็ย ัง ได ; แลว อยู ที ่ว า เรารูอ ัส สาทะ รูอ าทีน วะ รูน ิส สรณะ สามอยา งนี้ ; แลว ก็ก ลายเปน อยา งถูก ตอ งได แมอ ยูใ นบา นเรือ น. แต มั น ยากกว า ที่ จ ะหลี ก ออกไปเพราะฉะนั้ น จึ ง มี ก ารนิ ย มว า หลี ก ออกไปจาก บานเรือน.


ปญหาเพศรสของฆราวาส

๒๐๓

ถา จํ า เปน จะตอ งอยู ใ นบา นเรือ น มัน ก็ใ ชห ลัก เกณฑอ ัน เดีย วกัน นั่นแหละ คือรูแลวฉลาดจึงอยูเหนืออํานาจการหลอกลวงของสิ่งเหลานี้ ; ก็เลย กลายเปน คนที ่ไมบ า ไมห ลง ไมม ัว เมาเกิน ขอบเขต เหมือ นที ่เห็น ๆ กัน อยู . เราจะเห็น วาคนสมัย นี้เปน ทาสของเพศรส อยางไมมีขีด ขั้น ; อะไร ๆ ทั้งหมด ก็ระดมไปยังสิ่งนี้ เพื่อสิ่งนี้ ; ไปเรียนวิชาความรูมาอยางมากมายจากเมืองนอก เพื ่อ มีอ าชีพ สูง เพื ่อ มีเ งิน เดือ นสูง ก็ใ ชไ ปเพื ่อ สิ ่ง นี ้ หรือ เพื ่อ อุป กรณข อง สิ ่ง เหลา นี ้ ; เพื ่อ สิ ่ง นี ้โ ดยตรงก็ไ ด เพื ่อ อุป กรณข องสิ ่ง นี ้ก ็ไ ด. เราจะเห็น วา มัน มีอ ุป กรณม ากมายเหลือ เกิน ที ่แ พงมาก ๆ เพื ่อ ใหม นุษ ยไ ดลุ ม หลงในสิ ่ง นี้ นี้คือปญหาของฆราวาสเกี่ยวกับเพศ. เรื่องสุ ดท ายที่ เราควรจะรูก็ คื อวา การที่ จะควบคุ มสิ่ งเหล านี้ จนเรา ถอนตัว ออกมาเสีย ไดนี ้ไ มใ ชเ รื ่อ งของคนโง หรือ คนบา เหมือ นที ่เ ด็ก ๆ หนุมสาวเขาใจ. เขาอาจจะคิดไปวาเมื่อไมมีสิ่งเหลานี้มันจะเปนคนบา เปนคน สติ วิ ป ริต ไม ช อบสิ่ ง ที่ ต ามธรรมชาติ จ ะต อ งชอบ ; มั น ก็ อ าจจะเป น ได แต มั น นิ ด เดี ย ว มั น ถู ก นิ ด เดี ย ว. ถ า คนถู ก ตอนหรือ คนที่ อ วั ย วะเพศไม ส มประกอบนี้ มัน ก็จ ะไมค วามรูส ึก หรือ ไมต อ งการสิ ่ง เหลา นี ้เ หมือ นกัน ; ดัง นั ้น ก็เ รีย กวา คนวิป ริต ผิด ธรรมดา สงเคราะหรวมไวในพวกคนบา . แตวา คนที ่ม ีส ติวิป ลาส ไมเกี่ยวของกันสิ่งเหลานี้ หรือเกลียดชังสิ่งเหลานี้ ก็เปนพวกคนบาจริง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สํ า หรั บ พระอริ ย เจ า ที่ ไม เกี่ ย วข อ งกั บ สิ่ ง เหล า นี้ นั้ น ไม ใช ค นบ า ; คือเปนคนที่รูจักสิ่งเหลานี้ดี. แมคนที่กําลังจะเปนพระอริยเจา คือกําลังตอสูกับ สิ่งเหลานี้อยู ก็ไม ใชคนบ า. ดังนั้ นในการที่ ออกบวชจากบ านเรือน เพื่ อละสิ่งนี้ เพื่ อ ต อ สู กั บ สิ่ ง เหล า นี้ ไม ใ ช ค นบ า , ไม ใ ช ค นที่ ค วรจะถู ก เรี ย กว า คนบ า . คุ ณ ลองสังเกตดู คนที่ เขาคิ ดวา พระ ที่ ออกมาเสี ยจากบ านเรือน เป นคนบ า ๆ บอ ๆ


๒๐๔

ฆราวาสธรรม

สติไมสมประกอบ ไมไปสนใจกับสิ่งที่นาเสนหา ; นี่เขาอาจจะคิดวาเปนคนสติ วิปริต นั่นเพราะวาคนนั้นเปนทาสของสิ่งนี้มากเกินไปจนมองไมเห็น, ไมเห็น อัสสาทะ, ไมเห็นอาทีนวะ, ไมเห็นนิสสรณะ ; แลวหาวา พวกนี้เปนคนบา ไมไปยุงกับมัน ไมไปสนใจกับมัน ก็มีได. เพราะฉะนั้น การที่เรามีระเบียบปฏิบัติหรือมีความพยายามที่จะ ทํา ลายความบีบ คั้น ของสิ่ง เหลานี้ ไมใชเปน เรื่อ งบา ; เปน เรื่อ งที่ตอ งตอ สู เพื่อใหเขาสูระดับที่พอดี พอเหมาะเสียทีหนึ่งกอน ไมบามากเกินไปเหมือนคน พวกนั้น , ไมบา มากเกิน ไป เหมือ นพวกที่วา เราบา ; เพื่อ ใหร ะดับ พอดี เสียที่หนึ่งกอน แลวก็เพื่อจะชนะมัน ในที่สุด. ดังนั้นพวกที่พยายามจะขมขี่ หรือวา ละ หรือวาอะไรในเรื่องความบีบคั้นของความรูสึกทางเพศนั้น ไมใช คนบา. ถูกแลว สิ่งตาง ๆ ถากระทําผิดวิธี อาจจะกลายเปนบาไปเลยก็ไดจริง เหมือนกัน ฉะนั้นมันก็ตองเปนเรื่องที่ทําถูกวิธีจริง ๆ

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทั้งหมดนี้ เปน เรื่อ งปญ หาทางเพศของฆราวาส มีอ ยูอ ยา งนี้ ; เรารูตัวปญหานี้กอน แลวเราคอยพูดกันถึงวิธีที่จะแกปญหา หรือเอาชนะมัน อยางไร.

เวลานี้ของเราก็หมดลง นกกางเขนบอกวาพอกันที สําหรับวันนี้.


การควบคุมความรูสึกทางเพศของฆราวาส - ๑๒ ๒๘ เมษายน ๒๕๑๓ บัด นี ้เ วลาลว งมาถึง ๔.๔๕ น. แลว จะไดพ ูด กัน ถึงป ญ หาเกี่ ย วกั บ ความรูสึ กทางเพศ ที่ เป น ป ญ หาของฆราวาส ดว ยเหมือ นกัน . เราจะไดพ ิจ ารณ ากัน โดยเฉพาะ ถึง การ ควบคุม ; ในคํ า ถามที ่เสนอเขา มาก็ม ีอ ยู ข อ หนึ ่ง ที ่ถ ามปญ หา วาเราจะลดความรูสึ ก ที่ เป น ความกําหนั ด ทางเพศได อ ย างไร ? นั ่น ก็ย อมหมายความวา จะตอ งการความพอดีห รือ ความถูก ตอ งเกี ่ย วกับ เรื่อ งนี ้ ; มิไ ดห มายความวา จะตัด หรือ ทํ า ลาย ใหสูญสิ้นไป.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ปญหาเกี่ยวกับการควบคุมความรูสึก หรือความกําหนัดในทางเพศนี้ สําหรับฆราวาส และบรรพชิตยอมไมเทากัน. สําหรับบรรพชิต ก็คือผูที่ตองการ จะไปกอน หรือไปเร็ว หรือไปดีกวา อะไรทํานองนี้ ก็จะตองมีความมุงหมายที่จะ ควบคุม หรือแกไขมากกวาพวกฆราวาส ซึ่งยังไมตองการจะไปเร็ว หรือวาไปกอน

๒๐๕


๒๐๖

ฆราวาสธรรม

เพราะฉะนั้น คําวาฆราวาสจึงมีคําประกอบขยายความในภาษาบาลีวา ผูครองเรือน ผูแออัดอยูดวยบุตรภรรยา ลูบไลกระแจะจันทนของหอม อยางนี้เปนตน. สําหรับวันนี้ เราจะพูดกันแตปญหาของฆราวาสโดยตรง หรือวาถาจะ เปน เรื่อ งของบรรพชิต ก็เปน เรื่อ งเทา ที่ม ัน ควบเกี่ย วกัน ก็ไปรูค วามหมายนี้ เอาเอง. ในคําถามที่เสนอเขามานั้นใชคําวา ความกําหนัด โดยตรง. สําหรับ คําวา ความกําหนัด ซึ่งภาษาบาลีวา ราคะ นี้ เมื่อถือเอาตามหลักในภาษา บาลี หรือ ภาษาธรรมะก็ ต าม มั น กว างขวางกว า, เขามิ ได ห มายถึ งแต ค วาม กําหนัดทางเพศอยางเดียว ; หมายถึงความรูสึกที่มันเขาไปผูกพันติดแนนในสิ่งใด ก็ ไ ด ที่ เป น ความติ ด แน น ทางจิ ต ใจ. แต ใ นภาษาไทยเรานี้ หมายถึ ง ความ กําหนั ดในทางเพศทางกามารมณ ; ถึงแม ในที่ นี้ ในวัน นี้ เราจะพู ดกัน แต เรื่อ ง ทางเพศ ทางกามารมณ ก็ใหรูไวดวยวา คําวา ความกําหนัด ในภาษาธรรม นั ้น กวา งคือ วา จะไปกํ า หนัด ในสิ ่ง ที ่ไ มใ ชเ รื่อ งเพศโดยตรงก็ไ ด แมที ่ส ุด แต ของเลน ของชอบใจอะไรก็ไ ด, สิ่ง ที่รัก ใครห วงแหนถึง ที่สุด อยา งนี้ก็ไ ด ; แมแตความรูสึกรักในลูกหลานตัวเล็ก ๆ ก็เรียกวาความกําหนัดดวย. สวนความ กําหนัดในภาษาไทย ก็หมายถึงความกําหนัดทางเพศ, และหมายถึงความรูสึก ทั้ง ๓ เวลา คือวาที่ลวงแลวมา ก็เอามารูสึกคิดนึกกําหนัดได,หรือกําลังเปนอยู เฉพาะหนาก็รูสึกกําหนัดได, หรืออาจจะคิดนึกลวงหนาใหมีความรูสึกกําหนัดก็ได ; เพราะฉะนั้นปญหามันจึงมีมาก.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ปญหาสวนใหญเปนปญหาความกําหนัดที่เกิดขึ้นเฉพาะหนา คือในขณะ ที่ประสบอารมณ เกิดอารมณปจจุบันมากกวา ; แตถึงอยางนั้นก็ขอใหเขาใจไวดวย วามันเนื่องกัน คืออารมณในอดีตที่แลว ๆ มาแตหนหลัง ไปเอามาคิดมานึกอีก มันก็กลายเปนสิ่งปจจุบันบันสําหรับเรื่องทางจิตใจ. ถามันเกิดความกําหนัดขึ้นมา


การควบคุมความรูสึกทางเพศของฆราวาส

๒๐๗

เมื่อไร มันก็เปนเรื่องปจจุบันขึ้นมาเมื่อนั้น. หมายความวาที่ไปนึกถึงเรื่องความ กําหนัดแตหนหลัง หรือถึงสิ่งที่เปนที่ตั้งแหงความกําหนดแตหนหลัง, เอามาคิด มันก็กลายเปนเรื่องธรรมารมณขึ้นมาในใจ เกิดความกําหนัดเปนปจจุบันขึ้นมาได. สวนเรื่องของปจจุบันนั้นก็เอา รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส เฉพาะหนาที่ มาถึงเขา ; แตวาสิ่งเหลานี้ในที่สุดมันกลายเปนอารมณ ในอดีต แลวกลับมาเมื่อไรอีกก็ได. เรื่องอนาคตก็เหมือนกัน หมายถึง รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส เคยผานมาแลว แลวก็คํานึงคํานวณได รูสึกได, วาในอนาคตจะมี อยางนั้นอยางนี้ ; แลวเอามา นึกคิด มันก็กลายเปนเรื่องธรรมารมณในปจจุบันขึ้นมาได ; แลวมันก็รบกวนจิตใจ มากเทากัน คือมันกลายเปนปจจุบันไดโดยทางความคิดนึก. เพราะฉะนั้นจะตองรูวา มันเกี่ยวโยงกันกวางขวาง หรือสึกซึ้งอยางนี้ สํ าหรับสิ่ งที่ เรียกวาราคะ หรือความกํ าหนั ด. เราจะมั วแก ป ญหาเฉพาะหน า คื อ ปจจุบันอยางเดียว มันก็ไมเปนผลดีถึงที่สุด มันก็เลยเปนเรื่องที่ตองควบคุมความ รูสึกในอดีต หรือความคิดฝนอะไรในอนาคตดวยเหมือนกัน. ลองเปรียบเทียบ กันดูวา ราคะ - ความกําหนัด ตามความหมายหรือตัวหนังสือนั้น เปนอยางไร ? บัญญัติไวอยางไร ?

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ เราจะพูด กัน ถึงตัว จริง ไมใชตัว หนังสือ . เรื่อ งนี้มัน ก็เปน เรื่อง ที่ ยาก ที่ จะเขาใจได วาคื ออะไร วาความกํ าหนั ดนั้ นคื ออะไร ? ยิ่ งผู ที่ ยั งใหม ต อ ความรูสึกอันนี้ หรือใหมตอความรูสึกเรื่องทางโลก ๆ แลว ก็คงจะเขาใจไดยาก วาความรูสึกที่เปนความกําหนัดนั้น มันเปนเครื่องจักรชนิดหนึ่งในทางจิตใจเทานั้น เอง. ที่ใ ชคํา วา เครื่อ งจัก รในที่นี้ มิไ ดห มายถึง วัต ถุ ; มัน เปน เรื่อ งทางจิต ใจ แตมันมีลักษณะอยางเดียวกับเครื่องจักร ที่เราเรียกวา mechanism คือสิ่งที่มันทํา หนาที่เกี่ยวโยงกันไปตามลําดับ แลวมีผลเกิดขึ้นมาอยางแนนอน เหมือนเครื่องจักร ก็เรียกวา ความแนนอน.


๒๐๘

ฆราวาสธรรม

เครื่องจักรที่เราใชประกอบการอุตสาหกรรมนั้น มันเปนเครื่องจักรทาง วัตถุมีตัวตนเปนวัตถุ ;แตเครื่องจักรที่พูดถึงนี้ มันเปนเรื่องทางจิตใจ ไมมีรูปราง ไมม ีต ัว ตน มัน เปน นามธรรม. แตถา มองใหด ี มองใหเห็น แลว ก็จ ะเห็น เปน รูป ร า งเหมื อ นกั น , เป น รู ป ร า งทางฝ า ยนามธรรม คื อ จะต อ งมี อ ะไรที่ เป น ส ว น ประกอบ หรือ ทํ า หนา ที ่ค รบถว น, แลว เมื ่อ มาสัม พัน ธก ัน เขา แลว ก็ต อ ง มีการทํางานเกิดขึ้นเปนลําดับ ๆ ไปอยางเที่ยงแทแนนอน เหมือนกับเครื่องจักร. คํา วา “เหมือ นกับ เครื่อ งจัก ร” นั ้น หมายความวา มัน จะเหมือ นอยา งนั ้น ทุก ที ซ้ํา ๆ ซาก ๆ ; ผมเคยสรุปความเปนคําโคลงเลนวา : สัมผัส กําหนัด นั้น อารมณพบอินทรีย ทํางานเที่ยงตรงหลัก แตโลกหลงวาแกว

เครื่องจักร ในกาย เขาแลว ตางหาก ก่ํากาม

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org บรรทัด แรกวา สัม ผัส กํ า หนัด นั ้น เครื่อ งจัก รในกาย คือ การที่ ได รับ ความสั ม ผั ส ทางตา ทางหู ทางจมู ก ทางลิ้ น ทางกาย ทางใจ กั บ รู ป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ นั้น มันเปนเครื่องจักรชนิดหนึ่งในรางกาย คนเรา ; หมายความวา ถาอายตนะภายนอกกับอายตนะภายในมี การสัมผัสกัน เขา แลว ก็จ ะเกิด วิญ ญาณ, จะเกิด สัญ ญา, แลว จะเกิด เวทนา, จนเปน ความรู ส ึก กํ า หนัด พอใจ ซึ ่ง เปน เวทนา ; อาการเกิด อยา งนี ้จ ะเปน เหมือ น เครื่องจักร คือแนนอน เร็วที่สุด จนแทบจะกําหนดไมได เหมือนกับเครื่องจักร ที ่ม ัน หมุน เร็ว ๆอยา งนั ้น ; ก็เปน เครื ่อ งจัก รที ่ม ีอ ยู ใ นรา งกายคน แตไ มใ ชต ัว รา งกายโดยตรง ; มัน เปน เรื ่อ ง mechanism ทาง mentality. เรื ่อ งอยา งนี้ เราเรียกวาทาง mentality ไม ใชทาง spiritual อะไรมากมายนั ก คื อเป นเรื่องจิ ต


การควบคุมความรูสึกทางเพศของฆราวาส

๒๐๙

ที่เกี่ยวของอยูกับรางกาย ; ไมใชเรื่องความคิดเห็นหรือสติปญญาลวน ๆ ซึ่งเปน เรื่องทาง spiritual. บรรทัด ที ่ ๒ - ๓ วา : อารมณพ บอิน ทรีย  เขา แลว ทํ า งานเที ่ย ง ตรงหลัก ตา งหาก; นี้อ ธิย ายอยูใ นตัว เสร็จ . อารมณนั้น คือ ขา งนอก ไดแ ก รูป เสี ย ง กลิ่ น รส โผฏฐั พ พะ ธรรมารมณ . พบอิ น ทรีย , อิ น ทรีย คื อ ตา หู จมู ก ลิ้น กาย ใจ เขาแลว ก็ทํ างานเที่ยงตรงหลัก คือ เกิดวิญญาณ เกิดผั สสะ เกิดสัญญา เกิดเวทนา เปนเครื่องจักรีแนนอนอยางนี้. บรรทั ด ที ่ ๔ ว า : แต โ ลกหลงว า แก ว ก่ํ า กาม. นี ้ เ ป น ภาษา คํ า ประพัน ธ มัน ตอ งไปอยา งนี ้เ อง. แตโ ลกหลงวา แกว , หมายความวา ชาวโลก - ฆราวาสนี้ห ลงวาเปน ของวิเศษประเสริฐ สูงสุด ,หลงวาแกว. ก่ํา กาม ก็คือมีจิตใจเต็มปรี่ไปดวยความรูสึกทางกามารมณ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี ้ก ็เ พื ่อ จะชี ้ใ หเ ห็น วา เรื ่อ งที ่ค นไมรู  เขา ใจวา วิเ ศษ ประเสริฐ หลงใหล บูชากวาสิ่งใดนั้น ที่แทเปนเพียงเครื่องจักรแระจําอยูในรางกาย ในทาง ฝายจิตฝายวิญญาณ. เพราะฉะนั้ นเราก็ จะรูได เองวา ความหลงในเรื่องนี้ มั นเป น อยางไร ? หลงมากหลงนอยอยางไร ? โงหรือฉลาดอยางไร ? สัตวทั่วไปในชั้น กามาวจรภู มิ , คื อ สั ต ว ทั้ ง หมดในโลกตามธรรมดานี้ ก็ ไม เข า ใจเรื่ อ งนี้ แล ว ก็ หลงเรื่องนี้ไดมาก เพราะมันยังมีอะไรซับซอนไมกวานั้น ; คือความสัมพันธกัน ระหว างจิ ต กั บ รา งกายนี้ ยั งมี อ ยู อี ก ที่ ช วยสิ่ ง เสริม ซึ่ งกั น และกั น และส ง เสริม ซึ่งกั น และกั นให มั น แรงขึ้ น ; เช น รางกายสบายแข็งแรง ความรูสึ กทางนี้ ก็ แ รง ; หรือวาทางจิตคิดนึกไดเกง มันก็สงเสริมความรูสึกอันนี้ไดแรง ก็เลยเปนปญ หา มาก คื อ ป ญ หาที่ เกี่ ย วโยงกั น สลั บ ซั บ ซ อ นมาก. แต ต อ งสรุ ป ความว า สิ่ ง ที่


๒๑๐

ฆราวาสธรรม

เรียกวาความกําหนัดนั้น มันเปนเพียงเครื่องจักรในกาย. เมื่ออารมณ พบอินทรีย เข าแล ว ทํ างานเหมื อ นเครื่อ งจั ก ร ; ถ า รูอ ย างนี้ ก็ จ ะมี ป ระโยชน ม าก คื อ จะได บรรเทาความหลง. ทีนี้ ก็อยากพู ดถึงความรู ความคิด หรือวัฒ นธรรมโบราณเกี่ยวกั บ เรื่อ งนี้บ าง เพราะวา มัน ก็มีป ระโยชน ; คือ เราก็ย อมรับ หรือ เห็น กัน อยูทั่ว ๆ ไปแลววา เรื่องวัฒนธรรมทางจิตใจ หรือเรื่องทางศาสนานี้ เรารับมาจากอินเดีย ประเทศอิน เดียเป น ตนตอของวัฒ นธรรมประเภทนี้. ในประเทศอินเดี ยก็มี อะไร มาก มีการคนความาก ; เรื่องเกี่ยวกับความกําหนัดนี้ เขาก็มีการคนควาสุดเหวี่ยง ของเขา ; เขาก็บ ัญ ญัติไวอ ยา งนั้น ๆ สําหรับ ผูป ฏิบ ัติจ ะไดศึก ษา โดยเฉพาะ ก็เกี ่ย วกับ เรื่อ งทํ า โยคะ. โยคะก็ค ือ การทํ า กัม มัฏ ฐาน ; ผู ทํ า กัม มัฏ ฐานนั ้น ก็เรีย กวา โยคี. ฉะนั ้น เรื่อ งเกี ่ย วกับ การควบคุม ความกํ า หนัด นี ้ก ็เปน ปญ หา เฉพาหนาของพวกโยคี เขาจึงคนควากันอยางสุดเหวี่ยงเหมือนกัน เพื่อใหความ เปน โยคีนั ้น เปน ไปได ; หรือ วา พวกโยคีที ่ไ ดป ฏิบ ัต ิอ ยู  หรือ ปฏิบ ัต ิแ ลว รูส ึก อยาไร เปนความจริงอยางไร ก็เขียนไว หรือเลาไว สอนไว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เขาสอนไววา ความรูสึกกําหนัดประเภทใตสํานึก มีอยูดวยการสะสม ของความกํ าหนั ดตามปกติ สามั ญ ทั่ ว ๆ ไป. เขาอธิบายวา เมื่ อคนเห็ นเพศตรง กั น ข า ม หรื อ ได ยิ น เสี ย ง หรื อ อะไรก็ ต ามที่ เกี่ ย วกั บ เพศตรงกั น ข า ม ก็ จ ะเกิ ด ความรูส ึก ในจิต ขึ ้น มาอยา งหนึ ่ง ที ่เรีย กวา ความกํ า หนัด .ที ่จ ริง มัน ก็ห ลีก หลัก อัน นี ้ไ ปไมพ น ที ่ว า มาแลว ตะกี ้นี ้ วา อารมณพ บอิน ทรีย  เขา แลว ; ทํ า งาน เที ่ย งตรงหลัก ตา งหาก. นี ้เมื ่อ ไมม ีป ญ ญา ไมม ีส ติ ไมม ีค วามรู  มัน ก็เกิด ความกํ า หนัด .แตสิ ่ง ที ่เรีย กวา ความกํ า หนัด ทีแ รกนี ้ม ัน เผา, เขาใชคํ า วา เผา เผาเยื่อในกระดูก ; คือวาความรูสึกมันจุแลนลึกเขาไปถึงเยื่อในกระดูก เผาเยื่อ


การควบคุมความรูสึกทางเพศของฆราวาส

๒๑๑

ในกระดู ก ให ล ะลายเป น น้ํ า , น้ํ า ใส ๆ ชนิ ด หนึ่ ง ก็ ป รากฏออกไปในถุ งที่ เก็ บ ภาษาเดี๋ยวนี้วาตอม prostate อันนี้จะมีเพิ่มขึ้นทุกคราวที่เห็นสิ่งที่เปนที่ตั้งแหงความ กําหนัด หรือไดยิน ไดดม ไดลิ้ม ไดสัมผัส อะไรก็ตาม. เมื่ออันนี้ถูกเก็บไวมาก ก็เปนความกําหนัดใตสํานึกที่มากขึ้น ๆ คือจะรูสึกมีความกําหนัดโดยไมเจตนา มากขึ้ น ๆ ; แล ว ก็ เป น การรบกวนอย า งยิ่ ง จนถึ ง กั บ ว า เราต อ งการจะคิ ด จะ ศึก ษาเรื่อ งนั ้น เรื่อ งนี ้ ความรูส ึก ทางเพศมัน ก็ม ารวกวนเสีย มาขัด ขวางเสีย มาขัดคอเสีย ; นี่มันเปนความกําหนัดใตสํานึกรบกวน. พวกโยคีเห็นเป นปญหามาก และเห็นเปนความเสียหายมาก จึงบอก ใหรู  ; เพราะวา ถา มัน เปน ไปสูง สุด มัน ก็ร บกวนมาก ถึง กับ ฝน , ฝน ใน ลักษณะที่ เป นเรื่องทางไม ดี ไม งาม ; หรือวาถ ามั นมี มาก น้ํ าที่ เก็ บไวในถุงก็ไหล ออกมาในความฝนเปน ตน ; ซึ่งตามหลักของพวกโยคีถือวา เปนความฉิบหาย หมด, เปน ความเสีย หายหมดทางโยคะ. เขาจึง มีก ารสอนแนะนํ า ใหร ะวัง ปอ งกัน ตั ้ง แตภ ายนอก อยา ใหเ กิด เผลอสติเ มื ่อ เห็น รูป เมื ่อ ไดย ิน เสีย ง ฯลฯ ดว ยเหมือ นกัน . เพราะฉะนั ้น ก็แ สดงวา เขาก็รูเ รื่อ งนี ้กัน ในลัก ษณะอยา งนี้ จะถู ก หรือ ตรงกับ ความรูส มั ย ป จ จุบั น นี้ ห รือ ไม มั น ไม เป น ประมาณ ; เพราะวา ความรูในสมัยนี้ของคนปจจุบันอาจจะผิดก็ได หรือความรูของคนโบราณอาจจะ ผิด ก็ไ ด. แตถ า สิ ่ง ใดมัน เปน ประโยชนค ือ มัน ชว ยได สิ ่ง นั ้น นั ่น แหละคือ ถูก ; เพราะฉะนั้น เราก็เอาขอ พิสูจ นในตัวมัน เอง ที่มัน ชวยได หรือ มัน มีป ระโยชน นั่นแหละเปนความถูกตอง

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ตามหลักนี้ เขาพูดไวสําหรับพวกโยคี ซึ่งเปนบรรพชิต ที่ตองควบคุม กัน ถึง ขนาดหนัก ;สํ า หรับ ฆราวาสปุถ ุช นคนธรรมดาอาจจะไมถ ือ หลัก อยา ง นั ้น ก็ ไ ด เพราะเขาต อ งการ ; หรื อ กลั บ จะเห็ น เป น ของดี ข องวิ เศษไปเสี ย ก็ ไ ด


๒๑๒

ฆราวาสธรรม

ที่เขาไดมีความกําหนัดมาก ๆ ถึงขีดสุด อะไรทํานองนี้. แตถึงอยางไรก็ดี ถาสิ่ง เหล า นี้ มั น เกิ น ขอบเขต มั น ก็ เป น โทษอย า งยิ่ ง แม แ ก พ วกฆราวาส ; เพราะ ฉะนั้นมันก็เปนเรื่องที่จะตองรูและควบคุม.จากหลักอันนี้ จากหลักที่เขาวางไว สําหรับโยคะนี้ มันทําใหเราเขาใจไดในดานตอไป คือในทางดานของบรรพชิต วาความกําหนัด เมื่อมันเปนเครื่อ งจักรในลักษณะอยางนี้แลว มันก็เลยทําให มองเห็นชัดอยูวา มันเปนสิ่งที่ควบคุมได ; หรือวาคนอาจจะหมดความรูสึกที่ เปนความกําหนัดได โดยไมตองเปนคนบา. เมื่ อ ควบคุ ม ความรูสึ ก กํ า หนั ด ทางตา ทางหู ทางจมู ก ทางลิ้ น ทางกาย ทางใจ อะไรก็ตามดวยสติสัมปชัญญะอยู ก็ไมสะสมสิ่งที่วานี้, สิ่งที่ รบกวนอยูภายใตสํานึกนี้. เพราะฉะนั้นคนที่มีสติสัมปชัญญะมากจนควบคุมได ทุก คราว ทุก กรณีที ่ต ามเห็น รูป หูฟ ง เสีย งเปน ตน ก็จ ะเปน ผู ส รา งความ กํ า หนัด , ไมส ะสมความกํ า หนัด , เปน ผู ป อ งกัน ความกํ า หนัด ได ; แลว ก็ สบายดี หรือ สบายกวา คนที ่ป ลอ ยไปตามธรรมชาติในลัก ษณะที ่ก ลา วแลว , เพราะฉะนั้นพระอรหันต หรือความเปนพระอรหันตจึงเปนสิ่งที่มีไดโดยไมเหลือ วิสัย ; และพระอรหัน ตก็ไ มตอ งเปน คนบา คนบอหรือ เปน คนที่มีส ติวิป ริต มีจิตใจวิปริตอะไร ; เพราะเปนเพียงเรื่องการสะกัดกั้นความรูสึกอันนี้ ไมใหเกิด ไมใหสะสมอีกตอไป. การหมดราคะ ความกําหนัดนั้นก็เปนของที่เปนไปตาม กฎของธรรมชาติธรรมดาได โดยไมตองมีความวิปริตผิดปกติในทางจิต หรือใน ทางรางกาย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คนสมัยนี้มักจะสงสัยวา พระอรหันตนั้นเปนผูมีความวิปริตผิดปกติ เพราะหมดความรูสึกอยางที่คนธรรมดาเขามี ๆ กัน. เพราะฉะนั้นเรารูเรื่องความ รูสึ ก ที่ เรีย กว า ความกํ า หนั ด นี้ ในลั ก ษณะอย า งที่ มั น เป น เหมื อ นเครื่ อ งจั ก ร ;


การควบคุมความรูสึกทางเพศของฆราวาส

๒๑๓

แลวถาควบคุมไดก็กลับเปนผลดี. ควบคุมกําลังรางกายจิตใจอะไรเหลานี้ไวไดดี มันก็กลายเปนกําลังที่หลอเลี้ยงสติปญญา. ความกําหนัดครั้งหนึ่งที่เปนไปถึงขีด สุดนั้ น มั นเป นเครื่องทอนกําลังกาย ; แตถ าควบคุ ม ไวไดมั น ก็กลายเป นเครื่อ ง สงเสริมกําลังกาย กําลังสติปญญา สงเสริมมันสมองใหทําหนาที่คิดนึกเขมแข็ง ลึก ซึ้ง ได. แตถา พา ยแพแ กสิ่ง เหลา นี ้ มัน ก็ท อนกํ า ลัง กาย ทอนกํ า ลัง ปญ ญา ใหออนเพลียทรุดโทรมไป ; มันเปนการใชจาย ไมใชเปนการรับ หรือสะสมไว. การที ่ไ มรู ส ึก มีค วามกํ า หนัด นั ้น มัน เปน การสะสมกํ า ลัง ของจิต ของสติปญญาไว ; แตในทํานองเดียวกัน คนที่มีกําลังจิตสูงมีกําลังสติปญญาสูง เมื่ อกําหนัด ก็ กําหนั ด ได ม ากกวา กวางขวางกวา ลึ กซึ้งกวา ; มั น เป นกฎในตั ว ธรรมชาติอ ยา งนี ้. เพราะฉะนั ้น เรารู ส ึก มัน เรารู จ ัก มัน ในการที ่จ ะปอ งกัน หรือแกไขใหพอเหมาะพอสม. เมื่อคุณมีหลักวา เปนเรื่องของฆราวาส ตองการ แตที่ฆราวาสจะพึงกระทํานี้ ก็ควรจะรูวา มันคนละระดับ กัน กับ บรรพชิต . ทีนี้ เราก็ จ ะพู ด กั น เพี ย งในระดั บ เรื่ อ งของฆราวาส ; หรื อ ว า ผมไม อ าจจะพู ด ไปใน เรื่อ งของฆราวาสโดยเฉพาะก็จ ะพูด ไปในหลัก ที่ก วา ง ๆ และทั่ว ไป ; แลว คุ ณ ก็ เอาไปวิ นิ จฉั ยตั ดทอนลงไปเอง ตั ดทอนลงไปให พอเหมาะพอสมแก ความเป น ฆราวาสเอง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถามันเปนปญหาขึ้นมาวา ความกําหนัดนี้มันทําอันตรายแกความผาสุก ของจิตใจ, หรือวาบางคนที่ค วบคุม ไมได ปลอยไปสุดเหวี่ยงในความรูสึกอัน นี้ ก็ประสบความฉิบหายทั้งทางกายทางจิตนี้ก็มี ; ปญหาทางการควบคุมมันก็เกิดขึ้น ไมวาฆราวาส หรือบรรพชิต. ทีนี้เราเพราะพูดถึงการควบคุมโดยทั่ว ๆ ไป อยางกวาง ๆ ทั่ว ๆ ไป มันก็มีการควบคุมทางฟสิคส หรือทางรางกายเนื้อหนังประเภทหนึ่ง ; การควบคุม


๒๑๔

ฆราวาสธรรม

ทางจิต ใจนั ้น อีก ประเภทหนึ ่ง ทั ้ง ที ่ม ัน เนื ่อ งกัน เราก็ย ัง แยกไดเปน สองอยา ง อยา งนี ้. พวกที ่รู แ ตเ รื ่อ งทางฟส ิค ส ทางรา งกาย ทางเนื ้อ หนัง ก็ย อ มจะมุ ง ควบคุ ม แต ท างเนื้ อ หนั ง ; พวกที่ส นใจทางจิตทางวิญ ญาณก็มุ งควบคุม ทางจิต ทางวิญญาณ ; เปนอยูอยางนี้ ฉะนั้นจะตองดึงมาใหมันพบกันไดเทาไรก็ยิ่งดี. จะพูดถึงการควบคุมทางฟสิคส มันก็มีการกระทําทางฟสิคส เชน การ ผาตัด การใชหยูกยา กระทั่งการบีบคั้นรางกายใหมันทุพพลภาพไป เหลานี้เคยมี มาแลวตึงแตครั้งโบราณหลายพันปในอินเดีย หรือวาในประเทศอี่นที่อยูใกลเคียง หรือ ที่ มี ระดั บ ความเจริญ ทางวัฒ นธรรมอะไรสม่ํ าเสมอกั น.ในหนั งสือ เกี่ยวกั บ เรื่อ งนี้ เราอานพบวา พวกยิวเมื่อ หลายพัน ปมาแลว ก็มีพูด ถึงการผาตัด แกเด็ก เพื ่อ ควบคุม ความรูส ึก อัน นี ้. เขาวา มีห มอผู ห ญิง หมอกลางบา น เที ่ย วเดิน ไป ตามหมู บ าน ; บ านไหนมี เด็ กคลอดใหม ต องการจะทํ างานผ าตั ด เพื่ อควบคุ ม ความรู ส ึก อัน แรงกลา ในทางนี ้ข องเด็ก ในอนาคต ก็ใ หห มอนี ้ทํ า ;เปน หมอ กลางบานคลาย ๆ กับหมอตัดสายสะดือเด็ก. หมอจะทําการผาตัด หรือขีด หรือ ทํ าลาย ที่ อวั ยวะของเด็ กหญิ ง โดยเฉพาะบางส วน เพื่ อว าเด็ กนี้ โตขึ้ น จะไม มี ความรู สึ ก ทางเพศรุ น แรง ; ทํ า กั น เมื่ อ เด็ ก คลอดมาใหม ๆ นี่ ก็ มี เขี ย นเล า ไว อยา งนี ้. ตลอดถึง ทํ า แกเ ด็ก ผู ช ายหรือ คนหนุ ม ชายหนุ ม ; นี ้เ ปน ตัว อยา ง ในทางผาตัด. แลวก็มีการใชหยูกยาที่เขาคนควาตําหรับตําราทางโบราณ เพื่ อ สงเสริมความกําหนัด หรือเพื่อลดความกําหนัด.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฝายการกระทําแกรางกายใหทุพพลภาพ ซึ่งรุนแรงมาก ; พวกโยคี บางประเภทในประเทศอินเดีย เขาทําการทรมานรางกาย ; กลายเปนคนที่ผอม เป นคนที่มีความเจ็บปวดทางรางกายอยูเสมอ ความรูสึกทางเพศมั นก็ลดลงไป ไม ร บกวน ; เขาก็ พ อใจแล ว ว า เท า นี้ ก็ เป น ที่ พ อใจแล ว . แต มั น เป น เรื่ อ งทาง ศาสนา เป น เรื่ อ งทางลั ท ธิ เขาก็ เขี ย นไปในรู ป ที่ ว า พระเจ า โปรดปรานแล ว ;


การควบคุมความรูสึกทางเพศของฆราวาส

๒๑๕

เมื ่อ เราทําความทรมานรา งกายใหทุพ พลภาพอยา งนี้แ ลว พระเจา โปรดปราน ไดบุ ญ . เขาพู ด เป น บุ ค คลาธิษ ฐานอยางนั้น ไปเสีย แทนที่จะพู ด ไปอย างตรง ๆ จริง ๆ วา ทําอยางนี้ความกําหนัดมันลดนอยลงไป มันไมรบกวนเรา, เราสบาย. นี้ เขากลั บ พู ด ไปในทํ า นองว า เป น ที่ โปรดปรานของพระเจ า ตายแล ว จะได ไป สวรรค ไปอะไรตามเรื่อ ง. นี ่เปน การควบคุม หรือ ทํ า ลายความกํ า หนัด โดย ทางบี บ คั้ น หรือ ทํ าลายอวัย วะต างกายส วนใดส ว นหนึ่ ง . ทั้ งหมดนี้ เราเรีย กว า การควบคุมทางฟสิคส เปนทางฟสิคสทางฝายรางกายทั้งนั้น. ที นี้ ฝ ายการกระทํ าทางจิตใจ ทางฝ ายวิญ ญาณ : เขาใชกํ าลั งของ ความคิดความรู บ ม ความคิด ความรู ใหเกิดขึ้น ถึงขนาดที่ เรียกวาเป นญาณ ทัส สนะ, คือ ความรูสึก ที่รุน แรงทางจิต ใจ ครอบงํา ความรูสึก ที่ไ มป รารถนา นี้ได. เกี่ยวกับทางจิตใจนี้ มันก็มีอยางเดียวกับที่เราไดรับคําสั่งสอนแนะนําในทาง พุทธศาสนานี้ ; แตอยาเขาใจวาเพิ่งมี มันอาจเปนของมีมากอนพุทธศาสนาก็ได คํ าสอนเรื่อ งปฏิ กู ล เรื่อ งอสุ ภ , เรื่อ งปฏิ กู ล สั ญ ญา อสุ ภ สั ญ ญา เช น เราสอน ตจปญจกกัมมัฎฐานกัน ในวันแรกบวชเปนพระในอุโบสถเมื่อวันบวชนั้น ใหมอง สิ่งเหลานั้นเปนของปฏิกูล อยาใหเกิดความกําหนัดยินดี จึงจะมีจิตใจสูงเหมาะสม ที่ จ ะนุ งห ม ผ ากาสายะ. แต เมื่ อ ยกเอาทั้ งหมดไม ได ก็ ย กเอามาเพี ย ง ผม ขน เล็ บ ฟ น หนั ง, มาศึ กษาความเป น ปฏิ กู ล ของมั น และเราเคยหลงวาเป น ของ สวยของงาม. นี้ก็เปนเรื่องใหศึกษาความรูสึกที่เปนความกําหนัด, ปองกันความ กําหนัด ตองการจะบังคับความรูสึกทางเพศ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org อสุภสัญญาก็มีความหมายอยางเดียวกัน : ใหเห็นวาสิ่งที่เราเห็นกันวา งามนั ้น มัน ไมง ามกระทั ่ง ทั ้ง หมด ทั ้ง เนื ้อ ทั ้ง ตัว – เชน ใหไ ปดูซ ากศพในปา ชา จะมองเห็นสภาพความเปนจริงของรางกายที่เปนไปตามธรรมชาติ จะมาเปนเครื่อง


๒๑๖

ฆราวาสธรรม

ทําใหสลดสังเวช จะขมความรูสึกที่เปนความกําหนัด ; กระทั่งคําของปู ยา ตา ยาย พูด ไววา “ความงามอยูที่ซ ากผี.” ไปดูซ ากศพตา ง ๆ เหลา นี้แ ลว จะพบความจริงของธรรมชาติ ซึ่งถือวาเปนความงามในทางธรรมะ ซึ่งจะชวย ใหม นุษยดีขึ้น หรือเอาชนะกิเลสได. ความงามอยูที่ซากผี นั้นใหขยันไปดู, แลวก็ขยันเจริญปฏิกูลสัญญา อสุภสัญญา. นี้เปนหลักพื้นฐานทั่วไป เปนขั้น ก. ข. ก. กา พื้นฐานเบื้องตนทั่ว ๆ ไป จะตองกระทํา. ถาวาจะเลื่อนสูงขึ้นไปอีก ก็พิจารณาโดยความเปนธาตุ, เปนไป ตามธรรมชาติ ไมใชอะไรมากไปกวานั้น ; คือเริ่มเห็นไปตั้งแตวา ความกําหนัด รูสึก กํา หนัด หลงใหลอยา งยิ่ง นี้ มัน เปน เรื่อ งความลวง ความหลอกของ ธรรมชาติ ; เปนความหลอกลวงทาง อายตนะ คือทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ, รูป เสีย ง กลิ่น รส และสัม ผัส ; เปน ความหลอกลวงทางอายตนะ ของธรรมชาติ เราโง รูไมทัน ไปหลงรูสึก พอใจสูงสุด ; อยางนี้ก็ได. มอง เห็นเปนความถูกลวง นาขายหนา มันก็ซาความกําหนัด ; แตมันก็ตองทําให มาก ทําจนรูสึกโดยแทจริง เขาใจจริง เห็นจริง วา มันเปนความถูกลวงของ อะไรอยางหนึ่ง ใหเราเปนทาสของมัน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org จะมองไปในรูปของความพายแพก็ได วา นี้คือ ความพายแพที่นา ละอายที่สุด โดยเฉพาะสําหรับพวกบรรพชิต. แตพวกชาวบานเขาไมเห็นเปน ความพายแพ เขาเห็นเปนความชนะ เปนความได; เปนการบริโภค เปนการ เสวยอะไรที่มันวิเศษประเสริฐ ; ไมมองเห็นเปนความพายแพ. และนี่ก็ตองจัด เปนความโง หรือความหลง. ถามันไมมีความลอลวงอะไรที่อํานาจมาก คน ก็ไ มพ า ยแพ หรือ ไมห ลง. ทีนี้ม ัน มาเหนือ เมฆมากกวา คนก็ห ลงวา เปน ความชนะ, คนก็หลงวาเปนการไดที่ดี เปนการที่สูงสุด.


การควบคุมความรูสึกทางเพศของฆราวาส

๒๑๗

นี่ ม นุ ษ ย คนธรรมดาสามั ญ จึ งเป น ทาสของสิ่ งนี้ ขนาดว าทํ าอะไร ต อ อะไรก็ เพื่ อ สิ่ งนี้ ไปเสี ย ทั้ งหมด หาเงิน หาทองมาได ม ากมาย ก็ เอาไปใช ถลุ ง พัก เดีย วเกี ่ย วกับ เรื่อ งนี ้เกี ่ย วกับ สิ ่ง นี ้ ; แลว ก็ทํ า อยู อ ยา งนี ้จ นตลอดชีวิต คุณ ไปพิจารณาดู. ถาเราพูดตามโวหารทางศาสนาก็วา นี่เปนทาสของมาร. ความ ถูกหลอกลวง หรือความพายแพนี้คือความเปนทาสของมาร เปนขี้ขา เปนบาวไพร เปน ทาสของพระยามาร ; สํา หรับ พระยามารจะไดจูง ไปใหทํ าอะไรได ตามที่ พระยามารตองการ. นี่คนที่ลุมหลงในความรูสึกอันนี้แลว ก็จะถูกกิเลสอยางอื่น จู งไปทํ า อะไรก็ ได ทุ ก อย า งทุ ก ประการ ; แล ว มั น ก็ เนื่ อ งไปถึ งกิ เลสอื่ น ด วยกั น เพราะความกําหนัด ความรัก นี้จึงทําใหโกรธ ใหเกลียด ใหกลัว ใหเศราอะไร ไดอีกมากมาย ; อยางนี้เขาเรียกวาเปนทาสของพระยามาร ตามแตพระยามารมัน จะจูงไปใหเปนอะไร, ใหทําอะไร. ถ า คุ ณ ไม รู คุ ณ จะเข าใจไปว า มั น แยกกั น ว า ความรัก ก็ เรื่อ งหนึ่ ง ความโกรธก็ อี ก เรื่อ งหนึ่ ง ความเกลี ย ดก็ อี ก เรื่อ งหนึ่ ง ความกลั วก็ อี ก เรื่อ งหนึ่ ง ความเศรา ความอะไรก็อีก เรื่อ งหนึ ่ง , คนละเรื่อ งคนละทาง ; แตที่แ ทม ัน จะ มีมูลไปจากความกําหนัด ความรักที่ฝงอยูในจิตใจนี้. เมื่อไมไดอยางใจมันก็โกรธ บางทีมันก็โกรธไวลวงหนา บางทีมันก็กลัวเอาไวลวงหนา หึงหวงไวลวงหนา ฯลฯ. กระทั่งความเศราความทุกขทุกชนิดมันมาจากความรัก คือความยึดมั่นถือมั่นใน สิ่งที่ตนรัก ; เพราะฉะนั้นจึงถือวา ความโศกทั้งหลายมาจากความรัก ; หรือพู ด กันอยางงาย ๆ ก็วา ความรักนี้เปนตนเหตุของความโศก ความกลัว ความทุ กข อีกหลาย ๆ อยาง ; ความอิจฉา ริษยา ความหึงหวง อะไรก็ตามมั นมูลมาจาก ความรัก . การกระทํ า ทั้ ง หมดนี้ พู ด โดยบุ ค คลาธิ ษ ฐานแล ว พู ด ว า เป น เรื่อ งของ พระยามาร จูงจมูกคนไปเปนอะไรก็ได เปนไปตามอํานาจของพระยามาร.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๒๑๘

ฆราวาสธรรม

ทีนี้ ปญญาความรูที่สูงสุดตามหลักพุทธศาสนา ก็คือการพิจารณาเห็นวา ความรูสึกในใจที่เกิดขึ้นตามกฎเกณฑของธรรมชาติอันนี้ มันก็เปนเพียงความรูสึก ตามธรรมชาติ. เพราะฉะนั้นจึงใชสํานวนที่คนธรรมดาเดี๋ยวนี้ไมคอยจะฟงออกวา “อัน นั ้น ก็ส ัก วา อัน นั ้น ” เทา นั ้น ;เชน วา ความกํ า หนัด มัน ก็ส ัก วา ความ กํ า หนั ด เท า นั ้ น . เหมื อ นกั บ คน นี ้ ก ็ ส ั ก แต ว  า คน, ไม ใ ช ต ั ว ตน เราเขา, สักวาธรรมชาติ. ความกําหนัดนี้ก็เหมือนกัน มันก็สักวาเปนความกําหนัดเทานั้น, ไมใ ชต ัว ไมใ ชต น ไมใ ชอ ะไร. เรารู ส ึก เปน ตัว เปน ตน ที ่เ ปน ของวิเ ศษวิโ ส บูชามัน ; แตทางธรรมะบอกวามันสักแตวาความกําหนัดเทานั้น. ก็หมายความ วา สักแตวาความรูสึกที่เกิดขึ้นตามกฎของธรรมชาติ เที่ยงตรงอยางเครื่องจักร ดัง ที ่พ ูด มาแลว ขา งตน . นี ่ค ือ ความหมายของคํ า วา “มัน สัก วา อัน นี ้เ ทา นั ้น ” ไม วิเศษวิโสอะไร. เพราะฉะนั้ น ขอให มี สติ สัม ปชัญ ญะทัน ควันทุ กครั้งที่ มี ความ กําหนัด, ใหรูวา อาว, มั นสักแตวาความกําหนั ด เทานั้น .หรือ ถาจะไดพ ายแพ แกกิเลสเรื่องนี้ไป เสร็จเรื่องเสร็จราวแลว ก็ใหเกิดความรูสึกเปนสติสัมปชัญ ญะ ขึ้นมาวา อาว, มันก็สักวาความกําหนัด ; อยางนี้ก็ไดเหมือนกัน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาจะปองกัน อยางดีก็ตองปองกันไวตั้งแตกอนมันเกิดขึ้น ; พอจะ น อ มไปสู ค วามกํ า หนั ด ก็ ว า สั ก แต ว า ความกํ า หนั ด เท า นั้ น . นี่ เรี ย กว า มี ส ติ สัมปชัญญะดีปองกันไดตั้งแตที่วี่แวว หรืออารมณ ของความกําหนัดจะผานเขามา. มัน อาจจะเคยพา ยแพไ ปหลายครั ้ง หรือ หลายสิบ ครั้ง ; แตแ ลว มัน ก็ค วรจะ ฉลาดขึ ้น ๆ จนรูเทา รูท ัน วา อีแ บบนี ้ม าอีก แลว ก็ห ยุด ชะงัก เสีย เพีย งเทา นั ้น ไมใหมันเปนไปถึงขีดสุดของมัน. เพราะฉะนั้นความรูที่รูวา อะไรเปนเพียง สักวาอันนั้นเทานั้น นี่แหละเปนความรูทีประเสริฐที่สุด ที่พระพุทธศาสนา ตอ งการใหรู. อยา ไดเปน ตัว เปน ตน เปน ของจริง จัง วิเ ศษวิโ สอะไรขึ้น มา, ให รูว า มั น เป น เพี ย งสั ก ว า อั น นั้ น เท า นั้ น ; เหมื อ นที่ เราพิ จ ารณาป จ จเวกขณ ว า


การควบคุมความรูสึกทางเพศของฆราวาส

๒๑๙

“สั ก แต ว า ธาตุ เป น ไปตามธรรมชาติ เปลี่ ย นแปลงอยู เ ป น นิ จ , ไม ใ ช สัตว บุ ค คล ตั ว ตน เราเขา, ไม ใ ช สั ต วะ ไม ใ ช ชี ว ะบุ ค คลอะไร. นี้ คื อ วิ ธี พู ด ที่ มี ความมุงหมายสวนใหญอยูที่วา “อันนี้สักวาอันนี้เทานั้น” เชนรางกาย ก็สักวา รา งกาย, สัก วา เปน ธาตุต ามธรรมชาติเ ทา นั ้น อยา เปน ตัว ตนอะไรขึ ้น มา. ฉะนั ้น สุข เวทนาอัน สูง สุด ที ่พ ูด กัน วา เปน ความเอร็ด อรอ ย ถึง ที ่สุด อะไรนั ้น มันก็ไมใชของวิเศษวิโสอะไรมากไปกวา ความเปนอยางนั้นตามธรรมชาติ. ทีนี้การที่จะประยุกตกันเขากับหลักพระพุทธศาสนาที่มีอยู ก็จะตองมอง ไปยัง สิ่งที่เรียกวา มัชฌิมาปฏิปมา ซึ่งเปนตัวพระพุทธศาสนา;มัชฌิมาปฏิปทา - การปฏิ บั ติ ที่ อ ยู ในระดั บ กลาง วางไว เป น กลางนั้ น ; เป น ฆราวาส หรื อ เป น บรรพชิต ก็ตองมีมัชฌิมาปฏิปทา สําหรับเพศนั้น ๆ โดยเฉพาะเปนอยาง ๆ ไป ฆราวาสจะเกี่ยวของกับความกําหนัด หรือจะมีความตองการในเรื่องของความ กําหนัดนี้มากนอยเทาไร ก็ขอใหมันอยูในระดับที่เรียกวา มัชฌิมาปฏิปทา, จํากัด ความลงไปวา “ไมถึงกับหลง”. หลงนั้นมันหลงในทางตรงกันขามคือฝายโนน และฝายนี้. หลงในฝายหนึ่ง ก็เปนทาสไปเลย, ลุมหลงในความเอร็ด อรอยนี้ จนเปนพระเจาไปเลย นี่เรียกวาลุมหลงสูดเหวี่ยงฝายนี้, ลุมหลงสุดเหวี่ยงอีก ฝายหนึ่ง ลุมหลงตรงกันขาม ก็คือวาโกรธแคนเกลียดชัง ทําลายมันเสียเลย. อยางที่บางคนจะไปตอนอวัยวะทางเพศ ตัดตอมแกลนดความรูสึกทางเพศไป เสียเลย ผาตัดอะไรใหมันหมดเรื่องกันเสียที ; นี้เรียกวาสุดเหวี่ยงทางฝายนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้มัชฌิมาปฏิปทาก็คือเปนคนปกติ เกี่ยวของกับสิ่งเหลานี้อยางไร ใหถูกตอง. ถาเปนฆราวาสก็ปฏิบัติตามหลักของฆราวาสที่พระพุทธเจาวางไว อยางไรนั้น ใหพ อเหมาะพอดีเกี่ย วกับ เรื่อ งเพศ เทา นี้ก็เรีย กวาถูก ตอ งแลว ; มั น ก็ ได รับ ผลเป น ความพอดี ไม มี ค วามทุ ก ข หรื อ มี ค วามทุ ก ข น อ ย ;แต แ ล ว


๒๒๐

ฆราวาสธรรม

ก็เปนความเจริญในทางจิตใจ คือมีความรู มีความเขาใจในเรื่องเหลานี้ นานเขา เมื่ อ ผ า นไปพอสมควรเข า มั น ก็ เลื่ อ นสู งขึ้ น ไปเอง ; มี ค วามเบื่ อ มี ค วามเอื อ ม ระอาไป จนกระทั่งวา ไมเปนทาสของสิ่งเหลานี้อีกตอไป. อยาลืมหลักที่ไดกลาวไวเสมอ ๆ วา เปนพรหมจารี ใหถูกตองตามกฎ ตามระเบีย บที่ว างไวอ ยา ดูถูก กฎระเบีย บนั้น วา บา บอ ครึค ระงมงาย ; แลว จะได สู งขึ้น มา เป น คฤหั ส ถ ที่ ดี . เป น คฤหั ส ถ ที่ ดี นี้ เป น ระยะที่ เสวยอารมณ ท าง เพศทุกอยางทุกชนิดตามที่จะทํ าได เทาที่เหมาะสม หรือ ถูกตอง. เป นคฤหัสถ ผา นไปเสร็จ แลว มัน ก็รูเ รื่อ งนี ้ด ี ; ในที ่ส ุด จะรูเ รื่อ งอยา งที ่ว า “โอย, มัน ก็ สักวาความรูสึก สึกกวาความกําหนัด, หรือ วาอะไร ๆ ก็สึกกวาอันนั้น เทานั้ น ; เราบามาพักใหญ เลิกกันที” ; แลวก็ไปเปนวนปรัสถ ไปเปนสันยาสีได. ถาไมมี เรื่องนี้เปนบทเรียน ไมผานเรื่องนี้ไปแลว มันก็เปนไมไดเหมือนกัน. เพราะฉะนั้น สิ่งที่เรียกวา มัชฌิ มาปฏิปทา นี้มีความประสงคอยางนี้ คือ ใหทํ า กับ สิ ่ง เหลา นั ้น หรือ ทํ า กับ โลกเกี ่ย วขอ งกับ โลก หรือ บริโ ภคโลก บริโ ภครสตา ง ๆ ในโลกเทา ที ่ม ีค วามถูก ตอ ง เรื ่อ ยไป จนในที ่ส ุด มัน ก็ เลื่อ นไป,เลื่อ นไปจนสูง กวา ; มีค วามเอือ มระอาในสิ่ง เหลา นี้. เพราะฉะนั ้น จะบริโ ภครสทางกามารมณ ก็ใ หเ ปน เหมือ นกับ การบริโ ภคอาหารชนิด ใด ชนิดหนึ่งเหมือนกัน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เกี่ ย วกั บ คํ าว า “อาหาร” นี้ เดี๋ ย วคุ ณ จะเข าใจผิ ด วา มั น ต อ งกิ น ทาง ปากเสมอไป. ในทางธรรมนั้นเขาไมไดหมายความวาอยางนั้น ; คําวา อาหาร เขาแปลวา สิ ่ง ที ่จ ะนํ า ผลมาให ; อาหาร นี ้เปน ที ่เหตุที ่จ ะนํ า ผลอะไรมาให. อะไรเปนเหตุที่จะนําผลมาให เขาเรียกวา “อาหาร” หมด ; อาหารเปนคํา ๆ เดียว


การควบคุมความรูสึกทางเพศของฆราวาส

๒๒๑

กับ คํ า วา เหตุ, ตัว เหตุ. อาหารนี ้ม ีไ ดท างตา มีไ ดท างหู มีไ ดท างลิ ้น มีไ ด ทางจมูก มีไ ดท างผิว หนัง มีไ ดท างจิต ใจ. อะไรเขา มาทํ า เหตุท างตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ละก็เรียกวา “อาหาร” ทั้งนั้น. อาหารนั้นมันจะเขามาในลักษณะ ของรูปสวยงาม มันก็เปนอาหารที่กินทางตา, เขามาในรูปของทางเสียงที่ไพเราะ ก็กิน อาหารทางหู, เขา มาทางกลิ่น หอมก็เปน การกิน อาหารทางจมูก , ถา เขา มาทางปาก ก็เปน กิน อาหารทางลิ้น . นี้เรารูจัก กัน แตเรื่อ งกิน อาหารทางปาก, แต เพี ยงทางปาก. ถามั น เขามาทางผิวหนั ง สั ม ผัส ทางผิวหนั งระหวางเพศโดย เฉพาะอยางนี้ ก็เป นการกินอาหารทางกายสั มผัสหรือทางผิ วหนั ง. ที นี้ การที่ เอา อารมณ ในอดีต หรืออารมณ ในอนาคต มาคิดนึก มาครุนอยูในใจ จนเกิดผลขึ้น ในใจอยางเดียวกันนี้ ก็เรียกวากินอาหารทางฝายธรรมารมณ ทางความคิดนึก. ธรรมชาติ นั้ นมั นจัดมาในลั กษณะที่ วา คนเราต องกิ นอาหารทุกทาง : ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ ้น ทางกาย ทางใจ. เพราะฉะนั ้น กิน ใหถ ูก วิธ ี : รู เ ทา ทัน , ใหม ัน เปน เพีย งสัก วา อัน นั ้น เทา นั ้น ; แลว ก็ก ิน เขา ไปได. เช น ว า เกี่ ย วข อ งกั บ รู ป สวย ๆ เสี ย งไพเราะอะไรก็ ได ; แต ต อ งเกี่ ย วข อ งด ว ย สติ สั ม ปชั ญ ญะ แล ว ก็ ใ นปริ ม าณ หรื อ ในอั ต ราที่ มั น พอเหมาะสม มั น ก็ เป น ประโยชน ; เป น ความถู ก ต อ งที่ เป น ประโยชน เหมาะแล ว สํ า หรั บ ความเป น ฆราวาส.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ตามหลักพระพุ ทธศาสนาไม ไดแนะ หรือไม ไดขอรอง หรือบั งคั บให ตัด สิ่ง เหลา นี ้อ อกไปโดยสิ้น เชิง โดยประการทั ้ง ปวง ; เพราะมัน ทํ า ไมได. ถา ขืนทําอยางนั้นก็เปนเรื่องบา. พระพุทธศาสนาไมใชเรื่องบา เปนเรื่องที่ตองการ จะใหสําเร็จประโยชน ใหผานโลกไปใหได ; เพราะฉะนั้นมันก็ตองบริโภคโลกนี้ ไปในทางที่ ถู ก ต อ ง จนกว า จะผ า นโลกไปได . ฉะนั้ น เราจงเกี่ ย วข อ งกั บ โลก


๒๒๒

ฆราวาสธรรม

ในเรื่อ ง รูป รส กลิ่ น เสี ย ง สั ม ผั ส ในลั ก ษณะที่ ถู ก วิธี ที่ ให มั น เป น ทาสเรา ; อยา ใหเราเปน ทาสมัน . มีห ัว ขอ ที ่จํ า ไวงา ย ๆ วา “ใหม ัน เปน ทาสเรา, อยา ใหเราเปนทาสมัน“ ;หรืออยางนอยก็ใหอยูในระดับที่วามันพอฟดเหวี่ยงกัน คือ ให มั น เป น บทเรี ย นแก เราทุ ก กรณี ไป ; ในการที่ ไปข อ งแวะกั น เข า กั บ รูป รส กลิ่ น เสี ย ง สั ม ผั ส , ที่ ไหน ? เมื่ อ ใด ? อย า งไร ? ก็ ต าม ให มั น เป น บทเรี ย น เสมอไป, เพราะฉะนั้น โลกก็ก ลายเปน บทเรีย นสําหรับ เรา ; ไมเทาไรเราก็จ ะรู เราก็จะชนะ เราจะอยูเหนือโลกได. สรุป ความแลวปญ หาขอนี้ ก็ตอ งรูเรื่อ งของความกําหนัด, ควบคุม ความกําหนัด, และใชความกําหนัดใหเปนประโยชนแกการศึกษาในฝายจิต ฝาย วิญญาณของเรา ไมไดแนะนําใหทําลายใหหมดสิ้น อยางบาบิ่นอะไรทํานองนั้น ; แลวก็ไมสอนใหเปนทาสมัน หรือใหไปดื่มด่ํารสนี้เปนพระเจาไปเลย ก็ไมไดสอน นี่เรียกวามัชฌมาปฏิปทา เปนอยูอยางถูกตอง เกี่ยวของกันสิ่งทุกสิ่งในโลกนี้อยาง ถูกตอง เรียกวา มัชฌิ มาปฏิปทา. มีแตจะสงเสริมใหเดินไปถูกทาง จากความ จมอยูในโลกนี้ ขึ้นไปสูความอยูเหนือโลก, จากโลกียะไปสูโลกุตตระ เพราะอํานาจ ของมิชฌิมาปฏิปทา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้นคุณจะควบคุมความรูสึก ที่เปนความกําหนัดในชีวิตของ ฆราวาสอยางไร ? ลักษณะไหน ? ก็ไปใครครวญเอา จากคําแนะนําทั้งหมดนี้ ; แลวอยาลืมวา เดี๋ยวนี้ยังเปนพระอยูนะ ที่พูดนี้พูดตอเมื่อเปนฆราวาส.

พอกันที่สําหรับวันนี้ นกกางเขนบอกเตือนเวลาแลว.


สุญญตา กับ ฆราวาส - ๑๓ ๓๐ เมษายน ๒๕๑๓ สํ า หรับ พวกเรา ลว งมาถึง เวลา ๒๐.๔๕ น. แลว วันนี้จะไดกลาวถึง เรื่อง สุญ ญตา กับ ฆราวาส ตอจากเรื่อง ที ่แ ลว มาอยา งสัม พัน ธก ัน ทีเดีย ว ; คือ วา เรามีป ญ หาเกี ่ย วกับ การเป น ฆราวาส อยางนั้นอยางนี้ หลายอยางหลายประการ ; แล ว สรุ ป ความในที่ นี้ ว า ถ า มี ค วามรู เรื่ อ งสุ ญ ญตาจะแก ป ญ หา ต า ง ๆ เหล า นั ้ น ได โ ดยง า ย คื อ เป น ความรู  ที ่ สํ า คั ญ ที ่ ส ุ ด ที่มนุษยจะตองมี และโดยเฉพาะแมแกฆราวาส. เมื่ อพู ดวาสุญญตา กับฆราวาส มี คนประเภทหนึ่ งในประเทศไทยเรา นี้ สั่ น หั ว , คื อ ไม ย อมเข าใจ ว า มั น จะเป น เรื่อ งที่ ไปด ว ยกั น ได , กลั บ ห ามไม ให สอนเรื่อ งอยา งนี้แ กพ วกฆราวาสก็มี ; แลว ก็ใ ครเอาเรื่อ งนี้ม าพูด กับ ฆราวาส ก็หาวา มันผิดกาละเทศะก็มี. ผมก็เคยเขาใจอยางนั้น แตเมื่อไดศึกษามากเขา ไดสังเกตมากเขา และได ผานมามากเขา , มั นก็เลยเขาใจ หรือเห็นดวย ตามที่

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org

๒๒๓


๒๒๔

ฆราวาสธรรม

พระพุ ทธเจาทานตรัส วาเรื่องที่เกี่ยวกับ สุ ญ ญตา นี้ เป นประโยชน เกื้อ กูลแก ฆราวาสตลอดกาลนาน. จะเลานิทานสั้น ๆ เรื่องนี้ ซ้ําอีกทีหนึ่งไดวา ฆราวาสกลุมหนึ่ง มี อุบ าสกชื ่อ วา ธัม มทิน นะ เปน หัว หนา เขา ไปเฝา พระพุท ธเจา ทูล ขอให แสดงธรรม ที่เปน ประโยชนเกื้อ กูล แกฆ ราวาสตลอดกาลนาน ; เขาทูล บอก พระพุ ท ธเจ า ว า ฆราวาสอย า งเขานี้ นอนแออั ด อยู ด ว ยบุ ต ร ภรรยา ลู บ ไล กระแจะจัน ทนข องหอมตา ง ๆ อยา งนี้. พระพุท ธเจา ทา นตรัส วา เย เต สุตตฺนฺตา สุฺฺตปฺปฏิสํยุตฺตา - สุตตันตะทั้งหลายเหลาใด ประกอบพรอมเฉพาะ ดวยสุญ ญตา; - ตถาคตภาสิต า - อัน ตถาคตประกาศแลว; คมภีรา - ลึก ซึ้ง ; คมภีรตฺถา - มีอรรถอันลึกซึ้ง ; โลกุตฺตรา - เหนือโลก นี้จะเปนประโยชนเกื้อกูล แก ฆราวาสทั้ งหลายตลอดกาลนาน. ถ าแปลตามตั วหนั งสื อก็ วา : เป นประโยชน เกื้อกูลแกฆราวาสทั้งหลายตลอดกาล. เรื่องนั้นก็คือ เรื่อง สุฺ ตปฺปฏิสํยุตฺ ตาสุตฺตนฺตา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org “สุต ตัน ตา” นั ้น คุณ อาจจะไมเ คยไดย ิน ก็ไ ด. สุต ตัน ตะ ก็ค ือ แบบฉบั บ . คํ า ว า “สู ต ร – สู ต ร” นี้ มั น มาจากคํ า ว า เส น ด า ย สายบรรทั ด , เสน ดายที่ใชทําสายบรรทัด นั้น เขาเรีย กวา สุต ตะ, หรือ เสน ดายทอหูก เขา ก็เรียก สุตตะ ; แตในที่นี้มันหมายความวา ระเบียบแบบแผน ซึ่งเปนเหมือน สายบรรทั ด . ฉะนั้ น สุ ต ตั น ตา ก็ คื อ แบบฉบั บ หรือ แบบแผน. คํ า สั่ งสอน, โอวาท, หลัก เกณฑ, หรือ อะไรตา ง ๆ มัน รวมอยูใ นคํ า ๆ นี ้. ฉะนั ้น เราจะ เรีย กวา แบบฉบับ ก็ไ ด, เรีย กสั ้น ๆ วา แบบฉบับ คํ า สอน. แบบฉบับ ของคําสอนเหลาใด สุฺตปฺปฏิสํยุตฺตา - ประกอบพรอมเฉพาะดวยสุญญตา. คําวา ประกอบพร อ มเฉพาะนี้ ตามตั ว หนั ง สื อ ของภาษาบาลี แปลเป น ไทยก็ ว า -


สุญญตา กับ ฆราวาส

๒๒๕

“มันเนื่องอยูกับ” คือไมแยกจากกัน. ทีนี้ สุฺ ตปฺปฏิสํยุตฺตา ก็หมายความวา มั น เนื่ อ งอยู กั บ , ที่ เนื่ อ งอยู กั บ , อั น เนื่ อ งอยู กั บ แล ว แต จ ะพู ด สุ ญ ญตา. เมื่ อ พูดเปนไทยอีกทีก็วา แบบฉบับของคําสอนเหลาใด ที่เนื่องอยูกับเรื่องสุญ ญตา แบบฉบับเหลานั้น เปนประโยชนเกื้อกูลแกฆราวาสทั้งหลาย ตลอดกาลนาน. คุณจะจําสั้น ๆ ก็วา เรื่องสุญญตา, หรือเรื่องที่เกี่ยวกับสุญญตานี้แหละ เปนประโยชนเกื้อกูลแกฆราวาสทั้งหลายตลอดกาลนาน. เราหมดปญหาเรื่องคําวา สุ ตตั นตา แปลว าแบบฉบั บ . ปฏิ สํ ยุ ตฺ ตา - เนื่ อ งอยู กั บ , สุ ญ ญตา - ความวาง ; สุญ ญตา แปลวา ความวาง. ถาไปแปลคํ าวา สุ ญ ญตาเป น อยางอื่นแลวละก็ มั น ผิ ด . ที่ ก รุง เทพฯ นั้ น ในดงนั ก ปราชญ นั ก ศึ ก ษาตามวั ด ตามวานั่ น แหละ คุณ ระวังใหดี ; เขาแปลคําวา สุญ ญตานี้วา สูญ เปลา. ลองฟ งดูซิ แปลคําวา สุญ ญตา นี ้ว า สูญ เปลา , เสีย เปลา ใชอ ะไรไมไ ดเ ลย. นั ้น มัน ผิด - คํ า วา สุญ ญตา แปลวา ความวาง. ตา แปลวา ความ, สุญ ญ แปลวา วาง, ภาวะ ที่วาง. ทีนี้ถาจะแปลวา สุญญภาวะ ก็ตรงตามตัวหนังสือ ; ถาพูดเอาใจความก็คือ ความว า ง, เรื่อ งความว า ง, แบบฉบั บ ที่ ก ล า วไว เนื่ อ งกั น อยู กั บ เรื่อ งความว า ง หมายความวา มีเรื่อง ความวาง นั้นเปนหลัก, คือคําสั่งสอนที่จะเปนประโยชน เกื้อกูลแกฆราวาสตลอดกาลนาน. ฉะนั้นควรแปลคําวา สุญญตา วา ความวาง อยาแปลอยางอื่น จึงจะถูกทั้งโดยพยัญชนะและโดยความหมาย

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ คุณตองรูตอไปอีกวา คําพูดคําหนึ่ง ๆ ในสมัยโบราณโนนก็ดี ใน สมัยนี้ก็ดี มันมีความหมายหลายอยาง หลายชั้นมันมีหลายอยางตาง ๆ กันดวย อยางหนึ่ง ๆ ยังมีหลายชั้น ตื้นลึกกวากัน ; ฉะนั้น คําวา “สญญตา- ความวาง” นี้นะ ที่เปนพวกผิด เปนมิจฉาทิฏฐิก็มี, ที่ถูกเปนสัมมาทิฏฐิก็มี ; แลวยิ่งกวานั้น มั น ยั ง กว างมาก : คํ าว า ความว าง นี้ มั น กว างจนหมายถึ งได ห ลาย ๆ อย า ง หลายๆ ประเภท จนกลายเปนที่ตั้งของคําสอนที่ผิดก็มี ที่ถูกก็มี. ทีนี้เรามาพูด


๒๒๖

ฆราวาสธรรม

กันถึงเรื่องคําวาความวางกอน ; ความวางก็แปลวา ความไมมีอยูแลว แตความ หมายมันมีหลายชั้น. อยางที่ ๑ ถาเป น เรื่องทางฟ สิ คส ทางวัตถุ ธาตุนี้ เราเรียกวาเรื่อ ง ทางฟส ิค ส. คํ า วา “ความวา ง” มัน ก็ห มายถึง ไมม ีอ ะไร, ไมม ีอ ะไรอยา งที่ เรียกวา สุญ ญากาศ หรือ vacuum หมายความวาไมมีวัตถุอะไรเลย. อยาง ที่หนึ่งนี้เปนเรื่องทางวัตถุ มันหมายถึงรางกายดวย. คือวางจากวัตถุก็วางจาก รางกาย คือไมมีอะไรเลย. นี่มันก็เปนความวางชนิดหนึ่ง. อยางที่ ๒ ก็เปนเรื่องความวางทางจิต ก็คือวา จิตไมมีความคิดอะไรเลย เหมือนกับคนสลบไสล ไมมีความคิดนึกสิ้นสมปฤดี ; อยางนี้เปนความวางทางจิต. อยางที่ ๓ ซึ่งเปนเรื่องที่เรากําลังจะพูดนี้ มันเปนเรื่องความวางของ สติปญญา เปนความวางทางสติปญญา ทางธรรม, ซึ่งผมชอบพูดวา ทางวิญญาณ, นี้หมายถึง ความวางจากความคิดนึกวาตัวกู - ของกู.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทบทวนดูใหดีเถิด มันจะตางกันลิบเลยแตละอยาง ๆ : ๑. วางทางฟสิคส หรือทางวัตถุ หรือทางกาย อยางนี้คือ ความไมมี อะไรเลย ๒. วางทางจิต คือจิตหมดความรูสึกใด ๆ ทั้งสิ้น. ๓. วางทางวิญญาณ คือยังมีความรูสึกนึกคิดอะไรไดหมด รางกายก็มี อะไรก็มี แตวาไมมีความรูสึกวา ตัวกู – ของกู เพียงอยางเดียวเทานั้น ; นี้เรียกวา ความวาทางวิญ ญาณ. ไมรูวาจะเรียกวาอะไรดี ; ที่จ ริงควรจะเรีย กอยางอื่น แตไดเรียกกันมาอยางนี้เสียแลว. ขอให นึ ก ถึ ง คํ า ๓ คํ า ว า physical - ทางฟ สิ ค ส ; mental – ทาง ฝายจิตที่เนื่องอยูกับกายนี้ ; และทาง spiritual - ทางสติปญ ญาความคิดเห็น.


สุญญตา กับ ฆราวาส

๒๒๗

คนอื่ น อาจจะใช คํ าอย างอื่ น หรือ ไม ย อมรับ คํ า พู ด อั น นี้ ก็ ได ; แต ผ มไม รูจ ะพู ด อย างไร ก็ พู ดอย างนี้ คื อทางฟ สิ คส , แล วก็ ทางจิ ต mental, แล วก็ ทางวิญญาณ spirituality ; เรียกสั้น ๆ วา physical - mental - spiritual. ความวางทั้ง ๓ อยางนี้ไมเหมือนกัน : วางทางวัตถุ ทางกาย ที่ไมมี อะไรเลยนั้ น เราไม พู ด ถึ ง ในที่ นี้ ; ความว า งทางจิ ต คื อ ไม คิ ด นึ ก อะไรเลย จิ ต เหมื อ นตายหรือ สลบนี้ ก็ ไม ใช สิ่ ง ที่ พู ด ถึ งในที่ นี้ ; ในที่ นี้ จ ะพู ด ถึ ง แต ค วามว า ง ทางวิญ ญาณ หรือทางสติปญ ญา. ในใจของเราที่รูสึกคิดนึกอยู อะไรอยูนี้ไมมี conception หรือ perception ก็ตาม ที่มันจึงอยูดวยความรูสึก ที่เปนตัวกู - ของกู ; egoism, egoistic concept ก็ แ ล วแต จ ะเรี ย ก แปลว า มั น เนื่ อ งอยู กั บ ตั วตน ตัว กู ; ความคิด ชนิด ไหน มัน มีค วามหมายเปน เรื ่อ ง ตัว กู ตัว ตน นี ้ก็ เรี ย กว า egoism, egoisticism หรื อ egoistic idea ก็ มี , แล วแต จะเล็ งถึ งอะไร egoistic concept ความรู ส ึก เปน ตัว กู เปน ของกู, เปน ตัว ฉัน เปน ของฉัน ปรุ ง ขึ้ น มาจากกการได ยิ น ได ฟ ง ได ด ม ได ก ลิ่ น นี้ เป น conceptual thought คือพฤติทางจิตที่ปรุงกันขึ้นมานี้ จนถึงเปนความรูสึกสําคัญมั่นหมาย ถือตัว ถือตน วา กู วา ของกู ; อัน นี ้ถ า มีอ ยู ก ็เ รีย กวา ไมว า ง วิญ ญาณไมว า ง ถา อัน นี ้ไ มมี มีแตสติปญญา นี้ก็เรียกวา วาง, วางจากตัวกู วางจากของกู.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้ น ให เอาความหมาย ที่ มั นเป น บทนิ ยามว า ; - ความว าง หรือ สุญญตาที่ถูกตองนี้ คือ วางจากความสําคัญมั่นหมายวาตัวกู หรือ ของกู ; หรือ วา งจาก อนัง การ มมัง การ. อหัง การ - ก็ค ือ ตัว กู, มมัง การ – ก็ค ือ ของกู . คํ า ว า ว า ง ในที่ นี้ คื อ ว า งจากความรู สึ ก คิ ด นึ ก ที่ เป น ความสํ า คั ญ มั่ น หมายวา ตัว กู วา ของกู ยกตัว อยา ง ตามธรรมดา มองดูต ามธรรมดา เมื่ อ เราไม มี อ ะไรมากระทบกระเทื อ นใจนี้ เราไม มี อ ะไรเป น ตั ว กู – ของกู ;


๒๒๘

ฆราวาสธรรม

อยางเชนเดี๋ยวนี้ขณะนี้ ทุกคนก็ไมมีอะไรเปน ตัวกู - ของกูในความรูสึก คือไมได ยึด ถื อ มั่ น หมายในสิ่ งใด วาเป น ตั วกู - ของกู ; กํ าลั งฟ งผมพู ด อยู บ าง, กํ าลั ง คิดนึกอยางอื่นอยูบาง.ตามปกติเราไมไดมีความสําคัญมั่นหมายวา ตัวกู - ของกู ; ตอเมื่อความคิดมันเดินไปในทํานองนั้น มันจึงจะเกิดขึ้นมา. ตลอดเวลาเราก็ส บาย, มีค วามสุข มีค วามสบาย เพราะเรื่อ งตัว กู - ของกูไม รบกวน. แตพ อมั น มีอะไรเปน เหตุป จจัย เขามาปรุงแตงมั นก็รบกวน, เปน ความโลภ หรือ เปน ราคะ ความกํา หนัด ก็มี, เปน ความโรธ หรือ โทสะ ก็ม ี, เปน ความหลงใหล วนเวีย น สัง สัย ฟุ ง ซา น รํ า คาญ ก็ม ี. นี ่เ รีย กวา เปน โลภะ โทสะ โมหะ ขึ ้น มา ; เมื ่อ นั ้น แหละคือ เวลาที ่ม ี ตัว กู – ของกู คือไมวาง, ไมวางจากตัวกู - ของกู, ฉะนั้นเราพูดไดเลยวา พอความรูสึกนึกคิดนี้ ไม เจื อ อยู ด ว ย โลภะ โทสะ โมหะ แล ว ก็ เรีย กวา ว าง, วา งจากตั วกู -ของกู ; แต เราเรียกรวมทั้งหมดนั้น วา วางจากความยึด มั่ นถือ มั่ น ดวยอุป าทาน. ความ ยึด มั ่น ถือ มั ่น นี ้ ปรุง เปน ความโลภก็ไ ด, ปรุง เปน ความโกรธก็ไ ด, ปรุง เปน ความหลงก็ ไ ด . มี ค วามโลภ ก็ ค ื อ ตั ว กู ม ั น จะเอา, จะได , มี ค วามโกรธ ก็ คื อ ตั วกู มั น ไม ได อ ย างที่ มั น ต อ งการ. เป น ความหลงก็ คื อ ยั งสงสั ย อยู , ยั งทึ่ ง ยังสนใจ ยังยึดถืออยู.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฉะนั้ น จิ ต ว า ง เราก็ ส บายดี เพราะไม ถู ก ความโลภ ความโกรธ ความหลงรบกวน, ไมม ีค วามรูส ึก ที ่เปน ตัว กู - ของกูร บกวน, อยา งนี ้เรีย กวา จิต วาง ; มัน ก็ส บาย. แตข อบัญ ญัติชัด ลงไปอีก สัก หนอ ยวา ประกอบอยูดว ย สติปญ ญา. จิตไมประกอบอยูดวย ความรูสึกที่เปนตัวกู - ของกู แตเต็มอยูดวย สติป ญ ญา. สติป ญ ญา ในที ่นี ้ก ็ค ือ ไมม ีต ัว กู – ของกูนั ่น แหละ ขอใหจํ า ไว แม น ยํ า ถื อ เป น หลั ก ให แ ม น ยํ าว า มี ค วามรูสึ ก เป น ตั ว กู - ของกู เมื่ อ ไร เมื่ อ นั้ น


สุญญตา กับ ฆราวาส

๒๒๙

เปนความโงที่สุดของความโงทั้งหลาย ; ความรูสึกคิดนึกที่มันเกิดขึ้นเกี่ยวกับตัวกู เกี่ยวกับของกูนั้น คือความโงที่สุดของความโงทั้งหลาย ; ฉะนั้นถาไมมีความโงนี้ ก็คือมีสติปญญาอยูโดยอัตโนมัติ. พอมาถึงตอนนี้, ตอนที่มีความวางจากตัวกู - ของกูนี้ เราจะมองดูกัน ใหก วา งอีก ทีห นึ่งเพื ่อ จะจับ ตัว มัน ใหไดถ นัด ชัด เจนยิ่งขึ้น . เมื ่อ เรานอนหลับ , แรกทีเดียวที่จะตองนึกถึง เมื่อเรานอนหลับสบาย อยางนี้ มันก็ไมเกิดความรูสึก เปนตัวกู – ของกู เหมือนกัน ; เราเหน็ดเหนื่อยเราก็ตองพักนอนตามธรรมดา. แตอยางนี้มันไมใชฝไมลายมือของเรา มันเปนของธรรมชาติ ;ฉะนั้นเราไมพูด ถึงตอนนี้. ที่จริงเวลานั้น ก็เปนเวลาที่วางจากตัวกู - ของกูเหมือนกัน ; มันเปน ตามธรรมชาติ เปนฝไมลายมือของธรรมชาติ เราอยารับเอามาเปนเรื่องของเรา เป น วิชาความรูของเราเลย. แต ขอให เขาใจวา แม อ ย างนั้ น มั น ก็ เป น เรื่อ งวาง จากตัวกู - ของกู แลวมันสบาย, แลวมันมีความสุขเหมือนกัน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาเราไมวางจากตัวกู – ของกูตามธรรมชาติชนิดนี้แลว เราเปนบา ไมไดมานั่งคุยกันอยูอยางนี้ ; เปนบาตายนานแลว. ฉะนั้นวางจากตัวกู – ของกู ตามธรรมชาติ เชน นอนหลับ อยางนี้มันก็มีประโยชนมหาศาล ที่ชีวิตนี้จะทรง อยู ไ ด. แตด ว ยเหตุที ่เ ปน ของธรรมชาติเ ราก็จ ะไมพ ูด ถึง วา เปน เรื ่อ งที ่เ รา ปฏิบัติห รือ ทํามัน ขึ้น มา ; ถึงแมวา เราเขาหอ งนอน นอนก็ไมใชเรื่องของเรา ไปจัด - ไปทํา หรือไปบังคับมันได.

ทีนี้ เหลือเรื่องตอไปก็คือวา เรื่องประจวบเหมาะกันเขา จิตวางจาก ตั ว กู ; เช น แขกมาเยี่ ย มสวนโมกข เข า มาในสวนโมกข ในสถานที่ อ ย า งนี้ , นั่ง นอน ยืน เดินอยูอยางนี้, เปนความประจวบเหมาะกันพอดีกับธรรมชาติ


๒๓๐

ฆราวาสธรรม

ที่มีอยูอยางนี้ ; เขาก็วางจากตัวกู - ของกูได. จะเดินเหินอยูอยางสบาย ยิ้มกริ่ม เปนสุข ถึงกับบนออกมาวา ไมรูวาทําไมมันจึงเย็นสบาย, ไมรูวาทําไมใจคอมัน สบายจริง , บอกไมถ ูก ; บางคนพูด อยู อ ยา งนี ้บ อ ย ๆ ก็ม ี. นี ้ก ็ค ือ วา งจาก ตัว กู - ของกู มัน จึง สบาย ;แตว า ความวา งอัน นี ้ม ัน เปน เรื่อ งประจวบเหมาะ เป น co - incident ของผู นั้ น ด ว ย ของสิ่ ง ต า ง ๆ เหล า นี้ ด ว ย ; ในภาษาบาลี เรียกวา ตทังคะ - ประกอบอยูดวยองคอันนั้น ;ก็หมายความวา ประจวบเหมาะ อันนี้เราจะไมสนใจเสียทีเดียวก็ไมได เพราะวาเราอาจจะเลือกได ;เรา ไปสูที่ ๆ มันเหมาะสมที่สุด ที่จิตของเราจะเปนอยางนั้นได ; เราจึงวิ่งไปชายทะเล บาง ไปพั กผอนบนภูเขาบาง หรือไปตามสถานที่ ที่ธรรมชาติมัน ชวยให เราหาย อารมณรา ย. เรื่อ งอารมณรา ยทั ้ง หมดมัน เกี ่ย วกับ ตัว กู - ของกูทั ้ง นั ้น . ทีนี้ เราก็ไปหาที่ ๆ จะชวยใหหยุดอารมณ ราย โดยไมตองทําอะไร ธรรมชาติมันชวย เหมือ นกัน ; อยา งนี ้เ รีย กวา ประจวบเหมาะเหมือ นกัน . นี ่ค ือ ความวา ง อย า งที่ ๒. ส ว นอย า งที่ ๑ ก็ คื อ เป น ไปอย า งธรรมชาติ ล ว น ๆ เช น นอนหลั บ เปนตน. อยางที่ ๒ คือประจวบเหมาะ อยางที่วามานี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org อยา งที ่ ๓ เราบัง คับ เราระวัง เราจัด แจงมัน ; นี ้ค ือ เราศึก ษา เลาเรียนเรื่องทํากัมมัฏฐาน ทําวิปสสนา แลวเราปฏิบัติอยูตามนั้น ; เปนความ วางเพราะผลแห งการปฏิ บั ติ นั้ น . แต มั น ก็ เป น ชั่วขณะที่ เราปฏิ บั ติ ได บางเวลา เราก็เผลอไป หรือวายังปฏิบัติไมไดโดยเด็ดขาด ;มันก็เปนไดชั่วเวลาที่เราบังคับ ขมไป. อยางนี้มันก็ดีขึ้นมามากแลว ดีกวาอยางที่ ๑ ที่ ๒ ; เพราะวาเราตองการ เมื ่อ ไรก็ทํ า ได ; และถา เราทํ า จนทํ า ได มัน ก็คุ ม ไดม าก, จะคุ ม ไดด ี จะคุ ม ไดม าก. เราฝกการปฏิบัติจ นเคยชิน เปน นิสัย ก็คุม ไดมาก, มีค วามสบายมาก. ผู ที่ ป ฏิ บั ติ ธ รรมบํ า เพ็ ญ สมณธรรมอะไรอยู ป ระจํ า ก็ มี ส วนที่ จ ะมี ค วามสุ ข มาก อยางนี้.


สุญญตา กับ ฆราวาส

๒๓๑

ถัดไป ถือเป นอยางที่ ๔ ก็คือวา วางเพราะกิเลสมั นหมดจริง ๆ แลว ไดแกความวางของพระอรหันต ความมีจิตวางของพระอรหันต คือหมดกิเลสแลว. สําหรับพระอริยบุคคลชั้นตน ๆ เชน พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี อยางนี้ ก็มีค วามวาง แตยังไม ถึงที่ สุด ; กิเลสมั น ยังไม ดับ ทุกอยาง ยังเหลือ อยู บางอย าง อย างนี้ มั น ก็ วางตามส วน ; แต สงเคราะห เขาไปในพวกที่ วางอย าง พระอรหัน ต คือ ทานละกิเลสสวนใดได กิเลสสวนนั้นไมม าทําวุน อีก ฉะนั้น จึง ผิดกันกับวางที่เราบังคับมัน. คุณดู ใหดีเถิด ถาจะนั บให หมด มี ตั้ง ๔ อยาง : อยางแรกก็คือ เชน หลับ ตามธรรมชาติเ ปน ตน นี ้ อยา เอาดีก วา แตก ็น ับ เปน เลขหนึ ่ง . ทีนี้ สามอยางถัดมา นี้ก็คือสิ่งที่จะตองสนใจ ; - วาง เพราะสิ่งแวดลอมประจวบเหมาะ พยายามจัดสิ่งแวดลอมใหเกิดผลอยางนั้น; - วาง เพราะเราบังคับไวได, ทําการบังคับ ทํากัมมัฏฐาน ทําวิปสสนาบังคับเอาไว. - วาง ก็เพราะวาหมดกิเลส.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่ แ หละคื อ ความว า ง ที่ เป น ความว า งจริง ๆ ไม ใช อั น ธพาล. ส ว น วา งอัน ธพาลนั ้น เปน การแกลง วา ; วา วา งเพราะกูไมย ึด ถือ อะไร แลว ก็เที ่ย ว ทํ า สิ่ ง ลามกอนาจารต า ง ๆ; มี ข อ แก ตั ว ว า กู ไ ม ยึ ด ถื อ อะไร ;นี่ เ รี ย กว า ว า ง อันธพาล. บางคนไมเขาใจ แลวเอาเรื่องวางอันธพาลนี้ขึ้นมาพูดเปนความวาง แสรง วา , แสรง กระทํ า ; มีค นเอาไปเขีย นลอ ผมก็ม ี ; หนัง สือ พิม พบ าง ฉบับ เขีย นลอ ผมก็ม ี ; เปน ความวา งแบบอัน ธพาลของผู เขีย นทั ้ง นั ้น ; ไมใ ช ความว า งตามแบบของพุ ท ธศาสนา. เช น ว า ถ า มี จิ ต ว า งเสี ย แล ว จะรั บ รู ใ น


๒๓๒

ฆราวาสธรรม

หน า ที่ ไ ด อ ย า งไร ; ถ า จิ ต ว า งเสี ย แล ว ก็ จ ะไม รั บ รู ใ นหน า ที่ ข องตั ว จะไม รั ก ประเทศชาติ อ ะไรอย า งนั้ น . นั่ น มั น จิ ต ว า งแสร ง ว า , หรื อ แก ตั ว , เป น จิ ต ว า ง อันธพาล. สวนที่จิตวางที่ถูกตองบริบูรณอยูดวยสติปญญานั้น ตองรูวา ทําหนาที่, จะต องทํ าหน าที่ อะไรบ างก็ ทํ าหน าที่ อั นนั้ น ทํ าหน าที่ ทุ กอย างด วยสติ ป ญญาทั้ งนั้ น ไม ได ทํ าด วยความมุ ม านะ เป น ตั วกู - ของกู เป น กิ เลสตั ณ หา.จะปฏิ บั ติ ห น า ที่ ดวยความรักประเทศชาติ หรืออะไรก็ตาม นี้ก็ทําดวยสติปญ ญาทั้งนั้น วางจาก ตัวกู - ของกู แตเต็มอยูดวยสติปญญา นี่พูดเปนคํากลอน คือวาวางจากความ สําคัญ มั่นหมายวาตัวกู - ของกู แตเต็ม อยูดวยสติปญ ญา เชน เปนทหารไปรบ ก็รบเพราะรูสึกสํานึ กในหน าที่ หนาที่ นั้น คือธรรมะอยางหนึ่ง, ธรรมะคื อหน าที่ หนาที่คือธรรมะ ; ฉะนั้นถามีสติปญญาทําหนาที่ มันก็คือปฏิบัติธรรมะ. ทหารไมไ ปรบดว ยความโกรธ ความเกลีย ด โมโห โทโส, ตัว กู ตัว มึง เอาใหต าย ; ถา ไปรบกัน ดว ยวิธ ีอ ยา งนั ้น ก็ค ือ ฆา คนและเปน บาป. ถ า รบด ว ยจิ ต ที่ บ ริ สุ ท ธิ์ ทํ า หน า ที่ ที่ ค วรทํ า ถู ก ต อ งตามเพศของฆราวาส หรื อ หนา ที ่ ที ่เ ปน ทหาร อยา งนั ้น ก็ไ มเ ปน บาป เพราะการฆา คน ;เพราะวา ทํ า หนาที่เพื่อรักษาความเปนธรรม หรือความถูกตองเอาไว ไมมีเจตนาฆาคน คือ ไมทํ าดวยความโลภ ความโกรธ ความหลง, แตทํ าดวยสติป ญ ญา. ฉะนั้ นคน ที่ มี จิ ต ว างอย างถู ก ต อ งตามหลั ก ของพระพุ ท ธศาสนา จะทํ าหน าที่ ทุ ก อย างได แล ว แต ว า ตนกํ า ลั ง อยู ใ นสถานะเช น ไร อย า งไร, ไม ว า เป น ฆราวาส หรื อ บรรพชิต.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถา เปน ฆราวาส ก็เปน ฆราวาสระดับ ไหน ; เปน ชาวไร ชาวนา, เป น อุ บ าสก อุ บ าสิ ก าฯลฯก็ ทํ า หน า ที่ ที่ ค วรทํ า ได ด ว ยจิ ต ที่ ไ ม เ จื อ อยู ด ว ย


สุญญตา กับ ฆราวาส

๒๓๓

ตั ว กู - ของกู ; ให เจื อ อยู ด ว ยสติ ป ญ ญา รูจั ก หน า ที่ . แต ว ามั น ทํ ายาก มั น มั ก จะเผลอด ว ยเรื่อ งตั วกู - ของกู ; ถ าทํ า ไปด ว ยเรื่อ งตั วกู - ของกู มั น ก็ เป น บาป. อยา งเชน ไถนา มัน ก็เปน บาป เพราะไดทํ า สัต วต าย ; รูอ ยู แ ลว ก็ช า งหัว มัน มันอยากมาอยูตรงนี้ ก็เลยไถใหมันตายเสียเลย จะเปนกบ เขียด เปนปูนา อะไร ก็ต าม, โมโห โทโสอยา งนี ้ ก็เ ปน บาป. แตถ า มีค วามรูส ึก มีส ัม ปชัญ ญะ มีปญ ญาทําหนาที่ที่ควรทํา ไมไปโกรธแคน ไมโมโหโทโสอะไร ก็ไมเห็นจะบาป อะไร ไมม ีเจตนาจะฆา มัน . เพราะฉะนั ้น การมีจ ิต วา งอยา งถูก ตอ งตามหลัก พระพุทธศาสนานั้นปองกันบาปได. คุ ณ ทบทวนดู อี ก ที ก็ ได ว า เมื่ อ พู ด วา “ว าง - วา ง – ว าง” นี้ มั น ว า ง อัน ธพาลอยูพ วกหนึ่ง ที ่เปน ขอ แกต ัว ; กูจิต วา ง ไมม ีบ ุญ ไมบ าป, ไปปลน ไปฆ า ไปอะไรก็ต ามใจ ไม มี บ าป, ไปทํ าชั่วชนิ ด ไหนก็ไม มี บ าป ; นี้ มั น จิต วาง อัน ธพาล ไมต อ งพูด ถึง , ทีนี ้ที ่ไมเกี ่ย วกับ อัน ธพาล ก็ย ัง จะตอ งดูวา มัน เปน อะไรกัน แน. ถา เปน เรื่อ งทางวัต ถุ ทางฟส ิค ส คํ า วา ความวา งนี ้ หมายถึง ไมม ีอ ะไร. ถา เปน เรื่อ งทางจิต ความวา งนั ้น หมายถึง จิต ไมน ึก คิด อะไร. แต ถ าเป นเรื่องทางสติ ป ญ ญา ทางนามธรรม ทางวิ ญ ญาณ นี้ หมายความว างจาก ความรูสึกวา ตัวกู - ของกู. ฉะนั้นจะตองบัญ ญั ติใหชัดวา “ความวางจากความ รูสึกวาตัวกู - ของกู.”

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ความวางจากความรูสึ กวา ตั วกู - ของกู นี้ ยั งแบ งเป น ชั้ น ๆ ชั้น ๆ ได อ ี ก : ชั ้ น ที ่ ว  า งตามธรรมชาติ เช น นอนหลั บ เป น ชั ้ น พื ้ น ฐานทั ่ ว ไป. วางเพราะประจวบเหมาะของสิ่งแวดลอม นี้ก็ชั้นหนึ่ง. แลวก็วางเพราะเราจัดทํา บังคับไว ควบคุมไว นี้อยางหนึ่งชั้นหนึ่ง. อันสุดทายก็คือวางเพราะหมดกิเลส. แต รวมความแล ว ก็ จะมี ค วามหมายอยู ที่ วางจากตั วกู - ของกู จึ งจะถู ก ต อ ง.


๒๓๔

ฆราวาสธรรม

เมื่อนอนหลับ มิไดเต็ม อยูดวยสติปญ ญา ฉะนั้น ตัดออกไป ; เหลือ อยูแตเรื่อ ง สามอันนี้แหละ : วางเพราะประจวบเหมาะ แลวก็มีสติปญ ญาอยู. สบายอยู, เปน สุข อยู  ; แลว ก็วา งเพราะ ขม บัง คับ ไว ก็ยิ ่ง มีส ติป ญ ญามากขึ้น อีก ; แลววางเพราะหมดกิเลส ก็อยูดวยวิชชา ดวยสติปญญา ยิ่งขึ้นไปอีก เพราะกิเลส เปนความโง. นี่แหละความวางที่เปนประโยชน เกื้อกูลแกฆราวาสตลอดกาลนานนั้น มัน มีความหมายตรงที่วา ไมมีค วามรูสึก วา เปน ตัว กู – ของกู แตเต็ม อยูดว ย สติปญญา รูจักหนาที่ ที่จะตองทํา, และทําหนาที่นั้นดวยความเปนสุขสบาย. ผมพูด วา “ถา พอจิต วา งแลว การงานเปน สุข ; ถา พอจิต วุน แลว การงานเปนทุกข” ไมคอยมีใครจะยอมฟง. ถาจิตเราวุนวายดวยตัวกู – ของกูนี้ มันก็ไมมีอะไรที่เปนสุขเลย ; การงานก็เบื่อระอาไปหมด ; ถึงทํางานก็ทําเพราะ ความจําเปน อยางนี้มันก็ไมมีความสุข ; มันทํางานดวยความโลภบังคับชักชวน ชัก จูง มัน ก็ไมมีค วามสุข ; ตอ เมื ่อ ทํ า งานดว ยจิต ที่วา งจากกิเลสนั่น แหละ ; มัน จึง จะมีค วามสุข ใจคอสบาย, จิต ใจโปรง จิต ในปกติ, จึง จะทํา การงาน รูสึกสนุก. บางทีทําใหผูอื่น ไมเอาเองเลย ก็ยังสนุก ; หรือวา สิ่งที่มันไมสนุก สกปรกบาง ไมสวยไมงามอะไรบาง มันก็ยังทําสนุก ; ขอใหจิตวางโปรงสบาย ทําอะไรไดดวยความรูสึกพอใจ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฉะนั้น ฆราวาสที่มีความรูเรื่องสุญญตาคือความวางนี้ ก็เปนฆราวาส ที่มีเครื่อ งรับ ประกัน วา จะไมต กนรกทั้ง เปน . จะเปน อยูดว ยใจคอที่ส บาย, ไมมีความทุกข ทุกขไมเปน : จะไดมาก็หัวเราะได, จะเสียไปก็หัวเราะเยาะได. ถามีความรูเรื่องนี้จริง ๆ งานที่ทํามานั้นมันไดกําไร ก็หัวเราะเยาะได, หรืองาน ที่ทํานั้นขาดทุน ก็หัวเราะเยาะได, มีแตสติปญญาอยูเรื่อย ; ไมมีตัวกู – ของกู


สุญญตา กับ ฆราวาส

๒๓๕

ที่จะไปเสียใจ ที่จะไปโกรธหรือไปอะไร. จะเจ็บไขก็หัวเราะเยาะได จะตองตาย ก็หัวเราะเยาะได, จะร่ํารวยสบายก็ยังหัวเราะเยาะได คือไมหลงใหล ; เรียกวา ไมมีความหลงใหลเลยสําหรับผูที่มีจิตวาง ตามแบบที่ถูกตองของพระพุทธเจา. ผมอยากจะพูดพิเศษออกไปอีกหนอย คือไปใหชื่อความวางที่ถูกตอง ตามแบบของพระพุท ธศาสนานี้วา ”นางสาวสุญ ญตา”. ครั้ง หนึ่งเคยพูด กัน ดว ยเรื่อ นางสาวสุญ ญตานี ้ เปน ที ่ส นุก สนานพอใช. เขาไมช อบความวา ง เขากวาง ; คือคนทั่วไปเขากลัวความวาง เพราะถาเขาวางแลว มันไมมีอะไร ; เขาไปคิ ด นึ ก อย า งนั้ น คล า ยกั บ ว า มั น ถู ก ทิ้ ง ลงมาจากที่ สู ง มั น เคว งคว า ง เควงควางลงมา ไมมีอะไร ; เขาเรียกวาความวาง เขาไมปรารถนาเลย ไมสนใจ ในเรื่องนี้เลย ทีนี่เราก็ไปหลอกเขาบอกวา ความวางนี้เปน นางสาวที่สวยที่สุด แลวก็ส าวเสมอ คือไมรูจักแก ; ใครได แตงานดวยจะเปนคนไมมีค วามทุก ข อีกตอไป, ใครไดสมรสดวยนางสาวสุญญตานี้แลว จะไมมีความทุกขอีกตอไป. เขาชักจะอยากฟง อยากรูเรื่อง ขอใหอธิบาย ; นี่เปนอยางนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ผมก็ตั้งปญหาเพื่อใหเขารูเอง คิดเอาเอง คือตั้งปญหาวาถาสมมุติ วา โดยวิธีไหนก็ ต าม, พระเจาหรือ เทวดาก็ ต ามให หี บ เพชรที่ ป ระดั บ ด วยมณี รัตนะอะไรทุกอยางสาระพัดอยาง. ตัวหีบก็เปนทองคําที่เปนเนื้อดี แลวประดับ ดวยเพชรพลอย ไขมุกอะไรนานาชนิด ; หีบทองคําฝงเพชร ฝงทับทิม ฝงพลอย แลวยังมีตาขายไขมุกอยางแพง อยางดี อยางวิเศษ มาเปนผาสําหรับคลุมมันอีก ; พูดกันใหสุดความสามารถที่จะพูดได ; แลวหีบใบนี้คุณจะใสอะไร ? หีบใบนี้ คุณจะใสอะไร ? ถาเอาไปใสเงินก็บาเต็มทีเพราะตัวหีบมันทําดวยทอง ประดับ เพชร แลวคลุมดวยไขมุก ; ขืนเอาเงินมาใสหีบนี้ มันก็เปนเรื่องบา. ถึงแมเอา เพชรไปใสลงในหีบ มันก็ยังเปนเรื่องบา ; เพราะตัวหีบมันแพงกวาเสียอีก มัน


๒๓๖

ฆราวาสธรรม

เป น เพชรเป น อะไรรวมกั น มากมาย. บางคนคิ ด ออก วาเอาไวใสสัญ ญากูเงิน ; แลวก็จงดูเถิดอยางนี้มันก็ยิ่งบาใหญ ไปอีก, ใสกระดาษสัญญากูเงิน, คนที่มีสติ สัมปชัญ ญะในทางธรรมะหนอย ก็บอกวา ใชใสกระดูกแม ก็ยังเขาทีกวา, เอา กระดูกพอแมใสในหีบนี้ มันก็ยังเขาทีกวา ; ผลสุดทายก็ไมมีใครรู วาจะเอาอะไร ใสในหีบใบนี้จึงจะสมกัน. ผมบอกวา นางสาวสุญญตาเทานั้น ที่จะมีคามากพอ ที่จะใสลงไปใน หีบใบนี้.พวกนั้นก็เลยอยากรูเรื่อง นางสาวสุญ ญตามากขึ้นไปอีก อันไดแกสิ่งที่ มันจะทําใหเราไมมีความทุกขเลย กลาวคือธรรมเรื่องความวางจากตัวกู – ของกู ที ่จ ะทํ า ใหบ ุค คลไมม ีค วามทุก ขอ ีก ตอ ไป. นี ้ทํ า ไมจึง วา สาวเสมอ ?ก็เพราะวา มันไมมีเหตุปจจัยปรุงแตง. ถาพูดวาความวางนี้มันหมายถึงไมมีเหตุปจจัยปรุงแตง มัน เปน อยา งไรก็เปน อยู อ ยา งนั ้น ไมเปลี ่ย นแปลง ;หมายความวา เปน สาว เสมอ ไมม ีโ ตขึ ้น หรือ วา ชรา หรือ วา ตาย อยา งนี ้ไ มม ี ; นี ่ค ือ ความหมาย ที ่แ ทจ ริง ของคํ า วา อนัต ตา หรือ สุญ ญตา ไมม ีอ ะไรปรุง แตง นี ้เ พราะมัน ทําใหคนหมดความทุกข ดับความทุกขทุกชนิดได ; ฉะนั้นมีคาสมควรที่จะมานอน อยูในหีบนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ถามวาทําอยางไร จึงจะไดแตงงานกับนางสาวสุญญตา ? ก็บอกวา ถายังขืนเปนผีที่มีหางไหมไฟอยูอยางนี้ มันก็แตงงานไมไดดอก. เพราะนางสาว สุญ ญตาไมย อมแตง งานกับ ผี ที ่ห างติด ไฟอยู อ ยา งนี ้ ; คือ คนโง ๆ ที ่ม ีต ัว กู ของกู มีโลภ มีโกรธ มีห ลง เหมือ นกับ ไฟติด อยูที่ห างไมรูจัก ดับ ; ไมติด อยูที่ ตัวก็ยังติดอยูที่หาง ;เรียกวาปศาจที่หางไหมไฟอยูอยางนี้ ไมมีวันที่จะไดแตงงาน กับ นางสาวสุญ ญตา. มัน ตอ งดับ ไฟนี ้เสีย ซิ, แลว วาระสุด ทา ยก็ดับ ไฟที่เหลือ ติด อยู ที ่ห างนั ้น เสีย .ถา คุณ อยากจะแตง งาน ก็ตอ งพยายามซิ, ก็เ หลีย วดูซิ ว า ที่ ห างของตั ว มี ไฟอยู ห รื อ เปล า . มั น ก็ เลยรูสึ ก ว า เป น การด า ที่ ว า มี ห าง ;


สุญญตา กับ ฆราวาส

๒๓๗

คื อ มั น โง เหมื อ นกั บ สั ต ว ที่ มี ห าง, แล ว ที่ นั่ น มั น มี ไ ฟราคะ โทสะ โมหะ อยู ที่ ความโง, ไฟติด หางอยู เ สมอ ; ใหด ับ ที ่นั ่น ดับ ไฟที ่ห าง เลิก มีห าง เลิก เปน ตัวสัตวโง ๆ เสียที ก็จะแตงงานกับนางสาวสุญญตาได.นี้ เป นเรื่องบุคคลาธิษฐาน พู ดขึ้นเพื่ อชวยความจํา เกี่ยวกับเรื่องสุญ ญตาได ; คุณ จะจําไปเล าให ขบขันหรือ สนุกขึ้นไปกวานี้ก็ได. ของประเสริฐที่สุดของมนุษยก็คือ นางสาว “สุญญตา” เหมาะที่จะ เอาไปใส ใ นหี บ ใบที่ ว า , ไม มี อ ะไรเหมาะเท า . มั น เป น ความหมายของคํ า ว า นิพ พาน : นิพ ฺพ านํ ปรมํ สุ ฺญ ํ – นิพ พาน คือ วา งอยา งยิ ่ง , เพราะฉะนั ้น นางสาวสุ ญ ญตานั้ นเป น ภาพพจน ของนิ พ พาน ; ฉะนั้ น สิ่ งที่ เรียกว า “นิ พ พาน” จึง ควรจะมาอยู ในหี บ ใบนี้ ซึ่ งหมายถึ งจิ ต ใจที่ เฉลี ย วฉลาด สะอาด สวาง สงบ, ไม มี อื่ น ที่ จ ะดั บ ร อ นได . คุ ณ ไปคิ ด เถิ ด เรื่ อ งกิ เลสตรงไหนก็ ต ามมั น ต อ งดั บ ด ว ย สุญ ญตาทั ้ง นั ้น แหละ ; แตบ างทีโ งม องไมเ ห็น อธิบ ายไมเ ปน . ความโลภ ก็ตองดับดวยสุญญตา ความโกรธก็ตองดับดวยสุญญตา ความหลงก็ตองดับดวย สุญญตา ; ไมวาไฟชนิดไหน ที่ไหมจิตใจของมนุษยอยูนี่ มันตองดับดวยสุญญตา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที นี่ ฆราวาสนั่ นแหละเป น พวกที่ อ ยู ใกล ไฟมาก, มี เรื่อ งที่ จะเกิ ดเป น ไฟลุ ก มาก มากกวาบรรพชิ ต เพราะฉะนั้ น ฆราวาสจะต อ งมี สุ ญ ญตามากกวา บ รรพ ชิ ต ; เพ ราะมี ไ ฟ ม าก ก็ ต  อ งก ารน้ํ า ที ่ จ ะดั บ ม าก . เพ ราะฉ ะนั ้ น พระพุ ท ธเจ า ท า นตรัส ไว ช อบด ว ยเหตุ ผ ลอย า งยิ่ ง ว า เรื่อ งสุ ญ ญตาเป น ประโยชน เกื้ อ กู ล แก ฆ ราวาสทั้ งหลายตลอดกาลนาน ; เพราะสุ ญ ญตาเป น เครื่อ งทํ าให ไฟ หมดไป. ความวา งนี ้ทํ า ใหต ัว กู - ของกู conception อัน นี ้ห มดไป ; แลว มัน จะเกิ ดโลภ เกิ ดโกรธ เกิ ดหลง ได อ ย างไร ? หรือ วาถ ามั นกํ าลั งเกิ ดอยู พอดี สติ ถึงขอนี้มันก็ดับทันทีเหมือนกัน.


๒๓๘

ฆราวาสธรรม

เราจะเอาความหมายที่ ก ว า ง ๆออกไปอี ก มั น ก็ ไ ด ทั้ ง ป อ งกั น และ ทั ้ง แกไ ข. ต ล อ ด ทั ้ง ไดร ับ ค วาม สุข . คํ า วา “สุญ ญ ต า” นี ้ใ ชไ ดทั ้ง แกเ ห ตุ และแกผ ล : แกเ หตุ ก็ค ือ ใชไ ดทั ้ง การปอ งกัน และการแกไ ข; แกผ ล - ก็ค ือ วา มั น เป น สุ ข อย า งยิ่ ง , นิ พ พานนั้ น เป น ความสุ ข อย า งยิ่ ง เพราะว า งจากตั ว กู –ของกู ไมม ีก ิเ ลสเกิด ได. เพราะฉะนั ้น ถา มีค วามรู เ รื ่อ งสุญ ญตาอยา งถูก ตอ งอยู แ ลว มัน ยากที ่จ ะเกิด ความโลภ ความโกรธ ความหลง. ถา ปฏิบ ัต ิไ ดด ว ยแลว มั น เกิ ด ไม ได เลย. ถ า ฆราวาสได รั บ การอบรมสั่ งสอนเรื่ อ งนี้ ม าแต อ อ นแต อ อกแล ว ก็ ไ ม ม ี ท า ง ที ่ จ ะ ทํ า ผิ ด ; มี แ ต จ ะ เจ ริ ญ ด ว ย วิ ช ช า ค ว า ม รู  ด ว ย ภู ม ิ ธ รร ม ขอ งจิต ใจ สูง ขึ ้น ทุก ที, ไมท ัน ต ายก็จ ะไดเ ปน พ ระอ รหัน ต. เพ ราะฉ ะนั ้น จึงวามีความรูเรื่องสุญ ญตาอยูนี้ มันคือการปฏิบัติธรรมโดยอัตโนมัติ ในตัว มันเองอยูตลอดเวลา. ความรู ที่ ถู ก ต อ งเรื่ อ งสุ ญ ญ ตานี้ จะทํ า ให ใ นชี วิ ต ของเรานี้ เ ป น การ ปฏิ บั ติ ธ รรมอยู โ ดยอั ต โนมั ติ และตลอดเวลา ; นี่ มี ค า มากอย า งนี้ . ถ า ความรู เรื ่อ งนี ้ม ีอ ยู  มัน จะทํ า อะไรผิด ไมไ ด, จะไป ลัก ขโม ย ไป ทํ า อะไรใครไมไ ด ทั ้ง นั ้น เลย ; จะไปฆา เขา จะไปลัก เขา ลว งเกิน ของรัก เขา ไมไ ดไ ปทุก อยา ง ; มั น เป น อั ต โนมั ติ ที่ ทํ า ให ทํ า ไม ไ ด เพราะความรู อั น นี้ มั น ถู ก ต อ งมั น ทํ า ไม ไ ด . ความโง ที่ เป น ตั ว กู – ของกู นั้ น มั น ทํ า ได ทุ ก อย า งโดยอั ต โนมั ติ ด ว ยเหมื อ นกั น : ทํ า บาป ทํ า ชั่ ว ทํ า อะไรได ทุ ก อย า งโดยอั ต โนมั ติ . ส ว นที่ ว า งจากตั ว กู – ของกู นี้ เป นสติ ป ญ ญานี้ มั นทํ าผิ ด ทํ าชั่ วไม ได ทุ กอย างโดยอั ตโนมั ติ ; เป นการทํ าความดี อยู . นี่ เ รี ย กว า เป น “มิ่ ง ขวั ญ ” หรื อ อะไรก็ ต ามแล ว แต จ ะเรี ย ก ของฆราวาส ; เป น ส วั ส ดิ ม ง ค ล เป น ศ รี เป น มิ ่ ง ข วั ญ เป น ที ่ พึ ่ ง เป น อ ะ ไ ร ข อ ง ฆ ร า ว า ส ; จ ะ ทํ า ให เกิ ด สิ่ งที่ เรี ย ก ว า ป ระ เส ริ ฐ ที่ สุ ด ห รื อ ตั ว พุ ท ธ ศ า ส น า ก ล า ว คื อ มัชฌิมาปฏิปทา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


สุญญตา กับ ฆราวาส

๒๓๙

คุ ณ อย าลื ม ว าผมได พู ดแล วเรื่อ ง มั ชฌิ ม าปฏิ ป ทา ว านั่ น คื อ ตั วของ พุท ธศาสนา ; นั ้น คือ การทํ า ไมผ ิด มีแ ตค วามถูก ตอ ง เปน ความถูก อยู เสมอ. ถ า มี ค วามรูเรื่อ งสุ ญ ญตานี้ มั น จะเป น มั ช ฌิ ม าปฏิ ป ทา โดยอั ต โนมั ติ อ ยู เสมอได มัน จะเกิด ความพอดี เปน กลางในทุก อยา ง คือ ไมม ากไมน อ ย, ไมส ูง ไมต่ํ า จะถู ก ต อ ง และพอดี ไปหมด. เกี่ ยวกั บ ฆราวาสก็ อ ยากจะระบุ วามี การแสวงหา, มีก ารมีไ ว, แลว ก็ม ีก ารใชจ า ยบริโ ภค, แลว ก็ม ีเ รื ่อ งเพศ เรื ่อ งกามารมณ, เรื่อ งเกีย รติย ศชื ่อ เสีย ง ; ถา ทํ า ใหถ ูก ตอ งพอดีแ ลว ไมม ีโ ทษ. แสวงหาใหพ อดี และถูก ตอ ง, มีไ วใ หพ อดีแ ละถูก ตอ ง, แลว ก็ใ ชจ า ยไปใหพ อดีแ ละถูก ตอ ง ; ๓ เรื่อ งนี้ เป น เรื่อ งทางวั ต ถุ เป น เรื่อ งทรัพ ย ส มบั ติ ; ความรูเรื่อ งสุ ญ ญตาช วยได ในการที่จะทําใหมันพอดีและถูกตองแมที่เปนฆราวาส. พอมาถึง เรื ่อ งกาม เรื่อ งความรูส ึก ที ่เกี ่ย วกับ เพศ หรือ ประกอบ กิ จกรรมระหวางเพศ อย างนี้ ถ ามี ความรูวา ทุ กสิ่ งทุ กอย างมั นเป นเรื่อ ง ยึ ดมั่ น ถือ มั ่น เปน ตัว กู - ของกู ไมไ ดแ ลว ; แลว มัน จะทํ า แตพ อดี ทํ า แตที ่ถ ูก ที ่ค วร ที ่พ อดี ; ประกอบกิจ กรรมระหวา งเพศ ชนิด ไหนก็ต ามแตที ่พ อเหมาะพอดี หรือถูกตอง หรือเท าที่ จะเปนอาหารใหทางจิตใจที่ จําเปนอยูอยางหนึ่ ง เมื่อยังละ ไมไ ด. เหมือ นกับ เรากิน ขา ว ปลา อาหาร กิน แตพ อดีแ ละถูก ตอ ง ; แลว รส ของเพศนั้ นก็เป นอาหารทางจิตชนิ ดหนึ่ ง ก็ กินแต พอดี และถูกต อง ; หรือวาใหมั น เป นเรื่องของการสื บ พั นธุโดยบริสุ ทธิ์ มากกวาที่ จะเป นเรื่องลุ มหลง อย างหลั บ หู หลั บ ตาทางกามารมณ . เมื่ อ เป น อย า งนี้ กิ จ กรรมระหว า งเพศ มั น ก็ เ ป น ไป อยางถูกตองและพอดี. นี้เปนความรูเรื่อง สุญญตาดวยเหมือนกัน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เกี่ยวกับ เกียรติยศ ชื่อเสียง ถารูเรื่อง สุญ ญตา มันก็ไมเมายศ ไม บ าชื่อเสี ยง; ถึ งจะมี ยศ มี เกี ยรติ ยศ ชื่อเสี ยง มาให โด งดั งมากมายอย างไรนั้ น


๒๔๐

ฆราวาสธรรม

มัน ก็หัว เราะเยาะได, ไมห ลงยศไมเมาชื่อ เสีย ง ; แตส ามารถที่จ ะจัด การให ถูก ตอ งและพอดี วา จะใชมัน อยางไร ? เพื ่อ ประโยชนอ ยางไร ? ควรไมค วร อยา งไร ? พูด ใหสั ้น ก็ค ือ เรื ่อ ง กาม กิน เกีย รติ, พูด เปน ๓ คํ า ; เรื ่อ งกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรติ นี้เปนคําที่สั้นที่สุด ที่จะใชแกชีวิตของฆราวาส. คุณลอง ไปคิดดู ไปแยกแยะดู ไปทบทวนไปสอบดูโดยทาง logic ก็ได วามันจริงไหม ที่ผมพูดวาเรื่องฆราวาสนั้น ไมมีอะไร นอกจากเรื่อง ๓ ก. คือ ก.กิน ก.กาม ก. เกีย รติ ; เรื่อ งกิน เรื่อ งกาม เรื่อ งเกีย รติ. ที ่อ ุต สา หเ ลา เรีย น อุต สา ห ทําการงาน ประกอบอาชีพ มันก็เพื่ออันนี้แหละ เพื่อกิน เพื่อกาม เพื่อเกียรติ ทั้งนั้น;วัตถุประสงคและความมุงหมายของฆราวาส ลวนเปนเรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรติ. ทีนี้ ถามันโง ทําไปอยางหลับหูหลับตา สามเรื่องนี้ มันจะกลายเปน นรกทั นตาเห็นขึ้นมาเลย. ถาทําดวยตั วกู - ของกูอ ยางนั้ น เรื่องกิน เรื่องกาม เรื่อ งเกียรติ จะกลายเป นนรกทันตาเห็นขึ้นมาที เดียว, ตกนรกทั้งเป น. ถามั น ลืมตา มีสติสัมปชัญญะอยูดวยเรื่องไมยึดมั่นถือมั่นแลว, ไมทําดวยตัวกู – ของกู แลว เรื่อ งนี ้ไ มเปน นรก ไมเ ปน ไฟ ไมเผาลนอะไร ; กลายเปน สิ ่ง ที ่ก ระทํ า อยางถูกตอง ในเรื่องที่มนุษยจะตองทํา ; กลายเปนเรื่องที่เราทําถูกตองในสิ่งที่ เราจะตองผานไป เหมือนการเลาเรียน และการสอบไลนั้นแหละ. เราจะสอบไลได ในสปริตของความเปนฆราวาส โดยเรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรตินี้ ไมไหเกิด เปนความทุกขขึ้นมา. ทีนี้จิตมันก็เลยวิวัฒนาการสูงขึ้นไป จนอยูเหนือเรื่องนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฉะนั้น เมื่อเปนพรหมจารี - อาศรมที่ ๑ ก็อุตสาหศึกษาเรื่องตาง ๆ เหลานี้ใหดี ใหเขาใจใหดี, ควบคุมใหดี, อยูในระเบียบแบบฉบับใหดี. พอเปน คฤหั ส ถ - อาศรมที่ ๒ ก็ เอาชนะได เรื่ อ งกิ น เรื่ อ งกาม เรื่ อ งเกี ย รติ นี้ ไ ม มี


สุญญตา กับ ฆราวาส

๒๔๑

ปญหาเลย ; เปนคนทําหนาที่ของมนุษยไดดีที่สุดในการที่จะกิน ; ไมมีปญหาเลย ในเรื่อ งกิน เรื่อ งกาม เรื่อ งเกีย รติ เรื่อ งคอรบครัว เรื่อ งลูก เรื่อ งหลาน ทั ้ง หมดเลย. ทีนี ้ไ มเ ทา ไรก็เ ขา ใจเรื ่อ งนี ้ด ีทั ้ง หมด จิต ใจมัน ก็เ ลื ่อ นขึ ้น ไป อาศรมที ่ ๓ เรื่อ งวนปรัส ถ แลว ก็อ าศรมที ่ ๔ เปน สัน ยาสี ไปในที ่ส ุด ; เปน แสงสวางของผูอื่นในการครองชีวิตอยูในโลกนี้. นี่แหละความรูเรื่อ งไมมีตัวกู - ของกู แลวปฏิบัติใหไดในการที่จ ะ ไมมีตัวกู - ของกู ; เรียกวาไดแตงงานกับนางสาวสุญญตา ที่อยูในหีบเพชรนั้น แลวไมมีความทุกขอีกตอไป ; จะเปนผูทําถูกตองและพอดี ในทุกเรื่องทุกกรณี ที่มนุษยจะตองกระทํา. พูดใหนาชื่นใจกวานั้น ก็คือวามีนิพพานอยูตลอดเวลา. สุญญตา แปลวา วาจากตัวกู - ของกู ก็คือไมมีตัวกู – ของกู คือตายแลวกอนตาย. เปน ผูต ายแลว กอ นตาย : ดับ ตัว กูเสีย ไดนั้น คือ ตายแลว กอ นตาย คือ กอ น ที่รางกายนี้จะแตกดับ. เพราะฉะนั้น เราก็มีเวลาเหลืออยูมากสําหรับดื่มรสของ นิพพาน ไดประสบนิพพานทันตาเห็น ในปจจุบันนี้ แลวก็มีเวลาเหลืออยูมาก ที่จะดื่มรสของนิพพาน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาเปนความวางแบบประจวบเหมาะเราก็ไดนิพพานแบบประจวบเหมาะ ; ถ า เป น ความว า งแบบเราข ม เอาไว แบบที่ เราบั ง คั บ เอาไว เราก็ ได นิพพานแบบที่ขมไว หรือบังคับเอาไว ;ถาเปนความวางแบบหมดกิเลส เราก็ได นิพพานแทจริงโดยตลอดกาล. นิพพานแปลวาเย็น มีอยู ๓ ระดับ : ประจวบเหมาะ บังเอิญเปน ก็เปนไดดวยอํานาจสุญญตา, และเปนความเย็นแบบตทังคนิพพาน นี่นิพพานประจวบเหมาะ ; ถาวางจากตัวกู - ของกู โดยปฏิบัติดี ปฏิ บัติชอบ ระวังอยู เปนสุญญตาแบบบังคับไว ขมไว เราก็ได วิกขัมภนนิพพาน, นิพพาน ที่ เราจั ด ไว ที่ ค วบคุ ม ไว เย็ น สบายเหมื อ นกั น เมื่ อ เราว างจากกิ เลส ; เพราะ


๒๔๒

ฆราวาสธรรม

กิเลสหมดจริง ๆ มันก็ไดนิพพานสมบูรณ เปนสมุจเฉทนิพพาน ทันตาเห็นทั้งนั้น, ตลอดชีวิตเย็นเปนนิพพาน นี่คือประโยชนของ สุญญตปฺปฏิสํยุตฺตา สุตฺตนฺตา ทําใหฆราวาสได รับ นิ พ พานมาเป น ของขวั ญ ไม ช นิ ด ใดก็ ช นิ ด หนึ่ ง ในชาติ ป จ จุ บั น ทั น ตาเห็ น นี้ ไมตอ งรอตอ ตายแลว หรือ อีก กี่ห มื ่น ชาติ แสนชาติ เหมือ นที่เขาพูด กัน . คุณ ไปฟงดูใหดีเถิด ทายกทายิกาตามวัดตามวา เขาวาอีกหลายหมื่นชาติ แสนชาติจึง จะไดน ิพ พาน. พูด อยา งนั ้น ก็ค ือ ไมรูว า อะไรเปน อะไร พูด ไปตามความเดา หรือ ตามความที ่ไ ดย ิน ไดฟ ง กัน มาอยา งผิด ๆ ; เดาผิด พูด ผิด แลว ผิด ตอ ๆ กันมา. นิพพานที่แทตองไดตั้งแตกอนตายจึงจะเปนนิพพาน ; กอนตายตองได นิพพาน, กอนรางกายตายตองไดนิพพาน ; ฉะนั้นใหตัวกูนี้ตาย ก็จะไดนิพพาน ก็มีเวลาที่จะไดชิมรสของนิพพาน กอนแตชีวิตจะแตกดับ หรือเขาโลง. ฉะนั้น ขอใหฆราวาสทุกคนตั้งใจที่จะไดนิพพานชนิดใดชนิดหนึ่งไปตาม ลําดับ กอนที่จะเขาโลง; นี้ดวยอํานาจของสุญ ญตานี้เอง. ถาหมดฝไมลายมือ ของเราจริง ๆ ขึ้นมาแลว ก็วิ่งมาหาสถานที่ หรือสิ่งแวดลอมอยางนี้ ; จิตรํางับ ดับเย็นเปนนิพพาน ชนิดตทังคนิพพานไปได ก็ยังดีกวามากมาย. แลวก็อุตสาห ศึก ษาเลา เรีย น ใหม ีค วามรูค วามเขา ในการที ่จ ะบัง คับ จิต บัง คับ ใจ ตามแบบ ของอานาปานสติหรืออะไรก็ตาม ก็จะไดนิพพานที่ดียิ่งขึ้นไปกวา สูงขึ้นไปกวา. แต ยั งไม ใช นิ พ พานเด็ ด ขาด และสมบู รณ คื อ ต อ งปฏิ บั ติ ไป ปฏิ บั ติ ไป หรือ ว า ผานโลกไปมากแลว, ผานชีวิตไปมากแลวจน กิเลส ตัณ หา อุปาทาน มันหมด ไปแล ว นั่ น แหละจึ งจะได นิ พ พานจริง . แล ว ก็ ไม ต อ งพู ด กั น หรอกว า เป น พระ หรือ เปน ฆราวาส ในตอนนี ้ ; เพราะตัว กูม ัน ไมม ีเ สีย แลว จึง ไมเ ปน พระ หรือเปนฆราวาส.มันเปนธรรมชาติ ตามธรรมชาติบริสุทธิ์.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


สุญญตา กับ ฆราวาส

๒๔๓

ฉะนั้นลืมกันเสียบาง อยาไปยึดมั่นถือมั่นวา เปนฆราวาส หรือบรรพชิต;, มันจะติด ตัง ติ ดตั งอยางติ ดของเหนียวอยูที่ นั่ น. รูแต เรื่อ งจิต แลวทําจิตให มั น เจริญ , ทําหนาที่การงานใหถูกตอง โดยเฉพาะหนาในปจจุบันนั้น ๆ แลวมันก็ดี ของมันเองอยูในตัว เจริญขึ้นไปในตัว. อยางนอยก็ไดนิพพานพื้นฐาน คือรูจักจัด รูจัก ทํา ใหมัน เย็น , ควบคุม ใหมัน เย็น จนชิน เปน นิสัย ตอ ไปในขางหนา มัน ก็ เด็ดขาด คือความเคยชินที่จะเกิดตัวกู- ของกูมันถูกทําใหรอยหรอลงไป รอยหรอ ลงไป จนไมม ีเ หลือ , มัน เกิด อีก ไมไ ด. นั ่น คือ ความเปน ผู ห มด อุป าทาน หมดกิเลส ตั ณ หา คื อหมดการเกิด แห งตัวกู - ของกู ก็เรียกวาเป นพระอรหั น ต โดยสมบูรณ. อยาไปถือวา เรื่องอรหันต เปนเรื่องสูง จนฆราวาสไมควรจะแตะตอง หรือ ไม ค วรนึ ก ถึ ง. ถู ก แล วเราไม ควรนึ ก ถึ งคํ าวา “อรหั น ต ” เลย อย า ไปนึ ก ถึ ง มันจะบา. แตวา เราจะนึกถึงเพียงแตวา ทําอยางไรจะไมเกิดความรูสึกเปนตัวกู ของกูนี้ . ขอให ทํ าใหชิน เป น นิ สัยจนหมดความเคยชิน ที่ จะเกิ ดเป น ตัวกู – ของกู แลว ที ่จ ะเปน อรหัน ต หรือ ไมเปน อรหัน ต ก็ค อ ยรูก ัน ; และแมไ มต อ งรูก ็ไ ด, รูแตเพียงวา เดี๋ยวนี้มันสยาย ไมมีทุกขเลยก็พอแลว. เดี๋ยวนี้มันมีแตความเย็น ที ่แ ทจ ริง , ไมม ีค วามรอ นเลยตลอดเวลา จนกวา เปลือ กคือ รา งกายนี ้จ ะแตก ดับ ไป ; นี่ก ็เรีย กวา นิพ พานกอ นตาย, นิพ พาน นั ้น คือ ตอ งตายเสีย กอ นตาย ;มีความหมายอยางนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่ขอใหคุณมองใหเห็นสิ่งสําคัญที่สุดสิ่งหนึ่ง หรือขอหนึ่ง คือวา เรื่องที่ ประเสริฐที่สุด นั้น ไมใชเรื่องกิน เรื่อ งกาม เรื่องเกีย รติ ; สิ่งที่ป ระเสริฐ ที่สุด นั้นคือเรื่องไมมีความทุกขเลย. ภาวะของจิตที่ไมมีความทุกขเลย เพราะไมเกิด ตั ว กู - ของกู นั้ น เป น เรื่อ งสู งสุ ด ในที่ สุ ด ชี วิ ต มั น ต อ งไปถึ งนั่ น ต อ งไปจบที่ นั่ น


๒๔๔

ฆราวาสธรรม

จึงจะไมเสียทีที่เกิดมา. สวนเรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรตินั้น มันเปนเหมือน กับอุปกรณ,เครื่องอุปกรณ เพื่อชีวิตเปนอยูได แลวชีวิตวิวัฒนาการดวยความรู ดวย experience ตาง ๆ โดยเฉพาะ experience ทางวิญญาณ ทางฝายดานนามธรรม ที่ สู ง. ฉะนั้ น เรื่อ งเราศึ ก ษาเล า เรีย น เรื่อ งอาชี พ เรื่อ งงาน เรื่อ งเงิน เรื่อ งกิ น เรื่องกาม เรื่องเกียรติ นั้นมันเปนขอสอบในการศึกษา และขอสอบไลขั้นตน ๆ ตน ๆ เรื่อยมา ; แลวมันก็ไปสูงสุดอยูที่มีจิตใจชนิดที่อยูเหนือสิ่งเหลานี้ทั้งหมด. มันวัดไดโดยทีวาเดี๋ยวนี้มันหมดความยึดมั่นเปนตัวกู - ของกู, เย็นเปนนิพพาน อยู ต ลอดเวลา ; เมื ่อ รา งกายนี ้ม ัน แตกดับ ไป ก็ห มดเรื่อ งกัน ก็เ รีย กวา หมดปญหา. เราจะเชื่อวาตายแลวเกิดอีกหรือไมเกิดอีกก็ตามใจเถิด เราตองทํา อยางนี้อยางเดี่ยวเทานั้นแหละ คือทําลาย “ตัวกู – ของกู” นี้อยางเดียวเทานั้น. ถา สมมุต ิวา จะมีก ารเกิด อีก ก็ต อ งทํ า อยา งนี ้ ; หรือ วา ตายแลว จบกัน มัน ก็ตอ งทํา อยา งนี้ เพื่อ ใหไดสิ่งนี้กอ นตาย. ถา เรายังไมได มัน จํา ตอ งตาย เสียกอน ชาติหนามันก็ตองดีเหมือนกัน เพราะเราทําอยางนี้ ชาติหนาตอไป ๆ มันก็ตองดียิ่ง ๆ ขึ้นไป. ฉะนั้นเรื่องวาตายแลวจะไปเกิดอีกหรือไม อยาไปคิด ; คิดแตวาเดี๋ยวนี้เราจะตองทําอยางนี้ ใหสุดความสามารถของเรา ก็เปนการถูกตอง สํ า หรับ ผู ที ่จ ะเกิด อีก หรือ ไมเ กิด อีก ทั ้ง สองพวก. เพราะฉะนั ้น จึง เห็น ไดว า พระพุ ทธเจาทานตรัสไวถูกตองแลวสําหรับ พวกฆราวาสทั้งหลายวาแบบฉบั บ ระเบี ย บแบบแผนสํ า หรับ ปฏิ บั ติ อ ะไร ๆ ก็ ต าม ที่ มั น เนื่ อ งเฉพาะอยู กั บ เรื่อ ง สุญญตานั้น นั่นแหละ เปนประโยชนเกื้อกูลแกฆราวาสทั้งหลายตลอดกาลนาน. นี่คือ เรื่องสุญญตา กับฆราวาส

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org

วันนี้ พอกันเพียงนี้


ฆราวาส กับ อุดมคติของโพธิสัตว - ๑๔ ๑ พฤษภาคม ๒๕๑๓ สํา หรับ พวกเรา ลว งมาถึง เวลา ๔.๔๕ น. แลว ในวัน นี ้จ ะไดพ ูด กัน ถึง เรื ่อ ง ฆราวาส กับ อุด มคติข อง โพธิสัต ว. ถา สัง เกตดูจะเห็น ไดวา เราพูด แตเรื่อ งฆราวาส เกี่ยวกับฆราวาสติดตอกันเรื่อยมา จนกระทั่งถึงวันนี้ ซึ่งเปน เรื่องอุดมคติของโพธิสัตว. มีความหมายสําคัญอยูที่ตรงคําวา “โพธิสัตว”. คนบางคนอาจจะยังไมทราบดวยซ้ําไปวาโพธิสัตวนั้นเปนพระ หรือ เปนฆราวาส. เรื่องนี้มันก็ยากอยูเหมือนกัน ; เพราะวาพวกหนึ่งก็มักจะไดยิน อยางหนึ่ง แลวมีห ลายพวกดวยกัน บางพวกก็เพิ่ม จะประดิษ ฐห ลัก เกณฑ หรือเรื่องราวเกี่ยวกับโพธิสัตวขึ้นมาใหม เพราะฉะนั้นจึงมีความหมายตางกัน. แตถึงอยางไรก็ดี ในที่สุดควรจะทราบวาโพธิสัตวนั้นเปนไดทั้งบรรพชิต และ ทั้งฆราวาส ; แลวสวนใหญ ก็เป นฆราวาส. ยิ่งในฝายเถรวาทเรานี้ดวยแล ว

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org

๒๔๕


๒๔๖

ฆราวาสธรรม

ก็ ล ดต่ํ า ลงไปจนถึ ง กั บ ว า เป น สั ต ว เ ดรั จ ฉาน ; อย า งชาดกเรื่ อ งลิ ง ล า งหู , โพธิสัต วเป นพญาวานร อยางนี้ เป น ตน ; แลวก็เป น ตั้งแต สัตวเดรัจฉาน เป น ปลาในน้ําขึ้นมาทีเดียว จนถึงสัตวบก สัตวฟา กระทั่งถึงคน ถึงรุกขเทวดา. ทีนี้เรามาพิจารณาถึงคํา ๆ นี้คือคําวา “โพธิสัตว” : คําวา โพธิสัตว ประกอบขึ ้ น ด ว ยคํ า ๒ คํ า คื อ “โพธิ ” คํ า หนึ ่ ง แล ว ก็ “สั ต ว ” คํ า หนึ ่ ง . โพธินี้หมายถึงความรู หรือความตรัสรู ซึ่งเล็งถึงเรื่องสูงสุด; สัตวก็คือสัตวนี่เอง. คําวาโพธิสัตวนี้เราอาจจะถอดรูปสมาสคํานี้ออกไปไดหลายอยาง ตามแบบของ ภาษาบาลี. คําสมาสนั้นเราอาจจะถือเอาความหมายของมันไดทุก ๆอยาง ตามที่ มันอํานวยใหถอดรูปออกไปอยางไร. คําสมาสคํานี้อยางนอยก็จะถอดรูปความ ออกมาไดสัก ๓ อยา งคือ ; - โพธิส ัต ว แปลวา สัต วเพื ่อ โพธิ, หรือ สัต วมีโ พธิ, แลวก็สัตวที่ใชโพธิ. เพื่อโพธิ มีโพธิ ใชโพธิ อยางนอยก็ได ๓ อยางอยางนี้. สัตวเพื่อโพธิ ก็หมายความวา สัตวนั้นจะเปนพระพุทธเจา กําลัง พยายามเพื่อใหไดโพธิ. สัตวมีโพธิ ก็หมายความวา มีโพธิ มีปญ ญา มีอะไร อยูพอสมควร คือวาเต็มรูปของความหมาย ของคําวาโพธิสัตวที่มีโพธิ. สัตวที่ ใชโพธิ ก็หมายความวา เขาใชสติปญญานั้นทําหนาที่การงานเพื่อตน หรือเพื่อ ผูอื่น ; มันเนื่องกันเกี่ยวกับคําวาโพธิสัตวนี้ คือทําประโยชนเพื่อตน และผูอื่น. แมวา จะแปลวาสัตวที่พยายามเพื่อโพธิ บางอยางก็เพื่อตนกอน เพื่อตนตรัสรูกอน แลวยังมุงหมายจะชวยผูอื่น. ทีนี้สัตวมีโพธิไวทําไม ? ก็มีไวชวยตน หรือผูอื่น พรอ ม ๆ กัน ไป. สัต วใ ชโ พธิ ก็เ ล็ง ถึง ประโยชนผู อื ่น มากกวา . นี ่แ หละ คําวา โพธิสัตว เมื่อดูตามรูปศัพทตามหลักของภาษา มีความหมายไดอ ยาง นอ ยก็ ๓ ความหมาย. อยางนี้ เรีย กวาโดยนิตินัย . ทีนี้ต ามที่เปน จริง หรือ วา โดยพฤตินัย ถาเราจะรวมเรื่องราวออกมาทั้งหมด ทั้งฝายเถรวาทและมหายาน

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ฆราวาส กับ อุดมคติของโพธิสัตว

๒๔๗

ก็ม ีค วามมุ ง หมายในการกระทํ า ตา งๆกัน อยู  พอที ่จ ะแบง ไดเ ปน ๓ พวกอีก เหมือนกัน. ความหมายแรกกําลังพยายามเพื่อความเปนพุทธะ; นี้คือฝายเถรวาทเรา, ให ค วามหมายของคํ าว า โพธิ สั ต ว นี้ เป น ว า พยายามเพื่ อ จะเป น พระพุ ท ธเจ า . ชาดกตาง ๆ ๕๐๐กวาเรื่องนั้นก็มีความหมายอยางนี้ทั้งนั้น คือสัตวบาง คนบาง รุกขเทวดาบาง ที่กําลังฝกฝนอบรมตนอยู ใหเต็มเปยมดวยคุณธรรม เพื่อจะเปน พระพุท ธเจา . หรือ วา ผู ที ่จ ะเปน พระพุท ธเจา นั ้น กํ า ลัง เกิด เปน สัต วเดรัจ ฉาน เปน มนุษ ย เปน รุก ขเทวดาอะไรก็ได แลว แตจ ะพูด . จนกระทั่ง ชั่ว โมงสุด ทา ย ที่ จ ะเป น พระพุ ท ธเจ า ที่ ต น โพธิ์ . ยั งมี พ ระพุ ท ธภาษิ ต เรีย กของพระองค เองว า “กอนแตการตรัสรู ยังเปนโพธิสัตวอยู” มีพระพุทธภาษิตเลาเรื่องของพระองคเอง. คุณ จะหาอา นดูไ ดห ลาย ๆ เรื่อ ง จากหนัง สือ พุท ธประวัต ิจ ากพระโอษฐ. ในหนังสือพุ ทธประวัติจากพระโอษฐไดยกเอามาไวหลายเรื่อ ง มีถอยคําที่พ ระพุ ทธเจาตรัส ถึงพระองคเองวา กอนแตการตรัสรู ยังเป นโพธิสัตวอ ยู แลวก็อ ยู ที ่นั ่น ๆ ไดทํ า อะไรอยา งนั ้น ๆ. นี ่เปน คติข องฝา ยเถรวาท คือ ฝา ยไต, ไดแ ก ฝายพุทธศาสนาในประเทศไทย พมา ลังกา มีความเชื่ออยางนี้

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ส วนพวกมหายานเขาไม เห็ น อย า งที่ ก ล า วแล ว เป น สํ า คั ญ ; เขาให ความหมายของโพธิสัตวไป ๒ แบบเปนอยางนอย. ทีนี้เราจะติดตามดูวา มันมี เหตุผล หรือวามีความจําเปนอยางไร ? โพธิสัตวฝายมหายยานนั้นอาจจะบัญญัติคํา ไดวา : โพธิส ัต ว คือ ผูส นองพระพุท ธโองการ นี ่ผ มบัญ ญัติเ อาเอง ; แลว ก็โพธิสัตว คือผูสมาทานศีลของโพธิสัตว ; นับวามีอยูอีก ๒ ความหมาย ; รวมกับ ของเถรวาทดวยก็เปน ๓ ความหมาย ความหมายที่ ๒ คือ ความหมายแรกที่เปนของมหายานนั้น มันมี เรื่ อ งที่ ค อ นข า งพิ ศดาร. คุ ณ ก็ เ คยเห็ น หรื อ ว า เคยได ยิ น สิ่ ง ที่ เ รี ย กว า


๒๔๘

ฆราวาสธรรม

“อวโลกิเ ตศวรโพฺธิสัต ว”. ที่ห นา กุฏ ินั้น ก็มีอ ยูอ งคห นึ่ง ที่เ สาทางบอ น้ํา นั้น ก็มีอยูองคหนึ่ง เขาเรียกวา อวโลกิเตศวรโพธิสัตว. โพธิสัตวบางประเภทนี้ก็มี หลายองค เขาจัด ให ป ระจําพระพุ ท ธเจาองค ห นึ่ ง ๆ ทํ าหน าที่ ส นองพระพุ ท ธ ประสงคข องพระพุท ธเจา องคนั ้น ๆ. นี้เปน เรื่อ งราวของพวกมหายาน เลยมี เรื่อ งพิ ศ ดารออกไปถึ งวา พระพุ ท ธเจ านั้ น มี ห ลายระดั บ : พระพุ ท ธเจ าที่ เป น ตนตอแหงพระพุทธเจาทั้งหลาย, แลวก็พระพุทธเจาที่เกิดมาจากฌานของพระพุทธเจาองคนั้นมีอีกหลายองค, พระพุทธเจาที่มาอยูในรูปของมนุษยธรรมดา สามัญนี้ ก็มีอีกระดับหนึ่ง ชุดหนึ่ง มากมายหลายองค, รวมกันแลวหลายรอย หลายพัน. พระพุทธเจาที่เกิดจากฌาณของอาทิพุทธเจานั้น มีอยูองคหนึ่งที่เรียกวา “อมิตาภะพุทธเจา” แลวก็พ ระโพธิสัตวป ระจําพระองคอ มิตาภะพระพุท ธเจา ก็คื อ อวโลกิ เตศวร นี้ . สมั ย หนึ่ งนั บ ถื อ กั นมากทั้ งในประเทศอิ น เดี ย และใน ประเทศที่พระพุทธศาสนาอยางมหายานแผไปถึง จนมีรูปพระโพธิสัตวอวโลกิเตศวร นี้เกิดขึ้น ทั่ว ๆ ไป หลาย ๆ ขนาด ขนาดใหญ ประจําวิห าร ขนาดเล็กประจํา บานเรือน อยูบนหิ้ง. ในประเทศไทยเราก็พ บมาก องคที่ สวยที่สุด ก็พ บที่วัด พระธาตุที ่ไชยา คือ องคที่วามานั้น อยากรูเรื่อ งก็ไปศึก ษาทางโบราณคดีอ ีก สวนหนึ่งตางหากก็แลวกัน ; แตนี้เราจะพูดกันเทาที่เกี่ยวกับศาสนา,

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาเปนเรื่องเกี่ยวกับทางศาสนาไมใชทางศิลป เขาใจวา พวกมหายาน ตั้งใจที่จะรวบรวมคนใหมาถือศาสนาของตนใหมากที่สุด สมกับวา มหายาน, คือยานใหญหลวง ใหญโต พาคนไปไดมากนี้ คือหมายความวา จะตองพาคนโง ไปดวย. แลวสวนมากของคนในโลกนี้เปนคนโง ขี้ขลาด ; แลวเราจะมัวมาถือ แตเรื่อง อนัตตา สุญญตา อยูนี้มันจะเขาใจไดสักกี่คน. และทางฝายศาสนาอื่น


ฆราวาส กับ อุดมคติของโพธิสัตว

๒๔๙

ที ่เ ปน คู แ ขง เชน ศาสนาพราหมณ ฮิน ดู อยา งนี ้ เขามีพ ระเจา คนที ่โ ง และขี้ข ลาดก็ใชพ ระเจานั้น เปน ที่พึ่ง นับ ถือ เชื่อ และออ นวอน ; อยางนี้มัน ก็หมดปญหาในจิตในใจของเขา. เพราะฉะนั้นคนก็อยากจะถือศาสนาที่มีพระเจา ชวย มากกวาที่จะใชสติปญญาชวยตัวเอง. ฝายพวกมหายานก็อยากจะใหมีพระเจาในพุทธศาสนาขึ้นมาบาง ; กอนนี้ ไมมี. ที่นี้อยากมีจะมีพระเจาจะทําอยางไร ก็เลยบัญญัติเรื่องที่วานี้ คือบัญญัติ เรื่อ งของพระพุท ธเจา นี ้ใ หข ยายยึด ออกไป จนมีอ าทิพ ระพุท ธเจา องคแ รก ; แลว ก็มีพ ระพุท ธเจาที่เกิด มาจากอํานาจฌานของพระพุท ธเจาองคแรก ; แต ละองค – แตละองค มีโพธิสัตวคอยรับสนองพระพุทธประสงค. พระอมิตาภะ พระพุท ธเจา มีพ ระโพธิสัต วอ งคนี ้เรีย กชื่อ วา “อวโลกิเตศวร”. อวโลกิเตศวร ถอดสนธิข องคํา ก็เ ปน อวโลกิต ะ + อศะวะระ. อิศ ะวะระก็คือ อิศ วร เปน ชื่อเหมือนกับพระอิศวรใยฝายฮินดูฝายพราหมณ. ก็แปลวา เราก็มีพระอิศวร ใหประชาชนที่โงและขี้ขลาด ; แลวก็บัญญั ติใหอวโลกิเตศวรนั้น คอยดูแลโลก มองดูโลกอยูดว ยความเมตตา ใครตอ งการอะไร ก็ข อได ออ นวอนได จาก อวโลกิเตศวร ซึ่งเปนผูที่จะสนองพระพุทธประสงคในการชวยสัตว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฉะนั้น จึงมีคามสําคัญอยูอยางหนึ่งวา อวโลกิเตศวรนี้เปนผูรับใช,. มีลักษณะเหมื อนเป นผูรับใชของพระพุ ทธเจาอมิตาภะ ; เพราะฉะนั้ นที่ รูปของ อวโลกิเตศวร จึงจะตองมีพระพุทธรูปที่บริเวณหนาผาก คือเหนือหนาผากขึ้นไป ตรงเชิงของมงกุฎอยูองคหนึ่งเสมอ อยางนอยก็องคหนึ่ง, อยางมากก็มีหลายๆองค ตรงนั้น บาง ตรงนี้บา ง. นี่ก็แสดงความหมายวาเปน ผูรับ ใชพ ระพุท ธเจาดว ย แลวก็มีพระพุทธเจารวมอยูในรูปอวโลกิเตศวรนี้ดวย. ฉะนั้นการที่ใครจะไหวรูป อวโลกิเตศวร มันก็มีความหมายมากออกไป คือไหวพระพุทธเจาดวย แลวยัง


๒๕๐

ฆราวาสธรรม

ไหวอวโลกิเตศวรนั้นเองดวย. มัน ก็เปนการตีตื้นขึ้น มา คือชนะได ในการที่จ ะ จูงประชาชนกันมากมาย ซึ่งเปนคนขลาดและคนเขลานั้นมาไดโดยงาย. ศาสนาพุทธอยางมหายานเขาตอสูศาสนาอื่น ที่เขามีพระเจาโดยลักษณะ อยา งนี ้ ดัง นั ้น อุด มคติข องพระโพธิส ัต วนี ้ ก็ก ลายเปน ผู ร ับ สนองพระพุท ธโองการ ในการรั ก ษาศาสนาไว , แล ว ก็ ช ว ยคนที่ ถื อ ศาสนา. พระโพธิ สั ต ว ใ น ความหมายนี้ คือผูที่จะรักษาศาสนาของพระพุทธเจาไว แลวก็ชวยสัตวทั้งหลายที่ นับถือพุทธศาสนา. มันก็เลยตางกวาความหมายเดิมอยางของเถรวาท ซึ่งมีวา โพธิสัตวคือผูที่พยายาม เพื่อที่จะเปนพระพุทธเจา. ความหมายอยางมหายาน กลายเปนวา มีหนาที่รับสนองพระพุทธโองการในการที่จะรักษาศาสนาไวชวยสัตว ทั้งหลายตอไป. ความหมายที ่ส าม ซึ ่ง เปน ของมหายานดว ยเหมือ นกัน ไดแ ก ใครก็ได ที่ถือสมาทานศีล โพธิสัต ว ศีล โพธิสัตวก็มี ขอ สําคั ญ อยูขอ เดียวเทานั้ น คือ วา จะชว ยเพื ่อ นมนุษ ยค นสุด ทา ยเสีย กอ น ที่ตัง เองจะนิพ พาน ; คือ วา ถา ยังมีคนสุดทายเหลืออยูเพียงคนเดียวก็ตาม เขาจะยังไมนิพพาน คือยังไมเขาสู นิพ พาน. สมาทานศีล วา อยา งนี ้ ก็เ รีย กวา สมาทานศีล ของโพธิส ัต ว. นี ่ก็ เปน อุด มคติเ ทา นั ้น ; โดยพฤติน ัย แลว มัน ทํ า ไมไ ด ; เพราะมนุษ ยเ กิด มา เรื่อ ย แลว โพธิสัต วจ ะชว ยจนกระทั ่ง คนสุด ทา ย ก็ต อ งรอไปเรื่อ ย ; ก็แ ปลวา จะไมมีโอกาสเขานิพพานดวยซ้ําไป เพราะวาสัตวมันเกิดมาเรื่อย แตเราอยาไปถือ เอาสว นนั ้น เพื ่อ เปน ขอ คัด คา นกัน ใหเ สีย เวลาเปลา ๆ ; ใหถ ือ เอาอุด มคติ ของผู ที่จะชวยผูอื่น กอ นชวยตัวเอง ก็เลยสมาทานศีล ปฏิ ญ ญา สาบาน หรือ อะไรก็แลวแตจะเรียก วาเราจะชวยมนุษยจนกระทั่งคนสุดทายจึงจะนิพพาน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org

ขอใหคุณ เปรียบเทียบดูทั้ง ๓ ความหมายนี้ : ความหมายที่ ๑ เปน อยางเถรวาท โพธิสัตวคือผูที่กําลังพยายาม เพื่อจะเปนพระพุทธเจา. ความ


ฆราวาส กับ อุดมคติของโพธิสัตว

๒๕๑

หมายที่ ๒ เปนมหายาน โพธิสัตว คือผูที่รับสนองพระพุทธประสงค ในการ รัก ษาศาสนาไวก ็ด ี ในการชว ยเปน ที ่พึ ่ง แกส ัต วก ็ด ี. ความหมายที ่ ๓ ก็เปน ของมหายาน โพธิสัต วคือ ผูที่ส มาทานศีล ของโพธิสัต ว. สํา หรับการที่แบง เปนเถรวาท หรือ มหายานนี้ เราเอาความหมาย หรือหลักสวนใหญ ๆ ; ที่จริง ขอปลีกยอยมั นก็เหมื อนกัน ก็มีอ ยูดวยกัน ทั้งสองฝาย. การชวยผูอื่น หรือการ ทําตามพระพุทธประสงค มันก็มีอยูในฝายเถรวาท แตเขาไมพูดมาก ไมยกขึ้นมา เปนเรื่องใหญเหมือนฝายมหายาน. มหายานบางนิกายจะไมพูดถึงอะไรหมดเลย จะพูดถึงแตเรื่องสมาทาน ศีล ของโพธิส ัต วเทา นั ้น แตฝา ยเถรวาทเรานี ้ที ่เปด ไวก วา ง ๆ วา โพธิสัต วค ือ ผู ที่กําลังพยายามเพื่ อจะเป น พระพุ ทธเจา. ที นี้ ถาถือเอาแตค วามหมายมั นก็ไม ขัดของอะไรกัน แลวก็กลายเปนหนาที่ที่ทุกคนจะตองทํา และสามารถจะกระทําได ดวย. ฉะนั้น ฆราวาสครองบ านเรือ นอยูตามปกตินี้ สามารถจะเป น โพธิสั ตวทั้ ง ๓ ความหมาย. บางเวลาเราก็เป น อยูแลว เป น โดยวิธีที่ ผ มเรียกวา อุป ปาติก ะ หรือโอปปาติกะ คือเมื่อจิตมันเปนอยางไร เราก็เกิดเปนอยางนั้น. บางเวลาจิต ของเรามุ ง จะเป น พระพุ ท ธเจ า อธิ ษ ฐานจะเป น พระพุ ท ธเจ า มั น ก็ ก ลายเป น โพธิสัตวไป. บางเวลาเราก็มุงจะรักษาศาสนาของพระพุทธเจาใหคงอยู เปน ที่ พึงแกเพื่อนมนุษย นั่นก็เทากับกลายเปนโพธิสัตวไป ตามความหมายที่ ๒ นั้น. แลวบางเวลาหรือบางคนอาจจะคิดในบางคราวในการที่จะมีเกียรติยศชื่อเสียง ใน การชวยผูอื่น ก็กลายเปนโพธิสัตวนอย ๆ ไป.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี้เรียกวาอุดมคติของโพธิสัตวนั้น ฆราวาสสามารถประพฤติได ; แลว ฆราวาสอาจจะเปนโพธิสัตวไดโดยความหมายของโอปปาติกะ คือเรามีหลักวา คิด อย า งไรก็ เกิ ด เป น อย า งนั้ น ซึ่ ง ได พู ด กั น โดยละเอี ย ดมาแล ว ในคราวก อ น ๆ .


๒๕๒

ฆราวาสธรรม

ยกตัวอยาง เชนวา คิดอยางโจรก็เกิดเปนโจรในขณะนั้น, คิดอยางบัณฑิตก็เกิด เปนบัณฑิตในขณะนั้น,กระทั่งวา คิดอยางสัตวเดรัจฉานก็กลายเปนสัตวเดรัจฉาน ไปในขณะนั้น , คิด อยางเปรตอยางอสุรกาย ก็กลายเป นเปรต เป นอสุรกายใน ขณะนั้น, เมื่อคิดอยางโพธิสัตวก็กลายเปนโพธิสัตวไปในขณะนั้นไดเหมือนกัน. หลัก เกณฑอ ยางนี้ไมใหโทษ มีแ ตป ระโยชนโดยสวนเดีย ว ; ทีนี้เราก็พ ยายาม ที ่จ ะใชใ หเ ปน ประโยชนม ากเทา ที ่ม ัน จะมากได ; เราก็จ ะไดร ับ คํ า สอนเปน อยาง ๆ ไป. แผ น ดิ น ตรงนี้ , แผ น ดิ น ภาคใต ของประเทศไทยนี้ ก็เคยนั บ ถื อ พระ พุ ท ธศาสนาทั้ ง อย า งเถรวาท และอย า งมหายาน; แล ว ดู ต ามร อ งรอย ซาก โบราณวัต ถุ โบราณสถานที่ เหลื อ อยู แล ว ก็ พู ด ได วา อย างมหายานเคยเจริญ แพรห ลายมากกวา ดว ยซ้ํา ไป. โบราณสถานยัง คงปรากฎมีอ ยู ทีนี้ค วามรูสึก นึกคิดของประชาชน ที่เนื่องดวยวัฒ นธรรม ก็มีลักษณะของมหายานอยูในการ ที่ จ ะเป น โพธิสั ต ว. เรื่อ งปรารถนาพุ ท ธภู มิ นี้ ก็ เป น อุ ด มคติ ทั้ งฝ ายเถรวาท และ ฝ า ยมหายาน. การปรารถนาที่ จ ะเป น พระพุ ท ธเจ า องค ในอนาคตนั้ น มั น เป น ความปรารถนารวมทั้งเถรวาทและมหายาน เราจะไดเห็นหลักฐานที่คนแตกอน คนรุน โบราณ หรือ ปู ย า ตายายนั ้น จะอธิษ ฐานวา “ขอใหข า พเจา ไดเ ปน พระพุทธเจาองคหนึ่งในอนาคตกาลเทอญ” อยางนี้ก็มีอยูมาก ตามสมุดขอยเกา ๆ. ตอนจบสมุดขอยนั้นจะมีคําอธิษฐานอยางนี้ “ขอใหขาพเจาไดเปนพระพุทธเจา องคหนึ่งในอนาคตกาลเทอญ ดวยบุญกุศลที่ไดทําไวนานาชนิด” กระทั่งคัดลอก สมุดนี้ก็เปนอุดมคติของโพธิสัตวแลวคนนั้นก็เปนฆราวาส คือวาด หรือ ตั้งความ ปรารถนาไวไกลในอนาคต ขอใหเปนพระพุทธเจาสักองคหนึ่ง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฉะนั้ น คํ า ว า “อุ ด มคติ ข องโพธิ สั ต ว ” นั้ น ถ า จะสรุป เอาเพี ย งแต ความหมายเดี ย ว มั น ก็ คื อ ช ว ยผู อื่ น - ช ว ยผู อื่ น - ช ว ยผู อื่ น . ถ า แยกเป น


ฆราวาส กับ อุดมคติของโพธิสัตว

๒๕๓

๓ ความหมายก็ อย างที่ พู ดมาแล ว ; แต วาโดยความหมายใหญ เพี ยงความหมายเดี ยว แลว ก็ค ือ เห็น แกผู อื ่น . ฉะนั ้น อุด มคติข องโพธิส ัต วนี ้จํ า เปน อยา งยิ ่ง สํ า หรับ โลกสมั ย ป จ จุ บั น นี้ ซึ่ ง เต็ ม ไปด ว ยความเห็ น แก ตั ว . เรื่ อ งนี้ ค วรจะนึ ก ถึ ง อยู เสมอ วาเปนภัยอันตรายที่รายแรงที่สุดของมนุษยในยุคปจจุบันนี้ ก็คือความเห็น แก ตั ว . คุ ณ ไปดู ซิ เรื่ อ งการเมื อ งก็ ดี เรื่ อ งเศรษฐกิ จ ก็ ดี เรื่ อ งอะไรก็ ดี มั น สรุ ป อยู ที่ เรื่ อ งความเห็ น แก ตั ว ทั้ ง นั้ น . มนุ ษ ย ส มั ย นี้ จึ ง ไปบู ช า เทคโนโลยี่ – เครื่อ งมื อ ของความเห็ นแก ตั ว โดยไม คํ านึ งถึ งศาสนา หรื อ พระเจ า ; กวาดพระเจ า กวาดศาสนาออกไปทิ้งหมด. เด็ก ๆ ไมไ ดย ิน คํ า วา พระเจา คํ า วา ศาสนา เหลา นี ้ ไดย ิน แตคํ า เทคโนโลยี่ ม ากขึ้ น ทุ ก ๆ สาขา นี่ คื อ อิ ท ธิ พ ลของความเห็ น แก ตั ว ; ต อ งการจะ แสวงหาประโยชน เ พื่ อ ตั ว เป น ความเอร็ ด อร อ ยทางวั ต ถุ ทางเนื้ อ หนั ง ไม มี ขอบเขต, ฉะนั้ น มั น ก็ ต อ งการที่ จ ะเอามาจากผู อื่ น โดยวิ ธี ใดวิ ธี ห นึ่ ง เอามาเป น ของตัว อยา งไมม ีข อบเขต. มัน มีค วามละโมบถึง ขนาดนี ้แ ลว ความกลัว ก็ มี ม าก จึ งต อ งใช วิ ชาเทคโนโลยี่ ในทางป อ งกั น ตั ว อย างไม มี ข อบเขต. มั น ก็ เลย สาละวนกั น แต เรื่ อ งความเห็ น แก ตั ว ไปทุ ก แง ทุ ก มุ ม โลกก็ เป น โลกที่ ร อ นเป น ไฟ มากขึ้นทุกที ๆ ทุกที ๆ เพราะความเห็นแกตัว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฉะนั้ น โดยเนื้ อ แท แ ล ว โลกต อ งการอุ ด มคติ ข องโพธิ สั ต ว , คื อ ว า เลื อ ด เนื ้อ ชีว ิต ของเราสละไดเ พื ่อ ผู อื ่น . ศาสนาคริส เตีย นโดยเฉพาะคํ า สอนของพระ เยซูนั ้น เปน อุด มคติข องโพ ธิส ัต วอ ยา งสูง สุด . “ใหร ัก ผู อื ่น ยิ ่ง กวา รัก ตัว ” “ให ให อ ภั ย แก ผู ที่ ทํ า อั น ตรายเรา” นี้ เป น อุ ด มคติ ข องโพธิ สั ต ว โดยสมบู รณ . มี ค น บางคนกลื น คริ ส เตี ย น โดยพยายามอธิ บ ายให เ ห็ น ว า พระเยซู คื อ เป น พระโพธิ สั ต ว อ งค ห นึ่ ง ; เรี ย กตามภาษาฮิ บ รู หรื อ อะไร เรี ย กว า โยซาฟ ด . ไปหา


๒๕๔

ฆราวาสธรรม

เรื่อ งโยซาฟต อา นดูเถอะ จะเห็น วา เขาอธิบ ายวา พระเยซูเ ปน พระโพธิส ัต ว องคหนึ่ง. แตเราไมเอามากถึงอยางนั้น มันเปนการรุกล้ํามากเกินไป ; เพียงแต เราจะพยายามชี้ให เห็ น วา อุ ด มคติ ข องพระเยซู เป น อุ ด มคติ ของโพธิสั ต ว คื อ เห็นแกผูอื่น ไมเห็นแกตัว. ถาโลกนี้เชื่อพระเยซู ปฏิบัติตามพระเยซู ก็สบายอยางยิ่ง เปนโลกของ พระศรีอ าริย ไปได เหมื อ นกั น ; ไม เป น อย างที่ กํ าลั งเป น อยู นี้ . เดี๋ ย วนี้ ป ศ าจหรือ ซาตานมันครอบงําโลก ทําใหมนุษยในโลกมีความเห็นแกตัวหนักขึ้นๆ แลวก็เลย ไดเปนอยางนี้. ที่จริงโลกนี้ กําลังตองการอุดมคติของโพธิสัตวเปนอยางยิ่ง กวา สิ ่ง ใด ที ่จ ะมาหยุด วิก ฤตกาลตา ง ๆ ในโลกได. เพราะฉะนั ้น ถา คุณ ชอบคํา ๆ นี้, ชอบอุดมคติอันนี้ก็จงเชื่อเถิดวา เราทําได เราเปนได แมในเพศ ฆราวาส ; คือพยายามเห็นแกผูอื่น ทําลายความเห็นแกตัว. แมที่สุดแตอุดมคติอยางโลก ๆ คืออุดมคติของการเลนกีฬานี้ มันก็คือ sporting – spirit ไม ให เห็ น แก ตั ว ให ให อ ภั ย . ฉะนั้ น ถ า ใครเป น นั ก กี ฬ าแท จ ริ ง คนนั ้น ก็เปน ผู อ ยู ใ นอุด มคติข องโพธิส ัต ว. เดี ๋ย วนี ้ส ัง เกตดู ไมเ ห็น มีใ ครเปน นั ก กี ฬ าที่ แ ท จ ริง เป น นั ก กี ฬ าปลอมทั้ งนั้ น ; แม กี ฬ าของมหาวิ ท ยาลั ย นี่ ก็ เป น กีฬ าปลอม ; เห็น แกต ัว จนทํ า อัน ตรายกัน ในสนามกีฬ า, ระเบิด ขวดบา ง อะไรบา ง. แลว พวกกองเชีย รนั ้น คือ พวกเห็น แกต ัว ที ่ส ุด , มีจ ิต ใจที ่กํ า ลัง เห็น แก ตั ว ไปเชี ย ร พ วกของตั ว ร อ ยเปอร เ ซ็ น ต เ ลย ไม เ ชี ย ร อี ก ฝ า ยหนึ่ ง แม สั ก เปอรเซ็น ตเดีย ว. ฉะนั ้น กองเชีย รนี ้เปน เรื่อ งของปศ าจ หรือ ซาตานมากวา คือ เพิ ่ม การเห็น แกต ัว หรือ เห็น แกพ วกของตัว . แลว ทีนี ้ต ัว ผู เ ลน กีฬ าเอง ก็มีแตความเห็นแกตัว ชกตอยกัน, แลวคิดเอาเปรียบอยางไมมีความเปนธรรม

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ฆราวาส กับ อุดมคติของโพธิสัตว

๒๕๕

อยูใจใจตลอดเวลา. แตปากก็พูดวาเลนกีฬา รักษาระเบียบ รักความเปนธรรม ; แตใ จมัน ไมเ ปน อยา งนั้น . ฉะนั้น ถา เพีย งแตวา เปน นัก กีฬ าที่แ ทจ ริง กัน เทา นั้น ก็จ ะเปน อุด มคติข องโพธิสัต ว มีโพธิสัต วกําลังวิ่ง อยูใ นสนามกีฬ า ; คือวาฝกความเห็นแกผูอื่นเห็นแกความถูกตอง,ทําลายความเห็นแกตัวอยูเสมอ. เห็ นแกธรรมะ เห็น แกความถูกตอ งนั่นแหละคือ เห็นแกทั้งหมด ไมยกเวนอะไร, แลว ทํ า ลายความเห็น แกต ัว เสีย เรื่อ ย ๆ ไปดว ยการใหอ ภัย ดว ยการอะไรได แมแ ตเขาลวงเกิน เราเอาเปรีย บเรา เราก็ใหอ ภัย ได. ฉะนั้น ผมอยากจะขอรอ ง ให ทุ ก ๆ องค ทุ ก ๆ คน แม ที่ ไม ได ม านี้ , ศึ ก ษากั น ให ดี ว าอุ ด มคติ ข องโพธิ สัตวนี้ จําเปนในทุกกรณีแกความเปนอยูของคนในโลก คือความเห็นแกผูอื่น ไมเ ห็น แกต ัว . เมื ่อ ไรเรามีค วามรูส ึก อยู อ ยา งนี ้ มีค วามปรารถนาอยู อ ยา งนี้ แลวกําลังกระทําอยูอยางนี้ก็เปนพระโพธิสัตวเมื่อนั้น เวลานั้น. จะลงสนามกีฬา ก็ลงเพื่อเปนโพธิสัตวกันดีกวาที่จะเปนภูตผีปศาจ. แม วาเราจะศึกษาเลาเรียนในมหาวิทยาลัยก็ตาม ก็คิดใหมั นกวางวา เราจะเปน มนุษ ยที่มีชีวิต อยูในโลกนี้ เพื่อ ประโยชนแกโลกเปน สวนรวม ; สวน ตัวเองคนเดียวลืมเสียก็ได ลูกเมีย ถาจะมีก็ลืมเสียก็ได อยาใหเอามาเปนเรื่อง สํ า คัญ . ทั ้ง เราทั ้ง ลูก เมีย ของเรานั ้น มัน เพื ่อ ประโยชนแ กโ ลกอยา งนี ้เรีย กวา ไมเห็น แกต ัว . ถา จะเอาแตค วามสนุก สนาน เอร็ด อรอ ยแตเรื่อ งในครอบครัว ของตัว ก็ไมพนที่จะเปนภูตผีปศาจชนิดหนึ่ง คือมันจะคอย ๆ เผลอ คอย ๆ เผลอ เผลอจนเห็น แกต ัว ชนิด ที ่ด ูไมได. ถา มีอ ุด มคติข องโพธิส ัต วม าคุ ม ครองไวบ า ง นั ่น แหละจะเปน ครอบครัว ที ่ด ี ; ครอบครัว นั ้น จะมีก ารดํ า เนิน ชีวิต ที ่ด ี นา ไหว น านั บ ถื อ น า บู ช า เห็ น แก เพื่ อ นบ า น เห็ น แก ป ระเทศชาติ เห็ น แก โลกทั้ งหมด สากลโลกกระทั่งสัต วเดรัจ ฉานดวย. นี่มีค วามเมตตาเต็ม ที่เต็ม เปย มอยูในจิต ในใจ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๒๕๖

ฆราวาสธรรม

ถาหากวาเรากําลังเปนพอบาน – แมเรือน หรือเปนอะไรอยูก็ตาม มัน ไมมีอะไรดีวิเศษไปกวาเปน เพื่อ เปน สุข กัน ทั้งโลก เสียสละประโยชนสวนตัวได ในเมื ่อ จะเปน ประโยชนแ กส ว นรวมจริง ๆ เมื ่อ เห็น อยู จ ริง ๆ. และนั ่น แหละ ควรจะเรีย กวา “มหาบุร ุษ ” หรือ อะไรที ่ส ูง สุด ที ่แ ทจ ริง . มหาบุร ุษ ที ่เ อา เปรีย บผู อื ่น เห็น แกต ัว ฆา คนไดม าก ๆ นั ้น ไมใ ชม หาบุรุษ ; วา เอาเองตาม ที ่ม ีอํ า นาจจะวา จะแตง ตั ้ง ตัว เอง หรือ วา แตง ตั ้ง ขึ ้น โดยบุค คลที ่โงเขลาชนิด เดีย วกัน . ในโลกนี ้ม ีค นโงม าก ไปนิย มมหาบุรุษ อยา งนั ้น . มหาบุรุษ จริง ๆ ก็ตองแบบของโพธิสัตวของพระพุทธเจา คือไมเห็นแกตัว เห็นแกผูอื่น ชวยผูอื่น ชวยโลก. ที่ผมพูดนี้ก็หมายความวา มุงหมายจะใหคุณเขาใจคําวา “โพธิสัตว” แลว อยา เหวี่ย งทิ ้ง ไปเสีย ไกลลิบ ไมรูอ ยู ที ่ไหนเลยปฏิเสธเสีย วา มัน ไมใ ชเรื่อ ง ของเรา มั น สู งเกิ น ไป อุ ด มคติ ค รึค ระบ า ๆ บอ ๆ ของคนโบราณ ; อยาได คิ ด อยางนั้น. ที่แทเปนเรื่องที่ทุกคนนี้จะตองพยายาม ธรรมชาติมันก็ตองการใหคน ทุ ก คนเป น อย างนั้ น แล วสถานการณ ของโลกในป จจุ บั น นี้ มั น ก็ ต อ งการให ค น เป น อย างนี้ เพื่ อ จะยุ ติ ป ญ หาที่ ยุ งยากของโลกได . ที่ เขาคิ ด วาจะแก ไขกั น ด วย การเมือ ง ดว ยการทูต ดว ยการจัด ทางเศรษฐกิจ ดว ยอะไรตา ง ๆ เหลา นี้ มันเปนเรื่องหลับตางมงายอยางยิ่ง. มันเปนยุคเปนสมัย ที่โลกกําลังเปนอยางนี้ เรียกวามันหมุนมาอยูในราศีที่โงเขลางมงายอยางยิ่ง จนไดฆาฟนกัน เปนเหมือนฆา เนื้อฆาปลา โบราณเขาวาจะถึงยุคที่เรียกวา มิคสัญญี คือไมยอมรับนับถือซึ่งกัน และกัน วา เปน มนุษ ย ; ถือ วา เปน สัต วต ัว เล็ก ๆ จึง ฆา มัน เสีย ใหพ ิน าศเลย นี้เขาเรียกวามิคสัญญี คือเหมือนกับฆาเนื้อฆาปลา.แตกอนนี้ไมเคยมี ที่จะฆากัน งาย ๆ มาก ๆ เหมือนในสมัยนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ฆราวาส กับ อุดมคติของโพธิสัตว

๒๕๗

ฉะนั้นขอใหมองดูอุดมคติอันนี้ ในฐานะที่อยูดวยกันกับฆราวาสได แมวาจะเปนฆราวาสที่ต่ําตอยอยางไร ก็ควรจะมุงหมายที่จะเปนโพธิสัตว ; โดย ไมเ ขา ใจไปวา เปน เรื่อ งเหอ เหิม เกิน ฐานะ, ไมเ จีย มตัว หรือ อะไรทํา นองนี้. เราไมมองกันในแงนั้น มองกันในแงที่วาธรรมชาติ หรือพระเจา หรือพระธรรม อะไรก็ตาม, ตองการใหทุกคนถืออุดมคติอันนี้ ; ไมเห็นแกตัวใหเห็นแกผูอื่น ตอไปก็จะพูดกันถึงเรื่องบารมีที่จะเปนโพธิสัตว, คําวา “บารมี” ก็ แ ปลว า เครื่ อ งมื อ สํ า หรับ ข า มไปฝ งโน น ก็ ได ; หรื อ แปลว า สิ่ ง ที่ ทํ า ความ ประสงคใหเต็ม ก็ได ; ความหมายมัน อยา งเดีย วกัน . สิ่งที่จ ะขามไปฝงโนน ก็คือวา เราตองการที่จะไปฝงโนน ; สิ่งที่ทําความประสงคใหเต็มก็หมายความวา เราประสงคอะไรแลวเราตองสรางบารมี มันจึงจะเต็มขึ้นมาไดตามความประสงค. แลวความประสงคของมนุษยทั้งหมด ไมมีอะไรดีวิเศษไปกวา ขามเรื่องความ ทุกขไปเสียใหพน ไปสูฝงโนนคือความไมมีทุกขเลย. ถือตามหลักเถรวาทคําวา “บารมี” นั ้น มีตั ้ง ๑๐ อยา งคือ ๑. ทาน, ๒. ศีล , ๓ เนกขัม มะ, ๔. ปญ ญา ๕, วิริยะ, ๖. ขันติ, ๗. สัจจะ, ๘. อธิฏฐาน, ๙. เมตตา, ๑๐. อุเบกขา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พระโพธิสัตวบําเพ็ญบารมีเหลานี้แลว ก็ไดเปนพระพุทธเจาในเวลา อัน สมควร. เขาไดใ หตัว เลขไวอ ยา งนา ตกใจวา นานสื่อ สงไขย แสนกัป ป ; นับ ตั้ง แตพ ระโพธิสัต วอ งคนี ้, องคที่จ ะเห็น พระพุท ธเจา ที่เรานับ ถือ กัน อยูนี ้, เริ่มบําเพ็ญบารมีมาใชเวลา สี่อสงไขย แสนกัปป จึงจะตรัสรูเปนพระพุทธเจา เมื่อ สองพันกวาปมาแลวนี้. เรื่อ งอยางนี้อ ยาไปพูดถึงตัวเลขที่มัน นาตกใจจน ไมนาเชื่อ.ถาจะแกปญหาใหลุลวงไปก็ใชวิธีอยางที่ผมใช: คําวา “ชาติ” ชาติหนึ่ง นั้ น คื อ เกิ ด ความคิ ด ที่ เป น ตั วเราครั้งหนึ่ ง. ดั งนั้ น วั น หนึ่ งเรามี ได ห ลายสิ บ ชาติ


๒๕๘

ฆราวาสธรรม

หลายรอ ยชาติ ; ไม ใชชาติ เกิ ดมาแล วเข าโลงที ห นึ่ ง เรีย กวาชาติ ห นึ่ ง ไม เอา อยา งนั ้น . เกิด ความคิด ที ่เปน ตัว กูค รั้ง หนึ ่ง แลว ก็ด ับ ไปครั้ง หนึ ่ง นี ้เรีย กวา ชาติหนึ่ง ; ฉะนั้นคนธรรมดาสามัญนี้ เกิดไดมาก วันหนึ่งหลายสิบครั้ง หลาย รอยครั้ง, เดือนหนึ่งหลายหมื่นหลายแสน, ปหนึ่งหลายลาน หลายโกฏิ, หลาย ๆป ก็หลายอสงไขย. สี่อสงไขยแสนกัปปนั้นเอาเปนวาตองทํามากหนอยก็แลวกัน ในการที่จะมีคุณธรรมเหลานี้ครบ. ทาน ตอ งฝก ฝนเรื่อ ย ฝก ฝนตัว เองในการที ่จ ะใหท าน. เด็ก ๆ บางคนชอบใหทาน ขยันใหทาน ฝกการใหทานนี้แหละ นาเลื่อมใส, มีสตางค บ า ง ก็ ให ค นขอทานเสี ย บ า งให เพื่ อ นเสี ย บ า ง ซื้ อ ขนมกิ น บ า ง ; นี้ คื อ ความ หมายของคําวาทาน คือการใหเพื่อประโยชนแกผูอื่น, ไมใชเพื่อเรา. ฉะนั้น ทานของโพธิ สั ต ว ต อ งเล็ ง ผลเพื่ อ ประโยชน ผู อื่ น ไม ใช แ ลกเอาสวรรค วิ ม าน เหมือนยายแก ตาแก ที่เขาสอนใหทําทาน เพื่อสวรรค วิมาน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ศีล นี้คือ การบัง คับ ตัว เอง ใหมีค วามเปน ระเบีย บ ใหถูก ตอ ง ในความประพฤติทางวาจา ทางรางกาย นี้คือศีล, จะมีตัวเองนี้อยูในระเบียบ.

เนกขัมมะ นี้คือ หลีกออกจากกามารมณ. หมายความวาพยายาม ที่จะไม ให ตกเป นทาสของกามารมณ นี่คื อเนกขัม มะ. ที่เราออกบวชเป น พระ เปนเณรอยางนี้ ก็เรียกเปนเนกขัมมะ. ถาไมบวชอยางพระอยางเณร ก็พยายาม โดยวิธี ใดวิธีห นึ่ งที่ จะไม เป น ทาสของกามารมณ เรื่อ งเพศ ; อย างนี้ ก็ เรีย กวา เนกขัมมะ.

ปญญา หมายถึงรูสิ่งที่ควรรู เทาที่ควรจะรู เรียกวาปญญา ; ไมใช รูเ พอ เจอ อยา งนัก ปรัช ญา รูแ ลว ใชป ระโยชนอ ะไรไมไ ด. ที ่วา รูสิ่ง ที ่ค วรรู ก็คือรูเรื่องที่จะทําใหไมมีความทุกข. รูจักแกปญหาของชีวิตที่เกี่ยวกับความทุกข


ฆราวาส กับ อุดมคติของโพธิสัตว

๒๕๙

วิริย ะ คือ ความพากเพีย ร. ความพากเพีย รที ่จ ะปฏิบ ัติใหลุล ว งไป อบรมนิสัยใหมีความพากเพียร. เรามีคําวา ฝนทั่งใหเปนเข็ม นี้มันก็รวมอยูใน บารมีของโพธิสัตว ไมยอมแพ. ขัน ติ อดทน ; มัน คู กัน ไปกับ ความเพีย ร ถา ไมท ัน มัน เพีย รตอ ไป ไมไหว มันเจ็บปวด ; ตองทนได รอได คอยได. สัจ จะ ความจริง ใจนี ้เ อามาไวต อ ทา ย. เราเคยพูด ถึง ฆราวาสธรรม เอาสัจ จะมาหนา ก็เหมือ นกัน คือ มัน มีพ รอ มกัน อยู เปน ใชไ ด. สัจ จะ ความจริง ใจ, คื อ ความจริง รวมทั้ ง ความซื่ อ สั ต ย . คํ า ว า ความจริ งนี้ ขอให มั น กวาง ๆ รอบตัวออกไป กลา วคือ จริง ตอ ตัว เอง : จริงตอ เวลา จริงตอ หนา ที่ การงาน จริง ตอ อุด มคติ อยา งนี ้เ รีย กวา จริง ตอ ตัว เอง ; แลว ก็จ ริง ตอ ผู อื ่น นั่นแหละคือความซื่อสัตย อยางนี้เรียกตามธรรมดาสามัญ วา ความซื่อสัตยตอ ผูอื่น แลวก็ซื่อสัตยตอตนเองดวย ; รวมกัน ๒ อยางก็เปนสัจจะ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org อธิฏฐาน นี้แปลวาตั้งใจมั่น. ตั้งใจมั่น คือ ปกใจมั่น ระดมกําลังใจ ทั้งหมดลงไปในอันนั้นเรียกวา อธิฐาน. เมตตา ก็ไ มต อ งอธิบ ายแลว , คือ ความรัก ผูอื ่น เหมือ นกับ รัก ตัวเอง หรือยิ่งกวาตัวเอง ; มันก็ยอมรวมไปถึงการชวยผูอื่นดวย ไมใชรักเฉย ๆ.

อุเ บกขา คือ วา ทนได หรือ วา เฉยได ในเมื ่อ มัน ชว ยไมไ ด. เมื ่อ สิ่งตาง ๆ มั นไม เป นไปตามความหวังดีของเรานี้ เราอยาเปนบ าเสียเอง. เชนวา เราเลี้ยงสัตวไวดวยความเมตตา แลวมันเจ็บไข สัตวตัวนั้นมันจะตองตายแน ๆ ตายไปต อ หน าต อ ตา อย างนี้ ; ถ าเรามาเป น ทุ ก ข เสี ย เอง ก็ ใช ไม ได , ยั งไม ใช คนฉลาด ยังไมใชโพธิสัตว. เราก็ตองมีอุเบกขา แกไขไปตามความสามารถที่จะ


๒๖๐

ฆราวาสธรรม

แก ไขได . เมื่ อ มั น ยั ง ต อ งตายอี ก เราก็ อุ เบกขาได . ที นี้ มั น ไม ใช เฉพาะแต สั ต ว คือสูงขึ้นมาถึงลูก ถึงเมีย ถึงบิดามารดา ถึงใครก็ตาม ในกรณี ที่ มันชวยไมได ก็ตองอุเบกขา. คําวา อุเบกขา มีความหมายกวางไปถึงเรื่องอื่น ๆ ดวยที่จะตอง วางเฉยได, มีจ ิต ใจไมห วั ่น ไหวงอ นแงน คลอนแคลน ไมล ม ละลาย ; นี้ เรียกวา อุเบกขา คือมองดูเฉยอยูได. นี่ รวมเป น ๑๐ อย าง นี่ เรียกวา “บารมี ” แล วคุ ณ ไปพิ จารณาดู ซิ ว า อย างไหนที่ ฆราวาสไม ควรปฏิ บั ติ หรือวาปฏิ บั ติ ไม ได . จะเห็ นได วาทุ กอย างทั้ ง ๑๐ อยางนี้ ฆราวาสก็ควรปฏิบัติ ตามความสามารถ แลวเปนสิ่งที่สามารถปฏิบัติ ได : จะให ท านเอื้ อ เฟ อ เผื่ อ แผ ไป ใจกว า งนี้ มาก อ น, แล ว มี ศี ล ตามแบบของ ฆราวาส. เนกขัมมะ นั้นพยายามที่จะชนะกามารมณ หลีกออกจากความบีบคั้น ของกามารมณ ; จะทําอะไรเกี่ยวกับเรื่องเพศ ก็ทําดวยสติปญญา อยาทําดวยความ ลุมหลงกามารมณ . แลวก็มีปญหา ความหมายนี้กวางทั่วไปแลว ฆราวาสก็ตอง มีป ญ ญาชว ยตัว . มีว ิริย ะ มีค วามเพีย ร มีข ัน ติ มีค วามซื ่อ สัต ย มีค วาม อธิฏ ฐาน ในการทํ า งาน ; แลว ก็ม ีเ มตตาเปน เบื ้อ งหนา ; แลว ก็มีอ ุเ บกขา ในกรณี ที่มันแกไขไมได. นี่แหละทําใหฆราวาสมีความสุขอยางยิ่ง, เปนฆราวาส ที่นาบู ชา นาเลื่อมใส. ถาผิดจากนี้ก็เปนฆราวาสที่มีความทุกขทนหมนหมอง ; ต่ําลงไปกวานั้นอีกก็เปนอันธพาล.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่ ขอให เข า ใจอุ ด มคติ ข องโพธิ สั ต ว และเครื่อ งมื อ ปฏิ บั ติ ให ได ต าม อุดมคตินั้น ๆ ในลักษณะอยางที่วามานี้. ถาเราเกิดชอบคํา ๆ นี้ อุดมคติอันนี้ ก็ถือหลักอยางนี้ก็ได โดยไมตองไปถือหลักอยางอื่น ; เพราะถือหลักเทานี้มันก็ พอเหมือ นกัน . ถา ปฏิบ ัต ิอ ยู อ ยา งนี ้ม ัน ก็ม ีม ัช ฌิม าปฏิป ทา, มีฆ ราวาสธรรม มีอะไรครบถวนเหมือนกับที่เราพูดมาแลว ในการที่เราควรจะปฏิบัตินั้น. หัวขอ


ฆราวาส กับ อุดมคติของโพธิสัตว

๒๖๑

ธรรมที่เราจะเอามา รวมเป นหมวดเปนหมูสําหรับปฏิ บัติ เราจะจัดอยางไรก็ได system อันไหนก็ได เพราะมั นเป นไปเพื่ อผลอยางเดี ยวกันนั่ นเอง. ในที่ นี่เราใช คําวา “อุดมคติของโพธิสัตว” แลวบําเพ็ ญ บารมี อยูถึง ๑๐ อยาง นี้ครบหมด. ในที ่ส ุด ก็จ ะเปน พระพุท ธเจา หรือ เปน อะไรได ในจุด หมายปลายทาง ; เรียกวาเปนผูบําเพ็ญ ประโยชนครบถวน ทั้งที่เปนฝายตนเอง และเปนฝายผูอื่น บําเพ็ญประโยชนครบถวน. บัดนี้เราพูดกันถึง ฆราวาส และ อุดมคติของโพธิสัตว ซึ่งจะตอง ขอรองใหคุณ เอาไปคิดดู ดวยจิตใจที่เปนอิสระ ตามเหตุผลของตัวเอง. ถาคุณ ไปฟงเสียงคนทั่ว ๆ ไป เขาจะคัดคานวาฆราวาสอยาไปยุงกับอุดมคติของโพธิสัตว; แตผมยืนยันวาตองยุง. ถาไมยุงแลว โลกนี้จะทําลายลงไปในพริบตาเดียว เป น โลกของนรกไปเลย, เป น นรกหมกไหม ไ ปทั้ ง โลก. ถ า มนุ ษ ย มี อุ ด มคติ ข อง โพธิส ัต วม ัน ก็เปน โลกพระศรีอ าริย  คือ ตรงกัน ขา ม ; เปน โลกที ่น า อยู. ขอให ไปคิดดู แมเมื่อคุณจะไปเปนฆราวาสแลว ก็จะตองเกี่ยวของกับอุดมคติอันนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นกกางเขนบอกหมดเวลาก็พอกันที.


กําลังของฆราวาส - ๑๕ ๒ พฤษภาคม ๒๕๑๓ สํา หรับ พวกเราลว งมาถึง เวลา ๔.๔๕ น. แลว . ในวัน นี ้จ ะพูด กัน ถึง เรื่อ ง กํ า ลัง ของฆราวาส. สิ ่ง ที ่เรีย กวา กํ า ลั ง ก็ ค ื อ เค รื ่ อ ง ใ ห เ กิ ด ค ว า ม สํ า เร็ จ , นี ้ จ ึ ง เล็ ง ถึ ง เครื ่อ งมือ ใหเ กิด ความสํ า เร็จ ทุก อยา ง ทุก ชนิด ; ควรจะ พิจ ารณากัน โดยกวา งขวาง. ตอนนี ้อ ยากจะขอใหร ะลึก ถึง เรื่อ งที่เ ราพูด กัน มาแลว โดยเฉพาะคือ อุด มคติข องฆราวาส ซึ่งจะตองมีอยางกวางหรืออยางสูง คืออยาถือเอาความหมาย ขอ งคํ า ว า ฆ ราวาส เพี ย งแต ทํ า ม าห ากิ น ค รอ งบ า น ครองเรือ น ; ใหถ ือ เอาอุด มคติที ่วา เปน ฆราวาสก็ค ือ การ เดิน ทาง ที ่กํ า ลัง เดิน อยู ต อนหนึ ่ง ซึ ่ง จะเดิน ตอ ไปจนถึง ปลายทาง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอใหระลึกถึงอาศรม ๔ คือ พรหมาจารี คฤหัสถ วนปรัสถ สันยาสี ; นี่เรียกวาฆราวาสที่มีอุดมคติมุงหมายจะไปไกลถึงจุดสูงสุดของมนุษย หรือจุดหมาย

๒๖๒


กําลังของฆราวาส

๒๖๓

ปลายทางของชีวิต ในความหมายที่กวาง ไมใชชีวิตแคบ ๆ เพียงแตเรื่องปาก เรื่องทอง ; แลวก็ใหความสําคัญแกคําวา “ฆราวาส” นี้มาก จนถึงกับวา เปน พระอริ ย เจ า ในเพศฆราวาสก็ ได ; หรื อ อย า งน อ ยที่ สุ ด เป น โพธิ สั ต ว ในเพศ ฆราวาสนี้ ก็ได. แลวก็ใหระลึกถึงขอที่วาในคัมภีรของเรา กลาวถึงความเปน โพธิสัตว ที่มีไดแมในสัตวเดรัจฉาน, นี้ถาจะมองใหเปนเรื่องที่ฟงได เปนเรื่อง ที่มีเหตุผ ล เปนเรื่องจริง ก็คือวา เชื้อ แหงความเปน พุทธะ หรือ วาธรรมชาติ แหงความเปนพุทธะ หรือธาตุแหงความเปนพุทธะ นี้มันมีในสิ่งที่มีชีวิตทั่วไป ขนาดลงมาถึงสัตวเดรัจฉานแลวก็ยิ่งเห็นชัดวามันมีความเฉลียวฉลาดที่กําลังจะ เบิกบานออกมา. เพราะฉะนั้นเขาจึงวาดไดในลักษณะที่วา แมแตสัตวเดรัจฉาน ก็ยังเปนโพธิสัตว. มีเรื่องตัวอยาง เชนเรื่องลิงลางหู ที่คุนกับพวกเราดีมาก. ชาดกบาง เรื่องดูเหมือนจะมีถึงขนาดที่วา พระโพธิสัตวเปนปลาดุก ปลาอะไร อยางที่ไม นาเชื่อ . เพราะวาอยางกับ ปลาดุก นี่ ใคร ๆ ก็เห็น แลว วา มัน โง หรือ มัน ต่ํา หรือมันอะไรมากเกินไป ; แตแลวก็อยาลืมวา มันเปนสิ่งที่มีชีวิต. ในชีวิตนั้น จะมีเชื้อแหงความเปนพุทธะ อยางนอยที่สุดก็ยังไมทันจะเบิกบาน, แตกําลัง จะเบิกบาน. เพราะฉะนั้นมนุษยเราไมควรจะเลวไปกวาสัตวเดรัจฉาน ; ควร จะพูดกับตัวเองอยางนี้อยูบอย ๆ. ถาเราประมาท หรืออวดดี มันก็มีสวนหรือมี ทางที่จะเลวกวาสัตวเดรัจฉานไดโดยไมทันรูตัว. หรือบางทีก็จะเปนเพราะเหตุนี้ แหละ จึงไปติดตัน เปนความประมาทอยูโดยเฉพาะผูที่เลาเรียนอยางในสมัย ปจจุบันนี้ดวยแลว ชองทางของความประมาท หรือเขาใจผิดนี้ มีไดมาก, คือ ไปหลงในเรื่องทางฝายวัตถุมากเกินไป,

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้นพื้นฐานของกําลัง, หรือพันฐานที่จะทําใหมีกําลังมันไดแก อุดมคติ.เราอยาลืมนึกถึงอุดมคติ, ใหสิ่งที่เรียกวาอุดมคติมันโชติชวงอยูในใจเสมอ.


๒๖๔

ฆราวาสธรรม

อยางนอ ยที่สุด อุด มคตินั้น เปน กํา ลัง อยูในตัว มัน เอง. ดูใหดีจ ะเห็น วาอุด มคติ นั้นแหละ มันจะเปนตัวกําลังอยางพื้นฐานอยูในตัวมันเอง ; ถาเราเปนคน ไมอุด มคติ มั นก็น าสงสาร. การที่ มีอุด มคติห มายความวาไดรูอะไร ; อยางน อ ย ก็รูอะไรวาอะไรเปนอะไร. นี่มันจะเปนพื้นฐาน เปนจุดตั้งตนของกําลัง. ทีนี้เราจะพูดถึงกําลังสําหรับทําการงาน ใหลุลวงไปดวยดี. ในปญหาที่ เสนอถามขึ้นมาก็มีเรื่องนี้ แตพูดไปในรูปของการปองกัน แกไข ความออนเพลีย ในการทําการงาน. เราจะพู ดกันถึงกําลังในความหมายที่กวาง กําลังที่จะใหเกิด กําลังในการทําการงวาน หรือในขณะที่ทํางาน หรือทํางานแลว ; หมายความวา กอนทํ างานก็มีกําลัง, ทํางานอยูก็มีกําลัง, ทํางานเสร็จแลวก็มีกําลัง ไมมี ความ อ อ นเพลี ย . ถ า ทํ า ไม ถู ก ในเรื่ อ งนี้ มั น จะมี ค วามไม แ น ใ จ มี ค วามอ อ นเพลี ย มี ความฟุ งซ า น, เมื่ อ จะทํ างาน หรือ กํ าลั งทํ างานอยู หรือ ทํ า งานเสร็จ แล ว , ก็ ยั ง ออนเพลีย เอือมระอา ; ชีวิตเปนความทุกขอยูโดยไมรูสึกตัว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เมื่อพู ดถึงกําลัง ขอใหสังเกตดูใหดี ๆ วา เราพูดถึงกันอยูทุกคน และ ทุก พวก แตจ ะครบถว น และถูก ตอ งหรือ ไมนั ้น มัน ยัง มีป ญ หา ; แลว เมื ่อ คน นิ ยมวัต ถุ กั นมาก ก็ จะไปมุ งแต กําลังทางวัต ถุ หรือ ที่ เนื่ อ งกั บ วัต ถุ เชน กําลั งเงิน กําลังทรัพย กําลังขาทาสเพื่อนฝูง หรือกําลังที่เปนมายากลตาง ๆ ไปเสียทางนั้น. ทีนี้ผมอยากจะขอรองใหมองดูใหดี ๆ วาถาเรื่องเกี่ยวกับกําลังแลวละก็ เราควรจะ มีห ลัก กวา ง ๆ ที ่ส ุด เชน วา มีกํ า ลัง ๔ ประการ :๑. คือ กํ า ลัง กาย, ๒. คือ กํ า ลั ง จิ ต , ๓. คื อ กํ า ลั ง ป ญ ญา, ๔ คื อ กํ า ลั ง ของธรรม หรื อ กํ า ลั ง พระธรรม ก็ได. กํา ลัง กาย กํ า ลังจิต กํา ลัง ปญ ญา กํ า ลังธรรมะ นี ้ก็ข อใหพ ิจ ารณากัน ดู ที่ละอยาง.


กําลังของฆราวาส

๒๖๕

กําลังกาย เปนขอแรก ก็คือกําลังของรางกาย ที่มีสุขภาพ อนามัยดี นี้เรียกวากําลังกาย โดยตัวหนังสือ. ที่มันเนื่องอยูกับกายก็รวมอยูในขอนี้ เป น พวกวัตถุดวยกัน ; ฉะนั้นกําลังทรัพ ย กําลังชวยเหลือของมิตรสหาย ตลอดทั้ ง กําลังมายากการตาง ๆ ที่จะใหไดมาซึ่งกําลังอื่น ๆ. เชนผูหญิงมีความงามเปนกําลัง ถาสวยมากก็สามารถที่จะเอาอิทธิพลอะไรมาใชไดมาก อยางนี้เปนตน; ก็จะเรียกวา กําลังของมายาการ ทํานองเดียวกับเครื่องทุนแรงในทางวัตถุลวน ๆ. ทั้งหมดนี้ ขอใหรวมไวในคําวา “กําลังกาย” ทั้งหมด มันจะมีสักกี่อยาง กี่สิบอยาง มันก็เปน พวกกําลังกายทั้งนั้น ; เพราะวามันตองการจะใหไดใชกําลัง ในความหมายของ กําลังกาย กําลังบีบบังคับ. เชน ความงามของผูหญิงมีกําลังที่จะลากคอบุรุษมาใช อย างทาส. อย างนี้ เรีย กวา มั น เป น กําลั งที่ เนื่ อ งอยูกั บ กาย, ต อ งสงเคราะห วา เป น กําลังกายหมด. คุ ณ ไปแจกเอาเองก็ได มั น มี กี่อ ย าง กี่สิ บ อย าง ; แต แล ว รวม ๆ เรียกวา กําลังกาย ; ขยายออกไปเปนกําลังทรัพย กําลังเพื่อนฝูงชวยเหลือ กําลังที่เรียกวาเปนโดยออมอีกมากมายหลายชนิด. เรื่องนี้เราจะไมพูดมาก พอไป หาอานได หรือรูกันอยูแลว หรือหาดูไดจากหนังสือตําหรับตํารา ไมยากเย็นอะไร.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org กําลั งจิต คําวา กําลังจิต ในที่ นี้แยกออกมาเสียจากําลังปญ ญา ; อยาเอาปญญาไปรวมกับจิต เพราะปญญาเปนขอที่ ๓. กําลังจิตก็หมายถึงกระแส ของจิ ต ที่ มี กํ า ลั ง ล ว น ๆ ทางฝ า ยจิ ต ล ว นๆ ; นั บ ตั้ ง แต ความหวั ง ความตั้ งใจ อะไรเหลานี้. แตผมอยากจะระบุไปตามหลักในคัมภีรของพวกเราดีกวา. สําหรับ กํ า ลัง จิต นี ้จ ะระบุไ ปยัง สิ ่ง ที ่เ รีย กวา ศรัท ธา วิร ิย ะ สติ สมาธิ, ๔ อยา งนี ้; ขยักเอาปญญาไปไวในหมวดที่ ๓ ซึ่งเปนหลักธรรม ในบาลีเรียกวา พละ เรียกวา อิน ทรีย; ในหนัง สือ นวโกวาท ก็มีไ ปหาอา นดู. สว นในที่นี้จ ะพูด กัน เฉพาะ ในแงที่มันจะเปนกําลังของฆราวาส ในการงานประจําวันไดอยางไร เทานั้น.


๒๖๖

ฆราวาสธรรม

ขอ ที ่ ๑. ศรัท ธา แปลวา ความเชื ่อ , แตม ัน ก็เ ล็ง ถึง อะไรที ่เ กี ่ย ว ขอ งกัน เชน ความหวัง ความตั ้ง ใจ ซึ ่ง มัน เนื ่อ งมาจากความเชื ่อ . การที ่เรา จะไปหวังสิ่ งใดนั้ น เราต องมี ค วามเชื่อ ในสิ่ งนั้ น . เดี๋ ยวนี้ พู ดกั น ถึงความหวังมาก โดยเฉพาะเด็กหนุ มสาวแลวละก็ จะยกถึงเรื่อ ง ความหวัง มาเป นสรณะกัน เสีย ทีเ ดีย ว. ที ่พ ูด กัน วา “ชีว ิต อยู ไ ดด ว ยความหวัง ” หมดความหวัง ก็ฆ า ตัว ตาย อยางนี้เปนตน ; แมความหวังชนิดนี้ก็ตองเรียกวาศรัทธา. ที่จริงศรัทธานี้มันเปน นามธรรม ไม ใชเรื่องทางวัต ถุ ; แต แลวก็ไม วายที่จะไปเนื่ องกับ วัตถุ . ถาคนโงมี ศรัทธาดวยจิตใจลวน ๆ ไมได ก็ตองอาศัยวัตถุ โดยเฉพาะ เชนเครื่องรางตาง ๆ นานาชนิ ด เป น ไสยศาสตรไป เอาเครื่อ งรางมาช วยให มี ค วามเชื่ อ มั่ น คงขึ้ น มา. เพราะสิ่ งที่ เรีย กว า “เครื่อ งราง” นั้ น แยกออกไปเป น กํ า ลั ง ฝ า ยกาย ก็ ได เป น กํ า ลั งฝ า ยจิ ต ก็ ได . คนมี เครื่อ งรางแล ว คึ ก คั ก ขึ้ น มาในทางรางกาย เพราะความ เชื่อชนิดนี้มันทําใหเกิดพลังทางกายจนกวาที่มีตามปรกติ. แต ศรัทธา ในขอนี้ ผมอยากจะระบุถึงศรัทธาที่เปนเรื่องทางฝายจิต ; มี ความเชื่ อ ด วยกํ าลั งของจิ ต แม ไม เนื่ อ งด วยวัต ถุ เช น เครื่อ งรางเป น ต น มั น ก็ เนื่ อ งมาจากความรู ในขั้ น พื้ น ฐาน, เข า ในสิ่ ง นั้ น ดี จ นมี ศ รั ท ธา ศรั ท ธาในพุ ท ธศาสนาเชื่ อ เรื่อ งกรรม, เชื่ อ คํ า สั่ งสอนของพระพุ ท ธเจ า เป น หั วข อ ใหญ ๆ ; เชื่ อ กรรม เชื ่อ ผลกรรมเชื ่อ การที ่ผู ทํ า จะไดร ับ ผลของกรรม, แลว ก็เ ชื ่อ การตรัส รู ของพระพุ ท ธเจ า ; นี้ ศรัท ธาระบุ ไปในลั ก ษณะอย า งนี้ . ถ า เรามี ศ รั ท ธามั น ก็ มี กําลังทางจิตขึ้นมา ; ดังนั้นจะตองไปชําระสะสางดูใหดี วาเราบกพรองอะไรบาง หรือมันกําลังไขวเขวปนเป ไมเปนระเบียบอยางไรบาง ไปตรวจสอบดูใหดี.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอ ที ่ ๒. เรีย กวา วิร ิย ะ. คํ า วา “วิร ิย ะ” นี ้ ในที ่อ ยา งนี ้เ ปน ชื ่อ ของกํ า ลั ง จิ ต ไม ใ ช ห มายถึ ง เรี ย วแรงที่ กํ า ลั ง ทํ า งานอยู . ตรงนี้ อ ยากจะบอกให ทราบ สําหรับพวกคุณ ที่เรียนหนังสือมาอยางนี้ จะยังไม ทราบ คือวาภาษาบาลีนี้


กําลังของฆราวาส

๒๖๗

มันประหลาดอยูบางอยาง เขาใชคํา ๆ เดียว ใชเรียกไดหลายสิ่งหลายอยางซึ่งมัน ลว นแตเนื ่อ งกัน : เชน “วิริย ะ” นี ้ใชเล็ง ถึง ตัว ความเพีย รพยายาม เหงื่อ ไหล ไคลยอยก็ได. แตเขาใชเปนชื่อเรียกเจตสิกธรรมในจิต ที่จะปรุงแตงจิต ใหมีความ เพีย รชนิด นั ้น ก็ไ ด. เจตสิก ธรรม ความรู ส ึก ในจิต ที ่จ ะปรุง แตง จิต ใหข ยัน ขันแข็งในสวนขางนอก แตขางในเขาก็เรียกชื่อเจตสิกธรรมนั้น วาวิริยะก็ได. ยกตัวอยางที่งาย ๆ เชนวา เรามีความสงบรํางับ สบายทางรางกาย นี้ก็เรียกวาความรํางับทางรางกาย.แตมูลเหตุของมันอยูที่เจตสิกภายในใจที่เปน เหตุใ หมีค วามรํา งับ ทางรา งกาย แลว ก็เ รีย ก เจตสิก คือ ความรูส ึก ของจิต ในจิต นั้น วา ความรํา งับ ทางกายอีก เหมือ นกัน ; ชื่อ มัน เปน เสีย อยางนี้, เชน คํา วา ‘กายปส สัท ธิ’ เปน ตน ซึ่ง แปลวา ความรํา งับ ทางกาย ; แตเปน ชื่อ ของ ตนเหตุ ที่ทําใหเกิดความรํางับทางรางกาย เปนนามธรรมอยูในจิต. คําวา วิริยะ นี้ก็เหมือนกัน เขาหมายถึงเจตสิกธรรมในจิต เรียกชื่อ มันวา วิริยะ, มันมีขึ้นแลวปรุงใหเกิดความพากเพียรออกมาทางภายนอก ซึ่ง ก็เรียกวา วิริยะ อีก ; แลวคําวา วิริยะ ยังเปนชื่อแปลก ๆ ของกําลังของความ กํา หนัด , ที ่เมื ่อ มีค วามกํ า หนัด แลว มัน เผาผลาญเยื ่อ ในกระดูก ใหก ลายเปน น้ําเมือกออกมาขางนอก อยางนี้เขาก็เรียกวา วิริยะเหมือนกัน. แรงงานอันนั้น ซึ่งเปนความกําหนัด นั้น ก็เรียกวา วิริยะเหมือ นกัน . เหลานี้บ อกไวใหทราบวา คําในภาษาบาลีนั้น มันใชกวางอยางนี้ แลวอยาใหปนกันยุงจนไมเขาใจ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที่งายกวานี้อีกเชน คําวา ทาน ทานนี้เรารูจักแตวา เปนการใหทาน. แตในภาษบาลีนั้นมีความหมายใหออกมาจากขางในเลย หมายถึงสิ่งที่มีอยูขางใน. ความคิดที่จะใหทานนั้นก็เรียกวาทาน, เจตสิกธรรมที่เปนเหตุใหเราทําทาน ทน อยู ไ ม ไ ด นั้ น ก็ เ รี ย กว า ทาน, แล ว การให นี้ ก็ เ รี ย กว า ทาน, วั ต ถุ สิ่ ง ของที่


๒๖๘

ฆราวาสธรรม

ใหไปนั้น ก็เรียกวาทาน, สถานที่ทีใหทาน ก็เรียกวาทาน ; มันมากถึงอยางนี้. นี่ขอใหรูไวเปนหลักทั่วไปวา ภาษาบาลีใชกวางอยางนี้ แลวเราก็จะหายฉงนได มากขึ้น. คําวา วิริยะ ในที่นี้ก็หมายถึง เจตสิกธรรมในจิตที่ผลักดันใหเรามี ความฮึกเหิมในการที่จะมีความเพียร มีความพยายาม. ขอที่ ๓. สติ สตินี้เปนกําลังอยางยิ่ง ในหนาที่ของสติ คือความระลึก รูสึกอยู นี้มันจะควบคุมใหอันอื่น ๆ นั้นไมหยุดชะงัก หรือไมเดินผิดทาง ไมเขว ออกนอกทาง ; เชนสติอยู วิริยะก็จะเดินถูกทางอยูเรื่อ ย. ดังนั้นสติจึงถูกจัด ใหเปนกําลังในหนาที่อีกแบบหนึ่ง ขาดไมไดในเรื่องกําลังของสติ. ขอที่ ๔. เรียกวา สมาธิ นั้น คือ ตัวกําลังจิตโดยตรง, คํ านี้เป นคํ า ประธานของสิ่งที่เรียกวา “กําลังจิต” คือตองมีสมาธิ. แตวาตามลําพังสมาธิ มันก็ ไปไมรอด มัน ตอ งมีศ รัท ธา วิริย ะ สติอ ยูดว ย. ทีนี้คํา วา “สมาธิ” นี้ห มาย ถึง กํ า ลัง ใจที ่อ บรมแลว ; ถา ไมไ ดอ บรม มีอ ยู ต ามธรรมชาติ มัน ก็เรีย กวา สมาธิเหมือ นกัน ; แตเ รายัง ไมเ รีย กวา กํา ลัง ในที่นี้. ที่เ รีย กวา กํา ลัง สมาธิ นั้นตองอบรมกระทําถูกวิธีแลวเกิดสมาธิ จึงจะเปนกําลังสมาธิ หรือสมาธิพละ. สมาธิชนิดหนึ่งมีอยูตามธรรมชาติ พอเราตั้งใจจะทําอะไร สมาธินั้นก็มีเอง ; มัน ก็เปน กํา ลังอยูเหมือ นกัน .แตใ นที ่นี ้เราไมห มายถึงอยา งนั้น , เราหมายถึง สมาธิชนิดที่เราสรางมันขึ้นมา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ตัวอยางเชน เมื่อคน ๆ หนึ่ง จับปนขึ้น จะยิงออกไป นี้สมาธิมัน ก็มีขึ้นมาทันควันโดยไมตองรูสึกตัว ; อยางนี้ก็เปนสมาธิตามธรรมชาติ เกี่ยวกับ ธรรมชาติ เกี่ ย วกั บ พื้ น เพทางจิ ต ใจของบุ ค คลนั้ น . หรื อ เมื่ อ คุ ณ เริ่ ม คิ ด เลข


กําลังของฆราวาส

๒๖๙

สมาธิก็เกิด ขึ้น ตามธรรมชาติ, แลวมัน ก็คิด ไปไดดวยสติปญ ญา. สมาธิต าม ธรรมชาติอยางนี้ก็เปนกําลังในระดับธรรมชาติ : คนโงก็มีไปตามประสาคนโง, เด็ก ๆ ก็มีไ ปตามประสาเด็ก ๆ. แตถา เราจะเล็ง ถึง สมาธิที่เ ปน พละกัน แลว ก็ตองหมายเอาสมาธิที่อบรมดวยวิธีใดก็ตาม เปนแบบฉบับที่มีมาแตโบราณแลว; ทั้งหมดนี้ก็ยังถือวาเปนกลางๆอยู. ทั้งศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ในที่นี้ที่เรียกวา “กําลังจิต” นี้ ระบุ เฉพาะตัว ที ่เ รีย กวา กํ า ลัง ; เอาไปใชผ ิด ก็ไ ด เอาไปใชถ ูก ก็ไ ด, เรีย กชื ่อ อยา งเดีย วกัน ได. เชน สมาธิใชผิด ก็คือ สมาธิที่ใชไ ปในการเบีย ดเบีย นผูอื่น ซึ่งมีอยูมาก. คําวา จิต นี้เปนสิ่งลึกลับที่เรายังรูจักมันไมหมด ไมครบ ไมถวน; แตวาเทาที่มนุษยรูแลวก็ไมใชนอย สามารถอบรมจิตใหมีสมาธิ ชนิดที่เปนฤทธิ์ เปนปาฎิหาริยมาแลว ตั้งแตกอนพุทธกาล ; หรืออยางนอยก็รูสึกปลุกกําลังจิต ใหทําอะไรเกินกวาธรรมชาติไดหลายเทา. แมแตเรื่องของพวกยักษพวกมาร, คุ ณ ฟ ง อย า งนี้ ไ ปคิ ด ดู อย า งในหนั ง สื อ จั ก รๆ วงศ ๆ เช น เรื่ อ งรามเกี ย รติ์ มีคํา กลอนวา :- วา แลว เปา ลูบ ขึ้น สามที เจ็บ ทั่ว อิน ทรียก็เสื่อ มหาย อยา งนี้ ลุก ขึ ้น ไปรบไดอ ีก ; จะเปน กุม ภกัณ ฐ หรือ ตัว อะไรก็ไ มท ราบ ; เมื ่อ เปน เด็ก ๆ ก็เ คยอา น เดี ๋ย วนี ้ก ็ย ัง จํ า ไดค รา วๆ. เมื ่อ มัน ถูก ทุบ ถูก ตีล งนอนอยู กระดูกหัก แขงขาหัก ; แลวสํารวมจิตตามวิธีที่เคยฝกมา เปนสมาธิ ก็เปาลูบ ไปทั่วตัว มันก็ลุกขึ้นไดอีก. หรือเรื่องในอรรถกถาบาลี ก็มีวาพระโมคคัลลานะ ของเรา ถูกโจรทุบจนกระดูกแหลก ก็สํารวมกําลังจิตจากสมาธิ เหาะไปเฝา พระพุทธเจา ; นี้คือกําลังของสมาธิ ที่เปนไปในทางฝายฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์ หรือ ปาฎิหาริยก็อยางหนึ่ง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๒๗๐

ฆราวาสธรรม

ทีนี้ เราเอาสมาธิเชนนั้นมาใชในฝายการงาน ที่เราตองการจะทํานี้ ก็ ได ; หรือ เอาสมาธิ นี้ ไปใช เพื่ อ บรรลุ ม รรค ผล นิ พ พานก็ ได ; อํ า นาจหรื อ ประโยชนของสมาธิมีอยางนี้. อยาลืมวามันจะตองเปนอยางที่ผมเคยพูดย้ําแลว ย้ําอีก : สมาธิตองประกอบดวยองคสาม คือ - จิตบริสุทธิ์ - จิตตั้งมั่น – จิตไว ตอหนาที่. จิตบริสุทธิ์สะอาด ไมมีกิเลสรบกวนตอนนั้น จิตวางจากกิเลสรบกวน แลวก็จิตตั้งมั่นแนวแนเขมแข็งมีอารมณ เดียว นี่ผมเรียกวาตั้งมั่น, และก็จิตไว พรอม คลองแคลววองไวตอหนาที่ ; รวมเรียกวา ปริสุทโธ สมาหิโต กัมมนีโย. กัมมนีโย นี้คลองแคลวในการงาน เดี๋ยวนี้เรียกวา active พูดถึงกัน มากในคํา วา active เชน วา คนนั้น ไม active คนนี้ active นี้ก็ห มายถึง คํา วา ไว, ไวตอ ความรูสึก ไวตอ หนา ที่ก ารงาน ทางกาย ทางจิต ก็ต าม. อยาไปเขา ใจวา สมาธิแ ลว นั่งตัวแข็งที่อ หลับ ตา ทํา อะไรไมได นอกจากนั่ง หลับ ตา นั ่น เปน คํ า พูด ของคนที ่ไมรูเรื่อ งสมาธิ. แลว ประโยชนอ ยา งยิ ่ง ของ สมาธิ ก็ คื อ active คื อ ไวต อ หน า ที่ ; มั น ไม ได อ ยู นิ่ ง , ไวต อ การคิ ด นึ ก การ กระทํา การพูดจา การทําการงานอะไรทุกอยาง ; มีกําลังในทางจิตแรง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทั ้ง ๔ อยา งนี ้ เราเรีย กวา กํ า ลัง จิต ไปหมด มีศ รัท ธา – กํ า ลัง ความเชื่ อ , แล ว ก็ มี วิ ริ ย ะ - กํา ลั ง ความพากเพี ย ร, มี ส ติ – กํา ลั ง ของสติ ความระลึกรูสึกตัว, แลวกําลังของสมาธิ – คือความที่จิตถึงขีดสูงสุดของการมี กําลัง ; นี่เรียกวากําลังจิต. คนทั่วไปก็พูดถึงกําลังกาย กําลังจิต คุณก็กําลังพูด ถึงกําลังจิต, แตกลัววาจะไมถูกตองและสมบูรณเหมือนอยางนี้. เอาไปคิดดูใหม เอาไปสะสางเสียใหม ใหมีกําลังจิตในลักษณะอยางนี้ ในการทําการงานในหนาที่, จะเปนเรื่องการเลาเรียน หรือการครองเรือนอะไรก็ตาม.


กําลังของฆราวาส

๒๗๑

ตอไป กําลังปญ ญา, ปญ ญาก็แปลวาความรู มันก็ขยายความออก ไปถึ ง ทุ ก อย า งที่ มั น เกี่ ย วกั บ ความรู , ทุ ก อย า งที่ เกี่ ย วกั บ ความรู ความฉลาด ความสามารถ ฝ ไม ล ายมื อ เทคโนโลยี่ ทั้ ง หลาย, รวมอยู ในคํ า วา ป ญ ญา หรือ กําลังปญ ญา. ความมีศิลปะนี้ก็รวมอยูในคําวาปญ ญา. กําลังปญ ญา คือกําลัง ของความรอบรู ; รูอ ะไร ? ก็รูใ นสิ ่ง ที ่ต นจะทํ า หนา ที ่ที ่ต นจะทํ า . ที ่นี ้คํ า ชื ่อ ที ่ม ัน จะแทนกัน ได เชน ฝไ มล ายมือ หรือ ความรู อ ะไรที ่ม ัน ลว นแตเ นื ่อ งกัน เชน วา มีศ ิล ปะ มีพ รสวรรค มีอ ะไร, เดี ๋ย วนี ้ค งจะเรีย กวา เทคโนโลยี ่. ความรู ทางเทคโนโลยี่ทางแขนงไหนก็ตาม ซึ่งคุณ กําลังบูชาเปนพระเจาอยู นั่นคือกําลัง ปญ ญานี้. นี่เรายังไมหมายถึงเรื่องไปนิพ พาน, กําลังปญ ญานี้เรายังไมหมายถึง ความถูก ตอ ง หรือ ไปมรรค ผลนิพ พาน ; หมายถึง แตค วามรู ความสามารถ ของจิตเทานั้น, เอาไปใชผิดก็ได. อยาลืมวา สิ่งที่เรียกวาปญ ญาในภาษาโลกิยะ เอาไปใชผิดก็เรียกวา ปญญา, ปญ ญาในทางที่จะคอรัปชั่น มันก็อยูในพวกฉลาด ที่อยูในพวกปญ ญา. ปญ ญาที่จะทําแตสิ่งที่ถูกที่ควร มันก็เรียกวาปญ ญา. เมื่อเราพูดถึง กําลังเฉย ๆ เราเอาไวเ ปน กลาง ๆ เอาไปใชทํ า ผิด ก็ไ ด เอาไปใชทํ า ถูก ก็ไ ด. ปญ ญ าที่ เรี ย กว า เป น กลาง ๆ เอาไปใช ท างคดโกงอะไรต อ อะไรก็ ได นี้ เรีย กว า cunning ในภาษาอัง กฤษ คลา ย ๆ กับ คํ า วา “เฉโก”. ปญ ญาแท ๆ ปญ ญาบริส ุท ธิ์ เพื่อไปสูมรรค ผล นิพพาน ก็เห็นเรื่องปญ ญาในระดับหนึ่ง แตชื่อมันเหมือนกัน ระวังใหดี.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ คุณ จะต องรูจักสังเกต แยกแยะดู วา กํ าลั งกายคืออะไร ? กําลั ง จิ ต คื อ อะไร ? กํ าลั งป ญ ญาคื อ อะไร ? ทํ าไมไม เอากํ าลั งป ญ ญาไปใส ไวในเรื่อ ง กําลังจิต ? ก็เพราะวาป ญ ญาในที่นี้หมายถึงความรูของจิต, ความรอบรูของจิต.


๒๗๒

ฆราวาสธรรม

กําลังจิตนั้น คือตัวจิตที่ถูกอบรมดีแลวมันเกิดกําลังขึ้นในตัวจิต ไมเกี่ยวกับความรู. สวนปญ ญา มันเปนความรูของจิตนั่นแหละ แตมันเปนแผนกความรู ; เราเลย เรีย กวา “กํ า ลัง ปญ ญา”. นี ้ทั ้ง กายและทั ้ง จิต นี ้ม ัน เนื ่อ งกัน : ปญ ญาและจิต มัน ก็อ ยู ใ นรา งกายนี ้, รา งกายก็เปน ที ่ตั ้ง ของจิต . จิต ก็เ ปน ที ่ตั ้ง ของปญ ญา. เรามีรา งกายเปน เครื่อ งรองรับ จิต , จิต ก็ก ลายเปน เครื่อ งรองรับ ปญ ญา; มัน เนื่องกันไมแยกกัน. มีปญญาอยูในจิต, จิตอยูบนกาย, อาศัยกันไปทั้งสามอยาง. ลองคิดดูวา จะมีอะไรมาจากไหนอีก มาจากที่ไหนอีก ? ดูเหมือนวาจะ ไปมีใครนึกถึงกันเสียแลว วามีทั้งกําลังกาย กําลังจิต กําลังปญญา ก็พอเสียแลว. ผมอยากจะเติมให “กําลังธรรม” คือกําลังของความถูกตอง ; เพราะวาที่แลวมา สามอยางนั้น ไมเกี่ยวกับความถูกตอง ; มันเกี่ยวกับกําลัง มีกําลังมาก ๆ ก็แลวกัน มัน ยัง ไมเ กี ่ย วกับ ความ ถูก ตอ ง ; ฉ ะนั ้น อัน ที ่ ๔ นี ้จ ึง แถม เขา ม าเปน “กําลังธรรม”.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org กําลังธรรม หรือกําลังพระธรรมก็ได นี้คือกําลังของความถูกตอง ; แต เราเรีย กว า กํ า ลั งของพระธรรม ก็ จ ะดี ก ว า ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ก วา . ข อ แรกเมื่ อ พู ด ถึ ง ความถูกตองก็ขอใหระลึกถึงอริยมรรคมีองคแปดนั้นแหละ. หรืออัฏฐังคิกมรรค หรือมัชฌิมาปฏิปทา ไวเปนหลักประจําใจ : แยกเปน ความถูกตองในความคิดเห็น ถูกตองในความหวัง ถูกตองในการพูดวา ถูกตองในการกระทําทางกาย ถูกตอง ในการเลี้ยงชีวิต ถูกตองในความพากเพียรพยายาม ถูกตองในความรําลึกประจําใจ แลวก็ถูกตองในความมีสมาธิ. ถา มัน ผิด เขาก็เรีย กมัน วา มิจ ฉามรรค หรือ มิจ ฉัต ตะ ; ถา มัน ถูก เขาก็เรียกวา สัมมามรรค -หนทางถูก ; ถาผิดก็เรียกวา หนทางผิด. มิจฉามรรค


กําลังของฆราวาส

๒๗๓

ก็คือวา ความรูความเขาใจผิด ความหวังผิด พู ดจาผิด การงานทางกายผิด เลี้ยงชีวิตผิด ความเพียรผิด สติผิด สมาธิผิด ; มันคือฝายผิด. สวนฝายถูกตอง ก็อยางที่เราเรียกวา เปนตัวของพุทธศาสนา เรียกวา มัชฌิมาปฏิปทา ก็เรียก, อัฏ ฐัง คิก มรรค ก็เ รีย ก, อริย มรรค ก็เ รีย ก. แลว ตอ งมี “กํา ลัง ของความ ถูก ตอ ง” นี้ มาควบคุม ทั้ง หมดอีก ที : ควบคุม กํา ลัง กาย ควบคุม กํา ลัง จิต ควบคุม กํา ลัง ความรู ใหเปน ไปในทางที่ถูก ตอ ง; ถา จะเรีย กใหก วา งออกไป ก็เปน “กําลังของธรรมะ”. “กําลังของธรรมะ” นี้ขยายออกไปถึงสิ่งที่มันเนื่องกันอยูโดยออมอีก หลายอยางก็ได ; ที่ใชกันมากอยูอยางผิด ๆ นี้ ผมจะระบุชี้ใหเห็น เชนกําลัง ของบุญเกา ของบุญกุศลทําไวแตการกอน.คุณเคยทําความดีความงาม ความ ถูกตอง อะไรไวมากแตกาลกอน. นี้มันก็เปนกําลังใหมขึ้นมาในที่นี้อีก. กําลัง ของบุญ ของกุศ ลที่ไ ดก ระทํา ไวดีแ ลว นี้ก็เรีย กวา กรรมที่ไ ดก ระทํา ไวดีแ ลว แตกาลกอน มาเปนกําลัง เปนกุศลกรรมแตหนหลังชวย. แตแลวคนในสมัยนี้ ไมส นใจ ถอยหลัง เขา คลอง ไปเรีย กสิ่ง เหลา นี้วา “โชค” วา “เคราะห” หรือ อะไรไปเสียอยางนี้, วาเปนโชคดี เคราะหดี ฤกษดี อะไรไปทํานองนั้น ; นั่นเพราะความโง เพราะอํานาจของความขลาด และความโงรวมกัน.โงทําให ขลาด ขลาดทําใหโง หลอเลี้ยงกันอยูอยางนี้แหละ; แลวก็ไปถือเทวดา ผีสาง โชคชะตาราศี อะไรไป ไมหวังความถูกตองคือบุญกุศล หรือกรรมที่เปนกุศล ที่แทจริง. มันหวังผลอยางเดียวกันนั่นและจึงไปเชื่อโชค เชื่อฤกษ เชื่อเทวดา ; แตหารูไมวา ที่มันจะชวยไดจริงนั้น คือบุญกุศลแทจริงที่ไดเคยทําไวนั่นแหละ จะเปนโชคดี.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๒๗๔

ฆราวาสธรรม

อีกอยางหนึ่งเรา จะไปเล็งถึงสิ่งที่เรียกวา เจานายชวย บุญวาสนาชวย บารมี ม าก มี อํ า นาจวาสนาช ว ย มั น ก็ ไม พ น ไปจากความดี ที่ ทํ าไว แ ต ก าลก อ น. ความถูกตองที่ทําไวในกาลกอน. สําหรับเจานายนั้น ถาเปนเจานายจริง เจานายดี เจ านายจริง ถู ก ต อ งตามความหมายของคํ าว า เจ า นาย มั น ก็ เป น คนดี , แล ว ก็ ชวยแต คนที่ ทําดี . ในการที่ เจานายจะชวยเราก็เพราะเราทํ าดี . นี้ คือความหมาย ของคํ า วา ชว ยตัว เอง ; ความดีข องตัว เอง ชว ยตัว เอง ไปบัง คับ ใหผู อื ่น ตอ ง รุมมาชวยเราเพราะความดีของเรา. สิ ่ง ที ่เ รีย กวา “วาสนาบารมี” ก็เ หมือ นกัน ถา ถูก ตอ งและแทจ ริง ต อ งมาจากบุ ญ กุ ศ ลที่ ทํ า ไว คื อ ความดี ที่ ทํ า ไว . ถ า วาสนาบารมี ม าจากผี ส าง เทวดาบ า ๆ บอ ๆ มั น ก็ ไม ยั่ งยื น ; หรือ มาจากทุ จ ริต คดโกงอะไร มั น ก็ ไม ยั่ งยื น เพราะฉะนั ้น ตอ งใหรู ว า มัน มีอ ยู อ ีก ชุด หนึ ่ง กลุ ม หนึ ่ง คือ “กํ า ลัง ของธรรมะ” หรือ “กํ าลั งความถูก ต อง” เพื่ อ จะไปควบคุ ม ทั้ งสามกํ าลั งขางตน นั้ น ให มั น เดิ น ไปถูก ตอ ง : ใชกํ า ลัง กายถูก ตอ ง ใชกํ า ลัง จิต ถูก ตอ ง ใชกํ า ลัง ความรูถ ูก ตอ ง. นี่รวมเป น ๔ กําลัง มีรายละเอียดปลีกยอยจาระไนไมไหว ครอบคลุมอะไรทั้งหมด ในบรรดาที่เปนกําลัง - กําลัง. คุณก็ลองไปคิดดูเอาเองเถิด มันจะคิดได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ลองคิ ด ดู ต อ ไปว า ใน ๔ กํ า ลั งนี้ แ หละอั น ไหนมั น สํ า คั ญ ที่ สุ ด ? คุ ณ จะมองเห็น ในทัน ทีว า อัน สุด ทา ย พวกที ่ ๔ ประเภทที ่ ๔ มัน สํ า คัญ ที ่ส ุด คือ “กํ า ลัง ข อ งธ รรม ” “กํ า ลัง ขอ งค วาม ถูก ตอ ง” ; นี ้ม ัน เปน เรื ่อ งท างฝา ย spiritual ไป คือ ฝา ยสูง สุด ไป. กํ า ลัง รา งกายเปน เรื ่อ งทางกาย ทางฟส ิค ส, กําลังจิต,กําลังความรู ตามธรรมดาสามัญนี้เปนเรื่องทาง mental ทาง mentality, สวนกํ าลั งความถูกต องของธรรมะนี้ เป นเรื่อง spirituality, กํ าลังทางฝ าย spiritual มันขึ้นถึงขีดของความถูกตอง. เราจะเรียกวากําลังอันที่ ๔ ที่สําคัญที่สุดวาอยางอื่น


กําลังของฆราวาส

๒๗๕

อีกไดมากมาย. ถาถือพระเจาก็เรียกวากําลังของพระเจา ; พวกที่เชื่อพระเจา ถือพระเจาจริง ๆ ก็เรียกวา นี้คือ “กําลังของพระเจา”. กํ า ลัง กาย กํ า ลัง จิต กํ า ลัง ความรูอ ะไรนี ้ เปน ของเราเอง ; แต กําลังพระธรรมเปนกําลังของพระเจาใหมา. สวนพุทธบริษัทเราไมถือพระเจา ก็ตองเรียกวาของพระธรรม ; เพราะความถูกตองนี้มันก็ของธรรมชาติ คือกฎ ของธรรมชาติ.ทําอยางนี้ก็เกิดผลขึ้นอยางนี้, ทําอยางนั้นก็เกิดผลขึ้นอยางนั้น ตามกฎของธรรมชาติ. ถาเรารูกฎของธรรมชาติฝายเปนผลที่ถูกตองและตามที่ เราต อ งการแล ว ตั ว ธรรมชาติ ก็ ม ี ใ ห เ ลื อ กครบทุ ก อย า ง อะไร ๆ ก็ เ ป น ของธรรมชาติ. ก็แปลวา เรามีความรู ความถูกตอง ที่เราจะใชกฎธรรมชาติที่เรา จะทําใหถูกตองตามกฎของธรรมชาติ ; นี้เปนพระธรรมอยูที่ตรงนี้ เปนธรรมะ อยูที่ตรงนี้. บางคนอาจจะคิดอยางหวัด ๆ วา มันเลยเถิด เลยเรื่องของฆราวาส ไปแลว ; ของอยาไดคิดอยางนั้น. ฆราวาสก็ตองการความถูกตองทางจิต ทาง วิญญาณ ที่สูงขึ้นไป จนกวาจะถึงที่สูงสุด; ความรูเรื่องสุญญตาสําหรับฆราวาส ก็รวมอยูใ นขอ นี้. เรื่อ งสุญ ญตาเราก็อ ธิบ ายกัน ยึด ยาวเสร็จ ไปเรื่อ งหนึ่ง แลว วาฆราวาสจะตองมีสุญญตา จึงจะประกอบไปดวยประโยชนเกื้อกูลตลอดกาลนาน. ความมีสุญญตา มีการปฏิบัติที่ไมยึดมั่นถือมั่นในจิตในใจนั่นแหละ คือกําลังของ ธรรมะ ที่จะชวยฆราวาสในอันดับสูงสุด ; ปองกันไมใหฆราวาสเกิดความทุกข ความรอนใจใด ๆ ทั้งหมดทั้งสิ้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เมื่อเกิดเรื่อง เชน ลูกตาย เมียตาย ผัวตาย อะไรก็ไมระคายขน, ไมรอนใจหรือเปนทุกข. แมมีเรื่องขาดทุนหรือฉิบหายโดยความพลาดพลั้งไปบาง


๒๗๖

ฆราวาสธรรม

ก็ไ มเ ปน ทุก ข, หรือ จะมีอ ะไรถูก กลั่น แกลง อยา งไรก็ไ มเ ปน ทุก ข ไมนอ ยใจ ไม เป น ทุ ก ข . ลองได ขึ้ น ชื่ อ วาความทุ ก ขแ ล ว เราไม เอาเสี ย เลย นั่ น แหละคื อ อํานาจของสุญญตา. ถึงแมวาความสุข ความพอใจจะมีเขามา ก็หัวเราะเลน ไมไ ปเปน ทาสของมัน ,ไมเปน ทาสของเงิน ของเกีย รติย ศ ชื ่อ เสีย ง อํ า นาจ วาสนานั ้น ; สุญ ญตาชว ยไดอ ยา งนี ้. เพราะฉะนั ้น สุญ ญตาก็ร วมอยู ใ น กําลังของพระธรรม มันเลยเปนกําลังที่เปนทาง spirituality ที่สุด ทีละเอียด ที่ลึกซึ่ง ที่จะชวยใหมนุษยสามารถชนะความทุกขทั้งปวงได นับตั้งแตประสบ ความสํา เร็จ ในการงานต่ํา ๆ ในชีวิต ประจํา วัน ; ไมตอ งรอ งไห เพราะวิบ ัติ เกิดขึ้น, ไมเหลิง ไมลืมตัว เพราะสมบัติเกิดขึ้น ; ประโยชนเกื้อกูลของฆราวาส มันเปนอยางนี้ ที่วาสูงสุดมันสูงสุดอยูที่นี่. เพราะฉะนั้นถาคุณไปบูชาแต เทคโนโลยี่ เหมือนคนปจจุบันในโลกนี้ เวลานี้แลว ก็เรียกวาหลับหูหลับตาอยูเทาไร, ยังหลับหู ยังหลับตา ยังประมาท อยูสักเทาไร. แลวถาไปเอาตามความนิยมของคนสมัยนี้ ตามการศึกษาของคน สมัยนี้ แลวละก็อันตรายมาก ; เพระเขาลืม ละเลย หรือลืมหมดในเรื่องธรรมะ ไปเอาเรื่อ งวัต ถุ เรื่อ งเนื้อ หนังกัน ไปหมด มัน ก็เปน กําลังฝายผิด ทั้งนั้น , เปน กําลังฝายพญามาร ฝายซาตานทั้งนั้น ; มนุษยก็เดือนรอนแสนสาหัส. ใชกําลังผิด ไปเพิ่มกําลังใหแกพญามาร ; ความเปนฆราวาสก็เหมือนกับตกนรกทั้งเปน เพราะ ไม รูสิ่งที่ ควรจะรู ในขอนี้ ; ไม มี กําลั งที่ จะต านทานกิ เลส ; กิเลสกลั บ มี กําลั ง เพราะไปเพิ่มใหมัน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราไมมีกําลังที่จะตานทานกิเลส กิเลสก็แผดเผา ผูกพัน ทิ่มแทง เปน การทนทุก ขท รมาน ; เปน ฆราวาสที่ส กปรกแทบจะไมได ตายแลว สุนัข ก็ไมกิน เหมือนในสไลดที่ฉายดูกันนั้น ; เพราะนี่ขาดกําลังธรรมะ ถาเราจะเปน


กําลังของฆราวาส

๒๗๗

ฆราวาสที่มีกําลัง, ฆราวาสที่มีกําลัง ไมใชทุพพลภาพ แลวกําลังที่จะไปสูความ สําเร็จจุดหมายปลายทาง ตองมีอยางนี้. เราพู ด วัน นี้ ก็ ได แ ต หั วข อ เท านั้ น รายละเอี ย ดไปหาเอาเอง ; สรุป ว า กําลังกายอยางหนึ่ง กําลังจิตอยางหนึ่ง กําลังความรูอยางหนึ่ง กําลังความถูกตอง อีก อยา งหนึ ่ง ; แลว ทั ้ง หมดมัน ก็สํ า เร็จ อยู ที ่คํ า วา “ธรรม” เพีย งคํ า เดีย ว. ถึง กํ า ลัง กายมัน ก็อ ยู ใ นพวกธรรมชาติ เปน ธรรม, กํ า ลัง จิต ก็เ ปน ธรรมชาติ เปน ธรรม, กํ า ลัง ความรู  หรือ ปญ ญ า ก็เ ปน ธรรม,กํ า ลัง พระธรรม นี ่ก ็ค ือ ธรรม; แตมันแยกแขนงลดหลั่นกันลงไป เพราะถาเราไมแยกใหมันเปนเรื่องๆ ไป เราก็ปฏิบัติไมได. อยางเชนกําลั งกาย ก็ไปบํ ารุงรางกายให มีกํ าลัง นั บแตกินอาหารให ดี นอนหลั บ ให ดี อะไรให ดี เป น เรื่อ งของทางอนามั ย ; แล ว หาเครื่อ งมื อ แวดล อ ม กํ า ลั ง กายนี้ จากเพื่ อ นฝู ง จากสิ่ งแวดล อ มอย า งอื่ น เช น มี ท รัพ ย ส มบั ติ มั น ก็ มี กําลังกายมากขึ้น, จางคนมาทําอะไร เทาไรก็ได ; หรือมีเครื่องทุนแรงไวก็ได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทางกําลังจิต ก็อบรมใหมีศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิโดยเฉพาะ.

ทางความรู ก็ใหเปน ความรูที ่อ ยู ใ นขอบเขต อยา ใหม ัน เปน ความรู ที่มันพราออกไปจนมันไมมีจุดจบ, โดยเฉพาะอยางยิ่งคือสิ่งที่เรียกวา “ปรัชญา” ของสมัย ปจ จุบ ัน . คนนี ้ว า อยา ง คนโนน วา อยา ง ลว นเปน อยา ง ๆ อยา ง ๆ ไมรูกี่อยาง สําหรับมาชนกันเลน ; มันเปนเรื่องจับแพะชนแกะอยางไมมีที่สิ้นสุด, เรีย กวา ไมม ีข อบเขต. ความรูต อ งอยูในขอบเขตสิ่ง ที่เราตอ งการจะรู ควรจะรู ; เราต อ งมี ป ญ หาของเราโดยเฉพาะ แล ว ก็ จ ะแก ป ญ หานั้ น ; แล ว ในที่ สุ ด


๒๗๘

ฆราวาสธรรม

ก็ทําใหมันเปนธรรม คือถูกตอง. ขอนี้ขอใหระลึกนึกถึงพระพุทธภาษิตที่สําคัญ ที ่ส ุด แตฟ ง ดูแ ลว นา ขัน : ธมฺม ํ สุจ ริต ํ จเร - จงประพฤติธ รรมใหส ุจ ริต . ประพฤติธรรมะใหสุจริต ; นี้กําชับไวที่เดียววาประพฤติธรรมะนั้นก็ตองประพฤติ ใหสุจริต ; คือประพฤติคดโกงก็ได, มันนาไหวหลังหลอกตอธรรมะก็ได, นับถือ พระพุธเจาอยางหนาไหวหลงหลอกก็มี. เดี๋ยวนี้เรามีหลักเกณฑ มีหลักปฏิบัติอยางนี้แลว เราก็ยังตองจงรัก ภักดีตอหลักเกณฑตออุดมคตินี้ แลวประพฤติใหมันสุจริต. ทีนี้นักเรียนก็เรียน กัน แตห ัว ขอ ยัง ไมไ ประพฤติด ว ยซ้ํ า ไป ; แลว จะประพฤติใ หม ัน สุจ ริต ได อยางไร. เพราะวาเมื่อลงมือประพฤติแลว เราก็ยังจะตองประพฤติใหมันสุจริต, อยาใหถูกติเตียนไดวา เราเลนตลกพลิกแพลงอะไรอยางนั้น - อยางนี้. ทีนี้ ยังเหลืออยูอีกเพียงนิดเดียววา ปญหาที่วาจะปองกันแกไขความ ออ นเพลีย ในการงานนั้น คุณ ตอ งเอากํา ลัง เหลา นี้ไ ปใช. นี่ผ มก็ต อบอยา ง เอาเปรียบ หรือกําปนทุบดิน. ความออนเพลียไมมีกําลังใจจะทํางานนี้ หรือเมื่อ ทํางานอยูก็เหนื่อยหนาย ทอแท, เสร็จแลวมันก็ยังเบื่อระอา. นี้ตองสรางกําลังนี้ ขึ้นมาใหมใหครบบริบูรณ โดยหลักที่เรียกวา พละ หรืออินทรีย มีอยู ๕ อยาง คือ -ศรัท ธา วิริย ะ สติ สมาธิ ปญ ญา, ก็คือ ที่เ รากํา ลัง พูด อยูแ ลว เวลานี้ มีศ รัท ธา วิร ะยะ สติ สมาธิ ปญ ญา, รายละเอีย ดอยูใ นหนัง สือ นวโกวาท หรือคําอธิบายนวโกวาท ; และผมก็อธิบายแตเคาที่สําคัญ ๆ แลวเมื่อตะกี้นี้ ; แลวมันไปจบอยูที่ปญญา เปนอันที่ ๕.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


กําลังของฆราวาส

๒๗๙

ศรัทธา - ความเชื่อ, วิริระ - ความพยายาม, สติ – ความระลึกรูสึ ก ตัวอยู, สมาธิ - ความมี กําลังใจมั่น, แลวป ญ ญา - ความรู. ที่กลาวไว ๕ อยางนี้ มันเปนครอบจักรวาลไปใชในทุกแขนง แลวก็มุงหมายโดยเฉพาะการปฏิบัติธรรม เพื ่อ บรรลุม รรค ผล นิพ พาน ; หา อยา งนี้เ พื ่อ ความมุ ง หมายนั ้น . แลว อยา ลืม วา ป ญ ญานั้ น เฉโกก็ได ป ญ ญาในที่นี้ ตองเปนป ญ ญาแทจริง.ถาวาจะเอา หัว เหงา ของมัน เปน เพีย งอยา งเดีย วละก็ตอ งเอาที่ปญ ญาที่แ ทจ ริง ปญ ญาที่ ถูกตองยึดเอาปญ ญาชนิดนั้นเปนหลัก แลวอื่น ๆ จะตามมา เรียกวา หัวเหงา คือหัวขั้วของพวงที่มันมีหลาย ๆ แขนง. เรามี ป ญ ญาเป น หัวเหงาของพวงแลวก็พ อ เพราะป ญ ญาที่ ถูกตอ ง สามารถดึ งอะไรต าง ๆ มาตามที่ ตอ งการไดค รบ. คติ นี้ จะเป น ของโบราณกอ น พุทธกาล เพราะไปอานดูในฝายอื่นมันก็มี. เขารูจักสิ่งที่เรียกวาปญญากวางขวาง ใชเปนหลักทั่วไป มันก็มามีอยูในคัมภีรของเราคือของพุทธศาสนา. เขาวาอยางนี้ : ปฺ า หิ เสฏ ฐ า กุ ส ลา วทนฺ ติ , “พวกคนฉลาดกล า วว า ป ญ ญาเป น สิ่ ง ประเสริฐ ที ่ส ุด ”. ใชคํ า วา พวกคนฉลาด คือ กิน ความกวา ง : คนฉลาด แล ว ไม ว า ใครย อ มกล า วป ญ ญาว า ประเสริ ฐ ที่ สุ ด . นกฺ ข ตฺ ต ราชาริ ว ตารกานํ , “เหมือนดวงจันทรซึ่งเปนราชาแหงนักษัตรยอมเดนกวาดวงดาวทั้งหลายฉะนั้น”. สีลํ สีรี จาป สตฺจ ธมฺโม อนฺวายิกา ปฺวโต ภวนฺติ, สีลก็ดี มิ่งขวัญก็ดี สัท ธรรมก็ดี ยอ มเปน ไปตามอํา นาจของปญ ญา” คือ ปญ ญาจะชัก นํา มาเอง แมแตสิ่งที่เรียกวา ธรรมของสัตบุรุษ ก็จะมาสูอํานาจของปญญา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คําพูดทั้งหมดนี้ขอใหสนใจ หรือยึดปญญาเปนหลัก แลวใชปญญานี้ กวาดตอนเอาทุกอยางที่ตองการมา. ฉะนั้นสิ่งที่เรียกวา “กําลัง – กําลัง” ก็ขึ้น


๒๘๐

ฆราวาสธรรม

อยูกับปญญา, แลวก็เปนปญญาที่เปนความถูกตองในประการที่ ๔. ที่เราพูดถึง ในวันนี้คือ ประการที่ ๔ กําลังของความถูกตอง. ปญญาที่พลิกแพลงไปใช ชั่วก็ได ดีก็ไดนั้นไมเอา ไมไดหมายถึงในที่นี้. นี้คือกําลังของฆราวาส ผูกํา ลัง เดิน ทางอยู ใ นวัฏ ฏสงสาร เพื ่อ จะไปนิพ พาน. นี ้ก ็ร วมทั ้ง เรื่อ งครอบครัว เรื่อ งลูก เรื่อ งเมีย เรื่อ งปญ หาพื ้น ฐาน ปญ หาพื ้น ดิน ดว ย. โดยหัว ขอ มีอ ยู อยา งนี้ เอาไปชํา ระสะสางใหดี ใหใ ชมัน ใหไ ดคือ apply ใหไ ด อยา เปน ตัวหนังสืออยูในสมุด.

นกกางเขนบอกหมดเวลาเพียงนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ความรอดพื้นฐาน ของฆราวาส (วัฒนธรรมของชาวพุทธ) - ๑๖ ๕ เมษายน ๒๕๑๓ สํ า หรับ พวกเรา ล ว งมาถึ ง เวลา ๔.๔๕ น. แล ว . เปน เวลาที ่เ ราจะไดพ ูด กัน ตอ ไป ถึง เรื ่อ งที ่พ ูด คา งไวเ ปน ลํา ดับ มา คือ เรื่อ งเกี่ย วกับ ฆราวาส, ในการบรรยายชุด นี้ ไดม ีค วามตึง ใจไวแ ลว วา จะพูด กัน ถึง เรื่อ งฆราวาส คือ วา เกี่ ย วกั บ ฆราวาส เพราะเป น เรื่อ งพี้ น ฐาน, กล า วคื อ ถ า เป น ฆราวาสที ่ด ีไ ด ก็จ ะเปน อะไรที ่ด ีไ ดต อ ไป จนกระทั ่ง ไป นิ พ พานได ; เพราะฉะนั้ น เราจึ ง มองดู กั น ทุ ก แง ทุ ก มุ ม ในเรื่องอันเกี่ยวกับฆราวาส.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ในวันนี้จะไดกลาวถึง ความรอดพื้นฐานของฆราวาส ซึ่งไดแก วัฒนธรรม ที่เนื่องมาจากศาสนาโดยตรง หรือจะเรียกสั้น ๆ วา “วัฒนธรรมของ ชาวพุทธ”. มันเปนธรรมดาอยูเองที่วา มนุษยแตละหมูละพวกยอมจะมีวัฒนธรรม ของตั วเอง ค อ ย ๆ เกิ ด ขึ้ น ตามความจํ าเป น หรือ เหมาะสม .ความจํ าเป น

๒๘๑


๒๘๒

ฆราวาสธรรม

กับความเหมาะสม นี้แยกกันไมได, หรือที่แทก็คือสิ่งเดียวกันโดยใจความ แมวา จะตางกันโดยตัวหนังสือ.โดยทางภาษาดูจะเปนคนละอยาง แตทางปฏิบัติแลว ก็คือสิ่ง ๆ เดียวกัน. ความจําเปน ทําใหเกิดอะไรขึ้นมาบางอยาง แลวมันตองเกิดเหมาะสม แก ความจํ าเป นเสมอไป. วั ฒ นธรรมของคนทุ กชาติ ทุ กภาษาที่ มี ลั กษณะอย างนี้ จนกระทั่งชาวพุทธเราก็มีวัฒนาธรรมของเราเองเกิดขึ้น เมื่อเราไดรับพุทธศาสนา. เพราะวาเปนธรรมดาที่ทุกคนจะตองถือเอาสิ่งที่ดีกวา, ชะเงอหาสิ่งที่ดีกวา. เมื่อ พบอะไรเขาก็จะสนใจใน ขอที่มันจะดีกวาที่เรามีอยูแลว, ก็สนใจที่จะรับเอามา ; แตมันก็ขึ้นอยูกับสติปญญาที่จะพิจารณาสิ่ง ๆ นั้น ถูกหรือผิดมันขึ้นอยูกับสติปญญา นั ้ น ๆ. ถ า มี ค วามโง ก ็ ไ ปรั บ เอามาอย า งที ่ เ ป น อั น ตราย, แต ถ ึ ง อย า งนั ้ น ก็ไปรับเอามาดวยความหวัง วาจะไดสิ่งที่ดกวาอยูเหมือนกัน. ถาโงก็ไปเอาสิ่งที่ เลวกวามาเป นสิ่งที่ดีกวาก็ได. ดังนั้น ขอใหระวังในขอนี้ ใหมากที่สุด ในเรื่องที่ เกี่ยวกับวัฒนธรรม โดยเฉพาะในปจจุบันนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สําหรับคําพูดที่ใชเรียกชื่อสิ่งนี้ อาจจะมีมากคํา ซึ่งคุณก็ไดยินอยูเปน ประจํ า เรามีคํ า วา : -วัฒ นธรรม ขนบธรรมเนีย ม ประเพณี พิธ ีร ีต องอะไร ตาง ๆ หลายคําดวยกัน ; มันผิดไดดวยกันทั้งนั้น, และมันถูกไดดวยกันทั้งนั้น ; แลวแตวาจะมีความรูและสติปญญาเขาไปแทรกอยูมากนอยเทาไร. คําแตละคํานี้ จะมี ค วามสํ า คั ญ ที่ สุ ด อยู ที่ คํ า ว า “วั ฒ นธรรม” - คื อ เครื่ อ งมื อ สํ า หรั บ ให เกิ ด ความเจริญ ก า วหน า . เรามี ข นบธรรมเนี ย ม ที่ ระเพณี พิ ธี รีต อง ก็ คื อ ระเบี ย บ ปฏิบัติเกี่ยวกับวัฒนธรรม ตามขนบธรรมเนียมประเพณี ตามพิธีรีตอง จนกระทั่ง งมงายไปในที่สุด, ก็เปนวัฒนธรรมงมงาย.


ความรอดพื้นฐานของฆราวาส

๒๘๓

ตรงนี้อยากจะเตือนอยูเสมอ คําวา “วัฒนะ” หรือ “ความเจริญ” นี้ มีค วามหมายเปน ทาง ๒ แพรง หรือ กํ า กวม. ตัว หนัง สือ แท ๆ ก็แ ปลวา มี มากขึ ้น หรือ รกหนาขึ ้น นั ้น คือ คํ า วา “วัฒ นะ”. ที ่ม ัน รกหนาขึ ้น จนเกิด โทษขึ้น ก็ม ี เชน หญารก หรือ ผมบนหัว รกอยา งนี้ บาลีเรีย กวา วัฒ นะทั ้งนั ้น . มันก็เลยเปนวัฒนะที่ทําใหเกิดปญหาหายุงยากลําบาก. ใหนึกถึงคําวา “อยาเปนคน รกโลก รก คํ า นี ้ค ือ คํ า วา วัฒ นะ ดว ยเหมือ นกัน ; ภาษาบาลีเปน อยา งนี ้. เมื่อเราพูดถึงความเจริญหรือใชคําวา พัฒนา อยางในสมัยปจจุบันนี้, มันก็คือ ทําใหมากขึ้น. ถาพัฒนาผิด ก็มากขึ้นในทางที่ยุงยากลําบากมากกวาแตกอน ; นี้ก็มีอยูบอย ๆ ในที่การพัฒนากันไปในทางที่ยุงยาก จนเกิดปญหาหลายอยาง ซอน ๆ กันขึ้นมา. เดี๋ยวนี้เรากําลังพูดถึง วัฒ นธรรมของชาวพุทธ หมายความวา เปนความเจริญที่ถูกตองทั้งทางรูปธรรม และนามธรรม ตามแบบของชาวพุทธ โดยมีรกรากจากพระพุทธศาสนา ; มีรกรากอยูพระพุทธศาสนา หมายความวา วัฒ นธรรมนั้นงอกงามออกมาจากหลักของพระพุทธศาสนา. ถาจะทํากันเป น ขนบธรรมเนียมประเพณี ก็หมายความวาทํากันมาจนไมมองดูวามันมาจากอะไร ไมตองมองดูวามาจากอะไร เขาทําเปนแบบฉบับเหมือนที่ปูยาตายายไดทําและ วางไว ; แลวบางทีก็วางไวในรูปของ ความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์, ไมทําไมได, เปน เรื่อ งเสื ่อ มเสีย เปน เรื่อ งโชครา ยอยา งนี ้ก ็ม ี. นี ้จ ะเลยไปเปน พิธ ีรีต อง จนกระทั ่ง วา เราทํ า อะไรตามพิธ ีต ามธรรมเนีย มที ่เปน พิธ ี จนเรีย กวา ทํ า พิธี อยางนั้นแหละ ;ในที่สุดก็ทําพอเปนพิธี จนงมงายเรียกวารีตอง ไปเลยก็ได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาเปนพิธีก็ยังนาดูอยูบางเพราะคําวาพิธีก็คือวิธีนั่นเอง ก็มีความ ถูก ต อง แล วก็ ชวยกั น ทํ าให เครงครัด เป น พิ ธี ; แต ถ าเลยเถิด ไปเป น รีต องแล ว


๒๘๔

ฆราวาสธรรม

ผมคิด วาคงจะเขา ไปในเขตของความงมงายแลว . ฉะนั้น พิธีนั้น ใชได แตพิธี รีต องนั ้น ไมไหว. เปน วัฒ นธรรมที ่ง มงายไป. นี ่พ ูด พอเปน หนทางใหส ัง เกต ในความหมายความเปนมาของสิ่ง ๆ นี้, แลวคุณก็ไปคิดเอาเอง ไปใครครวญ ดูเอง. ทีนี้ก็มาถึงคําวา “ความรอดพื้นฐาน” มีคําวา “พื้นฐาน” อยูดวย, หมายความว า เป น หลั ก ทั่ ว ไป. ความรอดที่ ยิ่ ง ใหญ คื อ ความรอดที่ เรี ย กว า วิมุตติ หลุดพน ในพระพุทธศาสนา ไปนิพพานนั้น เปนความรอดที่ยิ่งใหญ แล วจุ ด หมายที่ ล ายทางอยูที่ นั่ น .ที นี้ ค วามรอดพื้ น ฐาน หมายความวาจะต อ ง รอดทั่ว ๆ ไป ในทุก ๆ กรณี ในทุก ๆ ปญ หาหรือหนาที่การงานของฆราวาส. เราจะเรียกรวม ๆ กันวา “หลักพื้นฐานของความรอดของฆราวาส” หรือเรียกวา “ความรอดพื้นฐานของฆราวาส ขึ้นอยูกับวัฒนธรรมที่งอกออกมาจากศาสนา.” นี่ก็เปนการบงอยูในตัวแลววาเปนฆราวาสพุทธบริษัท, แตแลวยังมี พิเศษอยูที่วาเอาไปใชกับฆราวาสพวกไหนก็ได เพราะธรรมะนี้เปนของไมจํากัด สถานที ่ หรือ เวลา หรือ บุค คล.ถา เปน เรื ่อ งถูก ตอ งแลว ก็เ ปน ธรรมะหมด เพราะธรรมะคือความถูกตอง. เดี๋ยวนี้เราพูดสําหรับพุทธบริษัทแลว ก็มักจะพูด เปนของชาวพุทธหรือวาเปนของเฉพาะไปอยางนี้ เนื่องจากเราตองรับผิดชอบ ในความเปนชาวพุทธของเรา. เราไมตองรับผิดชอบในดานอื่น ในของพวกอื่น แตเราตอ งรับ ผิด ชอบในดา นของเราเอง คือ เปน ชาวพุท ธ. เรามีวัฒ นธรรมที่ เปนขนบธรรมเนียมที่ที่ประพฤติกันอยู โดยไมตองมีการวิพากษวิจารณอะไรอีก แลวก็ที่ประพฤติดวยจิตใจทั้งหมด ดวยกําลังทั้งหมด.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ตอไปก็มาถึงการที่เราจะแยกดูวา มีอะไรบางที่พอจะกลาวไดวา เปน วัฒนธรรมที่มีรากฐานอยูบนพุทธศาสนา. เดี๋ยวนี้เรากําลังพูดถึงพุทธศาสนา


ความรอดพื้นฐานของฆราวาส

๒๘๕

เรายังมุงหมายเฉพาะพวกฆราวาส ดังนั้นผมจึงใชคําวา “ความรอดพื้นฐาน ของฆราวาส”. ถาเราจะดูกันเปนขอ ๆ เพื่ อสะดวกแกการศึกษา หรือเขาใจ หรือการปฏิบัตินี้ ก็จะทําไดเปนขอ ๆ, แลวก็มีมากจนจะทําใหฟนเผื่อ หรือ ยุงยาก หรือลําบากก็ได. เพราะฉะนั้น ตามความรูสึกของผมคิดวา จะเพงเล็ง กันเพียง ๑๐ ขอ ขอที่ ๑ อยากจะเรียกวา ความขยันขันแข็ง. ความขยันขันแข็งนี้ คุณ อาจจะคิดไปวาไมเกี่ยวกับศาสนา. ถาคิดอยางนั้น ก็ถูกเหมือนกันแตวา อยาลืมไปวาพุทธศาสนาสอนเรื่องนี้. เมื่อพระพุทธเจาออกบวชใหม ๆ เปนแขก แปลกหนา เขาไปในประเทศมคธ, พบกับพระเจาพิมพิสารสนทนากันถึงวา เปน อยางไร มาจากไหน เปน ใครนี้ ; พระพุท ธเจาทานตอบวา มาจากพวก ศากยะผูข ยัน ขัน แข็ง แลว ก็เลา อะไรตอ ไปอีก ตามสมควร .แตดูเหมือ นวา ทานอยากจะยืนยันในขอที่พวกศากยะมีถิ่นอยูเชิงเขาหิมพานต นี้เปนพวกที่ ขยันยันแข็ง. เพราะฉะนั้นเราจะนึกถึงความขยันขันแข็ง ซึ่งรวมความกลาหาญ ความอะไรเขาไวหมด.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org การมีชีวิตอยูในโลกจะรอดอยูได ก็ตองดวยความขยันขันแข็ง, ไม อยางนั้นมันก็ไมเหลือรอดอยูได. การตอสูซึ่งเปนความรูสึกทางสัญชาตญาณ, ความขยันขันแข็งก็เปนสิ่งหนึ่งในการตอสู. เมื่อมีความรูสึกอยางนี้มาก มันก็ กลายเปน ความกลาหาญ ;เรารวมเรียกวา “ความขยัน ขันแข็ง” คือ เขม แข็ง. เรื่องนี้ไมตองสอนกันมาก เพราะธรรมชาติมันบังคับ ไมขยันขันแข็งมันก็ตาย ไมเหลือรอดอยูจนบัดนี้. แลวยิ่งในโลกสมัยนี้ มันก็สอนความขยันขันแข็งโดย ไมรูสึกตัวมากขึ้น ๆ. แตวัฒนธรรมของชาวพุทธนั้น มีความขยันขันแข็งอยูดวย ขอ หนึ่ ง เราถื อวามี รกรากมาแต พ ระพุ ท ธเจา ผู ขยั น ขั นแข็ ง. ท านสอนหลั ก


๒๘๖

ฆราวาสธรรม

ธรรมะเชนนั้นอยูจนมาถึงพวกเรา ชาวไทย ซึ่งมีความขยันขันแข็ง เต็มไปดวย การตอสูตลอดเวลา,คือเคลื่อนยายลงมาสูผืนแผนดินนี้. นี้ คุณก็รูดี ตามประวัติศาสตรของชนชาติไทยที่มีความเขมแข็งและ ความกล า หาญเป น นิ สั ย สมกั บ คํ าว าเป น ไทย จึ ง รอดอยู ได . ถ าถามวาความ ขยัน ขันแข็งในอะไร ? ก็ตอบวาในหนาที่. หนาที่ คืออะไร ? ก็คือความอยูรอด. ดังนั้นจึงนับความขยันขันแข็งนี้เปนเครื่องมือของความอยูรอดพื้นฐานอันแรก. ขอที่ ๒ ถัดมาก็อยากจะพูดถึง ความสุภาพออนโยน. ความสุภาพ อ อ นโยนเป น หลั ก ธรรมะด ว ยเหมื อ นกั น อย า ถื อ ว า เป น เพี ย งขนบธรรมเนี ย ม ประเพณี ของชาวบ าน หรือ วาในเลื อ ด ในเนื้ อ ในฐานะที่ เป น ลั ก ษณะของคน ชาตินั้นชาตินี้ พันธุนั้นพั นธุนี้ ; แตที่แทแลวเปนหลักธรรมคําสอนในพระพุ ทธ ศาสนา.ความสุภาพนั้นหมายถึงไมมี อะไรที่นาเกลียด, ความออนโยน หมายถึง มีอ ะไรที ่ทํ า ใหน า รัก . แลว เราไมม ีอ ะไรที ่น า เกลีย ด, และมีส ว นที ่ทํ า ใหน า รัก มันก็ชนะผูที่ไดมาพบมาเห็ น เปนเครื่องมือ หรือเป นอํานาจพิ เศษอะไรอันหนึ่ ง ที ่ช นะน้ํ า ใจของผู ที ่ไ ดเขา มาพบมาเห็น มาสัง คมดว ย. ดัง นั ้น เราในบางครั ้ง บางสมัยบางยุคก็เปนคนที่มีกําลังนอยดวยเหมือนกัน แตเราก็ชนะคนที่มีกําลังมาก ไดดวยความสุภาพหรือออนโยน ในการรูจักโอนออนไปตามเหตุการณที่รายแรง ชวยใหประเทศไทยรอดตังมาไดจนบัดนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คนโบราณเขาสอนใหดูพงหญ า ลมพั ดมัน ลูไปไมหัก. ตนไมแข็ง ๆ กระดางนั้นมันหักโครมครามไปหมด เมื่ อมีพายุมา. เด็ก ๆ ก็เขาใจไดในเรื่องนี้ . พระพุ ท ธเจ า ท า นจะยิ่ ง เข า ใจเรื่ อ งนี้ ท า นจึ ง สอนให อ อ นโยน นั บ ไปตั้ ง แต ระเบียบวินัยตาง ๆ. คุณ ไปสํารวจดูจากวินัยปาฏิโมกข ที่เปนหลักเปนประธาน และวินัยนอกปาฏิโมกข อภิสมาจารตาง ๆ จะพบเรื่องปรับใหเปนโทษทางวินัย


ความรอดพื้นฐานของฆราวาส

๒๘๗

คืออาบัตินั้น เพราะความไมสุภาพออนโยนนั่นมีอยูมากเหมือนกัน ในเรื่องการพูด กิริยาทาทาง หรือการใชสอยวัตถุสิ่งของอะไรตางๆ. ความสุภาพออนโยนนี้ ทําใหเกิดหลักพื้นฐานอื่น ๆ ตอไปเปนแขนง ๆ ไป, แล วที่ สําคั ญ ที่ สุ ด ก็ คื อสุ ภ าพออ นโยนต อ คนเฒ าคนแก ; พู ด งาย ๆ ก็คื อความ เชื ่อ ฟง คนเฒา คนแก ซึ ่ง ในสมัย โบราณมีม าก เรีย กวา เต็ม รอ ยเปอรเ ซ็น ต. แลวเดี๋ยวนี้จะเหลืออยูไมกี่เปอรเซ็นต เพราะเด็ก ๆ อวดดี วาคนเฒ าคนแกนั้น โงงมงายไมกาวหนา. เด็ก ๆ ไดเลาไดเรียนมาก ชนิดที่คนเฒ าคนแกไมไดเรียน ความเคารพคนเฒ าคนแกก็นอยไป, จิตใจก็กระดางเพิ่มขึ้นตามสวน ; แตแลวก็ยัง คิด วา ตัว เปน ผู เกง ผู ส ามารถ ผู อ ะไรอยู ด ี. นี ่ข อใหส ัง วรระวัง เรื่อ งนี ้ใ หม าก. คนเฒ าคนแกอาจจะโงกวา แตผมอยากจะพูดวา โงกวาในสิ่งที่ไมจําเปน ในเรื่อง ที่ไมจําเปน. เรื่องที่ไมจําเปนแกชีวิตนั้นแหละ คนเฒาคนแกอาจจะโงกวา ลูกหลาน, แตถาเรื่องที่จําเปนแกชีวิตแลว คนเฒาคนแกฉลาดกวาเสมอ, หมายความวาเรื่องเฟอนั้น พวกคุณอาจจะเกงกวาคนเฒ าคนแกในเรื่องที่เฟอเกิน ความจํ า เปน . แตเ รื่อ งที ่จํ า เปน เรื่อ งที ่ช ว ยใหเ อาตัว รอดกัน ไดจ ริง ๆ แลว ไปดูเถิดพอแมบิดามารดา ครูบาอาจารย ที่เห็นวาชีวิตุมงามหัวเกา ๆ นั่นแหละ อาจจะ เกงกวาพวกคุณในทุก ๆ กรณี . ทานรูจักเลี้ยงเรามาใหรอดชีวิตอะไรเหลานี้ แลว ก็มีหลักงาย ๆ ตามธรรมชาติ ตามความรูสึกพี้นฐานของธรรมชาติ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอ นี ้เ ราสรุป เรีย กวา “ความสุภ าพออ นโยน” แกค นทุก ๆ คน ทุ ก ๆ ฝ าย และโดยเฉพาะอยางยิ่ งกั บคนแก คนเฒ า. เรื่อ งเพื่ อ นฝูงมิ ตรสหาย แขกบานแขกเมืองอะไรก็ตาม อยูในลักษณะที่จะตองสุภาพออนโยนทั้งนั้น. ทีนี้ สองอยา งแรกนี ้ม ัน เปน ของคู กัน : อัน หนึ ่ง เขม แข็ง อัน หนึ ่ง ออ นโยน, แตม ัน ก็ไม ขัดแยงกัน มั นอยูกันคนละเหลี่ยมคนละมุม. มั นเขมแข็งตออุปสรรคศัตรู ;


๒๘๘

ฆราวาสธรรม

จะสุภาพออนโยนในเมื่อจะตองสุภาพออนโยน มีความสุภาพออนโยนเปนเครื่องมือ ซึ่งใชกันอยูคนละที ไมเปนอุปสรรคแกกัน. เพื่อปองกันไมใหความเขมแข็งนั้น เปนไปทางกระดาง เราก็มีความออนโยน; เพื่อใหความออนโยนนั้นไมออนแอ เราก็มีความเขมแข็ง. ขอที่ ๓ อยากจะพูดถึงเรื่องความกตัญู. ความกตัญูเปนเครื่อง วัดบุ คคล วาเป นคนดีหรือไมดี ที่ ถือมาเป นหลักแตโบราณกาล. ถามีนิ สัยไม กตัญูก็หมายความวาอันตราย คบไมได, คือมีความทารุณโหดรายทางวิญญาณ มากเกิ น ไป จนไม รูสึ ก ขอบคุ ณ รัก ใครผู ที่ มี บุ ญ คุ ณ . เรื่อ งนี้ เขามั ก จะอ างถึ ง สุนั ขวาความกตั ญ ู ของสุนั ขมี ม าก คือ มั น มี ค วามรูสึกไวในทางนี้ , แลวสั ต ว บางชนิดไมอาจจะรูสึกความรูสึกขอนี้ เชน ลิง คาง ชะนี อยางนี้. ผมสังเกตเห็นวาชะนีนี้ไมมีทางที่จะมีความรูสึกกตัญู สามารถกัดคนที่ เอาของไปใหมันกินอยูทุกวัน สามเณรก็เคยถูกกัด แมครัวก็เคยถูกกัด ; อารมณ ของมัน เดือ ดพลา นอยูเสมอ คือ อารมณรา ยมีไ ดงา ย,แลว มัน ก็กัด ,เขาใหชา ใหกิน ไมท ัน ใจมัน ก็กัด , ที่กัด แนน อนก็คือ วา ยื่น เขา ไปใหแ ลว ดึง กลับ ทํ า วา จะยัง ไมใ ห อยา งนี้จ ะกระโจนกัด ทัน ที ทั้ง ที่ใ หกิน อยูทุก วัน . แตสํา หรับ สุนัข คุณไปดูเถิด มันผิดกันลิบ แมแตตีมัน มันก็ยังไมกัด.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ความกตั ญ ู ที่ เราต อ งการนั้ น หมายถึ ง ความรู สึ ก ที่ ม ากกว า ระดับ สัญ ชาตญาณ, เปน เรื่อ งของความคิด ความนึก , แลว เปน สิ่ง ที ่จํา เปน จะตองอบรม. ชาติที่เปนชาติโบราณอายุหลายพันปจะมีห ลักธรรมขอ นี้ม าก. ในโลกนี้ ก็ มี ชาติ จีน ชาติ อียิ ป ต ชาติ อิน เดีย หรือ ชนชาติ ที่ โบราณเท า ๆ กัน . เรื่องกตัญูของจีนซึ่งเสียชีวิตอยูชุดหนึ่ง คือเรื่อง ยี่จับสี่เหา นําเอามาเขียนไว


ความรอดพื้นฐานของฆราวาส

๒๘๙

ในตึกแสดงภาพนั้น คุณลองไปพิจารณาดู แลวก็จะเห็นวา โอ ! สมัยนี้กลายเปน เรื่อ งตลกสํา หรับ หัว เราะเยาะ. สมัย กอ นเปน เรื่อ งที ่ม ีไดจ ริง เพราะวา เขาเมา ในความกตัญ ู กัน สอนลูกสอนหลานอยางมัวเมาในเรื่องกตัญ ู ; มันก็มีได. แตพอมาถึงสมัยนี้ กลายเปนเรื่องบา เรื่องโงไปก็ได. มีเ รื ่อ งหนึ ่ง เรื ่อ งไปนอนใหยุ ง กัด ตัว เอง เพื ่อ ไมใ หยุ ง ไปกัด แม, เรื่องไปนอนแชน้ําแข็งเพื่อใหมีน้ําบาง จะหาปลาใหแมสัก ๒ ตัว อยางนี้ไมมีใคร เชื่อ วาเป นเรื่องที่ จริง ที่มี ได ; นั่น ก็เพราะเอาความรูสึกของคนสมั ยนี้ เปนหลั ก. ถ า เอาความมั ว เมาในธรรมะของคนสมั ย โบราณเป น หลั ก มั น ก็ เป น สิ่ ง ที่ มี ได , เพราะเขาสอน - สอน - สอน หรือ อบรม ๆ จนเด็ ก มี นิ สั ย อย า งนั้ น มาหลายชั่ ว อายุคน หลายสิบอายุคนในเรื่องกตัญูนี้. แตเอาละ เราไมต อ งการมากถึง อยา งนั ้น ดอก, เดี ๋ย วนี ้ต อ งการ แตเพีย งวา ใหเลา เรื่อ งนี้ฟ งกัน อยู หรือ วา เขีย นภาพชนิด นี ้ ใหตํา ตาอยู ก็เพื ่อ จะชวยใหเกิดนิสัยกตัญูบางเทานั้น. เชนวาไปดูภาพเด็กนอนแชน้ําแข็งใหละลาย เอาปลาไปใหแมที่เจ็บไขนั้น ในจิตใจจะไมเชื่อวาเปนเรื่องจริง, แตพรอมกันนั้น มันสรางความคิดที่จะกตัญู บางตามสมควรแกเด็กที่ไปดูภาพนั้น. เพราะฉะนั้น เราจึ ง เขี ย นภาพชนิ ด นี้ ไว ใ ห ม าก, จะเป น เครื่ อ งช ว ยจุ ด ชนวนในจิ ต ใจให เกิ ด ความกตัญูโดยไมรูสึกตัว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คนบางคนก็ บ า มาก ๆ ถึ งขนาดที่ เห็ น ว า เอาเรื่อ งที่ เป น ไปไม ได ม า เขี ย นให รกให รุงรัง ให กี ด ที่ หรือ ให เด็ ก หั ว เราะเยาะ ; แต แ ล ว คนเฒ า คนแก ก็ ฉลาดกวาอีกตามเคย คนเฒาคนแกที่ถูกหาวาโงนั้น ก็ยังฉลาดวาอีกตามเคย โดย หวังวาเมื่ อ เล าหรือ พู ด หรือ ดู ภ าพเรื่อ งนี้ อ ยู นั้ น มั น จะจุ ด ชนวนหรือ จะก อ หวอด


๒๙๐

ฆราวาสธรรม

หรือจะรักษาไวซึ่งความรูสึกกตัญ ู ในจิตใจของผูที่ ไดพ บได เห็น . เพราะฉะนั้ น คุ ณ สั ง เกตดู ใ ห ดี อย า ลื ม ว า ความกตั ญ ู เป น เครื่ อ งช ว ยให ร อด. ถ า คนเลิ ก กตัญูตอบิดามารดา โลกนี้ก็ลุมจม, ดังนั้นเราตองกตัญูตอทุกอยางที่มีประโยชน และมีคุณ. ถากตัญ ู ตอวัตถุเครื่องใชไมสอยที่เรามีในบานในเรือน มันก็มีอยู, ไม ค อ ยแตก ไม ค อ ยหาย หรือ ว า มี เป น เครื่อ งเตื อ นใจให ร ะลึ ก นึ ก อยู เสมอ. ที่ จังหวัดนี้ครั้งโบราณแตวายังเลาถึงกันอยู พอมีคนทันเห็นตัว เลาวามีคนจีนที่มา จากเมื อ งจี น เอาไม ค านหาบที่ ช ว ยตั วให รอดได จนเป น ระดั บ เศรษฐี นี เขาเอา ไมคานนั่นมาปดทองไวที่หนาที่บูชา. อันนี้ก็คือนิสัยกตัญ ู แมตอวัตถุสิ่งของ. นี่เราก็ตองกตัญู ตอทุกอยาง ถนนหนทาง หวย หนอง คลอง บึก บาง ถาไม เชนนั้นเราก็ไมรักษามัน ก็ไมมีทางที่จะใชสอยใหเปนประโยชน. ขึ ้น มาถึง ระดับ ตอ สัต วเ ดรัจ ฉาน ก็ต อ งกตัญ ู, มัน เปน เพื ่อ น รว มโลกมัน ทํ า ใหโลกนี ้น า อยู  นา ดู หรือ มีป ระโยชน แมที ่ส ุด แตม ัน สวยงาม. เรามีผีเ สื ้อ มีน กรอ ง ก็ตอ งขอบคุณ มัน ตอ งกตัญ ูม ัน ชว ยสนับ สนุน ใหมั น รอดอยูได. ยิ่งมาถึงเพื่อนมนุษยดวยกัน เปนเพื่อนรวมโลกกัน ชวยเหลือกันโดย ไมรู ส ึก ตัว ก็ต อ งกตัญ  ูก ัน . กระทั ่ง ศัต รู ทํ า ใหเ ราเขม แข็ง หรือ ฉลาด เพราะมี ศั ตรู เราก็ ต องกตั ญ ู อย างน อยก็ นึ กขอบคุ ณ วาศั ตรูช วยให เราฉลาด. แตที่จะกตัญูเวทีหรือไมนั้นก็เปนอีกเรื่องหนึ่ง. กตเวทีคือทําตอบแทน, กตัญู นี้ เรารูสึกอยูในใจ. เราจะตอบแทนศัตรูโดยวิธีใด ? ก็ทําใหเขากลายเปนคนดีเสีย เท า นั้ น เอง ; นี้ คื อ กตั ญ ู ก ตเวที ต อ ศั ต รู . ถ า เป น ไปได ถึ ง ขนาดนี้ เราก็ เป น มนุษยที่เลิศที่สุด เปนมนุษยที่ดีที่สุด ในแงของความกตัญู. ถามีแตคนกตัญู

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ความรอดพื้นฐานของฆราวาส

๒๙๑

แล ว ละก็ โลกนี้ ไม มี ท างจะรบราฆ า ฟ น กั น ได เลย. มั น เป น ความผู ก พั น ที่ แ ยกกั น ไมออกที่วามนุษยอยูรวมโลกกัน ก็มีประโยชน มีบุญคุณแกกัน. ข อ ที่ ๔ ก็ อ ยากจะพู ด ถึ ง ความมี ศี ล สั ต ย . จะใช คํ า ว า “ซื่ อ สั ต ย ” มั น น อ ยไปในที่ นี้ จึ งใช “ศี ล สั ต ย ” วั ฒ นธรรมของคนไทยเป น คนมี ศี ล มี สั ต ย ม าแต เดิ มในชาติ พั นธุอั นนี้ ก็มี อยู , แล วก็ มี มากขึ้นเมื่ อไดรับพระพุ ทธศาสนา. มี ศี ลมี สั ตย นี้ คุณ ก็เขา ใจได หมายความวา อยา งไร : มีค วามซื ่อ ตรง ก็เรีย กวา มีค วามสัต ย, มีศ ีล ก็ค ือ มีก ารปฏิบ ัต ิ ที ่ไ มเปน อัน ตรายตอ เพื ่อ นมนุษ ย. เราไมก ารกระทํ า การที่เปนอันตรายตอเพื่อนมนุษย ก็เรียกวา “มีศีล”, เรามีความซื่อตรงตอ เพื ่อ นมนุษ ยก ็เ รีย กวา “มีส ัต ย” . ถา มีทั ้ง ศีล มีทั ้ง สัต ย ก็ม ีก ารเบีย ดเบีย น ไม ไ ด แล ว ก็ เ ป น ผู ที่ ไ ว ใ จได . เพราะฉะนั้ น อย า ดู ถู ก ว า เป น คํ า ในวั ด เป น คํ า โบราณ. เดี๋ ย วนี้ ม นุ ษ ย กํ า ลั ง ไม มี ศี ล ไม มี สั ต ย ม ากขึ้ น เพราะตกเป น ทาสของ ประโยชน คื อ หมายถึ งอุ ป กรณ สํ าหรั บ สนุ ก สนาน เอร็ ด อร อ ยทางเนื้ อ ทางหนั ง . มั นมี อํานาจทํ าให เราคอย ๆ มองขามศี ลและสัตย เหยี ยบย่ําศี ลและสัตยไปได เพราะ วาชี วิ ตมั นครอบงํา มั นก็ เหยี ยบย่ํ าศี ลและสั ตย ไปได ; นี้ ไม เหมาะแก ความเป นไทย ซึ่งมีความรอด หรือมีอะไรอยูไดดวยความมีศีลมีสัตยมาตั้งแตเดิม.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คํ า ๆ นี้ ขยายความได ม าก จนกระทั่ งว าพวกอั น ธพาล พวกโจรอะไร ก็ ต องมี กฎมี เกณฑ เกี่ ยวกั บศี ลและสั ตย . พวกโจรจะไม ปล นคนที่ เคยให ข าวกิ น แม แต มื้ อเดี ยว อย างนี้ เป นต น. โจรบางพวกจะไม ปล นเจ าของบ านที่ เขาเคยให อาศั ย รม เงาบั งแดดสั ก ครู ห นึ่ งอย างนี้ เป น ต น , อย างนี้ ก็ เป น เรื่ อ งศี ล เรื่อ งสั ต ย ซึ่ งถื อ กั น แม แ ต ค นพาล หรื อ พวกโจรที่ มี ค วามรู สึ ก ว า “ศี ล – สั ต ย ” นี้ เป น พระเจ า หรื อ เป น สิ่ งสํ าคั ญ . ถ าเขาไม ถื อเสี ยเลย เขาจะฉิ บ หายวอดวายหมด ทั้ งที่ เขามี อ าชี พ เป น โจร. เพราะฉะนั้ น ไม ต อ งพู ด ถึ ง คนดี ๆ อย า งพวกเรา ที่ จ ะไม มี ศี ล ไม สั ต ย . จึ ง อยากพู ด ให ข อ ต อ ไป เพราะว า เวลาจะไม พ อ ถ า พู ด ละเอี ย ดเกิ น ไปนั ก .


๒๙๒

ฆราวาสธรรม

ขอที่ ๕ ก็เปนเรื่อง ความประหยัด. เมื่อพูดถึงเรื่องความประหยัด คนสวนมากก็มักจะคิดไปวา ไมจําเปนจะตองอาศัยหลักพระพุทธศาสนา. ที่พูดนี้ ก็หมายความวา เขาไมรูวาหลักพุทธศาสนาก็คือเรื่องการประหยัดอยางยิ่งอยูดวย ก็ ข อให ไ ปดู เรื่ อ งต า ง ๆ ในวิ นั ย ในหลั ก ธรรมะอี ก ในวิ นั ย ทั้ ง ปาฏิ โ มกข แ ละ อภิสมาจารนั้นแหละ มีอยูหลายขอที่ปรับอาบัตภิกษุผูไมประหยัด, ผูหยาบคาย ต อ เครื่อ งใช ไม ส อย, ไม ป ระหยั ด เวลา, ไม ป ระหยั ด เรี่ยวแรง, ไม ป ระหยั ด สิ่ งที่ เปนประโยชนใหคุมกัน ; กระทั่งวามีวินัยหามไมใหถายอุจจาระดวยการเบงแรง. นี่ก็เปนเรื่องการประหยัด ประหยัดในฐานะที่เราเปนคนยากจน ไมมีหยูกยารักษา โรคภั ย ไข เ จ็ บ แต ก็ ป ระหยั ด โดยไม ใ ห เกิ ด โรคภั ย ไข เจ็ บ เพราะว า การถ า ย อุจจาระดวยการเบงแรง. เปนที่มาของโรคภัยไขเจ็บหลายอยางหลายชนิด โดยเฉพาะ อยา งยิ ่ง ก็โ รคริด สีด วงที ่เ กิด ที ่ท วาร เปน ตน ; นี ่เ อามาพูด ใหเ ห็น เปน เรื ่อ ง สุดทาย. พอพูดคําวา “ประหยัด” ก็ตองพูดเลยไปถึงคําวา “สันโดษ” ดวย, เพราะว า สั น โดษนั้ น เป น รากฐานของการประหยั ด . สั น โดษ มี ค น เขา ใจผิด วา ทํ า ใหอ อ นแอ ทํ า ใหเกีย จครา นทํ า ใหไ มข ยัน ขัน แข็ง ;นั ้น คนโงพ ูด คนไมรูจ ัก พุท ธศาสนาพูด ทั ้ง ที ่ต ัว เขาเองก็เ ปน พุท ธบริษ ัท . สัน โดษนั ้น ทํ า ให เ กิ ด กํ า ลั ง ใจ :เมื ่ อ เรามี ค วามอิ ่ ม ใจในส ว นที ่ ไ ด ม า หรื อ ได อ ยู นั ้ น ก็เกิดกําลังใจที่หลอเลี้ยงทดแทนความทอแทออนแอ ความเหนื่อย. เพราะฉะนั้น ทานจึงวางเป นหลักไววา สนฺตุฏี ปรมํ ธนํ พระพุ ทธเจาทานวางหลักอยางนี้ วา ความสัน โดษเปน ทรัพ ยอ ยา งสูง สุด คือ ทํ า ใหอิ ่ม ใจเหมือ นกัน มีท รัพ ย ทํานองเดียวกับทรัพยอยางที่สุด. ชาวนาขุดดินทีหนึ่ง ก็สันโดษพอใจ วาขุดดิน ไป ได ที ห นึ่ ง เส ร็ จ แล วไป ที ห นึ่ งก็ อิ่ ม ใจ. ที นี้ ถ า ชาวน าอี ก ค น ห นึ่ งว า

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ความรอดพื้นฐานของฆราวาส

๒๙๓

อุ ย, ไม ไหว ยั งอี กนานกว าจะเสร็จ กวาจะปลู กข าวงอกออกรวง, ไปขโมยดี กวา ; มันก็ตางกันตรงกันขามอยางนี้. สัน โดษ คือ สิ่ง หลอ เลี้ย งใหจิต ใจอิ่ม เอมเปรมปรีด าปราโมทย อยู เ สมอ, แลว ก็ทํ า ใหป ระหยัด ไมต อ งมีสิ ่ง ที ่เกิน ความจํ า เปน . เดี ๋ย วนี ้เรา กํ า ลั งจะมี สิ่ งที่ เกิ น ความจํ า เป น แก ชี วิ ต โดยตามก น ฝรั่ ง โง ก ม หั ว ตามก น ฝรั่ งมา หลายรายการ ; แล วรายการที่ ไปมี สิ่ งที่ ไม จํ าเป นจะต อ งมี คื อ ไม สั น โดษนี้ ก็ กํ าลั ง จะครอบงํ า คนไทยเรามากขึ้ น เพราะเห อ เหิ ม เรื่ อ งเอร็ ด อร อ ยทางตา ทางหู ทาง จมู ก ทางลิ้ น ฯลฯ ; การประหยั ด ก็ มี ไ ม ไ ด . ป ญ หาที่ เงิ น เดื อ นไม พ อใช อ ยู ใ น เวลานี้ ก็ มี มู ล รากอยู ที่ ค วามไม ป ระหยั ด อยู ส ว นหนึ่ ง ด ว ยเป น ส ว นสํ า คั ญ . ถ า มี นิส ัย ประหยัด แลว ก็จ ะพอ ; ถา แมไ มพ อ มัน ก็จ ะไมเ ดือ นรอ น. เมื ่อ ความ จํ า เปน ยัง มีอ ยู  ถา แมย ัง ไมพ อก็ม ีค วามยิน ดี และพอใจไดเ ทา ที ่ม ี. ถือ เปน ห ลัก ส ากล วา เมื ่อ เรายัง ไมไ ดสิ ่ง เราอ ย าก จะได เราก็ต อ งยิน ดีใ น สิ ่ง ที่ เรากํ า ลัง มีนั ้น . เด็ก นัก เรีย นที ่เ คยเรีย นในโรงเรีย น ก็จ ะไดย ิน คํ า พูด ชนิด นี้ เปนสุภาษิตทั่ว ๆ ไป.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เมื่ อพู ดถึ งเรื่ องประหยั ดแล ว ก็ อยากจะยกตั วอย างเรื่ องในพระไตรป ฎก มาเลย ว า พระอานนท ทํ า ให พ ระเจ า แผ น ดิ น องค ห นึ่ งที่ เป น มิ จ ฉาทิ ฏ ฐิ ไม นั บ ถื อ พุท ธศาสนา หัน มานับ ถือ พุท ธศาสนาเพราะการประหยัด . พระเจา แผน ดิน องค นั้ นพู ดอย างดู หมิ่ นท าทายอะไร ๆ ว าพระนี้ โงทั้ งนั้ น แล วเผอิ ญ ไปถามเรื่องว า ใช จี ว รอย า งไร พระอานนท ก็ ต อบไปตามลํ า ดั บ ว า ก็ ใ ช ป อ งกั น หนาวเหมื อ นกั บ ปองกันเหลือบ ยุง ลม แดด เหมือนกับมีกุฏิ มีจีวรเปนกุฏิ.

ถาขาดจะทําอยางไร ? ก็เย็บปะอะไรอยางนี้.


๒๙๔

ฆราวาสธรรม

ถา เกา มากจะทํ า อยา งไร ? มัน ก็ด ามเปน ๒ ชั ้น เขา ถา ชั ้น เดีย ว มันเปอยขาดก็ดามเปน ๒ ชั้นเขา. ถาดามแลวมันก็ยังเปอยขาดใชไมไหว จะทําอยางไร ? ก็เอาไปทําผา ปูนอน พับทบทบ ๆๆ กันเขาเปนฟูกปูนอน. ถามันเปอยเลยวานั้นไปอีกจนทําอยางนั้นก็ไมได จะทําอยางไร ? ก็เอา มาพับทบไปทบมาใหหนาเหลือเล็กนิดเดียวเปนผารองนั่ง. ถามันเกินไปกวาที่จะทําไดอีกละ จะทําอยางไร ? ก็ทําผาเช็ดเทา. ถามันเกินไปกวาที่จะทําผาเช็ดเทาจะทําอยางไร ? ก็นําไปเผาเอาขี้เถา มาผสมดินและขี้วัว ฉาบทาผากุฏิใหเปนของใหมขึ้นมา. นี้หมายถึงกุฏิทําดวยดิน พอนานเขามัน เกา มัน นาเกลียด สกปรก เหม็นสาบ เขาใชไลกันใหมดวยน้ํา ที่ผสมแบบนี้ ตองชีวิตมีขี้เถาอยูดวย. นี่ใชจนกระทั่งเผาเปนขี้เถาไปผสมน้ําขี้วัว ผสมดิ น ไปทาฝากุ ฏิ ให ใหม ให ส วยให ห ายน าเกลี ย ด. พระเจ าแผ น ดิ น อั น พาล แหงนครนั้นก็เลยเลื่อมใสพระพุทธศาสนานี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่ คุณ ดูความประหยัดตามหลักพุ ทธศาสนา คือประหยัดไปในทาง ที่ เป น ประโยชน , ไม ใ ช ป ระหยั ด ในทางที่ ไม จํ า เป น เช น ไปประหยั ด เพื่ อ จะได สนุก สนานเอร็ด อรอ ย, หรือ วา ขี ้เหนีย วจนไมใ ชใ หเปน ประโยชน เปน ปู โ สม เฝาทรัพย คอยเฝาทรัพยอะไรทํานองนั้น.

ประหยัด ในที่นี้ เปนประโยชน, ประหยัด กับ ประโยชน คูกัน ไปเรื ่อ ย คู ก ัน ไปเรื ่อ ย จนวิน าทีส ุด ทา ย ; แลว มาจากความสัน โดษ.ไม แสวงหาสิ ่ง ที ่ไ มจํ า เปน ตอ งมี เอามาใหม ัน ยุ ง , เสีย เวลา ; ก็ห าและมีเ ทา ที่ จําเป น ; แลวก็ใชให เปน ประโยชน จนวาระสุด ทาย. ถาตั้งใจจะหาเกิ น จําเป น


ความรอดพื้นฐานของฆราวาส

๒๙๕

นี้เปน บาป, มีไวเกิน จําเปน นี้เปน บาป, ใชส อยเกิน จํา เปน นี้ก็เปน บาป อยางยิ่ง. คุณจําไวก็แลวกัน วามันบาปอยางยิ่ง ; มันเปนตนตอใหทําผิดทําเลว อยา งอื่น อีก มากมาย. หาเกิน จํ า เปน ก็เหมือ นมนุษ ยส มัย นี ้ หาเกิน จํา เปน แลวก็ไดรบราฆาฟนกันไมมีทางจะหยุดได นี่หาเกินจําเปน. หลักพระพุทธศาสนามีอยูวา อติโลโภ หิ ปาปโก โลภเกินนั้นลามก. ยิ่งโลภเกิน นั้น ลามก: อติ โลโภ = โลภเกิน, หิ = ก็, ปาปโก = ลามา. นี้ ก็คื อ อยากแลวแสวงหาเกินความจําเปน มีไวเกินความจําเปน หรือวาใชสอยเกินความ จําเปนก็เปนของลามก. แมศาสนา อื่น เชนศาสนาคริสเตียนเขาก็บัญญัติอยางนี้ ; หาเกินความจําเปนนั้นเปนบาป เพราะวาฝนความประสงคของพระเปนเจา. ขอให รูจักเรื่องประหยัดและสันโดษในลักษณะอยางนี้. ขอที่ ๖ คือ เมตตาใจกวางใจบุญ. เมตตา แปลวาความเปนมิตร, มิต รคือ ความรู ส ึก รัก หรือ หวัง ดี. คนไทยมีเ มตตาโดยอาศัย อิท ธิพ ลของ พระพุทธศาสนา. คุณก็มองเห็น ฝรั่งก็ออกปากสรรเสริญความมีใจกวางใจบุญ ของคนไทย เขียนอยูทั่ว ๆ ไปในหนาหนังสือ พิมพในปจจุบันนี้ ก็แปลวาเรามี ความเห็นแกตัวนอยกวาพวกฝรั่ง. ฝรั่งจะเปนครูสอนความเห็นแกตัวอยางลึกซึ้ง อยางที่มีอะไรบังหนา, ไมเหมือนกับความไมเห็นแกตัว. เรามีความเมตตากรุณา ทําลายความเห็นแกตัวโดยหลักพุทธศาสนาเปนพื้นฐาน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org มีคําพูดมาแตโบราณวา “นกกินเปนบุญ คนกินเปนทาน” ที่นี่มี อยูทั่วไป. “นกกินเปนบุญ คนกินเปนทาน” นี้ หมายความวา เขาปลูก เขาทํา เขาสรางโดยไมหวังจะรับผลเอง ; หรือแมหวังจะรับผลเองแตถาไมไดกินเพราะ นกกิน สัตวกินเสีย ก็เปนบุญ, คนอื่นมาขโมยเอาไปกินเสีย ก็เปนทาน, ตัวเอง


๒๙๖

ฆราวาสธรรม

ก็ไมเดือดรอน ตัวเองก็กลับไดบุญมากกวาที่จะเอามากินเอง ; นี้เปนหลักพื้นฐาน อยางนี้. เพราะฉะนั้นจึงเต็มไปดวยเมตตา กรุณา ไมโกรธขโมยที่มาลักเอาไปกิน ไมยิงนก ยิงสัตวที่มันมากิน ; ก็ใหมันกินบาง เพราะวาปลูกเผื่อไวแลว. ผมไปที่ อิ น เดี ย ตรงใกล ๆ กั บ พระเชตวั น ที่ ส าวั ต ถี , เจ า ของนา เกี่ยวขาวอยูตัวเปนเกลียวพรอมกับลิงที่กินอยูขาง ๆ. ลิงที่ไมมีเจาของกินแขงกับ เจาของนาที่เกี่ยวขาว. นี่ก็รูสึกวา โอ, นี่มันก็เปนวัฒนธรรมโบราณอยางเดียว กับของคนไทยเรา:“นกกินเปนบุญ คนกินเปนทาน”. อํานาจอิทธิพลของศาสนา สอนใหคนรักแมแตสัตว. สัตวนั้นมันก็ตองกิน เพราะฉะนั้นก็ใหมันกิน. เมื่อทํา ก็เผื่อมันไว. คนไทยเราจะไมถึงอยางนั้นเสียละกระมัง แตวาก็ยังมีความเมตตา กรุณา นี่เหลืออยูมากมีความใจกวาง ใจบุญ, แขกมาตองใหกิน แขกชนิดไหน มาก็ตองใหกิน. บางที่คิดวาเขาจะมาปลน ก็ยังตองใหกิน ; แลวก็ใชอันนี้เอง เปนเกราะปองกันตัวจากคนพาล คือใชความรักนี้เปนเครื่องมือชนะความเกลียด หรือความโกรธ. ขอใหไปนึกดูใหมากในขอที่มีใจกวางใจบุญ มีเมตตากรุณา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอที่ ๗ ความอดกลั้น. ในพระพุทธศาสนาเรียกวา “ขันตี” คน ที่มีความอดกลั้นนี้ คือคนที่มีธรรมะอยางแรง, เพราะมันยาก. การอดกลั้นนี้ มียาก เราบันดาลโทสะโดยไมรูสึกตัว. ถาไมอบรมบมนิสัยมาในวัฒนธรรมมาใน สายเลือดแลว มันยากที่จะอดกลั้น. บางทีพวกนั้นเสียเอกราชของประเทศไป เช น พวกประเทศ ประเทศเขมร ประเทศในอิ น โดจีน ด วยกั น นั้ น เพราะไม มี ความอดกลั้น. เราไปอานประวัติศาสตรดู ผูนําของคนไทย เมื่อฝรั่งขมเหงนั้น ชนะไดดวยความอดกลั้น. ความอดกลั้นเปนเหตุใหยับยั้ง ใหทบทวน ใหคิดนึก ใหผ อ นผัน ใหย อมในสว นที ่ค วรยอมก็เ ลยรอดตัว มาได, นี ้เ ปน เรื่อ งโลก แท ๆ ยั ง รอดมาได ด ว ยความอดกลั้ น ; เรื่ อ งธรรมะที่ สู ง ไปกว า นั้ น ก็ ยิ่ ง


ความรอดพื้นฐานของฆราวาส

๒๙๗

จําเปนมาก. เพราะฉะนั้นคุณ ยังหนุมๆ อยางนี้ อยาบันดาลโทสะ, อยาปลอ ย ไปตามอารมณ, ฝก ฝนความอดกลั ้น นี ้ไ วใ หม าก. อดกลั ้น ในระยะยาวก็ค ือ ว า รอได - คอยได ; รอได มั น ก็ ระยะยาว. ที่ เด็ ก ๆ เราไม ค อ ยมี ค วามอดกลั้ น เสียไปตึงแตเล็ก เป นเจาชูกันตั้ งแตเล็ก การเลาเรียนเสีย, อยางนี้ ก็เพราะไม มี ความอดกลั ้น . เพราะฉะนั ้น คํ า วา อดกลั ้น มัน กิน ความกวา ง, อดกลั ้น ตอ ทุกอยางแลวสรุปรวมอยู อดกลั้นตอความบีบคั้นของกิเลส. ทีนี้ อดกลั้นนี้ตองแจมใสดวย ยิ้มแยมแจมใสไปดวย ไมใชวาเปนทุกข ทรมาน เหมือนไฟใหมอยูในอก อยางนั้นมันไปไมรอด ; ตองมีการระบายออก มีการแกไขทุกอยาง เพื่อใหมีความแจมใส.ในภาษาบาลีเรียกวา มีขันติ มีความ อดกลั้ น , มี โสรัจจะ มี ความยิ้ม แย ม แจม ใส. ขัน ตี กับ โสรัจจะ เป น ลู กฝาแฝด กันไป. ขอที่ ๘ อยากจะพูดถึง การยอมได. คือวายอมใหได (tolerance) เราเปนฝายยอมได ในเมื่อฝายอื่นไมยอม, หรือวายอมกันทั้ง ๒ ฝาย, ที่เรียกวา “ใหอ ภัย ”. การใหอ ภัย ไมถ ือ โทษนี ้ คือ การยอมได. เดี ๋ย วนี ้ม ีต ัว กู – ของกูจ ัด ไม ย อมให อ ภั ย , แล ว ก็ บ า บิ่ น ว า กู เป น ฝ า ยถู ก กู จ ะไม ย อมอะไรเลย, ประนี ประนอมปรองดองกัน ไมไ ด ; ความผอ นสั ้น ผอ นยาวมีไ มไ ด เพราะความ ยอมไมได คือไมใหอภัย. ที่จริงผูที่ใหอภัย หรือผูที่ยอมนั่นแหละเปนผูชนะ ; คนไมยอมนี่แหละคือคนแพหรือคนโง, อยาเขาใจไปวาถายอมแลวจะเปนฝายแพ

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พระพุทธเจาทานตรัสสรรเสริญผูที่ยอมได ใหเรื่องรายที่มันกําลังเกิดขึ้น แลวจะลุกลามกลายเปนความพินาศของทั้งหมด แลวก็มีคนฝายหนึ่งยอมเสีย, ทั้งที่ ตัวไมผิด ยอมวาผิด หรือยอมทุกอยางที่จะใหเรื่องมันระงับไปได ; นี้พระพุทธเจา


๒๙๘

ฆราวาสธรรม

ทานสรรเสริญคนชนิดนี้. ดังนั้นความยอมได หรือความใหอภัยนี้จําเปนอยางยิ่ง คื อ มั น เป น วัฒ นธรรมพื้ น ฐานะ ; แล วคนไทยเราก็ ย อมได ม าเรื่อ ย ๆ ในประวัติ ศาสตร จนมีขนบธรรมเนียมประเพณี ที่ใหอภัยแกกันและกันอยูเสมอ. เขาสอน ใหยอมไดดวยการทําวัตรอยางพระเราทําวัตร อยางนี้ นั่นก็เปนการขออภัยใหอภัย อยู เปน หลัก ประจํ า ; คุณ ไมไดเขา พรรษา คุณ ไมไ ดเห็น พิธ ีทํ า วัต ร แตก ็อ าจ จะเห็นมาอยางอื่น. ขอที่ ๙ ความไมตามใจกิเลส. นี้อยากจะแยกออกมาจากขออื่น ๆ ที ่จ ริง มัน ก็ม ีอ ยู ใ นขอ อื ่น ๆ, แยกออกมาใหเ ดน ชัด เปน หลัก สํ า คัญ . ความ ไมตามใจกิเลสคือความไมตามใจความรูสึกฝายต่ํา อยางที่เขาเรียกกันในภาษา สากลนั้น. จิตมีความรูสึกฝายต่ํากับความรูสึกฝายสูง ; ทีนี้ อยาไปตาม อยาไป ยอมตามความรูสึกฝายต่ํา, ใหยึดมั่นในความรูสึกฝายสูง ก็เลยไมทําตามอํานาจของ กิเลส. อยายอมตามอํานาจของกิเลส ใหยึดธรรมะเปนหลัก คือตามใจพระธรรม. ถา เขีย นเปน คู ก ็ว า “ไมต ามใจกิเ ลส แตก ็ต ามใจพระธรรม” ถือ เอาตาม ความมุงหมายของพระธรรม.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ตามใจกิเลส นี่เปนมูลเหตุใหตามกนฝรั่ง, นี่ไมใชดาฝรั่ง แตพูดให ประหยัดเวลาสั้น ๆ วา ไปเห็นแกความสุขทางเนื้อหนัง ทางวัตถุ ทาง materialism ฝรั่ ง เขาไม ถื อ ว า ที่ เขาร่ํ า รวย เพลิ ด เพลิ น อยู นั้ น เป น materialism ด ว ย:ซ้ํ า ไป, แตถาดูตามหลักพุทธศาสนาแลว อยางนั้นเปน materialism หมดเลย ในการที่ ไปตามใจความรูสึกที่ตองการ ตามเรื่อ งราวของวัตถุ หรือของกิเลส ไมรูจักอิ่ม ไมรู จ ัก พอ แลว เกิน พอดี. นี ่เ ราตอ งบัง คับ ตัว ไมต ามใจกิเ ลส, แตต ามใจ พระธรรม หรื อ ตามใจพระเจ า ซึ่ ง ฝรั่ ง บอกว า ตายแล ว นั่ น แหละ. แต ว า “พระเจา” ยังอยู เราตองตามพระเจา คือไมตามใจกิเลส ; พระเจาก็ปองกันเรา


ความรอดพื้นฐานของฆราวาส

๒๙๙

เป น เครื่อ งรางคุ ม ครองเรา ไม ให ไปตามกน ฝรั่ง. คุ ณ เขี ยนไวน ะวา “ไม ต ามใจ กิเลสเปนวัฒ นธรรมสูงสุดของคนไทย” ; พอไปตามใจกิเลส เปนทาสของกิเลส ก็สูญ เสียความเปนไทย เพราะวาไทยนั้นไมใชทาส ก็พูดกันอยูแลว ; ไปตามใจ กิเลสก็เปนทาสมิดหัวไปเลย จนมิดหัวลงไปในความเปนทาสเลย. อันสุดทาย ขอ ๑๐ พูดรวม ๆ กันวา ความมีแบบฉบับเปนของ ตนเอง. ชาวพุท ธจะมีแ บบฉบับ เปน ของชาวพุท ธเองในทุก กรณี : ในการ กิน อยู ห ลับ นอน ในการเกิด แก เจ็บ ตาย, เทา นี ้ก็พ อแลว . ในการกิน อยู หลับ นอน ในการเกิด แก เจ็บ ตาย พอแลว ; เรามีแ บบฉบับ ของเราเอง ไมตามกนใคร. เรื่องรายละเอียดตาง ๆ ก็พู ดกันมามากแลววา ฆราวาสที่เป น ชาวพุ ท ธจะต อ งทํ าอย างไร คื อ คํ า บรรยายในตอนต น ๆ นั้ น แล ว. นี่ ก็ เพราะว า เรารูจักโลก เรารูจักตัวเอง วาสิ่งทั้งหลายทั้งปวงในสังสารวัฏฏ ในจักรวาลนี้เปน อยางไร ; รูจ นไมยึด มั่น ถือ มั ่น สิ่งใดโดยความเปน ตัว กู - ของกู ; นี่รูจัก ตัว เอง รู จ ัก โลก ในขนาดไมย ึด มั ่น ถือ มั ่น เปน ตัว กู - ของกู ; เพราะฉะนั ้น จึง เกิด ระเบียบปฏิบัติในการกินอยูหลับนอน ในการเกิด แก เจ็บ ตาย เปนพิเศษขึ้นมา เปนแบบของชาวพุทธ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้น ขอใหถือเปนหลักที่ใชแกปญหาทั่ว ๆ ไปวา เราจะมีแบบ ฉบั บ ของเราเอง ; เราจะมี แ บบฉบั บชาวพุ ท ธ - ของเราเอง. เราจะทํ าตามแบบ ฉบับ ที ่ม ีอ ยู ก อ น หรือ วา เราคอ ย ๆ มีขึ ้น เพิ ่ม เติม ขึ ้น มาก็ไ ดทั ้ง นั ้น , โดยมี รากฐานเดียวกัน คือรูจักสิ่งทั้งปวงถูกตอ งตามีที่เปนจริงอยางไร. เมื่อ เรารูแลว เราก็สามารถจะมีแบบฉบับที่ถูกตองขึ้นมาได นี้เปนขอสุดทาย. ทั้งหมดนี้ ขอใหถือเปนวัฒนธรรมของชาวพุทธ และเปนหลักแหง ความรอดพื้ นฐานของฆราวาส : มีความขยันขันแข็ง กลาหาญ ยอมตายดวย พระธรรมนี้เปนขอที่ ๑.


๓๐๐

ฆราวาสธรรม ขอที่ ๒ สุภาพออนโยนขยายความไปถึงเชื่อฟงคนเฒาคนแก. ขอที่ ๓ กตัญู. ขอที่ ๔ มีศีลมีสัตย. ขอที่ ๕ ประหยัด สันโดษ. ขอที่ ๖ มีเมตตา กรุณา ใจกวาง ใจบุญ ขอที่ ๗ อดกลั้น อดทน มีความแจมใสประกอบอยูดวย. ขอที่ ๘ ยอมได ใหอภัยได, เปนฝายยอมเพื่อใหเรื่องตาง ๆ ระงับไป. ขอที่ ๙ ไมตามใจกิเลส แตตรมใจพระธรรมหรือพระเจา. ขอที่ ๑๐ มีแบบฉบับเฉพาะของชาวพุ ทธเองในทุก ๆ กรณี , ในการ กินอยูหลับนอน เกิด แก เจ็บ ตาย.

ทั ้ง หมดนี ้ข อใหเ รีย กวา “วัฒ นธรรมของชาวพุท ธ” เปน พื ้น ฐาน แหงความรอดพื้นฐานของฆราวาสที่เปนชาวพุทธทั่ว ๆ ไป.เปนพื้นฐานที่สงเสริม ใหไปสูจุดหมายปลายทาง คือวิมุตติหลุดพนจากการเวียนวายในวัฏฏสงสาร. นี่แหละ วัฒ นธรรมของชาวพุ ท ธ เป น สิ่ งที่ มี ข อบเขตกวางขวางอย างนี้ เดี๋ ยวนี้ กํ าลั งเป น ความรอดพื้นฐานของฆราวาสทั่ว ๆ ไป.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอให ส นใจทั้ ง เด็ ก ทั้ ง ผู ใ หญ ทั้ ง หญิ ง ทั้ ง ชาย ทั้ ง ๔ ระดั บ ของ ศรม คือที่เปนพรหมจารี, ที่เปนคฤหัสถ, เปนวนปรัสถ, เปนสันยาสี.

เวลาก็หมด ตามที่นกกางเขนบอกรองเตือน, เรไรก็รอง ; เอาละพอกันกันที.


หายนธรรม ของโลกฆราวาส - ๑๗ ๖ พฤษภาคม ๒๕๑๓ สํ า ห รับ พ วก เรา ลว งม าถึง เวล า ๔.๔๕ น . แลว เปน เวลาที ่จ ะไดบ รรยายเรื ่อ งที ่ค า งอยู  ติด ตอ กัน ไป. ในวัน นี้ จะได ก ล าวถึ ง หายนธรรม ของโลกฆราวาส และโดยเฉพาะ แหง ยุค ปจ จุบ ัน . ขอใหท บทวนถึง คํ า บรรยายครั ้ง ที ่แ ลว มา ซึ ่ง ไดก ลา วถึง เรื ่อ งที ่เ กี ่ย วกับ ฆราวาส ในหลายแงห ลายมุม . โดยเฉพาะก็ คื อ สิ่ ง ที่ เป น ความมุ ง หมายสํ า หรั บ ฆราวาส และ วิถีทางที่จะใหประสบความสําเร็จตามนั้น. ในวันนี้จะไดกลาวถึงสิ่งซึ่งเป นอุปสรรค และยิ่ งไปกวาอุปสรรคคื อเป น ความเสื่ อม และนํ าไปสู ความวิบั ติ ในที่ สุ ด. สิ่ งนี้ ถ าเรียกโดยภาษาบาลี ก็ เรียกว า “หายนธรรม” สํ า หรับ บางคนอาจจะยั ง ไม เข า ใจ ว า ทํ าไมจึ ง ไปเรีย กว า ธรรม ชนิ ดหนึ่ งด วย ? ในกรณี อย างนี้ ขอให เขาใจไววา คํ าวา “ธรรม” เป นคํ ากลาง ๆ จะใช แ ก ฝ า ยดี หรื อ ฝ า ยชั่ ว ก็ ได จะต อ งมี คํ า คุ ณ ศั พ ท ป ระกอบเข า ข า งหน า เป น หายนธรรม หรือ วัฒ นธรรม เป นต น. ถ าเป นวัฒ นธรรมก็ คือวา ธรรมฝายเจริญ ;

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org

๓๐๑


๓๐๒

ฆราวาสธรรม

หายนธรรม ก็ คื อ ธรรมฝ ายเสื่ อ ม. แล วพึ งเขาใจไวด วยวา แม แต สิ่ งที่ เรีย กวา อธรรม ก็ ห มายถึ งธรรมฝ ายหนึ่ ง คื อ ธรรมฝ ายเสื่ อ ม หรือ ธรรมฝ ายที่ ทํ าลาย ความประสงค ของสิ่ งที่ เรีย กวา ธรรมฝ ายเจริญ . แล วคํ าวา “ธรรม” หมายถึ ง รู ป ธรรม ก็ ไ ด . น าม ธรรม ก็ ไ ด , เจื อ กั น ก็ ไ ด , กระทั ่ ง ถึ ง สิ ่ ง ที ่ ไ ม ใ ช ร ู ป และไม ใช น าม. เมื่ อ เป น ดั งนี้ คํ า ว า ธรรม ก็ ห มายถึ ง ทุ ก สิ่ ง เราจึ ง แปลคํ า ว า ธรรม นี้ วา สิ่ง เพื่อจะไดหมายถึงทุกสิ่ง มีชีวิตก็ได ไมมีชีวิตก็ได. หายนธรรมของโลกฆราวาส ก็หมายความวา ฆราวาสนี้มีแบบการ เปนอยู หรือวัตถุประสงคมุงหมาย หรือทุก ๆ อยางเปนทีรับรองตองกันวาเป น อย างไร ; มี ลั ก ษณะเป น สถาบั น อัน หนึ่ งซึ่งเป น สถาบั น ที่ ใหญ ที่ สุด คื อ สถาบั น ของฆราวาสตางจากสถาบันของบรรพชิต ; มีอะไรที่ไมเหมือนกันอยูหลาย ๆ อยาง โดยเฉพาะการเป น อยู . ทั้ ง ๆ ที่ วัต ถุ ป ระสงค มุ งหมายก็ เป น อย างเดี ย วกั น คื อ จะไปถึงจุดหมายปลายทางของมนุษยดวยกันทั้งนั้น ; แตสถาบันของฆราวาสมีการ ประพฤติ หรื อ เป น อยู อย า งที่ จั ด ไว เป น ระเบี ย บเฉพาะ ; ฉะนั้ น จึ ง เรี ย กว า สถาบัน ของฆราวาส หรือ “โลกของฆราวาส” ซึ ่ง เปน ของสิ ่ง เดีย วกัน . แล วที่ พู ด ว า ในยุ ค ป จ จุ บั น โดยเฉพาะนั้ น ก็ เพราะวาเป น ยุ ค ที่ แ ตกต างจากที่ แลว ๆ มายิ่งขึ้นทุกที. เมื่อมันแตกตางยิ่งขึ้นทุกที ก็หมายความวา มันจะใกลหรือ ไกลต อ จุ ด หมายปลายทางยิ่ ง ขึ้ น ทุ ก ที ด ว ยเหมื อ นกั น ; แต ในที่ นี้ ม องเห็ น เป น ความเสื่ อ ม คื อ ไกลจากวั ต ถุ ป ระสงค มุ ง หมายของฆราวาส หรื อ สถาบั น ของ ฆราวาสก็ตามยิ่งขึ้นทุกที.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พิ จารณากั นถึงลั กษณะของความเสื่อม : ที่ เรียกวา “หายนะ” หรือ ความเสื่อมนี้ ที่เห็นอยูชัดก็คือวา มันเสื่อมไปจากการกาวไปสูจุดหมายปลายทาง ของฆราวาสนั่ น เอง ; คื อ ก าวไปในลั ก ษณะที่ ไม เป น ความเจริญ ตามหลั ก แห ง


หายนธรรมของโลกฆราวาส

๓๐๓

อาศรม ๔ ประการ ; แตแลวก็มาจมอยูในลักษณะของความทนทรมานชนิดหนึ่ง เหมือนกับตกนรกทั้งเปนโดยไมรูสึก. คําวา “ความเสื่อม” ในที่นี้จึงมี ๒ ปริยาย คือเสื่อมจากการกาวไปตามหลักของอาศรม ๔, แลวเสื่อมลงไปสูความทนทรมาน โดยไมรูสึกตัว. ที่วาเสื่อมจากการกาวไปตามหลักแหงอาศรม ๔ นั้นก็พอจะเขาใจได เพราะวาเราไดพูดกันถึงอาศรม ๔ ระดับนั้นมาเปนที่เขาใจกันแลว. โลกฆราวาส แหงยุคปจจุบันยอมละเลย หรือเหินหาง จากการที่จะกาวไปตามหลักแหงอาศรม ๔ คือ เปน พรหมจารี ก็เละเทะหมด ; เปน ฆราวาสที่ถูก ตอ งหรือ บริสุท ธิ์ผุด ผอ ง ไมได มันก็เละเทะอีกเหมือนกัน, จึงไมนําไปสูวนปรัสถ คือมีชั่วโมงแหงความ สงบ หรือศึกษาคนควาในภายใน ; เมื่อเปนอยางนี้มันก็ไมมีอะไรที่จะไปสอนใคร ในลักษณะของสันยาสี. นี่ พอจะเห็ นไดงาย ๆ วา มั น ไม เป น ไปตามหลัก ของ อาศรม ๔ เพราะมั น เป น ไปในลั ก ษณะที่ เรีย กวา เละเทะ ; นี่ เป น ภาษาสามั ญ หรือคอนขางโสกโดก, มันก็เปนอยางนี้.นี่เพราะความที่เละเทะไปเสียทุกอาศรม มันก็เลยผิดพลาดเปาหมาย ; ดังนั้นชีวิตจึงเปนชีวิตที่เหมือนกับตกนรกทั้งเปน โดยไมรูสึกตัว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ตกนรกทั้งเปน นี้ก็หมายถึงความทนทรมานอยางชื่นตา คือรูสึกอยู เห็น อยู ก ็ม ี ; แตส ว นมากหรือ สว นใหญนั ้น มัน ไมรูส ึก เพราะวา ถา รูส ึก มัน ก็ไมตก หรือพยายามดิ้นรนที่จะออกมาเสีย. เพราะฉะนั้น การตกนรกทั้งเปน ยอมเป นเรื่องไมรูสึกตัว ; รูสึกแตความอึดอัด หรือความกระวนกระวาย หรือ ความเรารอ นบ างก็ จ ริง แต วามั น เห็ น เป นความสนุ ก สนาน ชนิ ด ที่ เห็ น กงจั ก ร เป น ดอดบั วไปเสี ย .เช น คนหนุ ม - คนสาว เห็ น ความสํ า มะเลเทเมาเป น เรื่อ ง ประเสริฐ วิเศษไปเสีย ; ทั้งที่ มันเป นการทรมานจิตใจอยางยิ่งอยูตลอดเวลา.


๓๐๔

ฆราวาสธรรม

เขาแกลงทําไมรูไมชี้กับมันเสียในสวนนั้น, หรือไปหาอะไรมากิน มาดื่ม มากลบ เกลื่ อ นในส ว นนั้ น ; แล ว ก็ ม องแต ส ว นสํ า มะเลเทเมา ซึ่ ง มี ร สชาติ เป น ความ เพลิด เพลิน . ขอใหร ะวัง นรกทั้ง เปน นี้ใ หม าก ๆ มัน ไมไดแ สดงอาการชนิด ที่ นากลัว นาวิ่งหนี แตมันแสดงอาการที่ดึงดูด ลึกลงไปทุกที - ลึกลงไปทุกที. ลองสังเกตดูใหละเอียด เรื่ออบายมุขตางๆ เชนไปดูหนัง โดยเฉพาะ ที่มันเปนเรื่องที่ทําลายศีลธรรม หรือวาไปเที่ยวที่สํามะเลเทเมา ซึ่งสมัยนี้มีเต็มไป ทั่วทุกหัวระแหง เรียกชื่อตางๆกัน มีลักษณะตาง ๆ กัน. เวทนาที่เกิดขึ้นจาก การดู การดื่ ม การสั ม ผั ส อะไรเหล านี้ เป น ของรอ น ; แต ก ลั บ รูสึ ก เป น ของ เอร็ ด อร อ ย สนุ ก สนาน. จะว า เย็ น มั น ก็ ไ ม ถ ู ก มั น กระตุ  น ให ฟุ  ง ซ า น ใหรําคาญ ใหกระวนกระวาย ; แตมันมีรสอรอยฉาบทาไว คนก็เห็นเปนของนา ปรารถนา แลวก็ทําลายวัฒนธรรมตั้งเดิมโบราณของตน ; มันก็ยิ่งเห็นเปนของ ที่ไมนากลัวมากขึ้น ; หรือมีทางที่จะทําใหลืมตัว จมลงไปลึกมากขึ้น แลวก็เปน กันมากขึ้นทั่ว ๆ ไปทั้งโลก.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราจะตอ งใชส ติป ญ ญา หรือ ใช วิจ ารณญาณ หรือ ที ่เ รีย กวา “ดวงตาภายใน” คือหลับตาดู ก็เรียกวาดวงตาขางใน มองดูโลกใหกวางออกไป ใหทั่ว ๆ. มันมองไดจากขาวคราว หรือจากรายงาน สถานการณอะไรตาง ๆ ที่เขาโฆษณารายงานกันอยู, กระทั่งที่มาพบเขาไดดวยตนเอง วาคนมีอาการ เหมือ นกับ สุนัข ถูก ราดดว ยน้ํา เดือ ด, คือ มัน ดิ้น รนกระวนกระวายอยา งไร, ไมรูวาตัวตองการอะไร. มีชาวตางประเทศออกจากประเทศของตัวมาสูประเทศ อื่น ๆ มากขึ้น ; ที่ออกมาเพื่อกิจธุระการงาน หรือเพื่อความประสงคเปนผลได เป นประโยชน เป น กําไรของเขานั้ น ไม พู ด ถึงก็ได ; แตมี ชาวต างประเทศที่ เขา ออกมาคนควาหาสิ่งที่ เขารูสึกวาเขาตองการ แตก็ไม รูวาอะไร เพราะเขารูสึก


หายนธรรมของโลกฆราวาส

๓๐๕

แตความเดือดรอนกระวนกระวายใจ จนสิ่งตาง ๆ ที่มีอยูในประเทศเขาแกไมได ชว ยไมไ ด จึง ออกมาเที ่ย วแสวงหาสิ ่ง ที ่ม ัน อาจจะแกไ ด สํ า หรับ ความ กระวนกระวายใจ ความไมเปน สุข ใจ ที ่เขาไมรูวา เปน เพราะเหตุอ ะไรนั ้น ก็ม ี. คนชนิ ด นี้ ก็ มี ม ากขึ้ น ทุ ก ที กระทั่ ง มาถึ ง ที่ นี่ . สอบสวน สอบถามดู มั น ก็ เป น เรื่อ งของความมื ด มน มื ด มนในลั ก ษณะที่ ไม รูว า ชี วิ ต นี้ คื อ อะไร, เกิ ด มาทํ า ไม นั ่น เอง,ไมรู ว า อะไรเปน ตัน เหตุใ หเ กิด ความกระวนกระวาย ไมรู เ รื ่อ งกิเ ลส ตัณ หา ไม รูเรื่อ งความยึด มั่ นถือ มั่น ;อยางนี้มี มากขึ้น ๆ พล านไปทั้งโลก. แล ว สวนใหญ ก็พลานมาทางโลกซีกตะวันออกของเรา ซึ่งเคยเปนดินแดนแหงความ สวา งไสวในทางวิญ ญาณ. นี ้ม ัน เปน เครื่อ งบอกความที ่ถ ูก นรกทั ้ง เปน บีบ คั ้น โดยไม รู สึ ก ; รู สึ ก แต เพี ย งว า ไม มี ค วามสุ ข แล ว ก็ ก ระวนกระวาย. ทางฝ า ย ตะวันตก ทางฝายที่เราเรียกกันวา เมืองนอก นั้น ไมมีอะไรจะระงับสิ่งเหลานี้ได มีแตจะยิ่งสงเสริมใหมากขึ้น จนมัวเมาจนเรียกวา ตามืด. อีกทางหนึ่งก็ดิ้น ไป ในทางเสรีภาพที่เกินขอบเขต เสรีภาพที่ผิดทาง เชนวิญญาณของฮิปป ซึ่งกําลัง มีร ะบาดมากขึ้น และไปทั ่ว โลกดว ยเหมือ นกัน . ประเทศที ่ไ มน า จะมีฮิป ป ก็ พ ลอยมี กั บ เขา ตาม ๆ กั น ไปมากขึ้ น . นี้ แ หละคื อ หายนะทางฝ า ยวิ ญ ญาณ ของโลกฆราวาสแห ง ยุ ค ป จ จุ บั น .ขอให สั ง เกตดู ข อ นี้ ใ ห ม าก สํ า หรั บ ผู ที่ อ ยู ใ น สถาบันฆราวาส.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที นี้ จะได พิ จารณากั น ดู เป น เรื่อ ง ๆ ไปให ชั ด เจนสั ก หน อ ย. มู ล เหตุ อั น สํ า คั ญ หรื อ ข อ ใหญ ใจความของเรื่ อ งนี้ ก็ คื อ การที่ โลกแห ง ยุ ค ป จ จุ บั น นี้ มี ความโงเ ขลาชนิด ที่แ สงสวา งบัง ลูก ตา จนยอ นกลับ ไปสูค วามเปน ปา เถื่อ น. นี ่ฟ ง ดูแ ลว ก็ฟ ง ยากหรือ นา ฉงน วา โลกสมัย นี ้ เจริญ ดว ยการศึก ษาทุก อยา ง ทุกแขนงจนไมรูจะศึกษากันอยางไรไหว ; แตแลวก็ยิ่งโงลง เพราะแสงสวางนั้น บังลูกตา ; แสงสวางบังลูกตาหรือตาพราเพราะแสงสวางที่มันมากมายหลายสิบ


๓๐๖

ฆราวาสธรรม

ชนิด ประดังประกากันเขามาทุกทิศทุกทาง ไมเปนทิศ ไมเปนทาง จนตาพรา. แล วความตาพรานั้ น มั น ก็ เดิ น อย างละเมอ ๆ ไปสู ค วามเป น ป าเถื่ อ น ของยุ ค ปาเถื่อนโนน. ดู ที่ ผ ล หรื อ ปรากฏการณ ก็ เห็ น ได ง า ย คื อ เบี ย ดเบี ย นกั น ยิ่ ง กว า สัต วเดีย รัจ ฉาน : ในการแสวงหาก็แ สวงหา อยา งที ่เรีย กวา เต็ม ไปดว ยความ ป า เถื่ อ น คื อ ไม ต อ งดู กั น แล ว วา ดี ชั่ ว ผิ ด ถู ก เป น ธรรม ไม เป น ธรรม, ถื อ เอา แตไ ดเ ขา วา อยา งเดีย ว ; นี ้แ หละคือ ความปา เถื ่อ น. แลว เมื ่อ ตา งคนตา ง แสวงหากันในลักษณะอยางนี้ มันก็มีการแยงชิง คือรบราฆาฟนกันโดยปริยาย ต า ง ๆ และเลวรา ยยิ่ ง กว า สมั ย ป า เถื่ อ น ; คื อ คนสมั ย ป า เถื่ อ นเขาไม ได ฆ า กั น มากมายเหมื อ นสมั ย นี้ , แล ว ก็ ไม มี ค วามอํ า มหิ ต ทารุณ เหมื อ นสมั ย นี้ ที่ จ ะทิ้ ง ระเบิดลงไปคราวเดียวใหมันตายเปนแสนๆ ไดเหมือนเดี๋ยวนี้. โลกอยางปาเถื่อน ก็ดูภาพอยางที่เขาเขียนไวในตกนั้นวา :

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org “สมัยนี้โลกกลาอยางปาเถื่อน” จะรวบเดือนดาวใสในกระเปา ศิวิไลซ มีความหมายวาจะเอา โลกของเรายอนกลับหลังยังปาเอย. (คือปาเถื่อน)

คําวา ศิ วิไลซ ของโลก หรือในโลกนี้ หมายแต จะเอาให เอร็ดอรอย สนุกสนานมากมายไม มี ขอบเขต กระทั่งทะเอาดาวเอาเดื อนเอาดวงจันทร หรือ อะไรก็ตามมาอยูในอํานาจจะเก็บเอาดวงเดือนทั้งหมด มาใสไวในกระเปาของตัว. มั น ก็เป น เรื่องบ าหลัง กลายเป น เรื่อ งป าเถื่ อ นที่ สุด คื อ ไปทํ าในสิ่ งที่ ไม ค วรทํ า ; แลวก็หมดเปลือกอยางเหลือประมาณ, เปนอันตราย หรือเสี่ยงอันตรายอยางเหลือ ประมาณ ; จึ ง เรี ย กว า มั น มุ ท ะลุ ดุ ดั น อย า งป า เถื่ อ น. นี้ คื อ ความที่ โ ลกแห ง


หายนธรรมของโลกฆราวาส

๓๐๗

ยุคปจจุบันรุดหนาแตในลักษณะอยางนี้ อยางหลับหูหลับตา อยางมัวเมากันไป ทั้งโลก ; มองเห็ นเป น ความเจริญ ซึ่งที่แทเป นหายนะ คือ สิ่งที่ นํามาซึ่งความ ฉิบหาย ลมจมของโลกนี้. ขอถัดไปก็คือวา มั นก็นํ าผลมาใหเปนการกระทําที่สมกัน คือเชน จัดการศึกษาชนิ ดที่เปนทาสของวัตถุ อยางเปนบ าเปนหลัง ; ไม มีการจัดการ ศึก ษาเพื่อ ความรุงเรือ ง สวางไสวแหง วิญ ญาณเสีย เลย. การศึก ษาของโลก ในโลกปจจุบันกําลังเปนอยางนี้. หัวขอนี้ก็ชัดเจนพอ ที่คุณจะไปมองเห็นไดเอง; เพราะเราไดพูดถึงเรื่องวัตถุนิยมกันมามากแลวขางตน. นี้เปนทาสของวัตถุนิยม บู ช าวัต ถุ เป น พระเจา ; หรือ แม จะแก ป ญ หาความทุ ก ขรอ นของความเกิ ด แก เจ็บ ตาย ก็มุงจะแกโดยวัตถุ อาศัยวัตถุอยางเดียว เปน dialectic materialism ไปหมด จนเอาจิตไวเปน by product ของวัตถุเทานั้น. การศึกษาชนิดไหนก็ตามถูกจัดไปในลักษณะที่เปนทาสของวัตถุ. การ ศึกษาพื้ นฐานไมตองพู ดถึง มั นก็เพื่ อประโยชน แกเทคโนโลยี่ ในเบื้อ งปลาย ; เทคโนโลยี่ก็นํามาซึ่งผลเปนวัตถุ. ทีนี้การศึกษาประเภทที่เปนเรื่องจิตใจ เป น เรื่องปรัชญา เปนเรื่องศาสนา ก็พลอยถูกจัดใหเปนทาสเปนบริวารของวัตถุไป เสียหมด. ใชศ าสนาเปนเครื่องมือ แสวงหาประโยชนเปนวัตถุ ในที่สุด ซึ่งเรา จะเห็นไดวา งานมิชนารี่ของบางศาสนาซึ่งมีอยูมากไมนอย นั้นเพื่อประโยชน แกการเมือง. การเมืองก็เปนเรื่องหาวัตถุ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที่ เหลื อ อยู ก ลุ ม ใหญ ก็ คื อ พวกปรัช ญาเพ อ เจ อ . ปรั ช ญาซึ่ ง แตก แขนงออกไปมากมายหลายสิบ หลายรอ ยแขนง แตก ็ไ มทํ า ความสวา งไสว ทางวิ ญ ญาณ ; กลั บ ทํ าความปนกั น ยุ ง. แล วแต ล ะแขนงที่ จ ะหยิ บ มาใช เป น ประโยชน ก็เพื่อประโยชนทางการเมือง, เพื่อประโยชนทางกระตุนจิตใจบุคคล


๓๐๘

ฆราวาสธรรม

ให มั วเมาในทางการเมื อ ง, หรือ เป น ความสามารถที่ จะเดิ น แผนการเมื อ ง ให เปน ไปตามที ่ตัว ประสงค. เมื ่อ เปน การเมือ งก็ค ือ เรื่อ งผลเปน วัต ถุ ฉะนั ้น เราเรียกวา เขาจัดการศึกษาทุกแขนงนี้ไปในทางที่มันจะเปนเครื่องมือหาประโยชน ทางวัตถุ ; เพราะจิตใจมันเปนทาสของวัตถุ. คําวา “วัตถุ” ในที่อยางนี้ หมายถึงความเอร็ดอรอย ที่จะไดมาจาก วัตถุ ซึ่งเขาเรียกกันอยางไพเราะเพราะพริ้งวา “การกินดีอยูดี” ที่ไมมีขอบเขต เสียดายที่วาคุณมีอายุเพียง ๒๐ - ๓๐ ป, คุณก็เห็นความแตกตางระหวางยุคไดนอย ; ไมเหมือนคนที่มีอายุหลาย ๆ สิบป หรือตั้งรอยป. เมื่อสมัย ๗๐ - ๘๐ ปมาแลว เขากินอยูกันอยางไร สมัยนี้กินอยูอยางไร, สมัยโนนเลนหัวอยางไร สมัยนี้เลน หัวอยางไร ; มากมายหลาย ๆ แขนง นี้มันตางกันแทบจะเปนหนามือหลังมืออยูแลว, ถาเลยตอไปตึงหลายรอยป ก็ยิ่งมีความแตกตางมาก. ถาคุณจะศึกษาประวัติศาสตรบาง โบราณคดีบาง ก็ขอใหศึกษาเพื่อใหรูสิ่งเหลานี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ตัวอยางงาย ๆ เชน วา ทํ าไมวัดวาอาราม พระวิห ารเจดี ยอะไรที่ สวยงามใหญโตมโหฬาร เกิด ขึ้น ในรูป อยา งที่เราเห็น เหลือ อยูเดี๋ย วนี้ ; ซึ่ง ในสมัย นี ้ไ มเ กิด อยา งนั ้น หรือ จะไมเ กิด เลย. เพราะวา ในสมัย โบราณนั ้น เขาบูชาความสุขทางวิญญาณ รูสึกเปนสุขใจเมื่อไดทําบุญ ทํากุศลหรือมีความ สงบเย็น ในทางวิญ ญาณ ; ฉะนั ้น สิ ่ง เหลา นี ้จ ึง เกิด ขึ ้น ในรูป หนึ ่ง . พอมาถึง สมัย นี้ค นตอ งการความสุข ทางเนื้อ หนัง ; เพราะฉะนั้น อะไรเกิด ขึ้น คุณ ก็ไ ป ดูซิ ; มัน อาจจะมีโ รง สถานที ่ที ่ใ หค วามเพลิด เพลิน เชน โรงละครเปน ตน ; แม ที่ สุ ดแต อนุ ส าวรียที่ ยั่ วยุ ให รักชาติ รัก ประเทศ ก็ มี ม ากมาย หนาขึ้น ; ไม เหมือนกับสมัยกอน ซึ่งอยากจะใหมันเลือนไปเสีย ใหมันลบเลือนไปเสีย ใหอภัย กั น เสี ย ไม เอามานึ ก มาคิ ด . สมั ย นี้ เราจะมายั่ ว มายุ ให โกรธชั ง กั น ตลอด


หายนธรรมของโลกฆราวาส

๓๐๙

กัล ปาวสาน เปน ตน . นี ่เ ปน เรื ่อ งทางวัต ถุ ไมใ ชเ รื ่อ งทางวิญ ญาณ ;แมจ ะ เปนที่ระลึกทางจิตใจแตก็เปนเรื่องทางวัตถุ. ที นี้ มาดู ถึงเรื่องการกินอยูในบ านในเรือน, การมี บ าน มี เรือนอะไร ต า ง ๆ แล ว ก็ ผ ิ ด กั น ไกล ; ล ว นแต แ สดงว า เห็ น แต ว ั ต ถุ อ ย า งเดี ย ว. มี ลู ก มี ห ลาน ก็ อ ยากให มั น มี ห น า มี ต า มี เกี ย รติ มี อ ะไร, ประกวดความงาม อะไรตา ง ๆ เหลา นี ้ เพื ่อ จะขายไดแ พง ๆ อยา งนี ้เปน ตน . ซึ ่ง สมัย กอ นเห็น เป น อั ป รี ย จั ญ ไรในการทํ า อย า งนี้ ที่ จ ะเอาเด็ ก รุ น สาวมาแสดงอะไร ชนิ ด ที่ แสดงกันอยูอยางนี้ ; เขาเรียกกันวา ลามกอนาจาร อัปรียจัญ ไร. คนแกมาก ๆ เห็นลูกหลานไปยกแขงยกขาสูง ๆอยูในจอโทรทัศน เขาจะเปนลม อยางนี้เปนตน. นี่ลองเปรียบเทียบความตางกันกันของจิตมันอยางนี้ดู. ทั ้ง หมดนี ้เ ปน ผลของการศึก ษาที ่เ ปน ทาสของวัต ถุทั ้ง นั ้น ที ่ม ัน เกิด ความนิ ยมอยางนี้ขึ้นมาได. มั น ไมมี การศึกษาแขนงไหนที่ เป นไปเพื่ อความ สวางไสวทางวิญ ญาณ. ผมเคยเสนอในที่ ป ระชุม บางแห งในเรื่อ งอย างนื้ ก็ ถู ก หัว เราเยาะอยูใ นใจ ; แลว ก็ถูก คัด คา นเสีย งแข็งกิน รอ ยเปอรเซ็น ต ในทํ า นอง ที่วา มั น ไม มี ที่ วาง มั น ไม มี ชอ ง ไม มี โอกาส ไม มี ค วามเหมาะสมที่ จะเอาเรื่อ ง อยางนี้ใสเขาไปในระบบการศึกษาสมัยนี้ ไปคิดอยางนี้ ; และนี้แหละคือหายนะ ของสถาบันฆราวาสในโลกทั้งโลกคือจัดการศึกษาใหเปนทาสของวัตถุ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org มองดูตอไปถึงการกระทําที่กระทําอยูในป จจุบั นนี้ เป นการเรงระดม ชวยกันลางผลาญทรัพยากรของพระเปนเจา หรือของธรรมชาติอยางดวนจี๋ที่สุด ; ชวยกันลางผลาญทรัพยากรของธรรมชาติ หรือของพระเจาอยางเรงระดมมือกัน ทุ ก มื อ ในโลกนี้ เพื่ อทํ าลายให มั น หมดไปโดยเร็วอย างด วนจี๋ . ที่ คุ ณ เรีย กกั น วา


๓๑๐

ฆราวาสธรรม

“วิศ วกรรม” หรือ “เทคโนโลยี ่” หรือ อะไรที ่บ ูช ากัน นัก นั ้น แหละ นั ่น คือ เครื่องมือทีจะลางผลาญทรัพยากรของพระเจา. ประเทศที่เจริญมากเพียงประเทศ เดีย วในตะวัน ตก ตามสถิต ิที ่ป ระกาศออกมา ใชน้ํ า มัน ๕๘๐ ลา นแกลลอน ตอ หนึ ่ง วัน สํ า หรับ ใชเรื ่อ งรถรา เรื่อ งอะไรตา ง ๆ ที ่ต อ งใชน้ํ า มัน นั ่น แหละ ; หนึ่ งวัน ยังใชเทานี้ , หนึ่ งเดื อน หนึ่ งป หลายสิบ ป มั นจะเท าไร ; แลวก็ป ระเทศ เดียวเทานั้น. มันยังมีอีกกี่สิบประเทศ กี่รอยประเทศ. ที่ผมเรียกวาผลาญทรัพยากรของพระเจา ก็เพราะวา ๙๕ เปอรเซ็นต ที ่ใ ชไ ปนั ้น เพื ่อ ประโยชนท างวัต ถุที ่ไ มจํ า เปน . ที ่ผ มก็ก ลายเปน คนบา บอ ที ่ม องเห็น ความจํ า เปน หรือ ไมจํ า เปน ผิด แปลกแตกตา งจากที ่เ ขามองกัน . รถยนตร รถไฟ เรือบินหรืออะไรตาง ๆ ที่มากไปกวาเรือบินนั้น ใชน้ํามันทั้งนั้น ; แลว ก็เ ปน สิ ่ง ที ่ม นุษ ยไ มจํ า เปน จะตอ งทํ า ทั ้ง นั ้น ; เชน การไปโลกพระจัน ทร ไม ใช เป น สิ่ งที่ ม นุ ษ ย จํ า เป น จะต อ งทํ า : นั่ น ก็ ยั งนิ ด เดี ย ว, ถ า มาดู ถึ งว า ที่ เขา บินไปบินมาวอนอยูในโลกเวลานี้ใชน้ํามันมากที่สุด. หรือขับรถเร็วจี๋อยูตลอดวัน ตลอดคืน ในโลกเวลานี ้ใ ชน้ํ า มัน มากที ่ส ุด นี ้ มัน เปน เรื่อ งไมจํ า เปน ; มัน เปน เรื่องที่บาสรางมันขึ้นมาใหจําเปน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุณ ไปคิด ดูใ หเห็น ความจริง หรือ ความลับ ในขอ นี ้. อยา งคุณ อยู ในกรุ ง เทพ ฯ คุ ณ นั่ ง ดู เถิ ด ขั บ รถไปบางแสนนั้ น มั น จํ า เป น หรื อ ไม จํ า เป น ; หรือ ไปหาความสํ า ราญอย า งอื่ น จะเห็ น ได ว าไม จํ า เป น นี้ จ ะเข าไปตั้ ง ครึ่งหนึ่ ง ของน้ํามันที่ใชไปเสียแลว. แลวทีเขาเรียกวาธุระการงานนั้น เปนธุระการแกลงวา ทั ้ง นั ้น ไมจํ า เปน ที ่จ ะตอ งทํ า มัน ก็ก ลายเปน ธุร ะการงานขึ ้น มา. ผมพลอย รูสึกละอายตังเองอยางแรงเมื่อนั่งรถไปดู หรือไปเที่ยวตามสถานที่เหลานั้นบาง ; เนื่ อ งจากมี ค นคะยั้ น คะยอให ไปดู กลั ววาผมจะโง ให ไปดู ที่ อ ยางนั้ น เสี ยบ าง ;


หายนธรรมของโลกฆราวาส

๓๑๑

ผมก็ ไป. แล ว มั น ก็ มี แ ต ค วามเศร า สลด สั ง เวชที่ ว า เราก็ ม าพลอยถลุ ง น้ํ า มั น สวนหนึ่งของพระเจาไปกับเขาดวยเหมือนกัน ทั้งที่มันนิดเดียว. เขาถลุงน้ํามันกันอยางมากมายมหาศาล ในประเทศไทยเรานี้. คุณ ลองทําจิตใจใหเปนธรรม คิดดูซิวา เผาน้ํามันกันในลักษณะอยางไร ? ยิ่งคนที่ มีเ งิน เหลือ ใชด ว ยแลว เขาเผากัน ในลัก ษณะอยา งไร ? นี ่เ ขาคิด วา เขาหา ความเพลิดเพลินใสตัวเขามันคุมกันแลว. แลวเขาไปเอาเงินมากมายนั้นมาจากไหน แลวมาทําสิ่งที่ไมจําเปนจะตองทําอยางนี้ มันเป นอยางไร. ผมเรียกวาเปนการ ช ว ยกั น ล า งผลาญทรั พ ยากรของธรรมชาติ หรื อ ของพระเจ า . นี่ เราพู ด กั น แต เพี ยงน้ํ ามั นอยางเดียว สินแรอื่น ๆ กระทั่ งไมไร กระทั่งสัตวที่มี ชีวิต เพื่ อนเกิด แก เจ็บ ตาย อยูในโลกนี้, จนที่สุดกระทั่งคนกันเองมันก็ชวยกันลางผลาญให หมดไป ; พรอ มที ่จ ะลา งผลาญกัน ดว ยอาวุธ ที ่รา ยแรง ลา งผลาญคนกัน เอง. นับตั้งแต สินแรขึ้นมา ถึงพืชพันธุธัญญาหาร กระทั่งขึ้นมาถึงมนุษยนี้ เราเรียกวา ทรัพยากรของพระเจา คือธรรมชาติ ; เราชวยกันลางผลาญอยางมุทะลุดุดัน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เอาละเราจะไม ต อ งจาระไนให เสี ย เวลา ขอให ไปดู จนมองเห็ น ว า มั น เป น การล างผลาญโดยไม จํ า เป น วัน หนึ่ ง ๆ เท า ไร แล ว นี่ แ หละคื อ หายนะ อยางหนึ่งอยางที่นาหวาดเสียง เพราะปญ หาจะเกิดขึ้นจากการไมพอกิน ไมพอ ใช นี้ เร็ ว เกิ น ไป. หรื อ ถ า น้ํ า มั น หมดไปจากโลก จะต อ งแสวงหากํ า ลั ง ทางอื่ น เชนกําลังปรมาณู เปนตน มันก็ยิ่งยุงใหญ ไปกวาเดิม. สมัยที่เขาไมรูจักใชน้ํามัน สมัยคนปา ที่ยังไมรูจักใชน้ํามัน หรือปูยา ตายาย ของเรา เมื่อไมกี่รอยปมานี้ ก็ไม รูจักใชน้ํามันตามตะเกียงใชของอยางอื่นทั้งนั้น ใชของโบราณตามมีตามได เชน ไตอ ยา งนี ้ ; ไมไ ดใ ชน้ํ า มัน เติม เครื ่อ งทํ า ไฟฟา อยา งนี ้. คนก็อ ยู ด ว ยความ ผาสุก สงบเย็น ไมผ ลาญสมบัต ิข องพระเจา หรือ ของธรรมชาติ ;ธรรมชาติเลย รุมรวยอยูในแผนดิน แลวเอามาใหลูกหลานสมัยนี้ ถลุงกันใหหมด ภายในเวลา


๓๑๒

ฆราวาสธรรม

อัน สั้น ไมชั่ว กี่ก ระพริบ ตานี้ มัน ก็จ ะหมดไปได. ปญ หาเกิด ขึ้น รอบดา นซึ่งนํา ไปสูการแขงขัน แยงชิงเบียดเบียน หรือสงครามทั้งนั้น. นี้ก็เปนตัวอยางที่เรียกวาเปน “ความหายนะทางฝายวิญญาณ” มากขึ้นๆ เปนความรกหนา หรือเจริญทางฝายวัตถุมากขึ้น ๆ. เพราะฉะนั้นฆราวาส หรือ โลกของฆราวาส เปนผูรับบาปอันนี้รับผลอันนี้. ทีนี้มาถึงขอที่แรงรายก็คือวา ยุคปจจุบันนี้เอาศาสนาลงมาเปนทาส รับใชการเมือง, เอาศาสนาลงมาเปนทาสตนเองเพื่อเปนทาสการเมืองคือรับใช การเมือง. ตนตองการประโยชนทางวัตถุอยางหลับหูหลับตาที่สุดแลว หาอะไร ที่ จะเอามาใชเป น เครื่อ งมื อ ได ก็ เอามาใช ห มด ; กระทั่ งเอาศาสนามาใช เพื่ อ ประโยชนแกการเมือง. ยกตัวอยางเชน คําสั่งสอนในศาสนา ก็จะเลือกเอามา แต แ ง หรื อ ส ว น ที่ จ ะใช เ ป น เครื่ อ งมื อ หาวั ต ถุ . จะพู ด เรื่ อ งศาสนากั น แต เรื่อ งที่ ชวยกัน หาวัต ถุชวยกั น สรางวัต ถุ . ธรรมะขอ ไหนจะมาช วยให เกิ ด ความ เขมแข็งในทางหาวัตถุนั้น เขาเอามาพูด ; นอกนั้นก็ปดเสีย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เอาศาสนามาพูดเปนเครื่องกระตุนใจ ทํานองปรัชญาใหเกิดรักชาติ รัก พวก เห็น แกพ วกอยา งนี ้ก ็ม ี. ทุก อยา งทุก ประการเอาศาสนามาใชเปน เครื่องมือของการเมือง แมในลักษณะที่เปนพิธีรีตอง ; หรือแมในการสงคราม เขาก็ทําพิธีในศาสนา. บางทีก็จะอางวาเพื่อความอยูรอดของศาสนา เราตอง ไปฆา คนอื ่น ใหต าย. อัน นี ้ถ า ทํ า ถูก ตามหลัก ก็ย ัง พอเปน สิ ่ง ที ่ง ดงาม หรือ ดูไ ด. ถา เรารบเพื ่อ การเปน อยู ข องธรรมะในโลกจริง ๆ มัน ก็ด ีย ัง ถูก ตอ งอยู . แตเ ดี ๋ย วนี ้ร บเพื ่อ ตัว กู - ของกู ; แลว ก็อ า งวา รบเพื ่อ ศาสนา หรือ เพื่ อนั่ น เพื่ อ นี่ ; ก็ เลยเอาศาสนามาใชเป น บริวารแก การรบ การฆ าผูอื่ น เสียดวย.


หายนธรรมของโลกฆราวาส

๓๑๓

คุณปญญาพิจารณาดูจะเห็นไดวา มีมากมายหลายแขนง ที่เอาศาสนา มาเปน ทาสของการเมือ ง เปน ทาสของวัต ถุ เปน ทาสของการแสวงหาวัต ถุ, จนกระทั่งวายอมใหพระเจาตายไปเสีย. ศาสนาที่เขาถือพระเจานี้เขาวาพระเจา ตายแลวเราไมตองคํานึงถึงพระเจา;เรามีพระเจาใหมคือประโยชนที่เราตองการ. พระเจาอยางที่ในพระคัมภีรกลาวไวนั้นนะตายไปแลว ; แตพอกลัวขึ้นมาก็ทําพิธี ศาสนา ออ นวอนพระเจาลม ๆ แลง ๆ นั้น ; เขามีพระเจาจริง คือประโยชน ที่ จ ะได จ ากวั ต ถุ ห รือ การฆ า ผู อื่ น เอาวั ต ถุ ม าเป น ประโยชน ท างเนื้ อ หนั ง . แต เนื่องจากวาคนยังมีเชื้อของพระเจาทางศาสนาเหลืออยูในใจบาง ก็กระทําพิธี ทางศาสนา. อยางนี้มันเปนการทําไปดวยความโง ความหลง. ความโงทําให เขาใจวาพระเจาตายแลว ธรรมะไมจําเปน. ทีนี้ความโลภ โลภมากจนหนามืด มันก็ยอมเหยียบย่ํา หรือขามศาสนาไปหาวัตถุ ; เอาศาสนามาเปนทาสของวัตถุ นี้เพราะความโลภ. ที นี้ มั น รา ยกาจอยู อั น หนึ่ ง ก็ คื อ ความกลั ว . ความกลั ว นี้ ถ า มั น ลง ครอบงํา ใครแลว มัน ก็ทํา อะไรไดทุก อยา ง ; เมื่อ กลัว มากขึ้น มัน ก็ทํา ของถูก ใหเปน ของผิด . พระพุท ธเจา ถูก เอามาใชเปน เครื่อ งมือ เครื่อ งราง สํ า หรับ ป อ งกั น ความตาย ในลั ก ษณะที่ เราเรี ย กกั น ว า “พระเครื่ อ งราง” นี่ ก็ เพราะ ความกลัว ไมใ ชเพราะอะไรอื ่น ; มีค วามกลัว เปน เบื ้อ งหนา มีค วามเขลา เขาผสมโรงบาง, เปนความขลาดและความเขลา ; แลวมันก็เปลี่ยนแปลงอะไร ต าง ๆ ได ม าก. พระพุ ท ธรูป แทนที่ จ ะเป น อนุ ส รณ หรือ วา เป น เครื่อ งมื อ แห ง พุทธานุสสติ กลายมาเปนเครื่องราง ปองกันสิ่งที่เขากลัวหรืออยากที่จะใหร่ํารวย อยากที ่จ ะใหม ีเสนห ม ีอ ะไร ก็ใ ชอ าศัย พระพุท ธรูป เปน เครื่อ งรางอยา งนั ้น ; อยางนี้ก็เรียกวาลดศาสนาลงมาเปนทาสของวัตถุดวยเหมือนกัน; แลวกําลังเปน มากขึ้น ๆ กวาจะถึงจุดอิ่มตัวก็คงยังอีกนาน,

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๓๑๔

ฆราวาสธรรม

ความขลาด ความเขลานี้ ถามันถึงจุดอิ่มตัวแลว มันก็ละลายสลายตัว ลงมาทีละนอย ๆ ไดเหมือนกัน ก็เปลี่ยนเปนยุค ๆ ไป. เดี๋ยวนี้ก็กําลังอยูในยุค ที่เรีย กวา กําลังขึ้น ; กวาจะถึงจุด อิ่ม ตัวจึง จะลง. นา หวัว ที่วา ฝรั่งที่ไมเคย มี พ ระเครื่อ งรางก็ พ ลอยมี ก ะเขาด วย,แล วก็ ซื้อ แพงที่ สุ ด ด วย. ถ าฝรั่งเกิ ด ชอบ พระเครื่อ งองคไ หนขึ ้น มา ก็ซื ้อ แพงที ่ส ุด ; ไดย ิน วา อยา งนั ้น . อยา งนี ้ซึ ่ง เมื่อกอนนี้ไมเคยมี เราเคยบูชาฝรั่งวาเปนคนฉลาด แตแลวก็มาเปนลูกนองของ คนขลาดคนเขลา ก็ไดเหมือนกัน ; เพราะฝรั่งนั้นขี้ขลาดมากกวาคนไทยเสียอีก. ถึง บทเขลามัน ก็เขลามากกวา ; นี ้เลยชวนกัน ลดศาสนาลงมาเปน ทาสรับ ใช การเมือง รับใชทางวัตถุใหใหพระเจาตายไปเสีย ใหธรรมะตายไปเสีย เอาแตพิธี รีต องไว ; อย า งนี้ เราเรี ย กว า มั น เป น “หายนะทางวิ ญ ญาณ” อย า งยิ่ งของ มนุษยในโลก. ดูตอไปใหงาย ๆ โดยทางกิริยาอาการนั้น มนุษยกําลังเปนขบถตอ พระเจา ขบถตอ พระธรรม หรือ ขบถตอ ธรรมชาติ ดว ยอาการอยา งนั้น , ไม ซื่อตรง ไมภักดี ไมมอบกายถวายชีวิตดวยความซื่อตรง หรือภักดีตอสิ่งที่เรียกวา พระเจา หรือ พระธรรม หรือ ธรรมชาติ ก็ ได . ถ าไม อ ยากจะมี พ ระเจ า หรือ ไม อยากจะถือพระธรรม ก็ใหถือกฎของธรรมชาติที่เที่ยงแทแนนอน. มนุษยกําลัง เลน ตลก หลีก เลี่ย งจะเอาประโยชนข องตัว ใชสิ่ง เหลานั ้น ก็ใชเพื ่อ ประโยชน ของตั ว ; ไม ใ ช ด  ว ยความเคารพ หรื อ ด ว ยความภั ก ดี ; เป น หน า ไหว หลัง หลอกเสมอ แลว ก็เปน โจรปลน พระเจา หรือ พระธรรม หรือ ธรรมชาติ เสียเลย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่หมายความวาเอามามากมาย เอามาเปนประโยชนแกตัว แกเนื้อ หนังของตัว โดยไมเห็นแกความถูกตองยุติธรรมอะไรหมด ; แลวพรอม ๆ กัน


หายนธรรมของโลกฆราวาส

๓๑๕

นั ้น ก็โ งจ นไมเ ห็น วา พระเจา หรือ พระธรรม กํ า ลัง ลงโทษใหอ ยา งหนัก เหมือ นกัน . ใครจะไปปลน พระเจา ก็ทํ า ได ; แตแ ลว ที ่พ ระเจา ลงโทษนั ้น มองไมเ ห็น ; นี ่เ ปน คนที ่น า สงสารที ่ส ุด . มนุษ ยกํ า ลัง ปลน พระเจา แลว ก็เดือ ดรอนแสนสาหัสโดยไมรูตัว หรือ รูนอ ยเต็ม ที นี่คือ พระเจาลงโทษให. ใน ที่สุดก็มีอาการเปนวา มนุษยนี้กําลังทําสงครามกับพระเจา. คุณชวยมองใหดี ๆ วามนุษยทั้งโลกกําลังทําสงครามกับพระเจา. ถาคุณมองอยางเด็กอมมือ คุณก็จะ เห็นวามนุษยกําลังรบกันเอง, คอมมัวนิสตกับประชาธิปไตยรบกันเอง. นี่ผมขอ อภั ยที่ จะพู ด วา คุ ณ มองอย างเด็ ก อมมื อ . การที่ ประชาธิป ไตยกับ คอมมิ วนิ ส ต รบกัน นี ้ คือ การรบอยา งเด็ก อมมือ สองฝา ยนี ้ร บกัน จริง แตว า การรบกัน นั้น มัน เปน การฝน ความประสงคข องพระเจา . พระเจา หามไมใหรบกัน แตค น ก็ ดื้ อ รั้น ก็ ท า ทายพระเจ า รบกั น ใส ห น าพระเจ า. ดั งนั้ น การทํ าอย างฝ น ความ ประสงคของใครเราถือวาทําสงครามกับผูนั้น. พระเจาไมตองการใหทําอยางนั้น เราก็แกลงเหยียบย่ําพระเจา ทํา อยางนั้นใหมันมากขึ้นไปอีก - มากขึ้นไปอีก,พระเจาตองการไมใหเรามัวเมาทาง เนื ้อ หนัง เราก็ป ระชดพระเจา มีค วามมัว เมาทางเนื ้อ หนัง ใหม ากยิ ่ง ขึ ้น ไปอีก , พระเจาตองการใหประหยัดใชทรัพยากรที่มีอยูในธรรมชาติ หรือเปนสมบัติของ พระเจา นี ้ เราก็ไมป ระหยัด เอามาถลุง เสีย ลา งผลาญเสีย โดยเร็ว เหมือ นที่ พู ด กันมาแล ว ; อยางนี้ มากมายหลายสิ บ เรื่อ ง หลายรอยเรื่อ ง เป นการกระทํ า ที่ประกาศสงครามกับพระเจา ทําสงครามกับพระเจาอยูตลอดเวลา. นี่ถาคุณมอง ออกในลักษณะอยางนี้ ผมวามองอยางผูใหญแลว ไมมองอยางเด็กอมมือ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org การที่ ม นุ ษ ย ฆ า กั น เองนั้ น คื อ การทํ า สงครามกั บ พระเจ า ฝ น ความ ประสงคของพระเจาอยางเหลือแสน. นี่เรียกวาในทางศาสนาเกิดการลมละลาย


๓๑๖

ฆราวาสธรรม

bankruptcy อะไรก็ตาม, มันลมละลายหมด ; เพราะศาสนาไมสามารถคุมครอง มนุษยเพราะมนุษยทําสงครามตอพระเจา หรือตอพระธรรม หรือตอธรรมชาติ เสียเอง ; มันก็มีแตปาก มันก็มีแตความโกลาหลวุนวาย อยางไมรูสึกตัว อยาง แก ไ ม ไ หว แก ไ ม ไ ด แล ว ก็ ไ ม รู ว า จะแก อ ย า งไรมากขึ้ น ๆ ในโลกนี้ รวมทั้ ง ประเทศไทยเราดวย. ในสมัยวัตถุ เราจะเหลืออยูแตวัตถุ เชนวัดวาอาราม โบสถวิหาร พระเจดี ย หรือแม แต พ ระสงฆ ที่ สัก วาบวช ๆ กั น นี้ ซึ่งเป น วัต ถุ ขอให จัด เป น วัต ถุ. กอ นนี ้เขาเปน ตัว แทนของจิต ใจ พระเจดีย เคยเปน ตัว แทนของความ สวางไสวทางวิญ ญาณ ; เดี๋ยวนี้เราเหยียบย่ําสิ่ง เหลานั้น เปนของไมมีคาไป ไม ต อ งการไม อ ะไรหมด ; พระเจดี ย ก็ เหลื อ แต อิ ฐ แต ปู น ไม เป น อนุ ส าวรีย ข อง ความสวางไสวทางวิญญาณ, ไมชวยใหเกิดความสวางไสวทางวิญญาณเหมือนแต กาลกอน. เดี๋ยวนี้มีไวอวดกันเลน มีไวเปนประโยชนแกการทองเที่ยวหรืออะไร ; นี่มันก็กลายเปนเรื่องทางวัตถุไปหมด และยิ่งขึ้นไปทุกที ; นี่เรียกวาศาสนาถูก เหยียบย่ําในลักษณะอยางนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้มาถึงตัวคน ตัวบรรพชิต คือ เจาหนาที่ของศาสนา, บรรพชิต นี่ก็พลอยตกเปนทาสของวัตถุตามพวกฆราวาสไปดวย, แมไมทั้งหมดก็กําลัง จะเปนอยางนั้นมากขึ้น. บรรพชิตนี้แหละกําลังตกเปนทาสของวัตถุตามกนพวก ฆราวาสไปดวยมากขึ้น. การบวชตามขนบธรรมเนียมประเพณีนี้ หรือวาไปทํา หนาที่บรรพชิตในลักษณะที่เกี่ยวของกับฆราวาส หรือโลกนี้ มันเปลี่ยนไป ๆ จน ไปมีวัตถุประสงคอยางเดียวกันกับฆราวาส ; ดวยเหตุนิดเดียว คือการตกเปน ทาสของวัตถุ. เมื่อบรรพชิตอยากจะอยูดีกินดีอยางฆราวาส, เผลอไป, อยากจะ อยูดีกินดีอยางฆราวาส ก็กลายเปนฆราวาสไป คือตกเปนทาสของวัตถุอยางเดียว


หายนธรรมของโลกฆราวาส

๓๑๗

กับ ฆราวาสไป. ฉะนั ้น อยา ไดห วัง การอยู ด ีก ิน ดีเปน อัน ขาด สํ า หรับ พระเรา ; ใหอยูอยางที่พระพุทธเจาทานอยู. พระพุ ทธเจ าท านก็ ฉั นข าวจานแมว อาบน้ํ าในคู เป นอยู อย างตายแล ว เหมื อ นพวกเราที่ นี่ . ฉั น อาหารที่ ใส รวม ๆ กั น ลงไปในบาตรเหมื อ นอย า งแมวนี้ แลว ทา นก็เ ปน อยู อ ยา งธรรมชาติที ่ส ุด . กิน ขา วจานแมว อาบน้ํ า ในคู มี ความหายอยา งนี ้, ไมต อ งมีอ ะไรเปน พิเ ศษ หรูห รา สะดวกสบาย อาบน้ํ า ในลําธารก็ได ; สวนมากก็เปนอยางนั้น. มิเชนนั้ นแลวบรรพชิตนี้จะไปทํ าตามกน พวกฆราวาส,แล ว ก็ ป ระจบพวกฆราวาสในที่ สุ ด นั่ น และคื อ ล ม ละลาย คื อ ว า ความมั่นคงลมละลายครืนลงไปเลย; ไมสามารถที่จะนําฆราวาสในการตอตานกิเลส. บรรพชิตไมสามารถที่จะเปนผูนําฆราวาสในการที่จะตอตานกิเลส นี้ คื อ ความล ม ละลาย. แล วบรรพชิ ต ก็เผยแผ ศ าสนาด วยโมหาคติ คื อ วาทํ าไป ตามความนิย มของฆราวาส หรือ วา ทํ า ไปตามความนิย มของกิเลสของตัว เอง, นี ่เ ขาเรีย กวา เผยแผศ าสนาดว ยโมหาคติ ; ไมเ ปน ผู ที ่ด ึง ฆราวาสมาสู ห นทาง ที่ ถู ก ต อ ง. นี้ เป น เรื่อ งหายนะของฆราวาสด วย ; ไม ใช เป น เรื่อ งฉิ บ หายของพระ แตเปนเรื่องฉิบหายของพวกฆราวาส ; คือไมมีผูนําที่ดีที่จะตอตานกิเลส.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่เราพูดกันมาเปนขอ ๆ ใหเห็นวา หายนธรรมของสถาบันฆราวาส กําลั งมี อยู อย างไร ? และกําลั งจะเพิ่ ม ขึ้น อยางไร ? ฟ งแลวมั น ก็น ากลั ว ; เห็ น จะ ต อ งสรุ ป ตอนท า ยนิ ด หนึ่ ง ว า อย า กลั ว , คุ ณ อย า กลั ว ; เพราะว า แม ว า เรา จะพู ด กั น ไม รู เรื่ อ งกั บ พวกเหล า นั้ น เราก็ ส ามารถจะปลี ก ตั ว เองออกมาเสี ย ได . คุ ณ อย าโง อย าเขลา จนถึ งกั บ เขาใจวา มั น ปลี ก ออกมาไม ได , คนโงก็ จะพู ด วา เพื่ อ นสู บ บุ ห รี่ เราก็ ต อ งสู บ ด ว ย ; ผมละมาได ป ห นึ่ ง พอเพื่ อ นมาที เดี ย ว


๓๑๘

ฆราวาสธรรม

“ก็สูบอีก” อยางนี้ เขาคิดวาตัวเองปลีกออกมาจากคนเหลานั้นไมได. ในที่นี้ ผมกําลังยืนยันวา เราสามารถปลีกตัวเองออกมาเสียได จากผูที่พูดกันไมรูเรื่อง. ผมใชคําวา ผูที่พูดกันไมรูเรื่อง คุณชวยจําคํานี้ไปดวย. เราตองเขมแข็งพอ ที่จะปลีกตัวเองออกมาเสียได จากผูที่พูดกันไม รูเรื่อง ใหเขมแข็งในขอนี้ ; และก็อยางเหอเรื่องการศึกษาใหมากนัก. ฆราวาส ทั่ว ๆ ไปเปนบิดามารดา นี้กําลังเหอการศึกษาจนหลับหูหลับตา ; ใหลูกเรียน เพื่ อ เก งเพื่ อดี เพื่ อ อะไรนั้ น มั น ก็เพื่ อ วัต ถุ . แม ไม มี เงิน ให เรียน ก็ อุต ส าห ลําบาก ยากเข็ญ จนตัวเองหมดความสุข หมดหลัก หมดเกณฑ หมดความถูกตอง ; เชนนี้เปนการเหอการศึกษาของลูกหลาน จนทําความลําบากยุงยากใหเกิดขึ้นทั้ง ครอบครัวอยางนี้. ถาสมมติวาคุณโตๆ ไปวันหนา มีลูก มีหลาน แลวมันไมมี งานที่จ ะทํา : แลว เสีย ใจวา ไมไดเรีย น, หรือ เรีย นแลว ก็ไมมีง านที่จ ะทํา ; นี่ มั น เป น ป ญ หาอยูขางหน า เพราะทุ ก คนเห อ การศึ ก ษาแบบนี้ ; ก็ อ ยาไปเห อ อยางนั้น อยาเสียใจ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอใหจําไววาความเปนผูดี หรือเปนคนดี มีความสุขนั้น มันไมได เนื่องอยูกับการศึกษาอยางในสมัยนี้ ; ไมเนื่องกันอยูกับการศึกษาอยางสมัยนี้ ; ผมทาทายและประณามอยางนี้ วาการที่มนุษยเราจะเปนผูดีก็ตาม เปนคนดีมี ความสุขก็ตาม มันไมไดเนื่องกันอยูกับการศึกษาอยางสมัยนี้เลย.การศึกษาอยาง สมัยนี้มันไมไดทําใหคนเปนคนดี เปนคนดีมีความสุขได ; เพราะการศึกษาเปนทาส ของวัตถุเสียแลว ไมทําใหเปนคนดีมีความสุขได. เพราะฉะนั้นเราจะเปนคนดี มีความสุขได โดยไมตองเขาโรงเรียนอยางสมัยนี้ก็ได. อยางเชน ปูยา ตายาย ของเรา บรรพบุรุษของเราไมเคยเรียนอยางนี้ ; เขาก็เปนคนดีมีความสุขได. เพราะฉะนั้น อยากลัว ที่วาจะไมไดเรียนนั่น ไมไดเรียนนี่ ไมไดไปเมืองนอก


หายนธรรมของโลกฆราวาส

๓๑๙

ไม ได ไปอะไร ; ก็ อ ย า กลั ว . เราจะเป น คนดี มี ค วามสุ ข ได โดยไม ต อ งเกี่ ยวข อ ง กับการศึกษาชนิด นี้ก็ได. ถาเราไปเกี่ยวขอ งได มีโอกาสมีกําลังไปเกี่ย วของได ก็ไปเกี่ยวในฐานะที่จะเอามันมา เปนอุปกรณเครื่องมือสําหรับเปนคนดี มีความสุข ได ; อยา ไปบูช ามัน เปน พระเจา . การศึก ษาที ่ม ีผ ลลุ ม หลงในวัต ถุนี ้ อยา ไป บูชามัน ; จะทําใหเราตกนรกทั้งเปน เหมือนที่เราไดกลาวมาแลวขางตน. เมื่อพูดถึงการเปนอยูแลว เราอยูกระทอมดินก็ได มนุษยเคยมีความสุข เหลือแสนเมื่ออยูในกระทอมดิน ; แตมีนรกทั้งเปน เมื่อมาอยูบนตึกบนปราสาท อย า งในสมั ย นี้ . สมมุ ติ ว า เดี๋ ย วนี้ เราอยู ในกระท อ มดิ น มั น ก็ ยั ง มี ค วามสุ ข ได ; แลวเราก็อยูกันอยางบานนอกคอกนา อยางตําบลเล็ก ๆ อยางที่นี่, รอบ ๆ วัดนี้ ก็ม ีค วามสุข ได ; ไมต อ งอยู ก ัน อยา งเปน บา นเปน เมือ ง อยา งกรุง เทพ ฯ อย า งนิ ว ยอร ค อย า งอะไรที่ เรี ย กว า เป น นครมหาศาลนั้ น . นั่ น คื อ ดงแห ง ความ สกปรก ความเรา รอ นในทางจิต ทางวิญ ญาณ จนเปน ภูต ผีป ศ าจไปแลว, มีความเรารอน สกปรก ในทางจิต ทางวิญญาณเปนภูตผีปศาจไปเสียแลวตั้งแต เดี๋ยวนี้. เพราะวาไปอยูในที่แขงขันกันโดยไมดูหนาดูหลังเต็มไปดวยการแขงขัน ในนครหลวงนั้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คนที่เขาอยูตามบานนอกคอกนา อยูกันอยางนี้ตามเดิมนี้ ไมมี การ แขงขันชนิดในเมืองในหัวใจยังมีความเย็น ยังมีความสะอาดอยูมาก. ขอใหมอง อยางนี้ แลวเราก็ไมกลัว วาเราจะไมไดรับการศึกษาอยางนั้น ไมไดไปอยูอยางนั้น ไมไดเจริญ อยางนั้น. เพราะวา มันเปนการเจริญ อยางที่เรียกวาตกนรกทั้งเปน. ที ่พ ูด นี ้ ก็เพื ่อ เตือ นวา อยา กลัว ที ่เราจะไมไ ดเจริญ อยา งนั ้น : เรามีค วามดี มี ค วามสุ ข ได โดยที่ ไม ต อ งมี ค วามเจริญ อย า งนั้ น ; แล ว เราก็ ไม มี ห ายนะทาง วิญ ญาณ ; เรายังเปนฆราวาส หรือยังเปนพลโลกที่ดี คือที่จะมีความกาวหนา


๓๒๐

ฆราวาสธรรม

ไปตามแบบของอาศรม ๔ โดยแนนอน. กิดมาทีหนึ่งไมเสียชาติเกิดไดกาวหนา ไปตามลําดับของอาศรม ๔ ; ไปเปนผูที่รูจักโลกดี มีความสงบเย็น แลวก็ชวยเหลือ ผู อื ่น ในการเปน แสงสวา งใหแ กเ ขาไดแ นน อน ; นถูก ทาง. ถา เดิน ผิด ทาง เดิน ไปทางอื ่น จะจมลงไป ในเหว ในนรก ; เดิน ถูก ทางจะไปสู ค วาม สะอาด วาง สงบ องจิตของวิญญาณ, ปนคนดีมีความสุขไดทั้งเราเองและผูอื่น. นี่ขออยาใหหายนะอยางที่กลาวมาแลวนั้นมาครอบงํา; ใหวัฒ นะ ในทางจิตทางวิญญาณนี้จงเจริญกาวหนาแกเรา ; ใหเราสามารถปลีกตัวออกมาได จากผู ที ่พ ูด กัน ไมรู เ รื ่อ ง. และนี ่แ หละคือ ประชาธิป ไตยที ่พ ระเปน เจา หรือ พระธรรม หรือธรรมชาติก็ตาม ไดมอบใหแกเรา;ขอใหเรารูจักถือเอาประโยชน อันนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org บัดนี้นกกางเขนบอกหมดเวลาแลว.


ภาวะจิตทราม ในอารยธรรม แผนปจจุบัน - ๑๘ ๗ พฤษภาคม ๒๕๑๓

สํ า หรับ พวกเราที ่นี ่ ไดล ว งมาถึง เวลา ๔.๔๕ น. แลว ; เปน เวลาที ่จ ะไดพ ูด กัน ตอ ไป ถึง เรื ่อ งอัน เกี ่ย วกั บ ฆราวาส ตามความประสงคของคุณที่ไดเสนอปญหามา ลวน แต เ กี่ ย วกั บ ฆราวาส. ในวั น นี้ จ ะได พู ด ถึ ง ภาวะจิตทราม ในอารยธรรมแผนปจ จุบัน ฟง ดูแ ลว ก็นา สลดสัง เวช หรือ ถึ ง กั บ สะดุ  ง ; แต ก ็ เ ป น เรื ่ อ งที ่ ค วรจะพิ จ ารณ าอย า งยิ่ ง หรือ จํา เปน . ถา ขามไปเสีย ในเรื่อ งชนิด นี้ เราก็จ ะไมส ามารถ แกไขปญหาตาง ๆ ของฆราวาสได ดั้งนั้น จึงตองพูด.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอใหเขาใจวาเวลาหัวรุงอากาศเย็น ๆ อยางนี้ไมใชเวลาสําหรับจะ มานั่งดาคน หรือดาใครกันใหสนุกไปเลย. แตวาเปนเวลาที่พระพุทธเจาทานใช สําหรับกระทําสิ่งที่เราเรียกกันวา เล็งญาณสองโลก มีอาการเหมือนกับขึ้นไป บนยอดภูเขาสูง ๆ แลวก็ดู โลกโดยทั่ ว ๆ ไป วาอยูในสภาพเชน ไร; แลวท าน

๓๒๑


๓๒๒

ฆราวาสธรรม

ก็มองไปวาใครอยูในฐานะที่ควรชวยเหลือ. พอสวางขึ้นทานก็พยายามที่จะผานไป ทางนั้น เพื่อจะไปชวยเหลือ. ถึงพวกเราก็เหมือนกัน ในเวลาหัวรุง อากาศเย็น สบายดี อยางนี้ก็ควรจะใชเวลาไปในทางที่จะมองดูอะไรดวยจิตใจที่ปกติ เปนวง กวางออกไปทั่ว ๆ โลก ซึ่งรวมทั้งตัวเราเองดวย เพื่อพบปญหาตาง ๆ ตลอด ถึงวิธีที่จะแกไขมัน. เดี๋ยวนี้ผมกําลังพูดหรือเอยถึงภาวะจิตทรามในอารยธรรมปจจุบัน ก็ขอใหพิจารณาดู ดวยจิตใจที่ปกติ หรือเปนธรรม วามันมีอยูจริงหรือไม ตามที่ ผมจะได พู ด ให ฟ ง ตามความเห็ น ส ว นตั ว หรื อ ความรู สึ ก คิ ด นึ ก ที่ มั น เกิ ด ขึ้ น เพราะอํานาจของสิ่งเหลานี้ มันทําใหเกิดความคิดนี้ขึ้น. คํา วา “ภาวะจิต ทราม” นี้เ กือ บจะไมตอ งอธิบ ายอะไรแลว แต โดยใจความมันหมายถึงการที่จิตของมนุษยตกต่ําลงไป จนไมสมควรแกคําวา มนุษย. ถาคุณขอบคําจํากัดความ หรือบทนิยาม ก็ขอใหเพงเล็งกันอยางนี้วา ภาวะจิตทรามนั้น คือจิตของมนุษยตกต่ําลงไปจนไมเหมาะสมกับคําวามนุษย. ความหมายของ“มนุษย” นี้ เราพูดกันแลวพูดกันอีกอยางซ้ํา ๆ ซาก ๆ วา จิตสูง หรือ เหลา กอของผูที่มีจิต สูง สะอาด นา ไหว นา นับ ถือ บูช า และไมเปน ไป เพื่อความทุกข เรียกวาสูงง เดี๋ยวนี้มันเปนไปทางต่ํา สกปรก มืดมัว เรารอน เราเรียกวา จิตทราม.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สําหรับคําวาอารยธรรมแผนปจจุบันนั้น มันก็พอที่จะเขาใจไดอยูแลว ; แตสําหรับ คําวา “อารยธรรม” นี้ ขอบอกกลาวา มันเปน เรื่องเลนตลกสิ้นดี. คําวา อารย หรือ อริย นี้ เปนคําเดียวกับที่เราเรียกในภาษาไทยวา อริยเจา. อารยธรรมก็ คื อ ธรรมะของพระอริ ย เจ า ; แต แ ล ว มั น ก็ ไ ม เ ป น ไปอย า ง


ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน

๓๒๓

สมชื่อนั้น ๆ. นี่เพราะวาคนบัญ ญั ติคําพู ด บัญ ญั ติศัพ ทนี่ เขาไมไดเล็งถึงอะไร มากไปกวาความเหมาะสมเฉพาะหนา เฉพาะเวลา เฉพาะถิ่นเทานั้นเอง ; ในเมื่อ มุงหมายจะพูดเล็งถึงของดี ของสูง ก็เลยเอาอารยะใสเขาไป เปนอารยะธรรม. สวนคําวา civilization ของฝรั่งซึ่งเปนตนตอของคํานี้นั้นมันจะมีความหมายอยางไร ก็ยัง ไมเปน ที่แ นน อน. แตที่แ นน อนก็คือ วา มัน คงจะไมต รงกับ ความหมายของ คําวา อริย หรือ อารย เป นแน . ถ ามั น เป น อยางนี้ จริง มั น เป น ความเขลาของ คนที่ บั ญ ญั ติ คํ า นี้ ใ นภาษาไทย โดยลื ม นึ ก ถึ ง พระอริ ย เจ า , หรื อ ไม ส นใจเอา เสียเลยก็ได. ทีนี้สําหรับคําวา อารยธรรมปจจุบันนั้น คุณก็พอจะมองเห็นอีก เพราะ ผมหมายถึงปจจุบันหยก ๆ นี้ ในศตวรรษนี้ จนกระทั่งถึงวันนี้. อารยธรรมปจจุบัน โดยใจความก็ค ือ อารยธรรมทางวัต ถุ,พูด ภาษาศาสนาก็เรีย กวา อารยธรรม ทางเนื้ อ หนั ง . มั น เป น เรื่ อ งของเนื้ อ หนั ง เพื่ อ ประโยชน แ ก เนื้ อ หนั ง หรื อ เป น อุป กรณเ พื ่อ ประโยชนแ กเ นื ้อ หนัง ; ทั ้ง หมดนี ้ม ัน รวมเรีย กวา “อารยธรรม เนื้อหนัง" มีความกาวหนาทางวัตถุเปนหลักสําคัญ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เมื่อพวกอิตาลีไปย่ํายีประเทศอะบิสสิเนีย ; คนปาดํา ๆ ในอะบิสสิเนีย นั้นตะโกนบอกกันวา อารยธรรมของฝรั่งมาแลว ! หมายถึงปนใหญ หมายถึง รถถัง หมายถึงอะไรที่มันไปฆาพวกอะบิสสิเนีย. พวกอะบิสสิเนียตะโกนบอกแกกัน และกัน วา ระวัง ๆ อารยธรรมของฝรั่ง มาแลว . นี่คุณ ลองคิด ดูวา คนปา แท ๆ ถ าเราจะจั ด วาเป น คนป า โดยการที่ ผิ ว หนั งมั น ดํ า , มั น ยั งรูจั ก ถึ งขนาดนี้ วา นี่ อารยธรรมของฝรั่ง, ไมใชอารยธรรมของพวกเราแตโบราณ, ดั ง นั้ น อารยธรรมของฝรั่ ง ก็ คื อ วั ต ถุ เครื่ อ งมื อ ที่ จ ะไปบี บ คั้ น คนป า เรียกวาอารยธรรมปนใหญ อยางหนึ่ง เพื่อผลเปนการไดมาซึ่งวัตถุ ซึ่งเปนปจจัย


๓๒๔

ฆราวาสธรรม

ของกามารมณ . อารยธรรมปนใหญ กับอารยธรรมกามารมณ วิตถารนี่มันคูกัน. ดังนั้น พิจารณาดูใหดีแลว อารยธรรมแผนปจ จุบันไมมีอะไร นอกจากปนใหญ กับ กามารมณวิต ถาร. นี่จ ะเปน คํา ดา หรือ เยาะเยย หรือ อะไรก็ต ามใจ, แตนี่ พูดไปตามความจริงที่มันมีอยู. ฉะนั้นคุณ เขาใจคําวา “อารยธรรมแผนปจจุบัน” ไวในลั ก ษณะอย างนี้ ดี ก วา ปลอดภั ย กวา ; เป น สิ่ งที่ จ ะหลี ก เลี่ ย งไม ได สํ าหรับ ฆราวาส. เพราะฉะนั้น จึงเอามาพูดในฐานะเปนสิ่งที่ฆราวาสจะตองรู จะตอง เขาใจ จะตองจัดการกับมันใหถูกตอง อยางที่เรียกวา “ฆราวาสธรรม” เปนสิ่งที่ ฆราวาสจะตองรู จะตองกระทําใหถูกตอง. ทีนี่เราจะพูด ถึงตัว เรื่อ งราวของมัน เสีย ทีวา ภาวะจิต ทรามนั ้น คื อ อะไร ? ที่วา จิตทราม จิตทราม นั้น ถาถือตามหลักพระพุทธศาสนาก็มีจิตทราม อยู ๓ ประเภทตามลักษณะของกิเลส : ๑.จิ ต ทรามที่ ม าจากโลภะหรื อ ราคะ, ก็ คื อ เนื้ อ หนั ง เฟ อหรื อ กามารมณเฟอ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ๒. จิตทรามที่จากจากโทสะ หรือโกธะ นั้นก็คือการฆากันเฟอ.

๓. จิตทรามที่มาจากโมหะ หรืออันธการ นั้นก็คือการทําสิ่งที่ไมตอง ทําแลวก็เฝาทําอยูจนเฟอ.

สรุปสั้น ๆ ก็วา จิตทรามดวยโลภะ คือกามารมณเฟอ เนื้อหนังเฟอ, จิตทรามดวยโทสะก็คือฆากันเฟอ, จิตทรามดวยโมหะก็คือทําสิ่งที่ไมตองทําเฟอ นี่เปนหัวขอที่คุณจะตองดูใหดี วามันมีอยูจริงหรือไม ในสมัยปจจุบันนี้ เมื่อมอง ตามหลักของพุทธศาสนา. เราเป น คนไทย เป น พุ ท ธบริ ษั ท ยึ ด หลั ก พระพุ ท ธศาสนา แล ว เกลียดชังความโลภ ความโกรธ ความหลง เปนที่สุด, คือเกลียดชัง โลภะ โทสะ


ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน

๓๒๕

โมหะเปน ที่สุด . โลภะนี้มีชื่อ แทนวา ราคะหรือ อื่น ๆ อีก , โทสะก็มีชื่อ แทน ว า โกธะ หรื อ อื่ น ๆ อี ก , โมหะก็ มี ชื่ อ แทนว า อั น ธการ ความมื ด มนหรือ อื่น ๆ อีก . ดัง นั้น เมื่อ คุณ พบชื่อ อยา งอื่น ก็ข อใหรูจัก สัง เกตแลว เอามารวม เขาในชุด ๓ นี้ อยางใดอยางหนึ่งใหจนได ; คือวามันมีแตเพียง โลภะ โทสะ โมหะที่เราพูดกันติดปาก. บัดนี้เราจะพูดถึงจิตทรามที่มีมูลมาจากโลภะหรือราคะนี้กอนเปน ประเภทแรกเปนเรื่องเนื้อหนังเฟอ หรือกามารมณเฟอ. สิ่งนี้กําลังระบาดอยู ทั่ว ไปทั้งโลก ซึ่งผมไมตองอธิบายเพราะคุณจะทราบดีกวาผมเสียอีก และคุณก็อยูใกล ชิด กับ สิ่ง เหลา นี้ เพราะเปน ฆราวาส แลว ก็เ พิ่ง มาบวชหยก ๆ นี่เ อง แลว ก็จะกลับไปเปนฆราวาสอีก. ที่เรียกวา เนื้อหนังเฟอ นี้ เราจะตองนึกถึงคําวา “เฟอ” เพราะวามัน ใชไดทุกกรณีทั้ง ๓ กรณี. เราจะลองนึกถึงสิ่งที่เรียกวา กําลัง หรือ energy นี้. เมื่อเรามีกําลังมากจนลนแลวกําลังนั้นมันจะลนไปทางไหนโดยธรรมชาติ คือโดย อั ต โนมั ติ . ยกตั ว อย า งเช น เรากิ น อาหารเข าไปมาก แล วเกิ ด กํ า ลั งเหลื อ ล น สําหรับที่จะทํางานตามหนาที่ แลว energy นั้นลน มันจะลนไปทางไหน ? มัน ก็ลนไปในทางความรูสึกทางกามารมณ. คุณจะเรียกมันวาจิตสูงหรือจิตทราม ? ในที่นี้เราเรียกวา “จิตทราม” คือมันลนไปในทางลามกอนาจาร ตามอํานาจ ของกิเลส.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ระวัง ใหดี แรงงานลน นี้, ระวัง ใหดี, เดี๋ย วนี้เรามีวิช าเทคโนโลยี่ ในโลกสําหรับสรางอุปกรณของแรงงาน หรือกําลัง ที่ใหมนุษยดื่ม กิน ใสเขาไป. ทีนี้มันมากจนลน และมันจะลนไปทางไหน ? มันก็ลนไปในทางกามารมณ ทาง


๓๒๖

ฆราวาสธรรม

ลามกอนาจาร. ดังนั้นผลไดทางวัตถุยอมเปนไปทางเนื้อหนังทั้งนั้น. ประดิษฐกรรมตาง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกอยางหนาแนน, ที่ยกยองกันมากนักนี้,พอมันลนหรือ เฟ อ มันก็เฟ อไปในทางกามารมณ ; ไม ไดเฟ อไปในทางกิจการงานที่จําเปนแก มนุษ ย. ดัง นั ้น คุณ จะเห็น ไดวา สิ ่ง ที ่ว างเกลื ่อ นอยูสํ า หรับ มีข าย มีอ ะไรไปทั่ ว ทุกหนทุกแหงนั้น มิใชเปนสิ่งจําเปนแกมนุษย. ผมขอรอง ขอวิงวอนวา ชวยทําจิตใจใหดี ๆ ใหเที่ยงตรงใหเปนธรรม ใหยุติธรรม แลวเดินสํารวจตลาดในกรุงเทพ ฯ วามันมีสิ่งที่จําเปนแกชีวิตมนุษย กี ่เ ปอรเ ซ็น ต, แลว ไมจํ า เปน แกช ีว ิต มนุษ ย คือ ไมต อ งมีก ็ไ ดนั ้น กี่ เปอรเซ็ น ต . แลวสิ่งที่หรูหรา สวยงาม แพงมากเหลานั้น รวมอยูในสิ่งเหลานั้น แลวก็เปนไป เพื ่อ กามารมณ ลน ไปทางจิต ทราม ; แตเ ขากลับ บูช าวา นั ่น แหละคือ สูง สุ ด เปน ไปในทางสูงสุด หรือนาปรารถนา ; หรือ สิ่งสวยงามเปน อยางต่ํา. ถามอง ใหดี ๆ อยางนี้จึงจะพบความเฟอ ความเหลือความจําเปน ; เปนเหตุใหคนเรา โลภจัด ปรารถนาเกินขอบเขต เกินที่ พ ระเจากําหนดไว. อยากได หรือแสวงหา หรือ มีไว หรือ ใชจายเกิน จําเปน ที่ม นุษ ยค วรจะตอ งทํา. อยางนี้เรียกวา “เฟ อ” เป น ความโลภ, ก็ ม ี บ าลี ว  า “อติ โ ลโภ หิ ปาปโก” - โลภเกิ น นั ้ น ลามก ; ตามตัว หนัง สือ วา อยา งนั้น . โลภเกิน นั้น ลามก อติโ ลโภ หิ ปาปโก ชว ยจํา ไวดวย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราจะดูกันตอไป อยางไรเรียกวาเนื้อนหนังเฟอ ? มันก็ไมยาก โดย แบงขอบเขตของความจําเปน ปจจัยที่จําเปนแกการครองชีพของมนุษย : เรื่อง อาหาร เครื่อ งนุง หม ที่อ ยูอ าศัย เรื่อ งหยูก ยาแกไ ข ที่จํา เปน มัน มีอ ยูอ ยา งไร ที่เฟอมีอยูอยางไร ; เดี๋ยวนี้เราอยากใหมันเฟอไปเสียทั้งนั้น. เมื่อเฟอไปทุกอยาง แล ว ที นี้ มั น ก็ ล น ไปทางกามารมณ . เมื่ อ มั น เกิ น จํ า เป น แล ว มั น ก็ ล น ไปทาง


ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน

๓๒๗

กามารมณ. เรื่อ งอาหารก็ดี เรื่อ งเครื่อ งนุง หม ก็ดี ที่อ ยูอ าศัย หลับ นอนก็ดี แมแตหยูกยา ; เมื่อมันลนความจําเปน หรือเฟอ มันก็เฟอไนในทางกามารมณ ทั้ง นั ้น . ถา มัน เฟอ ไปอยา งนี้แ ลว มัน ไมใ ชสิ ่ง ที่เ รีย กวา “ปจ จัย ที ่จํา เปน แกชีวิต ตามหลักของพระพุทธศาสนาที่เรียกวา “ปจจัยสี่ ที่จําเปนแกชีวิต มนุษ ย” นั้นมันอยูในขอบเขตจํากัดเทาที่จําเปนจริง ๆ ; พอสิ่งเหลานี้มัน เฟอ มัน ก็ไมใชปจ จัย ในที่นี้แ ลว ; มัน กลายเปน ของเฟอ เปน “กามารมณปจจัย” เปนปจจัยของกามารมณ, แลวก็นําไปสูความวิตถารทางกามารมณ. นี่ระวังใหดี วามันอาจจะหลอกเราได หลอกวา “ปจจัย ” นี้ เราตองแสวงหา แลวก็เปน ของจํา เปน แกช ีวิต ; แตแ ลว มัน กลายเปน ไมใ ช “ปจ จย”ไป โดยไมรูส ึก ตั ว. อยางนี้ทําใหเกิดความลน จนเปนกามารมณ เปนเนื้อหนังเฟอ. ที่วาปจจุบันนี้มีภาวะจิตทรามเพราะสิ่งเหลานี้เฟอนั้น ก็ดูซิ คุณดูให ละเอียด ดวยความรอบคอบถี่ถวน จะพบวามีสิ่งอยูสิ่งหนึ่ง ซึ่งเปนลักษณะที่ แสดงใหเราเห็น ไดช ัด อยา งยิ ่ง ชว ยจํ า คํ า นี ้ไ วค ือ เจตนารมณแ หง การยั่ ว , เจตนารมณ หรือเจตนาก็ตาม แหงความยั่ว, มันมีความมุงหมาย หรือเจตนา ที่จะยั่ว จะหลอก จะลวง เอาประโยชนของผูอื่นดวยการยั่ว อยูเต็มไปหมด ทุกหั วระแหง ในโลกนี้ . โดยเฉพาะอยางยิ่งสิ่งที่เรียกวา “โฆษณา” นั้น หรือ โฆษณาชวนเชื่ อ นั้ น คื อ ตั ว หลอกตั ว ยั่ ว . เจตนาแห ง การยั่ ว . ถ า เป น เรื่ อ ง กามารมณโดยตรง มันก็มีความยั่วมากไปกวานั้น. โปสเตอรโรงหนังโรงละคร, โปสเตอรขายสิ่งของเครื่องใชอะไรก็ตาม มันเปนการยั่ว การหลอก การทําใหโง อยู ใ นนั ้น . เราจึง ไปทํ า สิ ่ง ที ่โ ง ๆ ไปดูสิ ่ง ที ่โ ง ๆ, เสีย เงิน ไปดูสิ ่ง ที ่ทํ าลาย จิ ต ใจของเราเอง ซึ่ ง ทํ า ให จิ ต ทรามโดยไม รู สึ ก ตั ว ; แล ว ก็ เสี ย เงิ น ไปซื้ อ เอา

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๓๒๘

ฆราวาสธรรม

จิตทรามมาใหแกตัว. สิ่งฟุมเฟอยตาง ๆ ที่กําลังระบาดทั่วไปในโลกเปนอยางนี้มี เจตนารมณแหงการยั่ว เปนวิญญาณของมัน. ใหพิจารณาดูกันบางวา อารยธรรมใหม หรืออารยธรรมปจจุบันนี้ เรียกใหมันชัดหนอยก็เรียกวา “อารยธรรมของสตรีรสและเมรัย”. คํานี้เกาแกมาก ถึงสมัยพวกกรีก ; อารยธรรมเกาแท ๆ ของเขาไมใชสตรีรสและเมรัย. ไปดูมา ตั้งแตอารยธรรมสมัยหิน สมัยคนปาไมนุงผาก็ไมมีอารยธรรมสตรีรสและเมรัย ; แลวมันคอยเปลี่ยนมาเปนอารยธรรมที่มีระเบียบ มีแบบแผนมีขอบัญญัติ มีสิ่งที่ ตองประพฤติปฏิบัติมากขึ้น จนเกิดระบบศาสนา ศีลธรรมอะไรนี้ขึ้นมา; แลว เขาก็หนักแนนอยูแตในเรื่องของศาสนา. มันจึงมาสูงสุดเปนอารยธรรมที่เนื่อง กับศาสนาอยางแนนแฟนในโลกนี้. ในสมัยเมื่อหลายพันปมาแลวในประเทศจีนก็ดี, ในประเทศอินเดียก็ดี, ในประเทศตะวันตกอยางพวกฮิบรูเกาแกนั้นก็ดี มีการฝากจิตใจไวกับศาสนา หรือ พระเปนเจา, แลวเชื่อมาก แลวกลัวมาก. มันอยูในระเบียบ อยูในแบบแผน ที่จ ะไมก ระทํ า สิ่ง ที่ล ามกอนาจารเปน หลัก ใหญอ ยูอ ยา งนี ้ ก็เปน อารยธรรม ทางศาสนา. ตอมนุษยมันดีขึ้นในทางสติปญญา สติปญญามันเลยเถิดจนกลาย เปนเชื่อความคิด ความนึก ความรูสึกของตัวเอง ; เกิดไมเชื่อศาสนา ไมเชื่อ พระเปนเจากันแลว ; นี้มาตกเปนทาสของเนื้อหนัง จึงคอย ๆ ละทิ้งอารยธรรม ศาสนา หรือพระเปนเจา มาบูชาสตรีรสและเมรัยนี้เปนพระเจา ; แลวก็หาความ เพลิดเพลินระหวางเพศ แลวก็ใชของมึนเมาทุกชนิดเปนเครื่องสนับสนุน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาเราศึกษาดูจะเห็นวา พวกกรีกเปนเจาตํารับ หรือวาเปนตนตอ ของการเปลี่ยนแปลงยุคหนามือเปนหลังมือนี้, กลายเปนบูชาเรื่องเพส เรื่องของ


ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน

๓๒๙

มึนเมาทําลายอารยธรรมเดิม อารยธรรมทางศาสนา. พวกฝรั่งที่เคยมีอารยธรรม ศาสนาก็มากลายเปน อารยธรรมสตรีรสและเมรัย , แลวก็ระบาดไป ระบาดไป จนพวกไทยเราก็ไ ปตามกน ฝรั่ง . ใครจะโกรธหรือ อะไรก็ต าม ผมไมก ลัว ; แลงก็บอกพวกคุณ ทั้งหมดทุก ๆ องคนี้วา ระวังใหดีในเรื่องนี้ ที่จะไปตามกนฝรั่ง ในเรื่องอารยธรรมสตรีรสและเมรัยนี้. จากอารยธรรมสตรีรสและเมรัยนี้ เราจะเห็นเจตนาแหงการยั่วมากมาย หลายชนิด จนพู ดกัน ไมไหว : จะยกมาใหเปนตัวอยาง เปนเครื่อ งสังวร ที่มั น กําลังระบาดทั่วโลกเวลานี้ก็คือเรื่องกระโปรงสั้น . นี่อารยธรรมสตรีรสและเมรัย ที่แสดงออกชัดทั่วโลกขณะนี้คือ กระโปรงสั้น สั้นจนจะไมมีเหลือ. คุณ อยาเห็น เปนเรื่องหยาบคายหรือเอาเรื่องหยาบคายมาพูดกันดวยจิตทราม; แตพูดใหรูวา นั้นแหละคือลักษณะของความมีจิตทราม, กระโปรงสั้นนั้นแหละคือลักษณะของ ความมีจ ิต ทราม. คุณ ไปตั ้ง ปญ หาคิด เองวา มัน คือ อะไร ? เนื ่อ งมาจาก อะไร ? และเพื่ออะไรในที่สุด ? มันก็เพื่อจิตทรามทั้งนั้นแหละ คือลักษณะของ ความมีจิตทราม, เกิดมาจากจิตทราม, ก็เพื่อจิตทรามตอไปอีก.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org จะถามวาทําไมจะตองไปทําใหมันสั้น ? มันไมสะดวก,มันไมสบาย, มันไมปองกันอันตรายของผิวหนัง หรืออะไรไดเลย ; แตแลวทําไมสมัครใหเปน อยางนั้น ? ก็ไมมีอะไรนอกจากเพราะจิตมันทรามลงไป. มันยินดีที่จะใหถูกหลอก, แลว ก็เพื ่อ หลอกกัน ตอ ไป. คุณ ก็รูไ ดว า แบบเครื่อ งแตง ตัว นี ้ ผู ช ายออกแบบ แลว ผู ห ญิง ก็โ ง ผสมโรงกับ ความมีจ ิต ทรามของผู ช าย คือ จะลวงผู ห ญิง ให เป น ของเลน หรือ ยั่วได ม ากขึ้น ; แล วความโงของผูห ญิ งก็ส มั ค รจะทํ าอย างนั้ น . มันบวกกับจิตทรามทั้งของผูหญิง ทั้งของผูชาย ผลิตผลเกิดขึ้นมาเปนกระโปรงสั้น ; แลวก็สั้นเรื่อยไป ๆ จนเปนปญหายุงยากลําบากไปหมดทั่วทั้งโลกในทางศีลธรรม.


๓๓๐

ฆราวาสธรรม

แตไมเปนปญ หาในทางเรื่องที่จะทรามลงไปในความเป นลามกอนาจาร. นั้นไม เปน ปญ หา ไมเ ปน อุป สรรค แตเ ปน อุป สรรคในทางศีล ธรรม ที ่โ ลกนี ้จ ะมี ศีลธรรม. เพราะวาการนุงกระโปรงสั้นนั้นเปนบาปอยูทุกลมหายใจเขา ทุกลมหายใจออก. คุณไปบอกเพื่อนคุณที่นุงกระโปรงสั้นเถิดวามันเปนบาปอยูทุกลมหายใจ เขา ออก ; เพราะมัน ทํ า ไปดว ยเจตนาชั่ว คือ ยั่ว คือ ตกเบ็ด . ในเวลาที่ มั น นุงกระโปรงสั้น มัน ตอ งการจะตกเบ็ด คนที่เห็น เพื ่อ ใหอ ยูในอํา นาจของมัน ; มัน ก็ค ือ นางยัก ษิณ ีที ่ม ีค วามหวัง จะตกเบ็ด จะจูง จมูก .เจตนาชั ่ว นี ้ถ ือ ว าบาป แลว มัน เปน บาปอยูทุก ลมหายใจเขาออกที่นุงประโปรงสั้น ; จนกวาจะไดผลัด เสียใหม. นี้แหละคือเจตนาแหงการยั่ว ขอแรก มันก็อยูที่กระโปรงสั้น ซึ่งไมให ความสะดวกสบาย หรือ ผลประโยชน อ ะไรนอกจากความยั่ ว แล วเป น บาปอยู ตลอดเวลา. เรื่องถัดไปเปนเรื่องเลยกระโปรงสั้นไปอีก ก็เปนเรื่องเปลือย ; พยายาม หาโอกาสที ่จ ะใชค วามเปลือ ยเปน เครื่อ งจูง , เปน เครื่อ งยั ่ว , เปน เครื่อ งหลอก ใหค นมาอยูใ นอํา นาจของตน เปลือ ยอวัย วะที ่ไ มค วรจะเปลือ ย แลว ก็นิ ย ม เปนของสูงสุด จนเมือจะกินอาหารก็ตองมีระบําเปลือยแสดงอยูดวย. ผมไมเคย เขา ไปในโรงเหลา นั ้น แตค นที ่เคยเขา ไปเขามาเลา ใหฟ ง หรือ วา อา นหนั ง สื อ หลาย ๆ อยางรูวาเขาทํากันอยางนั้น. พวกทหารฝรั่ง ทหารรับจาง ไดเงินมาแพง, ได เงิน ค ารับ จ างแพง ๆ แล วก็ เอามาถลุ ง เพื่ อ จะกิ น อาหารชนิ ด ที่ มี ก ารเปลื อ ย แสดงอยูตลอดเวลา. เงินมันก็หมดไป หมดไป ; ไปหามาใหมก็เพื่อผลอยางนี้. มันไมใชมีแตเรื่องอยางนี้อยางเดียว มันมีมากมายหลายสิบเรื่อง. เดี๋ยวนี้ก็ไดยินวา วัฒนธรรมปศาจกําลังระบาดเขาไปทั่วทุกหนทุกแหง, แลวขยับขยายกันอยางนั้น

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน

๓๓๑

ขยับขยายกันอยางนี้ใหมันแปลกออกไป ใหมันวิตถารออกไป. ไดยินเขาพูดกันวา เดี๋ย วนื้ท างแหลมสะแกนดิเ นเวีย สองสามประเทศที่ต รงนั้น กํา ลัง นําหนา ในเรื่องอยางนี้จนคนประเทศอื่นอุตสาหขึ้นเรือบินไปเพื่อจายเงินที่นั่น เพื่อผล อยางนี้. นี่แหละดูมนุษยในโลกนี้ หรือโลกของมนุษยในเวลานี้ที่มันมีจิตทราม อยางนี้ เต็มไปดวยการยั่ว. ทีนี้มันก็มาถึงเรื่อง แกไขศีลธรรม หรือวาเหยียบย่ําศีลธรรมที่มีอยู แตกาลกอน. ศีลธรรมขอไหนมันเปนอุปสรรคแกการที่เขาจะลุมหลงกันใหมาก ๆ อยางนี้เขาจะแกไขมันเสีย, หรืออยางนอยก็ดวยการทําไมรูไมชี้เสีย ; นี่เรียกวา เหยียบย่ําศีลธรรม ถือเปนเรื่องไมบาป ไมกรรม ไมชั่วไมลามกอนาจาร. เรื่องลูก เรื่องเมียของใครก็ตามใจไปอยูในลักษณะที่หยิบยืมกันไดเหมือนของใชหรืออะไร อยางนี้ มันมากขึ้นทุกที. ถาคุณยังถือศีลธรรมดั้งเดิมอยู คุณก็จะไมมีที่อยูใน โลกนี้, และเดี๋ยวนี้เขาจะมีอารยธรรมอยางนี้กันแลว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org รวมความแลวก็คือความที่มันทรามลง ทรามลง ทรามลง ตกต่ําลง ; วัดได จากสิ่ งเหล านี้ ที่ มั น มากขึ้น มากขึ้น . มากขึ้น ที่ เป นตั วอยางอัน หนึ่ งที่ แสดงวา จิต ทรามลงอยา งไร ก็คือ เรื่อ งราวที่ม ัน เกี่ย วกับ สถานที่ต ากอากาศ แห ง หนึ่ ง ในประเทศหนึ่ ง อย า ไปออกชื่ อ เดี๋ ย วมั น จะเป น เรื่ อ งด า เขาตรง ๆ. ประเทศที่มีสถานตากอากาศที่มีชื่อเสียง เมื่อตอนแรกๆ แผนโฆษณาใหไปเที่ยว ที่สถานที่ตากอากาศเหลานั้น เมื่อ ๒๐ - ๓๐ปมาแลว เขาใชภาพของธรรมชาติ ที่เงีย บสงัด สวยงามตามธรรมชาติ พิม พเปน โปสเตอรดึงใหค นไปเที่ยวที่นั่น. นี่ก็แปลวายังมีจิตใจที่ยังเปนศิลปน แลวก็ชอบอยางนี้ จึงไปเที่ยวที่นั่น ไปเที่ยว กั น มาก. ต อ มาภาพโปสเตอร ชิ้ น นั้ น มั น ช ว ยไม ไ ด ไม มี ใ ครไปเสี ย แล ว ; ก็เปลี่ยนเปนเรื่องชาตินิยม เอาภาพเรือรบที่มีชื่อเหมือนกับสถานที่ที่นั่นมาโฆษณา


๓๓๒

ฆราวาสธรรม

มัน ก็ค ึก คัก กัน ขึ ้น มาพัก เดีย ว ; เปน เรื่อ งชาติน ิย ม ก็ไ ปเที ่ย วที ่นั ่น . ทีนี ้ต อ มา รูป เรือ รบมัน ก็ใ ชไ มไ ด มัน ก็ไ มด ึง ดูด ใจได ก็เ ลยกลายเปน เอาเรื ่อ งกิ น อยู สนุก สนาน เลน หวัว อะไรที่นั่น มาเปน ภาพโปสเตอรโฆษณา ; ก็ไปไดพ ัก หนึ่ง. ในวาระหลัง ๆ ครั้งสุดทายนี้ก็คือภาพบิ กินี แลวก็มาเปนภาพเปลือ ยโดยปริยาย คนจึงไปเที่ยวที่นั่น; ที่ชายหาดนั้นเต็มไปดวยคนสวมชุดเปลือย หรือครึ่งเปลือย. ที นี้ คุ ณก็ดู ซิวา จิตมั นตกต่ํ าหรือทรามลงไปอย างไร ที แรกมี วิญญาณ ของศิล ปน ธรรมชาติอัน สวยงามมัน ดึง ไป, แลว ก็มีวิญ ญาณชาติน ิย ม เรือ รบ ชื ่อ นี ้นํ า ไป, ตอ มาก็เ รื ่อ งกิน เรื ่อ งเลน เรื ่อ งหวัว เรื ่อ งชาวบา นมากขึ้ น , แลวอันสุดทายก็คือเรื่องเปลือย. นี่วัดความมีจิตทรามลงไปเปนระดับ ๆ อยางนี้. มั น ก็ค งไม แต ที่ นี่ ที่ ไหนก็ เหมื อ นกั น ความมี จิ ต ทรามอย างนี้ . ฉะนั้ น เราเรีย กวา ความมีจ ิต ทรามลงไปตามลํ า ดับ ๆๆ ตามที ่ค วามกา วหนา ทางประดิ ษ ฐกรรม แผนใหมมันเกิดขึ้น มันกาวหนาขึ้น. เมื่อประดิษ ฐกรรมเพื่อ การยั่วยุกาวหนาขึ้น เทาใด, จิตของมนุษยก็จะทรามลงไปเทานั้น. นี่ก็ภาวะจิตทรามที่จะพอมองเห็นได เปนตัวอยางในอารยธรรมแผนปจจุบัน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เอาละ ที นี้ เราลองแยกกั นดู ว าจิ ต ทรามของบุ รุ ษ จิ ตทรามของสตรี มันมีอยูอยางไร ? จิตทรามของฝายบุรุษมันทรามลงไปในทางที่จะเหยียบย่ําสตรี ; ขอนี้ ไม ใชมีความหมายเล็กนอย มี ความหมายซึ่งเป นที่มาในพระไตรปฎก หรือในความ คิ ด นึ ก ของผู เป น บั ณ ฑิ ต มี พ ระพุ ท ธเจ า เป น ต น . จิ ต ของบุ รุ ษ มั น ทรามเมื่ อ มั น เหยี ย บย่ํ าเกี ย รติ ของสตรีล งเป น ของเล น . เมื่ อ บุ รุษ ยั งเคารพสตรีวาเป น ภั ณ ฑะ สู งสุ ด อย างบาลี วา อิ ตฺ ถี ภรฺฑ านมุ ตฺ ต มํ - สตรีเป น กั ณ ฑะสู งสุ ด ของภั ณ ฑะ


ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน

๓๓๓

ทั้งหลาย. นี้ก็ยกยองสตรี ไมเอาลงมาเปนของเลน ; อยางนอยก็ยกยองสตรี เปนเพศของมารดาเปนเพศที่ควรแกการบูชา. อีกทางหนึ่งมันเห็นสตรีเปนของเลนทางกามารมณ, ถือเอาประโยชน ในทางกามารมณ ก็เ หยีย บย่ํา สตรีล งเปน ของเลน . มีเ รื่อ งเลา ในบาลีวา พวกลิจฉวี กษัตริยลิจฉวี เปนประเทศเล็ก ๆ ประชาธิปไตยเล็ก ๆ อยูในสมัย พุ ท ธกาลนั่ น . ประเทศมหาอํ านาจเช น ประเทศมคธ โกศล นี้ ทํ า อะไรไม ได ; ประเทศใหญ ๆ นั้ น น ะ เคยรบแพ ป ระเทศเล็ ก ๆ คื อ ลิ จ ฉวี . ในคําตรัสของ พระพุทธเจา ก็วาพวกลิจฉวีเปนประเทศที่นับถือสตรี. ในบรรดามหาประเทศนั้น มันเปนประเทศที่เหยียบย่ําสตรีเปนของเลนตาง ๆ. แตมีขออื่นประกอบ คือวา เปนผูเครงครัด เขมแข็ง ในเรื่องหนุนหมอนไมก็อยูในชุดนี้. พวกกษัตริยลิจฉวี หนุนหมอนไม นอนเสื่อเนื้อหยาบ ตื่นแตดึกฝกอาวุธ , แตวาหลักใหญทางจิต ทางวิญ ญาณ ก็คือ ยกยอ งสตรี เทิด ทูน สตรี. ตอ มามีค นไปยุ คือ มีส ะปาย ทํา ให พ วกลิ จ ฉวี เ ลิ ก ความเป น อย า งนี้ แล ว ก็ แ ตกสามั ค คี กั น เพราะเหตุที่ เหยียบย่ําสตรีลงเปนของเลนมันก็แยงกามารมณกัน. ทีนี้ก็เลยเปนประเทศที่ลมจมไปเลย. ประเทศมคธ ประเทศใหญนั้นก็เลยยึดเอาเปนเมืองขึ้น. นี่คําวายกยองสตรีกับ เหยียดหยามสตรีมีความหมายอยางนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาจิตใจสูง ยกยองสตรีเปนเพศของมารดา, จิตใจมันยังมีศีลธรรม เมื่อ มีศีล ธรรมแลว มัน ก็ดีต ลอดไป. พอมัน เหยีย บย่ํา สตรีล งเปน ของเลน มันก็หมดศีลธรรม, มันก็เปนสัตวเลว. เดี๋ยวนี้บุรุษในโลกนี้กําลังเหยียบย่ําสตรี โดยเจตนาบาง โดยไมเจตนาบาง โดยไมรูสึกตัวบาง,เอาเพสของมารดาลงไป เปนเครื่องมือสําหรับแสวงหาความเพลิดเพลินทางกามารมณ เปนเบื้องหนา เปนหลักใหญ.คุณจําไววา ผมพูดวา เปนเบื้องหนา หรือเปนหลักใหญ.


๓๓๔

ฆราวาสธรรม

จิตทรามของบุรุษ สรุปความทั้งหมดไดก็คือวา ลุมหลงสตรีในฐานะ เปนของเลนไมใชเปนที่ควรใหเกียรติ หรือบูชา ในฐานะเปนเพศของมารดา, มองดูฝายสตรี จิตทรามของฝายสตรี ที่เกิดแกสตรี นี้ก็คือตรงกัน นั ่น แหละ เขา คู ก ัน คือ ทํ า ตัว เปน ของเลน ของฝา ยบุรุษ . ไมถ นอมเกี ย รติ ในฐานะเปนมารดาของโลกไว. ผมพูดแลวอยาวาดูถูกพวกคุณ ซึ่งมีอายุไมกี่ปนี้ คุณไมทันเห็นคนสมัยปูยาตายายที่เปนสตรี เขาถนอมเกียรติกันไวอยางไร เขาไมได ปลอยตัวใหเปนเครื่องเลนของบุรุษเหมือนสตรีสมัยนี้ ซึ่งยอมนุงกระโปรงสั้นเขาไป สั้นเขาไปปละหลาย ๆ เซ็นติเมตร ; เพราะสตรีสมัยนี้มันยอมเพื่อจะเปนอยางนั้น นี้ค ือ จิต ทรามของสตรี ; พลอยผสมโรงกับ บุรุษ ที่เขาจะเอาสตรีเปน ของเลน . แลว ก็อ ยา ลืม เมื ่อ ตะกี ้ที ่พ ูด วา เครื่อ งแบบแตง ตัว ของสตรีนี ้ บุรุษ เปน ฝ า ย ออกแบบนะ จะมีต น ตออยู ที ่ฝ รั่ง เศส หรือ อยู ที ่ไ หนก็ต าม ; แตผู ช ายเป น ผู ออกแบบเครื่อ งแตง กายของสตรี. มัน ก็มีโ อกาสที่จ ะตม ยํา สตรีไ ด ; แลว สตรี ก็โงพอที่จะรับเอาดวยความสมัครใจ นี่ความมีจิตทรามของสตรีก็มีโดยการลวง ของบุรุษ บวกกับ ความโงข องตนเอง. ความลวงของบุรุษ กับ ความโงข องสตรี บวกกัน เขา เปน พยานหลัก ฐานชัด เจนก็คือ ยอมรับ เอาแบบกระโปรงนั ้น หรือ สิ่งอื่น ๆ ที่คลายกันเพื่อจะเปดเผยอวัยวะที่ไมควรเปดเผย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราก็พู ดไดเลยตอไปอีกวา จิตทรามของสตรีก็คือยอมทําตัวเปนนะ คะโสเภณี ; แตที่ผ มกํา ลัง พูด นี้ไมใ ชน ะคะระโสเภณีอ ยา งที่เขารับ จา งหากิน , นะคะระ แปลวา นคร, โสเภณี แปลวา ผูทําใหงาม ; นะคะระโสเภณี แปลวา ผูทํ า นครใหง าม นี้เ ขาแตง ตัว ตามแบบสมัย ใหม กระโปรงสั้น เพื ่อ ทําเมือ ง ทั้งเมืองใหดูงาม; นี้โสเภณี “นครโสเภณี” ในคําพูดภาษาธรรม ไมใชคําพูดภาษาโลก.


ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน

๓๓๕

คําพู ดภาษาโลก “นะคะระโสเภณี ” คือหญิ งรับจางหาเงินดวยการกระทํ าอยางนั้น, แตภาษาธรรมภาษาที่ลึก ภาษาทางวิญญาณนี้ หมายความวาผูที่จะทําใหบรรยากาศ ทั ่ง ไปดูง ดงาม เชน ผู ห ญิง แตง ตัว สวยงามทั ่ว ไปนี ้ เขาก็ใ ชก ระโปรงสั ้น นุ ง กั น ทั ่ว ทั ้ง เมือ ง ทั ้ง ประเทศ ทั ้ง โลกนี ้น ะ เพื ่อ จะทํ า เมือ งใหง ามสมัค รเปน คนที่ จะทํ านครให งาม ด วยอาการอย างนี้ . แล วความงามนี้ มั นมี ความหมายหลายแง หลายมุม งามของภูตผีปศาจก็มี, งามของมนุษยก็มี, งามของบัณ ฑิตนักปราชญ มีพ ระพุท ธเจา เปน ประมุข ก็ม ี. ทีนี ้น ครโสเภณีแ บบนี ้ คือ มัน งามชนิด ไหน ? ความงามของคนพวกไหน ? ผมวางามของพวกภู ตผี ป ศาจที่ ผูหญิ งทุ กคนในประเทศ หรือ ในโลก จะชวนกั น นุ งกระโปรงสั้ น จนแทบจะไม มี เหลื อ , สั้ น จนแทบจะไม มี เหลืออยูสั กกี่เซ็ นติ เมตรนี้ เป นความงามสําหรับภู ตผี ป ศาจให มั นเป นโลกของภู ตผี ปศาจ ที่มีความงามอยางนั้น. คุณ ก็ด ูต อ ไป โดยเปรีย บเทีย บเครื ่อ งนุ ง หม costume หรือ ชุ ด นุ ง ห ม กั น นี้ ลองเที ย บดู เ ป น ศตวรรษ ๆ เมื่ อ ศตวรรษที่ แ ล ว มาเป น อย า งไร ? ศตวรรษนี้เปนอยางไร ? หาดูไดงาย ๆ จากรูปภาพ ผูหญิ งในศตวรรษที่แลว ๆ มา เขาปกป ดมิ ดชิ ด เหมื อนกั บ ว าหุ ม ห อ เพชรพลอย ยากที่ จะเห็ นเนื้ อหนั งของเขา ; แลว แถมบางชาติ บางประเทศหุ ม หนา เสีย มิด ชิด เลย เพราะถา เห็น หนา สวย มั น เกิ ด ราคะแก ผู เห็ น ; ฉะนั้ น เขาก็ ไ ม ใ ช ไม ย อ มให ห น า สวย ๆ ของเขาเป น เครื่องยั่วใหเกิดราคะแกผูชายที่เห็น แลวเกิดความคิดนึกสกปรกในจิตใจตอความ งามของเขา ; ดัง นั ้น เขาคลุม หนา มัน เสีย นี ่ศ ตวรรษที ่แ ลว มา ผู ห ญิง ทุก ชาติ ทุ ก ประเทศทั้ ง ประเทศไทยเราหรื อ ประเทศฝรั่ ง , ฝรั่ ง ก็ ยิ่ ง คลุ ม มากกว า อี ก . ใน ศตวรรษที่แลวมาหรือวาตนศตวรรษนี้ก็เถอะ ฝรั่งยังคลุมมากกวาเดี๋ยวนี้มาก.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เดี๋ ย วนี้ ฝ รั่ ง ก็ นํ าไป ใน ท างที่ เป ด อ อ ก เป ด อ อ ก เป ด อ อ ก เพ ราะเขาไป บูชาอารยธรรมเนื้อหนังเกงกวาเรา กอนกวาเรา แลวไทยเราก็กําลังจะตามกนฝรั่ง


๓๓๖

ฆราวาสธรรม

เขาในเรื่อ งนี้ ; เดี๋ย วนี้จ ะเหลือ อยูก็แ ตใ นชุด แตง งานของพวกฝรั่ง การคลุม รางกายมิดชิด มีเหลืออยูแตในชุดแตงงาน. สวนชุดอื่น ๆ นั้น มันก็สั้นเขาไป สั้น เขาไป. นี่เราก็ไปตามกนเขา ก็ยังเหลืออยูแตชุดแตงงานเหมือนกัน. การ แตงชุดแตงกายตามแบบวัฒนธรรมเดิมของไทยไมมีอยางนี้เลย. บัดนี้ก็ไดยินวามีชุดยาวขึ้น เปนชุดไทย ชุดอะไรที่สตรีไทยใชสวมนี้ ก็เปนสิ่งที่นาอนุโมทนา.แตแลวหาเวลาแตงยาก, มีแตแตงดวยชุดกระโปรงสั้น ไปในที่ทุกหนทุกแหง แมในโบสถ. เพราะฉะนั้นขอแสดงความเสียใจอยางสูงสุด ไวในที่นี้วา ชุดที่โบสถฝรั่งเขาไมยอมใหเขานั้น โบสถไทยยอมใหเขา. นี้แหละ คุณไปคิดดูเถอะ คุณ ก็คงจะรวมเสียใจกับผม วาชุดที่โบสถฝรั่งเขาไมยอมให เขานั้นโบสถไทยยอมใหเขา. ชุดกระโปรงสั้นจนนุงแลวยุงยากลําบากไปหมดนั้น โบสถฝรั่งเขาไมยอมใหเขา แลวโบสถไทยยอมใหเขา. ดังนั้นขอแสดงความเสียใจ อยางสูดสุดไวที่นี้ตอพวกคุณวาพุทธบริษัทไทยเรานี้กําลังเปนทาสของพวกฝรั่ง ในทางวัฒนธรรม. พวกฝรั่งเองนําในเรื่องนี้ พวกไทยตามกัน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ไปดูที่ชายหาดริมทะเล ที่เฉลียงโฮเต็ล หรือที่ไหนตาง ๆ นี้ ; ผมดู แลวสะดุงวาที่เดินมาคูหนึ่ง ไมรูสึกวามันเปนมนุษยคูหนึ่ง. รูสึกวาเปนคนกับ สัต วเลี้ย งคูห นึ่ง . ผูช ายดูยังเปน คนอยูแ ตผูห ญิง กลายเปน สัต วอ ยางกับ สัตว เลี้ย งไป. มัน เดิน มาสองคน คนหนึ่ง เปน คนเลี้ย ง คนหนึ่ง เปน สัต วเ ลี้ย ง, ไมใชเปนมนุษยคูหนึ่งเดินมา. ผมไมใชแกลงจะไปดู แตเมื่อมีโอกาสไปเที่ยว ชายทะเลหรือ ตามที ่อ ยา งนั ้น บา งเหมือ นกัน เขาพาไป. ผูช ายแตง ตั วอยาง เรียบรอยทุกอยาง มีเสื้อเชิ้ต มีกางเกงยาว มีอะไร ; แตผูหญิงที่เดินไปดวย กัน นั้น แทบจะไมอ ะไรเลย แลว ก็ใชเครื่อ งนุงหม ปด อวัย วะนั้น โปรง แสงสีใส อะไรดวย., เดินไปดวยกัน จนทําใหเราสะดุงวาคน ๆ หนึ่ง แลวก็ไมใชคนอีก


ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน

๓๓๗

คนหนึ่ ง , เป น สั ต ว อ ะไรชนิ ด หนึ่ ง ซึ่ ง เดิ น ไปด ว ยกั น ; ตามริ ม น้ํา ก็ ต าม, ตามบนริม เฉลีย งโฮเต็ล ก็ต ามก็มีอ ยูทั่วไป. มันอาจจะไมส ะดุด ตา สะดุด ใจ พวกคุณ ก็ไ ดเพราะคุณ เกิด มาก็เห็น เสีย แลว ไมเปน ของแปลก. ผมนี้มีบาป มันเกิดมาตั้งแตสมัยที่ไมมีอยางนี้ ยังไมเคยมี และสวนมากก็ไมเคยเห็นมาเห็น ครั้งแรกมันก็ตองสะดุง. นี่คือความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่มีจิตทรามของมนุษยแหงยุคปจจุบัน. มัน ก็เ ปน เรื่อ งที ่ไ มเ ปน ปญ หาแลว เพราะวา มัน มุ ง แตจ ะแสวงหาความสุข สนุก สนาน เอร็ด อรอ ยทางเนื้อ ทางหนัง . ภาษาในโบสถเขาเรีย กวา flesh คํ า เดีย วเทา นั ้น เรีย กวา “เนื ้อ หนัง ” คํ า เดีย วพอ พยางคเ ดีย ว. Flesh หมายถึงสิ่งสกปรกลามกอนาจาร ตามความหมายทางศาสนา. คือศาสนาตองการ ใหค วบคุม เนื้อ หนัง ซึ่ง เปน ที่ตั้ง ของกิเลส เดี๋ย วนี้ม นุษ ยใ นโลกกลับ สง เสริม ; นี่เขาเรียกวาเปนทาสเนื้อหนัง, ไมเปนนายเนื้อหนัง. ศาสนาตองการใหมนุษย ทุก คนเปน นายเหนือ เนื้อ หนัง ; แตม นุษ ยเดี๋ย วนี้ย อมเปน ทาสของเนื้อ หนัง ; มัน ตรงกัน ขา ม. เพราะฉะนั้น เรามองเห็น แลว สัง เวชที่วา สตรีทั้ง หลายยอม เปนทาสแหงเจตนาทรามของบุรุษ. บุรุษ ก็ตองการจะยั่ว หลอกสตรี ใหยอม เปน เครื่อ งเลน ดว ยเจตนาทราม. โลกนี้เ ลวลงอยา งวูบ วาบอยา งนาใจหาย, มันจึงเต็มไปดวยสิ่งที่ไมพึงปรารถนา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถา คุณ ไปคิด ทบทวน คุณ จะเห็น อีก วา มีเ รื่อ งระเบิด ขวด มันก็มี ตนเหตุมาจากอันนี้. มันจะระเบิดขวดไปทําไม ถามองดูผิวเผินมันไมเกี่ยวกับ เรื่ อ งนี้ . แต ว า จิ ต มั น ทรามลง เพราะเหตุ นี้ มั น จึ ง ทํา ระเบิ ด ขวด . ดั ง นั้น จึงถือวาแมระเบิดขวดก็มีตนตอมาจากจิตทรามในเรื่องเนื้อหนังนี้ ผูที่สามารถ จะทําระเบิดขวดขวางระเบิดขวด ตองมีจิตทรามทางเนื้อหนังนี้ถึงที่สุดเปนพื้นฐาน


๓๓๘

ฆราวาสธรรม

เราก็จะตองนึกกันใหกวาง มองดูกันใหลึก ใหทั่วถึงวาจิตทรามนี้ คื อ ต น ตอของทั้ ง หมดของวิ ก ฤตกาลในโลก ; รรบราฆ า ฟ น กั น อยางนา สังเวช คือตายกันเปนหมื่น ๆ แสน ๆ นี้นั้น มันมีมูลมาจากจิตทราม. พวกทหารที่รับจาง ถาเปนทหารจางนี้ตองจางดวยเหยื่อลอเงินก็เพื่อ เอาไปหาเนื้อหนัง.เขารับจางรบ เอาชีวิตเขาแลกนี่ เพื่อเอาเงินไปหาความสุข ทางเนื้อ หนัง หรือ เอาไปซื้อ เนื้อ หนัง . ทีนี้พ วกทีไ มไ ดม ารบเอง แตตองการ ให รบนี้ มั น เป น พวกหลงเนื้ อ หนั ง. เช น พวกนายทุ น อย า งนี้ ต อ งการมี เงิน มาก ตอ งการมีท รัพ ยส มบัต ิม ากนี้ เงิน ทรัพ ยส มบัต ินั้น ก็เพื ่อ ประโยชนแ กเนื้อ หนั ง อยางเดียว ; ใหมันมีมากเขาไวมากจนไมมีขอบเขต. พวกกรรมกรก็เหมือนกัน มันตองการเนื้อหนัง มันจึงทําลายนายทุน. นายทุกเหมือนกับกําแพงทํานบกั้น น้ําเอาไวม าก. กั้น น้ําแหงเนื้อ หนังเอาไวมาก ; ที่นี้พ วกกรรมกรชนกรรมาชีพ มันก็ตองการเนื้อหนังอยางยิ่งเหมือนกัน มันจึงพยายามที่จะเจาะทะลุกําแพงให ทํานบพังทลายลงมา เพื่อตนจะไดเงยหนาอาปากทางเนื้อหนัง. ดังนั้นสงคราม ในโลกระหวางนายทุนกับกรรมกรนั้น มีมูลมาจากเนื้อหนัง. ตองมองกันอยางนี้ มันจึงจะถึงที่สุด ; นี่แหละคือความมีจิตทรามของมนุษยในโลกในยุคปจจุบัน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่เรากําลังพูดถึงเรื่องจิตทรามของสตรี, จะพูดตอไปถึงขอที่วาสตรีเปน เพศสวยงาม มี ไวเพื่ อ ความงาม ; นี้ สํ า หรับ มนุ ษ ย ก ลายเป น อย า งนี้ . แต ถ า สําหรับสัตวเดรัจฉานแลว บุรุษหรือตัวผูเปนฝายสวยงาม ฝายตัวเมียไมตอง สวยงาม. แตม นุษ ยนี้ก ลายเปน วา สตรีเ ปน ฝา ยสวยงาม บุรุษ ไมตอ งงาม เมื่อสตรีมีความงามเปนความหมาย หรือเปนทรัพย. จึงพูดกันมาแตโบราณวา ความงามเปนทรัพยของสตรี ; ถาสตรีงามแลวละก็ มันมีราคา มีคา อยางนั้น. แตมันตองรูกอนวาความงามชนิดไหน ความงามอยางลามากอนาจาร หรือความงาม


ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน

๓๓๙

อยางที่มันถูกตองตามระเบียบแบบแผน คือความงามที่ไมเปนอันตราย. ดังนั้น การที่วามันงามดีอยูแลวมันก็ดีอยูแลว แลวทําไมมาทําใหเปนเรื่องลามกอนาจาร ดวยการหดกระโปรงหรือวาดวยการไมปกปดสิ่งที่ควรปกปด นั้นมันไมใชความงาม มันไมใชแสดงความงาม. ฉะนั้นการประกวดนางงามที่ไมปกปดก็คือประกวด ความหนาดาน ไมใชป ระกวดความงาม. คุณ ไปดูใหดี ๆ มันประกวดความ หนาดานวามีกันกี่มากนอยที่ยอมมากถึงขนาดนั้น. เพราะฉะนั้นถายังยึดหลักวา สตรีคือสัญลักษณแหงความงามแลวจะตองมีความงามที่ถูกตองตามแบบฉบับ, ไมใชความยั่วยุเพื่อเนื้อหนังกําเริบลุกลามเปนการทําลายศีลธรรม. ทีนี้เราพูดกันถึงเรื่องวัฒนะธรรมปจจุบัน อาระธรรมปจจุบันพอสมควร แลว ก็อยากจะพูดถึง ๒ - ๓ คําเกี่ยวกับอารยธรรมโบราณของปูยาตายาย. วัฒนธรรมหรืออารยธรรมโบราณของปูยาตายายนั้น เขาจะหุมหอ ประดับประดาผูหญิงไวในลักษณะอยางที่เปนของเก็บไวบูชาหรือมีเกียรติ. นี่เขา จึงพยายามหุมหอใหมิดชิด เหมือนจะเก็บเพชรพลอยแกวแหวนเงินทอง เขาหุม หอใหมิดชิด ใหเหมาะสม. นี่วัฒนธรรมโบราณก็พยายามหุมหอสตรีไวในภาวะที่ เหมาะสม, แลวก็ประดับประดาตกแตงในภาวะที่เหมาะสม ; ไมใชเปลื้องออก เปลื้อ งออก ปลดทิ้ง ปลดทิ้ง เหมือ นอารยธรรมแผนปจ จุบัน นี้. ใช คํา วา หุมหอและประดับไว ในลักษณะที่เปนของมีคา เหมือนกับวาจะเอาไวเปนของ บูชา เพราะวาเปนเพศของมารดา. ในครั้งพุทธกาลก็พูดถึงโสเภณี โสเภณีครั้ง พุทธกาลยิ่งตกแตงดวยเสื้อผาอาภรณ เครื่องประดับอื่น ๆ มากกวาคนธรรมดา ; เขาไมใชการเปลือยเปนสิ่งยั่วคนเหมือนโสเภณีสมัยนี้. คุณจําไวเถิด ไปคนดู ในพระไตรป ฎ ก ในอรรถถา จะพบวา ยิ่งเป น โสเภณี ยิ่งใชเสื้ อ ผามาก ยิ่งใช เครื่องประดับประดาตกแตงมาก, มีความสะอาดมากมีอะไรมากกวาคนธรรมดา ;

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๓๔๐

ฆราวาสธรรม

แลวเขามีกันเฉพาะในหมูคนชั้นร่ํารวยเปนเจา เปนนาย เปนเศรษฐี แลวทั้งนั้น ไมไดมีสําหรับสํามะเลเทเมา. ดังนั้น สตรีควรจะถือ วา เปน ภัณ ฑะสูงสุด , ถูก ประคบประหงม ถูกเชิดชูไวในฐานะเปนเพศของมารดา จึงหุมหอมิดชิด แลวประดับประดาใหนาดู นาเลื่อมใส ; นี้คืออารยธรรมโบราณของบรรพบุรุษ เรา. ดังนั้น จึงไมมีภาวะ จิตทรามอยูในอารยธรรมแผนนั้นในทางโลภะ. เดี๋ยวนี้เราพูดเรื่องโลภะ จิตทราม เพราะโลภะ เต็มไปในอารยธรรมแผนปจจุบัน ไมมีในอารยธรรมแผนโบราณของ ปูยาตายายของเรา หรือของชนชาติอื่น ๆ ดวย ซึ่งกําลังจะเปลี่ยนแปลง. ชาติ ที่ตอตานไวดีก็มีอยูหลายชาติ. บางชาติไมยอมเลิกใชสาหรี ; สาหรีที่พวกลังกา พวกอินเดียใชพันดวยผาผืนยาวใหมิดชิดขึ้นมาถึงศีรษะนั้น เขาไมยอมเปลี่ยนแปลง เครื่อ งนุง หม แบบนี้.เมื่อ ธรรมปาละแหง ประเทศลัง กากอ นจะตาย ก็ยังขอ รองวา ขอสตรีในประเทศของเราอยาไดเลิกใชสาหรีเลย. คือเปนหวงวาจะไป นุงผาแบบฝรั่ง. นี้เพราะเขากลัวความมีจิตทรามอยางนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คนไทยเราก็เคยมีเครื่องนุงหมที่มิดชิดก็ควรรักษาสงวนไว และอยา ไปตามกนฝรั่ง จะมีจิตทรามดวยการลดเครื่องนุงหมใหสั้นเขา, หดเครื่องนุงหม ใหสั้น เขา สั้น เขา สํา หรับ ผูห ญิง , เพื ่อ เปน เครื่อ งยั่ว เครื่อ งเลน ของผูชาย เปน ความเฟอ ในทางจิต ใจ ที่กํา ลัง เฟอ ลน เหลือ ไปสูก ามารมณ, แลว ก็ สงเสริมกันใหญ เพื่อใหสําเร็จตามนั้น,

การมีจิตทรามเพราะโลภะเปนอยางนี้ แลวก็ไมมีเวลาพูดถึงจิตทราม เพราะโทสะหรือโมหะ ; แลวไวคอยพูดถึงกันในโอกาสหลัง.

เดียวนี้นกกางเขนบอกเวลาวาหมดแลว เราก็ยุติกันไวทีกอน.


ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนใหม (โทสะ โมหะ) - ๑๙ ๘ พฤษภาคม ๒๕๑๓

สํ า หรั บ พวกเรา ล ว งมาถึ ง เวลา ๔.๔๕ น. แล ว ; เปน เวลาที ่จ ะไดบ รรยายตอ จากที ่ค า งอยู ส ืบ ไป. เรากํ า ลัง พู ด กั น ถึ ง เรื่ อ งภาวะจิ ต ทรามในอารยธรรมแผนใหม . ในครั้ง ที ่แ ลว มา ไดพ ูด ถึง ความมีจ ิต ทรามในแงข องโลภะว า ได เกิ ด ขึ ้น เนื ่อ งมาจากอารยธรรมแผนใหมอ ยา งไร ในวัน นี ้จ ะได พูดกัน ถึงความมีจิตทรามในแงของโทสะและโมหะตอไป. ขอใหระลึกนึกถึงความหมายของคําวา “อารยธรรมแผนใหม” อยูเสมอ และใหช ัด เจนดว ย. อารยธรรมแผนใหม ก็ค ือ เทคโนโลยี ่ เปน อารยธรรม เทคโนโลยี ่ห รือ อารยธรรมอุต สาหกรรม อารยธรรมแผนโบราณ ก็ค ือ ความ สว างไสวในทางวิ ญ ญาณ. ถ าสั ง เกตอะไรไม ได ก็ สั ง เกตแต เพี ย งว า อารยธรรม แผนใหม พอค่ํ า ลงก็ จ ะนึ ก ถึ ง แต ว า พรุ ง นี้ จ ะฆ า กั น อย า งไร จะเอาเปรี ย บกั น อย างไร ; อารยธรรมแผนโบราณนั้ น พอค่ํ าลงก็ นึ ก ถึ งวา สพฺ เพ สตฺ ต า อเวรา อ พฺ ยาปฺ ชา อ นี ฆ า สุ ขี อ ตฺ ต านํ ป ริ ห รนฺ ตุ อ ย างนี้ เป น ต น ; คื อ ค่ํ าล ง

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org

๓๔๑


๓๔๒

ฆราวาสธรรม

ก็ แ ผ เมตตาเจริ ญ ภาวนา นึ ก ถึ งเพื่ อ นเกิ ด แก เจ็ บ ตาย, นึ ก ถึ ง สั ต ว ทั้ ง หลาย, นึก ถึง พระเจา , นึก ถึง ศาสนา. นี ่อ ารยธรรมแผนโบราณ ที ่ค นเดี ่ย วนี ้เขาจัด ไว เป นของครึค ระเป น อยางนี้ .ส วนอารยธรรมแผนใหม ก็วา พรุงนี้ จะฆ าเขาอยางไร ใหไ ดม ากออกไปเทา ไร, หรือ เอาเปรีย บเขาใหไ ดเ ทา ไร มากออกไปเทา ไร. นี่ใจความสําคั ญ สั้น ๆ ที่ พ อจะให เขาใจความหมาย ของความแตกต างระหวาง อารยธรรม ๒ สาย หรือ ๒ แผน. ทีนี้ จะพูด กัน ถึง เรื่อ งความมีจิต ทรามในแงข องโทสะ. อยากจะ ขอย้ํ า สํ า หรั บ ผู ม าใหม อ ยู เสมอว า โลภะ โทสะ โมหะนี้ ถ า คุ ณ ไม รู จ ะแบ ง กั น อย า งไร หรื อ จํ า กั ด ความมั น อย า งไร ; ก็ ข อให จํ า กั ด ความง า ย ๆ ว า กลุ ม ที่ ๑ หรื อ กลุ ม ของโลภะทั้ ง กลุ ม นั้ น ก็ เพื่ อ จะเอาเข า มา. กลุ ม ที่ ๒ คื อ โทสะทั้ ง กลุ ม มั น ก็ เพื่ อ จะผลั ก ออกไป หรือ เพื่ อ จะทํ า ลายเสี ย . มั น ต า งกั น ลิ บ อั น หนึ่ ง จะเอา เขา มา ถนอมกอดรัด เสวยอารมณเ ขา ไว ; อีก อัน หนึ ่ง มัน จะผลัก ออกไป จะทํ า ลายเสีย ใหไ มม ีเ หลือ . กลุ ม ที ่ ๓ คือ โมหะนั ้น มัน โง มัน สงสัย มัน ลัง เล วิ ต กกั ง วลจนมองดู อ ยู ร อบ ๆ ด ว ยความหวั ง ด ว ยความงมงาย ; อย า งนี้ ไ ม มี อาการที ่วา จะดึง เขา มา หรือ จะผลัก ออกไปโดยเฉพาะ.สรุป วา ๑. เอาเขา มา ๒.ผลัก ออกไป ๓. วนอยู ร อบ ๆ. ถา ถือ หลัก อัน นี ้แ ลว ก็จ ะแบง แยก โลภะ โทสะ โมหะ ออกไดเปนพวก ๆ ไปไดโดยงาย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org กลุ มที่ ๑. เราพู ดถึ งโลภะมาแลว คื อหมายถึ งกลุมที่ จะเอาเขามากอด รัดไวบริโภคเสวยอารมณ เปนความสุขของตน ; ตอไปเปนกลุมที่ ๒. กลุ ม ที่ ๒. มี โทสะ - ประทุ ษ ร าย, โกธะ - โกรธ, พยาบาท - จองเวร, และอะไรอื่น ๆ อีกหลายชื่อ ; แต อ ยูในกลุม ที่อยากจะทํ าลาย หรืออยากจะผลั ก ออกไปทั้งนั้น. สําหรับกลุมโทสะหรือมุงรายนี้ มันก็มีมูลมาจากความเห็นแกตัว.


ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนใหม (โทสะ โมหะ)

๓๔๓

ขอใหจําปศาจตัวรายกาจที่สุดของมนุษยเอาไว ก็คือความเห็นแกตัว. อยาก จะตั้งตน มาตั้ง แตวา เมื่อ เทคโนโลยี่ หรือ อุต สาหกรรมไดทํา ใหเรามีเงิน มีของ มีทรัพยสมบัติมากจนเหลือใชเหลือสอย ; เพราะวิชาความรูที่สามารถเพิ่มการผลิต ที่มีอํานาจมหาศาลนี้ มั นทํ าใหเรามีเงินมีของเหลือ ใช ; เมื่อ มี เงินเหลือ มากขึ้น มันก็ชวน หรือมีชองที่จะใหทําบาปมากขึ้น. คุณจะเห็นดวย หรือไมเห็นดวย ที่ผมกําลังพูดวา เมื่อมีเงินเหลือใชมาก มัน มีชอ งและชวนใหทํา บาปมากขึ้น : มัน ยั่วใหทําบาปมาก ๆ และชอ งที่จะให ทําบาปใหญ โต มันก็มีมาก เพราะมีเงินมาก. มันแสดงอยูในตัวในการที่หาเงิน มาจนเกิน ความจํ า เปน นั ้น มัน เปน เรื่อ งความไมเ ปน ธรรม, เปน ความโลภ เป น อะไรไปอยู ในตั วแล ว ; มั น มี รากฐานมาจากสิ่ งนั้ น แล ว. แล วพอมี ม ากเข า ความคิดก็ไหลไปในทางที่จะทําบาปมาก แทนที่จะทําความเปนธรรม หรือทําบุญ. เพราะวายิ่งมี เงิน เหลื อใชม าก ก็ ยิ่งชวนให ขยายความเห็ นแกตั วออกไปให ม าก. ความเห็น แกต ัว ที ่เรามีอ ยู เทา ไรแตเ ดิม นั ้น มัน ก็ทํ า ใหห ามาไดเทา นั ้น เทา นี ้ ; พอมัน ไดม ามาก มัน ก็ช วน หรือ ยุใหข ยายความเห็น แกตัว นั้น ใหก วา งออกไป ใหลึกซึ้งออกไป.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org จะมองเห็นไดงาย ๆ : หาเงินมาดวยความเห็นแกตัว พอไดเงินมามาก ยิ่งเหลือใชเทาไรยิ่งขยายความเห็นแกตัวมากออกไปเทานั้น. ทีนี้ยิ่งขยายความ เห็นแกตัวมากออกไปเทาไร ก็ยิ่งมีการแขงขัน แยงชิง อิจฉาริษ ยามากเทานั้น. จะเห็ น อยู ได ชั ด ในโลกนี้ ยิ่ งมี การแข งขั น แย งชิ งอิ จฉาริษ ยากั น มากขึ้ น เท า ที่ ความเห็นแกตัวมันมากขึ้น ; เพราะความฉลาดในการทําตามความเห็นแกตัว. ยิ่ง มีก ารแขง ขัน แยง ชิง อิจ ฉาริษ ยามากเทา ไร ก็ยิ ่ง มองขา มคุณ คา แหง ชีวิต ของผูอื่น หรือของสัตวอื่นมากขึ้นเทานั้น.


๓๔๔

ฆราวาสธรรม

ความแขงขัน หรือความริษยามันมีอํานาจปกคลุมจิตใจใหมืดมน มัน จึงมองขามชีวิตสัตวอื่น ชีวิตของผูอื่น โดยความไมเปนชีวิต. กอนนี้เราเคารพ ในชีวิต หรือสิทธิในชีวิตรางกายของผูอื่นมากในอารยธรรมแผนโบราณมีความ สวางไสวทางวิญ ญาณ. พอมาถึง อารยธรรมเทคโนโลยี่อุต สาหกรรมนี้ เมฆ ความเห็นแกตัวมันครอบคลุมโลก เพราะฉะนั้นก็มองเห็นชีวิตอื่น สัตวอื่นเปน ของไมมีความหมาย ; ในที่สุดก็นําไปสูลัทธิอาณานิคม ลาเมืองขึ้นไปทั่วโลก. ลัทธินี้หรือสิ่งนี้ไมเคยมีในสมัยที่มนุษยรุงเรื่องอยูดวยแสงสวางทางวิญ ญาณ ; หรือวาในซีกโลกของมนุษยที่รุงเรืองดวยแสงสวางทางวิญญาณมาแตกอนมันไมมี ลัททธิอาณานิคมลาเมืองขึ้น ; มันมีก็แตในซีกในสวนทีหมุนไปหาอารยธรรมทาง วัตถุดังที่วามาแลว. พอมีเงินมีสมบัติมีอํานาจวาสนาเหลือใช มันก็ขยายความเห็นแกตัว ออกไปเปนลัทธิอาณานิคม ลาเมืองขึ้น นี้ความมีจิตทรามถึงสุดขีด ในการที่ จะเบียดเบียนซึ่งกันและกันอยางลึกซึ้ง. ลัทธิลาเมืองขึ้นนี้ คุณก็เขาใจดีอยูแลว ; อาศัย เครื่อ งมือ ไมใชเพีย งแตอ าวุธ มัน อาศัย เครื่อ งมือ ใตดิน เชน วัฒ นธรรม เชนศาสนา เชนศิลปอะไร ปรัชญาตาง ๆ อะไรเหลานี้ ถูกนํามาใชเปนเครื่องมือ ในการลาเมืองขึ้นทั้งนั้น. การลาเมืองขึ้นในทางวัฒนธรรม คือใชวัฒนธรรมเปน เครื่องปราบปรามผูอื่น หรือดึงเอามาเปนเมืองขึ้นของตัว ; นี่รายกวาการลาเมือง ขึ้นโดยทางที่ใชกําลังอาวุธไปอีก.เพียงแตการลาเมืองขึ้นโดยการใชกําลังอาวุธ เราก็ท นกันไมใครจะไหวอยูแลว. ในประวัติศ าสตรไทยก็เคยเจ็บ ปวดชอกช้ํา แสนสาหัสมาแลวในเรื่องการลาเมืองขึ้นโดยใชอํานาจอาวุธนี้ ; แตมันยังไมราย เทากับการเปนเมืองขึ้นทางวัฒนธรรม โดยทางจิตใจ, คือที่เขาเอาลัทธิหรืออะไร มาใสใ หใ นจิต ใจของเรา ; แลว ก็บูช าลัท ธิข องเขา : ยอมตามเขา อยา งนี้ เปนการลาเมืองขึ้นในทางจิตใจ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนใหม (โทสะ โมหะ)

๓๔๕

ทีนี้มีระดมกําลังกันทั้ง ๒ อยาง คือพวกลาเมืองขึ้นนั้น ไมไดดวยอํานาจ ก็เอาดวยเวทมนต, ไม ไดดวยกําลังก็เอาดวยเวทมนต, นี่ภ าษาพั งเพยเขามี อ ยู อยา งนี ้. ตา งคนตา งลา เมือ งขึ ้น แขง กัน ในบรรดาผู ที ่ม ีเงิน เหลือ ใช มี อํ า นาจ มากมาย. รวมความวา มัน เห็น แตจ ะได ไมน ึก ถึง ชีว ิต ของใคร ไมนึ ก ถึ ง เกีย รติย ศของใคร ไมนึก ถึง อารยธรรมของใคร ; เอาแตจ ะได. เอาเขามาอยู ในอํา นาจของเรา แลว กอบโกยประโยชนทางวัต ถุม าเปน ของเรา. ไมใ ชเรา ไปเปน เมือ งขึ้น เขา เพื่อ จะถือ ศาสนาของเขา ; ไมใ ชฝ รั่ง จะมาเอาพวกเรา เปนเมืองขึ้นเพื่อจะถือลัทธิศาสนาของเรา ; มันไมเคยมีอยางนี้. มันเคยมีแตวา ไปเอาเขาเปนเมืองขึ้นเพื่อจะทํานาบนหลังเขาเทานั้น นี้มันเปนการเห็นแตจะได เพาะนิส ัย ใจคอในการเห็น แตจ ะได - เห็น แตจ ะไดม ากขึ ้น ๆ จนมองขา มชี วิต หรือคาของชีวิตของผูอื่นจนเกิดชินเปนนิสัย. ขอใหสังเกตดูวา ลัทธินี้ มันตั้งตนขึ้นมาจากสัตวเดรัจฉาน. ในสมัย โบราณเขาเห็ น สัต วเดรัจฉานมี ค าเท ากับ มนุ ษ ยในทางความตาย. แตพ อมาถึ ง สมัยนี้ สัตวเดรัจฉานกลับเปนสิ่งที่ไมมีคา,คือ ฆ ามันไดตามที่เราชอบใจจะฆ า ; แลวก็ดูเครื่องมือสําหรับใชในการฆาซิ เชนยาฆาแมลง ยาปราบศัตรูพืชอยางนี้, ใชเครื่องบินโปรย. ถึงแมไมใชเครื่องบินโปรย ที่คนชาวบานใชอยูเปนประจําวัน มันก็มีฤทธิ์แรงมาก ที่จะฆาสัตวมีชีวิตเล็ก ๆ อึดใจเดียวตั้งหมื่นตั้งแสนตั้งลาน ; ขอใหดูอํานาจของยาฆ าแมลงสมัยนี้ ถูกแลวมั นมองกันในแงที่วา เราตองการ ประโยชนตองการกําจัด แมลง เราก็จ ะไดพืชผลมา ; แตแลวไมไดม องวา เรามี จิต ใจเปน ยัก ษ – เปน มาร มากขึ ้น โดยไมรูส ึก ตัว ; ไมรูส ึก ตัว โดยสนิท เลย ไมรูสึกตัววา จิตใจของเราทารุณโหดรายเปนยักษเปนมาร เปนภูตผีปศาจมากขึ้น ดวยการฆาสิ่งที่มีชีวิตคราวละแสน ละลาน ละโกฏิ ฯล ฯ โดยไมสะดุงสะเทือนใจ

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๓๔๖

ฆราวาสธรรม

อะไรสักนิดหนึ่ง, ไมมีการเวทนาสงสารเลยสักนิดหนึ่ง ; แลวในที่สุดมันก็เกิด เปนปญหาทางวิญญาณขึ้นมาร. ดังนั้นการที่รักษาจิต รักษาวิญญาณไวในลักษณะที่เมตตา กรุณา มองเห็นชีวิตอื่นเหมือนกับชีวิตเรานี้ มันมีผลลึกซึ้งในทางฝายวิญญาณ. อาจจะ ขัดกันไดกับประโยชนทางฝายวัตถุในบางกรณี ; แตถาเทียบราคากันแลวมัน นอยมาก กวาที่เราเสียไปในฝายวิญญาณ มันมีคามาก ; เพาะเชื้อแหงความ ทารุณโหดรายเขาไปในจิตใจ แลวตอไปมันก็ฆาคน. หลังจากฆาแมลง แลวมัน ก็จะกลายเปนฆาสัตวที่ดีกวาแมลง แลวก็กลายมาเปนฆาคน โดยวิธีเดียวกัน. ดังนั้นเราพรอมที่จะทิ้งระเบิดปรมาณูลงไปในหมูมนุษยดวยกัน ; เหมือนกับที่ เราฉีดยาฆ าแมลง. ทีนี้สิ่งที่เราไมตอ งการอยางอื่น ๆ มันก็ตามมา ; ศัพ ทวา “สังหารหมู” อยางนี้ มันก็มีเกิดขึ้นมาในลักษณะที่วา ฆาเพื่อนมนุษยกันอยาง ชื้นหนาชื่นตา ; สงสัยอะไรนิดหนอย แมยังพิสูจนไมได วาเขาเปนศัตรูหรือไม ก็พรอมแลวที่จะทําการสังหารหมู ; ชีวิตเพื่อนมนุษยไมมีคา. ถาเปนคนโบราณ เขายอมตายเอง ดีกวาที่จะไปฆาผูอื่น. สมัยนี้พอสงสัยอะไรนิดหนอยก็สังหารหมู หมูเล็กหมูนอย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุณก็ดูเอาเองก็แลวกัน ในประวัติศาสตรการเมือง ในประวัติศาสตร สงคราม มาถึง ปจ จุบัน นี้ ซึ่ง เปน ยุค ของการสัง หารหมูเต็ม ที่ ; นี่คือ ผลของ อารยธรรมแผนใหม ไมม ีใ นอารยธรรมแผนเกา . แลว การที ่ม ีอ ะไรยั ่ว หรือ หลอกใหค นฆา กัน นั้น มีม ากขึ้น จนสมัค รไปตาย หรือ ถูก บัง คับ ใหไ ปตาย . คําวา “บังคับนี้” คุณถือเอาความหมายใหหมดจดสิ้นเชิงหนอย : อาจเปนวา เขาบังคับดวยเงิน เขาบังคับดวยกามารมณ ก็ได. ทหารที่ไปรบยอมตาย เพื่อ หวังกามารมณเพื่อหวังเงิน นี้ก็มีอยูมาก ; หรือจะมากกวา ที่วาบังคับเพราะ กฎระเบียบ วาไมไปไมไดเพราะกฎหมายมีอยู. ฉะนั้นการหลอกลอก็คือการบังคับ


ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนใหม (โทสะ โมหะ)

๓๔๗

เหมือนกัน ; ใชการหลอกลอดวยอะไรที่มันรัก มันชอบ บังคับจิตใจมันใหมัน ไปตายได. ฉะนั้นในอารยธรรมแผนใหม จึงมีการกระทํา หรือวาความสามารถ กระทํ า ในการที ่จ ะใชค นใหไปตายเปน หมื ่น เปน แสน เปน ลา นก็ไ ดใ นที่ สุ ด เพราะเครื่องมือในการฆาคนมันมีมากขึ้น มันมีประสิทธิภาพมากขึ้น. ขอใหคุณมองดูในแงที่วา ความมีจิตทรามในแงของประทุษรายผูอื่นนี้ มันเกิดขึ้นไดอยางไร ? ความเห็นแกตัวเปนรากฐานตามเคย. ทีนี้ความเจริญ แผนวัต ถุนี้เ ปน แผนใหม, แผนเทคโนโลยี่อุต สาหกรรม นี้มัน ทํา ใหเ รามีเงิน มีอํา นาจ. เรีย กวา อํา นาจอยา งเหลือ ใชม ากขึ้น ก็ข ยายความเห็น แกตัว ไปใน ทางครอบงํา ผูอื่น จนกระทั่งมีนิสัย เลวทราม ขนาดที่ไมเห็น คุณ คา แหงชีวิต ของผู อื่ น . อาจจะทิ้ ง ระเบิ ด ลงมา ฆ า เขาที เ ดี ย วเป น หมื่ น เป น แสนได ; ซึ่งสมัยโบราณทําไมได เพราะวัฒนธรรมในทางจิตทางวิญญาณมันถูกอบรมไว เปนอยางอื่น. ยอมวิ่งหนีเองดีกวาที่จะฆาเพื่อนมนุษยทีเดียว เปนหมื่นเปนแสน เปนลาน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เปรียบเทียบกันอยางนี้ก็ได วาในสมัยโบราณดึกดําบรรพนั้น ถามีการ รบราฆาฟนกัน หรือการทะเลาะวิวาทกันเล็ก ๆ นอย ๆ จนขยายเปนสงคราม ระหวางหมู ระหวางพวก ระหวางประเทศอะไรก็ตาม ; สงครามนั้นมันก็เพื่อ ปองกันตัวอยางหนึ่ง, แลวสงครามนั้นเพื่อจะเอาประโยชนของผูอื่นมาเปนของตัว อีก อยา งหนึ่ง , มีเ ทา นั้น เอง. มีเ พีย ง ๒ ขอ งา ย ๆ วา เราจะปอ งกัน ตัวเรา เมื่อมีคนอื่นมาเบียดเบียน ก็ตองรบกัน ; ถามากกวานั้น หรือเลวกวานั้นก็คือ วา จะไปเอาของคนอื่นมาเปนของตัว. พอตกมาถึงสมัยเทคโนโลยี่นี้เขาทําสงคราม กันเพราะกลัววา ฝายอื่นจะเปนเจาโลก ; มันไมเหมือนสองขอที่แลวมา.


๓๔๘

ฆราวาสธรรม

กอนนี้เราทําสงครามปองกันตัว กับไปปลนเอาวัตถุ เอาสมบัติของ ผู อื่ น มาเป น ของตั ว .ที นี้ ค วามเจริ ญ แผนใหม ข ยายออกไปมากจนกระทั่ ง ทํ า สงครามดวยความกลัววา ผูอื่นจะเปนเจาโลก.ทีนี้ตางฝายตางกลัววาฝายอื่น จะเปนเจาโลกก็เกิดสงครามหาประลัย. เขาจะถือวาเปนของดีวิเศษอยางไรก็ตาม แตผมมองในแงเปนจิตทราม. ความทะเยอทะยานที่จะเปนเจาโลกนี้เปนจิตทราม ; แลวความกลัววา ผูอื่นจะเปนเจาโลก แขงขันกัน, หรือกลัวเขาจะเปนเจาโลกเสีย แลวเขาจะเบียดเบียดเรา อะไรก็ตาม, มันก็เปนโรคจิตทราม ; เปนความหวัง ไมชอบดวยเหตุผลเปนความกลัวไมชอบดวยเหตุผล. สิ่งที่เรียกวา “สงคราม” ก็เปลี่ยนไปตามยุค ตามสมัย ตามแบบของ อารยธรรม.ถ า พู ด ถึ ง สงครามป อ งกั น ตั ว มั น ก็ ยั งมี ข อบเขต ; ป อ งกั น ตั ว เกิ น ขอบเขตก็ถือวาเปนความผิดเปนอาชญากรรม.ถาถือตามลัทธิศาสนาแลว การ ปอ งกันตัวกระทําไดในขอบเขตที่จํากัดที่สุดเฉพาะที่เปนการปองกันตัวจริง ๆ. ปองกันตัวเกินกวาเหตุ ปองกันตัวชนิดที่วาดไวไกล อยางนี้ไมยอมให ; แลว กลั บ สอนไปในทางให อ ภั ย ให ย อมเสี ย มากกว า . ส ว นการที่ จ ะไปปล น เอา ประโยชนของผูอื่นมาเปนของตัวนี้ ยิ่งไมมี ยิ่งทําไมได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เดี๋ยวนี้ไมตองคิด เรื่องปองกันตัว หรือวาปลนเอาประโยชนผูอื่น ; เราตองการเปนเจาโลกตองการจะเอาโลกทั้งหมดไวเปนของเรา อยูในอํานาจของ เรา. นี่มันทรามทั้งในแงโลภะ มันทรามทั้งในแงโทสะ. มันทรามทั้งในแงโมหะ. มันโลภมากเกินไป, มันประทุษรายผูอื่นมากเกินไป, แลวมันโงไปทําสิ่งที่ไมควร ทํามากเกินไป ; แลวก็มีผลเปนอยางไร ? คุณดูเอาเถิด. มันเบียดเบียนตนเอง และเบียดเบียนผูอื่นเหลือประมาณ. ในการที่อยากเปนเจาโลกนั้นมันตองเกลี้ย กล อ มกั น เอง ให ย อมตาย ยอมไปรบ ไปทํ า อะไรต า ง ๆ ให ยิ่ ง ขึ้ น กว า เดิ ม ;


ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนใหม (โทสะ โมหะ)

๓๔๙

ฉะนั้นคนจึงสมัครไปตายมากกวาสมัยโบราณ ; ในสมัยประชาธิปไตยแท ๆ นี้ยัง หลอกกันใหไปตายไดมากกวาสมัยโบราณ ; เพราะวาเปนประชาธิปไตยที่มึนเมา ไปดวยวัตถุนิยม. สมาชิกของประชาธิปไตยทั้งหมดมึนเมาดวยวัตถุนิยมมันก็ สมัครตายเพื่อวัตถุนิยม ฉะนั้น จึงหาคนไปตายไดมากในสมัยประชาธิปไตยนี้ ยิ่งกวาในสมัยกอน ซึ่งเปนเผด็จการ หรือเปนอะไรก็ตาม. นี่ก็เปนผลของเทคโนโลยี่ ของอุตสาหกรรม ของอะไรดวยเหมือนกัน. หมายความวาสิ่งนี้มันทําใหคนหลงในเนื้อหนัง. เมื่อหลงความเอร็ดอรอยทาง เนื้อหนังแลว ก็สมัครตายไดอยางชื่นหนาชื่นตา เขาก็เอาเรื่อ งเอร็ดอรอยทาง เนื้อหนังนั้น ไปลอใหรบ, รบเพื่อใหไดมาซึ่งความเอร็ดอรอยทางเนื้อหนัง ของ สวนรวม ของประเทศชาติ. แตแลวเขาก็พูดไพเราะกวานั้น วาเพื่อเกียรติยศ เพื ่อ ความถูก ตอ ง เพื ่อ ความเปน ธรรม เพื ่อ อะไร ; แลว คุณ ดูเถิด วา มัน มี ความเป น ธรรมที่ ต รงไหน ? ที่ ทํ า กั น อยู ในเวลานี้ มั น เพื่ อ ประโยชนฺ ข องตั ว . ประเทศมหาอํ านาจก็ พู ด ออกมาโต ง ๆ เป ด เผยโต ง ๆ ชั ด ถ อ ยชั ด คํ าเลย ว า เพราะกลัวฝายโนนจะยึดครองเอเซีย หรือจะยึดครองโลก ; นี่พูดกันชัด ๆ อยางนี้ พูดกันดัง ๆ พูดกันชัด ๆ วา เพราะกลัวอีกฝายหนึ่งจะยึดครองโลก.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี้ไมใชเพียงแตวาชวนคน ชวนบุคคลในประเทศของตัวไปรบ มัน ชวนประเทศอื่น ๆ ใหเขา กลุม กัน รบ ; เพราะฉะนั้น มัน จึ่ง รวมเปน กลุม ใหญ คือหลาย ๆ ประเทศรวมกันเปนกลุมหนึ่ง, แลวก็รบกันเพื่อความตาย เพื่อความ วิน าศ. นี่ไ มใ ชช วนคน ๆ หนึ่ง มารบกัน , เขาชวนประเทศเปน ประเทศ ๆ เขา มาเปน พวกแลว เพื ่อ รบกัน เทา นั้น ไมใ ชเ พื ่อ อะไร ; เพื ่อ ฝน คํ า สั ่ง ของ พระเปน เจา ที ่ส อนไววา ใหอ ภัย . นี ่ค ือ ความมีจิต ทรามของมนุษ ย ในยุ ค อารยธรรมแผนใหมในแงของโทสะ ความคิดที่จะประทุษรายผูอื่น.


๓๕๐

ฆราวาสธรรม

โทสะนี้ พอลงไปกระทําเขา, โทสะที่ตอนตนเปนเพียงประทุษรายผูอื่น อยูใ นใจนั้น , มัน ก็ข ยายออกไปเปน ความโกรธ. พอประจัน หนา พอรบกัน มี การรบกัน เลื อดตกยางออก นิ ด เดี ยวเท านั้ น , มั น ก็มี ความโกรธ. โกรธมาก ขนาดเลือ ดเขา ตา มัน ก็ไ มเห็น วา ชีวิต เปน ชีวิต ; มัน ไมไ ดนึก ถึง ชีวิต ไมได นึกถึงคุณธรรม, ไมไดนึกถึงพระเจาอะไรทั้งนั้นแลว มันก็ฆาอยางฆาเนื้อฆาปลา เหมือนเราฆาแมลงอยางนั้น. การทิ้งระเบิดปรมาณูใสเพื่อนมนุษยดวยกัน ก็เหมือน กับการที่เราฉีด ดี ดี ที. ฆาแมลง ; มีความหมายเปนอยางเดียวกัน. ทีนี้ พอเปนความโกรธมันก็งอกงามไปในทางระยะยาว; ความโกรธ ระยะยาวก็กลายเปนความพยาบาท อาฆาต จองเวร. นี่คําวาโทสะ คําวาโกธะ และคําวา พยาบาทจองเวรอาฆาต มันมีอยูเปน ๓ ตอน, ทํางานประสานกันไป, สงเสริมประสานกันไป. เดี๋ยวนี้โลกเราเต็มไปดวยความอาฆาต จองเวร ; บรรยากาศรอบ โลกนี้ ถาคุณมีตาทิพยคุณจะมองเห็นวาเต็มไปดวยบรรยากาศแหงความอาฆาต จองเวร.เห็ นไดงาย ๆ จากวิท ยุกระจายเสียงทั่วทั้ งโลกนี้ พู ดออกมาแตความ อาฆาตจองเวรทั้งนั้น . เรียกวาบรรยากาศของโลกกลุม ไปดวยความมุงราย ; ฝายนี้ก็มุงรายฝายนั้น ฝายนั้นก็มุงรายฝายนี้; ประเทศไทยเราอยูฝายไหนก็มุง รา ยต อ ฝ า ยตรงกั น ข า มเหมื อ นกั น .นี่ บ รรยากาศเต็ ม ไปด ว ยกลิ่ น ไอของความ อาฆาตจองเวร ; จากโทสะ มาเปน โกธะ, จากโกธะ มาเปน อาฆาตจองเวร ; แลว ก็ก ลายเปน “อาณาจัก รแหง ความกลัว .” คํา นี้ก ็เ ขา ทีเ หมือ นกัน ที่วา โลกนี้ทั้งโลกเปนอาณาจักรแหงความกลัว คือวาเต็มไปดวยความรูสึกกลัว ; ไมมี ใครมีจิตใจ สะอาด สวาง สงบได เพราะเต็มไปดวยความกลัว. ฝายที่แพอยู ก็ก็กลัว, ฝายที่ชนะอยูก็กลัว. ชนะนั้นก็รูวามันชนะไมจริงชนะชั่วคราวเดี๋ยวมัน

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนใหม (โทสะ โมหะ)

๓๕๑

ก็ก ลับ แพอีก ; เพราะฉะนั้น มัน ก็ก ลัว . คุณ ดูซิ เขารบกัน ในโลกทั่ว ทั้งโลก เวลานี้ใครบางที่ไมเต็มไปดวยความกลัว. เพราะฉะนั้นความมีจิตทรามตอความประสงคของพระเจา คือไม อํานวยตามความประสงคของพระเจาอยางนี้มันก็รบกันทั้งโลกมากขึ้นทุกที ; รบกัน ทั้งโลก และก็มากขึ้นทุกที. ดังนั้นอาณาจักรแหงความกลัว มันก็ขยายออกไป ทุก ที เต็ม โลก ; แลว ก็จ ะลน ไปโลกอื่น ๆ ถา มัน ไปถึงเขา ดว ยมนุษ ยพ วกนี้. ต อ ให ไปอยู โลกพระจั น ทร มั น ก็ ไม พ นจากความกลั ว. ผลก็ คื อ วาทํ าให เกิ ด มี ความสะดุงหวาดเสียว ในทางจิตในทางวิญญาณอยูตลอดเวลา ฉะนั้นจึงมีความ วิปริตเกิดขึ้นในหมูมนุษยทางดานจิตดานวิญญาณ ; แลวเปนไปในทางทราม ไมไดเปนไปในทางสูง ; มันตรงกันขาม คําวา “ทราม” กับ คําวา “สูง” นี้มัน ตรงกัน ขา ม. เมื่อ ไมสูง แลว มัน ก็ไ มส วย ไมส ดชื่น ไมมีอ ะไรตอ ไปอีก ; เรา ก็พ อจะมองเห็น ทัน ทีวามันทราม ; ในฝายวัต ถุก็ทราม ในทางฝายวิญญาณ ก็ทราม ซึ่งเปนการทรามอยางใหญหลวงลึกซึ่งที่สุด.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่ผมคิดวา จะพอกระมังสําหรับชี้ใหเห็นภาวะจิตทรามของอารยธรรม แผนใหม, ในอารยธรรมแผนใหม, หรือโดยอารยธรรมแผนใหม ในฝายโทสะ คือประทุษรายผูอื่น. ตอ ไป มองดูก ัน ในเรื่อ งที ่ ๓ คือ วา จิต ทรามในแงข องโมหะ. สํ า หรับ คํ า วา โมหะมีชื ่อ เรีย กไดห ลายชื ่อ มัน แปลวา มืด . คํ า แทนชื ่อ หรือ ไวพจน ข องโมหะมี ว า อั น ธการ. อั น ธะ - แปลว า มื ด , การะ – แปลวา การกระทํ า , อัน ธการ - แปลวา กระทํ า ความมืด เหมือ นตาบอด, กระทํ า ความมื ด เหมื อ นกั บ ตาบอด; สมกั บ ที่ เราจะเรี ย กยุ ค นี้ ว า “ยุ ค มื ด ในทาง วิญญาณ.”


๓๕๒

ฆราวาสธรรม

ยุคมืดในทางวิญญาณ คือ ลูกตาของเรานี้ไมไดบอด และมนุษยเรา มีความกาวหนาในทางการแพทย อาจจะเปลี่ยนลูกตาได อยางนี้เปนตน ; ลูกตานี้ ไมไ ดบ อดแตแ ลว มัน บอดในฝา ยวิญ ญาณ, ในทางดวงตาฝา ยวิญ ญาณ, หรือ บอดในตัว วิญ ญาณนั ่น เอง, มัน มืด ในทางวิญ ญาณ. นี ่ค ือ โลกในยุ ค มื ด มัน มืด อยา งนี ้เ พราะอํ า นาจของโมหะ ซึ ่ง เปน อัน ธการ คือ การกระทํ า ที่ เป น ความมื ด เหมื อ นกั บ ตาบอด. โมหะ หรื อ อั น ธการ นั ้ น คื อ สิ ่ ง เดี ย วกั น . ทีนี ้เ มื ่อ มืด แลว มัน ก็เ ปน พาลไปไดท ุก อยา งทุก ประการ, พาละ หรือ เปน พาล นั ่น แหละ, มัน จะมีค วามเปน พาลไดท ุก อยา งทุก ประการ ในเมื ่อ เรามั น มื ด , มันมีวิญญาณมืด. คํ าวา “พาล” นี้ คุ ณ เรีย นแต ห นั งสื อ ไทย คุ ณ ไม รูวาคํ าวา “พาล” นี้ เขาแปลวา ออ น, แปลวา โง ; ไมใ ชแ ปลวา อัน ธพาลรัง แกผู อื ่น . เขาแปลว า มัน ออ นยัง ออ นอยู , แลว ก็โ ง. พอมัน โง แลว ก็รัง แกผู อื ่น นั ้น เป น ธรรมดา. ตัว หนัง สือ แท ๆ มัน แปลวา ออ นหรือ โง ; เด็ก คลอดออกมาจากทอ งแม ยัง เล็ก ๆ เปน ทารก นี ้เรีย กวา เปน “พาละ” เหมือ นกัน เปน พาลทั ้งที ่ม ัน ไม ได ทํ า ผิด อะไรไมไ ดรัง แกใครสัก ที, แตภ าษาบาลีก ็เ รีย กวา “พาละ” แปลว า ยัง ออ นอยู . ผลไมย ัง ออ นอยู  อะไรยัง ออ นอยู  ก็เ รีย กวา “พาละ” ทีนี้ สู ง ขึ ้น มาจนโตแลว ความเปน พาลนั ้น มัน ไปอยู ที ่ค วามโง. เราอาจจะพูด ไดว า เด็ ก ๆ เพิ่ ง คลอดออกมานี้ ยั ง ไม รูอ ะไรก็ เหมื อ นกั บ โง คื อ ยั ง ไม รูอ ะไร, หรือ ว า ปญญายังไม develop ออกมา, นี้ก็ยังถือวาโง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ความเป น พาลก็ คื อ ความอ อ น, อ อ นต อ ทุ ก สิ่ ง อ อ นต อ วิ ช าความรู ออ นตอ ความเจริญ ทางรา งกาย อะไรก็อ อ นไปทั ้ง นั ้น แหละ ; แลว มัน ก็ มี ความหมายเปน ความไมรู  ยัง ไมรู  ; นี ่เ รีย กวา “โมหะพื ้น ฐาน” ; เรามี ค วาม เป น พาลเป น โมหะพื้ น ฐานอยู ก อ นแล ว . คนพาล คื อ คนโง หรื อ คนอ อ น ;


ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนใหม (โทสะ โมหะ)

๓๕๓

แลวจะทํ าอะไรไดบางมั นก็ทํ าผิด หมด, ทําผิดหมดเลยทุ กอยางที่ มันจะผิดได สําหรับคนออนและคนโง.ทีนี้สําหรับยุคปจจุบันนี้ โลกในอารยธรรมเทคโนโลยี่ อะไรนี่มัน ยิ่ง เปน พาลมากขึ้น . คุณ จะฟง ถูก หรือ ฟง ไมถูก : มัน เฉลีย วฉลาด ที่สุด ในเทคโนโลยี่ หรือ อุต สาหกรรม แตมัน มีค วามเปน พาลมากขึ้น ; เปน คนออ น หรือ คนโง ไมป ระสีป ระสาตอ พระเจา หรือ ตอ สิ่ง สูง สุด มากขึ้น, จนกระทั่งไมรูวา เกิดมาทําไม. มันหลับหูหลับตาดวยเรื่องวัตถุนิยม แลวมัน ก็ไมตองกรูวาเกิดมาทําไม. คุณดูใหดี ๆ วา ยุคนี้ยุคอารยธรรมแผนใหมนี้ เปนยุคที่มนุษยไมมี บิดามารดา ครูบาอาจารยไมมีพระเจา ไมมีศาสนา ไมมีบุญ ไมมีบาป ไมมีนรก ไม มี ส วรรค น ะ ; แต ใ นโบราณเขามี แ ต ค วามคิ ด เรื่ อ งที่ จ ะมี , หรื อ เคารพ บิดามารดา ครูบาอาจารยคนเฒ าคนแก; กลุมนี้เอาเปนกลุมหนึ่งกอน คือบิดา มารดา ครูบาอาจารย คนเฒาคนแก. เอาละ ผมไมอยากจะพูดดูถูกคุณ อีก ตามเคยวาคุณมีอายุนอย ไมทันเห็นสมัยที่คนเรานี้เคารพคนเฒาคนแกอยางยิ่ง เหมือนในสมัยโบราณเมื่อ ๕ -๖๐ป ๗๐ -๘๐ ป.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ผมเมื่ อ เด็ ก ๆ เป น เด็ ก วั ด อยู วัด ; ไหวค นแก ไม รูกี่ รอ ยกี่ พั น ครั้ง เพราะอาจารยบังคับ. เราวิ่งเลนอยูกลางสนามหญากลางลานวัด ถาคนแกผานวัด เดิน ไปธุร ะ ก็ตอ งไหว ; ไมไ หวก็ถูก เฆี่ย นไมมีอ ะไรมากไปกวา นั้น . ทํางาน อยูแท ๆ ทํางานขุดดินทําสวนครัวอยู ; เผอิญวัดที่ผมอยูเปนทางผานกลางวัด ไปสู ฝ า ยโนน ; มีค นแกม า, ตอ งทิ ้ง จอบไหว คุก เขาไหว. คนแกใ นที่ นี่ ไ ม จําเพาะวาคนดี คนไมดี คนบาคนบออะไร ไมตองวินิจฉัย ; เพราะเราไมอาจ จะวินิจฉัยไดวา เปนคนแกที่ดีหรือไมดี. ถาเห็นคนแกแลวไมไหวละก็ถูกเฆี่ยน.


๓๕๔

ฆราวาสธรรม

คนแกที่ดี ที่มีเกียรตินั้นก็รูกันอยูแลว ก็ไหวดวยความเต็มใจ ; แตที่ไหวคนแก ที่ ไม รูจั ก นี้ มั น กระอั ก กระอ ว น ; แล ว บางคนเราก็ เหมากั น เอาเองว า เป น คน บา ๆ บอ ๆ แต ที นี้ หั ว ของเขาหงอกขาว ก็ ต อ งไหว . นี้ ส มั ย ผมเป น เด็ก, สมัยคุณคงจะไมไดเห็นกระมัง, คือเปนอะไรกันไปเสียตั้งแตเด็กแลว. ทีนี้โดย ทั่วไปประชาชนพลเมืองนี้ก็เคารพคนเฒาคนแก,หมูบางหนึ่งตองมีคนเฒาคนแก. ถาจะวานขนทราย ไปบอกคนแกประจําหมูบานคนเดียว, ลูกหลานมาทั้งบาน เป น หางไปเลย, ขนทรายพั ก เดี ย วได ก องเบ อ เร อ . เดี๋ ย วนี้ ทํ า ได ที่ไหน ในสวนโมกขเวลานี้ทรายกองนั้นตั้ง ๕๐๐๐ บาท ตองซื้อรุนนี้รุนหลังนี้ ทั้งหมด ที่เราซื้อ; ถาเปนสมัยกอนอํานาจของคนแกดึงดูดลูกหลานมาเปนหาง – เปนพวง ขนทรายไดไมตองเสียสตางค. นี่มันเนื่องกันอยูอยางนี้. ความไม มีคนเฒ าคนแกกับมี คนเฒ าคนแก มันผิดกันลิบ ลับ เลย. สมัยนั้นคนเฒาคนแกหามทีเดียวมันหยุดหมด, อันธพาลไมมี. ดังนั้นคนสมัย นั้นจึ่งนอนบนแครใตถุนเรือน ตากลมไดจนสวางอยางสบาย. เดี๋ยวนี้ไปนอน อยางนั้นเขา ถูกยิงตาย; เพราะวาวัฒนธรรมที่มีจิตใจออนโยนสุภาพมันหมดไป เพราะไมมีคนเฒาคนแก. เพราะฉะนั้นการเคารพคนเฒาคนแกนั้น มันเปนอะไร ที่วิเศษสูงสุด , แมจะรวมคนแกโง บา ๆ บอ ๆ เขาไวในกลุม นั้น ดวย ก็ยังดี, คือมันทําใหเด็ก ๆ มีจิตใจออนโยน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org การเคารพบิดามารดาก็ไมเหมือนสมัยโนน ซึ้งตองกราบเทาพอแม ทุก คืน เดี๋ย วนี้ก็ไ มทํา กัน ครูบ าอาจารย สมัย นี้ก็เ ปน ของสํา หรับ ลอ เลน, เรี ย กอ า ยเรี ย กอะไรเหมื อ นกั บ ศั ต รู อย า งนี้ ก็ มี .ครู บ าอาจารย ในระเบี ย บ มหาวิทยาลัยที่เมืองนอก ผมไมเคยไปเรียน แตไดยินไดฟงเขาเลามาวา ไมมี ครูบาอาจารย, ไมมีความรูสึกเคารพอยางครูบาอาจารย, หยอกลอเลนเหมือน


ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนใหม (โทสะ โมหะ)

๓๕๕

เพื ่อ นกัน . ครูบ าอาจารยต อ งทํ า เฉย เพราะเปน ประชาธิป ไตย. ลู ก ศิ ษ ย อยากจุด ประทัด โยนใสต ีน ครูอ าจารยก็ทํ า ได ; ไมถ ือ วา ผิด อะไร ไมถือ วา เสี ย หายอะไร.มันเกิดเปนความไมมีครูบาอาจารยขึ้นมาโดยไมรูสึกตัวเลย. ความหมาย ของบิดามารดา ครูบาอาจารย คนเฒ าคนแก หายหมด ; ในโลกสมัยปจจุบั น อารยธรรมแผนปจจุบันมันนําผลมาอยางนี้ เพราะทุกคนมันบูชาเนื้อหนัง. ที นี้ ก็ ม องต อไป ถึ งพระเจ า ถึ งศาสนา ซึ่งสู งไปกวา มั น ก็ ไม มี อี ก , พระเจา ตายแลว ; ศาสนาก็ไ มจํ า เปน เอาไวเ พีย งเปน เครื ่อ งมือ การเมื อ ง พวกหนุ ม ๆ ชาวตา งประเทศที ่เราเรีย กวา ฝรั่ง ชาติไ หนบา ง ผมก็ไ มท ราบ พวก Peace Corp โดยมากที่มาที่นี่.เราถามวา นับถือศาสนาอะไร ? สวนมากตั้ง ๘๐ เปอร เซ็ น ต . เฉลี่ ย แล ว ราว ๆ นั้ น ตอบว า “ผมไม มี ศ าสนา” ด ว ยความ ภาคภูมิใจที่ตอบอยางนี้ วา “ผมไมมีศาสนา” แลวเลือดเนื้อของคุณเปนศาสนา อะไร ? ทดลองถามอยา งนี ้ ; หมายถึง บิด ามารดาเปน คริส เตีย น เปน อะไร ? เขาตอบวา “ผมเปนคนไมมีศาสนา,กําลังเปนคนไมมีศาสนา, ไมอยากมีศาสนา” “แลว มาที ่นี่ทํ า ไม ?” “เพื ่อ ศึก ษาวิช าสํา หรับ แกป ญ หาวิชีวิต ”. นี่แ หละคื อ โง ที่สุดเลย ; นั่นแหละคือศาสนา; เครื่องแกปญหาในชีวิตนั้นแหละคือศาสนาแลว. แตเขาปฏิเสธ เปน คนไมม ีศ าสนา ทั ้ง ๆ ที ่กํ า ลัง มาหาสิ่ง ที ่เรีย กวา ศาสนา. เขาถู ก สอนให ม องอะไรไปในแงข องวิ ท ยาศาสตร หรือ กฎของธรรมชาติ เรื่อ ง วิท ยาศาสตรไปหมด, ไมม องไปในลักษณะที่จะเรียกวาศาสนา ; แตนั่น แหละ คือศาสนา การทําตนใหถูกตองตามกฎของธรรมชาติ นั้นแหละคือศาสนา อยางยิ่ง มันดับทุกขไดสิ้นเชิง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี ่เ ขามองขา มศาสนาจะสมัค รเปน ผู ไ มม ีศ าสนา ไมม ีพ ระเจา , พระเจาตายแลวทั้งนั้น. ทีนี้มันก็พลอยไมมีบุญ ไมมีบาป ไมมีนรก ไมมีสวรรค


๓๕๖

ฆราวาสธรรม

ไปเลย. บุญ บาป ไมรูไ มชี้, จะรูจ ะชี้แ ตป ระโยชนที่ต นจะได, มัน จะเป น เรื่อ งบุญ หรือ เรื่อ งบาปไมรับ รู ตอ งการแตป ระโยชนเปน วัต ถุ. ถา จะใหเรียก วาบุญ ก็วา นั่นแหละคือบุญ ละ, คือ ไดนั่นแหละดี ; สวนนรกสวรรคไมตอง พูด ถึง กัน . ที่เขีย นไวใ นคัม ภีรห รือ ฝาผนัง โบสถ ถือ วา เปน เรื่อ งบา ๆ บอ ๆ ไม ต อ งพู ด กั น ; ประโยชน นั่ น แหละคื อ สวรรค . นรกก็ ไม ต อ งกลั ว เพราะว า ประโยชนนั้นมันเปนสวรรคเสียแลว. เดี๋ยวนี้ ถาจะถามวาเขามีศาสนาอะไรกัน ? มันก็คือสิ่งที่เขาบูชาสูงสุด เปน สิ ่ง สูง สุด ;มัน ก็ ศาสนาเงิน ศาสนาวัต ถุ, บูช าวัต ถุ บูช าความ เพลิด เพลิน ทางเนื้อ หนัง . ในที่สุด ก็ไ ปบูช าเครื่อ งมือ ที่จ ะใหไดสิ่ง เหลา นี้มา มัน ก็บูช า เทคโนโลยี่ ; หายใจเปน เทคโนโลยี่ทั้ง เขา ทั้ง ออก. หายใจออกก็ เทคโนโลยี่ หายใจเขาก็เทคโนโลยี่ ; เพราะมันเปนเครื่องชวยใหเราไดในสิ่งที่ เราอยาก กระหาย คอแหงอยูตลอดเวลา. นี้ก็เรียกวาโลกปจจุบันนี้ถือศาสนา เทคโนโลยี่; ผมวา เปนโรคจิตทราม ไปบูชาเครื่องมือที่จะไดความเอร็ดอรอย ทางวัตถุแทนพระเจา แทนศาสนานี้เปนโรคจิตทราม, เปนโมหะ, ประเภทโมหะ เปนโรคจิตทราม เพราะฉะนั้นจึงมีการกระทําสิ่งที่เปนโมหะ ที่วาเปนพาลนั้น คือออนปญญา ออนกําลัง ออนความคิด ออนไปทุกอยาง ; ไปทําสิ่งที่ไมควรทํา เต็มไปดวยสิ่งไมควรจะทํา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เหมือนที่เคยพูดวา ใหคุณไปเดินสํารวจตลาดที่กรุงเทพ ฯ, ตลอด ยา นการคา ทั้ง หมด,ไปดูวา อะไรจํา เปน แกชีวิต ที่มีข ายอยูใ นรา น ในหาง ในอะไรเหลา นั้น , จะพบวา ตั้ง ๙๕ เปอรเซ็น ต ไมใชสิ่งที่จํา เปน แกชีวิต . แต ทําไมมันจึงมีไดตั้ง ๙๕ เปอรเซ็นต ? นี่เพราะมันเปนความโง ความเปนพาลของ มนุษ ยเหลานั้น. สิ่งที่จําเปนแกชีวิตมีสัก ๕ เปอรเซ็นตเทานั้น ๙๕ เปอรเซ็นต ไมจําเปนเลย ; และยิ่งแพง - ยิ่งแพง ๆ ขึ้นไป ก็ลวนแตสิ่งที่ไมจําเปนแกชีวิต


ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนใหม (โทสะ โมหะ)

๓๕๗

ทั้ ง นั้ น . ที นี ้ ค วามโง ค วามเป น พาลนั ้ น มั น เห็ น ว า เป น สิ ่ ง ที ่ จํา เป น แก ชีวิต . นี่ชวยระวังใหดี รวมทั้งตัวคุณเองดวย จะไปเห็นสิ่งที่ไมจําเปนแกชีวิต กลายเปน สิ่ง ที่จํา เปน ที่สุด แกชีวิต ไปก็ได ถา ความเปน พามัน ยัง มีอ ยูม าก ; มัว ไปทําสิ่ง ที่ ไม จําเป นจะต องทํ า. ไปทํ าสิ่ งที่ ไม ควรทํ า นั้ น มั น ยั งเบาไป ; สิ่ งที่ ไม ต องการ กระทํ า เลย ๑๐๐ เปอรเซ็น ตนี ้ นี ่ม ัน ก็ไ ปทํ า . แลว มัน ก็เห็น วา เปน สิ ่ง ที่ ค วรทํ า และมีเกียรติที่สุด. ผมมีความเห็นอยางนี้ รูสึกอยางนี้ มันก็อาจจะเปนเพราะความเมา ในศาสนา ในพระเจา อะไรไปมากก็ไ ด ; แตผ มรูสึก อยา งนี้ ผมก็พูด อยา งนี้ วาเดี๋ยวนี้กําลังทําในสิ่งที่ไมจําเปนจะตองทํานี้มากขึ้น. จะยกตัวอยางเชนการที่กําลังนิยมกันวาวิเศษที่สุด มีฝไมลายมือสูงสุด เชนการเปลี่ยนหัวใจของมนุษย หรือเปลี่ยนอะไรก็ตามในระดับนั้น, ความรูความ สามารถในระดับนั้น; ผมวาไมจําเปนจะตองทํา. ถาทําก็เปนเรื่องทําดวยความโง คือ หลงไปวา มัน ประเสริฐ มัน วิเศษ มัน ยาก มัน มีเกีย รติ แลว เราจะตอ งทํา ใหไ ด. แมก ารกระทํ า ถึง ขนาดนี ้ ถึง ขนาดที ่เ ปลี ่ย นหัว ใจนี ้ม ัน โง, พระเจ า ไมตองการใหทํา เพราะมันไมมีผลคุมคา. การที่ลงทุนทํานั้น มันก็ยุงยากลําบาก กระทั่งเสียเวลา เอาเวลาไปทําอยางอื่นดีกวา. ถาถึงขนาดที่จะตองเปลี่ยนหัวใจ แลว ก็ไ มต อ งทํ า , ปลอ ยใหม ัน เปน ไปตามธรรมชาติด ีก วา , การเปลี ่ย นหั วใจ หรือ ทํ า อะไรขนาดนี ้ มัน จะไดผ ลชั ่ว ขณะเล็ก นอ ยเทา นั ้น , มัน ใหผ ลชั ่ว ขณะ เล็ก นอ ยเทา นั้น เพราะมัน ฝน ธรรมชาติม ากเกิน ไป. มัน จะมีผ ลใหใชไดเพี ย ง ชั่ว เวลาเล็ก นอ ยเทา นั ้น ไมคุ ม คา ทํ า . แลว มัน เปน การฝน ความประสงคของ พระเจานั้นก็หมายความวา มันทําความยุงยากมากเกินกวาเหตุ,โดยเหตุผลแลว ไมควรทํา ไมคุมคากัน. ที่ไปอางวาเพื่อเมตตากรุณาเพื่ออะไรนี้ มันกลายเปนเพื่อ

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๓๕๘

ฆราวาสธรรม

ทรมานมากกวา , เพื่อ ทํา ใหไดรับ ความทรมานมากขึ้น ไปกวา ที่ค วร. แมมีชีวิต อยูตอ ไปไดอีก ก็ค ลา ย ๆ กับ เปน คนพิก าร เปน คนครึ่ง พิก ารไปเทา นั้นแหละ. นี่แหละไปทําในสิ่งที่ไมตองทํา ที่พระเจาบัญญัติไววาไมตองทํา ; ไมใชไมควรทํา มัน ยิ่ง กวา ไมค วรทํา , คือ ไมตอ งทํา . อยา งนี้ตอ ไปจะมีม ากขึ้น , จะไปทํา สิ่งที่ ไมตองทํา ในลักษณะอยางนี้มีอีกหลาย ๆ อยาง จะมากขึ้น. กิจ การ อวกาศ จะไปโลกพระจัน ทร โลกอัง คารนี ้ ก็เ ปน เรื่อ งที่ ไมตองทํา, ฝนความประสงคของพระเจา เปนเรื่องบาเรื่องบอ ในโลกนี้ก็จัดใหมี สัน ติภ าพกอ นเถิด นี ้แ หละพระเจา ตอ งการ. ทีนี ้ไ ปทํ า อยา งนั ้น มัน ไมต อ งทํ า มันไมคุมคาเหมือนกับการเปลี่ยนหัวใจเหมือนกันมันจะตองลงทุนดวยความยาก ลําบาก หมดเปลืองดวยอะไรตาง ๆ แลวก็ไดผลนิดเดียว ชั่วเวลาอันสั้นนิดเดียว หรือ วาความรูนี้ เป น ความรูที่ ไม จํ าเป นจะต องรู ยั งไม เกี่ย วกั บ สั น ติ ภ าพในโลก. ความรูที่จําเปนจะตองรูคือ ตองเกี่ยวกับ สัน ติภ าพในโลก. ดังนั้น ถาเอา เวลาเรีย วแรง ความคิด หัว สมอง หรือ เงิน ทอง ที่ใ ชไ ปเพื่อ การไมค วรทํานั้น ไมต อ งทํ า ; มาทํ า ในสิ ่ง ที ่ต อ งทํ า นี ้โ ลกจะดีก วา นี ้. ดัง นั ้น เมื ่อ ทํ า ไขวก ัน เสี ย อยางนี้ ก็จัดเปนโมหะ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org โครงการอวกาศของชาติห นึ ่ง ๆ มัน เปน แสน ๆ ลา นบาททั ้ง นั้ น ; เอาเงิน นั ้น มาจัด ใหโลกดีขึ้น กวา นี ้ ก็ย ัง ทํ า ได, แลว ก็ย ัง ไดผ ล, ไดผ ลเต็ม เม็ ด เต็ม หนว ย เปน ชิ้น เปน อัน ในระยะยาว ฉะนั้น สิ่ง ที่ยัง ไมตอ งทํา ก็ไ มตอ งทํา ; ไปทําเขา นี้เปนโมหะ เปนจิตทรามคือ ไปทําสิ่งที่ไมตองทํา แลวสิ่งที่ควรทําแท ๆ ตองทําแท ๆ กลับไมทํา ; เพราะไปหวังที่จะไดเกียรติ หรืออะไรแปลก ๆ ออกไป เปน ความเห็น แกต ัว . แตวา โครงการอวกาศนี ้เขาถือ กัน วา เปน สว นหนึ ่ง ของ โครงการสงคราม ; อย า งนี้ มั น ก็ ยิ่ ง เลวร า ยไปใหญ . เพื่ อ จะเป น โอกาส เป น


ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนใหม (โทสะ โมหะ)

๓๕๙

เครื่อ งมือ สําหรับ ทําลายผูอื่น ดวยความรูดานอวกาศ ; อยางนี้มันยิ่งเลวราย ไปใหญ. แมแ ตคน ควา เพื ่อ หลัก วิช าแท ๆ มัน ก็ยัง เปน ความโง ไปทํา สิ่ง ที่ยั ง ไมตองทํา ยังไมควรจะทํา ; แลวละเลยสิ่งที่ตองทํา จึงถือวาเปนโรคจิตทราม. เรื่อ งเบ็ด เตล็ด แตว า มัน ก็โ ดง ดัง อยู ใ นโลก เชน เรื ่อ งคุม กํ า เนิ ด โดยทางฟสิคส วาพลเมืองจะลนโลก จะตองคุมกําเนิด ; แลวก็ใชวิธีทางฟสิคส ไมเ กี ่ย วกับ ทางจิต ใจ. นี ่ค ือ ความโง ไปทํ า สิ ่ง ที ่ไ มต อ งทํ า เหมือ นกัน , แล วก็ ไดผลรายแทนผลดี. ควบคุมกําเนิดทางฟสิคส คือหมายความวาใชยา ใชวัตถุ ใชวิธีก ารทางเนื้อ หนัง ; มัน ก็เ ลยเปน ของงา ย จนกระทั่ง เด็ก ๆ ก็ทํา ได ทีนี้ ไมเ ทา ไร ในกระเปา เสื้อ กระเปา กางเกงของเด็ก ๆ รุน สาวรุน หนุม นี้จ ะเต็ม ไปดวยเครื่องมือคุมกําเนิด ; แลวศีลธรรมของมนุษยจะเปนอยางไร?นี่ขอใหมอง กันในแงนี้ วาเมื่อการคุมกําเนิดทางฟสิคสมันแพรหลายอยูอยางนี้ ศีลธรรมของ คนในโลกจะเปนอยางไร ? มันก็ไมมีศีลธรรมประเภทที่เกี่ยวกับ การเมสุมิจฉาจาร หรือวาศีลธรรมทางเพศเหลืออยูเลย ; แลวมันก็จะบูชาเนื้อหนังมากขึ้น ๆ กระทั่ง เปน มนุษ ยที ่บ ูช าเนื ้อ หนัง เปน พระเจา มากขึ้น ; ก็เลยเปน โลกของมนุษ ยที่ เลว กวาเดิม มีจิตทรามกวาเดิม.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org การคุมกําเนิดจะตองคุมทางวิญญาณ คือเหมือนกับที่สมัยโบราณเขาได ใชมาแลว หรือสั่งสอนอยู คือการบังคับทางจิตใจ อยาไปทําทางฟสิคส; ทําทาง จิตใจ ตามระเบียบของศาสนา วัฒ นธรรมอะไรตาง ๆ ที่เขาวางไว จนเปนของ ทํ า ไดต ามธรรมดา. วัฒ นธรรมโบราณของชนชาติย ิว หรือ ชนชาติฮ ิบ รู อ ะไร อยางนั้น ผมมานับ ดูแลว ในหนึ่งเดือนไปสูหองนอนของภรรยาได สัก ๓ - ๔ วัน เทา นั ้น ; เพราะมีร ะเบีย บชัด เปน กฎตายตัว ชัด เจน : วัน พระไปไมไ ด , เดื อ นหนึ่ งก็ เป น วั น พระเข า ไปหลายวั น อยู แ ล ว . วั น สะบาธ (sabbath), วั น นั ก


๓๖๐

ฆราวาสธรรม

ขัตฤกษเขาไปไมได, ในระยะมีโลหิตระดูก็เขาไปไมได, เจ็บปวยเขาไปไมได ; มันก็เหลืออยูสัก ๓ - ๔ วันตอหนึ่งเดือน ; แลวยังมีบัญญัติวา อยูในหองภรรยา ไดไมเกิน สามชั่ว โมง, ไมน อนอยูใ นหอ งภรรยาตลอดคืน เหมือ นคนเดี๋ย วนี้. แลวก็ตองเขาไปอยางมีระเบียบ แตงตัวตามระเบียบ, จะไปนอนเปลือยกันอยู ในหอ งดว ยกัน ตลอดวัน ตลอดคืน ทั้ง เดือ นทั้งป นี้ทําไมได. มัน มีหา มไวชัด นี้คือการคุมกําเนิดทางวิญ ญาณ. มันก็เลยไมมีปญ หาเรื่องพลเมืองลนโลกได งาย ๆ นัก. ถาสมมุติวา พลเมืองมันจะมากขึ้น ก็ตองหาทางออกอยางอื่นไมใช ใหหาทางควบคุมกําเนิดทางฟสิคส ซึ่งทําลายศีลธรรมในจิตใจของคนรุงหนุม รุน สาวเสีย หมด. นี้ผ มถือ วา เปน สิ่งที่ไมตอ งทํา ไมค วรทํา อยา งยิ่ง , ก็ม าทํา มาหลงวาเปนสิ่งที่ควรทํา หรือตองทํา ; แลวโลกนี้ก็จะเปนโลกที่ไมมีศีลธรรม เพราะเหตุนี้. นี่แหละคือความเสื่อมทางมวิญญาณ ที่เกิดมาจากการคุมกําเนิดทาง ฟสิค ส. พระเจาไมเห็น ดวย, ธรรมชาติไมเห็น ดวย , พระธรรมก็ไมเห็น ดวย. ลองปฏิบัติหนาที่ของตนใหดีที่สุดตามกฎเกณฑของพระเจา ของพระธรรม ของ ธรรมชาติแลวปญหาเหลานี้ก็จะไมเกิดขึ้น ; หรือวาจะเกิดขึ้นในลักษณะที่พอจะ แกไขได ควบคุมได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่เราก็พูดกันมามากพอแลว เปนตัวอยางเทานั้น วาความมีจิตทราม ทางฝายโมหะในโลกนี้ไดเจริญหนาแนนขึ้นอยางไร.

ดูตอไปอีกสักอันหนึ่ง ชิ้นสุดทาย คือการศึกษาของโลกสมัยปจจุบัน นี้กําลังเปนโมหะอยางยิ่ง ยิ่งเรียนมากขึ้นยิ่งเปนโมหะ,ยิ่งเรียนมากยิ่งเปนโมหะ ; คือ ไปรู ใ นสิ ่ง ที ่ไ มต อ งรู  แลว ไมรู ใ นสิ ่ง ที ่ต อ งรู  ; ก็เกิด ความมืด ความเป น อันธพาลทางวิญญาณขึ้นในจิตใจของคนหนุมสาวในโลก. เพราะฉะนั้นการศึกษา


ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนใหม (โทสะ โมหะ)

๓๖๑

ที่จัดตามแผนปจจุบันนี้ จึงมีผลนําไปสูความเปนฮิปปเต็มโลก ; ไมใชเฉพาะ มีที่จุดนั้นจุดนี้ ความเปนฮิปปจะเต็มโลกยิ่งขึ้นทุกที. ดังนั้น ถือวาการศึกษา แผนปจจุบัน หรือปรัชญาแผนปจจุบัน หรืออะไรแผนปจจุบันนี้ เปนการกระทํา ที่นําไปสูความมีฮิปปเต็มโลก มีความมืดบอดทางวิญญาณสูงสุด. สรุปแลวก็วาอารยธรรมแผนใหมคือเทคโนโลยี่นี้ นําไปสูความมี โลภะ โทสะ โมหะ มากขึ้นสวนอารยธรรมดั้งเดิมคือ spiritual enlightenment นั้น มันปองกันหรือปราบปราม โลภะโทสะ โมหะ ตลอดเวลา. ฉะนั้นความมีจิต ทรามในอารยธรรมแผนใหม ก็คือ มัน เพิ่ม โลภะโทสะ โมหะ มากขึ้น ตาม รายละเอียดเทาที่ยกมาพอเปนตัวอยางเทานั้น ไมใชทั้งหมด.เทาที่เราพูดกัน แลว เปนเพียงตัวอยาง ทางโลภะ อยางนั้น, ทางโทสะ อยางนั้น, ทางโมหะ อยางนั้น, เหลือนอกนั้นคุณไปคิดดูเอง. ยังนี้นกกางเขน บอกวาหมดเวลาสําหรับวันนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ภาวะจิตทราม ในอารยธรรม แผนปจจุบัน (ความเห็นแกตัว) - ๒๐ ๙ พฤษภาคม ๒๕๑๓

สํ า หรับ พวกเราไดล ว งมาถึง เวลา ๔.๔๕ น. แล ว เปน เวลาที่จ ะไดบ รรยายตอ จากที่คางไวแ ตค ราวกอ น. ในวัน นี้จ ะไดก ลา วโดยหัว ขอ อยา งเดีย วกัน อีก คือ ภาวะจิต ทราม ในระบอบอารยธรรมปจจุบัน หากแตวาเปนการกลาวโดย สรุป . ในครั้ง ที่แ ลว มาสองครั้ง เราไดก ลา วภาวะจิต ทราม ในรู ป ของ โลภะ โทสะ และโมหะ,ส ว นวั น นี ้ จ ะได ก ลา ว โดยสรุป รวมเขา ดว ยกัน ซึ่ง ไดแ กค วามเห็น แกตัว . ขอให ทุก คนทราบ เขา ใจ และมองใหเห็น ชัด แจง ดว ยความรูส ึก ที่ เกิด อยูใ นตัว เองวา กิเลสทั้ง หลายที่เราออกชื่อ มาแลว ๓ พวก นั้นมันมาจากความเห็นแกตัว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org โลภ คือตองการมากกวาที่ควรจะตองการ นี้ก็เพราะ เห็นแกตัว จึงอยากหรือแสวงหา หรือมีไวเกินความจําเปน.

๓๖๒


ภาวะจิตทราม ในอารยธรรม แผนปจจุบัน

๓๖๓

โทสะ ความโกรธ, ประทุษ รายไม หวังดี อาฆาต พยาบาทอะไร เหลานี้ มันก็มาจากความเห็นแกตัว เพราะไมไดตามที่จนโลภนั้นเอง ; ไมได ตามที่ตัวตองการ ความเห็นแกตัว ก็บันดาลไปในทางใหเกลียด ใหโกรธ ให ประทุษราย. โมหะ ความโง ความหลง ความสงสัย วนเวียนอยูแตในสิ่งที่ตน โลภ. มันก็เปนความเห็นแกตัวยืดเยื้อในรูปหนึ่ง. ฉะนั้น ขอใหมองใหเห็นชัดในขอเท็จจริงอันนี้วา โลภะ โทสะ โมหะ ลวนแตมีรากฐานอยูที่ความเห็นแกตัวทั้งนั้น ; เรียกอีกอยางหนึ่งก็คือ ความ ยึดมั่นถือมั่นโดยความเปนตัวกู – ของกู ที่มันเกินกวาระดับธรรมดาสามัญของ มนุษ ย ; นี้แ หละเราเรีย กวา “ความเห็น แกตัว ” . เรื่อ งนี้เราจะตอ งพูด กัน ให เขาใจ เพราะวามันเปนเรื่องเดียว หรือสิ่งเดียว ที่ทําความต่ําทรามใหแกมนุษย, กระทั่งมนุษยที่เจริญแลว ; และยิ่งเจริญแลวยิ่งมีภาวะจิตทราม เพราะสิ่ง ๆ นี้ สิ่งเดียวคือ ความเห็นแกตัว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ความเห็นแกตัว หมายถึงความรูสึกที่เขมขนกวาระดับที่ธรรมชาติมีไว สําหรับรูสึกในจิตใจของสิ่งที่มีชีวิต นับตั้งแตสัตวเดรัจฉานขึ้นมา หรืออาจจะถึง กั บ วา เริ่ม ตั้ งแต ต น ไม พื ช พั น ธุไม ขึ้น มาที เดี ย ว. ฉะนั้ น เราจะต อ งเข าใจถึ ง ความรูสึกเห็นแกตัว และที่เนื่องกันอยูกับความเห็นแกตัวนี้ใหเพียงพอ.

ความเห็นแกตัวเดี๋ยวนี้เราเรียกกันทั่ว ๆ ไปวา selfishness ซึ่งคุณ ก็ตองเคยไดยินและเคยดาเพื่อนดวยซ้ําไป. พวก selfish นี้ มันก็หมายถึง เมื่อ เรารูสึกวานาเกลียดและเปนอันตราย ; แตความรูสึกที่มีตัว หรือวาเห็นแกตัว ในระดับธรรมดาของสิ่งที่มีชีวิต นี้เราไดไดเรียกวาเปน selfishness เราเรียกวาเปน


๓๖๔

ฆราวาสธรรม

egoism หรือ egotism ในทํานองอยางนั้นเสียมากกวา เพราะมันอยูกันคนละระดับ. สิ่งมีชีวิตจะตองมีความรูสึกวามีตัว หรือเปนตัว มันจึงตองการที่จะคงมีชีวิตอยู, มัน ตอ งการจะรัก ษาความมีชีวิต ใหค งรอดอยูได. servive หรือ servival นี้มั น เปนสิ่งที่มีอยูในสิ่งที่มีชีวิตแมแตตนไม มันพยายามตอสูเพื่อความอยูรอดของ ตัวมันเอง หรือของพืชพันธุ คือ ลูกหลานของมัน. มันตอสูเพื่อ ตัว เพื่อตนไม นั้ น มี ชี วิ ต รอด และเพื่ อ ลู ก ของมั น จะได ง อกงามต อ ไป. อย างนี้ ยั งไม เรีย กว า selfishness ; มันเปนความรูสึกประเภท egoism ที่ยังออนอยูอยางยิ่งดวยซ้ําไป และมันเปนปจจัยสําคัญที่ทําใหมีชีวิตรอดอยูได. ถาสิ่งที่มีชีวิตทุกสิ่งไมมีความ รูสึกอันนี้ มันก็สูญพันธุไปแลว มันไมเหลืออยูในโลก. ทีนี้มาถึงสัตวเดรัจฉานก็เหมือนกัน ความรูสึกมีตัว นี้มันก็ยังมีมากขึ้น กวา ตน ไม,พอมาถึง คน มัน สูง จัด สูง อยา งไมน า เชื ่อ ความเห็น แกต ัว ของ มนุษ ยนี้ ; แลวสูงอยูในลักษณะที่หลงวาเปนของดี. ของเลวอยูในลักษณะที่ เห็นหลงไปวา เปนของดี.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้น เราจะตองแบงแยกกันใหเด็ดขาดลงไปวา “เห็นแกตัว” นั้ น มั น ไม ใช ค วามรั ก ตั ว หรือ ความสงวนตั ว . เพี ย งต อ งการให มี ชิ วิ ต อยู ต าม ธรรมดานี้เพื่อไมใหตายนี้ มันเปนเรื่องรักตัวสงวนตัว ; หรือหวังความเจริญ ใน ทางที่ถูก มันก็ทําประโยชนแกตัว. สวนความเห็นแกตัวนั้น มีความหมายเพราะ เล็งไปถึงความรูสึกที่ทราม.

สุ นั ข เป น สั ต ว ที่ สั ง เกตได งา ย : พออี ก ตั งหนึ่ งเข า มาใกล มั น ฮื่ อ แฮ อยางที่นาเกลียด ซึ่งสัตวอื่นเขาทําไมคอยจะเปน. แลวเมื่อสุนัขตัวนั้นกินอิ่มแลว บางทีมันก็ยังนั่งเฝาฮื่อแฮ ไมใหตัวอื่นเขามาใกลอาหารที่เหลือ. อยางนี้ตางหาก


ภาวะจิตทราม ในอารยธรรม แผนปจจุบัน

๓๖๕

จึงจะเปน เรื่องของ “ความเห็น แกตัว”. หนังสือ สอนเด็กสมัย ผมเรียนก็มีเรื่อ ง สุนัขในรางหญา เฝารางหญา ฮื่อแฮไมใหวัวเขามากิน. นี้เปนลักษณะของความ เห็นแกตัวที่สมบูรณ ; ตัวเองมันก็กินไมได หมาไมกินหญา แตแลวก็ไมยอมให วัวกิน. สุนัขมันฉลาดกวาสัตวระดับอื่น มันจึงรูจักเห็นแกตัวสูงกวาสัตวอื่น. นี่คุณควรรูจักแยกแยะความเห็นแกตัว ที่มันสูงกวาความรูสึกพื้นฐานที่เปนเพียง รักตัว สงวนตัว. ในพุทธศาสนานี้เราสอนใหรักตัว ใหสงวนตัว ดวยทําความดี ; แต ไมใ ชดว ยความเห็น แกตัว พวก selfish นี้เ ราตอ งมองกัน ใหดี ๆ อยา งนี้ มองดูไปใหไกลลิบถึงยุคที่แรกมีมนุษย แรกมีศีลธรรมเกิดขึ้นในโลก. มันก็ถอย ไปไกลมากทีเดียว ไมรูกี่หมื่นปก็ได หรือเปนหลาย ๆ พันปมาแลวเปนอยางนอย ซึ่งในพระบาลี พระไตรปฎก มีเลาถึงเรื่องนี้เปนคําตรัสเลาของพระพุทธเจาที่นํา มาสอน วาทีแรกเกิดมนุษยขึ้นในโลก ไมมีใครยึดครองอะไรเปนของตัว. ตื่นเชา ก็ไปในปา เก็บพืชพันธุที่มีอยูเอง โดยเฉพาะขาวสาลีที่มีอยูในปา แลวก็มากิน ประจําวัน ; ไมมียุง ไมมีฉาง อยูดวยความผาสุกอยางนี้มานาน. อะไรก็หา เอาจากปาแลวก็มากิน, มาทํากินที่ที่พัก. ตอมามันเกิดคนที่ฉลาดมาคิดวา เราจะลําบากอยูอยางนี้ใหมากไปทําไม ก็มียุง มีฉางขึ้น แลวก็ไปเก็บมาใสไวในยุง ในฉาง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ตอมาก็มีคนเห็นแกตัวยิ่งกวานั้นอีก คือ เก็บหมดเลยมีเทาไรก็เก็บ หมดเลย จนมันงอกไมทัน จนมันเกิดไมทัน ; นี้จึงไดมีการที่มีความรูสึกอะไร เปนของตัวที่จะตองปลูกฝงขึ้น ; เกษตรกรรมก็เกิด ขึ้น มีที่ดิน ซึ่งแตละคน ๆ เพาะหวานซึ่งเปนของตัว. ทีนี้ตอมาก็มีคนที่เห็นแกตัวกวานั้น ก็คิดวา เราจะไป เหนื่ อ ยทํ า ไมเราก็ ข โมยของผู อื่ น ; จนเดื อ ดร อ นระส่ํ า ระสายขึ้ น ในสั งคมนั้ น .


๓๖๖

ฆราวาสธรรม

ดังนั้น มนุษ ยจึงไดป ระชุม กัน เลือกหัวหนามนุษ ยที่มีรูป รางสะสวย แข็งแรง มีค วามเฉลีย วฉลาดใหเปน หัวหนาสําหรับ ควบคุม ทั้ง หมด. มีห นาที่ล งโทษผูที่ ทําผิดขอตกลงของสังคมนี้ แลวใหรางวัลหรือยกยอง หรือจัดการทุกอยางที่ควร จะทํา. เกิด บุค คลที่เรีย กวาพระราชาคนแรกในโลกเขาเรีย กวา “สมมติราช” คือผูที่ทุกคนเลือกขึ้นมาเปนพระราชา. จากเรื่ อ งนี้ คุ ณ สั ง เกตดู สั ก หน อ ย ก็ จ ะเห็ น ได ง า ย ๆ ว า เพราะ ความเห็นแกตัวเปนตนเหตุ จึงทําใหเกิดมีระเบียบ กฎหมาย มีพระราชาขึ้นมา. ถาอยาเห็นแกตัวกันอยูตามเดิมมันก็ไมตองมีสิ่งเหลานี้.ฉะนั้นมองใหลึกไป กวา นั ้น อีก นิด หนึ ่ง วา ระบบการปกครองเกิด ขึ ้น เพราะคนเห็น แกต ัว , คนเริ่ม เห็น แกตัว. ถาไมมีการเห็นแกตัว ก็ไมตองมีระบบการปกครอง. นี่รูจักความ เห็นแกตัวไวในลักษณะอยางนี้. เมื่อมันเดินไปเก็บขาวสาลีที่เกิดเอง อยูในปากิน นี้ยัง ไมใ ชเ ห็น แกตัว . มัน หิว มัน กระหาย มัน อยากมีชีวิต อยู มัน ก็ทํา ไป, แตยังไมเปน selfishness ; ตอเมื่อมันขโมยเอาเสียหมดคนเดียว มาใสยุง ใสฉาง มั น ก็ เริ่ม selfishness. ที นี้ มั น ขโมยของเพื่ อ น ที ป ลู ก ที่ ฝ ง นี้ มั น ก็ selfishness สมบูรณรอยเปอรเซ็นต.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ไหน ๆ เลาแลว ก็อยากจะเลาถึงวา ในคัมภีรสูงสุดของพวกคริสเตียน, มนุษ ยเริ่มมีความทุกขตอเมื่อรูจักดี รูจักชั่ว คือ อาดัมกับ อีฟ ดื้อ ตอ พระเจา กิ น ผลไม ข องต น ไม นั้ น เข า ไปก็ เ ลยเกิ ด เรื่ อ ง ; ก อ นนั้ น ไม มี เ รื่ อ ง. Tree of knowledge of good and evil เปนชื่อตนไมตนนั้น, ตนไมแหงความรูจักชั่วและดี. กอนนี้ มนุ ษ ยไม มีความรูอันนี้ , ไม รูจักแยกแยะ (discriminate) วาเป น ชั่ว – ดี บุญ - บาป. สุข - ทุกข, หญิ ง - ชาย, สูง - ต่ํา อยางนี้ มันเหมือนกับสัตว คลาย กั บ สั ต ว เป น ครึ่ ง คนครึ่ ง ลิ ง ทํ า นองนั้ น . พอถึ ง ยุ ค หนึ่ ง มนุ ษ ย เริ่ ม รู จั ก ของคู


ภาวะจิตทราม ในอารยธรรม แผนปจจุบัน

๓๖๗

เหลานี้ : ดี - ชั่ว, บุญ - บาป, สุข - ทุกขนี้ มันก็ตั้งตนปญหาของมนุษยที่ ตรงนั้น. ในคัมภีรนั้นเขาเขียนไวเปนรูปบุคคลาธิษฐานวา ไปกินผลไมที่พระเจา หามเขาไป จึ่งเกิด รูขึ้นมาทีเดีย ววา อาว ! เราไมไดนุงผา, นั้น หญิง นั้นชาย; เลยมีปญ หาเกิด ขึ้น . เขาเรีย กวา original sin คือ บาปจุด แรก บาทที่เปน จุด ตั ้ง ตน ; แลว ก็ส ืบ มาจนถึง บัด นี ้. พอรูจ ัก ดี รูจ ัก ชั ่ว แลว มัน ก็รูจ ัก ดิ ้น รนไป ตามชั ่ว ดี บุญ บาป สุข ทุก ข กระทั ่ง หญิง หรือ ชายนี ้. อยา งสัต วเ ดรัจ ฉานที่ สืบพัน ธุนั้น ไมมีความรูสึกเปนผู - เมีย, หญิง - ชาย เหมือ นมนุษ ยเรา มันทํา ไปตามความรูส ึก ของเนื ้อ หนัง ของตอ มแกลนดต า ง ๆ ไมรูส ึก วา ผัว - เมีย , หญิง - ชาย ; แตม นุษ ยนี ้รูแ ลว ยึด มั ่น ถือ มั่น . ฉะนั้น จุด ตั ้งตน ที ่ต รงนั้น แหละ คือความเห็นแกตัว ไดเริ่มตนขึ้นมา มีเรา มีเขา ขึ้นมาที่ตรงนั้น ; มันก็ตองการ จะเขาขางเรา, ขางเขา ตามใจ. พอรูจักอะไรดี อะไรชั่ว ก็จะเอาดี ดี ดี ดีเขาไว ไมมีข อบเขต, มัน จึง กอ หวอดความเห็น แกตัว . อยา เพอ เขา ใจวา เมื่อ รูจัก ดี รู จั ก ชั่ ว แล ว นั้ น คื อ ความรอดตั ว หรื อ สู ง สุ ด ของมนุ ษ ย ; มั น รู จั ก ดี รู จั ก ชั่ ว สําหรับยึดมั่นถือมั่น. ทีนี้มันมีตนไมอีกตนหนึ่งที่เมื่อกินเขาไป จะไมมีความเห็น แกตัว ขาเรียกวา Tree of life และตนไมตนนี้ พระเจาปองกันสําเร็จ ปองกัน แนนหนา ไมใหมนุษยไดกิน ; นี่เรื่องของเขามันจบแคนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ตอ มาถึง ยุค ที ่ม นุษ ยฉ ลาด ในทางจิต ทางวิญ ญาณ จนเกิด ” พระพุทธเจาขึ้นมาสอนความไมยึดมั่นถือมั่น. เมื่อปฏิบัติสําเร็จ ก็ไดชีวิตนิรันดร (Eternal life). ต นไม ต นนั้ น ในคั มภี รไบเบิ ลเรียก Tree of life ต นไม แห งชีวิต หมายถึง ชีว ิต นิรัน ดร, ไมใ ชก อ ใหเ กิด ชีวิต เปน ชีว ิต ที ่ไ มรูจ ัก ตาย ไมรูจ ัก เกิด ; มนุษ ยไ มไ ดก ิน . นี ่ใ นคัม ภีรข องเขาสิ ้น สุด แตเ พีย งเทา นั ้น . แตค รั ้น พระพุทธเจาเกิดขึ้นหรือวาบุคคลประเภทเดียวกันเกิดขึ้น ทําใหมนุษยเหมือนกับ ได กิ น ผลไม ต น นั้ น คื อ มี ชี วิ ต ที่ ไ ม รู จั ก ตาย คื อ รู ธ รรมะที่ ทํ า ให ไ ม ยึ ด ถื อ ตั ว เรา


๓๖๘

ฆราวาสธรรม

ไมมีตัวเราที่ตาย คืออมตธรรมในพระพุทธศาสนา หรือศาสนาอื่น หากจะมีใน ระดับอื่น ในระดับหนึ่ง. เรื่องนี้เพื่อจะชี้ใหเห็นวา จุดตั้งตนของบาปของมนุษยนั้นคือความ เห็น แกตัว ดว ยเหมือ นกัน . รูจัก แบง แยก นี้เ ปน หญิง นี้เ ปน ชาย นี้เ ปน ผัว นี้เปนเมีย เปนลําดับขึ้นมา ; ยึดถือวาสามีของเรา ภรรยาของเราอยางนี้ขึ้นมา. กอ นนี้ไมเคยยึด ถือ ไมรูจัก ไมรูสึก ; อาดัม กับ อีฟ เปน มนุษ ยคูแ รก ทีแ รก ก็ไมรูจัก แตพอกินผลไมนั้นเขาไป ก็รูจัก ; แปลวายุค ๆ หนึ่งที่มนุษยเริ่มรูจัก สิ่งเหลานี้. พอเริ่มรูจักดี รูจักชั่ว ในทางที่จะยึดมั่นถือมั่น ก็มีความทุกข จนกวา จะสูงสุดขึ้นถึงขั้นทําลายความยึดมั่นถือมั่น มันจึงจะไมมีทุกขเลย. เดี๋ยวนี้ เราก็ไมรูจัก เปนไปในทํานองที่ทําลายความยึดมั่นถือมั่น ; กลับมีตัวกู - ของกูมากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะความกาวหนาในทางการศึกษาอยางสมัย ปจจุบัน.ผมใชคําวา “อยางสมัยปจจุบัน” คุณอยาเอาออกไปเสีย อยาเอาไป ทิ้งเสีย. เพราะถาพูดวาการศึกษาเฉย ๆ มันก็มีความหมายเปนอยางอื่น. ถาพูดวา การศึกษาแหงยุคปจจุบัน นี้ก็ขอใหหมายถึงยุคนี้ ยุคเทคโนโลยี่.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เมื่อเรารูจักสิ่งที่เรียกวา “ความเห็นแกตัว” นี้แลว มันก็พอจะเขาใจ ตอไปไดโดยงายในเรื่องความมีจิตใจทรามอารยธรรมยุคปจจุบัน ซึ่งทั้ง ๒ คราว ที่ไดพูดมาแลว ก็ไดพูดถึงเทคโนโลยี่, มนุษยกําลังบูชาเทคโนโลยี่ แลวก็มีแยก เปนแขนง ๆ ไป เปนเทคโนโลยี่แขนงนั้น ๆ รวมทั้งของการศึกษาดวย.

เมื่อพูดถึงเรื่องเทคโนโลยี่ ก็เหมือนกันอีก โดยเนื้อแทมันก็ไมไดเปน โทษ ไม เป น อั น ตรายอะไร แต มั น เผอิ ญ มี ม นุ ษ ย เข า ไปเกี่ ย วข อ งด ว ยความ


ภาวะจิตทราม ในอารยธรรม แผนปจจุบัน

๓๖๙

เห็ น แก ตั ว สรางเทคโนโลยี่ ชนิ ด ที่ เป น ทาสของความเห็ น แก ตั ว. เทคโนโลยี่ ที่ มนุษยสรางขึ้นในลักษณะอยางนี้ มันกลายเปนเครื่องมือที่สงเสริมความเห็นแกตัว. ฉะนั้นคุณมองดูใหดี ๆ ดวยจิตใจที่เปนธรรม. ถาพูดกันใหเปนธรรมก็ตองพูดวา เทคโนโลยี่นั้น ก็คือ อิท ธิบ าทในพระพุท ธศาสนา. เรื่อ งอิท ธิบ าทเราก็พูด กัน มากแลวในตอนตน ๆ ในชื่อวาเครื่องมือแหงความสําเร็จนั้น. วิชาเทคโนโลยี่ ก็คือเครื่องมือแหงความสําเร็จโดยตรง จัดไดวาเปนตัวอิทธิบาทในพุทธศาสนา ; จะสมบูรณหรือไมสมบูรณก็ตามใจเถิด แตวามันมีหลักเกณฑอยางเดียวกัน คือ เปนเครื่องชวยใหเกิดความสําเร็จ ;มันมีความหมายตรงที่ชวยใหเกิดความสําเร็จ นี่คือความหมายของคําวา “เทคโนโลยี่” หรือเทคนิคที่ลึกซึ้ง ที่คนพบ. ทีนี้ คุณ ก็ม องตอไปอีกนิดหนึ่งวา อิท ธิบ าท นั้น ถาตกอยูในมื อ ของคนพาล เปนอันตรายที่สุด. อิทธิบาทในพระพุทธศาสนานี้ เมื่อตกไปอยู ในมือของคนพาล มันก็อันตรายที่สุด เพราะคนพาลเขาเอาไปใชในการเห็นแกตัว ทําอันตรายผูอื่น. ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ในพุทธศาสนานั้นเขาใชสําหรับ ใหเกิดความสําเร็จในการบรรลุมรรค ผล นิพพาน เปนเครื่องมืออยางนี้โดยเฉพาะ. แตมันเอาไปใช sublimate ในทางเลว, เอาไปใชเพื่อประโยชนตัว เห็นแกตัว เบียดเบียนผูอื่นก็ได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พูดใหชัดอยางนี้ดีกวา สิ่งที่เรียกวาอิทธิฤทธิ์หรือปฏิหาริยนั้นเขาตอง การใหใชในทางที่ถูกที่ควร แตพวกยักษพวกมารเอาไปรบ เอาไปเปนเครื่องมือ สํา หรั บ รบราฆ า ฟ น กั น . พวกยั ก ษ พวกผี ส าง เทวดา มั น ก็ มี ฤ ทธิ์ มี เ ดช มีปาฏิหาริย แลวมันก็ใชเพื่อจะรบราฆาฟนกัน. นี่มันใชไดเปน ๒ คมอยางนี้. ถาไปใชถูกวิธี คือสุจริต มันก็มีประโยชนสูงสุด ; ถาใชผิด ในทางทุจริต มันก็มี โทษสูงสุดเหมือนกัน.


๓๗๐

ฆราวาสธรรม

เดี๋ยวนี้โลกเรากําลังใชเทคโนโลยี่อยางไร คุณ ก็มองดู จะเห็นชัดวา กําลังใชเพื่อความเห็นแกตัว เอาเทคโนโลยี่นี้เปนเครื่องมือสําหรับทําความสําเร็จ ใหแกความเห็นแกตัวของตน. ถาคุณ เขาใจขอนี้คุณ ก็จะเขาใจภาวะจิตทรามใน อารยธรรมยุ ค ป จ จุ บั น ซึ่ ง รุ ง เรื อ งด ว ยเทคโนโลยี่ . นี่ เราเห็ น ได ทั น ที ว า โลกยุ ค ปจจุบัน หรือโลกยุคเทคโนโลยี่นี้ เปนโลกที่ยิ่งเต็มอยูดวยความเห็นแกตัว ; คือ ยิ่งมีความเห็นแกตัวมากขึ้นขนาดหมาในรางหญ าแลว ตัวเองก็ไมตองกินตองใช เหลื อ กิ น เหลื อ ใชแ ล วมั น ก็ ยั งหวง ยั งขู คํ าราม ยั งทํ าอั น ตรายผู อื่ น . นี้ โลกสมั ย เทคโนโลยี่แหงยุคปจจุบันนี้เห็นแกตัวจัดสูงสุดถึงขนาดหมาในรางหญา. อยาคิดวาเวลาหัวรุงเอาไวเปนเวลาสําหรับดาคน. เวลานี้จิตใจปกติ เยื อ กเย็ น เพื่ อ จะมองเห็ น ความลึ ก ซึ่ ง ของสภาพตามที่ เป น จริ ง แห ง ยุ ค ป จ จุ บั น เหมือนดังวาพระพุทธเจาทานเล็งญาณสองโลกนี้. เราก็เหมือนกับขึ้นยอดภูเขา มองดู พื้ น ดิ น ว าทั่ วทั้ งแผ น ดิ น นี้ กํ าลั งเป น อย างไร. เอ า คุ ณ ไปดู ซิ เทคโนโลยี่ แขนงไหนละ ที่เรามีอ ยูใ นเวลานี้ ที่ไมสง เสริม ความเห็น แกตัว ; เพราะเราคน มันขึ้นมาดวยความเห็นแกตัว อยากจะไดมาเพื่อสงเสริมความใคร หรือความสําเร็จ ของตั ว ; ฉะนั้ น เทคโนโลยี่ ในการศึ กษาก็ ดี ในการเมื อ งก็ ดี ในการเศรษฐกิ จ อุตสาหกรรมก็ดี แมที่สุดแตเทคโนโลยี่ทางการทหาร มันก็เปนเครื่องมือสงเสริม ความเห็น แกต ัว คือ ใหสํา เร็จ ตามตอ งการแกค วามเห็น แกต ัว ของตน. ฉะนั ้น จึงเปนโลกที่นาหวาดเสียว นากลัวที่สุด คืออารยธรรมแผนปจจุบัน ที่เต็มไปดวย เทคโนโลยี่ ที่ชวยใหสําเร็จตามตองการของความเห็นแกตัว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ดังนั้นผมจึงพูดวานี่โดยสรุป : เราไดแยกพูดเปนเรื่อง โลภะ โทสะ โมหะ ใหเห็น มัน เปน รายละเอีย ดปลีกยอยไปเปนประเภท ๆ ประเภทหนึ่ง ๆ . แตเดี่ยวนี้เราสรุปวา มันรวมอยูที่คําๆ เดียวคือ ความเห็นแกตัว ความมีจิตทราม


ภาวะจิตทราม ในอารยธรรม แผนปจจุบัน

๓๗๑

ในอารยธรรมแห งยุ คป จจุ บั นมี อยู อย างนี้ อย างลึ กซึ้ ง อย างกว างขวางเหลื อ ประมาณจนถึ ง ขนาดเอาพระเจ า ไปทิ้ ง เสี ย แล ว ก็ เ อาเทคโนโลยี่ ม าเป น พระเจ า แทน ; ผลมั น ก็ เกิ ด ขึ้ น เป น ความระส่ํ า ระสายในโลก ทุ ก ข ย ากไปทั่ ว ทุ ก หั ว ระแหง; นั ่น คือ ความทราม. ความทรามมัน อยู ต รงที ่ ทํ า ความทุก ขใ หเ กิด ขึ ้น ไปทุก หัวระแหง. ที นี้ คุ ณ ก็ ดู ต อไปอี กให ดี ๆ ให เห็ นผลของมั น ผลของความเห็ นแก ตั วนี้ ; ว าเดี๋ ยวนี้ คนในโลกเรานี้ มี อะไร ๆ หมดครบทุ กอย างที่ ต องการ เพราะความบั นดาล ของเทคโนโลยี่ แต แ ล ว มั น ยั ง ขาดอยู อ ย า งเดี ย วเท า นั้ น ที่ ยั ง ไม มี นั่ น คื อ สิ่ ง ที่ จ ะ ปอ งกัน ความทุก ขห รือ ความเลว ที ่เ กิด มาจากเทคโนโลยี ่นั ้น . สิ ่ง ที ่เ ราในโลก เวลานี้กํา ลัง ขาดอยูเพีย งอยางเดีย ว คือ สิ่งที่จ ะปอ งกัน ไมใหเกิด ความทุก ข ขึ้นมาจากสิ่งที่เรามี. นี่พูดภาษาบทนิยามก็ตองพูดกันอยางนี้. เรามี อะไรหมดทุ กอย างเว นแต สิ่ งที่ จะป องกั นไม ให เกิ ดความทุ กข เพราะ สิ่ ง ที่ เรามี . เรายิ่ ง มี อ ะไรมาก ด ว ยความเห็ น แก ตั ว นี้ มั น จะมี ค วามทุ ก ข ม ากขึ้ น เป น เงาตามตั ว ; แล ว สิ่ ง ที่ จ ะป อ งกั น ความทุ ก ข ไม ให เกิ ด ขึ้ น จากสิ่ ง เหล า นี้ นี่ เรา ยัง ขาดอยู  เพราะเรามีแ ตค วามเห็น แกต ัว . เพราะฉะนั ้น มัน จึง ตอ งมีสิ ่ง ที ่ต รง กัน ขา ม คือ ความไมเ ห็น แกต ัว ; นี ้ค ือ สิ ่ง ที ่เ รีย กวา “ธรรม” หรือ พระธรรมใน พระพุทธศาสนา สรุปอยูที่ความไมเห็นแกตัว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org หัว ใจของพระพุท ธศาสนา มีอ ยู เ ปน ประโยคสั ้น ๆ ประโยคเดีย ว วาสพฺ เพ ธมฺ มา นาลํ อภิ นิ เวสาย -สิ่ งทั้ งปวงอั นใคร ๆ ไม ควรยึ ดมั่ นถื อมั่ นวาตั วกู วา ของกู. ถา มีห ัว ใจของพุท ธศาสนาอยู  มัน ก็ป อ งกัน ความทุก ขท ุก อยา งที ่จ ะ เกิด ขึ ้น จากทุก สิ ่ง ที ่ม นุษ ยม ีอ ยู ใ นครอบครอง. เดี ๋ย วนี ้ม ีท รัพ ยส มบัต ิ มีว ิช า


๓๗๒

ฆราวาสธรรม

ความรู มีความสามารถ มีวาสนาอะไรก็ตาม ลวนเปนไปเพื่อความทุกข ; แลว ไมมีเครื่องรางปองกันความทุกข. ฉะนั้นขอใหคุณระวังใหดี อยาใหไปรวมอยูใน พวกนั้ น ; ขอให มี สิ่ งที่ จ ะป อ งกั น ความทุ ก ขที่ เกิ ด ขึ้ น จากสิ่ งที่ ตั วมี . เรามี ก าร ศึกษาแลวก็มีความรู แลวก็มีอาชีพ แลวก็มีอะไรก็ตาม มันจะทําใหเกิดความ ทุก ขขึ้น เพราะความเห็น แกตัว . เราตอ งมีสิ่ง ๆ หนึ่ง เปน เครื่อ งรางปอ งกัน ไว อยาใหเกิดความทุกขขึ้น. เดี๋ยวนี้คนมันมีอะไรตามที่ความเห็นแกตัวมันตองการ แลวมันเกิด ความทุกขขึ้นหนาแนน หนาแนน หนาแนน แลวก็ไมมีสิ่งปองกันความทุกข ; นี้คือความมีจิตทราม จะโดยรูสึกตัวหรือโดยไมรูสึกตัวก็ตาม ตองเรียกวาความมี จิตทรามทั้งนั้นของอารยธรรมปจจุบัน. เมื่อไมรูสึกตัวทําไปอยางนี้ก็เรียกวามี อะไรมาก ดูเจริญรุงเรืองทางวัตถุ อยูดี กินดี ; นี่คือความมีจิตทรามโดยไม รูสึกตัว อยางใหเกียรติกันหนอยก็พูดวา “ความมีจิตทรามของผูดี” ซึ่งกลาย เปน คําประชดไป. ความมีจิตทรามของผูดี คือ มัน มีอ ะไร, มีอ ะไรจนหรูหรา สวยงาม เปนระเบียบแบบแผน หรือเปนอะไรก็ตาม แตมีความทุกข เพราะ สิ่งที่ตัวมี; เปนความมีจิตทรามอยางผูดี ความมีจิตทรามอยางคนเกงกลาสามารถ ; นี่กลายเปนคําพูดประชด เปนคําดาไปเสียอีก. แตถาเขาไมรูสึก เขาจะมองเห็น วาไมใชเปนคําดา เพราะเขาถือเอาวา ที่มีอะไรใชสอย กินอยู อยางวิเศษสารพัด ตามสมัย นี้ จนกระทั่งมีเครื่อ งมือ รับ ใชอ ยางที่เรีย กวา เหมือ นกับ สารพัด นึก เพียงแตกดปุมอะไร ก็เปนไปตามตองการหมด ; อยางนี้ดีกวาเทวดาในสวรรค เสีย อีก กระมัง ; มัน ก็ไ มแ กไ ข หรือ ปอ งกัน ความมีจิต ทรามอยา งผูดี ไปได. มันยังมีความเห็นแกตัวอยางยิ่งอยูนั่นเอง. เดี๋ยวนี้เขากําลังอวดการประดิษ ฐ หุน ยนตใ นงานแสดงตา ง ๆ หุน ยนตอ ยา งนั้น หุน ยนตอ ยา งนี้ ยิ่ง ขึ้น ทุก ที ทําอะไรไดดีกวามนุษย. นั่นแหละดูใหดีเกิด มองใหดีเถิด มันก็เรื่องความเห็น

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ภาวะจิตทราม ในอารยธรรม แผนปจจุบัน

๓๗๓

แกต ัว เพิ ่ม ความเห็น แกต ัว , อยู ด ี - กิน ดี มากขึ ้น แตแ ลว ความมีจิต ทราม อยางผู ดีมันก็จะมีมากขึ้นเปนเงาตามตัว. นี่มนุษยกําลังบาหลังแตในเรื่องที่จะเปนอยางนี้เพื่อความมีจิตทราม อยางผูดีหรือความเกงกลาสามารถ จนเรามีอะไร ๆ ที่เปนเหมือนกับของวิเศษ ของทิพย ของอะไรอยางนี้แลว แตก็ไมพนจากความเปนสัตวนรก เพราะมีความ เห็นแกตัว. ประเดี๋ยวผมจะพูดใหฟง วามันยิ่งมีความเปนสัตวนรกอยางไร. เดี๋ยวนี้เรามีคนอะไร ? คนอยางนั้น คนอยางนี้ คนอะไรสารพัดอยาง, มีคนรวย มีคนสวย มีคนเกง คนฉลาด มีคนไปนอกโลก ไปอะไรก็ตาม มีหมด เลย ; แตมันยังขาดอยูคนเดียว คือคนดี ; สุภาพบุรุษที่ปราศจากความเห็น แกตัว นั้น ยัง ไมมี, เรีย กวา ยัง ขาดอยูค นเดีย ว คือ คนดี. คนสวย คนรวย คนเกง คนสามารถ คนอะไรก็ต าม นั ้น มีห มดเลย ไมรูวา กี่ค น ตอ เทาไร ๆ อะไรก็มีกัน คนชนิดไหน ๆ ก็มี คนเลวก็มี คนอะไรก็มี ; มันยังขาดแตคนดี.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org “คนดี” นี้ผ มหมายถึง คนที่เชื่อ ฟง พระเจา . พระเจา ของผมก็คือ พระธรรม. ผมเรี ย ก “พระธรรม” คนอื่ น จะเรี ย ก “พระเจ า ” ก็ ต ามใจ. ที่ จ ริ ง พระธรรมนั้ น แหละคื อ พระเจ า ; ผู ส ร า งโลก ผู บั น ดาล ผู ค วบคุ ม ผูทําลายโลก หรืออะไรมันก็รวมอยูที่คําวา พระธรรม.

เราขาดคนดีที่เชื่อพระเจา ระวังไวใหดีนะ พวกคุณหนุม ๆ นี้ กําลัง จะสําเร็จจากมหาวิทยาลัยนี้ จะขาดพระเจาหรือไม ใหระวังใหดี มันจะมีเขา สักวันหนึ่ง.คนสมัยนี้เขาถือวาพระเจาตายแลว. นี้คนไทยกําลังจะถือตามกนฝรั่ง ไมมีพระเจา. ในหนังสือแบบเรียน สมัยผมเด็ก ๆ มีคํากลอน ตอนนั้นมีวา . ที่ ซื่ อ ถื อ พระเจ า ว า โง เ ง า เต า ปู ป ลา..... คื อ ว า คนในสมั ย ป จ จุ บั น เขาจะ


๓๗๔

ฆราวาสธรรม

ประณามคนที่ซื่อสัตย ซื่อตรงนับถือพระเจาวา เปนคนโงเงาเตาปูปลา เหมือน ที่พ วกคุณ เดี๋ย วนี้จ ะวา ใครเครง ศาสนา คนนั้น เซอ ซา ครึค ระ ; ใครไปมัว ถือ พระเจาอยู คนนั้นครึคระเซอซา. นี้เขาพูดกันมาหลายสิบปแลว หรืออาจจะ พูดกอนนั้นก็ได ไปหาหนังสือมูลบทบรรพกิจมาอานดูบางจะมีประโยคอยางนี้. โลกสมัยนี้ มัน เขาแตหอลอกามา. ฉะนั้นที่คุณ มีวิทยุ โทรทัศน มีดนตรี มีอะไรฟงไดตลอด ๒๔ ชั่วโมง เมื่อไรก็ได ; นี่มันสงเสริมในลักษณะ เข า แต ห อล อ กามา. เข าไปอยู ในห อ งในหอ ในอะไรที่ มั น เพี ย งแต ได ส งเสริม กระตุนความรูสึกทางกามารมณ. ทีนี้ ก็มีเครื่องมืออยางงวิทยุ โทรทัศน หรือจะเปนอะไรที่เปนสิ่งเปน อุปกรณอยางอื่นเยอะแยะจะกระตุนความรูสึกทางกามารมณ ทางตา ทางหู ทาง จมูก ทางลิ้น ทางกาย อยางไรก็ได ใหมันเกินความตองการของธรรมชาติไว หลายรอ ยเทา หลายพัน เทา . แตเดี๋ย วนี้เรามาพูด ถึง ความเห็น แกตัว ทํา ให กาวหนาไปในลักษณะอยางนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ระวังใหดี มาถึงขอที่วา ความมีจิตทรามของผูดี เล็งถึงความอยูดี กินดี ตามความหมายสมัยนี้. สมัยนี้ตองการกินดีอยูดีเราทําอะไรทุก ๆ อยาง เลา เรีย นศึก ษา อาชีพ การงานเพื ่อ การกิน ดีอ ยู ด ี รอ งกัน ตะโกนไปทั ่ว โลก กองโลก. แตคุณ จําไวใหดีนะ ตัวหนังสือมันวา “กินดีอยูดี” แตพระพุทธเจา ทานวา “กินอยูพอดี”. ถาพูดในภาษาคําพูดของพระพุทธเจาก็คือ มตฺตฺุตา จ ภตฺตสฺมึ - กินอยูพอดี. แลวมันตางกันอยางไร ? ถาคุณทําสะเพราลวก ๆ คุณจะเห็นวาเปนสิ่ง สิ่งเดียวกันก็ได.


ภาวะจิตทราม ในอารยธรรม แผนปจจุบัน

๓๗๕

กินดีอยูดี ของสมัยนี้ ตางกันลิบลับกับ กินอยูพอดี ของพระพุทธเจา เพราะวากินดีอยูดีของสมัยนี้ไมมีขอบเขตจํากัด หลอ เลี้ยงตัณ หากิเลส หรือวา หลอเลี้ยงความเห็นแกตัวไดมากเทาใดก็เรียกวากินดีอยูดียิ่งขึ้นไปเทานั้นแหละ. มีรถยนตคันหนึ่งไมพอ ตองการหลายคัน,มีบานอยูไมพอ ตองการตึก ตองการ ปราสาท เรื่อยไปอยางนี้ ; ความกินดีอยูดีของคนสมัยนี้ เขาหมายความอยางนี้ ไมมีขอบเขต. พระพุ ท ธเจ าท านว า กิ น อยู พ อดี แต พ อดี คุ ณ ก็ ล องนึ ก ดู . เราอยู กระทอมดินเราก็อยูไดแลวอยูสบาย ดวยจิตใจที่สูงกวาที่จะไปอยูตึก อยูปราสาท. ยิ่งทะเยอทะยานอยูตึ กอยู ปราสาทเท าไรจิตใจก็เลวลงเท านั้ น คื อตองมี ความเห็ น แกตัวมากขึ้นเทานั้น, ตองกวาดเอาประโยชนรอบตัวจากผูอื่น มาใหตังมากขึ้น เทานั้น ;ตองหาเงินเปนแสนเปนลาน เปนเงินโกฎิขึ้นมาเพื่อจะสรางปราสาทอยู. นี่เราอยูกระทอมดิน ไมตองมีความเห็นแกตัวมากถึงขนาดนั้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เดี๋ยวนี้เราไมอยากอยู ไมนิยมอยูหมูบานเล็ก ๆ ตามบานนอก เหมือน พวกคุณก็อาจจะมีอยูในกลุมนี้ ที่วาแหไปอยูในเมืองหลวง อยูเปนเมือง เปนนคร เปนมหานคร ไปอัดอยูที่นั่น ก็คือไปอัดอยูในดงของความเห็นแกตัว. การที่เขา ไปอยูกันมาก ๆ อยางนั้นตองเปนคนเห็นแกตัวมากขึ้นเทาที่ความใหญของเมือง ของนคร, ไมเชน นั ้น มัน อยู ไ มไ ด ; กระทั ่ง เวลาที ่จ ะใชเดิน ไมพ อ มัน ตอ งวิ ่ง อยูแ ลว. เวลาวิ่งมัน ก็ไมพ อ จะตอ งใชร ถยนตวิ่งใหมัน วอ นไปอยูแ ลว ; มัน จึง จะพอแกความรูสึกเห็นแกตัว. ฉะนั้นความเห็น แกตัวมัน จึงระอุอัดอยูในนครหลวงนั่ นแหละ. สวน ในบานนอกคอกนาที่อยูกันอยางกระทอมเล็ก ๆ ประปรายนี้ มันหาไดยาก มันมี


๓๗๖

ฆราวาสธรรม

อยางนอย และอยางระดับที่ยังไมใชความเห็นแกตัว หรือ selfish มากเหมือน ในนครหลวง.ฉะนั้นเรายิ่งทะเยอทะยานมุงไปทางนั้นมากเทาได ก็ยิ่งมีจิตทราม มากขึ้นเทานั้น. คุ ณ อาจจะไม เห็ น ด วย แต ผ มขอรอ งให ไปสั งเกตนครหลวงอย าง กรุงเทพ ฯ นครหลวงอยางเมืองอื่น นครหลวงอยางใหญที่สุดอยางพวกฝรั่ง ที่ เมื องนอก คุ ณ ไปดู เถิ ด ยิ่ งใหญ เท าใด ยิ่ งมี ค วามเห็ นแก ตั วมากขึ้ น เท านั้ น เพราะมันใหญขึ้นมาไดดวยอํานาจของความเห็นแกตัว. ถาไมมีความเห็นแกตัว มากขนาดนั ้น มัน ไมบ า สรา งใหม าก ใหใหญข นาดนั ้น ; มัน จะเอาแตพ อที่ ธรรมชาติตอ งการ. ดัง นั้น ยิ่ง ใหญเ ทา ไร ยิ่ง สวยเทา ไร ยิ่ง อะไร ๆ เทา ไร, มันก็ยิ่งเปนผลของความเห็นแกตัวมากขึ้นเทานั้น. นี่มันจึงเปนภาวะจิตทราม ที่ แสดงอยู ที่อะไร ที่มันมากมายอุนหนาฝาคั่งขึ้นมาจนทวมแผนดิน หรือทวมโลก. ดูทางจิตใจกันบาง มันก็ยิ่งมีความเห็นแกตัวโดยวิธีตาง ๆ ที่ผมชอบ ยกตัวอยางที่สุดก็คือการกีฬา การกีฬาของพวกคุณเดี๋ยวนี้ คือบทเรียนสําหรับ ความเห็น แกตัว . การกีฬ าแท ๆ เขาตอ งการจะประกวดความไมเห็น แกตัว , ความยอมให ไ ด , ยอมแพ ไ ด , ความไม ล ะเมิ ด กติ ก า, ความยอมเป น ผูเ สีย เปรีย บ, ความอดทนได ไมโ กรธ นี่เ ปน sporting -spirit ที่แ ทจ ริง ลงไปในสนามกีฬาก็เพื่อฝกอยางนี้. ถาใครเตะแขงเรา เราก็อ ดทน อดกลั้น ยิ้มจนคนนั้นมันละอายไปเอง ตอไปมันก็ไมทําอีก. เดี๋ยวนี้ถาใครเตะแขงเรา เราชกปากมันเลยใชไหม ในสนามกีฬาของคุณนะ. แลวกองเชียรนั้นคือปศาจ แหงความเห็นแกตัว ที่คุณจัดมาเปนหมู ๆ มานั่งเชียรคุณ นี่คือปศาจแหงความ เห็นแกตัว เพาะนิสัยใหเด็ก ๆ เล็ก ๆ ใหมันมีความเห็นแกตัว. ฉะนั้นทุกอยาง ในสนามกีฬ า มัน เพื่อ ฝก ความเห็น แกตัว, เพิ่ม ความเห็น แกตัว.กีฬ าในสมัย เทคโนโลยี่ เทคโนโลยี่ของกีฬาสมัยนี้ เพิ่มปศาจแหงความเห็นแกตัว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ภาวะจิตทราม ในอารยธรรม แผนปจจุบัน

๓๗๗

ถาเปนกีฬาบริสุทธิ์ มันก็ทําลายความเห็นแกตัวไปทุกกระเบียดนิ้ว. ถาจะมีใครมานั่งดู ก็ไมใชวาจะมาเพื่อนั่งเชียร. มานั่งดูวาใครจะมีน้ําใจนักกีฬา มากกวา กัน . เรามานั่ง ดูค นเลน กีฬ า แลว ก็เ ห็น ชัด วา คนไหนมีค วามเปน นัก กีฬ า ที ่เนื ้อ ที ่ต ัว ที ่ก ารกระทํ า . ฉะนั ้น การกีฬ าสมัย นี ้เปน การกีฬ าของ ความเห็น แกตัว , เพื่อ ความเห็น แกตัว , เพิ่ม ความเห็น แกตัว . ฉะนั้น ก็ส ม น้ําหนาแลว ที่มันมีระเบิดขวดในสนามกีฬา เพราะตัวกีฬานั่นเอง มันสงเสริม ความเห็น แกตัว . กีฬ าในประเทศก็อ ยา งนี้, กีฬ าระหวา งประเทศก็อ ยา งนี้ นี้ความมี จิตทราม ในอารยธรรมแผนปจจุบัน ที่มีอยูแมในสนามกีฬา ในวงการ กีฬา. มองดูซิวา โลกมันหมดที่พึ่งเขาไปทุกที มนุษยนี้หมดที่พึ่งเขามาทุกที เพราะความเห็นแกตัวมันสูงจัดมากขึ้นทุกที. แลวก็ดูกันดวยจิตใจที่เปนธรรม ; เพราะมันไปแกไข spirit หรือวิญญาณของสิ่งเหลานั้นเสียหมด กระทั่ง spirit ของการกีฬา ; มันถูกแกไขไปเปนเครื่องมือสนับสนุนความเห็นแกตัว หรือพวก ของตัวไปเสีย มุงแตความชนะ, ไมไดมุงความเปนธรรม หรือความเปนนักกีฬา มุง แตชัย ชนะ. มีภ าษาที่เลวทรามที่สุด วา แกแ คน . มหาวิท ยาลัย นี้แ พกีฬ า แลวก็แกแคนมหาวิทยาลัยโนนเขาคราวหนา ใชคําวา “แกแคน” คุณชวยไปบอก เขาดวยวา คําวา แกแคน ไมมีในปทานุกรมของการกีฬา เดี๋ยวนี้เต็มไปดวย คําวาแกแคน เปนตน แลวมีคําอื่น ๆ อีกที่รายกวาคําวาแกแคน. ปทานุกรม ของการกีฬ าที่บ ริสุท ธิ์ ไมมีคํา เหลา นี้. นี่คือ ความมีจิต ทรามในอารยธรรม แผนปจจุบัน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราดูกัน ตอ ไปอีก วา ที่เขานิยม ยกยอ ง นับถือ กันอยู เชนความ เก็บ หอมรอมริบ ความกระเหม็ด กระแหม. เนื้อ แทห รือ ความหมายที่ถูก ตอ ง ของคําวา เก็บหอมรอมริบ นั้น ไมใชความเห็นแกตัว ; เขาเก็บหอมรอมริบ


๓๗๘

ฆราวาสธรรม

เพื่อ จะชวยตัวใหรอดพน จากความทุก ข. แตเดี๋ย วนี้ค นเก็บ หอมรอมริบ เพื่อ เพิ่มความเห็นแกตัวแลวไปเลนงานผูอื่น. มันสะสมนั่นนี่ สะสมอุปกรณเพื่อการ เลนงานผูอื่น , เปน สวนรวมก็คือ อุป กรณของการสงคราม อุต สาหเก็บ หอม รอมริบ เพื่อจะไดกวาดลางผูอื่นออกไปเสียจากโลก. เอาละ ยอมใหหนอยวา เก็บหอมรอมริบสวนตัวบุคคลนี้ เก็บไวปหนึ่งเลย เพราะเรามีรายไดนอย พอถึงป ก็ใชมัน ทีนี้ใชอยางไร ? เอา ปใหมใชเลี้ยงดู ซึ่งจะกินเหลา กินยา กินหมู กิ น ไก กั น ก็ ต อนนี้ . พวกจี น เขามาจากเมื อ งจี น กิ น ผั ก เป น ประจํ า วั น กิ น ใบ มะขามตมเกลือ. เพื่อนคนไทยถามวาทําไมทําอยางนั้น . จีนคนนั้น ก็ต อบวา ไมสบาย เปนโรคอะไรก็ไมรูในทอง กินอื่นไมได. ทีนี้ตอมาจีนคนนี้ร่ํารวยขึ้น มีร า น มีก ารคา ก็เ ลยกิน หมู กิน ไก. ทีนี ้ค นเดีย วกัน ถามวา เอา เดี ๋ย วนี้ ทําไมลื้อกินหมูกินไกเลา ? เขาก็หัวเราะแฮะ ๆ แลวบอกวา หายแลว หายโรค นั้นแลว. นี่เรื่องจริง ไมใชผมประดิษฐขึ้น อยาระบุชื่อดีกวา. ในการเก็บหอมรอมริบเลี้ยงปใหม เลี้ยงอะไรกัน มันก็เพื่อเห็นแกตัว หรือโดยความเห็นแกตัว สนุกสนาน อรอยของตัว ; ไมใชเรื่องทําบุญ ใหทาน เอาเงิน นั้น ไปชว ยเหลือ สงเคราะหค นยากจนในปใ หม. หรือ วา อยา งดีที่สุด เก็บ เงิน ไวม าก ๆ ปใหมเที่ยวรอบโลกเสียครั้งหนึ่ง ; ถาไมเก็บ หอมรอมริบไว ตั้งปหนึ่ง ไมพอไปเที่ยวรอบโลก. การเก็บหอมรอมริบนี้ มันเพื่อความเห็นแกตัว โดยความเห็น แกต ัว เพื ่อ ตัว คนเดีย วดว ย. นี ่ว ัฒ นธรรมนี ้เ ปน วัฒ นธรรม แหง ความเห็น แกต ัว ของการเก็บ รอมรอมริบ , จากการเก็บ หอมรอมริบ คุณกําลังจะทําอยางนั้นหรือไม ก็ไปคิดดู.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถ า ว า จะเป น ธรรมะของพระพุ ท ธเจ า มั น ก็ เก็ บ หอมรอมริ บ ไว ใน กระปองออมสินเรื่อย ๆ พอถึงรอบปหนึ่ง ก็เอาไปแจกคนจนเสียทีหนึ่ง อยางนี้


ภาวะจิตทราม ในอารยธรรม แผนปจจุบัน

๓๗๙

มัน จึง จะคอ ยเปน ความไมเ ห็น แกต ัว . แตก ็ต อ งระวัง ใหด ี มัน อาจจะลึก ลับ ซั บ ซ อ นอยู ในนั้ น จะทํ าเอาหน า เอาตาก็ ได หรือ วาทํ า บุ ญ นี้ เพื่ อ ซื้ อ สวรรค วิม าน ในชาติหนาก็ได. ถาอยางนี้เปนเรื่องความเห็นแกตัว. การทํา บุ ญ ให ท านของทายกทายิ ก า ยั ง ไม ป ลอดภั ย . ทายก ทายิกาโดยมากทํ าบุ ญ เพราะความเห็นแกตัวและเพิ่ มความเห็ นแกตัว : เก็บหอม รอมริบ บุญ กุศ ลนี ้ไ ว เปน การเพิ ่ม ความเห็น แกต ัว เพราะวา ลงทุน บาทหนึ ่ง ตายแล ว ได วิ ม านหลั ง หนึ่ ง . ที่ ทํ า บุ ญ นี้ เพราะว า ตายแล ว ชาติ ห น า จะได วิ ม าน หนึ่ ง หลั ง สองหลั ง สามหลั ง มี น างฟ า นางอะไรก็ ไม รู ซึ่ ง มั น แพงเหลื อ แสน; เทีย บกับ ลงทุน บาทหนึ ่ง นี้ม ัน มีกําไรเกิน ควร ไมรูจัก กี่รอ ยเทา พัน เทา. อยา งนี้ ไมใ ชทํ า บุญ ในพระพุท ธศาสนา พระพุท ธเจา ไมไดส อนอยา งนี ้. ถา ใครเอามา พูด วา พระพุท ธเจา สอนอยา งนี ้ คนนั ้น โกหก. มัน เปน เรื ่อ งความหวัง ดีก ็จ ริง เพื่ อ ให ค นทํ าบุ ญ ; แต แ ล วไปสอนในลั ก ษณะที่ ต ายด านอยู แ ค นั้ น มั น ก็ เป น การ ฝง คนใหต ิด อยู ใ นความเห็น แกต ัว . ทีนี ้ม ัน ก็ม ีอ าการอยา งอื ่น เกิด ขึ ้น แทน เปน ความทุก ข เปน ผลที ่ต รงกัน ขา ม. ดูใ นแงเ ลวมัน ก็เ ปน ความเห็น แกต ัว ในแงด ี ก็เปน ความเห็น แกต ัว อยู  อยา งนี ้ม ัน ไมไ หว. เรื่อ งบุญ ทํ า ใหท านแท ๆ ถูก สอนไปในทางเห็น แกต ัว เสีย แลว ; ทีนี ้เ รื ่อ งเลวเรื ่อ งอบายมุข ตา ง ๆ ที่ เกิดขึ้นเต็มบานเต็มเมือง ก็เปนความเห็นแกตัว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org อบายมุ ข คุ ณ ก็ ท อ งได อ ยู แล ว เช น ดื่ ม นี้ เมาก็ เพราะความเห็ น แก ตั ว อยางโงเขลาที่สุด.ดื่มน้ําเมาเขาไปเพื่อทําลายสติสมปฤดีใหมันเสียไป เปนความ เห็นแกตัวที่โงเขลาที่สุด.เที่ยวกลางคืน เสาะแสวงหาความเพลิดเพลินกลางคืนนั้น เปน ความเห็น แกต ัว อยา งภูต ผีป ศ าจ ; นอนอยู ที ่บ า นยัง ดีก วา . ดูก ารเลน การเลนก็ดูจะเปนเรื่องลามกอนาจารมากขึ้นทุกที แมแตเรื่องภาพยนตอะไร คุณก็ เห็นอยูชัดวา ถาไปเทียบกับเมื่อ ๔๐ - ๕๐ ปกอนแลว ภาพยนตเดี๋ยวนี้ก็คือลามก


๓๘๐

ฆราวาสธรรม

อนาจารนั่ น เอง. อะไรอื่ น ๆ อี ก มากที่ ห มุ น ไปทางลามกอนาจารของผู ดี . การ เล น การพนั น อบายมุ ข เล น พนั น นี ้ ก ็ ค ื อ ความเห็ น แก ต ั ว อยากรวยเร็ ว ; จะมาทนทําไรทํานา ขุดดินอยูไมได. เกียจครานทําการงานอาจจะมองเห็นวา เกียจครานทําการงานเพราะใหตัวสบาย ; ที่จริงมันมีมูลมาจากความเห็นแกตัว ไมอยากเหน็ด ไมอยากเหนื่อย จึงยอมทนรับความยากจน. อยางนี้มีความเห็น แกตัวสองซอน เกียจครานทําการงานนี้. ทีนี้อันสุดทายวา คบคนชั่วเปนมิตร นี่ เหยื่ อ กิ เลสตั ณ หามั น ร่ํารวยให ห มู ค นชั่ว. ฉะนั้ น เราก็ เลยไปผสมโรงกั บ คนชั่ ว เพื่อจะไดกินเหยื่อของกิเลสตัณหา ซึ่งเปนความเห็นแกตัวอยางเลว. อบายมุขทั้ง ๖ นี้ ก็คือผลของความเห็นแกตัว หรือทําไปตามอํานาจ ของความเห็นแกตัว. ทีนี้มันก็นํามาซึ่งอบาย นรก เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย. นี่ผมเขียนหรือพูดไวละเอียด คุณไปหาอานไดงาย เอาแตใจความวา นรก คือความรอนใจ ที่นี่และเดี๋ยวนี้ มันก็มาจากความเห็นแกตัว อยางที่วามาแลว เชนอบายมุขนั่นแหละ. เดรัจฉาน คือความโง ความโงเปนความหมายของ สัตวเดรัจฉาน เราก็โงไปทําสิ่งที่ไมควรทํา ไปเปนทาสของเทคโนโลยี่ ที่เพื่อความ เห็นแกตัว. นี้มันความโงยิ่งกวาสัตวเดรัจฉาน จึงเปนสัตวเดรัจฉานหลายเทา. เปรต คือความหิว เปรตคือ symbol ของความหิว, ปากเทารูเข็ม ทอง เทาภูเขา. นี่เดี๋ยวนี้มนุษยมีอาการอยางนั้น มีอาการปากเทารูเข็ม ทองเทาภูเขา คือมันหิวมา หิวจนไมรูวาจะหิวอะไรอีกแลว แมแตวาจะไปโลกพระจันทร ไปไหนอยางนั้น มันก็เปนเรื่องของความหิว: หิววิชา, หิวความรู, หิววัตถุ, หิวกามารมณ, หิวอะไรก็ตาม. การอบรมผิด ศีลธรรมผิด อารยธรรมผิด ทําใหมนุษยในโลกหิวยิ่งกวาเปรต เปนเปรตหลายเทา. อสุรกายเปนความหมาย ของความขลาด ความกลัว. เดี๋ยวนี้เราก็มองเห็นชัดอยูวา ชีวิตมันลวงไปดวย ความกลัว ในภายในก็กลัวโจร กลัวขโมย กลัวถูกจี้ กลัวเขาจับตัวไป ; มันก็มี

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ภาวะจิตทราม ในอารยธรรม แผนปจจุบัน

๓๘๑

อยู ทั ่ว ไปในโลกนี ้ยิ ่ง ขึ ้น ๆ ; แลว ก็ก ลัว สงคราม กลัว พา ยแพท างลัท ธิ ; เปนมหาอาณาจักรแหงความกลัวอยูทั้งโลก. นี่ละคืออสุรกาย, ความเปนอสุรกาย. นรก เปรต เดรั จ ฉาน อสุ ร กาย นี้ กํ า ลั ง มี อ ยู ท ว มท น โลกนี้ เพราะ สิ่ง สิ่ง เดีย วคือ ความเห็น แกต ัว ที่ไดเทคโนโลยี่เปน เครื่อ งสง เสริม ใหมัน เห็น แกตัวจัดยิ่งขึ้นไป. นี่ดูความเห็นแกตัวในลักษณะอยางนี้ใหดี ๆ. คนเหล านี้ ไม ต องการจะแก ป ญหาชนิ ดที่ เป นการตรงกั นข าม เพราะเขา ไม รูจั ก วามั น มาจากความเห็ น แก ตั ว เขาไม แ ก ไขความเห็ น แก ตั ว เขาเพิ่ ม ความ เห็ นแกตั วอย างโน น เพิ่ ม ความเห็ นแกตั วอยางนี้ กลบกั น ไป เกลื่ อ นกัน มา เพื่ อ วามันจะพนทุกขนี้. จะจัดโลกใหมีสันติภาพดวยสงคราม อยางนี้คุณ คิดดูเถิดวา มัน บา บอเทา ใด. จะทํ า สัน ติภ าพใหเกิด ขึ ้น ดว ยสงคราม ซึ ่ง เปน การงานของ คนสมัยนี้. ไมแกปญ หาตาง ๆ ในทางฝายวิญ ญาณ จะแกทางฝายวัตถุเสมอไป. เชนจะคุมกําเนิด นี่ก็คุมดวยวิธีการทางฟ สิคส จึงทําใหศีลธรรมของเด็กวัยรุนเสีย ไปหมด. ถ า ควบคุ ม กํ า เนิ ด ทางวิ ญ ญาณ คื อ ความอดกลั้ น อดทน ในระบอบ วั ฒ นธรรมที่ ดี ที่ ป ระพฤติ กั น มาอย า งเคร ง ครั ด ในพวกพรหมจารี สิ่ ง เลวทราม เหลานี้มันก็ไมเกิดขึ้น. แตมนุษยสมัยนี้ไมตองการจะคุมกําเนิดทางวิญ ญาณ คุม กํ า เนิด ทางฟส ิค ส ซึ ่ง จะเพิ ่ม ความเห็น แกต ัว หรือ ความเลวทรามทางศีล ธรรม ให มี ม ากขึ้น . หรือ แม แต วาจะเอามาใชค วบกั น ทั้ ง ๒ อยางก็ไม ย อมเอา จะเอา แตทางวัตถุอยูเรื่อยไป ก็เลยกลายเปนไมรูเรื่องทางวิญ ญาณ. ไมแกปญ หาความ เสื่อมทรามทางศีลธรรม โดยอาศัยเครื่องมือฝายวิญญาณเลย ; ตองการแกดวยเครื่องมือ ฝายวัตถุ หรือดวยเทคโนโลยี่เรื่อยไป เพราะวาตกเปนทาสของเทคโนโลยี่เสียแลวอยาง ถอนตัวไมขึ้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org

นี่ แหละในที่ สุ ด ผมก็ อ ยากจะพู ด เพี ยงขอ เดี ยววา มนุ ษ ย นี้ กํ าลั งกลั ว ความไมย ึด มั ่น ถือ มั ่น ;กลัว ความไมย ึด มั ่น ถือ มั ่น แลว รัก บูช า ความยึด มั ่น


๓๘๒

ฆราวาสธรรม

ถือ มั ่น . ในประเทศไทยนี ้ เมือ งพุท ธศาสนานี ้ เมื ่อ ผมเริ ่ม พูด ถึง เรื ่อ งจิต วา ง หรื อ ความไม ยึ ด มั่ น ถื อ มั่ น เขาประณ ามผมว า เป น คนบ า เอาไปเขี ย นล อ ทาง หนั ง สื อ พิ ม พ ทางอะไรอยู ทั่ ว ไป ไปพู ด ด ว ยปากก็ มี ว า เรื่ อ งจิ ต ว า ง หรื อ ความไม ยึ ด มั่ น ถื อ มั่ น นี้ มั น เป น เรื่ อ งบ า . นี่ คื อ ความมี จิ ต ทรามสู ง สุ ด โดยเห็ น เรื่ อ งทาง วิ ญ ญาณ หรื อ การแก ป ญ หาทางวิ ญ ญาณเป น เรื่ อ งบ า . ถ า เราไม ศึ ก ษาเรื่ อ ง ความยึด มั่น ถือ มั่น และเรื่อ งความไมยึด มั่น ถือ มั่น นี้ใ หรูเ สีย กอ นแลว เรา ไมม ีท างที ่จ ะแกไ ขวิก ฤตกาลในโลกนี ้ไ ด ; โดยสว นตัว บุค คลก็ด ี โดยสว น รวมก็ ดี ไม มี ท างจะแก ได เพราะมู ล เหตุ อั น แท จ ริ ง มาจากความเห็ น แก ตั ว อย า งที่ เราพูดมาตั้งชั่วโมงแลว. มูล เหตุอ ัน แทจ ริง ของวิก ฤตกาลเหลา นี ้ มัน มาจากความเห็น แก ตั ว. ความเห็ นแก ตั วมั น มาจากความยึ ดมั่ น ถื อ มั่ น . แล วถ าจะทํ าลายความเห็ น แกต ัว มัน ก็จ ะตอ งจัด การที ่ค วามยึด มั ่น ถือ มั ่น คือ ทํ า ใหถ ูก วิธ ี. ยึด มั ่น ถือ มั ่น เป น เรื่ อ งของกิ เลส เรื่ อ งของตั ณ หา. ถ า ตั้ ง ใจทํ า จริ ง โดยถู ก ต อ ง ก็ เป น เรื่ อ งของ สติ ป ญ ญา. ฉะนั้ น เราจงทํ าทุ กอย างด วยสติ ป ญ ญา อย าทํ าด วยความยึ ดมั่ นถื อมั่ น สติ ป ญ ญา ก็ คื อ รู ว า ทุ ก สิ่ งทุ ก อย า งไม ค วรยึ ด มั่ น ถื อ มั่ น ตามหั ว ใจของพระพุ ท ธศาสนา. สพฺเ พ ธมฺม า นาลํ อภิน ิเ วสาย เปน มนตที ่ค ุณ จะตอ งทอ งใหขึ ้น ใจ แลวปฏิบัติใหไดดวย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org “ทุก สิ ่ง ไมค วรยึด มั ่น ถือ มั ่น ” นี ่จ ะเปน เครื ่อ งทํ า ลายความเห็น แกต ัว ที่ พ ระเจ า ได ป ระทานมาให สํ า หรั บ มนุ ษ ย จ ะเอาตั ว รอดได . แต เดี๋ ย วนี้ ม นุ ษ ย ห รื อ คนกํ า ลั ง กลั ว ความไม ยึ ด มั่ น ถื อ มั่ น ไม พู ด ถึ ง และไม ย อมให เอามาสอน. เขาไป สอนให รั ก ชาติ , ชาติ นิ ย ม ให ห ลงชาติ หรื อ อะไรทํ า นองนี้ คื อ ให ยึ ด มั่ น ถื อ มั่ น


ภาวะจิตทราม ในอารยธรรม แผนปจจุบัน

๓๘๓

รุนแรงถึงขีดสุด ยอมตายกันหมดทั้งประเทศ นี่ก็พูดไปแตปากเทานั้น ในที่สุด เมื่อจะตายเขาจริง ๆ ก็เบี่ยงบายกลบเกลื่อนไปหาความเห็นแกตัวอยางอื่นอยางนี้ เรื่อยไป. คนในโลกสมัยนี้ไมชอบความไมเห็นแกตัว ไมชอบความไมยึดมั่นถือมั่น; ไมกลาสอนเรื่องทําลายความเห็นแกตัว ไมกลาสอนเรื่องทําลายความยึดมั่นถือมั่น เพราะฉะนั้นในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัย ในอะไรก็ตาม สอนในลักษณะที่ทําให เด็กเพิ่มความเห็นแกตัวทั้งนั้น. ฉะนั้นอยาเปดโรงเรียน มหาวิทยาลัย ชนิดนี้ขึ้น ในโลก โลกก็จะดีพอ ๆ กับสมัยที่มนุษยยังไมรูจักทําอะไร, รูจักเก็บขาวสาลี ในปากิน มันก็ไมมีการเบียดเบียน. เดี๋ยวนี้ยิ่งสอนยิ่งมีการเบียดเบียนเพราะความ เห็นแกตัว. ฉะนั้น ระเบิดขวดก็กอหวอดขึ้นมาจากโรงเรียน ที่ไมไดสอนเรื่อง การทําลายความเห็นแกตัว หรือ วาหลักสูตรการศึก ษาของโลก ในปจจุบัน นี้ ไมพอที่จะทําลายความเห็นแกตัว มิหนําเพิ่มความเห็นแกตัวตัวจัดยิ่งขึ้นทุกที.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เด็กวัยรุนของเราทั้งชายทั้งหญิง ทะเยอทะยานอยางสุดขีด สุดชีวิต จิตใจที่จะไดมีความเอร็ดอรอยทางเนื้อหนัง ทางวัตถุ. นี่มันเปนการเพิ่มความ เห็นแกตัวอยางนี้.

เอาละ พอสรุปกันทีไดวา นี้คือภาวะจิตทรามที่มีอยูในความเจริญ รุงเรือ งกาวหนาของโลกสมัยปจจุบัน ที่มีค วามกาวหนาแตในทางเทคโนโลยี่ เราเรียกวาโลกนี้กําลังรุงเรือง กาวหนาที่สุด วิเศษวิโสที่สุด มีอะไรสาระพัดอยาง ที่สุด,แตมีภ าวะจิตทรามของผู ดี อยูหนาแนน เต็มไปทั้งโลก ; เปนโลกแหง ความเห็นแกตัว บูชาเทคโนโลยี่ ซึ่งเปนเครื่องมือของความเห็นแกตัว เพราะวา เพาะ ฟก ขึ้นมาดวยอํานาจความเห็นแกตัว.


๓๘๔

ฆราวาสธรรม

ขอใหมองเห็นภาวะจิตทราม ที่มีอยูในอารยธรรมแหงยุคปจจุบันใน ลักษณะอยางนี้. ถาเขาใจเรื่องนี้แลว คุณ จะแกปญ หาตาง ๆ ไดหมด. ที่คุณ มาที่นี่ เพื่อตองการธรรมะ เพื่อแกปญหาของชีวิตนี้ คุณตองรูจักชีวิตที่เปนความ เห็นแกตัวนั่นแหละ ที่กําลังหลงบูชากันอยูนั้น ใหดีเสียกอน คุณ จะแกปญหา ตาง ๆ ไดหมด จะออกไปเปนฆราวาสตอไปนี้ ก็จะเปนฆราวาสที่ลืมหูลืมตา ไมใชหลับหูหลับตา กมหนาเขาไปเปนทาสของเทคโนโลยี่เหมือนคนทั่วไป. นกกางเขน เรไร ก็บอกวาหมดเวลาแลวสําหรับวันนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ฆราวาส กับ ไสยศาสตร - ๒๑ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๑๓ วันนี้จะกลาวในหัวขอวา ฆราวาสกับไสยศาสตร. ขอให สั ง เกตว า ทุ ก ตอนที่ แ ล ว มา ได พู ด แต เ รื่ อ งที่ เ กี่ ย วกั บ ฆราวาส จนไดชื ่อ วา “ฆราวาสธรรม” ไปหมด, และใน ครั้งที่ แ ล วมา ครั้งสุ ด ท ายนี้ ก็ ได พู ด ถึ ง ภาวะจิ ต ทรามในความ เปนฆราวาส. ทีนี้เราจะพูดกันถึงไสยศาสตร ก็นาจะวินิจฉัยกันในขอที่วา มันมี ความเปนจิตทรามในไสยศาสตรนี้ดวยหรือเปลา. ถาเราจะดูกันโดยทั่ว ๆ ไป ดวยความรูสึกอยางสามัญสํานึก เราจะเห็นความแตกตางกันมาก ระหวางความมี จิตต่ําอยางไสยศาสตร กับ ความมีจิตทรามของยุคปจจุบันบัน. คนในยุคปจจุบัน หรือในอารยธรรมปจจุบันมีจิตทรามอยางไร เราก็ไดพูดกันยืดยาวจนเปนที่เขาใจ แลว ; จะเห็นไดวา จิตมีความทรามเพราะความตะกละในความสุขทางเนื้อหนัง หรือทางวัตถุ. สวนบุคคลผูถือไสยศาสตร หรือในยุคที่โลกยังพึ่งไสยศาสตรนั้น เขาไมไดมีความตะกละในวัตถุหรือเนื้อหนัง หากแตมีความขลาด หรือความเขลา

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org

๓๘๕


๓๘๖

ฆราวาสธรรม

โดยไมรูตัว, โดยไมมีเจตนาที่จะขลาดจะเขลาเหมือนคนสมัยปจจุบัน ที่มีเจตนา ที่จะตะกละกลามในความสุขทางเนื้อหนัง. เรื่องทางไสยศาสตรนั้นเปนเรื่องทางวิญญาณ คือเปนฝายจิตใจ ไมใช ฝายวัตถุ ; แมวาจะตองการผลเปนวัตถุบาง แตเรื่องมันก็เปนเรื่องทางฝายจิตใจ นับ ตั้ง แตเปน เรื่อ งของความเชื่อ ความขลัง กระทั่ง ความเปน สมาธิจิต ในการ ที่จะประกอบกรรมที่เปนไสยศาสตรอยางสูงสุด ; เพราะอํานาจของความเชื่อที่มี กําลังจิตแรง กระทั่งแสดงฤทธิ์เดชก็ได อยางนี้เปนตน.ดังนั้นนภาวะจิตทรามใน อารยธรรมปจจุบัน กับความมีจิตต่ํา หรือเขลาในไสยศาสตรนั้น ไมใชสิ่งเดียวกัน ; เรื่องมันจึงตางกันมาก. แลวเราควรพิจารณาในฐานะเปนเรื่องที่เกี่ยวกับฆราวาส เพราะวาไสยศาสตรนั้นสัมพันธกับชีวิตฆราวาสอยางยิ่ง ; ซึ่งจะไดพิจารณากันดู จนกระทั่งเห็นวามันมีความสัมพันธกันกับความเปนฆราวาสอยางจะแยกกันไมออก. บัดนี้เราจะพุ ดกันถึงคําวา “ไสยศาสตร” โดยเฉพาะกอน. ผมอยากจะ สรุปชี้ใหเห็นเปนการประหยัดเวลาวา ไสยศาสตรนี้มันเปนคูผัวตัวเมียกันมา กับอารมณของมนุษย ที่ปราศจากเหตุผล. คําวา “อารมณ” ในที่นี้หมายถึง ความรูสึกหรือความคิดนึก ที่ปลอยไปตามความรูสึกลวน ๆ ตามธรรมชาติ,ไมเกี่ยว กับการใชเหตุผล. เรามีความคิดพลุงออกไปอยางไรโดยไมตองมีเหตุผล อยางนี้ เรีย กวาอารมณ แล วก็ สิ่ งที่ เรีย กวา “ อารมณ ” นี้ มั น เป น คู ผั วตั วเมี ย กั บ สิ่ งที่ เรีย กวา “ไสยศาสตร”. ที ่ใ ชคํ า วา “คู ผ ัว ตัว เมีย ” ก็ห มายความวา มัน มา ด วยกั น มั น แยกกั น ไม ได ฉะนั้ น มั น จะสนิ ท แน น แฟ น ที่ สุ ด ; เพราะวาถ าเกิ ด มี เหตุผ ลขึ้น มาเมื ่อ ไร สิ ่ง ที ่เรีย กวา “ไสยศาสตร” ก็ม ีไมได. ฉะนั ้น เราจึง ถือ วา ไสยศาสตรนี้ คู กันกับอารมณ ที่ ไม เกี่ยวกับเหตุผล ; จะเพราะวาไม รูจักใชเหตุผล หรือมันไมมีเหตุผล หรือไมอยูในวิสัยที่จะใชเหตุผล มันไดทั้งนั้น. เพราะฉะนั้น

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ฆราวาส กับ ไสยศาสตร

๓๘๗

จึงพูดไดวา ไสยศาสตรนั้นมันเปนเรื่องที่ไมเกี่ยวกับสติปญ ญา ที่เนื่องอยูกับ เหตุผล. ถาจะมีสติปญญามันก็กลายเปนสติปญญาอยางอื่น คือสติปญญาที่จะ ไมตองใชเหตุผลนั่นเอง. เราจะรูจักไสยศาสตรดี ก็ตอเมื่อมองดูในลักษณะเปน เรื่องในอดีต หรือเปนโบราณคดี ; ศึกษาในแงของโบราณคดีก็จะรูจักสิ่งที่เรียกวา ไสยศาสตร ไดกวางขวางขึ้น. เราอาจจะพูดไดเลยวา ไสยศาสตรเปนของดีเลิศ ดีที่สุด ในสมัยที่ยัง ไมมีการศึกษา, สมัยที่ยังไมมีการศึกษานั้น ไสยศาสตรเปนของดีเลิศกวาสิ่งใด คือ เปนวิชาความรูเทาที่มีสมัยนั้น ที่ยังไมมีการศึกษา ที่ไมรูจักใชเหตุผล ; เพราะ ฉะนั้นสิ่งนี้ก็ตองดีเลิศ. นี่ ผมสันนิษฐานเอาเองวาคําวา “ไสยศาสตร” นี้มีความ หมายตามตัวหนังสือของมันอยางนี้ ; นักอักษรศาสตรสวนมากก็ไมรู วาคําวา “ไสยศาสตร” นี้มันเปนอะไรกันแน หรือโดยตัวหนังสือมันจะเปนอยางไร ; มัน เลยถือเอาความหมาย หรือจับความหมายของคําวาไสยศาสตรไดยาก. แตถาเรา จะเขียนกันอยาง ไสย แลว คํา ๆ นี้มันแปลวา ดี หรือ ดีกวา. ถาสมมติวา เปนภาษาบาลี ผมก็เลยสันนิษฐานเอาวา คํา ๆ นี้เหมาะที่สุดแลว ; มันก็แปลวา ดีกวา คือมันดีกวาสิ่งใด ๆ ในยุคนั้น ซึ่งไมมีการศึกษา หรือไมมีการใชเหตุผล ไมมีสติปญญา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คํ าวา “ดี ก วา” นี้ มั น ดี ก วาได ทั้ ง ๒ ทาง คื อ ทางส วนตั วบุ ค คล มันดีกวา เพราะมันระงับความขลาดได. ความขลาดกลัว มันเปนปญหาอยางยิ่ง ของมนุษย ; แลวเมื่อมันกําจัดความขลาดไปได มันก็รูสึกวาเปนของดี. แลว มันยังดีสําหรับสังคม คือมันเปนเครื่องมือสําหรับการปกครองบุคคลในยุคนั้นใน ยุ ค ที่ ไม มี ก ารศึ ก ษา ไม มี ก ารใช เหตุ ผ ล ; หรือ แม ในยุ ค นี้ ในหมู ค นที่ ง มงาย เหมือนกับไรการศึกษา หรือไรเหตุผล. แมในยุควิทยาศาสตรยุคนี้ ปจจุบันนี้


๓๘๘

ฆราวาสธรรม

มันก็ยังมีคนประเภทที่งมงาย ไรเหตุผล ; การศึกษาไมเปนการศึกษาสําหรับคน เหลานี้, เขาศึกษาไปในทางอื่น ไมไดศึกษาไปในทางที่จะหายงมวาย ก็มีอ ยู เหมือ นกัน . เพราะฉะนั ้น สิ ่ง ที ่เ รีย กวา “ไสยศาสตร” นี ้ม ีไ ดใ นโลกสมัย วิทยาศาสตร แลวก็ถือกันอยางงมงาย ; เพราะวามันเปนเครื่องขจัดความกลัวได. วิทยาศาสตรสมัยปจจุบันเพียงเรื่องทางวัตถุ เจริญทางเทคโนโลยี่ ทุกแขนง แตไมเปนไปในทางจิตหรือวิญ ญาณ ; เพราะฉะนั้นความกลัวจะยัง เหลืออยู และมีมากในยุคแหงบุคลผูตะกละทางเนื้อหนังดวยเหตุนี้ไสยศาสตร จึงยังมีที่อาศัยในโลกปจจุบันนี้ และจะกลาวไดวา มันก็จําเปนเหมือนกันสําหรับ โลกปจจุบันนี้ ที่มีสิ่งเหลานี้มาชวยระงับความกลัวและความขลาดอยางงมงาย. ความกลัวนั้นเกิดมาจากความอยาก นี่พระพุทธภาษิตมีอยูอยางนี้ ที่เรากลัวอะไร กระทั่งกลัวตายกลัวผี นี้มันเกิดมาจากความอยาก คือเราอยาก สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ; อยากไดสิ่งนั้น ไมอยากจากไปจากสิ่งนั้น เพราะฉะนั้นมันจึง มีความกลัว. สมัยนี้มันก็ยิ่งมีความกลัวมาก เพราะมันมีความอยากมาก ; และ สิ่งที่เรียกวาไสยศาสตรก็มีเนื้อที่ สําหรับจะอาศัยอยูในโลกปจจุบันนี้อยูนั่นเอง. แมจะไปศึกษามาจนใหมีปริญญายาวเปนหางก็เปนเรื่องทางวัตถุ มันก็เลยไมกําจัด ความกลัว ซึ่งเปนเรื่องทางวิญญาณ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ถาจะพูดกันอยางยุติธรรมแลว เรื่องไสยศาสตรนี้มันก็เปนเรื่อง ทางฝายจิต ฝายวิญญาณ ในยุคที่มันยังไมมีความสวางไสวทางวิญญาณมากพอ. ขอสําคัญที่สุดที่มันเปนปญหา ที่มันเปนประยุกตก็คือวา มันเปนการยากที่จะแยก เรื่องของไสยศาสตรออกจากฆราวาส. คุณตองรูความหมายที่สําคัญของฆราวาส ; คือ วาฆราวาสมีเรื่อ งมาก ; เมื่อ มีเรื่อ งมากมัน ก็ทําใหเวียนหัว ; เมื่อ เวีย นหัว


ฆราวาส กับ ไสยศาสตร

๓๘๙

มันก็มีทางที่จะงมงายไดงาย. ฆราวาสที่มีการศึกษาไมพอ หรืออะไรไมพอนี้ มีเรื่อง ยุงเวียนหัว จนไมรูวาจะแกไขมันอยางไร ; ก็เลยไปแกดวยวิธีทางไสยศาสตร ; มันก็เลยแยกออกจากกันยากกับชีวิตของฆราวาส. นี่เราก็ควรดูใหดี ๆ ที่มันเกี่ยวกันอยู แมกับฆราวาสสมัยนี้. นี้คือ ลักษณะหรือความหมายของสิ่งที่เรียกวา “ไสยศาสตร” โดยตัวหนังสือก็ตาม โดย เนื้อความก็ตาม โดพฤติที่มันเปนอยูจริงในชีวิตของฆราวาสก็ตาม. ทีนี้ดูกันตอไปในลักษณะที่เปนหลักวิชา วาการถือไสยศาสตรนี้ มัน ก็ควรจะเรียกวา เปนสถาบันอันหนึ่ง คือรูจักกันดี และยอมรับกันวาเปนอยางไร และมีการปฏิบัติกันอยางที่เรียกวา ยิ่งกวาเปนล่ําเปนสัน ที่มันอยูในเนื้อในตัว. เพราะฉะนั้นสถาบันของไสยศาสตรนี้ก็คือ การที่ถูกยกให หรืออุปโลกนให วา เปนสิ่งที่ไมตองพิสูจน. สถาบันไสยศาสตรมันก็เรียกรองเอาสิทธิที่วา ตองเปน สิ่งที่ไมตองพิสูจน ; เพราะฉะนั้น อยามาพิสูจน ; แลวก็เลยเรียกรองเอามาก ถึงกับวา ไมยอมใหมนุษยพิสูจน ; แลวขอใหยกเปนเรื่องของสิ่งที่พิสูนจไมได เปนเรื่องของพระเจา ของเทวดา ของผี ปศาจ ของอะไรก็สุดแท ; ใหเรียกวามัน เปนเรื่องของสิ่งหรือผูที่พิสูจนไมไดก็แลวกัน อยางนี้มันจึงจะเปนไสยศาสตร. แตในที่สุดมันก็เพงเล็งไปยังเรื่องผีสางเทวดา หรือสิ่งที่อธิบายไมได เชนฤทธิ์เดช ของดวงดาว อะไรของสิ่งตาง ๆ ที่เชื่อกันวามันอยูนอกเหนืออํานาจของมนุษย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ตอไปเราก็ดูเรื่องที่มันเกี่ยวกับไสยศาสตร ตั้งตนมาแตวา มีสิ่งที่เรารูจัก ไมได มองไมเห็นตัว, หรือ วาลึก ลับ เกินกวาที่เราจะมองเห็น จะรูจัก มันได ; ก็มีผีส าง เทวดา หรือ อะไรเหลา นี้ที่ม นุษ ยก ลัว ดว ยเหมือ นกัน . จนกระทั่ง ดวงดาว หรืออะไรก็ตาม ที่มันเปนตนตอของฤกษยามหรือลางตาง ๆ จนกระทั่ง


๓๙๐

ฆราวาสธรรม

มาอยูในรูปของพิธีรีตองอยางนั้นอยางนี้, จนกระทั่งมาอยูในรูปของวัตถุลวน ๆ เชน วัต ถุที่ใ ชเ ปน เครื่อ งรางแขวนคอ หรือ ทํา อยา งอื่น . นี่คือ ปรากฏการณ สุดทายของสิ่งที่เรียกวา ไสยศาสตร ซึ่งมุงหมายกันแตเพียงจะใหระงับความกลัว เกิด ความสบายใน. ไสยศาสตรนี้มัน มีผ ลดี ไมใ ชวา ไมมีผ ลดี; มัน มีผ ลดี ตรงที่ทําใหสบายใจไดเหมือนกัน. เพราะฉะนั้น เขาจึงเรียกกันตามความพอใจ ของเขาวา “ไสยศาสตร” คือศาสตรที่มีความดี หรือดีกวาศาสตรหลาย ๆ อยาง. นี่ความหมายหรือความจริงอาจจะเปนอยางอื่นอีกก็ได แตเดี๋ยวนี้เราพูดในลักษณะ ที่จะเขาใจได หรือมองเห็นงาย หรือมีประโยชนในการที่จะเขาใจสิ่ง ๆ นี้ วามันทํา ใหคนขลาดคนเขลาสบายใจได. คนที่ตะกละเนื้อหนังสมัยนี้ ก็ยังเปนคนขลาด คนเขลา อยูนั่นเอง แลวก็พลอยสบายใจไดเพราะไสยศาสตร. เรื่องความขลาด ความเขลานี้ มันเปน ไปมากเขา ๆ แลวมันก็เกิดความเปลี่ยนแปลงอยางอื่นตามมาอีก. ผมพูดวา คนเดี๋ยวนี้ทั้งขลาดทั้งเขลา ยิ่งกวาคนปาเถื่อนสมัยโบราณ ขอใหม องใหดี ๆ อยางที่พระพุทธเจาทานตรัสวา “ความกลัวมาจากความอยาก”. เมื่อคนสมัยนี้ อยากอะไรมากกวาคนสมัยโบราณ ฉะนั้น ความเขลาของคนสมัยนี้มันก็ตองมี มากกวาความเขลาความขลาดของคนสมัยโบราณ. ดังนั้น มันจึงเปดโอกาสให ไสยศาสตรเพิ่มมากขึ้น หรือเปลี่ยนรูปไปในลักษณะที่จะเหมาะสมแกคนสมัยนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คนเดี๋ยวนี้มีความขลาดและเขลามากขึ้น ในทางหนึ่ง ก็เลยเปนชอง ทางทําใหเกิดความปนเป สับสน จนกระทั่ง สิ่งที่เรียกวา “ไสยศาสตร” นี้มัน ครอบคลุมเขามามีอํานาจเหนือพระเจาเหนือบุญกุศล เหนือศาสนา หรือศาสนาพิธี มองดูใหดีจะเห็นวา เพราะความขลาด และความเขลาของมนุษยที่มีมากขึ้น เกินไปนี้แหละ มันทําใหสิ่งที่ไมใชไสยศาสตรถูกครอบงําโดยไสยศาสตรมากขึ้น


ฆราวาส กับ ไสยศาสตร

๓๙๑

จนมีคนถือพระเจาอยางถือผีถือสางไป ; ก็มีบางคนไมใชทุกคน ที่เปนพุทธบริษัท มีการถือพระพุทธเจาอยางเทวดา ผีสาง ออนวอนอยางนั้นอยางนี้. ในกรุงเทพ ฯ ก็มีเอาไขกับปลาราไปถวายพระพุทธรูปบางองค อยางนี้เปนตน. นี่คือไสยศาสตร ที่มันมากจนครอบคลุมศาสนา, แลวพุทธศาสนาก็ถูกครอบคลุมอยางนี้. ไสยศาสตร ยังครอบงําไปถึงบุญกุศล ; แทนที่จะเปนเรื่องของกรรม ก็ถือวาบุญ กุศลเปนเครื่องราง เปนอะไรไป ในลักษณะที่จะชวยปองกันความ หวาดกลัว ภัย เปน เครื่อ งอุน ใจ.นี่เ ปน ความหมายที่เ อีย งไปทางไสยศาสตร. ทีนี้ศาสนาพิธีตาง ๆ ก็เลยกลายเปนไสยศาสตรไปโดยไมรูสึกตัว ทั้งที่เปนพิธีในทาง ศาสนา แมของพุทธศาสนา ก็เอาไสยศาสตรไปผสมปนเปลงไป จนบางทีมากกวา ตัวศาสนาเองเสียอีก. เพราะฉะนั้น จึงมีภิกษุสงฆเปน เจาหนาที่อานโองการ เชิญ เทวดา ซึ่งผมก็เคยผานมาแลวตามหนาที่ราชการ. นี่คือความแผกระจาย ของสิ่งที่เรียกวาไสยศาสตร ซึ่งมีอํานาจในบางคราวมากขึ้น เพราะความขลาด ความเขลาที่มันมากขึ้น. จนเราทํายุง สับสนพัวพันกัน แยกไมออก.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่เรียกวาเมื่อขลาดและเขลาหนักเขา ไสยศาสตรก็ครอบงํา แมแกสิ่งที่ เคยเปนแสงสวาง หรือเปนการศึกษา หรือเปนความถูกตองตามเหตุผล. เชนเรื่อง กรรมนี้ถือวาเปนเรื่องความถูกตองตามเหตุผล หรือมีเหตุผล ; แตพอขลาดและ กลัวมากเขา ก็ถือลัทธิกรรมนี้เปนไสยศาสตรไปเลย, เปนของลึกลับอะไรอันหนึ่ง กลายเปน การออ นวอน เปน ตัว กรรมไปเสีย . เราดูกัน ตอ ไปก็จ ะเห็น ไดวา มันกําลังจะเปลี่ยนแปลงไปตามความขลาด และความเขลาของมนุษย. พระพุทธเจา หรือพุทธบริษัทของพระองคนั้น หมายความวา ไมมี ความขลาดและความเขลา. เพราะวาคําวาพุทธะ แปลวา ผูรู ผูตื่น ผูเบิกบาน.


๓๙๒

ฆราวาสธรรม

จําคําวา “พุทธะ” ไว ที่สวดกันอยูเปนประจําวันนั้น. คําวา พุทธะ แปลวา ผูรู ผูตื่น ผูเบิกบาน ; ความขลาด ความกลัว ความเขลา ไมมีเนื้อที่ในจิตใจของ คนชนิดนี้. เดี๋ยวนี้พุทธบริษัทที่เปนพุทธบริษัทแตทะเบียน หรืออะไรทํานองนี้ มีมากเขา ๆ เขาไปถือพุทธศาสนาก็ดวยความงมงาย หรือความกลัว หรือเหอ ตาม ๆ กันไป ; ไมไดมีปญ ญาเห็นธรรมะเปน ธรรมจัก ษุเสีย กอ น แลว จึงถือ พุทธศาสนา เหมือนยุคแรก ๆ. เพราะฉะนั้นพุทธบริษัทดังกลาวคือคนธรรมดา ชนิดนี้ ที่มีความขลาด ความกลัวชนิดนี้ เขาไปเกี่ยวของกับพุทธศาสนา ก็ดวย ความมุงหมายอยางเดียวกับที่เขาเคยมุงหมายทางไสยศาสตร ; เพียงเพื่อขจัด ความกลัว เพื่อความอุนใจ. มันดีอยูหนอยหนึ่ง ที่วาหากไปเกี่ยวของกับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ ที่ ถู ก ต อง มั น ก็ ดี ขึ้น ตามลํ าดั บ ;แลวก็ จะละความขลาด ความเขลานั้นได พนจากภาวะของไสยศาสตร มาเปนพุทธศาสตร หรือเปนอะไร ทํานองนี่ไปไดในที่สุด.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ดูตอไป วามันแยกจากกันที่ตรงไหน ? ก็คือวา ไสยศาสตรก็อาศัย ความเชื่อ ; พุท ธศาสตรก็อ าศัย ความรู หรือ สติปญ ญา ซึ่ง อาจจะพบกัน ในระหวางกลางคือเจือกันทั้งสองอยาง ; แลวก็มีปญหาเกิดขึ้นวา อะไรจะนํา อะไร. ถาความเชื่อ หรือศรัทธายังนําปญญาอยู ปญญามีกําลังนอยกวา มัน ก็เป นไสยศาสตร หรือยังเป นไสยศาสตร. ถาป ญ ญามี กําลังมากกวา มั น นํ า ความเชื่อ ก็พนจากความเปนไสยศาสตร มาเปนพุทธศาสตรอะไรไปไดในที่สุด. เพราะฉะนั้นคุณจงดูความรูสึกในชีวิตจิตใจของตนเอง วาความเชื่อนําปญญา หรือ วา ปญ ญานํ า ความเชื ่อ . ตอ เมื ่อ ปญ ญานํ า ความเชื ่อ เราจึง จะเปน พุทธบริษัท ; ถาความเชื่อยังนําปญญาอยูแลว เราก็เปนสมาชิกของไสยศาสตร ไปตามเดิม. มันก็เปรียบไดงาย ๆ วา เปนระบบยาแอสไพริน คือยาในระบบ ที่ระงับความปวดชั่วคราว คือความเชื่อ.


ฆราวาส กับ ไสยศาสตร

๓๙๓

เมื่อไสยศาสตรอยูในลักษณะระงับความปวดชั่วคราวเหมือนยาแอส ไพริน ผมเลยเรียกวา “ระบบยาแอสไพริน ” ; มั น ก็ ดีก วาไม กิน ที่ จะได ระงับ ความปวดไปเสียชั่วคราม แลวคอยไปหามูลเหตุ ไปเอ็กซเรยรักษาอะไร ทําให หายขาดไปโดยสิ้น เชิง . พระพุท ธเจา ทา นก็ไมไดตําหนิไ สยศาสตร ในฐานะ เปนของที่ไรประโยชนโดยสิ้นเชิง ; ดังบท พหุ เว สรณํ ยนฺติ ฯ ล ฯ ที่เราสวด กันอยูทุก ๆ วัน ในบทเขมาเขมสรณทีปกคาถานั้น. วาพวกที่ถือ ตนไม ภูเขา วัตถุศักดิ์สิทธิ ยาศักดิ์สิทธิ์ สัตวศักดิ์สิทธิ์ อะไรศักดิ์สิทธ เหลานั้น ก็มีอยูมาก ในโลกนี้ ; พหุ - คื อ มี อ ยู ม ากในโลกนี้ ; แต ว า เนตํ โข สรณํ เขมํ – นั่ น ไม ใ ช ส รณะอั น เกษม. ที่ ว า ไม ใ ช ส รณะอั น เกษม ไม ใ ช ส รณะอั น อุ ด ม นี้ก็ไมใชวา ไมเปนสรณะเสียเลย ; แตเปนสรณกะที่ไมเกษมไมอุดม มันเพียง บรรเทาความขลาด ความกลัว ของคนไดบางเทานั้น. ตอเมื่อใดมีความรูแจงในเรื่องความทุกข, เรื่องเหตุใหเกิดทุกข, เรื่อง ความดับทุกข, เรื่องหนทางใหถึงความดับทุกข, คืออริยสัจจสี่ นั่นแหละจึงจะเปน เอตํ โข สรณํ เขมํ, เอตํ สรณ มุตฺตมํ. เพราะฉะนั้นในธรรมะจริง ๆ นั้นเปน เหมือนกับยา ที่แกโรคโดยเด็ดขาด, หรือเปนการผาตัด รื้อรังโรคออกไปเสียได. ก็เลยมีสรณะขึ้นมา ๒ ชนิด คือสรณะชั่วคราวไมเกษม ไมอุดม กับสรณะที่ เที่ย งแทถ าวรแทจ ริง ที่เ กษมและอุด ม.เพราะฉะนั้น ไสยศาสตรก็ยัง มีเ นื้อ ที่ ที่อาศัยอยูในพวกสรณะที่ชั่วคราว คือไมเกษม หรือไมอุดม.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่เราก็มองเห็นชัด ในความแตกตางระหวางของ ๒ สิ่งนี้วา ไสยศาสตร ตองมีรากฐานอยูบนความเชื่อ หรือเอาความเชื่อมากอนปญ ญา, หรือวาไมมี ปญญาเสียเลยก็ตามใจ. ถาเปนพุทธศาสตรก็เอาปญญามากอนความเชื่อ ; แลว ความเชื่อก็ถูกทําใหเชื่อถูกตอง คือมีเหตุผลเปนปญญาไป.


๓๙๔

ฆราวาสธรรม

สําหรับเรื่องของไสยศาสตรที่อาศัยรากฐานคือความเชื่อ มันก็ตองทํา ไปตามความเชื่ อ ; เพราะฉะนั้ น จึงมี รูป รางอยู ๒ รูป กล าวคื อ รูป รางของการ ปฏิบัติในทางไสยศาสตรมีอยู ๒ รูป คือวา ออนวอน กับปฏิบัติไปตามความเชื่อ. ออ นวอนตามความเชื ่อ , แลว ก็ก ระทํ า ลงไปตามความเชื ่อ . ออ นวอนตาม ความเชื่อนั้นไม มีการกระทําอะไร มากไปกวาออนวอน ; สวนปฏิ บั ติ หรือการ กระทํ าตามความเชื่ อนั้ น ทํ าลงไปจริง ๆ อย างนั้ นอย างนี้ ตามที่ เขาบั ญ ญั ติ ไว อยา งไร แลว เราก็ไ มพ ิสูจ น เราก็ไ ปตามบทบัญ ญัตินั้น ๆ ก็ก ลายเปน พิธี รีตองไป. ยกตั ว อย า ง ไสยศาสตรในเรื่อ งเสกน้ํ า ล า งหน า กระทั่ ง มาถึ งสิ่ ง ที่ เปน วิท ยาศาสตรโ ดยไมรูส ึก ตัว วา ตอ งหัน หนา ทางนั ้น ตอ งหัน หนา ทางนี ้, เวลาเชาทําอยางนั้น เวลาเย็นทําอยางนี้ ; จนกระทั่งผมก็ถือไสยศาสตรอยางยิ่ง อยูบางอยาง.ที่เรียกวาผมถือไสยศาสตรก็หมายความวา ทําตรงตามที่เขาบัญญัติ ไวว า อยา งนั ้น ๆ ตามแบบของไสยศาสตร. เชน อาบน้ํ า ตอนเชา ตอ งรดที่ ศีร ษะกอ น, อาบน้ํ า ตอนกลางวัน เที่ย ว ตอ งรดที ่ห นา อกกอ น, อาบน้ํา ตอน ค่ําตองรดที่เทากอน. นี่ปูยา ตายาย ก็พูดมาอยางนี้ ในลักษณะที่เปนไสยศาสตร ไมอ ธิบ าย และหา มพิส ูจ น ; แตแ ลว เมื ่อ ปฏิบ ัต ิเขา จริง มัน เปน วิท ยาศาสตร. เมื่อ ทําถูก ตอ งตามเวลาทั้ง สามอยางนั้น มัน ปอ งกัน การเปน หวัด หรือ ไดผ ลดี ในการที่จะไมใหเปนหวัด เปนตน. ถาผมอาบน้ําค่ํา ๆ จะราดที่เทาจนโชกกอน, ถาไปรดหัวกอนแลวเกิดเรื่อง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คนโบราณเขาว า เช า ๆ สิ ริ อ ยู ที ่ บ นหั ว , เที ่ ย ง ๆ กลางวั น สิริอ ยูที่ห นา อก, ค่ํา ๆ สิริอ ยูเ ทา อยา งนี้หา มอธิบ าย หา มพิส ูจ น แตแ ลว มันกลายเปนวิทยาศาสตร. อยางนี้ไมใชไสยศาสตรโดยตรง แตเปนไสยศาสตร


ฆราวาส กับ ไสยศาสตร

๓๙๕

ของคนที ่เ ขาฉลาด มีป ญ ญา, แลว เขาฝากไวใ นไสยศาสตรก ็ไ ด, คือ เขา ฝากวิชาความรู หรือพุ ทธศาสตรฝากไวในไสยศาสตรก็ได. หรือ วาคนป าอาจจะ พบโดยบั ง เอิ ญ ไม มี เหตุ ผ ลมากทางหลั ก วิ ช า แต เขาเผอิ ญ พบมั น อย า งนี้ แ ล ว ปฏิบ ัต ิต าม ๆ กัน มา แลว บัญ ญัต ิไ วใ นฐานะเปน ไสยศาสตรก ็ไ ดเ หมือ นกัน . แตร วมความแลว เนื ้อ แทข องมัน เปน วิท ยาศาสตร, แตห นา ตาของมัน เปน ไสยศาสตร. ผมก็ถ ือ ไสยศาสตรม าจนทุก วัน นี ้ กระทั ่ง เดี ่ย วนี ้ เมื ่อ อาบน้ํ า โดยเฉพาะ ; ทั้งนี้ไมไดหมายความรวมถึงอยางอื่น. นี่เราก็รูวามัน เป นอะไร เราจะปฏิบั ติตามในฐานะเป นวิทยาศาสตร ; แตเพราะไสยศาสตรเขาพู ดไวกอนอยางนั้น เราก็เลยยอมรับเสียดี กวา วาเราก็ถือ ไสยศาสตร. อยา งนี ้เรีย กวา มีก ารปฏิบ ัต ิด ว ย ไมใ ชอ อ นวอนเฉย ๆ. เมื ่อ ไปนั ่ง ยกมื อ ไหว ฟ า อ อ นวอนเฉย ๆ อะไรนั้ น เป น เรื่ อ งอ อ นวอนเฉย ๆ ; ถ า มี ก าร ปฏิบัติดวย คือเขาบัญญัติไวใหทําอยางไร ๆ ก็ปฏิบัติดวย มันก็เปนการปฏิบัติ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้น อยาลืมวาไสยศาสตรที่มีมาตึงแตโบราณ กระทั่งปจจุบันนี้ มัน ก็ม ีทั ้ง ๒ แบบ คือ ออ นวอนเฉย ๆ กับ มีก ารปฏิบ ัต ิด ว ย. ทีนี ้อ อ นวอน เฉย ๆ นั ้น ก็เ ปน เครื ่อ งชว ยใหห ายความกลัว ได, มัน ก็ม ีป ระโยชนเ ทา นั ้น . ส วนการปฏิ บั ติ ด วยนั้ น ไม ใช เพี ย งให ห ายความกลั ว แต ได รับ ผลทางวั ต ถุ ทาง รางกายดวย ; อยางที่ผมพูดถึงเรื่อง อาบน้ํา อยางนี้เปนตน.

ที นี้ เราก็ ม องดู ใ ห ดี ว า ถ า ไสยศาสตร ช นิ ด ที่ มี ก ารปฏิ บั ติ ด ว ย มั น มี วิท ยาศาสตรอ ยู ใ นนั ้น ;เพราะฉะนั ้น มัน จึง ชว ยรัก ษาความหมาย หรือ ความ ศัก ดิ ์ส ิท ธิ ์ข องไสยศาสตรไ วไ ด แมอ ยา งงมงาย. เชน คุณ ไมม ีค วามรู เ รื ่อ งนี้ แตคุณ เชื่อเรื่องศรี เรื่องสิริ วา เชาอยูบนหัว กลางวันอยูที่หนาอก เย็นอยูที่เทา, ทํ า ไปแมอ ยา งงมงาย มัน ก็ไ ดผ ลจากกระทํ า อยา งนั ้น เหมือ นกัน . ไสยศาสตร


๓๙๖

ฆราวาสธรรม

ก็เ ลยมีเ นื ้อ ที ่ อาศัย อยูใ นโลกมาได เปน คูแ ขง กัน มาเรื่อ ยไป, ก็เ ลยใหชื่อ ใหมอีกชื่อหนึ่งวา “ไสยศาสตรที่เปนวิทยาศาสตร”. เราตอ งศึก ษาโบราณคดีข องมนุษ ย เกี่ย วกับ เรื่อ งความเปน ของ วัฒนธรรมสายนี้. ในสมัยที่มนุษยในโลกยังไมมีการศึกษาอยางสมัยนี้ เขาคนควา ไปตามความงมงายนั้น เขาก็พบอะไรมาก แตไมพบเหตุผล, เขาพบผลของมัน ไมต อ งพบทั ้ง เหตุแ ละผล ; คือ ไมพ บ reason, reasoning แตพ บ result เปน ผล ; เชน วา ทํา อยางนี้แ ลว สบายดี ก็เลยบัญ ญัตินี้วา เปน ของศัก ดิ์สิท ธิ์, เปน ของหมู ค ณะที ่จ ะตอ งถือ . การปฏิบ ัต ิช นิด นี ้ไ มเนื ่อ งดว ยการใชเ หตุผ ล เพราะฉะนั้น จึงถือวาเป นความขลังความศักดิ์สิท ธิ์ ; ใหใชความขลัง ความ ศัก ดิ์สิท ธิ์นี ้เ ปน motive เปน สิ่ง ที ่บ ัง คับ ใหค นตอ งทํ า ตาม เรีย กวา ตาบู ตาบู คือ วาสิ่งที่บัญ ญัติไว อยางที่ไมย อมใหมีการพิสูจ น ; ตั้งตน ขึ้น สําหรับ คนปาสมัยโนน. เขาบัญ ญั ติวา อยางนี้เปนตาบูละก็ ทําไมไดอยางเด็ดขาด ; อยางนี้ไมเปนตาบูละก็ ทําได. เปนภาษาอะไรก็ไมทราบ เดี๋ยวนี้ก็ยังใชอยูใน วิชาวัฒนธรรม หรือการศาสนา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org มนุษยสมัยนั้นเริ่มรูจักวาอะไรเปนโทษ อะไรเปนคุณขึ้นมาบางแลว; เชนคนแกพบวาอันนี้กินเขาไปไมได แทนที่จะบัญ ญัติวากินไมไดดวยเหตุผล ก็บัญญัติวาเปนตาบู. คนมีครรภกินสิ่งนี้ไมได นี่เปนตาบู ; คนมีครรภก็ไมกลา กิ น ไม ก ล า แตะต อ ง. ที นี้ ก็ บั ญ ญั ติ ม ากขึ้ น ๆดี ขึ้ น ๆ ก็ เป น ตาบู ที่ เป น ระบบ ครบถวน. มนุษยมีการตั้งตนอยางไร ก็มีตาบูเปนไปจนตลอดสาย นับแตคน ตั้งตนตั้งแตมารดามีครรภ แลวมีขอปฏิบัติอยางไรบางที่มารดาจะตองปฏิบัติ นั้น เรีย กวา เปน ตาบู ; สิ่ง ที่ทํา ไมไดนั้น เรีย กวา ตาบู. กระทั่ง มีโลหิต ระดูกอ น การมีครรภนั้น ก็จะตองมีการปฏิบัติ เกี่ยวกับการมีโลหิตระดูนั้นตามแบบที่ไมตอง


ฆราวาส กับ ไสยศาสตร

๓๙๗

อธิบายดวยเหตุผล เรียกวา ตาบู. อยางนี้ผูหญิงก็ปฏิบัติมา จนมีครรภจนคลอดลูก จนกระทั ่ง เลี้ย งลูก จนโต ก็ม ีต าบูเปน ระยะ ๆ มา. ใหถ ือ ศัก ดิ ์ส ิท ธิ์ ถือ ขลัง เลย ไมอ ธิบ าย ; แยง ไมได พิสูจ นไมไดจ นกระทั ่ง เปน สาวเปน หนุ ม มีต าบูอ ยา งไร ก็ป ฏิบ ัต ิเครง ครัด ; เพราะฉะนั ้น จึง มีศ ีล ธรรมจรรยาเรื่อ งเพศดีก วา คนสมัย นี้ ที่ ตะกละกามารมณ ในยุ คป จจุ บั น. กระทั่ งเป นคนเฒ าคนแก กระทั่ งตายเข าโลง ฝ ง ศพอย า งไร ก็ เป น ตาบู ห มด ; เขาทํ า ด ว ยความเชื่ อ ๑๐๐เปอร เซ็ น ต ; และ ความเชื่อนี้มันก็ทําใหปฏิบัติเครงครัดเครงกวาคนสมัยนี้ ซึ่งไมอาศัยความเชื่อ, อาศัย เหตุ ผลผลของเนื้ อหนั งเป นหลั ก. เพราะฉะนั้ นอยาได เขาใจวา คนป าสมั ยโน นนั้ น เขาเลว ไม มี ค วามเป น ผู ดี ; ที่ จ ริง เขามี ค วามเป น ผู ดี ยิ่ งกว า มนุ ษ ย ส มั ย ป จ จุ บั น สมัยอารยธรรมใหม ที่เราพูดกันมาแลววา เต็มไปดวยความมีจิตทราม. เมื่ อไสยศาสตรไดตั้งต นขึ้นมาในลักษณะอยางที่เป นตาบู แบบนี้ มั น ก็เปน เครื่อ งประคับ ประคองมนุษ ยใ หร อดชีวิต อยูไ ด, แลว เจริญ ขึ้น มา จนเกิด ลูก หลานคือ พวกเรานี ้. ทีนี ้เราก็แ หกคอกออกไป เปน เรื ่อ งทางวัต ถุ ทางเนื ้อ หนังมากขึ้น ความเปนไสยศาสตรสวนที่มีประโยชนมันก็สูญหายไป ; พอมาเจอะ เขากับความเขลา ความขลาด ความกลัว สมัยใหมที่มีมากขึ้น มนุษยสมัยนี้ก็ไป มีไสยศาสตรแบบอื่นโดยไมรูสึกตัวไดอีก.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พวกนั กวิ ทยาศาสตรที่ ไปเรียนเมื องนอก ก็ ยั งถื อฤกษถื อยาม ถื อนั่ น ถือ นี ่อ ะไร ไปรดน้ํ า มนตอ ะไรอยูนั ่น มัน ชว ยไมได. แมวา ไปเรีย นวิท ยาศาสตร มาจากเมื อ งนอก ปริ ญ ญายาวเป น หาง เขี ย นกั น ไม ไ หว ก็ ยั ง ไปรดน้ํ า มนต ; เพราะมีค วามขลาด และความเขลา ในสว นอีก สว นหนึ ่ง มาก. แตแ ลว ดูเอา เถอะวา ไสยศาสตรอ ยา งยุค ตาบุนี ่แ หละคือ วิท ยาศาสตรที ่ไ มเ ปด เผย ที ่ไ ม อาศัย การใชเ หตุผ ล หรือ เปด เผยดว ยการพิส ูจ น.แตที ่ต อ งจัด เปน ไสยศาสตร


๓๙๘

ฆราวาสธรรม

ก็เพราะวาทําไปโดยไมมีการพิ สูจน ทําไปดวยความกลัว, ทําไปดวยความขลาด คน ไปอยา งนั ้น เอง จนพบพิธ ีร ีร อง ธรรมเนีย มอะไรขึ ้น มาอยา งนี ้ มัน ก็เ ปน ไสยศาสตร. แลง ตอ มามัน ก็แ ยกทางกัน เดิน : สว นที ่ว ิว ัฒ นาการมาทางแนว เหตุ ผ ล อย า งนี้ ก็ มี , วิ วั ฒ นาการไปทางขลั งทางศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ท างงมงายยิ่ งขึ้ น ไป ๆ ยิ่งขึ้นไป ๆ อย างนี้ ก็มี ; นั่ น แหละมัน เป น ไสยศาสตรเต็ ม ตัว อาศั ยอยูเหลือ อยู ; โดยอาศัย คํ า นิย ามเปน หลัก กวา ง ๆ วา ไปคิด พึ ่ง พาสิ่ง ที่เขา ใจไมได ที ่ต ัว กลัว ที่ตัวหวัง ดวยความขลาด ดวยความเขลานั้น. เมื่อหาสิ่งที่ มีความหมายชัดแจง ไมไ ด. หรือ สิ ่ง ที ่ม ีค วามชัด แจง มัน ไมเปน ที ่พึ ่ง ใหแ กต นได ก็ห ัน ไปหาสิ ่ง ที ่ไ มรู วาเปนอะไร ; ก็มีเทานี้เอง. ทางรอด ทางออกก็ คื อ ว า เมื่ อ อาศั ย กํ า ลั ง ความเชื่ อ เชื่ อ มั่ น ก็ มี กํ า ลัง จิต แรง เปน ประเภทสมาธิเปน มิจ ฉาสมาธิ ; มัน ก็เ กิด สิ ่ง ที ่เรีย กวา ฤทธิ์ หรือ ปาฏิห าริย ขึ ้น มาได ดว ยอํ า นาจมิจ ฉาสมาธินั ้น ; แลว ก็เ ปน มิจ ฉาฤทธิ์ หรื อ มิ จ ฉาปาฏิ ห าริ ย ไ ป มั น ก็ น า อั ศ จรรย เ หมื อ นกั น ; แล ว เมื่ อ เป น เรื่ อ งน า อั ศ จรรย แ ล ว ก็ ห าลู ก ค า ได คื อ หาสมาชิ ก ที่ จ ะไปนั บ ถื อ ไปบู ช า เข า ไปเป น สมาชิกได ; นี่ก็เลยเปนสถาบันอันหนึ่ง ซึ่งใหญโตเหมือนกัน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่ คุณขอใหอธิบายเรื่องที่เกี่ยวกับฆราวาส ผมก็บอกอยางนี้ วาระวัง ใหดี ฆราวาสนี้มีสวนที่พลัดเขาไปสูวงของไสยศาสตรลวน ๆ คือความงมงายได เมื ่อ ไรก็ได เทาไรก็ได. นี ้เราตอ งรัก ษาเกียรติข องพุท ธบริษ ัท ไว วา พุท ธศาสนา นี้ไมมีทางที่จะเปนไสยศาสตร เพราะเปนผูรู ผูตื่น ผูเบิกบาน เอาปญญามากอน. ศาสนาอื่น ที่ มี เชื่อพระเจาอะไรนั้ นแหละ ระวังให ดี มั น หวุด หวิด เผลอเขาไปทํ า พระเจ า เป น ไสยศาสตร ไ ปก็ ไ ด . ทั้ ง ๆ ที่ พุ ท ธศาสนาไม มี พ ระเจ า ไม มี อ าศั ย ความเชื่อ ก็ยังเผลอเอาไขตม กับปลาราไปถวายพระพุ ทธรูปได. ที นี้ฝายศาสนา


ฆราวาส กับ ไสยศาสตร

๓๙๙

ที่ เชื่ อ พระเจ า อะไรอยู แ ล ว ก็ มี ท างที่ จ ะเป น ไปได ง า ยกว า . ผมจึ ง ใช คํ า ว า “หวุด หวิด ”. พวกที่ถือ ศาสนาพระเจา นี้ หวุด หวิด ที่จ ะกลายเปน ไสยศาสตร ถาไมระวังใหดี. พระพุทธรูปที่สวนโมกขเกาของเรา ที่พุมเรียงนั้น เปนที่บนบานขอลูก ; คนทีไมมีลูกบนบานเขาก็สําเร็จ รายสองราย ก็เลยระบือลือชากันใหญ. เมื่อไป ขอกันตั้งหลายสิบราย หลายรอยราย ก็ไมมีสักรายหนึ่งละหรือ ? ที่มันจะฟลุค มีลูกขึ้นมาได ก็เลยยกใหเปนอานุภาพของพระพุทธรูป.นี่มันเปนไปไดมากถึง อยางนี้ ; ความเชื่อก็เลยเฉหันเหไปในทางทําพระพุทธรูปใหกลายเปนเครื่องมือ ของไสยศาสตรไป. นี่ เราโชคดีที่ไดเกิดมาเปนมนุษย พบพระพุทธศาสนา ก็ขอใหถือ ใหถูก ใหต รง ใหมั่นคงไว โดยอาศัย ปญ ญามากอ น. ถาวาเราจะชวยคนโง คนขลาด คนเขลา เราก็ฝากพุทธศาสนาไวในไสยศาสตรก็ได พูดอะไรไวในรูป ของไสยศาสตรก็ได ; เพราะไมอยางนั้นเขาไมเชื่อ เขาไมทําตามโดยเครงครัด เราก็เอาพุทธศาสนาใสลงไปในไสยศาสตร ที่ไมนาเกลียด ที่พอดูได ใหคนเชื่อ ถือ ขลัง อยา งถือ ไสยศาสตร ก็พ อไปกัน ได ; เพื ่อ แกป ญ หาเฉพาะหนา เปน ระบบยาแอสไพริน อย า งนี้ ก็ พ อได ; ซึ่ ง เป น การอนุ ญ าต หรือ ยอมให ทํ า ได เหมือนกัน ถาทําไปดวยสติปญญามีเหตุผล.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เดี๋ย วนี้มัน นา ละอายหรือ นาอัน ตรายที่วา เราขลาดและเขลามาก เกินไป จนทําพุทธศาสตรใหเปนไสยศาสตร, ทําใหไสยศาสตรมีโอกาสครอบงํา พุท ธศาสตร. เราตอ งลืม หูลืม ตาในขอ นี ้ ตอ งทํา พุท ธศาสตรใ หค รอบงํา ไสยศาสตรไวเรื่อย แลวก็ใชไสยศาสตรนั้นเปนตัวเครื่องมือ เปนตัววัตถุ เปน


๔๐๐

ฆราวาสธรรม

ภาชนะ เปน รูป รา งภายนอก ; แตเ นื ้อ ในของมัน เปน สติป ญ ญา ดัง ที ่ผ ม ยกตัว อยาง เรื่องอาบน้ํานั้น. ถาคุณ จะไปบอกแกเด็ก ๆ วา ทําอยางนี้ซิเปนสิริ มงคลสมบูรณที่สุดเลย เด็ก ๆ ก็อาจจะทํา แลวมันก็เปนวิทยาศาสตรคือไดผลดี ที่ไมเปนหวัดอะไรทํานองนี้ ; แลวก็เปนพุทธศาสตร คือเปนเรื่องของสติปญญา. บั ด นี้ สิ่ งที่ น าสั งเวชก็ คื อ วา การถอยหลั งเข าคลองของมนุ ษ ย ในยุ ค ปจจุบันนี้ ; เพราะวาคนไปหลงวัตถุมาก ทําใหมีความอยากมาก ; ความอยากมาก ก็ทํ า ใหม ีค วามขลาด และมีค วามเขลามาก. ชว ยเอาไปคิด ดูใ หด ี ๆ ถา เรา ไปเพิ่ม ความอยากเขาเทาไร ความขลาด ความเขลา มันจะมีม ากขึ้น เทานั้น . นี่เทคโนโลยี่ตาง ๆ มีมูลมาจากความอยาก, เพื่อความอยาก เพื่อความตองการ ทั ้ง ๆ ที ่เปน เทคนิเชี ่ย น เทคโนโลยิส ต อะไรก็ต าม ก็เลยยิ ่ง เปน ไสยศาสตร โดยไม รู ตั ว ได ; คื อ อาณาจั ก รของความกลั ว นั้ น ครอบงํ า แล ว ก็ เชื่ อ พระเจ า อยางไสยศาสตรเชื่อ อะไร ๆอยางไสยศาสตรไปหมด; ฉะนั้นพวกนักวิทยาศาสตร หรือ เทคนิเ ชี่ย น เขาก็ทํา พิธีรีต องทางศาสนา ออ นวอนพระเจา , ในกองทัพ ก็ออนวอนพระเจาเปนไสยศาสตรไปหมด เพราะมาจากความขลาด และความเขลา ซึ่ง มาจากความอยากอัน ตอ งการมหาศาลอีก ที่ห นึ่ง . กิจ กรรมมัน ใหญขึ้น จน จะฆากันทั้งโลกนี้ ; ความขลาด ความเขลามันก็มากขึ้นตามตัว ก็ทําความงมงาย ไดมากขึ้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org โดยส วนตั วบุ คคล เป นนั กวิ ทยาศาสตร เป นนั กศึ กษา อย างพวกคุ ณ อยางนี้ จะกลับไปเปนผูงมงาย อยางสมัยตาบู มันก็นาหวัว ; แตแลวมันเปนสิ่ง ที่เปนไปได. ถาจะปองกันหรือแกลําได ก็ตองรับมีปญญา. รีบมีปญญาก็คือรีบทํา ใหไ มข ัด ขวางกัน ใหป ระสานกัน ตามโอกาส ตามความเหมาะสม เกี ่ย วกับ เวลา บุค คล สถานที่ อะไรเหลา นี้ ; มัน ก็จ ะชว ยแกปญ หาทางสัง คมไปได


ฆราวาส กับ ไสยศาสตร

๔๐๑

โดยอาศัยพื้นฐานของมนุษยทั้งหลาย ที่มีความขลาด ความเขลา พึ่งสิ่งซึ่งไมเขาใจ มองไม เห็ น ตั ว อยู แ ล ว เป น ธรรมดา ; เรี ย กว า เรายอมรั บ ความศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ แต ว า ความศัก ดิ์สิท ธิ์ที่มีรากฐานเปน สติป ญ ญา. อยา เปน ความศัก ดิ์สิท ธิ์ที่เปน ความ โงเขลา เปนความขลาด ความเขลาดเลย. ฆราวาสก็มาไดเพียงเทานี้. หลั งจากนั้ น ฆราวาสที่ ต องการจะเดิ นทางต อไป ก็ ไม มี อะไรนอกจาก ไปสูความเป นพระอริยเจา. ทีนี้ก็เริ่มตั้งตนละความออนแอที่เกี่ยวกับไสยศาสตร นี้ เสี ย . คุ ณ ไปศึ ก ษาหาอ า นเสี ย ผมบรรยายไว ม ากมายแล ว ในเรื่ อ งเกี่ ย วกั บ อัฏฐังคิกมรรค - เดินทางไปสูความเปนพระอริยเจานี้,เริ่มตนก็มีการละสังโยชน : ในอัน ดับ แรกก็ล ะ สัก กายทิฏ ฐิ วิจ ิก ิจ ฉา และสีล ัพ พตปรามาส ; นี ่เปน หลัก ที่ดีที่สุดในพระพุทธศาสนา แตไมคอยมีใครสนใจ ที่จะละจากความเปนฆราวาส หรือ คนธรรมดา ไปสู ค วามเปน พระอริย เจา . นี ่เ ปน เรื ่อ งละความเชื ่อ เรื ่อ ง ไสยศาสตรเปนขอแรกกอน, เปนบทเรียนอันแรก เปนการสอบไลอันแรกกอน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอที่ ๑ สักกายทิฏฐิ เปนความเขลา วามีตัวกู มีผีสาง มีวิญญาณ เกิด ไปเกิด มา, จุต ิ ปฏิส นธิ ; คนเดีย วกัน นั ่น แหละ เกิด แลว เกิด อีก อยา งนี้ มันเปนความเขลา ตองละกอน.

ขอที่ ๒ วิติกิจฉา คือความลังเลระหวางไสยศาสตรกับวิทยาศาสตร คือความที่อยูในอํานาจเหตุผล กับความที่ไมอยูในอํานาจเหตุผล ซึ่งกําบังตีกันยุง นี้แหละเรียกวาวิจิกิจฉา. คุณ อยาเพ ออวดดีวา คุณ เปนมนุษยที่อยูในอํานาจแห ง เหตุผ ล ; ความไมอ ยู ใ นอํ า นาจแหง เหตุผ ลมัน มีเ มื ่อ ไรก็ไ ด ในเมื ่อ มีเ ชื ้อ เปน รกราก ที่ฝงอยูในสันดานของมนุษ ย ที่มีความขลาดความเขลา มาแตเดิมนั้น ;


๔๐๒

ฆราวาสธรรม

แลวความที่มี conflict กันอยูระหวางสองสิ่งนี้ บางเวลาเรามีเหตุผล บางเวลา เราก็ไมอยูในอํานาจแหงเหตุผลเลย. นี้ก็ตองละ เปนขอที่ ๒. ขอที่ ๓ สีลัพ พตปรามาส นี้ แหละเป นไสยศาสตรโดยตรง คือการ ประพฤติกระทําไปโดยไมอยูในอํานาจแหงเหตุผล. ถาละสามอยางนี้ไดจึงเปนพระ โสดาบัน, เปนพระอริยบุคคลในอันดับแรก. การที่มนุษยจะวิวัฒนาการทางวิญญาณ ไปในทางสูงนี้ อันแรกที่สุดก็มา ปะทะกันเขากับ เรื่องไสยศาสตร ; ถาผานดานนี้ไปไม ได ก็ไมต อ งหวังที่ จะเป น พระอริยบุคคล หรือวาอายธรรมทางวิญ ญาณในพุทธศาสนา, ไมใชอารยธรรม ทางวั ต ถุ แ ห ง ยุ ค ป จ จุ บั น ; ชื่ อ เหมื อ น ๆ กั น ระวั งให ดี . คํ า ว า อริย ะ กั บ คํ า ว า อารยะ นั ้น เปน คํ า เดีย วกัน , ตัว หนัง สือ เปน คํ า ๆ เดีย วกัน เขีย นเปน บาลี เป น สั น สกฤตเท า นั้ น เอง. แต แ ล ว อารยะแท จ ริ ง นั้ น ต อ งสู ง และถู ก ต อ งทาง วิญ ญาณไปเลย ; สว นอารยะตกต่ํา ไปสูค วามทรามนั้น คือ อารยะทางวัต ถุ. ยิ่งกินยิ่งเมา, ยิ่งเมายิ่งเอาใหญ ; มันก็เลยตกไปทางความมีจิตทราม ก็เรียกวา อารยธรรมแผนป จจุบันทางวัตถุ. อารยธรรมฝายวิญ ญาณของพระพุ ทธเจานั้ น เปน อารยธรรมฝา ยวิญ ญาณ ก็เ ลยมามีบ ทเรีย นตรงที ่ว า ตอ งปะทะกัน กับ ไสยศาสตร แลว ละ หรือ ทํ า ลายใหไ ด ผา นไปใหไ ด ; รวมความแลว ก็ค ือ ความไม มี เหตุ ผ ลเพี ย งพอ. สั ก กายทิ ฏ ฐิ ถื อ ตั ว จิ ต วิ ญ ญาณที่ ไม เหตุ ผ ล ; แล ว วิจิกิจฉามันก็ไมมีเหตุผล มันกําลังตีกันยุงระหวางเหตุผลกับความโงนี้ ; สีลัพพตปรามาสก็ค ือ ความไมม ีเ หตุผ ล.ถา เราผา นอัน นี ้ไ ปได ก็เ รีย กวา ละเครื่อ ง กีด กั้น อัน ดับ แรก เปน ดา นหนา ของความกีด กั้น ที ่ไ มใ หไ ปสูโ ลกพระอริย เจา นั้น ได ; เราผา นไปไมไ ด. นี ่ใ หรูจัก สิ่ง ที ่เ รีย กวา ไสยศาสตรใ นอัน ดับ สุด ทา ย ในวาระสุดทายวา เปนเครื่องกีดกั้น ขวางทาง ขอบงการไปสูโลกของพระอริยเจา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ฆราวาส กับ ไสยศาสตร

๔๐๓

ทีนี้เราเคยอาศัยมันมา เหมือนเรือเหมือนแพ เหมือนยานพาหนะตาม ลํา ดับ มาแลว แตห นหลังก็ข อบใจมัน เถิด ; แตพ อมาถึง ตอนนี้ ก็ถือ วา ตอ ง แยกกันละ ; จะไมแบกเอาเรือแพขึ้นบกไป หรือไปสูยานพาหนะที่ดีกวา หรือไป หาเรือหาแพอยางอื่นกันดีกวา ; พอถึงบกจริง ๆ ก็ไมแบกอะไร ไมแบกเรือแบก แพเอาไปดว ย ฉะนั้น เรือ แพอยา งอัน ดับ แรก ๆ ตอนตน ๆคือ ไสยศาสตรนี้ ต อ งละกั น ที ไปหาเรือ แพหรือ เรือ บิ น ที่ มั น ดี ก วา ; ในที่ สุ ด เมื่ อ ไปถึ งจุ ด หมาย ปลายทางแลว ก็โกยทิ้งหมดเลย. เพราะฉะนั้นเราไมสามารถที่จะพูดวา อะไรเปนสิ่งที่ไมดีโดยสวนเดียว; สิ่งที่ไมดีนั้น มันหมายความวา มันไมเหมาะแกกาละเทศะ ที่จะเปนประโยชน แกเราในเวลานั้น. มนุษยก็ตั้งตนมาดวย ความโง ความไมรู เปนคนปา หรือ ไมถึงกับเปนคน ยังเปนครึ่งคนครี่งสัตว,แลวก็เรื่อย ๆ มา จนมีความสูงขึ้นมา มันก็พูดอะไรโดยสวนเดียวไมได. สิ่งที่วาเคยดีสําหรับสมัยนั้น มันไมดีสําหรับ สมั ย นี้ ก ็ ไ ด ; เพราะฉะนั ้ น สิ ่ ง ที ่ ดี อ ยู เ สมอไปก็ ค ื อ มั น ใช เ ป น ประโยชน ไ ด ตามเวลา ตามกาละ ตามสถานที ่ ตามความเปลี ่ย นแปลง, ในที ่ส ุด ก็ขึ ้น เหนือ ความดี พน ไปจากความดี พน ไปจากความผูก พัน ของความดี, ก็เปน พระอริยเจาไป เปนโลกุตตระไปได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรื่อ งดี เรื่อ งชั่ว นี้จ ะสับ สนปนเปกัน อยูเ รื่อ ย : ที่เ คยคิด วา ชั่ว มันก็ยังมีประโยชนในขอที่วาทําใหคนฉลาดขึ้น เพราะความชั่วมันกัดเอาเจ็บ ๆ คนก็ฉ ลาดขึ้น. ความดีนั้นทํ าใหคนเหลิง หลงไหล ลืมตั ว มั นก็กัดเอาเจ็บ ๆ เหมือนกันในอีกลักษณะหนึ่ง. ผลสุดทายมันก็เปนเรื่องที่ขบกัดมนุษยทั้งนั้นใน บรรดาเรื่อ งดี เรื่อ งชั่ว นี้ ; เราก็เลยหาทางที่อ ยูเหนือ ขึ้น ไป พน ขึ้น ไป ขึ้น ไป เหนือ เปนเรื่องของพระอริยเจา เปนเรื่องของมรรค ผล นิพพาน. เพราะฉะนั้น


๔๐๔

ฆราวาสธรรม

เรื่องไสยศาสตรนั้นเปนเรื่องนิดเดียวที่จะปองกันอันตรายนิด ๆ หนอย ๆ เปน ระบบยาแอสไพริน ; รูจักมันอยางนี้แลวก็อยาไดเผลอ หลงเปนทาส เปนบาว ของไสยศาสตร. จงใชมันเหมือนระบบยาแอสไพริน หรือวาที่มันไมควรจะใช ก็เ ลิก ไปเสีย เลยทิ ้ง มัน เสีย เลย. แตอ ยา ลืม วา มนุษ ยนี ้ส ัม พัน ธกัน มากับ ไสยศาสตร ตลอดมาจนกระทั่งปจจุบันนี้ แยกกันไมออก. ขอใหฆราวาสรูจักความเปนฆราวาส ที่เกี่ยวกับไสยศาสตร ที่มันจะ ครอบงําเอา ; เพราะฆราวาสอยูในวิสัยที่ไสยศาสตรจะครอบงําเอา เมื่อไรก็ได เทาไรก็ได. นี่เราเปนฆราวาสพุทธบริษัท เราก็ลืมหู - ลืมตา อยางผูรู ผูตื่น ผูเบิกบาน ขึ้นมาตามลําดับ ๆ ก็เปลื้องสิ่งเหลานี้ออกไปได ; กลายเปนผูพน จากความมืดมัว จากการไปถือสรณะอันไมเกษม อันไมสูงสุด มาเปนผูมีสรณะ อัน เกษมสูง สุด ; แลว ก็พน จากความเปน ผูตอ งถือ สรณะ ในที่สุด คือ เปน โลกุตตระไป.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที่พูดกันยาวยืดนี้ ก็เพื่อจะชี้ใหมองเห็นวา มันคาบเกี่ยวสัมพันธกันมา อยางแยกกันไมออก จนกระทั่งบัดนี้ . คุณตองการเปนฆราวาสที่ดี ก็จงมองดูสิ่ง เหลานี้อยางถูกตอง. ผมพูดเรื่องฆราวาสกับไสยศาสตร ดวยความมุงหมายอยางนี้.

นกกางเขน กับเรไร ก็บอกวา หมดเวลาสําหรับวันนี้.


ฆราวาส กับ พุทธศาสตร - ๒๒ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๑๓ สํ า หรั บ พวกเรา ล ว งมาถึ ง เวลา ๔.๔๕ น. แล ว เป น เวลาที ่ จ ะได บ รรยายต อ จากที ่ ไ ด ก ล า วค า งไว . ขอให ท บ ท วน ใน ค รั ้ ง ที ่ แ ล ว ม าว า ได พ ู ด กั น ถึ ง เรื่ อ งฆ ราวาส กับ ไสยศาสตรส ว นในครั้ง นี ้จ ะไดพ ูด กัน ถึง ฆราวาส กับ พุทธศาสตร. คําวา ไสยศาสตร กับคําวา พุทธศาสตร เปนสิ่งที่เกี่ยวของกันอยู กับ พุท ธบริษัท ในฐานะที่วา เปน มนุษ ย. สํา หรับ สิ่ง ที่เรีย กวา “ไสยศาสตร” นั้น เราไดจํากัดความลงไปแลววา เปนวิชาของมนุษยชนิดที่ไมเกี่ยวกับการใช เหตุผล. การที่จะใชคําวา วิชา เรียกสิ่งชนิดที่ไมเกี่ยวกับการใชเหตุผล ก็หมาย ความวาเปนความรูชนิดที่สอนสืบ ๆ กันมา หรือทําใหดู แลวทําตามสืบ ๆ กันมา จะเรีย กวาเป น วิชาสํ าหรับ ดั บ ความทุ กขชั่ วขณะก็ ได ; หรือ จะเป น วัฒ นธรรม สําหรับ มนุษ ย ที่ยังไมสามารถจะใชเหตุผ ล หรือ หลัก วิชาเกี่ยวกับ สิ่งที่ลึกซึ้ง ไปกวาธรรมดาก็ได ; เปนของสืบเนื่องกันมาแตมนุษยในสมัยโบราณซึ่งยังไมมีการ

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org

๔๐๕


๔๐๖

ฆราวาสธรรม

ศึ ก ษา หรือ การใช เหตุ ผ ลตามหลั ก วิชานั่ น เอง เราเรียกรวม ๆ กั น วา เป น วิช า ไสยศาสตรนี้อยางหนึ่ง. สวนในวันนี้ เราจะไดกลาวถึง สิ่งที่เรียกวา “พุทธศาสตร” ซึ่งเป น ของตรงกัน ขา ม. พุท ธ แปลวา รู วา ตื ่น วา เบิก บาน ; ดัง นั ้น มีค วามหมาย อยูในตัวแลววา มันเกี่ยวกับหลักวิชา เกี่ยวกับความรูประเภทที่มีการศึกษาเพียงพอ มีการใชเหตุผลที่เพียงพอ. เมื่อพูดถึงคําวา “ศาสตร” อยากจะใหถือเอาความหมาย ที่ตรงตาม ตัว หนัง สือ . คํา วา สัต ถะ ในภาษาบาลีก็ดี, ศาสฺต ร ในภาษาสัน สกฤตก็ดี มีความหมายที่นาสนใจอยูตรงที่ หมายถึงอาวุธ หรือของมีคม. อาวุธชนิดที่มีคม เราเรีย กวา ศาสตรา. คํ า วา มีค ม มัน ก็ห มายความวา สามารถจะตัด ; เพราะฉะนั้นความหมายสําคัญ ก็อยูตรงที่เปนเครื่องตัด หรือทําลายสิ่งที่เราไม ตองการ โดยเฉพาะอยางยิ่งก็คือความทุกข. คือถากลาวถึงเหตุก็คือ กิเลสหรือ ความโง ; ถากลาวถึงผล ก็คือตัวความทุกข ; นี้เปนสิ่งที่ตองตัด.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ไสยศาสตรก็ตัดไปตามแบบ ตามประสาของไสยศาสตร ซึ่งเปนผล ชั ่ว คราว หรือ ชั ่ว ขณะ ; อยา งที ่เ ราเรีย กวา “ระบบยาแอสไพริน ”. สว น พุ ท ธศาสตร มั น เหมื อ นกั บ ระบบที่ จะตั ด ต น เหตุ ; หลั งจากที่ กิ น ยาระงับ ความ ปวดชั่ ว คราวแล ว เราก็ มี ก ารตรวจสอบ แก ไข ที่ ต น เหตุ ด ว ยความรู หรือ การ กระทําที่จริงยิ่งไปกวา. คําวา ศาสตรา มีความหมายเปนสองอยางขึ้นมาไดอยางนี้ ทีนี้ก็จะดูกันถึงความเปนฆราวาส. ไดกลาวมาแลวในครั้งที่แลวมา วา ฆราวาสไดเ กี่ย วขอ งกัน อยู กับ ไสยศาสตรอ ยา งไร. ในที ่นี้ก็จ ะไดก ลา วถึง


ฆราวาส กับ พุทธศาสตร

๔๐๗

การที่ฆราวาสจะตองเกี่ยวของกับสิ่งที่เรียกวาพุทธศาสตรนั้นอยางไร, โดยเฉพาะ อยางยิ่ง ฆราวาสที่เปนพุทธบริษัท. เราไดพูดกันแลววา ฆราวาสทั่ว ๆ ไป ที่เปนพุทธบริษัท หรือไมเปน พุทธบริษัท ไดเกี่ยวของกับ สิ่งที่เรียกวาไสยศาสตรอ ยางที่ไมอาจจะแยกกัน ได มากแลวแตกาลกอน ; แตบัดนี้มาถึงขั้นที่จะตองเปนพุทธบริษัทกันใหถูกตอง. เรื่องมันก็กลายเปนวาจะตองเลื่อนชั้นจากความมีอยูแตไสยศาสตรนั้นใหมามี พุทธศาสตร หรือกลายเปนพุทธบริษัทที่แทจริงขึ้นมา, เรียกวาเปนการเลื่อนชั้น ตังเองเสียใหมใหถูกตอง ; แตแลว สิ่งนี้ก็เปนไปไมคอยจะได เพราะเหตุที่เห็น ไดงา ย ๆ วา มัน มีค วามเคยชิน เปน นิส ัย หรือ ติด อยู ในนิสัย ของบุค คล ที ่มี ความเขลา และความขลาดมามาก นี้อยางหนึ่ง. อีกอยางหนึ่งก็คือ ความรู หรือ การศึ ก ษานั้ น มั น ไม เพี ย งพอที่ จ ะแก ค วามขลาด และความเขลา; การ เปลี่ยนจากไสยศาสตร มาเปนพุทธศาสตร มันก็เลยยาก.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ปญหามันมีอยูวา เราจะเปนพุทธบริษัทกันสักเทาไร คือจะใหถูกตอง จริง ๆ ยิ่งขึ้นสักเทาไร. ถาตองการความเปนพุทธบริษัทที่สมบูรณ หลักเกณฑ มันก็มีอยูวา จะตองละไสยศาสตรโดยสิ้นเชิง. โดยทั่วไปก็ละกันไมไดสิ้นเชิง จึงมีอาการอยางที่เรียกกันวา พุทธ ๆ ปนไสย ฯ นี้อยูโดยทั่ว ๆ ไป. จงมองดู ในสวนชั้นนอก ๆ ชั้นโลก ๆ มันก็พอจะเปนไปได, เรียกวาอยางมนุษยธรรมดา สามัญ มัน ก็พ อจะเปน ไปได , เหมือ นกับ ที่ค นชอบกิน ยาระงับ ปวดชั่วคราว มากกวาที่จะไปรักษาอยางจริงจัง ใหหายโรคโดยเด็ดขาด. แตแลวความมุงหมาย ของพุ ท ธศาสนา หรือ พระพุ ท ธเจ า ท า นไม ได ท รงประสงค เพี ย งเท า นี้ ; ท า น ตองการจะใหละเรื่อยไป จนกวาจะถึงจุดหมายปลายทาง คือเปนพุทธบริษัท ผูรู ผู ต น ผู เบิ ก บาน ได เต็ ม ที่ . นี่ แ หละคื อ ข อ ที่ เราจะต อ งนึ ก ถึ ง กั น ในเวลานี้


๔๐๘

ฆราวาสธรรม

วา ความเปน พุท ธบริษัท ของเรา มัน ยัง มืด มัว เศรา หมอง หรือ วา ยัง เปน ครึ่ง ๆ กลาง ๆ หรือวาแจมกระจางแลว. ตอไป เราจะไดดูกัน ถึงการที่วา เราจะคอย ๆ เปลี่ยนใหมันดีขึ้น อยางไร,หรือวาจะคอย ๆ ละใหมันถึงที่สุดไดอยางไร. สิ่งที่เรียกวา “ไสยศาสตร” ไมไดอยูในอํานาจแหงเหตุผล และเชื่อ สิ่งภายนอก. สวนสิ่งที่เรียกวา “พุทธศาสตร” นั้น เปนสิ่งที่อยูในอํานาจแหง เหตุผ ล, เปนไปตามอํานาจของเหตุผล, แลวก็เชื่อ ภายในคือ เชื่อ ตัวเอง เชื่อ เหตุผล เชื่อสติปญ ญา เชื่อสิ่งที่ไดประสบมาแลวในชีวิตของตน ในทางที่เปน เหตุผล. ฉะนั้น มัน จึงเปน คูต รงกันขาม. ที่วาพุท ธบริษัท เชื่อ เหตุผ ล และเชื่อ ตัวเองนี้ กินความหมายกวางไปถึงกับวา ไมตองเชื่อแมแตพระพุทธเจา. ขอนี้ บางคนฟงแลวสะดุง หรือเห็นวา มันขัดขวางกัน. พระพุทธเจาทานสอนไมให เชื ่อ ทา น. หมายความวา ไมใ หเชื ่อ โดยเหตุเพีย งสัก วา ทา นพูด ; จะตอ งมี ความรู ความเห็น ความเขา ใจของตัว เอง วา มัน ถูก ตอ ง หรือ มัน จริง หรือ มันตรงตามที่ทานตรัสทานสอน แลวจึงจะเชื่อ. พระสาวก เชนพระสารีบุตร ก็ไดทูลยืนยันกับพระพุทธเจาอยางนี้ สมตามที่พระพุทธเจาทานทรงตองการใหเชื่อ กันอยางนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เกี่ยวกับเรื่องนี้ผมมีความเห็นวา พระพุทธเจาทานคงจะทรงเล็งเห็น ในขอที่วาใหความจริงมันสอน หรือใหธรรมชาติมันสอน นั่นแหละมันจึงจะไดผล คื อ ดี ก ว า คนสอน. บุ ค คลสอนซึ่ ง กั น และกั น นี้ ก็ ไ ม ใ ช ว า จะไม ดี หรื อ ไม มี ประโยชน ; แตถาเชื่อ โดยเพีย งสัก วา ไดฟ ง เขาพูด ไดฟ ง เขาสอน แลว เชื่อ อยา งนี้ มัน ตายดา น มัน ติด ตัน อยูที่นั่น . มัน ตอ งเอาไปคิด ไปนึก จนเขา ใจ


ฆราวาส กับ พุทธศาสตร

๔๐๙

และยิ่งกวาเขาใจ คือเห็นแจง ; แลวมันก็จะเปนความเชื่อขึ้นมาเองทันทีจาก ภายใน ; อยางนี้เรียกวา เชื่อ ตัวเอง หรือ เชื่อ สิ่งที่มีอ ยูจริงในภายใน ปรากฏ อยูอยางชัดเจน. อยางนี้เขาเรียกวาเชื่อตัวเอง ไมเชื่อผูอื่น. พระพุทธเจาทาน ก็ทรงขอรองอยางนี้ ; ให ธรรมชาติ แห งความจริงมั นสอน. เชนวาเมื่ อ เราไม มี กิเลส จิตวางไปจากิเลสชั่วขณะ มันมีความรูสึกอยางไร, สบายอยางไร ; ก็ให สิ่งนั้นมาปรากฎขึ้นในใจ แลวสอนอยางที่เรียกวาเปนหลักเปนฐาน ; ความเชื่อ นั้น เลยเปน ความเชื่อ ที ่แ ทจ ริง ไมใ ชเชื่อ อยา งหลับ ตา. มัน เปน การเชื่อ ของ ความเขาใจในชั้นแรก ; และแลวยิ่งกวาเขาใจ คือรูแจงซึมซาบอยูในใจ เปนสักขี พยานอยูในใจ ; นับวาเปนความเชื่อที่ถึงที่สุด เปนญาณ หรือเปนความรูไป ในตัว มัน เอง ในตัว ความเชื่อ นั้น มัน เปน สิ่ง เดีย วกัน เสีย . สํา หรับ ความเชื่อ ในขั้นตน ๆ ที่เราจะตองไดยินไดฟง แลวสนใจ แลวเอาไปคิดไปนึก ไปพิสูจน อยางนี้ยังไมเรียกวาความเชื่อก็ได ; เพราะวาเรายังไมปลงความเชื่อลงไปในสิ่ง ที่สักวาไดยินไดฟง ; ตอเมื่อมีความเขาใจ แลวเลยไปถึงความเห็นแจงแทงตลอด แลว ความเชื่อมันก็ปลงลงไปเอง ก็เรียกวา มีความเชื่อ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พุทธบริษัทมีวิธีศึกษา และเชื่อของตนอยางนี้ ซึ่งไมเหมือนกับวิธีการ ของคนพวกอื่นก็ได ; ซึ่งบางพวกมักจะเอาความเชื่อเปนเบื้องหนา. อยางนี้เรา ถือ วาพนสมัยแลว, มันเปนสมัยของไสยศาสตร หรือถอยเลยไปถึงสมัยตาบู แตบ รมโบราณดึก ดํา บรรพโ นน ; เขาถือ วา พน สมัย แลว .ถา เราไดยิน ไดฟ ง อะไรที่อยูในรูปของไสยศาสตร หรือตาบูมา ก็เอามาพิจารณาดูจนเห็นเหตุผล แลวก็ปฏิบัติตรงตามนั้นก็ได ; เหมือนที่ผมพูดใหฟงวา ผมเองก็ถือไสยศาสตร. อาบน้ําตอนเชา รดศีรษะกอน อาบน้ําตอนเที่ยงรดที่หนาอกกอน อาบน้ําตอนเย็น หรือ ตอนค่ํา รดที่เทา กอ น ; มัน เขารูป กัน กับ ธรรมชาติข องรา งกาย ปอ งกัน การเปนหวัดไดเปนอยางดี. แตถาพูดวา ตอนเชาสิริมงคลอยูที่ศีรษะ ตอนเที่ยง


๔๑๐

ฆราวาสธรรม

สิร ิม งคลอยู ที ่ห นา อก ตอนเย็น สิร ิม งคลอยู ที ่เ ทา ; อยา งนี ้ม ัน ก็ก ลายเปน ไสยศาสตรไ ป. แตเ มื ่อ มาดูก ัน ถึง ความจริง ของมัน แลว มัน ก็ก ลายเปน วิทยาศาสตร. นี่ แหละพุ ทธบริษั ทเราได รับอะไรมา จะเป นคํ าสั่ งสอน ซึ่ งแม อยู ในรูป ของไสยศาสตร ก ็ เ อ าม าพิ จ ารณ าดู ห รื อ อ ย า งน อ ยก็ ท ด ล อ งดู ส อ บ ดู ทํ า experiment อย างวิทยาศาสตรก็ ได จนรูวานี่ มั นมี เหตุ ผล มี ความจริงอยางนี้ แลวก็ถือปฏิบัติได ; แลวก็หัวเราะชอบใจความรูสติปญญาของคนสมัยดึกดําบรรพ มัน ก็ย ัง มีป ระโยชน. แตถ า สิ ่ง ใดเปน ไปไมไ ด ไมม ีเ หตุผ ล ก็ไ มต อ งเอา ; ถาจะเอา ก็เอามาอย างทดสอบเสมอ. นี่ คื อหนทางที่ เรียกวา จะทํ าให เราค อย ๆ ละสิ่ งที่ เรียกวาไสยศาสตรให หมดไป - หมดไป ; แลวก็ มี สิ่ งที่ เรียกวา พุ ทธศาสตร เกิด ขึ้น มาแทน. ไมจํา เปน จะตอ งประณามวา สิ่ง ที่เ ขาประพฤติป ฏิบ ัติกัน อยู ที ่เ ปน มาแลว แตด ึก ดํ า บรรพนั ้น มัน เปน เรื ่อ งบา บอไปเสีย ทั ้ง หมด หรือ เปน ไสยศาสตรอยางที่ไมมีเหตุผลไปเสียทั้งหมด. เพราะฉะนั้นเราจะตองมีหลักเกณฑ สํ า หรับ พิส ูจ น สํ า หรับ ทดสอบ แยกแยะดูว า มัน จะเปน ไปไดอ ยา งไร หรือ เพียงไหน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เมื ่อ เราจะเปน พุท ธบริษ ัท เราก็ใ ชห ลัก ของพระพุท ธเจา ในการ ที่จะแกปญหาเหลานี้ คือชําระสะสางความเปนไสยศาสตรใหคอย ๆ หมดไป แลว ก็มีความเปนพุทธศาสตรเขามาแทนใหมากขึ้น แลวก็จําเปนอยางยิ่งสําหรับฆราวาส. ทีนี้ผ มก็จะไดประมวลเอาหลักเกณฑตาง ๆ ในพุทธศาสนา มาชี้แจงใหฟงพอเปน ตัวอยางเปนเรื่อง ๆ ไป.

สําหรับหลักเกณฑอันที่ ๑ เกี่ยวกับระเบียบวินัย หรือกฎหมาย หรือ อะไรเหล านี้ พุ ท ธบริษั ท มี ห ลั ก เกณฑ สํ าหรับ ทดสอบ หรือ สํ าหรับ ตั ด สิ น วินิ จ ฉั ย เรียกวา “มหาปเทส” ทางฝ ายวินั ย มี อ ยู ๔ ข อ ด วยกั น ; หลั ก เกณฑ นี้ มี อ ยู วา ;


ฆราวาส กับ พุทธศาสตร

๔๑๑

ขอ ๑. สิ่งใดที่พระพุทธเจาทานไมไดตรัสหามไว เราก็เอามาพิจารณา ดูวาสิ่งนี้เขากันไดกับสิ่งที่ไดทรงหามไว มันก็กลายเปนสิ่งที่ไมควร นี้อยางหนึ่ง. ขอ ๒. ถา มัน ตรงกัน หรือ เขา กัน ไดก ับ สิ ่ง ทีไ มไ ดท รงหา มไว สิ ่ง นี้ ก็กลายเปนสิ่งที่ควร. ข อ ๓. อี ก คู ห นึ่ ง ก็ มี ว า : สิ่ ง ใดที่ พ ระพุ ท ธเจ า ไม ได ท รงอนุ ญ าตไว แตสิ่งนั้นเขากันไดกับสิ่งอื่น ๆ ที่ทรงอนุญาตไว แลวก็ถือวาถูกวาควร. ขอ ๔. แตถามั นไปเขากันสิ่งที่ไมทรงอนุญาต ก็กลายเป นสิ่งที่ไมควร. ๒ คูมันก็กลายเปน ๔ อยาง. มีป ญ หาเกิดขึ้นวา บางสิ่งบางอยาง หรือการกระทํ าบางอยางบุ คคล หรือ สถานที ่บ างอยา งอะไรก็ต าม ที ่เรีย กวา บางสิ ่ง บางอยา งนั ้น เปน ของใหม ของแปลก หรือ หาไมพ บในบทบัญ ญัต ิ ; เราก็ต อ งเอามาเทีย บเคีย งกัน ดูว า สิ ่ง นั ้น เขา กัน ไดก ับ สิ ่ง ที ่พ ระพุท ธองคท รงอนุญ าต หรือ ทรงหา ม ถา เขา กัน ได กับ ฝา ยไหน เราก็ถ ือ วา เปน ฝา ยนั ้น คือ เปน สิ ่ง ที ่ท รงหา มหรือ ทรงอนุญ าต. นี่คือปญ หาที่มีอยูจริงสําหรับสมัยนี้ซึ่งมันมีอะไรมากมาย เกิดขึ้นใหม ๆ แปลก ๆ ไม มี อยู ในพระคั มภี รไม มี อยู ในบทบั ญ ญั ติ มากแตก อน เราก็ใชหลักอยางนี้ ตัดสิ น แลวก็ปฏิบัติไปตามนั้น เราก็เปนพุทธบริษัทที่ดีได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org อยางป ญหาครึกโครม เชนปญหาคุมกําเนิด หรือป ญหาอะไรทํานองนี้ ก็ มิ ไ ด มี อ ยู ใ นบทบั ญ ญั ติ โ ดยตรง ; เราก็ ไปเที ย บเคี ย งดู ว า การกระทํ า อย า งนี้ มั น จ ะ เข า กั น ได เ รื ่ อ งอ ะ ไรที ่ ท รงห า ม ห รื อ ท รงอ นุ ญ าต ไว ; แ ล ว ก็ ถ ื อ ว า เปน เรื ่อ งที ่ท รงหา ม หรือ ทรงอนุญ าต อยา งนี ้เ ปน ตน . นี ้เ รื ่อ งเกี ่ย วกับ ระเบียบวินัย - คือสิ่งที่บังคับ.


๔๑๒

ฆราวาสธรรม

หลักเกณฑอันที่ ๒ ถัดไป เล็งถึงเรื่องการศึกษา หรือ วิชาความรู ไม เกี่ ย วกั บ วิ นั ย เรี ย กว า เรื่ อ งสู ต ร เรื่ อ งพระสู ต ร - คื อ แบบฉบั บ หรื อ แนวทาง สํ า หรับ ใหม นุษ ยป ฏิบ ัต ิ. อยา งนี ้ก ็ม ีห ลัก เกณฑที ่เ รีย กวา “มหาปเทส” อีก เหมือนกัน, แลวก็มี ๔ อยางดวยเหมือนกันคือ มหาปเทสทางวินัยก็มี ๔ อยาง ; มหาปเทสสูตรก็มี ๔ อยาง. ๔ อยางสําหรับสุตตันตะนี้ก็มีวา ; ขอ ๑. ถามีคนมาพูด มาแนะ มาบอกมาสอนอะไรขึ้น แลวก็อางวา สิ ่ง นี ้พ ระพุท ธเจา ไดต รัส ไว ; อยา งนี ้ก ็อ ยา เพอ เชื ่อ .จะตอ งเอาขอ ความที ่เขา กลา วนั ้น ไปเปรีย บเทีย บดู ในสูต ร ในวิน ัย สว นใหญที ่เรารูเราเขา ใจ, หรือ พอจะรู พอจะเขา ใจ ; ถา สิ ่ง ที ่เ ขามาพูด ใหมนั ้น มัน ลงกัน ได มัน เขา กัน ได กั บ เรื่อ งในสู ต รในวินั ย ส วนใหญ แล ว ก็ ให รับ ฟ งวา คงจะเป น สิ่ งที่ พ ระพุ ท ธเจ า ทานตรัสจริง ; แลวจึงเอาไปพิสูจนแยกแยะ ดวยการปฏิบัติตอไป แลวจึงเชื่อ นี้อยางหนึ่ง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอ ๒. ถา มีค นมาพูด มาอา งวา สิ่งนี้ค ณะสงฆข องพระพุท ธเจา สั ่ง สอน, หมายความวา ไมใ ชอ งคพ ระพุท ธเจา เองสั ่ง สอน, เขามาอา งวา คณะสงฆของพระพุทธเจาสั่งสอน ; เราผูฟงก็ยอมทําอยางเดียวกันอีกคือ ไมถือ เอาไมรับเอาทันที ; แตจะเอาคําที่เขาพูด หรือหลักที่เขามาบอกใหมนี้ ไปเปรียบ เทียบกันดูกับสวนใหญในสูตร ในวินัย คือหลักเกณฑทั้งหมดในพระพุทธศาสนา นั้นวาที่เขาเอามาพูดใหฟงนี้มันลงกันไดไหมกับหลักเกณฑ สวนใหญ . ถามันไม ลงกัน ไดก ็ไ มเ อา ถา มัน ลงกัน ไดก ็ร ับ ฟง ; แลว ก็เ อาไปพิส ูจ น ไปแยกแยะ สําหรับเชื่อ สําหรับปฏิบัติตอไปอีก.

ขอที่ ๓. ถาเขามาบอกวา คณะบุคคลในพระพุทธศาสนาที่เชื่อถือได ที่ เขาเชื่ อ กั น อยู นั้ น เป น ผู บ อก ผู พู ด ข อ ความว า อย า งนี้ ๆ ; เราก็ ไม เชื่ อ ไม


ฆราวาส กับ พุทธศาสตร

๔๑๓

รับเอาทันที. ตองเอาขอความนั้นไปเทียบ ไปเปรียบ ไปสอบ ไปปรับกันดูกับ หลักเกณฑ สวนใหญ ในสู ต ร ในวินั ยเสี ยก อ น ; ถามั น เขากั น ได ก็ รับ เอามา พิสูจน มาแยกแยะ มาปฏิบัติ. ขอ ๔. ถามีบุ คคลบางคนที่ มีเกียรติ มี หลัก มี เครดิ ต วาเปน ผูที่ เชื่อ ถือ ไดพ ูด , เขาพูด กัน อยา ง เราก็ไมรับ เอาทัน ที. ตอ งเอาขอ ความนั้น ไป เทียบกับหลักเกณฑสวนใหญ ในสูตร ในวินัยทั้งหมดเสียกอน ถามันลงกันได จึงคอยรับฟง เอาไปพิสูจน แยกแยะและปฏิบัติ. ทั้ ง สี่ นี้ เรี ย กว า “มหาปเทส”. อย า งหมวดแรก สํ า หรั บ เกี่ ย วกั บ ระเบียบวินัย คือวาหาม หรืออนุญาต ทําลงไปมันผิด หรือถูก เปนมหาปเทส สว นวิน ัย . สิ ่ง ที ่ไ มไ ดต รัส หา มไว มีอ ยูส อง คือ มัน เขา กัน ไดก ับ สิ ่ง ที ่ม ัน ควร และถา มั นตรงกั นข ามกั บสิ่ งที่ ไม ควรแล ว ให ถื อว าควร. ถ าเข ากั นได กั บสิ่ งที่ ไมควร,มันแยงกันกับสิ่งที่ควรแลว ก็วานี้ไมควร. ถาวาสิ่งใดที่ไมไดอนุญาตไว ก็เหมือ นกันอีก : มัน เขากันไมไดกับ สิ่งที่ควร แตไปเขากันไดกับ สิ่งที่ไมควร ก็เรีย กวา มัน ไมควร. ถา เขา กัน ไดกับ สิ่งที่ค วร แตเขา กัน ไมไดกับ สิ่งที่ไมค วร ก็ ถื อ ว า มั น ควร. วิ นั ย เขามี ห ลั ก ๒ อย า งคื อ ห า มไว หรื อ อนุ ญ าตไว ; มีอ ยูเปน ๒ ประเภทใหญ ๆ ; ประเภทหนึ่ง ก็แ ยกออกไดเปน สอง อยา งนี้. คุณเอามาใชอยางปจจุบันนี้ มันก็ยังใชไดอยูสําหรับสิ่งที่ยังเปนปญหา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทางฝายพระสูตร ทางฝายคําสั่งสอน ก็อยาถือเอาโดยเหตุที่เพียงวา มีคนมาพูดวาพระพุทธเจาตรัส, หรือคณะสงฆสอน, หรือวาคณะบุคคลสอน, หรือวา คนมีปญญาสอน.แตใหเอาทั้งหมดนั้นไปสอบดูปรับกันดูกับสวนใหญ ที่เปนตัวพุทธศาสนานั้น ; ถามันเขากันไมไดกับหลักพุทธศาสนาสวนใหญแลว แมเขาจะมาอางวาพระพุทธเจาตรัสก็อยาไดเชื่อเลย.


๔๑๔

ฆราวาสธรรม

นี่ขอใหคิดดูใหดีเถิด จะมีความเชี่อ ความเลื่อมใสในพระพุทธเจา ยิ่ง ขึ้น ; คือ เห็น ขอ ที ่ท า นมีส ติป ญ ญาอยา งไร. ทา นมีค วามสุขุม รอบคอบ อยางไร,ทานปองกันพวกเราไวใหปลอดภัยอยางไร ; แมวาทานจะปรินิพพาน ไปนานแลว ก็เหมือนกับทานยังคุมครองเราอยูเดี๋ยวนี้.เรื่องเกี่ยวกับวินัย เรื่อง เกี่ยวกับพระสูตรเปนอยางนี้. ตอไป จะมาถึง เรื่องความเชื่อโดยตรง. หลักที่เกี่ยวกับความเชื่อนี้ เราเรียกกันงาย ๆ วา หลักกาลามสูตร. ที่มีสูตรชื่อนั้น ชื่อ กาลามสูตร – คือ สูตรที่พระพุทธเจาตรัสแกชนชาวหมูบานกาลามเกี่ยวกับความเชื่อ ; แลวก็นา อัศ จรรยที ่ส ุด ที ่ว า ยัง มีค วามจํ า เปน อยา งยิ ่ง แมสํ า หรับ คนสมัย นี ้ ที ่เ ปน พุทธบริษัททุกคน. เมื่อพระพุทธเจาเสร็จไปถึงหมูบานนี้ ชาวบานหมูหนึ่งเขามา ทูลถามวาพวกเราอยูกันที่นี่ เดี๋ยวก็มีครูบาอาจารย หรือผูอางตัวเปนพระศาสดา องคนั้นองคนี้, ผานมาทางนี้ แลวก็สอนอยางหนึ่ง ๆ ตาง ๆ กัน ไมเหมือนกัน จะเชื่อ ใครดี. พระพุท ธเจา ทา นก็เ ลยตรัส หลัก ๑๐ ประการนี้ ที่เ รีย กวา “กาลามสูตร” แกคนเหลานี้ มีขอความดังนี้ ;

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอ ๑ : มา อนุสฺสเวน - ทานอยาเชื่อเอาโดยเหตุที่วา มันเปนสิ่ง ที่เขาบอกเขาสอนสืบ ๆ กันมา. มา อนุสฺสเวน คําแปลวา อยาไดถือเอาดวยเหตุ เพียงวาฟงตาม ๆ กันมา, ฟงตาม ๆ กันมา คือบอก ๆ - บอกแลวฟงตาม ๆ กันมา แตกาลกอน.

ขอ ๒ : มา ปรมฺปราย - อยาถือเอาโดยเหตุที่วา เขาไดทําตาม ๆ สืบ ๆ กันมา. ขอ ๓ : มา อิติ กิราย - อยาถือเอาโดยเหตุที่วา มันเปนขาวลือ ขาวแตกตื่นเลาลือกันมาอยางครึกโครม เต็มบานเต็มเมืองเต็มโลก.


ฆราวาส กับ พุทธศาสตร

๔๑๕

ขอ ๔ : มา ปฏกสมฺปทาเนน - อยาถือเอาโดยเหตุที่วามันมีอยูในปฎก. แทจริง สี่ขอตอนแรกนี้มันคลาย ๆ กัน เราพิจารณาคราวเดียวกันได : อยาเชื่อหรือรับเอาคําสอนนั้น โดยเหตุที่วาไดบอก และสอนสืบ ๆ กันมาตั้งแต ดึก ดํ า บรรพ ; นี ้ม ัน เล็ง ถึง การพูด การบอก การสอน. สว นขอ ที ่ ๒ นั ้น เล็ง ถึงการประพฤติปฏิบัติตาม ๆ กันมา, หรือเห็น ๆกันอยู ไมตองบอกไมตองสอน, เชน ศาลพระภูม ิ อยา งนี ้ก ็ทํ า ตาม ๆ กัน มา. หรือ วา จะมองไปในแงวา บอก กัน ใหทํา ได แตวาเดี๋ย วนี้ไดทําตาม ๆ กัน มา เห็น ชัด อยู. ที่วา ตื่น ขาวลือ นั้น มัน เปน ของชั่ว ขณะ ชั ่ว ยุค ชั ่ว คราว ชั ่ว ขณะเลา ลือ กัน เปน คลื ่น บอกกลา ว ไปทั ่ว ประเทศทั ่ว โลกนั ้น , ซึ ่ง ในกรุง เทพ ฯ ก็ม ีอ ะไรอยู บ อ ย ๆ ที ่เ ปน การ ตื่น ขา ว ตื่น ตูม ในทางวิญ ญาณ อัน ที่ ๔ ที่วามัน มีอ ยูในตํารา หรือ อา งตํารา เอาตํา รามาอา งได ; นี้ใ ชคํา ที่เ ราชวนฉงน ที่ใ ชวา ปฎ กสมปทาเนน – วา มีอยูในตําราในปฎก. คําวาปฎกแปลวา ตํารา. ตําราอยางที่คุณมีกันในโรงเรียน นั ่น แหละ. พระไตรปฎ กก็ใ ชคํ า ๆ นี ้เหมือ นกัน . คือ เขีย นขึ ้น เปน ตํ า รา เปน วินัยปฎก สุตตันตปฎก อภิธัมมปฎก. อภิธัมมปฎกนี้เปนของทีหลังก็เรียกกันวา ปฎก. พระพุทธเจาทานไมไดใชเรียกคําสอนของทานเปนปฎก, แตมันถูกเขียน ขึ้นเปนปฎก ๆ ก็เลยกลายเปนตํารา. นี้ก็อยาเชื่อวามันมีอยูในตํารา หรือเปนตํารา เปน ปฎ ก. นี้แ ปลวา ตัด ออกไปหมดที่จ ะไมเ ชื่อ ทางการไดยิน ไดฟ ง ไดเ ห็น ไดอาน ไดอะไรเขามา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ก ลุ ม ถัด ไป ขอ ที ่ ๕ - ๖ - ๗. ขอ ที ่ ๕ วา ม า ต กฺก เห ตุ อยาไดถือเอาโดยตรรก ดูตามตัวหนังสือ ดีกวา ถาแปล แลวมันยิ่งยุง ขอ ๖ วา มา นยเหตุ - อยาถือเอาโดยนัย. ขอ ๗ วา มา อาการปริวิตกฺเกน - อยาถือเอาโดยการตรึกตามอาการ.


๔๑๖

ฆราวาสธรรม

ขอที่ ๕ ที่วา อยาถือเอาโดยตรรกนั้น ก็เห็นไดชัดเลยวาคือตรรก อยางที่เราเรียกกันอยูอยางสมัยนี้วา logic นี้ อยาถือเอาโดยเหตุที่วามันเขารูป ในทาง logic. เดี๋ยวนี้คนสมัยใหม คนปจจุบัน หรือนักศึกษานี้เขาวา logic นี้ เปน ของวิเศษ ประเสริฐ ไปเลย ; ถา มัน ถูก logic แลว ก็เอา. พระพุท ธเจา ท า นยั ง หามไว ว า รอก อ น, อย า เพ อ .วิ ธี ข องตรรกก็ คื อ วิ ธี ข อง reasoning ; reasoning มันก็ตองขึ้นอยูกับเหตุและผล. ทีนี้เหตุและผลมีนเปลี่ยนได หรือ มันเอามาไมหมดก็ไดโดยไมรูสึกตัว เหตุผลไมสมบูรณก็ไดเพราะฉะนั้นตรรกนั้น มั น ก็ ผิ ด . พระพุ ท ธเจ าท านจึ งว าอย า ถื อ เอาโดยตรรก อย า ถื อ เอาโดย logic คือตรรกอยาง logic ที่ยังมีอยูจนกระทั่งปจจุบันนี้. ขอที่ ๖. อยาถือเอาโดยนัย. คําวานัย ในที่นี้มันมีความหมายเปนนัย แหง การคาดคะเน. เชน พอมีอ ะไร เราก็ตึงสมมติฐ านขึ้น มาอยางนั้น อยางนี้ แลวก็คาดคะเนไปตามสิ่งที่มันเคยเปนหลักฐาน หรือเปนเหตุผลแสดงอยู ; มันได แก inference อยางเดี่ยวนี้นั่นเอง ; มันจะอาศัย induction หรือ deduction ก็ตาม เพื่อจะคืบไปหาความจริงทียังไมรู จากสิ่งที่รูอ ยูแลวอะไรอยางนี้ ; นี้เรียกวา โดยนัย อยารับเชื่อโดยเหตุสักวาโดยนัย อยางนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอที่ ๗. ที่วา อยาถือเอาโดยตรึกตามอาการ นี้คือ speculation ซึ่ง เปนวิธีการของปรัชญาอยางสมัยปจจุบันนี้. เพราะฉะนั้นขอใหถือวาวิธีการทาง ปรัชญานั้นก็ใชไมไดกับการบรรลุธรรมในพระพุทธศาสนา. วิธีการทางปรัชญา นั้นจะไมชวยใหมีการบรรลุมรรคผลอะไรได ; และพุ ทธศาสนาก็ไมใชปรัชญา พุทธศาสนาตองเปนศาสนา. ถาจะเปนก็เปนวิทยาศาสตรทางวิญญาณมากกวา ที่จ ะเปน ปรัช ญาหรือ เปน ตรรก เปน จิต วิท ยาอะไรทํา นองนั้น . เพราะฉะนั ้น หลักของตรรกวิทยาก็ดี จิตวิทยาก็ดี ปรัชญาก็ดี เอามาใชเพื่อเปนการตัดสิน


ฆราวาส กับ พุทธศาสตร

๔๑๗

ที ่แ นน อนไมไ ด. นี ่เ ปน กลุ ม ที ่ ๒ คือ คํ า สอนขอ ที ่ ๕ - ๖ - ๗ ; พูด สั ้น ๆ วา ไม ถื อ เอาตามหลั ก ของตรรก, ไม ถื อ เอาตามหลั ก ของจิ ต วิ ท ยา, หรื อ ปรั ช ญา เปนตน. กลุมสุดทายขอ ๘ : มา ทิฏฐินิชฺฌาณกฺขนฺติยา – อยาถือเอาโดยเหตุ ที ่ว า มัน ตรงกัน กับ ลัท ธิ ความเชื ่อ ที ่เ รามีอ ยู แ ลว . ตัว หนัง สือ วา อยา ถือ เอา เพราะวามั น ทนอยู ได ด วยการเพ งพิ สู จ น ต ามความคิ ด ของเราเอง, แม วาสิ่ งนั้ น มัน ทนอยู ไ ดต อ การเพง พิส ูจ น ดว ยความคิด ของเราเอง. ความคิด ของเราเอง ในที่นี้หมายความวา มันยังโงมันยังหลงอยู. เมื่อเรายังโงยังหลงอยู สิ่งใดเขามา ใหมแลวเผอิญ มาเขากันได คือมันทนอยูไดกับการที่เราตั้งขอสงสัยลงไป แลวมัน ทนอยูได ;อยางนี้ก็ยังเปนความผิด เพราะมันเปนความเพงพิสูจนของคนโง. นี้ ขอเตื อนให ระวังไววา พระธรรมในพระพุ ทธศาสนาต องทนได ต อการ พิ สู จ น ; ถ า ทนไม ได ต อ การพิ สู จ น ไม เรี ย กว า พระธรรมในพุ ท ธศาสนา. แต ว า การพิส ูจ นใ นที ่นี ้ หมายถึง การพิส ูจ นข องผู ม ีป ญ ญา หรือ เปน จอมปญ ญา ไมใชการพิสูจนของคนโง. ตัวหนังสือ มันเหมือ นกันอยู ระวังใหดี ; ทนไดตอการ พิส ูจ นนี ้ ตอ งถามวา ทนไดต อ การพิส ูจ นข องคนโง หรือ การพิส ูจ นข องคนที่ รอ บ รู  . ถ า ท น ได ต  อ ก ารพิ ส ู จ น ข อ งค น ที ่ ร อ บ รู  แ ล ว ก็ ถ ื อ ว า ใช ไ ด ; แ ต เดี๋ ยวนี้ มั นของคนธรรมดาสามั ญ ทั่ วไป มั น ใชไม ได . นี้ จึ งจํ ากั ด ความลงไปวา ; อย า ถื อ เอาเพราะเหตุ ที่ ว า มั น เข า กั น ได กั บ ความเชื่ อ เดิ ม ของตน คื อ เราเชื่ อ อยู อยางไร ; อันนี้ มาใหม แล วมั นเขากั นได ละก็ อยาเพ อเชื่ อ อย ารับเอาด วยเหตุ ผล เพีย งเทา นั ้น , จะตอ งเอ าไป หั ่น แห ล กเส ม อ ไป .คํ า วา “หั ่น แห ล ก ” นี ้ก็ หมายความวา เอาไปใครคราญ ทบทวน หรือลองพิ สูจนดู ปฏิบั ติดู จนเห็น วา มันมีผลอยางนั้นจริงจึงจะเรียกวาควรเชื่อ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๔๑๘

ฆราวาสธรรม

ขอที่ ๙ : มา ภพฺพรูปตาย - อยาเชื่อโดยเหตุที่วา ผูพูดอยูในฐานะ ที ่ค วรเชื ่อ .คือ วา เรามัก จะดูค นพูด พอเห็น วา คนพูด นั ้น นา เชื ่อ ก็เ หอ กัน ไปฟง เหอ กัน ไปเชื่อ . นี ่เปน วิธีที ่ป ฏิบ ัติกัน อยู แมใ นกรุง เทพ ฯ ก็เปน อยา งนี้ ; เหอ ไปวาผูพูด มีเครดิต อยูในฐานะที่ควรเชื่อ ก็เชื่อ ; แตพ ระพุท ธเจาทานวาไมเอา นี่เปนกระแนะนําในขอที่ ๙. ขอที่ ๑๐ : มา สมโณ โน ครูติ - อยารับเอาโดยเหตุที่วา สมณะนี้ เปน ครูข องเรา. อยา งที ่คุณ มานับ ถือ ผม เปน อาจารย เปน ครูอ ยา งนี ้ แลว ก็ เชื ่อ อยา งนี ้ มัน ก็ผ ิด หลัก ขอ นี ้. นี ้เ ปน เรื่อ งชนิด ถึง ที ่ส ุด แลว คือ วา ผู พ ูด นั ้น เปน สมณะดว ย ไมใ ชเปน ชาวบา นดว ยกัน , ผู พ ูด เปน บรรพชิด เปน สมณะ, แลวสมณะนั้นก็เปนครูของตนอยูดวย ; ก็ยังถูกหามวา อยาเชื่อโดยรับเอาดวย เหตุที่วา สมณะนี้เปน ครูข องเรา. ขอ นี้ห มายความวา ไมไดหา มวา อยา ฟง , ทานพู ด อะไรอยาฟ ง ; ก็ฟ ง แลวก็เอาไปยอ ย อยางหั่ นแหลก ดวยความรูแจง ประจักษในใจของตนเอง วาสิ่งนั้นทําแลวมันมีผลขึ้นมาอยางนั้น หรือมันใหโทษ อยางนั้น แลวจึงเชื่อ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org รวม ๑๐ ขอ นี้เรียกวา กาลามสูตร. คุณควรจะทองจําไวใหขึ้นใจทั้ง บาลี และทั้ งคํ าแปล ;นี้ จะชวยให มี ความเป น พุ ท ธบริษั ท อยางที่ เรียกวาผุ ด ผอ ง อยางไมมีตําหนิ.

คุณลองทบทวนดูใหเห็นวา : - อยาเชื่อเพราะไดฟงตาม ๆ สืบ ๆกันมา ; - อย า เชื่ อ เพราะว า มั น เป น สิ่ งที่ ได ป ฏิ บั ติ แ ล ว ตาม ๆ กั น มา ; - อย าตื่ น ข า วลื อ ; อยาอางตํารา อยาเชื่อเพราะมีการอางไวในตํารา. นี่กลุมแรกเกี่ยวกับ เรื่อ งฟ ง.


ฆราวาส กับ พุทธศาสตร

๔๑๙

กลุ มที่ ๒ วา โดยเหตุ สั กวาอาศั ยวิธี คํ านวณทางตรรก หรือคํ านวณ ทางจิตวิทยา คํานวณทางปรัชญา. กลุ ม ที่ ๓ ว า มั น ถู ก กั บ ลั ท ธิ ที่ เราถื อ อยู แ ล ว และผู พู ด อยู ในฐานะ ควรเชื่อ หรือวาเขาเปนครูของเราและเปนสมณะดวย. นี่ผมเห็นวาไมมี อะไรเหลืออีกแลวที่พระพุ ทธเจาท านไม ไดเอามากล าว ; มัน เปน เครื่อ งซัก ฟอกที ่ด ีที ่ส ุด และรับ ประกัน ไดด ีที ่ส ุด . เรื่อ งของความเชื ่อ ก็มี อยูอยางนี้. ตอมาถึงเรื่องความผิด - ความถูก ; อยางไหรเรียกวาผิดวาถูก ? ถาถือ เอาตามวิธีของปรัชญา หรือทางตรรกมันไปอยางอื่น ยุงไปหมด. อยางไรเรียกวา ผิ ด , อย า งไรเรีย กว า ถู ก , พระพุ ท ธเจ า ท า นตรัส ก็ ไม เอาตามนั้ น เป น ที่ แ น น อน. สําหรับเกี่ยวกับความผิดความถูกนี้ เรามีสูตรชื่อ โคตมีสูตร ; เกี่ยวกับโคตมีสูตร นี่ ร ะบุ ห ลั ก ที่ จ ะให ตั ด สิ น ได ด ว ยตนเองว า อย า งไรผิ ด อย า งไรถู ก อย า งไรควร อยางไมควร. ทั้งหมดมีอยู ๘ ขอ ; ถามันเปนไปไมถูกในลักษณะ ๘ อยางนี้แลว ใหถ ือ วา ไมค วร ไมถ ูก , พระพุท ธเจา ไมไ ดส อน. ตอ เมื ่อ มัน ตรงกัน ขา ม จึง จะ ถือวาถูก หรือวาควร ซึ่งพระพุทธเจาทานสอน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอที่ ๑ ถาการกระทํานั้นมันเปนไปเพื่อความกําหนัดยอมใจ นี่แปลตาม ตัวหนังสือ. ถามันเปนไปดวยความกําหนัดยอมใจ ยึดมั่นถือมั่นเพิ่มขึ้นรอบดาน ; อยางนี้ก็เรียกวา ไมควร ไมถูก พระพุทธเจาไมไดสอน. ขอที่ ๒ มันเปนไปเพื่อประกอบทุกข คือทําใหลําบากโดยไมจําเปน, ทํ า ใหลํ า บากมากขึ้น กระทั ่ง เห็น กงจัก รเปน ดอกบัว ; อยา งนี ้เ รีย กวา ไมถ ูก ไมควร พระพุทธเจาไมไดสอน.


๔๒๐

ฆราวาสธรรม

ขอที่ ๓ มันสะสมกิเลส มันไมยอมลดกิเลส ไมเปนไปเพื่อลดกิเลส. มัน เพิ ่ม กิเ ลสเชน เพิ ่ม ความอยาก เปน ตน ; นี ้ไ มถ ูก ไมค วร พระพุท ธเจา ไมไดสอน. ขอที่ ๔ เป นไปเพื่ อความอยากใหญ ทะเยอทะยานไม มี ขอบเขต ไม มี ความหมาย เชน เดี ๋ย วนี ้จ ะไปโลกพระจัน ทร หรือ จะไปโลก ๆ อื ่น ตอ ไปอีก หรือจะไปยิ่ง ๆ กวาโลกพระจันทร ; นี้เปนเรื่องอยากใหญ. ข อ ที่ ๕ ไม สั น โดษ หรือ หิ ว อยู เรื่อ ย เป น เปรตอยู เรื่ อ ย เพราะสิ่ ง ที่ ได ม าเท าไร มั นไม ทํ าใหเกิด ความพอใจ หรือสนองความต องการ ; มั น ตอ งการ อยูเรื่อย เปนเปรตอยูเรื่อย. ขอ ที่ ๖ คลุ กคลี กัน เป น หมู . ตั วหนั งสื อ วา สงฆ นั้ น ไม อ ยู กัน เป น หมู คือวาปลีกตัวไปทําความเพี ยร เพื่อจิตใจมีอิสระ มี ความเหมาะสมที่จะรู. สําหรับ คนทั่ วไปคลุ กคลีกั นเป นหมู นี้ เชนชอบไปอัดแอกั นอยูในกรุงเทพ ฯ แม วาจะเพื่ อ การเล าเรียน เพื่ ออะไรก็ ตาม ; แต ว าส วนลึ กที่ น ากลั วก็ คื อว า ชอบไปอยู รวมกั น เปน หมู  เพื ่อ มีอ ะไรชนิด ที ่ม ัน เปน ที ่ส นุก สนาน เพลิด เพลิน พออกพอใจ ทางเนื ้อ หนัง มากกวา อะไรใหค วามเพลิด เพลิน ทางเนื ้อ หนัง ก็เ รเ ขา ไปที ่นั ่น ; มันเกิดความคลุกคลีเปนหมูขึ้นมา. ถาอยูกันเงียบ ๆ งาย ๆ ตามชนบทบ านนอก เล็ก ๆ นอ ย ๆ, เปน บา นเล็ก ๆ นอ ย ๆ หา ง ๆ กัน เหมือ นชนบทนี ่ อยา งนี้ เรีย กว า มั น ไม ค ลุ ก คลี กั น เป น หมู . แต ถ าไปอั ด กั น อยู ในนครหลวง ที่ เต็ ม ไปด ว ย การแขงขันแยงชิง ; มันก็เปนการคลุกคลีกันเปนหมูในความหมายนี้ดวยเหมือนกัน. คํ า สอนที่ ส อนแก ภิ ก ษุ เอาไปใช เป น หลั ก สํ า หรับ สอนแก ฆ ราวาสได ในลั ก ษณะ อยางนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ข อ ที่ ๗ เป น ไปเพื่ อ ความเกี ย จครา น. เกี ย จครา นคื อ ขี้ เกี ย จทํ า งาน ด ว ยแรง มั น ไม อ ยากเหนื่ อ ย ; นี้ ก็ เห็ น ชั ด อยู แ ล ว . แต ผ มอยากจะขยายความ


ฆราวาส กับ พุทธศาสตร

๔๒๑

ออกไปถึงวา แมการที่สมัยนี้มีเครื่องทุนแรงใช จนคนไมตองทํางานนี้ มันก็เปน เรื่อ งผิด เรื่อ งใหโทษ. เพราะมีเครื่อ งทุน แรงขึ ้น ในโลก ปญ หาทางเศรษฐกิจ ทางการเมือง ทางการอะไรตาง ๆเกิดขึ้นมากมาย. อยางในประเทศอินเดียแลว นาสงสารที่สุด คือเครื่องทุนแรงเขาไปทําใหเกิดการปนปวนจนทําใหคนเปนลวน ๆ ไม มี งานทํ า ไม มี ทางทํ ามาหากิน อย างนี้ เป น ต น . ป ญ หาเกิด ขึ้น ในโลกมนุ ษ ย อยางรายกาจ เพราะประดิษฐเครื่องทุนแรงขึ้นมาได ; คุณ ไปคิดเอาเอง ไปมอง เอาเองก็จะเห็น ในแงของของเศรษฐกิจ หรืออะไรก็ตาม ซึ่งคนสมัยนี้เห็นวาเปนผลดี วา ประเสริฐ วา เจริญ วา กา วหนา นั ้น แหละมัน มีเ บื ้อ งลา ง หรือ เบื ้อ งหลัง เปนเหตุที่ทําใหยุงยากโกลาหล และเปนไปทางมีความทุกขมากขึ้นในโลก. ผมเลย สงเคราะหเขาไวในเรื่องวาเกียจครานทําการงานแตละคน ๆ. ขอที่ ๘ ขอสุดทายวา เลี้ยงยาก. อยางเปนพระเปนเณรเลี้ยงยาก นี้มันไมไหวแลว มันไมมีความเปนพระเปนเณร. แตถึงชาวบานฆราวาสก็เถอะ ถาเลี้ ยงยาก เดี๋ย วนี้ กิน จุบ กิ น จิบ พิ ถี พิ ถั น มี พิ ธีรีต องมากในเรื่อ งกิ น . กิ นขาว กลางวัน ตองขับรถหนึ่ งชั่วโมงไปกินที่ รานอาหารที่ มีชื่อเสียงต างจังหวัด นี้ ก็มี ; อยา งนี ้ค ือ พวกเลี ้ย งยาก ซึ่ง ผิด หลัก พระพุท ธศาสนา พระพุท ธเจา ไมส อน. ตอเมื่อใด มันกลับกันอยางตรงกันขาม จึงจะเปนความถูกตองในหลักพระพุทธ ศาสนาและพระพุทธเจาสอน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที่วาเปนไปถูกหลักพระพุทธศาสนา และพระพุทธเจาสอนนั้นคือวา - มัน ไมเปน ไปเพื่อ ความกํา หนัด ยอ มใจ. - ไมป ระกอบทุก ข. – ไมส ะสมกิเลส - ไม อ ยากใหญ . - เป น ไปเพื่ อ สั น โดษ. - เป น ไปเพื ่ อ ไม ค ลุ ก คลี กั น เป น หมู  . - เปน ไปเพื ่อ ไมเ กีย จครา น สมัค รทํ า งาน.- แลว ก็เ ลี ้ย งงา ย กิน อยู ง า ย plain living, high thinking มีไดดวยขอนี้.


๔๒๒

ฆราวาสธรรม

พวกฝรั ่ง ที ่ตื ่น หรือ หลงในอารยธรรมของตัว เอง เห็น พวกพระ พวกคุณ กวาดขยะนี้ก็บ อกวา งานหนักเสียแลว. พวกฝรั่งมาเห็นพระกวาดขยะ ก็พ ูด วา งานหนัก ; ซึ ่ง ที ่จ ริง ตามหลัก ของพวกเราไมใ ชก ารทํ า งานอะไรเลย, แลว เปน สิ ่ง ที ่น ิย มอยู ใ นพุท ธศาสนา ; ไมใ ชง าน มัน เปน ระเบีย บ เปน วิน ัย อะไรมากกวา. แตเขากลับ เห็น เป นงานหนัก ตองให คนอื่น ทํ า ต อ งใหลูกจางทํ า หรือใหคนใชทํา หรือใชเครื่องจักรทํ าแทน. ถาจิตในมันเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้แลว มันไมมีหวังที่จะเปนไปตามทางของความดับทุกข คือการบรรลุมรรค ผล นิพพาน. เพราะฉะนั้น ขอใหตีความหมายของคําแตละคํา ในพระพุ ทธศาสนานี้ ใหด ี ๆ ; อยา ใหเ พีย งแคบ ๆ แคต ัว หนัง สือ เปน เรื่อ งของเด็ก อมมือ อา นแลว รูสึกวาอยางนั้น. ผูใหญมีสติปญญา ตองรูจักเอาความหมายของตัวพยัญชนะ นั้ น ๆ ให ค รบถ ว น ; แล ว ให มั น ตรงกั น อยู จ ริ ง ๆ กั บ ที่ มั น เป น อยู จ ริ ง ในหมู มนุษ ยป จ จุบ ัน นี ้ ในโลกยุค ปจ จุบ ัน นี ้ ซึ่ง โงล งทุก ที - โงล งทุก ที. ผมพูด อยา งนี้ ก็เพราะวา มัน ไกลหลัก พุท ธศาสนาของพระพุท ธเจา ออกไปทุก ที. นี ่ค ุณ อาจจะ ไม เชื่ อ เพราะว าคุ ณ กํ าลั งตามก นฝรั่งอยู ก็ ได ; แต ผมไม ตามก นฝรั่ง แต ตามกั น พระพุทธเจา จึงเอาเรื่องอยางนี้มาพูด.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org วันนี้เราพูดไดไมจบ ในเรื่องฆราวาสกับพุทธศาสตร เพราะเวลาหมด เอาไวพูดตอในวันหลัง.


ฆราวาส กับ พุทธศาสตร (ตอ ) -๒๓ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๑๓ สําหรับพวกเราลวงมาถึงเวลา ๔.๔๕ น. แลว เปน เวลาที่ จ ะได บ รรยายกั น ต อ ไปถึ ง เรื่ อ งที่ ค า งไว โ ดยหั ว ข อ ว า ฆราวาส กับ พุทธศาสตร, และขอย้ําใหทบทวนอยูเสมอวา คํา วา “ศาสตร” ของเรา มิไ ดห มายถึง ความรูที ่ก วา งขวาง เพอ เจอ เหมือ นที่ใ ชกัน อยูโดยทั่ว ไป.แตคํา วา “ศาสตร” ของ เราหมายถึง อาวุธ ที่ม ีค ม สํา หรับ ตัด สิ่งที ่ไมค วรจะมีอ ยูใ นตน หรือ สิ ่ง ที ่เ ปน อุป สรรคนานาชนิด ดัง นั ้น ในที ่นี ้ก ็ห มายถึง การที่พุทธศาสตรจะเปนอาวุธมีคมตัดสิ่งที่เรียกวาไสยศาสตร ใหคอย ๆ หมดไป จนความเปน พุท ธบริษัทของเราถูกตอ ง บริสุท ธิ์ผุด ผอ ง ; ไมตองถือพุทธศาสตรปนไสยศาสตร อยางที่เขาพูด ๆกันในลักษณะที่เปนการ เยาะเยยถากถาง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ในคราวที่แลวมา ไดพูดถึง มหาปเทสโดยทางวินัย ๔, มหาปเทสโดย ทางสุต ตัน ตะ ๔,มหาปเทสเปน เครื่อ งตัด สิน สิ่ง ที่เปน ปญ หา ; และไดพูด ถึง

๔๒๓


๔๒๔

ฆราวาสธรรม

กาลามสูตรเปนเครื่องตัดสินเรื่องที่เปนปญ หาเกี่ยวกับความเชื่อ ; และไดพูดถึง โคตมีสูตรที่เปนเครื่องตัดสินปญหา เกี่ยวกับความผิดหรือถูก. ขอใหไปทบทวน ดูใหม แลวเอามาตอกันเขากับเรื่องที่จะไดบรรยายตอไปในคราวนี้. และที่สําคัญ ที่สุด ก็ขอใหพิจารณาดูใหเห็นการที่มนุษยเราในโลกนี้ กระทําผิดตอหลักเกณฑ อันนี้อยูอยางไร ; ฆราวาสเราจึงเต็มไปดวยเรื่องยุงยาก โดยสวนใหญทําใหโลกนี้ เต็ มไปดวยความระส่ําระสาย เบียดเบี ยนกัน เชนสงครามเป นตน . นี่เพราะวา เรายังเปนฆราวาสชนิดที่ไมมีกฎเกณฑที่ถูกตอง ; โดยเฉพาะอยางยิ่งตามหลักของ พระพุท ธศาสนาซึ ่ง ถือ เอาปญ ญาเปน ที ่พึ ่ง ; แทนที ่จ ะมีแ ตค วามเชื ่อ ของ ความเชื่อ ใหมามีแตความเชื่อ ที่มาจากปญญา แลวก็มีความเปนอิสระจากกิเลส ไมใหกิเลสจูงไปตามอํานาจของกิเลส จึงอยูในความถูกตอง หรือในขอบเขตของ ความถูกตอง เชนโคตมีสูตร เปนตนนั่นเอง. ทีนี้ จะพูดถึงหลักธรรมะโดยตรงยิ่ง ๆ ขึ้นไป ซึ่งมีความสําคัญ สําหรับ ความเปนพุทธบริษัทเรื่องที่จะกลาวเปนเรื่องแรก ในวันนี้ก็คือ เรื่องหลักอนัตตา รวมถึงสุญญตา หรืออะไรอื่น ๆ ที่คลายกัน. ความมุงหมายสําคัญของเรื่องนี้อยูที่ ความไมยึดมั่นถือมั่น ; เมื่อมีความเขาใจเรื่องอนัตตาเรื่องสุญญตา เปนตนแลว มันก็ทําลายความยึดมั่นถือมั่น ซึ่งเปนเหตุใหถือ รือกระทําไปอยางงมงาย ตาม แบบของไสยศาสตร เปนตนอีกนั่นเอง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรื่อง อนัตตา โดยหลักใหญ ก็คือใหทําลายความรูสึกประเภทที่เปน egoism หรือ egotism ทุ กชนิ ด ซึ่ งเป นเหตุ ให เกิ ด ความเห็ น แก ตนทุ กอย างทุ ก ประการ. ความทุกขสวนบุคคลก็มาจากความเห็นแกตน, ความทุกขที่เกี่ยวพันกัน ทั้งโลกก็มาจากความเห็นแกตน. เพราะฉะนั้น จึงเปนเรื่องใหญ เปนเรื่องของโลก ทั้งหมด. เราจะพู ดกันโดยรายละเอียด ในเวลาอัน สั้นอยางนี้ ก็ไม พ อ จะเอาไว


ฆราวาส กับ พุทธศาสตร (ตอ)

๔๒๕

พูดโดยรายละเอียดเฉพาะเรื่องนั้นในคราวหลัง ; แตในที่นี้เอามารวมเขาในกลุม ที่เปนหลักพุทธศาสตรซึ่งฆราวาสจะตองสนใจ. มีคนเขาใจผิดไมยอมใหฆราวาสเกี่ยวกับเรื่องสุญญตา หรืออนัตตา. แต เมื่อมีผูไปทูลถามพระพุทธเจาวา เรื่องอะไรที่เปนประโยชนแกฆราวาสตลอดกาล นาน ; พระพุทธเจาทานตรัสเรื่องสุญญตา. นี้เคยอธิบายไวในปาฐกถา หรือคํา เทศนาหลายครั้งหลายหนแลว : ใจความสําคัญก็คือวา ฆราวาสมีเรื่องที่ทําให ยึด มั่น ถือมั่น มาก ; ถาปลอ ยไปตามเรื่อ ง มัน ก็ต กนรกทั้งเปน ; ยึด มั่น อะไร ที่ไหนก็เปนความทุกขที่นั่น และเมื่อนั้น, จึงอยากจะใหฆราวาสผูมีกิจการงาน มากนี้ ไมตอ งตกนรกทั้ง เปน หรือ วาไมต กนรกทั้งเปน มากเกิน ไป ; จึง สอน เรื่องอนัตตาหรือเรื่องสุญญตานี้ พอที่จะบรรเทาความยึดมั่นเสียไดเปนสวนมาก ; แลวก็เปนการตั้งตนที่ดี สําหรับการที่จะกาวหนาไปสูจุดหมายปลายทางของ พระพุทธศาสนา คือเรื่องนิพพาน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอนี้เราจะตองเขาใจหลักสําคัญสั้น ๆ ของมัน มีอยูวา เพราะยึดมั่น ถือมั่นอยางผิด ๆ นี้ จึงทําในสิ่งที่ไมควรจะทํา. คําวา ยึดมั่นถือมั่น ก็หมายถึง ยึดมั่นถือมั่นดวยความโงเสมอไป, คือมีมูลมาจากอวิชชา จึงไดเกิดตัณหา - ความ อยาก, อุปาทาน - ความยึดมั่นถือมั่น. แตถามันเปนความตองการ ความขยัน ขันแข็ง ความตั้งใจจริงของสติปญญา จะเดินไปในทางที่ถูกตอง แลวไมเรียกวา ความยึดมั่นถือมั่น, ในภาษาไทยอาจจะเรียก แตในภาษาบาลีไมเรียก ; แลวแยก กันเด็ดขาด ความยึดมั่นถือมั่นตองมาจากความโง ; ความขยันขันแข็งที่มาจาก สติปญญานั้นก็เรียกไปตามเรื่อง, เรียกเปนความเพียร ความจริง ความตั้งใจมั่น หรือ อธิฐ านจิต อะไรก็แ ลว แตจ ะเรีย ก ; ฉะนั้น เอาไปปนกัน ไมไ ด. อัน หนึ่ง มีรากเงามาจากอวิชชา - ความโง ความไมรู ; อันหนึ่งมีรากเงามาจากวิชชา สติปญญา หรือความรู.


๔๒๖

ฆราวาสธรรม

เมื่ อพู ดถึง อนั ตตา สุญญตา มั นเป นยอดสุดของสติ ป ญญา คื อเห็นสิ่ ง ทั ้ง ปวงตามที ่เ ปน จริง เปน เหตุใ หไ มย ึด มั ่น , แลว เปน เหตุใ หเ บื ่อ ในความโง ความหลง หรื อความยึ ดมั่ นถื อมั่ น ที่ เคยยึ ดมั่ นถื อมั่ นมาแต กาลก อน. ความเบื่ อ อยางนี้ไม ใชความเบื่อระอา ชนิดที่ ทําให ทอ แทถอยกําลัง ; แตมัน เปน ความเบื่ อ ตอสิ่ งที่ ไม น าปรารถนา ไม พึ งปรารถนา แลวก็หั น ไปหาสิ่ งที่ ควรปรารถนา ; พู ด โดยตรงก็ คื อ เบื่ อ ความทุ ก ข หรื อ ต น เหตุ ใ ห เกิ ด ความทุ ก ข . แล ว ก็ ไปเกิ ด ความ ขยันขันแข็งในสิ่งที่เปนความดับทุกข. เพราะฉะนั้นก็ตองเขาใจคําวา “เบื่อ” ในทาง พุ ท ธศาสนานี้ ใ ห ดี ๆ อี ก เหมื อ นกั น ; ในภาษาบาลี เรี ย กว า นิ พ พิ ท า แปลว า ความเบื ่อ ,ไมใ ชเ บื ่อ ระอา กระสับ กระสว ย กระวนกระวาย เปน ทุก ขท รมาน อยูอีกแบบหนึ่ง ; อยางนั้นมันไมใชความเบื่อที่ถูกตอง. ความเบื่ อ ที่ ถู ก ต อ ง หมายความว า รู จ ริ ง ในสิ่ ง ที่ เคยโง เคยหลง เคยเปน ทุก ขก ับ มัน มามากแลว ; แลว ก็ไ มเ อาดว ย ไมเ ลน ดว ย ไมอ ะไรดว ย อีก ตอ ไป ; ก็ห ัน ไปหาทางที ่ต รงกัน ขา ม คือ ไมร ัก ไมห ลง ไมย ึด มั ่น ถือ มั ่น ในสิ ่ง เหลา นั ้น ; แลว ก็ไ ปสู ค วามสงบ. เพราะฉะนั ้น ผลของความเบื ่อ มัน ก็ค ือ เปน ความสบาย ไมใ ชค วามอึด อัด รํา คาญ. ถา เปน ความเบื่อ ที่อ ึด อัด รํา คาญ ที่มั กจะมี กันไดทุกคนไมวาใคร ; นั้นมันเป นอีกความหมายหนึ่ง เป นภาษาธรรมดา ภาษาชาวบา น ; กิน อะไรซ้ํ า ซากก็เ บื ่อ เห็น หนา กัน อยู ท ุก วัน ก็เ บื ่อ อยา งนี้ มันไมใชเบื่ออยางที่ตองการในทางธรรม.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรื่องเบื่ อนี้ มั นจําเป นจะต องมี ถาไม มี ก็ถอนตั วออกไปจากโลกนี้ ไม ได . เดี๋ยวนี้พอใจอยูในความสุขสนุกสนาน เอร็ดอรอยทางเนื้อหนังในโลกนี้ ไมรูจักเบื่อ และมีแตจะยิ่ง ๆ ขึ้นไป ; เพราะฉะนั้นโลกนี้จึงเป นโลกของความตะกละตะกลาม ในความเอร็ด อรอ ยทางเนื้ อ ทางหนั งยิ่ งๆ ขึ้ น ไป ;มั น ก็ เลยได เป น ทุ ก ข กั น ทั้ งโดย


ฆราวาส กับ พุทธศาสตร (ตอ)

๔๒๗

สวนตัว และโดยสวนรวมมากขึ้นทุกที. ถาดูใหดีแลวจะเห็นวา แมมหาสงครามที่ กําลังมีอยูในโลกตลอดเวลานี้ มัน ก็มาจากการที่ไมรูจักเบื่อตอ สิ่งที่ควรเบื่อ ; มูลเหตุของมันอยูที่การกอบโกยวัตถุ อันเปนที่ตั้งแหงความเพลิดเพลินทางเนื้อ ทางหนัง ทั้ง นั้น . นายทุน ก็ตอ งการสิ่ง นี้ กรรมกรก็ตอ งการสิ่ง นี้ ; มัน ก็เ ลย ไดแยงชิงสิ่งนี้กันไปอยางไมรูจักสิ้นสุด. ถาทุกคนเขาใจเรื่องเกี่ยวกับความสุขทางเนื้อหนังนี้อยางเพียงพอแลว ก็จะทําใหยุติวิกฤตกาลเหลานั้นได ; มันจึงเปนเรื่องจําเปน, เปนความสําคัญ ที่จะตองมีความรูเรื่องสุญญตา เรื่องอนัตตา ใหถูกตองตามสมควรแกความเปน ฆราวาส อยางที่ พ ระพุ ทธเจาท านตรัสวา เรื่อ งนี้เปนประโยชนสุข เกื้อ กูลแก ฆราวาสตลอดกาลนาน. เกี ่ย วกับ ความเบื ่อ ที ่ม ีม ูล มาจากสุญ ญตาอนัต ตานี ้อ ยากใหไ ด ทราบกัน ถึง เรื่อ งอนุปุพ พิก ถา. ถา พระพุท ธเจา ทา นเห็น วา ผูใ ดมีส ติปญ ญา พอสมควรที่จะเขาใจเรื่องนี้รวดเดียวได พระองคก็ตรัส ; ถายังโงมาก ยังหนามาก ยัง ดิบ มาก ไมอ าจเขา ใจเรื่อ งนี้ร วดเดีย วได ก็ไ มต รัส . เรื่อ งที่ต รัส รวดเดีย ว แกบุคคลที่อาจจะเขาใจไดนี้ เรียกวา “อนุปุพพิกถา” คือ : -

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org จะพูด เรื่อ งที่ ๑ คือ การใหท าน, การเอื้อ เฟอ เผื่อ แผ ที่เรีย กวา ใหทานนี้วาเปนอยางไร ดีอยางไร.

เรื่องที่ ๒ คือเรื่องศีล, มีความประพฤติดีทั้งโดยหลักใหญและโดย ปลีกยอยมันมีอยูอยางไร มันดีอยางไร. เรื่อ งที่ ๓ พูด เรื่องสวรรค ซึ่งเปน ผลของทาน และศีล . เมื่อ เรา มี ท านและศี ล สมบู รณ แ ล ว เราก็ ได ส วรรค ที่ ทุ ก คนต อ งการ ; จะต อ ตายแล ว


๔๒๘

ฆราวาสธรรม

หรือที่ นี่ เดี๋ ยวนี้ ก็ได ทั้ งนั้ น. ความที่ เราอิ่ มอกอิ่มใจ ยกมื อไหวตั วเองได ด วยความ เปน สุข นี ้ก ็ร วมอยู ใ นเรื่อ งนี ้. แตว า ที ่เ ขาโงเขาหลง เขายึด มั ่น เขาโงก ัน มาก ก็ค ือ เรื่อ งสวรรค เรื่อ งกามารมณ เรื่อ งสวรรคว ิม านกามารมณต อ ตายแลว ; ทุกคนจองอยูที่นั้น. นี่ทาน ศีลเปนเหตุใหไดสวรรค. เรื่องที ๔ เรื่องความเลวทรามของสวรรค : สวรรคใหความเอร็ดอรอย ทางเนื้อทางหนังถึงขีดสุดอยางที่ตองการ ; แตแลวก็แสดงความเลวทรามอยูในตัว นั บตั้ งแต วา กามารมณ นี้ ทํ าให เกิ ดฆ าฟ นกั น. อย างเดี๋ ยวนี้ จะเห็ นได งายที่ สุ ดใน หน าหนั งสื อพิ มพ ทุ ก ๆ วัน วันละหลาย ๆเรื่อง หรือหลายสิบเรื่อง คือการฆ าฟ น กันเพราะกามารมณ เปนมูลเหตุ. อยางนี้เรียกวาโทษของสวรรค ; สูงขึ้นไปกระทั่ง เพื่ อนฆ าเพื่ อน ลู กฆ าบิ ดามารดา บิ ดามารดาฆ าลูก ก็เป นสิ่งที่ เกิดขึ้นได ในเมื่ อ มัว เมาในเรื ่อ งสวรรคนั ้น ; นี ่ก ็เ ปน โทษของสวรรค. ถา เปน เรื ่อ งของสวรรค วิม านต อ ตายแล ว มั น ก็ ห มายถึ ง ความโงที่ สุ ด ที่ จ มอยู ในความเพลิ ด เพลิ น ทาง เนื ้อ หนัง นั ้น ไมล ืม หูล ืม ตา, ไมป ระสีป ระสาตอ เรื ่อ งมรรค ผล นิพ พาน. ที ่ ๆ โงเงางมงาย มันเมากันมากที่สุด ก็คือในสวรรคนั่นเอง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรื่องที่ ๕ เรื่องออกไปเสียจากกามารมณ คือออกไปเสียจากความผูกมัด ของสวรรค เปน อิส ระ ; จิต ใจก็เ ปน อิส ระในการที ่จ ะเลือ กทางเดิน คือ การ เปนอยูในชีวิตนี้ใหมันถูกตอง ไมใหเปนทาสของกามารมณ. นี่คุณฟงดูเครื่องที่พระพุทธเจาทานตรัสไวอยางนี้ โดยเฉพาะแกบุคคลที่ อาจจะเขาในไดโดยรวดเดียวทั้ง ๕ เรื่อง. ถาคนที่บาจัด เมาจัด โงจัด มันก็ฟ ง ไมรู เ รื ่อ ง ; ก็จ ะหยุด อยู แ ตเ พีย งแคค วามเอร็ด อรอ ยทางเนื ้อ หนัง เรื ่อ ง สวรรคข องเขานั ่น เอง ; มัน เปลื ้อ งออกไปไมไ ด. ทีนี ้พ วกคุณ จะอยู ใ นชุด ไหน พวกไหน กลุม ไหน ก็ล องไปคิด ดู วา เราพอจะมองเห็น สิ ่ง ทั ้ง ๕ นี้ค ราวเดีย ว


ฆราวาส กับ พุทธศาสตร (ตอ)

๔๒๙

ตลอดทั ้ง สาย ทั ้ง ๕ เรื ่อ งหรือ ไม : เรื ่อ งการทํ า ความดีค วามงาม ดว ยทาน และศีล ; แลว ก็ไ ดผ ลมาตามที ่ต ัว ตอ งการ เปน กามารมณที ่ป รารถนา ; แลว ก็ม องเห็น วา ในนั ้น มัน มีโ ทษ มีค วามเลวทรามเจือ อยูด ว ย ; แลว ก็ไ มไ ปโง ไปหลงกะมัน . ถา จะไปกิน ไปใช ไปเกี่ย วขอ งกะมัน ก็ดวยสติป ญ ญา ที่ไมไปโง ไปหลง ไปเปนทาสมัน. กามารมณ นี้ มั น ก็ คื อ วั ต ถุ ป จ จั ย ที่ จํ า เป น อยู กั บ ชี วิ ต มนุ ษ ย ; แต ถ า เข า ไปเกี่ ย วข อ งในฐานะ ที่ มั น เป น กามารมณ แ ล ว มั น เป น พิ ษ เป น ความทุ ก ข ความร อ น. แต ถ า เข า ไปเกี่ ย วข อ งกั บ มั น เพี ย งแต ในฐานะที่ เป น ป จ จั ย สํ า หรั บ เครื่องยั งชีพ หรือเป นเพี ยงอาหาร อย างนี้ ละก็ เป นความถู กต อง ซึ่งจะได เป นอยู ปกติ อยางสะดวกสบาย. เพราะฉะนั้ นอยางที่ ได เคยพู ดมาแล ววา แม จะเกี่ยวของ กั บ เรื่อ งเพศตรงกั น ข าม ก็ ให เกี่ ยวข องในฐานะที่ เป นอาหารชนิ ดหนึ่ งเท านั้ น คื อ เพื ่อ บํ า บัด ความใคร หรือ เพื ่อ การศึก ษา, หรือ เพื ่อ การสืบ พัน ธุ โ ดยบริส ุท ธิ ์ ; อยาเปนเรื่องลุมหลงมัวเมาอยางคนโง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรามีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ที่ตองการความรูสึกพอใจในทางอายตนะนี้ คือทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ; แลวก็ดวยอํานาจของตอมแกลนดอะไรตาง ๆ ทางฟ สิ ค ส , แม ไม เกี่ ย วกั บ เรื่อ งจิ ต ใจ. เรื่อ งทางฟ สิ ค ส ล ว น ๆ เมื่ อ ต อ มแกลนด อัน ใดมัน สุก ถึง ขนาด ก็เ กิด ความรูส ึก ที ่จ ะสืบ พัน ธุ  เปน ตน ; นี ่เ ปน เรื่อ งทาง ฟส ิค ส ทางวัต ถุแ ท ๆ. อยา ไดไ ปโงห ลงเปน วิเ ศษวิโ สอะไรมากนัก ; แลว ก็แ กไ ขไป หรือ บํ า บัด ไปพอใหถ ูก วิธ ี, อยา งนี ้ม ัน ก็ก ลายเปน อาหาร เครื ่อ ง หลอ เลี้ ยงความปรกติ ของจิ ตใจ ; นี้ ก็ เรียกวา “อาหาร” . แล วก็ นํ ามาซึ่งความรู ความเข า ใจ อั น เกี่ ย วกั บ ความลั บ ของชี วิ ต นี้ ก็ เรี ย กว า “อาหาร”. แล ว ก็ นํ า ผล เป น การสื บ พั น ธุ เป น ลู ก เป น บุ ต รอะไรออกมา นี้ มั น ก็ เป น “อาหาร”. อาหาร


๔๓๐

ฆราวาสธรรม

ก็แปลวา สิ่งที่จะนําผลอยางใดอยางหนึ่ง มาสูหรือมาให ; นี้เรียกวา ; “อาหาร” ทั้งนั้น. เพราะฉะนั้นจะมีอาหารทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ อะไรก็ต าม เมื่อมันนําผลที่ดี หรือ ควรจะไดม าให สิ่งนั้นก็เรียกวา “อาหาร” ทั้งนั้น. เชนวาเรากินขาวเขาไปเปนคํา ๆ นี้มันก็นําผลมาให คือความอิ่ม หรือ ความหายหิว นี้เรียกวา “อาหาร” เรื่องที่เราทําความดี ความงาม ความถูกตอง อยางอื่น มันก็นําผลมาใหในทางอื่น ซึ่งไมใชทางปาก เขาก็เรียกวา “อาหาร” ดวยเหมือนกัน. เพราะฉะนั้นเราอยาทําสิ่งที่มันมีอยูในโลกนี้ คือรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณนี้ อยาใหเปนเหยื่อของกามารมณ ; แตใหเปนเพียง อาหาร ที่จะนําผลทีควรจะได ควรจะมีใหเขามาสูเราก็แลวกัน ; แลวเราก็ไม เปนทาสของกามารมณ แตก็เปนนายเหนือวัตถุปจจัยของกามารมณฺเหลานี้ คือใช มั น ไปในทางที่ จะไม ทํ า อั น ตรายอะไรแก เรา ; ไม โงถึ งกั บ ไปฆ า ฟ น เพื่ อ นฝู ง กระทั่งไปฆาฟนญาติมิตร กระทั่งไปฆาฟนบิดามารดา เพราะเหตุที่ความโงในทาง กามารมณมันมีมาก.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ความรูเหลานี้ ความเขาใจอันนี้ จะตองมีมูลมาจาก ความรูเรื่อง สุญญตา เรื่องอนัตตา เรื่องความไมยึดมั่นถือมั่นทั้งนั้น. แตเดี๋ยวนี้ในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัยของคุณ ไมมีสอนเรื่องนี้มันจึงมีการตี การฆากัน แมในรั้วของ มหาวิทยาลัย อยางที่คุณก็ทราบเรื่องดี. นี่คือโทษที่ไมเชื่อพระพุทธเจาวา เรื่อง สุญญตานี้ มันเปนประโยชนแกฆราวาสทั้งหลายตลอดกาลนาน.

นี่ผมกลาวมาพอเปนหัวขอ พอเปนตัวอยาง ไปหารายละเอียดดูเอง ผมไดกลาวไวในที่อื่นมากมายแลว ; แตจะกลาวเรื่องนี้โดยเฉพาะอีกสักครั้งหนึ่ง เหมือนกัน.


ฆราวาส กับ พุทธศาสตร (ตอ)

๔๓๑

รวมความวา เรื่องสุญญตา เรื่องอนัตตา เรื่องความไมยึดมันถือมั่น เหลานี้มันรวมกันเปนเรื่องเดียว ; จะทําใหเกิดความหยุด, หยุดโง หยุดหลง ในสิ่งเยายวนในโลกนี้ของธรรมชาติ. ธรรมชาติมีใหสําหรับ ใชใหถูก ตอ ง แต เราใชมันผิด มันก็เกิดผลมาในทางผิด ;เราจะโทษธรรมชาติไมได. ธรรมชาติ ใหมานี้ เพื่อใหเราใชอยางเปนกามารมณก็ได เพื่อใหใชเปนอาหารตามธรรมชาติ ตามปรกติธรรมดาโดยไมมีโทษก็ได ; ฉะนั้นจึงไดเอาเรื่องอนุปุพพิกถา ๕ อยางนั้น เปนหลักแลวกัน. เรื่องถัดไปอีก ก็จะพูดเรื่อง กรรมในพระพุทธศาสนา. พุท ธศาสนาเรามีเรื่อ งกรรม สอนเปน พิเศษ ใหเชื่อ กรรม ซึ่งมัน คอนขางจะเปนวิทยาศาสตร ;คือใหมองที่นี่และเดี๋ยวนี้ มองเห็นการกระทําและ เหตุข องการกระทํ า และผลของการกระทํ า แลว ก็ป ฏิบ ัต ิใ หถ ูก ; นี ้ม ัน เปน ลักษณะของวิทยาศาสตร. แตถาเราจะพูดไปในรูปอื่น หรือมนุษยพวกอื่นเขา ตอ งการจะพูด ไปในรูป อื่น เขาก็พูด ใหเปน เรื่อ งเชื่อ พระเจา . พอเชื่อ พระเจา มัน ก็ไ มทํา อยา งนั้น คือ ไมทํา กรรมชั่ว อยา งนั้น ๆ ; มัน ก็ไ ดเหมือ นกัน หรือ แมจ ะพูด ไวใ นรูป ไสยศาสตร มัน ก็ไ ดเหมือ นกัน ; เชน กลา วในรูป ความขลัง ความศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ทํ า อย า งนั้ น ไม ได เป น ตาบู อย า งนี้ มั น ก็ เป น เรื่อ งกรรมด ว ย เหมือนกัน ; แตมันโดย อาศัย motive อยางอื่น เชนพระเจาตองการไมใหทํา หรือ วา ตาบู อะไรก็ไมรู ผีส างเทวดาอะไรก็ไมรู ไมใหทํา ; อยา งนี้นั้น ไมใช หลักของพุทธสาสนา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาเมื่อถือตามหลักของพุทธศาสนาก็ใหมีความรูลงไปตรง ๆ ตรงการ กระทําวามันเปนอยางไร, เหตุใหกระทํามันเปนอยางไร, แลวผลของการกระทํา นั ้น มัน จะเปน อยา งไร. นี ่เ รื่อ งกรรม อาศัย ปญ ญาเปน รากฐาน ; ก็เ ลย แบงเปน กรรมดี กรรมชั่ว กรรมที่เหนือดีเหนือชั่ว, มีอยู ๓ อยาง.


๔๓๒

ฆราวาสธรรม

กรรมชั่วมากอน มันมีเหตุชั่ว คือกิเลส, แลวผลก็คือ ความทุกข หรือ อบาย. กรรมดีก ็ม าจากเหตุที ่ด ี ความรูจัก ดี, แลว ก็ไดผ ลเปน ความสุข สบายตามที่ต นพอใจ ; แตยัง ตอ งเสวยผลกรรมอยู. เชน ไปสวรรค เปน ตน นี้ก็บัญ ญัติไววาเปนกรรมดี. แตเรื่องชั่ว เรื่องดีนี้ก็ยังเปนที่ตั้งแหงความยึดมั่น ถือมั่น. คนชั่วก็มีความทุกขอยางแบบคนชั่ว, คนดีก็มีความทุกขอยางแบบคนดี. เปนคนดีในโลกนี้ก็ยังมีความทุกขอีกแบบหนึ่ง ตามแบบของคนดี ; เชนปญหา ที่เกิดเนื่องมาจากความดี เกี่ยวกับความดีนี้ มันยังมีอยูอีกมากเหมือนกัน. มีคน เยอะแยะฆาตัวตายทั้ง ๆ ที่มีชื่อเสียงมีความดี มีความร่ํารวย มีอะไร ; แตมัน มีความทุกขอยางอื่น. เปนเทวดาในสวรรคก็มีความทุกขตามแบบเทวดาในสวรรค. เพราะฉะนั้นเพียงแตกรรมดีเฉย ๆ นี้ยังไมใชสูงสุดมันตองเหนือชั่ว เหนือ ดี คือ ไมย ึด มั ่น ถือ มั ่น สิ ่ง ใดโดยความเปน ตัว เรา หรือ ของเรา. กรรมที่ เหนือ ชั ่ว เหนือ ดี นี ้แ หละทํ า ใหบ รรลุ มรรคผล นิพ พาน. กรรมชั ่ว ทํ า ให เวียนวายอยูในอบาย ในความทุกข. กรรมดีทําใหเวียนวายอยูในทรัพยสมบัติ เกีย รติย ศ ชื ่อ เสีย ง หรือ สวรรค ; ก็ย ัง เวีย นวา ยอยู นั ่น เอง. สว นกรรมที่ เหนือชั่วเหนือดีขึ้นไปอีก คือมีจิตใจเหนือสิ่งตาง ๆ นี้ คือไมเปนทาสของสิ่งใด ไมมีตัวเราสําหรับไปเวียนวายตายเกิดอีกตอไป ; อยางนี้เรียกวาบรรลุนิพพาน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทําดีไดดี ทําชั่วไดชั่ว นั้นมันก็สวนหนึ่ง ; แลวก็เปนหลักของศาสนา ทั่วไป ไมเฉพาะของพุทธศาสนา. แตกรรมที่ ๓ ที่วาสูงขึ้นไปดวยการกระทํา ตามหลักพระพุทธศาสนาคือ ไมยึดมั่นถือมั่น,ปฏิบัติตามมรรคมีองค ๘ ประการ แลวไมยึดมั่นถือมั่นนี้ มันจะไปสูนิพพาน ; มีผลเปนความหมดความรูสึกอะไร ที่จะยึดมั่นถือมั่น เปนตัวกู - ของกู นี้มันก็เย็นสบาย มีจิตใจที่สบาย ไมมีทุกขเลย. นี่เรียกวาเหนือชั่ว เหนือดี, เรื่องกรรมมีอยู ๓ กรรม อยางนี้ขอใหเขาใจ.


ฆราวาส กับ พุทธศาสตร (ตอ)

๔๓๓

เมื ่อ เราทํ า ชั ่ว ก็รอ นเหมือ นกับ ตกนรกทั ้ง เปน ; เมื ่อ เราทํ า ดีนี ้ม ัน ก็ รูสึ ก ตื่ น เต น ลิ งโลด เหมื อ นกั บ ถู ก เชิ ด . แต ถ าเมื่ อ ไรเราสงบ บางเวลาบางนาที เรามีค วามสงบ ไมรูสึก เรื่อ งดี เรื่อ งชั่ว ; นั ้น คือ ความพัก ผอ นที ่ถูก ตอ ง. ดัง นั ้น เราจึงไปในที่ บางแห ง เพื่ อชวยให จิตใจมั นหยุ ด, สงบ, วาง ไปจากความรบกวน ของชั่ ว ๆ ดี ๆ ; นี้ เราก็ สบาย. จะไปตากอากาศชายทะเล หรือวามาในที่ อย างนี้ อยางที่สวนโมกขนี้ เพื่อใหธรรมชาติเหลานี้ มันแวดลอมจิตใจใหมันวางจากความ รบกวนของความชั่ ว - ความดี ; อย างนี้ เป นเรื่องของความวาง เป นเรื่องที่ เป นไป ทางนิพพาน. ขอใหเ ขา ใจวา ของขมมัน ก็ไ มไ หว, ของหวานแรก ๆ มัน ก็ด ีอ ยู ถา ใหก ิน เรื่อ ยไปไมย อมใหห ยุด มัน ก็ไมไหว มัน จะตอ งตาย ; ผลสุด ทา ยก็ต อ ง มากิน น้ํ า จืด ๆ . ฉะนั ้น ใหเ รารูจ ัก ความที ่ม ัน จืด หรือ มัน ไมด ีไ มชั ่ว ไมห วาน ไมข มนี ้เ สีย บา ง, มัน เปน ความสงบ ความพัก ผอ น. ในเรื ่อ งกรรมจะตอ งรู อย า งนี้ ; เมื่ อ ถื อ หลั ก กรรมตามแบบนี้ ก็ เ ป น พุ ท ธบริ ษั ท ที่ ส มบู ร ณ คื อ ไปถึ ง นิพพานได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถัดไป ก็อยากจะพูด เรื่องการเกิด หรือ การเกิดใหม,

ขอให รูไววา ที่ เรียกวา การเกิด หรือเกิดนี้ มั นมี อยู ๒ ความหมาย ; เกิดทางรางกายทางเนื้ อหนั ง ทางฟ สิ คสนี้ ก็ เกิ ดมาจากท องแม แล วมี ชีวิตอยู ได ประมาณไมเกินรอยปก็เขาโลงไป ; นี่เรียกวาเปนการเกิดทางเนื้อหนัง ทางวัตถุ ; จําไวใหดี ๆ วา มันเปนการเกิดของรางกาย. ความเกิ ด อี กชนิ ด หนึ่ ง เป น เรื่อ งของจิ ต ใจ เกิ ด ทางใจ เกิ ด อยู ในใจ, นั่นแหละคือการเกิดแห งตัวกู เปน egoistic conception หรือ perception ก็ได ;


๔๓๔

ฆราวาสธรรม

แลวแต จะหมายถึงระยะไหน. แตมันหมายถึงเรื่องความรูสึกเปนตัวกู เปนของกู ที่ เรีย กว า อหั ง การ มมั ง การ ในภาษาบาลี . เมื่ อ ใดเราเกิ ด ความรูสึ ก อย า งนี้ ก็ เรีย กวามี ก ารเกิด ครั้งหนึ่ งแล วเดี๋ ยวมั น ดั บ ไป มั น สิ้ น เรื่องของมั น ก็ ดั บ ไป, ก็ ตาย ไปครั้ง หนึ ่ง ; เดี ๋ย วมัน ก็เ กิด มาอีก . เพราะฉะนั ้น วัน หนึ ่ง ๆ มัน เกิด ไดไ มรูว า กี่ สิ บสิ บครั้ง เรียกวา egolsm ก็ ได ; แต เขาระบุ ชั ดออกไปถึ งวามั นเป น egolstic conception คือ คอ นมาเปน ขา งกิเ ลส เปน selfshness ขึ ้น มา.selfishness หมายความวาเปนกิเลสเต็มที่ เปนตัวกู – ของกูที่เปนกิเลสเต็มที่ ; แลวจะขบกัด บุคคคลนั้นใหเปนทุกข. นี่วันหนึ่งเกิดไดหลายครั้ง. มัน จึงมี ค วามเกิดอยู ๒ ชนิ ด เกิดทางรางกายทางหนึ่ ง คื อ เกิดทาง ฟ สิ คส , และเกิ ดทางวิ ญ ญาณทาง spiritual นี้ อี กทางหนึ่ ง, เป นสองชนิ ดด วยกั น. เกิดทางรางกายทางฟสิคสนั้นไมเปนปญหา ไมมีปญหา มันไมทําความยุงยากลําบาก ไมเปนนรก ไมเปนไฟอะไรขึ้นมาได ; มันก็ใหญ โตขึ้นมากินอาหารแลวมันก็เติบโต ขึ้ น เอง เป น เรื่ อ งของทางฝ า ยร า งกาย มั น มี เพี ย งเท า นั้ น . แต ที นี้ เรื่ อ งทางฝ า ย วิญญาณมันเกิดไดมากมาย เกิดไดกวางขวาง เกิดไดครอบโลก คลุมโลกไปก็ได; มั น ต อ งการจะเป น เจ าโลก, กู อยากจะเป น เจ า โลกขึ้ น มา ; อย า งนี้ ก็ เป น ความ เกิด ของ ตั วกู - ของกู ทางฝายวิญ ญาณ. เพราะฉะนั้ นความทุ กข มั น เกิด เพราะ ความเกิดทางฝายจิต ฝายวิญญาณนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เด็ ก ๆ แรกคลอดออกมาจากท องแม มั นยั งคิ ดอะไรไม เป น มั นก็ เกิ ด มาแตรางกายเท านั้น มั นยังไม ได เกิดทางฝายวิญญาณ. จนกวาเมื่ อไรมันจะถูกทํ า ใหเขา ใจเรื่อ งนั ้น เรื่อ งนี ้จ ากสิ ่ง แวดลอ ม จนเกิด มีค วามรู ส ึก เปน วัต กู เปน พอ ของกู แม ข องกู เป น บ านของกู เป น อะไรของกู ;รูจั ก ยึ ด มั่ น ถื อ มั่ น ด วยอุ ป าทาน ในสิ่ง ใด นั่น แหละคือ การเกิด ในทางฝา ยวิญ ญาณ ; มัน จึง มีค วามทุก ข. กอ น


ฆราวาส กับ พุทธศาสตร (ตอ)

๔๓๕

หน านี้ มั น ก็ เป น เรื่อ งทางฝ ายรางกายล วน ๆ มั น ไม มี ป ญ หา ไม มี ค วามทุ ก ข ม าก จนกวาจะรูจักยึดมั่ นถือมั่ น. แล วมั นก็มี ความยึดมั่ นถือมั่นมากขึ้น ๆ แลวมี ความ เคยชินเปนนิสัยในการยึดมั่นถือมั่นมากขึ้น ๆ; แลวมันยังถายทอดไปทางกรรมพันธุ หรือทางสัญชาตญาณไดดวย. เชนวาสัตวเกิดมาแลวมันก็จะรูจักยึดมั่นถือมั่นเปน, มากขึ้ นทุ กที . เพราะว าธรรมชาติ มั นสรางรางกาย และจิ ตใจมาในลั กษณะอย างนี้ ; แล วสั ตวทั้ งหลายจึ งรูจั กมี กิ เลสได มากขึ้ น เพิ่ มขึ้ นตามลํ าดั บ แล วก็ มี ความทุ กข มากขึ้นตามลําดับ. นี้ เราต อ งรูจั กความลึ ก ลั บ ของธรรมชาติ อั น นี้ ไวให ดี วาความเกิ ด ทาง รางกายนั้ นมั นไม เกี่ ยวกับความทุ กขโดยตรง ; ความทุ กขโดยตรงมั นเกี่ ยวกับทาง จิตใจ. เพราะฉะนั้ นต องมี สติ ป ญ ญาและความรูเกี่ ยวกั บทางจิตใจ ; จัดการเรื่อง ทางจิตใจนั้นใหถูกตอง. รางกายนั้นมันเปนเหมือนเปลือก หรือเปนเหมือนภาชนะ ; เพราะฉะนั้ น ถ าจิ ต ใจเป น อย างไร รางกายมั น ก็ พ ลอยเป น อย างนั้ น ไปด วย ; เรา ตองจัดการที่จิตใจใหถูกตอง แลวก็อยูในเปลือก คือรางกาย ที่มันมีความถูกตอง ตามไปดวย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ความเกิ ด หรือความเปลี่ ยนแปลงทางจิ ตใจนี้ เป นป ญ หา ; ทางพุ ทธ ศาสนาก็ เพ ง เล็ ง ความเกิ ด ทางจิ ต ใจนี้ เป น ส ว นใหญ ; เพราะฉะนั้ น คํ า สอนของ พระพุทธเจา ที่เปนตัวพระพุทธศาสนาจึงมุงจะแกปญหาทางจิตใจ ทางวิญญาณ, ทาง spiritual. ถา มีป ญ หาทางรา งกายแท ๆเกิด ขึ ้น คุณ ก็วิ ่ง ไปหาหมอ ไปที่ โรงพยาบาลไหนก็ได เพื่อแกปญหาทางรางกาย. หรือถามันเกิดทางระบบประสาท ทางจิตใจที่มันเนื่องกันอยูกับทางรางกายทาง mental คุณไปหาหมอที่โรงพยาบาล อย า งโรงพยาบาลที่ ป ากคลองสานก็ ได . แต ถ า มั น เป น ป ญ หาเกิ ด เกี่ ย วกั บ ทาง spiritual ลวน ๆ ก็ตองไปหาพระพุทธเจา, คือมันเปนเรื่องของกิเลสลวน ๆ ก็ตอง


๔๓๖

ฆราวาสธรรม

ไปหาโรงพยาบาลของพระพุทธเจา เชนวัดวาอาราม ที่มีความสามารถ ที่จะชวย แกปญหาทางวิญญาณเหลานี้. นี่มันเปนเรื่องของ “ความเกิด” ทางฝาย spiritual ที่เปนตัวการตัวเรื่องของความทุกขของมนุษยเรา. ความกาวหนาทางวิทยาศาสตรของโลกปจจุบันนี้กาวหนามาก จนแก ปญหาทางรางกายได อยางเชนผาหัวใจเปลี่ยนใหมก็ได อยางนี้เปนตน ; แตไม สามารถจะแกปญหาทาง mental ไดคนจึงเปนโรคประสาท หรือเปนคนวิกลจริต มากขึ้นในโลกนี้. เพราะวาจิตใจในสวนนี้ มันไมไดขึ้นอยูกับรางกายเพียงสวนเดียว เขาจึงแกไขทางรางกายสวนเดียวไมได เพราะมันไปขึ้นอยูกับฝาย spiritual หรือฝาย วิญญาณนั้นดวย. มันเปนเรื่องของความรูความเห็น ความเขาใจ ที่ผิดหรือถูก ดวย เพราะฉะนั้น เราจะตองไปหาหลักพุทธศาสนา ซึ่งแสดงถึงความรูผิด – รูถูก แลว ก็ม าชว ยปรับ ปรุง จิต ใจ ระบบประสาทนี้ใ หมัน ดี ; มัน จึง จะไมเปน โรค เสนประสาท หรือไมเปนโรควิกลจริต. คนเราไมสามารถจะระงับความวิตกกังวลได โดยลําพังวัตถุ ; ถากินยาระงับประสาท มันก็เปนเรื่องหลอก ๆ ประเดี๋ยวเดียว เทานั้น มันตองมีอะไรที่ดีกวานั้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที่พูดใหฟงนี้ก็หมายความวา คนเรานี้มองใหดี ๆ มันมีอยูถึง ๓ ชั้น คือระบบรางกายลวน ๆทางฟสิคสนี้อยางหนึ่ง ; แลวระบบประสาท ครึ่งกาย ครึ่งจิต ที่เรีย กวา mentality นี้ก็อีก สว นหนึ่ง และมัน มีสว นสูง สุด ซึ่ง ไมมีใคร สนใจ หรือบางคนไมรูจักมันก็คือ spirituality ทางฝายวิญญาณนี้อีกสวนหนึ่ง ซึ่งเปนสวนสําคัญ , เปนสวนหัวใจของมนุษย แตไมมีใครสนใจ. เพราะฉะนั้น เรื่องความเกิดนี้ ก็สนใจกันแตเรื่องเกิดทางรางกาย ทาง mental ที่เกี่ยวกันอยู กั บ ร า งกายเท า นั้ น ; ไม รู เรื่ อ งในความเกิ ด แห ง ตั ว กู - ของกู ที่ เกิ ด ทางฝ า ย spiritual นั้น ; แลวก็มีความทุกขทรมานอยูดวยเหตุนี้ แลวก็ไมรูสึก.


ฆราวาส กับ พุทธศาสตร (ตอ)

๔๓๗

นี้ จะต องเข าใจวา ความเกิ ดที่ แท จริงนั้ นมั นอยู ที่ เกิ ดทางฝ ายวิญญาณ, เกิ ดความสํ าคั ญ เป น concept วาตั วกู ขึ้ นมาครั้งหนึ่ งนี้ นั่ นคื อเกิ ดเป นชาติ หนึ่ ง ; วัน หนึ่ง เกิด หลายหน, เดือ นหนึ ่ง ก็เกิด หลายพัน หน ปห นึ่ง ก็เกิด หลายหมื ่น หน ทีนี้หลายปกวาจะตาย ก็เกิดหลาย ๆ หมื่น หลายแสน หลายลาน หลายอสงไขย หนก็ไ ด.ขอใหม องความเกิด ชนิด นี ้ใ หเ ขา ใจ แลว จะเขา ใจพุท ธศาสนา นี้ เรีย กวา “ความเกิด ”. ทีนี ้ถ า วา เกิด ใหม ก็ห มายวา การเกิด ครั ้ง ที ่ส อง ; ฉะนั้น ในวัน หนึ่ง เราตายแลว เกิด ใหม - ตายแลว เกิด ใหม – ตายแลวเกิด ใหมได หลายสิบครั้ง. การเกิดใหมนี้ก็มีผลสืบเนื่องกันมาจากการเกิดครั้งกอน. การเกิดตัวกู ครั้ งแรกมั น ทํ าอะไรเข า ไว มั น ก็ ยั งมี reaction เหลื อ มา สํ า หรั บ การเกิ ด แห งตั ว กูครั้งที่สอง ซึ่งจะพลอยไดรับดวย. มั น เห็ น ชั ด ๆ อยู อย างนี้ ว ากรรม - ผลกรรม ส งต อ กั น ได ในระหว าง ชาติ ระหวา งชาตินี ้: ทํ า เลวหนัก เขา มัน ก็เลวลงไป, ทํ า ดีม ากเขา มัน ก็ดีขึ้น มา, จนกระทั ่ง เบื ่อ การเกิด เบื ่อ การเกิด แลว เกิด อีก อยากจะมีจ ิต ใจสงบเปน อิส ระ เหนือ การครอบงํ า ของสิ ่ง เหลา นี ้ เราจึง ทํ า ใจใหเ ปน นิพ พานดับ สนิท แหง การ เวีย นวา ยตายเกิด ทํ า นองนี ้. ความเกิด หรือ ความเกิด ใหมใ นพระพุท ธศาสนา มีอยูอยางนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพื ่อ จํ า งา ย ๆ คุณ ก็จํ า อยา งนี ้ก ็แ ลว กัน วา พอคิด ดีก ็เกิด เปน คนดี, พอคิด เลวก็เ กิด เปน คนเลว. พอคิด อยา งนัก ศึก ษาในมหาวิท ยาลัย ก็เกิด เปน นักศึกษาในมหาวิทยาลัย ; พอคุณคิดอยางเจาชู มันก็เกิดเปนเจาชูตามไนทคลับ ตามบาร ตามที่อันธพาลตาง ๆ , คิดอยางบัณฑิตก็เกิดเปนบัณฑิต, คิดอยางโจร ก็เกิด เปน โจร, คิด อยา งไรก็เกิด เปน อยา งนั ้น . นี ่เ รีย กวา เกิด แลว ตาย แลว ก็


๔๓๘

ฆราวาสธรรม

เกิดใหม ; ๑๕ นาทีนี้คิดเกิดอยางเปนนิสิตในมหาวิทยาลัยก็เปนนิสิตไป ; ตอไป คิดเกิดเปนโจรมันก็ตีกันไดในมหาวิทยาลัย อยางนี้เปนตน. เรื่องความเกิดที่เปนความมุงหมายที่พระพุทธเจาทานจะสอน และให เอาชนะมันใหไดนั้น หมายถึงความเกิดทางวิญญาณอยางนี้. คุณจะไปหาราย ละเอียดศึกษาดูไดจากเรื่องปฏิจจสมุปบาท หรือเรื่องอริยสัจจ เปนตน. ตอไป จะพูดเรื่องเหตุปจจัย หรือเหตุผล. พระพุทธศาสนาเปนศาสนาแหงเหตุผล นี่ก็ตองจําไวติดปากดวยวา พระพุท ธศาสนาเปน ศาสนาแหง เหตุผ ล, อยูใ นขอบเขตของเหตุผ ล ไมเชื่อ ขางนอก ซึ่งเปนเรื่องไสยศาสตร อันเปนเรื่องไมอาศัยเหตุผล. ถายังไมอาศัย เหตุผ ล ก็ยัง เปน นัก ไสยศาสตร เปน ผูถือ ไสยศาสตรอ ยู ; พอมาถือ เหตุผ ล ก็กลายเปนพุทธบริษัท. เพราะฉะนั้นเรื่องมีเหตุผล และสามารถใชเหตุผล นี้มัน เปนเรื่องของคงวามเปนพุทธบริษัท. เรื่องเหตุผลมันก็บอกชัดอยูแลววา แยกเปน ๒ เรื่องคือเรื่อง เหตุ กับเรื่อง ผล.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เหตุ ก็คือสิ่งที่มันทําใหเกิดสิ่งอื่น. ผล ก็คือ ผลที่เกิดมาจากสิ่งอื่น แลวก็กลายเปนเหตุตอไป. เพราะฉะนั้นทุกสิ่งในโลกนี้มันจะเปนทั้งเหตุ (cause) และผล (effect) แลวแตขณะของมัน ; เชนวาเรากินอาหารเขาไป อาหารมัน ก็เปนเหตุใหเกิดความอิ่ม ความอิ่มเปนผล. แตแลวความอิ่มนั่นแหละมันเปนเหตุ ใหเกิดความคิดอยางอื่น เชนอยากจะขโมย. หรืออยากจะสะสม หรืออยากจะ อะไรอยางอื่น อีก . ความอิ่ม นั่น แหละมัน กลายเปน เหตุ. ความอรอ ยเปน ตน ก็ทําใหเกิดเปนผล ใหเกิดการกระทําอยางอื่นตอไปอีก. แลวการกระทํานั้นมันก็ กลายเปนเหตุอีก สําหรับทําใหเกิดการกระทําอยางอื่นตอไปอีก ฉะนั้นมันจึง


ฆราวาส กับ พุทธศาสตร (ตอ)

๔๓๙

เปน เหมือ นกับ หว งโซ ที ่ไ มรูจัก ขาดสาย ; เพราะวา สิ ่ง ที ่เ ปน เหตุนี ้ม ัน ทํ า ให เกิดผลกลายเปนผล ; สิ่งที่เปนผลก็กลายเปนเหตุได แลวก็ทําใหเปนผลอยางอื่น อีกได ; แลวกลายเปนเหตุทําใหเปนผลอยางอี่นอีก. นี้เราก็ดูชีวิตของเรา วามันเต็มอยูดวยความเปนเหตุเปนผล ที่ทะยอย กั น อ ยู  อ ย า ง นี ้ ใ น วั น ห นึ ่ ง ๆ คุ ณ ต อ ง ก า รอ ะ ไร ก็ ทํ า สิ ่ ง นั ้ น ; พ อ ได ม า แลว สิ ่ง นั ้น มัน ก็ทํ า ใหต อ งการอยา งอื ่น ; แลว ก็ทํ า อยา งอื ่น อีก สง ทะยอยกัน ไปเรื ่อ ย ; นี ่เ ราจึง นั ่ง อยู ไ มไ ด จะนั ่ง กน ติด พื ้น อยู ไ มไ ด ; เพราะอํ า นาจ ของความที่มันเปนเหตุผลสงกันไปเรื่อย ; ใหคิดและกระทํา – ใหคิดและกระทํา ตอ ไป, ตอ ไป ๆ ๆ ไมไ ดห ยุด อยู ไ ด. งว งขึ ้น มาก็น อน ; นอนมัน ก็เ ปน ผล อันหนึ่งทีแรก. พอนอนลงไปมันก็เปนเหตุใหหายงวงหายเหนื่อย ; พอหายเหนื่อย มันตื่นขึ้นมามันก็ทําอื่นอีก ; ฉะนั้นเรียกวาไมมีการหยุด แมแตในขณะที่นอน. ความมีเหตุ-ผลอยางนี้ตองดูใหดีตองเขาใจ แลวจะเขาใจหลักพระพุทธศาสนา ซึ่ง ไมอิง ของอยา งอื่น แตอิง เหตุผ ล.เพราะฉะนั้น พระพุท ธเจา ทา น จึง ตรัส เรื ่อ งอริย สัจ จซึ ่ง เปน หัว ใจของพระพุท ธศาสนาวา ความทุก ขม ัน เปน อยา งนี ้ ๆ ที ่เรารูจัก กัน ดี ; มัน เปน ผลเกิด มาจากเหตุผ ลคือ ความโง. ความโง เปนเหตุใหอยาก พออยากก็เกิดความยึดมั่นเปนตัวกู - ของกู ; มันก็เปนความทุกข. อยากดี อยากเดน อยากไดเงินไดทอง นี่มันมาจากความโง ความอยาก ความ ยึด มั่น ถือ มั่น ; แลวก็เปน ทุก ข. เพราะฉะนั้น อยา ใหมัน มาจากความโง ใหมัน มาจากเหตุที่ดีคือ ความฉลาด;รูแ ลว กระทํา ไปโดยไมตอ งอยาก โดยไมตอ ง ยึดมั่นถือมั่น มันก็ไดเหมือนกัน. นี่คือคูแรกคือความทุกขและเหตุใหเกิดทุกข.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คูที่ ๒ ความไมมีทุก ขเ ลย ก็ม าจากปฏิบัติที่ถูก ตอ งคือ มรรค มีองคแปด. มรรคมีองคแปด ก็คือ ความรู ความฉลาด ความถูกตองทุกอยาง ทําใหเกิดผลเปนความหยุด ความสงบ ไมทุกขเลย. มันก็เปน ๒ คูกันอยูอยางนี้.


๔๔๐

ฆราวาสธรรม

คูที่หนึ่งเกี่ยวกับความทุกข และเหตุแหงความทุกข. คูที่สองเกี่ยวกับ ความไมมีทุกขและทางที่จะใหถึงความไมมีทุกข ; นี่เรื่องอริยสัจจเปนเรื่องเหตุผล เต็มตัว. ถาจะซอยใหละเอียดลงไปก็เปนเรื่องปฏิจจสมุปบาท, คือซอยใหเห็น process ที่มันละเอียด ๆ ลงไป ๆ วาจากความโง - ไปสูความอยาก – แลวไปสู ความยึดมั่นถือมั่น.. ฯลฯ…แลวไปสูความทุกขอยางไร แจกละเอียดมากขึ้นไป เทานั้นเอง ; นี่ก็เรียกวาแจกซอยใหละเอียดออกไป เปนเรื่องปฏิจจสมุปบาท ที่จริงก็เรื่องอริยสัจจนั่นเอง. นี่เรียกวามันเปนวิทยาศาสตรเต็มตัว ; แตมันไมใชวิทยาศาสตรฝาย physical หรือ mental ; มัน เปน วิท ยาศาสตร spiritual คือ สูง สุด . ที่นี้ พวกที่เรียนรูแตเรื่องฝาย physical หรือ mental ก็ไมเขาใจเรื่อง spiritual ; ก็เลยเอาวิทยาศาสตรทางฝาย spiritual กลายไปเปนเรื่อง philosophy หรืออะไร ที่เขาใจไมไดไปเสีย. philosophy นั้นไมใชวิทยาศาสตร เขาหมายถึงเรื่องที่ยัง ไมเขา ใจ ; เปน เรื่อ งที่กํา ลัง กระหายจะรู จะตอ งคน ควา กัน ตอ ไป ซึ่ง นั่น มัน เปนเรื่อง philosophy . ฉะนั้นพอเอาเรื่องนิพพานเรื่อง spiritual มาพูดใหฟง ก็ฟงไมถูก ; แลวก็ฟงไปในลักษณะเปน philosophy ไปเสีย ไมใชวิทยาศาสตร. แตพระพุทธเจา หรือพระอรหันตทานเขาใจเรื่องนี้ ซึมซาบเรื่องนี้ เหมือนกับ เปนเรื่องวัตถุ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้นเรื่องนิพพาน อะไรทํานองนี้ไมใช philosophy สําหรับ พระพุทธเจา หรือสําหรับพระอรหันต ; มันเปนเรื่องวิทยาศาสตร. แตสําหรับ คนธรรมดาแลว แมจะเปนนักปราชญ เปนศาสตราจารยอะไรก็ตามจะเขาใจไมได ; เลยจัดเอาของเหลานี้เปนของลึกลับเปน philosophy ไป. เพราะฉะนั้นขอใหระวัง ให ดี ๆ ว า อย าได ไปหลงเข า ใจผิ ด ว า มั น เป น เรื่อ ง philosophy หรือ เป น เรื่อ ง


ฆราวาส กับ พุทธศาสตร (ตอ)

๔๔๑

อะไรที่ไมใชวิทยาศาสตร. พระพุท ธศาสนาจะตอ งเปน วิทยาศาสตรแ ละเปน วิทยาศาสตรทางฝาย spiritual เพราะวาตั้งอยูบนกฎแหงเหตุและผลที่ประจักษชัด อยูแกใจ. วิทยาศาสตรทางวัตถุมันก็เอาเรื่องทดลองทางวัตถุเปนหลัก แลวทน ตอการพิสูจนอยางนี้เปนวิทยาศาสตร. แตแลวก็เอาหลักเกณฑอันนี้ไปใชกับ เรื่องฝายวิญญาณไดดวยเหมือนกัน หากแตไมเปนที่เขาใจแกการศึกษาทางฝายวัตถุ ในโลกนี้ ; มัน ก็อ ยูเ ทา นั้น เอง ความลับ มัน มีอ ยูเ ทา นั้น เอง. เพราะฉะนั้น เพื่อที่จะแกปญหาขอนี้ คุณก็ก็พยายามที่จะเขาใจเรื่องเหตุ - ผลของธรรมชาติ ความ เปนไปตามเหตุ - ผล ของธรรมชาติใหสูงขึ้นไปจากเรื่องฟสิคส ไปสูเรื่อง mental ; จากเรื่อง mental ไปสู spiritual ; ก็จะเขาใจพระพุทธศาสนาโดยสมบูรณ ; ก็จะ มองเห็นชัดวา ออเปนศาสนาแหงเหตุ - ผล อยางนี้เปนตน. ทั้งหมดที่พูดมานี้เปนหลักพระพุทธศาสนา ที่เปนขั้นหัวใจ ที่จะตองรู ตองเขาใจ จึงจะเรียกวารูพุทธศาสนาชนิดที่กําจัดไสยศาสตรได. ไมเชนนั้นมันจะไม สําเร็จประโยชน แตเพียงวาคุณบวช เอาผาเหลืองมาหม มาคลุมเขาแลวมันจะรู ; หามิได. มันไมสําเร็จประโยชนเพียงแตวาไปจดทะเบียนวา เปนพุทธมามกะ เปนพุทธบริษัท นั่นมันก็เปนเรื่องทะเบียน. จะไปจดทะเบียนวาเปนพุทธบริษัท มันก็ไมทําใหรูพุทธศาสนาได. ฉะนั้นแมไมจดทะเบียนเปนพุทธบริษัท แตถา เขาศึกษามาอยางนี้ ดําเนินมาอยางนี้ จิตใจของเขาวิวัฒนาการมาอยางนี้ เขาก็ เปนพุทธบริษัทได

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พระพุทธเจาทานก็เปนนักศึกษาคนควา จนกระทั่งตรัสรูเปนพระพุท ธเจา ; แลว ก็เปน ผูเริ่ม แรก นี้แ หละมัน ไมใ ชสํา เร็จ ดว ยการจดทะเบีย น แตสําเร็จไดดวยการรูสิ่งนี้ เขาใจสิ่งนี้ เขาถึงสิ่งนี้, มีจิตใจเปลี่ยนไปแลวตาม


๔๔๒

ฆราวาสธรรม

หลักเกณฑอันนี้ จนมีจิตใจใหมชนิดที่ไมมีความทุกขอีกตอไป, นั่นแหละจึงเปน พุท ธบริษัท . แลว ก็อ ยา ลืม คํา วา พุท ธะ คํ า นี้แ ปลวา รู วา ตื ่น วา เบิก บาน. ทางอักษรศาสตร อยาไปสนใจมันก็ได วาทําไมมันจึงแปลอยางนั้น อยาไปสนใจ. มั่นเลย ; แตวาขอใหยอมรับวามันมีคําแปลอยางนี้ในทางอักษรศาสตร วาผูรู ผูตื่น, ตื่น คือตื่นนอน, แลวก็เบิกบาน. รูคือรูความจริงทั้งหมดเหมือนที่ไดกลาวมาแลว รูความลับทั้งหมด เหมือนที่กลาวมาแลว ของธรรมชาติ วาเปนอยางไร นี้เรียกวา “ผูรู” สรุปอยูที่ รูความทุกข รูเหตุใหเกิดทุกขรูความไมมีทุกข และรูถึงทางที่ทําใหถึงความไมมี ทุก ข ; นี้เ รีย กวา รู. แลว ก็ตื่น , ไมใ ชห มายความวา เหอ เหมือ นคนสมัย นี้ ตื่น นั่น ตื่น นี่ ตื่น ไปโลกพระจัน ทร ตื่น อะไรตา ง ๆ ทํา นองนั้น ; อยา งนั้น มัน ตื ่น ตูม . ตื ่น ไปที ่นี ้ห มายถึง ตื ่น นอน. หลับ ก็ค ือ อวิช ชาหรือ ความโง ; ตื ่น จากอวิชชา ก็คือตื่นจากหลับ คือตื่นนอน. พระพุทธเจาแตกอนทานก็เปนคน หลับเหมือนกัน ; แลวทานก็เปนคนตื่นไดเปนคนแรกในโลก คือ ตื่นนอนกอ น คนอื่น. เมื่อตื่นขึ้นมาแลวไมใชงัวเงียไม ใชตองไปลางหนาเพราะงัวเงีย. เมื่อ ตื่นขึ้นมาทางวิญญาณ อยางนี้มันก็เบิกบาน แจมใส สดชื่น. นี่เรียกวาผูเบิกบาน เปนผูรู ผูตื่น ผูเบิกบาน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราบวชอุทิศใหพระพุทธเจา, ทุกคนที่บวชนี้ จะบวชกี่วันก็ตามใจ, การบวชที่ถูก ตอ งนั้น ก็อุทิศ ใหพ ระพุท ธเจา ทั้ง หมดเลย : ชีวิต จิต ใจก็อุทิศ , วัตถุประสงคความมุงหมายอะไรก็อุทิศ, หลักเกณฑในชีวิตของเราก็เปนการอุทิศ คือ เดิน ตามพระพุท ธเจา ; อยา งนี้เรีย กวา บวชอุทิศ ใหพ ระพุท ธเจา ; เพื่อ ได สิ่งเดียวกับที่พระพุทธเจาทานได นี่คือ ความรู ความตื่น ความเบิกบาน. มันก็ จําเปนที่จะตองรูหลักพุทธศาสนา ที่เปนสวนหัวใจที่สําคัญ ๆ ดังที่กลาวมาแลว ; แลวผลสุดทายที่จะไดก็คือ สิ่งที่เรียกวา “นิพพาน”.


ฆราวาส กับ พุทธศาสตร (ตอ)

๔๔๓

เพราะฉะนั้น อยาเกลียด อยากลัวเรื่องนิพพาน เหมือนคนโงที่กําลัง มีอยูมากที่สุด แมในประเทศไทย ที่นับถือพระพุ ทธศาสนา กําลังเกลียดกลัวเรื่อง นิพพาน เพราะไมเขาใจ แลวหามไมใหเอามาสอนมาพูดกัน ; เพราะวาจะทําให คนหยุด ชะงัก ไมเ จริญ ไมกา วหนา . นี่เ ปน ความโงอ ยา งนี้ มัน เรื่อ งยืด ยาว เอาไวพูดกันคราวหลังจะดีกวา. แต ข อสรุ ป สุ ด ท า ยของการบรรยายในวั น นี้ ว า นิ พ พานนั้ น แปลว า ความเย็น . มัน เย็น ลงไปไดอ ยางไรเพีย งไร ก็เรีย กวา นิพ พานตามระดับ ตาม มาตฐาน ตามขนาดของมัน. ถามันรอนอยูก็เปนวัฏฏสงสาร. ตกนรกหมกไหม นี้หมายความวา ใจมันรอน เป นอบาย. ถามันโง มันก็เกิดเปนสัตวเดรัจฉาน ; ในรา งคน ก็เปน สัต วเดรัจ ฉาน. ถา มัน หิว กระหายไมมีที ่สิ้น สุด มัน ก็เปน เปรต ในรางคนอยางนี้ ในรางนิสิตมหาวิทยาลัยอยางนี้ หรือในรางอะไรก็ได. ถามัน หิวกระหายทะเยอทะยานอยูมันก็เปนเปรต. ถามันขี้ขลาดไมมีเหตุผล มันก็เปน อสุร กาย ในรา งคนนี ้. นี ่เ รีย กวา รอ น ไมเ ย็น . ถา เหลา นี ้ม ัน ไมม ี มัน ก็เ ย็น แมวาเย็นนอย ๆ เย็นชั่วขณะ จนเย็นถึงที่สุด.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คํ า ว า “นิ พ พาน” ในทางอั ก ษรศาสตรนี้ แ ปลว า เย็ น ; เช น ถ า นไฟ แดง ๆ ในเตาไฟเอาออกมา พอดํา ดับแลว มันก็เย็น เรียกวา ถานไฟมันนิพพาน. หรืออยางสัตวเดรัจฉาน ที่ยังมีอาละวาด มันยังเปนอันตรายแกมนุษย นี่เรียกวา มัน รอ น ; พอฝก ดีแ ลว ราบดีแ ลว ไมม ีท างที ่จ ะขัด ขืน เจา ของ เหมือ นสุน ัข อยางนี้ก็เรียกวามั นเย็น เป นนิพพานของสัตวเดรัจฉาน.สวนมนุ ษ ยมีความรอ น อยู ด ว ยความโลภ ความโกรธ ความหลง. เมื ่อ ใดวา งจากความโลภ ความ โกรธ ความหลง เป น บางขณะ มั น ก็ เย็ น ลงชั่ ว คราว ; เย็ น ชั่ ว คราวก็ เรี ย กว า นิพ พานชั่ว คราว; โดยบัง เอิญ อยา งที ่ม าที ่นี ่ มัน เย็น เองอยา งนี้ก ็ไ ด ก็เ ย็น


๔๔๔

ฆราวาสธรรม

ชั่วคราว. หรือไปทําวิปสสนาบางชนิด ทําใหเย็นลงไดชั่วคราว มันก็เย็นชั่วคราว ; เพราะไปขมบังคับ ใหมันเย็นชั่วคราวได. แตเมื่อใดตัดกิเลสไดหมด มันเย็นจริง เย็น ตลอดกาล นั่นแหละเปน นิพ พานสมบูรณ เย็น โดยสมบูรณ. มันเย็น อยาง ชั่วคราวก็มี เย็นอยางสมบูรณก็มี ขึ้นชื่อวาเย็นแลว เปนนิพพาน. เพราะฉะนั้นบางเวลา บางนาที คุณก็เย็นโดยบังเอิญ โดยประจวบเหมาะ ของสิ ่ง แวดลอ ม.คุณ ก็เ ย็น เปน นิพ พานนิด ๆ เปน นิพ พานชั ่ว คราว. ถา ไมมี สิ่งนี้มาชวย คุณ ก็เปนโรคเสนประสาท หรือ เปนบา ตายไปนานแลว ไมไดม า นั่ ง อยู ที่ นี่ . เพราะฉะนั้ น ควรขอบใจเย็ น ชั่ ว คราว นิ พ พานชั่ ว คราวนี้ กั น บ า ง ; พยายามทําใหมันมากขึ้นไป ขยายออกไป ๆ จนมันสมบูรณถึงที่สุด. นี้ก็จบเรื่อง ของพระพุทธศาสนาตรงที่คําวา นิพพาน. นี้ เป น อั น ว า เราได ก ล า วหลั ก ของพุ ท ธศาสตร ที่ เป น อาวุ ธ มี ค ม สําหรับกําจัดทําลายลางเรื่องไสยศาสตร ใหหมดไปจากจิตใจ ; ก็พอจะเปนเคา เปนโครง เปนแนว สําหรับเขาใจได หรือจะนําไปปฏิบัติได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เวลาก็หมด โดยนกกางเขนมันบอก. ก็พอกันทีสําหรับวันนี้.


เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม - ๒๔ ๑ มิถุนายน ๒๕๑๓ สําหรับพวกเรา ลวงมาถึงเวลา ๒๐.๓๐ น. แลว ; วั น นี้ จ ะได พู ด ถึ ง เรื่ อ ง เคล็ ด สํา หรั บ ฆราวาสในทางธรรม ในฐานะเปน เรื่อ งสรุป สุด ทา ย. เพราะรูส ึก วา เราจะตอ งหยุด การบรรยายกั น ในคราวนี ้ แ ล ว เพราะผมกํ า ลั ง ไม ม ี แ รง ออ นเพลีย มากขึ้น . ผูที่ยัง เหลือ อยู ถา ใครยังสนใจก็เปด เทป คํ า บรรยายครั้ง แรก ๆ ที่ ไม เคยฟ งนั้ น มาฟ งก็ แ ล วกั น . เพราะ ฉะนั้ น จึ ง ถื อ โอกาสให ก ารบรรยายครั้ ง นี้ เ ป น ครั้ ง สรุ ป เรื่ อ ง ทั ้ง หมดที ่แ ลว ๆ มาดว ย แลว สรุป ไวใ นฐานะที ่เ ปน เคล็ด สําหรับจะไดเอาไปใชสําเร็จประโยชนดวย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สําหรับคําวา “เคล็ด” เกือบจะไมตองอธิบายกันแลว เพราะรูจักกันดี วาหมายถึงอะไร.แตอยากจะชี้ใหเห็น หรือตั้งขอสังเกตสักนิดหนึ่งวา คําวาเคล็ด นี้คือสิ่งที่เขาเรียกกันไพเราะเพราะ ๆในภาษาสมัยใหมวา “เทคนิค” หรืออะไร ทํานองนี้. คุณอาจจะไปสนใจบูชาคําวา “เทคนิค” แลวเลยมองขามคําวา “เคล็ด”

๔๔๕


๔๔๖

ฆราวาสธรรม

เสียก็ได. โดยใจความของมันก็คือวา วิธีที่จะทําใหสําเร็จประโยชนตามที่เรา ตองการโดยงาย โดยสะดวก มีผลดีมาก ลงทุนนอย อะไรทํานองนี้ ; คือทําให การงานนั้ นสําเร็จแน ๆ แลวก็ผลดีเต็มที่ เหนื่อยนอ ย ลําบากนอ ย ลงทุนน อ ย ทําไดมาก. ความมุงหมายของคําวา เคล็ด กับความมุงหมายของคําวา “เทคนิค” มันตรงเปนอันเดียวกันในขอนี้. อยาไดเขาใจคําวา เคล็ด นี้เปนเรื่องแกปญ หา เล็ก ๆ นอ ย ๆ. ขอใหน ึก ถึง ปู ย า ตายาย บรรพบุร ุษ ของเรา รู จ ัก แตคํ า วา เคล็ด แตไ มรูจ ัก คํ า วา เทคนิค ; แตท า นเหลา นั ้น ก็ม ีเ ทคนิค อยา งเต็ม ตัว คือทําอะไรไดสําเร็จ สรางอะไรที่คนลูกหลานสมัยนี้สรางไมได ; หรือวาสรางได ก็ แ ย ไปเลย. คนสมั ย นี้ ไ ปดวงจั น ทรได แต ว า อาจจะทํ า อะไรบางอย า งไม ได ; เพราะมัน มีเหตุอื่น อีก หลายอยา ง เชน สรา งสิ่งมหัศ จรรยในโลกอยางนครวัด ; คนเดี๋ย วนี้ทํา ไมได ; ทํา ไดก็แ พงกวา ยุง กวา ลํา บากมากกวา . เพราะฉะนั้น ขอใหมองปูยา ตายาย บรรพบุรุษในลักษณะที่เปนผูมีปญญาเฉลียวฉลาด มีเทคนิค มีเคล็ด จึงรอดตายมาไดจนเกิดพวกเรา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาบรรพบุ รุษ ไม มี เคล็ด ไม มี วิชาเทคนิ คอะไรเพี ยงพอ จะต อ งตาย กัน เสี ยหมด ไม เหลื อ มาเป น พื ช พั น ธุจนทุ กวัน นี้ แล วก็ จะไม ส รางอะไรขึ้น ไวให พวกเราดู อยางที่เราไมอาจจะสรางได ; เพราะความเปลี่ยนแปลง เพราะอะไร ๆ หลายอยาง. ความขี้เกียจ ความขยัน ความเสียสละ ความไมเห็นแกตัว นี้เราก็สู ปู ยา ตายาย ไมไ ด. เพราะฉะนั ้น สิ ่ง ที ่เราเรีย กวา เทคนิค นั ้น ก็เปน ของที ่นี่ มาแลว ตั ้ง แตม นุษ ยเริ่ม มีขึ ้น ในโลกนี ้แ ลว ก็ก า วหนา มาเรื่อ ย ๆ ;สิ ่ง ที ่เรีย กวา เคล็ด ก็เหมือ นกัน . เราจึง ถือ เอาแตใ จความสั ้น ๆ วา เคล็ด นี ้ม ัน มีป ระโยชน คือทําใหลงทุนนอย ไดผลมากทันใจ สําเร็จตามตองการ.


เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม

๔๔๗

ทีนี้ก็มาถึง คําวา “เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม” ; เราจะไม พูดเรื่องทํามาหากิน เรื่องอะไรทํานองนั้น ; แตจะพูดในขอที่วา เปนฆราวาสนั้น จะมีวิธีการอันเรนลับอะไรที่จะชวยใหเรามีธรรมะพอตัว ; แลวก็ไมมีความทุกข ได. วิธีการชนิดนี้ภาษาบาลีเขาเรียกวา “อุบาย” . แตนาเสียดายที่ในภาษาไทย คําวาอุบายมีความหมายไปในทางเลวรายต่ํา ๆ หรือสอความหมายไปในทางไม สุจ ริต . แตใ นภาษาบาลีแ ท ๆ คํา วา “อุบ าย” มีค วามหมายไปในทางที่ดี มันเปนเครื่องใหสําเร็จประโยชน เหมือนกับคําวา เคล็ด เหมือนกัน. เอาละแมเราจะถือวา เรื่องอุบายเปนเรื่องหลอกลวงก็เอา ; แตมัน เปนเรื่องหลอกลวงกิเลส เพื่อจะฆากิเลส ; หลอกลวงซาตาน หลอกลวงพญามาร เพื่อ จะฆาซาตาน ฆาพญามาร ;อยางนี้ก็ใชได. แตที่แ ทไมใชก ารหลอกลวง มัน เปนสติปญ ญาที่เปน เคล็ด หรือ เทคนิค โดยเฉพาะปญ ญาที่มันกวางขวาง เกินไปนั้น เปนเรื่องความรูทวมหัวเอาตัวไมรอด. ทีนี้ปญ ญาชนิดที่มันเฉพาะ แลวพอดี พอเหมาะ ทําใหสําเร็จประโยชนได ในเวลาอันสั้น ในเวลาที่เผชิญ กับอันตรายนี้ เขาเรียกวาอุบายในภาษาบาลี ; พอตกมาเปนภาษาไทยมันเปลี่ยน ความหมาย. คําเปนอันมากมาจากภาษาบาลี สันสกฤต พอมาเปนภาษาไทย เปลี่ยนความหมายไป ไมมากก็นอย ; หรือความหมายของคําบางคําเปลี่ยนกลับ เปนตรงกันขามก็มี แตจะไมเอามาพูดในที่นี้ เดี๋ยวจะเปนเรื่องสอนภาษาหนังสือ ขอใหสังเกตดูเอง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ก็ไดเคยพูดใหฟงมาแลวหลายหน เชนคําวา ตัณหา – ความอยากนี้ ไมเหมือนกันในภาษาบาลี กับภาษาไทย. ตัณหา หมายถึงความอยากที่ตอง มาจากความโง ; สวนความอยากที่ม าจากสติปญ ญา ไมเรียกวา “ตัณ หา”. แตในภาษาไทย เราเรียกวา “ความอยาก”เหมือนกันหมด ซึ่งทําใหปนกันยุง.


๔๔๘

ฆราวาสธรรม

คําวา “อุบาย” นี้สําคัญที่สุด ที่จะทําใหสําเร็จประโยชนเหมือนกันกับ คําวา “เคล็ด” หรือ “เทคนิค”. ที่เปนภาษาบาลีไมตองเติมคุณ ศัพทอะไรแลว แตในภาษาไทยตองเติมคุณ ศัพท เชนคําวา “กุศโลบาย” เปนตน คือ อุบาย ในทางที่ดี ; ภาษาบาลีไมเคยมีคําวา กุศโลบายนี้แมคํา ๆ นี้เปนภาษาบาลี ก็เ ปน คํา บาลีที่เ ขาผูก ขึ้น ใหม ของเดิม ใช อุบ าย ก็พ อแลว ในภาษาไทย เรามีเคล็ด มีอุบาย มีเทคนิคอะไรก็ตาม เรียกไดทั้งนั้น ; คือ ใหสําเร็จประโยชน ตามที่เราตองการไดอยางเปนที่นาพอใจ เพราะเร็ว และลงทุนนอย มีผลมาก. เมื่อเปนดังนี้ก็หมายความวา ฆราวาสเราจะทําอยางไรจึงจะไดรับประโยชนจาก พระธรรม หรือ พระศาสนามากที่สุด ทั้ง ที่ไ มไ ดบ วชเปน พระ ไมไ ดป ฏิบัติ อยา งพระ ; นี่ผ มเรีย กวา “เคล็ด สําหรับ ฆราวาสในทางธรรม”. ถา ไมอ ยาก จะใชคําวาเคล็ด ก็อยากจะกลาวคําที่มันเปนเคล็ด ๆ คืออยากจะกลาววา เมื่อ ยังบวชไมได ก็ทําใหมันเหมือนกับบวชแลวเสียเลยได. เมื่อยังบวชไมไดก็สามารถ ทําใหเหมือนกับวาบวชเสร็จแลว ; นี่มันเปนเคล็ดไหม สังเกตดู.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฆราวาสอยูที่บานที่เรือน และไมไดกินอยูนุงหมอยางนักบวช จะมา บวชก็ม ีลูก มีเมีย มีค รอบครัว มีห นา ที่ การงาน จะมาบวชก็ไ มไ ด. แตมี เคล็ดที่วาจะทําใหเหมือนกับบวชเสร็จแลวอยูในตัวได, บวชเสร็จแลวอยูในตัว ความเปนฆราวาสนั้นเอง. ขอนี้ขออยาไดลืมนึกถึงคําบรรยายหลายครั้งที่แลว ๆ มา ขางตน ๆ คือขอที่ไดบอกใหทราบวา ถาเรื่องดับทุกขทางวิญญาณแลว มันไมมี พระ ไมมีฆราวาส ; คือพระก็ตองปฏิบัติเหมือนฆราวาส ฆราวาสก็ตองปฏิบัติ เหมือนอยางพระ ; เมื่อตัณ หาเปนเหตุใหเกิดทุกขก็ตองดับตัณ หาเสียเทานั้น. เพราะฉะนั้นถาศึกษาและปฏิบัติอยูอยางนี้แลว ก็เหมือนกับบวชอยูแลว. ทีนี้ ฆราวาสนั้น เสียเปรียบพระ ตรงที่วามีภาระ ตองหาเลี้ยงปากเลี้ยงทองดวย ตนเอง ; มันเพิ่มมาอีกเรื่องหนึ่งตางหาก ก็แปลวาฆราวาสทํา ๒ เรื่องพรอมกัน ;


เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม

๔๔๙

ป ญ หาทางร า งกาย ทางเลี้ ย งปากเลี้ ย งท อ ง เลี้ ย งลู ก เลี้ ย งเมี ย ป ญ หาเรื่ อ ง ประเทศชาตินี้มันเปนปญ หาหนึ่ง ; แลวปญ หาทางจิตใจ ความทุกขเกิดมาจาก กิเลสทําใหเกิดความทุกขรอน นี้เปนอีกปญหาหนึ่ง. ส วนที่ เกี่ ยวกั บ เรื่อ งบวช หรือ ไม บ วช มั น อยู ที่ ป ญ หาหลั ง, ป ญ หา ทางจิตใจ, ฉะนั้นถาเราลงมือปฏิบัติตามหลักของพระพุทธศาสนา มันก็เหมือน กับ บวชอยู แ ลว ; แตวา บวชอีก ประเภทหนึ ่ง คือ คลานไปชา ๆ เพราะมัน มี ของพ ว ง ของถ ว ง ; ไม เหมื อ นกั บ นั ก บวชโดยตรง ที่ อ อกจากเรือ นไม มี ท รัพ ย สมบัติ ไมมีลูกเมีย มันก็เบาสบาย ; และไมตองเลี้ยงปากเลี้ยงทองเอง ชาวบาน เขาเลี้ ยง ; ไม ต องทํ าไรทํ านา หาเงินเอง ก็ มี เครื่องบริโภคใช สอยเป นอยู ได โดย สะดวกในการที่จะปฏิบัติอยางพระ. นี่ก็ผิดกันเพียงเทานี้. เมื่อเรายังบวชไมได เราก็ทําใหมันเหมือนกับบวชอยูแลวในตัว โดยการ ปฏิบัติตามหลักอันเดียวกัน เพียงแตวาไปชา ๆ เพราะไปเสียเวลาตรงที่ทํามาหากิน. แตทีนี้ประโยชนที่ไดมันคุมกัน :ทําหนาที่ฆ ราวาสเพื่อหาเงินหาอะไร เลี้ยงปาก เลี้ย งท อ ง เลี้ ยงครอบครัวนี้ มั น เป นทางมาหรือ เป นโอกาสของความรอ น หรือ ความทุกขมากที่สุด ; ทีนี้เพื่อจะไมเกิดความทุกขรอนขอนี้ จึงตองไปเอาธรรมะ มาช ว ยกํ า กั บ ไว ด ว ย ; การเป น อยู อ ย า งฆราวาสนั้ น ก็ จ ะไม ร อ นเป น ไฟ. ถ า ปราศจากธรรมะชวย ความเปนฆราวาสนั้นจะรอนเปนไฟทีเดียว คิดก็ไมถูก ปลง ก็ไมถูก ทําอะไรก็ไมถูก ; มีปญหาทางจิตใจเกิดขึ้น ก็เหมือนกับวา จะตองตาย อยา งนั ้น . คุณ ลองอา นประวัต ิบ างเรื่อ งบางคน ลูก ตายลงไป ตัง เองไมต อ ง กิ น ข า วกิ น น้ํ า ไม ต อ งทํ าอะไรเป น วั น ๆเป น สั ป ดาห จนตั ว จะตายเอง อย า งนี้ เปนตน นี้คือการที่ขาดธรรมะ ; เปนประวัติของเจานายชั้นสูงดวยซ้ําไป.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๔๕๐

ฆราวาสธรรม

เพราะฉะนั้นขอใหถือวา เรื่องฝายศาสนา หรือฝายธรรมะนั้น มีไว เพื่อใหฆราวาสที่อยูในโลกนี้ ใหอ ยูในโลกไดโดยไมตองเปนทุกขมากเกินไป ; หรือถึงกับไมปรากฏเปนความทุกข. ถาปราศจากธรรมแลว ความเปนฆราวาสนี้ เปนความทุกขอยางยิ่ง. เพราะฉะนั้นจึงมีหลักในบาลีวา ฆราวาสชื่อวาเปนรัง แหงความทุกข ก็หมายความถึงเปนฆราวาสที่ไมประกอบดวยธรรมะ. ถาประกอบ ดว ยธรรมะ ก็มีโอกาสที ่จ ะเปน พระโสดาบัน สกิท าคามี กระทั ่ง อนาคามี ; อยางนี้ก็เคยพูดกันแลวในการบรรยายครั้งตน ๆ วาฆราวาสเปนไดถึงพระอนาคามี เลื่อ นชั้น อีก ที่ก็เปน พระอรหัน ต. แตพ อเปน พระอรหัน ตเสีย แลว หมดความ เปนฆราวาส หรือหมดความเปนพระ ; เขาจึงถือวาเปนพระไปเสียเลย : พระอรหันตไมมีในความเปนฆราวาส. นี่เรียกวา “เคล็ด”. ไมกี่วันคุณก็จะสึกออกไปเปนฆราวาส แลวก็ยัง บวชไมได ; แตคุณจะสามารถเปนพระอยูในตัว สําเร็จรูปอยูในตัว ในสวนทางฝาย จิตฝายวิญญาณ ; มีหลักที่จะควบคุมความยึดมั่นถือมั่น ไมใหเกิดความโลภ ความ โกรธ ความหลง เพื่อไมใหการงานประจําวันตามหนาที่ของฆราวาส ในโลกลวน ๆ นั้นเกิดเปนความทุกขขึ้นมา. อยาเขาใจวา เมื่อฆราวาสปฏิบัติตามหลักคิหิปฏิบัติ หมดทุกหัวขอที่กลาวไวในนวโกวาทแลวจะไมมีทุกข นั่นมันเปนเรื่องทางรางกาย ทั้งนั้น. ขอปฏิบัติในคิหิปฏิบัติตั้งหลาย ๆ หมวดนั้น ; ปฏิบัติไดหมดนั้นแลวก็ไม พนที่จะมีความทุกขทางจิตใจ.มันชวยไดเพียงวาจะแกปญหา ไดเงินอยางไร มีเพื่อนที่ดีอยางไร สังคมกันอยางไร ไมมีขอบกพรองในเรื่อ งนั้น ๆ ; แตแลว เรื่องเงินที่ไดมา จะมาทําใหเกิดความทุกขได ; ความสําเร็จที่ไดมา ก็ยังทําให เกิ ด ความทุ ก ขได . อย าพู ด ถึ งความไม สํ าเร็จเลย. เพราะฉะนั้ น เราต อ งมี วิช า ความรู ที่จะดํารงจิตไวใหถูกตอง ชนิดที่จะไมใหอะไรมาทําใหเกิดความทุกขได ; ความได - ความเสีย ก็ไมทําใหเกิดความทุกขได ความเปน - ความตาย ก็ไมทํา ใหเกิดความทุกขได ถาความรูในทางธรรมะมีมากพอ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม

๔๕๑

นี่ เรีย กว า “เคล็ ด ” แปลว า ทํ า ที เดี ย วได ทั้ ง สองอย า ง : ความเป น ฆราวาสทางรางกายนั้นก็มีทําไดดี ; ความเปนฆราวาสในฐานะที่เปนพุทธบริษัท เป นผูศึกษาธรรมะอยางผูครองเรือ น อยูในบ านในเรือนนั้นก็มี. หมายความวา เปนอุบาสก อุบาสิกาที่ดี ที่ถูกตอง มีธรรมะในฝายพระพุ ทธศาสนาเต็มที่ดวย ; แลวมีการทํามาหากินอยางถูกตอง เหมือนคนทั่วไปที่ไมใชอุบาสกอุบาสิกาดวย. เพราะฉะนั้นเราจะตองกลายไปเปนอุบาสก ไมใชเปนชาวบานธรรมดา. ชาวบาน ธรรมดาก็คือไมมีธรรมะ ไมมีศาสนา มีแตเรื่องทํามาหากิน มีแตเรื่องวัตถุเนื้อหนัง อยา งคนธรรมดา ; ไมใ ชอ ุบ าสก อุบ าสิก า. ทีนี ้เราทํ า อยา งนั ้น ก็ทํ า ไดด ว ย แลว เรายัง มีค วามรูแ ละประพฤติใ นทางธรรมะ เพื ่อ จะไมใ หสิ ่ง เหลา โนน เกิด ความทุกขขึ้นมาดวย เพราะฉะนั้นเราเปนอุบาสก หรืออุบาสิกาแลวแตเพศ ไมใช คนธรรมดาสามัญทั่ว ๆ ไป. นี้คือความเปนพุทธบริษัท. อยาไดเขาใจใหมันผิดในเรื่องนี้ แลวก็ไมสนใจในความเปนพุทธบริษัท หรือความเปนอุบาสก อุบาสิกา. เมื่อผูใดเปนผูปฏิบัติธรรมะเต็มรูปของความเปน อุบ าสก อุบ าสิ กานั้น มั น ก็แสดงวา กําลังมี การประพฤติป ฏิ บั ติเหมื อ นพระอยู อยางหนึ่งสวนหนึ่ง ; เพียงแตวามันไปชากวาพระเทานั้น เพราะเราตองลากลูกตุม อะไรไปดว ย. เหมือ นกับ รถบดถนน มัน จะวิ่ง เร็ว เหมือ นกับ รถไฟ หรือ เรือ บิน ไมไ ด ; แตม ัน ก็ม ี การไป อยูใ นนั้น ในเมื ่อ มีค วามตอ งการจะไป มัน ก็ห มุน ไปขางหนา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ เราก็ตองมองดูใหเห็นเคล็ดในขอที่วา เราสามารถในการจับปลา สองมือ ; เราสามารถจับ ปลาสองมือ . เรื่อ งจับ ปลาสองมือ โบราณเขาหา ม. แตนั่นความหมายมันอีกอยางหนึ่งตางหาก มันไมใชความหมายอยางที่ผมกําลังพูด. จับปลาสองมือหมายความวามันทําไมถนัด มันลี่น แลวมันเลยหลุดมือไปทั้งสองตัว ;


๔๕๒

ฆราวาสธรรม

แตนี่มันไมใชเรื่องจับปลาอยางนั้น นี้มันหมายถึงทําสองอยางพรอมกัน ไดสําเร็จ ทั ้ง สองอยา ง ; เชน วา เรื่อ งฝา ยโลกก็ไ มใ หเสีย ฝา ยธรรมก็ไ มใ หเ สีย ; เรื่อ ง ฝายรางกายก็ไมใหเสีย เรื่องฝายจิตใจก็ไมใหเสีย. พวกชาวบานเขายังสามารถ ทํ า ชนิ ด งานหลวงก็ ไ ม ใ ห ข าด งานราษฎร ก ็ ไ ม ใ ห เ สี ย ; หมายความว า เขาทําไดพรอมกันทั้งสองอยาง ; มันเหมือนกับจับปลาสองมือ. จับปลาอยางนี้ เขาไมไดหาม และมันอยูในวิสัยที่จะทําได. สวนจับปลาสองมือในน้ําลื่น ๆ ทั้งสองมือนั้น มันมีหวังหลุดไปเสีย ทํ า แลว จะไมไ ดอ ะไรเลย แตใ นเรื่อ งอยา งนี ้ (ดัง ยกมาขา งตน ) แลว ทํ า ได. คนเขลา และคนอวดดีเทานั้นที่วาทําไมได เขาพูดเพอ ๆ ไป ; มีครูบาอาจารย ที่สมมุติวาเปนบัณ ฑิต นักปราชญ อะไรก็ตาม พูดเพอ ๆไปตามความเขลา และ ความอวดดี วาทําไมได ; จะทําใหมีประโยชนทั้งทางโลกและทางธรรมพรอมกันไป ไมไ ด ; จะร่ํา รวยดว ยทรัพ ย และร่ํา รวยดว ยธรรมะ ไปนิพ พานพรอ ม ๆ กัน ไมได. นั้นมันเปนความเขลา และความอวดดีที่เขาพูด.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พระพุ ท ธเจ า ตรั ส เรื่ อ งสุ ญ ญ ตา กั บ ฆราวาส ข อ นี้ ผ มอธิ บ าย ละเอี ย ดพอแล ว . เรื่อ งที่ พ ระพุ ท ธเจ า ตรั ส เรื่อ งสุ ญ ญตา กั บ ฆราวาส นั้ น ; ฆราวาสไปทูลถามวา ธรรมะอะไรจะเปนประโยชนเกื้อกูลแกพวกขาพระองคผูเปน ฆราวาส ตลอดกาลนาน. พระพุ ทธเจาทานตรัสวา เรื่อ งสุญ ญตานั้นคือ เรื่อ งที่ จะบรรลุ ม รรคผล และไปนิ พ พานสํ า หรั บ ฆราวาส ; เพราะฉะนั้ น ก็ แ ปลว า ฆราวาสจะต อ งปฏิ บั ติ เรื่ อ งสุ ญ ญตา พร อ มกั น ไปกั บ เรื่ อ งทํ า มาหากิ น . เรื่ อ ง นิพพานก็มีหวังที่จะไดโดยแนนอน ; เรื่องปากเรื่องทองกลายเปนเรื่องเล็ก. ถาคุณไมลืมคําพูดขอนี้แลว เคล็ดนั้นจะเปนไปได ; ถาคุณเกิดไปลืมคําพูดเรื่องนี้ ขอนี้ เแล ว คิด วาเรื่อ งปากเรื่องท องเป น เรื่องใหญ เรื่องธรรมะเป นเรื่องเล็กแล ว เคล็ดนี้ก็ลมละลาย.


เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม

๔๕๓

เพราะฉะนั้นขอใหนึกถึงคําบรรยายครั้งกอน ๆ ที่แลว ๆ มา ในขอที่วา เกิดมาทําไม ? อยางนี้ และยังระลึกไดวาเกิดมาเพื่อไดสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษยควร จะได จะตองได ; เพราะฉะนั้นเรื่องนั้นไมใชเรื่องทํามาหากิน ไมใชเรื่องปาก เรื่อ งทอ ง ไมใ ชเรื่อ งกิน เรื่อ งกาม เรื่อ งเกีย รติ ; เรื่อ งตา ง ๆ เหลา นั ้น เปน เรื่อ งเล็ก . มีพ อใหมัน รูวา เปน อะไร หรือ พอใหร อดชีวิต อยูไ ดแ ลว ก็ตั้ง หนา ตั้งตาทําใหไดสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษยควรจะได คือภาวะสูงสุดในทางจิตใจ. จิตใจจะ สูงสุด จะประเสริฐ จะวิเศษที่สุดไดอยางไรนั้น จะตองเอาใหได. เรื่องอาชีพ เรื่องเงินเดือน นั้นก็เปนเพียงอาชีพ เพียงเลี้ยงชีวิตอยู ; แลวในขณะที่มีชีวิต อยู นี ้จ ะตอ งไดสิ ่ง นั ้น - คือ สิ่ง ที ่ด ีที ่ส ุด ของมนุษ ย. ถา หลัก อัน นี ้ไ มเฟอ นละก็ เคล็ดมันจะเปนไปไดสําเร็จ. ถาเกิดไปกลับกันเสีย เปนพวกวัตถุนิยมลวน ๆ ; เกิด มาเพื่อ เอร็ด อรอ ยทางเนื้อ หนัง นอกนั้น ไมมีอ ะไร ธรรมะเปน เรื่อ งเล็ก . เปนเรื่องมีไวสําหรับหลอกคนโง ; อยางนี้ไมมีหวัง. บัดนี้ก็มีปญหา เรื่องโลกกําลังเปนวัตถุนิยมจัด แลวเปนกันทั้งโลก มากขึ้น ทุก ที ก็เลยถูก จูง ถูก ดึง ไปแตใ นทางผิด หรือ เขา ใจไมได. ในฐานะ ที่เราเปนมนุษยอิสระเลือกได มีสติปญญาของเราเองอยางนี้ เราควรจะไปใหถึง ที่สุดจุดหมายปลายทาง ที่มนุษยควรจะไปถึง ก็คือไมใชวัตถุนิยม ไมใชเรื่อง เนื้อหนัง เรื่อ งปากเรื่องทอง ; แตเปน เรื่อ งสูงสุดในทางจิตใจ. เดี๋ยวนี้เขาถือ กันวากิน ดื่ม ราเริงเต็มที่ เสเพลอะไรเสียเร็ว ๆ เพราะวาพรุงนี้เราอาจจะตาย เสีย ก็ไ ด ; มัน เปน เรื่อ งของคนบา วัต ถุ บา เนื้อ หนัง ; เปน กัน มาแลว ตั้ง แต กอ นพุท ธกาลโนน จนกระทั่งเดี๋ย วนี้ยิ่งมีม ากขึ้น ๆ ,เมื่อ พระพุท ธเจาเกิด ขึ้น ทรงแสดงสิ่งประเสริฐที่สุดที่มนุษยควรจะได ในการที่เรามีจิตใจ มีความดี ความ สุข ความประเสริฐ สูงสุดถึงที่สุด ; แลวเราก็รูของเราเอง ไมตองมีใครมารู ; เรียกงาย ๆ ก็คือ เรียกวาไดนิพพาน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๔๕๔

ฆราวาสธรรม

เกี่ยวกับนิพพานก็มีเรื่องจะตองพูดโดยสรุปอีกทีหนึ่งวา เดี๋ยวนี้คนยิ่งโงมาก เพราะไปหลงวัต ถุ เนื ้อ หนัง มาก ก็ยิ ่ง โงม าก ; ก็เ ลยเห็น นิพ พานวา เปน เรื่อ งไมเ กี่ย วกับ มนุษ ย. นี้มัน ผิด ทั้ง สองพวก ; คือ พวกที่แ กวัด เครง ศาสนา ก็เขาใจผิดเรื่องนิพพาน เอาไปไวที่ไหนก็ไมรู เอาไปไวในอนาคตกี่หมื่นกี่แสนชาติ ก็ไ มรู เอาไปไวที ่ไ หนก็ไ มรู กระทั ่ง อยู ที ่ไ หนก็ไ มรู กระทั ่ง คือ อะไรก็ไ มรู ; ไดแตหวังวา “ขอใหบรรลุนิพพาน ในอนาคตกาลเบื้องหนาโนนเทอญ” เทานั้น. นี้ก็ผิดและโงที่สุดเลย. อีกพวกหนึ่งก็คือการศึกษาสมัยปจจุบัน ที่ไมเขาใจเรื่อง นิ พ พานก็ ห าว า เรื่อ งนิ พ พานเป น เรื่อ งบ า ๆ บอ ๆ ครึ ๆ คระ ๆ สํ า หรับ คนโง สํา หรับ คนสมัย โบราณ ; นี่ก ็ไมรูวา นิพ พานคือ อะไรไปเสีย อีก . พวกคุณ กํา ลัง ตามกน ฝรั่ง ก็จ ะตอ งเปน อยา งนั ้น นิพ พานเปน ของครึไ มใ ชเรื่อ งสํ า หรับ เรา ; นี้ระวังใหดี ๆ. คําวา “นิพพาน” แปลวาเย็น รายละเอียดพูดแลว ไมตองพูดซ้ําอีก ; แตพ ูด ใหชัด ลงไปวา นิพ พาน นั ้น คือ ภาวะที ่อ ายตนะเปน ของเย็น ; ประโยค สั ้น ๆ “นิพ พานคือ ภาวะที ่อ ายตนะเปน ของเย็น ”. อายตนะ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นี้เปนสื่อหรือทางสําหรับติดตอกับของภายนอก คือรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธัมมารมณ, อยูขางนอก. เรามีอายตนะภายใน คือตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ สําหรับติดตอกับสิ่งขางนอกเหลานั้น. นิพพาน คือภาวะที่อายตนะ นั้นเปนของเย็น. ถาเราปลอยไปตามความโลภ ความโกรธ ความหลง อายตนะ จะเป น ของร อ นตลอดเวลา : เดี๋ ย วร อ นทางตา เดี๋ ย วร อ นทางหู เดี๋ ย วร อ น ทางจมูก เดี๋ยวรอ นทางลิ้น เดี๋ยวรอนทางกาย เดี๋ยวรอนทางใจ. ถามีการปลอ ย ไปตามอํานาจของโลภะ โทสะ โมหะ คือไมมีธรรมะนั้น อายตนะเปนของรอน ; ขณะนั้นเรากําลังตกอยูในวัฏฏสงสารคือของรอน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม

๔๕๕

ทีนี้ เรามีอุบาย มีเคล็ด มีเทคนิค อยางที่วา ปฏิบัติอยูอยางถูกตอง ตามหลักของพระพุทธศาสนา ก็จะมีผลปรากฎคือ อายตนะกลายเปนของเย็น ไมเกิดความรอนเกี่ยวกับทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ. มันตางกันนิดเดียววา เย็นนี้ มันมีวาเย็นตลอดไป หรือเย็นชั่วคราว. ถาเรายัง เปนคนธรรมดาสามัญอยูมาก มันก็เย็นชั่วคราว เดี๋ยวมันกลับรอนอีกได ; แลว ก็ทํา ใหเ ย็น อีก ได เดี๋ย วมัน กลับ รอ นอีก แลว ก็ทํา ใหเ ย็น อีก ได.ถา เราปฏิบัติ ขึ้นไปจนถึงขั้นพระอริยเจา ก็สามารถทําใหเย็นไดมากขึ้น ๆ จนไมกลับรอนไดอีก เลย ; มัน ตา งกัน เทา นั้น . แตสว นเย็น ก็คือ เย็น อยา งนั้น เย็น อยา งเดีย วกัน นั่นแหละ ; รอนก็คือรอนอยางนั้น . การที่ส ามารถทําใหเกิดความเย็น ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ในที่นี่และในเดี่ยวนี้ ในปจจุบันชาตินี้ ในกิจการงานทุกอยางนี้ นั้นเรียกวานิพพาน. อยางคุณ สอบไลตก คุณ ก็รอน ; เกิดความยึดมั่นถือมั่นเปนตัวกู เสียหายอยางรายแรง แลวมันก็รอย เกิดความเสียใจ โศกเศรา ปริเทวะอะไรก็ตาม. นี้ก็สรางความรอนขึ้นมา เปนวัฏฏสงสาร.ถาคิดถูก คิดไปตามหลักธรรมชาติ ก็ได วาทุกอยางมันเปนไปตามเรื่องของมัน ไปตามเหตุตามปจจัยของมัน ; เหตุ ปจจัยมันเพียงพอก็สอบไลได เหตุปจจัยมันไมเพียงพอมันก็สอบไลตก ; แลว ไมตองไปรอนกับมัน ตกแลวก็เรียนใหมได. นี้ก็เรียกวาทําใหมันเย็น. แตตอไป ขางหนามันไมใชเพียงเรื่องเรียนและเรื่องสอบไล มันเรื่องการงานสารพัด มีงาน สังคม งานอะไรตาง ๆ ลวนแตนํามาซึ่งความรอน. ทีนี้คุณ ทําใหมันเย็นไดใน กรณีใ ด ก็เปน นิพ พานสว นหนึ่ง ๆ อยูใ นกรณีนั้น ๆ ชั่ว คราว ๆ ชั่ว คราว ๆ ไปจนกวามันจะไมรอนไดอีกเลย จึงจะเปนนิพพานที่ถูกตองสมบูรณ. ทั้งถูกตอง และสมบูรณ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๔๕๖

ฆราวาสธรรม

เพราะฉะนั้นนิพพานไมใชเรื่องที่จะตองแยกออกไปจากตัวเรา ตองอยู กับสติปญญาของเราเพื่อปองกันสิ่งตาง ๆ ไมใหสรางความรอนขึ้นมา ; ไมใช ตอตายแลว อีก กี่กัลป กี่กัป ป กี่รอยชาติ พันชาติ จึงจะถึงนิพ พาน ; ไมใช เชนนั้น. พระพุทธเจาทานไมตองการอยางนั้น ; ทานนี้ระบุวา นิพพานคือความ เย็น ของอายตนะ มีไ ดเ ทา ไรก็เ ทา นั้น ; มีไ ดต ลอดกาลก็เ ปน นิพ พานแท และสมบูรณ. เพราะฉะนั้นเราจะตองสนใจที่สุด ไมเชนนั้นจะตองตกนรกทั้งเปน. ในวันหนึ่ง ๆ มันมีเรื่องทําใหรอนมากมายหลายเรื่อง ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย มากที่สุดก็คือทางใจ เพราะมันคิดไดคลองแคลว. ยิ่งสมัยนี้ การศึกษาใหผลแตเพียงวาเปนคนคิดเกง แตไมไดรับรองวา คิดถูก หรือคิดผิด เพราฉะนั้นการคิดเกง มันก็เลยเกงไปในทางคิดผิด มันก็มีเรื่องรอนมาก และ เปน เรื่อ งรอ นโดยไมรูสึก ตัว . ผมเรีย กวา “ไฟเย็น ” “ไฟเปย ก” เหมือ นกับ พวกฮิปปก็ได. มันก็ไมจําเปนที่จะตองเปนไฟที่ไหมหนังพอง ไฟเย็นไฟเปยก ก็ยังมี ; มันรอน มีความหมายเปนความรอนดวยกันทั้งนั้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่ถาคุณ ไมเห็นตามที่เปนจริง แลวก็เลยไมรูสึกวา นิพพานนี้เป น ของจําเปน ที่จะตองมีอยูกับเนื้อกับตัว แมที่ยังอยูในบานเรือน. ก็นิพพานไม จําเปนแกพวกฆราวาส พระพุทธเจาจะไมตรัสเรื่องสุญญตาแกฆราวาส ; นี้มีเหตุผล พระพุทธเจาตรัสเรื่องสุญญตาแกฆราวาส ก็เพื่อใหฆราวาสมีนิพพานอยางสําหรับ ฆราวาส อยูในบานในเรือ น ; แลวจะไดดับ รอ นได. เพราะฉะนั้นคนที่พูด วา ทําไมได. ทําทางโลกก็ตองเอาแตทางโลกอยางเดียว ทางธรรมทําไมได ; ก็เปน คนโงและคนอวดดีบวกกัน, ทั้งโงทั้งอวดดี. เลิกโงเลิกอวดดีเสีย จะมองเห็น วาพระพุทธเจาทานตรัสถูกตองแลว วาฆราวาสนี้จะตองสนใจเรื่องสุญญตาใหมันมี ความเย็นทางอายตนะ ทางตา ทางหูทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจพอสมควร ; จะไดไมเปนโรคเสนประสาท จะไดไมวิกลจริต จะไดไมตองฆาตัวตาย และจะ ไดไมเดือดพลานจนเปนฮิปปในที่สุด.


เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม

๔๕๗

ถาคุณเห็นวานิพพานเปนของครึ มันก็เทากับเห็นวา พระพุทธศาสนา ทั้งหมดนั้นเปนของครึ ; เพราะวาพระพุทธศาสนาทั้งหมดนั้นตองการนิพพานที่นี่ และเดี๋ยวนี้ ; ใหมีนิพพานในกลางวัฎฎสงสาร. ชีวิตฆราวาสอยูในกลางวัฏฎสงสาร มีดี - มีชั่ว มีบุญ - มีบาป มีสุข - มีทุกข มีอะไรขึ้นๆลง ๆ , มันเปนวัฏฏสงสาร. ความไมตองเปนอยางนั้น ความคงที่ ความสงบ ความสะอาด ความหยุดได ความเปนอิสระ นี้เปนนิพพาน. นึกถึงสระ ตนมะพราวนาฬิเกร ตนเดียวโนเน กลางทะเลขี้ผึ้ง ฝนตกก็ไ มตอ ง ฟา รอ งก็ไ มถึง กลางทะเลขี้ผึ้ง ถึง ไดแ ต ผูพนบุญเอย. ทอง ๆ เอาไวบาง. นี้เรียกวามันเปนเคล็ด ที่คุณเปนฆราวาสก็เกี่ยวของกับนิพพานได ; แลวก็ไมเปนการจับปลาสองมือที่ลมเหลว. แตเปนการจับปลาสองมือที่เปนปลา คนละชนิดที่มีพรอมกันไปสองมือ แลวก็สําเร็จดวย คือปลาตัวนี้ และไมทําใหปลา อีกตัวหนึ่งเปนของรอนขึ้นมา. เพราะฉะนั้นอยาไปเชื่อวาตองแยกกันเด็ดขาด วาเดี๋ยวนี้เปนชาวบานเปนชาวโลกก็ตองเอาเรื่องปากเรื่องทอง ตองทํามาหากิน ไมตองสนใจเรื่องศาสนา เรื่องนิพพาน. เราจะตองมีของสองสิ่งนี้เคียงคูกันไป เหมือนกับที่ผมพูดในครั้งที่หนึ่ง ในการบรรยายวา ชีวิตของเราตองเทียมดวย ควายสองตัว ; จํา ควายสองตัว ไว ควายตัว หนึ่ง คือ เทคโนโลยี่ ตามหนา ที่ การงานนั้น ควายตัวที่สองคือ spiritual enlightenment ความสวางไสวในทาง วิญญาณชีวิตจิตใจ ; จําควายสองตัวเคียงคูกันไป ชีวิตนี้ก็สะดวกสบาย ราบรื่น ถึงที่สุด อยางไมตองโกลาหลวุนวาย ; นี่คือเคล็ด. ถาอยางนี้ไมใชเคล็ดแลว ก็หมดปญ ญา ไมมีอะไรจะพูด อีก. นี่เปนเคล็ด ที่ใหไดผลมากที่สุด โดยลงทุน นอยที่สุด.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที่จะเขาใจผิดก็มีอยูอ ยางที่วา ไปแบ งแยกเปนพระ เป นฆราวาส มากเกิน ไป ; จนเขากัน ไม ได. ผมบอกวาใหเป นพระเสียใหเสร็จในความเป น


๔๕๘

ฆราวาสธรรม

ฆราวาสนั้นดวย. เดี่ยวนี้คุ ณ ไดยินได ฟ งหลักพุ ทธศาสนาขั้นสูงวาอยางนั้ นอยางนี้ แลว เปน ขอ งพ ระไป ห ม ด . พ อ พูด เรื ่อ งศีล ส ม าธิ ปญ ญ า ม รรค ผ ล นิ พ พาน ก็ เลยเกิ ด ความคิ ด เข า ใจไปว า อ า ว เอาของพระมาใช บ า แล ว โว ย ; อย า งนี้ เอาเรื่ อ งของพระมาศึ ก ษามาปฏิ บั ติ บ า แล ว โว ย . ความจริ ง ไม ใ ช เป น อยางนั้น ไมใชเอาของพระไปใช ; เขาใจโง ๆ ไปเองวา เอาของพระไปใช. มันไมมี วาของพระของฆราวาส เรื่องดับทุกขทางจิต ทางวิญญาณไมมี แยกไว เป น ของพระของฆราวาส ; เป น เรื่ อ งต อ งดั บ ความยึ ด มั่ น ถื อ มั่ น หรื อ เรื่องดับ ตัณ หา เรื่อ งอริยสัจจ เรื่องมรรคมีองคแปด เหมือนกันหมดเลย ไมมีพ ระ ไมม ีฆ ราวาส ในเรื่อ งนี ้. ฆราวาสก็ถ ือ พระพุท ธ พระธรรม พระสงฆ เหมือ น กั บ พระ; พระก็ ถ ื อ พระพุ ท ธ พระธรรม พระสงฆ เหมื อ นกั บ ฆราวาส. แล วก็ มี ห ลี ก ที่ จ ะปฏิ บั ติ ศี ล สมาธิ ป ญ ญา ดั บ กิ เลสตั ณ หา อย างเดี ย วกั น กั บ ฆราวาสหรือ พระก็ต าม; เพีย งแตว า ไปไดไ กลกวา ไปไดม ากกวา หรือ นอ ยกวา . สว นเรื่อ งของพระทั ้ง หมดนั ้น มัน ก็เปน เรื ่อ งของฆราวาสโดยเนื ้อ หา โดยสาระ โดยใจความ. แต ถ าเขาไปบั ญ ญั ติ ชื่ อ เรีย กกั น ในหมู พ ระ แล วก็ ได ยิ น กันแตในหมูพระ ก็เลยเขาใจไปวา เปนเรื่องของพระโวย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เชนเรื่อง ทําปาฏิโมกขนี้ คุณ ก็คงคิดวา เปนเรื่องของพระ ; ถูกแลว พระพุท ธเจา ทา นบัญ ญัต ิไ วว า พระตอ งทํ า ปาฏิโ มกขท ุก กึ ่ง เดือ น. แตว า นี่ ไมใ ชจํ า กัด วา พระทํ า อยา งเดีย วฆราวาสก็ทํ า ได, ถา คุณ จะเอาระเบีย บวิน ัย อะไรมาอ า นดู ทุ ก ๆ สั ป ดาห ทุ ก ๆ กึ่ ง เดื อ น;แล ว ก็ เ ตื อ นตน อย า ให ทํ า ผิ ด พลาดในเรื่อ งกฎหมาย ในเรื่อ งระเบีย บอะไร มัน ก็ไดเหมือ นกัน . เพราะฉะนั ้น คํ า วา “ปาฏิโ มกขสัง วร” ใชไ ดทั ้ง พระทั ้ง ฆราวาส. พระสํ า รวมระวัง ในขอ กฎตาง ๆ ของพระ ; ฆราวาสก็สํารวมระวังในขอกฎตาง ๆ ของฆราวาส ก็เรียกวา “ปาฏิโมกขสังวร” ได.


เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม

๔๕๙

เมื่อพระมีอินทรียสังวร, สํารวมตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไมยินดี ยินรายไปตามสิ่งที่ม ากระทบ, ฆราวาสก็ควรทําเหมือนกัน ; มิฉะนั้นตกนรก ทั้ง เปน จะตอ งระวัง เรื่อ งที ่เขา มาเกี่ย วขอ งกับ เรา ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ อยาใหเกิดเปนพิษเปนอันตรายขึ้นมา ; แมไมเทาพระ ไมเทากันกับพระ แตก็ทําเหมือนกันนั่นแหละ เพียงแตมันมีความมากนอยกวากัน เทานั้น. เรื่องของพระหนักขึ้นไปอีก เชนวา ปจจเวกขณ จีวร บิณ ฑบาต เสนาสนะ พระทองทุกวันนี้ อยาเขาใจวาฆราวาสไมเกี่ยว ; ฆราวาสก็ตองทํา. ถาไมทําก็เปนฆราวาสที่เลว แลวจะมีความทุกขดวย คําปจจเวกขณจีวร ที่วา จะใชจีวรนี้เพียงเพื่อบําบัดความรอน หนาวหรือเหลือบยุง ลมแดดอะไรทํานองนี้ ; หรือวามันไมใชตัวสัตวตัวบุคคล ทั้งผูใชจีวร ผูหมจีวรและตัวจีวร. ถาฆราวาส คิดนึกไดอยางนั้นก็เปนฆราวาสที่ดี จะไมสุรุยสุรายเรื่องเครื่องแตงตัว จะไมมี ความหงุด หงิด เกิด ขึ้น เพราะเรื่อ งการแตง กาย เครื่อ งนุง หม . เพราะฉะนั้น พระปฏิบัติอยางไร ฆราวาสก็ปฏิบัติอยางนั้นเกี่ยวกับเรื่องเครื่องนุงหม อยาใหมัน เกินความจําเปน, ใหเปนเพียงเทาที่จําเปนอยางไร ก็ทําอยางนั้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรื่องอาหารบิณฑบาต ปจจเวกขณอาหารบิณฑบาต ก็เพื่อจะเตือนตน ใหบริโภคเทาที่จําเปนอยาใหกลายเปนเฟอ หรือเกินไป หรือดวยความตะกละ หรือดวยความรักสวยรักงาม, บํารุงบําเรอ. ฆราวาสก็ปฏิบัติได เกี่ยวกับอาหาร การกินใหพอเหมาะพอสม เทาที่จะมีความสะดวกสบายใจการปฏิบัติหนาที่การงาน ; ไมจําเปนที่จะตองอยูกรุงเทพ ฯ ขับรถยนตไปกินอาหารมื้อกลางวันใหอรอยที่ นนทบุรี เปน ตน ; นั้น มัน เปน เรื่อ งบา . ถา ถือ หลัก อยา งนั้น แลว ฆราวาส ก็ ต กนรกทั้ ง เป น ; แต ถ า ถื อ หลั ก ตามพระ ถื อ ป จ จเวกขณ เรื่ อ งบิ ณ ฑบาต


๔๖๐

ฆราวาสธรรม

กินอาหารนี้ เทาที่รางกายตองการ มันจะสะดวกสบายสําหรับปฏิบัติหนาที่การงาน. คุณก็ทองจนจําไดกันอยูแลว ผมก็ไมตองพูด. สวดปจจเวกขณ ขอรองแตเพียงวา สึกออกไปก็อยาลืมเสีย ใหทองไดตามเดิม. เรื่องเสนาสนะก็เหมือนกัน : จะอาศัยเสนาสนะเพียงเพื่อใหไดรับความ สะดวกสบายในการเป นมนุ ษย, แลวดํ าเนิ นไปให ถึงจุดหมายปลายทางของความ เปน มนุษ ย. ถา เราไปมัว สรา งที ่อ ยู อ าศัย ใหม ากมาย มัน ก็ม ีภ าระเกิด ขึ ้น มาก เกิ น กว า ความจํ า เป น ; ต อ งลงทุ น มากต อ งลํ า บากมาก กว า จะได ม านี้ ; บางที ตองฉิบหายไปเลยตั้งแตทีแรก. ถามี อ ยางนั้น มั นก็ตองรักษา ตอ งมี คาใชจายใน การรัก ษาดูแ ลมาก ดูแ ลไมทั ่ว ถึง ; แมทํ า ไดม ัน ก็เ ปน หว ง เปน วิต กกัง วลจน จิ ตใจหม นหมอง. เพราะฉะนั้ นให มี บ านเรือนเท าที่ จํ าเป น อย างโคลงสุ ภาษิ ตว า “นกน อ ย ทํ ารังน อ ย แต พ อตั ว ” นี้ ถ าทํ าใหญ เกิ น ไปคนก็ หั วเราะ ; ให พ อดี พ อ สะดวกแกความที่จําเปนที่จะอยูจะอาศัย เพื่อทําหนาที่การงานของมนุษย. นี้เรื่อง เสนาสนะ หมายถึงบ านเรือน เครื่องใชสอยในบ านเรือ น เครื่องเรือนอะไรก็ตาม ที ่ม ัน เนื ่อ งดว ยเรือ น ๆ ; ใหเ หมือ นกับ พระปจ จเวกขณนั ่น แหละ. ไมไ ด หมายความวา คุณจะตองอยูกระตอบอยางนี้ ; ไปเปนฆราวาสแลวคุณจะตองอยู กระตอบเล็ก ๆ อยางนี้, ไมใช ; แตจะอยูอ ยางพอเหมาะพอสมอยางไรก็ได แต รูความหมายของมัน อยามีจิตใจที่ลุมหลงไป.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอสุดทาย เรื่องหยูกยา ปจจเวกขณ ก็เพื่อใหไมตองลําบากมากเกินไป ; เอาแตพอที่ถูกที่ควร. ถามั นเหลือวิสัยเกินกวาความจําเป นแลว ใหมั นตายไปก็ได รางกายนี้ไมตองดิ้นรนจนลําบากเกินไปเลย. แตวาเมื่อปฏิบัติในหลักการเปนอยู อย า งอื่ น ถู ก ต อ งแล ว โรคภั ยไข เจ็ บ มั น ก็ ไม มี ; และโรคไข เจ็ บ นี้ จ ะบํ าบั ด ได ด ว ย หยูกยาที่ไมตองแพง ไมตองวิเศษวิโสอะไร. เรื่อ งถึงขนาดที่จะตองผาตัดเปลี่ยน


เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม

๔๖๑

หัว ใจอะไรนั ้น เปน เรื ่อ งบา ไมจํ า เปน จะตอ งทํ า , ควรปลอ ยใหเ ปน ไปตาม ธรรมชาติ คื อตายหรืออะไรก็ ตามใจ ; เป นผู สั นโดษแม นเรื่องหยูกยา ที่ จะเยียวยา ชีวิตนี้ดวย. เปนอันวา เรื่อปจจเวกขณ ๔ ของพระนี้, ของฆราวาสก็เหมือ นกัน. แตมันเรียกชื่อเปนแบบของพระเสียแลว พอฆราวาสไดฟงเขาก็ตกใจเลย ; กลัวจะ เปนพระอยูวัด. ที่จริงโดยเนื้อหา โดยความหมายแลวมันก็เปนอันเดียวกัน. เรื่อ งประมาณในโภชนะ นี้ ก็อีกเรื่องหนึ่ ง. เมื่ อ พระตองการทํ าความ เพีย งทางจิต ก็กิน อาหารนอ ยกวาฆราวาส ; ฆราวาสตอ งการใชกําลัง ทางกาย ก็ตองกินมากกวา แตวามีประมาณ ประมาณที่พอดี. ความพอดีในการกินอาหารนี้ ก็ตองปฏิบัติเครงครัด อยางเดียวกัน ทั้งพระทั้งฆราวาส. เรื่อ งของพระแท ๆ ยิ่งขึ้น ไปอีก เชน ชาคริย านุโยค – คือ นอนนอ ย ก็ เหมาะแล ว สํ า หรับ พระที่ น อนน อ ย เพราะมี เรื่อ งฝ ก ฝนทางจิ ต ทางวิ ญ ญาณ. ฆราวาสต องใชกํ าลังทางกาย จะนอนน อยเท าพระไม ได ; แต แล วก็ ต องนอนน อย เหมือนกัน ฆราวาสก็จงนอนใหนอยเทาที่จะเหมาะสมแกฆราวาส.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรื่อ งธุ ด งค , เตลิ ด ไปธุด งค เสี ย เลย ซึ่ งใคร ๆ ก็ เขาใจวามี บั ญ ญั ติ ไว เฉพาะพระ. ฉะนั้ น คุ ณ ก็ พิ จารณาดู เถิ ด กิ น ข าวหนเดี ย ว ภาชนะใบเดี ย ว อะไร ทํ า นองนี ้ ;เอาแตค วามหมายของมัน ซิ คือ เราอยา สุรุย สุรา ย ; กิน เกิน จํ า เปน , กิน จํ า นวนมื ้อ เทา ที ่จํ า เปน , ภาชนะเทา ที ่จํ า เปน เทา ที ่ส ะดวกหรือ เหมาะสม อยา ใหม ัน เฟอ อยา งจีว รสามผืน อยา งนี ้, ฆราวาสก็ม ีเครื ่อ งนุ ง หม เทา จํ า เปน เท า ที่ พ อเหมาะพอสม อย า ให มั น เฟ อ . เรื่อ งอื่ น ก็ เหมื อ นกั น รวมความแล ว มั น เปน เรื่อ งสัน โดษ ไมม ีท างผิด ที ่ฆ ราวาสจะถือ ธุด งค คือ ชีวิต เปน อยูไมฟุ ม เฟอ ย


๔๖๒

ฆราวาสธรรม

เอาแตพอเหมาะพอดี เทาที่จะเปนอยูได โดยสะดวกแกหนาที่การงาน. นี้เรียกวา ธุดงค ฆราวาสก็ยังถือธุดงคได. เรื่องอื่น ๆ อีกก็เหมือนกันจะ เอามาพู ดหมดทุกเรื่องมันก็ไมไหว. อยากจะเตือนเรื่องสุดทายก็คือ เรื่องอุดมคติของโพธิสัตว เปนฆราวาสนั่นแหละ เป น โพธิ สั ต ว ได . ถ า เป น วงกว า งไม ได ก็ เป น แต เพี ย งในครอบครั ว ก็ แ ล ว กั น ; บําเพ็ญบารมีสงเคราะหคนในครอบครัว หรือคนขางเคียงออกไป ๆใหสุดความ สามารถ สุดฝไมลายมือ ก็เรียกวามีอุดมคติของโพธิสัตวได. เพราะฉะนั้นเปน ฆราวาสที่อยูในบานเรือนนั้นทําไดทุกสิ่งทุกอยาง ตามเนื้อหาสาระของพระพุทธศาสนา ; นี้ก็คือ “เคล็ด”. ทีนี้อยากจะแนะตอไปถึงขอที่วา ใหถือปฏิบัติโดยใจความ หรือโดย ความหมาย หรือโดยเนื้อแท หรือโดยสาระนี้ ไมใชโดยออม : คุณอยาทําให ปนกั น ยุ ง “โดยใจความ” นี้ ไ ม ใ ช “โดยอ อ ม”, โดยอ อ มคื อ เฉไปจาก ใจความ, โดยใจความนี้คือ โดยตรง. ถาฆราวาสเอาเรื่อ งของพระมาปฏิบัติ โดยใจความ นี้ ก็คือ ปฏิ บั ติโดยตรง ไม ใชโดยออ ม ; อยาพู ดวาโดยออ ม. ขอ ปฏิบัติตาง ๆ ที่ออกชื่อมาแลวสําหรับพระปฏิบัตินั้น ฆราวาสเอามาปฏิบัติได โดยตรงไมใชโดยออม ; หากแตวาเปนไปโดยใจความ เอาใจความมาใชใหถูกตอง. สวนปริมาณหรืออะไรนั้น ไมจําเปนจะตองเทากัน, ระดับไมจําเปนจะตองเทากัน ; แตใ จความนั้น ตรงกัน เสมอ. เพราะฉะนั้น เราคงมีใ จความสํา คัญ เหมือ นกัน ทั้งพระทั้งฆราวาส ; คือบุคคลผูกําลังเดินไป ๆ เดินไป ๆ จากความเปนทุกข สูความดับ ทุก ข ; นั้น คือ ใจความ. ฆราวาสก็ตอ งเดิน ชา เพราะแบกสองบา ; พระก็ไปเร็วเพราะแบกบาเดียว หรือไมแบกเลยก็สุดแท.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม

๔๖๓

ที่เรียกวา “ใจความ” นั่นแหละสําคัญทีสุด ; อะไร ๆ ก็ขอใหถือใหถูก ใหตรงตามใจความ. อยางหลักพระพุทธศาสนาเดี่ยวนี้เราถือไมตรง, ผิดใจความ ผิดหลัก เลยยุงไปหมด ; เปนพุทธสาสนาเกจอมปลอม เนื้องอกออกมาใหม ๆ, เพราะถือเอาใจความไมได จับใจความไมได; แมจะรุงเรืองดวยวัตถุทางศาสนา มัน ก็ไ มม ีพ ุท ธศาสนา หรือ ดับ ทุก ขไ มได. จะสรา งวัด ใหเต็ม บา นเต็ม เมือ ง, สรางพระเจดียใหเต็มบานเต็มเมือง ใหเหลืองอราม ไปทั้งประเทศ มันก็ชวยอะไร ไมได ; ถาถือเอาใจความผิด. ใจความของมันอยูที่วา มีจิตใจ สะอาด สวาง สงบนี้ ; ไม ใ ช เต็ ม ไปด ว ยโบสถ วิ ห าร หรื อ เจดี ย หรื อ ผ า เหลื อ ง หรื อ อะไร ทํา นองนี้. เพราะฉะนั้น ขอใหถือ วา ใจความนั่น แหละสํา คัญ ; ตัว หนัง สือ ก็ไมสํา คัญ , พิธีรีต องอะไรตา งๆก็ไมสํา คัญ ; ตอ งถือ เอาใจความใหถูก ตอ ง นั่นแหละเปนสวนสําคัญ. เดี๋ยวนี้เขาเนนหนักไปในทางประเพณี. สมาคมชื่อวา พุทธศาสตร และประเพณี ฯลฯ ; เรื่องประเพณีระวังใหดี มันจะไปโดนเปลือกมาก ๆ เขา ก็ไ ด. พุท ธศาสตรก็ตอ งระวัง ใหดีมัน จะเปน ปรัช ญาเพอ เจอ ก็ไ ด ; มัน ไม ถูกใจความ. ถาเรื่องพุทธศาสนากลายเปนปรัชญาไปแลวมันไมใชใจความ ;จะ ไมดับทุกขเลย. ประเพณีพิธีรีตองนี้ก็เหมือนกัน ถามันผิดความประสงค ผิด ใจความแลว มันก็เปนเรื่องงมงายไปเลย. พุทธศาสตรตองใหไดใจความวา เปน ศาสนา ไมใ ชศ าสตรป รัช ญา. ศาสตรที ่เปน ศาสนา จะตอ งเปน ศาสตรา. ศาสตรนั้นคือ ศาสตรา ; ศาสตราคือเปนของมีคม, มีค มสําหรับตัดความโง ตัด ความเห็น แกตัว ตัด กิเ ลสตัณ หา. ถา เปน ศาสนาจริง ตอ งเปน ของมีค ม ตัดความโลก ความโกรธ ความหลง โดยตรง ; นี้เรียกวาใจความ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาเปนประเพณีก็เพียงแตใหมันเกิดความสะดวกแกการกระทําอยางนั้น; ถาเราไมมีประเพณี มันไมสะดวกแกการที่จะทําอยางนั้น. ถาเราตั้งขึ้นไวเปน


๔๖๔

ฆราวาสธรรม

ประเพณี เช า นี้ ทํ า อย า งนี้ เย็ น นี้ ทํ า อย า งนั้ น , เดื อ นนี้ ทํ า อย า งนั้ น เดื อ นนั้ น ทํ า อยา งโนน ; แลว เปน ประเพณีที ่ถ ูก ตอ งและเปน ระเบีย บ ; อยา งนี ้ป ระเพณี มั นก็ มี ประโยชน . แต ถ าทํ าไปอย างหลั บหู หลั บตา งมงาย มั นก็ยิ่ งไม มี ประโยชน . เพราะฉะนั้ น ขอให จํ า ว า ถู ก ต อ ง แล ว ก็ “พอดี ” แล ว ก็ “ครบถ ว น” ; ฟ งดู คล ายหลัก ปรัช ญา แตว า ไมใ ช. ผมเกลีย ดที ่ส ุด เรื่อ งปรัช ญา แตนี ่ฟ ง ดูม ัน คลา ย หลัก ปรัช ญ า วา “ถูก ตอ ง” แลว “พอดี” แลว “ครบถว น” มัน จึ ่ง จะใชไ ด ใจความมัน อยู ที ่นั ่น , ใจความมัน อยู ที ่ถ ูก ตอ ง, แลว ก็พ อดี, แลว ก็ค รบถว น. คุณ จะทํ า อะไรก็ข อใหน ึก ถึง ๓ คํ า นี ้ไ ว: - ใหถ ูก ตอ ง แลว ยัง ตอ งพอดี ; ถูก เกิ น ไ ป ก็ ไ ม ไ ห ว , ถู ก เกิ น ไ ป นั ้ น คื อ ผิ ด ; ดี เ กิ น ไ ป นั ้ น คื อ เล ว . ถู ก ต อ ง ตอ งถูก ตอ งแน, และตอ งพอดี; ถูก ตอ งมัน ก็ต อ งพอดีเ กิน ไมไ ด แลว ก็ต อ ง ครบ ; ครบที่มันควรจะมี. นั่นแหละคือใจความ. ถ า เราพู ด ว า “ใจความของพระพุ ท ธศาสนา” ก็ ห มายความว า มั น ถู ก ต อ ง แล ว ก็ พ อดี แล ว ครบ ตามหลั ก ของพุ ท ธศาสนา ที่ ค น ๆ หนึ่ ง จะปฏิ บั ติ ที่ ฆราวาสคนหนึ่ ง ๆ จะปฏิ บั ติ . อยางนี้ เรียกวาเราเอาใจความของพุ ทธศาสนามาได คือเอาหัวใจของพุทธศาสนามาได ไมใชเปลือกขางนอก.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอทบทวนอีก ทีห นึ ่ง วา โดยใจความนั ้น ไมใ ชโ ดยออ ม ; โดย ความหมายหรือ โดยใจความนั้ น ไม ใช โดยอ อ ม, มั น เป น โดยตรง . โดยใจความ นั้น ก็ คือ ถูก ตอ ง พอดี แลว ก็ค รบถว น. เมื่อ ฆราวาสถือ หลัก อยา งนี ้แ ลว ก็ส ามารถจะเปน พระไดทั ้ง ๆ เปน ฆราวาส ; คือ เอาใจความของเรื่อ ง หรือ ของ พุท ธศาสนา หรือ ของพระ มาใสไ วใ นชีว ิต ของตนแผนกหนึ ่ง , ในฐานะเปน เรื ่อ งทางฝา ยจิต หรือ ฝา ยวิญ ญาณ. สว นเรื ่อ งของฆราวาสแท ๆ เรื ่อ งปาก เรื่ อ งท อ ง เรื่ อ งลู ก เรื่ อ งเมี ย เรื่ อ งทํ า มาหากิ น นั้ น เป น ส ว นเรื่ อ งร า งกาย ให เป น


เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม

๔๖๕

ส ว นของเรื่ อ งร า งกาย. เรามี ค วายสองตั ว เที ย มชี วิ ต คื อ เรื่ อ งกาย กั บ เรื่ อ งใจ ; ชีว ิต นี ้ก ็จ ะครบถว น ถูก ตอ งบริบ ูร ณ เปน ไปไดด ว ยดี. ทํ า อยา งนี ้จ ะบรรลุ มรรค ผล นิพพาน เร็วกวาพวกพระโง ๆ ที่ไปทําอะไรดุม ๆ อยูกลางปาเสียอีก, นี่พูดหยาบคายไปหนอยตองขออภัย ; แตมันเปนความจริงที่สุด ฆราวาสที่ปฏิบัติ อยู อ ยา งถูก ตอ ง นี ้จ ะบรรลุม รรค ผล นิพ พาน เร็ว กวา พระบอ ๆ อะไรองค หนึ่งเสีย อีก ซึ่งมีค วามยึด มั่น ถือ มั่น ในเรื่อ งของพระมากเกิน ไป ; ไปทําอะไรอยู ในปาคนเดียวนั้น ก็ยังจะอยูลาหลังฆราวาสคนนี้เสียอีก. เพราะฉะนั้นขอใหเปน ฆราวาสที ่ล ืม หู ลืม ตามีส ติป ญ ญาแจม ใส ในความถูก ตอ ง พอดี ครบถว น ; มีพุทธศาสนาโดยใจความอยูในเนื้อในตัว. เราพูดกันถึงเรื่องเคล็ด มันก็เปนเคล็ดอยางนี้ ; เอาหัวใจมาใหไดนั่นมัน เปนเคล็ดที่สุด ; ไมมีเคล็ดใดจะมากไปกวานี้ ; จับกลองดวงใจใหไดนั้นคือเคล็ด. เวลาเหลืออีก นิ ดหนึ่ งก็อยากจะพู ด เรื่องเคล็ด จับ หั วใจ นี้ อีกหน อ ย; ซึ่ งจะสรุป เป น คํ า พู ด งา ย ๆ อี ก ที ก็ คื อ วา ขอเตื อ นให ระลึ ก นึ ก ถึ งคํ าบางคํ า ที่ ได บรรยายมาแลวหลายครั้งอีกเหมือนกัน วาผมอาศัยการที่ทํางานนี้มานานหลายสิบป สังเกตอะไรมาเรื่อย ๆ ก็พบวา ที่สรุปความสั้น ๆ ใหเขานี้ก็มีประโยชนมาก. เพราะ ฉะนั้ น จึ งเกิ ด คํ า สรุป ความขึ้ น มาหลาย ๆ คํ า ดั งที ใช ม าแล ว .คํ า สรุป ความนี้ มั น แตกต างกั นเพื่ อให เหมาะแก คนหลาย ๆ ประเภท ; แต ที่ ใชได แกคนทุ กประเภทนี้ ผมเคยสรุปอยางที่ไดยินกันอยูเสอมวา “ตายเสียกอนตาย”.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ใครมาอยู สวนโมกขก็ มาเพื่ อรับปริญ ญา “ตายเสี ยก อนตาย”ให ตั วกู ของกู ประเภท egoism ที่ จะเปน เรื่อ งเห็น แกตัวนี้ ตายเสียให เสร็จหมดกอนแต รา งกายนี ้ม ัน จะตาย. รา งกายยัง ไมท ัน ตายใหอ หัง การ มมัง การ ตัว กู – ของกู มันตายเสร็จ นี่ เรียกวา ตายกอนตาย ; พยายามตายกอนตาย ไมมี ตัวกู – ของกู


๔๖๖

ฆราวาสธรรม

ที่จะยกหูชูหาง จะดื้อจะดัน จะโลภ จะโกรธ จะหลงอะไร นี่เรียกวาตายเสียกอน ตาย เย็นสนิท อายตนะเย็นสนิท ถาเราถือหลักตายเสียกอนตาย. คุณไปคิด เอาเองก็ไ ด นี้เปน ตัว อยา งที่ใ หไ ป สํา หรับ ไปคิด เอาเองบา งก็ไ ด. อาจจะมี คําพูดอยางอื่นที่คุณคิดไดเอง ที่เหมาะที่สุดสําหรับคุณยิ่งกวาคํานี้ได. แตผม มีความคิดอยางนี้ ไดพูดกับชาวบานชาวเมือง อุบาสก อุบาสิกา ก็พูดเรื่องตาย เสียกอนตาย ; วันหนึ่งพูดไมรูวากี่สิบครั้ง พูดคําวา ตายเสียกอนตายนี้. นี้มัน เปนเรื่องหลักอันหนึ่งที่สรุปไวในคําพูดเพียง ๓ พยางค. ถาพูด ตรง ๆ บางทีไมส นุก ไมกิน ใจ, ก็พูด ออ ม ๆ เปน ปริศ นา. เดี๋ยวนี้กําลังพูดมากอยูอีกคําวา “ปากอยาง ใจอยาง ทางดับทุกข.” พวก ชาวบานนั้นเขาไดยินแตคําวา ปากอยางใจอยางนั้นคือมันคบไมได เปนคนขี้โกง คนไมซื่อ อยาไปคบมัน ; คนปากอยางใจอยางนั้นเปนคนโกหกมดเท็จ ; นี้เปน เรื่องชาวบาน เปนภาษาชาวบาน. แต ปากอยาง ใจอยาง ในภาษาธรรมะนี้ มันมีความหมายอยางอื่น ; หมายความวา ปากนี้ตองพูดเหมือนคนอื่นพูด แตใจ ไมเ ปน อยา งนั ้น . ปากพูด โดยโวหารชาวบา นพูด ; สว นใจนั ้น ยัง มีค วาม แจม แจง อยูใ นความจริง . พระพุท ธเจา ทา นก็ต รัส ถึง พระองคเ องอยา งนี้วา “ตถาคตตองพูดดวยโวหารชาวบานพูด แตจิตไมยึดมั่นดวยอุปาทาน เหมือน ชาวบานยึดมั่น”.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เมื่อชาวบานพูดวา “บานของฉัน” นี้มันเปนบานของฉันจริง ๆ จัง ๆ รา งกายของฉั น ก็ เป น รา งกายของฉั น เอาจริง ๆ จั ง ๆ. มั น เป น ด ว ยความโง ความหลง ดวยตัณหา อุปาทาน - เปนของกูเสียจริง ๆ. แตถาพระพุทธเจาจะพูดวา “รา งกายของฉัน ” รา งกายของตถาคต นั้น ปากพูด อยา งนั้น ; แตใ จไมไ ด ยึด มั่ น วา รางกายของตถาคต แต เป น ของธรรมชาติ ; ไม มี ความยึ ด มั่ น ด วย


เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม

๔๖๗

อุปาทาน วารางกายนั้นเปนของกู. ชาวบานพูดวาอยางไร ก็ยึดมั่นอยางนั้น ทั้งนั้น ; ฉะนั้นก็เลยมาสอนกันเสียใหมวา หัดเปนคนปากอยาง ใจอยางกันเถิด. เมื่อปากพูดวา ของกูใจอยาเปนของกู ; ปากพูดวาตัวฉัน ใจอยาเปนตัวฉัน ; เดี๋ย วมัน จะยกหูชูห าง. นี่เรีย กวา “ปากอยา งใจอยา ง”. ปากพูด วา “ตัว กู” อยู ต ามเคย ใจอย า เป น เช น ปากเอ ย เหวยพวกเรา. ที่ เขี ย นอยู ใต รูป ภาพที่ ประดิษ ฐขึ้น ใหม. ปากพูด วา ตัว ฉัน , วา ของฉัน , วา ลูก เมีย ของฉัน , ความ รับผิดชอบของฉันอะไรก็ตามใจ ; ก็พูดตามภาษาธรรมดาใหมันรูเรื่องกันเทานั้น. สวนใจใหมันรูอยูเสมอวา ทุกอยางมันเปนของธรรมชาติ เราเขาไปเกี่ยวของกับมัน ใหถูกวิธี ใหสําเร็จประโยชน ก็ไมมีความทุกข. นั่นแหละผลที่มุงหมายมันอยูที่ ไมมีความทุกข ; แลวมันจะเปนของฉันไมได. แลวก็อยาลืมที่เคยเตือนวา อยาใหเสียเปรียบ หรือขายหนาพวก คริสเตียนที่ในไบเบิลของเขาก็มีสอนอยางเดียวกัน : มีภรรยา ก็จงเหมือนกับไมมี ภรรยา : มีทรัพยสมบัติก็จงเหมือนกับไมมีทรัพยสมบัติ, มันทุกขก็เหมือนกับ ไม มี ทุ ก ข , มี สุ ข ก็ เหมื อ นกั บ ไม มี สุ ข ,ไปซื้ อ ของที่ ต ลาดไม เอาอะไรมา อย างนี้ เป น ต น . กิ ริ ย าภายนอกทํ า อย างไร ก็ ต ามใจ แต ในใจไม เป น อย า งนั้ น ; ไม เหมือนกับที่ปากพูด หรือกิริยาอาการมันแสดง. หมายความวา ใจไมยึดมั่นถือมั่น วา ตัว กู - ของกู. โดยทางสมมุต ิ วา ตัว กู วา ของกู กูซื ้อ มา เปน ของกู อยางนี้ ; แตโดยความจริงแทนั้น เปน ของธรรมชาติ. จิตไมยึดมั่นวา ของกู ; จะใชสอย จะกิน จะใชอยางไรก็ได โดยไมตองยึดมั่นวา เปนตัวกู - ของกู

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่ เรีย กวา มี ชี วิ ต อยู ด ว ยสติ ป ญ ญา; ไม ใช มี ชี วิ ต อยู ด ว ยความโง ความหลง ดวยกิเลส ตัณ หา, สติปญ ญาทําใหมองเห็นวา ทุกอยางเปนของ ธรรมชาติ ; เราอยา เปน โจรปลน ธรรมชาติม าเปน ของเรา. เราจงกิน จงใช จงเกี่ยวของกับมัน ในฐานะที่มันเปนของธรรมชาติ ก็จะไดความสุขสบายไปตลอด


๔๖๘

ฆราวาสธรรม

ชีวิต. พอไปปลนธรรมชาติมาเปนของกู ก็กลายเปนโจรขึ้นมา อยางนี้ธรรมชาติ ก็ตบหนาใหทันที; คือทําใหมีความรูสึกหนักใจ รอนใจอะไรเพราะความยึดมั่น ถือ มั่นนั้น ๆ . เพราะฉะนั้นอยาเป นโจรปลนธรรมชาติ ; นี้ สําหรับพุ ทธบริษั ท สําหรับศาสนาอื่นที่เขามีพระเจาก็วาทุกอยางเปนของพระเจา ; อยาไปปลนเอา ของพระเจามาเปนของเรา ; จะกิน จะอยู จะใชสอยอะไรก็ทําไป แตอยากลา ยึดมั่นวาของกู ไปปลนพระเจา พระเจาจะลงโทษเอา ! มันก็มีเทานี้. นี่เรียกวามีปากอยาง ใจอยาง ก็มีแตความเย็น, เย็นเปนนิพพาน ทางอายตนะ. ในเรื่อ งปากอยา ง ใจอยา งนี้ ทีอ ยา งที่เ ปน ชนิด เลว ทํา ไม ทํากันได และทํากันไดอยูแลว. ในทางสังคมนั้นไดยินวา มีเรื่องโกหกมดเท็จ ปากอยางใจอยางทั้งนั้น ; พอพบหนากันจับมือ สบาย หัวเราะ ขอบคุณอะไร สบาย ; แตในใจมัน เต็ม ไปดวยคิดอาฆาตมาดรายก็มี. ในสนามกีฬาเขาให นักมวยจับมือกันบาง นักกีฬาจับมือกันบาง นั้นมันโกหก ปากอยางใจอยางทั้งนั้น แสดงอาการอยา งหนึ่ง แตใ จมัน อีก อยา งหนึ่ง . เห็น ไดชัด วา เขาชกตอ ย ตบตีกัน ในทามกลางสนามกีฬา ; อยางนี้ก็เพิ่มความเห็นแกตัว ไมใชทําลาย ความเห็นแกตัว นี่เรียกวากีฬ าจอมปลอม เพราะมัน ปากอยางใจอยาง. ทํา อยางนั้น ยังทําได แตที่ม าขอใหทําปากอยา งใจอยางนี้บางกลับ ไมเอา ; มัน จริงกวา มันถูกกวา. ของธรรมชาติอ ยาวาของกู, ของพระเจาอยาวาของกู ; ใหถือเปนของยืมใช ธรรมชาติก็ยอมให พระเจาก็ยอมให เราก็สบายจนตลอดชีวิต อยางนี้มันดีกวา. เพราะฉะนั้นชีวิตของเรามันเปนชีวิตที่ไมมีความทุกข ไมมีความ กลัว ;เรียกวาไมมีความทุกขคําเดียวมันรวมหมด คือไมมีปญหา ไมมีความกลัว ไมมีความสะดุง ไมมีวิตกกังวล ไมมีอะไรหมด.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่แหละคือ “เคล็ด” ที่จะเปนอยูอยางดีที่สุดเทาที่มนุษยจะพึงทําได เรียกวาสิ่ งดี ที่ สุด ที่ ม นุ ษ ยจะทํ าได ; มั น ก็ จบกัน เท านี้ ไม มี อ ะไร. เกิดมาก็เพื่ อ


เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม

๔๖๙

ใหไดสิ่ง ดีที่สุด ที่ม นุษ ยค วรจะได. นี่งา ยนิดเดีย วแตใ นมหาวิท ยาลัย ของคุณ ไมยักสอนกัน, ของงาย ๆ นิดเดียวนี้ จนคุณก็ไมรูวาเกิดมาทําไม. เมื่อไมรูวา เกิด มาทํ า ไม ก็เ ปน อัน วา ไมรูทั ้ง หมดแหละเรื่อ งดี - เรื่อ งชั ่ว เรื่อ งบุญ เรื่ อ งบาป เรื่ อ งอะไรมั น ไม รู ไ ปหมด แล ว ไม ส นใจด ว ย ; เพราะไม ส นใจ ที่จะรูวาเกิดมาทําไม. ครั้งนี้เราถือวา เปนการบรรยายสรุปครั้งสุดทายสําหรับพวกคุณที่มี โอกาสมาบวชระหวางปดภาคเรียน ควรจะไดรูอะไรบาง ในเมื่อจะกลับออกไปเปน ฆราวาส. ผมก็พยายามเลือกสรรดีที่สุดแลว วาเรื่องอะไรบางที่จะเหมาะแกคุณ ผูมีความประสงคอยางนี้ ; ฉะนั้นจึงไดบรรยายคําบรรยายชุดนี้ โดยหัวขอที่เรียกวา. “ฆราวาสธรรม” เปนธรรมะสําหรับฆราวาส เทาที่จําเปนแกฆ ราวาส และที่ ฆราวาสจะถือ เอาประโยชนใหไดม ากทีสุด เทาไร ; เรีย กวา “ฆราวาสธรรม” ของพวกเราที่ นี่ โดยเฉพาะ. เพราะว า มั น อาจจะไม เหมื อ นกั บ ที่ เขาเรี ย กว า ฆราวาสธรรม ในที ่อื ่น ๆ ซึ ่ง มัน อาจะแคบเกิน ไป มีเพีย งเรื่อ งทํ า มาหากิน เปนตน . สวนผมนี้ คําวา ฆราวาส ก็ไมยอมใหละทิ้งพุทธศาสนา : ซีกหนึ่ง ใหเปนเรื่องรางกาย ทํามาหากินไป ; อีกซีกหนึ่งก็เปนเรื่องทางจิต – ทางวิญญาณ จะตอ งมีความแจม แจง สวางไสวไป, แลวก็ไปดวยกัน . นั้นคือ เปนฆราวาส ที่ดี เปนพระอยูในตัวเสร็จแลวตลอดเวลา ; แตวาเปนพระที่เดินไปชา ๆ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี้ขอสรุปใจความไวอยางนี้ วาเปนฆราวาสที่ดีที่สุดในโลก เพราะวา เปนฆราวาสตามแบบของพุทธบริษัท มีหลักของพุทธศาสนาเปนเครื่องประคับ ประคอง. นี้ขอใหมีความเขาใจ และดําเนินการปฏิบัติ ที่ถูกตรงโดยใจความ ดังที่กลาวมาแลวนี้ ; แลวก็มีความเจริญ งอกงามกาวหนาในทางแหงพระพุทธศาสนาของสมเด็จพระบรมศาสดา ทุกทิพาราตรีเทอญ.


ยโต โข คหปติ อริยสาวกสฺส ปฺจ ภยานิ เวรานิ วูปสนฺตานิ โหนฺ ต ิ จตู ห ิ โสตาปตฺ ต ิ ย งฺ เ คหิ สมนฺ น าคโต โหติ อริ โ ย จสฺ ส ญาโย ปฺ ญ าย สุ ท ิ ฏ  โ ฐ โหติ สุ ป ฺ ป ฏิ ว ิ ท ฺ โ ธ .... ฯเปฯ..... ....ฯเปฯ ... อิ ธ ค ห ป ติ อ ริ ย ส า วโก อิ ต ิ ป ฏิ ส ฺ จ ิ ก ฺ ข ติ อิ ต ิ อิ ม สฺ ม ึ ส ติ อ ทํ โห ติ อิ ม สฺ ส ุ ป ฺ ป า ท า อิ ท ํ อุ ป ฺ ป ชฺ ช ติ อิ ม สฺ ม ึ อ ส ติ อิ ท ํ น โห ติ อิ ม สฺ ส นิ โ รธา อิ ทํ นิ รุ ชฺ ฌ ติ ยทิ ทํ อวิ ชฺ ช าปจฺ จ ยา สงฺ ข ารา สงฺ ข ารปจฺ จ ยา วิฺญ าณํ..... ฯเปฯ..........ฯเปฯ......ชาติป จฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺข โทมนสฺ ส ุ ป ายาสา สมฺ ภ วนฺ ต ิ ฯ เอวเมตสฺ ส เกวลสฺ ส ทุ ก ฺ ข กฺ ข นฺ ธ สฺ ส สมุทโย โหติฯ.......... (เวรสูตร ทสก. อํ. ๒๔/ ๑๙๕/๙๒.) ดูกอนคหบดี ! เมื่อ ภัยเวร ๕ ประการ อันอริยสาวก (คฤหัสถ) ทํา ให ส งบรํา งั บ ได แ ล ว ในกาลใด ; ในกาลนั ้ น อริ ย สาวกนั ้ น ย อ มจะ เปน ผูป ระกอบพรอ มแลว ดว ยองคแ หง โสดาบัน ๔ ประการดว ย ; และ อริย ญายธรรม ยอ มจะเปน สิ ่ง ที ่อ ริย สาวกนั ้น เปน แลว ดว ยดีแ ทงตลอด แลวดว ยดีดว ยปญ ญา ดว ย. ....ฯลฯ.........ฯลฯ.... คือ อริย สาวกในธรรมวิน ัย นี ้ ยอ มพิจ ารณาเห็น ดัง นี ้ว า เพราะสิ ่ง นี ้ม ี, สิ ่ง นี ้จ ึง ไมม ี ; เพราะ ความเกิด ขึ้น แหง สิ ่ง นี ้ล สิ ่ง นี ้จ ึง เกิด ขึ้น ; เพราะสิ ่ง นี ้ไ มม ี, สิ ่ง นั ้น จึง ไมม ี ; เพราะความดั บ ไปแห ง สิ ่ ง นี ้ , สิ ่ ง นี ้ จ ึ ง ดั บ ไป : ข อ นี ้ ไ ด แ ก สิ ่ ง เหล า นี ้ ค ื อ เพราะมี อ วิ ช ชาเป น ป จ จั ย จึ ง มี สั ง ขาร ท. ; เพราะมี สั ง ขารเป น ป จ จั ย จึง มีวิญ ญาณ ; .....ฯลฯ ...........ฯลฯ..........ฯลฯ..เพราะมีช าติเ ปน ปจ จัย ชรามรณะ โสกะปริเ ทวะทุก ขะโทมนัส อุป ายาส ท. จึง เกิด ขึ ้น ครบถว น. ความเกิดขึ้นแหงกองทุกขทั้งสิ้นนี้ ยอมมี ดวยอาการอยางนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ภาคผนวก

ทิศธรรม

หรือ

www.buddhadasa.in.th หลักปฏิบัติตอสังคม สําหรับฆราวาส www.buddhadasa.org


...........เอวํ วิม ุต ฺต จิต ฺต สฺส โข มหานาม อุป าสกสฺส วสฺส สตํ วิม ุต ฺต จิต เตน ภิก ฺข ุน า น กิ ฺจ ิ นานากรณํ วทามิ ยทิท ํ วิม ุต ฺต ิย า วิมุตฺตํ. ฯ (คิลายนสูตร มหาวาร. สํ.๑๙/๕๑๖/๑๖๓๓.) ดูกอนมหานาม ! เราไมกลาววิมุตติของอุบาสก (ผูประกอบไป ดว ยโสตาปต ติยัง คะสี่, ปลงความยึด มั่น ถือ มั ่น ที ่มีอ ยู ในบิด ามารดา, ในบุตรภรรยา, ในเบญจกามคุณ, ในสวรรคกามาพจร, และในพรหมโลก, เสี ย ได ใ นขณะที่ จ ะดั บ จิ ต แล ว ดั บ จิ ต ไป) ว า เป น ความหลุ ด พ น ที่ตางจากวิมุตติของภิกษุผูมีจิตหลุดพนแลวตั้งรอยป : ทั้งนี้เพราะ เหตุวา เปนการหลุดพนดวยวิมุตติดวยกันแท.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ทิศทาง ที่ฆราวาส จะตองเดินไป - ๑ ๙ ตุลาคม ๒๕๑๓ ตามที่ ท ราบกั น อยู แ ล ว ว า วั น นี้ เรามี ก ารบรรยาย พิเศษ เฉพาะผู ที ่จ ะตอ งลาสิก ขาบท. เพราะฉะนั ้น ก็จ ะพูด เรื่อ งที ่เกี ่ย วกับ ผู ที ่จ ะลากสิก ขาบท ตามที ่จ ะนึก ไดท ุก เรื่อ ง ; โดยเฉพาะอยา งยิ่งก็คือ เรื่อ งที่เกี่ย วกับ ฆราวาส หรือ คฤหัส ถ แลวแตจะเรียก. ขอ แรกที่สุด อยากจะพูด เสีย เลยวา คําสั่ง สอนเกี่ย วกับ คฤหัส ถนี้ พระพุทธเจาจะไดตรัสจริงหรือไม เรื่องนี้มันตองถือตามหลักที่วางไวทั่วไป คือ เมื่อมีปญหาวาเรื่องนี้พระพุทธเจาตรัสจริงหรือไม เขาใชหลัก มหาปเทสเปนเครื่อง ตัด สิน วาถามัน ลงกันไดกับ หลัก ใหญในพรหมจรรยนี้ หรือ ในศาสนานี้ เขา เรียกวาลงกันไดกับสูตร ลงกันไดในวินัยแลว ก็ถือวาพระพุทธเจาตรัส. การที่ จะเพียงแตยืนยันวา มีอยูในพระไตรปฎกแลวเปนพระพุทธเจาตรัส อยางนี้ไมถูก ; หรือพระพุทธเจาทานตรัสหามเสียเอง. เรื่องเกี่ยวกับคฤหัสถนี้ก็มีในพระไตรปฎก มีสูตรยาวสูต รหนึ่ง ซึ่งวาแตเรื่อ งนี้ วาแตเรื่อ งคฤหัส ถนี้ ; ทําใหมีผูส งสัย วา ทําไมมันยาวมากอยางนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org

๔๗๓


๔๗๔

ฆราวาสธรรม

สูตรพวกยาวที่สุดเรียกวา ฑีฆนิกาย ; ฑีฆ แปลวา ยาว หมวด ที่วาเปนสูตรยาวที่สุดจนไมนาเชื่อวาพระพุทธเจาจะไดตรัสมาก คราวเดียวยาวถึง อยา งนี้ เชน มหาสติปฏ ฐานสูต ร เปน ตน . มัน พน วิส ัย ที่วา จะพูด คราวเดีย ว ยาวถึงขนาดนั้น ; เลยทําใหสันนิษฐานวา มันเปนเรื่องที่รวบรวมมา แลวเอามา รอยกรอง แลวก็ใสเขาไปในพระไตรปฎกในคราวทําสังคายนาครั้งหลัง ๆ. เมื่อเปนอยางนี้ก็มิไดหมายความวา ใหเลิกยึดถือเปนหลัก ; ยังคงถือ ตามหลักเดิม วา มัน ลงกัน ไดในสูต ร มัน ลงกัน ไดใ นวินัย . แมวา ในสูต ร หรือ ในวินัยอื่น ๆ ไมมีพูดถึงเรื่องนี้เลย ; แตโดยใจความ โดยหลัก โดยความมุงหมาย หรืออะไรก็ตาม มันลงกันไดกับในสูตร มันลงกันไดกับในวินัยแลว ใหถือเอา เปน วาพระพุท ธเจาตรัส . เพราะฉะนั้น หลัก สําคัญ มีอ ยูวา แมไดยินจากปาก พระพุท ธเจา โดยตรง จากพระโอษฐโ ดยตรง ก็ยัง ไมใ หเชื่อ ; ใหไ ปทบทวน คิดคนดวยความมีเหตุผลเสียกอน แลวปฏิบัติดู จึงคอยเชื่อ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สูตรยาวเกี่ยวกับคฤหัสถนี้ก็มีหลัก ที่เราพอจะมองเห็นไดวามันตรงกัน กับหลักของพระพุทธศาสนา ลงกันไดในสูตร ลงกันไดในวินัย ; เชนพอเริ่มแรก ของสูต รก็มีก ลา วถึง คนที่เ ขาไหวทิศ ตามแบบเกา ที่ส อนกัน อยูกอ น. ทีนี้ พระพุทธเจาทานบอกวา ในหมูอารยชน ; เขาไมไหวทิศกันอยางนี้; เขาไหวกัน โดยวิ ธ ี ข องพระอริ ย เจ า หรื อ อรยชน ; ก็ เ ลยทรงจํ า แนกทิ ศ ทั ้ ง หกเป น อยางนั้น ๆ, จะตอ งปฏิบัติตอ อยางนั้น ๆ, จึงจะเปน การไหวทิศ ตามแบบ ของอารยชน. ขอนี้มันมองเห็นชัดอยูแลว เปนความถูกตองหรือเปนแสงสวางที่ ดีกวา เปนปญญาที่ดีกวา, แลวก็ลงกันไดกับหลักที่เปนหัวใจของพุทธศาสนา


ทิศทาง ที่ฆราวาส จะตองเดินไป

๔๗๕

ที ่ว า : - พุท ธะ แปลวา ผู รู  ผู ตื ่น ผู เ บิก บาน. เพราะฉะนั ้น การไหวท ิศ ชนิด นี้ มั น จึ ง เป น พุ ท ธะ คื อ ของคนมี ป ญ ญา. ส ว นการไหว ทิ ศ เหนื อ ทิ ศ ไต ทิ ศ ตะวั น ออก ทิ ศ ตะวั น ตก นั้ น มั น เป น พิ ธี ต องสื บ ๆ กั น มา ; หรื อ ว า แฝงความหมาย อยา งไดอ ยา งหนึ ่ง ไว แตค นที ่ไ หวนั ้น ไมรู จ ัก เสีย แลว ไปมัว แตไ หวด ว ยคิด วา จะเปน สวัส ดิม งคลเทา นั ้น เอง ; ก็เ ปน เรื ่อ งงมงาย.ทีนี ้พ อมากลายเปน เรื่อ ง สติ ป ญ ญา เป น เรื่อ งวิช า ความรู เรื่อ งเหตุ ผ ล เรื่อ งความจริง อะไรขึ้ น มา มั น ก็ กลายเปน เรื ่อ งที ่ล งกัน ไดใ นพระสูต ร ในพระวิน ัย ของพุท ธศาสนา ซึ ่ง เปน ไป เพื่อสติปญญา. ครั้น เมื่ อ แปลความหมายของคํ า ว า “ทิ ศ ” เป น อย า งนี้ มั น ก็ ยิ่ ง เป น สติป ญ ญาเกิด ขึ ้น มาในตัว ; เปน เหตุผ ลที ่เกิด ขึ ้น มา แสดงอยู ใ นตัว วา นี ้เปน คํ าสั่ งสอนของพระพุ ทธเจา จะโดยตรง หรือโดยอ อม ก็ ถื อวาเป นคํ าสั่ งสอนของ พระพุทธเจา คือโดยออมเขามีหลักวา ถาจะใหพระพุทธเจาตรัส ทานจะวาอยางไร ; ก็ ต อ งตรั ส อย า งนี้ ; มั น มี เหตุ ผ ลที่ ทํ า ให ท า นต อ งตรั ส อย า งนี้ .เพราะฉะนั้ น คํ า ที่ กลาวอยางนี้ก็เปนคําที่พระพุทธเจาตรัส. นี้ไมไดหมายความวาจะตองออกมาจาก พระโอษฐโดยตรงอยางนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org อันนี้ก็เปนหลักที่จะตองถือทั่วไปวา พระพุทธเจาตรัส หรืออยูในฐานะ ที่ พ ระพุ ท ธเจ า จะต อ งตรั ส อย า งนี้ , จะเป น คํ า กล า วของคนอื่ น ก็ ไ ด เหมื อ นกั น . ฉะนั้นสูตรทั้งหลายที่มันยาวมาก อยูในสภาพที่ไมนาเชื่อวา พระพุทธเจาจะตรัส โดยตรง ก็ไดรับการรับรอง แลวมาอยูในพระไตรปฎก.

ทีนี ้ ก็ม าถึง ตัว เรื ่อ งในสูต ร ๆ นี ้ที ่เ รีย กวา สิง คาโลวาทสูต ร ใน ปาฏิกวรรค ฑี ฆนิกายนี้ มันก็ถือไดวาเปนหลัก หรือเปนระบบที่สมบูรณ อยูในตัว สูต รนี ้ ที ่เกี ่ย วกับ ฆราวาส.เรื่อ งปลีก ยอ ยเบ็ด เตล็ด เล็ก ๆ นอ ย ๆ อาจจะมีอ ยู


๔๗๖

ฆราวาสธรรม

ในที่อื่น ; แตก็ไมแปลกออกไปจากสูตรนี้ อาจจะสงเคราะหรวมเขาไปในสูตร ๆ นี้ ไดหมด ; กลาวคือสูตร ๆ นี้มันเปนหัวขอสําคัญที่ประมวลไวไดทั้งหมด คือเรื่อง ทิศหก ; ก็เลยถือเอาเปนสูตรที่พระพุทธเจาตรัสเกี่ยวกับฆราวาสโดยเฉพาะ. ปญหาที่เหลืออยูอีกก็อาจจะมีวา เราเคยถือเปนหลักกันวา เรื่องอื่น พระพุทธเจาไมตรัส ตรัสแตเรื่องความไมยึดมั่นถือมั่น หรือเรื่องสุญญตา เรื่อง อนัตตา. เพราะฉะนั้นอยาลืมวา หลักชนิดนั้นมันหมายถึงเรื่องหัวใจ หรือตัว หัวใจของพระพุทธศาสนา. สวนเรื่องปลีกยอยนั้นมันอาจจะมองไปในแงที่วา เปนอุปกรณ เปนบริวารของเรื่องนี้ก็ได ; หรือจะถือวาเปนเรื่องธรรมดาสามัญ คือวาพระศาสดาแหงศาสนาไหนก็ตาม มีหนาที่ที่จะตองตอบปญหาทุก ๆ ชนิด แลวแตจะมีคนถาม. แปลวา สติปญญาของพระศาสดานั้นมีอยูพรอมที่จะตอบ ปญญาทุกชนิดตามความรูสึกของทาน. จะเปนพระศาสดาองคอื่น ๆ นอกไปจาก พุทธศาสนา หรือแมแตขงจื๊อ เลาจื๊อ อะไรก็ตาม ; ซึ่งจะสอนเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เปนหลัก แตถาถูกถามปญหาปลีกยอยเกี่ยวกับคนธรรมดาสามัญ ก็ตอบไดทั้งนั้น โดยอาศัยหลักใหญ ๆ หลักเดิม ๆ นั้น มันจะบงใหตอบปญหาขอนี้วาอยางไร.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เลาจื๊อเคยสอนเรื่องที่ลึก ถึงขนาดที่เรียกวา ไมมีตัวจนทํานองเดียว กับพุทธศาสนา คือใหมองเห็นความเปนมายาของสิ่งที่ชาวโลกเขาหลงใหลกัน. หลักของเลาจื๊อที่ดีที่สุด ที่ไดรับความยกยองมากที่สุดก็คือ ที่บอกเรื่องความเปน มายาในสิ่งทุกสิ่งที่ชาวบานหลงใหลกัน หรือมองไมออก; ทีนี้แมจะใหทานมา ตอบปญหาเรื่องชาวบาน เรื่องครอบครัว ทานก็ตองตอบได ; แลวก็มีประโยชน ซึ่งอาจจะลึก อนุโลมเขากันไดกับหลักนั้น. ทีนี้ พุทธศาสนาสอนในเรื่องไมยึดมั่นถือมั่น ไมหลงใหลในสิ่งเหลานี้ แตเมื่อ ถูก ถามเขา ถึง เรื่อ งครอบครัว เรื่อ งลูก เรื่อ งเมีย ก็ต อบได ; แลว มัน


ทิศทาง ที่ฆราวาส จะตองเดินไป

๔๗๗

ก็ มี ห ลั ก ฐานชั ด อยู ว า ในสู ต รอื่ น ในสั งยุ ต ตนิ ก ายโดยมากนั้ น มี ผู เป น ฆราวาส แท ๆ ไปถามเรื่องขอปฏิบัติสําหรับฆราวาสแท ๆ พระองคก็ยังตรัสเรื่องสุญญตาแก ฆราวาสนั้น ๆ วาจําเปนที่ฆราวาสจะตองรูจะตองปฏิบัติเรื่องสุญญตา ; คือไมยึดมั่น ถือมั่นใหเกิดความทุกข. เพราะฉะนั้นเราตองถือวา เรื่องนี้ไมขัดกัน วาในสูตรนั้น สอนฆราวาสเรื่อ งสุญ ญตา ในสูต รนี ้ส อนเรื่อ งลูก เมีย เรื่อ งบา น เรื่อ งเรือ น ; ก็ หมายความวาผู ที่ เห็ นสุ ญญตาอยู แล ว ก็ ยั งต องปฏิ บั ติ ในเรื่องของฆราวาส. เรื่อง บานเรื่องเรือนในลักษณะอยางนี้ มันจึงเขารูปกันกับหลักใหญ ที่เรียกวาสุญญตา ; คือผูที่เห็นสุญญตาแลว ยังตองปฏิบัติตอบิดามารดา บุตรภรรยา สามีอะไรอยางนี้. เพราะฉะนั้นอยาไปเขาใจวา เรื่องโลกุตตระกับเรื่องโลกิยะนี้เปนขาศึก ปฏิป ก ษต อ กัน ไมห ัน หนา เขา หากัน ; อยา ไดเขา ใจอยา งนี ้. และเรื่อ งนี ้ก ็เคย พู ด ในการบรรยายครั้ง อื่ น ๆมาแล ว ว า ฆราวาสนั้ น จะต อ งมี ห ลั ก เพื่ อ จะเดิ น ไป นิพ พานดว ยเหมือ นกัน แตวา เดิน ไปชา ๆ เพราะตอ งหอบหิ ้ว หาบอะไรพะรุง พะรัง ไปดว ย. ฆราวาสหรือ คฤหัส ถม ัน ก็ต า งจากบรรพชิต ตรงที ่ม ีเรื่อ งรุง รัง มาก แต เป น เรื่อ งภายนอก ; ส ว นเรื่อ งวิ ญ ญาณโดยตรงนั้ น เป น เรื่อ งตรงเป น อั น เดี ย ว กั น กั บ บรรพชิ ต ที่ จ ะต อ งเดิ น ไปอย า งถู ก ต อ ง เพื่ อ ไปนิ พ พานด ว ยเหมื อ นกั น . เพราะฉะนั ้น การที ่ใ นเรื ่อ งนี ้ ใชคํ า วา “ทิศ ” ขึ ้น มานี ้เ หมาะสมแลว ; เพราะ คําวาทิศ มันแปลวาทิศทางที่จะตองเดินไป เรียกวา “ทิศหก”.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org อยากจะพู ดถึ งคํ าวา “ทิ ศ” สั กนิ ดหนึ่ ง โดยตั วหนั งสื อ. คํ าว า ทิ สะ แปลว า เห็ น หรื อ ปรากฏ ; คื อ สิ ่ ง ที ่ จ ะต อ งเห็ น จะหลี ก ไม ไ ด . เมื ่ อ เห็ น ก็ ค ื อ ป รากฎ จะเป น กํ า ลั ง เห็ น ห รื อ เห็ น แล ว ก็ ต าม มั น เป น การป รากฎ ก็เลยแบง เปน ทิศ อยา งที ่เ รารูจ ัก กัน คือ ทิศ ตะวัน ออก ทิศ ตะวัน ตก ทิศ เหนือ ทิ ศ ใต นั่ น เอง คื อ เป น ทิ ศ ทางหนึ่ ง ๆ ที่ ป รากฏ ; แล ว ก็ รู จั ก กั น มานานตั้ ง แต


๔๗๘

ฆราวาสธรรม

มนุษ ยเห็น ดวงอาทิต ย. เมื ่อ มนุษ ยย ัง ปา เถื ่อ น ไมม ีค วามรูอ ะไร มัน ก็ย ัง เห็น ดวงอาทิต ยเชา ๆ โผลขึ ้น มาทางนี ้ เย็น ตกลงไปทางนั ้น . เมื ่อ หัน หนา ไปทาง ดวงอาทิต ย มัน ก็เกิด ๒ ขา งขี ้น มา เปน ซา ยเปน ขวา ; มัน ก็เกิด ทิศ ทางเปน ซายขวาขึ้นมา แมซอยปลีกอยอยเทาไร มันก็มีความหมายเปนทิศอยูนั่นเอง. เพราะฉะนั้ นคํ าวาทิ ศมั นจึงมี ความหมายเดี ยว คื อเป นที่ปรากฏ ที่ จะ ตอ งมอง ที ่จ ะตอ งดู ;ตอ มาก็บ ัญ ญัต ิเ ปน ทิศ ตะวัน ออก ทิศ ตะวัน ตก เปน ทิศ เหนือ ทิศ ใต เรีย กชื ่อ ภาษาตา งๆ กัน ;แลว ในทางศาสนานี ้ย ัง แถม ๒ ทิศ เขา มาอีก คือ ทิศ ขา งบน ทิศ ขา งลา ง ก็เ ลยเปน ๖ ทิศ . มีคํ า ยอ ที ่ใ ชเ รีย ก ทิศนี้อยางอื่น มีเพียง ๓ คํา คือขางบน ขางลาง แลวโดยรอบที่เรียกวาเบื้องขวาง ; ภาษาบาลีว า เบื ้อ งบน เบื ้อ งต่ํ า แลว เบื ้อ งขวาง. อยา งนี ้ห มายความวา เพ งเล็ งกั น เป นหลั กใหญ ๆ ที่ สํ าคั ญ ที่ สุ ด เป นทางบน ทางล าง แล วโดยรอบตั ว อีก ทางหนึ ่ง . โดยรอบตัว นั ้น ก็ค ือ แบง เปน ทิศ ตะวัน ออก ตะวัน ตก ทิศ เหนือ ทิศใต.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org แล วลองไปคิ ด ดู เถิ ด เรื่อ งรอบ ๆ ตั วมั น เสมอ ๆ กั น มั น เท า ๆ กั น ; เปน การแบง ปลีก ยอ ยเปน เหนือ ใต ตะวัน ตก ตะวัน ออก ; ที ่ใ หญที ่ส ุด อยู ข า งบน ขา งลา งเสีย มากกวา . เดี ๋ย วนี ้แ บง เปน ทิศ ๖ อยา งนี ้ม ัน ก็ถ ูก คือ ขา งบนก็เ ปน ขา งบน ขา งลา งก็เปน ขา งลา ง ; โดยรอบเบื ้อ งขวาง ก็แ บง เปน สว น ๆ ไป เปน ๔ สว น, จะเปน ๘ สว น หรือ ๑๖ สว นก็ต ามใจ ; แตใ น ที่นี้เอาแตที่สําคัญ เอาเพีย ง ๔ สวนคือ ขา งหนา ขา งหลัง ขางซา ย ขางขวา. นี้ ก็ ม องดู ให เห็ นเป นธรรมชาติ หรือความรูสึ กตามธรรมชาติ ที่ ทํ าให เกิ ดเป นการ แบงทิศอยางนี้ขึ้นมา ตามความรูสึกตามธรรมชาติธรรมดา ซึ่งคนเราจะรูสึกไดเอง ก็เ ปน ขา งหนา ขา งหลัง ขา งซา ย ขา งขวา ขา งบน ขา งลา ง. เพราะฉะนั ้น ขอใหสนใจวาเปนหลักเกณฑที่ดี.


ทิศทาง ที่ฆราวาส จะตองเดินไป

๔๗๙

ถาเรารูเรื่องทั้ง ๖ นี้ ก็แปลวารูเรื่องหมดเลย รูทุกเรื่องที่มนุษยจะตอง เกี ่ย วขอ ง. เพราะขา งบนนั ้น มัน หมายเรื่อ ยไป จนกระทั ่ง ถึง พระนิพ พานก็ไ ด ; ขางลางก็หมายลึกไปถึงนรกก็ได ; แลวโดยรอบตัวมีอะไรบางก็แลวแตมันจะมี ; ก็ แ ปลว า เป น เรื่อ งทั้ ง หมดที่ เกี่ ย วกั บ มนุ ษ ย จ ะต อ งจั ด การด ว ย ละเว น ไม ได ; นี้ เรียกวา ทิศ ที่ เรามาบวชสํ าหรับสึ กนี้ เป นการเหมาะสมอย างยิ่ ง ที่ จะรูเรื่องทิ ศ ; สําหรับผูที่ จะสึกออกไปก็จําเป นอยางยิ่ งที่ จะตองรูเรื่องทิ ศ เพราะจะออกไปแสดง บทบาทเต็ม ที ่ข องมนุษ ย ชนิด ที ่เรีย กวา สมบูร ณแ บบ ไมต ัด ลัด แตป ระการใด มั น ก็ ต อ งเกี่ ย วแก ทิ ศ เหล า นี้ ทั้ ง หมดเลย ;ซึ้ ง มั น เป น ภาระมากเต็ ม ที่ ให เก ง กล า สามารถ แลวปฏิบัติถูกตองไปทุกทิศทุกทาง. ในภาษาไทยมีคําอยูคําหนึ่งซึ่งนาหวัวคือคําทีเรียกวา “ทิด” เหมือนกัน, คือ ทิด กับ ทิต . เรื ่อ งราวแทจ ริง มัน ก็ม าจากคํ า วา “บัณ ฑิต ”; บัณ ฑิต เปนภาษาอินเดียใชเรียกคนที่เรียนสําเร็จจากอาศรมใดอาศรมหนึ่งมาแลว. หัวหนา คณะของอาศรมเขารับรองวา “เสร็จแล วเธอ”, ก็ เรียกคนนี้ วา “บั ณ ฑิ ต” ; แล วก็ ไปทํ าอะไรตามที่ ตัวตองการจะทํ า เชนกลับไปเป นฆราวาสอีก ไปเป นผูครองบ าน ครองเรือน แลวแต มี ความมุ งหมายตั้งแต ที แรกวาเราไปเขาอาศรมนี้ เขาไปศึกษา อยู ใ นอาศรมนี ้ก ็เ พื ่อ จะกลับ ออกมาครองเรือ น อยา งนี ้ก ็อ ยู . เรีย นจบแลว ก็เ รีย กวา “บัณ ฑิต ” มาตั ้ง แตบ รมโบราณ เดี ๋ย วนี ้ก ็ย ัง เรีย ก. ก็แ ปลวา คนที่ เขาไปเรียนในหมูคณะใดคณะหนึ่ง จบหลักสูตรของหมู คณะนั้น พรอมที่จะออกไป เผชิญโลก เขาเรียกวา “บัณฑิต”.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org วัฒ นธรรมไทยของเรารับ มาจากอิ น เดี ย นี้ ไม ต อ งพู ด ถึ ง แล ว ; เรื่อ ง ตา ง ๆ ชาวอิน เดีย มาเปน ครูบ าอาจารย มาในรูป ของวัฒ นธรรมและศาสนา.


๔๘๐

ฆราวาสธรรม

จึงมาสอนหมดทุกอยาง กระทั่งคําพูดที่เปนภาษาสูง ภาษาราชสํานัก หรือภาษา ชนชั้น สูง หรือ ภาษาศาสนา. เพราะฉะนั้น ภาษาไทยเรา ที่เปน คํา ชั้น สูง นั้น มันเปนภาษาอินเดียหมด คือเปนภาษาบาลีสันสกฤต ; เพราะฉะนั้นชาวอินเดีย ก็เอาระบบนี้มาใหแกคนไทย. เรียนอะไรจบแลว ก็เรียกวา “บัณ ฑิต”. คนที่ ไปเรียนทางศาสนา บวชเรียนเปนที่พอใจแลวกลับออกมาก็เรียกวา “บัณ ฑิต” ดวยเหมือนกัน ; ออกเสียงตามภาษาอินเดียก็วา บัณฑิต (บัณฑิต) ; ป ณ ฑิ ตะ เรี ย กเป น ไทย เรี ย กเป น “บั ณ ฑิ ต ”. ปณฺ ฑ ิ ต นี ้ เ ป น ภาษาเดิ ม , อั น นี้ ตรงกันทั้งบาลีและสันสกฤต : คําวา ปณฺฑ แปลวาตัวปญญา เปนคํา ๆ เดียว กับ คํา วา ปญ ญา เรีย กวา ปณฺฑ หรือ ปณฺฑ า ; อิ ต แปลวา ถึง หรือ มี ; ปณ ฑิตก็แปลวาผูถึงหรือมีปณ ฑา คือปญญาที่ทําใหเอาตัวรอดได ; บัณ ฑิต ก็คือผูมีปญญาเอาตัวรอดได. ทีนี้ภาษาไทยเรามีการเปลี่ยนแปลงไป ตามภาษาไทยแท เอา ป ไป เปน บ, เอา ฑ มณโฑออกเสียงเปน ท ทหาร, มันก็เลยเปนบัณฑิต ; บัณ ไม สําคัญอะไรนัก ก็เลยเหลือแต ฑิต คือตัวทิตยอมาจากคําวา บัณฑิต ก็คงจะ เปนที่พอใจ เปนทียอมรับในสถาบันทางความคิดอะไรมาพักหนึ่ง สําหรับคําวา ฑิต นี้ ; เพราะฉะนั้น จึง มีค นชอบใหลูก สาวแกฑ ิต . ตอ มา ๆ ฑิต มัน เลวลง มัน เหลวไหลเขา ; เพราะเมื่อ ใครเห็น วาโอกาสเปน โอกาสดีแ ลว ก็เลยชิงกัน เขาไปบวชใหญ ; คนบา ๆ บอ ๆ ก็ไปบวช กลับออกมาก็ไดเปนทิด, มันกลาย เปน ทิด (ด เด็กสะกด) เปนทิดบา ๆบอ ๆ กลายเปนคําสําหรับลอ คนเซอซา รุมรามอะไรไปบวชแลวกลับออกมาก็เปน ทิด อะไรเปนอยางนี้. เพราะภาษา ไทยเราไมอ กเสีย ง ฑ วา ด, ออกเสียงเปน ท ; ทิด ก็เลยมี ด สะกดก็มี, ทิต ต สะกดก็มี. ฑิต ต สะกดไปตามเดิมเปนถูกตอง ; ทิด ด สะดกเปนเรื่องลอ

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ทิศทาง ที่ฆราวาส จะตองเดินไป

๔๘๑

เปน เรื่อ งเซอ ซา บา ๆ บอ ๆ. เพราะฉะนั้น สึก ออกมาไปเปน ฑิต ก็ข อใหเ ปน ต สะกดตามความหมายของคํา ปณฺฑิต ; อยาใหเปน ทิด ด สะกดสําหรับลอ. การที ่จ ะเปน ฑิต ที ่ด ีไ ด คือ เปน บัณ ฑิต นั ้น ก็จ ะตอ งปฏิบ ัต ิใ ห ถูก ตอ งในเรื่อ งทิศ ๖ ประการนี ้ ; เพราะถือ วา เปน เรื่อ งฟลุก หรือ อะไรก็ต าม ที ่คํ า มัน เกิด ตรงกัน ขึ ้น . รูเรื่อ งทิศ แลว ก็ไ ดเปน ฑิต ที ่ด ี ; ตัว สะกดไมเหมือ นกัน แตอ อกเสีย งเหมือ นกัน . เพราะฉะนั ้น ผู ที ่จ ะสึก ออกไปนี ้ จะตอ งรู เ รื ่อ งทิศ ให ถูกตอง แลวก็ปฏิบัติไดเปนอยางดีคือ ทิศ ๖. ต อ ไปจะพู ด เรื่ อ งทิ ศ ๖ โดยตรง. ผมอยากจะให ตั้ งข อ สั ง เกต ตาม หลั กของธรรมชาติ หรือวิทยาศาสตรก็ วิทยาศาสตรตามธรรมชาติ กันอีกทางหนึ่ ง ดว ย ในการที ่เ ราจะรีย งลํ า ดับ ทิศ . ถา เรีย งตามลํ า ดับ ในพระบาลีแ หง สูต รนี้ เขาก็ เอาทิ ศตะวั นออกก อน แล วไล ไปทางทิ ศใต ทิ ศตะวันตก ทิ ศเหนื อ รอบตั ว เหมือ นทีเราพูด กัน อยูโดยมาก แลวจึงไปสูทิศ ขางบน ทิศ ขางลาง ; อยา งนี้ม ัน ก็ ได เหมื อนกั น มั นก็ มี หลั กเหมื อนกั น คื อไล ไปจากทิ ศตะวั นออก ไปทางขวามื อ วนไปทางนี้เรื่อยมาจนบรรจบรอบก็ได ๔ ทิศ บัญ ญั ติตามหลักนั้นไดเหมือนกัน. แต ถ าเราจะเอาตามธรรมชาติ จํ างายแล ว ก็ เอาว า ข างหน า ข างหลั ง, ข างซ าย ข า งขวา, แล ว ข า งบนข า งล า ง, เด็ ก ๆ ก็ จ ะเกิ ด ความเข า ใจได มั น เลยเป น ทิ ศ ตะวัน ออก ทิศ ตะวัน ตก, ทิศ เหนือ ทิศ ใต, ทิศ เบื ้อ งบน เบื ้อ งลา ง. ที ่พ ูด กัน อยู ม ากก็ พู ด ตั้ ง ต น ทิ ศ ตะวั น ออก ทิ ศ ตะวั น ตก ทิ ศ เหนื อ ทิ ศ ใต ; เมื่ อ เอาตาม ตํ า รา ก็เ รีย งไวเ ปน ทิศ ตะวัน ออก ทิศ ใต ทิศ ตะวัน ตก แลว ทิศ เหนือ เปน วงกลมเวี ย นประทั ก ษิ ณ คื อ เวี ย นไปทางขวา. มั น ก็ มี ห ลั ก อั น หนึ่ ง ซึ่ ง มี ลั ก ษณะ คอนขางเปนการปญญัติที่ถือวาศักดิ์สิทธิ์ เวียนขวาไปเรื่อย เปนทิศทั้ง ๔ เสียเลย ; แล ว ก็ เป น ทิ ศ ทั้ ง ๖ ขึ้ น มา.เอาอย า งตามความรูสึ ก สามั ญ สํ า นึ ก แม อ ย า งเด็ ก ๆ

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๔๘๒

ฆราวาสธรรม

ก็วา ขา งหนา ขา งหลัง ; เรามีมือ อยา งนี้เราก็วา ขา งซา ย - ขา งขวา, ขา ง หนาขางหลัง, แลวก็บนหัว และปลายตีนขางลาง. เมื่อมันไดเปนรูปทิศขึ้นมาอยางนี้ ก็ใหรูความหมายวา ทิศทางไหนเขา เอามาใชเปนสัญญลักษณของเรื่องอะไร. ในพระบาลีนั้นพูดถึงทิศตะวันออกกอน คือทิศขางหนา ; คนเรามีหนาอยูตรงไหน ถือวาที่ตรงหนาสําคัญกวาอะไรหมด ก็เอาบิด ามารดาไปบรรจุไวที่นั่น เปนทิศตรงหนา คือ บิด ามารดาโผลขึ้น มา. ทิศขางหลังมันก็ตองเปนคนที่มีความสําคัญนอยกวาเรา หรือวาที่เราลาก ๆ มา ขางหลัง มันก็คือตองเปนบุตร ภรรยา. ในสูตรนี้พูดถึงบุตร ภรรยา ไมพูดถึง สามี ก็เพราะวาตรัสแกคนหนุมผูชาย. ถาจะใชใชเปนหลักทั่ว ๆ ไปดวย ก็ตอง พูด ถึง สามีดว ยเหมือ นกัน . ทีนี้ดูเรื่อ ยมา ซา ย - ขาว : ซา ยคือ เพื่อ น, ขวา คือครูบาอาจารย. มันมีความหมายตางกัน : บิดามารดา บุตรภรรยา, ญาติ มิตร แลวครูบาอาจารย. ที่นี้แหงนขึ้นไปขางบนก็เปน สมณพราหมณ, มอง ไปขางลางก็เปนบาวไพร กรรมกร ทาส คนใช ลูกจาง. นี่เราจะมองเห็นวา มันเปนหลักที่ดีขึ้นมาทันที ครบถวนที่เกี่ยวกับฆราวาสขึ้นมาทันที. ถาเกิดมีผู ถามขึ้น วา เอาประเทศชาติไ ปไวที่ไ หน ไมเ ห็น มีพูด ถึง ประเทศชาติเ ลย คุณ ก็ลองใชสติปญญาดูเองวา จะเอาไปไวที่ทิศไหน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอแรกตองนึกเสียกอนวา เรื่องนี้คําสอนขอนี้พูดแกบุคคล ไมไดพูด แกสังคม ไมไดพูดเปนสวนรวม ; มันก็เลยกลายเปนเรื่องสวนตัวบุคคล ภายใน ครอบครัว ภายในตั วบุคคลเสียมากวา. แต ถึงอยางไรก็ไม เวนที่ จะตอ งมี การ ระลึก นึก ถึงประเทศชาติ ซึ่งมัน เปน ที่ตั้งของทุกสิ่งเหลานี้. ประเทศชาติมัน ก็ ควรจะอยู ใ นทิศ รอบตัว เปน อยา งนอ ย, ก็ค ือ รอบตัว ไปทุก ทิศ ๆ ; ทิศ เบื ้อ ง ขวางทั้ งหมดรวมกั น แล ว มั น ก็ เป น ประเทศชาติ ซึ่ งเราจะต อ งนึ ก ถึ ง และมั น ก็


ทิศทาง ที่ฆราวาส จะตองเดินไป

๔๘๓

เปนที่รวมของ ๔ ทิศนี้. แตจะตองตัดบทใหแคบ มันก็อยูในพวกที่เรียกวา ญาติ และมิต ร คือ ทิศ เบื้อ งซา ย ; เพราะวา คนในชาติก็คือ ญาติแ ละมิต รทั้ง หมด ของเรา. นี่ ดูจะเห็นวาใหความสําคัญแกชาตินอยเกินไปก็ได สําหรับความ รูสึก ของคนบางคน. แตผ มวา รวมอยูใ นทิศ เบื้อ งซา ยคือ ญาติ และมิต ร ทั้งหมดนั่นแหละคือประเทศชาติ. เรามีประเทศชาติก็คืออยูกันอยางเปนญาติ เปนมิตร เปนอันหนึ่งอันเดียวกัน ; ถาไมจุใจก็เอามารวมกันทั้งหมดทั้ง ๔ ทิศ รวมกัน เปนประเทศชาติ ; หรือ วารวมทาจิต ทางวิญ ญาณเขาไปดวย ก็เอา ทั้งขา งบนขางลางดว ยก็ได. นี้ถา หากวา ตัว หนังสือ มัน มิไดป รากฏหรือ มิได มีอยู ขอใหรูจักตีความอยางนี้, ขอใหรูจักขยายความออกไปอยางนี้ โดยไมตอง ตัดประเทศชาติออกไปทิ้งเสีย ซึ่งจะทําใหพระพุทธเจาดูกลายเปนผูที่ไมสัพพัญู คือรูอะไรไมสมบูรณ ไมรอบคอบ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาเกิดความรูสึกขัดของอยางนั้นขึ้นมาแลว ก็ใหถือไวเสียกอนวา มัน เปนความไมรูของเราเอง ที่จะตีความ. ไมจําเปนจะตองไปตีความวา พระพุทธเจา ทานไมเปนชาตินิยม ทานจะไมพูดเรื่องชาติ ถือชาติ ; ไมจําเปนจะตองตีความ อยางนั้น ; จะตีค วามอยางนั้น มัน ก็ไดเหมือ นกัน เพราะเดี๋ยวนี้เราพูด กัน แต เรื่อ งธรรมะ ไมใชเรื่อ งโลก. แมจ ะพูด ถึง เรื่อ งโลก เรื่อ งลูก เรื่อ งเมีย อะไร เหลานี้ แตมันพูดในแงของธรรมมะ ; ไมสรางความรูสึกที่เปนกิเลส เปนชาตินิยม. อยางนี้ก็พอจะมองเห็น. แตอยาลืมวา เรื่องชาตินิยมนี้ก็ยังตองมี และตองเปนธรรมะดวย เหมือ นกัน . ฉะนั้น ถาเราจะมีชาตินิย ม ความรูสึก ที่เปนชาตินี้ก็ใหมัน ถูกตอ ง ตามหลักของธรรมะ เปนชาตินิยมที่มีธรรมะ ก็ยิ่งดี คือรับผิดชอบในความเปน


๔๘๔

ฆราวาสธรรม

มนุษ ยข องเรา เปน พลเมือ งของชาติ แลว ทํ า ใหม ัน เกิด ผลดีที ่ส ุด ; อยา งนี้ ก็เ รีย กวา “ชาติน ิย ม” ในความหมายที ่ด ี. ผู ที ่เ ปน ฑิต เปน บัณ ฑิต ที ่ส ึก ออกไปนี ้ห ลีก ไมพ น ; เพราะวา อยู ใ นโลกที ่ต อ งมีช าติ ที ่ต อ งรับ ผิด ชอบ ; ให ถือหลักความตองรับ ผิดชอบนี้เปนหลัก ใหญ. ถาปราศจากความรับ ผิดชอบแลว ก็ไ มใ ชม นุษ ยที ่ม ีอ ารยธรรม. แลว อยา ลืม วา แมค นปา สมัย หิน ก็เ ริ ่ม มี ความรับ ผิด ชอบ เริ ่ม รู จ ัก สิ ่ง ที ่เรีย กวา ความรับ ผิด ชอบ ; มนุษ ยส มัย นี ้ก ็ยิ ่ง มี ความรับ ผิด ชอบ เปน เครื ่อ งวัด ความเปน มนุษ ย ก็ต อ งรับ ผิด ชอบตอ ประเทศ ชาติ ศาสนา พระมหากษัต ริย  รัฐ ธรรมนูญ ; เพราะสิ ่ง เหลา นั ้น เปน ที ่ตั ้ง ที่รวมของสิ่งเหลานี้ในฐานะที่เปนสวนบุคคล. ที นี้ ก็ ม าถึ ง หลั ก อี ก ข อ หนึ่ ง ว า พุ ท ธศาสนานี้ มี ห ลั ก ที่ ว า จะเล็ ง ไป จากสว นยอ ย ; มัน เปน ปรัช ญาแบบวิเ คราะห หรือ analyse มัน จะถือ เอา หลัก ที่วาใหค นหนึ่ง ๆ ทําดี แทนที่จ ะไปเกณฑใหทุก คนทําดี. เมื่อ ใหค นหนึ่ง ๆ ทําดีแลวก็ไมมีปญหาอะไรเมื่อทําใหไดทุกคน ; แลวทั้งหมดมันก็ดี เพราะมัน practical คือวามันอาจจะทําไดงายกวาที่วาจะไปเกณฑ ใหทุกคนทําดี มันไปบังคับกันยาก. ถ าแต ละคนตั้ งหน าหลั บหู หลั บตาทํ าความดี เสร็จแล วมั นก็ กลายเป นทุ กคนทํ าดี ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ. เพราะฉะนั้นเราจะพูดเรื่องทิศ ๖ ในลักษณะเปนสวนบุคคล ; ในเมื่ อทุกคนปฏิ บัติตามทิศ ๖ ถูกตอง ; มันก็กลายเปนเรื่องสวนรวมของทุกคน หรื อ ประเทศชาติ ที่ ดี ; เพราะฉะนั้ น เราตั้ ง หน า ปฏิ บั ติ ทิ ศ ๖ ให ดี มั น ก็ ห มด ปญหาไดเหมือนกัน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี้ คื อ ข อ ที่ ว า บวชเข า มาเป น นั ก ศึ ก ษาในอาศรมของพระพุ ท ธเจ า นี้ แลว กลับ ออกไปเปน บัณ ฑิต ; แลว ก็ไ ปเปน ฑิต คือ ผูที ่ป ฏิบ ัต ิถ ูก ตอ ทิศ ทั ้ง ปวง จึงจะสมกับที่วาลาบวชสามเดือน หรือวา บวชตามธรรมเนียมประเพณี ของคนหนุม


ทิศทาง ที่ฆราวาส จะตองเดินไป

๔๘๕

ที่วาบวชสามเดือน. หรือพรรษหนึ่ง - สองพรรษาก็ตามใจ ในระยะเวลาอันสั้น ก็แลวกัน ; แลวกลับออกไปเปนฆราวาส นี้มีความมุงหมายอยางนี้ ; ซึ่งที่แท ก็ไมใชความมุงหมายเดิมของพุทธศาสนา. ประเทศที่เขาถือพุทธศาสนาอยางเครงครัดนั้นเขาไมสึกกัน เชนพมา ลังกา เขาไมมี ระเบียบธรรมเนียมสําหรับสึกมาแตเดิม ; ประเทศไทยเราแตเดิม ก็คงจะเปนอยางนั้น ตอมามีระเบียบใหสึกได มีธรรมเนียมใหสึกได มีความนิยม วาสึกได. ความหมายมันก็เปลี่ยนเปนวามาเรียนเรื่องที่จะไปเปนฆราวาสที่ดี กันเสียกอน ; คนหนุมมาบวชเสียสัก ๑ - ๒ พรรษา แลวก็ไปเปนฆราวาสที่มี หู ตา สวา ง ; สํา หรับ ดํา เนิน ชีวิต ใหส มบูร ณใ นฝา ยวิญ ญาณ. แตวา เมื ่อ กอ นนี้ ไมมีก ารศึก ษาอยา งโลก ๆ มัน ก็ไมมีที่ไ หน นอกจากในวัด ; เพราะ ฉะนั้ นการมาบวชในวัด ในสมั ยโบราณมั น ก็ เพื่ อ จะศึ ก ษา ; ก็ ได ทั้ ง ทางเรื่อ ง วิญญาณ เรื่องโลก ๆ เรื่องทางรางกายนี้. อะไรก็เรียนกันในวัด : วิชาอาชีพ ก็เรีย นกัน ในวัด , จนกระทั่ง เรีย นกัน เรื่อ งพระธรรม เรื่อ งมรรค ผล นิพ พาน ก็เรียนกันในวัด.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้นการเขามาบวชในวัดจึงไดวิชาทั้งสองฝายทั้งสองซีก; จึง เปนการถูกตองแลวที่คนควรจะบวชกันเสียสักทีหนึ่งกอน แลวคอยสึกออกไป ; เปนความฉลาด ไมใชความโง. ฉะนั้นควรจะตองถือวา นี้เปนความฉลาดของ วัฒ นธรรมไทย ที ่ใ หบ วชเรีย นกัน เสีย กอ น ; แมไ มใ ชมุ ง หมายเฉพาะของ พุทธศาสนา ซึ่งมีวาสําหรับคนที่ผานโลกเสร็จแลว แลวจะไปหาความสุขชั้นสูง ตอ ไปจึง ไปบวช นั้น เปน หลัก เดิม ทั่ว ไป. แตเมื่อ หลัก เฉพาะกาลเฉพาะกรณี ขึ้นมาวา เรามาเรียนเรื่องนี้ใหรูหนทางไวทุก ๆ อยาง จะไดออกไปเดินทางอยาง ธรรมดาสามั ญ ไดงายเขา อยางเพศฆราวาส แลวก็ตอ งเรียน ; ก็กลายเป น วัฒนธรรมอันใหมขึ้นมา เกี่ยวกับพุทธศาสนาสําหรับคนไทย.


ฆราวาสธรรม

๔๘๖

หรือบางคนเมื่อหนุมไมไดบวช ไปเป นขาราชการอะไรเสีย ก็เป น เรื่อ งลาบวชชั่ว คราวเพื่อ ชดเชย มัน ก็เขา รูป เดิม ; คือ เพื ่อ เรีย นสิ่ง ที่ยัง ไมไ ด เรียน ; ไมควรจะถือวาบวชเอาเปรียบ บวชพักผอนอะไรทํานองนี้ ; เพราะวา เรื่องที่จะตองเรียนนี้ยังมีมากกวาเวลาที่เรามี.แตวาสามเดือนนี้ก็เรียนเรื่องหลัก ธรรมของพระพุทธศาสนาโดยทั่วไป โดยสวนใหญ ; แลวก็เรียนเรื่องที่เกี่ยวกับ ฆราวาส คฤหัส ถ โดยไมขัด กัน กับ หลัก ใหญของพุท ธศาสนา. เพราะฉะนั้น จึงออกไปเปนพุทธบริษัทที่ดี เปนอุบสกอุบาสิกาที่ดีได เปนการสงเสริมพรอมกัน ไปในตัว คือสงเสริมตัวเองดวย สงเสริมประเทศชาติศาสนาดวย ใหเปนไปดวยดี ; นี้ เป น ความมุ งหมายทั่ วไป เป น ทิ วทั ศ น ทั่ ว ๆ ไป จึงขอให ทุ ก ๆ องค ที่ จะลา สิกขาบทนี้มองเห็นอยางนี้. สําหรับครั้งแรกที่จะพูดกันนี้ ก็พูดไดเพียงเทานี้ คือทิวทัศนทั่ว ๆ ไป ในการที่เกิดมาเปนมนุษยพบพระพุทธศาสนา จะตองทําอยางไร ; หรือแมคน ทั่วไปที่ไมอยูในวงพุทธศาสนา ก็จําตองทําอยางนี้ นี้เปนเรื่องที่กลาทา กลาพิสูจน โดยบทวา : - เอหิปสสิโก มาดู - มาดู กลาทาคนทุกคนในโลก หรือผูถือศาสนา อื่นศาสนาไหนก็ตามวา “มาดู - มาดู, อันนี้ดี อันนี้ถูก อันนี้ไมมีทางที่จะถูก พิสูจนใหเหลวแหลกไปได” ; เราก็มีธรรมะที่เปน เอหิปสสิโกอยางนี้ทั้งสําหรับ ผูที่จะครองเรือน และสําหรับผูที่จะไมครองเรือน คือไมมีเหยาเรือน ใหอยูใน ระดับที่เปน เอหิปสสิโก คือที่จะทาทายผูอื่นใหมาดูได. เพราะฉะนั้นขอใหได สิ่งนี้ติดกลับออกไป จากการที่มาบวชแมชั่วคราว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org วันอื่นเราจะไดพูดกันถึงรายละเอียดเกี่ยวแกทิศตาง ๆ วันนี้พูดแตเรื่อง ทิวทัศนทั่ว ๆ ไปเรียกวาเปนการริเริ่มของเรื่องนี้ วามันมีรูปรางอยางไร.

เวลาของเราก็หมด


อุดมคติที่ควรมีตอทิศทั้ง ๖ - ๒ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๑๓ บัด นี ้เ ปน เวลาที ่จ ะไดพ ูด กัน ถึง เรื ่อ งทิศ ตอ ไปจาก ที ่พ ูด คา งไวใ นวัน กอ น. วัน กอ นไดพ ูด กัน ถึง ความหมายของ คํ า ว า “ทิ ศ ” ในทุ ก ความหมายแล ว รวม ๆ กั น ไป ; วั น นี้ ก็จะไดพูดกันใหละเอียดเปนทิศ ๆ เฉพาะทิศ. ความหมายของคําพู ดทุ กคํา มั นมี อยูเป นชั้น ๆ ซึ่งต างกันมาก แล วแต วา คนมีก ารศึก ษา มีส ติป ญ ญาอยา งไร มัน ก็ม องเห็น ลึก ตา งกัน , เพราะฉะนั ้น ในวันนี้เราจะพูดถึงความหมายที่มันลึกและที่เกี่ยวกับสิ่งทีเรียกวา “ทิศ” กลาวคือ บิ ด ามารดา บุ ต ร ภรรยา ครูบ าอาจารย ญาติ มิ ต ร สมณพราหมณ และบ า ว ไพร หกคํ า นี ้เปน สว นใหญ ; ซึ ่ง เปน ชื ่อ ของทิศ ในทางฝา ยจริย ธรรม สมมุต ิว า เรายืน อยู เปน จุด ศูน ยก ลาง แลว ก็ม ีท ิศ หนา ทิศ หลัง ทิศ ซา ย ทิศ ขวา ทิศ บน ทิศ ลา ง ก็ค ือ มีร อบตัว ; เปน สิ ่ง ที ่เราจะตอ งมองเห็น และตอ งปฏิบ ัต ิใ หไ ดผ ล ของมัน ดว ย. การมองเห็น นี ้ จะมองเห็น กัน ลึก ตื้น กี ่ม ากนอ ย ฉะนั ้น เราจึงตอ ง มาทําความเขาใจ เกี่ยวกับความโง ความฉลาดของเรา หรือของคนทั่วไปในเรื่องนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org

๔๘๗


๔๘๘

ฆราวาสธรรม

ภาษาพูดมีความหมายหลายชั้น ดังที่กลาวแลว ; ขอนี้มันแลวแตวา จะเล็งกันในแนวไหน ในแงของอะไร. ถาเล็งกันในแงของวัตถุ มันก็ไปอยาง หนึ่ง, ถาเล็งในแงทางนามธรรม ทางวิญาณ มันก็ไปอีกอยางหนึ่ง ; เล็งในแง ประโยชนอยางโลก ๆ ความหมายมันก็เกิดขึ้นอยางหนึ่ง, เล็งไปในแงประโยชน ในทางธรรมอันลึกซึ้ง ความหมายมันก็มีไปอีกอยางหนึ่ง. ทีนี้ เรามาดูกันในลักษณะที่กวาง หรือที่เขาจะเรียกกันในบัดนี้วา ปรัชญาของมันเปนอยางไร ? ปรัชญาของคําวา พอแม, ปรัชญาของคําวาลูกเมีย เปน ตน เหลา นี้มัน เปน อยางไร ? เมื่อ ถามวา อยางไร ? นี้มัน ก็ตอ งดูกัน วา ในแงไหน ? แงอัน แรก ดูใ นทางวัต ถุ เชน ดูกัน ในแงข องชีว วิท ยาทาวัต ถุ. ถาเราดูกันในแงของชีววิทยา พอแมก็เปนเพียงพอพันธุแมพันธุ เหมือนที่มันทํา ใหเกิดสัตว เกิดพืช เกิดตนไมขึ้นมา ; มันมีพอ พันธุแมพันธุ เปนเพศผู เพศ เมีย ที่จะใหการผสมกันออกมาเปนหนวยใหม.ดูตนไม ดูสัตว พอแมมันก็มีเพียง เทานั้น ; นี่ในแงของชีววิทยา. ถาเราไปดูกันในแงนั้นก็ไมมีจริยธรรม ไมมีอารยธรรม ไ ม ม ี เ รื ่ อ ง ท า ง จิ ต ใ จ ที ่ ส ู ง ส ง อ ะ ไ ร ; มั น ก็ นํ า ไ ป สู  ค ว า ม คิ ด เท า ที ่ จ ะ มองเห็นกันแตในทางวัตถุ และเห็นกันแตประโยชนทางวัตถุ พอแมก็เลยไมมี บุญคุณ. มันมีคนเคยเห็นกันมาอยางนั้น ถือกันมาอยางนั้น เชื่อกันมาอยางนั้น วา พอ แมนี้เ ปน เพีย งพอ พัน ธุแ มพัน ธุ ใหเ กิด ลูก ออกมา ; หรือ ยิ่ง ไปกวา นั้น ก็เพื่อความสนุกสนานของพอแม.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ในหลวงรัชกาลที่ ๖ ทรงนิพนธเปนคําประพันธ ผมจํามานานแลว หนังสือนั้นเดี่ยวนี้จําไมคอยได จะผิดถูกอยางไรบางลองฟงดู, ใจความยังมีอยูวา เขาให ชี วิ ต เรา มิ ใช ให ดั่ งให ท าน กฎธรรมดาท า น ว าเป น ของไม น า อั ศ จรรย


อุดมคติที่ควรมีตอทิศทั้ง ๖

๔๘๙

นี้เปน คําพูด ฝายอธรรมพูด ชัก ชวนเกลี้ย กลอ มชาวบาน. เขาใหชีวิตเรา มิใช ใหดั่งใหท านนั้นหมายความวาที่พอ แมใหชีวิตเราเกิดมานั้น มิใชเปนการให, ไม มี ผู ให หรือ ผู รับ อย า งให ท าน ; แต มั น เป น กฎธรรมดา ซึ่ งสื บ พั น ธุ กั น ตาม ธรรมดา ; เพราะฉะนั้ น เราไม ต อ งเห็ น แก พ อ แม ไม ต อ งเคารพพ อ แม ; นี่คําพูดฝายอธรรมเปนอยางนี้. นี่อยาเห็นวาเปนของบรมโบราณ ที่แทมันเคย มีผลมาแลวอยางไร มันก็ยังมีผลมาจนกระทั่งบัดนี้. มีนิทานที่ผมชอบเลา เรื่องจริงที่ชอบเลา แลวก็ไมคอยจะนาเลา วา ผูสําเร็จปริญญามาจากเมืองนอกคนหนึ่ง เปนผูหญิง กลับมาถึงเมืองไทย ใชแม อยางคนใช จนกระทั่งแมทนไมไหว. วันหนึ่งทนความกรฟดกระเฟยดของลูก ตนที ่ใชแ มอ ยา งคนใชนั ้น ไมไหว ;แมก ็อ อกปากวา ลูก ชา งไมรูบ ุญ คุณ ของ พอแมเสียเลย. ลูกสาวก็ตวาดเอาวา แมซิไมรูบุญคุณของฉัน, ฉันไปเมืองนอก ฉันไปหาเกียรติยศชื่อเสียงมาใหแม. นี่เรื่องมันกลับกันเสียอยางนี้ ; เปนเรื่อง จริงที่ในกรุงเทพ ฯ เปนเรื่องจริงที่ควรจะเลากันอยูบอย ๆ ; ไมตองออกชื่อก็ได มันกกระทบกระเทือน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่เขากับ รูป เรื่อ งที่วา “เขาใหชีวิต เรา มิใช ใหอ ยางใหท าน เปน กฎธรรมดามิใ ชเ ปน ของนา อัศ จรรย”; คือ มอดูใ นแงข องชีว วิท ยา พอ แม เปน เพีย งหนวยพอ พัน ธุแ มพัน ธุ ที่จ ะออกลูก ออกมาใหม ; ไมมีค วามหมาย ทางจริย ธรรม หรือ ทางอุด มคติ. การมองในแงวัต ถุอ ยา งนี ้ก ็อ าจมองไดอ ีก หลายอยาง.

ในแงที่ ๒ มองสูงขึ้นมาหนอย ก็มองวาในแงทางสังคมมนุษ ย. มนุษยวิทยา หรืออะไรก็ตามใจ ผมก็เรียกไมคอยถูก. พอแมก็คือผูที่เปนผูรับ


๔๙๐

ฆราวาสธรรม

ผิด ชอบ ตอ บุต ร แกบ ุต ร ; บุต รในความรับ ผิด ชอบของพอ แมท างสัง คม . พ อ แม ก็ ต อ งรั บ ผิ ด ชอบแก บุ ต ร ต อ บุ ต ร คื อ จะต อ งเลี้ ย งดู บุ ต รในฐานะเป น ความ รั บ ผิ ด ชอบ หรื อ หน า ที่ ใ ห มั น ดี ตามที่ เขารู สึ ก กั น อยู ทั่ ว ๆไปในวงสั ง คม. อย า งนี้ มัน ก็ย ัง ดีก วา ที ่จ ะ ม อ งกัน ใน แ งช ีว วิท ย า เปน วัต ถุล ว น ๆ ;คือ เกิด ห นา ที่ ภาระผูก พัน ที ่จ ะตอ งทํ า ใหด ี แลว สัง คมก็ด ี โดยที ่พ อ แมเ ปน พอ แมจ ริง ทํ า ลูก ใหเปนลูกขึ้นมาจริง ๆ . ในแง ที่ ๓ ระดั บ สู ง คื อ มองกั น ในแง ฝ ายวิ ญ ญาณ ฝ ายธรรมะ ฝ าย ศาสนา ฝ า ยอุ ด มคติ สู ง สุ ด ; เราเรีย กกั น ว า อุ ด มคติ ท างฝ า ยวิ ญ ญาณก็ แ ล ว กั น . อุดมคติฝายวิญญาณ ตามหลักพุทธศาสนาก็คือวาพอแมเปนพระพรหมของลูก เปนอาจารยคนแรกของลูก เปนพระอรหันตของลูก ;นี้มันมากกวาความหมาย ในแงส ัง คม ที ่เ ขาถือ ๆ กัน ทั ่ว ไป. ความหมายที ่ม ัน รวมที ่ส ุด อยู ท ีพ อ แมนั ้น เป น ผู ใ ห ชี วิ ต ; ชี วิ ต นี้ ไ ด ม าจากพ อ แม เพราะว า มั น เกิ ด เองไม ไ ด อะไรทํ า นองนี้ ; เปน ผู ใ หช ีว ิต ใหต ัว ตน ในบุค คลอะไรนั ้น มาทีเดีย ว. แตแ ลว มาเปน อะไรบา ง ; คนพาลก็ เห็ น อย า งหนึ่ ง บั ณ ฑิ ต เห็ น อย า งหนึ่ ง คนมี ป ญ ญาตื้ น ก็ เห็ น อย า งหนึ่ ง คนมีปญญาลึกก็เห็นอยางหนึ่ง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้ น เราจึ ง วางหลั ก ว า ในแง ข องชี ว วิ ท ยานี้ มั น เป น อะไร, ในแงของสั งคมวิ ทยานี้ มั นเป นอะไร, แล วในแงของอุ ดมคติ ทางฝ ายวิญ ญาณสู งสุ ด มั น เป น อย า งไร. จํ า ตั ว อย า งพระพุ ท ธรู ป ไว สั ก สิ่ ง หนึ่ ง ก็ ไ ด : ในแง ข องวั ต ถุ ว า พระพุท ธรูป องคเ ล็ก ๆ มีค า เทา กับ ปลาทูส องเขง ที ่ซื ้อ มาดว ยเงิน เทา กัน . แต ในทางสัง คมเขาก็ไ มไ ดถ ือ กัน อยา งนั ้น ไมไ ดถ ือ ทางวัต ถุ: เขาถือ เปน วัต ถุ สํ า หรับ ใหเ กิด ประโยชนอ ะไรมากกวา นั ้น . ยิ ่ง ในแงอ ุด มคติ พระพุท ธรูป ก็เ ปน ตั ว แทนของพ ระพุ ทธ ของพ ระธรรม ของพระสงฆ ก็ ไ ด ; ไม ใ ช มี ค า เท า กั บ


อุดมคติที่ควรมีตอทิศทั้ง ๖

๔๙๑

ปลาทู ส องเข ง . นี่ คุ ณ ลองจํ า ข อ เท็ จ จริ ง อั น นี้ ไ ว สํ า หรั บ เปรี ย บเที ย บ ตี ค า ของสิ่ ง ตาง ๆในแงตาง ๆ แลวจะไดเลือกเอาแงที่มันเปนประโยชนที่สุด. พอ แมไ มใ ชเ ปน เพีย งพอ พัน ธุแ มพ ัน ธุ  ที ่ใ หเ กิด ลูก ออกมา ; แตเ ปน ผู ที ่เ ปน อยา งนั ้น เปน ผู ที ่เ ปน อยา งนี ้ กระทั ่ง เปน พ ระอรหัน ตใ นครอบครัว . ถาถือ ตามอุด มคติข องพุท ธบริษัท แลว พอ แมเปน พระอรหัน ตป ระจํา ครอบครั ว ; จงจํ า ไว บ า ง, เป น ที่ ใ ห เกิ ด บุ ญ แก ลู ก ; คํ า ว า พระอรหั น ต เขามุ ง หมาย อยา งนั ้น . ลูก จะตัก ตวงเอาบุญ ออกมาไดจ ากพอ แม คือ การปรนนิบ ัต ิพ อ แม ด วยความกตั ญ ู ก ตเวที ; เพราะฉะนั้ น พ อ แม ก็ เป น ที่ ตั้ งแห งความกตั ญ ู ก ตเวที ; นี้ ล องทบทวนดู ใ ห ดี . ในแง ข องชี ว วิ ท ยาพ อ แม ก็ เป น พ อ พั น ธุ แ ม พั น ธุ เท า นั้ น เอง ; เหมือ นพอ ควาย แมค วาย หรือ เพศผู เ พศเมีย ในตน ไม. ในแงข องสัง คมวิท ยา พ อ แม นี้ เ ป น ผู ต อ งรั บ ผิ ด ชอบต อ บุ ต ร. แต ว า ในแง ข องอุ ด มคติ ท างฝ า ยวิ ญ ญาณ ในทางพุทธศาสนา ถือวาพอแมเปนพระอรหันตของครอบครัว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้ น ทิ ศ ที่ ห นึ่ ง ทิ ศ เบื้ อ งหน า คื อ พ อ แม มี ค วามหมายอยู อย า งนี้ ; ต อ งเพ ง ดู ในลั ก ษณะอย า งนี้ ว า เป น ทิ ศ เบื้ อ งหน า มาก อ นและสํ า คั ญ ว า . ระวัง ใหด ี ใหค งเปน ทิศ เบื ้อ งหนา อยู เ รื ่อ ย ในเรื ่อ งพอ แมนี ้ ; เดี ๋ย วพ อไป มี เมีย เขา ไขวไ ปเอาภรรยามาเปน ทิศ เบื ้อ งหนา เอาพอ แมไ ปไวท ิศ เบื ้อ งหลัง ก็เ ปน เรื ่อ งที ่เ หลวไหลสิ ้น ดี ; ระวัง อยา ใหม ัน เปน อยา งนั ้น คือ เอาอะไรที ่ต นชอบ ตนพอใจเปน เบื ้อ งหนา มัน ก็ค ือ เอาเรื ่อ งที ่ก ิเ ลสชอบนั ่น แหละเปน เบื ้อ งหนา . ที่ ถู ก เราต อ งเอาสิ่ ง ที่ ถู ก ต อ ง ที่ เป น ธรรมะ มี อ ยู จ ริ ง อย า งไร มี ค วามถู ก ต อ งเป น เบื้องหนา.

ที นี้ เราจะดู รวดเดี ย วไปเสี ย ให ห มดก อ นจะดี ก ว า จะง า ยแก ก ารเข า ใจ : ทิ ศ เบื้ อ งหลั ง คื อ บุ ต ร ภรรยา บุ ต รมาก อ นคํ า ว า ภรรยา สํ า หรั บ ภาษาบาลี ;


๔๙๒

ฆราวาสธรรม

ถึง แมใ นภาษาไทยก็พ ูด วา ลูก เมีย ไมพ ูด วา เมีย ลูก . เราก็ต อ งดูกัน ถึง คํา วา บุต รกอ น. ดูง า ย ๆ ในทางวัต ถุ ทางชีว วิท ยา ลูก ก็ค ือ ผลของการสืบ พัน ธุ เหมือ นสัต วแ ละตน ไม ; ทางวัต ถุก็มีเพีย งเทา นี้ เปน ปฏิริย าออกมาตามกฎ ของธรรมชาติ เทานั้นเอง. นี่ก็ไปเขากับบทเมื่อตะกี้อีกวา เขาใหชีวิตเรา มิใช ใหดั่ง ใหท าน กฎธรรมดาทา น ไมเ ห็น วา นา อัศ จรรย ; ทางวัต ถุ ลูก ก็เ ปน แตเพียงเปนกอนอะไรกอนหนึ่ง ที่มันออกมาจากการสืบพันธุของพอแม. สวนทางจริยธรรมของสังคม ที่ เขาถื อ กัน มาแตโบราณ หรือตาม ความรูสึกตามธรรมชาติในทางโลก ๆ ลูกนี้ก็คือเครื่องปลื้มใจของพอแม : พอ คลอดลูกออกมา หรือกอนคลอดก็ตาม ลูกนี้เปนวัตถุที่หวังที่ปลื้มใจของพอแม. ถาความรักตามสัญชาตญาณ มันก็พอใจเหมือนสัตวรักลูกก็พอใจ ; แตคนคิดได มากกวานั้น มันจึงเปนเครื่องปลื้มใจมากกวา ; ควรจะเปนสิ่งที่มีความหมาย ตามคํ าวา บุ ต ร. ปุ ตตะ หรือปุ ตระ ศั พ ทนี้ มี ค วามหมายมาแต โบราณ ตาม ความเชื่อของชาวอินเดีย ซึ่งเปนเจาของภาษานี้วา ผูที่จะยกบิดามารดาขึ้นเสีย จากนรก, นรกคือความเปนทุกขนานาชนิด. พอบุตรมีมาก็ปลื้มใจวา ยกนรก ในอกที ่ม ีค วามรอ นใจออกไปไดป ลื ้ม ใจ ดีใ จวา ไดสิ ่ง ที ่เรารัก ที ่ส ุด ที ่จ ะสืบ ตระกูลของเรา ที่จะทําบุญ อุทิศใหเราเรื่อยไป ในเมื่อเราตายไปแลว ; นี่เปน เรื่อ งปลื ้ม ใจอยา งนี ้ จึ่ง กํ า จัด เสีย ซึ ่ง นรก คือ ความรอ นใจ.บุต รเปน เครื่อ ง ปลื้มใจแกบิดามารดาอยางนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ในสังคมธรรมดาสามัญ ก็เห็นวาบุตรจะเปนผูสืบตระกูล ; มันเห็น แกตัว เห็นแกชาติพันธุก็อยากจะสืบสกุล . เรามีทรัพยสมบัติ เราไมอยากให แกใคร ก็ใหลูก ; ใหลูก ชวยรักษาตระกูลไว. เดี๋ยวนี้อาจจะเลวลงไปกวานั้น คือ บุต รในบางแงบ างกรณีก ลายเปน สิน คา ไปก็ได นา หัว เราะ ; เมือ งไทยนี้


อุดมคติที่ควรมีตอทิศทั้ง ๖

๔๙๓

ลูก สาวขายแพง, เมือ งอิน เดีย ลูก ชายขายแพง. นี ่แ ลว แตค วามนิย ม หรือ ขนบธรรมเนี ย มประเพณี อุ ต ส า ห ท ะนุ ถ นอมลู ก เอาไว ข ายราคาแพง ๆ ; พู ด กั น ตรง ๆ อย า งนี้ มั น จะหยาบคายไปบ า ง. นี่ เป น ความรูสึ ก ทางสั งคมชั้ น ที่ ค อ นข า ง จะต่ํา. ในแงที่ ๓ ที่วาทางอุดมคติทางฝายวิญญาณ นี้ มันยิ่งกวา ที่วาจะเป นผู ยกบิ ดามารดาจากนรก มั นยิ่ งไปกวานั้ นอี ก คื อวาลู กนี้ ควรจะเป นผู ที่ ถู กมุ งหมายไว สํ า หรับ เปน ผู ที ่จ ะเดิน ทางตอ ไปเรื ่อ ย ๆ จนกวา มนุษ ยจ ะถึง พระนิพ พาน หรือ พระเจา ก็ต ามใจ. วิว ัฒ นาการของธรรมชาตินั ้น มีค วามมุ ง หมายที ่จ ะใหด ีขึ ้น , คื อ วิ วั ฒ นาการทางจิ ต นั้ น มั น หมายความว า ดี ขึ้ น จนบรรลุ ถึ ง ความเป น อั น หนึ่ ง อัน เดีย วกับ พระเจา หรือ นิพ พาน. เมื ่อ คนไมถ ึง ไดใ นชาติเ ดีย ว ก็ม ีบ ุต ร เหลื อ ไว สํ า หรั บ สื บ ต อ การเดิ น ทางให เดิ น ไป ๆ จนกระทั่ ง วั น หนึ่ ง ชาติ พั น ธุ ใ น นามของมนุษยนี้จะถึงนิพพาน หรือถึงพระเจา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฉะนั้นถาใครจะมีบุตรที่เปนอุดมคติก็อยาไปคิดในแงต่ํา ๆ ใหคิดใน แงที่ จะสรางสรรค บุ ตรให มี ความสู งทางวิ ญ ญาณ จนกว าจะเดิ นทางไปถึ งนิ พ พาน หรือ พระเจา ; ในชว งชีว ิต นี ้เ ราไปไมถ ึง ลูก ก็จ ะไปถึง ; ลูก ไปไมถ ึง หลานก็จ ะ ไปถึง เหลนมัน จะไปถึง ; ควรจะคิด อยา งนี ้ม ากกวา แลว จะไมม ีค วามทุก ข จะมีความสบาย มีความกาวหนา.

ทบทวนดูก ็จ ะเห็น ไดว า ลูก ในแงข องวัต ถุ ก็เ ปน ผลิต ผลของการ สืบ พัน ธุ ข องพอ พัน ธุ แ มพ ัน ธุ . ในแงข องสัง คม หรือ มนุษ ยวิท ยา ลูก ก็เ ปน ผู สื บสกุ ล ให ความสบายใจพอใจแก บิ ดามารดา. ตามอุ ดมคติ สู งสุ ดของพุ ทธศาสนา หรือศาสนาในลั กษณะเดี ยวกั น ก็ มุ งหมายให ลู กให เป นผู รับมรดก การเดิ นทางไป


๔๙๔

ฆราวาสธรรม

นิ พ พานเรื่ อ ย ๆ ไป จนกว า จะถึ ง นิ พ พาน. นี่ เรามองดู กั น ระยะยาว มองดู ค วาม มุงหมายของชีวิตในดานลึก บุตรควรจะเปนอยางนั้น. ท ีนี ้ ม ีคํ า วา ภ รรย า พ ว งท า ย ; ภ รรย าค ือ อ ะ ไรขึ ้น ม าอีก . ถา มองดู ใ นแง วั ต ถุ ชี ว วิ ท ยาก็ อ ย า งเดี ย วกั น อี ก : ภรรยาก็ คื อ แม พั น ธุ ผู ที่ จ ะมาเป น แม พั น ธุ เหมื อ นที่ เ ป น กั น ในสั ต ว เดรั จ ฉาน ในต น ไม ; สตรี ก็ ม าเป น ฝ า ยแม พั น ธุ จะไม พู ด ถึ ง ก็ ไ ด ใ นแง นี้ . ถ า ในแง ข องสั ง คมวิ ท ยามนุ ษ ยวิ ท ยา หรื อ อะไรวิ ท ยา เทือ กนั ้น เดี ่ย วนี ้ก ็ด ูว า สตรีเ ปน ไปเพื ่อ ประโยชนแ กผู นั ้น ในทางบา นเรือ น; เปน คู ทุ ก ข คู ย าก คู ทํ า มาหากิ น อย า งนี้ ก็ นั บ ว า มี ค วามหมายที่ ดี อ ยู ; แต เ ดี๋ ย วนี้ มั น ต่ํ า ลงมาถึ ง ขนาดว า เป น เครื่ อ งสํ า หรั บ หลงใหล, เป น สิ่ ง สํ า หรั บ ความหลงใหล, เป น สิ่ ง สํ า หรั บ ความโอ อ วด, เป น สิ่ ง สํ า หรั บ วั ด ฐานะ, เป น เครื่ อ งวั ด ฐานะอย า งนี้ . ผู ช ายอุ ต ส า ห เ ล า เรี ย นเกื อ บเป น เกื อ บตาย ก็ เ พื่ อ ที่ จ ะหาภรรยาที่ มี ฐ านะ เป น เครื ่อ งวัด ฐานะ วา สวย หรือ วา ดี หรือ อะไรก็ต าม ใจ มัน เปน เสีย อยา งนี ้. ผู ห ญิ ง ก็ ก ลายเป น วั ต ถุ อ ะไรอั น หนึ่ ง สํ า หรั บ เป น ของเล น หรื อ อะไรสํ า หรั บ ใช เป น เครื่ อ งมื อ ทํ า นองอย า งนี้ ; ไม เ ป น อุ ด มคติ . มั น เป น ไปตามความรู สึ ก ธรรมดา สามั ญ ของกิ เลส ; เป น เหตุ ใ ห ผู ห ญิ ง สาละวนแต ใ นเรื่ อ งที่ จ ะทํ า ให เกิ ด ความสวย ความงาม ไมม ีค วามคิด อะไรมากไปกวา นั ้น ; กลายเปน หากิน ดว ยความงาม ไปเสี ย มั น ก็ เป น เรื่ อ งหลอกลวงง ถ าภรรยาตกอยู ในลั ก ษณะอย า งนี้ แ ล ว มนุ ษ ย นี้ ก็ ลุ ม หลงมาก โง ห ลงมาก ; ถ า เป น ฝ า ยที่ มี ค วามหมายสํ า หรั บ เป น คู ส ร า งสรรค ความเจริญแกครอบครัว เชนนี้ก็นับวาดี.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถ า มองกั น ในแง ลึ ก พ น เหนื อ ความรู สึ ก ของกิ เ ลส เป น อุ ด มคติ ท าง วิญญาณอยางนี้ ก็ตองพูดวา ภรรยาสามีนี้เปนคูเดินทางหรือเปนเพื่อนเดินทาง สํ าห รั บ ไป นิ พ พ าน เห มื อ น กั น . เรื่ อ งนี้ มั น ต อ งพู ด กั น ย าว แต ก็ ส รุ ป ได ว า


อุดมคติที่ควรมีตอทิศทั้ง ๖

๔๙๕

มนุ ษ ย ทุ ก คนเกิ ด มาสํ า หรับ เดิ น ทางไปนิ พ พาน มั น จึ งจะจบเรื่อ ง ; เพราะว า นิพพานนี้ตองผานโลกดีเสียกอน. การผานโลกดี มันก็หนีการสืบพันธุไปไมพน. จะหนีการที่จะมีคูผัวตัวเมียสําหรับการสืบพันธุไปไมพน ในเรื่องการผานโลกนี้. ผานโลกดี มันตองมีคูผัวตัวเมียที่ดี ที่ใหความรูความเจนจัดในทางฝายวิญญาณ วาชีวิตเปนอยางไร ? บ านเรือนเป นอยางไร ? ลูกผัวเป นอยางไร ? อะไรเป น อยางไร ? นี้ จนรูจักสิ่งเหลานี้ดี จนเฉยได จนเบื่อระอาได. ถาผานไปไดไมดี ก็ไมรูจักเบื่อ ไมรูจักระอา ไมรูจักเฉย. เพราะฉะนั้นผัวเมียที่ดีจะตองชวยกัน และกัน ใหเกิดความสวางไสวในทางวิญญาณ ; ไมใชเพื่อใหมาลุมหลงอยูที่นี่. เพราะฉะนั้นภรรยาก็ควรจะเปนเพื่อนคูหูเดินทางไปนิพพานของสามี ; สามีก็ เปนคูเดินทางไปนิพพานของภรรยา. พระพุทธภาษิตในสูตรนี้พูดถึงแตบุตรภรรยา ; เพราะเขาพูดแกผูชาย คนที่กําลังฟงนั้นเปน ผูชาย จึงพูดถึงแตบุตรภรรยา. ถาพูดทั่วไปก็ตองพูดวา บุตรภรรยา และสามี. แมวาเวลานี้ คนหนุมคนนี้เขาจะนึกไปในทํานองวาเปน คูสนุกสนาน ในการแสวงหาความสนุกสนานในทางเนื้อหนังก็ตามใจ มันก็เปน ชั่วขณะ ; แลวก็รูความหมายทั้งหมดของธรรมชาติ ของวิวัฒนาการนี้วามนุษย ตอ งไปนิพ พานเปน ที ่ส ุด เปน ที ่ส ุด จุด หมายปลายทาง, เพราะฉะนั ้น การมี ภรรยาสามีก็เพื่อจะเปนคูทุกขคูยาก บุกบั่นไปในการเกิดทาง เพื่อจะไปนิพพาน; อยา มาติด ตัน อยูที่นี่ มัน จะนา สมเพช แลว จะไมดีไ มก วา สัต ว หรือ ตน ไม. เมื่อมนุษยมีใจสูงลิบไปกวาสัตวและตนไม ก็ควรจะเดินทางไดไกลกวา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุณอาจจะเห็นวา นี่เปนเรื่องมากไปเสียแลวก็ได ที่พูดวาแมกระทั่ง ลูก ก็ต อ งเปน ผู รับ มรดกการเดิน ทางไปนิพ พาน, ผัว เมีย นี ้ก ็เ ปน ผู ที ่จ ะเปน เพื่อ นทุก ขเ พื่อ นยาก ในการเดิน ทางไปนิพ พาน ไมใ ชม าติด ตัน อยูใ นที่นี่ ; ใหมองไปในแงเปนอุดมคติสูงสุด.


๔๙๖

ฆราวาสธรรม

พู ด กั น แต เพี ย ง ๓ ชั้ น นี้ พ อแล ว มากนั ก มั น ก็ จ ะยุ ง ว า ในแง วั ต ถุ ทางชีว วิท ยา บิด ามารดา ผัว เมีย ลูก เปน อยา งนี ้ ; ในแงท างสัง คมวิท ยา หรื อ มนุ ษ ยวิ ท ยา หรื อ อะไรเทื อ กนั ้ น พ อ แม ผั ว เมี ย ลู ก เป น อย า งนี ้ ; ในทางอุ ด มคติ สู งสุ ดทางฝ ายวิ ญ ญาณ ( spiritual )ก็ ไกลไปกว านั้ น คื อ เป น เรื่อ ง เกี่ยวกับจุดหมายปลายทางของมนุษยคือพระเจา หรือนิพพาน. ทิศตอไปก็พนจากเรื่องทางวัตถุแลว คือครูอาจารย ญาติ มิตร สมณพราหมณ บาวไพรนี้. ทิศเบื้องขวา คือครูบาอาจารย ในทางวัตถุ ในทางชีววิทยา ไมม ีค วามหมายอะไร, คือ ไมใ ชเ ปน เรื่อ งทางวัต ถุ เพราะฉะนั้น เราจะไมพ ูด ; ก็ เ หลื อ แต ท างสั ง คมวิ ท ยา หรื อ สั ง คมมาตรฐาน .เขาก็ ม ั ก จะเห็ น กั น ว า ครูบ าอาจารยนี ้ เปน คนรับ จา งสอนหนัง สือ เปน อาชีพ .เขามัก จะมองอาจารย กัน แตเ พีย งวา อาจารยนี ้เ ปน ผู รับ จา งสอนหนัง สือ . สอนวิช าความรู เ พราะ เป น อาชี พ ; อย า งมากก็ เ ป น เพี ย งที่ ป รึ ก ษาหารื อ ในป ญ หาต า ง ๆ แล ว ก็ ไ ด ประโยชน แ ก ก ั น และกั น ในทางวั ต ถุ . แต เ มื ่ อ เรามองในแง ที ่ ส ู ง ขึ ้ น ไป เป น อุดมคิดในฝายวิญญาณแลว ก็ตองมองเห็น แลวพูดออกมาวา ครูบาอาจารยเปน ผูนําทางฝายวิญ ญาณ ; หรือวาเปน ผูย กสถานะทางวิญ าณของคนเราใหสูง ขึ้ น ในระยะต น ๆ ; เพราะว าครู บาอาจารย นี้ ห มายถึ ง ผู ที่ เป น ครู บาอาจารย ทั่ ว ไป ตามบ า นตามเมื อ ง ที่ เป น การศึ ก ษาในเบื้ อ งต น , อบรมมารยาทในเบื้ อ งต น , อบรมศีลธรรมในเบื้องตน ; แตถึงกระนั้นก็ควรมองกันในฐานะเปนผูนําของคนเรา ในทางวิญญาณ ไมใชลูกจางสอนหนังสือเลี้ยงชีวิต.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เดี๋ ยวนี้ เด็ ก ๆ แทบวาจะทั้ งหมดมองครูบาอาจารย ในฐานะเป นลู กจ าง รับ จ า งพ อ แม ข องเรา, รั บ จ า งรัฐ บาลซึ่ ง อยู ได ด ว ยพ อ แม ข องเรานี้ , เป น ลู ก จ า ง สอนหนั ง สื อ ให แ ก เ รา ก็ เ ลยไม เ คารพเป น ปู ช นี ย บุ ค คล. สมั ย โบราณเขาให


อุดมคติที่ควรมีตอทิศทั้ง ๖

๔๙๗

เด็ก ๆ มองครูบาอาจารยเปนปูชนียบุคคล ผูมีพระคุณสูงสุด ไมใชลูกจาง. ทีนี้ วัฒนธรรมตะวันตกไมสอนอยางนี้ สอนใหเปนเพื่อนกัน สอนใหลดลงมา เปน ทํ า นองไมใ ชป ูช นีย บุค คล. โลกมัน จึง ป น ปว นวุน วาย ระส่ํ า ระสาย เพราะ วัฒนธรรมบา ๆ บอ ๆ แบบนั้น. พวกเราที่เปนไทยพุทธบริษัทนี้จะตองถือวา ครูบาอาจารยนี้เปนปูชนียบุคคลสูงสุด ระดับหนึ่ง, เปนผูยกสถานะทางวิญญาณ ของกุลบุตรใหสูงขึ้นในระดับแรก ; ทิศเบื้องขวามีความหมายอยางนี้. ทิศเบื้องซายคือ ญาติและมิตร. ญาติก็หมายถึง ผูที่สืบสายโลหิต โดยตรง อันไดแกเปนญาติทางสายโลกหิต ; และเปนญาติในทางธรรม ก็คือเปน ญาติโดยทางมีความเขาใจตรงกัน ในทางอุดมคติ ก็ไดมาเปนพวกกัน ชวยเหลือ เกื้อกูลแกกันและกันในทางธรรม ก็เรียกวาเปนญาติในทางธรรม. ความหมาย สําคัญมันอยูที่ ชวยเหลือเกื้อกูลกัน. แมเปนญาติโดยสายโลหิต ถาไมชวยกัน ก็น ับ วา ไมใ ชญ าติ. สว นคนที ่ไ มใ ชญ าติโ ดยสายโลหิต แตเอื ้อ เฟ อ เกื้อ กูล ชวยเหลือคุนเคยผูกพันกันอยู ก็กลายเปนญาติ, และกลับจะเปนญาติมากเสียกวา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คําวา “ญาติ” มาจากคําวารู คือ รูสึก ; รูสึก วา เปน ผูที่เราตอ ง รับรูหรือรูสึก หรือสนใจอยูเสมอ. สวนคําวา “มิตร” นั้นหมายถึงความรักใน ทางเมตตา ; พอมีความรักก็เปนมิตรขึ้นมาทันที. รวมแลวไปดวยกันได คําวา “ญาติ” กับ “มิตร” นี้มีหัวใจคลายกัน ; เพราะฉะนั้นจึงเอามาไวทิศเดียวกันทั้ง ญาติทั้งมิตร. สองสิ่งนี้ไมมีความหมายในทางวัตถุ ไมสามารพบัญ ญั ติความ หมายอะไรไดในทางวัตถุ ; ไมเหมือนกับลูกเปนวัตถุออกมาจากพอพันธุแมพันธุ; แตจะมีความหมายทางสังคม. คือวาเห็นอยูไดงาย ๆ วา เปนผูที่ชวยเหลือกัน รวมทุกขรวมสุขแกกัน : เปนสิ่งที่นํามาซึ่งความปลื้มใจ ในเมื่อธุระการงานเกิดขึ้น. อยูในโลกมันเต็มไปดวยธุระการงาน และการงานเปนของหนัก. ทีนี้การงานเปน


๔๙๘

ฆราวาสธรรม

ของเบาไปไดก็เพราะมีมิตรรอบดาน ; สิ่งตาง ๆ สําเร็จไปไดก็เพราะการรวมมือ ของคนทุกคนที่เปนมิตร. นี่ทางสังคมมันก็เปนอยางนี้ในระดับกลาง ๆ . ในระดับสูงเปนอุดมคติฝายวิญญาณ มิตรก็ไมใชอยางอื่นอีก ก็ตอง เปน เพื่อ น เคีย งขา งกัน ไป สํา หรับ ไปนิพ พานอีก เหมือ นกัน ; เพราะฉะนั้น มิตรที่แทจริงก็ไดแกผูที่คอยชวยเหลือตักเตือน ซึ่งกันและกัน, ประคับประคอง ซึ่งกัน และกัน ใหดําเนินไปแตในทางดี และสูงไปทางนิพ พาน ; เปน เพื่อ นที่ คอยตัก เตือ นเมื่อ เราเผลอ. เพื่อ นจะคอยใหส ติ อยา ใหลืม หรือ หลงทาง จนกระทั่งวาไปถึงนิพ พาน ; คอยกระซิบ ขางหู ไมใหลืม ได แมในวินาทีที่จ ะ ตายแลว. นี้จึ่งจะเรียกวาเปน อุด มคติของคําวามิต ร. สวนอุด มคติที่กิน เหลา ดวยกัน เที่ ยวผูห ญิ งดวยกันอะไรนั้ น เป นมิต รอยางภู ตผีปศ าจ ไมรวมอยูใน ความหมายนี้ ไมเปนอุดมคติอะไร ; แลวจะกลายเปนเรื่องทางวัตถุ คือเพื่อน กินเหลา เพื่อนสํามะเลเทเมา เปนเรื่องเนื้อหนังไป.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ความหมายของคําวา สมณพราหมณ ทิศเบื้องบน เบื้องสูง บนหัว คือสมณพราหมณ. บางคนอาจจะไมเคยฟงคําวา สมณพราหมณ ; จะจํากัด ความสั้ น ๆ เพื่ อ ให งายแก ก ารจดจําหรือ เข าใจวา สมณะ หมายถึงบรรพชิ ต ประเภทที ่ไ มค รองเรือ น ; พราหมณ เปน บรรพชิต หรือ ครึ่ง บรรพชิต ที่ ครองเรือ น แตก็ทํา หนา ที่ค ลา ย ๆ กัน . พระในบา นเรือ น ตามบา นเรือ น มีก ารครองเรือ น มีลูก มีเมีย ก็เปน พระประเภทหนึ่ง เขาเรีย กวา พราหมณ. พระที ่ไ มม ีก ารครองเรือ น คือ ไปไกลมาก อิส ระมาก สูง มาก เขาเรีย กวา สมณ ะ.เอามาบวกกัน เรีย กวา สมณ พราหมณ แปลวา สมณ ะ และ พราหมณ.นี้มันเปนภาษาอินเดีย ชาวอินเดียพูด พระพุทธเจาพูดอยางภาษา ของชาวอินเดีย ก็พูดวาสมณพราหมณ ; ตามที่มีอยูจริงในสมัยนั้น.


อุดมคติที่ควรมีตอทิศทั้ง ๖

๔๙๙

สมณะก็คือนักบวชที่ไมมีการครองเรือน เชนเดียวกับองคพระพุทธเจา เอง รวมทั้งนั กบวชเหลาอื่น. ทํ าหนาที่เหมือ นกัน คือ การยกสถานะทางฝาย วิญญาณ หรือแกไขปญหาทางฝายวิญญาณในระดับสูง. พวกพราหมณเปนพวก ครองเรือ น ก็ไ ปสูร ะดับ สูง ไกลนัก ไมไ ด ; หรือ บางทีก็ห มายถึง การกระทํา ที่ไดเขาใจผิดกันมาแตดึกดําบรรพแรกเริ่มเดิมที่. ความสูงทางวิญญาณของพวก พราหมณก ็ห มายถึง บูช ายัญ ใหไ ดต ายไปเกิด ในสวรรค ในโลกที ่ส ูง สุด . พราหมณมักจะเปนเสียอยางนี้ เปนที่พึ่งทางวิญญาณชนิดมิจฉาทิฏฐิ ; ทําการ บูชายัญหลายอยางหลายชนิด กระทั่งฆาคนเพื่อบูชายัญใหแกพระราชา เพื่อตาย ไปเกิดในสวรรค. ฝายสมณะไมทําอยางนั้น ชวยใหทําการบูชายัญเหมือนกัน แต บู ชายั ญ อย างอื่ น ; เชน บู ชายั ญ ด ว ยการสละเสี ย ซึ่ งตั วกู - ของกู เพื่ อ ไป นิพพานโนน ไปสูสิ่งสูงสุดคือนิพพาน. แตอยางไรก็ตาม ก็เอาความมุงหมาย เดียวกัน ที่วาตองการความสูงสุดฝายวิญญาณจึงเอาไวขางบน เปนทิศเบื้องบน เปนสมณพราหมณ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้เรามองดูความหมาย ที่มีอยูเปนชั้น ๆ : ความหมายของสมณพราหมณในทางฝายวัตถุ ฝายชีววิทยานั้นมีไมได เพราะมันเปนเรื่องทางวิญญาณ ลวน ทางจิตใจลวน. ถาจะมองกับอยางอันธพาลหนอยก็วาเปนคนขอทาน ; ฝายวัตถุเปนคนขอทาน ทําขาวปลาอาหารใหเปลือง โดยไมทําการงานอะไร, เอาเปรียบ เหมือนกับเรื่องในพระบาลี ในกสิสูตร ก็มีอยูสูตรหนึ่งพระพุทธเจา จะไปทรมานพราหมณคนสําคัญ คนนี้ ทรงถือบาตรไปยังที่เขากําลังไถนาอยู. พราหมาณนี้ก็พูดตะเพิดไลพระพุทธเจาวา ไปทางซิ, ไปทําไรไถนา ไปทํามาหากินซิ, อยาเอาเปรียบ, อยาถือบาตรมายืนขออยูอยางนี้ซิ. พระพุ ท ธเจ า ก็ ต รั ส ตอบว า ฉั น ก็ ทํ า นานี่ ทํ า ไมแกว า อย า งนั้ น . พราหมณนั้นก็แยงถามวาทํานาอยางไร ไมเห็นมีควายมีไถอะไรเลย. พระพุทธเจา


๕๐๐

ฆราวาสธรรม

ตรั ส ตอบเป น คาถา มี ใ จความว า : ศรั ท ธาเป น ข า วพื ช สํา หรั บ หว า น ; ตะบะความเพี ย รเป น น้ํ า สํ า หรั บ ทํ า นา มี ห ิ ริ โ อตตั ป ปะเป น คั น ไถ เป น เชือกชักแลว ; วาอะไร ๆ ไปอีก จนกระทั่ ง พราหมณ เกิดแสงสวางขึ้นมาใน เวลานั ้ น กลายเป น สั ม มาทิ ฏ ฐิ เ ป น อริ ย บุ ค คล. แต สํา หรั บ พวกวั ต ถุ น ิ ย ม เห็น แกวัต ถุก็เ ห็น วา พวกสมณะนี้ก็ดีแ ตกิน ขา วฟรีเ ทา นั้น เอง ไมทํา ไรไ ถนา ไมทํามาหากินคอยแตจะกินฟรี ;ในสายตาของพวกวัตถุนิยมมันก็เปนอยางนี้. ที่เราเห็นกันอยู รับรองกันอยู สถาบันของสมณพราหมณก็คือ เขายก ไวใหเปน บุค คลอยูในระดับ สูงและศัก ดิ์สิท ธิ์ สํา หรับ ประกอบทํา พิธี แนะนํา สั่ง สอน ; พูด งา ย ๆ ก็คือ วา มีไ วสํา หรับ ไหว สํา หรับ ประกอบพิธี. ภาพ ในโรงมหรสพทางวิญญาณของเรา ภาพนั้นก็ดีเหมือนกันที่วา “สมัยนี้พวกเราเอา แตไหว พอบอกใหประพฤติธรรมก็กําหู.” คนสมัยนี้มีสมณพราหมณไว ก็เพียง สําหรับไหว แลวสําหรับทําพิธีเทานั้น พอจะใหประพฤติตามหลักธรรมก็เฉยเสีย เอามืออุดหูเสีย ; กําลังเปนอยางนี้มากขึ้นทั่วโลก. สมณพราหมณ ก็ลดลงมา เหลือแตเพียงมีไวไหว. มีไวทําพิธีเทานั้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org แตวาอุดมคติทางฝายวิญญาณนั้น สมณพราหมณมีไวสําหรับยกสถานะ ทางวิญญาณ ใหถึงระดับสูงสุด ; เปนผูนําทางวิญญาณ หรือยกฐานะทางวิญญาณ ใหขึ้นสูระดับสูงสุดที่มนุษยควรจะได ควรจะถึง. เพราะฉะนั้นจึงเอามาไวเปนทิศ เบื ้อ งบน อยู บ นหัว . นี ่ต อ งมองใหเห็น ความสูง นี ่ใหได จึง จะรูจัก สิ ่ง นี ้ หรือ ความสูงของความหมายแหงความเปนมนุษย หรือสิ่งที่มนุษยควรจะตองไดตองถึง. นี้เปนทิศเบื้องบน มีความหมายเปนชั้น ๆ อยางนี้. ทิศสุดทายทิศเบื้องต่ํา อยูขางลางเรียกบาวไพร, ใชภาษาโบราณวา บาวไพร. สวนสมัยประชาธิปไตยสมัยปจจุบันเขาเกลียดคํานี้ เขาเขี่ยทิ้งไปไวไหน


อุดมคติที่ควรมีตอทิศทั้ง ๖

๕๐๑

ก็ไ มรู ; แตก ็ด ว ยความโง. สิ ่ง ที ่เ รีย กวา “บา วไพร” มัน ก็ย ัง มีอ ยู  เพราะ เมื่อ คนหนึ่ง มีอํา นาจ คนที่ไ มมีอํา นาจก็ตอ งตกอยูขา งลา งเสมอไป, เปน เบี้ยลางเสมอไป นั่นแหละคือบาวไพรในความหมายใดความหมายหนึ่ง ทีนี้คําวา อํานาจ นี้มันไมใชเปนอํานาจอยางทางอาวุธ ทางกําลังเสมอไป ; มันมีอํานาจ เงิน มีอํานาจสติปญญา มีอํานาจอะไร ๆ อีกหลาย ๆ อยางที่เขาใช.เมื่อเขาใช อํานาจอะไรสําเร็จ คนที่ถูกใช ก็กลายเปนบาวไพร. ฝรั่งเอาเงินมาลอคนไทย ใหกลายเปนบาวไพรไปเสียเมื่อไรก็ได. ระวังใหดี คําวา “บาวไพร” ยังไมหมด ยังไมมีทางที่จะหมดได ตลอด เวลาที่อํานาจยังมีอยูในโลก ; นี้ก็เขากับพุทธภาษิตที่วา “วโส อสฺสริยํ โลเก” อยู เ สมอไป อํ า นาจเปน ใหญใ นโลก. ผู ห ญิง ก็เ อาผู ช ายเปน บา วไพรไ ด เพราะมีความสวย ความงามของเขาเปนอํานาจ. ผูชายที่มีปริญญายาวเปนหาง ก็ อ าจจะมางอ ผู ห ญิ ง ที่ ไม มี อ ะไรเลย มี แ ต ค วามสวยงามนี้ ก็ ได . ภาพเขี ย น ปริศนาธรรม เขาใหผูชายถือดาบ มีเวทมนตคาถา อาคมอะไรมาอยางสมบูรณ ; ในที่สุดก็มาพายแพแกนางยักขิณี ที่ปลอมเปนผูหญิ งสวย โหนชิงชาเลนอยูที่ โคนไม. นี่คืออํานาจที่ลึกลับ ที่ทําคนใหเปนบาวไพร.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เดี๋ยวนี้ก็มีลูกจาง มีกรรมกร มีผูอยูใตบังคับบัญชาใตอํานาจ ; มันก็ อยูในลักษณะที่เปนทิศเบื้องลางนี้ทั้งนั้นแหละ. ผูอยูต่ํากวาในลักษณะใดก็ตามก็ ถือวาอยูในทิศเบื้องต่ําทั้งนั้น. เราตองมองดูแลวปฏิบัติใหถูกตอง.

ในทางวัตถุ เขามีทาส มีบาวไพร เอาไวใชงาน, เอาไวทําปูยี่ปูยํา เลนตามความตองการของตน ; นั้นมันเปนความหมายปาเถื่อนทางวัตถุและก็พน สมัยไปแลวในปจจุบันนี้. กอนนี้เขาซื้อขายคนกันได, เอาไปเปนทาส แลวเอาไป


๕๐๒

ฆราวาสธรรม

ทําอะไรก็ไดทั้งทาสหญิ งทาสชาย เดี๋ยวนี้ก็มีความหมายเปนผูรับใช ; เรามีอํานาจ อะไรอัน หนึ ่ง ทํ า ใหเ ขายอมมาเปน ผู ร ับ ใช ; นี ้ค วามหมายทางสัง คมทั ่ว ไป บ า วไพร มี ไ ว ใ ช ส อย มี ไ ว ป ระดั บ เกี ย รติ ในที่ สุ ด . เขามี บ า วไพร ไ ว เพื่ อ ประดั บ เกี ย รติ ก็ มี , เอาไว เป น เครื่ อ งมื อ สํ า หรั บ แสวงหาประโยชน หรื อ เป น เครื่ อ งเอา เปรีย บอยู โดยความหมายหนึ่ งก็ มี . คนที่ มี ส ติ ป ญ ญาเฉลี ย วฉลาดแล วทํ าอะไร ได เมื่ อ ไร สติ ป ญ ญามั น ผลิ ต อะไรได เมื่ อ ไร ; มั น ต อ งใช แรงงานลงบนใคร หรือ บนคนหมู ใดหมู ห นึ่ ง ผลผลิต มั น จึงจะออกมา. เพราะฉะนั้ น คนใช หรือ กรรมกร หรือ บา วไพร หรือ ทาสก็อ ยู ใ นความหมายอัน นี ้ ; เปน ตัว แรงที ่ผู ม ีส ติป ญ ญา จะใช ใ ห ผ ลิ ต อะไรออกมา. นี่ ค วามหมายทั่ ว ไปทางสั ง คมวิ ท ยา มานุ ษ ยวิ ท ยา ปรัชญาอะไรมันก็ไปไดเพียงแคนี้. ถาดูทางฝายวิญญาณ เปนอุดมคติสูงสุดทางฝายวิญญาณ ก็ขอใหดูดวย ความเคารพ ว า ทาส หรื อ บ า ไพร นี้ ก็ เป น สิ่ ง จํ า เป น สํ า หรั บ ผู ที่ จ ะเดิ น ทางไป นิพ พาน ; มัน เปน บทเรีย น. ผมอยากจะพูด อยา งนี ้ด ว ยซ้ํ า ไปวา บา วไพร ทาส บริว าร นี้เปน บอ เกิด สํา หรับ บุญ . คนเราตอ งสงเคราะหค นยากจน หรือ ผู ที่ ช ว ยตนเองไม ได มั น จึ งจะได บุ ญ . ถ าไม มี ค นเหล า นี้ เสี ย แล ว ไม มี ใครจะทํ า บุญ อะไรได. เพราะฉะนั้น คนที่ข ลาดแคลน คนที่ไรส มรรถภาพ คนชวยตนเอง ไม ไดนั่ น แหละ มั น เป น บ อ เกิดแห งบุ ญ ; กระทั่ งคนตาบอด คนพิ ก ารอะไรก็ตาม มัน เปน บอ เกิดแหงบุญ . บาวไพรเขามาฝากเนื้อ ฝากตัวใหเราชวย ก็ค วรจะมอง ไปในแงที ่ว า เขามาทํ า ใหเ ราไดบ ุญ อยา ไปกดขี ่ ขม เหงเขา เอาเปรีย บเขา. แมแ ตล ูก จา ง แมแ ตผู ที ่อ ยู ใ ตบ ัง คับ บัญ ชาก็จ งมองเขาอยา งนี ้ มัน จึง จะเปน อุดมคติทางวิญญาณ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที นี้ บุ ญ ที่ ต่ํ า ๆ ก็ คื อ เราเอื้ อ เฟ อ เผื่ อ แผ เมตตากรุ ณ า เราก็ ไ ด บุ ญ . บุญ ที ่ส ูง ขึ ้น ไปก็เพื ่อ ที ่เราจะทํ า ลายความเห็น แกต ัว ของเรา หรือ ควบคุม กิเลส


อุดมคติที่ควรมีตอทิศทั้ง ๖

๕๐๓

ของเรา. บาวไพรก็เปนฝายที่ตองจํานนจํายอมดวยความจําเปน เราดาเขาก็ได เราตีเขาก็ได ;นั่นมั นจะทําใหเรามีกิเลสมากขึ้น ทําใหเปนบ ามากขึ้น ; จะตก นรก. ทีนี้ถาเอามาสําหรับเปนบทเรียน สําหรับเราฝกหัดบังคับตนเอง ไมโกรธ ไมเ อาเปรีย บ แลว ก็ไ มดา เขา อดกลั้น โทสะได. ถา ใครรอดกลั้น โทสะแก บาวไพรได ก็หมายความวา มันอดกลั้นไดถึงที่สุด ;เพราะเปนผูที่สําหรับใคร ๆ จะไมอดกลั้น. ทีนี้เราจะไมยอมใหเราลุอํานาจแกโทสะจริตหรือไมเห็นแกตัว ; ฉะนั้น บาวไพรก็มาในฐานะเปนผูชวยสนับสนุนใหไมเห็นแกตัว ชวยสนับสนุนใหนาย ดีขึ้น สูงขึ้นมากความไมมีบุญ มาเปนผูมีบุญ, มาเปนผูที่หมดตัวกู – ของกูได เหมือนกัน. ถาใชบาวไพรเปนบทเรียนฝกหัดใหทําลายตัวกู - ของกู มันก็ทําไดดี มาก ; เพราะตามธรรมดามัน ไมเปน ที่ตั้งแหง ความอดทนของนาย.มัน กลาย เปนเครื่องที่ทําใหนายตองฝกฝนตัวเอง ปฏิบัติตัวเองใหเกิดความอดกลั้น อดทน ไม เห็ นแก ตั ว ; นั บ ตั้ งแต ต องชวยเหลือ เลี้ ยงดูเขา เอาใจใส เขา รักเหมื อ นลู ก เหมือนหลาน ; แมบาวไพรไมสบายเจ็บไข ก็ไปเอาใจใสเหมือนกับลูกกับหลาน ; นั่นคือธรรมเนียมโบราณมาตั้งแตครั้งพุทธกาล.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้นระบบทาสของพวกพุทธบริษัทไมจําเปนจําตองเลิก ระบบ ทาสของพวกภูตผีปศาจเทานั้นจะตองเลิก จะไดเปนประชาธิปไตย. ระบบทาส อยางธรรมะนี้ไมจําเปนตองเลิก ไมควรเลิก เพราะคนที่ดอยสมรรถภาพ ชวยตัวเอง ไมไดนี้ ยังคงมีอยูในโลกทั่วไป ; เราก็ตองชวยเขา มาใหอยูในความอุปการะ ทุก ประการ. มัน ก็เ ปน ทาสอยูใ นความหมายนั้น แหละ หลีก ไปไหนไมพน ในเรื่องเปนบาวไพรหรือเปนผูที่จะตองถูกเลี้ยงดูอยางบาวไพร ; แตนี้มันเปลี่ยน เปนวาเอาเปนบุญเปนกุศลกันดีกวา ; ฉะนั้นเราสงเคราะหผูที่ดอยสมรรถภาพนั้น อยางเอาบุญเอากุศลกัน เหมือนที่ทํากันอยูทุกวันนี้ ; มันก็ตองเอาสิ่งอื่นมาลอ


๕๐๔

ฆราวาสธรรม

มาดึง มาจูง กัน เปน การใหญ. เหมือ นสมัย พุท ธกาลเขาก็ใ ช : เศรษฐีเ ลี้ย ง บาวไพร บริวารไวมากมาย แลวก็ชวยเหลือ อุม ชู ; บางทีห มูบานทั้งหมูบาน อยูในความอุม ชูของเศรษฐีค นหนึ่งเทานั้น . พระเจาแผน ดิน ก็ม อบหมายให ; แลวไมมีการกดขี่ มีอะไรมีดวยกัน เปนอะไรเปนดวยกัน ; ถึงวันพระแปดค่ํา ไปวัด ไปรัก ษาศีล ไปทํา ทานอะไรดว ยกัน . มัน กลายเปน ทาสที่มีค วามสุข ไมอยากจะหลุดไปจากความเปนทาส เพราะตนเองมันดอยสมรรถภาพ ชวยตัวเอง แท ๆ ไดได. นี่รวมความแลวก็วา ผูที่ตองเขามาพึ่งพาอาศัยใบบุญอะไรก็ตาม อยูใน ทิศเบื้องต่ํา จะตองมองดูเขาในลักษณะอยางนี้ ; อยามองดูกันในลักษณะผูที่ ควรกดขี่ ผูที่ควรเอาเปรียบ ผูที่ควรทํานาบนหลังเขา อะไรทํานองนี้ ; นั่นมัน ไมถูก ความหมายของคําวา บาวไพร ในทางที่เปนอุดมคติทางฝายวิญญาณ. ฉะนั้นมันก็เลยเอาทาสหรือบาวไพรนี้เปนทิศ ๆ หนึ่งที่ตองใหความเคารพตองไหว, เปนทิศที่ตองไหวดวย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราได พู ด กั น มาตั้ ง แต ต น แล ว วา ทิ ศ ทั้ ง หลายนี้ เป น สิ่ งที่ ต อ งไหว . มานพนั้นกําลังไหวทิศทั้งหลายอยู พระพุทธเจาตรัสวา การไหวทิศของอารยชน เขาไมไดไหวอยางนั้น ; เขาไหวกันอยางนี้ คือใหความเคารพแกทิศเบื้องหนา คือบิดามารดา, ทิศเบื้องหลังคือ บุตรภรรยา,ทิศเบื้องขวาคือ ครูบาอาจารย , ทิศเบื้องซายคือ ญาติมิตร, ทิศเบื้องบนคือ สมณพราหมณ, ทิศเบื้องต่ําคือ บา วไพร ; ตอ งไหว, ใชคํา วา ไหวบา ว คือ ใหค วามนับ ถือ ใหค วามเคารพ ใหความเอาใจใส ; จัดไวในฐานะที่วา จะเปนผูรวมทางเดินกันไป ในทางบุญ กุศล และเดินไปหานิพพานดวยเหมือนกัน. ทั้งหมดนี้กลายเปนเรื่องไปนิพพาน. ทั้ง ๖ ทิศเราไหวดวยการปฏิบัติหนาที่ใหถูกตอง แลวก็จะไปนิพพาน.

วันนี้จะไมพูดอะไรมาก นอกไปจากวาคําพูดคําหนึ่งมันมีความหมาย หลายชั้นอยางนี้ ; ไปลองทบทวนดู. คําวา “พอแม” ความหมายต่ําเตี้ยก็เปน


อุดมคติที่ควรมีตอทิศทั้ง ๖

๕๐๕

เรื่องเพียงพอพันธุแมพันธุ เหมือนกับสัตวผูสัตวเมีย หรือตนไมที่มีการสืบพันธุ ทางเพศผูเพศเมีย. ทางสังคมสูงขึ้นมา พอแมคือผูรับผิดชอบตอบุตร. สูงขึ้น ไปถึงอุดมคติ พอแมคือพระอรหันตประจําบานเรือน. คําวา “บุตร” ความหมายต่ําก็คือ ผลิตผลที่เกิดมาจากการสืบพันธุ. ความหมายสูงขึ้นมา ก็เปนผูที่จะทําความปลื้มใจใหแกพอแมดวยการสืบสกุล. ความหมายสูงสุดก็วา ผูที่จะไดรับมรดก การเดินทางไปนิพพานตอจากพอแม ที่จะไปถึงใหได. คําวา “ภรรยา” ความหมายต่ํา ก็เปนผูสืบพันธุเหมือนพืชและสัตว. ทางสังคมเอาไวเปนเครื่องชวยบําบัดปญหาตาง ๆ ทางความรูสึก ทางอะไรตาม ธรรมชาติบาง ; เปนเครื่องโออวดกันบาง, เปนเครื่องแสวงหาความสุขอยาง โลก ๆ บ าง. แต ความหมายสูงสุด ภรรยา คูผั วเมี ยนี้ ก็จะตอ งเป น ผู แบ งเบา ภาระหนัก ในการเปนอยูในโลกนี้ เพื่อใหเกิดการศึกษา เขาใจชีวิตในสวนลึก เพื่ อจะเบื่ อหนาย เพื่ อจะพ นจากโลก เพื่ อจะไปเหนือโลกดวยกัน ; ไมใชเป น เพื่อ นลุม หลงกัน อยูที่นี่ แตเปน เพื่อ นชวยเหลือ ซึ่ง และกัน ใหมัน กา วหนา ไป ในทางสูง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org “ครูบาอาจารย” นี้ ไมใชคนที่รับจางสอนหนังสือเปนอาชีพ หรือ ใชสติปญญาเปนสินคาขายแกกุลบุตร เอาเงินมาเลี้ยงชีวิต. ครูบาอาจารยตอง เปนผูนําทางฝายวิญญาณ เพื่อไปนิพพานแมในระยะเริ่มตน.

“ญาติมิต ร” ก็เ หมือ นกัน ไมใ ชเ พื่อ นกิน เหลา เพื่อ นอบายมุข หาความเพลิดเพลินใหแกกิเลส. มันตองเปนเพื่อนชวยเหลือกันและกัน ในหนาที่ การงานของมนุษ ย. ความหมายสูง สุด ก็เกิด เคีย งขา งกัน ไปเรื่อ ย กวา จะถึง นิพพาน.


ฆราวาสธรรม

๕๐๖

“สมณพราหมณ ” ไม ใชค นขอทาน กิ น อาหารของชาวบ านฟรี เอา เปรีย บผู อื่ น เป น กาฝากสั งคม เหมื อ นที่ เขาพู ด กั น . ความหมายที่ เขาใช กั น อยู เดี๋ ยวนี้ มัน กลายเป นเอาไวไหว เอาไวทํ าพิ ธีเสียมากกวา. แตความหมายสูงสุ ด ตองเปนผูนํา หรือผูยกสถานะทางวิญ ญาณ ในระดับสูงสุดของโลก ไมใชของเรา คนเดียว. “บ าวไพร ” ก็ ไม ใช บุ ค คลที่ เราจะทํ านาบนหลั ง เขา ต อ งเป น ผู ที่ มี ไว สําหรับใหเกิดประโยชนรวมกัน ตามที่วากรรมมันจําแนกคน สัตวทั้งหลาย กรรม เปน ผู จํ า แนกใหม ีว รรณะ ใหม ีชั ้น มีว รรณะซึ ่ง มัน เลิก ไมไ ด. อยา อวดดีไ ปวา จะใหเ ลิก ชั ้น วรรณ ะ นั ้น มัน เลิก ไมไ ด พูด ไปแตป ากบา ๆ บอ ๆ เทา นั ้น . เพราะวากรรมมั นเปนผูจัดใหให เกิดชั้นวรรณะ ขึ้นมาโดยธรรมชาติ ไม ใชคนจัด ; เพราะฉะนั้ น คนจึ งเกิ ด มามี ก รรมมาก มี บ าปมาก มี พิ ก ลพิ การ ด อ ยสติ ป ญ ญา มั น ก็ เ ป น ชั ้ น ; มั น จะมี ก ารเป น อยู  เ หมื อ นกั น ไม ไ ด . ที ่ จ ะเป น เหมื อ นกั น นั้ น ก็ แ หละเป น ต น ตอให เกิ ด dialectic materialism เป น คอมมิ วนิ ส ม เป น อะไร ขึ ้น มา ; นี ่ก ็เ พราะไมรู เ รื ่อ งกรรม. เราก็ย กสถานะของเขาวา เขามีก รรม เหมือ นเราเหมือ นกัน ; แลว ก็ช ว ยแกไ ขไปตามเรื่อ ง. คนที ่ด อ ยสมรรถภาพ ไรสติปญญามาโดยธรรมชาติ มาโดยกําเนิด ทางสติปญญาก็ตาม ทางรางกายก็ตาม ตองชวยเขาดวยความเคารพ เหมือนกับไหว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ความหมายในระดั บต าง ๆ กันของคํ าแตละคํ า ที่มาเป นชื่อของทิ ศที่ เรา จะตอ งไหว ในเมื ่อ เราเปน ผู ค รองเรือ น เปน คฤหัส ถ มัน มีอ ยู อ ยา งนี ้ ; จะมาก จะน อย จะหนั กจะเบาอะไรก็ ตาม ก็ ไปคิ ดดู เอง ; แต ว ามั นหลี กไม พ น จะต องทํ า แลวก็ตองทําใหถูก. ถากลัวก็อยาไปเปนคฤหัสถ, ถาอยากเปนคฤหัสถก็อยากลัว ; จะต อ งทํ าให ถู ก ต อ ง ; ก็ เป น เรื่ อ งประพฤติ ธ รรมที่ สู ง สุ ด อยู ใ นตั ว ในความเป น คฤหัสถนั้น. พระพุทธเจาทานสอนเรื่องทิศโดยความมุงหมายอยาง. พอกันทีเวลาหมดเทานี้


หลักปฏิบัติ ตอ ทิศเบื้องหนา - ๓ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๑๓ คําบรรยายสําหรับ ฆราวาสเรื่อ งทิศ ตอนนี้ก็จะได พูด ถึง ความหมายที ่จ ะตอ งใชทั่ว ๆ ไป. ในตอนที ่แ ลว มา เรามองดูความหมายของสิ่งที่เรียกวา “ทิ ศ” กันอยางวงกวาง และสูง ถึง ขนาดที่เรีย กวา เปน เรื่อ งไปนิพ พานไปทั้ง หมดก็ได ; ทีนี ้ค นที ่เ ขาไมม องอยา งนั ้น เขาก็ไ มย อมรับ . ถา เราพูด วา การมีส ามีภ รรยานี้ก็เพื่อ จะเปน เพื่อ น หรือ ภาษาโสกโดกก็วา เป น คู หู สํ า หรั บ ที่ จ ะเดิ น ทางไปนิ พ พาน ; อย า งนี้ ก็ มี แ ต ค น หั ว เราะ. ยิ ่ ง สมั ย นี ้ แ ล ว ก็ ยิ ่ ง จะมี แ ต ค นหั ว เราะคื อ หาว า อะไร ๆ ก็ เ พื ่ อ จะไปนิ พ พาน ; แต ผ มก็ ยั ง ยื น ยั น อย า งนั ้ น อยูเสมอดวยเหตุผลหลายอยาง. แตเหตุผลที่ดีที่สุดก็จะตองมี ในขอ ที่วาเราจะไดป ระโยชนม ากที่สุด . ถา เราถือ หลัก อยางนี้ เราก็ จ ะได ป ระโยชน ม ากที ่ ส ุ ด ; นี ่ เ ป น เหตุ ผ ลที ่ ด ี ที ่ ส ุ ด . เหตุผ ลอื่น ๆ มัน ก็มีแ ละมัน ก็จ ริง เหมือ นกัน แตมัน ก็ไ มดีเทา ที่วา อัน ไหนมัน จะไดป ระโยชนม ากที่สุด อัน นั้น ก็เ ปน เหตุผ ล ที่สุดและควรจะถือหลักอยางนั้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org

๕๐๗


๕๐๘

ฆราวาสธรรม

เรื่องที่จะไปนิพพานนี้ อยาเขาใจวามันเปนเรื่องของทางศาสนา หรือ ของทางอุด มคติที ่ส ูง เหนือ โลกไปเสีย หมด ; ใหถือ วา มัน เปน เรื่อ งธรรมดา ๆ ตามหลักของวิวัฒนาการ. evolution นั้นอยาถือวามีแตทางรางกาย มันตองมี ทางจิตดวย. ถาไมโงเกินไป ก็จะเห็นวา เรื่องทางกายกับเรื่องทางจิตนี้แยกกัน ไมได. ถาแยกกันแลวมันไปไมได มันเหมือนกับขาหัก หรือเหมือนกับตาบอด มันไปไมได. มีแตจิตก็เหมือนกับตาดีแตขาหัก ; มีแตกายก็เหมือนขาดีเดินได แตตาบอด คน ๆ หนึ่งในทางธรรมเขาใชคําวา “นามรูป” นี้ไปใชของสองอยาง แตเ ปน ของรวมกัน เปน อยา งเดีย ว. ถา ขืน แยกกัน ก็จ ะไมมีทั้ง นาม และรูป ตองอยูดวยกันจึงจะมีทั้งนามและรูป ; นั่นแหละคือคน ๆ หนึ่ง. เพราะฉะนั้น ในวิว ัฒ นาการทางวัต ถุล ว น ๆ มัน ก็ม ีไ มไ ด ทางจิต ลว น ๆ มัน ก็ม ีไ มไ ด ; เพราะวา กายกับ จิต มัน ตอ งมีด ว ยกัน ไปดว ยกัน คือ ตอ งรวมตัว อยู เสมอ. evolution ก็ตองมีแกสิ่งที่มันรวมกันอยูทั้งกายและจิต. ทีนี้มันจะวิวัฒนไปทาง ไหน ? พูดอยางกําปนทุบดิน หรือพูดอยางคนธรรมดาพูด ก็ตองวิวัฒนไปในทาง สูงกวาดีกวาเจริญ กวา สวนทางธรรมเขามองกันในแงที่วา ไปสูค วามสิ้น สุด หรือความดับ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org วิวัฒนาการชนิดไหนก็ตาม ในที่สุดจะเปนความสิ้นสุด หรือความดับ. สําหรับคําวา “เจริญ” นั้นเขาไมคอยใหความสําคัญอะไร มันเปนเรื่องของคนโลก หรือเปนเรื่องของกิเลส ; มันตองการความเจริญโดยไมมองวา ความเจริญนั้น มันคือความทรมานชนิดหนึ่ง. นี่แหละผลสูงสุดก็คือไปสูความสิ้นสุด ความหยุด ความดับ ไมต อ งเจริญ กัน ตอ ไปอีก . อัน นั ้น แหละเปน จุด ของสิ ่ง ที ่เ รีย กวา “นิพพาน” ทางกายก็ได ทางจิตก็ได ; รวมกันก็คือทั้งหมดมันหยุดลง วิวัฒนาการ มันก็ไปจบลงที่นั่ง.


หลักปฏิบัติ ตอ ทิศเบื้องหนา

๕๐๙

เมื่อพูดถึงสุขหรือทุกข ทางธรรมะในชั้นสูง ไมไดถือวาความเจริญนั้น เป น ความสุ ข ; เพราะมั นทรมานชนิ ด ใดชนิ ด หนึ่ ง. แต เขาไปเอาความสิ้ น สุ ด ความหยุด ไมตองเจริญนั่นแหละมาเปนความเย็น หรือเปนความสุข. ถาใจเรา ยังหวังความเจริญ ยังดิ้นรนตอความเจริญ มันยังหิวมันยังกระหาย มันยังกระวน กระวายโกลาหลอยูละก็ ไมมีความเย็น. ถาเราตองการเย็นที่นี่และเดี๋ยวนี้ เราก็ ตองหยุดหวังความเจริญ, หยุดบาความเจริญ, หยุดชนิดที่วาจะทําใหมันเกิดความ ทรมานชนิด นั้น ขึ้น มา ; แตแ ลว เราก็ยัง คงทํา หนา ที่ตา ง ๆ ไปได ตามหนา ที่ ที่จะตองทํา. เพราะฉะนั้นมันก็ไมตาย ก็มีกินมีใช ; มันก็เปนอยูไดเหมือนกัน, และนี่คือคําวานิพพานที่นี่และเดี๋ยวนี้. ถาจะเอานิพพานตอตายแลว, ตายแลวตายอีก - ตายแลวตายอีก ไมรูกี่รอยกี่พันชาตินั้นมันเปนความเพอฝนมากไป ; แตวาจะถือหลักอยางนั้น ก็ไดเหมือ นกัน เพราะมัน ตอ งทําอยางเดียวกัน , ตอ งทําหนาที่อ ยางเดียวกัน เพื่อใหมันสิ้นสุดหยุดการเวียนวาย. เพราะฉะนั้นผัวเมียอาจจะเปนคูคิดนึก ศึกษา เพื่อหยุดเรื่องบาหลัง เรื่องอะไรตาง ๆ แลวก็อยูกันอยางเย็น ๆ ก็ไดเหมือนกัน ; ชีวิตผัวเมียนี้ก็ยังเปนความเย็นขึ้นมาได. นี่อุดมคติของวิวัฒนาการควรจะเปน อยางนี้ ; ฉะนั้น ไมค วรจะถือ แตเพียงวา มีผิวเมียก็เพื่อ จะมีค วามสนุกสนาน ทางเนื้อ ทางหนัง ทางกิน ทางกาม ทางเกีย รติ นี้เ ปน อยา งมาก. โดยเหตุ ที่ค นธรรมดารูจักแตเรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรติ เรื่องคูผัวเมียก็เปน เพีย ง เทานี้ ; ก็เปนเรื่องของชาวบาน เรื่องโรงแมนติคของเด็กเสียมากกวา ; ไมใช อุดมคติทางพุทธศาสนา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้นจึงถือหลักวา ถาเปนเรื่องของพุทธศาสนา ทุกอยางตอง เดิน ไปนิพ พาน : จะเปน นิพ พานที่นี่แ ละเดี่ย วนี้ก็ไ ด, นิพ พานตอ ตายแลว


๕๑๐

ฆราวาสธรรม

กี่รอยชาติกี่พันชาติก็ได, แลวแตจะเขาใจหรือชอบ, นิพพานอีกกี่รอยพันชาตินั้น จะเปนเรื่องที่ทําใหเพอฝน ทําใหเหลวไหลไดในที่สุดเพราะมันนานเกินไป ; มันมี ทางที่จะเลิกลม หรือโลเล ; แตนิพพานที่นี่และเดี๋ยวนี้นั้นมันเปนสิ่งที่จริงจัง, แลว ปฏิบัติไดดีกวา อยูในวิสัยที่ปฏิบัติไดกวา เพราะเราหวังผล หรือมองเห็นผลอยู ทุกคราวที่ทําได. ถาเราชวยกันคิดอยางนี้ ชวยกันทําอยาง ชวยกันมีหลักในครอบครัว อยางนี้ มันเย็น ;จะเย็นชั่วคราว หรือเย็นมาก เย็นนอย มันก็แลวแตจะทําได. เพราะฉะนั้นผมจึงถูกวาบา หรือแหวกแนว หรืออะไรก็ตามแตเขาจะหา. แต ผมก็ตองเปนอยางนั้น จะเปนอยางอื่นไมได เพราะตองการจะชี้ในสวนที่เขาไม มองกัน. และที่เขาจะมีคูผัวตัวเมียเพียงเรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรติ นี่ผมวา มันยังไมพอสําหรับพุทธบริษัท ; คือตองใหไดอะไรมากที่สุดเทาที่ฆราวาสจะมาก ได จึงไดชี้ที่อุดมคติของทิศทั้ง ๖ ทิศนี้ ในลักษณะที่กลาวแลวในครั้งที่แลวมา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org การที่จะมาทะเลาะกันระหวางผมกับผูฟง นี้ก็ไมจําเปน ; เอาไปคิดไป นึกดูก็แลวกัน เมื่อชอบก็ลองเอาไปเปนหลักปฏิบัติ, ไมชอบก็ไมจําเปนจะตอง ทะเลาะกัน. เรียกวาพูดใหฟงเพื่อจะทําใหดีที่สุดอยางไร แลวจะไดประโยชน มากที่สุดอยางไร ; และวาเมื่อถือหลักอยางนี้แลว ก็มิใชวาจะตองเสียประโยชน อยางอื่นไป. แมจะถือหลักวาการมีคูผัวตัวเมียนี้สําหรับไปนิพพาน ก็ไมไดทําให เสียหลัก หรือเสียประโยชน หรือเสียอะไรอยางอื่นไป. เพราะมันยังคงตองทํา อยูต ามหนา ที่ ที่ตอ งทํา ; แตมัน ทํา ใหบ ทเรีย นเพื่อ จะไปนิพ พาน มีภ รรยา ก็เปนบทเรียนเพื่อไปนิพพาน, มีสามีก็เพื่อจะเปนบทเรียนไปนิพพาน, มีลูกก็เปน บทเรียนไปนิพพาน มีทรัพยสมบัติ ก็เพื่อเปนบทเรียนไปนพพาน ไมใหหยุดอยู ที่นี่. นี่คือความกาวหนา หรือวิวัฒนาการ และเปนความเจริญตามทางธรรม ; ไมใชความเจริญทางวัตถุ.


หลักปฏิบัติ ตอ ทิศเบื้องหนา

๕๑๑

คําสอนของพวกคริสเตียน อยางที่เคยเอามาพูดใหฟง มันก็ไปไกลถึง อยางนี้ แตคนก็ไมมองกัน ; พวกคริสเตียนเองก็ไมมองกัน คือขอที่กลาวไวใน คัมภีร โครินเธียนวา : มีภ รรยาก็จงเหมือนกับไมมีภรรยา มีทรัพยสมบัติก็จง เหมือนกับไมมีทรัพยสมบัติ. ลองคิดดูวา นี้วาอยางไร ; มันไมไดหมายความวา ใหมาบา มาหลงเรื่องทรัพยสมบัติ เรื่องผัวเรื่องเมีย ; แตมีภรรยาก็จงเหมือน กับไมมีภรรยา ก็คือไมยึดมั่นถือมั่นดวยเรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรติ เพื่อมี จิตใจชนิดที่ไมมีความทุกข. เพราะฉะนั้นภรรยาก็เหมือนกัน จงทําใหเปนวามี สามีก็เหมือนกับไมมี ; ทุกคนมีทรัพยสมบัติ ก็ทําใหเหมือนกับไมมีทรัพยสมบัติ; มีลูกมีหลาน ก็ทําใหเหมือนกับไมมีลูกไมหลาน. นี่ ถาคนอันธพาลฟงก็ฟงไปในทางอันพาล หมายความวา เอาไป ทิ้ ง เสี ย เอาไปฆ า เสี ย ; นี้ เป น เรื่ อ งของคนโง ก็ รู แ ต เรื่ อ งทางวั ต ถุ . ที นี้ ค นมี ปญญาก็ตองมองลึกลงไปในทางจิตใจวา เราตองมีชนิดที่จิตใจไมเปนทุกข เนื่อง มาจากบุต รภรรยาสามี. อยางนี้จะไมใหถือ วา นี้เปนเรื่องที่ฆ ราวาสจะตอ งรู หรือจะตองปฏิบัติไดอยางไร. ที่แทมันเปนเรื่องที่ฆราวาสจะตองรู จะตองปฏิบัติ อยูใ นอัน ดับ สูง ; ไมเสีย ทีที่เกิด มาเปน มนุษ ย และพบพระพุท ธศาสนา มัน ไมใชม นุษ ยเฉย ๆ ไมใชคนเฉย ๆ, เปนมนุษ ยที่พ บพระพุท ธศาสนา. เพราะ พบพระพุทธศาสนานั่นแหละ จะเต็มไปดวยอุดมคติที่สูง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้นขอใหสนใจฟงในสวนนี้ ในลักษณะอยางนี้ ในทิศทาง อยางนี้กันบาง จะไดสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษยควรจะได แมในเพศฆราวาสนั้นเอง. นี่คือเหตุผลที่วาทําไมจึงใหมองทุกสิ่งที่เปนวิวัฒนาการนี้วาเปนไปเพื่อนิพพาน. แม แกชีวิตที่ครองเรือน; เปน บานเรือ นก็ตองเปน บานเรือ นที่เปน ไปเพื่อ นิพ พาน. ถาไมเชนนั้นก็เปนเรื่องไปนรก. ฉะนั้นเราจะอยูที่ตรงจุดไหน ก็ตองบากหนา


๕๑๒

ฆราวาสธรรม

บา ยหนา ไปสู น ิพ พานทั ้ง นั ้น . ฆราวาสจะอยู ใ นที ่ร กรุง รัง อยู ใ นจุด ที ่ไ กลหนอ ย ก็จ ะตอ งดิ ้น รนออกมาสู ที ่โ ลง ที ่เ ตีย น ; แลว ก็ใ กลเ ขา ไปเหมือ นกัน . ใหม อง ความเป นคฤหั สถ โดยหลั กที่ กวางที่ สุ ด หรือสู งที่ สุ ดอย างนี้ ไว แล วทุ กอย างมั นก็ จะ เปนไปเพื่อผลอยางนั้น. ถ าเรามองเพี ย งเพื่ อ กั น เพื่ อ กาม เพื่ อ เกี ย รติ ล ะก็ มั น ก็ ต กนรก หรื อ ไปสู ค วามเปน สัต วเ ดรัจ ฉาน ; สัต วเ ดรัจ ฉานมัน ก็ก ิน มัน ก็ก าม มัน ก็เ กีย รติ. ไก ตั วผู มั น ยกหู ชู ห าง นั่ น แหละมั น แสดงความมี เกี ยรติ หลงเกี ย รติ อะไรของมั น . เพราะฉะนั้ น เพี ย งเรื่ อ งกิ น เรื่ อ งกาม เรื่ อ งเกี ย รติ นี้ มั น ยั ง ไม พ อสํ า หรั บ จะเป น มนุษ ย ที ่พ บพระพุท ธศาสนา. มัน ตอ งไมม ีป ญ หาอยา งอื ่น ที ่เ ปน ความทุก ข เขา มาดว ย ; แลว เรื ่อ งกิน เรื ่อ งกาม เรื ่อ เกีย รตินี ้ ก็เ ปน เรื ่อ งใตฝ า เทา แต เดี ๋ย วนี ้ค นยกเอาเรื ่อ งกิน เรื ่อ งกาม เรื ่อ งเกีย รติม าทูน ไวบ นหัว มาเทิด ไว บนศีร ษ ะ ; มัน ออกจะไขวก ัน อยู อ ยา งนี ้. ถา ใครเอาเรื ่อ งกิน เรื ่อ งกาม เรื ่อ งเกีย รติ มาทูน ไวบ นศีร ษะ มัน ก็ต อ งอยู ต่ํ า อยา งนั ้น . ถา เอาเรื ่อ งเหลา นี้ ไวใตฝาเทา มันก็คืออยูสูง

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราลองมองดู ซิ ที่ อยู กันทั่ ว ๆ ไปนี้ ใครอยู ต่ําหรืออยู สู ง, รวมทั้ งพ อแม ปู ย า ตายายของเราดว ย อยู ต่ํ า หรือ อยู ส ูง ก็ค วรจะมองดู. ทีนี ้เราที ่เพิ ่ง กํ า ลัง เปน หนอ ออ น งอกออกมาใหมนี ้ มัน จะงอกไปทางไหน, ไปทางที ่อ ยู ต่ํ า หรือ อยู สู ง. ถ าต องการว าจะให มั นอยู สู ง สมกั บ คํ าวามนุ ษ ย แปลว าใจสู ง, ให สมกั บ คําวาพบพระพุ ทธศาสนา ดวยแลว มั นก็ตองคิดมากหนอย ; อยาขี้เกียจหรืออยารู สึ ก ว า มั น เหน็ ด เหนื่ อ ย แล ว ก็ ไม อ ยากจะคิ ด . นี่ คื อ ข อ ที่ ข อให คิ ด ให ไกล ให ก ว า ง ใหสูงเขาไว จะเปนชอทางใหไดรับประโยชนมากที่สุด.


หลักปฏิบัติ ตอ ทิศเบื้องหนา

๕๑๓

คิห ิป ฏิบ ัต ิเ ปน เรื ่อ งของฆราวาส แลว ก็ถ ูก เหมาใหเ ปน เรื ่อ งต่ํ า ๆ. แม พ ระพุ ท ธเจ า จะได ต รั ส สู ต ร ๆ นี้ แสดงในเรื่ อ งของชาวบ า นธรรมดาสามั ญ แสดงคิห ิป ฏิบ ัต ิ และผลของปฏิบ ัต ิต ามธรรมดาสามัญ ; ก็ม ิไ ดห มายความวา มัน จะจํา กัด อยูเ พีย งแคนั้น . ขอใหถือ วา พระพุท ธเจา ตรัส อะไร สอนอะไร ก็ตองเปนไปเพื่อความหลุดพนจากความทุกขเพื่อวิมุตติทั้งนั้น ; แมพรหมจรรย ของฆราวาสก็ ต อ งเป น ไปเพื่ อ วิ มุ ต ติ , ให ห ลุ ด พ น จากกองทุ ก ข . ถ า ขึ้ น ชื่ อ ว า พรหมจรรยแลวก็ตองเปนไปเพื่อวิมุตติทั้งนั้น. การปฏิ บั ติ ที่ ฆ ราวาสจะต อ งปฏิ บั ติ ให ดี ที่ สุ ดก็ เรี ยกว า “พรหมจรรย ของ ฆราวาส” มั น ก็ ต อ งไปให ดี ที่ สุ ด ให ถึ ง วิ มุ ต ติ ใ นความหมายใดความหมายหนึ่ ง ; แต ว า ความหมายรวมก็ คื อ หลุ ด พ น จากกองทุ ก ข อยู เหนื อ ทุ ก ข . นี่ ก็ ต อ งไม ลื ม เหมื อ นที่ พู ด ซ้ํ า พู ด ซาก จนอาจจะรํ า คาญ นี้ ก็ ไ ด ที่ ว า พระโสดาบั น พระสกิท าคามี พระอนาคามี นี ้ใ นบา นเรือ นก็ม ี ไมใ ชม ีแ ตใ นปา หรือ ในวัด ; ดู ต ามบั น ทึ ก ที่ เขากล า วไว ล ว งมาแล ว . การที่ เป น พระโสดาบั น พระสกิ ท าคามี โดยเฉพาะนี ้ย ัง เกี ่ย วกับ สิ ่ง ที ่เ รีย กวา กิน กาม เกีย รติ เหมือ นอยา งชาวบา น ; แต อยู ในลั กษณะที่ ผิ ด กั น คื อว าสู งกว า. เพราะฉะนั้ นการมี บุ ต รภรรยา - สามี ของ พระโสดาบั น พระสกิ ท าคามี ที่ เป น ฆราวาสก็ ต อ งต า งจากฆราวาสบุ ถุ ช นที่ ห นา ไปด ว ยกิ เ ลส. พระอนาคามี ก็ อ ยู ใ นบ า นเรื อ นได ในลั ก ษณะที่ ไ ม มี ค วามทุ ก ข . หมายความวาเอาชนะสิ่งเหลานี้ได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org แล ว เราก็ ม องดู ใ ห ก ว า ง มองให ก ว า งให เ พี ย งพอ ที่ จ ะครอบคลุ ม ความหมายเหล านี้ ไว ได ทั้ งหมด ว าพระอริ ย เจ าก็ มี อ ยู ในบ านในเรื อ น แล วจะเรี ย ก ทา นวา คฤหัส ถห รือ ไม. ความหมายของคํ า วา “คฤหัส ถ” หรือ “คิห ิ” นี ้ม ัน กิ น ความกว า งอี ก เหมื อ นกั น ; ยั ง ต อ งอาศั ย บ า นเรื อ นอยู หรื อ ยั ง เนื่ อ งกั น อยู กั บ


๕๑๔

ฆราวาสธรรม

บา นเรือ นก็ไ ด ; ก็เ รีย กวา เปน คฤหัส ถ หรือ ฆ ราวาสได. แมภ ายนอกยัง เนื่ องกับ เรือน แต ภ ายในมั น ก็ ยังต างกัน ได คื อ จิตใจมั น ต างกั น ได . พระโสดาบั น , พระสกิ ท าคามี , พระอนาคามี แม เป น ฆราวาสครองเรื อ น ก็ ต อ งมี จิ ต ใจสู ง กว า ชาวบา นธรรมดา. เพราะฉะนั ้น เราเพง เล็ง ระดับ ที ่ส ูง ไวอ ยา งนี ้ ก็ไ มใ ชเปน คน อวดดี หรือไม เป นคนที่ น าตํ าหนิ ว าใฝ อะไรเกิ นหน าเกิ นตั ว อย าเข าใจไปอย างนั้ น. เป น ฆราวาสก็ ต อ งมี ห ลั ก ว า ให ไ ด สิ่ ง ที่ ดี ที่ สุ ด ที่ ม นุ ษ ย ค วรจะได ไ ว เสมอ. แม จ ะ หวังพระนิพพานก็ไมเขาในบทวา ใฝสูงเกินศักดิ์ หรือใฝอะไรซึ่งเปนคําดา. นี่ เราจึ งต อ งพิ จ ารณาเรื่ อ งคิ หิ ป ฏิ บั ติ กั น ในลั ก ษณะอย างนี้ . ถ าจะพู ด กั น แต เพี ยงเท าที่ มี อยู ในนวโกวาท ผมก็ ไม ต อ งพู ด ; เพราะว าคุ ณ ก็ ไปอ านเอาได . นวโกวาทก็ มี อ ยู ด ว ยกั น ทุ ก คน แล ว ก็ เป ด อ า นเอาได ว า สอนให ป ฏิ บั ติ ต อ บิ ด า ม ารด า บุต รภ รรย า ส ามีอ ะ ไรอ ยา งไรต าม ทิศ เห ลา นั ้น . แ ตนี ่ม ัน ยัง มี ความหมายลึ ก ที่ ซอนอยูตามระหวางบรรทั ด ที่ มั นไม มี ตั วหนั งสื อปรากฏ ; ก็ ต อง ดูใหดีดวยเหมือนกัน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เมื่ อ ดู กั น ละเอี ย ดลึ ก ซึ้ ง มากไปอย า งนี้ มั น ก็ เป น ไปในรู ป ของปรั ช ญา โดยไม มี ท างหลี ก . แต ว า เราไม ใ ช ป รั ช ญาเพ อ เจ อ ; ปรั ช ญาเท า ที่ จํ า เป น แก ก าร ปฏิ บั ติ ในทางศาสนา อย า งนี้ ไม ใช ป รัช ญาเพ อ เจ อ ปรัช ญาที่ เขาถกเถี ย งกั น ไม มี ที่ สิ้ น สุ ด เตลิ ดเป ดเป งไกลออกไปจากจุ ดหมาย หรือว า ไกลออกไปจาการปฏิ บั ติ ไปสู จุดหมายมากขึ้นทุ กกที ; อยางนี้ เรียกวาปรัชญาเพ อเจอ. เดี๋ ยวนี้ คํ าวาปรัชญา มั น มี แ ต ที่ อ ยู ใ นลั ก ษณะเพ อ เจ อ . คํ า ว า ปรั ช ญานั้ น ทํ า ความยุ ง ยากมาก เพราะ เขาใชคํามันผิดจากตัวหนังสือ ที่มีใชกันอยูในสมัยโบราณ.

ถาปรัชญาจริงตามตั วหนั งสื อ มั นก็ แปลวา ป ญญารู สิ่งที่ ควรจะรู แล ว เรื่อ งมัน ก็ยุ ง . เดี ๋ย วนี ้ป รัช ญามัน กลายเปน ปญ ญาสํ า หรับ รูไ มม ีข อบเขต และ


หลักปฏิบัติ ตอ ทิศเบื้องหนา

๕๑๕

รู เ พื ่อ ยกหูช ูห าง ไมม ีที ่สิ ้น สุด มัน ก็เ ลยยุ ง ; คิด ถึง อยา งคนบา ไมม ีจ ุด จบ. แต ค วามหมายของคํ าว าป ญ ญา หรื อ ปรั ช ญานี้ มั น ต อ งจํ ากั ด เฉพาะ กระทั ด รั ด ตรงไปยั งจุ ดที่ จะต องปฏิ บั ติ เพื่ อดั บทุ กข ที่ นี่ และเดี๋ ยวนี้ . แต ความหมายส วนใหญ มั น ก็ ยั ง มี อ ยู ในข อ ที่ ว า มองดู กั น อย า งคนมี ป ญ ญา. เพราะฉะนั้ น เรามองดู ชี วิ ต ฆราวาสอย างคนมี ป ญ ญา มั นก็ ต องมองอย างในรูปปรัชญา ; คื ออุ ดมคติ ที่ มั นสู ง สุ ด สุ ด เลย คื อ มุ ง ไปนิ พ พาน. การที่ จ ะพู ด ว า มี ผั ว มี เมี ย เพื่ อ เป น คู หู เดิ น ทางไป นิ พ พานนี้ มั น กลายเป น ปรั ช ญาชนิ ด หนึ่ ง ไปก็ ได ; แต เป น ปรั ช ญาที่ นํ า ไปสู ก าร ปฏิบ ัต ิที ่จํ า เปน ; แลว ก็ม ารวมอยู ที ่ก ารปฏิบ ัต ิ เปน เรื่อ งของทางศาสนาไปเลย ไมเปนปรัชญา แตหัดมองอยางนักปรัชญา. ยกตั ว อย า งคํ า สั ก คํ า หนึ่ ง ที่ สํ า คั ญ มาก คื อ คํ า ว า “สรณ” หรื อ ที่ พึ่ ง , สรณะที ่พ ึง นี ้จํ า เปน และตอ งการกัน ทุก คน. ทีนี ้เ รื่อ งทิศ ๖ นี ้ม ัน เปน เรื ่อ งที ่พึ ่ง เป น เรื่อ งทํ าที่ พึ่ ง ; ถ าไม อ ย างนั้ น จะต อ งไปไหวกั น ทํ า ไม. ไหวทิ ศ ทั้ ง ๖ แสดงว า ไปไหว ไปนอบน อ ม. ไปไหว ไปนอบน อ มทํ า ไม ? มั น ก็ เพื่ อ เป น ที่ พึ่ ง . สิ ง คาลมานพโง ๆ ก อนพบพระพุ ทธเจ านั้ น ก็ ไหวทิ ศทางต าง ๆ ตามที่ บรรพบุ รุษสอนมา ก็เ พื ่อ เปน ที ่พึ ่ง เพื ่อ ความรอดของตัว . ตอ เมื ่อ พบพระพุท ธเจา ทา นสอนวา ให ไหว เสี ย ใหม อ ย า งนี้ คื อ ไหว ทิ ศ ๖ นั้ น ก็ เพื่ อ ที่ พึ่ ง มั น ก็ ก ลายเป น การเลื่ อ นชั้ น ของที่พึ่ง ใหสูงขึ้นไป.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั ้น ทิศ ทั ้ง ๖ นี ้ก ็ห มายถึง สิ ่ง ที ่อ าจจะเปน ที ่พึ ่ง ใน เมื่อ เราประพฤติตอ มัน อยา งถูก ตอ ง. ที่เรีย กวา “ไหว” นั้น ไมใ ชพ นมมือ ไหว เฉย ๆ ; เราตอ งประพฤติต อ ทิศ อยา งถูก ตอ งดว ย. แลว ทํ า ไมจึง เรีย กวา ไหว ? ก็เพราะวาใหความสนใจเต็มที่ เอาใจใส รับรู สนใจ เสียสละเพื่อจะรับรูอยางเต็มที่, นั ่น คือ การเคารพ. การคารพครูบ าอาจารยก ็เหมือ นกัน ไมใ ชเ พีย งแตไ หวด ว ย


๕๑๖

ฆราวาสธรรม

กิริยาทาทาง ดวยรางกาย ตองใหความเอาใจใสทุกอยางถึงที่สุด จึงจะเรียกวา เคารพ. คํ าวา “เคารพ” นี้ ค วามหมายทางอุ ด มคิ ต ทางลึ ก ๆ นั้ น หมายถึ ง ใหค วามสนใจสูง สุด ,ใหค วามสนใจทั้ง หมดลงไปในสิ่ง นั้น , ก็เรีย กวา เคารพ. แตทางรางกาย ทางวัตถุนี้ ก็คือยกมือไหวบาง โคงบาง กราบบาง อะไรก็ได ; ก็ไปดูเอาเองวา ทางไหนมันจะชวยได. การไหวทิศก็เหมือนกัน จะพนมมือไหว หัน รอบตัว ไหว ขา งบนขา งลา ง อยา งแบบโบราณนั ้น มัน ก็แ บบหนึ ่ง , ทีนี ้ไหว ทิศดวยการใหความสนใจ ดวยความเคารพ ในความหมายของทิศ ที่ดีกวานั้น ทิ ศ ตะวั น ออก คื อ ที่ นั่ น , ทิ ศ ตะวั น ตก คื อ ที่ นี่ , มั น ก็ ก ลายเป น เรื่อ งอย า งที่ พู ด คือกลายเปนเรื่องทําที่พึ่ง เทานั้นเอง. ทิศเบื้องหนา - บิดามารดาเปนที่พึ่งสูงสุดอยางหนึ่ง ถาเราทําถูกตอง ; เพราะวาเราคลอดออกมาวันนี้ เรายังทําอะไรไมได บิดามารดาเปนที่พึ่งทุกอยาง จนรอดเนื้ อ รอดตั ว เป น เด็ ก เป น หนุ ม เป น สาวขึ้ น มา ; นี้ ก็ คื อ เป น ที่ พึ่ ง ให ก าร ศึกษา ใหการคุมครอง ดูแลตักเตือน จนกลายเปนทิศเบื้องหนาไป.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทิศเบื้องหลัง – บุตรภรรยา ก็อยามองเขาในลักษณะที่ดูหมิ่น ; เพราะ เป น ที่ พึ งชนิ ด หนึ่ งเหมื อ นกั น . มั น เป น ที่ พึ่ งขางหลั ง คื อ มี ห น าที่ ที่ จ ะต อ งดุ น อยู ขา งหลัง , ดุน อยู ข า งหลัง เพื ่อ ใหก า วไปขา งหนา . ผมอยากพูด ทั ้ง ๆ ที ่ผ ม ไมเคยมีภ รรยา ; พวกคุณ บางคนที ่ม ีภ รรยา คุณ ก็อ าศัย ภรรยาเปน กํา ลัง ใจ. คุ ณ จะไปทํ าอะไร ๆ เพื่ อ ภรรยามากกวา คนอื่ น กระมั ง. ภรรยาเป น กํ าลั งให คุ ณ ทํ า งาน อย า งนี้ ก็ ต อ งเรี ย กว า เขาเป น ที่ พึ่ ง ดุ น อยู ท างหลั ง , เป น ที่ พึ่ ง ในทาง กําลังใจ. เพราะฉะนั้นคนที่จะออกไปเปนฆราวาส มีภรรยาในอนาคตก็ตองระวัง ใหดี ; มันจะไมพนการที่จะตองอาศัยกําลังใจจากภรรยาอยูเหมือนกัน.


หลักปฏิบัติ ตอ ทิศเบื้องหนา

๕๑๗

ทิศเบื้องขวา - ครูบาอาจารย จะเปนที่พึ่งอยางไร นี้เกือบจะไมตอง อธิบายกันแลว ; แต มั นเป นที่ พึ่ งในทางวิญ ญาณ. บิ ด ามารดาเป นที่ พึ่ งทางกาย ทางชีวิต , ครูบ าอาจารย ก็ เป น ที่ พึ่ งทางวิญ ญาณ ทางสติ ป ญ ญา. แม วาจะเป น ปญญาทางโลก ๆ ก็ตาม มันก็ยังเปนเรื่องสติปญญา เปนเรืองวิญญาณชั้นโลก ๆ. ทิศ เบื ้อ งซา ย - มิต รสหาย ก็เ ปน ที ่พึ ่ง ทางสัง คม, เราก็มีญ าติ มี มิ ต รก็ เพื่ อ การสั ง คมเพื่ อ การอยู ในสั ง คม เพื่ อ ชั ย ชนะทางสั ง คม. ญาติ ก็ ต าม มิต รก็ต าม เปน ที ่พึ ่ง ทางสัง คม หรือ ฝา ยสัง คม. ธุร ะการงานอะไรเกิด ขึ ้น เรามีมิตรมีเพื่อน มันก็เสร็จไดในพริบตาเดียว. ทิ ศ เบื้ อ งบน - คือ สมพราหมณ ยิ่งเป น ที่พึ่ งทางวิญ ญาณในระดั บ สูงสุด. ทิ ศ เบื้ อ งต่ํ า - อยู ใต ฝ า เท า คื อ บ าวไพร ก็ เป น ที่ พึ่ ง ; เป น ที่ พึ่ งใน ทางการใหแ รงงาน. มีแ ตห ัว สมอง ไมม ีแ รงงานจะทํ า อะไรไดอ ยา งไร. ลัท ธิ ยุ ง ยากในโลกเวลานี้ ก็ เกี่ ย วด ว ยเรื่อ งแรงงานนี้ แ หละ. เกิ ด ลั ท ธิ น ายทุ น ที่ ต อ งมี แรงงาน ; แรงงานคือ พวกกรรมกร เขาก็ไ มย อมใหน ายทุน เอาเปรีย บ ; วิ ก ฤตกาลของโลกเกิ ด มาจากสิ ่ ง เหล า นี ้ เพราะนายทุ น ไม น ั บ ถื อ กรรมกร วา เปน ที ่พึ ่ง ชนิด หนึ ่ง . ถา นายทุน นับ ถือ พุท ธศาสนา ก็จ ะใหค วามเคารพและ สนใจแก ก รรมกร จนไม เกิ ด เรื่อ ง อย างที่ เกิ ด อยู เดี๋ ย วนี้ . นี้ คื อ การทํ า ผิ ด ในเรื่อ ง ทิศเบื้องต่ํา ทําใหโลกระล่ําระสายทั้งโลก นี่ไมใชเรื่องเล็กนอย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้ น ขอให เอาคํ าวา ที่ พึ่ ง หรือ สรณะนี้ ไปพิ จารณาดู ให ดี ไปใชใ หถ ูก ตอ ง ใหม ีป ระโยชน แลว ปญ หาจะหมด. ทุก สิ ่ง มัน เปน ที ่พึ ่ง ได ในความหมายใดความหมายหนึ่ งรอบตั วเรา ; เชนวาเรามีห ลังคา หลังคาก็เป น


๕๑๘

ฆราวาสธรรม

ที่พึ่ งกัน ฝน. เราไม มี ห ลั งคา เราก็มี ตน ไม ใบไม มั น ก็เป น ที่ พึ่ งกั น ฝนไดต ามเรื่อ ง ตามราวของมั น. คนฉลาดเขาจึ งรูวาทุ กอย างมั นต องเกื้อกูลแกกั นและกั น เป นที่ พึ ่ง แกก ัน และกัน มิเ ชน นั ้น โลกนี ้ม ัน อยู ไ มไ ด. ถา โลกนี ้ม ีม ด ไมม ีแ มลง โลกนี้ ก็ จ ะเป น อยู อ ย างนี้ ไม ได ; เพราะวาปลวกมั น ช วยทํ า ให ใบไม ที่ ห ล น ลงมา นั้ นหมดไป ; แบคที เรียช วยทํ าให สิ่ งเหล านั้ นหมดไป ไม ให เกะกะกี ดขวางอยู ได ; ปลวกหรือแบคทีเรียมันก็เปนที่พึ่งของสัตวในโลกดวยเหมือนกัน มันทําหนาที่ของ มั น อย า งหนึ่ ง ให เ ราอยู กั น ในโลกได . เมื่ อ สิ่ ง ชนิ ด นี้ มั น ก็ ยั ง เป น ที่ พึ่ ง หรื อ มี ประโยชนแลว ก็ไมตองพูดกันแลวถึงสิ่งอื่นที่ดีกวานี้. เพราะฉะนั้ นเราจะต องหมดความโงในลั กษณะนี้ หมดการยกหู ชู หาง วา กูอ ยู ใ นโลกคนเดีย วได ; มีค วามเขา ใจที ่แ นน แฟน ลงไปวา เราอยู ใ นโลก คนเดีย วไมไ ด ตอ งรว มมือ กัน ทุก ทิศ ทุก ทาง; แลว ใหถ ือ วา ที ่ม ัน ใกลช ิด ตัว เรา มากที่ สุ ด นั้ น ก็ คื อ ทิ ศ ทั้ ง ๖ นี้ เป น สํ า คั ญ ก อ น ; นอกนั้ น มั น ก็ อ ยู ทิ ศ ใดทิ ศ หนึ่ ง สงเคราะหอ ยูไดใ นทิศ ทั ้ง หกนี้เหมือ นกัน . สิ่ง ใดอยูต่ํา กวา เรา เลวกวา เรา มัน ก็อ ยู ท ิศ ขา งลา ง ; สิ ่ง ใดเกง กวา เรา เหนือ วา เรา ก็อ ยู ท ิศ ขา งบน ; นอกนั ้น มัน ก็อ ยูโ ดยรอบ. เพราะฉะนั้น เราทํา ตัว เปน ผูอ ยูใ นสิ่ง แวดลอ มที่ชว ย เหลือเรา ไปทุกทิศทุกทาง จะไมดีอยางไร,

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ความรูเรื่อ งทิศ นี ้ม ีค วามมุ ง หมายอยา งนี ้ : ใหเราอยู ใ นจุด ๆ หนึ ่ง ซึ ่ง มีสิ ่ง แวดลอ มชว ยเหลือ เราทุก ทิศ ทุก ทาง ; ขอใหป ระพฤติป ฏิบ ัต ิต อ ทิศ ทั ้ง หลายเหลา นี ้ ใหไ ดผ ลอยา งนี ้. นี ่พ ูด ถึง คํ า วา “ที ่พึ ่ง ” หรือ สรณะ เพีย ง คําเดียวก็มองเห็ นไดวา ทุกอยางถาเราเขาไปเกี่ยวของอยางถูกตองแลว ยอมเป น สรณะ เป นที่ พึ่ งได ตามมาก ตามน อย ตามสั ด ตามส วน ตามชนิ ดหรือลั กษณะ ของสิ่งนั้น. เราตองปฏิบัติตอทิศทั้งปวงอยางนี้ ดวยความมุงหมายอยางนี้.


หลักปฏิบัติ ตอ ทิศเบื้องหนา

๕๑๙

ทีนี้จะพูดถึงแตละทิศกันเปนรายทิศกันใหม ในระดับที่พอสมควร ; จะไมพูดถึงอุดมคติสูงสุดคือนิพพาน เพราะวา เปนที่เขาใจกันแลว ; แลวก็ปฏิบัติ ที่สมควร ที่ถูกตอง ที่พอดี นี้จะทําไปสูนิพพานดวยเหมือนกัน. บิดามารดาเปนทิศเบื้องหนา ; ขอใหรูจักบิดามารดา ในฐานะที่วา เปนอะไรแกบุตร.อุดมคติที่สูงเกินไปก็คือวา ที่คลอดบุตรมา เพื่อใหบุตรเดินทาง ไปนิพ พาน ; นี ้ก ็ส ูง หรือ วา ยัง ไมต อ งปฏิบ ัต ิอ ะไรก็ไ ด. แตที ่ข อใหป ฏิบ ัติ ก็คือ อยางที่วามาแลววา ใหบิดามารดาเปนผูใหชีวิต. บิดามารดาเปนผูใหชีวิต ถาไมไดให เราก็ไมมีชีวิต เราก็ไมไดเกิดขึ้น มาในโลก.เพราะฉะนั้ น เราควรจะมอบกายถวายชีวิต นี้ ให แ ก บิ ด ามารดา โดย เห็น วา เปน ผู ใ หช ีว ิต .ฉะนั ้น อยา มีเ รื ่อ งที ่ทํ า ใหบ ิด ามารดาเปน ทุก ข ; ควร บูชาความปรารถนาของบิดามารดาเปนสิ่งสูงสุด. ถาตกลงกันไมได เราก็ตอง ยอมเสียสละใหบิดามารดาเปนฝายชนะ. เด็ก ๆ ก็คงจะคานวา ถามัวเอาแตขา ง ปฏิบัติตามบิดามารดา เราก็ไมมีโอกาสจะไปเมืองนอก. ไปเรียนเมืองนอก ไปได ดิบไดดีอะไรมา. นั้นมันเปนความคิดอยางเด็ก มันก็ไมมีอุดมคติอยางที่เราพูด. แตทางที่จะออมชอมกันไดก็คือ ตอรองกันได ; เพราะบิดามารดาก็ตองการที่จะ ใหลูกดีที่สุดอยูแลว ไมจํากัดเหมือนกัน ; อุตสาหจํานําจํานองที่ดิน ทั้งที่ยากจน ใหลูกไปเรียนที่กรุงเทพ ฯ อยางนี้เปนตน ลองคิดดูซิวา บิดามารดาหวังอยางไร เวนไวแตเรื่องมันไมลงกันไดจริง ๆ มันจึงจะเกิดขัดขวางกันขึ้นมา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาสมมุติวา เกิดขัดขวางกันขึ้นมา เราก็ควรจะมอบกายถวายชีวิต ให บ ิ ด ามารดา, ให เ ป น พระพรหม หรื อ เป น พระอรหั น ต ใ นบ า นเรื อ น ; ใหส มกับ ที ่ว า ชีว ิต นี ้ไ ดม าจากบิด ามารดา. ชีว ิต ิข องเราทั ้ง ชาติไ มไ ดไ ป สนุก สนานเอร็ด อรอ ยที่เมือ งนอก, แตจ ะรับ ใชบิด ามารดา ทํา ไรไ ถนาอยูที่นี่


๕๒๐

ฆราวาสธรรม

เราก็ต อ งทํ า ได. ผมยัง เลือ กขา งฝา ยนี ้, ขา งฝา ยที ่ว า บูช าความปรารถนาของ บิดามารดา. ขอยกตั ว อย า งตั ว ผมเอง อย า เห็ น เป น เรื่ อ งส ว นตั ว . ถ า ผมไม บู ช า ความปรารถนาของมารดาแล ว ผมไม ได บ วช, แล วไม ได ม าพบคุ ณ ที่ นี่ ในสภาพ อยา งนี ้ ; เพราะวา ผมไมอ ยากบวช. เมื ่อ เปน หนุ ม ไมอ ยากบวช, ไมเ ห็น วา มี ค วามสํ า คั ญ อะไร, ไม มี ค วามรู ว า เรื่ อ งบวชนี้ มั น จะช ว ยอะไรได . แต เพราะ มารดาตองการใหบวช จึงตองบวช อยางนี้เปนตน. เพราะฉะนั้ นการที่ บู ชาความปรารถนาของบิ ดามารดาคงจะไม ใช ความ บาป หรือ เลวรา ย, ไมม ีโ อกาสที ่จ ะเปน เรื่อ งบาป หรือ เลวรา ย ; มีแ ตจ ะ ใหไดดีไดงามตามทางธรรม. เพราะวาอยางนอยที่สุดเราก็เปนผูบูชาบิดามารดา ; เราไมไ ดไ ปเมือ งนอก ไมไ ดด ีไ ดเดน อะไร แตเราก็ย ัง ไดชื ่อ วา บูช าบิด ามารดา ซึ่ งเป น ของที่ ทํ า ยากและสู งสุ ด . เพราะฉะนั้ น ขอให รูจั ก บิ ด ามารดาในฐานะที่ ว า เปน พรหมในบา นเรือ น, เปน พระอรหัน ตใ นบา นเรือ น, เปน ผู ใ หช ีว ิต หรือ เป น ผู ที่ ธ รรมชาติ ส รา งมา ให ค ลอดบุ ต รออกมาสํ าหรับ จะให เดิ น ทางไปนิ พ พาน ใหไปในทางสูงเรื่อย. หวังวาสึกออกไปคราวนี้คงจะรักพอแมมากกวากอน, เคารพ พอ แมม ากกวา กอ น, บูช าความปรารถนาของพอ แมม ากกวา กอ นบวช ; จึง จะ ไดผลของการบวช หรือรูจักไหวทิศทางอันนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ในนวโกวาทก็ม ีวา บิด ามารดาเปน ทิศ เบื ้อ งหนา ; เราตอ งรูส ึก วา มีหนาที่ ที่วา - ทานเลี้ยงเรามาแลว เลี้ยงทานตอบ, - ทํากิจของทาน, - ดํารงวงค ตระกูล ของทา น, - ประพฤติต นใหส มควรรับ ทรัพ ยม รดก, - เมื ่อ ทา นลว งลับ ไปแลว ทํ า บุญ อุท ิศ ใหท า น. นี ่เ ขาวางหนา ที ่ข องบุต รเล็ก ๆ อยา งเด็ก สิง คาล


หลักปฏิบัติ ตอ ทิศเบื้องหนา

๕๒๑

มานพนั้น จะตองรูสึก อยางนี้ ; มันก็ถูกตอ งแลวสําหรับเด็ก ๆ. มีหลัก ทั่วไป ที่จะอยูในโลกเทานี้มันก็พอ. - เลี้ ย งมาแล ว เลี้ ย งท านตอบ, ความหมายนี้ ดู ให ดี น ะ มั น ไม ใช เพียงแตใหขาวใหน้ํา, ไมเพียงแตแบงเงินเดือนใหมันเลี้ยงจิตใจของทานดวย. - ชวยกํากิจของทานนี้ มันตองรูวาทานประสงคอะไร ถาบิดามารดา ของเรามีใจสูงตองการอะไร ? นั่นแหละคือกิจ ที่เราจะตองทํา. คําวา “กิจ” ไมไดหมายความแตเพียง หนาที่การงาน ; บางทีแปลวา รส ก็มี. ความหมาย ของคํา วา กิจ นี้แ ปลวา รสที่ตอ งการก็มี. เพราะฉะนั้น บิด ามารดาประสงค อะไร ก็ตองเอาสิ่งนั้นเปนของเด็ดขาด เปนคําประกาสิต อุทธรณไมได ; แตวา ตอรองกันได ; เพราะวามีสติปญญาที่จะพูดจากัน ซึ่งทานก็ไมมีอะไรที่จะขัดขวาง ความประสงคของเรา. เราก็ไมมีอะไรที่จะขัดขวางความประสงคของทาน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org - ประพฤติตนเปนคนสมควรรับทรัพยมรดก ; นี่ความหมายมันกวาง มัน ตอ งเปน คนดี. ไปเขา ใจเอาเองก็แ ลวกัน วา “ดี” หมายความวา อยางไร. ทรัพยมรดกนี้ตองถือวาเปนของศักดิ์สิทธ; เพราะมันเกิดมาจากเหงื่อไคลของ บิดามารดา. ถาเอามากินเหลา มาเที่ยวผูหญิงละก็มันตกนรกชั้นมหาโลกันตอเวจี. เหมือ นกับ เด็ก ๆ ที่ห ลอกลวงบิด ามารดาไปเลา เรีย นที่ก รุง เทพ ฯ เอาเงิน ไปถลุง หมด ; อยา งนี ้ม ัน ตกนรกเอวจี หรือ โลกัน ตม หานรกอะไรก็ต าม ; เพราะวานั่นมันมาจากเหงื่อไคลของบิดามารดา ที่ตนเอาไปใช ; อยางนี้ ไมควร แกการรับมรดก.


๕๒๒

ฆราวาสธรรม

- ขอสุดทายวา ทําบุญอุทิศใหทานเมื่อตายแลว ; นี้ตามธรรมเนียม ตามประเพณีของคนที่มีความเชื่อเรื่องตายแลวเกิด. ก็หมายถึงวาทําดวยน้ําใจ ทั้งหมดที่เราจะรักใครบูชานับถืออยางไร แมแตตายแลว. มีภาพเขียนเล็ก ๆ ที่ เสาในโรงมหรสพทางวิญ ญาณเรื่อ งเด็ก คนหนึ่ง เขา ไปกอดเสาที่ห ลุม ฝงศพ ของมารดาทุกคราวที่ฟาลั่นฟารอง นั่นตอ งทําอยางนั้น ; แมตายไปแลวก็ยัง ตองทําเหมือนกับยังอยู ดวยความกตัญู ไมมีเวลาจํากัด.เพราะฉะนั้นประเพณี ที่ทําบุญอุทิศสวนกุศลใหบิดามารดากันเรื่อยนี้ดี เชน ทําบุญตายายของไทย, เช็งเหม็งของจีน, มันอยูในขอนี้. ทําทั้งทางกาย ทําทั้งทางวัตถุ ทําทั้งทางจิตใจ ทําหมดทุกอยางที่จะทําได นี่มันจึงจะสมกับที่วาบิดามารดาเปนอะไร. แลวก็อยาลืมวา ภาษาบาลีใชคําวา “มารดาบิดา” , ภาษาบาลี หรือ ภาษาสันสกฤตวา มาตาปตุ ; ภาษาอินเดียใชคําวา มารดาบิดา เอามารดา มากอนบิดา, จะโดยความหมายอะไรไปคิดเอาเองก็แลวกัน. แตผมสมัครจะถือวา ทานใหนึกถึงมารดากอนเพราะวามารดารองใหงายกวาบิดา ; วากันตามเหตุผล ของเด็ก ๆ ก็ได. หรือใหมองกันไปในแงที่วา มารดาเหน็ดเหนื่อยกวา เจ็บปวด มากกวา ทนทรมานมากกวา ในการที่คลอดลูกออกมา หรือใหมีลูกออกมานี้ ; จึง ตอ งนึก ถึง กอ น. หรือ จะนึก กัน ไปในแงไ หนก็ต าม ใหทั้ง มารดาบิด าเปน ปูช นีย บุค คลก็แลวกัน . ในที่นี้พูด กัน อยางเปน ทิศ ที่ตอ งไหว ; มารดาโผลม า กอนบิดา ตามภาษาที่ใชอยูกอน ในประเทศอินเดีย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ผมอยากจะพูดเพื่อใหชวยสนับสนุนขอความในพระบาลีนั้น เรียกวา เราจะตองถือวาบิดามารดาเปนผูใชชีวิต ผูใหตัวตนมา. เพราะฉะนั้นคาของเรา มันก็อยูแคการใหของบิดามารดาอยาไปถือหลักอยางที่อันธพาลถือ ที่พูดกันวา “ทานใหชีวิตเรา มิใชใหอยางใหทาน กฎธรรมดาทาน มิใชของนาอัศจรรย”.


หลักปฏิบัติ ตอ ทิศเบื้องหนา

๕๒๓

เพราะบิดามารดาอาศัยความสนุกสวนตัวทานทําใหเราเกิดมา นี้พวกอันธพาลเขา ถือ อยา งนี้. ทีนี้เราจะไมถ ือ อยา งนั้น ; แมวา บิด ามารดาบางคู จ ะเปน อยา งนั ้น แตเราก็ไมถือวาเป น อยางนั้ น ; บิ ดามารดาของเราไม เป นอยางนั้น . บิ ดามารดา ของเราสรางชีวิตเรามาดวยความอยากจะมี เราเป นที่ ปลื้มใจ, บุ ตรเป นสิ่งให ความ ปลื้มใจสําหรับบิดามารดา. ทีนี้เราจะตองถือวา บิดามารดาเปนเจาหนี้รายใหญกอนใคร และ ยิ่งกวาใคร. บิดามารดาเปนเจาหนี้รายใหญ ที่สุดกอนใคร ยิ่งกวาใคร ในบรรดา ผู ที่ เรีย กว า เป น เจ า หนี้ ; คื อ ว า เราเป น หนี้ ชี วิ ต คื อ ท า นให ชี วิ ต เรา โดยการยอม เสียสละชีวิตทาน เพื่ ออะไรก็ได เมื่ อไรก็ได. มี คําบาลีวา มาตา ยถา นิ ยํ ปุตฺ ตํ อายุ สา เอกปุ ตฺ ตมานุ รกฺเข แปลวา มารดามี ความรูสึ กในใจ ถั งกั บอาจจะถนอม บุต รนั ้น ไวไ ดด ว ยชีวิต ของตน ; คือ วา ยอมเสีย สละชีวิต ของตนเพื ่อ เอาลูก ไว. ไปดูเถอะ แมแ ตแ มห มา แมไ ก เปน ตน มัน สู เพื ่อ ลูก ไมค ิด ตาย ; สว นคนนั ้น ยิ่ ง กว า นั้ น . เพราะฉะนั้ น จึ งถื อ ว าเป น เจ าหนี้ ชี วิ ต รายใหญ ที่ สุ ด กวา อะไรหมด กอนใครทั้งหมด, กอนเจาหนี้ใด ๆ , ยิ่งกวาเจาหนี้ใด ๆ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้ น เราต องยอมเป นลูกหนี้ อย างสิ้นเนื้ อประดาตั วเลย มั นจึ ง จะเป น ไปตามความประสงค ข องบิ ด ามารดาได . ฉะนั้ น เราจะไม เอาไปไว ในทิ ศ เบื ้อ งหนา อยา งไรได ; จะมีใ ครอยา งนี ้บ า ง ที ่ค วรเอามาไวท ิศ เบื ้อ งหนา . พระพุ ท ธเจาท านตรัส ไวถู กแล ว ต อ งเอาบิ ด ามารดามาไวเป น ทิ ศ เบื้ อ งหน า. สึ ก ไปได ลู ก ได เมี ย จะเอาบิ ด ามารดาไปไวทิ ศ เบื้ อ งหลั ง เอาลู ก เมาเมี ยมาไวเป น ทิ ศ เบื ้อ งหนา อยา งนี ้ล ะก็ม ัน จะเปน ขบถ. คนโบราณเขายัง แตง บทสอนศีล ธรรม ใหถ ือ บิด ามารดาวา เหมือ นกับ แขนขา ; สว นลูก เมีย เปน ของขา งนอก หามา เมื ่อ ไรก็ไ ด. บิด ามารดาเปน ของขา งในติด มา ตัด ออกไมไ ด. ใหค วามสํ า คัญ บิดามารดายิ่งกวาบุตรภรรยา. ดังนั้นจึงเอาไวเปนทิศเบื้องหนา.


๕๒๔

ฆราวาสธรรม

เมื่ อเอาบิดามารดามาไวเป นทิศเบื้ องหนาแลว ก็มีแตจะตองเดิ นตาม เทา นั ้น เพราะอยู ขา งหนา เราก็ทํ า ไดแ ตเพีย งเดิน ตาม. แตคํ า วา เดิน ตามนั ้น มิ ใชหมายความวา จะตองเดิ นตามอยางหลับหู หลับตา ; ทํ าใหไดดี กวาก็เรียกวา เดิน ตาม. บิด ามารดาเปน ชาวนา เราเกิด มาเดิน ตาม ก็เปน ชาวนา ; แตเปน ชาวนาที ่ด ีก วา ยิ ่ง ใหญก วา . บิด ามารดาเปน ขา ราชการ เราก็เปน ขา ราชการ ในตํ า แหน ง หรือ มี เกี ย รติ อ ะไรที่ มั น สู ง กว า . เราก็ ห น า ที่ ที่ จ ะต อ งทํ า ตามความ ประสงค. เดินตามใหมันดีกวา. สมั ยก อนชาวนาไถนาด วยควาย เราก็ เป นลู กที่ ไถนาด วยรถแทรคเตอร. อยางนี้ ก็ไดเหมื อ นกั น ; เป น เรื่องเดิ นตาม. หรือจะเปลี่ ยนเป นอะไรอยางอื่น ก็ได เขาเรีย กวา ปจ จัย เครื่อ งดํา รงอยูแ หง ชีวิต นี้, มัน กวา ง. บิด ามารดาก็ต อ งการ ให เ ราหาป จ จั ย เป น เครื ่ อ งดํ า รงอยู  แ ห ง ชี ว ิ ต อะไรที ่ เ ป น อย า งนั ้ น ได ก ็ ไ ด ใหมันดีกวา มากกวา ก็เรียกวาดีกวาบิดามารดาในสวนนี้ ; แตเราก็ไมพนไปจาก ที่จะเปนลูกหนี้ของบิดามารดา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org บาลีเขามีพูดไวที่อื่นวา บุตรมี ๓ จําพวก : บุตรที่เลวกวาบิดามารดา, บุต รที ่เสมอดว ยบิด ามารดา, บุต รที ่ด ีก วา บิด ามารดา ; คือ อภิช าตํ อวชาตํ อนุ ชาตํ . เลวกวาบิ ดามารดานี้ ไม ใชหมายความวาเลว ทํ าเสี ยหาย แต ทํ าอะไรได นอ ยกวาบิดามารดา. เสมอกัน กับ บิด ามารดา ก็คือ วา ทําใหมีฐานะเทา ๆ กัน . ดีก วา ก็คื อยากฐานะของวงศ ตระกูล ได ดี กวา สู งกวา มากกวา ; ความหมาย ก็มีเพียงเทานี้. แตมีพระพุทธภาษาคําสุดทายวา ในบุตร ๓ อยางนั้น บุตรที่ เชื่อฟง เปนบุตรที่ประเสริฐที่สุด ; คือหมายความวาไมถือวาบุตร ๓ อยางนั้น อั นไหนจะดี ไปไม ได นอกจากบุ ตรที่ เชื่ อฟ งบิ ดามารดา เพราะฉะนั้ นบุ ตรที่ ดี กว า บิด ามารดาก็ต อ งเปน บุต รที่เชื่อ ฟง , บุต รที ่เสมอดว ยบิด ามารดาที ่ตอ งเปน บุต ร


หลักปฏิบัติ ตอ ทิศเบื้องหนา

๕๒๕

ที ่เ ชื ่อ ฟง , บุต รที ่ม ีอ ะไรดอ ยกวา บิด ามารดาก็ต อ งเปน บุต รที ่เ ชื ่อ ฟง . ทีนี ้ท รง ระบุบ ุต รที ่เ ชื ่อ ฟง เปน บุต รประเสริฐ ที ่ส ุด . บุต รที ่เ ชื ่อ ฟง คือ บุต รที ่ไ หวท ิศ อยางถูกตองนี้แหละ ทุมเทความเคารพ ความอะไรทั้งหมดลงไปในบิดามารดา. นี่ เรื่องทิ ศเบื้ องหน าคื อบิ ดามารดามี อยู อย างนี้ . ฉะนั้ นขอให ประมวล ความหมายต า ง ๆหรือ คํ าบรรยายที่ ได บ รรยายมาแล ว นี้ ไว ให ค รบถ ว น ; ให รูจั ก ทิ ศ เบื้ อ งหน า วาเป น ทิ ศ เบื้ อ งหน า อย างไร ? มี ค วามสํ าคั ญ จนถู ก ยกเอาไวเป น ทิศเบื้องหนาอยางไร ? บิดามารดาเปนอาจารยคนแรก นี้เราอยาเอาไปปนกับอาจารยที่เปน ทิศเบื้องขวา. หรือวาถาจะแยกบิดามารดาออกไปเปนหลายสวน บิดามารดาก็เปน ไดทุกสวนไดเหมือนกัน ; คือบิดามารดาจะเปนเพื่อนก็ได. เปนครูบาอาจารยก็ได, หรือเป นอะไรไดทุ กอย างที่ ท านจะทํ าได. แตโดยส วนใหญ สวนประธานนั้น เป น ผู ให ช ี ว ิ ต . แล ว ก็ เ ริ ่ ม เป น ครู ค นแรก . ให ไ ปดู ล ู ก สั ต ว ที ่ เ กิ ด มา แม เ ป น ครู คนแรก ; ลู ก ไก ลู ก สุ นั ข ลู ก หมู ลู ก วั ว ลู ก ควายอะไรก็ ต าม แม เป น ครูค นแรก สอนอย างนั้ นอย างนี้ . คนก็ เหมื อนกั น นิ สั ยใจคอจะมาจากแม ทั้ งนั้ น ; เพราะพอ คลอดออกมาก็ ดื่ม น้ํ านมแม อยูกั บ แม ต องการอะไรก็เอาจากแม เห็ น สิ่งต าง ๆ ที ่แ สดงอยู ที ่แ ม ;จึง สรา งนิส ัย ของเราใหเหมือ นแมม ากกวา คนอื ่น ; นี ้ก ็เปน ครู คนแรก. มารดาบิ ดาเป นครูคนแรก มารดามาก อน เลยเป นครูคนแรกกวาบิ ดา ; แลวมากไปกวาที่วาใหชีวิตทางรางกายอยางเดียว ; ยังใหชีวิตทางวิญ ญาณทาง นามธรรมด วย คื อมี ชี วิต ๒ ความหมาย - ชีวิตทางฟ สิ คส กั บชีวิตทาง spiritual เราก็ไดชีวิตทั้งสองทางนี้จากบิ ดามารดา ; แลวฝายมารดาใสความรูหรือความสูง ทางวิญ ญาณให ทีล ะนอย ๆ นั บ ตั้งแตวันแรกเกิด มา ตั้งแตพ อลืม ตาขึ้นมาเห็น ; สว นชีว ิต ที ่เ ปน การสืบ พัน ธุ ท างกายนั ้น ก็เ ปน ชีว ิต เทา นั ้น . บิด ามารดาเปน ครู คนแรกตั้งแตลืมตามาในโลก จึงตองบูชาเปนทิศเบื้องหนา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๕๒๖

ฆราวาสธรรม

บิดามารดาเปนพรหม ขอนี้เอาความหมายทั่วไป ก็คือความรักหรือ เมตตา; ไมมีใครจะรักเรายิ่งไปกวามารดาบิดา ; เพราะฉะนั้นทานจึงเปนพรหม ของบุต ร. ทีนี้คําวาพรหมมีค วามหมายไกลไปถึงวา ประเสริฐ ที่สุด สูงที่สุด ก็ได. ทางพุทธศาสนาก็ไปอยูที่คําวา อาหุเนยฺยา จ ปุตฺตานํ - คือเปนผูที่บุตร ควรบูชา ราวกะวาเปนพระอรหันต. เพราะฉะนั้นบิดามารดาเลยเปนพระอรหันต ในบานเรื่องของลูก. ลูกตองปฏิบัติตอบิดามารดาอยางนี้ ตามหลักในพุทธศาสนา แลวสิ่งที่กลาวไวใน นวโกวาท ก็เปนของงาย ๆ เหลือที่จะงายในการปฏิบัติ. จึงหวังวา เราจะมีอุดมคติเทิดทูนบิดามารดาเปนทิศเบื้องหนาใน ลักษณะอยางนี้ ; แลวสึกออกไปก็จะรักพอแมยิ่งกวาเกา, จะบูชาพอแมยิ่งกวา เกา, จะเสียสละใหพอแมไดยิ่งกวาเกา ; ไมเสียทีที่วามาบวช แลวสึกออกไป เปนบัณฑิต.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เวลาขอเราก็หมดเพียงเทานี้.


ทิศเบื้องหลัง และเบื้องขวา - ซาย - ๔ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๑๓ วัน นี้ จะพู ด เรื่องทิ ศ เบื้ อ งหลั ง คื อ บุ ต รภรรยา ต อ จากทิศ เบื้อ งหนา คือ บิด ามารดา ซึ่ง ไดพิจ ารณากัน แลว ใน วัน กอ น ในฐานะที่เปน เรื่อ งคูกัน . อยากจะขอใหทุก ๆ องค ทบทวนถึงหลักที่เราจะตองถือเปนหลักสําคัญทั่ว ๆ ไปไวเสมอ วา มนุษ ยเกิด มาเพื ่อ ไปนิพ พาน. มนุษ ยที ่กํ า ลัง อยู ใ นสภาพ อยางไร สถานะอยางไร ก็ตองมีความมุงหมายเพื่อไปนิพพาน, คือ ไปสู ที ่สิ้น สุด ของการที ่จ ะตอ งเปน อะไรหรือ เปน อยา งไร ; อยางนอยก็โดยทางจิตใจ ที่เราหมดความรูสึกวาเราเปนอะไร จึงจะจบเรื่อง. ทีนี้ก็จะไดความคิดขึ้นมาวา ทุกอยางนี้มันเปนไป เพื่อสิ่งที่ควร จะเปนไป ; แปลวามองชีวิตในลักษณะที่ไมนาเกลียดนากลัวอะไร ; คือไมมอง ในแงราย. แตแลวก็ไมมองในแงดีจนถึงกับวา นาพิศมัย นาหลงไหล ในทาง เอร็ดอรอยทางเนื้อทางหนัง. เรามองชีวิตในแงที่เปนการเดินทาง : ถาเดินดี ก็นาชื่นใจ, ถาเดินไมดีก็นาเศรา มีแตอยางนั้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org

๕๒๗


๕๒๘

ฆราวาสธรรม

ทีนี้เราก็มองดูตัวเอง ในฐานะเปนจุดศูนยกลางที่มีอะไรแวดลอม อยาง ที่เรียกวาทิศทางตาง ๆ. เพราะวามันจะตองไปดวยกัน อยางที่เรียกวาไปคนเดียว ไม ไดสํ าหรับ ฆราวาส. เพศฆราวาสไม ควรจะถื อ วาเป น บาปเป นกรรมอะไร ควร จะถื อ ว า เป น การเดิ น ทางที่ มั น เป น พวง ๆ พ ว งกั น เป น พวง ๆ. สํ า หรั บ พระหรื อ บรรพชิ ต ก็ มี ค วามมุ งหมายที่ จะไม ให เป น พวง ; ให มั น ไปเดี่ ย ว หรือ ไปสะดวก. ถึงอยางนั้นการไปเป นพวงก็ไม ควรจะถือวา มั นเป นโชคราย หรือเป นบาปกรรม ; ควรจะถื อวาเป นการแสดงความสามารถ, ถ าใครต องการจะไปเดี่ ยวก็มี สิ ทธิ์ที่ จะ ทํ า ได และเรีย กวา มีโ ชคดีก วา . ก็เปน อัน วา ไมต อ งถือ วา ชีว ิต นี ้เปน บาปกรรม หรือ สิ ่ง ที ่เ ปน ไปในแงร า ย เหมือ นที ่ค นเขา ใจกัน อยู เ ปน อัน มาก โดยเฉพาะ พวกฝรั่ง. บางคนเอาพุ ทธศาสนาไปเปรียบว าเหมื อนกั บปรัชญา ของโชเปนเฮาเออร ที่มองทุกสิ่งในแงราย. ผมไมเห็นดวย ; ถือวาธรรมชาติแท ๆ ของธรรมชาติ นี้ไม ใชแงดี หรือแงราย ; มันแลวแตเราจะจัดจะทํามัน. ถาเราจะไปมัวจัดมัวทํ า ให เป น ดี เป น รายมั น ก็ ยุ ง สู ให มั น เป น ไปตามธรรมชาติ ของมั น ไม ได . เราจะต อ ง การแงไหน ที่ เป น ประโยชน เราก็ เอาในแงนั้ น ใช ชี วิ ต ให เป น ประโยชน ให เป น การเดิ น ทางดี ก ว า. ที่ เขาไปจั ด สิ่ งนั้ น สิ่ งนี้ หรือ ภาวะอย างนั้ น อย างนี้ ความคิ ด อยางนั้นอยางนี้วาเปนบุญ - เปนบาป เปนดี - เปนชั่ว เปนกุศล - เปนอกุศลนั้น เปนเรื่องสมมุติบัญญั ติไปตามความรูสึกของคน ผูมีความตองการ. ถาไมตองการ มันก็ไม เป นดีเป นชั่วอะไรได; หรือ ถาเกิดมี ความตองการที่ไม เหมือนกัน คนหนึ่ ง ก็ จ ะเห็ น เป น ดี , คนหนึ่ ง ก็ จ ะเห็ น เป น ชั่ ว .ฉะนั้ น ให ถื อ ว า โดยธรรมชาติ ทั่ ว ไปแล ว ธรรมชาติ เหล า นั้ น ไม ได เป น ดี ห รื อ เป น ชั่ ว ; หมายความว า เป ด โอกาสให ม นุ ษ ย ปรับปรุงเอาตามความตองการของตนได ; หากมนุษ ยโงก็ปรับปรุงไปอยางหนึ่ง,

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ทิศเบื้องหลัง และเบื้องขวา - ซาย

๕๒๙

มนุษ ยฉ ลาดก็ป รับ ปรุง ไปอีก อยา งหนึ ่ง . ฉะนั ้น การรู จ ัก ธรรมชาติที ่ถ ูก ตอ ง นั่นแหละเรียกวาเปนการดีที่แทจริงเปนกุศล. เพราะฉะนั้ น ผมจึ ง พิ รี้ พิ ไ ร ขอให ทุ ก คนมองสิ่ ง ต า ง ๆ ในแง ลึ ก , อย า มองแต เพี ย งแค ส มมุ ติ บั ญ ญั ติ หรื อ การแต ง ตั้ ง อย า งนั้ น อย า งนี้ . ถ า เป น อย า งนั้ น เรีย กวา มัน ถูก กัก ขัง โดยทางวิญ ญาณไมเ ปน อิส ระ ; ก็ค ือ ความโง ฉะนั ้น ตอ ง มองสิ่ งต าง ๆ ได อ ย างอิ ส ระ แล วก็ เลื อ กได ในทางที่ จ ะอยู เหนื อ คื อ ไม มี ค วามทุ ก ข เพราะสิ ่ง เหลา นั ้น นี ่ค ือ เหตุผ ลที ่ว า ทํ า ไมเราจะตอ งพิจ ารณาสิ ่ง ตา ง ๆ แมที ่ส ุด แต เ รื่ อ งภายในครอบครั ว เรื่ อ งโรแมนติ ค ต า ง ๆ นี้ ก็ ยั ง ต อ งพิ จ ารณ ากั น ใน ลักษณะที่ลึกซึ้งเปนปรมัตถเหมือนกัน. สําหรับเรื่องบุตรภรรยา ซึ่งเปนทิศเบื้องหลัง หรือวาเปนคูกันกับทิศ เบื ้อ งหนา ; ฉะนั ้น การพิจ ารณ ก็เ ปน ไปไดใ นทางเปรีย บเทีย บกอ น. คํ า วา เบื้ อ งหน า เบื้ อ งหลั ง นี้ มี ห ลายความหมาย ; ภาษาไทยก็ ดิ้ น ได บางที ห น า กั บ หลั ง ก็เ ห มือ น กัน ; “ตอ ภ าย ห นา ตอ ภ ายห ลัง ” นี ้ก ล ายเปน สิ ่ง เดีย วกัน . แต เบื ้อ งหนา ในที ่นี ้ห มายความวา อยู ข า งหนา เห็น กอ น ดูก อ น ตอ งดูก อ น ตอ ง จัด การกอ น, ตอ งนึก ไวเ ปน เบื ้อ งหนา คือ ออกหนา สิ ่ง ใด ๆ. สว นเบื ้อ งหลัง นั้ น มั น ก็ ต รงกั น ข า มในทางที่ จ ะมอง แต ว า มั น ก็ มี ภ าระไม น อ ยกว า กั น ในทางที่ จ ะ ปฏิบัติ คือปฏิบัติใหเหมาะสมแกการที่เรียกวาเบื้องหลังขางหลัง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถ า เรามองกั น ตั้ ง แต ร ะดั บ ต่ํ า ๆ คื อ ความคิ ด ในระดั บ ต่ํ า ๆ มั น ก็ ม อง เห็ น ไปว า คนโดยมากไม เห็ น ว า เป น ทิ ศ เบื้ อ งหลั ง ก็ ไ ด ; อาจเห็ น บุ ต รภรรยาเป น ทิศ เบื ้อ งหนา เปน ภาระขา งหนา . ถา มีค วามหลงรัก ดว ยกิเ ลสแลว ก็ยิ ่ง เปน เบื้ อ งหน า ยิ่ ง ขึ้ น ไปอี ก ; นี่ ก็ ต อ งระวั ง มั น จะกลายเป น โง ม ากขึ้ น ๆ แล ว ก็ ก ลาย เปนทําผิดก็ได.


๕๓๐

ฆราวาสธรรม

ที นี้ สู งขึ้ นมาอี ก จากความที่ ไม เป นที่ ตั้ งแห งความหลง ก็ เป นกํ าลั งใจ อยางที่เคยแนะใหดูวาทุกคนมีบุตรภรรยาเปนกําลังใจ สําหรับปฏิบัติหนาที่การงาน อาชีพ สรา งสรรคอ ะไรตา ง ๆ สุด ฝไ มล ายมือ . นี ้ม ัน ก็เ ปน ระดับ ของบุถ ุช นที่ จั กในสิ่ งที่ ดี ที่ สุ ดเพี ยงเท านั้ น หรือเขากํ าลั งเข าใจอย างนั้ นด วยเหตุ ผลอะไรก็ ตาม. ถา ไมม ีบ ุต รภรรยาเปน เครื ่อ งคอยเปน กํ า ลัง ใจแลว ดูจ ะไมใ ครทํ า อะไรอยา ง จริง ๆ จัง ๆ . ที นี้ ก็ มองได จากข อนี้ ทํ าให เห็ นชั ดอยู ในตั วแล วว า บุ ตรภรรยา แม จะจั ด เป น ข า งหลั ง มั น ก็ เป น กํ า ลั ง ดั น ให ไปข า งหน า ไม ใช เป น เครื่ อ งถ ว ง, ถ า เป น ของ หนั ก เป น เครื่อ งถ วงก็ ห มายความวา มั น ดึ งมั น กระชากรั้งให ถ อยกลั บ ไปทางหลั ง . ทีนี ้ถ า มีกํ า ลัง ใจเกิด มาจากบุต รภรรยา นี ้ก ็เทา กับ บุต รภรรยานั ้น เปน กํ า ลัง ดัน ใหร ุด ไปขา งหนา , คือ ดุน ใหไ ปขา งหนา . มัน ก็ค วรจะถือ เอาเปน คติที ่ด ีก วา ที่จะถือ เปนเรือพวง เปนของหนัก เปนของดึงขารั้งแขนอะไรไว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราก็ เลยถื อเอาคติ อั น นี้ ว าดุ นไปข างหน า นั้ นไปไหนกั นต อ ไป ? ก็ ให มั นกลายเป นว า ไปให ถึ งที่ สุ ดยั งจุ ดหมายปลายทางของความเป นมนุ ษ ย , อย าให ดุน ไปเพีย งเพื ่อ กิน เพื ่อ กาม เพื ่อ เกีย รติ เปน เรื่อ งโลก ๆ ของคนที ่ห ลงใหลอยู ในเนื้ อ หนั ง. นั่ น แหละจึงแนะนํ าให ม องให เห็ น วา มนุ ษ ย ทุ กคนจะต องไปนิ พ พาน มีบ ุต รภรรยาก็ไ มเ กิด เปน ภาระหนัก ; ถา เราทํ า ใหเ ขาเขา ในใจอุด มคติอ ัน นี้ วาทุกคนเกิดมาเพื่อไปนิพพาน.

ตามที่ ผ มได ฟ ง ได สั งเกตมองเห็ นอยู ชั ด หรื ออย างน อยก็ ได ยิ น แว ว ๆ พอเป นรูปเป นรางว าวัฒ นธรรมไทยแต โบราณ เขามี การพร่ําถึ งสิ่ งที่ เรียกว านิ พพาน กัน อยู ใ หแ ซไ ปหมดในบา นในเรือ น จะมีก ารพูด คํ า วา นิพ พาน, จะสอนใหอ ุท ิศ ตั ้ง ใจทํ า สิ ่ง ใด เพื ่อ เปน นิส ัย ปจ จัย แกพ ระนิพ พานเสมอ. เพราะฉะนั ้น เด็ก ๆ


ทิศเบื้องหลัง และเบื้องขวา - ซาย

๕๓๑

ก็จะไดยิน ; เพราะผมจําได เมื่อผมเด็ก ๆ ตัวเล็ก ๆ ก็ไดยินคนเฒาคนแกพูดกัน แตเรื่องวา “ขอใหเปนนิสัยปจจัยแกพระนิพพาน” อยางนี้เสมอไป จนมันกลาย เปนวัฒ นธรรมประจําปากไปเลย. ก็แปลวาเราทําใหเรื่องของพระนิพพานเปน เรื่องจุดหมายปลายทางของมนุษยกันทุกคน. เด็ก ๆ ก็มีการไดยินไดฟงสิ่งนี้แลว. แมวาจะยังไมเขาใจวานิพ พานคืออะไร ; มันก็คอ ยติด ตามตอไป. เรื่อ งนี้มัน สําคัญมาก คือวามันจะตัดบท ตัดปญหายุงยาก ความทุกขอะไรตาง ๆ. ตามที่เราสังเกตเห็น เวลานี้ปญหาในครอบครัว ที่วาไมมีเงินพอให ลูก จะเลาเรีย นเปน ดิบ เปน ดีได ; พอ แมก็เลยทรมานใจ ทุกขร ะทมอยูเสมอ. นี ้ม ัน เปน บาปกรรม เกิด ขึ ้น มาโดยการที ่ตั ้ง ใจไวผ ิด เทา นั ้น เอง. ถา ถือ ตาม วัฒนธรรมเกาวา จะไปนิพพานกันแลว มันก็ไมมีปญหาในเรื่องที่จะหาเงินใหพอ สําหรับสงใหลูกไปเรียนเมืองนอก. ปญหาที่มันเกิดเปนความทุกขขึ้นมาก็เพราะ ไมเขาในจุดหมายปลายทางของมนุษย. ถาพอแมมีความเขาใจถูกตองในเรื่องนี้แลว ปญหาเหลานี้ก็จะไมเกิด สําหรับถึงกับจะเปนทุกข. จะหาเงินใหมาก จะมีอะไร ใหมาก ใหลูกไดเรียนดี มันก็ทําได ; แลวก็ไมตองเปนทุกข.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ มันมีขอแตกแยกเหมือนกับวา พอเกิดตองการจะใหลูกดีไปในทาง ธรรม ทางศาสนา หรือเพื่อไปนิพพาน ; สวนแมเขาไมเอาดวย เขาไมรูไมเห็น ดวย ไมรูเรื่องเอาเสียเลย มันก็เปนความยุงยากลําบากที่เกิดขึ้น ถึงกับเปนทุกข ทรมาน ; เปนปญหาที่เรียกวา ทําใหปวดหัวกันบอย ๆ. ขางพอมีความคิด หรือ มีความตั้งใจตัดสินใจ ในเรื่องที่จะตองใหดีไปในทางนิพพาน อยางนี้ปญหามันก็จะ ไมมีมากมายอะไรนัก เพราะคนจนเทาไรมันก็ทําได ; มีเพียงแตพอกินพอใชมันก็ ทําได, มีเงินมากก็ทําได. ถาคิดแตเรื่องดี เรื่องเดนทางโลกกันแลว มันตองเกี่ยว กับ เรื่องเงิน เรื่องอะไรไปในทํานองนั้น. มันก็เลยไปหามิจฉาทิฏ ฐิ, ดึงไปหา


๕๓๒

ฆราวาสธรรม

คอรัปชั่น ทุจริตบาง อะไรบาง ; ฉะนั้นมันก็ตองเอามาคิดดู ในปญหาเรื่องบุตร ภรรยา. ถาเผอิญทั้งคูสามีภรรยามีความเขาใจสิ่งที่เรียกวาชีวิตตรงกัน เรื่องก็จะ ราบรื่นมาก แลวก็จะเปนอยูอยางสงบเย็นเหมือนคนโบราณ ; และมีความดีไป ในทางที่ถูกตอง ไมใชความเหอทะเยอทะยานอยางโงเขลา อะไร ๆ มันก็เลยพอ ไปหมด ; สติปญญาของลูกมันก็พอสําหรับที่จะไปนิพพาน แมมันไมพอสําหรับ ที่จะไปเรียนเปนผูเกงกาจสามารถในโลกนี้. การทํามาหากิน ทรัพยสมบัติอะไร มันก็พอไปหมด. ทุกอยางไมเปนไปเพื่อการถวง หรือผูกพัน หรือผูกมัด เผาลน ทิ่มแทง ; มันดีอยางนี้. เลยเกิดเปนเรื่องสะดวกสบายที่จะไปขางหนา เพราะ ไมมีทางที่จะเกิดบาป เกิดอกุศลอะไรได. เพราะฉะนั้น เราจะตองมองดูบุตรภรรยา ในลักษณะที่จะไมเปนทุกข คือ เปน เรือ พว งอะไรทํ า นองนั ้น ; แตจ ะเปน ไปเพื ่อ เปน เพื ่อ นคู ห ูไปนิพ พาน. สําหรับภรรยาก็เปนผูแบงเบาภาระในการเดินทางไปนิพพาน ใหเหลือคนละครึ่ง มัน ก็เหลือ นอ ยเขา. สว นบุตรนั้น มีสํา หรับ วา ถา บิด ามารดาไปไมถึง ในชาตินี้ บุตรก็รับภาระ รับมรดก ที่จะเดินทางตอ เพื่อใหมนุษยชาติมีวิวัฒนาการไปถึง จุดหมายปลายทางคือนิพพาน. อยางพระพุทธเจาเปนผูที่เดินทางไปถึงนิพพาน แลวเปดเผยหนทางอันนี้ เพื่อมนุษยทุกคนจะไดสิ่งดีที่สุด ที่มนุษยควรจะไดบาง ; ทุกคนก็เขาใจ ก็สมัครดํารงชีวิต ชนิดที่เปนการเดินทางไปนิพพานอยูเรื่อ ย ; แมยังไมถึงก็ยังเยือกเย็นไปตามสมควร มีสวนเยือกเย็น ไมใชมีสวนเรารอน. อันนี้ก็เปนสิ่งที่ดีที่สุดของมนุษยอยูแลว.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฉะนั้นการมีครอบครัวก็ไมควรจะมีใหมันขัดกันกับอุดมคติอันนี้ ; เพียง แตวาไปชาหนอยสําหรับความเปนฆราวาสนั้น มันก็ดีเหมือนกัน เปนการแสดง


ทิศเบื้องหลัง และเบื้องขวา - ซาย

๕๓๓

สมรรถภาพอยางสูง. ถาเรามองกันในแงนี้ ปฏิบัติกันอยูในแงนี้ คําวาบุตรภรรยา ก็ไ มใ ชเ ครื่อ งถว ง, ไมใ ชเ รือ พว งที ่ถ ว ง ; แตก ลายเปน เครื่อ งสนับ สนุน , แล ว ก็ เ ป น เครื่ อ งสํา รอง; เรื อ ลํา ใหญ คื อ พ อ แม เมื่ อ ถึ ง วาระสิ้ น สุ ด ลงไป เรือพวงคือลูกก็รับภาระสํารองหนาที่ตอไป.คําวาลูกควรจะเปนอยางนี้ ; อยาให มันเปนเพียงกอนอะไรกอนหนึ่งออกมาจากพอแม, หรือเหมือนกับลูกไม เปนของ ตนไม. แตถึงอยางไรก็ดี มันก็เปนการรับมรดกทางรางกาย :ลูกไมหลนออกมา จากตน ไม คือ ที่เ ปน พอ แมเรื่อ ย นั่น ก็เปน ผูรับ มรดกทางรา งกาย ; เดี๋ย วนี้ เราก็ ให เป น เรื่อ งรับ มรดกทางวิญ ญาณด วย. ลู ก ควรจะเป น อย างนั้ น เพราะ มนุษยมีจิตมีวิญญาณสูงกวาตนไม หรือสูงกวาสัตว. คําวาลูก มันก็มิไดหมายความถึงลูกที่เกิดออกมาจากอก จากเลือด จากเนื้ออยางเดียว ; แมไมไดเกิดมาจากอก ก็ยังเปนลูกไดอยูนั่นแหละ. ลูกเกิด จากอกมันเปนเรื่องรางกาย เปนลูกทางฝายเนื้อหนังรางกาย. มันควรจะมีลูก ที ่ค ลอดออกมาจากวิญ ญาณ หรือ ลูก ทางวิญ ญาณดว ย คือ เปน เรื่อ งของ ความหมายในทางจิตใจ. เพราะฉะนั้นเราจึงมีลูกในลักษณะอยางอื่น นับตั้งแต ลูกจางขึ้นไป ; ในภาษาไทยลูกจางก็คือผูที่จะทําตามความประสงคของเรา ; แลวก็มีลูกอะไร อีกหลาย เชนลูกคู ลูกสมุน อะไรก็สุดแท, มันมีคําวา “ลูก” กระทั่ง ลูก ศิษ ย ; ก็ลว นแตเปน ผูจ ะรับ สนองความประสงค ความมุง หมาย ในหนา ที่ก ารงานตอ ไปทั้ง นั้น ; จนบรรพชิต ก็ยัง มีลูก คือ ลูก ศิษ ย มีภ าระ หนาที่อยางพอแม อยางกวางขวางเสียอีก.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org บรรพชิตถามีลูกศิษยเปนรอย ๆ มันก็ตองทําอยางเดียวกับที่พอแมจะ พึงกระทําตอลูก ; เพราะมันเปนเรื่องทางวิญญาณเสียมากกวา ในการที่มีลูกศิษย. ทําไมในภาษาไทยเอาคําวา “ลูก” ไปใช ? ผมเห็นวาเปนนิมิตที่ดีมาก ที่จะให


๕๓๔

ฆราวาสธรรม

มองผู ที่ ม าเกี่ ย วข อ งด ว ยกั น นี้ มี ค วามผู ก พั น มากอยู ในฐานะ ถึ งกั บ เป น ลู ก เช น ลู กจ าง ถ ารักอย างลู กมั นก็ หมดป ญ หา. เดี๋ ยวนี้ คนไม รักลู กจ างอย างลู ก มั นก็ เกิ ด ปญหาอันตรายขึ้นมา. คํ าว า ลู กศิ ษย ไม ได เกิ ดจากอก หรื อเกิ ดมาทางเนื้ อหนั ง มั นก็ เลยเป น ลู กในทางฝ ายวิญ ญาณ. ผู ที่ เป นพ อก็ เลยมี ภาระที่ จะต องทํ าอย างที่ เป นพ อขึ้ นมา. เชนพระพุ ทธเจาเขาเรียกวา “พระพุ ทธบิ ดา” เป นบิ ดาทางฝายวิญ ญาณ, อาจารย เขาก็เ รีย กกัน วา พอ เพราะเปน พอ ทางฝา ยวิญ ญาณ. ทางภาคเหนือ มีคํ า วา “พ อ เลี้ ย ง” อะไรอี ก ประเภทหนึ่ ง , เป น เรื่ อ งทางฝ า ยวิ ญ ญาณอยู ด ว ยเหมื อ นกั น คือ ความรัก ความเมตตาความกรุณ า ตอ คนที ่เ ขา ไปเกี ่ย วขอ งดว ย จึง จะเปน พอ เลี ้ย ง ที ่ถ ูก ตอ ง. สว นพอ เลี ้ย งอัน ธพาล ทํ า นาบนหลัง คน ที ่เ ขา มาเกี ่ย ว ของนั้น ไมควรถือเอาเปนประมาณ. นี้ พู ดกั นแต เรื่องลู กมี ความหมายทางวิ ญญาณที่ จะต องได รับความรักใคร เมตตา ปรานี จั บ จู งไปให ถู กทาง จนกว าจะถึ งจุ ดหมายปลายทาง และก็ เป นลู ก ในทางวิ ญ ญาณอี ก . อะไร ๆ ก็ เป น เรื่ อ งทางวิ ญ ญาณไปหมด จนเขาจะเรี ย กว า บ าวิ ญ ญาณ. เพราะเรื่อ งทางเนื้ อ หนั งทางรางกายนั้ น มั น มี ส าระน อ ย เป น เพี ย ง เปลือกซึ่งเปนที่ตึงของเนื้อใน มีความสําคัญอยางนั้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที นี้ การที่ ฆ ราวาสจะมี ทิ ศ เบื้ อ งหลั ง มี ทิ ศ ๆ นี้ ให เป น ที่ ส ะดวกสบาย ชื ่น ใจ เปน ไปเพื ่อ กุศ ลนั ้น มัน ตอ งมองไปในแงอ ยา งนี ้. อยา มองกัน ไปในเรื่อ ง ที่ น า ทุ เรศ เท า ที่ รู สึ ก กั น อยู . เราอาจจะพู ด ว า แม เป น คนยากจน ชาวไร ช าวนา อาบเหงื่ อ ต า งน้ํ า ก็ ยั ง มี โ อกาส หรื อ สามารถที่ จ ะมองสิ่ ง ต า ง ๆ ในแง อ ย า งนี้ เหมื อ นกั บ ปู ย า ตายาย สมั ย โบราณก็ ได . เขาไม มี ค วามทุ ก ข มี ลู ก ก็ คื อ ไปด ว ย กัน เรื ่อ ย : พอ ทํ า อยา งไรลูก ทํ า อยา งนั ้น , พอ ไถนาลูก ก็ไ ถนา ; ลูก ก็พ อใจ


ทิศเบื้องหลัง และเบื้องขวา - ซาย

๕๓๕

ที่จะดูพอไถนา. มันไมมีปญหาที่จะทุกขรอนทางวิญญาณ ; เพราะมันเดินตาม ทางกันไปเรื่อย ซึ่งมันเปดใหมากถึงกับวา ไมรูหนังสือก็ไปนิพพานได. ครึ่ง โบราณในประเทศอินเดีย คนที่บ รรลุพ ระอรหัน ตไ ปนิพ พาน ไมรูหนังสือกัน มาก. เดี๋ยวนี้เรียนหนังสือ ไปมีป ริญ ญาไมมีที่สิ้นสุด . มันเกิด เป น ป ญ หาโง ๆ เขลา ๆ ขึ้ น มาให มี ค วามทุ ก ข ไม ต อ งการเรื่ อ งที่ จ ะดั บ ทุ ก ข ตอ งการที่จ ะเดิน ดุม ไปในทางที่มีอ ะไรยั่ว ; เรื่อ งกิน เรื่อ งกาม เรื่อ งเกีย รติ มันยั่วใหไปวนเวียนอยูแตในทางนั้น เลยเรื่องที่วาคนไมรูหนังสือไปนิพพานไดนี้ ก็เปน หมัน สํา หรับ คนเหลา นั ้น . ทํา ใหเรามองเห็น ภาพของมนุษ ยป จ จุบ ัน นี้ กําลังบาคลั่ง เดือดจัด วิ่งอยางสุดเหวี่ยงไปในทิศทางไหนก็ไมรู. ลองหลับตา ทํามโนภาพทางวิญญาณดู ; มนุษยสมัยนี้กําลังวิ่ง วิ่ง จนหกลมหกลุก คือวิ่งสุดเหวี่ยง แลวไปทิศทางไหนก็ไมรู ; แลวก็ปรากฏวามี แตจะไปในทิศทางที่เปนทุกขมากขึ้น ดูโลกในสมัยนี้ก็แลวกัน มันยุงมากขึ้น มัน ทุ ก ข ม ากขึ้ น ; เพราะมั น วิ่ งไปสุ ด เหวี่ ย ง จนไม รูว า จะไปไหน, คื อ ไม มี ค วาม สํา รวมระวัง ไมมีค วามเยือ กเย็น อะไร. ทั้ง ๆ ที่รูห นัง สือ มาก รูอ ะไรมาก ; รูจนกระทั่งไปโลกพระจันทรได นี้ก็ไมมีอะไรดีขึ้น สําหรับที่จะเยือกเย็น ; สูคน สมัยที่ไมรูหนังสือก็ไมได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้นอยากลัวกันนักเลย เรื่องลูกจะไมมีเงินไปเมืองนอก หรือ อะไรทํานองนั้น; แลวก็อุตสาหทําใหเขามีความเขาใจใหถูกตองเสียตั้งแตแรก วามนุษยเกิดมาเพื่อไปนิพพาน แลวทําใหดีที่สุดสําหรับที่จะเปนอยางนั้น. จะทํา อะไร จะทํามาหากิน จะมีลูกมีเมีย จะมีชื่อเสียง จะทําอะไรก็สุดแท แตตองไมขัด กันกับเรื่องที่จะไปนิพพาน. ถาสมมุติวาจะไมไดปจจัยทางโลก ๆ เหลานั้น เราก็ยัง คงไปนิพพานได ก็เลยไมตองกลัว, ไมตองมีความหวาดกลัวในชีวิต วาจะไมได


๕๓๖

ฆราวาสธรรม

สิ่ ง ที่ ดี ที่ สุ ด ที่ ม นุ ษ ย ค วรจะได . เดี๋ ย วนี้ เราอยากจะให ไ ด อ ะไรให ม าก มั น ก็ ไ ด เหมือนกัน ; แตใหถือวาเปนเรื่องแสดงความสามารถ หรือฝกฝนความสามารถ. ถาอยากจะมีเงินสัก ๑๐ ลาน ถาอยากจะมีปริญญายาวตั้งวา ก็เพื่อฝกหัด ฝก ฝนแสดงความสามารถ ; ฝก ในเนื ้อ ในตัว เพื ่อ ไปนิพ พาน เพราะวา สิ่ง ที ่จ ะ ไดมาจกเงิน ๑๐ ล าน หรือวาปริญ ญายาวเป นหางนั้ น มั นก็เป นเศษขยะมู ลฝอย หรือ เป น สวะทั้ ง นั้ น ; ได อ ะไรมามั น ก็ เป น สวะทั้ งนั้ น .ของดี แ ท ๆ นั้ น ก็ คื อ การได นิ พ พาน. ที นี้ เขาก็ ไ ม ห ลง เขาก็ ใ ช เครื่ อ งมื อ เหล า นั้ น เป น เครื่ อ งฝ ก ฝนความ สามารถไปตั ้ง แตเล็ก , เรีย นเกง สอบไลไ ดด ี ตอ งการอะไรก็ไ ด. ครั ้น เมื ่อ ได มากเข า ๆ มั น ก็ รูวา นี่ มั น เป น เรื่อ งสวะทั้ งนั้ น . ไม ค วรยึ ด มั่ น ว าเรา ว าของเรา ; มั น ก็ ทํ าให เขาบรรลุ ถึ งนิ พ พานในฉั บ พลั น กระทั น หั น ได. สิ่ งเหล านี้ ไม เป น เครื่อ ง ถวง แตเปนเครื่องสนับสนุน ; แตมันเปนเรื่องยากกวา ที่วาจะเอาแตพอสมควร. ฉะนั ้น อยา ไปหวัง อะไรมากเกิน สมควร ; ความรู ก ็ด ี เกีย รติย ศ ชื ่อ เสีย งอะไรก็ด ี อยา ไปหวัง จนทํ า ใหน อนไมห ลับ ; ก็ใ หทํ า ไปอยา งถูก ตอ ง แล วมั นก็ มาเอง และมั นก็ มาในลั กษณะที่ ถู กต องและสมควรในปริมาณที่ สมควร แลว มัน ก็ส บายไปเทา นั ้น . หลัก เรื ่อ งวา “พอสมควร” นี ้ ชว ยจํ า ไวใ หด ี เปน หลักของพุทธศาสนา ; จะตองมีอะไรพอประมาณ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ผูที่ จะไปสู ความดับทุ กขจะต องเป น อปฺ ปกิจฺโจ, คื อมี กิ จการงานหน าที่ พอประมาณ คือ พอเหมาะ พอดี, ใหม ีก ารกระทํ า ที ่เรีย กวา มัช ฌิม าปฏิป ทา พอเหมาะพอดี , ไม ใ ช น อ ยไม ใ ช ม าก. แต คํ า ว า น อ ย หรื อ มากนี้ ไ ม ไ ด วั ด โดย จํ า นวนเครื่อ งตวงเครื่อ งวัด ที ่เ ขาวัด ๆ กัน อยู . ถา คนฉลาดมาก ก็ทํ า อะไร ไดม าก ; เหมือ นที ่ผ มเคยเปรีย บใหฟ ง วา เมื ่อ ฉลาดแลว สามารถทํ า โรงสี


ทิศเบื้องหลัง และเบื้องขวา - ซาย

๕๓๗

๑๐๐ โรงพรอมกันไปได ไมมีภาระหนักอะไรสําหรับคนที่ฉลาดในเรื่องนั้น. ถาเปน คนที ่ไ มฉ ลาดแลว โรงสีค รึ่ง โรงก็ทํ า ไมไ ด. ฉะนั ้น ใหทํ า พอประมาณ และพอดี แก กํ าลั งความคิ ด สติ ป ญ ญา ของตน ๆ. มั น ก็ เลยต างกั น คนหนึ่ งทํ า ได ค รึ่งโรง อีก คนหนึ ่ง ทํ า ไดห ลายโรง ๑๐ โรง ๑๐๐ โรงก็ไ ด.นั ่น ก็เ รีย กวา พอประมาณ คือพอดีแก กําลังลังสติปญญา ความสามารถ กําลังกายกําลังใจ ; มันก็เดินสบาย. แตถ ึง อยา งไรก็ต าม นอ ยกวา มัน สบายกวา สะดวกกวา ; เพราะฉะนั ้น จึง เอา เทาที่มันจําเปนก็แลวกัน. บทวา มตฺตฺุตา จ ภตฺตสฺมึ นี้มีการกินอยูแตพอประมาณ พอสมควร นั้น เปน หลัก ในพระพุท ธศาสนา ฉะนั้น การหามัน ก็พ อประมาณพอสมควร เรา ก็เลยไมมีปญหาวาจะอดตาย ; ไมมีปญหาวาจะไมมีสิ่งที่จะทําใหเปนมนุษยที่ดีได. ถ าบุ ตรภรรยามี ความเข าใจกั นไปอย างนี้ แล ว ครอบครัวนั้ นก็ จะมี ความผาสุ ก คื อมี พระนิพ พานอยู ใ นครอบครัว ในระดับ ใดระดับ หนึ ่ง . ถา ผิด จากนี ้ก ็ต อ งเปน คน ทนทุ ก ข ท รมานแบบใดแบบหนึ่ งเหมื อ นกั น , เป น วั ฏ ฏสงสารที่ น า สมเพชเวทนา ในการเกิดมา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้ น ขอให เข าใจทิ ศ เบื้ องหลั ง - บุ ต รภรรยา ในลั ก ษณะที่ มี ความหมายแตกต า งกั น เป น ลํ า ดั บ ๆ มา ตั้ ง แต โ ง ที่ สุ ด เรื่ อ ยมาจนถึ ง ค อ ย ๆ ฉลาดขึ ้น ๆ ฉลาดขึ ้น ๆ จนถึง ฉลาดที ่ส ุด ; เรื่อ งมัน ก็ห มดปญ หา เขาเรีย กวา ทิศ กระจา ง สวางไสว นี ่ภ าษาบาลีใชคํ า อยา งนี ้. “ทิศ นี ้ป รากฏความสวางไสว แกขาพเจา” สํานวนอยางนี้มี พูดในภาษาบาลี.เพราะวาเขาเขาใจและทําถูกตอ ง ในทิ ศ นั้ น ๆ. “ทิ ศ มื ด มั ว” ก็ ห มายความว า เขาไม มี ค วามเข าใจถู ก ต อ งเพี ย งพอ ในสิ่งนั้น มันก็เลยมืดมัว. เรียกวาทิศมืดมัวกับทิศสวางไสว.


๕๓๘

ฆราวาสธรรม

คําวา “ทิศ” ตามตัวหนังสือก็แปลวา สวางไสว ; แตมันไปทําใหมืดมัว เพราะความโง. ทิ ศ เบื้ อ งหน า บิ ด ามารดา มี ค วามสวางไสวอย างที่ พู ด มาแล ว ; ทิศเบื้องหลังก็มีความสวางไสวอยางนี้. ทีนี้ ก็มาถึงทิศถัดไป คือทิศเบื้องขวา คือครูบาอาจารย ; ซึ่งควร จะรวมผูบังคับบัญ ชา ผูนํา ผูอะไร อยูในทิศนี้ดวย สําหรับในโลกสมัยปจจุบัน ; แม กระทั่ งนายจางก็ ค วรจะบรรจุไวในทิ ศ นี้ . เพราะวาเป น ผู นํ าในทางกิจการงาน หรือสวนหนึ่งของชีวิต ; หมายถึงนายจางที่ดี ผูบังคับบัญชาที่ดี ผูนําที่ดี. “ครูบ าอาจารย” ในภาษาไทยมีค วามหมายเปลี ่ย นไปจากรูป ศัพ ท ในภาษาบาลี ของเดิ ม . คํ าว า “ครู ” ของเดิ ม แปลว าผู นํ าทางวิ ญ ญาณ (spiritual guide) ไปดูปทานุกรมที่ดี ๆ ภาษาสันสกฤต ภาษาบาลี แปลวาเปนผูนําทาง spiritual. “อาจารย” แปลวาผูฝกสอนมารยาทเกี่ยวกับความเปนอยูในโลกนี้ ซึ่งแปลเพียงวา ผูฝก. ครูแปลวา ผูนําทางวิญ ญาณ ; อาจารยแปลวาผูฝกมารยาท เพื่ อ เป นอยู ในโลกนี้ . ส วนคํ าว า “อุ ป ช ฌาย ” ในภาษาโบราณ ในอิ น เดี ย แปลว า ครู ส อน อาชี พ . อาชี พ อะไรก็ ต ามอย า งที่ เขามี กั น อยู บั ด นี้ อาชี พ ชนิ ด ไหนก็ ต าม ผู ส อน เรีย กว าอุ ป ช ฌาย สอนให ขี้ ช า งขี่ ม า , สอนให เล น ดนตรีอ ะไรก็ ต าม เขาเรีย กว า อุ ป ชฌาย ในวิชานั้ น ๆ . ที่ เอามาใชในภาษานั กบวช ศาสนานี้ คื อวา สอนอาชี พ สมณะ เขาเรีย กวาสาชี พ ; สิ ก ขา และสาชี พ . สาชี พ นี้ แ ปลวาอาชี พ ของสมณะ อาชีพของบรรพชิต ; อุปชฌายะเปนผูสอนอาชีพนี้. อุปชฌายะ แปลวาผูที่บุคคล จะต องเพ งตาดู , เข าไปเพ งตาดู วาท านทํ าอย างไร แล วก็ ต องทํ าตาม ; หรือเพ งดู ตามที่ทานบอกให ทําอยางไร แลวจะตองทําตาม. พอมาถึงความหมายในภาษาไทย มัน เปลี่ย นไปหมด : อุป ชฌายแ ปลวา ผูเสกคนใหเปน พระ อะไรทํา นองนี้ไปไม รู ว าตามความหมายเดิ มมั นหมายทั่ วไปหมด ไม เฉพาะบวชเป นพระ จะเป นอาชี พ อะไรก็ได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ทิศเบื้องหลัง และเบื้องขวา - ซาย

๕๓๙

อุ ป ชฌาย ครูบ าอาจารย นี้ มี ความหมายต างกั นอยู แล วความหมาย ก็ เปลี่ ย นจนทํ า ให เกิ ด ความยุ ง ยากขึ้ น เพราะเหตุ นี้ บ า งก็ ได . กระทั่ ง “ครู ” เป น เพี ย งลู ก จ า งสอนหนั ง สื อ อย า งนี้ มั น ก็ แ ย ม าก ; เป น โลกที่ โง ม าก “ครู ” จะต อ ง เป น ผู นํ า ทางวิ ญ ญาณตามความหมายเดิ ม “อาจารย ” เป น ผู ฝ ก ให ไ ด ต ามนั้ น , “อุ ป ช ฌาย ” เป น ผู ส อนวิ ช าอาชี พ เพื่ อ เป น อยู ได ในทางฝ า ยรา งกาย. รวมความ แลว ก็เ ปน ผู ที ่จ ะสรา งพื ้น ฐานแหง ชีว ิต ใหดํ า รงอยู ไ ด ใหเ จริญ กา วหนา ไป. ถา จะเรียกเป นที่ พึ่ งกั นเป นที่ พึ่ งทางสติ ป ญญาในขั้นเริ่มแรก, ครูบาอาจารย อุ ป ชฌาย เปน ที ่พึ ่ง ขั ้น เริ ่ม แรกตน ๆ ในขั ้น ตั ้ง เนื ้อ ตั ้ง ตัว ตั ้ง แตเ ราเกิด มา ; จะไปสูง สุด ที่สมณพราหมณ ที่จะนําวิญญาณในเบื้องสูง แตเดี๋ยวนี้เรากําลังพูดถึงทิศเบื้องขวา. –ครูบ าอาจารยที ่เ กี ่ย วขอ งอยู ใ นบา นเรือ น ก็เ ลยมองความหมายของคํ า ๆ นี้ ในฐานะเปนผูนํา หรือใหแสงสวางขั้นตนของการเริ่มชีวิตในโลกนี้. ถาเรามี ผู บั งคั บบั ญ ชา ก็ ต องหมายความวา เขาจะต องเป นผู นํ าเราใน เรื ่อ งนี ้ ; เพื ่อ นํ า หมู พ วกของเราไปในทางนี ้ ในเรื ่อ งนี ้ ; เพราะวา เขาฉลาด กว าเรา. ถ า เรามี น ายจ า งเราก็ ส มั ค รจะทํ าตามเขา ; นี่ เรีย กว า ผู นํ า ในเรื่อ งโลก ๆ มีอ ยู ห ลายประเภท ความหมายอยู ที ่ต รงนี ้. นี ้ถ ูก จัด ไวเ ปน ทิศ เบื ้อ งขวา. ข า งขวานี้ ภ าษาบาลี ให ค วามสํ าคั ญ แก คํ าว า เบื้ อ งขวา คื อ วา สํ า คั ญ ว า เบื้ อ งซ าย, คือ ตอ งเอาใจใสม ากกวา หรือ ถนัด กวา . เพราะฉะนั ้น การแสดงความเคารพ เขาจึ ง ให เอามื อ ข า งขวาหั น ไปทางผู ที่ เราจะแสดงความเคารพ; เช น ในการเดิ น ประทักษิณ เขาใหเวียนเอามือขวาไวทางสิ่งนั้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถ าเราจะลุ กออกไปต อหน าผู ที่ เราเคารพ ต องให มื อขวาของเราอยู ข าง ฝา ยนั ้น เรื ่อ ย ; เกิด เปน ธรรมเนีย มมาจนบัด นี ้ วา ถา เราจะนั ่ง ขา งพระพุท ธ รูป ก็ใ หม ือ ขวาเราอยู ท างพระพุท ธรูป จึง จะเรีย กวา เคารพ. เพราะฉะนั ้น ผู ที่


๕๔๐

ฆราวาสธรรม

เป น ลู ก น อ งหางแถว ก็ จ ะนั่ ง ไปทางซ า ยมื อ เรื่ อ ยไป. อย า งนี้ เรี ย กว า ทํ า ถู ก ต อ ง ตามธรรมเนี ย มประเพณี แ ห ง ความหมายของคํ าว า ขวา หรื อ มื อ ขวาเป น สํ าคั ญ . แล วก็ มาเป นความหมายของคํ าวาถู กต องและดี งามไปเลย. กิ จกรรมต าง ๆ ที่ เป น เบื ้อ งขวาก็เลยเปน กิจ กรรมฝา ยกุศ ล ; กิจ กรรมฝา ยเบื ้อ งซา ยก็จ ะถือ เปน เรื ่อ ง ตรงกั น ข า ม ; เพราะขวาเป น ชื่ อ ของของดี ที่ จ ะให จะบู ช า อย า งทั ก ษิ ณ าทาน เป น ต น คํ า นี้ ก็ แ ปลว า ขวาอี ก เหมื อ นกั น ต อ งให ด ว ยมื อ ขวา ต อ งทํ า ด ว ยมื อ ขวา เปนของดี, ฉะนั้นทิศเบื้องขวาก็มีความสําคัญตามความหมายนั้น. ที่ ว าเราจะต องมี ผู นํ าตั้ งแต แรกลื มตาขึ้ นมาดู โลกนั้ น บิ ดามารดาก็ เป น บูร พาจารย, ครูค นแรก อาจารยค นแรก แลว เปน ตอ มาจนตลอดชีว ิต . สว น ครูบาอาจารย ที่ โรงเรียน ที่ วิทยาลั ย ที่ วัดที่ วาอะไรก็ตาม ก็ทํ าหน าที่ อันนี้ ในส วน ที ่บ ิด ามารดาทํ า ไมไ ด หรือ ไมม ีโ อกาสจะทํ า ; ก็เลยเอามาใหเปน ทิศ เบื ้อ งขวา ต อ จากทิ ศ เบื้ อ งหน า . ความเคารพในครูบ าอาจารย จึ งถื อ เป น สิ่ งสํ าคั ญ บั ญ ญั ติ ไวใ นฐานะเปน สวัส ดีม งคล เปน สิ ่ง ที ่เ ปน มงคลสูง สุด ; แลว ก็ล ามปามไปถึง คนเฒาคนแก.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คนเฒ าคนแก นี้ เกิ ดมาก อน รูอะไรมาก เห็ นอะไรมาก ก็ อยู ในฐานะที่ จะเปน ครูอ าจารยไ ปหมด. ก็เ ลยขยายขอบเขตออกไปจนถึง วา จะตอ งไหว คนเฒา คนแก เคารพคนเฒา คนแก เคารพพอ แม เคารพครูอ าจารย มัน ไป ทางเดี ยวกั น หมด. อย างที่ ผ มเคยเล าให ฟ งบ อ ย ๆ ว า การเคารพคนเฒ าคนแก นี้ ถื อ กั น เคร ง มาก ในวั ฒ นธรรมไทยโบราณ .ถ า เห็ น คนแก แ ล ว จะต อ งไหว ทั ้ง นั ้น ; แมจ ะเปน คนบา ๆ บอ ๆ ก็ต อ งไหว ; เดิน สวนทางมาเห็น คนแก ก็ ต ะต อ งยกมื อ ไหว ทํ า ความเคารพคนแก นั้ น แม จ ะบ า . เราไม ได ไหว ค วามบ า ของเขา ; แตไ หวส ัญ ญลัก ขณข องความเปน ผู รูร าตรีน าน คือ วา เกิด กอ น รูจ ัก


ทิศเบื้องหลัง และเบื้องขวา - ซาย

๕๔๑

โลกมากกวา ; เปน สัญ ญลักขณเหมือนกับ เราเห็นผาธงชาติก็ไหว อยางนั้น , เราก็ไมไดหมายความวาไหวเศษผาไมกี่สตางคนั้น แตเราไหวความหมายของชาติ. ผมเมื่อเด็ก ๆ ก็เคยไหวค นแกที่เดิน ผา น แมเปน คนบา ; ซึ่ง เรา ก็รูอ ยูวา เปน คนบา ; แตอ าจารยบัง คับ ใหไ หวก็ตอ งไหว ไมไ หวก็ตอ งถูก ตี. ไมตองรูวา คนเฒาคนแกนั้นจะเปนอะไร, เปนคนเฒาคนแกก็แลวกัน. นี่ก็เปน การทําใหหัวใจของเรานี้ออนโยน สุภาพ ไมกระดางดวยมานะ. มันก็เปนนิสัยที่ดี เปนอะไรที่ประเสริฐอยูในจิตใจ จะไมกระดางดวยมานะ. ขอใหนึกถึงคําวา “รัตตัญู” แปลวา ผูรูราตรีนาน ราตรียาว นั้นคือ คนเกิด กอ น. เขาทํา อะไรไดกอ น. เดี๋ย วนี้เ ขามีคํา พูด วา กูกิน ขา วกอ นมึง , กูกิน นมแมกอ นมึง ฯลน ; หมายความวา เขาเกิด กอ น ตอ งรูอ ะไรดีก วา ; อยางนอยเขาก็รูวา รสของขาว รสของน้ํานมนั้นเปนอยางไร กอนเด็ก ๆ คนนี้. เพราะฉะนั้นเขาก็มีความรูมากกวาเรา กอนเรา. รัตตัญ ู ตามปกติแลวก็ตอง เห็นอะไรมามาก ; ก็ตองพูดอะไรเปนประโยชนไดเปนธรรมดา ; คนบาบอนั้น มันยกเวนไป.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ ผมจะเอาธรรมชาติเปนหลัก เชนสุนัขตัวนี้มันแกกวาเพื่อน มัน ฉลาดกวา เพื ่อ เพราะอายุม ัน มากกวา เพื ่อ น. อีก ตัว หนึ ่ง นี ้ม ัน เพิ ่ง เกิด มัน โง หลายอยางตอหลายอยาง ; แตแลวมันก็ฉลาดขึ้น ฉลาดขึ้น โดยที่มันสอนกัน อยูต ามธรรมชาติ ; ไมมี ครูที่ ไหนมาสอน. นี่ คือผลของการที่วา รูราตรีนาน รัตตัญู. มันจะโงจะฉลาดโดยพื้นฐานของมัน โดยกรรมพันธุอยางไรก็ตามใจ แตค วามที่มีอ ายุม าก มัน ก็ตอ งรูอ ะไรขึ้น มากกวาเสมอ เพราะมัน ถา ยทอด กันได เพราะมัน เอาอยางนี้ ; ที่แ รกก็ทําอะไรไมเปน แลวตอมามัน ก็ทําเปน


๕๔๒

ฆราวาสธรรม

เพราะมันเอาอยางตัวที่เกิดกอน มันก็เลยถายทอดกันมา. สําหรับสุนัขนั้นอยาง วิชาที่จะกัดงูใหตายนี้มิใชงาย ; แตตัวแรก ๆ มันทําเปน ตัวหลังมันก็ทําเปนตาม แลว ก็ไ มม ีอ ัน ตราย ; กัด งูใ หต ายได. นี ่ค ือ ผลของการเกิด กอ น รูร าตรีย าว นานกวา. เพราะฉะนั้น จะตองถือวาคนที่มีอายุมากกวานี้ เปนครูบาอาจารย อยางใดอยางหนึ่งแงใดแงหนึ่งแมเขาจะเปนคนบา ถาเขาพูดไปตาม experience ของเขาแลว มัน จะมีป ระโยชนแ กค นฟง เสมอ. เพราะฉะนั้น อยา ไดดูถูก คน เกิด กอ น หรือ คนเฒา คนแก ; เขาเปน ผูที่ค วรทํา ความเคารพอยา งหนึ่ง ใน สามอยาง คือวัยวุฒิ ชาติวุฒิ คุณวุฒิ. เขาดีกวาเราโดยเขาเกิดกอนคือวัยวุฒิ, ดีกวาเราโดยชาติตระกูล, เขาดีกวาเราโดยคุณวุฒิ. นั่นแหละคือทิศเบื้องขวา คือผูที่รูอะไรมากกวา ในฐานะที่จะเปนผูนําได เรียกวาทิศเบื้องขวา อยูเบื้องขวา จะตองทําอะไรดวยมือขวา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เดี๋ยวนี้โลกกําลังจะไมมีทิศเบื้องขวา ; ครูบาอาจารยถูกทําลายใหเปน ลูก จา งสอนหนัง สือ ไปทั้ง โลก, ไปเปน เพื่อ นเลน ของเด็ก เสีย แลว . ถา เด็ก ๆ แมสมัยนี้ถูกอบรมใหเปนผูที่เห็นวา ครูบาอาจารยเปนทิศเบื้อขวา แลวโลกทั้งโลก ก็จะดีกวาที่เปน อยูเดี๋ยวนี้, อยางที่เห็น อยูในบัดนี้, พูด ใหมัน ชัด คือ ฮิป บี้จ ะ เกิดขึ้นในโลกไมได ถาวัฒนธรรมอันนี้ยังอยู. ที่มันนอกคอก ไมเชื่อครูบาอาจารย ไมเชื่อบิดามารดา ไมเชื่อคนแก ไมมีกตัญูกตเวที นี้เปนบาปกรรมของมนุษย ในโลกที่ละทิ้งทิศเบื้องขวา ; ทําทิศเบื้องขวาใหมืดมัว จนมืดมิดไปหมด.

การที่จะปฏิบัติตอครูบาอาจารยอยางไรเทาที่มีอยูในนวโกวาทนั้นผมจะ ไมพู ด เพราะวามันจะเปลื องเวลาโดยไมจําเป น. ไปอานเอาเอง ไปดูเอาเอง


ทิศเบื้องหลัง และเบื้องขวา - ซาย

๕๔๓

แลวปฏิบัติใหเครงครัดตามนั้น ; ผลมันก็จะไดตามนี้ ตามที่เรากําลังพูด แลว คุณก็ทองกันอยูในเวลาที่ไหวพระสวดมนต ทองนวโกวาท. ใหถือวา เราตองมี ทิศเบื้องขวานี้ คือสวางไสวอยูจนตลอดชีวิติ. ตั้งแตเกิดมา จนตลอดชีวิตจะตองมี ทิศเบื้องขวาที่แจมแจงชัดเจน สวางไสว ปฏิบัติถูกตองอยูอยางนาชื่นใจ จน ตลอดชีวิต. ทิศเบื้องขวาหมายความถึงที่พึ่งทางสติปญญาในระยะเริ่มแรก ; เปน การตั้งตนที่ดีที่ถูกตองเพื่อจะสรางพื้นฐานแหงชีวิตของคนที่เกิดมา ใหมีพื้นฐาน ที่ดีและงอกงาม เจริญไปตามจุดหมายปลายทาง คือนิพพาน. ครูบาอาจารย เปนผูนําในทางวิญญาณในระยะเริ่มแรก เพื่อไปสูจุดหมายปลายทางคือนิพพาน เปนที่สุด. นี่เรื่องครูบาอาจารยมันเกี่ยวกับนิพพานอยางนี้. แมจะสิน ก. ข .ก. กา. ก็ถือวามันเปนการเริ่มตนที่จะใหมีสติปญญาฉลาด ; รูหนังสือนี้มันฉลาดกวาไมรู หนังสือ จึงใหเรียนหนังสือ ; แลวก็ฝกความฉลาดอยางอื่น ๆ เพิ่มขึ้น ๆ แลวนํา ไปใชใหถูกวิธี สําหรับจะไปนิพพาน อยามาหลงอยูในวัฏฏสงสาร.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สมมุติวา จะตองหลงอยูในวัฏฏสงสาร ก็ใหมันเกิดความฉลาดขึ้น ใน กองทุกขนั้นเอง ; ก็จะไมหมกอยูกับกองทุกขจนตลอดชีวิต เพราะมันมีสติปญญา ฉลาดไปตั้ง แรกเริ่ม เดิม ทีแ ลว ; มัน ไมโ งอ ะไรนาน มัน ไมโ งอ ะไรดัก ดาน มันก็เปลี่ยนเปนความฉลาดไปตามลําดับ. ตอไป ทิศเบื้องซาย - ญาติ และ มิตร. คําวา “ซาย” ในที่นี้ ไมไดหมายความวา ผิดตรงกันขามจากเบื้องขวา แลว เพียงแตมีความสําคัญรองลมมาในทํานองนั้น คําวาซายในความหมายอื่น ๆ หมายความวาตรงกันขามจากขวากลายเปนผิดไปก็มี ; เราไมเอาความหมายนั้น


๕๔๔

ฆราวาสธรรม

เราเอาความหมายตรงที่วา มันคูกันกับขวา ; มือขวาเกงกวามือซาย ; มือซาย เปนรอง เปนลูกนองของมือขวา : มีทั้งซายทั้งขวาก็ทําอะไรไดดี. เมื่อคนเรา เกิ ดมามี ทั้ งมื อซ ายมื อขวา ; หน าที่ ของมื อขวาก็ อย างหนึ่ ง หน าที่ ของมื อซ าย ก็อยางหนึ่ง พอรวมกันเขาทั้งสองมือ ก็สมบูรณ เทานั้น. เพราะฉะนั้นเราตอง ปฏิบัติใหถูกตอง. คนบางคนอุตริใชมือซายแทนมือขวา ก็ตองเปลี่ยนชื่อเสียใหม วามือขางนั้นของเขา เขาเอาเปนมือขวา. คนที่เขียนหนังสือดวยมือซายนั้นก็ให รูเสียวามือที่เขียนนั้นมันมือขวา. มันถนัดซาย มือนั้นก็ถือวาเปนมือขวา. อยางนี้ เราก็ไมหลงในความหมายของคําวา “ซาย - ขวา.” ทิศเบื้องขวาคือทิศใต ทิศเบื้องซายคือทิศเหนือ มันกลัวกันอยูอยางนี้ ; นั่นในทางภาษาพูด ทิศเหนือเลยดูเลวกวาทิศใต. คนไทยแตโบราณเรียกทิศใต วา “หัวนอน” . ในศิลาจารึกพอขุนรามคําแหงวา “เบื้องหัวนอน” มันหมายถึง ทิศใต ; เพราะฉะนั้นเขาจึงนอนหันหัวไปทางทิศใต ซึ่งเปนเรื่องของไสยศาสตร หรืออะไรก็ตามที. คนโบราณเห็นความสําคัญของทิศใต จะนอนหันหัวไปทาง ทิ ศ ใต เป น สวั ส ดี ม งคล ; นอนหั น หั ว ไปทางทิ ศ เหนื อ หรื อ ตะวั น ตก เป น อัป มงคล; นี้เ ปน ไสยศาสตร สว นวิท ยาศาสตรจ ะมีอ ยา งไรก็ไ มรู. แตวา ทางธรรมะ ทางศาสนาเขาวาครูบาอาจารย อยูทางทิศใต อยูทางทิศหัวนอน. เพราะฉะนั้นเราจึงหันหัวนอนไปทางทิศใตมันก็ถูกเหมือนกัน คือเราจะไมกระดาก หรือขยะแขยงวา เราเหยียดเทาไปทาง ครูบาอาจารย ; เมื่อนอนก็คงจะทําให จิตใจสบายขึ้นมา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทิศเบื้องซายมันก็เปนทิศสนับสนุนทิศเบื้องขวา เอากันอยางนั้นก็แลว กัน ; มือซายสําหรับสนับสนุนมือขวา ใหมันมั่นคงขึ้นอีกกี่เปอรเซ็นตก็ตามใจ; ไดแ กญ าติ และมิต ร.ทีนี้ถา เราจะมองกัน ในฐานะเปน ที่พึ่ง มัน ก็เ ปน ที่พึ่ง


ทิศเบื้องหลัง และเบื้องขวา - ซาย

๕๔๕

รอบ ๆ ตัว ; เพราะเรามีญาติและมิตรรอบตัว เปนที่พึ่งในความหมายทางสังคม ; คือรวมมือกันเปนจํานวนมาก ทําของยากใหเปนของงาย, ทําของหนักใหเปน ของเบา. คําวา “ญาติ” แปลวาผูที่เราตองรับรูอยูในใจเสมอ วาเขาเปนญาติ ก็ตองรับผิดชอบในหนาที่ที่เราจะตองประพฤติตอญาติ. คําวา “ญาติ” ธาตุศัพท แปลวารูความหมายก็คือตองรับรู ตองนับไวในใจ. “มิตร” แปลวาผูมีความรัก. มิ ต ร - แปลว า ความรั ก ; แต ไ ม ใ ช รั ก ทางกามคุ ณ . มิ ตฺ ต , มิ ต ร อะไร ก็ต าม แปลวา ความรัก รัก อยา งบริส ุท ธิ ์ ; เพราะวา เปน ผู เ ปน ประโยชน เกื้อกูลแกกันและกัน. เพราะเรามีทั้งผูที่เราจะตองรับรูดวยความรัก. ใชคําวา วิส าสะ ; วิส าสะ แปลวา เกี่ย วกัน เปน ประจํา ; แลว ก็เ กิด กํา ลัง มั่น คงขึ้น มาทางสังคม. เชนหมูบานนี้ ถาทุกคนรักกันอยางญาติมิตรก็เจริญ ศัตรูก็ทํา อะไรไม ได ; ความเจริญ ก็ เป น ไปอย างงายดาย. ที่ พึ่ งทางสังคมเป น อย างนี้ ; เพราะฉะนั้นเราก็ขจัดศัตรูออกไปเสียโดยวิธีที่ดี คือใหทุกคนเปนมิตร.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาทําผิดไป ความเปนศัตรู หรือความไมเปนมิตรนี้จะเกิดขึ้น แมแก พี่นอยรวมสายโลหิต ;มันก็สําคัญ มากอยางนี้. ตอใหเปนญาติพี่ นองรวมสาย โลหิต ที่เรียกวาคลานตามกันมา ; มันจะเปนศัตรูกันขึ้นมาได ถาทําผิดในทิศนี้; และจะเปน ศัต รูที่รา ยแรง เพราะวา มัน อยูใ กลชิด . เพราะฉะนั้น จึง สอนให แผเมตตาจิต ไมมีใครที่เปนศัตรู ; พระพุทธเจาทานสอนอยางนั้น. เราจึงตอง ยอ มจิตใจของเราไปในทางที่ไมมีใ ครเปน ศัต รู ; แมเขาจะมาฆา เรา เราก็ไม ถือวาเขาเปนศัตรู จะพยายามทําความดีชนะความชั่ว.

มีเรื่องตัวอยาง ในกกจูปมสูตร พุทธภาษิตที่เคยเอามาเลาใหฟงบอย ๆ จะเปนหลักในเรื่องนี้. ที่จะทําใหใครในโลกนี้ไมเปนศัตรู เพราะถือเปนมิตรหมด.


๕๔๖

ฆราวาสธรรม

มีเรื่องวา โจรมาจับเราผูกเขาแลว เอาเลื่อยมาเลื่อย ; กกจะ แปลวา เลื่อย. พอเลื่อยมันเลื่อยผิวหนังขาด เขาก็ไมคิดประทุษรายแกโจรนั้น ; ถาประทุษราย ก็ไ มใ ชค นของตถาคต. ถา มัน เลื่อ ยเนื้อ ขาด ก็ไ มป ระทุษ รา ยแกโ จรนั้น ; มั น เลื่ อ ยถึ ง กระดู ก ก็ ไม ป ระทุ ษ รา ยแก โจรนั้ น ; มั น เลื่ อ ยถึ ง เยื่ อ กระดู ก ก็ ไม ประทุษ รา ยแกโ จรนั้น . อยา งนี้เ ปน คนตถาคต เรีย กวา ไมม ีศัต รู ; ในบาลี เรียกวา กกจูปมสูตร ในมัชฌิมนิกาย ถือเปนจุดสําหรับเพงเล็งที่วาจะไมมีศัตรู ; แมตายไปก็ไมมีศัตรู เพราะวาไมคิดวาใครจะเปนศัตรู.แลวก็มีวิธีที่จะทําศัตรู ใหกลายเปนมิตรดวยวิธีตาง ๆ กัน. ไมคิดเอาเอง วาจะชนะความชั่วดวยความดีได อยางไร ? มันก็คือทําใหมีเมตตาจิตตออยูดวยเสมอ, ตายก็ตายไปดวยเมตตาจิต ; เพราะฉะนั้นเราไมมีศัตรู. เราพูดไดในสวนตัวเรา ภายนอกเขาจะดูวาคนนี้ฆาคนนี้ คนนี้ก็ตองเปนศัตรูคนนี้. แตคนที่ตายไปนั้น ไมรูสึกวาใครเปนศัตรู เพราะตั้ง ความปรารถนาดีตอสัตวทั้งปวงอยูเรื่อย. ในบทสวดเมตตา ก็ตองมีการพิจารณา อยางนี้ ไมมีใครที่จะเปนศัตรู ; มีเคล็ดมีอุบายที่จะทําศัตรูใหกลายเปนมิตร โดย การตั้งจิตเมตตาเปนเบื้องหนา แลวกระทําตอเขาตรงตามจิตที่เมตตา. นี่ถือวา เราทํา ตัวใหเปน คนของพระพุท ธเจา เปน คนของตถาคต ; ทํา ศัต รูใหไมเปน ศัตรูได.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาพูดอยางศาสนาคริสเตียนก็มีวา ตบแกมซายใหตบแกมขวาดวย, ขโมยเสื้อไปแลวใหตามเอาเสื้อคลุมไปใหดวย. พระพุทธเจาทานก็ตรัสวา แม เอาเลื่อยมาเลื่อยก็อยาไปโกรธมัน. นี่เพื่อจะทําศัตรูใหกลายเปนมิตรไปทั้งหมดเลย ทั้ง โลกเลย, จะเปน ผีส าง เทวดา สัต วดุรา ย เดรัจ ฉาน เสือ สิง ห, อะไร ก็ตาม มันจะตองเปนมิตรไปหมดสําหรับจิตใจของคนๆ นั้น. เพราะฉะนั้นเรื่อง ฆากันยิงกัน หรืออะไรมันก็มีไมได ; มีความหมายวา มองดูกันดวยสายตาที่แสดง ความรัก เขากันสนิทเหมือนน้ําและนม ; นี่เปนสํานวนบาลี ; เปนโลกแหงมิตร


ทิศเบื้องหลัง และเบื้องขวา - ซาย

๕๔๗

ไม มี ศั ต รู. เดี๋ ย วนี้ เป น โลกแห ง ศั ต รู ด า กั น ระงมไปในบรรยากาศทางวิ ท ยุ ไม รูว า ใครเป น ใครล ว น แต เป น คนเลวไปทั้ ง สองฝ า ย ; ก็ เป น โลกแห ง ศั ต รู , โลกแห ง ความอาฆาต, โลกแห งความกลั ว , ถ าเรามี เมตตาจิ ต เป นมิ ตรไปหมด ก็ เป นโลก แหงความอบอุน. หนาที่ ที่ ปฏิ บั ติตอมิตร เพื่ อสรางความเป นมิ ตร ก็มีอยูในบาลีแห งหนึ่ ง ว า ถ า สู ง กว า โดยลั ก ษณะใดก็ ต าม ให แ สดงความเคารพ, ถ า เสมอกั น ให แ สดง ความเปน กัน เอง, ถา ต่ํ า กวา ใหแ สดงเมตตาปรานี. ถา เอาตัว เราเปน หลัก มัน จะต่ํากวา หรือเสมอกัน หรือสูงกวา. ทีนี้ถามีคนที่ต่ํากวาเรา ก็จะมีตัวของเขาเองเปนมาตรฐาน แลวก็จะมีคนที่ต่ํากวาหรือเสมอกัน และสูงกวาเขาทั้งหมดนี้กลาว ตามบัญญัติความหมายทางโลก ๆ; เพราะมี ก รรมเป น ผู จั ด ให สั ต ว โลกเป น ต า ง ๆ กั น ตามอํ า นาจของกรรมนั้ น มั น ก็ เกิดความต่ํากวา เสมอกัน สูงกวาขึ้นมา. ถ ากรรม - การกระทํ าของเขา จั ดเขาไว ในฐานะที่ มั น สู งกว าเรา โดย เหตุ ไรก็ ตาม, โดยอายุ แก กว าก็ ตาม โดยชาติ สู งกว าก็ ตาม โดยอะไรสู งกว าก็ ตาม หรื อ สมรรถภาพสู ง กว า , ก็ เรี ย กว า สู ง กว า . ถ า มี สิ่ ง เหล า นี้ เท า ๆ กั น ก็ เรี ย กว า เสมอกัน . ถา ดอ ยกวา เราก็เรีย กวา ต่ํ า กวา . ไมม ีช อ งไหนที ่จ ะไปดูถ ูก ดูห มิ ่น ใคร ได เลย. ใครมี จิ ต ใจดู ห มิ่ น ผู อื่ น คนนั้ น เป น สั ต ว เดรั จ ฉาน ไม ป ฏิ บั ติ ต ามคํ า สอน ของพระพุท ธเจา . ที ่ส ูง กวา ใหเ คารพ, ที ่เ สมอกัน ใหแ สดงความเปน กัน เอง, ที่ ต่ํ า กว า ให เ มตตาปรานี ; แล ว จะเอาตรงไหนมาดู ถู ก ดู ห มิ่ น กั น . พระก็ ไ ม มี โอกาสที ่จ ะดูถ ูก เด็ก วัด หรือ เณร หรือ คนที ่เลวไปกวา นั ้น . เพราะฉะนั ้น ขอให ถือ หลัก อัน นี ้ซึ ่ง เปน หลัก พุท ธศาสนา มีอ ยู ใ นรูป ของพุท ธภาษิต พระบาลี, หรื อ จะมี ม าก อ นพระพุ ท ธเจ า ก็ ต ามใจ ; เราถื อ ว า พระพุ ท ธเจ า ท า นรั บ รองหลั ก เกณฑอันนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๕๔๘

ฆราวาสธรรม

ที่เปนกันอยูโดยมาก สูงกวาใหแสดงความเคารพ มันก็ยังไมแสดง ความเคารพ ; มันจะแขงดี มันจะปดแขงปดขาใหหกคะเมนลงไป ; นี่มันไมสราง ความเปนมิตร. ถาเสมอกันมัน ก็อยากจะกดใหต่ําลงไปเสีย, มันอิจฉาริษยา. ทีนี้พอต่ํากวาก็เอาเปนลูกไลไปเลย, มันดูหมิ่นดูถูกโดยประการทั้งปวง. เพราะ ฉะนั้นขอใหเปลี่ยนเสียใหม วาในโลกนี้ ไมมีบุ คคลใดที่เราควรจะไปดูถูกหมิ่ น เหยียดหยาม ขมเหงเขาเลย. สูงกวาก็เคารพ, เสมอกันก็เปนกันเอง, ต่ํากวา ก็เอ็นดูเมตตา, มีอยูเทานั้น ; จะสามารถพลิกศัตรูใหกลายเปนมิตรไปหมดได. มันมีปญ หาปลีกยอยของคนคิดแคบ ๆ บางคน วาเราไปเคารพเขา มันก็เลย ขมเหงเอา ; นั้นมันเปนอันธพาลดวยกันทั้งสองฝาย, มันเปนโลกในยุคที่เต็ม ไปดวยอันธพาล. คนชั้นผูบังคับบัญชาก็เปนอันธพาล ลูกนองมันก็เดือดรอน ; ยิ่งไปเคารพมันเขาก็ยิ่งเดือนรอน แลวมันก็ไมมีอะไรจะนาเคารพเลยสักอยางเดียว มันก็ยากที่จะเคารพ ; ก็เลยไปกันใหญเลย. อยางนี้เราอยาไปคิดอยางนั้นเลย ; อยางนอ ยเขาก็เปน ผูบังคับ บัญ ชาที่มีโ ชคดี ไดรับ มอบหมายใหทํา หนา ที่นั้น เราก็เ คารพในสว นนี ้ก็แ ลว กัน ; แตม ิไ ดห มายความวา เราจะตอ งไปทํ า ความชั่วตามเขา ตามคําสั่งของเขา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คําวาเคารพ ไมไดหมายความวา กมหัวลงไปแลวตองทําตามทุกอยาง. หรือไปพลอยเปนอยางนั้นไปดวย เคารพนั้นหมายถึงเอาใจใสใหถูกตอง ตามวิธี ตามเหตุตามผล เรียกวาเคารพเอื้อเฟอ. เราเคารพตอสุนัข หมายความวา เรา เอาใจใส มั น ให ถู ก ต อ ง ตามเรื่อ งของการที่ เราเป น คน มั น เป น สุ นั ข , จะต อ ง ปฏิบัติตอกันอยางไร ก็เรียกวาเคารพเอื้อเฟอในสิ่งนั้น. เขาสูงกวาโดยปริยายใด ก็เคารพ นั้นแหละเราอาจจะแกไขนิสัยของเขาได.ถาเราไปแขงดีเขาดวย ทีนี้ มันก็จะเกิดอันธพาลตออันธพาลฟดกัน. ทีนี้เสมอกันใหแสดงความเปนกันเอง


ทิศเบื้องหลัง และเบื้องขวา - ซาย

๕๔๙

นี้ก็ไมใชเปนเพื่อนสํามะเลเทเมา ; แตตองประพฤติตอกันอยางถูกตองกลมเกลียว กันไป. ถาต่ํากวาก็เมตตาปรานี อยาไปดูถูกเขา, เห็นอกเห็นใจเขาซิ. เรื่องมันก็มีเทานี้. การที่จะปฏิบัติตอสังคม คือผูที่จะตองเปนมิตร กันและกันทั้งโลก เปนทิศเบื้องซาย ; แมจะต่ํากวาเบื้องขวา แตมันก็ใหญกวาง กวาเบื้องขวา เปนเรื่องรอบตัวเราเสียมากกวา. ถาปฏิบัติตามหลักที่พระพุทธเจา สอน ทิศ เหนือ หรือทิศเบื้องซายนี้ก็จะปรากฏสวางไสว ราบรื่นแกกุล บุตรนั้น โดยไมตองสงสัย. นี่ทิศเบื้องขวากับซาย ทิศคูนี้จะตองปฏิบัติใหถูกตองอยางนี้ ; ไมใช วาตรงกันขามไปเลย.

เวลาของเราก็หมดสําหรับวันนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


ทิศเบื้องบน และเบื้องต่ํา - ๕ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๑๓ การพิจ ารณากัน ถึง เรื่อ งทิศ ๖ ของเราในวัน นี้ ก็ม าถึงคูสุด ทา ยคือ ทิศ เบื้อ งบนและทิศ เบื้อ งต่ํา. ทิศ เบื้อ งบน ได แ ก ส มณพราหมณ , ทิ ศ เบื้ อ งล า งได แ ก บ า วไพร . ทิ ศ บน ทิศลางนี้มันเปนภาษาทางศาสนา ; มีวัฒ นธรรมที่มันเนื่องมา จากทางศาสนา. ชาวบา นเขาไมเ รีย กกัน วา ทิศ อยา งที ่เ รา เห็น กัน อยูแลว. นี้แสดงใหเห็น วาทางศาสนามองสิ่งที่เรียกวา ทิ ศ นี ้ ก ว า งขวางกว า หรื อ ว า ละเอี ย ดลออกว า และยั ง เปนทิศที่สําคัญกวาเสียดวย.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราจะไดพิจารณากันดูถึงคําพูดคูนี้กอน บางทีก็พูดวาบน หรือลาง, บางทีก็พูดวาสูงหรือต่ํา, ก็มีความหมายตางกันบางนิด ๆหนอย ๆ มันก็เล็งถึง สิ่ ง เดี ย วกั น ถ า เป น ภาษาทางวั ต ถุ ไ ปอย า งหนึ่ ง , เป น ภาษาทางธรรมทาง วิญ ญาณนี่ไปอีกอยางหนึ่ง. พูดงาย ๆ ก็วาภาษาสมมุติไปอยาง, ภาษาจริง หรือความจริงก็ไปอีกอยาง. ทั้งนี้ขยายออกไปถึงความดีความชั่ว ; ทิศเบื้องบน

๕๕๐


ทิศเบื้องบน และเบื้องต่ํา

๕๕๑

เบื้องสูงก็สมมุติวาเปนความดี. ทิศเบื้องต่ําเบื้องลาง ก็สมมุติวาเปนชั่วเลยไป อยางนี้ก็มี ; แตเดี๋ยวนี้เราไมมีหลักอยางนั้น. หรือถาจะดูโดยความจริงแลว คําวาบน หรือลางนี้ ก็เปนคําสมมุติ บัญญัติตามความรูสึกซึ่งคอนขางจะไมฉลาด. ควรจะดูถึงขอเท็จจริงที่วา ที่เรา รูสึก วาขางบนหรือ เบื้อ งสูงนั้น มัน ก็อ ยูท างปลายของกระแสดึงดูด ของโลก ; เบื้องต่ํานั้นมันก็อยูทางเบื้องตน หรือจุดตั้งตนของกระแสดึงดูดของโลก ; เพราะ ฉะนั้นจึงมีไดรอบตัว. เพราะวาโลกกลม มีจุดศูนยกลางอยูที่ศูนยกลางแลวก็ดึงดูด เขามารอบตัว ฉะนั้น เรื่องบน - เรื่องลาง สําหรับความดึงดูดของโลกนี้ ไมมี ความหมายอะไรเลย เพราะมันดึงเขามารอบตัว. ทีนี้เรามันไมรูขอนี้ เราเอา แตตามความรูสึกของเราก็รูสึกวา ทางต่ําคือทางที่มันจะตกลงไปเรื่อย ๆ ; ถา ตกลงไปเรื่อยมันก็ไมถูก เพราะวาถาดูตามกระแสดึงดูดแลวมันก็มีตกขึ้น หรือตก ขางหรือตกอะไรรอบตัว. แตนั่นมันเปนวิทยาศาสตร หรือเปนความจริงอะไร ที ่ม ัน มากเกิน ไป ที ่ม นุษ ยไ มต อ งเกี ่ย วขอ งไมต อ งรูก ็ย ัง ได ; เวน ไวแ ตเรื ่อ ง เฉพาะพิเศษที่เกี่ยวกับเรื่องนั้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สวนคนทั่วไปเขาไมตองรูเรื่องนี้เขาก็ยังอยูในโลกนี้ได ; เกิดความรูสึก เปนสูงเปนต่ําขึ้นมา และตองปฏิบัติใหถูกตอง. คนที่เขาไมรูเรื่องนี้เราไปบอก เขาวา ทุกสิ่งมันจะตกไปสูจุดศูนยกลางของโลก เพราะโลกมันกลม ; เขาก็ไมเชื่อ ถาเชน นั้น คนเราก็หอ ยหัว อยูพ วกหนึ่ง ทางดา นหนึ่ง . แลว ก็ชี้ดิ่ง ไปทางขา ง อยูพวกหนึ่ง ; อยางนี้ก็เถียงกันไปเปลา ๆ. ใหตัดออกไปเสียปญหาอยางนี้ไมตอง ทะเลาะกัน ; เอาความหมายสูงต่ําไปตามทางความรูสึกของเรา; เชนสวรรค อยูเบื้องบน นรกอยูเบื้องลาง. ถือตามทางวิทยาศาสตรมันไมมีเบื้องบนเบื้องลาง. หรือวาเบื้องลางถาจะมีก็ตองไปมีที่จุดศูนยกลาง ที่เปนไสของโลก. สวรรคก็หาง


๕๕๒

ฆราวาสธรรม

จากโลกออกไป ๆ. ถาจะเอาทั้งสากลจักรวาลเป นหลัก มันก็ยิ่งไมมีอยางนั้นใหญ ; เพ รา ะ ม ัน เค วง ค วา งอ ยู เ รื ่อ ย ไม ม ี บ น - ลา ง เห นือ - ใต  ต ก - อ อ ก ; และบน- ลา ง เหนือ - ใต ตก - ออก นี ้ม ัน ก็อ ยู ใ นแถบโลกหนว ยหนึ ่ง ๆ ซึ ่ง มีจ ุด ดึง ดูด อยู ต รงกลางนี ้ ; อาศัย หนว ยอื ่น เปน หลัก เปน จุด สัง เกต แลว จึง เกิด หนา หลัง เหนือ ใต ตกออก ขึ ้น มา. เพราะฉะนั ้น ตามความจริง ทางวัต ถุ ไปอยา งหนึ ่ง , ตามทางธรรมทางศาสนา เขาเล็ง ไปอีก อยา งหนึ ่ง ; อยา ไป มัวทะเลาะกันอยูในเรื่องนี้. สํ า หรับ ทิศ ทั ้ง สองคือ ทิศ เบื ้อ งบน เบื ้อ งต่ํ า นี ้ก ลายเปน ถูก หรือ ดี ทั ้ ง ส อ งอ ย า งที ่ จ ะต อ งป ฏิ บ ั ต ิ . เบื ้ อ งบ น คื อ ส ม ณ พ ราห ม ณ , เบื ้ อ งล า ง คื อ ผู ที่ ต่ํ า กว า เรา เป น บ า วไพร ; กลายเป น ทิ ศ ที่ ต อ งปฏิ บั ติ ใ ห ถู ก ให ดี ต อ งไหว เหมือ นกัน เลย. แมท ิศ เบื ้อ งต่ํ า คือ บา วไพรก ็ต อ งไหว. นี ้ก ็พ ูด เลยขอบเขต ออกไป จนถึ ง เรื่ อ งที่ เราจะทํ า ความเข า ใจ ในทางที่ จ ะไม ต อ งทะเลาะวิ ว าทกั น เกี่ ยวกั บเรื่องคํ าพู ด. ให ถื อเสี ยวาทางศาสนาก็ มี คํ าบั ญญั ติ เฉพาะความหมายเฉพาะ อะไรก็ต ามเรื ่อ งทางศาสนา. ทางวิท ยาศาสตรเ พิ ่ง รู แ ตเ รื ่อ งโลก เรื ่อ งวัต ถุ เรื่ อ งสสารกํ า ลั ง งาน อะไรทํ า นองนี้ มั น ก็ ไปอี ก อย า งหนึ่ ง ; ไม จํ า เป น จะต อ งไป ทะเลาะวิว าทกัน ในเมื ่อ รู ค วามจริง วา เรามุ ง หมายถึง อะไรกัน อยา งไรกัน . เป น อัน วาเรื่อ งทิ ศ ทั้ ง ๖ นี้ เป น เรื่อ งที่ ต ะต อ งไหวเสมอกั น แม จ ะสมมุ ติ บั ญ ญั ติ ไป ยังสิ่งใดสิ่งหนึ่ง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ต อ ไป นี ้ เราก็ จ ะ พู ด เรื ่ อ งทิ ศ เบื ้ อ งบ น – ส ม ณ พ รา ห ม ณ นี่ เล็ งถึ ง ตั ว บุ ค คลซึ่ ง มี คุ ณ ธรรมสู งกว า ในทางจิ ต ทางวิ ญ ญาณ ; ไม ได เล็ ง ถึ ง ทาง วัตถุ ทางรางกาย ทางทรัพย สมบั ติ หรือทางชาติ กํ าเนิ ดอะไร ไม ต องเอามาพู ดถึ ง. เอาคุณธรรมทางวิญญาณเปนหลัก จึงเกิดสมณพราหมณขึ้นมา.


ทิศเบื้องบน และเบื้องต่ํา

๕๕๓

สมณะ แปลวา สงบ ผูส งบ ; มัน มีค วามหมายสูง ตรงที ่วา ตามธรรมดาคนมั น ไม ส งบ, คนทั่ วไปนั้ น ไม ได ส งบ คื อ เรงรอ นทางวิ ญ ญาณ กระสับกระสายทางวิญญาณ ยุงยากในทางวิญญาณ ; คนธรรมดาเปนอยางนี้ เพราะยัง ไมรูอ ะไรเปน อะไร. สว นสมณะเปน ผูที่รูวา อะไรเปน อะไร ถึง ที ่ส ุด หรือตามสมควร จึงจะทําใหเกิดความสงบขึ้นมาในใจ ; แลวรางกายก็สงบ อะไร ก็สงบไปหมด. สมณะเกิดขึ้นมาในโลกไดก็เพราะความไมสงบในโลกนี้ มันทําให เปนปญหาขึ้นมา เขาก็คนควาจนพบความสงบ ; แลวก็เกิดเปนบุคคลจําพวกหนึ่ง ในโลกนี้. มัน ก็เริ่ม มีขึ้น ๆ จนกระทั่ง สูงสุด ไดใ นที่สุด ; คือ เปน คนมีปญ ญา รูจักสังเกต หรือชางสังเกต วาที่เปนอยูอยางนี้ มันก็ยังเปนการทนทรมาน ก็เลย ไตออกไป ๆ ออกไปจนพบที่มันไมทรมาน. ถามนุษยสมัยแรกยังเปนคนปา ตองการแตหากินและตองการสืบพันธุ อะไรทํานองนี้ ; เขาก็มีความสงบอยูพอใช เพราะจิตใจมันไมทะเยอทะยาน ; แตมัน เปนไปเองตามธรรมชาติ ก็ดูค ลายจะโง ; แตมันโงช นิด ที่ไมเปน ทุกข. ทีนี้มนุษยเจริญดวยสติปญญามากขึ้น ๆ รูจักทําสิ่งที่ทําใหตัวเองหลงรักหลงเกลียด อะไรมากขึ้น ๆ ก็เลยเปนมนุษยที่ไมสงบมากขึ้น. คนมีปญญาบางคนมองเห็น ก็หลีกออกไปจากความวุนวาย ไปหาความสงบ เปนอยูอยางสงบ อยูในที่สงบ ก็เรียกวาเปนสมณะขึ้นมา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คําวา “พราหมณ ” นั้น ตามตั วหนังสือ ก็วามาจากพรหม หรือ เนื่องดวยพรหม เกี่ยวกับพรหม. คําวา พรหม แปลวา ประเสริฐ เลิศกวาสิ่งใด หมด ; พวกพราหมณเปนพวกที่เขาวาเอาเองวาเขามาจากพรหมก็ตามใจเขา. แตเราก็ไดความวา เปนคนที่ดีกวาคนธรรมดา,เปนผูมีความรูความฉลาดในดาน จิตดานวิญญาณ ดีกวาคนธรรมดา. แตไมไดเล็งถึงความสงบ คือไมไปถึงขนาด


๕๕๔

ฆราวาสธรรม

สมณะ ; ยังอยูที่บานที่เรือนชวยแนะนําอะไรตาง ๆ ทางจิตทางวิญญาณ พรอมกัน ไปกับมีบุตรภรรยา. มองไปอีกแงหนึ่ง พราหมณ ก็ยังใชไมไดหรือยังดอยกวาสมณะมาก ; แตเขามาเหนือเมฆเขามาจากพรหม. อีกทีหนึ่งเราจะมองในแงกลับ : ถาเขา สามารถทําความสงบไดทั้งที่มีครอบครับ มันก็ตองเกงกวาสมณะ ที่เอาตัวรอดได เพียงคนเดียว. ถึงอยางไรก็ดี ขอเท็จจริงก็พิสูจนแลววา พราหมณจะสงบอยาง สมณะไมได ; แตเขาก็มีหนาที่ ที่จะทําความสงบเทาที่จะทําได ในทางครอบครัว หรือในทางสังคม. เพราะสมณะนั้นหลีกออกไปจากสังคม, สวนพราหมณอยูใน สัง คม ก็ม ีค า ในทางนี้ม ากกวา . ไดยิน วา ในประเทศญี ่ปุ น เขามีพ ระที ่มี ภรรยาได เพราะเขาตองการจะรับหนาที่ทางสังคม ทํานองเดียวกับพราหมณ. สวนพระที่ไมเกี่ยวของกับสังคม ไมเกี่ยวกับครอบครัวก็เปนสมณะไป ; ก็เลยมี ทั้ง ๒ พวก อยางนี้ก็มีเหมือนกัน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ครั้งแรกที่สุด เราสันนิษฐานไดวา มันตั้งตนไปจากพระในครอบครัว กอน จึงคอยเขยิบสูงขึ้นไป จนเปนพระที่กระเด็นออกไปจากครอบครัว คือเปน สมณะ. ถาเกี่ยวกับครอบครัว มันก็เกี่ยวกับสังคมกวางออกไป ๆ เปนเจาหนาที่ ทางวิญญาณ ทางฝายสังคม ทําพิธีรีตองอะไรเหลานี้ ไมใชเรื่องสงบเพื่อจะไป นิพพาน ; กลายเปนเจาหนาที่ทางทําพิธีเสียมากกวา.

คําวา priest ในภาษาศาสนาคริสเตียนที่แปลวาพระนั้น เขาหมายวา พระทําหนาที่ทางพิธีรีตองอยางพราหมณเหมือนกัน priest มันอยางเดียวกันกับ พราหมณ. สวนพระที่ตรงกันกบสมณะก็มีเปนอยางอื่น พวกคริสเตียนเขามีคําวา hermit อะไรทํานองนี้ คือวาไมยุงในเรื่องพิธี.


ทิศเบื้องบน และเบื้องต่ํา

๕๕๕

นี่เรารูจักความแตกตางระหวาง “สมณ” กับ “พราหมณ” กันอยางนี้ วาเมื่อยูเปน ๒ ฝาย ; และถูกจัดไวในฐานะเปนทิศเบื้องบนเหมือนกัน คือดีกวา ในทางวิญญาณ. ถาจะจัดวา พระที่ทําพิธีรีตองจะโงงมงายไปเสียหมดมันก็ไมได เพราะเหตุที่วามนุษ ยนั้นมันโงเอง ; สวนใหญ ของมนุษ ยโงมาดวยความไมรู ; ฉะนั้น ๘๐ - ๙๐ เปอรเซ็นตยังไมรู มันก็ตองมีพิธีรีตองเพื่อใหพวกไมรูเหลานี้ ยึ ด ถื อ ไว ก อ น ; ก็ จํ า เป น เหมื อ นกั น ไม ต อ งตั ด ออก. แต ข อให พิ ธี รี ต องนั้ น มั น มี ป ระโยชน เถิ ด . คํ า ว ามี ป ระโยชน ก็ คื อ วา ให มั น เกิ ด ความสงบสุ ข ขึ้ น มา ในสังคม. ฉะนั้นเมื่อเขาเชื่อศาสนากันมาก ๆ ทําตามพิธีทางศาสนาอยู มันก็ไป เบี ย ดเบี ย นใครไม ได เหมื อ นกั น ; ฉะนั้ น พราหมณ ก็ มี ป ระโยชน ในส วนนี้ . แต สวนที่มันเตลิดเปดเปงออกไปไกลลิบนั้น มันเปนแขนงออกไปบางสาขา เชนมี การบูชายัญ เอาคนมาฆาบูชายัญ ; อยางนี้ก็รับไมได มันกลายเปนปาเถื่อน ไมเสียอีก. ความมุงหมายของพราหมณไมใชอยางนั้น ไมใชจะเอาคนมาฆาบูชา ประจบพระเจา ;แตมีความหมายวา เปนพระที่อ ยูใกลชิดสังคม ฉะนั้นก็ตอ ง มีบุตรภรรยาไปตามเรื่อง. สวนพระที่กระเด็นออกจากสังคมก็เปนสมณะเดี่ยวโดด ; แมจะมาเกี่ยวของสั่งสอนสังคม เขาก็ไมกลับเรียกวาพราหมณ คงเรียกสมณะอยู อย า งนั้ น เอง. พวกพราหมณ นี้ เป น คฤหั ส ถ เสี ย มากกว า ,หรือ เป น พระในเพศ คฤหัสถ. แตถึงอยางไรก็ดียังมีจิตใจสูง ยังมีความรูสูง รักษาไวซึ่งคัมภีร มา ตั้ ง แต ส มั ย ที่ ยั ง ไม มี ก ารเขี ย นหนั ง สื อ พิ ม พ ห นั ง สื อ . ถ า ไม ได พ วกพราหมณ คัมภีรตาง ๆ ก็มิไดเกิดขึ้น หรือมิไดมีอยู ; เพราะเปนคนอธิบายคําสอนของ สมณะอีกทีหนึ่ง. คําสอนของสมณะนั้นลึกเกินไป พวกพราหมณเขาชวยอธิบาย อี ก ที ห นึ่ ง . เขาเรีย กว า คั ม ภี รพ ราหมณะ ล ว นแต เป น คํ า อธิ บ ายเรื่อ งที่ ลึ ก ให เหมาะสมกับชาวบาน, ใหชาวบานเขาใจไดในลักษณะที่เหมาะสมกับชาวบาน.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


๕๕๖

ฆราวาสธรรม

นี ่ก ็พ ูด มากไปทางตัว หนัง สือ แตก ็ม ีป ระโยชนสํ า หรับ จะรู ว า อะไร เปน อะไร. เมื ่อ มองเห็น ประโยชน หรือ ความสํา คัญ ของคนทั้ง สองพวกนี้แ ลว ก็เกิดหนาที่ ที่จะตองประพฤติ ปฏิ บั ติใหถูกตองเพื่ อประโยชน. เพราะฉะนั้ นจึงเกิด เปน สิ ่ง ที ่ต อ งแลดู หรือ เหลีย วดู คือ วา เปน ทิศ ขึ ้น มาทิศ หนึ ่ง เปน ทิศ เบื ้อ งบน. ทิศ เบื ้อ งบนก็ต อ งมองแหงนหนา เปน ธรรมดา ; เพราะวา เรามีรูป รา งอยา งนี้ จะดูท ิศ เบื ้อ งบนก็ต อ งแหงน ใหม ีค วามรูส ึก วา อยู ส ูง ; ทางรา งกาย ทางวัต ถุ ก็ตองแหงน ทางจิตทางวิญญาณก็ไมตองแหงน จิตคิดนึกไดรอบดาน. เราไดพูดกันแลววา สมณพราหมาณ เปนที่พึ่งทางวิญญาณ แลวก็เปนที่ พึ่งสูงสุดทางวิญญาณคือสมณะ. ผูใดตองการประโยชนอยางยิ่งทางวิญญาณถึงระดับ สูงสุด ก็ตองสนใจกับสมณะ ; เพราะฉะนั้นจึงมีคํากลาวมาแตโบราณกาล, แมใน พุ ท ธศาสนานี้ ก็ย อมรับ วา : - “การได เห็นสมณะเป นการดี เป นความประเสริฐ”. เขาถือ วา เพีย งแตไ ดเ ห็น เทา นั ้น ก็เ ปน การประเสริฐ ;นี ่เ ห็น ดว ยตา ยิ ่ง เห็น ดว ยใจ เห็น ดว ยสติป ญ ญา ก็ยิ ่ง ประเสริฐ ถึง ที ่ส ุด . อยา งเราเห็น พระพุท ธเจา ทางรา งกายนี ้ก็เรีย กวา ประเสริฐ คือ เห็น คนที ่ม ีอิน ทรียส งบระงับ ; ก็เกิด ความ คิด นึก รูส ึก อัน ใหมขึ ้น มา วา นี ่ม ัน อะไรกัน , ทํ า ไมมัน จึง นา ดู นา รัก อยา งนี ้ ; มัน ก็ป ระเสริฐ แลว ในประโยชนเปน จุด ตั ้ง ตน . ยิ ่ง ไปรู จ ิต ใจของทา นเขา อีก วา เป นอย างไร คื อเห็ นท านในทางวิญ ญาณอี กที หนึ่ ง ก็ ยิ่ งประเสริฐ คื อจิ ตใจมั นวิ่ ง ตามไป จนไดรับประโยชนสูงสุดนั้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้ น การมี ส มณะในโลก จึ งเป น โชคดี ที่ สุ ด ของโลก ; เพราะ เพีย งแตไ ดเ ห็น ก็ย ัง ดี. แรกเห็น ก็ม ีค วามรู ส ึก เปน คนประหลาด ทํ า ไมจึง มี ความสงบรํา งับ ? นา สนใจนา เอาใจใส. ก็เ ลยเอาใจใส ; มัน เปน เครื ่อ ง จูงใจ มีอิทธิพลจูงใจโดยไมรูสึกดวย แลวก็โดยตานทานไมไหวดวย. ถูกจูงไปได.


ทิศเบื้องบน และเบื้องต่ํา

๕๕๗

เดี๋ ย วนี้ เรามาเตื อ นกั น และกั น ให ป ฏิ บั ติ ให เต็ ม ที่ ในเรื่ อ งเกี่ ย วกั บ สมณะ หรื อ พราหมณก ็ต าม ; คือ ใหเคารพ ใหทํ า อะไรทุก อยา งที ่เราจะไดป ระโยชนจ าก สมณพราหมณ นั้ น . นี่ คื อ เป น การไหวทิ ศ เบื้ อ งบนอย างนี้ . รายละเอี ย ดไปดู ใน นวโกวาท. รวมความแล ว ให เราทํ า ทุ ก อย า ง เพื่ อ ให เราได รั บ ประโยชน จ าก สมณะและพราหมณ ซึ่งมี อยู ในโลก. พวกหนึ่ งอยู ใกล ชิด คื อ พราหมณ ; พวก หนึ่งอยูหางไกลออกไป สําหรับขั้นสูงขึ้นไป คือสมณะ. สํ าหรับ คํ าวา “พราหมณ ” อีก คํ าหนึ่ ง มี ความหมายพิ เศษ ; ก็ ยื ม มาจากพวกพราหมณ หรือ ศาสนาพราหมณ เพราะเขาว า เขามาจากพรหม เหมือ นกัน ; เขาวา เปน ผู ห มดบาปแลว โดยประการทั ้ง ปวง ; แมด ว ยการ อาบน้ําศักดิ์สิทธิ์ เขาก็หมดบาปแลวโดยประการทั้งปวง. ทีนี้เราไมเอาความหมาย ของพราหมณ ต รงที่ อ าบน้ํ า ; เราเอาความหมายตรงที่ ห มดบาปทั้ ง ปวง มา พิ จารณาดู แลวก็มาทํ าให มั นหมดบาปทั้ งปวงขึ้นมาจริง ๆ ; ก็เลยเป นการปฏิ บั ติ ตามระเบีย บของสมณะ ในระดับ ที่เปน พระอรหัน ต. เพราะฉะนั้น พระอรหัน ต จึง ถูก เรีย กวา “พราหมณ”. คํ า วา “พราหมณ” ถา เอามาใชใ นพุท ธศาสนา กลายเปน พระอรหัน ตไป ; พระอรหัน ตเทานั้น เปน ผูป ระเสริฐ สุด , พระอรหัน ต เทานั้นเปนผูหมดบาปแลว ลอยบาปแลว. ในคัมภีรมากมาย เชนคัมภีรธรรมบท มีคํ า วา “พราหมณ” มากมาย ในพราหมณวรรคที ่เ ปน คํ า สอนอยู ใ นคัม ภีร ธรรมบทนั้น หมายถึงพระอรหันตทั้งนั้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ผูที่เปนพราหมณ คือผูที่หมดกิเลสหมดบาป และเปนผูประเสริฐที่สุด. ที นี้ เราจะถื อ แต อ ย างนั้ น ก็ ไม ได : เราเป น ฆราวาสอยู ในโลกป จ จุ บั น นี้ จ ะถื อ แต อยางนั้นไมได เขาใหถือกวางลงมา แมไมถึงพระอรหันต ; ยังอยูในบานในเรือน อยูในระดับครองเรือนดวยกัน ถาเขามีสติปญ ญามากกวาเรา ในดานวิญ ญาณ


๕๕๘

ฆราวาสธรรม

ในดานศาสนา ก็ตองนับถือเขา ; เอาแตประโยชนที่แทจริง ที่ควรจะไดรอบดาน เปนผูนําในทางวิญญาณ ในทางสังคม. นี้มันเกือบจะรวบเอาครูบาอาจารยเขา ไปดวย ; แตมันก็มีความหมายตางกัน. เพราะฉะนั้นผูนําและหัวหนาในการ ทําพิธีทางศาสนา คือคําวา พราหมณ ในเรื่องทิศหกนี้. หัวหนาอุบาสก ผูนํา ทําพิธีทางศาสนานั้น ก็ทําหนาที่คลาย ๆ กันกับพราหมณ ในความหมายเดิม. ทิศเบื้องบนคือประเภทนี้ มีความสําคัญ เต็มที่ เหมือนกับบุคคลที่ เปนทิศอื่น ๆ ; เพราะวาทิศ นี้จะรวมเอาคําวาศาสนา หรือ พระรัตนตรัยอะไร เขาไวดวย โดยปริยาย. ตรงจุดความหมายของคําวา สมณะ ซึ่งสงบ และหมด กิเ ลส นั ้น แหละ จึง จะดึง เอาพระ เอาศาสนาเขา มาไวใ นทิศ นี ้ด ว ย โดย ปริยาย. เพราะฉะนั้นเราจึงมีศาสนา แมกระทั่งวัฒนธรรมในอันดับสูง รวมอยู ในทิศนี้ที่เราจะตองสนใจ. จะไปแยกบุคคลออกจากศาสนานี้มันก็ยากเพราะวา ตัวศาสนานั้นปรากฏทางบุคคล ก็เลยติดเนื่องอยูดวยกันเปนทิศเบื้องบน. แปลวา ที่เคารพนับถือ หรือสิ่งที่เคารพนับถือ หรือบุคคลที่ควรเคารพนับถือ ทางฝายจิต ฝายวิญญาณก็รวมอยูในทิศนี้หมด ; แลวไมไดชี้ขึ้นไปบนหัวเหมือนความรูสึก ไมไดชี้ขึ้น ไปเบื้อ งบน บนฟา ; เพราะวา วิญ ญาณมัน อยูร อบดา น เปน ของ ไมมีบ น ไมมีลาง ไมมีเหนือมีใต ดวยซ้ําไป. สิ่งที่เรียกวาวิญ ญาณเปนธาตุ ชนิดหนึ่ง อยูในที่ทั่วไป ตองดูความสูงอยางนั้น. ทิศทางแหงความสูงมันก็อยู ทั่วไป ; แตก็เอาเปรีย บเหมือ นกับ อยูเบื้อ งบนบนหัว บนศีรษะ ; แหงนหนา ขึ้นไปไปดูทางสูง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทิศอีกทิศหนึ่ง คือทิศเบื้องต่ําคือบาวไพร ใชคําแปลวาบาวไพรเปน สิ่งที่ถูกสําหรับสมัยที่มีบาวไพร. แตคําวาบาวไพรมันขยายออกไปได จนกระทั่ง สถานการณเดี๋ยวนี้ก็มีคําวาบาวไพรไดเหมือนกัน. เราไมมีทาส เราก็มีคนอยูใต


ทิศเบื้องบน และเบื้องต่ํา

๕๕๙

บังคับบัญชาที่เขามีหนาที่ ที่จะตองทําตามคําสั่งเรา. ปญหามันจะเกิดขึ้นในเมื่อ ไมดูกันใหดี : บาวไพรก็ไมแหงนดุนายใหดี, นายก็ไมกม ลงดูบาวไพรใหดี ; มันก็เกิดปญหาขึ้นมา. พระพุทธเจาเลยบัญญัติวา เปนทิศสําคัญทิศหนึ่ง เทากัน กับทิศอื่น ๆ . ถาวาคนใช หรือผูอยูใตบังคับบัญชาไมจงรักภักดีแลว มันจะเกิดอะไร ขึ้น ลองคิด ดู ; ฉะนั้น ตอ งปอ งกัน ในทิศ นี้ ตอ งทํา เครื่อ งรางปอ งกัน ไมใ ห เกิดอันตรายขึ้นมาจากทิศ ๆ นี้ไดคือคนที่อยูใตบังคับบัญชา. เพราะวาเขาเกิด ไมซื่อสัตยขึ้นมา ไมจงรักภักดีขึ้นมา ก็จะเปนอันตรายอยางยิ่ง. ภาษิตฝายจีน ซึ่ง เขาพูด กัน เปน คํา สอนของขงจื้อ วา : - “ถา ไมไ วใ จเขาละก็ อยา ใชเ ขา คืออยาเอาเขาไว. ถาไมไวใจเขาก็อยาเอาเขาไว, ถาเอาเขาไวก็ตองไวใจเขา” มีเต็มบริบูรณอยางนี้. ถาเอาเขาไวตองไวใจเขา คืออยาไปทําหลุบ ๆ ลอ ๆ ใหเกิดความ ระแวงอะไรขึ้นมา. เพราะฉะนั้นก็ตองไมพูดอะไรแสดงความไมไวใจเขา ใหเขา เกิดความระแวงขึ้น มา.ฉะนั้น ผูที่อ ยูเหนือ ผูที่เปน ผูบังคับ บัญ ชานั้น จะตอ งดู ใหดี ; อะไรก็เก็บ ไวใ นใจ, ตอ งแสดงออกวา เราไวใ จเขาอยูเสมอ. พอถึง จุดที่เพียงพอวา เราจะไมไวใจเขาละ เราก็ตองตัด ออกไปทัน ที คือไมใชเขา ไมยุ ง กับ เขา เลิก จา งทัน ทีเปน ตน . ถา ยัง มาอยู ด ว ยกัน ละก็ต อ งไวใ จเขา ; อยางลูกจางในรานเขาถือหลักอยางนั้นกันในพวกชาวจีน ที่เชื่อค่ําของขงจื้อ. นี้มันเปนสิ่งที่ควรจะตองเอามาพิจารณาดูอยางยิ่งอยูเหมือนกัน เพราะวาบาวไพร นี้มันก็มีความหมายอยางนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ตามหลักของทางศาสนานั้น เขาสอนใหเอาความรักความเอ็นดูไปผูก พันไวดวยความบริสุทธิ์ใจ ; เขาจึงรักใครฝากเนื้อฝากตัว แมในบุคคลประเภท


๕๖๐

ฆราวาสธรรม

ที่เขาเรียกกันแตกอนวา ทาสี ทาสา ; มันจึงไมคอยปรากฏในเรื่องราวอันแสน จะมากมายนั้นวา พวกทาสีทาสาเกิดเปนกบฏ หรือหักหลังขึ้นมา. สวนสมัยนี้ กลับเปนอยางนั้นไมได ลูกจางหรือผูอยูใตบังคับบัญชานี้จะเกิดกบฏ เกิดหักหลัง กันอยางไมมีความหมาย อยางมากกมายกันทีเดียวมากมายที่สุด ; มีโอกาสแลวเปน คดโกงหักหลังนายจาง, นินทานายจาง ผูบังคับบัญ ชา ผูมีพระเดชพระคุณ . แมในวงราชการ คนที่ทําราชการก็รูดีอยูแลว, ทําเอาหัวหนาหนวยเดือดรอ น แสนสาหัสอยูบอย ๆ ; เพราะลูกนองใตบังคับบัญชาหักหลัง คดโกง ไมซื่อตรง ตอหนาที่ ที่ผูบังคับบัญชามอบหมายให. อันนี้ก็เปนเหตุผลพอที่พระพุทธเจาทานตรัสชี้ใหเห็นวา มันเปนทิศ สํา คัญ ที่ตอ งปอ งกัน ตอ งทํา การปอ งกัน ในทิศ นี้ ; ใหเ รีย กวา ไหว. “ไหว” ในที่นี้กลายเปนเรื้องใหความสําคัญที่สุดและก็เอาใจใสที่สุด นั่นแหละคือความ เคารพ. พอเกิดความเคารพ มันก็เกิดความรัก ความอะไรตามมา ก็กลายเปน ของที่แนนอนไป ; ผูกพันไวดวยความจงรักภักดีอยางยิ่ง. บางทีไมกลาโกง ; ตัวเองอยากโกงแตไมกลาโกง เพราะเห็นแกผูบังคับบัญชาที่แสนจะดี ; นี่เปนสิ่ง ที่มีได. เพราะฉะนั้นการที่ส อนใหไหวทิศ ๆ นี้ก็ไมเสียหาย มีป ระโยชนที่สุด มีความจําเปนที่สุด.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราก็พูดกันแลววา ผูที่อยูต่ํากวาเราก็คือเปนที่พึ่งของเรา ในดาน แรงงาน. สมมุ ติ ว า เป น พระเจ า แผ น ดิ น สมั ย ก อ น หรื อ เป น นายกรั ฐ มนตรี ประธานาธิบดีสมัยนี้ ถาไมไดผูอยูใตบังคับบัญชาที่ดี เปนผูกระทํากิจตาง ๆ แลว วจะไปทําอะไรได มันทําไมได ; นี่สําคัญมากถึงขนาดนั้น. คนที่มีปญญามีหัวสมอง อะไรก็ตองไดแรงงานจากภายใต จากเบื้องลางมา สําหรับปฏิบัติตามความคิด ตามสติป ญ ญา มั น จึงเป นเรื่องเป นราวขึ้นมาได. ฉะนั้ นจึงถือ วาแรงงานจาก เบื้องต่ํานี้สําคัญอยางยิ่ง ตองมีพอ, มีดี, มีถูกตอง.


ทิศเบื้องบน และเบื้องต่ํา

๕๖๑

รายละเดียดอยางอื่นก็พอจะมองเห็นกันอยูแลว ; นี้เราพูดกันแตวา ความสําคัญมันมีอยูอยางไร? ถาความสําคัญเปนที่เขาใจแลวมันก็ตองเอาใจใสเอง. ตองปฏิบัติไปดวยดี. ทีนี้ ความหมายของคํา ๆ หนึ่ง เราควรมองใหดี มันแผกวางออกไป ไกลได. ถาความหมายมันอยางเดียวกัน แมจะรูปรางตางกันก็ถูกกรวบเอาไวในนี้. นี่พระพุทธเจาไมเปนผูบกพรอง ในการกลาวเรื่องทิศเบื้องบนเบื้องต่ํา มันก็กิน ความหมายมาก. เชนทิศเบื้องต่ํานี้มันอาจจะกินความหมายลงไปถึงวัวถึงควาย สุนัขและแมวก็ตาม ที่มันจะอยูเบื้องต่ํา ภายใตความชวยเหลือคุมครองของเรา. เราจะรูสึกวาวัวควายนี้เปนคนใช เปนบาว เปนไพร ก็ตองเอาใจใสใหถูกตาม เรื่องราว. บางคนจะคิดไกลไปกวานั้นวา วัวควายเปนเพื่อน เราก็ตองสงเคราะห วัว ควายอยางเพื่อ น อยา งนี้ก็ได. ในอิน เดีย บูช าวัว อยา งพระเจาเสีย เลยก็มี เปนสมณะ เปนพราหมณเลยก็มี ; ความหมายของคํานี้มันก็ขยายออกไปไดตาม ลํา ดับ ๆ. เราเอาความหมายนี้เปน หลัก สวนรูป ราง เนื้อ ตัว นี้ก็ไมเปน หลัก อะไรนัก. เดี่ยวนี้คนไมเอาใจใสวัวควาย นี้ก็เปนคนปฏิบัติผิด เปนฆราวาสที่ ปฏิบัติผิด ในหลักเรื่องทิศทั้ง ๖ ; เขาจึงไมไดรับความเจริญ เพราะวาปฏิบัติตอ วัวควายไมดี.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ยังมีความหมายอยางอื่นอีก ที่จะกินความไปถึง ความหมายของคนที่ อยูระดับ ต่ํากวาเราทุกชนิดเลย เราตองปฏิบัติตอเขาใหดี ; เพราะวา ถาคน ยากจนเข็ญใจ คนขอทานทั้งหลายรุมกันแชงดาเรา ; ก็หมดดี. อยาไปดูหมิ่น ดูถูกเขา ถาคนจน หรือคนขอทานทั้งหมดรุมกันดาแชงใครสักคน คนนั้นก็อยู


๕๖๒

ฆราวาสธรรม

ไมได, มีแ ตจ ะเสื่อ ม, มีแ ตจ ะโชครา ยไดเหมือ นกัน .เพราะวา คนมัน ดูอ ะไร คิดอะไรตาม ๆ กันไป. ถาสวนใหญวาที่เลว แลวมันก็พลอยวาเลวตามกันไปหมด ทั้งบานทั้งเมือง. เพราะฉะนั้นระวังแมแตคนขอทานก็อยาใหเขาดาเรา. การที่ วามีสตางคสักหนึ่งสตางค ใหคนขอทานเรี่ยราดไป ก็ยังเปนการดี ; คนขอทาน ทุกคนจะใหพร นั้นก็ไมสําคัญเทากับวา เรามีน้ําใจเผื่อแผคนที่ต่ํากวา. เพราะฉะนั้นผมวา การที่ไปรังเกียจคนขอทานตามขางถนน หรือตาม ที่ตาง ๆ ที่มีคนขอใหชวยเหลือ กลับไปถมน้ําลายรดนั้น ; คนนั้นมันบา ไมรูจัก คําสั่งสอนของพระพุทธเจา. สวนคนที่อุตสาหแลกสตางคปลีกเปนสตางคแดงไป แจกมันทุกคน นั่นแหละอยาไปวาเขาโง หรือ วานาติเตียน. นั้นมันก็เปนการ ฝกใจของเขาใหเปนคนมีจิตใจเมตตากรุณา มองดูทิศเบื้องต่ําอยูเสมอ. แตถาเขา ใหคนขอทานมากไป จนเปนเหตุใหคนขอทานขี้เกียจ มันก็เปนเรื่องผิดทางอื่น ; แตคนที่ชวยกันเปนหมื่นเปนแสน เปนลาน จนทําใหคนโงลงไปนี้ ยังบาปมาก ไปกวา นั ้น อีก .การชว ยใหค นอื ่น โง มัน ก็ไมม ีผ ลคุ ม คา ; แตวา ทํ า ดว ยความ เมตตาปรานี พอเหมาะพอดี เพราะมองดูเปนทิศเบื้องต่ําจริง ๆ ก็นับวาถูกตอง ตามหลักของพระพุทธเจา. ทีนี้เอาเงินไปชวยคนอื่นตั้งหมื่นตั้งแสน แลวกลับถูก คนนั้นโกง ; นั่นก็คือคนโง ไมปฏิบัติใหถูกตองตามทิศ ๆ นี้ ตามหลักเรื่องนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สวนการชวยคนในประเทศดอยพัฒนานั้น มันเปนเรื่องการเมือง ผม ไมพูด . เดี๋ยวนี้เราพูดกันแตเรื่องบุค คล ที่จะมองดูทิศเบื้องต่ําใหดี ; อยาให มีภ ัย อัน ตรายเกิด มาจากทิศ นั ้น ; แตใ หค วามเจริญ ความสุข ความ สวัสดีความปลอดภัยเกิดมาจากทิศ ๆ นั้น. ถาแขกยามเผาประตูบานเปนขบถขึ้นมา มันก็ เปนเรื่องวินาศฉิบหายได. ถาปองกันทิศ ๆ นี้ไวไดดีก็อยูสบายไป; เพราะฉะนั้น อยาประมาท ตองเคารพ. ที่เรียกวา ไหว - ไหว ทิศทั้งหก ลวนแตไมประมาท


ทิศเบื้องบน และเบื้องต่ํา

๕๖๓

ลวนแตใหเคารพทั้งนั้น แตไมตองเหมือนกัน : เคารพบิดามารดาก็อยางหนึ่ง, เคารพบุตรภรรยาก็อยางหนึ่ง, เคารพครูอาจารยก็อยางหนึ่ง, เคารพญาติมิตร ก็อยางหนึ่ง, เคารพสมณพราหมณก็อยางหนึ่ง, เคารพบาวไพรก็อยางหนึ่ง ; ก็เลยเปน การสรา งความปลอดภัย รอบดา น. เปน เครื่อ งรางคุม ครองปอ งกัน รอบดาน, เปนทางมาแหงความสุขสวัสดีรอบดาน. เพราะฉะนั้นอยาทําเลน ๆ กับเรื่องทิศ ๖ ; มันเปนเรื่องที่พูดกันถึง เรื่องที่วา บุคคลจะอยูในโลกนี้ไดอยางไร. พูดอยางสมัยใหมเพราะ ๆ พูดอยาง ที่นัก ศึกษาในมหาวิท ยาลัย เขาเหอ กัน ก็ตอ งพูด วา นี่คือ เรื่อ งที่จ ะพูด ใหรูวา คนเราจะอยูในโลกนี้อยางมีความสุขไดอยางไร. ถาพูดอยางคนโบราณคร่ําครึ ก็วา เราจะไหวทิศทั้งหลายอยางไร จะไหวทิศทั้ง๖ อยางไร. ที่จริงมันเปนเรื่อง เดียวกัน. เพราะฉะนั้น อยาดูถูกคําสั่งสอนขนบธรรมเนียมประเพณีทางวัฒนธรรม ทางศาสนา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org การที่มันจะเกิดขึ้นมาในโลก เปนเรื่องไหวทิศเหนือ ทิศใต, ไหว ดวงจันทรดวงอาทิตยอะไรขึ้นมา มันก็เปนจุตั้งตนที่ดีดวยกันทั้งนั้น คือเริ่มให ความสนใจในสิ่งที่มัน มีอํา นาจเหนือ เรา หรือ มีอํานาจทั่วไป ; แลวก็เริ่ม ไหว ขึ้นมากอนจากที่มันจะมองเห็นทีแรก รวมทั้งไหว ภูต ผี ปศาจ ไหวศาลพระภูมิ ; มันก็เปนเรื่องที่เขากลัว เขาหาทางออก. ทีนี้มันไมถูกตอ ง ไมสมบูรณ มันก็ คอย ๆ เปลี่ยนมาจนถูกตอง นั่นแหละทิศทั้ง ๖ นี้มันไมมีเรื่องไหวภูต ผี ปศาจ ไหวผีส างนางไมอ ะไรทํา นองนั้น ; มัน ไมอ ยูใ นทิศ ที่เราจะตอ งไหว ทั้ง ๆ ที่ มัน มีอ ยูร อบตัว เรา. ในที ่สุด ก็ม าถึง เรื่อ งพระรัต นตรัย ซึ่ง เปน เรื่อ งสูง สุด ; เรื่องศาสนาเปนเรื่องสูงสุดรวมอยูในทิศเบื้องบนสูงสุด ก็เลยครบหมด.


๕๖๔

ฆราวาสธรรม

ทีนี้ถาเกิดถามกันขึ้นวา ทําไมไมใหความสนใจแกประเทศชาติ, ไมมี ทิศไหนพูดถึงประเทศชาติ หรืออะไรทํานองนั้น ? ก็ใหรูเถอะวา นี้มันเปนคําพูด ทีเดียวหมด : เมื่อทําการไหวทิศถูกตองแลว เราก็เปนคนที่ทําความถูกตองแก ประเทศชาติดวย. เราเปนพลเมืองคนหนึ่ง ทําความถูกตองในทิศทั้ง ๖ ทั้งหมด นั่นแหละคือทําความถูกตองแกประเทศชาติดวย. ถาจะพูดกันอยางเดี๋ยวนี้ ก็เอา ชาติเปนใหญ เปน ปญ หาสําคัญ . ทีนี้เรื่องทางธรรมในสมัย พุท ธกาลนั้น คือ เรื่อ งศาสนา เขาไม ได เอ ย ถึ งชาติ ; เขาจั ด ให มั น เป น เรื่อ งแขนงเล็ ก ๆ น อ ย ๆ ฝากอยูในความหมายใดความหมายหนึ่ง ; หรือวารวมกันทุกความหมายก็ได. รวมความแลวก็วา เราประพฤติในทิศทั้ง ๖ ใหดีแลว เราก็เปนพลเมืองที่ดีของ ประเทศชาติ, เราจะเปนบุตรที่ดีของบิดามารดา, เราก็เปนศิษยที่ดีของครูบาอาจารย , เราจะเป น อะไรที่ ดี ๆ ของทั้ ง หมด. เราจะต อ งเป น ให ถู ก ต อ งให ดี ดวยการปฏิบัติในลักษณะไหวทิศนี้. ฉะนั้นเกิดมาทีหนึ่ง ก็ใหไดอยางนี้ทุกองค คือเปนบุตรที่ดีของบิดา มารดา, -เป น ศิ ษ ย ที่ ดี ข องครู บ าอาจารย , - เป น เพื่ อ นที่ ดี ข องญาติ มิ ต ร, - เปนพลเมืองดีของประเทศชาติ, - เปนสาวกที่ดีของพระศาสดา ; ถาครอง เรือนก็ทําใหเปนภรรยาที่ดี เปนสามีที่ดี อะไรที่ดีของคูนั้น ๆ ; มันก็หมดปญหา. ประเทศชาติก็ รวมอยู ในสิ่งเหล านี้ ทั้ งหมด ; เพราะวาประเทศชาติ มั น คื อ สิ่ งที่ ประกอบขึ ้น จากสิ ่ง ทุก สิ ่ง ก็เ ปน อัน วา เรามองดู หรือ ไหวท ิศ ที ่เ รีย กวา ประเทศชาติร วมอยูใ นทิศ ทั้ง หลาย. นี้เ ปน คํา สอนสํา หรับ ผูที่จ ะครองเรือ น, เปนคฤหัสถ เพื่อใหปฏิบัติถูกตองและไปเร็ว เพื่อไปนิพพานในที่สุด. มิฉะนั้น จะเปนเตาคลานยั้วเยี้ยตวมเตี้ยมอยูที่นี่, วนไปวนมาอยูที่นี่ในโลกนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่สอนใหมีปญญาฉลาดในเรื่องเหลานี้แลว มันก็จะเปนสัตวที่ไปไดเร็ว ; แมจะเปนเตาก็เปนเตาที่เดินไดเร็ว, เดินตรงไปยังจุดได, ไมมัววนเวียนตวมเตี้ยม


ทิศเบื้องบน และเบื้องต่ํา

๕๖๕

อยู ที่ นี่ . ถ าเป น คนฉลาดก็ เป น พระอริย เจ าได ในบ านในเรือ น กลายเป น นกที่ บิ น ไปได.เปน ฆราวาสอยู ใ นนาทีนี ้ ไปเฝา พระพุท ธเจา ๔ - ๕ นาที กลายเปน พระอรหั น ต ได นี่ มั น ก็ เป น ผลจากการเป น ฆราวาสมาอย า งถู ก ต อ งนั้ น เอง. มั น ปฏิบ ัต ิไ ดส ูง สุด ในเรื ่อ งของความเปน ฆราวาสจนเอือ มระอา, จนเกิด ความ เบื่อหนายคลายกําหนัดขึ้นมาได ; ในนาทีนั้นก็กลายเปนพระอรหันตขึ้นมาทั้ง ๆ ที่ อยู ในเครื่อ งแบบฆราวาส ; ต อ ไปก็ อ อกไปเป น บรรพชิ ต ไม ต อ งกลั วว าจะตาย เสียในวันรุงขึ้น หรือใน ๗ วัน. เพื่ อ กัน ลื ม ก็ให ห ลั บ ตาเห็ น ภาพเขียนบนฝาผนั ง ด านทิ ศ เหนื อ นั้ น ; มีเ รื่อ งเปา ป ขี ่ว ัว . เมื ่อ เปา ป ขี ่ว ัว หนัก เขา ๆ มัน เปน อยา งไรบา ง ๆ มัน เอือ ม ทั้ ง วั ว มั น เอื อ มทั้ ง ป มั น ก็ เลยแหงนไปเบื้ อ งบน ; ตั ว เองก็ พ ลอยว า ง ไปตาม ความวาง. ตัวเองหมดตัวเอง กลายเปนฆราวาสที่เที่ยวแจกของสองตะเกียงอยู ก็ได. นี่ การเดินทางโดยถูกตองตามทิศทาง มันเปนอยางนี้.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอใหจําไววามันไมมีอะไรที่จะทําซ้ําซากอยูได มันตองเปลี่ยนสูงขึ้น ๆ. ที นี้ ถ า เราจั ด ทิ ศ ทางไวให ดี มั น จะต อ งเปลี่ ย นไปในทางสู งขึ้ น ๆ อย างเป น ที่ น า พอใจอย า งยิ่ ง . เพราะฉะนั้ น ความเปลี่ ย นนี้ มี ป ระโยชน ม าก ; ถ า มั น เป น สิ่ ง ที่ เปลี ่ย นไปได มัน ก็ต ายเลย, ติด ตัน อยู ที ่นั ่น . เพราะฉะนั ้น ความเปลี ่ย น มัน เป น สิ่ งที่ มี ป ระโยชน มาก ; แล วก็ ต อ เมื่ อ เรารูจัก เปลี่ ย น คื อ เลื่ อ นให มั น สู งขึ้น ไป. ฉะนั้นการไหวทิศนั้นมันก็ไดเปลี่ยนมาตามลําดับจนเปน ความถูกตอง หรือสูงสุด.

ชีว ิต นี ้ก ็เ หมือ นกัน เมื ่อ มัน ถึง จุด อิ ่ม ตัว ของเรื ่อ งเนื ้อ หนัง แลว มัน ก็เปลี่ยนเปนเรื่องทางวิญญาณ, เปนผลของการที่ไหวทิศทางเนื้อทางหนังมาอยาง ถู ก ต อ ง ทางรา งกาย ทางสั ง คม ทางวั ต ถุ มาอย า งถู ก ต อ ง ; แล ว มั น ก็ เปลี่ ย น


๕๖๖

ฆราวาสธรรม

เปนเรื่องทางวิญ ญาณอยางถูกตอง. ความเปนมนุษยนั้น ก็เปนมนุษยที่ไดสิ่งที่ดี ที่สุดที่มนุษยควรจะได. นี่คือความถูกตองในการปฏิบัติตอทิศทั้งหลายรอบตัวเอง. ผมสังเกตดูแลว บวชมาสอบไลนักธรรมตรีไดเพี ยงเพื่ อตอบป ญหาได ; ไมท ัน สึก ก็ล ืม เรื ่อ งทิศ ทั ้ง ๖, ทอ งทิศ ทั ้ง ๖ ก็ไ มถ ูก . พอสอบไลไ ดก ็ล ืม ได. พลอยลืม ได ; แมจ ะออกชื ่อ ทิศ ทั ้ง ๖ ก็ไ มถ ูก ยัง ไมท ัน สึก สัก ที ; พอสึก ออกไปมัน ก็เหมือ นเดิม . เพราะฉะนั ้น มัน ไมสํ า เร็จ เพีย งแคส อบนัก ธรรมตรีไ ด. มัน ตอ งเอาสิ ่ง เหลา นี ้ต ิด ตัว ไป ; เมื ่อ สมัค รจะสึก แลว ก็เอาไปปฏิบ ัติ. ถา ไมส ึก ก็เอาไวส อนคนอื ่น , เอาไปสอนชาวบา นชาวเมือ งเรื่อ งทิศ ๖. ถา สึก ก็ต อ งเอา ไปปฏิบัติเองใหดี ทีหลังก็สอนคนอื่นไดดีเหมือนกัน. ขอสุดทายที่จะพูดก็คือวาใหดูวาทิศทั้ง ๖ นี้เปนหนาที่ที่หนักสักเทาไร? สิ่ งที่ เรียก “หน าที่ ” แล วมั น ก็ ต อ งหนั ก, ขอให เข าใจไว ด วย ไม มี ห น าที่ ไหนเบา ; ขึ้น ชื่อวาหน าที่ แลวมั นก็ ตอ งหนั ก ; ภาระ หนาที่ กิ จอะไรก็ต าม รวมความแล ว มันก็ตองหนักทั้งนั้นเป นของหนักทั้งนั้น. ถาจะออกไปเปนฆราวาสก็อยากลัวหนัก ; ถา กลัว หนัก แลว ออกไปเปน ฆราวาสก็เ ปน คนบา . ถา กลัว หนัก ก็อ ยูเ ปน พระ ก็ไ ปนิพ พานเหมือ นกัน ; ฆราวาสก็ไ ปนิพ พานเหมือ นกัน แตไ ปอยา งหนัก เพราะมันมีเรื่องมาก “พหุกิจฺจา พหุกรณียา”. พูดกันอยูเสมอ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฆราวาสมีกิจมาก มีเรื่องที่ ตอ งทํามาก ; เพราะฉะนั้นจึงหนัก, หนั ก ก็ อ ยู ที่ ทิ ศ ทั้ ง ๖ นี้ . มั น ต อ งทํ า มากกว า ที่ อ ยู เป น บรรพชิ ต ; มั น เกิ ด ภาระหน า ที่ เนื ่อ งจากทิศ ทั ้ง ๖ นี ้ม ากกวา . บรรพชิต นั ้น บางอยา งตัด ออกไปเลย ; หรือ ถา จะมี อ ยู ก็ มี อ ยู ในความหมายที่ เบากวาสบายกวา ปฏิ บั ติ ได งายกวา. แล วมั น จะ คอย ๆ หมดไปเหมือนกับไมมีอะไร. ถาเปนฆราวาสมันผูกมัดอยู จะทําอยางไรได


ทิศเบื้องบน และเบื้องต่ํา

๕๖๗

เพราะมัน อยู ใ นสัง คม มัน มีบ า นมีเ รือ น มีบ ุต รภรรยา สามี มีผู บ ัง คับ บัญ ชา มีค นใช มีห นา ที ่ก ารงาน ผูก พัน ไปหมด นี ่เขาเรีย กวา เปน ของหนัก . ฆราวาส สมฺพ าโธ คือ เปน ที ่ค ับ แคบ, เปน ทางมาแหง ธุล ี ; พระพุท ธภาษิต มีอ ยู อ ยา งนี ้. ที นี้ ค นที่ ม องเห็ น เขาก็ รู สึ ก อย า งระพุ ท ธเจ า ตรั ส เขาจึ ง ทู ล พระพุ ท ธเจ า ว า “ฆราวาสเป น ที่ คั บ แคบ เป น ทางมาแห ง ธุ ลี ; ส ว นความเป น บรรพชิ ต นั้ น เป น ความวา ง เปน ความโลง เบาสบาย ; เหมือ นนกมีเ พีย งแตป ก เปน ของหนัก มีแ ตป ก เปน ภาระสํ า หรับ จะบิน ไป. ของหนัก ของนกคือ ปก , คือ วา ปก พาให นกบิ น ไป. พระพุ ท ธเจ า เองเมื่ อ จะออกบวช ก็ รู สึ ก ในคํ า พู ด รู ป นี้ ประโยคคํ า พู ด รูป นี ้ ; แลว จึง ออกบวช. ไปอา นดูจ ากพุท ธประวัต ิจ ากพระโอษฐเสีย อีก ที. ฝรั่ง ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง ชื่อสีลาจาระ เปนชาวอังกฤษ เมื่อบวช เขาเขียนวา ; A dense∗ of strife, is household life, And filled with toil and need ; But free and high as the open sky, Is the life the homeless leads.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ชีวิตฆราวาสเหมือนกับ a dense of strife มันเต็ มไปด วย toil และ need ชี วิ ตพระมั นเหมื อน open sky ทั้ ง tree ทั้ ง high เขาแปลไปจากคํ าบาลี คํ านี้ ขยาย ความออกไป. เขารูความหมายของความเป นฆราวาสดี จึ งจั ดวาเป น a dense of strife ต อ งเป น นั ก ต อ สู .เครื่อ งมื อ ต อ สู ก็ คื อ ความรูเรื่อ งนี้ . พอออกไปสู ที่ โล งที่ แ จ ง เหมือนกับอากาศ ก็มีผลเหมือนกับ free is now ! พนแลวโวย ! เหมือนกับภาพ เขีย นที ่ฝ าผนัง ; ลอยขึ ้น ไปเหนือ เมฆ หรือ ขึ ้น ไปเหนือ ความยุ ง เหยิง หรือ a dense of strife มันลอยขึ้นไปเหนือนั้น. ทีนี้เราก็รูทิศทางวาฆราวาสอยูที่จุดไหน ? จะเดินไปอยางไร ? และจะไปจบที่ไหน ?

ตนฉบับเดิมเขียน den แตความหมายนาจะเปน dense มากกวา (ผูจัดพิมพ)


ฆราวาสธรรม

๕๖๘

เมื่อจะตายอยาใหใครตองคอยเปาหูวา “อรหํ อยาลืมโวย อรหํ อยาลืม”. นั่นก็เป นวิธีที่ มี ความหมายดี . คนจะตายเขาก็บอกทาง บอกหนทาง บอกทิศทาง ใหไ ปทางนั ้น ; ไปไหวพ ระจุฬ ามณี ที ่ชั ้น ดาวดึง สก ็ม ี ยัง ใชก ัน อยู  พอคน จะตาย คนขา ง ๆ บอกวา อยา ลืม ; เขาเอาดอกไมธ ูป เทีย นใสม ือ ให ; ใหเอา ไปไหวพระจุฬามณี ที่ดาวดึงส. นี่ดูซิคนเขาจะใหตายไปสวรรค ; ใหเอาดอกไมนั้น ไปไหวพ ระจุฬ ามณี จุฬ ามณีค ือ ขมวดผมของพระพุท ธเจา ที ่ท รงตัด เมื ่อ วัน ออกบรรพชา เทวดาพาไปไวบ นสวรรค, เอาไปประดิษ ฐานอยู ที ่นั ่น ; แลว ก็ วาทิศทางที่จะตองไปอยูที่นั่น. ดีกวานั้นก็บอกวา “พระอรหันตอยาลืม !” คนบอก เองก็ไมรูวา พระอรหัน ตคือ อะไร แตวา บอกมทิศ ทางใหค นอื่น ได ; คนตายมัน ก็ ห ลั บ ตาซึ ม กะทื อ ไป. อย างนี้ มั น ก็ น าหั วเราะ ; เพราะเดี๋ ย วนี้ ที่ นี่ นั่ ง อยู ต รงนี้ คุณก็ตองรูทิศรูทางที่จะไปอยางถูกตอง. จากทิศทางที่จะไปอยางต่ําในโลกนี้ ไปสู ทิศทางอันเปนจุดหมายปลายทาง คือนิพพาน. ผมพู ดให คนเขาคั ดค าน หรือให คนเขาหั วเราะ ให คนเขาด า วาทุ กคน ตอ งไปนิพ พาน คู ผ ัว ตัว เมีย ตอ งจูง มือ กัน ไปนิพ พาน, บุต รหลายจะตอ งรับ มรดกพอ แม คือ การเดิน ไปนิพ พาน ใหถ ึง แทนพอ แมใ หจ งได. การเปน เพื ่อ น กัน ก็ เป น เพื่ อ นเพื่ อ ไปนิ พ พาน. เป น บ าวเป น นายกั น ก็ เพื่ อ จะช วยกัน ไปนิ พ พาน ทิศทางมันมีอยูอยางนี้ ตามความเห็นของผม.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เวลาของเราก็หมด.


จุดหมายปลายทาง ที่มนุษยตองเดินไป - ๖ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๓ คํ า บรรยายเรื ่อ งทิศ ในวัน นี ้จ ะเปน การพิจ ารณ า กัน ในลัก ษ ณ ะที ่เ ปน การสรุป สรุป ความเรื ่อ งทิศ ; คือ วา เราจะมองดูสิ ่ง เหลา นี ้ใ นวงกวา ง แลว สรุป ความวา มัน เปน อยางไร ? คําวา “ทิศทาง” นี้มันหมายถึงสิ่งที่จะตอ งเดินไปหา ใหถึงจุดหมาย ปลายทาง. ที นี้ เด็ ก ๆ ก็ จะถามวา พู ดกันถึ ง ทิ ศเบื้ องหน า เบื้ องหลั ง เบื้ องซ าย เบื ้อ งขวา เบื ้อ งบน เบื ้อ งลา ง ; แลว คนอยู ต รงจุด ศูน ยก ลาง แลว ก็จ ะเดิน อยา งไร ? ใครจะเดิน ได. จะเดิน ไปทางทิศ ตะวัน ออกทีห นึ ่ง แลว วิ ่ง มาจุด ศูน ยก ลาง ; แลว วิ ่ง ไปทางทิศ ตะวัน ตกที แลว กลับ มาจุด ศูน ยก ลาง อยา งนี้ แลว จะไปไหน. นี ่ค ือ คนหลงทิศ คือ คนโง รูเ รื่อ งทิศ แลว ก็ไ มรูว า จะเดิน ไป ไดอยางไร.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org การที่จะแกปญหาเหลานี้ ก็ตองเปนเรื่องของความมีสติปญญา คือความ ไม โง ; ต องรูวามั นหมายความว าอย างไร ? แล วก็ จะเดิ นกั นอย างไร ? แล วก็ เดิ น

๕๖๙


๕๗๐

ฆราวาสธรรม

ไดด วย จึงจะสําเร็จประโยชน. ขอรองวาอยาลืม วาพระพุ ทธศาสนาเป นเรื่องของ สติ ป ญ ญา ; พุ ท ธะแปลวา ผู รู ผู ตื่ น ผู เบิ ก บาน. เมื่ อ รูอ ะไรแล วมี ส ภาพเหมื อ น กับ ตื ่น นอน ไมห ลับ แลว จะไดม ีก ารกระทํ า ที ่ถ ูก ตอ ง ; แลว ก็เบิก บาน. อัน นี้ เปนความหมายของคําวา พุทธะ. เพราะฉะนั้นเราจึงมีหลักที่ตายตัวลงไปในเรื่อง ที่เกี่ยวกับปญญา วาปญญาหมายถึงปญญาที่แทจริง เปนเครื่องทําความรอด. มี บ าลี สํ า คั ญ ๆ ที่ ต อ งนึ ก กั น อยู เสมอ เช น พระพุ ท ธเจ า ตรัส ว า : ปฺญาย ปริสุชฺฌติ- บริสุทธิ์ไดดวยปญญา. อยางนี้ปญญาก็เปนเครื่องชําระบาป ชําระอวิชชา ; แลวก็ บ ริสุ ทธิ์แลว มั น ก็พ อแลว มั น ไมมี ห น าที่ อะไรอี ก. ที่ สํ าคั ญ ที่สุดในทางคําพูด เชนวา ; สมฺมาทิฏฐิสมาทานา สพฺพํ ทุกฺขํ อุปจฺจคุ - เขาไป ล วงพ น ความทุ ก ข ทั้ งปวงได ด วยอํ านาจของการมี สั ม มาทิ ฏ ฐิ. สั ม มาทิ ฏ ฐิ นี้ คื อ ป ญ ญา ซึ่ งมี ความหมายจํ ากั ด รัด กุ ม ที่ สุ ด ผิ ดไม ได ดิ้ น ไม ได ทั้ งในภาษาไทย และภาษาบาลี ก็ ต าม. ที่ พู ด ว า ป ญ ญาเฉย ๆ มั น มี ป ญ ญาเฉโกก็ ไ ด , เช น มี ปญญาไปในทางที่จะไมเปนธรรม ไมเปนบริสุทธิ์ อยางพวกโจรก็มีปญญาอยางโจร. แตเ มื ่อ พูด วา สัม มาทิฏ ฐิแ ลว มัน ดิ ้น ไมไ ด ; คํ า วา “สัม มา” มัน จํ า กัด ไวช ัด . มีสัม มาทิฏ ฐิก็คือ มีค วามรูค วามเขา ใจ ความเห็น อะไรที่ถูก ตอ ง ที่เปน ธรรม ที ่ป ระกอบดว ยธรรม ; แตก ็ค ือ ปญ ญานั ่น เอง เปน ปญ ญาที ่ถ ูก ตอ งที ่บ ริส ุท ธิ ์. พุ ท ธภาษิ ต อย า งนี้ มี ม ากหลายบท ตรงเป น อั น เดี ย วกั น ว า เราต อ งรอดตั ว ด ว ย ปญญา. ทีเปนกลางกวาง ๆ กวานั้นก็คือวา : - ปฺญา หิ เสฎฐา กุสลา วทนฺติ, นกฺขตฺตราชาริว ตารกานํ, สีลํ สิรึ จาป สตฌฺจ ธมฺโม ฯลฯ. รวมความแลววา ผูฉลาดทั้งหลายกลาวปญญาวา เปนสิ่งประเสริฐที่สุด เหมือนพระจันทรเดนกวา ดาวทั้ ง ปวง ; คื อ ว า ศี ล สิ ริ มิ่ ง ขวั ญ ธรรมของสั ต บุ รุ ษ ทั้ ง หลาย ย อ มอยู ใ น อํา นาจของปญ ญาที่จ ะดึงมา. มัน จึง กวา งหมด วา ปญ ญาเปน ที ่ดึง มาซึ่ง ธรรม ทั้ง หลายเหลา อื่น แมแ ตมิ ่ง ขวัญ . สิริ แปลวา มิ่ง ขวัญ คือ ความมีโชคดี ความ ที่จะเปนไปแตในทางที่ดี.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


จุดหมายปลายทาง ที่มนุษยตองเดินไป

๕๗๑

เพราะฉะนั้น ตองมีปญญา จึงจะรูวา จะเดินไปตามทิศ ตามทาง ไปไดอยางไร.มันก็จะแกปญหาไดวา ไมใชวาเราจะตองวิ่งไปวิ่งมา - วิงไปวิ่งมา ; แล ว หยุ ด อยู ต รงที่ จุ ด ศู น ย ก ลางแล ว จะเป น อะไร มั น ก็ ไ ม ไ ปไหน เท า นั้ น . นี้มันเปนคําสอนที่เปรียบเทียบ เพราะฉะนั้นตองระวังใหดี ; อยาตีความใหผิด จึงจะเปนการปฏิบัติได ; มิฉะนั้นก็จะเปนความรูที่ปฏิบัติไมได เปนเรื่องที่ นาสงสาร. แปลความผิด เชนคําวา อัฏฐังคิกมรรค แปลวามรรค ๘ ทาง, มรรค ๘ สาย ; อยางนี้มันก็ผิดหมด จะเดินอยางไรได. มีหนทางตั้ง ๘ สาย แลวคุณจะเดินอยางไรได. อัฏฐังคิกมรรค เขาแปลวา หนทางสายหนึ่งซึ่ง ประกอบดวยองคแปด, องคคุณ หรือคุณสมบัติ ๘ ประการ ; มันก็เดินได. คําวา “ทิศทาง” นี้ก็เหมือนกัน มันเปนทิศทางเดียว ซึ่งจะพาไปสู จุดหมายปลายทางที่มนุษยจะตองไป. พุดอยางถูกตองที่สุดก็ได พูดอยางกําปน ทุบ ดิน ที่สุด ก็ได คือ ที่สุด ของความทุก ขคือ นิพ พานเปน จุด หมายปลายทาง ; ตอ งไปที ่นั ่น . ที ่ม าพูด เปน ทิศ ๖ มัน ก็เ ลยฟง ไมถ ูก สํ า หรับ เด็ก ๆ วา จะไป อยางไร. ทิศ ๖ ทิศ ๘ อะไรก็ตาม ก็ควรรูวา เปนคําอุปมา เชนเดียวกับวา มรรคมีองค ๘ นั่นเอง ; หมายความวา เราจะตองเดินใหถูกตองไปทั้งหมดใน ทุกปญหา ที่เกี่ยวกับการเดินนั้น. อยางฆราวาสเดินไปดวยการแบกภาระหนัก ไปดว ย มีเรื่อ งบิด า มารดา บุต ร ภรรยา สามี ครูบ าอาจารย ; มัน ก็เปน การเดินทาง ที่แบกของหลาย ๆ อยางไปดวย ก็ตองแบกใหถูก ก็สามารถที่จะ เดินไปตามทิศทางที่จะไปนิพพานไดตามความมุงหมายของคนทุกคน ไมวาคฤหัสถ หรือบรรพชิต.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สําหรับคําวา “ทิศ” นี้ก็คิดดูเถอะ มันเปนคําพูด สําหรับคนพูด ; คํา พูด บางคํา หรือ วา คํา เดีย วกัน บางคราวเล็ง ถึง อะไรไปตามสถานการณ


๕๗๒

ฆราวาสธรรม

หรือ ภาวะการณอ ะไรในเวลานั้น ที่เรากําลังเอามาพูด . เพราะฉะนั้น คําวา ทิศนี้ก็มีทิศอยางภาษาวัตถุ ภาษาฟสิคส นี้ก็มี, ภาษาจิต ภาษานามธรรมก็มี, และภาษาสูงไปกวานั้น เปนภาษาวิญญาณก็มี. พูดวาทิศอยางภาษาวัตถุ ก็เอา วัตถุเปนหลัก ตามที่เรารูจักมันอยางไร. ทิศไหนดวงอาทิตย กอนวัตถุนั้นออกมา ก็เปนทิศตะวันออก ; ทิศไหนดวงอาทิตยลับไปก็เปนทิศตะวันตกไป ตาสายตา ของคนสมัยนั้นเอาวัตถุเปนหลัก. เมื่อไดสองทิศแลว มันก็มีขวา - ซาย ขึ้นมา ; เอามือนั้นเปนหลัก. ถาสมัยนี้ก็เอาเข็มทิศเปนหลัก ; เข็มทิศมันมีการชี้ไปทิศ ทางหนึ่งคือทิศเหนือ ทางกนของมันก็เปนทิศใต. เอาเข็มทิศเปนหลักมันก็เปน เรื่องของทางวัตถุ สําหรับจะเดินเรือ หรือเดินดวยเทา หรือคํานวณอะไรก็เปน เรื่องทางวัตถุไปหมดในเมื่อ คําวาทิศ นี้เอาวัตถุเปนหลัก. จากทิศที่เปนทางวัตถุอยางนี้ มันก็เกิดทิศที่เปนนามธรรม อะไรขึ้นมา ตามลําดับ. เชนวา เราเปนคนอยูอยางนี้ มันก็เกิดมีทิศเบื้องหนา เบื้องหลัง ขึ้นมา ในทางนามธรรมตามลําดับ ตามหลักของทิศทางวัตถุ ; เชนเราจะตอง มีก ารศึก ษา มีก ารอาชีพ แลว ก็ม ีก ารสัง คม, แลว ก็ม ีก ารปฏิบ ัต ิต นใหไ มมี ความทุก ข ก็เกิด เปน ทิศ อยา งนี้ขึ้น มา. เชน วา ทิศ เบื้อ งหนาเปน การศึก ษา ก็ตองศึกษากันอยูเรื่อย จนกระทั่งเขาโลง มันก็ยังตองศึกษาอยูนั่น; แลวก็ยังมี ทิศที่จะติดตามมาคือการประกอบอาชีพ นี้ก็เปนทิศทางหนึ่ง ; แลวก็สมาคม ใหดีอยูในโลกนี้ ก็เปนทิศทางหนึ่ง ; การรูจักปฏิบัติในทางจิตใจก็เปนทิศทางหนึ่ง. นี้ ก็เ ปน ทิศ ทางนามธรรมขึ้น มา : เปน เบื้อ งหนา - เบื้อ งหลัง , เบื้อ งซา ย เบื้องขวา, เบื้องบน - เบื้องลาง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ก็เกิดทิศตามความหมายที่ลึกซึ้งขึ้นไป ในทางอื่น ๆ อีก กระทั่งวา บิดามารดาเปนทิศเบื้องหนา, บุตรภรรยาเปนทิศเบื้องหลัง ฯลฯ นี้เอาแตความ


จุดหมายปลายทาง ที่มนุษยตองเดินไป

๕๗๓

หมายที ่ส ูง ไมไ ดเอาตัว วัต ถุเปน หลัก . จะสรุป ก็วา เราเอาวัต ถุเปน หลัก เราก็ ได ทิ ศทางอย างหนึ่ ง ; เอาตั วบุ คคลเป นหลั กก็ ได แก บิ ดามารดา บุ ตรภรรยา ฯลฯ เปน ทิศ ๖. เราตัว บุค คลเปน หลัก ก็ไ ดรูป รา งของทิศ ขึ ้น มาอยา งหนึ ่ง . ถา เรา เอานามธรรมเปน หลัก เชน มีก ารศึก ษา มีก ารอาชีพ มีก ารสัง คม มีก าร อ ะ ไรต า ง ๆ ซึ ่ ง มี น า ม ธ ร รม เป น ห ลั ก ; มั น ก็ ไ ด ท ิ ศ ขึ ้ น ม า อี ก รู ป ห นึ ่ ง . แตค วามหมายเปน เรื่อ งทิศ ทางที ่จ ะตอ งไป ; และก็ต อ งไปดว ยปญ ญา จึง จะ เป น พุ ท ธศาสนา หรือ วา เอาตั ว รอดได . เพราะฉะนั้ น อย า ลื ม ป ญ ญา ซึ่ ง มาเป น เครื ่อ งมือ สํ า หรับ การเดิน ทาง. แตแ ลว การเดิน ทางนั ้น ก็ไ ปสู ที ่แ หง เดีย ว สิ ่ง เดีย วคือ พระนิพ พาน, มีจ ุด หมายปลายทางอยู ที ่พ ระนิพ พาน. จะเปน นิพ พานชั ่ว คราวในชีวิต ต่ํ า ๆ นั ้น ก็ได ; เปน นิพ พานสูง สุด เด็ด ขาด เมื ่อ ปฏิบ ัติ ถึง ที ่ส ุด นั ้น ก็ได. เพราะฉะนั ้น เราจึง มีห ลัก ที ่ห ลีก เลี ้ย งไมไ ด วา นิพ พานนั ้น เปน จุดหมายปลายทาง ; แม เป น ฆราวาสก็จะต อ งสนใจ เพื่ อจะเดิ น ถูก ทาง เดี๋ ยวนี้ ยังเดิน ไมถึง ก็ตองมีค วามรูจักทิศทางนี้ไว เพื่อ ใหเดิน ถูกทางไปเรื่อ ย ๆ ไมห ลง ทาง ไมวกวนไปมา, แมจะแบกของหนักรุงรังไปก็ยังเดินไปถูกทาง ไปชา ๆ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org มีพระพุทธภาษิตที่สําคัญที่เปนปญหา วา เย เต สุตฺตนฺตา สุฺตปฺ ปฏิส ํย ุต ฺต า ;ที ่เ ราเรีย กกัน งา ย ๆ วา ธัม มทิน นสูต ร. สูต รนี ้ค ือ อุบ าสกผู นั บ ถื อ พระพุ ท ธเจ า เป น ฆราวาสรุงรังไปด วยบุ ต รภรรยา ทรัพ ย ส มบั ติ ; ไปเฝ า พระพุ ทธเจาทู ลถามวา เรื่องอะไรเป นประโยชนเกื้ อกูลแกฆราวาสตลอดกาลนาน ขอจงแสดงเรื ่อ งนั ้น . พระพุท ธเจา ก็เริ ่ม ตรัส อยา งนี ้ว า : - ระเบีย บแบบแผน เหล าใดที่ เกี่ยวเนื่ อ งกั บ สุ ญ ญตา ; ที่ ต ถาคตกล าว ที่ เป น เรื่อ งลึ ก มี ค วามหมาย อัน ลึก , เปน ไปเพื ่อ อยู เ หนือ โลก นั ่น แหละเปน ประโยชนเ กื ้อ กูล แกฆ ราวาส ทั้ ง หลายตลอดกาลนาน. เขาใช คํ า ว า ฆราวาส จํ า กั ด ชั ด ลงไปด ว ยว า มี บุ ต ร ภรรยา ฯลฯตามแบบของฆราวาส. พระพุ ท ธเจ า ตรั ส ว า สิ่ ง ที่ เป น ประโยชน เกื้อกูลแกฆราวาสตลอดกาลนานนั้น คือเรื่องที่เกี่ยวกับสุญญตาทั้งหมด.


๕๗๔

ฆราวาสธรรม

นี่แหละระวังใหดี ถาเขาใจไมดีแลวก็จะเห็นเปนการขัดแยงกันไปหมด; วาทําไมฆราวาสจึงไปถึงสุญญตา. ถาไมมีความมุงหมายเพื่อสุญญตา ก็หมายความวา ฆราวาสเป น นรก, ความเป น ฆราวาสนี้ จ ะกลายเป น การจมอยู ใ นนรก. ต อ งมี ความรูที่จะขจัดปดเปาสิ่งผูกมัด ผูกพัน เผาลนทิ่มแทง เหลานี้ออกไปตามสมควร มิ ฉ ะนั้ น จะเป น บ า ; อย างน อ ยที่ สุ ด ก็ จ ะเป น โรคเส น ประสาทตลอดกาล ถ าไม มี เรื่องสุญ ญตาเข ามาชวย. คนโง ๆ ก็ ไม เข าใจเรื่องนี้ หาวาฆราวาสนั้ นไม เกี่ ยวกั บ สุญญตา, อยูกับคนละทิศคนละทาง หันหลังใหกัน. นักปราชญ โง ๆ ในเมืองไทย ก็ยังมีอีกมาก ที่ยังไมเขาใจเกี่ยวกับเรื่องสุญญตา เรื่องจิตวาง. ความรูเรื่องสุ ญญตานี้ มั นประเสริฐลึ กซึ้ ง ; แต ถ าเข าใจผิ ดก็ กลายเป น สุ ญ ญตามิ จ ฉาทิ ฏ ฐิ ;สุ ญ ญตามิ จ ฉาทิ ฏ ฐิ มี ม าแล ว ตั้ ง แต ค รั้ ง พุ ท ธกาลง จิ ต ที่ ประกอบอยู ด วยความรูสึกของสุ ญ ญตานี้ เราเรียกวา “จิตวาง”. เมื่ อสิ่ งที่ เรียกวา สุญ ญตามีสว นที ่จ ะเขา ในผิด เปน มิจ ฉาทิฏ ฐิแ ลว , เรื่อ งจิต วา งมัน ก็ม ีส ว นที ่จ ะ เขา ใจผิด เปน มิจ ฉาทิฏ ฐิ เปน จิต วา งมิจ ฉาทิฏ ฐิ เปน จิต วา งอัน ธพาล ทีนี้ คนทั่ ว ไป เขาเอาความรู สึ ก ของตั ว เองเป น หลั ก ; ถื อ เอาความหมายของคํ า ว า “จิตวาง” หรือสุ ญ ญตานี้ ไปตามความรูสึ กของตั ว ; มั นก็เลยเป นอันธพาลหมด. เชน วาถาวางแลวก็ตองไม มี อะไร, ไมต องทําอะไร, ไม ตอ งคิด นึกอะไร, ทําอะไร ไมไ ด ; นี้ก็เ ปน จิต วา งอัน ธพาล. ที่อัน ธพาลมากไปกวา นั้น เมื่อ ไมม ีอ ะไรแลว ก็ทําอะไรตามชอบใจ. นี่เปนจิตวางอันธพาลที่เตลิดเปดเปงไป.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เขารูกันแตเรื่องความวาง หรือจิตวางอันธพาล ซึ่งไมสามารถจะเอามา ประยุกตกันไดกับ ชีวิติของตน ทั้ง ๆ ที่พ ระพุทธเจาทานตรัสแกฆ ราวาสวา “สิ่งที่ เปน ประโยชนเกื ้อ กูล แกฆ ราวาสตลอดกาลนานนั ้น คือ เรื่อ งเกี ่ย วกับ สุญ ญตา


จุดหมายปลายทาง ที่มนุษยตองเดินไป

๕๗๕

ทั ้ง หมด” ; ใชคํ า วา : เย เต สุต ฺต นฺต า ; สุต ตัน ตะ อยา งนี ้ม ัน หมายถึง ระเบีย บแบบแผน คํ า นี ้แ ปลวา เสน บรรทัด ; สูต ร หรือ พระสูต รนี ้แ ปลวา เสน บ รรทัด ;สุต ตัน ตะทั ้ง หลายเหลา ใด, สุ ฺตปฺป ฏิส ํย ุต ฺต า - ที ่เ นื ่อ ง เฉพาะอยู กับสุญญตา นั่ นจะเป นประโยชนเกื้อกู ลแกฆราวาสทั้ งหลายตลอดกาลนาน. ถ า เราจะเป น พุ ท ธบริ ษั ท ที่ ใ ช ได เราก็ ต อ งรู จั ก ประยุ ก ต เรื่ อ งสุ ญ ญตา ให เข า กั บ ทุก เรื ่อ ง ที ่เ กี ่ย วกับ ฆราวาส, โดยเฉพาะเรื ่อ งทิศ ทั ้ง ๖นี ้เ ปน ตน จะไมทํ า ให ความทุ กข เกิ ดขึ้ นจากทิ ศใดทิ ศหนึ่ งเลย ; หรื อว าทิ ศทั้ งปวงนี้ ก็ จะนํ าไปสู สุ ญ ญตา. เดิ น ทางไหนก็ ต าม เดิ น ไปให ถู ก ทิ ศ . กระทํ า ให ถู ก ทุ ก ทิ ศ แล ว มั น ก็ ก ลายเป น เรื่องสุญญตาไปไดเหมือนกัน. ทั้ งนี้ ก็ เพราะเหตุ ที่ ว า คํ าว า สุ ญ ญตานั้ นเป นการบอกความจริงของสิ่ ง ทั้งปวง ไม ยกเวนอะไร ; จะเป นบิ ดามารดา บุ ตรภรรยา มิ ตรสหาย ครูบาอาจารย ก็ต าม , ทั ้ง ห ม ด ที ่เ ปน บุค ค ล เห ลา นี ้, ห รือ จะเปน ก ารงาน อ ะไรก็ต าม , ความคิ ดความนึ กอะไรทั้ งหมดเหล านี้ เรียกว าทั้ งปวง มั นมี ความจริงเป นสุ ญ ญตา, คื อ เป นไปตามธรรมชาติ , เป นเรื่องตามธรรมชาติ , อยู ใต กฎเกณฑ ของธรรมชาติ ; ไมเ ปน ของบุค คลใดบุค คลหนึ ่ง , แลว มัน ก็ไ มไ ดเ ปน บุค คล, มัน เปน แตเ พีย ง ธรรมชาติที ่เ ปน ไปตามธรรมชาติ, มีก ฎเกณฑข องธรรมชาติ ; เพราะฉะนั ้น ตอ งเขา ไปเกี ่ย วขอ ง ปฏิบ ัต ิใ หถ ูก ตอ งตามกฎเกณฑข องธรรมชาติ ; เพราะ ธรรมชาติไมเปนบุคคล นั่นแหละเรียกวาสุญญตา.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรื่ องสุ ญ ญตานี้ เอามาเตื อ นแล วเตื อนอี ก พู ด แล วพู ดอี ก พิ รี้ พิ ไร ว า พวกคริ ส เตี ย นก็ ยั ง สอนเรื่ อ งสุ ญ ญตา แม เกี่ ย วกั บ ลู ก เมี ย ทรั พ ย ส มบั ติ , มี คํ า กล าวในคั มภี รโครินเธี่ยนตอนท ายของ New Testament เซนต ปอลสรุปคํ าสอนของ พระเยซูทั ้ง หมด ไปสิน ชาวบา นพวกหนึ ่ง วา มีภ รรยาก็จ งเหมือ นกับ ไมม ีภ รรยา,


๕๗๖

ฆราวาสธรรม

มีทรัพยสมบัติก็จงเหมือนกับไมมีทรัพยสมบัติ, มีความสุขก็จงเหมือนกับไมมี ความสุข , มีค วามทุก ขก ็จ งเหมือ นกับ ไมม ีค วามทุก ข, ซื ้อ ของที ่ต ลาด อยา เอาอะไรมา ; นี ้เปน เรื ่อ งสุญ ญตาเต็ม รอ ยเปอรเซ็น ต เหมือ นกับ พุท ธศาสนา. แล ว ก็ อ ยู ที่ บ า นที่ เ รื อ น ที่ ฆ ราวาส ; อยู กั บ บุ ต รภรรยา สามี ที่ ท รั พ ย ส มบั ติ ที ่ค วามสุ ข ความทุ ก ข ที ่ เ กิ ด ขึ ้ น เป น ประจํ า วั น ; กระทั ่ ง ไปซื ้ อ ของที ่ ต ลาด ก็ห มายความวาการใชเงิน ของเรานี้ เราไม ถื อ วาเรามี ก รรมสิ ท ธ เป น สิ ท ธิของเรา ไปซื ้อ ของที ่ต ลาดจึง ไมไ ดเ อาอะไรมา. เราไมถ ือ วา เงิน ของเรา ของที ่ซื ้อ มา นั้ น เป น ของเรา ก็ เท า กั บ ไม ไ ด เอาอะไรมา มั น ว า งอยู เรื่ อ ย, บุ ต รภรรยาก็ ว า ง ทรัพยสมบัติก็วาง,ความทุกขความสุขก็วาง. เพราะฉะนั ้น พุท ธบริษ ัท อยา โง หรือ อยา เลวกวา คริส เตีย นในขอ นี้ ที่ ป ระยุ ก ต คํ าว าสุ ญ ญตาเข ากั น ได กั บ ทุ ก สิ่ งที่ เกี่ ย วกั บ ฆราวาส. เดี๋ ย วนี้ เรามี เรื่อ ง ทิ ศ ๖ ขึ้ นมาอย างนี้ เดี๋ ยวจะกลายเป นเรื่อ งสํ าหรับ ยึ ดมั่ น ถื อ มั่ น แล วก็ เลยกลาย เป น ไม ใช พุ ท ธศาสนาไป. มั น ต อ งกลายเป น สิ่ งที่ ต อ งปฏิ บั ติ ต อ ด ว ยอย า งถู ก ต อ ง จนไม เกิ ด ความยึ ด มั่ น ถื อ มั่ น แล ว เป น สุ ข อยู ได จึ ง จะเรี ย กว า เป น ผู รู จั ก ทิ ศ ทาง. ทิศ ทั ้ง หลายปรากฏเปน ของแจม แจง สวา งไสวแกก ุล บุต รนั ้น จึง เรีย กวา เปน ผู รู จ ัก ทิศ ; จัด การกับ ปญ หาไดท ุก ทิศ ทุก ทาง. ปญ หาไมม ีด ึง แขง ดึง ขาเราก็ไ ป ได ส บาย ; ฟ ง ดู ค ล า ย ๆ กั บ ว า เราหาบคอนสิ่ ง เหล า นี้ ไป นั่ น เป น เรื่ อ งทางวั ต ถุ ; ถ า เป น เรื่ อ งทางวิ ญ ญาณ ก็ ห มายความว า เราจั ด ป ญ หาเหล า นี้ อ อกไปได ห มด, ป ญ หาที่ เกิ ด ขึ้ น จากบิ ด ามารดา ครู อาจารย ลู ก เมี ย ในโลกนี้ มั น ถู ก กระทํ า ให ถู ก ต อ งเรี ย บร อ ย ไม เ ป น ป ญ หา. นี่ เ ราปฏิ บั ติ ทิ ศ ทุ ก ทิ ศ อย า งถู ก ต อ ง จน ป ญ หาหมดอย า งนี ้ เราก็ ไ ม ม ี ค วามทุ ก ข , ไม เ กิ ด กิ เ ลส, ไม เ กิ ด ความทุ ก ข , ก็ เรียกวาวางได เหมื อนกั น. เพราะฉะนั้ นอย าไปเข าใจตามนั กปราชญ อั นธพาลโง ๆ ว า สุ ญ ญตาไม เกี่ ย วกั บ ฆราวาส ซึ่ ง เป น การคั ด ค า นคํ า สั่ ง สอนของพระพุ ท ธเจ า คัดคานเหตุผลของธรรมชาติ โดยธรรมชาติ ตามธรรมชาติ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org


จุดหมายปลายทาง ที่มนุษยตองเดินไป

๕๗๗

ขอใหคิด, ในเมื่อยังมองไมเห็นก็ขอใหคิดพิจารณา ใหรูวาชีวิตนี้เปน การเดิน ทาง, คือ ไหลไปตามกฎเกณฑข องธรรมชาติ ; แลว แตจ ะประพฤติ ปฏิบัติอ ยา งถูก ตอ ง หรือ ผิด . ถา ผิด ก็ไ หลไปผิด ; ถา ถูก ตอ งมัน ก็ไ หลไป ถูก ตอ ง ไปสูจุด หมายปลายทาง. นี้เ ราก็มีท างที่จ ะคิด ไดจ ากความเจนจัด ทุกอยางทุกประการที่ผานมาแลวในชีวิต ความเจนจัดที่ถูกตอง ที่ใหสติปญญา แก เรานั้ น นั่ น แหละก็ เรี ย กว า อุ ป กรณ หรื อ material สํ า หรั บ จะเอามาคิ ด . spiritual - experience คํานี้เขาใชกันมากแลวเดี่ยวนี้ :experience ตาง ๆ ในทาง ฝายวิญญาณ. คนเคยมีเงินก็รูวาเงินนี้มันเปนอะไรและเปนอยางไร ? คนเคยมีลูกเมีย ก็รูวาลูกเมียนี้มันคืออะไร ? มันเปนอยางไร ? มันมีความหมายที่ลึก. เกียรติยศ ชื่อเสียงนั้นมันคืออะไร ? มันเปนอยางไร ? อะไรมันเปนอะไรในดานลึก ที่ผานมา แลวเรารูเจนใจเขาเรียกวา spiritual -experience. experience สิ่งนี้มันผลักดัน มนุษยไปตามทางที่ถูกตอง จนไปสูพระนิพพาน.ทีนี้เพื่อไมใหมันเสียเวลามากนัก ก็มีระเบียบแบบแผน วินัยตั้งขึ้นไวใหปฏิบัติใหถูก เชนทิศ ๖ นี้ปรากฏอยูใน สูตรที่ชื่อวา สิงคาโลวาทสูตร ; พอปฏิบัติตามนั้นมันก็ชวยประหยัดเวลา หรือ วาทําใหเกิด experience ที่ดีที่สูงสุดขึ้นมาในเวลาอันสั้นอันเร็ว. กุลบุตรนั้นก็ไหล เลื่ อ นไปสู นิ พ พาน แม ในเพศฆราวาส ; ก็เลยเป น อัน วา เราต องรูวา เกิด มา ทําไม เพื่อจะไดมีการตั้งจุดหมายของการเดินทางใหถูกตอง ; เพราะฉะนั้นผมจึง ชอบพูดเรื่องนี้ คือเรื่องเกิดมาทําไมนี้,

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาใครตั้งปญหาอยางใดอยางหนึ่งขึ้นมา ผมก็ตอบวา ก็คุณไปรูเรื่อง เกิด มาทํา ไมเสีย กอ นซิ ; แลว ปญ หานั้น มัน ก็จ ะตอบไปในตัว . ถา เราไมรูวา เราเกิดมาทําไม เราก็จะทําผิดจุดหมาย ; ทําสิ่งที่เรากําลังจะทํา หรือทําอยูนั้น


๕๗๘

ฆราวาสธรรม

ผิด จุด หมายหมด. เชน วา จะเรีย นหนัง สือ จะศึก ษ าเลา เรีย น, จะเรีย น หนั งสื อเป นการศึ กษาของมนุ ษย นี้ ถ าเราไม รูว าเกิ ดมาทํ าไม การศึ กษาของเราจะ ไมรู ว า ไปทางไหน คือ จะแกวง เหมือ นการศึก ษาเดี ๋ย วนี ้, เหมือ นการศึก ษา ของโลกในสมั ย ป จ จุ บั น นี้ ไม มี ห ลั ก ที่ ว า มนุ ษ ย เกิ ด มาทํ า ไม ; การศึ ก ษาก็ เลย พรา แกวง กวา ง ครอบจัก รวาลไปเลย, จนในที ่ส ุด มัน ก็ไมม ีส ัน ติภ าพในโลก ; มีแ ตค วามรู พ รา ที ่ท ว มหัว ที ่ช ว ยตัว ไมร อดอะไรอยา งนี ้ ; เพราะไมรู น ิด เดีย ว วาเกิดมาทําไม. ถ า สอนกั น ให รู ว า เกิ ด มาเพื่ อ มี จุ ด มุ ง หมายปลายทาง คื อ พระเจ า หรือ นิพ พาน เชน นี ้แ ลว การศึก ษามัน ก็จ ะรวบรัด หรือ มัน จะจัด รูป ของมัน เอง ไปในลั กษณะที่ จะเดิ นไปเร็ว ๆ ถึ งพระเจา หรือถึงพระนิ พพาน โลกนี้ ก็จะมีสั นติ . แตนี ่ม ัน พรา เลือ กจัด ไปอยา งตามใจชอบของกิเ ลส โลกนี ้ก ็ม ีว ิก ฤตกาลถาวร ที่ เป น การถาวร, ฉะนั้ น การศึ กษาก็ กลายเป นความผิ ด, เป น ของผิ ด, ทํ าโลกให มี , วิก ฤตกาลถาวร, ถา เรารู ว า เกิด มาทํ า ไมเสีย กอ นแลว ก็จ ะเลา เรีย นถูก ตอ ง แลว จะเลา เรีย นดี, เรีย นตรงไปยัง จุด . จะทํ า การงานก็เ หมือ นกัน ก็ต อ งรู ว า เกิด มาทํ า ไม ; แลว จึง ทํ า การงานใหถ ูก กับ ความมุ ง หมายอัน นั ้น . จะทํ า อะไร ก็ ต ามใจ ทุก สิ ่ง ทุก อยา งที ่ม นุษ ยจ ะทํ า ได, แมที ่ส ุด แตก ารเลน กีฬ าเลน ดนตรี ; ถา เรารู ว า เราเกิด มาทํ า ไมกัน แน ๆ จริง จัง แลว เราก็จ ะพากัน เลน กีฬ า เลน ดนตรี ที ่เ ปน ประโยชนแ กว ัต ถุป ระสงคอ ัน นี ้. มิฉ ะนั ้น เราก็จ ะกลายเปน เล น กี ฬ า เล น ดนตรี ที่ ส ง เสริ ม แก กิ เลส ดั ง ที่ ทํ า กั น อยู . เราจะกิ น จะอยู จะแต ง เนื้ อแต งตั ว จะทํ าอะไรในชี วิ ต มั น ก็ ต อ งรูว าเกิ ด มาทํ าไมเสี ยก อ น มั น จึ งจะทํ าให ไดผลอันนั้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เดี๋ ย วนี้ ดู ซิ ระบบของการกิ น อยู การแต ง เนื้ อ แต ง ตั ว เป น อย า งไร มั น ลวนแต เป นไปเพื่ อควายุ งยากลํ าบาก ทํ าให เกิ ดความเป นอั นธพาลมากไปกวาเดิ ม.


จุดหมายปลายทาง ที่มนุษยตองเดินไป

๕๗๙

นี ้ค ือ ผู ที ่ไ มรู ท ิศ ทาง วา เกิด มาทํ า ไม. เพราะฉะนั ้น ขอใหภ าวนาไวท ุก คนวา เกิดมาทําไม ? ใหพบคําตอบที่ถูกตองเรื่อย ๆ ไป. ถาเราไมรูก็อยาอวดดี. เด็ ก ๆ หรือ คนหนุ ม ที่ เกิ ด มาในโลกนี้ แ ล ว เมื่ อ ไม รูว า เกิ ด มาทํ า ไม ; ก็ อ ย า เพ อ อวดดี . ต อ งเงี่ ย หู ฟ ง คํ า สอนของบั ณ ฑิ ต ทั้ ง หลาย มี พ ระพุ ท ธเจ า เป น ประมุ ข. นี้ พู ดคอนขางจะเอาเปรียบหน อย มั นเป นภาษาของพุ ทธศาสนาพู ดกันอยู อย า งนี้ “บั ณ ฑิ ต ทั้ ง หลายมี พ ระพุ ท ธเจ า เป น ประธาน” ก็ ห มายความว า ผู มี ป ญญาความรูทั้ งหลาย เราจะยกเอาพระพุ ทธเจ าเป นผู เลิ ศกวาใคร ๆ นํ าหน าใคร ๆ ว า บั ณ ฑิ ต ทั้ ง หลายซึ่ ง ได ก ล า วกั น ไว ว า เกิ ด มาทํ า ไมนี้ ลองฟ ง ดู ก อ นมั น จะเป น เรื่ อ งช วยให ง ายเข า. ถ าเอาพระพุ ท ธเจ าเป น หลั ก ก็ เกิ ด มาเพื่ อ ไปนิ พ พานทั้ งนั้ น . วัฏฏะสงสารมันจะจบลงเมื่อนิพพาน ; ก็กลายเปนวา เกิดมาเพื่อไปนิพพาน. ถ า เป น วั ฒ นธรรมอิ น เดี ย ซึ่ งเป น แดนเกิ ด ของพุ ท ธศาสนา และเป น วัฒ นธรรมที่เขาพู ดกั นมาแล วกอนพุ ทธกาล ก็มี หลั กอยางเดียวกัน วาเกิดมานี้ เพื่ อ ไปสูจุดหมายปลายทางที่สูงสุด เหมือนที่พู ดอยูบอย ๆ วาอาศรมทั้ง ๔ : เกิดมาเพื่ อ เป น เด็ ก ให ถู ก ต อ ง คื อ เป น พรหมจารี ; เป น ผู ใ หญ ใ ห ถู ก ต อ ง คื อ เป น คฤหั ส ถ ; แล วก็ เป น ผู แก ที่ ถู ก ต อ ง คื อ เป น วนปรั ส ถ ออกไปหาความสงบทางจิ ต ใจ ; แล วก็ เปนผูเฒาที่ถูกตอง คือเปนสันยาสีที่ถูกตอง คือแจกของสองตะเกียงใหแกลูกเด็ก ๆ.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เป น พรหมจารี เป น คฤหั ส ถ เป น วนปรั ส ถ เป น สั น ยาสี ให มั น ได อย า งนี้ ;หรื อ ว า เรื่ อ งเป า ป ขี่ วั ว ภาพชี วิ ต ๑๐ ภาพข า หลั ง จอนั้ น มั น ก็ เ ป น ลําดับของการเดิ นทาง ที่จะตองเดิ นไปอยางนั้น. ตัวเองเดินจนถึ งความวาง. (ภาพ ที่ ๘) เหลื อ จากนั้ น ก็ ง อกงามไปในทางแจกของ -ส อ งตะเกี ย งให แ ก ผู อื่ น ให ว า ง ตาม ๆ กั น มา. เพราะฉะนั้ น เราเดิ น ไปถึ ง ความว า งคื อ นิ พ พานหลั ง จากนั้ น ก็ ช ว ย


๕๘๐

ฆราวาสธรรม

ใหผูอื่นไดเดินไปถึงนิพพานดวย. นี่เกิดมาทําไม ก็ดูเอาจากความคิด หรือคําสอน ขอนี้. เมื่ อเป นคฤหั สถ ก็ อยางุมงาม เป นเต าต วมเตี้ ยม วกวนไป วกวนมา. นี้เราชอบดูถูกเตาอยางนี้ ; แลวก็ใหนึกดูเตาหินตาบอดตัวนั้นบาง. สัญชาตญาณ ที ่เปน ทุน เดิม ของสัต ว ที ่ม ีอ ยู ใ นชีว ิต จิต ในนั ้น คือ ความรู, เรีย กวา “ธรรมชาติ แห งความเป น พุ ท ธะ” มี อ ยู ในชี วิต ทุ ก ชี วิต . มั น มุ ง หมายจะไปในทางที่ สู งสุ ด ทั้ ง นั้ น แหละ หากแต ว า อวิ ช ชาเข า มาแทรกแซง. อวิ ช ชาจะเข า แทรกแซงมากน อ ย อยา งไร ก็เพราะสิ ่ง ที ่เขา มาทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ ้น ทางกายทางใจ เปน ประจํ า วัน ; แลว มัน เกิด บัง เอิญ ใหเปน ไป ในทางที ่จ ะโง หรือ เปน อวิช ชา เสีย เรื่อ ย. แตเชื ้อ แหง ความเปน พุท ธะนั ้น มัน ตอ งการจะไปใหถ ูก ทางอยู เรื่อ ย มัน ก็จ ะดิ ้น รนไปทางนั ้น อยู เรื่อ ย คือ จะกํ า จัด อวิช ชาเสีย . อวิช ชาไมเกิด เมื ่อ ไร มั น จะเดิ น ถู ก ทางเมื่ อ นั้ น ;เพราะว าโดยหลั ก ธรรมชาติ แ ล ว มั น จะเป น ไปถู ก ทาง คือมันจะเปนไปเพื่อความรอด.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้นเราจะไมดูถูกเตา เตาก็ไมแพสัตวทั้งปวง คือมันมีธรรมชาติ แหง ความเปน พุท ธะอยูในจิต ในกระแสแหง จิต ของมัน . เหมือ นกับ เตา ของเรา ที่ นี่ ลองปล อ ยซิ มั น กลั บ บ านถู ก ทั้ งนั้ น มั น ไม ไปในทิ ศ ทางที่ ผิ ด ; มั น จะไปใน ทางที่เป นความปลอดภั ยเสมอ คือ ไปปาไปดงมัน ไมเขาไปในตลาด. เคยมี ผูเล า ให ฟ ง หรือเคยอานหนั งสือบ าง วาแม เต าขึ้น ไปไขไวบ นบก สูงไกลตั้ งหลายเส น พอลู กเต าออกเป นตั วขึ้นมามั นวิ่งลงน้ํ าทุ กตั ว ไม มี ใครสอน. สั ญ ชาตญาณอะไร อันหนึ่ง ที่ถายทอดอยูในจิต มันจะวิ่งไปสูทะเล ในน้ํา ในทะเลทุกตัวเลย. ลูกเตา เล็ ก ๆ ไม มี ใครสอน ไม วิ่งขึ้ น ไปบนภู เขาเลย. นี่ แ สดงว า ธรรมชาติ มี อ ะไรลึ ก ลั บ อยางนี้ เปนคลาย ๆ กับวา เชื่องแหงความเปนพุทธะ มีสติปญญาอยางนี้อยูทั้งนั้น ; เพราะฉะนั้นมันจึงรอด.


จุดหมายปลายทาง ที่มนุษยตองเดินไป

๕๘๑

แล วยั งสั งเกตเห็ น อี กอย างหนึ่ ง เช น ปลา เราแกล งจั บ เอามาปล อยไว ที่ แหง มัน รู จ ัก วา ทิศ ไหนต่ํ า ทิศ ไหนจะมีน้ํ า ; มัน รู จ ัก อยา งนา ประหลาด. มัน จะ ไม แ ถกไปหาทิ ศ ที่ ยิ่ ง แห ง มากขึ้ น หรื อ ที่ สู ง มั น จะแถกไปหาที่ ต่ํ า ; ซึ่ ง มั น จะรู ไ ด ด ว ยความรู สึ ก อะไรอั น หนึ่ ง คล า ย ๆ กั บ ที่ เ ราเรี ย กกั น เดี๋ ย วนี้ ว า เรด า , คื อ รั บ กระแสจากธรรมชาติไ ด จนรู ว า ทิศ ไหนลุ ม ทิศ ไหนทะเล. เพราะฉะนั ้น เราไม ดู ถู กสั ตว เรายอมรับว าสั ตว มั นก็ มี การเดิ นทาง ที่ จะไปสู จุ ดหมายปลายทาง ที่ ดี ที่ สุ ด จนเปน สัต วที ่ม ีว ิว ัฒ นาการที ่ด ีขึ ้น เปน มนุษ ย ; แลว ก็ไ ปนิพ พานดว ยกัน ทั ้ง นั ้น ; จนพู ด ว า วั ฏ ฏสงสารแล ว ต อ งไปจบลงที่ นิ พ พาน. ทางวั ต ถุ ก็ ต าม ทางวิ ญ ญาณ ก็ ต าม วั ฏ ฏสงสารจะต อ งจบลงที่ สิ่ ง ที่ ดี ที่ สุ ด ที่ สั ต ว เ หล า นั้ น ควรจะได คื อ นิพพาน ; ไมเปนวัฏฏสงสารตลอดกาล. นี่แหละคือเกิดมาทําไม. เพราะฉะนั้ น ขอให ส นใจคํ า ว า เกิ ด มาทํ า ไม ? ให ถู ก ต อ งดี ขึ้ น ๆ ให สู ง ขึ้ น ๆ. แล ว มั น จะตอบป ญ หาต า ง ๆ ได ใ นตั ว เอง โดยความรู สึ ก ของเชื้ อ แห ง ความเปน พุท ธะ. ธรรมชาติแ หง ความเปน พุท ธะ มีอ ยู ใ นสัต วท ุก คน แตบ าน ไม อ อก มั น เบิ ก บานไม อ อก, มั น หุ บ อยู มั น หดเหี่ ย วอยู ; เพราะป จ จั ย แวดล อ ม มัน ไมด ี. ทีนี ้เ รามาทํ า ใหป จ จัย แวดลอ มดี เหมือ นกับ ใสปุ ย ดีร ดน้ํ า พรวนดิน ดี นี ้ค ือ การปฏิบ ัต ิธ รรม ; มัน ก็ง อกงามเปน พุท ธะขึ ้น มาได. นี ่ก ารเรีย นรู เ รื ่อ งทิศ ทั้งหลายก็เพื่อความเปนอยางนี้ทั้งนั้น.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org จงเป น อยู ในลั ก ษณะที่ ว า ธรรมชาติ แ ห ง ความเป น พุ ท ธะจะงอกงาม ขึ ้น ทุก วัน ๆ ทุก เดือ นทุก ป มัน ก็ม ีเ ทา นั ้น เอง. ตรงกับ คํ า ที ่พ ระพุท ธเจา ทา น ตรั ส ไว ว า “ถ า ภิ ก ษุ ทั้ ง หลายเหล า นี้ จ ะเป น อยู โ ดยชอบไซร โลกก็ จ ะไม ว า งจาก พระอรหัน ต”. นี ้ม ีอ ยู ใ นตอนทา ยของมหาปริน ิพ พานสูต ร พระพุท ธเจา ตรัส เมื่ อ จะปริ นิ พ พานอยู ห ยก ๆ ซึ่ ง ถื อ ว า เป น พิ นั ย กรรมของท า น ว า “ภิ ก ษุ เหล า นี้


๕๘๒

ฆราวาสธรรม

จักเปนอยูโดยชอบไซร โลกก็จะไมวางจากพระอรหันต”. คลาย ๆ จะบอกวา ไมตองทําอะไรมาก อยูใหถูกตองตามกฎเกณฑของธรรมชาติ เหมือนกับรดน้ํา ใสปุ ย พรวนดิน ใหแ กตน ไมตน นั้น มัน ก็จ ะงอกงามเอง ไมม ีใ ครไปทํา ใหม ัน งอกงามได. ใหเปนอยูใหโดยชอบ ชนิดที่วาจะไมมีพิษรายอันตรายอะไรเกิดขึ้นมา ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย หรือทางจิตอะไร ; ธรรมชาติแหง ความเปนพุทธะก็จะเจริญงอกงามเบิกบาน ก็เปนพระอรหันตไดในเวลาอันสั้น. เพราะฉะนั้นใหอยูใหถูกตอง. อยูเฉย ๆ ก็ได แตอยูใหถูกตอง. คําวาเฉย ๆ นี้ มันเปนความถูกตอง ; เพราะฉะนั้นความถูกตองนี้คงไมใชเฉย ๆ ; แตสํานวน พูด มัน คลา ย ๆ กับ วา อยูเฉย ๆ. อยูใหถูก ตอ ง ไมไดอ ยูเฉย ๆ โดยไมไดทํ า อะไร ; แตอยูเฉย ๆ ในความถูกตอง. มีความถูกตองอยูที่เนื้อที่ตัว กิเลสเกิด ไมไ ด นานเขา ก็ห มด. นี้ก็ร วมอยูใ นความที่วา รูจัก ทิศ ทาง ลืม หู ลืม ตา ; มีความสวางไสวอยูตลอดเวลา ทิศทั้งหลายไมมืดมัวแกบุคคลนั้น ; ทิศทั้งหลาย ยอมปรากฏแจมแจงแกบุคคลนั้น. อยูโดยชอบอยางนี้ไซร โลกจะไมวางจาก พระอรหันต.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่ เราพูดกันคราวนี้ มุงหมายสําหรับผูที่ยังจะตองไปแสดงบทบาท เปน ฆราวาสก็จ ะเปน ฆราวาสที ่ด ี มีท ิศ ทางที ่ส วา งไสว. ชีว ิต นี ้ก ็เ ปน การ เจริญ งอกงาม วิวัฒ นาการไปสูจุดหมายปลายทางได เร็วหรือชา แลวแตสิ่ง แวดลอมเหลานั้น, แลวแตเหตุปจจัยเหลานั้น. ฆราวาสคนหนึ่งเปนพระอรหันต กอ นผู ที ่กํ า ลัง บวชเปน พระก็ไ ด ; อยา เขา ใจผิด .ตามพยานหลัก ฐานที ่เ คย ปรากฏมาแลวในครั้งพุทธกาล : ฆราวาสไปเฝาพระพุทธเจา เปนพระอรหันต ที่นั่น เดี๋ยวนั้น ; ทั้งที่พระอีกหลายองค หลายรอยองคยังไมเปน ; นั่งอยูใกล


จุดหมายปลายทาง ที่มนุษยตองเดินไป

๕๘๓

พระพุทธเจาดวยซ้ําไป ยังไมเปน. นี่เพราะเขาเดินทิศทางที่ไมประจวบเหมาะ ไมเปนความถูกตองที่ประจวบเหมาะ. ความประจวบเหมาะเขาเรียกวา “สมังคี” ; มัค คสมังคี คือ องค แหงมรรค ๘ประการ มีความประจวบเหมาะในลักษณะที่ถูกตองและพอดี จึงเปน พระอรหั น ต ที่ นั่ นและเดี๋ ย วนั้ น .เพราะฉะนั้ น ถาเป นฆราวาสอยางเลว อยางโง อยางบา อยางปุถุชนคนหนาแลว มันก็จริงละที่จะจมดักดานอยูในตมในโคลน นั่นแหละ. แตถาเปนฆราวาส เปนพุทธบริษัทที่ดี ปฏิบัติอยูในธรรมของพระพุทธเจา ก็มีหวังที่จะเปนพระอรหันตเมื่อไรก็ได. ความทุกขกลายเปนบทเรียน ความยุงยากกลายเปนบทเรียน, บุตรภรรยา สามีอะไร ๆ กลายเปนบทเรียน, ทรัพ ยส มบัติก ลายเปน บทเรีย น, เรื่อ งกิน เรื่อ งกาม เรื่อ งเกีย รติ กลายเปน บทเรีย น ;บทเรีย นเหล านี้ ส งเสริม ไปนิ พ พาน คื อ เอาชนะสิ่ งเหล านี้ ได ฉะนั้ น บุค คลนี้จึงเปน บุค คลที่มีโชคดีที่สุด . ถาใครตอ งการเปน บุค คลที่มีโชคดีที่สุด จงทําอยางนี้ ; ไมตองไปดูหมอ ไมตองไปทําพิธีไสยศาสตร.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาตองการจะเปนบุคคลผูที่มีโชคดีที่สุดละก็ สนใจในเรื่องสุญญตา อยางที่พระพุทธเจาตรัสวา มันเปนประโยชนเกื้อกูลแกฆราวาสทั้งหลายตลอดกาล นาน. เอาสุญ ญตานั่น แหละมาเปน น้ํา มนต เปน ฤกษย าม เปน อะไรตา ง ๆ ที่จ ะมาอาบรด. อยา ยึด มั่น เรื่อ งตัว กู ของกูก็จ ะเปน ฆราวาสที่เยือ กเย็น ได. ถา ยึด มั่น ถือ มั่น มากเทา ไร ก็จ ะเปน ฆราวาสที่อัน ธพาลแลว กระทบกระทั่ง จะเบียดจะเบียนกันและกันไมมีที่สิ้นสุด. ถามีการเปนอยูถูกตอง ; ตัวกู - ของกู ไมเกิด หรือเกิดยาก, หรือเกิดแตนอย มันก็มีโชคดี. ทีนี้ เราก็อาศัยความไมเห็นแกตัวชนิดนี้ เปนหลักปฏิบัติที่ถูกตอง ตอทิศทั้งหลายทั้งปวง.การที่เราทําอะไรไมสําเร็จ หรือเราทําอะไรไมได ทําอะไร


๕๘๔

ฆราวาสธรรม

ไมประกอบดวยธรรมนี้ เพราะตัวกู - ของกูนี้มันเขามาแทรก. คนเห็นแกตัว มัน ก็ไมเห็น แกผูอื่น ;มัน เห็น แกตัว กู มัน ก็จ ะไมเห็น แกบุตรภรรยาดว ยซ้ําไป. ถาคนใดเห็นแกบุตรภรรยามากกวาตัวเอง คนนั้นมันก็เห็นแกของกู, หลีกหนี ตัวกู - ของกูไปไมพน ; มันก็หนีความเห็นแกของกูไปไมพน. รักลูกเมียมาก กวาตัวเอง ก็คือเห็นแกของ ๆ กู ; รักตัวเองมากกวาลูกเมียก็คือเห็นแกตัวกู. เรื่องตัวกู - ของกูนี้ คือฝาที่เกิดขึ้นมาปดบังกีดกันธรรมชาติแหงความเปนพุทธะ ที่มีอยูในทุกคน ไมใหเจริญ งอกงาม ; ใหมันชะงัก ใหมันตัน หรือใหมันเหี่ยว แหงไป ใหมันจวนตายอยูบอย ๆ ; หรือตายแลวตายอีกอยูบอย ๆ . นี่เปนอันวา เราไดมองดูกันอยางวงกวางเปนการสรุปความรูเกี่ยวกับ ทิศทั้งปวง แมสําหรับฆราวาสในลักษณะอยางนี้. ผมถือวาอยางนี้เปนความรู ที่จําเปนสําหรับฆราวาส เหมือนที่พระพุทธเจาทานตรัส วาเรื่องสุญญตาจําเปน แกฆราวาส. สวนขอปฏิบัติปลีกยอยอยางที่มีอยูในนวโกวาทนั้น ไปทองเอาเอง มีคําอธิบายถมไปแลว ; ไมตองมาเสียเวลาดวย. มันก็จะเขาใจไดงายสําหรับ ผูที่มีการศึกษาอยางนี้ : ปฏิบัติตอบิดามารดาอยางไร แลวจะไดผลอยางไร ? ปฏิบัติตอบุตรภรรยาอยางไร แลวจะไดผลอยางไร ? ฯลฯ

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org แตขอเตือนวา อยาไปเขาใจวา ไปมัวเปนลูกหนี้ เจาหนี้กันอยูอยาง นั้น ; มัน จะทํา ใหมีก ารผูก พัน อีก อัน หนึ่ง ขึ้น มาโดยไมรูสึก ตัว . ถา ไปอา นดู ในนวโกวาทแลว อาจจะเขาใจผิดวา เราปฏิบัติตอบิดามารดา เพื่อเกิดสิทธิที่จะ ทวงเอาบุญคุณมาใหบิดามารดากระทําแกเราอยางนี้เราปฏิบัติถูกตอครูบาอาจารย แลวเกิดสิทธิที่จะทวงเอาบุญคุณมา วาครูบาอาจารยจงใหแกเราอยางนี้ เปนการ สนองตอบ ; อย า งนี้ แ ล ว จะไปกั น ใหญ . ขอให เ ข า ใจว า เป น เพี ย งหน า ที่ ที่บิดามารดาจะตองปฏิบัติตอบุตรอยางนี้ ; แลวบุตรก็ตองปฏิบัติตอบิดามารดา


จุดหมายปลายทาง ที่มนุษยตองเดินไป

๕๘๕

อยางนี้. อาจารยจะปฏิบัติตอศิษยอยางนี้ ; และศิษยจะปฏิบัติตออาจารยอยางนี้ ; อยาทําใหเกิดสิทธิทางหนี้สินขึ้นมา มันจะนาหัวเราะ ; แลวจะกลายเปนถอยหลัง แนนอนเลย. แลวอยาลืมวา คน ๆ หนึ่งมันเปนไดทั้งหมดนะ. อยางผมนี้แมเปน ภิกษุ ผมก็ตองมีบิดามารดา ; แมตายไปแลวก็ตองถือวามีบิดามารดา. และผม ก็มีบุตรที่เขาเรียกกันวา บุตรโดยธรรม ; มีลูกศิษย มีอะไรนี้ก็เรียกวาเปนบุตร โดยธรรม. คน ๆ หนึ่ ง เป น ฆราวาสมองไปทางนี้ มี ลู ก , มองไปทางโน น มี พอ แม ; ตัว เองก็เ ปน ทั ้ง พอ แม เปน ทั ้ง ลูก เปน ทั ้ง ศิษ ย เปน ทั ้ง อาจารย พรอ มกัน ไปในตัว คนเดีย วนั่น แหละ. เพราะฉะนั้น มัน ก็มีห นา ที่มีภ าระขึ้น มา หลายอยาง อยางนี้. อยาแยกรับเอาแตเพียงอยางเดียว ; หรืออยายืนยันเอา แตเพียงอยางเดียว. คนทุกคนมีภาระหนาที่ครบรอบดานทุกทิศทุกทาง. บางทีเราก็อยูใน ฐานะสมณะพราหมณสําหรับลูกเล็ก ๆ ไมใชเปนแตครูบาอาจารยอยางเดียว ; เพราะเราจะตองชักจูงลูกเล็กๆ เด็ก ๆใหเดินทางถูกทางจิตทางวิญญาณ. มันก็ เปน หมด มัน ตอ งรับ ผิด ชอบหมด ; จะไปหลงวา เปน แตอ ยา งเดีย ว ๆ. หรือ เปน ทีล ะอยา ง ๆ ดัง นี ้ก ็เ วีย นหัว . มัน ตอ งมีอ ะไรที ่ใ หค รบถว น และใหสิ ่ง เหลา นี้สง เสริม ใหเดิน ไป ๆ , เคลื่อ นไปสูจุด หมายปลายทาง. ทิศ ที่ค วรไป นั่นคือ นิพพาน จุดหมายปลายทาง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พรหมจรรยตัวพุทธศาสนานี้ คือตัวหนทางที่มีเสนเดียว ; แลวก็เปน ทางที่จะปฏิบัติเฉพาะตนคือเดินคนเดียว ; แลวไปสูจุดหมายปลายทางอันเดียว คือนิพพาน ; มีแตเรื่องเดียว ๆ ๆ เรื่อย. เพราะฉะนั้นจึงถือวา มีบุตร มีภรรยา


๕๘๖

ฆราวาสธรรม

มีสามี นี้มันเปนตางคนตางเปนไปตามกรรมของตน ; แมเราจะรักใครกันอยางไร จะเปนคูชีวิตจิตใจกันอยางไร ตางคนก็ตางมีกรรมเปนของตน. นั่นแหละเขา เรียกวาคนเดียว : ซึ่งจะตองเดินทางไปเสนเดียวตามกรรมของตน ๆ . เพราะ ฉะนั้นเรื่องที่วาจะใหเปนคูชีวิตจิตใจกันไปทุก ๆ ชาติอะไรนั้นมันเปนเรื่องเพอฝน ; แตมีประโยชนในทางผูกพันใหเกิดความรัก ที่กลมเกลียวกัน แตกสามัคคีกันยาก ; นั่น เปน เรื่อ งทางโลก ๆ ไมใ ชค วามจริง . สว นตามธรรมชาติแ ลว หนว ยหนึ่ง ก็เปนไปตามธรรมชาติ ตามเหตุตามปจจัย ตามกรรมของหนวยหนึ่ง ๆ ; จะตอง ทําความรอดพนใหแกตนเองโดยทิศทางที่ถูกตอง. เพราะฉะนั้น ขอสรุปคําบรรยายเรื่องทิศนี้ วามันใชไดตั้งแตต่ําที่สุด จนถึงสูงที่สุด.แตไปทางสายเดียวกัน ใชไดตั้งแตเด็กเล็ก ๆ จนถึงคนเฒาคนแก ทั ้ง หญิง ทั ้ง ชาย ; ถา รูจ ัก แปลความหมายแลว มัน ก็ใ ชก ัน ได แมบ รรพชิต . ธรรมะถาแปลความหมายใหถูกตองแลว มันก็เลยใชกันไดทั้งฆราวาสและบรรพชิต. อยาไปเขาใจวาธรรมะสําหรับบรรพชิต ฆราวาสใชไมได ;ธรรมะสําหรับฆราวาส บรรพชิ ต ใช ไ ม ไ ด . ตั ว ธรรมะนั้ น ไม มี บ รรพชิ ต ไม มี ฆ ราวาส ; เราแบ ง เอาไปใชตามมากตามนอย ตามสัดตามสวน ตามสมควรแกเพศของตน. ธรรมะ ไมมีตัว ผูตัว เมีย , ไมมีธ รรมะผู ธรรมะเมีย , ไมมีธ รรมะหญิง ธรรมะชาย. มีแตวาระดับใดเหมาะแกใคร คนนั้น ก็เอาไปใช. นี่เรียกวาเปน ผูรูจักทิศทาง ที่ถูกตอง.

www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พอกันที หมดเวลาเพียงนี้.


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.