โอวทตุ โน ภนฺเต ภควา, อนุสาสตุ โน ภนฺเต ภควา, ยํ อมฺหากํ อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายาติ ฯ ตสฺมา ติห โว ธมฺม ทินฺน เอวํ สิกฺขิตพฺพํ เย เต สุตฺตนฺตา ตถาคตภาสิตา คมฺภีรา คมฺ ภีรตุถา โลกุตฺตรา สฺุตปฏิสํยุตฺตา เต กาเลน กาลํ อุปสมฺปชฺช วิ หริสฺสามาติ ฯ … น โข เนตํ ภนฺเต สุกรํ อมฺเหหิ ปุตฺตสมฺพาธสยนํ อชฺฌาวสนฺเตหิ กาสิกจนฺทนํ ปจฺจนุโภนฺเตหิ มาลาคนธวิเลปนํ ธารยนฺเตหิ ชาตรูปรชตํ สาทิยนฺเตหิ, … เต สนฺโน ภนฺเต ภควา อมฺหากํ ปฺจสุ สิกฺขาปเทสุ ตานํ อุตฺตรึ ธมฺมํ เทเสตูติ. “ขาแตพระองคผูเจริญ ! ขอพระผูมีพระภาคเจา จงประทานโอวาท ; ขาแตพระองคผูเจริญ ! ขอพระผูมีพระภาคเจา จงประทานอนุศาสน ; ที่จะเปนไปเพื่อประโยชนและความสุข แกพวกขาพระองคทั้งหลาย ตลอดกาลนาน” ดังนี้. “ดูกอน ธรรมทินนะ ! ถาเชนนั้น ทานทั้งหลายพึง สําเหนียก อยางนี้วา สุตตันตะทั้งหลายเหลาใด อันพระ ตถาคตภาษิตแลว มีความลึกซึ้ง มีอรรถอันลึกซึ้ง ยิ่งกวาวิสัย โลก ประกอบพรอมเฉพาะดวยสุญญตา เราทั้งหลาย จักเขา ถึงสุตตันตะเหลานั้น แลวแลอยูตลอดกาลอันสมควร” ดังนี้. …ขาแตพระองคผูเจริญ ! ขอนั้นมิใชสิ่งที่จะทําไดโดยงาย สําหรับขาพระองคทั้งหลาย ผูนอนแออัดดวยบุตร ผูลูบไลกระแจะ จันทร จากแควนกาสี ผูทัดทรงมาลาเครื่องหอมและเครื่องลูบทา ผู ยังยินดี อยูดวยทองและเงิน, … ขาแตพระผูมีพระภาคเจา ! ขอพระ ผูมีพระภาคเจา จงทรงแสดงซึ่งธรรมอันยิ่ง สําหรับพวกขาพระองคทั้ง หลาย ผูตั้งอยูแลวในสิกขาบท ๕ ประการเถิด … ฯ
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org (ธัมมทินนสูตร มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๑๒/๑๖๒๕)
ตสฺมาติห เต คหปติ เอวํ สิกฺขิตพฺพํ ; น จกฺขุ อุปาทิยิสฺสามิ, น จ เม จกฺขุนิสฺสิตํ วิฺาณํ, …น รูป…, น จกฺขุวิฺาณํ…, น จกฺขุสมฺผสฺสํ…, น จกฺขุสมฺผสฺสชํ เวทนํ…, น ปฐวี ธาตุ…, น รูป…, น อากาสานจายตฺนํ…, น อิธ โลกํ…, น ปรโลกํ…, ยมฺป เม ทิฎํ สุตํ มุตํ วิฺาตํ ปริเยสิตํ อนุวิจริตํ มนสา, ตมฺป น อุปาทิยิสฺสามิ, น จ เม ตนฺนิสฺสิตํ วิ ฺาณํ ภวิสฺสตีติ, … เอวํ วุตเต อนาถปณฺฑิโก คหปติ ปโรทิ อสฺสูนิ ปวตฺเตสิ, … เตนหิ ภนฺเต สารีปุตฺต คิหีนํป โอทาตวสนานํ เอวรูป ธมฺมิกถา ปฏิภาตุ: สนฺติ หิ ภนฺเต กุลปุตฺตา อปฺปรชกฺขชาติกา. อสฺสวนตา ธมฺมทสฺส ปริหายนฺติ, ธมฺมสฺส อฺาตาโรติฯ (อนาถปณฑโกวาทสูตร อุปริ.ม. ๑๔/๔๖๗–๔๗๑/๗๒๗–๗๓๗.) ดูกอนคหบดี! ในเรื่อง (อาพาธ) นี้ ทานพึงทําความสําเหนียกอยางนี้วา “ เราจักไม ยึดมั่นถือมั่นซึ่งจักษุ, วิญญาณอันอาศัยจักษุ ก็จักไมมีแกเรา…, จักไมยึดมั่นถือมั่นซึ่ง รูป …, จักไมยึดมั่น ถือมั่น ซึ่งจัก ขุวิญ ญาณ…, ซึ่งจัก ขุสัม ผัส …, ซึ่งจัก ขุสัม ผัส สชา เวทนา…., ซึ่ ง ปฐวี ธ าตุ … , ซึ่ ง รู ป ขั น ธ … ., ซึ่ ง อากาสานั ญ จายตนะ…., (ในที่น้ยี กมาเฉพาะหัวขอแรกของหมวด พึงทราบวา ในบาลี กลาวเรียงอยางครบทุก อยางของทุกหมวด)…ซึ่ง โลกนี้…, ซึ่ง โลกอื่น …, ดูกอ นคหบดี! อารมณใ ดๆ อัน เราเห็น แลว ฟง แลว รู ส ึ ก แล ว รู แ จ ง แล ว แสวงหาแล ว เที่ ย วไปแล ว ด ว ยใจ เราจั ก ไม ยึ ด มั่ น ถื อ มั่ น ซึ่งอารมณแมนั้นๆ ; อนึ่ง วิญญาณอันอาศัยอารมณนั้นๆ ก็ จักไมมีแกเรา” ดังนี้. ครั้นพระสารีบุตรไดกลาวอยางนี้แลว อนาถปณฑิกคหบดี ไดรองไหแลว,… มีน้ําตานอง หนาแลว,… ไดกลาวแกพระอานนทวา “ ขาแตทานพระอานนท ขาพเจามิไดอาลัยในชีวิต มิไ ดม ีใจจดจอ ในชีวิต แตวา พระศาสดาเปน ผูที ่ขาพเจา เขา ไปนั่ง ใกลแ ลว ตลอด เวลานาน, ภิกษุทั้งหลายก็เปนที่ชอบพอกันเปนอันมาก; แตวาธรรมกถาอยางชนิดนี้ ขาพเจาไมเคยฟงเลย”, … และไดกลาวกะทานพระสารีบุตรวา “ถาอยางนั้นขอธรรมกถา อยางชนิดนี้ จงเปนที่แจมแจงแมแกคฤหัสถผูนุงขาวทั้งหลายเถิด. ขาแตทานผูเจริญ! กุลบุตรผูมีชาติแหงธุลีในดวงตาแตเล็กนอย ก็มีอยู, เมื่อไมไดฟงธรรมะนี้แลว จัก เสื่อมจากประโยชน; กุลบุตรผูรูทั่วถึงธรรม จักมีเปนแท” ดังนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org (เมื่อพระสารีบุตรและพระอานนทกลับไปแลวไมนาน อนาถปณฑิกคหบดี ไดกระทํากาละแลว.)
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ฆราวาสธรรม
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
น โข คหปติ ตาวตเกเนว ตุฎ ิ กรณีย า มยํ ภิก ขุส งฆํ ปจฺจุป ฎิต า … … ตสฺม า ติห คหปติ เอวั สิกฺขิต พฺพํ กินฺติ มยํ กาเลน กาลํ ปวิเวกํ ป ตึ อุ ป สมฺ ป ชฺช วิห เรยฺ ยามาติ … … ยสฺ มึ สารีปุตฺต สมเย อริยสาวโก ปวิเวกํ ปตึ อุปสมฺปชฺช วิหรติ ปฺจสฺส านานิ ตสฺมึ สมเย น โหนฺติ……… ดูกอนคหบดี! ทานทั้งหลาย ไมพึงกระทําความพอใจแตเพียงวา “ เราทั้ งหลายได บํ ารุ งภิ กษุ สงฆ ด วยจี วรบิ ณ ฑบาตเสนาสนะคิ ลาน ปจจย- เภสัช ชบริข าร” ดูกอ นคหบดี! เมื ่อ เปน ดัง นั้น เกี่ย วกับ เรื่องนี้ทานทั้งหลายพึงสําเหนียกอยางนี้วา ถากระไร เราทั้งหลาย จัก เข าถึ งซึ ่ง ปวิเ วกปต ิ แลว แลอยู โดยกาลอัน สมควร. ดูก อ น คหบดี ! ทานทั้งหลายพึงสําเหนียกอยางนี้แล…ฯลฯ..ดูกอนสารีบุตร! สมัยใด อริยสาวกเขาถึงซึ่งปริเวกปติ แลวแลอยู; สมัยนั้น ฐานะทั้ง ๕ ยอมไมมีแกอริยสาวกนั้น คือ ไมมีทุกขโทมนัสอันอาศัยกามดวย ไมม ีส ุข โทมนัส อัน อาศัย อกุศ ลดว ย ไมม ีท ุก ขโสมนัส อัน อาศัย อกุศลดวย ไมมีสุขโทมนัสอันอาศัยกุศลดวย ไมมีทุกขโสมนัส อันอาศัยอกุศลดวย ดังนี้แล.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org (ตรัสแกอนาถปณฑิกะ กับบริษัทหารอย ที่เชตวัน, ปติสูตร ปฺจก.อํ.๒๒/๒๓๐/๑๗๖)
ฆราวาสธรรม พุทธทาสภิกขุ อบรม พระนิสิต ฯ บวชภาคฤดูรอน พ.ศ. ๒๕๓๓
ธรรมทานมูลนิธิ จัดพิมพดวยทุน “สุภีคลองการยิง” เปนอันดับที่สองแหงทุนนี้ เปนการพิมพครั้งแรก อันดับที่ ๑๗ ก. บนพื้นแถบสีแดง ของหนังสือชุด ธรรมโฆษณ จํานวน ๑,๕๐๐ ฉบับ พ.ศ. ๒๕๑๘
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org (ลิขสิทธิ์ไมสงวนสําหรับการพิมพแจกเปนธรรมทาน , สงวนเฉพาะการพิมพจําหนาย)
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
คําปรารภ -------------ธรรมทานมู ล นิ ธิ ขอถื อ โอกาสนี้ ปรารภต อ ท านทั้ งหลาย ผู ได รั บ ประโยชน จากการพิมพหนังสือชุดธรรมโฆษณนี้ขึ้น โดยทั่วกัน. หนั ง สื อ เล ม นี้ จั ด พิ ม พ ขึ้ น มาได ด ว ยดอกผลจากเงิ น ทุ น “สุ ภี ค ล อ งการยิ ง อนุ ส รณ ” ผู เห็ น ประโยชน เกื้ อ กู ล ในทางธรรม. คณะกรรมการธรรมทานมู ล นิ ธิ ปรึกษาตกลงกั นว า จะใช เงินดอกผลรายนี้ ในการเผยแพรธรรม ตามวั ตถุ ประสงค ข อ ๑ ของมูลนิธิ โดยจัดพิ มพเรื่องตางๆ ที่ทานพุทธทาสไดแสดงไว เปนลําดับไป ใหครบถวน อยู เสมอ; โดยดํ าเนิ นการทํ านองเดี ยวกั นกั บหนั งสื อชุ ดธรรมโฆษณ เล มอื่ นๆ ที่ ได ทํ า อยูแลว. หนั ง สื อ ที่ พิ ม พ ด ว ยทุ น “สุ ภี ค ล อ งการยิ ง อนุ ส รณ ” นี้ จะมี เ รื่ อ งประเภท ธรรมบรรยาย เช น แนะแนวจริ ย ธรรม ซึ่ ง บรรยายในการอบรมครู , ปาฐกถา, เทศนา ฯลฯ เพื่อนํามารวบรวมไวเปนชุด เปนหมวดหมู สะดวกแกการศึกษาคนควา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org หนั งสื อชุ ดนี้ จั ดพิ มพ ขึ้ นด วยกระดาษปอนด เย็ บปกแข็ งประเภทเดี ยวเท านั้ น หนั งสื อส วนหนึ่ ง จะมอบไว ตามห องสมุ ด สถานศึ กษา ฯลฯ ตามมติ คณะกรรมการ ที่ตั้งขึ้นไวเพื่อการนี้, อีกสวนหนึ่งจําหนายในราคาชนิดที่ “ เอากุศลเปนกําไร” เพื่อ พุ ทธบริษั ท ผู มี รายได น อยโดยเฉพาะ จะได หาซื้ อไปไว เป นส วนตั วบ าง; ทํ าให แพร หลายไปในบรรดาผู ศึ กษาธรรมะโดยตรง. เงินที่ ได จากการจํ าหน ายประเภทนี้ จะได นํามาสมทบทุนไว เพื่อจัดพิมพหนังสือชุดนี้ ในอันดับตอไป. ธรรมทานมูลนิธิ ไชยา
สารบาญ ๑. ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว …. …. …. ๑ ๒. ปญหาเพียงขอเดียวของมนุษยชาติ …. …. ๒๓ ๓. ความเปนฆราวาส …. …. …. …. ๔๒ ๔. ธรรมะสําหรับฆราวาส …. …. …. …. ๖๔ ๕. ฆราวาสธรรมที่เปนธรรมประเภทเครื่องมือ …. …. ๗๗ ๖. ความสุขของฆราวาส …. …. …. …. ๙๓ ๗. ความทุกขในความเปนฆราวาส …. …. ๑๑๐ ๘. - ๙. ธรรมรวม สําหรับคฤหัสถและบรรพชิต …. …. ๑๒๘ - ๑๔๗ ๑๐. ความมีสติของฆราวาส …. …. …. …. ๑๖๖ ๑๑. ปญหาเพศรสของฆราวาส …. …. …. …. ๑๘๖ ๑๒. การควบคุมความรูสึกทางเพศของฆราวาส …. …. ๒๐๕ ๑๓. สุญญตา กับ ฆราวาส …. …. …. …. ๒๒๓ ๑๔. รฆาวาส กับ อุดมคติของโพธิสัตว …. …. ๒๔๕ ๑๕. กําลังของฆราวาส …. …. …. …. ๒๖๒ ๑๖. ความรอดพื้นฐานของฆราวาส …. …. …. ๒๘๑ ๑๗. หายนธรรม ของโลกฆราวาส …. …. …. ๓๐๑ ๑๘. ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน (โลภะ) …. ๓๒๑ ๑๙. ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน (โทสะ โมหะ) ๓๔๑ ๒๐. ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน (ความเห็นแกตัว) ๓๖๒ ๒๑. ฆราวาส กับ ไสยศาสตร …. …. …. …. ๓๘๕ ๒๒. - ๒๓. ฆราวาส กับ พุทธศาสตร …. …. ๔๐๕ - ๔๒๓ ๒๔. เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม …. …. …. ๔๔๕ ภาคผนวก ๑. ทิศทางที่ฆราวาสจะตองเดินไป …. …. ๔๗๒ ๒. อุดมคติที่ควรมีตอทิศทั้งหก …. …. ๔๘๗ ๓. หลักปฏิบัติ ตอ ทิศเบื้องหนา …. …. ๕๐๗ ๔. ทิศเบื้องหลัง และเบื้องขวา – ซาย …. ๕๒๗ ๕. ทิศเบื้องบนและเบื้องต่ํา …. …. ๕๕๐ ๖. จุดหมายปลายทางที่มนุษยตองเดินไป …. ๕๖๙
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
โปรดดูสารบาญละเอียดหนาตอไป
สารบาญละเอียด ๑. ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว บทแรกนี้กลาวดวยเรื่องสําหรับจะเขาใจหัวขอเรื่องในวันตอ ๆ ไป…. …. ๑ ที่จริงกิเลสก็ดี ทุกขก็ดี มันเรื่องของใจคน ไมเลือกวาเปนพระหรือฆราวาส ๒ มีหลักกวาง ๆ ในเรื่องนี้ คือไมวาใคร ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว …. ๒ ตัวหนึ่งคือความรู ฝากแรงไวกับอีกตัวหนึ่ง เพื่อทําอะไรสําเร็จ …. ๓ ถาขาดตัวรู ชีวิตก็อันตราย อยางพวกเมาเทคโนโลยีในโลกเวลานี้ …. ๔ ชาวตะวันออกเคยสวางไสวทางวิญญาณนานชา เพิ่งไปเอาอยางฝรั่งมากขึ้น ๕ ไปเปนทาสเทคโนโลยี เกิดโลภไมมีขอบเขต จึงทุกขยากระส่ําระสาย …. ๖ ทุกศาสนามีหลักเดียวกันคือรูความพอดี ไมโลภลามก ทําใหเดือดรอนกันหมด ๗ นี้คือตนตอของปญหายุงยากสมัยนี้ ครั้งปูยาตายายทานมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์กั้นไวได ๘ การแก มันจึงอยูที่เราจะใหชีวิตเทียมควายสองตัว ไดหรือไมเทานั้น …. ๙ วิชาความรูสมัยใหมมันไมรูสิ่งควรรู ไมเกี่ยวมาทางศาสนาในแงชนะตน ๙ สมัยกอนรูเทาที่ตองรู เรี่ยวแรงเทาที่มีก็ผาสุกได เพราะรูจุดหมายชีวิต ๑๑ “วิปสสนา” ก็คือมองจนเห็นตัวปญหา แลวแกถูกสภาพ ไมใชเรื่องหลับตา ๑๓ ฉะนั้นใหตั้งตนรูพุทธศาสนาที่ตัวทุกขสัจจตามลําดับ ไมใชทําอยางสมัครเลน ๑๔ ถาไปจับเรียนวิธีอื่น ยิ่งเรียนก็ยิ่งไมรูพุทธศาสนา เพราะไมเรียนตัวเอง ๑๕ “ชีวิต” ฝายวิญญาณ เปนเรื่องทางศาสนาซึ่งตรง ๆ กันหมด ตองรูจึงจะชวยได๑๖ “รู” นั้นมีหลายระดับ : รูดวยเรียน รูดวยหยั่งคิด รูโดยผานดวยชีวิตจิตใจ ๑๗ แมรูโดยวิธีผานชีวิตมาจริง ก็ตองเปนแขนงที่เกี่ยวกับความดับทุกขโดยตรง ๑๘ ฉะนั้น “อุดมศึกษา” แท ตองเปนเรื่องนี้ อยาแนใจวา แคจบการเลาเรียน ๑๙ วิธีปองกันและแกทุกขที่ถามนั่นแหละ เปนอุดมศึกษา ขอใหติดตาม …. ๒๐
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
[๒]
[๓]
๒. ปญหาเพียงขอเดียวของมนุษยชาติ ปญหาการปองกัน - แกทุกขมันอยูที่รู เกิดมาทําไม เพียงขอเดียว …. ๒๓ คนทุกวัย ถาไมรูกอนวา เกิดมาทําไม ไปทําอะไรมันจะผิดวัตถุประสงคหมด ๒๔ ปญหา เกิดมาทําไม จึงตองรูกอน ตองตัง้ ตนดวยความไมประมาท รีบรูเสีย ๒๕ ทุกคนเกิดมาแลว จําตองยอมที่จะรู เกิดมาทําไม แลวประพฤติใหถูกตามนั้น ๒๖ การที่จะรูวา เกิดมาทําไม ตองไตไปถึงวา อะไรทําใหเกิดมา ๒๗ สิ่งทําใหเกิดมาก็คือธรรม ซึง่ หมายกวางคลุมทุกสิ่งหมด รวมทั้งกฎธรรมชาติ ๒๘ ฉะนั้นไปรูจักสิ่งนั้นเสียใหเพียงพอ ก็จะรูว าธรรมชาตินั้นตองการใหเราทําอะไร ๒๙ คน เปนผลทีธ่ รรมชาติผลิตและปรุงแตง เปนไปตาม “เจตนา” ของธรรมชาติ ๓๐ เจตนารมณของธรรม ก็เพือ่ ใหมนุษยไปถึงจุดสูงสุดของความเปนมนุษย ๓๑ ฉะนั้นจึงควรมุง ศึกษาทําความเขาใจจนรูจักพระธรรม ปญหาตาง ๆ จะหมด ๓๒ ธรรมะสรางคนมาใหผิดจากสัตว คือใหคนมีธรรมะอยางคน …. …. ๓๓ หากเรามีธรรมะแลว เราอาจอยูลําพังได เขาสังคมเพือ่ ธรรมก็ได …. ๓๔ ทั้งฆราวาสทั้งพระตองไปสูยอดสุดบรมธรรม จะชาเร็ว อยูที่ทําผิดหรือถูก ๓๕ คนเรานอกจากเกิดมาเพื่อมีธรรมแลว เกิดมานี้ก็ยังเพื่อไมเปนทุกขอีกดวย ๓๗ แมยังชอบหวังอยู ก็ใหรูจักตั้งความหวัง ใหคลอยธรรมชาติ ไมมีทางผิดหวัง ๓๗ ทุกขเกิดคราวใด ดวยอะไร ใหมีหลักไวทีกอน วาฉันไมไดเกิดมาเพือ่ ทุกข ๓๙ พุทธบริษัทสวางไสว รูวา เกิดมาทําไม รูจักมีวัตถุไวใช ทําใหไมทุกขทุกกรณี ๔๐ ทั้งหมดนี้เปนเรื่องตองมองใหเห็นทั่วกอน วาชีวิตเพื่ออะไร จะไมทําผิด ๆ ๔๑
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ๓. ความเปนฆราวาส เพศฆราวาส ใคร ๆ มักเขาใจไปวายังไมควรเผยอไปเกี่ยวของธรรมะ ใหเขาใจเสียใหม วาไมมีใครบวชมาแตในทอง ชีวิตนี้เปนเรื่องเรียนเรื่อยมา
๔๒ ๔๓
[๔] การเปนฆราวาสนั่นแหละ คือการเขาโรงเรียนจริงเพื่อรูจักชีวิตจากธรรมชาติ ๔๓ ธรรมะเปนหนาที่ ไมทําไมได คนเราชีวิตจะสมบูรณตองผานอาศรมครบ ๔. ๔๔ อาศรมสี่มีการทําหนาที่ที่ถูกตามลําดับ : พรหมจารี คฤหัสถ วนปรัสถ สันยาสี ๔๕ การครองฆราวาสเปนขั้นตอนที่ตองเขาโรงเรียนชีวิต ยิ่งกวาลําดับอื่น ๆ ๕๐ พรหมจารีชั้นประถม คฤหัสถชั้นมัธยม วนปรัสถคือขั้นอุดม ไปสุดที่สันยาสี ๕๑ ทุก ๆ ขั้นตอน ก็อาจตอบ เกิดมาทําไม ไดไปคนละระดับ จากโง ๆ จนสูงสุด ๕๒ ฉะนั้นอยาเพอวารูจักชีวิตดี จะพลาด ชีวิตจะไมสมบูรณถึงปลายทาง …. ๕๒ สิ่งที่ทุกคนควรคิดและตองผาน เชนครอบครัว ความรัก ทรัพยยศไมตรี ฯลฯ ๕๓ ใหไปรูจักสิ่งเหลานี้ถูกตองเสียกอน จะรูความเปนฆราวาสดีที่สุด …. ๖๑ บวชทั้งทีตองเห็นความสําคัญของธรรมะ ของศาสนา จะไมเปนไกไดพลอย ๖๑ สรุปอยูที่รูอะไรเปนอะไร เปนฆราวาสนี้ ก็เพื่อผานไปใหดี เพือ่ สูจุดสูงสุด ๖๓
๔. ธรรมะสําหรับฆราวาส ทราบเคาโครงรูปการณชีวิตคนเราแลว ก็ถึงธรรมะสําหรับฆราวาสโดยเจาะจง ๖๔ ธรรมปฏิบัติยอ มมีทั้งหัวขอธรรม ๑ ทั้งธรรมเครื่องชวยใหปฏิบัติไดตามนั้น ๑. ๖๕ ฆราวาสธรรม ในฐานะหัวขอธรรม ชี้การครองเรือนใหกาวสูงไป ๆ จนสุดได ๖๖ ทั้งนี้เพราะถาเปนฆราวาสใหดีไมได ก็จะสูงไปไมได มันเปนขั้นตอนใหกัน ๖๖ พุทธศาสนาชี้ขอปฏิบัติ ทั้งขั้นตน ขั้นกลาง ขั้นสูง สําหรับชีวิตฆราวาส : ขั้นตน - ใหลุลวงไปดี เกี่ยวกับสวนตัว ในเรื่องทรัพย ยศ สมาคม …. ๖๗ - ใหลุลวงไปดีเกี่ยวกับสังคม คือทําถูกกับคนรอบทิศ …. ๖๘ ขั้นกลาง : มีศรัทธามั่นในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ มีอริยกันตศีล ๗๒ ขั้นสูง : ปฏิบัติปองกัน บรรเทา และขจัดทุกขในชีวิต ดวยหลักสุญญตา ๗๔ สุญญตาสําหรับลุนิพพานนี่แหละ ใชบรรเทาและดับทุกขสําหรับชนทุกชั้นได ๗๕
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
[๕]
๕. ฆราวาสธรรมที่เปนธรรมะประเภทเครื่องมือ กลาวขอธรรมชี้ทางปฏิบัติแลว ยังมีธรรมะเครื่องมือชวยใหทําไดตามนั้นอีก ๗๗ หมวด ฆราวาสธรรมสี่ ในฐานะเปนเครื่องมือ : สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ ๗๙ ๑. สัจจะ ความจริงใจ จริงที่จะลงมือในขอปฏิบัติที่จําตองทํา ๘๐ ๒. ทมะ บังคับใจตัวเอง ฉลาดเรื่องจิต ทํากับจิตถูกวิธี …. ๘๑ ๓. ขันติ อดทนตอกิเลสบีบคั้น เพื่อรองรับไมใหลมเหลวกอนไดผล ๘๓ ๔. จาคะ รูจักระบายสิ่งที่ตองทนหรือสิ่งไมตองการ ที่มีอยูในจิต ๘๕ กิจที่ตองละตองบําเพ็ญลวนสําเร็จดวยอุบาย คือธรรมะประเภทเครื่องมือ ๘๖ ธรรมะ ๔ ชื่อนี้ จะแจงใหเปนเพียงชื่อหัวขอปฏิบัติ ก็ยอมได …. ๘๘ หมวด อิทธิบาทสี่ ในฐานะเปนเครื่องมือ : ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ๙๐ การปฏิบัติสมควรแกธรรม ตองถูกเทคนิค แยกรูขอปฏิบัติกับธรรมะเครื่องมือ ๙๑ รูเรื่องนี้จะทําใหปรับปรุงดีไดสําเร็จทุกดาน ใชไดแมในมหาวิทยาลัย ๙๒
๖. ความสุขของฆราวาส
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org “ฆราวาส” คํานี้หมายถึงคนหลายระดับ ยากที่จะพูดวาแคไหนใช แคไหนไมใช ๙๓ สุขของฆราวาสจึงกวางไกลไมเพียงแคมีทรัพย จับจายได ไมมีหนี้ มีงานดี ๙๕ ฆราวาสยังสามารถแสวงหาความสุขที่ดีที่สูงไปกวานั้นไดมาก …. … ๙๖ ฆราวาสมีภูมิจิตใจตาง ๆ กัน สุขที่ฆราวาสหาไดจึงตาง ๆ ไป …. …. ๙๗ จะเปนสัตวอะไรชี้ไดที่ภูมิของจิต จิตอยูไหนเวลาไร โลกของเขาก็อยูระดับนั้น ๑๐๒ ฆราวาสคนหนึ่งจิตอาจเปลี่ยนไดครบทั้ง ๔ ภูมิ ทั้งที่กายยังอยูในโลกนี้ ๑๐๔ ความสุขของฆราวาสจึงมีตามชั้น : - ชั้นสามัญที่ปฏิบัติอยูในทิศหก - ชั้นกลางที่ปฏิบัติตัวในปุญญาภิสันทะ - ชั้นสูงที่ปฏิบัติขั้นสุญญตา ๑๐๕
[๖] ฉะนั้นฆราวาสไมจําตองสกปรกลามก อาจสูงขึ้นถึงชั้นอนาคามีได …. ๑๐๗ เราจะเอาเกณฑกันที่คําพูด หรือที่โลกวัตถุไมได ตองเอาภูมิจิตใจเปนหลัก ๑๐๗ สรุปวาฆราวาส คือดงความยุง ควรถือเอาจิตใจเปนสําคัญ ก็จะไปไดไกล ๑๐๘
๗. ความทุกขในความเปนฆราวาส วากันวาฆราวาสทุกข แตที่จริงอยูที่คน ๆ นั้นเปนฆราวาสไดถูกตองแคไหน ๑๑๐ ถาเปนสัตบุรุษ ก็ทุกขนอย ถาเปนอสัตบุรุษก็มีเรื่องใหทุกขตามประสาพาล๑๑๒ ฉะนั้นการเปนชาววัดชาวบาน จะถือเปนเกณฑชี้เรื่องทุกขทางจิตใจไมได ๑๑๓ แตอยางไร ฆราวาสไมโลงโถงเทา เรื่องที่จําตองมี - ตองหามันมาก …. ๑๑๔ วิธีทํากับทุกขของฆราวาส ก็คือเอาทุกขนั่นแหละเปนบท ที่ตองรู – ตองผาน๑๑๖ ฆราวาสจึงมีเปน ๒ อยาง เปนอยางหลับหูหลับตา กับเปนอยางนักศึกษา ๑๑๗ จัดทําใหถูกกับขั้นตอนแหงชีวิตนี้ไปทุกระยะ ก็จะเปนคนมีสติ ไมทุกขมาก ๑๑๘ ฆราวาสชั้นดีมีวิธีตอนรับทุกข วัตถุประสงคพุทธศาสนาก็เพื่อใหเปนผูชนะ ๑๒๑ สัตบุรุษนั้นอยูที่แกปญหาชีวิตได มีสุขตามสภาพ ทําชีวิตเปนเรื่องศึกษา ๑๒๓ ฉะนั้นเปนสัตบุรุษได จะเปนฆราวาส เปนพระ เปนอริยเจาไปพรอมกันได ๑๒๔ ฆราวาสแบบพระพุทธเจา ตองมีหลักสุญญตา ชีวิตไมติดตันลุถึงปลายทางได ๑๒๕ ความทุกข ทําใหคนฉลาด ทําใหคนเปนพระพุทธเจา หากรูจักตอนรับมัน ๑๒๖ สรุปก็วาอยูที่เปนฆราวาสโงหรือฉลาด ถาฉลาดก็ฝาไปได เหนือทุกขได ๑๒๗
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ๘ - ๙ ธรรมรวม สําหรับคฤหัสถและบรรพชิต ที่จริงทุกคนมีกิเลสมีทุกขเหมือน ๆ กัน หลักธรรมะก็เลยใชไดรวมกัน…. ๑๒๘ คือมีเหมือนกันทั้งขอปฏิบัติ ทั้งเครื่องมือชวยใหปฏิบัติ และที่อนุโลมใชกันได๑๒๙
[๗] ธรรมะประเภทระบุใหปฏิบัติ : หลักปฏิบัติ ที่รวมกันมีสรณาคมน ซึ่งทุกคนเขาถึงดวยใจสะอาด สวาง สงบ ๑๓๐ หลักทฤษฎี ที่รวมกัน มีอริยสัจจสี่ ก็เปนหลักเดียวกัน ที่ตองรู ตองปฏิบัติ ๑๓๑ ขอปฏิบัติองคมรรค ฆราวาสบรรพชิต ก็ตองปฏิบัติใหอยูกับเนื้อกับตัวทั้งแปด ๑๓๑ หลักไตรสิกขา ทั้งฆราวาสทั้งบรรพชิตก็ตองมีศีล สมาธิ ปญญาเดียวกัน ๑๓๔ หลักสุญญตา ที่วาสูงนั้น พุทธองคกลับระบุวามันเกื้อกูลฆราวาสตลอดกาล ๑๔๔ ธรรมะประเภทเครื่องมือ ที่ชวยใหปฏิบัติไดตามนั้น : ทั้งฆราวาสและบรรพชิตก็เปนคน จึงมีวิธีขจัดกิเลสดับทุกขเหมือน ๆ กัน ทุกชีวิตกําลังเดินทาง แมถือเพศไร ๆ ก็ตองจัดทําใหสนับสนุนการเดินทาง ฆราวาสธรรมสี่ เปนเครื่องมือในการปฏิบัติ แมถือเพศไหนก็จําตองใช อิทธิบาทสี่ ก็ใชไดแมขั้นทํากิน ขั้นศึกษาเลาเรียน ขั้นปฏิบัติธรรมชั้นสูง โพชฌงคเจ็ด ใชเปนเครื่องชวยใหลุธรรมสูงดวย ใชใหการงานสําเร็จดวย
๑๔๗ ๑๔๙ ๑๕๔ ๑๕๕ ๑๕๖
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ธรรมะประเภทอนุโลมใชของกันและกันได : บทปจจเวกขณ ปจจัยสี่ของภิกษุ ฆราวาสก็นําเอามาปฏิบัติใหเกิดประโยชนได ๑๖๐ อภิณหปจจเวกขณของบรรพชิต ฆราวาสก็เอามาเปนเครื่องกั้นและแกทุกขได ๑๖๒ รวมความวาธรรมะใดถาเอามาใชประโยชนสูงสุดได นั่นแหละคืออภิธรรมแท ๑๖๒ ฉะนั้นคนเราอยาไปหามลอตัวเอง จํากัดใหตกจมวัฏฏะตอไปอีกเลย …. ๑๖๕
๑๐. ความมีสติของฆราวาส “สติ” ที่ฆราวาสจะพึงมีนั้น ตองเปนสติสําหรับรักษาอุดมคติแหงตน ๆ ใครจะมีอุดมคติในระดับไหน ก็จะไปสุดอยูที่เปนมนุษย รูวาเกิดมาทําไม อุดมคติของฆราวาส ก็คือเปนมนุษยที่ไดสิ่งดีที่สุด เทาที่มนุษยสามารถได
๑๖๖ ๑๖๗ ๑๖๙
[๘] ชีวิตนี้เปนการศึกษา เพื่อเลื่อนถึงชั้นที่ดีไปกวา กิน กาม เกียรติ ๑๗๑ อุดมคติที่ดีกวา กิน กาม เกียรติ ก็คือใจสูง มีจิตสะอาด สวาง สงบ ๑๗๒ สติชวยรักษาอุดมคติ อุดมคติมีอยูไดเพราะสติชวยรักษาไว ๑๗๓ ๑. ฆราวาสตอง มีสติรักษา อุดมคติของมนุษย ตลอดเวลา ๑๗๔ ๒. ฆราวาสตอง มีสติรักษา อุดมคติของการงาน ที่กําลังทําอยู …. ๑๗๔ ๓. ฆราวาสตอง มีสติในขณะทํางาน ไมใหผิดพลาด …. …. …. ๑๗๕ ๔. ฆราวาสตอง มีสติในการจํา : จําเกง - จํามาก จํากวาง - จําไกล ๑๗๖ ๕. ฆราวาสตอง มีสติไดในทันควัน (สติทันควันเปนพื้นฐานของสติทั้งหมด) ๑๗๘ ๖. ฆราวาสตอง มีสติในการที่จะไมเสียสติ ในขณะวิกฤต …. …. ๑๗๙ ๗. ฆราวาสตอง มีสติเมือ่ จะตาย คือตายอยางมนุษยที่ดี มีสัมปชัญญะ ๑๘๑ วัฒนธรรมการตายตามแบบของพุทธบริษัท สมัยปู ยา ตา ยาย ๑๘๓ ครอบครัวชาวพุทธที่อบรมใหมีสติมาแตเด็ก จะคุมได ชวยใหไดสิ่งดีที่สุด ๑๘๔
๑๑. ปญหาเพศรสของฆราวาส
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org “เพศ” เปนใจความของฆราวาส หรือคฤหัสถ - ผูมีเคหะไวกําบังอะไร ๆ ๑๘๖ เคหะมีมาตัง้ สมัยคนปาเริ่มละอาย ตองบังเรื่องเพศ จึงไมใชเรื่องเล็กนอย ๑๘๗ คนสัตวถึงวัยผูใหญ จับทําอะไร ลวนผลักดันจากความรูสึกทางเพศ …. ๑๘๘ สัตวมีชีวิตที่ตองการอยู มันก็อยูเพื่อเอร็ดอรอยแหงความรูสึกทางเพศ ๑๘๙ แมเกียรติก็ไมพนไปจากเรื่องเพศที่ซอนเงือ่ นอยู ๑๙๑ ฉะนั้นเปนเรื่องที่นากลัว เพราะมันสามารถครอบงํา หรือลมเลิกอุดมคติได ๑๙๒ คน มักไมรูสึก ไมเห็น มีแตสมัครเปนทาสเที่ยวหาทุกอยางเพื่อเพศรส ๑๙๓ ที่จริง เพศรส เปนเพียงเรื่องหลอกลวงในทางอายตนะ ถึง ๒ ซอน …. ๑๙๔ ธรรมชาตินั้นเองหลอก แลวยังลวงสัตวไมใหสูญพันธุ โดยจางดวยเพศรส ๑๙๖ ฉะนั้นผูรูจึงวางระเบียบ เพื่อลดทุกขโทษจากการเปนทาสของกาม …. ๒๐๐
[๙] ถารูเรื่องนี้ถูกตอง และจัดทํากับมันเหมาะสม ไมเทาไรก็จะเหนือไปได …. ๒๐๐ ฆราวาสหลีกไมไดก็ตองเกี่ยวของใหถูก เพื่อจะไมตองเปนทาสอยูนาน ๒๐๑ หลักที่จะชนะไดคือตองไดผานจนรูรสอรอย, รูโทษ และรูอุบายที่จะเหนือมัน ๒๐๑ โดย “ลูกไม” ออกจากอํานาจกามนี้ ผัวเมียเลยเปนคูที่ตองเดินไปดวยกัน ๒๐๒ ควรรูไว วาการคุมเพศรสได จนอิสระนั้น ไมใชเปนงานของคนโง ๆ …. ๒๐๓ ฉะนั้นการพยายามจึงไมใชบา แตเปนการเอาชนะได ไมใหบามากเกินไป ๒๐๔
๑๒. การควบคุมความรูสึกทางเพศ ฆราวาสกับบรรพชิต มีขั้นความถูกตองเรื่องคุมความกําหนัดไมเทากัน …. ๒๐๕ ราคะตามตัวหนังสือ หมายความรูสึกเขาผูกพันติดแนนทางจิตทุกชนิด …. ๒๐๖ ราคะ วาถึงตัวจริง เปนเพียงเรื่องกลไกทางกายจิต ที่มันทําหนาที่ของมัน ๒๐๗ สัตวในภูมิกามาวจร ไดหลงในการทํางานของกายจิต ที่เปนดั่งเครื่องจักร ๒๐๙ ฉะนั้นแตโบราณมา ไดมีการคนความาก ในการควบคุมความกําหนัด …. ๒๑๐ เลยพบวาราคะ เปนสิ่งควบคุมได ใหไมรูสึกก็ได ซึ่งไมใชเรื่องบาบอ …. ๒๑๒ หากควบคุมได กลับเปนผลดีทางกาย ทางสติปญญา ทางสมอง …. ๒๑๓ ฆราวาสจึงควรทอนลงใหพอเหมาะ โดยรูสึก รูจัก และปองกันแกไข …. ๒๑๓ ความกําหนัดทําอันตรายความผาสุกของจิตใจ มีวิธีคมุ ทั้งทางกายทางจิต ๒๑๓ การควบคุมทางกาย เชนผาตัด ใชยา บีบคั้นกาย ซึง่ ไมถูกไมตรงนัก ๒๑๔ การควบคุมทางจิต โดยใชกําลังความคิดความรู บมจนเปนญาณตามลําดับ : - ความรูพื้นฐานคือมองใหเห็นสภาพตามธรรมชาติ เชนปฏิกูล อสุภ ฯลฯ ๒๑๕ - ความรูที่สูงขึน้ ไดแกพิจารณาความเปนธาตุ ในแงถูกลวง ในแงพายแพ ๒๑๖ - ความรูสูงสุด คือสติสัมปชัญญาทันควันกอนหรือหลังวามันก็สักวาความรูสึก ๒๑๘ มัชฌิมาในเรื่องเพศ ก็คือเกีย่ วของใหถูกตอง เพือ่ ความเจริญทางจิตใจ ๒๑๙ ทางพุทธไมใชขอรองใหตัดในเมื่อมันทําไมได แตใหบริโภคทุกทางใหถูกวิธี ๒๒๑ จงผานเรื่องเพศไปในลักษณะถูก ใหมันเปนทาสเราและเปนบทเรียนแกเรา ๒๒๒
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
[๑๐]
๑๓. สุญญตา กับฆราวาส ความรูเรื่องสุญญตา เปนความรูที่สําคัญที่สุด แมฆราวาสก็ใชแกปญหาได ๒๒๓ พระพุทธองคยนื ยันวาสุญญตาเปนประโยชนเกื้อกูลแกฆราวาสตลอดกาลนาน ๒๒๔ สุญญตาที่ตรงกับ วาง นี้ อาจวางฝายวัตถุ, วางทางจิต, วางจากตัวกู - ของกู ๒๒๖ ที่ถูกตอง ตองวางจากความสําคัญมั่นหมายวา ตัวกู - ของกู ที่ตอ งการระบุ ๒๒๗ ขณะใดความรูส ึกนึกคิดไมเจือโลภโกรธหลงนั่นแหละวาง จิตไมรูสึกตัวกู ๒๒๘ จิตไมกูกรบกวน และยังประกอบอยูดวยสติปญญา จึงจะเปน จิตวาง ในที่นี้ ๒๒๘ จิตวาง คือเวลาที่วางจากตัวกู - ของกู ขณะนั้นมันมีสติปญญาอยูเอง ๒๒๙ วางจากตัวกูชนิดที่ ๑ เปนเองตามธรรมชาติ เชนนอนหลับ (นี่ไมใชทําเอา) ๒๒๙ ชนิดที่ ๒ เปนโดยประจวบเหมาะ บางที (นี่อาจทําเอาไดบาง) ๒๒๙ ชนิดที่ ๓ เปนโดยจงใจจัดทํา เชนทํากัมมัฏฐาน ปฏิบัติทางจิต ๒๓๐ ชนิดที่ ๔ จิตวางไดเพราะกิเลสดับ ไมมีตัวกู – ของกูมารบกวน ๒๓๑ พุทธศาสนามี ๔ วางนี้เทานั้น นอกนั้นวางอันธพาล คือแกลงบาง หลงบาง ๒๓๑ จิตวางที่ถูก มีสติปญญาเต็ม ทําหนาที่ทุกอยางดวยสติปญญา ไมมีตัวกูของกู ๒๓๒ การงานแมของฆราวาสระดับใด ก็ควรมีจิตวาง เพราะมันปองกันบาปได ๒๓๓ จิตวางแลว การงานเปนสุข, จิตวุนแลว การงานเปนทุกข …. …. ๒๓๔ ฆราวาสมารูเรือ่ งนี้ ก็ประกันได ผลงานจะดีจะเสีย ก็สามารถหัวเราะได ๒๓๔ เพื่อใหสนใจ ไมกลัว ขวนขวายในเรื่องนี้ จึงมีวิธีกลาวถึงนางสาวสุญญตา ๒๓๕ “นางสาวสุญญตา” จะนําความคิดเราไปรูจ ักสิ่งที่มีคาแทจริงและประเสริฐสุด ๒๓๖ ฆราวาสเปนพวกใกลไฟ จําตองมีสุญญตาเปนเครื่องทําใหไฟทําอะไรไมได ๒๓๗ รูสุญญตาถูกตองอยู โลภโกรธหลงจะไมเกิด นั่นเปนการปฏิบัติธรรมอยูแลว ๒๓๘ วางจากตัวของกูได นั่นคือสติปญญา ชือ่ วามีมิ่งขวัญ เกิดมัชฌิมาปฏิปทา ๒๓๘ เพียงแตรูเรื่องนี้ดี ก็เปนมัชฌิมะ พอดีในการจัด – การทําอะไรทุกอยาง ๒๓๙ ฆราวาสเกี่ยวของกับกิน กาม เกียรติ อยางลืมตาแลว จะสอบไลผานไปได ๒๔๐
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
[๑๑] การที่ไมมีตัวกูของกู นั่นคือกูตายแลว นิพพานอยูตลอดเวลากอนที่กายจะตาย ๒๔๑ นิพพานนี้ เย็นได ๓ ระดับ : ประจวบเหมาะ, ขมบังคับจิต, และกิเลสดับ ๒๔๑ ฉะนั้นฆราวาสขอใหไดประโยชนทันตา โดยมีนิพพานทุกระดับและตามลําดับ ๒๔๒ จะใหดีตองไมเปนฆราวาสหรือบรรพชิต มีแตทําหนาที่ถูกตองก็จะดีขึ้น ๆ ๒๔๓ ทําใหชินเปนนิสัย ที่จะไมเกิดตัวกูของกู มันก็สบาย ไมมีทุกข ก็พอแลว ๒๔๓ ระวังใหเห็น กิน กาม เกียรติ เปนเพียงอุปกรณ สําหรับเราจะเหนือมัน ๒๔๔ เดี๋ยวนี้ มีแตวาเราควรทําใหสุดความสามารถ ก็เปนการถูกตองแลว ๒๔๔
๑๔. ฆราวาส กับอุดมคติโพธิสัตว โพธิสัตว เปนไดทั้งบรรพชิตและฆราวาส สวนใหญเปนฆราวาส …. ๒๔๕ “โพธิสัตว” ตามรูปศัพทหมายได ๓ : เพื่อโพธิ มีโพธิ ใชโพธิ …. ๒๔๖ “โพธิสัตว” ตามเปนจริง มีเปน ๓ : - ผูพยายามเปนพระพุทธเจา (คติเถรวาท) …. …. …. ๒๔๗ - ผูสนองพระพุทธโองการ รับใชพระพุทธเจา (คติมหายาน) …. ๒๔๗ - ผูสมาทานศีลของโพธิสัตว (คติมหายาน) …. …. …. ๒๕๐ แตอยางไรฆราวาสผูครองเรือน ก็สามารถเปนโพธิสัตวไดทั้ง ๓ ความหมาย ๒๕๑ การถือหลักเกณฑอยางนี้ ไมใหโทษ มีแตประโยชนโดยสวนเดียว …. ๒๕๒ ถาสรุปเอาเพียงความหมายใหญอันเดียว ก็คือชวยผูอื่น - เห็นแกผูอื่น ๒๕๒ ยุคปจจุบัน ภัยอันตรายรายแรงที่สุดของมนุษยคือความเห็นแกตัว …. ๒๕๓ อุดมคติโพธิสตั ว เปนของจําเปนอยางยิ่งสําหรับโลกปจจุบันโลกตองการมาก ๒๕๓ ฉะนั้นถาชอบอุดมคตินี้ จงเชื่อวาทําได เปนไดแมในเพศฆราวาส …. ๒๕๔ อุดมคติโพธิสัตว จําเปนทุกกรณีแกคนในโลก แมจะเปนนักกีฬาที่แท ๒๕๕ คนเราถามีอุดมคติโพธิสัตวมาคุมไว ครอบครัว เพื่อนบาน ประเทศชาติจะดี ๒๕๕ มหาบุรุษจริง ๆ นั้น ตองแบบโพธิสัตวในพุทธศาสนา ไมเห็นแกตัว ชวยโลก ๒๕๖
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
[๑๒] นี้เปนเรื่องที่ทุกคนตองพยายาม ธรรมชาติตองการ สถานการณตองการ ๒๕๖ บารมี ที่จะทําใหเปนโพธิสัตว มี ๑๐ : ทาน ศีล เนกขัมมะ ปญญา เปนตน ๒๕๗ ทั้ง ๑๐ นี้ อยางไหนที่ฆราวาสไมควรปฏิบัติ หรือปฏิบัติไมได? …. ๒๕๗ ปฏิบัติอยูใน ๑๐ ขอนี้ ก็ชื่อวามัชฌิมาปฏิปทา มีฆราวาสธรรมครบถวน ๒๖๐ ฉะนั้นขอใหเอาไปคิดดวยจิตใจที่อิสระ วาถามีอุดมคตินี้กันแลว โลกก็นาอยู ๒๖๑
๑๕. กําลังของฆราวาส ฆราวาสผูมีอุดมคติกวางไกล ตองมีกําลังซึ่งเปนเครื่องมือใหความสําเร็จ ๒๖๒ พื้นฐานที่จะทําใหมีกําลัง ไดแกอุดมคติ, อุดมคติเปนจุดตั้งตนของกําลัง ๒๖๓ กําลังสําหรับกอนทํา ขณะทํา และทํากรณียกิจเสร็จมี ๔ ประการ : ๑. กําลังกาย และนับเนื่องทางกาย เชนกําลังทรัพย เพื่อนฝูง ฯลฯ ๒๖๕ ๒. กําลังจิตคือสิ่งอบรมใหเกิดแกตัวจิต : ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ๒๖๕ ๓. กําลังปญญา รวมทั้งความฉลาดสามารถ ความมีศิลป ฝไมลายมือ ๒๗๑ ๔. กําลังธรรม คือกําลังความถูกตอง สําหรับควบคุม ๓ กําลังขางตน ๒๗๒ กําลังของธรรมะนี้ ขยายถึงความดีความถูกที่เคยทํา ๆ ไว …. …. …. ๒๗๓ กําลังกาย จิต ปญญา นี้เปนของเราทําเอา สวนความถูกตองเปนของธรรมชาติ ๒๗๕ การปฏิบัติในหลักสุญญตานั้นเปนกําลังฝายธรรมะ เพื่อความไมทุกข …. ๒๗๕ ตรงกันขาม ไปทําตัวนิยมวัตถุ มันเปนกําลังฝายผิดธรรมะ ฆราวาสจึงรอน ๒๗๖ ฆราวาสที่ไมทุพพลภาพตองมีกําลังธรรม ตานกิเลสที่แผดเผาผูกพัน ทิ่มแทง ๒๗๖ สรุปแลวกําลังทั้งสี่ อยูที่ “ธรรม” คําเดียว : ๑. ฆราวาสตองทําทุกทางใหมีกําลังกาย รวมทั้งหาเครื่องมือแวดลอม ๒๗๗ ๒. ฆราวาสตองอบรมใหจิตมีพลัง ดวยศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ….๒๗๗ ๓. ฆราวาสตองคุมปญญาความรูอยูในขอบเขต ไมพราจนไมรูจบ …. ๒๗๗ ๔. ฆราวาสตองประพฤติธรรมะใหสุจริต ตอจากมีอุดมคติและภักดี ๒๗๘
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
[๑๓] ไมมีทางใด ที่จะทําใหไมเพลียระอาทองาน นอกจากสรางกําลังขึ้นใหครบ ๒๗๘ ในพละทั้งหานั้น หัวเหงามีอันเดียว คือปญญาที่ถูกตอง มันจะดึงมาครบ ๒๗๙ ปญญาที่เปนความถูกตองนี้ จะเปนกําลังของฆราวาสผูเดินทางสูที่สุดทุกข ๒๘๐
๑๖. ความรอดพื้นฐานของฆราวาส เปนฆราวาสไดดี ปูพื้นอยูแลว จะไปเปนอะไร ๆ ก็เปนไดดี …. …. ๒๘๑ ฆราวาสรอดตัวได ดวยเกณฑพื้นฐาน คือวัฒนธรรมที่เนื่องมาจากศาสนา ๒๘๑ ชาวพุทธมีวัฒนธรรมของตนเอง โดยมีรกรากจากหลักธรรมพุทธศาสนา ๒๘๓ ธรรมะเปนเรื่องถูกตอง และไมจํากัด ยอมสากลแกฆราวาสไดทุกพวก ๒๘๔ วัฒนธรรมที่มีรากฐานอยูบนพุทธศาสนา อาจประมวลเปนขอ ๆ : ๑. มีความขยันขันแข็ง กลา อยูดวยการตอสูตลอดเวลา ; นี่ทําใหอยูรอด ๒๘๕ ๒. สุภาพ ออนโยน เชื่อฟงผูเฒาผูแก ; นี่ทําใหไทยอยูรอด …. ๒๘๖ ๓. กตัญู รับรูความมีบุญคุณแมสิ่งไมมีชีวิต แมอุปสรรคศัตรู …. ๒๘๘ ๔. ความมีศีลมีสัตว ถือไมเบียดเบียน ไวใจได ; นี่ทําใหไทยอยูรอด ๒๙๑ ๕. ประหยัด – สันโดษ รูจักสรางกําลังใจขึ้นหลอเลี้ยง ; นี่ทําใหไทยอยูรอด ๒๙๒ ๖. เมตตากรุณา ใจกวาง - ใจบุญ ชนิดชวยปองกันทุกขได ; นี่ทําใหอยูรอด ๒๙๕ ๗. ความอดกลั้น อดทนดวยใจแจมใส รอได - คอยได ; นี่ทําใหอยูได ๒๙๖ ๘. เปนฝายยอมได ใหอภัยได เพื่อใหอะไร ๆ มันลงกันดวยดี ไมกอปญหา ๒๙๗ ๙. ความไมตามใจกิเลส เลือกขางถูกธรรม ไมเปนทาส; นี่ทําใหไทยอยูรอด ๒๙๘ ๑๐. มีแบบฉบับในการเปนอยู ชนิดเปนของตนเอง ไมตามกนใคร …. ๒๙๙ ทั้งหมดนี้ ขอเรียกวา “วัฒนธรรมของชาวพุทธ” เปนพื้นฐานแหงความรอด ๓๐๐
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ๑๗. หายนะ ของโลกฆราวาส หายนะคือความเสื่อม ที่เปนอุปสรรคและทําลายวัฒนะ ใหดิ่งสูค วามวิบัติ หายนะของฆราวาส มีทั้งทําชีวิตใหไมกาวไป และใหตกจม ทนทรมาน
๓๐๑ ๓๐๒
[๑๔] มูลเหตุสําคัญคือโลกปจจุบันเขลาชนิดแสงสวางบังตา พราถอยสูปาเถื่อน ๓๐๕ หายนะของสถาบันฆราวาสในโลกเวลานี้ ใหดูตัวอยางที่ : ๑. มีเบียดเบียนกันพิศดาร ถือเอาไดเขาวา ทําในสิ่งไมควรทําอยางมุทะลุ ๓๐๖ ๒. จัดการศึกษาชนิดเปนเครื่องมือหาประโยชนทางวัตถุเฟอดวยหลักปรัชญา ๓๐๗ ๓. เรงชวยกันผลาญทรัพยากรธรรมชาติ มีน้ํามัน แร ไม ชีวิตสัตว ชีวิตคน ๓๐๙ ๔. เอาศาสนามาใชเปนเครื่องมือของการเมือง ลดราคาศาสนามาเพื่อวัตถุ ๓๑๒ ๕. กําลังขบถตอธรรม เห็นแกตัว ประกาศสงครามกับพระเจาตลอดเวลา ๓๑๔ แมใคร ๆ พูดไมรูเรื่อง เราก็อยากลัว ยังมีทางรอดสําหรับคนที่สามารถ ๓๑๗ ตองเขมแข็ง ไมหลงตามระบบศึกษาที่เขามีอยูนี้ จะดีมีความสุขไดสวนตัว ๓๑๘ ตองไมเปนไปตามโลกเวลานี้ ที่กําลังหลงทางและแขงขันกันอยูในดงสกปรก ๓๑๙ จงหลีกหายนะทางวิญญาณ จงกาวตามเกณฑอาศรมสี่ มีจิตสะอาด สวาง สงบ ๓๒๐
๑๘ - ๑๙. ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน ประเด็นนี้เปนเรื่องควรและจําเปนตองพิจารณา ในการแกปญหาของฆราวาส ๓๒๑ ภาวะจิตทราม คือจิตตกต่ําจนไมสมเปนมนุษย มีแตสกปรกมืดมัวเรารอน ๓๒๒ อารยธรรมปจจุบัน คือความกาวหนาทางวัตถุ เพื่อประโยชนแกเนื้อหนัง ๓๒๓ อารยธรรมแผนใหมทําใหจิตทราม ตามแง โลภะ โทสะ โมหะ : จิตทรามในแงโลภะ เปนเรื่องเนื้อหนังเฟอลน ทางลามกอนาจารฝายกาม ๓๒๕ ดูใหดี จะพบความเฟอ เกินจําเปน ที่การอยาก – แสวงหา – มีไว - และใชสอย ๓๒๖ จิตทรามเพราะทุกแหงเฟอไปดวยการยั่ว หลอก ลวงเอาประโยชนกัน ๓๒๗ กอนหนานี้ คนเรามีอารยธรรมทางศาสนาศีลธรรม เพิ่งมาบูชากันเรื่องเพศ ๓๒๘ อารยธรรมดื่มด่ําสตรีรสและเมรัย ดูไดที่กระโปรง, ที่เปลือย, ที่แกศีล ๓๒๙
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
[๑๕] จิตทรามมีทั้งทางฝายบุรุษสตรี : ฝายบุรุษมีจิตทรามลุมหลงสตรีในฐานะเปนของเลน ไมใหเกียรติเพศมารดา ๓๓๒ ฝายสตรีจิตทรามดวยลดตัวมาเปนของเลน เลือกขางงามอยางภูตผีปศาจ ๓๓๔ ระเบิดขวด รับจางรบ นายทุนงก กรรมกรบา เหลานี้ลวนแตจิตทราม … ๓๓๗ อารยธรรมโบราณเขามีแตหุมหอประดับสตรีไวในที่มีเกียรติ เก็บไวบูชา ๓๓๙ จิตทรามในแงโทสะ เปนปศาจรายกาจที่สุดของมนุษย คือเห็นแกตัว ๓๔๒ ยุคที่หาเกินจําเปนไมเปนธรรม ความคิดก็ไปทางบาปมาก แยงชิงอิจฉาริษยา ๓๔๓ ศาสนา ศิลป ปรัชญา ถูกนํามาใชลาเมืองขึ้นทางวัฒนธรรม ชีวิตคนไมมีคา ๓๔๔ เดี๋ยวนี้การฆา และเครื่องมือฆา ทําใหคนใจเปนยักษโดยไมรูสึก …. ๓๔๕ ตั้งแตจดประวัติโลกมา นั่นเปนผลของอารยธรรมแผนใหมยั่วหลอกใหฆากัน ๓๔๖ จิตทรามแงทํารายกันนี้เกิดจากการเห็นแกตัวเปนรากฐานเพราะเจริญทางวัตถุ ๓๔๗ เดี๋ยวนี้ไมเพียงรบปองกันตัวหรือแยงประโยชน รบกลัวเขาเปนเจาโลกก็มี ๓๔๗ การทะยานเปนเจาโลกคือจิตทรามทั้งแงโลภะโทสะโมหะเบียดเบียนอยางยิ่ง ๓๔๘ โลกจึงกลุมดวยมุงรายจองเวร กลายเปนอาณาจักรแหงความกลัวแกทุกฝาย ๓๕๐ จิตทรามในแงโมหะ เปนเรื่องมืดทางวิญญาณ กระทําแตที่เปนความมืด ๓๕๑ เมื่อมืดแลว มันก็พาลไปทุกอยาง คือออนทางความรูความเจริญ ทําผิดหมด ๓๕๒ ทําใหโลกไมมีพอแม ครูอาจารยไมมีคนเฒาคนแก ไมมีศาสนา ไมมีบุญบาป ๓๕๓ เรื่องบุญบาปไมรับรู จองแตประโยชนเปนวัตถุ ถือศาสนาเงิน บูชาเนื้อหนัง ๓๕๖ จิตพาลนั้น ออนทั้งปญญา ทั้งกําลัง ทั้งความคิด เรงทําในสิ่งไมจําเปน : - เชนการเปลี่ยนหัวใจ นั่นฝนธรรมชาติ ไปพยายามในสิ่งที่ไมคุม ๓๕๗ - โครงการอวกาศนั้นเพราะหวังเกียรติ ทําในสิ่งไมตองทํา ไขวกันเสีย ๓๕๘ - การคุมกําเนิดทางฟสิคสนั้นไมทําโลกใหดี สูแกทางวิญญาณไมได ๓๕๙ - การศึกษามีแตใหรูในสิ่งที่ไมจําตองรู ไปรูในสิ่งที่ทําใหเปนอันธพาล ๓๖๐ อารยธรรมแผนใหม นําไปสูความมี โลภะ โทสะ โมหะ และเพิ่มมากขึ้น ๆ ๓๖๑
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
[๑๖]
๒๐. ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน (เห็นแกตัว) จิตทรามในรูปโลภะ โทสะ โมหะ มันสรุปรวมอยูที่เพราะเห็นแกตัว ๓๖๑ คนมีการถือตัวจัดกวาสัตว เกินระดับธรรมดาที่เพียงรูจักรักตัว สงวนตัว ๓๖๔ พุทธศาสนาก็สอนในชั้นตนใหรักตัว สงวนตัว โดยทําความดีตามระเบียบ ๓๖๕ คริสตศาสนาก็กลาวถึงบาปดั้งเดิมเริ่มจุดแรกที่รูสึกวามีตัว รูจักเปนดี เปนชั่ว ๓๖๖ แตแลวหากจะพนทุกขก็ตองถายถอนความมีตัวเสีย โดยรูจักดีชั่วจนไมยึดมั่น ๓๖๗ โลกปจจุบันทําตรงขาม ไมทําลายความยึดมั่นแลว ยังศึกษากาวไปทางเพิ่ม ๓๖๘ การศึกษาทําเทคโนโลยี่ใหเปนเครื่องมือโหมไปทางมีตัวตน หาประโยชนตน ๓๖๙ ผลก็คือโลกขาดแคลนอยางราย คือขาดเครื่องชวยคนเราไมทุกขจากสิ่งที่มี ๓๗๑ สิ่งขาดแคลนที่วานี้พุทธศาสนาถือเปนธรรมะหัวใจ คือความไมเห็นแกตัว ๓๗๑ เดี๋ยวนี้คนพากันเปน “ผูดี” ชนิดจิตทราม คือมีของทิพยหมด แตตกนรก! ๓๗๒ อยูดีกินดีที่ใฝฝนกันนักนั้นไมใชอันเดียวกับ “กินอยูแตพอดี” ของพุทธเจา ๓๗๔ ดูจิตทรามได - ที่ตางก็อยากอยูกันในเมืองใหญ เต็มอัดอยูดวยเห็นแกตัว ๓๗๕ - ที่การกีฬาไมมีสะปริต กลับเพิ่มความถือเขาถือเราทั้งผูเลนผูเชียร …. ๓๗๖ - ที่การเก็บหอมรอมริบ สะสมที่ผิดทาง ทําใหตามใจตัวเอง เพื่อเนื้อหนัง ๓๗๗ - ที่การทําบุญใหทานของคนวัด ที่เห็นแกตัว ตายดาน ฝงจมอยูกับที่ ๓๗๙ - ที่เกลื่อนไปดวยปากทางที่จะตกไปสูอบาย จึงไดจมกันหมด …. ๓๗๙ นรก เปรต เดรัจฉาน อสุรกายกําลังทวมโลก เพราะสิ่งเดียว คือเห็นแกตัว ๓๘๑ คนเดี๋ยวนี้ไมตองการแก เพราะไมรูจักวาเหตุมันอยูที่ความเห็นแกตัว …. ๓๘๑ เขาไพลไปกลัวความไมยึดมั่นถือมั่น เห็นวิธีแกถูกทางนั้นเปนเรื่องบาบอไป ๓๘๒ โลกสมัยนี้ ไมชอบทางรอดอันเดียวนี้ไมกลาสอนเรื่องทําลายความเห็นแกตัว ๓๘๓ ฉะนั้นจะแกปญหาชีวิต จะตองรูจักชีวิตที่เห็นแกตัว ซึ่งกําลังบูชานี่เสียกอน ๓๘๔
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
[๑๗]
๒๑. ฆราวาส กับไสยศาสตร ยุคที่ยังพึ่งไสยศาสตร คนไมตะกละเนื้อหนัง หากแตมีขลาดเขลาโดยไมรู ฉะนั้นจิตทรามอยางปจจุบัน กับจิตต่ํายังถือไสยศาสตร ไมใชอันเดียวกัน เมื่อปลอยรูสึกคิดนึกไป ๆ ไมใชเหตุผล มันก็เกิดไสยศาสตร แตก็ยังดี คือดีที่มันหายกลัวได และยังมีประโยชนในการปกครองผูคนในยุคนั้น กลัวนั้นมาจากความอยาก แมวิทยาศาสตรทวมเพื่อตะกละเนื้อหนัง ก็ยิ่งกลัว ไสยศาสตรจึงมีอยูได ถูกอุปโลกนใหวาไมตองพิสูจน มันนอกเหนืออํานาจ ไสยศาสตรตั้งตนที่สิ่งมองไมเห็นตัว รูจักไมได มนุษยกลัว จึงตองมีไวอุนใจ เดี๋ยวนี้คนขลาดมากขึ้น จนเอาไสยศาสตรมาครอบศาสนาซึ่งเปนของถูกตอง ถาเกี่ยวของกับพุทธศาสนาโดยใหปญญานําสัทธา ก็เปนพุทธ ไมเปนไสย ไสยศาสตรอยูในรูปใหออนวอนก็มี ใหปฏิบัติตัวตามนั้นโดยไมใหเหตุผลก็มี พุทธซึ่งมีเหตุผล อาจฝากไวกับไสย เพื่อบางคนจะไดผลดี แมทําอยางงมงาย ไสยยุคตาบู พอมีประโยชน ; มาสมัยนี้หายไป เพราะคนมีไสยแบบใหม ชีวิตฆราวาสมันอยากมาก ทําใหคิดพึ่งเพราะกลัว จึงงมงายไสยศาสตรไดงาย ฉะนั้นสําหรับฆราวาสที่ยังโง ก็ใชใสยศาสตรเปนเครื่องมือ พอใหผสมผสาน สวนฆราวาสผูจะกาวไปตองเริ่มละความออนแอ : สักกายะวิจิกิจฉาสีลัพพตะ ทุกสิ่งมันไมใชดีหรือไมดีโดยสวนเดียวแมเคยพึ่งไสย มาในขั้นสูงก็ตองละ ฆราวาสที่ดีตองทําใหถูกตอง ไมใหมันครอบงํา มีสรณะอันเกษมยิ่งขึ้น ๆ
๓๘๖ ๓๘๖ ๓๘๖ ๓๘๗ ๓๘๘ ๓๘๙ ๓๘๙ ๓๙๐ ๓๙๒ ๓๙๔ ๓๙๕ ๓๙๗ ๓๙๘ ๓๙๙ ๔๐๑ ๔๐๓ ๔๐๔
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ๒๒ - ๒๓. ฆราวาส กับ พุทธศาสตร
ไสยศาสตรและพุทธศาสตรเขาเกี่ยวของกับคน นับแตใชดับทุกขชั่วขณะไป ไสย ฯเปนศาสตราตัดสิ่งไมตองการไดชั่วขณะ สวนพุทธ ฯ ตัดตนเหตุสิ่งนั้น ฆราวาสพึงเปนพุทธบริษัทแทไดมากขึ้น ๆ โดยฝนไมขลาด ใฝรูที่จะแกขลาด พระพุทธเจาใหรู เห็น เขาใจอะไรโดยเหตุผล มีความเชื่อเปนของตนเอง
๔๐๕ ๔๐๖ ๔๐๗ ๔๐๘
[๑๘] พุทธบริษัท มีหลักเกณฑตัดสิน สิ่งที่เปนปญหา : - หลักมหาปเทส ๔ ทางวินัย : เกี่ยวกับอะไรถูกอะไรควร …. - หลักมหาปเทส ๔ ทางสูตร : เกี่ยวกับธรรมที่จะรับมาปฏิบัติตาม - หลักกาลามสูตร ๑๐ : ไมใหเชื่อกอน จนกวาจะทนพิสูจน …. - หลักโคตมีสูตร ๘ : หลักเกณฑตัดสินวาอะไรผิดทาง อะไรถูกทาง พุทธบริษัท มีหลักธรรมโดยตรง คือ – หลักอนัตตา หรือสุญญตา …. - หลักกรรม ที่เปนอยางพุทธศาสนา …. …. …. …. - หลักเกี่ยวกับคําวา “เกิด” อยางพุทธศาสนา …. …. …. - หลักเหตุปจจัย หรือตัวเหตุและผลของธรรมชาติ …. …. พุทธบริษัท มีผลสุดทาย คือนิพพานในความหมายอยางพุทธ คือเย็น - เย็นของวัตถุ, เย็นของสัตว, เย็น ไมมโี ลภโกรธหลง …. …. - เย็นชั่วคราว, เย็นโดยขมไว, เย็นสิ้นกิเลสสมบูรณ …. …. เพราะฉะนั้นควรขอบใจความที่เย็นไดแมชั่วคราว เพื่อขยายไป จนถึงที่สุด
๔๑๐ ๔๑๒ ๔๑๔ ๔๑๙ ๔๒๔ ๔๓๑ ๔๓๓ ๔๓๘ ๔๔๒ ๔๔๓ ๔๔๔ ๔๔๔
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ๒๔. เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม
ครั้งนี้บรรยายสรุปและชี้เคล็ดที่จะไดเอาไปใชใหสําเร็จประโยชน …. ๔๔๕ คํา “เคล็ด” “เทคนิค” “อุบาย” ลวนเปนวิธีใหทําไดงาย สะดวก มีผลดี ๔๔๖ เคล็ดนี้ทําใหฆราวาสทั้ง ๆ ไมบวชก็ยังไดรับประโยชนทางธรรมมากได ๔๔๘ เมื่อยังบวชไมได ก็ทําเหมือนบวชอยูแลวในตัว ถือปฏิบัติมีหลัก ก็แลวกัน ๔๔๙ มีเคล็ดวาธรรมะนี้ เพื่อฆราวาสอยูในโลกโดยไมทุกข ทําทีเดียวไดถึงสอง ๔๕๐ พุทธองคระบุสุญญตาใหฆราวาสใช พรอมกันไปกับเรื่องทํามาหากิน ๔๕๒ ปฏิบัติตอกิน กาม เกียรติ พอใหรู และยังชีพเพื่อทําใหไดสิ่งดีที่สุดของมนุษย ๔๕๓ โลกพากันจมวัตถุ เคล็ดมันอยูที่ไมหลงไปกับเขา ถือความเย็นทางใจเปนใหญ ๔๕๓
[๑๙] นิพพาน ที่แทก็คือภาวะที่อายตนะเปนของเย็น เย็นที่ตา ที่หู ฯลฯ ๔๕๔ การทําใหเย็นไดในกรณีใด นั่นเปนนิพพานสวนหนึ่ง ๆ ไปเรื่อยจนกวาสูงสุด ๔๕๕ นิพพานเปนของจําเปนแกฆราวาสซึ่งชีวิตอยูในวัฏฏะ อยาแยกออกไปจากกัน ๔๕๖ เรื่องดับทุกขใจ ไมแยกเปนของพระของฆราวาส ลวนเปนเรื่องไมยึดมั่น ๔๕๘ อุดมคติโพธิสัตว สําหรับฆราวาสมากกวา บําเพ็ญจากในบานใหกวางออกๆ ๔๖๒ หลักปฏิบัติทุกขอ ฆราวาสถือปฏิบัติโดยใจความ : ใหถูก พอดี และครบถวน ๔๖๒ ตัวอยางซึ่งเปนเคล็ดที่สุดพึงถือเปนหัวใจใหได : “ตายเสียกอนตาย” ๔๖๒ “ปากอยาง ใจอยาง” ๔๖๖ เหลานี้คือมีชีวิตอยูดวยสติปญญา มองเห็นทุกอยางเปนธรรมชาติธรรมดา ๔๖๗ เกิดมานี้ก็เพื่อใหไดสิ่งดีที่สุด เปนฆราวาสที่ดีได ตองแบบพุทธบริษัท ๔๖๙
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
คํานํา ----------หนั งสื อ เรื่ อ งนี้ คื อ คํ า บรรยายที่ บ รรยายขึ้ น ไว เพื่ อ แก ไขความเข า ใจผิ ด อัน สํ า คัญ ขอ หนึ ่ง คือ ขอ ที ่ว า ฆราวาสไมต อ งสนใจธรรมะเรื ่อ งความดับ ทุ ก ข ในขั ้น เหนือ โลก, ใหข วนขวายแตเ รื ่อ งทํ า มาหากิน ใหม ากๆ และสุจ ริต เขา ไว ก็พ อแลว . คติที ่ว า ใหฆ ราวาสสนใจแตเ รื ่อ ง “โลกีย ” อยา งเดีย วนั ้น คือ คติ ที่ทําใหฆราวาสกลายเปนคนตกนรกทั้งเปนตลอดกาล. เมื่ อ มี ผู ไปทู ล ถามพระพุ ท ธองค ว า อะไรเป น ธรรมที่ เป น ไปเพื่ อ ประโยชน เกื ้อ กูล แกฆ ราวาสทั ้ง หลายตลอดกาลนาน. พระองคไ ดต รัส ตอบวา “เย เต สุต ฺต นฺต า ตถาคตภาสิต า คมฺภ ีร า คมฺภ ีร ตฺถ า โลกุต ฺต รา สฺุตปฺป ฏิส ํย ุต ฺต า = บรรดาสุต ตัน ตะทั ้ง หลายที ่ต ถาคตไดก ลา วไว เปน ของลึก มีอ รรถอัน ลึก เห นือ โลก เนื ่อ งเฉ พ าะดว ยสุญ ญ าตา” ดัง นี ้. นี ้เ ปน หลัก ที ่แ สดงวา เรื ่อ ง สุญ ญ ตาหรือ ความวา ง ซึ ่ง เปน ทั ้ง รากฐาน เปน ทั ้ง หัว ใจ และเปน ทั ้ง ยอดสุด ของพุ ท ธศาสนา แล ว แต ก รณี , นั้ น เป น ธรรมที่ เ ป น “ประโยชน เ กื้ อ กู ล ” แก ฆราวาส ตลอดกาล. ขอนี้ มีอธิบายใหเห็นไดงายๆ ดังตอไปนี้:
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คนเราจะอยู ในโลกซึ่ ง มี แ ต ค วามบ า หลั ง มากขึ้ น ทุ ก ที ๆ นั้ น จะอยู ใ ต ฝ า เท า มั น ดี ห รื อ อยู บ นศรี ษ ะมั น ดี ? โลกเต็ ม ไปด ว ยความสกปรกเศร า หมองเร า ร อ น และเปน ทุก ข, จะอยู ใ ตฝ า เทา มัน ดี หรือ ยู บ นหลัง บนบา บนศรีษ ะมัน ดี? คิ ด ดู ใ ห ดี ใ นข อ นี้ ก็ จ ะเข า ใจได ทั น ที ว า ทํ า ไมพระพุ ท ธองค จึ ง ตรั ส เช น ที่ ย กมาไว ขา งบนนั ้น , โดยเฉพาะอยา งยิ ่ง คํ า วา “โลกุต ตรา” ซึ ่ง แปลวา เหนือ โลก คนที่ ห ลงใหลในเรื่ อ ง กิ น -กาม-เกี ย รติ อย า งเป น บ า เป น หลั ง จนมี ค วามวิ ป ริ ต
[๒๑]
[๒๒] ในเรื ่อ งนี ้นั ้น ถึง อยา งเสีย ก็ค งจะฟง เรื ่อ งนี ้ไ มเ ขา ใจ ; แตค นธรรมดาสามัญ คงจะพอฟ งออกไปในทางที่ วา เราจะต องพยายามอยู เหนื อความครอบงําของโลก ให ม ากที่ สุ ด ที่ จ ะมากได ไว เสมอไป, มิ ฉ ะนั้ น เราจะมี ชี วิ ต อยู อ ย า งตกนรกทั้ งเป น ตลอดกาล. พระพุ ท ธองค ท รงหมายความว า สุ ต ตั น ตะที่ ตื้ น ๆ สนุ ก สนานเข า กั บ ความเห็ น แก ตั ว ของคนเรานั้ น ไม ส ามารถจะแก ป ญ หาตกนรกทั้ ง เป น ได . ต อ ง สุต ตัน ตะ หรือ ธรรมะที ่ล ึก พอ ที ่จ ะชว ยใหไ มอ ยู ใ ตฝ า เทา ของโลกไดเ ทา นั ้น ที ่จ ะเปน ที ่พึ ่ง ได. คํ า วา “ฆราวาส” แปลวา ครองเรือ น หมายความวา ตอ ง ตอ สู ก ับ โลก เพื ่อ เอาชนะโลกนี ้ใ หไ ดใ นวัย หนุ ม หรือ “หัว ค่ํ า ” แลว จะตอ งเอา ชนะโลกหน า ให ได ใน “วั ย ดึ ก ” แล ว ชนะโลกทั้ ง ปวงให ได ในเวลา “สว า งรุ ง ขึ้ น ” ซึ ่ง หมายถึง การอยู เ หนือ โลกนั ่น เอง. ทํ า ไดเชน นี ้ จึง จะเรีย กวา ไมเสีย ทีที ่เ กิด มาเป น มนุ ษ ย และยั ง แถมได พ บพระพุ ท ธศาสนา เพราะได รั บ สิ่ ง ที่ ดี ที่ สุ ด ที่ มนุษ ยจ ะพึง ไดร ับ อยา งครบถว นจริง ๆ. ขอใหท ุก คนเปน ฆราวาส ที ่ถ ูก ตอ ง ตามอุดมคติของฆราวาสเชนนี้ ดวยกันทุกคนเถิด.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คํ า บรรยายชุ ด นี้ มี เจตนาพิ เ ศษอยู อี ก ย า งหนึ่ ง แฝงอยู ใ นตั ว , คื อ การที่คนเราสามารถสรางความกาวหนาทางโลกกุตตรธรรม พรอมกันไปกับ การที ่เรามีค วามกา วหนา ทางโลกิย ธรรม, คือ ใหโ ลกิย ธรรมสอนความจริง เกี่ ย วกั บ โลกุ ต ตรธรรมทุ ก คราวที่ มี ค วามผิ ด พลาด ในหน า ที่ ก ารงาน หรือ ที่ เรีย ก กั น ว า ในชี ว ิ ต . เราไม โ กรธ ไม เ สี ย ใจ ไม ก ลั ว ไม เ ศร า ไม อ ะไรๆที ่ เ ลวๆ เช น นั้ น ทุ ก คราวที่ มี ค วามผิ ด พลาด, นี้ ทํ า ให เราไม ต อ งรั บ ทุ ก ข จ ากโลกิ ย ธรรม, แล วยั งแถมช วยให มี แสงสวางในเรื่องของอนิ จจัง ทุ กขั ง อนั ตตาไปเรื่อยๆ จนกวา จะเพี ย งพอในการที่ จ ะไม ต อ งมี ค วามทุ ก ข อี ก ต อ ไป. ในโลกนี้ เต็ ม ไปด ว ยสิ่ ง ที่ จ ะ
[๒๓] ทําใหเกิดความผิดพลาด, แตค วามรูเรื่องโลกุตตรธรรมจะชวยใหเราทําอะไร ไมผ ิด พลาด หรือ ผิด พลาดนอ ยที ่ส ุด . ความรู ใ นเรื ่อ งโลกุต ตรธรรมทํ า ใหรู ความพอเหมาะพอดี ไม ม ากไม น อ ย เพราะมั น เป น เรื่อ งป อ งกั น ไม ให เราทํ า อะไร ไปตามอํ า นาจของกิ เลสอย า ผลี ผ ลาม เหมื อ นที่ ทํ า กั น อยู ทั่ ว ไปตามประสาโลก. ถาทํ าอะไรผิดพลาดลงไปอยางมาก มันจะชวยใหไม ต องเสียน้ําตา, หรืออยางน อย ที ่ส ุด ก็จ ะชว ยเช็ด น้ํ า ตาให ในลัก ษณะที ่ใ ครๆจะชว ยทํ า เชน นั ้น ไมไ ด, โดย ไมตอ งใช “จิต วางอัน ธพาล” เขามาชว ยเหลือ เหมือ นที่ช อบใชห รือ ชอบพูด ถึงกันอยางพร่ําเพรื่อ ในยุคที่โลกเต็มไปดวยคนอันธพาลเชนนั้นยิ่งขึ้น. ขอให ทุ ก คนสั ง เกตดู ใ ห ดี ๆ ว า เราต อ งทํ า งานหนั ก สลั บ กั น ไปกั บ การ พั ก ผ อ นที่ เ พี ย งพอ. แต นั่ น มั น เป น เรื่ อ งทางร า งกาย หรื อ ส ว นของร า งกาย. สว นเรื่อ งทางจิต หรือ ทางวิญ ญาณนั้น โลกิย ธรรมเทา กับ การทํา งานหนัก . โลกุต ตรธรรมเท ากับ การพั กผอนของวิญ ญาณ. ถามีไมสมดุลกันแลว จะเกิด ความฉิ บ หายทางวิญ ญาณ, แม ท างรา งกายจะดู ยั งดี อ ยู เขาก็ เป น อั น ธพาลทาง ทางวิญ ญาณโดยสิ้นเชิง ; ที่ เรียกวามี อะไรดี อยูนั้ น เป นดี อยางปลอมเที ยมทั้ งนั้ น. ทุก อยา งมีแ ตค วามทุก ขท รมานใจ ไมม ีส ว นไหนที ่จ ะยกมือ ไหวต ัว เองได. เขา ตองเป นโรคภั ยไขเจ็บประจําตัว เนื่องจากความพั กผอนทางวิญ ญาณมีไม เพี ยงพอ เช น เป น โรคเส น ประสาท, วิ ก ลจริ ต , อั น พาต หรื อ ตายไปอย า งไม มี ส ติ ส มปฤดี . แมย ัง ไมเ จ็บ ไข หรือ ยัง ไมต าย, เขา ก็เ หมือ นกับ ตายแลว อยา งที ่ต รัส ไวว า “เย ปมตฺ ต า ยถา มตา -พวกที่ ป ระมาทแล ว คื อ คนตายแล ว ” นั่ น แหละ คือคนนรกโลก! ถึงแมจะเปนฆราวาสอยางไร เราก็ไมควรจะเปนคนนรกโลก.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ชีวิตคือการเดินทาง ! มันเปนการเดินทางจาการอยูภายใตความทุกข ไปอยู เหนื อ ความทุ ก ข . ไม ว า จะเป น ความทุ ก ข ช นิ ด ไหน คนเราจะต อ งไต เต า
[๒๔] จนขึ้ น ไปอยู เหนื อ ความทุ ก ข ทั้ ง นั้ น , แม ที่ สุ ด แต ค วามทุ ก ข อั น เกิ ด มาจากความ ยากจน. ฆราวาส ก็ เป น สั ต ว มี ชี วิ ต , ดั งนั้ น ก็ ต อ งเดิ น ทางกั บ เข า ด ว ยเหมื อ นกั น , เดิน อยา งไรเร็ว และดี ตอ งเดิน กัน อยา งนั ้น . ทุก คนนา จะเห็น วา การทํ า งานคือ โลกิยธรรม การพั กผอนคือโลกุตตรธรรม : นั่นแหละคือการเดินทางที่ดีที่สุด สํ า หรั บ ฆ ราวาสผู ไ ม ถ อยหลั ง แต เ ดิ น ก า วไปโดยรวดเร็ ว ประกอบไปด ว ย “ประโยชนเ กื้อ กูล แกค วามเปน ฆราวาสตลอดกาลนาน” ดั่ง ที่พ ระองคต รัส ซึ่งไดนํ ามากลาวไวแลวขางตน. คําบรรยายชุดนี้ มีความประสงคดังนี้, พยายาม จะใหฆ ราวาสพุท ธบริษ ัท เปน ฆราวาสกัน ในแบบนี ้ หรือ แบบที ่พ ระองคท รง แนะนํา. คนจะเปนฆราวาส หรือเปนบรรพชิต ก็ตองเปนชีวิตที่เปนการเดินทาง ไปข างหน า ด วยกั น ทั้ งนั้ น , ไม วา จะช า หรือ เร็ว ก็ ต าม, มิ ฉ ะนั้ น แล วก็ ห มดความ เป น มนุ ษ ย ที่ แ ปลว า สั ต ว มี ใ จสู ง , หรื อ เหล า กอของผู ที่ มี จิ ต ใจสู ง . ไม ว า จะเป น บรรพชิต หรือ ฆราวาสก็ต าม ลว นแตต อ งมีจ ิต ใจสูง ไปตามแบบ หรือ ตาม มาตรฐานของตนๆ. ถา ใหฆ ราวาสเดิน ทวนกลับ จากที ่บ รรพชิต เดิน ก็จ ะ ถอยหลัง กลับ ไปเปน สัต ว เชน สุนัข เปน ตน เทา นั้น เอง ; ขอใหล องคิด ดู ใหด ีๆ : แตถ า เกิด ตอ งการจะใหช ีว ิต ตามแบบฆราวาสเปน การเดิน ไปขา งหนา ดว ยกัน กับ บรรพชิต แลว คํ า บรรยายชุด นี ้ จะชว ยทํ า ใหก ารเดิน นั ้น งา ยขึ ้น บา ง ไมมากก็นอย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org โมกขพลาราม, ไชยา ๒๓ ตุลาคม ๒๕๑๔
ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว -๑๒๑ เมษายน ๒๕๑๓ วั น นี้ เ ป น วั น บรรยายวั น แรกของพวกเรา. ในวั น นี้ จะพูด แตเ รื ่อ งที ่เ ปน อารัม ภบท คือ เริ ่ม เรื ่อ งทั ่ว ๆ ไปสํ า หรับ จะไดเ ขา ใจเรื ่อ งเฉพาะเรื ่อ ง ที ่พ วกคุณ ตอ งการจะทราบ . จากบัน ทึก ที ่พ วกคุณ เขีย นให ผมก็ร วบรวมใจความออกมา ดู วามีเรื่องอะไรบางที่จะตองพูดกันอยางไร. ในเรื่ อ งอารั ม ภบทนี้ ก็ คื อ หั ว ข อ ที่ คุ ณ อยากจะทราบว า จะปฏิ บั ติ อยา งไรจึง จะปอ งกัน มิใ หค วามทุก ขเ กิด หรือ แกไ ขความทุก ขที่เ กิด อยู แล ว สํ า หรั บ พวกฆราวาส. การที่ ต อ งการจะทราบเรื่อ งสํ า หรับ ฆราวาส ก็ ถู ก เหมื อนกั น คือวาเราไม ได อยูเป นพระตลอดไป จะต องออกไปเป นฆราวาสจึงอยาก จะทราบในฐานะที่ จ ะแก ป ญ หาของพวกฆราวาส. แต ผ มอยากจะพู ด ไปอี ก ทาง หนึ่ งวา ไม ต อ งพู ด ถึ ง พระถึ งฆราวาสกั น ก็ ได แต ค วรพู ด ในฐานะเป น เรื่อ งทั่ วไป สําหรับมนุษย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๒
ฆราวาสธรรม
คุ ณ ต องเข าใจว า จะเป นฆราวาส หรื อจะเป นบรรพชิ ตก็ ตาม เรื่ องของ กิ เลสและความทุ ก ข นั้ น มั น เป น เรื่ อ งเดี ย วกั น อย า งเดี ย วกั น ; เพี ย งแต ว า เรื่ อ ง ของฆ ราวาสนั้ น มั น ออกจะหยาบ ๆ ต่ํ า ๆ; แต ก็ เ ป น เรื่ อ งเดี ย วกั น คื อ ว า ฆราวาสก็ต าม บรรพชิต ก็ต าม ถา จะมีค วามทุก ขแ ลว ก็มีเ พราะความ ยึด มั ่น ถือ มั ่น ดว ยกัน ทั ้ง นั ้น , คือ มาจากตัณ หาอุป าทานดว ยกัน ทั ้ง นั ้น ไมวา พระไม ว า ฆราวาส และบางที มั น ก็ เหมื อ นกั น เสี ย ด ว ย จนไม รูว า สํ า หรับ พระหรื อ ฆราวาสกั น แน เพราะว า กิ เ ลสก็ ด ี ความทุ ก ข ก ็ ด ี มั น ไม ม ี พ ระ ไม มี ฆราวาส; มันเปนเรื่องของจิตใจคน. คนนั้ น แม ว า เป น พระ ไปนึ ก คิ ด อย า งฆราวาสก็ ได ฆราวาสนึ ก คิ ด อย า งพระก็ ได บางที ก็ ต รงกั น . ยิ่ ง พระสมั ย นี้ ด ว ยแล ว ก็ มี อ ะไรที่ คิ ด นึ ก เหมื อ น ฆราวาสมาก. แตข อใหด ูเปน พิเศษตรงที ่ว า กิเ ลสนั ้น มัน เหมือ นกัน . ความ โลภ ความโกรธ ความหลง ก็ต าม, ตัณ หา อุป าทานก็ต าม, ทั ้ง ของพระ ของฆราวาส นี้ มั น เหมื อ นกั น ; มั น เกิ ด ความทุ ก ข ขึ้ น มาจากกิ เ ลสนั้ น มั น ก็ เหมือ นกัน อีก . นี ่ข อใหด ูใ นวงกวา ง ๆ อยา งนี ้ก ัน กอ น แลว ที ่จ ะไปแบง แยก เปน พ ระ เปน ฆ ราวาสนั ้น เปน เรื ่อ งเล็ก นอ ย. เมื ่อ พูด ถึง ความทุก ขแ ลว ก็ แ ทบจะเหมื อ นกั น เลย เพราะฉะนั้ น เราพู ด กั น ถึ ง เรื่ อ งของมนุ ษ ย หรื อ ของคน รวม ๆ กันไปดีกวา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สํ าหรั บป ญ หาที่ ถามว า จะป องกั นความทุ กข และแก ไขความทุ กข กั น อย า งไร ? เราจะไม พู ด กั น โดยรายละเอี ย ด จะพู ด กั น โดยหลั ก กว า ง ๆ อย า งที่ เรียกวา อารัมภกถา ดังที่กลาวแลว. แตวาก็เปนการตอบปญหาที่ตรงเหมือนกัน.
เกี่ ยวกั บข อนี้ ก็ อยากจะพู ดเป นหลั กไวก อ นว า ชี วิ ต ของคนเรานี้ ต อ ง เที ย มด วยควายสองตั ว , เปรีย บเหมื อนการไถนาด วยควาย คนไทยเราใชควาย
ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว
๓
ไถนา ก็ เลยเอาเรื่องควายไถนานี้ มาพู ด เหมื อนกั บเป น symbollc ช วยความจํ า ให แม น ยํ า วา ชี วิต ของคนเราต อ งเที ย มด วยควายสองตั ว นั่ น แหละจึงจะดั บ ทุกขที่เกิดอยูได และปองกันความทุกขที่ยังไมเกิดได. ผมอยากจะเล าเรื่ อ งควายที่ ไถนา เพราะว าพวกคุ ณ เป น เด็ ก ๆ ไม รู เรื่อ งนี้ และยิ่ งนั บ วั น จะไม รู. ผมเกิ ด ก อ นคุ ณ ในสมั ย ที่ เห็ น เขาไถนาด ว ยควาย สองตั ว เดี๋ ยวนี้ เขาไถตั วเดี ย ว หรือ บางที ก็ ใชเครื่อ งจัก รไปเสี ย เลย. ปู ย าตายาย ของเราไถนาด วยควายสองตั ว และอย าไปเขาใจวา ควายสองตัวนี้ มั นเป นควาย เหมื อ นกั น . ควายตั ว หนึ่ ง ฉลาด ตั ว เล็ ก ก็ ไ ด ผ อมก็ ไ ด ไม ค อ ยมี แ รง แต ตั ว นี้ ฉลาด เขาเรีย กมัน วา “ควายตัว ตน ” แลว ควายอีก ตัว หนึ ่ง แข็ง แรงตัว ใหญ เขาเรีย กวา “ควายตัว ปลาย.” ที ่เ จา ของเคาะไมเ รีย ว หรือ วา พูด อะไรดัง ลั ่น อยูในทุ งนานั้ น เขาพู ด กั บ ควายตั วที่ ห นึ่ งทั้ งนั้ น , ภาษาพู ด นั้ นเขาใชกับ ควายตั ว ที ่ห นึ ่ง ทั ้ง นั ้น . ควายตัว ที ่ส องหูห นวกก็ไ ด คือ ไมต อ งรับ ฟง คํ า พูด นั ้น , เมื ่อ เขาพู ด ว า ซ า ย หรือ ขวานั้ น เขาบอกให ค วายตั ว ที่ ห นึ่ งเบี ย ดไปทางซ า ย หรือ เบีย ดไปทางขวา. สว นตัว ที ่ส องมัน โง ใหค วายตัว ที ่ห นึ ่ง หยุด บอกใหห ยุด ควายตัวที่สองก็ยังเดินเรื่อย เพราะฉะนั้น มันก็เลี้ยวได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่ แหละให รูไววา ควายนั้ นไม ได ทํ าหน าที่ เหมื อนกั นทั้ งสองตั ว ไม ได ฟ ง คํ า สั่ ง ที เดี ย วพร อ มกั น ทั้ ง สองตั ว . ตั ว ต น เป น ควายที่ ฉ ลาด เรี ย กว า “ตั ว รู ” (ความรู ), ตัว ที ่ส องแข็ง แรง เรีย กวา “ตัว แรง” (หรือ ตัว มีแ รง). ฉะนั ้น จะเห็ น ว า ตั ว หนึ่ ง มั น ฝากแรงไว กั บ อี ก ตั ว หนึ่ ง การไถนาก็ เป น ไปได จ นสํ า เร็ จ . เราก็ แ ยกออกไปได ว า ตั ว หนึ่ ง เป น ตั ว รู อี ก ตั ว หนึ่ ง เป น ตั ว แรง. การไถนา ประกอบอยูดวยลักษณะอยางนี้ แลวก็ดีมาก.
ชีวิตของคนเรา ก็ตองเทียมดวยควายสองตัวเหมือนกัน. คือตัว หนึ่งรู และตัวหนึ่งแรง. ตัวหนึ่งคือความรู ตัวหนึ่งคือกําลัง ถาชีวิตไหน
๔
ฆราวาสธรรม
เทียมดวยควายแตตัวเดียว มันก็มีปญ หา. ถาเผอิญ วา มันไมเทีย มดวยควาย เพียงตัวเดียว คือตัวมีแรง มีกําลัง และขาดตัวที่รูแลว ชีวิตนั้นอันตรายมาก. กลายเปน อันตรายมาก. แต ถาเผอิญ วามีแตตัวเดี ยวคือ ตัวที่เป นตัวรู ไมมี ตัวที่ เป นแรง นี้ ยั งไม อัน ตราย แต วามั น ทํ าอะไรได น อ ยหน อ ย; แต ถึงอย างนั้ น มั น ก็ ปลอดภั ย ถ า ชี วิ ต นี้ มั น เที ย มด ว ยควายตั ว ต น ตั ว เดี ย ว คื อ มี ค วามรู มั น ก็ ยั ง ปลอดภั ย ไปได ช า ๆ หรื อ พอเหมาะพอดี ก็ ไ ด . แต ถ า มั น เผอิ ญ ไปเที ย มด ว ย ควายตัว ที ่ส อง คือ ตัว มีแ รงเพีย งตัว เดีย ว มัน ก็อ ัน ตราย ระวัง ใหด ี; และก็ ไดแกพวกคุณทั้งหมดนี่เอง ที่กําลังมีควายเพียงตัวเดียว แลวก็มีควายตัวแรงนั้น ; และก็ไดแกคนในโลกทั้งหมดสวนมากในเวลานี้ดวย. ในที่นี้จะชี้ใหเห็นชัดลงไปอีกวา ชาวตะวันออกเรา รุมรวยไปดวยความ สวางไสวทางวิญ ญาณ คุ ณ แปลเองก็ ได วา Spiritual-Enlightenment นี้ คื อสมบั ติ ของทางฝายตะวันออก เปนความรุงเรืองสวางไสวแจมแจงในทางฝายวิญญาณ. คุณจะเห็นไดวา ศาสนาทุกศาสนานั้นเกิดในทางตะวันออก: ศาสนาคริสเตียนเกิด ในปาเลสไตน ก็ เป น แดนตะวัน ออก ; ศาสนาพุ ท ธ ศาสนาพราหมณ ศาสนา เล า จื๊ อ ขงจื๊ อ โซโรอั ส เตอร อะไรก็ ต าม มั น ตะวั น ออกทั้ ง นั้ น . ดั ง นั้ น ตะวั น ออกจึงรุงเรืองไปดวยความสวางไสวทางวิญญาณ. พวกตะวันตกมีแตความรูเรื่อง ปากเรื่องทอง เดี๋ยวนี้มีวิวัฒนาการมากจนเรียกวา เทคโนโลยี ที่พวกคุณกําลังบูชา กัน อยู . พวกฝรั่งเขาบู ช าเทคโนโลยี่ หายใจเป น เทคโนโลยี่ ก็ คื อ เรื่อ งปากเรื่อ ง ทอ ง, ความสวา งไสวทางวิญ ญาณหายไปหมด. ที ่เคยนับ ถือ ศาสนากัน บา ง ก็ละทิ้งหมด เขาวา พระเจาตายแลวเดี๋ยวนี้, เดี๋ยวนี้ไมตองถืออะไร พวกฝรั่ง ก็เหลื อ แต เทคโนโลยี่ . พวกฝรั่งมี แ ต เทคโนโลยี่ นี่ ฟ งดู ให ดี คื อ มั น มี แ ต ค วาย ตั วที่ ส อง ซึ่ งมี แ ต เรี่ย วแรง จะบั น ดาลอะไรก็ ได ไปโลกพระจั น ทรก็ ได หรือ จะ เอาเรื่องปากเรื่องทองกันเทาไรก็ได เกี่ยวกับเทคโนโลยี่ ซึ่งมันเจริญมาก แตแลว มันไมมีความสวางไสวทางวิญญาณคือ Spiritual - Enlightenment.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว
๕
นี่แหละ ดูขอนี้ใหเขาใจกันกอน มิฉะนั้นเราจะไมรูอะไรอีกมากมาย และขอสําคัญก็คือไมรูวา โลกนี้กําลังเปนอยางไร. โลกนี้กําลังนารื่นรมยหรือไม นาบูชาหรือไม คุณลองไปคิดดูเอาเอง มันเลวลงทุกที มันสกปรกลงทุกที. อยาง เรื่องเล็ก ๆ นอย ๆ เชนวา แตกอนนี้ประชาชนแถวนี้ รอน ๆ อยางนี้ก็นอนบน แครใตถุนเรือนได สบายจนสวางเลย; เดี๋ยวนี้ไมกลานอน เพราะมีคนมายิงตาย นอนอยูบนเรือนซึ่งปดประตูหนาตางแลว ก็ยังไมปลอดภัย. เมื่อกอนนี้เขานอน ใตถุนบนแครตากลมจนสวางได. ทีนี้คุณดูที่กรุงเทพ ฯ ปลนจี้ อนาจารกลางวัน แสก ๆทั้งนั้น เดี๋ยวนี้กําลังลักพาหญิงไปหาประโยชน. ยิ่งดูเมืองนอกมันก็ยิ่งกวา กรุงเทพ ฯคดีลามกอนาจารในบางประเทศมีอยูทุกหนึ่งวินาที ผมเคยพบหนังสือ ขา วแบบนั้น . อยา งนี้ไมเคยมีใ นสมัย โบราณ นั่น แหละคือ ผลของเทคโนโลยี่ ซึ่งมีแตใหเอร็ดอรอยทางปาก ทางทอง ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น หรือ วา จะเอาอะไรก็ไ ดใ นทางฝา ยวัต ถุ ; ไปโลกพระจัน ทรก็ไ ด จะทํา อะไรก็ไ ด, แตความสวางไสวทางวิญญาณมันไมมี จนไมรูวา เกิดมาทําไม.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฝายตะวันออกเรา พวกเรานี้ มั นมี Spiritual - Enlightenment ความ สวางไสวทางวิญญาณ เปนมรดกตกทอดกันมานมนานแลวก็คอยๆจางไปเลือน ไปในเวลานี้ เพราะไปตามกนฝรั่ง ซึ่งมี ให แต เทคโนโลยี่อ ยางเดี ยว. คุ ณ ไปดู พวกฝรั่ง เขามี ให เราแต เพี ย งเทคโนโลยี่ อ ย า งเดี ย ว; ส ว นเรามี ส มบั ติ เดิ ม คื อ spiritual - enlightenment เหลือเฟอ คือเคยผาสุกสบายเยือกเย็นทางจิตทางใจ แมไมมีรถยนตขี่ ไมมีเรือบินขี่ ไมมีอะไร ก็ยังมีความสงบสุขตามแบบของมนุษย. ทีนี้ พอไปเกี่ยวของกับฝรั่งไปตามกนฝรั่ง ก็คอย ๆ ไปเมาในผลของเทคโนโลยี่ ก็สลัดละทิ้ง spiritual - enlightenment มรดกดั้งเดิม กําลังตามกนฝรั่ง. พวกคุณ ก็คือพวกที่กําลังจะไปตามกนฝรั่ง : คุณเรียนตามความนิยมของพวกฝรั่ง ครูบา อาจารยก็เปนฝรั่ง, จะไปเมืองนอกเมืองนา ไปหาวิชาความรู ผลสุดทายก็ไป หอบเอาเทคโนโลยี่แขนงใดแขนงหนึ่งมา.
๖
ฆราวาสธรรม
คุณต องดู ให ดี วา เดี๋ ยวนี้ ศาสตร (science) ทั้ งหลายที่ เป นพื้ นฐานนั้ น มัน ถูก กวาดไปเปน ทาส เปน ขี ้ข า ของเทคโนโลยี ่ห มด, จะเปน คณิต ศาสตร วิท ยาศาสตร อะไรศาสตร ก็ ต าม. มั น เอาไปเป นทาสของเทคโนโลยี่ห มด คื อ มัน มุ ง หมายที ่จ ะใชเพื ่อ เทคโนโลยี ่แ ตอ ยา งเดีย ว. ถา เปน สมัย กอ นศาสตรๆ เหลานี้เขาจะเอาไปใชในทางความรูทางวิญญาณ หรือความสวางไสวทางวิญญาณ ก็ ไ ด ใช กั น ทั้ ง สองฝ า ยก็ ไ ด . เดี๋ ย วนี้ คุ ณ จะเรี ย นหนั ง สื อ เรี ย นอั ก ษรศาสตร วิท ยาศาสตร หรือ อะไรศาสตรก ็ต าม มัน ไปเปน ทาสของเทคโนโลยี ่ห มด. ผมพูด จริง หรือไมจริง ก็เอาไปคิดดู เองก็แลวกัน วา ศาสตรทั้งหลายที่ม นุษ ย กํ า ลั งเรีย นกั น อยู ในโลกนี้ เรี ย นเพื่ อ จะไปเป น เครื่ อ งมื อ หรือ เป น อุ ป กรณ ข อง เทคโนโลยี่, ไมเคยนําไปใชเปน อุปกรณ ของความสวางไสวทางวิญญาณ ซึ่งเปน มรดกของตะวันออก. ปูยา ตายาย ของเราไมเคยประสบความทุกข หรือปญหา ยุงยากทางศีลธรรม หรือทางอะไรเหลานั้น ก็เพราะวาเขายึดหลักในทางความสวาง ไสวทางวิญ ญาณ คือ พระธรรม หรือศาสนา. แตแลวก็มิใชวา เขาจะไมมีแ รง. เขาก็ มี วิ ช าความรู เรื่ อ งการทํ า มาหากิ น เรื่ อ งประดิ ษ ฐ เรื่ อ งอะไรเหมื อ นกั น แต วาพอสมควรเท านั้ น ; เพราะวาเขาไม ตอ งการที่ จะไปโลกพระจัน ทร หรือ วา ไมต อ งการที ่จ ะทํ า อะไรมากกวา ที ่จํ า เปน ; โดยที ่เ ขาถือ พระพุท ธภาษิต ที ่ว า “อติโ ลโภ หิ ปาปโก” คือ โลภเกิน นั้น ลามก. อติโ ลโภ แปลวา โลภเกิน , หิ-ก็, ปาปโก-ลามก, - โลภเกินก็ลามก.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พวกที่เปนทาสของเทคโนโลยี่นั้น โลภ ไมมีขอบเขต ตองการจะมีวัตถุ อุปกรณใชสอยฟุมเฟอยไมมีขอบเขต, ตองการจะไปโลกพระจันทร โลกพระอังคาร โลกอะไรอี ก กี่ โ ลก ก็ ต ามใจ ไม มี ข อบเขต. นี่ มั น เข า บทพระพุ ท ธภาษิ ต ที่ ว า “โลภ เกิ น นั ้ น ลามก”. ลามกก็ ค ื อ เป น ทุ ก ข ระล่ํ า สะสายไปทั ้ ง โลก คุ ณ ไปค น เถอะจะพบว า ที่ ทํ า สงครามกั น อยู ที่ นั่ น ที่ นี่ ทุ ก หั ว ระแหงในโลกนี้
ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว
๗
มั นมาจากโลภเกิ นทั้ งนั้ น. จะเป นคนชาติ ไหนก็ ตามใจ ที่ เป นคู สงคราม และทํ า สงครามกันอยู ก็เพราะความโลภเกินทั้งนั้น. ขอให รูวา ศาสนาทุ กศาสนาเขาถื อหลั กเดี ยวกันหมด : โลภเกินนั้ น ลามก ; เพีย งแตเ ขาไมไ ดพ ูด ไวช ัด เหมือ นของเรานี ้ ; ของเรามีช ัด อยู ว า : อติโ ลโภ - โลภเกิน , หิ - ก็, ปาปโก - ลามก. ในศาสนาคริส เตีย นก็ม ีวา : ถาแสวงหาหรือมีไวเกินจําเปนนั้น เปนบาป เปน sinful คือมีบาป ;เพราะคนที่ แสวงหาหรื อ โลภเกิ น นั้ น มั น ต อ งทํา ให ค นอื่ น เดื อ ดร อ นมาก แล ว ตัว เองก็มีค วามทุก ขเกิน กวาที่ค วรจะเปน ; ฉะนั้น จึง ใหแสวงหา หรือ มีไว แต เพี ยงพอเหมาะพอดี, เท าไรก็ตามใจเถิ ด พู ดไม ถูก พอเหมาะ พอดี , ให ม ัน พอดี อยา ใหม ัน เกิน . ในศาสนาไหน ๆ ก็เหมือ นกัน จะสอนในลัก ษณะที่วา ให แสวงหา หรือมี ไว เท าที่ มั นพอเหมาะพอดี นอกนั้ น มั น ไม จํ าเป น เพราะมั น เปนเรื่องกอใหเกิดความทุกข จึงวาลามก.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ เราก็มีความรูหรือแสงสวาง ในเรื่องฝายวิญญาณ ก็รูวา โลภเกิน นี้ล ามก. ฉะนั้น ปูยา ตายายของเราไมเคยโลภเกิน . โลภพอดี. ฝา ยพวกฝรั่ง มาเห็ นเขา ก็ วา อย างนี้ ขี้เกี ยจ อย างนี้ ถอยหลั ง. เราก็ เกิดไปเข าใจผิ ดตามเขา เลยลูกหลานของตายาย ก็พลอยไปโลภเกินเหมือนพวกฝรั่ง ; จะเอร็ดอรอยทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย กันอยางไมมีที่สิ้นสุด. นั่นแหละดูใหดีวา ปูยา ตายายของเรานั้ น มี ค วาย ๒ ตั ว เที ย มชี วิ ต . Spiritual - Enlightenment นี้ รั บ มรดกตกทอดกันมาเรื่อย, แลวก็มีการทํามาหากิน กสิกรรม เกษตรกรรมอะไร เขาก็ ทํ าได , แล วก็ พ อเหมาะพอดี ที่ ม นุ ษ ย ค นหนึ่ งจะมี ค วามสุ ข , คนทั้ งโลกก็ มี ความสุข ; ตางคนตางพอใจถึงขนาดวานอนตากลมบนแครใตถุนเรือนไดจนสวาง ไมมีใครมาลอบยิง. นี่คือวัฒนธรรมประจําชาติที่แสนประเสริฐของพวกเราชาวไทย
๘
ฆราวาสธรรม
คื อวั ฒนธรรมแห งการที่ ชี วิตนี้ เที ยมอยู ด วยควายสองตั ว.Spiritual – Enlightenment คือ ควายตัว รู, แลว ก็ วิช าทํ า มาหากิน เทคโนโลยี ่ข นาดนอ ย ๆ ตามที ่เขา จะทําไดนี้ เปนควายตัวที่สอง ตัวแรง ; ชีวิตนี้เทียมดวยควายสองตัว พอเหมาะ พอดี ; อยางนี้ก็เลยสบาย. พวกฝรั่ งนั้ น เผลอตั ว ตกไปเป น ทาสของวั ต ถุ มั น จึ งก าวหน าพรวด พราด ๆ ไปทางเทคโนโลยี่ มีแตควายตัวที่สอง ดําทะมึนสูงกวาภูเขา, มันเปน ควายขนาดยั ก ษ ใหญ ก วา ภู เขา และมี ค วายตั ว เดี ย วเท า นี้ ; ส ว นตั วที่ จ ะเป น Spiritual – Enlightenment นั้ นไม มี ; นี่ มั นผิ ดกั นกั บ ปู ย าตายายของเราอย างนี้ . ลูกหลานจะเอาขางไหนก็ตามใจใครวาใครไมได ; เพราะวา เราเชิดชูประชาธิปไตย จะเอาอยางไหนก็ได : จะเลือกเอาควายตัวเดียวอยางฝรั่งก็ได หรือควายสองตัว อย า งปู ย า ตายายก็ ได : แต ผ มกํ า ลั งบอกพวกคุ ณ ว า ปู ย า ตายาย ท านไม มี ปญหาอยางที่คุณถาม ที่วาจะปองกันความทุกขอยางไร ? จะแกความทุกขที่เกิดแลว อย า งไร ? เช น นี้ เขาไม มี ป ญ หาอย า งนื้ ; เพราะว า เขามี เครื่ อ งรางศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ปองกันอยูแลวในตัว คือ ชีวิตที่มีควายสองตัวนั่นแหละมันเปนเครื่องราง ป องกั นอยู แล ว ไม ให เกิ ดความทุ กข ไม ยุ งยากลํ าบาก ลามกอนาจาร เหมื อ น ลูกหลานสมัยนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่แหละคืออารัมภกถา คุณฟงดูใหดี บอกใหทราบถึงตนเหตุ มูลเหตุ ของปญหายุงยากสมัยนี้, ปูยา ตายาย ไมเคยมีปญหานี้ เพราะมีวัฒนธรรมไทยที่ ถู กต อง เป นเครื่องรางป องกั นไว. มั นมี มากมายเหลื อเกิ น เกี่ ยวกั บรองรอยต าง ๆ ของวัฒนธรรมอั นสูงสุดทางฝ ายวิญญาณ ที่ อยู ในผื นแผ นดิ นไทยนี้ ; แม ที่ สุดแต บทกลอ มลูก ใหน อน เรื่อ งมะพรา วนาฬิเกร ที ่ไ ดส รา งสระเปน อนุส าวรีย ไ วที่ ตรงนั้ น ; นั้ นก็ เป นซากหรือรองรอยของการที่ มนุ ษย มี วัฒ นธรรมสู ง ในทางฝ าย
ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว
๙
Spiritual - Enlightenment. พวกคุ ณ เองเสี ย อี ก จะยั งไม รู ว า “มะพร า วนาฬิ เกร กลางทะเลขี้ผึ้ง” นั้นเปนอยางไร ? เรื่องนี้เขาเคยรูกันมาตั้งพันกวาปแลว สมัยที่ พระพุทธศาสนายังรุงเรืองอยูในถิ่นนี้. นี้แหละมาทิ้งของดี ๆ ไปอยางนาใจหาย หรือวามันหมุนกลับไปสูทางมืดมัว ทางมืดมน. พวกเราจะสามารถมี ชี วิ ตชนิ ดที่ เที ยมด วยควายทั้ งสองตั ว หรือไม นั่นแหละคือตัวป ญ หา. สําหรับ เรื่องทฤษฎีนั้นมันก็หมดกันไปแลว วา มันตอ ง เที ยมด วยควายสองตั วแน ; แต ที นี้ ป ญ หามั นเหลื ออยู ในทางปฏิ บั ติ วา เราจะ สามารถทํา ไดห รือ ไม ในการที่จ ะใหชีวิต นี้ มัน เทีย มดว ยควายสองตัว โลกปจจุบันมันหมุนไปแตในทางที่จะมีควายตัวเดียวคือเทคโนโลยี่. ทีนี้ พวกคุณก็จะถามขึ้นวา วิชาความรูนี้มันไมใชความรูดอกหรือ ? ผมก็ย อมรับ วา มัน เปน ความรู แตมัน ไมรูเรื่อ งที่ควรจะรู, และมัน รูผิด ในเรื่อ ง ที่ ค วรจะรู คื อ รูผิ ด เช น เห็ น ไปวา Spiritual - Enlightenment นี้ เป น ของครึค ระ ล า สมั ย . นั ก เรี ย นมหาวิ ท ยาลั ย จะเห็ น ว า ธรรมะ หรื อ ศาสนานี้ ล าสมั ย , พวก ฝรั่งเทานั้นที่ทันสมัย แลวก็เฮไปตามกนเขา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org แต อยาลืมวาเดี๋ยวนี้ พวกฝรั่งบางคน หรือสวนน อย เขาลื มตาขึ้นมา เขากลับมองเห็นวาตะวันออกนี้มีของประเสริฐวิเศษ จึงมาตะวันออก มาแสวงหา สิ่งวิเศษนี้ คือมาเรียนศาสนาของตะวันออก ที่ เป นตัวศาสนาจริง ๆ ที่ ไม ใชเป น แต เพี ยงปรัชญาเพ อเจ อ. ที่ พวกฝรั่งเอาไปสอนกั นในมหาวิ ทยาลั ยอั งกฤษ หรื อ อเมริก า อะไรก็ ต าม เขาสอนพุ ท ธศาสนาในลั กษณะที่ เป น ปรัช ญา แล วก็ เป น ปรัชญาเพ อเจอ ; ไมไดส อนวิธีป ฏิ บั ติที่เป นตัวพระศาสนา. ถาสอนวิธีป ฏิ บัติ ที่ เปนตัวศาสนา ก็ควรสอนเรื่องที่วาทําอยางไรจึงจะควบคุม ตา หู จมูก ลิ้น กาย
๑๐
ฆราวาสธรรม
ใจ หกอยา งนี ้ไ วไ ด ใหอ ยู ใ นอํ า นาจของเรา ; เมื ่อ มัน ไดร ับ อารมณค ือ รูป เสีย ง กลิ ่น รส สัม ผัส แลว มัน จะไมป รุง แตง ใหเ กิด ตัณ หาอุป าทานนั ้น ; ต อ งฝ ก ฝนอย า งนั้ น จึ ง จะเป น ตั ว ศาสนา. แต เ ขากลั บ เอาไปพู ด กั น ในเรื่ อ ง ทฤษฎีนั ่น ทฤษฎีนี ่ แมแ ตเ รื ่อ งนิพ พาน เรื ่อ งอนัต ตา สุญ ญตา อะไรก็ต าม เอาไปพูด อยา งทฤษฎีเปน ปรัช ญาไปหมด. สอนอยา งนี ้ ใหส อนกัน จนตายอีก กี่ ชาติ ก็ ไม อ าจเข าถึ งตั วพุ ท ธศาสนา มั น เป น ปรั ชญาเพ อ เจ อ อยู อ ย างนั้ น แหละ. พวกฝรั่ ง ที่ ฉ ลาดบางคนเขาจึ ง อุ ต ส า ห ม าทางบ า นเรา ศึ ก ษาวิ ธี ป ฏิ บั ติ ที่ เรี ย กว า “กั มมั ฏฐาน วิ ป สสนา” คื อให รู ว าทํ าอย างไร เราจึ งจะชนะ ตา หู จมู ก ลิ้ น กาย ใจ ของเราได ; นี่แหละคือตัวศาสนา. ทางโนน เขามัว สอนกัน แตเ รื ่อ งในรูป ของปรัช ญา เปรีย บเทีย บกับ ปรัชญานั้ น เปรียบเที ยบกั บปรัชญานี้ ตั้ งเหตุ ผลทาง logic ว า ทํ าไมเป นอย างนั้ น ทํ า ไมเป น อย า งนี้ . ตอบได ชั้ น หนึ่ ง แล ว ก็ ยั ง ถามว า ทํ า ไมจึ ง เป น อย า งนั้ น อี ก , ตอบได แ ล ว ก็ ยั ง ถามอี ก ว า ทํ า ไมจึ ง เป น อย า งนั้ น อี ก ;นี้ เป น ปรั ช ญาเพ อ เจ อ . พระพุ ท ธเจ า ท า นไม ต อ งการให รู เกิ น กว า จํ า เป น ที่ จ ะต อ งรู เช น ว า เราจะดั บ ทุ ก ข ก็ ต องรูเท าที่ จะดั บ ทุ กข ; ไม ต อ งถามว า ทํ าไมต อ งเป น อย างนั้ น ? ทํ าไมต อ งเป น อย า งนั้ น อี ก ? เป น ชาวนาก็ รู แ ต เพี ย งว า เอาดิ น อย า งนี้ ม าทํ า ปุ ย ต น ไม ก็ ง าม เมื่ อ ปลู ก ต น ไม ได ง าม ได กิ น ผล ; ไม ต อ งรู ว า ทํ า ไมจึ ง เป น อย า งนั้ น , ทํ า ไมดิ น นั ้น จึง เปน อยา งนั ้น , ทํ า ไมธาตุนั ้น จึง ประกอบเปน ดิน อยา งนี ้ ; ไมต อ งรู ขืน รู ก็เปนเรื่องเพอเจอ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เดี๋ ยวนี้ เรามั น ไปรู ส วนเพ อ เจ อ จึ งอยู ในสภาพที่ ว าความรู ท วมหั วเอา ตั ว ไม ร อด ; เรื่ อ งเล็ ก เรื่ อ งใหญ เรื่ อ งสู ง สุ ด เรื่ อ งอะไรก็ ต าม มั น เป น ไปในรู ป “ความรู ท ว มหั ว เอาตั ว ไม ร อด”, อย า งนี้ ผ มเรี ย กว า ปรั ช ญ าเพ อ เจ อ . พวก
ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว
๑๑
ฝรั่งกํ าลั งเรียน กํ าลั งสอนพุ ทธศาสนากั นอยู ตามมหาวิทยาลั ยต าง ๆ ในต างประเทศ มัน ไมใ ชต ัว พุท ธศาสนา, คือ มัน ไมใ ชต ัว ศาสนา ไมใ ชต ัว religion : แตม ัน เป น ตั ว Philosophy หรื อ เป น logic เป น อะไรไปตามเรื่ อ ง. ฉะนั้ น แม จ ะรู จ น ท ว มหั ว รู จ นหาบกั น ไม ไ หวหรื อ อะไรก็ ต าม มั น ไม มี ป ระโยชน อ ะไร ; สู ปู ย า ตายายของเราที่ มี ค วายสองตั ว เล็ ก ๆ เที ย มอยู ใ นชี วิ ต ไม ไ ด : ความรู ก็ รู เทาที่จะตองรู, เรี่ยวแรงก็มีเทาที่จะตองมี, แลวชีวิตนี้ก็เปนผาสุก. นี่ คุ ณ ระวั งให ดี คุ ณ อย าเข า ไปหลงแต ค วายตั ว ใหญ ไม รู ที่ สิ้ น สุ ด แต เพี ยงตั วเดี ยว. คุ ณ จะมี เรี่ยวมี แรงในการแสวงหาอะไรมาบํ ารุงบํ าเรอ ตา หู จมู ก ลิ้ น กาย ใจ ด ว ยเรื่ อ งกิ น เรื่ อ งกาม เรื่ อ งเกี ย รติ เรื่ อ งประสบความสํ า เร็ จ ใน หน าที่ การงาน แต เรื่องทางวิ ญ ญาณไม มี . อย างนั้ นมั นก็ ก อหวอดขึ้ นแล วในมหาวิ ท ยาลั ย ของพวกคุ ณ : มี ตี มี ฆ า มี อ ะไรกั น ในมหาวิ ท ยาลั ย , มี ท ะเลาะวิ ว าท กั น ในมหาวิ ท ยาลั ย ซึ่ ง เมื่ อ ก อ นนี้ ไ ม เคยมี ใ นสถาบั น อย า งนี้ เดี๋ ย วนี้ มั น มี แ ล ว . มั น ก็ มี เชื้ อ โรคมาจากการที่ นิ ย มแต เพี ย งควายดํ าเมื่ อ มตั วใหญ นั้ น ตั วเดี ย ว ; ไม มี ควายตั ว ที่ สํ า คั ญ ตั ว ต น คื อ ความรู ว า ชี วิ ต นี้ คื อ อะไร ? ชี วิ ต ของคนเรานี้ มี วั ต ถุ ประสงค อ ย า งไร ? ความรู อ ย า งนี้ ไม มี ; ซึ่ ง คุ ณ ก็ เห็ น อยู ก็ ป ระจั ก ษ อ ยู ใ นจิ ต ใจ ของคุ ณ เองแล วว า ในมหาวิ ท ยาลั ยไม มี ก ารสอนว า ชี วิ ต นี้ คื อ อะไรในแง ของฝ า ย Spiritual - Enlightenment. เขาสอนทาง Biology ทางอะไรไปก็ ไ ด แต มั น ก็ ไ ม มี ประโยชน อ ะไรเลย มั น ก็ เท า กั บ ไม รูห รือ รูผิ ด อยู เรื่อ ยไป ; ไม มี ก ารสอนว า เกิ ด มา ทํ า ไม ? ผมไม เห็ น มี ม หาวิ ท ยาลั ย ไหน โรงเรี ย นไหน ที่ ส อนเรื่อ งคนเรานี้ เกิ ด มา ทํ า ไม ? เขาสอนวิ ช าสารพั ด อย า ง สอนเทคนิ ค ต า ง ๆ นั่ น แหละคื อ ไม มี ค วาย ตัวที่หนึ่ง ซึ่งเปนตัวรู, มีแตตัวแรง มันเปนเสียอยางนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org วิ ชาความรู ที่ คุ ณ มี กั น เกื อ บจะท วมหั วอยู แ ล วนี้ มั น เป น เรื่ อ งของการ คลํ า ไปหมด, เที่ ย วคว า เที่ ย วคลํ า ไปหมด ; เพราะคุ ณ ไม รู ใ นข อ ที่ ว า เกิ ด มา
๑๒
ฆราวาสธรรม
ทํ า ไม เห็ น ไหม ? เดี๋ ย วนี้ คุ ณ ไม รู อ ย า งกระจ า งแจ ง ในข อ ที่ ว า เกิ ด มาทํ า ไม ? ฉะนั้นวิชาความรูที่คุณ มีอยูทั้งหมด มันก็เปนเรื่องคลํา ๆ - คลํา ๆ - คลํา ๆ ไมมี ที ่สิ ้น สุด ไมรู ว า จะเอาอะไรมาใชอ ะไร ที ่ไ หน ? อยา งดีที ่ส ุด ก็เ อามาใชก ับ เรื่องปาก เรื่องทอง ก็มีความรูเพียงไปทําอาชีพ หนาที่การงานอยางใดอยางหนึ่ง ไดเงินมาหลอเลี้ยงความตองการของเรา ซึ่งลวนแตเปนกิเลส ตัณหา เพราะเรา ไม รูวาเกิด มาทํ าไม ? ถาเรารูวาเกิดมาทําไมอยางถูกตอ ง เราก็ จะใชสิ่ งเหลานี้ ทั ้ง หมด เพื ่อ วัต ถุป ระสงคอ ัน นั ้น ใหรูวา เกิด มาทํ า ไมอยา งถูก ตอ ง. อยา งผม มักจะพูด อยา งกํา ปน ทุบ ดิน วา เกิด มาเพื่อ ใหไ ดสิ่ง ที่ดีที่สุด ที่ม นุษ ยค วร จะได ;คุณ ก็ไ มท ราบวา มัน คือ อะไร. ฉะนั ้น ที ่อ ุต สา หป ลุก ปล้ํ า อยู ทั ้ง วัน ๆ ในการเลาเรียน การอะไรก็ตาม นี้ก็ไมรูวา ทํ าทําไม ? ทําเพื่ ออะไร ? นอกจาก เพื่อเอร็ดอรอยทางปาก ทางทอง.นั้นแหละเปนเรื่องของควายตัวที่สองเสียเรื่อย. ไมมี เรื่องของควาย ตัวที่ หนี่ ง ที่ รูวา เกิดทํ าไม ? ชีวิต มี วัตถุประสงคอ ยางไร ? อะไรเปน goal ของชีวิต ? อยางนี้เปนตน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ในเรื่องคลํานี้ มันก็มากออกไปทุกที ๆ คือ มนุษยจะเลาเรียนในเรื่อง เทคโนโลยี่ นี้ ม ากออกไปทุ ก ที ๆ ; อย า งที่ ฝ รั่ ง บางคนเขาพู ด ว า ไปโลกพระจันทรนี้ก็เพื่อที่จะรูถึงความรูที่สูงสุดของมนุษย. ผมไมเชื่อ แตยังมีความสุภาพ ที่จะไมพู ดวา เขาโกหก. ความจริง เขาอาจจะรูวาเรื่องนี้มั นแกปญ หาอะไรไมได เลย, ไปโลกพระจั น ทรนี้ . มั น จะแก ป ญ หาสั น ติ ภ าพของมนุ ษ ย อ ะไรไม ได เลย ; แตเขาก็ตองพูดวา มันจะชวยแกปญหาวิกฤตกาลของโลก จะทําใหมีสันติภาพอะไร อยา งนี ้ ; เราไมเชื่อ . ทีนี ้ม ัน ก็จ ะคลํา ตอ ไปอีก ไปโลกอื่น โลกไหนก็ต ามใจ, ก็ค ลํ า ๆ คลํ า ๆอยู นั ่น แหละ คลํ า ตอ ไปอีก ; สุด ก็ไ มรูว า จะแกป ญ หาตา ง ๆ ไดอยางไรกัน.
ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว
๑๓
คุ ณ จะต อ ง “ทํ า วิ ป ส สนา” ในข อ นี้ กั น เสี ย ก อ น คื อ ไปสู ที่ ส งั ด เงี ย บ ตามสมควร แล วหลั บ ตาใคร ค รวญ พิ จ ารณาว า โลกนี้ มั น อยู ในสภาพอย างไร ? เราเองด ว ย อยู ใ นสภาพอย า งไร ? มั น ถู ก จุ ด ประสงค ข องธรรมชาติ แ ล ว หรื อ ยั ง ที่วามีมนุษยขึ้นมาทําไม ? นิ ยายปรัมปรา ที่ เราเอามาทํ าเป นสะไล ด เรื่ องล อคน ฉายดู เล นกั นอยู นี้ เขาก็ ยั งมี บอกว า พระเจ าสรางมนุ ษย ขึ้ นมาในโลก เพื่ อให โลกนี้ มั นดี ขึ้ น ให โลกนี้ มัน นา อยู ใหม ัน งดงาม ใหม ัน ประเสริฐ . พระเจา สรา งมนุษ ยขึ ้น มาในโลกนี้ ก็เพื่ อ ให โ ลกนี้ มั น งดงามน า อยู ดี ขึ้ น และประเสริ ฐ . แล ว เดี๋ ย วนี้ ม นุ ษ ย ก็ กํ า ลั ง มากขึ้ น ในโลก, มากขึ้ น ๆ แล วมั น ทํ าโลกนี้ ให น าอยู ให งดงาม ให ป ระเสริ ฐจริ ง ไดห รือ ไม ก็ล องคิด ดู. ลองไปนั ่ง ทํ า วิป ส สนา คือ ใครค รวญ อยา งลึก ซึ ้ ง ในขอ นี ้ก ัน เสีย กอ น ;ใหเ ห็น ความนา สลดใจ นา เศรา นา สงสาร นา เกลีย ด น า ชั ง ของความบ า หลั ง ของมนุ ษ ย ส มั ย นี้ กั น เสี ย ก อ น ที่ รู จั ก แต ค วายตั ว เดี ย ว ควายตั ว ที่ ส องตั ว เดี ย วอยู เ รื่ อ ย ; แล ว เรากํ า ลั ง จะเป น อย า งไร ? ตั ว เราเองนี้ กํ าลั งจะเป น อย างไร ? อยู ในฐานะอย างไร ? หรือ ได เป น เข าไปแล วอย างไรบ าง ? นั่ นแหละจะเรียกวาคุ ณ กํ าลั งเข ารองเข ารอยของการที่ จะศึ กษาธรรมะในพระพุ ทธศาสนา คือตองมองเห็นตัวปญหา หรือตัวความทุกขที่มันเปนปญหา ตัวความ ทุก ขนั่น แหละคือ ปญ หา ; ตอ งมองใหเ ห็น ปญ หานั ้น ใหถูก ตอ งเสีย กอ น ในฐานะมันเปนปญหา แลวมันจึงจะแกปญหาไดถูกตอง. อยางนอยเราตอง รูเรื่อ ง ความเจ็ บ ความไข ความป วย อะไรของเรานี้ เสี ยก อ น ว ามั น เป น อย างไร เราจึงจะหาวิธีแกไขมันได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถ าคุ ณมองไม เห็ นตั วป ญหาหรือตั วความทุ กข แล วมาขอคํ าตอบจากผม ขอวิธ ีแ กไ ขปอ งกัน ความทุก ขอ ะไรนี ้ มัน ก็เปน เรื่อ งนา หวัว ; บางทีจ ะเปน เรื่อ ง หลั บตากั นทั้ งคุ ณ และผม ทั้ งสองฝ ายต างก็ หลั บตาวากั นไป โดยที่ ไม รูวาอะไรเป น
๑๔
ฆราวาสธรรม
ตั ว ป ญ หา หรื อ ตั ว ความทุ ก ข ; แล ว ก็ พู ด กั น ถึ ง เรื่ อ งวิ ธี แ ก ป ญ หา แก ค วามทุ ก ข กันเสี ยจนน้ํ าลายฟุ งไปเท านั้ นเอง. เดี๋ ยวนี้ มั นอยู ในสภาพอยางนี้ ทั้ งนั้ น ที่ กรุงเทพ ฯ ก็ต าม ที ่ไ หนก็ต าม มัน อยู แ ตใ นสภาพอยา งนี ้ ; มัน มีแ ตเ รื ่อ งพูด ซึ ่ง ตัว ผู พ ูด ก็ไม รู ว า อะไร, แล ว ฟ ง ดู ก็ แ ปลกดี สนุ ก ดี ดู ป ระเสริ ฐ สู ง สุ ด อะไรดี , เรื่ อ งธรรมะ อยางนั้นอยางนี้, ธรรมะสูงสุดอยางนั้นอยางนี้. ขอใหตั้งตน ดว ยการรูจักตัว ความทุกขกัน เสียกอ น แลวก็มาตาม ลํ า ดั บ ว า เหตุ ใ ห เกิ ด ทุ ก ข คื อ อะไร ? จึ ง จะรู ส ภาพตรงกั น ข า ม คื อ ความดั บ ทุ ก ข นั ้น เปน อยา งไร ? แลว ก็จ ะพบวิธ ีที ่ถ ูก ตอ งได นั ้น ก็ค ือ เรื ่อ งอริย สัจ จใ นพระ พุท ธศาสนา มีอ ยู ๔ หัว ขอ วา ; - ความทุก ขค ือ อะไร ? - เหตุใ หเ กิด ทุก ข คือ อะไร ? - ความไมมีทุก ขเ ลยนั้น คือ อยา งไร ? - แลว จะทํา โดยวิธีใ ด จึงจะไดมา ? นี่คืออริยสัจจ ที่เรียกกันวา เปนตัวพระพุทธศาสนา มีอยูอยางนี้. เดี่ ยวนี้ มั นอยู ในลั กษณะอื่ น คื อสมั ครเล น สมั ครรูสมั ครเรียนโดยที่ ไม มี ป ญ หา คื อ ตั ว ความทุ ก ข แต ม าสมั ค รจะปฏิ บั ติ เพื่ อ ดั บ ทุ ก ข . พวกไปวั ด ไปวา เขา วัด เขา วาก็เ ปน อยา งนี ้เ สีย โดยมาก. ทีนี ้ค นหนุ ม นัก ศึก ษาหรือ นัก เรีย นนี้ ก็ส นใจพุท ธศาสนา ก็ม ัก จะอยู ใ นรูป นี ้เ สีย โดยมาก, คือ ไมไ ดพ บตัว ปญ หา แลว ติ ด ตามมาจากป ญ หานั้ น ๆ. ถ า เอาไปสอนในมหาวิ ท ยาลั ย ในฐานะเป น วิ ช าพุ ท ธศาสนา ก็ เ ป น เรื่ อ งทฤษฎี ปรั ช ญา ทั้ ง นั้ น เลย ; ไม ทํ า ให เ กิ ด ความ สว า งไสวทางวิ ญ ญาณอะไรได . มั น กลายเป น เรื่ อ งยุ ง หรื อ ว า ปนกั น ยุ ง ในทาง วิ ญ ญาณมากขึ้ น . และถ า หากว า ข อ ที่ เอาไปเรี ย นนั้ น มั น ผิ ด ๆ ถู ก ๆ ด ว ยแล ว มั น ก็ จ ะปนกั น ยุ งใหญ จนผู เรี ย นจั บ อะไรไม ได ; ฉะนั้ น เรี ย นพุ ท ธศาสนา ยิ่ งไม รู พุทธศาสนา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว
๑๕
ผมไปพูด ที่คุรุส ภาวา ยิ่งเรีย นพระไตรปฎ กยิ่งไมรูพุท ธศาสนา เขาไมเ ชื ่อ รอ ยเปอรเ ซ็น เลย วา จะเปน อยา งที ่ผ มพูด นั ้น มัน ไมม ีเ หตุผ ล. ยิ่งไปเรียนพระไตรปฎก ยิ่งไมรูพระพุทธศาสนา เพราะพระไตรปฎกนั้นมันอยูใน รูป ของวรรณคดี อัก ษรศาสตร พอไปเรีย นเขา มัน เพลิน ไปในแงว รรณคดี และอักษรศาสตร ; แมไปเรียนอภิธรรม มันก็เปนเรื่อง logic เปนเรื่องปรัชญา, มั น ก็ มั ว เพลิ น แต เรื่อ ง logic เรื่ อ งปรัช ญา. เมื่ อ จิ ต ใจไม พ บป ญ หาความทุ ก ข แล วไม ส นใจจะดั บ ทุ ก ข โดยตรง ยิ่ งไปเรีย นพระไตรป ฎ ก ยิ่ งไม รูพุ ท ธศาสนา ; มันคืออยางนี้ คุณเอาไปคิดดูบาง. ที่ จริงแท นั้ น มั นต องเรียนชี วิต เรียนธรรมชาติ เรียนตั วเอง จึ งจะรู พุทธศาสนา. พระไตรปฎกก็เปนการบอกวิธีเรียนเหมือนกัน แตมันมากนักจนคน จับไมได ; เวนไวแตจะศึกษาอยางถูกตอง และเก็บเอามาอยางถูกตอง ใชเปนวิธี สํ า หรับ ดับ ความทุก ขใ นใจโดยตรงนั ้น ได.แตถ า ไปมัว เรีย นอยา งอัก ษรศาสตร วรรณคดี แ ล วละก็ ไม มี ท าง ; เชน ไปเรีย นจนได เปรีย ญ ๙ ประโยค ๑๐ ประโยค เป น มหาเปรี ย ญแล ว ก็ ยั ง ไม รู อ ะไรเลยที่ จ ะดั บ ทุ ก ข . เพราะเรีย นในแงอั ก ษรศาสตร วาไปได อย างนกแก ว นกขุน ทองเลย. ฉะนั้ น เรีย นพระไตรป ฎ กจะไม รู พุท ธศาสนา ตอ งเรีย นเขา ไปที ่ต ัว กิเ ลส ตัว ความทุก ขจ ากในใจของคนเรา ในใจของตัวเองนั่นแหละ ; พระพุทธเจาทานสอนอยางนั้น : วาโลกก็ดี เหตุให เกิ ด โลกก็ ดี ความดั บ แห ง โลกก็ ดี ทางให ถึ ง ความดั บ แห ง โลกก็ ดี เราตถาคต บัญญั ติอยูในรางกายที่ยาววาหนึ่งนี้ ที่ยังเปน ๆ ที่ยังมีสัญญาและใจ ; นี่เหมือน กับ พวกคุณ นี ้ ที ่ย ัง มีช ีวิต อยู ที ่ย ัง เปน ๆ อยู . ในรา งกายนี ้ม ัน มีโลก มีเหตุใ ห เกิด โลก มีค วามดับ สนิท แหง โลก และทางใหถ ึง ความดับ สนิท แหง โลก. หมายความวาพระพุทธเจาทานไมไดตรัสวา ใหไปดูในพระไตรปฎกในเรื่องเหลานี้ แตใหดูในชีวิตในรางกายที่ยาววาหนึ่งนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๑๖
ฆราวาสธรรม
นี่คือขอที่ผมพูดวา ตองเรียนจากชีวิตโดยตรง เรียนจากจิตใจนี้ โดยตรง คือ เรีย นตัว กิเ ลส ตัว ความทุก ข โดยตรง จึง จะรูพุท ธศาสนา ช นิ ด ที ่ ว า เป น พุ ท ธ ศ าส น าจ ริ ง ๆ . ถ า ไม เ ช น นั ้ น แล ว มั น เป น เป ลื อ ก เปน กระพี ้ เปน อะไรของพุท ธศาสนา ในแงข องวรรณ คดี อัก ษ รศาสตร อะไรตาง ๆ นานา. นี่ เรียกว า เราจะมองกั นอย างกว างๆ ให รูจั กสิ่ งที่ เรียกว าชี วิ ตนี้ เสี ยก อน. ชี วิ ต ทาง Biology ทางอะไรนั้ น ผมไม เอานะ ไม พู ดด วย เมื่ อ protoplasm ในเซลล หนึ่ ง ๆ ยั ง สดอยู เรี ย กว า มี ชี วิ ต อยู , อย า งนี้ ไม เกี่ ย วข อ งกั น เลย. คํ า ว า “ชี วิ ต ” ทางฝ า ยวั ต ถุ อ ย า งนั้ น มั น ไม เกี่ ย วข อ งกั น เลยกั บ พุ ท ธศาสนา : มั น ต อ งหมายถึ ง ชี วิ ต ในทางฝ า ยธรรมะ ฝ า ยspiritual - sense มั น จึ งจะเป น เรื่ อ งของพุ ท ธศาสนา. ศาสนาไหนก็ เหมื อ นกั น แหละ คํ า ว า “ชี วิ ต ” เขาไม ได ห มายถึ งชี วิ ต ทาง Biology หรื อ ภาษาพู ด ธรรมดาว า ยั ง เป น ๆ อยู ยั ง ไม ต าย ก็ เรี ย กว า มี ชี วิ ต อย า งนั้ น มัน เปน ชีว ิต ในภาษาอัก ษรศาสตร ; อยา งนี ้ม ัน ไมพ อ เพราะคํ า วา “ชีว ิต ” มัน มีอ ะไรมากกวา นั ้น เพราะเขาอาจจะพูด ไดว า แกนี ่ไ มม ีช ีว ิต แลว บางที ยัง เปน ๆ อยูนี่ แหละ แตก็ชี้หน าไดวา ไม มีชีวิต แลว ; คื อไม มี ชีวิต ตามความ หมายของคําวา “ชีวิต”.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ในคั ม ภี ร ของพวกคริ สเตี ยน พระเยซู พู ดว า : - สละชี วิ ตเสี ย แล วจะได “ชีว ิต ”. “สละชีว ิต เสีย แลว จะไดช ีว ิต ” พูด สั ้น ๆ เทา นี ้ พวกคริส เตีย นเอง ก็ ค งฟ งไม ถู ก แล วพวกคุ ณ ก็ ยิ่ งฟ งไม ถู ก ในสํ านวนประหลาด ๆ อย างนี้ .ให ส ละ ชี วิ ต บ า ๆ บอ ๆ นี้ เสี ย แล วก็ จ ะได ชี วิ ต นิ รั น ดรของพระเจ า นี้ คื อ ชี วิ ต ที่ เป น แบบ แห ง การครองชี วิ ต ก็ เรี ย กว า ชี วิ ต ได เหมื อ นกั น . คํ า ว า life นั้ น มั น มี ค วามหมาย มากมาย : - จงสละ life แลว จะได life. เดี ๋ย วนี ้ม ัน มี life, มีช ีว ิต อยา งโง ๆ ไปหลงควายตั วที่ สองเรื่อยไปเสี ยก อน แล วจึ งเลื่ อนขึ้ นมาได ชี วิ ตใหม ที่ ฉลาด รูจั ก
ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว
๑๗
คุ ณ ค า ของควายสองตั ว แล ว ก็ ดํ า เนิ น ชี วิ ต ไปถู ก ทาง, แล ว ก็ ไปถึ งพระเจ าได เรีย กวา ชีวิต นิรัน ดร. พุท ธบริษัท ก็เ รีย กวา อมตธรรม อมตภาพ ชีวิต ที่ไ ม รูจักตาย. ชีวิต ที่แ ทจ ริงนั้น ตอ งไมรูจัก ตาย ; ถายังรูจักตาย ยังไมใชชีวิต อยางนี้เปนตน. นี ่เรารูจัก ชีวิต กัน แตใ นแงข องวัต ถุ หรือ ในแงข องภาษาชาวบา น ไมรูจักชีวิตในภาษาศาสนา. เดี่ยวนี้เราเรียกวา ชีวิตทางฝายวิญญาณ ชีวิตทาง ฝายที่ไมใชวัตถุนี้ ลองคิดดูใหดี ๆ วาอะไรที่เรายังไมรู ? คํ า ว า Spiritual - Enligjhtenment. Enlightenment คื อ ความตรั ส รู คื อ ความรู อ ย า งสว า งไสว. มี ค วามรู อ ย า งสว า งไสวนั้ น แล ว ยั ง ต อ งมี คํ า ว า Spirtual กํากับ อยูอีก ; คื อมั นทางฝายธรรมะ ทางฝายจิตฝายธรรม ; ดังนั้ น ความรูท างฝ า ยวั ต ถุ นี้ มั น ช วยไม ได . แล ว สิ่ ง ที่ เรีย ก ว า Enlightenment นั้ น อยาไปทําเลนกับ มัน พวกคุ ณ อาจจะไม รูวาคื ออะไรก็ได เพราะคําวา รู รู นี้ มันมีหลายคํานัก แลวมันหลายระดับดวย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุณอานหนังสือ เรียนหนังสืออยางในมหาวิทยาลัยนี้ คุณก็ไดความรู เราเรียกวา knowledge หรืออะไรก็ตามใจ, มันก็คือความรูเทานั้น. แลวคุณ ก็ใชความรูนี้ในการศึกษาคนควา ในการใชเหตุผล ใช reasoning, โดยใชอันนี้ เปนเครื่องมือ คุณก็จะได understanding หรืออะไรที่เปนทํานองเดียวกันนั้นมา ; เรียกวามัน convince เขาไปอีกขั้นหนึ่งจาก knowledge ; นี้ก็ยังไมใช enlightenment เพราะมั น อาศั ย เหตุ ผ ล (reasoning).สํ า หรับ ความรู knowledge นั้ น อาศัยตํารับตําราศึกษาเลาเรียน (studying) อะไรก็ตาม นั้นมันยังต่ําเกินไป. ที่ นี้ ค วามเข า ใจ(understanding) พวกนี้ มั น ก็ อ าศั ย เหตุ ผ ล (reasoning), มั น เปนทาสเปนขี้ขาของเหตุผล ไมใชความรูแจง (enlightenment).
๑๘
ฆราวาสธรรม
ที นี้ คุ ณเอาความรู understanding อั นนี้ ไปใช ต อไป ในการรูจั กสิ่ งที่ รู จากจิตใจโดยตรง, คือเอาประสพการณ (experience) ตาง ๆ ในชีวิตเปนบทเรียน แล วก็ ยั งจํ ากั ดชั ดลงไปด วยว า spiritual experience ต องเป น experirnce ทาง spiritual คือทางฝายที่เกี่ยวกับจิต วิญญาณซึ่งเปนธรรมะชั้นสูงนั้นมา. เชน คุณ เคยเปนเด็กมา เปนอยางไร ? แลวมันผานอะไรมาในชีวิต ? ตั้งแตเด็กมาจนบัดนี้ เจ็ บ ปวดอย า งไร ? สุ ข ทุ ก ข อ ย า งไร ? กิ เลสเป น อย า งไร ? เหล า นั้ น แหละเขา เรียกวาเป น spirtual experience เอาเรื่องเหลานี้มาศึกษาใหม โดยใชวิชาความรู ที่เรียนทางหนังสือ ทาง reasoning อะไรตาง ๆ มาชวยกันจนกวาจะรูแจงมั นวา กิ เลสคื อ อะไร ? ความทุ ก ข คื อ อะไร ? อย า งที่ เรี ย กว า realization มั น จึ ง จะ เปนประเภท enlightenment. ฉะนั้ นพวก Knowledge ยั งพึ่ งไม ได , พวก understanding ทั่ ว ๆ ไปนี้ ก็ยังไวใจไมได เพราะมันยังขึ้นอยูกับเหตุผล. ฉะนั้นตองเหนือจากเหตุผล ก็คือ เรื่ อ งจริ ง ที่ มี ม าแล ว แต ห นหลั ง แล ว มาเห็ น อยู ก ระทั่ ง เดี๋ ย วนี้ , เช น ว า พอเกิ ด ความกํ า หนัด เกิด ราคะขึ ้น มา แลว มัน รอ นอยา งไร? คุณ ไมต อ งใชเ หตุผ ล ไมต อ งอาศัย ความรูใ นหนัง สือ .ถึง แมค วามรูใ นหนัง สือ จะบอกวา ราคะเปน ของรอ น มั น ก็ ค ล ายนกแก ว พู ด . หรือ จะใช เหตุ ผ ลว า ราคะคงจะเป น ของรอ น มันก็เปนการคาดคะเนเทานั้นเอง มันตองเคยมีราคะมาแลว แลวมันรอนอยางไร รู อ ย างนั้ น แ ห ล ะ เรี ย ก ว า spirtuat experience มั น เป น material ข อ ง enlightenment. เราไม เ อา Enlightenment แขนงอื่ น เราจะเอาแต แ ขนงที่ เกี่ ยวกั บ เรื่อ งทางจิ ต ทางวิญ ญาณ คื อ ความทุ ก ข และความดั บ ทุ ก ขท า เดี ย ว Spiritual- Enlightenment อย างนี้ เคยมี เต็ มไปหมด ในผืนแผ นดิ นตะวันออกของเรา คื อ มี ศ าสนาพุ ท ธ มี ศ าสนาโซโรอั ส เตอร แล ว ก็ มี ศ าสนาเวทานตะ คื อ ฮิ น ดู กระทั่งมีเลาจื๊อ ขงจื๊อ กระทั่งมีคริสเตียน ศาสนาซิกซ ศาสนาอิสลาม เปนตน,
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว
๑๙
ซึ่งเปนเรื่องแสงสวางทางวิญ ญาณทั้งนั้น. แตแลวเราก็ไมเขาใจศาสนาเหลานั้น หรือ วา คนในศาสนานั ้น ๆ ก็ไ มเขา ใจศาสนานั ้น ๆ ยิ ่ง ขึ ้น ทุก ที ๆ ;ไมเหมือ น สมัย กอ น. ยิ ่ง ไมเชื ่อ แลว ก็ต ัด ความเชื ่อ ไปเสีย เลย ดว ย ; ความเขา ใจไมมี แล ว ก็ ไม ย อมเชื่ อ ไม ย อมรับ ด ว ย, เราจึ ง เลยสู ญ เสี ย ของประเสริฐ วิ เศษของ ตะวันออกนี้ไปทุกที ๆ ไปเปนทาสทางปรัชญาของฝรั่งทางตะวันตกมากขึ้นทุกที. ผมพู ดอยางนี้ไมกลัวพวกฝรั่งโกรธ พู ดที่ไหนก็พูดอยางนี้. พู ดกับพวก ฝรั่งก็พูด อยางนี้ เขียนก็เขียนอยางนี้ ไมก ลัวโกรธ ; เพราะถือ วาพูด ความจริง นี้อยางหนึ่ง แลวก็ถือวาพูดเพื่อจะดึงพวกเรานี้ กลับมาสูของดี วิเศษประเสริฐ ของเรา ที่ เคยมี ม าแต ก าลกอ น ; ดึ งกลั บ มาสู ของดี ที่ เราเคยมี มาแต กาลก อ น ซึ่งเวลานี้กําลังจะแหกคอก แตกคอกออกไปนิยมสิ่งที่เปนมาร สิ่งที่จะเปนผูทําลาย ลาง ใหมนุษยสูญเสียความเปนมนุษย ใหโลกนี้ไมมีสันติภาพ. ดึงมาสูสภาพเดิม ของเรา. มัน เป นสิ่งที่ทํ าได เพราะวาเรื่องนี้มันเป นเรื่องเฉพาะคนเป นคน ๆ ไป เราไม อ าจจะดึ ง มาทั้ ง หมด หรื อ ทั้ ง โลกแต ว า เราอาจจะดึ ง มาได เป น คน ๆ ไป ดว ยการขอรอ งใหค น ๆ นั ้น ดูเสีย ใหม วา อะไรเปน อยา งไร ? ชีว ิต คือ อะไร? เกิดมาทําไม ? มนุษยจะไดสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษยจะไดรับนี้ ไดโดยวิธีใด ?
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เดี๋ ยวนี้ ผมกํ าลั งพู ดกั บพวกคุ ณ ซึ่ งเป นนิ สิ ตมหาวิทยาลั ย หรือวาใน ระดับที่เทียบเทาอยางนั้น ก็อยากจะขอเตือนสักหนอยวา พวกคุณอยาเพอทะนงตัว วามีความรูในชั้นอุดมศึกษา เพราะวาคุณยังไมรู แมแตคําถามที่วาเกิดมาทําไม ?, คุ ณ ยั งไม รูแ ม แ ต วาตั วเองนี้ เกิ ด มาทํ าไม ? คุ ณ ขาดความรูอั น นี้ , ฉะนั้ น ไม ใช อุด มศึกษาดอก,สิ่งที่ เรียน ๆ อยูนั้ น ถาวาเป น อุด มศึกษา มัน ก็เป น อุด มศึกษา ของเด็กอมมือ ที่เห็นแตลูกกวาด, คือเปนอุดมศึกษาของมนุษยที่รูจักแตเรื่องกิน เรื่อ งกาม เรื่อ งเกี ย รติ . พอคุ ณ จบมหาวิ ท ยาลั ย คุ ณ ก็ มี อุ ด มศึ ก ษาของมนุ ษ ย ธรรมดา ที่มีแตเรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรติ,ถือวาเปนอยางดีที่สุดของมนุษย ที่เปนทาสของเทคโนโลยี่.
๒๐
ฆราวาสธรรม
การที่ยืมเอาคําวา “อุดมศึกษา” ไปใชนั้น พวกพุทธบริษัทเขาหัวเราะ เพราะวาอุด มศึกษาของพุ ทธบริษั ทนั้ น มั นหมายถึงปฏิ บัติ ไปจนถึงขนาดบรรลุ มรรค ผล นิพ พาน. ขอ ที ่พ ุท ธบริษ ัท เรีย กวา อุด มศึก ษา อุด มวิช า อุด ม อะไรก็ต าม มัน หมายถึง บรรลุ มรรค ผล นิพ พาน. ถา เอาอุด มศึก ษาไปใช แกก ารจบหลั ก สู ต รมหาวิทยาลั ย เสี ยแล ว, แล วเรื่อ งบรรลุ มรรค ผล นิ พ พาน จะเอาคํ าไหนมาใช. ที่ พู ด กั น นี้ เพื่ อ ป อ งกัน การลื ม ตั ว วาอุ ด มศึ กษานั้ น มั น ยั ง เปนอุดมศึกษาของเด็กอมมือ คือเด็กที่ยังไมรู วาเกิดมาทําไม ? ถาพวกคุณ ยัง ไมรู ว า เกิด มาทํ า ไม ? ผมอยากจะเรีย กวา เด็ก อมมือ ,ไมใ ชเ รีย กวา นิส ิต หรือนักศึกษา ในอุดมศึกษา แตจะเรียกวา เด็กอมมือที่ยังไมรูวา เกิดมาทําไม ? ในสั งคมทั่ วไปนั้ น คุ ณ ก็ เป น นิ สิ ต คุ ณ ก็ เป น นั ก ศึ ก ษา ในขั้ น อุ ด ม ศึ ก ษา, แต ในสั งคมสวนโมกข นี้ คุ ณ เป น เด็ ก อมมื อ , เพราะว า คุ ณ ยั ง ไม รู ว า เกิด มาทํ าไม ? นี่แ หละขอใหนํา เรื่อ งนี ้ไปคิด ดู เพราะวา คุณ ตั้งปญ หาถามมา ในลักษณะที่เป นอุดมศึกษาจริง ๆ วา ทําอยางไรจึงจะป อ งกัน ไมให ความทุกข เกิดขึ้นมา ? แลวทําอยางไรจึงจะทําลายความทุกขที่เกิดอยูแลวใหหมดไปได ? นี่แหละเปนอุดมศึกษาจริง ๆ, เปนปญหาทางอุดมศึกษา; ถารูแลวก็เปนผูสําเร็จ อุดมศึกษา ไมใชเด็กอมมือ. ผมก็เลยตอบอยางคราว ๆ กวาง ๆ รวม ๆ กันไปวา คุณตองมีควายสองตัวสําหรับเทียมชีวิต, ใหชีวิตเปนไปไดดวยควายสองตัว คือ ทั้ งเทคโนโลยี่ และทั้ ง Spiritual- Enlightenment สองอย างนี้ คู กั น ไป คุ ณ ก็ จ ะ พ น จากภาวะที่ เป น เด็ ก อมมื อ ในพุ ท ธศาสนา ;จะมาสู ค วามเป น มนุ ษ ย ที่ ว า เติบโตแลว เจริญแลว ถึงขนาดที่เรียกวาจะเปนพุทธบริษัทได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ชีวิตตองเทียมดวยควายสองตัว
๒๑
ในวั น นี้ เราพู ด กั น ถึ ง เรื่ อ งอารั ม ภกถา ก็ ห มายความว า เรื่ อ งกว า ง ๆ ที่จะใหเขาใจเรื่องเฉพาะ ๆ อยางชัดเจน แลววันหลั งเราก็จะพู ดถึงโดยรายละเอียด อย างใดอย างหนึ่ ง ในข อที่ วาความทุ กข เป นอย างไร ? เกิ ดมาจากอะไร ? จะดั บ มั น ได โดยวิ ธี ใด เป น ต น . เพราะการที่ พู ด แต เพี ย งว า ให ชี วิ ต นี้ เที ย มด ว ยควาย สองตัว นี ้ม ัน ก็เ ห็น ครา ว ๆ เทา นั ้น วา เราจะตอ งเจริญ ทั ้ง วิช าฝา ยเนื ้อ หนัง และวิชาฝายวิญญาณ; จะตองรูจักคําพูดทั้ง ๒ ภาษา คือคําพูดภาษาคนธรรมดา และคํ า พู ด ภาษาพระอริ ย เจ า พู ด . ไปหารายละเอี ย ดอ า นเอาเอง จากหนั ง สื อ เล ม เล็ ก ๆ ที่ เรี ย กว า “ภาษาคน – ภาษาธรรม” ซึ่ ง คุ ณ จะได รู ภ าษาสองภาษา เพิ่มขึ้น. เช น คํ า ว า “ชาติ ” - ความเกิ ด นี้ ภาษาคนก็ ว า เกิ ด มาจากท อ งแม , แต ภ าษาธรรมเขาหมายว า ความเกิ ด แห ง conceptual thought ว ากู ว าของกู ครั ้ง หนึ ่ง , เรีย กวา “ความเกิด ”. คํ า วา ความเกิด มีค วามหมายตา งกัน อยู อยา งนี้ นี่ เป น ตั วอย างเท านั้ น ;ต อ เมื่ อ คุณ รูจัก ทุ ก ๆ สิ่ งในความหมายทางภาษา ธรรมด ว ย เมื่ อ นั้ น แหละ จึ ง รู จั ก ควายสองตั ว อย า งถู ก ต อ ง, จะมี ค วามรู เรื่ อ ง ควายสองตัวถูกตองและครบถวน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรื่องอารัมภกถาของเราก็พอกันทีสําหรับวันนี้.
ในวัน นี้ถา เกิด ฉุก นึก แปลกใจวา ทํา ไมเรามา นั ่ ง กลางดิ น กั น อย า งนี ้ ก็ ข อให น ึ ก ถึ ง พ ระพุ ท ธเจ า ว า นี ่ เ ร า ทํ า เ พื ่ อ จ ะ เ ป น เ ค รื่ อ ง ร ะ ลึ ก ถึ ง พ ร ะ พุ ท ธ เ จ า , ป อ ง กั น ค ว า ม ป ร ะ ม า ท . คุ ณ เ รี ย น กั น บ น ตึ ก ร า ค า แ ส น ๆ ล า น ๆ ทั ้ ง นั ้ น ที ่ ก รุ ง เท พ ฯ คุ ณ นั ่ ง เรี ย น นั ่ ง ส อ น กั น บ น ตึ ก ร า ค า แ ส น ๆ ล า น ๆ เดี ๋ ย ว นี ้ ผ ม ขอใ ห ค ุ ณ นั่ ง ก ล า ง ดิ น , เพ ร า ะ ว า พ ร ะ พุ ท ธ เจ า ท า น เ กิ ด ก ล า ง ดิ น ต รั ส รู ส ั ม ม า สั ม โ พ ธิ ญ า ณ ก ล า ง ดิ น โ ค น ต น ไ ม แ ล ว ก็ ส อ น ส า ว ก ส ว น ม า ก ก็ ก ล า ง เ ดิ น ใ น ที ่ ส ุ ด พ ร ะ พุ ท ธ เ จ า ก็ น ิ พ พ า น ที ่ ก ล า ง ดิ น . ฉ ะ นั ้ น เ ร า ไ ม ต อ ง ก า ร ตึ ก ร า ค า ล า น ๆ . ก า ร ทํ า อ ย า ง นี้ จ ะ เ ป น ท า ง ใ ห เ ร า ป ลี ก ตั ว อ อ ก ม า จ า ก ค ว า ม เ ป น ท า ส ข อ ง เ ท ค โ น โ ล ยี ่ อ ย า ง นี ้ เ ป น ก า ร ใ ช ชี ว ิ ต อ ย า ง ส า ว ก ข อ ง พ ร ะ พุ ท ธ เ จ า นั ่ ง ก ล า ง ดิ น ใ ต ต น ไ ม แ ล ว ก็ เ ป น เ ว ล า ที่ ส ง บ ส งั ด .
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ปญหาเพียงขอเดียวของมนุษยชาติ -๒๒๒ เมษายน ๒๕๑๓ เวลาของพวกเราล ว งมาถึ ง ๔ นาฬิ ก าครึ ่ ง แล ว จะไดพ ูด กัน ตอ ไปถึง เรื่อ งที ่ค า งอยู . ในขอ แรก อยากจะไห ระลึก ไปถึง เรื่อ งที ่พ ูด มาแลว วา ทํ า อยา งไร จึง จะปอ งกัน ความทุก ขแ ละแกไ ขความทุก ขไ ด โดยเฉพาะสํ า หรับ ฆราวาส ตามหัว ขอ ปญ หาที ่ถ ามมา .ปญ หาทั ้ง หมดขึ ้น อยู ก ับ ปญ หา ที ่ ว า เกิ ด มาทํ า ไม ? นี ่ ใ คร จะเห็ น ด ว ย หรื อ ไม เ ห็ น ด ว ย ก็ ต าม แตค วามรูส ึก ของ ผม ตลอดเวลาที ่ไ ดส ัง เกตศึก ษา สิ ่ง ตา ง ๆ มา จนกระทั ่ง บัด นี ้ รู ส ึก วา ปญ หาทั ้ง หมดขึ ้น อยู กั บ ป ญ หา ๆ เดี ย ว ว า เกิ ด มาทํา ไม ? เพราะฉะนั้ น ในชั ้น นี ้ ขอใหส นใจปญ หานี ้ เพื ่อ จะเขา ใจตามที ่ผ มจะพูด ซึ ่ ง จ ะ พู ด ใน ลั ก ษ ณ ะ ที ่ ว า มั น ขึ ้ น อ ยู ก ั บ ป ญ ห า เดี ย ว ว า เกิ ด มาทําไม ?
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๒๓
๒๔
ฆราวาสธรรม
เด็ก ๆ เขาถามวา ทําอยางไรจึงจะเลาเรียนดี ? ผมก็ตอบไปวา ตองรู วาเกิดมาทําไมเสียกอน จึงจะเลาเรียนดี. คนโต ๆ มักจะถามวา ทําอยางไรจึงจะ ประสบความสําเร็จในการงาน ? ผมก็ตอบวา จะตองรูเสียกอนวา เกิดมาทําไม ? คนแก ๆ สวนมากจะถามวา จะปฏิบัติธรรมอยางไรจึงจะดับทุกขได ? ผมก็ตอบวา มันตองรูเสียกอนวา เกิดมาทําไม ? เพราะเดี๋ยวนี้คุณ ก็ไมรูวา เกิดมาทําไม ? แล วจะปฏิ บั ติ ธรรมะอย างไร ? แล วจะปฏิ บั ติ ธรรมะข อไหน มั นก็ จะผิ ดไปหมด เพราะไมรูวาเกิดมาทําไม ? เพราะฉะนั้นปญหาที่ถามวา ทําอยางไรจึงจะปองกันความทุกขในชีวิต ฆราวาสได ? มันก็รวมอยูที่วา ตองรูเสียกอนวา เกิดมาทําไม ? ถาไมอยางนั้นแลว มัน พรา ไปหมด. เราเลา เรีย น เราประกอบการงานในอาชีพ เราก็ไดผ ลงาน มาบริโภคใชสอย กระทั่งมีเกียรติยศ ชื่อเสียง มีอะไรตาง ๆ ที่เราตองการจะมี. แตถา เราไมรูวา เกิด มาทํา ไมแลว มัน จะผิด วัต ถุป ระสงคไ ปหมด. แมแ ตจ ะ เลา เรีย น หรือ ประกอบการงาน หรือ แมแ ตจ ะรับ ประทานเขา ไป ; นี ่พ ูด คํา หยาบๆ. ถา ไมรูวา เกิด มาทํา ไมแลว มัน ก็จ ะกิน เขา ไป หรือ รับ ประทาน เขา ไปในลัก ษณะที่ผิด ๆ ทั้งนั้น . ฉะนั้น ขอใหไปคิด ดูใหดีวา ปญ หาทั้ง หมด มันขึ้นอยูกับปญหาเพียงปญหาเดียว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เมื่อคืนตอนหัวค่ําเราก็พูดกันถึงวา ชีวิตนี้มันตอ งเทียมดวยควาย สองตัว จึงจะดับทุกขหรือปองกันความทุกขได; นั่นก็เปนเรื่องของการรูวาเกิดมา ทําไมดวยเหมือนกัน. หากรูวาเกิดมาเพื่อประโยชนอะไรแลว จึงรูตอไปวา จะตอง ทําอยางไร ? จนกระทั่งวาจะตองจัดใหชีวิตนี้ มันเทียมดวยควายสองตัว.ควาย ตัว ที่ห นึ่ง ก็เรีย กวา ความรู ในเมื่อ ตัว ที่ส องเรีย กวา กํา ลัง แรง. ดัง นั้น ควาย ตัวที่หนึ่งตองรูวา เกิดมาทําไม ? และพวกคุณก็เปนเด็กอมมือในมหาวิทยาลัย
ปญหาเพียงขอเดียวของมนุษยชาติ
๒๕
เพราะไมรูวา เกิดมาทําไม, เพราะฉะนั้นเราจะตองรูขอนี้ เพื่อไมเปนเด็กอมมือ อีก ตอ ไป. เพราะไม รูขอ นี้ จึงได ซึ่ งวาเป น เด็ ก อมมื อ ฉะนั้ น ตอ งรูขอ นี้ เพื่ อ พ น จากความเปนเด็กอมมือ.นี่คือปญหาเฉพาะหนา คือปญ หาที่จะตองทําใหนิสิต มหาวิทยาลัยพนจากความเปน เด็กอมมือ. แลวก็ตองไมห ลับตา หลงไปตาม ที่พูดกัน หรือนิยมกันวา การศึกษาในมหาวิทยาลัยนั้นเปนอุดมศึกษา เพราะ ที่แ ทยัง เปน เรื่อ งของเด็ก อมมือ อยู เพราะไมรูวา เกิด มาทํา ไมนั่น เอง. อัน นี้ ก็เป น เรื่อ งสํ า คั ญ คื อ เรื่อ งของความไม ป ระมาท. ตอนนี้ อ ยากจะพู ด ถึ งเรื่อ ง ความประมาทสักนิดหนึ่ง. คําวา “ความประมาท” ในภาษาธรรมะของพระพุทธเจานั้นมันกวาง ไมแ คบๆ เหมือ นในภาษาไทย ซึ ่ง หมายแตเ พีย งอวดดี. สํ า หรับ คํ า วา ความประมาท ในภาษาธรรมะนั้นแปลเปนภาษาไทย หรือภาษาอะไร ๆ ไมได. ขอให ใ ช คํ า ว า “ประมาท” หรื อ “ไม ป ระมาท” ไปตามเดิ ม . เพราะคํ า ว า ประมาท มันรวมไวทั้งหมดของสิ่งที่ไมพึงปรารถนา :ความไมรูก็รวมอยูในคําวา ประมาท, ความอวดดีก็รวมอยูในคํา วาประมาท, ความสะเพราไมรอบคอบ ก็รวมอยูในความประมาท, ความขี้เกียจก็รวมอยูในความประมาท, แมแตความ ไมตั้งอกตั้งใจฟนฝาอุปสรรคใหสําเร็จ ก็เรียกวาความประมาททั้งนั้น ; มันรวม อยูในคําวา “ประมาท” ทั้งนั้น. หรือ ถาเดี๋ยวนี้ เรายังหลับตาอยู ยังไม รูวาเรา เป นอะไร เราเปนเด็กอมมือ หรือวาเราเป นนิสิตมหาวิทยาลัย ขั้นอุดมศึกษา ; อยางนี้ก็เรียกวา ความประมาทเหมือนกัน แมโดยไมรูสึกตัว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สําหรับความประมาทในภาษาไทยนี้มันแคบ ประกอบไปดวยเจตนา แล วก็ มี การรูสึ ก ตั ว แล วอวดดี หรือ ประมาท. ส วนในภาษาบาลี หรือ ภาษา ธรรมะนั้น มันไปไกลกวานั้น แมไมรูสึกตัว ก็เรียกวา ความประมาทเหมือนกัน.
๒๖
ฆราวาสธรรม
ฉะนั้นเราจะตองตั้งตนดวยความไมประมาท คือตองตั้งตนดวยการรูจักความ ประมาท แมที่ไมรูสึกตัวนี้ ใหกลายเปนความไมประมาทเสียกอน. เราสวดมนตทํ า วัต รทุก เชา ทุก เย็น ดว ยบทปจ ฉิม โอวาทของพระ พุทธเจา คือคําสั่งสุดทายเมื่อกอนจะปรินิพพานนั้นวา “จงถึงพรอมดวยความไม ประมาท” พระเณรก็ สวดกั นอยู ทุ กเช าทุ กเย็ น. แต ถ าไม รู ว า เกิ ด มาทํ าไม มั น ก็ยังประมาท ก็ยังโงอยูนั่นเอง. ก็สวดแตปากพลอย ๆ ไปทั้งเชาทั้งเย็น,- มันก็ยัง ประมาทอยู นั่ น เอง. ฉะนั้ น ขอให นึ ก ไว เพื่ อ กั น ความประมาท แล ว ก็ จ ะได พยายามรูเสี ยเร็ว ๆ วา เกิ ด มาทํ าไม ? ที นี้ ก็ จะได พู ด กั น ในหั วข อ ที่ วา เกิ ด มา ทําไมตอไป : ขอแรก บางที จะมีคนเถียงวา เราไม ไดอยากเกิดมา ดังนั้ นเราไม รับ ผิ ด ชอบในป ญ หาข อ นี้ ; ถ ามั น มี อ ย างนี้ ก็ พึ งรูเกิ ด ว า นั่ น แหละคื อ คนประมาท อยางยิ่ง ประมาทถึงที่สุด เปนความโงบวกความประมาท และอะไรอื่น ๆ อีก มากมาย จนถึงกับพู ดวาเราไมรับผิดชอบในการที่วา เราเกิดมาทําไม ? เพราะวา เราไมไดอ ยากเกิด มา พอ แมทํ า ใหเราเกิด มา หรือ อะไรทํ า นองนั ้น เราไมไดรู ไมไดชี้ทั้งนั้น . ถามีปญ หาอยางนี้ ก็อ ยากจะขอตัด บทลงไปเสีย วา อยาไปคิด ในสว นนั ้น ขอใหค ิด ในสว นที ่ว า มัน เกิด มาแลว , เดี ๋ย วนี ้ม ัน เกิด มาแล ว เกิดมาเสร็จแลว ; เพราะเกิดมาแลว มันก็เปนภาระจํายอม ที่เราจะตองจํายอม วาเราเกิดมาแลว เราจะตองทําใหถูกกับความประสงคของการที่ไดเกิดมา เราจะรู หรือไมรู มันไมมีทางจะแกตัว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สิ่งที่มันทําใหเราเกิดมานั้น มันไมยอมรับฟงขอแกตัวของเรา เราจึง ตองรับภาระจํายอมนี้วา เราเกิดมาแลว ; แลวเราตองรูวา เกิดมาทําไม ? แลว ยังจะต อ งประพฤติ ป ฏิ บั ติ ให ถู กต อ งตามนั้ น ด วย. นี่ ขอให ห มดป ญ หาตอนนี้ ไป
ปญหาเพียงขอเดียวของมนุษยชาติ
๒๗
เสียทีวา เราจะรูหรือไมรูวาเราเกิดมาเพราะอะไร ? เพื่ออะไร ? นี้มันก็มีหนาที่ ที่จ ะตอ งรูวา เกิด มาทํา ไม อยูนั่น แหละ; เพราะวา การเกิด มานี้ มัน อยูใ ต อํานาจของสิ่ง ๆ หนึ่ง แลวแตวา มนุษยผูมีปญญาคนแรก ๆ เขาจะเรียกมันวา อะไร ไปตามที่เห็นวา ดีที่สุด ที่จะมีประโยชนที่สุด. ขอ นี้มัน เปน ปญ หาของ ทางฝายจิต ฝายวิญญาณ. พวกที่เปนวัตถุนิยมจะไมยอมรับเอาปญหาอันนี้ แลวจะไมยอมรับวา มีอะไรที่ทําใหเกิดมา เพราะมันยุง ; เขาวาอยางนั้น. เขาเกิดมาตองการวัตถุ ก็ผลิตวัตถุ มันก็ตองการ เทคโนโลยี่ เปนพระเจา สําหรับชวยใหการผลิตวัตถุ ที่เขาตอ งการ สํา เร็จ ตามความปรารถนา. อยา งนี้เราเรีย กวา พวกวัต ถุนิย ม เขาจะไมยอมคิดปญหาอยางที่เรากําลังคิด แลวเขาก็จะหาวาพวกเรานี้บา มาคิด ปญหาที่ไมจําเปนจะตองคิด วา เกิดมาทําไม. หรืออะไรทําใหเกิดมา ? แตทีนี้ ฝายเรา กลาวคือชาวตะวันออก ซึ่งรุงเรืองอยูดวยความสวางไสวในทาง วิญญาณนั้น มัน คิด , มัน ตอ งคิด และมัน เคยคิด มามากแลว ; และรูแ ลว ดว ย วา เกิด มา ทําไม? หรืออะไรทําใหเกิดมา? แลวก็ไมไดรูเกิดขอบเขต, รูแตพอดี เทาที่จะ ดับความทุกขในการเกิดนี้ได. นี้คือตัวพุทธศาสนา ไดแกวิชาความรูเทาที่จําเปน ที่มนุษยจะตองรู เพื่อจะดับความทุกขได โดยเฉพาะก็ของทุกคนทั่วๆไป คือ ฆราวาส เหมือนที่คุณกําลังตั้งปญหามานี้. ฉะนั้นขอใหคิดวาเกิดมาทําไม? โดย ไตไปถึงวา อะไรทําใหเกิดมา? ถาเรารูจักสิ่งที่ทําใหเกิดมา เราก็จะรูไดงายวา เกิดมาทําไม? คือมันเกิดมาตามความตองการของสิ่งที่ทําใหเราเกิดมา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org อะไรทําใหเกิดมา? พูดอยางภาษาของคนตะวันออก ที่รุงเรืองดวย ความสวางไสวทางวิญญาณ เขาก็พูดกันตามที่เห็นวา เหมาะแกบุคคลในยุคนั้น ในถิ่น นั้น . บางพวกก็พูด วา พระเจา ทํา ใหเราเกิด มา สรางเรามา. แตพุท ธ-
๒๘
ฆราวาสธรรม
บริ ษั ทนี้ ใช คํ า ว า “พระธรรม”. พระธรรมทํ า ให เกิ ด มา. ที นี้ เดี๋ ย วนี้ ก็ เกิ ด มี ความคิด ที่จ ะเปน อิส ระ คือ ไมใชคํา วา “พระเจา ” หรือ “พระธรรม” จะใช คํ า วา “ธรรมชาติ” ก็ไ ด ธรรมชาติทํ า ใหเ ราเกิด มา. แตอ ยา ลืม วา ใน พุทธศาสนานั้น สิ่งที่เรียกวา ธรรมชาติ นั้น เขารวมไวในคําวา “พระธรรม”. นี่แหละคุณ จะตอ งเขาใจคําวา ธรรมชาติ ที่ช อบพูด กัน นัก นี้ ใน พุท ธศาสนารวมไวใ นคํา ที่เรีย กวา “พระธรรม” ; เพราะคํา วา “ธรรม” หรือ พระธรรม นี้มัน กวาง มัน ครอบคลุม ไปทุก สิ่งทุก อยางหมด. ตัวธรรมชาติก็ดี ตัวกฎของธรรมชาติก็ดี ตัวหนาที่ของมนุษยตามกฎของธรรมชาติก็ดี ตัวผลที่ได รับ จากการปฏิบ ัติห นา ที่นั้น ก็ดี เรีย กวา “ธรรม” เพีย งคํา เดีย ว. สิ่ง ตา ง ๆ ๔ ประเภท จําแนกเปนอยางๆแลว ไมรูกี่ลานอยางนั้น รวมอยูในคําวา “ธรรม” เพีย งคํ า เดีย ว. ธรรม ก็ค ือ พระธรรมในที ่นี้. พระธรรมในที่นี ้ไ มใ ชห มาย แตเพีย ง คํา สั่ง สอนของพระพุท ธเจา เหมือ นอยา งที่เราทอ งกัน ในแบบเรีย น แตหมายถึงทุกสิ่ง รวมทั้งสิ่งที่มีอํานาจ บันดาลใหสิ่งตาง ๆ เปนไป คือพระธรรม ในฐานะที่เ ปน กฎของธรรมชาติ ฉะนั้น จึง เห็น ไดทัน ทีวา พุท ธบริษัท ถือ วา พระธรรมเปนผูสรางเรามา, แลวก็มีความมุงหมายจํากัดตายตัว ไมพรา ไมเลือน วาที่สรางใหเกิดมานี้ เพื่อใหมาทําอะไร ?
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พวกอื่นเขาไมเรียกวา พระธรรม เขาเรียกวาพระเจา ก็ไดเหมือนกัน คุณ ควรจะเขาใจคําวา “พระเจา” เพราะวา พระเจานี้ เปนภาษาไทย ไมใ ช ภาษบาลี ไมใชภาษาฝรั่ง. พวกฝรั่งเขามีคําวา “พระเจา” ของเขา เชนคําวา God เปนตน ; แลวมีคําที่ใชแทนคําวา God นี้อีกมากมายหลายสิบคํา, แตแลว เขาก็ไมรูจักพระเจา หรือ God เชนเดียวกับที่พวกพุทธบริษัทไมรูจักพระธรรม ในลักษณะที่ถูกตอง และสมบูรณ.
ปญหาเพียงขอเดียวของมนุษยชาติ
๒๙
คําวา “พระเจา” ที่แทในภาษาไทยนั้น มันก็คือพระธรรม คือทํา หนาที่สรางโลก ควบคุมโลก ใหโลกเปนไปตามกฎเกณฑ, นั่นแหละคือพระธรรม หรือจะเรียกวาพระเจาก็ได ;แตแลวเด็ก ๆ นี้ถูกสอนใหเขาใจผิด จนพระเจานี้ กลายเปน บุค คล หรือ เปน ผี หรือ เปน อะไรก็ต าม ที่มีค วามรูสึก อยา งคน, ใหพระเจารูสึกเหมือน ๆ คน เชนพระเจาบางชนิดมักมากในกามารมณก็มี, หรือ อยา งนอ ยที่สุด ก็รูจัก โกรธ รูจัก เกลีย ด รูจัก รัก รูจัก พอใจ เหมือ นกะคน, มันก็เลยผิดไปจากความหมายที่ถูกตองของคําวา พระเจา แลวพระเจาก็มี คุณลักษณะ หรือ qualification นั้น มากจนพูดไมไหว คือสามารถทําทุกอยาง มีหนาที่ทุกอยาง แลวเราก็ไปเอาแตเพียงหนาที่อยางคน ๆ. มันก็ไมถูกตอง ไมยุติธรรมแกพระเจา นั่นแหละคือ การไมรูจักพระเจา. เมื่อไมรูจักทั้งพระเจา ไมรูจักทั้งพระธรรม มันก็ไมรูวา พระเจาหรือ พระธรรมนั้น ตองการใหเราทําอะไร ? ฉะนั้นคุณควรจะไปรูจักพระเจา รูจัก พระธรรม ใหเพียงพอเสียกอน ; แลวก็จะรูจักวา พระเจา หรือพระธรรมนี้ ตองการใหเราทําอะไร ?. แลวมันก็จะเปนสิ่ง ๆ เดียวกัน เปนเรื่อง ๆ เดียวกัน กับที่วา ธรรมชาติตองการใหเราทําอะไร ? ทีนี้พอพูดถึงคําวา “ธรรมชาติ” คุณก็รูนิดเดียวอีกนั่นแหละ รูนิดเดียวอีกตามเคย วาธรรมชาติก็คือ สิ่งที่มนุษย ไมไดทํา ที่มันเกลื่อนๆอยูตามธรรมชาติ ที่มนุษยไมไดสราง ไมไดทํา ; ถารู เทานี้ก็เรียกวารูนิดเดียวของความหมายทั้งหมด ของคําวา “ธรรมชาติ”.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คําวา “ธรรมชาติ” ในภาษาธรรมะ ในภาษาศาสนา ละก็กวางหมด; อยางเดียวกันกับคําวาพระเจา, อะไร ๆ เปนธรรมชาติหมด ไมมีอะไรที่ไมใช ธรรมชาติ ; แลวยังแบงไวเปน ๒ ประเภท ไดแกสิ่งที่มันมีสิ่งอื่นปรุงแตง ก็เรียกวา “ธรรมชาติ” สิ่งที่อยูเหนือการปรุงแตงของสิ่งใด ๆ ก็ยังเรียกวา
๓๐
ฆราวาสธรรม
“ธรรมชาติ” อยู นั ่น เอง. เชน เรื ่อ งสูง สุด คือ นิพ พานอยา งนี ้ นิพ พานก็เปน ธรรมชาติ ; แตผูที่ไมเคยบวช ไมเคยเรียนภาษาบาลีจะไมรูอยางนี้ จะไมไดยิน อยางนี้ แลวจะไมเขาใจอยางนี้. ในภาษาบาลีจะใชคําวา “ธรรมชาติ” แกทุกสิ่ง ; เรื่องโลก ๆ นี้ ก็เป นธรรมชาติ , เรื่องธรรมะก็เป นธรรมชาติ, กระทั่ งเรื่อ งสูงสุ ด เหนื อ โลก เหนื อ อะไรหมด ก็ เ รี ย กว า ธรรมชาติ ; ฉะนั้ น นิ พ พานเป น ธรรมชาติ แ ห ง ความไม ต าย, เป น ธรรมชาติ ที ่ อ ะไรปรุ ง แต ง ไม ไ ด , เป น ธรรมชาติซึ่ง เปน ที่สิ้น สุด ของสิ่ง ที่ป รุง แตง อยา งนี้เปน ตน . นี่มัน ไกลออกไป จนคุณฟงไมเขาใจ ใชไหม ? เพราะวาในมหาวิทยาลัยของคุณไมเรียนธรรมชาติ อย า งนี้ ไปเรี ย นธรรมชาติ ดิ น น้ํ า ลม ไฟ ของเด็ ก ๆ อมมื อ อยู ต ามเดิ ม . เรี ย นเรื่ อ งก อ นกรวดก อ นหิ น ความรอ น แสง เสี ย ง อะไรก็ ต าม ก็ เป น เรื่อ ง ธรรมชาติทางวัตถุไปหมด. สวนธรรมชาติที่ไมใชวัตถุนั้นไมรูจัก แลวก็ไมยอม รับ วา เป น ธรรมชาติ ก็ ได . ฉะนั้ น ถ า เข า ใจคํ าว า “ธรรมชาติ ” ในบาลี หรือ ใน พุทธศาสนา มันก็จะหมดปญหาไปมากทีเดียว ; คือทําใหรูวาธรรมชาติตองการ ให “คน” นี้ทําอะไร ?
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org “คน” นี้ ถาพูดตามภาษาธรรมะอยางนี้ ก็คือผลิตผลของธรรมชาติ แมแตที่คุณเรียนวิทยาศาสตรอยางใหม ๆ จากพวกฝรั่งมา คุณก็พอเขาใจไดวา มนุษย สัตว เหลานี้มันเปนผลิตผลของธรรมชาติ ;มันไมเคยมีอยูในโลกมากอน แลวมันก็เพิ่งมีขึ้นมา ไปเรียนชีววิทยาดู มันก็รู. แมตัวโลกเองกอนนี้มันก็ไมมี มันก็เพิ่งมีขึ้นมา ฉะนั้นโลกนี้มันก็เปนผลิตผลของธรรมชาติ คือดวยการบันดาล ของธรรมชาติ, ในภาษาธรรมเขาเรียกวาปรุงแตง เปนการปรุงแตงของธรรมชาติ ซึ่งมันไมมีจิต ไมมีเจตนาเหมือน “คน” มันก็ยังปรุงแตงได บันดาลสิ่งตาง ๆ ได. คุณเอาไปคิดดูซิวา ถาคุณเชี่อวา โลกนี้มันแตกเปนสะเก็ดออกมาจากดวงอาทิตย หรือวาการรวมกลุมเขมขนของเนบิวลา (nebula) จนเกิดเปนโลกขึ้นมาก็ตาม,
ปญหาเพียงขอเดียวของมนุษยชาติ
๓๑
คุณ จะเรีย กวา มัน เปน เจตนาของธรรมชาติห รือ ไม? ถา ถือ เสีย วา ธรรมชาติ ไมใชคน ก็อาจจะถือวาไมใชเจตนาก็ได. แตเดี๋ยวนี้เรามีภาษาใชที่กวางออกไป แมไ มม ีช ีว ิต จิต ใจ รูส ึก นึก คิด มัน ก็ม ีค วามหมายอยู ใ นนั ้น . ที ่ม ัน ไมอ ยู นิ ่ง ที่มันหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงอยูเสมอนี้ เราเพ งดูใหดีเถิด มัน ก็มีความหมายใน ลักษณะที่เหมือนกับเจตนา. เพราะเราตองยอมรับวา ธรรมชาตินี้มีวิวัฒ นาการ คื อ เปลี ่ ย นไปเรื่ อ ย ไปในทางที ่ แ ปลกออกไป ๆ แปลกออกไป ๆ นั ้ น คื อ วิวัฒนาการ จะดวยความประสงคอยางไร ก็เพื่อที่จะถึงที่สุด หรือถึงจุดจบของมัน. ดังนั้ น การที่ธรรมชาติใหมีอะไรขึ้นมาไมสิ้นสุดหยุดหยอนนี้ ก็ควร จะถื อวา เพื่ อถึ งจุ ดจบของมั น. ที นี้ ถ าเป นจุ ดจบทางวัตถุ ธาตุ มั นก็ อาจจะเป น เพียงความสลายตัวไปอีกก็ได, สลายตัวไมมีเหลืออยูอีกครั้งหนึ่งก็ได ; คือโลกนี้ มีจุดจบสักวันหนึ่งขางหนา เมื่อมันมีการสลายตัว ไมมีเหลืออยูอีกก็ได. แตนี้มัน เป น เรื่ อ งทางวั ต ถุ มั น ไม ใช เรื่ อ งของคนที่ มี ชี วิ ต จิ ต ใจ ; ดั ง นั้ น เรื่ อ งของคนที่ มี ชี วิตจิ ตใจ มั นก็ เลยมี จุ ดจบมากกว านั้ น หรือดี กวานั้ น วิเศษกวานั้ น ; มั นก็ คื อ เรื่อ งจุ ด จบทางฝ ายวิ ญ ญาณ เป น เรื่อ งของความสวางไสวทางวิญ ญาณ หรือ Spiritual - Enlightenment ดังที่เราไดพู ดกันมานานแลว. นี่แหละทางวัตถุก็ไปให ถึง จุดสูงสุดของฝายวัตถุ ทางฝายวิญญาณก็ไปใหถึงจุดสูงสุดของทางฝายวิญญาณ. นี่แหละจะไปเป นอั นเดี ยวกั นกั บ ความประสงค ของพระเจา หรือความประสงค ของพระธรรม. พระธรรมเปนเรื่องทางฝายวิญ ญาณ เปนสวนสําคัญ มันก็ตอง มีจุดจบตามทางฝายวิญญาณ คือมีจิตใจสูงสุด เทาที่สิ่งที่เรียกวาจิตใจนี้มันจะสูงได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้เมื่อถามวา พระธรรมมีความมุงหมาย มีเจตนารมณ อยางไร ใน การที่ สรางมนุษ ยขึ้น มานี้? ก็เพื่ อ ใหม นุ ษ ยไปถึ งจุดสู งสุ ดของความเป น มนุ ษ ย . พระจ า ก็ เหมื อ นกั น เมื่ อ ถื อ ตามหลั ก ของพวกคริ ส เตี ย น ซึ่ ง เขี ย นเรื่อ งพระเจ า
๓๒
ฆราวาสธรรม
เอาไวชัดเจนพอนี้ ตั้งแตที่ยังเปนศาสนายิว เขาก็พู ดไวชัดวา เพื่ อมนุษ ยจะไป รวมกับพระเจาในที่สุด, เพื่อมนุษยจะไปเกิดในโลกของพระเจา คือไปเปนอันเดียว กั น กั บ พระเจ า ในที่ สุ ด ; แล ว ก็ จ บกั น แค นั้ น . เดี๋ ย วนี้ ม นุ ษ ย ยั ง อยู ใ นโลกของ มนุ ษ ย ที่ เป น ความสกปรกมื ด มั ว เรารอ น เป น ทุ ก ข นี้ ก็ ให ป ฏิ บั ติ ศ าสนาไปจน พระเจา โปรด รับ เขา ไวใ นอาณาจัก รของพระเจา ไมตอ งเปน อะไรอีก ตอ ไป. จุดจบของพวกที่ถือศาสนาพระเจา เขาวาดไวอยางนี้ แตแลวเราก็ไมเขาใจเขา ; แลว ไปดูถ ูก เขาวา บา ๆ บอ ๆ. นี ่ผ มอยากจะทายลว งหนา วา พวกคุณ ไมรู ใจความของศาสนาคริส เตีย นจนไปดูถ ูก เขาวา เปน เรื่อ งบา ๆ บอ ๆ ก็ไ ด. ทั้งนี้ก็เพราะวา แมแตพวกคริสเตียนเองที่ไมรูเรื่องนี้ก็มี. นับถือศาสนาคริสเตียน แต ป าก เหมื อ นที่ ค นไทยเรานั บ ถื อ พุ ท ธศาสนาแต ป าก ; เมื่ อ พวกโน น ไม รู จั ก พระเจา พวกนี้ก็ไมรูจักพระธรรม. ถาคุณรูจักพระธรรมแลวก็จะหมดปญหา แลวจะไมถามปญหาอยางนี้, แลวก็ไมจําเปนที่จะตองมาสวนโมกข.ที่ถามปญ หาอยางนี้มันแสดงอยูในตัวแลว วา ไมรูจ ัก สิ ่ง ที ่เรีย กวา “พระธรรม” ฉะนั ้น ก็เปน การสมควรแลว ที ่วา เราจะ มาพบกัน ที่ ไหนแหงหนึ่ ง เพื่ อ ศึก ษา หรือ เพื่ อ ทําความเขาใจเกี่ ยวกั บ พระธรรม จนรูจักพระธรรม ; แลวปญ หาต าง ๆ จะหมด. คื อรูจักพระธรรมแลว ก็จะรูวา เกิดมาทําไม ? ใครบันดาลใหเกิดมา ? ดวยวัตถุประสงคอะไร ? แลวเราจะตอ ง ทํ าอย างไรต อ ไปให ลุ ล วงไปจนถึ งที่ สุ ด ? ถ ารูจั ก พระธรรมมั น ก็ ต อ งรูอ ย างนั้ น . เดี๋ยวนี้ยังไมรูถึงขนาดนั้น คือไมรูถึงขนาดที่จะเรียกวารูพระธรรม มันก็เปนเหตุ ให ไม ประสบความสําเร็จในการเรียน. ตั้ งต นแต การเป นเด็กนี้ ก็ไม ประสบความ สํ าเร็จ ในการเรียน ในการงาน ในการบริโภคผลงาน ชนิ ดที่ มั นจะไม เป นความ ทุกข ;มันมีแตความยุงโกลาหล วุนวาย หรือเปนความทุกขไปหมด. วัฒ นธรรม
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ปญหาเพียงขอเดียวของมนุษยชาติ
๓๓
หรือ ศาสนาอื ่น ถือ คํ า วา “พระเจา ” พุท ธบริษ ัท ถือ คํ า วา “พระธรรม” เราจะ ตอ งทํ า ตามความประสงค ข องสิ่ งที่ เรีย กว า “ธรรม”, มั น มี เจตนารมณ ข องมั น อยางไรเราตองทําตามนั้น. พูดอยางกําปนทุบดินกอน ไมมีทางผิด วาพระธรรม สรา งเรามา เพื ่อ ใหเ รามีธ รรม. คุณ จะฟง ออก ชอบหรือ ไมช อบก็ต าม ; พระธรรมนี้ สรางเรามาเพื่ อให เรามี ธรรม, สรางมนุ ษ ย ม าเพื่ อให มี ธรรม ; เมื่ อ มี ธรรมแลวก็จะไดแตกตางจากสัตว. ฉะนั้นเขาจึงมีคําพูดมาแตโบราณดึกดําบรรพวา “ธรรมะนี้ เพื่ อความผิดแปลกแตกตางจากสัตว” ; ถ าท องคาถานี้ ไวบ างก็ จะดี วา “อาหารนิ ทฺ ทาภยเมถุ นญจ “ - การหาอาหารกิ น การแสวงความสุ ขในการนอน การรูจ ัก ขี ้ข ลาด วิ ่ง หนีอ ัน ตราย และการประกอบเมถุน ธรรม, “สามาญญเมตปฺป สุภ ิ นรานํ” - สี่อ ยางนี้ม ีเสมอกัน ระหวา งคนกับ สัต ว, “ธมโม หิ เตสํ อธิโก วเสโส” - ธรรมะเทานั้นที่จะทําความผิดแปลกแตกตางระหวางคนกับสัตว, “ธมฺ เมน หี น า ปสุ ภิ สมานา” - เมื่ อ เอาธรรมะออกไปเสียแล ว คนก็ เท ากัน กั บ สัตว. มันมีใจความวา ธรรมะนี้ทําใหคนตางจากสัตว, ธรรมะสรางคนขึ้นมา ผิดจากสัตวก็เพราะวา ตองการใหคนมีธรรมะอยางคน อยางมนุษย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เดี๋ยวนี้ เราก็เรียกตัวเองวาเปนคน หรือเปนมนุษย มันก็ตองมีธรรมะ ถ า ใครไม มี ธ รรมะก็ ไ ม ต า งอะไรจากสั ต ว . คํ า ว า “ธรรมะ” ในที่ นี้ ก็ ห มายถึ ง ธรรมะสํ า หรับ คน ธรรมะเพื ่อ มนุษ ย เพื ่อ คน ก็ค ือ รู ว า เกิด มาทํ า ไม ? แลว ก็ทํ า ไปให ถึ งที่ สุ ด . พอพู ด ถึ ง พระเจ า ก็ อ ย างเดี ย วกั น อี ก พระเจ า ต อ งการ ให คนดีกวาสัต ว แล วไปอยูกับ พระเจา. ถาพู ด ถึงธรรมชาติ ธรรมชาติ ตอ งการ ใหมีวิวัฒ นาการ ไมหยุด วิวัฒ นาการมาจนเปนมนุษ ย แลวก็ใหไปถึงที่สุดของ ความเปนมนุษย ; ในที่สุดเราก็ไปจบอยูที่การมีธรรมะอยางถูกตองและสมบูรณ.
นี่เรารูจักวา พระธรรมตองการใหเรามีธรรม พูดอยางกําปนทุบดินก็วา ธรรมะสรา งมนุษ ยขึ ้น มาสํ า หรับ ใหม ีธ รรมะ. ทีนี ้ เดี ๋ย วนี ้เ รามีธ รรมะแลว
๓๔
ฆราวาสธรรม
หรือ ยัง ? คุณ ก็ต อบไดด ว ยตนเอง. ผมพูด ทีไ รมัน ก็ก ระทบกระเทือ นทุก ที วามนุษยในโลกนี้มีธรรมะหรือยัง ?พวกเราชาวไทยนี้มีธรรมะหรือยัง ? และโดย เฉพาะคน คนเดียว เปนคนหนึ่ง ๆ เชนคุณ เอง มีธรรมะหรือยัง ? ผมก็ตอบ ไดแ ตเพีย งวา ถา มีธ รรมะจริง แลว มัน ไมยุ ง ยาก โกลาหล วุน วาย อยา งที่ เปน อยู เดี๋ ย วนี้ . ทั้ ง โลกก็ ดี ทั้ งประเทศก็ ดี หรือ แม แ ต ค น ๆ เดี ย วก็ ดี , ถ า มี ธรรมะแลว ก็จะไมมีอะไรที่เปนปญหานาเกลียดนาชังอยางนี้. อันนี้เราก็รูกันเอง เฉพาะคน ๆ เป น ภายในไปก็ แ ล ว กั น . แต ถ า มองดู ที่ สั งคม คุ ณ ก็ ต อ งได ม าก กวานั้น วาสังคมกําลังเปนอยางไร. เมื่อรูวาสังคมเปนอยางไร เราก็อาจสามารถที่จะปลีกตัวออกมาจาก สังคมโดยทางจิตใจ ;ทางรางกายมันเนื่องอยูดวยสังคม หลีกไมคอยพน แตทาง จิตใจนี้ เราสามารถที่จะปลีกออกมาเสียจากสังคมที่สกปรก ; คือมามีธรรมะ อาศัยธรรมะเปนเครื่องมือ, แลวเราก็ยังคงไดรับประโยชนจากธรรมะ ยังสามารถ ทําใหตรงตามความประสงคของพระธรรม ที่สรางเรามาทําไม นี้. ในสวนนี้ผม ขอรองวา คุณอยาเปนคนปดมดเท็จ แกตัว วาไมอาจจะแยกจากสังคม ไมอาจจะ ปลีกจากสังคม. เมื่อเพื่อนสูบบุหรี่ เราก็ตองสูบ, เมื่อเพื่อนกินเหลา เราก็ตอง กินเหลา, เมื่อเพื่อนสํามะเลเทเมาเรื่องเพศ เราก็ตองสํามะเลเทเมา, เราไมอาจ จะแยกจากสังคม. อยางนี้ผมวาเปนคนมุสา เปนคนขี้ปดมดเท็จ สําหรับจะแกตัว สําหรับจะไปทําความชั่ว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ธรรมชาติสรางเรามาโดยทางจิตใจ สามารถที่จะแยกออกจากสังคม ไปนิพพานตามลําพังเราคนเดียวก็ได. ถึงทางรางกายก็เหมือนกัน ถาเรามีความ กลาหาญพอ เราก็สามารถจะแยกออกจากสังคม ;หรือวาถาเราจะเขาไปรวมอยู ในสังคมเราก็จะตองเปนฝายที่ตอตาน ไมใหขบถตอพระธรรม.
ปญหาเพียงขอเดียวของมนุษยชาติ
๓๕
ผมไดยินขาวหนังสือพิมพลงวา พวกนิสิต นักศึกษามหาวิทยาลัยเขาไป ต อ สู ท างการเมื อ ง เกี่ ย วกั บ พรรคนั้ น พรรคนี้ ; แต แล วก็ ยั งสงสั ย อยู วา ทํ าไป ดว ยความบริส ุท ธิ ์ใ จ เพื ่อ พระธรรมหรือ เปลา ? ถา พวกนิส ิต เหลา นี ้ไ ปตอ สู ทางการเมือง ทางสังคมแลว มันก็ตองเพื่อความเปนธรรม เพื่ อความถูกตอ ง ตามความตอ งการของพระธรรม; มัน ก็ไดเหมือ นกัน แมจ ะอยูในสัง คม ถา อยูในลักษณะอยางนี้มันก็มีประโยชนเหมือนกัน แตถาพลอยผสมโรงไปในทาง ที่ไมใชพ ระธรรม, ไมใชของพระธรรม, หรือ วาเปน อธรรม, หรือ วาเปน ธรรม ที ่ผ ิด ๆ แลว มัน ก็ใ ชไ มไ ด; มัน ผิด วัต ถุป ระสงคข องพระธรรม พระธรรม ไมต อ งการอยา งนั ้น พระธรรมตอ งการใหเรามีธ รรม พระธรรมสรา งเรามา เพื ่อ ตอ งการใหเรามีธ รรมเรื่อ ย ๆ ไป, คือ ดีขึ้น ไป สูงขึ้น ไป จนถึงบรมธรรม สุดยอด. สิ่งที่เรียกวา “บรมธรรม” นั้น เขาเรียกหลายชื่อ มีหลายชื่อเชน นิพพาน เปนตน อมตธรรม เปนตน นั่นแหละคือบรมธรรมสูงสุดของมนุษย. ฉะนั้นขอใหถือวา พระธรรมสรางเรามา เพื่อใหเรามีธรรมเรื่อย ๆ ไปจนกระทั่ง ถึ ง บรมธรรม นี้ เป น สิ่ ง ที่ ห ลี ก เลี่ ย งไม ได ปฏิ เสธไม ไ ด . ถ า ปฏิ เสธแล ว จะยุ ง เพราะผิดและสับสนกัน. แมวา เดี๋ยวนี้คุณก็มุงหมายที่จะเปนฆราวาส ที่จะสึก ออกไปเปนฆราวาส, หรือเอาพวกฆราวาสเปนหลัก เราก็ยังพูดยืนยันอยูนั่นเอง วาเปนมนุษยนี้เพื่อมีธรรมะ เพื่อถึงยอดสุดของบรมธรรม.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฆราวาสก็ตองเดินทางไปหาบรมธรรม บรรพชิตก็ตองเดินทางไปหา บรมธรรม ; ใครจะไปเร็วชากวากัน มันอยูที่ใครทําผิดหรือทําถูก. ที่ออกมาเปน บรรพชิตนี้ก็เพื่อจะไปไดเร็ว ๆ คือตัดความผูกพันสวนใหญออกไปเสีย เพื่อจะไป เร็ว ๆ ; แต แ ล วมั น ก็ เห็ น อยู วา ไม ไปเร็ว ๆ ก็ มี ยั ง ขบถต อ อุ ด มการอั น นี้ ก็ มี ;
๓๖
ฆราวาสธรรม
เพราะบรรพชิ ต ก็ มี ห ลายชนิ ด หลายประเภท ;บางที ฆ ราวาสไปเร็ วกว าก็ มี . ถาฆราวาสเปนผูประพฤติธรรมดวยความบริสุทธิ์ใจอยูเสมอ มันก็เลื่อนชั้นไป โดยเร็ว ไมมีอะไรที่คงที่ตายตัว ตายดานอยูที่นั่น ; แลวจิตใจมันก็วิวัฒนาการ ไปดวยเหมือนกัน. สิ่งที่เคยรัก เคยบูชา มันก็อาจจะกลายเปนสิ่งที่ไมรักไมบูชา แลวก็เลื่อนไหลไปหาสิ่งอื่น ที่ไปรักไปบูชา, ไมเทาไรก็เห็นเปนเรื่องไมนารัก ไมนาบูชา ; มันก็เลื่อนตอไปอีก คือเลื่อนไปจนถึงยอดสุด ที่จะเลื่อนไปอีกไมได คือบรมธรรม. ฉะนั้นพวกฆราวาสนั่นแหละ บางชั่วโมงก็หลงใหลทางกามารมณ บางชั่วโมงก็ต อ งการพั ก ผอน บางชั่วโมงก็ ตอ งการความวาง ความหยุด นิ่ ง ความสงบ ไมมีอะไรรบกวน มีรสชาติทํานองเดียวกันกับนิพพาน ; แตแลว ไมสนใจ ไมสังเกต. และสวนที่บูชากันเปน สวนใหญ ก็เปนเรื่องเอร็ดอรอ ย ทางเนื้อหนัง ; ฉะนั้นชีวิตฆราวาสสวนมากมันจึงเปนเสียอยางนั้น เพราะวา วัฒนธรรมกําลังเสื่อม. ถาวัฒนธรรมของพุทธบริษัทยังเขมขน เขาก็มีชั่วโมงที่เปนตัวเอง อย างนั้ น อย างนี้ อย างโน น ไปครบถ วนเหมื อ นกั น ; ชั่ วโมงแห งความสงบ ประกอบไปดวยธรรม อยางนี้ก็มี.เดี๋ยวนี้เราถูกสอนใหบาหลังในเรื่องทางฝาย วัตถุ ทางฝายเนื้อหนัง จนไมมีชั่วโมงแหงความสงบ. นักศึกษาหนุมสาวเหลานี้ ก็พรอมที่จะเปนบา, พรอมที่จะฆาตัวตาย, พรอมที่จะทําอะไรผิด ๆ แปลก ๆ ดวยมานะทิฏฐิ หรืออวิชชา.ที่จริงการที่ตั้งกลุมพุทธศาสตรและประเพณีขึ้นใน มหาวิทยาลัยนี้ ก็นับวาถูกตองตามความประสงคของพระธรรมอยางยิ่ง. ทีนี้ กลัววามันจะตั้งแตปาก ตั้งแตชื่อ มันก็มีผลเทากับไมไดตั้ง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่ เราจะตองรับรูพระธรรมในลักษณะอยางไร ? พระธรรมสรางเรามา เพื่อใหเรามีธรรม เราก็หนีไมพน หลีกไมได และปฏิเสธไมได, ก็ตองพยายาม
ปญหาเพียงขอเดียวของมนุษยชาติ
๓๗
ให มี พระธรรม. ป ญ หาข อแรกมั นจึ งตอบได ว า เพื่ อมี พระธรรม. เกิ ดมาทํ าไม ? ตอบวา เกิดมาเพื่อมีบรมธรรม, คือมีธรรมะเรื่อย ๆ ไปจะถึงบรมธรรม. ที นี้ เราจะเอาผล เอาผลอี กชนิ ด หนึ่ ง ซึ่งมั น น าชื่น ใจหน อ ย. ถ า ถามวา เกิดมาทําไม ?ก็ขอใหภาวนาไวเปนเครื่องรางเลยวา “เกิดมาเพื่อไมเปน ทุก ข - เกิด มาเพื่อ ไมเปน ทุก ข “ คํา นี้ฟ ง ยาก แตวา มัน ก็พ อจะใชป ฏิบัติไ ด คือใหถือเปนหลักไวกอนวา เราเกิดมาเพื่อไมเปนทุกข. ฉะนั้นคุณอยารองให คุณอยาเสียใจ ในเมื่อมีความผิดหวังใด ๆ ซึ่งไมใชความผิดของคุณ. แมไมใช ความผิดของคุณ แตแลวมันก็มีขึ้นมา, แลวก็มาเสียใจ มารองให, อยางนี้ เปนคนโง ไมรูจักความหมายของคําวา “เกิดมาทําไม”. อยางนอยเราจะตอง ถือ วา เกิ ด มาเพื่ อ ไม มี ความทุ ก ข ไวก อ น. ดั งนั้ น เมื่ อ ความทุ ก ขมั น เกิ ด ขึ้นใน ลักษณะใด หรือในระดับใดที่ตาม จะตองปดทิ้งออกไปกอนวา นี้ไมใชเพื่อเรา ไมใชสําหรับเรา ; ฉะนั้นเราจะไมมีการรองให จะไมตองมีการเสียใจ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้นจึงไมตองพูดถึงการฆาตัวตาย นั่นมันบาเกินไป. เราจะ สลัดปญหาเหลานั้นออกไป โดยที่ไมตองรูวาเพราะอะไรมากนัก ; รูแตเพียงวา มันไมใชสําหรับเรา. ความทุกขนี้ไมใชสําหรับเรา เราจะตองไมทุกขเขาไวกอน ; แลวก็แกปญหาไปดวยความรู หรือสติปญญา. ความผิดหวังนั่นแหละเรียกวา ความทุกขก็ได คือไมไดตามที่เราตองการ. ทีนี้คนหนุมสาวนี้มักจะบูชาความหวัง, บูชาความหวังในลักษณะที่ผิด ๆ คือโงไปปกใจ วามันจะตองสมหวัง ถาไม สมหวังแลวตายเสียดีกวา นี้คือคนโงที่สุด. เพราะวาธรรมชาติมันไมไดสราง มาสําหรับใหสมหวังเสมอไป ; แลวมันก็ไมตองการใหสมหวังสําหรับคนโง มันตองการใหสมหวังสําหรับคนฉลาด.คือคนที่รูจักธรรมชาติดี ฉะนั้นเราตองฉลาด รูจักธรรมชาติดีพอที่จะตอสูกับธรรมชาติได ; แลวเราก็จะสมหวัง, คือเราไมไป หวังอยางโง ๆ เหมือนที่หนุมสาวหวังกัน
๓๘
ฆราวาสธรรม
เรามามีความหวังอยางถูกตอง อยางลึกซึ่ง คลอยตามกฎของธรรมชาติ แลว เราก็จ ะไมต อ งผิด หวัง ; หรือ ถา พูด อยา งธรรมะที ่ล ึก ก็คือ ไมห วัง อะไร , เราจะไม หวังอะไรจากธรรมชาติ เพราะเรารูวาธรรมชาติมั นเป น ของศักดิ์สิท ธิ์ หรือเด็ดขาดอยูในตัวมันเอง ; มันไมแพใคร แลวมันก็เปนไปอยางตายตัวตามกฎ ของธรรมชาติ. ถาเราไปหวังใหผิดไปจากกฎของธรรมชาติ มันก็เปนไปไมได. ที่ นี้ เ ราจะเป น ผู ผ สมโรงกั บ ธรรมชาติ , คื อ ทํา ให เ ป น ไปอย า งถู ก ต อ ง ตามกฎของธรรมชาติ หรื อ พระธรรมนั่ น แหละ แล ว เราก็ จ ะไม ผิ ด หวั ง . คุณศึกษาเลาเรียนใหมันคลอยตามกฎของพระธรรม,คุณทําการงาน ใหมันคลอยตามกฎของพระธรรม, คุณ มีลูกมีเมียมีอะไรใหคลอยตามกฎของ พระธรรม แลว ก็จ ะไมม ีผ ิด หวัง . คํ า วา “ผิด หวัง ” จะไมม ีใ นชีวิต นี ้ เพราะ มัน ประกอบอยูดวยธรรม, ทีนี้ห นุมสาวโง ๆ มันไปหวัง ตามอํานาจของกิเกส ซี่งมั นก็ ตองฝน ธรรมชาติ แล วมั น ก็ตองผิดหวังทุ กเวลานาที อ ยูนั่ นแหละ. มั น กระหายดวยความผิดหวังอยูเสมอไป. มันหวังมากเกินไป หรือมันหวังผิดทาง นอกทาง ; เพราะฉะนั้นมันจึงมืดมนกลัดกลุมอยูตลอดเวลา นี้คือไมมีพระธรรม ไมมีธรรมอยูในบุคคลนั้น มันจึงเปนนรก หรือวาเปนความเรารอนอยูตลอดเวลา ดวยความผิดหวัง. ฉะนั้ น ถาหากจะบู ชาความหวัง ก็บู ชาให ถูกต อ ง ; เพราะ ความหวังมันตองเขารอยกันกับกฎของธรรมชาติ แลวเราก็จะไมมีความผิดหวัง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ดัง นั ้น จึง เปน อัน วา เกิด มาเพื ่อ รู ธ รรมชาติ แลว ไปดว ยกัน กับ ธรรมชาติ คือ พระธรรม หรือ พระเจา อยา งที ่ไ มม ีผ ิด หวัง , นี ่ผ มใชคํ า วา เกิด มาเพื่อไมทุกข. ฉะนั้นคุณไมตองรองไห ไมตองเปนหวง ไมตองวิตกกังกล ไม ต อ งทํ า อะไรให มั น เป น ทุ ก ข . ถ า ความทุ ก ข เกิ ด ขึ้ น ด ว ยความเผลอของเรา
ปญหาเพียงขอเดียวของมนุษยชาติ
๓๙
ก็ รี บ ป ดออกไปทั นที ว า นี้ ไม ใช เรื่ อ งของเรา, เราจะต องตั้ งต นทํ าใหม โดย ไม ต อ งรูสึ ก เป น ทุ กข . มี ความรู มี ส ติ ป ญ ญาทํ าต อ ไป มั น ก็เป น ความก าวหน า วิวัฒ นาการ ไปตามทางของพระธรรมอยู เรื่อ ยไป ;ไมม ีค วามทุก ขเรื่อ ย ๆ ไป จนถึงยอดสุดคือบรมธรรม. ขอใหถือวา ถาความทุกขเกิดขึ้นในลักษณะใดก็ดี เทาไรก็ดี ก็หมาย ความว า มั น ทํ า ผิ ด เรามั น ขบถต อ พระธรรมด ว ยความรู ตั ว บ า ง ไม รู ตั ว บ า ง เจตนาบ า ง ไม เจตนาบ า ง ; ฉะนั้ น อย า ไปเสี ย ใจมั น . แม ที่ สุ ด แต ค วามเจ็ บ ไข เกิ ด ขึ้ น ซึ่ ง เป น ธรรมชาติ ที่ สุ ด ก็ อ ย า ไปทุ ก ข กั บ มั น อย า ไปเสี ย ใจกั บ มั น . จะ รัก ษาเยีย วยาโรคภัย ไขเจ็บ ก็ไ มต อ งเปน ทุก ข, กระทั ่ง วา ตายก็ไ มต อ งกลัว , ตายก็ ไ ม ต อ งเป น ทุ ก ข จะตายก็ ไ ม ต อ งกลั ว . ถ า ว า ความวิ ต กกั ง วล ความ ระแวง หรือ ความกลัว เปน ทุก ข ก็บ อกวา ไมใ ชเ รื ่อ งของเรา ไมต อ งกลัว . เอาอยา งนี ้ไ วท ีห นึ ่ง กอ น, เอาดื ้อ ๆ อยา งนี ้ไ วท ีห นึ ่ง กอ น แมว า เดี ๋ย วนี ้ย ัง ไม เปน พระอรหัน ต แตขอใหยึด หลัก ของพระอรหัน ตไวทีห นึ่ง กอ น : ความทุก ข ไมใชของเรา เราไมยอมรับเอาสิ่งใด. ขอใหฝกอยางนี้ จะเปนการฝกตาม
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พ ธรรม เปนการปฏิบัติพระธรรมอยางสูงสุด.
ร
ะ
ขอยกตัวอยางที่วาฟงแลวนาขบขันสักหนอยวา ถาไปเจอะเสือกลางปา ก็ไมต อ งกลัว และเปน ทุก ข, จะขึ ้น ตน ไม ก็ขึ ้น โดยไมต อ งกลัว และเปน ทุก ข, จะวิ ่ง หนี ก็วิ ่ง หนีโ ดยไมต อ งกลัว และเปน ทุก ข. ถา จวนตัว ที ่จ ะตอ งสู เ สือ ชกกับ เสือ ก็ช กกับ เสือ โดยไมต อ งกลัว และเปน ทุก ข. ใหจํ า หลัก นี ้ไ วใ หไ ด ทีห นึ่ง กอน วา “เราไมไดเกิดมาสําหรับเปนทุกข” แลวก็จะทําอะไรไดดีดวย. ถา เราทั ้ง กลัว และทั ้ง เปน ทุก ข วิ่ง ขึ ้น ตน ไมก ็จ ะวิ ่ง ขึ ้น ไมไหว, หรือ จะขึ ้น ผิด ๆ ถูก ๆ พลาดตกลงมาใหเสือกัดเสียอีก.ตองไมกลัวและเปนทุกข มีสติสัมปชัญญะ อยู เรื่อ ย จะขึ ้น ตน ไมก ็ขึ ้น ไดด ี จะวิ่ง ก็วิ่ง ไดด ี, หรือ จะสู ก ับ เสือ ก็อ าจจะชก ทีเดียวเสือตายก็ได. นี้ตองไมกลัว ตองไมเปนทุกข.
๔๐
ฆราวาสธรรม
“ฉัน ไมไ ดเกิด มาเพื ่อ เปน ทุก ข” ขอใหท อ งคาถานี ้ไ ว แลว ก็ใ ชใ ห ถูกตามทางของพระธรรม, อยาใหเปนมิจฉทิฏฐิขึ้นมา. จิตวางแบบอันธพาลนั้น เพื่ อ แก ตั ว ที่ จ ะทํ า ความชั่ ว ; “ฉั น ไม ต อ งเป น ทุ ก ข ” แล ว ก็ เลยติ ด คุ ก ติ ด ตะราง อะไรก็ ไ ด ไม ต อ งเป น ทุ ก ข ; ทํ า ความชั่ ว อย า งไรก็ ไ ด แล ว ไม ต อ งเป น ทุ ก ข ; อยางนี้มั นเป นจิตวางแบบอัน ธพาล. อุดมคติแบบอันธพาลวา ฉันไม ไดเกิด มา เพื่ อ เป น ทุ ก ข แต มั น ไม รูจั กความทุ ก ข มั น ไปเห็ น ความทุ ก ข เป น ความสุ ข หรือ เปนอะไรไปเสีย. ถาเรารูผิดชอบชั่วดีวา อะไรเปนความทุกข เราก็รูจักหลีกเลี่ยงเสีย ; หรือวาอะไรเปนเครื่องทรมานใจ เราก็ไมเอาสักอยางเดียว. นั่นแหละ ใหถือกัน ในแงที่วา เราเกิดมาสําหรับไมเปนทุกขในทุก ๆ กรณี ; แลวเรามีความรู มีสติปญญา มีสติสัมปชัญญะ ปฏิบัติไป แกไขไป ; เพื่อไมใหสิ่งที่จะเปนทุกขนั้น มัน เกิด ขึ ้น หรือ มาอีก . แตเมื ่อ มัน มาถึง เขา เราไมย อมรับ เอา เราพยายาม หาหนทางที ่จ ะไมใ หม ัน มาถึง ; เรีย กวา เผชิญ หนา กับ เสือ คือ ความทุก ข. เมื่อความทุกขเกิดขึ้น หรือมีเขามา เราจะไมทุกข. เราจะยิ้มแยมแจมใส เพื่อฆา เสือ นั ้น เสีย หรือ วา จะหลบหลีก จะหนีเ สือ ก็ต อ งดว ยความไมม ีท ุก ข ดวยความไมเปนทุกข.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่แหละคือความมุงหมายของพระธรรม เพียงอยางเดียวเทานั้น. คือ เพื่ อ จะไม ใ ห ค นเป น ทุ ก ข . เพื่ อ ให ค นมี ธ รรมะแล ว ไม เ ป น ทุ ก ข . ฉะนั้ น เราเกิด มาเพราะพระธรรมสรางเรามา เราก็ตอ งทําให ถูกตามวัตถุประสงค ของ พระธรรม ที ่ส รา งเรามา ; ปญ หาก็จ ะหมดไป. ปญ หาที ่วา “เกิด มาทํ า ไม ?” เราก็ ต อบอย า งดี ที่ สุ ด เลยว า เพื่ อ ทํ าตามความประสงค ข องพระธรรม ที่ ส รา ง เรามาหรือ ที่ ทํ า ให เราเกิ ด มา จะเรีย กพระธรรมนั้ น ว า พระเจ า หรือ ธรรมชาติ
ปญหาเพียงขอเดียวของมนุษยชาติ
๔๑
ก็ไดทั้งนั้น, ลวนแตที่ความประสงคที่จะทําใหมนุษยนี้ไมมีความทุกข. ใหเปน อยูในสภาพที่ไมมีความทุกข. คือเปนอันเดียวกันกับพระธรรมหรือพระเจา. ทีนี้ พอสรางขึ้นมาในความไมรู, เด็ก ๆ เกิดมาไมรูอะไรมีการอบรม สั่งสอน หรือ วัฒนธรรมไมดี กําลังหลงผิดไปมาก เหมือนพวกฝรั่งที่กําลังนิยม เทคโนโลยี่ มันก็หลีกหางจากพระธรรม, เดินหางออกไปจากพระธรรม ก็สราง โลกที่เ ดือ ดรอ นเปน ไฟขึ้น มา. ฝา ยพวกเราเปน พุท ธบริษ ัท ชาวตะวัน ออก ขอใหคงรักษาไว ซึ่งความสวางไสวในทางวิญญาณ ; รูวาเกิดมาทําไม อยาไป ตามกัน พวกฝรั่ง . ถา จะมี เทคโนโลยี่ ก็ตอ งมีม าสํา หรับ เปน ควายตัว ที่ส อง คือ ควายตัว ที่มีแ รง, แลว เราก็ยึด หลัก ควายตัว ที่ห นึ่ง , ตัว ที่มีค วามรู ตัว ที่รู, รูวา เกิดมาทําไม. ใหควายตัวที่สองมันตามหลังไป มันก็จะไปถึงไดดวยความ สะดวกสบาย. สว นทคโนโลยี ่ นี ่ก ็เ พื ่อ ใหช ีว ิต ทางรา งกายเปน อยู เ ทา นั ้น . ปูยา ตายาย ของพวกเราเอาแตพอสมควร ไมเอามากเหมือนพวกฝรั่งเดี่ยวนี้, เอาเทาที่จะเปนอยูไดโดยสะดวก ดวยเรื่องเครื่อ งนุงหม หรือ อาหารการกิน ที ่อ ยู อ าศัย การแกบํ า บัด โรค, แตแ ลว เราก็ม ีข องวิเ ศษคุ ม ครองปอ งกัน ไว แมวามันจะขาดแคลนเราก็ไมเปนทุกข. แมมันจะขาดแคลน จนกระทั่ง ทําให ชีวิต นี้ดับ ไป เราก็ไมเปน ทุก ข นี่คือ ความสวางไสวทางวิญ ญาณ. ฉะนั้น เรา จึงไมบาสรางสิ่งซึ่งทําใหเราเปนทาส, แลวไดรบราฆ าฟนกัน เพราะไปแยงชิง หวงแหนสิ่งที่เราตองการทางวัตถุ ทางเนื้อหนัง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี้มันเปนเหมือนกับวา birds eye view ซึ่งคุณจะตองมองดูใหเห็น เสียกอน คือคุณตองบินขึ้นไปสูงเหมือนนก แลวดูขางลาง วาอะไรเปนอยางไร ใหทั่วถึงเสีย กอน ; แลว จึงจะรูจัก ทําสิ่งเฉพาะจนใหมัน สําเร็จ ลุลวงไปดวยดี. ที่ผมชักชวนใหมามองในปญหาที่วา เกิดมาทําไม นี้มันเหมือนกับขึ้นไปใหสูง ๆ แลว มองดูขา งลา ง ; ใหรูวา ชีวิต ทั้ง หมดนี้ มัน เพื่อ อะไร ; เปน ผูอ ยูบ นยอด ภูเขา แลวมองดูคนขางลาง มองดูโลกขาลาง อยางนี้ก็ไมมีทางที่จะทําผิด. บัดนี้ก็พอสวางพอดี ยุติกันทีสําหรับวันนี้.
ความเปนฆราวาส -๓๒๒ เมษายน ๒๕๑๓ สํ าหรั บพวกเราได ล วงมาถึ งเวลา ๒๐.๓๐น. แล ว เปนเวลาที่จะไดพูดกันตอไปถึงขอความที่คางอยู ในครั้ง ที่แลวไดพูดในลักษณะที่เปนเพียงอารัมภกถา คือเรื่องทํา ความเข าใจในเบื้ อ งต น ทั่ ว ๆไป.ถึ งแม ในครั้งนี้ ก็ จ ะขอ โอกาส กลาวในลักษณะที่เปนอารัมภกถาอีกสักครั้งหนึ่ง เพื่อใหเขาใจเรื่องทั่วไปโดยสมบูรณ ยิ่งขึ้น โดยจะไดกลาว ถึงดวยหัวขอวา “ความเปนฆราวาส”. ป ญหาที่ พวกคุ ณเขียนส งมา ลวนแต เป นเรื่องสําหรับฆราวาส หรือ คฤหั สถ ; เพราะฉะนั้ น เราจะต องรู จั กความหมายของคํ าว า “คฤหั สถ ” หรื อ “ฆราวาส” นี ้. สํ า หรับ คํ า วา “ฆราวาส” หรือ “คฤหัส ถ” นี ้ ก็ด ูเหมือ นจะ เขาใจผิดกันอยูบางบางอยาง : โดยทั่วไปมักจะเขาใจไปวา เปนเรื่องที่ตรงกันขาม จากเรื่องธรรมะ หรือศาสนา, หรือเหมาเอาวาเปนเพศที่ยังต่ําทรามเกินไป จาก ธรรมะหรือศาสนา ; ถาเคยเขาใจอยางนี้ ก็ควรเขาใจกันเสียใหม.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๔๒
ความเปนฆราวาส
๔๓
ในครั้งที่ แล วมา เราได พู ดกั นจนเป นที่ เข าใจวา เกิ ดมานี้ เกิ ดมาเพื่ อ มีธ รรมะ ;เพราะวา เราเกิด มาจากพระธรรม พระธรรมสรา งเรามา. ความ มุ ง หมายของพระธรรมก็ คื อ เพื่ อ ให เรามี ธ รรมะ ; เพราะฉะนั้ น เราต อ งยอมรั บ ลั ก ษณะนี้ ว า การเกิ ด มานี้ ไม มี อ ะไรอื่ น ดี ไ ปกว า ที่ เกิ ด มาเพื่ อ มี ธ รรมะ. ที นี้ เมื ่อ เกิด มา ไมม ีใ ครเปน พระ เปน นัก บวช มาแตใ นทอ ง, มัน ตอ งเปน เด็ก เป นผู ใหญ เรื่อย ๆ มาในลั กษณะที่ เป นคฤหั สถ หรือเป นฆราวาส ; บางคนก็ เป น อย างนั้ นไปจนตาย ไม เคยบวชเป นพระ แล วจะเอาเวลาไหนมาเป นเวลาสํ าหรับ ที่จะมีธรรมะ ถาไมเอาเวลาที่เปนฆราวาส หรือเปนคฤหัสถนั่นเอง. เราจะเห็น ไดว า พอเกิด มา แลว ก็เ ติบ โตเรื ่อ ยไป จนกระทั ่ง ตาย ทั้งหมดนั้นเป นเวลาที่ จะตองมี ธรรมะ ด วยการศึ กษา ด วยการปฏิ บั ติ ; ฉะนั้นเรา จึงเกิดมาในลักษณะสํ าหรับจะเขาโรงเรียนศึกษาธรรมะ จะเรียกวา เขาโรงเรีย น ของพระธรรมก็ ได , เข าโรงเรียนของพระเจ าก็ ได . คุ ณ ต องเข าใจความข อนี้ ให ดี ๆ วาแม เราจะไม มี โรงเรียน หรือมหาวิทยาลั ย อยางที่ เขามี ๆ กันอยูเดี๋ ยวนี้ ชีวิตนี้ ก็เปน การเขา โรงเรีย นอยู ใ นตัว มัน เอง. ถา ไมเชน นั ้น แลว คนปา สมัย หิน ก็ไ มมี ทางที่ จะเป นบรรพบุ รุษของพวกเราได. คนป าสมั ยหิ นคุณ ก็รูดีอยูวา เป นอยางไร, ทํ า ไมจึ ง คลอดลู ก ออกมาเป น พวกเราได ; เพราะว า ชี วิ ต มั น เป น โรงเรี ย น, เป น บทเรีย น, เปน การสอบไลอ ยู ใ นตัว เสร็จ . มนุษ ยเ พิ ่ง รู จ ัก ตั ้ง โรงเรีย นแบบที ่มี กัน อยู ก็เ มื ่อ ไมน านมานี ้เ อง ; แตแ ลว ก็ไ มรู อ ะไรมาก หรือ ไมรู สิ ่ง ที ่ค วรจะรู เชนไมรูวา เกิดมาทําไม ? เปนตน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ผมอยากจะให ทุ ก คนถื อ ว า แม ค วามเป น ฆราวาสนี้ ก็ เป น การเข า โรงเรีย นของพระเจา ซึ ่ง ไมต อ งมีต ึก เรีย น มีอ าจารย มีชั ่ว โรงเรีย น เหมือ น กับ ที ่คุ ณ เรี ย นกั น อยู ใ นมหาวิ ท ยาลั ย . มั น เป น การเรี ย นอยู ใ นตั ว ชี วิ ต คื อ
๔๔
ฆราวาสธรรม
ทุกสิ่งทุกอยางที่เกิดขึ้น ในชีวิตประจําวัน มันเปนการสอนอยางดีที่สุด คื อ รู จ ริ ง แจ ม แจ ง จริ ง ไม เ หมื อ นกั บ เรี ย นหนั ง สื อ . เรี ย นหนั ง สื อ นั้ น มั น เป น การเรียนชนิดที่ ทองจํา หรือ ฝากความเขาใจไวกับเหตุ ผล,เป นทาสของ ความจํา เปนทาสของเหตุผล อยางที่เราเปน ๆ กันอยู ถาเรียนจากชีวิตจริง ๆ แลว มันไมเกี่ยวกันเลย เชนคุณทํามีดบาดมือ มัน สอนอะไรใหบ า ง; ไมเ กี ่ย วกับ ความจํ า ไมเ กี ่ย วกับ เหตุผ ล ; มัน เจ็บ อยางไรก็รูดี ตองระมัดระวังอยางไรก็รูดี. หรือเราทําผิดในเรื่องที่ใหญ โตกวานั้น กี่ อ ย า ง ๆ ดี ชั่ ว อย า งไร เราก็ รูดี . ขอให ม องเห็ น ว า นี่ เป น การศึ ก ษาที่ แ ท จ ริ ง . ตอนนี้ มั น เป น การเรีย นธรรมะจากพระธรรม หรือ จากธรรมชาติ อ ยู ต ลอดเวลา จนกวาจะถึงเวลาแตกดับของสังขาร. ความเปนฆราวาสก็มีความหมายเปนการ ศึกษาธรรมะอยูในตัว ; เมื่อเราเกิดมา จึงเกิดมาเพื่อเรียนธรรมะไปจนตลอดชีวิต. คําวา “ธรรม” ก็เกิดเปนคําที่มีความหมาย หรือมีความสําคัญขึ้นมา สํ า หรับ เราจะตอ งรู. ผมอยากจะบอกวา คุณ จะตอ งจํ า คํ า วา “ธรรม” นี ้ไ ว ใหด ี ๆ. “ธรรม” คํ า นี ้ถ า เปน ภาษาทั ่ว ไปหมายถึง ”หนา ที ่” ; ถา คุณ ไมเคย ไดยิ น มาก อ น ก็ จ งได ยิ น เสี ย เดี๋ ย วนี้ ว า คํ า ว า ธรรม แปลว า หน า ที่ ที่ ต อ ง ปฏิบ ัต ิ. คุณ ลองนึก ดูซ ิว า คํ า วา “ธรรม” จะเกิด ขึ ้น มาในโลก ในภาษาพูด ของมนุษ ยไ ดอ ยา งไร ? มนุษ ยใ นสมัย หิน มัน ก็ไ มม ีคํ า ๆ นี ้ใ ช ; แลว มนุษ ย ตอมาเจริญ เจริญจนรูจักมีคําพูดคํานี้ใชขึ้นมา เขาเล็งถึงอะไร ? คําพูดคํานี้เกิดขึ้น ที่ ริม ฝ ป ากมนุ ษ ย พู ด กั น เป น ครั้ง แรก มั น เล็ งถึ ง หน าที่ ที่ ต อ งทํ า ไม ทํ าไม ได มัน เลยกลายเปน ของดีที ่ส ุด ไปเลย เพราะไมทํ า ไมไ ด, ตอ งทํ า . คํ า วา “ธรรม” จึง แปลวา “หนา ที ่”. สว นที ่เรามาแปลกัน วา คํ า สั ่ง สอน หรือ อะไร ออกไปนี้ มั น เป น เรื่ อ งที ห ลั ง ; สั่ ง สอนเรื่ อ งอะไร ? ก็ สั่ ง สอนเรื่ อ งหน า ที่ .
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ความเปนฆราวาส
๔๕
ถ า ว าธรรมในฐานะที่ เป น มรรค ผล นิ พ พาน มั น ก็ คื อ ผลของหน าที่ ; เพราะ ฉะนั ้น มัน เกี ่ย วกับ หนา ที ่ข องมนุษ ย. มนุษ ยท ุก คนมีห นา ที ่. ทุก คนตอ งทํ า หนา ที ่ใ หด ี นับ ตั ้ง แตห นา ที ่ชั ้น ต่ํ า ๆ ธรรมดาสามัญ ที ่ส ุด , เชน จะกิน ขา ว อาบน้ํ า ถายอุจจาระ ป ส สาวะ อะไรก็ ต าม เป น หน าที่ ที่ จะต อ งทํ า, และต อ ง ทําใหดี. ทีนี้ เราก็มีหนาที่ตามธรรมชาติ คือหาเลี้ยงชีวิต ซึ่งตองทําใหถูกตอง. ถาจะตองมี คูครอง ซึ่งก็เป นหนาที่ ของมนุ ษ ยตามปกติ หรือ สัตวตามปกติ มั น ก็ตอ งทําใหถูก ตอ ง. มีค รอบครัวขึ้น มา ก็ตอ งทําใหถูก ตอ ง ลวนแตเปน หนา ที่ ที ่จ ะต อ งทํ า ให ถู ก ต อ ง สู งขึ้ น ไป - สู งขึ้ น ไป, จนกระทั่ ง ทางจิ ต ใจ ก็ ต อ งทํ า จิ ต ทําใจใหถูกตอง, กระทั่งวาจะตายไป ก็ใหมันตายอยางถูกตอง. ทั้งหมดนี้มันอยู ในคํา ๆ เดียววา “หนาที่” เรียกเปน ภาษบาลีวา “ธมฺ ม” ในภาษาสันสกฤตวา “ธรฺม ”, ภาษาไทยวา “ธรรม”. มื ่อ รู ว า “ธรรม” คือ หนา ที ่อ ยา งนี ้แ ลว มันงายเขาที่จะรูวา ฆราวาสนั้นมีหนาที่อยางไร ?
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรามองกันทีเดียวใหครอบคลุมหมดไปเสียเลยดีกวา โดยถือตามหลักที่ เขากลา วไวม าแตบ รมโบราณ. ในประเทศอิน เดีย เปน ตน ตอของวัฒ นธรรม สายนี้ ซึ่งไทยเราก็รับเอามานี้ เขาถือกันวา มนุษยที่ฉลาดที่สุดคนแรกของโลกคือ พระมนู ไดก ลา วหลัก อาศรม ๔ ไว. อาศรม ๔ คือ ความเปน พรหมจารี ความเปนคฤหัสถ, ความเปนวนปรัสถ, ความเปนสันยาสี.
อาศรมที่ ๑ ความเปนพรหมจารี คือเด็ก ๆ รุนหนุมรุนสาว ที่ยัง ไมครองเรือน ที่ยังไมมีสามีภรรยา เขาเรียก “พรหมจารี”, ตั้งแตเกิดมา จนถึง วาระสุดทายของการที่เปนโสดเรียกวา พรหมจารี.
๔๖
ฆราวาสธรรม
อาศรมที่ ๒ ถัดจากพรหมจารีก็มีสามีภรรยา ครองเรือน ; ก็เรียกวา คฤหัสถ หรือ ฆราวาส. อาศรมที่ ๓ คฤหัสถผูมีสติปญญา ตอมารูสึกเบื่อ รูสึกเอือมระอาตอ ความซ้ําซากของความเปนคฤหัสถ จึงหลีกออกไปสูที่สงัด บําเพ็ญตนเปนนักบวช คือ ไมยุ ง เรื่อ งเหยา เรือ นอีก ตอ ไป เรีย กวา วนปรัส ถ แปลวา อยู ป า , คือ อยู ในที่สงบสงัด. อาศรมที่ ๔ เมื่อพอใจใจความเปนอยางนั้นแลว ในที่สุดก็ออกเที่ยว สั่งสอน ทองเที่ยวไปในหมูมนุษยอีก, แตไมใชไปอยางผูครองเรือน ไมใชลึกไป ครองเรือ นเหมื อ นพวกเราสมั ย นี้ , เขาเที่ ยวสั่ งสอนประชาชน เรียกวา สั นยาสี หรือสันยาสี คือผูทองเที่ยวปะปนไปในหมูประชาชน. ลองพิ จารณาดู เถิดวา ชีวิตนี้ ถาสมบู รณ แบบจริง ๆ แลว ก็แบ งเป น ๔ ระยะ : ระยะพรหมจารี, ระยะคฤหัส ถ, ระยะวนปรัส ถ, ระยะสัน ยาสี, เดี๋ยวนี้คุณ ทุกองคนี้ ก็เปนผูที่อยูในอาศรมพรหมจารี หมายความจะตองศึกษา และจะตองประพฤติปฏิบัติระเบียบวินัยตาง ๆ อยางเครงครัดที่สุด เขาเรียกวา พรหมจารี ;เป น สั ง คม ๆ หนึ่ ง หรือ ว า เป น ขั้ น ตอนชนิ ด หนึ่ ง ลั ก ษณะหนึ่ ง ของ ชี วิ ต ในชั้ น นี้ .ระหว า งที่ เป น คนโสดอย า งนี้ ถ า เรีย กให ถู ก เขาไม เรีย กว า คฤหั ส ถ หรือ ฆราวาส, เขาเรีย กวา พรหมจารีฟ ง ดูก ็น า ฟง ; แตแ ลว เราก็ม ัก จะ เรียกพวกเราวา ฆราวาส หรือคฤหัสถไปเสีย. อยางพวกคุณอยูในมหาวิทยาลัย นี้ก็จัดตัวเองเปนฆราวาส หรือเปนคฤหัสถ ; ที่แทยังไมใช.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฆราวาสหรือ คฤหัส ถ หมายถึง ผู ที ่ค รองเรือ น คือ มีค รอบครัว ; สวนเรายังเป นพรหมาจารี ยังไมถึงขั้นนั้ น. ถาเราเขาใจผิด เราก็คงไปทําอะไร
ความเปนฆราวาส
๔๗
ผิด ๆ เขาแลว ; ฉะนั้นรูเสียใหมจะไดไมประมาท จะไดสํารวมระวังใหมีลักษณะ ของความเปน พรหมจารี. และขอใหรูเสีย ดว ยวา คํ า วา “พรหมจารี” ในที ่นี้ มีความหมายไมเหมือนกับที่คนทั่วไปเขาพู ดกัน คนที่มีการศึกษาแคบ ๆ นอย ๆ ก็เขาใจวา พรหมจารีนี้หมายถึงผูหญิ งในระดับที่ยังไมมีครอบครัว ยังประพฤติ อะไรเครง ครัด อยา งใดอยา งหนึ ่ง ตามขนบธรรมเนีย มประเพณี. แตที ่จ ริง คํ า นี้ ไม ได ห มายความอย างนั้ น ; หมายทั้ งหญิ ง ทั้ งชาย ตั้ ง แต แ รกเกิ ด มาเป น เด็ ก จนกระทั่งเปนหนุมสาว. “พรหมจารี” แปลวาประพฤติอยางพรหมคือไมเกี่ยวกับเพศตรงกันขาม หรือคูครอง ตองทําตัวเปนผูสํารวมระวังอยางดีในการที่จะไมไปของแวะกับเพศ ตรงกัน ขาม เพื่ อจะไดมี ก ารศึ กษาที่แท จริงที่ บ ริสุ ท ธิ์สะอาด หรือ เต็ม ที่ นั่ น เอง ; เขาจึงมีระเบียบใหประพฤติอยางพรหม อยางไปเกี่ยวของเรื่องเพศตรงกันขาม. เดี ๋ย วนี ้เด็ก ๆ ไมรูจ ัก ตัว เอง ทํ า ตัว เปน เจา ชู ตั ้ง แตเล็ก ไปเกี ่ย วขอ งเรื่อ งเพศ ตั้งแตเล็ก ; นี่คือคนที่ไมรูจักตัวเองวาอยูในอาศรมชื่ออะไร ไมรูวาอยูในอาศรม พรหมจารี.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ครั้นเมื่อเลื่อนชั้นขึ้นไปชั้นหนึ่ง ก็ถึงอาศรม “คฤหัสถ” คือมีครอบครัว ครองเรือน หน าที่ การงานมั นก็ เปลี่ ยนไป ; เช นการศึ กษาก็ สิ้ นสุ ดลง อย างที่ คน หนุมคนสาวจะตองเรียน, มันเปลี่ยนไปมีการงาน ทําหนาที่ของพ อบานแมเรือ น ไมใชหนาที่ศึกษาอยางนักเรียนแลว ; กลายเปนมีหนาที่ คือการงานอยางพอบาน แม เรื อ น มั น ต า งกั น ลั บ . ฉะนั้ น เขาจึ ง แยกเป น อาศรมอี ก อั น หนึ่ ง เรี ย กว า คฤหัสถ ทําหนาที่ของพอบานแมเรือนไป กระทั่งมีบุตรมีหลานออกมา. เปนเรื่อง ที่หนักที่สุดในชีวิตของคนเรา.
๔๘
ฆราวาสธรรม
ทีนี้เมื่อไดทําไป ๆ มันก็สอนใหเอง จนรูสึกเบื่อขึ้นมาเองได คือมอง เห็นวาอยางนี้มันเปนการทรมาน เราไมควรจะเปนอยางนี้จนกระทั่งวันตาย, ควร จะไดรับ การพัก ผอ น หรือ ไดอ ะไรที ่ด ีก วา นี ้. ฉะนั ้น จึง เปลี ่ย นระบบของชีว ิต ไปเปนผูอยูในที่วิเวกทางกาย วิเวกทางจิต ; ถึงแมวาเขาจะอยูที่บาน เขาก็เปลี่ยน ลัก ษณะการเปน อยู ชนิด ที ่ไ มส ูส ีก ับ ชาวบา น หรือ ไมส ูส ีก ับ ใคร, หลีก ไปหา มุม สงบตามริมรั้วบ าน กอไผกอกลวยอะไรก็ได . หรือจะไปอยูป าหิ ม พานตเลย ก็ไ ด ตามใจ ไมม ีใ ครวา แตก ารงานมัน เปลี ่ย นไปหมด ; สว นใหญไ ปอยู เพื่ อทบทวนรําพึง ถึงเรื่องชีวิตจิตใจเรื่องบุญ เรื่องบาป เรื่องดีเรื่องชั่ว เรื่องกิเลส เรื่องความทุกข. เขามานั่งดูชีวิตนั่งคนหาความจริงของชีวิตในสวนลึก เรื่อย ๆ ไป จนไดรูสิ่งที่ไมเคยรู หรือไดนึกสิ่งที่ไมเคยนึก. คุ ณ ลองคิ ดดู เกิ ดวา data หรือ material สํ าหรับเอามาคิ ดมานึ กนี้ จะเอามาจากไหน ? มันก็ตองเอามาจากสิ่งที่ผานมาแลวตั้งแตแรกเกิดมา จนเปน หนุ ม เป น สาว เป น พ อบ านแม เรือ น จนมี ลู กมี หลาน. รายละเอี ยดต าง ๆ มั น ก็ อยู ในเรื่อ งที่ ได ผ านมาแลวในชีวิต มั น จึงเอามาคิ ด ได อ ยางถู กต อ ง ;รูค วามจริง ของชีวิต รูความลับของชีวิต รูเรื่องที่มนุษยควรจะทําอยางไร ? ควรจะไดอะไร ? ควรจะไปสูจุดหมายปลายทางที่ไหน ? คนสูงอายุปูนนี้บางคนจึงมีความสวางไสว ในเรื่อ งของชีวิต ยิ ่ง กวา พวกพรหมจารี หรือ พวกคฤหัส ถ. เพื ่อ ความสะดวก จึงมีการออกบวช ไปเสียจากบานจากเรือน ไปอยูอยางนักบวช ไปครองชีวิตแบบ นัก บวช มัน สะดวกที ่จ ะคิด พิจ ารณาสิ ่งเหลา นี ้ ซึ ่งเรีย กกัน วา ทํ า สมณธรรม, ทํ า กัม มัฏ ฐาน, ทํ า วิป ส สนา อะไรก็ต าม. เรื่อ งของนัก บวช หรือ “วปรัส ถ” มันเปนอยางนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เดี๋ ยวนี้ เราโดยเฉพาะพวกคุ ณหนุ ม ๆ กระโดดข ามมาเป น วนปรัสถ มันก็ยากที่ จะให มีความรูสึก ความเขาใจ อยางที่เขาเป นกันมาตามลําดับ คือเป น
ความเปนฆราวาส
๔๙
พรหมจารี เปน คฤหัส ถ แลว จึง มาเปน วนปรัส ถ. มัน ก็ม ีท างจะเปน ไปได เหมื อ นกั น ถ า สติ ป ญ ญามี ม ากพอ ออกบวชตั้ ง แต ยั ง หนุ ม ยั ง เล็ ก นี้ ก็ ทํ า ได ; แต ไ ม ส ะดวก ไม ดี เท า ไม จ ริ ง เท า คนที่ ไ ด ผ า นชี วิ ต มาตามลํ า ดั บ . ฉะนี้ แ หละ พระหนุ ม ๆบวชเข า แล ว มั น จึ ง กระสั บ กระส า ย เพราะมี อ ะไรที่ ยั ง อยากลอง อยากรู รบกวนความสงสัย อยู ม าก ; จึง มัก จะตอ งสึก ออกไปมีบ ุต รภรรยา มี อ ะไรกั น ไปตามเรื่อ ง ; จึ งสู พ วกที่ ผ านมาอย างถู ก ต อ ง ตามลํ าดั บ ตามหน าที่ ของธรรมะนี้ไมได. ครั้น เป น วนปรัส ถ จนเป น ที่ พ อใจแล ว หรือ ว าถึ งที่ สุ ด ของการค น คว า เรื่อ งนี้ แล ว แต ชีวิต ยั งมี อ ยู ยั งไม ตาย ก็ คิ ด ถึงผู อื่น ; เพราะตั วเองมั น หมดเรื่อ ง ก็ เลยนึ ก ถึ ง ผู อื่ น ทํ า ประโยชน เพื่ อ ผู อื่ น . เราใช สํ า นวนพู ด ว า “แจกของส อ ง ตะเกีย ง”. “แจกของ” - ก็คือ เที่ย วทํา ประโยชนใ หเ ขา ; “สอ งตะเกีย ง” คือทําความรู ความสวางใหเขา จนกวาจะแตกดับลงไป.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุ ณ ลองคิ ด ดู ว า มั น สมบู รณ หรือ ไม ส มบู รณ และมั น ต างกั น อย า ง เปรีย บกัน ไมไ ด. พรหมจารีไ ปอยา งหนึ ่ง , คฤหัส ถไ ปอยา งหนึ ่ง , วนปรัส ถ ก็ไ ปอยา งหนึ ่ง , สัน ยาสีก ็ไ ปอีก อยา งหนึ ่ง ; นั ่น คือ ชีว ิต ที ่ส มบูร ณ แบง ออก เป น ๔ ตอน. ทุ ก คนอาจจะทํ า ได เว น ไว แ ต จ ะโง เกิ น ไป หรื อ มี อ ะไรมาทํ า ให โง มากเกิ น ไป จึ ง ไม ผ า นไปได ถึ ง ตอนที่ ๔. โง เกิ น ไปก็ ไปติ ด จมอยู ในเรื่อ งยั่ ว ยวน ไม สามารถจะผ านอาศรมเหลานี้ ไปตามลําดั บ ๆได ; น าสงสารในขอที่ วา เกิดมา ทีหนึ่ง ก็ไม ได สิ่งที่ ดีที่สุดที่ มนุษยควรจะได หรือไมไปจนถึงจุดมุ งหมายปลายทาง ของชีวิต ที่พระธรรมไดกําหนดไว. อยาลืมวา เราเคยพูดมาแลว ในขอที่วา เกิดมาเพื่อมีธรรมะ เพื่ อ ประพฤติ ธ รรม ;เพราะว า พระธรรมบั น ดาลให เราเกิ ด มา. มี ธ รรมะ
๕๐
ฆราวาสธรรม
ในที่นี้หมายความวา มีถึงจุดปลายทางขั้นสุดทาย ; - มีธรรมะอยางพรหมจารี, มีธรรมะอยางคฤหัสถ, มีธรรมะอยางวนปรัสถ, มีธรรมะอยางสันยาสี, ก็สูงสุด ;มนุษยไปไดเพียงเทานั้น. ทีนี้พวกคุณเรียนจนสําเร็จไปทําราชการ หรือทํางาน อะไรก็ตาม มีทรัพยสมบัติ มีเกียรติยศชื่อเสียง มีครอบครัว อะไร ๆ ที่ตองการ ก็พอจะมีได ; แตแลวจะไปถึงวนปรัสถไดหรือไมนั้น ก็ลองคาดคะเนดูเอาเอง. แล วจะมี ใจกวางพอ มี เมตตากรุณ ามากพอ ที่ จะเป น สั นยาสี เที่ ย วแจกของ สองตะเกียงไดหรือไม ก็ลองคิดดู. ที ่จ ริง เปน สิ ่ง ที ่ค นเราทํ า ได เชน เราทํ า การงานมา จนอายุพ อ สมควรแลว อยางที่เขาเรียกวาเกษียณอายุแลว เงินบํานาญบําเหน็จก็มีพอเลี้ยง ชี วิต ; ถ าต อ งการชี วิต วนปรัส ถ ก็ ห ลบไปอยู ต ามมุ ม บ าน ที่ ก อไผ กอกล ว ย รําพึงถึงชีวิตในดานในได. แตเดี๋ยวนี้พ วกเกษียณ พวกกิน บํานาญ เหลานั้น ยังไปเที่ยวไนทคลับ ยังไปเที่ยวอะไรอยูเหมือนเด็ก ๆ, ไมถือเอาโอกาสนี้สําหรับ บํ า เพ็ญ ชีว ิต วนปรัส ถ; มัน ก็เ ลยไมต อ งพูด ถึง สัน ยาสี. เพราะไมม ีค วามรู ความสวางอยางแทจริง อยางแจมแจงในเรื่องของชีวิต แลวจะเอาอะไรไปสอนใคร จะเอาแสงตะเกีย งที่ไ หนมาสองใหค นอื่น . แลว คุณ ก็ดูซิ ในประเทศไทยเรา มีใครบํา เพ็ญ ชีวิต ครบบริบูรณทั้ง ๔ อาศรมนี้บาง ; เราเองกําลังเปน อยางไร ก็ลองวาด ๆ ไวดู ทํานายลวงหนาไวดูก็ได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที่ผมพูดมาเสียยึดยาวเกี่ยวกับอาศรมทั้ง ๔ คือลําดับแหงชีวิต ๔ ลําดับ ก็เพื่อจะใหรูวาฆราวาสก็คือ ผูที่เขาโรงเรียนของพระเจา ยิ่งกวาตอนไหนหมดเลย. เด็ก ตัว เล็ก ๆ รุน หนุม สาวขึ้น มา เปน พรหมจารี เขา โรงเรีย นของมนุษ ย, ที่มนุษยสรางขึ้น ; ตอเมื่อเปนคฤหัสถครองเรือนนี้จึงจะเขาโรงเรียนของพระเจา คื อ ตั ว ชี วิ ต ที่ ห นั ก ที่ สุ ด , ที่ เ ครี ย ดที่ สุ ด ที่ ต อ งต อ สู ห รื อ ผจญภั ย มากที่ สุ ด ;
ความเปนฆราวาส
๕๑
นั่ น แหละคื อ โรงเรี ย นของพระเจ า . คุ ณ ก็ ส นใจป ญ หาตอนนี้ กั น มาก ถามแต ปญ หาของฆราวาส ; เพราะฉะนั ้น ก็ข อใหเขา ใจไปเสีย เลยวา เปน ฆราวาส คือ ผู ที ่เ ขา โรงเรีย นของพระเจา . ถา คุณ เขา ใจขอ นี ้แ ลว ปญ หาจะหมด ผม กลาทา. ปญ หาที่ ถาม ๆ มานี้ถาคุ ณ เขาใจที่ ผ มพู ด วา ฆราวาสคื อ ผูที่กําลั ง เขาโรงเรียนของพระเจา หรือ ของพระธรรม ซึ่งสู งขึ้น ไปกวาโรงเรียนของเด็ ก ๆ หรือมหาวิทยาลัยของพวกคุณ ที่กําลังเรียนอยูเดี๋ยวนี้ ซึ่งเรียนจนจบอุดมศึกษา แลว ก็ไ มรู ว า เกิด มาทํ า ไม ? ไปคิด ดูเ สีย ใหมว า อัน ไหนจะเปน อุด มศึก ษา กั น แน ; ชั้ น พรหมจารีก็ เป น การศึ ก ษาระดั บ หนึ่ ง , ชั้ น คฤหั ส ถ ก็ เป น การศึ ก ษา ระดั บ หนึ่ ง , ชั้ น วนปรั ส ถ ก็ เป น การศึ ก ษาอี ก ระดั บ หนึ่ ง , มี อ ยู ๓ ระดั บ อย า งนี้ ควรจะถื อ เอาอั น ไหนเป น อุ ด มศึ ก ษา. ส ว นสั น ยาสี ไ ม ใ ช ก ารศึ ก ษาแล ว ; มั น เที่ยวแจกการศึกษา เที่ยวแจกของสองตะเกียง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฉะนั้นเรานาจะสมมติกันลงไปเลยวา ยุคพรหมจารีเปนประถมศึกษา, ยุคคฤหัสถเปนมัธยมศึกษา วนปรัสถก็เปนอุดมศึกษา นั่งหลับตาคนเดียวอยูตาม กอกลวยมุมบานนั้นจะเปนอุดมศึกษา. คุณจะตั้งตัวเองเปนนักอุดมศึกษากันแต เดี๋ยวนี้ ก็จงถือวาเปน อุดมศึกษาของมนุษย ที่หลับหูหลับตา ไมใชอุดมศึกษา ของพระเจา หรือ ของพระธรรม. คุณ อยา ลืม วา ผมกํ า ลัง พูด เรื่อ งนี ้ใ นฐานะ เปน อารัม ภกถา, พูด ตีว งกวา ง สํ า หรับ ใหรูใ นวงกวา ง, เขา ใจชีวิต ในวงกวา ง จนกระทั่งเปรียบเทียบใหดูวา อุดมศึกษานั้นมันมีอยางไรบาง. อุดมศึกษาอยาง ภาษาคน อย า งความรูสึ ก ของคน แค นี้ ก็ เป น อุ ด มศึ ก ษาแล ว ; แต พ ระเจ า ไม เล น ด วย พระเจ าไม ย อมรับ พระธรรมไม ย อมรับ วา นี่ เป น อุด มศึ ก ษา. เพราะ มั น ยั ง เข า ถึ ง ธรรมะน อ ยเกิ น ไป จนไม รู ว า อะไรเป น อะไร. ขอร อ งให ช ว ยคิ ด
๕๒
ฆราวาสธรรม
ในข อ นี้ ใ ห ม ากก อ น ; เป น เพี ย งอารั ม ภกถาก็ จ ริ ง แต มั น สํ า คั ญ ที่ จ ะรู เรื่ อ งต อ ไป ข างหน าโดยเฉพาะเรื่องนั้ นอย างถู กต อง อย างลึ กซึ้ ง. ต อเมื่ อเป นวนปรัสถ นั่ งอยู ที่มุมสงบ ดูโลกดูชีวิต ทีเดียวไดตลอด นั่นจึงจะเปนนักศึกษาที่สมบูรณ. เดี๋ ย วนี้ ไ ม รู ว า อะไรเป น อะไร ; มั น คล า ย ๆ กั บ กบที่ มี ค วามรู แ ต เรื่ อ งบ อ น้ํ า น อ ย ๆ ที่ จ ะรู โ ลกอั น กว า งขวางไม ไ ด ; ฉะนั้ น ถ า ไปถามเด็ ก ๆ ว า ชีว ิต คือ อะไร ? เกิด มาทํ า ไม ? มัน ก็เ ปน เรื ่อ งนา หวัว ที ่เ ด็ก ๆ ก็จ ะตอบวา เกิ ด มากิ น มาเล น ให ส นุ ก . คนรุ น หนุ ม รุ น สาวก็ จ ะพู ด ไปในทํ า นองว า เกิ ด มา เพื่ อ แสวงหาความรู สึ ก ที่ สู ง สุ ด ที่ เกี่ ย วกั บ เพศตรงกั น ข า ม หรื อ อะไรทํ า นองนี้ . แมเ ขาละอาย ไมก ลา พูด ตรง ๆ แตใ นใจก็รู ส ึก อยา งนั ้น วา เกิด มาเพื ่อ สิ ่ง นั ้น ถ าไปถามพ อ บ านแม เรือ นที่ เครงเครีย ดในหน าที่ ก็ จะต องรูสึ กว า เกิ ด มาทนทุ ก ข ทรมาน เหมือ นวัว เหมือ นควาย ที ่ล ากแอกลากไถ. พอไปถามคนที ่ส ูง ไป กวา นั ้น คือ พวกวนปรัส ถเ ขาจะตอบได อา ว ! เกิด มาเพื ่อ รู ท ุก สิ ่ง ตามที่ เปน จริง ; เพราะเขานั ่ง ดูท ุก สิ ่ง ตามที ่เ ปน จริง อยู ใ นที ่ส งบสงัด มัน ก็รู ส ึก ไดเองวา เราเกิดมานี้เพื่อรูธรรมะ เพื่อมีธรรม เพื่อปฏิบัติธรรม เพื่อได รับผลของธรรม. ถาไปถามพวกสุดทาย พวกสันยาสีวา เกิดมาทําไม ? ก็ตอบวา เกิด มาเพื ่อ ทํ า ประโยชนผู อื ่น ; เรื ่อ งของเราไมม ี, เรื ่อ งสว นตัว เราไม สํ า คัญ หรือ ไมม ี, เกิด มาเพื ่อ ทํ า ประโยชนผู อื ่น . นี ่แ หละ เกิด มาทํ า ไม ? มั น อาจจะตอบแตกต างกั น ได ถึ งอย างนี้ ; ฉะนั้ น คน ๆ หนึ่ งก็ เคยโง แล วก็ ฉ ลาด, โงแลวก็ฉลาด เรื่อยไปตามลําดับกวาจะถึงที่สุด.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฉะนั้ น ถ าเราอยู ในอาศรมพรหมจารี ในอั นดั บแรกนี้ ก็ อย าเพ ออวดดี วา รู จ ัก ชีว ิต ดี รู จ ัก สิ ่ง ทั ้ง ปวงดี : ใหค อ ยดูต อ ไปดีก วา . ที ่พ ูด นี ้ก ็เพื ่อ ใหร ะวัง ไว ว าอย าเพ อ คิ ด ว า ตั วรู อ ะไรถู ก ต อ งและสมบู รณ เพราะผ า นชี วิ ต มาเพี ย งวั ย เดี ย ว
ความเปนฆราวาส
๕๓
เพี ย งขั้น เดีย ว ดํ าลั บ เดี ยว ในพวกพรหมจารี ; แล วยังจะทํ าผิด พลาด ชิงสุ ก กอ นหาม อยางนั้น อยางนี้ อยางโนน ไปเสีย อีก ;ก็ไมไดความรูอัน สมบูรณ ในวัย ของพรหมจารี. บางคนก็เลน ไมซื่อ หมายความวา เปน คนเลน ไมซื ่อ ตอ หนา ที่ ตอ ธรรมะ ที่เปน หนาที่ใ นระดับ ของตน ๆ มัน ก็ยิ่ง เละเทะมากไป. เราคอย ๆ ดูไป - คอย ๆ ดูไป แลวคอย ๆ รูความจริงที่ถูกตอง หรือเด็ดขาด ; อยางนอยก็ในชีวิตขั้นที่สาม คือผานความเปนคฤหัสถ หรือเปนฆราวาสไปอยาง ถูกตองแลว ก็จะรูวาอะไรเปนอะไรทุกอยางไปเลย. ทีนี้ ผมจะยกตั วอยาง เรื่องที่เราจะตองรู ที่ เราจะตองเขาใจวา มั น คืออะไร ? คือเปนปญหาที่คุณทุกองคควรจะรับเอาไปคิดไปพลางก็ได ในฐานะ ที่มันเปนปญหา ; เชนจะถามวา โดยที่แทจริงแลว ความรักคืออะไร ? ครอบครัว คืออะไร ? หรือวาอาชีพ คืออะไร ? ทรัพยสมบั ติคือ อะไร ? เกียรติยศชื่อเสียง มันคืออะไร ? การสังคมคืออะไร ? บุญ กุศลคืออะไร ? ศาสนา หรือธรรมะนี้ มันคืออะไร ?
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org อยางปญหาที่วา ครอบครัวคืออะไร ? คุณลองไปตอบดูซิ มันจะ ถูกสักกี่เปอรเซ็นต. สิ่งที่เรียกวาครอบครัวคืออะไร ? คุณ อาจจะทะนงวาตอ ง ตอบถูกรอยเปอรเซ็นตแน เพราะเห็นอยู. เห็นครอบครัวตาง ๆ อยูแมครอบครัว ของเราเอง เรามีบ ิด ามารดา เราเปน ลูก เราก็รูวา ครอบครัว นั ้น คือ อะไร ? ผมรูสึกวานี้ยังเปนคําตอบที่ยังทะนงมาก หรืออาจจะกลายเปนอวดดีมากก็ได. ถาไมไดผานความมีครอบครัวไปแลว ไมมีทางที่จะรูโดยสมบูรณอยางถูกตองที่จะรู วาครอบครัวคืออะไร.
เขยิบมาถึงคําวา ความรักคืออะไร ? ผมจะพูดดวยการยกตัวอยางมา หลาย ๆ อย า ง ให คุ ณ เลื อ กเอาเอง ว า มั น ควรจะเป น อย า งไร : มี ค นพู ด กั น
๕๔
ฆราวาสธรรม
ทั่ ว ๆ ไปว า ตั ว เองรู จั ก สิ่ ง ที่ เรี ย กว า ความรั ก ; อย า งนี้ ผ มก็ ย อมรั บ ว า เขารู จั ก และเขาก็ ค วรจะพู ด อย า งนั้ น ; แต แ ล ว มั น ถู ก น อ ยเกิ น ไป. เรามายกตั ว อย า ง ดว ยเรื ่อ งของคนที ่ผ า นโลกมานานแลว คือ เปน คนรุ น แก ๆ กัน แลว , และ บันทึกที่ มีอยูในเรื่องบรมโบราณ ในสมัยพวกกรีกรุงเรืองดวยสติปญญา มีเรื่องวา ที่ บ านคน ๆ หนึ่ ง เขาเชิ ญ นั กปราชญ เพื่ อนฝู งไปเลี้ ยง รวมทั้ งโสเครติ สคนหนึ่ ง รวมอยู ด ว ย. เมื่ อ กิ น เลี้ ย งอิ่ ม หนํ า สํ า ราญแล ว ก็ คุ ย กั น ตามประสานั ก ปราชญ โดยตั้งคําถามวา ความรักคืออะไร ? บุคคลที่นั่งพูดกันอยูนั้น ไมมีคนหนุม ๆ มีแต คนแก ๆ หนวดขาวทั้ งนั้น. คนหนึ่งบอกวา ความรัก คื อ ความต อ งการที่ จ ะ รวมตัว กัน ใหมข องคน,ของสัต ว ที ่เ รีย กวา คน. ตามที ่เ ขาเชื ่อ กัน มาแต เดิ ม ว า “คน” นี้ ที แ รกเป น สั ต ว ก ลม ๆ มี ปุ ม อยู แ ปดปุ ม เหมื อ นพวงมาลั ย ที่ ถื อ ทายเรือ . เทวดาเห็ น วา มนุษ ยในสภาพอยางนี้ มั น มีแรงมากนัก มี กําลังมากนั ก มี ฤ ทธิ์ ม ากนั ก มั น จะเล น งานเอาพระเจ า หรือ เทพเจ า ; ก็ เลยผ า มนุ ษ ย อ อกให เป น สองส ว นเสี ย คื อ เป น ชายส วนหนึ่ ง เป น หญิ งส วนหนึ่ ง . แปดปุ ม ก็ เลยเหลื อ สี ่ปุ ม คือ มือ สอง เทา สอง. มัน ก็เ ลยเปน สัต วช นิด ที ่ม ีเ พีย งสี ่ปุ ม , กํ า ลัง มัน น อ ยลงไปครึ่ ง หนึ่ ง ทํ า อะไรเทพเจ า ไม ได . แต แ ล ว มนุ ษ ย ห ญิ ง และชาย นี้ มั น อยากจะรวมกัน อยา งเดิม เพื ่อ มีกํ า ลัง อยา งเดิม . ฉะนั ้น ความรัก ก็ค ือ ความ รู สึ ก ที่ ต อ งการจะรวมกั น อย า งเดิ ม เพื่ อ มี ฤ ทธิ์ มี เดชอะไร ชนิ ด ที่ พ ระเจ า จะได เกรงขาม.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เขามี ความเข าใจอย างนี้ มั นลึ กมาก : ความรักนี้ อย างน อยก็ มี ความ หมายวา จะรวมกํ าลั งฝ ายหญิ ง และรวมกํ าลั งฝ ายชาย เขาด วยกัน เป น กําลั ง พิ เศษสู ง สุ ด เข็ ม แข็ ง อั น หนึ่ ง เพื่ อ แก ป ญ หาต า ง ๆ ให ลุ ล ว งไป ; สิ่ ง ที่ เรี ย กว า ความรัก นั ้น ก็น า บูช า. ไมเ หมือ นกับ คนที ่พ ูด วา ความรัก คือ “กํ า ลัง ”, นั้ น หมายถึ ง ความบ า . เมื่ อ มี ค วามรัก เข า หู เข า ตาแล ว ก็ มี กํ า ลั งชนิ ด ที่ ม หาศาล
ความเปนฆราวาส
๕๕
ไม ก ลั ว ตาย บ า บิ่ น มั น มี กํ า ลั ง มากกว าธรรมดา.เมื่ อ มี ก ารออกความเห็ น กั น คนละอยางสองอยาง กระทั่งมาถึงอาจารย โสเครติส เขาบอกวา ความรักนี้ คืออํานาจที่จะนําไปสูพระเจา. เขาใหคําอธิบายวา ถายังไมมีความรักก็ไมมี กําลังมากพอที่จะเขาถึงพระเจา ซึ่งเลยไปถึงวา มนุษยนี้จะมีการสืบพันธุ เพื่อ การลุถึงพระเจาในที่สุด. เขาไมไดใหความหมายไปในทางอยางลามกอนาจาร หรือหลงใหล หลั บ หูห ลั บตา. ความรักคือ ความต อ งการที่จะผูกพั นเพศทั้งสองไว สําหรับ มี พื ช พั น ธุเหลื อ อยู จนกวาจะเขาถึ งพระเจ าในที่ สุ ด . หรือ วา ถ าไม ส มบู รณ ทั้ ง สองเพศ ไม รวมกัน เป นอัน เดียวกันแลว มั น เขาถึงพระเจาหรือ สิ่งสูงสุดไม ได . แลวในที่ประชุมครั้งนั้น ก็ไมมีใครพูดใหดีไปกวานี้อีก ก็ยุติกัน. คุณลองคํานวณดู ถาเขาถามคุณวา ความรักคืออะไร ? คุณกําลังจะ ตอบวาอยางไร ? ก็ลวนแตเปน เรื่อ งที่ฝนไปได ตามประสาของคนที่รูจัก โลก รูจักชีวิตเพียงเทานี้. คนหนุมคนสาวรูจักสิ่งที่เรียกวาความรัก ในลักษณะที่เปน อันตรายแกตัวเองทั้งนั้น. มันเปนความโงมาก ถึงขนาดที่ตองฆาตัวตายเพราะ ความรัก ก็มีอยูมาก ; ฉะนั้นจึงมองเห็นไดวา ความรักของคนชนิดนี้ คือความ บ า บิ่ น ความโง , โง เหมื อ นคนตาบอด ; หรือ ว า เลวลงไปถึ ง ว า ความรั ก คื อ ความตองการที่จะแสวงหาความสุขทางเนื้อหนัง อยางนี้เปนเรื่องของราคะ เรื่อง ของดําฤษณา คือตัณหาชนิดที่เลวที่สุดไปเสียเลย
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ มนุษยเราจะรูจักสิ่งที่เรียกวา ความรักโดยถูกตองสมบูรณ นั้นจะรู กั น ได เ มื่ อ ไร ? และเมื่ อ ไรจะรู หรื อ จะมองไปในแง ที่ มั น ลึ ก ชนิ ด ที่ โสเครติสวา ; วาความรักคือสื่อที่จะนํามนุษยไปสูพระเจา. เวลานี้เราอาจจะไม เห็ น ด ว ย หรื อ หาว า บ า ที่ สุ ด ก็ ได เสร็ จ แล ว ใครเป น คนบ า ลองคิ ด ดู . เดี่ ย วนี้
๕๖
ฆราวาสธรรม
คนในโลกสมั ย นี้ รูจั ก ความรัก กั น ในแงไหน. ถ าอยู ในพวกที่ ต ามก น ฝรั่ง ก็ ไปดู พวกฝรั่งบาง วาเขารูจักความรักกันในแงไหน. เดี๋ยวนี้มีเรื่องอนาจารเกี่ยวกับความ รักมากมาย เกิดขึ้นใหม ๆ ในประเทศแกนดิเนเวีย, คุณก็คงเคยอานหนังสือพิมพ นี ่ม นุษ ยบ า หลัง ไปไกลเทา ไร ในเรื่อ งที ่เกี ่ย วกับ ความรัก ,ยัก ยา ยกัน อยา งนั ้น ยักยายกันอยางนี้ แลวสิ่งนี้มันไมใชสิ่งเล็กนอย มันเปนสิ่งที่กําลังกําชีวิตจิตใจของ คนในโลกไวทีเดีย ว. โดยเฉพาะอยา งยิ่ง ในสมัย วัต ถุน ิย มอยา งนี ้, หรือ ในหมู คนที่เปนวัตถุนิยมอยางนี้ เรื่องเพศ เรื่องความรัก ก็เปนเรื่องใหญ กวาทั้งหมด. ถาปลอยใหเลือกเอาตามชอบใจแลว ก็เลือกกันไปในเรื่องอยางนี้ทั้งนั้น. นี่เปน ตั ว อย า งเรื่อ งหนึ่ งที่ คุ ณ ไปคํ านวณได เองว า เรารูจั ก มั น ในลั ก ษณะไหน ?เพี ย ง เทาไร ? จะไปเปนฆราวาสที่ดีไดอยางไร ? จะอาศัยเรื่องนี้เปนเครื่องตัดสินได. ถาถามวา ครอบครัวคืออะไร ? คนที่ไมเคยมีครอบครัวก็คงจะฝน เอาเองอี ก , ฝ น อย า งเป น สุ ข สนุ ก สนาน คื อ อย า งนั้ น อย า งนี้ ; ไม ม องเห็ น ใน ลักษณะที่วา มันเปนความหนักอึ้งของชีวิต คือบุคคลที่อยูในอาศรมคฤหัสถนั้น เต็ ม ไปด วยความหนั ก อึ้ ง ในการต อ สู ในการอดทน ในการอะไรต าง ๆ วามั น เปน ภาระหนัก อยางไร ; นี่เปน หลัก ทั่ว ๆ ไป. คนหนุมสาวที่ยังโง ก็จ ะรูสึก วา สิ่ งที่ เรีย กว าครอบครัว นั้ น เป น ที่ น า สนุ ก อย า งหนึ่ ง . คนที่ เป น พ อ บ า นแม เรือ น ผ า นมาแล ว ก็ รู สึ ก ว า มั น เป น ความทุ ก ข ท รมานอย า งหนึ่ ง . แต ถ า โสเครติ ส ว า หรือ อธิบ าย มัน ก็ไปในรูป วา นี่คือ กําลัง ไปสูพ ระเจา. การที่มีค รอบครัว มีลูก มี หลาน คื อ การที่ เรากํ าลั งใกล พ ระเจ าเข าไปทุ ก ที ๆ ; ถ าเราตายเสี ย ก อ น ลู ก ของเราก็ จะเดิ น ต อไป จนให ถึ งพระเจา ในนามของมนุ ษ ยให จนได, ให ม นุ ษ ย ถึง พระเจา ใหจ นได. ฉะนั ้น ครอบครัว คือ ทายาทที ่จ ะรัก ษาไวเ ปน อยา งดี สําหรับใหมนุษยถึงพระเจาใหจนได. เขาจึงอบรมลูกหลานเหลน ในลักษณะที่จะ ต อ งให เ ข า ถึ ง พระเจ า จนได . ไม อ บรม ลู ก หลาน เหลน ให เห็ น แก ตั ว ให
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ความเปนฆราวาส
๕๗
เห็น แตว งคส กุล ของตัว เห็น แกอ ะไร ๆ ลว นแตเปน ของตัว เหมือ นคนสมัย นี้ ตั ว เองก็ ไ ม รู จั ก ที่ จ ะไปหาพระเจ า แล ว จะเอาป ญ ญาไหนมาอบรมลู ก หลาน ใหไปหาพระเจา. ฉะนั้น ก็อ บรมลูก หลานของตัวใหบามากยิ่งไปกวาตัว แลวก็ ไมมีอะไรอีก. คุ ณ ลองไปหลั บตานึ กดู พ อแม กํ าลั งหวั งจะให ลู กเป นอย าง ? ต อง การให ดี ให ส วย ให ข ายได แ พง ๆ. พู ด อย างภาษาของผมก็ วา ให ลู ก ชายมั น ดี ให ลู ก หญิ งมั น สวย แล วก็ ข ายกั น ได แ พง ๆ; ไม มี อ ะไรที่ จ ะพู ด ถึ งพระเจ า ที่ ว า เพื ่อ ใหม นุษ ยถ ึง พระเจา ดว ยการที ่ เรามีล ูก มีห ลาน มีเ หลนนี ่แ หละ แมแตวาครอบครัวคืออะไร ? มันก็ยังมีตอบกันได แตกตางมากมายอยางนี้. ถามวา ทรัพยสมบัติคืออะไร ? ก็คงจะมองในแงที่วา เปนปจจัย สําหรับใหแสวงหาความสนุกสนาน เอร็ดอรอย ทุกเวลานาทีของชีวิต จึงตองการ มีท รัพ ยส มบัต ิอ ยา งนั ้น ; แลว ก็เ ลยละโมบโลภลาภ จนกลายเปน ลามก, อติโลโภ หิ ปาปโก - โลภมาก นั้นลามก. เดี๋ยวนี้ก็ยังโลภมากกันอยูอยางนั้น ; เพราะไปเข า ใจคํ า ว า ทรัพ ย ส มบั ติ ผิ ด . ถ า เข า ใจถู ก ก็ จ ะถื อ ว า มั น เป น เพี ย ง ปจจัยสําหรับใหเรามีชีวิตอยูได สําหรับเดินทางไปหาพระเจา, ถาถือตามภาษา พูด ของพวกคริส ต ก็ไปหาพระเจา, ถือ ตามภาษาพูด ของพวกเรา พุท ธบริษัท ก็คือไปหาพระธรรม, จุดสูงสุดของพระธรรมคือพระเจาเหมือนกัน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทรัพยสมบัตินี้มีไวใหอํานวยความสะดวกในการที่จะมีชีวิตอยู, เพื่ อ ให ม นุ ษ ย มี จิ ต ใจ เจริ ญ -เจริ ญ - เจริ ญ ไปจนถึ ง พระเจ า ; ไม ใ ช ม ามั ว เมา ละโมบโลภลาภกัน ไดลานหนึ่งแลวยังไมพอ จะเอาสิบลาน, ไดสิบลานก็ไมพอ จะเอารอยลาน พันลาน หมื่นลาน แสนลาน.เขาใจทรัพยสมบัติกันในลักษณะนี้
๕๘
ฆราวาสธรรม
มันก็เกิดมาเปนเปรตเทานั้นเอง, คือหัวเรื่อยไมมีที่สิ้นสุด ; ฉะนั้นมันจึงมีหลักวา อติโลโภ หิ ปาปโภ - โลภเกินนั้นลามก. คนที่มีความรูสึกวา ทรัพ ยสมบัตินี้ เป น เพี ยงเครื่อ งมื อ อํ านวยความสะดวกในการเป น อยู และให เรามี ชี วิต อยู ได สําหรับเดินทางไปหาพระเจา อยางนี้ไมมีทางที่จะโลภเกิน ; เพราะเขารูจักสิ่ง ที่เรียกวาทรัพยสมบัตินั้นถูกตอง. ทีนี้ก็จะถามตอไปวา อาชีพนั้นคืออะไร ? ก็ตอบไดงาย ๆ เพราะ เรารูว า ทรัพ ย ส มบั ติ คื อ อะไรเสี ย แล ว . ที่ นี้ ต อบได งา ยว า อาชี พ นั้ น คื อ อะไร เพราะวาอาชีพนั้นเปนเครื่องมือสําหรับที่จะไดทรัพยสมบัติ, ฉะนั้นมันก็ขึ้นอยูกับ ความมุงหมายของทรัพยสมบัติ. อาชีพเปนเพียงเครื่องมืออันหนึ่งที่จะใหอยูได อยางสะดวกสบายดวยการมีทรัพยสมบัติ. ฉะนั้นอยาหวังใหมันมากเกินขอบเขตไป มันจะลามกอีก ;จะตองรูจักแสวงหาอาชีพที่เหมาะสม และพอสมควรที่จะเปน มนุ ษ ยที่ ดี ได ก็ พอแลว. อาชีพ นี้มั น ก็อ ยู ในขอบเขต ที่เพี ยงวาทํ าเพื่ อ ให เรามี ชีวิต อยูไ ด สํา หรับ ไดสิ ่ง ที ่ด ีที ่ส ุด ที ่ม นุษ ยค วรจะไดรับ . อาชีพ นั ้น ไมใ ชสิ ่ง ที ่ด ีที ่ส ุด ที ่ม นุษ ยค วรจะไดร ับ , เปน เพีย งอุป กรณ สํ า หรับ ใหเ ราอยู ไ ด เพื่อไดสิ่งที่ดีที่สุด ที่มนุษยควรจะไดรับ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ดูตอไปวา เกียรติยศ ชื่อเสียง นั้นมันคืออะไร ? ผมกลาพูดวา คุ ณ ทุ ก ๆ องค นี้ ต อ งการเกี ย รติ ย ศ ชื่ อ เสี ย ง เป น อย า งยิ่ ง , และก็ จ ะบู ช า เกีย รติย ศ ชื ่อ เสีย ง ; นี ้ม ัน ขึ ้น อยู ก ับ คํ า วา “ดี” เพีย งคํ า เดีย ว. ใคร ๆ ก็ ชอบดี รักดี อยากจะมีอะไรดี ในความหมายของคําวาดี, และเราก็เรียกมันวา เกียรติ. มันเปนเครื่องยั่วใหเรามุมานะ ; ผมก็ไมตองอธิบายอะไรนัก คุณก็รูสึก แก ใจได . แต แล วเอาไปใชอ ะไร ? มั น ก็ เอาเกี ย รติ นี้ ไปใช เพื่ อ หาความสะดวก สบาย หาอํ า นาจวาสนา หาทรัพ ย ส มบั ติ นั่ น อี ก . เกี ย รติ ก ลายเป น เครื่อ งมื อ
ความเปนฆราวาส
๕๙
สํ า หรั บ ใช แ สวงหาทรัพ ย ส มบั ติ ; มั น ก็ ก ลั บ ไปเป น ของต่ํ า หรือ ของสกปรกไป เทานั้นเอง. ถาจะพูดวาเกียรติมีไวสําหรับสบายใจ มีไวอิ่มใจวาเรามีดี อะไรเชนนี้ ก็ ยั งไม พ นไปจากความบ าหลั ง, บางที ก็ ฆ าตั วตาย เพราะป ญ หาเรื่องเกี ยรติ เป น สว นมาก. มีเงิน มีอ ะไรแลว ก็ย ัง ไมม ีเกีย รติ หรือ กลัว จะเสีย เกีย รติก ็ย อมฆา ตัว ตาย ซึ ่ง ยัง ไมรูเลยวา เกีย รตินั ้น คือ อะไร ; เขา ใจผิด ๆ ใชม ัน ผิด ๆ และ หามัน ผิด ๆ จนหาเกีย รติม าในลัก ษณะที ่เ ปน ของปลอม,เกีย รติย ศที ่ป ลอม, มีคนเปนอันมาก สรางตัวเองใหมีเกียรติ ดวยวิธีที่ไมซื่อตรง ไมสุจริต. คําวา “เกียรติ” นี้ มันก็มีหลายชนิดนัก : เกียรติ เพราะดีจริง ๆ ก็มี เกี ย รติ เพราะอํ า นาจวาสนามาบั งคั บ เอาก็ มี , ป ด ปากคนอื่ น ได มั น ก็ มี เกี ย รติ . ระวังใหดีวา เกียรตินั่นมันมีหลายชนิด ชนิดที่ดีที่สุด มันคืออะไร ? แมที่สุดจะ พบวา มันยังไมใชสิ่งที่ดีที่สุด ที่มนุษยควรจะไดรับ ; มันยังจะทําความยากลําบาก ใหแ กผู ที ่ ยึด มั ่น ถือ มั ่น ; ฉะนั ้น เราอยา ไปหลงมัน เกิน ขอบเขต. ถา ไมห ลง เสี ย ได ก็ เป น การดี . ฉะนั้ น ถ า จะถามวา เกี ย รติ คื อ อะไร ก็ รูกั น อยู แ ล ว ไปคิ ด กันเอาเองตอไป.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพื่อนฝูง มิตรสหาย สังคม คืออะไร ? ผมก็ยังรูสึกวา ยังไมเขา ใจกันอยูนั่น วามิตร สหาย นี้มันคืออะไร ; แมวาจะเขาใจกันไดถูกตองอยูมาก ก็ ยั ง ไม ใช ทั้ ง หมด.ผมอยากจะพู ด ว า “มิ ต รสหาย” คื อ เครื่อ งมื อ ที่ จ ะพาไปหา พระเจ า หรือ พระธรรม. คํ า ว า “มิ ต ร – มิ ต ร” นี้ มั น จะเป น เพื่ อ นเล น เพื่ อ นหั ว เพื ่อ นกิน สํ า มะเลเทเมาเสีย มากกวา . คุณ มัก จะพูด วา ถา ไมย อมสูบ บุห รี่ กิ น เหล า ไปกั บ เขา จะเสี ย มิ ต ร จะเสี ย สหาย ; นั่ น น ะ มั น หลั บ ตากี่ ม ากน อ ย.
๖๐
ฆราวาสธรรม
คําวา “มิตร” นี้ มันตองการเปนเครื่องมือ ที่จะพาเราไปสูจุดสูงสุดของมนุษย, ชวยกันไปสูจุดสูงสุดของมนุษย คือพระเจาอีกนั่นแหละ. พระพุทธเจาทานตรัส ว า “กั ล ยาณมิ ต ร” คื อ ทั้ ง หมดของความสํา เร็ จ . พระอานนท เ ข า ใจว า กับ ยาณมิตร คือครึ่งหนึ่งของความสําเร็จในชีวิต ; แตพ ระพุ ทธเจาท านตรัสวา มันเปนทั้งหมดของความสําเร็จในชีวิต. ถ า เรามี เพื่ อ นที่ ดี , เพื่ อ นจริ ง คื อ เพื่ อ นที่ ดี จะไม ล ากเราไปลงนรก หรือ ไปอบายมุ ข หรือ ไปเสี ย เวลาอยู ที่ ไหน. ท า นก็ ระบุ ไปยั งบุ ค คลที่ ป ระกอบ ดวยองคแหงมรรค บุคคลที่ประกอบอยูดวยองคแหงมรรคมีองคแปดนั้นแหละ :มีความเห็นถูกตอง มีความปรารถนาถูกตอง มีการพูดจาถูกตอง,มีการกระทํา ถูก ตอ ง เลี ้ย งชีวิต ถูก ตอ ง พากเพีย รถูก ตอ ง มีส ติถ ูก ตอ ง มีส มาธิถ ูก ตอ ง, ที ่เ รีย กวา มรรคมีอ งคแ ปดนี ้ เปน กัล ยาณมิต รจะพาไปสู น ิพ พาน. ฉะนั ้น ผูเปนกัลยาณมิตรก็คือ ผูที่จะพาเราไปสูพระเจา หรือไปสูนิพพาน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org แตเดี๋ยวนี้เรามาคิดแตเพียงวา ถาเราไมกินเหลากับเขา เขาก็จะไมเปน มิต รกับ เรา ;ไปเปรีย บเทีย บกัน ดูซ ิ. หรือ เราไมไ ปเที ่ย วสํ า มะเลเทเมากับ เขา ตามที่นั่นที่นี่ เขาก็จะไมเปนมิตรกับเรา. ผมอยูที่นี่ไดยินมากที่สุด ในขอแกตัว อัน นี ้ ; คือ สึก ออกไปแลว ก็ม าสารภาพวา เดี ๋ย วนี ้ก ิน เหลา แลว เพราะวา ทนเพื ่อ นไมได กลัว จะเสีย เพื ่อ น นี ่เขาบอกอยา งนี ้ ; ทั ้ง ๆ ที ่ม ีอ ายุม ากแลว มีฐานะสูงพอสมควรแลว ก็ยังตองทําอยางนี้อยู. ฉะนั้นคุณไปรูจักสิ่งเหลานี้เสีย ใหถูกตองวาอะไรคืออะไร.
ในที่ สุดก็มาถึงป ญหาสุดท าย ก็ นาจะเป นคํ าวา บุ ญกุ ศล หรือคํ าวา ศาสนาคืออะไร ? อยาไดไปเห็นวาเปนของครึคระลาสมัย. นักเรียนเมื่อขึ้นถึง ขั้นมหาวิทยาลัยแลว มักดูถูกวาศาสนาเปนของครึคระลาสมัย. เมื่อยังเปนเด็ก ๆ
ความเปนฆราวาส
๖๑
เขาชวนไหวพระ สวดมนต ก็ทํา ; แตพอเปนนิสิตมหาวิทยาลัยแลว ไมยอมทํา หาวาเปนเรื่องครึคระลาสมัย เปนเรื่องของเด็กอมมือ ; เห็นศาสนาไมมีความหมาย อะไรมากไปกวาของครึคระ. เลยสูเมื่อยังเปนเด็กเล็ก ๆ ไมได ยังเชื่อฟงพอแม กลัวบาป กลัวความชั่ว, ตองการจะมีความดี ตองการจะมีบุญกุศล หวังพึ่งศาสนา ; พอเปนนิสิตกันแลว ก็เห็นศาสนาเปนของครึ ตามพวกฝรั่งไปเลย. ไปคิดดูใหมวา บุญกุศลนั้นมันคืออะไร ? ศาสนานั้นคืออะไร ? สิ่งที่ เรียกวา “บุญ กุศล” หรือศาสนา หรือพระธรรม ไมมีวันจะครึ หรือ ลาสมัย ; ยังใหมเอี่ยมทันสมัย ไมมีทางที่จะลาสมัย, ยังจําเปนแกคนทุกยุคทุกสมัยอยูนั่นเอง. ฉะนั้นพวกเราที่มีปญหาวา จะเปนฆราวาสอยางไรใหดีที่สุดนั้น ผมวาไปรูจักสิ่ง เหลานี้ใหถูกตองเสียกอน แลวก็จะรูจักวา ทําอยางไรจึงจะเปนฆราวาสไดดีที่สุด ในลักษณะที่พึ งปรารถนา, ไม เสียที ที่เกิด มา. เดี๋ยวนี้ม าคิ ดวา สิ่งเหลานี้ เป น ของครึ, พระธรรมเปน ของครึ มีอ ยูแ ตที่วัด , เปน ของครึสํา หรับ ผูที่เจริญ อยู ที ่บ า น; ฉะนั ้น ศาสนาจึง เปน หมัน สํ า หรับ คนเหลา นี ้ แตพ รอ มกัน นั ้น คน เหลานี้มันก็เปนไกโง ๆ ที่ไดเพชรพลอย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุณทุกองค ผมเขาใจวา ก็พิสูจนอยูชัดแลววา เพราะมาบวชก็เป น พุท ธบริษัท เกิด ในตระกูล ของพุท ธบริษัท , แลวระวัง ใหดี กํา ลัง จะเปน ไกโง ที่ไดพ ลอย ก็ไดน ะ ระวังใหดี. พวกคุณ ที่บ วชแลว ก็ระวังใหดี จะเปน ไกโงที่ ไดเพชรพลอย, สูแ ตขาวสุก ขาวสารเม็ด หนึ่งก็ไมได. คุณ จะรูส ึก วา ศาสนานี้ เป นเรื่ อ งบ า ๆ บ อ ๆ, เป นเรื่ อ งครึ ค ระ, สู เ รื่ อ งเขี ย ว ๆ แดง ๆ ตามที่ สํ า มะเลเทเมาสั ก นิ ด หนึ่ ง ก็ ไ ม ไ ด ; เช น เดี ย วกั บ ไก ที่ พู ด ว า เพชรพลอยนี้
๖๒
ฆราวาสธรรม
สู ข า วสารเม็ ด เดี ย วก็ ไ ม ไ ด . คนที่ ป ระมาท หรื อ โง เขลาได ฟ ง ธรรมในพระพุ ท ธ ศาสนานี้ แ ล ว มั น ก็ ไม มี ค วามรูสึ ก อะไรมากไปกว าไก ที่ ได เพชรพลอย, ยั งรูสึ ก ว า มัน เปน เรื ่อ งครึค ระอยู นั ่น เอง ; ไมเขา ใจไมอ าจจะทํ า ความเขา ใจ. เดี ๋ย วนี ้เรา มาบวช อุ ต ส า ห ส ละอะไร ๆ หลายอย า ง มาบวชชั่ ว ป ด ภาคนี้ ก็ ยั ง ดี . ขอให เป น เวลาที่ จะแก ป ญ หาเหล านี้ ให เบาบางไป, เพื่ อ ว าคุ ณ จะไปเป น ฆราวาสที่ ดี ได คื อ ไมมีความทุกขตามที่ตองการ ดังปญหาที่ยื่นมาใหผมตอบ. ในที่สุดก็ไปสรุปรวมอยูที่วาเรารูอะไรเปนอะไร : ความเปนฆราวาส คื อ เป น อะไร ? อย า ไปจั ด ให มั น เป น เรื่อ งลามก สกปรก ต่ํ าทราม เหมื อ นคนที่ เขาเข าใจอย างนั้ น . ขอให ถื อ ว า ความเป น ฆราวาสคื อ ขั้ น หนึ่ งของการเดิ นทางไป หาจุ ด สู งสุ ด ; พรหมจารีนี้ เป น ประถมศึ ก ษา คฤหั ส ถ เป น มั ธ ยมศึ ก ษา วนปรัส ถ เป น อุ ด มศึ ก ษา อย า งที่ ว า มาแล ว เมื่ อ กี้ อย า ลื ม เสี ย .ถ า มองเห็ น อย า งนี้ แ ล ว ฆราวาสก็คือ ผูที่กํา ลัง เรีย นอยูใ นโรงเรีย นของพระเจา , จนกระทั่ง พบ ว า อะไรเป น ความทุ ก ข หรื อ เป น ตั ว ป ญ หาสํ า หรั บ ฆราวาส. อะไรเป น ช อ งทาง เป น ทางออกของฆราวาส. หมายความว า ช อ งทางที่ เราจะเป น ฆราวาสใหด ีที ่ส ุด แลว ผา นออกไปไดถ ึง ขั ้น ที ่ส ูง ขึ ้น เชน ไปเปน วนปรัส ถ ; มันก็มีอยู ๒ อยางนี้เทานั้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org อะไรเป น ตั ว ป ญ หา เป น อุ ป สรรค เป น ตั ว ความทุ ก ข ? นี้ อ ย างหนึ่ ง ; แ ลว อ ะ ไรเปน อุบ า ย วิธ ีที ่จ ะ อ อ ก ไป ไดจ า ก ค ว า ม ทุก ข ? นี ้ก ็ส ว น ห นึ ่ง . เพราะฉะนั้ น คฤหั ส ถ ก็ คื อนั กเรียนที่ ก าวหน าขึ้ น มาได จนถึ งมั ธยมศึ ก ษา. อย าไป ดูถ ูก ดูห มิ ่น ตนเองในเรื ่อ งนี ้ ; ขอใหถ ือ วา นี ่ เปน การกา วหนา ขั ้น หนึ ่ง แลว ที่จะตองทําใหดี ใหถูกตองตอไป.
ความเปนฆราวาส
๖๓
การที่ถ ามปญ หาอยา งที่ถ ามมานี้ ผมก็เ ห็น ดว ย และอนุโ มทนา ในการ ที่รูจักถาม รูจักเปนหวงในความเปนฆราวาสของตน เกรงวาจะเปนไดไมดีเทาที่ ควรจะเป น . ฉะนั้น วัน นี้ ผ มจึงพู ด ถึงคําวา “ความเป น ฆราวาส” ความเป น คฤหัสถ หรือความเปนฆราวาสนี้มันคืออะไร ในฐานะเปนอารัมภกถาอีกครั้งหนึ่ง. ในครั้งตอ ๆ ไป ผมก็จะตอบปญหาที่เปนตัวเรื่องกันเสียที. สําหรับอารัมภกถาก็พอแลว หรือหมดเพียงเทานี้. ครั้งตอไปก็จะพูดถึง ธรรมสําหรับฆราวาสโดยตรง. เอาละ พอกันที่สําหรับวันนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ธรรมะสําหรับฆราวาส -๔๒๓ เมษายน ๒๕๑๓ สําหรับพวกเรา ลวงมาถึงเวลา ๒๐-๓๐ น. แลว เปนเวลาที่จะไดบรรยายตอจากที่บรรยายไวกอน. ในทุกครั้ง ที่แ ลว มาเราพูด ในลัก ษณะอารัม ภกถา คือ เคา โครงกวา งๆ ที่มัน เชื่อ มโยงกัน เกี่ย วกับ ปญ หาของเราโดยรอบ. มาถึง วันนี้ก็จะไดพูดกันถึงเรื่อง ตัวธรรมะโดยตรงกันเสียที. ที่จริง อารัม ภกถาก็เปน เรื่อ งธรรมะ แตวา เปน เรื่อ งที ่พ ูด กัน อยา ง คราว ๆ และเทาที่มันสัมพันธกัน ระหวางธรรมะนั้นธรรมะนี้ เพื่อชวยใหเขาใจเคาโครงของสิ่งที่เรียกวา “ธรรมะ” กันเสียที หนึ ่ง กอ น.ในเมื ่อ เราอยากจะทราบสว นไหนโดยเฉพาะ ก็ ค อ ยพู ด ถึ งส วนนั้ น .เช น เราอยากจะทราบเรื่อ งฆราวาสธรรม ธรรมะสําหรับฆราวาส ก็จะไดพูดถึงเรื่อธรรมะสําหรับฆราวาส โดยเฉพาะ ใหชัดเจนลงไป อยางนี้เปนตน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๖๔
ธรรมะสําหรับฆราวาส
๖๕
ตอไปนี้ ก็มีขอที่จะตองทําความเขาใจ เกี่ยวกับคําวา “ธมฺม” หรือ “ธรรมะ” นี ้ต อ ไปอีก วา สิ ่ง ที ่เรีย กวา ธรรม นี ้ม ี ๒ ประเภท : ประเภทหนึ ่ง เปนตัวหลัก ที่เราจะตองปฏิบัติโดยตรง ; เปนวัตถุประสงค เปนความมุงหมาย อย า งนั้ น ๆ โดยเฉพาะ. ประเภทที่ ส อง เป น ธรรมะในลั ก ษณะที่ เป น เหมื อ น เครื่องมือ ที่ชวยใหเราปฏิบัติ ตามที่เราตองการนั้นไดสําเร็จ. ธรรมะทําหนาที่ ตางกันอยูอยางนี้, ทั้งนี้ก็เพราะวา ที่เรารูวา จะตองปฏิบัติอยางไรแลว ก็จริง ; เพราะฉะนั้นเราจึงตองมีธรรมะ ที่จะใชบังคับตัวเองใหได, เพื่อปฏิบัติตามที่เรา ตอ งการใหไ ด อีก ทีห นึ่ง . กลา วโดยตรงก็คือ วา เราบัง คับ จิต ของเราไมได ; คือมันมีหลักเชนวา จะเลิกสูบบุหรี่ เลิกกินเหลา ; นี่เปนหลักที่จะตองปฏิบัติ. แตทีนี้เราบังคับตัวเองไมได ทั้งที่รูอยูก็บังคับไมได ; ฉะนั้นจะตองมีธรรมะอะไร อีกประเภทหนึ่ง ที่ชวยใหบังคับตัวเองได. นี่โดยสวนใหญก็แบงธรรมะออกเปน ๒ ประเภทอยางนี้ แลวก็มีสวน ประกอบอยางที่เปนสวนยอย ๆ ลงไปอีก ตามที่มันจําเปน. เพราะฉะนั้นเรื่องที่ เราจะตองรูก็คือ ธรรมะที่เราจะตองปฏิบัตินั้นอยางไร ? ธรรมะที่เปนเครื่องมือที่ จะชวยใหเราปฏิบัติไดตามนั้นอยางไร ? ถาในเรื่องชั้นสูงก็มีธรรมะที่ชวยใหจิตสงบ เสียกอน เชนเปน สมาธิ เปนตน แลวจึงเอาไปใชปฏิบัติ เพื่อใหรูสวนที่จะตองรู จนบรรลุมรรค ผล นิพพาน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุณพอจะสังเกตเห็นไดเองวา การที่ไมประสบความสําเร็จของเราใน เวลานี้โดยทั่ว ๆ ไปก็ดูจะอยูที่ เราไมสามารถบังคับตัวเอง ใหทําตามที่เรารูอยู วาจะตองทํา. เชน รูวา ขี้เกีย จ ไมดี, เราก็ยังบังคับไมได มัน ก็ยังขี้เกีย จอยู; ก็แ ปลวา มั น ขาดธรรมะประเภทหลั ง, ประเภทที่ เป น เครื่อ งมื อ . โดยเฉพาะ
๖๖
ฆราวาสธรรม
สําหรับฆราวาส ซึ่งมีเรื่องยั่วยวนมาก มันก็ยิ่งลําบากที่จะบังคับตัวเอง ใหทํ า ในสิ่ง ที ่เ ราตั ้ง ใจวา จะทํ า ; เพราะฉะนั ้น ขอใหส นใจใหม าก ใน ธรรมะประเภทที่เปนเครื่องมือดวย อีกอยางหนึ่ง. ในที่ นี้ เราจะพู ด ถึ ง ตั ว ธรรมะที่ จ ะต อ งปฏิ บั ติ ก อ น แล ว จะพู ด ธรรมะที ่เ ปน เครื ่อ งมือ ทีห ลัง . สํ า หรับ ฆราวาสก็แ ปลวา ผู ค รองเรือ น, คฤหั ส ถ ก็ แ ปลวา ผู ที่ อ ยู ที่ บ า นเรือ น ; ก็ มี เรื่อ งที่ เขาบั ญ ญั ติ ไว เฉพาะ เรีย กว า “ฆราวาสธรรม”. แตขอเตือนวา อยาลืมวาแมเปนเรื่องฆราวาสธรรม มันก็มี ความมุงหมายที่จะไปใหถึงที่สุด ของธรรมทั้งหมดอยูนั่นเอง ; ดังที่เราไดพูดกัน เมื่ อวานนี้ ฆราวาสก็เป น เพี ยงขั้น หนึ่ งในทุ กขั้น ที่ เราจะต อ งปฏิ บั ติให ถึ ง คื อ เป น พรหมจารี แล วเป นคฤหั ส ถ แล วเป น วนปรัส ถแล วก็เป น สั นยาสี. ถาเป น ฆราวาส หรือเปนคฤหัสถ ที่ดีไมได ก็หมายความวา สอบไลในชั้นมัธยมศึกษาตก ; แมวาจะผานชั้นพรหมจารี ที่เปนขั้นประถมศึกษามาได ก็มาตกที่ขั้นนี้ ; ดังนั้น จะตอ งทํ าใหดี ที่ สุด ดวยเหมื อ นกัน จึงจะผ านไปถึงขั้นสุ ดท าย. พอเรามองใน ลั กษณะอย างนี้ ก็ จะพบว า ฆราวาสธรรม ก็ เป นเรื่ องจํ าเป นสํ าหรั บผู ที่ จะไป นิพพาน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฟงดูแลวก็นาขัน หรือมันขัดแยงกันกับที่เขาพูด ๆ กันอยู วาฆราวาส ไปทางหนึ ่ง ,จะไปมรรค ผล นิพ พาน ก็ต อ งไปอีก ทางหนึ ่ง ; แลว ผมก็ม า บอกวาเปนสายเดียวกัน เปนเพียงลําดับขั้นของกัน. ฟงแลวก็ขอใหเอาไปคิดดู ; และอยากจะพูดวาถาเปนฆราวาสใหดีไมไดก็ไปนิพพานไมได. และในการ ศึกษาในขั้นคฤหัสถนั่นเอง เปนเครื่องมือที่จะสงเสริมใหเรามีเรื่อง มีความรูที่จะ ไปนิพพานได. เพราะวาในชีวิตของคฤหัสถนี้ มันมีอะไรมาก ลวนแตเปนอยาง ชนิด ที ่เรีย กวา รุน แรง หรือ โชกโชน หรือ อะไรทํ า นองนั ้น มากพอที ่จ ะใหรูวา ชีวิตนี้นาเสนหา หรือนาเบื่อหนาย ถาปลอยไปตามธรรมดามันจะเปนอยางไร ?
ธรรมะสําหรับฆราวาส
๖๗
เราตองจัดการกับมันอยางไร ? มันตองทําใหถูกตองไปตั้งแตในขั้นเริ่มตนที่สุดเลย ; เหมือนเราจะตองเรียนใหดีตั้งแตขั้น ก ข, ก กา จึงจะเรียนในชั้นตอ ๆ ไปไดดี. ในที่ นี้ เราจะพู ด ถึ ง ตั ว ฆราวาสธรรม โดยตรง,แม อ ย า งนั้ น ก็ ยั ง อยากจะแบง ออกเปน ขั ้น ๆ อีก เหมือ นกัน : ขั ้น ต่ํ า ๆ อยา งหนึ ่ง ขั ้น กลาง ๆ ขั้นสูง ๆ สูงสุดอีกอยางหนึ่ง. คําสั่งสอนเกี่ย วกับ ฆราวาสที่เปน ขั้น ตน ขั้น ต่ํา นี้ มัน เปน เรื่อ ง ทํามาหากิน เรื่องสังคม ; นี่ก็แปลวาในหลักพุทธศาสนาก็ยอมรับเรื่องทํามาหากิน และเรื่องสังคมจะตองทําใหดีใหถูก. เรื่องทํามาหากินเชนทิฏฐธัมมิกประโยชน : มีความพากเพียร แสวงหาทรัพย, -มีความสามารถในการรักษาทรัพย,-สามารถ ในการใชจายทรัพ ยใหถูกตอง และในการครองชีวิต ที่พ อดี, แลวก็มีมิตรสหาย ที่ดี. รายละเอียดของเรื่องเหลานี้คุณจะหาอานไดจากหนังสือประเภทนั้น, เราไม จําเปนที่จะตองเอามาพูดกันใหเสียเวลาซึ่งมันมีอยูนอย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอต นเปนผูที่ไมเหลวไหลในการแสวงหาทรัพย ; พู ดรวม ๆ กันเป น เรื่องเดียวกันวา ความสําเร็จในการแสวงหาทรัพยนี้ ก็คือ ทําใหมีทรัพย, ทําใหมี เกีย รติ, ทํ า ใหม ีเพื ่อ น,เขาใหห ัว ขอ ไว ๓ หัว ขอ วา ทรัพ ย เกีย รติ เพื ่อ นที ่ด ี ; ถาใครทําไดครบทั้งสามนี้ก็เรียกวา คนนั้นกาวหนา สอบไลไดในขั้นนี้. คุณอยา ทําเลน กับ ๓ คํานี้ - คือ ทรัพ ยส มบัติ เกีย รติย ศชื่อ เสีย ง แลวก็เพื่อ นหรือ สังคม ที ่ด ี มีพ รอ มหรือ ยัง ; ลองไปสัง เกตดูเอง. อยากจะพูด อีก อยา งหนึ ่ง ก็ค ือ วา คํา สอนประเภทนี้มัน มีม าแลว กอ นพุท ธกาลดว ยซ้ํา ไป, หรือ กอ นพระพุท ธเจา ก็ มี ก ารสอนที่ ค ล า ยกั น หรื อ ลงรอยกั น ไปได ; หรือ แม แ ต ใ นศาสนาอื่ น ที่ ไม ใช พุ ท ธศาสนาก็ มี ส อน แล วมั น ก็ ล งรอยกั น ได . คุ ณ ไปศึ ก ษา แล ว เปรีย บเที ย บดู ตอนนี้. อยาไดทะนงตัวไปดวยความเขาใจผิด ๆ วา พุทธศาสนาของเราไมเหมือน
๖๘
ฆราวาสธรรม
ใคร. อีกวาใครไปเสียหมด. สวนที่ มั นเหมื อนกั นทุ ก ๆ ศาสนานั้ นก็มี สวนที่ ผิ ด กันนั้นก็มี. แตมันก็ไมไดผิดกันมากมายนักจนถึงกับวา หันหลังใหกัน, มันก็ไป ในสายเดียวกัน มุงหมายอยางเดียวกันอยูทั้งนั้น. โดยหลักใหญ แลว ทุกศาสนา ตองการจะกําจัดความทุกขดวยกันทั้งนั้น ดวยการทําลายความเห็นแกตัว อยางนี้ ทุกศาสนาขอใหไปสังเกตดวย. ความเห็ นแก ตั วนั่ นแหละเป นต นเหตุ แห งความทุ กข ทั้ งโดยส วนตั ว บุ ค คลและโดยส ว นสั งคม เพราะฉะนั้ น คํ าสอนในขั้ น ต น ๆ เกี่ ย วกั บ ความเป น ฆราวาสนี้ ก็ ไม ต า งกั น เลย จะเหมื อ นกั น ทุ ก ศาสนาด ว ยซ้ํ าไป, เพี ย งแต คํ า พู ด หรือตัวหนังสือมันตางกันบาง ซึ่งไมใชของสําคัญ. ทีนี้ อยากจะพูดถึงสิ่งที่เรียกวา “สังคม" คือตองขจัดปญหาสวนตัว ของเรา, เรื่ องทรั พย สมบั ติ อะไรเหล านี้ เสี ยที หนึ่ ง แล วก็ ยั งต องขจั ดป ญ หาต าง ๆ เกี่ ยวกั บสั งคม. ป ญ หาเกี่ยวกับสั งคม พระพุ ทธเจาท านก็ได ตรัสวางเป นหลั กไว เรียกวา ทิศหก.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org “ทิศหก” นั้นไมไดหมายถึงทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต, ไมไดหมายถึงตัวทิศทํานองนั้น แตหมายถึงบุคคลประเภทหนึ่ง ๆ ที่ควรจะเอามา เปรียบกันกับทิศตาง ๆ ที่อยูรอบตัวเรา. แลวทานก็ตรัสไปตามความเหมาะสมวา ทิศ เบื ้อ งหนา - ทิศ เบื ้อ งหลัง คู ห นึ ่ง , ทิศ เบื ้อ งขวา - ทิศ เบื ้อ งซา ยอีก คู ห นึ ่ง , แล ว ก็ ทิ ศ เบื้ อ งบน - ทิ ศ เบื้ อ งล า ง อี ก คู ห นึ่ ง ; เป น ๖ ทิ ศ พู ด อย า งวั ต ถุ อย า ง วิทยาศาสตรก็พูดไดวา มันเปน radiation รอบตัว เหมือนกับรัศมีของดวงไฟนั้น มัน มีร อบตัว . ขา งหนา ครึ ่ง หนึ ่ง ขา งหลัง ครึ ่ง หนึ ่ง , ขา งซา ยครึ ่ง หนึ ่ง ขา งขวาครึ ่ง หนึ ่ง ก็ร อบแลว ,ขา งบนครึ ่ง หนึ ่ง ขา งลา งครึ ่ง หนึ ่ง ก็ร อบ หมดเลย ; ถาเปนการทําถูกในทิ ศทั้งหา ก็แปลวาเราทําถูกหมดรอบดานนั่นเอง.
ธรรมะสําหรับฆราวาส
๖๙
ทิศเบื้องหนาคูกับทิศเบื้องหลัง ก็จําไวงาย ๆ วาไดแก บิดามารดา อยูขางหนา บุตรภรรยาอยูขางหลัง ; ก็ตองประพฤติถูกตอบิ ดามารดา, ประพฤติ ถู ก ต อ บุ ต รภรรยา เป น ต น .อย า ได จํ า กั ด แต เพี ย งว า บิ ด ามารดา, ควรต อ งเอา ญาติ ผู ใ หญ ทั้ ง หมด พี่ ป า น า อา ลุ ง ตา อะไรก็ ต าม จะต อ งอยู ข า งหน า ต อ งนึ ก ถึ ง ก อ น. บุ ต รภรรยาอยู ข า งหลั ง ก็ จ ะต อ งปฏิ บั ติ ต อ ให ถู ก ต อ งด ว ย เหมือนกัน. ทิศเบื้องขวา เบื้องซาย. เบื้องขาวเขาถือวาเปนสําคัญ กวา หรือ มีเกียรติกวาเบื้องซาย ก็เลยเอาพวกครูบาอาจารยไวขวามือ, เอาเพื่ อนฝูง มิตร สหายไวทางซายมือ. ทําไมเอาครูกับเพื่อนมาไวคูกัน ? ก็เพราะวามันคลายกัน มาก :ครูบ าอาจารย ชวยเราในทางฝายวิญ ญาณ,เพื่ อ นชวยเราในทางฝายวัตถุ . คุณ ตองมองดูใหเห็นในขอนี้ : เพื่อนนั้นคือผูชวยทางวัตถุ แตครูบาอาจารยเปน ผูชวยในทางฝายวิญญาณ ฝายลึก ฝายจิตใจ มันก็เปนเพื่อนในฝายวิญ ญาณ. มิ ต รสหายธรรมดาก็ เป น เพื่ อ นช วยทางเรื่อ งฝ ายวัต ถุ จะชวยด วยแรง ด วยเงิน ดวยของตาง ๆ ก็เลยเปนฝายวัตถุ หรือฝายรางกาย ; เอาความหมายนี้เปนสําคัญ. ถาเพื่อนของเราคนใดคนหนึ่งเกิดชวยเราในทางฝายวิญญาณขึ้นมา เราตองจัดเขา ไวในฝายครูบ าอาจารย ; พรอ มกัน นั้ นเขาก็เป น เพื่ อ นในฝ ายวัต ถุ รางกายด วย, อี ก ส ว นหนึ่ ง ก็ เป น เพื่ อ นทางฝ า ยวิ ญ ญาณด ว ย. เพื่ อ นคนหนึ่ ง เพื่ อ นธรรมดา ของเรานี้ ถาเขาสามารถที่จะตักเตือนเรา, คุมครองเราในเรื่องความดีความชั่ว บุญ บาป, อยา งนี ้ตอ งจัด ใหเขาเปน อาจารยดว ย อีก สว นหนึ ่ง คือ เปน เพื ่อ น ผูที่ชวยในฝายวิญญาณ. แตถามันแยกทําหนาที่กันเด็ดขาด ครูบาอาจารยก็อยู ขางขวา, เพื่อนธรรมดาลวน ๆ ก็อยูขางซาย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถัด ไป คือ เบื ้อ งบน เบื ้อ งลา ง. เบื ้อ งบนนั้น คือ สมณะ หรือ ผู ม ีคุ ณ ธรรมสู งกว าระดั บธรรมดาสามั ญ . ส วนข างล างนั้ นคื อบ าวไพร กรรมกร
๗๐
ฆราวาสธรรม
หรื อ พวกที่ ด อ ยกว า เรา. เบื้ อ งบนที่ พู ด ว า สมณะ หรื อ สมพราหมณ พระเจ า พระสงฆ เป นต น นี้ เขาไม ได เพ งเล็ งไปในทางเป นครูบาอาจารย ; ครูบาอาจารย อยู ข า งขวาแลว . สมพราหมณ อะไรพวกนี ้ ยิ ่ง กวา ครูบ าอาจารย คือ เปน ปู ช นี ย บุ ค คลของส ว นรวมหรื อ ของโลก. แม เขาจะไม ส อนอะไรแก เราโดยตรง เหมือ นครูบ าอาจารย, เพีย งแตเ ขามีช ีว ิต อยู ใ นโลกเฉย ๆ เราก็ย ัง ตอ งบูช า ตอ งเอาใจใส ตอ งรับ รู . อยา งเชน พระพุท ธเจา พระอรหัน ต นี ้ แมว า ทา น จะไม เคยเกี่ ยวข องกั บเราเลย อยู กั นคนละยุ คคนละสมั ย อย างนี้ เราก็ ยั งต องรับรู ตองบูชา. ใจความสําคัญเรื่องนี้มั นมีอยูอยางหนึ่งคือวา การสอนชนิดที่ไมตองพู ด ไม ต อ งสอนมั น ก็มี อ ยู ; เพี ยงแต เขามี อ ยูเป น หลั ก ในโลกนี้ มี อ ยู เป น หลั กสํ าหรับ การที ่จ ะประพฤติป ฏิบ ัต ิต าม. คือ เขาถือ วา เพีย งแตไดเห็น พระอรหัน ตเทา นั ้น ก็เ ปน การดีอ ยา งยิ ่ง เสีย แลว , แมไ มไ ดพ ูด จาอะไรกัน เลย.นี ่เ ขาเรีย กวา เปน ปูช นีย บุค คลประเภทหนึ ่ง จัด ไวขา งบน เบื ้อ งสูง . ตรงกัน ขา มกับ เบื ้อ งต่ํ า คือ คนที่ ด อยกวาเราในทางคุ ณ สมบั ติ ต าง ๆ เช นพวกลู กจ าง พวกบ าวไพร กรรมกร ; พวกคนที่จนกวา ดวยกวาอะไรอยางนี้ เอาไวขางลาง .
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุ ณ ควรทํ าความเข าใจเกี่ ย วกั บ คํ าว า “ทิ ศทั้ งหก” นี้ ให ถู กต อ ง เป น บทเรียนบทใหญ ของฆราวาส; เพราะวาถาทํ าผิ ดในหกทิ ศนี้ แล ว อื่น ๆ ก็จะพลอย ลมละลายดวย คือเรื่องการหาทรัพยสมบัติ การหาเกียรติยศชื่อเสียง การมีเพื่ อน ฝูง ที่ดี ก็พ ลอยลม ละลายไปดว ย. เพราะฉะนั้น เรารูเ รื่อ งทิศ หกแลว ปฏิบ ัติ ใหถูก ตอ ง ใหพ อก็พ อแลว ; จะรวบเอาธรรมะหมวดอื่น เขา ไวไ ดห มด. ผมจึงขอแนะธรรมะหมวดนี้ คือเรื่องทิ ศหก ; ก็ไปหารายละเอียดอานเอาเองจาก หนั ง สื อ ประเภทนั้ น เช น หนั ง สื อ นวโกวาท เป น ต น . ในที่ นี้ ก็ บ อกแต ค วาม
ธรรมะสําหรับฆราวาส
๗๑
หมายที่เปนใจความสําคัญ ของคํานั้น ๆ รวมเรียกตัวคําเพียงสั้น ๆ วา “ปญ หา ทางสังคม”. คุณไปเทียบกันดูวา ปญหาทางสังคม ตามที่ คุณเขาใจ มั นเขากันกับ ปญหาทางสังคม ที่มีอยูในพุทธศาสนาหรือไม ? การเลนเรียน การสั่งสอนกันอยู ในมหาวิทยาลัยนั้น เมื่อพูดกันถึงปญหาสังคม เขาหมายถึงอะไร คุณก็รู ; แตเมื่อ พูดทางหลักพุทธศาสนาแลว ปญหาสังคมเขาหมายถึงอยางนี้. สังคมเบื้องหนา สัง คมเบื ้อ งหลัง , สัง คมเบื ้อ งขวา - สัง คมเบื ้อ งซา ย, สัง คมเบื ้อ งบน สังคมเบื้องลาง. อะไรดีกวาเราแลว ก็สงเคราะหเขาไวเปนเบื้องบน, มีคุณ ธรรม หรืออะไรที่ ดี กวา สู งกวาเรา สงเคราะห ไวเป นเบื้ องบน, ต องสงเคราะห เจ านาย ไวเบื ้อ งบนดว ย. สงเคราะหที ่ต่ํา กวา เราไวเบื ้อ งลา ง. เอาผูที ่ใ หกํ า เนิด เรามา มีห นา ที ่ผ ูก พัน ที ่เ ราจะตอ งทดแทน สนองคุณ บุญ คุณ นี ้ไ วข า งหนา ; คือ บิดามารดาตองนึกถึงกอน ก็เพราะวามีบุญคุณ, มีพระเดชพระคุณที่ผูกพันกอน บุคคลใด เราตองนึกถึงกอน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั ้น การที ่ว างหลัก เรื ่อ งทิศ หกนี ้ มัน ก็ม ีเ หตุผ ล หรือ มี ความหมาย หรือ มี เทคนิ ค อยู ในตั ว ; ก็ ข อให ส นใจให ดี ๆ จะได แก ป ญ หาทาง สังคมไดหมดสิ้น ; และความเปนฆราวาสตามเรื่องราวของฆราวาสนั้น ก็จะเปน ไปอยางถูกตอง. นี่ผมเรียกมันวาฆราวาสธรรมขั้นต่ํา ๆ, ยังมีธรรมะอีกหลายหมวด หรือหลายสิ บหมวดก็ ได แจกเป นฝอยละเอี ยดออกไป, หรือวาจั ดกั นอย างนั้ นที อยา งนี ้ที แตแ ลว ในที ่สุด มัน ก็ม าสํา คัญ อยูต รงที ่ป ฏิบ ัต ิเ รื่อ งทิศ ทั ้ง หกนี้ ใหถูก ตอ ง, แลว ธรรมะหมวดอื่น ๆ จะงา ยดาย หรือ พลอยถูก ตอ งไป โดยอัตโนมัติ. ขอใหสนใจเรื่องทิศหกเปนพิเศษ,
๗๒
ฆราวาสธรรม
ที นี้ ก็ ม าถึ ง ฆราวาสธรรม ที่ เป น ขั้ น สู งไปกว านั้ น ซึ่ งจะเรียกว าขั้ น กลาง ๆ หรือ ขั ้น สูง สุด . ในสองขั ้น นี ้จ ะขอพูด ในคราวเดีย วกัน เสีย ดีก วา วา ขั ้น สูง สุด นั ้น มัน ก็ส ูง ถึง เรื ่อ ง มรรค ผล นิพ พาน ดว ยเหมือ นกัน ; ลดต่ํ า กวา นั้ น ลงมาก็ เป น ขั้ น กลาง ๆ ; คื อ มี ฆ ราวาสกลุ ม หนึ่ ง ไปเฝ า ทู ล ถามพระพุ ท ธเจ า ขอให ช วยบอกธรรมะที่ เป น ประโยชน เกื้ อ กู ล แก พ วกฆราวาสที่ ค รองเรือ น ที่ แออั ด อยู ด ว ยบุต รภรรยา. พระพุท ธเจา ทา นไดต รัส วา ธรรมะที ่เ นื ่อ งดว ยสุญ ญตา เป นประโยชน เกื้ อกู ลแก ฆ ราวาสตลอดกาลนาน. เรื่อ งสุ ญ ญตาคื อ เรื่อ งไม มี ตั วตน เรื ่อ งวา งจากตัว ตน ; ฆราวาสพวกนั ้น เขาก็ว า มัน สูง เกิน ไปสํ า หรับ พวกเขา. พระพุ ท ธเจ าก็ ต รั ส ว า ถ า อย างนั้ น ก็ ล ดลงมา เหลื อ ธรรมะ ๔ ข อ คื อ : - มี ศ รั ท ธา มั่ น คงในพระพุ ท ธ, - ศรั ท ธามั่ น คงในพระธรรม, - ศรั ท ธามั่ น คงในพระสงฆ , แลว ก็ม ีศ ีล ชนิด ที ่ด ี จนเปน ที ่พ อใจของพระอริย เจา . สี ่ข อ นี ้ฆ ราวาสเหลา นั ้น เขาก็ท ูล ขึ ้น วา นี ่ค ือ สิ ่ง ที ่ป ฏิบ ัต ิอ ยู แ ลว . พระพุท ธเจา ก็ต รัส อนุโ มทนาวา ก็ดี อยู แ ล ว . คุ ณ ลองพิ จ ารณาเรื่ อ งนี้ ดู ว า เป น เรื่ อ งที่ มี อ ยู ใ นพระไตรป ฎ ก ชั ด เจน อยูอยางนี้ วามันเปนอยางไร.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พระพุ ทธเจ าท านตรัสว า เรื่องสุ ญญตา เป นประโยชน เกื้ อกู ลแก ฆราวาส ตลอดกาลนาน ; ถา เขาวา มัน สูง เกิน ไป ก็ล ดลงเหลือ ๔ เรื ่อ ง ที ่เ รีย กวา “ปุญ ญาภิส ัน ทะ”. ปุญ ญาภิส ัน ทะ แปลวา ทอ ธารเปน ที ่ไ หลออกแหง บุญ , บางทีก ็เ รีย กวา โสตาปต ติย ัง คะ - คือ องคป ฏิบ ัต ิที ่จ ะชว ยใหเ ปน โสดาบัน . ข อ ปฏิ บั ติ ๔ อย า งนี้ มี ชื่ อ ๒ อย า งคื อ อย า งหนึ่ ง เป น ท อ ธารที่ ไ หลออกแห ง บุ ญ , อย า งหนึ่ ง เป น องค ป ระกอบแห ง ความเป น โสดาบั น . ระดั บ ข อ ปฏิ บั ติ ขั้ น นี้ ผ มเอา มาไวตรงกลาง ๆ ระดับกลาง ๆ ; แลวจัดระดับสูงสุดไดแกเรื่องสุญญตา. ขอปฏิบัติที่เปนระดับกลาง ๆ สําหรับผูเปนฆราวาสก็คือ ธรรมะ ๔ ขอ นี้ เรี ย กว า “พุ ท ธอเวจจั ป ปสั ท ธา” ความเชื่ อ ที่ แ น น แฟ น ไม ห วั่ น ไหวคลอนแคลน
ธรรมะสําหรับฆราวาส
๗๓
ในพระพุ ท ธเจ า . ธั ม มอเวจจั ป ปสั ท ธา ความเชื่ อ ที่ ไม งอ นแงน คลอนแคลนใน พระธรรม. สัง ฆอเวจจัป ปสัท ธา คือ ความเชื ่อ ที ่ไ มง อ นแงน คลอนแคลนใน พระสงฆ. แลว ก็ม ีอ ริย กัน ตศีล คือ ศีล ชนิด ที ่ร ัก ษาไดด ี จนเปน ที ่พ อใจของ พระอริ ย เจ า ; นี่ เป น ที่ ไหลออกแห ง บุ ญ เรื่ อ ยไป จนกระทั่ ง สู ง ขึ้ น ไป กระทั่ ง พรอ มที ่จ ะเปน พระโสดาบัน , คือ ผู ที ่แ รกถึง กระแสแหง นิพ พาน. ถา สูง ไป กวานั้น ก็เปน เรื่อ งบรรลุ มรรค ผล นิพ พาน. เราอยูต รงกลางก็ห มายความวา รูจ ัก พระพุท ธเจา ดี พระธรรมดี พระสงฆด ี จนแนน แฟม , มีศ รัท ธา มีค วาม เชื่อ มีความเลื่อมใสแนนแฟน, ไมอาจจะทําชั่วทําผิดอะไรได เพราะมีความเชื่อ ไมง อ นแงน คลอนแคลนในพระพุท ธ พระธรรม พระสงฆ ; แลว ก็พ ิส ูจ น อยูด วยการปฏิ บั ติ ที่ ปฏิ บั ติ อยู เป นอริยกันตศีล ศี ลบริสุทธิ์ไม มี ที่ ติ , ตั วเองก็ ติ ตัวเองไมได, คนอื่นมาดูแลก็ติไมได นี่เรียกวาอริยกันตศีล. ถาคุณเปนฆราวาสก็ดูใหดี ทําอยางไรจึงจะเรียกวา มีศรัทธาไมคลอนแคลน ในพระพุท ธ ในพระธรรม ในพระสงฆ. เดี ๋ย วนี ้รูสึก วา นา ระแวงหรือ นา อัน ตราย, ศรัท ธาในพระพุท ธ พระธรรม พระสงฆ มัน ยัง คลอนแคลน ; แมเขาจะประกาศตัวเปนพุทธมามกะ เปนอะไรอยูทุกเมื่อเชื่อวัน รับศีลรับสรณา – คมนอยูทุกวัน มันก็รับแตปาก ; พอจะไดอะไรที่ถูกอกถูกใจหนอย ก็ทิ้งสรณา – คมน ไปเอาสิ ่ง นั ้น ก็ไ ด หมายความวา ไปทํ า ชั ่ว ตอ หนา พระพุท ธ พระธรรม พระสงฆ ก็ ได . นี้ เรียกวายังไม แน นแฟ น ยั งงอ นแงน คลอนแคลน. มั น ต อ งเป น ถึงขนาดที่วา ยอมตายได ไมย อมเสีย ขอ ปฏิบัติ หรือ ธรรมะไป จึง จะเรีย กวา ไมง อ นแงน คลอนแคลน. เดี ๋ย วนี ้ม ีอ ะไรมาจา ง มายั ่ว มาลอ สัก หนอ ย ก็ทิ ้ง พระพุ ท ธ พระธรรม พระสงฆ ไปเอาสิ่ งนั้ น แล ว , ไม ว า คนหนุ ม สาว คนเฒ า คนแก ก็ ยั งเป น อยู อ ย างนี้ , ไปดู ให ดี มั น ก็ มี อ ริย กั น ตศี ล ไม ได ศี ล ก็ ด างพรอ ย ลุม ๆ ดอน ๆ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๗๔
ฆราวาสธรรม
ฆราวาสธรรมที่ เป น ระดั บ กลางก็ คื อ แน น แฟ น มั่ น คง ในพระ รัต นตรัย, แล วก็ มี การปฏิ บั ติ ตั วอยูในลั กษณะที่ วา ตั วเองก็ติ เตี ย นตั วเองไม ได ไหวตั วเองได เคารพตั งเองได . เขาเป น ผู ที่ บํ าเพ็ ญ บุ ญ อยู อ ย างสู งสุ ด แล วก็ มี ความกาวหนาเรื่อยไป พรอมที่จะเปนพระโสดาบัน. นี้ผมเรียกวาฆราวาสธรรม ระดับกลาง. ฆราวาสธรรมที่เปนระดับสูง คือ สุญญะตัปปะฏิสัยุตตา – ธรรมะที่ เนื่ องเฉพาะด วย สุญญตา. สุญญตา แปลวาความวาง ; มั นมี เรื่องมาก ไวพู ดกั น โดยละเอียดอีกที. คราวนี้จะบอกใหรูวา สุญญตาคือความวางในจิตใจ ที่วาง จากความรูสึกวาตัวเรา หรือของเรา. ความรูสึกประเภท egoism นี้คือความ รู สึ ก ที่ เ ป น ตั ว เป น ตน ; ที่ มั น เนื่ อ งอยู กั บ ตั ว ตนนี้ ก็ เ รี ย กว า ของตน. จะเป น ฆราวาสหรือ เปนบรรพชิตก็ตาม มีความทุกขอยางลึกซึ้งอยู ก็ดวยอํานาจตัวตน หรือของตนนี้ทั้ งนั้น. เพราะฉะนั้น ฆราวาสก็ทุกขม ากอยูดวยเรื่อ งตัวตนของตน จึงเปนการสมควรที่จะตองบรรเทาเสียบาง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พระพุทธเจาจึงตรัสวา เรื่องสุญญตานี้เปนประโยชนอยางยิ่ง เกื้อกูล แกฆราวาสตลอดกาลนาน. ทานเสนออยางนี้ชาวบานกลุมนั้นไมเอา วาสูงเกินไป ; แตพ อบอกใหล ดลงไปกวา นั ้น ก็ป ฏิบ ัต ิอ ยู แ ลว ; อยา งนั ้น ก็ไ มม ีท างไปไหน นอกจากจะตองปฏิบัติเรื่องสุญญตาตอไปเทานั้น ;ถาไปทางอื่นมันก็ไมมี.
เดี๋ยวนี้มาเขาใจกันเสียวา เรื่องนี้สูงเกินไปไมตองเอามาสอนฆราวาส ; ผมก็เคยถูกหาม. ผูหลักผูใหญเคยหามวา อยาเอาเรื่อง อนัตตา สุญญตามาสอน ชาวบ าน มั น สู งเกิ น ไป ; บางคนก็ เยาะเย ยถากถางวา ผมเอาเรื่อ งที่ สู งเกิ น ไป มาสอนชาวบาน - เชนเรื่องจิตวาง ก็ถูกลอบางถูกดาบาง. แตผมก็พยายามทํา
ธรรมะสําหรับฆราวาส
๗๕
ใหดีที่สุด ใหตรงตามที่พระพุทธเจาทานแนะไว วาฆราวาสก็ควรจะมีความรูเรื่อง สุ ญ ญตา หรือ เรื่อ งจิ ต วางนี้ ต ามสมควรที่ ฆ ราวาสควรจะรู, มั น จะได บ รรเทา ความทุก ขย ากลํ า บาก ทางจิต ทางใจ.เพราะวา มีค วามจริง หรือ ขอ เท็จ จริง อยูอยางหนึ่งวา คนเรามี ความทุกขอ ยางรายแรงเนื่อ งมาจากความดี. ยึดมั่ น ถือมั่ น ในความดี. อย างคุณ สอบไลต ก มี ความรูสึ กเป น ทุ กขม าก นี่ ก็เพราะ เรายึด มั่น ในเรื่อ งจะสอบไลได หรือ ความดี. หรือ วา ไมไ ดอ ะไรตามที ่ห วัง ไว ในทางฝายดี ฝายสูงแลว ก็ตองเสียใจเปนทุกข. บางคนไปทําลายตัวเองดวย การฆาตัวตายก็มี. เมื่อเปนอยางนี้แลว เรื่องอื่นมันชวยไมได นอกจากความรู เรื่องสุญญตาจึงจะชวยได. สุญญตา จะชวยเด็ก ไมใหเด็ก ๆ ตองรองไห เมื่อสอบไลตก, ชวย ผูใหญไมใหรองไหเมื่อผิดหวังในเรื่องที่หวังไวมาก ๆ. พระพุทธเจาทานทรงเห็น อยางนี้จึงไดยกเรื่องสุญญตาขึ้นมา วาเปนเรื่องเกื้อกูลแกฆราวาสตลอดกาลนาน. เราคอ ยไปศึก ษาเรื ่อ ง อนัต ตา เรื ่อ งสุญ ญตา กัน อีก ทีห นึ ่ง โดยละเอีย ด. เดี๋ยวนี้เพียงยกมาใหเห็นวามันเปนลําดับกันอยูอยางไร จะไดครบชุด. ฆราวาส ธรรมอยา งต่ํา สรุป ไวถึง เรื่อ งทิศ หก, ปฏิบัติใ หถูก ตอ งเกี่ย วกับ สัง คม. สู ง ขึ้ น ไปก็ เ รื่ อ งปุ ญ ญาภิ สั น ทะ โสตาป ต ติ ยั ง คะ. สู ง สุ ด ก็ คื อ เรื่ อ ง สุญญตา. นี้เปนฆราวาสธรรม.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรื่องสุญญตา เปนเรื่องบรรลุ มรรค ผล นิพพานโดยตรง. คนพวก หนึ ่งก็จ ะคัด คา นวา ไมใชเรื่อ งของฆราวาส ; ผมก็ม ีที่อ า งในพุท ธภาษิต ใน พระไตรป ฎ กมี ชั ด อยู อ ย างนั้ น . คุ ณ จะถื อ เอาหรือ ไม ถื อ เอาก็ ไปคิ ด ดู . ถ าอ าง หลักพระพุทธภาษิตมันก็มีอยูในพระไตรปฎก อยางนั้นแหละ. ทีนี้ถาเอาเหตุผล สวนตัวกัน ก็ไปคิดดูซิ เมื่อฆราวาสรอนเปนไฟอยูก็ตองมีน้ํามาดับไฟ ซึ่งไมมี
๗๖
ฆราวาสธรรม
อะไรที ่ด ีไ ปกวา เรื่อ งไมย ึด มั ่น ถือ มั ่น ; เพราะฉะนั ้น ฆราวาสก็จ ะตอ งมี ความรูเรื่องไมยึดมั่นถือมัน หรือวางจากความยึดมั่นถือมั่น ที่เรียกวา สุญญตา ; แลวก็มีจิตวางชนิดนี้อยูพอสมีควรกับความเปนฆราวาส ก็จะเปน ฆราวาสที่ไมมีความทุกข และนาบูชา, เปนฆราวาสที่ดีที่สุด นาบูชา. ขอใหเอาไปนึกดวยเหตุผลของตนเองอีกทีหนึ่ง คือในพระบาลีที่อางไว ก็ม ี เหตุผ ลก็เห็น อยู ว า จริง อยา งนั ้น ก็ถ ือ ปฏิบ ัต ิไ ด. แตถ า วา โดยที ่แ ทแ ลว พระพุ ท ธเจาท านสอนให เอาเหตุ ผ ลของตั วอย าไปเชื่ อ มี อ ยู ในบาลี เพราะใคร เขีย นเติม เขา ไปเมื ่อ ไรก็ไ ด ; ขอใหใ ชค วามเห็น แจม แจง ของตัว เองเปน เครื่องตัดสิน. วัน นี้เราพูดกันถึงตัวฆราวาสธรรมโดยหัวขอ ใหญ ๆ ฆราวาส ธรรมชั้นต่ํา ๆ - กลาง ๆ- สูง ๆ, มีอยูเปน ๓ ชั้น สามระดับอยางนี้ ก็หมดเวลาที่ เราจะพูดกันไดในวันนี้. ขอใหถือเอาไว เปนหัวขอที่จะพูดในรายละเอียดเฉพาะ เรื่อง ๆ ตอไปในวันหลัง โดยเฉพาะอยางยิ่งก็คือเรื่องสุญญตา. ทีนี้เหลืออยูเรื่อง ธรรมะประเภทที่เปนเครื่องมือ ที่จะทําใหปฏิบัติลุถึงจุดมุงหมายนี้มันอีกพวกหนึ่ง เขาเรี ย กว า “ฆราวาสธรรม” โดยตรงเหมื อ นกั น ; มี ธ รรมอยู ๔ ข อ เรี ย กว า สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ ๔ อยางนี้ก็เอาไวพูดในวันตอไป.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สําหรับวันนี้ พอกันที เพราะวาหมดเวลาเพียงเทานี้.
ฆราวาสธรรมที่เปนธรรมะประเภทเครื่องมือ -๕๒๓ เมษายน ๒๕๑๓ สํ า หรับ พวกเราลว งมาถึง เวลา ๒๐.๓๐ น.แลว . ใน วัน นี ้จ ะ ไดพ ูด กัน ถึง เรื ่อ ง ฆ ราวาส ธ รรม ซึ ่ง ห ม าย ถึง ฆราวาสธรรม ที่ เ ป น ธรรมประเภทเครื่ อ งมื อ . ในครั้ ง ที่ แ ล ว มาได ชี้ ใ ห เห็ น ตั ว ฆราวาสธรรมโดยตรงไว ถึ ง ๓ ระดั บ คื อ ต่ํ า – ก ล าง - สู ง . ฆ ราวาส จะต อ งมี ฆ ราวาส ธรรม ทั ้ง ๓ ระดับ จึง จะเปน ฆราวาสที ่ม ีค วามสุข . ฆราวาสธรรม ต่ํ า ๆ ก็ คื อ เรื่ อ งทํ า มาหากิ น เรื่ อ งการสั ง คม เรื่ อ งทิ ศ หก เป น ต น ; นี ้ ต อ งป ฏิ บ ั ต ิ ใ ห ด ี จ ะได ม ี ท รั พ ย มี เ กี ย รติ ย ศ มี สั ง คมที่ ดี ก็ เป น อั น เสร็ จ เรื่ อ งไปตอนหนึ่ ง สํ า หรั บ ฆราวาส, สํ า ห รั บ ห น า ที ่ ข องฆ ราวาส ซึ ่ ง มี ฆ ราวาส ธรรม ใน ขั ้ น ต่ํ า เปนคูกัน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี ้ฆ ราวาสควรจะตอ งมี ฆราวาสธรรม ในขั ้น กลางก็ค ือ รู จ ัก พระพุ ท ธ รู จั ก พระธรรม รู จั ก พระสงฆ , แล ว ก็ มี ศี ล ที่ ดี ; นี้ ก็ ห มายความว า
๗๘
ฆราวาสธรรม
เปนเรื่องสูงขึ้นไป สําหรับจะไดมีจิตใจสูงขึ้นไปในทางธรรม, นี้เรียกวาฆราวาส ธรรมในระดั บ กลาง ซึ่ ง จะต อ งรู จั ก หลั ก ของพระศาสนาอย า งถู ก ต อ ง, และมี ความศรัท ธา ความเชื ่อ ความเลื ่อ มใส แนน แฟน ในพระพุท ธ พระธรรม พระสงฆ และมีศ ีล ดี ; ก็ไ ดค วามสุข ใจในขั ้น ที ่ส ูง ขึ ้น ไปดว ยเหมือ นกัน . แต เทานี้ยังไมพอ ฆราวาสจะตองมีฆราวาสธรรมขั้นสูงอีกขั้นหนึ่ง คือธรรมะในขั้นสูง ที่ เรียกวา สุ ญ ญตา หรืออนั ตตา สํ าหรับฆราวาสจะได ปลงตก ในเมื่ อสิ่ งต าง ๆ มันไมเปนไปตามปรารถนา เชน ความวิบัติเกิดขึ้น หรือความทุกขอยางอื่นเกิดขึ้น. แมที่สุดแตความเจ็บไขเปนตนก็ดี เขาจะไดมีความรูเรื่องสุญญตา อนัตตา มาเปน เครื่องปลง แล วก็ สลั ดความทุ กข ที่ เกิ ดมาจากการวิบั ติ หรือการที่ จะต องเป นไป ตามธรรมชาตินั้น ออกไปเสียได, เลยไมมีความทุกข ; มิฉะนั้นจะเปนฆราวาส ที่โงเขลา มีความทุกข ในเมื่อสิ่งตาง ๆ มันไมเปนไปตามที่ตนปรารถนา. ฆราวาสควรจะรูเสียดวยวา มันไมมีอะไรที่จะเปนไปตามปรารถนา ของเราไปทุกสิ่งทุกอยาง ; มันเปนไปตามปรารถนาไดนอยมาก แลวมันก็ยาก ที ่จ ะเปน ดว ย. เพราะฉะนั ้น เราตอ งมีธ รรมะในขั ้น สูง สํ า หรับ แกป ญ หาขอ นี้ ซึ ่ง อยา ใหฆ ราวาสตกนรกทั ้ง เปน , อยา ตอ งนั ่ง รอ งไหบ อ ย ๆ เมื ่อ ลูก ตาย เมื่ อ ผั ว ตาย เมื่ อ เมี ย ตาย, หรื อ เมื่ อ วิ บั ติ ด ว ยโจรภั ย อั ค คี ภั ย หรื อ จะต อ งเจ็ บ ตองไขในลักษณะที่รักษาไมได, ฆราวาสนั้นก็จะไมตองเปนทุกขมาก. นี่ฆราวาส ตองมีฆราวาสธรรม ถึง ๓ ระดับอยางนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org แตบางคนเขาไมยอมใหมีหลักอยางนี้ ไมยอมใหถือวาเรื่องธรรมะชั้นสูง เชน สุญ ญตาเปน ตน นั ้น วา เปน เรื่อ งของฆราวาส ; แตใ นพระบาลีม ีอ ยู ช ัด ในพระไตรป ฎ กนี้ พระพุ ท ธเจ า ตรัส ว า เรื่อ งสุ ญ ญตา เป น เรื่อ งที่ เป น ประโยชน เกื้ อ กู ล แก ฆ ราวาสตลอดกาลนาน. คุ ณ เอาไปคิ ด ดู เอง คุ ณ จะประสบว า ใน
ฆราวาสธรรมที่เปนธรรมะประเภทเครื่องมือ
๗๙
ประเทศไทย ในกรุง เทพ ฯ นี ้แ หละ ไมใ ชที ่อื ่น , เขาจะคัด คา นเรื ่อ งฆราวาส จะต องรู จะต องเรียนเรื่องสุ ญ ญตาเป นต น ; หาวาสู งไป เอามาสอนนั้ นไม ควร ; แล ว ว า จะเป น อุ ป สรรคแก ค วามเจริ ญ ของฆราวาสด ว ย ; มั น ผิ ด กั น อยู อ ย า งนี้ . สวนผมก็ยังขอยืนยันอยูตามเดิมวา ฆราวาสจะตองมีฆราวาสธรรมใน ๓ ระดับนี้ ; ระดั บ ต่ํ า เพื่ อ ทํ า มาหากิ น ; ระดั บ กลาง เพื่ อ ประกอบการบุ ญ การกุ ศ ลทางจิ ต ทางวิญญาณ ทางศาสนา ; ระดับสูง เพื่ อประกอบการบุ ญการกุศล ทางวิญญาณ ที ่จ ะเกิด ขึ ้น แกฆ ราวาสเปน ประจํ า เชน ลูก ตาย เมีย ตาย เปน ตน . เมื ่อ ครบ ทั้ ง ๓ อย าง ก็ จ ะเป น ฆราวาสที่ ไม ต กนรกทั้ งเป น . นี้ เป น เรื่อ งที่ เราได พุ ด กั น แล ว และเปน หลัก ตายตัว ที ่จ ะตอ งปฏิบ ัต ิใ หไ ด. ขอย้ํ า วา เปน เรื่อ งที ่จ ะตอ งปฏิบ ัติ ใหได. ทีนี้เราก็มักจะปฏิบัติไมได จึงตองมีธรรมะสําหรับฆราวาสอีกหมวดหนึ่ง มาเปน เครื ่อ งมือ ที ่จ ะชว ยใหป ฏิบ ัต ิใ หไ ด. ดัง ที ่ผ มไดก ลา วแลว วา ธรรมะ แบ ง ออกเป น ๒ ประเภท คื อ ธรรมะประเภทที่ เ ราจะต อ งปฏิ บั ติ และธรรมะ ประเภทที่ จ ะช ว ยให เ ราปฏิ บั ติ ไ ด ในสิ่ ง ที่ เ ราจะต อ งปฏิ บั ติ . วั น นี้ จ ะพู ด ใน ฆราวาสธรรม ประเภทที่เปนเครื่องมือ สําหรับใหปฏิบัติฆราวาสธรรม อยางที่ กลาวมาแลว ๓ ระดับนั้นได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฆราวาสธรรม ที่ เป นเครื่อ งมื อนี้ มี ระบุ ไว ชั ดในพระบาลี อี กเหมื อนกั น วา มีอ ยู ๔ ขอ :- สัจ จะ - ความจริง ใจ, ทมะ - การบัง คับ ตนเอง , ขัน ติ ความอดกลั้ นทดทน, จาคะ – การสละสิ่ งที่ ไม ควรจะมี อยู ในใจ ออกไปเสี ยจากใจ ; รวมเปน ๔ อยา งดว ยกัน เรีย กวา “ฆราวาสธรรม ในฐานะที ่เปน เครื ่อ งมือ ”. เราจะอธิบายกันทีละขอ วาธรรมะ ๔ ขอนี้เปนเครื่องมืออยางไร ?
๘๐
ฆราวาสธรรม
ขอแรก สัจจะ คือความจริงใจ นี้คือความตั้งใจจริง ๆ ที่จะปฏิบัติ ใน สิ่ งนั้ น เรี ย ก ว า สั จ จะ, ตั้ งใจให มั่ น อ ย า งถึ ง ขี ด ที่ สุ ด เขาก็ เ รี ย กว า “อธิฏ ฐานะ” ในภาษาบาลี, หรือ อธิษ ฐาน รวมกัน เขา ทั ้ง สองคํ า ก็เ รีย กวา สั จ จาธิ ษ ฐาน, ดั งที่ เราได ยิ น อยู บ อ ย ๆ วา มี สั จ จาธิ ษ ฐานะ – คื อ อธิษ ฐานใน สัจจะความจริงอยางใดอยางหนึ่ งที่ เราจะทํ า, ตั้งใจจะทํ า. ขอ นี้ มี ค วามสําคั ญ อยางไร คุณ ก็พ อจะเขาใจได. เราตอ งมีค วามตั้งใจจริงนี้เปน ขอ แรก : แมเรา จะรูอยูวาอะไรเปนอะไร หรือจะตองทําอะไร ; เพียงเทานั้นมันไมพอ มันตองมี สั จ จธิ ษ ฐานในเรื่อ งนั้ น ในข อ นั้ น . ฉะนั้ น พิ ธี รีต องต า งๆบางอย า งบางชนิ ด ก็ มี ประโยชน คื อตั้งสัจจาธิษ ฐานจะทํ านั่ น ทํานี่ ; ถาไม สํ าเร็จไม ย อมเลิกละ, เชน อธิษฐานวา ตองสําเร็จ ไมสําเร็จก็ตองตาย, มีสองอยางเทานั้น. เมื่ อพระพุ ทธเจ าทํ าความเพี ยรเพื่ อตรัสรู ก็ มี สั จจาธิ ษฐานทํ านองนี้ เมื่อประทับนั่งลงไปที่โคนตนโพธิ์ แลวทรงอธิษฐานวา แมอะไร ๆ จะหมดไปจน เหลือแตกระดูกก็ตาม ถาไมบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณแลวจะไมลุกขึ้นจากที่นั่งอันนี้ ลองฟ งดู .เลื อ ดเนื้ อ เส น เอ็ น อะไรก็ ต าม จะแห งไปจนเหลื อ แต ก ระดู ก ก็ ช างมั น ถายั งไม บรรลุ พระสัมมาสัมโพธิญ าณ จะไม ลุกจากที่ นั่ งอันนี้ . ในที่ สุดก็ได บรรลุ สัมมาสัมโพธิญ าณที่ นั่น ในวันนั้น. เรื่องของคนอื่น ๆ ก็เหมื อนกัน ถาเป นเรื่อง ทางจิต ใจ ก็เ ปน เรื ่อ งเหมาะสมที ่ส ุด ที ่จ ะมีส ัจ จาธิษ ฐาน ; เพราะวา เรื ่อ ง ทางจิตใจนี้มันจัดทําเอาไดงายกวาเรื่องเปนวัตถุขางนอกตามธรรมชาติ ; หรือเรื่อง ที ่ม ัน เนื ่อ งกับ คนอื ่น นี ้ม ัน บัง คับ ไมไ ด หรือ บัง คับ ไดน อ ย แตถ า เรื่อ งสว นตัว ของเรา แลวยิ่งเปนเรื่องทางจิตใจดวยแลว ยอมอยูในวิสัยที่จะมีสัจจาธิษฐาน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้เราจะพูดถึงเรื่องที่ต่ําตอยที่สุด อยางการศึกษาเลาเรียนของพวกคุณ ในโรงเรียน ในวิทยาลั ยก็ ตาม ถ ามี สั จจสธิษฐานกั นเสี ยบ าง, และทํ าให มั นจริง ๆ ผลคงจะดี ก ว า นี้ . เดี๋ ย วนี้ มั น มี สั ก แต ค วามตั้ ง ใจ เราก็ ตั้ ง ใจ ; แต แ ล ว ก็ มี ก าร
ฆราวาสธรรมที่เปนธรรมะประเภทเครื่องมือ
๘๑
โลเลเหลาะแหละ แทรกแซงอยูตลอดเวลาทุก ๆ วัน. ถาตั้งใจจริงมันตองดีกวานี้ คุณไปดูเถิด ในการศึกษาเลาเรียนของคุณนั้น ถาตั้งใจจริงจะตองดีกวานี้ อยาง นอยอีกแลว ๒๐ - ๓๐เปอรเซ็นต ; มันมีเวลาที่เหลวไหล เหลาะแหละ ผลัดวัน ประกัน พรุ ง หรือ วา ขี ้เ กีย จ. ฉะนั ้น เรามองเห็น กัน แลว ก็จ ะตอ งถือ เปน หลักธรรมะที่สําคัญ ขอหนึ่งที่จะตองเคารพธรรมะขอนี้. นี้เปนขอแรก คือตั้งใจ จริงขนาดอธิษฐาน. ข อ ที่ ๒ คื อ ทม (อ า นว า ทะมะ) – แปลว า บั ง คั บ ตั ว เอง ข ม ขี่ บังคับตัวเอง บังคับใจของตนเอง. สิ่งที่เรียกวา จิตใจนี้ มันบังคับยากใคร ๆ ก็รู พอจะเขาใจกันได วามันบังคับยาก ;แตทานก็ยังสอนใหบังคับ ไมใหยอมแพ . พระพุทธภาษิตเกี่ยวกับ “ทมะ” นี้มีนาฟงมาก คือวา “จงทรมารตน, จงบังคับตน ใหเหมือนควาญชางที่ฉลาด สามารถบังคับชางที่ตกน้ํามัน” . ลองนึกถึงภาพ พจนอันนี้ก็จะเขาใจไดงายขึ้น. ชางที่ตกน้ํามัน ไมใชชางธรรมดา, ควาญชาง มีคําวาฉลาดประกอบอยูดวย จึงจะบังคับชางที่ตกน้ํามันได ; เราจงบังคับจิต ของเราให ได เหมื อ นอย างนั้ น . เราก็ ต องเป น ควาญชางที่ ฉ ลาด ถ าเป น ควาญ ชางโง มันก็ตายเพราะชางนั้น ; เพราะวาจิตนี้มันจะยิ่งกวาชางที่ตกน้ํามัน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุณจะตองสังเกตดูใหดีวา จิตนี้มันยิ่งกวาชางที่ตกน้ํามัน ถาเราไม ไปแตะตองมัน เขา มันก็ดูคลายๆกับ ไมมีพิษสงอะไร ; อยางเรานั่งอยูอ ยางนี้ รูสึกอยูอยางนี้ ดูคลายๆกับวา จิตนี้มันเปนของอยูในอํานาจ หรือควบคุมงาย บังคับ งาย. แตพ อลองไปเริ่ม บังคับ มัน มัน จะตอ สู, แลวมัน จะดิ้น รนยิ่ง กวา ชางตกน้ํามัน ; และเมื่อทําไมถูกวิธี เปนหมอชางที่โง ก็จะตองตาย เชนเปนบา.
การบังคับจิตอยางไมถูกวิธีนี้ มันทําใหคนนั้นกายเปนบา. เหมือน หมอชางที่ไมฉลาดพอ ไปบังคับชางที่ตกน้ํามัน มันก็ตองตาย.
๘๒
ฆราวาสธรรม
เราจะตองเป นผูฉลาดในเรื่องของจิต แลวก็ บั งคั บให ถูกวิธี มั นก็ จะ บัง คับ ได. วิธ ีบ ัง คับ จิต นั ้น มัน เปน เทคนิค เฉพาะ เปน เรื ่อ ง ๆ เรื ่อ ง ๆ ไป; จะบั งคั บ ในลั ก ษณะไหน ก็ ต อ งไปศึ กษาเอาในลั ก ษณะนั้ น , เช น บั งคั บ ให เป น สมาธิ หรือจะบั งคับ ให เปน วิป สสนา คือ เห็น แจง, หรือจะบั งคับ ให มีฤทธิ์มีเดช มีป าฏิห าริย , ก็ล ว นแตต อ งเปน การฝก ที ่ถ ูก วิธ ี เฉพาะเรื ่อ งดว ยกัน ทั ้ง นั ้น . แตถ า พอทํ า ผิด วิธ ี มัน ก็ก ลายเปน ความทุก ข; บางทีก ็ทํ า ใหก ลายเปน บา เสียสติไป. ฉะนั ้น ในเรื ่อ งบัง คับ จิต เขาจึง มีอ ุบ ายที ่แ ยกเอาไวเ ปน ๒ ชนิด เรี ย กว า ป ค คาหะ กั บ นิ ค คะ: ป ค คาหะ - คื อ ว า เอาดี เข า ว า เอาดี เข า ต อ , ประคั บ ประครองประเล าประโลมจิ ต ; วิธี นิ ค คหะ – คื อ วิ ธีที่ ข ม ขี่ ล งไปโดยตรง บี บ บั งคั บ โดยตรง. ฉะนั้ น จะต อ งดู โอกาสว า จะต อ งใช อ ย างไร ? ใช วิ ธี ไหน ? หรือใชทั้งสองอยางใหทันทวงที ใหทันเหตุการณ อยางไร เราจึงจะบังคับจิตนี้ได. เหมือนกับเราจะบังคับเด็กสักคนหนึ่ง ดวยไมเรียวตลอดเวลา มันคงจะโกลาหล วุน วาย ; บั งคั บ ด วยสตางค ด วยขนม ด วยถูก กวาด หรือ อะไรดู บ าง มั น ก็ จ ะ เรีย บรอ ยกวา . เรื ่อ งของจิต ก็ม ีอ ยา งนี ้, มี นิค คหะ ปค คาหะ. นิค คหะ คือขมขี่ลงไป เหมื อนใชไมเรียว ; ปคคาหะ- คือประคับประคองประเลาประโลม เหมือนใชขนมบังคับ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เปรี ย บจิ ต กั บ เด็ ก นี้ ก็ มี ส ว นจริ งอยู ม าก ; คื อ มั น ยั งไม รู อ ะไร. ถ า เปรีย บกั บ ช างมั น ก็ มี ส วนจริงอยู มาก คื อ มั น มี แรงมาก ถึ งบทมั น ดื้ อ ขึ้น มาแล ว มัน ก็อ ัน ตราย. เราไปใชก ารสัง เกตการพิจ ารณาใหด ี ๆ ใหรูเ รื่อ งของจิต รูธรรมชาติ ของจิ ต รูเล ห เหลี่ ย มมายาของจิ ต , ก็ จะต อ งบั งคั บ ได ในที่ สุ ด .แต ถ า เรื่อ งในทางศาสนาแล ว เขี ย นไว ค รบถ ว น เป น ตํ ารา เป น คํ า สอน. ในเรื่อ งของ
ฆราวาสธรรมที่เปนธรรมะประเภทเครื่องมือ
๘๓
ชาวบา นนั ้น ก็ต อ งไปหาวิธ ีเอาเองที ่จ ะบัง คับ จิต . เชน คุณ อยากจะไปดูห นัง ในกรณี ที่ ไม ส มควรจะไป ก็ ล องต อ สู กั น กั บ จิ ต ดู มั น ก็ จ ะมี โอกาสที่ จ ะพบกั บ ธรรมชาติของจิต หรือการบังคับจิต. การบัง คับ จิต นี ้เรีย กวา ทมะ เปน ธรรมะสืบ ตอ มา เปน ขอ ที ่ส อง. ขอที่ ๑ สัจจะ ความตั้งใจจริง เรากลัววา หรือมันมักจะเปนทีเดียววา การตั้งใจ จริงนี้ มั นอยู ไม ค อยจะได มั นไม จริงไปตลอด ฉะนั้ นเพื่ อจะให จริงตลอดก็ ต องมี ขอที่สอง คือบังคับเขาไวใหอยูในรองในรอยของความตั้งใจจริง. มาถึงขอที่ ๓ ขันติ แปลวา ความอดทน นี้จําเปนจะตองมีเขามา รับ ชว งอีก ที; เพราะวา ในการบัง คับ จิต นั ้น มัน โกลาหลวุ น วา ย มัน เจ็บ ปวด มัน ตอ งทน , เพราะความเจ็บ ปวด เพราะความโกลาหลนั ้น มัน ตอ งทน. ถา ไมมีการทน มันลมละลายที่ตรงนั้นเอง ฉะนั้นตองเอาความอดทนเขามารองรับ ไวอีกทีหนึ่ง ; จะตองมีความหนักแนนและอดทน มันจะไดไมโกลาหลมากมาย มันจะไดไมเป นบ า เพราะเราทํ าความหนั กแนน ให แกจิต. แปลวาสงบรํางับ จิต ใหม ัน ทนได รอได คอยได ; เพราะในบรรดาความสํ า เร็จ ทั ้ง หลายนั ้น มัน ไมไดมาทันอกทันใจ มันตองการเวลา บางทีก็ตองการเวลามากเสียดวย ถาไม ทนมั น ก็ ล ม เหลว มั น ยั ง ไม ถึ ง เวลาที่ จ ะได ผ ล แล ว เราก็ ไ ม ท น มั น ก็ เลิ ก กั น . ฉะนั ้น เราก็ต อ งทนไดด ว ย รอคอยไดด ว ย. สํ า หรับ ภิก ษุใ นพระพุท ธศาสนานี้ เขามี คํ า ที่ ไพเราะน า ฟ ง มากอยู คํ า หนึ่ ง ว า “ประพฤติ พ รหมจรรย ด ว ยน้ํ า ตา” หมายความวา เปนภิกษุ เปนบรรพชิตนี้ มีสิกขาวินัยที่เราตองประพฤติปฏิบัติ ; ทีนี้มันฝนความรูสึกของเรา, เราตองทน ทนจนน้ําตาไหล ก็ไมยอมใหมันเสียไป ในข อ ปฏิ บั ติ . ฉะนั้ น ความอดทนนี้ ถ า พู ด ให ถู ก แล ว มั น อดทนต อ การบี บ คั้ น ของกิเลส.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๘๔
ฆราวาสธรรม
ในโรงเรียนเขามั กจะสอนกันแต วา อดทนตอคนดาวา, อดทนต อ ความรอ นหนาวตามธรรมชาติ, อดทนตอ ทุก ขเวทนาเมื ่อ เจ็บ ไข. ผมวา อยางนี้ไมยาก นี้เปนของเด็กเลน ; ที่มันยากที่สุดก็คืออดทนตอการบีบคั้นของ กิเลส,จะเปน ราคะ โทสะ โมหะ อะไรก็ต าม ที่มัน บีบ คั้น เผาผลาญจิต ใจ. ถาคุณเคยมีราคะก็ลองสังเกตดูบาง วามันมีพิษสงเทาไร ? จะตองอดทนเทาไร ? แมแตอยากไปดูหนัง อยากจะทําสํามะเลเทเมาอะไรบางอยางนี้ เมื่อไมไดไป ทําตามที่มันอยากแลว มันมีพิษสงอยางไร ? นั่นก็คือความบีบคั้นของกิเลสนั่นเอง. ทีนี้กิเลสบางชนิดมันยังรายกวานั้น มันคอยแตจะใหเราลมละลาย หรือฉิบหาย. ความบีบคั้นของกิเลสเปนเรื่องของความรักก็ได เปนเรื่องของความ เกลีย ดก็ไ ด เปน เรื่อ งของอยา งอื่น เชน อิจ ฉาริษ ยา ความกลัว ความอะไร ก็ต ามใจ, ลว นแตบ ีบ คั ้น ทั ้ง นั ้น ;โดยเฉพาะอยา งยิ ่ง ความวิบ ัต ิพ ลัด พราก ความไมไดอยางใจ, ไม ไดอยางที่กิเลสตองการนี้ มัน บีบ คั้น ที่สุด ; จึงตอ งใช ความอดทน ซึ่งเรียกวา อธิวาสนขันติ - เปนขันติอันเปนความอดทนชั้นสูงสุด. อดทนต่ํา ๆนั่นคืออดทนรอน อดทนหนาวตามธรรมชาติ, อดทนเมื่อเจ็บเมื่อไข เมื่ อเกิดทุกขเวทนา, อดทนเมื่อ เขาดา เขาสบประมาท ก็ยังไมเทาการบี บ คั้น ของกิเลสในภายในของตัวเอง. แตถึงอยางไร เราก็ตองอดทนทุกอยาง อดทน อย างงาย ๆ อย างธรรมดานั้ น ด วย อดทนอย างสู งสุ ด คื อการตามบี บ คั้ นของ กิเลสดวย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ลองคิดดูวา เราเคยมีความอดทนถึงขนาดนี้หรือเปลา ในชีวิตของเรา ที่ผานมาแลวแตหนหลัง. ในการศึกษาเลาเรียนนี้ ไมตองไปเอาที่อื่น เราเคย มีความอดทนถึงขนาดที่นานับถือ นาเลื่อมใสอยางนี้บางหรือเปลา. เดี๋ยวนี้ไมมี ใครบังคับเรา เราฟรี เราตามใจตัวเองก็ได ก็เลยไมคอยจะมีการอดทน ; แมที่
ฆราวาสธรรมที่เปนธรรมะประเภทเครื่องมือ
๘๕
สุดแตวา ตั้งใจวาคืนนี้จะศึกษาเรื่องนี้ใหเสร็จไป, ตั้งใจเปนสัจจะ แลวบังคับ ตั ว เองให ทํ า .แล ว ก็ ท นง ว งนอน ทนอะไรต า ง ๆ นา ๆ, ทนได ห รื อ ไม ? ทนจนเรื่อ งนี้ มั น เสร็จไปได ; ถ างวงนอนขึ้น มาก็ ไปแก ไขด วยวิธีนั้ น วิธีนี้ ให มั น หายงวงนอน ใหเรียนตอไป ใหมันไดเสียกอนจึงจะนอน ;อยางนี้เคยทํากันบาง หรือไม ? ทั้งหมดนี้เรียกวา “ความอดทน” จะตองเขามารองรับการขมขี่ บังคับ ตัวเอง, อยาใหมันลมละลายไปเสียงาย ๆ ; คือเราทนอยูเรื่อย การบังคับตัวเอง ก็เปนไปไดเรื่อย. ตอไปก็มาถึงขอสุดทาย ขอที่ ๔ จาคะ นี้เปนการระบายออกของสิ่งที่ ตอ งทน.จาคะ แปลวา ให หรือ บริจ าคออกไป ; ในที ่นี ้ม ัน ไมไ ดห มายถึง ใหสิ่ง ของ. คํา วา จาคะ หมายถึงใหสิ่ง ของก็มี ใหอื่น ๆ อีก ก็ม ี ; แตใ นที ่นี้ เราหมายถึง บริจาคสิ่งที่เราไมตองการใหมีอยูในจิตใจของเรา; สละสิ่งซึ่งเปน ขาศึกแกความดี หรือความสําเร็จ ออกไปจากจิตใจของเรา ก็เรียกวา “จาคะ” ในที่นี้. นี่หมายความวา เราจะไมตองทน จนทนไมไหว หรือวาจนตายเพราะทน ที่ช าวบา นเขาเรีย กวา “ขัน แตก”. ขัน ติ คือ อดทน แตท นไปทนมา อยา งไร ก็ ไ ม ท ราบ เกิ ด ขั น แตก คื อ ล ม ละลาย. ที นี้ เ พื ่ อ ไม ใ ห ขั น แตก เราก็ ต อ ง มีการระบาย มีลิ้นวาลฺว (valve) สําหรับระบายออกอยูเสมอ, คือเราจะตองชวยทํา อยางใดอยางหนึ่งอยูเสมอ, ใหมันระบายออกไปเสียเรื่อย ๆอยาใหตองทนจน ทนไมไหว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้น ถามีอะไรที่จะชวยบรรเทาได ก็ชวยบรรเทามันออกไป; เราตองปลอบจิตใจ จะตองสวดมนตภาวนา หรือวา จะตองทําอะไรตามที่วาควร จะทํา ใหเปนรูรั่ว สําหรับระบายความกดดันออกไปเรื่อย ๆ พอทนไหวเรื่อย ๆ, รวมทั้ ง การพั ก ผ อ น การเปลี่ ย นแปลงนั่ น นี่ ให เป น ไปโดยถู ก วิ ธี ที่ เรี ย กว า
ฆราวาสธรรมที่เปนธรรมะประเภทเครื่องมือ
๘๗
ภาษาลีก็มีคําจํางาย ๆ คําแรกก็คือ อปาย (อปายะ). อบาย คือชั่ว หรือ เลว เสื่อ ม ที่ตอ งละ. คําที่ส อง เรีย กวา - สปาย (สปายะ) คือ สบายดี นี่ทํ าใหมี ขึ้นมา. และเราก็ต องมี อุป าย (อุปายะ) คือ วิธีการที่ จะทํ าให อ บาย หมดไป ใหส บายเกิด ขึ ้น . สามคํ า ลงทา ยวา บาย ๆ ดว ยกัน ทั ้ง นั ้น . อบาย - สบาย - แล วก็ อุ บ าย ; ถ าเป น ภาษาบาลี ก็ วา อปาย สปาย อุ ป าย ; เหลานี้เปนเรื่องชีวิตธรรมดาสามัญ นี่เอง แตเราไมเคยรู ไมเคยเรียกมัน. สวน ที่เราตองละก็ละ ระบุอยูที่อบายมุขทั้งหลาย ไปหารายชื่ออานเอาในหนังสือตํารา หรือเป นเรื่องที่ เคยเรียนกั นมาแล ว ไม ต องพู ดถึ งให เสี ยเวลา. สปายยะ คื อถู ก กระทําถูก หรือเจริญ เราก็ตองสรางสรรคสิ่งตาง ๆ ทําหนาที่จนมีทรัพยสมบัติ จนมีเกียรติยศชื่อเสียง จนมีสมาคม มิตรสหายที่ดี นี่ฝายที่ตองสรางขึ้นมา ; มี กี่ เรื่อง คุ ณ ก็ ไปดู เอง อาจจะรูได วา ฆราวาสจะต องละอะไรบ าง จะต องทํ า อะไรบาง. ในเรื่องการละบุ หรี่ ละเหล า ฯลฯ ก็ ยั งต องใช ธรรมมะอย างนี้ คื อ สว นที่ล ะ. ทีนี ้สว นที่ตอ งทํ า ใหมีขึ้น เชน วา คุณ จะเรีย นหนัง สือ จะสอบไล ใหได ก็จะตองใชธรรมะทั้ง ๔ อยางนี้อีกเหมือนกัน : จัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ ไมตองพูดถึงอยางอื่น. ถามี ๔ อยางนี้แลว ไมตองพูดอันอื่นอีกก็ได : แตวามัน อาจจะมีอยูอีกที่เรียกชื่ออยางอื่น แตเนื้อแทมันก็เหมือนกัน เรายังไมตองไปพูด ถึง ดีกวาหรือถาจะพูดก็เอาไวทีหลัง. ขอใหสนใจบูชา “ฆราวาสธรรมที่เปนเครื่อง มือ” นี้ สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ สี่ชื่อนี้ใหกองอยูในหู อยูในจิตในใจเสมอ. สัจจะ ทมะ ขั น ติ จาคะ เป น เครื่อ งมื อ กํ า จั ด มาร, เป น เครื่อ งมื อ ที่ จ ะสรา งสิ่ ง ที่ เรา ปรารถนาในทุกกรณี โดยเฉพาะของฆราวาส. แมบรรพชิตที่จะปฏิบัติเพื่อบรรลุ มรรคผลนิพพาน ก็ตองใชอยางนี้ ; ธรรมหมวดนี้มันจะมีชื่อเรียกวา “ฆราวาสธรรม” - ธรรมสํ า หรั บ ฆราวาสก็ ต าม ก็ ยั ง ใช ได แ ม จ นกระทั่ ง ไปนิ พ พานเลย
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๘๘
ฆราวาสธรรม
เรามี สั จจะ ทมะ ขั น ติ จาคะ ในข อ ปฏิ บั ติ ทุ ก ขั้ น ทุ ก ตอน เรื่ อ ย ๆ ขึ้ น ไป ก็ จ ะ สําเร็จตามลําดับ จนถึงบรรลุนิพพาน. นี่ ผมพู ดอธิ บายธรรมะหมวดนี้ ในฐานะที่ เป นธรรมะประเภทเครื่องมื อ. เพื่ อ ทํ า ให ฆ ราวาสธรรมที่ เป น ตั วธรรม ที่ เราจะต อ งประพฤติ นั้ น สํ า เร็จ แม ย อ น ไปนึ ก ถึ ง ที่ พู ด แล ว ในคราวก อ นว า ฆราวาสธรรมต่ํ า ๆ ที่ จ ะต อ งปฏิ บั ติ ใ นเรื่ อ ง ทิ ศ ทั้ ง หกให ดี , ทํ า มาหากิ น ให ดี นี้ ก็ ต อ งใช ๔ อย า งนี้ . ที นี้ ฆ ราวาสธรรมที่ สู ง ขึ้ น มา ที่ ว า จะต อ งมี ศ รั ท ธา ป ญ ญา ในทางธรรม, มี ศี ล ที่ พ ระอริ ย เจ า ชอบใจ เหล านี้ เราจะมี สิ่งเหลานี้ได จะตองมี ธรรมะเครื่องมือ ๔ อยางนี้ ชวยอีกเหมือนกัน. ทีนี ้ขั ้น สูง สุด ที ่เราจะตอ งมีค วามรูเรื ่อ ง สุญ ญตา หรือ วา อบรมจิต ใจของเรา ใหม ัน แจม แจง อยู ด ว ยสุญ ญตา ไมไ ปเที ่ย วยึด นั ่น ยึด นี ่ใ หเ ปน ทุก ข เราก็ต อ ง ใชเครื่อ งมื อ ๔ ข อ ๔ อย างนี้ อี ก เหมื อ นกั น . ฆราวาสธรรมพวกโน น ได ฆ ราวาสธรรมพวกนี้เปนเครื่องมือแลวก็จะอยูในวิสัยที่จะทําสําเร็จได ; นี้เสร็จไปตอนหนึ่ง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที นี้ ก็ อ ยากจะบอกอี ก เหลี่ ย มหนึ่ ง หรื อ แง ห นึ่ งว า ฆราวาสธรรม ๔ ประการนี้ ที่ เราเรีย กว า “เครื่อ งมื อ ๆ” อยู ห ยก ๆ นี้ เราอาจจะพลิ ก ให ไปเป น ฆราวาสธรรม ที่ จํ า ต อ งปฏิ บั ติ ก็ ได เหมื อ นกั น . ในโรงเรี ย นนั ก ธรรมชั้ น ต น ๆ เขาก็ส อนฆราวาสธรรม ๔ ขอ นี ้ ในฐานะ เปน ธรรมะที ่ต อ งปฏิบ ัต ิ; ไมไ ด สอนชี้ให เห็ นวาเป นเครื่องมื อ อย างที่ ผมพู ดมาแล ว ; เขาสอนให กลายเป นหั วข อ ธรรมะที่ตองปฏิบัติไปอยางไรก็ลองฟงดู :
- ให มี สั จจะ ซื่ อตรงต อเพื่ อนฝู ง ต อลู กเมี ย ต อเวลา ต อการงาน ; (มี สั จจะอย างนี้ ) - แล ว มี ท มะเป น เครื่ อ งข ม ให มี ท มะเป น เครื่ อ งข ม ใจตนเอง อย า ให พ ลุ ง พล า น บั น ดาลโทสะ หรื อ ว า บั น ดาลความรั ก - ความเกลี ย ดอะไรขึ้ น มา. กลายเป น อยางนี้ไป
ฆราวาสธรรมที่เปนธรรมะประเภทเครื่องมือ
๘๙
- ขั น ติ ก็ ใ ห อ ดทน อย า งว า อดทนร อ น อดทนหนาว อดทน เหนื่อย อดทนเจ็บไข อดทนเขาดา. นี่มีขันติอยางนี้. - จาคะ ก็ ให รูจั ก เอื้ อ เฟ อ เผื่ อ แผ เพื่ อ นบ า น มิ ต รสหาย ให ป น . จาคะก็กลายเปนอยางนี้ไป. ถาอธิบายอยางนี้ ในธรรมะ ๔ ขอนี้ เลยกลายเปนธรรมะธรรมดาที่จะ ต อ งประพฤติ ป ฏิ บั ติ ; ถ า อธิ บ ายอย า งที่ ได อ ธิ บ ายมาแล ว ก็ ก ลายเป น ธรรมะ เครื่องมือสําหรับใหประสบความสําเร็จในการปฏิบัติธรรมใด ๆ ที่เราตองการปฏิบัติ. ถาเห็ นอยางนี้ เราก็ไม หลง วาธรรมะชื่อเดียวกันนั้น ในบางกรณี มันก็เป นธรรมะ ที่ตองปฏิบัติ, ในบางกรณีมันเปนธรรมะประเภทเครื่องมือชวยใหปฏิบัติสําเร็จ. ตัวอยางธรรมะ ๔ ขอนี้ ถาจะเอาเปนธรรมะต่ําๆสําหรับปฏิบัติมันก็ได : สัจ จะเปน คนจริง , ทมะ ก็เปน ผู บ ัง คับ ตนเอง, ขัน ติก ็เปน คนอดทน, จาคะ เปนคนเอื้อเฟอเผื่อแผ. แตถาวาเราจะใหเปนธรรมะเครื่องมือ มันมีความหมาย ที ่เ ปลี ่ย นไป : สัจ จะ คือ การอธิษ ฐานจิต , ทมะ คือ การบัง คับ จิต , ขัน ติ คือ อดทน ใหบังคับ อยูได, จาคะ บริจ าคสิ่งที่ไมควรจะเอาไวในใจใหออกไป ; นี่ ให เข าใจไวเสี ยด วยวา ภาษาบาลีเป นอย างนี้ . คํ า ๆ เดี ยวกั นมี ความหมายได หลายระดั บ หรือ ถึ งกั บ ต างกั น เลยเป น คนละเรื่ องก็ มี , เป น เรื่อ งเดี ย วกั น แต ค น ละระดั บ ก็ มี ; ฉะนั้ น อยาไปประหลาดใจเลย เมื่ อ ไปพบเขาอย างนี้ , ไม ต อ งงง ไมตองสงสัยใหมันเสียเวลา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราไดพูดถึงธรรมะเครื่องมือมาหมวดหนึ่งแลว คือสัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ ต อไปก็ จะยกตั วอย างธรรมที่ เป นเครื่ องมื อ มาให พิ จารณากั นอี กสั กหมวด หนึ่ง, และเปนหมวดที่บางทีคุณจะเคยชินมาแลวในการฟง การใช นั่นก็คือหมวด
๙๐
ฆราวาสธรรม
ที่ ชื่ อ ว า อิ ท ธิ บ าท ๔, อย า งที่ เห็ น อยู ว า มี อ ยู ใ นหลั ก สู ต รที่ ส อนเด็ ก นั ก เรี ย น เรีย กวา อิท ธิบ าท ๔ อยา ง : บาท แปลวา ฐาน เชิง รอง เชน เทา ตีน ก็เ รีย กวา บาท เพราะเปน เชิง รองรับ รา งกาย ; อิท ธิ แปลวา ความสํ า เร็จ , คํ า ว า ฤทธิ ก็ แ ปลว า ความสํ า เร็จ . อิ ท ธิ บ าทแปลว า รากฐานแห ง ความสํ า เร็จ เขาระบุของ ๔ อยางคือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา. ฉั น ทะ คื อ ความพอใจในสิ่ ง ที่ เราจะต อ งทํ า . วิ ริ ย ะ คื อ ความ พากเพีย ร เพีย รไปในสิ ่ง ที ่เราพอใจ. จิต ตะ ก็ค ือ เอาใจใส ฝก ใฝ อยู แ ตสิ ่ง นั ้น ไมเ ป ลี ่ย นเรื ่อ ง. วิม ัง ส า คือ คน ค วา สอดสอ ง เพื ่อ จะแกป ญ ห า อุป สรรคอยู เสมอไป เรียกวา วิมั งสา. เมื่ อ ทํ าอย างนี้ ก็ ตอ งสํ าเร็จเหมื อ นกั น ได ในทุก กรณี. ฉัน ทะ แปลวา ความพอใจ รัก ในเรื่อ งที ่เ ราอยากจะทํ า หรือ ที่ เราอยากจะได ผ ล. เชน เราเป น ฆราวาส อยากจะได เงิน อยากมี เกี ยรติ อยาก จะมี เพื่ อนที่ ดี เราก็ พอใจอยู แล ว ดู จะพอใจได งาย, เวนไวจะเป นเรื่อ งสู งขึ้ นไป ถึง มรรค ผล นิ พ าน ดู จะพอใจยาก. เรามี วัตถุ ป ระสงค ที่ พ อใจอยู ก็เรียกวา มีฉันทะ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org วิ ริ ย ะ คื อ ค ว า ม พ า ก เพี ย ร ก ล า ห า ญ ที่ จ ะ บ า ก บั่ น . คํ า ว า ค ว า ม เพี ย รนี้ มี ชื่ อ มาก ควรรูกั น ไว : วิ ริ ย ะ แปลว า ความพากเพี ย ร มี ค วามหมาย เปน ความกลา หาญ ความเขม แข็ง ; วายามะ คือ ความพยายาม ; อฐิติ แปลว า ความไม ย อมหยุ ด ; อั ป ปฎิ ว าณี แปลว า ความไม ถ อยหลั ง ; ปรั กฺ ก ม แปลว า ก า วไปข า งหน า ; มี อี ก เยอะแยะ ล ว นแต เป น ชื่ อ ของความ เพีย รทั ้ง นั ้น ; แตใ นที ่นี ้เ รีย กวา วิร ิย ะ ไดใ นประโยควา : เกิด มาเปน บุรุษก็ตองพากเพี ยรไปจนกวาวัตถุประสงค ที่มุงหมายไวจะสําเร็จ คือตาย หรือ สําเร็จ มีสองอยาง.
ฆราวาสธรรมที่เปนธรรมะประเภทเครื่องมือ
๙๑
จิต ตะในที ่นี ้ เปน คํ า เดีย วกับ คํ า วา จิต ใจ แตไ มไ ดห มายถึง จิตใจ หมายถึ งการที่ ฝ กใฝ เอาใจใส อยู แต สิ่ งนั้ น, ไม เปลี่ ยนความมุ งหมาย ไม เปลี่ ยน เรื่ อ งอะไร, ฝ ก ใฝ อ ยู แ ต ใ นสิ่ ง นั้ น . คนเรามั ก จะเปลี่ ย นอยู เรื่ อ ย เดี่ ย วอยาก ทํ า นา เดี ๋ย วอยากคา ขาย เดี ๋ย วอยากเปน ขุน นาง นี ่ก ็เ รีย กวา ไมม ี จิต ตะ อยางนี้ . เดี๋ยวอยากเอาดีทางเลาเรียน, เดี๋ยวอยากเอาดีทางกีฬ า, เดี๋ยวอยาก จะเอาดีอ ยา งอื ่น , ทางสัง คม ทางอะไรไป ฯลฯ ; มัน ไมจ ริง . แมเ ราจะ ฝกใฝถึงขนาดนี้แลว มันก็ยังมีอุปสรรค ตองแกอุปสรรคดวย วิมังสา. วิมังสา คือสอดสองอยู อยางละเอียดลออ อยางเยือกเย็นอยูเสมอ ก็จะแกอุปสรรคได. สรุ ป แล ว ธรรมะที่ เรี ย กว า “อิ ท ธิ บ าท ๔“ นี้ ก็ คื อ ธรรมะประเภท เครื่ อ งมื อ ไม ใ ช เป น ตั ว ธรรมปฏิ บั ติ โดยตรง, มั น เป น เครื่ อ งมื อ ให ก ารปฏิ บั ติ สํ า เร็จ เชน เดีย วกับ ฆราวาสธรรม ๔ อยา ง ดัง ที ่ไ ดก ลา วมาแลว . หมวดนี ้ก็ ใชไ ดทั ้ง ฆราวาสและทั ้ง บรรพชิต เหมือ นกัน สํ า หรับ อิท ธิบ าท ๔ นี ้ ไปมรรค ผล นิพพานก็ได, เปนเครื่องมือสาระพัดนึกเชนเดียวกันอีก.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org วันนี้ เรื่องที่เราตั้งใจจะพูดกันนี้ คือ เรื่องธรรมะประเภทเครื่องมือ. แล ว เอาไปใช ป ฏิ บั ติ ธ รรมะที่ เราจะต อ งปฏิ บั ติ ก็ จ ะประสบความสํ า เร็จ .เท า ที่ สั งเกตเห็ น ดู เขาปนกั น ยุ ง ไปหมด,ธรรมะปฏิ บั ติ กั บ ธรรมะประเภทเครื่อ งมื อ ปนกั นยุ งไปหมด. นี้ คื อไม มี เทคนิ คในการปฏิ บั ติ , ไม ป ฏิ บั ติ ให ถู กต อ ง สมควร แกการปฏิบัติ. นี่เปนคําที่จะตองสนใจไวคือ “ธัมมานุธัมมปฏิ บัตติ” - ปฏิบัติ ธรรมใหสมควรแกธรรม, คื อใหถูกต องตามเทคนิ คของธรรม. ถาปนกัน ยุงก็น า สงสาร เปน การหลับ ตาทํ า . ฉะนั ้น ตอ งรูวา อะไรเปน อะไร ทํ า ไปใหถ ูก เรื่อ ง ถูกหนาที่ ก็เปนลืมตาทํา ก็มีความกาวหนา และสําเร็จ.
๙๒
ฆราวาสธรรม
ดังนั้นคุณไปแยกดู วาอะไรเปนเรื่องที่ตองทํา หรือวาเรื่องที่ตองเรียน; แล ว อะไรเป น เครื่ อ งที่ จ ะช ว ยให ทํ า สํ า เร็ จ หรือ เรีย นสํ า เร็ จ ก็ ใช มั น ให ถู ก วิ ธี . อยา งนี ้เ รีย กวา เปน ผู รูธ รรมจริง , ปฏิบ ัต ิธ รรมจริง ,. และไดผ ลจริง , เกิด เปนของจริงขึ้นมาอยางนี้. ถามันเปนสิ่งมีอยูแลว คุณปฏิบัติกันอยูแลว ก็ขอให ปรับ ปรุง ใหด ียิ ่ง ขึ ้น ; ถา ยัง ไมม ี ไมรู อ ิโ หนอ ิเ หน ก็ไ ปทํ า ใหม ัน เขา รูป วา ตอ งทําอะไร ตองใชอุบายอยางไรจึงจะสําเร็จตามนั้น. ในระหวางที่มาบวชนี้ ใชก็ใชเครื่องมือของพระพุทธเจา, ศึกษาก็ศึกษาเครื่องมือของพระพุทธเจา, เชน ฆราวาสธรรม ๔ หรืออิทธิบ าท ๔. ในมหาวิทยาลัยของคุณ เขาสอนกันอยางไร ผมไมทราบ ไมเคยเขามหาวิทยาลัย ไมทราบวา เขาสอนอุบายแหงความสําเร็จ หรือ เครื่องมือที่จะทําใหประสบความสําเร็จกันอยางไร นี้ไมทราบ. แต อยากจะขอยืน ยัน วา อัน นี้ ที่ พ ระพุ ทธเจาตรัสไวนี้ เอาไปใชได แมในมหาวิทยาลัย เพื่อประสบความสําเร็จในหนาที่การงาน, จะเปนการเรียน การกีฬา หรือการสังคม หรืออะไรก็ไดทั้งนั้น. ฉะนั้นอยาใหเสียทีที่บวชระหวาง ป ด ภาคนี้ ; ไม กี่ วั น ก็ จ ริ ง แต ถ า ทํ า ให ดี จั ด ให ดี ศึ ก ษาให ดี มั น ก็ พ อจะได อะไรๆ กลั บ ไปคุ ม ค า . นี่ คื อ ธรรมะในฐานะที่ เป น เครื่ อ งมื อ , เพื่ อ จะช ว ยให ธรรมะที่ เป น ตั ว การปฏิ บั ติ ที่ ก ล า วครั้ ง ที่ แ ล ว มา ให เป น ไปได ถึ ง จุ ด หมาย ปลายทางประสบความสําเร็จ ; เปนธรรมะแฝด เปนคูฝาแฝดกันไปในทุกกรณี.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org วันนี้ก็พอกันที.
ความสุขของฆราวาส -๖๒๔ เมษายน ๒๕๑๓
สํา หรับ พวกเราลว งมาถึง เวลา ๔.๔๕ น. แลว ในวัน นี ้จ ะไดก ลา วถึง ความสุข ของฆราวาส เปน หัว ขอ สําหรับ บรรยาย. ลองนึกทบทวนมาตั้งแตตน ถึงเรื่องตาง ๆ ที่เ กี่ย วกับ ฆราวาสที่ไ ดพูด มาแลว : นับ ตั้ง แตอ ารัม ภกถา คือ เรื่อ ที ่เกี่ย วกับ มนุษ ยทั ่ว ๆ ไป เราถือ วา มนุษ ยโดยทั ่ว ไป เปน ฆราวาส มีช ิว ิต อยู ใ นโลกนี ้ ซึ ่ง จะตอ งมีทั ้ง ความรู และกํ าลั ง สํ าหรับ ปฏิ บั ติ ต ามความรู จนเรีย กวา ชี วิ ต นี้ ต อ ง เทีย มดว ยควายสองตัว เพื ่อ ใหเจริญ ไปตามลํ า ดับ จนถึง วัต ถุป ระสงค ที่มีอ ยูวา มนุษ ยนี้เกิด มาทํา ไม ? เกิด มาเพื่อ ไดอ ะไร ? และก็ไ ดรู เ รื ่อ งประพฤติธ รรมะ ทั ้ง ที ่เ ปน ตัว ธรรมปฏิบ ัต ิ และที ่เ ปน เครื่อ งมือ ใหสํ า เร็จ ประโยชน ใน การปฏิบ ัต ิ อยา งที ่ไ ดก ลา วมาแลว เมื ่อ ครั้ง สุด ทา ย. ทีนี้ ผลที ่จ ะไดร ับ ก็ค ือ ความสุข ของฆราวาส หรือ จะเรีย กวา ความสุ ข ของคฤหั ส ถ ก ็ ต าม. แต แ ล ว ก็ ม ี ป ญ หาเกิ ด ขึ ้ น ตรงที่ภาษาพูดเปนสิ่งที่ทําความยุงยาก.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๙๓
๙๔
ฆราวาสธรรม
เมื่อเราพูดวาความสุขของคฤหัสถ อยางนี้มันมีปญหาตรงที่วาคฤหัสถ นี้ ได แก บุ คคลจํ าพวกไหน? ถ าถื อเอาตามตั วหนั งสื อมั นก็ ไปอย างหนึ่ ง. ถ าถื อ เอาตามความหมายของตัวหนังสือ มันก็กวางออก ไปมากกวานั้นอีกมาก, และถา ถือเอาตามขอเท็จจริง ที่เปนอยูจริง ๆ แลว มันพูดยากที่สุด ที่เกี่ยวกับภาษาไทย วาพวกไหนเปนฆราวาส ? คุณอาจจะยังไมเคยคิด แตอยางผมนี้ ตองคิดจนชิน ; เพราะวา มัน เปน ปญ หาที่เกิด ขึ้น ในการที่จ ะปฏิบ ัติธรรม หรือ สั่ง สอนธรรม. คุณลองคิดดูอยางนี้ก็แลวกันวา คนที่เปนคฤหัสถ ไมใชบรรพชิต มันมีอยูหลาย ชนิ ด : คนอั นธพาลก็ เป นคฤหั สถ , ชาวบ านที่ ดี ก็ เป นคฤหั สถ , ชาวบ านที่ เป น บัณฑิ ต นักปราชญ ฉลาดสามารถก็เปนคฤหัสถ, พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี ที่เปนคฤหัสถก็ยังมี. คุณอาจจะไมทราบ เพราะไมเคยอานเรื่อง ราวเหลานี้ ถาเคยไดยินชื่อ มหาอุบาสิกา วิสาขา หรืออนาถปณฑิกเศรษฐีก็ขอให รูเถอะวา นั่นเปนพระโสดาบัน เปนพระอริยบุคคล ; แตทานเหลานั้นเปนฆราวาส อยูบานอยูเรือน มีบุตร ภรรยา สามี, อยูกับลูกกับหลานกับเหลน, แลวยังมี อีกจํานวนรอย จํานวนพัน ที่เปนพระโสดาบัน หรือเปนพระสกิทาคามีในครั้งนั้น. ทีนี้ ยัง มีสูง ขึ้น ไปถึง อนาคามี ที่ม ีชื่อ เสีย ง ในพระบาลีก็มี คน ๆ หนึ่ง ชื่อ ฆฏิการบุตร เขาชื่ออยางนั้นเปนอนาคามี เลี้ยงพอแม ที่ตาบอด โดยการปนหมอ ขาย. บาลีมีพูดถึงวาเขาไปเอาดินที่ไมตองขุด เปนดินที่สัตวมันขุดขึ้นมา เปนขุย เปนกองอยูนั้นขึ้นมาปนหมอ ปนภาชนะดินตาง ๆ ขายเลี้ยงชีวิตพอแมที่ตาบอด.นี่ เปน พระอนาคามี, ยัง มีพ ระอนาคามีอื ่น ๆ อีก มากหลายเหมือ นกัน เชน พระพุทธบิดาเปนตน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุณลองหาความหมายของฆราวาสดูซิวา เปนอยางไร ? อนาถปณฑิก เศรษฐี , มหาอุ บ าสิ ก า วิ ส าขา นี่ เป น ฆราวาสหรื อ เปล า ; นี่ ไม เป น ป ญ หา เพราะยั ง ครองเรือ น อยู กั บ บุ ต ร ภรรยา สามี ; แต ว า พวกที่ เป น อนาคามี
ความสุขของฆราวาส
๙๕
ไมไ ดค รองเรือ น ชนิด ที ่ว า ไมม ีบ ุต ร ภรรยา สามี. แตว า อยู ที ่บ า น ที ่เ รือ น ไมไดอยูที่วัด, แตงเนื้อแต งตัวเปนอยูอ ยางคฤหัสถทั่วไป จะผิดกัน แตเรื่อ งไม มี กิจ กรรมระหวา งเพศ ; จิต ใจของเขาสูง ขนาดโกรธไมเปน เปน ตน ; แลว ใคร จะไปรู ในเรื่ อ งจิ ต ใจ การแต ง ตั ว กิ น อยู นุ ง ห ม อยู ที่ บ า นที่ เรื อ น. ความรูสึ ก ธรรมดาสามัญของเรา หรือวา เมื่อกลาวโดยภาษาไทยธรรมดาของเรา ก็ตองวา เขาเป น ฆราวาส เป นคฤหั ส ถ. ทีนี้ คุ ณ ไล ม าดู ได ตั้งแต คนอัน ธพาล ที่ เลวราย ที่ สุ ด มาถึงคนธรรมดา มาถึ งคนเฉลี ย วฉลาด, เป น คนดี กระทั่ งเป น โสดาบั น เป น สกิ ท าคามี เป น อนาคามี ; มั น มี ถึ ง อย า งนี้ คนไหนเป น ฆราวาส หรือ คน ไหนไมเปน. ถ า เอาตามธรรมดาก็ ต อ งถื อ วา เป น ฆราวาส เป น คฤหั ส ถ อยู บ า น เรือ นหมด. พอป ญ หามั น มี เขามาวา อย างไหนเรีย กวา ความสุ ขของฆราวาส มันก็ตอบขาก ; เพราะมัน ไมเหมื อนกัน, มั นตางกันลิบ. คนอันดับ สุดทายที่วา ปนหมอขาย เลี้ยงบิดามารดาตาบอด เขามีความสุขของเขาอยางไร ? ภรรยาก็ไมมี ทรัพยสมบัติอะไรก็ไมมีมากไปกวาปนหมอขาย เลี้ยงพอแมไปวันหนึ่ง ๆ .
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุณไปเปดดูหนังสือตํารับ ตํารา เชน นวโวาท ก็จะมีธรรมะประเภท คิห ิป ฏิบ ัต ิ ระบุถ ึง ความสุข ของฆราวาส วา มีอ ยู ๔ อยา งคือ ๑. สุข เกิด จากความมี ท รั พ ย . ๒ สุ ข เกิ ด จากการจ า ยทรั พ ย บ ริ โภค. ๓.สุ ข เกิ ด จากการไม ตอ งเปน หนี ้. ๔. สุข เกิด จากการทํ า งานที ่ป ราศจากโทษ. ผมวา หลายองค คงเคยเรียนมาแลว หรือเรียนมาแลวตั้งแตอยูในมหาวิทยาลัย เพราะเขาใหเรียน หั วขอ ธรรมะกั น . สุ ข เกิ ด จากการมี ท รัพ ย เกิ ด จากการจ ายทรัพ ย เกิ ดจากการ ไมเปนหนี้ เกิดจากการงานอันไมมีโทษ. ฆราวาสทั่วไปที่เปนฆราวาสที่ดี ก็เป น ไดอยางนี้ กลาวคือแสวงหาทรัพยม า, ใชทรัพ ยบ ริโภค, แลวอยูดวยจิตใจที่ไม
๙๖
ฆราวาสธรรม
หนัก อกหนัก ใจเพราะไมม ีห นี ้ส ิน , การงานที ่ทํ า อยู นั ้น ไมม ีโ ทษ เชน ตอ งไป ติด คุก ติด ตะรางเปน ตน . นี ่ เราก็จ ะเห็น ไดวา เปน หลัก พื ้น ฐานขั ้น ตน ๆ ทั่วไปเทานั้น. ฆราวาสยังอาจจะแสวงหาความสุขที่ดีกวานี้ ที่สูงกวานี้. ดังที่เราไดพูดมาแลว วาฆราวาสชั้นต่ํา ๆ ก็ปฏิบัติเรื่องเกี่ยวกับทํามา หากิน , ฆราวาสที ่ม ีธ รรมะชั ้น ปานกลาง ก็ป ฏิบ ัต ิเกี ่ย วกับ ปุญ ญาภิส ัน ทะ หรือ องค แ ห งความเป น พระโสดาบั น ; นี้ มั น ก็ ได ค วามสุ ข ที่ สู งขึ้ น ไปมาก. แล ว ฆราวาสขั้ น สู ง ก็ ป ฏิ บั ติ สุ ญ ญตา ตามคํ า แนะนํ า ของพระพุ ท ธองค , นี้ ก็ ไ ด ความสุขที่สูงขึ้นไปอีกมาก จนเปนลักษณะของนิพพานชนิดชั่วคราว เปนครั้งเปน คราว, หรือบรรเทาความรอนอกรอนใจนานาชนิดได ที่มันมักจะเกิดแกฆราวาส. แลวเขาจะไมถือวา นี่เปนความสุขของฆราวาส หรืออยางไร ? ฆราวาสที่ เป นพระโสดาบั น ก็ ประกอบอยู ด วยองค ๔ ประการ : - มี ศรัท ธามั ่น คงในพระพุท ธ, มีศ รัท ธามั ่น คงในพระธรรม, มีศ รัท ธามั ่น คงใน พระสงฆ , แลวก็มีอริยกันตศีล คื อ มีศี ลดี จนเป น ที่พอใจของพระอริยเจา, นี้ ก็ เปนฆราวาส. แลวความสุขที่เกิดมาจากคุณ ธรรม ๔ อยางนี้มันสูงไปกวาที่เพียง แต จ ะมี ท รั พ ย จ า ยบริ โภค ไม เป น หนี้ หรื อ ไม ต อ งติ ด คุ ก ติ ด ตะราง. ที นี้ พู ด ถึ ง พระอนาคามีองคที่ยกมาเปนตัวอยางนั้น ก็ไมมีทรัพยสมบัติอะไร นอกจากปนหมอ เลี้ยงชีวิตไปวันหนึ่ง ๆ เพราะความจําเป นที่จะตองเลี้ยงพอ แมที่ตาบอด ; เรื่อ ง มันมีอยูวาจําเปนที่ตองเลี้ยงพอแมที่ตาบอด ไมเชนนั้นเขาจะไปเปนอยูอยางอื่น ; ไปเป น นั ก บวช ไปเป น อะไรอย า งอื่ น ; นี้ เรี ย กว า แทบไม มี ท รั พ ย ส มบั ติ อ ะไรที่ เปนหลักทรัพย. ทํางานไปวันหนึ่ง ๆ พอเลี้ยงบิดามารดากวาทานจะตาย แลวก็ ไมตองมีทรัพยสมบัติอะไรอีกตอไป.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ความสุขของฆราวาส
๙๗
เหลานี้คือปญหายุงยากที่เกิดขึ้นจากภาษา. ผมเรียกวา ภาษาทําพิษ หรือ ภาษาทํ า ใหเ กิด ปญ หา วา อยา งไรเรีย กวา ฆราวาส ,เพื ่อ เราจะพบวา อยา งไรเรีย กวา ความสุข ของฆราวาส. เขากลา วกัน เปน พื ้น ฐาน และมี พุ ทธภาษิ ตที่ จะตอบคํ าถามของคนบางคน เชนวา ความสุ ขของฆราวาสนี้ บั ญญั ติ ไวเ ปน เพีย งความมีท รัพ ย. ไดใ ชท รัพ ยจ ับ จา ย, ไมม ีภ าระหนี ้สิ ้น , และ การงานไมม ีโทษ. นี ้ม ัน คลา ยจะถือ เอาเปน เพีย งมาตรฐาน สํ า หรับ ฆราวาส โดยทั่วไปเทานั้น. แตฆราวาสอาจจะสามารถหาความสุขไดมากกวานี้ เหมือนที่ ไดกลาวมาแลวนั้น มันอยูที่หัวใจ เปนความรูสึกในจิตใจจริง ๆ. ที นี้ คุณ ก็ ไปคิ ด ดู เอาเองวา ควรจะพู ด อยางไร ? ควรตอบคําถามนี้ อยางไร ? วาอะไรเป นความสุ ขของฆราวาส ? หรืออะไรที่ ฆราวาสอาจจะได รับ. ถ า มี ก ารแบ งชั้ น ของฆราวาสเป น ๓ ชั้ น อย า งที่ พู ด วัน ก อ นว าฆราวาสชั้ น ต่ํ า ๆ ฆราวาสชั้ น ปานกลาง ฆราวาสชั้ น สู ง ; ความสุ ข ก็ ต า งกั น โดยนั ย ที่ ก ล า วมานี้ จนพูดไดวาฆราวาสก็มีความสุขไดครบทุกชั้น ในบรรดาความสุขที่มนุษยจะมีได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ ถาจะรูเรื่องนี้ใหชัดลงไป คุณจะตองรูเรื่องของจิตใจ คือเรื่องภูมิ เรื ่อ งชั ้น หรือ ระดับ ของจิต ใจใหค รบถว น ; และอาจเปน เรื ่อ งที ่ไ มเ คยไดฟ ง เกี ่ย วกับ ภูม ิข องจิต ใจในพระพุท ธศาสนา หรือ วา จะกอ นพุท ธศาสนา นอก พุ ท ธศาสนาก็ เป น ได ที่ เขาวางหลั กแห งภู มิ ของจิ ต ใจไว ๔ ภู มิ ด วยกั น คื อพวก กามาวจร - รูปาวจร - อรูปาวจร - และโลกุตตรภูมิ. กามาจรภูมิ นี้แปลวาจิตที่ยังทองเที่ยวไปในกาม. รูปาวจรภูมิ คือจิตที่ทองเที่ยวไปในรูปสิ่งที่มีรูปเปนรูปเฉย ๆ ไมเกี่ยวกับกาม.
๙๘
ฆราวาสธรรม
อรูป าวจรภูมิ คือ ภูมิข องจิต ทอ งเที่ย วไปในสิ่งที ่ไมม ีรูป นี้ก็ยิ่ง ไมเกี่ย วกับ กาม โลกุตตรภูมิ จิตที่อยูเหนือโลก. ก็แปลวา ๓ ภูมิแรกอยูใตโลก กามาวจรภูมิ รูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ นี ้อ ยู ใ ตโ ลก ; คือ โลกที ่เ ปน กาม โลกที ่เ ปน รูป โลกที ่เ ปน อรูป . อัน สุด ทา ย อยู เหนื อ โลก มี ภู มิ เดี ย ว อยู เหนื อ โลก ไม แ จก, ถ า แจกก็ แ จกได แต ไม นิ ย ม แจก. สว นที ่อ ยู ใ ตโ ลกนั ้น แจกเปน สาม คือ กามาวจร รูป าวจร อรูป าวจร. ขอนี้ผมขอบอกไวกอน วาผมไมเชื่อวาเปน พระพุทธภาษิต ; ทางพวกอภิธรรม เขาว า เป น พุ ท ธภาษิ ต แต ผ มไม เชื่ อ ; อาจเป น เรื่อ งที่ จั ด กั น ขึ้ น ที ห ลั ง บั ญ ญั ติ อย างนี้ อาจจะมี กอนพระพุ ทธเจาก็ได เพราะเขารูเรื่องกาม เรื่อ งรูป เรื่อ งอรูป กันมากอนพระพุทธเจาแลว และในเรื่องโลกุตตรภูมิเขาคงจะเคยฝนถึง ; แมวา อยางนอยเขาจะไมไดบรรลุ ; เขาอาจจะไดเคยฝนถึงสิ่งที่เหนือไปจากโลก. ทีนี้ปญหาก็จะมีขึ้นอีกในเมื่อพวกที่จัดอยางนี้ หรือหลักที่จัดไวอยางนี้ ในคัมภีรนั้นก็มักจะอธิบายโลกุตตรภูมิกันเฉพาะวาเปน พระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี แล ว ก็ พ ระอรหั น ต . พระโสดาบั น ก็ มี ส องพวก คื อ โสดาปฏิ ม รรค โสดาปฏิ ผ ล. สกิ ท าคามี ก็ มี ส องพวก คื อ สกิ ท าคามิ ม รราค -สกิ ท าคามิ ผ ล. อนาคามี ก็มีสองพวก คืออนาคามีมรรค - อนาคามิผล. อรหันตก็มีสองพวกคือ อรหัต ตมรรค - อรหัต ตผล. นี ้ไ ดเ ปน ๘ แลว เพิ ่ม นิพ พานขึ ้น อีก หนึ ่ง เปน ๙ เขาเรี ย กว า “โลกุ ต ตรธรรม” คื อ ธรรมที่ อ ยู เ หนื อ โลก. ฉะนั้ น โสดาบั น สกิท าคามี อนาคามี เหลา นี ้ก็ถ ูก จัด ไวเ หนือ โลก เปน โลกุต ตระ ; แลว คุณ ก็จะไมเขาใจที่วาพระโสดาบัน สกิทาคามีนี้ เปนชาวบานก็ยังมี, อยูกับลูกเมีย บุ ตรภรรยาสามี อย างนี้ ก็ มี อยู เชนตั วอย างที่ ได ยกมาแลว ; ถื อตามหลักนี้ ก็ เป น พวกโลกุตตรภู มิไปแลว ก็ยังเป นฆราวาสอยูพวกหนึ่ง ไมไดบ วช. ทีนี้ความสุข ของเขาเปนอยางไร ?
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ความสุขของฆราวาส
๙๙
เราจะพู ดเรื่องภู มิ ของจิตให เป นหลักเสียกอน แลวจะไดเขาใจอื่น ๆได งาย. พวกกามาวจรภู มิ หรือ ความหมายของกามาวจรภู มิ นี้ ห มายถึ งจิต มั น ยั ง พอใจอยู เป น ปรกติ วิ สั ย ในสิ่ ง ที่ เรี ย กว า กาม หรื อ กามารมณ , มั น ยั ง มี ค วาม พอใจเป น ปรกติ วิ สั ย อยู ใ นส ว นนี้ .พวกรู ป าวจรภู มิ จิ ต ก็ เ ห็ น เรื่ อ งกาม เรื่ อ ง กามารมณ นั้ นเป นของรบกวน. เขาอยากจะอยูโดยไมมี ความรบกวนของกามารมณ ก็หั น ไปหาสิ่ งที่ เป น รูป ธรรมบริสุ ท ธิ์จนได ความสุ ข ที่ เกิ ดมาจากรูป ธรรมบริสุ ท ธิ์ , นับ ตั ้ง แตจ ะไปสนใจอยู ก ับ สิ ่ง ที ่ไ มใ ชก ามารมณ เชน ศิล ปวัต ถุ เชน ธรรมชาติ อั น สวยงาม. ผมอยากจะพู ด ว า แม แ ต ค นที่ ห ลงเล น สั ต ว เลี้ ย ง เล น ต น ไม ที่ ไม เกี่ ยวกั บกามารมณ ก็ ยั งมี , แล วพอใจจนไม ไปยุ งกั บเรื่องกามารมณ ; นี่ จิ ตใจมั น เลื่อนไปอีกภูมิหนึ่ง. พวกถั ด ไปก็ เห็ น ว า เรื่อ งรูป นี้ มั น ก็ ยั งลํ า บากยุ งยาก ; หั น ไปนึ ก ถึ ง เรื่อ งที ่ไ มม ีรูป สิ ่ง ที ่ไ มม ีรูป เรื่อ งอากาศ เรื ่อ งวิญ ญาณ เรื่อ งความไมม ีอ ะไร, นี่ มุ ง หมายอย า งนี้ . ในหลั ก เขาระบุ อ ากาศ วิ ญ ญาณ ความไม มี อ ะไร, กระทั่ ง ความที่ มี จิต ใจเหมื อ นกั บ วา ตายแล วก็ได คื อ ไม มี ค วามรูสึ กอะไร.แต ความรูสึ ก วา ตัว กู ตัว ฉัน ที ่ต อ งการความสุข นี ้ ยัง มีอ ยู ; นี ้ก ็ไ ปไกลโขอยู . สนใจ เรื่องอากาศในฐานะเป นความวาง, สนใจเรื่องจิ ต เรื่องวิญ ญาณ เรื่อ งนามธรรม ในฐานะเป น สิ่ ง ที่ ล ะเอี ย ด ประณี ต , สนใจในความไม มี อ ะไร ไม ส นใจในอะไร แลว ก็ไ ปสนใจในความไมม ีอ ะไรนั ้น เอามาเปน อารมณข องจิต , ใหจ ิต นั ้น หมกมุนหรือทําความรูสึกอยูแตในความไมมีอะไร จนไดความสุขเกิดขึ้นมา จากสิ่ง ที ่ไ มใ ชร ูป เหลา นี ้ เขาก็เ รีย กวา เปน ภูม ิอ รูป าวจร = อรูป + อวจร. อวจรแปลวา เที ่ย ว หรือ เที ่ย วลงไป, ลงไปเที ่ย วอยู ใ นนั ้น , ลงไปเที ่ย วอยู ใ นสิ ่ง ที่ เปนอรูป หรือไมมีรูป.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๑๐๐
ฆราวาสธรรม
ทั้ ง สามอย า งนี้ เ ป น โลก เป น วั ต ถุ สํ า หรั บ รู สึ ก และมั น เป น สิ่ ง ที่ เปลี่ ย นแปลง. คํ า ว า “โลก” นี้ แ ปลว า สิ่ ง ที่ มี ก ารแตกดั บ ; หรื อ บางที ก็ เรี ย กว า โลกิย ะ เพราะมัน เนื ่อ งกัน อยู ก ับ โลก. โลก ก็แ ปลวา โลก, โลกิย ะก็แ ปลวา เนื่ อ งกั น อยู กั บ โลก. ส วนโลกุต ตรภู มิ นั้ น ก็ เป น จิ ต ใจที่ เป น ไปในทาง ไม มี ตั วตน ไมม ีต ัว กู ไมม ีข องกกู ยิ ่ง ขึ ้น ไป ๆ จนไมม ีต ัว ตนเลย ไมม ีค วามรู ส ึก วา มีฉ ัน มีต ัว ตนเหลือ . สว น ๓ ภูม ิข า งตน นั ้น มัน เขม ขน อยู ด ว ยตัว ตน มีต ัว ตนที่ เขม ขน , ฉัน จะหาความสุข อยา งนั ้น ฉัน จะหาความสุข อยา งนี ้ นี ่ม ัน ลว นแต มี ตัวตนเขม ขน ; ส วนโลกุ ตตรภู มิ นั้ น ตั วตนมั น เริ่ม จางไป ในลั กษณะที่ แน น อน วา จะตองสิ้นไป หมดไปโดยแนนอน ; นี้ก็เปนเรื่องโลกุตตรภูมิ. ที่เขาพู ดอยูสอนกันอยู เขาก็เลยแบงที่อยูกันเสียอีก วา กามาวจรภูมิ นี้ คื อ สั ต ว ม นุ ษ ย สั ต ว เดรั จ ฉาน หรื อ เทวดาประเภทที่ บ า ในกามเหมื อ นมนุ ษ ย เหมือ นสัต วเดรัจ ฉาน เขาเอาไวที ่โลกนี ้ ; โลกนี ้ก ็ม ีม นุษ ย หรือ สัต วเดรัจ ฉาน จนกระทั่ งสั ตวน รก ; เพราะสั ตว นรกนั้ น แม กระทั่ งเขาทรมานลํ าบากอยู อย างไร เขาก็ ยั งต องการกามารมณ อยู นั้ น. พอถึ งเทวดา เขาก็ เอาไปไว ที่ โลกอื่ น อย างที่ คุ ณ ก็ เคยได ยิ น ว า แยกเทวดาออกไปเป น โลกอื่ น เทวดาอยู ที่ ไ หนก็ บ อกไม ได ; แล วยั งมี เทวดาชนิ ด ที่ ค าบเกี่ ยวกั น อยู กั บ มนุ ษ ย โลกกั บ เทวดาโลก เทวดาครึ่ง ๆ กลาง ๆ เช น จาตุ ม หาราชิ ก าเทวดา รุ ก ขเทวดา ฯลฯ อะไรก็ ต าม ; และยั ง มี เทวดาในสวรรค ชั้น ดุ สิต กระทั่ งชั้น ปรนิ ม มิ ต วสวัต ตี ถึ งขีด สูงสุ ดของกามารมณ อยู ที่ ไหนเขาก็ บอกไม ได แต เราได ยิ นได ฟ งเขาบอกวา มั นอยู อี กโลกหนึ่ งข างบน ขึ้นไปนี้. ระวังใหดีๆ ที่เขาพูดไวมันเปนอยางนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี ้พ อมาถึง พวกรูป าวจรภูม ิ หรือ รูป พรหม เขาก็เ รีย กมัน วา พรหมโลก.อยู ที่ ไ หน ? เขาก็ บ อกไม ไ ด ว า อยู ที่ ไ หน แต ชี้ ไ ปที่ อื่ น จากโลกนี้
ความสุขของฆราวาส
๑๐๑
จากเทวโลกชั ้น กามาวจรเสีย ดว ย. พรหมโลกมีอ ยู อ ีก โลกหนึ ่ง , อยู ไ หน เขาก็บอกไมได เขายืนยันแตวามันมี. พอถึงชั้น อรูป าวจรภูมิ อรูปาวจรภพ นี้ก็แยกไปอีกโลกหนึ่งอีก ; พอถึงเรื่องโลกุตตระ และนิพพาน เขาก็วาตอตาย แลว สักกี่สิบชาติก็ไมรู, ตายแลวตายเลา ตายแลวตาย อีกกี่หมื่นชาติวาจะ ถึงนิพพาน ก็เลยยิ่งไมรูวาอยูที่ไหนใหญ ; แลวมีสํานวนพูดกันเปนวัตถุขึ้นมาวา “นิพ พานเปน เมือ งแกว ”, เปน นครศิว โมกขศ วาลัย ก็พ ูด ไป, เอาความหมาย ของตัวหนังสือของฝายอื่นมาดวยซ้ําไป.เด็ก ๆ ก็เลยงงใหญ วาเมือ งนิพ พาน อยูที่ไหน ? คนแก ๆ ก็เลยบอกวา โอย ! อยาเพอไปรูเลย เพียงใหไวแตลักษณะ อยางนั้นอยางนี้ ; ไมตายบาง อะไรบาง, ผัดเพี้ยนพวกเด็ก ๆ ไวกอน วาอยา มาถาม อยามารู. นี่เขาเอาเรื่องเหลานี้มาอธิบายอยางนี้ มันก็มีอยูพวกหนึ่ง. มนุษยโลกอยูที่นี่ บรรจุไวซึ่งสัตวเดรัจฉาน และมนุษยธรรมดาสามัญ ; แลว ก็เ อานรก หรือ อบาย เอาไปไวข า งใตล งไปอีก , ชี ้ล งไปขา งใตด ิน . เทวโลกก็ชี ้ไ ปขา งบน พอถึง พรหมโลกก็ขี ้พ น ขึ ้น ไปอีก - และชี ้ขึ ้น ไปอีก สํา หรับ พรหมโลกชั้น สูง สุด . สว นพระนิพ พานนั้น ชี้ไ มถูก วา อยูที่ไ หน ก็เ ลย ไดแ ตพ ูด ๆ ไว เผื่อ ๆ ไวอีก หลายหมื่น ชาติ แลว คงจะถึงสัก วัน หนึ่ง . นี ่เขา พูด ไวอ ยา งนี้ก็มี ; แบง ภูมิข องจิต ออกเปน ๔ ระดับ . พอถามวา คนเหลา นั้น อยูที่ไหน ? เขาก็เลยชี้ไวอยางนี้. ทีนี้เด็ก ๆ ที่ฉลาดก็จะถามขึ้นวา พระโสดาบัน พระสกิท าคามี พระอนาคามี อยู ที ่ไ หน ? ในโลกนี ้ก ็ม ีอ ยา งที ่เ คยเลา วา มหาอุบาสิกา วิสาขา อนาถบิณฑิกเศรษฐี พระอนาคามีก็อยูในโลกนี้ใชไหม ? มัน ก็เ ลยตีก ัน ยุ ง , คนตอบก็ต อบไมไ ด ; นี ่เ พราะเขาไปบัญ ญัต ิอ ะไรตาม หลักเกณฑทางวัตถุมากเกินไป. วาพระอริยเจาอยูในโลกุตตรภูมิ ทําไมจึงมาอยู รวมกับพวกเราที่นี่ ในโลกมนุษยนี้. ปญ หาก็เลยคางเติ่งอยูที่นั่น. ยังมีเรื่องยุง อีกมาก ที่เขาจะพูดกันในลักษณะที่เอาวัตถุ เอาเนื้อหนังเปนหลักเชนนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๑๐๒
ฆราวาสธรรม
ผมเห็ น ว า เรื่ อ งภู ม ิ ข องจิ ต นี ้ ม ั น อยู ที ่ จ ิ ต ; จิ ต อยู ที ่ ไ หน โลก ก็ อ ยู ที่ นั่ น . จิ ต กํ า ลั ง เป น อย า งไร โลกก็ กํ า ลั ง เป น อย า งนั้ น . เพราะฉะนั้ น เรา จึงเห็ น ได วา ในโลกนี้ โลกของมนุ ษ ย นี้ มั น มี อ ะไรครบทุ กภู มิ ทุ กภพ ; มั นแล ว แตวา จิตกําลังเปนอยางไร. ถาจิตหมกมุนในกามารมณ บูชากามารมณ โลกนี้ ก็เปนกามาวจรภพสําหรับคนเหลานั้น. บางคนจิตเปนรูปาวจรภูมิ หรืออรูปาวจร ภู มิ โลกนี้ มั น ก็ เป น ภพ เป น ภู มิ นั้ น สํ า หรั บ คนนั้ น . เพราะว า เมื่ อ เราไปสนใจ หรือวายึดมั่น ถือมั่นในสิ่งใด สิ่งอื่นมันก็เหมือนกับไมมี. เอาที่จิตใจเปนหลัก. ปญหาก็เหลืออยูแตวา เขาเปนอยางนั้นตลอดไป หรือวาเปนชั่วคราว ? ถาเปนอยางนั้นตลอดไปมันก็ไมมีปญหา เชน คน ๆ นี้มีจิตใจไมชอบกามารมณ ชอบสิ่งที่ไมใชกามารมณ ตลอดชีวิตไป มันก็ไมมีปญ หา ; โลกนี้ทั้งโลกมันก็เปน รูป โลก อรูป โลก สํ า หรับ คนนั ้น ไปโดยแนน อนตายตัว . แตท ีนี ้จ ิต ใจที ่ม ัน ยัง กลั บ ไปกลั บ มาได ชั่ ว โมงนี้ ชอบกามารมณ ชั่ วโมงหลั ง ชอบพั ก ผ อ น ไม ยุ งกั บ กามารมณ, หัน ไปสนใจเรื ่อ งรูป ธรรมลว น ๆ หรือ อรูป ธรรมลว น ; เมื ่อ นั้นแหละคือที่วามันสับเปลี่ยนกันยุง เปนการเปลี่ยนแปลงระหวางภพ ระหวางภูมิ ยุ งไปที เดี ย ว ; และอาจจะมี ได ค รบทั้ ง ๔ ภู มิ โดยอนุ โลม (อย า ลื ม คํ า ว า “โดย อนุโลม”)
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นาย ก. เป นคนธรรมดาสามั ญ มี การศึ กษาดี มี ฐานะการเป นอยู ดี อายุ ก็ ม ากแล ว ; ชั่ วโมงหนึ่ ง อาจจะสนใจเรื่อ งกามารมณ เรื่อ งเพศ เรื่อ งอะไร ตามที่ เคยกระทํ า มา ; อี ก ชั่ วโมงหนึ่ งก็ เบื่ อ เอื อ ม จะไปขลุ ก อยู กั บ วั ต ถุ ศิ ล ปะ หรือ สัต วเลี ้ย ง หรือ อะไรก็ต าม ที ่ม ัน ไมเกี ่ย วกับ กามารมณ บางทีเปน หลาย ชั่ ว โมงหลายวั น ก็ ได . บางที ก็ เบื่ อ สิ่ ง บ า ๆ บอ ๆ เหล า นี้ สํ า รวมจิ ต ใจ พอใจ แน ว แน มั่ น คงอยู กั บ เรื่ อ งบุ ญ กุ ศ ล เรื่ อ งโลกหน า , หรื อ แม ที่ สุ ด แต ว า เรื่ อ ง
ความสุขของฆราวาส
๑๐๓
เกี ย รติ ย ศ ความงาม ความดี ; เขาก็ ก ลายเป น คนละคนไป. บางเวลาที่ ช อบ วา ง ไมม ีอ ะไรเลย, อยา มีอ ะไรมารบกวนในจิต ใจ ชอบความวา ง. หรือ ยิ่ ง เป น ผู ที่ เคยศึ ก ษาปฏิ บั ติ วิ ป ส สนามาบ า งแล ว ก็ ส ามารถทํ า ให จิ ต ว า งจากสิ่ ง รบกวนไดเปนคราว ๆ. นี่ แ หละคุ ณ เข าใจเถอะว า นาย ก. คนนี้ เขามี ค รบทั้ ง ๔ ภู มิ แต มั น ไม ถ าวรเด็ ด ขาดลงไป ; เป น เรื่ อ งชั่ ว คราว กลั บ ไปกลั บ มา. เดี๋ ย วอยู ใ นภู มิ นี้ เดี๋ ย วไปอยู ในภู มิ นั้ น ; หรือ ถ าเขาเกิ ด เผลอนิ ด เดี ย ว ก็ อ าจเป น กามาวจรชั้ น เลว ก็ ไ ด , หรื อ ทํ า ผิ ด จนร อ นใจ เหมื อ นกั บ ตกนรกก็ ไ ด , หรื อ ไปติ ด ตะรางก็ ไ ด ; เพราะปุ ถุ ชนมั นเปลี่ ยนได อย างนี้ . เมื่ อเขาทํ าชั่ วทํ าผิ ดแล วรอนใจ เขาก็ ลงอบาย แล ว ทั้ งที่ อ ยู ในโลกนี้ , มี ชี วิ ต อยู ในโลกมนุ ษ ย นี้ แต ว าจิ ต ลงไปในอบายภู มิ แล ว เรียกวากามารจรภูมิชั้นที่เปนอกุศล. ฉะนั้ น คน ๆ หนึ่ ง เป น สั ต ว น รก เดรั จ ฉาน เปรต อสุ ร กาย เมื่ อ ไร ก็ไ ด, เปน มนุษ ยธ รรมดาสามัญ อยา งปกติก ็ไ ด. แลว ก็เ ปน รูป าวจรภูม ิ, เป นเทวดาในสวรรค มี ความสุ ขความพอใจ อย างเดี ยวกั บเทวดาในสวรรค ชั่ วครู ก็ไ ด, แลว ก็เ ปน พรหม อยา งในพรหมโลกที ่ว า ไว เหมือ นที ่พ ูด ใหฟ ง เปน ตัว อยา งมาแลว ; เดี ๋ย วอาจจะเปน พระอริย เจา ชิม ลอง ผมใชคํ า วา ชิม ลอง, มีจิตใจเหมือนพระอริยเจาสักชั่วขณะหนึ่งก็ได คือ มีจิตใจวางจากทุกสิ่งไมมีอะไร รบกวน ไม มี อ ะไรยึ ด ถื อ เป น พระอริ ย เจ า ชิ ม ลองก็ ไ ด . แต ถ า เป น พระอริ ย เจ า จริง ๆ ก็หมายความวามันไมกลับมาอีก สวนพระอริยเจาชิมลองนั้นกลับมาอีก คือ อาจจะมีสักขณะหนึ่ง ที่พอจะมีความรูสึกพอใจในความวาง – ในความไมมี ตัวกูนี้. คนธรรมดาสามั ญ ไม อ าจจะเป น ได ค รบอย า งนี้ ; แต วา ฆราวาสชั้ น ดี เขาอาจจะ เป น ได ถึ ง ขนาดนี้ เพราะว า คํ า ว า นิ พ พาน นี้ มั น มี ห ลายคํ า ซึ่ ง แสดงน้ํ า หนั ก หรือความหมายหลายระดับ ;
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๑๐๔
ฆราวาสธรรม
อย า งเช น พู ด ว า ตทั ง คนิ พ พาน - เรีย กว า นิ พ พานก็ ได แต ไม ถ าวร ไมเ ด็ด ขาด ; มัน ประจวบเหมาะ ใหเ รามีจ ิต ใจวา งโปรง ไมย ึด มั ่น ถือ มั ่น . เชนเราไปอยูในสถานที่ ที่ธรรมชาติแวดลอม ใหจิตใจมันวางโปรง แลวก็วางได มีจิตใจเปนตทังคนิพพานได. หรือเราไปนั่งคุยกับผูที่เปนสัตบุรุษ เปนพระอริยเจ า , เราก็ มี จิ ต ว า งโปร ง ไปชั่ ว ขณะได ; อย า งนี้ เขาเรี ย กว า นิ พ พานประจวบ เหมาะ แลวก็มี จิตใจเย็นเป น สุขสบายเหมื อนกั บ นิพ พานจริงเหมื อ นกัน แต มั น เปนเรื่องชั่วคราว. ถาเราสามารถบั งคั บดวยการกระทํ ากั มมั ฏฐานภาวนาอะไร บั งคั บจิ ต ใหม ัน วา ง ใหม ัน เย็น ไดย าวออกไป ; นี ้ก ็เปน นิพ พานชนิด วิก ขัม ภนะ – คือ เราจัดมัน ทํามัน ปรับปรุงมัน. ถัด จากนี ้ก ็เ ปน นิพ พานจริง ๆ พระอรหัน ตจ ริง ๆ. ถึง อยา งนั ้น ก็ยังอาจจะแบงไดเปนระดับ ๆ อีกหลายระดับ ; แลวยังแบงเปนสวนใหญ ๆ กันวา นิพ พานที ่จ ะรู ไ ดด ว ยตนเอง ทัน ตาเห็น คือ ทัน ทีท ัน ใด ; หรือ นิพ พานที ่จ ะ ตองคอยเปนคอยไปในโอกาสหลัง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฉะนั้ นจึ งถื อวา ฆราวาส หรือคฤหั สถ อยู ในโลกอยางนี้ บางคราวก็ มี จิตใจประจวบเหมาะพอที่จะไดชิมรสของพระนิพพานตัวอยาง ; แลวก็พอใจอยูได ระยะหนึ ่ง จะกี่ชั่ว โมง กี่วัน กี่เดือ นอะไรก็ต ามใจมัน ก็เปน ได. ตอนนี้เราควร จะจัดเขาไววาอยูในแบบของโลกุตตรภูมิ หรือเปนโลกุตตรภูมิแบบประจวบเหมาะ.
ขอใหเขาใจไวทีวา คน ๆ หนึ่งเป นฆราวาส เปนคฤหัสถ อยูบานเรือน มี บุ ต ร ภรรยา สามี แต เขาอาจจะมี จิต ใจที่ เปลี่ ย นไปได ค รบทั้ ง ๔ ภู มิ ; ยั งไม
ความสุขของฆราวาส
๑๐๕
ทั นตายจากโลกนี้ ไปไหน เดี๋ ยวอยูในกามาวจรภู มิ เดี๋ ยวอยู ในรูปาวจรภู มิ เดี๋ ยว อยูในอรูปาวจรภูมิ เดี่ยวอยูในโลกุตตรภูมิ ซึ่งเปนแบบหนึ่ง และชั่วคราว ไมใช เด็ดขาดถาวร. นี่ผมพูดวามันลําบาก เพราะภาษา คือจะถามขึ้นมาวา ฆราวาส หรือ คฤหัสถนี้จะมีความสุขไดอยางไรบาง ? ชนิดไหนบาง ที่เรียกวาความสุขที่ฆราวาส อาจจะรับได ? นี้มั นก็มีทั้ ง ๔ ระดับ ทั้งกามาวจรภู มิ รปู าวจรภู มิ อรูปาวจรภู มิ โลกุตตรภูมิ. มันเอาเนื้อ เอาตัว เอาอะไรเปนหลักไมได สําหรับคําวา ฆราวาส ; เพราะวา ฆราวาสส วนมาก ฆราวาสส วนใหญ นั้ น ก็ คื อผู ที่ มี จิ ตใจท องเที่ ยวไป แต ในกามาวจรภู มิ ; ก็ เลยยกเอากามาวจรภู มิ ไว ให ฆ ราวาส ไว ให คฤหั ส ถ เป น มาตรฐานไป. แลว ก็อ ยา ลืม วา คนในแบบฟอรม ของฆราวาสนั ้น บางคน บางเวลา อาจจะไปถึง รูปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ โลกุตตรภูมิได. ดังนั้นโดยความสมัครใจของผมเอง ผมก็อยากจะแบ งฆราวาสออกเป น ๓ ประเภท อย างที่ ได พู ด กั นวั น ก อ น : ฆราวาสต่ํ า ๆ ธรรมดาสามั ญ หรือ เมื่ อ แยกเอาเฉพาะสวนที่เปนธรรมดาสามัญ; ฆราวาสก็ปฏิบัติฆราวาสธรรมชั้นต่ํา ๆ เชน ทิศ ๖ ก็ไ ดรับ ประโยชนส ุข อยา งที ่ว า นี ้ : มีเ งิน ใช ก็ม ีค วามสุข , แลว ก็ ไดใ ชเ งิน ก็มีค วามสุข , มีค วามสบายเพราะไมมีห นี้ส ิน , แลว ก็ไ มมีโ ทษอะไร ที่ จะมาพ องพาน เกี่ยวกับความเป นฆราวาสในโลกนี้ ก็สบายแล ว. ที นี้ ฆราวาส ชั้ น กลาง ๆ ขึ้ น มา : - มั่ น คงในพระพุ ท ธ พระธรรม พระสงฆ มี ศี ล ดี เขาก็ มี ความสุขไปดวยความสุขที่สูงขึ้นมา คือความสุขจากบุญกุศล หรือความดี มีคาสูง ไปกวา พวกแรก. ทีนี ้ฆ ราวาสชั ้น สูง ๆ ที ่ส ามารถรับ เอาเรื ่อ งสุญ ญตาของ พระพุทธเจาไปปฏิบัติได ฆราวาสพวกนี้ก็มีโอกาสที่จะมีจิตใจวางโปรงสบายแบบ พระอริยเจา, สงเคราะหเปนพวกพระอริยเจาไปก็ได ; แลวถาเขาเปนพระโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี อยูในรูปคฤหัสถไมไดบวช ก็อยูในพวกนี้เต็มตัว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๑๐๖
ฆราวาสธรรม
นี่ถามวา ฆราวาสจะหาความสุขไดอยางไรบาง ? มันก็ไปไดสูงถึง โลกุตตระอยางนี้ ; จะเปนโลกุตตระถาวร หรือโลกุตตระชั่วคราว มันก็เปน โลกุตตระทั้งนั้น. เมื่อใดจิตใจอยูเหนือโลก เหนือกาม เหนือรูป เหนืออรูป มัน ก็เปน โลกุต ตระ ไมมีท างเปน อื่น ; เปน ไดส ัก ๕ นาทีก็ยัง ดี. ความสุข ของฆราวาส ถาเอามาตรฐานที่เขาจัดไว ก็เรื่องกิน เรื่องเลน อะไรตามแบบ ของฆราวาส คือเรื่องกามารมณ. เขาพูดกันอยางนั้น ก็เพราะเอาสวนใหญ ๆ ทั่ ว ๆ ไปเป น หลั ก ; แต ข อ เท็ จ จริ ง นั้ น ผู ที่ โ ลกเรี ย กว า “ฆราวาส” หรื อ “คฤหัสถ” นั้นก็ยังเปนเทวดาก็ได เปนพรหมก็ได เปนอริยเจาชนิดชิม ลอง ก็ได แลวก็เปนพระอริยเจาจริง ๆ เชน เปนพระโสดาบันจริง สกิทาคามีจริง หรืออนาคามีจริง เหมือนที่ยกตัวอยางมาใหฟงแลวก็ได ; อยางที่เปนคนไมมี ทรัพยสมบัติอะไร เอาดินที่สัตวขุดทิ้ง ๆ ไวมาปนหมอขาย เลี้ยงบิดามารดาที่ ตาบอด ; นั้นเปนพระอริยเจา แตก็อยูในรูปของฆราวาส หรือคฤหัสถ. ทีนี้ลองมาดูเรื่องของ มหาอุบาสิกาวิสาขา วามีลูก ๓๒ คน มีหลาน คนละ ๓๒ มี เ หลนอี ก คนละ ๓๒, ไม ทั น จะตายมี ลู ก หลาน เหลน เป น ร อ ย ๆ ; แล ว บางที ก็ ร อ งให เ พราะหลานคนนั้ น ตาย หลานคนนี้ เ จ็ บ ; มหาอุบ าสิก านี ้เปน พระโสดาบัน ในเรื่อ งราวพระคัม ภีรม ีเขีย นไวอ ยา งนี ้, อรรถกถาธรรมบทมีเขียนอยางนี้. พระโสดาบัน ก็ยังครองเรือน มีสามี มีการ งานอยางฆราวาส เลี้ยงลูก เลี้ยงหลานเปนรอย ๆ บางคราวก็รองไหไปหา พระพุ ท ธเจ า . อย า งนี ้ ก ็ เ รี ย กว า ฆราวาส หรื อ คฤหั ส ถ ได และก็ มี ความสุขอยางพระโสดาบันได. เพราะฉะนั้นเราจึงแยกพูดวา ถาถูดตามภาษาพูด ก็ ไ ป อย า งห นึ่ ง , ถ า ถู ด ต าม ข อ เท็ จจริ ง ว า เป นอยู อ ย า งไรมั นก็ ไ ป อี ก อยางหนึ่ง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ความสุขของฆราวาส
๑๐๗
ฆราวาสไม จําเป นจะตองสกปรก ลามก ไปตามที่เขาบัญญั ติ ; อาจจะ เปนถึงพระอนาคามีก็ได. แตแลวฆราวาสสวนใหญ เปนอยางไร มันก็อีกเรื่องหนึ่ง. เราจะเอาจุดไหนเปนฆราวาส ? ก็ควรจะเอาฆราวาสที่เปนปรกติธรรมดาสามัญ สว นใหญ ; แลว ก็อ ยา ลืม วา คน - คน นี ้ เปน ไดท ุก อยา ง ; ฆราวาสนี้ เป น ได ทุ ก อย า ง เป น สั ต ว น รก เดรั จ ฉาน อะไรก็ ไ ด ถ า เขามี จิ ต ใจอย า งนั้ น ; แลว ก็เ ปน มนุษ ยธ รรมดาสามัญ นี ้ก ็ไ ด ; เปน เทวดาก็ไ ด เปน พรหมก็ไ ด เปน พระอริย เจา ก็ไ ด. เพื ่อ ใหค ุณ เห็น วา ในโลกนี ้. ในโลกมนุษ ยนี ้ม ัน มีค รบ หมดอยา งนี ้ ; แลว มัน ก็ม ิไดม ีอ ยู ใ นตัว โลก มัน มีอ ยู ใ นจิต ใจของคน. สวรรค อยู ใ นอก นรกอยู ใ นใจ นิพ พานก็อ ยู ใ นใจของคน ; ฉะนั ้น คํ า วา “โลก” นี ้ม ัน อยู ใ นใจของคน, โลกชนิด ตา ง ๆ นานสาระพัด อบายโลก มนุษ ยโลก หรื อ เทวโลก พรหมโลก มั น อยู ใ นใจ ใจของคนนั่ น แหละคื อ โลก. ความเป น คฤหัสถอยูที่ตรงไหน ? มันก็มีอยู เมื่อมีจิตใจอยางคฤหัสถ ตามที่เขาบัญญั ติกัน ตามภาษาพูด.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี ้ ไปถึง ภาษาพูด มัน ก็ข ัด นั ่น ขัด นี ่ แยง นั ่น แยง นี ่ก ัน อยู ใ นตัว ผมจึงวา ภาษานี่มันเปนอุปสรรคในการเขาใจอะไรตาง ๆ. คุณอยาเอาภาษาเปน หลักนัก. เอาตัวจริงตามที่เปนจริง ๆ ขอเท็จจริง นี่เปนหลัก. มนุษยโง ๆ ก็พู ด ไปอย า งหนึ่ ง , มนุ ษ ย ฉ ลาดก็ ใ ช คํ า พู ด ไปอี ก อย า งหนึ่ ง . ใช คํ า พู ด คํ า เดี ย วกั น อย างนี้ มั น ยุ งตาย. แม แต คํ าวา “ความสุ ข” นี้ ; พวกคนอั น ธพาลก็มี ความสุ ข ไปอยางหนึ่ ง พวกคนดีก็ มี ค วามสุ ขไปอยางหนึ่ ง. ใชคํ าวาความสุ ขเหมื อ นกั น ; แลวความพอใจในความสุขนั้นอาจจะเทากันเสียดวย.
คฤหัสถ แปลวาผูที่อยูในคฤหะ คือเรีอน, ฆราวาส แปลวา ผูครอง อยู ค รอง ฆร คื อ เรื อ น. คํ า ว า “บ า นเรื อ น” นี้ มั น ไม ไ ด ห มายถึ ง บ า นเรื อ น
๑๐๘
ฆราวาสธรรม
ที่เป นหลัง ๆ ถาไปหมายอยางนั้น พระเราก็อ ยูบ านเรือ น อยูกุฏิ เชนเดี ยวกั บ บา นเรือ น. คํา วา “บา นเรือ น” เขาหมายถึง ความหมายของกามารมณ มากกวา ; หรือ อยา งนอ ยก็เรีย กสั้น ๆ วา กาม. ที่บ านเรือ นนั้น ตอ งมีสิ่ง ที่ เรียกวา กาม เรี่องเพศ เรื่องบุตร ภรรยา สามี ทรัพยสมบัติอะไรใหยุงไปหมด ; นั่นแหละ ภาษาธรรมะเขาเรียกวา “บ านเรือน” ภาษาตัวหนังสือ เรือนเป น หลัง ๆ ก็เรียกวาบานเรือนได, เรือนราง ๆ ไมมีใครอยูก็เรียกวาบานเรือนได. ในภาษาธรรมที่สูง ๆ ขึ้นไป “บานเรือน” เขาหมายถึงสิ่งที่ผูกพันยุงยากสับสน อลเวงอลวน ในจิตในใจ ที่เกิดมาจากเงิน ทรัพยสมบัติ บุตร ภรรยา สามี เกียรติยศ ชื่อเสียง สังคม อะไรก็ตาม ที่มันเปนเรื่องยุงไปหมดนั่นแหละคือ บานเรือน ไมไดหมายถึง ตัวเรือนเปนหลัง ๆ. ผูอยูครองเรือน หรือฆราวาสก็คืออยูดวยความยุงยากแบบนี้ ความสุข มันก็หายากเต็มที ; มันเต็มไปดวยความผูกพัน ความเรารอน ; ตองแกปญหา ทางการเงิน การสังคม อะไรใหเรียบรอยไปเสียหนอย มันก็พอจะมีเวลาหายใจ สบายบา ง ; ก็ตอ งอยูที่มีท รัพ ย มีล ูก มีเ มีย มีเ กีย รติอ ะไรอยา งถูก ตอ ง. ถาทําไมถูกตอง ก็จะตองไปติดคุกติดตะราง มันก็เปนการงานที่มีโทษไป.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราพูด กัน แลว ก็ไ ดค วามวา ฆราวาส เปน เรื่อ งยุ ง เปน ที ่อ ยู ในความยุง, ถือเอาความผูกพันอยางนี้เปนความหมายของคําวา ฆราวาส. ทีนี้ ถาถือเอาจิตใจเปนหลัก มันยังไปไดไกล. อยูในบานเรือนอยางนี้ แตวาจิตใจ สูงไปอีก - สูงไปอีก จนไปอยูในกระทอมนอย ๆ ปนหมอขายเลี้ยงชีวิตบิดามารดา ; เอาจิตใจเปนหลักมันก็ออกไปไดไกลอยางนี้. ในที่สุดเราสรุปความไดวา ถาเปน ฆราวาสชั้นธรรมดา หรือชั้นเลว ก็เอาเรื่องทรัพยสมบัติ เกียรติยศชื่อเสียง ที่ไดมา โดยถูกตองนี้ เปนความสุข ; ถาเปนฆราวาสชั้นกลาง ก็เอาความดี ความงาม
ความสุขของฆราวาส
๑๐๙
มีบุญกุศล ที่บริสุทธิ์ เปนความสุข. ถาเปนฆราวาสชั้นสูงก็เอาความสุขที่เกิดมา แตความไมยึดมั่นถือมั่น นั่นแหละเปนความสุข. ผมพูดแลวก็ขัดกันหมดกับที่เขาพูด ๆ กันอยู คือเขาพูดกันนั้น ไมให ไปเกี่ยวของกับความไมยึดมั่นถือมั่น ; เขาไมใหฆราวาสศึกษาเรื่องจิตวาง เรื่อง ความไมยึดมั่นถือมั่น ; ผมบอกวา นี่พระพุทธเจาทานแนะให คือเรื่องสุญญตา ถาไมเชนนั้น ฆราวาสจะมีอาการเหมือนกับอยูในนรกหมกไหม ; เดี๋ยวลูกตาย เดี๋ยวเมียตาย เดี๋ยวผัวตาย เดี๋ยวทรัพยสมบัติถูกไฟไหม ; มันมีสารพัดอยาง ที่จะตกนรกเมื่อไรก็ไมรู. ก็ตองเอาเรื่องสุญญตา อนัตตา มาเปนเครื่องปองกัน ใหฆราวาสเปนฆราวาสที่นาดู ; เปนกัลยาณปุถุชน ก็ยังดีถมไปแลว ยังมีภาวะ ที่นาดู ไมเปนทุกขทรมานจนเปนสัตวนรก. สรุปอีกทีหนึ่งวา ความสุขของฆราวาสนั้น ขอใหมีอยู ๓ ชั้น ; ชั้นต่ํา ชั้น กลาง ชั้น สูง . ชั้น ต่ํา ก็เอาเรื่อ งกิน เรื่อ งกาม เรื่อ งเกีย รติที่พ อเหมาะสม ที่ถูกตอง ; ชั้นกลางขึ้นไปก็เอาความสงบในทางบุญกุศล ในทางจิตใจที่มันสูง ยกมื อไหวตัวเองได ; ถาชั้น สูงขึ้นไปอีกก็เป นอนุโลมตามพระอริยเจาหรือ เป น พระอริยเจาไปเลย มีความไมยึดมั่นถือมั่นเปนหลัก แลวมีความสุขที่เกิดมาจาก ความไมยึดมั่นถือมั่นเทาที่เราจะทําได ในวิสัยของฆราวาส ; เรื่องก็จบกัน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุณเรียนศึกษาในหมาวิทยาลัย ไมเคยเรียนกันในเรื่องเชนนี้ ; ผมวา ยังไมใชอุดมศึกษา เพราะวายังไมรูวาเกิดมาทําไม ? จะเปนอยางไรไดกี่แบบ กี่อยาง ? ฉะนั้นอุตสาหฟงเรื่องชนิดนี้ เปนของเพิ่มเติม ใหความรูของเราเปน อุดมศึกษาขึ้นมาจริง ๆ. พอกันที นกกางเขนรองบอกวาพอกันกันที.
ความทุกขในความเปนฆราวาส -๗๒๔ เมษายน ๒๕๑๓
สํ า หรั บ พวกเรา ล ว งมาถึ ง เวลา ๒๐.๓๐ น. แล ว เป น เวลาที่ จ ะได ได บ รรยายต อ จากตอนที่ แ ล ว มา. วั น ที่ แ ล ว มา เราพู ด กั น โดยหั ว ข อ ว า “ความสุ ข ของฆราวาส” ส ว นใน วั น นี ้ จ ะ พู ด โ ด ย หั ว ข อ ว า “ค ว า ม ทุ ก ข ใ น ค ว า ม เ ป น ฆราวาส” เพื่อจะไดตอบปญหาตามที่ไดยื่นถามไวตอไป. วัน กอ นเราพู ดถึงความสุขของฆราวาส วัน นี้จะได พู ดถึ งความทุก ข ของฆราวาส ดูม ัน คลา ย ๆกับ วา จะเปน การคา นกน อยูในตัว ; และโดยทั ่ว ไป คนเขารูกั น อยู แ ละเขาพู ด กั น อยู ว า เรื่ อ งของฆราวาสแล ว ต อ งเป น เรื่ อ งทุ ก ข มี ความทุก ข, เรื ่อ งบรรพชิต เปน เรื ่อ งไมท ุก ข. นี ้ข อใหน ึก ถึง ที ่ผ มเคยบอกวา ความยุงยากนี้มันเกิดจากคําพูด เกิดจากภาษาพูด ทําใหเขาใจไดแปลก ๆ ตาง ๆ กัน เพราะฉะนั้ นเราตองระวังคําพู ดหรือ ภาษาพู ดโดยเฉพาะที่มั นเป นภาษาคนหรือ เปน ภาษาธรรม ; และแมที ่เ ปน ภาษาคนตามธรรมดา มัน ก็ย ัง มีข อ ยกเวน ในการที่บางอยางมันจะมีความหมายไปอยางหนึ่ง บางอยางมีความหมายไปอีกอยาง หนึ่งในคํา ๆ เดียวกัน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๑๑๐
ความทุกขในความเปนฆราวาส
๑๑๑
ทีนี้ เราจะพูดกันถึงคําวา “ฆราวาสวิสัย” หรือ “ชีวิตฆราวาส” คือ ความเปนฆราวาส นั่นเอง : และเมื่อพูดกันอยางสําหรับพูด หรือเรียกวาโดย นิตินัย คือบัญญัติกันขึ้นพูด ก็ตองพูดวาชีวิตฆราวาสนี้เต็มไปดวยความทุกข ซึ่งคุณก็ไดยิน และบางทีก็จะเชื่ออยางนั้นอยูดวย จึงไดเสนอ ถามปญหาวา ทํา อยางไรฆราวาสจึงจะแกไขความทุกขหรือปองกันความทุกขได. ฉะนั้น โดยสมมติ โดยบัญญัติ คือโดยนิตินัยแลว ถือกันวาชีวิตของฆราวาสนั้นเปนความทุกข. แต ทีนี้ถาดูกันโดยพฤตินัย คือตามที่มันมีอยูจริง ๆ นั้น มันก็ไมไดตายตัวลงไป อยางนั้น คือเปนทุกขก็ได ไมเปนทุกขก็ได แลวแตวามันจะเปนฆราวาสไดดี เพียงไร. นี้เรียกวาโดยพฤตินัยนั้นไมแนที่จะพูดวา ฆราวาสแลวเปนทุกขเสมอไป. มันอาจจะมีความยุงยากมากกวาบรรพชิต แตแลวมิไดหมายความวามันจะเปนทุกข ทรมานเหมือนกับตกนรกทั้งเปนอยูเสมอไป. ถาเปนฆราวาสใหดี ใหถูกตอง อาจจะไมมีความทุกขก็ได. ภาษาผมพูดก็พูดวา เปน คนใหถูก ตอ ง หรือ พูดใหกวางออกไปวา
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org “ยามจะได ยามจะเปน ยามจะตาย
ไดใหเปน เปนใหถูก ตายใหเปน
ไมเปนทุกข ตามวิถี เห็นสุดดี ฯ”
ถาทําเปน มันก็ไมทีทุกข คือมันอยูที่ทําไมเปน คิดไดไมเปน เปน ไมเปน ตายไมเปน ก็เปนทุกขไปทั้งนั้น. แลวบรรพชิตสมัยนี้เปนทุกขยิ่งกวา ฆราวาสก็ม ี เปน บา ไปก็ม ี, บรรพชิต สมัย นี ้ก ็เปน โรคประสาทกัน มากขึ้น ; ฉะนั้นมันไมไดอยูที่คําพูดหรือบัญญัติยางนั้น มันอยูที่วาขอเท็จจริงมันเปนอยางไร มัน เปน เปน หรือ ไมเปน มัน ไดเปน หรือ ไมเปน นั้น ตา งหาก.เพราะฉะนั้น โดย พฤตินัยเราก็ไมพูดวาฆราวาสจะตองเปนทุกขเสมอไป ; ยิ่งเปนฆราวาสที่เปน
๑๑๒
ฆราวาสธรรม
พระอริยเจา เปนโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามีอะไรดวยแลว มันก็ยิ่งมีขอยกเวน มากขึ้ น ที่ จ ะไม ต อ งเป น ทุ ก ข . ฉะนั้ น เมื่ อ คุ ณ ถามผมวา ฆราวาสจะดั บ ทุ ก ข ได อยางไร นี้มันก็ตองดูกันเสียกอนวา ฆราวาสชนิดไหน ; เพราะมันแยกออกจาก กันได พูดงาย ๆ ก็คือวาฆราวาสโงหรือฆราวาสฉลาดนั่นเอง.นี้ก็เปนคูแรกที่จะ ตองพิจารณาดู ฆราวาสโง ฆราวาสฉลาด ตองตางกันมากทีเดียว หรือจะเรียกวา เป นกัลยาณปุ ถุชน หรือเป นพาลปุ ถุชน. เป นคนพาลหรือเป นบั ณ ฑิ ต. ถาเป น พาลปุถุชน มันก็มีเรื่องที่ตองเปนทุกข มากมายรุมกันเขามาหลายเรื่อง, ถาเปน กัล ยาณปุ ถุ ชนจวนจะเป น พระอริยเจ าอยู แล ว มั น ก็ ไม ค อ ยจะมี เรื่อ งที่ จะต อ ง เปนทุกข. ทีนี ้ ยัง มีคํ า อีก คู ห นึ ่ง ขอใหจํ า ไวด ว ยวา สัต บุรุษ กับ อสัต บุรุษ . อสัตบุรุษนั้นคือคนพาล สัตบุรุษคือบัณฑิต แตเขาเล็งเอาความสงบรํางับเปนหลัก. สัตบุรุษแปลวาบุรุษสงบรํางับ, อสัตบุรุษ ก็แปลวาบุรุษที่ไมสงบรําลัง. ชาวบาน ทั่วไปมักจะเรียกไปวา “สัปบุรุษ” สัปบุรุษที่พูดกันตามวัดตามวานั่นแหละคือสัตบุรุษ แปลวาผูมีความสงบ, แลวอสัตบุรุษก็แปลวาเปนพาลคือไมมีความสงบ, นี่มัน เป น ฆราวาสได ด ว ยกั น ทั้ งนั้ น ฆราวาสโง ก็ เป น พาลปุ ถุ ช น,เป น อสั ต บุ รุ ษ ไป ; ฆราวาสฉลาด ประพฤติตัวดีสมกับความฉลาดก็เปนกัลยาณปุถุชน เปนสัตบุรุษไป ; ทั ้ง หมดนี ้ล ว นแตเ ปน ฆราวาสทั ้ง นั ้น . เพราะฉะนั ้น ถา พูด ขึ ้น มาคลุม ๆ วา ความทุกขของฆราวาส หรือฆราวาสจะตองเปนทุกขเสมอไปอยางนี้ มันไมคอย ถูกนัก; จะตองดูใหดีเสียกอนวาฆราวาสชนิดไหน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที นี้ ทํ าไมเขาจึ งพู ด ว า ฆราวาสต อ งเป น ทุ กข ถ าเรายอมรับ ข อ นี้ แลวมันก็แสดงอยูในตัววามันหมายถึงฆราวาสโง ฆราวาสเปนพาล ฆราวาสเปน
ความทุกขในความเปนฆราวาส
๑๑๓
อสั ต บุ รุ ษ . ที นี้ อ าจจะคิ ด ให ล ะเอี ย ดลงไปว า แม ฆ ราวาสที่ ดี เป น ฆราวาสที่ ดี นั้ น มั นก็ มี เรื่ องมะรุมมะตุ มนั่ นนี่ โน นมากกว าบรรพชิ ต เลยต องถื อว าฆราวาสนั้ นเต็ มไป ด ว ยความทุ ก ข ; อย า งนี้ มั น ก็ ถู ก เหมื อ นกั น . แต อ ย า ลื ม ว า ฆราวาสกั บ บรรพชิ ต นี้ มั น อาจจะป น กั น ยุ ง ก็ ไ ด . เดี๋ ยวนี้ เรายอม เอ าเสี ย ว า เป น ฆ ราวาส ที่ ดี เป น บรรพชิ ต ที่ ดี ด วยกั น ก็ ต องถื อว าฆราวาสมี เรื่ องรบกวนมาก คื อ ต อ งมี ทุ กข มากกว า บรรพชิ ต . นี่ ยุ ติ กั น ได อ ย า งนี้ . แต แ ล ว ก็ อ ย า ถื อ ว า เป น ฆราวาสแล ว จะต อ งมี ทุ ก ข เหมื อ นตกนรกทั้ ง เป น เสมอไป. ฆราวาสที่ ดี ที่ เป น สาตบุ รุ ษ ก็ ไ ม จํ า เป น จะต อ ง เปนอยางนั้น ; หรือยิ่งเปนพระอริยเจาดวยก็ยิ่งไมตองเปนอยางนั้น. เดี๋ ยวนี้ เราอาจจะเข าใจผิ ดตามสมมติ นั้ นมากเกิ นไปก็ ได มั นก็ จะมี ผลเสี ย ในข อ ที่ ว า ถ า เกิ ด โง ขึ้ น มาก็ จ ะยอมรับ เอาความทุ ก ข เข ามาดื้ อ ๆ อะไร ๆ ก็ ย อมทุ ก ข ยอมรั บ ทุ ก ข เ ข า มาดื้ อ ๆ เพราะถื อ เสี ย ว า มั น ต อ งเป น ทุ ก ข ; ผมว า ทํ า อย า ง นั้ น ไม ถู ก . โดยปกติ แ ล ว เราจะต อ งมี จิ ต ใจชนิ ด ที่ ไ ม เ ป น ฆราวาส ไม เ ป น บรรพชิต ดีก วา ถา ไปยึด ถือ วา เปน ฆราวาส เปน บรรพชิต มากไปมัน ก็เ ขา รอย ที่ เขาพู ด ๆ กั น ไว โดยไม ทั น รู ตั ว หรื อ ว า โดยสมั ค รใจไปเสี ย เลย ไม มี ก ารต อ ต า น. เพราะฉะนั้ น ลื ม เสี ย ก็ ไ ด ว า เป น ฆราวาสหรื อ เป น บรรพชิ ต ถื อ เสี ย ว า มั น เป น มนุ ษ ย เกิ ด มา แล ว ก็ มี ป ญ หาอย า งไรก็ ต อ งแก ให มั น หลุ ด ลุ ล ว งไปให ได อย า งนั้ น ยั ง จะดี ก ว า ;ไม เป น การท อ แท ล ว งหน า หรื อ ว า เป น การเศร า โศกล ว งหน า ; แล ว เราก็ เห็ นอยู แล วว า คนเกิ ดมาก็ เป นฆราวาส ไม ใช มี ใครเกิ ดมาแล วมาก็ เป นบรรพชิ ต มาแตใ นทอ ง มัน ก็เ ปน สิ ่ง ที ่เ ลือ กได. เมื ่อ ตอ งการจะทํ า อยา งบรรพชิต มัน ก็เลือ กได แลว ก็ทํ า ทีห ลัง ; แลว การเปน ฆราวาสหรือ เปน บรรพชิต นี ้ ก็อ ยา เอาอยูบานอยูวัดเปนหลักเกณฑกันนัก ตองเอาที่จิตใจวาเปนอยางไร นี่เรา ก็ไดพูดกันโดยละเอียดแลว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๑๑๔
ฆราวาสธรรม
อยูวัดสมั ยนี้ มี จิตใจเหมื อนคนอยูบ าน หรือยิ่งกวาคนอยูบ านก็ยังได ; คนอยู บ า นสมั ย นี้ เขาอาจจะมี จิ ต ใจเหมื อ นพระ หรือ เป น อยู อ ย างบรรพชิ ต ก็ ได . ถา เขามีป ญ ญา มีค วามเฉลีย วฉลาด มีบ ุญ มีท รัพ ยส มบัต ิ มีอํ า นาจที ่จ ะจัด จะทํ าอะไรภายในบ านเรือนให เป น ไปอย างสงบเรียบรอ ย มั น ก็ ทํ าได เหมื อนกั น ; มันก็เลยเป นบรรพชิตโดยไม รูสึกตั ว ดีกวาเป นบรรพชิตชนิ ดที่ มั นรุงรังมากไปกวา ฆราวาส แลวไพลไปทําอะไรอยางฆราวาส. นี ่เ ราพูด กัน โดยหลัก ทั ่ว ๆ ไปวา ฆราวาสครองเรือ น ฆราวาสมี ครอบครัว มี บุ ต รภรรยาสามี มี ท รั พ ย ส มบั ติ มี การสั งคมที่ ผู ก พั น กั น ยุ งไปหมด เพราะฉะนั้ น ป ญ หาจะต อ งมี ขึ้ น มากกว าบรรพชิ ต; ก็ เรี ย กว า ฆราวาสนี้ เป น รั ง ของ ความยุ ง ยาก ลํ า บาก สับ สนวุ น วาย โกลาหล. แตม ัน มีท างออกหรือ ทางที่ จะต องคิ ดอยางที่ ไดพู ดมาแล วแต วันกอ นอีกเหมื อ นกันวา สิ่งเหล านั้น มั นก็ไม ได มี ม าสํ า หรั บ ให เป น ทุ ก ข หรือ เป น ความทุ ก ข โดยตรงโดยเฉพาะเจาะจงมัน มีม า ใหสํ า หรับ เปน บทเรีย นก็ไ ด หรือ มาสอบไล มาเลื ่อ นชั ้น มนุษ ยก ็ไ ด.คนที ่อ อก ไปบวชเปน บรรพชิต หรือ เปน ฤาษีม ุนีอ ยูในปา เพราะเบื ่อ ฆราวาสนั ้น ก็เพราะวา ความเปน ฆราวาสมัน สอนใหเ ขาจึง รู จ ัก เบื ่อ เพราะฉะนั ้น ตอ งถือ วา มัน เปน บ ท เรีย น ห รือ มัน เปน โรงเรีย น . ถา ค นโงเ กิน ไป ไมรู จ ัก เบื ่อ ก็ต อ งท น อ ยู ที ่นั ่น , ถา ค น รู จ ัก เบื ่อ มัน ก็อ อ กไป ได; แตแ ลว อ ยา ลืม วา สิ ่ง เหล านั้ น มั นสอนให . คื อทรั พย สมบั ติ บุ ตรภรรยาสามี อาชี พการงาน ป ญ หาสารพั ดอย าง นี้มันสอน, มันสอนให. ถาเรามองมันไปในแงของความทุกขมันก็เปน ทุกข, แตถามองในแงดีกันบาง มันก็จะยุติธรรม คือวามันเปนสิ่งที่มาสอนให มา ผลั กไสให เราก าวไปโดยเร็ว, เพราะฉะนั้ นถ าไม มี ชี วิ ตแบบฆราวาสเป นมาตรฐาน อยู อ ย างนี้ คนเราก็ ค งจะไม ฉ ลาดกี่ ม ากน อ ย เพราะอุ ป สรรคหรื อ ความทุ ก ข นั้ น มันเปนเครื่องชวยใหเกิดความฉลาดในภายหลังทั้งนั้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ความทุกขในความเปนฆราวาส
๑๑๕
ทีนี้ ดู กั นในพระบาลีบ าง ก็พู อยางเดี ยวกั น มี คํ าตรัสของผูเป นบั ณ ฑิ ต หรื อ แม แ ต ของพระพุ ท ธเจ าเอง ก็ พู ด อย างที่ เขาพู ด กั น ทั่ ว ๆ ไปว า : ฆราวาสนี้ อึ ดอั ด เป นทางมาแห งธุ ลี . ถ าแปลเป นไทยว าอย างนั้ น ฆราวาสนี้ คั บแคบอึ ดอั ด เปน ทางมาแหง ธุล ี ; ความเปน บรรพชิต เปน นัก บวชนั ้น โลง โถงอยา งอากาศ แลว ก็ไ มเ ปน ทางมาแหง ธุล ี. สมฺพ าโธ แปลวา อึด อัด คือ ถูก กระทบกระทั ่ง รอบด า น. ชี วิ ต ฆราวาสนั้ น เป น สมฺ พ าโธ คื อ อึ ด อั ด แล ว ก็ เป น ทางมาแห งธุ ลี ธุ ลี ในที่ นี้ คื อกิ เลส. อึ ดอั ดคั บแคบก็ หมายความว ามั นถู กกระทบกระทั่ งรอบด าน เดี๋ ยวเรื ่อ งนั ้น เดี ๋ย วเรื่อ งนี ้ เดี ๋ย วเรื่อ งโนน คลา ย ๆกับ วา มัน มาสอบไล แลว มัน ก็ เป นทางมาแห งธุ ลี คื อกิ เลส ก็ จริงเหมื อนกั น แต วามั นจะเกิ ดธุ ลี หรือไม เกิ ดธุ ลี นั้น มันก็ขึ้นอยูกับบุคคลนั้นอีก. เขาวางเปนหลักไวทั่วไปอยางนี้. ที นี้ บรรพชิ ตมั นก็ ออกไปเสี ยจากบ าน จากเรือน จากครอบครัว จาก ทรัพยสมบัติ จากญาติพี่นอง จากสังคมอะไรตาง ๆ มันก็ไปในทางตรงกันขาม คือ โล งโถงเหมื อ นอากาศ แล วก็ ไม ค อ ยมี ท างมาแห งธุ ลี . ฝรั่งคนหนึ่ งเขาเอาบาลี นี้ ไปแปลเปนคํากลอน เขาทีมาก :
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org A den of strife, is household life, And filled with toil and need ; But free and high as the open sky, ls the life the homeless leads.
นี่ คุ ณ ฟ งดู เขาก็ ถู กและไพเราะ : ความเป น household life ก็ คื อ ชี วิ ต ฆราวาส เป น den of strife เป น ดงหรื อ เป น ถ้ํ าของความสั บ สนวุ น ว าย เต็ ม ไป ด วยความทะเยอทะยานและความต องการ filled with toil and need. เพราะว า ฆราวาสนี้ มั นเต็ มไปด วยความทะเยอทะยานและความต องการ มั นจั งเป นดง เป น ถ้ํ าที่ สะสมหมั กหมม เรื่องของความกระทบกระทั่ ง. คุ ณ ไปหลั บตามองดู ก็ แล วกั น
๑๑๖
ฆราวาสธรรม
มั นเป น ภาพพจน ที่ พอจะมองเห็ นได . ฆราวาสมี toil and need มาก ก็ เห็ นอยู ชัด ๆ วามั นต องการมาก ต องการเพื่ อตั วเองก็ ต องการมาก ต องการเพื่ อบุ ตรภรรยา สามี ก็ ต อ งการมาก ต อ งการอย างนั้ น อย างนี้ ก็ ม าก. ส วนพระนี้ จ ะมี แ ต บาตรกั บ จีว รก็พ อ แลว ก็เ ดิน เรร อ นไปอยู ไ หนก็ไ ด ; มัน ตา งกัน อยา งนี ้. เพราะฉะนั ้น จึ งเปรีย บพระเหมื อ นกั บ ว า นก มี แ ต ป ก ก็ พ อ นกมี ส มบั ติ เพี ย งแต ป ก อย างเดี ย ว ก็ พ อ เพราะป ก ช ว ยให น กบิ น ไปได . เมื่ อ มั น บิ น ไปได มั น ก็ พ บอาหาร พบอะไร ตามที ่ม ัน จํ า เปน แกช ีว ิต ไปหากิน ไดเ ทา นั ้น เอง. ชีว ิต ของพระก็เ หมือ นกับ นก มีสมบัติเพียงปกเทานั้น. สวนฆราวาสนั้ นมี อะไรๆเป นสมบั ติ จะเรียกวานั บไม ไหวก็ได เหมือน สัตวอะไรก็ เปรียบยาก.เมื่ อเปรียบบรรพชิตกั บนกแล ว จะเปรียบฆราวาสกั บอะไร คุณไปคิดดูเอง ผมไม มีป ญญาจะเปรียบเทียบ คือมั นจะยิ่งกวาวัวควายหรืออะไรไป เสี ย อี ก เพราะว า มนมี อ ะไร ๆ มากเกิ น ไป. เพราะฉะนั้ น ถ า จะให ยึ ด หลั ก ว า ฆราวาสแลวตองเปนทุกข บรรพชิตตองไมเปนทุกข มันก็ตองอยางนี้ ก็ตองมองกัน ในแงนี้ . เป นบรรพชิตให ถูกต อง, เป นฆราวาสให ถู กต อง, มั นก็ยั งมี ขอเสียเปรียบ กั น อยู อ ย า งนี้ . เพราะฉะนั้ น ความทุ ก ข ใ นฆราวาสก็ มี ม ากกว า เพราะทุ ก อย า ง มันเปนทางมาแหงธุลี แลวมันก็ไดเกิดขึ้นจริง ๆ ดวย คือกิเลสนานาชนิด.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี้คุณก็ไมไดถามปญหาที่จะเปนพระอยางไร ? คุณถามปญหาวาจะเปน ฆราวาสอย างไรผมก็ ต องตอบอย างนี้ คื อแม วามั นจะมี ความทุ กข อยู มาก แต ถ าเรา รับเอามาในฐานะเป นบทเรียนหรือเป นขอสอบไล มั นก็กลายเป นของดีไปในที่ สุด. เพราะฉะนั้น ที่คุณถามวาจะปองกันความทุกขอยางไร ? จะแกไขความทุกขอยางไร? ผมก็ ต อบด ว ยคํ า ตอบสั้ น ๆ นี้ ว า รั บ เอามาในฐานะเป น บทเรี ย น. ถ า มั น เกิ ด เป นความทุ กขขึ้นมาเพราะเรื่องของฆราวาสนั้น ก็อย ารับเอามาในฐานะเป น ความทุกขทรมาน, ใหรับเอามาสําหรับเปนปญหาที่จะตองแก เปนบทเรียน ที่ จ ะต อ งเรี ย น แล ว ก็ ส อบไล ใ ห ไ ด คื อ ผ า นไป.วิ ธี นี้ แ หละที่ จ ะสู ค วามทุ ก ข ข อง
ความทุกขในความเปนฆราวาส
๑๑๗
ความเปนฆราวาสได. ถาไปโงไปกันหัวลงรับเอามาในฐานะเปนความทุกขแลว ก็คงจะทนไมได ;แตแลวคนทั่วไปเขาก็รับมันในลักษณะอยางนั้น เพราะฉะนั้น จึงนาสงสาร. เราก็ไดขอสังเกตสักอยางหนึ่งวา เปนฆราวาสนี้เปนได ๒ อยาง คือ เปนในฐานะเปนคนหลับหูหลับตาโงเงาไป เหมือนกับลากเกวียน ลากแอก ลากไถ อย างวั วควายไปก็ ได นี้ อ ย างหนึ่ งก็ มี ทุ ก ข ม าก. ที นี้ เป น อย างนั ก ศึ ก ษา เป น อยางผูที่มีปญญาสําหรับศึกษา แลวก็สอบไลใหแกตัวเอง ;มันก็เปนอีกอยางหนึ่ง ไมเหมือ นกันเลย. เขาเปน ฆราวาสที่เรียกวาพอดูได หรือ วานาดูก็ได เพราะ คนนั้นเขาเกง ที่ทําอะไรใหลุลวงไปได นี้มันก็นาดู ; ถึงจะมีความทุกขเขามา ก็เขามาสําหรับใหชนะ ไมใชใหพายแพ มันก็นาดูที่ตรงนี้. การที่จะหลีกทิ้งออกไปบวชเปนอิสระเหมือนนกนี้มันก็ไปอีกเรื่องหนึ่ง แต แลวก็ ปรากฏวามี ไม กี่คนที่ ออกไปแล วเป นอิสระ ฟรีเหมื อนนกได มั นก็ไปเขา บว งอยา งอื ่น ถึง กับ สึก กลับ ออกมา นี ้ก ็ม ี. ก็แ ปลวา ไมไ ดเ ปน บรรพชิต โดยแทจริง เปนแตรูป แตแบบ แตธรรมเนียม. เพราะฉะนั้นคุณก็ใชสติปญญา ของตัวเองพิจารณาดูเอง วาความทุกขของฆราวาสนี้มันคืออะไร, มันเปนอยางไร ; แลวเราก็กําลังเปนอะไร ; แลวเราจะตองรับมันใหดีที่สุดในฐานะเปนการศึกษา นั้ น อย างไร. แล วคุ ณ ก็ อย าลื ม ที่ พู ด กัน ไววัน ก อ นวา เรื่องเป นอะไร หรือ อยู ที่ ไหนนั้ น มั นอยูที่ จิต เอาจิตเป นประมาณ.เพราะฉะนั้ นฆราวาสสามารถจะจั ด หลีกในชีวิต ประจําวันใหมัน เปน นั่น เปน นี่เปน โนน ก็ได. ชั่วโมงนี้เปนฆราวาส เต็มหนัก. ชั่วโมงหนาเปนพระดูเลนสักสองสามชั่วโมงก็ได ; นี่บอกเผื่อเอาไว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้เปนฆราวาสที่เปนโสดมันก็ยิ่งทําไดงายขึ้น แตอยาลืมวาผมไมได เรียกคนโสดวาฆราวาสคือถือตามหลักมนูธรรมศาสตรบรมโบราณวาคนโสดนั้น
๑๑๘
ฆราวาสธรรม
เปนพรหมจารีไมใชเปน ฆราวาส. เรื่องนี้ก็พูด แลว คุณ ก็จดจําไปแลว. คนโสด ที่แทจริงคือตั้งแตยังเปนเด็กขึ้นมาจนถึง เปนหนุมเปนสาวนั้นยังไมใชเปนฆราวาส ยั งเป นพรหมจารี มั นยั งน าดู ยั งงดงาม หรือวายั งมี ความทุ กข น อย.พอย างเข า มาเปนฆราวาส มีบานมีเรือน มีครอบครัวนี้ มันก็เปนฆราวาสเต็มที่ ตองเผชิญ กับปญหารอบดาน. นี่ก็ทําใหนึกถึงนิทานสมมุติที่เลากันเลนสนุก ๆ วา ตอนเปน ชี วิ ต ฆราวาสแท ๆ มั นไปเอาของวั วมา ไปเอาชี วิ ต ๒๐ ป ที่ พ ระจ าลดให วั วมา เพราะความโง เพราะความโลภ เลยก็ไดเป นวัวราว ๒๐ ป คือ พอ บานแมเรือ น ที่ หนั กอึ้ งเหมื อนวั วลากเกวี ยน ๒๐ ป จึ งค อยถอนตนออกไปเป นอย างอื่ น คื อเป น วนปรัส ถ คื อ เป น สั น ยาสี ก็ รอดตั ว ไปที . แต ถ า ไปเกิ ด เป น สุ นั ข ไปเกิ ด เป น ลิ ง เขาอีกก็แย คือเป นฆราวาสตลอด ๒๐ ป หนักอึ้งแลว พอแกไปกวานั้นอีก ก็ไป มีเรื่อ งวิต กกัง วล หว งลูก หว งหลาน หวงเหลนอะไรมากตอ ไปอีก ก็เปน สุนัข ที่ เฝ าทรัพ ย นอนหลั บ ไม ได . นี้ ด วยเหตุ ที่ ว าไม ได ทํ าไว ให ดี ชี วิต นี้ ไม ได รับการ ศึ กษาฝ กฝนให เป นอย างดี ;พออายุ มากเข ามั นป า เป อ มั นเลื อนฟ นเฟ อน มี สติ สัมปชัญญะไมสมบูรณ ก็กลายเปนลิงไป คือเปนตัวตลกใหเด็ก ๆ หัวเราะ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้นคุณจะตองรูไวดวยวา จะตองเปนพรหมจารี ใหถูกตอง, เป น ฆราวาส คฤหั ส ถ ใ ห ถู ก ต อ ง,แล ว พอสิ้ น ยุ ค ของฆราวาสนี้ ก็ จ ะพยายาม เปนวนปรัสถใหมาก คือพยายามเปนผูสลัดเรื่องยุง ๆ ของฆราวาสนั้น ใหมากที่สุด ที่ จ ะมากได , แล ว อยู ด ว ยความสงบ. แม ที่ บ า นที่ เรือ น ที่ เรีย กว า เป น ฆราวาส นั้ นแหละแต เราไม เป นฆราวาสอย างอายุ ๒๐ ป นั้ นแล ว. เราเป นคนระลึ กนึ กคิ ด ฝกฝนจิตใจกันเสียใหมใหดีที่สุด และอายุตอไปในบั้นปลายของชีวิต จะไมปาเปอ เลอะเลื อนเหมื อนคนทั่ ว ๆ ไป ; จะมี สติ สั มปชั ญ ญะสมบู รณ จนวิ นาที สุ ดท าย ; แลวเราก็มีโอกาสที่จะใชชีวิตบั้นปลายสุดทายถึงที่สุด แมวาจะแกชราลุกไปไหน ไมไดแลวก็นั่งเปนสันยาสีอยูที่ตรงนั้นก็ได ; คือวาสอนลูก สอนหลาน สอนเหลน ใหรูในสิ่งที่ควรจะรู เพราะวาเราผานโลกมาอยางถูกตองเปนเวลาเกือบรอยป.
ความทุกขในความเปนฆราวาส
๑๑๙
คนแกชนิดนี้มีประโยชนมาก ที่จะตอบปญหาของเด็ก ๆ ไดหมดทุกอยาง ทุก ประการ ; มีไ วใ นบา นในเรือ นก็เหมือ นมีพ ระเจา อยู อ งคห นึ ่ง สํ า หรับ ให แสงสวาง. คนแก อายุ ตั้ ง ๙๐ ป นั้ นย อมรอบรูอะไรมาก, กํ าลั งไม ฟ นเฟ อนเลอะ เลือนเลย ไมเสียสติสัมปชัญญะเลย เพราะอบรมมาดี. ถาผูใดกลัววาอายุมาก ๙๐ ป ๑๐๐ ป แลวจะฟนเฟอนเลอะเลือน เหมือนที่เห็น ๆ กันอยูโดยมากนั้น ผมขอบอก วามีทางปองกัน อยาใหมีความทุกขในชีวิตฆราวาสตอนนี้ นั่นคือพยายามฝกจิต ตามหลักพระพุทธศาสนาใหมาก ที่เขาเรียกวา “ฝกสติ” นั่นแหละ. เราฝกสติให เป นระเบี ยบอยูทุ กวัน ๆ ตอนแกอายุ ๙๐ ป ๑๐๐ ป มั น ไมหลง. ถาเราปลอยใหกิเลสตัณหาครอบงําเราทุกวัน ๆ ไมตองสงสัยอายุ ๙๐ ป ๑๐๐ ป มัน จะหลงจะฟ น เฟอ น. เพราะฉะนั ้น เราจะตอ งเสีย สละ : เมื ่อ อายุมันมากพอแลว งานก็ทํามามากพอแลว ก็ยอมเสียสละเอาเวลามาฝกจิตให ถู กวิ ธี ที่ จะฝ ก โดยเฉพาะเช นอานาปานสติ นี้ อ ยู เป น ประจํ า ; ผมเชื่ อ ว า,จะจริง หรือ ไมจ ริง ไมท ราบใหม ีอ ายุส ัก ๑๕๐ ป หรือ ๒๐๐ ป ก็จ ะไมห ลง ; มีแ ตว า รางกายมั นจะทนไม ไหว มั นจะเน าไปเสี ยก อนเท านั้ น. ถ าสมมุ ติ วามั นจะอยู ได อายุ ๒๐๐ ป มัน ก็ไ มห ลงดอก ; ถา อยู ด ว ยจิต ใจที ่เ ปน ระเบีย บในเรื ่อ งของ จิตใจอยูทุกวัน ๆ แลวไมมีหลงได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่ คุ ณ เห็ นไหมวา มั นน ากลั วหรือไม น ากลั ว ? อายุ สั ก ๘๐ ป แล วมั น เกิ ด หลงเหมื อ นคนที่ ห ลงบางคน, กิน ก็ วาไม ได กิ น อะไรก็ วาไม รูทั้ งนั้ น , นุ งผ า หรือ ไมนุ ง ผา ก็ไ มรู, กลางวัน หรือ กลางคืน ก็ไ มรู, อะไรก็ไ มรู, ตัว เองชื่อ อะไร ก็ ไม รู, นี่ มั น หลงขนาดนี้ ; น ากลั วหรือ ไม น ากลั ว ? นี่ ก็ เป น ฆราวาสที่ เป น ทุ ก ข อยางยิ่งได. จะปองกันไดโดยวิธีฝกสติสัมปชัญญะ ตามหลักของพระพุทธศาสนา อยู เป น ประจํ า แล ว ก็ ฝ ก มากขึ้ น ในตอนที่ อ ายุ มั น มากขึ้ น ; คื อ ยอมสละสิ่ งอื่ น
๑๒๐
ฆราวาสธรรม
ออกไป ใหม ีเวลามาทําจิต ใจใหดี ใหม ากขึ้น ; นี่ก็จ ะรับ ประกัน ได. ถา ยิ่งทํ า ไปไดตั ้ง แตย ัง หนุ ม ๆก็จ ะยิ ่ง ดี ; ดีที ่ต รงไหน ? ก็ด ีต รงที ่ไปเปน ฆราวาส เปน พอบานแมเรือนที่เขมแข็ง ที่เฉลียวฉลาด ที่บึกบึน ที่ทําหนาที่ฆราวาสใหลุลวงไป ดว ยดีได ; แลว พอตอ จากนั้น ก็ไปเปน คนแกที่ส มองใส ที่จิต ใจสวางไสว เปน ที่พึ่งแกคนอื่นได ดีอยางนี้. เมื่ อคุณ ต องการจะแก ป ญ หาของฆราวาสทุ กชนิ ดละก็ ก็ให ทํ าเป น ขั้นๆ ไป : เป นพรหมจารีต องทํ าอย างไร ? ถ าทํ าผิ ด ความทุ กข ก็ จะเกิ ดขึ้นตั้ งแต เป น พรหมจารี ; คือเด็ก ๆ ของเราเปนบาบาง กระโดดน้ําตายบาง หรือวาทําอะไร ที่ ไม น าดู อี ก หลาย ๆ อย า ง ; เพราะมั น ทํ าผิ ด ไปตั้ ง แต ขั้ น ที่ ๑. นี่ ข อให ก ลั วกั น ใหมาก ละอายกันใหมากในเรื่องอยางนี้ จะไดปองกันได. ทีนี้เลื่อนไปขั้นที่ ๒ เปนคฤหัสถ. ถาในขั้นพรหมจารีทํามาดี ในขั้น คฤหัสถก็เชื่อวาจะตองดี จะตองเปนคนฉลาด จะตองเปนคนอยูในธรรม, อยูในพระ ธรรม, อยู ใ นระเบีย บวิน ัย อยู ใ นอะไรดี มีค วามเขม แข็ง อดทน มีกํ า ลัง ใจ ที่สูง ไมมีอะไรมาทําใหมันหวั่นไหวโลเล ทอแทอะไรได ; ปฏิบัติงานที่หนักที่สุด ของชีวิตไดตลอดสมัยของเขา คือเปนพอบานแมเรือนที่ดี.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org หลังจากนั้นก็เปน วนปรัสถ อยูในบานนั้นแหละ สนใจแตเรื่องในทาง ความสงบของจิตใจให มากขึ้น. แลวก็เป นสั นยาสี อยูในบ านเรือนนั้ น สอนลู ก สอนหลาน สอนเหลน สอนอะไรก็ไ ด แลว แตจ ะมีห รือ นั ่ง ตอบคํ า ถาม ของเด็ก ๆ เหลานี้ใหถูกตอง.
ถาทําไดอยางนี้ ฆราวาสก็เกือบจะไมเปนทุกขเลย ; หรือถามันเป น ความทุกขเกิดขึ้นในบางอยาง ก็กลายเปนของนาหัวเราะ คือมันมาทําใหเราฉลาด
ความทุกขในความเปนฆราวาส
๑๒๑
มัน มาใหเราแกใ หลุลว งไป. จะเปน ทุก ขทํา ไม ? จะตอ งไปเปน ทุก ขมัน ทํา ไม, ก็ต ัด อะไร ๆ ออกไปไดม าก. แตถ า ไมไดฝ ก จิต ใจใหเขม แข็ง ใหสูง อยา งนี ้แ ลว มั นรับเอาไว ไม ได . ดั งนั้ นการที่ คุ ณเรียนกั นในมหาวิ ทยาลั ยเดี๋ ยวนี้ หนุ ม ๆ สาว ๆ เรียนกันอยูอยางนี้ ผมวาไมมีทางเลย ไมมีทางที่จะตองรับความทุกขในชีวิต ใน ฐานะเป น บทเรี ย นเลย ; จะนั่ งรอ งไห บ าง จะกระโดดนตายบ าง จะยิ งตั วตาย บาง ไปเสียทางนั้นมากกวา. เพราะฉะนั้นการศึกษาเลาเรียนในมหาวิทยาลัย มันยังไมเปนอุดมศึกษา เพราะเหตุ นี้ ; มั นยั งไม ชวยให รูวา เกิ ดมาทํ าไม ? แล วจะแก ไขความทุ กข ที่ มั น จะเกิ ด ขึ้ น ในจิ ตใจด วยความยิ้ ม แย ม ได . มั น จะกลั ว มั นจะเสี ย สติ สั ม ปชั ญ ญะ สู ญ เสี ยความเข ม แข็ งอะไรไป ; แล วก็ ป วดหั ว เรีย กกั น ว าปวดหั ว ; พอได เป น นาย เปนผูบังคับบัญชาสูงขึ้นไป มันก็ยิ่งปวดหัว ก็เลยทําอะไรหวัด ๆ. สรุปความกันสักทีหนึ่ งก็ไดวา เป นฆราวาสนี้ เปนใหถูกตองมาตั้งแต พรหมจารี, แลว ก็ม าถึง คฤหัส ถ กระทั ่ง ไปจนถึง วนปรัส ถ และสัน ยาสี. สี่คํานี้ถาไม มี คําอื่นที่ ดีกวาแล ว ก็ขอให เอาไปใช.ถาคุณ มี คํ าอื่นที่ดี กวาก็ตามใจ แตผ มวา นี้ถือ เปน หลัก ได : ชีวิต มนุษ ยเกิด มา กวา จะแตกดับ ใหแ บง ออกเปน ๔ ส วนอย างนี้ : - เป น พรหมจารี เสี ย ส วนหนึ่ ง, เป น คฤหั ส ถ เสี ย ส วนหนึ่ ง, เป น วนปรั ส ถ เสี ย ส ว นหนึ่ ง เป น สั น ยาสี ส ว นสุ ด ท า ย ; แล ว จั ด ชี วิ ต ในความเป น ฆราวาสนั้นใหถูกตองทั้ง ๔ สวน ก็จะเปนผูที่พอจะกลาวไดวา มีชัยชนะ เปนผูชนะ เกิ ด มามี แ ต ค วามชนะ, เป น ชิ น ะคื อ เป น ผู ช นะ นี้ ต ลอดชี วิ ต เลย.และนี่ คื อ วั ต ถุ ประสงคของพุทธศาสนา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org วัตถุประสงคของพุทธศาสนา คือจะชวยใหคนมีแตชัยชนะจนตลอด ชี วิ ต , ให อ ยู ใ นโลกด ว ยชนะจนตลอดชี วิ ต ไม มี วั น พ า ยแพ . อาจจะไม มี ใคร
๑๒๒
ฆราวาสธรรม
สนใจที ่ผ มพูด นี ้น ัก ก็ไ ด แตผ มวา นี ้ค ือ ทั ้ง หมด. พระธรรม ในพุท ธศาสนานี้ ไม ใช มี ไว สํ าหรั บ ชวนให ค นหนี โลก ไปอยู ป า อยู ด ง ; นั้ น มั น แพ ตามความรู สึ ก ของผมคือ นั ่น มัน แพ ที ่ไ มก ลา เผชิญ กับ โลก, แลว หนีไ ปบวชเปน ฤาษีด าบส เปนมุนี เปนภิกษุอะไรก็ตาม นั่นมันแพ. พระพุทธศาสนามีไวสําหรับใหทุกคนนี้อยูในโลกดวยชัยชนะ ไม ตองหนีโลก. ใหอยูในโลกโดยชนะไปทุกแขนงตั้งแตเกิดมาทีเดียว. ฉะนั้น ให มองธรรมะในลั กษณะอยางนี้ แลวให รับเอาไปในลักษณะอย างนี้ ; ในการที่ คุ ณ จะไปศึ ก ษาเล า เรี ย นในมหาวิ ท ยาลั ย ก็ ข อให ป ระสบแต ชั ย ชนะ. ถ า ออกจาก มหาวิท ยาลัย ไปประกอบงานอาชีพ ก็ข อใหป ระสบแตช ัย ชนะ ; แลว ไปเปน พ อบ านแม เรือนต อไปก็ ขอให ประสบแตชัยชนะ ทั้ งภายนอกและภายใน. ภายใน คือจิตใจก็ใหประสบชัยชนะเสียกอน แลวภายนอกก็ จะชนะแน คื อจะชนะสิ่ งต างๆ รอบดา น ; จะเปน สัง คมก็ต าม จะเปน โรคภัย ไขเจ็บ ก็ต าม จะเปน อะไรก็ต าม ที่ มั น จะประดั งเข ามารบกวนเรานี้ เราจะชนะ คื อจะตะเพิ ดให มั น กลั บ ไป แล วก็ หัวเราะเลนได แมแตความตายจะมาถึง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พระพุท ธเจา เรีย กพระองคว า “ผู ช นะ” มีใ นบาลีบ างแหง เรีย ก พระองคเ องวา ผู ช นะ, คือ เปน ชิโ น เปน ชิน ะ. ทีนี ้เ ราเปน ลูก ศิษ ยข อง พระพุท ธเจา ก็จ ะตอ งเปน อยา งนั ้น ; ถา ไมอ ยา งนั ้น มัน ก็ไ มใ ชล ูก ศิษ ยข อง พระพุ ท ธเจ า. จะต อ งเตรีย มพร อ มสํ าหรับ จะไปเป น ผู ช นะทุ ก ชั่ วโมง ทุ ก วั น ทุ ก เดือน ทุกป ;แลวก็เปนฆราวาสที่ดีในลักษณะที่กลาวมาแลว ตั้งแตเกิดจนตาย. พู ดภาษาวั ด ๆ วา ๆ กั นก็ ได : คื อเป นฆราวาสอย างสั ตบุ รุษอย าเป น ฆ ราวาส อย างอ สั ต บุ รุ ษ . คํ าว า สั ต บุ รุ ษ นี้ เป น บ รรพ ชิ ต ก็ ได คื อใช ได
ความทุกขในความเปนฆราวาส
๑๒๓
หมดเลย เป น พระอรหั น ต ก็ เรี ย กว า เป น สั ต บุ รุ ษ ได เหมื อ นกั น คํ า ว า สั ต บุ รุ ษ ความหมายของมันกวางอยางนี้ เปนบรรพชิตก็ได, เปนพระอรหันตไปเลยก็ได เรียกวา สัตบุ รุษผูสงบรํางับ ; แตเดี๋ ยวนี้ เราเอาเพี ยงวา เป นฆราวาส อยูบ าน เรือน นี่ก็เปนสัตบุรุษได. นี่คุณจะเอาอะไรมาวัด หรือมาสอบดู ? ผมก็คิดวา มีเครื่องวัดสัก ๓ หัวขอ ขอใหจําใหดี ๆ: - สามารถจะแกไขปญหาในชีวิตได หมายความวาปลดเปลื้องความทุกขไปได. - แลวก็มีความสุขตามที่ควรจะมี, ตามที่ฆราวาสควรจะมีได. - ทํ า ชีว ิต ของเรานี ้เปน การศึก ษา หรือ เปน การเดิน ทางที ่ด ีอ ยู เสมอ. ใหช ีว ิต ของฆราวาสนั้นเปนการศึกษาที่ถูกตอง หรือเปนการเดินทางที่ถูกตองอยูเสมอ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เวลานี้เราไมมีความทุกข เวลานี้เรามีความสุข เทาที่ฆราวาสจะมีได อยา งสูงสุด อยา งที่ก ลา วมาแลว ก็ได ; แลว ชีวิต นี้ม ัน เปน การศึก ษาเพิ ่ม ขึ้น , แลว ก็เปน การเดิน ทางที ่ถ ูก ตอ งอยู เสมอ ; คือ จากพรหมจารีไ ปสู ค ฤหัส ถ, จากคฤหัส ถไ ปสูว นปรัส ถ, จากวนปรัส ถไปสูสัน ยาสี.หรือ จะพูด ใหม ัน ชัด ลง ไปเลยวา เป นกั ลยาณบุ ถุ ชน แล วเป นพระโสดาบั น เป นพระสกิ ทาคามี เป น พระอนาคามี แลวก็ไปเปนพระอรหันต ; ตอวาระสุดทายดับจิตก็ได มีหวังที่จะ เป น พระอรหั น ต ในนาที สุ ด ท ายของชีวิต ก็ยั งได . มี วิธีงาย ๆ คื อ วา เราตั ด บท ออกไปวา ไมอยากจะมีตัวกู ของกูอีกตอไป แลวก็ดับไปดวยตามที่รางกายมันดับ ; มันก็ถึงจุดสูงสุดไดเหมือนกัน. นี่เปนฆราวาสอยางสัตบุรุษ, ซึ่งคํา ๆ นี้หมายถึง คนดีแตตนขึ้นไป จนเปนพระอริยเจา และเปนพระอรหันตในที่สุด.
๑๒๔
ฆราวาสธรรม
ที่ผมพูดนี้คุณตองรูไวดวยวา คนอื่นเขาไมยอมรับ วาพระอรหันตเปน สัต บุรุษ ; นี่เขาไมเคยไดยิน ไมเคยเห็น . ที่ต ามโรงเรีย นที่เขาสอน ๆ กัน อยู โรงเรีย นนัก ธรรม อภิธ รรมอะไรนั ่น เขาจะไมเรีย กพระอรหัน ตว า สัต บุร ุษ เพราะเขาไมเคยเห็น ไมเคยไดยิน. ผมเคยเห็น จากจารึกผะอบศิลา ใสกระดูก พระโมคคัลลีบุตร จารึกนั้นวา : - “สปฺปุริสสฺส โมคฺคลฺลีปุตฺตสฺส” ซึ่งเขาถือกัน วาเปนพระอรหัน ต. พระอรหัน ตหลายองคก็มีคํานําหน าวา “สัปปุ ริส” ทั้งนั้ น คือ สัต บุรุษ . ถา ไมเรีย นโบราณคดีกัน อยา งนี ้บ า งก็ไ มม ีโ อกาสจะรู วา คํา วา สัตบุรุษนั้นใชแกพระอรหันตก็ได, และใชแกอุบาสก อุบาสิกาตามวัด ตามบาน ก็ได ; ไม เชื่อคุณ ไปถามพวกที่ กรุงเทพ ฯ ดู ที่เขาสอนกันอยูตามโรงเรียนบาลี หรือพวกอภิธรรมก็ตาม. เดี๋ยวนี้ผมกําลังพูดวา เปนฆราวาสชนิดสัตบุรุษก็แลวกัน พอแลว ; ซึ่งมันเปนไดตั้งแตคนดีไปจนถึงเปนพระอริยเจา แลวเปนพระอรหันตไปเลย ; ในวินาทีสุดทายของฆราวาสคนนั้นเปนพระอรหันตก็ได.และเมื่อปฏิบัติอยูอยางนี้ มันคลายกับเปนบรรพชิต เปนการบวชอยูแลวในตัว ; ชั่วโมงที่เปนคฤหัสถมีนอย ที่สุด ที่จะกลุมอกกลุมใจดวยเรื่องลูก เรื่องเมีย ดวยทรัพยสินเงินทอง มันมีนอย ที่สุด หรือมันไมมีเสียเลยก็ได มันอาจจะปดออกไปได ; มันเลยมีลักษณะเหมือน เปน บรรพชิต อยูในบานนั้น เอง. นี่เราเรีย กวาเปน “ฆราวาสชนิด สัต บุรุษ ” ยืดหยุนไดมาก ขยายความไดไกล จากัลยาณบุถุชนไปถึงพระอรหันตเลย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที นี้ ถ าไม เป นอย างนั้ น มั น ก็ ตรงข าม คื อ เป นฆราวาสอสั ตบุ รุษ ขอ นี ้ไ มต อ งสงสัย มัน ตกนรกทั ้ง เปน , สมน้ํ า หนา ที ่เ ปน ฆราวาสชนิด นั ้น คือเปนฆราวาสที่โงเขลา ; ทุกอยางมีแตจะประดังเขามามีอาการเหมือนกับตก นรกทั้งเปน. แตยังมีขอแมวา ถาความโงเขลาของเขานั้นรูจักเปลี่ยนแปลงบาง
ความทุกขในความเปนฆราวาส
๑๒๕
มั นอาจจะเปลี่ ยนแปลงได เหมื อนกั น.เมื่ อได ตกนรกทั้ งเป นสั กพั กหนึ่ งมั นก็ เกิ ด ฉลาดรูจั กอะไรขึ้ นมาก็ เปลี่ ยนได ทั นเหมื อนกั น. ก อนที่ จะตายก็ เปลี่ ยนได ทั น . อยา งนี ้ก ็เ รีย กวา ยัง ดี ตั ้ง ตน ดว ยความมืด แลว ไปสวา งไดใ นตอนปลาย ก็ก ลายเปน สัต บุรุษ ไป. ฆราวาสคนนั ้น ที่เ ปน อสัต บุรุษ แลว เปน อาชาไนย อยูบาง ก็รูเร็ว รูงาย มันเปลี่ยนไดเร็ว ไมทันตายก็เปนสัตบุรุษได. คุณมองดูปริทัศน, outl - ine ปริทัศนของมันในลักษณะอยางนี้ : วา ชีวิต นี้มัน เปนอะไรไดบาง ก็ค งจะสามารถถือ หางเสือ ของชีวิต นี้ไปไดดีที่สุด ; ลัดเลาะ เลี้ยวหลีก เกาะแกงที่เปนอันตรายตาง ๆ ไปไดอยางหวุดหวิด ๆ แลวก็ออก ไปพนอันตรายได. ขอใหศึกษาธรรมะกันในลักษณะอยางนี้ แมจะศึกษาธรรมะ ที่เรียกวา ฆราวาสธรรม ก็ขอใหศึกษาอยางที่เราพูดกันมา ๒ - ๓ คืนแลว. อยา ไปศึกษาอยางที่เขาพูด ๆ กัน ; นั่นมันยอมแพตึงแตตอนมือ. การยอมแพตั้งแต ตนมือนั้นมันนาละอาย : เขาไปหมายเอาวา ถาเปนฆราวาส มันก็ตองเปนทุกข, ถา เปน ฆราวาสมัน ก็ไ มม ีเรื่อ งอะไร มีแ ตทํ า มาหากิน เทา นั ้น หาเลี ้ย งปาก เลี้ยงทองเทานั้น, เขากําหนดตัวเองอยูเพียงเทานั้น ; มันก็เปนการยอมแพตั้งแต ตนมื อ. เพราะวา ลงหลั กลงรากตั วเอง ให มั นหยุดอยู ที่ นี่ เพี ยงเท านี้ . เพราะ ฉะนั้น อยาไปถือตามพวกนั้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราจะเปนฆราวาสในแบบที่พระพุทธเจาทานสั่งสอน. ดังที่มีผูไปถาม ทาน ทานก็บอกวา สุญญตา เปนประโยชนเกื้อกูลแกฆราวาสตลอดกาลนาน ; ก็หมายความมาจนถึงนี่ มาจนถึงจุดหมายปลายทางของสัตบุรุษ เปนลําดับไป ๆ, เปนลําดับไปจนถึงขั้นสุดทายของสัตบุรุษก็คือเปนพระอรหันต. ถามีบาปหนา มีธุลีใ นดวงตามาก ก็ปก หลัก อยูที ่นั่น ; เปน ตกนรกทั้ง เปน จนกระทั ่ง ตาย. แตผมคิดวาเปนยาก มีไดยากในลักษณะอยางนั้น ; เพราะคนเรารูจักเจ็บ รูจักจํา
๑๒๖
ฆราวาสธรรม
รูจักเข็ดหลาบ มั นก็ต องเปลี่ยนแปลงไป - เปลี่ ยนแปลงไป, ผลสุดทายมั นก็ทะลุ กลางปลอง ทิ้งลูกทิ้งเมียไปบวชก็ได. เพราะฉะนั้น เราดูใหดีวา ฆราวาสที่มันตันนั้นมันเปนอยางไร ? ชีวิต ฆราวาสที่ไปติ ดตันอยู นั้นเป นอยางไร ? แล วชีวิตของฆราวาสที่มี การจัดดี ทํ าดี มันไมตัน มันออกไปไดจนถึงปลายทาง; แมวาไปอยางหนัก เหมือนกับเรือหนักๆ เกวี ย นหนั ก ๆ ถ า ทํ า ดี มั น ก็ ลุ ล ว งไปได ;ไปช า หน อ ย แต มั น ก็ ฉ ลาดโขที เดี ย ว. ฉะนั้ น สํ าหรับคนที่ จะบิ น ไปได นี้ มั นคงจะเคยโงกว า โงกว าคนที่ เคยเดิ น เท า ; เพราะฉะนั้นอยาดูหมิ่นความทุกข วาเปนของเลวเสมอไป. ความทุกขทําใหเราฉลาดขึ้น ความทุกขทําใหบุคคลเปนพระสัมมาสัมพุทธเจา; ฉะนั้นถาฆราวาสเต็มไปดวยความทุกข ก็ตอนรับมันในลักษณะนี้, ในลักษณะที่ทําใหฉลาด หรือในลักษณะที่ทําใหบุคคลเปนพระสัมมาสัมพุทธเจา. ถาไมมีความทุกขในชีวิตของคนแลวละก็ พระพุทธเจาก็ไมตองเกิด ไมจําเปนตอง เกิดหรือวาไม อาจจะเกิ ด. ความทุ กขมั นบี บคั้ น ท านหาทางออกพบ ท านก็ เป น พระสั ม มาสั ม พุ ท ธเจ า . ที นี้ เราก็ ได เปรีย บ หรือ มี บุ ญ ที่ เราไม ต อ งค น เอาเอง ; รับคํ าชี้ แจงแนะนํ าของท านมา ก็ งายกวา ในการที่ จะดั บทุ กข ; เรียกวามี โชดดี อยูมาก.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั ้น อยา ใหม ัน เสีย ไปเปลา ๆ ตอ นรับ เอาใหถ ูก ตอ ง ให พระพุท ธเจา มีป ระโยชนแ กเ รา พูด ภาษาธรรมดาหนอ ย, ใหพ ระพุท ธเจา หรือ การตรัส รูข องพระพุท ธเจา มีป ระโยชนแ กเ รา. เดี ๋ย วนี ้เ ราก็บ วชโกนหั ว นุงเหลืองกันทุ กองค ; ถาการตรัสรูของทานไม มีประโยชนแกเราแลว เราก็เปน คนบ า ๆ บอ ๆ ทั้ ง ๆ ที่ บวชอยูอยางนี้. นี้ ผมขอรองวา ใหฟ งให ดี เอาไปคิ ดให
ความทุกขในความเปนฆราวาส
๑๒๗
เขาใจ มันจะไดถูกตอง ; แลวนําไปใชเปนประโยชนได แมวาจะบวชเพียงไมกี่วัน มันก็ยังไดรับประโยชนเพียงพอเหมือนกัน. ขอใหสนใจกันใหดี. สรุปเรื่องวันนี้ก็มีวา ความทุกขของฆราวาสนั้น มันอยูที่วา เปน ฆราวาสโงห รือ วา เปน ฆราวาสที่ฉ ลาดเปน สัต บุรุษ หรือ เปน อสัต บุรุษ . ถา เปนฆราวาสโงมันก็เรียกวา มันสุมทับเปนภูเขาเลากา สารพัดอยางจนเปนบา ไปเลย. ถาเปนฆราวาสที่ฉลาด มันก็ฟนฝาออกไปได ; แลวก็เลยกลายเปน คนฉลาด อยู เหนื อ ความทุ ก ข ได เหมื อ นกั น . เพราะฉะนั้ น ความทุ ก ข ข อง ฆราวาสนั้น เรียกวาดีก็ได เรียกวาชั่วก็ได ; แลวแตคน ๆ นั้นจะเปนฆราวาส ชนิดไหน. ขอใหรูจักความทุกขในชีวิตฆราวาสอยางนี้ เพื่อเปนผูมีชัยชนะในการ ที่ไดเกิด มาในโลก แลวก็ช นะโลก ชนะทุก สิ่ง ; แลว ก็ไมเสีย ทีที่เปน มนุษ ย และพบพระพุทธศาสนา อยางวานี้. เทานี้ก็พอแลว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org วันนี้ก็พอกันที.
ธรรมรวม สําหรับคฤหัสถ และบรรพชิต -๘๒๕ เมษายน ๒๕๑๓ สํา หรับ พวกเราลว งมาถึง เวลา ๔.๔๕ น. แลว ใน วันนี้จะไดพูดกันถึง ธรรมะรวมกันทั้งฆราวาสและบรรพชิต. ขอใหส ัง เกตดูม าตั ้ง แตต น วา ที ่แ ลว ๆ มานั ้น เราพูด กัน แต เรื่อ ง ฆราวาส ; แมจ ะพูด ถึง ธรรมะชั้น สูง ก็พูด ในลัก ษณะ ที่ มั น เกี่ ย วกั น กั บ ฆราวาส คล า ย ๆ กั บ ว า แยกธรรมะสํ า หรั บ บรรพชิ ตออกไป เป นอี กเรื่องหนึ่ ง และอยู ในลั กษณะที่ เหมื อน กับ ตรงกัน ขา ม เปน คนละพวกไปที เดีย ว;ที ่จ ริง มัน ไมเ ปน อยางนั้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สิ่งที่เรียกวา ธรรมะ ที่เปนตัวศาสนาจริง ๆ นั้น ใชไดรวมกันทั้ง ฆราวาสและบรรพชิด ; เพราะวา กิเลส และความทุกขโดยตรงนั้น มันเหมือนกัน สํ า หรับ คนทุก คน ; ทีนี ้ห ลัก ธรรมะก็เลยใชไ ดสํ า หรับ คนทุก คน. ที ่แ ยกออก เป น เรื่ อ งของฆราวาสโดยเฉพาะนั้ น มั น จึ ง มี น อ ย, ที่ จ ริ ง มั น มี น อ ย. ถ า ว า
๑๒๘
ธรรมรวม สําหรับคฤหัสถ และบรรพชิต
๑๒๙
พุ ท ธศาสนาทั้ งหมดมี กํ ามื อ หนึ่ ง มั น ก็ เป นเรื่อ งทั่ วไป ทั้ งฆราวาสและบรรพชิ ต เกือ บทั ้ง หมด ; จะเปน สํ า หรับ ฆราวาสโดยเฉพาะก็ส ัก หยิบ นิ ้ว มือ หนึ ่ง เทา นั ้น ถาทั้งหมดมันกํามือหนึ่ง. คุณ ลองคิดดูใหดี แมวาเรื่องขอปฏิบัติของฆราวาสโดยตรง เชนเรื่อ ง ท ิศ ๖ เป น ต น ; เราท อ งก ัน ย ืด ย าวค ล า ย ก ับ วา ม ัน ม าก ม าย .เมื ่อ ไป เปรียบเที ยบดูกั บตั วพุ ทธศาสนาสวนใหญ แลว มั นก็เป นเรื่องนิ ดเดี ยว ชั่วจะติ ด ปลายนิ้ วมื อ หยิ บ เดี ย ว ถ าทั้ ง หมดมั น สมมุ ติ วากํ ามื อ หนึ่ งเต็ ม ๆ. เพราะฉะนั้ น วันนี้ผมจึงอยากจะพูดใหเห็นชัด ในการที่ธรรมะเปนของใชรวมกันไดทั้งบรรพชิต และฆราวาสนั้ น มั นมี อย างไร ? และมี มากน อยเท าไร ? และก็ อ ย าลื ม วา เมื่ อ พูดถึงธรรมะแลวละก็ จะตองนึกถึงเปนประเภทใหญ ๆ วา ธรรมะในฐานะที่เปน เครื ่อ งมือ สํ า หรับ ใหป ฏิบ ัต ิธ รรมะอื ่น สํ า เร็จ นี ้ก ็พ วกหนึ ่ง ,แลว ก็ธ รรมะที ่เ ปน ตัวการปฏิบัติโดยตรงที่เราจะตองปฏิบัติลงไป โดยใชธรรมะเครื่องมือเปนตนนั้น นี้มัน ก็อีก พวกหนึ ่งตา งหาก; แลว ทีนี้ยัง จะมีแ ถมพิเศษเขา มาอีก พวกหนึ่งก็ได คือ ธรรมะพวกที ่จ ะเอามาใชอ ยา งเครื่อ งมือ ก็ไ ด หรือ เปน ธรรมะในตัว มัน เอง โดยตรงก็ได ก็ยังมีเหมือนกัน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สํ าหรับวันนี้ เราจะพู ดกั นถึ ง ธรรมะที่ ใชรวมกั นได ในฐานะเป นตั ว ธรรมะกันกอน ; แลวจะพู ดเรื่องธรรมะเครื่องมื อ หรือ ที่อาจจะใชเป นเครื่องมื อ ในวันหลัง.
ธรรมะที่ใชรวมกันไดทั้งฆราวาสและบรรพชิตนี้ หรือวาขอเท็จจริง สวนนี้ ไดถูกมองขามโดยคนทั่ว ๆ ไป แมที่เปนครูบาอาจารยสอนอยูทุกวันอยางนี้ เขาก็ ไปแยกวา ฆราวาสต องปฏิ บั ติ อย างหนึ่ ง,บรรพชิดต องปฏิ บั ติ อี กอย างหนึ่ ง คลาย ๆ กับวา เปนมนุษยคนละประเภท อยางที่มันไมมีอะไรเหมือนกันเสียทีเดียว.
๑๓๐
ฆราวาสธรรม
ผมก็เลยรับบาป หรือวาถูกดาอยูเปนประจํา ถูกดา ที่วา เอาธรรมะชั้นสูงมาสอน ฆราวาส หาวาเปนความโงเขลาอยางยิ่ง แลวก็ทําผิดหลักพระพุทธศาสนาอยางยิ่ง. สวนผมเห็นวา นี่คือฉลาดอยางยิ่ง แลวก็ทําถูกตองตามพระพุทธประสงคอยางยิ่ง ที่เอาธรรมะชั้นหัวใจของพุทธศาสนามาสอนชาวบาน ทําไรทํานาอยางนี้ ซึ่งจะได พูดใหเห็นตอไปในขางหนา. พูดสรุปสั้น ๆ ก็วา เอาเรื่องที่ปฏิบัติเพื่อไปนิพพาน มาใชแกคนที่กําลังไถนาอยูในนา อยางนี้ก็ได. แลวคุณก็ตองไดยินคํากลาวหา อัน นี้ ที่เ ขากลา วหาผม ; และถา คุณ ไปพูด กัน เอง เขาก็ตอ งกลา วหาคุณ ; ก็ขอบอกเอาไวใหรูลวงหนาอยางนี้. สําหรับตัวธรรมะที่เปนหลักปฏิบัติ ที่วาใชไดรวมกัน ทั้งแกบรรพชิต และแก ค ฤหั ส ถ นั้ น ขอให ตั้ งต น ไปตั้ งแต ห มวดแรกที่ สุ ด เลย, มั น มี ม ากหมวด เปนหมวด ๆ ไป, แตวาหมวดแรกที่สุดที่จะยกมาใหเห็น เชนสรณาคมน. สรณาคมน แปลวา การถึงพระรัตนตรัย เป นสรณะ คื อ ถึงพระ พุ ท ธ พระธรรม พระสงฆ เป น สรณะ, มี แ บบ (formula) เหมื อ นที่ พู ด กั น ทุก ๆ วัน วา พุท ฺธ ํ สรณํ คจฺฉ ามิ, ธมฺม ํ สรณํ คจฺฉ ามิ. สงฺฆ ํ สรณํ คจฺ ฉ ามิ . นี้ คุ ณ ก็ รู กั น อยู ดี แ ล ว ว า อย า งไร หมายความว า อย า งไร. นี่ เราใช รวมกั น ทั้ งคฤหั ส ถ และบรรพชิ ต ; ไม ต องแยกสํ าหรับ ฆราวาสอย างหนึ่ ง ของ บรรพชิ ต อยางหนึ่ ง ;เพราะเราไม อาจมี พระพุ ทธ พระธรรม พระสงฆ แยกกัน ; เพราะเหมื อ นกัน และก็ตองถึงโดยวิธีเดียวกัน . เพราะฉะนั้น จะทําในใจให ถึง พระพุ ท ธ พระธรรม พระสงฆ อย างไร ก็ ทํ าเหมื อ นกั น หมดทั้ ง ฆราวาสและ บรรพชิต. สวนที่ใครจะทําไดไกลกวา ดีวา มากกวา นั้นมันเปนอีกเรื่องหนึ่ง. แตโดยหลักแลว ก็ตองทําสุดความสามารถ ในวิธีเดียวกัน จะเปนการรับแตปาก
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ธรรมรวม สําหรับคฤหัสถ และบรรพชิต
๑๓๑
มั น ก็ รับ เหมื อ นกั น ; จะเป น การทํ าในใจถึ งพระคุ ณ ของ พระพุ ท ธ พระธรรม พระสงฆ ดวยบท อิติป โส ภควา เปนตน ก็เหมือนกัน. ถาทําไดจริง มีใจ สะอาด สวาง สงบ ในลักษณะที่มีจิตใจเหมือน พระพุ ทธ เหมือนพระธรรม เหมือนพระสงฆ มันก็เหมือนกันอีก. เพราะฉะนั้น การถึงสรณาคมนนี้ เปนหลักที่ใชเหมือนกัน อยางเดียวกันทั้งฆราวาสและบรรพชิต. นี้เราเรียกวาธรรมะรวมกัน เหมือนกันระหวางบรรพชิตและฆราวาส ซึ่งคุณจะตอง หารายละเอียดมาอาน มาศึกษาตอไป. ที นี้ ก็ จะมองดู กั นที่ ตั วของพุ ท ธศาสนา. เมื่ อผมพู ดวา ตั วของ พุทธศาสนานี้ คุ ณ ก็ พ อจะเข า ใจได : ถ า เป น ตั ว พุ ท ธศาสนาในส ว นทฤษฎี เราเรีย กวา อริย สัจ จ ๔ คือ - เรื่อ งทุก ข, - เรื่อ งเหตุใ หเ กิด ทุก ข ไดแ กกิเ ลส, - เรื่องความดับทุกขสนิทไมมีเหลือ นี้คือทําลายกิเลสไมเหลือ, - เรื่องการปฏิบัติ เพื่ อความดั บทุ กข ก็คื อปฏิ บั ติ ให มั นถูกตอง ๘ ประการ, ที่เรียกกั นวา มรรคมี องค ๘ หรือมัชฌิมาปฏิปทา. ถาเราพูดถึงในลักษณะที่เปนทฤษฎีหรือหลักการนั้น เราเรียกวา อริยสั จจ ; แยกออกเป น ๔ ขออยางนี้ ก็ ใชรวมกั นทั้ งฆราวาสและ บรรพชิตอีก โดยหลักการอันเดียวกัน ไมมีอะไรแตกตางกัน. ถาใหมากเทาไร ยิ่งดี ทั้งฆราวาสและบรรพชิต ; คือ เขาใจไดมากเทาไรก็ยิ่งดี แลวจะไดเอา ไปปฏิบัติ. นี่คือตัวพระพุทธศาสนาในฐานะที่เปนหลักทฤษฎี.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ตัวพุทธศาสนาในสวนที่เปนการปฏิบัติโดยตรง มันก็ไดแกปฏิบัติ ตามหลักอริยสัจจขอสุดทายที่เรียกวา มรรคมีองค ๘ นั่นแหละ. เมื่อพระพุทธเจา ทรงแสดงปฐมเทศนา คือ ธัมมจักกัปปวัตตนสูตรนี้เปนการแสดงถึงตัวพุทธศาสนา ที่ พระองค ได ค นพบใหม ไม เคยได ยิ นได ฟ งกั นมาแต ก อน ; ก็ ตรั สเรื่ องมั ชฌิ มา ปฏิ ปทา คื อ มรรคมี อ งค ๘ ประการนี้ . พระองค ท รงยกให เป น ตั วสิ่ งที่ ได ต รัส รู
๑๓๒
ฆราวาสธรรม
ไม เคยได ยิ น ได ฟ งมาแต ก อ นจากผู ใด ก็ ระบุ เป น การปฏิ บั ติ ที่ ถู ก ต อ ง ๘ ประการ เมื่ อรวมกั น เป น อั น เดี ย วเรียกว า “มั ชฌิ ม าปฏิ ป มา” ได แก - ความเข าใจถู กต อ ง, - ความหวัง หรือ ปรารถนาที ่ถ ูก ตอ ง- การพูด จาที ่ถ ูก ตอ ง, - การกระทํ า ทาง กายที่ ถู กต อง, - การเลี้ ยงชี วิตอยู อย างถู กต อง,- ความพากเพี ยรพยายามอยู เสมอ อย างถู กต อง, - ความมี สติ มี ความสํ านึ กรูสึ กประจําใจอยู อย างถู กต อง,- มี สมาธิ คื อ ความตั้ ง มั่ น ของจิ ต อย า งถู ก ต อ ง. ครบทั้ ง ๘ คื อ มี พ ร อ มกั น อยู ค รบทั้ ง ๘ แลวก็เรียกวามัชฌิมาปฏิปทา.
ที่ เขาพู ดกั นโดยทั่ ว ๆ ไปเขาไม ค อยเอ ยถึ งสิ่ งนี้ ในฐานะเป นตั วศาสนา ดว ยซ้ํ า ไป. แตแ ลว ไปดูใ หด ี พระพุท ธเจา ไดต รัส ถึง สิ ่ง นี ้ ในการประกาศ พระศาสนาครั้ งแรก ; แล วในคราวเดี ย วกั น จึ งได ต รั ส ถึ งเรื่ อ งอริ ย สั จ จ ต อ ไป ติ ด ตามมา ว า เรื่ อ งทุ ก ข เรื่ อ งเหตุ ให เกิ ด ทุ ก ข ฯลฯ นี้ ต อ งรู ต อ งปฏิ บั ติ และต อ ง ปฏิบ ัต ิเ สร็จ แลว . สํ า หรับ เรื ่อ งอริย สัจ จนั ้น แจกไวช ัด เลยวา : - ตอ งรู ม ัน วา จะตอ งทํ า อยา งไร, แลว ก็ทํ า มัน ลงไป, แลว ก็รู ว า ไดทํ า เสร็จ แลว ทํ า ถูก ตอ ง แล ว : คื อ รู ว า เรื่ อ งนี้ มั น เป น อย า งนี้ ๆ, แล ว เรื่ อ งนี้ เรามี ห น า ที่ ต อ งทํ า อย า งไร, แล ว เราได ทํ า เสร็ จ แล ว ในหน า ที่ นั้ น ๆ ; นั้ น คื อ หลั ก ที่ พ ระพุ ท ธเจ า ท า นใช กั บ อริยสัจจ แลวสอนใหทุกคนทําอยางนั้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราตอ งรู อ ริย สัจ จแ ตล ะขอ ๆ นั ้น วา มัน เปน อยา งไร ๆ, แลว เรามี หนา ที ่เกี ่ย วกับ เรื่อ งนี ้อ ยา งไร คือ ตอ งทํ า , แลว เราทํ า เสร็จ แลว – คือ เมื ่อ เราได ทํ า เสร็ จ แล ว ถู ก ต อ งแล ว บริ บู รณ แ ล ว. นี่ แ หละหลั ก เกณฑ ในเรื่ อ งมั ช ฌิ ม า ปฏิปทา รวมทั้งเรื่องอริยสัจจนี้ ใชเหมือนกันทั้งพระทั้งฆราวาส โดยเฉพาะ อย างยิ่ งมรรคมี องค ๘ หรือมั ชฌิ ม าปฏิ ป ทานี้ จะต อ งมี อ ยู ที่ เนื้ อ ที่ ตั วของฆราวาส เช น เดี ย วกั บ ที่ ต อ งมี อ ยู ที่ เนื้ อ ที่ ตั วของบรรพชิ ต . เพราะฉะนั้ น คุ ณ ท อ งไว ให มั น
ธรรมรวม สําหรับคฤหัสถ และบรรพชิต
๑๓๓
ขึ้ น ใจ : - เข า ใจถู ก ต อ ง, - มี ค วามหวั งถู ก ต อ ง, - มี ก ารพู ด จาถู ก ต อ ง, - มี ก าร กระทํ า ถูก ตอ ง- เลี ้ย งชีว ิต ถูก ตอ ง, - พากเพีย รถูก ตอ ง, - มีส ติถ ูก ตอ ง, - มี สมาธิถูก ตอ ง. เปน ๘ ถูก ตอ ง. นี้ก ็ไมใชท อ งไดแ ตป าก ตอ งมองเห็น ตัว จริง ของมันดวย ; แลวยิ่งกวานั้น ยังตองรูที่สําคัญที่สุด คือวา มันตองมีพรอมกัน, คือมั นเนื่ องกั นอยู ; ถ าขาดไปเสียอย างเดี ยว ไม ครบ ๘ นี้ ก็ ไม เรียกวา “มั ชฌิ มาปฏิป ทา” หรือ ไมเ รีย กวา “อัฏ ฐัง คิก มรรค” ; ถา มัน พรอ มกัน อยู ทํ า งาน คราวเดีย วกัน พรอ มกัน อยู แ ลว ก็เรีย กวา “อริย มรรค” หรือ อัฏ ฐัง คิก มรรค หรือมัชฌิมาปฏิปทา. อริยมรรคนี้ ขอแรกพระพุทธเจาทานเอาความเขาใจถูกตอง, ความ เห็ น ถู ก ต อ ง หรื อ ความรู ถู ก ต อ งนี้ ม าก อ น เรี ย กว า “สั ม มาทิ ฏ ฐิ ” .เราต อ งมี ความเขาใจ หรือ ความรู หรือความเห็น ก็ต ามถูก ตอ ง. แลวเราจะมีขอ ถัด ไป คือ มีความหวัง มีความปรารถนา มีความใฝฝน มีความดําริก็ตาม แลวแต จะเรียกวา นั้นมันก็ถูกตอง .เพราะเรารูถูกตอ งแลว เราจะไปปรารถนาผิดได อยางไร; มันก็ปรารถนาถูกตอง, เรียกวาเขาใจถูกตอง แลวก็ปรารถนาถูกตอง ดว ย. หลัง จากปรารถนาก็มีก ารกระทํา, การกระทํา นั้น มัน ก็ถูก ตอ งไปหมด. การกระทําทางวาจาก็ถูกตอง, การกระทําทางกายก็ถูกตอง, เลี้ยงชีวิตก็ถูกตอง, พากเพียรอยูก็ถูกตอง. แลวก็มีสติถูกตอง เพราะมัน รูถูกตอ ง, ควบคุมความ รูสึกใหถูกตองอยูเสมอ นี้เรียกวามีสติถูกตอง แลวใจที่มั่นคงเขมแข็งเปนสมาธินั้น มันก็ตองถูกตอง เพราะมันถูกจูงไปโดยความรู หรือความเขาใจที่ถูกตองของ ขอแรกนั้น มันก็เลยถูกตองกันเปนหาง ตามไปหมด. นี้เปนหลักที่คุณจะตองใช ในชีวิต ประจําวัน . พอถึงตอนเย็น หรือ ตอนชั่วโมงสุ ดท ายแห งวัน , คือจะเขา นอนแลวก็จะตองทบทวนดูวา วันนี้มันมีอะไรที่ไมถูกตอง แลวก็จะไดเสียใจใหมาก
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๑๓๔
ฆราวาสธรรม
ละอายใหมาก เพื่อความถูกตองโดยงายในวันตอไป. ที่ปฏิบัติไดเหมือน ๆ กันทั้ง ฆราวาสและบรรพชิต. หลักหมวดถัดไป ซึ่งที่แทก็หมวดเดียวกันกับอันนี้ แตวาเขาไปเรียกให แปลกออกไปวา ไตรสิกขา. ไตร = สาม, สิกขา = การศึกษา. แตวาการศึกษา ในลักษณะนี้เขาหมายถึงการประพฤติปฏิบัติ.การศึกษานั้นคือ การทําลงไปจริง ๆ ใหเ กิด ผลขึ ้น มา นั ้น เขาเรีย กวา การศึก ษา. แบง เปน ศีล สมาธิ ปญ ญา; องคมรรคทั้ง ๘ องคนั้นแหละ เขามาจัดเปนศีล สมาธิ ปญญา ก็ได. สองขอตน เปน ปญ ญา, สามขอ ตรงกลางเปน ศีล , สามขอ สุด ทา ยเปน สมาธิ. แต เดี๋ยวนี้เราจะมองกันในแงอื่น ; เปนแงทฤษฎีอยูมากคือ เอาศีลมาไวเบื้องตน. ชื ่อ ศีล - สมาธิ - ปญ ญา นี ่ร ะวัง โดยทฤษฎีม ัน กลา วจากตั ้ง แต ต่ํา สุด ไปหาสูง สุด จึง เปน ศีล สมาธิ ปญ ญา. แตพ อลงมือ ปฏิบ ัต ิเ ขา จริง ไม เป น อย างนั้ น ต อ งเอาป ญ ญามาก อ น แล วให มั น ดึ งจู ง ศี ล และ สมาธิ ; เพราะกลัววา ศีล สมาธิ มันจะเขารกเขาพงไปก็ได ฉะนั้นจึงเอาปญญามากอน กลายเป น ป ญ ญา - ศี ล - สมาธิ . เมื่ อ มั น มาเป น ตั ว การปฏิ บั ติ เข า มั น กลาย เป นป ญ ญา - ศี ล - สมาธิ. ถ าเอาไวพู ดกั นเป นหลั ก ๆ มั นก็ เป น ศี ล - สมาธิ ป ญ ญา. ทํ า ไมจึ ง เป น อย า งนั้ น ? ตอบได ง า ยนิ ด เดี ย ว ; เพราะว า ถ า ไม มี ปญญาแลว มันจะไมรูเรื่อง ศีล, แลวจะไมชอบศีลดวยซ้ําไป.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาไมมีปญญาก็ไมชอบศีล ไมชอบสมาธิ. เพราะฉะนั้นเราตองมีปญญา พอที่จะมองเห็นวาชีวิตเปนทุกขอยูอยางไร ? แลวจะตองแกไขมันอยางไร ? มีหลัก การอยางไร ? นี่ปญญามากอนอยางนี้แลว ก็พบวาลงมือปฏิบัติใหถูกตองทางกาย ทางวาจา. เพราะฉะนั้ น ดู ลํ า ดั บ หรื อ ความสั ม พั น ธ กั น ขององค ม รรคทั้ ง ๘
ธรรมรวม สําหรับคฤหัสถ และบรรพชิต
๑๓๕
อยา งที ่ว า มาแลว ก็ค ือ - เขา ใจถูก ตอ ง,- หวัง อยา งถูก ตอ ง, แลว ก็ทํ า อยา ง ถู ก ต อ ง. ครั้น เมื่ อ มาพู ด เป น ศี ล สมาธิ ป ญ ญา ก็ ให ความหมายที่ ก วางออก ไปได คื อ ความประพฤติ การกระทํ าที่ ถู ก ต อ งทางกายและวาจา ทั้ งแก ตั วเอง และแกสังคม นี่แหละคือศีล. ทีนี้ก็กําลังจิตที่เพียงพอที่เหมาะสม นี้คือ สมาธิ, การที่มี กําลังจิตที่ถูกตอง เหมาะสม แลวก็มากพอ พอเหมาะ นี้คือสมาธิ.แลว มีความรูในเรื่องที่ควรรูตั้งแตตนจนปลายไปเลย ; ยังไมรู ก็รู, รูอะไรบางแลวก็รู, จะตองรูอะไรตอไปอีกก็รูเรียกวา ปญญา. พูดใหเป นสมั ยใหม หรือวาเป นสากล กวาง ๆ หนอย ไมตองพู ดวา เป น พุ ท ธะหรื อ อะไรกั น แล ว ก็ พู ด ได ง า ย ๆ ว า ; - ศี ล นั้ น คื อ บั ง คั บ ตั ว เองได , สมาธิ นั้ น คื อการบั งคั บ จิ ต ได ; มั น ต างกั น อยู อ ย างนี้ . ศี ล นี้ บั งคั บ ตั วเองข าง นอก ; สมาธิ บัง คับ ตัว เองขา งในคือ จิต . ปญ ญา ก็เปน การรูเรื่อ งที ่ม นุษ ย จะต องรู เพื่ อ แก ป ญ หาทุ กชนิ ดของมนุ ษ ยนั้ น . ศี ล สมาธิ ป ญ ญา ก็ อาจจะมี ได แ ก ค นทั้ งโลก, แล ว ก็ ค วรจะมี แ ก ค นทั้ งโลก ไม ว า เขาจะนั บ ถื อ ศาสนาอะไร หรือ ลิท ธิอ ะไร เปน คํา กลางที่ส ุด ได.คุณ ก็ไปคิด ดูเอาเองวา มัน มีค วามหมาย ที่กวาง ๆ อยางนี้อยางไร.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฆราวาส หรือบรรพชิตก็ยอมตองมีศีล สมาธิ ปญญาเดียวกันนั่นแหละ ไมตองแบงกันเปนคนละชั้น, มีศีล สมาธิ ปญญา ดวยกันเหมือนกัน. ทีนี้เด็ก ๆ อาจจะถามวา แล วทํ าไมเณรถื อศี ล ๑๐ พระถื อศี ล ๒๒๗ แล วชาวบ านถื อศี ล ๕ ศี ล ๘, มั น ก็ ต างกั น . นี้ เพราะเขาไม รู เพราะเขาไม รู ห ลั ก ที่ เป น หั วใจ หรื อ ว า เป น ใจความ จึ งดู ต างกั น . อั น ที่ จ ริง แล วมั น เหมื อ นกั น โดยหั วใจ ; แต วา ขยาย ให ม ากให ล ะเอี ย ดออกไป สํ า หรั บ บรรพชิ ต ที่ จ ะทํ า ให ดี ก ว า ทํ า ให เร็ ว กว า ; แลวมันก็ไมพนไปจากเรื่องศีล ๕ ที่เปนหลักประธาน แลวก็ขยายออกไป.
๑๓๖
ฆราวาสธรรม
จะยกตัวอยาง การไมใหฆา ก็คือไมใหเบียดเบียนผูอื่น. ทีนี้มันตาง กันไปตามภูมิตามชั้น นั้นมันก็เปนเหตุผลรอบนอก. เชนวา ฆราวาสไมฆา ไม เบียดเบียน อยางนี้ มันก็มีขอบเขตจํากัด ; ในการทํามาหากินที่ทําสัตวใหตาย อยา งนี ้ มัน ยกเวน ได ; เมื ่อ ไถนา ฆราวาสไถนา คุณ ไปดูที ่ร อยไถ มัน มีสัตวตายเยอะ เชนปูนาอะไรอยางนี้ ขาดกระจายไปเลย. เขาไมถือวาฆราวาส ขาดศีล คือ ขาดศีล หา ของฆราวาส. แตถ า เปน พระ จะทํ า อยา งนั ้น ไมไ ด ; โดยความมุ ง หมายเดีย วกัน จะวา ไมฆ า ไมเ บีย ดเบีย นไมไ ด ; แตฆ ราวาส ทําอยางนั้นได. พระทําอยางนั้นไมได เพราะพระจะเอาดี เอาเร็วกันกอน ก็เลย ทําอยางที่วา. นอกจากทําอยางนั้นไมไดแลว ยังฆาตนไมก็ไมได. เปนฆราวาส ฆาตนไมก็ไดไมเปนไร, แตพระฆาตนไมพืชพันธุชีวิตของเขียวนี้ไมได. แลวยังมี สิกขาบทปลีกยอยวา พระแมแตเงื้อมือจะตีใครก็ไมได ถือเปนอาบัติ. แลวยังมี อยางอื่นอีกมาก ทีขยายออกไปจาก การที่จะไมฆา หรือไมเบียดเบียน ; แตใจ ความก็ยังเปน ไมฆาไมเบียดเบียน ในศีลขอหนึ่ง. เพราะฉะนั้นมันเหมือนกัน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขึ้นชื่อวาศีลแลวมันก็จะตองเหมือนกัน นอกจากขยายการปฏิบัติใหมัน ปลีกยอยออกไป ใหถี่ยิบออกไป ; นี้มันเปนความประสงคสําหรับผูที่จะไปชา ไปเร็ว, เร็วมากเร็วนอย. เพราะฉะนั้นชาวบานทั่วไปก็ถือศีล ๕ อุบาสก อุบาสิกา ก็ถือศีล ๘ เณรก็ถือศีล ๑๐ พระก็ถือ ศีล ๒๒๗ , แลวมันอาจจะแยกขยายออก ไปไดจากศีล ๕. แลวยังมีศีลนอกปาฏิโมกขอีกตั้งหลายพันสําหรับพระจะตองถือ ; ถานับขอดูจะเปนหลายรอย หรือหลายพัน, คือมันใหถือไปไดหมดเลย - ถามัน เปนเรื่องของการเบียดเบียนอยางใดอยางหนึ่งแลว มันมือไปไดหมดเลย. เพราะ ฉะนั้นคุณจับหัวใจของสิ่งนี้ใหมันได แลวก็จะขยายออกไปไดเอง กี่รอยกี่พันอยาง. ทีนี้ จะพูดยกเอาศีล ๕ นั้นเปนหลักตามที่ไดพูดมาแลว :
ธรรมรวม สําหรับคฤหัสถ และบรรพชิต
๑๓๗
ศีลขอที่ ๑ ปาณาติบาต: ไมประทุษรายชีวิตรางกายของผูอื่นดวย เจตนาราย. “ไมประทุษรายชีวิตรางกายผูอื่นดวยเจตนาราย” นี้ผมอยากจะใชเปน บทนิยาม เปน deffinition ที่รัดกุม และตายตัวอยางนี้ ; แลวมันขยายไปไดถึงคําพูด กี่รอ ยกี ่พ ัน ขอ . ไมป ระทุษ รา ยชีวิต รา งกาย นี ้ม ัน ก็ก วา งที ่ส ุด เลย โดยวิธีใ ด วิธีหนึ่งก็ตาม “ดวยเจตนาราย” ; เชนชาวนาไถนา ปูนาถูกไถขาดกระจายอยางนี้ ไมไดทําดวยเจตนาราย ไมไดทําดวยเจตนาฆา, ทําดวยเจตนาที่จะปองกันชีวิต ตัวเองคือหากิน อยางนี้เขาไมเรียกวา เจตนาราย. เพราะฉะนั้นเราตองมีคําวา “เจตนาราย”, ดวยเจตนาราย เจตนาชั่ว. ศีลขอที่ ๒ อทินนาทาน : ก็คือไมประทุษรายทรัพยสมบัติของผูอื่น โดยวิ ธี ใ ดก็ ต าม. ข อ นี้ ไ ม ต อ งพู ด ว า ด ว ยเจตนาชั่ ว ก็ ไ ด แต ถ า จะพู ด อี ก ก็ ไ ด เหมื อนกั น เพราะคํ าวาประทุ ษ ราย มั นก็ ต องเจตนาชั่วอยู แล ว นี้ มั นหมายถึ ง เฉพาะทรัพยสมบัติทั่ว ๆ ไป จะเปนทรัพยสมบัติชนิดไหนก็ได เงิน ทอง ขาวของ วั ว ควาย ไรน า กระทั่ ง บุ ต รภรรยา ก็ คื อ ว า เป น ทรั พ ย ส มบั ติ . แต มั น จะแยก ความหมายกั น ตรงที่ วาอะไรเป นของรักดุ จดวงใจ, วาอยางนี้ ดี กวา ใช ภาษา ชาวบาน ๆ อยางนี้ มันจึงมาอยูในศีลขอ ๓.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ศีลขอที่ ๓ กาเมสุมิจฉาจาร : ศีลขอนี้คือ ไมประทุษ รายของรัก ดังดวงใจของผูอื่นทุกชนิด. นี้แหละตรงตามบาลีที่เรารับศีลวา “กาเมสุมิจฉาจาร”. กาเมสุ - แปลวา ของรักของใครทั้งหลาย, สํานวนพหูพจนวา ทั้งหลาย, อะไร ก็ตามใจ ถามันเปนของรักใครขนาดเปน กาม คือรักใครดังดวงใจ อยางนี้มันก็รวม อยูในศีลขอนี้. เมื่อศีลขอที่ ๒ หามประทุษรายทรัพยสมบัติทั่วไป, ศีลขอนี้ไมเล็ง ถึงทรัพยสมบัติ, แตเล็งถึงของที่รักใครดังดวงใจ เพราะฉะนั้นมันจะเปนอะไรก็ได. ทีนี้บุตรภรรยา สามี ถาหากวาในกรณีที่มันรักใครดังดวงใน มันก็มาอยูในขอนี้.
๑๓๘
ฆราวาสธรรม
แตแลวมันขยายออกไปไดถึงอะไรก็ตามใจ ที่เขารักเปนพิเศษ เด็กตัวเล็ก ๆ เขารัก ของเลน เชนตุกตา หรือของเลน เปนพิเศษ เพราะยังไมรูเรื่องเพศ เรื่องอะไร ; แตแลวของรักดังดวงใจนั่นแหละเปนวัตถุแหงศีลขอที่ ๓ นี้. เพราะฉะนั้นเด็ก ๆ ตองไม ไปล วงเกินตุ กตาตั วรักที่ สุดของผู อื่น. ในเมื่ อเด็ กคนหนึ่ งเขารักขนาดไม อยากใหใครเอานิ้วมาแตะเลย ; ถาใครไปแกลง เอานิ้วไปแตะใหเขาเจ็บใจเลน มันก็เปนเรื่องขาดศีลขอนี้ ทั้ง ๆ ที่เปนเด็กตัวเล็ก ๆ. ในเรื่องนี้ พวกอนุศาสนาจารย เขาไมอธิบายอยางนี้มาแตกอน สวน ผมอธิบ ายอยา งนี ้ ทีแ รกเขาก็ค า น วา ผมพูด ผิด ๆ พูด เอาเอง วา เอาเอง ; แตตอมาดูเหมือนหลายคนชักจะเห็นดวยเสียแลว ถาอยางนั้น ไมรูวาจะไปสอน เด็กเล็ก ๆ ในชั้นอนุบาลวาอยางไร จะใหถือศีลขอกาเมสุมิจฉาจารไดอยางไร. เขาก็เลยไปอธิบายเด็ก สอนเด็กวา อยาทําชู. ใหเด็กตัวเล็ก ๆ อยาทําชู มัน ก็เปนเรื่องตลกสิ้นดี.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พระพุทธเจาทานทรงวางหลักเกณฑกวาง ๆ ไว กาเมสุ = ในของรัก ขนาดเปนกามทั้งหลาย ; กาม แปลวาของรักของใครทั้งหลายไดทุกอยาง มันไม เฉพาะกับ เรื่อ งหญิง กับ ชาย หรือ เรื่อ งเพศ. กาม - แปลวา . ความใคร ; ถาเปน ที่ตั้งแหงความใคร หรือ ความรักใคร แลวละก็ ทุกอยางเลย. ถาเรารู อยู วา คนหนึ่ งเขารัก อะไร เป นของรักดั งดวงใจ จะเป นอะไรก็ต าม ก็อ ยาไป แตะตองใหเขาเจ็บช้ําน้ําใจ, แมมันเปนเพียงวัตถุสิ่งของก็ตาม. สวนเรื่องของรัก ดังดวงใจ อยาง ภรรยา สามี หรือวา ลูกสาว หลานสาว อะไรก็ตาม นี้มันก็ รวมอยูในนี้อยางยิ่งอยูแลว เปนวัตถุประสงคมุงหมายโดยตรงอยูอยูแลว. ที่เขาสอน กันวา อยาทําชูนั้น บัญญั ติคําขึ้นใหม , แตตัวหนังสือแท ๆ วา “อยาประพฤติ ผิ ด ในของรั ก ทั้ ง หลาย” มิ จ ฉาจาร - แปลว า ประพฤติ ผิ ด , กาเมสุ – ในกาม
ธรรมรวม สําหรับคฤหัสถ และบรรพชิต
๑๓๙
ทั้ งหลาย คื อในของรั กทั้ งหลาย. นี้ ก็ ขยายออกไปได มากสํ าหรั บฆราวาส อุ บาสก อุบาสิกา สําหรับเณร สําหรับพระ ไมไปแตะตองของรักของผูอื่น. ศีล ขอที่ ๔ มุ ส าวาท : นี้ ก็ คือ ไม ป ระทุ ษ รายความเป น ธรรม ความ ชอบธรรมอะไรของผูอื่น โดยใชวาจาเปนเครื่องมือ. ศีลขอนี้มันระบุเฉพาะวาจา เพราะวาจาที่จะไปประทุษรายกระทบกระทั่งความถูกตอง ความเปนธรรม หรือ สิ ท ธิอั น ชอบธรรมอะไรของผู อื่ น มั น ห ามไวด วยศี ล ขอ นี้ . มี ขอบเขตกวางขวาง เหลือประมาณ จะใชวาจาพลิกแพลงชนิดไหนก็ตาม ถามันไปทําลายความเป น ธรรมความชอบธรรม หรื อ สิ ท ธิ โดยชอบธรรมของผู อื่ น มั น ล ว นแต เป น เรื่ อ ง ประทุษรายทั้งสิ้น. ศี ลข อที่ ๕ สุ ราเมรยมั ช ชปมาท : นี้ คื อไม ประทุ ษ รายสติ สมปฤดี . ประทุ ษ รา ยสมปฤดี และป ญ ญาของตั ว เอง. เมื่ อ เราเสพน้ํ า เมา, เขาใช คํ า ว า ของเมา, ของเมาจะเปน น้ํ า หรือ ไมใ ชน้ํ า ก็ต าม. เสพ - หมายความวา เอาเขาไป ดวยวิธีใดก็ตาม ; เสพของเมาทุกชนิดนั้นเปนการประทุษรายสมปฤดี และสติป ญ ญาของตนเอง. สมปฤดี ก็ค ือ สตินั ่น แหละ ภาษาสัน สกฤต เปน สมฺ ป ฤติ เป น บาลี ก็ ค ื อ สติ ; แต พ อมาเป น ภาษาไทย มั น ใช ต า ง กัน.พอเรามีของเมาเขาไปในรางกาย สมปฤดีมันเสียไป ; คือคนเมาก็ชักจะเลือน ชักจะฟนเฟอน นี่เรียกวา เสียสมปฤดี กระทั่งลมนอนเมาเหมือนคนตาย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org “เสียสติปญญา” ก็หมายความวา เสียความรูที่ถูกตอง ที่แจมกระจาง ที่จะชวยใหรอดได หรือที่มันกําลังวิวัฒนาการอยูก็ตาม ; สติปญญาโดยตรงอยางนี้ มั นก็ เสี ยไป คื อมั นถู กประทุ ษรายโดยของเมา. เมื่ อเสพไป - เสพไป มั นก็ ทํ าให เกิ ด การเปลี่ ย นแปลง ตกต่ํ า ทรุ ด โทรม.เพราะฉะนั้ น จึ ง พู ด ให ชั ด ลงไปว า
๑๔๐
ฆราวาสธรรม
“ประทุษรายสมปฤดี และสติปญญา ของตนเอง”. ขอนี้มันครอบคลุมไปไดทุกอยาง แม จ ะเป น ของที่ ดื่ ม กิ น เข าไป ของสู ด ดม หรื อ ของเพี ย งแต ก ระทํ า หรื อ เข าไป เกี่ยวของ หรือเขาใกลมันก็เปนเรื่องมีผลอยางเดียวกัน. คุณฟ งใหดี ใหไดใจความของศีล ๕ ขอนี้ แลวมันจะขยายออกไปได . ที่ เสี ยสติ สมปฤดี นั้ น เช นคุ ณ เป นภิ กษุ เลิ นเล อ คุ ณ ไม เอาใจใส กั บ บาตร จี วร, ทิ้ งขวาง ปราศจากบาตร จีวร นี้ มั นก็ คื อเสี ยสติ สมปฤดี เลินเลอ ; ทั้ ง ๆ ไม ได ดื่มเหลาสักนิดหนึ่ง แตถามันมีอาการอยางนี้ ก็เรียกวา เสียสติสมปฤดี เสียสติ ปญญา. นี้ก็สงเคราะหอยูในศีลขอกินเหลานี้ก็ได. เพราะฉะนั้นวินัยสําหรับพระ โดยตรงมากมายหลายอย าง ถ ามั น มี ไว เพื่ อ ป อ งกั น ความเลิ น เล อ ความเสี ย สติ สมปฤดี แล ว มั นก็ มาจากศี ลข อ ๕ นี้ ทั้ งนั้ น. เพราะฉะนั้ นอย าไปดู ถู กศี ล ๕ เข า ว า เป น ศี ล ต่ํ า ๆ ศี ล ก ข,ก กา ของฆราวาส ; นั้ น เพราะไม รู ค วามมุ ง หมาย หรือวิญญาณอันแทจริงของศีลเหลานั้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั ้น ชว ยจํ า ไวใ นลัก ษณะอยา งที ่ผ มพูด เมื ่อ ตะกี ้นี ้ : ศีลขอ ๑ ประทุษรายชีวิตรางกาย. ศีลขอ ๒ ประทุษรายทรัพยสมบัติของเขา. ศีลขอ ๓ ประทุษรายของรักดังดวงใจของเขา. ศีลขอ ๔ ประทุษรายความเปนธรรมโดยทางวาจา. ศี ลข อ ๕ ประทุ ษร ายสมปฤดี หรื อสติ ป ญ ญาของตั วเอง ซึ่ งมั น ทํ า ให ทํ า ผิด อื ่น ๆ ไดัทั ้ง หมด. ถา ไปประทุษ รา ยสมปฤดี และปญ ญ า ของตั ว เองด ว ยศี ล ข อ ที่ ๕ แล ว มั น ก็ ทํ า ที่ ไม ดี ในศี ล ข อ อื่ น ๆ ได ทั้ งหมด . แล ว คนประทุษ รา ยผูอื ่น หรือ คนประทุษ รา ยตัว เองนั ้น มัน ใชไมไ ดเทา ไรไปคิด ดู. สี่ ข อ ข า งต น หมายถึ ง ประทุ ษ ร า ยผู อื่ น โดยตรง, ข อ สุ ด ท า ย สุ ร าเมรั ย นี้ มั น
ธรรมรวม สําหรับคฤหัสถ และบรรพชิต
๑๔๑
ประทุ ษรายตั วเองโดยตรง. นี้ใครขืนไปลวงละเมิ ดเขา มันก็คนบ าแสนที่ จะบ า แสนที่จะโง. หั ว ข อ ศี ล ๕ ข อ นี้ มั น ออกไปเป น ศี ล ๘ ศี ล ๑๐ ศี ล ๒๒๗ หรื อ ศี ล นอกปาฏิโมกขอีกหลายรอยหลายพัน. นี่พูดเสียยึดยาวเรื่องศีล จนหมดเวลา ไปมากก็ เพื่ อ ที่ จ ะให รู ว า ฆราวาสก็ ต าม บรรพชิ ต ก็ ต าม มี ศี ล อย า งเดี ย วกั น รัก ษาศีล รว มกัน . ที ่ไ ปแยกเปน ศีล ฆราวาส เปน ศีล พระนั ้น มัน เปน ผิว เปลือกนอก หัวใจมันเหมือนกัน. ทีนี้มาถึง สมาธิ. ถาคุณ เคยอานคํา บรรยายเรื่อ งสมาธิ มาแลว ที่ผมเคยพูดมามากมายแลว ก็จะจับได วาสมาธิ หรือ จิตที่เปนสมาธินั้นคืออะไร ? ถาจะเอานิยามสั้น ๆ อยางเรื่องศีลเมื่อตะกี้นี้ ; จิตที่เปนสมาธินั้น เขาใชคําวา - ปริส ุท โธ สมาหิโ ต กัม มนีโ ย. ปริส ุท โธ – คือ มัน สะอาด จิต สะอาด. สมาหิโ ต - คือ จิต ตั ้ง มั ่น , กัม มนีโ ย - คือ จิต ไวตอ หนา ที ่ พรอ มที ่จ ะปฏิบ ัติ หนาที่. จิตบริสุทธิ์ จิตตั้งมั่น แลวจิตพรอมที่จะไปปฏิบัติตอหนาที่ ; รวมกัน ทั้ง ๓ อยางนี้ ก็เรียกวาเปนสมาธิ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุณอยาไปหลับตา นึกถึงแตเรื่อง นั่งแข็งทื่อ เปนทอนไม จึงจะเปน สมาธิ. แทจ ริง มัน จะอยู ใ นอิริย าบถไหนก็ไ ด ; เดิน ยืน นั ่ง นอน ก็ไ ด ถาจิตมันบริสุทธิ์ แลวจิตมันมั่นคง และมันไวตอการงาน. ไวตอการงาน นี้คุณ ก็จะพูดถึงมันอยูทุกวัน แตคุณไมรูวา มันคําเดียวกันกับคําวา active ที่พูดกัน ทั่วโลก ใคร ๆ ก็ตองการ activeness ความที่เปน active คือมันพรอมและไว ตอหนาที่ ; มันมีอะไรพรอมที่จะทําหนาที่ แลวมันไวตอการทําหนาที่ ก็เรียกวา active. ภาษาบาลีเขาเรียกวา กัมมนีโย กัมมนีย. กัมม - แปลวาการกระทํา ; นี ย - หมายถึ ง ว า มั น ควร เหมาะแล ว ควรแล ว สมแล ว ที่ จ ะทํ า การงาน.
๑๔๒
ฆราวาสธรรม
ปริ สุ ท โธ - บริ สุ ท ธิ์ , สมาหิ โต - ตั้ ง มั่ น ที่ เรี ย กว า steadiness หรื อ firm หรื อ อะไร อยางนี้มันก็ตรงกับคําวา สมาหิโต ตั้งมั่น ; แลวปริสุทโธ มันก็สะอาด ไมมีมลทิน คือกิเลส หรือ ความมืดมัว หรืออะไร เขาไปรบกวนอยูในขณะนั้น. หลักนี้มันจะตองใชเทากันทั้งแก ฆราวาส และบรรพชิต ในการมีสมาธิ. พอถึงปญญาขอสุดทาย มันก็เปนปญญาเอาตัวรอดอยางถูกตอง ไมใช ปญญาเอาเปรียบ.ปญญาในภาษาบาลีแยกออกเปน ๒ คือ ปญญาเพียงแตเรื่อง ชั้นต่ํา ๆ เรื่องบานเรือน เรื่องอะไรอยางนี้ จะเปนปญญาพลิกแพลง ปญญาที่จะ ไปใช อย างโกง ๆ ก็ ได ก็ เรียกว า เฉโก ; เฉลี ยวฉลาดปราดเปรื่องในการที่ จะ พลิ ก แพลงอะไรต า ง ๆ กระทั่ ง ใช ค ดโกงก็ ไ ด ; นี้ อ ย า งหนึ่ ง . อี ก อย า งหนึ่ ง ป ญ ญาจริ ง ๆ มั น ก็ บ ริ สุ ท ธิ์ คื อ รู สิ่ งที่ ค วรรู เท าที่ จํ าเป น จะต อ งรู แล วก็ ดั บ ความทุก ขไ ด นี ้ค ือ ปญ ญาจริง , มัน จะเปน ไปเพื ่อ ดับ ทุก ข. สว นเฉโกนี้ ถามากเขามันก็จะบาไมมีที่สิ้น สุด ; บาหา บากิน บาเลน บาทะเยอทะยาน บ า อะไร แล ว ในที่ สุ ด ก็ ต อ งไปเป น cunning เหมื อ นสุ นั ข จิ้ งจอกตั ว โกงก็ ได . ปญญาอยางนี้ไมรวมอยูในนี้ ไมรวมอยูในศีล สมาธิ ปญญา. เมื่อมันเปน ศีล สมาธิ ปญญาโดยตรงแลว ใชไดทั้งแกฆราวาสและบรรพชิตโดยไมตองอั้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่คือความเหมือนกันของ ศีล สมาธิ ปญญา ที่จะใชรวมกันระหวาง ฆราวาสและบรรพชิต ; เพราะฉะนั้ นฆราวาสก็ทํ าสมาธิได ในลั กษณะที่ครบ องค ๓ อยาง นี้คือ - จิตสะอาดดี, - จิตมั่นคงดี, - จิตวองไวตอหนาที่การงานดี. ฆราวาสต องมี ให ม ากที่ สุ ด เท าที่ จะมี ได ; โดยเฉพาะพรหมจารีที่ เป น นั กเรีย น อยางพวกคุณ นี้ดวยแลว จะตอ งมีใหม ากที่สุด . พระมีเทาไรเราก็มีเทานั้น ; แตเรากํา ลัง เอาไปใชต างกัน . เรากํา ลังเลา เรีย น ก็ใชมัน ไปในการเลา เรีย น ; พระไปทําวิปสสนา ก็ใชไปในเรื่องของวิปสสนา.
ธรรมรวม สําหรับคฤหัสถ และบรรพชิต
๑๔๓
พอถึ งเรื่อ งป ญ ญา มั น ต อ งรูสิ่ งที่ มั น จะช วยดั บ ไฟในจิ ต ใจได ; แม พวกคุณ หรือ พวกเด็ก ๆ ก็ต อ งรู เ รื ่อ งของอนิจ จัง ทุก ขัง อนัต ตา. เพราะ ฉะนั้ น เด็ ก เล็ ก ๆ ก็ ต อ งรู เรื่ อ ง อนิ จ จั ง ทุ ก ขั ง อนั ต ตา ตามสั ด ส ว นของเขา ; แตว า หลัก เกณฑ หรือ ใจความมัน เหมือ นกัน เชน เด็ก ๆ รู ว า “อนิจ จัง นะ” เมื ่อ ตุ ก ตาตกแตก นี ้ก ็อ ยา รอ งไหเ ลย ; ไมต อ งรอ งไหน ะ ; นี ่ม ัน ก็เ ปน เรื ่อ ง เห็น อนิจ จัง . เพราะฉะนั ้น เด็ก ๆ อาจจะมองเห็น วา ทุก อยา งนี ้พ อไปรัก เขา ไปอะไรเขา มัน ก็เปน ทุก ข ; นี ่เรีย กวา เขารูจ ัก ความทุก ข รูจ ัก ทุก ขข ัง .เด็ก ๆ ก็รูว า อะไร ๆ มัน ไมอ ยู ใ นอํ า นาจเราเสมอไป มัน อยู ใ นอํ า นาจของพระเจา มั น อยู ในอํ านาจของธรรมชาติ ; ดั งนั้ น ไม ต องเสี ยใจ ไม ต อ งรองไห เมื่ อ มั น ไม ได ต ามต อ งการ, หรือ มั น ไม เป น ไปตามที่ เราต อ งการ. ถ า พ อ แม ส อนลู ก เล็ ก ๆ กันมาอยางนี้ตั้งแตเล็ก ๆ แลว ผมวาวิเศษที่สุดเลย. แตเ ดี ๋ย วนี ้ มัก จะสอนไปในทางตรงกัน ขา ม คือ ใหย ึด มั ่น ถือ มั ่น โดยหลั บ หู ห ลั บ ตาเสี ย โดยมาก. วั ฒ นธรรมเดิ ม แท ๆ ของชาวพุ ท ธดี ม ากกว า เดี ๋ย วนี ้ม าก คือ สอนลูก สอนหลาน ภายในบา นในเรือ น เขาสอนชนิด ที ่ไ ป ดวยกันกับหลักของพุทธศาสนา, ประกอบอยูดวยหลักของพุทธศาสนา ; ฉะนั้น เขาจึ งมี ค วามสุ ข สงบในบ า นเรื อ นมากกว า เดี๋ ย วนี้ ม าก. เด็ ก ๆ น า รั ก หรื อ ว า กตั ญ ู ต อพ อแม หรือวา นั บ ถื อพ อแม เป นพระเจ า, อย างนี้ ก็ มี มาก. ส วนเด็ ก เดี๋ยวนี้ มันเหมือนกับวาเปลี่ยนไปสูวัฒนธรรมฝรั่ง ที่เรียกวา วัฒนธรรมเนื้อหนัง ซึ ่ง เปน ขา ศึก แกค วามสงบ. เอาเรื ่อ งสวย เรื ่อ งรวยอะไร เปน เบื ้อ งหนา ; แทนที่จะเอาเรื่องดี เรื่องถูกเรื่องจริง เรื่องบริสุทธิ์สะอาด เปนเบื้องหนา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ดั ง นั้ น เด็ ก ๆ ก็ ค วรจะมี ป ญ ญาชนิ ด ที่ ม องเห็ น อนิ จ จั ง ทุ ก ขั ง อนั ต ตา แนวเดี ย วกั บ บรรพชิ ต ด ว ยเหมื อ นกั น . ที นี้ ค นหนุ ม คนสาว พ อ บ า น
๑๔๔
ฆราวาสธรรม
แม เรือน ก็ จะต องมี อัน นี้ เป น เครื่อ งคอยดั บ ไฟในหั วใจ ; เพราะไฟมั นจะเกิ ด มากขึ้ น ในหั วใจของคนหนุ ม สาว กระทั่ งพ อ บ านแม เรื อ น ; เขาต อ งมี ป ญ ญา อยา งเดีย วกัน แบบเดีย วกัน ในหลัก เกณฑเดีย วกัน กับ บรรพชิต . สว นที่เรามี ไดไมเทากัน หรือไมสูงเทากันนั้น มันอีกเรื่องหนึ่งตางหาก ; แตมันตองใหแน ลงไปวา ตอ งมีสิ่งเดียวกัน นั่น แหละ. เหมือ นเชน เดี๋ยวนี้ ฆราวาสทุก คนตอ ง มี เงิน มั นตายตั วไดอยางนี้ , จะมี ๑๐ บาทก็ได ๑๐๐ บาทก็ได กี่ ลานบาทก็ได แลวแตวาเขาจะสามารถทําไดอยางไร, แตมันตองมีแน. นี้ ขอให ถื อว า ศี ล สมาธิ ป ญ ญา ซึ่ งเป นตั วพุ ทธศาสนา หรือ ว า เปนหัวใจของพุทธศาสนานี้ เปนหลักธรรมะรวมกัน ทั้งแกฆราวาสและบรรพชิต ; ขอใหทําใหเขาถึงหัวใจดวยกันทั้งนั้น. นี่เราไดพูดมาถึงเรื่องที่วา หลักธรรมะ ที่ เป น ตั วการปฏิ บั ติ ที่ ต อ งปฏิ บั ติ เหมื อ นกั น ทั้ งฆราวาส และบรรพชิ ต . ที นี้ อาจสรุป สุด ยอดเลยก็วา เรื่อ งสุญ ญตานั้น ทั้ง ฆราวาสทั้งบรรพชิต จะตอ ง มีความรูความเขาใจ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรื่อง สุญ ญตา คือ วางจากกิเลส – วางจากความยึดมั่นถือ มั่น วาตัวกู - ของกูนี้คือ สุญญตา. มีพระบาลีชัดเจนอยูเลยวา มีฆราวาสกลุมหนึ่ง มี ธั ม ทิ น นะเป น หั ว หน า ไปเฝ า พระพุ ท ธเจ า ขอให แ สดงธรรมที่ เป น ประโยชน เกื้อ กูล แกฆ ราวาส. พระพุท ธเจา ทา นแสดงในเรื่อ งเกี่ย วกับ สุญ ญตานี้วา : สฺุญตปฺปฏิสํยุตฺตา สุตฺตนฺตา - คือระเบียบปฏิบัติทั้งหลายเหลาใด ที่ประกอบ เนื ่อ งเฉพาะอยู ด ว ย สุญ ญตา ; ตถาคตภาสิต า - ที ่ต ถาคตไดป ระกาศไว ; คมฺภ ีร า - ลึก ซึ ้ง ; คมฺภ ีร ตฺถ า - มีอ รรถอัน ลึก ซึ ้ง ; โลกุต ฺต รา – เปน ไปเพื ่อ อยูเหนือโลก นี้เปนประโยชนเกื้อกูลอยางยิ่งแกฆ ราวาส มันมีคําวา ตถาคตภ าสิต า ป ระกอบอยู ด ว ย ที ่ร ะบุช ัด วา “ที ่ต ถาคตประกาศ ” ; ฉะนั ้น
ธรรมรวม สําหรับคฤหัสถ และบรรพชิต
๑๔๕
หมายความวา เรื่อ งอื ่น ตถาคตไมป ระกาศ ไมส อน สอนแตเ รื่อ งสุญ ญตา. ดังนั้นสุญญตา มันจึงมาอยูหมดในขอปฏิบัติทั้งหลายทั้งปวง. ศีล สมาธิ ปญญา นี้มันก็เปนไปเพื่อสุญญตา. ถามีความยึดมั่นถือมั่นแลว มันทําใหปฏิบัติศีลไมได, มีสมาธิไมได, มีปญญาไมได. ฉะนั้นดูใหดีในเรื่องสุญญตานี้ ใหวางจากความยึดมั่นถือมั่นวากู ว าของกู นี้ มั นจะแทรกซึ ม เป น หั วใจ อยู ในธรรมะทั้ งหลายทั้ งปวง ; เพราะว า การปฏิ บั ติ ทั้ งหมด เป นไปเพื่ อความไม ยึ ดมั่ นถื อมั่ นทั้ งนั้ น : ศี ลก็ เป นไปเพื่ อ ไม ยึดมั่ นถือมั่ นเลว ๆ, สมาธิก็หยุดยึดมั่นถือมั่นเสียดวยบั งคับมั นไว ดวยวิธีที่เป น สมาธิ, ปญญามันก็ฉลาดจนไมยึดมั่นถือมั่น. ฉะนั้ น เรื่องสุ ญ ญาตานี้ เป นเรื่อ งที่ พ ระพุ ทธเจ าตรัส เรื่อ งอื่ น ท าน ไมต รัส . ฟง แลว จะไมน า เชื ่อ . ผมพูด ขอ ความนี ้ล งไปในคํ า บรรยายบา ง, ผมบรรยายเรื่ อ งนี้ บ า ง แล ว เอาไปพิ ม พ กั น เป น ภาษาฝรั่ ง ซึ่ งตรงนั้ น มั น ก็ มี ว า “พระพุ ทธเจาจะไม พู ดเรื่องอื่ น นอกจากเรื่องสุ ญ ญตา” มี ฝรั่งเขียนถามมาจาก สวีเดน หรือ จากที่ไหนไมแน ; เขาถามวา มีป รากฎอยูที่ต รงไหน ในพระบาลี มีต รงไหน วา พระพุท ธเจา ไมพ ูด เรื่อ งอื ่น นอกจากเรื่อ งสุญ ญตา. ผมเห็น ได ทัน ทีวา หมดนี ่ไมเคยอา น สังยุต ตนิก ายซึ่ง มีเยอะแยะไปหมด เกี ่ย วกับ เรื่อ ง สฺุญตปฺปฏิสํยุตฺตา สุตตฺนฺตา ตถาคตภาสิตา นี้เขาไมเคยอาน เลยไปตอบไป. ชา งหัว มัน ที ่ขี ้เ กีย จเอง. ฉะนั ้น ขอใหเ ขา ใจวา พระพุท ธเจา จะพูด แตเ รื่อ ง ไมย ึด มั ่น ถือ มั ่น เรื ่อ งตัว กู - ของกู เทา นั ้น ; แตพ ูด ไวใ นคํ า พูด ชื ่อ อื ่น . แต เราพู ดไดวา ชื่อธรรมะทุกชื่อมีความหมายของสุญญตาซอนอยู ; หมายความวา ธรรมะทุกขอ ตองการจะสอนไมใหยึดมั่นถือมั่น ในปริยายใดปริยายหนึ่ง ฉะนั้น จึงถือวาเปนเรื่องสุญญตา. ถาไปจับไปฉวยเขามันไมวาง ; ถาไมจับไมฉวยอะไร มันวาง เราตองมีจิตอยางนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๑๔๖
ฆราวาสธรรม
ฉะนั้น เรื่องสุญญตา ก็เปนเรื่องธรรมะรวมกันระหวางฆราวาสและ บรรพชิต ; แลวมันก็สูงสุดเทานี้ ไมมีอะไรสูงสุดอีก. ใครจะวาผมบาบอในการทํา อยางนี้ ผมก็สมัครจะเปนคนบาบอชนิดนี้ ; แลวยังยืนยันตอไปวาเรื่องสุญญตา ตองใชแมแตฆราวาส ; ตามที่พระพุทธเจาทานตรัสออกมาตรง ๆ วา นี่แหละ สิ่งที่เปนประโยชนเกื้อกูลแกพวกเธอทั้งหลายตลอดกาลนาน. เป นอั น ว าธรรมปฏิ บั ติ ตั้ งแต ต่ํ าที่ สุ ดจนถึ งสู งที่ สุ ด ในความหมาย ของคํ าพู ดนี้ เป นเรื่องที่ ใชรวมกั นทั้ งแก บรรพชิต และแกฆ ราวาส มี อยู อย างนี้ . นกกางเขนก็บอกวา มันหมดเวลา ฉะนั้นวันนี้ก็ยุติไวที.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ธรรมรวม สําหรับคฤหัสถ และบรรพชิต (ตอ) -๙๒๖ เมษายน ๒๕๑๓ สําหรับพวกเราลวงมาถึงเวลา ๔.๓๕ น. แลว วันนี้ จะไดก ลา วถึง ธรรมรว มกัน ระหวา งฆราวาสและบรรพชิต ตอ จากครั้ง ที ่แ ลว มา เพราะวา ยัง ไมจ บ. ในครั ้ง ที ่แ ลว มาได พู ด ถึ ง ธรรมะที่ เป น ตั ว การปฏิ บั ติ โ ดยตรง และใช ร ว มกั น ทั้ ง ฆราวาสและบรรพชิต . ในวัน นี้จ ะไดก ลา วถึง ธรรมประเภท ที่เปนเครื่องมือ หรือที่อาจจะนํามาใชเปนเครื่องมือ. ธรรมะประเภทที่ เป นเครื่ องมื อ เช นฆราวาสธรรม ๔ อิ ทธิ บาท ๔ เปน ตน ซึ่งเปน ธรรมะที่มีลัก ษณะเห็น ไดชัด วา เปน เครื่อ งมือ . สวนธรรมะที่ อยูในลักษณะที่อาจจะนํามาใชเปนเครื่องมือ นี้ก็หมายความวา ตามปกติมิไดใช เปนเครื่องมือ แตเราอาจจะนํามาใชเปนเครื่องมือก็ได. และยังมีสวนที่ตองสนใจ เปน พิเศษอีก อยา งหนึ ่ง ก็ค ือ วา เปน ธรรมะสํ า หรับ บรรพชิต ใชเปน เครื่อ งมือ หรือใชปฏิบัติอยูเปนประจําก็ตาม จนถูกสมมติวาเปนธรรมะสําหรับบรรพชิตไป ; แตก็ยังอาจจะนํามาใชเปนเครื่องมือสําหรับฆราวาส. แลวก็ธรรมะประเภทนี้เอง
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๑๔๗
๑๔๘
ฆราวาสธรรม
ที่มักจะเปนปญ หาที่ถกเถียงกันหรือไมยอมรับ ; แตวานั่นมั่นเปนความคิดเห็น สวนบุคคล ; แลวก็มักจะเปนบุคคลที่เอาแตความคิดเห็นของตัว. ถาเปนบุคคล ที่มีสติปญญาก็สามารถจะมองเห็นไดกวางดวยตนเอง วามันอาจจะเอามาใชได อยา งไร ? หรือ วา ความเห็น ตา ง ๆ ที ่เขามีก ัน อยู นั ้น มัน ยัง แคบเกิน ไปบา ง ยังไมถูกไมตรงบางซึ่งเราจะไดพิจารณากันดูในวันนี้. ถาวากันโดยวงกวาง ๆ แลว เราตองไมลืมหลักที่วา กิเลสหรือความ ทุ กข นั้ นมั นไม มี จํ ากั ดว าจะเป นฆราวาส หรื อบรรพชิ ต ; เช นความเกิ ด ความแก ความเจ็บ ความตาย อยางนี้ มั นก็ไม เลื อกวาตองเป นฆราวาส หรือบรรพชิต ; มั น เป น ของ “คน” ในความหมายทั่ ว ๆ ไป.นี่ เรี ย กว า ความทุ ก ข นี้ มั น เป น ฆราวาส เปนบรรพชิตกะเขาไมได มันก็เปนความทุกขอยูนั่นแหละ ; เปนความ ทุกขกลาง ๆ คือปญหาที่เกิดมาจาก ความเกิด ความแก ความเจ็บ ความตาย ; แลวปญหาเฉพาะเรื่อง เฉพาะเวลา เฉพาะคน เชนความทุกข ความโศก ที่เกิด มาจากสิ่งตาง ๆ ไมเปนไปตามที่ตนตองการ, หรือพบกันเขากันสิ่งที่ไมตองการ, หรือพลัดพรากจากสิ่งที่ตองการ ; เหลานี้ก็ลองคิดดู มันเหมือนกันทั้งของบรรพชิต และของฆราวาส. เมื่อหลักใหญ ๆตามธรรมชาติมันเปนอยูอยางนี้ ก็ยอมจะมี หลั ก ต อ ไปที่ ว า วิ ธี ที่ จ ะขจั ด กิ เลสดั บ ทุ ก ข นี้ มั น ก็ เหมื อ นกั น ทั้ ง ฆราวาสและ บรรพชิตเปนสวนใหญ ; โดยสวนใหญหรือเกือบรอยเปอรเซ็นตนั้นมันเหมือนกัน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ ผมอยากจะใหทุกคนมองดูในลักษณะที่กวาง หรือลึก หรือฉลาด หรือที่มันจริงกวาที่เขาพูดๆกัน คืออยามองไปตามความสมมุติ ที่สมมุติพูดกัน หรือ วายึด ถือ กัน จนแยกฆราวาสกับ บรรพชิต ใหอ ยูกัน เสีย คนละโลกอยางนี้. ถามองไปในลักษณะอยางนี้มันทําใหมีปญหามาก แลวทําใหเกิดความทอแท ; แลวในที่สุดก็จะเกิดความโง ชนิดที่ทําใหไมสามารถจะแกปญหา หรือสามารถจะ
๑๕๐
ฆราวาสธรรม
ดังนั้นโดยเนื้อแท มันก็เหมือนกันทั้งฆราวาสและบรรพชิต ในขอที่วา ชี วิ ต นี้ เป น การเดิ น ทาง. นี้ มั น จะต า งกั น ตรงไหน ? มั น ก็ ต า งกั น ตรงที่ ว า คน หนึ ่ง เดิน ชา คนหนึ ่ง เดิน เร็ว . ทีนี ้ใ ครจะเดิน ชา ใครจะเดิน เร็ว มัน ก็เปน คน เดิน ทางอยู นั ่น แหละ เปน เพื ่อ นเดิน ทางกัน อยู นั ่น แหละ. ทีนี ้คํ า วา เดิน ชา เดิ น เร็ ว นี้ มั น เป น เรื่ อ งที่ ส มมุ ติ พู ด กั น จนเป น อย า งนั้ น ว า ฆราวาสเดิ น ช า บรรพชิต เดิน เร็ว. เราจะถือเป น หลักอยางนั้ นโดยทั่ว ๆ ไปก็ ได ; แต ก็มี ขอ ยก เวน พิเศษเปนบางคน. เหมือ นกับ เรื่อ ง เตาแขงกับกระตาย อยางนี้ กระตาย วิ่งเร็วเปรียบเหมือนพระ แตถาไปเกิดประมาทเสีย มันก็แพแตเตา ; คือเหมือน ฆราวาสเดินงุมงาม แตเขาเดินไมหยุด มีความสม่ําเสมอ ผลก็ไปไดเร็วกวาพระ. ฉะนั้น เราจึงมองเห็นชัดอยูวา ในสมัยปจจุบันนี้ มีบรรพชิต หรือ พระสวนมากเหมือนกันที่อยูหลังฆราวาสในทางจิตใจ ในเรื่องภูมิของจิตใจ. ฆราวาสบางคนมีอ ะไรที่เ ปน ความเห็น แกตัว นอ ย มีค วามทุก ขนอ ย มีจิต ใจสูง สูง กวา พระบางองค หรือ สว นมาก ก็ม ีไดเหมือ นกัน . ฉะนั ้น ถา ชีวิต เปน การ เดิ น ทาง พระเป น ผู เดิ น เร็ว ฆราวาสเป น ผู เดิ น ช า ; ยอมรับ อย า งนี้ ก็ ได เป น หลักทั่ว ๆ ไป. แตขอใหมองกันในแงที่สําคัญที่สุดวา มันเปนการเดินทาง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาคุณจะอยูฝายฆราวาส คือวา จะสึกออกไปเปนฆราวาส จัดตัวเอง ไวในกลุมฆราวาส ก็ตองขอใหยอมรับวา ชีวิตนี้เปนการเดินทางอยูเสมอ. ถาจะ มีภรรยา ก็มีอยางในฐานะเปนเพื่อนเดินทาง ไมใชเปนหามลอ.ถาจะมีลูกก็ขอ ใหมีในฐานะเปนบุคคลที่เราเตรียมไว สําหรับการเดินทางตอไปจากเรา ; หรือวา ชวยสนับสนุนเปนเพื่อนเดินทางอยูนั่นแหละ ไมใชเปนหามลอ. ถาจะมีทรัพย สมบัติ ก็ใหมีเพื่อสนับสนุนการเดินทาง. จะมีเกียรติยศชื่อเสียง มีอะไรก็ตาม
ความรวม สําหรับคฤหัสถและบรรพชิต (ตอ)
๑๕๑
ขอใหม ัน เปน เรื ่อ งเดีย วกัน หมด คือ ใหเปน เครื ่อ งสนับ สนุน แกก ารเดิน ทาง ; ฉะนั้นจะมีเพื่อนสักกี่คน ก็ขอใหเปนเพื่อนที่ดีที่สนับสนุนแกการเดินทาง ; อยาให มันกลายเปนเครื่องหามลอ หรืออะไรที่คลาย ๆ กับที่เปนอุปสรรค. ถาจะพูดวา เครื่องหามลอ ก็ดูจะไมคอยตรงนัก แตมันเปนเครื่องถวง ใหเกิดความเนิ่นชา.คําวาหามลอนี้ บางทีก็มีความหมายที่ดี คือมันหามในเมื่อ มันจะเร็วเกินไป จนจะเปนอันตรายเหมือนกับ brake ที่เราใชกับรถยนตนั้น เพื่อ จะปองกันอันตราย. แตบางที เราก็หมายความวา มันเป นเครื่องอุปสรรค, เกิดมา เปนหามลอ ไมเปนเครื่องสนับสนุน. ฉะนั้นขอใหจัดใหทําไปในลักษณะที่มันเปน การเดินทาง, และเปนเครื่องสนับสนุนการเดินทางไปหมด. แลวฆราวาสนั้นแหละ ในครอบครัวของฆราวาสที่มีทั้งภรรยา มีลูกหลาน เหลน นั่นแหละมันจะเปนการ เดินทางไปหมด. เดี๋ยวนี้พอของเขา หรือหัวหนาครอบครัวนั้นมันโงหลับหูหลับตา ไมรู วา เกิดมาทําไม ; มันก็ไปยึดนั่นยึดนี่ หลงใหลในนั่นในนี่ โดยเฉพาะ คือความ เอร็ดอรอยทางเนื้ อหนัง, ใชคําอยางนี้ มั นกวางที่สุด จะเปนอะไรก็ได มันก็เลย ไมลืม หูลืม ตา ไมป ระสีป ระสาวา ชีวิต นี ้เปน การเดิน ทาง.มัน จะไมรูวา มีชีวิต มีอะไรเลยดวยซ้ําไป ; เพราะมัวเอร็ดอรอยแตทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย, เรื่อ งปาก เรื่อ งทอ ง เรื่อ งกิน เรื่อ งกาม เรื่อ งเกีย รติ ไปเสีย หมด ; ไมใ ชสิ ่ง เหลา นี ้เปน อุป กรณ สํ า หรับ การเดิน ทาง ; จนกวา มัน จะรูจัก และเบื ่อ นั่นแหละ, จนกวาคนโงคนนั้ นจะรูจัก วาอะไรเป นอะไร แลวก็เบื่ อ สิ่งเหลานั้น , แลวตองการจะไปใหพน ใหมันปราศจากความรบกวนของสิ่งเหลานี้ จึงจะเริ่มมอง เห็นวา ชีวิตนี้เปนการเดินทาง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๑๕๒
ฆราวาสธรรม
ถาเราเปนฆราวาส ประเภทพรหมจารี ยังไมมีครอบครัว มารูวา ชีวิต นี้ที่แทเปนการเดินทางแลว ก็นับวาเปนโชคดีมาก ตรงที่วา จะไดเตรียมตัวไดถูก ตอ ง, ใหชีวิต มัน เปน การเดิน ทาง ใหมัน กา วหนา เรื่อ ย. กา วหนา ทางโลก ๆ ก็เปนการเดินทางเหมือนกัน ดีกวามาหลง ๆ อยูในเรื่องโลก ๆ. ทีนี่เมื่อละชีวิต โสดไปเป นชีวิตครอบครัว มันก็จะไดรูจักจัด รูจักทํา ใหมันเขารูปเขารอย. มี ภรรยาก็เพื่อจะสนับสนุนการเดินทาง กลายเปนเดินสองคน ; มันจะชาลง หรือ มันจะเร็วขึ้น มันก็แลวแตความโง หรือความฉลาดของบุคคลคูนั้น. ถามันชวน กันไปลุมหลงในอะไรเสีย มันก็จะชาเขา. แตถามันรูความจริงในธรรมะขอนี้ มัน ก็เปนเครื่องชวยสนับสนุนกัน คือเปนคูปรึกษาหารือ หรือเปนผูสนับสนุนกันได เหมือนกัน. ทีนี้ ถามีบุตรออกมาตัวเล็ก ๆ ก็อบรมไปในทางที่ใหมันรูวา ชีวิตนี้ เปนการเดินทาง ; หรือเตรียมพรอมสําหรับที่วา โตขึ้นมันจะไดเดินทางไดดีกวา พอของมัน กวาแมของมัน. นี่เปนมนุษยที่แทจริง คือชีวิตนั้นเปนการเดินทาง ที่นาดู เพราะเปนมนุษยที่แทจริง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที่ผมพูดขอนี้ออกจะยืดยาวไป ก็เพื่อจะชี้เพียงนิดเดียววา มันไมมีอะไร แตกตางกันโดยเนื้อหาสาระระหวางบรรพชิตกับฆราวาส เพราะวามีชีวิตเปนการ เดิน ทางอยูเรื่อ ย จะผิด กัน ที่ชา หรือ เร็ว ; นี ้ม ัน ก็ไมใชเรื่อ งสํา คัญ มัน สํ า คัญ อยูที่วา ตองเดินทางไปเรื่อย ๆ แลวบางทีมันอาจจะกลับสับเปลี่ยนกันอยูก็ได ; เดี๋ ยวเดิ นชา เดี๋ ยวเดิ นเร็ว, เดี๋ ยวเดิ นชา เดี๋ ยวเดิ นเร็ว, เป นได ทั้ งฆราวาสและ บรรพชิต. ยิ่งสมัยนี้ดวยและ ก็ยิ่งเปนไดมาก ในการที่ฆราวาสจะเดินไดดีกวา บรรพชิต.โดยทั่วไป ถาปฏิบัติถูกตองตามหลักตามระเบียบ ตามความมุงหมาย กัน ทั้ งสองฝายแล ว บรรพชิต ยอมจะไดเปรียบเป น ธรรมดา ตามที่ รับ รองกัน ; เพราะไมมีคูค รอง คือ เปน โสดแน นี้มัน อยา งหนึ่ง แลว ที่จ ะทําใหเร็ว ; แลว ก็ไมมีหนาที่การงานภาระอะไร ที่มันจะตองเลี้ยงคนหลายคน มันก็เดินเร็ว.
ความรวม สําหรับคฤหัสถและบรรพชิต (ตอ)
๑๕๓
แตถาบรรพชิตเกิดมาเป นผู มีลู กศิษยลู กหามาก เลี้ยงพระเลี้ยงเณร เลี้ย งเด็ กมาก กระทั่ งเลี้ ยงสุ นั ข เลี้ย งแมวมาก ;ก็ ไปคิ ด ดู เองเถิด วา มั นจะเป น อยางไร. ถาทําไมถูกวิธี สิ่งเหลานั้นก็กลายเปนอุปสรรค เปนหามลอ หรือเปน อะไรขึ้ น มาได เหมื อ นกั น ; เว น ไว แ ต ว า จะฉลาด หรือ ทํ า ถู ก วิ ธี หรือ ว า เป น ผู ที่ เดินไปแลวโดยจิตใจถึงจุดหมายปลายทางแลว หรือวาอยูในขั้นที่ปลอดภัยแลว ; มั น ก็ ได เหมื อ นกั น ในการที่ จ ะช ว ยผู อื่ น . แล ว เรื่อ งมั น ก็ ค ล า ย ๆ กั บ ครอบครัว , เพี ยงแตวา ไมใชครอบครัวที่เกิดจากภรรยาสามีโดยตรง มันก็เป นครอบครัวโดย ธรรมะไป ; เช น เป น อุ ป ช ฌาย อ าจารย มี ลู ก ศิ ษ ย ลู ก หามาก นั้ น มั น ก็ เหมื อ น กั บ ครอบครั ว ; มั น เป น บุ ต รโดยธรรม เป น ลู ก โดยธรรม โดยพระธรรม ที่ จ ะ ตองชวยเหลือกัน ซึ่งขอนี้ก็เปนที่ยอมรับ เชนพระพุทธเจาก็มีสาวกมาก. อุปชฌาย อาจารยคนหนึ่งก็มีผูที่ตองรับผิดชอบเลี้ยงดู เชนคุณ พอบวช เขามา ก็ตองมีอุปชฌายะ คอยดูแลคุมครองกวาจะครบหาป จึงจะปลีกตัวออกไปได อย างนี้ เป นต น. แต แล วความดี วิเศษมั นอยู ตรงที่ วา มั นเดิ นทางด วยกั น มั นไม ป ด แขงป ดขากั น มั น เดิ น ทางไปด วยกัน ทั้ งครอบครัว ; ทํ าอะไรเหมื อ นกัน หมด ไปในทางเดี ย วกั น หมด. นี้ คื อ ขอ ที่ วา ฆราวาสกั บ บรรพชิ ต มั น เหมื อ นกั น โดย วิญ ญาณ โดยหั วใจ คื อชี วิ ตนั้ นเป นการเดิ นทางอยู เสมอ ช าหรือเร็วก็ ปล อยไป ตามเรื่อง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ เราอยากจะมองอยางที่จะแกตัว หรือที่จะเห็นแกตัวอีกบางก็ได วา ถา เรือ เล็ก ๆ เบา ๆอยา งเรือ พาย เรื่อ แคนนู เล็ก ๆ เบา ๆ ก็ไ ปไดค นเดีย ว, เบา ๆ เร็ว ๆ มัน ก็ไ ปไดเ ร็ว . แตถ า มัน เปน เรือ ลํ า ใหญ ๆ มาก เปน เรือ กําปนใหญ ๆ เอาของไปมาก, หรือวาแพ หรืออะไรก็ตาม มันเอาของไปไดมาก มั น ก็ ช า แต มั น เอาไปได ม าก อย า งนี้ มั น ก็ น า ดู เ หมื อ นกั น นั่ น แหละคื อ ถ า
๑๕๔
ฆราวาสธรรม
ฆราวาสคนไหนเกงพอที่จะทําชีวิตใหกาวหนาลุลวงไปได อยางหอบหิ้วผูอื่นไปดวย ไดม าก มัน ก็เ กง ; เหมือ นกับ แพสัก แพหนึ ่ง บรรทุก ของไปไดม าก ๆ ไปชา อืด อาด แตก ็ไ ปไดห ลาย ๆ คน ไปไดม าก มีข องเอาไปดว ยมาก .ทีนี้ เรือลําปนลําเล็ก ๆ เรียว ๆ แลนเร็วเพรียวน้ําลําเดียว พายไปคนเดียว นี้มันก็ผิด กันไกลในทางที่จะเอาประโยชนไปได หรือชวยขนคนอื่นไปได. เอาละ พอกันที เราสรุปเสียทีวา ชีวิตนี้เปนการเดินทาง ทั้งฆราวาส และบรรพชิ ต ; ดั ง นั้ น มั น ต อ งเหมื อ นกั น หรื อ ยื ม ใช กั น ได สํ า หรั บ เครื่ อ งมื อ . ฉะนั้นธรรมะที่เปนเครื่องมือที่ใชสําหรับบรรพชิต ก็เอามายืมใชสําหรับฆราวาสได. ยกตั วอย างเช น อิ ท ธิ บ าท ๔ ในบาลี พ ระพุ ท ธภาษิ ต นั้ น ไม ได พู ด ถึ งฆราวาส ; พูดถึงภิกษุ ผูปฏิบัติเพื่อบรรลุ มรรค ผล นิพพานโดยเร็วที่สุด. อิทธิบาท ๔ นั้น เป น เรื่ อ งปฏิ บั ติ เพื่ อ บรรลุ มรรค ผล นิ พ พานโดยเร็ ว ที่ สุ ด ; แต แ ล ว เดี่ ย วนี้ ฆราวาส ก็ เอามาพู ด ถึ ง เอามาใช ; เพราะมั น ใช ได มั น เป น เครื่อ งมื อ กลาง ๆ จะเอามาใชเ รื ่อ งทํ า นาก็ไ ด จะใชใ นการเลา เรีย นในโรงเรีย นก็ไ ด. นี ่แ หละ เครื่องมือที่จัดไวสําหรับภิกษุโดยตรงนั้น จะเอามาใชสําหรับฆราวาสได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้เครื่องมือสําหรับฆราวาสโดยตรง ที่พระพุทธเจาตรัสบัญญัติไวเชน สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ นี้ เป นเรื่องจัดไวสํ าหรับฆราวาสโดยตรง แตก็ เอาไปใช สํา หรับ บรรพชิต ได แมจ ะไปนิพ พาน เปน อุป กรณของการไปนิพ พาน ดังเชน - มี สัจจะ ในการที่ จะปฏิบั ติเพื่ อไปนิ พ พาน. – มีทมะ บั งคับ ตัวเองให อยูในรอ ง ในรอยนั้นเรื่อย. - เมื่ อเกิดความลําบาก เพราะความบี บคั้นของกิเลส ก็อดทน ๆ อดทน ๆ - พรอ มกัน นั ้น ก็ร ะบายกิเ ลสออกอยู เ รื ่อ ย ดว ย จาคะ. นี ้มี สัจ จะ ทมะ ขัน ติ จาคะ เปน เครื ่อ งมือ ในการปฏิบ ัต ิ เพื ่อ บรรลุ มรรค ผล นิ พ พาน มั น ก็ ใ ช ได ธรรมะหมวดนี้ พ ระพุ ท ธเจ า มอบให ฆ ราวาสโดยตรง
ความรวม สําหรับคฤหัสถและบรรพชิต (ตอ)
๑๕๕
จนเรีย กวา ฆราวาสธรรม ; แตว า เอาไปใชสํ า หรับ พระก็ไ ด. ที ่จ ัด เอาไว สํ า หรับ พระโดยตรงเช น อิ ท ธิบ าทสี่ ก็ เอามาใช สํ าหรับ ฆราวาสได แม ในเรื่อ ง ไถนา แม ในเรื่อ งหาเงิน กระทั่ งเรื่อ งศึ กษาเล าเรีย น. แลกเปลี่ ย นเครื่อ งมื อ กั น ไดอยางนี้ ก็เพราะวา ชีวิตนี้มันเปนการเดินทางดวยกัน ทั้งพระและฆราวาส. ที นี้ เครื่ อ งมื อ ชั้ น สู ง สุ ด เอามาใช ได แ ม ใ นกรณี ทั่ ว ไป : เครื่ อ งมื อ สูงสุดในที่นี้ผมอยากจะระบุ โพชฌงค ๗ ประการ ; ถาเปนคําแปลกหูสําหรับ บางองค ก็ จํ าไว ด ว ย อย า ให มั น เป น คํ า แปลกหู . โพชฌงค ๗ ประการ. ถ า คุ ณ สวดอานาปานสติสูตร มั นก็จะพู ดถึง อานาปานสติ ๑๖ ขั้น จะเปนเครื่องทําให สติ ป ฏ ฐาน ๔ บริ บู ร ณ ; เมื่ อ สติ ป ฏ ฐาน ๔ บริ บู ร ณ แล ว จะทํ า โพชฌงค ใ ห บริบูรณ ;เมื่อโพชฌงค ๗ บริบูรณแลว ก็จะทําวิชชาและวิมุตติใหเกิดขึ้น ; ฉะนั้นเรื่อง โพชฌงค ๗ เป นเรื่องสูงสุดในการปฏิ บัติ. โพชฌ + อังครวมกันเป น โพชฌงค. โพชฌ - ในที่ นี้ คื อ ตั ว โพธิ เขาเปลี่ ย นตามแบบสนธิ ข องภาษาบาลี โพธิ เป น โพชฌ ; เปลี่ยนรูปเปน โพชฌ แลวก็ อังค = โพชฌงค แปลวาองคแหงโพธิ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org องคแหงการตรัสรูเรียกวาโพชฌงค มีอยู ๗ ขอ : ขอที่ ๑ สติระลึกได. ข อ ที่ ๒ ธั ม มวิ จยะ- สอดส องธรรม เลื อกเฟ น คั ด เลื อกธรรม เรียกว าธั ม มวิ จยะ. ขอ ที ่ ๓ วิร ิย ะ - ความพากเพีย รพยายามดว ยความกลา หาญ. ขอ ที ่ ๔ ปต ิ อิ่ ม อกอิ่ ม ใจ. ข อ ที่ ๕ ป ส สั ท ธิ – ความรํา งับ หรือ ความเข ารูป เข ารอย. ข อ ที่ ๖ สมาธิ - ความตั ้ง มั ่น . ขอ ที ่ ๗ อุเ บกขา. นี ้เ ปน องคแ หง การตรัส รู หมาย ความวา ในการที่ จะรูแจ งอะไรขึ้ นมา ที่ เป นญาณทั สสนะ ชนิ ดที่ กลั บกํ าเริบได หรือ ไม ก ลั บ กํ าเริบ ได อ ะไรก็ ต าม มั น ก็ ต อ งการองค ๗ องค นี้ หรือ ปฏิ บั ติ อ ยู ใน ๗ องคนี้.
๑๕๖
ฆราวาสธรรม
ถ า เป น เรื่ อ งบรรลุ มรรค ผล นิ พ พ าน มั น ก็ มี อ ธิ บ ายไปในทางที่ มั น สู ง เพราะว า สติ - มั น ก็ ร ะลึ ก ในธรรมชั้ น สู ง ทั่ ว ๆ ไป. ธั ม มวิ จ ยะ – ก็ เ ลื อ ก ธรรมชั ้น สูง . วิร ิย ะก็พ ากเพีย รไป ในธรรมชั ้น สูง ๆ ฯลฯ. ถา วา เปน การขอยืม มาใช กั บ ฆราวาส ในธรรมชั้ น ต่ํ า มั น ก็ เ ป น แต เ พี ย งเปลี่ ย นลงมาเป น เรื่ อ งธรรม ชั ้น ต่ํ า เท า นั ้น แ ล ว ก็ใ ช ๗ ป ร ะ ก า ร นั ้น อ ยู ด ี. ส ม ม ต ิว า ช า ว น า ช า ว ไ ร ชาวบ าน พ อ ค าอะไรก็ ต าม เขาจะปฏิ บั ติ ห น าที่ ของเขา ตามความประสงค ข องเขา ก็ ใ ช ธ รรมะ ๗ ประการนี้ ไ ด . และถ า ใช เ ป น ใช ไ ด ดี ก็ จ ะสํ า เร็ จ ประโยชน เ ร็ ว ; หรือวามีความทุกขนอย หรือจะไมมีความทุกขเลย. ในการทํ างานที่ ถื อ กั น ว า มี ค วามทุ ก ข ม าก ยากมาก หรื อ พวกฆราวาส มีภ าระหนัก มาก นั ่น ก็เ พราะวา ไมม ีธ รรมะ ไมรู จ ัก ใชธ รรมะ. ธรรมะนั ้น มี หน า ที่ ต รงมาช ว ยให ง า ย และช ว ยให ไ ม เ ป น ทุ ก ข พร อ มกั น ไปในตั ว . คุ ณ จํ า ไว ให ดี ว า ธรรมะที่ มั น จํ า เป น สํ า หรั บ ชี วิ ต นี้ มั น จะช ว ยให ง านในชี วิ ต นั้ น ง า ย ราบรื่น เปน ไปสะดวก, และปอ งกัน ความทุก ขท ี่จ ะเกิด ขึ้น พรอ มกัน ไปในตัว มั น ตรงจุ ด ของป ญ หาที่ คุ ณ เสนอถามมา ว า ทํ า อย า งไรจึ ง จะป อ งกั น ความทุ ก ข ไ ด แลว ดับ ความทุก ขที ่เ กิด ขึ ้น แลว ได. นี ่ถ า ฆราวาสมีห ลัก ธรรมะอยา งโพชฌ งค อยู เป น ประจํ า ในการงานที่ ก ระทํ า การงานนั้ น ก็ จ ะสํ า เร็ จ ไปได โดยง า ย โดยเร็ ว แลวจะไมมีความทุกขเกิดขึ้นไดเลย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที นี้ ถ าสมมุ ติ ว า ความทุ กข เกิ ดขึ้ น ธรรมะนี้ ก็ จะช วยทํ าลายให หมดไป. ถ า จะเอาธรรมะสู ง สุ ด หมวดนี้ ที่ เ พื่ อ ตรั ส รู เพื่ อ นิ พ พานโดยตรงนี้ ม าใช ใ นชี วิ ต ฆราวาส เราก็ ถื อ เอาแต ค วามหมาย ถื อ เอาแต ห ลั ก หรื อ ความหมาย แล ว เอามา ใช ใ ห ถู ก เรื่ อ งของมั น ; เช น เครื่ อ งมื อ สํ า หรั บ ตั ด ที่ เ ขาตั ด ของที่ สู ง ที่ แ พงอะไร ; ถ า เราจะเอ าม าใช สํ าห รั บ ตั ด ขอ งที่ ราค าถู ก ๆ มั น ก็ ไ ด เห มื อ น กั น ; เพ ราะ
ความรวม สําหรับคฤหัสถและบรรพชิต (ตอ)
๑๕๗
ความหมายมันถูกใชในลักษณะที่เปนการตัด. สําหรับโพชฌงค จะเอามาใชได อยางไร คุณจําใหแมนยํา ; สติ - นี้ เราระลึ กในเรื่อ งนั้ น อยางทั่ วถึง วา มั น มี อะไรบ างกี่อ ยาง กี่สิบอยางมองดูรอบดาน. ระลึกขึ้นมาอยางทั่วถึง ; สติมันระลึกอยางทั่วถึง. ธัม มวิจ ยะ- ก็เ ลือ กเอาแตอ ัน ที ่ต รงจุด นอกนั ้น ก็ไ มต อ งเอา. ธัม มวิ จ ยะ นี้ ห มายความว า เลื อ กเอาแต ที่ ต รงจุ ด ที่ ต รงแก เรื่อ งของเราหรือ หนาที่การงานของเรา โดยเฉพาะในอันนั้น ในเรื่องนั้น. วิริยะ - นั้นบากบั่นลงไปใหเต็มความสามารถ ในจุดนั้น ในสิ่งที่ทํานั้น. ปติ - ใหอิ่มอกอิ่มใจ ในการไดกระทํานั้นอยูเสมอ มันจะไดหลอเลี้ยง วิริย ะ. วิริย ะนี ้ถ า หนัก เขา มัน เหนื ่อ ย เหนื ่อ ยเขา เดี ๋ย วมัน ก็ท อ แทห รือ ชัก เขว ตอ งมีอะไรมาหลอเลี้ยงมั น อยาให วิริยะออนกําลังหรือ เขว ก็คือ ป ติ, พอใจ อยูในสิ่งที่กําลังกระทํา. ยกตัวอยางเชน ชาวนาฟนดินอยู ที่ละกอน ๆ กลาง แดดกลางลมอยา งนี้ นั่น วิริย ะ ; นี่มัน หลอ เลี้ย งดว ยปติ. ฟน ไดกอ นหนึ่ง ก็สําเร็จไปกอนหนึ่ง ฟ นอีกกอนก็สําเร็จไปอีกกอน ;เพราะหลอเลี้ยงไวดวยปติ อยางนี้ วิริยะมันก็เปนไปไดเรื่อย. ถาไมเอาปติมาหลอเลี้ยงมันเกิดขี้เกียจ คือนึก วามันยังมีอีกเยอะแยะนัก มัวฟนอยูทีละกอน เมื่อไรจะเสร็จ ; มันก็ทิ้งงานเสีย. เพราะฉะนั้น ความอิ่มอกอิ่มใจ คือปตินี้ มันจะหลอเลี้ยง วิริยะ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ต อ ไป ก็ จ ะเป น ป ส สั ท ธิ - คื อ เข า รู ป , ความรํ า งับ ลงของป ญ หา ตาง ๆ เขาแปลวา ความรํางับแหงจิต ; แตผมแปลวา ความเขารูปแหงสิ่งทุกสิ่ง ที่มัน เกี่ย วกับ จิต . ในที่นี้ข องเรามัน ก็เกี่ยวกับ การงาน เกี่ยวกับ ปญ หา เกี่ย ว กับหนาที่ ; พูดงาย ๆ ตามภาษาปจจุบันนี้ก็วา งานมันเขารูป. ถาเราทํามาอยางนี้ แลว งานที่ทํามัน เขารูป เขารอย เรียกวาปส สัท ธิ ; ระงับความวุน วายที่เกี่ย ว กับปญหาจุกจิกหยุมหยิมอะไรไปหมด, นั้นมันรํางับไปหมด.
๑๕๘
ฆราวาสธรรม
ทีนี้ก็มาถึง สมาธิ - แปลวาระดมกําลังทั้งสิ้นเทาที่มีอยู กําลังจิตทั้งสิ้น เทาที่มีอยูลงไปในนั้นอยางเดียว เพียงอยางเดียว คือ แนวแน. ขอสุดทาย อุเบกขา - ความวางเฉย คือปลอยใหมันเปนไปอยางนั้น เราเพียงแตรอ,เราไมทําอะไรเพียงแตรอ. เมื่อ ทุกสิ่งมัน เขารูปแลว กําลังก็ใช ลงไปหมดแลว ทีนี้ก็รอจนกวามันจะถึง ไมไดทําอะไร. อุเบกขาจึงถูกเปรีย บ กับ อาการ เหมือ นกับ ที ่วา ถือ เชือ ก ถือ บัง เหีย นอยู เฉย ๆมัน เปน ไปไดเอง. ถาเปรียบดวยรถสมัยโบราณก็เปนรถมา ; มันก็ตองจัดเสร็จเรียบรอย จนมาก็รู เรื่องดี, ถนนหรืออะไรก็เขารูปเขารอยกันดี ; คนขับรถก็เพียงแตถือเชือกเฉย ๆ ; มาก็วิ่งไปตามถนนได. นี้แหละชีวิตที่จัดเปนรูป เปนรอย เขารูปเขารอยดี แลว คนก็เพียงแตอยูเฉย ๆ ปลอยใหมันเปนไป วิ่งไป ; อยางนี้เขาเรียกวา “อุเบกขา”. อยาเขาใจวา เฉยไมทําอะไรมาแตทีแรก. มันเฉยเมื่อทุกสิ่งมันเขารูป เขารอยแลว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org อยางคุณขับรถยนต เมื่อทุกอยางมันเขารูปเขารอยแลว. เครื่องยนต ก็ดี รถอะไรก็ดี ถนนก็ดี ดินฟาอากาศอะไรก็ดี, มัน เขารูปเขารอยหมดแลว, ก็ถือพวงมาลัยเฉย ๆ รถก็แลนไป. ฉะนั้น อุเบกขา แปลวา ความวางเฉยก็จริง แตมันไมใชวางเฉยตั้งแตทีแรก คือไมทําอะไร ; มันวางเฉย เมื่อทุกสิ่งทุกอยาง เขารูปเขารอย ไดที่ดีแลว ก็ปลอยมันใหเปนไปอยางนั้น ; แลวก็รอได คอยได จนกวา มัน จะออกดอกออกผล. เราปลูก ตน ไม เราตอ งขุด ดิน เราตอ งทํ า หลายอยาง วุน วายเหลือเกิน ; แตพ อทุก อยางครบถวนแลว มัน ก็รอจนกวา มันจะออกดอกออกผลออกมา. นี่ เรีย กวา “โพชฌงค ” มั น มี ห ลั ก อย างนี้ ในฐานะที่ เป น เครื่องมื อ สํ า หรั บ บรรลุ นิ พ พาน. คุ ณ ลองฟ ง คํ า สั้ น ๆ สรุป ความสั้ น ๆ ว า - สติ ระลึ ก
ความรวม สําหรับคฤหัสถและบรรพชิต (ตอ)
๑๕๙
ทั่ ว ถึ ง . ธั ม มวิ จ ยะเลื อ กเอาแต ที่ ต รงจุ ด . วิ ริ ย ะ ระดมกํ า ลั ง ลงไปพากเพี ย ร พยายาม. ปต ิ อิ ่ม ใจเพื ่อ หลอ เลี ้ย งวิร ิย ะไว ; ไมเ ทา ไรก็ป ส ลัท ธิ. ปส สัท ธิ คือ เขา รูป เขา รอ ย . ทีนี ้ก ็ใ ชส ม า ธิ โห ม ล งไป ทั ้ง ห ม ด เปน กํ า ลัง ที ่ม า ก หรือ จะเรีย กวา เพีย งพอก็ไ ด. ทีนี ้ก ็ป ลอ ยไป คือ อุเ บกขา เปน การปลอ ยไป คื อ รอได คอยได . นี่ เ ทคนิ ค ของการบรรลุ นิ พ พาน มั น เป น อย า งนี้ เรี ย กว า โพชฌงค. เมื่ อ คุ ณ ปฏิ บั ติ อ านาปานสติ ค รบทั้ ง ๑๖ ขั้ น ในนั้ น แหละเป น ความ สมบูร ณข องสติป ฏ ฐาน ๔ : กาย เวทนา จิต ธรรม มีค รบ ; แลว ในนั ้น ดู เถิ ด ถ ามั นปฏิ บั ติ ได สํ าเร็จและครบ จะพบโพชฌงค ทั้ ง ๗ ข อนี้ . ถ าไม ดู ก็ ไม เห็ น และถา ดูก ็จ ะเห็น . ถา เราไมต อ งการจะรู ไมด ูก ็ไ ด,มัน มีอ ยู แ ลว โดยไมต อ ง ดูก ็ไ ด ก็บ รรลุ ม รรค ผ ล ได โด ย ที ่ไ มต อ งรู ว า มีน มี ๗ อ ยา งนี ้. สํ า ห รับ พระอรหั สต พวกสุ กขวิ ป สสก เขาต องการแต จะหมดกิ เลส ดั บทุ กข เท านั้ น ; ไม มา มั ว ศึ ก ษาในแง ข องปริ ยั ติ หรื อ อภิ ธ รรม หรื อ อะไร. แต เดี๋ ย วนี้ เราพู ด กั น ในแง ของปริ ยั ติ ที่ จ ะชี้ ให ดู ว า จิ ต กํ า ลั ง เป น อย า งไร - จิ ต กํ า ลั ง เป น อย า งไร มากมาย กายกอง จึงพบเรื่องโพชฌงคเขา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org โพชฌงค นี้ พอดู เข าก็ พบว ามั นเป นอย างนี้ ในการประสบความสํ าเร็ จ ไมว า อะไร มัน จะเปน อยา งนี ้ ; นับ ตั ้ง แตก ารบรรลุน ิพ พาน จนถึง การไถนา ทํ า นา. แม คุ ณ จะเรี ย นหนั ง สื อ ในโรงเรี ย น ก็ ล องไปทํ า ดู , ใช ห ลั ก ๗ ประการ สํ า หรั บ ไปนิ พ พาน มาเรี ย นหนั ง สื อ สํ า หรั บ สอบไล มั น ก็ ไ ด ; ทํ า นองเดี ย วกั บ เอาอิ ท ธิ บ าท สํ าหรั บ บรรลุ มรรค ผล นิ พ พาน มาใช เป น อิ ท ธิ บ าทในการทํ างาน ทุ กอยางได . นี้ แหละคื อขอ ที่ วา ธรรมะที่ เป น เครื่อ งมื อ ของบรรพชิ ต ผู จ ะไป นิพพานนั้น ยืมมาใชเปนเครื่องมือสําหรับชาวบาน ที่จะใชทําไรทํานาทํานา กิน อะไรก็ได อยางนี้เอง.
๑๖๐
ฆราวาสธรรม
ต อ ไป ก็ มี ธ รรมะพวกที่ อ าจจะเอามาใช เป น เครื่ อ งมื อ ; เขามิ ไ ด วางไวสํ า หรับ เปน เครื่อ งมือ แตเ ราเอามาใชเ ปน เครื่อ งมือ มัน ก็ย ัง มี ถา วา จํ า เปน ขึ ้น มา. หรือ วา มัน เปน เครื ่อ งมือ ที ่ใ ชแ ทน ที ่เอาไปใชผ ิด ที ่ใ ชไ มต รง ตามความประสงคเดิ ม นี้มั นก็ยังมีได. ใชได. อยางเราไม มีค อนที่ จะตอกตะปู ก็เอาอะไรที่ไมใชคอนมาทุบหัวตะปู มันก็ยังทําใหตอกลงไปไดเหมือนกัน ; แตมัน ไมดีเทา ที่จะเอาเครื่องมือที่ถูกตอง เฉพาะเรื่องเฉพาะสิ่งนั้นมาใช. จะยกตัวอยางที่เบ็ดเตล็ดออกไปอีก เพราะวา คุณนี้ไมเทาไรก็จะไป เปน ฆราวาส ; เมื ่อ คุณ อยู เ ปน พระอยา งนี ้ คุณ ก็ส วด ปจ จเวกขณ ปจ จัย สี ่จี ว ร บิ ณ ฑบาต เสนาสะ เภสั ช . บทที่ คุ ณ สวดก็ คื อ บทที่ เขาวางไว สํ า หรั บ ภิ ก ษุ ทั้ ง นั้ น เลย. ป จ จเวกขณ ๔ คื อ พิ จ ารณ าจี ว รอย า งนั้ น ๆ พิ จารณ า บิณฑบาตอยางนั้น ๆ, แลวสูงสุดเสียดวย เชน พิจารณาสักวาเปนธาตุ ไมใชสัตว ไมใชบุคคล ตัวตน เรา เขา นี่มันสูงสุดสําหรับไปนิพพาน สําหรับปจจเวกขณ นี้ แตแลวพอสึกออกไป ก็ยังเอาไปใชเปนประโยชนอยางยิ่งได และก็จําเปนดวย. ถามองเห็นจนรูจักมั นแลวก็จะเห็นวามันจําเปน ; ที่วาเมื่อ คุณ สึกไปแลว จะได พิ จารณาเสื้ อผ า เครื่องนุ งห ม อย างเดี ยวกั บที่ พระพิ จารณานี้ มั นจะทํ าให คุ ณ ไมบาสวยบา งาม ในเรื่อ งการแตงตัว . นี่อ ยา งนอ ยก็ไดป ระโยชนอ ยางยิ่ง แลว ที่หนุม ๆ สาว ๆ เสียเงินไปมากมายในการแตงตัว. อยางผูกเนคไท นี้มันบาที่สุด มั น ไม จํ า เป น จะต อ งผู ก , มั น โง ต ามก น ฝรั่ ง แล ว ก็ ผู ก เนคไท. ถ า เรามองดู ด ว ย หลักอันนี้แลว จะเห็นวา โอ ! มันบาที่สุด ที่ทําไมจะตองผูกเนคไท มันเปนเรื่อง บาตามกันฝรั่ง แลวก็ตามกนกันเอง. ถาอิทธิพลของการปจจเวกขณ นี้มันยังติด คุณไปถึงบาน เมื่อสึกแลว มันก็จะไปจัดไปทําอะไรตาง ๆ ที่เกี่ยวกับเครื่องนุงหุมนี้ ใหถูกตองขึ้นอีกมาก.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ความรวม สําหรับคฤหัสถและบรรพชิต (ตอ)
๑๖๑
เรื่องอาหารการกินนี้ เราเปนพระ พิจารณาวา กินเหมือนกับกินเนื้อลูก กลางทะเลทราย,กิ น เหมื อ นหยอดน้ํ า มั น ที่ เพลาเกวี ย น ; แต เมื่ อ คุ ณ อยู ที่ บ า น หรือคุณกําลังจะกลับไปอยูที่บานนั้น คุณคงไมคิดวาจะกินอยางนั้น ที่วากินเหมือน กับกินเนื้อลูกกลางทะเลทราย หรือน้ํามันหยอดเพลาเกวียน. มันก็ตองมีเรื่องบา มากอีกตามเคย, บ าเรื่องกิน. อุตสาห ขับรถยนตไปกินอาหารกลางวันมื้ อเดียวที่ ตา งจัง หวัด นี ้ม ัน โกม าก ; แตไ มรู ว า มัน เปน เรื ่อ งบา มาก. ถา เราพิจ ารณา ปจจเวขณ อยางพระอยูเสมอ ตามบทป จจเวกขณ ที่คุ ณ สวดอยูเปนประจําวัน นี้ มันก็จะกินอาหารอยางนั้นไมได. มันจะกิกแตพอดีเหมือนกับน้ํามันหยอดเพลา เกวียนไดเหมือนกัน หรือเหมือนน้ํามันหยอดลอรถพอหมุนสะดวก. เรื่องที่อยูที่อาศัย, เครื่องใชไมสอยในที่อยูที่อาศัยก็อยางเดียวกันอีก. กระทั่ ง หยู ก ยาสํ าหรั บ เจ็ บ ไข มั น ก็ อ ย างเดี ย วกั น อี ก , ไม มี ย าสํ า อาง รวมกั น หมดแล ว คุ ณ จะเป น คนกล า หาญต อ ความเจ็ บ ไข แ ละความตาย ไม ก ลั วตาย ; แลว ไมม ีป ญ หาเรื่อ งเงิน ไมพ อใชเพราะความเจ็บ ไข หรือ ความตาย. เดี ๋ย วนี้ คุ ณ กํ า ลั งถู ก สอนให โงก ว างออกไป - กวา งออกไป. ยกตั วอย างเช น วา ถ าคุ ณ เปนโรคชนิดหนึ่งซึ่งตองเปลี่ยนหัวใจ เขาจะเอาเงินเปนแสน เปนลาน คุณจะเอา ที่ ไหนมา แล ว คุ ณ ก็ ก ลั ว ตาย. ที นี้ ถ า รูธ รรมะข อ นี้ มั น ก็ ไม ต อ งคิ ด ที่ จ ะเปลี่ ย น หัวใจ, ความตายไมมีความหมายอะไร. มันก็รูไปในลักษณะที่วา มันถึงวาระแลว มันควรจะมีเพียงเทานั้นแลว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เหมื อนคนโบราณ ถ ามั นมี โรคที่ เหลื อวิสั ยที่ จะรักษาได ก็ ตาม หรือ เหลือวิสัย ที่กําลังเงิน กําลังทรัพยของตนจะรักษาไดก็ตาม เขาก็บอกวา มันถึง เวลาแลว ก็เลยไมมีทุกขรอนอะไรดับจิตไปดวยอาการยิ้มแยม เพราะมันถึงเวลา แล ว พอกั นแล วสํ าหรับ ชีวิต ของเรา มั น มี กํ าหนดไวเท านี้ , เมื่ อ ไม มี เงิน ที่ จะไป
๑๖๒
ฆราวาสธรรม
เปลี ่ย นลิ ้น หัว ใจ หรือ จะไปทํ า อะไร มัน ก็ไ มเ ดือ ดรอ น. เดี ๋ย วนี ้ผ มสัง เกตดู มีค นเดือ ดรอ นมาก เพราะวา ถามีโรคอยางนี้ ตอ งไปรัก ษาที่ก รุง เทพฯ, แลว ก็หมดพิเศษ แพง ; ก็ไมมีเงิน แมแตคารถไฟอยูแลว, แลวก็เสียใจจนเปนบา ; นี้มันก็ไมถูก. ฉะนั้นการพิ จารณา ปจจเวกขณ , อภิณหปจจเวกขณ อะไรต าง ๆ นี้ มันชวยได ; ชวยใหเราไมเกิดความทุกข หรือความทุกขที่เกิดขึ้นมา จะไมมีกําลัง ไมมีอํานาจบีบคั้นเรา ; นี่เราขจัดความทุกขออกไปได หรือเราปองกันความทุกข ไมใหเกิดขึ้นได พราะเราใชความรูของพระพุทธเจาอยางการปจจเวกขณ สําหรับ ภิกษุโดยตรงนี้ ฆราวาสก็นําไปใชได. เราจะตองเจ็บไขก็เปนธรรมดา เราจะตอง ตายก็เปนธรรมดา เราจะไมมีสัตวบุคคล ตัวตน เราเขา ; อะไรนี้รวม ๆ กันแลว ก็ คื อ เครื่อ งมื อ ที่ พ ระและฆราวาสนํ าไปใช รว มกั น ได มี ไว สํ า หรับ พระเอามาใช อย า งฆราวาสก็ ไ ด ; ที่ มี ไ ว สํ า หรั บ ฆราวาส เอามาใช อ ย า งพระก็ ไ ด ; มี ไ ว สําหรับไปนิพพาน เอามาใชทําไรทํานา คาขายเลาเรียนก็ได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุ ณ ไม ต อ งแตกฉานอภิ ธ รรม อย างที่ ไม รูวา เรีย นกั น ไปทํ า ไม ; แต ขอใหแ ตกฉานอภิธ รรมชนิด ที ่ผ มกํ า ลัง พูด นี ้ กลา วคือ อภิธ รรม ชนิด ที ่เ ปน พระธรรมอยา งยิ่ง ธรรมะอยา งสูง สุด ที่ม ัน จะแกป ญ หาทุก อยางได. ถา มัว แต นั่งพูดนั่งนับนั่งคํานวณ ตองใชเลขคณิ ตกันอยูละก็ เปนอภิธรรมเฟอ. ถาเอาไป ใชได เปน apply ได เปนประยุกตได นี้ก็เปนอภิธรรมจริง คือเปนธรรมะสูงสุด ใชแ กป ญ หาไดจ ริง . ฉะนั ้น เรื่อ งอภิธ รรมชนิด นี ้ เอามาใชก ับ เรื่อ งทํ า ไรไ ถนา คา ขายเรื ่อ งเปน อยู ใ นชีว ิต ประจํ า วัน ของฆราวาสได ขอแตว า ใหม ัน เปน อภิธรรมจริง.
คุ ณ รูห รือ ยั งว า “อภิ ” preffix หรือ อุ ป สรรคตั ว นี้ นั้ น มั น แปลได ว า เกิ น , ยิ่ ง ใหญ ; แปลว า ยิ่ ง ใหญ ก็ ไ ด แปลว า เกิ น ก็ ไ ด สํ า หรั บ อภิ นี้ .
ความรวม สําหรับคฤหัสถและบรรพชิต (ตอ)
๑๖๓
อภิธรรม ก็แปลวา ธรรมะ ที่เปนสวนเกินก็ได, ธรรมที่ยิ่งหรือใหญก็ได หรือสูง ก็ได. เพราะถามันเอามาใชประโยชนสูงสุดก็ได มันก็เปนอภิธรรมยิ่ง อภิธรรม ใหญ ; แต ถ าใช อ ะไรไม ได มั น ก็ เป น ส วนเกิ น เป น ความรู เป น ปรัช ญา เป น อะไรที่เปนสวนเกิน. ทีนี้ ผมไมอยากใหมันเปนสวนเกิน ใหเปนธรรมที่ประยุกต ไดกับชีวิตจิตใจ. ธรรมสูง สุด ที่เปน ไปเพื่อ นิพ พาน เอามาใชกับการศึกษาเลาเรียนการ ทํ ามาหากิ น การมี ครอบครัว การอะไรต าง ๆ. แม โดยหลั กโพชฌงค ๗ ประการนี้ คุณ ทําใหดีเถิด จะแกปญ หาชีวิตประจําวันทุกขอได. ปญ หาในชีวิตประจําวัน มันมีกี่ขอ เอาขึ้นมาดูใหชัด แลวก็ใชหลัก ๗ ประการนี้แกมันใหถูกจุด ถูกเรื่อง ทีละเรื่อง ๆ ไป ; แลวถาสมมุติวา คุณมีครอบครัว และประสงคที่จะไปนิพพาน ทั้งครอบครัวนั้นเลย นั่นก็จะทําใหวิ่งไปนิพพาน ไมใชคลานตวมเตี้ยม. นี้เราพูดกันเรื่องธรรมะรวมระหวางฆราวาสและบรรพชิต มา ๒ ครั้ง แลว ผมก็พูดถึงตัวธรรมะแท แลวก็ธรรมะเครื่องมือ. สําหรับธรรมะเครื่องมือนี้ เราใชเปลี่ยนกันไดถึงขนาดนี้ ระหวางพระกับฆราวาส ; เหมือนกับธรรมะแท ๆ เชนอริยมรรคมีองค ๘ หรืออะไรก็ตาม มันใชไดอยางเดียวกันทั้งฆราวาสและ บรรพชิ ต : เรามี พ ระพุ ท ธ พระธรรม พระสงฆ อ งค เดี ย วกั น ทั้ งฆราวาสและ บรรพชิ ต ; เรามี ไ ตรสิ ก ขาเหมื อ นกั น ทั้ ง ฆราวาสและบรรพชิ ต ; มี ม รรค มี อ งค แ ปดเหมื อ นกั น มี อ ะไรเหมื อ นกั น ทั้ งฆราวาสและบรรพชิ ต . เดี๋ ย วนี้ เรา กําลังมีเครื่องมือ เชน สัจจะ ทมะ ขันติ จาคะ ; หรือ ฉันทะ วิริยะ จิต ตะ วิ สั งสา ; หรือ สติ ธั ม มวิ จ ยะ วิ ริย ะ ป ติ ป ส สั ท ธิ สมาธิ อุ เบกขา เหมื อ น
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๑๖๔
ฆราวาสธรรม
กัน ทั ้ง ฆราวาสและบรรพชิต . ผมก็ว า พอแลว สํ า หรับ การชี ้ใ หเห็น วา ธรรมะ รว มกัน ระหวา งบรรพชิต กับ ฆราวาส มัน มีอ ยู อ ยา งนี ้. เพราะเหตุผ ลเพีย ง ข อ เดี ย ว ว า กิ เลสก็ ดี ความทุ ก ข ก็ ดี มั น ไม เป น ฆราวาส หรื อ บรรพชิ ต . มั น เปนธรรมชาติ ตามธรรมชาติ เพราะฉะนั้น ธรรมะก็คือธรรมชาติ ตามธรรมชาติ ไมต อ งเปน ฆราวาส หรือ เปน บรรพชิต ก็ไ ด. ถา เอามาใชใ หม ัน ตรงเรื่อ งแลว มัน ก็เ ปน การสํ า เร็จ ประโยชน.เปน บรรพชิต อยู ที ่บ า นเรือ นก็ไ ด เพราะวา สามารถที่ จ ะเป น พระโสดาบั น สกิ ท าคามี อนาคามี อยู ที่ บ า นที่ เรือ นก็ ได . มี จิตใจอยางคนป นหมอคนนั้น อยูที่บ านที่ เรือนนั้ น มันยิ่งกวาเป นบรรพชิตสมัยนี้ ตั้งมากมายกายกอง. เปนพระอริยเจาแลว มันก็เปนยิ่งกวาบรรพชิต เขาใจไหม ? คือถามีธรรมะจริง ๆ แลว มันก็เปนยิ่งกวาเปนบรรพชิตเฉย ๆ คือเปนบรรพชิต แตไมไดบรรลุธรรม. ฉะนั้ น จะเป น พระ หรื อ ไม เป น พระ, จะเป น สมณะ หรื อ ไม เ ป น สมณะนั้ น มั น อยู ที่ บ รรลุ ธ รรมะ หรือ มี ธ รรมะหรือ ไม เท านั้ น ; ไม ได กํ าหนดวา อยูบานหรืออยูวัด. ฉะนั้นโดยภาษาบาลีคุณจะยิ่งขําใหญ วาเปนเถระนี้ มันก็อยูที่ บรรลุ ธ รรม ; ฉะนั้ น ฆราวาสก็ เป น เถระได , บางที เตลิ ด เป ด เป งออกไปใช คํ าว า เปน พราหมณ. เปน พระอรหัน ตนั ้น คือ เปน พราหมณเ พราะวา หมดบาป. “พหราหมณ ” นี้เขาหมายถึง ลอยบาปแลว หมดบาปแลว ฉะนั้นเปนพระก็ได เปนฆราวาสก็ได เปนพราหมณก็ได ถาหมดบาป ถามีบาปนอย หรือวาถากําลัง ลอยบาปอยู. คําพูดทําใหเราเวียนหัวอยางนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org โดยเฉพาะคํ า วา ฆราวาส หรือ บรรพชิต นี ้ ถา เขา ใจไมถ ูก มันก็มีความสับสนแลวก็จะเกิดหามลอตัวเอง, เปนความโงที่สุด ที่หามลอตัวเอง.
ความรวม สําหรับคฤหัสถและบรรพชิต (ตอ)
๑๖๕
เหมือนกับเรามีรถยนตอยูคันหนึ่ง เรามัวแตนั่งหามลออยูนั่น แลวจะทําอยางไรกัน. เดี๋ยวนี้มันจะเกิดเปนหามลอตัวเอง - ตัวเองหามลอตัวเองอยูที่นี่ ก็เรียกวาปกหลัก ป ก ตออยู ในวั ฏ ฏสงสาร ออกไปจากวั ฏ ฏสงสารไม ได เพราะไม รูจั ก ความเป น ฆราวาส หรือความเปนบรรพชิต, ไมรูจักเครื่องมือที่จะใชในการที่จะถอนความ เปน ฆราวาส หรือ ความเปน บรรพชิต ออกไปเสีย ใหห มด ; ใหม ัน เหลือ แต ธรรมชาติแหงความทุกข กับธรรมชาติแหงความดับทุกข.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พอกันทีสําหรับวันนี้.
ความมีสติของฆราวาส - ๑๐ ๒๖ เมษายน ๒๕๑๓ สํ า หรั บ พวกเรา ล ว งมาถึ ง เวลา ๒๐.๓๐ น. แล ว เปน เวลาที ่จ ะไดพ ูด กัน ถึง เรื่อ งที ่ค า งอยู ต อ ไป. ในวัน นี ้จ ะได พูด ถึง เรื่อ ง ความมีส ติสํา หรับ ฆราวาส, ในปญ หาที่เ สนอ ขึ้นมานั้นมีอยูปญ หาหนึ่งถามวา ฆราวาสจะมีสติไดอยางไร ? ก็เลยขอถือโอกาสพูดกันในวันนี้. การที่จะถามวา ฆราวาสมีสติไดอยางไรนั้น มันเปนคําถามที่ยังไม ชัดเจนสมบูรณ ฉะนั้นจะตองขยายความออกไป วามันมีสติในเรื่องอะไร ? ฆราวาส จะมีสติในเรื่องอะไร ? ก็ตอบวา มีสติในเรื่องที่เกี่ยวกับฆราวาสทุกอยาง. ที่นี้เรื่อง ทุกเรื่องของฆราวาสนี้ มันขึ้นอยูกับสิ่งสําคัญสิ่งหนึ่ง ซึ่งเรียกกันวา “อุดมคติ”.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คําวา “อุด มคติ” นี ้ ผมเชื่อ วา พวกคุณ คงจะเคยไดยิน และเคย ได พู ด กั น มาแล วมากที เดี ย ว ; แต ถึ งอย างนั้ น ก็ ยั งคิ ด วายั งไม อ าจจะเป น คนมี อุ ด มคติ ได ; คื อ พู ด ถึ ง อุ ด มคติ กั น อยู เสมอ แต คุ ณ ก็ ไม อ าจจะมี อุ ด มคติ ได ;
๑๖๖
ความมีสติของฆราวาส
๑๖๗
เพราะเหตุว า ยัง ไมรู ใ จความสํ า คัญ ที ่จ ะเปน อุด มคตินั ่น เอง. อยา งเชน วา เกิด มาทํ า ไม ? คุณ ก็ไ มรู ว า เกิด มาทํ า ไม ? แลว นี ่จ ะมีอ ุด มคติไ ดอ ยา งไร ? อุด มคติใ นการเกิด มาเปน คนนี ้ มัน ก็ม ีไ มไ ด ถา ยัง ไมรู ว า เกิด มาทํ า ไม ; หรือ รู ว า เกิ ด ม า ทํ า ไม นั ่ น แ ห ล ะ จึ ง จ ะ รู อ ุ ด ม ค ติ สํ า ห รั บ ม นุ ษ ย เ ป น อ ย า ง ไร . แตถ า ใครมาพูด วา คุณ ไมรู จ ัก อุด มคติ ไมม ีอ ุด มคติ คุณ ก็โ กรธ ; แตแ ลว ข อเท็ จจริงมั น ก็ อาจมิ ได จนถึ งว า คุ ณ ไม มี อุ ดมคติ เพี ยงรูจั กชื่ อของมั น เพราะยั ง ไม รู ว า เกิ ด มาทํ า ไม. นี่ ข อให คิ ด กั น ดู ว า เรื่ อ งอุ ด มคติ นี้ มั น คงจะไม ใช เรื่ อ งเล น ๆ เล็ก ๆ นอย ๆ, ฉะนั้น เราพูดกันถึงคําวา อุดมคติสักหนอยก็จะดี. คํ า วา “อุด มคติ” ในความหมายที ่เ ปน กลาง ๆ นั ้น มัน มีอ ยู ว า คนเราต อ งมี อุ ด มคติ ; และสิ่ ง ที่ เรี ย กว า “อุ ด มคติ ” นั้ น คื อ หลั ก สํ า หรับ ยึ ด หน ว ง ในการที่ จ ะลุ ถึ ง จุ ด หมายปลายทาง มั น เป น หลั ก สํ า หรั บ จะเป น เครื่ อ งยึ ด หน ว ง ตลอดเวลา ในการที ่จ ะถึง จุด หมายปลายทาง, ทีนี ้ ทํ า ไมจะตอ งมีอ ุด มคติ ? มัน เนื ่อ งจากวา ถา ปราศจากอุด มคติม ัน ก็เ ควง ควา งอยา งนี ้. คนบางคนมี อุ ดมคติ เปลี่ ยนเรื่อย นี้ ก็ คื อคนไม มี อุ ดมคติ มั นเคว งคว าง ; กวาจะรูจั กอุ ดมคติ จน ไม เคว ง คว า งนี้ ก็ ต อ งการเวลามากเหมื อ นกั น . มี อุ ด มคติ เพื่ อ อะไร ? มี อุ ด มคติ ก็เ พื ่อ จะเปน หลัก ยึด หนว ง ไมใ หแ กวง , เปน เครื ่อ งแนใ จ แลว ก็เ ปน เครื ่อ ง ให กํ า ลั งใจ พยุ งกํ า ลั งใจ และรวมทั้ งเป น แสงสว า งตลอดเวลาด ว ย ; ประโยชน ของมันมีอยูอยางนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี ้ เราจะพูด วา เราจะมีอ ุด มคติไ ดอ ยา งไรตอ ไปอีก โดยวิธ ีใ ด ? นี ้ก ็จ ะมาถึง สิ ่ง ที ่เรีย นวา สติ ; ดัง นั ้น การที ่ว ัน นี ้จ ะพูด ถึง สิ ่ง ที ่เ รีย กวา “สติ” ก็เพราะวา เปนเครื่องมือสําหรับใหเรามีอุดมคติได ตามที่เราตองการจะมี ; และอุ ด มคติ นั้ น ไม ใ ช ข องสั ก แต ว า ชื่ อ มั น ต อ งมี อ ยู จ ริ ง ๆ ; ที่ จ ะมี อ ยู จ ริ ง ๆ ได
๑๖๘
ฆราวาสธรรม
ก็เพราะวา มีสติเพียงพอ. สําหรับตอนนี้ก็อยากจะแนะใหสังเกตเห็นวาคนเรา ที่วาปฏิบัติอะไรไมไดสม่ําเสมอนั้น เพราะวาขาดสติไมใชเพราะวาขาดความรู. ความรูที่เรียกวาปญญาในเบื้องตนนี้ ปญญาในระดับแรกระดับตนนี้ เราเรียก วาความรู ; นี้ไมขาด ไมยินไดฟงอยูจนเหลือเฟอ และจนกระทั่งวา เราก็รูโดย เหตุผ ลวาเรามีอุด มคติของเราอยางไร ? ควรจะมีอ ยางไร ? ตอนนี้ไมคอ ย จะยาก.แตแลวมันจะยาก, ยากตอนที่ ไมมีสติจะรักษาสิ่งนี้ไวได. คุณรูจักสติในฐานะเปนธรรมะสําหรับการรักษานั้นโดยเฉพาะคือ การรัก ษาจิต . สตินี ้เ ปน คุณ ธรรม มีห นา ที ่สํ า หรับ รัก ษาคุ ม ครอง ; ที ่เรา เผลอไปเพราะขาดสติ ไมใชเพราะไมมีความรู ; ทั้งที่มีความรูทวมหัวนี้ มันก็ยัง ขาดสติอยูนั่นเอง ; ฉะนั้นจึงจําเปนจะตองพูดกันถึงเรื่องสติ. ถามวา ฆราวาสจะมีสติไดอยางไร ? ก็ตองระบุ ใหช ัด ลงไปวา มีส ติสํ า หรับ ที ่จ ะเปน ฆราวาสที ่ด ีที ่ส ุด ได อยา งไร ? ถา เราขาดสติเ ราก็เ ปน ฆราวาสไมไ ด ; ไมต อ ง พูด ถึง ฆราวาสที ่ด ี ฆราวาสธรรมดาก็เ ปน ไมไ ด. เพราะ ฉะนั ้น จะตอ งพูด ถึง อุด มคติต อ ไป วา มัน เปน สิ ่ง ที ่จ ะมีไ ด เพราะสติ . ตั ว มั น ก็ ค ื อ หลั ก สํ า หรั บ ยึ ด หน ว งของจิ ต ใจ ; เหตุ ที ่ ต อ งมี ก ็ เ พราะว า ถ า ไม ม ี มั น ทํ า ให เ คว ง คว า ง ; ฉะนั ้น ประโยชนข องมัน ก็ค ือ วา จะไดม ีห ลัก มีกํ า ลัง มี แสงสวางอยูในนั้น ; แลวจะมีไดเพราะวาเรามีสติเพียงพอ
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ ก็มาถึงอุดมคติของฆราวาส : ถาจะพูดกันถึงวาอะไรเปน อุ ด มคติ ข องฆราวาส ก็ อ ย า ลื ม ว า จะต อ งนึ ก ถึ ง คํ า ว า “มนุ ษ ย ” ก อ นคํ า ว า
ความมีสติของฆราวาส
๑๖๙
ฆราวาส ; เพราะอยางไรเสีย ฆราวาสก็ตองเปนมนุษย บรรพชิตก็เปนมนุษย. การที่เราพูดถึงฆราวาสนี้ เราจะตองเล็งจะตองระลึกไปถึงคําวามนุษยกอน ; ฉะนั้นเราจะตองนึกถึงอุดมคติของมนุษยกอนแลวจึงจะมานึกถึง อุดมคติของ ฆราวาส. อุดมคติของมนุษย คุณอาจจะเขาใจไดดวยขอความที่พูดมาแลว ครั้งกอน ๆ ; เพราะวาอุดมคติของมนุษยนั้น มันไมมีอะไร นอกจากจุดหมาย ปลายทาง คือไปใหถึงนิพพาน. มนุษยเกิดมามีชีวิตเปนการเดินทาง เทียมดวย ควายสองตัวเรื่อยไป แลวไปถึงจุดหมายปลายทางก็คือ นิพพานของมนุษย. นิพพานกลายเปนอุดมคติของมนุษย ฟงแลวมันนาชื่นใจ ; แตพอ มาถึงอุดมคติของฆราวาสฟงแลวมันนาเศรา นาอิดหนาระอาใจ นาขยะแขยง ก็มี ; เพราะคําวา ฆราวาส เขาใหความหมายต่ําเกินไปเสียแลว ยุงกันแต เรื่องโลก ๆ อยางเดียว. สังเกตดูใหดี ๆ ในขอนี้ ; ถาพูดถึงอุดมคติของมนุษย แหม ! มันอิ่มอกอิ่มใจ, มีความกระหยิ่มที่จะไดจะถึง. แตพอพูดถึงอุดมคติ ของฆราวาส ชัดจะมืดมัว ชักจะลังเล หรือบางทีก็นาเศรา ; ก็เห็น ๆ กันอยู.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ เราก็จะเอาอุดมคติอันไหนกัน ? เมื่อฆราวาสก็เปนมนุษย ก็ให อุดมคติแกฆราวาสใหมันสูง ๆ เขาไว ใหเปนมนุษยเขาไว. มนุษย ตัวหนังสือ ก็แ ปลวา ใจสูง ก็ได, แปลวา ลูก หลานของมนูก็ได ; มนูก็ คือ คนที่มีใ จสูง ฉะนั้นก็แปลวาคนมีใจสูงก็ได, ลูกหลานของคนมีใจสูงก็ได. ทีนี้มันสูงไปจน ถึงอยูเหนือโลกนั้น. ฉะนั้นถาฆราวาสมีอุดมคติอยางนั้นอยู ก็คงมีอุดมคติของ มนุษยอยู. อยางที่เราไดพูดกันหลายครั้งหลายหนมาแลววา พยายามที่จะเปน มนุษย ที่จะไปใหถึงที่สุดจุดหมายปลายทาง ;อยาเปนเพียงฆราวาสที่วาตกหลม จมเลนอยูที่นี่ คือมันเปนเรื่องวัตถุ เรื่องความสุขทางวัตถุ ทางเนื้อหนังไปเสีย ทั้งนั้น. นี่เราจะตองถือวา อุดมคติของฆราวาสก็คือ เปนมนุษยที่ดีที่สุด
๑๗๐
ฆราวาสธรรม
ที่มนุษ ยจะเปนได กระทั่งวาไมมีพระ ไมมีฆราวาสเสียแลวตอนนี้ มันเปนแต มนุษยที่กําลังตะเกียกตะกายไปสูความดีที่สุด หรือสูงสุดที่มนุษยจะเปนได. ถา ให ค วามหมายอย า งนี้ อุ ด มคติ ข องฆราวาสก็ น า ชื่ น ใจอยู ต ามเดิ ม ไม น า กลั ว หรือนาขยะแขยง. แม ว าเราจะกํ าลั งเป นอะไรก็ ตาม จะต องมี อุ ดมคติ ของมนุ ษย ในลั กษณะนี้ ทั้ งนั้ น ; แต ว าเด็ ก ๆ เกิ ดมา มั นก็ ยากที่ จะมี ความรู สึ กในอุ ดมคติ ชนิ ดนี้ โดยกระจ าง แจ ง . แต ถึ ง อย า งนั้ น ก็ ฝ ากเอาไว ที ก อ นก็ ไ ด ว า ขอให เด็ ก ๆ ทุ ก คนมี ค วาม หมายมั่นปนมือไววา จะใหถึงสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษยควรจะไดจะถึง. ทั้งที่เรายังไมรู บัดนี้วามันคืออะไร ? ทั้ง ๆ ที่เวลานี้เด็ก ๆ ยังไมรูวา นั่นมันคืออะไร ? แตเขา พอจะเขาใจได เพราะวาใชคําวาดีที่สุดที่มนุษยควรจะได ; ถึงจะยังไมรูวาอะไร ก็พอที่จะหวังได เพราะวาเขาก็อยากดี แลวมันก็คอยเติบโตขึ้นเปนเงาตามตัว. เด็กโตขึ้นก็คอย ๆ รูจักอะไรสูงขึ้น ๆ สูงขึ้นจนมาเปนพรหมจารี, เปน หนุ มเป นสาว มั นก็ ต องรูอะไรมากขึ้ น ; เพราะวา ในชี วิตนั้ นมั นเป นการศึ กษา, ความผิ ด พลาดเป น ครูที่ ดี ที่ สุ ด มั น ก็ เป น การสอนอยู ในตั ว. ที นี้ พ อเป นแม บ าน พอเรือนเขาก็รูอะไรมาก จากความทุกขทรมานในการเปนพอบานแมเรือนนั่นเอง. ในที่สุด เมื่อ ผา นโลกพอ บานแมเรือ นมาพอสมควรแลว มัน ก็รูได วาจะตอ งไป ยังที่หยุด ที่สะอาด ที่สวาง ที่สงบของจิตใจ, ที่เขาเรียกกันวาเย็น เปนนิพพาน. นี้คืออุดมคติตลอดสายที่เลื่อนไปตามลําดับ มีจุดหมายปลายทางอยูที่นั่น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราเปนนักศึกษานี้ อุดมคติอยูที่การสอบไลได หรืออยูที่การสําเร็จใน การศึ ก ษา มี เงิน ใช มี ลู ก มี เมี ย , แค นี้ มั น ก็ เป น อุ ด มคติ ขั้น เด็ ก ๆ ไปเท านั้ น เอง เรื่ อ ย ๆ ; ยั ง ไม ใ ช อุ ด มคติ อั น สุ ด ท า ย อั น สู ง สุ ด ; แต ถึ ง อย า งนั้ น แหละ
ความมีสติของฆราวาส
๑๗๑
ฆราวาสก็จะตองมีสติ ตองนึกไววานี่ยังไมใชอุดมคติอันสูงสุด จะไดเงิน ไดทรัพย สมบัติมาก ไดคูครองที่ถูกอกถูกใจ ไดอะไรก็ตาม อยางนอยก็ตองมีสติระลึกวา นี ่ย ัง ไมใ ชถ ึง ที ่ส ุด ของสิ ่ง ที ่ด ีที ่ส ุด ที ่ม นุษ ยค วรจะได หรือ ควรปรารถนา ; ทีนี้ เราก็ สามารถที่ จะยึ ดอุดมคติ ชนิ ดที่ มั นเขยิบไปได เลื่ อนชั้นขึ้นไปไดเรื่อย ดวยสติ ระลึก อยู ไมใ หไ ปหลงในสิ ่ง ที ่ม ัน ถึง เขา เฉพาะหนา หนา มัน กํ า ลัง เอร็ด อรอ ย เปนสุขสนุกสนาน. โดยหลักใหญ ๆ อยางนี้ ก็ตองการสิ่งที่เรียกวา “สติ” เสียแลว พอเผลอสติเมื่อไร มันก็ไปจมลงไปในสิ่งที่ไมใชอุดมคติ หรือ อุดมคติที่เลวที่ ต่ํา อุดมคติ ของเด็ กอมมื อไปอี ก ผมใช คํ าพู ดวาเรื่องกิ น แล วก็ เรื่องกาม แล วก็ เรื่อง เกียรติ จํากันงาย ๆ วา ๓ ก. เรื่ อ งกิ น เรื่ อ งกาม เรื่ อ งเกี ย รติ สิ่ งทั้ ง ๓ นี้ คงจะมี ค นเป น อั น มาก ถือเอาเป น อุด มคติ ยึ ด เอาเป น อุด มคติ แล วคุ ณ จะเห็ น ด วยหรือ ไม ? แต ถ าวา ไมเ ห็น ดว ยก็ร ะวัง ใหด ีว า กํ า ลัง หลงมัน อยู ห รือ ไม ? ในเรื ่อ งกิน เรื ่อ งกาม เรื่องเกียรติ ถาไมเห็นดวยและไมใชอุดมคติ ทําไมจึงไปหลงมัน .เรื่องกินก็ตอง เป น อุ ด มคติ ข องสั ต ว เดรั จ ฉาน. คํ า สุ ภ าษิ ต บรมโบราณพู ดว า จะผู กมั ด จิ ตใจสั ต ว เดรัจฉานก็ตองดวยอาหาร.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรื่อ งกามก็เป น เรื่อ งของคนที่ เหลวไหล บั งคับ จิตใจไม ได จะเรีย ก ว า พวกเทวดาก็ ไ ด ;เทวดาเป น พวกเหลวไหล บั ง คั บ จิ ต ใจไม ไ ด สาละวนแต เรื่อ งกาม กามคุณ ; แลว มนุษ ยก ็เปน อยา งนั ้น สมัค รจะเปน อยา งนั ้น . มัน ก็เปน เรื่อ งของคนบา ๆ บอ ๆ มัน จะเปน อุด มคติไปไมได แตค นก็ห ลงไหลกัน ที่ สุ ด ยิ่ งกว าสิ่ งใด คุ ณ ไปมองดู เองก็ แ ล วกั น . ป ญ หาส วนใหญ ที่ เขาหาเงิ น ไม รู จักอิ่มไมรูจักพอ ;ไมพอกันสักทีนี้ ก็เพราะเรื่องกามนี่เปนสวนใหญ.
๑๗๒
ฆราวาสธรรม
ทีนี้ ก็มาถึงเรื่องเกียรติ เรื่องเกียรตินี้ไมตองดูอะไรมาก ดูวามันขึ้น อยู ก ับ อะไร ? มัน ก็ขึ้น อยู ก ับ ที ่ค นเขาเทิด หรือ เขาเชิด . เกีย รติม ีค วามหมาย ขึ้ น มาได ก็ เพราะว า คนเขาเชิ ด ชู ย กย อ งกั น ;แม ทํ า ความดี แต ค นเขาไม เชิ ด ชู มันก็ไมมีเกียรติอยูนั่นแหละ. ทีนี้คนสวนมากเปนคนตะกละในเรื่องกินเรื่องกาม มั น ก็ ไปเชิ ด ชู ค นที่ มั น มี เรื่อ งกิ น เรื่อ งกามมาก วาเป น คนมี เกี ย รติ . ฉะนั้ น เรื่อ ง เกียรติก็เปนเรื่องที่ขึ้นอยูกับความนิยมอยางหลับหูหลับตานี้อยางหนึ่ง มันไมได หมายความวาดีจริง. แม วาเขาเป นคนขนาดที่จะเสียสละชีวิตได เพื่ อ อยางนั้ น อยางนี้ แล วก็ ยกยอ งวา เขาเป น คนมี เกี ยรติ นี้ ก็ ดู ให ดี เถิด วาสิ่ งที่ เขาทํ าไปนั้ น มีประโยชนอะไรบ าง ? แลวเกียรติชนิดที่หลับหูหลับตา ยอมเสียชีวิตไดนั้น มั นก็ ไม ไดมี จํากัดอยูเพี ยงเท านั้ น คนบ าบิ่ นก็ทํ าได ; สัตวเดรัจฉานบางชนิดมั นก็กั ด กั น จนตาย ไม ย อมแพ นั้ น มั น ก็ เพราะอั ส มิ ม านะประเภทเดี ย วกั น กั บ เกี ย รติ นี้ . คุ ณ เอาจิ้ ง หรี ด เอาปลากั ด อะไรมากั ด กั น มั น ไม ย อมแพ กั ด กั น จนตาย มั น ก็ เพราะความรูสึกอยางเดียว เป นอัสมิ มานะ คือเห็ นแกตัวกู. แตสําหรับมนุษยนั้ น ตองมีคนคอยชวยโห ชวยปรบมืออยูดวย ; มันตางกันอยูเทานั้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรื ่อ งกิน เรื ่อ งกาม เรื ่อ งเกีย รติ นี ้ไ มใ ชอ ุด มคติ ; มัน จะตอ งมี อะไรที ่ด ีก วา นั ้น . ฉะนั ้น ไป ๆ มา ๆ ก็ไ มพ น ไปจากเรื ่อ งของนิพ พาน คือ ความที่มีจิตใจสูงสมกับความเปนมนุษย มีความสะอาด สวาง สงบ, หรือวามี ความบริสุทธิ์ใจ แลวก็เอื้อเฟอเผื่อแผ แลวก็มีแตความเยือกเย็นเปนสุขทั้งตนเอง และทั ้ง ผู อื ่น ; ถา ทํ า ไดอ ยา งนี ้จ ึง ถือ วา เปน เกีย รติ. ถา คุณ รับ อุด มคติอ ยา งนี้ คุ ณ ก็ จ ะนึ ก ไปในทํ านองวา พระบรมศาสดาของเรา เป น ผู ที่ มี เกี ย รติ ที่ สุ ด . ใน บรรดามนุ ษยทั้ งหมดในโลก เราจะมองเห็นวา พระพุ ทธเจาเป นผูที่ มีเกียรติที่ สุด วาทานทําอะไรบาง ? ไปดูเอาเองก็แลวกัน.
ความมีสติของฆราวาส
๑๗๓
ถาเราจะเอาขางคนยกยอ คนเชิดชูเทิดทูนกัน พระพุทธเจาทานก็มีคน ยกยอมาก ไมน อ ยกวา ใคร ๆ ; หรือ มากวา ใคร ๆ เสีย อีก . ครั ้ง หนึ ่ง ที่ พิษณุ โลก ผมถามปญ หาขึ้นในหมู นักศึกษา นักเรียนชั้นสูง วาในโลกนี้ใครเป น คนที่เขาสรางอนุสาวรียใหมากที่สุด ? มีเด็กฉลาดคนหนึ่งตอบขึ้นมาทันควันเลย เมื ่อ เด็ก คนอื ่น เงีย บกริบ ทํ า ตาคา ง. เด็ก คนนั ้น เขาตอบวา “พระพุท ธเจา ”. ผมเลยถามวามากอย างไร? เขาตอบวา พระพุ ทธรูปมาก นั บ ไม ไหว. จํานวน พระพุท ธรูป เฉพาะในประเทศไทยนี ้ก ็ม ีไ มรู กี ่ล า น ๆ องค ยิ ่ง พระองคเ ล็ก ๆ พระเครื่องรางดวยแลว ก็มีจํานวนเปนลาน ๆ เลย . นี่คนที่เขาสรางอนุสาวรียให มากที ่ส ุด คือ พระพุท ธเจา ; มองดูก ็จ ริง . ทีนี ้ พระพุท ธเจา ทา นมีเ กีย รติ โดยธรรม,โดยธรรมคือมี ดีในตัวท าน แลวมีเกียรติโดยโลก ๆ , คือ ที่เขานิ ยมกัน ยกยองกัน สรางอนุสาวรียใหมากที่สุด ก็เพราะวาทานมีอุดมคติสูงสุด. เราจงรูจักอุดมคติของพระพุทธเจา วาทานออกบวชทําไม ? หรือถา จะเอาใจมากกวานั้นก็สรุปเรื่องทั้งหมดในชีวิตของพระองคแลว ก็จะมองเห็นไดวา ทานเกิดมาทําไม ? นี่เราก็จะพบอุดมคติสูงสุดของมนุษยอยูที่นั่น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เอาละที นี้ เราก็ลองมองดูเป นเรื่อง ๆ ไป ในการที่จะมีสติรักษาอุดมคติ ในระดั บ ไหนบ า ง ?อย า ลื ม ว า เรื่ อ งสติ นี้ จะช ว ยรั ก ษาอุ ด มคติ .ให ยุ ติ กั น ไว เสี ย ก อ นว า “สติ ช ว ยรั ก ษาอุ ด มคติ ” หรื อ “อุ ด มคติ มี อ ยู ได เ พราะว า สติช ว ยรัก ษาไว” . อุด มคติเ ปน สิ ่ง ที ่ร ัก ษาไวไ ดด ว ยสติ หรือ วา จะพูด กลับ กัน วา สตินี ้เปน เครื่อ งรัก ษาไวซึ ่ง อุด มคติ ; แยกกัน ไมไ ด พอแยกกัน มัน ก็ จ ะล ม ละลาย. ไม มี ส ติ อุ ด มคติ ก็ ล ม ละลายไม มี อุ ด มคติ สติ ก็ ไม รูจ ะรั ก ษา อะไร ; เปนอยางนี้.
โดยทางปฏิบัติ มันก็เหลืออยูแตที่จะมีสติ หรือทําสติ. ฆราวาสจะตอง มีสติ รักษาอุดมคติของมนุษยอยางที่วามาเมื่อตะกี้นี้ ; รักษาอุดมคติของมนุษย
๑๗๔
ฆราวาสธรรม
เสี ย ก อ น, มี ส ติ รั ก ษาอุ ด มคติ ข องมนุ ษ ย อ ยู ต ลอดเวลา. เดี๋ ย วมั น จะปนกั น ยุ ง คุ ณ ฟ ง ให ดี น ะ “มี ส ติ รั ก ษาอุ ด มคติ ข องมนุ ษ ย อ ยู ต ลอดเวลา” เมื่ อ คุ ณ เรี ย น หนั ง สื อ หรื อ เมื่ อ ทํ า งาน หรื อ เมื่ อ กิ น ข า วอาบน้ํ า หรื อ เมื่ อ ไปไหนก็ ต ามใจเถิ ด ใหม ีส ติรัก ษาอุด มคติข องมนุษ ยไ วใ หไ ด ; มัน จะไมเผลอทํ า ผิด พลาด, มัน จะ ไมเขา ไปในโรงเหลา , มัน จะไมเขา ไปในไนทค ลับ หรือ วา อะไรตา ง ๆ ; เพราะ รูว า นั ่น ไมใ ชอ ุด มคติข องมนุษ ย. เพราะฉะนั ้น จึง บัญ ญัต ิคํ า นิย ามลงไปเลยวา “มีสติรักษาอุดมคติของมนุษยอยูตลอดเวลา ไมวากําลังทําอะไร” และทําอยู ตลอดเวลา ไปหาความหมายรายละเอี ยดอะไรเอาเองว า : ไม ว าเราเป นอะไรอยู เรานึกถึงความเป นมนุ ษยอยูเสมอ, นึ กถึงความสูงสุดของความเป นมนุษยอยูเสมอ ; แล วมั นก็ ไม มี ทางที่ จะไปทํ าอะไรผิ ด ๆ หรือกล าทํ าอะไรผิ ด ๆ, ถ าสติ อั นนี้ มั นอยู ในการรั ก ษาอุ ด มคติ ข องมนุ ษ ย นี้ แ ล ว มั น ไม มี ท างที่ จ ะไปทํ า อะไรผิ ด ๆ หรื อ กลา ทํ า อะไรผิด ๆ. ทีนี ้ก ลัว แตว า ไมม ีอ ุด มคติ ทํ า ไปโดยลืม อุด มคติ ; ฉะนั้ น ก็ เลยทํ า สิ่ ง ที่ ม นุ ษ ย ไม ค วรจะทํ า นั่ น แหละ เมื่ อ ไรก็ ได ; มั น เสี ย ไปหมด อยางนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถัดไปก็คือ มีสติรักษาอุดมคติของการงานที่กําลังทําอยู ; นี้มันแคบ เขา มา. การงานที ่เ รากระทํ า อยู นั ้น มัน เปน การงานอะไร เราตอ งรัก ษา อุด มคติข องการงานอัน นั ้น ; เชน เปน นัก เรีย นเปน ครู เปน ผู พ ิพ ากษา เปน อะไรก็ ต ามใจ ซึ่ ง ล ว นแต มั น เป น การงาน เป น ชิ้ น เป น อั น เป น อย า งหนึ่ ง ๆ เป น อย าง ๆ ไป ; อุ ดมคติ ของการงานนั้ น ๆ มี อ ย างไร ต อ งมี สติ รักษาอุ ดมคติ ข อง การงานนั้ น ๆ อยู อ ย า งถู ก ต อ งเสมอ. เมื่ อ เป น อย า งนี้ แ ล ว เป น นั ก เรีย นก็ จ ะไม ทํ าอะไรนอกเรื่อ งของนั กเรีย น,หรือ จะเป นอะไรอื่ น ก็จะไม ทํ าอะไรที่ เป นนอกเรื่อ ง นอกหนาที่ของตัว ซึ่งมันเปนการขบถตออุดมคติของการงานที่ตนกําลังกระทําอยู.
ความมีสติของฆราวาส
๑๗๕
ตอไปก็ มีสติ ในการที่จะทําการงานไมใหผิดพลาด. สติอยางนี้ เปน ชื ่อ ของความไมป ระมาท. เราทํ า งานผิด พลาดเพราะความประมาท ; ส ว นใหญ หรือ ส ว นมากที่ สุ ด ไม ใช เพราะความไม รู ; แต มั น เป น เพราะความ ประมาท หรือ วา เหยีย บรู สะเพรา , ไมทํ า ดว ยสติที ่ส มบูร ณ ; เรีย กวา ทํ าอยางขอไปที อย างนั้ น , ทํ าอย างขอไปที หวัด ๆ ไม ได ทํ าด วยสติ ที่ ส มบู รณ . ฉะนั้นตองมีสติ ที่จะทําการงานไมใหผิดพลาดดวยความไมประมาท วา “แหม! ! นี ่เปน เรื่อ งงา ย นี ่เปน เรื่อ งเล็ก นอ ย นี ้เปน เรื่อ งทํ า เลน ๆ ก็ไ ด.” ผมสัง เกต เห็ น อยู ทุ ก วั น เลย พระเณรทํ า อะไรผิ ด พลาด เพราะไม ใช ไม รู แ ต เพราะอวดดี เพ ราะ ป ระ ม าท เพ ราะ ไม เห็ น ว า นี้ มั น สํ าคั ญ ที่ สุ ด ; เข าเห็ น เป น เรื่ อ ง เล็กนอยไป. ผมอยากจะขอรองใหทุก ๆ องคจําไววา ไมมีอะไรที่เปนเรื่องเล็กนอย ; อยา ไดถ ือ วา มีอ ะไรเปน เรื่อ งเล็ก นอ ยเปน อัน ขาด ; แมค ุณ จะไปตัก น้ํ า มาดื ่ม สัก แกว หนึ ่ง ก็อ ยา ไดถ ือ วา เปน เรื ่อ งเล็ก นอ ย ; หรือ อะไรที ่ม ัน ต่ํ า ไปกวา นั ้น ก็อ ยา ไดถ ือ วา เปน เรื ่อ งเล็ก นอ ย. ขอใหทํ า ดว ยสติ นับ ตั ้ง แตเ อามือ ควา ไป จั บ แ ก ว , แ ล ว ก็ จ ุ ม ล ง ไป ใน น้ํ า , แ ล ว ย ก ขึ ้ น ม า , แ ล ว ดื ่ ม ; นี ้ ใ ห ส ติ ติด เนื ่อ งกัน . ถา เขีย นเปน กรา ฟ แลว ก็จ ะเห็น เปน เสน ที ่ต ิด เนื ่อ งกัน . ฉะนั ้น จะทํ า อะไรก็ต าม, จะรับ ประทานอาหาร จะอาบน้ํ า จะถา ยปส สาวะอุจ จาระ, จะเดิน จะยืน จะนั ่ง จะนอน อะไรก็ต าม, อยา ไดเ กิด ความผิด พลาดขึ ้น , โดยเฉพาะการทํางาน ไมใหเกิดความผิดพลาดขึ้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที นี้ เราแบ ง งานเป น ๒ ชนิ ด คื อ งานที่ จ ะต อ งทํ า ตามธรรมชาติ ธรรมดาเชน กิน ขา ว อาบน้ํ า อยา งนั ้น ก็เ รีย กวา “งาน” งานบริห ารชีว ิต บริ ห ารร า งกาย. งานที่ ทํ า ที่ โ รงเรี ย น ทํ า ที่ อ อฟฟ ศ มั น ก็ ง านอี ก งานหนึ่ ง ;
๑๗๖
ฆราวาสธรรม
มั น งานเฉพาะ ไม ใ ช ต ามธรรมชาติ ที่ เรามี ต า ง ๆ กั น ว า จะต อ งทํ า งานนั้ น . ทั้ ง ๒ งานนี ้ อยา ทํ า ใหผ ิด พลาด. การผิด พลาดเกิด เพราะเผลอไป เห็น วา เป น เรื่ อ งเล็ ก น อ ย. และจากเรื่ อ งเล็ ก น อ ยนี้ มั น จะถึ งกั บ ฆ าคนนั้ น ก็ ได คื อ ทํ าฉิ บ หาย หมดเลยก็ไ ด. ฉะนั ้น การงานทุก ชนิด จะเปน เรื ่อ งบริห ารรา งกายตาม ธรรมชาติ หรือวา ทํางานเฉพาะในหนาที่ก็ตาม อยาเห็นเปนเรื่องเล็กนอย เลย : แล ว ก็ หั ด ให มี ส ติ อ ยู เรื่ อ ย ๆ ไป ตอนแรก ๆ มั น อาจจะงุ ม ง า มบ า ง หรื อ ว า นา รํ า คาญบา ง ; แตว า เมื ่อ ทํ า ไปจนชิน เปน นิส ัย แลว มัน ก็ค ลอ งแคลว ได แลว ดีกวากันมากมาย. กัม มัฏ ฐาน วิป ส ส น า บ างชน ิด เชน ยุบ ห น อ พ อ งห น อ อ ะไร หนอ ๆ อย า งนี้ ก็ มี ค วามมุ ง หมายอย า งนี้ คื อ เราจะเป น คนที่ มี ส ติ อ ยู ทุ ก อิ ริ ย าบถ ; แตแ ลว เราฟง เขาไมถ ูก เขา ใจวา ไปนั ่ง หนอ ๆ บา ๆ บอ ๆ อยา งนั ้น เพราะ เข า ใจผิ ด แล ว ทํ า ผิ ด . แต ที่ จ ริ ง ต อ งการให มี ส ติ ทุ ก อย า งไร เหมื อ นอย า งกั บ ว า คุ ณ เอาสิ่ ง นี้ ม าวางไว ต รงนี้ แล ว ลื ม หาไม เห็ น ไม รู ว า อยู ที่ ต รงไหน ; อย า งนี้ มั น ก็ เพราะขาดสติ . หรื อ บางที แ ว น ตาสวมอยู นี้ บางวั น มั น อาจจะไม รู ว า แว น ตาอยู ที ่ไ หน ทั ้ง ที ่ย ัง สวม อยู . นี ่ก ็เ พื ่อ ปอ งกัน อยา งนี ้ ไมใ หม ีล ืม มีพ ลาด . ฉะนั ้น ขอตอไปผมก็อยากจะพูดถึง การที่มีสติในการจํา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org การมี ส ติ ใ นการจํ า นี่ เ รารู ก นอยู ทั่ ว ไปแล ว ว า “ความจํ า ” นั้ น มั น สํ า คั ญ . แล ว เราลองเกิ ด จํ า ไม ไ ด ดู ซิ ; เมื่ อ เกิ ด จํ า ไม ไ ด แล ว คุ ณ จะทํ า อะไรได . เดี ๋ย วนี ้เ พราะจํ า ได วา นี ่อ ะไร - นี ่อ ะไร; มัน จํ า ไดจ ึง ทํ า อยา งนั ้น ไดอ ยา งได, กิ น ข า ว ไ ด อ า บ น้ํ า ไ ด . ถ า ล อ ง จํ า ไ ม ไ ด ก็ ทํ า อ ะ ไ ร ไ ม ถ ู ก . นี ่ เ รี ย ก ว า เกี่ ย วกั บ ความ จํ า ที่ เราไม รู สึ ก ตั ว เราเรี ย กว า สั ญ ญ า ห รื อ ว า “สม ป ฤดี ”. สั ญ ญา = ความจํ า , สมปฤดี = ก็ คื อ ความรู สึ ก ตั ว อยู ต ามปกติ คื อ จํ า อะไรได นั้ น เอ ง ; พ อ จํ า อ ะ ไร ไม ได ห รื อ ว า ห ยุ ด ไป นี้ ก็ เรี ย ก ว า ไม มี ส ม ป ฤ ดี .
ความมีสติของฆราวาส
๑๗๗
จําตามธรรมชาติอยางนี้ เราไมเคยสนใจกับมัน เราไมคอยสนใจกับมัน เพ ราะว า ยั ง จํ า ได อ ยู นี ่ อ ะไร, - นี ่ อ ะไร แล ว ก็ เ ดิ น มา ลุ ก ไป หรื อ จะ ทําอะไร มันทําได ก็เลยไมสนใจกับความจําชนิดนี้ของธรรมชาติตามอัตโนมัติ. ทีนี้ จําที่ เราอยากจะจํา เชนจําการเลาเรียน จําอะไร หรือวา เรื่องที่ มั นต องจํา ในหน า ที่ ก ารงานอย า งนี้ ; ถ า เราเป น คนจํ า เก ง ก็ มี ป ระโยชน ที่ สุ ด . ผู ที่ เป น บั ณ ฑิ ต นั กปราชญ หรือทํ าอะไรได สําเร็จ ก็ต อ งจําอะไรไดทั้ งนั้น ; ไม เชน นั้ น ก็พูดไมถูก ทําไมถูกตามนั้น. ฉะนั้นคนที่มีปญญามาก ก็รวมทั้งการจําเกง จํามากอยูดวยเหมือนกัน. ที่นี้ความจํานี้มันจําไดมาก อยางหนึ่ง แลวก็จําไดกวาง หมายความวา จําไดไกล ๆ นี้ อี ก อย า งหนึ่ ง . จํ า ได ม ากแล ว ก็ จํ า ได ไกล อย า งนี้ เขาเรี ย กว า ระลึ ก ชาติ ได , ระลึก ชาติห นหลัง ได. คือ คุณ จะตอ งจํ า ไดว า เมื ่อ เชา ทํ า อะไร ? เมื ่อ วาน ทําอะไร ? แลวเมื่อวานซืนทําอะไร ? จนกระทั่งสัปดาหถอยถัดไปโนนทําอะไร ? เดือนถอยถัด ไปโนน ทํ าอะไร ? ป ถอยถัด ไปโน น ทํ าอะไร ? นั้ น คือระลึ กชาติได . จนกระทั่งที่เขาพูดกันวา ตายไปกี่ชาติ ๆ แตหนหลังก็ระลึกได ก็รวมอยูในขอนี้ แหละ ; แตผ มวา มากเกิน ไป เอาแตเ พีย งวา เมื ่อ วานนี ้ค ุณ ทํ า อะไรบา ง คุณ จํ า ไดไหม ? ใหนั ่ง นึก สัก สามชั ่ว โมง ; เมื ่อ วานนี ้ทํ า อะไรบา ง มัน ก็จ ะจํ า ไมห มดกระมั ่ง . พอไปถึง วานซืน นี้ก็แ ยแ ลว ; ถัด ไปจากวานซืน อีก วัน หนึ ่ง ก็ยอมแพแลว ; นั่นเพราะไมคอยมีความจําชนิดที่ไกลอยางนั้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาคุณ ฝกหัดสตินี้ ฝกสติตามแบบที่เขามีไววางไว จะจําได, จําได ถอยหลัง ๆ ถอยหลัง จนกระทั ่ง ชาติก อ นก็จํ า ได, สิบ ชาติ ยี ่ส ิบ ชาติก ็จํ า ได. จะเอาชาติ ไหนเป น เกณฑ ก็ ต ามใจ จะเอา “ชาติ ” ตามภาษาธรรมที่ ว า – เกิ ด ตั ว กู - ของกู ครั้ ง หนึ่ ง เป น ชาติ ห นึ่ ง ก็ ไ ด ; หรื อ “ชาติ ” ชนิ ด เข า โลงที ห นึ่ ง ;
๑๗๘
ฆราวาสธรรม
ถา มัน มี ก็ช าติห นึ ่ง ๆ นั้น ก็ไ ดทั ้ง นั ้น . คือ วิธีเดีย วกัน ตอ งใชวิธีเดีย วกัน คือ การระลึกถอยหลังดวยความจํา. ทีนี้ เรามีสติในการจํา เอาแตเพียงวาในชาติปจจุบันนี้ก็พอ ใหมัน จําแมนขนาดวา ขางหลังก็จําได ; แลวถือชาติในภาษาธรรม คือเกิดความรูสึก ที่ เป น ตั ว กู - ของกู อ ะไรนี้ ; โลภ หรื อ โกรธ หรื อ หลง หรื อ อะไร ครั้ ง หนึ่ ง เรีย กว า ชาติ ห นึ่ ง . ถ า วั น นี้ โกรธ ๓ หน ก็ เรี ย กว า ๓ ชาติ , แล ว โลภอี ก ๕ ครั้ ง ก็ เป น ๕ ชาติ, แล วโง อย างอื่ นอี ก ๗ - ๘ ครั้ งก็ รวมกั้ นเป นเกื อบ ๒๐ ชาติแ ลว . ในวัน เดีย วนี ้ต อ งระลึก ใหไ ด ถอยหลัง ไปใหไ ด วา - ชาตินั ้น มีเ รื ่อ งอะไร ? -ชาตินี้มีเรื่องอะไร ? ทําไดดวยสติ, ดวยการฝกสติตามวิธีที่วางไว. นี้เรียกวา มีส ติใ นการจํา นับ มาแต สัญ ญา สมปฤดี จํา เกง โดยธรรมชาติ โดยนิส ัย . เด็กบางคนจําเกงมาโดยนิสัยโดยธรรมชาติ กระทั่งมาจําไดเกงในสิ่งที่จะตองจํา เพิ่ ม ขึ้น ในการศึก ษาเล าเรียน ในหน าที่ การงาน ; ล วนแต ใชค วามจําทั้ งนั้ น . พอแก เฒ าเขามั น ก็ เลื อ น ชัก จะเลื อ นอย างผมนี้ เรีย กวาความจํ าก็ ชัก จะเลื อ น เพราะอวัยวะที่เปนเครื่องชวยความจํา ไดใชมันมาก มันก็เสื่อมคุณภาพ อยางนี้ เปนตน. แตถาไมฝกอยางที่มีวิธี สอนใหฝกแลว มันจะยิ่งกวานี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ตอไป ก็คือการมีสติในการมีสติทันควัน. สติถามาชาก็ชวยอะไร ไมไ ด ; เรามีส ติท ัน ควัน นั ่น แหละจะชว ยได. ฝก มีส ติ ในการที ่จ ะมีส ติ ทัน ควัน . สํ า หรับ พวกที ่ต อ งทํ า งานเร็ว ๆ เชน ขับ รถยนต ขับ เรือ บิน อะไร เหลา นี ้ ตอ งมีส ติ หรือ วา การตัด สิน ใจ หรือ อะไร ที ่ม ัน เนื ่อ งกัน เร็ว ๆ ; ยิ ่ง ขับ รถเร็ว เทา ใด ก็ยิ ่ง มีส ติท ัน ควัน มากเทา นั ้น . ในเหตุก ารณที ่ม ัน เกิด ขึ ้น ทางจิตใจก็เหมือนกัน โลภะ โทสะ โมหะจะเกิดขึ้นในจิตใจอยางนี้ สติตองมี
ความมีสติของฆราวาส
๑๗๙
ทัน ควัน เชน เดีย วกับ ทางวัต ถุ ขับ รถเร็ว ๆ ตอ งมีส ติท ัน ควัน . ในทางภายใน ในทางจิ ต ใจก็ ต อ งมี ส ติ ทั น ควั น ถ า ไม อ ย า งนั้ น คุ ณ ก็ ไปโกรธเสี ย แล ว โกรธเสี ย เปน วรรคเปน เวร ไปดา ไปตีเขาเสีย แลว จึง จะมีส ติ ; อยา งนี ้ม ัน ก็ช ว ยอะไร ไม ไ ด . โดยเฉพาะเมื่ อ ถู ก สอบไล สอบสั ม ภาษณ หรื อ สอบอะไร ที่ เขาไม ใ ห เวลามากไปกว า กระพริ บ ตาเดี ย ว ถ า เราไม มี ส ติ ห รื อ ความจํ า ระลึ ก ได ทั น ควั น มัน ก็ทํ า ไดไ ด. ฉะนั ้น ฆราวาสจะตอ งไปฝก การมีส ติท ัน ควัน ดว ย ; แลว ถือ วา สติ ทั น ควั น นี้ คื อ พื้ น ฐานของสติ ทั้ ง หมด เพราะคํ า ว า สติ นี้ หมายถึ ง ความรู ที่ วิ่ ง มาชวยเราทันควัน ; ถาไมทําหนาที่อยางนี้ก็คือไมมีสติ. สติ กั บ ป ญ ญ า ไม ใ ช สิ่ ง เดี ย วกั น .ป ญ ญ า คื อ ความรู ; สติ คื อ ความรู ใ นโอกาสที ่วิ ่ง มาทัน ควัน , ที ่เ กิด ขึ ้น ทัน ควัน แลว เฉพาะเรื ่อ งนั ้น . แล ว ก็ ยั ง มี อี ก คํ า หนึ่ ง ว า สั ม ปชั ญ ญะ นี้ คื อ สติ ที่ มี อ ยู ไ ม ข าดตอนเป น พื้ น ฐาน. ปญญา เรียกวา ความรู ;บางชนิ ดเอามาไวเป นพื้ นฐานไม ขาดตอน มีสัมปชัญ ญะ ; บางชนิ ดก็ตองทําชนิ ดที่ วามาเร็ว ๆ ทั นควัน แล วก็เพี ยงพอ ; เหลานี้ ที่ แท คื อสติ . สั ม ปชั ญ ญะก็ คื อ สติ ที่ มั น ยั ง คงอยู ที่ ยั ง คงค า งอยู เ ป น เวลานาน. นี่ เ รามี ส ติ สัม ปชั ญ ญะมั น ก็ ป ลอดภั ย . สติ มาทั น ควัน แล วอยูในรูป ของสั ม ปชัญ ญะตลอด เวลานานพอสมควร ; ทั้งสองอยางนี้คือ ความรู.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นอกจากนี้อยากจะกลาวอีกสักขอหนึ่งวา มีสติในการที่จะไมเสียสติ. มี สติ ในการที่ จะไม เสี ยสติ มั นก็ เกื อบคล ายกั นนั่ นแหละ แต วาเราจะแยกออกให เห็น อีก ชนิด หนึ ่ง ; คลา ยกับ ที ่แ ลว มา คือ วา เราเปน คนมีค วามรู มีอ ะไร พอสมควร, ตามปรกตินั ้น เรามีส ติ ; แตพ อถูก ขู เ ขา หรือ ถูก ตวาดเขา หรือ อะไรเกิ ด ขึ้ น เฉพาะหน า เข า สติ มั น เสี ย ไป ; นี่ เรีย กว าสติ มั น เสี ย ไป, สติ ที่ มี อยู แ ลว นั ้น หรือ สัม ปชัญ ญะก็ต ามมัน เสีย ไปเสีย เพราะมีอ ะไรเขา มาเกิด ขึ ้น . นี้เราจึงมีหนามี่ ที่วาจะตองไมเสียสติ.
๑๘๐
ฆราวาสธรรม
อยางเชน คุณเดินไปก็มีสติ พอสุนัขสักตัวหนึ่งกระโชกเขามา คุณ ก็ไมรูวาจะทําอยางไร, สติไมรูไปไหนหมด. บางทีสุนัขกัดเอาเลย เพราะทําผิด เรื่อง ; อยางนี้สําคัญมาก หรือมีปญหาในชีวิตประจําวัน. พออะไรปงปงเปงปาง มันเสียสติ ; ถาเสียสติมากเทาไรมันก็ยิ่งเปนผลรายเทานั้น, เสียสตินานเทาไร ก็มีผ ลรายมากเทานั้น . เมื่ออยูน อกหอ งสอบเราก็ดูราเริงดี มีค วามรูสึกแนใจ ตัว เอง ; พอยา งเขา ไปในหอ งสอบ ก็เ สีย สติ ; หรือ พอไดรับ ขอ สอบมา ก็เสียสติ ; หรือพบปญ หาบางขอ คําถามบางขอ งงเลย ทําใหเสียสติ จนขอ อื่น ๆ พลอยเลื่อนไปหมด. ฉะนั้นเราจะตองฝกหัดใหมีสติ ในการที่จะไมเสียสติ. ผมเคยพูดตัวอยางที่นี่ อาจจะไมมีใครเชื่อ ในเรื่องความกลัว. ถาเจอ เสือแลวจะตองมีสติที่จะไมตองกลัว - ไมตองกลัว ; จะไมกลัวไวกอน แลวจะขึ้น ตน ไมก็ไ ด คือ ขึ้น ดว ยความไมก ลัว ,จะวิ่ง หนีก็ไ ด วิ่ง หนีดว ยความไมก ลัว , จนตรอกแลวจะชกเสือก็ได ก็ชกตอยเสือดวยความไมกลัว. นี้มันตองมีสติที่จะ ไมกลัว คือ มีสติที่จะไมเสียสติ. ถาขึ้นตนไมดวยความกลัว เดี๋ยวมันก็พลาดตก ลงมา ; ฉะนั้น มัน ก็ตอ งบวกกัน กับ ปญ ญา ความรู ความสามารถ ความมี สติดว ย ; แลว ก็ไมก ลัว ขึ้น ตน ไมไป. หรือ จะวิ่งหนีก็ตอ งทํ า ดว ยความมีส ติ, จะฟดกันกับเสือ ก็ตองทําดวยความมีสติ ; อยาใหสูญเสียความมีสติ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เทาที่ยกตัวอยางมานี้ มันก็ลวนแตฆราวาสจะตองทํา ลวนแตฆราวาส จะตองฝก จะตองมี จะตองทํา : มีสติรักษาอุดมคติของมนุษยไว – วาอุดมคติ ของมนุษยเปนอยางไร ? มนุษยคืออะไร ? และอุดมคติของการงานที่กําลังกระทํา อยูเฉพาะหนา, แลวก็มีสติในการที่จะทํางานไมผิดพลาด, มีสติในการจํา, มีสติ ในการที่จะมีสติใหทันควัน, แลวก็มีสติในการที่จะไมเสียสติ.
ความมีสติของฆราวาส
๑๘๑
อันสุดทายที่สุด อยากจะพูดอีกสักอันหนึ่งวา มีสติเมื่อจะตาย. นี่จะ ปดฉากแลวมีสติเมื่อจะตาย เพราะวาเวลาตายเปนเวลาปดบัญชีงบดุลยงบอะไรทั้ง หมด ; มันจึงเปนเวลาที่สําคัญอยางยิ่ง.ถาเผลอสติตอนนี้ก็แปลวาจะฉิบหายหมด หรือ ฉิบ หายมากทีเ ดีย ว. ถา มีส ติต อนนี ้ก ็จ ะเรีย กวา ดีม าก, แนน แฟน มาก มั ่น คงมาก. คุณ คงจะคิด วา - โอ ยัง อยู ไ กล มัน อยู ไ กลโวย เรายัง ไมต าย ยั ง หนุ ม อยู ; ก็ ไ ม ถู ก นั ก นะ มั น อาจจะมี ม าเมื่ อ ไรก็ ไ ด . ยิ่ ง อยู ใ นกรุ ง เทพ ฯ อยางนี้ มันอยูในฐานะที่จะมีอุบัติเหตุ ตายลงไป เมื่อไรก็ได ; หรือวาจะอยูไป จนเฒา จนแกก็ต ามใจ ก็ตอ งเตรีย มพรอ มสํา หรับ การตายใหด ีที ่สุด . พูด อีก ที่ คือตายแบบอุดมคติ ตายอยางมีอุดมคติ. ตายแบบอุดมคติ ตายอยางมนุ ษยที่ ดี คื อ ตายอยางพระอริยเจาตาย ; คือวา ถาเรามี อะไรที่เรายังทํ าไม ไดในทางธรรม เชนละกิเลส หรือ ละความชั่ว หรือ อะไรไม ได อยางนี้ ตอนที่ จะตายจะต อ งทํ าให ได ; เพราะมั น งายนิ ด เดี ย ว มัน จะสิ ้น อยู แ ลว . เลิก ลา งความคิด ชั ่ว อะไรชั ่ว นั ้น แลว ก็ต ายไป ; หรือ จะ เอากันอยางสูงสุดวาเราสมัครดับไมเหลือ. การเกิดมาเวียนวายอยูในวัฏฏสงสาร อยางนั้นอยางนี้ อยางโนน มันพอกันที ; จิตใจของเราสมัครดับไมเหลือ สิ้นสุด หยุดสิ้นสุด พอกันที. อยางนี้มันก็จะดับไปได หรือตายไป ในลักษณะที่ดีที่สุด ที่เปนอุดมคติ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ผมอยากจะพู ดแบ งแยกกั นอย างนี้ วา ที่ วาตาย ๆ กั นนั้ น มั นตายตาม ธรรมดา, ตายของคนโง อยา งนั ้น เรีย กวา ตาย ; เปน สิ ่ง ที ่น า เกลีย ด นา ชัง นาขยะแขยง คือมันตายอยางคนธรรมดาตาย. ตายไมมีสติดวย แลวตายดวย ความดิ ้น รน คือ ไมอ ยากจะตายดว ย นี ้ค ือ ตายโหง. คนที ่ต อ งตายไปโดย ที่ ไม อ ยากตาย, แล ว มี อ ะไรมาตั ด ให พ ลั น ตายลงไปนี้ ก็ เรี ย กว า “ตายโหง” ;
๑๘๒
ฆราวาสธรรม
มันก็ควรจะเรียกวาตาย. แตถาเราเปนคนมีความรูดวย แลวก็มีสติตั้งแตเดี๋ยวนี้ ดว ย มัน ก็ม ีก ารเตรีย ม มีก ารกะกํ า หนด มีก ารวางอะไรไวใ หเ หมาะสม ; มัน ก็ มี สติ ส มบู รณ อยางยิ่ง แล วก็ไมไดมี ก ารต อ สูวา “ไม อยากตาย” หรืออะไร ทํานองนั้น. เราเปนคนมีความรู มีความฉลาดเพียงพอ มันตองตายโดยวัย โดยอายุ ดวยโรคอะไรอยางนั้น อะไรอยางนี้, เราก็สมัครตายใหมันแตกดับไปตามธรรมดา ของสัง ขาร แลว เราก็อ ยู ด ว ยสติส ัม ปชัญ ญะ ; อยา งนี ้เขาไมไ ดเรีย กวา ตาย, เขาเรีย กเป น นิ พ พาน เป น อะไรไปในทํ า นองนั้ น เหมื อ นพระอรหั น ต นิ พ พาน ; คือ วา หมดความยึด มั ่น วา “ตัว ฉัน ” เสีย กอ น, แลว เหลือ แตเ ปลือ ก เหลือ แตซ าก มัน ก็แ ตกดับ ไปตามเรื ่อ ง. สัง ขารของผู ที ่ไ มม ีค วามยึด มั ่น ถือ มั ่น แตกดั บ อย างนี้ เขาเรีย กวา นิ พ พาน เขาไม ได เรีย กวา ตาย. ตาย นี้ เป น ของ คนโง ของคนไมอ ยากตาย ; แลว มัน ก็ต อ งตาย อยา งฝน ความรูส ึก นี ่เรีย ก วา ตาย. แตถ า คนที ่ถ อนกิเ ลสวา ตัว กู - ของกู ไดเ สีย ตั ้ง แตก อ นตาย ; อยา งนั ้น มัน ไมม ีต ายอีก ตอ ไป ก็เ หลือ รา งกายลว น ๆ หรือ วา จิต ลว น ๆ มันดับไปตามธรรมชาติ ; อยางนี้เรียกวาไมตาย, ไมใชตาย เปนเรื่องดับไปตาม ธรรมชาติ หรือ อะไรทํ า นองนั ้น .แตภ าษาพูด ตามธรรมดาก็เ รีย กวา ตายอยู นั่นแหละ. เราจะตายอยางพระอรหันตปรินิพพานนั้น เราตองมีสติ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org อยากจะเลาสักนิดหนึ่งเผื่อวาจะมีประโยชนแกพวกคุณ ที่อายุนอย ๆ วาวัฒ นธรรมโบราณของไทยนั้น คนเฒ าคนแกสมัยโบราณ เขาตายอยางนี้กัน ทั้งนั้น. และ ใครตายไดอยางนี้ มีการนับถือยกยองบูชาอยางยิ่ง. เขาไมไดกลัว โรคภัยไขเจ็บ เขาเห็น เป นของธรรมดา เพราะถูกสอนให เห็น เปน ของธรรมดา ;
ความมีสติของฆราวาส
๑๘๓
พอเวลาใกลจะตายเขามาตามลําดับ เขาก็รูวา สังขารนี้ตองแตกดับตามธรรมชาติ ก็ ไม ดิ้ น รนว า ตั ว กู ไม อ ยากจะตาย ตั วฉั น ไม ย อมตายอะไรทํ า นองนั้ น . ฉะนั้ น เมื่ อ ถึ ง ในระยะพอสมควร ก อ นหน า สั ก ๗ - ๘ วั น ใกล จ ะตาย เขาก็ บ อกเลิ ก อาหาร อยา งนี ้เ ปน ตน เพราะกิน เขา ไปก็ไ มม ีป ระโยชน. เขาไมก ิน อาหาร กิน แตน้ํ า หยูก ยาไปตามเรื ่อ ง. พอลว งไปอีก ๓ - ๔ วัน จะตาย น้ํ า ก็ไ มก ิน ; พอใกลเขา ไปอีก ยาก็ไมกิน ขออยูดวยความสงบ “อยา มากวนฉัน ใหกิน ยา กิน น้ํ า หรือ อะไรก็ต ามใจ อยา มากวน” ; ตอ งการจะอยูนิ ่ง ๆ เพื ่อ สํ า รวมสติ แลวใหดับไปเหมือนตะเกียงหมดน้ํามัน อยางนั้นแหละ. วัฒ นธรรมการตายของปู ย า ตายาย เคยมี ถึ ง อย างนี้ . ที่ ผ มได ยิ น ไดเห็นก็มี ; นี่เพราะวาเขาสอนกันมาอยางนั้น วาตายอยางนี้ดีที่สุด. เมื่อคุณตา ของผม ก็ไดยิน โยมผู หญิ งเล าวาตายได ดวยอาการอย างนี้ . โยมไปนั่ งเฝ าดูอ ยู ปรนนิบัติอยูตั้งหลายวัน จนกระทั่งตายไป. เราจะไมอวดวาแกตายเปนพระอรหันต หรือเปนอะไร แตวาแกรักษาวัฒ นธรรมที่ดีที่สุดของพุทธบริษัทไวไดในการตาย ; คือตายตามแบบของพุทธบริษัท, ตายอยางมีอุดมคติอยางที่วา. เดี๋ยวนี้เราไมมี ใครสมั ค รตายอยางนี้ ; มี แตจะให กินยา ฉีดยา ฉีด น้ํ าเกลือ จนนาที สุด ท าย ; แล ว ก็ ต ายไม ล ง เพราะมั น ถู ก กระตุ น ไว ; มั น ก็ เลยเสี ย สติ ตั้ ง สติ อ ะไรไม ได ; แล ว มั น ก็ ต อ งตายอยู ดี . ที นี้ ค นแก เขาไม ต อ งการอย า งนั้ น เขาต อ งการแต ส ติ เทา นั ้น , อื ่น ๆ เขาไมต อ งการหมดเลย ; ตอ งการแตส ติสํ า หรับ จะตาย. อย า งนี้ ก็ รู ไ ว ด ว ย เล า ให ฟ ง ว า มั น เคยมี อ ย า งนี้ ; มั น เคยเป น วั ฒ นธรรมทาง วิญ ญาณที่ สู งสุ ดมาถึ ง ขนาดนี้ สํ า หรับ พุ ท ธบริษั ท ;เรีย กว า มี ส ติ สํ าหรับ ตาย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๑๘๔
ฆราวาสธรรม
นี้ก็ไปไลเอาซิ วาแมเปนฆราวาสก็จะตองมีสติอยางนี้. ถาฆราวาส มี ส ติ อ ย างนี้ แ ล วก็ จ ะมี อุ ด มคติ ข องมนุ ษ ย ; มั น ก็ น าดู . ถ าเป น ฆราวาสที่ โงเงา หว งนั ้น หว งนี ่ หว งลูก หว งหลาน หว งเงิน หว งกามารมณ หว งอะไรตา ง ๆ ; ไมยอมตาย ดิ้นรนกันไป แลวก็ตองดับไปโดยไมมีสติเลย นี้มันก็ตายอยางฆราวาส ในความหมายทั ่ว ๆ ไป ; คือ มัน โง. ถา ทํ า ไดอ ยา งมีส ติ นี ้ก ็เ ปน ฆราวาส ที่เปนสัตบุรุษ หรือวาเปนมนุษยที่ดี. รวมความแล ว ก็ เป น อั น วา เราพู ด กั น ถึ งเรื่อ งสติ ตั้ ง แต ต น จนปลาย วาฆราวาสจะต องมี สติอยางไร? แลวคติพ จน ที่ผ มเขียนให บ อ ย ๆ เกื อบทุ กคน แลวนั้น ใหเอาไปใช. คติพจนนั้นจะทําใหมีอุดมคติ, จะทําใหมีสติได : “ยามจะได ยามจะเปน ยามจะตาย เมื่ออยางนี้
ไดใหเปน เปนใหถูก ตายใหเปน ไมมีทุกข
ไมเปนทุกข ; ตามวิถี เห็นสุดดี. ทุกเมื่อเอย”.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เมื ่อ จะไดอ ะไรก็ใ หม ีส ติไ ดใ หเ ปน ; แลว ก็ไ มเ ปน ทุก ข. เมื ่อ จะเป นอะไร ตั้งตั วเป นอะไร หน าที่ อะไร ตําแหนงอะไร อย างนี้ก็มี สติ เป นให ดี , เปนใหเปน. กระทั่งเมื่อจะตายในวาระสุดทาย ก็มีสติตายไปใหเปน ; ก็แปลวา มีสติตลอดเวลา กระทั่งวาระสุดทายของสังขารรางกาย.
ถา มัน เปน ไปไดวา ในหมูค นไทยเรา ในครอบครัว ของพุท ธบริษ ัท มีก ารอบรมสั ่ง สอนใหเด็ก ๆ มีส ติเรื่อ ยมาตามลํ า ดับ จนเปน หนุ ม เปน สาว เป น ผู ใ หญ จนกระทั่ ง วาระสุ ด ท า ยจะวิ เศษที่ สุ ด .มั น จะคุ ม กั น อะไรได ห มด ;
ความมีสติของฆราวาส
๑๘๕
ในที่เปนเรื่องเสียหาย หรือเปนทุกข ; แลวมันจะชวยใหไดสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษยควร จะได. ถาไมไดเวลาอื่น มันจะไปไดในวินาทีสุดทายของชีวิต คือดับจิต มันตาย ดว ยจิต . เดี๋ย วนี้ค นจะตายโดยไมมีส ติกัน ทั้ง นั้น เพราะมีโ รงพยาบาลมาก เอาไปรักษาเยียวยา เอาไปกระตุนไวดวยอะไรของเขาสาระพัดอยาง จนตาย เมื่อไรก็ไมรู ; แลวเขาไปเก็บใหนอนตายอยูในหองสําหรับตาย อยางนี้มันก็ไมมี ใครรู. นี่คือวัฒนธรรมใหมของสมัยใหม ซึ่งเปนทาสทางวัตถุ เปนทาสของวัตถุ. สวนของเดิมเขาเปนเรื่องทางวิญญาณ ตองการความสูงทางวิญญาณ ตายดวย สติสัมปชัญญะ อยูเหนือความตาย. ตอไปมันก็อาจจะมีวัฒนธรรมทางวัตถุ ที่ดีไปกวานี้ กวาที่มีอยูเดี๋ยวนี้ ; คือพอเห็นวาใครจะตายแนแลว ก็เอาปนยิง ตายเลย ; มันจะเปนไปไดถึงอยางนี้ เมื่อนิยมวัตถุมากเขา ๆ
เรื่องฆราวาสจะมีสติอยางไรก็พอกันที.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ปญหาเพศรส ของ ฆราวาส - ๑๑ ๒๗ เมษายน ๒๕๑๓ สํ า หรั บ พ วกเรา ล ว งมาถึ ง เวลา ๔.๔๕ น. แล ว เปน เวลาที ่จ ะไดพ ูด กัน ตอ ไป ถึง เรื ่อ งของฆราวาสในทุก แง ทุ ก มุ ม ตามป ญ หาที ่ เ สนอขึ ้ น มา ; มี ป ญ หาข อ หนึ ่ ง เสนอ ขึ ้น มาถึง เรื ่อ งวา จะควบคุม ความกํ า หนัด ของฆ ราวาสได อยา งไร ? ดัง นั ้น ในวัน นี ้จ ะไดก ลา วโดยหัว ขอ วา “ปญ หา ความรูสึกทางเพศของฆราวาส”. สํ า หรั บ คํ า ว า “เพศ” ย อ มหมายถึ ง เพศตรงกั น ข า ม ไม ใ ช เพี ย ง แตวาเพศฝายเดียว. เพศตรงกันขามตองมีสองเพศ ซึ่งตรงกันขาม ; แลวทําใหเกิด ปญ หาระหวา งเพศขึ ้น มา. และใหรูว า เรื่อ งของสิ ่ง ที ่เ รีย กวา “เพศ” ในที ่นี้ คือใจความสําคัญของเรื่อง ฆราวาส หรือคําวาฆราวาส. ถาไมมีสิ่งที่เรียกวาเพศ เรื่องปญหาตาง ๆ ของฆราวาสก็จะไมมี หรือจะไมมีคําวาเพศดวยซ้ําไป.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org มีขอความกลาวไวในบาลี ที่ นาขัน อยูตอนหนึ่ งวา : ฆราวาส หรือ คฤหั ส ถ ที่ แ ปลว า ผู ค รองเรื อ น ; มี คํ า ว า เคหะ หรื อ เรื อ น นี่ แ ปลว า
๑๘๖
ปญหาเพศรสของฆราวาส
๑๘๗
ที่ กํ า บั ง . เมื่ อ มนุ ษ ย เริ่ม มี ค วามรูสึ ก สู งขึ้ น มา ถึ ง ขนาดที่ เรีย กว า อาดั ม กั บ อี ฟ กิ น ผลไม ข องพระเจ า เข า ไป รูสึ ก ขึ้ น มาว า อะไรดี อ ะไรชั่ ว อะไรหญิ ง อะไรชาย อะไรดีอ ะไรไมด ี, นุ ง ผา ไมนุ ง ผา นี ้เ ปน ตน เกิด ขึ ้น มา ; นั ้น เปน ขอ ความ ที่ ก ล า วไว ใ นฝ า ยคริ ส เตี ย น. แต ใ นคั ม ภี ร พุ ท ธเราก็ มี ถึ ง ว า มนุ ษ ย เราเริ่ ม รู จั ก ความน าละอาย หรือความไม นาละอาย จึงนุงผา และมีสิ่งกําบังที่จะตองบั งตา ไม ให ผู อื่ น เห็ น ในเมื่ อ ประกอบกิ จ กรรมระหว า งเพศ. ก อ นนี้ มั น ก็ เหมื อ นกั น กั บ สัต วเ ดีย รัจ ฉาน มัน ยัง ไมรู ส ึก วา เราเปน คน โนน เปน สัต ว, ไมรู ส ึก วา หญิง หรือ ชาย, วา นา ละอายหรือ ไมน า ละอาย. เดี ๋ย วนี ้ม ัน เกิด ความรูส ึก สูง ขึ้น มา ที ล ะนิ ด ๆๆ จนรู สึ ก ว า นี้ เป น สิ่ ง ที่ น า ละอาย เลยคิ ด สร า งเครื่ อ งปกบิ ด จึ ง มี ห องหั บ มี อะไรสํ าหรับ ป องกั น ไม ให คนอื่ นเห็ นการกระทํ าระหวางเพศของตน. คําวา “เคหะ” จึงถูกเรียกขึ้นมาในภาษาพู ด สําหรับหมายถึงเครื่องที่จะปองกัน ไมใหค นอื่น เห็น สิ่ง ที่เราไมตอ งการใหเขาเห็น . ที ่วา นา ขัน ก็ห มายความวา คํ า ว า บ า นเรื อ น นี้ มั น มี ค วามหมายอย า งนี้ เอง ; ข อ ความในบาลี ก็ มี ก ล า ว อยางนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี้จะเห็ นไดวา คนป าในสมั ยโบราณโนน ก็เริ่มรูจักความละอายเกี่ยว กับ เพศ จึง เกิด คํ า วา “บา นเรือ น” ขึ ้น มา ; แลว คนที ่อ ยู ใ นบา นเรือ นก็ใ ช บ านเรือ น หรือ ห อ งหั บ นั้ น สํ า หรับ บั งกั้ น ความละอาย ข อ นี้ ; แสดงวา มั น ไม ใช เรื่อ งเล็ ก น อ ย มั น เป น เรื่อ งที่ ทํ าให ท นอยู ไม ได ต อ งมี ป ญ หาอย างใดอย างหนึ่ ง เกิดขึ้น. แมนี้ก็นับรวมอยูในปญหาเรื่องเพศไดเหมือนกัน.
นี้ขอใหสังเกตวา คําวา “เพศ” นี้คือใจความสําคัญของคําวาฆราวาส. ถา ไมม ีเ รื่อ งเพศแลว เรื่อ งฆราวาสก็ด ูจ ะไมม ี ; เรื่อ งทํ า มาหากิน นี ้ สัต วม ัน ก็ มี ; มั น เป น ของพื้ น ฐานต่ํ า กว า นั้ น ลงไป. ความหมายเรื่อ งเพศ ถึ งกั บ จะทํ า
๑๘๘
ฆราวาสธรรม
ใหเกิดปญ หายุงยาก จนกระทั่งละอายอะไรเหลานี้ มันมีพิ เศษออกมา. เราจะ เห็ นได วา คนที่ ต องติ ดอยู กับบ านเรื่องออกไปบวชไม ได มั นเรื่ออะไร ? มั นก็ เรื่อง เพศ ; ทํ า ใหค นติด อยู ก ับ บา นกับ เรือ นออกไปบวชไมไ ด. อีก ทางหนึ ่ง ยอม เหน็ด เหนื ่อ ยอยา งเปน ทาส ยิ ่ง กวา ทาส ตอ อีก ฝา ยหนึ ่ง มัน ก็เ ปน เพราะ เรื่อ งเพศ, คือ มัน ยอมภัก ดีโ ดยจิต ใจ โดยไมรูส ึก ตัว ก็ไ ด ; ที ่ย อมเสีย สละ ถึงขนาดนี้มันก็เพราะความหมายของคําวาเพศ ; เพราะฉะนั้นจึงถือวาเรื่องเพศ นี้คือเรื่องฆราวาส. ทีนี้ สําหรับคําวา “เพศ” ที่มีความหมายเต็มที่ ก็ตองสําหรับมนุษ ย บุคคลที่มี อายุหรือมีรางกายเติ บโตถึงขนาดที่ อวัยวะเกี่ยวกับเพศทํ าหนาที่ ; มั น จึงยังไมมี ปญ หาแกเด็กเล็ก ๆ หรือ วาคนที่ ไมมีอ วัยวะหรือ ตอมแกลนด ที่เกี่ยว กับ เพศนั ้น โดยสมบูร ณ. คํ า วา เพศ นี ้จ ึง เปน เรื ่อ งของคนที ่ม ีค วามรูส ึก ทาง เพศ คือ วา คนที ่ถ ึง ขนาดเปน adult หรือ ที ่เ ราเรีย กวา เติบ โตเปน ผู ใ หญ จนมีความรูสึกทางเพศ คือทําการสืบพันธุได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ความรูสึกทางเพศมันลึกกลับซับซอน จนมีความกลาววา motive ตางๆ ของมนุ ษ ย นี้ ม าจากความรู สึ ก ทางเพศ เช น ซิ ก มั น ฟรอยด เป น ต น . ถ า พิจารณาดูก็เห็นจริงได แตตองยอมใหวาคําพูดของเขานั้นมันกํากวมหรือกวางไป จนกลา วไดว า เนื ่อ งกัน อยู ก ับ เพศ. ถา ใชคํ า วา เพราะ, “เพราะเพศ” เสีย ทุ ก ๆ อย า ง มั น ก็ ไ ม ถู ก ได เหมื อ นกั น ; เว น ไว แ ต จ ะใช คํ า ว า “เพราะ” ให มี ความหมายกวาง คื อ วาเนื่ องกัน , เนื่ อ งกั น อยู . คื อ ถาฝาย “positive” นั้ น เห็ น ได ชั ด วาเราต อ งการนั่ น ต อ งการนี่ ต อ งการโน น ทุ ก ๆ อย างในโลกนี้ ในเพศ ฆราวาสนั้ น มั น เกี่ ย วกั บ เพศ.เช น ว า เราแต ง เนื้ อ แต ง ตั ว นี้ มั น ก็ เกี่ ย วกั บ เพศ ;
ปญหาเพศรสของฆราวาส
๑๘๙
หรื อว าเราทํ าการทํ างาน แม เป นขโมย ไปขโมยเขามา นี้ มั นก็ มี ต นตอมาจากเรื่ อ ง ของเพศ ; หรื อ ว า เราอยากจะมี ชี วิ ต อยู ไม อ ยากตาย นี้ มั น ก็ เป น เรื่ อ งของเพศ ; เพราะตามความรูสึกสวนลึกของสัตวที่มีชีวิตนั้น มันตองการอยูเพื่อสิ่งที่เปน ความเอร็ด อรอ ยแหง ความรูสึก ทั ้ง นั ้น . ทีนี้เ รื่อ งการแตง เนื้อ แตง ตัว นั้น มัน ก็ เกี่ ยวเนื่ องกั น อยู กั บ เพศ เพราะว ามั น ต องการจะยั่ วเพศฝ ายตรงกั น ข าม แม โดย ไม รู สึ ก ตั ว ; มั น จึ ง ลึ ก ลั บ ซั บ ซ อ นกั น อยู ทุ ก ชั้ น . แม แ ต ก ารประกอบอาชญากรรม มันก็มีมูลมาจากเรื่องของเพศ ; คุณไปคิดเอาเองก็แลวกัน วามันเปนไดอยางไร. แต ฝ า ย negative นั้ น ต อ งคิ ด ให ลึ ก ไปกว า นั้ น ; เช น การออกบวชคื อ ทิ ้ง เรื ่อ งทางเพศไป ออกไปบวชมัน ก็เ ปน ความผลัก ดัน ในเรื ่อ งของเพศนั ้น เอง คื อ มั น เกลี ย ดขึ้ น มา. ถ า กล า วโดยภาษาอ อ มค อ มก็ ว า เนื่ อ งมาจากเพศ นั้ น อี ก เหมือ นกัน จึง ออกไปบวช. ที ่จ ริง การไมอ อกไปบวชก็เ พราะติด ในรสของเพศ มั น ไม อ อกไปบวชก็ เพราะเพศ. แล ว การออกไปบวชก็ เพราะเพศ อี ก เหมื อ นกั น แต เ ป น ในแง negative คื อ ตรงกั น ข า ม ; มั น เกลี ย ดชั ง ขึ้ น มาเพราะความน า ขยะแขยงของเรื่องระหวางเพศ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ในนิท านลอ คนของเราที ่ม ีอ ยู เ รื ่อ งหนึ ่ง เรื ่อ งคํ า สาบานของคนตรง ที่ พ วกฤาษี ส าบานนั้ น . ฤาษี ห ลาย ๆ องค สาบานว า ถ าได ทํ าผิ ด เรื่อ งนี้ จริ งแล ว ขอให ไปเกิ ดเป นคนที่ มี สตรีบํ ารุงบํ าเรอ มี ลู กมี เมี ย มี บุ ตรภรรยาอี นุ งตุ งนั งไปหมด ; ผู รับ ฟง จึง ยอมเชื ่อ วา คนนั ้น ไมไ ดข โมยไปจริง . ถา พวกฤาษีส าบานถึง ขนาดนี้ ก็ห มายความวา ก็ส ูง สุด เสีย แลว - สาบานวา ถา ทํ า ผิด ใหร่ํ า รวยดว ยเพศรส. นั่ น ก็ เพราะว า เป น ไปในมุ ม กลั บ กั น เป น ความเกลี ย ดขยะแขยงจนกระทั่ ง กลั ว ตอสิ่งที่เรียกวาเพศ ผลักดันใหออกไปบวช.
๑๙๐
ฆราวาสธรรม
หรือ สํ านวนอื่ น ก็ ใช คํ าวา “พรหม”. การที่ ไปเป น พรหม มี จิ ต ใจสู ง ประเภทรูปาวจร อรูปาวจร นั้นไมเกี่ยวกับเพศ. ไมใชเพศเปนสิ่งผลักดันใหเขา มีจิตใจอยางนั้นโดยตรง แตก็เพราะความเกลียด หรือความกลัว หรือวาเอือมระอา ตอ สิ่ งที่ เรียกวา เพศ ; มั น จึงผลัก ดัน ให ทํ าอยางนั้ น . เพราะฉะนั้น จึง เป น คํ า พูด ที ่ก ิน ความกวา ง ตอ งใชคํ า วา “เนื ่อ งจากเพศ”. ความรู ส ึก ที ่เ นื ่อ ง จากเพศ ทํ าให เราติ ดในบ านเรือนก็ ได , ทํ าให เราหลุ ดออกไปจากบ านเรือนก็ ได ; แลวแตจะเปนมุม positive หรือ negative นั้นเอง. เพราะฉะนั้น คุณก็ลองพิจารณา ทําจิตใจใหสูง เหมือนขึ้นยอดภูเขา แลวมองดูขางลาง ก็จะเห็นวาเรื่องเพศนี้ไมใชเรื่องเล็กนอย มันเรื่องทั้งหมดในโลก ก็ได. ใชคําวา “รื่องทั้งหมดในโลก” นั้นมันจะนอย เอาเรื่องนอกโลกดวยก็ได ; ล ว นเนื่ อ งอยู ในอํ า นาจอิ ท ธิ พ ลของเพศ ของสิ่ งที่ เรีย กวา เพศทั้ งนั้ น . เอาละ ลองมองดูเดี๋ย วนี้ มี อะไรเคลื่ อ นไหวอยูในโลก ความเป น ไปทั้ งโลกนี้ คนอยาง ซิกมันฟรอยต เขาจะยืนยันวา เพราะเรืองเกี่ยวกับเพศ. ถาเราคิดไปตามนั้นจริง มันก็พอจะเห็นได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สมมุ ติ ว า เราไปโลกพระจั น ทร นี้ มั น จะเกี่ ย วกั บ เพศอย า งไร. มั น ตอ งคิด ไปหลายชั้น หลายซับ หลายซอ น : การที ่ต อ งการเกีย รติย ศชื่อ เสีย ง นี้มี มูลเหตุชั้นลึกของมันที่เรียกวา “อยากมีดี” อยากมีอะไรดี ๆ เพื่ อเปนเครื่อ ง ต อ รองระหวางเพศ. นั บ ตั้ งแต วา ถ าเขาเป น คนโสดเขาอยากจะได เมี ย อยาก ได อ ะไรที่ ดี : หรื อ ถ า เขามี ลู ก มี เมี ย อยู แ ล ว ก็ เพื่ อ ถู ก อกถู ก ใจเมี ย ก็ ไ ด .ฉะนั้ น เกียรติ อะไรของผั ว มั นก็ขึ้นอยูกั บเมี ย ที่ เป นความรูสึ กส วนลึ ก ที่ มองไม เห็ นได งา ย ; มัน เปน เรื ่อ งจิต วิท ยาสว นลึก . หัว หนา ครอบครัว ก็ต อ งการจะทํ า ชื ่อ เสีย งเกีย รติย ศใหแ กค รอบครัว ; แลว คํ า วา ครอบครัว ก็ม ีค วามหมาย เรื่อ งเพศเป น ส ว นลึ ก . กิ น เพื่ อ ให มี ชี วิ ต อยู ก็ เพื่ อ เรื่อ ง เพศ. เรื่อ งกาม นั้ น เป น
ปญหาเพศรสของฆราวาส
๑๙๑
เรื ่อ งเพศโดยตรง. เรื ่อ งเกีย รติม ัน ยัง เปน เรื ่อ งบริว ารหรือ ขี ้ข า ของเรื ่อ งเพศ. เพราะฉะนั้ น อย าคุ ย โตไปวา “ผมต อ งการเกี ย รติ , ผมต อ งการเกี ย รติ ”. นี่ ระวัง ให ดี วา เรื่อ งเกี ย รติ มั น ก็ ยั งไม พ น ไปจากเรื่อ งเพศ แต มั น ซ อ นอยู ลึ ก มาก ; จน กระทั่ งออกไปบวชก็ยั งไม พ น ไปจากอํ านาจของเพศผลั ก ดั น ในมุ ม กลั บ ในแง ตรงกั น ข า ม. ในเรื่อ งบวชสมั ย โบราณ ครั้งพุ ท ธกาลดู จ ะเป น เรื่อ งเพศโดยตรง ดวยซ้ําไป. เพราะพุทธเจาตรัสถามพวกชฏิลพันคนวา บวชทําไม ? บูชายัญทําไม ? ทําไมบวชเปนชฏิล ? ก็เพื่อสตรี เขาบอกอยางนั้น, เขาหมายถึงเพศรสที่สูงขึ้น ไปในโลกหนา ในชาติห นา ในภพหนา ; เพราะไมม ีค วามรู ส ึก อะไรสูง ไป กวานั้ น แมวาจะไม ชอบเพศชนิด ที่เป นมนุ ษ ย ๆ ด วยกัน ยังชอบเรื่องเพศที่สู ง ไปกวามนุษยที่เปนเทวดาหรือเปนสวรรค. นี่ นับประสาอะไรกับคนที่ เขากําลังวิ่งวอนอยูเดี๋ยวนี้ ไปรถ ไปเรือ ไปเรือ บิน ไป ๆ มา ๆ นี ้ม ัน วุน ยุ ง กัน อยู ทั ้ง โลก, เพื ่อ แสวงหาเหยื ่อ หรือ สิ ่ง ที่จะไปหลอเลี่ยงความรูสึกทางเพศ ทั้งนั้น. ถามีเงินลานหนึ่งก็ยังไมพอ รอยลาน ก็ย ัง ไมพ อ พัน ลา นก็ย ัง ไมพ อ หมื ่น ลา นก็ย ัง ไมพ อ. หาเงิน หาเกีย รติ อะไรรวม ๆ กันไป นี่ก็เพราะเรื่องเกี่ยวกับเพศที่ซอนอยูในสวนลึกของจิต; ตาย แล ว ยั ง หวั ง จะไปเกิ ด เพื่ อ ให ได สิ่ ง นี่ ที่ ดี ขึ้ น ไปกว า เดิ ม . นี้ จึ ง เกิ ด ไปรวบรั ด เอา ดวยความโงของตัววา ในโลกของพระเจาก็เต็มไปดวยกามารมณ ; หรือชาวพุทธ ประเภทที่ โง ก็ ว า นิ พ พานก็ เป น เมื อ งที่ สู ง สุ ด ในทางกามารมณ , หรือ มี สิ่ งที่ ตั ว ตองการในประเภทกามารมณ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี้ ข อให เห็ น กั น เสี ย ที่ ห นึ่ ง ก อ นว า เรื่ อ งเพศนี้ เป น ต น ตอหรื อ เป น มู ล เหตุ ใ หม นุ ษ ย ทํ าทุ ก ๆ อย างทั้ งในแง positive และในแง negative คือ เพื ่อ จะเอาจะได หรือเพื่อจะหลีกหนีไปเสียก็ตาม. ฉะนั้นเปนสิ่งที่นากลัวหรือไมนากลัว
๑๙๒
ฆราวาสธรรม
คุณลองคิดดู ทําไมฤาษีพวกนั้น จึงไดกลัวกันนัก. เพราะฉะนั้นเราพอพูดไดเลย วากําลังของเพศรสนั้นสามารถครอบงํา หรือเพิกถอนอุดมคติตาง ๆ ได. เมื่อวานเราพูดกันถึงเรื่องอุดมคติเปนสิ่งสูงสุดของมนุษย แลวสิ่งที่มา ครอบงํา อุด มคติ หรือ เพิก ถอนอุด มคติข องคุณ ไดใ นพริบ ตา ไมท ัน รูส ึก ตัว นี้ ก็ค ือ เรื ่อ งเพศ หรือ เพศรส ; ซึ ่ง พรอ ม ๆ กัน นั ้น ก็เ ปน การทํ า มนุษ ยใ หเ ปน ทาสของมันอยูตลอดเวลา เลยทําใหมีอุดมคติอยูที่เพศ ; นี้ตามความหมายของ ฆราวาสที ่เปน กลาง ๆ ทั่ว ไป. ฆราวาสมีอ ุด มคติอ ยูที ่เรื่อ งเพศ ถา ไมเชน นั ้น ก็ ไม เป น ฆราวาส ตามความหมายทั่ ว ๆ ไปของคํ า ว า ฆราวาส. นี้ เรารู ไว ว า อิ ท ธิพ ล หรือ อํ านาจ หรือ กํ าลั งอะไรของเพศ ซึ่ ง หมายถึ งเพศรส. รสของเพศ สามารถทว มทับ อุด มคติอื ่น ๆหมดโดยไมท ัน รูต ัว จนเอาเพศนั ้น เปน อุด มคติ เสี ย เลย. อุ ด มคติ ของความเป น มนุ ษ ย ที่ วาเกิ ดมาเพื่ อ ได สิ่ งที่ ดี ที่ สุ ด ของมนุ ษ ย ถูกบดขยี้ใหแหลกไปหมดไมทันรูตัวเพราะสิ่ง ๆ นี้ ;และในที่สุดก็ปรากฏวากําลัง เปนทาส เปนทาสของสิ่งอยูทั้งกลางวันกลางคืน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เกี่ยวกับเรื่องนี้มีพระพุทธภาษิตที่ตรัสไวโดยตรงในบาลี พระพุทธเจา ตรัสวา “เรามองไมเห็ นรูปประเภทใดประเภทหนึ่ง ที่ จะครอบงําจิตใจของบุ รุษ แล ว ตั ้ ง มั ่ น อยู เหมื อ นรู ป ของสตรี ไม เ ห็ น เสี ย งประเภทใดประเภทหนึ ่ ง ที่ ครอบงําจิต ใจของบุ รุษ แลวตั้ งมั่ น อยูเหมื อ นเสี ยงของสตรี ; และไม เห็ น กลิ่ น ชนิ ด ใดชนิ ด หนึ่ งที่ ค รอบงําจิ ต ใจของบุ รุษ แล วตั้ งมั่ น อยู เหมื อ นกลิ่ น ของสตรี ; แล ว ก็ ไ ม เห็ น รสชนิ ด ใดชนิ ด หนึ่ ง เกิ ด ขึ้ น ครอบงํ า จิ ต ใจบุ รุ ษ แล ว ตั้ ง มั่ น อยู เหมือ นรสที ่เ กิด มาจากหรือ เนื ่อ งมาจากสตรี ; ไมเ ห็น โผฏฐัพ พะหรือ สัม ผัส ผิว หนัง ชนิด ใดชนิด หนึ ่ง เกิด ขึ ้น ครอบงํ า จิต บุร ุษ แลว ตึง มั ่น อยู เ หมือ น โผฏฐั พ ะที่ เ นื่ อ งมาจากสตรี ; ไม เห็ น ธรรมารมณ อั น ใดอั น หนึ่ ง คื อ ความคิ ด
ปญหาเพศรสของฆราวาส
๑๙๓
ความนึ ก ความฝ น อะไรก็ ต าม ที่ ค รอบงํ า จิ ต ใจบุ รุ ษ แล ว ตั้ ง มั่ น อยู เหมื อ น ธรรมารมณที ่เ นื ่อ งดว ยสตรี”. พู ด ตรงกั น ข า มก็ ค รอบงํ า จิ ต ใจของสตรี… เหมื อ นรู ป เสี ย ง กลิ่ น รส สั ม ผั ส ธรรมารมณ ที่ ม าจากบุ รุ ษ ; ก็ เป น อั น ว า พู ด ทั้ งสองฝ าย. ไม เห็ น อะไรที่ จ ะครอบงําจิ ต ของบุ รุษ แล วตั้ งมั่ น แน น แฟ น อยู เหมื อนเรื่องที่ เกี่ ยวกับสตรี ; แลวไม เห็ นอะไรที่ ครอบงําจิตใจสตรี แลวตั้ งมั นอยู เห มื อ น กั บ เรื ่ อ ง บุ ร ุ ษ นี ่ แ ล ว คุ ณ ไป อ ธิ บ า ย ได เ อ ง เพ ร า ะ มี ค ว า ม รู ส ึ ก ทางเพศโดยสมบูร ณแ ลว ไมใ ชเ ด็ก ๆไมใ ชพ ิก าร ; คุณ ไปอธิบ ายไดเ องวา มันจริงอยางไร. คํ า ว า รู ป ของสตรี หรื อ เสี ย งของสตรี กลิ่ น ของสตรี รสของสตรี สั ม ผั ส ผิ ว หนั ง ของสตรี นี่ ขอให กิ น ความกว างหน อ ย คื อ มั น เนื่ อ งมาจากสตรีก็ แลว กัน ; เชน อยา งรสทางลิ ้น , เราจะไปกิน เนื ้อ ของเพศตรงกัน ขา มนั ้น มัน เปน ไปไมไ ด ; แตว า รสอาหาร หรือ รสอะไรก็ต ามที ่ม ัน เนื ่อ งดว ยเพศ ตรงกัน ขา ม, ปรุง มาโดยเพศตรงกัน ขา ม ที ่เรารัก เราพอใจ ฯลฯ, หรือ วา เอา เพศตรงกันขามมาประกอบในขณะที่มีการกิน อะไรอยางนี้ ; มันก็เรียกวาเปนรส ที่เกิดมาจากสตรี หรือเนื่องดวยสตรีทั้งนั้ น ; มี ความหมายกวางอยางนี้. เดี๋ยวนี้ เราจะเห็นไดวา เขาใชเรื่องทางเพศเปนเครื่อ งมือ สําหรับ ที่จะทําคนที่เป นลูกค า ใหลุ ม หลงในสถานที ่บํ า รุง บํ า เรอตา ง ๆ ทุก อยา งทั ้ง ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้ น ทางกาย และทางใจล ว น ๆ. มั น ก็ จ ริ ง ตาม ที่ พ ระพุ ท ธเจ า ตรั ส ; แต แล ว ก็ ไ ม มี ใ ครรู สึ ก ตั ว ไม มี ใ ครมองเห็ น เป น เรื่ อ งเสี ย หาย หรื อ อั น ตราย ;นี่ ก็ เพราะสมั ค รใจเป น ทาสของมั น โดยไม รูสึ ก ตั ว . หาเงิน หาทอง หาทรัพ ย ส มบั ติ เกียรติยศ ชื่อเสียงอะไรมา ก็เพื่อไดสิ่งเหลานี้ใหมากขึ้น ๆ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ เราก็มาถึงตอนที่จะตองศึกษาใหละเอียดเปนพิเศษ คือวา เพศ, เพศรส, เหล า นี้ มั น เป น เพี ย งความหลอกลวงในทาง อายตนะ, มั น เป น บท
๑๙๔
ฆราวาสธรรม
นิยาม ที่คุณจะตองศึกษาและเขาใจ วาเพศรส เปนเพียงความหลอกลวงใจทาง อายตนะ. ทีนี้ก็มีปญหาสําคัญอยูตรงที่คําวา หลอกลวง : ถาเรายังไมรูเทา มัน อยูเพียงใด มัน ก็หลอกลวงไดอ ยูเพียงนั้น ; พอเรารูเทาเมื่อไรมัน ก็ห ยุด หลอกลวง มันไมอาจจะหลอกลวงไดทันที. คํ า วา “หลอกลวง” นี ้ มีค วามหมายลึก ซึ ่ง มาก, คือ ไมรู เทา ตลอดเวลาที่ไมรูเทา หรือไมรูความจริง. เดี๋ยวนี้เพศรสกําลังครอบงําจิต ใจ ของคนทั้ง โลก หลอกลวงคนทั้ง โลก โดยที่มัน ทําใหค นทั้งโลกไมรูสึก วา ถูก หลอกลวง ; เมื่อนั้นแหละมันจึงจะเปนการหลอกลวงได. ถาไปรูสึกเสียแลว มันจะหลอกลวงไดอยางไร. เพศรสมันเปนเพียงความหลอกลวงทางอายตนะ. จะตัด บทเขามาสั้น ๆ เพีย งวา เปน ความหลอกลวงของ ตา หู จมูก ลิ้น กายใจ, หรือวาทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ทีนี้ขยาย คําวา “เพศรส” ออกไปเปน ๖ ทาง เพศรสทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ. ที ่ว า “หลอกลวง” นี ้ม ีอ ยู ๒ อยา ง : หลอกลวง เหมือ นกับ หลอกลวงคู ป รปก ษ อยา งนี ้ก็อ ยา งหนึ่ง ; แลว หลอกลวงของ ธรรมชาติโ ดยที่ม นุษ ยไ มอ าจจะรู, ไมรูส ึก ได นี้อีก อยา งหนึ่ง . ที่แ ทก็ค ือ หลอกลวงของธรรมชาติทั้งนั้น. ถาเรายังโงมากเกินไป เราก็ยังไมรูเรื่องธรรมชาติ หลอกลวง. เพราะฉะนั้น เราจะเห็น วา คนตอ คนหลอกลวงกัน นี้ มัน ตื้น นิดเดียว. แตธรรมชาติหลอกลวงแลว มันลึกซึ่งจนคนไมรูสึก.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คน ๆ หนึ่งเอาวัตถุทางเพศรสมาหลอกลวงคน ๆ หนึ่งใหหลงเขาไป ; เชนวาพวกที่เขาตั้งสถานบํารุงบําเรอขึ้น แลวก็ใหคนไปอุดหนุน เอาเงินไปให เขานั้น ; คนหลอกลวงคน โดยอาศัยเครื่องมือคือเพศสร นั้นมันไมเทาไร. หรือ วาเจาตัวเขาเอง เพศตรงกันขามเขาเอง เขาใชการหลอกลวงตอคนอีกคนหนึ่ง
ปญหาเพศรสของฆราวาส
๑๙๕
ดว ยเรื ่อ งของเพศ นี ้ม ัน ก็เ ปน การหลอกลวง. หลอกลวงของคน อยา งนี ้ม ัน ไม เท า กะผี ก ริ้ น ของความหลอกลวงของธรรมชาติ . ธรรมชาติ มั น หลอกลวงให มนุ ษ ย มี ค วามรู สึ ก ทางตา ทางหู ทางจมู ก ทางลิ้ น ทางกาย ทางใจ อย า งที่ กําลังรูสึกอยู ; แลวไมรูสึกวาเปนการหลอกลวง. เกี ่ย วกับ เรื่อ งนี ้ม ัน จะตอ งพูด กัน มาก กิน เวลานาน ; แตอ าจจะพู ด สรุ ป ได ว า รสอร อ ยที่ เกิ ด รู สึ ก อยู ทางตา ทางหู ทางจมู ก ทางลิ้ น ทางกาย ทางใจ นั ้น เปน ความหลอกลวง ภาษาจิต วิท ยาก็จ ะเรีย กวา imagination คื อ มโนภาพ หรื อ มโนคติ ที่ ส ร า งขึ้ น มาโดยอั ต โนมั ติ โดยไม รู สึ ก . เรื่ อ งของ เพศตรงกั นขามทุ กเรื่อง จะเป น ทางตา ทางหู ทางจมู ก ทางลิ้ น ทางกาย ทางใจ อะไรก็ ต าม, ก็ สําคัญ ที่ สุ ด อยู ที่ เรื่อ งทางผิ วหนั ง สั ม ผั สทางผิ วหนั ง. จิต มั น สราง มโนภาพซ อนขึ้นมาอีกที หนึ่ ง เนื่ องจากถูกอดี ตสั ญ ญาปรุงแต ง ซึ่งเราไม มี ทางจะ รูสึ กได ตามธรรมชาติ . เพราะวารูป รส กลิ่ น เสี ยง สั มผั ส อะไรก็ ตาม ของเพศ ตรงกัน ขา มนั ้น มัน เปน วัต ถุไ มเ ขา ไปในจิต ใจของเราได. คุณ ฟง ดูใ หด ี. ตั วเสี ยง ตั วกลิ่ น ตั วผู หญิ ง อะไรนั้ นมั นไม เข าไปในจิ ตใจของเราได , แต วาจิ ตใจ สร า ง imagination เหมื อ นนั้ น ทุ ก อย า งทุ ก ประการ ขึ้ น มาทั น ควั น โดยอั ต โนมั ติ อะไรไมรูสึกตัว ดังนั้นมันจึงเขาไปถึงจิตใจของคนได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ข อนี้ ถ าเราจะพิ สู จน มั นก็ ยาก แต พิ สู จน ได ด วยเหตุ ผลงาย ๆ เช นว า เสี ยงของเพศตรงกันขามที่ เราหลงรัก แม ถูกบั นทึ กในจานเสี ยง ในเทป มั นก็ชวย ใหเกิด ความรู ส ึก ชนิด นั ้น ได, แมจ ะเปน กลิ ่น รส อะไรก็ต าม. ฉะนั ้น คนจึง ใชของปลอม หรือของเที ยม เข นหุ นเที ยมหรืออะไรประกอบกิ จกรรมทางเพศได , ถ า สามารถสร า ง imagination ได . แต ถ า ไม ส ามารถสร า ง imagination ได มั น ก็ เป น ไปไม ไ ด ; แม ค นจริ ง ๆ หรื อ คนที่ เรารั ก จริ ง ๆ แต มั น มี อ ะไรที่ ม าทํ า
๑๙๖
ฆราวาสธรรม
ใหเราไมสรางความรูสึกวา เปนอยางนั้นได มันก็ไมมีความหมายอะไร. เชน ความเกลียด หรือความอิดหนาระอาใจ เกิดขึ้นในขณะนั้นดวยเหตุใดก็ตาม, คน ๆ นั้นก็ไมสรางความรูสึกทางเพศใหไดเหมือนกัน. เพราะฉะนั้น สิ่งที่ไปครอบงําจิตใจแลวตั้งมันอยู เหมือนพระพุทธเจา ตรัสนั้น มันคือ imagination ที่สรางขึ้นโดยอัตโนมัติ โดยไมรูสึกตัว ; แลว เร็วยิ่งกวาเร็ว จนเรากําหนดรูไมไดวามันเปนเพียง imagination. นี่หลักใหญ มีอ ยูเพียงเทานี้ คุณ ไปหารายละเอีย ดสังเกตดูเองเถิด . เพราะฉะนั้น จึงพูด เปนบทนิยามวา “เพศรส เปนเพียงความหลอกลวงทางอายตนะ”, ขอย้ําวา เพศรสที่กําลังรูสึกอยูนี้เปนเพียงความหลอกลวงทางอายตนะ. อายตนะคือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ. ที นี้ ทางอายตนะของใคร ? ก็ ของอายตนะ, พู ดกํ าป นทุ บดิ นวา “ของอายตะ”. แลวอายตนะของอะไร ? มั น ก็ของธรรมชาติ อัน เรน ลับ ที่ สุด . ธรรมชาติ ในความหมายวา พระธรรม หรือกฎธรรมชาติ หรือธรรมชาติ อะไร ก็ตาม มันเปนสิ่งที่ลึกลับ แลวก็สรางสิ่งนี้มาในลักษณะอยางนี้ คือในลักษณะที่ ลวงมนุษ ยไ ด ; ถา ไมอ ยา งนั ้น มนุษ ยส ูญ พัน ธุ, มัน ขึ้น อยูกับ การสืบ พัน ธุ. ธรรมชาติจึงฉลาดยิ่ง กวา คน หรือ อะไร จนเราตอ งเรีย กวา พระเจา หรือ พระธรรม, สามารถลวงสัตวมีชีวิต หรือสิ่งมีชีวิตทุกสิ่งได ดวยอาศัยเพศรส ทางอายตนะ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สิ่งที่เปนความมุงหมายตอ ไป คือ การสืบพัน ธุ. ทีนี้การสืบ พัน ธุ มันเปนเรื่องไมสนุก นาเกลียด นาขยะเขยง ลําบากลําบนเหลือเกิน เชนมีลูก ออกมาก็ต อ งเลี ้ย งดูร ัก ษา อยา งที ่ม นุษ ยไ มช อบ,ไมช อบที ่ส ุด แตก ็ต อ ง สมัครใจทําโดยไมรูสึกตัว เพราะการหลอกลวงของธรรมชาตินี้. ถามีแตการ
ปญหาเพศรสของฆราวาส
๑๙๗
สืบพันธุลวน ๆ ไมมี “คาจาง” ชนิดที่ไมรูสึกตัว ก็ไมมีใครสืบพันธุ. เพราะฉะนั้น ในทางเพศรส หรือ ความหลอกลวงทางอายตนะนี ้ มัน เปน เครื่อ งมือ หรือ เปน คาจาง ที่ธรรมชาติมันจางคนใหทําการ ใหทําในสิ่งที่คนตามธรรมดาไมยอมทํา, คือ วา ความยุ ง ยากลํ า บาก สกปรก โกลาหล วุน วายนี ้ คนไมย อมทํ า . แต ก็มีเครื่องมือ หรือคาจางที่บังคับหลอกลวงใหทําได โดยไมรูสึกตัว.เพราะฉะนั้น จึงสรางตอมแกลนดชนิดหนึ่งมา เพื่อการสืบพันธุนั้น ใหเกิดความรูสึกสูงสุดทาง อายตนะคือ อายตนะถูก กระตุ น ถึง ที ่ส ุ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ ้น ทางกาย ทางผิว หนัง มัน ถูก กระตุ น ในอัต ราที ่พ อเหมาะ ลึก ซึ ้ง สุข ุม ที ่ส ุด ; นั้นคือสิ่งที่เรียกวา ความอรอย หรือเรียกในบาลีวา อัสสาทะ. อั สสาทะคื อ ความอรอยทางตา อร อยทางหู อร อยทางจมู ก อรอย ทางลิ ้น อรอ ยทางผิว หนัง , แลว ทางผิว หนัง เปน เรื ่อ งสูง สุด ; อรอ ยสูง สุด จนคนหรือสั ต วพ ายแพ แกสิ่ งนี้ , ยอมเป นทาสของสิ่ งนี้ บู ช าสิ่ งนี้ . เพราะฉะนั้ น เราจึ งถื อ วาธรรมชาติ มี เพศรสเป น เครื่อ งมื อ หรือ เป น ค าจ าง ให ม นุ ษ ย ทํ าสิ่ งที่ ตามปรกติม นุษ ยไ มย อมทํ า . นี ่พ ระเจา มาเหนือ เมฆ ธรรมชาติม าเหนือ เมฆ กวา มนุษ ยที ่เต็ม ไปดว ยความโง ; ธรรมชาติฉ ลาดกวา จึง ใสอ ะไรมาใหเสร็จ . ถาไมมีการกระทําอันนี้ มนุษยไมอาจจะเกิดขึ้น ไมอาจจะสืบพันธุมาจนถึงบัดนี้, มนุษ ยก ็ส ูญ พัน ธุไ ปหมดแลว หรือ ไมเกิด ขึ ้น . เพราะฉะนั ้น ความเกิด ขึ ้น แลว สืบ พั น ธุกัน มาได จนถึ งบั ด นี้ ขึ้น อยู กั บ สิ่ งนี้ คื อความรูสึ ก ทางเพศ ที่ เป น ความ อรอยสูงสุด ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจนี้. ถาเรียกอยาง ที่ จ ะเตื อ นสติ ตั ว เราเอง ก็ เ รี ย กว า ค า จ า ง : มั น จ า งให เ ราทํ า สิ่ ง ที่ ส กปรก โกลาหลวุนวาย ที่ตามธรรมดาเราไมอยากจะทํา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอให ดู สั ต ว เดรั จ ฉานต อ ลงไปอี ก : สั ต ว เดรั จ ฉาน เช น สุ นั ข เมื่ อ ต อ มแกลนด มั น สุ ก ถึ ง ที่ สุ ด มั น ไม มี ชี วิ ต เป น อย า งอื่ น นอกจากเรือ งผสมพั น ธุ
๑๙๘
ฆราวาสธรรม
กับ เพศ, มัน กัด กัน จนตาย สุน ัข ของเราก็เ คยตาย, มัน กัด กัน จนตายใจชั ่ว ระยะเวลา ๕ - ๖ วั น ที่ ค วามรูสึ ก ทางเพศสู ง สุ ด ; นั่ น มั น ก็ ไม รูว า ทํ าไปทํ า ไม แตที่มันรูสึกก็เพื่ออรอยทางอายตนะสูงสุด มันเลยพยายามสุดความสามารถ ตอสู กั ด กั น จ น ต า ย อ ย า ง นี ้ ; แ ล ว มั น ก็ ไ ม ไ ด รู ว า เพื ่ อ ก า รสื บ พั น ธุ เ พ รา ะ “นายจา ง” คือ ธรรมชาติ ซอ นเรน ความลับ อัน นี ้ไ ว ในลัก ษณะที ่ส ัต วม ีช ีว ิต ไมอาจจะรูได. ทีนี้ คุณดูใหต่ําลงไปอีกถึงตนไม ไปเรียนชีวิวิทยาเรื่องตนไม : มันก็มี เพศตรงกันขาม แลวมั นต องการดิ้ นรนขวนขวายสุ ดประมาณเหมื อนกั น ที่ จะให เกิ ด การสื บ พั น ธุ คื อ การพบกั น ระหว า งเกสรตั ว ผู กั บ เกสรตั ว เมี ย มี ม ากมาย หลายชนิ ด ; มั น ก็ มุ ง หมายจะอยู เพื่ อ สิ่ ง นี้ เหมื อ นกั น ; แล ว ธรรมชาติ ก็ ช ว ย หลาย ๆ ทาง มี เกสรตัวผูตั วเมี ยในดอกเดี่ ยวกันบ าง มั นก็ พ บกัน ได งาย, แล ว มั น ดิ้ น รนต อ สู เพื่ อ ที่ จ ะพบกั น จนได . ถ าไม ได พ บกั น จะยั งไม ย อมตาย .เพราะ ฉะนั้นคนที่ฉลาดในการเพาะพันธุไม เขาไปตัดยอดไมมาเพาะใหงอกนั้น เขาเลือก ตั ด ยอดที่ มั น กํ า ลั ง มี ด อก, เช น ต น เข็ ม อย า งนี้ จะตั ด ยอดมาป ก เอายอดที่ มี ดอกมาเถอะ ไมต ายแน ; เพราะวา มัน ตอ งการที ่จ ะสืบ พัน ธุ มัน ตอ งการ จะบานแลวก็จะสืบพันธุ, มันสงวนชีวิตไวเพื่อใหไดสืบพันธุจนได มันก็เลยออก รากเร็ว หรือ ง า ย. เกสรตั ว ผู - เมี ย ที่ อ ยู ค นละดอก มั น ก็ ต อ งมี อ ะไรช ว ย มา ผสมกันจนได มันพรอมที่จะรับอยูเสมอ ; แลวมีการปองกัน มีการรักษา กระทั่ง ลมพามา กระทั่ งไหลมาตามน้ํ า ซึ่งอยูห างกั น เป น กิโลเมตร ๆ ; เกสรตั วผูไหล มาตามน้ํา มาพบเกสรตัวเมียขางใตน้ํา มาเปนกิโลเมตร ๆ ก็มี.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุณไปศึกษาดูในแงอยางนี้ที่วา มันเปนอะไรทั้งหมดของสิ่งที่มีชีวิต ; หากแตวาตนไมมันไมมีอะไรที่เปนอายตนะสําหรับรับความรูสึกเอร็ดอรอย สูงเทา
ปญหาเพศรสของฆราวาส
๑๙๙
สัตวหรือคน แตมันก็ตองมีเหมือนกัน ; ถาไมเชนนั้น มันคงจะไมดิ้นรนพยายาม เพื่อจะสืบพันธุ. เพราะฉะนั้นอันนี้มันก็อยูใตวิสัยความหลอกลวงของธรรมชาติ ของพระเจา ดว ยเหมือ นกัน . สิ ่ง ที ่ม ีช ีวิต ก็ไ มม ีอ ะไรนัก นับ มาจากพืช – แลว ขึ ้น มาถึง สัต ว - แลว ขึ ้น มาถึง คน. ทีนี ้ค นมีอ ายตนะมากอยา ง คือ ตา หู จมูก ลิ ้น กาย ใจ, แลว ก็ม ีค ุณ สมบัต ิส ูง จึง รับ รสไดม าก, ฉะนั ้น มัน จึง ลุ ม หลงในเรื่อ งเพศรสในทางอายตนะยิ่ ง กวาสั ต ว ยิ่ ง กวาต น ไม . แล วก็ อ ย าได อวดดีไป มันคื อโงกวานั่ นแหละ หรือ วาถูกหลอกลวงมากกวา ; จนมีค วามคิ ด ความหวังที่จะไดอยางไมมีขอบเขต ไดทันอกทันใจ สมมุติเปนสถานบันเทวดาขึ้นมา ในเทวโลก. เทวดานั้นไมมีความหมายอะไร นอกไปจากกามารมณ , ไมทําการ ทํ า งานอะไร ไม ป ฏิ บั ติ ธ รรมอะไรเหมื อ นมนุ ษ ย ด ว ยซ้ํ า ไป, มี แ ต ลุ ม หลงทาง กามารมณทั้งวันทั้งคืนตอลดเวลา. มันเปนความคิดฝนของมนุษยเจาอารมณ ทาง กามารมณ มากกวา บัญ ญั ติเรื่องเทวดาขึ้นมาอยางนี้.เอาละสมมุติวา ถามีจริง ตามที่เขาพูด มันก็เปนเรื่องบาที่สุด คือเปนทาสกามารมณยิ่งกวามนุษย
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้นคุณทําความเขาใจเรื่องนี้ใหดีวา เพศรสคือความหลอกลวง ทางอายตนะสํ า หรั บ ธรรมชาติ ห ลอกหรื อ จ า งมนุ ษ ย ใ ห ทํ า สิ่ ง ที่ ต ามธรรมดา มนุ ษ ย จ ะไม ย อมทํ า เป น อั น ขาด. ถ า รู ค วามลํ า บาก ยุ ง ยาก เจ็ บ ปวด มี อ ยู อย า งนี้ ในการสื บ พั น ธุ มนุ ษ ย ก็ ไม ย อมทํ า ; แต มั น มาเหนื อ เมฆตรงที่ พ ระเจ า หรือธรรมชาติเอาอันนี้มาเปนคาจาง. แลวมันก็มีปญหายุงยากกี่มากนอย คุณก็รูดี ; หรือ วา ความสงบมีไ มไ ดใ นโลกนี ้ มัน ก็เพราะเรื่อ งนี ้แ หละ แตม ัน ซับ ซอ นกัน อยูหลาย ๆ ชั้น. จะทํ า สงคราม ฆ า กั น ตาย วั น หนึ่ ง เป น ร อ ยเป น พั น เป น อะไร ก็ มี มู ล มาจากเพศรสหรือ กามารมณ , แต มั น ซั บ ซ อ นอยู ห ลายชั้ น . ทหารเหล า นั้ น
๒๐๐
ฆราวาสธรรม
มารบเพื ่อ อะไร เพื ่อ คา จา งรางวัล มัน ก็เ พื ่อ กามารมณ , เพื ่อ เกีย รติข อง ประเทศชาติ ก็เ พื ่อ วา ประเทศชาติอ ยู มั ่น คงแลว เราก็ม ีโ อกาสที ่จ ะอยู อ ยา ง มั่ น คง เพื่ อ เสวยกามารมณ , อะไรมั น ไปรวมอยู ที่ นี่ อ ย า งซิ ก มั น ฟรอยต ว า อยู มากที เดี ย ว. เพราะฉะนั้ น มนุ ษ ย ที่ ลื ม หู ลื ม ตาขึ้ น มา ที่ มี ค วามฉลาดก อ นคนอื่ น เขาจึ งมี การบั ญญั ติ ระเบี ยบแบบแผน วิ นั ย ลงไปเกี่ ยวกั บการปฏิ บั ติ ทางเพศ หรือ ระหว า งเพศให มี ศี ล อย า งนั้ น ให มี ศี ล อย า งนี้ . เช น ว า กาเมสุ มิ จ ฉาจาร ที่ เรา พู ด ถึ งกั น อยู เสมอ เป น ศี ล ขึ้ น มา ; ตลอดถึ ง ระเบี ย บปฏิ บั ติ อ ย างอื่ น ที่ ล ะเอี ย ด ลงไป เกี่ ย วกั บ การประกอบกรรมอั น นี้ :เขี ย นไวในฐานะที่ เป น สู ต ร เป น ศาสตร เป นบทบั ญ ญั ติ สมบู รณ เหมื อนกั น เพื่ อไม ให เกิ ดเป นทุ กขเนื่ องมาจากกามารมณ นั ้น ; หรือ วา เพื ่อ ลดความเปน ทาสของกามารมณนี ้ใ หน อ ยลง ใหอ ยู ใ นวิส ัย ที่พอจะดูได. เพราะฉะนั้นจึงบัญ ญัติวาการประกอบกิจทางเพศที่ถูกตอ งนั้น คือ การประพฤติธรรม. ประพฤติธรรม เหมือนที่เรากําลังพู ดถึงกันอยูนี่แหละ. การประกอบกิจ กรรมทางเพศอยา งถูก ตอ งนั ้น คือ การประพฤติธ รรม ;ดัง นั ้น เขาจึ ง มี สู ต รต า ง ๆ ที่ เขาเขี ย นกั น ขึ้ น มาเกี่ ย วกั บ เรื่ อ งนี้ ใ ห ถู ก ต อ งอย า งนั้ น ๆๆ เพื่อใหมีโทษนอย ใหมีประโยชนเกิดขึ้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุ ณ อาจจะฟ งไม ถู กว า ประโยชน เกิ ดขึ้ นอย างไร ? คื อว าถ ามี ความรู ถูก ต อง กามารมณ นี่ เองมั น จะผลั ก ไสคน ให อ อกไปนอกโลกได ; ดั งนั้ น จะต อ ง ประพฤติ ประกอบกิ จกรรมระหวางเพศในลั กษณะที่ ลื มหู ลื มตา ฉลาดเฉลี ยว ไม ลุ ม หลงมากเกิ น ไป ; แล ว ไม เท า ไร ก็ จ ะถอนตั ว ออกมาได คื อ คิ ด ที่ จ ะออกไป เสียจากสิ่งนี้ หรือจะอยูเหนื ออํ านาจของสิ่ งนี้ เชนไปบวชเป นฤาษี อยางนี้ เป น ต น นี ้พ ูด ถึง สมัย โนน . ผู ที ่ร วมความมุ ง หมายของการเขีย นสูต รเหลา นี ้ ที ่ถ ูก ตอ ง ที่บริสุทธิ์นั้น เขามุ งหมายที่จะใหประกอบกิจกรรมอยางถูกตอง คื อพอเหมาะพอสม พอประมาณ แล ว ในลั ก ษณะที่ ไม เท า ไรจะทํ า ให เบื่ อ แล ว อยากไปบวช ; ดั งนั้ น
ปญหาเพศรสของฆราวาส
๒๐๑
สูตรเหลานี้จึงเปนสูตรของพระธรรมดวยเหมือนกัน; และการปฏิบัติกิจเหลานี้ อยางถูกตองก็คือปฏิบัติธรรมดวยเหมือนกัน. โดยเหตุที่ถือวาฆราวาสหลีกเรื่องนี้ไปไมไหว หลีกเรื่องนี้ไปไมพน ; เพราะฉะนั้นจะตองใหเขาไปเกี่ยวกับเรื่องนี้อยางถูกตอง และพอเหมาะ พอสม ; พอสมควรแลวก็เอือมระอา หรือวารู รูจักสิ่งนี่ดี จนอยากจะหลีกไปพนจากสิ่งนี้. นี่มันก็เขารูปเขารอยเดิมของเราวา อุดมคติของมนุษยที่วาชีวิตคือการเดินทาง ไปจนกวาจะถึงยอดสุดที่ สุดของการเดินทาง. ดังนั้ นเขาจึงถือเรื่อ งนี้เป นเพี ยง เรื่องประกอบตอนหนึ่ง หรือสวนหนึ่งของชีวิตทั้งหมด. ดังนั้นเขาจึงสอนใหเปน พรหมจารี ที ่ถ ูก ตอ ง, แลว ก็เปน คฤหัส ถ ที ่ถ ูก ตอ ง, มัน ก็ง า ยที ่จ ะไปเปน วนปรัส ถ หรือ สัน ยาสี. ฉะนั ้น เราจะรูจ ัก เรื่อ งเหลา นี ้ หรือ สิ ่ง เหลา นี ้ใ หถ ูก ต อ งนั้ น มั น ก็ เป น สิ่ งที่ มี ป ระโยชน อ ย า งยิ่ งคื อ จะไม ต อ งเป น ทาสของเพศรสนี้ นาน และในลักษณะที่เรียกวาพายแพหมดทุกประตู ; แตไปเกี่ยวของในลักษณะ ที่จะรู, แลวผานไปได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ก็อาศัยความรูอะไร ? ชนิดไหน ? ถาถือตามหลักทางพุทธศาสนา มีหลักที่วางไวใชไดในทุกกรณี วา : การที่จะรูอะไรเพื่ อชนะสิ่งนั้น เราจะตอ งรู อยางนอย ๓ อยางเสมอ คือรู อัสสาทะ - รสอรอยที่ใชสําหรับลวงคน ; แลว ก็รูอ าทีน วะ - คือ โทษ ความเลว ความอะไรของมัน ที ่ทํ า อัน ตรายคน ; แลวอันที่ ๓ ก็รู นิสสรณะ - คืออุบายที่จะมีอํานาจเหนือสิ่งนั้น, ภาษาธรรมดา ก็เรียกวา ลูกไม ที่เราจะเปนผูชนะตอสิ่งนั้น. ทบทวนอีกทีหนึ่งวา : รูจักรสอรอย ที่ใชยั่วยวนหลอกคนของมัน, ในที่ นี่ ก็ คื อ เพศรสของกามารมณ ; แล ว ก็ รู โ ทษ รู ค วามเลวทรามของมั น
๒๐๒
ฆราวาสธรรม
ที่แผดเผาให คนผู ที่เขาไปลุม หลง ; และรูจักลูกไม ที่ จะอยูเหนื อ มั น. ก็อ ยาง เดียวกับที่พูดมาแลววาสูตรหรือคําสอนที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็สอนเพื่อ ๓ อันนี้ ; มันใหรสอรอย ใหความหลอกลวงยั่วยวนอยางไรก็รูเสียโดยเร็ว ; แลวก็รูวา มันใหความเจ็บปวด ทิ่มแทง เผาลน อะไร อยางไร ก็รูในขณะนั้น.พอรูเทานี้ มันก็พอที่จะเห็นวา มันเปนอันตราย ถอนตัวออกมาได คืออยาไปหลงใหล รสอรอยของมัน, มันจะวนเวียนกันอยู. เรารูความอรอยของมัน ที่ยั่วยวนเรา หลอกเราไปเปนทาสของมัน ; วิธีแก เราก็อยาไปหลงในความยั่วยวนของมัน เรียกวานิสสรณะ. การที่ ห ลี ก ออกไปเสี ย จากามารมณ เขาก็ เรียกว านิ สสรณะ หรื อ เนกขัมมะ ออกบวชจากดงของเพศรสคือฆราวาส เรียกวา เนกขัมมะ; คือ ออกไปจากเรือ น ; นี้เปน นิส สรณะ คือ “ลูก ไม” ที่อ อกไปเสีย จากอํา นาจ ของมัน, เราพนจากอํานาจของมัน. แตก็ไมไดหมายเฉพาะทางรางกายออก บวชไปเปน ฤาษีอ ยู ใ นปา ; อาจจะเปน ไดว า ในบา นเรือ นนั ่น เอง ถา มี ความรูความฉลาด ในเรื่องสอนเรื่องแรกพอ แลวมัน ก็เฉย หรือ วาควบคุม ได ; แลว ก็ทําแตพ อสมควร หรือ แตเทา ที่จํา เปน ที่จ ะตอ งทํา ; หรือ กระทั่ง ไมทําเลยก็ได คือไมเปนทาสของสิ่งนี้ตอไป ; ก็อยูอยางคนที่มีความรูความ เฉลียวฉลาด ผานสิ่งเหลานี้มาแลว ก็เคยมีเหมือนกัน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรื่องราวเคยมีแตโบราณ ผัวเมียนั้นก็เลยกลายเปนคูเดินทางไปหา โมกษะ หรือ นิพ พาน, ไปดวยกัน คลองแขนกันไป โดยไมมีการประพฤติ ทางเพศ ก็ย ัง ได ; แลว อยู ที ่ว า เรารูอ ัส สาทะ รูอ าทีน วะ รูน ิส สรณะ สามอยา งนี้ ; แลว ก็ก ลายเปน อยา งถูก ตอ งได แมอ ยูใ นบา นเรือ น. แต มั น ยากกว า ที่ จ ะหลี ก ออกไปเพราะฉะนั้ น จึ ง มี ก ารนิ ย มว า หลี ก ออกไปจาก บานเรือน.
ปญหาเพศรสของฆราวาส
๒๐๓
ถา จํ า เปน จะตอ งอยู ใ นบา นเรือ น มัน ก็ใ ชห ลัก เกณฑอ ัน เดีย วกัน นั่นแหละ คือรูแลวฉลาดจึงอยูเหนืออํานาจการหลอกลวงของสิ่งเหลานี้ ; ก็เลย กลายเปน คนที ่ไมบ า ไมห ลง ไมม ัว เมาเกิน ขอบเขต เหมือ นที ่เห็น ๆ กัน อยู . เราจะเห็น วาคนสมัย นี้เปน ทาสของเพศรส อยางไมมีขีด ขั้น ; อะไร ๆ ทั้งหมด ก็ระดมไปยังสิ่งนี้ เพื่อสิ่งนี้ ; ไปเรียนวิชาความรูมาอยางมากมายจากเมืองนอก เพื ่อ มีอ าชีพ สูง เพื ่อ มีเ งิน เดือ นสูง ก็ใ ชไ ปเพื ่อ สิ ่ง นี ้ หรือ เพื ่อ อุป กรณข อง สิ ่ง เหลา นี ้ ; เพื ่อ สิ ่ง นี ้โ ดยตรงก็ไ ด เพื ่อ อุป กรณข องสิ ่ง นี ้ก ็ไ ด. เราจะเห็น วา มัน มีอ ุป กรณม ากมายเหลือ เกิน ที ่แ พงมาก ๆ เพื ่อ ใหม นุษ ยไ ดลุ ม หลงในสิ ่ง นี้ นี้คือปญหาของฆราวาสเกี่ยวกับเพศ. เรื่องสุ ดท ายที่ เราควรจะรูก็ คื อวา การที่ จะควบคุ มสิ่ งเหล านี้ จนเรา ถอนตัว ออกมาเสีย ไดนี ้ไ มใ ชเ รื ่อ งของคนโง หรือ คนบา เหมือ นที ่เ ด็ก ๆ หนุมสาวเขาใจ. เขาอาจจะคิดไปวาเมื่อไมมีสิ่งเหลานี้มันจะเปนคนบา เปนคน สติ วิ ป ริต ไม ช อบสิ่ ง ที่ ต ามธรรมชาติ จ ะต อ งชอบ ; มั น ก็ อ าจจะเป น ได แต มั น นิ ด เดี ย ว มั น ถู ก นิ ด เดี ย ว. ถ า คนถู ก ตอนหรือ คนที่ อ วั ย วะเพศไม ส มประกอบนี้ มัน ก็จ ะไมค วามรูส ึก หรือ ไมต อ งการสิ ่ง เหลา นี ้เ หมือ นกัน ; ดัง นั ้น ก็เ รีย กวา คนวิป ริต ผิด ธรรมดา สงเคราะหรวมไวในพวกคนบา . แตวา คนที ่ม ีส ติวิป ลาส ไมเกี่ยวของกันสิ่งเหลานี้ หรือเกลียดชังสิ่งเหลานี้ ก็เปนพวกคนบาจริง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สํ า หรั บ พระอริ ย เจ า ที่ ไม เกี่ ย วข อ งกั บ สิ่ ง เหล า นี้ นั้ น ไม ใช ค นบ า ; คือเปนคนที่รูจักสิ่งเหลานี้ดี. แมคนที่กําลังจะเปนพระอริยเจา คือกําลังตอสูกับ สิ่งเหลานี้อยู ก็ไม ใชคนบ า. ดังนั้ นในการที่ ออกบวชจากบ านเรือน เพื่ อละสิ่งนี้ เพื่ อ ต อ สู กั บ สิ่ ง เหล า นี้ ไม ใ ช ค นบ า , ไม ใ ช ค นที่ ค วรจะถู ก เรี ย กว า คนบ า . คุ ณ ลองสังเกตดู คนที่ เขาคิ ดวา พระ ที่ ออกมาเสี ยจากบ านเรือน เป นคนบ า ๆ บอ ๆ
๒๐๔
ฆราวาสธรรม
สติไมสมประกอบ ไมไปสนใจกับสิ่งที่นาเสนหา ; นี่เขาอาจจะคิดวาเปนคนสติ วิปริต นั่นเพราะวาคนนั้นเปนทาสของสิ่งนี้มากเกินไปจนมองไมเห็น, ไมเห็น อัสสาทะ, ไมเห็นอาทีนวะ, ไมเห็นนิสสรณะ ; แลวหาวา พวกนี้เปนคนบา ไมไปยุงกับมัน ไมไปสนใจกับมัน ก็มีได. เพราะฉะนั้น การที่เรามีระเบียบปฏิบัติหรือมีความพยายามที่จะ ทํา ลายความบีบ คั้น ของสิ่ง เหลานี้ ไมใชเปน เรื่อ งบา ; เปน เรื่อ งที่ตอ งตอ สู เพื่อใหเขาสูระดับที่พอดี พอเหมาะเสียทีหนึ่งกอน ไมบามากเกินไปเหมือนคน พวกนั้น , ไมบา มากเกิน ไป เหมือ นพวกที่วา เราบา ; เพื่อ ใหร ะดับ พอดี เสียที่หนึ่งกอน แลวก็เพื่อจะชนะมัน ในที่สุด. ดังนั้นพวกที่พยายามจะขมขี่ หรือวา ละ หรือวาอะไรในเรื่องความบีบคั้นของความรูสึกทางเพศนั้น ไมใช คนบา. ถูกแลว สิ่งตาง ๆ ถากระทําผิดวิธี อาจจะกลายเปนบาไปเลยก็ไดจริง เหมือนกัน ฉะนั้นมันก็ตองเปนเรื่องที่ทําถูกวิธีจริง ๆ
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทั้งหมดนี้ เปน เรื่อ งปญ หาทางเพศของฆราวาส มีอ ยูอ ยา งนี้ ; เรารูตัวปญหานี้กอน แลวเราคอยพูดกันถึงวิธีที่จะแกปญหา หรือเอาชนะมัน อยางไร.
เวลานี้ของเราก็หมดลง นกกางเขนบอกวาพอกันที สําหรับวันนี้.
การควบคุมความรูสึกทางเพศของฆราวาส - ๑๒ ๒๘ เมษายน ๒๕๑๓ บัด นี ้เ วลาลว งมาถึง ๔.๔๕ น. แลว จะไดพ ูด กัน ถึงป ญ หาเกี่ ย วกั บ ความรูสึ กทางเพศ ที่ เป น ป ญ หาของฆราวาส ดว ยเหมือ นกัน . เราจะไดพ ิจ ารณ ากัน โดยเฉพาะ ถึง การ ควบคุม ; ในคํ า ถามที ่เสนอเขา มาก็ม ีอ ยู ข อ หนึ ่ง ที ่ถ ามปญ หา วาเราจะลดความรูสึ ก ที่ เป น ความกําหนั ด ทางเพศได อ ย างไร ? นั ่น ก็ย อมหมายความวา จะตอ งการความพอดีห รือ ความถูก ตอ งเกี ่ย วกับ เรื่อ งนี ้ ; มิไ ดห มายความวา จะตัด หรือ ทํ า ลาย ใหสูญสิ้นไป.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ปญหาเกี่ยวกับการควบคุมความรูสึก หรือความกําหนัดในทางเพศนี้ สําหรับฆราวาส และบรรพชิตยอมไมเทากัน. สําหรับบรรพชิต ก็คือผูที่ตองการ จะไปกอน หรือไปเร็ว หรือไปดีกวา อะไรทํานองนี้ ก็จะตองมีความมุงหมายที่จะ ควบคุม หรือแกไขมากกวาพวกฆราวาส ซึ่งยังไมตองการจะไปเร็ว หรือวาไปกอน
๒๐๕
๒๐๖
ฆราวาสธรรม
เพราะฉะนั้น คําวาฆราวาสจึงมีคําประกอบขยายความในภาษาบาลีวา ผูครองเรือน ผูแออัดอยูดวยบุตรภรรยา ลูบไลกระแจะจันทนของหอม อยางนี้เปนตน. สําหรับวันนี้ เราจะพูดกันแตปญหาของฆราวาสโดยตรง หรือวาถาจะ เปน เรื่อ งของบรรพชิต ก็เปน เรื่อ งเทา ที่ม ัน ควบเกี่ย วกัน ก็ไปรูค วามหมายนี้ เอาเอง. ในคําถามที่เสนอเขามานั้นใชคําวา ความกําหนัด โดยตรง. สําหรับ คําวา ความกําหนัด ซึ่งภาษาบาลีวา ราคะ นี้ เมื่อถือเอาตามหลักในภาษา บาลี หรือ ภาษาธรรมะก็ ต าม มั น กว างขวางกว า, เขามิ ได ห มายถึ งแต ค วาม กําหนัดทางเพศอยางเดียว ; หมายถึงความรูสึกที่มันเขาไปผูกพันติดแนนในสิ่งใด ก็ ไ ด ที่ เป น ความติ ด แน น ทางจิ ต ใจ. แต ใ นภาษาไทยเรานี้ หมายถึ ง ความ กําหนั ดในทางเพศทางกามารมณ ; ถึงแม ในที่ นี้ ในวัน นี้ เราจะพู ดกัน แต เรื่อ ง ทางเพศ ทางกามารมณ ก็ใหรูไวดวยวา คําวา ความกําหนัด ในภาษาธรรม นั ้น กวา งคือ วา จะไปกํ า หนัด ในสิ ่ง ที ่ไ มใ ชเ รื่อ งเพศโดยตรงก็ไ ด แมที ่ส ุด แต ของเลน ของชอบใจอะไรก็ไ ด, สิ่ง ที่รัก ใครห วงแหนถึง ที่สุด อยา งนี้ก็ไ ด ; แมแตความรูสึกรักในลูกหลานตัวเล็ก ๆ ก็เรียกวาความกําหนัดดวย. สวนความ กําหนัดในภาษาไทย ก็หมายถึงความกําหนัดทางเพศ, และหมายถึงความรูสึก ทั้ง ๓ เวลา คือวาที่ลวงแลวมา ก็เอามารูสึกคิดนึกกําหนัดได,หรือกําลังเปนอยู เฉพาะหนาก็รูสึกกําหนัดได, หรืออาจจะคิดนึกลวงหนาใหมีความรูสึกกําหนัดก็ได ; เพราะฉะนั้นปญหามันจึงมีมาก.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ปญหาสวนใหญเปนปญหาความกําหนัดที่เกิดขึ้นเฉพาะหนา คือในขณะ ที่ประสบอารมณ เกิดอารมณปจจุบันมากกวา ; แตถึงอยางนั้นก็ขอใหเขาใจไวดวย วามันเนื่องกัน คืออารมณในอดีตที่แลว ๆ มาแตหนหลัง ไปเอามาคิดมานึกอีก มันก็กลายเปนสิ่งปจจุบันบันสําหรับเรื่องทางจิตใจ. ถามันเกิดความกําหนัดขึ้นมา
การควบคุมความรูสึกทางเพศของฆราวาส
๒๐๗
เมื่อไร มันก็เปนเรื่องปจจุบันขึ้นมาเมื่อนั้น. หมายความวาที่ไปนึกถึงเรื่องความ กําหนัดแตหนหลัง หรือถึงสิ่งที่เปนที่ตั้งแหงความกําหนดแตหนหลัง, เอามาคิด มันก็กลายเปนเรื่องธรรมารมณขึ้นมาในใจ เกิดความกําหนัดเปนปจจุบันขึ้นมาได. สวนเรื่องของปจจุบันนั้นก็เอา รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส เฉพาะหนาที่ มาถึงเขา ; แตวาสิ่งเหลานี้ในที่สุดมันกลายเปนอารมณ ในอดีต แลวกลับมาเมื่อไรอีกก็ได. เรื่องอนาคตก็เหมือนกัน หมายถึง รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส เคยผานมาแลว แลวก็คํานึงคํานวณได รูสึกได, วาในอนาคตจะมี อยางนั้นอยางนี้ ; แลวเอามา นึกคิด มันก็กลายเปนเรื่องธรรมารมณในปจจุบันขึ้นมาได ; แลวมันก็รบกวนจิตใจ มากเทากัน คือมันกลายเปนปจจุบันไดโดยทางความคิดนึก. เพราะฉะนั้นจะตองรูวา มันเกี่ยวโยงกันกวางขวาง หรือสึกซึ้งอยางนี้ สํ าหรับสิ่ งที่ เรียกวาราคะ หรือความกํ าหนั ด. เราจะมั วแก ป ญหาเฉพาะหน า คื อ ปจจุบันอยางเดียว มันก็ไมเปนผลดีถึงที่สุด มันก็เลยเปนเรื่องที่ตองควบคุมความ รูสึกในอดีต หรือความคิดฝนอะไรในอนาคตดวยเหมือนกัน. ลองเปรียบเทียบ กันดูวา ราคะ - ความกําหนัด ตามความหมายหรือตัวหนังสือนั้น เปนอยางไร ? บัญญัติไวอยางไร ?
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ เราจะพูด กัน ถึงตัว จริง ไมใชตัว หนังสือ . เรื่อ งนี้มัน ก็เปน เรื่อง ที่ ยาก ที่ จะเขาใจได วาคื ออะไร วาความกํ าหนั ดนั้ นคื ออะไร ? ยิ่ งผู ที่ ยั งใหม ต อ ความรูสึกอันนี้ หรือใหมตอความรูสึกเรื่องทางโลก ๆ แลว ก็คงจะเขาใจไดยาก วาความรูสึกที่เปนความกําหนัดนั้น มันเปนเครื่องจักรชนิดหนึ่งในทางจิตใจเทานั้น เอง. ที่ใ ชคํา วา เครื่อ งจัก รในที่นี้ มิไ ดห มายถึง วัต ถุ ; มัน เปน เรื่อ งทางจิต ใจ แตมันมีลักษณะอยางเดียวกับเครื่องจักร ที่เราเรียกวา mechanism คือสิ่งที่มันทํา หนาที่เกี่ยวโยงกันไปตามลําดับ แลวมีผลเกิดขึ้นมาอยางแนนอน เหมือนเครื่องจักร ก็เรียกวา ความแนนอน.
๒๐๘
ฆราวาสธรรม
เครื่องจักรที่เราใชประกอบการอุตสาหกรรมนั้น มันเปนเครื่องจักรทาง วัตถุมีตัวตนเปนวัตถุ ;แตเครื่องจักรที่พูดถึงนี้ มันเปนเรื่องทางจิตใจ ไมมีรูปราง ไมม ีต ัว ตน มัน เปน นามธรรม. แตถา มองใหด ี มองใหเห็น แลว ก็จ ะเห็น เปน รูป ร า งเหมื อ นกั น , เป น รู ป ร า งทางฝ า ยนามธรรม คื อ จะต อ งมี อ ะไรที่ เป น ส ว น ประกอบ หรือ ทํ า หนา ที ่ค รบถว น, แลว เมื ่อ มาสัม พัน ธก ัน เขา แลว ก็ต อ ง มีการทํางานเกิดขึ้นเปนลําดับ ๆ ไปอยางเที่ยงแทแนนอน เหมือนกับเครื่องจักร. คํา วา “เหมือ นกับ เครื่อ งจัก ร” นั ้น หมายความวา มัน จะเหมือ นอยา งนั ้น ทุก ที ซ้ํา ๆ ซาก ๆ ; ผมเคยสรุปความเปนคําโคลงเลนวา : สัมผัส กําหนัด นั้น อารมณพบอินทรีย ทํางานเที่ยงตรงหลัก แตโลกหลงวาแกว
เครื่องจักร ในกาย เขาแลว ตางหาก ก่ํากาม
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org บรรทัด แรกวา สัม ผัส กํ า หนัด นั ้น เครื่อ งจัก รในกาย คือ การที่ ได รับ ความสั ม ผั ส ทางตา ทางหู ทางจมู ก ทางลิ้ น ทางกาย ทางใจ กั บ รู ป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ นั้น มันเปนเครื่องจักรชนิดหนึ่งในรางกาย คนเรา ; หมายความวา ถาอายตนะภายนอกกับอายตนะภายในมี การสัมผัสกัน เขา แลว ก็จ ะเกิด วิญ ญาณ, จะเกิด สัญ ญา, แลว จะเกิด เวทนา, จนเปน ความรู ส ึก กํ า หนัด พอใจ ซึ ่ง เปน เวทนา ; อาการเกิด อยา งนี ้จ ะเปน เหมือ น เครื่องจักร คือแนนอน เร็วที่สุด จนแทบจะกําหนดไมได เหมือนกับเครื่องจักร ที ่ม ัน หมุน เร็ว ๆอยา งนั ้น ; ก็เปน เครื ่อ งจัก รที ่ม ีอ ยู ใ นรา งกายคน แตไ มใ ชต ัว รา งกายโดยตรง ; มัน เปน เรื ่อ ง mechanism ทาง mentality. เรื ่อ งอยา งนี้ เราเรียกวาทาง mentality ไม ใชทาง spiritual อะไรมากมายนั ก คื อเป นเรื่องจิ ต
การควบคุมความรูสึกทางเพศของฆราวาส
๒๐๙
ที่เกี่ยวของอยูกับรางกาย ; ไมใชเรื่องความคิดเห็นหรือสติปญญาลวน ๆ ซึ่งเปน เรื่องทาง spiritual. บรรทัด ที ่ ๒ - ๓ วา : อารมณพ บอิน ทรีย เขา แลว ทํ า งานเที ่ย ง ตรงหลัก ตา งหาก; นี้อ ธิย ายอยูใ นตัว เสร็จ . อารมณนั้น คือ ขา งนอก ไดแ ก รูป เสี ย ง กลิ่ น รส โผฏฐั พ พะ ธรรมารมณ . พบอิ น ทรีย , อิ น ทรีย คื อ ตา หู จมู ก ลิ้น กาย ใจ เขาแลว ก็ทํ างานเที่ยงตรงหลัก คือ เกิดวิญญาณ เกิดผั สสะ เกิดสัญญา เกิดเวทนา เปนเครื่องจักรีแนนอนอยางนี้. บรรทั ด ที ่ ๔ ว า : แต โ ลกหลงว า แก ว ก่ํ า กาม. นี ้ เ ป น ภาษา คํ า ประพัน ธ มัน ตอ งไปอยา งนี ้เ อง. แตโ ลกหลงวา แกว , หมายความวา ชาวโลก - ฆราวาสนี้ห ลงวาเปน ของวิเศษประเสริฐ สูงสุด ,หลงวาแกว. ก่ํา กาม ก็คือมีจิตใจเต็มปรี่ไปดวยความรูสึกทางกามารมณ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี ้ก ็เ พื ่อ จะชี ้ใ หเ ห็น วา เรื ่อ งที ่ค นไมรู เขา ใจวา วิเ ศษ ประเสริฐ หลงใหล บูชากวาสิ่งใดนั้น ที่แทเปนเพียงเครื่องจักรแระจําอยูในรางกาย ในทาง ฝายจิตฝายวิญญาณ. เพราะฉะนั้ นเราก็ จะรูได เองวา ความหลงในเรื่องนี้ มั นเป น อยางไร ? หลงมากหลงนอยอยางไร ? โงหรือฉลาดอยางไร ? สัตวทั่วไปในชั้น กามาวจรภู มิ , คื อ สั ต ว ทั้ ง หมดในโลกตามธรรมดานี้ ก็ ไม เข า ใจเรื่ อ งนี้ แล ว ก็ หลงเรื่องนี้ไดมาก เพราะมันยังมีอะไรซับซอนไมกวานั้น ; คือความสัมพันธกัน ระหว างจิ ต กั บ รา งกายนี้ ยั งมี อ ยู อี ก ที่ ช วยสิ่ ง เสริม ซึ่ งกั น และกั น และส ง เสริม ซึ่งกั น และกั นให มั น แรงขึ้ น ; เช น รางกายสบายแข็งแรง ความรูสึ กทางนี้ ก็ แ รง ; หรือวาทางจิตคิดนึกไดเกง มันก็สงเสริมความรูสึกอันนี้ไดแรง ก็เลยเปนปญ หา มาก คื อ ป ญ หาที่ เกี่ ย วโยงกั น สลั บ ซั บ ซ อ นมาก. แต ต อ งสรุ ป ความว า สิ่ ง ที่
๒๑๐
ฆราวาสธรรม
เรียกวาความกําหนัดนั้น มันเปนเพียงเครื่องจักรในกาย. เมื่ออารมณ พบอินทรีย เข าแล ว ทํ างานเหมื อ นเครื่อ งจั ก ร ; ถ า รูอ ย างนี้ ก็ จ ะมี ป ระโยชน ม าก คื อ จะได บรรเทาความหลง. ทีนี้ ก็อยากพู ดถึงความรู ความคิด หรือวัฒ นธรรมโบราณเกี่ยวกั บ เรื่อ งนี้บ าง เพราะวา มัน ก็มีป ระโยชน ; คือ เราก็ย อมรับ หรือ เห็น กัน อยูทั่ว ๆ ไปแลววา เรื่องวัฒนธรรมทางจิตใจ หรือเรื่องทางศาสนานี้ เรารับมาจากอินเดีย ประเทศอิน เดียเป น ตนตอของวัฒ นธรรมประเภทนี้. ในประเทศอินเดี ยก็มี อะไร มาก มีการคนความาก ; เรื่องเกี่ยวกับความกําหนัดนี้ เขาก็มีการคนควาสุดเหวี่ยง ของเขา ; เขาก็บ ัญ ญัติไวอ ยา งนั้น ๆ สําหรับ ผูป ฏิบ ัติจ ะไดศึก ษา โดยเฉพาะ ก็เกี ่ย วกับ เรื่อ งทํ า โยคะ. โยคะก็ค ือ การทํ า กัม มัฏ ฐาน ; ผู ทํ า กัม มัฏ ฐานนั ้น ก็เรีย กวา โยคี. ฉะนั ้น เรื่อ งเกี ่ย วกับ การควบคุม ความกํ า หนัด นี ้ก ็เปน ปญ หา เฉพาหนาของพวกโยคี เขาจึงคนควากันอยางสุดเหวี่ยงเหมือนกัน เพื่อใหความ เปน โยคีนั ้น เปน ไปได ; หรือ วา พวกโยคีที ่ไ ดป ฏิบ ัต ิอ ยู หรือ ปฏิบ ัต ิแ ลว รูส ึก อยาไร เปนความจริงอยางไร ก็เขียนไว หรือเลาไว สอนไว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เขาสอนไววา ความรูสึกกําหนัดประเภทใตสํานึก มีอยูดวยการสะสม ของความกํ าหนั ดตามปกติ สามั ญ ทั่ ว ๆ ไป. เขาอธิบายวา เมื่ อคนเห็ นเพศตรง กั น ข า ม หรื อ ได ยิ น เสี ย ง หรื อ อะไรก็ ต ามที่ เกี่ ย วกั บ เพศตรงกั น ข า ม ก็ จ ะเกิ ด ความรูส ึก ในจิต ขึ ้น มาอยา งหนึ ่ง ที ่เรีย กวา ความกํ า หนัด .ที ่จ ริง มัน ก็ห ลีก หลัก อัน นี ้ไ ปไมพ น ที ่ว า มาแลว ตะกี ้นี ้ วา อารมณพ บอิน ทรีย เขา แลว ; ทํ า งาน เที ่ย งตรงหลัก ตา งหาก. นี ้เมื ่อ ไมม ีป ญ ญา ไมม ีส ติ ไมม ีค วามรู มัน ก็เกิด ความกํ า หนัด .แตสิ ่ง ที ่เรีย กวา ความกํ า หนัด ทีแ รกนี ้ม ัน เผา, เขาใชคํ า วา เผา เผาเยื่อในกระดูก ; คือวาความรูสึกมันจุแลนลึกเขาไปถึงเยื่อในกระดูก เผาเยื่อ
การควบคุมความรูสึกทางเพศของฆราวาส
๒๑๑
ในกระดู ก ให ล ะลายเป น น้ํ า , น้ํ า ใส ๆ ชนิ ด หนึ่ ง ก็ ป รากฏออกไปในถุ งที่ เก็ บ ภาษาเดี๋ยวนี้วาตอม prostate อันนี้จะมีเพิ่มขึ้นทุกคราวที่เห็นสิ่งที่เปนที่ตั้งแหงความ กําหนัด หรือไดยิน ไดดม ไดลิ้ม ไดสัมผัส อะไรก็ตาม. เมื่ออันนี้ถูกเก็บไวมาก ก็เปนความกําหนัดใตสํานึกที่มากขึ้น ๆ คือจะรูสึกมีความกําหนัดโดยไมเจตนา มากขึ้ น ๆ ; แล ว ก็ เป น การรบกวนอย า งยิ่ ง จนถึ ง กั บ ว า เราต อ งการจะคิ ด จะ ศึก ษาเรื่อ งนั ้น เรื่อ งนี ้ ความรูส ึก ทางเพศมัน ก็ม ารวกวนเสีย มาขัด ขวางเสีย มาขัดคอเสีย ; นี่มันเปนความกําหนัดใตสํานึกรบกวน. พวกโยคีเห็นเป นปญหามาก และเห็นเปนความเสียหายมาก จึงบอก ใหรู ; เพราะวา ถา มัน เปน ไปสูง สุด มัน ก็ร บกวนมาก ถึง กับ ฝน , ฝน ใน ลักษณะที่ เป นเรื่องทางไม ดี ไม งาม ; หรือวาถ ามั นมี มาก น้ํ าที่ เก็ บไวในถุงก็ไหล ออกมาในความฝนเปน ตน ; ซึ่งตามหลักของพวกโยคีถือวา เปนความฉิบหาย หมด, เปน ความเสีย หายหมดทางโยคะ. เขาจึง มีก ารสอนแนะนํ า ใหร ะวัง ปอ งกัน ตั ้ง แตภ ายนอก อยา ใหเ กิด เผลอสติเ มื ่อ เห็น รูป เมื ่อ ไดย ิน เสีย ง ฯลฯ ดว ยเหมือ นกัน . เพราะฉะนั ้น ก็แ สดงวา เขาก็รูเ รื่อ งนี ้กัน ในลัก ษณะอยา งนี้ จะถู ก หรือ ตรงกับ ความรูส มั ย ป จ จุบั น นี้ ห รือ ไม มั น ไม เป น ประมาณ ; เพราะวา ความรูในสมัยนี้ของคนปจจุบันอาจจะผิดก็ได หรือความรูของคนโบราณอาจจะ ผิด ก็ไ ด. แตถ า สิ ่ง ใดมัน เปน ประโยชนค ือ มัน ชว ยได สิ ่ง นั ้น นั ่น แหละคือ ถูก ; เพราะฉะนั้น เราก็เอาขอ พิสูจ นในตัวมัน เอง ที่มัน ชวยได หรือ มัน มีป ระโยชน นั่นแหละเปนความถูกตอง
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ตามหลักนี้ เขาพูดไวสําหรับพวกโยคี ซึ่งเปนบรรพชิต ที่ตองควบคุม กัน ถึง ขนาดหนัก ;สํ า หรับ ฆราวาสปุถ ุช นคนธรรมดาอาจจะไมถ ือ หลัก อยา ง นั ้น ก็ ไ ด เพราะเขาต อ งการ ; หรื อ กลั บ จะเห็ น เป น ของดี ข องวิ เศษไปเสี ย ก็ ไ ด
๒๑๒
ฆราวาสธรรม
ที่เขาไดมีความกําหนัดมาก ๆ ถึงขีดสุด อะไรทํานองนี้. แตถึงอยางไรก็ดี ถาสิ่ง เหล า นี้ มั น เกิ น ขอบเขต มั น ก็ เป น โทษอย า งยิ่ ง แม แ ก พ วกฆราวาส ; เพราะ ฉะนั้นมันก็เปนเรื่องที่จะตองรูและควบคุม.จากหลักอันนี้ จากหลักที่เขาวางไว สําหรับโยคะนี้ มันทําใหเราเขาใจไดในดานตอไป คือในทางดานของบรรพชิต วาความกําหนัด เมื่อมันเปนเครื่อ งจักรในลักษณะอยางนี้แลว มันก็เลยทําให มองเห็นชัดอยูวา มันเปนสิ่งที่ควบคุมได ; หรือวาคนอาจจะหมดความรูสึกที่ เปนความกําหนัดได โดยไมตองเปนคนบา. เมื่ อ ควบคุ ม ความรูสึ ก กํ า หนั ด ทางตา ทางหู ทางจมู ก ทางลิ้ น ทางกาย ทางใจ อะไรก็ตามดวยสติสัมปชัญญะอยู ก็ไมสะสมสิ่งที่วานี้, สิ่งที่ รบกวนอยูภายใตสํานึกนี้. เพราะฉะนั้นคนที่มีสติสัมปชัญญะมากจนควบคุมได ทุก คราว ทุก กรณีที ่ต ามเห็น รูป หูฟ ง เสีย งเปน ตน ก็จ ะเปน ผู ส รา งความ กํ า หนัด , ไมส ะสมความกํ า หนัด , เปน ผู ป อ งกัน ความกํ า หนัด ได ; แลว ก็ สบายดี หรือ สบายกวา คนที ่ป ลอ ยไปตามธรรมชาติในลัก ษณะที ่ก ลา วแลว , เพราะฉะนั้นพระอรหันต หรือความเปนพระอรหันตจึงเปนสิ่งที่มีไดโดยไมเหลือ วิสัย ; และพระอรหัน ตก็ไ มตอ งเปน คนบา คนบอหรือ เปน คนที่มีส ติวิป ริต มีจิตใจวิปริตอะไร ; เพราะเปนเพียงเรื่องการสะกัดกั้นความรูสึกอันนี้ ไมใหเกิด ไมใหสะสมอีกตอไป. การหมดราคะ ความกําหนัดนั้นก็เปนของที่เปนไปตาม กฎของธรรมชาติธรรมดาได โดยไมตองมีความวิปริตผิดปกติในทางจิต หรือใน ทางรางกาย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คนสมัยนี้มักจะสงสัยวา พระอรหันตนั้นเปนผูมีความวิปริตผิดปกติ เพราะหมดความรูสึกอยางที่คนธรรมดาเขามี ๆ กัน. เพราะฉะนั้นเรารูเรื่องความ รูสึ ก ที่ เรีย กว า ความกํ า หนั ด นี้ ในลั ก ษณะอย า งที่ มั น เป น เหมื อ นเครื่ อ งจั ก ร ;
การควบคุมความรูสึกทางเพศของฆราวาส
๒๑๓
แลวถาควบคุมไดก็กลับเปนผลดี. ควบคุมกําลังรางกายจิตใจอะไรเหลานี้ไวไดดี มันก็กลายเปนกําลังที่หลอเลี้ยงสติปญญา. ความกําหนัดครั้งหนึ่งที่เปนไปถึงขีด สุดนั้ น มั นเป นเครื่องทอนกําลังกาย ; แตถ าควบคุ ม ไวไดมั น ก็กลายเป นเครื่อ ง สงเสริมกําลังกาย กําลังสติปญญา สงเสริมมันสมองใหทําหนาที่คิดนึกเขมแข็ง ลึก ซึ้ง ได. แตถา พา ยแพแ กสิ่ง เหลา นี ้ มัน ก็ท อนกํ า ลัง กาย ทอนกํ า ลัง ปญ ญา ใหออนเพลียทรุดโทรมไป ; มันเปนการใชจาย ไมใชเปนการรับ หรือสะสมไว. การที ่ไ มรู ส ึก มีค วามกํ า หนัด นั ้น มัน เปน การสะสมกํ า ลัง ของจิต ของสติปญญาไว ; แตในทํานองเดียวกัน คนที่มีกําลังจิตสูงมีกําลังสติปญญาสูง เมื่ อกําหนัด ก็ กําหนั ด ได ม ากกวา กวางขวางกวา ลึ กซึ้งกวา ; มั น เป นกฎในตั ว ธรรมชาติอ ยา งนี ้. เพราะฉะนั ้น เรารู ส ึก มัน เรารู จ ัก มัน ในการที ่จ ะปอ งกัน หรือแกไขใหพอเหมาะพอสม. เมื่อคุณมีหลักวา เปนเรื่องของฆราวาส ตองการ แตที่ฆราวาสจะพึงกระทํานี้ ก็ควรจะรูวา มันคนละระดับ กัน กับ บรรพชิต . ทีนี้ เราก็ จ ะพู ด กั น เพี ย งในระดั บ เรื่ อ งของฆราวาส ; หรื อ ว า ผมไม อ าจจะพู ด ไปใน เรื่อ งของฆราวาสโดยเฉพาะก็จ ะพูด ไปในหลัก ที่ก วา ง ๆ และทั่ว ไป ; แลว คุ ณ ก็ เอาไปวิ นิ จฉั ยตั ดทอนลงไปเอง ตั ดทอนลงไปให พอเหมาะพอสมแก ความเป น ฆราวาสเอง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถามันเปนปญหาขึ้นมาวา ความกําหนัดนี้มันทําอันตรายแกความผาสุก ของจิตใจ, หรือวาบางคนที่ค วบคุม ไมได ปลอยไปสุดเหวี่ยงในความรูสึกอัน นี้ ก็ประสบความฉิบหายทั้งทางกายทางจิตนี้ก็มี ; ปญหาทางการควบคุมมันก็เกิดขึ้น ไมวาฆราวาส หรือบรรพชิต. ทีนี้เราเพราะพูดถึงการควบคุมโดยทั่ว ๆ ไป อยางกวาง ๆ ทั่ว ๆ ไป มันก็มีการควบคุมทางฟสิคส หรือทางรางกายเนื้อหนังประเภทหนึ่ง ; การควบคุม
๒๑๔
ฆราวาสธรรม
ทางจิต ใจนั ้น อีก ประเภทหนึ ่ง ทั ้ง ที ่ม ัน เนื ่อ งกัน เราก็ย ัง แยกไดเปน สองอยา ง อยา งนี ้. พวกที ่รู แ ตเ รื ่อ งทางฟส ิค ส ทางรา งกาย ทางเนื ้อ หนัง ก็ย อ มจะมุ ง ควบคุ ม แต ท างเนื้ อ หนั ง ; พวกที่ส นใจทางจิตทางวิญ ญาณก็มุ งควบคุม ทางจิต ทางวิญญาณ ; เปนอยูอยางนี้ ฉะนั้นจะตองดึงมาใหมันพบกันไดเทาไรก็ยิ่งดี. จะพูดถึงการควบคุมทางฟสิคส มันก็มีการกระทําทางฟสิคส เชน การ ผาตัด การใชหยูกยา กระทั่งการบีบคั้นรางกายใหมันทุพพลภาพไป เหลานี้เคยมี มาแลวตึงแตครั้งโบราณหลายพันปในอินเดีย หรือวาในประเทศอี่นที่อยูใกลเคียง หรือ ที่ มี ระดั บ ความเจริญ ทางวัฒ นธรรมอะไรสม่ํ าเสมอกั น.ในหนั งสือ เกี่ยวกั บ เรื่อ งนี้ เราอานพบวา พวกยิวเมื่อ หลายพัน ปมาแลว ก็มีพูด ถึงการผาตัด แกเด็ก เพื ่อ ควบคุม ความรูส ึก อัน นี ้. เขาวา มีห มอผู ห ญิง หมอกลางบา น เที ่ย วเดิน ไป ตามหมู บ าน ; บ านไหนมี เด็ กคลอดใหม ต องการจะทํ างานผ าตั ด เพื่ อควบคุ ม ความรู ส ึก อัน แรงกลา ในทางนี ้ข องเด็ก ในอนาคต ก็ใ หห มอนี ้ทํ า ;เปน หมอ กลางบานคลาย ๆ กับหมอตัดสายสะดือเด็ก. หมอจะทําการผาตัด หรือขีด หรือ ทํ าลาย ที่ อวั ยวะของเด็ กหญิ ง โดยเฉพาะบางส วน เพื่ อว าเด็ กนี้ โตขึ้ น จะไม มี ความรู สึ ก ทางเพศรุ น แรง ; ทํ า กั น เมื่ อ เด็ ก คลอดมาใหม ๆ นี่ ก็ มี เขี ย นเล า ไว อยา งนี ้. ตลอดถึง ทํ า แกเ ด็ก ผู ช ายหรือ คนหนุ ม ชายหนุ ม ; นี ้เ ปน ตัว อยา ง ในทางผาตัด. แลวก็มีการใชหยูกยาที่เขาคนควาตําหรับตําราทางโบราณ เพื่ อ สงเสริมความกําหนัด หรือเพื่อลดความกําหนัด.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฝายการกระทําแกรางกายใหทุพพลภาพ ซึ่งรุนแรงมาก ; พวกโยคี บางประเภทในประเทศอินเดีย เขาทําการทรมานรางกาย ; กลายเปนคนที่ผอม เป นคนที่มีความเจ็บปวดทางรางกายอยูเสมอ ความรูสึกทางเพศมั นก็ลดลงไป ไม ร บกวน ; เขาก็ พ อใจแล ว ว า เท า นี้ ก็ เป น ที่ พ อใจแล ว . แต มั น เป น เรื่ อ งทาง ศาสนา เป น เรื่ อ งทางลั ท ธิ เขาก็ เขี ย นไปในรู ป ที่ ว า พระเจ า โปรดปรานแล ว ;
การควบคุมความรูสึกทางเพศของฆราวาส
๒๑๕
เมื ่อ เราทําความทรมานรา งกายใหทุพ พลภาพอยา งนี้แ ลว พระเจา โปรดปราน ไดบุ ญ . เขาพู ด เป น บุ ค คลาธิษ ฐานอยางนั้น ไปเสีย แทนที่จะพู ด ไปอย างตรง ๆ จริง ๆ วา ทําอยางนี้ความกําหนัดมันลดนอยลงไป มันไมรบกวนเรา, เราสบาย. นี้ เขากลั บ พู ด ไปในทํ า นองว า เป น ที่ โปรดปรานของพระเจ า ตายแล ว จะได ไป สวรรค ไปอะไรตามเรื่อ ง. นี ่เปน การควบคุม หรือ ทํ า ลายความกํ า หนัด โดย ทางบี บ คั้ น หรือ ทํ าลายอวัย วะต างกายส วนใดส ว นหนึ่ ง . ทั้ งหมดนี้ เราเรีย กว า การควบคุมทางฟสิคส เปนทางฟสิคสทางฝายรางกายทั้งนั้น. ที นี้ ฝ ายการกระทํ าทางจิตใจ ทางฝ ายวิญ ญาณ : เขาใชกํ าลั งของ ความคิดความรู บ ม ความคิด ความรู ใหเกิดขึ้น ถึงขนาดที่ เรียกวาเป นญาณ ทัส สนะ, คือ ความรูสึก ที่รุน แรงทางจิต ใจ ครอบงํา ความรูสึก ที่ไ มป รารถนา นี้ได. เกี่ยวกับทางจิตใจนี้ มันก็มีอยางเดียวกับที่เราไดรับคําสั่งสอนแนะนําในทาง พุทธศาสนานี้ ; แตอยาเขาใจวาเพิ่งมี มันอาจเปนของมีมากอนพุทธศาสนาก็ได คํ าสอนเรื่อ งปฏิ กู ล เรื่อ งอสุ ภ , เรื่อ งปฏิ กู ล สั ญ ญา อสุ ภ สั ญ ญา เช น เราสอน ตจปญจกกัมมัฎฐานกัน ในวันแรกบวชเปนพระในอุโบสถเมื่อวันบวชนั้น ใหมอง สิ่งเหลานั้นเปนของปฏิกูล อยาใหเกิดความกําหนัดยินดี จึงจะมีจิตใจสูงเหมาะสม ที่ จ ะนุ งห ม ผ ากาสายะ. แต เมื่ อ ยกเอาทั้ งหมดไม ได ก็ ย กเอามาเพี ย ง ผม ขน เล็ บ ฟ น หนั ง, มาศึ กษาความเป น ปฏิ กู ล ของมั น และเราเคยหลงวาเป น ของ สวยของงาม. นี้ก็เปนเรื่องใหศึกษาความรูสึกที่เปนความกําหนัด, ปองกันความ กําหนัด ตองการจะบังคับความรูสึกทางเพศ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org อสุภสัญญาก็มีความหมายอยางเดียวกัน : ใหเห็นวาสิ่งที่เราเห็นกันวา งามนั ้น มัน ไมง ามกระทั ่ง ทั ้ง หมด ทั ้ง เนื ้อ ทั ้ง ตัว – เชน ใหไ ปดูซ ากศพในปา ชา จะมองเห็นสภาพความเปนจริงของรางกายที่เปนไปตามธรรมชาติ จะมาเปนเครื่อง
๒๑๖
ฆราวาสธรรม
ทําใหสลดสังเวช จะขมความรูสึกที่เปนความกําหนัด ; กระทั่งคําของปู ยา ตา ยาย พูด ไววา “ความงามอยูที่ซ ากผี.” ไปดูซ ากศพตา ง ๆ เหลา นี้แ ลว จะพบความจริงของธรรมชาติ ซึ่งถือวาเปนความงามในทางธรรมะ ซึ่งจะชวย ใหม นุษยดีขึ้น หรือเอาชนะกิเลสได. ความงามอยูที่ซากผี นั้นใหขยันไปดู, แลวก็ขยันเจริญปฏิกูลสัญญา อสุภสัญญา. นี้เปนหลักพื้นฐานทั่วไป เปนขั้น ก. ข. ก. กา พื้นฐานเบื้องตนทั่ว ๆ ไป จะตองกระทํา. ถาวาจะเลื่อนสูงขึ้นไปอีก ก็พิจารณาโดยความเปนธาตุ, เปนไป ตามธรรมชาติ ไมใชอะไรมากไปกวานั้น ; คือเริ่มเห็นไปตั้งแตวา ความกําหนัด รูสึก กํา หนัด หลงใหลอยา งยิ่ง นี้ มัน เปน เรื่อ งความลวง ความหลอกของ ธรรมชาติ ; เปนความหลอกลวงทาง อายตนะ คือทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ, รูป เสีย ง กลิ่น รส และสัม ผัส ; เปน ความหลอกลวงทางอายตนะ ของธรรมชาติ เราโง รูไมทัน ไปหลงรูสึก พอใจสูงสุด ; อยางนี้ก็ได. มอง เห็นเปนความถูกลวง นาขายหนา มันก็ซาความกําหนัด ; แตมันก็ตองทําให มาก ทําจนรูสึกโดยแทจริง เขาใจจริง เห็นจริง วา มันเปนความถูกลวงของ อะไรอยางหนึ่ง ใหเราเปนทาสของมัน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org จะมองไปในรูปของความพายแพก็ได วา นี้คือ ความพายแพที่นา ละอายที่สุด โดยเฉพาะสําหรับพวกบรรพชิต. แตพวกชาวบานเขาไมเห็นเปน ความพายแพ เขาเห็นเปนความชนะ เปนความได; เปนการบริโภค เปนการ เสวยอะไรที่มันวิเศษประเสริฐ ; ไมมองเห็นเปนความพายแพ. และนี่ก็ตองจัด เปนความโง หรือความหลง. ถามันไมมีความลอลวงอะไรที่อํานาจมาก คน ก็ไ มพ า ยแพ หรือ ไมห ลง. ทีนี้ม ัน มาเหนือ เมฆมากกวา คนก็ห ลงวา เปน ความชนะ, คนก็หลงวาเปนการไดที่ดี เปนการที่สูงสุด.
การควบคุมความรูสึกทางเพศของฆราวาส
๒๑๗
นี่ ม นุ ษ ย คนธรรมดาสามั ญ จึ งเป น ทาสของสิ่ งนี้ ขนาดว าทํ าอะไร ต อ อะไรก็ เพื่ อ สิ่ งนี้ ไปเสี ย ทั้ งหมด หาเงิน หาทองมาได ม ากมาย ก็ เอาไปใช ถลุ ง พัก เดีย วเกี ่ย วกับ เรื่อ งนี ้เกี ่ย วกับ สิ ่ง นี ้ ; แลว ก็ทํ า อยู อ ยา งนี ้จ นตลอดชีวิต คุณ ไปพิจารณาดู. ถาเราพูดตามโวหารทางศาสนาก็วา นี่เปนทาสของมาร. ความ ถูกหลอกลวง หรือความพายแพนี้คือความเปนทาสของมาร เปนขี้ขา เปนบาวไพร เปน ทาสของพระยามาร ; สํา หรับ พระยามารจะไดจูง ไปใหทํ าอะไรได ตามที่ พระยามารตองการ. นี่คนที่ลุมหลงในความรูสึกอันนี้แลว ก็จะถูกกิเลสอยางอื่น จู งไปทํ า อะไรก็ ได ทุ ก อย า งทุ ก ประการ ; แล ว มั น ก็ เนื่ อ งไปถึ งกิ เลสอื่ น ด วยกั น เพราะความกําหนัด ความรัก นี้จึงทําใหโกรธ ใหเกลียด ใหกลัว ใหเศราอะไร ไดอีกมากมาย ; อยางนี้เขาเรียกวาเปนทาสของพระยามาร ตามแตพระยามารมัน จะจูงไปใหเปนอะไร, ใหทําอะไร. ถ า คุ ณ ไม รู คุ ณ จะเข าใจไปว า มั น แยกกั น ว า ความรัก ก็ เรื่อ งหนึ่ ง ความโกรธก็ อี ก เรื่อ งหนึ่ ง ความเกลี ย ดก็ อี ก เรื่อ งหนึ่ ง ความกลั วก็ อี ก เรื่อ งหนึ่ ง ความเศรา ความอะไรก็อีก เรื่อ งหนึ ่ง , คนละเรื่อ งคนละทาง ; แตที่แ ทม ัน จะ มีมูลไปจากความกําหนัด ความรักที่ฝงอยูในจิตใจนี้. เมื่อไมไดอยางใจมันก็โกรธ บางทีมันก็โกรธไวลวงหนา บางทีมันก็กลัวเอาไวลวงหนา หึงหวงไวลวงหนา ฯลฯ. กระทั่งความเศราความทุกขทุกชนิดมันมาจากความรัก คือความยึดมั่นถือมั่นใน สิ่งที่ตนรัก ; เพราะฉะนั้นจึงถือวา ความโศกทั้งหลายมาจากความรัก ; หรือพู ด กันอยางงาย ๆ ก็วา ความรักนี้เปนตนเหตุของความโศก ความกลัว ความทุ กข อีกหลาย ๆ อยาง ; ความอิจฉา ริษยา ความหึงหวง อะไรก็ตามมั นมูลมาจาก ความรัก . การกระทํ า ทั้ ง หมดนี้ พู ด โดยบุ ค คลาธิ ษ ฐานแล ว พู ด ว า เป น เรื่อ งของ พระยามาร จูงจมูกคนไปเปนอะไรก็ได เปนไปตามอํานาจของพระยามาร.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๒๑๘
ฆราวาสธรรม
ทีนี้ ปญญาความรูที่สูงสุดตามหลักพุทธศาสนา ก็คือการพิจารณาเห็นวา ความรูสึกในใจที่เกิดขึ้นตามกฎเกณฑของธรรมชาติอันนี้ มันก็เปนเพียงความรูสึก ตามธรรมชาติ. เพราะฉะนั้นจึงใชสํานวนที่คนธรรมดาเดี๋ยวนี้ไมคอยจะฟงออกวา “อัน นั ้น ก็ส ัก วา อัน นั ้น ” เทา นั ้น ;เชน วา ความกํ า หนัด มัน ก็ส ัก วา ความ กํ า หนั ด เท า นั ้ น . เหมื อ นกั บ คน นี ้ ก ็ ส ั ก แต ว า คน, ไม ใ ช ต ั ว ตน เราเขา, สักวาธรรมชาติ. ความกําหนัดนี้ก็เหมือนกัน มันก็สักวาเปนความกําหนัดเทานั้น, ไมใ ชต ัว ไมใ ชต น ไมใ ชอ ะไร. เรารู ส ึก เปน ตัว เปน ตน ที ่เ ปน ของวิเ ศษวิโ ส บูชามัน ; แตทางธรรมะบอกวามันสักแตวาความกําหนัดเทานั้น. ก็หมายความ วา สักแตวาความรูสึกที่เกิดขึ้นตามกฎของธรรมชาติ เที่ยงตรงอยางเครื่องจักร ดัง ที ่พ ูด มาแลว ขา งตน . นี ่ค ือ ความหมายของคํ า วา “มัน สัก วา อัน นี ้เ ทา นั ้น ” ไม วิเศษวิโสอะไร. เพราะฉะนั้ น ขอให มี สติ สัม ปชัญ ญะทัน ควันทุ กครั้งที่ มี ความ กําหนัด, ใหรูวา อาว, มั นสักแตวาความกําหนั ด เทานั้น .หรือ ถาจะไดพ ายแพ แกกิเลสเรื่องนี้ไป เสร็จเรื่องเสร็จราวแลว ก็ใหเกิดความรูสึกเปนสติสัมปชัญ ญะ ขึ้นมาวา อาว, มันก็สักวาความกําหนัด ; อยางนี้ก็ไดเหมือนกัน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาจะปองกัน อยางดีก็ตองปองกันไวตั้งแตกอนมันเกิดขึ้น ; พอจะ น อ มไปสู ค วามกํ า หนั ด ก็ ว า สั ก แต ว า ความกํ า หนั ด เท า นั้ น . นี่ เรี ย กว า มี ส ติ สัมปชัญญะดีปองกันไดตั้งแตที่วี่แวว หรืออารมณ ของความกําหนัดจะผานเขามา. มัน อาจจะเคยพา ยแพไ ปหลายครั ้ง หรือ หลายสิบ ครั้ง ; แตแ ลว มัน ก็ค วรจะ ฉลาดขึ ้น ๆ จนรูเทา รูท ัน วา อีแ บบนี ้ม าอีก แลว ก็ห ยุด ชะงัก เสีย เพีย งเทา นั ้น ไมใหมันเปนไปถึงขีดสุดของมัน. เพราะฉะนั้นความรูที่รูวา อะไรเปนเพียง สักวาอันนั้นเทานั้น นี่แหละเปนความรูทีประเสริฐที่สุด ที่พระพุทธศาสนา ตอ งการใหรู. อยา ไดเปน ตัว เปน ตน เปน ของจริง จัง วิเ ศษวิโ สอะไรขึ้น มา, ให รูว า มั น เป น เพี ย งสั ก ว า อั น นั้ น เท า นั้ น ; เหมื อ นที่ เราพิ จ ารณาป จ จเวกขณ ว า
การควบคุมความรูสึกทางเพศของฆราวาส
๒๑๙
“สั ก แต ว า ธาตุ เป น ไปตามธรรมชาติ เปลี่ ย นแปลงอยู เ ป น นิ จ , ไม ใ ช สัตว บุ ค คล ตั ว ตน เราเขา, ไม ใ ช สั ต วะ ไม ใ ช ชี ว ะบุ ค คลอะไร. นี้ คื อ วิ ธี พู ด ที่ มี ความมุงหมายสวนใหญอยูที่วา “อันนี้สักวาอันนี้เทานั้น” เชนรางกาย ก็สักวา รา งกาย, สัก วา เปน ธาตุต ามธรรมชาติเ ทา นั ้น อยา เปน ตัว ตนอะไรขึ ้น มา. ฉะนั ้น สุข เวทนาอัน สูง สุด ที ่พ ูด กัน วา เปน ความเอร็ด อรอ ย ถึง ที ่สุด อะไรนั ้น มันก็ไมใชของวิเศษวิโสอะไรมากไปกวา ความเปนอยางนั้นตามธรรมชาติ. ทีนี้การที่จะประยุกตกันเขากับหลักพระพุทธศาสนาที่มีอยู ก็จะตองมอง ไปยัง สิ่งที่เรียกวา มัชฌิมาปฏิปมา ซึ่งเปนตัวพระพุทธศาสนา;มัชฌิมาปฏิปทา - การปฏิ บั ติ ที่ อ ยู ในระดั บ กลาง วางไว เป น กลางนั้ น ; เป น ฆราวาส หรื อ เป น บรรพชิต ก็ตองมีมัชฌิมาปฏิปทา สําหรับเพศนั้น ๆ โดยเฉพาะเปนอยาง ๆ ไป ฆราวาสจะเกี่ยวของกับความกําหนัด หรือจะมีความตองการในเรื่องของความ กําหนัดนี้มากนอยเทาไร ก็ขอใหมันอยูในระดับที่เรียกวา มัชฌิมาปฏิปทา, จํากัด ความลงไปวา “ไมถึงกับหลง”. หลงนั้นมันหลงในทางตรงกันขามคือฝายโนน และฝายนี้. หลงในฝายหนึ่ง ก็เปนทาสไปเลย, ลุมหลงในความเอร็ด อรอยนี้ จนเปนพระเจาไปเลย นี่เรียกวาลุมหลงสูดเหวี่ยงฝายนี้, ลุมหลงสุดเหวี่ยงอีก ฝายหนึ่ง ลุมหลงตรงกันขาม ก็คือวาโกรธแคนเกลียดชัง ทําลายมันเสียเลย. อยางที่บางคนจะไปตอนอวัยวะทางเพศ ตัดตอมแกลนดความรูสึกทางเพศไป เสียเลย ผาตัดอะไรใหมันหมดเรื่องกันเสียที ; นี้เรียกวาสุดเหวี่ยงทางฝายนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้มัชฌิมาปฏิปทาก็คือเปนคนปกติ เกี่ยวของกับสิ่งเหลานี้อยางไร ใหถูกตอง. ถาเปนฆราวาสก็ปฏิบัติตามหลักของฆราวาสที่พระพุทธเจาวางไว อยางไรนั้น ใหพ อเหมาะพอดีเกี่ย วกับ เรื่อ งเพศ เทา นี้ก็เรีย กวาถูก ตอ งแลว ; มั น ก็ ได รับ ผลเป น ความพอดี ไม มี ค วามทุ ก ข หรื อ มี ค วามทุ ก ข น อ ย ;แต แ ล ว
๒๒๐
ฆราวาสธรรม
ก็เปนความเจริญในทางจิตใจ คือมีความรู มีความเขาใจในเรื่องเหลานี้ นานเขา เมื่ อ ผ า นไปพอสมควรเข า มั น ก็ เลื่ อ นสู งขึ้ น ไปเอง ; มี ค วามเบื่ อ มี ค วามเอื อ ม ระอาไป จนกระทั่งวา ไมเปนทาสของสิ่งเหลานี้อีกตอไป. อยาลืมหลักที่ไดกลาวไวเสมอ ๆ วา เปนพรหมจารี ใหถูกตองตามกฎ ตามระเบีย บที่ว างไวอ ยา ดูถูก กฎระเบีย บนั้น วา บา บอ ครึค ระงมงาย ; แลว จะได สู งขึ้น มา เป น คฤหั ส ถ ที่ ดี . เป น คฤหั ส ถ ที่ ดี นี้ เป น ระยะที่ เสวยอารมณ ท าง เพศทุกอยางทุกชนิดตามที่จะทํ าได เทาที่เหมาะสม หรือ ถูกตอง. เป นคฤหัสถ ผา นไปเสร็จ แลว มัน ก็รูเ รื่อ งนี ้ด ี ; ในที ่ส ุด จะรูเ รื่อ งอยา งที ่ว า “โอย, มัน ก็ สักวาความรูสึก สึกกวาความกําหนัด, หรือ วาอะไร ๆ ก็สึกกวาอันนั้น เทานั้ น ; เราบามาพักใหญ เลิกกันที” ; แลวก็ไปเปนวนปรัสถ ไปเปนสันยาสีได. ถาไมมี เรื่องนี้เปนบทเรียน ไมผานเรื่องนี้ไปแลว มันก็เปนไมไดเหมือนกัน. เพราะฉะนั้น สิ่งที่เรียกวา มัชฌิ มาปฏิปทา นี้มีความประสงคอยางนี้ คือ ใหทํ า กับ สิ ่ง เหลา นั ้น หรือ ทํ า กับ โลกเกี ่ย วขอ งกับ โลก หรือ บริโ ภคโลก บริโ ภครสตา ง ๆ ในโลกเทา ที ่ม ีค วามถูก ตอ ง เรื ่อ ยไป จนในที ่ส ุด มัน ก็ เลื่อ นไป,เลื่อ นไปจนสูง กวา ; มีค วามเอือ มระอาในสิ่ง เหลา นี้. เพราะฉะนั ้น จะบริโ ภครสทางกามารมณ ก็ใ หเ ปน เหมือ นกับ การบริโ ภคอาหารชนิด ใด ชนิดหนึ่งเหมือนกัน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เกี่ ย วกั บ คํ าว า “อาหาร” นี้ เดี๋ ย วคุ ณ จะเข าใจผิ ด วา มั น ต อ งกิ น ทาง ปากเสมอไป. ในทางธรรมนั้นเขาไมไดหมายความวาอยางนั้น ; คําวา อาหาร เขาแปลวา สิ ่ง ที ่จ ะนํ า ผลมาให ; อาหาร นี ้เปน ที ่เหตุที ่จ ะนํ า ผลอะไรมาให. อะไรเปนเหตุที่จะนําผลมาให เขาเรียกวา “อาหาร” หมด ; อาหารเปนคํา ๆ เดียว
การควบคุมความรูสึกทางเพศของฆราวาส
๒๒๑
กับ คํ า วา เหตุ, ตัว เหตุ. อาหารนี ้ม ีไ ดท างตา มีไ ดท างหู มีไ ดท างลิ ้น มีไ ด ทางจมูก มีไ ดท างผิว หนัง มีไ ดท างจิต ใจ. อะไรเขา มาทํ า เหตุท างตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ละก็เรียกวา “อาหาร” ทั้งนั้น. อาหารนั้นมันจะเขามาในลักษณะ ของรูปสวยงาม มันก็เปนอาหารที่กินทางตา, เขามาในรูปของทางเสียงที่ไพเราะ ก็กิน อาหารทางหู, เขา มาทางกลิ่น หอมก็เปน การกิน อาหารทางจมูก , ถา เขา มาทางปาก ก็เปน กิน อาหารทางลิ้น . นี้เรารูจัก กัน แตเรื่อ งกิน อาหารทางปาก, แต เพี ยงทางปาก. ถามั น เขามาทางผิวหนั ง สั ม ผัส ทางผิวหนั งระหวางเพศโดย เฉพาะอยางนี้ ก็เป นการกินอาหารทางกายสั มผัสหรือทางผิ วหนั ง. ที นี้ การที่ เอา อารมณ ในอดีต หรืออารมณ ในอนาคต มาคิดนึก มาครุนอยูในใจ จนเกิดผลขึ้น ในใจอยางเดียวกันนี้ ก็เรียกวากินอาหารทางฝายธรรมารมณ ทางความคิดนึก. ธรรมชาติ นั้ นมั นจัดมาในลั กษณะที่ วา คนเราต องกิ นอาหารทุกทาง : ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ ้น ทางกาย ทางใจ. เพราะฉะนั ้น กิน ใหถ ูก วิธ ี : รู เ ทา ทัน , ใหม ัน เปน เพีย งสัก วา อัน นั ้น เทา นั ้น ; แลว ก็ก ิน เขา ไปได. เช น ว า เกี่ ย วข อ งกั บ รู ป สวย ๆ เสี ย งไพเราะอะไรก็ ได ; แต ต อ งเกี่ ย วข อ งด ว ย สติ สั ม ปชั ญ ญะ แล ว ก็ ใ นปริ ม าณ หรื อ ในอั ต ราที่ มั น พอเหมาะสม มั น ก็ เป น ประโยชน ; เป น ความถู ก ต อ งที่ เป น ประโยชน เหมาะแล ว สํ า หรั บ ความเป น ฆราวาส.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ตามหลักพระพุ ทธศาสนาไม ไดแนะ หรือไม ไดขอรอง หรือบั งคั บให ตัด สิ่ง เหลา นี ้อ อกไปโดยสิ้น เชิง โดยประการทั ้ง ปวง ; เพราะมัน ทํ า ไมได. ถา ขืนทําอยางนั้นก็เปนเรื่องบา. พระพุทธศาสนาไมใชเรื่องบา เปนเรื่องที่ตองการ จะใหสําเร็จประโยชน ใหผานโลกไปใหได ; เพราะฉะนั้นมันก็ตองบริโภคโลกนี้ ไปในทางที่ ถู ก ต อ ง จนกว า จะผ า นโลกไปได . ฉะนั้ น เราจงเกี่ ย วข อ งกั บ โลก
๒๒๒
ฆราวาสธรรม
ในเรื่อ ง รูป รส กลิ่ น เสี ย ง สั ม ผั ส ในลั ก ษณะที่ ถู ก วิธี ที่ ให มั น เป น ทาสเรา ; อยา ใหเราเปน ทาสมัน . มีห ัว ขอ ที ่จํ า ไวงา ย ๆ วา “ใหม ัน เปน ทาสเรา, อยา ใหเราเปนทาสมัน“ ;หรืออยางนอยก็ใหอยูในระดับที่วามันพอฟดเหวี่ยงกัน คือ ให มั น เป น บทเรี ย นแก เราทุ ก กรณี ไป ; ในการที่ ไปข อ งแวะกั น เข า กั บ รูป รส กลิ่ น เสี ย ง สั ม ผั ส , ที่ ไหน ? เมื่ อ ใด ? อย า งไร ? ก็ ต าม ให มั น เป น บทเรี ย น เสมอไป, เพราะฉะนั้น โลกก็ก ลายเปน บทเรีย นสําหรับ เรา ; ไมเทาไรเราก็จ ะรู เราก็จะชนะ เราจะอยูเหนือโลกได. สรุป ความแลวปญ หาขอนี้ ก็ตอ งรูเรื่อ งของความกําหนัด, ควบคุม ความกําหนัด, และใชความกําหนัดใหเปนประโยชนแกการศึกษาในฝายจิต ฝาย วิญญาณของเรา ไมไดแนะนําใหทําลายใหหมดสิ้น อยางบาบิ่นอะไรทํานองนั้น ; แลวก็ไมสอนใหเปนทาสมัน หรือใหไปดื่มด่ํารสนี้เปนพระเจาไปเลย ก็ไมไดสอน นี่เรียกวามัชฌมาปฏิปทา เปนอยูอยางถูกตอง เกี่ยวของกันสิ่งทุกสิ่งในโลกนี้อยาง ถูกตอง เรียกวา มัชฌิ มาปฏิปทา. มีแตจะสงเสริมใหเดินไปถูกทาง จากความ จมอยูในโลกนี้ ขึ้นไปสูความอยูเหนือโลก, จากโลกียะไปสูโลกุตตระ เพราะอํานาจ ของมิชฌิมาปฏิปทา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้นคุณจะควบคุมความรูสึก ที่เปนความกําหนัดในชีวิตของ ฆราวาสอยางไร ? ลักษณะไหน ? ก็ไปใครครวญเอา จากคําแนะนําทั้งหมดนี้ ; แลวอยาลืมวา เดี๋ยวนี้ยังเปนพระอยูนะ ที่พูดนี้พูดตอเมื่อเปนฆราวาส.
พอกันที่สําหรับวันนี้ นกกางเขนบอกเตือนเวลาแลว.
สุญญตา กับ ฆราวาส - ๑๓ ๓๐ เมษายน ๒๕๑๓ สํ า หรับ พวกเรา ลว งมาถึง เวลา ๒๐.๔๕ น. แลว วันนี้จะไดกลาวถึง เรื่อง สุญ ญตา กับ ฆราวาส ตอจากเรื่อง ที ่แ ลว มาอยา งสัม พัน ธก ัน ทีเดีย ว ; คือ วา เรามีป ญ หาเกี ่ย วกับ การเป น ฆราวาส อยางนั้นอยางนี้ หลายอยางหลายประการ ; แล ว สรุ ป ความในที่ นี้ ว า ถ า มี ค วามรู เรื่ อ งสุ ญ ญตาจะแก ป ญ หา ต า ง ๆ เหล า นั ้ น ได โ ดยง า ย คื อ เป น ความรู ที ่ สํ า คั ญ ที ่ ส ุ ด ที่มนุษยจะตองมี และโดยเฉพาะแมแกฆราวาส. เมื่ อพู ดวาสุญญตา กับฆราวาส มี คนประเภทหนึ่ งในประเทศไทยเรา นี้ สั่ น หั ว , คื อ ไม ย อมเข าใจ ว า มั น จะเป น เรื่อ งที่ ไปด ว ยกั น ได , กลั บ ห ามไม ให สอนเรื่อ งอยา งนี้แ กพ วกฆราวาสก็มี ; แลว ก็ใ ครเอาเรื่อ งนี้ม าพูด กับ ฆราวาส ก็หาวา มันผิดกาละเทศะก็มี. ผมก็เคยเขาใจอยางนั้น แตเมื่อไดศึกษามากเขา ไดสังเกตมากเขา และได ผานมามากเขา , มั นก็เลยเขาใจ หรือเห็นดวย ตามที่
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๒๒๓
๒๒๔
ฆราวาสธรรม
พระพุ ทธเจาทานตรัส วาเรื่องที่เกี่ยวกับ สุ ญ ญตา นี้ เป นประโยชน เกื้อ กูลแก ฆราวาสตลอดกาลนาน. จะเลานิทานสั้น ๆ เรื่องนี้ ซ้ําอีกทีหนึ่งไดวา ฆราวาสกลุมหนึ่ง มี อุบ าสกชื ่อ วา ธัม มทิน นะ เปน หัว หนา เขา ไปเฝา พระพุท ธเจา ทูล ขอให แสดงธรรม ที่เปน ประโยชนเกื้อ กูล แกฆ ราวาสตลอดกาลนาน ; เขาทูล บอก พระพุ ท ธเจ า ว า ฆราวาสอย า งเขานี้ นอนแออั ด อยู ด ว ยบุ ต ร ภรรยา ลู บ ไล กระแจะจัน ทนข องหอมตา ง ๆ อยา งนี้. พระพุท ธเจา ทา นตรัส วา เย เต สุตตฺนฺตา สฺฺุตปฺปฏิสํยุตฺตา - สุตตันตะทั้งหลายเหลาใด ประกอบพรอมเฉพาะ ดวยสุญ ญตา; - ตถาคตภาสิต า - อัน ตถาคตประกาศแลว; คมภีรา - ลึก ซึ้ง ; คมภีรตฺถา - มีอรรถอันลึกซึ้ง ; โลกุตฺตรา - เหนือโลก นี้จะเปนประโยชนเกื้อกูล แก ฆราวาสทั้ งหลายตลอดกาลนาน. ถ าแปลตามตั วหนั งสื อก็ วา : เป นประโยชน เกื้อกูลแกฆราวาสทั้งหลายตลอดกาล. เรื่องนั้นก็คือ เรื่อง สฺุ ตปฺปฏิสํยุตฺ ตาสุตฺตนฺตา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org “สุต ตัน ตา” นั ้น คุณ อาจจะไมเ คยไดย ิน ก็ไ ด. สุต ตัน ตะ ก็ค ือ แบบฉบั บ . คํ า ว า “สู ต ร – สู ต ร” นี้ มั น มาจากคํ า ว า เส น ด า ย สายบรรทั ด , เสน ดายที่ใชทําสายบรรทัด นั้น เขาเรีย กวา สุต ตะ, หรือ เสน ดายทอหูก เขา ก็เรียก สุตตะ ; แตในที่นี้มันหมายความวา ระเบียบแบบแผน ซึ่งเปนเหมือน สายบรรทั ด . ฉะนั้ น สุ ต ตั น ตา ก็ คื อ แบบฉบั บ หรือ แบบแผน. คํ า สั่ งสอน, โอวาท, หลัก เกณฑ, หรือ อะไรตา ง ๆ มัน รวมอยูใ นคํ า ๆ นี ้. ฉะนั ้น เราจะ เรีย กวา แบบฉบับ ก็ไ ด, เรีย กสั ้น ๆ วา แบบฉบับ คํ า สอน. แบบฉบับ ของคําสอนเหลาใด สฺุตปฺปฏิสํยุตฺตา - ประกอบพรอมเฉพาะดวยสุญญตา. คําวา ประกอบพร อ มเฉพาะนี้ ตามตั ว หนั ง สื อ ของภาษาบาลี แปลเป น ไทยก็ ว า -
สุญญตา กับ ฆราวาส
๒๒๕
“มันเนื่องอยูกับ” คือไมแยกจากกัน. ทีนี้ สฺุ ตปฺปฏิสํยุตฺตา ก็หมายความวา มั น เนื่ อ งอยู กั บ , ที่ เนื่ อ งอยู กั บ , อั น เนื่ อ งอยู กั บ แล ว แต จ ะพู ด สุ ญ ญตา. เมื่ อ พูดเปนไทยอีกทีก็วา แบบฉบับของคําสอนเหลาใด ที่เนื่องอยูกับเรื่องสุญ ญตา แบบฉบับเหลานั้น เปนประโยชนเกื้อกูลแกฆราวาสทั้งหลาย ตลอดกาลนาน. คุณจะจําสั้น ๆ ก็วา เรื่องสุญญตา, หรือเรื่องที่เกี่ยวกับสุญญตานี้แหละ เปนประโยชนเกื้อกูลแกฆราวาสทั้งหลายตลอดกาลนาน. เราหมดปญหาเรื่องคําวา สุ ตตั นตา แปลว าแบบฉบั บ . ปฏิ สํ ยุ ตฺ ตา - เนื่ อ งอยู กั บ , สุ ญ ญตา - ความวาง ; สุญ ญตา แปลวา ความวาง. ถาไปแปลคํ าวา สุ ญ ญตาเป น อยางอื่นแลวละก็ มั น ผิ ด . ที่ ก รุง เทพฯ นั้ น ในดงนั ก ปราชญ นั ก ศึ ก ษาตามวั ด ตามวานั่ น แหละ คุณ ระวังใหดี ; เขาแปลคําวา สุญ ญตานี้วา สูญ เปลา. ลองฟ งดูซิ แปลคําวา สุญ ญตา นี ้ว า สูญ เปลา , เสีย เปลา ใชอ ะไรไมไ ดเ ลย. นั ้น มัน ผิด - คํ า วา สุญ ญตา แปลวา ความวาง. ตา แปลวา ความ, สุญ ญ แปลวา วาง, ภาวะ ที่วาง. ทีนี้ถาจะแปลวา สุญญภาวะ ก็ตรงตามตัวหนังสือ ; ถาพูดเอาใจความก็คือ ความว า ง, เรื่อ งความว า ง, แบบฉบั บ ที่ ก ล า วไว เนื่ อ งกั น อยู กั บ เรื่อ งความว า ง หมายความวา มีเรื่อง ความวาง นั้นเปนหลัก, คือคําสั่งสอนที่จะเปนประโยชน เกื้อกูลแกฆราวาสตลอดกาลนาน. ฉะนั้นควรแปลคําวา สุญญตา วา ความวาง อยาแปลอยางอื่น จึงจะถูกทั้งโดยพยัญชนะและโดยความหมาย
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ คุณตองรูตอไปอีกวา คําพูดคําหนึ่ง ๆ ในสมัยโบราณโนนก็ดี ใน สมัยนี้ก็ดี มันมีความหมายหลายอยาง หลายชั้นมันมีหลายอยางตาง ๆ กันดวย อยางหนึ่ง ๆ ยังมีหลายชั้น ตื้นลึกกวากัน ; ฉะนั้น คําวา “สญญตา- ความวาง” นี้นะ ที่เปนพวกผิด เปนมิจฉาทิฏฐิก็มี, ที่ถูกเปนสัมมาทิฏฐิก็มี ; แลวยิ่งกวานั้น มั น ยั ง กว างมาก : คํ าว า ความว าง นี้ มั น กว างจนหมายถึ งได ห ลาย ๆ อย า ง หลายๆ ประเภท จนกลายเปนที่ตั้งของคําสอนที่ผิดก็มี ที่ถูกก็มี. ทีนี้เรามาพูด
๒๒๖
ฆราวาสธรรม
กันถึงเรื่องคําวาความวางกอน ; ความวางก็แปลวา ความไมมีอยูแลว แตความ หมายมันมีหลายชั้น. อยางที่ ๑ ถาเป น เรื่องทางฟ สิ คส ทางวัตถุ ธาตุนี้ เราเรียกวาเรื่อ ง ทางฟส ิค ส. คํ า วา “ความวา ง” มัน ก็ห มายถึง ไมม ีอ ะไร, ไมม ีอ ะไรอยา งที่ เรียกวา สุญ ญากาศ หรือ vacuum หมายความวาไมมีวัตถุอะไรเลย. อยาง ที่หนึ่งนี้เปนเรื่องทางวัตถุ มันหมายถึงรางกายดวย. คือวางจากวัตถุก็วางจาก รางกาย คือไมมีอะไรเลย. นี่มันก็เปนความวางชนิดหนึ่ง. อยางที่ ๒ ก็เปนเรื่องความวางทางจิต ก็คือวา จิตไมมีความคิดอะไรเลย เหมือนกับคนสลบไสล ไมมีความคิดนึกสิ้นสมปฤดี ; อยางนี้เปนความวางทางจิต. อยางที่ ๓ ซึ่งเปนเรื่องที่เรากําลังจะพูดนี้ มันเปนเรื่องความวางของ สติปญญา เปนความวางทางสติปญญา ทางธรรม, ซึ่งผมชอบพูดวา ทางวิญญาณ, นี้หมายถึง ความวางจากความคิดนึกวาตัวกู - ของกู.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทบทวนดูใหดีเถิด มันจะตางกันลิบเลยแตละอยาง ๆ : ๑. วางทางฟสิคส หรือทางวัตถุ หรือทางกาย อยางนี้คือ ความไมมี อะไรเลย ๒. วางทางจิต คือจิตหมดความรูสึกใด ๆ ทั้งสิ้น. ๓. วางทางวิญญาณ คือยังมีความรูสึกนึกคิดอะไรไดหมด รางกายก็มี อะไรก็มี แตวาไมมีความรูสึกวา ตัวกู – ของกู เพียงอยางเดียวเทานั้น ; นี้เรียกวา ความวาทางวิญ ญาณ. ไมรูวาจะเรียกวาอะไรดี ; ที่จ ริงควรจะเรีย กอยางอื่น แตไดเรียกกันมาอยางนี้เสียแลว. ขอให นึ ก ถึ ง คํ า ๓ คํ า ว า physical - ทางฟ สิ ค ส ; mental – ทาง ฝายจิตที่เนื่องอยูกับกายนี้ ; และทาง spiritual - ทางสติปญ ญาความคิดเห็น.
สุญญตา กับ ฆราวาส
๒๒๗
คนอื่ น อาจจะใช คํ าอย างอื่ น หรือ ไม ย อมรับ คํ า พู ด อั น นี้ ก็ ได ; แต ผ มไม รูจ ะพู ด อย างไร ก็ พู ดอย างนี้ คื อทางฟ สิ คส , แล วก็ ทางจิ ต mental, แล วก็ ทางวิญญาณ spirituality ; เรียกสั้น ๆ วา physical - mental - spiritual. ความวางทั้ง ๓ อยางนี้ไมเหมือนกัน : วางทางวัตถุ ทางกาย ที่ไมมี อะไรเลยนั้ น เราไม พู ด ถึ ง ในที่ นี้ ; ความว า งทางจิ ต คื อ ไม คิ ด นึ ก อะไรเลย จิ ต เหมื อ นตายหรือ สลบนี้ ก็ ไม ใช สิ่ ง ที่ พู ด ถึ งในที่ นี้ ; ในที่ นี้ จ ะพู ด ถึ ง แต ค วามว า ง ทางวิญ ญาณ หรือทางสติปญ ญา. ในใจของเราที่รูสึกคิดนึกอยู อะไรอยูนี้ไมมี conception หรือ perception ก็ตาม ที่มันจึงอยูดวยความรูสึก ที่เปนตัวกู - ของกู ; egoism, egoistic concept ก็ แ ล วแต จ ะเรี ย ก แปลว า มั น เนื่ อ งอยู กั บ ตั วตน ตัว กู ; ความคิด ชนิด ไหน มัน มีค วามหมายเปน เรื ่อ ง ตัว กู ตัว ตน นี ้ก็ เรี ย กว า egoism, egoisticism หรื อ egoistic idea ก็ มี , แล วแต จะเล็ งถึ งอะไร egoistic concept ความรู ส ึก เปน ตัว กู เปน ของกู, เปน ตัว ฉัน เปน ของฉัน ปรุ ง ขึ้ น มาจากกการได ยิ น ได ฟ ง ได ด ม ได ก ลิ่ น นี้ เป น conceptual thought คือพฤติทางจิตที่ปรุงกันขึ้นมานี้ จนถึงเปนความรูสึกสําคัญมั่นหมาย ถือตัว ถือตน วา กู วา ของกู ; อัน นี ้ถ า มีอ ยู ก ็เ รีย กวา ไมว า ง วิญ ญาณไมว า ง ถา อัน นี ้ไ มมี มีแตสติปญญา นี้ก็เรียกวา วาง, วางจากตัวกู วางจากของกู.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้ น ให เอาความหมาย ที่ มั นเป น บทนิ ยามว า ; - ความว าง หรือ สุญญตาที่ถูกตองนี้ คือ วางจากความสําคัญมั่นหมายวาตัวกู หรือ ของกู ; หรือ วา งจาก อนัง การ มมัง การ. อหัง การ - ก็ค ือ ตัว กู, มมัง การ – ก็ค ือ ของกู . คํ า ว า ว า ง ในที่ นี้ คื อ ว า งจากความรู สึ ก คิ ด นึ ก ที่ เป น ความสํ า คั ญ มั่ น หมายวา ตัว กู วา ของกู ยกตัว อยา ง ตามธรรมดา มองดูต ามธรรมดา เมื่ อ เราไม มี อ ะไรมากระทบกระเทื อ นใจนี้ เราไม มี อ ะไรเป น ตั ว กู – ของกู ;
๒๒๘
ฆราวาสธรรม
อยางเชนเดี๋ยวนี้ขณะนี้ ทุกคนก็ไมมีอะไรเปน ตัวกู - ของกูในความรูสึก คือไมได ยึด ถื อ มั่ น หมายในสิ่ งใด วาเป น ตั วกู - ของกู ; กํ าลั งฟ งผมพู ด อยู บ าง, กํ าลั ง คิดนึกอยางอื่นอยูบาง.ตามปกติเราไมไดมีความสําคัญมั่นหมายวา ตัวกู - ของกู ; ตอเมื่อความคิดมันเดินไปในทํานองนั้น มันจึงจะเกิดขึ้นมา. ตลอดเวลาเราก็ส บาย, มีค วามสุข มีค วามสบาย เพราะเรื่อ งตัว กู - ของกูไม รบกวน. แตพ อมั น มีอะไรเปน เหตุป จจัย เขามาปรุงแตงมั นก็รบกวน, เปน ความโลภ หรือ เปน ราคะ ความกํา หนัด ก็มี, เปน ความโรธ หรือ โทสะ ก็ม ี, เปน ความหลงใหล วนเวีย น สัง สัย ฟุ ง ซา น รํ า คาญ ก็ม ี. นี ่เ รีย กวา เปน โลภะ โทสะ โมหะ ขึ ้น มา ; เมื ่อ นั ้น แหละคือ เวลาที ่ม ี ตัว กู – ของกู คือไมวาง, ไมวางจากตัวกู - ของกู, ฉะนั้นเราพูดไดเลยวา พอความรูสึกนึกคิดนี้ ไม เจื อ อยู ด ว ย โลภะ โทสะ โมหะ แล ว ก็ เรีย กวา ว าง, วา งจากตั วกู -ของกู ; แต เราเรียกรวมทั้งหมดนั้น วา วางจากความยึด มั่ นถือ มั่ น ดวยอุป าทาน. ความ ยึด มั ่น ถือ มั ่น นี ้ ปรุง เปน ความโลภก็ไ ด, ปรุง เปน ความโกรธก็ไ ด, ปรุง เปน ความหลงก็ ไ ด . มี ค วามโลภ ก็ ค ื อ ตั ว กู ม ั น จะเอา, จะได , มี ค วามโกรธ ก็ คื อ ตั วกู มั น ไม ได อ ย างที่ มั น ต อ งการ. เป น ความหลงก็ คื อ ยั งสงสั ย อยู , ยั งทึ่ ง ยังสนใจ ยังยึดถืออยู.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฉะนั้ น จิ ต ว า ง เราก็ ส บายดี เพราะไม ถู ก ความโลภ ความโกรธ ความหลงรบกวน, ไมม ีค วามรูส ึก ที ่เปน ตัว กู - ของกูร บกวน, อยา งนี ้เรีย กวา จิต วาง ; มัน ก็ส บาย. แตข อบัญ ญัติชัด ลงไปอีก สัก หนอ ยวา ประกอบอยูดว ย สติปญ ญา. จิตไมประกอบอยูดวย ความรูสึกที่เปนตัวกู - ของกู แตเต็มอยูดวย สติป ญ ญา. สติป ญ ญา ในที ่นี ้ก ็ค ือ ไมม ีต ัว กู – ของกูนั ่น แหละ ขอใหจํ า ไว แม น ยํ า ถื อ เป น หลั ก ให แ ม น ยํ าว า มี ค วามรูสึ ก เป น ตั ว กู - ของกู เมื่ อ ไร เมื่ อ นั้ น
สุญญตา กับ ฆราวาส
๒๒๙
เปนความโงที่สุดของความโงทั้งหลาย ; ความรูสึกคิดนึกที่มันเกิดขึ้นเกี่ยวกับตัวกู เกี่ยวกับของกูนั้น คือความโงที่สุดของความโงทั้งหลาย ; ฉะนั้นถาไมมีความโงนี้ ก็คือมีสติปญญาอยูโดยอัตโนมัติ. พอมาถึงตอนนี้, ตอนที่มีความวางจากตัวกู - ของกูนี้ เราจะมองดูกัน ใหก วา งอีก ทีห นึ่งเพื ่อ จะจับ ตัว มัน ใหไดถ นัด ชัด เจนยิ่งขึ้น . เมื ่อ เรานอนหลับ , แรกทีเดียวที่จะตองนึกถึง เมื่อเรานอนหลับสบาย อยางนี้ มันก็ไมเกิดความรูสึก เปนตัวกู – ของกู เหมือนกัน ; เราเหน็ดเหนื่อยเราก็ตองพักนอนตามธรรมดา. แตอยางนี้มันไมใชฝไมลายมือของเรา มันเปนของธรรมชาติ ;ฉะนั้นเราไมพูด ถึงตอนนี้. ที่จริงเวลานั้น ก็เปนเวลาที่วางจากตัวกู - ของกูเหมือนกัน ; มันเปน ตามธรรมชาติ เปนฝไมลายมือของธรรมชาติ เราอยารับเอามาเปนเรื่องของเรา เป น วิชาความรูของเราเลย. แต ขอให เขาใจวา แม อ ย างนั้ น มั น ก็ เป น เรื่อ งวาง จากตัวกู - ของกู แลวมันสบาย, แลวมันมีความสุขเหมือนกัน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาเราไมวางจากตัวกู – ของกูตามธรรมชาติชนิดนี้แลว เราเปนบา ไมไดมานั่งคุยกันอยูอยางนี้ ; เปนบาตายนานแลว. ฉะนั้นวางจากตัวกู – ของกู ตามธรรมชาติ เชน นอนหลับ อยางนี้มันก็มีประโยชนมหาศาล ที่ชีวิตนี้จะทรง อยู ไ ด. แตด ว ยเหตุที ่เ ปน ของธรรมชาติเ ราก็จ ะไมพ ูด ถึง วา เปน เรื ่อ งที ่เ รา ปฏิบัติห รือ ทํามัน ขึ้น มา ; ถึงแมวา เราเขาหอ งนอน นอนก็ไมใชเรื่องของเรา ไปจัด - ไปทํา หรือไปบังคับมันได.
ทีนี้ เหลือเรื่องตอไปก็คือวา เรื่องประจวบเหมาะกันเขา จิตวางจาก ตั ว กู ; เช น แขกมาเยี่ ย มสวนโมกข เข า มาในสวนโมกข ในสถานที่ อ ย า งนี้ , นั่ง นอน ยืน เดินอยูอยางนี้, เปนความประจวบเหมาะกันพอดีกับธรรมชาติ
๒๓๐
ฆราวาสธรรม
ที่มีอยูอยางนี้ ; เขาก็วางจากตัวกู - ของกูได. จะเดินเหินอยูอยางสบาย ยิ้มกริ่ม เปนสุข ถึงกับบนออกมาวา ไมรูวาทําไมมันจึงเย็นสบาย, ไมรูวาทําไมใจคอมัน สบายจริง , บอกไมถ ูก ; บางคนพูด อยู อ ยา งนี ้บ อ ย ๆ ก็ม ี. นี ้ก ็ค ือ วา งจาก ตัว กู - ของกู มัน จึง สบาย ;แตว า ความวา งอัน นี ้ม ัน เปน เรื่อ งประจวบเหมาะ เป น co - incident ของผู นั้ น ด ว ย ของสิ่ ง ต า ง ๆ เหล า นี้ ด ว ย ; ในภาษาบาลี เรียกวา ตทังคะ - ประกอบอยูดวยองคอันนั้น ;ก็หมายความวา ประจวบเหมาะ อันนี้เราจะไมสนใจเสียทีเดียวก็ไมได เพราะวาเราอาจจะเลือกได ;เรา ไปสูที่ ๆ มันเหมาะสมที่สุด ที่จิตของเราจะเปนอยางนั้นได ; เราจึงวิ่งไปชายทะเล บาง ไปพั กผอนบนภูเขาบาง หรือไปตามสถานที่ ที่ธรรมชาติมัน ชวยให เราหาย อารมณรา ย. เรื่อ งอารมณรา ยทั ้ง หมดมัน เกี ่ย วกับ ตัว กู - ของกูทั ้ง นั ้น . ทีนี้ เราก็ไปหาที่ ๆ จะชวยใหหยุดอารมณ ราย โดยไมตองทําอะไร ธรรมชาติมันชวย เหมือ นกัน ; อยา งนี ้เ รีย กวา ประจวบเหมาะเหมือ นกัน . นี ่ค ือ ความวา ง อย า งที่ ๒. ส ว นอย า งที่ ๑ ก็ คื อ เป น ไปอย า งธรรมชาติ ล ว น ๆ เช น นอนหลั บ เปนตน. อยางที่ ๒ คือประจวบเหมาะ อยางที่วามานี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org อยา งที ่ ๓ เราบัง คับ เราระวัง เราจัด แจงมัน ; นี ้ค ือ เราศึก ษา เลาเรียนเรื่องทํากัมมัฏฐาน ทําวิปสสนา แลวเราปฏิบัติอยูตามนั้น ; เปนความ วางเพราะผลแห งการปฏิ บั ติ นั้ น . แต มั น ก็ เป น ชั่วขณะที่ เราปฏิ บั ติ ได บางเวลา เราก็เผลอไป หรือวายังปฏิบัติไมไดโดยเด็ดขาด ;มันก็เปนไดชั่วเวลาที่เราบังคับ ขมไป. อยางนี้มันก็ดีขึ้นมามากแลว ดีกวาอยางที่ ๑ ที่ ๒ ; เพราะวาเราตองการ เมื ่อ ไรก็ทํ า ได ; และถา เราทํ า จนทํ า ได มัน ก็คุ ม ไดม าก, จะคุ ม ไดด ี จะคุ ม ไดม าก. เราฝกการปฏิบัติจ นเคยชิน เปน นิสัย ก็คุม ไดมาก, มีค วามสบายมาก. ผู ที่ ป ฏิ บั ติ ธ รรมบํ า เพ็ ญ สมณธรรมอะไรอยู ป ระจํ า ก็ มี ส วนที่ จ ะมี ค วามสุ ข มาก อยางนี้.
สุญญตา กับ ฆราวาส
๒๓๑
ถัดไป ถือเป นอยางที่ ๔ ก็คือวา วางเพราะกิเลสมั นหมดจริง ๆ แลว ไดแกความวางของพระอรหันต ความมีจิตวางของพระอรหันต คือหมดกิเลสแลว. สําหรับพระอริยบุคคลชั้นตน ๆ เชน พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี อยางนี้ ก็มีค วามวาง แตยังไม ถึงที่ สุด ; กิเลสมั น ยังไม ดับ ทุกอยาง ยังเหลือ อยู บางอย าง อย างนี้ มั น ก็ วางตามส วน ; แต สงเคราะห เขาไปในพวกที่ วางอย าง พระอรหัน ต คือ ทานละกิเลสสวนใดได กิเลสสวนนั้นไมม าทําวุน อีก ฉะนั้น จึง ผิดกันกับวางที่เราบังคับมัน. คุณดู ใหดีเถิด ถาจะนั บให หมด มี ตั้ง ๔ อยาง : อยางแรกก็คือ เชน หลับ ตามธรรมชาติเ ปน ตน นี ้ อยา เอาดีก วา แตก ็น ับ เปน เลขหนึ ่ง . ทีนี้ สามอยางถัดมา นี้ก็คือสิ่งที่จะตองสนใจ ; - วาง เพราะสิ่งแวดลอมประจวบเหมาะ พยายามจัดสิ่งแวดลอมใหเกิดผลอยางนั้น; - วาง เพราะเราบังคับไวได, ทําการบังคับ ทํากัมมัฏฐาน ทําวิปสสนาบังคับเอาไว. - วาง ก็เพราะวาหมดกิเลส.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่ แ หละคื อ ความว า ง ที่ เป น ความว า งจริง ๆ ไม ใช อั น ธพาล. ส ว น วา งอัน ธพาลนั ้น เปน การแกลง วา ; วา วา งเพราะกูไมย ึด ถือ อะไร แลว ก็เที ่ย ว ทํ า สิ่ ง ลามกอนาจารต า ง ๆ; มี ข อ แก ตั ว ว า กู ไ ม ยึ ด ถื อ อะไร ;นี่ เ รี ย กว า ว า ง อันธพาล. บางคนไมเขาใจ แลวเอาเรื่องวางอันธพาลนี้ขึ้นมาพูดเปนความวาง แสรง วา , แสรง กระทํ า ; มีค นเอาไปเขีย นลอ ผมก็ม ี ; หนัง สือ พิม พบ าง ฉบับ เขีย นลอ ผมก็ม ี ; เปน ความวา งแบบอัน ธพาลของผู เขีย นทั ้ง นั ้น ; ไมใ ช ความว า งตามแบบของพุ ท ธศาสนา. เช น ว า ถ า มี จิ ต ว า งเสี ย แล ว จะรั บ รู ใ น
๒๓๒
ฆราวาสธรรม
หน า ที่ ไ ด อ ย า งไร ; ถ า จิ ต ว า งเสี ย แล ว ก็ จ ะไม รั บ รู ใ นหน า ที่ ข องตั ว จะไม รั ก ประเทศชาติ อ ะไรอย า งนั้ น . นั่ น มั น จิ ต ว า งแสร ง ว า , หรื อ แก ตั ว , เป น จิ ต ว า ง อันธพาล. สวนที่จิตวางที่ถูกตองบริบูรณอยูดวยสติปญญานั้น ตองรูวา ทําหนาที่, จะต องทํ าหน าที่ อะไรบ างก็ ทํ าหน าที่ อั นนั้ น ทํ าหน าที่ ทุ กอย างด วยสติ ป ญญาทั้ งนั้ น ไม ได ทํ าด วยความมุ ม านะ เป น ตั วกู - ของกู เป น กิ เลสตั ณ หา.จะปฏิ บั ติ ห น า ที่ ดวยความรักประเทศชาติ หรืออะไรก็ตาม นี้ก็ทําดวยสติปญ ญาทั้งนั้น วางจาก ตัวกู - ของกู แตเต็มอยูดวยสติปญญา นี่พูดเปนคํากลอน คือวาวางจากความ สําคัญ มั่นหมายวาตัวกู - ของกู แตเต็ม อยูดวยสติปญ ญา เชน เปนทหารไปรบ ก็รบเพราะรูสึกสํานึ กในหน าที่ หนาที่ นั้น คือธรรมะอยางหนึ่ง, ธรรมะคื อหน าที่ หนาที่คือธรรมะ ; ฉะนั้นถามีสติปญญาทําหนาที่ มันก็คือปฏิบัติธรรมะ. ทหารไมไ ปรบดว ยความโกรธ ความเกลีย ด โมโห โทโส, ตัว กู ตัว มึง เอาใหต าย ; ถา ไปรบกัน ดว ยวิธ ีอ ยา งนั ้น ก็ค ือ ฆา คนและเปน บาป. ถ า รบด ว ยจิ ต ที่ บ ริ สุ ท ธิ์ ทํ า หน า ที่ ที่ ค วรทํ า ถู ก ต อ งตามเพศของฆราวาส หรื อ หนา ที ่ ที ่เ ปน ทหาร อยา งนั ้น ก็ไ มเ ปน บาป เพราะการฆา คน ;เพราะวา ทํ า หนาที่เพื่อรักษาความเปนธรรม หรือความถูกตองเอาไว ไมมีเจตนาฆาคน คือ ไมทํ าดวยความโลภ ความโกรธ ความหลง, แตทํ าดวยสติป ญ ญา. ฉะนั้ นคน ที่ มี จิ ต ว างอย างถู ก ต อ งตามหลั ก ของพระพุ ท ธศาสนา จะทํ าหน าที่ ทุ ก อย างได แล ว แต ว า ตนกํ า ลั ง อยู ใ นสถานะเช น ไร อย า งไร, ไม ว า เป น ฆราวาส หรื อ บรรพชิต.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถา เปน ฆราวาส ก็เปน ฆราวาสระดับ ไหน ; เปน ชาวไร ชาวนา, เป น อุ บ าสก อุ บ าสิ ก าฯลฯก็ ทํ า หน า ที่ ที่ ค วรทํ า ได ด ว ยจิ ต ที่ ไ ม เ จื อ อยู ด ว ย
สุญญตา กับ ฆราวาส
๒๓๓
ตั ว กู - ของกู ; ให เจื อ อยู ด ว ยสติ ป ญ ญา รูจั ก หน า ที่ . แต ว ามั น ทํ ายาก มั น มั ก จะเผลอด ว ยเรื่อ งตั วกู - ของกู ; ถ าทํ า ไปด ว ยเรื่อ งตั วกู - ของกู มั น ก็ เป น บาป. อยา งเชน ไถนา มัน ก็เปน บาป เพราะไดทํ า สัต วต าย ; รูอ ยู แ ลว ก็ช า งหัว มัน มันอยากมาอยูตรงนี้ ก็เลยไถใหมันตายเสียเลย จะเปนกบ เขียด เปนปูนา อะไร ก็ต าม, โมโห โทโสอยา งนี ้ ก็เ ปน บาป. แตถ า มีค วามรูส ึก มีส ัม ปชัญ ญะ มีปญ ญาทําหนาที่ที่ควรทํา ไมไปโกรธแคน ไมโมโหโทโสอะไร ก็ไมเห็นจะบาป อะไร ไมม ีเจตนาจะฆา มัน . เพราะฉะนั ้น การมีจ ิต วา งอยา งถูก ตอ งตามหลัก พระพุทธศาสนานั้นปองกันบาปได. คุ ณ ทบทวนดู อี ก ที ก็ ได ว า เมื่ อ พู ด วา “ว าง - วา ง – ว าง” นี้ มั น ว า ง อัน ธพาลอยูพ วกหนึ่ง ที ่เปน ขอ แกต ัว ; กูจิต วา ง ไมม ีบ ุญ ไมบ าป, ไปปลน ไปฆ า ไปอะไรก็ต ามใจ ไม มี บ าป, ไปทํ าชั่วชนิ ด ไหนก็ไม มี บ าป ; นี้ มั น จิต วาง อัน ธพาล ไมต อ งพูด ถึง , ทีนี ้ที ่ไมเกี ่ย วกับ อัน ธพาล ก็ย ัง จะตอ งดูวา มัน เปน อะไรกัน แน. ถา เปน เรื่อ งทางวัต ถุ ทางฟส ิค ส คํ า วา ความวา งนี ้ หมายถึง ไมม ีอ ะไร. ถา เปน เรื่อ งทางจิต ความวา งนั ้น หมายถึง จิต ไมน ึก คิด อะไร. แต ถ าเป นเรื่องทางสติ ป ญ ญา ทางนามธรรม ทางวิ ญ ญาณ นี้ หมายความว างจาก ความรูสึกวา ตัวกู - ของกู. ฉะนั้นจะตองบัญ ญั ติใหชัดวา “ความวางจากความ รูสึกวาตัวกู - ของกู.”
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ความวางจากความรูสึ กวา ตั วกู - ของกู นี้ ยั งแบ งเป น ชั้ น ๆ ชั้น ๆ ได อ ี ก : ชั ้ น ที ่ ว า งตามธรรมชาติ เช น นอนหลั บ เป น ชั ้ น พื ้ น ฐานทั ่ ว ไป. วางเพราะประจวบเหมาะของสิ่งแวดลอม นี้ก็ชั้นหนึ่ง. แลวก็วางเพราะเราจัดทํา บังคับไว ควบคุมไว นี้อยางหนึ่งชั้นหนึ่ง. อันสุดทายก็คือวางเพราะหมดกิเลส. แต รวมความแล ว ก็ จะมี ค วามหมายอยู ที่ วางจากตั วกู - ของกู จึ งจะถู ก ต อ ง.
๒๓๔
ฆราวาสธรรม
เมื่อนอนหลับ มิไดเต็ม อยูดวยสติปญ ญา ฉะนั้น ตัดออกไป ; เหลือ อยูแตเรื่อ ง สามอันนี้แหละ : วางเพราะประจวบเหมาะ แลวก็มีสติปญ ญาอยู. สบายอยู, เปน สุข อยู ; แลว ก็วา งเพราะ ขม บัง คับ ไว ก็ยิ ่ง มีส ติป ญ ญามากขึ้น อีก ; แลววางเพราะหมดกิเลส ก็อยูดวยวิชชา ดวยสติปญญา ยิ่งขึ้นไปอีก เพราะกิเลส เปนความโง. นี่แหละความวางที่เปนประโยชน เกื้อกูลแกฆราวาสตลอดกาลนานนั้น มัน มีความหมายตรงที่วา ไมมีค วามรูสึก วา เปน ตัว กู – ของกู แตเต็ม อยูดว ย สติปญญา รูจักหนาที่ ที่จะตองทํา, และทําหนาที่นั้นดวยความเปนสุขสบาย. ผมพูด วา “ถา พอจิต วา งแลว การงานเปน สุข ; ถา พอจิต วุน แลว การงานเปนทุกข” ไมคอยมีใครจะยอมฟง. ถาจิตเราวุนวายดวยตัวกู – ของกูนี้ มันก็ไมมีอะไรที่เปนสุขเลย ; การงานก็เบื่อระอาไปหมด ; ถึงทํางานก็ทําเพราะ ความจําเปน อยางนี้มันก็ไมมีความสุข ; มันทํางานดวยความโลภบังคับชักชวน ชัก จูง มัน ก็ไมมีค วามสุข ; ตอ เมื ่อ ทํ า งานดว ยจิต ที่วา งจากกิเลสนั่น แหละ ; มัน จึง จะมีค วามสุข ใจคอสบาย, จิต ใจโปรง จิต ในปกติ, จึง จะทํา การงาน รูสึกสนุก. บางทีทําใหผูอื่น ไมเอาเองเลย ก็ยังสนุก ; หรือวา สิ่งที่มันไมสนุก สกปรกบาง ไมสวยไมงามอะไรบาง มันก็ยังทําสนุก ; ขอใหจิตวางโปรงสบาย ทําอะไรไดดวยความรูสึกพอใจ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฉะนั้น ฆราวาสที่มีความรูเรื่องสุญญตาคือความวางนี้ ก็เปนฆราวาส ที่มีเครื่อ งรับ ประกัน วา จะไมต กนรกทั้ง เปน . จะเปน อยูดว ยใจคอที่ส บาย, ไมมีความทุกข ทุกขไมเปน : จะไดมาก็หัวเราะได, จะเสียไปก็หัวเราะเยาะได. ถามีความรูเรื่องนี้จริง ๆ งานที่ทํามานั้นมันไดกําไร ก็หัวเราะเยาะได, หรืองาน ที่ทํานั้นขาดทุน ก็หัวเราะเยาะได, มีแตสติปญญาอยูเรื่อย ; ไมมีตัวกู – ของกู
สุญญตา กับ ฆราวาส
๒๓๕
ที่จะไปเสียใจ ที่จะไปโกรธหรือไปอะไร. จะเจ็บไขก็หัวเราะเยาะได จะตองตาย ก็หัวเราะเยาะได, จะร่ํารวยสบายก็ยังหัวเราะเยาะได คือไมหลงใหล ; เรียกวา ไมมีความหลงใหลเลยสําหรับผูที่มีจิตวาง ตามแบบที่ถูกตองของพระพุทธเจา. ผมอยากจะพูดพิเศษออกไปอีกหนอย คือไปใหชื่อความวางที่ถูกตอง ตามแบบของพระพุท ธศาสนานี้วา ”นางสาวสุญ ญตา”. ครั้ง หนึ่งเคยพูด กัน ดว ยเรื่อ นางสาวสุญ ญตานี ้ เปน ที ่ส นุก สนานพอใช. เขาไมช อบความวา ง เขากวาง ; คือคนทั่วไปเขากลัวความวาง เพราะถาเขาวางแลว มันไมมีอะไร ; เขาไปคิ ด นึ ก อย า งนั้ น คล า ยกั บ ว า มั น ถู ก ทิ้ ง ลงมาจากที่ สู ง มั น เคว งคว า ง เควงควางลงมา ไมมีอะไร ; เขาเรียกวาความวาง เขาไมปรารถนาเลย ไมสนใจ ในเรื่องนี้เลย ทีนี่เราก็ไปหลอกเขาบอกวา ความวางนี้เปน นางสาวที่สวยที่สุด แลวก็ส าวเสมอ คือไมรูจักแก ; ใครได แตงานดวยจะเปนคนไมมีค วามทุก ข อีกตอไป, ใครไดสมรสดวยนางสาวสุญญตานี้แลว จะไมมีความทุกขอีกตอไป. เขาชักจะอยากฟง อยากรูเรื่อง ขอใหอธิบาย ; นี่เปนอยางนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ผมก็ตั้งปญหาเพื่อใหเขารูเอง คิดเอาเอง คือตั้งปญหาวาถาสมมุติ วา โดยวิธีไหนก็ ต าม, พระเจาหรือ เทวดาก็ ต ามให หี บ เพชรที่ ป ระดั บ ด วยมณี รัตนะอะไรทุกอยางสาระพัดอยาง. ตัวหีบก็เปนทองคําที่เปนเนื้อดี แลวประดับ ดวยเพชรพลอย ไขมุกอะไรนานาชนิด ; หีบทองคําฝงเพชร ฝงทับทิม ฝงพลอย แลวยังมีตาขายไขมุกอยางแพง อยางดี อยางวิเศษ มาเปนผาสําหรับคลุมมันอีก ; พูดกันใหสุดความสามารถที่จะพูดได ; แลวหีบใบนี้คุณจะใสอะไร ? หีบใบนี้ คุณจะใสอะไร ? ถาเอาไปใสเงินก็บาเต็มทีเพราะตัวหีบมันทําดวยทอง ประดับ เพชร แลวคลุมดวยไขมุก ; ขืนเอาเงินมาใสหีบนี้ มันก็เปนเรื่องบา. ถึงแมเอา เพชรไปใสลงในหีบ มันก็ยังเปนเรื่องบา ; เพราะตัวหีบมันแพงกวาเสียอีก มัน
๒๓๖
ฆราวาสธรรม
เป น เพชรเป น อะไรรวมกั น มากมาย. บางคนคิ ด ออก วาเอาไวใสสัญ ญากูเงิน ; แลวก็จงดูเถิดอยางนี้มันก็ยิ่งบาใหญ ไปอีก, ใสกระดาษสัญญากูเงิน, คนที่มีสติ สัมปชัญ ญะในทางธรรมะหนอย ก็บอกวา ใชใสกระดูกแม ก็ยังเขาทีกวา, เอา กระดูกพอแมใสในหีบนี้ มันก็ยังเขาทีกวา ; ผลสุดทายก็ไมมีใครรู วาจะเอาอะไร ใสในหีบใบนี้จึงจะสมกัน. ผมบอกวา นางสาวสุญญตาเทานั้น ที่จะมีคามากพอ ที่จะใสลงไปใน หีบใบนี้.พวกนั้นก็เลยอยากรูเรื่อง นางสาวสุญ ญตามากขึ้นไปอีก อันไดแกสิ่งที่ มันจะทําใหเราไมมีความทุกขเลย กลาวคือธรรมเรื่องความวางจากตัวกู – ของกู ที ่จ ะทํ า ใหบ ุค คลไมม ีค วามทุก ขอ ีก ตอ ไป. นี ้ทํ า ไมจึง วา สาวเสมอ ?ก็เพราะวา มันไมมีเหตุปจจัยปรุงแตง. ถาพูดวาความวางนี้มันหมายถึงไมมีเหตุปจจัยปรุงแตง มัน เปน อยา งไรก็เปน อยู อ ยา งนั ้น ไมเปลี ่ย นแปลง ;หมายความวา เปน สาว เสมอ ไมม ีโ ตขึ ้น หรือ วา ชรา หรือ วา ตาย อยา งนี ้ไ มม ี ; นี ่ค ือ ความหมาย ที ่แ ทจ ริง ของคํ า วา อนัต ตา หรือ สุญ ญตา ไมม ีอ ะไรปรุง แตง นี ้เ พราะมัน ทําใหคนหมดความทุกข ดับความทุกขทุกชนิดได ; ฉะนั้นมีคาสมควรที่จะมานอน อยูในหีบนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ถามวาทําอยางไร จึงจะไดแตงงานกับนางสาวสุญญตา ? ก็บอกวา ถายังขืนเปนผีที่มีหางไหมไฟอยูอยางนี้ มันก็แตงงานไมไดดอก. เพราะนางสาว สุญ ญตาไมย อมแตง งานกับ ผี ที ่ห างติด ไฟอยู อ ยา งนี ้ ; คือ คนโง ๆ ที ่ม ีต ัว กู ของกู มีโลภ มีโกรธ มีห ลง เหมือ นกับ ไฟติด อยูที่ห างไมรูจัก ดับ ; ไมติด อยูที่ ตัวก็ยังติดอยูที่หาง ;เรียกวาปศาจที่หางไหมไฟอยูอยางนี้ ไมมีวันที่จะไดแตงงาน กับ นางสาวสุญ ญตา. มัน ตอ งดับ ไฟนี ้เสีย ซิ, แลว วาระสุด ทา ยก็ดับ ไฟที่เหลือ ติด อยู ที ่ห างนั ้น เสีย .ถา คุณ อยากจะแตง งาน ก็ตอ งพยายามซิ, ก็เ หลีย วดูซิ ว า ที่ ห างของตั ว มี ไฟอยู ห รื อ เปล า . มั น ก็ เลยรูสึ ก ว า เป น การด า ที่ ว า มี ห าง ;
สุญญตา กับ ฆราวาส
๒๓๗
คื อ มั น โง เหมื อ นกั บ สั ต ว ที่ มี ห าง, แล ว ที่ นั่ น มั น มี ไ ฟราคะ โทสะ โมหะ อยู ที่ ความโง, ไฟติด หางอยู เ สมอ ; ใหด ับ ที ่นั ่น ดับ ไฟที ่ห าง เลิก มีห าง เลิก เปน ตัวสัตวโง ๆ เสียที ก็จะแตงงานกับนางสาวสุญญตาได.นี้ เป นเรื่องบุคคลาธิษฐาน พู ดขึ้นเพื่ อชวยความจํา เกี่ยวกับเรื่องสุญ ญตาได ; คุณ จะจําไปเล าให ขบขันหรือ สนุกขึ้นไปกวานี้ก็ได. ของประเสริฐที่สุดของมนุษยก็คือ นางสาว “สุญญตา” เหมาะที่จะ เอาไปใส ใ นหี บ ใบที่ ว า , ไม มี อ ะไรเหมาะเท า . มั น เป น ความหมายของคํ า ว า นิพ พาน : นิพ ฺพ านํ ปรมํ สุ ฺญ ํ – นิพ พาน คือ วา งอยา งยิ ่ง , เพราะฉะนั ้น นางสาวสุ ญ ญตานั้ นเป น ภาพพจน ของนิ พ พาน ; ฉะนั้ น สิ่ งที่ เรียกว า “นิ พ พาน” จึง ควรจะมาอยู ในหี บ ใบนี้ ซึ่ งหมายถึ งจิ ต ใจที่ เฉลี ย วฉลาด สะอาด สวาง สงบ, ไม มี อื่ น ที่ จ ะดั บ ร อ นได . คุ ณ ไปคิ ด เถิ ด เรื่ อ งกิ เลสตรงไหนก็ ต ามมั น ต อ งดั บ ด ว ย สุญ ญตาทั ้ง นั ้น แหละ ; แตบ างทีโ งม องไมเ ห็น อธิบ ายไมเ ปน . ความโลภ ก็ตองดับดวยสุญญตา ความโกรธก็ตองดับดวยสุญญตา ความหลงก็ตองดับดวย สุญญตา ; ไมวาไฟชนิดไหน ที่ไหมจิตใจของมนุษยอยูนี่ มันตองดับดวยสุญญตา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที นี่ ฆราวาสนั่ นแหละเป น พวกที่ อ ยู ใกล ไฟมาก, มี เรื่อ งที่ จะเกิ ดเป น ไฟลุ ก มาก มากกวาบรรพชิ ต เพราะฉะนั้ น ฆราวาสจะต อ งมี สุ ญ ญตามากกวา บ รรพ ชิ ต ; เพ ราะมี ไ ฟ ม าก ก็ ต อ งก ารน้ํ า ที ่ จ ะดั บ ม าก . เพ ราะฉ ะนั ้ น พระพุ ท ธเจ า ท า นตรัส ไว ช อบด ว ยเหตุ ผ ลอย า งยิ่ ง ว า เรื่อ งสุ ญ ญตาเป น ประโยชน เกื้ อ กู ล แก ฆ ราวาสทั้ งหลายตลอดกาลนาน ; เพราะสุ ญ ญตาเป น เครื่อ งทํ าให ไฟ หมดไป. ความวา งนี ้ทํ า ใหต ัว กู - ของกู conception อัน นี ้ห มดไป ; แลว มัน จะเกิ ดโลภ เกิ ดโกรธ เกิ ดหลง ได อ ย างไร ? หรือ วาถ ามั นกํ าลั งเกิ ดอยู พอดี สติ ถึงขอนี้มันก็ดับทันทีเหมือนกัน.
๒๓๘
ฆราวาสธรรม
เราจะเอาความหมายที่ ก ว า ง ๆออกไปอี ก มั น ก็ ไ ด ทั้ ง ป อ งกั น และ ทั ้ง แกไ ข. ต ล อ ด ทั ้ง ไดร ับ ค วาม สุข . คํ า วา “สุญ ญ ต า” นี ้ใ ชไ ดทั ้ง แกเ ห ตุ และแกผ ล : แกเ หตุ ก็ค ือ ใชไ ดทั ้ง การปอ งกัน และการแกไ ข; แกผ ล - ก็ค ือ วา มั น เป น สุ ข อย า งยิ่ ง , นิ พ พานนั้ น เป น ความสุ ข อย า งยิ่ ง เพราะว า งจากตั ว กู –ของกู ไมม ีก ิเ ลสเกิด ได. เพราะฉะนั ้น ถา มีค วามรู เ รื ่อ งสุญ ญตาอยา งถูก ตอ งอยู แ ลว มัน ยากที ่จ ะเกิด ความโลภ ความโกรธ ความหลง. ถา ปฏิบ ัต ิไ ดด ว ยแลว มั น เกิ ด ไม ได เลย. ถ า ฆราวาสได รั บ การอบรมสั่ งสอนเรื่ อ งนี้ ม าแต อ อ นแต อ อกแล ว ก็ ไ ม ม ี ท า ง ที ่ จ ะ ทํ า ผิ ด ; มี แ ต จ ะ เจ ริ ญ ด ว ย วิ ช ช า ค ว า ม รู ด ว ย ภู ม ิ ธ รร ม ขอ งจิต ใจ สูง ขึ ้น ทุก ที, ไมท ัน ต ายก็จ ะไดเ ปน พ ระอ รหัน ต. เพ ราะฉ ะนั ้น จึงวามีความรูเรื่องสุญ ญตาอยูนี้ มันคือการปฏิบัติธรรมโดยอัตโนมัติ ในตัว มันเองอยูตลอดเวลา. ความรู ที่ ถู ก ต อ งเรื่ อ งสุ ญ ญ ตานี้ จะทํ า ให ใ นชี วิ ต ของเรานี้ เ ป น การ ปฏิ บั ติ ธ รรมอยู โ ดยอั ต โนมั ติ และตลอดเวลา ; นี่ มี ค า มากอย า งนี้ . ถ า ความรู เรื ่อ งนี ้ม ีอ ยู มัน จะทํ า อะไรผิด ไมไ ด, จะไป ลัก ขโม ย ไป ทํ า อะไรใครไมไ ด ทั ้ง นั ้น เลย ; จะไปฆา เขา จะไปลัก เขา ลว งเกิน ของรัก เขา ไมไ ดไ ปทุก อยา ง ; มั น เป น อั ต โนมั ติ ที่ ทํ า ให ทํ า ไม ไ ด เพราะความรู อั น นี้ มั น ถู ก ต อ งมั น ทํ า ไม ไ ด . ความโง ที่ เป น ตั ว กู – ของกู นั้ น มั น ทํ า ได ทุ ก อย า งโดยอั ต โนมั ติ ด ว ยเหมื อ นกั น : ทํ า บาป ทํ า ชั่ ว ทํ า อะไรได ทุ ก อย า งโดยอั ต โนมั ติ . ส ว นที่ ว า งจากตั ว กู – ของกู นี้ เป นสติ ป ญ ญานี้ มั นทํ าผิ ด ทํ าชั่ วไม ได ทุ กอย างโดยอั ตโนมั ติ ; เป นการทํ าความดี อยู . นี่ เ รี ย กว า เป น “มิ่ ง ขวั ญ ” หรื อ อะไรก็ ต ามแล ว แต จ ะเรี ย ก ของฆราวาส ; เป น ส วั ส ดิ ม ง ค ล เป น ศ รี เป น มิ ่ ง ข วั ญ เป น ที ่ พึ ่ ง เป น อ ะ ไ ร ข อ ง ฆ ร า ว า ส ; จ ะ ทํ า ให เกิ ด สิ่ งที่ เรี ย ก ว า ป ระ เส ริ ฐ ที่ สุ ด ห รื อ ตั ว พุ ท ธ ศ า ส น า ก ล า ว คื อ มัชฌิมาปฏิปทา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
สุญญตา กับ ฆราวาส
๒๓๙
คุ ณ อย าลื ม ว าผมได พู ดแล วเรื่อ ง มั ชฌิ ม าปฏิ ป ทา ว านั่ น คื อ ตั วของ พุท ธศาสนา ; นั ้น คือ การทํ า ไมผ ิด มีแ ตค วามถูก ตอ ง เปน ความถูก อยู เสมอ. ถ า มี ค วามรูเรื่อ งสุ ญ ญตานี้ มั น จะเป น มั ช ฌิ ม าปฏิ ป ทา โดยอั ต โนมั ติ อ ยู เสมอได มัน จะเกิด ความพอดี เปน กลางในทุก อยา ง คือ ไมม ากไมน อ ย, ไมส ูง ไมต่ํ า จะถู ก ต อ ง และพอดี ไปหมด. เกี่ ยวกั บ ฆราวาสก็ อ ยากจะระบุ วามี การแสวงหา, มีก ารมีไ ว, แลว ก็ม ีก ารใชจ า ยบริโ ภค, แลว ก็ม ีเ รื ่อ งเพศ เรื ่อ งกามารมณ, เรื่อ งเกีย รติย ศชื ่อ เสีย ง ; ถา ทํ า ใหถ ูก ตอ งพอดีแ ลว ไมม ีโ ทษ. แสวงหาใหพ อดี และถูก ตอ ง, มีไ วใ หพ อดีแ ละถูก ตอ ง, แลว ก็ใ ชจ า ยไปใหพ อดีแ ละถูก ตอ ง ; ๓ เรื่อ งนี้ เป น เรื่อ งทางวั ต ถุ เป น เรื่อ งทรัพ ย ส มบั ติ ; ความรูเรื่อ งสุ ญ ญตาช วยได ในการที่จะทําใหมันพอดีและถูกตองแมที่เปนฆราวาส. พอมาถึง เรื ่อ งกาม เรื่อ งความรูส ึก ที ่เกี ่ย วกับ เพศ หรือ ประกอบ กิ จกรรมระหวางเพศ อย างนี้ ถ ามี ความรูวา ทุ กสิ่ งทุ กอย างมั นเป นเรื่อ ง ยึ ดมั่ น ถือ มั ่น เปน ตัว กู - ของกู ไมไ ดแ ลว ; แลว มัน จะทํ า แตพ อดี ทํ า แตที ่ถ ูก ที ่ค วร ที ่พ อดี ; ประกอบกิจ กรรมระหวา งเพศ ชนิด ไหนก็ต ามแตที ่พ อเหมาะพอดี หรือถูกตอง หรือเท าที่ จะเปนอาหารใหทางจิตใจที่ จําเปนอยูอยางหนึ่ ง เมื่อยังละ ไมไ ด. เหมือ นกับ เรากิน ขา ว ปลา อาหาร กิน แตพ อดีแ ละถูก ตอ ง ; แลว รส ของเพศนั้ นก็เป นอาหารทางจิตชนิ ดหนึ่ ง ก็ กินแต พอดี และถูกต อง ; หรือวาใหมั น เป นเรื่องของการสื บ พั นธุโดยบริสุ ทธิ์ มากกวาที่ จะเป นเรื่องลุ มหลง อย างหลั บ หู หลั บ ตาทางกามารมณ . เมื่ อ เป น อย า งนี้ กิ จ กรรมระหว า งเพศ มั น ก็ เ ป น ไป อยางถูกตองและพอดี. นี้เปนความรูเรื่อง สุญญตาดวยเหมือนกัน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เกี่ยวกับ เกียรติยศ ชื่อเสียง ถารูเรื่อง สุญ ญตา มันก็ไมเมายศ ไม บ าชื่อเสี ยง; ถึ งจะมี ยศ มี เกี ยรติ ยศ ชื่อเสี ยง มาให โด งดั งมากมายอย างไรนั้ น
๒๔๐
ฆราวาสธรรม
มัน ก็หัว เราะเยาะได, ไมห ลงยศไมเมาชื่อ เสีย ง ; แตส ามารถที่จ ะจัด การให ถูก ตอ งและพอดี วา จะใชมัน อยางไร ? เพื ่อ ประโยชนอ ยางไร ? ควรไมค วร อยา งไร ? พูด ใหสั ้น ก็ค ือ เรื ่อ ง กาม กิน เกีย รติ, พูด เปน ๓ คํ า ; เรื ่อ งกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรติ นี้เปนคําที่สั้นที่สุด ที่จะใชแกชีวิตของฆราวาส. คุณลอง ไปคิดดู ไปแยกแยะดู ไปทบทวนไปสอบดูโดยทาง logic ก็ได วามันจริงไหม ที่ผมพูดวาเรื่องฆราวาสนั้น ไมมีอะไร นอกจากเรื่อง ๓ ก. คือ ก.กิน ก.กาม ก. เกีย รติ ; เรื่อ งกิน เรื่อ งกาม เรื่อ งเกีย รติ. ที ่อ ุต สา หเ ลา เรีย น อุต สา ห ทําการงาน ประกอบอาชีพ มันก็เพื่ออันนี้แหละ เพื่อกิน เพื่อกาม เพื่อเกียรติ ทั้งนั้น;วัตถุประสงคและความมุงหมายของฆราวาส ลวนเปนเรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรติ. ทีนี้ ถามันโง ทําไปอยางหลับหูหลับตา สามเรื่องนี้ มันจะกลายเปน นรกทั นตาเห็นขึ้นมาเลย. ถาทําดวยตั วกู - ของกูอ ยางนั้ น เรื่องกิน เรื่องกาม เรื่อ งเกียรติ จะกลายเป นนรกทันตาเห็นขึ้นมาที เดียว, ตกนรกทั้งเป น. ถามั น ลืมตา มีสติสัมปชัญญะอยูดวยเรื่องไมยึดมั่นถือมั่นแลว, ไมทําดวยตัวกู – ของกู แลว เรื่อ งนี ้ไ มเปน นรก ไมเ ปน ไฟ ไมเผาลนอะไร ; กลายเปน สิ ่ง ที ่ก ระทํ า อยางถูกตอง ในเรื่องที่มนุษยจะตองทํา ; กลายเปนเรื่องที่เราทําถูกตองในสิ่งที่ เราจะตองผานไป เหมือนการเลาเรียน และการสอบไลนั้นแหละ. เราจะสอบไลได ในสปริตของความเปนฆราวาส โดยเรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรตินี้ ไมไหเกิด เปนความทุกขขึ้นมา. ทีนี้จิตมันก็เลยวิวัฒนาการสูงขึ้นไป จนอยูเหนือเรื่องนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฉะนั้น เมื่อเปนพรหมจารี - อาศรมที่ ๑ ก็อุตสาหศึกษาเรื่องตาง ๆ เหลานี้ใหดี ใหเขาใจใหดี, ควบคุมใหดี, อยูในระเบียบแบบฉบับใหดี. พอเปน คฤหั ส ถ - อาศรมที่ ๒ ก็ เอาชนะได เรื่ อ งกิ น เรื่ อ งกาม เรื่ อ งเกี ย รติ นี้ ไ ม มี
สุญญตา กับ ฆราวาส
๒๔๑
ปญหาเลย ; เปนคนทําหนาที่ของมนุษยไดดีที่สุดในการที่จะกิน ; ไมมีปญหาเลย ในเรื่อ งกิน เรื่อ งกาม เรื่อ งเกีย รติ เรื่อ งคอรบครัว เรื่อ งลูก เรื่อ งหลาน ทั ้ง หมดเลย. ทีนี ้ไ มเ ทา ไรก็เ ขา ใจเรื ่อ งนี ้ด ีทั ้ง หมด จิต ใจมัน ก็เ ลื ่อ นขึ ้น ไป อาศรมที ่ ๓ เรื่อ งวนปรัส ถ แลว ก็อ าศรมที ่ ๔ เปน สัน ยาสี ไปในที ่ส ุด ; เปน แสงสวางของผูอื่นในการครองชีวิตอยูในโลกนี้. นี่แหละความรูเรื่อ งไมมีตัวกู - ของกู แลวปฏิบัติใหไดในการที่จ ะ ไมมีตัวกู - ของกู ; เรียกวาไดแตงงานกับนางสาวสุญญตา ที่อยูในหีบเพชรนั้น แลวไมมีความทุกขอีกตอไป ; จะเปนผูทําถูกตองและพอดี ในทุกเรื่องทุกกรณี ที่มนุษยจะตองกระทํา. พูดใหนาชื่นใจกวานั้น ก็คือวามีนิพพานอยูตลอดเวลา. สุญญตา แปลวา วาจากตัวกู - ของกู ก็คือไมมีตัวกู – ของกู คือตายแลวกอนตาย. เปน ผูต ายแลว กอ นตาย : ดับ ตัว กูเสีย ไดนั้น คือ ตายแลว กอ นตาย คือ กอ น ที่รางกายนี้จะแตกดับ. เพราะฉะนั้น เราก็มีเวลาเหลืออยูมากสําหรับดื่มรสของ นิพพาน ไดประสบนิพพานทันตาเห็น ในปจจุบันนี้ แลวก็มีเวลาเหลืออยูมาก ที่จะดื่มรสของนิพพาน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาเปนความวางแบบประจวบเหมาะเราก็ไดนิพพานแบบประจวบเหมาะ ; ถ า เป น ความว า งแบบเราข ม เอาไว แบบที่ เราบั ง คั บ เอาไว เราก็ ได นิพพานแบบที่ขมไว หรือบังคับเอาไว ;ถาเปนความวางแบบหมดกิเลส เราก็ได นิพพานแทจริงโดยตลอดกาล. นิพพานแปลวาเย็น มีอยู ๓ ระดับ : ประจวบเหมาะ บังเอิญเปน ก็เปนไดดวยอํานาจสุญญตา, และเปนความเย็นแบบตทังคนิพพาน นี่นิพพานประจวบเหมาะ ; ถาวางจากตัวกู - ของกู โดยปฏิบัติดี ปฏิ บัติชอบ ระวังอยู เปนสุญญตาแบบบังคับไว ขมไว เราก็ได วิกขัมภนนิพพาน, นิพพาน ที่ เราจั ด ไว ที่ ค วบคุ ม ไว เย็ น สบายเหมื อ นกั น เมื่ อ เราว างจากกิ เลส ; เพราะ
๒๔๒
ฆราวาสธรรม
กิเลสหมดจริง ๆ มันก็ไดนิพพานสมบูรณ เปนสมุจเฉทนิพพาน ทันตาเห็นทั้งนั้น, ตลอดชีวิตเย็นเปนนิพพาน นี่คือประโยชนของ สุญญตปฺปฏิสํยุตฺตา สุตฺตนฺตา ทําใหฆราวาสได รับ นิ พ พานมาเป น ของขวั ญ ไม ช นิ ด ใดก็ ช นิ ด หนึ่ ง ในชาติ ป จ จุ บั น ทั น ตาเห็ น นี้ ไมตอ งรอตอ ตายแลว หรือ อีก กี่ห มื ่น ชาติ แสนชาติ เหมือ นที่เขาพูด กัน . คุณ ไปฟงดูใหดีเถิด ทายกทายิกาตามวัดตามวา เขาวาอีกหลายหมื่นชาติ แสนชาติจึง จะไดน ิพ พาน. พูด อยา งนั ้น ก็ค ือ ไมรูว า อะไรเปน อะไร พูด ไปตามความเดา หรือ ตามความที ่ไ ดย ิน ไดฟ ง กัน มาอยา งผิด ๆ ; เดาผิด พูด ผิด แลว ผิด ตอ ๆ กันมา. นิพพานที่แทตองไดตั้งแตกอนตายจึงจะเปนนิพพาน ; กอนตายตองได นิพพาน, กอนรางกายตายตองไดนิพพาน ; ฉะนั้นใหตัวกูนี้ตาย ก็จะไดนิพพาน ก็มีเวลาที่จะไดชิมรสของนิพพาน กอนแตชีวิตจะแตกดับ หรือเขาโลง. ฉะนั้น ขอใหฆราวาสทุกคนตั้งใจที่จะไดนิพพานชนิดใดชนิดหนึ่งไปตาม ลําดับ กอนที่จะเขาโลง; นี้ดวยอํานาจของสุญ ญตานี้เอง. ถาหมดฝไมลายมือ ของเราจริง ๆ ขึ้นมาแลว ก็วิ่งมาหาสถานที่ หรือสิ่งแวดลอมอยางนี้ ; จิตรํางับ ดับเย็นเปนนิพพาน ชนิดตทังคนิพพานไปได ก็ยังดีกวามากมาย. แลวก็อุตสาห ศึก ษาเลา เรีย น ใหม ีค วามรูค วามเขา ในการที ่จ ะบัง คับ จิต บัง คับ ใจ ตามแบบ ของอานาปานสติหรืออะไรก็ตาม ก็จะไดนิพพานที่ดียิ่งขึ้นไปกวา สูงขึ้นไปกวา. แต ยั งไม ใช นิ พ พานเด็ ด ขาด และสมบู รณ คื อ ต อ งปฏิ บั ติ ไป ปฏิ บั ติ ไป หรือ ว า ผานโลกไปมากแลว, ผานชีวิตไปมากแลวจน กิเลส ตัณ หา อุปาทาน มันหมด ไปแล ว นั่ น แหละจึ งจะได นิ พ พานจริง . แล ว ก็ ไม ต อ งพู ด กั น หรอกว า เป น พระ หรือ เปน ฆราวาส ในตอนนี ้ ; เพราะตัว กูม ัน ไมม ีเ สีย แลว จึง ไมเ ปน พระ หรือเปนฆราวาส.มันเปนธรรมชาติ ตามธรรมชาติบริสุทธิ์.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
สุญญตา กับ ฆราวาส
๒๔๓
ฉะนั้นลืมกันเสียบาง อยาไปยึดมั่นถือมั่นวา เปนฆราวาส หรือบรรพชิต;, มันจะติด ตัง ติ ดตั งอยางติ ดของเหนียวอยูที่ นั่ น. รูแต เรื่อ งจิต แลวทําจิตให มั น เจริญ , ทําหนาที่การงานใหถูกตอง โดยเฉพาะหนาในปจจุบันนั้น ๆ แลวมันก็ดี ของมันเองอยูในตัว เจริญขึ้นไปในตัว. อยางนอยก็ไดนิพพานพื้นฐาน คือรูจักจัด รูจัก ทํา ใหมัน เย็น , ควบคุม ใหมัน เย็น จนชิน เปน นิสัย ตอ ไปในขางหนา มัน ก็ เด็ดขาด คือความเคยชินที่จะเกิดตัวกู- ของกูมันถูกทําใหรอยหรอลงไป รอยหรอ ลงไป จนไมม ีเ หลือ , มัน เกิด อีก ไมไ ด. นั ่น คือ ความเปน ผู ห มด อุป าทาน หมดกิเลส ตั ณ หา คื อหมดการเกิด แห งตัวกู - ของกู ก็เรียกวาเป นพระอรหั น ต โดยสมบูรณ. อยาไปถือวา เรื่องอรหันต เปนเรื่องสูง จนฆราวาสไมควรจะแตะตอง หรือ ไม ค วรนึ ก ถึ ง. ถู ก แล วเราไม ควรนึ ก ถึ งคํ าวา “อรหั น ต ” เลย อย า ไปนึ ก ถึ ง มันจะบา. แตวา เราจะนึกถึงเพียงแตวา ทําอยางไรจะไมเกิดความรูสึกเปนตัวกู ของกูนี้ . ขอให ทํ าใหชิน เป น นิ สัยจนหมดความเคยชิน ที่ จะเกิ ดเป น ตัวกู – ของกู แลว ที ่จ ะเปน อรหัน ต หรือ ไมเปน อรหัน ต ก็ค อ ยรูก ัน ; และแมไ มต อ งรูก ็ไ ด, รูแตเพียงวา เดี๋ยวนี้มันสยาย ไมมีทุกขเลยก็พอแลว. เดี๋ยวนี้มันมีแตความเย็น ที ่แ ทจ ริง , ไมม ีค วามรอ นเลยตลอดเวลา จนกวา เปลือ กคือ รา งกายนี ้จ ะแตก ดับ ไป ; นี่ก ็เรีย กวา นิพ พานกอ นตาย, นิพ พาน นั ้น คือ ตอ งตายเสีย กอ นตาย ;มีความหมายอยางนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่ขอใหคุณมองใหเห็นสิ่งสําคัญที่สุดสิ่งหนึ่ง หรือขอหนึ่ง คือวา เรื่องที่ ประเสริฐที่สุด นั้น ไมใชเรื่องกิน เรื่อ งกาม เรื่องเกีย รติ ; สิ่งที่ป ระเสริฐ ที่สุด นั้นคือเรื่องไมมีความทุกขเลย. ภาวะของจิตที่ไมมีความทุกขเลย เพราะไมเกิด ตั ว กู - ของกู นั้ น เป น เรื่อ งสู งสุ ด ในที่ สุ ด ชี วิ ต มั น ต อ งไปถึ งนั่ น ต อ งไปจบที่ นั่ น
๒๔๔
ฆราวาสธรรม
จึงจะไมเสียทีที่เกิดมา. สวนเรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรตินั้น มันเปนเหมือน กับอุปกรณ,เครื่องอุปกรณ เพื่อชีวิตเปนอยูได แลวชีวิตวิวัฒนาการดวยความรู ดวย experience ตาง ๆ โดยเฉพาะ experience ทางวิญญาณ ทางฝายดานนามธรรม ที่ สู ง. ฉะนั้ น เรื่อ งเราศึ ก ษาเล า เรีย น เรื่อ งอาชี พ เรื่อ งงาน เรื่อ งเงิน เรื่อ งกิ น เรื่องกาม เรื่องเกียรติ นั้นมันเปนขอสอบในการศึกษา และขอสอบไลขั้นตน ๆ ตน ๆ เรื่อยมา ; แลวมันก็ไปสูงสุดอยูที่มีจิตใจชนิดที่อยูเหนือสิ่งเหลานี้ทั้งหมด. มันวัดไดโดยทีวาเดี๋ยวนี้มันหมดความยึดมั่นเปนตัวกู - ของกู, เย็นเปนนิพพาน อยู ต ลอดเวลา ; เมื ่อ รา งกายนี ้ม ัน แตกดับ ไป ก็ห มดเรื่อ งกัน ก็เ รีย กวา หมดปญหา. เราจะเชื่อวาตายแลวเกิดอีกหรือไมเกิดอีกก็ตามใจเถิด เราตองทํา อยางนี้อยางเดี่ยวเทานั้นแหละ คือทําลาย “ตัวกู – ของกู” นี้อยางเดียวเทานั้น. ถา สมมุต ิวา จะมีก ารเกิด อีก ก็ต อ งทํ า อยา งนี ้ ; หรือ วา ตายแลว จบกัน มัน ก็ตอ งทํา อยา งนี้ เพื่อ ใหไดสิ่งนี้กอ นตาย. ถา เรายังไมได มัน จํา ตอ งตาย เสียกอน ชาติหนามันก็ตองดีเหมือนกัน เพราะเราทําอยางนี้ ชาติหนาตอไป ๆ มันก็ตองดียิ่ง ๆ ขึ้นไป. ฉะนั้นเรื่องวาตายแลวจะไปเกิดอีกหรือไม อยาไปคิด ; คิดแตวาเดี๋ยวนี้เราจะตองทําอยางนี้ ใหสุดความสามารถของเรา ก็เปนการถูกตอง สํ า หรับ ผู ที ่จ ะเกิด อีก หรือ ไมเ กิด อีก ทั ้ง สองพวก. เพราะฉะนั ้น จึง เห็น ไดว า พระพุ ทธเจาทานตรัสไวถูกตองแลวสําหรับ พวกฆราวาสทั้งหลายวาแบบฉบั บ ระเบี ย บแบบแผนสํ า หรับ ปฏิ บั ติ อ ะไร ๆ ก็ ต าม ที่ มั น เนื่ อ งเฉพาะอยู กั บ เรื่อ ง สุญญตานั้น นั่นแหละ เปนประโยชนเกื้อกูลแกฆราวาสทั้งหลายตลอดกาลนาน. นี่คือ เรื่องสุญญตา กับฆราวาส
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
วันนี้ พอกันเพียงนี้
ฆราวาส กับ อุดมคติของโพธิสัตว - ๑๔ ๑ พฤษภาคม ๒๕๑๓ สํา หรับ พวกเรา ลว งมาถึง เวลา ๔.๔๕ น. แลว ในวัน นี ้จ ะไดพ ูด กัน ถึง เรื ่อ ง ฆราวาส กับ อุด มคติข อง โพธิสัต ว. ถา สัง เกตดูจะเห็น ไดวา เราพูด แตเรื่อ งฆราวาส เกี่ยวกับฆราวาสติดตอกันเรื่อยมา จนกระทั่งถึงวันนี้ ซึ่งเปน เรื่องอุดมคติของโพธิสัตว. มีความหมายสําคัญอยูที่ตรงคําวา “โพธิสัตว”. คนบางคนอาจจะยังไมทราบดวยซ้ําไปวาโพธิสัตวนั้นเปนพระ หรือ เปนฆราวาส. เรื่องนี้มันก็ยากอยูเหมือนกัน ; เพราะวาพวกหนึ่งก็มักจะไดยิน อยางหนึ่ง แลวมีห ลายพวกดวยกัน บางพวกก็เพิ่ม จะประดิษ ฐห ลัก เกณฑ หรือเรื่องราวเกี่ยวกับโพธิสัตวขึ้นมาใหม เพราะฉะนั้นจึงมีความหมายตางกัน. แตถึงอยางไรก็ดี ในที่สุดควรจะทราบวาโพธิสัตวนั้นเปนไดทั้งบรรพชิต และ ทั้งฆราวาส ; แลวสวนใหญ ก็เป นฆราวาส. ยิ่งในฝายเถรวาทเรานี้ดวยแล ว
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๒๔๕
๒๔๖
ฆราวาสธรรม
ก็ ล ดต่ํ า ลงไปจนถึ ง กั บ ว า เป น สั ต ว เ ดรั จ ฉาน ; อย า งชาดกเรื่ อ งลิ ง ล า งหู , โพธิสัต วเป นพญาวานร อยางนี้ เป น ตน ; แลวก็เป น ตั้งแต สัตวเดรัจฉาน เป น ปลาในน้ําขึ้นมาทีเดียว จนถึงสัตวบก สัตวฟา กระทั่งถึงคน ถึงรุกขเทวดา. ทีนี้เรามาพิจารณาถึงคํา ๆ นี้คือคําวา “โพธิสัตว” : คําวา โพธิสัตว ประกอบขึ ้ น ด ว ยคํ า ๒ คํ า คื อ “โพธิ ” คํ า หนึ ่ ง แล ว ก็ “สั ต ว ” คํ า หนึ ่ ง . โพธินี้หมายถึงความรู หรือความตรัสรู ซึ่งเล็งถึงเรื่องสูงสุด; สัตวก็คือสัตวนี่เอง. คําวาโพธิสัตวนี้เราอาจจะถอดรูปสมาสคํานี้ออกไปไดหลายอยาง ตามแบบของ ภาษาบาลี. คําสมาสนั้นเราอาจจะถือเอาความหมายของมันไดทุก ๆอยาง ตามที่ มันอํานวยใหถอดรูปออกไปอยางไร. คําสมาสคํานี้อยางนอยก็จะถอดรูปความ ออกมาไดสัก ๓ อยา งคือ ; - โพธิส ัต ว แปลวา สัต วเพื ่อ โพธิ, หรือ สัต วมีโ พธิ, แลวก็สัตวที่ใชโพธิ. เพื่อโพธิ มีโพธิ ใชโพธิ อยางนอยก็ได ๓ อยางอยางนี้. สัตวเพื่อโพธิ ก็หมายความวา สัตวนั้นจะเปนพระพุทธเจา กําลัง พยายามเพื่อใหไดโพธิ. สัตวมีโพธิ ก็หมายความวา มีโพธิ มีปญ ญา มีอะไร อยูพอสมควร คือวาเต็มรูปของความหมาย ของคําวาโพธิสัตวที่มีโพธิ. สัตวที่ ใชโพธิ ก็หมายความวา เขาใชสติปญญานั้นทําหนาที่การงานเพื่อตน หรือเพื่อ ผูอื่น ; มันเนื่องกันเกี่ยวกับคําวาโพธิสัตวนี้ คือทําประโยชนเพื่อตน และผูอื่น. แมวา จะแปลวาสัตวที่พยายามเพื่อโพธิ บางอยางก็เพื่อตนกอน เพื่อตนตรัสรูกอน แลวยังมุงหมายจะชวยผูอื่น. ทีนี้สัตวมีโพธิไวทําไม ? ก็มีไวชวยตน หรือผูอื่น พรอ ม ๆ กัน ไป. สัต วใ ชโ พธิ ก็เ ล็ง ถึง ประโยชนผู อื ่น มากกวา . นี ่แ หละ คําวา โพธิสัตว เมื่อดูตามรูปศัพทตามหลักของภาษา มีความหมายไดอ ยาง นอ ยก็ ๓ ความหมาย. อยางนี้ เรีย กวาโดยนิตินัย . ทีนี้ต ามที่เปน จริง หรือ วา โดยพฤตินัย ถาเราจะรวมเรื่องราวออกมาทั้งหมด ทั้งฝายเถรวาทและมหายาน
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ฆราวาส กับ อุดมคติของโพธิสัตว
๒๔๗
ก็ม ีค วามมุ ง หมายในการกระทํ า ตา งๆกัน อยู พอที ่จ ะแบง ไดเ ปน ๓ พวกอีก เหมือนกัน. ความหมายแรกกําลังพยายามเพื่อความเปนพุทธะ; นี้คือฝายเถรวาทเรา, ให ค วามหมายของคํ าว า โพธิ สั ต ว นี้ เป น ว า พยายามเพื่ อ จะเป น พระพุ ท ธเจ า . ชาดกตาง ๆ ๕๐๐กวาเรื่องนั้นก็มีความหมายอยางนี้ทั้งนั้น คือสัตวบาง คนบาง รุกขเทวดาบาง ที่กําลังฝกฝนอบรมตนอยู ใหเต็มเปยมดวยคุณธรรม เพื่อจะเปน พระพุท ธเจา . หรือ วา ผู ที ่จ ะเปน พระพุท ธเจา นั ้น กํ า ลัง เกิด เปน สัต วเดรัจ ฉาน เปน มนุษ ย เปน รุก ขเทวดาอะไรก็ได แลว แตจ ะพูด . จนกระทั่ง ชั่ว โมงสุด ทา ย ที่ จ ะเป น พระพุ ท ธเจ า ที่ ต น โพธิ์ . ยั งมี พ ระพุ ท ธภาษิ ต เรีย กของพระองค เองว า “กอนแตการตรัสรู ยังเปนโพธิสัตวอยู” มีพระพุทธภาษิตเลาเรื่องของพระองคเอง. คุณ จะหาอา นดูไ ดห ลาย ๆ เรื่อ ง จากหนัง สือ พุท ธประวัต ิจ ากพระโอษฐ. ในหนังสือพุ ทธประวัติจากพระโอษฐไดยกเอามาไวหลายเรื่อ ง มีถอยคําที่พ ระพุ ทธเจาตรัส ถึงพระองคเองวา กอนแตการตรัสรู ยังเป นโพธิสัตวอ ยู แลวก็อ ยู ที ่นั ่น ๆ ไดทํ า อะไรอยา งนั ้น ๆ. นี ่เปน คติข องฝา ยเถรวาท คือ ฝา ยไต, ไดแ ก ฝายพุทธศาสนาในประเทศไทย พมา ลังกา มีความเชื่ออยางนี้
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ส วนพวกมหายานเขาไม เห็ น อย า งที่ ก ล า วแล ว เป น สํ า คั ญ ; เขาให ความหมายของโพธิสัตวไป ๒ แบบเปนอยางนอย. ทีนี้เราจะติดตามดูวา มันมี เหตุผล หรือวามีความจําเปนอยางไร ? โพธิสัตวฝายมหายยานนั้นอาจจะบัญญัติคํา ไดวา : โพธิส ัต ว คือ ผูส นองพระพุท ธโองการ นี ่ผ มบัญ ญัติเ อาเอง ; แลว ก็โพธิสัตว คือผูสมาทานศีลของโพธิสัตว ; นับวามีอยูอีก ๒ ความหมาย ; รวมกับ ของเถรวาทดวยก็เปน ๓ ความหมาย ความหมายที่ ๒ คือ ความหมายแรกที่เปนของมหายานนั้น มันมี เรื่ อ งที่ ค อ นข า งพิ ศดาร. คุ ณ ก็ เ คยเห็ น หรื อ ว า เคยได ยิ น สิ่ ง ที่ เ รี ย กว า
๒๔๘
ฆราวาสธรรม
“อวโลกิเ ตศวรโพฺธิสัต ว”. ที่ห นา กุฏ ินั้น ก็มีอ ยูอ งคห นึ่ง ที่เ สาทางบอ น้ํา นั้น ก็มีอยูองคหนึ่ง เขาเรียกวา อวโลกิเตศวรโพธิสัตว. โพธิสัตวบางประเภทนี้ก็มี หลายองค เขาจัด ให ป ระจําพระพุ ท ธเจาองค ห นึ่ ง ๆ ทํ าหน าที่ ส นองพระพุ ท ธ ประสงคข องพระพุท ธเจา องคนั ้น ๆ. นี้เปน เรื่อ งราวของพวกมหายาน เลยมี เรื่อ งพิ ศ ดารออกไปถึ งวา พระพุ ท ธเจ านั้ น มี ห ลายระดั บ : พระพุ ท ธเจ าที่ เป น ตนตอแหงพระพุทธเจาทั้งหลาย, แลวก็พระพุทธเจาที่เกิดมาจากฌานของพระพุทธเจาองคนั้นมีอีกหลายองค, พระพุทธเจาที่มาอยูในรูปของมนุษยธรรมดา สามัญนี้ ก็มีอีกระดับหนึ่ง ชุดหนึ่ง มากมายหลายองค, รวมกันแลวหลายรอย หลายพัน. พระพุทธเจาที่เกิดจากฌาณของอาทิพุทธเจานั้น มีอยูองคหนึ่งที่เรียกวา “อมิตาภะพุทธเจา” แลวก็พ ระโพธิสัตวป ระจําพระองคอ มิตาภะพระพุท ธเจา ก็คื อ อวโลกิ เตศวร นี้ . สมั ย หนึ่ งนั บ ถื อ กั นมากทั้ งในประเทศอิ น เดี ย และใน ประเทศที่พระพุทธศาสนาอยางมหายานแผไปถึง จนมีรูปพระโพธิสัตวอวโลกิเตศวร นี้เกิดขึ้น ทั่ว ๆ ไป หลาย ๆ ขนาด ขนาดใหญ ประจําวิห าร ขนาดเล็กประจํา บานเรือน อยูบนหิ้ง. ในประเทศไทยเราก็พ บมาก องคที่ สวยที่สุด ก็พ บที่วัด พระธาตุที ่ไชยา คือ องคที่วามานั้น อยากรูเรื่อ งก็ไปศึก ษาทางโบราณคดีอ ีก สวนหนึ่งตางหากก็แลวกัน ; แตนี้เราจะพูดกันเทาที่เกี่ยวกับศาสนา,
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาเปนเรื่องเกี่ยวกับทางศาสนาไมใชทางศิลป เขาใจวา พวกมหายาน ตั้งใจที่จะรวบรวมคนใหมาถือศาสนาของตนใหมากที่สุด สมกับวา มหายาน, คือยานใหญหลวง ใหญโต พาคนไปไดมากนี้ คือหมายความวา จะตองพาคนโง ไปดวย. แลวสวนมากของคนในโลกนี้เปนคนโง ขี้ขลาด ; แลวเราจะมัวมาถือ แตเรื่อง อนัตตา สุญญตา อยูนี้มันจะเขาใจไดสักกี่คน. และทางฝายศาสนาอื่น
ฆราวาส กับ อุดมคติของโพธิสัตว
๒๔๙
ที ่เ ปน คู แ ขง เชน ศาสนาพราหมณ ฮิน ดู อยา งนี ้ เขามีพ ระเจา คนที ่โ ง และขี้ข ลาดก็ใชพ ระเจานั้น เปน ที่พึ่ง นับ ถือ เชื่อ และออ นวอน ; อยางนี้มัน ก็หมดปญหาในจิตในใจของเขา. เพราะฉะนั้นคนก็อยากจะถือศาสนาที่มีพระเจา ชวย มากกวาที่จะใชสติปญญาชวยตัวเอง. ฝายพวกมหายานก็อยากจะใหมีพระเจาในพุทธศาสนาขึ้นมาบาง ; กอนนี้ ไมมี. ที่นี้อยากมีจะมีพระเจาจะทําอยางไร ก็เลยบัญญัติเรื่องที่วานี้ คือบัญญัติ เรื่อ งของพระพุท ธเจา นี ้ใ หข ยายยึด ออกไป จนมีอ าทิพ ระพุท ธเจา องคแ รก ; แลว ก็มีพ ระพุท ธเจาที่เกิด มาจากอํานาจฌานของพระพุท ธเจาองคแรก ; แต ละองค – แตละองค มีโพธิสัตวคอยรับสนองพระพุทธประสงค. พระอมิตาภะ พระพุท ธเจา มีพ ระโพธิสัต วอ งคนี ้เรีย กชื่อ วา “อวโลกิเตศวร”. อวโลกิเตศวร ถอดสนธิข องคํา ก็เ ปน อวโลกิต ะ + อศะวะระ. อิศ ะวะระก็คือ อิศ วร เปน ชื่อเหมือนกับพระอิศวรใยฝายฮินดูฝายพราหมณ. ก็แปลวา เราก็มีพระอิศวร ใหประชาชนที่โงและขี้ขลาด ; แลวก็บัญญั ติใหอวโลกิเตศวรนั้น คอยดูแลโลก มองดูโลกอยูดว ยความเมตตา ใครตอ งการอะไร ก็ข อได ออ นวอนได จาก อวโลกิเตศวร ซึ่งเปนผูที่จะสนองพระพุทธประสงคในการชวยสัตว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฉะนั้น จึงมีคามสําคัญอยูอยางหนึ่งวา อวโลกิเตศวรนี้เปนผูรับใช,. มีลักษณะเหมื อนเป นผูรับใชของพระพุ ทธเจาอมิตาภะ ; เพราะฉะนั้ นที่ รูปของ อวโลกิเตศวร จึงจะตองมีพระพุทธรูปที่บริเวณหนาผาก คือเหนือหนาผากขึ้นไป ตรงเชิงของมงกุฎอยูองคหนึ่งเสมอ อยางนอยก็องคหนึ่ง, อยางมากก็มีหลายๆองค ตรงนั้น บาง ตรงนี้บา ง. นี่ก็แสดงความหมายวาเปน ผูรับ ใชพ ระพุท ธเจาดว ย แลวก็มีพระพุทธเจารวมอยูในรูปอวโลกิเตศวรนี้ดวย. ฉะนั้นการที่ใครจะไหวรูป อวโลกิเตศวร มันก็มีความหมายมากออกไป คือไหวพระพุทธเจาดวย แลวยัง
๒๕๐
ฆราวาสธรรม
ไหวอวโลกิเตศวรนั้นเองดวย. มัน ก็เปนการตีตื้นขึ้น มา คือชนะได ในการที่จ ะ จูงประชาชนกันมากมาย ซึ่งเปนคนขลาดและคนเขลานั้นมาไดโดยงาย. ศาสนาพุทธอยางมหายานเขาตอสูศาสนาอื่น ที่เขามีพระเจาโดยลักษณะ อยา งนี ้ ดัง นั ้น อุด มคติข องพระโพธิส ัต วนี ้ ก็ก ลายเปน ผู ร ับ สนองพระพุท ธโองการ ในการรั ก ษาศาสนาไว , แล ว ก็ ช ว ยคนที่ ถื อ ศาสนา. พระโพธิ สั ต ว ใ น ความหมายนี้ คือผูที่จะรักษาศาสนาของพระพุทธเจาไว แลวก็ชวยสัตวทั้งหลายที่ นับถือพุทธศาสนา. มันก็เลยตางกวาความหมายเดิมอยางของเถรวาท ซึ่งมีวา โพธิสัตวคือผูที่พยายาม เพื่อที่จะเปนพระพุทธเจา. ความหมายอยางมหายาน กลายเปนวา มีหนาที่รับสนองพระพุทธโองการในการที่จะรักษาศาสนาไวชวยสัตว ทั้งหลายตอไป. ความหมายที ่ส าม ซึ ่ง เปน ของมหายานดว ยเหมือ นกัน ไดแ ก ใครก็ได ที่ถือสมาทานศีล โพธิสัต ว ศีล โพธิสัตวก็มี ขอ สําคั ญ อยูขอ เดียวเทานั้ น คือ วา จะชว ยเพื ่อ นมนุษ ยค นสุด ทา ยเสีย กอ น ที่ตัง เองจะนิพ พาน ; คือ วา ถา ยังมีคนสุดทายเหลืออยูเพียงคนเดียวก็ตาม เขาจะยังไมนิพพาน คือยังไมเขาสู นิพ พาน. สมาทานศีล วา อยา งนี ้ ก็เ รีย กวา สมาทานศีล ของโพธิส ัต ว. นี ่ก็ เปน อุด มคติเ ทา นั ้น ; โดยพฤติน ัย แลว มัน ทํ า ไมไ ด ; เพราะมนุษ ยเ กิด มา เรื่อ ย แลว โพธิสัต วจ ะชว ยจนกระทั ่ง คนสุด ทา ย ก็ต อ งรอไปเรื่อ ย ; ก็แ ปลวา จะไมมีโอกาสเขานิพพานดวยซ้ําไป เพราะวาสัตวมันเกิดมาเรื่อย แตเราอยาไปถือ เอาสว นนั ้น เพื ่อ เปน ขอ คัด คา นกัน ใหเ สีย เวลาเปลา ๆ ; ใหถ ือ เอาอุด มคติ ของผู ที่จะชวยผูอื่น กอ นชวยตัวเอง ก็เลยสมาทานศีล ปฏิ ญ ญา สาบาน หรือ อะไรก็แลวแตจะเรียก วาเราจะชวยมนุษยจนกระทั่งคนสุดทายจึงจะนิพพาน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ขอใหคุณ เปรียบเทียบดูทั้ง ๓ ความหมายนี้ : ความหมายที่ ๑ เปน อยางเถรวาท โพธิสัตวคือผูที่กําลังพยายาม เพื่อจะเปนพระพุทธเจา. ความ
ฆราวาส กับ อุดมคติของโพธิสัตว
๒๕๑
หมายที่ ๒ เปนมหายาน โพธิสัตว คือผูที่รับสนองพระพุทธประสงค ในการ รัก ษาศาสนาไวก ็ด ี ในการชว ยเปน ที ่พึ ่ง แกส ัต วก ็ด ี. ความหมายที ่ ๓ ก็เปน ของมหายาน โพธิสัต วคือ ผูที่ส มาทานศีล ของโพธิสัต ว. สํา หรับการที่แบง เปนเถรวาท หรือ มหายานนี้ เราเอาความหมาย หรือหลักสวนใหญ ๆ ; ที่จริง ขอปลีกยอยมั นก็เหมื อนกัน ก็มีอ ยูดวยกัน ทั้งสองฝาย. การชวยผูอื่น หรือการ ทําตามพระพุทธประสงค มันก็มีอยูในฝายเถรวาท แตเขาไมพูดมาก ไมยกขึ้นมา เปนเรื่องใหญเหมือนฝายมหายาน. มหายานบางนิกายจะไมพูดถึงอะไรหมดเลย จะพูดถึงแตเรื่องสมาทาน ศีล ของโพธิส ัต วเทา นั ้น แตฝา ยเถรวาทเรานี ้ที ่เปด ไวก วา ง ๆ วา โพธิสัต วค ือ ผู ที่กําลังพยายามเพื่ อจะเป น พระพุ ทธเจา. ที นี้ ถาถือเอาแตค วามหมายมั นก็ไม ขัดของอะไรกัน แลวก็กลายเปนหนาที่ที่ทุกคนจะตองทํา และสามารถจะกระทําได ดวย. ฉะนั้น ฆราวาสครองบ านเรือ นอยูตามปกตินี้ สามารถจะเป น โพธิสั ตวทั้ ง ๓ ความหมาย. บางเวลาเราก็เป น อยูแลว เป น โดยวิธีที่ ผ มเรียกวา อุป ปาติก ะ หรือโอปปาติกะ คือเมื่อจิตมันเปนอยางไร เราก็เกิดเปนอยางนั้น. บางเวลาจิต ของเรามุ ง จะเป น พระพุ ท ธเจ า อธิ ษ ฐานจะเป น พระพุ ท ธเจ า มั น ก็ ก ลายเป น โพธิสัตวไป. บางเวลาเราก็มุงจะรักษาศาสนาของพระพุทธเจาใหคงอยู เปน ที่ พึงแกเพื่อนมนุษย นั่นก็เทากับกลายเปนโพธิสัตวไป ตามความหมายที่ ๒ นั้น. แลวบางเวลาหรือบางคนอาจจะคิดในบางคราวในการที่จะมีเกียรติยศชื่อเสียง ใน การชวยผูอื่น ก็กลายเปนโพธิสัตวนอย ๆ ไป.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี้เรียกวาอุดมคติของโพธิสัตวนั้น ฆราวาสสามารถประพฤติได ; แลว ฆราวาสอาจจะเปนโพธิสัตวไดโดยความหมายของโอปปาติกะ คือเรามีหลักวา คิด อย า งไรก็ เกิ ด เป น อย า งนั้ น ซึ่ ง ได พู ด กั น โดยละเอี ย ดมาแล ว ในคราวก อ น ๆ .
๒๕๒
ฆราวาสธรรม
ยกตัวอยาง เชนวา คิดอยางโจรก็เกิดเปนโจรในขณะนั้น, คิดอยางบัณฑิตก็เกิด เปนบัณฑิตในขณะนั้น,กระทั่งวา คิดอยางสัตวเดรัจฉานก็กลายเปนสัตวเดรัจฉาน ไปในขณะนั้น , คิด อยางเปรตอยางอสุรกาย ก็กลายเป นเปรต เป นอสุรกายใน ขณะนั้น, เมื่อคิดอยางโพธิสัตวก็กลายเปนโพธิสัตวไปในขณะนั้นไดเหมือนกัน. หลัก เกณฑอ ยางนี้ไมใหโทษ มีแ ตป ระโยชนโดยสวนเดีย ว ; ทีนี้เราก็พ ยายาม ที ่จ ะใชใ หเ ปน ประโยชนม ากเทา ที ่ม ัน จะมากได ; เราก็จ ะไดร ับ คํ า สอนเปน อยาง ๆ ไป. แผ น ดิ น ตรงนี้ , แผ น ดิ น ภาคใต ของประเทศไทยนี้ ก็เคยนั บ ถื อ พระ พุ ท ธศาสนาทั้ ง อย า งเถรวาท และอย า งมหายาน; แล ว ดู ต ามร อ งรอย ซาก โบราณวัต ถุ โบราณสถานที่ เหลื อ อยู แล ว ก็ พู ด ได วา อย างมหายานเคยเจริญ แพรห ลายมากกวา ดว ยซ้ํา ไป. โบราณสถานยัง คงปรากฎมีอ ยู ทีนี้ค วามรูสึก นึกคิดของประชาชน ที่เนื่องดวยวัฒ นธรรม ก็มีลักษณะของมหายานอยูในการ ที่ จ ะเป น โพธิสั ต ว. เรื่อ งปรารถนาพุ ท ธภู มิ นี้ ก็ เป น อุ ด มคติ ทั้ งฝ ายเถรวาท และ ฝ า ยมหายาน. การปรารถนาที่ จ ะเป น พระพุ ท ธเจ า องค ในอนาคตนั้ น มั น เป น ความปรารถนารวมทั้งเถรวาทและมหายาน เราจะไดเห็นหลักฐานที่คนแตกอน คนรุน โบราณ หรือ ปู ย า ตายายนั ้น จะอธิษ ฐานวา “ขอใหข า พเจา ไดเ ปน พระพุทธเจาองคหนึ่งในอนาคตกาลเทอญ” อยางนี้ก็มีอยูมาก ตามสมุดขอยเกา ๆ. ตอนจบสมุดขอยนั้นจะมีคําอธิษฐานอยางนี้ “ขอใหขาพเจาไดเปนพระพุทธเจา องคหนึ่งในอนาคตกาลเทอญ ดวยบุญกุศลที่ไดทําไวนานาชนิด” กระทั่งคัดลอก สมุดนี้ก็เปนอุดมคติของโพธิสัตวแลวคนนั้นก็เปนฆราวาส คือวาด หรือ ตั้งความ ปรารถนาไวไกลในอนาคต ขอใหเปนพระพุทธเจาสักองคหนึ่ง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฉะนั้ น คํ า ว า “อุ ด มคติ ข องโพธิ สั ต ว ” นั้ น ถ า จะสรุป เอาเพี ย งแต ความหมายเดี ย ว มั น ก็ คื อ ช ว ยผู อื่ น - ช ว ยผู อื่ น - ช ว ยผู อื่ น . ถ า แยกเป น
ฆราวาส กับ อุดมคติของโพธิสัตว
๒๕๓
๓ ความหมายก็ อย างที่ พู ดมาแล ว ; แต วาโดยความหมายใหญ เพี ยงความหมายเดี ยว แลว ก็ค ือ เห็น แกผู อื ่น . ฉะนั ้น อุด มคติข องโพธิส ัต วนี ้จํ า เปน อยา งยิ ่ง สํ า หรับ โลกสมั ย ป จ จุ บั น นี้ ซึ่ ง เต็ ม ไปด ว ยความเห็ น แก ตั ว . เรื่ อ งนี้ ค วรจะนึ ก ถึ ง อยู เสมอ วาเปนภัยอันตรายที่รายแรงที่สุดของมนุษยในยุคปจจุบันนี้ ก็คือความเห็น แก ตั ว . คุ ณ ไปดู ซิ เรื่ อ งการเมื อ งก็ ดี เรื่ อ งเศรษฐกิ จ ก็ ดี เรื่ อ งอะไรก็ ดี มั น สรุ ป อยู ที่ เรื่ อ งความเห็ น แก ตั ว ทั้ ง นั้ น . มนุ ษ ย ส มั ย นี้ จึ ง ไปบู ช า เทคโนโลยี่ – เครื่อ งมื อ ของความเห็ นแก ตั ว โดยไม คํ านึ งถึ งศาสนา หรื อ พระเจ า ; กวาดพระเจ า กวาดศาสนาออกไปทิ้งหมด. เด็ก ๆ ไมไ ดย ิน คํ า วา พระเจา คํ า วา ศาสนา เหลา นี ้ ไดย ิน แตคํ า เทคโนโลยี่ ม ากขึ้ น ทุ ก ๆ สาขา นี่ คื อ อิ ท ธิ พ ลของความเห็ น แก ตั ว ; ต อ งการจะ แสวงหาประโยชน เ พื่ อ ตั ว เป น ความเอร็ ด อร อ ยทางวั ต ถุ ทางเนื้ อ หนั ง ไม มี ขอบเขต, ฉะนั้ น มั น ก็ ต อ งการที่ จ ะเอามาจากผู อื่ น โดยวิ ธี ใดวิ ธี ห นึ่ ง เอามาเป น ของตัว อยา งไมม ีข อบเขต. มัน มีค วามละโมบถึง ขนาดนี ้แ ลว ความกลัว ก็ มี ม าก จึ งต อ งใช วิ ชาเทคโนโลยี่ ในทางป อ งกั น ตั ว อย างไม มี ข อบเขต. มั น ก็ เลย สาละวนกั น แต เรื่ อ งความเห็ น แก ตั ว ไปทุ ก แง ทุ ก มุ ม โลกก็ เป น โลกที่ ร อ นเป น ไฟ มากขึ้นทุกที ๆ ทุกที ๆ เพราะความเห็นแกตัว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฉะนั้ น โดยเนื้ อ แท แ ล ว โลกต อ งการอุ ด มคติ ข องโพธิ สั ต ว , คื อ ว า เลื อ ด เนื ้อ ชีว ิต ของเราสละไดเ พื ่อ ผู อื ่น . ศาสนาคริส เตีย นโดยเฉพาะคํ า สอนของพระ เยซูนั ้น เปน อุด มคติข องโพ ธิส ัต วอ ยา งสูง สุด . “ใหร ัก ผู อื ่น ยิ ่ง กวา รัก ตัว ” “ให ให อ ภั ย แก ผู ที่ ทํ า อั น ตรายเรา” นี้ เป น อุ ด มคติ ข องโพธิ สั ต ว โดยสมบู รณ . มี ค น บางคนกลื น คริ ส เตี ย น โดยพยายามอธิ บ ายให เ ห็ น ว า พระเยซู คื อ เป น พระโพธิ สั ต ว อ งค ห นึ่ ง ; เรี ย กตามภาษาฮิ บ รู หรื อ อะไร เรี ย กว า โยซาฟ ด . ไปหา
๒๕๔
ฆราวาสธรรม
เรื่อ งโยซาฟต อา นดูเถอะ จะเห็น วา เขาอธิบ ายวา พระเยซูเ ปน พระโพธิส ัต ว องคหนึ่ง. แตเราไมเอามากถึงอยางนั้น มันเปนการรุกล้ํามากเกินไป ; เพียงแต เราจะพยายามชี้ให เห็ น วา อุ ด มคติ ข องพระเยซู เป น อุ ด มคติ ของโพธิสั ต ว คื อ เห็นแกผูอื่น ไมเห็นแกตัว. ถาโลกนี้เชื่อพระเยซู ปฏิบัติตามพระเยซู ก็สบายอยางยิ่ง เปนโลกของ พระศรีอ าริย ไปได เหมื อ นกั น ; ไม เป น อย างที่ กํ าลั งเป น อยู นี้ . เดี๋ ย วนี้ ป ศ าจหรือ ซาตานมันครอบงําโลก ทําใหมนุษยในโลกมีความเห็นแกตัวหนักขึ้นๆ แลวก็เลย ไดเปนอยางนี้. ที่จริงโลกนี้ กําลังตองการอุดมคติของโพธิสัตวเปนอยางยิ่ง กวา สิ ่ง ใด ที ่จ ะมาหยุด วิก ฤตกาลตา ง ๆ ในโลกได. เพราะฉะนั ้น ถา คุณ ชอบคํา ๆ นี้, ชอบอุดมคติอันนี้ก็จงเชื่อเถิดวา เราทําได เราเปนได แมในเพศ ฆราวาส ; คือพยายามเห็นแกผูอื่น ทําลายความเห็นแกตัว. แมที่สุดแตอุดมคติอยางโลก ๆ คืออุดมคติของการเลนกีฬานี้ มันก็คือ sporting – spirit ไม ให เห็ น แก ตั ว ให ให อ ภั ย . ฉะนั้ น ถ า ใครเป น นั ก กี ฬ าแท จ ริ ง คนนั ้น ก็เปน ผู อ ยู ใ นอุด มคติข องโพธิส ัต ว. เดี ๋ย วนี ้ส ัง เกตดู ไมเ ห็น มีใ ครเปน นั ก กี ฬ าที่ แ ท จ ริง เป น นั ก กี ฬ าปลอมทั้ งนั้ น ; แม กี ฬ าของมหาวิ ท ยาลั ย นี่ ก็ เป น กีฬ าปลอม ; เห็น แกต ัว จนทํ า อัน ตรายกัน ในสนามกีฬ า, ระเบิด ขวดบา ง อะไรบา ง. แลว พวกกองเชีย รนั ้น คือ พวกเห็น แกต ัว ที ่ส ุด , มีจ ิต ใจที ่กํ า ลัง เห็น แก ตั ว ไปเชี ย ร พ วกของตั ว ร อ ยเปอร เ ซ็ น ต เ ลย ไม เ ชี ย ร อี ก ฝ า ยหนึ่ ง แม สั ก เปอรเซ็น ตเดีย ว. ฉะนั ้น กองเชีย รนี ้เปน เรื่อ งของปศ าจ หรือ ซาตานมากวา คือ เพิ ่ม การเห็น แกต ัว หรือ เห็น แกพ วกของตัว . แลว ทีนี ้ต ัว ผู เ ลน กีฬ าเอง ก็มีแตความเห็นแกตัว ชกตอยกัน, แลวคิดเอาเปรียบอยางไมมีความเปนธรรม
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ฆราวาส กับ อุดมคติของโพธิสัตว
๒๕๕
อยูใจใจตลอดเวลา. แตปากก็พูดวาเลนกีฬา รักษาระเบียบ รักความเปนธรรม ; แตใ จมัน ไมเ ปน อยา งนั้น . ฉะนั้น ถา เพีย งแตวา เปน นัก กีฬ าที่แ ทจ ริง กัน เทา นั้น ก็จ ะเปน อุด มคติข องโพธิสัต ว มีโพธิสัต วกําลังวิ่ง อยูใ นสนามกีฬ า ; คือวาฝกความเห็นแกผูอื่นเห็นแกความถูกตอง,ทําลายความเห็นแกตัวอยูเสมอ. เห็ นแกธรรมะ เห็น แกความถูกตอ งนั่นแหละคือ เห็นแกทั้งหมด ไมยกเวนอะไร, แลว ทํ า ลายความเห็น แกต ัว เสีย เรื่อ ย ๆ ไปดว ยการใหอ ภัย ดว ยการอะไรได แมแ ตเขาลวงเกิน เราเอาเปรีย บเรา เราก็ใหอ ภัย ได. ฉะนั้น ผมอยากจะขอรอ ง ให ทุ ก ๆ องค ทุ ก ๆ คน แม ที่ ไม ได ม านี้ , ศึ ก ษากั น ให ดี ว าอุ ด มคติ ข องโพธิ สัตวนี้ จําเปนในทุกกรณีแกความเปนอยูของคนในโลก คือความเห็นแกผูอื่น ไมเ ห็น แกต ัว . เมื ่อ ไรเรามีค วามรูส ึก อยู อ ยา งนี ้ มีค วามปรารถนาอยู อ ยา งนี้ แลวกําลังกระทําอยูอยางนี้ก็เปนพระโพธิสัตวเมื่อนั้น เวลานั้น. จะลงสนามกีฬา ก็ลงเพื่อเปนโพธิสัตวกันดีกวาที่จะเปนภูตผีปศาจ. แม วาเราจะศึกษาเลาเรียนในมหาวิทยาลัยก็ตาม ก็คิดใหมั นกวางวา เราจะเปน มนุษ ยที่มีชีวิต อยูในโลกนี้ เพื่อ ประโยชนแกโลกเปน สวนรวม ; สวน ตัวเองคนเดียวลืมเสียก็ได ลูกเมีย ถาจะมีก็ลืมเสียก็ได อยาใหเอามาเปนเรื่อง สํ า คัญ . ทั ้ง เราทั ้ง ลูก เมีย ของเรานั ้น มัน เพื ่อ ประโยชนแ กโ ลกอยา งนี ้เรีย กวา ไมเห็น แกต ัว . ถา จะเอาแตค วามสนุก สนาน เอร็ด อรอ ยแตเรื่อ งในครอบครัว ของตัว ก็ไมพนที่จะเปนภูตผีปศาจชนิดหนึ่ง คือมันจะคอย ๆ เผลอ คอย ๆ เผลอ เผลอจนเห็น แกต ัว ชนิด ที ่ด ูไมได. ถา มีอ ุด มคติข องโพธิส ัต วม าคุ ม ครองไวบ า ง นั ่น แหละจะเปน ครอบครัว ที ่ด ี ; ครอบครัว นั ้น จะมีก ารดํ า เนิน ชีวิต ที ่ด ี นา ไหว น านั บ ถื อ น า บู ช า เห็ น แก เพื่ อ นบ า น เห็ น แก ป ระเทศชาติ เห็ น แก โลกทั้ งหมด สากลโลกกระทั่งสัต วเดรัจ ฉานดวย. นี่มีค วามเมตตาเต็ม ที่เต็ม เปย มอยูในจิต ในใจ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๒๕๖
ฆราวาสธรรม
ถาหากวาเรากําลังเปนพอบาน – แมเรือน หรือเปนอะไรอยูก็ตาม มัน ไมมีอะไรดีวิเศษไปกวาเปน เพื่อ เปน สุข กัน ทั้งโลก เสียสละประโยชนสวนตัวได ในเมื ่อ จะเปน ประโยชนแ กส ว นรวมจริง ๆ เมื ่อ เห็น อยู จ ริง ๆ. และนั ่น แหละ ควรจะเรีย กวา “มหาบุร ุษ ” หรือ อะไรที ่ส ูง สุด ที ่แ ทจ ริง . มหาบุร ุษ ที ่เ อา เปรีย บผู อื ่น เห็น แกต ัว ฆา คนไดม าก ๆ นั ้น ไมใ ชม หาบุรุษ ; วา เอาเองตาม ที ่ม ีอํ า นาจจะวา จะแตง ตั ้ง ตัว เอง หรือ วา แตง ตั ้ง ขึ ้น โดยบุค คลที ่โงเขลาชนิด เดีย วกัน . ในโลกนี ้ม ีค นโงม าก ไปนิย มมหาบุรุษ อยา งนั ้น . มหาบุรุษ จริง ๆ ก็ตองแบบของโพธิสัตวของพระพุทธเจา คือไมเห็นแกตัว เห็นแกผูอื่น ชวยผูอื่น ชวยโลก. ที่ผมพูดนี้ก็หมายความวา มุงหมายจะใหคุณเขาใจคําวา “โพธิสัตว” แลว อยา เหวี่ย งทิ ้ง ไปเสีย ไกลลิบ ไมรูอ ยู ที ่ไหนเลยปฏิเสธเสีย วา มัน ไมใ ชเรื่อ ง ของเรา มั น สู งเกิ น ไป อุ ด มคติ ค รึค ระบ า ๆ บอ ๆ ของคนโบราณ ; อยาได คิ ด อยางนั้น. ที่แทเปนเรื่องที่ทุกคนนี้จะตองพยายาม ธรรมชาติมันก็ตองการใหคน ทุ ก คนเป น อย างนั้ น แล วสถานการณ ของโลกในป จจุ บั น นี้ มั น ก็ ต อ งการให ค น เป น อย างนี้ เพื่ อ จะยุ ติ ป ญ หาที่ ยุ งยากของโลกได . ที่ เขาคิ ด วาจะแก ไขกั น ด วย การเมือ ง ดว ยการทูต ดว ยการจัด ทางเศรษฐกิจ ดว ยอะไรตา ง ๆ เหลา นี้ มันเปนเรื่องหลับตางมงายอยางยิ่ง. มันเปนยุคเปนสมัย ที่โลกกําลังเปนอยางนี้ เรียกวามันหมุนมาอยูในราศีที่โงเขลางมงายอยางยิ่ง จนไดฆาฟนกัน เปนเหมือนฆา เนื้อฆาปลา โบราณเขาวาจะถึงยุคที่เรียกวา มิคสัญญี คือไมยอมรับนับถือซึ่งกัน และกัน วา เปน มนุษ ย ; ถือ วา เปน สัต วต ัว เล็ก ๆ จึง ฆา มัน เสีย ใหพ ิน าศเลย นี้เขาเรียกวามิคสัญญี คือเหมือนกับฆาเนื้อฆาปลา.แตกอนนี้ไมเคยมี ที่จะฆากัน งาย ๆ มาก ๆ เหมือนในสมัยนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ฆราวาส กับ อุดมคติของโพธิสัตว
๒๕๗
ฉะนั้นขอใหมองดูอุดมคติอันนี้ ในฐานะที่อยูดวยกันกับฆราวาสได แมวาจะเปนฆราวาสที่ต่ําตอยอยางไร ก็ควรจะมุงหมายที่จะเปนโพธิสัตว ; โดย ไมเ ขา ใจไปวา เปน เรื่อ งเหอ เหิม เกิน ฐานะ, ไมเ จีย มตัว หรือ อะไรทํา นองนี้. เราไมมองกันในแงนั้น มองกันในแงที่วาธรรมชาติ หรือพระเจา หรือพระธรรม อะไรก็ตาม, ตองการใหทุกคนถืออุดมคติอันนี้ ; ไมเห็นแกตัวใหเห็นแกผูอื่น ตอไปก็จะพูดกันถึงเรื่องบารมีที่จะเปนโพธิสัตว, คําวา “บารมี” ก็ แ ปลว า เครื่ อ งมื อ สํ า หรับ ข า มไปฝ งโน น ก็ ได ; หรื อ แปลว า สิ่ ง ที่ ทํ า ความ ประสงคใหเต็ม ก็ได ; ความหมายมัน อยา งเดีย วกัน . สิ่งที่จ ะขามไปฝงโนน ก็คือวา เราตองการที่จะไปฝงโนน ; สิ่งที่ทําความประสงคใหเต็มก็หมายความวา เราประสงคอะไรแลวเราตองสรางบารมี มันจึงจะเต็มขึ้นมาไดตามความประสงค. แลวความประสงคของมนุษยทั้งหมด ไมมีอะไรดีวิเศษไปกวา ขามเรื่องความ ทุกขไปเสียใหพน ไปสูฝงโนนคือความไมมีทุกขเลย. ถือตามหลักเถรวาทคําวา “บารมี” นั ้น มีตั ้ง ๑๐ อยา งคือ ๑. ทาน, ๒. ศีล , ๓ เนกขัม มะ, ๔. ปญ ญา ๕, วิริยะ, ๖. ขันติ, ๗. สัจจะ, ๘. อธิฏฐาน, ๙. เมตตา, ๑๐. อุเบกขา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พระโพธิสัตวบําเพ็ญบารมีเหลานี้แลว ก็ไดเปนพระพุทธเจาในเวลา อัน สมควร. เขาไดใ หตัว เลขไวอ ยา งนา ตกใจวา นานสื่อ สงไขย แสนกัป ป ; นับ ตั้ง แตพ ระโพธิสัต วอ งคนี ้, องคที่จ ะเห็น พระพุท ธเจา ที่เรานับ ถือ กัน อยูนี ้, เริ่มบําเพ็ญบารมีมาใชเวลา สี่อสงไขย แสนกัปป จึงจะตรัสรูเปนพระพุทธเจา เมื่อ สองพันกวาปมาแลวนี้. เรื่อ งอยางนี้อ ยาไปพูดถึงตัวเลขที่มัน นาตกใจจน ไมนาเชื่อ.ถาจะแกปญหาใหลุลวงไปก็ใชวิธีอยางที่ผมใช: คําวา “ชาติ” ชาติหนึ่ง นั้ น คื อ เกิ ด ความคิ ด ที่ เป น ตั วเราครั้งหนึ่ ง. ดั งนั้ น วั น หนึ่ งเรามี ได ห ลายสิ บ ชาติ
๒๕๘
ฆราวาสธรรม
หลายรอ ยชาติ ; ไม ใชชาติ เกิ ดมาแล วเข าโลงที ห นึ่ ง เรีย กวาชาติ ห นึ่ ง ไม เอา อยา งนั ้น . เกิด ความคิด ที ่เปน ตัว กูค รั้ง หนึ ่ง แลว ก็ด ับ ไปครั้ง หนึ ่ง นี ้เรีย กวา ชาติหนึ่ง ; ฉะนั้นคนธรรมดาสามัญนี้ เกิดไดมาก วันหนึ่งหลายสิบครั้ง หลาย รอยครั้ง, เดือนหนึ่งหลายหมื่นหลายแสน, ปหนึ่งหลายลาน หลายโกฏิ, หลาย ๆป ก็หลายอสงไขย. สี่อสงไขยแสนกัปปนั้นเอาเปนวาตองทํามากหนอยก็แลวกัน ในการที่จะมีคุณธรรมเหลานี้ครบ. ทาน ตอ งฝก ฝนเรื่อ ย ฝก ฝนตัว เองในการที ่จ ะใหท าน. เด็ก ๆ บางคนชอบใหทาน ขยันใหทาน ฝกการใหทานนี้แหละ นาเลื่อมใส, มีสตางค บ า ง ก็ ให ค นขอทานเสี ย บ า งให เพื่ อ นเสี ย บ า ง ซื้ อ ขนมกิ น บ า ง ; นี้ คื อ ความ หมายของคําวาทาน คือการใหเพื่อประโยชนแกผูอื่น, ไมใชเพื่อเรา. ฉะนั้น ทานของโพธิ สั ต ว ต อ งเล็ ง ผลเพื่ อ ประโยชน ผู อื่ น ไม ใช แ ลกเอาสวรรค วิ ม าน เหมือนยายแก ตาแก ที่เขาสอนใหทําทาน เพื่อสวรรค วิมาน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ศีล นี้คือ การบัง คับ ตัว เอง ใหมีค วามเปน ระเบีย บ ใหถูก ตอ ง ในความประพฤติทางวาจา ทางรางกาย นี้คือศีล, จะมีตัวเองนี้อยูในระเบียบ.
เนกขัมมะ นี้คือ หลีกออกจากกามารมณ. หมายความวาพยายาม ที่จะไม ให ตกเป นทาสของกามารมณ นี่คื อเนกขัม มะ. ที่เราออกบวชเป น พระ เปนเณรอยางนี้ ก็เรียกเปนเนกขัมมะ. ถาไมบวชอยางพระอยางเณร ก็พยายาม โดยวิธี ใดวิธีห นึ่ งที่ จะไม เป น ทาสของกามารมณ เรื่อ งเพศ ; อย างนี้ ก็ เรีย กวา เนกขัมมะ.
ปญญา หมายถึงรูสิ่งที่ควรรู เทาที่ควรจะรู เรียกวาปญญา ; ไมใช รูเ พอ เจอ อยา งนัก ปรัช ญา รูแ ลว ใชป ระโยชนอ ะไรไมไ ด. ที ่วา รูสิ่ง ที ่ค วรรู ก็คือรูเรื่องที่จะทําใหไมมีความทุกข. รูจักแกปญหาของชีวิตที่เกี่ยวกับความทุกข
ฆราวาส กับ อุดมคติของโพธิสัตว
๒๕๙
วิริย ะ คือ ความพากเพีย ร. ความพากเพีย รที ่จ ะปฏิบ ัติใหลุล ว งไป อบรมนิสัยใหมีความพากเพียร. เรามีคําวา ฝนทั่งใหเปนเข็ม นี้มันก็รวมอยูใน บารมีของโพธิสัตว ไมยอมแพ. ขัน ติ อดทน ; มัน คู กัน ไปกับ ความเพีย ร ถา ไมท ัน มัน เพีย รตอ ไป ไมไหว มันเจ็บปวด ; ตองทนได รอได คอยได. สัจ จะ ความจริง ใจนี ้เ อามาไวต อ ทา ย. เราเคยพูด ถึง ฆราวาสธรรม เอาสัจ จะมาหนา ก็เหมือ นกัน คือ มัน มีพ รอ มกัน อยู เปน ใชไ ด. สัจ จะ ความจริง ใจ, คื อ ความจริง รวมทั้ ง ความซื่ อ สั ต ย . คํ า ว า ความจริ งนี้ ขอให มั น กวาง ๆ รอบตัวออกไป กลา วคือ จริง ตอ ตัว เอง : จริงตอ เวลา จริงตอ หนา ที่ การงาน จริง ตอ อุด มคติ อยา งนี ้เ รีย กวา จริง ตอ ตัว เอง ; แลว ก็จ ริง ตอ ผู อื ่น นั่นแหละคือความซื่อสัตย อยางนี้เรียกตามธรรมดาสามัญ วา ความซื่อสัตยตอ ผูอื่น แลวก็ซื่อสัตยตอตนเองดวย ; รวมกัน ๒ อยางก็เปนสัจจะ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org อธิฏฐาน นี้แปลวาตั้งใจมั่น. ตั้งใจมั่น คือ ปกใจมั่น ระดมกําลังใจ ทั้งหมดลงไปในอันนั้นเรียกวา อธิฐาน. เมตตา ก็ไ มต อ งอธิบ ายแลว , คือ ความรัก ผูอื ่น เหมือ นกับ รัก ตัวเอง หรือยิ่งกวาตัวเอง ; มันก็ยอมรวมไปถึงการชวยผูอื่นดวย ไมใชรักเฉย ๆ.
อุเ บกขา คือ วา ทนได หรือ วา เฉยได ในเมื ่อ มัน ชว ยไมไ ด. เมื ่อ สิ่งตาง ๆ มั นไม เป นไปตามความหวังดีของเรานี้ เราอยาเปนบ าเสียเอง. เชนวา เราเลี้ยงสัตวไวดวยความเมตตา แลวมันเจ็บไข สัตวตัวนั้นมันจะตองตายแน ๆ ตายไปต อ หน าต อ ตา อย างนี้ ; ถ าเรามาเป น ทุ ก ข เสี ย เอง ก็ ใช ไม ได , ยั งไม ใช คนฉลาด ยังไมใชโพธิสัตว. เราก็ตองมีอุเบกขา แกไขไปตามความสามารถที่จะ
๒๖๐
ฆราวาสธรรม
แก ไขได . เมื่ อ มั น ยั ง ต อ งตายอี ก เราก็ อุ เบกขาได . ที นี้ มั น ไม ใช เฉพาะแต สั ต ว คือสูงขึ้นมาถึงลูก ถึงเมีย ถึงบิดามารดา ถึงใครก็ตาม ในกรณี ที่ มันชวยไมได ก็ตองอุเบกขา. คําวา อุเบกขา มีความหมายกวางไปถึงเรื่องอื่น ๆ ดวยที่จะตอง วางเฉยได, มีจ ิต ใจไมห วั ่น ไหวงอ นแงน คลอนแคลน ไมล ม ละลาย ; นี้ เรียกวา อุเบกขา คือมองดูเฉยอยูได. นี่ รวมเป น ๑๐ อย าง นี่ เรียกวา “บารมี ” แล วคุ ณ ไปพิ จารณาดู ซิ ว า อย างไหนที่ ฆราวาสไม ควรปฏิ บั ติ หรือวาปฏิ บั ติ ไม ได . จะเห็ นได วาทุ กอย างทั้ ง ๑๐ อยางนี้ ฆราวาสก็ควรปฏิบัติ ตามความสามารถ แลวเปนสิ่งที่สามารถปฏิบัติ ได : จะให ท านเอื้ อ เฟ อ เผื่ อ แผ ไป ใจกว า งนี้ มาก อ น, แล ว มี ศี ล ตามแบบของ ฆราวาส. เนกขัมมะ นั้นพยายามที่จะชนะกามารมณ หลีกออกจากความบีบคั้น ของกามารมณ ; จะทําอะไรเกี่ยวกับเรื่องเพศ ก็ทําดวยสติปญญา อยาทําดวยความ ลุมหลงกามารมณ . แลวก็มีปญหา ความหมายนี้กวางทั่วไปแลว ฆราวาสก็ตอง มีป ญ ญาชว ยตัว . มีว ิริย ะ มีค วามเพีย ร มีข ัน ติ มีค วามซื ่อ สัต ย มีค วาม อธิฏ ฐาน ในการทํ า งาน ; แลว ก็ม ีเ มตตาเปน เบื ้อ งหนา ; แลว ก็มีอ ุเ บกขา ในกรณี ที่มันแกไขไมได. นี่แหละทําใหฆราวาสมีความสุขอยางยิ่ง, เปนฆราวาส ที่นาบู ชา นาเลื่อมใส. ถาผิดจากนี้ก็เปนฆราวาสที่มีความทุกขทนหมนหมอง ; ต่ําลงไปกวานั้นอีกก็เปนอันธพาล.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่ ขอให เข า ใจอุ ด มคติ ข องโพธิ สั ต ว และเครื่อ งมื อ ปฏิ บั ติ ให ได ต าม อุดมคตินั้น ๆ ในลักษณะอยางที่วามานี้. ถาเราเกิดชอบคํา ๆ นี้ อุดมคติอันนี้ ก็ถือหลักอยางนี้ก็ได โดยไมตองไปถือหลักอยางอื่น ; เพราะถือหลักเทานี้มันก็ พอเหมือ นกัน . ถา ปฏิบ ัต ิอ ยู อ ยา งนี ้ม ัน ก็ม ีม ัช ฌิม าปฏิป ทา, มีฆ ราวาสธรรม มีอะไรครบถวนเหมือนกับที่เราพูดมาแลว ในการที่เราควรจะปฏิบัตินั้น. หัวขอ
ฆราวาส กับ อุดมคติของโพธิสัตว
๒๖๑
ธรรมที่เราจะเอามา รวมเป นหมวดเปนหมูสําหรับปฏิ บัติ เราจะจัดอยางไรก็ได system อันไหนก็ได เพราะมั นเป นไปเพื่ อผลอยางเดี ยวกันนั่ นเอง. ในที่ นี่เราใช คําวา “อุดมคติของโพธิสัตว” แลวบําเพ็ ญ บารมี อยูถึง ๑๐ อยาง นี้ครบหมด. ในที ่ส ุด ก็จ ะเปน พระพุท ธเจา หรือ เปน อะไรได ในจุด หมายปลายทาง ; เรียกวาเปนผูบําเพ็ญ ประโยชนครบถวน ทั้งที่เปนฝายตนเอง และเปนฝายผูอื่น บําเพ็ญประโยชนครบถวน. บัดนี้เราพูดกันถึง ฆราวาส และ อุดมคติของโพธิสัตว ซึ่งจะตอง ขอรองใหคุณ เอาไปคิดดู ดวยจิตใจที่เปนอิสระ ตามเหตุผลของตัวเอง. ถาคุณ ไปฟงเสียงคนทั่ว ๆ ไป เขาจะคัดคานวาฆราวาสอยาไปยุงกับอุดมคติของโพธิสัตว; แตผมยืนยันวาตองยุง. ถาไมยุงแลว โลกนี้จะทําลายลงไปในพริบตาเดียว เป น โลกของนรกไปเลย, เป น นรกหมกไหม ไ ปทั้ ง โลก. ถ า มนุ ษ ย มี อุ ด มคติ ข อง โพธิส ัต วม ัน ก็เปน โลกพระศรีอ าริย คือ ตรงกัน ขา ม ; เปน โลกที ่น า อยู. ขอให ไปคิดดู แมเมื่อคุณจะไปเปนฆราวาสแลว ก็จะตองเกี่ยวของกับอุดมคติอันนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นกกางเขนบอกหมดเวลาก็พอกันที.
กําลังของฆราวาส - ๑๕ ๒ พฤษภาคม ๒๕๑๓ สํา หรับ พวกเราลว งมาถึง เวลา ๔.๔๕ น. แลว . ในวัน นี ้จ ะพูด กัน ถึง เรื่อ ง กํ า ลัง ของฆราวาส. สิ ่ง ที ่เรีย กวา กํ า ลั ง ก็ ค ื อ เค รื ่ อ ง ใ ห เ กิ ด ค ว า ม สํ า เร็ จ , นี ้ จ ึ ง เล็ ง ถึ ง เครื ่อ งมือ ใหเ กิด ความสํ า เร็จ ทุก อยา ง ทุก ชนิด ; ควรจะ พิจ ารณากัน โดยกวา งขวาง. ตอนนี ้อ ยากจะขอใหร ะลึก ถึง เรื่อ งที่เ ราพูด กัน มาแลว โดยเฉพาะคือ อุด มคติข องฆราวาส ซึ่งจะตองมีอยางกวางหรืออยางสูง คืออยาถือเอาความหมาย ขอ งคํ า ว า ฆ ราวาส เพี ย งแต ทํ า ม าห ากิ น ค รอ งบ า น ครองเรือ น ; ใหถ ือ เอาอุด มคติที ่วา เปน ฆราวาสก็ค ือ การ เดิน ทาง ที ่กํ า ลัง เดิน อยู ต อนหนึ ่ง ซึ ่ง จะเดิน ตอ ไปจนถึง ปลายทาง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอใหระลึกถึงอาศรม ๔ คือ พรหมาจารี คฤหัสถ วนปรัสถ สันยาสี ; นี่เรียกวาฆราวาสที่มีอุดมคติมุงหมายจะไปไกลถึงจุดสูงสุดของมนุษย หรือจุดหมาย
๒๖๒
กําลังของฆราวาส
๒๖๓
ปลายทางของชีวิต ในความหมายที่กวาง ไมใชชีวิตแคบ ๆ เพียงแตเรื่องปาก เรื่องทอง ; แลวก็ใหความสําคัญแกคําวา “ฆราวาส” นี้มาก จนถึงกับวา เปน พระอริ ย เจ า ในเพศฆราวาสก็ ได ; หรื อ อย า งน อ ยที่ สุ ด เป น โพธิ สั ต ว ในเพศ ฆราวาสนี้ ก็ได. แลวก็ใหระลึกถึงขอที่วาในคัมภีรของเรา กลาวถึงความเปน โพธิสัตว ที่มีไดแมในสัตวเดรัจฉาน, นี้ถาจะมองใหเปนเรื่องที่ฟงได เปนเรื่อง ที่มีเหตุผ ล เปนเรื่องจริง ก็คือวา เชื้อ แหงความเปน พุทธะ หรือ วาธรรมชาติ แหงความเปนพุทธะ หรือธาตุแหงความเปนพุทธะ นี้มันมีในสิ่งที่มีชีวิตทั่วไป ขนาดลงมาถึงสัตวเดรัจฉานแลวก็ยิ่งเห็นชัดวามันมีความเฉลียวฉลาดที่กําลังจะ เบิกบานออกมา. เพราะฉะนั้นเขาจึงวาดไดในลักษณะที่วา แมแตสัตวเดรัจฉาน ก็ยังเปนโพธิสัตว. มีเรื่องตัวอยาง เชนเรื่องลิงลางหู ที่คุนกับพวกเราดีมาก. ชาดกบาง เรื่องดูเหมือนจะมีถึงขนาดที่วา พระโพธิสัตวเปนปลาดุก ปลาอะไร อยางที่ไม นาเชื่อ . เพราะวาอยางกับ ปลาดุก นี่ ใคร ๆ ก็เห็น แลว วา มัน โง หรือ มัน ต่ํา หรือมันอะไรมากเกินไป ; แตแลวก็อยาลืมวา มันเปนสิ่งที่มีชีวิต. ในชีวิตนั้น จะมีเชื้อแหงความเปนพุทธะ อยางนอยที่สุดก็ยังไมทันจะเบิกบาน, แตกําลัง จะเบิกบาน. เพราะฉะนั้นมนุษยเราไมควรจะเลวไปกวาสัตวเดรัจฉาน ; ควร จะพูดกับตัวเองอยางนี้อยูบอย ๆ. ถาเราประมาท หรืออวดดี มันก็มีสวนหรือมี ทางที่จะเลวกวาสัตวเดรัจฉานไดโดยไมทันรูตัว. หรือบางทีก็จะเปนเพราะเหตุนี้ แหละ จึงไปติดตัน เปนความประมาทอยูโดยเฉพาะผูที่เลาเรียนอยางในสมัย ปจจุบันนี้ดวยแลว ชองทางของความประมาท หรือเขาใจผิดนี้ มีไดมาก, คือ ไปหลงในเรื่องทางฝายวัตถุมากเกินไป,
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้นพื้นฐานของกําลัง, หรือพันฐานที่จะทําใหมีกําลังมันไดแก อุดมคติ.เราอยาลืมนึกถึงอุดมคติ, ใหสิ่งที่เรียกวาอุดมคติมันโชติชวงอยูในใจเสมอ.
๒๖๔
ฆราวาสธรรม
อยางนอ ยที่สุด อุด มคตินั้น เปน กํา ลัง อยูในตัว มัน เอง. ดูใหดีจ ะเห็น วาอุด มคติ นั้นแหละ มันจะเปนตัวกําลังอยางพื้นฐานอยูในตัวมันเอง ; ถาเราเปนคน ไมอุด มคติ มั นก็น าสงสาร. การที่ มีอุด มคติห มายความวาไดรูอะไร ; อยางน อ ย ก็รูอะไรวาอะไรเปนอะไร. นี่มันจะเปนพื้นฐาน เปนจุดตั้งตนของกําลัง. ทีนี้เราจะพูดถึงกําลังสําหรับทําการงาน ใหลุลวงไปดวยดี. ในปญหาที่ เสนอถามขึ้นมาก็มีเรื่องนี้ แตพูดไปในรูปของการปองกัน แกไข ความออนเพลีย ในการทําการงาน. เราจะพู ดกันถึงกําลังในความหมายที่กวาง กําลังที่จะใหเกิด กําลังในการทําการงวาน หรือในขณะที่ทํางาน หรือทํางานแลว ; หมายความวา กอนทํ างานก็มีกําลัง, ทํางานอยูก็มีกําลัง, ทํางานเสร็จแลวก็มีกําลัง ไมมี ความ อ อ นเพลี ย . ถ า ทํ า ไม ถู ก ในเรื่ อ งนี้ มั น จะมี ค วามไม แ น ใ จ มี ค วามอ อ นเพลี ย มี ความฟุ งซ า น, เมื่ อ จะทํ างาน หรือ กํ าลั งทํ างานอยู หรือ ทํ า งานเสร็จ แล ว , ก็ ยั ง ออนเพลีย เอือมระอา ; ชีวิตเปนความทุกขอยูโดยไมรูสึกตัว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เมื่อพู ดถึงกําลัง ขอใหสังเกตดูใหดี ๆ วา เราพูดถึงกันอยูทุกคน และ ทุก พวก แตจ ะครบถว น และถูก ตอ งหรือ ไมนั ้น มัน ยัง มีป ญ หา ; แลว เมื ่อ คน นิ ยมวัต ถุ กั นมาก ก็ จะไปมุ งแต กําลังทางวัต ถุ หรือ ที่ เนื่ อ งกั บ วัต ถุ เชน กําลั งเงิน กําลังทรัพย กําลังขาทาสเพื่อนฝูง หรือกําลังที่เปนมายากลตาง ๆ ไปเสียทางนั้น. ทีนี้ผมอยากจะขอรองใหมองดูใหดี ๆ วาถาเรื่องเกี่ยวกับกําลังแลวละก็ เราควรจะ มีห ลัก กวา ง ๆ ที ่ส ุด เชน วา มีกํ า ลัง ๔ ประการ :๑. คือ กํ า ลัง กาย, ๒. คือ กํ า ลั ง จิ ต , ๓. คื อ กํ า ลั ง ป ญ ญา, ๔ คื อ กํ า ลั ง ของธรรม หรื อ กํ า ลั ง พระธรรม ก็ได. กํา ลัง กาย กํ า ลังจิต กํา ลัง ปญ ญา กํ า ลังธรรมะ นี ้ก็ข อใหพ ิจ ารณากัน ดู ที่ละอยาง.
กําลังของฆราวาส
๒๖๕
กําลังกาย เปนขอแรก ก็คือกําลังของรางกาย ที่มีสุขภาพ อนามัยดี นี้เรียกวากําลังกาย โดยตัวหนังสือ. ที่มันเนื่องอยูกับกายก็รวมอยูในขอนี้ เป น พวกวัตถุดวยกัน ; ฉะนั้นกําลังทรัพ ย กําลังชวยเหลือของมิตรสหาย ตลอดทั้ ง กําลังมายากการตาง ๆ ที่จะใหไดมาซึ่งกําลังอื่น ๆ. เชนผูหญิงมีความงามเปนกําลัง ถาสวยมากก็สามารถที่จะเอาอิทธิพลอะไรมาใชไดมาก อยางนี้เปนตน; ก็จะเรียกวา กําลังของมายาการ ทํานองเดียวกับเครื่องทุนแรงในทางวัตถุลวน ๆ. ทั้งหมดนี้ ขอใหรวมไวในคําวา “กําลังกาย” ทั้งหมด มันจะมีสักกี่อยาง กี่สิบอยาง มันก็เปน พวกกําลังกายทั้งนั้น ; เพราะวามันตองการจะใหไดใชกําลัง ในความหมายของ กําลังกาย กําลังบีบบังคับ. เชน ความงามของผูหญิงมีกําลังที่จะลากคอบุรุษมาใช อย างทาส. อย างนี้ เรีย กวา มั น เป น กําลั งที่ เนื่ อ งอยูกั บ กาย, ต อ งสงเคราะห วา เป น กําลังกายหมด. คุ ณ ไปแจกเอาเองก็ได มั น มี กี่อ ย าง กี่สิ บ อย าง ; แต แล ว รวม ๆ เรียกวา กําลังกาย ; ขยายออกไปเปนกําลังทรัพย กําลังเพื่อนฝูงชวยเหลือ กําลังที่เรียกวาเปนโดยออมอีกมากมายหลายชนิด. เรื่องนี้เราจะไมพูดมาก พอไป หาอานได หรือรูกันอยูแลว หรือหาดูไดจากหนังสือตําหรับตํารา ไมยากเย็นอะไร.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org กําลั งจิต คําวา กําลังจิต ในที่ นี้แยกออกมาเสียจากําลังปญ ญา ; อยาเอาปญญาไปรวมกับจิต เพราะปญญาเปนขอที่ ๓. กําลังจิตก็หมายถึงกระแส ของจิ ต ที่ มี กํ า ลั ง ล ว น ๆ ทางฝ า ยจิ ต ล ว นๆ ; นั บ ตั้ ง แต ความหวั ง ความตั้ งใจ อะไรเหลานี้. แตผมอยากจะระบุไปตามหลักในคัมภีรของพวกเราดีกวา. สําหรับ กํ า ลัง จิต นี ้จ ะระบุไ ปยัง สิ ่ง ที ่เ รีย กวา ศรัท ธา วิร ิย ะ สติ สมาธิ, ๔ อยา งนี ้; ขยักเอาปญญาไปไวในหมวดที่ ๓ ซึ่งเปนหลักธรรม ในบาลีเรียกวา พละ เรียกวา อิน ทรีย; ในหนัง สือ นวโกวาท ก็มีไ ปหาอา นดู. สว นในที่นี้จ ะพูด กัน เฉพาะ ในแงที่มันจะเปนกําลังของฆราวาส ในการงานประจําวันไดอยางไร เทานั้น.
๒๖๖
ฆราวาสธรรม
ขอ ที ่ ๑. ศรัท ธา แปลวา ความเชื ่อ , แตม ัน ก็เ ล็ง ถึง อะไรที ่เ กี ่ย ว ขอ งกัน เชน ความหวัง ความตั ้ง ใจ ซึ ่ง มัน เนื ่อ งมาจากความเชื ่อ . การที ่เรา จะไปหวังสิ่ งใดนั้ น เราต องมี ค วามเชื่อ ในสิ่ งนั้ น . เดี๋ ยวนี้ พู ดกั น ถึงความหวังมาก โดยเฉพาะเด็กหนุ มสาวแลวละก็ จะยกถึงเรื่อ ง ความหวัง มาเป นสรณะกัน เสีย ทีเ ดีย ว. ที ่พ ูด กัน วา “ชีว ิต อยู ไ ดด ว ยความหวัง ” หมดความหวัง ก็ฆ า ตัว ตาย อยางนี้เปนตน ; แมความหวังชนิดนี้ก็ตองเรียกวาศรัทธา. ที่จริงศรัทธานี้มันเปน นามธรรม ไม ใชเรื่องทางวัต ถุ ; แต แลวก็ไม วายที่จะไปเนื่ องกับ วัตถุ . ถาคนโงมี ศรัทธาดวยจิตใจลวน ๆ ไมได ก็ตองอาศัยวัตถุ โดยเฉพาะ เชนเครื่องรางตาง ๆ นานาชนิ ด เป น ไสยศาสตรไป เอาเครื่อ งรางมาช วยให มี ค วามเชื่ อ มั่ น คงขึ้ น มา. เพราะสิ่ งที่ เรีย กว า “เครื่อ งราง” นั้ น แยกออกไปเป น กํ า ลั ง ฝ า ยกาย ก็ ได เป น กํ า ลั งฝ า ยจิ ต ก็ ได . คนมี เครื่อ งรางแล ว คึ ก คั ก ขึ้ น มาในทางรางกาย เพราะความ เชื่อชนิดนี้มันทําใหเกิดพลังทางกายจนกวาที่มีตามปรกติ. แต ศรัทธา ในขอนี้ ผมอยากจะระบุถึงศรัทธาที่เปนเรื่องทางฝายจิต ; มี ความเชื่ อ ด วยกํ าลั งของจิ ต แม ไม เนื่ อ งด วยวัต ถุ เช น เครื่อ งรางเป น ต น มั น ก็ เนื่ อ งมาจากความรู ในขั้ น พื้ น ฐาน, เข า ในสิ่ ง นั้ น ดี จ นมี ศ รั ท ธา ศรั ท ธาในพุ ท ธศาสนาเชื่ อ เรื่อ งกรรม, เชื่ อ คํ า สั่ งสอนของพระพุ ท ธเจ า เป น หั วข อ ใหญ ๆ ; เชื่ อ กรรม เชื ่อ ผลกรรมเชื ่อ การที ่ผู ทํ า จะไดร ับ ผลของกรรม, แลว ก็เ ชื ่อ การตรัส รู ของพระพุ ท ธเจ า ; นี้ ศรัท ธาระบุ ไปในลั ก ษณะอย า งนี้ . ถ า เรามี ศ รั ท ธามั น ก็ มี กําลังทางจิตขึ้นมา ; ดังนั้นจะตองไปชําระสะสางดูใหดี วาเราบกพรองอะไรบาง หรือมันกําลังไขวเขวปนเป ไมเปนระเบียบอยางไรบาง ไปตรวจสอบดูใหดี.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอ ที ่ ๒. เรีย กวา วิร ิย ะ. คํ า วา “วิร ิย ะ” นี ้ ในที ่อ ยา งนี ้เ ปน ชื ่อ ของกํ า ลั ง จิ ต ไม ใ ช ห มายถึ ง เรี ย วแรงที่ กํ า ลั ง ทํ า งานอยู . ตรงนี้ อ ยากจะบอกให ทราบ สําหรับพวกคุณ ที่เรียนหนังสือมาอยางนี้ จะยังไม ทราบ คือวาภาษาบาลีนี้
กําลังของฆราวาส
๒๖๗
มันประหลาดอยูบางอยาง เขาใชคํา ๆ เดียว ใชเรียกไดหลายสิ่งหลายอยางซึ่งมัน ลว นแตเนื ่อ งกัน : เชน “วิริย ะ” นี ้ใชเล็ง ถึง ตัว ความเพีย รพยายาม เหงื่อ ไหล ไคลยอยก็ได. แตเขาใชเปนชื่อเรียกเจตสิกธรรมในจิต ที่จะปรุงแตงจิต ใหมีความ เพีย รชนิด นั ้น ก็ไ ด. เจตสิก ธรรม ความรู ส ึก ในจิต ที ่จ ะปรุง แตง จิต ใหข ยัน ขันแข็งในสวนขางนอก แตขางในเขาก็เรียกชื่อเจตสิกธรรมนั้น วาวิริยะก็ได. ยกตัวอยางที่งาย ๆ เชนวา เรามีความสงบรํางับ สบายทางรางกาย นี้ก็เรียกวาความรํางับทางรางกาย.แตมูลเหตุของมันอยูที่เจตสิกภายในใจที่เปน เหตุใ หมีค วามรํา งับ ทางรา งกาย แลว ก็เ รีย ก เจตสิก คือ ความรูส ึก ของจิต ในจิต นั้น วา ความรํา งับ ทางกายอีก เหมือ นกัน ; ชื่อ มัน เปน เสีย อยางนี้, เชน คํา วา ‘กายปส สัท ธิ’ เปน ตน ซึ่ง แปลวา ความรํา งับ ทางกาย ; แตเปน ชื่อ ของ ตนเหตุ ที่ทําใหเกิดความรํางับทางรางกาย เปนนามธรรมอยูในจิต. คําวา วิริยะ นี้ก็เหมือนกัน เขาหมายถึงเจตสิกธรรมในจิต เรียกชื่อ มันวา วิริยะ, มันมีขึ้นแลวปรุงใหเกิดความพากเพียรออกมาทางภายนอก ซึ่ง ก็เรียกวา วิริยะ อีก ; แลวคําวา วิริยะ ยังเปนชื่อแปลก ๆ ของกําลังของความ กํา หนัด , ที ่เมื ่อ มีค วามกํ า หนัด แลว มัน เผาผลาญเยื ่อ ในกระดูก ใหก ลายเปน น้ําเมือกออกมาขางนอก อยางนี้เขาก็เรียกวา วิริยะเหมือนกัน. แรงงานอันนั้น ซึ่งเปนความกําหนัด นั้น ก็เรียกวา วิริยะเหมือ นกัน . เหลานี้บ อกไวใหทราบวา คําในภาษาบาลีนั้น มันใชกวางอยางนี้ แลวอยาใหปนกันยุงจนไมเขาใจ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที่งายกวานี้อีกเชน คําวา ทาน ทานนี้เรารูจักแตวา เปนการใหทาน. แตในภาษบาลีนั้นมีความหมายใหออกมาจากขางในเลย หมายถึงสิ่งที่มีอยูขางใน. ความคิดที่จะใหทานนั้นก็เรียกวาทาน, เจตสิกธรรมที่เปนเหตุใหเราทําทาน ทน อยู ไ ม ไ ด นั้ น ก็ เ รี ย กว า ทาน, แล ว การให นี้ ก็ เ รี ย กว า ทาน, วั ต ถุ สิ่ ง ของที่
๒๖๘
ฆราวาสธรรม
ใหไปนั้น ก็เรียกวาทาน, สถานที่ทีใหทาน ก็เรียกวาทาน ; มันมากถึงอยางนี้. นี่ขอใหรูไวเปนหลักทั่วไปวา ภาษาบาลีใชกวางอยางนี้ แลวเราก็จะหายฉงนได มากขึ้น. คําวา วิริยะ ในที่นี้ก็หมายถึง เจตสิกธรรมในจิตที่ผลักดันใหเรามี ความฮึกเหิมในการที่จะมีความเพียร มีความพยายาม. ขอที่ ๓. สติ สตินี้เปนกําลังอยางยิ่ง ในหนาที่ของสติ คือความระลึก รูสึกอยู นี้มันจะควบคุมใหอันอื่น ๆ นั้นไมหยุดชะงัก หรือไมเดินผิดทาง ไมเขว ออกนอกทาง ; เชนสติอยู วิริยะก็จะเดินถูกทางอยูเรื่อ ย. ดังนั้นสติจึงถูกจัด ใหเปนกําลังในหนาที่อีกแบบหนึ่ง ขาดไมไดในเรื่องกําลังของสติ. ขอที่ ๔. เรียกวา สมาธิ นั้น คือ ตัวกําลังจิตโดยตรง, คํ านี้เป นคํ า ประธานของสิ่งที่เรียกวา “กําลังจิต” คือตองมีสมาธิ. แตวาตามลําพังสมาธิ มันก็ ไปไมรอด มัน ตอ งมีศ รัท ธา วิริย ะ สติอ ยูดว ย. ทีนี้คํา วา “สมาธิ” นี้ห มาย ถึง กํ า ลัง ใจที ่อ บรมแลว ; ถา ไมไ ดอ บรม มีอ ยู ต ามธรรมชาติ มัน ก็เรีย กวา สมาธิเหมือ นกัน ; แตเ รายัง ไมเ รีย กวา กํา ลัง ในที่นี้. ที่เ รีย กวา กํา ลัง สมาธิ นั้นตองอบรมกระทําถูกวิธีแลวเกิดสมาธิ จึงจะเปนกําลังสมาธิ หรือสมาธิพละ. สมาธิชนิดหนึ่งมีอยูตามธรรมชาติ พอเราตั้งใจจะทําอะไร สมาธินั้นก็มีเอง ; มัน ก็เปน กํา ลังอยูเหมือ นกัน .แตใ นที ่นี ้เราไมห มายถึงอยา งนั้น , เราหมายถึง สมาธิชนิดที่เราสรางมันขึ้นมา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ตัวอยางเชน เมื่อคน ๆ หนึ่ง จับปนขึ้น จะยิงออกไป นี้สมาธิมัน ก็มีขึ้นมาทันควันโดยไมตองรูสึกตัว ; อยางนี้ก็เปนสมาธิตามธรรมชาติ เกี่ยวกับ ธรรมชาติ เกี่ ย วกั บ พื้ น เพทางจิ ต ใจของบุ ค คลนั้ น . หรื อ เมื่ อ คุ ณ เริ่ ม คิ ด เลข
กําลังของฆราวาส
๒๖๙
สมาธิก็เกิด ขึ้น ตามธรรมชาติ, แลวมัน ก็คิด ไปไดดวยสติปญ ญา. สมาธิต าม ธรรมชาติอยางนี้ก็เปนกําลังในระดับธรรมชาติ : คนโงก็มีไปตามประสาคนโง, เด็ก ๆ ก็มีไ ปตามประสาเด็ก ๆ. แตถา เราจะเล็ง ถึง สมาธิที่เ ปน พละกัน แลว ก็ตองหมายเอาสมาธิที่อบรมดวยวิธีใดก็ตาม เปนแบบฉบับที่มีมาแตโบราณแลว; ทั้งหมดนี้ก็ยังถือวาเปนกลางๆอยู. ทั้งศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ในที่นี้ที่เรียกวา “กําลังจิต” นี้ ระบุ เฉพาะตัว ที ่เ รีย กวา กํ า ลัง ; เอาไปใชผ ิด ก็ไ ด เอาไปใชถ ูก ก็ไ ด, เรีย กชื ่อ อยา งเดีย วกัน ได. เชน สมาธิใชผิด ก็คือ สมาธิที่ใชไ ปในการเบีย ดเบีย นผูอื่น ซึ่งมีอยูมาก. คําวา จิต นี้เปนสิ่งลึกลับที่เรายังรูจักมันไมหมด ไมครบ ไมถวน; แตวาเทาที่มนุษยรูแลวก็ไมใชนอย สามารถอบรมจิตใหมีสมาธิ ชนิดที่เปนฤทธิ์ เปนปาฎิหาริยมาแลว ตั้งแตกอนพุทธกาล ; หรืออยางนอยก็รูสึกปลุกกําลังจิต ใหทําอะไรเกินกวาธรรมชาติไดหลายเทา. แมแตเรื่องของพวกยักษพวกมาร, คุ ณ ฟ ง อย า งนี้ ไ ปคิ ด ดู อย า งในหนั ง สื อ จั ก รๆ วงศ ๆ เช น เรื่ อ งรามเกี ย รติ์ มีคํา กลอนวา :- วา แลว เปา ลูบ ขึ้น สามที เจ็บ ทั่ว อิน ทรียก็เสื่อ มหาย อยา งนี้ ลุก ขึ ้น ไปรบไดอ ีก ; จะเปน กุม ภกัณ ฐ หรือ ตัว อะไรก็ไ มท ราบ ; เมื ่อ เปน เด็ก ๆ ก็เ คยอา น เดี ๋ย วนี ้ก ็ย ัง จํ า ไดค รา วๆ. เมื ่อ มัน ถูก ทุบ ถูก ตีล งนอนอยู กระดูกหัก แขงขาหัก ; แลวสํารวมจิตตามวิธีที่เคยฝกมา เปนสมาธิ ก็เปาลูบ ไปทั่วตัว มันก็ลุกขึ้นไดอีก. หรือเรื่องในอรรถกถาบาลี ก็มีวาพระโมคคัลลานะ ของเรา ถูกโจรทุบจนกระดูกแหลก ก็สํารวมกําลังจิตจากสมาธิ เหาะไปเฝา พระพุทธเจา ; นี้คือกําลังของสมาธิ ที่เปนไปในทางฝายฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์ หรือ ปาฎิหาริยก็อยางหนึ่ง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๒๗๐
ฆราวาสธรรม
ทีนี้ เราเอาสมาธิเชนนั้นมาใชในฝายการงาน ที่เราตองการจะทํานี้ ก็ ได ; หรือ เอาสมาธิ นี้ ไปใช เพื่ อ บรรลุ ม รรค ผล นิ พ พานก็ ได ; อํ า นาจหรื อ ประโยชนของสมาธิมีอยางนี้. อยาลืมวามันจะตองเปนอยางที่ผมเคยพูดย้ําแลว ย้ําอีก : สมาธิตองประกอบดวยองคสาม คือ - จิตบริสุทธิ์ - จิตตั้งมั่น – จิตไว ตอหนาที่. จิตบริสุทธิ์สะอาด ไมมีกิเลสรบกวนตอนนั้น จิตวางจากกิเลสรบกวน แลวก็จิตตั้งมั่นแนวแนเขมแข็งมีอารมณ เดียว นี่ผมเรียกวาตั้งมั่น, และก็จิตไว พรอม คลองแคลววองไวตอหนาที่ ; รวมเรียกวา ปริสุทโธ สมาหิโต กัมมนีโย. กัมมนีโย นี้คลองแคลวในการงาน เดี๋ยวนี้เรียกวา active พูดถึงกัน มากในคํา วา active เชน วา คนนั้น ไม active คนนี้ active นี้ก็ห มายถึง คํา วา ไว, ไวตอ ความรูสึก ไวตอ หนา ที่ก ารงาน ทางกาย ทางจิต ก็ต าม. อยาไปเขา ใจวา สมาธิแ ลว นั่งตัวแข็งที่อ หลับ ตา ทํา อะไรไมได นอกจากนั่ง หลับ ตา นั ่น เปน คํ า พูด ของคนที ่ไมรูเรื่อ งสมาธิ. แลว ประโยชนอ ยา งยิ ่ง ของ สมาธิ ก็ คื อ active คื อ ไวต อ หน า ที่ ; มั น ไม ได อ ยู นิ่ ง , ไวต อ การคิ ด นึ ก การ กระทํา การพูดจา การทําการงานอะไรทุกอยาง ; มีกําลังในทางจิตแรง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทั ้ง ๔ อยา งนี ้ เราเรีย กวา กํ า ลัง จิต ไปหมด มีศ รัท ธา – กํ า ลัง ความเชื่ อ , แล ว ก็ มี วิ ริ ย ะ - กํา ลั ง ความพากเพี ย ร, มี ส ติ – กํา ลั ง ของสติ ความระลึกรูสึกตัว, แลวกําลังของสมาธิ – คือความที่จิตถึงขีดสูงสุดของการมี กําลัง ; นี่เรียกวากําลังจิต. คนทั่วไปก็พูดถึงกําลังกาย กําลังจิต คุณก็กําลังพูด ถึงกําลังจิต, แตกลัววาจะไมถูกตองและสมบูรณเหมือนอยางนี้. เอาไปคิดดูใหม เอาไปสะสางเสียใหม ใหมีกําลังจิตในลักษณะอยางนี้ ในการทําการงานในหนาที่, จะเปนเรื่องการเลาเรียน หรือการครองเรือนอะไรก็ตาม.
กําลังของฆราวาส
๒๗๑
ตอไป กําลังปญ ญา, ปญ ญาก็แปลวาความรู มันก็ขยายความออก ไปถึ ง ทุ ก อย า งที่ มั น เกี่ ย วกั บ ความรู , ทุ ก อย า งที่ เกี่ ย วกั บ ความรู ความฉลาด ความสามารถ ฝ ไม ล ายมื อ เทคโนโลยี่ ทั้ ง หลาย, รวมอยู ในคํ า วา ป ญ ญา หรือ กําลังปญ ญา. ความมีศิลปะนี้ก็รวมอยูในคําวาปญ ญา. กําลังปญ ญา คือกําลัง ของความรอบรู ; รูอ ะไร ? ก็รูใ นสิ ่ง ที ่ต นจะทํ า หนา ที ่ที ่ต นจะทํ า . ที ่นี ้คํ า ชื ่อ ที ่ม ัน จะแทนกัน ได เชน ฝไ มล ายมือ หรือ ความรู อ ะไรที ่ม ัน ลว นแตเ นื ่อ งกัน เชน วา มีศ ิล ปะ มีพ รสวรรค มีอ ะไร, เดี ๋ย วนี ้ค งจะเรีย กวา เทคโนโลยี ่. ความรู ทางเทคโนโลยี่ทางแขนงไหนก็ตาม ซึ่งคุณ กําลังบูชาเปนพระเจาอยู นั่นคือกําลัง ปญ ญานี้. นี่เรายังไมหมายถึงเรื่องไปนิพ พาน, กําลังปญ ญานี้เรายังไมหมายถึง ความถูก ตอ ง หรือ ไปมรรค ผลนิพ พาน ; หมายถึง แตค วามรู ความสามารถ ของจิตเทานั้น, เอาไปใชผิดก็ได. อยาลืมวา สิ่งที่เรียกวาปญ ญาในภาษาโลกิยะ เอาไปใชผิดก็เรียกวา ปญญา, ปญ ญาในทางที่จะคอรัปชั่น มันก็อยูในพวกฉลาด ที่อยูในพวกปญ ญา. ปญ ญาที่จะทําแตสิ่งที่ถูกที่ควร มันก็เรียกวาปญ ญา. เมื่อเราพูดถึง กําลังเฉย ๆ เราเอาไวเ ปน กลาง ๆ เอาไปใชทํ า ผิด ก็ไ ด เอาไปใชทํ า ถูก ก็ไ ด. ปญ ญ าที่ เรี ย กว า เป น กลาง ๆ เอาไปใช ท างคดโกงอะไรต อ อะไรก็ ได นี้ เรีย กว า cunning ในภาษาอัง กฤษ คลา ย ๆ กับ คํ า วา “เฉโก”. ปญ ญาแท ๆ ปญ ญาบริส ุท ธิ์ เพื่อไปสูมรรค ผล นิพพาน ก็เห็นเรื่องปญ ญาในระดับหนึ่ง แตชื่อมันเหมือนกัน ระวังใหดี.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ คุณ จะต องรูจักสังเกต แยกแยะดู วา กํ าลั งกายคืออะไร ? กําลั ง จิ ต คื อ อะไร ? กํ าลั งป ญ ญาคื อ อะไร ? ทํ าไมไม เอากํ าลั งป ญ ญาไปใส ไวในเรื่อ ง กําลังจิต ? ก็เพราะวาป ญ ญาในที่นี้หมายถึงความรูของจิต, ความรอบรูของจิต.
๒๗๒
ฆราวาสธรรม
กําลังจิตนั้น คือตัวจิตที่ถูกอบรมดีแลวมันเกิดกําลังขึ้นในตัวจิต ไมเกี่ยวกับความรู. สวนปญ ญา มันเปนความรูของจิตนั่นแหละ แตมันเปนแผนกความรู ; เราเลย เรีย กวา “กํ า ลัง ปญ ญา”. นี ้ทั ้ง กายและทั ้ง จิต นี ้ม ัน เนื ่อ งกัน : ปญ ญาและจิต มัน ก็อ ยู ใ นรา งกายนี ้, รา งกายก็เปน ที ่ตั ้ง ของจิต . จิต ก็เ ปน ที ่ตั ้ง ของปญ ญา. เรามีรา งกายเปน เครื่อ งรองรับ จิต , จิต ก็ก ลายเปน เครื่อ งรองรับ ปญ ญา; มัน เนื่องกันไมแยกกัน. มีปญญาอยูในจิต, จิตอยูบนกาย, อาศัยกันไปทั้งสามอยาง. ลองคิดดูวา จะมีอะไรมาจากไหนอีก มาจากที่ไหนอีก ? ดูเหมือนวาจะ ไปมีใครนึกถึงกันเสียแลว วามีทั้งกําลังกาย กําลังจิต กําลังปญญา ก็พอเสียแลว. ผมอยากจะเติมให “กําลังธรรม” คือกําลังของความถูกตอง ; เพราะวาที่แลวมา สามอยางนั้น ไมเกี่ยวกับความถูกตอง ; มันเกี่ยวกับกําลัง มีกําลังมาก ๆ ก็แลวกัน มัน ยัง ไมเ กี ่ย วกับ ความ ถูก ตอ ง ; ฉ ะนั ้น อัน ที ่ ๔ นี ้จ ึง แถม เขา ม าเปน “กําลังธรรม”.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org กําลังธรรม หรือกําลังพระธรรมก็ได นี้คือกําลังของความถูกตอง ; แต เราเรีย กว า กํ า ลั งของพระธรรม ก็ จ ะดี ก ว า ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ก วา . ข อ แรกเมื่ อ พู ด ถึ ง ความถูกตองก็ขอใหระลึกถึงอริยมรรคมีองคแปดนั้นแหละ. หรืออัฏฐังคิกมรรค หรือมัชฌิมาปฏิปทา ไวเปนหลักประจําใจ : แยกเปน ความถูกตองในความคิดเห็น ถูกตองในความหวัง ถูกตองในการพูดวา ถูกตองในการกระทําทางกาย ถูกตอง ในการเลี้ยงชีวิต ถูกตองในความพากเพียรพยายาม ถูกตองในความรําลึกประจําใจ แลวก็ถูกตองในความมีสมาธิ. ถา มัน ผิด เขาก็เรีย กมัน วา มิจ ฉามรรค หรือ มิจ ฉัต ตะ ; ถา มัน ถูก เขาก็เรียกวา สัมมามรรค -หนทางถูก ; ถาผิดก็เรียกวา หนทางผิด. มิจฉามรรค
กําลังของฆราวาส
๒๗๓
ก็คือวา ความรูความเขาใจผิด ความหวังผิด พู ดจาผิด การงานทางกายผิด เลี้ยงชีวิตผิด ความเพียรผิด สติผิด สมาธิผิด ; มันคือฝายผิด. สวนฝายถูกตอง ก็อยางที่เราเรียกวา เปนตัวของพุทธศาสนา เรียกวา มัชฌิมาปฏิปทา ก็เรียก, อัฏ ฐัง คิก มรรค ก็เ รีย ก, อริย มรรค ก็เ รีย ก. แลว ตอ งมี “กํา ลัง ของความ ถูก ตอ ง” นี้ มาควบคุม ทั้ง หมดอีก ที : ควบคุม กํา ลัง กาย ควบคุม กํา ลัง จิต ควบคุม กํา ลัง ความรู ใหเปน ไปในทางที่ถูก ตอ ง; ถา จะเรีย กใหก วา งออกไป ก็เปน “กําลังของธรรมะ”. “กําลังของธรรมะ” นี้ขยายออกไปถึงสิ่งที่มันเนื่องกันอยูโดยออมอีก หลายอยางก็ได ; ที่ใชกันมากอยูอยางผิด ๆ นี้ ผมจะระบุชี้ใหเห็น เชนกําลัง ของบุญเกา ของบุญกุศลทําไวแตการกอน.คุณเคยทําความดีความงาม ความ ถูกตอง อะไรไวมากแตกาลกอน. นี้มันก็เปนกําลังใหมขึ้นมาในที่นี้อีก. กําลัง ของบุญ ของกุศ ลที่ไ ดก ระทํา ไวดีแ ลว นี้ก็เรีย กวา กรรมที่ไ ดก ระทํา ไวดีแ ลว แตกาลกอน มาเปนกําลัง เปนกุศลกรรมแตหนหลังชวย. แตแลวคนในสมัยนี้ ไมส นใจ ถอยหลัง เขา คลอง ไปเรีย กสิ่ง เหลา นี้วา “โชค” วา “เคราะห” หรือ อะไรไปเสียอยางนี้, วาเปนโชคดี เคราะหดี ฤกษดี อะไรไปทํานองนั้น ; นั่นเพราะความโง เพราะอํานาจของความขลาด และความโงรวมกัน.โงทําให ขลาด ขลาดทําใหโง หลอเลี้ยงกันอยูอยางนี้แหละ; แลวก็ไปถือเทวดา ผีสาง โชคชะตาราศี อะไรไป ไมหวังความถูกตองคือบุญกุศล หรือกรรมที่เปนกุศล ที่แทจริง. มันหวังผลอยางเดียวกันนั่นและจึงไปเชื่อโชค เชื่อฤกษ เชื่อเทวดา ; แตหารูไมวา ที่มันจะชวยไดจริงนั้น คือบุญกุศลแทจริงที่ไดเคยทําไวนั่นแหละ จะเปนโชคดี.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๒๗๔
ฆราวาสธรรม
อีกอยางหนึ่งเรา จะไปเล็งถึงสิ่งที่เรียกวา เจานายชวย บุญวาสนาชวย บารมี ม าก มี อํ า นาจวาสนาช ว ย มั น ก็ ไม พ น ไปจากความดี ที่ ทํ าไว แ ต ก าลก อ น. ความถูกตองที่ทําไวในกาลกอน. สําหรับเจานายนั้น ถาเปนเจานายจริง เจานายดี เจ านายจริง ถู ก ต อ งตามความหมายของคํ าว า เจ า นาย มั น ก็ เป น คนดี , แล ว ก็ ชวยแต คนที่ ทําดี . ในการที่ เจานายจะชวยเราก็เพราะเราทํ าดี . นี้ คือความหมาย ของคํ า วา ชว ยตัว เอง ; ความดีข องตัว เอง ชว ยตัว เอง ไปบัง คับ ใหผู อื ่น ตอ ง รุมมาชวยเราเพราะความดีของเรา. สิ ่ง ที ่เ รีย กวา “วาสนาบารมี” ก็เ หมือ นกัน ถา ถูก ตอ งและแทจ ริง ต อ งมาจากบุ ญ กุ ศ ลที่ ทํ า ไว คื อ ความดี ที่ ทํ า ไว . ถ า วาสนาบารมี ม าจากผี ส าง เทวดาบ า ๆ บอ ๆ มั น ก็ ไม ยั่ งยื น ; หรือ มาจากทุ จ ริต คดโกงอะไร มั น ก็ ไม ยั่ งยื น เพราะฉะนั ้น ตอ งใหรู ว า มัน มีอ ยู อ ีก ชุด หนึ ่ง กลุ ม หนึ ่ง คือ “กํ า ลัง ของธรรมะ” หรือ “กํ าลั งความถูก ต อง” เพื่ อ จะไปควบคุ ม ทั้ งสามกํ าลั งขางตน นั้ น ให มั น เดิ น ไปถูก ตอ ง : ใชกํ า ลัง กายถูก ตอ ง ใชกํ า ลัง จิต ถูก ตอ ง ใชกํ า ลัง ความรูถ ูก ตอ ง. นี่รวมเป น ๔ กําลัง มีรายละเอียดปลีกยอยจาระไนไมไหว ครอบคลุมอะไรทั้งหมด ในบรรดาที่เปนกําลัง - กําลัง. คุณก็ลองไปคิดดูเอาเองเถิด มันจะคิดได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ลองคิ ด ดู ต อ ไปว า ใน ๔ กํ า ลั งนี้ แ หละอั น ไหนมั น สํ า คั ญ ที่ สุ ด ? คุ ณ จะมองเห็น ในทัน ทีว า อัน สุด ทา ย พวกที ่ ๔ ประเภทที ่ ๔ มัน สํ า คัญ ที ่ส ุด คือ “กํ า ลัง ข อ งธ รรม ” “กํ า ลัง ขอ งค วาม ถูก ตอ ง” ; นี ้ม ัน เปน เรื ่อ งท างฝา ย spiritual ไป คือ ฝา ยสูง สุด ไป. กํ า ลัง รา งกายเปน เรื ่อ งทางกาย ทางฟส ิค ส, กําลังจิต,กําลังความรู ตามธรรมดาสามัญนี้เปนเรื่องทาง mental ทาง mentality, สวนกํ าลั งความถูกต องของธรรมะนี้ เป นเรื่อง spirituality, กํ าลังทางฝ าย spiritual มันขึ้นถึงขีดของความถูกตอง. เราจะเรียกวากําลังอันที่ ๔ ที่สําคัญที่สุดวาอยางอื่น
กําลังของฆราวาส
๒๗๕
อีกไดมากมาย. ถาถือพระเจาก็เรียกวากําลังของพระเจา ; พวกที่เชื่อพระเจา ถือพระเจาจริง ๆ ก็เรียกวา นี้คือ “กําลังของพระเจา”. กํ า ลัง กาย กํ า ลัง จิต กํ า ลัง ความรูอ ะไรนี ้ เปน ของเราเอง ; แต กําลังพระธรรมเปนกําลังของพระเจาใหมา. สวนพุทธบริษัทเราไมถือพระเจา ก็ตองเรียกวาของพระธรรม ; เพราะความถูกตองนี้มันก็ของธรรมชาติ คือกฎ ของธรรมชาติ.ทําอยางนี้ก็เกิดผลขึ้นอยางนี้, ทําอยางนั้นก็เกิดผลขึ้นอยางนั้น ตามกฎของธรรมชาติ. ถาเรารูกฎของธรรมชาติฝายเปนผลที่ถูกตองและตามที่ เราต อ งการแล ว ตั ว ธรรมชาติ ก็ ม ี ใ ห เ ลื อ กครบทุ ก อย า ง อะไร ๆ ก็ เ ป น ของธรรมชาติ. ก็แปลวา เรามีความรู ความถูกตอง ที่เราจะใชกฎธรรมชาติที่เรา จะทําใหถูกตองตามกฎของธรรมชาติ ; นี้เปนพระธรรมอยูที่ตรงนี้ เปนธรรมะ อยูที่ตรงนี้. บางคนอาจจะคิดอยางหวัด ๆ วา มันเลยเถิด เลยเรื่องของฆราวาส ไปแลว ; ของอยาไดคิดอยางนั้น. ฆราวาสก็ตองการความถูกตองทางจิต ทาง วิญญาณ ที่สูงขึ้นไป จนกวาจะถึงที่สูงสุด; ความรูเรื่องสุญญตาสําหรับฆราวาส ก็รวมอยูใ นขอ นี้. เรื่อ งสุญ ญตาเราก็อ ธิบ ายกัน ยึด ยาวเสร็จ ไปเรื่อ งหนึ่ง แลว วาฆราวาสจะตองมีสุญญตา จึงจะประกอบไปดวยประโยชนเกื้อกูลตลอดกาลนาน. ความมีสุญญตา มีการปฏิบัติที่ไมยึดมั่นถือมั่นในจิตในใจนั่นแหละ คือกําลังของ ธรรมะ ที่จะชวยฆราวาสในอันดับสูงสุด ; ปองกันไมใหฆราวาสเกิดความทุกข ความรอนใจใด ๆ ทั้งหมดทั้งสิ้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เมื่อเกิดเรื่อง เชน ลูกตาย เมียตาย ผัวตาย อะไรก็ไมระคายขน, ไมรอนใจหรือเปนทุกข. แมมีเรื่องขาดทุนหรือฉิบหายโดยความพลาดพลั้งไปบาง
๒๗๖
ฆราวาสธรรม
ก็ไ มเ ปน ทุก ข, หรือ จะมีอ ะไรถูก กลั่น แกลง อยา งไรก็ไ มเ ปน ทุก ข ไมนอ ยใจ ไม เป น ทุ ก ข . ลองได ขึ้ น ชื่ อ วาความทุ ก ขแ ล ว เราไม เอาเสี ย เลย นั่ น แหละคื อ อํานาจของสุญญตา. ถึงแมวาความสุข ความพอใจจะมีเขามา ก็หัวเราะเลน ไมไ ปเปน ทาสของมัน ,ไมเปน ทาสของเงิน ของเกีย รติย ศ ชื ่อ เสีย ง อํ า นาจ วาสนานั ้น ; สุญ ญตาชว ยไดอ ยา งนี ้. เพราะฉะนั ้น สุญ ญตาก็ร วมอยู ใ น กําลังของพระธรรม มันเลยเปนกําลังที่เปนทาง spirituality ที่สุด ทีละเอียด ที่ลึกซึ่ง ที่จะชวยใหมนุษยสามารถชนะความทุกขทั้งปวงได นับตั้งแตประสบ ความสํา เร็จ ในการงานต่ํา ๆ ในชีวิต ประจํา วัน ; ไมตอ งรอ งไห เพราะวิบ ัติ เกิดขึ้น, ไมเหลิง ไมลืมตัว เพราะสมบัติเกิดขึ้น ; ประโยชนเกื้อกูลของฆราวาส มันเปนอยางนี้ ที่วาสูงสุดมันสูงสุดอยูที่นี่. เพราะฉะนั้นถาคุณไปบูชาแต เทคโนโลยี่ เหมือนคนปจจุบันในโลกนี้ เวลานี้แลว ก็เรียกวาหลับหูหลับตาอยูเทาไร, ยังหลับหู ยังหลับตา ยังประมาท อยูสักเทาไร. แลวถาไปเอาตามความนิยมของคนสมัยนี้ ตามการศึกษาของคน สมัยนี้ แลวละก็อันตรายมาก ; เพระเขาลืม ละเลย หรือลืมหมดในเรื่องธรรมะ ไปเอาเรื่อ งวัต ถุ เรื่อ งเนื้อ หนังกัน ไปหมด มัน ก็เปน กําลังฝายผิด ทั้งนั้น , เปน กําลังฝายพญามาร ฝายซาตานทั้งนั้น ; มนุษยก็เดือนรอนแสนสาหัส. ใชกําลังผิด ไปเพิ่มกําลังใหแกพญามาร ; ความเปนฆราวาสก็เหมือนกับตกนรกทั้งเปน เพราะ ไม รูสิ่งที่ ควรจะรู ในขอนี้ ; ไม มี กําลั งที่ จะต านทานกิ เลส ; กิเลสกลั บ มี กําลั ง เพราะไปเพิ่มใหมัน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราไมมีกําลังที่จะตานทานกิเลส กิเลสก็แผดเผา ผูกพัน ทิ่มแทง เปน การทนทุก ขท รมาน ; เปน ฆราวาสที่ส กปรกแทบจะไมได ตายแลว สุนัข ก็ไมกิน เหมือนในสไลดที่ฉายดูกันนั้น ; เพราะนี่ขาดกําลังธรรมะ ถาเราจะเปน
กําลังของฆราวาส
๒๗๗
ฆราวาสที่มีกําลัง, ฆราวาสที่มีกําลัง ไมใชทุพพลภาพ แลวกําลังที่จะไปสูความ สําเร็จจุดหมายปลายทาง ตองมีอยางนี้. เราพู ด วัน นี้ ก็ ได แ ต หั วข อ เท านั้ น รายละเอี ย ดไปหาเอาเอง ; สรุป ว า กําลังกายอยางหนึ่ง กําลังจิตอยางหนึ่ง กําลังความรูอยางหนึ่ง กําลังความถูกตอง อีก อยา งหนึ ่ง ; แลว ทั ้ง หมดมัน ก็สํ า เร็จ อยู ที ่คํ า วา “ธรรม” เพีย งคํ า เดีย ว. ถึง กํ า ลัง กายมัน ก็อ ยู ใ นพวกธรรมชาติ เปน ธรรม, กํ า ลัง จิต ก็เ ปน ธรรมชาติ เปน ธรรม, กํ า ลัง ความรู หรือ ปญ ญ า ก็เ ปน ธรรม,กํ า ลัง พระธรรม นี ่ก ็ค ือ ธรรม; แตมันแยกแขนงลดหลั่นกันลงไป เพราะถาเราไมแยกใหมันเปนเรื่องๆ ไป เราก็ปฏิบัติไมได. อยางเชนกําลั งกาย ก็ไปบํ ารุงรางกายให มีกํ าลัง นั บแตกินอาหารให ดี นอนหลั บ ให ดี อะไรให ดี เป น เรื่อ งของทางอนามั ย ; แล ว หาเครื่อ งมื อ แวดล อ ม กํ า ลั ง กายนี้ จากเพื่ อ นฝู ง จากสิ่ งแวดล อ มอย า งอื่ น เช น มี ท รัพ ย ส มบั ติ มั น ก็ มี กําลังกายมากขึ้น, จางคนมาทําอะไร เทาไรก็ได ; หรือมีเครื่องทุนแรงไวก็ได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทางกําลังจิต ก็อบรมใหมีศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิโดยเฉพาะ.
ทางความรู ก็ใหเปน ความรูที ่อ ยู ใ นขอบเขต อยา ใหม ัน เปน ความรู ที่มันพราออกไปจนมันไมมีจุดจบ, โดยเฉพาะอยางยิ่งคือสิ่งที่เรียกวา “ปรัชญา” ของสมัย ปจ จุบ ัน . คนนี ้ว า อยา ง คนโนน วา อยา ง ลว นเปน อยา ง ๆ อยา ง ๆ ไมรูกี่อยาง สําหรับมาชนกันเลน ; มันเปนเรื่องจับแพะชนแกะอยางไมมีที่สิ้นสุด, เรีย กวา ไมม ีข อบเขต. ความรูต อ งอยูในขอบเขตสิ่ง ที่เราตอ งการจะรู ควรจะรู ; เราต อ งมี ป ญ หาของเราโดยเฉพาะ แล ว ก็ จ ะแก ป ญ หานั้ น ; แล ว ในที่ สุ ด
๒๗๘
ฆราวาสธรรม
ก็ทําใหมันเปนธรรม คือถูกตอง. ขอนี้ขอใหระลึกนึกถึงพระพุทธภาษิตที่สําคัญ ที ่ส ุด แตฟ ง ดูแ ลว นา ขัน : ธมฺม ํ สุจ ริต ํ จเร - จงประพฤติธ รรมใหส ุจ ริต . ประพฤติธรรมะใหสุจริต ; นี้กําชับไวที่เดียววาประพฤติธรรมะนั้นก็ตองประพฤติ ใหสุจริต ; คือประพฤติคดโกงก็ได, มันนาไหวหลังหลอกตอธรรมะก็ได, นับถือ พระพุธเจาอยางหนาไหวหลงหลอกก็มี. เดี๋ยวนี้เรามีหลักเกณฑ มีหลักปฏิบัติอยางนี้แลว เราก็ยังตองจงรัก ภักดีตอหลักเกณฑตออุดมคตินี้ แลวประพฤติใหมันสุจริต. ทีนี้นักเรียนก็เรียน กัน แตห ัว ขอ ยัง ไมไ ประพฤติด ว ยซ้ํ า ไป ; แลว จะประพฤติใ หม ัน สุจ ริต ได อยางไร. เพราะวาเมื่อลงมือประพฤติแลว เราก็ยังจะตองประพฤติใหมันสุจริต, อยาใหถูกติเตียนไดวา เราเลนตลกพลิกแพลงอะไรอยางนั้น - อยางนี้. ทีนี้ ยังเหลืออยูอีกเพียงนิดเดียววา ปญหาที่วาจะปองกันแกไขความ ออ นเพลีย ในการงานนั้น คุณ ตอ งเอากํา ลัง เหลา นี้ไ ปใช. นี่ผ มก็ต อบอยา ง เอาเปรียบ หรือกําปนทุบดิน. ความออนเพลียไมมีกําลังใจจะทํางานนี้ หรือเมื่อ ทํางานอยูก็เหนื่อยหนาย ทอแท, เสร็จแลวมันก็ยังเบื่อระอา. นี้ตองสรางกําลังนี้ ขึ้นมาใหมใหครบบริบูรณ โดยหลักที่เรียกวา พละ หรืออินทรีย มีอยู ๕ อยาง คือ -ศรัท ธา วิริย ะ สติ สมาธิ ปญ ญา, ก็คือ ที่เ รากํา ลัง พูด อยูแ ลว เวลานี้ มีศ รัท ธา วิร ะยะ สติ สมาธิ ปญ ญา, รายละเอีย ดอยูใ นหนัง สือ นวโกวาท หรือคําอธิบายนวโกวาท ; และผมก็อธิบายแตเคาที่สําคัญ ๆ แลวเมื่อตะกี้นี้ ; แลวมันไปจบอยูที่ปญญา เปนอันที่ ๕.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
กําลังของฆราวาส
๒๗๙
ศรัทธา - ความเชื่อ, วิริระ - ความพยายาม, สติ – ความระลึกรูสึ ก ตัวอยู, สมาธิ - ความมี กําลังใจมั่น, แลวป ญ ญา - ความรู. ที่กลาวไว ๕ อยางนี้ มันเปนครอบจักรวาลไปใชในทุกแขนง แลวก็มุงหมายโดยเฉพาะการปฏิบัติธรรม เพื ่อ บรรลุม รรค ผล นิพ พาน ; หา อยา งนี้เ พื ่อ ความมุ ง หมายนั ้น . แลว อยา ลืม วา ป ญ ญานั้ น เฉโกก็ได ป ญ ญาในที่นี้ ตองเปนป ญ ญาแทจริง.ถาวาจะเอา หัว เหงา ของมัน เปน เพีย งอยา งเดีย วละก็ตอ งเอาที่ปญ ญาที่แ ทจ ริง ปญ ญาที่ ถูกตองยึดเอาปญ ญาชนิดนั้นเปนหลัก แลวอื่น ๆ จะตามมา เรียกวา หัวเหงา คือหัวขั้วของพวงที่มันมีหลาย ๆ แขนง. เรามี ป ญ ญาเป น หัวเหงาของพวงแลวก็พ อ เพราะป ญ ญาที่ ถูกตอ ง สามารถดึ งอะไรต าง ๆ มาตามที่ ตอ งการไดค รบ. คติ นี้ จะเป น ของโบราณกอ น พุทธกาล เพราะไปอานดูในฝายอื่นมันก็มี. เขารูจักสิ่งที่เรียกวาปญญากวางขวาง ใชเปนหลักทั่วไป มันก็มามีอยูในคัมภีรของเราคือของพุทธศาสนา. เขาวาอยางนี้ : ปฺ า หิ เสฏ ฐ า กุ ส ลา วทนฺ ติ , “พวกคนฉลาดกล า วว า ป ญ ญาเป น สิ่ ง ประเสริฐ ที ่ส ุด ”. ใชคํ า วา พวกคนฉลาด คือ กิน ความกวา ง : คนฉลาด แล ว ไม ว า ใครย อ มกล า วป ญ ญาว า ประเสริ ฐ ที่ สุ ด . นกฺ ข ตฺ ต ราชาริ ว ตารกานํ , “เหมือนดวงจันทรซึ่งเปนราชาแหงนักษัตรยอมเดนกวาดวงดาวทั้งหลายฉะนั้น”. สีลํ สีรี จาป สตฺจ ธมฺโม อนฺวายิกา ปฺวโต ภวนฺติ, สีลก็ดี มิ่งขวัญก็ดี สัท ธรรมก็ดี ยอ มเปน ไปตามอํา นาจของปญ ญา” คือ ปญ ญาจะชัก นํา มาเอง แมแตสิ่งที่เรียกวา ธรรมของสัตบุรุษ ก็จะมาสูอํานาจของปญญา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คําพูดทั้งหมดนี้ขอใหสนใจ หรือยึดปญญาเปนหลัก แลวใชปญญานี้ กวาดตอนเอาทุกอยางที่ตองการมา. ฉะนั้นสิ่งที่เรียกวา “กําลัง – กําลัง” ก็ขึ้น
๒๘๐
ฆราวาสธรรม
อยูกับปญญา, แลวก็เปนปญญาที่เปนความถูกตองในประการที่ ๔. ที่เราพูดถึง ในวันนี้คือ ประการที่ ๔ กําลังของความถูกตอง. ปญญาที่พลิกแพลงไปใช ชั่วก็ได ดีก็ไดนั้นไมเอา ไมไดหมายถึงในที่นี้. นี้คือกําลังของฆราวาส ผูกํา ลัง เดิน ทางอยู ใ นวัฏ ฏสงสาร เพื ่อ จะไปนิพ พาน. นี ้ก ็ร วมทั ้ง เรื่อ งครอบครัว เรื่อ งลูก เรื่อ งเมีย เรื่อ งปญ หาพื ้น ฐาน ปญ หาพื ้น ดิน ดว ย. โดยหัว ขอ มีอ ยู อยา งนี้ เอาไปชํา ระสะสางใหดี ใหใ ชมัน ใหไ ดคือ apply ใหไ ด อยา เปน ตัวหนังสืออยูในสมุด.
นกกางเขนบอกหมดเวลาเพียงนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ความรอดพื้นฐาน ของฆราวาส (วัฒนธรรมของชาวพุทธ) - ๑๖ ๕ เมษายน ๒๕๑๓ สํ า หรับ พวกเรา ล ว งมาถึ ง เวลา ๔.๔๕ น. แล ว . เปน เวลาที ่เ ราจะไดพ ูด กัน ตอ ไป ถึง เรื ่อ งที ่พ ูด คา งไวเ ปน ลํา ดับ มา คือ เรื่อ งเกี่ย วกับ ฆราวาส, ในการบรรยายชุด นี้ ไดม ีค วามตึง ใจไวแ ลว วา จะพูด กัน ถึง เรื่อ งฆราวาส คือ วา เกี่ ย วกั บ ฆราวาส เพราะเป น เรื่อ งพี้ น ฐาน, กล า วคื อ ถ า เป น ฆราวาสที ่ด ีไ ด ก็จ ะเปน อะไรที ่ด ีไ ดต อ ไป จนกระทั ่ง ไป นิ พ พานได ; เพราะฉะนั้ น เราจึ ง มองดู กั น ทุ ก แง ทุ ก มุ ม ในเรื่องอันเกี่ยวกับฆราวาส.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ในวันนี้จะไดกลาวถึง ความรอดพื้นฐานของฆราวาส ซึ่งไดแก วัฒนธรรม ที่เนื่องมาจากศาสนาโดยตรง หรือจะเรียกสั้น ๆ วา “วัฒนธรรมของ ชาวพุทธ”. มันเปนธรรมดาอยูเองที่วา มนุษยแตละหมูละพวกยอมจะมีวัฒนธรรม ของตั วเอง ค อ ย ๆ เกิ ด ขึ้ น ตามความจํ าเป น หรือ เหมาะสม .ความจํ าเป น
๒๘๑
๒๘๒
ฆราวาสธรรม
กับความเหมาะสม นี้แยกกันไมได, หรือที่แทก็คือสิ่งเดียวกันโดยใจความ แมวา จะตางกันโดยตัวหนังสือ.โดยทางภาษาดูจะเปนคนละอยาง แตทางปฏิบัติแลว ก็คือสิ่ง ๆ เดียวกัน. ความจําเปน ทําใหเกิดอะไรขึ้นมาบางอยาง แลวมันตองเกิดเหมาะสม แก ความจํ าเป นเสมอไป. วั ฒ นธรรมของคนทุ กชาติ ทุ กภาษาที่ มี ลั กษณะอย างนี้ จนกระทั่งชาวพุทธเราก็มีวัฒนาธรรมของเราเองเกิดขึ้น เมื่อเราไดรับพุทธศาสนา. เพราะวาเปนธรรมดาที่ทุกคนจะตองถือเอาสิ่งที่ดีกวา, ชะเงอหาสิ่งที่ดีกวา. เมื่อ พบอะไรเขาก็จะสนใจใน ขอที่มันจะดีกวาที่เรามีอยูแลว, ก็สนใจที่จะรับเอามา ; แตมันก็ขึ้นอยูกับสติปญญาที่จะพิจารณาสิ่ง ๆ นั้น ถูกหรือผิดมันขึ้นอยูกับสติปญญา นั ้ น ๆ. ถ า มี ค วามโง ก ็ ไ ปรั บ เอามาอย า งที ่ เ ป น อั น ตราย, แต ถ ึ ง อย า งนั ้ น ก็ไปรับเอามาดวยความหวัง วาจะไดสิ่งที่ดกวาอยูเหมือนกัน. ถาโงก็ไปเอาสิ่งที่ เลวกวามาเป นสิ่งที่ดีกวาก็ได. ดังนั้น ขอใหระวังในขอนี้ ใหมากที่สุด ในเรื่องที่ เกี่ยวกับวัฒนธรรม โดยเฉพาะในปจจุบันนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สําหรับคําพูดที่ใชเรียกชื่อสิ่งนี้ อาจจะมีมากคํา ซึ่งคุณก็ไดยินอยูเปน ประจํ า เรามีคํ า วา : -วัฒ นธรรม ขนบธรรมเนีย ม ประเพณี พิธ ีร ีต องอะไร ตาง ๆ หลายคําดวยกัน ; มันผิดไดดวยกันทั้งนั้น, และมันถูกไดดวยกันทั้งนั้น ; แลวแตวาจะมีความรูและสติปญญาเขาไปแทรกอยูมากนอยเทาไร. คําแตละคํานี้ จะมี ค วามสํ า คั ญ ที่ สุ ด อยู ที่ คํ า ว า “วั ฒ นธรรม” - คื อ เครื่ อ งมื อ สํ า หรั บ ให เกิ ด ความเจริญ ก า วหน า . เรามี ข นบธรรมเนี ย ม ที่ ระเพณี พิ ธี รีต อง ก็ คื อ ระเบี ย บ ปฏิบัติเกี่ยวกับวัฒนธรรม ตามขนบธรรมเนียมประเพณี ตามพิธีรีตอง จนกระทั่ง งมงายไปในที่สุด, ก็เปนวัฒนธรรมงมงาย.
ความรอดพื้นฐานของฆราวาส
๒๘๓
ตรงนี้อยากจะเตือนอยูเสมอ คําวา “วัฒนะ” หรือ “ความเจริญ” นี้ มีค วามหมายเปน ทาง ๒ แพรง หรือ กํ า กวม. ตัว หนัง สือ แท ๆ ก็แ ปลวา มี มากขึ ้น หรือ รกหนาขึ ้น นั ้น คือ คํ า วา “วัฒ นะ”. ที ่ม ัน รกหนาขึ ้น จนเกิด โทษขึ้น ก็ม ี เชน หญารก หรือ ผมบนหัว รกอยา งนี้ บาลีเรีย กวา วัฒ นะทั ้งนั ้น . มันก็เลยเปนวัฒนะที่ทําใหเกิดปญหาหายุงยากลําบาก. ใหนึกถึงคําวา “อยาเปนคน รกโลก รก คํ า นี ้ค ือ คํ า วา วัฒ นะ ดว ยเหมือ นกัน ; ภาษาบาลีเปน อยา งนี ้. เมื่อเราพูดถึงความเจริญหรือใชคําวา พัฒนา อยางในสมัยปจจุบันนี้, มันก็คือ ทําใหมากขึ้น. ถาพัฒนาผิด ก็มากขึ้นในทางที่ยุงยากลําบากมากกวาแตกอน ; นี้ก็มีอยูบอย ๆ ในที่การพัฒนากันไปในทางที่ยุงยาก จนเกิดปญหาหลายอยาง ซอน ๆ กันขึ้นมา. เดี๋ยวนี้เรากําลังพูดถึง วัฒ นธรรมของชาวพุทธ หมายความวา เปนความเจริญที่ถูกตองทั้งทางรูปธรรม และนามธรรม ตามแบบของชาวพุทธ โดยมีรกรากจากพระพุทธศาสนา ; มีรกรากอยูพระพุทธศาสนา หมายความวา วัฒ นธรรมนั้นงอกงามออกมาจากหลักของพระพุทธศาสนา. ถาจะทํากันเป น ขนบธรรมเนียมประเพณี ก็หมายความวาทํากันมาจนไมมองดูวามันมาจากอะไร ไมตองมองดูวามาจากอะไร เขาทําเปนแบบฉบับเหมือนที่ปูยาตายายไดทําและ วางไว ; แลวบางทีก็วางไวในรูปของ ความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์, ไมทําไมได, เปน เรื่อ งเสื ่อ มเสีย เปน เรื่อ งโชครา ยอยา งนี ้ก ็ม ี. นี ้จ ะเลยไปเปน พิธ ีรีต อง จนกระทั ่ง วา เราทํ า อะไรตามพิธ ีต ามธรรมเนีย มที ่เปน พิธ ี จนเรีย กวา ทํ า พิธี อยางนั้นแหละ ;ในที่สุดก็ทําพอเปนพิธี จนงมงายเรียกวารีตอง ไปเลยก็ได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาเปนพิธีก็ยังนาดูอยูบางเพราะคําวาพิธีก็คือวิธีนั่นเอง ก็มีความ ถูก ต อง แล วก็ ชวยกั น ทํ าให เครงครัด เป น พิ ธี ; แต ถ าเลยเถิด ไปเป น รีต องแล ว
๒๘๔
ฆราวาสธรรม
ผมคิด วาคงจะเขา ไปในเขตของความงมงายแลว . ฉะนั้น พิธีนั้น ใชได แตพิธี รีต องนั ้น ไมไหว. เปน วัฒ นธรรมที ่ง มงายไป. นี ่พ ูด พอเปน หนทางใหส ัง เกต ในความหมายความเปนมาของสิ่ง ๆ นี้, แลวคุณก็ไปคิดเอาเอง ไปใครครวญ ดูเอง. ทีนี้ก็มาถึงคําวา “ความรอดพื้นฐาน” มีคําวา “พื้นฐาน” อยูดวย, หมายความว า เป น หลั ก ทั่ ว ไป. ความรอดที่ ยิ่ ง ใหญ คื อ ความรอดที่ เรี ย กว า วิมุตติ หลุดพน ในพระพุทธศาสนา ไปนิพพานนั้น เปนความรอดที่ยิ่งใหญ แล วจุ ด หมายที่ ล ายทางอยูที่ นั่ น .ที นี้ ค วามรอดพื้ น ฐาน หมายความวาจะต อ ง รอดทั่ว ๆ ไป ในทุก ๆ กรณี ในทุก ๆ ปญ หาหรือหนาที่การงานของฆราวาส. เราจะเรียกรวม ๆ กันวา “หลักพื้นฐานของความรอดของฆราวาส” หรือเรียกวา “ความรอดพื้นฐานของฆราวาส ขึ้นอยูกับวัฒนธรรมที่งอกออกมาจากศาสนา.” นี่ก็เปนการบงอยูในตัวแลววาเปนฆราวาสพุทธบริษัท, แตแลวยังมี พิเศษอยูที่วาเอาไปใชกับฆราวาสพวกไหนก็ได เพราะธรรมะนี้เปนของไมจํากัด สถานที ่ หรือ เวลา หรือ บุค คล.ถา เปน เรื ่อ งถูก ตอ งแลว ก็เ ปน ธรรมะหมด เพราะธรรมะคือความถูกตอง. เดี๋ยวนี้เราพูดสําหรับพุทธบริษัทแลว ก็มักจะพูด เปนของชาวพุทธหรือวาเปนของเฉพาะไปอยางนี้ เนื่องจากเราตองรับผิดชอบ ในความเปนชาวพุทธของเรา. เราไมตองรับผิดชอบในดานอื่น ในของพวกอื่น แตเราตอ งรับ ผิด ชอบในดา นของเราเอง คือ เปน ชาวพุท ธ. เรามีวัฒ นธรรมที่ เปนขนบธรรมเนียมที่ที่ประพฤติกันอยู โดยไมตองมีการวิพากษวิจารณอะไรอีก แลวก็ที่ประพฤติดวยจิตใจทั้งหมด ดวยกําลังทั้งหมด.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ตอไปก็มาถึงการที่เราจะแยกดูวา มีอะไรบางที่พอจะกลาวไดวา เปน วัฒนธรรมที่มีรากฐานอยูบนพุทธศาสนา. เดี๋ยวนี้เรากําลังพูดถึงพุทธศาสนา
ความรอดพื้นฐานของฆราวาส
๒๘๕
เรายังมุงหมายเฉพาะพวกฆราวาส ดังนั้นผมจึงใชคําวา “ความรอดพื้นฐาน ของฆราวาส”. ถาเราจะดูกันเปนขอ ๆ เพื่ อสะดวกแกการศึกษา หรือเขาใจ หรือการปฏิบัตินี้ ก็จะทําไดเปนขอ ๆ, แลวก็มีมากจนจะทําใหฟนเผื่อ หรือ ยุงยาก หรือลําบากก็ได. เพราะฉะนั้น ตามความรูสึกของผมคิดวา จะเพงเล็ง กันเพียง ๑๐ ขอ ขอที่ ๑ อยากจะเรียกวา ความขยันขันแข็ง. ความขยันขันแข็งนี้ คุณ อาจจะคิดไปวาไมเกี่ยวกับศาสนา. ถาคิดอยางนั้น ก็ถูกเหมือนกันแตวา อยาลืมไปวาพุทธศาสนาสอนเรื่องนี้. เมื่อพระพุทธเจาออกบวชใหม ๆ เปนแขก แปลกหนา เขาไปในประเทศมคธ, พบกับพระเจาพิมพิสารสนทนากันถึงวา เปน อยางไร มาจากไหน เปน ใครนี้ ; พระพุท ธเจาทานตอบวา มาจากพวก ศากยะผูข ยัน ขัน แข็ง แลว ก็เลา อะไรตอ ไปอีก ตามสมควร .แตดูเหมือ นวา ทานอยากจะยืนยันในขอที่พวกศากยะมีถิ่นอยูเชิงเขาหิมพานต นี้เปนพวกที่ ขยันยันแข็ง. เพราะฉะนั้นเราจะนึกถึงความขยันขันแข็ง ซึ่งรวมความกลาหาญ ความอะไรเขาไวหมด.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org การมีชีวิตอยูในโลกจะรอดอยูได ก็ตองดวยความขยันขันแข็ง, ไม อยางนั้นมันก็ไมเหลือรอดอยูได. การตอสูซึ่งเปนความรูสึกทางสัญชาตญาณ, ความขยันขันแข็งก็เปนสิ่งหนึ่งในการตอสู. เมื่อมีความรูสึกอยางนี้มาก มันก็ กลายเปน ความกลาหาญ ;เรารวมเรียกวา “ความขยัน ขันแข็ง” คือ เขม แข็ง. เรื่องนี้ไมตองสอนกันมาก เพราะธรรมชาติมันบังคับ ไมขยันขันแข็งมันก็ตาย ไมเหลือรอดอยูจนบัดนี้. แลวยิ่งในโลกสมัยนี้ มันก็สอนความขยันขันแข็งโดย ไมรูสึกตัวมากขึ้น ๆ. แตวัฒนธรรมของชาวพุทธนั้น มีความขยันขันแข็งอยูดวย ขอ หนึ่ ง เราถื อวามี รกรากมาแต พ ระพุ ท ธเจา ผู ขยั น ขั นแข็ ง. ท านสอนหลั ก
๒๘๖
ฆราวาสธรรม
ธรรมะเชนนั้นอยูจนมาถึงพวกเรา ชาวไทย ซึ่งมีความขยันขันแข็ง เต็มไปดวย การตอสูตลอดเวลา,คือเคลื่อนยายลงมาสูผืนแผนดินนี้. นี้ คุณก็รูดี ตามประวัติศาสตรของชนชาติไทยที่มีความเขมแข็งและ ความกล า หาญเป น นิ สั ย สมกั บ คํ าว าเป น ไทย จึ ง รอดอยู ได . ถ าถามวาความ ขยัน ขันแข็งในอะไร ? ก็ตอบวาในหนาที่. หนาที่ คืออะไร ? ก็คือความอยูรอด. ดังนั้นจึงนับความขยันขันแข็งนี้เปนเครื่องมือของความอยูรอดพื้นฐานอันแรก. ขอที่ ๒ ถัดมาก็อยากจะพูดถึง ความสุภาพออนโยน. ความสุภาพ อ อ นโยนเป น หลั ก ธรรมะด ว ยเหมื อ นกั น อย า ถื อ ว า เป น เพี ย งขนบธรรมเนี ย ม ประเพณี ของชาวบ าน หรือ วาในเลื อ ด ในเนื้ อ ในฐานะที่ เป น ลั ก ษณะของคน ชาตินั้นชาตินี้ พันธุนั้นพั นธุนี้ ; แตที่แทแลวเปนหลักธรรมคําสอนในพระพุ ทธ ศาสนา.ความสุภาพนั้นหมายถึงไมมี อะไรที่นาเกลียด, ความออนโยน หมายถึง มีอ ะไรที ่ทํ า ใหน า รัก . แลว เราไมม ีอ ะไรที ่น า เกลีย ด, และมีส ว นที ่ทํ า ใหน า รัก มันก็ชนะผูที่ไดมาพบมาเห็ น เปนเครื่องมือ หรือเป นอํานาจพิ เศษอะไรอันหนึ่ ง ที ่ช นะน้ํ า ใจของผู ที ่ไ ดเขา มาพบมาเห็น มาสัง คมดว ย. ดัง นั ้น เราในบางครั ้ง บางสมัยบางยุคก็เปนคนที่มีกําลังนอยดวยเหมือนกัน แตเราก็ชนะคนที่มีกําลังมาก ไดดวยความสุภาพหรือออนโยน ในการรูจักโอนออนไปตามเหตุการณที่รายแรง ชวยใหประเทศไทยรอดตังมาไดจนบัดนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คนโบราณเขาสอนใหดูพงหญ า ลมพั ดมัน ลูไปไมหัก. ตนไมแข็ง ๆ กระดางนั้นมันหักโครมครามไปหมด เมื่ อมีพายุมา. เด็ก ๆ ก็เขาใจไดในเรื่องนี้ . พระพุ ท ธเจ า ท า นจะยิ่ ง เข า ใจเรื่ อ งนี้ ท า นจึ ง สอนให อ อ นโยน นั บ ไปตั้ ง แต ระเบียบวินัยตาง ๆ. คุณ ไปสํารวจดูจากวินัยปาฏิโมกข ที่เปนหลักเปนประธาน และวินัยนอกปาฏิโมกข อภิสมาจารตาง ๆ จะพบเรื่องปรับใหเปนโทษทางวินัย
ความรอดพื้นฐานของฆราวาส
๒๘๗
คืออาบัตินั้น เพราะความไมสุภาพออนโยนนั่นมีอยูมากเหมือนกัน ในเรื่องการพูด กิริยาทาทาง หรือการใชสอยวัตถุสิ่งของอะไรตางๆ. ความสุภาพออนโยนนี้ ทําใหเกิดหลักพื้นฐานอื่น ๆ ตอไปเปนแขนง ๆ ไป, แล วที่ สําคั ญ ที่ สุ ด ก็ คื อสุ ภ าพออ นโยนต อ คนเฒ าคนแก ; พู ด งาย ๆ ก็คื อความ เชื ่อ ฟง คนเฒา คนแก ซึ ่ง ในสมัย โบราณมีม าก เรีย กวา เต็ม รอ ยเปอรเ ซ็น ต. แลวเดี๋ยวนี้จะเหลืออยูไมกี่เปอรเซ็นต เพราะเด็ก ๆ อวดดี วาคนเฒ าคนแกนั้น โงงมงายไมกาวหนา. เด็ก ๆ ไดเลาไดเรียนมาก ชนิดที่คนเฒ าคนแกไมไดเรียน ความเคารพคนเฒ าคนแกก็นอยไป, จิตใจก็กระดางเพิ่มขึ้นตามสวน ; แตแลวก็ยัง คิด วา ตัว เปน ผู เกง ผู ส ามารถ ผู อ ะไรอยู ด ี. นี ่ข อใหส ัง วรระวัง เรื่อ งนี ้ใ หม าก. คนเฒ าคนแกอาจจะโงกวา แตผมอยากจะพูดวา โงกวาในสิ่งที่ไมจําเปน ในเรื่อง ที่ไมจําเปน. เรื่องที่ไมจําเปนแกชีวิตนั้นแหละ คนเฒาคนแกอาจจะโงกวา ลูกหลาน, แตถาเรื่องที่จําเปนแกชีวิตแลว คนเฒาคนแกฉลาดกวาเสมอ, หมายความวาเรื่องเฟอนั้น พวกคุณอาจจะเกงกวาคนเฒ าคนแกในเรื่องที่เฟอเกิน ความจํ า เปน . แตเ รื่อ งที ่จํ า เปน เรื่อ งที ่ช ว ยใหเ อาตัว รอดกัน ไดจ ริง ๆ แลว ไปดูเถิดพอแมบิดามารดา ครูบาอาจารย ที่เห็นวาชีวิตุมงามหัวเกา ๆ นั่นแหละ อาจจะ เกงกวาพวกคุณในทุก ๆ กรณี . ทานรูจักเลี้ยงเรามาใหรอดชีวิตอะไรเหลานี้ แลว ก็มีหลักงาย ๆ ตามธรรมชาติ ตามความรูสึกพี้นฐานของธรรมชาติ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอ นี ้เ ราสรุป เรีย กวา “ความสุภ าพออ นโยน” แกค นทุก ๆ คน ทุ ก ๆ ฝ าย และโดยเฉพาะอยางยิ่ งกั บคนแก คนเฒ า. เรื่อ งเพื่ อ นฝูงมิ ตรสหาย แขกบานแขกเมืองอะไรก็ตาม อยูในลักษณะที่จะตองสุภาพออนโยนทั้งนั้น. ทีนี้ สองอยา งแรกนี ้ม ัน เปน ของคู กัน : อัน หนึ ่ง เขม แข็ง อัน หนึ ่ง ออ นโยน, แตม ัน ก็ไม ขัดแยงกัน มั นอยูกันคนละเหลี่ยมคนละมุม. มั นเขมแข็งตออุปสรรคศัตรู ;
๒๘๘
ฆราวาสธรรม
จะสุภาพออนโยนในเมื่อจะตองสุภาพออนโยน มีความสุภาพออนโยนเปนเครื่องมือ ซึ่งใชกันอยูคนละที ไมเปนอุปสรรคแกกัน. เพื่อปองกันไมใหความเขมแข็งนั้น เปนไปทางกระดาง เราก็มีความออนโยน; เพื่อใหความออนโยนนั้นไมออนแอ เราก็มีความเขมแข็ง. ขอที่ ๓ อยากจะพูดถึงเรื่องความกตัญู. ความกตัญูเปนเครื่อง วัดบุ คคล วาเป นคนดีหรือไมดี ที่ ถือมาเป นหลักแตโบราณกาล. ถามีนิ สัยไม กตัญูก็หมายความวาอันตราย คบไมได, คือมีความทารุณโหดรายทางวิญญาณ มากเกิ น ไป จนไม รูสึ ก ขอบคุ ณ รัก ใครผู ที่ มี บุ ญ คุ ณ . เรื่อ งนี้ เขามั ก จะอ างถึ ง สุนั ขวาความกตั ญ ู ของสุนั ขมี ม าก คือ มั น มี ค วามรูสึกไวในทางนี้ , แลวสั ต ว บางชนิดไมอาจจะรูสึกความรูสึกขอนี้ เชน ลิง คาง ชะนี อยางนี้. ผมสังเกตเห็นวาชะนีนี้ไมมีทางที่จะมีความรูสึกกตัญู สามารถกัดคนที่ เอาของไปใหมันกินอยูทุกวัน สามเณรก็เคยถูกกัด แมครัวก็เคยถูกกัด ; อารมณ ของมัน เดือ ดพลา นอยูเสมอ คือ อารมณรา ยมีไ ดงา ย,แลว มัน ก็กัด ,เขาใหชา ใหกิน ไมท ัน ใจมัน ก็กัด , ที่กัด แนน อนก็คือ วา ยื่น เขา ไปใหแ ลว ดึง กลับ ทํ า วา จะยัง ไมใ ห อยา งนี้จ ะกระโจนกัด ทัน ที ทั้ง ที่ใ หกิน อยูทุก วัน . แตสํา หรับ สุนัข คุณไปดูเถิด มันผิดกันลิบ แมแตตีมัน มันก็ยังไมกัด.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ความกตั ญ ู ที่ เราต อ งการนั้ น หมายถึ ง ความรู สึ ก ที่ ม ากกว า ระดับ สัญ ชาตญาณ, เปน เรื่อ งของความคิด ความนึก , แลว เปน สิ่ง ที ่จํา เปน จะตองอบรม. ชาติที่เปนชาติโบราณอายุหลายพันปจะมีห ลักธรรมขอ นี้ม าก. ในโลกนี้ ก็ มี ชาติ จีน ชาติ อียิ ป ต ชาติ อิน เดีย หรือ ชนชาติ ที่ โบราณเท า ๆ กัน . เรื่องกตัญูของจีนซึ่งเสียชีวิตอยูชุดหนึ่ง คือเรื่อง ยี่จับสี่เหา นําเอามาเขียนไว
ความรอดพื้นฐานของฆราวาส
๒๘๙
ในตึกแสดงภาพนั้น คุณลองไปพิจารณาดู แลวก็จะเห็นวา โอ ! สมัยนี้กลายเปน เรื่อ งตลกสํา หรับ หัว เราะเยาะ. สมัย กอ นเปน เรื่อ งที ่ม ีไดจ ริง เพราะวา เขาเมา ในความกตัญ ู กัน สอนลูกสอนหลานอยางมัวเมาในเรื่องกตัญ ู ; มันก็มีได. แตพอมาถึงสมัยนี้ กลายเปนเรื่องบา เรื่องโงไปก็ได. มีเ รื ่อ งหนึ ่ง เรื ่อ งไปนอนใหยุ ง กัด ตัว เอง เพื ่อ ไมใ หยุ ง ไปกัด แม, เรื่องไปนอนแชน้ําแข็งเพื่อใหมีน้ําบาง จะหาปลาใหแมสัก ๒ ตัว อยางนี้ไมมีใคร เชื่อ วาเป นเรื่องที่ จริง ที่มี ได ; นั่น ก็เพราะเอาความรูสึกของคนสมั ยนี้ เปนหลั ก. ถ า เอาความมั ว เมาในธรรมะของคนสมั ย โบราณเป น หลั ก มั น ก็ เป น สิ่ ง ที่ มี ได , เพราะเขาสอน - สอน - สอน หรือ อบรม ๆ จนเด็ ก มี นิ สั ย อย า งนั้ น มาหลายชั่ ว อายุคน หลายสิบอายุคนในเรื่องกตัญูนี้. แตเอาละ เราไมต อ งการมากถึง อยา งนั ้น ดอก, เดี ๋ย วนี ้ต อ งการ แตเพีย งวา ใหเลา เรื่อ งนี้ฟ งกัน อยู หรือ วา เขีย นภาพชนิด นี ้ ใหตํา ตาอยู ก็เพื ่อ จะชวยใหเกิดนิสัยกตัญูบางเทานั้น. เชนวาไปดูภาพเด็กนอนแชน้ําแข็งใหละลาย เอาปลาไปใหแมที่เจ็บไขนั้น ในจิตใจจะไมเชื่อวาเปนเรื่องจริง, แตพรอมกันนั้น มันสรางความคิดที่จะกตัญู บางตามสมควรแกเด็กที่ไปดูภาพนั้น. เพราะฉะนั้น เราจึ ง เขี ย นภาพชนิ ด นี้ ไว ใ ห ม าก, จะเป น เครื่ อ งช ว ยจุ ด ชนวนในจิ ต ใจให เกิ ด ความกตัญูโดยไมรูสึกตัว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คนบางคนก็ บ า มาก ๆ ถึ งขนาดที่ เห็ น ว า เอาเรื่อ งที่ เป น ไปไม ได ม า เขี ย นให รกให รุงรัง ให กี ด ที่ หรือ ให เด็ ก หั ว เราะเยาะ ; แต แ ล ว คนเฒ า คนแก ก็ ฉลาดกวาอีกตามเคย คนเฒาคนแกที่ถูกหาวาโงนั้น ก็ยังฉลาดวาอีกตามเคย โดย หวังวาเมื่ อ เล าหรือ พู ด หรือ ดู ภ าพเรื่อ งนี้ อ ยู นั้ น มั น จะจุ ด ชนวนหรือ จะก อ หวอด
๒๙๐
ฆราวาสธรรม
หรือจะรักษาไวซึ่งความรูสึกกตัญ ู ในจิตใจของผูที่ ไดพ บได เห็น . เพราะฉะนั้ น คุ ณ สั ง เกตดู ใ ห ดี อย า ลื ม ว า ความกตั ญ ู เป น เครื่ อ งช ว ยให ร อด. ถ า คนเลิ ก กตัญูตอบิดามารดา โลกนี้ก็ลุมจม, ดังนั้นเราตองกตัญูตอทุกอยางที่มีประโยชน และมีคุณ. ถากตัญ ู ตอวัตถุเครื่องใชไมสอยที่เรามีในบานในเรือน มันก็มีอยู, ไม ค อ ยแตก ไม ค อ ยหาย หรือ ว า มี เป น เครื่อ งเตื อ นใจให ร ะลึ ก นึ ก อยู เสมอ. ที่ จังหวัดนี้ครั้งโบราณแตวายังเลาถึงกันอยู พอมีคนทันเห็นตัว เลาวามีคนจีนที่มา จากเมื อ งจี น เอาไม ค านหาบที่ ช ว ยตั วให รอดได จนเป น ระดั บ เศรษฐี นี เขาเอา ไมคานนั่นมาปดทองไวที่หนาที่บูชา. อันนี้ก็คือนิสัยกตัญ ู แมตอวัตถุสิ่งของ. นี่เราก็ตองกตัญู ตอทุกอยาง ถนนหนทาง หวย หนอง คลอง บึก บาง ถาไม เชนนั้นเราก็ไมรักษามัน ก็ไมมีทางที่จะใชสอยใหเปนประโยชน. ขึ ้น มาถึง ระดับ ตอ สัต วเ ดรัจ ฉาน ก็ต อ งกตัญ ู, มัน เปน เพื ่อ น รว มโลกมัน ทํ า ใหโลกนี ้น า อยู นา ดู หรือ มีป ระโยชน แมที ่ส ุด แตม ัน สวยงาม. เรามีผีเ สื ้อ มีน กรอ ง ก็ตอ งขอบคุณ มัน ตอ งกตัญ ูม ัน ชว ยสนับ สนุน ใหมั น รอดอยูได. ยิ่งมาถึงเพื่อนมนุษยดวยกัน เปนเพื่อนรวมโลกกัน ชวยเหลือกันโดย ไมรู ส ึก ตัว ก็ต อ งกตัญ ูก ัน . กระทั ่ง ศัต รู ทํ า ใหเ ราเขม แข็ง หรือ ฉลาด เพราะมี ศั ตรู เราก็ ต องกตั ญ ู อย างน อยก็ นึ กขอบคุ ณ วาศั ตรูช วยให เราฉลาด. แตที่จะกตัญูเวทีหรือไมนั้นก็เปนอีกเรื่องหนึ่ง. กตเวทีคือทําตอบแทน, กตัญู นี้ เรารูสึกอยูในใจ. เราจะตอบแทนศัตรูโดยวิธีใด ? ก็ทําใหเขากลายเปนคนดีเสีย เท า นั้ น เอง ; นี้ คื อ กตั ญ ู ก ตเวที ต อ ศั ต รู . ถ า เป น ไปได ถึ ง ขนาดนี้ เราก็ เป น มนุษยที่เลิศที่สุด เปนมนุษยที่ดีที่สุด ในแงของความกตัญู. ถามีแตคนกตัญู
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ความรอดพื้นฐานของฆราวาส
๒๙๑
แล ว ละก็ โลกนี้ ไม มี ท างจะรบราฆ า ฟ น กั น ได เลย. มั น เป น ความผู ก พั น ที่ แ ยกกั น ไมออกที่วามนุษยอยูรวมโลกกัน ก็มีประโยชน มีบุญคุณแกกัน. ข อ ที่ ๔ ก็ อ ยากจะพู ด ถึ ง ความมี ศี ล สั ต ย . จะใช คํ า ว า “ซื่ อ สั ต ย ” มั น น อ ยไปในที่ นี้ จึ งใช “ศี ล สั ต ย ” วั ฒ นธรรมของคนไทยเป น คนมี ศี ล มี สั ต ย ม าแต เดิ มในชาติ พั นธุอั นนี้ ก็มี อยู , แล วก็ มี มากขึ้นเมื่ อไดรับพระพุ ทธศาสนา. มี ศี ลมี สั ตย นี้ คุณ ก็เขา ใจได หมายความวา อยา งไร : มีค วามซื ่อ ตรง ก็เรีย กวา มีค วามสัต ย, มีศ ีล ก็ค ือ มีก ารปฏิบ ัต ิ ที ่ไ มเปน อัน ตรายตอ เพื ่อ นมนุษ ย. เราไมก ารกระทํ า การที่เปนอันตรายตอเพื่อนมนุษย ก็เรียกวา “มีศีล”, เรามีความซื่อตรงตอ เพื ่อ นมนุษ ยก ็เ รีย กวา “มีส ัต ย” . ถา มีทั ้ง ศีล มีทั ้ง สัต ย ก็ม ีก ารเบีย ดเบีย น ไม ไ ด แล ว ก็ เ ป น ผู ที่ ไ ว ใ จได . เพราะฉะนั้ น อย า ดู ถู ก ว า เป น คํ า ในวั ด เป น คํ า โบราณ. เดี๋ ย วนี้ ม นุ ษ ย กํ า ลั ง ไม มี ศี ล ไม มี สั ต ย ม ากขึ้ น เพราะตกเป น ทาสของ ประโยชน คื อ หมายถึ งอุ ป กรณ สํ าหรั บ สนุ ก สนาน เอร็ ด อร อ ยทางเนื้ อ ทางหนั ง . มั นมี อํานาจทํ าให เราคอย ๆ มองขามศี ลและสัตย เหยี ยบย่ําศี ลและสัตยไปได เพราะ วาชี วิ ตมั นครอบงํา มั นก็ เหยี ยบย่ํ าศี ลและสั ตย ไปได ; นี้ ไม เหมาะแก ความเป นไทย ซึ่งมีความรอด หรือมีอะไรอยูไดดวยความมีศีลมีสัตยมาตั้งแตเดิม.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คํ า ๆ นี้ ขยายความได ม าก จนกระทั่ งว าพวกอั น ธพาล พวกโจรอะไร ก็ ต องมี กฎมี เกณฑ เกี่ ยวกั บศี ลและสั ตย . พวกโจรจะไม ปล นคนที่ เคยให ข าวกิ น แม แต มื้ อเดี ยว อย างนี้ เป นต น. โจรบางพวกจะไม ปล นเจ าของบ านที่ เขาเคยให อาศั ย รม เงาบั งแดดสั ก ครู ห นึ่ งอย างนี้ เป น ต น , อย างนี้ ก็ เป น เรื่ อ งศี ล เรื่อ งสั ต ย ซึ่ งถื อ กั น แม แ ต ค นพาล หรื อ พวกโจรที่ มี ค วามรู สึ ก ว า “ศี ล – สั ต ย ” นี้ เป น พระเจ า หรื อ เป น สิ่ งสํ าคั ญ . ถ าเขาไม ถื อเสี ยเลย เขาจะฉิ บ หายวอดวายหมด ทั้ งที่ เขามี อ าชี พ เป น โจร. เพราะฉะนั้ น ไม ต อ งพู ด ถึ ง คนดี ๆ อย า งพวกเรา ที่ จ ะไม มี ศี ล ไม สั ต ย . จึ ง อยากพู ด ให ข อ ต อ ไป เพราะว า เวลาจะไม พ อ ถ า พู ด ละเอี ย ดเกิ น ไปนั ก .
๒๙๒
ฆราวาสธรรม
ขอที่ ๕ ก็เปนเรื่อง ความประหยัด. เมื่อพูดถึงเรื่องความประหยัด คนสวนมากก็มักจะคิดไปวา ไมจําเปนจะตองอาศัยหลักพระพุทธศาสนา. ที่พูดนี้ ก็หมายความวา เขาไมรูวาหลักพุทธศาสนาก็คือเรื่องการประหยัดอยางยิ่งอยูดวย ก็ ข อให ไ ปดู เรื่ อ งต า ง ๆ ในวิ นั ย ในหลั ก ธรรมะอี ก ในวิ นั ย ทั้ ง ปาฏิ โ มกข แ ละ อภิสมาจารนั้นแหละ มีอยูหลายขอที่ปรับอาบัตภิกษุผูไมประหยัด, ผูหยาบคาย ต อ เครื่อ งใช ไม ส อย, ไม ป ระหยั ด เวลา, ไม ป ระหยั ด เรี่ยวแรง, ไม ป ระหยั ด สิ่ งที่ เปนประโยชนใหคุมกัน ; กระทั่งวามีวินัยหามไมใหถายอุจจาระดวยการเบงแรง. นี่ก็เปนเรื่องการประหยัด ประหยัดในฐานะที่เราเปนคนยากจน ไมมีหยูกยารักษา โรคภั ย ไข เ จ็ บ แต ก็ ป ระหยั ด โดยไม ใ ห เกิ ด โรคภั ย ไข เจ็ บ เพราะว า การถ า ย อุจจาระดวยการเบงแรง. เปนที่มาของโรคภัยไขเจ็บหลายอยางหลายชนิด โดยเฉพาะ อยา งยิ ่ง ก็โ รคริด สีด วงที ่เ กิด ที ่ท วาร เปน ตน ; นี ่เ อามาพูด ใหเ ห็น เปน เรื ่อ ง สุดทาย. พอพูดคําวา “ประหยัด” ก็ตองพูดเลยไปถึงคําวา “สันโดษ” ดวย, เพราะว า สั น โดษนั้ น เป น รากฐานของการประหยั ด . สั น โดษ มี ค น เขา ใจผิด วา ทํ า ใหอ อ นแอ ทํ า ใหเกีย จครา นทํ า ใหไ มข ยัน ขัน แข็ง ;นั ้น คนโงพ ูด คนไมรูจ ัก พุท ธศาสนาพูด ทั ้ง ที ่ต ัว เขาเองก็เ ปน พุท ธบริษ ัท . สัน โดษนั ้น ทํ า ให เ กิ ด กํ า ลั ง ใจ :เมื ่ อ เรามี ค วามอิ ่ ม ใจในส ว นที ่ ไ ด ม า หรื อ ได อ ยู นั ้ น ก็เกิดกําลังใจที่หลอเลี้ยงทดแทนความทอแทออนแอ ความเหนื่อย. เพราะฉะนั้น ทานจึงวางเป นหลักไววา สนฺตุฏี ปรมํ ธนํ พระพุ ทธเจาทานวางหลักอยางนี้ วา ความสัน โดษเปน ทรัพ ยอ ยา งสูง สุด คือ ทํ า ใหอิ ่ม ใจเหมือ นกัน มีท รัพ ย ทํานองเดียวกับทรัพยอยางที่สุด. ชาวนาขุดดินทีหนึ่ง ก็สันโดษพอใจ วาขุดดิน ไป ได ที ห นึ่ ง เส ร็ จ แล วไป ที ห นึ่ งก็ อิ่ ม ใจ. ที นี้ ถ า ชาวน าอี ก ค น ห นึ่ งว า
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ความรอดพื้นฐานของฆราวาส
๒๙๓
อุ ย, ไม ไหว ยั งอี กนานกว าจะเสร็จ กวาจะปลู กข าวงอกออกรวง, ไปขโมยดี กวา ; มันก็ตางกันตรงกันขามอยางนี้. สัน โดษ คือ สิ่ง หลอ เลี้ย งใหจิต ใจอิ่ม เอมเปรมปรีด าปราโมทย อยู เ สมอ, แลว ก็ทํ า ใหป ระหยัด ไมต อ งมีสิ ่ง ที ่เกิน ความจํ า เปน . เดี ๋ย วนี ้เรา กํ า ลั งจะมี สิ่ งที่ เกิ น ความจํ า เป น แก ชี วิ ต โดยตามก น ฝรั่ ง โง ก ม หั ว ตามก น ฝรั่ งมา หลายรายการ ; แล วรายการที่ ไปมี สิ่ งที่ ไม จํ าเป นจะต อ งมี คื อ ไม สั น โดษนี้ ก็ กํ าลั ง จะครอบงํ า คนไทยเรามากขึ้ น เพราะเห อ เหิ ม เรื่ อ งเอร็ ด อร อ ยทางตา ทางหู ทาง จมู ก ทางลิ้ น ฯลฯ ; การประหยั ด ก็ มี ไ ม ไ ด . ป ญ หาที่ เงิ น เดื อ นไม พ อใช อ ยู ใ น เวลานี้ ก็ มี มู ล รากอยู ที่ ค วามไม ป ระหยั ด อยู ส ว นหนึ่ ง ด ว ยเป น ส ว นสํ า คั ญ . ถ า มี นิส ัย ประหยัด แลว ก็จ ะพอ ; ถา แมไ มพ อ มัน ก็จ ะไมเ ดือ นรอ น. เมื ่อ ความ จํ า เปน ยัง มีอ ยู ถา แมย ัง ไมพ อก็ม ีค วามยิน ดี และพอใจไดเ ทา ที ่ม ี. ถือ เปน ห ลัก ส ากล วา เมื ่อ เรายัง ไมไ ดสิ ่ง เราอ ย าก จะได เราก็ต อ งยิน ดีใ น สิ ่ง ที่ เรากํ า ลัง มีนั ้น . เด็ก นัก เรีย นที ่เ คยเรีย นในโรงเรีย น ก็จ ะไดย ิน คํ า พูด ชนิด นี้ เปนสุภาษิตทั่ว ๆ ไป.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เมื่ อพู ดถึ งเรื่ องประหยั ดแล ว ก็ อยากจะยกตั วอย างเรื่ องในพระไตรป ฎก มาเลย ว า พระอานนท ทํ า ให พ ระเจ า แผ น ดิ น องค ห นึ่ งที่ เป น มิ จ ฉาทิ ฏ ฐิ ไม นั บ ถื อ พุท ธศาสนา หัน มานับ ถือ พุท ธศาสนาเพราะการประหยัด . พระเจา แผน ดิน องค นั้ นพู ดอย างดู หมิ่ นท าทายอะไร ๆ ว าพระนี้ โงทั้ งนั้ น แล วเผอิ ญ ไปถามเรื่องว า ใช จี ว รอย า งไร พระอานนท ก็ ต อบไปตามลํ า ดั บ ว า ก็ ใ ช ป อ งกั น หนาวเหมื อ นกั บ ปองกันเหลือบ ยุง ลม แดด เหมือนกับมีกุฏิ มีจีวรเปนกุฏิ.
ถาขาดจะทําอยางไร ? ก็เย็บปะอะไรอยางนี้.
๒๙๔
ฆราวาสธรรม
ถา เกา มากจะทํ า อยา งไร ? มัน ก็ด ามเปน ๒ ชั ้น เขา ถา ชั ้น เดีย ว มันเปอยขาดก็ดามเปน ๒ ชั้นเขา. ถาดามแลวมันก็ยังเปอยขาดใชไมไหว จะทําอยางไร ? ก็เอาไปทําผา ปูนอน พับทบทบ ๆๆ กันเขาเปนฟูกปูนอน. ถามันเปอยเลยวานั้นไปอีกจนทําอยางนั้นก็ไมได จะทําอยางไร ? ก็เอา มาพับทบไปทบมาใหหนาเหลือเล็กนิดเดียวเปนผารองนั่ง. ถามันเกินไปกวาที่จะทําไดอีกละ จะทําอยางไร ? ก็ทําผาเช็ดเทา. ถามันเกินไปกวาที่จะทําผาเช็ดเทาจะทําอยางไร ? ก็นําไปเผาเอาขี้เถา มาผสมดินและขี้วัว ฉาบทาผากุฏิใหเปนของใหมขึ้นมา. นี้หมายถึงกุฏิทําดวยดิน พอนานเขามัน เกา มัน นาเกลียด สกปรก เหม็นสาบ เขาใชไลกันใหมดวยน้ํา ที่ผสมแบบนี้ ตองชีวิตมีขี้เถาอยูดวย. นี่ใชจนกระทั่งเผาเปนขี้เถาไปผสมน้ําขี้วัว ผสมดิ น ไปทาฝากุ ฏิ ให ใหม ให ส วยให ห ายน าเกลี ย ด. พระเจ าแผ น ดิ น อั น พาล แหงนครนั้นก็เลยเลื่อมใสพระพุทธศาสนานี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่ คุณ ดูความประหยัดตามหลักพุ ทธศาสนา คือประหยัดไปในทาง ที่ เป น ประโยชน , ไม ใ ช ป ระหยั ด ในทางที่ ไม จํ า เป น เช น ไปประหยั ด เพื่ อ จะได สนุก สนานเอร็ด อรอ ย, หรือ วา ขี ้เหนีย วจนไมใ ชใ หเปน ประโยชน เปน ปู โ สม เฝาทรัพย คอยเฝาทรัพยอะไรทํานองนั้น.
ประหยัด ในที่นี้ เปนประโยชน, ประหยัด กับ ประโยชน คูกัน ไปเรื ่อ ย คู ก ัน ไปเรื ่อ ย จนวิน าทีส ุด ทา ย ; แลว มาจากความสัน โดษ.ไม แสวงหาสิ ่ง ที ่ไ มจํ า เปน ตอ งมี เอามาใหม ัน ยุ ง , เสีย เวลา ; ก็ห าและมีเ ทา ที่ จําเป น ; แลวก็ใชให เปน ประโยชน จนวาระสุด ทาย. ถาตั้งใจจะหาเกิ น จําเป น
ความรอดพื้นฐานของฆราวาส
๒๙๕
นี้เปน บาป, มีไวเกิน จําเปน นี้เปน บาป, ใชส อยเกิน จํา เปน นี้ก็เปน บาป อยางยิ่ง. คุณจําไวก็แลวกัน วามันบาปอยางยิ่ง ; มันเปนตนตอใหทําผิดทําเลว อยา งอื่น อีก มากมาย. หาเกิน จํ า เปน ก็เหมือ นมนุษ ยส มัย นี ้ หาเกิน จํา เปน แลวก็ไดรบราฆาฟนกันไมมีทางจะหยุดได นี่หาเกินจําเปน. หลักพระพุทธศาสนามีอยูวา อติโลโภ หิ ปาปโก โลภเกินนั้นลามก. ยิ่งโลภเกิน นั้น ลามก: อติ โลโภ = โลภเกิน, หิ = ก็, ปาปโก = ลามา. นี้ ก็คื อ อยากแลวแสวงหาเกินความจําเปน มีไวเกินความจําเปน หรือวาใชสอยเกินความ จําเปนก็เปนของลามก. แมศาสนา อื่น เชนศาสนาคริสเตียนเขาก็บัญญัติอยางนี้ ; หาเกินความจําเปนนั้นเปนบาป เพราะวาฝนความประสงคของพระเปนเจา. ขอให รูจักเรื่องประหยัดและสันโดษในลักษณะอยางนี้. ขอที่ ๖ คือ เมตตาใจกวางใจบุญ. เมตตา แปลวาความเปนมิตร, มิต รคือ ความรู ส ึก รัก หรือ หวัง ดี. คนไทยมีเ มตตาโดยอาศัย อิท ธิพ ลของ พระพุทธศาสนา. คุณก็มองเห็น ฝรั่งก็ออกปากสรรเสริญความมีใจกวางใจบุญ ของคนไทย เขียนอยูทั่ว ๆ ไปในหนาหนังสือ พิมพในปจจุบันนี้ ก็แปลวาเรามี ความเห็นแกตัวนอยกวาพวกฝรั่ง. ฝรั่งจะเปนครูสอนความเห็นแกตัวอยางลึกซึ้ง อยางที่มีอะไรบังหนา, ไมเหมือนกับความไมเห็นแกตัว. เรามีความเมตตากรุณา ทําลายความเห็นแกตัวโดยหลักพุทธศาสนาเปนพื้นฐาน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org มีคําพูดมาแตโบราณวา “นกกินเปนบุญ คนกินเปนทาน” ที่นี่มี อยูทั่วไป. “นกกินเปนบุญ คนกินเปนทาน” นี้ หมายความวา เขาปลูก เขาทํา เขาสรางโดยไมหวังจะรับผลเอง ; หรือแมหวังจะรับผลเองแตถาไมไดกินเพราะ นกกิน สัตวกินเสีย ก็เปนบุญ, คนอื่นมาขโมยเอาไปกินเสีย ก็เปนทาน, ตัวเอง
๒๙๖
ฆราวาสธรรม
ก็ไมเดือดรอน ตัวเองก็กลับไดบุญมากกวาที่จะเอามากินเอง ; นี้เปนหลักพื้นฐาน อยางนี้. เพราะฉะนั้นจึงเต็มไปดวยเมตตา กรุณา ไมโกรธขโมยที่มาลักเอาไปกิน ไมยิงนก ยิงสัตวที่มันมากิน ; ก็ใหมันกินบาง เพราะวาปลูกเผื่อไวแลว. ผมไปที่ อิ น เดี ย ตรงใกล ๆ กั บ พระเชตวั น ที่ ส าวั ต ถี , เจ า ของนา เกี่ยวขาวอยูตัวเปนเกลียวพรอมกับลิงที่กินอยูขาง ๆ. ลิงที่ไมมีเจาของกินแขงกับ เจาของนาที่เกี่ยวขาว. นี่ก็รูสึกวา โอ, นี่มันก็เปนวัฒนธรรมโบราณอยางเดียว กับของคนไทยเรา:“นกกินเปนบุญ คนกินเปนทาน”. อํานาจอิทธิพลของศาสนา สอนใหคนรักแมแตสัตว. สัตวนั้นมันก็ตองกิน เพราะฉะนั้นก็ใหมันกิน. เมื่อทํา ก็เผื่อมันไว. คนไทยเราจะไมถึงอยางนั้นเสียละกระมัง แตวาก็ยังมีความเมตตา กรุณา นี่เหลืออยูมากมีความใจกวาง ใจบุญ, แขกมาตองใหกิน แขกชนิดไหน มาก็ตองใหกิน. บางที่คิดวาเขาจะมาปลน ก็ยังตองใหกิน ; แลวก็ใชอันนี้เอง เปนเกราะปองกันตัวจากคนพาล คือใชความรักนี้เปนเครื่องมือชนะความเกลียด หรือความโกรธ. ขอใหไปนึกดูใหมากในขอที่มีใจกวางใจบุญ มีเมตตากรุณา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอที่ ๗ ความอดกลั้น. ในพระพุทธศาสนาเรียกวา “ขันตี” คน ที่มีความอดกลั้นนี้ คือคนที่มีธรรมะอยางแรง, เพราะมันยาก. การอดกลั้นนี้ มียาก เราบันดาลโทสะโดยไมรูสึกตัว. ถาไมอบรมบมนิสัยมาในวัฒนธรรมมาใน สายเลือดแลว มันยากที่จะอดกลั้น. บางทีพวกนั้นเสียเอกราชของประเทศไป เช น พวกประเทศ ประเทศเขมร ประเทศในอิ น โดจีน ด วยกั น นั้ น เพราะไม มี ความอดกลั้น. เราไปอานประวัติศาสตรดู ผูนําของคนไทย เมื่อฝรั่งขมเหงนั้น ชนะไดดวยความอดกลั้น. ความอดกลั้นเปนเหตุใหยับยั้ง ใหทบทวน ใหคิดนึก ใหผ อ นผัน ใหย อมในสว นที ่ค วรยอมก็เ ลยรอดตัว มาได, นี ้เ ปน เรื่อ งโลก แท ๆ ยั ง รอดมาได ด ว ยความอดกลั้ น ; เรื่ อ งธรรมะที่ สู ง ไปกว า นั้ น ก็ ยิ่ ง
ความรอดพื้นฐานของฆราวาส
๒๙๗
จําเปนมาก. เพราะฉะนั้นคุณ ยังหนุมๆ อยางนี้ อยาบันดาลโทสะ, อยาปลอ ย ไปตามอารมณ, ฝก ฝนความอดกลั ้น นี ้ไ วใ หม าก. อดกลั ้น ในระยะยาวก็ค ือ ว า รอได - คอยได ; รอได มั น ก็ ระยะยาว. ที่ เด็ ก ๆ เราไม ค อ ยมี ค วามอดกลั้ น เสียไปตึงแตเล็ก เป นเจาชูกันตั้ งแตเล็ก การเลาเรียนเสีย, อยางนี้ ก็เพราะไม มี ความอดกลั ้น . เพราะฉะนั ้น คํ า วา อดกลั ้น มัน กิน ความกวา ง, อดกลั ้น ตอ ทุกอยางแลวสรุปรวมอยู อดกลั้นตอความบีบคั้นของกิเลส. ทีนี้ อดกลั้นนี้ตองแจมใสดวย ยิ้มแยมแจมใสไปดวย ไมใชวาเปนทุกข ทรมาน เหมือนไฟใหมอยูในอก อยางนั้นมันไปไมรอด ; ตองมีการระบายออก มีการแกไขทุกอยาง เพื่อใหมีความแจมใส.ในภาษาบาลีเรียกวา มีขันติ มีความ อดกลั้ น , มี โสรัจจะ มี ความยิ้ม แย ม แจม ใส. ขัน ตี กับ โสรัจจะ เป น ลู กฝาแฝด กันไป. ขอที่ ๘ อยากจะพูดถึง การยอมได. คือวายอมใหได (tolerance) เราเปนฝายยอมได ในเมื่อฝายอื่นไมยอม, หรือวายอมกันทั้ง ๒ ฝาย, ที่เรียกวา “ใหอ ภัย ”. การใหอ ภัย ไมถ ือ โทษนี ้ คือ การยอมได. เดี ๋ย วนี ้ม ีต ัว กู – ของกูจ ัด ไม ย อมให อ ภั ย , แล ว ก็ บ า บิ่ น ว า กู เป น ฝ า ยถู ก กู จ ะไม ย อมอะไรเลย, ประนี ประนอมปรองดองกัน ไมไ ด ; ความผอ นสั ้น ผอ นยาวมีไ มไ ด เพราะความ ยอมไมได คือไมใหอภัย. ที่จริงผูที่ใหอภัย หรือผูที่ยอมนั่นแหละเปนผูชนะ ; คนไมยอมนี่แหละคือคนแพหรือคนโง, อยาเขาใจไปวาถายอมแลวจะเปนฝายแพ
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พระพุทธเจาทานตรัสสรรเสริญผูที่ยอมได ใหเรื่องรายที่มันกําลังเกิดขึ้น แลวจะลุกลามกลายเปนความพินาศของทั้งหมด แลวก็มีคนฝายหนึ่งยอมเสีย, ทั้งที่ ตัวไมผิด ยอมวาผิด หรือยอมทุกอยางที่จะใหเรื่องมันระงับไปได ; นี้พระพุทธเจา
๒๙๘
ฆราวาสธรรม
ทานสรรเสริญคนชนิดนี้. ดังนั้นความยอมได หรือความใหอภัยนี้จําเปนอยางยิ่ง คื อ มั น เป น วัฒ นธรรมพื้ น ฐานะ ; แล วคนไทยเราก็ ย อมได ม าเรื่อ ย ๆ ในประวัติ ศาสตร จนมีขนบธรรมเนียมประเพณี ที่ใหอภัยแกกันและกันอยูเสมอ. เขาสอน ใหยอมไดดวยการทําวัตรอยางพระเราทําวัตร อยางนี้ นั่นก็เปนการขออภัยใหอภัย อยู เปน หลัก ประจํ า ; คุณ ไมไดเขา พรรษา คุณ ไมไ ดเห็น พิธ ีทํ า วัต ร แตก ็อ าจ จะเห็นมาอยางอื่น. ขอที่ ๙ ความไมตามใจกิเลส. นี้อยากจะแยกออกมาจากขออื่น ๆ ที ่จ ริง มัน ก็ม ีอ ยู ใ นขอ อื ่น ๆ, แยกออกมาใหเ ดน ชัด เปน หลัก สํ า คัญ . ความ ไมตามใจกิเลสคือความไมตามใจความรูสึกฝายต่ํา อยางที่เขาเรียกกันในภาษา สากลนั้น. จิตมีความรูสึกฝายต่ํากับความรูสึกฝายสูง ; ทีนี้ อยาไปตาม อยาไป ยอมตามความรูสึกฝายต่ํา, ใหยึดมั่นในความรูสึกฝายสูง ก็เลยไมทําตามอํานาจของ กิเลส. อยายอมตามอํานาจของกิเลส ใหยึดธรรมะเปนหลัก คือตามใจพระธรรม. ถา เขีย นเปน คู ก ็ว า “ไมต ามใจกิเ ลส แตก ็ต ามใจพระธรรม” ถือ เอาตาม ความมุงหมายของพระธรรม.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ตามใจกิเลส นี่เปนมูลเหตุใหตามกนฝรั่ง, นี่ไมใชดาฝรั่ง แตพูดให ประหยัดเวลาสั้น ๆ วา ไปเห็นแกความสุขทางเนื้อหนัง ทางวัตถุ ทาง materialism ฝรั่ ง เขาไม ถื อ ว า ที่ เขาร่ํ า รวย เพลิ ด เพลิ น อยู นั้ น เป น materialism ด ว ย:ซ้ํ า ไป, แตถาดูตามหลักพุทธศาสนาแลว อยางนั้นเปน materialism หมดเลย ในการที่ ไปตามใจความรูสึกที่ตองการ ตามเรื่อ งราวของวัตถุ หรือของกิเลส ไมรูจักอิ่ม ไมรู จ ัก พอ แลว เกิน พอดี. นี ่เ ราตอ งบัง คับ ตัว ไมต ามใจกิเ ลส, แตต ามใจ พระธรรม หรื อ ตามใจพระเจ า ซึ่ ง ฝรั่ ง บอกว า ตายแล ว นั่ น แหละ. แต ว า “พระเจา” ยังอยู เราตองตามพระเจา คือไมตามใจกิเลส ; พระเจาก็ปองกันเรา
ความรอดพื้นฐานของฆราวาส
๒๙๙
เป น เครื่อ งรางคุ ม ครองเรา ไม ให ไปตามกน ฝรั่ง. คุ ณ เขี ยนไวน ะวา “ไม ต ามใจ กิเลสเปนวัฒ นธรรมสูงสุดของคนไทย” ; พอไปตามใจกิเลส เปนทาสของกิเลส ก็สูญ เสียความเปนไทย เพราะวาไทยนั้นไมใชทาส ก็พูดกันอยูแลว ; ไปตามใจ กิเลสก็เปนทาสมิดหัวไปเลย จนมิดหัวลงไปในความเปนทาสเลย. อันสุดทาย ขอ ๑๐ พูดรวม ๆ กันวา ความมีแบบฉบับเปนของ ตนเอง. ชาวพุท ธจะมีแ บบฉบับ เปน ของชาวพุท ธเองในทุก กรณี : ในการ กิน อยู ห ลับ นอน ในการเกิด แก เจ็บ ตาย, เทา นี ้ก็พ อแลว . ในการกิน อยู หลับ นอน ในการเกิด แก เจ็บ ตาย พอแลว ; เรามีแ บบฉบับ ของเราเอง ไมตามกนใคร. เรื่องรายละเอียดตาง ๆ ก็พู ดกันมามากแลววา ฆราวาสที่เป น ชาวพุ ท ธจะต อ งทํ าอย างไร คื อ คํ า บรรยายในตอนต น ๆ นั้ น แล ว. นี่ ก็ เพราะว า เรารูจักโลก เรารูจักตัวเอง วาสิ่งทั้งหลายทั้งปวงในสังสารวัฏฏ ในจักรวาลนี้เปน อยางไร ; รูจ นไมยึด มั่น ถือ มั ่น สิ่งใดโดยความเปน ตัว กู - ของกู ; นี่รูจัก ตัว เอง รู จ ัก โลก ในขนาดไมย ึด มั ่น ถือ มั ่น เปน ตัว กู - ของกู ; เพราะฉะนั ้น จึง เกิด ระเบียบปฏิบัติในการกินอยูหลับนอน ในการเกิด แก เจ็บ ตาย เปนพิเศษขึ้นมา เปนแบบของชาวพุทธ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้น ขอใหถือเปนหลักที่ใชแกปญหาทั่ว ๆ ไปวา เราจะมีแบบ ฉบั บ ของเราเอง ; เราจะมี แ บบฉบั บชาวพุ ท ธ - ของเราเอง. เราจะทํ าตามแบบ ฉบับ ที ่ม ีอ ยู ก อ น หรือ วา เราคอ ย ๆ มีขึ ้น เพิ ่ม เติม ขึ ้น มาก็ไ ดทั ้ง นั ้น , โดยมี รากฐานเดียวกัน คือรูจักสิ่งทั้งปวงถูกตอ งตามีที่เปนจริงอยางไร. เมื่อ เรารูแลว เราก็สามารถจะมีแบบฉบับที่ถูกตองขึ้นมาได นี้เปนขอสุดทาย. ทั้งหมดนี้ ขอใหถือเปนวัฒนธรรมของชาวพุทธ และเปนหลักแหง ความรอดพื้ นฐานของฆราวาส : มีความขยันขันแข็ง กลาหาญ ยอมตายดวย พระธรรมนี้เปนขอที่ ๑.
๓๐๐
ฆราวาสธรรม ขอที่ ๒ สุภาพออนโยนขยายความไปถึงเชื่อฟงคนเฒาคนแก. ขอที่ ๓ กตัญู. ขอที่ ๔ มีศีลมีสัตย. ขอที่ ๕ ประหยัด สันโดษ. ขอที่ ๖ มีเมตตา กรุณา ใจกวาง ใจบุญ ขอที่ ๗ อดกลั้น อดทน มีความแจมใสประกอบอยูดวย. ขอที่ ๘ ยอมได ใหอภัยได, เปนฝายยอมเพื่อใหเรื่องตาง ๆ ระงับไป. ขอที่ ๙ ไมตามใจกิเลส แตตรมใจพระธรรมหรือพระเจา. ขอที่ ๑๐ มีแบบฉบับเฉพาะของชาวพุ ทธเองในทุก ๆ กรณี , ในการ กินอยูหลับนอน เกิด แก เจ็บ ตาย.
ทั ้ง หมดนี ้ข อใหเ รีย กวา “วัฒ นธรรมของชาวพุท ธ” เปน พื ้น ฐาน แหงความรอดพื้นฐานของฆราวาสที่เปนชาวพุทธทั่ว ๆ ไป.เปนพื้นฐานที่สงเสริม ใหไปสูจุดหมายปลายทาง คือวิมุตติหลุดพนจากการเวียนวายในวัฏฏสงสาร. นี่แหละ วัฒ นธรรมของชาวพุ ท ธ เป น สิ่ งที่ มี ข อบเขตกวางขวางอย างนี้ เดี๋ ยวนี้ กํ าลั งเป น ความรอดพื้นฐานของฆราวาสทั่ว ๆ ไป.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอให ส นใจทั้ ง เด็ ก ทั้ ง ผู ใ หญ ทั้ ง หญิ ง ทั้ ง ชาย ทั้ ง ๔ ระดั บ ของ ศรม คือที่เปนพรหมจารี, ที่เปนคฤหัสถ, เปนวนปรัสถ, เปนสันยาสี.
เวลาก็หมด ตามที่นกกางเขนบอกรองเตือน, เรไรก็รอง ; เอาละพอกันกันที.
หายนธรรม ของโลกฆราวาส - ๑๗ ๖ พฤษภาคม ๒๕๑๓ สํ า ห รับ พ วก เรา ลว งม าถึง เวล า ๔.๔๕ น . แลว เปน เวลาที ่จ ะไดบ รรยายเรื ่อ งที ่ค า งอยู ติด ตอ กัน ไป. ในวัน นี้ จะได ก ล าวถึ ง หายนธรรม ของโลกฆราวาส และโดยเฉพาะ แหง ยุค ปจ จุบ ัน . ขอใหท บทวนถึง คํ า บรรยายครั ้ง ที ่แ ลว มา ซึ ่ง ไดก ลา วถึง เรื ่อ งที ่เ กี ่ย วกับ ฆราวาส ในหลายแงห ลายมุม . โดยเฉพาะก็ คื อ สิ่ ง ที่ เป น ความมุ ง หมายสํ า หรั บ ฆราวาส และ วิถีทางที่จะใหประสบความสําเร็จตามนั้น. ในวันนี้จะไดกลาวถึงสิ่งซึ่งเป นอุปสรรค และยิ่ งไปกวาอุปสรรคคื อเป น ความเสื่ อม และนํ าไปสู ความวิบั ติ ในที่ สุ ด. สิ่ งนี้ ถ าเรียกโดยภาษาบาลี ก็ เรียกว า “หายนธรรม” สํ า หรับ บางคนอาจจะยั ง ไม เข า ใจ ว า ทํ าไมจึ ง ไปเรีย กว า ธรรม ชนิ ดหนึ่ งด วย ? ในกรณี อย างนี้ ขอให เขาใจไววา คํ าวา “ธรรม” เป นคํ ากลาง ๆ จะใช แ ก ฝ า ยดี หรื อ ฝ า ยชั่ ว ก็ ได จะต อ งมี คํ า คุ ณ ศั พ ท ป ระกอบเข า ข า งหน า เป น หายนธรรม หรือ วัฒ นธรรม เป นต น. ถ าเป นวัฒ นธรรมก็ คือวา ธรรมฝายเจริญ ;
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๓๐๑
๓๐๒
ฆราวาสธรรม
หายนธรรม ก็ คื อ ธรรมฝ ายเสื่ อ ม. แล วพึ งเขาใจไวด วยวา แม แต สิ่ งที่ เรีย กวา อธรรม ก็ ห มายถึ งธรรมฝ ายหนึ่ ง คื อ ธรรมฝ ายเสื่ อ ม หรือ ธรรมฝ ายที่ ทํ าลาย ความประสงค ของสิ่ งที่ เรีย กวา ธรรมฝ ายเจริญ . แล วคํ าวา “ธรรม” หมายถึ ง รู ป ธรรม ก็ ไ ด . น าม ธรรม ก็ ไ ด , เจื อ กั น ก็ ไ ด , กระทั ่ ง ถึ ง สิ ่ ง ที ่ ไ ม ใ ช ร ู ป และไม ใช น าม. เมื่ อ เป น ดั งนี้ คํ า ว า ธรรม ก็ ห มายถึ ง ทุ ก สิ่ ง เราจึ ง แปลคํ า ว า ธรรม นี้ วา สิ่ง เพื่อจะไดหมายถึงทุกสิ่ง มีชีวิตก็ได ไมมีชีวิตก็ได. หายนธรรมของโลกฆราวาส ก็หมายความวา ฆราวาสนี้มีแบบการ เปนอยู หรือวัตถุประสงคมุงหมาย หรือทุก ๆ อยางเปนทีรับรองตองกันวาเป น อย างไร ; มี ลั ก ษณะเป น สถาบั น อัน หนึ่ งซึ่งเป น สถาบั น ที่ ใหญ ที่ สุด คื อ สถาบั น ของฆราวาสตางจากสถาบันของบรรพชิต ; มีอะไรที่ไมเหมือนกันอยูหลาย ๆ อยาง โดยเฉพาะการเป น อยู . ทั้ ง ๆ ที่ วัต ถุ ป ระสงค มุ งหมายก็ เป น อย างเดี ย วกั น คื อ จะไปถึงจุดหมายปลายทางของมนุษยดวยกันทั้งนั้น ; แตสถาบันของฆราวาสมีการ ประพฤติ หรื อ เป น อยู อย า งที่ จั ด ไว เป น ระเบี ย บเฉพาะ ; ฉะนั้ น จึ ง เรี ย กว า สถาบัน ของฆราวาส หรือ “โลกของฆราวาส” ซึ ่ง เปน ของสิ ่ง เดีย วกัน . แล วที่ พู ด ว า ในยุ ค ป จ จุ บั น โดยเฉพาะนั้ น ก็ เพราะวาเป น ยุ ค ที่ แ ตกต างจากที่ แลว ๆ มายิ่งขึ้นทุกที. เมื่อมันแตกตางยิ่งขึ้นทุกที ก็หมายความวา มันจะใกลหรือ ไกลต อ จุ ด หมายปลายทางยิ่ ง ขึ้ น ทุ ก ที ด ว ยเหมื อ นกั น ; แต ในที่ นี้ ม องเห็ น เป น ความเสื่ อ ม คื อ ไกลจากวั ต ถุ ป ระสงค มุ ง หมายของฆราวาส หรื อ สถาบั น ของ ฆราวาสก็ตามยิ่งขึ้นทุกที.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พิ จารณากั นถึงลั กษณะของความเสื่อม : ที่ เรียกวา “หายนะ” หรือ ความเสื่อมนี้ ที่เห็นอยูชัดก็คือวา มันเสื่อมไปจากการกาวไปสูจุดหมายปลายทาง ของฆราวาสนั่ น เอง ; คื อ ก าวไปในลั ก ษณะที่ ไม เป น ความเจริญ ตามหลั ก แห ง
หายนธรรมของโลกฆราวาส
๓๐๓
อาศรม ๔ ประการ ; แตแลวก็มาจมอยูในลักษณะของความทนทรมานชนิดหนึ่ง เหมือนกับตกนรกทั้งเปนโดยไมรูสึก. คําวา “ความเสื่อม” ในที่นี้จึงมี ๒ ปริยาย คือเสื่อมจากการกาวไปตามหลักของอาศรม ๔, แลวเสื่อมลงไปสูความทนทรมาน โดยไมรูสึกตัว. ที่วาเสื่อมจากการกาวไปตามหลักแหงอาศรม ๔ นั้นก็พอจะเขาใจได เพราะวาเราไดพูดกันถึงอาศรม ๔ ระดับนั้นมาเปนที่เขาใจกันแลว. โลกฆราวาส แหงยุคปจจุบันยอมละเลย หรือเหินหาง จากการที่จะกาวไปตามหลักแหงอาศรม ๔ คือ เปน พรหมจารี ก็เละเทะหมด ; เปน ฆราวาสที่ถูก ตอ งหรือ บริสุท ธิ์ผุด ผอ ง ไมได มันก็เละเทะอีกเหมือนกัน, จึงไมนําไปสูวนปรัสถ คือมีชั่วโมงแหงความ สงบ หรือศึกษาคนควาในภายใน ; เมื่อเปนอยางนี้มันก็ไมมีอะไรที่จะไปสอนใคร ในลักษณะของสันยาสี. นี่ พอจะเห็ นไดงาย ๆ วา มั น ไม เป น ไปตามหลัก ของ อาศรม ๔ เพราะมั น เป น ไปในลั ก ษณะที่ เรีย กวา เละเทะ ; นี่ เป น ภาษาสามั ญ หรือคอนขางโสกโดก, มันก็เปนอยางนี้.นี่เพราะความที่เละเทะไปเสียทุกอาศรม มันก็เลยผิดพลาดเปาหมาย ; ดังนั้นชีวิตจึงเปนชีวิตที่เหมือนกับตกนรกทั้งเปน โดยไมรูสึกตัว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ตกนรกทั้งเปน นี้ก็หมายถึงความทนทรมานอยางชื่นตา คือรูสึกอยู เห็น อยู ก ็ม ี ; แตส ว นมากหรือ สว นใหญนั ้น มัน ไมรูส ึก เพราะวา ถา รูส ึก มัน ก็ไมตก หรือพยายามดิ้นรนที่จะออกมาเสีย. เพราะฉะนั้น การตกนรกทั้งเปน ยอมเป นเรื่องไมรูสึกตัว ; รูสึกแตความอึดอัด หรือความกระวนกระวาย หรือ ความเรารอ นบ างก็ จ ริง แต วามั น เห็ น เป นความสนุ ก สนาน ชนิ ด ที่ เห็ น กงจั ก ร เป น ดอดบั วไปเสี ย .เช น คนหนุ ม - คนสาว เห็ น ความสํ า มะเลเทเมาเป น เรื่อ ง ประเสริฐ วิเศษไปเสีย ; ทั้งที่ มันเป นการทรมานจิตใจอยางยิ่งอยูตลอดเวลา.
๓๐๔
ฆราวาสธรรม
เขาแกลงทําไมรูไมชี้กับมันเสียในสวนนั้น, หรือไปหาอะไรมากิน มาดื่ม มากลบ เกลื่ อ นในส ว นนั้ น ; แล ว ก็ ม องแต ส ว นสํ า มะเลเทเมา ซึ่ ง มี ร สชาติ เป น ความ เพลิด เพลิน . ขอใหร ะวัง นรกทั้ง เปน นี้ใ หม าก ๆ มัน ไมไดแ สดงอาการชนิด ที่ นากลัว นาวิ่งหนี แตมันแสดงอาการที่ดึงดูด ลึกลงไปทุกที - ลึกลงไปทุกที. ลองสังเกตดูใหละเอียด เรื่ออบายมุขตางๆ เชนไปดูหนัง โดยเฉพาะ ที่มันเปนเรื่องที่ทําลายศีลธรรม หรือวาไปเที่ยวที่สํามะเลเทเมา ซึ่งสมัยนี้มีเต็มไป ทั่วทุกหัวระแหง เรียกชื่อตางๆกัน มีลักษณะตาง ๆ กัน. เวทนาที่เกิดขึ้นจาก การดู การดื่ ม การสั ม ผั ส อะไรเหล านี้ เป น ของรอ น ; แต ก ลั บ รูสึ ก เป น ของ เอร็ ด อร อ ย สนุ ก สนาน. จะว า เย็ น มั น ก็ ไ ม ถ ู ก มั น กระตุ น ให ฟุ ง ซ า น ใหรําคาญ ใหกระวนกระวาย ; แตมันมีรสอรอยฉาบทาไว คนก็เห็นเปนของนา ปรารถนา แลวก็ทําลายวัฒนธรรมตั้งเดิมโบราณของตน ; มันก็ยิ่งเห็นเปนของ ที่ไมนากลัวมากขึ้น ; หรือมีทางที่จะทําใหลืมตัว จมลงไปลึกมากขึ้น แลวก็เปน กันมากขึ้นทั่ว ๆ ไปทั้งโลก.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราจะตอ งใชส ติป ญ ญา หรือ ใช วิจ ารณญาณ หรือ ที ่เ รีย กวา “ดวงตาภายใน” คือหลับตาดู ก็เรียกวาดวงตาขางใน มองดูโลกใหกวางออกไป ใหทั่ว ๆ. มันมองไดจากขาวคราว หรือจากรายงาน สถานการณอะไรตาง ๆ ที่เขาโฆษณารายงานกันอยู, กระทั่งที่มาพบเขาไดดวยตนเอง วาคนมีอาการ เหมือ นกับ สุนัข ถูก ราดดว ยน้ํา เดือ ด, คือ มัน ดิ้น รนกระวนกระวายอยา งไร, ไมรูวาตัวตองการอะไร. มีชาวตางประเทศออกจากประเทศของตัวมาสูประเทศ อื่น ๆ มากขึ้น ; ที่ออกมาเพื่อกิจธุระการงาน หรือเพื่อความประสงคเปนผลได เป นประโยชน เป น กําไรของเขานั้ น ไม พู ด ถึงก็ได ; แตมี ชาวต างประเทศที่ เขา ออกมาคนควาหาสิ่งที่ เขารูสึกวาเขาตองการ แตก็ไม รูวาอะไร เพราะเขารูสึก
หายนธรรมของโลกฆราวาส
๓๐๕
แตความเดือดรอนกระวนกระวายใจ จนสิ่งตาง ๆ ที่มีอยูในประเทศเขาแกไมได ชว ยไมไ ด จึง ออกมาเที ่ย วแสวงหาสิ ่ง ที ่ม ัน อาจจะแกไ ด สํ า หรับ ความ กระวนกระวายใจ ความไมเปน สุข ใจ ที ่เขาไมรูวา เปน เพราะเหตุอ ะไรนั ้น ก็ม ี. คนชนิ ด นี้ ก็ มี ม ากขึ้ น ทุ ก ที กระทั่ ง มาถึ ง ที่ นี่ . สอบสวน สอบถามดู มั น ก็ เป น เรื่อ งของความมื ด มน มื ด มนในลั ก ษณะที่ ไม รูว า ชี วิ ต นี้ คื อ อะไร, เกิ ด มาทํ า ไม นั ่น เอง,ไมรู ว า อะไรเปน ตัน เหตุใ หเ กิด ความกระวนกระวาย ไมรู เ รื ่อ งกิเ ลส ตัณ หา ไม รูเรื่อ งความยึด มั่ นถือ มั่น ;อยางนี้มี มากขึ้น ๆ พล านไปทั้งโลก. แล ว สวนใหญ ก็พลานมาทางโลกซีกตะวันออกของเรา ซึ่งเคยเปนดินแดนแหงความ สวา งไสวในทางวิญ ญาณ. นี ้ม ัน เปน เครื่อ งบอกความที ่ถ ูก นรกทั ้ง เปน บีบ คั ้น โดยไม รู สึ ก ; รู สึ ก แต เพี ย งว า ไม มี ค วามสุ ข แล ว ก็ ก ระวนกระวาย. ทางฝ า ย ตะวันตก ทางฝายที่เราเรียกกันวา เมืองนอก นั้น ไมมีอะไรจะระงับสิ่งเหลานี้ได มีแตจะยิ่งสงเสริมใหมากขึ้น จนมัวเมาจนเรียกวา ตามืด. อีกทางหนึ่งก็ดิ้น ไป ในทางเสรีภาพที่เกินขอบเขต เสรีภาพที่ผิดทาง เชนวิญญาณของฮิปป ซึ่งกําลัง มีร ะบาดมากขึ้น และไปทั ่ว โลกดว ยเหมือ นกัน . ประเทศที ่ไ มน า จะมีฮิป ป ก็ พ ลอยมี กั บ เขา ตาม ๆ กั น ไปมากขึ้ น . นี้ แ หละคื อ หายนะทางฝ า ยวิ ญ ญาณ ของโลกฆราวาสแห ง ยุ ค ป จ จุ บั น .ขอให สั ง เกตดู ข อ นี้ ใ ห ม าก สํ า หรั บ ผู ที่ อ ยู ใ น สถาบันฆราวาส.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที นี้ จะได พิ จารณากั น ดู เป น เรื่อ ง ๆ ไปให ชั ด เจนสั ก หน อ ย. มู ล เหตุ อั น สํ า คั ญ หรื อ ข อ ใหญ ใจความของเรื่ อ งนี้ ก็ คื อ การที่ โลกแห ง ยุ ค ป จ จุ บั น นี้ มี ความโงเ ขลาชนิด ที่แ สงสวา งบัง ลูก ตา จนยอ นกลับ ไปสูค วามเปน ปา เถื่อ น. นี ่ฟ ง ดูแ ลว ก็ฟ ง ยากหรือ นา ฉงน วา โลกสมัย นี ้ เจริญ ดว ยการศึก ษาทุก อยา ง ทุกแขนงจนไมรูจะศึกษากันอยางไรไหว ; แตแลวก็ยิ่งโงลง เพราะแสงสวางนั้น บังลูกตา ; แสงสวางบังลูกตาหรือตาพราเพราะแสงสวางที่มันมากมายหลายสิบ
๓๐๖
ฆราวาสธรรม
ชนิด ประดังประกากันเขามาทุกทิศทุกทาง ไมเปนทิศ ไมเปนทาง จนตาพรา. แล วความตาพรานั้ น มั น ก็ เดิ น อย างละเมอ ๆ ไปสู ค วามเป น ป าเถื่ อ น ของยุ ค ปาเถื่อนโนน. ดู ที่ ผ ล หรื อ ปรากฏการณ ก็ เห็ น ได ง า ย คื อ เบี ย ดเบี ย นกั น ยิ่ ง กว า สัต วเดีย รัจ ฉาน : ในการแสวงหาก็แ สวงหา อยา งที ่เรีย กวา เต็ม ไปดว ยความ ป า เถื่ อ น คื อ ไม ต อ งดู กั น แล ว วา ดี ชั่ ว ผิ ด ถู ก เป น ธรรม ไม เป น ธรรม, ถื อ เอา แตไ ดเ ขา วา อยา งเดีย ว ; นี ้แ หละคือ ความปา เถื ่อ น. แลว เมื ่อ ตา งคนตา ง แสวงหากันในลักษณะอยางนี้ มันก็มีการแยงชิง คือรบราฆาฟนกันโดยปริยาย ต า ง ๆ และเลวรา ยยิ่ ง กว า สมั ย ป า เถื่ อ น ; คื อ คนสมั ย ป า เถื่ อ นเขาไม ได ฆ า กั น มากมายเหมื อ นสมั ย นี้ , แล ว ก็ ไม มี ค วามอํ า มหิ ต ทารุณ เหมื อ นสมั ย นี้ ที่ จ ะทิ้ ง ระเบิดลงไปคราวเดียวใหมันตายเปนแสนๆ ไดเหมือนเดี๋ยวนี้. โลกอยางปาเถื่อน ก็ดูภาพอยางที่เขาเขียนไวในตกนั้นวา :
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org “สมัยนี้โลกกลาอยางปาเถื่อน” จะรวบเดือนดาวใสในกระเปา ศิวิไลซ มีความหมายวาจะเอา โลกของเรายอนกลับหลังยังปาเอย. (คือปาเถื่อน)
คําวา ศิ วิไลซ ของโลก หรือในโลกนี้ หมายแต จะเอาให เอร็ดอรอย สนุกสนานมากมายไม มี ขอบเขต กระทั่งทะเอาดาวเอาเดื อนเอาดวงจันทร หรือ อะไรก็ตามมาอยูในอํานาจจะเก็บเอาดวงเดือนทั้งหมด มาใสไวในกระเปาของตัว. มั น ก็เป น เรื่องบ าหลัง กลายเป น เรื่อ งป าเถื่ อ นที่ สุด คื อ ไปทํ าในสิ่ งที่ ไม ค วรทํ า ; แลวก็หมดเปลือกอยางเหลือประมาณ, เปนอันตราย หรือเสี่ยงอันตรายอยางเหลือ ประมาณ ; จึ ง เรี ย กว า มั น มุ ท ะลุ ดุ ดั น อย า งป า เถื่ อ น. นี้ คื อ ความที่ โ ลกแห ง
หายนธรรมของโลกฆราวาส
๓๐๗
ยุคปจจุบันรุดหนาแตในลักษณะอยางนี้ อยางหลับหูหลับตา อยางมัวเมากันไป ทั้งโลก ; มองเห็ นเป น ความเจริญ ซึ่งที่แทเป นหายนะ คือ สิ่งที่ นํามาซึ่งความ ฉิบหาย ลมจมของโลกนี้. ขอถัดไปก็คือวา มั นก็นํ าผลมาใหเปนการกระทําที่สมกัน คือเชน จัดการศึกษาชนิ ดที่เปนทาสของวัตถุ อยางเปนบ าเปนหลัง ; ไม มีการจัดการ ศึก ษาเพื่อ ความรุงเรือ ง สวางไสวแหง วิญ ญาณเสีย เลย. การศึก ษาของโลก ในโลกปจจุบันกําลังเปนอยางนี้. หัวขอนี้ก็ชัดเจนพอ ที่คุณจะไปมองเห็นไดเอง; เพราะเราไดพูดถึงเรื่องวัตถุนิยมกันมามากแลวขางตน. นี้เปนทาสของวัตถุนิยม บู ช าวัต ถุ เป น พระเจา ; หรือ แม จะแก ป ญ หาความทุ ก ขรอ นของความเกิ ด แก เจ็บ ตาย ก็มุงจะแกโดยวัตถุ อาศัยวัตถุอยางเดียว เปน dialectic materialism ไปหมด จนเอาจิตไวเปน by product ของวัตถุเทานั้น. การศึกษาชนิดไหนก็ตามถูกจัดไปในลักษณะที่เปนทาสของวัตถุ. การ ศึกษาพื้ นฐานไมตองพู ดถึง มั นก็เพื่ อประโยชน แกเทคโนโลยี่ ในเบื้อ งปลาย ; เทคโนโลยี่ก็นํามาซึ่งผลเปนวัตถุ. ทีนี้การศึกษาประเภทที่เปนเรื่องจิตใจ เป น เรื่องปรัชญา เปนเรื่องศาสนา ก็พลอยถูกจัดใหเปนทาสเปนบริวารของวัตถุไป เสียหมด. ใชศ าสนาเปนเครื่องมือ แสวงหาประโยชนเปนวัตถุ ในที่สุด ซึ่งเรา จะเห็นไดวา งานมิชนารี่ของบางศาสนาซึ่งมีอยูมากไมนอย นั้นเพื่อประโยชน แกการเมือง. การเมืองก็เปนเรื่องหาวัตถุ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที่ เหลื อ อยู ก ลุ ม ใหญ ก็ คื อ พวกปรัช ญาเพ อ เจ อ . ปรั ช ญาซึ่ ง แตก แขนงออกไปมากมายหลายสิบ หลายรอ ยแขนง แตก ็ไ มทํ า ความสวา งไสว ทางวิ ญ ญาณ ; กลั บ ทํ าความปนกั น ยุ ง. แล วแต ล ะแขนงที่ จ ะหยิ บ มาใช เป น ประโยชน ก็เพื่อประโยชนทางการเมือง, เพื่อประโยชนทางกระตุนจิตใจบุคคล
๓๐๘
ฆราวาสธรรม
ให มั วเมาในทางการเมื อ ง, หรือ เป น ความสามารถที่ จะเดิ น แผนการเมื อ ง ให เปน ไปตามที ่ตัว ประสงค. เมื ่อ เปน การเมือ งก็ค ือ เรื่อ งผลเปน วัต ถุ ฉะนั ้น เราเรียกวา เขาจัดการศึกษาทุกแขนงนี้ไปในทางที่มันจะเปนเครื่องมือหาประโยชน ทางวัตถุ ; เพราะจิตใจมันเปนทาสของวัตถุ. คําวา “วัตถุ” ในที่อยางนี้ หมายถึงความเอร็ดอรอย ที่จะไดมาจาก วัตถุ ซึ่งเขาเรียกกันอยางไพเราะเพราะพริ้งวา “การกินดีอยูดี” ที่ไมมีขอบเขต เสียดายที่วาคุณมีอายุเพียง ๒๐ - ๓๐ ป, คุณก็เห็นความแตกตางระหวางยุคไดนอย ; ไมเหมือนคนที่มีอายุหลาย ๆ สิบป หรือตั้งรอยป. เมื่อสมัย ๗๐ - ๘๐ ปมาแลว เขากินอยูกันอยางไร สมัยนี้กินอยูอยางไร, สมัยโนนเลนหัวอยางไร สมัยนี้เลน หัวอยางไร ; มากมายหลาย ๆ แขนง นี้มันตางกันแทบจะเปนหนามือหลังมืออยูแลว, ถาเลยตอไปตึงหลายรอยป ก็ยิ่งมีความแตกตางมาก. ถาคุณจะศึกษาประวัติศาสตรบาง โบราณคดีบาง ก็ขอใหศึกษาเพื่อใหรูสิ่งเหลานี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ตัวอยางงาย ๆ เชน วา ทํ าไมวัดวาอาราม พระวิห ารเจดี ยอะไรที่ สวยงามใหญโตมโหฬาร เกิด ขึ้น ในรูป อยา งที่เราเห็น เหลือ อยูเดี๋ย วนี้ ; ซึ่ง ในสมัย นี ้ไ มเ กิด อยา งนั ้น หรือ จะไมเ กิด เลย. เพราะวา ในสมัย โบราณนั ้น เขาบูชาความสุขทางวิญญาณ รูสึกเปนสุขใจเมื่อไดทําบุญ ทํากุศลหรือมีความ สงบเย็น ในทางวิญ ญาณ ; ฉะนั ้น สิ ่ง เหลา นี ้จ ึง เกิด ขึ ้น ในรูป หนึ ่ง . พอมาถึง สมัย นี้ค นตอ งการความสุข ทางเนื้อ หนัง ; เพราะฉะนั้น อะไรเกิด ขึ้น คุณ ก็ไ ป ดูซิ ; มัน อาจจะมีโ รง สถานที ่ที ่ใ หค วามเพลิด เพลิน เชน โรงละครเปน ตน ; แม ที่ สุ ดแต อนุ ส าวรียที่ ยั่ วยุ ให รักชาติ รัก ประเทศ ก็ มี ม ากมาย หนาขึ้น ; ไม เหมือนกับสมัยกอน ซึ่งอยากจะใหมันเลือนไปเสีย ใหมันลบเลือนไปเสีย ใหอภัย กั น เสี ย ไม เอามานึ ก มาคิ ด . สมั ย นี้ เราจะมายั่ ว มายุ ให โกรธชั ง กั น ตลอด
หายนธรรมของโลกฆราวาส
๓๐๙
กัล ปาวสาน เปน ตน . นี ่เ ปน เรื ่อ งทางวัต ถุ ไมใ ชเ รื ่อ งทางวิญ ญาณ ;แมจ ะ เปนที่ระลึกทางจิตใจแตก็เปนเรื่องทางวัตถุ. ที นี้ มาดู ถึงเรื่องการกินอยูในบ านในเรือน, การมี บ าน มี เรือนอะไร ต า ง ๆ แล ว ก็ ผ ิ ด กั น ไกล ; ล ว นแต แ สดงว า เห็ น แต ว ั ต ถุ อ ย า งเดี ย ว. มี ลู ก มี ห ลาน ก็ อ ยากให มั น มี ห น า มี ต า มี เกี ย รติ มี อ ะไร, ประกวดความงาม อะไรตา ง ๆ เหลา นี ้ เพื ่อ จะขายไดแ พง ๆ อยา งนี ้เปน ตน . ซึ ่ง สมัย กอ นเห็น เป น อั ป รี ย จั ญ ไรในการทํ า อย า งนี้ ที่ จ ะเอาเด็ ก รุ น สาวมาแสดงอะไร ชนิ ด ที่ แสดงกันอยูอยางนี้ ; เขาเรียกกันวา ลามกอนาจาร อัปรียจัญ ไร. คนแกมาก ๆ เห็นลูกหลานไปยกแขงยกขาสูง ๆอยูในจอโทรทัศน เขาจะเปนลม อยางนี้เปนตน. นี่ลองเปรียบเทียบความตางกันกันของจิตมันอยางนี้ดู. ทั ้ง หมดนี ้เ ปน ผลของการศึก ษาที ่เ ปน ทาสของวัต ถุทั ้ง นั ้น ที ่ม ัน เกิด ความนิ ยมอยางนี้ขึ้นมาได. มั น ไมมี การศึกษาแขนงไหนที่ เป นไปเพื่ อความ สวางไสวทางวิญ ญาณ. ผมเคยเสนอในที่ ป ระชุม บางแห งในเรื่อ งอย างนื้ ก็ ถู ก หัว เราเยาะอยูใ นใจ ; แลว ก็ถูก คัด คา นเสีย งแข็งกิน รอ ยเปอรเซ็น ต ในทํ า นอง ที่วา มั น ไม มี ที่ วาง มั น ไม มี ชอ ง ไม มี โอกาส ไม มี ค วามเหมาะสมที่ จะเอาเรื่อ ง อยางนี้ใสเขาไปในระบบการศึกษาสมัยนี้ ไปคิดอยางนี้ ; และนี้แหละคือหายนะ ของสถาบันฆราวาสในโลกทั้งโลกคือจัดการศึกษาใหเปนทาสของวัตถุ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org มองดูตอไปถึงการกระทําที่กระทําอยูในป จจุบั นนี้ เป นการเรงระดม ชวยกันลางผลาญทรัพยากรของพระเปนเจา หรือของธรรมชาติอยางดวนจี๋ที่สุด ; ชวยกันลางผลาญทรัพยากรของธรรมชาติ หรือของพระเจาอยางเรงระดมมือกัน ทุ ก มื อ ในโลกนี้ เพื่ อทํ าลายให มั น หมดไปโดยเร็วอย างด วนจี๋ . ที่ คุ ณ เรีย กกั น วา
๓๑๐
ฆราวาสธรรม
“วิศ วกรรม” หรือ “เทคโนโลยี ่” หรือ อะไรที ่บ ูช ากัน นัก นั ้น แหละ นั ่น คือ เครื่องมือทีจะลางผลาญทรัพยากรของพระเจา. ประเทศที่เจริญมากเพียงประเทศ เดีย วในตะวัน ตก ตามสถิต ิที ่ป ระกาศออกมา ใชน้ํ า มัน ๕๘๐ ลา นแกลลอน ตอ หนึ ่ง วัน สํ า หรับ ใชเรื ่อ งรถรา เรื่อ งอะไรตา ง ๆ ที ่ต อ งใชน้ํ า มัน นั ่น แหละ ; หนึ่ งวัน ยังใชเทานี้ , หนึ่ งเดื อน หนึ่ งป หลายสิบ ป มั นจะเท าไร ; แลวก็ป ระเทศ เดียวเทานั้น. มันยังมีอีกกี่สิบประเทศ กี่รอยประเทศ. ที่ผมเรียกวาผลาญทรัพยากรของพระเจา ก็เพราะวา ๙๕ เปอรเซ็นต ที ่ใ ชไ ปนั ้น เพื ่อ ประโยชนท างวัต ถุที ่ไ มจํ า เปน . ที ่ผ มก็ก ลายเปน คนบา บอ ที ่ม องเห็น ความจํ า เปน หรือ ไมจํ า เปน ผิด แปลกแตกตา งจากที ่เ ขามองกัน . รถยนตร รถไฟ เรือบินหรืออะไรตาง ๆ ที่มากไปกวาเรือบินนั้น ใชน้ํามันทั้งนั้น ; แลว ก็เ ปน สิ ่ง ที ่ม นุษ ยไ มจํ า เปน จะตอ งทํ า ทั ้ง นั ้น ; เชน การไปโลกพระจัน ทร ไม ใช เป น สิ่ งที่ ม นุ ษ ย จํ า เป น จะต อ งทํ า : นั่ น ก็ ยั งนิ ด เดี ย ว, ถ า มาดู ถึ งว า ที่ เขา บินไปบินมาวอนอยูในโลกเวลานี้ใชน้ํามันมากที่สุด. หรือขับรถเร็วจี๋อยูตลอดวัน ตลอดคืน ในโลกเวลานี ้ใ ชน้ํ า มัน มากที ่ส ุด นี ้ มัน เปน เรื่อ งไมจํ า เปน ; มัน เปน เรื่องที่บาสรางมันขึ้นมาใหจําเปน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุณ ไปคิด ดูใ หเห็น ความจริง หรือ ความลับ ในขอ นี ้. อยา งคุณ อยู ในกรุ ง เทพ ฯ คุ ณ นั่ ง ดู เถิ ด ขั บ รถไปบางแสนนั้ น มั น จํ า เป น หรื อ ไม จํ า เป น ; หรือ ไปหาความสํ า ราญอย า งอื่ น จะเห็ น ได ว าไม จํ า เป น นี้ จ ะเข าไปตั้ ง ครึ่งหนึ่ ง ของน้ํามันที่ใชไปเสียแลว. แลวทีเขาเรียกวาธุระการงานนั้น เปนธุระการแกลงวา ทั ้ง นั ้น ไมจํ า เปน ที ่จ ะตอ งทํ า มัน ก็ก ลายเปน ธุร ะการงานขึ ้น มา. ผมพลอย รูสึกละอายตังเองอยางแรงเมื่อนั่งรถไปดู หรือไปเที่ยวตามสถานที่เหลานั้นบาง ; เนื่ อ งจากมี ค นคะยั้ น คะยอให ไปดู กลั ววาผมจะโง ให ไปดู ที่ อ ยางนั้ น เสี ยบ าง ;
หายนธรรมของโลกฆราวาส
๓๑๑
ผมก็ ไป. แล ว มั น ก็ มี แ ต ค วามเศร า สลด สั ง เวชที่ ว า เราก็ ม าพลอยถลุ ง น้ํ า มั น สวนหนึ่งของพระเจาไปกับเขาดวยเหมือนกัน ทั้งที่มันนิดเดียว. เขาถลุงน้ํามันกันอยางมากมายมหาศาล ในประเทศไทยเรานี้. คุณ ลองทําจิตใจใหเปนธรรม คิดดูซิวา เผาน้ํามันกันในลักษณะอยางไร ? ยิ่งคนที่ มีเ งิน เหลือ ใชด ว ยแลว เขาเผากัน ในลัก ษณะอยา งไร ? นี ่เ ขาคิด วา เขาหา ความเพลิดเพลินใสตัวเขามันคุมกันแลว. แลวเขาไปเอาเงินมากมายนั้นมาจากไหน แลวมาทําสิ่งที่ไมจําเปนจะตองทําอยางนี้ มันเป นอยางไร. ผมเรียกวาเปนการ ช ว ยกั น ล า งผลาญทรั พ ยากรของธรรมชาติ หรื อ ของพระเจ า . นี่ เราพู ด กั น แต เพี ยงน้ํ ามั นอยางเดียว สินแรอื่น ๆ กระทั่ งไมไร กระทั่งสัตวที่มี ชีวิต เพื่ อนเกิด แก เจ็บ ตาย อยูในโลกนี้, จนที่สุดกระทั่งคนกันเองมันก็ชวยกันลางผลาญให หมดไป ; พรอ มที ่จ ะลา งผลาญกัน ดว ยอาวุธ ที ่รา ยแรง ลา งผลาญคนกัน เอง. นับตั้งแต สินแรขึ้นมา ถึงพืชพันธุธัญญาหาร กระทั่งขึ้นมาถึงมนุษยนี้ เราเรียกวา ทรัพยากรของพระเจา คือธรรมชาติ ; เราชวยกันลางผลาญอยางมุทะลุดุดัน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เอาละเราจะไม ต อ งจาระไนให เสี ย เวลา ขอให ไปดู จนมองเห็ น ว า มั น เป น การล างผลาญโดยไม จํ า เป น วัน หนึ่ ง ๆ เท า ไร แล ว นี่ แ หละคื อ หายนะ อยางหนึ่งอยางที่นาหวาดเสียง เพราะปญ หาจะเกิดขึ้นจากการไมพอกิน ไมพอ ใช นี้ เร็ ว เกิ น ไป. หรื อ ถ า น้ํ า มั น หมดไปจากโลก จะต อ งแสวงหากํ า ลั ง ทางอื่ น เชนกําลังปรมาณู เปนตน มันก็ยิ่งยุงใหญ ไปกวาเดิม. สมัยที่เขาไมรูจักใชน้ํามัน สมัยคนปา ที่ยังไมรูจักใชน้ํามัน หรือปูยา ตายาย ของเรา เมื่อไมกี่รอยปมานี้ ก็ไม รูจักใชน้ํามันตามตะเกียงใชของอยางอื่นทั้งนั้น ใชของโบราณตามมีตามได เชน ไตอ ยา งนี ้ ; ไมไ ดใ ชน้ํ า มัน เติม เครื ่อ งทํ า ไฟฟา อยา งนี ้. คนก็อ ยู ด ว ยความ ผาสุก สงบเย็น ไมผ ลาญสมบัต ิข องพระเจา หรือ ของธรรมชาติ ;ธรรมชาติเลย รุมรวยอยูในแผนดิน แลวเอามาใหลูกหลานสมัยนี้ ถลุงกันใหหมด ภายในเวลา
๓๑๒
ฆราวาสธรรม
อัน สั้น ไมชั่ว กี่ก ระพริบ ตานี้ มัน ก็จ ะหมดไปได. ปญ หาเกิด ขึ้น รอบดา นซึ่งนํา ไปสูการแขงขัน แยงชิงเบียดเบียน หรือสงครามทั้งนั้น. นี้ก็เปนตัวอยางที่เรียกวาเปน “ความหายนะทางฝายวิญญาณ” มากขึ้นๆ เปนความรกหนา หรือเจริญทางฝายวัตถุมากขึ้น ๆ. เพราะฉะนั้นฆราวาส หรือ โลกของฆราวาส เปนผูรับบาปอันนี้รับผลอันนี้. ทีนี้มาถึงขอที่แรงรายก็คือวา ยุคปจจุบันนี้เอาศาสนาลงมาเปนทาส รับใชการเมือง, เอาศาสนาลงมาเปนทาสตนเองเพื่อเปนทาสการเมืองคือรับใช การเมือง. ตนตองการประโยชนทางวัตถุอยางหลับหูหลับตาที่สุดแลว หาอะไร ที่ จะเอามาใชเป น เครื่อ งมื อ ได ก็ เอามาใช ห มด ; กระทั่ งเอาศาสนามาใช เพื่ อ ประโยชนแกการเมือง. ยกตัวอยางเชน คําสั่งสอนในศาสนา ก็จะเลือกเอามา แต แ ง หรื อ ส ว น ที่ จ ะใช เ ป น เครื่ อ งมื อ หาวั ต ถุ . จะพู ด เรื่ อ งศาสนากั น แต เรื่อ งที่ ชวยกัน หาวัต ถุชวยกั น สรางวัต ถุ . ธรรมะขอ ไหนจะมาช วยให เกิ ด ความ เขมแข็งในทางหาวัตถุนั้น เขาเอามาพูด ; นอกนั้นก็ปดเสีย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เอาศาสนามาพูดเปนเครื่องกระตุนใจ ทํานองปรัชญาใหเกิดรักชาติ รัก พวก เห็น แกพ วกอยา งนี ้ก ็ม ี. ทุก อยา งทุก ประการเอาศาสนามาใชเปน เครื่องมือของการเมือง แมในลักษณะที่เปนพิธีรีตอง ; หรือแมในการสงคราม เขาก็ทําพิธีในศาสนา. บางทีก็จะอางวาเพื่อความอยูรอดของศาสนา เราตอง ไปฆา คนอื ่น ใหต าย. อัน นี ้ถ า ทํ า ถูก ตามหลัก ก็ย ัง พอเปน สิ ่ง ที ่ง ดงาม หรือ ดูไ ด. ถา เรารบเพื ่อ การเปน อยู ข องธรรมะในโลกจริง ๆ มัน ก็ด ีย ัง ถูก ตอ งอยู . แตเ ดี ๋ย วนี ้ร บเพื ่อ ตัว กู - ของกู ; แลว ก็อ า งวา รบเพื ่อ ศาสนา หรือ เพื่ อนั่ น เพื่ อ นี่ ; ก็ เลยเอาศาสนามาใชเป น บริวารแก การรบ การฆ าผูอื่ น เสียดวย.
หายนธรรมของโลกฆราวาส
๓๑๓
คุณปญญาพิจารณาดูจะเห็นไดวา มีมากมายหลายแขนง ที่เอาศาสนา มาเปน ทาสของการเมือ ง เปน ทาสของวัต ถุ เปน ทาสของการแสวงหาวัต ถุ, จนกระทั่งวายอมใหพระเจาตายไปเสีย. ศาสนาที่เขาถือพระเจานี้เขาวาพระเจา ตายแลวเราไมตองคํานึงถึงพระเจา;เรามีพระเจาใหมคือประโยชนที่เราตองการ. พระเจาอยางที่ในพระคัมภีรกลาวไวนั้นนะตายไปแลว ; แตพอกลัวขึ้นมาก็ทําพิธี ศาสนา ออ นวอนพระเจาลม ๆ แลง ๆ นั้น ; เขามีพระเจาจริง คือประโยชน ที่ จ ะได จ ากวั ต ถุ ห รือ การฆ า ผู อื่ น เอาวั ต ถุ ม าเป น ประโยชน ท างเนื้ อ หนั ง . แต เนื่องจากวาคนยังมีเชื้อของพระเจาทางศาสนาเหลืออยูในใจบาง ก็กระทําพิธี ทางศาสนา. อยางนี้มันเปนการทําไปดวยความโง ความหลง. ความโงทําให เขาใจวาพระเจาตายแลว ธรรมะไมจําเปน. ทีนี้ความโลภ โลภมากจนหนามืด มันก็ยอมเหยียบย่ํา หรือขามศาสนาไปหาวัตถุ ; เอาศาสนามาเปนทาสของวัตถุ นี้เพราะความโลภ. ที นี้ มั น รา ยกาจอยู อั น หนึ่ ง ก็ คื อ ความกลั ว . ความกลั ว นี้ ถ า มั น ลง ครอบงํา ใครแลว มัน ก็ทํา อะไรไดทุก อยา ง ; เมื่อ กลัว มากขึ้น มัน ก็ทํา ของถูก ใหเปน ของผิด . พระพุท ธเจา ถูก เอามาใชเปน เครื่อ งมือ เครื่อ งราง สํ า หรับ ป อ งกั น ความตาย ในลั ก ษณะที่ เราเรี ย กกั น ว า “พระเครื่ อ งราง” นี่ ก็ เพราะ ความกลัว ไมใ ชเพราะอะไรอื ่น ; มีค วามกลัว เปน เบื ้อ งหนา มีค วามเขลา เขาผสมโรงบาง, เปนความขลาดและความเขลา ; แลวมันก็เปลี่ยนแปลงอะไร ต าง ๆ ได ม าก. พระพุ ท ธรูป แทนที่ จ ะเป น อนุ ส รณ หรือ วา เป น เครื่อ งมื อ แห ง พุทธานุสสติ กลายมาเปนเครื่องราง ปองกันสิ่งที่เขากลัวหรืออยากที่จะใหร่ํารวย อยากที ่จ ะใหม ีเสนห ม ีอ ะไร ก็ใ ชอ าศัย พระพุท ธรูป เปน เครื่อ งรางอยา งนั ้น ; อยางนี้ก็เรียกวาลดศาสนาลงมาเปนทาสของวัตถุดวยเหมือนกัน; แลวกําลังเปน มากขึ้น ๆ กวาจะถึงจุดอิ่มตัวก็คงยังอีกนาน,
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๓๑๔
ฆราวาสธรรม
ความขลาด ความเขลานี้ ถามันถึงจุดอิ่มตัวแลว มันก็ละลายสลายตัว ลงมาทีละนอย ๆ ไดเหมือนกัน ก็เปลี่ยนเปนยุค ๆ ไป. เดี๋ยวนี้ก็กําลังอยูในยุค ที่เรีย กวา กําลังขึ้น ; กวาจะถึงจุด อิ่ม ตัวจึง จะลง. นา หวัว ที่วา ฝรั่งที่ไมเคย มี พ ระเครื่อ งรางก็ พ ลอยมี ก ะเขาด วย,แล วก็ ซื้อ แพงที่ สุ ด ด วย. ถ าฝรั่งเกิ ด ชอบ พระเครื่อ งองคไ หนขึ ้น มา ก็ซื ้อ แพงที ่ส ุด ; ไดย ิน วา อยา งนั ้น . อยา งนี ้ซึ ่ง เมื่อกอนนี้ไมเคยมี เราเคยบูชาฝรั่งวาเปนคนฉลาด แตแลวก็มาเปนลูกนองของ คนขลาดคนเขลา ก็ไดเหมือนกัน ; เพราะฝรั่งนั้นขี้ขลาดมากกวาคนไทยเสียอีก. ถึง บทเขลามัน ก็เขลามากกวา ; นี ้เลยชวนกัน ลดศาสนาลงมาเปน ทาสรับ ใช การเมือง รับใชทางวัตถุใหใหพระเจาตายไปเสีย ใหธรรมะตายไปเสีย เอาแตพิธี รีต องไว ; อย า งนี้ เราเรี ย กว า มั น เป น “หายนะทางวิ ญ ญาณ” อย า งยิ่ งของ มนุษยในโลก. ดูตอไปใหงาย ๆ โดยทางกิริยาอาการนั้น มนุษยกําลังเปนขบถตอ พระเจา ขบถตอ พระธรรม หรือ ขบถตอ ธรรมชาติ ดว ยอาการอยา งนั้น , ไม ซื่อตรง ไมภักดี ไมมอบกายถวายชีวิตดวยความซื่อตรง หรือภักดีตอสิ่งที่เรียกวา พระเจา หรือ พระธรรม หรือ ธรรมชาติ ก็ ได . ถ าไม อ ยากจะมี พ ระเจ า หรือ ไม อยากจะถือพระธรรม ก็ใหถือกฎของธรรมชาติที่เที่ยงแทแนนอน. มนุษยกําลัง เลน ตลก หลีก เลี่ย งจะเอาประโยชนข องตัว ใชสิ่ง เหลานั ้น ก็ใชเพื ่อ ประโยชน ของตั ว ; ไม ใ ช ด ว ยความเคารพ หรื อ ด ว ยความภั ก ดี ; เป น หน า ไหว หลัง หลอกเสมอ แลว ก็เปน โจรปลน พระเจา หรือ พระธรรม หรือ ธรรมชาติ เสียเลย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่หมายความวาเอามามากมาย เอามาเปนประโยชนแกตัว แกเนื้อ หนังของตัว โดยไมเห็นแกความถูกตองยุติธรรมอะไรหมด ; แลวพรอม ๆ กัน
หายนธรรมของโลกฆราวาส
๓๑๕
นั ้น ก็โ งจ นไมเ ห็น วา พระเจา หรือ พระธรรม กํ า ลัง ลงโทษใหอ ยา งหนัก เหมือ นกัน . ใครจะไปปลน พระเจา ก็ทํ า ได ; แตแ ลว ที ่พ ระเจา ลงโทษนั ้น มองไมเ ห็น ; นี ่เ ปน คนที ่น า สงสารที ่ส ุด . มนุษ ยกํ า ลัง ปลน พระเจา แลว ก็เดือ ดรอนแสนสาหัสโดยไมรูตัว หรือ รูนอ ยเต็ม ที นี่คือ พระเจาลงโทษให. ใน ที่สุดก็มีอาการเปนวา มนุษยนี้กําลังทําสงครามกับพระเจา. คุณชวยมองใหดี ๆ วามนุษยทั้งโลกกําลังทําสงครามกับพระเจา. ถาคุณมองอยางเด็กอมมือ คุณก็จะ เห็นวามนุษยกําลังรบกันเอง, คอมมัวนิสตกับประชาธิปไตยรบกันเอง. นี่ผมขอ อภั ยที่ จะพู ด วา คุ ณ มองอย างเด็ ก อมมื อ . การที่ ประชาธิป ไตยกับ คอมมิ วนิ ส ต รบกัน นี ้ คือ การรบอยา งเด็ก อมมือ สองฝา ยนี ้ร บกัน จริง แตว า การรบกัน นั้น มัน เปน การฝน ความประสงคข องพระเจา . พระเจา หามไมใหรบกัน แตค น ก็ ดื้ อ รั้น ก็ ท า ทายพระเจ า รบกั น ใส ห น าพระเจ า. ดั งนั้ น การทํ าอย างฝ น ความ ประสงคของใครเราถือวาทําสงครามกับผูนั้น. พระเจาไมตองการใหทําอยางนั้น เราก็แกลงเหยียบย่ําพระเจา ทํา อยางนั้นใหมันมากขึ้นไปอีก - มากขึ้นไปอีก,พระเจาตองการไมใหเรามัวเมาทาง เนื ้อ หนัง เราก็ป ระชดพระเจา มีค วามมัว เมาทางเนื ้อ หนัง ใหม ากยิ ่ง ขึ ้น ไปอีก , พระเจาตองการใหประหยัดใชทรัพยากรที่มีอยูในธรรมชาติ หรือเปนสมบัติของ พระเจา นี ้ เราก็ไมป ระหยัด เอามาถลุง เสีย ลา งผลาญเสีย โดยเร็ว เหมือ นที่ พู ด กันมาแล ว ; อยางนี้ มากมายหลายสิ บ เรื่อ ง หลายรอยเรื่อ ง เป นการกระทํ า ที่ประกาศสงครามกับพระเจา ทําสงครามกับพระเจาอยูตลอดเวลา. นี่ถาคุณมอง ออกในลักษณะอยางนี้ ผมวามองอยางผูใหญแลว ไมมองอยางเด็กอมมือ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org การที่ ม นุ ษ ย ฆ า กั น เองนั้ น คื อ การทํ า สงครามกั บ พระเจ า ฝ น ความ ประสงคของพระเจาอยางเหลือแสน. นี่เรียกวาในทางศาสนาเกิดการลมละลาย
๓๑๖
ฆราวาสธรรม
bankruptcy อะไรก็ตาม, มันลมละลายหมด ; เพราะศาสนาไมสามารถคุมครอง มนุษยเพราะมนุษยทําสงครามตอพระเจา หรือตอพระธรรม หรือตอธรรมชาติ เสียเอง ; มันก็มีแตปาก มันก็มีแตความโกลาหลวุนวาย อยางไมรูสึกตัว อยาง แก ไ ม ไ หว แก ไ ม ไ ด แล ว ก็ ไ ม รู ว า จะแก อ ย า งไรมากขึ้ น ๆ ในโลกนี้ รวมทั้ ง ประเทศไทยเราดวย. ในสมัยวัตถุ เราจะเหลืออยูแตวัตถุ เชนวัดวาอาราม โบสถวิหาร พระเจดี ย หรือแม แต พ ระสงฆ ที่ สัก วาบวช ๆ กั น นี้ ซึ่งเป น วัต ถุ ขอให จัด เป น วัต ถุ. กอ นนี ้เขาเปน ตัว แทนของจิต ใจ พระเจดีย เคยเปน ตัว แทนของความ สวางไสวทางวิญ ญาณ ; เดี๋ยวนี้เราเหยียบย่ําสิ่ง เหลานั้น เปนของไมมีคาไป ไม ต อ งการไม อ ะไรหมด ; พระเจดี ย ก็ เหลื อ แต อิ ฐ แต ปู น ไม เป น อนุ ส าวรีย ข อง ความสวางไสวทางวิญญาณ, ไมชวยใหเกิดความสวางไสวทางวิญญาณเหมือนแต กาลกอน. เดี๋ยวนี้มีไวอวดกันเลน มีไวเปนประโยชนแกการทองเที่ยวหรืออะไร ; นี่มันก็กลายเปนเรื่องทางวัตถุไปหมด และยิ่งขึ้นไปทุกที ; นี่เรียกวาศาสนาถูก เหยียบย่ําในลักษณะอยางนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้มาถึงตัวคน ตัวบรรพชิต คือ เจาหนาที่ของศาสนา, บรรพชิต นี่ก็พลอยตกเปนทาสของวัตถุตามพวกฆราวาสไปดวย, แมไมทั้งหมดก็กําลัง จะเปนอยางนั้นมากขึ้น. บรรพชิตนี้แหละกําลังตกเปนทาสของวัตถุตามกนพวก ฆราวาสไปดวยมากขึ้น. การบวชตามขนบธรรมเนียมประเพณีนี้ หรือวาไปทํา หนาที่บรรพชิตในลักษณะที่เกี่ยวของกับฆราวาส หรือโลกนี้ มันเปลี่ยนไป ๆ จน ไปมีวัตถุประสงคอยางเดียวกันกับฆราวาส ; ดวยเหตุนิดเดียว คือการตกเปน ทาสของวัตถุ. เมื่อบรรพชิตอยากจะอยูดีกินดีอยางฆราวาส, เผลอไป, อยากจะ อยูดีกินดีอยางฆราวาส ก็กลายเปนฆราวาสไป คือตกเปนทาสของวัตถุอยางเดียว
หายนธรรมของโลกฆราวาส
๓๑๗
กับ ฆราวาสไป. ฉะนั ้น อยา ไดห วัง การอยู ด ีก ิน ดีเปน อัน ขาด สํ า หรับ พระเรา ; ใหอยูอยางที่พระพุทธเจาทานอยู. พระพุ ทธเจ าท านก็ ฉั นข าวจานแมว อาบน้ํ าในคู เป นอยู อย างตายแล ว เหมื อ นพวกเราที่ นี่ . ฉั น อาหารที่ ใส รวม ๆ กั น ลงไปในบาตรเหมื อ นอย า งแมวนี้ แลว ทา นก็เ ปน อยู อ ยา งธรรมชาติที ่ส ุด . กิน ขา วจานแมว อาบน้ํ า ในคู มี ความหายอยา งนี ้, ไมต อ งมีอ ะไรเปน พิเ ศษ หรูห รา สะดวกสบาย อาบน้ํ า ในลําธารก็ได ; สวนมากก็เปนอยางนั้น. มิเชนนั้ นแลวบรรพชิตนี้จะไปทํ าตามกน พวกฆราวาส,แล ว ก็ ป ระจบพวกฆราวาสในที่ สุ ด นั่ น และคื อ ล ม ละลาย คื อ ว า ความมั่นคงลมละลายครืนลงไปเลย; ไมสามารถที่จะนําฆราวาสในการตอตานกิเลส. บรรพชิตไมสามารถที่จะเปนผูนําฆราวาสในการที่จะตอตานกิเลส นี้ คื อ ความล ม ละลาย. แล วบรรพชิ ต ก็เผยแผ ศ าสนาด วยโมหาคติ คื อ วาทํ าไป ตามความนิย มของฆราวาส หรือ วา ทํ า ไปตามความนิย มของกิเลสของตัว เอง, นี ่เ ขาเรีย กวา เผยแผศ าสนาดว ยโมหาคติ ; ไมเ ปน ผู ที ่ด ึง ฆราวาสมาสู ห นทาง ที่ ถู ก ต อ ง. นี้ เป น เรื่อ งหายนะของฆราวาสด วย ; ไม ใช เป น เรื่อ งฉิ บ หายของพระ แตเปนเรื่องฉิบหายของพวกฆราวาส ; คือไมมีผูนําที่ดีที่จะตอตานกิเลส.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่เราพูดกันมาเปนขอ ๆ ใหเห็นวา หายนธรรมของสถาบันฆราวาส กําลั งมี อยู อย างไร ? และกําลั งจะเพิ่ ม ขึ้น อยางไร ? ฟ งแลวมั น ก็น ากลั ว ; เห็ น จะ ต อ งสรุ ป ตอนท า ยนิ ด หนึ่ ง ว า อย า กลั ว , คุ ณ อย า กลั ว ; เพราะว า แม ว า เรา จะพู ด กั น ไม รู เรื่ อ งกั บ พวกเหล า นั้ น เราก็ ส ามารถจะปลี ก ตั ว เองออกมาเสี ย ได . คุ ณ อย าโง อย าเขลา จนถึ งกั บ เขาใจวา มั น ปลี ก ออกมาไม ได , คนโงก็ จะพู ด วา เพื่ อ นสู บ บุ ห รี่ เราก็ ต อ งสู บ ด ว ย ; ผมละมาได ป ห นึ่ ง พอเพื่ อ นมาที เดี ย ว
๓๑๘
ฆราวาสธรรม
“ก็สูบอีก” อยางนี้ เขาคิดวาตัวเองปลีกออกมาจากคนเหลานั้นไมได. ในที่นี้ ผมกําลังยืนยันวา เราสามารถปลีกตัวเองออกมาเสียได จากผูที่พูดกันไมรูเรื่อง. ผมใชคําวา ผูที่พูดกันไมรูเรื่อง คุณชวยจําคํานี้ไปดวย. เราตองเขมแข็งพอ ที่จะปลีกตัวเองออกมาเสียได จากผูที่พูดกันไม รูเรื่อง ใหเขมแข็งในขอนี้ ; และก็อยางเหอเรื่องการศึกษาใหมากนัก. ฆราวาส ทั่ว ๆ ไปเปนบิดามารดา นี้กําลังเหอการศึกษาจนหลับหูหลับตา ; ใหลูกเรียน เพื่ อ เก งเพื่ อดี เพื่ อ อะไรนั้ น มั น ก็เพื่ อ วัต ถุ . แม ไม มี เงิน ให เรียน ก็ อุต ส าห ลําบาก ยากเข็ญ จนตัวเองหมดความสุข หมดหลัก หมดเกณฑ หมดความถูกตอง ; เชนนี้เปนการเหอการศึกษาของลูกหลาน จนทําความลําบากยุงยากใหเกิดขึ้นทั้ง ครอบครัวอยางนี้. ถาสมมติวาคุณโตๆ ไปวันหนา มีลูก มีหลาน แลวมันไมมี งานที่จ ะทํา : แลว เสีย ใจวา ไมไดเรีย น, หรือ เรีย นแลว ก็ไมมีง านที่จ ะทํา ; นี่ มั น เป น ป ญ หาอยูขางหน า เพราะทุ ก คนเห อ การศึ ก ษาแบบนี้ ; ก็ อ ยาไปเห อ อยางนั้น อยาเสียใจ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอใหจําไววาความเปนผูดี หรือเปนคนดี มีความสุขนั้น มันไมได เนื่องอยูกับการศึกษาอยางในสมัยนี้ ; ไมเนื่องกันอยูกับการศึกษาอยางสมัยนี้ ; ผมทาทายและประณามอยางนี้ วาการที่มนุษยเราจะเปนผูดีก็ตาม เปนคนดีมี ความสุขก็ตาม มันไมไดเนื่องกันอยูกับการศึกษาอยางสมัยนี้เลย.การศึกษาอยาง สมัยนี้มันไมไดทําใหคนเปนคนดี เปนคนดีมีความสุขได ; เพราะการศึกษาเปนทาส ของวัตถุเสียแลว ไมทําใหเปนคนดีมีความสุขได. เพราะฉะนั้นเราจะเปนคนดี มีความสุขได โดยไมตองเขาโรงเรียนอยางสมัยนี้ก็ได. อยางเชน ปูยา ตายาย ของเรา บรรพบุรุษของเราไมเคยเรียนอยางนี้ ; เขาก็เปนคนดีมีความสุขได. เพราะฉะนั้น อยากลัว ที่วาจะไมไดเรียนนั่น ไมไดเรียนนี่ ไมไดไปเมืองนอก
หายนธรรมของโลกฆราวาส
๓๑๙
ไม ได ไปอะไร ; ก็ อ ย า กลั ว . เราจะเป น คนดี มี ค วามสุ ข ได โดยไม ต อ งเกี่ ยวข อ ง กับการศึกษาชนิด นี้ก็ได. ถาเราไปเกี่ยวขอ งได มีโอกาสมีกําลังไปเกี่ย วของได ก็ไปเกี่ยวในฐานะที่จะเอามันมา เปนอุปกรณเครื่องมือสําหรับเปนคนดี มีความสุข ได ; อยา ไปบูช ามัน เปน พระเจา . การศึก ษาที ่ม ีผ ลลุ ม หลงในวัต ถุนี ้ อยา ไป บูชามัน ; จะทําใหเราตกนรกทั้งเปน เหมือนที่เราไดกลาวมาแลวขางตน. เมื่อพูดถึงการเปนอยูแลว เราอยูกระทอมดินก็ได มนุษยเคยมีความสุข เหลือแสนเมื่ออยูในกระทอมดิน ; แตมีนรกทั้งเปน เมื่อมาอยูบนตึกบนปราสาท อย า งในสมั ย นี้ . สมมุ ติ ว า เดี๋ ย วนี้ เราอยู ในกระท อ มดิ น มั น ก็ ยั ง มี ค วามสุ ข ได ; แลวเราก็อยูกันอยางบานนอกคอกนา อยางตําบลเล็ก ๆ อยางที่นี่, รอบ ๆ วัดนี้ ก็ม ีค วามสุข ได ; ไมต อ งอยู ก ัน อยา งเปน บา นเปน เมือ ง อยา งกรุง เทพ ฯ อย า งนิ ว ยอร ค อย า งอะไรที่ เรี ย กว า เป น นครมหาศาลนั้ น . นั่ น คื อ ดงแห ง ความ สกปรก ความเรา รอ นในทางจิต ทางวิญ ญาณ จนเปน ภูต ผีป ศ าจไปแลว, มีความเรารอน สกปรก ในทางจิต ทางวิญญาณเปนภูตผีปศาจไปเสียแลวตั้งแต เดี๋ยวนี้. เพราะวาไปอยูในที่แขงขันกันโดยไมดูหนาดูหลังเต็มไปดวยการแขงขัน ในนครหลวงนั้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คนที่เขาอยูตามบานนอกคอกนา อยูกันอยางนี้ตามเดิมนี้ ไมมี การ แขงขันชนิดในเมืองในหัวใจยังมีความเย็น ยังมีความสะอาดอยูมาก. ขอใหมอง อยางนี้ แลวเราก็ไมกลัว วาเราจะไมไดรับการศึกษาอยางนั้น ไมไดไปอยูอยางนั้น ไมไดเจริญ อยางนั้น. เพราะวา มันเปนการเจริญ อยางที่เรียกวาตกนรกทั้งเปน. ที ่พ ูด นี ้ ก็เพื ่อ เตือ นวา อยา กลัว ที ่เราจะไมไ ดเจริญ อยา งนั ้น : เรามีค วามดี มี ค วามสุ ข ได โดยที่ ไม ต อ งมี ค วามเจริญ อย า งนั้ น ; แล ว เราก็ ไม มี ห ายนะทาง วิญ ญาณ ; เรายังเปนฆราวาส หรือยังเปนพลโลกที่ดี คือที่จะมีความกาวหนา
๓๒๐
ฆราวาสธรรม
ไปตามแบบของอาศรม ๔ โดยแนนอน. กิดมาทีหนึ่งไมเสียชาติเกิดไดกาวหนา ไปตามลําดับของอาศรม ๔ ; ไปเปนผูที่รูจักโลกดี มีความสงบเย็น แลวก็ชวยเหลือ ผู อื ่น ในการเปน แสงสวา งใหแ กเ ขาไดแ นน อน ; นถูก ทาง. ถา เดิน ผิด ทาง เดิน ไปทางอื ่น จะจมลงไป ในเหว ในนรก ; เดิน ถูก ทางจะไปสู ค วาม สะอาด วาง สงบ องจิตของวิญญาณ, ปนคนดีมีความสุขไดทั้งเราเองและผูอื่น. นี่ขออยาใหหายนะอยางที่กลาวมาแลวนั้นมาครอบงํา; ใหวัฒ นะ ในทางจิตทางวิญญาณนี้จงเจริญกาวหนาแกเรา ; ใหเราสามารถปลีกตัวออกมาได จากผู ที ่พ ูด กัน ไมรู เ รื ่อ ง. และนี ่แ หละคือ ประชาธิป ไตยที ่พ ระเปน เจา หรือ พระธรรม หรือธรรมชาติก็ตาม ไดมอบใหแกเรา;ขอใหเรารูจักถือเอาประโยชน อันนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org บัดนี้นกกางเขนบอกหมดเวลาแลว.
ภาวะจิตทราม ในอารยธรรม แผนปจจุบัน - ๑๘ ๗ พฤษภาคม ๒๕๑๓
สํ า หรับ พวกเราที ่นี ่ ไดล ว งมาถึง เวลา ๔.๔๕ น. แลว ; เปน เวลาที ่จ ะไดพ ูด กัน ตอ ไป ถึง เรื ่อ งอัน เกี ่ย วกั บ ฆราวาส ตามความประสงคของคุณที่ไดเสนอปญหามา ลวน แต เ กี่ ย วกั บ ฆราวาส. ในวั น นี้ จ ะได พู ด ถึ ง ภาวะจิตทราม ในอารยธรรมแผนปจ จุบัน ฟง ดูแ ลว ก็นา สลดสัง เวช หรือ ถึ ง กั บ สะดุ ง ; แต ก ็ เ ป น เรื ่ อ งที ่ ค วรจะพิ จ ารณ าอย า งยิ่ ง หรือ จํา เปน . ถา ขามไปเสีย ในเรื่อ งชนิด นี้ เราก็จ ะไมส ามารถ แกไขปญหาตาง ๆ ของฆราวาสได ดั้งนั้น จึงตองพูด.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอใหเขาใจวาเวลาหัวรุงอากาศเย็น ๆ อยางนี้ไมใชเวลาสําหรับจะ มานั่งดาคน หรือดาใครกันใหสนุกไปเลย. แตวาเปนเวลาที่พระพุทธเจาทานใช สําหรับกระทําสิ่งที่เราเรียกกันวา เล็งญาณสองโลก มีอาการเหมือนกับขึ้นไป บนยอดภูเขาสูง ๆ แลวก็ดู โลกโดยทั่ ว ๆ ไป วาอยูในสภาพเชน ไร; แลวท าน
๓๒๑
๓๒๒
ฆราวาสธรรม
ก็มองไปวาใครอยูในฐานะที่ควรชวยเหลือ. พอสวางขึ้นทานก็พยายามที่จะผานไป ทางนั้น เพื่อจะไปชวยเหลือ. ถึงพวกเราก็เหมือนกัน ในเวลาหัวรุง อากาศเย็น สบายดี อยางนี้ก็ควรจะใชเวลาไปในทางที่จะมองดูอะไรดวยจิตใจที่ปกติ เปนวง กวางออกไปทั่ว ๆ โลก ซึ่งรวมทั้งตัวเราเองดวย เพื่อพบปญหาตาง ๆ ตลอด ถึงวิธีที่จะแกไขมัน. เดี๋ยวนี้ผมกําลังพูดหรือเอยถึงภาวะจิตทรามในอารยธรรมปจจุบัน ก็ขอใหพิจารณาดู ดวยจิตใจที่ปกติ หรือเปนธรรม วามันมีอยูจริงหรือไม ตามที่ ผมจะได พู ด ให ฟ ง ตามความเห็ น ส ว นตั ว หรื อ ความรู สึ ก คิ ด นึ ก ที่ มั น เกิ ด ขึ้ น เพราะอํานาจของสิ่งเหลานี้ มันทําใหเกิดความคิดนี้ขึ้น. คํา วา “ภาวะจิต ทราม” นี้เ กือ บจะไมตอ งอธิบ ายอะไรแลว แต โดยใจความมันหมายถึงการที่จิตของมนุษยตกต่ําลงไป จนไมสมควรแกคําวา มนุษย. ถาคุณขอบคําจํากัดความ หรือบทนิยาม ก็ขอใหเพงเล็งกันอยางนี้วา ภาวะจิตทรามนั้น คือจิตของมนุษยตกต่ําลงไปจนไมเหมาะสมกับคําวามนุษย. ความหมายของ“มนุษย” นี้ เราพูดกันแลวพูดกันอีกอยางซ้ํา ๆ ซาก ๆ วา จิตสูง หรือ เหลา กอของผูที่มีจิต สูง สะอาด นา ไหว นา นับ ถือ บูช า และไมเปน ไป เพื่อความทุกข เรียกวาสูงง เดี๋ยวนี้มันเปนไปทางต่ํา สกปรก มืดมัว เรารอน เราเรียกวา จิตทราม.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สําหรับคําวาอารยธรรมแผนปจจุบันนั้น มันก็พอที่จะเขาใจไดอยูแลว ; แตสําหรับ คําวา “อารยธรรม” นี้ ขอบอกกลาวา มันเปน เรื่องเลนตลกสิ้นดี. คําวา อารย หรือ อริย นี้ เปนคําเดียวกับที่เราเรียกในภาษาไทยวา อริยเจา. อารยธรรมก็ คื อ ธรรมะของพระอริ ย เจ า ; แต แ ล ว มั น ก็ ไ ม เ ป น ไปอย า ง
ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน
๓๒๓
สมชื่อนั้น ๆ. นี่เพราะวาคนบัญ ญั ติคําพู ด บัญ ญั ติศัพ ทนี่ เขาไมไดเล็งถึงอะไร มากไปกวาความเหมาะสมเฉพาะหนา เฉพาะเวลา เฉพาะถิ่นเทานั้นเอง ; ในเมื่อ มุงหมายจะพูดเล็งถึงของดี ของสูง ก็เลยเอาอารยะใสเขาไป เปนอารยะธรรม. สวนคําวา civilization ของฝรั่งซึ่งเปนตนตอของคํานี้นั้นมันจะมีความหมายอยางไร ก็ยัง ไมเปน ที่แ นน อน. แตที่แ นน อนก็คือ วา มัน คงจะไมต รงกับ ความหมายของ คําวา อริย หรือ อารย เป นแน . ถ ามั น เป น อยางนี้ จริง มั น เป น ความเขลาของ คนที่ บั ญ ญั ติ คํ า นี้ ใ นภาษาไทย โดยลื ม นึ ก ถึ ง พระอริ ย เจ า , หรื อ ไม ส นใจเอา เสียเลยก็ได. ทีนี้สําหรับคําวา อารยธรรมปจจุบันนั้น คุณก็พอจะมองเห็นอีก เพราะ ผมหมายถึงปจจุบันหยก ๆ นี้ ในศตวรรษนี้ จนกระทั่งถึงวันนี้. อารยธรรมปจจุบัน โดยใจความก็ค ือ อารยธรรมทางวัต ถุ,พูด ภาษาศาสนาก็เรีย กวา อารยธรรม ทางเนื้ อ หนั ง . มั น เป น เรื่ อ งของเนื้ อ หนั ง เพื่ อ ประโยชน แ ก เนื้ อ หนั ง หรื อ เป น อุป กรณเ พื ่อ ประโยชนแ กเ นื ้อ หนัง ; ทั ้ง หมดนี ้ม ัน รวมเรีย กวา “อารยธรรม เนื้อหนัง" มีความกาวหนาทางวัตถุเปนหลักสําคัญ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เมื่อพวกอิตาลีไปย่ํายีประเทศอะบิสสิเนีย ; คนปาดํา ๆ ในอะบิสสิเนีย นั้นตะโกนบอกกันวา อารยธรรมของฝรั่งมาแลว ! หมายถึงปนใหญ หมายถึง รถถัง หมายถึงอะไรที่มันไปฆาพวกอะบิสสิเนีย. พวกอะบิสสิเนียตะโกนบอกแกกัน และกัน วา ระวัง ๆ อารยธรรมของฝรั่ง มาแลว . นี่คุณ ลองคิด ดูวา คนปา แท ๆ ถ าเราจะจั ด วาเป น คนป า โดยการที่ ผิ ว หนั งมั น ดํ า , มั น ยั งรูจั ก ถึ งขนาดนี้ วา นี่ อารยธรรมของฝรั่ง, ไมใชอารยธรรมของพวกเราแตโบราณ, ดั ง นั้ น อารยธรรมของฝรั่ ง ก็ คื อ วั ต ถุ เครื่ อ งมื อ ที่ จ ะไปบี บ คั้ น คนป า เรียกวาอารยธรรมปนใหญ อยางหนึ่ง เพื่อผลเปนการไดมาซึ่งวัตถุ ซึ่งเปนปจจัย
๓๒๔
ฆราวาสธรรม
ของกามารมณ . อารยธรรมปนใหญ กับอารยธรรมกามารมณ วิตถารนี่มันคูกัน. ดังนั้น พิจารณาดูใหดีแลว อารยธรรมแผนปจ จุบันไมมีอะไร นอกจากปนใหญ กับ กามารมณวิต ถาร. นี่จ ะเปน คํา ดา หรือ เยาะเยย หรือ อะไรก็ต ามใจ, แตนี่ พูดไปตามความจริงที่มันมีอยู. ฉะนั้นคุณ เขาใจคําวา “อารยธรรมแผนปจจุบัน” ไวในลั ก ษณะอย างนี้ ดี ก วา ปลอดภั ย กวา ; เป น สิ่ งที่ จ ะหลี ก เลี่ ย งไม ได สํ าหรับ ฆราวาส. เพราะฉะนั้น จึงเอามาพูดในฐานะเปนสิ่งที่ฆราวาสจะตองรู จะตอง เขาใจ จะตองจัดการกับมันใหถูกตอง อยางที่เรียกวา “ฆราวาสธรรม” เปนสิ่งที่ ฆราวาสจะตองรู จะตองกระทําใหถูกตอง. ทีนี่เราจะพูด ถึงตัว เรื่อ งราวของมัน เสีย ทีวา ภาวะจิต ทรามนั ้น คื อ อะไร ? ที่วา จิตทราม จิตทราม นั้น ถาถือตามหลักพระพุทธศาสนาก็มีจิตทราม อยู ๓ ประเภทตามลักษณะของกิเลส : ๑.จิ ต ทรามที่ ม าจากโลภะหรื อ ราคะ, ก็ คื อ เนื้ อ หนั ง เฟ อหรื อ กามารมณเฟอ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ๒. จิตทรามที่จากจากโทสะ หรือโกธะ นั้นก็คือการฆากันเฟอ.
๓. จิตทรามที่มาจากโมหะ หรืออันธการ นั้นก็คือการทําสิ่งที่ไมตอง ทําแลวก็เฝาทําอยูจนเฟอ.
สรุปสั้น ๆ ก็วา จิตทรามดวยโลภะ คือกามารมณเฟอ เนื้อหนังเฟอ, จิตทรามดวยโทสะก็คือฆากันเฟอ, จิตทรามดวยโมหะก็คือทําสิ่งที่ไมตองทําเฟอ นี่เปนหัวขอที่คุณจะตองดูใหดี วามันมีอยูจริงหรือไม ในสมัยปจจุบันนี้ เมื่อมอง ตามหลักของพุทธศาสนา. เราเป น คนไทย เป น พุ ท ธบริ ษั ท ยึ ด หลั ก พระพุ ท ธศาสนา แล ว เกลียดชังความโลภ ความโกรธ ความหลง เปนที่สุด, คือเกลียดชัง โลภะ โทสะ
ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน
๓๒๕
โมหะเปน ที่สุด . โลภะนี้มีชื่อ แทนวา ราคะหรือ อื่น ๆ อีก , โทสะก็มีชื่อ แทน ว า โกธะ หรื อ อื่ น ๆ อี ก , โมหะก็ มี ชื่ อ แทนว า อั น ธการ ความมื ด มนหรือ อื่น ๆ อีก . ดัง นั้น เมื่อ คุณ พบชื่อ อยา งอื่น ก็ข อใหรูจัก สัง เกตแลว เอามารวม เขาในชุด ๓ นี้ อยางใดอยางหนึ่งใหจนได ; คือวามันมีแตเพียง โลภะ โทสะ โมหะที่เราพูดกันติดปาก. บัดนี้เราจะพูดถึงจิตทรามที่มีมูลมาจากโลภะหรือราคะนี้กอนเปน ประเภทแรกเปนเรื่องเนื้อหนังเฟอ หรือกามารมณเฟอ. สิ่งนี้กําลังระบาดอยู ทั่ว ไปทั้งโลก ซึ่งผมไมตองอธิบายเพราะคุณจะทราบดีกวาผมเสียอีก และคุณก็อยูใกล ชิด กับ สิ่ง เหลา นี้ เพราะเปน ฆราวาส แลว ก็เ พิ่ง มาบวชหยก ๆ นี่เ อง แลว ก็จะกลับไปเปนฆราวาสอีก. ที่เรียกวา เนื้อหนังเฟอ นี้ เราจะตองนึกถึงคําวา “เฟอ” เพราะวามัน ใชไดทุกกรณีทั้ง ๓ กรณี. เราจะลองนึกถึงสิ่งที่เรียกวา กําลัง หรือ energy นี้. เมื่อเรามีกําลังมากจนลนแลวกําลังนั้นมันจะลนไปทางไหนโดยธรรมชาติ คือโดย อั ต โนมั ติ . ยกตั ว อย า งเช น เรากิ น อาหารเข าไปมาก แล วเกิ ด กํ า ลั งเหลื อ ล น สําหรับที่จะทํางานตามหนาที่ แลว energy นั้นลน มันจะลนไปทางไหน ? มัน ก็ลนไปในทางความรูสึกทางกามารมณ. คุณจะเรียกมันวาจิตสูงหรือจิตทราม ? ในที่นี้เราเรียกวา “จิตทราม” คือมันลนไปในทางลามกอนาจาร ตามอํานาจ ของกิเลส.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ระวัง ใหดี แรงงานลน นี้, ระวัง ใหดี, เดี๋ย วนี้เรามีวิช าเทคโนโลยี่ ในโลกสําหรับสรางอุปกรณของแรงงาน หรือกําลัง ที่ใหมนุษยดื่ม กิน ใสเขาไป. ทีนี้มันมากจนลน และมันจะลนไปทางไหน ? มันก็ลนไปในทางกามารมณ ทาง
๓๒๖
ฆราวาสธรรม
ลามกอนาจาร. ดังนั้นผลไดทางวัตถุยอมเปนไปทางเนื้อหนังทั้งนั้น. ประดิษฐกรรมตาง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกอยางหนาแนน, ที่ยกยองกันมากนักนี้,พอมันลนหรือ เฟ อ มันก็เฟ อไปในทางกามารมณ ; ไม ไดเฟ อไปในทางกิจการงานที่จําเปนแก มนุษ ย. ดัง นั ้น คุณ จะเห็น ไดวา สิ ่ง ที ่ว างเกลื ่อ นอยูสํ า หรับ มีข าย มีอ ะไรไปทั่ ว ทุกหนทุกแหงนั้น มิใชเปนสิ่งจําเปนแกมนุษย. ผมขอรอง ขอวิงวอนวา ชวยทําจิตใจใหดี ๆ ใหเที่ยงตรงใหเปนธรรม ใหยุติธรรม แลวเดินสํารวจตลาดในกรุงเทพ ฯ วามันมีสิ่งที่จําเปนแกชีวิตมนุษย กี ่เ ปอรเ ซ็น ต, แลว ไมจํ า เปน แกช ีว ิต มนุษ ย คือ ไมต อ งมีก ็ไ ดนั ้น กี่ เปอรเซ็ น ต . แลวสิ่งที่หรูหรา สวยงาม แพงมากเหลานั้น รวมอยูในสิ่งเหลานั้น แลวก็เปนไป เพื ่อ กามารมณ ลน ไปทางจิต ทราม ; แตเ ขากลับ บูช าวา นั ่น แหละคือ สูง สุ ด เปน ไปในทางสูงสุด หรือนาปรารถนา ; หรือ สิ่งสวยงามเปน อยางต่ํา. ถามอง ใหดี ๆ อยางนี้จึงจะพบความเฟอ ความเหลือความจําเปน ; เปนเหตุใหคนเรา โลภจัด ปรารถนาเกินขอบเขต เกินที่ พ ระเจากําหนดไว. อยากได หรือแสวงหา หรือ มีไว หรือ ใชจายเกิน จําเปน ที่ม นุษ ยค วรจะตอ งทํา. อยางนี้เรียกวา “เฟ อ” เป น ความโลภ, ก็ ม ี บ าลี ว า “อติ โ ลโภ หิ ปาปโก” - โลภเกิ น นั ้ น ลามก ; ตามตัว หนัง สือ วา อยา งนั้น . โลภเกิน นั้น ลามก อติโ ลโภ หิ ปาปโก ชว ยจํา ไวดวย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราจะดูกันตอไป อยางไรเรียกวาเนื้อนหนังเฟอ ? มันก็ไมยาก โดย แบงขอบเขตของความจําเปน ปจจัยที่จําเปนแกการครองชีพของมนุษย : เรื่อง อาหาร เครื่อ งนุง หม ที่อ ยูอ าศัย เรื่อ งหยูก ยาแกไ ข ที่จํา เปน มัน มีอ ยูอ ยา งไร ที่เฟอมีอยูอยางไร ; เดี๋ยวนี้เราอยากใหมันเฟอไปเสียทั้งนั้น. เมื่อเฟอไปทุกอยาง แล ว ที นี้ มั น ก็ ล น ไปทางกามารมณ . เมื่ อ มั น เกิ น จํ า เป น แล ว มั น ก็ ล น ไปทาง
ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน
๓๒๗
กามารมณ. เรื่อ งอาหารก็ดี เรื่อ งเครื่อ งนุง หม ก็ดี ที่อ ยูอ าศัย หลับ นอนก็ดี แมแตหยูกยา ; เมื่อมันลนความจําเปน หรือเฟอ มันก็เฟอไนในทางกามารมณ ทั้ง นั ้น . ถา มัน เฟอ ไปอยา งนี้แ ลว มัน ไมใ ชสิ ่ง ที่เ รีย กวา “ปจ จัย ที ่จํา เปน แกชีวิต ตามหลักของพระพุทธศาสนาที่เรียกวา “ปจจัยสี่ ที่จําเปนแกชีวิต มนุษ ย” นั้นมันอยูในขอบเขตจํากัดเทาที่จําเปนจริง ๆ ; พอสิ่งเหลานี้มัน เฟอ มัน ก็ไมใชปจ จัย ในที่นี้แ ลว ; มัน กลายเปน ของเฟอ เปน “กามารมณปจจัย” เปนปจจัยของกามารมณ, แลวก็นําไปสูความวิตถารทางกามารมณ. นี่ระวังใหดี วามันอาจจะหลอกเราได หลอกวา “ปจจัย ” นี้ เราตองแสวงหา แลวก็เปน ของจํา เปน แกช ีวิต ; แตแ ลว มัน กลายเปน ไมใ ช “ปจ จย”ไป โดยไมรูส ึก ตั ว. อยางนี้ทําใหเกิดความลน จนเปนกามารมณ เปนเนื้อหนังเฟอ. ที่วาปจจุบันนี้มีภาวะจิตทรามเพราะสิ่งเหลานี้เฟอนั้น ก็ดูซิ คุณดูให ละเอียด ดวยความรอบคอบถี่ถวน จะพบวามีสิ่งอยูสิ่งหนึ่ง ซึ่งเปนลักษณะที่ แสดงใหเราเห็น ไดช ัด อยา งยิ ่ง ชว ยจํ า คํ า นี ้ไ วค ือ เจตนารมณแ หง การยั่ ว , เจตนารมณ หรือเจตนาก็ตาม แหงความยั่ว, มันมีความมุงหมาย หรือเจตนา ที่จะยั่ว จะหลอก จะลวง เอาประโยชนของผูอื่นดวยการยั่ว อยูเต็มไปหมด ทุกหั วระแหง ในโลกนี้ . โดยเฉพาะอยางยิ่งสิ่งที่เรียกวา “โฆษณา” นั้น หรือ โฆษณาชวนเชื่ อ นั้ น คื อ ตั ว หลอกตั ว ยั่ ว . เจตนาแห ง การยั่ ว . ถ า เป น เรื่ อ ง กามารมณโดยตรง มันก็มีความยั่วมากไปกวานั้น. โปสเตอรโรงหนังโรงละคร, โปสเตอรขายสิ่งของเครื่องใชอะไรก็ตาม มันเปนการยั่ว การหลอก การทําใหโง อยู ใ นนั ้น . เราจึง ไปทํ า สิ ่ง ที ่โ ง ๆ ไปดูสิ ่ง ที ่โ ง ๆ, เสีย เงิน ไปดูสิ ่ง ที ่ทํ าลาย จิ ต ใจของเราเอง ซึ่ ง ทํ า ให จิ ต ทรามโดยไม รู สึ ก ตั ว ; แล ว ก็ เสี ย เงิ น ไปซื้ อ เอา
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๓๒๘
ฆราวาสธรรม
จิตทรามมาใหแกตัว. สิ่งฟุมเฟอยตาง ๆ ที่กําลังระบาดทั่วไปในโลกเปนอยางนี้มี เจตนารมณแหงการยั่ว เปนวิญญาณของมัน. ใหพิจารณาดูกันบางวา อารยธรรมใหม หรืออารยธรรมปจจุบันนี้ เรียกใหมันชัดหนอยก็เรียกวา “อารยธรรมของสตรีรสและเมรัย”. คํานี้เกาแกมาก ถึงสมัยพวกกรีก ; อารยธรรมเกาแท ๆ ของเขาไมใชสตรีรสและเมรัย. ไปดูมา ตั้งแตอารยธรรมสมัยหิน สมัยคนปาไมนุงผาก็ไมมีอารยธรรมสตรีรสและเมรัย ; แลวมันคอยเปลี่ยนมาเปนอารยธรรมที่มีระเบียบ มีแบบแผนมีขอบัญญัติ มีสิ่งที่ ตองประพฤติปฏิบัติมากขึ้น จนเกิดระบบศาสนา ศีลธรรมอะไรนี้ขึ้นมา; แลว เขาก็หนักแนนอยูแตในเรื่องของศาสนา. มันจึงมาสูงสุดเปนอารยธรรมที่เนื่อง กับศาสนาอยางแนนแฟนในโลกนี้. ในสมัยเมื่อหลายพันปมาแลวในประเทศจีนก็ดี, ในประเทศอินเดียก็ดี, ในประเทศตะวันตกอยางพวกฮิบรูเกาแกนั้นก็ดี มีการฝากจิตใจไวกับศาสนา หรือ พระเปนเจา, แลวเชื่อมาก แลวกลัวมาก. มันอยูในระเบียบ อยูในแบบแผน ที่จ ะไมก ระทํ า สิ่ง ที่ล ามกอนาจารเปน หลัก ใหญอ ยูอ ยา งนี ้ ก็เปน อารยธรรม ทางศาสนา. ตอมนุษยมันดีขึ้นในทางสติปญญา สติปญญามันเลยเถิดจนกลาย เปนเชื่อความคิด ความนึก ความรูสึกของตัวเอง ; เกิดไมเชื่อศาสนา ไมเชื่อ พระเปนเจากันแลว ; นี้มาตกเปนทาสของเนื้อหนัง จึงคอย ๆ ละทิ้งอารยธรรม ศาสนา หรือพระเปนเจา มาบูชาสตรีรสและเมรัยนี้เปนพระเจา ; แลวก็หาความ เพลิดเพลินระหวางเพศ แลวก็ใชของมึนเมาทุกชนิดเปนเครื่องสนับสนุน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาเราศึกษาดูจะเห็นวา พวกกรีกเปนเจาตํารับ หรือวาเปนตนตอ ของการเปลี่ยนแปลงยุคหนามือเปนหลังมือนี้, กลายเปนบูชาเรื่องเพส เรื่องของ
ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน
๓๒๙
มึนเมาทําลายอารยธรรมเดิม อารยธรรมทางศาสนา. พวกฝรั่งที่เคยมีอารยธรรม ศาสนาก็มากลายเปน อารยธรรมสตรีรสและเมรัย , แลวก็ระบาดไป ระบาดไป จนพวกไทยเราก็ไ ปตามกน ฝรั่ง . ใครจะโกรธหรือ อะไรก็ต าม ผมไมก ลัว ; แลงก็บอกพวกคุณ ทั้งหมดทุก ๆ องคนี้วา ระวังใหดีในเรื่องนี้ ที่จะไปตามกนฝรั่ง ในเรื่องอารยธรรมสตรีรสและเมรัยนี้. จากอารยธรรมสตรีรสและเมรัยนี้ เราจะเห็นเจตนาแหงการยั่วมากมาย หลายชนิด จนพู ดกัน ไมไหว : จะยกมาใหเปนตัวอยาง เปนเครื่อ งสังวร ที่มั น กําลังระบาดทั่วโลกเวลานี้ก็คือเรื่องกระโปรงสั้น . นี่อารยธรรมสตรีรสและเมรัย ที่แสดงออกชัดทั่วโลกขณะนี้คือ กระโปรงสั้น สั้นจนจะไมมีเหลือ. คุณ อยาเห็น เปนเรื่องหยาบคายหรือเอาเรื่องหยาบคายมาพูดกันดวยจิตทราม; แตพูดใหรูวา นั้นแหละคือลักษณะของความมีจิตทราม, กระโปรงสั้นนั้นแหละคือลักษณะของ ความมีจ ิต ทราม. คุณ ไปตั ้ง ปญ หาคิด เองวา มัน คือ อะไร ? เนื ่อ งมาจาก อะไร ? และเพื่ออะไรในที่สุด ? มันก็เพื่อจิตทรามทั้งนั้นแหละ คือลักษณะของ ความมีจิตทราม, เกิดมาจากจิตทราม, ก็เพื่อจิตทรามตอไปอีก.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org จะถามวาทําไมจะตองไปทําใหมันสั้น ? มันไมสะดวก,มันไมสบาย, มันไมปองกันอันตรายของผิวหนัง หรืออะไรไดเลย ; แตแลวทําไมสมัครใหเปน อยางนั้น ? ก็ไมมีอะไรนอกจากเพราะจิตมันทรามลงไป. มันยินดีที่จะใหถูกหลอก, แลว ก็เพื ่อ หลอกกัน ตอ ไป. คุณ ก็รูไ ดว า แบบเครื่อ งแตง ตัว นี ้ ผู ช ายออกแบบ แลว ผู ห ญิง ก็โ ง ผสมโรงกับ ความมีจ ิต ทรามของผู ช าย คือ จะลวงผู ห ญิง ให เป น ของเลน หรือ ยั่วได ม ากขึ้น ; แล วความโงของผูห ญิ งก็ส มั ค รจะทํ าอย างนั้ น . มันบวกกับจิตทรามทั้งของผูหญิง ทั้งของผูชาย ผลิตผลเกิดขึ้นมาเปนกระโปรงสั้น ; แลวก็สั้นเรื่อยไป ๆ จนเปนปญหายุงยากลําบากไปหมดทั่วทั้งโลกในทางศีลธรรม.
๓๓๐
ฆราวาสธรรม
แตไมเปนปญ หาในทางเรื่องที่จะทรามลงไปในความเป นลามกอนาจาร. นั้นไม เปน ปญ หา ไมเ ปน อุป สรรค แตเ ปน อุป สรรคในทางศีล ธรรม ที ่โ ลกนี ้จ ะมี ศีลธรรม. เพราะวาการนุงกระโปรงสั้นนั้นเปนบาปอยูทุกลมหายใจเขา ทุกลมหายใจออก. คุณไปบอกเพื่อนคุณที่นุงกระโปรงสั้นเถิดวามันเปนบาปอยูทุกลมหายใจ เขา ออก ; เพราะมัน ทํ า ไปดว ยเจตนาชั่ว คือ ยั่ว คือ ตกเบ็ด . ในเวลาที่ มั น นุงกระโปรงสั้น มัน ตอ งการจะตกเบ็ด คนที่เห็น เพื ่อ ใหอ ยูในอํา นาจของมัน ; มัน ก็ค ือ นางยัก ษิณ ีที ่ม ีค วามหวัง จะตกเบ็ด จะจูง จมูก .เจตนาชั ่ว นี ้ถ ือ ว าบาป แลว มัน เปน บาปอยูทุก ลมหายใจเขาออกที่นุงประโปรงสั้น ; จนกวาจะไดผลัด เสียใหม. นี้แหละคือเจตนาแหงการยั่ว ขอแรก มันก็อยูที่กระโปรงสั้น ซึ่งไมให ความสะดวกสบาย หรือ ผลประโยชน อ ะไรนอกจากความยั่ ว แล วเป น บาปอยู ตลอดเวลา. เรื่องถัดไปเปนเรื่องเลยกระโปรงสั้นไปอีก ก็เปนเรื่องเปลือย ; พยายาม หาโอกาสที ่จ ะใชค วามเปลือ ยเปน เครื่อ งจูง , เปน เครื่อ งยั ่ว , เปน เครื่อ งหลอก ใหค นมาอยูใ นอํา นาจของตน เปลือ ยอวัย วะที ่ไ มค วรจะเปลือ ย แลว ก็นิ ย ม เปนของสูงสุด จนเมือจะกินอาหารก็ตองมีระบําเปลือยแสดงอยูดวย. ผมไมเคย เขา ไปในโรงเหลา นั ้น แตค นที ่เคยเขา ไปเขามาเลา ใหฟ ง หรือ วา อา นหนั ง สื อ หลาย ๆ อยางรูวาเขาทํากันอยางนั้น. พวกทหารฝรั่ง ทหารรับจาง ไดเงินมาแพง, ได เงิน ค ารับ จ างแพง ๆ แล วก็ เอามาถลุ ง เพื่ อ จะกิ น อาหารชนิ ด ที่ มี ก ารเปลื อ ย แสดงอยูตลอดเวลา. เงินมันก็หมดไป หมดไป ; ไปหามาใหมก็เพื่อผลอยางนี้. มันไมใชมีแตเรื่องอยางนี้อยางเดียว มันมีมากมายหลายสิบเรื่อง. เดี๋ยวนี้ก็ไดยินวา วัฒนธรรมปศาจกําลังระบาดเขาไปทั่วทุกหนทุกแหง, แลวขยับขยายกันอยางนั้น
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน
๓๓๑
ขยับขยายกันอยางนี้ใหมันแปลกออกไป ใหมันวิตถารออกไป. ไดยินเขาพูดกันวา เดี๋ย วนื้ท างแหลมสะแกนดิเ นเวีย สองสามประเทศที่ต รงนั้น กํา ลัง นําหนา ในเรื่องอยางนี้จนคนประเทศอื่นอุตสาหขึ้นเรือบินไปเพื่อจายเงินที่นั่น เพื่อผล อยางนี้. นี่แหละดูมนุษยในโลกนี้ หรือโลกของมนุษยในเวลานี้ที่มันมีจิตทราม อยางนี้ เต็มไปดวยการยั่ว. ทีนี้มันก็มาถึงเรื่อง แกไขศีลธรรม หรือวาเหยียบย่ําศีลธรรมที่มีอยู แตกาลกอน. ศีลธรรมขอไหนมันเปนอุปสรรคแกการที่เขาจะลุมหลงกันใหมาก ๆ อยางนี้เขาจะแกไขมันเสีย, หรืออยางนอยก็ดวยการทําไมรูไมชี้เสีย ; นี่เรียกวา เหยียบย่ําศีลธรรม ถือเปนเรื่องไมบาป ไมกรรม ไมชั่วไมลามกอนาจาร. เรื่องลูก เรื่องเมียของใครก็ตามใจไปอยูในลักษณะที่หยิบยืมกันไดเหมือนของใชหรืออะไร อยางนี้ มันมากขึ้นทุกที. ถาคุณยังถือศีลธรรมดั้งเดิมอยู คุณก็จะไมมีที่อยูใน โลกนี้, และเดี๋ยวนี้เขาจะมีอารยธรรมอยางนี้กันแลว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org รวมความแลวก็คือความที่มันทรามลง ทรามลง ทรามลง ตกต่ําลง ; วัดได จากสิ่ งเหล านี้ ที่ มั น มากขึ้น มากขึ้น . มากขึ้น ที่ เป นตั วอยางอัน หนึ่ งที่ แสดงวา จิต ทรามลงอยา งไร ก็คือ เรื่อ งราวที่ม ัน เกี่ย วกับ สถานที่ต ากอากาศ แห ง หนึ่ ง ในประเทศหนึ่ ง อย า ไปออกชื่ อ เดี๋ ย วมั น จะเป น เรื่ อ งด า เขาตรง ๆ. ประเทศที่มีสถานตากอากาศที่มีชื่อเสียง เมื่อตอนแรกๆ แผนโฆษณาใหไปเที่ยว ที่สถานที่ตากอากาศเหลานั้น เมื่อ ๒๐ - ๓๐ปมาแลว เขาใชภาพของธรรมชาติ ที่เงีย บสงัด สวยงามตามธรรมชาติ พิม พเปน โปสเตอรดึงใหค นไปเที่ยวที่นั่น. นี่ก็แปลวายังมีจิตใจที่ยังเปนศิลปน แลวก็ชอบอยางนี้ จึงไปเที่ยวที่นั่น ไปเที่ยว กั น มาก. ต อ มาภาพโปสเตอร ชิ้ น นั้ น มั น ช ว ยไม ไ ด ไม มี ใ ครไปเสี ย แล ว ; ก็เปลี่ยนเปนเรื่องชาตินิยม เอาภาพเรือรบที่มีชื่อเหมือนกับสถานที่ที่นั่นมาโฆษณา
๓๓๒
ฆราวาสธรรม
มัน ก็ค ึก คัก กัน ขึ ้น มาพัก เดีย ว ; เปน เรื่อ งชาติน ิย ม ก็ไ ปเที ่ย วที ่นั ่น . ทีนี ้ต อ มา รูป เรือ รบมัน ก็ใ ชไ มไ ด มัน ก็ไ มด ึง ดูด ใจได ก็เ ลยกลายเปน เอาเรื ่อ งกิ น อยู สนุก สนาน เลน หวัว อะไรที่นั่น มาเปน ภาพโปสเตอรโฆษณา ; ก็ไปไดพ ัก หนึ่ง. ในวาระหลัง ๆ ครั้งสุดทายนี้ก็คือภาพบิ กินี แลวก็มาเปนภาพเปลือ ยโดยปริยาย คนจึงไปเที่ยวที่นั่น; ที่ชายหาดนั้นเต็มไปดวยคนสวมชุดเปลือย หรือครึ่งเปลือย. ที นี้ คุ ณก็ดู ซิวา จิตมั นตกต่ํ าหรือทรามลงไปอย างไร ที แรกมี วิญญาณ ของศิล ปน ธรรมชาติอัน สวยงามมัน ดึง ไป, แลว ก็มีวิญ ญาณชาติน ิย ม เรือ รบ ชื ่อ นี ้นํ า ไป, ตอ มาก็เ รื ่อ งกิน เรื ่อ งเลน เรื ่อ งหวัว เรื ่อ งชาวบา นมากขึ้ น , แลวอันสุดทายก็คือเรื่องเปลือย. นี่วัดความมีจิตทรามลงไปเปนระดับ ๆ อยางนี้. มั น ก็ค งไม แต ที่ นี่ ที่ ไหนก็ เหมื อ นกั น ความมี จิ ต ทรามอย างนี้ . ฉะนั้ น เราเรีย กวา ความมีจ ิต ทรามลงไปตามลํ า ดับ ๆๆ ตามที ่ค วามกา วหนา ทางประดิ ษ ฐกรรม แผนใหมมันเกิดขึ้น มันกาวหนาขึ้น. เมื่อประดิษ ฐกรรมเพื่อ การยั่วยุกาวหนาขึ้น เทาใด, จิตของมนุษยก็จะทรามลงไปเทานั้น. นี่ก็ภาวะจิตทรามที่จะพอมองเห็นได เปนตัวอยางในอารยธรรมแผนปจจุบัน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เอาละ ที นี้ เราลองแยกกั นดู ว าจิ ต ทรามของบุ รุ ษ จิ ตทรามของสตรี มันมีอยูอยางไร ? จิตทรามของฝายบุรุษมันทรามลงไปในทางที่จะเหยียบย่ําสตรี ; ขอนี้ ไม ใชมีความหมายเล็กนอย มี ความหมายซึ่งเป นที่มาในพระไตรปฎก หรือในความ คิ ด นึ ก ของผู เป น บั ณ ฑิ ต มี พ ระพุ ท ธเจ า เป น ต น . จิ ต ของบุ รุ ษ มั น ทรามเมื่ อ มั น เหยี ย บย่ํ าเกี ย รติ ของสตรีล งเป น ของเล น . เมื่ อ บุ รุษ ยั งเคารพสตรีวาเป น ภั ณ ฑะ สู งสุ ด อย างบาลี วา อิ ตฺ ถี ภรฺฑ านมุ ตฺ ต มํ - สตรีเป น กั ณ ฑะสู งสุ ด ของภั ณ ฑะ
ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน
๓๓๓
ทั้งหลาย. นี้ก็ยกยองสตรี ไมเอาลงมาเปนของเลน ; อยางนอยก็ยกยองสตรี เปนเพศของมารดาเปนเพศที่ควรแกการบูชา. อีกทางหนึ่งมันเห็นสตรีเปนของเลนทางกามารมณ, ถือเอาประโยชน ในทางกามารมณ ก็เ หยีย บย่ํา สตรีล งเปน ของเลน . มีเ รื่อ งเลา ในบาลีวา พวกลิจฉวี กษัตริยลิจฉวี เปนประเทศเล็ก ๆ ประชาธิปไตยเล็ก ๆ อยูในสมัย พุ ท ธกาลนั่ น . ประเทศมหาอํ านาจเช น ประเทศมคธ โกศล นี้ ทํ า อะไรไม ได ; ประเทศใหญ ๆ นั้ น น ะ เคยรบแพ ป ระเทศเล็ ก ๆ คื อ ลิ จ ฉวี . ในคําตรัสของ พระพุทธเจา ก็วาพวกลิจฉวีเปนประเทศที่นับถือสตรี. ในบรรดามหาประเทศนั้น มันเปนประเทศที่เหยียบย่ําสตรีเปนของเลนตาง ๆ. แตมีขออื่นประกอบ คือวา เปนผูเครงครัด เขมแข็ง ในเรื่องหนุนหมอนไมก็อยูในชุดนี้. พวกกษัตริยลิจฉวี หนุนหมอนไม นอนเสื่อเนื้อหยาบ ตื่นแตดึกฝกอาวุธ , แตวาหลักใหญทางจิต ทางวิญ ญาณ ก็คือ ยกยอ งสตรี เทิด ทูน สตรี. ตอ มามีค นไปยุ คือ มีส ะปาย ทํา ให พ วกลิ จ ฉวี เ ลิ ก ความเป น อย า งนี้ แล ว ก็ แ ตกสามั ค คี กั น เพราะเหตุที่ เหยียบย่ําสตรีลงเปนของเลนมันก็แยงกามารมณกัน. ทีนี้ก็เลยเปนประเทศที่ลมจมไปเลย. ประเทศมคธ ประเทศใหญนั้นก็เลยยึดเอาเปนเมืองขึ้น. นี่คําวายกยองสตรีกับ เหยียดหยามสตรีมีความหมายอยางนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาจิตใจสูง ยกยองสตรีเปนเพศของมารดา, จิตใจมันยังมีศีลธรรม เมื่อ มีศีล ธรรมแลว มัน ก็ดีต ลอดไป. พอมัน เหยีย บย่ํา สตรีล งเปน ของเลน มันก็หมดศีลธรรม, มันก็เปนสัตวเลว. เดี๋ยวนี้บุรุษในโลกนี้กําลังเหยียบย่ําสตรี โดยเจตนาบาง โดยไมเจตนาบาง โดยไมรูสึกตัวบาง,เอาเพสของมารดาลงไป เปนเครื่องมือสําหรับแสวงหาความเพลิดเพลินทางกามารมณ เปนเบื้องหนา เปนหลักใหญ.คุณจําไววา ผมพูดวา เปนเบื้องหนา หรือเปนหลักใหญ.
๓๓๔
ฆราวาสธรรม
จิตทรามของบุรุษ สรุปความทั้งหมดไดก็คือวา ลุมหลงสตรีในฐานะ เปนของเลนไมใชเปนที่ควรใหเกียรติ หรือบูชา ในฐานะเปนเพศของมารดา, มองดูฝายสตรี จิตทรามของฝายสตรี ที่เกิดแกสตรี นี้ก็คือตรงกัน นั ่น แหละ เขา คู ก ัน คือ ทํ า ตัว เปน ของเลน ของฝา ยบุรุษ . ไมถ นอมเกี ย รติ ในฐานะเปนมารดาของโลกไว. ผมพูดแลวอยาวาดูถูกพวกคุณ ซึ่งมีอายุไมกี่ปนี้ คุณไมทันเห็นคนสมัยปูยาตายายที่เปนสตรี เขาถนอมเกียรติกันไวอยางไร เขาไมได ปลอยตัวใหเปนเครื่องเลนของบุรุษเหมือนสตรีสมัยนี้ ซึ่งยอมนุงกระโปรงสั้นเขาไป สั้นเขาไปปละหลาย ๆ เซ็นติเมตร ; เพราะสตรีสมัยนี้มันยอมเพื่อจะเปนอยางนั้น นี้ค ือ จิต ทรามของสตรี ; พลอยผสมโรงกับ บุรุษ ที่เขาจะเอาสตรีเปน ของเลน . แลว ก็อ ยา ลืม เมื ่อ ตะกี ้ที ่พ ูด วา เครื่อ งแบบแตง ตัว ของสตรีนี ้ บุรุษ เปน ฝ า ย ออกแบบนะ จะมีต น ตออยู ที ่ฝ รั่ง เศส หรือ อยู ที ่ไ หนก็ต าม ; แตผู ช ายเป น ผู ออกแบบเครื่อ งแตง กายของสตรี. มัน ก็มีโ อกาสที่จ ะตม ยํา สตรีไ ด ; แลว สตรี ก็โงพอที่จะรับเอาดวยความสมัครใจ นี่ความมีจิตทรามของสตรีก็มีโดยการลวง ของบุรุษ บวกกับ ความโงข องตนเอง. ความลวงของบุรุษ กับ ความโงข องสตรี บวกกัน เขา เปน พยานหลัก ฐานชัด เจนก็คือ ยอมรับ เอาแบบกระโปรงนั ้น หรือ สิ่งอื่น ๆ ที่คลายกันเพื่อจะเปดเผยอวัยวะที่ไมควรเปดเผย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราก็พู ดไดเลยตอไปอีกวา จิตทรามของสตรีก็คือยอมทําตัวเปนนะ คะโสเภณี ; แตที่ผ มกํา ลัง พูด นี้ไมใ ชน ะคะระโสเภณีอ ยา งที่เขารับ จา งหากิน , นะคะระ แปลวา นคร, โสเภณี แปลวา ผูทําใหงาม ; นะคะระโสเภณี แปลวา ผูทํ า นครใหง าม นี้เ ขาแตง ตัว ตามแบบสมัย ใหม กระโปรงสั้น เพื ่อ ทําเมือ ง ทั้งเมืองใหดูงาม; นี้โสเภณี “นครโสเภณี” ในคําพูดภาษาธรรม ไมใชคําพูดภาษาโลก.
ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน
๓๓๕
คําพู ดภาษาโลก “นะคะระโสเภณี ” คือหญิ งรับจางหาเงินดวยการกระทํ าอยางนั้น, แตภาษาธรรมภาษาที่ลึก ภาษาทางวิญญาณนี้ หมายความวาผูที่จะทําใหบรรยากาศ ทั ่ง ไปดูง ดงาม เชน ผู ห ญิง แตง ตัว สวยงามทั ่ว ไปนี ้ เขาก็ใ ชก ระโปรงสั ้น นุ ง กั น ทั ่ว ทั ้ง เมือ ง ทั ้ง ประเทศ ทั ้ง โลกนี ้น ะ เพื ่อ จะทํ า เมือ งใหง ามสมัค รเปน คนที่ จะทํ านครให งาม ด วยอาการอย างนี้ . แล วความงามนี้ มั นมี ความหมายหลายแง หลายมุม งามของภูตผีปศาจก็มี, งามของมนุษยก็มี, งามของบัณ ฑิตนักปราชญ มีพ ระพุท ธเจา เปน ประมุข ก็ม ี. ทีนี ้น ครโสเภณีแ บบนี ้ คือ มัน งามชนิด ไหน ? ความงามของคนพวกไหน ? ผมวางามของพวกภู ตผี ป ศาจที่ ผูหญิ งทุ กคนในประเทศ หรือ ในโลก จะชวนกั น นุ งกระโปรงสั้ น จนแทบจะไม มี เหลื อ , สั้ น จนแทบจะไม มี เหลืออยูสั กกี่เซ็ นติ เมตรนี้ เป นความงามสําหรับภู ตผี ป ศาจให มั นเป นโลกของภู ตผี ปศาจ ที่มีความงามอยางนั้น. คุณ ก็ด ูต อ ไป โดยเปรีย บเทีย บเครื ่อ งนุ ง หม costume หรือ ชุ ด นุ ง ห ม กั น นี้ ลองเที ย บดู เ ป น ศตวรรษ ๆ เมื่ อ ศตวรรษที่ แ ล ว มาเป น อย า งไร ? ศตวรรษนี้เปนอยางไร ? หาดูไดงาย ๆ จากรูปภาพ ผูหญิ งในศตวรรษที่แลว ๆ มา เขาปกป ดมิ ดชิ ด เหมื อนกั บ ว าหุ ม ห อ เพชรพลอย ยากที่ จะเห็ นเนื้ อหนั งของเขา ; แลว แถมบางชาติ บางประเทศหุ ม หนา เสีย มิด ชิด เลย เพราะถา เห็น หนา สวย มั น เกิ ด ราคะแก ผู เห็ น ; ฉะนั้ น เขาก็ ไ ม ใ ช ไม ย อ มให ห น า สวย ๆ ของเขาเป น เครื่องยั่วใหเกิดราคะแกผูชายที่เห็น แลวเกิดความคิดนึกสกปรกในจิตใจตอความ งามของเขา ; ดัง นั ้น เขาคลุม หนา มัน เสีย นี ่ศ ตวรรษที ่แ ลว มา ผู ห ญิง ทุก ชาติ ทุ ก ประเทศทั้ ง ประเทศไทยเราหรื อ ประเทศฝรั่ ง , ฝรั่ ง ก็ ยิ่ ง คลุ ม มากกว า อี ก . ใน ศตวรรษที่แลวมาหรือวาตนศตวรรษนี้ก็เถอะ ฝรั่งยังคลุมมากกวาเดี๋ยวนี้มาก.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เดี๋ ย วนี้ ฝ รั่ ง ก็ นํ าไป ใน ท างที่ เป ด อ อ ก เป ด อ อ ก เป ด อ อ ก เพ ราะเขาไป บูชาอารยธรรมเนื้อหนังเกงกวาเรา กอนกวาเรา แลวไทยเราก็กําลังจะตามกนฝรั่ง
๓๓๖
ฆราวาสธรรม
เขาในเรื่อ งนี้ ; เดี๋ย วนี้จ ะเหลือ อยูก็แ ตใ นชุด แตง งานของพวกฝรั่ง การคลุม รางกายมิดชิด มีเหลืออยูแตในชุดแตงงาน. สวนชุดอื่น ๆ นั้น มันก็สั้นเขาไป สั้น เขาไป. นี่เราก็ไปตามกนเขา ก็ยังเหลืออยูแตชุดแตงงานเหมือนกัน. การ แตงชุดแตงกายตามแบบวัฒนธรรมเดิมของไทยไมมีอยางนี้เลย. บัดนี้ก็ไดยินวามีชุดยาวขึ้น เปนชุดไทย ชุดอะไรที่สตรีไทยใชสวมนี้ ก็เปนสิ่งที่นาอนุโมทนา.แตแลวหาเวลาแตงยาก, มีแตแตงดวยชุดกระโปรงสั้น ไปในที่ทุกหนทุกแหง แมในโบสถ. เพราะฉะนั้นขอแสดงความเสียใจอยางสูงสุด ไวในที่นี้วา ชุดที่โบสถฝรั่งเขาไมยอมใหเขานั้น โบสถไทยยอมใหเขา. นี้แหละ คุณไปคิดดูเถอะ คุณ ก็คงจะรวมเสียใจกับผม วาชุดที่โบสถฝรั่งเขาไมยอมให เขานั้นโบสถไทยยอมใหเขา. ชุดกระโปรงสั้นจนนุงแลวยุงยากลําบากไปหมดนั้น โบสถฝรั่งเขาไมยอมใหเขา แลวโบสถไทยยอมใหเขา. ดังนั้นขอแสดงความเสียใจ อยางสูดสุดไวที่นี้ตอพวกคุณวาพุทธบริษัทไทยเรานี้กําลังเปนทาสของพวกฝรั่ง ในทางวัฒนธรรม. พวกฝรั่งเองนําในเรื่องนี้ พวกไทยตามกัน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ไปดูที่ชายหาดริมทะเล ที่เฉลียงโฮเต็ล หรือที่ไหนตาง ๆ นี้ ; ผมดู แลวสะดุงวาที่เดินมาคูหนึ่ง ไมรูสึกวามันเปนมนุษยคูหนึ่ง. รูสึกวาเปนคนกับ สัต วเลี้ย งคูห นึ่ง . ผูช ายดูยังเปน คนอยูแ ตผูห ญิง กลายเปน สัต วอ ยางกับ สัตว เลี้ย งไป. มัน เดิน มาสองคน คนหนึ่ง เปน คนเลี้ย ง คนหนึ่ง เปน สัต วเ ลี้ย ง, ไมใชเปนมนุษยคูหนึ่งเดินมา. ผมไมใชแกลงจะไปดู แตเมื่อมีโอกาสไปเที่ยว ชายทะเลหรือ ตามที ่อ ยา งนั ้น บา งเหมือ นกัน เขาพาไป. ผูช ายแตง ตั วอยาง เรียบรอยทุกอยาง มีเสื้อเชิ้ต มีกางเกงยาว มีอะไร ; แตผูหญิงที่เดินไปดวย กัน นั้น แทบจะไมอ ะไรเลย แลว ก็ใชเครื่อ งนุงหม ปด อวัย วะนั้น โปรง แสงสีใส อะไรดวย., เดินไปดวยกัน จนทําใหเราสะดุงวาคน ๆ หนึ่ง แลวก็ไมใชคนอีก
ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน
๓๓๗
คนหนึ่ ง , เป น สั ต ว อ ะไรชนิ ด หนึ่ ง ซึ่ ง เดิ น ไปด ว ยกั น ; ตามริ ม น้ํา ก็ ต าม, ตามบนริม เฉลีย งโฮเต็ล ก็ต ามก็มีอ ยูทั่วไป. มันอาจจะไมส ะดุด ตา สะดุด ใจ พวกคุณ ก็ไ ดเพราะคุณ เกิด มาก็เห็น เสีย แลว ไมเปน ของแปลก. ผมนี้มีบาป มันเกิดมาตั้งแตสมัยที่ไมมีอยางนี้ ยังไมเคยมี และสวนมากก็ไมเคยเห็นมาเห็น ครั้งแรกมันก็ตองสะดุง. นี่คือความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่มีจิตทรามของมนุษยแหงยุคปจจุบัน. มัน ก็เ ปน เรื่อ งที ่ไ มเ ปน ปญ หาแลว เพราะวา มัน มุ ง แตจ ะแสวงหาความสุข สนุก สนาน เอร็ด อรอ ยทางเนื้อ ทางหนัง . ภาษาในโบสถเขาเรีย กวา flesh คํ า เดีย วเทา นั ้น เรีย กวา “เนื ้อ หนัง ” คํ า เดีย วพอ พยางคเ ดีย ว. Flesh หมายถึงสิ่งสกปรกลามกอนาจาร ตามความหมายทางศาสนา. คือศาสนาตองการ ใหค วบคุม เนื้อ หนัง ซึ่ง เปน ที่ตั้ง ของกิเลส เดี๋ย วนี้ม นุษ ยใ นโลกกลับ สง เสริม ; นี่เขาเรียกวาเปนทาสเนื้อหนัง, ไมเปนนายเนื้อหนัง. ศาสนาตองการใหมนุษย ทุก คนเปน นายเหนือ เนื้อ หนัง ; แตม นุษ ยเดี๋ย วนี้ย อมเปน ทาสของเนื้อ หนัง ; มัน ตรงกัน ขา ม. เพราะฉะนั้น เรามองเห็น แลว สัง เวชที่วา สตรีทั้ง หลายยอม เปนทาสแหงเจตนาทรามของบุรุษ. บุรุษ ก็ตองการจะยั่ว หลอกสตรี ใหยอม เปน เครื่อ งเลน ดว ยเจตนาทราม. โลกนี้เ ลวลงอยา งวูบ วาบอยา งนาใจหาย, มันจึงเต็มไปดวยสิ่งที่ไมพึงปรารถนา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถา คุณ ไปคิด ทบทวน คุณ จะเห็น อีก วา มีเ รื่อ งระเบิด ขวด มันก็มี ตนเหตุมาจากอันนี้. มันจะระเบิดขวดไปทําไม ถามองดูผิวเผินมันไมเกี่ยวกับ เรื่ อ งนี้ . แต ว า จิ ต มั น ทรามลง เพราะเหตุ นี้ มั น จึ ง ทํา ระเบิ ด ขวด . ดั ง นั้น จึงถือวาแมระเบิดขวดก็มีตนตอมาจากจิตทรามในเรื่องเนื้อหนังนี้ ผูที่สามารถ จะทําระเบิดขวดขวางระเบิดขวด ตองมีจิตทรามทางเนื้อหนังนี้ถึงที่สุดเปนพื้นฐาน
๓๓๘
ฆราวาสธรรม
เราก็จะตองนึกกันใหกวาง มองดูกันใหลึก ใหทั่วถึงวาจิตทรามนี้ คื อ ต น ตอของทั้ ง หมดของวิ ก ฤตกาลในโลก ; รรบราฆ า ฟ น กั น อยางนา สังเวช คือตายกันเปนหมื่น ๆ แสน ๆ นี้นั้น มันมีมูลมาจากจิตทราม. พวกทหารที่รับจาง ถาเปนทหารจางนี้ตองจางดวยเหยื่อลอเงินก็เพื่อ เอาไปหาเนื้อหนัง.เขารับจางรบ เอาชีวิตเขาแลกนี่ เพื่อเอาเงินไปหาความสุข ทางเนื้อ หนัง หรือ เอาไปซื้อ เนื้อ หนัง . ทีนี้พ วกทีไ มไ ดม ารบเอง แตตองการ ให รบนี้ มั น เป น พวกหลงเนื้ อ หนั ง. เช น พวกนายทุ น อย า งนี้ ต อ งการมี เงิน มาก ตอ งการมีท รัพ ยส มบัต ิม ากนี้ เงิน ทรัพ ยส มบัต ินั้น ก็เพื ่อ ประโยชนแ กเนื้อ หนั ง อยางเดียว ; ใหมันมีมากเขาไวมากจนไมมีขอบเขต. พวกกรรมกรก็เหมือนกัน มันตองการเนื้อหนัง มันจึงทําลายนายทุน. นายทุกเหมือนกับกําแพงทํานบกั้น น้ําเอาไวม าก. กั้น น้ําแหงเนื้อ หนังเอาไวมาก ; ที่นี้พ วกกรรมกรชนกรรมาชีพ มันก็ตองการเนื้อหนังอยางยิ่งเหมือนกัน มันจึงพยายามที่จะเจาะทะลุกําแพงให ทํานบพังทลายลงมา เพื่อตนจะไดเงยหนาอาปากทางเนื้อหนัง. ดังนั้นสงคราม ในโลกระหวางนายทุนกับกรรมกรนั้น มีมูลมาจากเนื้อหนัง. ตองมองกันอยางนี้ มันจึงจะถึงที่สุด ; นี่แหละคือความมีจิตทรามของมนุษยในโลกในยุคปจจุบัน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่เรากําลังพูดถึงเรื่องจิตทรามของสตรี, จะพูดตอไปถึงขอที่วาสตรีเปน เพศสวยงาม มี ไวเพื่ อ ความงาม ; นี้ สํ า หรับ มนุ ษ ย ก ลายเป น อย า งนี้ . แต ถ า สําหรับสัตวเดรัจฉานแลว บุรุษหรือตัวผูเปนฝายสวยงาม ฝายตัวเมียไมตอง สวยงาม. แตม นุษ ยนี้ก ลายเปน วา สตรีเ ปน ฝา ยสวยงาม บุรุษ ไมตอ งงาม เมื่อสตรีมีความงามเปนความหมาย หรือเปนทรัพย. จึงพูดกันมาแตโบราณวา ความงามเปนทรัพยของสตรี ; ถาสตรีงามแลวละก็ มันมีราคา มีคา อยางนั้น. แตมันตองรูกอนวาความงามชนิดไหน ความงามอยางลามากอนาจาร หรือความงาม
ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนปจจุบัน
๓๓๙
อยางที่มันถูกตองตามระเบียบแบบแผน คือความงามที่ไมเปนอันตราย. ดังนั้น การที่วามันงามดีอยูแลวมันก็ดีอยูแลว แลวทําไมมาทําใหเปนเรื่องลามกอนาจาร ดวยการหดกระโปรงหรือวาดวยการไมปกปดสิ่งที่ควรปกปด นั้นมันไมใชความงาม มันไมใชแสดงความงาม. ฉะนั้นการประกวดนางงามที่ไมปกปดก็คือประกวด ความหนาดาน ไมใชป ระกวดความงาม. คุณ ไปดูใหดี ๆ มันประกวดความ หนาดานวามีกันกี่มากนอยที่ยอมมากถึงขนาดนั้น. เพราะฉะนั้นถายังยึดหลักวา สตรีคือสัญลักษณแหงความงามแลวจะตองมีความงามที่ถูกตองตามแบบฉบับ, ไมใชความยั่วยุเพื่อเนื้อหนังกําเริบลุกลามเปนการทําลายศีลธรรม. ทีนี้เราพูดกันถึงเรื่องวัฒนะธรรมปจจุบัน อาระธรรมปจจุบันพอสมควร แลว ก็อยากจะพูดถึง ๒ - ๓ คําเกี่ยวกับอารยธรรมโบราณของปูยาตายาย. วัฒนธรรมหรืออารยธรรมโบราณของปูยาตายายนั้น เขาจะหุมหอ ประดับประดาผูหญิงไวในลักษณะอยางที่เปนของเก็บไวบูชาหรือมีเกียรติ. นี่เขา จึงพยายามหุมหอใหมิดชิด เหมือนจะเก็บเพชรพลอยแกวแหวนเงินทอง เขาหุม หอใหมิดชิด ใหเหมาะสม. นี่วัฒนธรรมโบราณก็พยายามหุมหอสตรีไวในภาวะที่ เหมาะสม, แลวก็ประดับประดาตกแตงในภาวะที่เหมาะสม ; ไมใชเปลื้องออก เปลื้อ งออก ปลดทิ้ง ปลดทิ้ง เหมือ นอารยธรรมแผนปจ จุบัน นี้. ใช คํา วา หุมหอและประดับไว ในลักษณะที่เปนของมีคา เหมือนกับวาจะเอาไวเปนของ บูชา เพราะวาเปนเพศของมารดา. ในครั้งพุทธกาลก็พูดถึงโสเภณี โสเภณีครั้ง พุทธกาลยิ่งตกแตงดวยเสื้อผาอาภรณ เครื่องประดับอื่น ๆ มากกวาคนธรรมดา ; เขาไมใชการเปลือยเปนสิ่งยั่วคนเหมือนโสเภณีสมัยนี้. คุณจําไวเถิด ไปคนดู ในพระไตรป ฎ ก ในอรรถถา จะพบวา ยิ่งเป น โสเภณี ยิ่งใชเสื้ อ ผามาก ยิ่งใช เครื่องประดับประดาตกแตงมาก, มีความสะอาดมากมีอะไรมากกวาคนธรรมดา ;
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๓๔๐
ฆราวาสธรรม
แลวเขามีกันเฉพาะในหมูคนชั้นร่ํารวยเปนเจา เปนนาย เปนเศรษฐี แลวทั้งนั้น ไมไดมีสําหรับสํามะเลเทเมา. ดังนั้น สตรีควรจะถือ วา เปน ภัณ ฑะสูงสุด , ถูก ประคบประหงม ถูกเชิดชูไวในฐานะเปนเพศของมารดา จึงหุมหอมิดชิด แลวประดับประดาใหนาดู นาเลื่อมใส ; นี้คืออารยธรรมโบราณของบรรพบุรุษ เรา. ดังนั้น จึงไมมีภาวะ จิตทรามอยูในอารยธรรมแผนนั้นในทางโลภะ. เดี๋ยวนี้เราพูดเรื่องโลภะ จิตทราม เพราะโลภะ เต็มไปในอารยธรรมแผนปจจุบัน ไมมีในอารยธรรมแผนโบราณของ ปูยาตายายของเรา หรือของชนชาติอื่น ๆ ดวย ซึ่งกําลังจะเปลี่ยนแปลง. ชาติ ที่ตอตานไวดีก็มีอยูหลายชาติ. บางชาติไมยอมเลิกใชสาหรี ; สาหรีที่พวกลังกา พวกอินเดียใชพันดวยผาผืนยาวใหมิดชิดขึ้นมาถึงศีรษะนั้น เขาไมยอมเปลี่ยนแปลง เครื่อ งนุง หม แบบนี้.เมื่อ ธรรมปาละแหง ประเทศลัง กากอ นจะตาย ก็ยังขอ รองวา ขอสตรีในประเทศของเราอยาไดเลิกใชสาหรีเลย. คือเปนหวงวาจะไป นุงผาแบบฝรั่ง. นี้เพราะเขากลัวความมีจิตทรามอยางนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คนไทยเราก็เคยมีเครื่องนุงหมที่มิดชิดก็ควรรักษาสงวนไว และอยา ไปตามกนฝรั่ง จะมีจิตทรามดวยการลดเครื่องนุงหมใหสั้นเขา, หดเครื่องนุงหม ใหสั้น เขา สั้น เขา สํา หรับ ผูห ญิง , เพื ่อ เปน เครื่อ งยั่ว เครื่อ งเลน ของผูชาย เปน ความเฟอ ในทางจิต ใจ ที่กํา ลัง เฟอ ลน เหลือ ไปสูก ามารมณ, แลว ก็ สงเสริมกันใหญ เพื่อใหสําเร็จตามนั้น,
การมีจิตทรามเพราะโลภะเปนอยางนี้ แลวก็ไมมีเวลาพูดถึงจิตทราม เพราะโทสะหรือโมหะ ; แลวไวคอยพูดถึงกันในโอกาสหลัง.
เดียวนี้นกกางเขนบอกเวลาวาหมดแลว เราก็ยุติกันไวทีกอน.
ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนใหม (โทสะ โมหะ) - ๑๙ ๘ พฤษภาคม ๒๕๑๓
สํ า หรั บ พวกเรา ล ว งมาถึ ง เวลา ๔.๔๕ น. แล ว ; เปน เวลาที ่จ ะไดบ รรยายตอ จากที ่ค า งอยู ส ืบ ไป. เรากํ า ลัง พู ด กั น ถึ ง เรื่ อ งภาวะจิ ต ทรามในอารยธรรมแผนใหม . ในครั้ง ที ่แ ลว มา ไดพ ูด ถึง ความมีจ ิต ทรามในแงข องโลภะว า ได เกิ ด ขึ ้น เนื ่อ งมาจากอารยธรรมแผนใหมอ ยา งไร ในวัน นี ้จ ะได พูดกัน ถึงความมีจิตทรามในแงของโทสะและโมหะตอไป. ขอใหระลึกนึกถึงความหมายของคําวา “อารยธรรมแผนใหม” อยูเสมอ และใหช ัด เจนดว ย. อารยธรรมแผนใหม ก็ค ือ เทคโนโลยี ่ เปน อารยธรรม เทคโนโลยี ่ห รือ อารยธรรมอุต สาหกรรม อารยธรรมแผนโบราณ ก็ค ือ ความ สว างไสวในทางวิ ญ ญาณ. ถ าสั ง เกตอะไรไม ได ก็ สั ง เกตแต เพี ย งว า อารยธรรม แผนใหม พอค่ํ า ลงก็ จ ะนึ ก ถึ ง แต ว า พรุ ง นี้ จ ะฆ า กั น อย า งไร จะเอาเปรี ย บกั น อย างไร ; อารยธรรมแผนโบราณนั้ น พอค่ํ าลงก็ นึ ก ถึ งวา สพฺ เพ สตฺ ต า อเวรา อ พฺ ยาปฺ ชา อ นี ฆ า สุ ขี อ ตฺ ต านํ ป ริ ห รนฺ ตุ อ ย างนี้ เป น ต น ; คื อ ค่ํ าล ง
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๓๔๑
๓๔๒
ฆราวาสธรรม
ก็ แ ผ เมตตาเจริ ญ ภาวนา นึ ก ถึ งเพื่ อ นเกิ ด แก เจ็ บ ตาย, นึ ก ถึ ง สั ต ว ทั้ ง หลาย, นึก ถึง พระเจา , นึก ถึง ศาสนา. นี ่อ ารยธรรมแผนโบราณ ที ่ค นเดี ่ย วนี ้เขาจัด ไว เป นของครึค ระเป น อยางนี้ .ส วนอารยธรรมแผนใหม ก็วา พรุงนี้ จะฆ าเขาอยางไร ใหไ ดม ากออกไปเทา ไร, หรือ เอาเปรีย บเขาใหไ ดเ ทา ไร มากออกไปเทา ไร. นี่ใจความสําคั ญ สั้น ๆ ที่ พ อจะให เขาใจความหมาย ของความแตกต างระหวาง อารยธรรม ๒ สาย หรือ ๒ แผน. ทีนี้ จะพูด กัน ถึง เรื่อ งความมีจิต ทรามในแงข องโทสะ. อยากจะ ขอย้ํ า สํ า หรั บ ผู ม าใหม อ ยู เสมอว า โลภะ โทสะ โมหะนี้ ถ า คุ ณ ไม รู จ ะแบ ง กั น อย า งไร หรื อ จํ า กั ด ความมั น อย า งไร ; ก็ ข อให จํ า กั ด ความง า ย ๆ ว า กลุ ม ที่ ๑ หรื อ กลุ ม ของโลภะทั้ ง กลุ ม นั้ น ก็ เพื่ อ จะเอาเข า มา. กลุ ม ที่ ๒ คื อ โทสะทั้ ง กลุ ม มั น ก็ เพื่ อ จะผลั ก ออกไป หรือ เพื่ อ จะทํ า ลายเสี ย . มั น ต า งกั น ลิ บ อั น หนึ่ ง จะเอา เขา มา ถนอมกอดรัด เสวยอารมณเ ขา ไว ; อีก อัน หนึ ่ง มัน จะผลัก ออกไป จะทํ า ลายเสีย ใหไ มม ีเ หลือ . กลุ ม ที ่ ๓ คือ โมหะนั ้น มัน โง มัน สงสัย มัน ลัง เล วิ ต กกั ง วลจนมองดู อ ยู ร อบ ๆ ด ว ยความหวั ง ด ว ยความงมงาย ; อย า งนี้ ไ ม มี อาการที ่วา จะดึง เขา มา หรือ จะผลัก ออกไปโดยเฉพาะ.สรุป วา ๑. เอาเขา มา ๒.ผลัก ออกไป ๓. วนอยู ร อบ ๆ. ถา ถือ หลัก อัน นี ้แ ลว ก็จ ะแบง แยก โลภะ โทสะ โมหะ ออกไดเปนพวก ๆ ไปไดโดยงาย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org กลุ มที่ ๑. เราพู ดถึ งโลภะมาแลว คื อหมายถึ งกลุมที่ จะเอาเขามากอด รัดไวบริโภคเสวยอารมณ เปนความสุขของตน ; ตอไปเปนกลุมที่ ๒. กลุ ม ที่ ๒. มี โทสะ - ประทุ ษ ร าย, โกธะ - โกรธ, พยาบาท - จองเวร, และอะไรอื่น ๆ อีกหลายชื่อ ; แต อ ยูในกลุม ที่อยากจะทํ าลาย หรืออยากจะผลั ก ออกไปทั้งนั้น. สําหรับกลุมโทสะหรือมุงรายนี้ มันก็มีมูลมาจากความเห็นแกตัว.
ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนใหม (โทสะ โมหะ)
๓๔๓
ขอใหจําปศาจตัวรายกาจที่สุดของมนุษยเอาไว ก็คือความเห็นแกตัว. อยาก จะตั้งตน มาตั้ง แตวา เมื่อ เทคโนโลยี่ หรือ อุต สาหกรรมไดทํา ใหเรามีเงิน มีของ มีทรัพยสมบัติมากจนเหลือใชเหลือสอย ; เพราะวิชาความรูที่สามารถเพิ่มการผลิต ที่มีอํานาจมหาศาลนี้ มั นทํ าใหเรามีเงินมีของเหลือ ใช ; เมื่อ มี เงินเหลือ มากขึ้น มันก็ชวน หรือมีชองที่จะใหทําบาปมากขึ้น. คุณจะเห็นดวย หรือไมเห็นดวย ที่ผมกําลังพูดวา เมื่อมีเงินเหลือใชมาก มัน มีชอ งและชวนใหทํา บาปมากขึ้น : มัน ยั่วใหทําบาปมาก ๆ และชอ งที่จะให ทําบาปใหญ โต มันก็มีมาก เพราะมีเงินมาก. มันแสดงอยูในตัวในการที่หาเงิน มาจนเกิน ความจํ า เปน นั ้น มัน เปน เรื่อ งความไมเ ปน ธรรม, เปน ความโลภ เป น อะไรไปอยู ในตั วแล ว ; มั น มี รากฐานมาจากสิ่ งนั้ น แล ว. แล วพอมี ม ากเข า ความคิดก็ไหลไปในทางที่จะทําบาปมาก แทนที่จะทําความเปนธรรม หรือทําบุญ. เพราะวายิ่งมี เงิน เหลื อใชม าก ก็ ยิ่งชวนให ขยายความเห็ นแกตั วออกไปให ม าก. ความเห็น แกต ัว ที ่เรามีอ ยู เทา ไรแตเ ดิม นั ้น มัน ก็ทํ า ใหห ามาไดเทา นั ้น เทา นี ้ ; พอมัน ไดม ามาก มัน ก็ช วน หรือ ยุใหข ยายความเห็น แกตัว นั้น ใหก วา งออกไป ใหลึกซึ้งออกไป.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org จะมองเห็นไดงาย ๆ : หาเงินมาดวยความเห็นแกตัว พอไดเงินมามาก ยิ่งเหลือใชเทาไรยิ่งขยายความเห็นแกตัวมากออกไปเทานั้น. ทีนี้ยิ่งขยายความ เห็นแกตัวมากออกไปเทาไร ก็ยิ่งมีการแขงขัน แยงชิง อิจฉาริษ ยามากเทานั้น. จะเห็ น อยู ได ชั ด ในโลกนี้ ยิ่ งมี การแข งขั น แย งชิ งอิ จฉาริษ ยากั น มากขึ้ น เท า ที่ ความเห็นแกตัวมันมากขึ้น ; เพราะความฉลาดในการทําตามความเห็นแกตัว. ยิ่ง มีก ารแขง ขัน แยง ชิง อิจ ฉาริษ ยามากเทา ไร ก็ยิ ่ง มองขา มคุณ คา แหง ชีวิต ของผูอื่น หรือของสัตวอื่นมากขึ้นเทานั้น.
๓๔๔
ฆราวาสธรรม
ความแขงขัน หรือความริษยามันมีอํานาจปกคลุมจิตใจใหมืดมน มัน จึงมองขามชีวิตสัตวอื่น ชีวิตของผูอื่น โดยความไมเปนชีวิต. กอนนี้เราเคารพ ในชีวิต หรือสิทธิในชีวิตรางกายของผูอื่นมากในอารยธรรมแผนโบราณมีความ สวางไสวทางวิญ ญาณ. พอมาถึง อารยธรรมเทคโนโลยี่อุต สาหกรรมนี้ เมฆ ความเห็นแกตัวมันครอบคลุมโลก เพราะฉะนั้นก็มองเห็นชีวิตอื่น สัตวอื่นเปน ของไมมีความหมาย ; ในที่สุดก็นําไปสูลัทธิอาณานิคม ลาเมืองขึ้นไปทั่วโลก. ลัทธินี้หรือสิ่งนี้ไมเคยมีในสมัยที่มนุษยรุงเรื่องอยูดวยแสงสวางทางวิญ ญาณ ; หรือวาในซีกโลกของมนุษยที่รุงเรืองดวยแสงสวางทางวิญญาณมาแตกอนมันไมมี ลัททธิอาณานิคมลาเมืองขึ้น ; มันมีก็แตในซีกในสวนทีหมุนไปหาอารยธรรมทาง วัตถุดังที่วามาแลว. พอมีเงินมีสมบัติมีอํานาจวาสนาเหลือใช มันก็ขยายความเห็นแกตัว ออกไปเปนลัทธิอาณานิคม ลาเมืองขึ้น นี้ความมีจิตทรามถึงสุดขีด ในการที่ จะเบียดเบียนซึ่งกันและกันอยางลึกซึ้ง. ลัทธิลาเมืองขึ้นนี้ คุณก็เขาใจดีอยูแลว ; อาศัย เครื่อ งมือ ไมใชเพีย งแตอ าวุธ มัน อาศัย เครื่อ งมือ ใตดิน เชน วัฒ นธรรม เชนศาสนา เชนศิลปอะไร ปรัชญาตาง ๆ อะไรเหลานี้ ถูกนํามาใชเปนเครื่องมือ ในการลาเมืองขึ้นทั้งนั้น. การลาเมืองขึ้นในทางวัฒนธรรม คือใชวัฒนธรรมเปน เครื่องปราบปรามผูอื่น หรือดึงเอามาเปนเมืองขึ้นของตัว ; นี่รายกวาการลาเมือง ขึ้นโดยทางที่ใชกําลังอาวุธไปอีก.เพียงแตการลาเมืองขึ้นโดยการใชกําลังอาวุธ เราก็ท นกันไมใครจะไหวอยูแลว. ในประวัติศ าสตรไทยก็เคยเจ็บ ปวดชอกช้ํา แสนสาหัสมาแลวในเรื่องการลาเมืองขึ้นโดยใชอํานาจอาวุธนี้ ; แตมันยังไมราย เทากับการเปนเมืองขึ้นทางวัฒนธรรม โดยทางจิตใจ, คือที่เขาเอาลัทธิหรืออะไร มาใสใ หใ นจิต ใจของเรา ; แลว ก็บูช าลัท ธิข องเขา : ยอมตามเขา อยา งนี้ เปนการลาเมืองขึ้นในทางจิตใจ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนใหม (โทสะ โมหะ)
๓๔๕
ทีนี้มีระดมกําลังกันทั้ง ๒ อยาง คือพวกลาเมืองขึ้นนั้น ไมไดดวยอํานาจ ก็เอาดวยเวทมนต, ไม ไดดวยกําลังก็เอาดวยเวทมนต, นี่ภ าษาพั งเพยเขามี อ ยู อยา งนี ้. ตา งคนตา งลา เมือ งขึ ้น แขง กัน ในบรรดาผู ที ่ม ีเงิน เหลือ ใช มี อํ า นาจ มากมาย. รวมความวา มัน เห็น แตจ ะได ไมน ึก ถึง ชีว ิต ของใคร ไมนึ ก ถึ ง เกีย รติย ศของใคร ไมนึก ถึง อารยธรรมของใคร ; เอาแตจ ะได. เอาเขามาอยู ในอํา นาจของเรา แลว กอบโกยประโยชนทางวัต ถุม าเปน ของเรา. ไมใ ชเรา ไปเปน เมือ งขึ้น เขา เพื่อ จะถือ ศาสนาของเขา ; ไมใ ชฝ รั่ง จะมาเอาพวกเรา เปนเมืองขึ้นเพื่อจะถือลัทธิศาสนาของเรา ; มันไมเคยมีอยางนี้. มันเคยมีแตวา ไปเอาเขาเปนเมืองขึ้นเพื่อจะทํานาบนหลังเขาเทานั้น นี้มันเปนการเห็นแตจะได เพาะนิส ัย ใจคอในการเห็น แตจ ะได - เห็น แตจ ะไดม ากขึ ้น ๆ จนมองขา มชี วิต หรือคาของชีวิตของผูอื่นจนเกิดชินเปนนิสัย. ขอใหสังเกตดูวา ลัทธินี้ มันตั้งตนขึ้นมาจากสัตวเดรัจฉาน. ในสมัย โบราณเขาเห็ น สัต วเดรัจฉานมี ค าเท ากับ มนุ ษ ยในทางความตาย. แตพ อมาถึ ง สมัยนี้ สัตวเดรัจฉานกลับเปนสิ่งที่ไมมีคา,คือ ฆ ามันไดตามที่เราชอบใจจะฆ า ; แลวก็ดูเครื่องมือสําหรับใชในการฆาซิ เชนยาฆาแมลง ยาปราบศัตรูพืชอยางนี้, ใชเครื่องบินโปรย. ถึงแมไมใชเครื่องบินโปรย ที่คนชาวบานใชอยูเปนประจําวัน มันก็มีฤทธิ์แรงมาก ที่จะฆาสัตวมีชีวิตเล็ก ๆ อึดใจเดียวตั้งหมื่นตั้งแสนตั้งลาน ; ขอใหดูอํานาจของยาฆ าแมลงสมัยนี้ ถูกแลวมั นมองกันในแงที่วา เราตองการ ประโยชนตองการกําจัด แมลง เราก็จ ะไดพืชผลมา ; แตแลวไมไดม องวา เรามี จิต ใจเปน ยัก ษ – เปน มาร มากขึ ้น โดยไมรูส ึก ตัว ; ไมรูส ึก ตัว โดยสนิท เลย ไมรูสึกตัววา จิตใจของเราทารุณโหดรายเปนยักษเปนมาร เปนภูตผีปศาจมากขึ้น ดวยการฆาสิ่งที่มีชีวิตคราวละแสน ละลาน ละโกฏิ ฯล ฯ โดยไมสะดุงสะเทือนใจ
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๓๔๖
ฆราวาสธรรม
อะไรสักนิดหนึ่ง, ไมมีการเวทนาสงสารเลยสักนิดหนึ่ง ; แลวในที่สุดมันก็เกิด เปนปญหาทางวิญญาณขึ้นมาร. ดังนั้นการที่รักษาจิต รักษาวิญญาณไวในลักษณะที่เมตตา กรุณา มองเห็นชีวิตอื่นเหมือนกับชีวิตเรานี้ มันมีผลลึกซึ้งในทางฝายวิญญาณ. อาจจะ ขัดกันไดกับประโยชนทางฝายวัตถุในบางกรณี ; แตถาเทียบราคากันแลวมัน นอยมาก กวาที่เราเสียไปในฝายวิญญาณ มันมีคามาก ; เพาะเชื้อแหงความ ทารุณโหดรายเขาไปในจิตใจ แลวตอไปมันก็ฆาคน. หลังจากฆาแมลง แลวมัน ก็จะกลายเปนฆาสัตวที่ดีกวาแมลง แลวก็กลายมาเปนฆาคน โดยวิธีเดียวกัน. ดังนั้นเราพรอมที่จะทิ้งระเบิดปรมาณูลงไปในหมูมนุษยดวยกัน ; เหมือนกับที่ เราฉีดยาฆ าแมลง. ทีนี้สิ่งที่เราไมตอ งการอยางอื่น ๆ มันก็ตามมา ; ศัพ ทวา “สังหารหมู” อยางนี้ มันก็มีเกิดขึ้นมาในลักษณะที่วา ฆาเพื่อนมนุษยกันอยาง ชื้นหนาชื่นตา ; สงสัยอะไรนิดหนอย แมยังพิสูจนไมได วาเขาเปนศัตรูหรือไม ก็พรอมแลวที่จะทําการสังหารหมู ; ชีวิตเพื่อนมนุษยไมมีคา. ถาเปนคนโบราณ เขายอมตายเอง ดีกวาที่จะไปฆาผูอื่น. สมัยนี้พอสงสัยอะไรนิดหนอยก็สังหารหมู หมูเล็กหมูนอย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุณก็ดูเอาเองก็แลวกัน ในประวัติศาสตรการเมือง ในประวัติศาสตร สงคราม มาถึง ปจ จุบัน นี้ ซึ่ง เปน ยุค ของการสัง หารหมูเต็ม ที่ ; นี่คือ ผลของ อารยธรรมแผนใหม ไมม ีใ นอารยธรรมแผนเกา . แลว การที ่ม ีอ ะไรยั ่ว หรือ หลอกใหค นฆา กัน นั้น มีม ากขึ้น จนสมัค รไปตาย หรือ ถูก บัง คับ ใหไ ปตาย . คําวา “บังคับนี้” คุณถือเอาความหมายใหหมดจดสิ้นเชิงหนอย : อาจเปนวา เขาบังคับดวยเงิน เขาบังคับดวยกามารมณ ก็ได. ทหารที่ไปรบยอมตาย เพื่อ หวังกามารมณเพื่อหวังเงิน นี้ก็มีอยูมาก ; หรือจะมากกวา ที่วาบังคับเพราะ กฎระเบียบ วาไมไปไมไดเพราะกฎหมายมีอยู. ฉะนั้นการหลอกลอก็คือการบังคับ
ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนใหม (โทสะ โมหะ)
๓๔๗
เหมือนกัน ; ใชการหลอกลอดวยอะไรที่มันรัก มันชอบ บังคับจิตใจมันใหมัน ไปตายได. ฉะนั้นในอารยธรรมแผนใหม จึงมีการกระทํา หรือวาความสามารถ กระทํ า ในการที ่จ ะใชค นใหไปตายเปน หมื ่น เปน แสน เปน ลา นก็ไ ดใ นที่ สุ ด เพราะเครื่องมือในการฆาคนมันมีมากขึ้น มันมีประสิทธิภาพมากขึ้น. ขอใหคุณมองดูในแงที่วา ความมีจิตทรามในแงของประทุษรายผูอื่นนี้ มันเกิดขึ้นไดอยางไร ? ความเห็นแกตัวเปนรากฐานตามเคย. ทีนี้ความเจริญ แผนวัต ถุนี้เ ปน แผนใหม, แผนเทคโนโลยี่อุต สาหกรรม นี้มัน ทํา ใหเ รามีเงิน มีอํา นาจ. เรีย กวา อํา นาจอยา งเหลือ ใชม ากขึ้น ก็ข ยายความเห็น แกตัว ไปใน ทางครอบงํา ผูอื่น จนกระทั่งมีนิสัย เลวทราม ขนาดที่ไมเห็น คุณ คา แหงชีวิต ของผู อื่ น . อาจจะทิ้ ง ระเบิ ด ลงมา ฆ า เขาที เ ดี ย วเป น หมื่ น เป น แสนได ; ซึ่งสมัยโบราณทําไมได เพราะวัฒนธรรมในทางจิตทางวิญญาณมันถูกอบรมไว เปนอยางอื่น. ยอมวิ่งหนีเองดีกวาที่จะฆาเพื่อนมนุษยทีเดียว เปนหมื่นเปนแสน เปนลาน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เปรียบเทียบกันอยางนี้ก็ได วาในสมัยโบราณดึกดําบรรพนั้น ถามีการ รบราฆาฟนกัน หรือการทะเลาะวิวาทกันเล็ก ๆ นอย ๆ จนขยายเปนสงคราม ระหวางหมู ระหวางพวก ระหวางประเทศอะไรก็ตาม ; สงครามนั้นมันก็เพื่อ ปองกันตัวอยางหนึ่ง, แลวสงครามนั้นเพื่อจะเอาประโยชนของผูอื่นมาเปนของตัว อีก อยา งหนึ่ง , มีเ ทา นั้น เอง. มีเ พีย ง ๒ ขอ งา ย ๆ วา เราจะปอ งกัน ตัวเรา เมื่อมีคนอื่นมาเบียดเบียน ก็ตองรบกัน ; ถามากกวานั้น หรือเลวกวานั้นก็คือ วา จะไปเอาของคนอื่นมาเปนของตัว. พอตกมาถึงสมัยเทคโนโลยี่นี้เขาทําสงคราม กันเพราะกลัววา ฝายอื่นจะเปนเจาโลก ; มันไมเหมือนสองขอที่แลวมา.
๓๔๘
ฆราวาสธรรม
กอนนี้เราทําสงครามปองกันตัว กับไปปลนเอาวัตถุ เอาสมบัติของ ผู อื่ น มาเป น ของตั ว .ที นี้ ค วามเจริ ญ แผนใหม ข ยายออกไปมากจนกระทั่ ง ทํ า สงครามดวยความกลัววา ผูอื่นจะเปนเจาโลก.ทีนี้ตางฝายตางกลัววาฝายอื่น จะเปนเจาโลกก็เกิดสงครามหาประลัย. เขาจะถือวาเปนของดีวิเศษอยางไรก็ตาม แตผมมองในแงเปนจิตทราม. ความทะเยอทะยานที่จะเปนเจาโลกนี้เปนจิตทราม ; แลวความกลัววา ผูอื่นจะเปนเจาโลก แขงขันกัน, หรือกลัวเขาจะเปนเจาโลกเสีย แลวเขาจะเบียดเบียดเรา อะไรก็ตาม, มันก็เปนโรคจิตทราม ; เปนความหวัง ไมชอบดวยเหตุผลเปนความกลัวไมชอบดวยเหตุผล. สิ่งที่เรียกวา “สงคราม” ก็เปลี่ยนไปตามยุค ตามสมัย ตามแบบของ อารยธรรม.ถ า พู ด ถึ ง สงครามป อ งกั น ตั ว มั น ก็ ยั งมี ข อบเขต ; ป อ งกั น ตั ว เกิ น ขอบเขตก็ถือวาเปนความผิดเปนอาชญากรรม.ถาถือตามลัทธิศาสนาแลว การ ปอ งกันตัวกระทําไดในขอบเขตที่จํากัดที่สุดเฉพาะที่เปนการปองกันตัวจริง ๆ. ปองกันตัวเกินกวาเหตุ ปองกันตัวชนิดที่วาดไวไกล อยางนี้ไมยอมให ; แลว กลั บ สอนไปในทางให อ ภั ย ให ย อมเสี ย มากกว า . ส ว นการที่ จ ะไปปล น เอา ประโยชนของผูอื่นมาเปนของตัวนี้ ยิ่งไมมี ยิ่งทําไมได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เดี๋ยวนี้ไมตองคิด เรื่องปองกันตัว หรือวาปลนเอาประโยชนผูอื่น ; เราตองการเปนเจาโลกตองการจะเอาโลกทั้งหมดไวเปนของเรา อยูในอํานาจของ เรา. นี่มันทรามทั้งในแงโลภะ มันทรามทั้งในแงโทสะ. มันทรามทั้งในแงโมหะ. มันโลภมากเกินไป, มันประทุษรายผูอื่นมากเกินไป, แลวมันโงไปทําสิ่งที่ไมควร ทํามากเกินไป ; แลวก็มีผลเปนอยางไร ? คุณดูเอาเถิด. มันเบียดเบียนตนเอง และเบียดเบียนผูอื่นเหลือประมาณ. ในการที่อยากเปนเจาโลกนั้นมันตองเกลี้ย กล อ มกั น เอง ให ย อมตาย ยอมไปรบ ไปทํ า อะไรต า ง ๆ ให ยิ่ ง ขึ้ น กว า เดิ ม ;
ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนใหม (โทสะ โมหะ)
๓๔๙
ฉะนั้นคนจึงสมัครไปตายมากกวาสมัยโบราณ ; ในสมัยประชาธิปไตยแท ๆ นี้ยัง หลอกกันใหไปตายไดมากกวาสมัยโบราณ ; เพราะวาเปนประชาธิปไตยที่มึนเมา ไปดวยวัตถุนิยม. สมาชิกของประชาธิปไตยทั้งหมดมึนเมาดวยวัตถุนิยมมันก็ สมัครตายเพื่อวัตถุนิยม ฉะนั้น จึงหาคนไปตายไดมากในสมัยประชาธิปไตยนี้ ยิ่งกวาในสมัยกอน ซึ่งเปนเผด็จการ หรือเปนอะไรก็ตาม. นี่ก็เปนผลของเทคโนโลยี่ ของอุตสาหกรรม ของอะไรดวยเหมือนกัน. หมายความวาสิ่งนี้มันทําใหคนหลงในเนื้อหนัง. เมื่อหลงความเอร็ดอรอยทาง เนื้อหนังแลว ก็สมัครตายไดอยางชื่นหนาชื่นตา เขาก็เอาเรื่อ งเอร็ดอรอยทาง เนื้อหนังนั้น ไปลอใหรบ, รบเพื่อใหไดมาซึ่งความเอร็ดอรอยทางเนื้อหนัง ของ สวนรวม ของประเทศชาติ. แตแลวเขาก็พูดไพเราะกวานั้น วาเพื่อเกียรติยศ เพื ่อ ความถูก ตอ ง เพื ่อ ความเปน ธรรม เพื ่อ อะไร ; แลว คุณ ดูเถิด วา มัน มี ความเป น ธรรมที่ ต รงไหน ? ที่ ทํ า กั น อยู ในเวลานี้ มั น เพื่ อ ประโยชนฺ ข องตั ว . ประเทศมหาอํ านาจก็ พู ด ออกมาโต ง ๆ เป ด เผยโต ง ๆ ชั ด ถ อ ยชั ด คํ าเลย ว า เพราะกลัวฝายโนนจะยึดครองเอเซีย หรือจะยึดครองโลก ; นี่พูดกันชัด ๆ อยางนี้ พูดกันดัง ๆ พูดกันชัด ๆ วา เพราะกลัวอีกฝายหนึ่งจะยึดครองโลก.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี้ไมใชเพียงแตวาชวนคน ชวนบุคคลในประเทศของตัวไปรบ มัน ชวนประเทศอื่น ๆ ใหเขา กลุม กัน รบ ; เพราะฉะนั้น มัน จึ่ง รวมเปน กลุม ใหญ คือหลาย ๆ ประเทศรวมกันเปนกลุมหนึ่ง, แลวก็รบกันเพื่อความตาย เพื่อความ วิน าศ. นี่ไ มใ ชช วนคน ๆ หนึ่ง มารบกัน , เขาชวนประเทศเปน ประเทศ ๆ เขา มาเปน พวกแลว เพื ่อ รบกัน เทา นั้น ไมใ ชเ พื ่อ อะไร ; เพื ่อ ฝน คํ า สั ่ง ของ พระเปน เจา ที ่ส อนไววา ใหอ ภัย . นี ่ค ือ ความมีจิต ทรามของมนุษ ย ในยุ ค อารยธรรมแผนใหมในแงของโทสะ ความคิดที่จะประทุษรายผูอื่น.
๓๕๐
ฆราวาสธรรม
โทสะนี้ พอลงไปกระทําเขา, โทสะที่ตอนตนเปนเพียงประทุษรายผูอื่น อยูใ นใจนั้น , มัน ก็ข ยายออกไปเปน ความโกรธ. พอประจัน หนา พอรบกัน มี การรบกัน เลื อดตกยางออก นิ ด เดี ยวเท านั้ น , มั น ก็มี ความโกรธ. โกรธมาก ขนาดเลือ ดเขา ตา มัน ก็ไ มเห็น วา ชีวิต เปน ชีวิต ; มัน ไมไ ดนึก ถึง ชีวิต ไมได นึกถึงคุณธรรม, ไมไดนึกถึงพระเจาอะไรทั้งนั้นแลว มันก็ฆาอยางฆาเนื้อฆาปลา เหมือนเราฆาแมลงอยางนั้น. การทิ้งระเบิดปรมาณูใสเพื่อนมนุษยดวยกัน ก็เหมือน กับการที่เราฉีด ดี ดี ที. ฆาแมลง ; มีความหมายเปนอยางเดียวกัน. ทีนี้ พอเปนความโกรธมันก็งอกงามไปในทางระยะยาว; ความโกรธ ระยะยาวก็กลายเปนความพยาบาท อาฆาต จองเวร. นี่คําวาโทสะ คําวาโกธะ และคําวา พยาบาทจองเวรอาฆาต มันมีอยูเปน ๓ ตอน, ทํางานประสานกันไป, สงเสริมประสานกันไป. เดี๋ยวนี้โลกเราเต็มไปดวยความอาฆาต จองเวร ; บรรยากาศรอบ โลกนี้ ถาคุณมีตาทิพยคุณจะมองเห็นวาเต็มไปดวยบรรยากาศแหงความอาฆาต จองเวร.เห็ นไดงาย ๆ จากวิท ยุกระจายเสียงทั่วทั้ งโลกนี้ พู ดออกมาแตความ อาฆาตจองเวรทั้งนั้น . เรียกวาบรรยากาศของโลกกลุม ไปดวยความมุงราย ; ฝายนี้ก็มุงรายฝายนั้น ฝายนั้นก็มุงรายฝายนี้; ประเทศไทยเราอยูฝายไหนก็มุง รา ยต อ ฝ า ยตรงกั น ข า มเหมื อ นกั น .นี่ บ รรยากาศเต็ ม ไปด ว ยกลิ่ น ไอของความ อาฆาตจองเวร ; จากโทสะ มาเปน โกธะ, จากโกธะ มาเปน อาฆาตจองเวร ; แลว ก็ก ลายเปน “อาณาจัก รแหง ความกลัว .” คํา นี้ก ็เ ขา ทีเ หมือ นกัน ที่วา โลกนี้ทั้งโลกเปนอาณาจักรแหงความกลัว คือวาเต็มไปดวยความรูสึกกลัว ; ไมมี ใครมีจิตใจ สะอาด สวาง สงบได เพราะเต็มไปดวยความกลัว. ฝายที่แพอยู ก็ก็กลัว, ฝายที่ชนะอยูก็กลัว. ชนะนั้นก็รูวามันชนะไมจริงชนะชั่วคราวเดี๋ยวมัน
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนใหม (โทสะ โมหะ)
๓๕๑
ก็ก ลับ แพอีก ; เพราะฉะนั้น มัน ก็ก ลัว . คุณ ดูซิ เขารบกัน ในโลกทั่ว ทั้งโลก เวลานี้ใครบางที่ไมเต็มไปดวยความกลัว. เพราะฉะนั้นความมีจิตทรามตอความประสงคของพระเจา คือไม อํานวยตามความประสงคของพระเจาอยางนี้มันก็รบกันทั้งโลกมากขึ้นทุกที ; รบกัน ทั้งโลก และก็มากขึ้นทุกที. ดังนั้นอาณาจักรแหงความกลัว มันก็ขยายออกไป ทุก ที เต็ม โลก ; แลว ก็จ ะลน ไปโลกอื่น ๆ ถา มัน ไปถึงเขา ดว ยมนุษ ยพ วกนี้. ต อ ให ไปอยู โลกพระจั น ทร มั น ก็ ไม พ นจากความกลั ว. ผลก็ คื อ วาทํ าให เกิ ด มี ความสะดุงหวาดเสียว ในทางจิตในทางวิญญาณอยูตลอดเวลา ฉะนั้นจึงมีความ วิปริตเกิดขึ้นในหมูมนุษยทางดานจิตดานวิญญาณ ; แลวเปนไปในทางทราม ไมไดเปนไปในทางสูง ; มันตรงกันขาม คําวา “ทราม” กับ คําวา “สูง” นี้มัน ตรงกัน ขา ม. เมื่อ ไมสูง แลว มัน ก็ไ มส วย ไมส ดชื่น ไมมีอ ะไรตอ ไปอีก ; เรา ก็พ อจะมองเห็น ทัน ทีวามันทราม ; ในฝายวัต ถุก็ทราม ในทางฝายวิญญาณ ก็ทราม ซึ่งเปนการทรามอยางใหญหลวงลึกซึ่งที่สุด.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่ผมคิดวา จะพอกระมังสําหรับชี้ใหเห็นภาวะจิตทรามของอารยธรรม แผนใหม, ในอารยธรรมแผนใหม, หรือโดยอารยธรรมแผนใหม ในฝายโทสะ คือประทุษรายผูอื่น. ตอ ไป มองดูก ัน ในเรื่อ งที ่ ๓ คือ วา จิต ทรามในแงข องโมหะ. สํ า หรับ คํ า วา โมหะมีชื ่อ เรีย กไดห ลายชื ่อ มัน แปลวา มืด . คํ า แทนชื ่อ หรือ ไวพจน ข องโมหะมี ว า อั น ธการ. อั น ธะ - แปลว า มื ด , การะ – แปลวา การกระทํ า , อัน ธการ - แปลวา กระทํ า ความมืด เหมือ นตาบอด, กระทํ า ความมื ด เหมื อ นกั บ ตาบอด; สมกั บ ที่ เราจะเรี ย กยุ ค นี้ ว า “ยุ ค มื ด ในทาง วิญญาณ.”
๓๕๒
ฆราวาสธรรม
ยุคมืดในทางวิญญาณ คือ ลูกตาของเรานี้ไมไดบอด และมนุษยเรา มีความกาวหนาในทางการแพทย อาจจะเปลี่ยนลูกตาได อยางนี้เปนตน ; ลูกตานี้ ไมไ ดบ อดแตแ ลว มัน บอดในฝา ยวิญ ญาณ, ในทางดวงตาฝา ยวิญ ญาณ, หรือ บอดในตัว วิญ ญาณนั ่น เอง, มัน มืด ในทางวิญ ญาณ. นี ่ค ือ โลกในยุ ค มื ด มัน มืด อยา งนี ้เ พราะอํ า นาจของโมหะ ซึ ่ง เปน อัน ธการ คือ การกระทํ า ที่ เป น ความมื ด เหมื อ นกั บ ตาบอด. โมหะ หรื อ อั น ธการ นั ้ น คื อ สิ ่ ง เดี ย วกั น . ทีนี ้เ มื ่อ มืด แลว มัน ก็เ ปน พาลไปไดท ุก อยา งทุก ประการ, พาละ หรือ เปน พาล นั ่น แหละ, มัน จะมีค วามเปน พาลไดท ุก อยา งทุก ประการ ในเมื ่อ เรามั น มื ด , มันมีวิญญาณมืด. คํ าวา “พาล” นี้ คุ ณ เรีย นแต ห นั งสื อ ไทย คุ ณ ไม รูวาคํ าวา “พาล” นี้ เขาแปลวา ออ น, แปลวา โง ; ไมใ ชแ ปลวา อัน ธพาลรัง แกผู อื ่น . เขาแปลว า มัน ออ นยัง ออ นอยู , แลว ก็โ ง. พอมัน โง แลว ก็รัง แกผู อื ่น นั ้น เป น ธรรมดา. ตัว หนัง สือ แท ๆ มัน แปลวา ออ นหรือ โง ; เด็ก คลอดออกมาจากทอ งแม ยัง เล็ก ๆ เปน ทารก นี ้เรีย กวา เปน “พาละ” เหมือ นกัน เปน พาลทั ้งที ่ม ัน ไม ได ทํ า ผิด อะไรไมไ ดรัง แกใครสัก ที, แตภ าษาบาลีก ็เ รีย กวา “พาละ” แปลว า ยัง ออ นอยู . ผลไมย ัง ออ นอยู อะไรยัง ออ นอยู ก็เ รีย กวา “พาละ” ทีนี้ สู ง ขึ ้น มาจนโตแลว ความเปน พาลนั ้น มัน ไปอยู ที ่ค วามโง. เราอาจจะพูด ไดว า เด็ ก ๆ เพิ่ ง คลอดออกมานี้ ยั ง ไม รูอ ะไรก็ เหมื อ นกั บ โง คื อ ยั ง ไม รูอ ะไร, หรือ ว า ปญญายังไม develop ออกมา, นี้ก็ยังถือวาโง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ความเป น พาลก็ คื อ ความอ อ น, อ อ นต อ ทุ ก สิ่ ง อ อ นต อ วิ ช าความรู ออ นตอ ความเจริญ ทางรา งกาย อะไรก็อ อ นไปทั ้ง นั ้น แหละ ; แลว มัน ก็ มี ความหมายเปน ความไมรู ยัง ไมรู ; นี ่เ รีย กวา “โมหะพื ้น ฐาน” ; เรามี ค วาม เป น พาลเป น โมหะพื้ น ฐานอยู ก อ นแล ว . คนพาล คื อ คนโง หรื อ คนอ อ น ;
ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนใหม (โทสะ โมหะ)
๓๕๓
แลวจะทํ าอะไรไดบางมั นก็ทํ าผิด หมด, ทําผิดหมดเลยทุ กอยางที่ มันจะผิดได สําหรับคนออนและคนโง.ทีนี้สําหรับยุคปจจุบันนี้ โลกในอารยธรรมเทคโนโลยี่ อะไรนี่มัน ยิ่ง เปน พาลมากขึ้น . คุณ จะฟง ถูก หรือ ฟง ไมถูก : มัน เฉลีย วฉลาด ที่สุด ในเทคโนโลยี่ หรือ อุต สาหกรรม แตมัน มีค วามเปน พาลมากขึ้น ; เปน คนออ น หรือ คนโง ไมป ระสีป ระสาตอ พระเจา หรือ ตอ สิ่ง สูง สุด มากขึ้น, จนกระทั่งไมรูวา เกิดมาทําไม. มันหลับหูหลับตาดวยเรื่องวัตถุนิยม แลวมัน ก็ไมตองกรูวาเกิดมาทําไม. คุณดูใหดี ๆ วา ยุคนี้ยุคอารยธรรมแผนใหมนี้ เปนยุคที่มนุษยไมมี บิดามารดา ครูบาอาจารยไมมีพระเจา ไมมีศาสนา ไมมีบุญ ไมมีบาป ไมมีนรก ไม มี ส วรรค น ะ ; แต ใ นโบราณเขามี แ ต ค วามคิ ด เรื่ อ งที่ จ ะมี , หรื อ เคารพ บิดามารดา ครูบาอาจารยคนเฒ าคนแก; กลุมนี้เอาเปนกลุมหนึ่งกอน คือบิดา มารดา ครูบาอาจารย คนเฒาคนแก. เอาละ ผมไมอยากจะพูดดูถูกคุณ อีก ตามเคยวาคุณมีอายุนอย ไมทันเห็นสมัยที่คนเรานี้เคารพคนเฒาคนแกอยางยิ่ง เหมือนในสมัยโบราณเมื่อ ๕ -๖๐ป ๗๐ -๘๐ ป.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ผมเมื่ อ เด็ ก ๆ เป น เด็ ก วั ด อยู วัด ; ไหวค นแก ไม รูกี่ รอ ยกี่ พั น ครั้ง เพราะอาจารยบังคับ. เราวิ่งเลนอยูกลางสนามหญากลางลานวัด ถาคนแกผานวัด เดิน ไปธุร ะ ก็ตอ งไหว ; ไมไ หวก็ถูก เฆี่ย นไมมีอ ะไรมากไปกวา นั้น . ทํางาน อยูแท ๆ ทํางานขุดดินทําสวนครัวอยู ; เผอิญวัดที่ผมอยูเปนทางผานกลางวัด ไปสู ฝ า ยโนน ; มีค นแกม า, ตอ งทิ ้ง จอบไหว คุก เขาไหว. คนแกใ นที่ นี่ ไ ม จําเพาะวาคนดี คนไมดี คนบาคนบออะไร ไมตองวินิจฉัย ; เพราะเราไมอาจ จะวินิจฉัยไดวา เปนคนแกที่ดีหรือไมดี. ถาเห็นคนแกแลวไมไหวละก็ถูกเฆี่ยน.
๓๕๔
ฆราวาสธรรม
คนแกที่ดี ที่มีเกียรตินั้นก็รูกันอยูแลว ก็ไหวดวยความเต็มใจ ; แตที่ไหวคนแก ที่ ไม รูจั ก นี้ มั น กระอั ก กระอ ว น ; แล ว บางคนเราก็ เหมากั น เอาเองว า เป น คน บา ๆ บอ ๆ แต ที นี้ หั ว ของเขาหงอกขาว ก็ ต อ งไหว . นี้ ส มั ย ผมเป น เด็ก, สมัยคุณคงจะไมไดเห็นกระมัง, คือเปนอะไรกันไปเสียตั้งแตเด็กแลว. ทีนี้โดย ทั่วไปประชาชนพลเมืองนี้ก็เคารพคนเฒาคนแก,หมูบางหนึ่งตองมีคนเฒาคนแก. ถาจะวานขนทราย ไปบอกคนแกประจําหมูบานคนเดียว, ลูกหลานมาทั้งบาน เป น หางไปเลย, ขนทรายพั ก เดี ย วได ก องเบ อ เร อ . เดี๋ ย วนี้ ทํ า ได ที่ไหน ในสวนโมกขเวลานี้ทรายกองนั้นตั้ง ๕๐๐๐ บาท ตองซื้อรุนนี้รุนหลังนี้ ทั้งหมด ที่เราซื้อ; ถาเปนสมัยกอนอํานาจของคนแกดึงดูดลูกหลานมาเปนหาง – เปนพวง ขนทรายไดไมตองเสียสตางค. นี่มันเนื่องกันอยูอยางนี้. ความไม มีคนเฒ าคนแกกับมี คนเฒ าคนแก มันผิดกันลิบ ลับ เลย. สมัยนั้นคนเฒาคนแกหามทีเดียวมันหยุดหมด, อันธพาลไมมี. ดังนั้นคนสมัย นั้นจึ่งนอนบนแครใตถุนเรือน ตากลมไดจนสวางอยางสบาย. เดี๋ยวนี้ไปนอน อยางนั้นเขา ถูกยิงตาย; เพราะวาวัฒนธรรมที่มีจิตใจออนโยนสุภาพมันหมดไป เพราะไมมีคนเฒาคนแก. เพราะฉะนั้นการเคารพคนเฒาคนแกนั้น มันเปนอะไร ที่วิเศษสูงสุด , แมจะรวมคนแกโง บา ๆ บอ ๆ เขาไวในกลุม นั้น ดวย ก็ยังดี, คือมันทําใหเด็ก ๆ มีจิตใจออนโยน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org การเคารพบิดามารดาก็ไมเหมือนสมัยโนน ซึ้งตองกราบเทาพอแม ทุก คืน เดี๋ย วนี้ก็ไ มทํา กัน ครูบ าอาจารย สมัย นี้ก็เ ปน ของสํา หรับ ลอ เลน, เรี ย กอ า ยเรี ย กอะไรเหมื อ นกั บ ศั ต รู อย า งนี้ ก็ มี .ครู บ าอาจารย ในระเบี ย บ มหาวิทยาลัยที่เมืองนอก ผมไมเคยไปเรียน แตไดยินไดฟงเขาเลามาวา ไมมี ครูบาอาจารย, ไมมีความรูสึกเคารพอยางครูบาอาจารย, หยอกลอเลนเหมือน
ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนใหม (โทสะ โมหะ)
๓๕๕
เพื ่อ นกัน . ครูบ าอาจารยต อ งทํ า เฉย เพราะเปน ประชาธิป ไตย. ลู ก ศิ ษ ย อยากจุด ประทัด โยนใสต ีน ครูอ าจารยก็ทํ า ได ; ไมถ ือ วา ผิด อะไร ไมถือ วา เสี ย หายอะไร.มันเกิดเปนความไมมีครูบาอาจารยขึ้นมาโดยไมรูสึกตัวเลย. ความหมาย ของบิดามารดา ครูบาอาจารย คนเฒ าคนแก หายหมด ; ในโลกสมัยปจจุบั น อารยธรรมแผนปจจุบันมันนําผลมาอยางนี้ เพราะทุกคนมันบูชาเนื้อหนัง. ที นี้ ก็ ม องต อไป ถึ งพระเจ า ถึ งศาสนา ซึ่งสู งไปกวา มั น ก็ ไม มี อี ก , พระเจา ตายแลว ; ศาสนาก็ไ มจํ า เปน เอาไวเ พีย งเปน เครื ่อ งมือ การเมื อ ง พวกหนุ ม ๆ ชาวตา งประเทศที ่เราเรีย กวา ฝรั่ง ชาติไ หนบา ง ผมก็ไ มท ราบ พวก Peace Corp โดยมากที่มาที่นี่.เราถามวา นับถือศาสนาอะไร ? สวนมากตั้ง ๘๐ เปอร เซ็ น ต . เฉลี่ ย แล ว ราว ๆ นั้ น ตอบว า “ผมไม มี ศ าสนา” ด ว ยความ ภาคภูมิใจที่ตอบอยางนี้ วา “ผมไมมีศาสนา” แลวเลือดเนื้อของคุณเปนศาสนา อะไร ? ทดลองถามอยา งนี ้ ; หมายถึง บิด ามารดาเปน คริส เตีย น เปน อะไร ? เขาตอบวา “ผมเปนคนไมมีศาสนา,กําลังเปนคนไมมีศาสนา, ไมอยากมีศาสนา” “แลว มาที ่นี่ทํ า ไม ?” “เพื ่อ ศึก ษาวิช าสํา หรับ แกป ญ หาวิชีวิต ”. นี่แ หละคื อ โง ที่สุดเลย ; นั่นแหละคือศาสนา; เครื่องแกปญหาในชีวิตนั้นแหละคือศาสนาแลว. แตเขาปฏิเสธ เปน คนไมม ีศ าสนา ทั ้ง ๆ ที ่กํ า ลัง มาหาสิ่ง ที ่เรีย กวา ศาสนา. เขาถู ก สอนให ม องอะไรไปในแงข องวิ ท ยาศาสตร หรือ กฎของธรรมชาติ เรื่อ ง วิท ยาศาสตรไปหมด, ไมม องไปในลักษณะที่จะเรียกวาศาสนา ; แตนั่น แหละ คือศาสนา การทําตนใหถูกตองตามกฎของธรรมชาติ นั้นแหละคือศาสนา อยางยิ่ง มันดับทุกขไดสิ้นเชิง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี ่เ ขามองขา มศาสนาจะสมัค รเปน ผู ไ มม ีศ าสนา ไมม ีพ ระเจา , พระเจาตายแลวทั้งนั้น. ทีนี้มันก็พลอยไมมีบุญ ไมมีบาป ไมมีนรก ไมมีสวรรค
๓๕๖
ฆราวาสธรรม
ไปเลย. บุญ บาป ไมรูไ มชี้, จะรูจ ะชี้แ ตป ระโยชนที่ต นจะได, มัน จะเป น เรื่อ งบุญ หรือ เรื่อ งบาปไมรับ รู ตอ งการแตป ระโยชนเปน วัต ถุ. ถา จะใหเรียก วาบุญ ก็วา นั่นแหละคือบุญ ละ, คือ ไดนั่นแหละดี ; สวนนรกสวรรคไมตอง พูด ถึง กัน . ที่เขีย นไวใ นคัม ภีรห รือ ฝาผนัง โบสถ ถือ วา เปน เรื่อ งบา ๆ บอ ๆ ไม ต อ งพู ด กั น ; ประโยชน นั่ น แหละคื อ สวรรค . นรกก็ ไม ต อ งกลั ว เพราะว า ประโยชนนั้นมันเปนสวรรคเสียแลว. เดี๋ยวนี้ ถาจะถามวาเขามีศาสนาอะไรกัน ? มันก็คือสิ่งที่เขาบูชาสูงสุด เปน สิ ่ง สูง สุด ;มัน ก็ ศาสนาเงิน ศาสนาวัต ถุ, บูช าวัต ถุ บูช าความ เพลิด เพลิน ทางเนื้อ หนัง . ในที่สุด ก็ไ ปบูช าเครื่อ งมือ ที่จ ะใหไดสิ่ง เหลา นี้มา มัน ก็บูช า เทคโนโลยี่ ; หายใจเปน เทคโนโลยี่ทั้ง เขา ทั้ง ออก. หายใจออกก็ เทคโนโลยี่ หายใจเขาก็เทคโนโลยี่ ; เพราะมันเปนเครื่องชวยใหเราไดในสิ่งที่ เราอยาก กระหาย คอแหงอยูตลอดเวลา. นี้ก็เรียกวาโลกปจจุบันนี้ถือศาสนา เทคโนโลยี่; ผมวา เปนโรคจิตทราม ไปบูชาเครื่องมือที่จะไดความเอร็ดอรอย ทางวัตถุแทนพระเจา แทนศาสนานี้เปนโรคจิตทราม, เปนโมหะ, ประเภทโมหะ เปนโรคจิตทราม เพราะฉะนั้นจึงมีการกระทําสิ่งที่เปนโมหะ ที่วาเปนพาลนั้น คือออนปญญา ออนกําลัง ออนความคิด ออนไปทุกอยาง ; ไปทําสิ่งที่ไมควรทํา เต็มไปดวยสิ่งไมควรจะทํา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เหมือนที่เคยพูดวา ใหคุณไปเดินสํารวจตลาดที่กรุงเทพ ฯ, ตลอด ยา นการคา ทั้ง หมด,ไปดูวา อะไรจํา เปน แกชีวิต ที่มีข ายอยูใ นรา น ในหาง ในอะไรเหลา นั้น , จะพบวา ตั้ง ๙๕ เปอรเซ็น ต ไมใชสิ่งที่จํา เปน แกชีวิต . แต ทําไมมันจึงมีไดตั้ง ๙๕ เปอรเซ็นต ? นี่เพราะมันเปนความโง ความเปนพาลของ มนุษ ยเหลานั้น. สิ่งที่จําเปนแกชีวิตมีสัก ๕ เปอรเซ็นตเทานั้น ๙๕ เปอรเซ็นต ไมจําเปนเลย ; และยิ่งแพง - ยิ่งแพง ๆ ขึ้นไป ก็ลวนแตสิ่งที่ไมจําเปนแกชีวิต
ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนใหม (โทสะ โมหะ)
๓๕๗
ทั้ ง นั้ น . ที นี ้ ค วามโง ค วามเป น พาลนั ้ น มั น เห็ น ว า เป น สิ ่ ง ที ่ จํา เป น แก ชีวิต . นี่ชวยระวังใหดี รวมทั้งตัวคุณเองดวย จะไปเห็นสิ่งที่ไมจําเปนแกชีวิต กลายเปน สิ่ง ที่จํา เปน ที่สุด แกชีวิต ไปก็ได ถา ความเปน พามัน ยัง มีอ ยูม าก ; มัว ไปทําสิ่ง ที่ ไม จําเป นจะต องทํ า. ไปทํ าสิ่ งที่ ไม ควรทํ า นั้ น มั น ยั งเบาไป ; สิ่ งที่ ไม ต องการ กระทํ า เลย ๑๐๐ เปอรเซ็น ตนี ้ นี ่ม ัน ก็ไ ปทํ า . แลว มัน ก็เห็น วา เปน สิ ่ง ที่ ค วรทํ า และมีเกียรติที่สุด. ผมมีความเห็นอยางนี้ รูสึกอยางนี้ มันก็อาจจะเปนเพราะความเมา ในศาสนา ในพระเจา อะไรไปมากก็ไ ด ; แตผ มรูสึก อยา งนี้ ผมก็พูด อยา งนี้ วาเดี๋ยวนี้กําลังทําในสิ่งที่ไมจําเปนจะตองทํานี้มากขึ้น. จะยกตัวอยางเชนการที่กําลังนิยมกันวาวิเศษที่สุด มีฝไมลายมือสูงสุด เชนการเปลี่ยนหัวใจของมนุษย หรือเปลี่ยนอะไรก็ตามในระดับนั้น, ความรูความ สามารถในระดับนั้น; ผมวาไมจําเปนจะตองทํา. ถาทําก็เปนเรื่องทําดวยความโง คือ หลงไปวา มัน ประเสริฐ มัน วิเศษ มัน ยาก มัน มีเกีย รติ แลว เราจะตอ งทํา ใหไ ด. แมก ารกระทํ า ถึง ขนาดนี ้ ถึง ขนาดที ่เ ปลี ่ย นหัว ใจนี ้ม ัน โง, พระเจ า ไมตองการใหทํา เพราะมันไมมีผลคุมคา. การที่ลงทุนทํานั้น มันก็ยุงยากลําบาก กระทั่งเสียเวลา เอาเวลาไปทําอยางอื่นดีกวา. ถาถึงขนาดที่จะตองเปลี่ยนหัวใจ แลว ก็ไ มต อ งทํ า , ปลอ ยใหม ัน เปน ไปตามธรรมชาติด ีก วา , การเปลี ่ย นหั วใจ หรือ ทํ า อะไรขนาดนี ้ มัน จะไดผ ลชั ่ว ขณะเล็ก นอ ยเทา นั ้น , มัน ใหผ ลชั ่ว ขณะ เล็ก นอ ยเทา นั้น เพราะมัน ฝน ธรรมชาติม ากเกิน ไป. มัน จะมีผ ลใหใชไดเพี ย ง ชั่ว เวลาเล็ก นอ ยเทา นั ้น ไมคุ ม คา ทํ า . แลว มัน เปน การฝน ความประสงคของ พระเจานั้นก็หมายความวา มันทําความยุงยากมากเกินกวาเหตุ,โดยเหตุผลแลว ไมควรทํา ไมคุมคากัน. ที่ไปอางวาเพื่อเมตตากรุณาเพื่ออะไรนี้ มันกลายเปนเพื่อ
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๓๕๘
ฆราวาสธรรม
ทรมานมากกวา , เพื่อ ทํา ใหไดรับ ความทรมานมากขึ้น ไปกวา ที่ค วร. แมมีชีวิต อยูตอ ไปไดอีก ก็ค ลา ย ๆ กับ เปน คนพิก าร เปน คนครึ่ง พิก ารไปเทา นั้นแหละ. นี่แหละไปทําในสิ่งที่ไมตองทํา ที่พระเจาบัญญัติไววาไมตองทํา ; ไมใชไมควรทํา มัน ยิ่ง กวา ไมค วรทํา , คือ ไมตอ งทํา . อยา งนี้ตอ ไปจะมีม ากขึ้น , จะไปทํา สิ่งที่ ไมตองทํา ในลักษณะอยางนี้มีอีกหลาย ๆ อยาง จะมากขึ้น. กิจ การ อวกาศ จะไปโลกพระจัน ทร โลกอัง คารนี ้ ก็เ ปน เรื่อ งที่ ไมตองทํา, ฝนความประสงคของพระเจา เปนเรื่องบาเรื่องบอ ในโลกนี้ก็จัดใหมี สัน ติภ าพกอ นเถิด นี ้แ หละพระเจา ตอ งการ. ทีนี ้ไ ปทํ า อยา งนั ้น มัน ไมต อ งทํ า มันไมคุมคาเหมือนกับการเปลี่ยนหัวใจเหมือนกันมันจะตองลงทุนดวยความยาก ลําบาก หมดเปลืองดวยอะไรตาง ๆ แลวก็ไดผลนิดเดียว ชั่วเวลาอันสั้นนิดเดียว หรือ วาความรูนี้ เป น ความรูที่ ไม จํ าเป นจะต องรู ยั งไม เกี่ย วกั บ สั น ติ ภ าพในโลก. ความรูที่จําเปนจะตองรูคือ ตองเกี่ยวกับ สัน ติภ าพในโลก. ดังนั้น ถาเอา เวลาเรีย วแรง ความคิด หัว สมอง หรือ เงิน ทอง ที่ใ ชไ ปเพื่อ การไมค วรทํานั้น ไมต อ งทํ า ; มาทํ า ในสิ ่ง ที ่ต อ งทํ า นี ้โ ลกจะดีก วา นี ้. ดัง นั ้น เมื ่อ ทํ า ไขวก ัน เสี ย อยางนี้ ก็จัดเปนโมหะ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org โครงการอวกาศของชาติห นึ ่ง ๆ มัน เปน แสน ๆ ลา นบาททั ้ง นั้ น ; เอาเงิน นั ้น มาจัด ใหโลกดีขึ้น กวา นี ้ ก็ย ัง ทํ า ได, แลว ก็ย ัง ไดผ ล, ไดผ ลเต็ม เม็ ด เต็ม หนว ย เปน ชิ้น เปน อัน ในระยะยาว ฉะนั้น สิ่ง ที่ยัง ไมตอ งทํา ก็ไ มตอ งทํา ; ไปทําเขา นี้เปนโมหะ เปนจิตทรามคือ ไปทําสิ่งที่ไมตองทํา แลวสิ่งที่ควรทําแท ๆ ตองทําแท ๆ กลับไมทํา ; เพราะไปหวังที่จะไดเกียรติ หรืออะไรแปลก ๆ ออกไป เปน ความเห็น แกต ัว . แตวา โครงการอวกาศนี ้เขาถือ กัน วา เปน สว นหนึ ่ง ของ โครงการสงคราม ; อย า งนี้ มั น ก็ ยิ่ ง เลวร า ยไปใหญ . เพื่ อ จะเป น โอกาส เป น
ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนใหม (โทสะ โมหะ)
๓๕๙
เครื่อ งมือ สําหรับ ทําลายผูอื่น ดวยความรูดานอวกาศ ; อยางนี้มันยิ่งเลวราย ไปใหญ. แมแ ตคน ควา เพื ่อ หลัก วิช าแท ๆ มัน ก็ยัง เปน ความโง ไปทํา สิ่ง ที่ยั ง ไมตองทํา ยังไมควรจะทํา ; แลวละเลยสิ่งที่ตองทํา จึงถือวาเปนโรคจิตทราม. เรื่อ งเบ็ด เตล็ด แตว า มัน ก็โ ดง ดัง อยู ใ นโลก เชน เรื ่อ งคุม กํ า เนิ ด โดยทางฟสิคส วาพลเมืองจะลนโลก จะตองคุมกําเนิด ; แลวก็ใชวิธีทางฟสิคส ไมเ กี ่ย วกับ ทางจิต ใจ. นี ่ค ือ ความโง ไปทํ า สิ ่ง ที ่ไ มต อ งทํ า เหมือ นกัน , แล วก็ ไดผลรายแทนผลดี. ควบคุมกําเนิดทางฟสิคส คือหมายความวาใชยา ใชวัตถุ ใชวิธีก ารทางเนื้อ หนัง ; มัน ก็เ ลยเปน ของงา ย จนกระทั่ง เด็ก ๆ ก็ทํา ได ทีนี้ ไมเ ทา ไร ในกระเปา เสื้อ กระเปา กางเกงของเด็ก ๆ รุน สาวรุน หนุม นี้จ ะเต็ม ไปดวยเครื่องมือคุมกําเนิด ; แลวศีลธรรมของมนุษยจะเปนอยางไร?นี่ขอใหมอง กันในแงนี้ วาเมื่อการคุมกําเนิดทางฟสิคสมันแพรหลายอยูอยางนี้ ศีลธรรมของ คนในโลกจะเปนอยางไร ? มันก็ไมมีศีลธรรมประเภทที่เกี่ยวกับ การเมสุมิจฉาจาร หรือวาศีลธรรมทางเพศเหลืออยูเลย ; แลวมันก็จะบูชาเนื้อหนังมากขึ้น ๆ กระทั่ง เปน มนุษ ยที ่บ ูช าเนื ้อ หนัง เปน พระเจา มากขึ้น ; ก็เลยเปน โลกของมนุษ ยที่ เลว กวาเดิม มีจิตทรามกวาเดิม.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org การคุมกําเนิดจะตองคุมทางวิญญาณ คือเหมือนกับที่สมัยโบราณเขาได ใชมาแลว หรือสั่งสอนอยู คือการบังคับทางจิตใจ อยาไปทําทางฟสิคส; ทําทาง จิตใจ ตามระเบียบของศาสนา วัฒ นธรรมอะไรตาง ๆ ที่เขาวางไว จนเปนของ ทํ า ไดต ามธรรมดา. วัฒ นธรรมโบราณของชนชาติย ิว หรือ ชนชาติฮ ิบ รู อ ะไร อยางนั้น ผมมานับ ดูแลว ในหนึ่งเดือนไปสูหองนอนของภรรยาได สัก ๓ - ๔ วัน เทา นั ้น ; เพราะมีร ะเบีย บชัด เปน กฎตายตัว ชัด เจน : วัน พระไปไมไ ด , เดื อ นหนึ่ งก็ เป น วั น พระเข า ไปหลายวั น อยู แ ล ว . วั น สะบาธ (sabbath), วั น นั ก
๓๖๐
ฆราวาสธรรม
ขัตฤกษเขาไปไมได, ในระยะมีโลหิตระดูก็เขาไปไมได, เจ็บปวยเขาไปไมได ; มันก็เหลืออยูสัก ๓ - ๔ วันตอหนึ่งเดือน ; แลวยังมีบัญญัติวา อยูในหองภรรยา ไดไมเกิน สามชั่ว โมง, ไมน อนอยูใ นหอ งภรรยาตลอดคืน เหมือ นคนเดี๋ย วนี้. แลวก็ตองเขาไปอยางมีระเบียบ แตงตัวตามระเบียบ, จะไปนอนเปลือยกันอยู ในหอ งดว ยกัน ตลอดวัน ตลอดคืน ทั้ง เดือ นทั้งป นี้ทําไมได. มัน มีหา มไวชัด นี้คือการคุมกําเนิดทางวิญ ญาณ. มันก็เลยไมมีปญ หาเรื่องพลเมืองลนโลกได งาย ๆ นัก. ถาสมมุติวา พลเมืองมันจะมากขึ้น ก็ตองหาทางออกอยางอื่นไมใช ใหหาทางควบคุมกําเนิดทางฟสิคส ซึ่งทําลายศีลธรรมในจิตใจของคนรุงหนุม รุน สาวเสีย หมด. นี้ผ มถือ วา เปน สิ่งที่ไมตอ งทํา ไมค วรทํา อยา งยิ่ง , ก็ม าทํา มาหลงวาเปนสิ่งที่ควรทํา หรือตองทํา ; แลวโลกนี้ก็จะเปนโลกที่ไมมีศีลธรรม เพราะเหตุนี้. นี่แหละคือความเสื่อมทางมวิญญาณ ที่เกิดมาจากการคุมกําเนิดทาง ฟสิค ส. พระเจาไมเห็น ดวย, ธรรมชาติไมเห็น ดวย , พระธรรมก็ไมเห็น ดวย. ลองปฏิบัติหนาที่ของตนใหดีที่สุดตามกฎเกณฑของพระเจา ของพระธรรม ของ ธรรมชาติแลวปญหาเหลานี้ก็จะไมเกิดขึ้น ; หรือวาจะเกิดขึ้นในลักษณะที่พอจะ แกไขได ควบคุมได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่เราก็พูดกันมามากพอแลว เปนตัวอยางเทานั้น วาความมีจิตทราม ทางฝายโมหะในโลกนี้ไดเจริญหนาแนนขึ้นอยางไร.
ดูตอไปอีกสักอันหนึ่ง ชิ้นสุดทาย คือการศึกษาของโลกสมัยปจจุบัน นี้กําลังเปนโมหะอยางยิ่ง ยิ่งเรียนมากขึ้นยิ่งเปนโมหะ,ยิ่งเรียนมากยิ่งเปนโมหะ ; คือ ไปรู ใ นสิ ่ง ที ่ไ มต อ งรู แลว ไมรู ใ นสิ ่ง ที ่ต อ งรู ; ก็เกิด ความมืด ความเป น อันธพาลทางวิญญาณขึ้นในจิตใจของคนหนุมสาวในโลก. เพราะฉะนั้นการศึกษา
ภาวะจิตทรามในอารยธรรมแผนใหม (โทสะ โมหะ)
๓๖๑
ที่จัดตามแผนปจจุบันนี้ จึงมีผลนําไปสูความเปนฮิปปเต็มโลก ; ไมใชเฉพาะ มีที่จุดนั้นจุดนี้ ความเปนฮิปปจะเต็มโลกยิ่งขึ้นทุกที. ดังนั้น ถือวาการศึกษา แผนปจจุบัน หรือปรัชญาแผนปจจุบัน หรืออะไรแผนปจจุบันนี้ เปนการกระทํา ที่นําไปสูความมีฮิปปเต็มโลก มีความมืดบอดทางวิญญาณสูงสุด. สรุปแลวก็วาอารยธรรมแผนใหมคือเทคโนโลยี่นี้ นําไปสูความมี โลภะ โทสะ โมหะ มากขึ้นสวนอารยธรรมดั้งเดิมคือ spiritual enlightenment นั้น มันปองกันหรือปราบปราม โลภะโทสะ โมหะ ตลอดเวลา. ฉะนั้นความมีจิต ทรามในอารยธรรมแผนใหม ก็คือ มัน เพิ่ม โลภะโทสะ โมหะ มากขึ้น ตาม รายละเอียดเทาที่ยกมาพอเปนตัวอยางเทานั้น ไมใชทั้งหมด.เทาที่เราพูดกัน แลว เปนเพียงตัวอยาง ทางโลภะ อยางนั้น, ทางโทสะ อยางนั้น, ทางโมหะ อยางนั้น, เหลือนอกนั้นคุณไปคิดดูเอง. ยังนี้นกกางเขน บอกวาหมดเวลาสําหรับวันนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ภาวะจิตทราม ในอารยธรรม แผนปจจุบัน (ความเห็นแกตัว) - ๒๐ ๙ พฤษภาคม ๒๕๑๓
สํ า หรับ พวกเราไดล ว งมาถึง เวลา ๔.๔๕ น. แล ว เปน เวลาที่จ ะไดบ รรยายตอ จากที่คางไวแ ตค ราวกอ น. ในวัน นี้จ ะไดก ลา วโดยหัว ขอ อยา งเดีย วกัน อีก คือ ภาวะจิต ทราม ในระบอบอารยธรรมปจจุบัน หากแตวาเปนการกลาวโดย สรุป . ในครั้ง ที่แ ลว มาสองครั้ง เราไดก ลา วภาวะจิต ทราม ในรู ป ของ โลภะ โทสะ และโมหะ,ส ว นวั น นี ้ จ ะได ก ลา ว โดยสรุป รวมเขา ดว ยกัน ซึ่ง ไดแ กค วามเห็น แกตัว . ขอให ทุก คนทราบ เขา ใจ และมองใหเห็น ชัด แจง ดว ยความรูส ึก ที่ เกิด อยูใ นตัว เองวา กิเลสทั้ง หลายที่เราออกชื่อ มาแลว ๓ พวก นั้นมันมาจากความเห็นแกตัว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org โลภ คือตองการมากกวาที่ควรจะตองการ นี้ก็เพราะ เห็นแกตัว จึงอยากหรือแสวงหา หรือมีไวเกินความจําเปน.
๓๖๒
ภาวะจิตทราม ในอารยธรรม แผนปจจุบัน
๓๖๓
โทสะ ความโกรธ, ประทุษ รายไม หวังดี อาฆาต พยาบาทอะไร เหลานี้ มันก็มาจากความเห็นแกตัว เพราะไมไดตามที่จนโลภนั้นเอง ; ไมได ตามที่ตัวตองการ ความเห็นแกตัว ก็บันดาลไปในทางใหเกลียด ใหโกรธ ให ประทุษราย. โมหะ ความโง ความหลง ความสงสัย วนเวียนอยูแตในสิ่งที่ตน โลภ. มันก็เปนความเห็นแกตัวยืดเยื้อในรูปหนึ่ง. ฉะนั้น ขอใหมองใหเห็นชัดในขอเท็จจริงอันนี้วา โลภะ โทสะ โมหะ ลวนแตมีรากฐานอยูที่ความเห็นแกตัวทั้งนั้น ; เรียกอีกอยางหนึ่งก็คือ ความ ยึดมั่นถือมั่นโดยความเปนตัวกู – ของกู ที่มันเกินกวาระดับธรรมดาสามัญของ มนุษ ย ; นี้แ หละเราเรีย กวา “ความเห็น แกตัว ” . เรื่อ งนี้เราจะตอ งพูด กัน ให เขาใจ เพราะวามันเปนเรื่องเดียว หรือสิ่งเดียว ที่ทําความต่ําทรามใหแกมนุษย, กระทั่งมนุษยที่เจริญแลว ; และยิ่งเจริญแลวยิ่งมีภาวะจิตทราม เพราะสิ่ง ๆ นี้ สิ่งเดียวคือ ความเห็นแกตัว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ความเห็นแกตัว หมายถึงความรูสึกที่เขมขนกวาระดับที่ธรรมชาติมีไว สําหรับรูสึกในจิตใจของสิ่งที่มีชีวิต นับตั้งแตสัตวเดรัจฉานขึ้นมา หรืออาจจะถึง กั บ วา เริ่ม ตั้ งแต ต น ไม พื ช พั น ธุไม ขึ้น มาที เดี ย ว. ฉะนั้ น เราจะต อ งเข าใจถึ ง ความรูสึกเห็นแกตัว และที่เนื่องกันอยูกับความเห็นแกตัวนี้ใหเพียงพอ.
ความเห็นแกตัวเดี๋ยวนี้เราเรียกกันทั่ว ๆ ไปวา selfishness ซึ่งคุณ ก็ตองเคยไดยินและเคยดาเพื่อนดวยซ้ําไป. พวก selfish นี้ มันก็หมายถึง เมื่อ เรารูสึกวานาเกลียดและเปนอันตราย ; แตความรูสึกที่มีตัว หรือวาเห็นแกตัว ในระดับธรรมดาของสิ่งที่มีชีวิต นี้เราไดไดเรียกวาเปน selfishness เราเรียกวาเปน
๓๖๔
ฆราวาสธรรม
egoism หรือ egotism ในทํานองอยางนั้นเสียมากกวา เพราะมันอยูกันคนละระดับ. สิ่งมีชีวิตจะตองมีความรูสึกวามีตัว หรือเปนตัว มันจึงตองการที่จะคงมีชีวิตอยู, มัน ตอ งการจะรัก ษาความมีชีวิต ใหค งรอดอยูได. servive หรือ servival นี้มั น เปนสิ่งที่มีอยูในสิ่งที่มีชีวิตแมแตตนไม มันพยายามตอสูเพื่อความอยูรอดของ ตัวมันเอง หรือของพืชพันธุ คือ ลูกหลานของมัน. มันตอสูเพื่อ ตัว เพื่อตนไม นั้ น มี ชี วิ ต รอด และเพื่ อ ลู ก ของมั น จะได ง อกงามต อ ไป. อย างนี้ ยั งไม เรีย กว า selfishness ; มันเปนความรูสึกประเภท egoism ที่ยังออนอยูอยางยิ่งดวยซ้ําไป และมันเปนปจจัยสําคัญที่ทําใหมีชีวิตรอดอยูได. ถาสิ่งที่มีชีวิตทุกสิ่งไมมีความ รูสึกอันนี้ มันก็สูญพันธุไปแลว มันไมเหลืออยูในโลก. ทีนี้มาถึงสัตวเดรัจฉานก็เหมือนกัน ความรูสึกมีตัว นี้มันก็ยังมีมากขึ้น กวา ตน ไม,พอมาถึง คน มัน สูง จัด สูง อยา งไมน า เชื ่อ ความเห็น แกต ัว ของ มนุษ ยนี้ ; แลวสูงอยูในลักษณะที่หลงวาเปนของดี. ของเลวอยูในลักษณะที่ เห็นหลงไปวา เปนของดี.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้น เราจะตองแบงแยกกันใหเด็ดขาดลงไปวา “เห็นแกตัว” นั้ น มั น ไม ใช ค วามรั ก ตั ว หรือ ความสงวนตั ว . เพี ย งต อ งการให มี ชิ วิ ต อยู ต าม ธรรมดานี้เพื่อไมใหตายนี้ มันเปนเรื่องรักตัวสงวนตัว ; หรือหวังความเจริญ ใน ทางที่ถูก มันก็ทําประโยชนแกตัว. สวนความเห็นแกตัวนั้น มีความหมายเพราะ เล็งไปถึงความรูสึกที่ทราม.
สุ นั ข เป น สั ต ว ที่ สั ง เกตได งา ย : พออี ก ตั งหนึ่ งเข า มาใกล มั น ฮื่ อ แฮ อยางที่นาเกลียด ซึ่งสัตวอื่นเขาทําไมคอยจะเปน. แลวเมื่อสุนัขตัวนั้นกินอิ่มแลว บางทีมันก็ยังนั่งเฝาฮื่อแฮ ไมใหตัวอื่นเขามาใกลอาหารที่เหลือ. อยางนี้ตางหาก
ภาวะจิตทราม ในอารยธรรม แผนปจจุบัน
๓๖๕
จึงจะเปน เรื่องของ “ความเห็น แกตัว”. หนังสือ สอนเด็กสมัย ผมเรียนก็มีเรื่อ ง สุนัขในรางหญา เฝารางหญา ฮื่อแฮไมใหวัวเขามากิน. นี้เปนลักษณะของความ เห็นแกตัวที่สมบูรณ ; ตัวเองมันก็กินไมได หมาไมกินหญา แตแลวก็ไมยอมให วัวกิน. สุนัขมันฉลาดกวาสัตวระดับอื่น มันจึงรูจักเห็นแกตัวสูงกวาสัตวอื่น. นี่คุณควรรูจักแยกแยะความเห็นแกตัว ที่มันสูงกวาความรูสึกพื้นฐานที่เปนเพียง รักตัว สงวนตัว. ในพุทธศาสนานี้เราสอนใหรักตัว ใหสงวนตัว ดวยทําความดี ; แต ไมใ ชดว ยความเห็น แกตัว พวก selfish นี้เ ราตอ งมองกัน ใหดี ๆ อยา งนี้ มองดูไปใหไกลลิบถึงยุคที่แรกมีมนุษย แรกมีศีลธรรมเกิดขึ้นในโลก. มันก็ถอย ไปไกลมากทีเดียว ไมรูกี่หมื่นปก็ได หรือเปนหลาย ๆ พันปมาแลวเปนอยางนอย ซึ่งในพระบาลี พระไตรปฎก มีเลาถึงเรื่องนี้เปนคําตรัสเลาของพระพุทธเจาที่นํา มาสอน วาทีแรกเกิดมนุษยขึ้นในโลก ไมมีใครยึดครองอะไรเปนของตัว. ตื่นเชา ก็ไปในปา เก็บพืชพันธุที่มีอยูเอง โดยเฉพาะขาวสาลีที่มีอยูในปา แลวก็มากิน ประจําวัน ; ไมมียุง ไมมีฉาง อยูดวยความผาสุกอยางนี้มานาน. อะไรก็หา เอาจากปาแลวก็มากิน, มาทํากินที่ที่พัก. ตอมามันเกิดคนที่ฉลาดมาคิดวา เราจะลําบากอยูอยางนี้ใหมากไปทําไม ก็มียุง มีฉางขึ้น แลวก็ไปเก็บมาใสไวในยุง ในฉาง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ตอมาก็มีคนเห็นแกตัวยิ่งกวานั้นอีก คือ เก็บหมดเลยมีเทาไรก็เก็บ หมดเลย จนมันงอกไมทัน จนมันเกิดไมทัน ; นี้จึงไดมีการที่มีความรูสึกอะไร เปนของตัวที่จะตองปลูกฝงขึ้น ; เกษตรกรรมก็เกิด ขึ้น มีที่ดิน ซึ่งแตละคน ๆ เพาะหวานซึ่งเปนของตัว. ทีนี้ตอมาก็มีคนที่เห็นแกตัวกวานั้น ก็คิดวา เราจะไป เหนื่ อ ยทํ า ไมเราก็ ข โมยของผู อื่ น ; จนเดื อ ดร อ นระส่ํ า ระสายขึ้ น ในสั งคมนั้ น .
๓๖๖
ฆราวาสธรรม
ดังนั้น มนุษ ยจึงไดป ระชุม กัน เลือกหัวหนามนุษ ยที่มีรูป รางสะสวย แข็งแรง มีค วามเฉลีย วฉลาดใหเปน หัวหนาสําหรับ ควบคุม ทั้ง หมด. มีห นาที่ล งโทษผูที่ ทําผิดขอตกลงของสังคมนี้ แลวใหรางวัลหรือยกยอง หรือจัดการทุกอยางที่ควร จะทํา. เกิด บุค คลที่เรีย กวาพระราชาคนแรกในโลกเขาเรีย กวา “สมมติราช” คือผูที่ทุกคนเลือกขึ้นมาเปนพระราชา. จากเรื่ อ งนี้ คุ ณ สั ง เกตดู สั ก หน อ ย ก็ จ ะเห็ น ได ง า ย ๆ ว า เพราะ ความเห็นแกตัวเปนตนเหตุ จึงทําใหเกิดมีระเบียบ กฎหมาย มีพระราชาขึ้นมา. ถาอยาเห็นแกตัวกันอยูตามเดิมมันก็ไมตองมีสิ่งเหลานี้.ฉะนั้นมองใหลึกไป กวา นั ้น อีก นิด หนึ ่ง วา ระบบการปกครองเกิด ขึ ้น เพราะคนเห็น แกต ัว , คนเริ่ม เห็น แกตัว. ถาไมมีการเห็นแกตัว ก็ไมตองมีระบบการปกครอง. นี่รูจักความ เห็นแกตัวไวในลักษณะอยางนี้. เมื่อมันเดินไปเก็บขาวสาลีที่เกิดเอง อยูในปากิน นี้ยัง ไมใ ชเ ห็น แกตัว . มัน หิว มัน กระหาย มัน อยากมีชีวิต อยู มัน ก็ทํา ไป, แตยังไมเปน selfishness ; ตอเมื่อมันขโมยเอาเสียหมดคนเดียว มาใสยุง ใสฉาง มั น ก็ เริ่ม selfishness. ที นี้ มั น ขโมยของเพื่ อ น ที ป ลู ก ที่ ฝ ง นี้ มั น ก็ selfishness สมบูรณรอยเปอรเซ็นต.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ไหน ๆ เลาแลว ก็อยากจะเลาถึงวา ในคัมภีรสูงสุดของพวกคริสเตียน, มนุษ ยเริ่มมีความทุกขตอเมื่อรูจักดี รูจักชั่ว คือ อาดัมกับ อีฟ ดื้อ ตอ พระเจา กิ น ผลไม ข องต น ไม นั้ น เข า ไปก็ เ ลยเกิ ด เรื่ อ ง ; ก อ นนั้ น ไม มี เ รื่ อ ง. Tree of knowledge of good and evil เปนชื่อตนไมตนนั้น, ตนไมแหงความรูจักชั่วและดี. กอนนี้ มนุ ษ ยไม มีความรูอันนี้ , ไม รูจักแยกแยะ (discriminate) วาเป น ชั่ว – ดี บุญ - บาป. สุข - ทุกข, หญิ ง - ชาย, สูง - ต่ํา อยางนี้ มันเหมือนกับสัตว คลาย กั บ สั ต ว เป น ครึ่ ง คนครึ่ ง ลิ ง ทํ า นองนั้ น . พอถึ ง ยุ ค หนึ่ ง มนุ ษ ย เริ่ ม รู จั ก ของคู
ภาวะจิตทราม ในอารยธรรม แผนปจจุบัน
๓๖๗
เหลานี้ : ดี - ชั่ว, บุญ - บาป, สุข - ทุกขนี้ มันก็ตั้งตนปญหาของมนุษยที่ ตรงนั้น. ในคัมภีรนั้นเขาเขียนไวเปนรูปบุคคลาธิษฐานวา ไปกินผลไมที่พระเจา หามเขาไป จึ่งเกิด รูขึ้นมาทีเดีย ววา อาว ! เราไมไดนุงผา, นั้น หญิง นั้นชาย; เลยมีปญ หาเกิด ขึ้น . เขาเรีย กวา original sin คือ บาปจุด แรก บาทที่เปน จุด ตั ้ง ตน ; แลว ก็ส ืบ มาจนถึง บัด นี ้. พอรูจ ัก ดี รูจ ัก ชั ่ว แลว มัน ก็รูจ ัก ดิ ้น รนไป ตามชั ่ว ดี บุญ บาป สุข ทุก ข กระทั ่ง หญิง หรือ ชายนี ้. อยา งสัต วเ ดรัจ ฉานที่ สืบพัน ธุนั้น ไมมีความรูสึกเปนผู - เมีย, หญิง - ชาย เหมือ นมนุษ ยเรา มันทํา ไปตามความรูส ึก ของเนื ้อ หนัง ของตอ มแกลนดต า ง ๆ ไมรูส ึก วา ผัว - เมีย , หญิง - ชาย ; แตม นุษ ยนี ้รูแ ลว ยึด มั ่น ถือ มั่น . ฉะนั้น จุด ตั ้งตน ที ่ต รงนั้น แหละ คือความเห็นแกตัว ไดเริ่มตนขึ้นมา มีเรา มีเขา ขึ้นมาที่ตรงนั้น ; มันก็ตองการ จะเขาขางเรา, ขางเขา ตามใจ. พอรูจักอะไรดี อะไรชั่ว ก็จะเอาดี ดี ดี ดีเขาไว ไมมีข อบเขต, มัน จึง กอ หวอดความเห็น แกตัว . อยา เพอ เขา ใจวา เมื่อ รูจัก ดี รู จั ก ชั่ ว แล ว นั้ น คื อ ความรอดตั ว หรื อ สู ง สุ ด ของมนุ ษ ย ; มั น รู จั ก ดี รู จั ก ชั่ ว สําหรับยึดมั่นถือมั่น. ทีนี้มันมีตนไมอีกตนหนึ่งที่เมื่อกินเขาไป จะไมมีความเห็น แกตัว ขาเรียกวา Tree of life และตนไมตนนี้ พระเจาปองกันสําเร็จ ปองกัน แนนหนา ไมใหมนุษยไดกิน ; นี่เรื่องของเขามันจบแคนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ตอ มาถึง ยุค ที ่ม นุษ ยฉ ลาด ในทางจิต ทางวิญ ญาณ จนเกิด ” พระพุทธเจาขึ้นมาสอนความไมยึดมั่นถือมั่น. เมื่อปฏิบัติสําเร็จ ก็ไดชีวิตนิรันดร (Eternal life). ต นไม ต นนั้ น ในคั มภี รไบเบิ ลเรียก Tree of life ต นไม แห งชีวิต หมายถึง ชีว ิต นิรัน ดร, ไมใ ชก อ ใหเ กิด ชีวิต เปน ชีว ิต ที ่ไ มรูจ ัก ตาย ไมรูจ ัก เกิด ; มนุษ ยไ มไ ดก ิน . นี ่ใ นคัม ภีรข องเขาสิ ้น สุด แตเ พีย งเทา นั ้น . แตค รั ้น พระพุทธเจาเกิดขึ้นหรือวาบุคคลประเภทเดียวกันเกิดขึ้น ทําใหมนุษยเหมือนกับ ได กิ น ผลไม ต น นั้ น คื อ มี ชี วิ ต ที่ ไ ม รู จั ก ตาย คื อ รู ธ รรมะที่ ทํ า ให ไ ม ยึ ด ถื อ ตั ว เรา
๓๖๘
ฆราวาสธรรม
ไมมีตัวเราที่ตาย คืออมตธรรมในพระพุทธศาสนา หรือศาสนาอื่น หากจะมีใน ระดับอื่น ในระดับหนึ่ง. เรื่องนี้เพื่อจะชี้ใหเห็นวา จุดตั้งตนของบาปของมนุษยนั้นคือความ เห็น แกตัว ดว ยเหมือ นกัน . รูจัก แบง แยก นี้เ ปน หญิง นี้เ ปน ชาย นี้เ ปน ผัว นี้เปนเมีย เปนลําดับขึ้นมา ; ยึดถือวาสามีของเรา ภรรยาของเราอยางนี้ขึ้นมา. กอ นนี้ไมเคยยึด ถือ ไมรูจัก ไมรูสึก ; อาดัม กับ อีฟ เปน มนุษ ยคูแ รก ทีแ รก ก็ไมรูจัก แตพอกินผลไมนั้นเขาไป ก็รูจัก ; แปลวายุค ๆ หนึ่งที่มนุษยเริ่มรูจัก สิ่งเหลานี้. พอเริ่มรูจักดี รูจักชั่ว ในทางที่จะยึดมั่นถือมั่น ก็มีความทุกข จนกวา จะสูงสุดขึ้นถึงขั้นทําลายความยึดมั่นถือมั่น มันจึงจะไมมีทุกขเลย. เดี๋ยวนี้ เราก็ไมรูจัก เปนไปในทํานองที่ทําลายความยึดมั่นถือมั่น ; กลับมีตัวกู - ของกูมากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะความกาวหนาในทางการศึกษาอยางสมัย ปจจุบัน.ผมใชคําวา “อยางสมัยปจจุบัน” คุณอยาเอาออกไปเสีย อยาเอาไป ทิ้งเสีย. เพราะถาพูดวาการศึกษาเฉย ๆ มันก็มีความหมายเปนอยางอื่น. ถาพูดวา การศึกษาแหงยุคปจจุบัน นี้ก็ขอใหหมายถึงยุคนี้ ยุคเทคโนโลยี่.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เมื่อเรารูจักสิ่งที่เรียกวา “ความเห็นแกตัว” นี้แลว มันก็พอจะเขาใจ ตอไปไดโดยงายในเรื่องความมีจิตใจทรามอารยธรรมยุคปจจุบัน ซึ่งทั้ง ๒ คราว ที่ไดพูดมาแลว ก็ไดพูดถึงเทคโนโลยี่, มนุษยกําลังบูชาเทคโนโลยี่ แลวก็มีแยก เปนแขนง ๆ ไป เปนเทคโนโลยี่แขนงนั้น ๆ รวมทั้งของการศึกษาดวย.
เมื่อพูดถึงเรื่องเทคโนโลยี่ ก็เหมือนกันอีก โดยเนื้อแทมันก็ไมไดเปน โทษ ไม เป น อั น ตรายอะไร แต มั น เผอิ ญ มี ม นุ ษ ย เข า ไปเกี่ ย วข อ งด ว ยความ
ภาวะจิตทราม ในอารยธรรม แผนปจจุบัน
๓๖๙
เห็ น แก ตั ว สรางเทคโนโลยี่ ชนิ ด ที่ เป น ทาสของความเห็ น แก ตั ว. เทคโนโลยี่ ที่ มนุษยสรางขึ้นในลักษณะอยางนี้ มันกลายเปนเครื่องมือที่สงเสริมความเห็นแกตัว. ฉะนั้นคุณมองดูใหดี ๆ ดวยจิตใจที่เปนธรรม. ถาพูดกันใหเปนธรรมก็ตองพูดวา เทคโนโลยี่นั้น ก็คือ อิท ธิบ าทในพระพุท ธศาสนา. เรื่อ งอิท ธิบ าทเราก็พูด กัน มากแลวในตอนตน ๆ ในชื่อวาเครื่องมือแหงความสําเร็จนั้น. วิชาเทคโนโลยี่ ก็คือเครื่องมือแหงความสําเร็จโดยตรง จัดไดวาเปนตัวอิทธิบาทในพุทธศาสนา ; จะสมบูรณหรือไมสมบูรณก็ตามใจเถิด แตวามันมีหลักเกณฑอยางเดียวกัน คือ เปนเครื่องชวยใหเกิดความสําเร็จ ;มันมีความหมายตรงที่ชวยใหเกิดความสําเร็จ นี่คือความหมายของคําวา “เทคโนโลยี่” หรือเทคนิคที่ลึกซึ้ง ที่คนพบ. ทีนี้ คุณ ก็ม องตอไปอีกนิดหนึ่งวา อิท ธิบ าท นั้น ถาตกอยูในมื อ ของคนพาล เปนอันตรายที่สุด. อิทธิบาทในพระพุทธศาสนานี้ เมื่อตกไปอยู ในมือของคนพาล มันก็อันตรายที่สุด เพราะคนพาลเขาเอาไปใชในการเห็นแกตัว ทําอันตรายผูอื่น. ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา ในพุทธศาสนานั้นเขาใชสําหรับ ใหเกิดความสําเร็จในการบรรลุมรรค ผล นิพพาน เปนเครื่องมืออยางนี้โดยเฉพาะ. แตมันเอาไปใช sublimate ในทางเลว, เอาไปใชเพื่อประโยชนตัว เห็นแกตัว เบียดเบียนผูอื่นก็ได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พูดใหชัดอยางนี้ดีกวา สิ่งที่เรียกวาอิทธิฤทธิ์หรือปฏิหาริยนั้นเขาตอง การใหใชในทางที่ถูกที่ควร แตพวกยักษพวกมารเอาไปรบ เอาไปเปนเครื่องมือ สํา หรั บ รบราฆ า ฟ น กั น . พวกยั ก ษ พวกผี ส าง เทวดา มั น ก็ มี ฤ ทธิ์ มี เ ดช มีปาฏิหาริย แลวมันก็ใชเพื่อจะรบราฆาฟนกัน. นี่มันใชไดเปน ๒ คมอยางนี้. ถาไปใชถูกวิธี คือสุจริต มันก็มีประโยชนสูงสุด ; ถาใชผิด ในทางทุจริต มันก็มี โทษสูงสุดเหมือนกัน.
๓๗๐
ฆราวาสธรรม
เดี๋ยวนี้โลกเรากําลังใชเทคโนโลยี่อยางไร คุณ ก็มองดู จะเห็นชัดวา กําลังใชเพื่อความเห็นแกตัว เอาเทคโนโลยี่นี้เปนเครื่องมือสําหรับทําความสําเร็จ ใหแกความเห็นแกตัวของตน. ถาคุณ เขาใจขอนี้คุณ ก็จะเขาใจภาวะจิตทรามใน อารยธรรมยุ ค ป จ จุ บั น ซึ่ ง รุ ง เรื อ งด ว ยเทคโนโลยี่ . นี่ เราเห็ น ได ทั น ที ว า โลกยุ ค ปจจุบัน หรือโลกยุคเทคโนโลยี่นี้ เปนโลกที่ยิ่งเต็มอยูดวยความเห็นแกตัว ; คือ ยิ่งมีความเห็นแกตัวมากขึ้นขนาดหมาในรางหญ าแลว ตัวเองก็ไมตองกินตองใช เหลื อ กิ น เหลื อ ใชแ ล วมั น ก็ ยั งหวง ยั งขู คํ าราม ยั งทํ าอั น ตรายผู อื่ น . นี้ โลกสมั ย เทคโนโลยี่แหงยุคปจจุบันนี้เห็นแกตัวจัดสูงสุดถึงขนาดหมาในรางหญา. อยาคิดวาเวลาหัวรุงเอาไวเปนเวลาสําหรับดาคน. เวลานี้จิตใจปกติ เยื อ กเย็ น เพื่ อ จะมองเห็ น ความลึ ก ซึ่ ง ของสภาพตามที่ เป น จริ ง แห ง ยุ ค ป จ จุ บั น เหมือนดังวาพระพุทธเจาทานเล็งญาณสองโลกนี้. เราก็เหมือนกับขึ้นยอดภูเขา มองดู พื้ น ดิ น ว าทั่ วทั้ งแผ น ดิ น นี้ กํ าลั งเป น อย างไร. เอ า คุ ณ ไปดู ซิ เทคโนโลยี่ แขนงไหนละ ที่เรามีอ ยูใ นเวลานี้ ที่ไมสง เสริม ความเห็น แกตัว ; เพราะเราคน มันขึ้นมาดวยความเห็นแกตัว อยากจะไดมาเพื่อสงเสริมความใคร หรือความสําเร็จ ของตั ว ; ฉะนั้ น เทคโนโลยี่ ในการศึ กษาก็ ดี ในการเมื อ งก็ ดี ในการเศรษฐกิ จ อุตสาหกรรมก็ดี แมที่สุดแตเทคโนโลยี่ทางการทหาร มันก็เปนเครื่องมือสงเสริม ความเห็น แกต ัว คือ ใหสํา เร็จ ตามตอ งการแกค วามเห็น แกต ัว ของตน. ฉะนั ้น จึงเปนโลกที่นาหวาดเสียว นากลัวที่สุด คืออารยธรรมแผนปจจุบัน ที่เต็มไปดวย เทคโนโลยี่ ที่ชวยใหสําเร็จตามตองการของความเห็นแกตัว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ดังนั้นผมจึงพูดวานี่โดยสรุป : เราไดแยกพูดเปนเรื่อง โลภะ โทสะ โมหะ ใหเห็น มัน เปน รายละเอีย ดปลีกยอยไปเปนประเภท ๆ ประเภทหนึ่ง ๆ . แตเดี่ยวนี้เราสรุปวา มันรวมอยูที่คําๆ เดียวคือ ความเห็นแกตัว ความมีจิตทราม
ภาวะจิตทราม ในอารยธรรม แผนปจจุบัน
๓๗๑
ในอารยธรรมแห งยุ คป จจุ บั นมี อยู อย างนี้ อย างลึ กซึ้ ง อย างกว างขวางเหลื อ ประมาณจนถึ ง ขนาดเอาพระเจ า ไปทิ้ ง เสี ย แล ว ก็ เ อาเทคโนโลยี่ ม าเป น พระเจ า แทน ; ผลมั น ก็ เกิ ด ขึ้ น เป น ความระส่ํ า ระสายในโลก ทุ ก ข ย ากไปทั่ ว ทุ ก หั ว ระแหง; นั ่น คือ ความทราม. ความทรามมัน อยู ต รงที ่ ทํ า ความทุก ขใ หเ กิด ขึ ้น ไปทุก หัวระแหง. ที นี้ คุ ณ ก็ ดู ต อไปอี กให ดี ๆ ให เห็ นผลของมั น ผลของความเห็ นแก ตั วนี้ ; ว าเดี๋ ยวนี้ คนในโลกเรานี้ มี อะไร ๆ หมดครบทุ กอย างที่ ต องการ เพราะความบั นดาล ของเทคโนโลยี่ แต แ ล ว มั น ยั ง ขาดอยู อ ย า งเดี ย วเท า นั้ น ที่ ยั ง ไม มี นั่ น คื อ สิ่ ง ที่ จ ะ ปอ งกัน ความทุก ขห รือ ความเลว ที ่เ กิด มาจากเทคโนโลยี ่นั ้น . สิ ่ง ที ่เ ราในโลก เวลานี้กํา ลัง ขาดอยูเพีย งอยางเดีย ว คือ สิ่งที่จ ะปอ งกัน ไมใหเกิด ความทุก ข ขึ้นมาจากสิ่งที่เรามี. นี่พูดภาษาบทนิยามก็ตองพูดกันอยางนี้. เรามี อะไรหมดทุ กอย างเว นแต สิ่ งที่ จะป องกั นไม ให เกิ ดความทุ กข เพราะ สิ่ ง ที่ เรามี . เรายิ่ ง มี อ ะไรมาก ด ว ยความเห็ น แก ตั ว นี้ มั น จะมี ค วามทุ ก ข ม ากขึ้ น เป น เงาตามตั ว ; แล ว สิ่ ง ที่ จ ะป อ งกั น ความทุ ก ข ไม ให เกิ ด ขึ้ น จากสิ่ ง เหล า นี้ นี่ เรา ยัง ขาดอยู เพราะเรามีแ ตค วามเห็น แกต ัว . เพราะฉะนั ้น มัน จึง ตอ งมีสิ ่ง ที ่ต รง กัน ขา ม คือ ความไมเ ห็น แกต ัว ; นี ้ค ือ สิ ่ง ที ่เ รีย กวา “ธรรม” หรือ พระธรรมใน พระพุทธศาสนา สรุปอยูที่ความไมเห็นแกตัว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org หัว ใจของพระพุท ธศาสนา มีอ ยู เ ปน ประโยคสั ้น ๆ ประโยคเดีย ว วาสพฺ เพ ธมฺ มา นาลํ อภิ นิ เวสาย -สิ่ งทั้ งปวงอั นใคร ๆ ไม ควรยึ ดมั่ นถื อมั่ นวาตั วกู วา ของกู. ถา มีห ัว ใจของพุท ธศาสนาอยู มัน ก็ป อ งกัน ความทุก ขท ุก อยา งที ่จ ะ เกิด ขึ ้น จากทุก สิ ่ง ที ่ม นุษ ยม ีอ ยู ใ นครอบครอง. เดี ๋ย วนี ้ม ีท รัพ ยส มบัต ิ มีว ิช า
๓๗๒
ฆราวาสธรรม
ความรู มีความสามารถ มีวาสนาอะไรก็ตาม ลวนเปนไปเพื่อความทุกข ; แลว ไมมีเครื่องรางปองกันความทุกข. ฉะนั้นขอใหคุณระวังใหดี อยาใหไปรวมอยูใน พวกนั้ น ; ขอให มี สิ่ งที่ จ ะป อ งกั น ความทุ ก ขที่ เกิ ด ขึ้ น จากสิ่ งที่ ตั วมี . เรามี ก าร ศึกษาแลวก็มีความรู แลวก็มีอาชีพ แลวก็มีอะไรก็ตาม มันจะทําใหเกิดความ ทุก ขขึ้น เพราะความเห็น แกตัว . เราตอ งมีสิ่ง ๆ หนึ่ง เปน เครื่อ งรางปอ งกัน ไว อยาใหเกิดความทุกขขึ้น. เดี๋ยวนี้คนมันมีอะไรตามที่ความเห็นแกตัวมันตองการ แลวมันเกิด ความทุกขขึ้นหนาแนน หนาแนน หนาแนน แลวก็ไมมีสิ่งปองกันความทุกข ; นี้คือความมีจิตทราม จะโดยรูสึกตัวหรือโดยไมรูสึกตัวก็ตาม ตองเรียกวาความมี จิตทรามทั้งนั้นของอารยธรรมปจจุบัน. เมื่อไมรูสึกตัวทําไปอยางนี้ก็เรียกวามี อะไรมาก ดูเจริญรุงเรืองทางวัตถุ อยูดี กินดี ; นี่คือความมีจิตทรามโดยไม รูสึกตัว อยางใหเกียรติกันหนอยก็พูดวา “ความมีจิตทรามของผูดี” ซึ่งกลาย เปน คําประชดไป. ความมีจิตทรามของผูดี คือ มัน มีอ ะไร, มีอ ะไรจนหรูหรา สวยงาม เปนระเบียบแบบแผน หรือเปนอะไรก็ตาม แตมีความทุกข เพราะ สิ่งที่ตัวมี; เปนความมีจิตทรามอยางผูดี ความมีจิตทรามอยางคนเกงกลาสามารถ ; นี่กลายเปนคําพูดประชด เปนคําดาไปเสียอีก. แตถาเขาไมรูสึก เขาจะมองเห็น วาไมใชเปนคําดา เพราะเขาถือเอาวา ที่มีอะไรใชสอย กินอยู อยางวิเศษสารพัด ตามสมัย นี้ จนกระทั่งมีเครื่อ งมือ รับ ใชอ ยางที่เรีย กวา เหมือ นกับ สารพัด นึก เพียงแตกดปุมอะไร ก็เปนไปตามตองการหมด ; อยางนี้ดีกวาเทวดาในสวรรค เสีย อีก กระมัง ; มัน ก็ไ มแ กไ ข หรือ ปอ งกัน ความมีจิต ทรามอยา งผูดี ไปได. มันยังมีความเห็นแกตัวอยางยิ่งอยูนั่นเอง. เดี๋ยวนี้เขากําลังอวดการประดิษ ฐ หุน ยนตใ นงานแสดงตา ง ๆ หุน ยนตอ ยา งนั้น หุน ยนตอ ยา งนี้ ยิ่ง ขึ้น ทุก ที ทําอะไรไดดีกวามนุษย. นั่นแหละดูใหดีเกิด มองใหดีเถิด มันก็เรื่องความเห็น
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ภาวะจิตทราม ในอารยธรรม แผนปจจุบัน
๓๗๓
แกต ัว เพิ ่ม ความเห็น แกต ัว , อยู ด ี - กิน ดี มากขึ ้น แตแ ลว ความมีจิต ทราม อยางผู ดีมันก็จะมีมากขึ้นเปนเงาตามตัว. นี่มนุษยกําลังบาหลังแตในเรื่องที่จะเปนอยางนี้เพื่อความมีจิตทราม อยางผูดีหรือความเกงกลาสามารถ จนเรามีอะไร ๆ ที่เปนเหมือนกับของวิเศษ ของทิพย ของอะไรอยางนี้แลว แตก็ไมพนจากความเปนสัตวนรก เพราะมีความ เห็นแกตัว. ประเดี๋ยวผมจะพูดใหฟง วามันยิ่งมีความเปนสัตวนรกอยางไร. เดี๋ยวนี้เรามีคนอะไร ? คนอยางนั้น คนอยางนี้ คนอะไรสารพัดอยาง, มีคนรวย มีคนสวย มีคนเกง คนฉลาด มีคนไปนอกโลก ไปอะไรก็ตาม มีหมด เลย ; แตมันยังขาดอยูคนเดียว คือคนดี ; สุภาพบุรุษที่ปราศจากความเห็น แกตัว นั้น ยัง ไมมี, เรีย กวา ยัง ขาดอยูค นเดีย ว คือ คนดี. คนสวย คนรวย คนเกง คนสามารถ คนอะไรก็ต าม นั ้น มีห มดเลย ไมรูวา กี่ค น ตอ เทาไร ๆ อะไรก็มีกัน คนชนิดไหน ๆ ก็มี คนเลวก็มี คนอะไรก็มี ; มันยังขาดแตคนดี.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org “คนดี” นี้ผ มหมายถึง คนที่เชื่อ ฟง พระเจา . พระเจา ของผมก็คือ พระธรรม. ผมเรี ย ก “พระธรรม” คนอื่ น จะเรี ย ก “พระเจ า ” ก็ ต ามใจ. ที่ จ ริ ง พระธรรมนั้ น แหละคื อ พระเจ า ; ผู ส ร า งโลก ผู บั น ดาล ผู ค วบคุ ม ผูทําลายโลก หรืออะไรมันก็รวมอยูที่คําวา พระธรรม.
เราขาดคนดีที่เชื่อพระเจา ระวังไวใหดีนะ พวกคุณหนุม ๆ นี้ กําลัง จะสําเร็จจากมหาวิทยาลัยนี้ จะขาดพระเจาหรือไม ใหระวังใหดี มันจะมีเขา สักวันหนึ่ง.คนสมัยนี้เขาถือวาพระเจาตายแลว. นี้คนไทยกําลังจะถือตามกนฝรั่ง ไมมีพระเจา. ในหนังสือแบบเรียน สมัยผมเด็ก ๆ มีคํากลอน ตอนนั้นมีวา . ที่ ซื่ อ ถื อ พระเจ า ว า โง เ ง า เต า ปู ป ลา..... คื อ ว า คนในสมั ย ป จ จุ บั น เขาจะ
๓๗๔
ฆราวาสธรรม
ประณามคนที่ซื่อสัตย ซื่อตรงนับถือพระเจาวา เปนคนโงเงาเตาปูปลา เหมือน ที่พ วกคุณ เดี๋ย วนี้จ ะวา ใครเครง ศาสนา คนนั้น เซอ ซา ครึค ระ ; ใครไปมัว ถือ พระเจาอยู คนนั้นครึคระเซอซา. นี้เขาพูดกันมาหลายสิบปแลว หรืออาจจะ พูดกอนนั้นก็ได ไปหาหนังสือมูลบทบรรพกิจมาอานดูบางจะมีประโยคอยางนี้. โลกสมัยนี้ มัน เขาแตหอลอกามา. ฉะนั้นที่คุณ มีวิทยุ โทรทัศน มีดนตรี มีอะไรฟงไดตลอด ๒๔ ชั่วโมง เมื่อไรก็ได ; นี่มันสงเสริมในลักษณะ เข า แต ห อล อ กามา. เข าไปอยู ในห อ งในหอ ในอะไรที่ มั น เพี ย งแต ได ส งเสริม กระตุนความรูสึกทางกามารมณ. ทีนี้ ก็มีเครื่องมืออยางงวิทยุ โทรทัศน หรือจะเปนอะไรที่เปนสิ่งเปน อุปกรณอยางอื่นเยอะแยะจะกระตุนความรูสึกทางกามารมณ ทางตา ทางหู ทาง จมูก ทางลิ้น ทางกาย อยางไรก็ได ใหมันเกินความตองการของธรรมชาติไว หลายรอ ยเทา หลายพัน เทา . แตเดี๋ย วนี้เรามาพูด ถึง ความเห็น แกตัว ทํา ให กาวหนาไปในลักษณะอยางนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ระวังใหดี มาถึงขอที่วา ความมีจิตทรามของผูดี เล็งถึงความอยูดี กินดี ตามความหมายสมัยนี้. สมัยนี้ตองการกินดีอยูดีเราทําอะไรทุก ๆ อยาง เลา เรีย นศึก ษา อาชีพ การงานเพื ่อ การกิน ดีอ ยู ด ี รอ งกัน ตะโกนไปทั ่ว โลก กองโลก. แตคุณ จําไวใหดีนะ ตัวหนังสือมันวา “กินดีอยูดี” แตพระพุทธเจา ทานวา “กินอยูพอดี”. ถาพูดในภาษาคําพูดของพระพุทธเจาก็คือ มตฺตฺุตา จ ภตฺตสฺมึ - กินอยูพอดี. แลวมันตางกันอยางไร ? ถาคุณทําสะเพราลวก ๆ คุณจะเห็นวาเปนสิ่ง สิ่งเดียวกันก็ได.
ภาวะจิตทราม ในอารยธรรม แผนปจจุบัน
๓๗๕
กินดีอยูดี ของสมัยนี้ ตางกันลิบลับกับ กินอยูพอดี ของพระพุทธเจา เพราะวากินดีอยูดีของสมัยนี้ไมมีขอบเขตจํากัด หลอ เลี้ยงตัณ หากิเลส หรือวา หลอเลี้ยงความเห็นแกตัวไดมากเทาใดก็เรียกวากินดีอยูดียิ่งขึ้นไปเทานั้นแหละ. มีรถยนตคันหนึ่งไมพอ ตองการหลายคัน,มีบานอยูไมพอ ตองการตึก ตองการ ปราสาท เรื่อยไปอยางนี้ ; ความกินดีอยูดีของคนสมัยนี้ เขาหมายความอยางนี้ ไมมีขอบเขต. พระพุ ท ธเจ าท านว า กิ น อยู พ อดี แต พ อดี คุ ณ ก็ ล องนึ ก ดู . เราอยู กระทอมดินเราก็อยูไดแลวอยูสบาย ดวยจิตใจที่สูงกวาที่จะไปอยูตึก อยูปราสาท. ยิ่งทะเยอทะยานอยูตึ กอยู ปราสาทเท าไรจิตใจก็เลวลงเท านั้ น คื อตองมี ความเห็ น แกตัวมากขึ้นเทานั้น, ตองกวาดเอาประโยชนรอบตัวจากผูอื่น มาใหตังมากขึ้น เทานั้น ;ตองหาเงินเปนแสนเปนลาน เปนเงินโกฎิขึ้นมาเพื่อจะสรางปราสาทอยู. นี่เราอยูกระทอมดิน ไมตองมีความเห็นแกตัวมากถึงขนาดนั้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เดี๋ยวนี้เราไมอยากอยู ไมนิยมอยูหมูบานเล็ก ๆ ตามบานนอก เหมือน พวกคุณก็อาจจะมีอยูในกลุมนี้ ที่วาแหไปอยูในเมืองหลวง อยูเปนเมือง เปนนคร เปนมหานคร ไปอัดอยูที่นั่น ก็คือไปอัดอยูในดงของความเห็นแกตัว. การที่เขา ไปอยูกันมาก ๆ อยางนั้นตองเปนคนเห็นแกตัวมากขึ้นเทาที่ความใหญของเมือง ของนคร, ไมเชน นั ้น มัน อยู ไ มไ ด ; กระทั ่ง เวลาที ่จ ะใชเดิน ไมพ อ มัน ตอ งวิ ่ง อยูแ ลว. เวลาวิ่งมัน ก็ไมพ อ จะตอ งใชร ถยนตวิ่งใหมัน วอ นไปอยูแ ลว ; มัน จึง จะพอแกความรูสึกเห็นแกตัว. ฉะนั้นความเห็น แกตัวมัน จึงระอุอัดอยูในนครหลวงนั่ นแหละ. สวน ในบานนอกคอกนาที่อยูกันอยางกระทอมเล็ก ๆ ประปรายนี้ มันหาไดยาก มันมี
๓๗๖
ฆราวาสธรรม
อยางนอย และอยางระดับที่ยังไมใชความเห็นแกตัว หรือ selfish มากเหมือน ในนครหลวง.ฉะนั้นเรายิ่งทะเยอทะยานมุงไปทางนั้นมากเทาได ก็ยิ่งมีจิตทราม มากขึ้นเทานั้น. คุ ณ อาจจะไม เห็ น ด วย แต ผ มขอรอ งให ไปสั งเกตนครหลวงอย าง กรุงเทพ ฯ นครหลวงอยางเมืองอื่น นครหลวงอยางใหญที่สุดอยางพวกฝรั่ง ที่ เมื องนอก คุ ณ ไปดู เถิ ด ยิ่ งใหญ เท าใด ยิ่ งมี ค วามเห็ นแก ตั วมากขึ้ น เท านั้ น เพราะมันใหญขึ้นมาไดดวยอํานาจของความเห็นแกตัว. ถาไมมีความเห็นแกตัว มากขนาดนั ้น มัน ไมบ า สรา งใหม าก ใหใหญข นาดนั ้น ; มัน จะเอาแตพ อที่ ธรรมชาติตอ งการ. ดัง นั้น ยิ่ง ใหญเ ทา ไร ยิ่ง สวยเทา ไร ยิ่ง อะไร ๆ เทา ไร, มันก็ยิ่งเปนผลของความเห็นแกตัวมากขึ้นเทานั้น. นี่มันจึงเปนภาวะจิตทราม ที่ แสดงอยู ที่อะไร ที่มันมากมายอุนหนาฝาคั่งขึ้นมาจนทวมแผนดิน หรือทวมโลก. ดูทางจิตใจกันบาง มันก็ยิ่งมีความเห็นแกตัวโดยวิธีตาง ๆ ที่ผมชอบ ยกตัวอยางที่สุดก็คือการกีฬา การกีฬาของพวกคุณเดี๋ยวนี้ คือบทเรียนสําหรับ ความเห็น แกตัว . การกีฬ าแท ๆ เขาตอ งการจะประกวดความไมเห็น แกตัว , ความยอมให ไ ด , ยอมแพ ไ ด , ความไม ล ะเมิ ด กติ ก า, ความยอมเป น ผูเ สีย เปรีย บ, ความอดทนได ไมโ กรธ นี่เ ปน sporting -spirit ที่แ ทจ ริง ลงไปในสนามกีฬาก็เพื่อฝกอยางนี้. ถาใครเตะแขงเรา เราก็อ ดทน อดกลั้น ยิ้มจนคนนั้นมันละอายไปเอง ตอไปมันก็ไมทําอีก. เดี๋ยวนี้ถาใครเตะแขงเรา เราชกปากมันเลยใชไหม ในสนามกีฬาของคุณนะ. แลวกองเชียรนั้นคือปศาจ แหงความเห็นแกตัว ที่คุณจัดมาเปนหมู ๆ มานั่งเชียรคุณ นี่คือปศาจแหงความ เห็นแกตัว เพาะนิสัยใหเด็ก ๆ เล็ก ๆ ใหมันมีความเห็นแกตัว. ฉะนั้นทุกอยาง ในสนามกีฬ า มัน เพื่อ ฝก ความเห็น แกตัว, เพิ่ม ความเห็น แกตัว.กีฬ าในสมัย เทคโนโลยี่ เทคโนโลยี่ของกีฬาสมัยนี้ เพิ่มปศาจแหงความเห็นแกตัว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ภาวะจิตทราม ในอารยธรรม แผนปจจุบัน
๓๗๗
ถาเปนกีฬาบริสุทธิ์ มันก็ทําลายความเห็นแกตัวไปทุกกระเบียดนิ้ว. ถาจะมีใครมานั่งดู ก็ไมใชวาจะมาเพื่อนั่งเชียร. มานั่งดูวาใครจะมีน้ําใจนักกีฬา มากกวา กัน . เรามานั่ง ดูค นเลน กีฬ า แลว ก็เ ห็น ชัด วา คนไหนมีค วามเปน นัก กีฬ า ที ่เนื ้อ ที ่ต ัว ที ่ก ารกระทํ า . ฉะนั ้น การกีฬ าสมัย นี ้เปน การกีฬ าของ ความเห็น แกตัว , เพื่อ ความเห็น แกตัว , เพิ่ม ความเห็น แกตัว . ฉะนั้น ก็ส ม น้ําหนาแลว ที่มันมีระเบิดขวดในสนามกีฬา เพราะตัวกีฬานั่นเอง มันสงเสริม ความเห็น แกตัว . กีฬ าในประเทศก็อ ยา งนี้, กีฬ าระหวา งประเทศก็อ ยา งนี้ นี้ความมี จิตทราม ในอารยธรรมแผนปจจุบัน ที่มีอยูแมในสนามกีฬา ในวงการ กีฬา. มองดูซิวา โลกมันหมดที่พึ่งเขาไปทุกที มนุษยนี้หมดที่พึ่งเขามาทุกที เพราะความเห็นแกตัวมันสูงจัดมากขึ้นทุกที. แลวก็ดูกันดวยจิตใจที่เปนธรรม ; เพราะมันไปแกไข spirit หรือวิญญาณของสิ่งเหลานั้นเสียหมด กระทั่ง spirit ของการกีฬา ; มันถูกแกไขไปเปนเครื่องมือสนับสนุนความเห็นแกตัว หรือพวก ของตัวไปเสีย มุงแตความชนะ, ไมไดมุงความเปนธรรม หรือความเปนนักกีฬา มุง แตชัย ชนะ. มีภ าษาที่เลวทรามที่สุด วา แกแ คน . มหาวิท ยาลัย นี้แ พกีฬ า แลวก็แกแคนมหาวิทยาลัยโนนเขาคราวหนา ใชคําวา “แกแคน” คุณชวยไปบอก เขาดวยวา คําวา แกแคน ไมมีในปทานุกรมของการกีฬา เดี๋ยวนี้เต็มไปดวย คําวาแกแคน เปนตน แลวมีคําอื่น ๆ อีกที่รายกวาคําวาแกแคน. ปทานุกรม ของการกีฬ าที่บ ริสุท ธิ์ ไมมีคํา เหลา นี้. นี่คือ ความมีจิต ทรามในอารยธรรม แผนปจจุบัน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราดูกัน ตอ ไปอีก วา ที่เขานิยม ยกยอ ง นับถือ กันอยู เชนความ เก็บ หอมรอมริบ ความกระเหม็ด กระแหม. เนื้อ แทห รือ ความหมายที่ถูก ตอ ง ของคําวา เก็บหอมรอมริบ นั้น ไมใชความเห็นแกตัว ; เขาเก็บหอมรอมริบ
๓๗๘
ฆราวาสธรรม
เพื่อ จะชวยตัวใหรอดพน จากความทุก ข. แตเดี๋ย วนี้ค นเก็บ หอมรอมริบ เพื่อ เพิ่มความเห็นแกตัวแลวไปเลนงานผูอื่น. มันสะสมนั่นนี่ สะสมอุปกรณเพื่อการ เลนงานผูอื่น , เปน สวนรวมก็คือ อุป กรณของการสงคราม อุต สาหเก็บ หอม รอมริบ เพื่อจะไดกวาดลางผูอื่นออกไปเสียจากโลก. เอาละ ยอมใหหนอยวา เก็บหอมรอมริบสวนตัวบุคคลนี้ เก็บไวปหนึ่งเลย เพราะเรามีรายไดนอย พอถึงป ก็ใชมัน ทีนี้ใชอยางไร ? เอา ปใหมใชเลี้ยงดู ซึ่งจะกินเหลา กินยา กินหมู กิ น ไก กั น ก็ ต อนนี้ . พวกจี น เขามาจากเมื อ งจี น กิ น ผั ก เป น ประจํ า วั น กิ น ใบ มะขามตมเกลือ. เพื่อนคนไทยถามวาทําไมทําอยางนั้น . จีนคนนั้น ก็ต อบวา ไมสบาย เปนโรคอะไรก็ไมรูในทอง กินอื่นไมได. ทีนี้ตอมาจีนคนนี้ร่ํารวยขึ้น มีร า น มีก ารคา ก็เ ลยกิน หมู กิน ไก. ทีนี ้ค นเดีย วกัน ถามวา เอา เดี ๋ย วนี้ ทําไมลื้อกินหมูกินไกเลา ? เขาก็หัวเราะแฮะ ๆ แลวบอกวา หายแลว หายโรค นั้นแลว. นี่เรื่องจริง ไมใชผมประดิษฐขึ้น อยาระบุชื่อดีกวา. ในการเก็บหอมรอมริบเลี้ยงปใหม เลี้ยงอะไรกัน มันก็เพื่อเห็นแกตัว หรือโดยความเห็นแกตัว สนุกสนาน อรอยของตัว ; ไมใชเรื่องทําบุญ ใหทาน เอาเงิน นั้น ไปชว ยเหลือ สงเคราะหค นยากจนในปใ หม. หรือ วา อยา งดีที่สุด เก็บ เงิน ไวม าก ๆ ปใหมเที่ยวรอบโลกเสียครั้งหนึ่ง ; ถาไมเก็บ หอมรอมริบไว ตั้งปหนึ่ง ไมพอไปเที่ยวรอบโลก. การเก็บหอมรอมริบนี้ มันเพื่อความเห็นแกตัว โดยความเห็น แกต ัว เพื ่อ ตัว คนเดีย วดว ย. นี ่ว ัฒ นธรรมนี ้เ ปน วัฒ นธรรม แหง ความเห็น แกต ัว ของการเก็บ รอมรอมริบ , จากการเก็บ หอมรอมริบ คุณกําลังจะทําอยางนั้นหรือไม ก็ไปคิดดู.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถ า ว า จะเป น ธรรมะของพระพุ ท ธเจ า มั น ก็ เก็ บ หอมรอมริ บ ไว ใน กระปองออมสินเรื่อย ๆ พอถึงรอบปหนึ่ง ก็เอาไปแจกคนจนเสียทีหนึ่ง อยางนี้
ภาวะจิตทราม ในอารยธรรม แผนปจจุบัน
๓๗๙
มัน จึง จะคอ ยเปน ความไมเ ห็น แกต ัว . แตก ็ต อ งระวัง ใหด ี มัน อาจจะลึก ลับ ซั บ ซ อ นอยู ในนั้ น จะทํ าเอาหน า เอาตาก็ ได หรือ วาทํ า บุ ญ นี้ เพื่ อ ซื้ อ สวรรค วิม าน ในชาติหนาก็ได. ถาอยางนี้เปนเรื่องความเห็นแกตัว. การทํา บุ ญ ให ท านของทายกทายิ ก า ยั ง ไม ป ลอดภั ย . ทายก ทายิกาโดยมากทํ าบุ ญ เพราะความเห็นแกตัวและเพิ่ มความเห็ นแกตัว : เก็บหอม รอมริบ บุญ กุศ ลนี ้ไ ว เปน การเพิ ่ม ความเห็น แกต ัว เพราะวา ลงทุน บาทหนึ ่ง ตายแล ว ได วิ ม านหลั ง หนึ่ ง . ที่ ทํ า บุ ญ นี้ เพราะว า ตายแล ว ชาติ ห น า จะได วิ ม าน หนึ่ ง หลั ง สองหลั ง สามหลั ง มี น างฟ า นางอะไรก็ ไม รู ซึ่ ง มั น แพงเหลื อ แสน; เทีย บกับ ลงทุน บาทหนึ ่ง นี้ม ัน มีกําไรเกิน ควร ไมรูจัก กี่รอ ยเทา พัน เทา. อยา งนี้ ไมใ ชทํ า บุญ ในพระพุท ธศาสนา พระพุท ธเจา ไมไดส อนอยา งนี ้. ถา ใครเอามา พูด วา พระพุท ธเจา สอนอยา งนี ้ คนนั ้น โกหก. มัน เปน เรื ่อ งความหวัง ดีก ็จ ริง เพื่ อ ให ค นทํ าบุ ญ ; แต แ ล วไปสอนในลั ก ษณะที่ ต ายด านอยู แ ค นั้ น มั น ก็ เป น การ ฝง คนใหต ิด อยู ใ นความเห็น แกต ัว . ทีนี ้ม ัน ก็ม ีอ าการอยา งอื ่น เกิด ขึ ้น แทน เปน ความทุก ข เปน ผลที ่ต รงกัน ขา ม. ดูใ นแงเ ลวมัน ก็เ ปน ความเห็น แกต ัว ในแงด ี ก็เปน ความเห็น แกต ัว อยู อยา งนี ้ม ัน ไมไ หว. เรื่อ งบุญ ทํ า ใหท านแท ๆ ถูก สอนไปในทางเห็น แกต ัว เสีย แลว ; ทีนี ้เ รื ่อ งเลวเรื ่อ งอบายมุข ตา ง ๆ ที่ เกิดขึ้นเต็มบานเต็มเมือง ก็เปนความเห็นแกตัว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org อบายมุ ข คุ ณ ก็ ท อ งได อ ยู แล ว เช น ดื่ ม นี้ เมาก็ เพราะความเห็ น แก ตั ว อยางโงเขลาที่สุด.ดื่มน้ําเมาเขาไปเพื่อทําลายสติสมปฤดีใหมันเสียไป เปนความ เห็นแกตัวที่โงเขลาที่สุด.เที่ยวกลางคืน เสาะแสวงหาความเพลิดเพลินกลางคืนนั้น เปน ความเห็น แกต ัว อยา งภูต ผีป ศ าจ ; นอนอยู ที ่บ า นยัง ดีก วา . ดูก ารเลน การเลนก็ดูจะเปนเรื่องลามกอนาจารมากขึ้นทุกที แมแตเรื่องภาพยนตอะไร คุณก็ เห็นอยูชัดวา ถาไปเทียบกับเมื่อ ๔๐ - ๕๐ ปกอนแลว ภาพยนตเดี๋ยวนี้ก็คือลามก
๓๘๐
ฆราวาสธรรม
อนาจารนั่ น เอง. อะไรอื่ น ๆ อี ก มากที่ ห มุ น ไปทางลามกอนาจารของผู ดี . การ เล น การพนั น อบายมุ ข เล น พนั น นี ้ ก ็ ค ื อ ความเห็ น แก ต ั ว อยากรวยเร็ ว ; จะมาทนทําไรทํานา ขุดดินอยูไมได. เกียจครานทําการงานอาจจะมองเห็นวา เกียจครานทําการงานเพราะใหตัวสบาย ; ที่จริงมันมีมูลมาจากความเห็นแกตัว ไมอยากเหน็ด ไมอยากเหนื่อย จึงยอมทนรับความยากจน. อยางนี้มีความเห็น แกตัวสองซอน เกียจครานทําการงานนี้. ทีนี้อันสุดทายวา คบคนชั่วเปนมิตร นี่ เหยื่ อ กิ เลสตั ณ หามั น ร่ํารวยให ห มู ค นชั่ว. ฉะนั้ น เราก็ เลยไปผสมโรงกั บ คนชั่ ว เพื่อจะไดกินเหยื่อของกิเลสตัณหา ซึ่งเปนความเห็นแกตัวอยางเลว. อบายมุขทั้ง ๖ นี้ ก็คือผลของความเห็นแกตัว หรือทําไปตามอํานาจ ของความเห็นแกตัว. ทีนี้มันก็นํามาซึ่งอบาย นรก เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย. นี่ผมเขียนหรือพูดไวละเอียด คุณไปหาอานไดงาย เอาแตใจความวา นรก คือความรอนใจ ที่นี่และเดี๋ยวนี้ มันก็มาจากความเห็นแกตัว อยางที่วามาแลว เชนอบายมุขนั่นแหละ. เดรัจฉาน คือความโง ความโงเปนความหมายของ สัตวเดรัจฉาน เราก็โงไปทําสิ่งที่ไมควรทํา ไปเปนทาสของเทคโนโลยี่ ที่เพื่อความ เห็นแกตัว. นี้มันความโงยิ่งกวาสัตวเดรัจฉาน จึงเปนสัตวเดรัจฉานหลายเทา. เปรต คือความหิว เปรตคือ symbol ของความหิว, ปากเทารูเข็ม ทอง เทาภูเขา. นี่เดี๋ยวนี้มนุษยมีอาการอยางนั้น มีอาการปากเทารูเข็ม ทองเทาภูเขา คือมันหิวมา หิวจนไมรูวาจะหิวอะไรอีกแลว แมแตวาจะไปโลกพระจันทร ไปไหนอยางนั้น มันก็เปนเรื่องของความหิว: หิววิชา, หิวความรู, หิววัตถุ, หิวกามารมณ, หิวอะไรก็ตาม. การอบรมผิด ศีลธรรมผิด อารยธรรมผิด ทําใหมนุษยในโลกหิวยิ่งกวาเปรต เปนเปรตหลายเทา. อสุรกายเปนความหมาย ของความขลาด ความกลัว. เดี๋ยวนี้เราก็มองเห็นชัดอยูวา ชีวิตมันลวงไปดวย ความกลัว ในภายในก็กลัวโจร กลัวขโมย กลัวถูกจี้ กลัวเขาจับตัวไป ; มันก็มี
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ภาวะจิตทราม ในอารยธรรม แผนปจจุบัน
๓๘๑
อยู ทั ่ว ไปในโลกนี ้ยิ ่ง ขึ ้น ๆ ; แลว ก็ก ลัว สงคราม กลัว พา ยแพท างลัท ธิ ; เปนมหาอาณาจักรแหงความกลัวอยูทั้งโลก. นี่ละคืออสุรกาย, ความเปนอสุรกาย. นรก เปรต เดรั จ ฉาน อสุ ร กาย นี้ กํ า ลั ง มี อ ยู ท ว มท น โลกนี้ เพราะ สิ่ง สิ่ง เดีย วคือ ความเห็น แกต ัว ที่ไดเทคโนโลยี่เปน เครื่อ งสง เสริม ใหมัน เห็น แกตัวจัดยิ่งขึ้นไป. นี่ดูความเห็นแกตัวในลักษณะอยางนี้ใหดี ๆ. คนเหล านี้ ไม ต องการจะแก ป ญหาชนิ ดที่ เป นการตรงกั นข าม เพราะเขา ไม รูจั ก วามั น มาจากความเห็ น แก ตั ว เขาไม แ ก ไขความเห็ น แก ตั ว เขาเพิ่ ม ความ เห็ นแกตั วอย างโน น เพิ่ ม ความเห็ นแกตั วอยางนี้ กลบกั น ไป เกลื่ อ นกัน มา เพื่ อ วามันจะพนทุกขนี้. จะจัดโลกใหมีสันติภาพดวยสงคราม อยางนี้คุณ คิดดูเถิดวา มัน บา บอเทา ใด. จะทํ า สัน ติภ าพใหเกิด ขึ ้น ดว ยสงคราม ซึ ่ง เปน การงานของ คนสมัยนี้. ไมแกปญ หาตาง ๆ ในทางฝายวิญ ญาณ จะแกทางฝายวัตถุเสมอไป. เชนจะคุมกําเนิด นี่ก็คุมดวยวิธีการทางฟ สิคส จึงทําใหศีลธรรมของเด็กวัยรุนเสีย ไปหมด. ถ า ควบคุ ม กํ า เนิ ด ทางวิ ญ ญาณ คื อ ความอดกลั้ น อดทน ในระบอบ วั ฒ นธรรมที่ ดี ที่ ป ระพฤติ กั น มาอย า งเคร ง ครั ด ในพวกพรหมจารี สิ่ ง เลวทราม เหลานี้มันก็ไมเกิดขึ้น. แตมนุษยสมัยนี้ไมตองการจะคุมกําเนิดทางวิญ ญาณ คุม กํ า เนิด ทางฟส ิค ส ซึ ่ง จะเพิ ่ม ความเห็น แกต ัว หรือ ความเลวทรามทางศีล ธรรม ให มี ม ากขึ้น . หรือ แม แต วาจะเอามาใชค วบกั น ทั้ ง ๒ อยางก็ไม ย อมเอา จะเอา แตทางวัตถุอยูเรื่อยไป ก็เลยกลายเปนไมรูเรื่องทางวิญ ญาณ. ไมแกปญ หาความ เสื่อมทรามทางศีลธรรม โดยอาศัยเครื่องมือฝายวิญญาณเลย ; ตองการแกดวยเครื่องมือ ฝายวัตถุ หรือดวยเทคโนโลยี่เรื่อยไป เพราะวาตกเปนทาสของเทคโนโลยี่เสียแลวอยาง ถอนตัวไมขึ้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
นี่ แหละในที่ สุ ด ผมก็ อ ยากจะพู ด เพี ยงขอ เดี ยววา มนุ ษ ย นี้ กํ าลั งกลั ว ความไมย ึด มั ่น ถือ มั ่น ;กลัว ความไมย ึด มั ่น ถือ มั ่น แลว รัก บูช า ความยึด มั ่น
๓๘๒
ฆราวาสธรรม
ถือ มั ่น . ในประเทศไทยนี ้ เมือ งพุท ธศาสนานี ้ เมื ่อ ผมเริ ่ม พูด ถึง เรื ่อ งจิต วา ง หรื อ ความไม ยึ ด มั่ น ถื อ มั่ น เขาประณ ามผมว า เป น คนบ า เอาไปเขี ย นล อ ทาง หนั ง สื อ พิ ม พ ทางอะไรอยู ทั่ ว ไป ไปพู ด ด ว ยปากก็ มี ว า เรื่ อ งจิ ต ว า ง หรื อ ความไม ยึ ด มั่ น ถื อ มั่ น นี้ มั น เป น เรื่ อ งบ า . นี่ คื อ ความมี จิ ต ทรามสู ง สุ ด โดยเห็ น เรื่ อ งทาง วิ ญ ญาณ หรื อ การแก ป ญ หาทางวิ ญ ญาณเป น เรื่ อ งบ า . ถ า เราไม ศึ ก ษาเรื่ อ ง ความยึด มั่น ถือ มั่น และเรื่อ งความไมยึด มั่น ถือ มั่น นี้ใ หรูเ สีย กอ นแลว เรา ไมม ีท างที ่จ ะแกไ ขวิก ฤตกาลในโลกนี ้ไ ด ; โดยสว นตัว บุค คลก็ด ี โดยสว น รวมก็ ดี ไม มี ท างจะแก ได เพราะมู ล เหตุ อั น แท จ ริ ง มาจากความเห็ น แก ตั ว อย า งที่ เราพูดมาตั้งชั่วโมงแลว. มูล เหตุอ ัน แทจ ริง ของวิก ฤตกาลเหลา นี ้ มัน มาจากความเห็น แก ตั ว. ความเห็ นแก ตั วมั น มาจากความยึ ดมั่ น ถื อ มั่ น . แล วถ าจะทํ าลายความเห็ น แกต ัว มัน ก็จ ะตอ งจัด การที ่ค วามยึด มั ่น ถือ มั ่น คือ ทํ า ใหถ ูก วิธ ี. ยึด มั ่น ถือ มั ่น เป น เรื่ อ งของกิ เลส เรื่ อ งของตั ณ หา. ถ า ตั้ ง ใจทํ า จริ ง โดยถู ก ต อ ง ก็ เป น เรื่ อ งของ สติ ป ญ ญา. ฉะนั้ น เราจงทํ าทุ กอย างด วยสติ ป ญ ญา อย าทํ าด วยความยึ ดมั่ นถื อมั่ น สติ ป ญ ญา ก็ คื อ รู ว า ทุ ก สิ่ งทุ ก อย า งไม ค วรยึ ด มั่ น ถื อ มั่ น ตามหั ว ใจของพระพุ ท ธศาสนา. สพฺเ พ ธมฺม า นาลํ อภิน ิเ วสาย เปน มนตที ่ค ุณ จะตอ งทอ งใหขึ ้น ใจ แลวปฏิบัติใหไดดวย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org “ทุก สิ ่ง ไมค วรยึด มั ่น ถือ มั ่น ” นี ่จ ะเปน เครื ่อ งทํ า ลายความเห็น แกต ัว ที่ พ ระเจ า ได ป ระทานมาให สํ า หรั บ มนุ ษ ย จ ะเอาตั ว รอดได . แต เดี๋ ย วนี้ ม นุ ษ ย ห รื อ คนกํ า ลั ง กลั ว ความไม ยึ ด มั่ น ถื อ มั่ น ไม พู ด ถึ ง และไม ย อมให เอามาสอน. เขาไป สอนให รั ก ชาติ , ชาติ นิ ย ม ให ห ลงชาติ หรื อ อะไรทํ า นองนี้ คื อ ให ยึ ด มั่ น ถื อ มั่ น
ภาวะจิตทราม ในอารยธรรม แผนปจจุบัน
๓๘๓
รุนแรงถึงขีดสุด ยอมตายกันหมดทั้งประเทศ นี่ก็พูดไปแตปากเทานั้น ในที่สุด เมื่อจะตายเขาจริง ๆ ก็เบี่ยงบายกลบเกลื่อนไปหาความเห็นแกตัวอยางอื่นอยางนี้ เรื่อยไป. คนในโลกสมัยนี้ไมชอบความไมเห็นแกตัว ไมชอบความไมยึดมั่นถือมั่น; ไมกลาสอนเรื่องทําลายความเห็นแกตัว ไมกลาสอนเรื่องทําลายความยึดมั่นถือมั่น เพราะฉะนั้นในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัย ในอะไรก็ตาม สอนในลักษณะที่ทําให เด็กเพิ่มความเห็นแกตัวทั้งนั้น. ฉะนั้นอยาเปดโรงเรียน มหาวิทยาลัย ชนิดนี้ขึ้น ในโลก โลกก็จะดีพอ ๆ กับสมัยที่มนุษยยังไมรูจักทําอะไร, รูจักเก็บขาวสาลี ในปากิน มันก็ไมมีการเบียดเบียน. เดี๋ยวนี้ยิ่งสอนยิ่งมีการเบียดเบียนเพราะความ เห็นแกตัว. ฉะนั้น ระเบิดขวดก็กอหวอดขึ้นมาจากโรงเรียน ที่ไมไดสอนเรื่อง การทําลายความเห็นแกตัว หรือ วาหลักสูตรการศึก ษาของโลก ในปจจุบัน นี้ ไมพอที่จะทําลายความเห็นแกตัว มิหนําเพิ่มความเห็นแกตัวตัวจัดยิ่งขึ้นทุกที.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เด็กวัยรุนของเราทั้งชายทั้งหญิง ทะเยอทะยานอยางสุดขีด สุดชีวิต จิตใจที่จะไดมีความเอร็ดอรอยทางเนื้อหนัง ทางวัตถุ. นี่มันเปนการเพิ่มความ เห็นแกตัวอยางนี้.
เอาละ พอสรุปกันทีไดวา นี้คือภาวะจิตทรามที่มีอยูในความเจริญ รุงเรือ งกาวหนาของโลกสมัยปจจุบัน ที่มีค วามกาวหนาแตในทางเทคโนโลยี่ เราเรียกวาโลกนี้กําลังรุงเรือง กาวหนาที่สุด วิเศษวิโสที่สุด มีอะไรสาระพัดอยาง ที่สุด,แตมีภ าวะจิตทรามของผู ดี อยูหนาแนน เต็มไปทั้งโลก ; เปนโลกแหง ความเห็นแกตัว บูชาเทคโนโลยี่ ซึ่งเปนเครื่องมือของความเห็นแกตัว เพราะวา เพาะ ฟก ขึ้นมาดวยอํานาจความเห็นแกตัว.
๓๘๔
ฆราวาสธรรม
ขอใหมองเห็นภาวะจิตทราม ที่มีอยูในอารยธรรมแหงยุคปจจุบันใน ลักษณะอยางนี้. ถาเขาใจเรื่องนี้แลว คุณ จะแกปญ หาตาง ๆ ไดหมด. ที่คุณ มาที่นี่ เพื่อตองการธรรมะ เพื่อแกปญหาของชีวิตนี้ คุณตองรูจักชีวิตที่เปนความ เห็นแกตัวนั่นแหละ ที่กําลังหลงบูชากันอยูนั้น ใหดีเสียกอน คุณ จะแกปญหา ตาง ๆ ไดหมด จะออกไปเปนฆราวาสตอไปนี้ ก็จะเปนฆราวาสที่ลืมหูลืมตา ไมใชหลับหูหลับตา กมหนาเขาไปเปนทาสของเทคโนโลยี่เหมือนคนทั่วไป. นกกางเขน เรไร ก็บอกวาหมดเวลาแลวสําหรับวันนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ฆราวาส กับ ไสยศาสตร - ๒๑ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๑๓ วันนี้จะกลาวในหัวขอวา ฆราวาสกับไสยศาสตร. ขอให สั ง เกตว า ทุ ก ตอนที่ แ ล ว มา ได พู ด แต เ รื่ อ งที่ เ กี่ ย วกั บ ฆราวาส จนไดชื ่อ วา “ฆราวาสธรรม” ไปหมด, และใน ครั้งที่ แ ล วมา ครั้งสุ ด ท ายนี้ ก็ ได พู ด ถึ ง ภาวะจิ ต ทรามในความ เปนฆราวาส. ทีนี้เราจะพูดกันถึงไสยศาสตร ก็นาจะวินิจฉัยกันในขอที่วา มันมี ความเปนจิตทรามในไสยศาสตรนี้ดวยหรือเปลา. ถาเราจะดูกันโดยทั่ว ๆ ไป ดวยความรูสึกอยางสามัญสํานึก เราจะเห็นความแตกตางกันมาก ระหวางความมี จิตต่ําอยางไสยศาสตร กับ ความมีจิตทรามของยุคปจจุบันบัน. คนในยุคปจจุบัน หรือในอารยธรรมปจจุบันมีจิตทรามอยางไร เราก็ไดพูดกันยืดยาวจนเปนที่เขาใจ แลว ; จะเห็นไดวา จิตมีความทรามเพราะความตะกละในความสุขทางเนื้อหนัง หรือทางวัตถุ. สวนบุคคลผูถือไสยศาสตร หรือในยุคที่โลกยังพึ่งไสยศาสตรนั้น เขาไมไดมีความตะกละในวัตถุหรือเนื้อหนัง หากแตมีความขลาด หรือความเขลา
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๓๘๕
๓๘๖
ฆราวาสธรรม
โดยไมรูตัว, โดยไมมีเจตนาที่จะขลาดจะเขลาเหมือนคนสมัยปจจุบัน ที่มีเจตนา ที่จะตะกละกลามในความสุขทางเนื้อหนัง. เรื่องทางไสยศาสตรนั้นเปนเรื่องทางวิญญาณ คือเปนฝายจิตใจ ไมใช ฝายวัตถุ ; แมวาจะตองการผลเปนวัตถุบาง แตเรื่องมันก็เปนเรื่องทางฝายจิตใจ นับ ตั้ง แตเปน เรื่อ งของความเชื่อ ความขลัง กระทั่ง ความเปน สมาธิจิต ในการ ที่จะประกอบกรรมที่เปนไสยศาสตรอยางสูงสุด ; เพราะอํานาจของความเชื่อที่มี กําลังจิตแรง กระทั่งแสดงฤทธิ์เดชก็ได อยางนี้เปนตน.ดังนั้นนภาวะจิตทรามใน อารยธรรมปจจุบัน กับความมีจิตต่ํา หรือเขลาในไสยศาสตรนั้น ไมใชสิ่งเดียวกัน ; เรื่องมันจึงตางกันมาก. แลวเราควรพิจารณาในฐานะเปนเรื่องที่เกี่ยวกับฆราวาส เพราะวาไสยศาสตรนั้นสัมพันธกับชีวิตฆราวาสอยางยิ่ง ; ซึ่งจะไดพิจารณากันดู จนกระทั่งเห็นวามันมีความสัมพันธกันกับความเปนฆราวาสอยางจะแยกกันไมออก. บัดนี้เราจะพุ ดกันถึงคําวา “ไสยศาสตร” โดยเฉพาะกอน. ผมอยากจะ สรุปชี้ใหเห็นเปนการประหยัดเวลาวา ไสยศาสตรนี้มันเปนคูผัวตัวเมียกันมา กับอารมณของมนุษย ที่ปราศจากเหตุผล. คําวา “อารมณ” ในที่นี้หมายถึง ความรูสึกหรือความคิดนึก ที่ปลอยไปตามความรูสึกลวน ๆ ตามธรรมชาติ,ไมเกี่ยว กับการใชเหตุผล. เรามีความคิดพลุงออกไปอยางไรโดยไมตองมีเหตุผล อยางนี้ เรีย กวาอารมณ แล วก็ สิ่ งที่ เรีย กวา “ อารมณ ” นี้ มั น เป น คู ผั วตั วเมี ย กั บ สิ่ งที่ เรีย กวา “ไสยศาสตร”. ที ่ใ ชคํ า วา “คู ผ ัว ตัว เมีย ” ก็ห มายความวา มัน มา ด วยกั น มั น แยกกั น ไม ได ฉะนั้ น มั น จะสนิ ท แน น แฟ น ที่ สุ ด ; เพราะวาถ าเกิ ด มี เหตุผ ลขึ้น มาเมื ่อ ไร สิ ่ง ที ่เรีย กวา “ไสยศาสตร” ก็ม ีไมได. ฉะนั ้น เราจึง ถือ วา ไสยศาสตรนี้ คู กันกับอารมณ ที่ ไม เกี่ยวกับเหตุผล ; จะเพราะวาไม รูจักใชเหตุผล หรือมันไมมีเหตุผล หรือไมอยูในวิสัยที่จะใชเหตุผล มันไดทั้งนั้น. เพราะฉะนั้น
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ฆราวาส กับ ไสยศาสตร
๓๘๗
จึงพูดไดวา ไสยศาสตรนั้นมันเปนเรื่องที่ไมเกี่ยวกับสติปญ ญา ที่เนื่องอยูกับ เหตุผล. ถาจะมีสติปญญามันก็กลายเปนสติปญญาอยางอื่น คือสติปญญาที่จะ ไมตองใชเหตุผลนั่นเอง. เราจะรูจักไสยศาสตรดี ก็ตอเมื่อมองดูในลักษณะเปน เรื่องในอดีต หรือเปนโบราณคดี ; ศึกษาในแงของโบราณคดีก็จะรูจักสิ่งที่เรียกวา ไสยศาสตร ไดกวางขวางขึ้น. เราอาจจะพูดไดเลยวา ไสยศาสตรเปนของดีเลิศ ดีที่สุด ในสมัยที่ยัง ไมมีการศึกษา, สมัยที่ยังไมมีการศึกษานั้น ไสยศาสตรเปนของดีเลิศกวาสิ่งใด คือ เปนวิชาความรูเทาที่มีสมัยนั้น ที่ยังไมมีการศึกษา ที่ไมรูจักใชเหตุผล ; เพราะ ฉะนั้นสิ่งนี้ก็ตองดีเลิศ. นี่ ผมสันนิษฐานเอาเองวาคําวา “ไสยศาสตร” นี้มีความ หมายตามตัวหนังสือของมันอยางนี้ ; นักอักษรศาสตรสวนมากก็ไมรู วาคําวา “ไสยศาสตร” นี้มันเปนอะไรกันแน หรือโดยตัวหนังสือมันจะเปนอยางไร ; มัน เลยถือเอาความหมาย หรือจับความหมายของคําวาไสยศาสตรไดยาก. แตถาเรา จะเขียนกันอยาง ไสย แลว คํา ๆ นี้มันแปลวา ดี หรือ ดีกวา. ถาสมมติวา เปนภาษาบาลี ผมก็เลยสันนิษฐานเอาวา คํา ๆ นี้เหมาะที่สุดแลว ; มันก็แปลวา ดีกวา คือมันดีกวาสิ่งใด ๆ ในยุคนั้น ซึ่งไมมีการศึกษา หรือไมมีการใชเหตุผล ไมมีสติปญญา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คํ าวา “ดี ก วา” นี้ มั น ดี ก วาได ทั้ ง ๒ ทาง คื อ ทางส วนตั วบุ ค คล มันดีกวา เพราะมันระงับความขลาดได. ความขลาดกลัว มันเปนปญหาอยางยิ่ง ของมนุษย ; แลวเมื่อมันกําจัดความขลาดไปได มันก็รูสึกวาเปนของดี. แลว มันยังดีสําหรับสังคม คือมันเปนเครื่องมือสําหรับการปกครองบุคคลในยุคนั้นใน ยุ ค ที่ ไม มี ก ารศึ ก ษา ไม มี ก ารใช เหตุ ผ ล ; หรือ แม ในยุ ค นี้ ในหมู ค นที่ ง มงาย เหมือนกับไรการศึกษา หรือไรเหตุผล. แมในยุควิทยาศาสตรยุคนี้ ปจจุบันนี้
๓๘๘
ฆราวาสธรรม
มันก็ยังมีคนประเภทที่งมงาย ไรเหตุผล ; การศึกษาไมเปนการศึกษาสําหรับคน เหลานี้, เขาศึกษาไปในทางอื่น ไมไดศึกษาไปในทางที่จะหายงมวาย ก็มีอ ยู เหมือ นกัน . เพราะฉะนั ้น สิ ่ง ที ่เ รีย กวา “ไสยศาสตร” นี ้ม ีไ ดใ นโลกสมัย วิทยาศาสตร แลวก็ถือกันอยางงมงาย ; เพราะวามันเปนเครื่องขจัดความกลัวได. วิทยาศาสตรสมัยปจจุบันเพียงเรื่องทางวัตถุ เจริญทางเทคโนโลยี่ ทุกแขนง แตไมเปนไปในทางจิตหรือวิญ ญาณ ; เพราะฉะนั้นความกลัวจะยัง เหลืออยู และมีมากในยุคแหงบุคลผูตะกละทางเนื้อหนังดวยเหตุนี้ไสยศาสตร จึงยังมีที่อาศัยในโลกปจจุบันนี้ และจะกลาวไดวา มันก็จําเปนเหมือนกันสําหรับ โลกปจจุบันนี้ ที่มีสิ่งเหลานี้มาชวยระงับความกลัวและความขลาดอยางงมงาย. ความกลัวนั้นเกิดมาจากความอยาก นี่พระพุทธภาษิตมีอยูอยางนี้ ที่เรากลัวอะไร กระทั่งกลัวตายกลัวผี นี้มันเกิดมาจากความอยาก คือเราอยาก สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ; อยากไดสิ่งนั้น ไมอยากจากไปจากสิ่งนั้น เพราะฉะนั้นมันจึง มีความกลัว. สมัยนี้มันก็ยิ่งมีความกลัวมาก เพราะมันมีความอยากมาก ; และ สิ่งที่เรียกวาไสยศาสตรก็มีเนื้อที่ สําหรับจะอาศัยอยูในโลกปจจุบันนี้อยูนั่นเอง. แมจะไปศึกษามาจนใหมีปริญญายาวเปนหางก็เปนเรื่องทางวัตถุ มันก็เลยไมกําจัด ความกลัว ซึ่งเปนเรื่องทางวิญญาณ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ถาจะพูดกันอยางยุติธรรมแลว เรื่องไสยศาสตรนี้มันก็เปนเรื่อง ทางฝายจิต ฝายวิญญาณ ในยุคที่มันยังไมมีความสวางไสวทางวิญญาณมากพอ. ขอสําคัญที่สุดที่มันเปนปญหา ที่มันเปนประยุกตก็คือวา มันเปนการยากที่จะแยก เรื่องของไสยศาสตรออกจากฆราวาส. คุณตองรูความหมายที่สําคัญของฆราวาส ; คือ วาฆราวาสมีเรื่อ งมาก ; เมื่อ มีเรื่อ งมากมัน ก็ทําใหเวียนหัว ; เมื่อ เวีย นหัว
ฆราวาส กับ ไสยศาสตร
๓๘๙
มันก็มีทางที่จะงมงายไดงาย. ฆราวาสที่มีการศึกษาไมพอ หรืออะไรไมพอนี้ มีเรื่อง ยุงเวียนหัว จนไมรูวาจะแกไขมันอยางไร ; ก็เลยไปแกดวยวิธีทางไสยศาสตร ; มันก็เลยแยกออกจากกันยากกับชีวิตของฆราวาส. นี่เราก็ควรดูใหดี ๆ ที่มันเกี่ยวกันอยู แมกับฆราวาสสมัยนี้. นี้คือ ลักษณะหรือความหมายของสิ่งที่เรียกวา “ไสยศาสตร” โดยตัวหนังสือก็ตาม โดย เนื้อความก็ตาม โดพฤติที่มันเปนอยูจริงในชีวิตของฆราวาสก็ตาม. ทีนี้ดูกันตอไปในลักษณะที่เปนหลักวิชา วาการถือไสยศาสตรนี้ มัน ก็ควรจะเรียกวา เปนสถาบันอันหนึ่ง คือรูจักกันดี และยอมรับกันวาเปนอยางไร และมีการปฏิบัติกันอยางที่เรียกวา ยิ่งกวาเปนล่ําเปนสัน ที่มันอยูในเนื้อในตัว. เพราะฉะนั้นสถาบันของไสยศาสตรนี้ก็คือ การที่ถูกยกให หรืออุปโลกนให วา เปนสิ่งที่ไมตองพิสูจน. สถาบันไสยศาสตรมันก็เรียกรองเอาสิทธิที่วา ตองเปน สิ่งที่ไมตองพิสูจน ; เพราะฉะนั้น อยามาพิสูจน ; แลวก็เลยเรียกรองเอามาก ถึงกับวา ไมยอมใหมนุษยพิสูจน ; แลวขอใหยกเปนเรื่องของสิ่งที่พิสูนจไมได เปนเรื่องของพระเจา ของเทวดา ของผี ปศาจ ของอะไรก็สุดแท ; ใหเรียกวามัน เปนเรื่องของสิ่งหรือผูที่พิสูจนไมไดก็แลวกัน อยางนี้มันจึงจะเปนไสยศาสตร. แตในที่สุดมันก็เพงเล็งไปยังเรื่องผีสางเทวดา หรือสิ่งที่อธิบายไมได เชนฤทธิ์เดช ของดวงดาว อะไรของสิ่งตาง ๆ ที่เชื่อกันวามันอยูนอกเหนืออํานาจของมนุษย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ตอไปเราก็ดูเรื่องที่มันเกี่ยวกับไสยศาสตร ตั้งตนมาแตวา มีสิ่งที่เรารูจัก ไมได มองไมเห็นตัว, หรือ วาลึก ลับ เกินกวาที่เราจะมองเห็น จะรูจัก มันได ; ก็มีผีส าง เทวดา หรือ อะไรเหลา นี้ที่ม นุษ ยก ลัว ดว ยเหมือ นกัน . จนกระทั่ง ดวงดาว หรืออะไรก็ตาม ที่มันเปนตนตอของฤกษยามหรือลางตาง ๆ จนกระทั่ง
๓๙๐
ฆราวาสธรรม
มาอยูในรูปของพิธีรีตองอยางนั้นอยางนี้, จนกระทั่งมาอยูในรูปของวัตถุลวน ๆ เชน วัต ถุที่ใ ชเ ปน เครื่อ งรางแขวนคอ หรือ ทํา อยา งอื่น . นี่คือ ปรากฏการณ สุดทายของสิ่งที่เรียกวา ไสยศาสตร ซึ่งมุงหมายกันแตเพียงจะใหระงับความกลัว เกิด ความสบายใน. ไสยศาสตรนี้มัน มีผ ลดี ไมใ ชวา ไมมีผ ลดี; มัน มีผ ลดี ตรงที่ทําใหสบายใจไดเหมือนกัน. เพราะฉะนั้น เขาจึงเรียกกันตามความพอใจ ของเขาวา “ไสยศาสตร” คือศาสตรที่มีความดี หรือดีกวาศาสตรหลาย ๆ อยาง. นี่ความหมายหรือความจริงอาจจะเปนอยางอื่นอีกก็ได แตเดี๋ยวนี้เราพูดในลักษณะ ที่จะเขาใจได หรือมองเห็นงาย หรือมีประโยชนในการที่จะเขาใจสิ่ง ๆ นี้ วามันทํา ใหคนขลาดคนเขลาสบายใจได. คนที่ตะกละเนื้อหนังสมัยนี้ ก็ยังเปนคนขลาด คนเขลา อยูนั่นเอง แลวก็พลอยสบายใจไดเพราะไสยศาสตร. เรื่องความขลาด ความเขลานี้ มันเปน ไปมากเขา ๆ แลวมันก็เกิดความเปลี่ยนแปลงอยางอื่นตามมาอีก. ผมพูดวา คนเดี๋ยวนี้ทั้งขลาดทั้งเขลา ยิ่งกวาคนปาเถื่อนสมัยโบราณ ขอใหม องใหดี ๆ อยางที่พระพุทธเจาทานตรัสวา “ความกลัวมาจากความอยาก”. เมื่อคนสมัยนี้ อยากอะไรมากกวาคนสมัยโบราณ ฉะนั้น ความเขลาของคนสมัยนี้มันก็ตองมี มากกวาความเขลาความขลาดของคนสมัยโบราณ. ดังนั้น มันจึงเปดโอกาสให ไสยศาสตรเพิ่มมากขึ้น หรือเปลี่ยนรูปไปในลักษณะที่จะเหมาะสมแกคนสมัยนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คนเดี๋ยวนี้มีความขลาดและเขลามากขึ้น ในทางหนึ่ง ก็เลยเปนชอง ทางทําใหเกิดความปนเป สับสน จนกระทั่ง สิ่งที่เรียกวา “ไสยศาสตร” นี้มัน ครอบคลุมเขามามีอํานาจเหนือพระเจาเหนือบุญกุศล เหนือศาสนา หรือศาสนาพิธี มองดูใหดีจะเห็นวา เพราะความขลาด และความเขลาของมนุษยที่มีมากขึ้น เกินไปนี้แหละ มันทําใหสิ่งที่ไมใชไสยศาสตรถูกครอบงําโดยไสยศาสตรมากขึ้น
ฆราวาส กับ ไสยศาสตร
๓๙๑
จนมีคนถือพระเจาอยางถือผีถือสางไป ; ก็มีบางคนไมใชทุกคน ที่เปนพุทธบริษัท มีการถือพระพุทธเจาอยางเทวดา ผีสาง ออนวอนอยางนั้นอยางนี้. ในกรุงเทพ ฯ ก็มีเอาไขกับปลาราไปถวายพระพุทธรูปบางองค อยางนี้เปนตน. นี่คือไสยศาสตร ที่มันมากจนครอบคลุมศาสนา, แลวพุทธศาสนาก็ถูกครอบคลุมอยางนี้. ไสยศาสตร ยังครอบงําไปถึงบุญกุศล ; แทนที่จะเปนเรื่องของกรรม ก็ถือวาบุญ กุศลเปนเครื่องราง เปนอะไรไป ในลักษณะที่จะชวยปองกันความ หวาดกลัว ภัย เปน เครื่อ งอุน ใจ.นี่เ ปน ความหมายที่เ อีย งไปทางไสยศาสตร. ทีนี้ศาสนาพิธีตาง ๆ ก็เลยกลายเปนไสยศาสตรไปโดยไมรูสึกตัว ทั้งที่เปนพิธีในทาง ศาสนา แมของพุทธศาสนา ก็เอาไสยศาสตรไปผสมปนเปลงไป จนบางทีมากกวา ตัวศาสนาเองเสียอีก. เพราะฉะนั้น จึงมีภิกษุสงฆเปน เจาหนาที่อานโองการ เชิญ เทวดา ซึ่งผมก็เคยผานมาแลวตามหนาที่ราชการ. นี่คือความแผกระจาย ของสิ่งที่เรียกวาไสยศาสตร ซึ่งมีอํานาจในบางคราวมากขึ้น เพราะความขลาด ความเขลาที่มันมากขึ้น. จนเราทํายุง สับสนพัวพันกัน แยกไมออก.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่เรียกวาเมื่อขลาดและเขลาหนักเขา ไสยศาสตรก็ครอบงํา แมแกสิ่งที่ เคยเปนแสงสวาง หรือเปนการศึกษา หรือเปนความถูกตองตามเหตุผล. เชนเรื่อง กรรมนี้ถือวาเปนเรื่องความถูกตองตามเหตุผล หรือมีเหตุผล ; แตพอขลาดและ กลัวมากเขา ก็ถือลัทธิกรรมนี้เปนไสยศาสตรไปเลย, เปนของลึกลับอะไรอันหนึ่ง กลายเปน การออ นวอน เปน ตัว กรรมไปเสีย . เราดูกัน ตอ ไปก็จ ะเห็น ไดวา มันกําลังจะเปลี่ยนแปลงไปตามความขลาด และความเขลาของมนุษย. พระพุทธเจา หรือพุทธบริษัทของพระองคนั้น หมายความวา ไมมี ความขลาดและความเขลา. เพราะวาคําวาพุทธะ แปลวา ผูรู ผูตื่น ผูเบิกบาน.
๓๙๒
ฆราวาสธรรม
จําคําวา “พุทธะ” ไว ที่สวดกันอยูเปนประจําวันนั้น. คําวา พุทธะ แปลวา ผูรู ผูตื่น ผูเบิกบาน ; ความขลาด ความกลัว ความเขลา ไมมีเนื้อที่ในจิตใจของ คนชนิดนี้. เดี๋ยวนี้พุทธบริษัทที่เปนพุทธบริษัทแตทะเบียน หรืออะไรทํานองนี้ มีมากเขา ๆ เขาไปถือพุทธศาสนาก็ดวยความงมงาย หรือความกลัว หรือเหอ ตาม ๆ กันไป ; ไมไดมีปญ ญาเห็นธรรมะเปน ธรรมจัก ษุเสีย กอ น แลว จึงถือ พุทธศาสนา เหมือนยุคแรก ๆ. เพราะฉะนั้นพุทธบริษัทดังกลาวคือคนธรรมดา ชนิดนี้ ที่มีความขลาด ความกลัวชนิดนี้ เขาไปเกี่ยวของกับพุทธศาสนา ก็ดวย ความมุงหมายอยางเดียวกับที่เขาเคยมุงหมายทางไสยศาสตร ; เพียงเพื่อขจัด ความกลัว เพื่อความอุนใจ. มันดีอยูหนอยหนึ่ง ที่วาหากไปเกี่ยวของกับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ ที่ ถู ก ต อง มั น ก็ ดี ขึ้น ตามลํ าดั บ ;แลวก็ จะละความขลาด ความเขลานั้นได พนจากภาวะของไสยศาสตร มาเปนพุทธศาสตร หรือเปนอะไร ทํานองนี่ไปไดในที่สุด.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ดูตอไป วามันแยกจากกันที่ตรงไหน ? ก็คือวา ไสยศาสตรก็อาศัย ความเชื่อ ; พุท ธศาสตรก็อ าศัย ความรู หรือ สติปญ ญา ซึ่ง อาจจะพบกัน ในระหวางกลางคือเจือกันทั้งสองอยาง ; แลวก็มีปญหาเกิดขึ้นวา อะไรจะนํา อะไร. ถาความเชื่อ หรือศรัทธายังนําปญญาอยู ปญญามีกําลังนอยกวา มัน ก็เป นไสยศาสตร หรือยังเป นไสยศาสตร. ถาป ญ ญามี กําลังมากกวา มั น นํ า ความเชื่อ ก็พนจากความเปนไสยศาสตร มาเปนพุทธศาสตรอะไรไปไดในที่สุด. เพราะฉะนั้นคุณจงดูความรูสึกในชีวิตจิตใจของตนเอง วาความเชื่อนําปญญา หรือ วา ปญ ญานํ า ความเชื ่อ . ตอ เมื ่อ ปญ ญานํ า ความเชื ่อ เราจึง จะเปน พุทธบริษัท ; ถาความเชื่อยังนําปญญาอยูแลว เราก็เปนสมาชิกของไสยศาสตร ไปตามเดิม. มันก็เปรียบไดงาย ๆ วา เปนระบบยาแอสไพริน คือยาในระบบ ที่ระงับความปวดชั่วคราว คือความเชื่อ.
ฆราวาส กับ ไสยศาสตร
๓๙๓
เมื่อไสยศาสตรอยูในลักษณะระงับความปวดชั่วคราวเหมือนยาแอส ไพริน ผมเลยเรียกวา “ระบบยาแอสไพริน ” ; มั น ก็ ดีก วาไม กิน ที่ จะได ระงับ ความปวดไปเสียชั่วคราม แลวคอยไปหามูลเหตุ ไปเอ็กซเรยรักษาอะไร ทําให หายขาดไปโดยสิ้น เชิง . พระพุท ธเจา ทา นก็ไมไดตําหนิไ สยศาสตร ในฐานะ เปนของที่ไรประโยชนโดยสิ้นเชิง ; ดังบท พหุ เว สรณํ ยนฺติ ฯ ล ฯ ที่เราสวด กันอยูทุก ๆ วัน ในบทเขมาเขมสรณทีปกคาถานั้น. วาพวกที่ถือ ตนไม ภูเขา วัตถุศักดิ์สิทธิ ยาศักดิ์สิทธิ์ สัตวศักดิ์สิทธิ์ อะไรศักดิ์สิทธ เหลานั้น ก็มีอยูมาก ในโลกนี้ ; พหุ - คื อ มี อ ยู ม ากในโลกนี้ ; แต ว า เนตํ โข สรณํ เขมํ – นั่ น ไม ใ ช ส รณะอั น เกษม. ที่ ว า ไม ใ ช ส รณะอั น เกษม ไม ใ ช ส รณะอั น อุ ด ม นี้ก็ไมใชวา ไมเปนสรณะเสียเลย ; แตเปนสรณกะที่ไมเกษมไมอุดม มันเพียง บรรเทาความขลาด ความกลัว ของคนไดบางเทานั้น. ตอเมื่อใดมีความรูแจงในเรื่องความทุกข, เรื่องเหตุใหเกิดทุกข, เรื่อง ความดับทุกข, เรื่องหนทางใหถึงความดับทุกข, คืออริยสัจจสี่ นั่นแหละจึงจะเปน เอตํ โข สรณํ เขมํ, เอตํ สรณ มุตฺตมํ. เพราะฉะนั้นในธรรมะจริง ๆ นั้นเปน เหมือนกับยา ที่แกโรคโดยเด็ดขาด, หรือเปนการผาตัด รื้อรังโรคออกไปเสียได. ก็เลยมีสรณะขึ้นมา ๒ ชนิด คือสรณะชั่วคราวไมเกษม ไมอุดม กับสรณะที่ เที่ย งแทถ าวรแทจ ริง ที่เ กษมและอุด ม.เพราะฉะนั้น ไสยศาสตรก็ยัง มีเ นื้อ ที่ ที่อาศัยอยูในพวกสรณะที่ชั่วคราว คือไมเกษม หรือไมอุดม.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่เราก็มองเห็นชัด ในความแตกตางระหวางของ ๒ สิ่งนี้วา ไสยศาสตร ตองมีรากฐานอยูบนความเชื่อ หรือเอาความเชื่อมากอนปญ ญา, หรือวาไมมี ปญญาเสียเลยก็ตามใจ. ถาเปนพุทธศาสตรก็เอาปญญามากอนความเชื่อ ; แลว ความเชื่อก็ถูกทําใหเชื่อถูกตอง คือมีเหตุผลเปนปญญาไป.
๓๙๔
ฆราวาสธรรม
สําหรับเรื่องของไสยศาสตรที่อาศัยรากฐานคือความเชื่อ มันก็ตองทํา ไปตามความเชื่ อ ; เพราะฉะนั้ น จึงมี รูป รางอยู ๒ รูป กล าวคื อ รูป รางของการ ปฏิบัติในทางไสยศาสตรมีอยู ๒ รูป คือวา ออนวอน กับปฏิบัติไปตามความเชื่อ. ออ นวอนตามความเชื ่อ , แลว ก็ก ระทํ า ลงไปตามความเชื ่อ . ออ นวอนตาม ความเชื่อนั้นไม มีการกระทําอะไร มากไปกวาออนวอน ; สวนปฏิ บั ติ หรือการ กระทํ าตามความเชื่ อนั้ น ทํ าลงไปจริง ๆ อย างนั้ นอย างนี้ ตามที่ เขาบั ญ ญั ติ ไว อยา งไร แลว เราก็ไ มพ ิสูจ น เราก็ไ ปตามบทบัญ ญัตินั้น ๆ ก็ก ลายเปน พิธี รีตองไป. ยกตั ว อย า ง ไสยศาสตรในเรื่อ งเสกน้ํ า ล า งหน า กระทั่ ง มาถึ งสิ่ ง ที่ เปน วิท ยาศาสตรโ ดยไมรูส ึก ตัว วา ตอ งหัน หนา ทางนั ้น ตอ งหัน หนา ทางนี ้, เวลาเชาทําอยางนั้น เวลาเย็นทําอยางนี้ ; จนกระทั่งผมก็ถือไสยศาสตรอยางยิ่ง อยูบางอยาง.ที่เรียกวาผมถือไสยศาสตรก็หมายความวา ทําตรงตามที่เขาบัญญัติ ไวว า อยา งนั ้น ๆ ตามแบบของไสยศาสตร. เชน อาบน้ํ า ตอนเชา ตอ งรดที่ ศีร ษะกอ น, อาบน้ํ า ตอนกลางวัน เที่ย ว ตอ งรดที ่ห นา อกกอ น, อาบน้ํา ตอน ค่ําตองรดที่เทากอน. นี่ปูยา ตายาย ก็พูดมาอยางนี้ ในลักษณะที่เปนไสยศาสตร ไมอ ธิบ าย และหา มพิส ูจ น ; แตแ ลว เมื ่อ ปฏิบ ัต ิเขา จริง มัน เปน วิท ยาศาสตร. เมื่อ ทําถูก ตอ งตามเวลาทั้ง สามอยางนั้น มัน ปอ งกัน การเปน หวัด หรือ ไดผ ลดี ในการที่จะไมใหเปนหวัด เปนตน. ถาผมอาบน้ําค่ํา ๆ จะราดที่เทาจนโชกกอน, ถาไปรดหัวกอนแลวเกิดเรื่อง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คนโบราณเขาว า เช า ๆ สิ ริ อ ยู ที ่ บ นหั ว , เที ่ ย ง ๆ กลางวั น สิริอ ยูที่ห นา อก, ค่ํา ๆ สิริอ ยูเ ทา อยา งนี้หา มอธิบ าย หา มพิส ูจ น แตแ ลว มันกลายเปนวิทยาศาสตร. อยางนี้ไมใชไสยศาสตรโดยตรง แตเปนไสยศาสตร
ฆราวาส กับ ไสยศาสตร
๓๙๕
ของคนที ่เ ขาฉลาด มีป ญ ญา, แลว เขาฝากไวใ นไสยศาสตรก ็ไ ด, คือ เขา ฝากวิชาความรู หรือพุ ทธศาสตรฝากไวในไสยศาสตรก็ได. หรือ วาคนป าอาจจะ พบโดยบั ง เอิ ญ ไม มี เหตุ ผ ลมากทางหลั ก วิ ช า แต เขาเผอิ ญ พบมั น อย า งนี้ แ ล ว ปฏิบ ัต ิต าม ๆ กัน มา แลว บัญ ญัต ิไ วใ นฐานะเปน ไสยศาสตรก ็ไ ดเ หมือ นกัน . แตร วมความแลว เนื ้อ แทข องมัน เปน วิท ยาศาสตร, แตห นา ตาของมัน เปน ไสยศาสตร. ผมก็ถ ือ ไสยศาสตรม าจนทุก วัน นี ้ กระทั ่ง เดี ่ย วนี ้ เมื ่อ อาบน้ํ า โดยเฉพาะ ; ทั้งนี้ไมไดหมายความรวมถึงอยางอื่น. นี่เราก็รูวามัน เป นอะไร เราจะปฏิบั ติตามในฐานะเป นวิทยาศาสตร ; แตเพราะไสยศาสตรเขาพู ดไวกอนอยางนั้น เราก็เลยยอมรับเสียดี กวา วาเราก็ถือ ไสยศาสตร. อยา งนี ้เรีย กวา มีก ารปฏิบ ัต ิด ว ย ไมใ ชอ อ นวอนเฉย ๆ. เมื ่อ ไปนั ่ง ยกมื อ ไหว ฟ า อ อ นวอนเฉย ๆ อะไรนั้ น เป น เรื่ อ งอ อ นวอนเฉย ๆ ; ถ า มี ก าร ปฏิบัติดวย คือเขาบัญญัติไวใหทําอยางไร ๆ ก็ปฏิบัติดวย มันก็เปนการปฏิบัติ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้น อยาลืมวาไสยศาสตรที่มีมาตึงแตโบราณ กระทั่งปจจุบันนี้ มัน ก็ม ีทั ้ง ๒ แบบ คือ ออ นวอนเฉย ๆ กับ มีก ารปฏิบ ัต ิด ว ย. ทีนี ้อ อ นวอน เฉย ๆ นั ้น ก็เ ปน เครื ่อ งชว ยใหห ายความกลัว ได, มัน ก็ม ีป ระโยชนเ ทา นั ้น . ส วนการปฏิ บั ติ ด วยนั้ น ไม ใช เพี ย งให ห ายความกลั ว แต ได รับ ผลทางวั ต ถุ ทาง รางกายดวย ; อยางที่ผมพูดถึงเรื่อง อาบน้ํา อยางนี้เปนตน.
ที นี้ เราก็ ม องดู ใ ห ดี ว า ถ า ไสยศาสตร ช นิ ด ที่ มี ก ารปฏิ บั ติ ด ว ย มั น มี วิท ยาศาสตรอ ยู ใ นนั ้น ;เพราะฉะนั ้น มัน จึง ชว ยรัก ษาความหมาย หรือ ความ ศัก ดิ ์ส ิท ธิ ์ข องไสยศาสตรไ วไ ด แมอ ยา งงมงาย. เชน คุณ ไมม ีค วามรู เ รื ่อ งนี้ แตคุณ เชื่อเรื่องศรี เรื่องสิริ วา เชาอยูบนหัว กลางวันอยูที่หนาอก เย็นอยูที่เทา, ทํ า ไปแมอ ยา งงมงาย มัน ก็ไ ดผ ลจากกระทํ า อยา งนั ้น เหมือ นกัน . ไสยศาสตร
๓๙๖
ฆราวาสธรรม
ก็เ ลยมีเ นื ้อ ที ่ อาศัย อยูใ นโลกมาได เปน คูแ ขง กัน มาเรื่อ ยไป, ก็เ ลยใหชื่อ ใหมอีกชื่อหนึ่งวา “ไสยศาสตรที่เปนวิทยาศาสตร”. เราตอ งศึก ษาโบราณคดีข องมนุษ ย เกี่ย วกับ เรื่อ งความเปน ของ วัฒนธรรมสายนี้. ในสมัยที่มนุษยในโลกยังไมมีการศึกษาอยางสมัยนี้ เขาคนควา ไปตามความงมงายนั้น เขาก็พบอะไรมาก แตไมพบเหตุผล, เขาพบผลของมัน ไมต อ งพบทั ้ง เหตุแ ละผล ; คือ ไมพ บ reason, reasoning แตพ บ result เปน ผล ; เชน วา ทํา อยางนี้แ ลว สบายดี ก็เลยบัญ ญัตินี้วา เปน ของศัก ดิ์สิท ธิ์, เปน ของหมู ค ณะที ่จ ะตอ งถือ . การปฏิบ ัต ิช นิด นี ้ไ มเนื ่อ งดว ยการใชเ หตุผ ล เพราะฉะนั้น จึงถือวาเป นความขลังความศักดิ์สิท ธิ์ ; ใหใชความขลัง ความ ศัก ดิ์สิท ธิ์นี ้เ ปน motive เปน สิ่ง ที ่บ ัง คับ ใหค นตอ งทํ า ตาม เรีย กวา ตาบู ตาบู คือ วาสิ่งที่บัญ ญัติไว อยางที่ไมย อมใหมีการพิสูจ น ; ตั้งตน ขึ้น สําหรับ คนปาสมัยโนน. เขาบัญ ญั ติวา อยางนี้เปนตาบูละก็ ทําไมไดอยางเด็ดขาด ; อยางนี้ไมเปนตาบูละก็ ทําได. เปนภาษาอะไรก็ไมทราบ เดี๋ยวนี้ก็ยังใชอยูใน วิชาวัฒนธรรม หรือการศาสนา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org มนุษยสมัยนั้นเริ่มรูจักวาอะไรเปนโทษ อะไรเปนคุณขึ้นมาบางแลว; เชนคนแกพบวาอันนี้กินเขาไปไมได แทนที่จะบัญ ญัติวากินไมไดดวยเหตุผล ก็บัญญัติวาเปนตาบู. คนมีครรภกินสิ่งนี้ไมได นี่เปนตาบู ; คนมีครรภก็ไมกลา กิ น ไม ก ล า แตะต อ ง. ที นี้ ก็ บั ญ ญั ติ ม ากขึ้ น ๆดี ขึ้ น ๆ ก็ เป น ตาบู ที่ เป น ระบบ ครบถวน. มนุษยมีการตั้งตนอยางไร ก็มีตาบูเปนไปจนตลอดสาย นับแตคน ตั้งตนตั้งแตมารดามีครรภ แลวมีขอปฏิบัติอยางไรบางที่มารดาจะตองปฏิบัติ นั้น เรีย กวา เปน ตาบู ; สิ่ง ที่ทํา ไมไดนั้น เรีย กวา ตาบู. กระทั่ง มีโลหิต ระดูกอ น การมีครรภนั้น ก็จะตองมีการปฏิบัติ เกี่ยวกับการมีโลหิตระดูนั้นตามแบบที่ไมตอง
ฆราวาส กับ ไสยศาสตร
๓๙๗
อธิบายดวยเหตุผล เรียกวา ตาบู. อยางนี้ผูหญิงก็ปฏิบัติมา จนมีครรภจนคลอดลูก จนกระทั ่ง เลี้ย งลูก จนโต ก็ม ีต าบูเปน ระยะ ๆ มา. ใหถ ือ ศัก ดิ ์ส ิท ธิ์ ถือ ขลัง เลย ไมอ ธิบ าย ; แยง ไมได พิสูจ นไมไดจ นกระทั ่ง เปน สาวเปน หนุ ม มีต าบูอ ยา งไร ก็ป ฏิบ ัต ิเครง ครัด ; เพราะฉะนั ้น จึง มีศ ีล ธรรมจรรยาเรื่อ งเพศดีก วา คนสมัย นี้ ที่ ตะกละกามารมณ ในยุ คป จจุ บั น. กระทั่ งเป นคนเฒ าคนแก กระทั่ งตายเข าโลง ฝ ง ศพอย า งไร ก็ เป น ตาบู ห มด ; เขาทํ า ด ว ยความเชื่ อ ๑๐๐เปอร เซ็ น ต ; และ ความเชื่อนี้มันก็ทําใหปฏิบัติเครงครัดเครงกวาคนสมัยนี้ ซึ่งไมอาศัยความเชื่อ, อาศัย เหตุ ผลผลของเนื้ อหนั งเป นหลั ก. เพราะฉะนั้ นอยาได เขาใจวา คนป าสมั ยโน นนั้ น เขาเลว ไม มี ค วามเป น ผู ดี ; ที่ จ ริง เขามี ค วามเป น ผู ดี ยิ่ งกว า มนุ ษ ย ส มั ย ป จ จุ บั น สมัยอารยธรรมใหม ที่เราพูดกันมาแลววา เต็มไปดวยความมีจิตทราม. เมื่ อไสยศาสตรไดตั้งต นขึ้นมาในลักษณะอยางที่เป นตาบู แบบนี้ มั น ก็เปน เครื่อ งประคับ ประคองมนุษ ยใ หร อดชีวิต อยูไ ด, แลว เจริญ ขึ้น มา จนเกิด ลูก หลานคือ พวกเรานี ้. ทีนี ้เราก็แ หกคอกออกไป เปน เรื ่อ งทางวัต ถุ ทางเนื ้อ หนังมากขึ้น ความเปนไสยศาสตรสวนที่มีประโยชนมันก็สูญหายไป ; พอมาเจอะ เขากับความเขลา ความขลาด ความกลัว สมัยใหมที่มีมากขึ้น มนุษยสมัยนี้ก็ไป มีไสยศาสตรแบบอื่นโดยไมรูสึกตัวไดอีก.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พวกนั กวิ ทยาศาสตรที่ ไปเรียนเมื องนอก ก็ ยั งถื อฤกษถื อยาม ถื อนั่ น ถือ นี ่อ ะไร ไปรดน้ํ า มนตอ ะไรอยูนั ่น มัน ชว ยไมได. แมวา ไปเรีย นวิท ยาศาสตร มาจากเมื อ งนอก ปริ ญ ญายาวเป น หาง เขี ย นกั น ไม ไ หว ก็ ยั ง ไปรดน้ํ า มนต ; เพราะมีค วามขลาด และความเขลา ในสว นอีก สว นหนึ ่ง มาก. แตแ ลว ดูเอา เถอะวา ไสยศาสตรอ ยา งยุค ตาบุนี ่แ หละคือ วิท ยาศาสตรที ่ไ มเ ปด เผย ที ่ไ ม อาศัย การใชเ หตุผ ล หรือ เปด เผยดว ยการพิส ูจ น.แตที ่ต อ งจัด เปน ไสยศาสตร
๓๙๘
ฆราวาสธรรม
ก็เพราะวาทําไปโดยไมมีการพิ สูจน ทําไปดวยความกลัว, ทําไปดวยความขลาด คน ไปอยา งนั ้น เอง จนพบพิธ ีร ีร อง ธรรมเนีย มอะไรขึ ้น มาอยา งนี ้ มัน ก็เ ปน ไสยศาสตร. แลง ตอ มามัน ก็แ ยกทางกัน เดิน : สว นที ่ว ิว ัฒ นาการมาทางแนว เหตุ ผ ล อย า งนี้ ก็ มี , วิ วั ฒ นาการไปทางขลั งทางศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ท างงมงายยิ่ งขึ้ น ไป ๆ ยิ่งขึ้นไป ๆ อย างนี้ ก็มี ; นั่ น แหละมัน เป น ไสยศาสตรเต็ ม ตัว อาศั ยอยูเหลือ อยู ; โดยอาศัย คํ า นิย ามเปน หลัก กวา ง ๆ วา ไปคิด พึ ่ง พาสิ่ง ที่เขา ใจไมได ที ่ต ัว กลัว ที่ตัวหวัง ดวยความขลาด ดวยความเขลานั้น. เมื่อหาสิ่งที่ มีความหมายชัดแจง ไมไ ด. หรือ สิ ่ง ที ่ม ีค วามชัด แจง มัน ไมเปน ที ่พึ ่ง ใหแ กต นได ก็ห ัน ไปหาสิ ่ง ที ่ไ มรู วาเปนอะไร ; ก็มีเทานี้เอง. ทางรอด ทางออกก็ คื อ ว า เมื่ อ อาศั ย กํ า ลั ง ความเชื่ อ เชื่ อ มั่ น ก็ มี กํ า ลัง จิต แรง เปน ประเภทสมาธิเปน มิจ ฉาสมาธิ ; มัน ก็เ กิด สิ ่ง ที ่เรีย กวา ฤทธิ์ หรือ ปาฏิห าริย ขึ ้น มาได ดว ยอํ า นาจมิจ ฉาสมาธินั ้น ; แลว ก็เ ปน มิจ ฉาฤทธิ์ หรื อ มิ จ ฉาปาฏิ ห าริ ย ไ ป มั น ก็ น า อั ศ จรรย เ หมื อ นกั น ; แล ว เมื่ อ เป น เรื่ อ งน า อั ศ จรรย แ ล ว ก็ ห าลู ก ค า ได คื อ หาสมาชิ ก ที่ จ ะไปนั บ ถื อ ไปบู ช า เข า ไปเป น สมาชิกได ; นี่ก็เลยเปนสถาบันอันหนึ่ง ซึ่งใหญโตเหมือนกัน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่ คุณขอใหอธิบายเรื่องที่เกี่ยวกับฆราวาส ผมก็บอกอยางนี้ วาระวัง ใหดี ฆราวาสนี้มีสวนที่พลัดเขาไปสูวงของไสยศาสตรลวน ๆ คือความงมงายได เมื ่อ ไรก็ได เทาไรก็ได. นี ้เราตอ งรัก ษาเกียรติข องพุท ธบริษ ัท ไว วา พุท ธศาสนา นี้ไมมีทางที่จะเปนไสยศาสตร เพราะเปนผูรู ผูตื่น ผูเบิกบาน เอาปญญามากอน. ศาสนาอื่น ที่ มี เชื่อพระเจาอะไรนั้ นแหละ ระวังให ดี มั น หวุด หวิด เผลอเขาไปทํ า พระเจ า เป น ไสยศาสตร ไ ปก็ ไ ด . ทั้ ง ๆ ที่ พุ ท ธศาสนาไม มี พ ระเจ า ไม มี อ าศั ย ความเชื่อ ก็ยังเผลอเอาไขตม กับปลาราไปถวายพระพุ ทธรูปได. ที นี้ฝายศาสนา
ฆราวาส กับ ไสยศาสตร
๓๙๙
ที่ เชื่ อ พระเจ า อะไรอยู แ ล ว ก็ มี ท างที่ จ ะเป น ไปได ง า ยกว า . ผมจึ ง ใช คํ า ว า “หวุด หวิด ”. พวกที่ถือ ศาสนาพระเจา นี้ หวุด หวิด ที่จ ะกลายเปน ไสยศาสตร ถาไมระวังใหดี. พระพุทธรูปที่สวนโมกขเกาของเรา ที่พุมเรียงนั้น เปนที่บนบานขอลูก ; คนทีไมมีลูกบนบานเขาก็สําเร็จ รายสองราย ก็เลยระบือลือชากันใหญ. เมื่อไป ขอกันตั้งหลายสิบราย หลายรอยราย ก็ไมมีสักรายหนึ่งละหรือ ? ที่มันจะฟลุค มีลูกขึ้นมาได ก็เลยยกใหเปนอานุภาพของพระพุทธรูป.นี่มันเปนไปไดมากถึง อยางนี้ ; ความเชื่อก็เลยเฉหันเหไปในทางทําพระพุทธรูปใหกลายเปนเครื่องมือ ของไสยศาสตรไป. นี่ เราโชคดีที่ไดเกิดมาเปนมนุษย พบพระพุทธศาสนา ก็ขอใหถือ ใหถูก ใหต รง ใหมั่นคงไว โดยอาศัย ปญ ญามากอ น. ถาวาเราจะชวยคนโง คนขลาด คนเขลา เราก็ฝากพุทธศาสนาไวในไสยศาสตรก็ได พูดอะไรไวในรูป ของไสยศาสตรก็ได ; เพราะไมอยางนั้นเขาไมเชื่อ เขาไมทําตามโดยเครงครัด เราก็เอาพุทธศาสนาใสลงไปในไสยศาสตร ที่ไมนาเกลียด ที่พอดูได ใหคนเชื่อ ถือ ขลัง อยา งถือ ไสยศาสตร ก็พ อไปกัน ได ; เพื ่อ แกป ญ หาเฉพาะหนา เปน ระบบยาแอสไพริน อย า งนี้ ก็ พ อได ; ซึ่ ง เป น การอนุ ญ าต หรือ ยอมให ทํ า ได เหมือนกัน ถาทําไปดวยสติปญญามีเหตุผล.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เดี๋ย วนี้มัน นา ละอายหรือ นาอัน ตรายที่วา เราขลาดและเขลามาก เกินไป จนทําพุทธศาสตรใหเปนไสยศาสตร, ทําใหไสยศาสตรมีโอกาสครอบงํา พุท ธศาสตร. เราตอ งลืม หูลืม ตาในขอ นี ้ ตอ งทํา พุท ธศาสตรใ หค รอบงํา ไสยศาสตรไวเรื่อย แลวก็ใชไสยศาสตรนั้นเปนตัวเครื่องมือ เปนตัววัตถุ เปน
๔๐๐
ฆราวาสธรรม
ภาชนะ เปน รูป รา งภายนอก ; แตเ นื ้อ ในของมัน เปน สติป ญ ญา ดัง ที ่ผ ม ยกตัว อยาง เรื่องอาบน้ํานั้น. ถาคุณ จะไปบอกแกเด็ก ๆ วา ทําอยางนี้ซิเปนสิริ มงคลสมบูรณที่สุดเลย เด็ก ๆ ก็อาจจะทํา แลวมันก็เปนวิทยาศาสตรคือไดผลดี ที่ไมเปนหวัดอะไรทํานองนี้ ; แลวก็เปนพุทธศาสตร คือเปนเรื่องของสติปญญา. บั ด นี้ สิ่ งที่ น าสั งเวชก็ คื อ วา การถอยหลั งเข าคลองของมนุ ษ ย ในยุ ค ปจจุบันนี้ ; เพราะวาคนไปหลงวัตถุมาก ทําใหมีความอยากมาก ; ความอยากมาก ก็ทํ า ใหม ีค วามขลาด และมีค วามเขลามาก. ชว ยเอาไปคิด ดูใ หด ี ๆ ถา เรา ไปเพิ่ม ความอยากเขาเทาไร ความขลาด ความเขลา มันจะมีม ากขึ้น เทานั้น . นี่เทคโนโลยี่ตาง ๆ มีมูลมาจากความอยาก, เพื่อความอยาก เพื่อความตองการ ทั ้ง ๆ ที ่เปน เทคนิเชี ่ย น เทคโนโลยิส ต อะไรก็ต าม ก็เลยยิ ่ง เปน ไสยศาสตร โดยไม รู ตั ว ได ; คื อ อาณาจั ก รของความกลั ว นั้ น ครอบงํ า แล ว ก็ เชื่ อ พระเจ า อยางไสยศาสตรเชื่อ อะไร ๆอยางไสยศาสตรไปหมด; ฉะนั้นพวกนักวิทยาศาสตร หรือ เทคนิเ ชี่ย น เขาก็ทํา พิธีรีต องทางศาสนา ออ นวอนพระเจา , ในกองทัพ ก็ออนวอนพระเจาเปนไสยศาสตรไปหมด เพราะมาจากความขลาด และความเขลา ซึ่ง มาจากความอยากอัน ตอ งการมหาศาลอีก ที่ห นึ่ง . กิจ กรรมมัน ใหญขึ้น จน จะฆากันทั้งโลกนี้ ; ความขลาด ความเขลามันก็มากขึ้นตามตัว ก็ทําความงมงาย ไดมากขึ้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org โดยส วนตั วบุ คคล เป นนั กวิ ทยาศาสตร เป นนั กศึ กษา อย างพวกคุ ณ อยางนี้ จะกลับไปเปนผูงมงาย อยางสมัยตาบู มันก็นาหวัว ; แตแลวมันเปนสิ่ง ที่เปนไปได. ถาจะปองกันหรือแกลําได ก็ตองรับมีปญญา. รีบมีปญญาก็คือรีบทํา ใหไ มข ัด ขวางกัน ใหป ระสานกัน ตามโอกาส ตามความเหมาะสม เกี ่ย วกับ เวลา บุค คล สถานที่ อะไรเหลา นี้ ; มัน ก็จ ะชว ยแกปญ หาทางสัง คมไปได
ฆราวาส กับ ไสยศาสตร
๔๐๑
โดยอาศัยพื้นฐานของมนุษยทั้งหลาย ที่มีความขลาด ความเขลา พึ่งสิ่งซึ่งไมเขาใจ มองไม เห็ น ตั ว อยู แ ล ว เป น ธรรมดา ; เรี ย กว า เรายอมรั บ ความศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ แต ว า ความศัก ดิ์สิท ธิ์ที่มีรากฐานเปน สติป ญ ญา. อยา เปน ความศัก ดิ์สิท ธิ์ที่เปน ความ โงเขลา เปนความขลาด ความเขลาดเลย. ฆราวาสก็มาไดเพียงเทานี้. หลั งจากนั้ น ฆราวาสที่ ต องการจะเดิ นทางต อไป ก็ ไม มี อะไรนอกจาก ไปสูความเป นพระอริยเจา. ทีนี้ก็เริ่มตั้งตนละความออนแอที่เกี่ยวกับไสยศาสตร นี้ เสี ย . คุ ณ ไปศึ ก ษาหาอ า นเสี ย ผมบรรยายไว ม ากมายแล ว ในเรื่ อ งเกี่ ย วกั บ อัฏฐังคิกมรรค - เดินทางไปสูความเปนพระอริยเจานี้,เริ่มตนก็มีการละสังโยชน : ในอัน ดับ แรกก็ล ะ สัก กายทิฏ ฐิ วิจ ิก ิจ ฉา และสีล ัพ พตปรามาส ; นี ่เปน หลัก ที่ดีที่สุดในพระพุทธศาสนา แตไมคอยมีใครสนใจ ที่จะละจากความเปนฆราวาส หรือ คนธรรมดา ไปสู ค วามเปน พระอริย เจา . นี ่เ ปน เรื ่อ งละความเชื ่อ เรื ่อ ง ไสยศาสตรเปนขอแรกกอน, เปนบทเรียนอันแรก เปนการสอบไลอันแรกกอน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอที่ ๑ สักกายทิฏฐิ เปนความเขลา วามีตัวกู มีผีสาง มีวิญญาณ เกิด ไปเกิด มา, จุต ิ ปฏิส นธิ ; คนเดีย วกัน นั ่น แหละ เกิด แลว เกิด อีก อยา งนี้ มันเปนความเขลา ตองละกอน.
ขอที่ ๒ วิติกิจฉา คือความลังเลระหวางไสยศาสตรกับวิทยาศาสตร คือความที่อยูในอํานาจเหตุผล กับความที่ไมอยูในอํานาจเหตุผล ซึ่งกําบังตีกันยุง นี้แหละเรียกวาวิจิกิจฉา. คุณ อยาเพ ออวดดีวา คุณ เปนมนุษยที่อยูในอํานาจแห ง เหตุผ ล ; ความไมอ ยู ใ นอํ า นาจแหง เหตุผ ลมัน มีเ มื ่อ ไรก็ไ ด ในเมื ่อ มีเ ชื ้อ เปน รกราก ที่ฝงอยูในสันดานของมนุษ ย ที่มีความขลาดความเขลา มาแตเดิมนั้น ;
๔๐๒
ฆราวาสธรรม
แลวความที่มี conflict กันอยูระหวางสองสิ่งนี้ บางเวลาเรามีเหตุผล บางเวลา เราก็ไมอยูในอํานาจแหงเหตุผลเลย. นี้ก็ตองละ เปนขอที่ ๒. ขอที่ ๓ สีลัพ พตปรามาส นี้ แหละเป นไสยศาสตรโดยตรง คือการ ประพฤติกระทําไปโดยไมอยูในอํานาจแหงเหตุผล. ถาละสามอยางนี้ไดจึงเปนพระ โสดาบัน, เปนพระอริยบุคคลในอันดับแรก. การที่มนุษยจะวิวัฒนาการทางวิญญาณ ไปในทางสูงนี้ อันแรกที่สุดก็มา ปะทะกันเขากับ เรื่องไสยศาสตร ; ถาผานดานนี้ไปไม ได ก็ไมต อ งหวังที่ จะเป น พระอริยบุคคล หรือวาอายธรรมทางวิญ ญาณในพุทธศาสนา, ไมใชอารยธรรม ทางวั ต ถุ แ ห ง ยุ ค ป จ จุ บั น ; ชื่ อ เหมื อ น ๆ กั น ระวั งให ดี . คํ า ว า อริย ะ กั บ คํ า ว า อารยะ นั ้น เปน คํ า เดีย วกัน , ตัว หนัง สือ เปน คํ า ๆ เดีย วกัน เขีย นเปน บาลี เป น สั น สกฤตเท า นั้ น เอง. แต แ ล ว อารยะแท จ ริ ง นั้ น ต อ งสู ง และถู ก ต อ งทาง วิญ ญาณไปเลย ; สว นอารยะตกต่ํา ไปสูค วามทรามนั้น คือ อารยะทางวัต ถุ. ยิ่งกินยิ่งเมา, ยิ่งเมายิ่งเอาใหญ ; มันก็เลยตกไปทางความมีจิตทราม ก็เรียกวา อารยธรรมแผนป จจุบันทางวัตถุ. อารยธรรมฝายวิญ ญาณของพระพุ ทธเจานั้ น เปน อารยธรรมฝา ยวิญ ญาณ ก็เ ลยมามีบ ทเรีย นตรงที ่ว า ตอ งปะทะกัน กับ ไสยศาสตร แลว ละ หรือ ทํ า ลายใหไ ด ผา นไปใหไ ด ; รวมความแลว ก็ค ือ ความไม มี เหตุ ผ ลเพี ย งพอ. สั ก กายทิ ฏ ฐิ ถื อ ตั ว จิ ต วิ ญ ญาณที่ ไม เหตุ ผ ล ; แล ว วิจิกิจฉามันก็ไมมีเหตุผล มันกําลังตีกันยุงระหวางเหตุผลกับความโงนี้ ; สีลัพพตปรามาสก็ค ือ ความไมม ีเ หตุผ ล.ถา เราผา นอัน นี ้ไ ปได ก็เ รีย กวา ละเครื่อ ง กีด กั้น อัน ดับ แรก เปน ดา นหนา ของความกีด กั้น ที ่ไ มใ หไ ปสูโ ลกพระอริย เจา นั้น ได ; เราผา นไปไมไ ด. นี ่ใ หรูจัก สิ่ง ที ่เ รีย กวา ไสยศาสตรใ นอัน ดับ สุด ทา ย ในวาระสุดทายวา เปนเครื่องกีดกั้น ขวางทาง ขอบงการไปสูโลกของพระอริยเจา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ฆราวาส กับ ไสยศาสตร
๔๐๓
ทีนี้เราเคยอาศัยมันมา เหมือนเรือเหมือนแพ เหมือนยานพาหนะตาม ลํา ดับ มาแลว แตห นหลังก็ข อบใจมัน เถิด ; แตพ อมาถึง ตอนนี้ ก็ถือ วา ตอ ง แยกกันละ ; จะไมแบกเอาเรือแพขึ้นบกไป หรือไปสูยานพาหนะที่ดีกวา หรือไป หาเรือหาแพอยางอื่นกันดีกวา ; พอถึงบกจริง ๆ ก็ไมแบกอะไร ไมแบกเรือแบก แพเอาไปดว ย ฉะนั้น เรือ แพอยา งอัน ดับ แรก ๆ ตอนตน ๆคือ ไสยศาสตรนี้ ต อ งละกั น ที ไปหาเรือ แพหรือ เรือ บิ น ที่ มั น ดี ก วา ; ในที่ สุ ด เมื่ อ ไปถึ งจุ ด หมาย ปลายทางแลว ก็โกยทิ้งหมดเลย. เพราะฉะนั้นเราไมสามารถที่จะพูดวา อะไรเปนสิ่งที่ไมดีโดยสวนเดียว; สิ่งที่ไมดีนั้น มันหมายความวา มันไมเหมาะแกกาละเทศะ ที่จะเปนประโยชน แกเราในเวลานั้น. มนุษยก็ตั้งตนมาดวย ความโง ความไมรู เปนคนปา หรือ ไมถึงกับเปนคน ยังเปนครึ่งคนครี่งสัตว,แลวก็เรื่อย ๆ มา จนมีความสูงขึ้นมา มันก็พูดอะไรโดยสวนเดียวไมได. สิ่งที่วาเคยดีสําหรับสมัยนั้น มันไมดีสําหรับ สมั ย นี้ ก ็ ไ ด ; เพราะฉะนั ้ น สิ ่ ง ที ่ ดี อ ยู เ สมอไปก็ ค ื อ มั น ใช เ ป น ประโยชน ไ ด ตามเวลา ตามกาละ ตามสถานที ่ ตามความเปลี ่ย นแปลง, ในที ่ส ุด ก็ขึ ้น เหนือ ความดี พน ไปจากความดี พน ไปจากความผูก พัน ของความดี, ก็เปน พระอริยเจาไป เปนโลกุตตระไปได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรื่อ งดี เรื่อ งชั่ว นี้จ ะสับ สนปนเปกัน อยูเ รื่อ ย : ที่เ คยคิด วา ชั่ว มันก็ยังมีประโยชนในขอที่วาทําใหคนฉลาดขึ้น เพราะความชั่วมันกัดเอาเจ็บ ๆ คนก็ฉ ลาดขึ้น. ความดีนั้นทํ าใหคนเหลิง หลงไหล ลืมตั ว มั นก็กัดเอาเจ็บ ๆ เหมือนกันในอีกลักษณะหนึ่ง. ผลสุดทายมันก็เปนเรื่องที่ขบกัดมนุษยทั้งนั้นใน บรรดาเรื่อ งดี เรื่อ งชั่ว นี้ ; เราก็เลยหาทางที่อ ยูเหนือ ขึ้น ไป พน ขึ้น ไป ขึ้น ไป เหนือ เปนเรื่องของพระอริยเจา เปนเรื่องของมรรค ผล นิพพาน. เพราะฉะนั้น
๔๐๔
ฆราวาสธรรม
เรื่องไสยศาสตรนั้นเปนเรื่องนิดเดียวที่จะปองกันอันตรายนิด ๆ หนอย ๆ เปน ระบบยาแอสไพริน ; รูจักมันอยางนี้แลวก็อยาไดเผลอ หลงเปนทาส เปนบาว ของไสยศาสตร. จงใชมันเหมือนระบบยาแอสไพริน หรือวาที่มันไมควรจะใช ก็เ ลิก ไปเสีย เลยทิ ้ง มัน เสีย เลย. แตอ ยา ลืม วา มนุษ ยนี ้ส ัม พัน ธกัน มากับ ไสยศาสตร ตลอดมาจนกระทั่งปจจุบันนี้ แยกกันไมออก. ขอใหฆราวาสรูจักความเปนฆราวาส ที่เกี่ยวกับไสยศาสตร ที่มันจะ ครอบงําเอา ; เพราะฆราวาสอยูในวิสัยที่ไสยศาสตรจะครอบงําเอา เมื่อไรก็ได เทาไรก็ได. นี่เราเปนฆราวาสพุทธบริษัท เราก็ลืมหู - ลืมตา อยางผูรู ผูตื่น ผูเบิกบาน ขึ้นมาตามลําดับ ๆ ก็เปลื้องสิ่งเหลานี้ออกไปได ; กลายเปนผูพน จากความมืดมัว จากการไปถือสรณะอันไมเกษม อันไมสูงสุด มาเปนผูมีสรณะ อัน เกษมสูง สุด ; แลว ก็พน จากความเปน ผูตอ งถือ สรณะ ในที่สุด คือ เปน โลกุตตระไป.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที่พูดกันยาวยืดนี้ ก็เพื่อจะชี้ใหมองเห็นวา มันคาบเกี่ยวสัมพันธกันมา อยางแยกกันไมออก จนกระทั่งบัดนี้ . คุณตองการเปนฆราวาสที่ดี ก็จงมองดูสิ่ง เหลานี้อยางถูกตอง. ผมพูดเรื่องฆราวาสกับไสยศาสตร ดวยความมุงหมายอยางนี้.
นกกางเขน กับเรไร ก็บอกวา หมดเวลาสําหรับวันนี้.
ฆราวาส กับ พุทธศาสตร - ๒๒ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๑๓ สํ า หรั บ พวกเรา ล ว งมาถึ ง เวลา ๔.๔๕ น. แล ว เป น เวลาที ่ จ ะได บ รรยายต อ จากที ่ ไ ด ก ล า วค า งไว . ขอให ท บ ท วน ใน ค รั ้ ง ที ่ แ ล ว ม าว า ได พ ู ด กั น ถึ ง เรื่ อ งฆ ราวาส กับ ไสยศาสตรส ว นในครั้ง นี ้จ ะไดพ ูด กัน ถึง ฆราวาส กับ พุทธศาสตร. คําวา ไสยศาสตร กับคําวา พุทธศาสตร เปนสิ่งที่เกี่ยวของกันอยู กับ พุท ธบริษัท ในฐานะที่วา เปน มนุษ ย. สํา หรับ สิ่ง ที่เรีย กวา “ไสยศาสตร” นั้น เราไดจํากัดความลงไปแลววา เปนวิชาของมนุษยชนิดที่ไมเกี่ยวกับการใช เหตุผล. การที่จะใชคําวา วิชา เรียกสิ่งชนิดที่ไมเกี่ยวกับการใชเหตุผล ก็หมาย ความวาเปนความรูชนิดที่สอนสืบ ๆ กันมา หรือทําใหดู แลวทําตามสืบ ๆ กันมา จะเรีย กวาเป น วิชาสํ าหรับ ดั บ ความทุ กขชั่ วขณะก็ ได ; หรือ จะเป น วัฒ นธรรม สําหรับ มนุษ ย ที่ยังไมสามารถจะใชเหตุผ ล หรือ หลัก วิชาเกี่ยวกับ สิ่งที่ลึกซึ้ง ไปกวาธรรมดาก็ได ; เปนของสืบเนื่องกันมาแตมนุษยในสมัยโบราณซึ่งยังไมมีการ
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๔๐๕
๔๐๖
ฆราวาสธรรม
ศึ ก ษา หรือ การใช เหตุ ผ ลตามหลั ก วิชานั่ น เอง เราเรียกรวม ๆ กั น วา เป น วิช า ไสยศาสตรนี้อยางหนึ่ง. สวนในวันนี้ เราจะไดกลาวถึง สิ่งที่เรียกวา “พุทธศาสตร” ซึ่งเป น ของตรงกัน ขา ม. พุท ธ แปลวา รู วา ตื ่น วา เบิก บาน ; ดัง นั ้น มีค วามหมาย อยูในตัวแลววา มันเกี่ยวกับหลักวิชา เกี่ยวกับความรูประเภทที่มีการศึกษาเพียงพอ มีการใชเหตุผลที่เพียงพอ. เมื่อพูดถึงคําวา “ศาสตร” อยากจะใหถือเอาความหมาย ที่ตรงตาม ตัว หนัง สือ . คํา วา สัต ถะ ในภาษาบาลีก็ดี, ศาสฺต ร ในภาษาสัน สกฤตก็ดี มีความหมายที่นาสนใจอยูตรงที่ หมายถึงอาวุธ หรือของมีคม. อาวุธชนิดที่มีคม เราเรีย กวา ศาสตรา. คํ า วา มีค ม มัน ก็ห มายความวา สามารถจะตัด ; เพราะฉะนั้นความหมายสําคัญ ก็อยูตรงที่เปนเครื่องตัด หรือทําลายสิ่งที่เราไม ตองการ โดยเฉพาะอยางยิ่งก็คือความทุกข. คือถากลาวถึงเหตุก็คือ กิเลสหรือ ความโง ; ถากลาวถึงผล ก็คือตัวความทุกข ; นี้เปนสิ่งที่ตองตัด.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ไสยศาสตรก็ตัดไปตามแบบ ตามประสาของไสยศาสตร ซึ่งเปนผล ชั ่ว คราว หรือ ชั ่ว ขณะ ; อยา งที ่เ ราเรีย กวา “ระบบยาแอสไพริน ”. สว น พุ ท ธศาสตร มั น เหมื อ นกั บ ระบบที่ จะตั ด ต น เหตุ ; หลั งจากที่ กิ น ยาระงับ ความ ปวดชั่ ว คราวแล ว เราก็ มี ก ารตรวจสอบ แก ไข ที่ ต น เหตุ ด ว ยความรู หรือ การ กระทําที่จริงยิ่งไปกวา. คําวา ศาสตรา มีความหมายเปนสองอยางขึ้นมาไดอยางนี้ ทีนี้ก็จะดูกันถึงความเปนฆราวาส. ไดกลาวมาแลวในครั้งที่แลวมา วา ฆราวาสไดเ กี่ย วขอ งกัน อยู กับ ไสยศาสตรอ ยา งไร. ในที ่นี้ก็จ ะไดก ลา วถึง
ฆราวาส กับ พุทธศาสตร
๔๐๗
การที่ฆราวาสจะตองเกี่ยวของกับสิ่งที่เรียกวาพุทธศาสตรนั้นอยางไร, โดยเฉพาะ อยางยิ่ง ฆราวาสที่เปนพุทธบริษัท. เราไดพูดกันแลววา ฆราวาสทั่ว ๆ ไป ที่เปนพุทธบริษัท หรือไมเปน พุทธบริษัท ไดเกี่ยวของกับ สิ่งที่เรียกวาไสยศาสตรอ ยางที่ไมอาจจะแยกกัน ได มากแลวแตกาลกอน ; แตบัดนี้มาถึงขั้นที่จะตองเปนพุทธบริษัทกันใหถูกตอง. เรื่องมันก็กลายเปนวาจะตองเลื่อนชั้นจากความมีอยูแตไสยศาสตรนั้นใหมามี พุทธศาสตร หรือกลายเปนพุทธบริษัทที่แทจริงขึ้นมา, เรียกวาเปนการเลื่อนชั้น ตังเองเสียใหมใหถูกตอง ; แตแลว สิ่งนี้ก็เปนไปไมคอยจะได เพราะเหตุที่เห็น ไดงา ย ๆ วา มัน มีค วามเคยชิน เปน นิส ัย หรือ ติด อยู ในนิสัย ของบุค คล ที ่มี ความเขลา และความขลาดมามาก นี้อยางหนึ่ง. อีกอยางหนึ่งก็คือ ความรู หรือ การศึ ก ษานั้ น มั น ไม เพี ย งพอที่ จ ะแก ค วามขลาด และความเขลา; การ เปลี่ยนจากไสยศาสตร มาเปนพุทธศาสตร มันก็เลยยาก.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ปญหามันมีอยูวา เราจะเปนพุทธบริษัทกันสักเทาไร คือจะใหถูกตอง จริง ๆ ยิ่งขึ้นสักเทาไร. ถาตองการความเปนพุทธบริษัทที่สมบูรณ หลักเกณฑ มันก็มีอยูวา จะตองละไสยศาสตรโดยสิ้นเชิง. โดยทั่วไปก็ละกันไมไดสิ้นเชิง จึงมีอาการอยางที่เรียกกันวา พุทธ ๆ ปนไสย ฯ นี้อยูโดยทั่ว ๆ ไป. จงมองดู ในสวนชั้นนอก ๆ ชั้นโลก ๆ มันก็พอจะเปนไปได, เรียกวาอยางมนุษยธรรมดา สามัญ มัน ก็พ อจะเปน ไปได , เหมือ นกับ ที่ค นชอบกิน ยาระงับ ปวดชั่วคราว มากกวาที่จะไปรักษาอยางจริงจัง ใหหายโรคโดยเด็ดขาด. แตแลวความมุงหมาย ของพุ ท ธศาสนา หรือ พระพุ ท ธเจ า ท า นไม ได ท รงประสงค เพี ย งเท า นี้ ; ท า น ตองการจะใหละเรื่อยไป จนกวาจะถึงจุดหมายปลายทาง คือเปนพุทธบริษัท ผูรู ผู ต น ผู เบิ ก บาน ได เต็ ม ที่ . นี่ แ หละคื อ ข อ ที่ เราจะต อ งนึ ก ถึ ง กั น ในเวลานี้
๔๐๘
ฆราวาสธรรม
วา ความเปน พุท ธบริษัท ของเรา มัน ยัง มืด มัว เศรา หมอง หรือ วา ยัง เปน ครึ่ง ๆ กลาง ๆ หรือวาแจมกระจางแลว. ตอไป เราจะไดดูกัน ถึงการที่วา เราจะคอย ๆ เปลี่ยนใหมันดีขึ้น อยางไร,หรือวาจะคอย ๆ ละใหมันถึงที่สุดไดอยางไร. สิ่งที่เรียกวา “ไสยศาสตร” ไมไดอยูในอํานาจแหงเหตุผล และเชื่อ สิ่งภายนอก. สวนสิ่งที่เรียกวา “พุทธศาสตร” นั้น เปนสิ่งที่อยูในอํานาจแหง เหตุผ ล, เปนไปตามอํานาจของเหตุผล, แลวก็เชื่อ ภายในคือ เชื่อ ตัวเอง เชื่อ เหตุผล เชื่อสติปญ ญา เชื่อสิ่งที่ไดประสบมาแลวในชีวิตของตน ในทางที่เปน เหตุผล. ฉะนั้น มัน จึงเปน คูต รงกันขาม. ที่วาพุท ธบริษัท เชื่อ เหตุผ ล และเชื่อ ตัวเองนี้ กินความหมายกวางไปถึงกับวา ไมตองเชื่อแมแตพระพุทธเจา. ขอนี้ บางคนฟงแลวสะดุง หรือเห็นวา มันขัดขวางกัน. พระพุทธเจาทานสอนไมให เชื ่อ ทา น. หมายความวา ไมใ หเชื ่อ โดยเหตุเพีย งสัก วา ทา นพูด ; จะตอ งมี ความรู ความเห็น ความเขา ใจของตัว เอง วา มัน ถูก ตอ ง หรือ มัน จริง หรือ มันตรงตามที่ทานตรัสทานสอน แลวจึงจะเชื่อ. พระสาวก เชนพระสารีบุตร ก็ไดทูลยืนยันกับพระพุทธเจาอยางนี้ สมตามที่พระพุทธเจาทานทรงตองการใหเชื่อ กันอยางนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เกี่ยวกับเรื่องนี้ผมมีความเห็นวา พระพุทธเจาทานคงจะทรงเล็งเห็น ในขอที่วาใหความจริงมันสอน หรือใหธรรมชาติมันสอน นั่นแหละมันจึงจะไดผล คื อ ดี ก ว า คนสอน. บุ ค คลสอนซึ่ ง กั น และกั น นี้ ก็ ไ ม ใ ช ว า จะไม ดี หรื อ ไม มี ประโยชน ; แตถาเชื่อ โดยเพีย งสัก วา ไดฟ ง เขาพูด ไดฟ ง เขาสอน แลว เชื่อ อยา งนี้ มัน ตายดา น มัน ติด ตัน อยูที่นั่น . มัน ตอ งเอาไปคิด ไปนึก จนเขา ใจ
ฆราวาส กับ พุทธศาสตร
๔๐๙
และยิ่งกวาเขาใจ คือเห็นแจง ; แลวมันก็จะเปนความเชื่อขึ้นมาเองทันทีจาก ภายใน ; อยางนี้เรียกวา เชื่อ ตัวเอง หรือ เชื่อ สิ่งที่มีอ ยูจริงในภายใน ปรากฏ อยูอยางชัดเจน. อยางนี้เขาเรียกวาเชื่อตัวเอง ไมเชื่อผูอื่น. พระพุทธเจาทาน ก็ทรงขอรองอยางนี้ ; ให ธรรมชาติ แห งความจริงมั นสอน. เชนวาเมื่ อ เราไม มี กิเลส จิตวางไปจากิเลสชั่วขณะ มันมีความรูสึกอยางไร, สบายอยางไร ; ก็ให สิ่งนั้นมาปรากฎขึ้นในใจ แลวสอนอยางที่เรียกวาเปนหลักเปนฐาน ; ความเชื่อ นั้น เลยเปน ความเชื่อ ที ่แ ทจ ริง ไมใ ชเชื่อ อยา งหลับ ตา. มัน เปน การเชื่อ ของ ความเขาใจในชั้นแรก ; และแลวยิ่งกวาเขาใจ คือรูแจงซึมซาบอยูในใจ เปนสักขี พยานอยูในใจ ; นับวาเปนความเชื่อที่ถึงที่สุด เปนญาณ หรือเปนความรูไป ในตัว มัน เอง ในตัว ความเชื่อ นั้น มัน เปน สิ่ง เดีย วกัน เสีย . สํา หรับ ความเชื่อ ในขั้นตน ๆ ที่เราจะตองไดยินไดฟง แลวสนใจ แลวเอาไปคิดไปนึก ไปพิสูจน อยางนี้ยังไมเรียกวาความเชื่อก็ได ; เพราะวาเรายังไมปลงความเชื่อลงไปในสิ่ง ที่สักวาไดยินไดฟง ; ตอเมื่อมีความเขาใจ แลวเลยไปถึงความเห็นแจงแทงตลอด แลว ความเชื่อมันก็ปลงลงไปเอง ก็เรียกวา มีความเชื่อ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พุทธบริษัทมีวิธีศึกษา และเชื่อของตนอยางนี้ ซึ่งไมเหมือนกับวิธีการ ของคนพวกอื่นก็ได ; ซึ่งบางพวกมักจะเอาความเชื่อเปนเบื้องหนา. อยางนี้เรา ถือ วาพนสมัยแลว, มันเปนสมัยของไสยศาสตร หรือถอยเลยไปถึงสมัยตาบู แตบ รมโบราณดึก ดํา บรรพโ นน ; เขาถือ วา พน สมัย แลว .ถา เราไดยิน ไดฟ ง อะไรที่อยูในรูปของไสยศาสตร หรือตาบูมา ก็เอามาพิจารณาดูจนเห็นเหตุผล แลวก็ปฏิบัติตรงตามนั้นก็ได ; เหมือนที่ผมพูดใหฟงวา ผมเองก็ถือไสยศาสตร. อาบน้ําตอนเชา รดศีรษะกอน อาบน้ําตอนเที่ยงรดที่หนาอกกอน อาบน้ําตอนเย็น หรือ ตอนค่ํา รดที่เทา กอ น ; มัน เขารูป กัน กับ ธรรมชาติข องรา งกาย ปอ งกัน การเปนหวัดไดเปนอยางดี. แตถาพูดวา ตอนเชาสิริมงคลอยูที่ศีรษะ ตอนเที่ยง
๔๑๐
ฆราวาสธรรม
สิร ิม งคลอยู ที ่ห นา อก ตอนเย็น สิร ิม งคลอยู ที ่เ ทา ; อยา งนี ้ม ัน ก็ก ลายเปน ไสยศาสตรไ ป. แตเ มื ่อ มาดูก ัน ถึง ความจริง ของมัน แลว มัน ก็ก ลายเปน วิทยาศาสตร. นี่ แหละพุ ทธบริษั ทเราได รับอะไรมา จะเป นคํ าสั่ งสอน ซึ่ งแม อยู ในรูป ของไสยศาสตร ก ็ เ อ าม าพิ จ ารณ าดู ห รื อ อ ย า งน อ ยก็ ท ด ล อ งดู ส อ บ ดู ทํ า experiment อย างวิทยาศาสตรก็ ได จนรูวานี่ มั นมี เหตุ ผล มี ความจริงอยางนี้ แลวก็ถือปฏิบัติได ; แลวก็หัวเราะชอบใจความรูสติปญญาของคนสมัยดึกดําบรรพ มัน ก็ย ัง มีป ระโยชน. แตถ า สิ ่ง ใดเปน ไปไมไ ด ไมม ีเ หตุผ ล ก็ไ มต อ งเอา ; ถาจะเอา ก็เอามาอย างทดสอบเสมอ. นี่ คื อหนทางที่ เรียกวา จะทํ าให เราค อย ๆ ละสิ่ งที่ เรียกวาไสยศาสตรให หมดไป - หมดไป ; แลวก็ มี สิ่ งที่ เรียกวา พุ ทธศาสตร เกิด ขึ้น มาแทน. ไมจํา เปน จะตอ งประณามวา สิ่ง ที่เ ขาประพฤติป ฏิบ ัติกัน อยู ที ่เ ปน มาแลว แตด ึก ดํ า บรรพนั ้น มัน เปน เรื ่อ งบา บอไปเสีย ทั ้ง หมด หรือ เปน ไสยศาสตรอยางที่ไมมีเหตุผลไปเสียทั้งหมด. เพราะฉะนั้นเราจะตองมีหลักเกณฑ สํ า หรับ พิส ูจ น สํ า หรับ ทดสอบ แยกแยะดูว า มัน จะเปน ไปไดอ ยา งไร หรือ เพียงไหน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เมื ่อ เราจะเปน พุท ธบริษ ัท เราก็ใ ชห ลัก ของพระพุท ธเจา ในการ ที่จะแกปญหาเหลานี้ คือชําระสะสางความเปนไสยศาสตรใหคอย ๆ หมดไป แลว ก็มีความเปนพุทธศาสตรเขามาแทนใหมากขึ้น แลวก็จําเปนอยางยิ่งสําหรับฆราวาส. ทีนี้ผ มก็จะไดประมวลเอาหลักเกณฑตาง ๆ ในพุทธศาสนา มาชี้แจงใหฟงพอเปน ตัวอยางเปนเรื่อง ๆ ไป.
สําหรับหลักเกณฑอันที่ ๑ เกี่ยวกับระเบียบวินัย หรือกฎหมาย หรือ อะไรเหล านี้ พุ ท ธบริษั ท มี ห ลั ก เกณฑ สํ าหรับ ทดสอบ หรือ สํ าหรับ ตั ด สิ น วินิ จ ฉั ย เรียกวา “มหาปเทส” ทางฝ ายวินั ย มี อ ยู ๔ ข อ ด วยกั น ; หลั ก เกณฑ นี้ มี อ ยู วา ;
ฆราวาส กับ พุทธศาสตร
๔๑๑
ขอ ๑. สิ่งใดที่พระพุทธเจาทานไมไดตรัสหามไว เราก็เอามาพิจารณา ดูวาสิ่งนี้เขากันไดกับสิ่งที่ไดทรงหามไว มันก็กลายเปนสิ่งที่ไมควร นี้อยางหนึ่ง. ขอ ๒. ถา มัน ตรงกัน หรือ เขา กัน ไดก ับ สิ ่ง ทีไ มไ ดท รงหา มไว สิ ่ง นี้ ก็กลายเปนสิ่งที่ควร. ข อ ๓. อี ก คู ห นึ่ ง ก็ มี ว า : สิ่ ง ใดที่ พ ระพุ ท ธเจ า ไม ได ท รงอนุ ญ าตไว แตสิ่งนั้นเขากันไดกับสิ่งอื่น ๆ ที่ทรงอนุญาตไว แลวก็ถือวาถูกวาควร. ขอ ๔. แตถามั นไปเขากันสิ่งที่ไมทรงอนุญาต ก็กลายเป นสิ่งที่ไมควร. ๒ คูมันก็กลายเปน ๔ อยาง. มีป ญ หาเกิดขึ้นวา บางสิ่งบางอยาง หรือการกระทํ าบางอยางบุ คคล หรือ สถานที ่บ างอยา งอะไรก็ต าม ที ่เรีย กวา บางสิ ่ง บางอยา งนั ้น เปน ของใหม ของแปลก หรือ หาไมพ บในบทบัญ ญัต ิ ; เราก็ต อ งเอามาเทีย บเคีย งกัน ดูว า สิ ่ง นั ้น เขา กัน ไดก ับ สิ ่ง ที ่พ ระพุท ธองคท รงอนุญ าต หรือ ทรงหา ม ถา เขา กัน ได กับ ฝา ยไหน เราก็ถ ือ วา เปน ฝา ยนั ้น คือ เปน สิ ่ง ที ่ท รงหา มหรือ ทรงอนุญ าต. นี่คือปญ หาที่มีอยูจริงสําหรับสมัยนี้ซึ่งมันมีอะไรมากมาย เกิดขึ้นใหม ๆ แปลก ๆ ไม มี อยู ในพระคั มภี รไม มี อยู ในบทบั ญ ญั ติ มากแตก อน เราก็ใชหลักอยางนี้ ตัดสิ น แลวก็ปฏิบัติไปตามนั้น เราก็เปนพุทธบริษัทที่ดีได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org อยางป ญหาครึกโครม เชนปญหาคุมกําเนิด หรือป ญหาอะไรทํานองนี้ ก็ มิ ไ ด มี อ ยู ใ นบทบั ญ ญั ติ โ ดยตรง ; เราก็ ไปเที ย บเคี ย งดู ว า การกระทํ า อย า งนี้ มั น จ ะ เข า กั น ได เ รื ่ อ งอ ะ ไรที ่ ท รงห า ม ห รื อ ท รงอ นุ ญ าต ไว ; แ ล ว ก็ ถ ื อ ว า เปน เรื ่อ งที ่ท รงหา ม หรือ ทรงอนุญ าต อยา งนี ้เ ปน ตน . นี ้เ รื ่อ งเกี ่ย วกับ ระเบียบวินัย - คือสิ่งที่บังคับ.
๔๑๒
ฆราวาสธรรม
หลักเกณฑอันที่ ๒ ถัดไป เล็งถึงเรื่องการศึกษา หรือ วิชาความรู ไม เกี่ ย วกั บ วิ นั ย เรี ย กว า เรื่ อ งสู ต ร เรื่ อ งพระสู ต ร - คื อ แบบฉบั บ หรื อ แนวทาง สํ า หรับ ใหม นุษ ยป ฏิบ ัต ิ. อยา งนี ้ก ็ม ีห ลัก เกณฑที ่เ รีย กวา “มหาปเทส” อีก เหมือนกัน, แลวก็มี ๔ อยางดวยเหมือนกันคือ มหาปเทสทางวินัยก็มี ๔ อยาง ; มหาปเทสสูตรก็มี ๔ อยาง. ๔ อยางสําหรับสุตตันตะนี้ก็มีวา ; ขอ ๑. ถามีคนมาพูด มาแนะ มาบอกมาสอนอะไรขึ้น แลวก็อางวา สิ ่ง นี ้พ ระพุท ธเจา ไดต รัส ไว ; อยา งนี ้ก ็อ ยา เพอ เชื ่อ .จะตอ งเอาขอ ความที ่เขา กลา วนั ้น ไปเปรีย บเทีย บดู ในสูต ร ในวิน ัย สว นใหญที ่เรารูเราเขา ใจ, หรือ พอจะรู พอจะเขา ใจ ; ถา สิ ่ง ที ่เ ขามาพูด ใหมนั ้น มัน ลงกัน ได มัน เขา กัน ได กั บ เรื่อ งในสู ต รในวินั ย ส วนใหญ แล ว ก็ ให รับ ฟ งวา คงจะเป น สิ่ งที่ พ ระพุ ท ธเจ า ทานตรัสจริง ; แลวจึงเอาไปพิสูจนแยกแยะ ดวยการปฏิบัติตอไป แลวจึงเชื่อ นี้อยางหนึ่ง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอ ๒. ถา มีค นมาพูด มาอา งวา สิ่งนี้ค ณะสงฆข องพระพุท ธเจา สั ่ง สอน, หมายความวา ไมใ ชอ งคพ ระพุท ธเจา เองสั ่ง สอน, เขามาอา งวา คณะสงฆของพระพุทธเจาสั่งสอน ; เราผูฟงก็ยอมทําอยางเดียวกันอีกคือ ไมถือ เอาไมรับเอาทันที ; แตจะเอาคําที่เขาพูด หรือหลักที่เขามาบอกใหมนี้ ไปเปรียบ เทียบกันดูกับสวนใหญในสูตร ในวินัย คือหลักเกณฑทั้งหมดในพระพุทธศาสนา นั้นวาที่เขาเอามาพูดใหฟงนี้มันลงกันไดไหมกับหลักเกณฑ สวนใหญ . ถามันไม ลงกัน ไดก ็ไ มเ อา ถา มัน ลงกัน ไดก ็ร ับ ฟง ; แลว ก็เ อาไปพิส ูจ น ไปแยกแยะ สําหรับเชื่อ สําหรับปฏิบัติตอไปอีก.
ขอที่ ๓. ถาเขามาบอกวา คณะบุคคลในพระพุทธศาสนาที่เชื่อถือได ที่ เขาเชื่ อ กั น อยู นั้ น เป น ผู บ อก ผู พู ด ข อ ความว า อย า งนี้ ๆ ; เราก็ ไม เชื่ อ ไม
ฆราวาส กับ พุทธศาสตร
๔๑๓
รับเอาทันที. ตองเอาขอความนั้นไปเทียบ ไปเปรียบ ไปสอบ ไปปรับกันดูกับ หลักเกณฑ สวนใหญ ในสู ต ร ในวินั ยเสี ยก อ น ; ถามั น เขากั น ได ก็ รับ เอามา พิสูจน มาแยกแยะ มาปฏิบัติ. ขอ ๔. ถามีบุ คคลบางคนที่ มีเกียรติ มี หลัก มี เครดิ ต วาเปน ผูที่ เชื่อ ถือ ไดพ ูด , เขาพูด กัน อยา ง เราก็ไมรับ เอาทัน ที. ตอ งเอาขอ ความนั้น ไป เทียบกับหลักเกณฑสวนใหญ ในสูตร ในวินัยทั้งหมดเสียกอน ถามันลงกันได จึงคอยรับฟง เอาไปพิสูจน แยกแยะและปฏิบัติ. ทั้ ง สี่ นี้ เรี ย กว า “มหาปเทส”. อย า งหมวดแรก สํ า หรั บ เกี่ ย วกั บ ระเบียบวินัย คือวาหาม หรืออนุญาต ทําลงไปมันผิด หรือถูก เปนมหาปเทส สว นวิน ัย . สิ ่ง ที ่ไ มไ ดต รัส หา มไว มีอ ยูส อง คือ มัน เขา กัน ไดก ับ สิ ่ง ที ่ม ัน ควร และถา มั นตรงกั นข ามกั บสิ่ งที่ ไม ควรแล ว ให ถื อว าควร. ถ าเข ากั นได กั บสิ่ งที่ ไมควร,มันแยงกันกับสิ่งที่ควรแลว ก็วานี้ไมควร. ถาวาสิ่งใดที่ไมไดอนุญาตไว ก็เหมือ นกันอีก : มัน เขากันไมไดกับ สิ่งที่ควร แตไปเขากันไดกับ สิ่งที่ไมควร ก็เรีย กวา มัน ไมควร. ถา เขา กัน ไดกับ สิ่งที่ค วร แตเขา กัน ไมไดกับ สิ่งที่ไมค วร ก็ ถื อ ว า มั น ควร. วิ นั ย เขามี ห ลั ก ๒ อย า งคื อ ห า มไว หรื อ อนุ ญ าตไว ; มีอ ยูเปน ๒ ประเภทใหญ ๆ ; ประเภทหนึ่ง ก็แ ยกออกไดเปน สอง อยา งนี้. คุณเอามาใชอยางปจจุบันนี้ มันก็ยังใชไดอยูสําหรับสิ่งที่ยังเปนปญหา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทางฝายพระสูตร ทางฝายคําสั่งสอน ก็อยาถือเอาโดยเหตุที่เพียงวา มีคนมาพูดวาพระพุทธเจาตรัส, หรือคณะสงฆสอน, หรือวาคณะบุคคลสอน, หรือวา คนมีปญญาสอน.แตใหเอาทั้งหมดนั้นไปสอบดูปรับกันดูกับสวนใหญ ที่เปนตัวพุทธศาสนานั้น ; ถามันเขากันไมไดกับหลักพุทธศาสนาสวนใหญแลว แมเขาจะมาอางวาพระพุทธเจาตรัสก็อยาไดเชื่อเลย.
๔๑๔
ฆราวาสธรรม
นี่ขอใหคิดดูใหดีเถิด จะมีความเชี่อ ความเลื่อมใสในพระพุทธเจา ยิ่ง ขึ้น ; คือ เห็น ขอ ที ่ท า นมีส ติป ญ ญาอยา งไร. ทา นมีค วามสุขุม รอบคอบ อยางไร,ทานปองกันพวกเราไวใหปลอดภัยอยางไร ; แมวาทานจะปรินิพพาน ไปนานแลว ก็เหมือนกับทานยังคุมครองเราอยูเดี๋ยวนี้.เรื่องเกี่ยวกับวินัย เรื่อง เกี่ยวกับพระสูตรเปนอยางนี้. ตอไป จะมาถึง เรื่องความเชื่อโดยตรง. หลักที่เกี่ยวกับความเชื่อนี้ เราเรียกกันงาย ๆ วา หลักกาลามสูตร. ที่มีสูตรชื่อนั้น ชื่อ กาลามสูตร – คือ สูตรที่พระพุทธเจาตรัสแกชนชาวหมูบานกาลามเกี่ยวกับความเชื่อ ; แลวก็นา อัศ จรรยที ่ส ุด ที ่ว า ยัง มีค วามจํ า เปน อยา งยิ ่ง แมสํ า หรับ คนสมัย นี ้ ที ่เ ปน พุทธบริษัททุกคน. เมื่อพระพุทธเจาเสร็จไปถึงหมูบานนี้ ชาวบานหมูหนึ่งเขามา ทูลถามวาพวกเราอยูกันที่นี่ เดี๋ยวก็มีครูบาอาจารย หรือผูอางตัวเปนพระศาสดา องคนั้นองคนี้, ผานมาทางนี้ แลวก็สอนอยางหนึ่ง ๆ ตาง ๆ กัน ไมเหมือนกัน จะเชื่อ ใครดี. พระพุท ธเจา ทา นก็เ ลยตรัส หลัก ๑๐ ประการนี้ ที่เ รีย กวา “กาลามสูตร” แกคนเหลานี้ มีขอความดังนี้ ;
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอ ๑ : มา อนุสฺสเวน - ทานอยาเชื่อเอาโดยเหตุที่วา มันเปนสิ่ง ที่เขาบอกเขาสอนสืบ ๆ กันมา. มา อนุสฺสเวน คําแปลวา อยาไดถือเอาดวยเหตุ เพียงวาฟงตาม ๆ กันมา, ฟงตาม ๆ กันมา คือบอก ๆ - บอกแลวฟงตาม ๆ กันมา แตกาลกอน.
ขอ ๒ : มา ปรมฺปราย - อยาถือเอาโดยเหตุที่วา เขาไดทําตาม ๆ สืบ ๆ กันมา. ขอ ๓ : มา อิติ กิราย - อยาถือเอาโดยเหตุที่วา มันเปนขาวลือ ขาวแตกตื่นเลาลือกันมาอยางครึกโครม เต็มบานเต็มเมืองเต็มโลก.
ฆราวาส กับ พุทธศาสตร
๔๑๕
ขอ ๔ : มา ปฏกสมฺปทาเนน - อยาถือเอาโดยเหตุที่วามันมีอยูในปฎก. แทจริง สี่ขอตอนแรกนี้มันคลาย ๆ กัน เราพิจารณาคราวเดียวกันได : อยาเชื่อหรือรับเอาคําสอนนั้น โดยเหตุที่วาไดบอก และสอนสืบ ๆ กันมาตั้งแต ดึก ดํ า บรรพ ; นี ้ม ัน เล็ง ถึง การพูด การบอก การสอน. สว นขอ ที ่ ๒ นั ้น เล็ง ถึงการประพฤติปฏิบัติตาม ๆ กันมา, หรือเห็น ๆกันอยู ไมตองบอกไมตองสอน, เชน ศาลพระภูม ิ อยา งนี ้ก ็ทํ า ตาม ๆ กัน มา. หรือ วา จะมองไปในแงวา บอก กัน ใหทํา ได แตวาเดี๋ย วนี้ไดทําตาม ๆ กัน มา เห็น ชัด อยู. ที่วา ตื่น ขาวลือ นั้น มัน เปน ของชั่ว ขณะ ชั ่ว ยุค ชั ่ว คราว ชั ่ว ขณะเลา ลือ กัน เปน คลื ่น บอกกลา ว ไปทั ่ว ประเทศทั ่ว โลกนั ้น , ซึ ่ง ในกรุง เทพ ฯ ก็ม ีอ ะไรอยู บ อ ย ๆ ที ่เ ปน การ ตื่น ขา ว ตื่น ตูม ในทางวิญ ญาณ อัน ที่ ๔ ที่วามัน มีอ ยูในตํารา หรือ อา งตํารา เอาตํา รามาอา งได ; นี้ใ ชคํา ที่เ ราชวนฉงน ที่ใ ชวา ปฎ กสมปทาเนน – วา มีอยูในตําราในปฎก. คําวาปฎกแปลวา ตํารา. ตําราอยางที่คุณมีกันในโรงเรียน นั ่น แหละ. พระไตรปฎ กก็ใ ชคํ า ๆ นี ้เหมือ นกัน . คือ เขีย นขึ ้น เปน ตํ า รา เปน วินัยปฎก สุตตันตปฎก อภิธัมมปฎก. อภิธัมมปฎกนี้เปนของทีหลังก็เรียกกันวา ปฎก. พระพุทธเจาทานไมไดใชเรียกคําสอนของทานเปนปฎก, แตมันถูกเขียน ขึ้นเปนปฎก ๆ ก็เลยกลายเปนตํารา. นี้ก็อยาเชื่อวามันมีอยูในตํารา หรือเปนตํารา เปน ปฎ ก. นี้แ ปลวา ตัด ออกไปหมดที่จ ะไมเ ชื่อ ทางการไดยิน ไดฟ ง ไดเ ห็น ไดอาน ไดอะไรเขามา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ก ลุ ม ถัด ไป ขอ ที ่ ๕ - ๖ - ๗. ขอ ที ่ ๕ วา ม า ต กฺก เห ตุ อยาไดถือเอาโดยตรรก ดูตามตัวหนังสือ ดีกวา ถาแปล แลวมันยิ่งยุง ขอ ๖ วา มา นยเหตุ - อยาถือเอาโดยนัย. ขอ ๗ วา มา อาการปริวิตกฺเกน - อยาถือเอาโดยการตรึกตามอาการ.
๔๑๖
ฆราวาสธรรม
ขอที่ ๕ ที่วา อยาถือเอาโดยตรรกนั้น ก็เห็นไดชัดเลยวาคือตรรก อยางที่เราเรียกกันอยูอยางสมัยนี้วา logic นี้ อยาถือเอาโดยเหตุที่วามันเขารูป ในทาง logic. เดี๋ยวนี้คนสมัยใหม คนปจจุบัน หรือนักศึกษานี้เขาวา logic นี้ เปน ของวิเศษ ประเสริฐ ไปเลย ; ถา มัน ถูก logic แลว ก็เอา. พระพุท ธเจา ท า นยั ง หามไว ว า รอก อ น, อย า เพ อ .วิ ธี ข องตรรกก็ คื อ วิ ธี ข อง reasoning ; reasoning มันก็ตองขึ้นอยูกับเหตุและผล. ทีนี้เหตุและผลมีนเปลี่ยนได หรือ มันเอามาไมหมดก็ไดโดยไมรูสึกตัว เหตุผลไมสมบูรณก็ไดเพราะฉะนั้นตรรกนั้น มั น ก็ ผิ ด . พระพุ ท ธเจ าท านจึ งว าอย า ถื อ เอาโดยตรรก อย า ถื อ เอาโดย logic คือตรรกอยาง logic ที่ยังมีอยูจนกระทั่งปจจุบันนี้. ขอที่ ๖. อยาถือเอาโดยนัย. คําวานัย ในที่นี้มันมีความหมายเปนนัย แหง การคาดคะเน. เชน พอมีอ ะไร เราก็ตึงสมมติฐ านขึ้น มาอยางนั้น อยางนี้ แลวก็คาดคะเนไปตามสิ่งที่มันเคยเปนหลักฐาน หรือเปนเหตุผลแสดงอยู ; มันได แก inference อยางเดี่ยวนี้นั่นเอง ; มันจะอาศัย induction หรือ deduction ก็ตาม เพื่อจะคืบไปหาความจริงทียังไมรู จากสิ่งที่รูอ ยูแลวอะไรอยางนี้ ; นี้เรียกวา โดยนัย อยารับเชื่อโดยเหตุสักวาโดยนัย อยางนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอที่ ๗. ที่วา อยาถือเอาโดยตรึกตามอาการ นี้คือ speculation ซึ่ง เปนวิธีการของปรัชญาอยางสมัยปจจุบันนี้. เพราะฉะนั้นขอใหถือวาวิธีการทาง ปรัชญานั้นก็ใชไมไดกับการบรรลุธรรมในพระพุทธศาสนา. วิธีการทางปรัชญา นั้นจะไมชวยใหมีการบรรลุมรรคผลอะไรได ; และพุ ทธศาสนาก็ไมใชปรัชญา พุทธศาสนาตองเปนศาสนา. ถาจะเปนก็เปนวิทยาศาสตรทางวิญญาณมากกวา ที่จ ะเปน ปรัช ญาหรือ เปน ตรรก เปน จิต วิท ยาอะไรทํา นองนั้น . เพราะฉะนั ้น หลักของตรรกวิทยาก็ดี จิตวิทยาก็ดี ปรัชญาก็ดี เอามาใชเพื่อเปนการตัดสิน
ฆราวาส กับ พุทธศาสตร
๔๑๗
ที ่แ นน อนไมไ ด. นี ่เ ปน กลุ ม ที ่ ๒ คือ คํ า สอนขอ ที ่ ๕ - ๖ - ๗ ; พูด สั ้น ๆ วา ไม ถื อ เอาตามหลั ก ของตรรก, ไม ถื อ เอาตามหลั ก ของจิ ต วิ ท ยา, หรื อ ปรั ช ญา เปนตน. กลุมสุดทายขอ ๘ : มา ทิฏฐินิชฺฌาณกฺขนฺติยา – อยาถือเอาโดยเหตุ ที ่ว า มัน ตรงกัน กับ ลัท ธิ ความเชื ่อ ที ่เ รามีอ ยู แ ลว . ตัว หนัง สือ วา อยา ถือ เอา เพราะวามั น ทนอยู ได ด วยการเพ งพิ สู จ น ต ามความคิ ด ของเราเอง, แม วาสิ่ งนั้ น มัน ทนอยู ไ ดต อ การเพง พิส ูจ น ดว ยความคิด ของเราเอง. ความคิด ของเราเอง ในที่นี้หมายความวา มันยังโงมันยังหลงอยู. เมื่อเรายังโงยังหลงอยู สิ่งใดเขามา ใหมแลวเผอิญ มาเขากันได คือมันทนอยูไดกับการที่เราตั้งขอสงสัยลงไป แลวมัน ทนอยูได ;อยางนี้ก็ยังเปนความผิด เพราะมันเปนความเพงพิสูจนของคนโง. นี้ ขอเตื อนให ระวังไววา พระธรรมในพระพุ ทธศาสนาต องทนได ต อการ พิ สู จ น ; ถ า ทนไม ได ต อ การพิ สู จ น ไม เรี ย กว า พระธรรมในพุ ท ธศาสนา. แต ว า การพิส ูจ นใ นที ่นี ้ หมายถึง การพิส ูจ นข องผู ม ีป ญ ญา หรือ เปน จอมปญ ญา ไมใชการพิสูจนของคนโง. ตัวหนังสือ มันเหมือ นกันอยู ระวังใหดี ; ทนไดตอการ พิส ูจ นนี ้ ตอ งถามวา ทนไดต อ การพิส ูจ นข องคนโง หรือ การพิส ูจ นข องคนที่ รอ บ รู . ถ า ท น ได ต อ ก ารพิ ส ู จ น ข อ งค น ที ่ ร อ บ รู แ ล ว ก็ ถ ื อ ว า ใช ไ ด ; แ ต เดี๋ ยวนี้ มั นของคนธรรมดาสามั ญ ทั่ วไป มั น ใชไม ได . นี้ จึ งจํ ากั ด ความลงไปวา ; อย า ถื อ เอาเพราะเหตุ ที่ ว า มั น เข า กั น ได กั บ ความเชื่ อ เดิ ม ของตน คื อ เราเชื่ อ อยู อยางไร ; อันนี้ มาใหม แล วมั นเขากั นได ละก็ อยาเพ อเชื่ อ อย ารับเอาด วยเหตุ ผล เพีย งเทา นั ้น , จะตอ งเอ าไป หั ่น แห ล กเส ม อ ไป .คํ า วา “หั ่น แห ล ก ” นี ้ก็ หมายความวา เอาไปใครคราญ ทบทวน หรือลองพิ สูจนดู ปฏิบั ติดู จนเห็น วา มันมีผลอยางนั้นจริงจึงจะเรียกวาควรเชื่อ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๔๑๘
ฆราวาสธรรม
ขอที่ ๙ : มา ภพฺพรูปตาย - อยาเชื่อโดยเหตุที่วา ผูพูดอยูในฐานะ ที ่ค วรเชื ่อ .คือ วา เรามัก จะดูค นพูด พอเห็น วา คนพูด นั ้น นา เชื ่อ ก็เ หอ กัน ไปฟง เหอ กัน ไปเชื่อ . นี ่เปน วิธีที ่ป ฏิบ ัติกัน อยู แมใ นกรุง เทพ ฯ ก็เปน อยา งนี้ ; เหอ ไปวาผูพูด มีเครดิต อยูในฐานะที่ควรเชื่อ ก็เชื่อ ; แตพ ระพุท ธเจาทานวาไมเอา นี่เปนกระแนะนําในขอที่ ๙. ขอที่ ๑๐ : มา สมโณ โน ครูติ - อยารับเอาโดยเหตุที่วา สมณะนี้ เปน ครูข องเรา. อยา งที ่คุณ มานับ ถือ ผม เปน อาจารย เปน ครูอ ยา งนี ้ แลว ก็ เชื ่อ อยา งนี ้ มัน ก็ผ ิด หลัก ขอ นี ้. นี ้เ ปน เรื่อ งชนิด ถึง ที ่ส ุด แลว คือ วา ผู พ ูด นั ้น เปน สมณะดว ย ไมใ ชเปน ชาวบา นดว ยกัน , ผู พ ูด เปน บรรพชิด เปน สมณะ, แลวสมณะนั้นก็เปนครูของตนอยูดวย ; ก็ยังถูกหามวา อยาเชื่อโดยรับเอาดวย เหตุที่วา สมณะนี้เปน ครูข องเรา. ขอ นี้ห มายความวา ไมไดหา มวา อยา ฟง , ทานพู ด อะไรอยาฟ ง ; ก็ฟ ง แลวก็เอาไปยอ ย อยางหั่ นแหลก ดวยความรูแจง ประจักษในใจของตนเอง วาสิ่งนั้นทําแลวมันมีผลขึ้นมาอยางนั้น หรือมันใหโทษ อยางนั้น แลวจึงเชื่อ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org รวม ๑๐ ขอ นี้เรียกวา กาลามสูตร. คุณควรจะทองจําไวใหขึ้นใจทั้ง บาลี และทั้ งคํ าแปล ;นี้ จะชวยให มี ความเป น พุ ท ธบริษั ท อยางที่ เรียกวาผุ ด ผอ ง อยางไมมีตําหนิ.
คุณลองทบทวนดูใหเห็นวา : - อยาเชื่อเพราะไดฟงตาม ๆ สืบ ๆกันมา ; - อย า เชื่ อ เพราะว า มั น เป น สิ่ งที่ ได ป ฏิ บั ติ แ ล ว ตาม ๆ กั น มา ; - อย าตื่ น ข า วลื อ ; อยาอางตํารา อยาเชื่อเพราะมีการอางไวในตํารา. นี่กลุมแรกเกี่ยวกับ เรื่อ งฟ ง.
ฆราวาส กับ พุทธศาสตร
๔๑๙
กลุ มที่ ๒ วา โดยเหตุ สั กวาอาศั ยวิธี คํ านวณทางตรรก หรือคํ านวณ ทางจิตวิทยา คํานวณทางปรัชญา. กลุ ม ที่ ๓ ว า มั น ถู ก กั บ ลั ท ธิ ที่ เราถื อ อยู แ ล ว และผู พู ด อยู ในฐานะ ควรเชื่อ หรือวาเขาเปนครูของเราและเปนสมณะดวย. นี่ผมเห็นวาไมมี อะไรเหลืออีกแลวที่พระพุ ทธเจาท านไม ไดเอามากล าว ; มัน เปน เครื่อ งซัก ฟอกที ่ด ีที ่ส ุด และรับ ประกัน ไดด ีที ่ส ุด . เรื่อ งของความเชื ่อ ก็มี อยูอยางนี้. ตอมาถึงเรื่องความผิด - ความถูก ; อยางไหรเรียกวาผิดวาถูก ? ถาถือ เอาตามวิธีของปรัชญา หรือทางตรรกมันไปอยางอื่น ยุงไปหมด. อยางไรเรียกวา ผิ ด , อย า งไรเรีย กว า ถู ก , พระพุ ท ธเจ า ท า นตรัส ก็ ไม เอาตามนั้ น เป น ที่ แ น น อน. สําหรับเกี่ยวกับความผิดความถูกนี้ เรามีสูตรชื่อ โคตมีสูตร ; เกี่ยวกับโคตมีสูตร นี่ ร ะบุ ห ลั ก ที่ จ ะให ตั ด สิ น ได ด ว ยตนเองว า อย า งไรผิ ด อย า งไรถู ก อย า งไรควร อยางไมควร. ทั้งหมดมีอยู ๘ ขอ ; ถามันเปนไปไมถูกในลักษณะ ๘ อยางนี้แลว ใหถ ือ วา ไมค วร ไมถ ูก , พระพุท ธเจา ไมไ ดส อน. ตอ เมื ่อ มัน ตรงกัน ขา ม จึง จะ ถือวาถูก หรือวาควร ซึ่งพระพุทธเจาทานสอน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอที่ ๑ ถาการกระทํานั้นมันเปนไปเพื่อความกําหนัดยอมใจ นี่แปลตาม ตัวหนังสือ. ถามันเปนไปดวยความกําหนัดยอมใจ ยึดมั่นถือมั่นเพิ่มขึ้นรอบดาน ; อยางนี้ก็เรียกวา ไมควร ไมถูก พระพุทธเจาไมไดสอน. ขอที่ ๒ มันเปนไปเพื่อประกอบทุกข คือทําใหลําบากโดยไมจําเปน, ทํ า ใหลํ า บากมากขึ้น กระทั ่ง เห็น กงจัก รเปน ดอกบัว ; อยา งนี ้เ รีย กวา ไมถ ูก ไมควร พระพุทธเจาไมไดสอน.
๔๒๐
ฆราวาสธรรม
ขอที่ ๓ มันสะสมกิเลส มันไมยอมลดกิเลส ไมเปนไปเพื่อลดกิเลส. มัน เพิ ่ม กิเ ลสเชน เพิ ่ม ความอยาก เปน ตน ; นี ้ไ มถ ูก ไมค วร พระพุท ธเจา ไมไดสอน. ขอที่ ๔ เป นไปเพื่ อความอยากใหญ ทะเยอทะยานไม มี ขอบเขต ไม มี ความหมาย เชน เดี ๋ย วนี ้จ ะไปโลกพระจัน ทร หรือ จะไปโลก ๆ อื ่น ตอ ไปอีก หรือจะไปยิ่ง ๆ กวาโลกพระจันทร ; นี้เปนเรื่องอยากใหญ. ข อ ที่ ๕ ไม สั น โดษ หรือ หิ ว อยู เรื่อ ย เป น เปรตอยู เรื่ อ ย เพราะสิ่ ง ที่ ได ม าเท าไร มั นไม ทํ าใหเกิด ความพอใจ หรือสนองความต องการ ; มั น ตอ งการ อยูเรื่อย เปนเปรตอยูเรื่อย. ขอ ที่ ๖ คลุ กคลี กัน เป น หมู . ตั วหนั งสื อ วา สงฆ นั้ น ไม อ ยู กัน เป น หมู คือวาปลีกตัวไปทําความเพี ยร เพื่อจิตใจมีอิสระ มี ความเหมาะสมที่จะรู. สําหรับ คนทั่ วไปคลุ กคลีกั นเป นหมู นี้ เชนชอบไปอัดแอกั นอยูในกรุงเทพ ฯ แม วาจะเพื่ อ การเล าเรียน เพื่ ออะไรก็ ตาม ; แต ว าส วนลึ กที่ น ากลั วก็ คื อว า ชอบไปอยู รวมกั น เปน หมู เพื ่อ มีอ ะไรชนิด ที ่ม ัน เปน ที ่ส นุก สนาน เพลิด เพลิน พออกพอใจ ทางเนื ้อ หนัง มากกวา อะไรใหค วามเพลิด เพลิน ทางเนื ้อ หนัง ก็เ รเ ขา ไปที ่นั ่น ; มันเกิดความคลุกคลีเปนหมูขึ้นมา. ถาอยูกันเงียบ ๆ งาย ๆ ตามชนบทบ านนอก เล็ก ๆ นอ ย ๆ, เปน บา นเล็ก ๆ นอ ย ๆ หา ง ๆ กัน เหมือ นชนบทนี ่ อยา งนี้ เรีย กว า มั น ไม ค ลุ ก คลี กั น เป น หมู . แต ถ าไปอั ด กั น อยู ในนครหลวง ที่ เต็ ม ไปด ว ย การแขงขันแยงชิง ; มันก็เปนการคลุกคลีกันเปนหมูในความหมายนี้ดวยเหมือนกัน. คํ า สอนที่ ส อนแก ภิ ก ษุ เอาไปใช เป น หลั ก สํ า หรับ สอนแก ฆ ราวาสได ในลั ก ษณะ อยางนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ข อ ที่ ๗ เป น ไปเพื่ อ ความเกี ย จครา น. เกี ย จครา นคื อ ขี้ เกี ย จทํ า งาน ด ว ยแรง มั น ไม อ ยากเหนื่ อ ย ; นี้ ก็ เห็ น ชั ด อยู แ ล ว . แต ผ มอยากจะขยายความ
ฆราวาส กับ พุทธศาสตร
๔๒๑
ออกไปถึงวา แมการที่สมัยนี้มีเครื่องทุนแรงใช จนคนไมตองทํางานนี้ มันก็เปน เรื่อ งผิด เรื่อ งใหโทษ. เพราะมีเครื่อ งทุน แรงขึ ้น ในโลก ปญ หาทางเศรษฐกิจ ทางการเมือง ทางการอะไรตาง ๆเกิดขึ้นมากมาย. อยางในประเทศอินเดียแลว นาสงสารที่สุด คือเครื่องทุนแรงเขาไปทําใหเกิดการปนปวนจนทําใหคนเปนลวน ๆ ไม มี งานทํ า ไม มี ทางทํ ามาหากิน อย างนี้ เป น ต น . ป ญ หาเกิด ขึ้น ในโลกมนุ ษ ย อยางรายกาจ เพราะประดิษฐเครื่องทุนแรงขึ้นมาได ; คุณ ไปคิดเอาเอง ไปมอง เอาเองก็จะเห็น ในแงของของเศรษฐกิจ หรืออะไรก็ตาม ซึ่งคนสมัยนี้เห็นวาเปนผลดี วา ประเสริฐ วา เจริญ วา กา วหนา นั ้น แหละมัน มีเ บื ้อ งลา ง หรือ เบื ้อ งหลัง เปนเหตุที่ทําใหยุงยากโกลาหล และเปนไปทางมีความทุกขมากขึ้นในโลก. ผมเลย สงเคราะหเขาไวในเรื่องวาเกียจครานทําการงานแตละคน ๆ. ขอที่ ๘ ขอสุดทายวา เลี้ยงยาก. อยางเปนพระเปนเณรเลี้ยงยาก นี้มันไมไหวแลว มันไมมีความเปนพระเปนเณร. แตถึงชาวบานฆราวาสก็เถอะ ถาเลี้ ยงยาก เดี๋ย วนี้ กิน จุบ กิ น จิบ พิ ถี พิ ถั น มี พิ ธีรีต องมากในเรื่อ งกิ น . กิ นขาว กลางวัน ตองขับรถหนึ่ งชั่วโมงไปกินที่ รานอาหารที่ มีชื่อเสียงต างจังหวัด นี้ ก็มี ; อยา งนี ้ค ือ พวกเลี ้ย งยาก ซึ่ง ผิด หลัก พระพุท ธศาสนา พระพุท ธเจา ไมส อน. ตอเมื่อใด มันกลับกันอยางตรงกันขาม จึงจะเปนความถูกตองในหลักพระพุทธ ศาสนาและพระพุทธเจาสอน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที่วาเปนไปถูกหลักพระพุทธศาสนา และพระพุทธเจาสอนนั้นคือวา - มัน ไมเปน ไปเพื่อ ความกํา หนัด ยอ มใจ. - ไมป ระกอบทุก ข. – ไมส ะสมกิเลส - ไม อ ยากใหญ . - เป น ไปเพื่ อ สั น โดษ. - เป น ไปเพื ่ อ ไม ค ลุ ก คลี กั น เป น หมู . - เปน ไปเพื ่อ ไมเ กีย จครา น สมัค รทํ า งาน.- แลว ก็เ ลี ้ย งงา ย กิน อยู ง า ย plain living, high thinking มีไดดวยขอนี้.
๔๒๒
ฆราวาสธรรม
พวกฝรั ่ง ที ่ตื ่น หรือ หลงในอารยธรรมของตัว เอง เห็น พวกพระ พวกคุณ กวาดขยะนี้ก็บ อกวา งานหนักเสียแลว. พวกฝรั่งมาเห็นพระกวาดขยะ ก็พ ูด วา งานหนัก ; ซึ ่ง ที ่จ ริง ตามหลัก ของพวกเราไมใ ชก ารทํ า งานอะไรเลย, แลว เปน สิ ่ง ที ่น ิย มอยู ใ นพุท ธศาสนา ; ไมใ ชง าน มัน เปน ระเบีย บ เปน วิน ัย อะไรมากกวา. แตเขากลับ เห็น เป นงานหนัก ตองให คนอื่น ทํ า ต อ งใหลูกจางทํ า หรือใหคนใชทํา หรือใชเครื่องจักรทํ าแทน. ถาจิตในมันเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้แลว มันไมมีหวังที่จะเปนไปตามทางของความดับทุกข คือการบรรลุมรรค ผล นิพพาน. เพราะฉะนั้น ขอใหตีความหมายของคําแตละคํา ในพระพุ ทธศาสนานี้ ใหด ี ๆ ; อยา ใหเ พีย งแคบ ๆ แคต ัว หนัง สือ เปน เรื่อ งของเด็ก อมมือ อา นแลว รูสึกวาอยางนั้น. ผูใหญมีสติปญญา ตองรูจักเอาความหมายของตัวพยัญชนะ นั้ น ๆ ให ค รบถ ว น ; แล ว ให มั น ตรงกั น อยู จ ริ ง ๆ กั บ ที่ มั น เป น อยู จ ริ ง ในหมู มนุษ ยป จ จุบ ัน นี ้ ในโลกยุค ปจ จุบ ัน นี ้ ซึ่ง โงล งทุก ที - โงล งทุก ที. ผมพูด อยา งนี้ ก็เพราะวา มัน ไกลหลัก พุท ธศาสนาของพระพุท ธเจา ออกไปทุก ที. นี ่ค ุณ อาจจะ ไม เชื่ อ เพราะว าคุ ณ กํ าลั งตามก นฝรั่งอยู ก็ ได ; แต ผมไม ตามก นฝรั่ง แต ตามกั น พระพุทธเจา จึงเอาเรื่องอยางนี้มาพูด.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org วันนี้เราพูดไดไมจบ ในเรื่องฆราวาสกับพุทธศาสตร เพราะเวลาหมด เอาไวพูดตอในวันหลัง.
ฆราวาส กับ พุทธศาสตร (ตอ ) -๒๓ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๑๓ สําหรับพวกเราลวงมาถึงเวลา ๔.๔๕ น. แลว เปน เวลาที่ จ ะได บ รรยายกั น ต อ ไปถึ ง เรื่ อ งที่ ค า งไว โ ดยหั ว ข อ ว า ฆราวาส กับ พุทธศาสตร, และขอย้ําใหทบทวนอยูเสมอวา คํา วา “ศาสตร” ของเรา มิไ ดห มายถึง ความรูที ่ก วา งขวาง เพอ เจอ เหมือ นที่ใ ชกัน อยูโดยทั่ว ไป.แตคํา วา “ศาสตร” ของ เราหมายถึง อาวุธ ที่ม ีค ม สํา หรับ ตัด สิ่งที ่ไมค วรจะมีอ ยูใ นตน หรือ สิ ่ง ที ่เ ปน อุป สรรคนานาชนิด ดัง นั ้น ในที ่นี ้ก ็ห มายถึง การที่พุทธศาสตรจะเปนอาวุธมีคมตัดสิ่งที่เรียกวาไสยศาสตร ใหคอย ๆ หมดไป จนความเปน พุท ธบริษัทของเราถูกตอ ง บริสุท ธิ์ผุด ผอ ง ; ไมตองถือพุทธศาสตรปนไสยศาสตร อยางที่เขาพูด ๆกันในลักษณะที่เปนการ เยาะเยยถากถาง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ในคราวที่แลวมา ไดพูดถึง มหาปเทสโดยทางวินัย ๔, มหาปเทสโดย ทางสุต ตัน ตะ ๔,มหาปเทสเปน เครื่อ งตัด สิน สิ่ง ที่เปน ปญ หา ; และไดพูด ถึง
๔๒๓
๔๒๔
ฆราวาสธรรม
กาลามสูตรเปนเครื่องตัดสินเรื่องที่เปนปญ หาเกี่ยวกับความเชื่อ ; และไดพูดถึง โคตมีสูตรที่เปนเครื่องตัดสินปญหา เกี่ยวกับความผิดหรือถูก. ขอใหไปทบทวน ดูใหม แลวเอามาตอกันเขากับเรื่องที่จะไดบรรยายตอไปในคราวนี้. และที่สําคัญ ที่สุด ก็ขอใหพิจารณาดูใหเห็นการที่มนุษยเราในโลกนี้ กระทําผิดตอหลักเกณฑ อันนี้อยูอยางไร ; ฆราวาสเราจึงเต็มไปดวยเรื่องยุงยาก โดยสวนใหญทําใหโลกนี้ เต็ มไปดวยความระส่ําระสาย เบียดเบี ยนกัน เชนสงครามเป นตน . นี่เพราะวา เรายังเปนฆราวาสชนิดที่ไมมีกฎเกณฑที่ถูกตอง ; โดยเฉพาะอยางยิ่งตามหลักของ พระพุท ธศาสนาซึ ่ง ถือ เอาปญ ญาเปน ที ่พึ ่ง ; แทนที ่จ ะมีแ ตค วามเชื ่อ ของ ความเชื่อ ใหมามีแตความเชื่อ ที่มาจากปญญา แลวก็มีความเปนอิสระจากกิเลส ไมใหกิเลสจูงไปตามอํานาจของกิเลส จึงอยูในความถูกตอง หรือในขอบเขตของ ความถูกตอง เชนโคตมีสูตร เปนตนนั่นเอง. ทีนี้ จะพูดถึงหลักธรรมะโดยตรงยิ่ง ๆ ขึ้นไป ซึ่งมีความสําคัญ สําหรับ ความเปนพุทธบริษัทเรื่องที่จะกลาวเปนเรื่องแรก ในวันนี้ก็คือ เรื่องหลักอนัตตา รวมถึงสุญญตา หรืออะไรอื่น ๆ ที่คลายกัน. ความมุงหมายสําคัญของเรื่องนี้อยูที่ ความไมยึดมั่นถือมั่น ; เมื่อมีความเขาใจเรื่องอนัตตาเรื่องสุญญตา เปนตนแลว มันก็ทําลายความยึดมั่นถือมั่น ซึ่งเปนเหตุใหถือ รือกระทําไปอยางงมงาย ตาม แบบของไสยศาสตร เปนตนอีกนั่นเอง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรื่อง อนัตตา โดยหลักใหญ ก็คือใหทําลายความรูสึกประเภทที่เปน egoism หรือ egotism ทุ กชนิ ด ซึ่ งเป นเหตุ ให เกิ ด ความเห็ น แก ตนทุ กอย างทุ ก ประการ. ความทุกขสวนบุคคลก็มาจากความเห็นแกตน, ความทุกขที่เกี่ยวพันกัน ทั้งโลกก็มาจากความเห็นแกตน. เพราะฉะนั้น จึงเปนเรื่องใหญ เปนเรื่องของโลก ทั้งหมด. เราจะพู ดกันโดยรายละเอียด ในเวลาอัน สั้นอยางนี้ ก็ไม พ อ จะเอาไว
ฆราวาส กับ พุทธศาสตร (ตอ)
๔๒๕
พูดโดยรายละเอียดเฉพาะเรื่องนั้นในคราวหลัง ; แตในที่นี้เอามารวมเขาในกลุม ที่เปนหลักพุทธศาสตรซึ่งฆราวาสจะตองสนใจ. มีคนเขาใจผิดไมยอมใหฆราวาสเกี่ยวกับเรื่องสุญญตา หรืออนัตตา. แต เมื่อมีผูไปทูลถามพระพุทธเจาวา เรื่องอะไรที่เปนประโยชนแกฆราวาสตลอดกาล นาน ; พระพุทธเจาทานตรัสเรื่องสุญญตา. นี้เคยอธิบายไวในปาฐกถา หรือคํา เทศนาหลายครั้งหลายหนแลว : ใจความสําคัญก็คือวา ฆราวาสมีเรื่องที่ทําให ยึด มั่น ถือมั่น มาก ; ถาปลอ ยไปตามเรื่อ ง มัน ก็ต กนรกทั้งเปน ; ยึด มั่น อะไร ที่ไหนก็เปนความทุกขที่นั่น และเมื่อนั้น, จึงอยากจะใหฆราวาสผูมีกิจการงาน มากนี้ ไมตอ งตกนรกทั้ง เปน หรือ วาไมต กนรกทั้งเปน มากเกิน ไป ; จึง สอน เรื่องอนัตตาหรือเรื่องสุญญตานี้ พอที่จะบรรเทาความยึดมั่นเสียไดเปนสวนมาก ; แลวก็เปนการตั้งตนที่ดี สําหรับการที่จะกาวหนาไปสูจุดหมายปลายทางของ พระพุทธศาสนา คือเรื่องนิพพาน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอนี้เราจะตองเขาใจหลักสําคัญสั้น ๆ ของมัน มีอยูวา เพราะยึดมั่น ถือมั่นอยางผิด ๆ นี้ จึงทําในสิ่งที่ไมควรจะทํา. คําวา ยึดมั่นถือมั่น ก็หมายถึง ยึดมั่นถือมั่นดวยความโงเสมอไป, คือมีมูลมาจากอวิชชา จึงไดเกิดตัณหา - ความ อยาก, อุปาทาน - ความยึดมั่นถือมั่น. แตถามันเปนความตองการ ความขยัน ขันแข็ง ความตั้งใจจริงของสติปญญา จะเดินไปในทางที่ถูกตอง แลวไมเรียกวา ความยึดมั่นถือมั่น, ในภาษาไทยอาจจะเรียก แตในภาษาบาลีไมเรียก ; แลวแยก กันเด็ดขาด ความยึดมั่นถือมั่นตองมาจากความโง ; ความขยันขันแข็งที่มาจาก สติปญญานั้นก็เรียกไปตามเรื่อง, เรียกเปนความเพียร ความจริง ความตั้งใจมั่น หรือ อธิฐ านจิต อะไรก็แ ลว แตจ ะเรีย ก ; ฉะนั้น เอาไปปนกัน ไมไ ด. อัน หนึ่ง มีรากเงามาจากอวิชชา - ความโง ความไมรู ; อันหนึ่งมีรากเงามาจากวิชชา สติปญญา หรือความรู.
๔๒๖
ฆราวาสธรรม
เมื่ อพู ดถึง อนั ตตา สุญญตา มั นเป นยอดสุดของสติ ป ญญา คื อเห็นสิ่ ง ทั ้ง ปวงตามที ่เ ปน จริง เปน เหตุใ หไ มย ึด มั ่น , แลว เปน เหตุใ หเ บื ่อ ในความโง ความหลง หรื อความยึ ดมั่ นถื อมั่ น ที่ เคยยึ ดมั่ นถื อมั่ นมาแต กาลก อน. ความเบื่ อ อยางนี้ไม ใชความเบื่อระอา ชนิดที่ ทําให ทอ แทถอยกําลัง ; แตมัน เปน ความเบื่ อ ตอสิ่ งที่ ไม น าปรารถนา ไม พึ งปรารถนา แลวก็หั น ไปหาสิ่ งที่ ควรปรารถนา ; พู ด โดยตรงก็ คื อ เบื่ อ ความทุ ก ข หรื อ ต น เหตุ ใ ห เกิ ด ความทุ ก ข . แล ว ก็ ไปเกิ ด ความ ขยันขันแข็งในสิ่งที่เปนความดับทุกข. เพราะฉะนั้นก็ตองเขาใจคําวา “เบื่อ” ในทาง พุ ท ธศาสนานี้ ใ ห ดี ๆ อี ก เหมื อ นกั น ; ในภาษาบาลี เรี ย กว า นิ พ พิ ท า แปลว า ความเบื ่อ ,ไมใ ชเ บื ่อ ระอา กระสับ กระสว ย กระวนกระวาย เปน ทุก ขท รมาน อยูอีกแบบหนึ่ง ; อยางนั้นมันไมใชความเบื่อที่ถูกตอง. ความเบื่ อ ที่ ถู ก ต อ ง หมายความว า รู จ ริ ง ในสิ่ ง ที่ เคยโง เคยหลง เคยเปน ทุก ขก ับ มัน มามากแลว ; แลว ก็ไ มเ อาดว ย ไมเ ลน ดว ย ไมอ ะไรดว ย อีก ตอ ไป ; ก็ห ัน ไปหาทางที ่ต รงกัน ขา ม คือ ไมร ัก ไมห ลง ไมย ึด มั ่น ถือ มั ่น ในสิ ่ง เหลา นั ้น ; แลว ก็ไ ปสู ค วามสงบ. เพราะฉะนั ้น ผลของความเบื ่อ มัน ก็ค ือ เปน ความสบาย ไมใ ชค วามอึด อัด รํา คาญ. ถา เปน ความเบื่อ ที่อ ึด อัด รํา คาญ ที่มั กจะมี กันไดทุกคนไมวาใคร ; นั้นมันเป นอีกความหมายหนึ่ง เป นภาษาธรรมดา ภาษาชาวบา น ; กิน อะไรซ้ํ า ซากก็เ บื ่อ เห็น หนา กัน อยู ท ุก วัน ก็เ บื ่อ อยา งนี้ มันไมใชเบื่ออยางที่ตองการในทางธรรม.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรื่องเบื่ อนี้ มั นจําเป นจะต องมี ถาไม มี ก็ถอนตั วออกไปจากโลกนี้ ไม ได . เดี๋ยวนี้พอใจอยูในความสุขสนุกสนาน เอร็ดอรอยทางเนื้อหนังในโลกนี้ ไมรูจักเบื่อ และมีแตจะยิ่ง ๆ ขึ้นไป ; เพราะฉะนั้นโลกนี้จึงเป นโลกของความตะกละตะกลาม ในความเอร็ด อรอ ยทางเนื้ อ ทางหนั งยิ่ งๆ ขึ้ น ไป ;มั น ก็ เลยได เป น ทุ ก ข กั น ทั้ งโดย
ฆราวาส กับ พุทธศาสตร (ตอ)
๔๒๗
สวนตัว และโดยสวนรวมมากขึ้นทุกที. ถาดูใหดีแลวจะเห็นวา แมมหาสงครามที่ กําลังมีอยูในโลกตลอดเวลานี้ มัน ก็มาจากการที่ไมรูจักเบื่อตอ สิ่งที่ควรเบื่อ ; มูลเหตุของมันอยูที่การกอบโกยวัตถุ อันเปนที่ตั้งแหงความเพลิดเพลินทางเนื้อ ทางหนัง ทั้ง นั้น . นายทุน ก็ตอ งการสิ่ง นี้ กรรมกรก็ตอ งการสิ่ง นี้ ; มัน ก็เ ลย ไดแยงชิงสิ่งนี้กันไปอยางไมรูจักสิ้นสุด. ถาทุกคนเขาใจเรื่องเกี่ยวกับความสุขทางเนื้อหนังนี้อยางเพียงพอแลว ก็จะทําใหยุติวิกฤตกาลเหลานั้นได ; มันจึงเปนเรื่องจําเปน, เปนความสําคัญ ที่จะตองมีความรูเรื่องสุญญตา เรื่องอนัตตา ใหถูกตองตามสมควรแกความเปน ฆราวาส อยางที่ พ ระพุ ทธเจาท านตรัสวา เรื่อ งนี้เปนประโยชนสุข เกื้อ กูลแก ฆราวาสตลอดกาลนาน. เกี ่ย วกับ ความเบื ่อ ที ่ม ีม ูล มาจากสุญ ญตาอนัต ตานี ้อ ยากใหไ ด ทราบกัน ถึง เรื่อ งอนุปุพ พิก ถา. ถา พระพุท ธเจา ทา นเห็น วา ผูใ ดมีส ติปญ ญา พอสมควรที่จะเขาใจเรื่องนี้รวดเดียวได พระองคก็ตรัส ; ถายังโงมาก ยังหนามาก ยัง ดิบ มาก ไมอ าจเขา ใจเรื่อ งนี้ร วดเดีย วได ก็ไ มต รัส . เรื่อ งที่ต รัส รวดเดีย ว แกบุคคลที่อาจจะเขาใจไดนี้ เรียกวา “อนุปุพพิกถา” คือ : -
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org จะพูด เรื่อ งที่ ๑ คือ การใหท าน, การเอื้อ เฟอ เผื่อ แผ ที่เรีย กวา ใหทานนี้วาเปนอยางไร ดีอยางไร.
เรื่องที่ ๒ คือเรื่องศีล, มีความประพฤติดีทั้งโดยหลักใหญและโดย ปลีกยอยมันมีอยูอยางไร มันดีอยางไร. เรื่อ งที่ ๓ พูด เรื่องสวรรค ซึ่งเปน ผลของทาน และศีล . เมื่อ เรา มี ท านและศี ล สมบู รณ แ ล ว เราก็ ได ส วรรค ที่ ทุ ก คนต อ งการ ; จะต อ ตายแล ว
๔๒๘
ฆราวาสธรรม
หรือที่ นี่ เดี๋ ยวนี้ ก็ได ทั้ งนั้ น. ความที่ เราอิ่ มอกอิ่มใจ ยกมื อไหวตั วเองได ด วยความ เปน สุข นี ้ก ็ร วมอยู ใ นเรื่อ งนี ้. แตว า ที ่เ ขาโงเขาหลง เขายึด มั ่น เขาโงก ัน มาก ก็ค ือ เรื่อ งสวรรค เรื่อ งกามารมณ เรื่อ งสวรรคว ิม านกามารมณต อ ตายแลว ; ทุกคนจองอยูที่นั้น. นี่ทาน ศีลเปนเหตุใหไดสวรรค. เรื่องที ๔ เรื่องความเลวทรามของสวรรค : สวรรคใหความเอร็ดอรอย ทางเนื้อทางหนังถึงขีดสุดอยางที่ตองการ ; แตแลวก็แสดงความเลวทรามอยูในตัว นั บตั้ งแต วา กามารมณ นี้ ทํ าให เกิ ดฆ าฟ นกั น. อย างเดี๋ ยวนี้ จะเห็ นได งายที่ สุ ดใน หน าหนั งสื อพิ มพ ทุ ก ๆ วัน วันละหลาย ๆเรื่อง หรือหลายสิบเรื่อง คือการฆ าฟ น กันเพราะกามารมณ เปนมูลเหตุ. อยางนี้เรียกวาโทษของสวรรค ; สูงขึ้นไปกระทั่ง เพื่ อนฆ าเพื่ อน ลู กฆ าบิ ดามารดา บิ ดามารดาฆ าลูก ก็เป นสิ่งที่ เกิดขึ้นได ในเมื่ อ มัว เมาในเรื ่อ งสวรรคนั ้น ; นี ่ก ็เ ปน โทษของสวรรค. ถา เปน เรื ่อ งของสวรรค วิม านต อ ตายแล ว มั น ก็ ห มายถึ ง ความโงที่ สุ ด ที่ จ มอยู ในความเพลิ ด เพลิ น ทาง เนื ้อ หนัง นั ้น ไมล ืม หูล ืม ตา, ไมป ระสีป ระสาตอ เรื ่อ งมรรค ผล นิพ พาน. ที ่ ๆ โงเงางมงาย มันเมากันมากที่สุด ก็คือในสวรรคนั่นเอง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรื่องที่ ๕ เรื่องออกไปเสียจากกามารมณ คือออกไปเสียจากความผูกมัด ของสวรรค เปน อิส ระ ; จิต ใจก็เ ปน อิส ระในการที ่จ ะเลือ กทางเดิน คือ การ เปนอยูในชีวิตนี้ใหมันถูกตอง ไมใหเปนทาสของกามารมณ. นี่คุณฟงดูเครื่องที่พระพุทธเจาทานตรัสไวอยางนี้ โดยเฉพาะแกบุคคลที่ อาจจะเขาในไดโดยรวดเดียวทั้ง ๕ เรื่อง. ถาคนที่บาจัด เมาจัด โงจัด มันก็ฟ ง ไมรู เ รื ่อ ง ; ก็จ ะหยุด อยู แ ตเ พีย งแคค วามเอร็ด อรอ ยทางเนื ้อ หนัง เรื ่อ ง สวรรคข องเขานั ่น เอง ; มัน เปลื ้อ งออกไปไมไ ด. ทีนี ้พ วกคุณ จะอยู ใ นชุด ไหน พวกไหน กลุม ไหน ก็ล องไปคิด ดู วา เราพอจะมองเห็น สิ ่ง ทั ้ง ๕ นี้ค ราวเดีย ว
ฆราวาส กับ พุทธศาสตร (ตอ)
๔๒๙
ตลอดทั ้ง สาย ทั ้ง ๕ เรื ่อ งหรือ ไม : เรื ่อ งการทํ า ความดีค วามงาม ดว ยทาน และศีล ; แลว ก็ไ ดผ ลมาตามที ่ต ัว ตอ งการ เปน กามารมณที ่ป รารถนา ; แลว ก็ม องเห็น วา ในนั ้น มัน มีโ ทษ มีค วามเลวทรามเจือ อยูด ว ย ; แลว ก็ไ มไ ปโง ไปหลงกะมัน . ถา จะไปกิน ไปใช ไปเกี่ย วขอ งกะมัน ก็ดวยสติป ญ ญา ที่ไมไปโง ไปหลง ไปเปนทาสมัน. กามารมณ นี้ มั น ก็ คื อ วั ต ถุ ป จ จั ย ที่ จํ า เป น อยู กั บ ชี วิ ต มนุ ษ ย ; แต ถ า เข า ไปเกี่ ย วข อ งในฐานะ ที่ มั น เป น กามารมณ แ ล ว มั น เป น พิ ษ เป น ความทุ ก ข ความร อ น. แต ถ า เข า ไปเกี่ ย วข อ งกั บ มั น เพี ย งแต ในฐานะที่ เป น ป จ จั ย สํ า หรั บ เครื่องยั งชีพ หรือเป นเพี ยงอาหาร อย างนี้ ละก็ เป นความถู กต อง ซึ่งจะได เป นอยู ปกติ อยางสะดวกสบาย. เพราะฉะนั้ นอยางที่ ได เคยพู ดมาแล ววา แม จะเกี่ยวของ กั บ เรื่อ งเพศตรงกั น ข าม ก็ ให เกี่ ยวข องในฐานะที่ เป นอาหารชนิ ดหนึ่ งเท านั้ น คื อ เพื ่อ บํ า บัด ความใคร หรือ เพื ่อ การศึก ษา, หรือ เพื ่อ การสืบ พัน ธุ โ ดยบริส ุท ธิ ์ ; อยาเปนเรื่องลุมหลงมัวเมาอยางคนโง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรามีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ที่ตองการความรูสึกพอใจในทางอายตนะนี้ คือทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ; แลวก็ดวยอํานาจของตอมแกลนดอะไรตาง ๆ ทางฟ สิ ค ส , แม ไม เกี่ ย วกั บ เรื่อ งจิ ต ใจ. เรื่อ งทางฟ สิ ค ส ล ว น ๆ เมื่ อ ต อ มแกลนด อัน ใดมัน สุก ถึง ขนาด ก็เ กิด ความรูส ึก ที ่จ ะสืบ พัน ธุ เปน ตน ; นี ่เ ปน เรื่อ งทาง ฟส ิค ส ทางวัต ถุแ ท ๆ. อยา ไดไ ปโงห ลงเปน วิเ ศษวิโ สอะไรมากนัก ; แลว ก็แ กไ ขไป หรือ บํ า บัด ไปพอใหถ ูก วิธ ี, อยา งนี ้ม ัน ก็ก ลายเปน อาหาร เครื ่อ ง หลอ เลี้ ยงความปรกติ ของจิ ตใจ ; นี้ ก็ เรียกวา “อาหาร” . แล วก็ นํ ามาซึ่งความรู ความเข า ใจ อั น เกี่ ย วกั บ ความลั บ ของชี วิ ต นี้ ก็ เรี ย กว า “อาหาร”. แล ว ก็ นํ า ผล เป น การสื บ พั น ธุ เป น ลู ก เป น บุ ต รอะไรออกมา นี้ มั น ก็ เป น “อาหาร”. อาหาร
๔๓๐
ฆราวาสธรรม
ก็แปลวา สิ่งที่จะนําผลอยางใดอยางหนึ่ง มาสูหรือมาให ; นี้เรียกวา ; “อาหาร” ทั้งนั้น. เพราะฉะนั้นจะมีอาหารทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ อะไรก็ต าม เมื่อมันนําผลที่ดี หรือ ควรจะไดม าให สิ่งนั้นก็เรียกวา “อาหาร” ทั้งนั้น. เชนวาเรากินขาวเขาไปเปนคํา ๆ นี้มันก็นําผลมาให คือความอิ่ม หรือ ความหายหิว นี้เรียกวา “อาหาร” เรื่องที่เราทําความดี ความงาม ความถูกตอง อยางอื่น มันก็นําผลมาใหในทางอื่น ซึ่งไมใชทางปาก เขาก็เรียกวา “อาหาร” ดวยเหมือนกัน. เพราะฉะนั้นเราอยาทําสิ่งที่มันมีอยูในโลกนี้ คือรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณนี้ อยาใหเปนเหยื่อของกามารมณ ; แตใหเปนเพียง อาหาร ที่จะนําผลทีควรจะได ควรจะมีใหเขามาสูเราก็แลวกัน ; แลวเราก็ไม เปนทาสของกามารมณ แตก็เปนนายเหนือวัตถุปจจัยของกามารมณฺเหลานี้ คือใช มั น ไปในทางที่ จะไม ทํ า อั น ตรายอะไรแก เรา ; ไม โงถึ งกั บ ไปฆ า ฟ น เพื่ อ นฝู ง กระทั่งไปฆาฟนญาติมิตร กระทั่งไปฆาฟนบิดามารดา เพราะเหตุที่ความโงในทาง กามารมณมันมีมาก.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ความรูเหลานี้ ความเขาใจอันนี้ จะตองมีมูลมาจาก ความรูเรื่อง สุญญตา เรื่องอนัตตา เรื่องความไมยึดมั่นถือมั่นทั้งนั้น. แตเดี๋ยวนี้ในโรงเรียน ในมหาวิทยาลัยของคุณ ไมมีสอนเรื่องนี้มันจึงมีการตี การฆากัน แมในรั้วของ มหาวิทยาลัย อยางที่คุณก็ทราบเรื่องดี. นี่คือโทษที่ไมเชื่อพระพุทธเจาวา เรื่อง สุญญตานี้ มันเปนประโยชนแกฆราวาสทั้งหลายตลอดกาลนาน.
นี่ผมกลาวมาพอเปนหัวขอ พอเปนตัวอยาง ไปหารายละเอียดดูเอง ผมไดกลาวไวในที่อื่นมากมายแลว ; แตจะกลาวเรื่องนี้โดยเฉพาะอีกสักครั้งหนึ่ง เหมือนกัน.
ฆราวาส กับ พุทธศาสตร (ตอ)
๔๓๑
รวมความวา เรื่องสุญญตา เรื่องอนัตตา เรื่องความไมยึดมันถือมั่น เหลานี้มันรวมกันเปนเรื่องเดียว ; จะทําใหเกิดความหยุด, หยุดโง หยุดหลง ในสิ่งเยายวนในโลกนี้ของธรรมชาติ. ธรรมชาติมีใหสําหรับ ใชใหถูก ตอ ง แต เราใชมันผิด มันก็เกิดผลมาในทางผิด ;เราจะโทษธรรมชาติไมได. ธรรมชาติ ใหมานี้ เพื่อใหเราใชอยางเปนกามารมณก็ได เพื่อใหใชเปนอาหารตามธรรมชาติ ตามปรกติธรรมดาโดยไมมีโทษก็ได ; ฉะนั้นจึงไดเอาเรื่องอนุปุพพิกถา ๕ อยางนั้น เปนหลักแลวกัน. เรื่องถัดไปอีก ก็จะพูดเรื่อง กรรมในพระพุทธศาสนา. พุท ธศาสนาเรามีเรื่อ งกรรม สอนเปน พิเศษ ใหเชื่อ กรรม ซึ่งมัน คอนขางจะเปนวิทยาศาสตร ;คือใหมองที่นี่และเดี๋ยวนี้ มองเห็นการกระทําและ เหตุข องการกระทํ า และผลของการกระทํ า แลว ก็ป ฏิบ ัต ิใ หถ ูก ; นี ้ม ัน เปน ลักษณะของวิทยาศาสตร. แตถาเราจะพูดไปในรูปอื่น หรือมนุษยพวกอื่นเขา ตอ งการจะพูด ไปในรูป อื่น เขาก็พูด ใหเปน เรื่อ งเชื่อ พระเจา . พอเชื่อ พระเจา มัน ก็ไ มทํา อยา งนั้น คือ ไมทํา กรรมชั่ว อยา งนั้น ๆ ; มัน ก็ไ ดเหมือ นกัน หรือ แมจ ะพูด ไวใ นรูป ไสยศาสตร มัน ก็ไ ดเหมือ นกัน ; เชน กลา วในรูป ความขลัง ความศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ทํ า อย า งนั้ น ไม ได เป น ตาบู อย า งนี้ มั น ก็ เป น เรื่อ งกรรมด ว ย เหมือนกัน ; แตมันโดย อาศัย motive อยางอื่น เชนพระเจาตองการไมใหทํา หรือ วา ตาบู อะไรก็ไมรู ผีส างเทวดาอะไรก็ไมรู ไมใหทํา ; อยา งนี้นั้น ไมใช หลักของพุทธสาสนา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาเมื่อถือตามหลักของพุทธศาสนาก็ใหมีความรูลงไปตรง ๆ ตรงการ กระทําวามันเปนอยางไร, เหตุใหกระทํามันเปนอยางไร, แลวผลของการกระทํา นั ้น มัน จะเปน อยา งไร. นี ่เ รื่อ งกรรม อาศัย ปญ ญาเปน รากฐาน ; ก็เ ลย แบงเปน กรรมดี กรรมชั่ว กรรมที่เหนือดีเหนือชั่ว, มีอยู ๓ อยาง.
๔๓๒
ฆราวาสธรรม
กรรมชั่วมากอน มันมีเหตุชั่ว คือกิเลส, แลวผลก็คือ ความทุกข หรือ อบาย. กรรมดีก ็ม าจากเหตุที ่ด ี ความรูจัก ดี, แลว ก็ไดผ ลเปน ความสุข สบายตามที่ต นพอใจ ; แตยัง ตอ งเสวยผลกรรมอยู. เชน ไปสวรรค เปน ตน นี้ก็บัญ ญัติไววาเปนกรรมดี. แตเรื่องชั่ว เรื่องดีนี้ก็ยังเปนที่ตั้งแหงความยึดมั่น ถือมั่น. คนชั่วก็มีความทุกขอยางแบบคนชั่ว, คนดีก็มีความทุกขอยางแบบคนดี. เปนคนดีในโลกนี้ก็ยังมีความทุกขอีกแบบหนึ่ง ตามแบบของคนดี ; เชนปญหา ที่เกิดเนื่องมาจากความดี เกี่ยวกับความดีนี้ มันยังมีอยูอีกมากเหมือนกัน. มีคน เยอะแยะฆาตัวตายทั้ง ๆ ที่มีชื่อเสียงมีความดี มีความร่ํารวย มีอะไร ; แตมัน มีความทุกขอยางอื่น. เปนเทวดาในสวรรคก็มีความทุกขตามแบบเทวดาในสวรรค. เพราะฉะนั้นเพียงแตกรรมดีเฉย ๆ นี้ยังไมใชสูงสุดมันตองเหนือชั่ว เหนือ ดี คือ ไมย ึด มั ่น ถือ มั ่น สิ ่ง ใดโดยความเปน ตัว เรา หรือ ของเรา. กรรมที่ เหนือ ชั ่ว เหนือ ดี นี ้แ หละทํ า ใหบ รรลุ มรรคผล นิพ พาน. กรรมชั ่ว ทํ า ให เวียนวายอยูในอบาย ในความทุกข. กรรมดีทําใหเวียนวายอยูในทรัพยสมบัติ เกีย รติย ศ ชื ่อ เสีย ง หรือ สวรรค ; ก็ย ัง เวีย นวา ยอยู นั ่น เอง. สว นกรรมที่ เหนือชั่วเหนือดีขึ้นไปอีก คือมีจิตใจเหนือสิ่งตาง ๆ นี้ คือไมเปนทาสของสิ่งใด ไมมีตัวเราสําหรับไปเวียนวายตายเกิดอีกตอไป ; อยางนี้เรียกวาบรรลุนิพพาน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทําดีไดดี ทําชั่วไดชั่ว นั้นมันก็สวนหนึ่ง ; แลวก็เปนหลักของศาสนา ทั่วไป ไมเฉพาะของพุทธศาสนา. แตกรรมที่ ๓ ที่วาสูงขึ้นไปดวยการกระทํา ตามหลักพระพุทธศาสนาคือ ไมยึดมั่นถือมั่น,ปฏิบัติตามมรรคมีองค ๘ ประการ แลวไมยึดมั่นถือมั่นนี้ มันจะไปสูนิพพาน ; มีผลเปนความหมดความรูสึกอะไร ที่จะยึดมั่นถือมั่น เปนตัวกู - ของกู นี้มันก็เย็นสบาย มีจิตใจที่สบาย ไมมีทุกขเลย. นี่เรียกวาเหนือชั่ว เหนือดี, เรื่องกรรมมีอยู ๓ กรรม อยางนี้ขอใหเขาใจ.
ฆราวาส กับ พุทธศาสตร (ตอ)
๔๓๓
เมื ่อ เราทํ า ชั ่ว ก็รอ นเหมือ นกับ ตกนรกทั ้ง เปน ; เมื ่อ เราทํ า ดีนี ้ม ัน ก็ รูสึ ก ตื่ น เต น ลิ งโลด เหมื อ นกั บ ถู ก เชิ ด . แต ถ าเมื่ อ ไรเราสงบ บางเวลาบางนาที เรามีค วามสงบ ไมรูสึก เรื่อ งดี เรื่อ งชั่ว ; นั ้น คือ ความพัก ผอ นที ่ถูก ตอ ง. ดัง นั ้น เราจึงไปในที่ บางแห ง เพื่ อชวยให จิตใจมั นหยุ ด, สงบ, วาง ไปจากความรบกวน ของชั่ ว ๆ ดี ๆ ; นี้ เราก็ สบาย. จะไปตากอากาศชายทะเล หรือวามาในที่ อย างนี้ อยางที่สวนโมกขนี้ เพื่อใหธรรมชาติเหลานี้ มันแวดลอมจิตใจใหมันวางจากความ รบกวนของความชั่ ว - ความดี ; อย างนี้ เป นเรื่องของความวาง เป นเรื่องที่ เป นไป ทางนิพพาน. ขอใหเ ขา ใจวา ของขมมัน ก็ไ มไ หว, ของหวานแรก ๆ มัน ก็ด ีอ ยู ถา ใหก ิน เรื่อ ยไปไมย อมใหห ยุด มัน ก็ไมไหว มัน จะตอ งตาย ; ผลสุด ทา ยก็ต อ ง มากิน น้ํ า จืด ๆ . ฉะนั ้น ใหเ รารูจ ัก ความที ่ม ัน จืด หรือ มัน ไมด ีไ มชั ่ว ไมห วาน ไมข มนี ้เ สีย บา ง, มัน เปน ความสงบ ความพัก ผอ น. ในเรื ่อ งกรรมจะตอ งรู อย า งนี้ ; เมื่ อ ถื อ หลั ก กรรมตามแบบนี้ ก็ เ ป น พุ ท ธบริ ษั ท ที่ ส มบู ร ณ คื อ ไปถึ ง นิพพานได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถัดไป ก็อยากจะพูด เรื่องการเกิด หรือ การเกิดใหม,
ขอให รูไววา ที่ เรียกวา การเกิด หรือเกิดนี้ มั นมี อยู ๒ ความหมาย ; เกิดทางรางกายทางเนื้ อหนั ง ทางฟ สิ คสนี้ ก็ เกิ ดมาจากท องแม แล วมี ชีวิตอยู ได ประมาณไมเกินรอยปก็เขาโลงไป ; นี่เรียกวาเปนการเกิดทางเนื้อหนัง ทางวัตถุ ; จําไวใหดี ๆ วา มันเปนการเกิดของรางกาย. ความเกิ ด อี กชนิ ด หนึ่ ง เป น เรื่อ งของจิ ต ใจ เกิ ด ทางใจ เกิ ด อยู ในใจ, นั่นแหละคือการเกิดแห งตัวกู เปน egoistic conception หรือ perception ก็ได ;
๔๓๔
ฆราวาสธรรม
แลวแต จะหมายถึงระยะไหน. แตมันหมายถึงเรื่องความรูสึกเปนตัวกู เปนของกู ที่ เรีย กว า อหั ง การ มมั ง การ ในภาษาบาลี . เมื่ อ ใดเราเกิ ด ความรูสึ ก อย า งนี้ ก็ เรีย กวามี ก ารเกิด ครั้งหนึ่ งแล วเดี๋ ยวมั น ดั บ ไป มั น สิ้ น เรื่องของมั น ก็ ดั บ ไป, ก็ ตาย ไปครั้ง หนึ ่ง ; เดี ๋ย วมัน ก็เ กิด มาอีก . เพราะฉะนั ้น วัน หนึ ่ง ๆ มัน เกิด ไดไ มรูว า กี่ สิ บสิ บครั้ง เรียกวา egolsm ก็ ได ; แต เขาระบุ ชั ดออกไปถึ งวามั นเป น egolstic conception คือ คอ นมาเปน ขา งกิเ ลส เปน selfshness ขึ ้น มา.selfishness หมายความวาเปนกิเลสเต็มที่ เปนตัวกู – ของกูที่เปนกิเลสเต็มที่ ; แลวจะขบกัด บุคคคลนั้นใหเปนทุกข. นี่วันหนึ่งเกิดไดหลายครั้ง. มัน จึงมี ค วามเกิดอยู ๒ ชนิ ด เกิดทางรางกายทางหนึ่ ง คื อ เกิดทาง ฟ สิ คส , และเกิ ดทางวิ ญ ญาณทาง spiritual นี้ อี กทางหนึ่ ง, เป นสองชนิ ดด วยกั น. เกิดทางรางกายทางฟสิคสนั้นไมเปนปญหา ไมมีปญหา มันไมทําความยุงยากลําบาก ไมเปนนรก ไมเปนไฟอะไรขึ้นมาได ; มันก็ใหญ โตขึ้นมากินอาหารแลวมันก็เติบโต ขึ้ น เอง เป น เรื่ อ งของทางฝ า ยร า งกาย มั น มี เพี ย งเท า นั้ น . แต ที นี้ เรื่ อ งทางฝ า ย วิญญาณมันเกิดไดมากมาย เกิดไดกวางขวาง เกิดไดครอบโลก คลุมโลกไปก็ได; มั น ต อ งการจะเป น เจ าโลก, กู อยากจะเป น เจ า โลกขึ้ น มา ; อย า งนี้ ก็ เป น ความ เกิด ของ ตั วกู - ของกู ทางฝายวิญ ญาณ. เพราะฉะนั้ นความทุ กข มั น เกิด เพราะ ความเกิดทางฝายจิต ฝายวิญญาณนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เด็ ก ๆ แรกคลอดออกมาจากท องแม มั นยั งคิ ดอะไรไม เป น มั นก็ เกิ ด มาแตรางกายเท านั้น มั นยังไม ได เกิดทางฝายวิญญาณ. จนกวาเมื่ อไรมันจะถูกทํ า ใหเขา ใจเรื่อ งนั ้น เรื่อ งนี ้จ ากสิ ่ง แวดลอ ม จนเกิด มีค วามรู ส ึก เปน วัต กู เปน พอ ของกู แม ข องกู เป น บ านของกู เป น อะไรของกู ;รูจั ก ยึ ด มั่ น ถื อ มั่ น ด วยอุ ป าทาน ในสิ่ง ใด นั่น แหละคือ การเกิด ในทางฝา ยวิญ ญาณ ; มัน จึง มีค วามทุก ข. กอ น
ฆราวาส กับ พุทธศาสตร (ตอ)
๔๓๕
หน านี้ มั น ก็ เป น เรื่อ งทางฝ ายรางกายล วน ๆ มั น ไม มี ป ญ หา ไม มี ค วามทุ ก ข ม าก จนกวาจะรูจักยึดมั่ นถือมั่ น. แล วมั นก็มี ความยึดมั่ นถือมั่นมากขึ้น ๆ แลวมี ความ เคยชินเปนนิสัยในการยึดมั่นถือมั่นมากขึ้น ๆ; แลวมันยังถายทอดไปทางกรรมพันธุ หรือทางสัญชาตญาณไดดวย. เชนวาสัตวเกิดมาแลวมันก็จะรูจักยึดมั่นถือมั่นเปน, มากขึ้ นทุ กที . เพราะว าธรรมชาติ มั นสรางรางกาย และจิ ตใจมาในลั กษณะอย างนี้ ; แล วสั ตวทั้ งหลายจึ งรูจั กมี กิ เลสได มากขึ้ น เพิ่ มขึ้ นตามลํ าดั บ แล วก็ มี ความทุ กข มากขึ้นตามลําดับ. นี้ เราต อ งรูจั กความลึ ก ลั บ ของธรรมชาติ อั น นี้ ไวให ดี วาความเกิ ด ทาง รางกายนั้ นมั นไม เกี่ ยวกับความทุ กขโดยตรง ; ความทุ กขโดยตรงมั นเกี่ ยวกับทาง จิตใจ. เพราะฉะนั้ นต องมี สติ ป ญ ญาและความรูเกี่ ยวกั บทางจิตใจ ; จัดการเรื่อง ทางจิตใจนั้นใหถูกตอง. รางกายนั้นมันเปนเหมือนเปลือก หรือเปนเหมือนภาชนะ ; เพราะฉะนั้ น ถ าจิ ต ใจเป น อย างไร รางกายมั น ก็ พ ลอยเป น อย างนั้ น ไปด วย ; เรา ตองจัดการที่จิตใจใหถูกตอง แลวก็อยูในเปลือก คือรางกาย ที่มันมีความถูกตอง ตามไปดวย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ความเกิ ด หรือความเปลี่ ยนแปลงทางจิ ตใจนี้ เป นป ญ หา ; ทางพุ ทธ ศาสนาก็ เพ ง เล็ ง ความเกิ ด ทางจิ ต ใจนี้ เป น ส ว นใหญ ; เพราะฉะนั้ น คํ า สอนของ พระพุทธเจา ที่เปนตัวพระพุทธศาสนาจึงมุงจะแกปญหาทางจิตใจ ทางวิญญาณ, ทาง spiritual. ถา มีป ญ หาทางรา งกายแท ๆเกิด ขึ ้น คุณ ก็วิ ่ง ไปหาหมอ ไปที่ โรงพยาบาลไหนก็ได เพื่อแกปญหาทางรางกาย. หรือถามันเกิดทางระบบประสาท ทางจิตใจที่มันเนื่องกันอยูกับทางรางกายทาง mental คุณไปหาหมอที่โรงพยาบาล อย า งโรงพยาบาลที่ ป ากคลองสานก็ ได . แต ถ า มั น เป น ป ญ หาเกิ ด เกี่ ย วกั บ ทาง spiritual ลวน ๆ ก็ตองไปหาพระพุทธเจา, คือมันเปนเรื่องของกิเลสลวน ๆ ก็ตอง
๔๓๖
ฆราวาสธรรม
ไปหาโรงพยาบาลของพระพุทธเจา เชนวัดวาอาราม ที่มีความสามารถ ที่จะชวย แกปญหาทางวิญญาณเหลานี้. นี่มันเปนเรื่องของ “ความเกิด” ทางฝาย spiritual ที่เปนตัวการตัวเรื่องของความทุกขของมนุษยเรา. ความกาวหนาทางวิทยาศาสตรของโลกปจจุบันนี้กาวหนามาก จนแก ปญหาทางรางกายได อยางเชนผาหัวใจเปลี่ยนใหมก็ได อยางนี้เปนตน ; แตไม สามารถจะแกปญหาทาง mental ไดคนจึงเปนโรคประสาท หรือเปนคนวิกลจริต มากขึ้นในโลกนี้. เพราะวาจิตใจในสวนนี้ มันไมไดขึ้นอยูกับรางกายเพียงสวนเดียว เขาจึงแกไขทางรางกายสวนเดียวไมได เพราะมันไปขึ้นอยูกับฝาย spiritual หรือฝาย วิญญาณนั้นดวย. มันเปนเรื่องของความรูความเห็น ความเขาใจ ที่ผิดหรือถูก ดวย เพราะฉะนั้น เราจะตองไปหาหลักพุทธศาสนา ซึ่งแสดงถึงความรูผิด – รูถูก แลว ก็ม าชว ยปรับ ปรุง จิต ใจ ระบบประสาทนี้ใ หมัน ดี ; มัน จึง จะไมเปน โรค เสนประสาท หรือไมเปนโรควิกลจริต. คนเราไมสามารถจะระงับความวิตกกังวลได โดยลําพังวัตถุ ; ถากินยาระงับประสาท มันก็เปนเรื่องหลอก ๆ ประเดี๋ยวเดียว เทานั้น มันตองมีอะไรที่ดีกวานั้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที่พูดใหฟงนี้ก็หมายความวา คนเรานี้มองใหดี ๆ มันมีอยูถึง ๓ ชั้น คือระบบรางกายลวน ๆทางฟสิคสนี้อยางหนึ่ง ; แลวระบบประสาท ครึ่งกาย ครึ่งจิต ที่เรีย กวา mentality นี้ก็อีก สว นหนึ่ง และมัน มีสว นสูง สุด ซึ่ง ไมมีใคร สนใจ หรือบางคนไมรูจักมันก็คือ spirituality ทางฝายวิญญาณนี้อีกสวนหนึ่ง ซึ่งเปนสวนสําคัญ , เปนสวนหัวใจของมนุษย แตไมมีใครสนใจ. เพราะฉะนั้น เรื่องความเกิดนี้ ก็สนใจกันแตเรื่องเกิดทางรางกาย ทาง mental ที่เกี่ยวกันอยู กั บ ร า งกายเท า นั้ น ; ไม รู เรื่ อ งในความเกิ ด แห ง ตั ว กู - ของกู ที่ เกิ ด ทางฝ า ย spiritual นั้น ; แลวก็มีความทุกขทรมานอยูดวยเหตุนี้ แลวก็ไมรูสึก.
ฆราวาส กับ พุทธศาสตร (ตอ)
๔๓๗
นี้ จะต องเข าใจวา ความเกิ ดที่ แท จริงนั้ นมั นอยู ที่ เกิ ดทางฝ ายวิญญาณ, เกิ ดความสํ าคั ญ เป น concept วาตั วกู ขึ้ นมาครั้งหนึ่ งนี้ นั่ นคื อเกิ ดเป นชาติ หนึ่ ง ; วัน หนึ่ง เกิด หลายหน, เดือ นหนึ ่ง ก็เกิด หลายพัน หน ปห นึ่ง ก็เกิด หลายหมื ่น หน ทีนี้หลายปกวาจะตาย ก็เกิดหลาย ๆ หมื่น หลายแสน หลายลาน หลายอสงไขย หนก็ไ ด.ขอใหม องความเกิด ชนิด นี ้ใ หเ ขา ใจ แลว จะเขา ใจพุท ธศาสนา นี้ เรีย กวา “ความเกิด ”. ทีนี ้ถ า วา เกิด ใหม ก็ห มายวา การเกิด ครั ้ง ที ่ส อง ; ฉะนั้น ในวัน หนึ่ง เราตายแลว เกิด ใหม - ตายแลว เกิด ใหม – ตายแลวเกิด ใหมได หลายสิบครั้ง. การเกิดใหมนี้ก็มีผลสืบเนื่องกันมาจากการเกิดครั้งกอน. การเกิดตัวกู ครั้ งแรกมั น ทํ าอะไรเข า ไว มั น ก็ ยั งมี reaction เหลื อ มา สํ า หรั บ การเกิ ด แห งตั ว กูครั้งที่สอง ซึ่งจะพลอยไดรับดวย. มั น เห็ น ชั ด ๆ อยู อย างนี้ ว ากรรม - ผลกรรม ส งต อ กั น ได ในระหว าง ชาติ ระหวา งชาตินี ้: ทํ า เลวหนัก เขา มัน ก็เลวลงไป, ทํ า ดีม ากเขา มัน ก็ดีขึ้น มา, จนกระทั ่ง เบื ่อ การเกิด เบื ่อ การเกิด แลว เกิด อีก อยากจะมีจ ิต ใจสงบเปน อิส ระ เหนือ การครอบงํ า ของสิ ่ง เหลา นี ้ เราจึง ทํ า ใจใหเ ปน นิพ พานดับ สนิท แหง การ เวีย นวา ยตายเกิด ทํ า นองนี ้. ความเกิด หรือ ความเกิด ใหมใ นพระพุท ธศาสนา มีอยูอยางนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพื ่อ จํ า งา ย ๆ คุณ ก็จํ า อยา งนี ้ก ็แ ลว กัน วา พอคิด ดีก ็เกิด เปน คนดี, พอคิด เลวก็เ กิด เปน คนเลว. พอคิด อยา งนัก ศึก ษาในมหาวิท ยาลัย ก็เกิด เปน นักศึกษาในมหาวิทยาลัย ; พอคุณคิดอยางเจาชู มันก็เกิดเปนเจาชูตามไนทคลับ ตามบาร ตามที่อันธพาลตาง ๆ , คิดอยางบัณฑิตก็เกิดเปนบัณฑิต, คิดอยางโจร ก็เกิด เปน โจร, คิด อยา งไรก็เกิด เปน อยา งนั ้น . นี ่เ รีย กวา เกิด แลว ตาย แลว ก็
๔๓๘
ฆราวาสธรรม
เกิดใหม ; ๑๕ นาทีนี้คิดเกิดอยางเปนนิสิตในมหาวิทยาลัยก็เปนนิสิตไป ; ตอไป คิดเกิดเปนโจรมันก็ตีกันไดในมหาวิทยาลัย อยางนี้เปนตน. เรื่องความเกิดที่เปนความมุงหมายที่พระพุทธเจาทานจะสอน และให เอาชนะมันใหไดนั้น หมายถึงความเกิดทางวิญญาณอยางนี้. คุณจะไปหาราย ละเอียดศึกษาดูไดจากเรื่องปฏิจจสมุปบาท หรือเรื่องอริยสัจจ เปนตน. ตอไป จะพูดเรื่องเหตุปจจัย หรือเหตุผล. พระพุทธศาสนาเปนศาสนาแหงเหตุผล นี่ก็ตองจําไวติดปากดวยวา พระพุท ธศาสนาเปน ศาสนาแหง เหตุผ ล, อยูใ นขอบเขตของเหตุผ ล ไมเชื่อ ขางนอก ซึ่งเปนเรื่องไสยศาสตร อันเปนเรื่องไมอาศัยเหตุผล. ถายังไมอาศัย เหตุผ ล ก็ยัง เปน นัก ไสยศาสตร เปน ผูถือ ไสยศาสตรอ ยู ; พอมาถือ เหตุผ ล ก็กลายเปนพุทธบริษัท. เพราะฉะนั้นเรื่องมีเหตุผล และสามารถใชเหตุผล นี้มัน เปนเรื่องของคงวามเปนพุทธบริษัท. เรื่องเหตุผลมันก็บอกชัดอยูแลววา แยกเปน ๒ เรื่องคือเรื่อง เหตุ กับเรื่อง ผล.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เหตุ ก็คือสิ่งที่มันทําใหเกิดสิ่งอื่น. ผล ก็คือ ผลที่เกิดมาจากสิ่งอื่น แลวก็กลายเปนเหตุตอไป. เพราะฉะนั้นทุกสิ่งในโลกนี้มันจะเปนทั้งเหตุ (cause) และผล (effect) แลวแตขณะของมัน ; เชนวาเรากินอาหารเขาไป อาหารมัน ก็เปนเหตุใหเกิดความอิ่ม ความอิ่มเปนผล. แตแลวความอิ่มนั่นแหละมันเปนเหตุ ใหเกิดความคิดอยางอื่น เชนอยากจะขโมย. หรืออยากจะสะสม หรืออยากจะ อะไรอยางอื่น อีก . ความอิ่ม นั่น แหละมัน กลายเปน เหตุ. ความอรอ ยเปน ตน ก็ทําใหเกิดเปนผล ใหเกิดการกระทําอยางอื่นตอไปอีก. แลวการกระทํานั้นมันก็ กลายเปนเหตุอีก สําหรับทําใหเกิดการกระทําอยางอื่นตอไปอีก ฉะนั้นมันจึง
ฆราวาส กับ พุทธศาสตร (ตอ)
๔๓๙
เปน เหมือ นกับ หว งโซ ที ่ไ มรูจัก ขาดสาย ; เพราะวา สิ ่ง ที ่เ ปน เหตุนี ้ม ัน ทํ า ให เกิดผลกลายเปนผล ; สิ่งที่เปนผลก็กลายเปนเหตุได แลวก็ทําใหเปนผลอยางอื่น อีกได ; แลวกลายเปนเหตุทําใหเปนผลอยางอี่นอีก. นี้เราก็ดูชีวิตของเรา วามันเต็มอยูดวยความเปนเหตุเปนผล ที่ทะยอย กั น อ ยู อ ย า ง นี ้ ใ น วั น ห นึ ่ ง ๆ คุ ณ ต อ ง ก า รอ ะ ไร ก็ ทํ า สิ ่ ง นั ้ น ; พ อ ได ม า แลว สิ ่ง นั ้น มัน ก็ทํ า ใหต อ งการอยา งอื ่น ; แลว ก็ทํ า อยา งอื ่น อีก สง ทะยอยกัน ไปเรื ่อ ย ; นี ่เ ราจึง นั ่ง อยู ไ มไ ด จะนั ่ง กน ติด พื ้น อยู ไ มไ ด ; เพราะอํ า นาจ ของความที่มันเปนเหตุผลสงกันไปเรื่อย ; ใหคิดและกระทํา – ใหคิดและกระทํา ตอ ไป, ตอ ไป ๆ ๆ ไมไ ดห ยุด อยู ไ ด. งว งขึ ้น มาก็น อน ; นอนมัน ก็เ ปน ผล อันหนึ่งทีแรก. พอนอนลงไปมันก็เปนเหตุใหหายงวงหายเหนื่อย ; พอหายเหนื่อย มันตื่นขึ้นมามันก็ทําอื่นอีก ; ฉะนั้นเรียกวาไมมีการหยุด แมแตในขณะที่นอน. ความมีเหตุ-ผลอยางนี้ตองดูใหดีตองเขาใจ แลวจะเขาใจหลักพระพุทธศาสนา ซึ่ง ไมอิง ของอยา งอื่น แตอิง เหตุผ ล.เพราะฉะนั้น พระพุท ธเจา ทา น จึง ตรัส เรื ่อ งอริย สัจ จซึ ่ง เปน หัว ใจของพระพุท ธศาสนาวา ความทุก ขม ัน เปน อยา งนี ้ ๆ ที ่เรารูจัก กัน ดี ; มัน เปน ผลเกิด มาจากเหตุผ ลคือ ความโง. ความโง เปนเหตุใหอยาก พออยากก็เกิดความยึดมั่นเปนตัวกู - ของกู ; มันก็เปนความทุกข. อยากดี อยากเดน อยากไดเงินไดทอง นี่มันมาจากความโง ความอยาก ความ ยึด มั่น ถือ มั่น ; แลวก็เปน ทุก ข. เพราะฉะนั้น อยา ใหมัน มาจากความโง ใหมัน มาจากเหตุที่ดีคือ ความฉลาด;รูแ ลว กระทํา ไปโดยไมตอ งอยาก โดยไมตอ ง ยึดมั่นถือมั่น มันก็ไดเหมือนกัน. นี่คือคูแรกคือความทุกขและเหตุใหเกิดทุกข.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คูที่ ๒ ความไมมีทุก ขเ ลย ก็ม าจากปฏิบัติที่ถูก ตอ งคือ มรรค มีองคแปด. มรรคมีองคแปด ก็คือ ความรู ความฉลาด ความถูกตองทุกอยาง ทําใหเกิดผลเปนความหยุด ความสงบ ไมทุกขเลย. มันก็เปน ๒ คูกันอยูอยางนี้.
๔๔๐
ฆราวาสธรรม
คูที่หนึ่งเกี่ยวกับความทุกข และเหตุแหงความทุกข. คูที่สองเกี่ยวกับ ความไมมีทุกขและทางที่จะใหถึงความไมมีทุกข ; นี่เรื่องอริยสัจจเปนเรื่องเหตุผล เต็มตัว. ถาจะซอยใหละเอียดลงไปก็เปนเรื่องปฏิจจสมุปบาท, คือซอยใหเห็น process ที่มันละเอียด ๆ ลงไป ๆ วาจากความโง - ไปสูความอยาก – แลวไปสู ความยึดมั่นถือมั่น.. ฯลฯ…แลวไปสูความทุกขอยางไร แจกละเอียดมากขึ้นไป เทานั้นเอง ; นี่ก็เรียกวาแจกซอยใหละเอียดออกไป เปนเรื่องปฏิจจสมุปบาท ที่จริงก็เรื่องอริยสัจจนั่นเอง. นี่เรียกวามันเปนวิทยาศาสตรเต็มตัว ; แตมันไมใชวิทยาศาสตรฝาย physical หรือ mental ; มัน เปน วิท ยาศาสตร spiritual คือ สูง สุด . ที่นี้ พวกที่เรียนรูแตเรื่องฝาย physical หรือ mental ก็ไมเขาใจเรื่อง spiritual ; ก็เลยเอาวิทยาศาสตรทางฝาย spiritual กลายไปเปนเรื่อง philosophy หรืออะไร ที่เขาใจไมไดไปเสีย. philosophy นั้นไมใชวิทยาศาสตร เขาหมายถึงเรื่องที่ยัง ไมเขา ใจ ; เปน เรื่อ งที่กํา ลัง กระหายจะรู จะตอ งคน ควา กัน ตอ ไป ซึ่ง นั่น มัน เปนเรื่อง philosophy . ฉะนั้นพอเอาเรื่องนิพพานเรื่อง spiritual มาพูดใหฟง ก็ฟงไมถูก ; แลวก็ฟงไปในลักษณะเปน philosophy ไปเสีย ไมใชวิทยาศาสตร. แตพระพุทธเจา หรือพระอรหันตทานเขาใจเรื่องนี้ ซึมซาบเรื่องนี้ เหมือนกับ เปนเรื่องวัตถุ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้นเรื่องนิพพาน อะไรทํานองนี้ไมใช philosophy สําหรับ พระพุทธเจา หรือสําหรับพระอรหันต ; มันเปนเรื่องวิทยาศาสตร. แตสําหรับ คนธรรมดาแลว แมจะเปนนักปราชญ เปนศาสตราจารยอะไรก็ตามจะเขาใจไมได ; เลยจัดเอาของเหลานี้เปนของลึกลับเปน philosophy ไป. เพราะฉะนั้นขอใหระวัง ให ดี ๆ ว า อย าได ไปหลงเข า ใจผิ ด ว า มั น เป น เรื่อ ง philosophy หรือ เป น เรื่อ ง
ฆราวาส กับ พุทธศาสตร (ตอ)
๔๔๑
อะไรที่ไมใชวิทยาศาสตร. พระพุท ธศาสนาจะตอ งเปน วิทยาศาสตรแ ละเปน วิทยาศาสตรทางฝาย spiritual เพราะวาตั้งอยูบนกฎแหงเหตุและผลที่ประจักษชัด อยูแกใจ. วิทยาศาสตรทางวัตถุมันก็เอาเรื่องทดลองทางวัตถุเปนหลัก แลวทน ตอการพิสูจนอยางนี้เปนวิทยาศาสตร. แตแลวก็เอาหลักเกณฑอันนี้ไปใชกับ เรื่องฝายวิญญาณไดดวยเหมือนกัน หากแตไมเปนที่เขาใจแกการศึกษาทางฝายวัตถุ ในโลกนี้ ; มัน ก็อ ยูเ ทา นั้น เอง ความลับ มัน มีอ ยูเ ทา นั้น เอง. เพราะฉะนั้น เพื่อที่จะแกปญหาขอนี้ คุณก็ก็พยายามที่จะเขาใจเรื่องเหตุ - ผลของธรรมชาติ ความ เปนไปตามเหตุ - ผล ของธรรมชาติใหสูงขึ้นไปจากเรื่องฟสิคส ไปสูเรื่อง mental ; จากเรื่อง mental ไปสู spiritual ; ก็จะเขาใจพระพุทธศาสนาโดยสมบูรณ ; ก็จะ มองเห็นชัดวา ออเปนศาสนาแหงเหตุ - ผล อยางนี้เปนตน. ทั้งหมดที่พูดมานี้เปนหลักพระพุทธศาสนา ที่เปนขั้นหัวใจ ที่จะตองรู ตองเขาใจ จึงจะเรียกวารูพุทธศาสนาชนิดที่กําจัดไสยศาสตรได. ไมเชนนั้นมันจะไม สําเร็จประโยชน แตเพียงวาคุณบวช เอาผาเหลืองมาหม มาคลุมเขาแลวมันจะรู ; หามิได. มันไมสําเร็จประโยชนเพียงแตวาไปจดทะเบียนวา เปนพุทธมามกะ เปนพุทธบริษัท นั่นมันก็เปนเรื่องทะเบียน. จะไปจดทะเบียนวาเปนพุทธบริษัท มันก็ไมทําใหรูพุทธศาสนาได. ฉะนั้นแมไมจดทะเบียนเปนพุทธบริษัท แตถา เขาศึกษามาอยางนี้ ดําเนินมาอยางนี้ จิตใจของเขาวิวัฒนาการมาอยางนี้ เขาก็ เปนพุทธบริษัทได
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พระพุทธเจาทานก็เปนนักศึกษาคนควา จนกระทั่งตรัสรูเปนพระพุท ธเจา ; แลว ก็เปน ผูเริ่ม แรก นี้แ หละมัน ไมใ ชสํา เร็จ ดว ยการจดทะเบีย น แตสําเร็จไดดวยการรูสิ่งนี้ เขาใจสิ่งนี้ เขาถึงสิ่งนี้, มีจิตใจเปลี่ยนไปแลวตาม
๔๔๒
ฆราวาสธรรม
หลักเกณฑอันนี้ จนมีจิตใจใหมชนิดที่ไมมีความทุกขอีกตอไป, นั่นแหละจึงเปน พุท ธบริษัท . แลว ก็อ ยา ลืม คํา วา พุท ธะ คํ า นี้แ ปลวา รู วา ตื ่น วา เบิก บาน. ทางอักษรศาสตร อยาไปสนใจมันก็ได วาทําไมมันจึงแปลอยางนั้น อยาไปสนใจ. มั่นเลย ; แตวาขอใหยอมรับวามันมีคําแปลอยางนี้ในทางอักษรศาสตร วาผูรู ผูตื่น, ตื่น คือตื่นนอน, แลวก็เบิกบาน. รูคือรูความจริงทั้งหมดเหมือนที่ไดกลาวมาแลว รูความลับทั้งหมด เหมือนที่กลาวมาแลว ของธรรมชาติ วาเปนอยางไร นี้เรียกวา “ผูรู” สรุปอยูที่ รูความทุกข รูเหตุใหเกิดทุกขรูความไมมีทุกข และรูถึงทางที่ทําใหถึงความไมมี ทุก ข ; นี้เ รีย กวา รู. แลว ก็ตื่น , ไมใ ชห มายความวา เหอ เหมือ นคนสมัย นี้ ตื่น นั่น ตื่น นี่ ตื่น ไปโลกพระจัน ทร ตื่น อะไรตา ง ๆ ทํา นองนั้น ; อยา งนั้น มัน ตื ่น ตูม . ตื ่น ไปที ่นี ้ห มายถึง ตื ่น นอน. หลับ ก็ค ือ อวิช ชาหรือ ความโง ; ตื ่น จากอวิชชา ก็คือตื่นจากหลับ คือตื่นนอน. พระพุทธเจาแตกอนทานก็เปนคน หลับเหมือนกัน ; แลวทานก็เปนคนตื่นไดเปนคนแรกในโลก คือ ตื่นนอนกอ น คนอื่น. เมื่อตื่นขึ้นมาแลวไมใชงัวเงียไม ใชตองไปลางหนาเพราะงัวเงีย. เมื่อ ตื่นขึ้นมาทางวิญญาณ อยางนี้มันก็เบิกบาน แจมใส สดชื่น. นี่เรียกวาผูเบิกบาน เปนผูรู ผูตื่น ผูเบิกบาน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราบวชอุทิศใหพระพุทธเจา, ทุกคนที่บวชนี้ จะบวชกี่วันก็ตามใจ, การบวชที่ถูก ตอ งนั้น ก็อุทิศ ใหพ ระพุท ธเจา ทั้ง หมดเลย : ชีวิต จิต ใจก็อุทิศ , วัตถุประสงคความมุงหมายอะไรก็อุทิศ, หลักเกณฑในชีวิตของเราก็เปนการอุทิศ คือ เดิน ตามพระพุท ธเจา ; อยา งนี้เรีย กวา บวชอุทิศ ใหพ ระพุท ธเจา ; เพื่อ ได สิ่งเดียวกับที่พระพุทธเจาทานได นี่คือ ความรู ความตื่น ความเบิกบาน. มันก็ จําเปนที่จะตองรูหลักพุทธศาสนา ที่เปนสวนหัวใจที่สําคัญ ๆ ดังที่กลาวมาแลว ; แลวผลสุดทายที่จะไดก็คือ สิ่งที่เรียกวา “นิพพาน”.
ฆราวาส กับ พุทธศาสตร (ตอ)
๔๔๓
เพราะฉะนั้น อยาเกลียด อยากลัวเรื่องนิพพาน เหมือนคนโงที่กําลัง มีอยูมากที่สุด แมในประเทศไทย ที่นับถือพระพุ ทธศาสนา กําลังเกลียดกลัวเรื่อง นิพพาน เพราะไมเขาใจ แลวหามไมใหเอามาสอนมาพูดกัน ; เพราะวาจะทําให คนหยุด ชะงัก ไมเ จริญ ไมกา วหนา . นี่เ ปน ความโงอ ยา งนี้ มัน เรื่อ งยืด ยาว เอาไวพูดกันคราวหลังจะดีกวา. แต ข อสรุ ป สุ ด ท า ยของการบรรยายในวั น นี้ ว า นิ พ พานนั้ น แปลว า ความเย็น . มัน เย็น ลงไปไดอ ยางไรเพีย งไร ก็เรีย กวา นิพ พานตามระดับ ตาม มาตฐาน ตามขนาดของมัน. ถามันรอนอยูก็เปนวัฏฏสงสาร. ตกนรกหมกไหม นี้หมายความวา ใจมันรอน เป นอบาย. ถามันโง มันก็เกิดเปนสัตวเดรัจฉาน ; ในรา งคน ก็เปน สัต วเดรัจ ฉาน. ถา มัน หิว กระหายไมมีที ่สิ้น สุด มัน ก็เปน เปรต ในรางคนอยางนี้ ในรางนิสิตมหาวิทยาลัยอยางนี้ หรือในรางอะไรก็ได. ถามัน หิวกระหายทะเยอทะยานอยูมันก็เปนเปรต. ถามันขี้ขลาดไมมีเหตุผล มันก็เปน อสุร กาย ในรา งคนนี ้. นี ่เ รีย กวา รอ น ไมเ ย็น . ถา เหลา นี ้ม ัน ไมม ี มัน ก็เ ย็น แมวาเย็นนอย ๆ เย็นชั่วขณะ จนเย็นถึงที่สุด.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คํ า ว า “นิ พ พาน” ในทางอั ก ษรศาสตรนี้ แ ปลว า เย็ น ; เช น ถ า นไฟ แดง ๆ ในเตาไฟเอาออกมา พอดํา ดับแลว มันก็เย็น เรียกวา ถานไฟมันนิพพาน. หรืออยางสัตวเดรัจฉาน ที่ยังมีอาละวาด มันยังเปนอันตรายแกมนุษย นี่เรียกวา มัน รอ น ; พอฝก ดีแ ลว ราบดีแ ลว ไมม ีท างที ่จ ะขัด ขืน เจา ของ เหมือ นสุน ัข อยางนี้ก็เรียกวามั นเย็น เป นนิพพานของสัตวเดรัจฉาน.สวนมนุ ษ ยมีความรอ น อยู ด ว ยความโลภ ความโกรธ ความหลง. เมื ่อ ใดวา งจากความโลภ ความ โกรธ ความหลง เป น บางขณะ มั น ก็ เย็ น ลงชั่ ว คราว ; เย็ น ชั่ ว คราวก็ เรี ย กว า นิพ พานชั่ว คราว; โดยบัง เอิญ อยา งที ่ม าที ่นี ่ มัน เย็น เองอยา งนี้ก ็ไ ด ก็เ ย็น
๔๔๔
ฆราวาสธรรม
ชั่วคราว. หรือไปทําวิปสสนาบางชนิด ทําใหเย็นลงไดชั่วคราว มันก็เย็นชั่วคราว ; เพราะไปขมบังคับ ใหมันเย็นชั่วคราวได. แตเมื่อใดตัดกิเลสไดหมด มันเย็นจริง เย็น ตลอดกาล นั่นแหละเปน นิพ พานสมบูรณ เย็น โดยสมบูรณ. มันเย็น อยาง ชั่วคราวก็มี เย็นอยางสมบูรณก็มี ขึ้นชื่อวาเย็นแลว เปนนิพพาน. เพราะฉะนั้นบางเวลา บางนาที คุณก็เย็นโดยบังเอิญ โดยประจวบเหมาะ ของสิ ่ง แวดลอ ม.คุณ ก็เ ย็น เปน นิพ พานนิด ๆ เปน นิพ พานชั ่ว คราว. ถา ไมมี สิ่งนี้มาชวย คุณ ก็เปนโรคเสนประสาท หรือ เปนบา ตายไปนานแลว ไมไดม า นั่ ง อยู ที่ นี่ . เพราะฉะนั้ น ควรขอบใจเย็ น ชั่ ว คราว นิ พ พานชั่ ว คราวนี้ กั น บ า ง ; พยายามทําใหมันมากขึ้นไป ขยายออกไป ๆ จนมันสมบูรณถึงที่สุด. นี้ก็จบเรื่อง ของพระพุทธศาสนาตรงที่คําวา นิพพาน. นี้ เป น อั น ว า เราได ก ล า วหลั ก ของพุ ท ธศาสตร ที่ เป น อาวุ ธ มี ค ม สําหรับกําจัดทําลายลางเรื่องไสยศาสตร ใหหมดไปจากจิตใจ ; ก็พอจะเปนเคา เปนโครง เปนแนว สําหรับเขาใจได หรือจะนําไปปฏิบัติได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เวลาก็หมด โดยนกกางเขนมันบอก. ก็พอกันทีสําหรับวันนี้.
เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม - ๒๔ ๑ มิถุนายน ๒๕๑๓ สําหรับพวกเรา ลวงมาถึงเวลา ๒๐.๓๐ น. แลว ; วั น นี้ จ ะได พู ด ถึ ง เรื่ อ ง เคล็ ด สํา หรั บ ฆราวาสในทางธรรม ในฐานะเปน เรื่อ งสรุป สุด ทา ย. เพราะรูส ึก วา เราจะตอ งหยุด การบรรยายกั น ในคราวนี ้ แ ล ว เพราะผมกํ า ลั ง ไม ม ี แ รง ออ นเพลีย มากขึ้น . ผูที่ยัง เหลือ อยู ถา ใครยังสนใจก็เปด เทป คํ า บรรยายครั้ง แรก ๆ ที่ ไม เคยฟ งนั้ น มาฟ งก็ แ ล วกั น . เพราะ ฉะนั้ น จึ ง ถื อ โอกาสให ก ารบรรยายครั้ ง นี้ เ ป น ครั้ ง สรุ ป เรื่ อ ง ทั ้ง หมดที ่แ ลว ๆ มาดว ย แลว สรุป ไวใ นฐานะที ่เ ปน เคล็ด สําหรับจะไดเอาไปใชสําเร็จประโยชนดวย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สําหรับคําวา “เคล็ด” เกือบจะไมตองอธิบายกันแลว เพราะรูจักกันดี วาหมายถึงอะไร.แตอยากจะชี้ใหเห็น หรือตั้งขอสังเกตสักนิดหนึ่งวา คําวาเคล็ด นี้คือสิ่งที่เขาเรียกกันไพเราะเพราะ ๆในภาษาสมัยใหมวา “เทคนิค” หรืออะไร ทํานองนี้. คุณอาจจะไปสนใจบูชาคําวา “เทคนิค” แลวเลยมองขามคําวา “เคล็ด”
๔๔๕
๔๔๖
ฆราวาสธรรม
เสียก็ได. โดยใจความของมันก็คือวา วิธีที่จะทําใหสําเร็จประโยชนตามที่เรา ตองการโดยงาย โดยสะดวก มีผลดีมาก ลงทุนนอย อะไรทํานองนี้ ; คือทําให การงานนั้ นสําเร็จแน ๆ แลวก็ผลดีเต็มที่ เหนื่อยนอ ย ลําบากนอ ย ลงทุนน อ ย ทําไดมาก. ความมุงหมายของคําวา เคล็ด กับความมุงหมายของคําวา “เทคนิค” มันตรงเปนอันเดียวกันในขอนี้. อยาไดเขาใจคําวา เคล็ด นี้เปนเรื่องแกปญ หา เล็ก ๆ นอ ย ๆ. ขอใหน ึก ถึง ปู ย า ตายาย บรรพบุร ุษ ของเรา รู จ ัก แตคํ า วา เคล็ด แตไ มรูจ ัก คํ า วา เทคนิค ; แตท า นเหลา นั ้น ก็ม ีเ ทคนิค อยา งเต็ม ตัว คือทําอะไรไดสําเร็จ สรางอะไรที่คนลูกหลานสมัยนี้สรางไมได ; หรือวาสรางได ก็ แ ย ไปเลย. คนสมั ย นี้ ไ ปดวงจั น ทรได แต ว า อาจจะทํ า อะไรบางอย า งไม ได ; เพราะมัน มีเหตุอื่น อีก หลายอยา ง เชน สรา งสิ่งมหัศ จรรยในโลกอยางนครวัด ; คนเดี๋ย วนี้ทํา ไมได ; ทํา ไดก็แ พงกวา ยุง กวา ลํา บากมากกวา . เพราะฉะนั้น ขอใหมองปูยา ตายาย บรรพบุรุษในลักษณะที่เปนผูมีปญญาเฉลียวฉลาด มีเทคนิค มีเคล็ด จึงรอดตายมาไดจนเกิดพวกเรา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาบรรพบุ รุษ ไม มี เคล็ด ไม มี วิชาเทคนิ คอะไรเพี ยงพอ จะต อ งตาย กัน เสี ยหมด ไม เหลื อ มาเป น พื ช พั น ธุจนทุ กวัน นี้ แล วก็ จะไม ส รางอะไรขึ้น ไวให พวกเราดู อยางที่เราไมอาจจะสรางได ; เพราะความเปลี่ยนแปลง เพราะอะไร ๆ หลายอยาง. ความขี้เกียจ ความขยัน ความเสียสละ ความไมเห็นแกตัว นี้เราก็สู ปู ยา ตายาย ไมไ ด. เพราะฉะนั ้น สิ ่ง ที ่เราเรีย กวา เทคนิค นั ้น ก็เปน ของที ่นี่ มาแลว ตั ้ง แตม นุษ ยเริ่ม มีขึ ้น ในโลกนี ้แ ลว ก็ก า วหนา มาเรื่อ ย ๆ ;สิ ่ง ที ่เรีย กวา เคล็ด ก็เหมือ นกัน . เราจึง ถือ เอาแตใ จความสั ้น ๆ วา เคล็ด นี ้ม ัน มีป ระโยชน คือทําใหลงทุนนอย ไดผลมากทันใจ สําเร็จตามตองการ.
เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม
๔๔๗
ทีนี้ก็มาถึง คําวา “เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม” ; เราจะไม พูดเรื่องทํามาหากิน เรื่องอะไรทํานองนั้น ; แตจะพูดในขอที่วา เปนฆราวาสนั้น จะมีวิธีการอันเรนลับอะไรที่จะชวยใหเรามีธรรมะพอตัว ; แลวก็ไมมีความทุกข ได. วิธีการชนิดนี้ภาษาบาลีเขาเรียกวา “อุบาย” . แตนาเสียดายที่ในภาษาไทย คําวาอุบายมีความหมายไปในทางเลวรายต่ํา ๆ หรือสอความหมายไปในทางไม สุจ ริต . แตใ นภาษาบาลีแ ท ๆ คํา วา “อุบ าย” มีค วามหมายไปในทางที่ดี มันเปนเครื่องใหสําเร็จประโยชน เหมือนกับคําวา เคล็ด เหมือนกัน. เอาละแมเราจะถือวา เรื่องอุบายเปนเรื่องหลอกลวงก็เอา ; แตมัน เปนเรื่องหลอกลวงกิเลส เพื่อจะฆากิเลส ; หลอกลวงซาตาน หลอกลวงพญามาร เพื่อ จะฆาซาตาน ฆาพญามาร ;อยางนี้ก็ใชได. แตที่แ ทไมใชก ารหลอกลวง มัน เปนสติปญ ญาที่เปน เคล็ด หรือ เทคนิค โดยเฉพาะปญ ญาที่มันกวางขวาง เกินไปนั้น เปนเรื่องความรูทวมหัวเอาตัวไมรอด. ทีนี้ปญ ญาชนิดที่มันเฉพาะ แลวพอดี พอเหมาะ ทําใหสําเร็จประโยชนได ในเวลาอันสั้น ในเวลาที่เผชิญ กับอันตรายนี้ เขาเรียกวาอุบายในภาษาบาลี ; พอตกมาเปนภาษาไทยมันเปลี่ยน ความหมาย. คําเปนอันมากมาจากภาษาบาลี สันสกฤต พอมาเปนภาษาไทย เปลี่ยนความหมายไป ไมมากก็นอย ; หรือความหมายของคําบางคําเปลี่ยนกลับ เปนตรงกันขามก็มี แตจะไมเอามาพูดในที่นี้ เดี๋ยวจะเปนเรื่องสอนภาษาหนังสือ ขอใหสังเกตดูเอง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ก็ไดเคยพูดใหฟงมาแลวหลายหน เชนคําวา ตัณหา – ความอยากนี้ ไมเหมือนกันในภาษาบาลี กับภาษาไทย. ตัณหา หมายถึงความอยากที่ตอง มาจากความโง ; สวนความอยากที่ม าจากสติปญ ญา ไมเรียกวา “ตัณ หา”. แตในภาษาไทย เราเรียกวา “ความอยาก”เหมือนกันหมด ซึ่งทําใหปนกันยุง.
๔๔๘
ฆราวาสธรรม
คําวา “อุบาย” นี้สําคัญที่สุด ที่จะทําใหสําเร็จประโยชนเหมือนกันกับ คําวา “เคล็ด” หรือ “เทคนิค”. ที่เปนภาษาบาลีไมตองเติมคุณ ศัพทอะไรแลว แตในภาษาไทยตองเติมคุณ ศัพท เชนคําวา “กุศโลบาย” เปนตน คือ อุบาย ในทางที่ดี ; ภาษาบาลีไมเคยมีคําวา กุศโลบายนี้แมคํา ๆ นี้เปนภาษาบาลี ก็เ ปน คํา บาลีที่เ ขาผูก ขึ้น ใหม ของเดิม ใช อุบ าย ก็พ อแลว ในภาษาไทย เรามีเคล็ด มีอุบาย มีเทคนิคอะไรก็ตาม เรียกไดทั้งนั้น ; คือ ใหสําเร็จประโยชน ตามที่เราตองการไดอยางเปนที่นาพอใจ เพราะเร็ว และลงทุนนอย มีผลมาก. เมื่อเปนดังนี้ก็หมายความวา ฆราวาสเราจะทําอยางไรจึงจะไดรับประโยชนจาก พระธรรม หรือ พระศาสนามากที่สุด ทั้ง ที่ไ มไ ดบ วชเปน พระ ไมไ ดป ฏิบัติ อยา งพระ ; นี่ผ มเรีย กวา “เคล็ด สําหรับ ฆราวาสในทางธรรม”. ถา ไมอ ยาก จะใชคําวาเคล็ด ก็อยากจะกลาวคําที่มันเปนเคล็ด ๆ คืออยากจะกลาววา เมื่อ ยังบวชไมได ก็ทําใหมันเหมือนกับบวชแลวเสียเลยได. เมื่อยังบวชไมไดก็สามารถ ทําใหเหมือนกับวาบวชเสร็จแลว ; นี่มันเปนเคล็ดไหม สังเกตดู.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฆราวาสอยูที่บานที่เรือน และไมไดกินอยูนุงหมอยางนักบวช จะมา บวชก็ม ีลูก มีเมีย มีค รอบครัว มีห นา ที่ การงาน จะมาบวชก็ไ มไ ด. แตมี เคล็ดที่วาจะทําใหเหมือนกับบวชเสร็จแลวอยูในตัวได, บวชเสร็จแลวอยูในตัว ความเปนฆราวาสนั้นเอง. ขอนี้ขออยาไดลืมนึกถึงคําบรรยายหลายครั้งที่แลว ๆ มา ขางตน ๆ คือขอที่ไดบอกใหทราบวา ถาเรื่องดับทุกขทางวิญญาณแลว มันไมมี พระ ไมมีฆราวาส ; คือพระก็ตองปฏิบัติเหมือนฆราวาส ฆราวาสก็ตองปฏิบัติ เหมือนอยางพระ ; เมื่อตัณ หาเปนเหตุใหเกิดทุกขก็ตองดับตัณ หาเสียเทานั้น. เพราะฉะนั้นถาศึกษาและปฏิบัติอยูอยางนี้แลว ก็เหมือนกับบวชอยูแลว. ทีนี้ ฆราวาสนั้น เสียเปรียบพระ ตรงที่วามีภาระ ตองหาเลี้ยงปากเลี้ยงทองดวย ตนเอง ; มันเพิ่มมาอีกเรื่องหนึ่งตางหาก ก็แปลวาฆราวาสทํา ๒ เรื่องพรอมกัน ;
เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม
๔๔๙
ป ญ หาทางร า งกาย ทางเลี้ ย งปากเลี้ ย งท อ ง เลี้ ย งลู ก เลี้ ย งเมี ย ป ญ หาเรื่ อ ง ประเทศชาตินี้มันเปนปญ หาหนึ่ง ; แลวปญ หาทางจิตใจ ความทุกขเกิดมาจาก กิเลสทําใหเกิดความทุกขรอน นี้เปนอีกปญหาหนึ่ง. ส วนที่ เกี่ ยวกั บ เรื่อ งบวช หรือ ไม บ วช มั น อยู ที่ ป ญ หาหลั ง, ป ญ หา ทางจิตใจ, ฉะนั้นถาเราลงมือปฏิบัติตามหลักของพระพุทธศาสนา มันก็เหมือน กับ บวชอยู แ ลว ; แตวา บวชอีก ประเภทหนึ ่ง คือ คลานไปชา ๆ เพราะมัน มี ของพ ว ง ของถ ว ง ; ไม เหมื อ นกั บ นั ก บวชโดยตรง ที่ อ อกจากเรือ นไม มี ท รัพ ย สมบัติ ไมมีลูกเมีย มันก็เบาสบาย ; และไมตองเลี้ยงปากเลี้ยงทองเอง ชาวบาน เขาเลี้ ยง ; ไม ต องทํ าไรทํ านา หาเงินเอง ก็ มี เครื่องบริโภคใช สอยเป นอยู ได โดย สะดวกในการที่จะปฏิบัติอยางพระ. นี่ก็ผิดกันเพียงเทานี้. เมื่อเรายังบวชไมได เราก็ทําใหมันเหมือนกับบวชอยูแลวในตัว โดยการ ปฏิบัติตามหลักอันเดียวกัน เพียงแตวาไปชา ๆ เพราะไปเสียเวลาตรงที่ทํามาหากิน. แตทีนี้ประโยชนที่ไดมันคุมกัน :ทําหนาที่ฆ ราวาสเพื่อหาเงินหาอะไร เลี้ยงปาก เลี้ย งท อ ง เลี้ ยงครอบครัวนี้ มั น เป นทางมาหรือ เป นโอกาสของความรอ น หรือ ความทุกขมากที่สุด ; ทีนี้เพื่อจะไมเกิดความทุกขรอนขอนี้ จึงตองไปเอาธรรมะ มาช ว ยกํ า กั บ ไว ด ว ย ; การเป น อยู อ ย า งฆราวาสนั้ น ก็ จ ะไม ร อ นเป น ไฟ. ถ า ปราศจากธรรมะชวย ความเปนฆราวาสนั้นจะรอนเปนไฟทีเดียว คิดก็ไมถูก ปลง ก็ไมถูก ทําอะไรก็ไมถูก ; มีปญหาทางจิตใจเกิดขึ้น ก็เหมือนกับวา จะตองตาย อยา งนั ้น . คุณ ลองอา นประวัต ิบ างเรื่อ งบางคน ลูก ตายลงไป ตัง เองไมต อ ง กิ น ข า วกิ น น้ํ า ไม ต อ งทํ าอะไรเป น วั น ๆเป น สั ป ดาห จนตั ว จะตายเอง อย า งนี้ เปนตน นี้คือการที่ขาดธรรมะ ; เปนประวัติของเจานายชั้นสูงดวยซ้ําไป.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๔๕๐
ฆราวาสธรรม
เพราะฉะนั้นขอใหถือวา เรื่องฝายศาสนา หรือฝายธรรมะนั้น มีไว เพื่อใหฆราวาสที่อยูในโลกนี้ ใหอ ยูในโลกไดโดยไมตองเปนทุกขมากเกินไป ; หรือถึงกับไมปรากฏเปนความทุกข. ถาปราศจากธรรมแลว ความเปนฆราวาสนี้ เปนความทุกขอยางยิ่ง. เพราะฉะนั้นจึงมีหลักในบาลีวา ฆราวาสชื่อวาเปนรัง แหงความทุกข ก็หมายความถึงเปนฆราวาสที่ไมประกอบดวยธรรมะ. ถาประกอบ ดว ยธรรมะ ก็มีโอกาสที ่จ ะเปน พระโสดาบัน สกิท าคามี กระทั ่ง อนาคามี ; อยางนี้ก็เคยพูดกันแลวในการบรรยายครั้งตน ๆ วาฆราวาสเปนไดถึงพระอนาคามี เลื่อ นชั้น อีก ที่ก็เปน พระอรหัน ต. แตพ อเปน พระอรหัน ตเสีย แลว หมดความ เปนฆราวาส หรือหมดความเปนพระ ; เขาจึงถือวาเปนพระไปเสียเลย : พระอรหันตไมมีในความเปนฆราวาส. นี่เรียกวา “เคล็ด”. ไมกี่วันคุณก็จะสึกออกไปเปนฆราวาส แลวก็ยัง บวชไมได ; แตคุณจะสามารถเปนพระอยูในตัว สําเร็จรูปอยูในตัว ในสวนทางฝาย จิตฝายวิญญาณ ; มีหลักที่จะควบคุมความยึดมั่นถือมั่น ไมใหเกิดความโลภ ความ โกรธ ความหลง เพื่อไมใหการงานประจําวันตามหนาที่ของฆราวาส ในโลกลวน ๆ นั้นเกิดเปนความทุกขขึ้นมา. อยาเขาใจวา เมื่อฆราวาสปฏิบัติตามหลักคิหิปฏิบัติ หมดทุกหัวขอที่กลาวไวในนวโกวาทแลวจะไมมีทุกข นั่นมันเปนเรื่องทางรางกาย ทั้งนั้น. ขอปฏิบัติในคิหิปฏิบัติตั้งหลาย ๆ หมวดนั้น ; ปฏิบัติไดหมดนั้นแลวก็ไม พนที่จะมีความทุกขทางจิตใจ.มันชวยไดเพียงวาจะแกปญหา ไดเงินอยางไร มีเพื่อนที่ดีอยางไร สังคมกันอยางไร ไมมีขอบกพรองในเรื่อ งนั้น ๆ ; แตแลว เรื่องเงินที่ไดมา จะมาทําใหเกิดความทุกขได ; ความสําเร็จที่ไดมา ก็ยังทําให เกิ ด ความทุ ก ขได . อย าพู ด ถึ งความไม สํ าเร็จเลย. เพราะฉะนั้ น เราต อ งมี วิช า ความรู ที่จะดํารงจิตไวใหถูกตอง ชนิดที่จะไมใหอะไรมาทําใหเกิดความทุกขได ; ความได - ความเสีย ก็ไมทําใหเกิดความทุกขได ความเปน - ความตาย ก็ไมทํา ใหเกิดความทุกขได ถาความรูในทางธรรมะมีมากพอ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม
๔๕๑
นี่ เรีย กว า “เคล็ ด ” แปลว า ทํ า ที เดี ย วได ทั้ ง สองอย า ง : ความเป น ฆราวาสทางรางกายนั้นก็มีทําไดดี ; ความเปนฆราวาสในฐานะที่เปนพุทธบริษัท เป นผูศึกษาธรรมะอยางผูครองเรือ น อยูในบ านในเรือนนั้นก็มี. หมายความวา เปนอุบาสก อุบาสิกาที่ดี ที่ถูกตอง มีธรรมะในฝายพระพุ ทธศาสนาเต็มที่ดวย ; แลวมีการทํามาหากินอยางถูกตอง เหมือนคนทั่วไปที่ไมใชอุบาสกอุบาสิกาดวย. เพราะฉะนั้นเราจะตองกลายไปเปนอุบาสก ไมใชเปนชาวบานธรรมดา. ชาวบาน ธรรมดาก็คือไมมีธรรมะ ไมมีศาสนา มีแตเรื่องทํามาหากิน มีแตเรื่องวัตถุเนื้อหนัง อยา งคนธรรมดา ; ไมใ ชอ ุบ าสก อุบ าสิก า. ทีนี ้เราทํ า อยา งนั ้น ก็ทํ า ไดด ว ย แลว เรายัง มีค วามรูแ ละประพฤติใ นทางธรรมะ เพื ่อ จะไมใ หสิ ่ง เหลา โนน เกิด ความทุกขขึ้นมาดวย เพราะฉะนั้นเราเปนอุบาสก หรืออุบาสิกาแลวแตเพศ ไมใช คนธรรมดาสามัญทั่ว ๆ ไป. นี้คือความเปนพุทธบริษัท. อยาไดเขาใจใหมันผิดในเรื่องนี้ แลวก็ไมสนใจในความเปนพุทธบริษัท หรือความเปนอุบาสก อุบาสิกา. เมื่อผูใดเปนผูปฏิบัติธรรมะเต็มรูปของความเปน อุบ าสก อุบ าสิ กานั้น มั น ก็แสดงวา กําลังมี การประพฤติป ฏิ บั ติเหมื อ นพระอยู อยางหนึ่งสวนหนึ่ง ; เพียงแตวามันไปชากวาพระเทานั้น เพราะเราตองลากลูกตุม อะไรไปดว ย. เหมือ นกับ รถบดถนน มัน จะวิ่ง เร็ว เหมือ นกับ รถไฟ หรือ เรือ บิน ไมไ ด ; แตม ัน ก็ม ี การไป อยูใ นนั้น ในเมื ่อ มีค วามตอ งการจะไป มัน ก็ห มุน ไปขางหนา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ เราก็ตองมองดูใหเห็นเคล็ดในขอที่วา เราสามารถในการจับปลา สองมือ ; เราสามารถจับ ปลาสองมือ . เรื่อ งจับ ปลาสองมือ โบราณเขาหา ม. แตนั่นความหมายมันอีกอยางหนึ่งตางหาก มันไมใชความหมายอยางที่ผมกําลังพูด. จับปลาสองมือหมายความวามันทําไมถนัด มันลี่น แลวมันเลยหลุดมือไปทั้งสองตัว ;
๔๕๒
ฆราวาสธรรม
แตนี่มันไมใชเรื่องจับปลาอยางนั้น นี้มันหมายถึงทําสองอยางพรอมกัน ไดสําเร็จ ทั ้ง สองอยา ง ; เชน วา เรื่อ งฝา ยโลกก็ไ มใ หเสีย ฝา ยธรรมก็ไ มใ หเ สีย ; เรื่อ ง ฝายรางกายก็ไมใหเสีย เรื่องฝายจิตใจก็ไมใหเสีย. พวกชาวบานเขายังสามารถ ทํ า ชนิ ด งานหลวงก็ ไ ม ใ ห ข าด งานราษฎร ก ็ ไ ม ใ ห เ สี ย ; หมายความว า เขาทําไดพรอมกันทั้งสองอยาง ; มันเหมือนกับจับปลาสองมือ. จับปลาอยางนี้ เขาไมไดหาม และมันอยูในวิสัยที่จะทําได. สวนจับปลาสองมือในน้ําลื่น ๆ ทั้งสองมือนั้น มันมีหวังหลุดไปเสีย ทํ า แลว จะไมไ ดอ ะไรเลย แตใ นเรื่อ งอยา งนี ้ (ดัง ยกมาขา งตน ) แลว ทํ า ได. คนเขลา และคนอวดดีเทานั้นที่วาทําไมได เขาพูดเพอ ๆ ไป ; มีครูบาอาจารย ที่สมมุติวาเปนบัณ ฑิต นักปราชญ อะไรก็ตาม พูดเพอ ๆไปตามความเขลา และ ความอวดดี วาทําไมได ; จะทําใหมีประโยชนทั้งทางโลกและทางธรรมพรอมกันไป ไมไ ด ; จะร่ํา รวยดว ยทรัพ ย และร่ํา รวยดว ยธรรมะ ไปนิพ พานพรอ ม ๆ กัน ไมได. นั้นมันเปนความเขลา และความอวดดีที่เขาพูด.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พระพุ ท ธเจ า ตรั ส เรื่ อ งสุ ญ ญ ตา กั บ ฆราวาส ข อ นี้ ผ มอธิ บ าย ละเอี ย ดพอแล ว . เรื่อ งที่ พ ระพุ ท ธเจ า ตรั ส เรื่อ งสุ ญ ญตา กั บ ฆราวาส นั้ น ; ฆราวาสไปทูลถามวา ธรรมะอะไรจะเปนประโยชนเกื้อกูลแกพวกขาพระองคผูเปน ฆราวาส ตลอดกาลนาน. พระพุ ทธเจาทานตรัสวา เรื่อ งสุญ ญตานั้นคือ เรื่อ งที่ จะบรรลุ ม รรคผล และไปนิ พ พานสํ า หรั บ ฆราวาส ; เพราะฉะนั้ น ก็ แ ปลว า ฆราวาสจะต อ งปฏิ บั ติ เรื่ อ งสุ ญ ญตา พร อ มกั น ไปกั บ เรื่ อ งทํ า มาหากิ น . เรื่ อ ง นิพพานก็มีหวังที่จะไดโดยแนนอน ; เรื่องปากเรื่องทองกลายเปนเรื่องเล็ก. ถาคุณไมลืมคําพูดขอนี้แลว เคล็ดนั้นจะเปนไปได ; ถาคุณเกิดไปลืมคําพูดเรื่องนี้ ขอนี้ เแล ว คิด วาเรื่อ งปากเรื่องท องเป น เรื่องใหญ เรื่องธรรมะเป นเรื่องเล็กแล ว เคล็ดนี้ก็ลมละลาย.
เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม
๔๕๓
เพราะฉะนั้นขอใหนึกถึงคําบรรยายครั้งกอน ๆ ที่แลว ๆ มา ในขอที่วา เกิดมาทําไม ? อยางนี้ และยังระลึกไดวาเกิดมาเพื่อไดสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษยควร จะได จะตองได ; เพราะฉะนั้นเรื่องนั้นไมใชเรื่องทํามาหากิน ไมใชเรื่องปาก เรื่อ งทอ ง ไมใ ชเรื่อ งกิน เรื่อ งกาม เรื่อ งเกีย รติ ; เรื่อ งตา ง ๆ เหลา นั ้น เปน เรื่อ งเล็ก . มีพ อใหมัน รูวา เปน อะไร หรือ พอใหร อดชีวิต อยูไ ดแ ลว ก็ตั้ง หนา ตั้งตาทําใหไดสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษยควรจะได คือภาวะสูงสุดในทางจิตใจ. จิตใจจะ สูงสุด จะประเสริฐ จะวิเศษที่สุดไดอยางไรนั้น จะตองเอาใหได. เรื่องอาชีพ เรื่องเงินเดือน นั้นก็เปนเพียงอาชีพ เพียงเลี้ยงชีวิตอยู ; แลวในขณะที่มีชีวิต อยู นี ้จ ะตอ งไดสิ ่ง นั ้น - คือ สิ่ง ที ่ด ีที ่ส ุด ของมนุษ ย. ถา หลัก อัน นี ้ไ มเฟอ นละก็ เคล็ดมันจะเปนไปไดสําเร็จ. ถาเกิดไปกลับกันเสีย เปนพวกวัตถุนิยมลวน ๆ ; เกิด มาเพื่อ เอร็ด อรอ ยทางเนื้อ หนัง นอกนั้น ไมมีอ ะไร ธรรมะเปน เรื่อ งเล็ก . เปนเรื่องมีไวสําหรับหลอกคนโง ; อยางนี้ไมมีหวัง. บัดนี้ก็มีปญหา เรื่องโลกกําลังเปนวัตถุนิยมจัด แลวเปนกันทั้งโลก มากขึ้น ทุก ที ก็เลยถูก จูง ถูก ดึง ไปแตใ นทางผิด หรือ เขา ใจไมได. ในฐานะ ที่เราเปนมนุษยอิสระเลือกได มีสติปญญาของเราเองอยางนี้ เราควรจะไปใหถึง ที่สุดจุดหมายปลายทาง ที่มนุษยควรจะไปถึง ก็คือไมใชวัตถุนิยม ไมใชเรื่อง เนื้อหนัง เรื่อ งปากเรื่องทอง ; แตเปน เรื่อ งสูงสุดในทางจิตใจ. เดี๋ยวนี้เขาถือ กันวากิน ดื่ม ราเริงเต็มที่ เสเพลอะไรเสียเร็ว ๆ เพราะวาพรุงนี้เราอาจจะตาย เสีย ก็ไ ด ; มัน เปน เรื่อ งของคนบา วัต ถุ บา เนื้อ หนัง ; เปน กัน มาแลว ตั้ง แต กอ นพุท ธกาลโนน จนกระทั่งเดี๋ย วนี้ยิ่งมีม ากขึ้น ๆ ,เมื่อ พระพุท ธเจาเกิด ขึ้น ทรงแสดงสิ่งประเสริฐที่สุดที่มนุษยควรจะได ในการที่เรามีจิตใจ มีความดี ความ สุข ความประเสริฐ สูงสุดถึงที่สุด ; แลวเราก็รูของเราเอง ไมตองมีใครมารู ; เรียกงาย ๆ ก็คือ เรียกวาไดนิพพาน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๔๕๔
ฆราวาสธรรม
เกี่ยวกับนิพพานก็มีเรื่องจะตองพูดโดยสรุปอีกทีหนึ่งวา เดี๋ยวนี้คนยิ่งโงมาก เพราะไปหลงวัต ถุ เนื ้อ หนัง มาก ก็ยิ ่ง โงม าก ; ก็เ ลยเห็น นิพ พานวา เปน เรื่อ งไมเ กี่ย วกับ มนุษ ย. นี้มัน ผิด ทั้ง สองพวก ; คือ พวกที่แ กวัด เครง ศาสนา ก็เขาใจผิดเรื่องนิพพาน เอาไปไวที่ไหนก็ไมรู เอาไปไวในอนาคตกี่หมื่นกี่แสนชาติ ก็ไ มรู เอาไปไวที ่ไ หนก็ไ มรู กระทั ่ง อยู ที ่ไ หนก็ไ มรู กระทั ่ง คือ อะไรก็ไ มรู ; ไดแตหวังวา “ขอใหบรรลุนิพพาน ในอนาคตกาลเบื้องหนาโนนเทอญ” เทานั้น. นี้ก็ผิดและโงที่สุดเลย. อีกพวกหนึ่งก็คือการศึกษาสมัยปจจุบัน ที่ไมเขาใจเรื่อง นิ พ พานก็ ห าว า เรื่อ งนิ พ พานเป น เรื่อ งบ า ๆ บอ ๆ ครึ ๆ คระ ๆ สํ า หรับ คนโง สํา หรับ คนสมัย โบราณ ; นี่ก ็ไมรูวา นิพ พานคือ อะไรไปเสีย อีก . พวกคุณ กํา ลัง ตามกน ฝรั่ง ก็จ ะตอ งเปน อยา งนั ้น นิพ พานเปน ของครึไ มใ ชเรื่อ งสํ า หรับ เรา ; นี้ระวังใหดี ๆ. คําวา “นิพพาน” แปลวาเย็น รายละเอียดพูดแลว ไมตองพูดซ้ําอีก ; แตพ ูด ใหชัด ลงไปวา นิพ พาน นั ้น คือ ภาวะที ่อ ายตนะเปน ของเย็น ; ประโยค สั ้น ๆ “นิพ พานคือ ภาวะที ่อ ายตนะเปน ของเย็น ”. อายตนะ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นี้เปนสื่อหรือทางสําหรับติดตอกับของภายนอก คือรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธัมมารมณ, อยูขางนอก. เรามีอายตนะภายใน คือตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ สําหรับติดตอกับสิ่งขางนอกเหลานั้น. นิพพาน คือภาวะที่อายตนะ นั้นเปนของเย็น. ถาเราปลอยไปตามความโลภ ความโกรธ ความหลง อายตนะ จะเป น ของร อ นตลอดเวลา : เดี๋ ย วร อ นทางตา เดี๋ ย วร อ นทางหู เดี๋ ย วร อ น ทางจมูก เดี๋ยวรอ นทางลิ้น เดี๋ยวรอนทางกาย เดี๋ยวรอนทางใจ. ถามีการปลอ ย ไปตามอํานาจของโลภะ โทสะ โมหะ คือไมมีธรรมะนั้น อายตนะเปนของรอน ; ขณะนั้นเรากําลังตกอยูในวัฏฏสงสารคือของรอน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม
๔๕๕
ทีนี้ เรามีอุบาย มีเคล็ด มีเทคนิค อยางที่วา ปฏิบัติอยูอยางถูกตอง ตามหลักของพระพุทธศาสนา ก็จะมีผลปรากฎคือ อายตนะกลายเปนของเย็น ไมเกิดความรอนเกี่ยวกับทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ. มันตางกันนิดเดียววา เย็นนี้ มันมีวาเย็นตลอดไป หรือเย็นชั่วคราว. ถาเรายัง เปนคนธรรมดาสามัญอยูมาก มันก็เย็นชั่วคราว เดี๋ยวมันกลับรอนอีกได ; แลว ก็ทํา ใหเ ย็น อีก ได เดี๋ย วมัน กลับ รอ นอีก แลว ก็ทํา ใหเ ย็น อีก ได.ถา เราปฏิบัติ ขึ้นไปจนถึงขั้นพระอริยเจา ก็สามารถทําใหเย็นไดมากขึ้น ๆ จนไมกลับรอนไดอีก เลย ; มัน ตา งกัน เทา นั้น . แตสว นเย็น ก็คือ เย็น อยา งนั้น เย็น อยา งเดีย วกัน นั่นแหละ ; รอนก็คือรอนอยางนั้น . การที่ส ามารถทําใหเกิดความเย็น ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ในที่นี่และในเดี่ยวนี้ ในปจจุบันชาตินี้ ในกิจการงานทุกอยางนี้ นั้นเรียกวานิพพาน. อยางคุณ สอบไลตก คุณ ก็รอน ; เกิดความยึดมั่นถือมั่นเปนตัวกู เสียหายอยางรายแรง แลวมันก็รอย เกิดความเสียใจ โศกเศรา ปริเทวะอะไรก็ตาม. นี้ก็สรางความรอนขึ้นมา เปนวัฏฏสงสาร.ถาคิดถูก คิดไปตามหลักธรรมชาติ ก็ได วาทุกอยางมันเปนไปตามเรื่องของมัน ไปตามเหตุตามปจจัยของมัน ; เหตุ ปจจัยมันเพียงพอก็สอบไลได เหตุปจจัยมันไมเพียงพอมันก็สอบไลตก ; แลว ไมตองไปรอนกับมัน ตกแลวก็เรียนใหมได. นี้ก็เรียกวาทําใหมันเย็น. แตตอไป ขางหนามันไมใชเพียงเรื่องเรียนและเรื่องสอบไล มันเรื่องการงานสารพัด มีงาน สังคม งานอะไรตาง ๆ ลวนแตนํามาซึ่งความรอน. ทีนี้คุณ ทําใหมันเย็นไดใน กรณีใ ด ก็เปน นิพ พานสว นหนึ่ง ๆ อยูใ นกรณีนั้น ๆ ชั่ว คราว ๆ ชั่ว คราว ๆ ไปจนกวามันจะไมรอนไดอีกเลย จึงจะเปนนิพพานที่ถูกตองสมบูรณ. ทั้งถูกตอง และสมบูรณ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๔๕๖
ฆราวาสธรรม
เพราะฉะนั้นนิพพานไมใชเรื่องที่จะตองแยกออกไปจากตัวเรา ตองอยู กับสติปญญาของเราเพื่อปองกันสิ่งตาง ๆ ไมใหสรางความรอนขึ้นมา ; ไมใช ตอตายแลว อีก กี่กัลป กี่กัป ป กี่รอยชาติ พันชาติ จึงจะถึงนิพ พาน ; ไมใช เชนนั้น. พระพุทธเจาทานไมตองการอยางนั้น ; ทานนี้ระบุวา นิพพานคือความ เย็น ของอายตนะ มีไ ดเ ทา ไรก็เ ทา นั้น ; มีไ ดต ลอดกาลก็เ ปน นิพ พานแท และสมบูรณ. เพราะฉะนั้นเราจะตองสนใจที่สุด ไมเชนนั้นจะตองตกนรกทั้งเปน. ในวันหนึ่ง ๆ มันมีเรื่องทําใหรอนมากมายหลายเรื่อง ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย มากที่สุดก็คือทางใจ เพราะมันคิดไดคลองแคลว. ยิ่งสมัยนี้ การศึกษาใหผลแตเพียงวาเปนคนคิดเกง แตไมไดรับรองวา คิดถูก หรือคิดผิด เพราฉะนั้นการคิดเกง มันก็เลยเกงไปในทางคิดผิด มันก็มีเรื่องรอนมาก และ เปน เรื่อ งรอ นโดยไมรูสึก ตัว . ผมเรีย กวา “ไฟเย็น ” “ไฟเปย ก” เหมือ นกับ พวกฮิปปก็ได. มันก็ไมจําเปนที่จะตองเปนไฟที่ไหมหนังพอง ไฟเย็นไฟเปยก ก็ยังมี ; มันรอน มีความหมายเปนความรอนดวยกันทั้งนั้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่ถาคุณ ไมเห็นตามที่เปนจริง แลวก็เลยไมรูสึกวา นิพพานนี้เป น ของจําเปน ที่จะตองมีอยูกับเนื้อกับตัว แมที่ยังอยูในบานเรือน. ก็นิพพานไม จําเปนแกพวกฆราวาส พระพุทธเจาจะไมตรัสเรื่องสุญญตาแกฆราวาส ; นี้มีเหตุผล พระพุทธเจาตรัสเรื่องสุญญตาแกฆราวาส ก็เพื่อใหฆราวาสมีนิพพานอยางสําหรับ ฆราวาส อยูในบานในเรือ น ; แลวจะไดดับ รอ นได. เพราะฉะนั้นคนที่พูด วา ทําไมได. ทําทางโลกก็ตองเอาแตทางโลกอยางเดียว ทางธรรมทําไมได ; ก็เปน คนโงและคนอวดดีบวกกัน, ทั้งโงทั้งอวดดี. เลิกโงเลิกอวดดีเสีย จะมองเห็น วาพระพุทธเจาทานตรัสถูกตองแลว วาฆราวาสนี้จะตองสนใจเรื่องสุญญตาใหมันมี ความเย็นทางอายตนะ ทางตา ทางหูทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจพอสมควร ; จะไดไมเปนโรคเสนประสาท จะไดไมวิกลจริต จะไดไมตองฆาตัวตาย และจะ ไดไมเดือดพลานจนเปนฮิปปในที่สุด.
เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม
๔๕๗
ถาคุณเห็นวานิพพานเปนของครึ มันก็เทากับเห็นวา พระพุทธศาสนา ทั้งหมดนั้นเปนของครึ ; เพราะวาพระพุทธศาสนาทั้งหมดนั้นตองการนิพพานที่นี่ และเดี๋ยวนี้ ; ใหมีนิพพานในกลางวัฎฎสงสาร. ชีวิตฆราวาสอยูในกลางวัฏฎสงสาร มีดี - มีชั่ว มีบุญ - มีบาป มีสุข - มีทุกข มีอะไรขึ้นๆลง ๆ , มันเปนวัฏฏสงสาร. ความไมตองเปนอยางนั้น ความคงที่ ความสงบ ความสะอาด ความหยุดได ความเปนอิสระ นี้เปนนิพพาน. นึกถึงสระ ตนมะพราวนาฬิเกร ตนเดียวโนเน กลางทะเลขี้ผึ้ง ฝนตกก็ไ มตอ ง ฟา รอ งก็ไ มถึง กลางทะเลขี้ผึ้ง ถึง ไดแ ต ผูพนบุญเอย. ทอง ๆ เอาไวบาง. นี้เรียกวามันเปนเคล็ด ที่คุณเปนฆราวาสก็เกี่ยวของกับนิพพานได ; แลวก็ไมเปนการจับปลาสองมือที่ลมเหลว. แตเปนการจับปลาสองมือที่เปนปลา คนละชนิดที่มีพรอมกันไปสองมือ แลวก็สําเร็จดวย คือปลาตัวนี้ และไมทําใหปลา อีกตัวหนึ่งเปนของรอนขึ้นมา. เพราะฉะนั้นอยาไปเชื่อวาตองแยกกันเด็ดขาด วาเดี๋ยวนี้เปนชาวบานเปนชาวโลกก็ตองเอาเรื่องปากเรื่องทอง ตองทํามาหากิน ไมตองสนใจเรื่องศาสนา เรื่องนิพพาน. เราจะตองมีของสองสิ่งนี้เคียงคูกันไป เหมือนกับที่ผมพูดในครั้งที่หนึ่ง ในการบรรยายวา ชีวิตของเราตองเทียมดวย ควายสองตัว ; จํา ควายสองตัว ไว ควายตัว หนึ่ง คือ เทคโนโลยี่ ตามหนา ที่ การงานนั้น ควายตัวที่สองคือ spiritual enlightenment ความสวางไสวในทาง วิญญาณชีวิตจิตใจ ; จําควายสองตัวเคียงคูกันไป ชีวิตนี้ก็สะดวกสบาย ราบรื่น ถึงที่สุด อยางไมตองโกลาหลวุนวาย ; นี่คือเคล็ด. ถาอยางนี้ไมใชเคล็ดแลว ก็หมดปญ ญา ไมมีอะไรจะพูด อีก. นี่เปนเคล็ด ที่ใหไดผลมากที่สุด โดยลงทุน นอยที่สุด.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที่จะเขาใจผิดก็มีอยูอ ยางที่วา ไปแบ งแยกเปนพระ เป นฆราวาส มากเกิน ไป ; จนเขากัน ไม ได. ผมบอกวาใหเป นพระเสียใหเสร็จในความเป น
๔๕๘
ฆราวาสธรรม
ฆราวาสนั้นดวย. เดี่ยวนี้คุ ณ ไดยินได ฟ งหลักพุ ทธศาสนาขั้นสูงวาอยางนั้ นอยางนี้ แลว เปน ขอ งพ ระไป ห ม ด . พ อ พูด เรื ่อ งศีล ส ม าธิ ปญ ญ า ม รรค ผ ล นิ พ พาน ก็ เลยเกิ ด ความคิ ด เข า ใจไปว า อ า ว เอาของพระมาใช บ า แล ว โว ย ; อย า งนี้ เอาเรื่ อ งของพระมาศึ ก ษามาปฏิ บั ติ บ า แล ว โว ย . ความจริ ง ไม ใ ช เป น อยางนั้น ไมใชเอาของพระไปใช ; เขาใจโง ๆ ไปเองวา เอาของพระไปใช. มันไมมี วาของพระของฆราวาส เรื่องดับทุกขทางจิต ทางวิญญาณไมมี แยกไว เป น ของพระของฆราวาส ; เป น เรื่ อ งต อ งดั บ ความยึ ด มั่ น ถื อ มั่ น หรื อ เรื่องดับ ตัณ หา เรื่อ งอริยสัจจ เรื่องมรรคมีองคแปด เหมือนกันหมดเลย ไมมีพ ระ ไมม ีฆ ราวาส ในเรื่อ งนี ้. ฆราวาสก็ถ ือ พระพุท ธ พระธรรม พระสงฆ เหมือ น กั บ พระ; พระก็ ถ ื อ พระพุ ท ธ พระธรรม พระสงฆ เหมื อ นกั บ ฆราวาส. แล วก็ มี ห ลี ก ที่ จ ะปฏิ บั ติ ศี ล สมาธิ ป ญ ญา ดั บ กิ เลสตั ณ หา อย างเดี ย วกั น กั บ ฆราวาสหรือ พระก็ต าม; เพีย งแตว า ไปไดไ กลกวา ไปไดม ากกวา หรือ นอ ยกวา . สว นเรื่อ งของพระทั ้ง หมดนั ้น มัน ก็เปน เรื ่อ งของฆราวาสโดยเนื ้อ หา โดยสาระ โดยใจความ. แต ถ าเขาไปบั ญ ญั ติ ชื่ อ เรีย กกั น ในหมู พ ระ แล วก็ ได ยิ น กันแตในหมูพระ ก็เลยเขาใจไปวา เปนเรื่องของพระโวย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เชนเรื่อง ทําปาฏิโมกขนี้ คุณ ก็คงคิดวา เปนเรื่องของพระ ; ถูกแลว พระพุท ธเจา ทา นบัญ ญัต ิไ วว า พระตอ งทํ า ปาฏิโ มกขท ุก กึ ่ง เดือ น. แตว า นี่ ไมใ ชจํ า กัด วา พระทํ า อยา งเดีย วฆราวาสก็ทํ า ได, ถา คุณ จะเอาระเบีย บวิน ัย อะไรมาอ า นดู ทุ ก ๆ สั ป ดาห ทุ ก ๆ กึ่ ง เดื อ น;แล ว ก็ เ ตื อ นตน อย า ให ทํ า ผิ ด พลาดในเรื่อ งกฎหมาย ในเรื่อ งระเบีย บอะไร มัน ก็ไดเหมือ นกัน . เพราะฉะนั ้น คํ า วา “ปาฏิโ มกขสัง วร” ใชไ ดทั ้ง พระทั ้ง ฆราวาส. พระสํ า รวมระวัง ในขอ กฎตาง ๆ ของพระ ; ฆราวาสก็สํารวมระวังในขอกฎตาง ๆ ของฆราวาส ก็เรียกวา “ปาฏิโมกขสังวร” ได.
เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม
๔๕๙
เมื่อพระมีอินทรียสังวร, สํารวมตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไมยินดี ยินรายไปตามสิ่งที่ม ากระทบ, ฆราวาสก็ควรทําเหมือนกัน ; มิฉะนั้นตกนรก ทั้ง เปน จะตอ งระวัง เรื่อ งที ่เขา มาเกี่ย วขอ งกับ เรา ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ อยาใหเกิดเปนพิษเปนอันตรายขึ้นมา ; แมไมเทาพระ ไมเทากันกับพระ แตก็ทําเหมือนกันนั่นแหละ เพียงแตมันมีความมากนอยกวากัน เทานั้น. เรื่องของพระหนักขึ้นไปอีก เชนวา ปจจเวกขณ จีวร บิณ ฑบาต เสนาสนะ พระทองทุกวันนี้ อยาเขาใจวาฆราวาสไมเกี่ยว ; ฆราวาสก็ตองทํา. ถาไมทําก็เปนฆราวาสที่เลว แลวจะมีความทุกขดวย คําปจจเวกขณจีวร ที่วา จะใชจีวรนี้เพียงเพื่อบําบัดความรอน หนาวหรือเหลือบยุง ลมแดดอะไรทํานองนี้ ; หรือวามันไมใชตัวสัตวตัวบุคคล ทั้งผูใชจีวร ผูหมจีวรและตัวจีวร. ถาฆราวาส คิดนึกไดอยางนั้นก็เปนฆราวาสที่ดี จะไมสุรุยสุรายเรื่องเครื่องแตงตัว จะไมมี ความหงุด หงิด เกิด ขึ้น เพราะเรื่อ งการแตง กาย เครื่อ งนุง หม . เพราะฉะนั้น พระปฏิบัติอยางไร ฆราวาสก็ปฏิบัติอยางนั้นเกี่ยวกับเรื่องเครื่องนุงหม อยาใหมัน เกินความจําเปน, ใหเปนเพียงเทาที่จําเปนอยางไร ก็ทําอยางนั้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรื่องอาหารบิณฑบาต ปจจเวกขณอาหารบิณฑบาต ก็เพื่อจะเตือนตน ใหบริโภคเทาที่จําเปนอยาใหกลายเปนเฟอ หรือเกินไป หรือดวยความตะกละ หรือดวยความรักสวยรักงาม, บํารุงบําเรอ. ฆราวาสก็ปฏิบัติได เกี่ยวกับอาหาร การกินใหพอเหมาะพอสม เทาที่จะมีความสะดวกสบายใจการปฏิบัติหนาที่การงาน ; ไมจําเปนที่จะตองอยูกรุงเทพ ฯ ขับรถยนตไปกินอาหารมื้อกลางวันใหอรอยที่ นนทบุรี เปน ตน ; นั้น มัน เปน เรื่อ งบา . ถา ถือ หลัก อยา งนั้น แลว ฆราวาส ก็ ต กนรกทั้ ง เป น ; แต ถ า ถื อ หลั ก ตามพระ ถื อ ป จ จเวกขณ เรื่ อ งบิ ณ ฑบาต
๔๖๐
ฆราวาสธรรม
กินอาหารนี้ เทาที่รางกายตองการ มันจะสะดวกสบายสําหรับปฏิบัติหนาที่การงาน. คุณก็ทองจนจําไดกันอยูแลว ผมก็ไมตองพูด. สวดปจจเวกขณ ขอรองแตเพียงวา สึกออกไปก็อยาลืมเสีย ใหทองไดตามเดิม. เรื่องเสนาสนะก็เหมือนกัน : จะอาศัยเสนาสนะเพียงเพื่อใหไดรับความ สะดวกสบายในการเป นมนุ ษย, แลวดํ าเนิ นไปให ถึงจุดหมายปลายทางของความ เปน มนุษ ย. ถา เราไปมัว สรา งที ่อ ยู อ าศัย ใหม ากมาย มัน ก็ม ีภ าระเกิด ขึ ้น มาก เกิ น กว า ความจํ า เป น ; ต อ งลงทุ น มากต อ งลํ า บากมาก กว า จะได ม านี้ ; บางที ตองฉิบหายไปเลยตั้งแตทีแรก. ถามี อ ยางนั้น มั นก็ตองรักษา ตอ งมี คาใชจายใน การรัก ษาดูแ ลมาก ดูแ ลไมทั ่ว ถึง ; แมทํ า ไดม ัน ก็เ ปน หว ง เปน วิต กกัง วลจน จิ ตใจหม นหมอง. เพราะฉะนั้ นให มี บ านเรือนเท าที่ จํ าเป น อย างโคลงสุ ภาษิ ตว า “นกน อ ย ทํ ารังน อ ย แต พ อตั ว ” นี้ ถ าทํ าใหญ เกิ น ไปคนก็ หั วเราะ ; ให พ อดี พ อ สะดวกแกความที่จําเปนที่จะอยูจะอาศัย เพื่อทําหนาที่การงานของมนุษย. นี้เรื่อง เสนาสนะ หมายถึงบ านเรือน เครื่องใชสอยในบ านเรือ น เครื่องเรือนอะไรก็ตาม ที ่ม ัน เนื ่อ งดว ยเรือ น ๆ ; ใหเ หมือ นกับ พระปจ จเวกขณนั ่น แหละ. ไมไ ด หมายความวา คุณจะตองอยูกระตอบอยางนี้ ; ไปเปนฆราวาสแลวคุณจะตองอยู กระตอบเล็ก ๆ อยางนี้, ไมใช ; แตจะอยูอ ยางพอเหมาะพอสมอยางไรก็ได แต รูความหมายของมัน อยามีจิตใจที่ลุมหลงไป.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอสุดทาย เรื่องหยูกยา ปจจเวกขณ ก็เพื่อใหไมตองลําบากมากเกินไป ; เอาแตพอที่ถูกที่ควร. ถามั นเหลือวิสัยเกินกวาความจําเป นแลว ใหมั นตายไปก็ได รางกายนี้ไมตองดิ้นรนจนลําบากเกินไปเลย. แตวาเมื่อปฏิบัติในหลักการเปนอยู อย า งอื่ น ถู ก ต อ งแล ว โรคภั ยไข เจ็ บ มั น ก็ ไม มี ; และโรคไข เจ็ บ นี้ จ ะบํ าบั ด ได ด ว ย หยูกยาที่ไมตองแพง ไมตองวิเศษวิโสอะไร. เรื่อ งถึงขนาดที่จะตองผาตัดเปลี่ยน
เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม
๔๖๑
หัว ใจอะไรนั ้น เปน เรื ่อ งบา ไมจํ า เปน จะตอ งทํ า , ควรปลอ ยใหเ ปน ไปตาม ธรรมชาติ คื อตายหรืออะไรก็ ตามใจ ; เป นผู สั นโดษแม นเรื่องหยูกยา ที่ จะเยียวยา ชีวิตนี้ดวย. เปนอันวา เรื่อปจจเวกขณ ๔ ของพระนี้, ของฆราวาสก็เหมือ นกัน. แตมันเรียกชื่อเปนแบบของพระเสียแลว พอฆราวาสไดฟงเขาก็ตกใจเลย ; กลัวจะ เปนพระอยูวัด. ที่จริงโดยเนื้อหา โดยความหมายแลวมันก็เปนอันเดียวกัน. เรื่อ งประมาณในโภชนะ นี้ ก็อีกเรื่องหนึ่ ง. เมื่ อ พระตองการทํ าความ เพีย งทางจิต ก็กิน อาหารนอ ยกวาฆราวาส ; ฆราวาสตอ งการใชกําลัง ทางกาย ก็ตองกินมากกวา แตวามีประมาณ ประมาณที่พอดี. ความพอดีในการกินอาหารนี้ ก็ตองปฏิบัติเครงครัด อยางเดียวกัน ทั้งพระทั้งฆราวาส. เรื่อ งของพระแท ๆ ยิ่งขึ้น ไปอีก เชน ชาคริย านุโยค – คือ นอนนอ ย ก็ เหมาะแล ว สํ า หรับ พระที่ น อนน อ ย เพราะมี เรื่อ งฝ ก ฝนทางจิ ต ทางวิ ญ ญาณ. ฆราวาสต องใชกํ าลังทางกาย จะนอนน อยเท าพระไม ได ; แต แล วก็ ต องนอนน อย เหมือนกัน ฆราวาสก็จงนอนใหนอยเทาที่จะเหมาะสมแกฆราวาส.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรื่อ งธุ ด งค , เตลิ ด ไปธุด งค เสี ย เลย ซึ่ งใคร ๆ ก็ เขาใจวามี บั ญ ญั ติ ไว เฉพาะพระ. ฉะนั้ น คุ ณ ก็ พิ จารณาดู เถิ ด กิ น ข าวหนเดี ย ว ภาชนะใบเดี ย ว อะไร ทํ า นองนี ้ ;เอาแตค วามหมายของมัน ซิ คือ เราอยา สุรุย สุรา ย ; กิน เกิน จํ า เปน , กิน จํ า นวนมื ้อ เทา ที ่จํ า เปน , ภาชนะเทา ที ่จํ า เปน เทา ที ่ส ะดวกหรือ เหมาะสม อยา ใหม ัน เฟอ อยา งจีว รสามผืน อยา งนี ้, ฆราวาสก็ม ีเครื ่อ งนุ ง หม เทา จํ า เปน เท า ที่ พ อเหมาะพอสม อย า ให มั น เฟ อ . เรื่อ งอื่ น ก็ เหมื อ นกั น รวมความแล ว มั น เปน เรื่อ งสัน โดษ ไมม ีท างผิด ที ่ฆ ราวาสจะถือ ธุด งค คือ ชีวิต เปน อยูไมฟุ ม เฟอ ย
๔๖๒
ฆราวาสธรรม
เอาแตพอเหมาะพอดี เทาที่จะเปนอยูได โดยสะดวกแกหนาที่การงาน. นี้เรียกวา ธุดงค ฆราวาสก็ยังถือธุดงคได. เรื่องอื่น ๆ อีกก็เหมือนกันจะ เอามาพู ดหมดทุกเรื่องมันก็ไมไหว. อยากจะเตือนเรื่องสุดทายก็คือ เรื่องอุดมคติของโพธิสัตว เปนฆราวาสนั่นแหละ เป น โพธิ สั ต ว ได . ถ า เป น วงกว า งไม ได ก็ เป น แต เพี ย งในครอบครั ว ก็ แ ล ว กั น ; บําเพ็ญบารมีสงเคราะหคนในครอบครัว หรือคนขางเคียงออกไป ๆใหสุดความ สามารถ สุดฝไมลายมือ ก็เรียกวามีอุดมคติของโพธิสัตวได. เพราะฉะนั้นเปน ฆราวาสที่อยูในบานเรือนนั้นทําไดทุกสิ่งทุกอยาง ตามเนื้อหาสาระของพระพุทธศาสนา ; นี้ก็คือ “เคล็ด”. ทีนี้อยากจะแนะตอไปถึงขอที่วา ใหถือปฏิบัติโดยใจความ หรือโดย ความหมาย หรือโดยเนื้อแท หรือโดยสาระนี้ ไมใชโดยออม : คุณอยาทําให ปนกั น ยุ ง “โดยใจความ” นี้ ไ ม ใ ช “โดยอ อ ม”, โดยอ อ มคื อ เฉไปจาก ใจความ, โดยใจความนี้คือ โดยตรง. ถาฆราวาสเอาเรื่อ งของพระมาปฏิบัติ โดยใจความ นี้ ก็คือ ปฏิ บั ติโดยตรง ไม ใชโดยออ ม ; อยาพู ดวาโดยออ ม. ขอ ปฏิบัติตาง ๆ ที่ออกชื่อมาแลวสําหรับพระปฏิบัตินั้น ฆราวาสเอามาปฏิบัติได โดยตรงไมใชโดยออม ; หากแตวาเปนไปโดยใจความ เอาใจความมาใชใหถูกตอง. สวนปริมาณหรืออะไรนั้น ไมจําเปนจะตองเทากัน, ระดับไมจําเปนจะตองเทากัน ; แตใ จความนั้น ตรงกัน เสมอ. เพราะฉะนั้น เราคงมีใ จความสํา คัญ เหมือ นกัน ทั้งพระทั้งฆราวาส ; คือบุคคลผูกําลังเดินไป ๆ เดินไป ๆ จากความเปนทุกข สูความดับ ทุก ข ; นั้น คือ ใจความ. ฆราวาสก็ตอ งเดิน ชา เพราะแบกสองบา ; พระก็ไปเร็วเพราะแบกบาเดียว หรือไมแบกเลยก็สุดแท.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม
๔๖๓
ที่เรียกวา “ใจความ” นั่นแหละสําคัญทีสุด ; อะไร ๆ ก็ขอใหถือใหถูก ใหตรงตามใจความ. อยางหลักพระพุทธศาสนาเดี่ยวนี้เราถือไมตรง, ผิดใจความ ผิดหลัก เลยยุงไปหมด ; เปนพุทธสาสนาเกจอมปลอม เนื้องอกออกมาใหม ๆ, เพราะถือเอาใจความไมได จับใจความไมได; แมจะรุงเรืองดวยวัตถุทางศาสนา มัน ก็ไ มม ีพ ุท ธศาสนา หรือ ดับ ทุก ขไ มได. จะสรา งวัด ใหเต็ม บา นเต็ม เมือ ง, สรางพระเจดียใหเต็มบานเต็มเมือง ใหเหลืองอราม ไปทั้งประเทศ มันก็ชวยอะไร ไมได ; ถาถือเอาใจความผิด. ใจความของมันอยูที่วา มีจิตใจ สะอาด สวาง สงบนี้ ; ไม ใ ช เต็ ม ไปด ว ยโบสถ วิ ห าร หรื อ เจดี ย หรื อ ผ า เหลื อ ง หรื อ อะไร ทํา นองนี้. เพราะฉะนั้น ขอใหถือ วา ใจความนั่น แหละสํา คัญ ; ตัว หนัง สือ ก็ไมสํา คัญ , พิธีรีต องอะไรตา งๆก็ไมสํา คัญ ; ตอ งถือ เอาใจความใหถูก ตอ ง นั่นแหละเปนสวนสําคัญ. เดี๋ยวนี้เขาเนนหนักไปในทางประเพณี. สมาคมชื่อวา พุทธศาสตร และประเพณี ฯลฯ ; เรื่องประเพณีระวังใหดี มันจะไปโดนเปลือกมาก ๆ เขา ก็ไ ด. พุท ธศาสตรก็ตอ งระวัง ใหดีมัน จะเปน ปรัช ญาเพอ เจอ ก็ไ ด ; มัน ไม ถูกใจความ. ถาเรื่องพุทธศาสนากลายเปนปรัชญาไปแลวมันไมใชใจความ ;จะ ไมดับทุกขเลย. ประเพณีพิธีรีตองนี้ก็เหมือนกัน ถามันผิดความประสงค ผิด ใจความแลว มันก็เปนเรื่องงมงายไปเลย. พุทธศาสตรตองใหไดใจความวา เปน ศาสนา ไมใ ชศ าสตรป รัช ญา. ศาสตรที ่เปน ศาสนา จะตอ งเปน ศาสตรา. ศาสตรนั้นคือ ศาสตรา ; ศาสตราคือเปนของมีคม, มีค มสําหรับตัดความโง ตัด ความเห็น แกตัว ตัด กิเ ลสตัณ หา. ถา เปน ศาสนาจริง ตอ งเปน ของมีค ม ตัดความโลก ความโกรธ ความหลง โดยตรง ; นี้เรียกวาใจความ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาเปนประเพณีก็เพียงแตใหมันเกิดความสะดวกแกการกระทําอยางนั้น; ถาเราไมมีประเพณี มันไมสะดวกแกการที่จะทําอยางนั้น. ถาเราตั้งขึ้นไวเปน
๔๖๔
ฆราวาสธรรม
ประเพณี เช า นี้ ทํ า อย า งนี้ เย็ น นี้ ทํ า อย า งนั้ น , เดื อ นนี้ ทํ า อย า งนั้ น เดื อ นนั้ น ทํ า อยา งโนน ; แลว เปน ประเพณีที ่ถ ูก ตอ งและเปน ระเบีย บ ; อยา งนี ้ป ระเพณี มั นก็ มี ประโยชน . แต ถ าทํ าไปอย างหลั บหู หลั บตา งมงาย มั นก็ยิ่ งไม มี ประโยชน . เพราะฉะนั้ น ขอให จํ า ว า ถู ก ต อ ง แล ว ก็ “พอดี ” แล ว ก็ “ครบถ ว น” ; ฟ งดู คล ายหลัก ปรัช ญา แตว า ไมใ ช. ผมเกลีย ดที ่ส ุด เรื่อ งปรัช ญา แตนี ่ฟ ง ดูม ัน คลา ย หลัก ปรัช ญ า วา “ถูก ตอ ง” แลว “พอดี” แลว “ครบถว น” มัน จึ ่ง จะใชไ ด ใจความมัน อยู ที ่นั ่น , ใจความมัน อยู ที ่ถ ูก ตอ ง, แลว ก็พ อดี, แลว ก็ค รบถว น. คุณ จะทํ า อะไรก็ข อใหน ึก ถึง ๓ คํ า นี ้ไ ว: - ใหถ ูก ตอ ง แลว ยัง ตอ งพอดี ; ถูก เกิ น ไ ป ก็ ไ ม ไ ห ว , ถู ก เกิ น ไ ป นั ้ น คื อ ผิ ด ; ดี เ กิ น ไ ป นั ้ น คื อ เล ว . ถู ก ต อ ง ตอ งถูก ตอ งแน, และตอ งพอดี; ถูก ตอ งมัน ก็ต อ งพอดีเ กิน ไมไ ด แลว ก็ต อ ง ครบ ; ครบที่มันควรจะมี. นั่นแหละคือใจความ. ถ า เราพู ด ว า “ใจความของพระพุ ท ธศาสนา” ก็ ห มายความว า มั น ถู ก ต อ ง แล ว ก็ พ อดี แล ว ครบ ตามหลั ก ของพุ ท ธศาสนา ที่ ค น ๆ หนึ่ ง จะปฏิ บั ติ ที่ ฆราวาสคนหนึ่ ง ๆ จะปฏิ บั ติ . อยางนี้ เรียกวาเราเอาใจความของพุ ทธศาสนามาได คือเอาหัวใจของพุทธศาสนามาได ไมใชเปลือกขางนอก.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอทบทวนอีก ทีห นึ ่ง วา โดยใจความนั ้น ไมใ ชโ ดยออ ม ; โดย ความหมายหรือ โดยใจความนั้ น ไม ใช โดยอ อ ม, มั น เป น โดยตรง . โดยใจความ นั้น ก็ คือ ถูก ตอ ง พอดี แลว ก็ค รบถว น. เมื่อ ฆราวาสถือ หลัก อยา งนี ้แ ลว ก็ส ามารถจะเปน พระไดทั ้ง ๆ เปน ฆราวาส ; คือ เอาใจความของเรื่อ ง หรือ ของ พุท ธศาสนา หรือ ของพระ มาใสไ วใ นชีว ิต ของตนแผนกหนึ ่ง , ในฐานะเปน เรื ่อ งทางฝา ยจิต หรือ ฝา ยวิญ ญาณ. สว นเรื ่อ งของฆราวาสแท ๆ เรื ่อ งปาก เรื่ อ งท อ ง เรื่ อ งลู ก เรื่ อ งเมี ย เรื่ อ งทํ า มาหากิ น นั้ น เป น ส ว นเรื่ อ งร า งกาย ให เป น
เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม
๔๖๕
ส ว นของเรื่ อ งร า งกาย. เรามี ค วายสองตั ว เที ย มชี วิ ต คื อ เรื่ อ งกาย กั บ เรื่ อ งใจ ; ชีว ิต นี ้ก ็จ ะครบถว น ถูก ตอ งบริบ ูร ณ เปน ไปไดด ว ยดี. ทํ า อยา งนี ้จ ะบรรลุ มรรค ผล นิพพาน เร็วกวาพวกพระโง ๆ ที่ไปทําอะไรดุม ๆ อยูกลางปาเสียอีก, นี่พูดหยาบคายไปหนอยตองขออภัย ; แตมันเปนความจริงที่สุด ฆราวาสที่ปฏิบัติ อยู อ ยา งถูก ตอ ง นี ้จ ะบรรลุม รรค ผล นิพ พาน เร็ว กวา พระบอ ๆ อะไรองค หนึ่งเสีย อีก ซึ่งมีค วามยึด มั่น ถือ มั่น ในเรื่อ งของพระมากเกิน ไป ; ไปทําอะไรอยู ในปาคนเดียวนั้น ก็ยังจะอยูลาหลังฆราวาสคนนี้เสียอีก. เพราะฉะนั้นขอใหเปน ฆราวาสที ่ล ืม หู ลืม ตามีส ติป ญ ญาแจม ใส ในความถูก ตอ ง พอดี ครบถว น ; มีพุทธศาสนาโดยใจความอยูในเนื้อในตัว. เราพูดกันถึงเรื่องเคล็ด มันก็เปนเคล็ดอยางนี้ ; เอาหัวใจมาใหไดนั่นมัน เปนเคล็ดที่สุด ; ไมมีเคล็ดใดจะมากไปกวานี้ ; จับกลองดวงใจใหไดนั้นคือเคล็ด. เวลาเหลืออีก นิ ดหนึ่ งก็อยากจะพู ด เรื่องเคล็ด จับ หั วใจ นี้ อีกหน อ ย; ซึ่ งจะสรุป เป น คํ า พู ด งา ย ๆ อี ก ที ก็ คื อ วา ขอเตื อ นให ระลึ ก นึ ก ถึ งคํ าบางคํ า ที่ ได บรรยายมาแลวหลายครั้งอีกเหมือนกัน วาผมอาศัยการที่ทํางานนี้มานานหลายสิบป สังเกตอะไรมาเรื่อย ๆ ก็พบวา ที่สรุปความสั้น ๆ ใหเขานี้ก็มีประโยชนมาก. เพราะ ฉะนั้ น จึ งเกิ ด คํ า สรุป ความขึ้ น มาหลาย ๆ คํ า ดั งที ใช ม าแล ว .คํ า สรุป ความนี้ มั น แตกต างกั นเพื่ อให เหมาะแก คนหลาย ๆ ประเภท ; แต ที่ ใชได แกคนทุ กประเภทนี้ ผมเคยสรุปอยางที่ไดยินกันอยูเสอมวา “ตายเสียกอนตาย”.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ใครมาอยู สวนโมกขก็ มาเพื่ อรับปริญ ญา “ตายเสี ยก อนตาย”ให ตั วกู ของกู ประเภท egoism ที่ จะเปน เรื่อ งเห็น แกตัวนี้ ตายเสียให เสร็จหมดกอนแต รา งกายนี ้ม ัน จะตาย. รา งกายยัง ไมท ัน ตายใหอ หัง การ มมัง การ ตัว กู – ของกู มันตายเสร็จ นี่ เรียกวา ตายกอนตาย ; พยายามตายกอนตาย ไมมี ตัวกู – ของกู
๔๖๖
ฆราวาสธรรม
ที่จะยกหูชูหาง จะดื้อจะดัน จะโลภ จะโกรธ จะหลงอะไร นี่เรียกวาตายเสียกอน ตาย เย็นสนิท อายตนะเย็นสนิท ถาเราถือหลักตายเสียกอนตาย. คุณไปคิด เอาเองก็ไ ด นี้เปน ตัว อยา งที่ใ หไ ป สํา หรับ ไปคิด เอาเองบา งก็ไ ด. อาจจะมี คําพูดอยางอื่นที่คุณคิดไดเอง ที่เหมาะที่สุดสําหรับคุณยิ่งกวาคํานี้ได. แตผม มีความคิดอยางนี้ ไดพูดกับชาวบานชาวเมือง อุบาสก อุบาสิกา ก็พูดเรื่องตาย เสียกอนตาย ; วันหนึ่งพูดไมรูวากี่สิบครั้ง พูดคําวา ตายเสียกอนตายนี้. นี้มัน เปนเรื่องหลักอันหนึ่งที่สรุปไวในคําพูดเพียง ๓ พยางค. ถาพูด ตรง ๆ บางทีไมส นุก ไมกิน ใจ, ก็พูด ออ ม ๆ เปน ปริศ นา. เดี๋ยวนี้กําลังพูดมากอยูอีกคําวา “ปากอยาง ใจอยาง ทางดับทุกข.” พวก ชาวบานนั้นเขาไดยินแตคําวา ปากอยางใจอยางนั้นคือมันคบไมได เปนคนขี้โกง คนไมซื่อ อยาไปคบมัน ; คนปากอยางใจอยางนั้นเปนคนโกหกมดเท็จ ; นี้เปน เรื่องชาวบาน เปนภาษาชาวบาน. แต ปากอยาง ใจอยาง ในภาษาธรรมะนี้ มันมีความหมายอยางอื่น ; หมายความวา ปากนี้ตองพูดเหมือนคนอื่นพูด แตใจ ไมเ ปน อยา งนั ้น . ปากพูด โดยโวหารชาวบา นพูด ; สว นใจนั ้น ยัง มีค วาม แจม แจง อยูใ นความจริง . พระพุท ธเจา ทา นก็ต รัส ถึง พระองคเ องอยา งนี้วา “ตถาคตตองพูดดวยโวหารชาวบานพูด แตจิตไมยึดมั่นดวยอุปาทาน เหมือน ชาวบานยึดมั่น”.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เมื่อชาวบานพูดวา “บานของฉัน” นี้มันเปนบานของฉันจริง ๆ จัง ๆ รา งกายของฉั น ก็ เป น รา งกายของฉั น เอาจริง ๆ จั ง ๆ. มั น เป น ด ว ยความโง ความหลง ดวยตัณหา อุปาทาน - เปนของกูเสียจริง ๆ. แตถาพระพุทธเจาจะพูดวา “รา งกายของฉัน ” รา งกายของตถาคต นั้น ปากพูด อยา งนั้น ; แตใ จไมไ ด ยึด มั่ น วา รางกายของตถาคต แต เป น ของธรรมชาติ ; ไม มี ความยึ ด มั่ น ด วย
เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม
๔๖๗
อุปาทาน วารางกายนั้นเปนของกู. ชาวบานพูดวาอยางไร ก็ยึดมั่นอยางนั้น ทั้งนั้น ; ฉะนั้นก็เลยมาสอนกันเสียใหมวา หัดเปนคนปากอยาง ใจอยางกันเถิด. เมื่อปากพูดวา ของกูใจอยาเปนของกู ; ปากพูดวาตัวฉัน ใจอยาเปนตัวฉัน ; เดี๋ย วมัน จะยกหูชูห าง. นี่เรีย กวา “ปากอยา งใจอยา ง”. ปากพูด วา “ตัว กู” อยู ต ามเคย ใจอย า เป น เช น ปากเอ ย เหวยพวกเรา. ที่ เขี ย นอยู ใต รูป ภาพที่ ประดิษ ฐขึ้น ใหม. ปากพูด วา ตัว ฉัน , วา ของฉัน , วา ลูก เมีย ของฉัน , ความ รับผิดชอบของฉันอะไรก็ตามใจ ; ก็พูดตามภาษาธรรมดาใหมันรูเรื่องกันเทานั้น. สวนใจใหมันรูอยูเสมอวา ทุกอยางมันเปนของธรรมชาติ เราเขาไปเกี่ยวของกับมัน ใหถูกวิธี ใหสําเร็จประโยชน ก็ไมมีความทุกข. นั่นแหละผลที่มุงหมายมันอยูที่ ไมมีความทุกข ; แลวมันจะเปนของฉันไมได. แลวก็อยาลืมที่เคยเตือนวา อยาใหเสียเปรียบ หรือขายหนาพวก คริสเตียนที่ในไบเบิลของเขาก็มีสอนอยางเดียวกัน : มีภรรยา ก็จงเหมือนกับไมมี ภรรยา : มีทรัพยสมบัติก็จงเหมือนกับไมมีทรัพยสมบัติ, มันทุกขก็เหมือนกับ ไม มี ทุ ก ข , มี สุ ข ก็ เหมื อ นกั บ ไม มี สุ ข ,ไปซื้ อ ของที่ ต ลาดไม เอาอะไรมา อย างนี้ เป น ต น . กิ ริ ย าภายนอกทํ า อย างไร ก็ ต ามใจ แต ในใจไม เป น อย า งนั้ น ; ไม เหมือนกับที่ปากพูด หรือกิริยาอาการมันแสดง. หมายความวา ใจไมยึดมั่นถือมั่น วา ตัว กู - ของกู. โดยทางสมมุต ิ วา ตัว กู วา ของกู กูซื ้อ มา เปน ของกู อยางนี้ ; แตโดยความจริงแทนั้น เปน ของธรรมชาติ. จิตไมยึดมั่นวา ของกู ; จะใชสอย จะกิน จะใชอยางไรก็ได โดยไมตองยึดมั่นวา เปนตัวกู - ของกู
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่ เรีย กวา มี ชี วิ ต อยู ด ว ยสติ ป ญ ญา; ไม ใช มี ชี วิ ต อยู ด ว ยความโง ความหลง ดวยกิเลส ตัณ หา, สติปญ ญาทําใหมองเห็นวา ทุกอยางเปนของ ธรรมชาติ ; เราอยา เปน โจรปลน ธรรมชาติม าเปน ของเรา. เราจงกิน จงใช จงเกี่ยวของกับมัน ในฐานะที่มันเปนของธรรมชาติ ก็จะไดความสุขสบายไปตลอด
๔๖๘
ฆราวาสธรรม
ชีวิต. พอไปปลนธรรมชาติมาเปนของกู ก็กลายเปนโจรขึ้นมา อยางนี้ธรรมชาติ ก็ตบหนาใหทันที; คือทําใหมีความรูสึกหนักใจ รอนใจอะไรเพราะความยึดมั่น ถือ มั่นนั้น ๆ . เพราะฉะนั้นอยาเป นโจรปลนธรรมชาติ ; นี้ สําหรับพุ ทธบริษั ท สําหรับศาสนาอื่นที่เขามีพระเจาก็วาทุกอยางเปนของพระเจา ; อยาไปปลนเอา ของพระเจามาเปนของเรา ; จะกิน จะอยู จะใชสอยอะไรก็ทําไป แตอยากลา ยึดมั่นวาของกู ไปปลนพระเจา พระเจาจะลงโทษเอา ! มันก็มีเทานี้. นี่เรียกวามีปากอยาง ใจอยาง ก็มีแตความเย็น, เย็นเปนนิพพาน ทางอายตนะ. ในเรื่อ งปากอยา ง ใจอยา งนี้ ทีอ ยา งที่เ ปน ชนิด เลว ทํา ไม ทํากันได และทํากันไดอยูแลว. ในทางสังคมนั้นไดยินวา มีเรื่องโกหกมดเท็จ ปากอยางใจอยางทั้งนั้น ; พอพบหนากันจับมือ สบาย หัวเราะ ขอบคุณอะไร สบาย ; แตในใจมัน เต็ม ไปดวยคิดอาฆาตมาดรายก็มี. ในสนามกีฬาเขาให นักมวยจับมือกันบาง นักกีฬาจับมือกันบาง นั้นมันโกหก ปากอยางใจอยางทั้งนั้น แสดงอาการอยา งหนึ่ง แตใ จมัน อีก อยา งหนึ่ง . เห็น ไดชัด วา เขาชกตอ ย ตบตีกัน ในทามกลางสนามกีฬา ; อยางนี้ก็เพิ่มความเห็นแกตัว ไมใชทําลาย ความเห็นแกตัว นี่เรียกวากีฬ าจอมปลอม เพราะมัน ปากอยางใจอยาง. ทํา อยางนั้น ยังทําได แตที่ม าขอใหทําปากอยา งใจอยางนี้บางกลับ ไมเอา ; มัน จริงกวา มันถูกกวา. ของธรรมชาติอ ยาวาของกู, ของพระเจาอยาวาของกู ; ใหถือเปนของยืมใช ธรรมชาติก็ยอมให พระเจาก็ยอมให เราก็สบายจนตลอดชีวิต อยางนี้มันดีกวา. เพราะฉะนั้นชีวิตของเรามันเปนชีวิตที่ไมมีความทุกข ไมมีความ กลัว ;เรียกวาไมมีความทุกขคําเดียวมันรวมหมด คือไมมีปญหา ไมมีความกลัว ไมมีความสะดุง ไมมีวิตกกังวล ไมมีอะไรหมด.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่แหละคือ “เคล็ด” ที่จะเปนอยูอยางดีที่สุดเทาที่มนุษยจะพึงทําได เรียกวาสิ่ งดี ที่ สุด ที่ ม นุ ษ ยจะทํ าได ; มั น ก็ จบกัน เท านี้ ไม มี อ ะไร. เกิดมาก็เพื่ อ
เคล็ดสําหรับฆราวาสในทางธรรม
๔๖๙
ใหไดสิ่ง ดีที่สุด ที่ม นุษ ยค วรจะได. นี่งา ยนิดเดีย วแตใ นมหาวิท ยาลัย ของคุณ ไมยักสอนกัน, ของงาย ๆ นิดเดียวนี้ จนคุณก็ไมรูวาเกิดมาทําไม. เมื่อไมรูวา เกิด มาทํ า ไม ก็เ ปน อัน วา ไมรูทั ้ง หมดแหละเรื่อ งดี - เรื่อ งชั ่ว เรื่อ งบุญ เรื่ อ งบาป เรื่ อ งอะไรมั น ไม รู ไ ปหมด แล ว ไม ส นใจด ว ย ; เพราะไม ส นใจ ที่จะรูวาเกิดมาทําไม. ครั้งนี้เราถือวา เปนการบรรยายสรุปครั้งสุดทายสําหรับพวกคุณที่มี โอกาสมาบวชระหวางปดภาคเรียน ควรจะไดรูอะไรบาง ในเมื่อจะกลับออกไปเปน ฆราวาส. ผมก็พยายามเลือกสรรดีที่สุดแลว วาเรื่องอะไรบางที่จะเหมาะแกคุณ ผูมีความประสงคอยางนี้ ; ฉะนั้นจึงไดบรรยายคําบรรยายชุดนี้ โดยหัวขอที่เรียกวา. “ฆราวาสธรรม” เปนธรรมะสําหรับฆราวาส เทาที่จําเปนแกฆ ราวาส และที่ ฆราวาสจะถือ เอาประโยชนใหไดม ากทีสุด เทาไร ; เรีย กวา “ฆราวาสธรรม” ของพวกเราที่ นี่ โดยเฉพาะ. เพราะว า มั น อาจจะไม เหมื อ นกั บ ที่ เขาเรี ย กว า ฆราวาสธรรม ในที ่อื ่น ๆ ซึ ่ง มัน อาจะแคบเกิน ไป มีเพีย งเรื่อ งทํ า มาหากิน เปนตน . สวนผมนี้ คําวา ฆราวาส ก็ไมยอมใหละทิ้งพุทธศาสนา : ซีกหนึ่ง ใหเปนเรื่องรางกาย ทํามาหากินไป ; อีกซีกหนึ่งก็เปนเรื่องทางจิต – ทางวิญญาณ จะตอ งมีความแจม แจง สวางไสวไป, แลวก็ไปดวยกัน . นั้นคือ เปนฆราวาส ที่ดี เปนพระอยูในตัวเสร็จแลวตลอดเวลา ; แตวาเปนพระที่เดินไปชา ๆ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี้ขอสรุปใจความไวอยางนี้ วาเปนฆราวาสที่ดีที่สุดในโลก เพราะวา เปนฆราวาสตามแบบของพุทธบริษัท มีหลักของพุทธศาสนาเปนเครื่องประคับ ประคอง. นี้ขอใหมีความเขาใจ และดําเนินการปฏิบัติ ที่ถูกตรงโดยใจความ ดังที่กลาวมาแลวนี้ ; แลวก็มีความเจริญ งอกงามกาวหนาในทางแหงพระพุทธศาสนาของสมเด็จพระบรมศาสดา ทุกทิพาราตรีเทอญ.
ยโต โข คหปติ อริยสาวกสฺส ปฺจ ภยานิ เวรานิ วูปสนฺตานิ โหนฺ ต ิ จตู ห ิ โสตาปตฺ ต ิ ย งฺ เ คหิ สมนฺ น าคโต โหติ อริ โ ย จสฺ ส ญาโย ปฺ ญ าย สุ ท ิ ฏ โ ฐ โหติ สุ ป ฺ ป ฏิ ว ิ ท ฺ โ ธ .... ฯเปฯ..... ....ฯเปฯ ... อิ ธ ค ห ป ติ อ ริ ย ส า วโก อิ ต ิ ป ฏิ ส ฺ จ ิ ก ฺ ข ติ อิ ต ิ อิ ม สฺ ม ึ ส ติ อ ทํ โห ติ อิ ม สฺ ส ุ ป ฺ ป า ท า อิ ท ํ อุ ป ฺ ป ชฺ ช ติ อิ ม สฺ ม ึ อ ส ติ อิ ท ํ น โห ติ อิ ม สฺ ส นิ โ รธา อิ ทํ นิ รุ ชฺ ฌ ติ ยทิ ทํ อวิ ชฺ ช าปจฺ จ ยา สงฺ ข ารา สงฺ ข ารปจฺ จ ยา วิฺญ าณํ..... ฯเปฯ..........ฯเปฯ......ชาติป จฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺข โทมนสฺ ส ุ ป ายาสา สมฺ ภ วนฺ ต ิ ฯ เอวเมตสฺ ส เกวลสฺ ส ทุ ก ฺ ข กฺ ข นฺ ธ สฺ ส สมุทโย โหติฯ.......... (เวรสูตร ทสก. อํ. ๒๔/ ๑๙๕/๙๒.) ดูกอนคหบดี ! เมื่อ ภัยเวร ๕ ประการ อันอริยสาวก (คฤหัสถ) ทํา ให ส งบรํา งั บ ได แ ล ว ในกาลใด ; ในกาลนั ้ น อริ ย สาวกนั ้ น ย อ มจะ เปน ผูป ระกอบพรอ มแลว ดว ยองคแ หง โสดาบัน ๔ ประการดว ย ; และ อริย ญายธรรม ยอ มจะเปน สิ ่ง ที ่อ ริย สาวกนั ้น เปน แลว ดว ยดีแ ทงตลอด แลวดว ยดีดว ยปญ ญา ดว ย. ....ฯลฯ.........ฯลฯ.... คือ อริย สาวกในธรรมวิน ัย นี ้ ยอ มพิจ ารณาเห็น ดัง นี ้ว า เพราะสิ ่ง นี ้ม ี, สิ ่ง นี ้จ ึง ไมม ี ; เพราะ ความเกิด ขึ้น แหง สิ ่ง นี ้ล สิ ่ง นี ้จ ึง เกิด ขึ้น ; เพราะสิ ่ง นี ้ไ มม ี, สิ ่ง นั ้น จึง ไมม ี ; เพราะความดั บ ไปแห ง สิ ่ ง นี ้ , สิ ่ ง นี ้ จ ึ ง ดั บ ไป : ข อ นี ้ ไ ด แ ก สิ ่ ง เหล า นี ้ ค ื อ เพราะมี อ วิ ช ชาเป น ป จ จั ย จึ ง มี สั ง ขาร ท. ; เพราะมี สั ง ขารเป น ป จ จั ย จึง มีวิญ ญาณ ; .....ฯลฯ ...........ฯลฯ..........ฯลฯ..เพราะมีช าติเ ปน ปจ จัย ชรามรณะ โสกะปริเ ทวะทุก ขะโทมนัส อุป ายาส ท. จึง เกิด ขึ ้น ครบถว น. ความเกิดขึ้นแหงกองทุกขทั้งสิ้นนี้ ยอมมี ดวยอาการอยางนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ภาคผนวก
ทิศธรรม
หรือ
www.buddhadasa.in.th หลักปฏิบัติตอสังคม สําหรับฆราวาส www.buddhadasa.org
...........เอวํ วิม ุต ฺต จิต ฺต สฺส โข มหานาม อุป าสกสฺส วสฺส สตํ วิม ุต ฺต จิต เตน ภิก ฺข ุน า น กิ ฺจ ิ นานากรณํ วทามิ ยทิท ํ วิม ุต ฺต ิย า วิมุตฺตํ. ฯ (คิลายนสูตร มหาวาร. สํ.๑๙/๕๑๖/๑๖๓๓.) ดูกอนมหานาม ! เราไมกลาววิมุตติของอุบาสก (ผูประกอบไป ดว ยโสตาปต ติยัง คะสี่, ปลงความยึด มั่น ถือ มั ่น ที ่มีอ ยู ในบิด ามารดา, ในบุตรภรรยา, ในเบญจกามคุณ, ในสวรรคกามาพจร, และในพรหมโลก, เสี ย ได ใ นขณะที่ จ ะดั บ จิ ต แล ว ดั บ จิ ต ไป) ว า เป น ความหลุ ด พ น ที่ตางจากวิมุตติของภิกษุผูมีจิตหลุดพนแลวตั้งรอยป : ทั้งนี้เพราะ เหตุวา เปนการหลุดพนดวยวิมุตติดวยกันแท.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ทิศทาง ที่ฆราวาส จะตองเดินไป - ๑ ๙ ตุลาคม ๒๕๑๓ ตามที่ ท ราบกั น อยู แ ล ว ว า วั น นี้ เรามี ก ารบรรยาย พิเศษ เฉพาะผู ที ่จ ะตอ งลาสิก ขาบท. เพราะฉะนั ้น ก็จ ะพูด เรื่อ งที ่เกี ่ย วกับ ผู ที ่จ ะลากสิก ขาบท ตามที ่จ ะนึก ไดท ุก เรื่อ ง ; โดยเฉพาะอยา งยิ่งก็คือ เรื่อ งที่เกี่ย วกับ ฆราวาส หรือ คฤหัส ถ แลวแตจะเรียก. ขอ แรกที่สุด อยากจะพูด เสีย เลยวา คําสั่ง สอนเกี่ย วกับ คฤหัส ถนี้ พระพุทธเจาจะไดตรัสจริงหรือไม เรื่องนี้มันตองถือตามหลักที่วางไวทั่วไป คือ เมื่อมีปญหาวาเรื่องนี้พระพุทธเจาตรัสจริงหรือไม เขาใชหลัก มหาปเทสเปนเครื่อง ตัด สิน วาถามัน ลงกันไดกับ หลัก ใหญในพรหมจรรยนี้ หรือ ในศาสนานี้ เขา เรียกวาลงกันไดกับสูตร ลงกันไดในวินัยแลว ก็ถือวาพระพุทธเจาตรัส. การที่ จะเพียงแตยืนยันวา มีอยูในพระไตรปฎกแลวเปนพระพุทธเจาตรัส อยางนี้ไมถูก ; หรือพระพุทธเจาทานตรัสหามเสียเอง. เรื่องเกี่ยวกับคฤหัสถนี้ก็มีในพระไตรปฎก มีสูตรยาวสูต รหนึ่ง ซึ่งวาแตเรื่อ งนี้ วาแตเรื่อ งคฤหัส ถนี้ ; ทําใหมีผูส งสัย วา ทําไมมันยาวมากอยางนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๔๗๓
๔๗๔
ฆราวาสธรรม
สูตรพวกยาวที่สุดเรียกวา ฑีฆนิกาย ; ฑีฆ แปลวา ยาว หมวด ที่วาเปนสูตรยาวที่สุดจนไมนาเชื่อวาพระพุทธเจาจะไดตรัสมาก คราวเดียวยาวถึง อยา งนี้ เชน มหาสติปฏ ฐานสูต ร เปน ตน . มัน พน วิส ัย ที่วา จะพูด คราวเดีย ว ยาวถึงขนาดนั้น ; เลยทําใหสันนิษฐานวา มันเปนเรื่องที่รวบรวมมา แลวเอามา รอยกรอง แลวก็ใสเขาไปในพระไตรปฎกในคราวทําสังคายนาครั้งหลัง ๆ. เมื่อเปนอยางนี้ก็มิไดหมายความวา ใหเลิกยึดถือเปนหลัก ; ยังคงถือ ตามหลักเดิม วา มัน ลงกัน ไดในสูต ร มัน ลงกัน ไดใ นวินัย . แมวา ในสูต ร หรือ ในวินัยอื่น ๆ ไมมีพูดถึงเรื่องนี้เลย ; แตโดยใจความ โดยหลัก โดยความมุงหมาย หรืออะไรก็ตาม มันลงกันไดกับในสูตร มันลงกันไดกับในวินัยแลว ใหถือเอา เปน วาพระพุท ธเจาตรัส . เพราะฉะนั้น หลัก สําคัญ มีอ ยูวา แมไดยินจากปาก พระพุท ธเจา โดยตรง จากพระโอษฐโ ดยตรง ก็ยัง ไมใ หเชื่อ ; ใหไ ปทบทวน คิดคนดวยความมีเหตุผลเสียกอน แลวปฏิบัติดู จึงคอยเชื่อ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สูตรยาวเกี่ยวกับคฤหัสถนี้ก็มีหลัก ที่เราพอจะมองเห็นไดวามันตรงกัน กับหลักของพระพุทธศาสนา ลงกันไดในสูตร ลงกันไดในวินัย ; เชนพอเริ่มแรก ของสูต รก็มีก ลา วถึง คนที่เ ขาไหวทิศ ตามแบบเกา ที่ส อนกัน อยูกอ น. ทีนี้ พระพุทธเจาทานบอกวา ในหมูอารยชน ; เขาไมไหวทิศกันอยางนี้; เขาไหวกัน โดยวิ ธ ี ข องพระอริ ย เจ า หรื อ อรยชน ; ก็ เ ลยทรงจํ า แนกทิ ศ ทั ้ ง หกเป น อยางนั้น ๆ, จะตอ งปฏิบัติตอ อยางนั้น ๆ, จึงจะเปน การไหวทิศ ตามแบบ ของอารยชน. ขอนี้มันมองเห็นชัดอยูแลว เปนความถูกตองหรือเปนแสงสวางที่ ดีกวา เปนปญญาที่ดีกวา, แลวก็ลงกันไดกับหลักที่เปนหัวใจของพุทธศาสนา
ทิศทาง ที่ฆราวาส จะตองเดินไป
๔๗๕
ที ่ว า : - พุท ธะ แปลวา ผู รู ผู ตื ่น ผู เ บิก บาน. เพราะฉะนั ้น การไหวท ิศ ชนิด นี้ มั น จึ ง เป น พุ ท ธะ คื อ ของคนมี ป ญ ญา. ส ว นการไหว ทิ ศ เหนื อ ทิ ศ ไต ทิ ศ ตะวั น ออก ทิ ศ ตะวั น ตก นั้ น มั น เป น พิ ธี ต องสื บ ๆ กั น มา ; หรื อ ว า แฝงความหมาย อยา งไดอ ยา งหนึ ่ง ไว แตค นที ่ไ หวนั ้น ไมรู จ ัก เสีย แลว ไปมัว แตไ หวด ว ยคิด วา จะเปน สวัส ดิม งคลเทา นั ้น เอง ; ก็เ ปน เรื ่อ งงมงาย.ทีนี ้พ อมากลายเปน เรื่อ ง สติ ป ญ ญา เป น เรื่อ งวิช า ความรู เรื่อ งเหตุ ผ ล เรื่อ งความจริง อะไรขึ้ น มา มั น ก็ กลายเปน เรื ่อ งที ่ล งกัน ไดใ นพระสูต ร ในพระวิน ัย ของพุท ธศาสนา ซึ ่ง เปน ไป เพื่อสติปญญา. ครั้น เมื่ อ แปลความหมายของคํ า ว า “ทิ ศ ” เป น อย า งนี้ มั น ก็ ยิ่ ง เป น สติป ญ ญาเกิด ขึ ้น มาในตัว ; เปน เหตุผ ลที ่เกิด ขึ ้น มา แสดงอยู ใ นตัว วา นี ้เปน คํ าสั่ งสอนของพระพุ ทธเจา จะโดยตรง หรือโดยอ อม ก็ ถื อวาเป นคํ าสั่ งสอนของ พระพุทธเจา คือโดยออมเขามีหลักวา ถาจะใหพระพุทธเจาตรัส ทานจะวาอยางไร ; ก็ ต อ งตรั ส อย า งนี้ ; มั น มี เหตุ ผ ลที่ ทํ า ให ท า นต อ งตรั ส อย า งนี้ .เพราะฉะนั้ น คํ า ที่ กลาวอยางนี้ก็เปนคําที่พระพุทธเจาตรัส. นี้ไมไดหมายความวาจะตองออกมาจาก พระโอษฐโดยตรงอยางนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org อันนี้ก็เปนหลักที่จะตองถือทั่วไปวา พระพุทธเจาตรัส หรืออยูในฐานะ ที่ พ ระพุ ท ธเจ า จะต อ งตรั ส อย า งนี้ , จะเป น คํ า กล า วของคนอื่ น ก็ ไ ด เหมื อ นกั น . ฉะนั้นสูตรทั้งหลายที่มันยาวมาก อยูในสภาพที่ไมนาเชื่อวา พระพุทธเจาจะตรัส โดยตรง ก็ไดรับการรับรอง แลวมาอยูในพระไตรปฎก.
ทีนี ้ ก็ม าถึง ตัว เรื ่อ งในสูต ร ๆ นี ้ที ่เ รีย กวา สิง คาโลวาทสูต ร ใน ปาฏิกวรรค ฑี ฆนิกายนี้ มันก็ถือไดวาเปนหลัก หรือเปนระบบที่สมบูรณ อยูในตัว สูต รนี ้ ที ่เกี ่ย วกับ ฆราวาส.เรื่อ งปลีก ยอ ยเบ็ด เตล็ด เล็ก ๆ นอ ย ๆ อาจจะมีอ ยู
๔๗๖
ฆราวาสธรรม
ในที่อื่น ; แตก็ไมแปลกออกไปจากสูตรนี้ อาจจะสงเคราะหรวมเขาไปในสูตร ๆ นี้ ไดหมด ; กลาวคือสูตร ๆ นี้มันเปนหัวขอสําคัญที่ประมวลไวไดทั้งหมด คือเรื่อง ทิศหก ; ก็เลยถือเอาเปนสูตรที่พระพุทธเจาตรัสเกี่ยวกับฆราวาสโดยเฉพาะ. ปญหาที่เหลืออยูอีกก็อาจจะมีวา เราเคยถือเปนหลักกันวา เรื่องอื่น พระพุทธเจาไมตรัส ตรัสแตเรื่องความไมยึดมั่นถือมั่น หรือเรื่องสุญญตา เรื่อง อนัตตา. เพราะฉะนั้นอยาลืมวา หลักชนิดนั้นมันหมายถึงเรื่องหัวใจ หรือตัว หัวใจของพระพุทธศาสนา. สวนเรื่องปลีกยอยนั้นมันอาจจะมองไปในแงที่วา เปนอุปกรณ เปนบริวารของเรื่องนี้ก็ได ; หรือจะถือวาเปนเรื่องธรรมดาสามัญ คือวาพระศาสดาแหงศาสนาไหนก็ตาม มีหนาที่ที่จะตองตอบปญหาทุก ๆ ชนิด แลวแตจะมีคนถาม. แปลวา สติปญญาของพระศาสดานั้นมีอยูพรอมที่จะตอบ ปญญาทุกชนิดตามความรูสึกของทาน. จะเปนพระศาสดาองคอื่น ๆ นอกไปจาก พุทธศาสนา หรือแมแตขงจื๊อ เลาจื๊อ อะไรก็ตาม ; ซึ่งจะสอนเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เปนหลัก แตถาถูกถามปญหาปลีกยอยเกี่ยวกับคนธรรมดาสามัญ ก็ตอบไดทั้งนั้น โดยอาศัยหลักใหญ ๆ หลักเดิม ๆ นั้น มันจะบงใหตอบปญหาขอนี้วาอยางไร.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เลาจื๊อเคยสอนเรื่องที่ลึก ถึงขนาดที่เรียกวา ไมมีตัวจนทํานองเดียว กับพุทธศาสนา คือใหมองเห็นความเปนมายาของสิ่งที่ชาวโลกเขาหลงใหลกัน. หลักของเลาจื๊อที่ดีที่สุด ที่ไดรับความยกยองมากที่สุดก็คือ ที่บอกเรื่องความเปน มายาในสิ่งทุกสิ่งที่ชาวบานหลงใหลกัน หรือมองไมออก; ทีนี้แมจะใหทานมา ตอบปญหาเรื่องชาวบาน เรื่องครอบครัว ทานก็ตองตอบได ; แลวก็มีประโยชน ซึ่งอาจจะลึก อนุโลมเขากันไดกับหลักนั้น. ทีนี้ พุทธศาสนาสอนในเรื่องไมยึดมั่นถือมั่น ไมหลงใหลในสิ่งเหลานี้ แตเมื่อ ถูก ถามเขา ถึง เรื่อ งครอบครัว เรื่อ งลูก เรื่อ งเมีย ก็ต อบได ; แลว มัน
ทิศทาง ที่ฆราวาส จะตองเดินไป
๔๗๗
ก็ มี ห ลั ก ฐานชั ด อยู ว า ในสู ต รอื่ น ในสั งยุ ต ตนิ ก ายโดยมากนั้ น มี ผู เป น ฆราวาส แท ๆ ไปถามเรื่องขอปฏิบัติสําหรับฆราวาสแท ๆ พระองคก็ยังตรัสเรื่องสุญญตาแก ฆราวาสนั้น ๆ วาจําเปนที่ฆราวาสจะตองรูจะตองปฏิบัติเรื่องสุญญตา ; คือไมยึดมั่น ถือมั่นใหเกิดความทุกข. เพราะฉะนั้นเราตองถือวา เรื่องนี้ไมขัดกัน วาในสูตรนั้น สอนฆราวาสเรื่อ งสุญ ญตา ในสูต รนี ้ส อนเรื่อ งลูก เมีย เรื่อ งบา น เรื่อ งเรือ น ; ก็ หมายความวาผู ที่ เห็ นสุ ญญตาอยู แล ว ก็ ยั งต องปฏิ บั ติ ในเรื่องของฆราวาส. เรื่อง บานเรื่องเรือนในลักษณะอยางนี้ มันจึงเขารูปกันกับหลักใหญ ที่เรียกวาสุญญตา ; คือผูที่เห็นสุญญตาแลว ยังตองปฏิบัติตอบิดามารดา บุตรภรรยา สามีอะไรอยางนี้. เพราะฉะนั้นอยาไปเขาใจวา เรื่องโลกุตตระกับเรื่องโลกิยะนี้เปนขาศึก ปฏิป ก ษต อ กัน ไมห ัน หนา เขา หากัน ; อยา ไดเขา ใจอยา งนี ้. และเรื่อ งนี ้ก ็เคย พู ด ในการบรรยายครั้ง อื่ น ๆมาแล ว ว า ฆราวาสนั้ น จะต อ งมี ห ลั ก เพื่ อ จะเดิ น ไป นิพ พานดว ยเหมือ นกัน แตวา เดิน ไปชา ๆ เพราะตอ งหอบหิ ้ว หาบอะไรพะรุง พะรัง ไปดว ย. ฆราวาสหรือ คฤหัส ถม ัน ก็ต า งจากบรรพชิต ตรงที ่ม ีเรื่อ งรุง รัง มาก แต เป น เรื่อ งภายนอก ; ส ว นเรื่อ งวิ ญ ญาณโดยตรงนั้ น เป น เรื่อ งตรงเป น อั น เดี ย ว กั น กั บ บรรพชิ ต ที่ จ ะต อ งเดิ น ไปอย า งถู ก ต อ ง เพื่ อ ไปนิ พ พานด ว ยเหมื อ นกั น . เพราะฉะนั ้น การที ่ใ นเรื ่อ งนี ้ ใชคํ า วา “ทิศ ” ขึ ้น มานี ้เ หมาะสมแลว ; เพราะ คําวาทิศ มันแปลวาทิศทางที่จะตองเดินไป เรียกวา “ทิศหก”.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org อยากจะพู ดถึ งคํ าวา “ทิ ศ” สั กนิ ดหนึ่ ง โดยตั วหนั งสื อ. คํ าว า ทิ สะ แปลว า เห็ น หรื อ ปรากฏ ; คื อ สิ ่ ง ที ่ จ ะต อ งเห็ น จะหลี ก ไม ไ ด . เมื ่ อ เห็ น ก็ ค ื อ ป รากฎ จะเป น กํ า ลั ง เห็ น ห รื อ เห็ น แล ว ก็ ต าม มั น เป น การป รากฎ ก็เลยแบง เปน ทิศ อยา งที ่เ รารูจ ัก กัน คือ ทิศ ตะวัน ออก ทิศ ตะวัน ตก ทิศ เหนือ ทิ ศ ใต นั่ น เอง คื อ เป น ทิ ศ ทางหนึ่ ง ๆ ที่ ป รากฏ ; แล ว ก็ รู จั ก กั น มานานตั้ ง แต
๔๗๘
ฆราวาสธรรม
มนุษ ยเห็น ดวงอาทิต ย. เมื ่อ มนุษ ยย ัง ปา เถื ่อ น ไมม ีค วามรูอ ะไร มัน ก็ย ัง เห็น ดวงอาทิต ยเชา ๆ โผลขึ ้น มาทางนี ้ เย็น ตกลงไปทางนั ้น . เมื ่อ หัน หนา ไปทาง ดวงอาทิต ย มัน ก็เกิด ๒ ขา งขี ้น มา เปน ซา ยเปน ขวา ; มัน ก็เกิด ทิศ ทางเปน ซายขวาขึ้นมา แมซอยปลีกอยอยเทาไร มันก็มีความหมายเปนทิศอยูนั่นเอง. เพราะฉะนั้ นคํ าวาทิ ศมั นจึงมี ความหมายเดี ยว คื อเป นที่ปรากฏ ที่ จะ ตอ งมอง ที ่จ ะตอ งดู ;ตอ มาก็บ ัญ ญัต ิเ ปน ทิศ ตะวัน ออก ทิศ ตะวัน ตก เปน ทิศ เหนือ ทิศ ใต เรีย กชื ่อ ภาษาตา งๆ กัน ;แลว ในทางศาสนานี ้ย ัง แถม ๒ ทิศ เขา มาอีก คือ ทิศ ขา งบน ทิศ ขา งลา ง ก็เ ลยเปน ๖ ทิศ . มีคํ า ยอ ที ่ใ ชเ รีย ก ทิศนี้อยางอื่น มีเพียง ๓ คํา คือขางบน ขางลาง แลวโดยรอบที่เรียกวาเบื้องขวาง ; ภาษาบาลีว า เบื ้อ งบน เบื ้อ งต่ํ า แลว เบื ้อ งขวาง. อยา งนี ้ห มายความวา เพ งเล็ งกั น เป นหลั กใหญ ๆ ที่ สํ าคั ญ ที่ สุ ด เป นทางบน ทางล าง แล วโดยรอบตั ว อีก ทางหนึ ่ง . โดยรอบตัว นั ้น ก็ค ือ แบง เปน ทิศ ตะวัน ออก ตะวัน ตก ทิศ เหนือ ทิศใต.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org แล วลองไปคิ ด ดู เถิ ด เรื่อ งรอบ ๆ ตั วมั น เสมอ ๆ กั น มั น เท า ๆ กั น ; เปน การแบง ปลีก ยอ ยเปน เหนือ ใต ตะวัน ตก ตะวัน ออก ; ที ่ใ หญที ่ส ุด อยู ข า งบน ขา งลา งเสีย มากกวา . เดี ๋ย วนี ้แ บง เปน ทิศ ๖ อยา งนี ้ม ัน ก็ถ ูก คือ ขา งบนก็เ ปน ขา งบน ขา งลา งก็เปน ขา งลา ง ; โดยรอบเบื ้อ งขวาง ก็แ บง เปน สว น ๆ ไป เปน ๔ สว น, จะเปน ๘ สว น หรือ ๑๖ สว นก็ต ามใจ ; แตใ น ที่นี้เอาแตที่สําคัญ เอาเพีย ง ๔ สวนคือ ขา งหนา ขา งหลัง ขางซา ย ขางขวา. นี้ ก็ ม องดู ให เห็ นเป นธรรมชาติ หรือความรูสึ กตามธรรมชาติ ที่ ทํ าให เกิ ดเป นการ แบงทิศอยางนี้ขึ้นมา ตามความรูสึกตามธรรมชาติธรรมดา ซึ่งคนเราจะรูสึกไดเอง ก็เ ปน ขา งหนา ขา งหลัง ขา งซา ย ขา งขวา ขา งบน ขา งลา ง. เพราะฉะนั ้น ขอใหสนใจวาเปนหลักเกณฑที่ดี.
ทิศทาง ที่ฆราวาส จะตองเดินไป
๔๗๙
ถาเรารูเรื่องทั้ง ๖ นี้ ก็แปลวารูเรื่องหมดเลย รูทุกเรื่องที่มนุษยจะตอง เกี ่ย วขอ ง. เพราะขา งบนนั ้น มัน หมายเรื่อ ยไป จนกระทั ่ง ถึง พระนิพ พานก็ไ ด ; ขางลางก็หมายลึกไปถึงนรกก็ได ; แลวโดยรอบตัวมีอะไรบางก็แลวแตมันจะมี ; ก็ แ ปลว า เป น เรื่อ งทั้ ง หมดที่ เกี่ ย วกั บ มนุ ษ ย จ ะต อ งจั ด การด ว ย ละเว น ไม ได ; นี้ เรียกวา ทิศ ที่ เรามาบวชสํ าหรับสึ กนี้ เป นการเหมาะสมอย างยิ่ ง ที่ จะรูเรื่องทิ ศ ; สําหรับผูที่ จะสึกออกไปก็จําเป นอยางยิ่ งที่ จะตองรูเรื่องทิ ศ เพราะจะออกไปแสดง บทบาทเต็ม ที ่ข องมนุษ ย ชนิด ที ่เรีย กวา สมบูร ณแ บบ ไมต ัด ลัด แตป ระการใด มั น ก็ ต อ งเกี่ ย วแก ทิ ศ เหล า นี้ ทั้ ง หมดเลย ;ซึ้ ง มั น เป น ภาระมากเต็ ม ที่ ให เก ง กล า สามารถ แลวปฏิบัติถูกตองไปทุกทิศทุกทาง. ในภาษาไทยมีคําอยูคําหนึ่งซึ่งนาหวัวคือคําทีเรียกวา “ทิด” เหมือนกัน, คือ ทิด กับ ทิต . เรื ่อ งราวแทจ ริง มัน ก็ม าจากคํ า วา “บัณ ฑิต ”; บัณ ฑิต เปนภาษาอินเดียใชเรียกคนที่เรียนสําเร็จจากอาศรมใดอาศรมหนึ่งมาแลว. หัวหนา คณะของอาศรมเขารับรองวา “เสร็จแล วเธอ”, ก็ เรียกคนนี้ วา “บั ณ ฑิ ต” ; แล วก็ ไปทํ าอะไรตามที่ ตัวตองการจะทํ า เชนกลับไปเป นฆราวาสอีก ไปเป นผูครองบ าน ครองเรือน แลวแต มี ความมุ งหมายตั้งแต ที แรกวาเราไปเขาอาศรมนี้ เขาไปศึกษา อยู ใ นอาศรมนี ้ก ็เ พื ่อ จะกลับ ออกมาครองเรือ น อยา งนี ้ก ็อ ยู . เรีย นจบแลว ก็เ รีย กวา “บัณ ฑิต ” มาตั ้ง แตบ รมโบราณ เดี ๋ย วนี ้ก ็ย ัง เรีย ก. ก็แ ปลวา คนที่ เขาไปเรียนในหมูคณะใดคณะหนึ่ง จบหลักสูตรของหมู คณะนั้น พรอมที่จะออกไป เผชิญโลก เขาเรียกวา “บัณฑิต”.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org วัฒ นธรรมไทยของเรารับ มาจากอิ น เดี ย นี้ ไม ต อ งพู ด ถึ ง แล ว ; เรื่อ ง ตา ง ๆ ชาวอิน เดีย มาเปน ครูบ าอาจารย มาในรูป ของวัฒ นธรรมและศาสนา.
๔๘๐
ฆราวาสธรรม
จึงมาสอนหมดทุกอยาง กระทั่งคําพูดที่เปนภาษาสูง ภาษาราชสํานัก หรือภาษา ชนชั้น สูง หรือ ภาษาศาสนา. เพราะฉะนั้น ภาษาไทยเรา ที่เปน คํา ชั้น สูง นั้น มันเปนภาษาอินเดียหมด คือเปนภาษาบาลีสันสกฤต ; เพราะฉะนั้นชาวอินเดีย ก็เอาระบบนี้มาใหแกคนไทย. เรียนอะไรจบแลว ก็เรียกวา “บัณ ฑิต”. คนที่ ไปเรียนทางศาสนา บวชเรียนเปนที่พอใจแลวกลับออกมาก็เรียกวา “บัณ ฑิต” ดวยเหมือนกัน ; ออกเสียงตามภาษาอินเดียก็วา บัณฑิต (บัณฑิต) ; ป ณ ฑิ ตะ เรี ย กเป น ไทย เรี ย กเป น “บั ณ ฑิ ต ”. ปณฺ ฑ ิ ต นี ้ เ ป น ภาษาเดิ ม , อั น นี้ ตรงกันทั้งบาลีและสันสกฤต : คําวา ปณฺฑ แปลวาตัวปญญา เปนคํา ๆ เดียว กับ คํา วา ปญ ญา เรีย กวา ปณฺฑ หรือ ปณฺฑ า ; อิ ต แปลวา ถึง หรือ มี ; ปณ ฑิตก็แปลวาผูถึงหรือมีปณ ฑา คือปญญาที่ทําใหเอาตัวรอดได ; บัณ ฑิต ก็คือผูมีปญญาเอาตัวรอดได. ทีนี้ภาษาไทยเรามีการเปลี่ยนแปลงไป ตามภาษาไทยแท เอา ป ไป เปน บ, เอา ฑ มณโฑออกเสียงเปน ท ทหาร, มันก็เลยเปนบัณฑิต ; บัณ ไม สําคัญอะไรนัก ก็เลยเหลือแต ฑิต คือตัวทิตยอมาจากคําวา บัณฑิต ก็คงจะ เปนที่พอใจ เปนทียอมรับในสถาบันทางความคิดอะไรมาพักหนึ่ง สําหรับคําวา ฑิต นี้ ; เพราะฉะนั้น จึง มีค นชอบใหลูก สาวแกฑ ิต . ตอ มา ๆ ฑิต มัน เลวลง มัน เหลวไหลเขา ; เพราะเมื่อ ใครเห็น วาโอกาสเปน โอกาสดีแ ลว ก็เลยชิงกัน เขาไปบวชใหญ ; คนบา ๆ บอ ๆ ก็ไปบวช กลับออกมาก็ไดเปนทิด, มันกลาย เปน ทิด (ด เด็กสะกด) เปนทิดบา ๆบอ ๆ กลายเปนคําสําหรับลอ คนเซอซา รุมรามอะไรไปบวชแลวกลับออกมาก็เปน ทิด อะไรเปนอยางนี้. เพราะภาษา ไทยเราไมอ กเสีย ง ฑ วา ด, ออกเสียงเปน ท ; ทิด ก็เลยมี ด สะกดก็มี, ทิต ต สะกดก็มี. ฑิต ต สะกดไปตามเดิมเปนถูกตอง ; ทิด ด สะดกเปนเรื่องลอ
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ทิศทาง ที่ฆราวาส จะตองเดินไป
๔๘๑
เปน เรื่อ งเซอ ซา บา ๆ บอ ๆ. เพราะฉะนั้น สึก ออกมาไปเปน ฑิต ก็ข อใหเ ปน ต สะกดตามความหมายของคํา ปณฺฑิต ; อยาใหเปน ทิด ด สะกดสําหรับลอ. การที ่จ ะเปน ฑิต ที ่ด ีไ ด คือ เปน บัณ ฑิต นั ้น ก็จ ะตอ งปฏิบ ัต ิใ ห ถูก ตอ งในเรื่อ งทิศ ๖ ประการนี ้ ; เพราะถือ วา เปน เรื่อ งฟลุก หรือ อะไรก็ต าม ที ่คํ า มัน เกิด ตรงกัน ขึ ้น . รูเรื่อ งทิศ แลว ก็ไ ดเปน ฑิต ที ่ด ี ; ตัว สะกดไมเหมือ นกัน แตอ อกเสีย งเหมือ นกัน . เพราะฉะนั ้น ผู ที ่จ ะสึก ออกไปนี ้ จะตอ งรู เ รื ่อ งทิศ ให ถูกตอง แลวก็ปฏิบัติไดเปนอยางดีคือ ทิศ ๖. ต อ ไปจะพู ด เรื่ อ งทิ ศ ๖ โดยตรง. ผมอยากจะให ตั้ งข อ สั ง เกต ตาม หลั กของธรรมชาติ หรือวิทยาศาสตรก็ วิทยาศาสตรตามธรรมชาติ กันอีกทางหนึ่ ง ดว ย ในการที ่เ ราจะรีย งลํ า ดับ ทิศ . ถา เรีย งตามลํ า ดับ ในพระบาลีแ หง สูต รนี้ เขาก็ เอาทิ ศตะวั นออกก อน แล วไล ไปทางทิ ศใต ทิ ศตะวันตก ทิ ศเหนื อ รอบตั ว เหมือ นทีเราพูด กัน อยูโดยมาก แลวจึงไปสูทิศ ขางบน ทิศ ขางลาง ; อยา งนี้ม ัน ก็ ได เหมื อนกั น มั นก็ มี หลั กเหมื อนกั น คื อไล ไปจากทิ ศตะวั นออก ไปทางขวามื อ วนไปทางนี้เรื่อยมาจนบรรจบรอบก็ได ๔ ทิศ บัญ ญั ติตามหลักนั้นไดเหมือนกัน. แต ถ าเราจะเอาตามธรรมชาติ จํ างายแล ว ก็ เอาว า ข างหน า ข างหลั ง, ข างซ าย ข า งขวา, แล ว ข า งบนข า งล า ง, เด็ ก ๆ ก็ จ ะเกิ ด ความเข า ใจได มั น เลยเป น ทิ ศ ตะวัน ออก ทิศ ตะวัน ตก, ทิศ เหนือ ทิศ ใต, ทิศ เบื ้อ งบน เบื ้อ งลา ง. ที ่พ ูด กัน อยู ม ากก็ พู ด ตั้ ง ต น ทิ ศ ตะวั น ออก ทิ ศ ตะวั น ตก ทิ ศ เหนื อ ทิ ศ ใต ; เมื่ อ เอาตาม ตํ า รา ก็เ รีย งไวเ ปน ทิศ ตะวัน ออก ทิศ ใต ทิศ ตะวัน ตก แลว ทิศ เหนือ เปน วงกลมเวี ย นประทั ก ษิ ณ คื อ เวี ย นไปทางขวา. มั น ก็ มี ห ลั ก อั น หนึ่ ง ซึ่ ง มี ลั ก ษณะ คอนขางเปนการปญญัติที่ถือวาศักดิ์สิทธิ์ เวียนขวาไปเรื่อย เปนทิศทั้ง ๔ เสียเลย ; แล ว ก็ เป น ทิ ศ ทั้ ง ๖ ขึ้ น มา.เอาอย า งตามความรูสึ ก สามั ญ สํ า นึ ก แม อ ย า งเด็ ก ๆ
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๔๘๒
ฆราวาสธรรม
ก็วา ขา งหนา ขา งหลัง ; เรามีมือ อยา งนี้เราก็วา ขา งซา ย - ขา งขวา, ขา ง หนาขางหลัง, แลวก็บนหัว และปลายตีนขางลาง. เมื่อมันไดเปนรูปทิศขึ้นมาอยางนี้ ก็ใหรูความหมายวา ทิศทางไหนเขา เอามาใชเปนสัญญลักษณของเรื่องอะไร. ในพระบาลีนั้นพูดถึงทิศตะวันออกกอน คือทิศขางหนา ; คนเรามีหนาอยูตรงไหน ถือวาที่ตรงหนาสําคัญกวาอะไรหมด ก็เอาบิด ามารดาไปบรรจุไวที่นั่น เปนทิศตรงหนา คือ บิด ามารดาโผลขึ้น มา. ทิศขางหลังมันก็ตองเปนคนที่มีความสําคัญนอยกวาเรา หรือวาที่เราลาก ๆ มา ขางหลัง มันก็คือตองเปนบุตร ภรรยา. ในสูตรนี้พูดถึงบุตร ภรรยา ไมพูดถึง สามี ก็เพราะวาตรัสแกคนหนุมผูชาย. ถาจะใชใชเปนหลักทั่ว ๆ ไปดวย ก็ตอง พูด ถึง สามีดว ยเหมือ นกัน . ทีนี้ดูเรื่อ ยมา ซา ย - ขาว : ซา ยคือ เพื่อ น, ขวา คือครูบาอาจารย. มันมีความหมายตางกัน : บิดามารดา บุตรภรรยา, ญาติ มิตร แลวครูบาอาจารย. ที่นี้แหงนขึ้นไปขางบนก็เปน สมณพราหมณ, มอง ไปขางลางก็เปนบาวไพร กรรมกร ทาส คนใช ลูกจาง. นี่เราจะมองเห็นวา มันเปนหลักที่ดีขึ้นมาทันที ครบถวนที่เกี่ยวกับฆราวาสขึ้นมาทันที. ถาเกิดมีผู ถามขึ้น วา เอาประเทศชาติไ ปไวที่ไ หน ไมเ ห็น มีพูด ถึง ประเทศชาติเ ลย คุณ ก็ลองใชสติปญญาดูเองวา จะเอาไปไวที่ทิศไหน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอแรกตองนึกเสียกอนวา เรื่องนี้คําสอนขอนี้พูดแกบุคคล ไมไดพูด แกสังคม ไมไดพูดเปนสวนรวม ; มันก็เลยกลายเปนเรื่องสวนตัวบุคคล ภายใน ครอบครัว ภายในตั วบุคคลเสียมากวา. แต ถึงอยางไรก็ไม เวนที่ จะตอ งมี การ ระลึก นึก ถึงประเทศชาติ ซึ่งมัน เปน ที่ตั้งของทุกสิ่งเหลานี้. ประเทศชาติมัน ก็ ควรจะอยู ใ นทิศ รอบตัว เปน อยา งนอ ย, ก็ค ือ รอบตัว ไปทุก ทิศ ๆ ; ทิศ เบื ้อ ง ขวางทั้ งหมดรวมกั น แล ว มั น ก็ เป น ประเทศชาติ ซึ่ งเราจะต อ งนึ ก ถึ ง และมั น ก็
ทิศทาง ที่ฆราวาส จะตองเดินไป
๔๘๓
เปนที่รวมของ ๔ ทิศนี้. แตจะตองตัดบทใหแคบ มันก็อยูในพวกที่เรียกวา ญาติ และมิต ร คือ ทิศ เบื้อ งซา ย ; เพราะวา คนในชาติก็คือ ญาติแ ละมิต รทั้ง หมด ของเรา. นี่ ดูจะเห็นวาใหความสําคัญแกชาตินอยเกินไปก็ได สําหรับความ รูสึก ของคนบางคน. แตผ มวา รวมอยูใ นทิศ เบื้อ งซา ยคือ ญาติ และมิต ร ทั้งหมดนั่นแหละคือประเทศชาติ. เรามีประเทศชาติก็คืออยูกันอยางเปนญาติ เปนมิตร เปนอันหนึ่งอันเดียวกัน ; ถาไมจุใจก็เอามารวมกันทั้งหมดทั้ง ๔ ทิศ รวมกัน เปนประเทศชาติ ; หรือ วารวมทาจิต ทางวิญ ญาณเขาไปดวย ก็เอา ทั้งขา งบนขางลางดว ยก็ได. นี้ถา หากวา ตัว หนังสือ มัน มิไดป รากฏหรือ มิได มีอยู ขอใหรูจักตีความอยางนี้, ขอใหรูจักขยายความออกไปอยางนี้ โดยไมตอง ตัดประเทศชาติออกไปทิ้งเสีย ซึ่งจะทําใหพระพุทธเจาดูกลายเปนผูที่ไมสัพพัญู คือรูอะไรไมสมบูรณ ไมรอบคอบ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาเกิดความรูสึกขัดของอยางนั้นขึ้นมาแลว ก็ใหถือไวเสียกอนวา มัน เปนความไมรูของเราเอง ที่จะตีความ. ไมจําเปนจะตองไปตีความวา พระพุทธเจา ทานไมเปนชาตินิยม ทานจะไมพูดเรื่องชาติ ถือชาติ ; ไมจําเปนจะตองตีความ อยางนั้น ; จะตีค วามอยางนั้น มัน ก็ไดเหมือ นกัน เพราะเดี๋ยวนี้เราพูด กัน แต เรื่อ งธรรมะ ไมใชเรื่อ งโลก. แมจ ะพูด ถึง เรื่อ งโลก เรื่อ งลูก เรื่อ งเมีย อะไร เหลานี้ แตมันพูดในแงของธรรมมะ ; ไมสรางความรูสึกที่เปนกิเลส เปนชาตินิยม. อยางนี้ก็พอจะมองเห็น. แตอยาลืมวา เรื่องชาตินิยมนี้ก็ยังตองมี และตองเปนธรรมะดวย เหมือ นกัน . ฉะนั้น ถาเราจะมีชาตินิย ม ความรูสึก ที่เปนชาตินี้ก็ใหมัน ถูกตอ ง ตามหลักของธรรมะ เปนชาตินิยมที่มีธรรมะ ก็ยิ่งดี คือรับผิดชอบในความเปน
๔๘๔
ฆราวาสธรรม
มนุษ ยข องเรา เปน พลเมือ งของชาติ แลว ทํ า ใหม ัน เกิด ผลดีที ่ส ุด ; อยา งนี้ ก็เ รีย กวา “ชาติน ิย ม” ในความหมายที ่ด ี. ผู ที ่เ ปน ฑิต เปน บัณ ฑิต ที ่ส ึก ออกไปนี ้ห ลีก ไมพ น ; เพราะวา อยู ใ นโลกที ่ต อ งมีช าติ ที ่ต อ งรับ ผิด ชอบ ; ให ถือหลักความตองรับ ผิดชอบนี้เปนหลัก ใหญ. ถาปราศจากความรับ ผิดชอบแลว ก็ไ มใ ชม นุษ ยที ่ม ีอ ารยธรรม. แลว อยา ลืม วา แมค นปา สมัย หิน ก็เ ริ ่ม มี ความรับ ผิด ชอบ เริ ่ม รู จ ัก สิ ่ง ที ่เรีย กวา ความรับ ผิด ชอบ ; มนุษ ยส มัย นี ้ก ็ยิ ่ง มี ความรับ ผิด ชอบ เปน เครื ่อ งวัด ความเปน มนุษ ย ก็ต อ งรับ ผิด ชอบตอ ประเทศ ชาติ ศาสนา พระมหากษัต ริย รัฐ ธรรมนูญ ; เพราะสิ ่ง เหลา นั ้น เปน ที ่ตั ้ง ที่รวมของสิ่งเหลานี้ในฐานะที่เปนสวนบุคคล. ที นี้ ก็ ม าถึ ง หลั ก อี ก ข อ หนึ่ ง ว า พุ ท ธศาสนานี้ มี ห ลั ก ที่ ว า จะเล็ ง ไป จากสว นยอ ย ; มัน เปน ปรัช ญาแบบวิเ คราะห หรือ analyse มัน จะถือ เอา หลัก ที่วาใหค นหนึ่ง ๆ ทําดี แทนที่จ ะไปเกณฑใหทุก คนทําดี. เมื่อ ใหค นหนึ่ง ๆ ทําดีแลวก็ไมมีปญหาอะไรเมื่อทําใหไดทุกคน ; แลวทั้งหมดมันก็ดี เพราะมัน practical คือวามันอาจจะทําไดงายกวาที่วาจะไปเกณฑ ใหทุกคนทําดี มันไปบังคับกันยาก. ถ าแต ละคนตั้ งหน าหลั บหู หลั บตาทํ าความดี เสร็จแล วมั นก็ กลายเป นทุ กคนทํ าดี ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ. เพราะฉะนั้นเราจะพูดเรื่องทิศ ๖ ในลักษณะเปนสวนบุคคล ; ในเมื่ อทุกคนปฏิ บัติตามทิศ ๖ ถูกตอง ; มันก็กลายเปนเรื่องสวนรวมของทุกคน หรื อ ประเทศชาติ ที่ ดี ; เพราะฉะนั้ น เราตั้ ง หน า ปฏิ บั ติ ทิ ศ ๖ ให ดี มั น ก็ ห มด ปญหาไดเหมือนกัน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี้ คื อ ข อ ที่ ว า บวชเข า มาเป น นั ก ศึ ก ษาในอาศรมของพระพุ ท ธเจ า นี้ แลว กลับ ออกไปเปน บัณ ฑิต ; แลว ก็ไ ปเปน ฑิต คือ ผูที ่ป ฏิบ ัต ิถ ูก ตอ ทิศ ทั ้ง ปวง จึงจะสมกับที่วาลาบวชสามเดือน หรือวา บวชตามธรรมเนียมประเพณี ของคนหนุม
ทิศทาง ที่ฆราวาส จะตองเดินไป
๔๘๕
ที่วาบวชสามเดือน. หรือพรรษหนึ่ง - สองพรรษาก็ตามใจ ในระยะเวลาอันสั้น ก็แลวกัน ; แลวกลับออกไปเปนฆราวาส นี้มีความมุงหมายอยางนี้ ; ซึ่งที่แท ก็ไมใชความมุงหมายเดิมของพุทธศาสนา. ประเทศที่เขาถือพุทธศาสนาอยางเครงครัดนั้นเขาไมสึกกัน เชนพมา ลังกา เขาไมมี ระเบียบธรรมเนียมสําหรับสึกมาแตเดิม ; ประเทศไทยเราแตเดิม ก็คงจะเปนอยางนั้น ตอมามีระเบียบใหสึกได มีธรรมเนียมใหสึกได มีความนิยม วาสึกได. ความหมายมันก็เปลี่ยนเปนวามาเรียนเรื่องที่จะไปเปนฆราวาสที่ดี กันเสียกอน ; คนหนุมมาบวชเสียสัก ๑ - ๒ พรรษา แลวก็ไปเปนฆราวาสที่มี หู ตา สวา ง ; สํา หรับ ดํา เนิน ชีวิต ใหส มบูร ณใ นฝา ยวิญ ญาณ. แตวา เมื ่อ กอ นนี้ ไมมีก ารศึก ษาอยา งโลก ๆ มัน ก็ไมมีที่ไ หน นอกจากในวัด ; เพราะ ฉะนั้ นการมาบวชในวัด ในสมั ยโบราณมั น ก็ เพื่ อ จะศึ ก ษา ; ก็ ได ทั้ ง ทางเรื่อ ง วิญญาณ เรื่องโลก ๆ เรื่องทางรางกายนี้. อะไรก็เรียนกันในวัด : วิชาอาชีพ ก็เรีย นกัน ในวัด , จนกระทั่ง เรีย นกัน เรื่อ งพระธรรม เรื่อ งมรรค ผล นิพ พาน ก็เรียนกันในวัด.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้นการเขามาบวชในวัดจึงไดวิชาทั้งสองฝายทั้งสองซีก; จึง เปนการถูกตองแลวที่คนควรจะบวชกันเสียสักทีหนึ่งกอน แลวคอยสึกออกไป ; เปนความฉลาด ไมใชความโง. ฉะนั้นควรจะตองถือวา นี้เปนความฉลาดของ วัฒ นธรรมไทย ที ่ใ หบ วชเรีย นกัน เสีย กอ น ; แมไ มใ ชมุ ง หมายเฉพาะของ พุทธศาสนา ซึ่งมีวาสําหรับคนที่ผานโลกเสร็จแลว แลวจะไปหาความสุขชั้นสูง ตอ ไปจึง ไปบวช นั้น เปน หลัก เดิม ทั่ว ไป. แตเมื่อ หลัก เฉพาะกาลเฉพาะกรณี ขึ้นมาวา เรามาเรียนเรื่องนี้ใหรูหนทางไวทุก ๆ อยาง จะไดออกไปเดินทางอยาง ธรรมดาสามั ญ ไดงายเขา อยางเพศฆราวาส แลวก็ตอ งเรียน ; ก็กลายเป น วัฒนธรรมอันใหมขึ้นมา เกี่ยวกับพุทธศาสนาสําหรับคนไทย.
ฆราวาสธรรม
๔๘๖
หรือบางคนเมื่อหนุมไมไดบวช ไปเป นขาราชการอะไรเสีย ก็เป น เรื่อ งลาบวชชั่ว คราวเพื่อ ชดเชย มัน ก็เขา รูป เดิม ; คือ เพื ่อ เรีย นสิ่ง ที่ยัง ไมไ ด เรียน ; ไมควรจะถือวาบวชเอาเปรียบ บวชพักผอนอะไรทํานองนี้ ; เพราะวา เรื่องที่จะตองเรียนนี้ยังมีมากกวาเวลาที่เรามี.แตวาสามเดือนนี้ก็เรียนเรื่องหลัก ธรรมของพระพุทธศาสนาโดยทั่วไป โดยสวนใหญ ; แลวก็เรียนเรื่องที่เกี่ยวกับ ฆราวาส คฤหัส ถ โดยไมขัด กัน กับ หลัก ใหญของพุท ธศาสนา. เพราะฉะนั้น จึงออกไปเปนพุทธบริษัทที่ดี เปนอุบสกอุบาสิกาที่ดีได เปนการสงเสริมพรอมกัน ไปในตัว คือสงเสริมตัวเองดวย สงเสริมประเทศชาติศาสนาดวย ใหเปนไปดวยดี ; นี้ เป น ความมุ งหมายทั่ วไป เป น ทิ วทั ศ น ทั่ ว ๆ ไป จึงขอให ทุ ก ๆ องค ที่ จะลา สิกขาบทนี้มองเห็นอยางนี้. สําหรับครั้งแรกที่จะพูดกันนี้ ก็พูดไดเพียงเทานี้ คือทิวทัศนทั่ว ๆ ไป ในการที่เกิดมาเปนมนุษยพบพระพุทธศาสนา จะตองทําอยางไร ; หรือแมคน ทั่วไปที่ไมอยูในวงพุทธศาสนา ก็จําตองทําอยางนี้ นี้เปนเรื่องที่กลาทา กลาพิสูจน โดยบทวา : - เอหิปสสิโก มาดู - มาดู กลาทาคนทุกคนในโลก หรือผูถือศาสนา อื่นศาสนาไหนก็ตามวา “มาดู - มาดู, อันนี้ดี อันนี้ถูก อันนี้ไมมีทางที่จะถูก พิสูจนใหเหลวแหลกไปได” ; เราก็มีธรรมะที่เปน เอหิปสสิโกอยางนี้ทั้งสําหรับ ผูที่จะครองเรือน และสําหรับผูที่จะไมครองเรือน คือไมมีเหยาเรือน ใหอยูใน ระดับที่เปน เอหิปสสิโก คือที่จะทาทายผูอื่นใหมาดูได. เพราะฉะนั้นขอใหได สิ่งนี้ติดกลับออกไป จากการที่มาบวชแมชั่วคราว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org วันอื่นเราจะไดพูดกันถึงรายละเอียดเกี่ยวแกทิศตาง ๆ วันนี้พูดแตเรื่อง ทิวทัศนทั่ว ๆ ไปเรียกวาเปนการริเริ่มของเรื่องนี้ วามันมีรูปรางอยางไร.
เวลาของเราก็หมด
อุดมคติที่ควรมีตอทิศทั้ง ๖ - ๒ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๑๓ บัด นี ้เ ปน เวลาที ่จ ะไดพ ูด กัน ถึง เรื ่อ งทิศ ตอ ไปจาก ที ่พ ูด คา งไวใ นวัน กอ น. วัน กอ นไดพ ูด กัน ถึง ความหมายของ คํ า ว า “ทิ ศ ” ในทุ ก ความหมายแล ว รวม ๆ กั น ไป ; วั น นี้ ก็จะไดพูดกันใหละเอียดเปนทิศ ๆ เฉพาะทิศ. ความหมายของคําพู ดทุ กคํา มั นมี อยูเป นชั้น ๆ ซึ่งต างกันมาก แล วแต วา คนมีก ารศึก ษา มีส ติป ญ ญาอยา งไร มัน ก็ม องเห็น ลึก ตา งกัน , เพราะฉะนั ้น ในวันนี้เราจะพูดถึงความหมายที่มันลึกและที่เกี่ยวกับสิ่งทีเรียกวา “ทิศ” กลาวคือ บิ ด ามารดา บุ ต ร ภรรยา ครูบ าอาจารย ญาติ มิ ต ร สมณพราหมณ และบ า ว ไพร หกคํ า นี ้เปน สว นใหญ ; ซึ ่ง เปน ชื ่อ ของทิศ ในทางฝา ยจริย ธรรม สมมุต ิว า เรายืน อยู เปน จุด ศูน ยก ลาง แลว ก็ม ีท ิศ หนา ทิศ หลัง ทิศ ซา ย ทิศ ขวา ทิศ บน ทิศ ลา ง ก็ค ือ มีร อบตัว ; เปน สิ ่ง ที ่เราจะตอ งมองเห็น และตอ งปฏิบ ัต ิใ หไ ดผ ล ของมัน ดว ย. การมองเห็น นี ้ จะมองเห็น กัน ลึก ตื้น กี ่ม ากนอ ย ฉะนั ้น เราจึงตอ ง มาทําความเขาใจ เกี่ยวกับความโง ความฉลาดของเรา หรือของคนทั่วไปในเรื่องนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๔๘๗
๔๘๘
ฆราวาสธรรม
ภาษาพูดมีความหมายหลายชั้น ดังที่กลาวแลว ; ขอนี้มันแลวแตวา จะเล็งกันในแนวไหน ในแงของอะไร. ถาเล็งกันในแงของวัตถุ มันก็ไปอยาง หนึ่ง, ถาเล็งในแงทางนามธรรม ทางวิญาณ มันก็ไปอีกอยางหนึ่ง ; เล็งในแง ประโยชนอยางโลก ๆ ความหมายมันก็เกิดขึ้นอยางหนึ่ง, เล็งไปในแงประโยชน ในทางธรรมอันลึกซึ้ง ความหมายมันก็มีไปอีกอยางหนึ่ง. ทีนี้ เรามาดูกันในลักษณะที่กวาง หรือที่เขาจะเรียกกันในบัดนี้วา ปรัชญาของมันเปนอยางไร ? ปรัชญาของคําวา พอแม, ปรัชญาของคําวาลูกเมีย เปน ตน เหลา นี้มัน เปน อยางไร ? เมื่อ ถามวา อยางไร ? นี้มัน ก็ตอ งดูกัน วา ในแงไหน ? แงอัน แรก ดูใ นทางวัต ถุ เชน ดูกัน ในแงข องชีว วิท ยาทาวัต ถุ. ถาเราดูกันในแงของชีววิทยา พอแมก็เปนเพียงพอพันธุแมพันธุ เหมือนที่มันทํา ใหเกิดสัตว เกิดพืช เกิดตนไมขึ้นมา ; มันมีพอ พันธุแมพันธุ เปนเพศผู เพศ เมีย ที่จะใหการผสมกันออกมาเปนหนวยใหม.ดูตนไม ดูสัตว พอแมมันก็มีเพียง เทานั้น ; นี่ในแงของชีววิทยา. ถาเราไปดูกันในแงนั้นก็ไมมีจริยธรรม ไมมีอารยธรรม ไ ม ม ี เ รื ่ อ ง ท า ง จิ ต ใ จ ที ่ ส ู ง ส ง อ ะ ไ ร ; มั น ก็ นํ า ไ ป สู ค ว า ม คิ ด เท า ที ่ จ ะ มองเห็นกันแตในทางวัตถุ และเห็นกันแตประโยชนทางวัตถุ พอแมก็เลยไมมี บุญคุณ. มันมีคนเคยเห็นกันมาอยางนั้น ถือกันมาอยางนั้น เชื่อกันมาอยางนั้น วา พอ แมนี้เ ปน เพีย งพอ พัน ธุแ มพัน ธุ ใหเ กิด ลูก ออกมา ; หรือ ยิ่ง ไปกวา นั้น ก็เพื่อความสนุกสนานของพอแม.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ในหลวงรัชกาลที่ ๖ ทรงนิพนธเปนคําประพันธ ผมจํามานานแลว หนังสือนั้นเดี่ยวนี้จําไมคอยได จะผิดถูกอยางไรบางลองฟงดู, ใจความยังมีอยูวา เขาให ชี วิ ต เรา มิ ใช ให ดั่ งให ท าน กฎธรรมดาท า น ว าเป น ของไม น า อั ศ จรรย
อุดมคติที่ควรมีตอทิศทั้ง ๖
๔๘๙
นี้เปน คําพูด ฝายอธรรมพูด ชัก ชวนเกลี้ย กลอ มชาวบาน. เขาใหชีวิตเรา มิใช ใหดั่งใหท านนั้นหมายความวาที่พอ แมใหชีวิตเราเกิดมานั้น มิใชเปนการให, ไม มี ผู ให หรือ ผู รับ อย า งให ท าน ; แต มั น เป น กฎธรรมดา ซึ่ งสื บ พั น ธุ กั น ตาม ธรรมดา ; เพราะฉะนั้ น เราไม ต อ งเห็ น แก พ อ แม ไม ต อ งเคารพพ อ แม ; นี่คําพูดฝายอธรรมเปนอยางนี้. นี่อยาเห็นวาเปนของบรมโบราณ ที่แทมันเคย มีผลมาแลวอยางไร มันก็ยังมีผลมาจนกระทั่งบัดนี้. มีนิทานที่ผมชอบเลา เรื่องจริงที่ชอบเลา แลวก็ไมคอยจะนาเลา วา ผูสําเร็จปริญญามาจากเมืองนอกคนหนึ่ง เปนผูหญิง กลับมาถึงเมืองไทย ใชแม อยางคนใช จนกระทั่งแมทนไมไหว. วันหนึ่งทนความกรฟดกระเฟยดของลูก ตนที ่ใชแ มอ ยา งคนใชนั ้น ไมไหว ;แมก ็อ อกปากวา ลูก ชา งไมรูบ ุญ คุณ ของ พอแมเสียเลย. ลูกสาวก็ตวาดเอาวา แมซิไมรูบุญคุณของฉัน, ฉันไปเมืองนอก ฉันไปหาเกียรติยศชื่อเสียงมาใหแม. นี่เรื่องมันกลับกันเสียอยางนี้ ; เปนเรื่อง จริงที่ในกรุงเทพ ฯ เปนเรื่องจริงที่ควรจะเลากันอยูบอย ๆ ; ไมตองออกชื่อก็ได มันกกระทบกระเทือน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่เขากับ รูป เรื่อ งที่วา “เขาใหชีวิต เรา มิใช ใหอ ยางใหท าน เปน กฎธรรมดามิใ ชเ ปน ของนา อัศ จรรย”; คือ มอดูใ นแงข องชีว วิท ยา พอ แม เปน เพีย งหนวยพอ พัน ธุแ มพัน ธุ ที่จ ะออกลูก ออกมาใหม ; ไมมีค วามหมาย ทางจริย ธรรม หรือ ทางอุด มคติ. การมองในแงวัต ถุอ ยา งนี ้ก ็อ าจมองไดอ ีก หลายอยาง.
ในแงที่ ๒ มองสูงขึ้นมาหนอย ก็มองวาในแงทางสังคมมนุษ ย. มนุษยวิทยา หรืออะไรก็ตามใจ ผมก็เรียกไมคอยถูก. พอแมก็คือผูที่เปนผูรับ
๔๙๐
ฆราวาสธรรม
ผิด ชอบ ตอ บุต ร แกบ ุต ร ; บุต รในความรับ ผิด ชอบของพอ แมท างสัง คม . พ อ แม ก็ ต อ งรั บ ผิ ด ชอบแก บุ ต ร ต อ บุ ต ร คื อ จะต อ งเลี้ ย งดู บุ ต รในฐานะเป น ความ รั บ ผิ ด ชอบ หรื อ หน า ที่ ใ ห มั น ดี ตามที่ เขารู สึ ก กั น อยู ทั่ ว ๆไปในวงสั ง คม. อย า งนี้ มัน ก็ย ัง ดีก วา ที ่จ ะ ม อ งกัน ใน แ งช ีว วิท ย า เปน วัต ถุล ว น ๆ ;คือ เกิด ห นา ที่ ภาระผูก พัน ที ่จ ะตอ งทํ า ใหด ี แลว สัง คมก็ด ี โดยที ่พ อ แมเ ปน พอ แมจ ริง ทํ า ลูก ใหเปนลูกขึ้นมาจริง ๆ . ในแง ที่ ๓ ระดั บ สู ง คื อ มองกั น ในแง ฝ ายวิ ญ ญาณ ฝ ายธรรมะ ฝ าย ศาสนา ฝ า ยอุ ด มคติ สู ง สุ ด ; เราเรีย กกั น ว า อุ ด มคติ ท างฝ า ยวิ ญ ญาณก็ แ ล ว กั น . อุดมคติฝายวิญญาณ ตามหลักพุทธศาสนาก็คือวาพอแมเปนพระพรหมของลูก เปนอาจารยคนแรกของลูก เปนพระอรหันตของลูก ;นี้มันมากกวาความหมาย ในแงส ัง คม ที ่เ ขาถือ ๆ กัน ทั ่ว ไป. ความหมายที ่ม ัน รวมที ่ส ุด อยู ท ีพ อ แมนั ้น เป น ผู ใ ห ชี วิ ต ; ชี วิ ต นี้ ไ ด ม าจากพ อ แม เพราะว า มั น เกิ ด เองไม ไ ด อะไรทํ า นองนี้ ; เปน ผู ใ หช ีว ิต ใหต ัว ตน ในบุค คลอะไรนั ้น มาทีเดีย ว. แตแ ลว มาเปน อะไรบา ง ; คนพาลก็ เห็ น อย า งหนึ่ ง บั ณ ฑิ ต เห็ น อย า งหนึ่ ง คนมี ป ญ ญาตื้ น ก็ เห็ น อย า งหนึ่ ง คนมีปญญาลึกก็เห็นอยางหนึ่ง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้ น เราจึ ง วางหลั ก ว า ในแง ข องชี ว วิ ท ยานี้ มั น เป น อะไร, ในแงของสั งคมวิ ทยานี้ มั นเป นอะไร, แล วในแงของอุ ดมคติ ทางฝ ายวิญ ญาณสู งสุ ด มั น เป น อย า งไร. จํ า ตั ว อย า งพระพุ ท ธรู ป ไว สั ก สิ่ ง หนึ่ ง ก็ ไ ด : ในแง ข องวั ต ถุ ว า พระพุท ธรูป องคเ ล็ก ๆ มีค า เทา กับ ปลาทูส องเขง ที ่ซื ้อ มาดว ยเงิน เทา กัน . แต ในทางสัง คมเขาก็ไ มไ ดถ ือ กัน อยา งนั ้น ไมไ ดถ ือ ทางวัต ถุ: เขาถือ เปน วัต ถุ สํ า หรับ ใหเ กิด ประโยชนอ ะไรมากกวา นั ้น . ยิ ่ง ในแงอ ุด มคติ พระพุท ธรูป ก็เ ปน ตั ว แทนของพ ระพุ ทธ ของพ ระธรรม ของพระสงฆ ก็ ไ ด ; ไม ใ ช มี ค า เท า กั บ
อุดมคติที่ควรมีตอทิศทั้ง ๖
๔๙๑
ปลาทู ส องเข ง . นี่ คุ ณ ลองจํ า ข อ เท็ จ จริ ง อั น นี้ ไ ว สํ า หรั บ เปรี ย บเที ย บ ตี ค า ของสิ่ ง ตาง ๆในแงตาง ๆ แลวจะไดเลือกเอาแงที่มันเปนประโยชนที่สุด. พอ แมไ มใ ชเ ปน เพีย งพอ พัน ธุแ มพ ัน ธุ ที ่ใ หเ กิด ลูก ออกมา ; แตเ ปน ผู ที ่เ ปน อยา งนั ้น เปน ผู ที ่เ ปน อยา งนี ้ กระทั ่ง เปน พ ระอรหัน ตใ นครอบครัว . ถาถือ ตามอุด มคติข องพุท ธบริษัท แลว พอ แมเปน พระอรหัน ตป ระจํา ครอบครั ว ; จงจํ า ไว บ า ง, เป น ที่ ใ ห เกิ ด บุ ญ แก ลู ก ; คํ า ว า พระอรหั น ต เขามุ ง หมาย อยา งนั ้น . ลูก จะตัก ตวงเอาบุญ ออกมาไดจ ากพอ แม คือ การปรนนิบ ัต ิพ อ แม ด วยความกตั ญ ู ก ตเวที ; เพราะฉะนั้ น พ อ แม ก็ เป น ที่ ตั้ งแห งความกตั ญ ู ก ตเวที ; นี้ ล องทบทวนดู ใ ห ดี . ในแง ข องชี ว วิ ท ยาพ อ แม ก็ เป น พ อ พั น ธุ แ ม พั น ธุ เท า นั้ น เอง ; เหมือ นพอ ควาย แมค วาย หรือ เพศผู เ พศเมีย ในตน ไม. ในแงข องสัง คมวิท ยา พ อ แม นี้ เ ป น ผู ต อ งรั บ ผิ ด ชอบต อ บุ ต ร. แต ว า ในแง ข องอุ ด มคติ ท างฝ า ยวิ ญ ญาณ ในทางพุทธศาสนา ถือวาพอแมเปนพระอรหันตของครอบครัว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้ น ทิ ศ ที่ ห นึ่ ง ทิ ศ เบื้ อ งหน า คื อ พ อ แม มี ค วามหมายอยู อย า งนี้ ; ต อ งเพ ง ดู ในลั ก ษณะอย า งนี้ ว า เป น ทิ ศ เบื้ อ งหน า มาก อ นและสํ า คั ญ ว า . ระวัง ใหด ี ใหค งเปน ทิศ เบื ้อ งหนา อยู เ รื ่อ ย ในเรื ่อ งพอ แมนี ้ ; เดี ๋ย วพ อไป มี เมีย เขา ไขวไ ปเอาภรรยามาเปน ทิศ เบื ้อ งหนา เอาพอ แมไ ปไวท ิศ เบื ้อ งหลัง ก็เ ปน เรื ่อ งที ่เ หลวไหลสิ ้น ดี ; ระวัง อยา ใหม ัน เปน อยา งนั ้น คือ เอาอะไรที ่ต นชอบ ตนพอใจเปน เบื ้อ งหนา มัน ก็ค ือ เอาเรื ่อ งที ่ก ิเ ลสชอบนั ่น แหละเปน เบื ้อ งหนา . ที่ ถู ก เราต อ งเอาสิ่ ง ที่ ถู ก ต อ ง ที่ เป น ธรรมะ มี อ ยู จ ริ ง อย า งไร มี ค วามถู ก ต อ งเป น เบื้องหนา.
ที นี้ เราจะดู รวดเดี ย วไปเสี ย ให ห มดก อ นจะดี ก ว า จะง า ยแก ก ารเข า ใจ : ทิ ศ เบื้ อ งหลั ง คื อ บุ ต ร ภรรยา บุ ต รมาก อ นคํ า ว า ภรรยา สํ า หรั บ ภาษาบาลี ;
๔๙๒
ฆราวาสธรรม
ถึง แมใ นภาษาไทยก็พ ูด วา ลูก เมีย ไมพ ูด วา เมีย ลูก . เราก็ต อ งดูกัน ถึง คํา วา บุต รกอ น. ดูง า ย ๆ ในทางวัต ถุ ทางชีว วิท ยา ลูก ก็ค ือ ผลของการสืบ พัน ธุ เหมือ นสัต วแ ละตน ไม ; ทางวัต ถุก็มีเพีย งเทา นี้ เปน ปฏิริย าออกมาตามกฎ ของธรรมชาติ เทานั้นเอง. นี่ก็ไปเขากับบทเมื่อตะกี้อีกวา เขาใหชีวิตเรา มิใช ใหดั่ง ใหท าน กฎธรรมดาทา น ไมเ ห็น วา นา อัศ จรรย ; ทางวัต ถุ ลูก ก็เ ปน แตเพียงเปนกอนอะไรกอนหนึ่ง ที่มันออกมาจากการสืบพันธุของพอแม. สวนทางจริยธรรมของสังคม ที่ เขาถื อ กัน มาแตโบราณ หรือตาม ความรูสึกตามธรรมชาติในทางโลก ๆ ลูกนี้ก็คือเครื่องปลื้มใจของพอแม : พอ คลอดลูกออกมา หรือกอนคลอดก็ตาม ลูกนี้เปนวัตถุที่หวังที่ปลื้มใจของพอแม. ถาความรักตามสัญชาตญาณ มันก็พอใจเหมือนสัตวรักลูกก็พอใจ ; แตคนคิดได มากกวานั้น มันจึงเปนเครื่องปลื้มใจมากกวา ; ควรจะเปนสิ่งที่มีความหมาย ตามคํ าวา บุ ต ร. ปุ ตตะ หรือปุ ตระ ศั พ ทนี้ มี ค วามหมายมาแต โบราณ ตาม ความเชื่อของชาวอินเดีย ซึ่งเปนเจาของภาษานี้วา ผูที่จะยกบิดามารดาขึ้นเสีย จากนรก, นรกคือความเปนทุกขนานาชนิด. พอบุตรมีมาก็ปลื้มใจวา ยกนรก ในอกที ่ม ีค วามรอ นใจออกไปไดป ลื ้ม ใจ ดีใ จวา ไดสิ ่ง ที ่เรารัก ที ่ส ุด ที ่จ ะสืบ ตระกูลของเรา ที่จะทําบุญ อุทิศใหเราเรื่อยไป ในเมื่อเราตายไปแลว ; นี่เปน เรื่อ งปลื ้ม ใจอยา งนี ้ จึ่ง กํ า จัด เสีย ซึ ่ง นรก คือ ความรอ นใจ.บุต รเปน เครื่อ ง ปลื้มใจแกบิดามารดาอยางนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ในสังคมธรรมดาสามัญ ก็เห็นวาบุตรจะเปนผูสืบตระกูล ; มันเห็น แกตัว เห็นแกชาติพันธุก็อยากจะสืบสกุล . เรามีทรัพยสมบัติ เราไมอยากให แกใคร ก็ใหลูก ; ใหลูก ชวยรักษาตระกูลไว. เดี๋ยวนี้อาจจะเลวลงไปกวานั้น คือ บุต รในบางแงบ างกรณีก ลายเปน สิน คา ไปก็ได นา หัว เราะ ; เมือ งไทยนี้
อุดมคติที่ควรมีตอทิศทั้ง ๖
๔๙๓
ลูก สาวขายแพง, เมือ งอิน เดีย ลูก ชายขายแพง. นี ่แ ลว แตค วามนิย ม หรือ ขนบธรรมเนี ย มประเพณี อุ ต ส า ห ท ะนุ ถ นอมลู ก เอาไว ข ายราคาแพง ๆ ; พู ด กั น ตรง ๆ อย า งนี้ มั น จะหยาบคายไปบ า ง. นี่ เป น ความรูสึ ก ทางสั งคมชั้ น ที่ ค อ นข า ง จะต่ํา. ในแงที่ ๓ ที่วาทางอุดมคติทางฝายวิญญาณ นี้ มันยิ่งกวา ที่วาจะเป นผู ยกบิ ดามารดาจากนรก มั นยิ่ งไปกวานั้ นอี ก คื อวาลู กนี้ ควรจะเป นผู ที่ ถู กมุ งหมายไว สํ า หรับ เปน ผู ที ่จ ะเดิน ทางตอ ไปเรื ่อ ย ๆ จนกวา มนุษ ยจ ะถึง พระนิพ พาน หรือ พระเจา ก็ต ามใจ. วิว ัฒ นาการของธรรมชาตินั ้น มีค วามมุ ง หมายที ่จ ะใหด ีขึ ้น , คื อ วิ วั ฒ นาการทางจิ ต นั้ น มั น หมายความว า ดี ขึ้ น จนบรรลุ ถึ ง ความเป น อั น หนึ่ ง อัน เดีย วกับ พระเจา หรือ นิพ พาน. เมื ่อ คนไมถ ึง ไดใ นชาติเ ดีย ว ก็ม ีบ ุต ร เหลื อ ไว สํ า หรั บ สื บ ต อ การเดิ น ทางให เดิ น ไป ๆ จนกระทั่ ง วั น หนึ่ ง ชาติ พั น ธุ ใ น นามของมนุษยนี้จะถึงนิพพาน หรือถึงพระเจา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฉะนั้นถาใครจะมีบุตรที่เปนอุดมคติก็อยาไปคิดในแงต่ํา ๆ ใหคิดใน แงที่ จะสรางสรรค บุ ตรให มี ความสู งทางวิ ญ ญาณ จนกว าจะเดิ นทางไปถึ งนิ พ พาน หรือ พระเจา ; ในชว งชีว ิต นี ้เ ราไปไมถ ึง ลูก ก็จ ะไปถึง ; ลูก ไปไมถ ึง หลานก็จ ะ ไปถึง เหลนมัน จะไปถึง ; ควรจะคิด อยา งนี ้ม ากกวา แลว จะไมม ีค วามทุก ข จะมีความสบาย มีความกาวหนา.
ทบทวนดูก ็จ ะเห็น ไดว า ลูก ในแงข องวัต ถุ ก็เ ปน ผลิต ผลของการ สืบ พัน ธุ ข องพอ พัน ธุ แ มพ ัน ธุ . ในแงข องสัง คม หรือ มนุษ ยวิท ยา ลูก ก็เ ปน ผู สื บสกุ ล ให ความสบายใจพอใจแก บิ ดามารดา. ตามอุ ดมคติ สู งสุ ดของพุ ทธศาสนา หรือศาสนาในลั กษณะเดี ยวกั น ก็ มุ งหมายให ลู กให เป นผู รับมรดก การเดิ นทางไป
๔๙๔
ฆราวาสธรรม
นิ พ พานเรื่ อ ย ๆ ไป จนกว า จะถึ ง นิ พ พาน. นี่ เรามองดู กั น ระยะยาว มองดู ค วาม มุงหมายของชีวิตในดานลึก บุตรควรจะเปนอยางนั้น. ท ีนี ้ ม ีคํ า วา ภ รรย า พ ว งท า ย ; ภ รรย าค ือ อ ะ ไรขึ ้น ม าอีก . ถา มองดู ใ นแง วั ต ถุ ชี ว วิ ท ยาก็ อ ย า งเดี ย วกั น อี ก : ภรรยาก็ คื อ แม พั น ธุ ผู ที่ จ ะมาเป น แม พั น ธุ เหมื อ นที่ เ ป น กั น ในสั ต ว เดรั จ ฉาน ในต น ไม ; สตรี ก็ ม าเป น ฝ า ยแม พั น ธุ จะไม พู ด ถึ ง ก็ ไ ด ใ นแง นี้ . ถ า ในแง ข องสั ง คมวิ ท ยามนุ ษ ยวิ ท ยา หรื อ อะไรวิ ท ยา เทือ กนั ้น เดี ่ย วนี ้ก ็ด ูว า สตรีเ ปน ไปเพื ่อ ประโยชนแ กผู นั ้น ในทางบา นเรือ น; เปน คู ทุ ก ข คู ย าก คู ทํ า มาหากิ น อย า งนี้ ก็ นั บ ว า มี ค วามหมายที่ ดี อ ยู ; แต เ ดี๋ ย วนี้ มั น ต่ํ า ลงมาถึ ง ขนาดว า เป น เครื่ อ งสํ า หรั บ หลงใหล, เป น สิ่ ง สํ า หรั บ ความหลงใหล, เป น สิ่ ง สํ า หรั บ ความโอ อ วด, เป น สิ่ ง สํ า หรั บ วั ด ฐานะ, เป น เครื่ อ งวั ด ฐานะอย า งนี้ . ผู ช ายอุ ต ส า ห เ ล า เรี ย นเกื อ บเป น เกื อ บตาย ก็ เ พื่ อ ที่ จ ะหาภรรยาที่ มี ฐ านะ เป น เครื ่อ งวัด ฐานะ วา สวย หรือ วา ดี หรือ อะไรก็ต าม ใจ มัน เปน เสีย อยา งนี ้. ผู ห ญิ ง ก็ ก ลายเป น วั ต ถุ อ ะไรอั น หนึ่ ง สํ า หรั บ เป น ของเล น หรื อ อะไรสํ า หรั บ ใช เป น เครื่ อ งมื อ ทํ า นองอย า งนี้ ; ไม เ ป น อุ ด มคติ . มั น เป น ไปตามความรู สึ ก ธรรมดา สามั ญ ของกิ เลส ; เป น เหตุ ใ ห ผู ห ญิ ง สาละวนแต ใ นเรื่ อ งที่ จ ะทํ า ให เกิ ด ความสวย ความงาม ไมม ีค วามคิด อะไรมากไปกวา นั ้น ; กลายเปน หากิน ดว ยความงาม ไปเสี ย มั น ก็ เป น เรื่ อ งหลอกลวงง ถ าภรรยาตกอยู ในลั ก ษณะอย า งนี้ แ ล ว มนุ ษ ย นี้ ก็ ลุ ม หลงมาก โง ห ลงมาก ; ถ า เป น ฝ า ยที่ มี ค วามหมายสํ า หรั บ เป น คู ส ร า งสรรค ความเจริญแกครอบครัว เชนนี้ก็นับวาดี.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถ า มองกั น ในแง ลึ ก พ น เหนื อ ความรู สึ ก ของกิ เ ลส เป น อุ ด มคติ ท าง วิญญาณอยางนี้ ก็ตองพูดวา ภรรยาสามีนี้เปนคูเดินทางหรือเปนเพื่อนเดินทาง สํ าห รั บ ไป นิ พ พ าน เห มื อ น กั น . เรื่ อ งนี้ มั น ต อ งพู ด กั น ย าว แต ก็ ส รุ ป ได ว า
อุดมคติที่ควรมีตอทิศทั้ง ๖
๔๙๕
มนุ ษ ย ทุ ก คนเกิ ด มาสํ า หรับ เดิ น ทางไปนิ พ พาน มั น จึ งจะจบเรื่อ ง ; เพราะว า นิพพานนี้ตองผานโลกดีเสียกอน. การผานโลกดี มันก็หนีการสืบพันธุไปไมพน. จะหนีการที่จะมีคูผัวตัวเมียสําหรับการสืบพันธุไปไมพน ในเรื่องการผานโลกนี้. ผานโลกดี มันตองมีคูผัวตัวเมียที่ดี ที่ใหความรูความเจนจัดในทางฝายวิญญาณ วาชีวิตเปนอยางไร ? บ านเรือนเป นอยางไร ? ลูกผัวเป นอยางไร ? อะไรเป น อยางไร ? นี้ จนรูจักสิ่งเหลานี้ดี จนเฉยได จนเบื่อระอาได. ถาผานไปไดไมดี ก็ไมรูจักเบื่อ ไมรูจักระอา ไมรูจักเฉย. เพราะฉะนั้นผัวเมียที่ดีจะตองชวยกัน และกัน ใหเกิดความสวางไสวในทางวิญญาณ ; ไมใชเพื่อใหมาลุมหลงอยูที่นี่. เพราะฉะนั้นภรรยาก็ควรจะเปนเพื่อนคูหูเดินทางไปนิพพานของสามี ; สามีก็ เปนคูเดินทางไปนิพพานของภรรยา. พระพุทธภาษิตในสูตรนี้พูดถึงแตบุตรภรรยา ; เพราะเขาพูดแกผูชาย คนที่กําลังฟงนั้นเปน ผูชาย จึงพูดถึงแตบุตรภรรยา. ถาพูดทั่วไปก็ตองพูดวา บุตรภรรยา และสามี. แมวาเวลานี้ คนหนุมคนนี้เขาจะนึกไปในทํานองวาเปน คูสนุกสนาน ในการแสวงหาความสนุกสนานในทางเนื้อหนังก็ตามใจ มันก็เปน ชั่วขณะ ; แลวก็รูความหมายทั้งหมดของธรรมชาติ ของวิวัฒนาการนี้วามนุษย ตอ งไปนิพ พานเปน ที ่ส ุด เปน ที ่ส ุด จุด หมายปลายทาง, เพราะฉะนั ้น การมี ภรรยาสามีก็เพื่อจะเปนคูทุกขคูยาก บุกบั่นไปในการเกิดทาง เพื่อจะไปนิพพาน; อยา มาติด ตัน อยูที่นี่ มัน จะนา สมเพช แลว จะไมดีไ มก วา สัต ว หรือ ตน ไม. เมื่อมนุษยมีใจสูงลิบไปกวาสัตวและตนไม ก็ควรจะเดินทางไดไกลกวา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คุณอาจจะเห็นวา นี่เปนเรื่องมากไปเสียแลวก็ได ที่พูดวาแมกระทั่ง ลูก ก็ต อ งเปน ผู รับ มรดกการเดิน ทางไปนิพ พาน, ผัว เมีย นี ้ก ็เ ปน ผู ที ่จ ะเปน เพื่อ นทุก ขเ พื่อ นยาก ในการเดิน ทางไปนิพ พาน ไมใ ชม าติด ตัน อยูใ นที่นี่ ; ใหมองไปในแงเปนอุดมคติสูงสุด.
๔๙๖
ฆราวาสธรรม
พู ด กั น แต เพี ย ง ๓ ชั้ น นี้ พ อแล ว มากนั ก มั น ก็ จ ะยุ ง ว า ในแง วั ต ถุ ทางชีว วิท ยา บิด ามารดา ผัว เมีย ลูก เปน อยา งนี ้ ; ในแงท างสัง คมวิท ยา หรื อ มนุ ษ ยวิ ท ยา หรื อ อะไรเทื อ กนั ้ น พ อ แม ผั ว เมี ย ลู ก เป น อย า งนี ้ ; ในทางอุ ด มคติ สู งสุ ดทางฝ ายวิ ญ ญาณ ( spiritual )ก็ ไกลไปกว านั้ น คื อ เป น เรื่อ ง เกี่ยวกับจุดหมายปลายทางของมนุษยคือพระเจา หรือนิพพาน. ทิศตอไปก็พนจากเรื่องทางวัตถุแลว คือครูอาจารย ญาติ มิตร สมณพราหมณ บาวไพรนี้. ทิศเบื้องขวา คือครูบาอาจารย ในทางวัตถุ ในทางชีววิทยา ไมม ีค วามหมายอะไร, คือ ไมใ ชเ ปน เรื่อ งทางวัต ถุ เพราะฉะนั้น เราจะไมพ ูด ; ก็ เ หลื อ แต ท างสั ง คมวิ ท ยา หรื อ สั ง คมมาตรฐาน .เขาก็ ม ั ก จะเห็ น กั น ว า ครูบ าอาจารยนี ้ เปน คนรับ จา งสอนหนัง สือ เปน อาชีพ .เขามัก จะมองอาจารย กัน แตเ พีย งวา อาจารยนี ้เ ปน ผู รับ จา งสอนหนัง สือ . สอนวิช าความรู เ พราะ เป น อาชี พ ; อย า งมากก็ เ ป น เพี ย งที่ ป รึ ก ษาหารื อ ในป ญ หาต า ง ๆ แล ว ก็ ไ ด ประโยชน แ ก ก ั น และกั น ในทางวั ต ถุ . แต เ มื ่ อ เรามองในแง ที ่ ส ู ง ขึ ้ น ไป เป น อุดมคิดในฝายวิญญาณแลว ก็ตองมองเห็น แลวพูดออกมาวา ครูบาอาจารยเปน ผูนําทางฝายวิญ ญาณ ; หรือวาเปน ผูย กสถานะทางวิญ าณของคนเราใหสูง ขึ้ น ในระยะต น ๆ ; เพราะว าครู บาอาจารย นี้ ห มายถึ ง ผู ที่ เป น ครู บาอาจารย ทั่ ว ไป ตามบ า นตามเมื อ ง ที่ เป น การศึ ก ษาในเบื้ อ งต น , อบรมมารยาทในเบื้ อ งต น , อบรมศีลธรรมในเบื้องตน ; แตถึงกระนั้นก็ควรมองกันในฐานะเปนผูนําของคนเรา ในทางวิญญาณ ไมใชลูกจางสอนหนังสือเลี้ยงชีวิต.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เดี๋ ยวนี้ เด็ ก ๆ แทบวาจะทั้ งหมดมองครูบาอาจารย ในฐานะเป นลู กจ าง รับ จ า งพ อ แม ข องเรา, รั บ จ า งรัฐ บาลซึ่ ง อยู ได ด ว ยพ อ แม ข องเรานี้ , เป น ลู ก จ า ง สอนหนั ง สื อ ให แ ก เ รา ก็ เ ลยไม เ คารพเป น ปู ช นี ย บุ ค คล. สมั ย โบราณเขาให
อุดมคติที่ควรมีตอทิศทั้ง ๖
๔๙๗
เด็ก ๆ มองครูบาอาจารยเปนปูชนียบุคคล ผูมีพระคุณสูงสุด ไมใชลูกจาง. ทีนี้ วัฒนธรรมตะวันตกไมสอนอยางนี้ สอนใหเปนเพื่อนกัน สอนใหลดลงมา เปน ทํ า นองไมใ ชป ูช นีย บุค คล. โลกมัน จึง ป น ปว นวุน วาย ระส่ํ า ระสาย เพราะ วัฒนธรรมบา ๆ บอ ๆ แบบนั้น. พวกเราที่เปนไทยพุทธบริษัทนี้จะตองถือวา ครูบาอาจารยนี้เปนปูชนียบุคคลสูงสุด ระดับหนึ่ง, เปนผูยกสถานะทางวิญญาณ ของกุลบุตรใหสูงขึ้นในระดับแรก ; ทิศเบื้องขวามีความหมายอยางนี้. ทิศเบื้องซายคือ ญาติและมิตร. ญาติก็หมายถึง ผูที่สืบสายโลหิต โดยตรง อันไดแกเปนญาติทางสายโลกหิต ; และเปนญาติในทางธรรม ก็คือเปน ญาติโดยทางมีความเขาใจตรงกัน ในทางอุดมคติ ก็ไดมาเปนพวกกัน ชวยเหลือ เกื้อกูลแกกันและกันในทางธรรม ก็เรียกวาเปนญาติในทางธรรม. ความหมาย สําคัญมันอยูที่ ชวยเหลือเกื้อกูลกัน. แมเปนญาติโดยสายโลหิต ถาไมชวยกัน ก็น ับ วา ไมใ ชญ าติ. สว นคนที ่ไ มใ ชญ าติโ ดยสายโลหิต แตเอื ้อ เฟ อ เกื้อ กูล ชวยเหลือคุนเคยผูกพันกันอยู ก็กลายเปนญาติ, และกลับจะเปนญาติมากเสียกวา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คําวา “ญาติ” มาจากคําวารู คือ รูสึก ; รูสึก วา เปน ผูที่เราตอ ง รับรูหรือรูสึก หรือสนใจอยูเสมอ. สวนคําวา “มิตร” นั้นหมายถึงความรักใน ทางเมตตา ; พอมีความรักก็เปนมิตรขึ้นมาทันที. รวมแลวไปดวยกันได คําวา “ญาติ” กับ “มิตร” นี้มีหัวใจคลายกัน ; เพราะฉะนั้นจึงเอามาไวทิศเดียวกันทั้ง ญาติทั้งมิตร. สองสิ่งนี้ไมมีความหมายในทางวัตถุ ไมสามารพบัญ ญั ติความ หมายอะไรไดในทางวัตถุ ; ไมเหมือนกับลูกเปนวัตถุออกมาจากพอพันธุแมพันธุ; แตจะมีความหมายทางสังคม. คือวาเห็นอยูไดงาย ๆ วา เปนผูที่ชวยเหลือกัน รวมทุกขรวมสุขแกกัน : เปนสิ่งที่นํามาซึ่งความปลื้มใจ ในเมื่อธุระการงานเกิดขึ้น. อยูในโลกมันเต็มไปดวยธุระการงาน และการงานเปนของหนัก. ทีนี้การงานเปน
๔๙๘
ฆราวาสธรรม
ของเบาไปไดก็เพราะมีมิตรรอบดาน ; สิ่งตาง ๆ สําเร็จไปไดก็เพราะการรวมมือ ของคนทุกคนที่เปนมิตร. นี่ทางสังคมมันก็เปนอยางนี้ในระดับกลาง ๆ . ในระดับสูงเปนอุดมคติฝายวิญญาณ มิตรก็ไมใชอยางอื่นอีก ก็ตอง เปน เพื่อ น เคีย งขา งกัน ไป สํา หรับ ไปนิพ พานอีก เหมือ นกัน ; เพราะฉะนั้น มิตรที่แทจริงก็ไดแกผูที่คอยชวยเหลือตักเตือน ซึ่งกันและกัน, ประคับประคอง ซึ่งกัน และกัน ใหดําเนินไปแตในทางดี และสูงไปทางนิพ พาน ; เปน เพื่อ นที่ คอยตัก เตือ นเมื่อ เราเผลอ. เพื่อ นจะคอยใหส ติ อยา ใหลืม หรือ หลงทาง จนกระทั่งวาไปถึงนิพ พาน ; คอยกระซิบ ขางหู ไมใหลืม ได แมในวินาทีที่จ ะ ตายแลว. นี้จึ่งจะเรียกวาเปน อุด มคติของคําวามิต ร. สวนอุด มคติที่กิน เหลา ดวยกัน เที่ ยวผูห ญิ งดวยกันอะไรนั้ น เป นมิต รอยางภู ตผีปศ าจ ไมรวมอยูใน ความหมายนี้ ไมเปนอุดมคติอะไร ; แลวจะกลายเปนเรื่องทางวัตถุ คือเพื่อน กินเหลา เพื่อนสํามะเลเทเมา เปนเรื่องเนื้อหนังไป.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ความหมายของคําวา สมณพราหมณ ทิศเบื้องบน เบื้องสูง บนหัว คือสมณพราหมณ. บางคนอาจจะไมเคยฟงคําวา สมณพราหมณ ; จะจํากัด ความสั้ น ๆ เพื่ อ ให งายแก ก ารจดจําหรือ เข าใจวา สมณะ หมายถึงบรรพชิ ต ประเภทที ่ไ มค รองเรือ น ; พราหมณ เปน บรรพชิต หรือ ครึ่ง บรรพชิต ที่ ครองเรือ น แตก็ทํา หนา ที่ค ลา ย ๆ กัน . พระในบา นเรือ น ตามบา นเรือ น มีก ารครองเรือ น มีลูก มีเมีย ก็เปน พระประเภทหนึ่ง เขาเรีย กวา พราหมณ. พระที ่ไ มม ีก ารครองเรือ น คือ ไปไกลมาก อิส ระมาก สูง มาก เขาเรีย กวา สมณ ะ.เอามาบวกกัน เรีย กวา สมณ พราหมณ แปลวา สมณ ะ และ พราหมณ.นี้มันเปนภาษาอินเดีย ชาวอินเดียพูด พระพุทธเจาพูดอยางภาษา ของชาวอินเดีย ก็พูดวาสมณพราหมณ ; ตามที่มีอยูจริงในสมัยนั้น.
อุดมคติที่ควรมีตอทิศทั้ง ๖
๔๙๙
สมณะก็คือนักบวชที่ไมมีการครองเรือน เชนเดียวกับองคพระพุทธเจา เอง รวมทั้งนั กบวชเหลาอื่น. ทํ าหนาที่เหมือ นกัน คือ การยกสถานะทางฝาย วิญญาณ หรือแกไขปญหาทางฝายวิญญาณในระดับสูง. พวกพราหมณเปนพวก ครองเรือ น ก็ไ ปสูร ะดับ สูง ไกลนัก ไมไ ด ; หรือ บางทีก็ห มายถึง การกระทํา ที่ไดเขาใจผิดกันมาแตดึกดําบรรพแรกเริ่มเดิมที่. ความสูงทางวิญญาณของพวก พราหมณก ็ห มายถึง บูช ายัญ ใหไ ดต ายไปเกิด ในสวรรค ในโลกที ่ส ูง สุด . พราหมณมักจะเปนเสียอยางนี้ เปนที่พึ่งทางวิญญาณชนิดมิจฉาทิฏฐิ ; ทําการ บูชายัญหลายอยางหลายชนิด กระทั่งฆาคนเพื่อบูชายัญใหแกพระราชา เพื่อตาย ไปเกิดในสวรรค. ฝายสมณะไมทําอยางนั้น ชวยใหทําการบูชายัญเหมือนกัน แต บู ชายั ญ อย างอื่ น ; เชน บู ชายั ญ ด ว ยการสละเสี ย ซึ่ งตั วกู - ของกู เพื่ อ ไป นิพพานโนน ไปสูสิ่งสูงสุดคือนิพพาน. แตอยางไรก็ตาม ก็เอาความมุงหมาย เดียวกัน ที่วาตองการความสูงสุดฝายวิญญาณจึงเอาไวขางบน เปนทิศเบื้องบน เปนสมณพราหมณ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้เรามองดูความหมาย ที่มีอยูเปนชั้น ๆ : ความหมายของสมณพราหมณในทางฝายวัตถุ ฝายชีววิทยานั้นมีไมได เพราะมันเปนเรื่องทางวิญญาณ ลวน ทางจิตใจลวน. ถาจะมองกับอยางอันธพาลหนอยก็วาเปนคนขอทาน ; ฝายวัตถุเปนคนขอทาน ทําขาวปลาอาหารใหเปลือง โดยไมทําการงานอะไร, เอาเปรียบ เหมือนกับเรื่องในพระบาลี ในกสิสูตร ก็มีอยูสูตรหนึ่งพระพุทธเจา จะไปทรมานพราหมณคนสําคัญ คนนี้ ทรงถือบาตรไปยังที่เขากําลังไถนาอยู. พราหมาณนี้ก็พูดตะเพิดไลพระพุทธเจาวา ไปทางซิ, ไปทําไรไถนา ไปทํามาหากินซิ, อยาเอาเปรียบ, อยาถือบาตรมายืนขออยูอยางนี้ซิ. พระพุ ท ธเจ า ก็ ต รั ส ตอบว า ฉั น ก็ ทํ า นานี่ ทํ า ไมแกว า อย า งนั้ น . พราหมณนั้นก็แยงถามวาทํานาอยางไร ไมเห็นมีควายมีไถอะไรเลย. พระพุทธเจา
๕๐๐
ฆราวาสธรรม
ตรั ส ตอบเป น คาถา มี ใ จความว า : ศรั ท ธาเป น ข า วพื ช สํา หรั บ หว า น ; ตะบะความเพี ย รเป น น้ํ า สํ า หรั บ ทํ า นา มี ห ิ ริ โ อตตั ป ปะเป น คั น ไถ เป น เชือกชักแลว ; วาอะไร ๆ ไปอีก จนกระทั่ ง พราหมณ เกิดแสงสวางขึ้นมาใน เวลานั ้ น กลายเป น สั ม มาทิ ฏ ฐิ เ ป น อริ ย บุ ค คล. แต สํา หรั บ พวกวั ต ถุ น ิ ย ม เห็น แกวัต ถุก็เ ห็น วา พวกสมณะนี้ก็ดีแ ตกิน ขา วฟรีเ ทา นั้น เอง ไมทํา ไรไ ถนา ไมทํามาหากินคอยแตจะกินฟรี ;ในสายตาของพวกวัตถุนิยมมันก็เปนอยางนี้. ที่เราเห็นกันอยู รับรองกันอยู สถาบันของสมณพราหมณก็คือ เขายก ไวใหเปน บุค คลอยูในระดับ สูงและศัก ดิ์สิท ธิ์ สํา หรับ ประกอบทํา พิธี แนะนํา สั่ง สอน ; พูด งา ย ๆ ก็คือ วา มีไ วสํา หรับ ไหว สํา หรับ ประกอบพิธี. ภาพ ในโรงมหรสพทางวิญญาณของเรา ภาพนั้นก็ดีเหมือนกันที่วา “สมัยนี้พวกเราเอา แตไหว พอบอกใหประพฤติธรรมก็กําหู.” คนสมัยนี้มีสมณพราหมณไว ก็เพียง สําหรับไหว แลวสําหรับทําพิธีเทานั้น พอจะใหประพฤติตามหลักธรรมก็เฉยเสีย เอามืออุดหูเสีย ; กําลังเปนอยางนี้มากขึ้นทั่วโลก. สมณพราหมณ ก็ลดลงมา เหลือแตเพียงมีไวไหว. มีไวทําพิธีเทานั้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org แตวาอุดมคติทางฝายวิญญาณนั้น สมณพราหมณมีไวสําหรับยกสถานะ ทางวิญญาณ ใหถึงระดับสูงสุด ; เปนผูนําทางวิญญาณ หรือยกฐานะทางวิญญาณ ใหขึ้นสูระดับสูงสุดที่มนุษยควรจะได ควรจะถึง. เพราะฉะนั้นจึงเอามาไวเปนทิศ เบื ้อ งบน อยู บ นหัว . นี ่ต อ งมองใหเห็น ความสูง นี ่ใหได จึง จะรูจัก สิ ่ง นี ้ หรือ ความสูงของความหมายแหงความเปนมนุษย หรือสิ่งที่มนุษยควรจะตองไดตองถึง. นี้เปนทิศเบื้องบน มีความหมายเปนชั้น ๆ อยางนี้. ทิศสุดทายทิศเบื้องต่ํา อยูขางลางเรียกบาวไพร, ใชภาษาโบราณวา บาวไพร. สวนสมัยประชาธิปไตยสมัยปจจุบันเขาเกลียดคํานี้ เขาเขี่ยทิ้งไปไวไหน
อุดมคติที่ควรมีตอทิศทั้ง ๖
๕๐๑
ก็ไ มรู ; แตก ็ด ว ยความโง. สิ ่ง ที ่เ รีย กวา “บา วไพร” มัน ก็ย ัง มีอ ยู เพราะ เมื่อ คนหนึ่ง มีอํา นาจ คนที่ไ มมีอํา นาจก็ตอ งตกอยูขา งลา งเสมอไป, เปน เบี้ยลางเสมอไป นั่นแหละคือบาวไพรในความหมายใดความหมายหนึ่ง ทีนี้คําวา อํานาจ นี้มันไมใชเปนอํานาจอยางทางอาวุธ ทางกําลังเสมอไป ; มันมีอํานาจ เงิน มีอํานาจสติปญญา มีอํานาจอะไร ๆ อีกหลาย ๆ อยางที่เขาใช.เมื่อเขาใช อํานาจอะไรสําเร็จ คนที่ถูกใช ก็กลายเปนบาวไพร. ฝรั่งเอาเงินมาลอคนไทย ใหกลายเปนบาวไพรไปเสียเมื่อไรก็ได. ระวังใหดี คําวา “บาวไพร” ยังไมหมด ยังไมมีทางที่จะหมดได ตลอด เวลาที่อํานาจยังมีอยูในโลก ; นี้ก็เขากับพุทธภาษิตที่วา “วโส อสฺสริยํ โลเก” อยู เ สมอไป อํ า นาจเปน ใหญใ นโลก. ผู ห ญิง ก็เ อาผู ช ายเปน บา วไพรไ ด เพราะมีความสวย ความงามของเขาเปนอํานาจ. ผูชายที่มีปริญญายาวเปนหาง ก็ อ าจจะมางอ ผู ห ญิ ง ที่ ไม มี อ ะไรเลย มี แ ต ค วามสวยงามนี้ ก็ ได . ภาพเขี ย น ปริศนาธรรม เขาใหผูชายถือดาบ มีเวทมนตคาถา อาคมอะไรมาอยางสมบูรณ ; ในที่สุดก็มาพายแพแกนางยักขิณี ที่ปลอมเปนผูหญิ งสวย โหนชิงชาเลนอยูที่ โคนไม. นี่คืออํานาจที่ลึกลับ ที่ทําคนใหเปนบาวไพร.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เดี๋ยวนี้ก็มีลูกจาง มีกรรมกร มีผูอยูใตบังคับบัญชาใตอํานาจ ; มันก็ อยูในลักษณะที่เปนทิศเบื้องลางนี้ทั้งนั้นแหละ. ผูอยูต่ํากวาในลักษณะใดก็ตามก็ ถือวาอยูในทิศเบื้องต่ําทั้งนั้น. เราตองมองดูแลวปฏิบัติใหถูกตอง.
ในทางวัตถุ เขามีทาส มีบาวไพร เอาไวใชงาน, เอาไวทําปูยี่ปูยํา เลนตามความตองการของตน ; นั้นมันเปนความหมายปาเถื่อนทางวัตถุและก็พน สมัยไปแลวในปจจุบันนี้. กอนนี้เขาซื้อขายคนกันได, เอาไปเปนทาส แลวเอาไป
๕๐๒
ฆราวาสธรรม
ทําอะไรก็ไดทั้งทาสหญิ งทาสชาย เดี๋ยวนี้ก็มีความหมายเปนผูรับใช ; เรามีอํานาจ อะไรอัน หนึ ่ง ทํ า ใหเ ขายอมมาเปน ผู ร ับ ใช ; นี ้ค วามหมายทางสัง คมทั ่ว ไป บ า วไพร มี ไ ว ใ ช ส อย มี ไ ว ป ระดั บ เกี ย รติ ในที่ สุ ด . เขามี บ า วไพร ไ ว เพื่ อ ประดั บ เกี ย รติ ก็ มี , เอาไว เป น เครื่ อ งมื อ สํ า หรั บ แสวงหาประโยชน หรื อ เป น เครื่ อ งเอา เปรีย บอยู โดยความหมายหนึ่ งก็ มี . คนที่ มี ส ติ ป ญ ญาเฉลี ย วฉลาดแล วทํ าอะไร ได เมื่ อ ไร สติ ป ญ ญามั น ผลิ ต อะไรได เมื่ อ ไร ; มั น ต อ งใช แรงงานลงบนใคร หรือ บนคนหมู ใดหมู ห นึ่ ง ผลผลิต มั น จึงจะออกมา. เพราะฉะนั้ น คนใช หรือ กรรมกร หรือ บา วไพร หรือ ทาสก็อ ยู ใ นความหมายอัน นี ้ ; เปน ตัว แรงที ่ผู ม ีส ติป ญ ญา จะใช ใ ห ผ ลิ ต อะไรออกมา. นี่ ค วามหมายทั่ ว ไปทางสั ง คมวิ ท ยา มานุ ษ ยวิ ท ยา ปรัชญาอะไรมันก็ไปไดเพียงแคนี้. ถาดูทางฝายวิญญาณ เปนอุดมคติสูงสุดทางฝายวิญญาณ ก็ขอใหดูดวย ความเคารพ ว า ทาส หรื อ บ า ไพร นี้ ก็ เป น สิ่ ง จํ า เป น สํ า หรั บ ผู ที่ จ ะเดิ น ทางไป นิพ พาน ; มัน เปน บทเรีย น. ผมอยากจะพูด อยา งนี ้ด ว ยซ้ํ า ไปวา บา วไพร ทาส บริว าร นี้เปน บอ เกิด สํา หรับ บุญ . คนเราตอ งสงเคราะหค นยากจน หรือ ผู ที่ ช ว ยตนเองไม ได มั น จึ งจะได บุ ญ . ถ าไม มี ค นเหล า นี้ เสี ย แล ว ไม มี ใครจะทํ า บุญ อะไรได. เพราะฉะนั้น คนที่ข ลาดแคลน คนที่ไรส มรรถภาพ คนชวยตนเอง ไม ไดนั่ น แหละ มั น เป น บ อ เกิดแห งบุ ญ ; กระทั่ งคนตาบอด คนพิ ก ารอะไรก็ตาม มัน เปน บอ เกิดแหงบุญ . บาวไพรเขามาฝากเนื้อ ฝากตัวใหเราชวย ก็ค วรจะมอง ไปในแงที ่ว า เขามาทํ า ใหเ ราไดบ ุญ อยา ไปกดขี ่ ขม เหงเขา เอาเปรีย บเขา. แมแ ตล ูก จา ง แมแ ตผู ที ่อ ยู ใ ตบ ัง คับ บัญ ชาก็จ งมองเขาอยา งนี ้ มัน จึง จะเปน อุดมคติทางวิญญาณ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที นี้ บุ ญ ที่ ต่ํ า ๆ ก็ คื อ เราเอื้ อ เฟ อ เผื่ อ แผ เมตตากรุ ณ า เราก็ ไ ด บุ ญ . บุญ ที ่ส ูง ขึ ้น ไปก็เพื ่อ ที ่เราจะทํ า ลายความเห็น แกต ัว ของเรา หรือ ควบคุม กิเลส
อุดมคติที่ควรมีตอทิศทั้ง ๖
๕๐๓
ของเรา. บาวไพรก็เปนฝายที่ตองจํานนจํายอมดวยความจําเปน เราดาเขาก็ได เราตีเขาก็ได ;นั่นมั นจะทําใหเรามีกิเลสมากขึ้น ทําใหเปนบ ามากขึ้น ; จะตก นรก. ทีนี้ถาเอามาสําหรับเปนบทเรียน สําหรับเราฝกหัดบังคับตนเอง ไมโกรธ ไมเ อาเปรีย บ แลว ก็ไ มดา เขา อดกลั้น โทสะได. ถา ใครรอดกลั้น โทสะแก บาวไพรได ก็หมายความวา มันอดกลั้นไดถึงที่สุด ;เพราะเปนผูที่สําหรับใคร ๆ จะไมอดกลั้น. ทีนี้เราจะไมยอมใหเราลุอํานาจแกโทสะจริตหรือไมเห็นแกตัว ; ฉะนั้น บาวไพรก็มาในฐานะเปนผูชวยสนับสนุนใหไมเห็นแกตัว ชวยสนับสนุนใหนาย ดีขึ้น สูงขึ้นมากความไมมีบุญ มาเปนผูมีบุญ, มาเปนผูที่หมดตัวกู – ของกูได เหมือนกัน. ถาใชบาวไพรเปนบทเรียนฝกหัดใหทําลายตัวกู - ของกู มันก็ทําไดดี มาก ; เพราะตามธรรมดามัน ไมเปน ที่ตั้งแหง ความอดทนของนาย.มัน กลาย เปนเครื่องที่ทําใหนายตองฝกฝนตัวเอง ปฏิบัติตัวเองใหเกิดความอดกลั้น อดทน ไม เห็ นแก ตั ว ; นั บ ตั้ งแต ต องชวยเหลือ เลี้ ยงดูเขา เอาใจใส เขา รักเหมื อ นลู ก เหมือนหลาน ; แมบาวไพรไมสบายเจ็บไข ก็ไปเอาใจใสเหมือนกับลูกกับหลาน ; นั่นคือธรรมเนียมโบราณมาตั้งแตครั้งพุทธกาล.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้นระบบทาสของพวกพุทธบริษัทไมจําเปนจําตองเลิก ระบบ ทาสของพวกภูตผีปศาจเทานั้นจะตองเลิก จะไดเปนประชาธิปไตย. ระบบทาส อยางธรรมะนี้ไมจําเปนตองเลิก ไมควรเลิก เพราะคนที่ดอยสมรรถภาพ ชวยตัวเอง ไมไดนี้ ยังคงมีอยูในโลกทั่วไป ; เราก็ตองชวยเขา มาใหอยูในความอุปการะ ทุก ประการ. มัน ก็เ ปน ทาสอยูใ นความหมายนั้น แหละ หลีก ไปไหนไมพน ในเรื่องเปนบาวไพรหรือเปนผูที่จะตองถูกเลี้ยงดูอยางบาวไพร ; แตนี้มันเปลี่ยน เปนวาเอาเปนบุญเปนกุศลกันดีกวา ; ฉะนั้นเราสงเคราะหผูที่ดอยสมรรถภาพนั้น อยางเอาบุญเอากุศลกัน เหมือนที่ทํากันอยูทุกวันนี้ ; มันก็ตองเอาสิ่งอื่นมาลอ
๕๐๔
ฆราวาสธรรม
มาดึง มาจูง กัน เปน การใหญ. เหมือ นสมัย พุท ธกาลเขาก็ใ ช : เศรษฐีเ ลี้ย ง บาวไพร บริวารไวมากมาย แลวก็ชวยเหลือ อุม ชู ; บางทีห มูบานทั้งหมูบาน อยูในความอุม ชูของเศรษฐีค นหนึ่งเทานั้น . พระเจาแผน ดิน ก็ม อบหมายให ; แลวไมมีการกดขี่ มีอะไรมีดวยกัน เปนอะไรเปนดวยกัน ; ถึงวันพระแปดค่ํา ไปวัด ไปรัก ษาศีล ไปทํา ทานอะไรดว ยกัน . มัน กลายเปน ทาสที่มีค วามสุข ไมอยากจะหลุดไปจากความเปนทาส เพราะตนเองมันดอยสมรรถภาพ ชวยตัวเอง แท ๆ ไดได. นี่รวมความแลวก็วา ผูที่ตองเขามาพึ่งพาอาศัยใบบุญอะไรก็ตาม อยูใน ทิศเบื้องต่ํา จะตองมองดูเขาในลักษณะอยางนี้ ; อยามองดูกันในลักษณะผูที่ ควรกดขี่ ผูที่ควรเอาเปรียบ ผูที่ควรทํานาบนหลังเขา อะไรทํานองนี้ ; นั่นมัน ไมถูก ความหมายของคําวา บาวไพร ในทางที่เปนอุดมคติทางฝายวิญญาณ. ฉะนั้นมันก็เลยเอาทาสหรือบาวไพรนี้เปนทิศ ๆ หนึ่งที่ตองใหความเคารพตองไหว, เปนทิศที่ตองไหวดวย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราได พู ด กั น มาตั้ ง แต ต น แล ว วา ทิ ศ ทั้ ง หลายนี้ เป น สิ่ งที่ ต อ งไหว . มานพนั้นกําลังไหวทิศทั้งหลายอยู พระพุทธเจาตรัสวา การไหวทิศของอารยชน เขาไมไดไหวอยางนั้น ; เขาไหวกันอยางนี้ คือใหความเคารพแกทิศเบื้องหนา คือบิดามารดา, ทิศเบื้องหลังคือ บุตรภรรยา,ทิศเบื้องขวาคือ ครูบาอาจารย , ทิศเบื้องซายคือ ญาติมิตร, ทิศเบื้องบนคือ สมณพราหมณ, ทิศเบื้องต่ําคือ บา วไพร ; ตอ งไหว, ใชคํา วา ไหวบา ว คือ ใหค วามนับ ถือ ใหค วามเคารพ ใหความเอาใจใส ; จัดไวในฐานะที่วา จะเปนผูรวมทางเดินกันไป ในทางบุญ กุศล และเดินไปหานิพพานดวยเหมือนกัน. ทั้งหมดนี้กลายเปนเรื่องไปนิพพาน. ทั้ง ๖ ทิศเราไหวดวยการปฏิบัติหนาที่ใหถูกตอง แลวก็จะไปนิพพาน.
วันนี้จะไมพูดอะไรมาก นอกไปจากวาคําพูดคําหนึ่งมันมีความหมาย หลายชั้นอยางนี้ ; ไปลองทบทวนดู. คําวา “พอแม” ความหมายต่ําเตี้ยก็เปน
อุดมคติที่ควรมีตอทิศทั้ง ๖
๕๐๕
เรื่องเพียงพอพันธุแมพันธุ เหมือนกับสัตวผูสัตวเมีย หรือตนไมที่มีการสืบพันธุ ทางเพศผูเพศเมีย. ทางสังคมสูงขึ้นมา พอแมคือผูรับผิดชอบตอบุตร. สูงขึ้น ไปถึงอุดมคติ พอแมคือพระอรหันตประจําบานเรือน. คําวา “บุตร” ความหมายต่ําก็คือ ผลิตผลที่เกิดมาจากการสืบพันธุ. ความหมายสูงขึ้นมา ก็เปนผูที่จะทําความปลื้มใจใหแกพอแมดวยการสืบสกุล. ความหมายสูงสุดก็วา ผูที่จะไดรับมรดก การเดินทางไปนิพพานตอจากพอแม ที่จะไปถึงใหได. คําวา “ภรรยา” ความหมายต่ํา ก็เปนผูสืบพันธุเหมือนพืชและสัตว. ทางสังคมเอาไวเปนเครื่องชวยบําบัดปญหาตาง ๆ ทางความรูสึก ทางอะไรตาม ธรรมชาติบาง ; เปนเครื่องโออวดกันบาง, เปนเครื่องแสวงหาความสุขอยาง โลก ๆ บ าง. แต ความหมายสูงสุด ภรรยา คูผั วเมี ยนี้ ก็จะตอ งเป น ผู แบ งเบา ภาระหนัก ในการเปนอยูในโลกนี้ เพื่อใหเกิดการศึกษา เขาใจชีวิตในสวนลึก เพื่ อจะเบื่ อหนาย เพื่ อจะพ นจากโลก เพื่ อจะไปเหนือโลกดวยกัน ; ไมใชเป น เพื่อ นลุม หลงกัน อยูที่นี่ แตเปน เพื่อ นชวยเหลือ ซึ่ง และกัน ใหมัน กา วหนา ไป ในทางสูง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org “ครูบาอาจารย” นี้ ไมใชคนที่รับจางสอนหนังสือเปนอาชีพ หรือ ใชสติปญญาเปนสินคาขายแกกุลบุตร เอาเงินมาเลี้ยงชีวิต. ครูบาอาจารยตอง เปนผูนําทางฝายวิญญาณ เพื่อไปนิพพานแมในระยะเริ่มตน.
“ญาติมิต ร” ก็เ หมือ นกัน ไมใ ชเ พื่อ นกิน เหลา เพื่อ นอบายมุข หาความเพลิดเพลินใหแกกิเลส. มันตองเปนเพื่อนชวยเหลือกันและกัน ในหนาที่ การงานของมนุษ ย. ความหมายสูง สุด ก็เกิด เคีย งขา งกัน ไปเรื่อ ย กวา จะถึง นิพพาน.
ฆราวาสธรรม
๕๐๖
“สมณพราหมณ ” ไม ใชค นขอทาน กิ น อาหารของชาวบ านฟรี เอา เปรีย บผู อื่ น เป น กาฝากสั งคม เหมื อ นที่ เขาพู ด กั น . ความหมายที่ เขาใช กั น อยู เดี๋ ยวนี้ มัน กลายเป นเอาไวไหว เอาไวทํ าพิ ธีเสียมากกวา. แตความหมายสูงสุ ด ตองเปนผูนํา หรือผูยกสถานะทางวิญ ญาณ ในระดับสูงสุดของโลก ไมใชของเรา คนเดียว. “บ าวไพร ” ก็ ไม ใช บุ ค คลที่ เราจะทํ านาบนหลั ง เขา ต อ งเป น ผู ที่ มี ไว สําหรับใหเกิดประโยชนรวมกัน ตามที่วากรรมมันจําแนกคน สัตวทั้งหลาย กรรม เปน ผู จํ า แนกใหม ีว รรณะ ใหม ีชั ้น มีว รรณะซึ ่ง มัน เลิก ไมไ ด. อยา อวดดีไ ปวา จะใหเ ลิก ชั ้น วรรณ ะ นั ้น มัน เลิก ไมไ ด พูด ไปแตป ากบา ๆ บอ ๆ เทา นั ้น . เพราะวากรรมมั นเปนผูจัดใหให เกิดชั้นวรรณะ ขึ้นมาโดยธรรมชาติ ไม ใชคนจัด ; เพราะฉะนั้ น คนจึ งเกิ ด มามี ก รรมมาก มี บ าปมาก มี พิ ก ลพิ การ ด อ ยสติ ป ญ ญา มั น ก็ เ ป น ชั ้ น ; มั น จะมี ก ารเป น อยู เ หมื อ นกั น ไม ไ ด . ที ่ จ ะเป น เหมื อ นกั น นั้ น ก็ แ หละเป น ต น ตอให เกิ ด dialectic materialism เป น คอมมิ วนิ ส ม เป น อะไร ขึ ้น มา ; นี ่ก ็เ พราะไมรู เ รื ่อ งกรรม. เราก็ย กสถานะของเขาวา เขามีก รรม เหมือ นเราเหมือ นกัน ; แลว ก็ช ว ยแกไ ขไปตามเรื่อ ง. คนที ่ด อ ยสมรรถภาพ ไรสติปญญามาโดยธรรมชาติ มาโดยกําเนิด ทางสติปญญาก็ตาม ทางรางกายก็ตาม ตองชวยเขาดวยความเคารพ เหมือนกับไหว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ความหมายในระดั บต าง ๆ กันของคํ าแตละคํ า ที่มาเป นชื่อของทิ ศที่ เรา จะตอ งไหว ในเมื ่อ เราเปน ผู ค รองเรือ น เปน คฤหัส ถ มัน มีอ ยู อ ยา งนี ้ ; จะมาก จะน อย จะหนั กจะเบาอะไรก็ ตาม ก็ ไปคิ ดดู เอง ; แต ว ามั นหลี กไม พ น จะต องทํ า แลวก็ตองทําใหถูก. ถากลัวก็อยาไปเปนคฤหัสถ, ถาอยากเปนคฤหัสถก็อยากลัว ; จะต อ งทํ าให ถู ก ต อ ง ; ก็ เป น เรื่ อ งประพฤติ ธ รรมที่ สู ง สุ ด อยู ใ นตั ว ในความเป น คฤหัสถนั้น. พระพุทธเจาทานสอนเรื่องทิศโดยความมุงหมายอยาง. พอกันทีเวลาหมดเทานี้
หลักปฏิบัติ ตอ ทิศเบื้องหนา - ๓ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๑๓ คําบรรยายสําหรับ ฆราวาสเรื่อ งทิศ ตอนนี้ก็จะได พูด ถึง ความหมายที ่จ ะตอ งใชทั่ว ๆ ไป. ในตอนที ่แ ลว มา เรามองดูความหมายของสิ่งที่เรียกวา “ทิ ศ” กันอยางวงกวาง และสูง ถึง ขนาดที่เรีย กวา เปน เรื่อ งไปนิพ พานไปทั้ง หมดก็ได ; ทีนี ้ค นที ่เ ขาไมม องอยา งนั ้น เขาก็ไ มย อมรับ . ถา เราพูด วา การมีส ามีภ รรยานี้ก็เพื่อ จะเปน เพื่อ น หรือ ภาษาโสกโดกก็วา เป น คู หู สํ า หรั บ ที่ จ ะเดิ น ทางไปนิ พ พาน ; อย า งนี้ ก็ มี แ ต ค น หั ว เราะ. ยิ ่ ง สมั ย นี ้ แ ล ว ก็ ยิ ่ ง จะมี แ ต ค นหั ว เราะคื อ หาว า อะไร ๆ ก็ เ พื ่ อ จะไปนิ พ พาน ; แต ผ มก็ ยั ง ยื น ยั น อย า งนั ้ น อยูเสมอดวยเหตุผลหลายอยาง. แตเหตุผลที่ดีที่สุดก็จะตองมี ในขอ ที่วาเราจะไดป ระโยชนม ากที่สุด . ถา เราถือ หลัก อยางนี้ เราก็ จ ะได ป ระโยชน ม ากที ่ ส ุ ด ; นี ่ เ ป น เหตุ ผ ลที ่ ด ี ที ่ ส ุ ด . เหตุผ ลอื่น ๆ มัน ก็มีแ ละมัน ก็จ ริง เหมือ นกัน แตมัน ก็ไ มดีเทา ที่วา อัน ไหนมัน จะไดป ระโยชนม ากที่สุด อัน นั้น ก็เ ปน เหตุผ ล ที่สุดและควรจะถือหลักอยางนั้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๕๐๗
๕๐๘
ฆราวาสธรรม
เรื่องที่จะไปนิพพานนี้ อยาเขาใจวามันเปนเรื่องของทางศาสนา หรือ ของทางอุด มคติที ่ส ูง เหนือ โลกไปเสีย หมด ; ใหถือ วา มัน เปน เรื่อ งธรรมดา ๆ ตามหลักของวิวัฒนาการ. evolution นั้นอยาถือวามีแตทางรางกาย มันตองมี ทางจิตดวย. ถาไมโงเกินไป ก็จะเห็นวา เรื่องทางกายกับเรื่องทางจิตนี้แยกกัน ไมได. ถาแยกกันแลวมันไปไมได มันเหมือนกับขาหัก หรือเหมือนกับตาบอด มันไปไมได. มีแตจิตก็เหมือนกับตาดีแตขาหัก ; มีแตกายก็เหมือนขาดีเดินได แตตาบอด คน ๆ หนึ่งในทางธรรมเขาใชคําวา “นามรูป” นี้ไปใชของสองอยาง แตเ ปน ของรวมกัน เปน อยา งเดีย ว. ถา ขืน แยกกัน ก็จ ะไมมีทั้ง นาม และรูป ตองอยูดวยกันจึงจะมีทั้งนามและรูป ; นั่นแหละคือคน ๆ หนึ่ง. เพราะฉะนั้น ในวิว ัฒ นาการทางวัต ถุล ว น ๆ มัน ก็ม ีไ มไ ด ทางจิต ลว น ๆ มัน ก็ม ีไ มไ ด ; เพราะวา กายกับ จิต มัน ตอ งมีด ว ยกัน ไปดว ยกัน คือ ตอ งรวมตัว อยู เสมอ. evolution ก็ตองมีแกสิ่งที่มันรวมกันอยูทั้งกายและจิต. ทีนี้มันจะวิวัฒนไปทาง ไหน ? พูดอยางกําปนทุบดิน หรือพูดอยางคนธรรมดาพูด ก็ตองวิวัฒนไปในทาง สูงกวาดีกวาเจริญ กวา สวนทางธรรมเขามองกันในแงที่วา ไปสูค วามสิ้น สุด หรือความดับ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org วิวัฒนาการชนิดไหนก็ตาม ในที่สุดจะเปนความสิ้นสุด หรือความดับ. สําหรับคําวา “เจริญ” นั้นเขาไมคอยใหความสําคัญอะไร มันเปนเรื่องของคนโลก หรือเปนเรื่องของกิเลส ; มันตองการความเจริญโดยไมมองวา ความเจริญนั้น มันคือความทรมานชนิดหนึ่ง. นี่แหละผลสูงสุดก็คือไปสูความสิ้นสุด ความหยุด ความดับ ไมต อ งเจริญ กัน ตอ ไปอีก . อัน นั ้น แหละเปน จุด ของสิ ่ง ที ่เ รีย กวา “นิพพาน” ทางกายก็ได ทางจิตก็ได ; รวมกันก็คือทั้งหมดมันหยุดลง วิวัฒนาการ มันก็ไปจบลงที่นั่ง.
หลักปฏิบัติ ตอ ทิศเบื้องหนา
๕๐๙
เมื่อพูดถึงสุขหรือทุกข ทางธรรมะในชั้นสูง ไมไดถือวาความเจริญนั้น เป น ความสุ ข ; เพราะมั นทรมานชนิ ด ใดชนิ ด หนึ่ ง. แต เขาไปเอาความสิ้ น สุ ด ความหยุด ไมตองเจริญนั่นแหละมาเปนความเย็น หรือเปนความสุข. ถาใจเรา ยังหวังความเจริญ ยังดิ้นรนตอความเจริญ มันยังหิวมันยังกระหาย มันยังกระวน กระวายโกลาหลอยูละก็ ไมมีความเย็น. ถาเราตองการเย็นที่นี่และเดี๋ยวนี้ เราก็ ตองหยุดหวังความเจริญ, หยุดบาความเจริญ, หยุดชนิดที่วาจะทําใหมันเกิดความ ทรมานชนิด นั้น ขึ้น มา ; แตแ ลว เราก็ยัง คงทํา หนา ที่ตา ง ๆ ไปได ตามหนา ที่ ที่จะตองทํา. เพราะฉะนั้นมันก็ไมตาย ก็มีกินมีใช ; มันก็เปนอยูไดเหมือนกัน, และนี่คือคําวานิพพานที่นี่และเดี๋ยวนี้. ถาจะเอานิพพานตอตายแลว, ตายแลวตายอีก - ตายแลวตายอีก ไมรูกี่รอยกี่พันชาตินั้นมันเปนความเพอฝนมากไป ; แตวาจะถือหลักอยางนั้น ก็ไดเหมือ นกัน เพราะมัน ตอ งทําอยางเดียวกัน , ตอ งทําหนาที่อ ยางเดียวกัน เพื่อใหมันสิ้นสุดหยุดการเวียนวาย. เพราะฉะนั้นผัวเมียอาจจะเปนคูคิดนึก ศึกษา เพื่อหยุดเรื่องบาหลัง เรื่องอะไรตาง ๆ แลวก็อยูกันอยางเย็น ๆ ก็ไดเหมือนกัน ; ชีวิตผัวเมียนี้ก็ยังเปนความเย็นขึ้นมาได. นี่อุดมคติของวิวัฒนาการควรจะเปน อยางนี้ ; ฉะนั้น ไมค วรจะถือ แตเพียงวา มีผิวเมียก็เพื่อ จะมีค วามสนุกสนาน ทางเนื้อ ทางหนัง ทางกิน ทางกาม ทางเกีย รติ นี้เ ปน อยา งมาก. โดยเหตุ ที่ค นธรรมดารูจักแตเรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรติ เรื่องคูผัวเมียก็เปน เพีย ง เทานี้ ; ก็เปนเรื่องของชาวบาน เรื่องโรงแมนติคของเด็กเสียมากกวา ; ไมใช อุดมคติทางพุทธศาสนา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้นจึงถือหลักวา ถาเปนเรื่องของพุทธศาสนา ทุกอยางตอง เดิน ไปนิพ พาน : จะเปน นิพ พานที่นี่แ ละเดี่ย วนี้ก็ไ ด, นิพ พานตอ ตายแลว
๕๑๐
ฆราวาสธรรม
กี่รอยชาติกี่พันชาติก็ได, แลวแตจะเขาใจหรือชอบ, นิพพานอีกกี่รอยพันชาตินั้น จะเปนเรื่องที่ทําใหเพอฝน ทําใหเหลวไหลไดในที่สุดเพราะมันนานเกินไป ; มันมี ทางที่จะเลิกลม หรือโลเล ; แตนิพพานที่นี่และเดี๋ยวนี้นั้นมันเปนสิ่งที่จริงจัง, แลว ปฏิบัติไดดีกวา อยูในวิสัยที่ปฏิบัติไดกวา เพราะเราหวังผล หรือมองเห็นผลอยู ทุกคราวที่ทําได. ถาเราชวยกันคิดอยางนี้ ชวยกันทําอยาง ชวยกันมีหลักในครอบครัว อยางนี้ มันเย็น ;จะเย็นชั่วคราว หรือเย็นมาก เย็นนอย มันก็แลวแตจะทําได. เพราะฉะนั้นผมจึงถูกวาบา หรือแหวกแนว หรืออะไรก็ตามแตเขาจะหา. แต ผมก็ตองเปนอยางนั้น จะเปนอยางอื่นไมได เพราะตองการจะชี้ในสวนที่เขาไม มองกัน. และที่เขาจะมีคูผัวตัวเมียเพียงเรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรติ นี่ผมวา มันยังไมพอสําหรับพุทธบริษัท ; คือตองใหไดอะไรมากที่สุดเทาที่ฆราวาสจะมาก ได จึงไดชี้ที่อุดมคติของทิศทั้ง ๖ ทิศนี้ ในลักษณะที่กลาวแลวในครั้งที่แลวมา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org การที่จะมาทะเลาะกันระหวางผมกับผูฟง นี้ก็ไมจําเปน ; เอาไปคิดไป นึกดูก็แลวกัน เมื่อชอบก็ลองเอาไปเปนหลักปฏิบัติ, ไมชอบก็ไมจําเปนจะตอง ทะเลาะกัน. เรียกวาพูดใหฟงเพื่อจะทําใหดีที่สุดอยางไร แลวจะไดประโยชน มากที่สุดอยางไร ; และวาเมื่อถือหลักอยางนี้แลว ก็มิใชวาจะตองเสียประโยชน อยางอื่นไป. แมจะถือหลักวาการมีคูผัวตัวเมียนี้สําหรับไปนิพพาน ก็ไมไดทําให เสียหลัก หรือเสียประโยชน หรือเสียอะไรอยางอื่นไป. เพราะมันยังคงตองทํา อยูต ามหนา ที่ ที่ตอ งทํา ; แตมัน ทํา ใหบ ทเรีย นเพื่อ จะไปนิพ พาน มีภ รรยา ก็เปนบทเรียนเพื่อไปนิพพาน, มีสามีก็เพื่อจะเปนบทเรียนไปนิพพาน, มีลูกก็เปน บทเรียนไปนิพพาน มีทรัพยสมบัติ ก็เพื่อเปนบทเรียนไปนพพาน ไมใหหยุดอยู ที่นี่. นี่คือความกาวหนา หรือวิวัฒนาการ และเปนความเจริญตามทางธรรม ; ไมใชความเจริญทางวัตถุ.
หลักปฏิบัติ ตอ ทิศเบื้องหนา
๕๑๑
คําสอนของพวกคริสเตียน อยางที่เคยเอามาพูดใหฟง มันก็ไปไกลถึง อยางนี้ แตคนก็ไมมองกัน ; พวกคริสเตียนเองก็ไมมองกัน คือขอที่กลาวไวใน คัมภีร โครินเธียนวา : มีภ รรยาก็จงเหมือนกับไมมีภรรยา มีทรัพยสมบัติก็จง เหมือนกับไมมีทรัพยสมบัติ. ลองคิดดูวา นี้วาอยางไร ; มันไมไดหมายความวา ใหมาบา มาหลงเรื่องทรัพยสมบัติ เรื่องผัวเรื่องเมีย ; แตมีภรรยาก็จงเหมือน กับไมมีภรรยา ก็คือไมยึดมั่นถือมั่นดวยเรื่องกิน เรื่องกาม เรื่องเกียรติ เพื่อมี จิตใจชนิดที่ไมมีความทุกข. เพราะฉะนั้นภรรยาก็เหมือนกัน จงทําใหเปนวามี สามีก็เหมือนกับไมมี ; ทุกคนมีทรัพยสมบัติ ก็ทําใหเหมือนกับไมมีทรัพยสมบัติ; มีลูกมีหลาน ก็ทําใหเหมือนกับไมมีลูกไมหลาน. นี่ ถาคนอันธพาลฟงก็ฟงไปในทางอันพาล หมายความวา เอาไป ทิ้ ง เสี ย เอาไปฆ า เสี ย ; นี้ เป น เรื่ อ งของคนโง ก็ รู แ ต เรื่ อ งทางวั ต ถุ . ที นี้ ค นมี ปญญาก็ตองมองลึกลงไปในทางจิตใจวา เราตองมีชนิดที่จิตใจไมเปนทุกข เนื่อง มาจากบุต รภรรยาสามี. อยางนี้จะไมใหถือ วา นี้เปนเรื่องที่ฆ ราวาสจะตอ งรู หรือจะตองปฏิบัติไดอยางไร. ที่แทมันเปนเรื่องที่ฆราวาสจะตองรู จะตองปฏิบัติ อยูใ นอัน ดับ สูง ; ไมเสีย ทีที่เกิด มาเปน มนุษ ย และพบพระพุท ธศาสนา มัน ไมใชม นุษ ยเฉย ๆ ไมใชคนเฉย ๆ, เปนมนุษ ยที่พ บพระพุท ธศาสนา. เพราะ พบพระพุทธศาสนานั่นแหละ จะเต็มไปดวยอุดมคติที่สูง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้นขอใหสนใจฟงในสวนนี้ ในลักษณะอยางนี้ ในทิศทาง อยางนี้กันบาง จะไดสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษยควรจะได แมในเพศฆราวาสนั้นเอง. นี่คือเหตุผลที่วาทําไมจึงใหมองทุกสิ่งที่เปนวิวัฒนาการนี้วาเปนไปเพื่อนิพพาน. แม แกชีวิตที่ครองเรือน; เปน บานเรือ นก็ตองเปน บานเรือ นที่เปน ไปเพื่อ นิพ พาน. ถาไมเชนนั้นก็เปนเรื่องไปนรก. ฉะนั้นเราจะอยูที่ตรงจุดไหน ก็ตองบากหนา
๕๑๒
ฆราวาสธรรม
บา ยหนา ไปสู น ิพ พานทั ้ง นั ้น . ฆราวาสจะอยู ใ นที ่ร กรุง รัง อยู ใ นจุด ที ่ไ กลหนอ ย ก็จ ะตอ งดิ ้น รนออกมาสู ที ่โ ลง ที ่เ ตีย น ; แลว ก็ใ กลเ ขา ไปเหมือ นกัน . ใหม อง ความเป นคฤหั สถ โดยหลั กที่ กวางที่ สุ ด หรือสู งที่ สุ ดอย างนี้ ไว แล วทุ กอย างมั นก็ จะ เปนไปเพื่อผลอยางนั้น. ถ าเรามองเพี ย งเพื่ อ กั น เพื่ อ กาม เพื่ อ เกี ย รติ ล ะก็ มั น ก็ ต กนรก หรื อ ไปสู ค วามเปน สัต วเ ดรัจ ฉาน ; สัต วเ ดรัจ ฉานมัน ก็ก ิน มัน ก็ก าม มัน ก็เ กีย รติ. ไก ตั วผู มั น ยกหู ชู ห าง นั่ น แหละมั น แสดงความมี เกี ยรติ หลงเกี ย รติ อะไรของมั น . เพราะฉะนั้ น เพี ย งเรื่ อ งกิ น เรื่ อ งกาม เรื่ อ งเกี ย รติ นี้ มั น ยั ง ไม พ อสํ า หรั บ จะเป น มนุษ ย ที ่พ บพระพุท ธศาสนา. มัน ตอ งไมม ีป ญ หาอยา งอื ่น ที ่เ ปน ความทุก ข เขา มาดว ย ; แลว เรื ่อ งกิน เรื ่อ งกาม เรื ่อ เกีย รตินี ้ ก็เ ปน เรื ่อ งใตฝ า เทา แต เดี ๋ย วนี ้ค นยกเอาเรื ่อ งกิน เรื ่อ งกาม เรื ่อ งเกีย รติม าทูน ไวบ นหัว มาเทิด ไว บนศีร ษ ะ ; มัน ออกจะไขวก ัน อยู อ ยา งนี ้. ถา ใครเอาเรื ่อ งกิน เรื ่อ งกาม เรื ่อ งเกีย รติ มาทูน ไวบ นศีร ษะ มัน ก็ต อ งอยู ต่ํ า อยา งนั ้น . ถา เอาเรื ่อ งเหลา นี้ ไวใตฝาเทา มันก็คืออยูสูง
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราลองมองดู ซิ ที่ อยู กันทั่ ว ๆ ไปนี้ ใครอยู ต่ําหรืออยู สู ง, รวมทั้ งพ อแม ปู ย า ตายายของเราดว ย อยู ต่ํ า หรือ อยู ส ูง ก็ค วรจะมองดู. ทีนี ้เราที ่เพิ ่ง กํ า ลัง เปน หนอ ออ น งอกออกมาใหมนี ้ มัน จะงอกไปทางไหน, ไปทางที ่อ ยู ต่ํ า หรือ อยู สู ง. ถ าต องการว าจะให มั นอยู สู ง สมกั บ คํ าวามนุ ษ ย แปลว าใจสู ง, ให สมกั บ คําวาพบพระพุ ทธศาสนา ดวยแลว มั นก็ตองคิดมากหนอย ; อยาขี้เกียจหรืออยารู สึ ก ว า มั น เหน็ ด เหนื่ อ ย แล ว ก็ ไม อ ยากจะคิ ด . นี่ คื อ ข อ ที่ ข อให คิ ด ให ไกล ให ก ว า ง ใหสูงเขาไว จะเปนชอทางใหไดรับประโยชนมากที่สุด.
หลักปฏิบัติ ตอ ทิศเบื้องหนา
๕๑๓
คิห ิป ฏิบ ัต ิเ ปน เรื ่อ งของฆราวาส แลว ก็ถ ูก เหมาใหเ ปน เรื ่อ งต่ํ า ๆ. แม พ ระพุ ท ธเจ า จะได ต รั ส สู ต ร ๆ นี้ แสดงในเรื่ อ งของชาวบ า นธรรมดาสามั ญ แสดงคิห ิป ฏิบ ัต ิ และผลของปฏิบ ัต ิต ามธรรมดาสามัญ ; ก็ม ิไ ดห มายความวา มัน จะจํา กัด อยูเ พีย งแคนั้น . ขอใหถือ วา พระพุท ธเจา ตรัส อะไร สอนอะไร ก็ตองเปนไปเพื่อความหลุดพนจากความทุกขเพื่อวิมุตติทั้งนั้น ; แมพรหมจรรย ของฆราวาสก็ ต อ งเป น ไปเพื่ อ วิ มุ ต ติ , ให ห ลุ ด พ น จากกองทุ ก ข . ถ า ขึ้ น ชื่ อ ว า พรหมจรรยแลวก็ตองเปนไปเพื่อวิมุตติทั้งนั้น. การปฏิ บั ติ ที่ ฆ ราวาสจะต อ งปฏิ บั ติ ให ดี ที่ สุ ดก็ เรี ยกว า “พรหมจรรย ของ ฆราวาส” มั น ก็ ต อ งไปให ดี ที่ สุ ด ให ถึ ง วิ มุ ต ติ ใ นความหมายใดความหมายหนึ่ ง ; แต ว า ความหมายรวมก็ คื อ หลุ ด พ น จากกองทุ ก ข อยู เหนื อ ทุ ก ข . นี่ ก็ ต อ งไม ลื ม เหมื อ นที่ พู ด ซ้ํ า พู ด ซาก จนอาจจะรํ า คาญ นี้ ก็ ไ ด ที่ ว า พระโสดาบั น พระสกิท าคามี พระอนาคามี นี ้ใ นบา นเรือ นก็ม ี ไมใ ชม ีแ ตใ นปา หรือ ในวัด ; ดู ต ามบั น ทึ ก ที่ เขากล า วไว ล ว งมาแล ว . การที่ เป น พระโสดาบั น พระสกิ ท าคามี โดยเฉพาะนี ้ย ัง เกี ่ย วกับ สิ ่ง ที ่เ รีย กวา กิน กาม เกีย รติ เหมือ นอยา งชาวบา น ; แต อยู ในลั กษณะที่ ผิ ด กั น คื อว าสู งกว า. เพราะฉะนั้ นการมี บุ ต รภรรยา - สามี ของ พระโสดาบั น พระสกิ ท าคามี ที่ เป น ฆราวาสก็ ต อ งต า งจากฆราวาสบุ ถุ ช นที่ ห นา ไปด ว ยกิ เ ลส. พระอนาคามี ก็ อ ยู ใ นบ า นเรื อ นได ในลั ก ษณะที่ ไ ม มี ค วามทุ ก ข . หมายความวาเอาชนะสิ่งเหลานี้ได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org แล ว เราก็ ม องดู ใ ห ก ว า ง มองให ก ว า งให เ พี ย งพอ ที่ จ ะครอบคลุ ม ความหมายเหล านี้ ไว ได ทั้ งหมด ว าพระอริ ย เจ าก็ มี อ ยู ในบ านในเรื อ น แล วจะเรี ย ก ทา นวา คฤหัส ถห รือ ไม. ความหมายของคํ า วา “คฤหัส ถ” หรือ “คิห ิ” นี ้ม ัน กิ น ความกว า งอี ก เหมื อ นกั น ; ยั ง ต อ งอาศั ย บ า นเรื อ นอยู หรื อ ยั ง เนื่ อ งกั น อยู กั บ
๕๑๔
ฆราวาสธรรม
บา นเรือ นก็ไ ด ; ก็เ รีย กวา เปน คฤหัส ถ หรือ ฆ ราวาสได. แมภ ายนอกยัง เนื่ องกับ เรือน แต ภ ายในมั น ก็ ยังต างกัน ได คื อ จิตใจมั น ต างกั น ได . พระโสดาบั น , พระสกิ ท าคามี , พระอนาคามี แม เป น ฆราวาสครองเรื อ น ก็ ต อ งมี จิ ต ใจสู ง กว า ชาวบา นธรรมดา. เพราะฉะนั ้น เราเพง เล็ง ระดับ ที ่ส ูง ไวอ ยา งนี ้ ก็ไ มใ ชเปน คน อวดดี หรือไม เป นคนที่ น าตํ าหนิ ว าใฝ อะไรเกิ นหน าเกิ นตั ว อย าเข าใจไปอย างนั้ น. เป น ฆราวาสก็ ต อ งมี ห ลั ก ว า ให ไ ด สิ่ ง ที่ ดี ที่ สุ ด ที่ ม นุ ษ ย ค วรจะได ไ ว เสมอ. แม จ ะ หวังพระนิพพานก็ไมเขาในบทวา ใฝสูงเกินศักดิ์ หรือใฝอะไรซึ่งเปนคําดา. นี่ เราจึ งต อ งพิ จ ารณาเรื่ อ งคิ หิ ป ฏิ บั ติ กั น ในลั ก ษณะอย างนี้ . ถ าจะพู ด กั น แต เพี ยงเท าที่ มี อยู ในนวโกวาท ผมก็ ไม ต อ งพู ด ; เพราะว าคุ ณ ก็ ไปอ านเอาได . นวโกวาทก็ มี อ ยู ด ว ยกั น ทุ ก คน แล ว ก็ เป ด อ า นเอาได ว า สอนให ป ฏิ บั ติ ต อ บิ ด า ม ารด า บุต รภ รรย า ส ามีอ ะ ไรอ ยา งไรต าม ทิศ เห ลา นั ้น . แ ตนี ่ม ัน ยัง มี ความหมายลึ ก ที่ ซอนอยูตามระหวางบรรทั ด ที่ มั นไม มี ตั วหนั งสื อปรากฏ ; ก็ ต อง ดูใหดีดวยเหมือนกัน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เมื่ อ ดู กั น ละเอี ย ดลึ ก ซึ้ ง มากไปอย า งนี้ มั น ก็ เป น ไปในรู ป ของปรั ช ญา โดยไม มี ท างหลี ก . แต ว า เราไม ใ ช ป รั ช ญาเพ อ เจ อ ; ปรั ช ญาเท า ที่ จํ า เป น แก ก าร ปฏิ บั ติ ในทางศาสนา อย า งนี้ ไม ใช ป รัช ญาเพ อ เจ อ ปรัช ญาที่ เขาถกเถี ย งกั น ไม มี ที่ สิ้ น สุ ด เตลิ ดเป ดเป งไกลออกไปจากจุ ดหมาย หรือว า ไกลออกไปจาการปฏิ บั ติ ไปสู จุดหมายมากขึ้นทุ กกที ; อยางนี้ เรียกวาปรัชญาเพ อเจอ. เดี๋ ยวนี้ คํ าวาปรัชญา มั น มี แ ต ที่ อ ยู ใ นลั ก ษณะเพ อ เจ อ . คํ า ว า ปรั ช ญานั้ น ทํ า ความยุ ง ยากมาก เพราะ เขาใชคํามันผิดจากตัวหนังสือ ที่มีใชกันอยูในสมัยโบราณ.
ถาปรัชญาจริงตามตั วหนั งสื อ มั นก็ แปลวา ป ญญารู สิ่งที่ ควรจะรู แล ว เรื่อ งมัน ก็ยุ ง . เดี ๋ย วนี ้ป รัช ญามัน กลายเปน ปญ ญาสํ า หรับ รูไ มม ีข อบเขต และ
หลักปฏิบัติ ตอ ทิศเบื้องหนา
๕๑๕
รู เ พื ่อ ยกหูช ูห าง ไมม ีที ่สิ ้น สุด มัน ก็เ ลยยุ ง ; คิด ถึง อยา งคนบา ไมม ีจ ุด จบ. แต ค วามหมายของคํ าว าป ญ ญา หรื อ ปรั ช ญานี้ มั น ต อ งจํ ากั ด เฉพาะ กระทั ด รั ด ตรงไปยั งจุ ดที่ จะต องปฏิ บั ติ เพื่ อดั บทุ กข ที่ นี่ และเดี๋ ยวนี้ . แต ความหมายส วนใหญ มั น ก็ ยั ง มี อ ยู ในข อ ที่ ว า มองดู กั น อย า งคนมี ป ญ ญา. เพราะฉะนั้ น เรามองดู ชี วิ ต ฆราวาสอย างคนมี ป ญ ญา มั นก็ ต องมองอย างในรูปปรัชญา ; คื ออุ ดมคติ ที่ มั นสู ง สุ ด สุ ด เลย คื อ มุ ง ไปนิ พ พาน. การที่ จ ะพู ด ว า มี ผั ว มี เมี ย เพื่ อ เป น คู หู เดิ น ทางไป นิ พ พานนี้ มั น กลายเป น ปรั ช ญาชนิ ด หนึ่ ง ไปก็ ได ; แต เป น ปรั ช ญาที่ นํ า ไปสู ก าร ปฏิบ ัต ิที ่จํ า เปน ; แลว ก็ม ารวมอยู ที ่ก ารปฏิบ ัต ิ เปน เรื่อ งของทางศาสนาไปเลย ไมเปนปรัชญา แตหัดมองอยางนักปรัชญา. ยกตั ว อย า งคํ า สั ก คํ า หนึ่ ง ที่ สํ า คั ญ มาก คื อ คํ า ว า “สรณ” หรื อ ที่ พึ่ ง , สรณะที ่พ ึง นี ้จํ า เปน และตอ งการกัน ทุก คน. ทีนี ้เ รื่อ งทิศ ๖ นี ้ม ัน เปน เรื ่อ งที ่พึ ่ง เป น เรื่อ งทํ าที่ พึ่ ง ; ถ าไม อ ย างนั้ น จะต อ งไปไหวกั น ทํ า ไม. ไหวทิ ศ ทั้ ง ๖ แสดงว า ไปไหว ไปนอบน อ ม. ไปไหว ไปนอบน อ มทํ า ไม ? มั น ก็ เพื่ อ เป น ที่ พึ่ ง . สิ ง คาลมานพโง ๆ ก อนพบพระพุ ทธเจ านั้ น ก็ ไหวทิ ศทางต าง ๆ ตามที่ บรรพบุ รุษสอนมา ก็เ พื ่อ เปน ที ่พึ ่ง เพื ่อ ความรอดของตัว . ตอ เมื ่อ พบพระพุท ธเจา ทา นสอนวา ให ไหว เสี ย ใหม อ ย า งนี้ คื อ ไหว ทิ ศ ๖ นั้ น ก็ เพื่ อ ที่ พึ่ ง มั น ก็ ก ลายเป น การเลื่ อ นชั้ น ของที่พึ่ง ใหสูงขึ้นไป.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั ้น ทิศ ทั ้ง ๖ นี ้ก ็ห มายถึง สิ ่ง ที ่อ าจจะเปน ที ่พึ ่ง ใน เมื่อ เราประพฤติตอ มัน อยา งถูก ตอ ง. ที่เรีย กวา “ไหว” นั้น ไมใ ชพ นมมือ ไหว เฉย ๆ ; เราตอ งประพฤติต อ ทิศ อยา งถูก ตอ งดว ย. แลว ทํ า ไมจึง เรีย กวา ไหว ? ก็เพราะวาใหความสนใจเต็มที่ เอาใจใส รับรู สนใจ เสียสละเพื่อจะรับรูอยางเต็มที่, นั ่น คือ การเคารพ. การคารพครูบ าอาจารยก ็เหมือ นกัน ไมใ ชเ พีย งแตไ หวด ว ย
๕๑๖
ฆราวาสธรรม
กิริยาทาทาง ดวยรางกาย ตองใหความเอาใจใสทุกอยางถึงที่สุด จึงจะเรียกวา เคารพ. คํ าวา “เคารพ” นี้ ค วามหมายทางอุ ด มคิ ต ทางลึ ก ๆ นั้ น หมายถึ ง ใหค วามสนใจสูง สุด ,ใหค วามสนใจทั้ง หมดลงไปในสิ่ง นั้น , ก็เรีย กวา เคารพ. แตทางรางกาย ทางวัตถุนี้ ก็คือยกมือไหวบาง โคงบาง กราบบาง อะไรก็ได ; ก็ไปดูเอาเองวา ทางไหนมันจะชวยได. การไหวทิศก็เหมือนกัน จะพนมมือไหว หัน รอบตัว ไหว ขา งบนขา งลา ง อยา งแบบโบราณนั ้น มัน ก็แ บบหนึ ่ง , ทีนี ้ไหว ทิศดวยการใหความสนใจ ดวยความเคารพ ในความหมายของทิศ ที่ดีกวานั้น ทิ ศ ตะวั น ออก คื อ ที่ นั่ น , ทิ ศ ตะวั น ตก คื อ ที่ นี่ , มั น ก็ ก ลายเป น เรื่อ งอย า งที่ พู ด คือกลายเปนเรื่องทําที่พึ่ง เทานั้นเอง. ทิศเบื้องหนา - บิดามารดาเปนที่พึ่งสูงสุดอยางหนึ่ง ถาเราทําถูกตอง ; เพราะวาเราคลอดออกมาวันนี้ เรายังทําอะไรไมได บิดามารดาเปนที่พึ่งทุกอยาง จนรอดเนื้ อ รอดตั ว เป น เด็ ก เป น หนุ ม เป น สาวขึ้ น มา ; นี้ ก็ คื อ เป น ที่ พึ่ ง ให ก าร ศึกษา ใหการคุมครอง ดูแลตักเตือน จนกลายเปนทิศเบื้องหนาไป.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทิศเบื้องหลัง – บุตรภรรยา ก็อยามองเขาในลักษณะที่ดูหมิ่น ; เพราะ เป น ที่ พึ งชนิ ด หนึ่ งเหมื อ นกั น . มั น เป น ที่ พึ่ งขางหลั ง คื อ มี ห น าที่ ที่ จ ะต อ งดุ น อยู ขา งหลัง , ดุน อยู ข า งหลัง เพื ่อ ใหก า วไปขา งหนา . ผมอยากพูด ทั ้ง ๆ ที ่ผ ม ไมเคยมีภ รรยา ; พวกคุณ บางคนที ่ม ีภ รรยา คุณ ก็อ าศัย ภรรยาเปน กํา ลัง ใจ. คุ ณ จะไปทํ าอะไร ๆ เพื่ อ ภรรยามากกวา คนอื่ น กระมั ง. ภรรยาเป น กํ าลั งให คุ ณ ทํ า งาน อย า งนี้ ก็ ต อ งเรี ย กว า เขาเป น ที่ พึ่ ง ดุ น อยู ท างหลั ง , เป น ที่ พึ่ ง ในทาง กําลังใจ. เพราะฉะนั้นคนที่จะออกไปเปนฆราวาส มีภรรยาในอนาคตก็ตองระวัง ใหดี ; มันจะไมพนการที่จะตองอาศัยกําลังใจจากภรรยาอยูเหมือนกัน.
หลักปฏิบัติ ตอ ทิศเบื้องหนา
๕๑๗
ทิศเบื้องขวา - ครูบาอาจารย จะเปนที่พึ่งอยางไร นี้เกือบจะไมตอง อธิบายกันแลว ; แต มั นเป นที่ พึ่ งในทางวิญ ญาณ. บิ ด ามารดาเป นที่ พึ่ งทางกาย ทางชีวิต , ครูบ าอาจารย ก็ เป น ที่ พึ่ งทางวิญ ญาณ ทางสติ ป ญ ญา. แม วาจะเป น ปญญาทางโลก ๆ ก็ตาม มันก็ยังเปนเรื่องสติปญญา เปนเรืองวิญญาณชั้นโลก ๆ. ทิศ เบื ้อ งซา ย - มิต รสหาย ก็เ ปน ที ่พึ ่ง ทางสัง คม, เราก็มีญ าติ มี มิ ต รก็ เพื่ อ การสั ง คมเพื่ อ การอยู ในสั ง คม เพื่ อ ชั ย ชนะทางสั ง คม. ญาติ ก็ ต าม มิต รก็ต าม เปน ที ่พึ ่ง ทางสัง คม หรือ ฝา ยสัง คม. ธุร ะการงานอะไรเกิด ขึ ้น เรามีมิตรมีเพื่อน มันก็เสร็จไดในพริบตาเดียว. ทิ ศ เบื้ อ งบน - คือ สมพราหมณ ยิ่งเป น ที่พึ่ งทางวิญ ญาณในระดั บ สูงสุด. ทิ ศ เบื้ อ งต่ํ า - อยู ใต ฝ า เท า คื อ บ าวไพร ก็ เป น ที่ พึ่ ง ; เป น ที่ พึ่ งใน ทางการใหแ รงงาน. มีแ ตห ัว สมอง ไมม ีแ รงงานจะทํ า อะไรไดอ ยา งไร. ลัท ธิ ยุ ง ยากในโลกเวลานี้ ก็ เกี่ ย วด ว ยเรื่อ งแรงงานนี้ แ หละ. เกิ ด ลั ท ธิ น ายทุ น ที่ ต อ งมี แรงงาน ; แรงงานคือ พวกกรรมกร เขาก็ไ มย อมใหน ายทุน เอาเปรีย บ ; วิ ก ฤตกาลของโลกเกิ ด มาจากสิ ่ ง เหล า นี ้ เพราะนายทุ น ไม น ั บ ถื อ กรรมกร วา เปน ที ่พึ ่ง ชนิด หนึ ่ง . ถา นายทุน นับ ถือ พุท ธศาสนา ก็จ ะใหค วามเคารพและ สนใจแก ก รรมกร จนไม เกิ ด เรื่อ ง อย างที่ เกิ ด อยู เดี๋ ย วนี้ . นี้ คื อ การทํ า ผิ ด ในเรื่อ ง ทิศเบื้องต่ํา ทําใหโลกระล่ําระสายทั้งโลก นี่ไมใชเรื่องเล็กนอย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้ น ขอให เอาคํ าวา ที่ พึ่ ง หรือ สรณะนี้ ไปพิ จารณาดู ให ดี ไปใชใ หถ ูก ตอ ง ใหม ีป ระโยชน แลว ปญ หาจะหมด. ทุก สิ ่ง มัน เปน ที ่พึ ่ง ได ในความหมายใดความหมายหนึ่ งรอบตั วเรา ; เชนวาเรามีห ลังคา หลังคาก็เป น
๕๑๘
ฆราวาสธรรม
ที่พึ่ งกัน ฝน. เราไม มี ห ลั งคา เราก็มี ตน ไม ใบไม มั น ก็เป น ที่ พึ่ งกั น ฝนไดต ามเรื่อ ง ตามราวของมั น. คนฉลาดเขาจึ งรูวาทุ กอย างมั นต องเกื้อกูลแกกั นและกั น เป นที่ พึ ่ง แกก ัน และกัน มิเ ชน นั ้น โลกนี ้ม ัน อยู ไ มไ ด. ถา โลกนี ้ม ีม ด ไมม ีแ มลง โลกนี้ ก็ จ ะเป น อยู อ ย างนี้ ไม ได ; เพราะวาปลวกมั น ช วยทํ า ให ใบไม ที่ ห ล น ลงมา นั้ นหมดไป ; แบคที เรียช วยทํ าให สิ่ งเหล านั้ นหมดไป ไม ให เกะกะกี ดขวางอยู ได ; ปลวกหรือแบคทีเรียมันก็เปนที่พึ่งของสัตวในโลกดวยเหมือนกัน มันทําหนาที่ของ มั น อย า งหนึ่ ง ให เ ราอยู กั น ในโลกได . เมื่ อ สิ่ ง ชนิ ด นี้ มั น ก็ ยั ง เป น ที่ พึ่ ง หรื อ มี ประโยชนแลว ก็ไมตองพูดกันแลวถึงสิ่งอื่นที่ดีกวานี้. เพราะฉะนั้ นเราจะต องหมดความโงในลั กษณะนี้ หมดการยกหู ชู หาง วา กูอ ยู ใ นโลกคนเดีย วได ; มีค วามเขา ใจที ่แ นน แฟน ลงไปวา เราอยู ใ นโลก คนเดีย วไมไ ด ตอ งรว มมือ กัน ทุก ทิศ ทุก ทาง; แลว ใหถ ือ วา ที ่ม ัน ใกลช ิด ตัว เรา มากที่ สุ ด นั้ น ก็ คื อ ทิ ศ ทั้ ง ๖ นี้ เป น สํ า คั ญ ก อ น ; นอกนั้ น มั น ก็ อ ยู ทิ ศ ใดทิ ศ หนึ่ ง สงเคราะหอ ยูไดใ นทิศ ทั ้ง หกนี้เหมือ นกัน . สิ่ง ใดอยูต่ํา กวา เรา เลวกวา เรา มัน ก็อ ยู ท ิศ ขา งลา ง ; สิ ่ง ใดเกง กวา เรา เหนือ วา เรา ก็อ ยู ท ิศ ขา งบน ; นอกนั ้น มัน ก็อ ยูโ ดยรอบ. เพราะฉะนั้น เราทํา ตัว เปน ผูอ ยูใ นสิ่ง แวดลอ มที่ชว ย เหลือเรา ไปทุกทิศทุกทาง จะไมดีอยางไร,
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ความรูเรื่อ งทิศ นี ้ม ีค วามมุ ง หมายอยา งนี ้ : ใหเราอยู ใ นจุด ๆ หนึ ่ง ซึ ่ง มีสิ ่ง แวดลอ มชว ยเหลือ เราทุก ทิศ ทุก ทาง ; ขอใหป ระพฤติป ฏิบ ัต ิต อ ทิศ ทั ้ง หลายเหลา นี ้ ใหไ ดผ ลอยา งนี ้. นี ่พ ูด ถึง คํ า วา “ที ่พึ ่ง ” หรือ สรณะ เพีย ง คําเดียวก็มองเห็ นไดวา ทุกอยางถาเราเขาไปเกี่ยวของอยางถูกตองแลว ยอมเป น สรณะ เป นที่ พึ่ งได ตามมาก ตามน อย ตามสั ด ตามส วน ตามชนิ ดหรือลั กษณะ ของสิ่งนั้น. เราตองปฏิบัติตอทิศทั้งปวงอยางนี้ ดวยความมุงหมายอยางนี้.
หลักปฏิบัติ ตอ ทิศเบื้องหนา
๕๑๙
ทีนี้จะพูดถึงแตละทิศกันเปนรายทิศกันใหม ในระดับที่พอสมควร ; จะไมพูดถึงอุดมคติสูงสุดคือนิพพาน เพราะวา เปนที่เขาใจกันแลว ; แลวก็ปฏิบัติ ที่สมควร ที่ถูกตอง ที่พอดี นี้จะทําไปสูนิพพานดวยเหมือนกัน. บิดามารดาเปนทิศเบื้องหนา ; ขอใหรูจักบิดามารดา ในฐานะที่วา เปนอะไรแกบุตร.อุดมคติที่สูงเกินไปก็คือวา ที่คลอดบุตรมา เพื่อใหบุตรเดินทาง ไปนิพ พาน ; นี ้ก ็ส ูง หรือ วา ยัง ไมต อ งปฏิบ ัต ิอ ะไรก็ไ ด. แตที ่ข อใหป ฏิบ ัติ ก็คือ อยางที่วามาแลววา ใหบิดามารดาเปนผูใหชีวิต. บิดามารดาเปนผูใหชีวิต ถาไมไดให เราก็ไมมีชีวิต เราก็ไมไดเกิดขึ้น มาในโลก.เพราะฉะนั้ น เราควรจะมอบกายถวายชีวิต นี้ ให แ ก บิ ด ามารดา โดย เห็น วา เปน ผู ใ หช ีว ิต .ฉะนั ้น อยา มีเ รื ่อ งที ่ทํ า ใหบ ิด ามารดาเปน ทุก ข ; ควร บูชาความปรารถนาของบิดามารดาเปนสิ่งสูงสุด. ถาตกลงกันไมได เราก็ตอง ยอมเสียสละใหบิดามารดาเปนฝายชนะ. เด็ก ๆ ก็คงจะคานวา ถามัวเอาแตขา ง ปฏิบัติตามบิดามารดา เราก็ไมมีโอกาสจะไปเมืองนอก. ไปเรียนเมืองนอก ไปได ดิบไดดีอะไรมา. นั้นมันเปนความคิดอยางเด็ก มันก็ไมมีอุดมคติอยางที่เราพูด. แตทางที่จะออมชอมกันไดก็คือ ตอรองกันได ; เพราะบิดามารดาก็ตองการที่จะ ใหลูกดีที่สุดอยูแลว ไมจํากัดเหมือนกัน ; อุตสาหจํานําจํานองที่ดิน ทั้งที่ยากจน ใหลูกไปเรียนที่กรุงเทพ ฯ อยางนี้เปนตน ลองคิดดูซิวา บิดามารดาหวังอยางไร เวนไวแตเรื่องมันไมลงกันไดจริง ๆ มันจึงจะเกิดขัดขวางกันขึ้นมา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาสมมุติวา เกิดขัดขวางกันขึ้นมา เราก็ควรจะมอบกายถวายชีวิต ให บ ิ ด ามารดา, ให เ ป น พระพรหม หรื อ เป น พระอรหั น ต ใ นบ า นเรื อ น ; ใหส มกับ ที ่ว า ชีว ิต นี ้ไ ดม าจากบิด ามารดา. ชีว ิต ิข องเราทั ้ง ชาติไ มไ ดไ ป สนุก สนานเอร็ด อรอ ยที่เมือ งนอก, แตจ ะรับ ใชบิด ามารดา ทํา ไรไ ถนาอยูที่นี่
๕๒๐
ฆราวาสธรรม
เราก็ต อ งทํ า ได. ผมยัง เลือ กขา งฝา ยนี ้, ขา งฝา ยที ่ว า บูช าความปรารถนาของ บิดามารดา. ขอยกตั ว อย า งตั ว ผมเอง อย า เห็ น เป น เรื่ อ งส ว นตั ว . ถ า ผมไม บู ช า ความปรารถนาของมารดาแล ว ผมไม ได บ วช, แล วไม ได ม าพบคุ ณ ที่ นี่ ในสภาพ อยา งนี ้ ; เพราะวา ผมไมอ ยากบวช. เมื ่อ เปน หนุ ม ไมอ ยากบวช, ไมเ ห็น วา มี ค วามสํ า คั ญ อะไร, ไม มี ค วามรู ว า เรื่ อ งบวชนี้ มั น จะช ว ยอะไรได . แต เพราะ มารดาตองการใหบวช จึงตองบวช อยางนี้เปนตน. เพราะฉะนั้ นการที่ บู ชาความปรารถนาของบิ ดามารดาคงจะไม ใช ความ บาป หรือ เลวรา ย, ไมม ีโ อกาสที ่จ ะเปน เรื่อ งบาป หรือ เลวรา ย ; มีแ ตจ ะ ใหไดดีไดงามตามทางธรรม. เพราะวาอยางนอยที่สุดเราก็เปนผูบูชาบิดามารดา ; เราไมไ ดไ ปเมือ งนอก ไมไ ดด ีไ ดเดน อะไร แตเราก็ย ัง ไดชื ่อ วา บูช าบิด ามารดา ซึ่ งเป น ของที่ ทํ า ยากและสู งสุ ด . เพราะฉะนั้ น ขอให รูจั ก บิ ด ามารดาในฐานะที่ ว า เปน พรหมในบา นเรือ น, เปน พระอรหัน ตใ นบา นเรือ น, เปน ผู ใ หช ีว ิต หรือ เป น ผู ที่ ธ รรมชาติ ส รา งมา ให ค ลอดบุ ต รออกมาสํ าหรับ จะให เดิ น ทางไปนิ พ พาน ใหไปในทางสูงเรื่อย. หวังวาสึกออกไปคราวนี้คงจะรักพอแมมากกวากอน, เคารพ พอ แมม ากกวา กอ น, บูช าความปรารถนาของพอ แมม ากกวา กอ นบวช ; จึง จะ ไดผลของการบวช หรือรูจักไหวทิศทางอันนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ในนวโกวาทก็ม ีวา บิด ามารดาเปน ทิศ เบื ้อ งหนา ; เราตอ งรูส ึก วา มีหนาที่ ที่วา - ทานเลี้ยงเรามาแลว เลี้ยงทานตอบ, - ทํากิจของทาน, - ดํารงวงค ตระกูล ของทา น, - ประพฤติต นใหส มควรรับ ทรัพ ยม รดก, - เมื ่อ ทา นลว งลับ ไปแลว ทํ า บุญ อุท ิศ ใหท า น. นี ่เ ขาวางหนา ที ่ข องบุต รเล็ก ๆ อยา งเด็ก สิง คาล
หลักปฏิบัติ ตอ ทิศเบื้องหนา
๕๒๑
มานพนั้น จะตองรูสึก อยางนี้ ; มันก็ถูกตอ งแลวสําหรับเด็ก ๆ. มีหลัก ทั่วไป ที่จะอยูในโลกเทานี้มันก็พอ. - เลี้ ย งมาแล ว เลี้ ย งท านตอบ, ความหมายนี้ ดู ให ดี น ะ มั น ไม ใช เพียงแตใหขาวใหน้ํา, ไมเพียงแตแบงเงินเดือนใหมันเลี้ยงจิตใจของทานดวย. - ชวยกํากิจของทานนี้ มันตองรูวาทานประสงคอะไร ถาบิดามารดา ของเรามีใจสูงตองการอะไร ? นั่นแหละคือกิจ ที่เราจะตองทํา. คําวา “กิจ” ไมไดหมายความแตเพียง หนาที่การงาน ; บางทีแปลวา รส ก็มี. ความหมาย ของคํา วา กิจ นี้แ ปลวา รสที่ตอ งการก็มี. เพราะฉะนั้น บิด ามารดาประสงค อะไร ก็ตองเอาสิ่งนั้นเปนของเด็ดขาด เปนคําประกาสิต อุทธรณไมได ; แตวา ตอรองกันได ; เพราะวามีสติปญญาที่จะพูดจากัน ซึ่งทานก็ไมมีอะไรที่จะขัดขวาง ความประสงคของเรา. เราก็ไมมีอะไรที่จะขัดขวางความประสงคของทาน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org - ประพฤติตนเปนคนสมควรรับทรัพยมรดก ; นี่ความหมายมันกวาง มัน ตอ งเปน คนดี. ไปเขา ใจเอาเองก็แ ลวกัน วา “ดี” หมายความวา อยางไร. ทรัพยมรดกนี้ตองถือวาเปนของศักดิ์สิทธ; เพราะมันเกิดมาจากเหงื่อไคลของ บิดามารดา. ถาเอามากินเหลา มาเที่ยวผูหญิงละก็มันตกนรกชั้นมหาโลกันตอเวจี. เหมือ นกับ เด็ก ๆ ที่ห ลอกลวงบิด ามารดาไปเลา เรีย นที่ก รุง เทพ ฯ เอาเงิน ไปถลุง หมด ; อยา งนี ้ม ัน ตกนรกเอวจี หรือ โลกัน ตม หานรกอะไรก็ต าม ; เพราะวานั่นมันมาจากเหงื่อไคลของบิดามารดา ที่ตนเอาไปใช ; อยางนี้ ไมควร แกการรับมรดก.
๕๒๒
ฆราวาสธรรม
- ขอสุดทายวา ทําบุญอุทิศใหทานเมื่อตายแลว ; นี้ตามธรรมเนียม ตามประเพณีของคนที่มีความเชื่อเรื่องตายแลวเกิด. ก็หมายถึงวาทําดวยน้ําใจ ทั้งหมดที่เราจะรักใครบูชานับถืออยางไร แมแตตายแลว. มีภาพเขียนเล็ก ๆ ที่ เสาในโรงมหรสพทางวิญ ญาณเรื่อ งเด็ก คนหนึ่ง เขา ไปกอดเสาที่ห ลุม ฝงศพ ของมารดาทุกคราวที่ฟาลั่นฟารอง นั่นตอ งทําอยางนั้น ; แมตายไปแลวก็ยัง ตองทําเหมือนกับยังอยู ดวยความกตัญู ไมมีเวลาจํากัด.เพราะฉะนั้นประเพณี ที่ทําบุญอุทิศสวนกุศลใหบิดามารดากันเรื่อยนี้ดี เชน ทําบุญตายายของไทย, เช็งเหม็งของจีน, มันอยูในขอนี้. ทําทั้งทางกาย ทําทั้งทางวัตถุ ทําทั้งทางจิตใจ ทําหมดทุกอยางที่จะทําได นี่มันจึงจะสมกับที่วาบิดามารดาเปนอะไร. แลวก็อยาลืมวา ภาษาบาลีใชคําวา “มารดาบิดา” , ภาษาบาลี หรือ ภาษาสันสกฤตวา มาตาปตุ ; ภาษาอินเดียใชคําวา มารดาบิดา เอามารดา มากอนบิดา, จะโดยความหมายอะไรไปคิดเอาเองก็แลวกัน. แตผมสมัครจะถือวา ทานใหนึกถึงมารดากอนเพราะวามารดารองใหงายกวาบิดา ; วากันตามเหตุผล ของเด็ก ๆ ก็ได. หรือใหมองกันไปในแงที่วา มารดาเหน็ดเหนื่อยกวา เจ็บปวด มากกวา ทนทรมานมากกวา ในการที่คลอดลูกออกมา หรือใหมีลูกออกมานี้ ; จึง ตอ งนึก ถึง กอ น. หรือ จะนึก กัน ไปในแงไ หนก็ต าม ใหทั้ง มารดาบิด าเปน ปูช นีย บุค คลก็แลวกัน . ในที่นี้พูด กัน อยางเปน ทิศ ที่ตอ งไหว ; มารดาโผลม า กอนบิดา ตามภาษาที่ใชอยูกอน ในประเทศอินเดีย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ผมอยากจะพูดเพื่อใหชวยสนับสนุนขอความในพระบาลีนั้น เรียกวา เราจะตองถือวาบิดามารดาเปนผูใชชีวิต ผูใหตัวตนมา. เพราะฉะนั้นคาของเรา มันก็อยูแคการใหของบิดามารดาอยาไปถือหลักอยางที่อันธพาลถือ ที่พูดกันวา “ทานใหชีวิตเรา มิใชใหอยางใหทาน กฎธรรมดาทาน มิใชของนาอัศจรรย”.
หลักปฏิบัติ ตอ ทิศเบื้องหนา
๕๒๓
เพราะบิดามารดาอาศัยความสนุกสวนตัวทานทําใหเราเกิดมา นี้พวกอันธพาลเขา ถือ อยา งนี้. ทีนี้เราจะไมถ ือ อยา งนั้น ; แมวา บิด ามารดาบางคู จ ะเปน อยา งนั ้น แตเราก็ไมถือวาเป น อยางนั้ น ; บิ ดามารดาของเราไม เป นอยางนั้น . บิ ดามารดา ของเราสรางชีวิตเรามาดวยความอยากจะมี เราเป นที่ ปลื้มใจ, บุ ตรเป นสิ่งให ความ ปลื้มใจสําหรับบิดามารดา. ทีนี้เราจะตองถือวา บิดามารดาเปนเจาหนี้รายใหญกอนใคร และ ยิ่งกวาใคร. บิดามารดาเปนเจาหนี้รายใหญ ที่สุดกอนใคร ยิ่งกวาใคร ในบรรดา ผู ที่ เรีย กว า เป น เจ า หนี้ ; คื อ ว า เราเป น หนี้ ชี วิ ต คื อ ท า นให ชี วิ ต เรา โดยการยอม เสียสละชีวิตทาน เพื่ ออะไรก็ได เมื่ อไรก็ได. มี คําบาลีวา มาตา ยถา นิ ยํ ปุตฺ ตํ อายุ สา เอกปุ ตฺ ตมานุ รกฺเข แปลวา มารดามี ความรูสึ กในใจ ถั งกั บอาจจะถนอม บุต รนั ้น ไวไ ดด ว ยชีวิต ของตน ; คือ วา ยอมเสีย สละชีวิต ของตนเพื ่อ เอาลูก ไว. ไปดูเถอะ แมแ ตแ มห มา แมไ ก เปน ตน มัน สู เพื ่อ ลูก ไมค ิด ตาย ; สว นคนนั ้น ยิ่ ง กว า นั้ น . เพราะฉะนั้ น จึ งถื อ ว าเป น เจ าหนี้ ชี วิ ต รายใหญ ที่ สุ ด กวา อะไรหมด กอนใครทั้งหมด, กอนเจาหนี้ใด ๆ , ยิ่งกวาเจาหนี้ใด ๆ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้ น เราต องยอมเป นลูกหนี้ อย างสิ้นเนื้ อประดาตั วเลย มั นจึ ง จะเป น ไปตามความประสงค ข องบิ ด ามารดาได . ฉะนั้ น เราจะไม เอาไปไว ในทิ ศ เบื ้อ งหนา อยา งไรได ; จะมีใ ครอยา งนี ้บ า ง ที ่ค วรเอามาไวท ิศ เบื ้อ งหนา . พระพุ ท ธเจาท านตรัส ไวถู กแล ว ต อ งเอาบิ ด ามารดามาไวเป น ทิ ศ เบื้ อ งหน า. สึ ก ไปได ลู ก ได เมี ย จะเอาบิ ด ามารดาไปไวทิ ศ เบื้ อ งหลั ง เอาลู ก เมาเมี ยมาไวเป น ทิ ศ เบื ้อ งหนา อยา งนี ้ล ะก็ม ัน จะเปน ขบถ. คนโบราณเขายัง แตง บทสอนศีล ธรรม ใหถ ือ บิด ามารดาวา เหมือ นกับ แขนขา ; สว นลูก เมีย เปน ของขา งนอก หามา เมื ่อ ไรก็ไ ด. บิด ามารดาเปน ของขา งในติด มา ตัด ออกไมไ ด. ใหค วามสํ า คัญ บิดามารดายิ่งกวาบุตรภรรยา. ดังนั้นจึงเอาไวเปนทิศเบื้องหนา.
๕๒๔
ฆราวาสธรรม
เมื่ อเอาบิดามารดามาไวเป นทิศเบื้ องหนาแลว ก็มีแตจะตองเดิ นตาม เทา นั ้น เพราะอยู ขา งหนา เราก็ทํ า ไดแ ตเพีย งเดิน ตาม. แตคํ า วา เดิน ตามนั ้น มิ ใชหมายความวา จะตองเดิ นตามอยางหลับหู หลับตา ; ทํ าใหไดดี กวาก็เรียกวา เดิน ตาม. บิด ามารดาเปน ชาวนา เราเกิด มาเดิน ตาม ก็เปน ชาวนา ; แตเปน ชาวนาที ่ด ีก วา ยิ ่ง ใหญก วา . บิด ามารดาเปน ขา ราชการ เราก็เปน ขา ราชการ ในตํ า แหน ง หรือ มี เกี ย รติ อ ะไรที่ มั น สู ง กว า . เราก็ ห น า ที่ ที่ จ ะต อ งทํ า ตามความ ประสงค. เดินตามใหมันดีกวา. สมั ยก อนชาวนาไถนาด วยควาย เราก็ เป นลู กที่ ไถนาด วยรถแทรคเตอร. อยางนี้ ก็ไดเหมื อ นกั น ; เป น เรื่องเดิ นตาม. หรือจะเปลี่ ยนเป นอะไรอยางอื่น ก็ได เขาเรีย กวา ปจ จัย เครื่อ งดํา รงอยูแ หง ชีวิต นี้, มัน กวา ง. บิด ามารดาก็ต อ งการ ให เ ราหาป จ จั ย เป น เครื ่ อ งดํ า รงอยู แ ห ง ชี ว ิ ต อะไรที ่ เ ป น อย า งนั ้ น ได ก ็ ไ ด ใหมันดีกวา มากกวา ก็เรียกวาดีกวาบิดามารดาในสวนนี้ ; แตเราก็ไมพนไปจาก ที่จะเปนลูกหนี้ของบิดามารดา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org บาลีเขามีพูดไวที่อื่นวา บุตรมี ๓ จําพวก : บุตรที่เลวกวาบิดามารดา, บุต รที ่เสมอดว ยบิด ามารดา, บุต รที ่ด ีก วา บิด ามารดา ; คือ อภิช าตํ อวชาตํ อนุ ชาตํ . เลวกวาบิ ดามารดานี้ ไม ใชหมายความวาเลว ทํ าเสี ยหาย แต ทํ าอะไรได นอ ยกวาบิดามารดา. เสมอกัน กับ บิด ามารดา ก็คือ วา ทําใหมีฐานะเทา ๆ กัน . ดีก วา ก็คื อยากฐานะของวงศ ตระกูล ได ดี กวา สู งกวา มากกวา ; ความหมาย ก็มีเพียงเทานี้. แตมีพระพุทธภาษาคําสุดทายวา ในบุตร ๓ อยางนั้น บุตรที่ เชื่อฟง เปนบุตรที่ประเสริฐที่สุด ; คือหมายความวาไมถือวาบุตร ๓ อยางนั้น อั นไหนจะดี ไปไม ได นอกจากบุ ตรที่ เชื่ อฟ งบิ ดามารดา เพราะฉะนั้ นบุ ตรที่ ดี กว า บิด ามารดาก็ต อ งเปน บุต รที่เชื่อ ฟง , บุต รที ่เสมอดว ยบิด ามารดาที ่ตอ งเปน บุต ร
หลักปฏิบัติ ตอ ทิศเบื้องหนา
๕๒๕
ที ่เ ชื ่อ ฟง , บุต รที ่ม ีอ ะไรดอ ยกวา บิด ามารดาก็ต อ งเปน บุต รที ่เ ชื ่อ ฟง . ทีนี ้ท รง ระบุบ ุต รที ่เ ชื ่อ ฟง เปน บุต รประเสริฐ ที ่ส ุด . บุต รที ่เ ชื ่อ ฟง คือ บุต รที ่ไ หวท ิศ อยางถูกตองนี้แหละ ทุมเทความเคารพ ความอะไรทั้งหมดลงไปในบิดามารดา. นี่ เรื่องทิ ศเบื้ องหน าคื อบิ ดามารดามี อยู อย างนี้ . ฉะนั้ นขอให ประมวล ความหมายต า ง ๆหรือ คํ าบรรยายที่ ได บ รรยายมาแล ว นี้ ไว ให ค รบถ ว น ; ให รูจั ก ทิ ศ เบื้ อ งหน า วาเป น ทิ ศ เบื้ อ งหน า อย างไร ? มี ค วามสํ าคั ญ จนถู ก ยกเอาไวเป น ทิศเบื้องหนาอยางไร ? บิดามารดาเปนอาจารยคนแรก นี้เราอยาเอาไปปนกับอาจารยที่เปน ทิศเบื้องขวา. หรือวาถาจะแยกบิดามารดาออกไปเปนหลายสวน บิดามารดาก็เปน ไดทุกสวนไดเหมือนกัน ; คือบิดามารดาจะเปนเพื่อนก็ได. เปนครูบาอาจารยก็ได, หรือเป นอะไรไดทุ กอย างที่ ท านจะทํ าได. แตโดยส วนใหญ สวนประธานนั้น เป น ผู ให ช ี ว ิ ต . แล ว ก็ เ ริ ่ ม เป น ครู ค นแรก . ให ไ ปดู ล ู ก สั ต ว ที ่ เ กิ ด มา แม เ ป น ครู คนแรก ; ลู ก ไก ลู ก สุ นั ข ลู ก หมู ลู ก วั ว ลู ก ควายอะไรก็ ต าม แม เป น ครูค นแรก สอนอย างนั้ นอย างนี้ . คนก็ เหมื อนกั น นิ สั ยใจคอจะมาจากแม ทั้ งนั้ น ; เพราะพอ คลอดออกมาก็ ดื่ม น้ํ านมแม อยูกั บ แม ต องการอะไรก็เอาจากแม เห็ น สิ่งต าง ๆ ที ่แ สดงอยู ที ่แ ม ;จึง สรา งนิส ัย ของเราใหเหมือ นแมม ากกวา คนอื ่น ; นี ้ก ็เปน ครู คนแรก. มารดาบิ ดาเป นครูคนแรก มารดามาก อน เลยเป นครูคนแรกกวาบิ ดา ; แลวมากไปกวาที่วาใหชีวิตทางรางกายอยางเดียว ; ยังใหชีวิตทางวิญ ญาณทาง นามธรรมด วย คื อมี ชี วิต ๒ ความหมาย - ชีวิตทางฟ สิ คส กั บชีวิตทาง spiritual เราก็ไดชีวิตทั้งสองทางนี้จากบิ ดามารดา ; แลวฝายมารดาใสความรูหรือความสูง ทางวิญ ญาณให ทีล ะนอย ๆ นั บ ตั้งแตวันแรกเกิด มา ตั้งแตพ อลืม ตาขึ้นมาเห็น ; สว นชีว ิต ที ่เ ปน การสืบ พัน ธุ ท างกายนั ้น ก็เ ปน ชีว ิต เทา นั ้น . บิด ามารดาเปน ครู คนแรกตั้งแตลืมตามาในโลก จึงตองบูชาเปนทิศเบื้องหนา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๕๒๖
ฆราวาสธรรม
บิดามารดาเปนพรหม ขอนี้เอาความหมายทั่วไป ก็คือความรักหรือ เมตตา; ไมมีใครจะรักเรายิ่งไปกวามารดาบิดา ; เพราะฉะนั้นทานจึงเปนพรหม ของบุต ร. ทีนี้คําวาพรหมมีค วามหมายไกลไปถึงวา ประเสริฐ ที่สุด สูงที่สุด ก็ได. ทางพุทธศาสนาก็ไปอยูที่คําวา อาหุเนยฺยา จ ปุตฺตานํ - คือเปนผูที่บุตร ควรบูชา ราวกะวาเปนพระอรหันต. เพราะฉะนั้นบิดามารดาเลยเปนพระอรหันต ในบานเรื่องของลูก. ลูกตองปฏิบัติตอบิดามารดาอยางนี้ ตามหลักในพุทธศาสนา แลวสิ่งที่กลาวไวใน นวโกวาท ก็เปนของงาย ๆ เหลือที่จะงายในการปฏิบัติ. จึงหวังวา เราจะมีอุดมคติเทิดทูนบิดามารดาเปนทิศเบื้องหนาใน ลักษณะอยางนี้ ; แลวสึกออกไปก็จะรักพอแมยิ่งกวาเกา, จะบูชาพอแมยิ่งกวา เกา, จะเสียสละใหพอแมไดยิ่งกวาเกา ; ไมเสียทีที่วามาบวช แลวสึกออกไป เปนบัณฑิต.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เวลาขอเราก็หมดเพียงเทานี้.
ทิศเบื้องหลัง และเบื้องขวา - ซาย - ๔ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๑๓ วัน นี้ จะพู ด เรื่องทิ ศ เบื้ อ งหลั ง คื อ บุ ต รภรรยา ต อ จากทิศ เบื้อ งหนา คือ บิด ามารดา ซึ่ง ไดพิจ ารณากัน แลว ใน วัน กอ น ในฐานะที่เปน เรื่อ งคูกัน . อยากจะขอใหทุก ๆ องค ทบทวนถึงหลักที่เราจะตองถือเปนหลักสําคัญทั่ว ๆ ไปไวเสมอ วา มนุษ ยเกิด มาเพื ่อ ไปนิพ พาน. มนุษ ยที ่กํ า ลัง อยู ใ นสภาพ อยางไร สถานะอยางไร ก็ตองมีความมุงหมายเพื่อไปนิพพาน, คือ ไปสู ที ่สิ้น สุด ของการที ่จ ะตอ งเปน อะไรหรือ เปน อยา งไร ; อยางนอยก็โดยทางจิตใจ ที่เราหมดความรูสึกวาเราเปนอะไร จึงจะจบเรื่อง. ทีนี้ก็จะไดความคิดขึ้นมาวา ทุกอยางนี้มันเปนไป เพื่อสิ่งที่ควร จะเปนไป ; แปลวามองชีวิตในลักษณะที่ไมนาเกลียดนากลัวอะไร ; คือไมมอง ในแงราย. แตแลวก็ไมมองในแงดีจนถึงกับวา นาพิศมัย นาหลงไหล ในทาง เอร็ดอรอยทางเนื้อทางหนัง. เรามองชีวิตในแงที่เปนการเดินทาง : ถาเดินดี ก็นาชื่นใจ, ถาเดินไมดีก็นาเศรา มีแตอยางนั้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๕๒๗
๕๒๘
ฆราวาสธรรม
ทีนี้เราก็มองดูตัวเอง ในฐานะเปนจุดศูนยกลางที่มีอะไรแวดลอม อยาง ที่เรียกวาทิศทางตาง ๆ. เพราะวามันจะตองไปดวยกัน อยางที่เรียกวาไปคนเดียว ไม ไดสํ าหรับ ฆราวาส. เพศฆราวาสไม ควรจะถื อ วาเป น บาปเป นกรรมอะไร ควร จะถื อ ว า เป น การเดิ น ทางที่ มั น เป น พวง ๆ พ ว งกั น เป น พวง ๆ. สํ า หรั บ พระหรื อ บรรพชิ ต ก็ มี ค วามมุ งหมายที่ จะไม ให เป น พวง ; ให มั น ไปเดี่ ย ว หรือ ไปสะดวก. ถึงอยางนั้นการไปเป นพวงก็ไม ควรจะถือวา มั นเป นโชคราย หรือเป นบาปกรรม ; ควรจะถื อวาเป นการแสดงความสามารถ, ถ าใครต องการจะไปเดี่ ยวก็มี สิ ทธิ์ที่ จะ ทํ า ได และเรีย กวา มีโ ชคดีก วา . ก็เปน อัน วา ไมต อ งถือ วา ชีว ิต นี ้เปน บาปกรรม หรือ สิ ่ง ที ่เ ปน ไปในแงร า ย เหมือ นที ่ค นเขา ใจกัน อยู เ ปน อัน มาก โดยเฉพาะ พวกฝรั่ง. บางคนเอาพุ ทธศาสนาไปเปรียบว าเหมื อนกั บปรัชญา ของโชเปนเฮาเออร ที่มองทุกสิ่งในแงราย. ผมไมเห็นดวย ; ถือวาธรรมชาติแท ๆ ของธรรมชาติ นี้ไม ใชแงดี หรือแงราย ; มันแลวแตเราจะจัดจะทํามัน. ถาเราจะไปมัวจัดมัวทํ า ให เป น ดี เป น รายมั น ก็ ยุ ง สู ให มั น เป น ไปตามธรรมชาติ ของมั น ไม ได . เราจะต อ ง การแงไหน ที่ เป น ประโยชน เราก็ เอาในแงนั้ น ใช ชี วิ ต ให เป น ประโยชน ให เป น การเดิ น ทางดี ก ว า. ที่ เขาไปจั ด สิ่ งนั้ น สิ่ งนี้ หรือ ภาวะอย างนั้ น อย างนี้ ความคิ ด อยางนั้นอยางนี้วาเปนบุญ - เปนบาป เปนดี - เปนชั่ว เปนกุศล - เปนอกุศลนั้น เปนเรื่องสมมุติบัญญั ติไปตามความรูสึกของคน ผูมีความตองการ. ถาไมตองการ มันก็ไม เป นดีเป นชั่วอะไรได; หรือ ถาเกิดมี ความตองการที่ไม เหมือนกัน คนหนึ่ ง ก็ จ ะเห็ น เป น ดี , คนหนึ่ ง ก็ จ ะเห็ น เป น ชั่ ว .ฉะนั้ น ให ถื อ ว า โดยธรรมชาติ ทั่ ว ไปแล ว ธรรมชาติ เหล า นั้ น ไม ได เป น ดี ห รื อ เป น ชั่ ว ; หมายความว า เป ด โอกาสให ม นุ ษ ย ปรับปรุงเอาตามความตองการของตนได ; หากมนุษ ยโงก็ปรับปรุงไปอยางหนึ่ง,
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ทิศเบื้องหลัง และเบื้องขวา - ซาย
๕๒๙
มนุษ ยฉ ลาดก็ป รับ ปรุง ไปอีก อยา งหนึ ่ง . ฉะนั ้น การรู จ ัก ธรรมชาติที ่ถ ูก ตอ ง นั่นแหละเรียกวาเปนการดีที่แทจริงเปนกุศล. เพราะฉะนั้ น ผมจึ ง พิ รี้ พิ ไ ร ขอให ทุ ก คนมองสิ่ ง ต า ง ๆ ในแง ลึ ก , อย า มองแต เพี ย งแค ส มมุ ติ บั ญ ญั ติ หรื อ การแต ง ตั้ ง อย า งนั้ น อย า งนี้ . ถ า เป น อย า งนั้ น เรีย กวา มัน ถูก กัก ขัง โดยทางวิญ ญาณไมเ ปน อิส ระ ; ก็ค ือ ความโง ฉะนั ้น ตอ ง มองสิ่ งต าง ๆ ได อ ย างอิ ส ระ แล วก็ เลื อ กได ในทางที่ จ ะอยู เหนื อ คื อ ไม มี ค วามทุ ก ข เพราะสิ ่ง เหลา นั ้น นี ่ค ือ เหตุผ ลที ่ว า ทํ า ไมเราจะตอ งพิจ ารณาสิ ่ง ตา ง ๆ แมที ่ส ุด แต เ รื่ อ งภายในครอบครั ว เรื่ อ งโรแมนติ ค ต า ง ๆ นี้ ก็ ยั ง ต อ งพิ จ ารณ ากั น ใน ลักษณะที่ลึกซึ้งเปนปรมัตถเหมือนกัน. สําหรับเรื่องบุตรภรรยา ซึ่งเปนทิศเบื้องหลัง หรือวาเปนคูกันกับทิศ เบื ้อ งหนา ; ฉะนั ้น การพิจ ารณ ก็เ ปน ไปไดใ นทางเปรีย บเทีย บกอ น. คํ า วา เบื้ อ งหน า เบื้ อ งหลั ง นี้ มี ห ลายความหมาย ; ภาษาไทยก็ ดิ้ น ได บางที ห น า กั บ หลั ง ก็เ ห มือ น กัน ; “ตอ ภ าย ห นา ตอ ภ ายห ลัง ” นี ้ก ล ายเปน สิ ่ง เดีย วกัน . แต เบื ้อ งหนา ในที ่นี ้ห มายความวา อยู ข า งหนา เห็น กอ น ดูก อ น ตอ งดูก อ น ตอ ง จัด การกอ น, ตอ งนึก ไวเ ปน เบื ้อ งหนา คือ ออกหนา สิ ่ง ใด ๆ. สว นเบื ้อ งหลัง นั้ น มั น ก็ ต รงกั น ข า มในทางที่ จ ะมอง แต ว า มั น ก็ มี ภ าระไม น อ ยกว า กั น ในทางที่ จ ะ ปฏิบัติ คือปฏิบัติใหเหมาะสมแกการที่เรียกวาเบื้องหลังขางหลัง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถ า เรามองกั น ตั้ ง แต ร ะดั บ ต่ํ า ๆ คื อ ความคิ ด ในระดั บ ต่ํ า ๆ มั น ก็ ม อง เห็ น ไปว า คนโดยมากไม เห็ น ว า เป น ทิ ศ เบื้ อ งหลั ง ก็ ไ ด ; อาจเห็ น บุ ต รภรรยาเป น ทิศ เบื ้อ งหนา เปน ภาระขา งหนา . ถา มีค วามหลงรัก ดว ยกิเ ลสแลว ก็ยิ ่ง เปน เบื้ อ งหน า ยิ่ ง ขึ้ น ไปอี ก ; นี่ ก็ ต อ งระวั ง มั น จะกลายเป น โง ม ากขึ้ น ๆ แล ว ก็ ก ลาย เปนทําผิดก็ได.
๕๓๐
ฆราวาสธรรม
ที นี้ สู งขึ้ นมาอี ก จากความที่ ไม เป นที่ ตั้ งแห งความหลง ก็ เป นกํ าลั งใจ อยางที่เคยแนะใหดูวาทุกคนมีบุตรภรรยาเปนกําลังใจ สําหรับปฏิบัติหนาที่การงาน อาชีพ สรา งสรรคอ ะไรตา ง ๆ สุด ฝไ มล ายมือ . นี ้ม ัน ก็เ ปน ระดับ ของบุถ ุช นที่ จั กในสิ่ งที่ ดี ที่ สุ ดเพี ยงเท านั้ น หรือเขากํ าลั งเข าใจอย างนั้ นด วยเหตุ ผลอะไรก็ ตาม. ถา ไมม ีบ ุต รภรรยาเปน เครื ่อ งคอยเปน กํ า ลัง ใจแลว ดูจ ะไมใ ครทํ า อะไรอยา ง จริง ๆ จัง ๆ . ที นี้ ก็ มองได จากข อนี้ ทํ าให เห็ นชั ดอยู ในตั วแล วว า บุ ตรภรรยา แม จะจั ด เป น ข า งหลั ง มั น ก็ เป น กํ า ลั ง ดั น ให ไปข า งหน า ไม ใช เป น เครื่ อ งถ ว ง, ถ า เป น ของ หนั ก เป น เครื่อ งถ วงก็ ห มายความวา มั น ดึ งมั น กระชากรั้งให ถ อยกลั บ ไปทางหลั ง . ทีนี ้ถ า มีกํ า ลัง ใจเกิด มาจากบุต รภรรยา นี ้ก ็เทา กับ บุต รภรรยานั ้น เปน กํ า ลัง ดัน ใหร ุด ไปขา งหนา , คือ ดุน ใหไ ปขา งหนา . มัน ก็ค วรจะถือ เอาเปน คติที ่ด ีก วา ที่จะถือ เปนเรือพวง เปนของหนัก เปนของดึงขารั้งแขนอะไรไว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราก็ เลยถื อเอาคติ อั น นี้ ว าดุ นไปข างหน า นั้ นไปไหนกั นต อ ไป ? ก็ ให มั นกลายเป นว า ไปให ถึ งที่ สุ ดยั งจุ ดหมายปลายทางของความเป นมนุ ษ ย , อย าให ดุน ไปเพีย งเพื ่อ กิน เพื ่อ กาม เพื ่อ เกีย รติ เปน เรื่อ งโลก ๆ ของคนที ่ห ลงใหลอยู ในเนื้ อ หนั ง. นั่ น แหละจึงแนะนํ าให ม องให เห็ น วา มนุ ษ ย ทุ กคนจะต องไปนิ พ พาน มีบ ุต รภรรยาก็ไ มเ กิด เปน ภาระหนัก ; ถา เราทํ า ใหเ ขาเขา ในใจอุด มคติอ ัน นี้ วาทุกคนเกิดมาเพื่อไปนิพพาน.
ตามที่ ผ มได ฟ ง ได สั งเกตมองเห็ นอยู ชั ด หรื ออย างน อยก็ ได ยิ น แว ว ๆ พอเป นรูปเป นรางว าวัฒ นธรรมไทยแต โบราณ เขามี การพร่ําถึ งสิ่ งที่ เรียกว านิ พพาน กัน อยู ใ หแ ซไ ปหมดในบา นในเรือ น จะมีก ารพูด คํ า วา นิพ พาน, จะสอนใหอ ุท ิศ ตั ้ง ใจทํ า สิ ่ง ใด เพื ่อ เปน นิส ัย ปจ จัย แกพ ระนิพ พานเสมอ. เพราะฉะนั ้น เด็ก ๆ
ทิศเบื้องหลัง และเบื้องขวา - ซาย
๕๓๑
ก็จะไดยิน ; เพราะผมจําได เมื่อผมเด็ก ๆ ตัวเล็ก ๆ ก็ไดยินคนเฒาคนแกพูดกัน แตเรื่องวา “ขอใหเปนนิสัยปจจัยแกพระนิพพาน” อยางนี้เสมอไป จนมันกลาย เปนวัฒ นธรรมประจําปากไปเลย. ก็แปลวาเราทําใหเรื่องของพระนิพพานเปน เรื่องจุดหมายปลายทางของมนุษยกันทุกคน. เด็ก ๆ ก็มีการไดยินไดฟงสิ่งนี้แลว. แมวาจะยังไมเขาใจวานิพ พานคืออะไร ; มันก็คอ ยติด ตามตอไป. เรื่อ งนี้มัน สําคัญมาก คือวามันจะตัดบท ตัดปญหายุงยาก ความทุกขอะไรตาง ๆ. ตามที่เราสังเกตเห็น เวลานี้ปญหาในครอบครัว ที่วาไมมีเงินพอให ลูก จะเลาเรีย นเปน ดิบ เปน ดีได ; พอ แมก็เลยทรมานใจ ทุกขร ะทมอยูเสมอ. นี ้ม ัน เปน บาปกรรม เกิด ขึ ้น มาโดยการที ่ตั ้ง ใจไวผ ิด เทา นั ้น เอง. ถา ถือ ตาม วัฒนธรรมเกาวา จะไปนิพพานกันแลว มันก็ไมมีปญหาในเรื่องที่จะหาเงินใหพอ สําหรับสงใหลูกไปเรียนเมืองนอก. ปญหาที่มันเกิดเปนความทุกขขึ้นมาก็เพราะ ไมเขาในจุดหมายปลายทางของมนุษย. ถาพอแมมีความเขาใจถูกตองในเรื่องนี้แลว ปญหาเหลานี้ก็จะไมเกิด สําหรับถึงกับจะเปนทุกข. จะหาเงินใหมาก จะมีอะไร ใหมาก ใหลูกไดเรียนดี มันก็ทําได ; แลวก็ไมตองเปนทุกข.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ มันมีขอแตกแยกเหมือนกับวา พอเกิดตองการจะใหลูกดีไปในทาง ธรรม ทางศาสนา หรือเพื่อไปนิพพาน ; สวนแมเขาไมเอาดวย เขาไมรูไมเห็น ดวย ไมรูเรื่องเอาเสียเลย มันก็เปนความยุงยากลําบากที่เกิดขึ้น ถึงกับเปนทุกข ทรมาน ; เปนปญหาที่เรียกวา ทําใหปวดหัวกันบอย ๆ. ขางพอมีความคิด หรือ มีความตั้งใจตัดสินใจ ในเรื่องที่จะตองใหดีไปในทางนิพพาน อยางนี้ปญหามันก็จะ ไมมีมากมายอะไรนัก เพราะคนจนเทาไรมันก็ทําได ; มีเพียงแตพอกินพอใชมันก็ ทําได, มีเงินมากก็ทําได. ถาคิดแตเรื่องดี เรื่องเดนทางโลกกันแลว มันตองเกี่ยว กับ เรื่องเงิน เรื่องอะไรไปในทํานองนั้น. มันก็เลยไปหามิจฉาทิฏ ฐิ, ดึงไปหา
๕๓๒
ฆราวาสธรรม
คอรัปชั่น ทุจริตบาง อะไรบาง ; ฉะนั้นมันก็ตองเอามาคิดดู ในปญหาเรื่องบุตร ภรรยา. ถาเผอิญทั้งคูสามีภรรยามีความเขาใจสิ่งที่เรียกวาชีวิตตรงกัน เรื่องก็จะ ราบรื่นมาก แลวก็จะเปนอยูอยางสงบเย็นเหมือนคนโบราณ ; และมีความดีไป ในทางที่ถูกตอง ไมใชความเหอทะเยอทะยานอยางโงเขลา อะไร ๆ มันก็เลยพอ ไปหมด ; สติปญญาของลูกมันก็พอสําหรับที่จะไปนิพพาน แมมันไมพอสําหรับ ที่จะไปเรียนเปนผูเกงกาจสามารถในโลกนี้. การทํามาหากิน ทรัพยสมบัติอะไร มันก็พอไปหมด. ทุกอยางไมเปนไปเพื่อการถวง หรือผูกพัน หรือผูกมัด เผาลน ทิ่มแทง ; มันดีอยางนี้. เลยเกิดเปนเรื่องสะดวกสบายที่จะไปขางหนา เพราะ ไมมีทางที่จะเกิดบาป เกิดอกุศลอะไรได. เพราะฉะนั้น เราจะตองมองดูบุตรภรรยา ในลักษณะที่จะไมเปนทุกข คือ เปน เรือ พว งอะไรทํ า นองนั ้น ; แตจ ะเปน ไปเพื ่อ เปน เพื ่อ นคู ห ูไปนิพ พาน. สําหรับภรรยาก็เปนผูแบงเบาภาระในการเดินทางไปนิพพาน ใหเหลือคนละครึ่ง มัน ก็เหลือ นอ ยเขา. สว นบุตรนั้น มีสํา หรับ วา ถา บิด ามารดาไปไมถึง ในชาตินี้ บุตรก็รับภาระ รับมรดก ที่จะเดินทางตอ เพื่อใหมนุษยชาติมีวิวัฒนาการไปถึง จุดหมายปลายทางคือนิพพาน. อยางพระพุทธเจาเปนผูที่เดินทางไปถึงนิพพาน แลวเปดเผยหนทางอันนี้ เพื่อมนุษยทุกคนจะไดสิ่งดีที่สุด ที่มนุษยควรจะไดบาง ; ทุกคนก็เขาใจ ก็สมัครดํารงชีวิต ชนิดที่เปนการเดินทางไปนิพพานอยูเรื่อ ย ; แมยังไมถึงก็ยังเยือกเย็นไปตามสมควร มีสวนเยือกเย็น ไมใชมีสวนเรารอน. อันนี้ก็เปนสิ่งที่ดีที่สุดของมนุษยอยูแลว.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฉะนั้นการมีครอบครัวก็ไมควรจะมีใหมันขัดกันกับอุดมคติอันนี้ ; เพียง แตวาไปชาหนอยสําหรับความเปนฆราวาสนั้น มันก็ดีเหมือนกัน เปนการแสดง
ทิศเบื้องหลัง และเบื้องขวา - ซาย
๕๓๓
สมรรถภาพอยางสูง. ถาเรามองกันในแงนี้ ปฏิบัติกันอยูในแงนี้ คําวาบุตรภรรยา ก็ไ มใ ชเ ครื่อ งถว ง, ไมใ ชเ รือ พว งที ่ถ ว ง ; แตก ลายเปน เครื่อ งสนับ สนุน , แล ว ก็ เ ป น เครื่ อ งสํา รอง; เรื อ ลํา ใหญ คื อ พ อ แม เมื่ อ ถึ ง วาระสิ้ น สุ ด ลงไป เรือพวงคือลูกก็รับภาระสํารองหนาที่ตอไป.คําวาลูกควรจะเปนอยางนี้ ; อยาให มันเปนเพียงกอนอะไรกอนหนึ่งออกมาจากพอแม, หรือเหมือนกับลูกไม เปนของ ตนไม. แตถึงอยางไรก็ดี มันก็เปนการรับมรดกทางรางกาย :ลูกไมหลนออกมา จากตน ไม คือ ที่เ ปน พอ แมเรื่อ ย นั่น ก็เปน ผูรับ มรดกทางรา งกาย ; เดี๋ย วนี้ เราก็ ให เป น เรื่อ งรับ มรดกทางวิญ ญาณด วย. ลู ก ควรจะเป น อย างนั้ น เพราะ มนุษยมีจิตมีวิญญาณสูงกวาตนไม หรือสูงกวาสัตว. คําวาลูก มันก็มิไดหมายความถึงลูกที่เกิดออกมาจากอก จากเลือด จากเนื้ออยางเดียว ; แมไมไดเกิดมาจากอก ก็ยังเปนลูกไดอยูนั่นแหละ. ลูกเกิด จากอกมันเปนเรื่องรางกาย เปนลูกทางฝายเนื้อหนังรางกาย. มันควรจะมีลูก ที ่ค ลอดออกมาจากวิญ ญาณ หรือ ลูก ทางวิญ ญาณดว ย คือ เปน เรื่อ งของ ความหมายในทางจิตใจ. เพราะฉะนั้นเราจึงมีลูกในลักษณะอยางอื่น นับตั้งแต ลูกจางขึ้นไป ; ในภาษาไทยลูกจางก็คือผูที่จะทําตามความประสงคของเรา ; แลวก็มีลูกอะไร อีกหลาย เชนลูกคู ลูกสมุน อะไรก็สุดแท, มันมีคําวา “ลูก” กระทั่ง ลูก ศิษ ย ; ก็ลว นแตเปน ผูจ ะรับ สนองความประสงค ความมุง หมาย ในหนา ที่ก ารงานตอ ไปทั้ง นั้น ; จนบรรพชิต ก็ยัง มีลูก คือ ลูก ศิษ ย มีภ าระ หนาที่อยางพอแม อยางกวางขวางเสียอีก.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org บรรพชิตถามีลูกศิษยเปนรอย ๆ มันก็ตองทําอยางเดียวกับที่พอแมจะ พึงกระทําตอลูก ; เพราะมันเปนเรื่องทางวิญญาณเสียมากกวา ในการที่มีลูกศิษย. ทําไมในภาษาไทยเอาคําวา “ลูก” ไปใช ? ผมเห็นวาเปนนิมิตที่ดีมาก ที่จะให
๕๓๔
ฆราวาสธรรม
มองผู ที่ ม าเกี่ ย วข อ งด ว ยกั น นี้ มี ค วามผู ก พั น มากอยู ในฐานะ ถึ งกั บ เป น ลู ก เช น ลู กจ าง ถ ารักอย างลู กมั นก็ หมดป ญ หา. เดี๋ ยวนี้ คนไม รักลู กจ างอย างลู ก มั นก็ เกิ ด ปญหาอันตรายขึ้นมา. คํ าว า ลู กศิ ษย ไม ได เกิ ดจากอก หรื อเกิ ดมาทางเนื้ อหนั ง มั นก็ เลยเป น ลู กในทางฝ ายวิญ ญาณ. ผู ที่ เป นพ อก็ เลยมี ภาระที่ จะต องทํ าอย างที่ เป นพ อขึ้ นมา. เชนพระพุ ทธเจาเขาเรียกวา “พระพุ ทธบิ ดา” เป นบิ ดาทางฝายวิญ ญาณ, อาจารย เขาก็เ รีย กกัน วา พอ เพราะเปน พอ ทางฝา ยวิญ ญาณ. ทางภาคเหนือ มีคํ า วา “พ อ เลี้ ย ง” อะไรอี ก ประเภทหนึ่ ง , เป น เรื่ อ งทางฝ า ยวิ ญ ญาณอยู ด ว ยเหมื อ นกั น คือ ความรัก ความเมตตาความกรุณ า ตอ คนที ่เ ขา ไปเกี ่ย วขอ งดว ย จึง จะเปน พอ เลี ้ย ง ที ่ถ ูก ตอ ง. สว นพอ เลี ้ย งอัน ธพาล ทํ า นาบนหลัง คน ที ่เ ขา มาเกี ่ย ว ของนั้น ไมควรถือเอาเปนประมาณ. นี้ พู ดกั นแต เรื่องลู กมี ความหมายทางวิ ญญาณที่ จะต องได รับความรักใคร เมตตา ปรานี จั บ จู งไปให ถู กทาง จนกว าจะถึ งจุ ดหมายปลายทาง และก็ เป นลู ก ในทางวิ ญ ญาณอี ก . อะไร ๆ ก็ เป น เรื่ อ งทางวิ ญ ญาณไปหมด จนเขาจะเรี ย กว า บ าวิ ญ ญาณ. เพราะเรื่อ งทางเนื้ อ หนั งทางรางกายนั้ น มั น มี ส าระน อ ย เป น เพี ย ง เปลือกซึ่งเปนที่ตึงของเนื้อใน มีความสําคัญอยางนั้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ที นี้ การที่ ฆ ราวาสจะมี ทิ ศ เบื้ อ งหลั ง มี ทิ ศ ๆ นี้ ให เป น ที่ ส ะดวกสบาย ชื ่น ใจ เปน ไปเพื ่อ กุศ ลนั ้น มัน ตอ งมองไปในแงอ ยา งนี ้. อยา มองกัน ไปในเรื่อ ง ที่ น า ทุ เรศ เท า ที่ รู สึ ก กั น อยู . เราอาจจะพู ด ว า แม เป น คนยากจน ชาวไร ช าวนา อาบเหงื่ อ ต า งน้ํ า ก็ ยั ง มี โ อกาส หรื อ สามารถที่ จ ะมองสิ่ ง ต า ง ๆ ในแง อ ย า งนี้ เหมื อ นกั บ ปู ย า ตายาย สมั ย โบราณก็ ได . เขาไม มี ค วามทุ ก ข มี ลู ก ก็ คื อ ไปด ว ย กัน เรื ่อ ย : พอ ทํ า อยา งไรลูก ทํ า อยา งนั ้น , พอ ไถนาลูก ก็ไ ถนา ; ลูก ก็พ อใจ
ทิศเบื้องหลัง และเบื้องขวา - ซาย
๕๓๕
ที่จะดูพอไถนา. มันไมมีปญหาที่จะทุกขรอนทางวิญญาณ ; เพราะมันเดินตาม ทางกันไปเรื่อย ซึ่งมันเปดใหมากถึงกับวา ไมรูหนังสือก็ไปนิพพานได. ครึ่ง โบราณในประเทศอินเดีย คนที่บ รรลุพ ระอรหัน ตไ ปนิพ พาน ไมรูหนังสือกัน มาก. เดี๋ยวนี้เรียนหนังสือ ไปมีป ริญ ญาไมมีที่สิ้นสุด . มันเกิด เป น ป ญ หาโง ๆ เขลา ๆ ขึ้ น มาให มี ค วามทุ ก ข ไม ต อ งการเรื่ อ งที่ จ ะดั บ ทุ ก ข ตอ งการที่จ ะเดิน ดุม ไปในทางที่มีอ ะไรยั่ว ; เรื่อ งกิน เรื่อ งกาม เรื่อ งเกีย รติ มันยั่วใหไปวนเวียนอยูแตในทางนั้น เลยเรื่องที่วาคนไมรูหนังสือไปนิพพานไดนี้ ก็เปน หมัน สํา หรับ คนเหลา นั ้น . ทํา ใหเรามองเห็น ภาพของมนุษ ยป จ จุบ ัน นี้ กําลังบาคลั่ง เดือดจัด วิ่งอยางสุดเหวี่ยงไปในทิศทางไหนก็ไมรู. ลองหลับตา ทํามโนภาพทางวิญญาณดู ; มนุษยสมัยนี้กําลังวิ่ง วิ่ง จนหกลมหกลุก คือวิ่งสุดเหวี่ยง แลวไปทิศทางไหนก็ไมรู ; แลวก็ปรากฏวามี แตจะไปในทิศทางที่เปนทุกขมากขึ้น ดูโลกในสมัยนี้ก็แลวกัน มันยุงมากขึ้น มัน ทุ ก ข ม ากขึ้ น ; เพราะมั น วิ่ งไปสุ ด เหวี่ ย ง จนไม รูว า จะไปไหน, คื อ ไม มี ค วาม สํา รวมระวัง ไมมีค วามเยือ กเย็น อะไร. ทั้ง ๆ ที่รูห นัง สือ มาก รูอ ะไรมาก ; รูจนกระทั่งไปโลกพระจันทรได นี้ก็ไมมีอะไรดีขึ้น สําหรับที่จะเยือกเย็น ; สูคน สมัยที่ไมรูหนังสือก็ไมได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้นอยากลัวกันนักเลย เรื่องลูกจะไมมีเงินไปเมืองนอก หรือ อะไรทํานองนั้น; แลวก็อุตสาหทําใหเขามีความเขาใจใหถูกตองเสียตั้งแตแรก วามนุษยเกิดมาเพื่อไปนิพพาน แลวทําใหดีที่สุดสําหรับที่จะเปนอยางนั้น. จะทํา อะไร จะทํามาหากิน จะมีลูกมีเมีย จะมีชื่อเสียง จะทําอะไรก็สุดแท แตตองไมขัด กันกับเรื่องที่จะไปนิพพาน. ถาสมมุติวาจะไมไดปจจัยทางโลก ๆ เหลานั้น เราก็ยัง คงไปนิพพานได ก็เลยไมตองกลัว, ไมตองมีความหวาดกลัวในชีวิต วาจะไมได
๕๓๖
ฆราวาสธรรม
สิ่ ง ที่ ดี ที่ สุ ด ที่ ม นุ ษ ย ค วรจะได . เดี๋ ย วนี้ เราอยากจะให ไ ด อ ะไรให ม าก มั น ก็ ไ ด เหมือนกัน ; แตใหถือวาเปนเรื่องแสดงความสามารถ หรือฝกฝนความสามารถ. ถาอยากจะมีเงินสัก ๑๐ ลาน ถาอยากจะมีปริญญายาวตั้งวา ก็เพื่อฝกหัด ฝก ฝนแสดงความสามารถ ; ฝก ในเนื ้อ ในตัว เพื ่อ ไปนิพ พาน เพราะวา สิ่ง ที ่จ ะ ไดมาจกเงิน ๑๐ ล าน หรือวาปริญ ญายาวเป นหางนั้ น มั นก็เป นเศษขยะมู ลฝอย หรือ เป น สวะทั้ ง นั้ น ; ได อ ะไรมามั น ก็ เป น สวะทั้ งนั้ น .ของดี แ ท ๆ นั้ น ก็ คื อ การได นิ พ พาน. ที นี้ เขาก็ ไ ม ห ลง เขาก็ ใ ช เครื่ อ งมื อ เหล า นั้ น เป น เครื่ อ งฝ ก ฝนความ สามารถไปตั ้ง แตเล็ก , เรีย นเกง สอบไลไ ดด ี ตอ งการอะไรก็ไ ด. ครั ้น เมื ่อ ได มากเข า ๆ มั น ก็ รูวา นี่ มั น เป น เรื่อ งสวะทั้ งนั้ น . ไม ค วรยึ ด มั่ น ว าเรา ว าของเรา ; มั น ก็ ทํ าให เขาบรรลุ ถึ งนิ พ พานในฉั บ พลั น กระทั น หั น ได. สิ่ งเหล านี้ ไม เป น เครื่อ ง ถวง แตเปนเครื่องสนับสนุน ; แตมันเปนเรื่องยากกวา ที่วาจะเอาแตพอสมควร. ฉะนั ้น อยา ไปหวัง อะไรมากเกิน สมควร ; ความรู ก ็ด ี เกีย รติย ศ ชื ่อ เสีย งอะไรก็ด ี อยา ไปหวัง จนทํ า ใหน อนไมห ลับ ; ก็ใ หทํ า ไปอยา งถูก ตอ ง แล วมั นก็ มาเอง และมั นก็ มาในลั กษณะที่ ถู กต องและสมควรในปริมาณที่ สมควร แลว มัน ก็ส บายไปเทา นั ้น . หลัก เรื ่อ งวา “พอสมควร” นี ้ ชว ยจํ า ไวใ หด ี เปน หลักของพุทธศาสนา ; จะตองมีอะไรพอประมาณ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ผูที่ จะไปสู ความดับทุ กขจะต องเป น อปฺ ปกิจฺโจ, คื อมี กิ จการงานหน าที่ พอประมาณ คือ พอเหมาะ พอดี, ใหม ีก ารกระทํ า ที ่เรีย กวา มัช ฌิม าปฏิป ทา พอเหมาะพอดี , ไม ใ ช น อ ยไม ใ ช ม าก. แต คํ า ว า น อ ย หรื อ มากนี้ ไ ม ไ ด วั ด โดย จํ า นวนเครื่อ งตวงเครื่อ งวัด ที ่เ ขาวัด ๆ กัน อยู . ถา คนฉลาดมาก ก็ทํ า อะไร ไดม าก ; เหมือ นที ่ผ มเคยเปรีย บใหฟ ง วา เมื ่อ ฉลาดแลว สามารถทํ า โรงสี
ทิศเบื้องหลัง และเบื้องขวา - ซาย
๕๓๗
๑๐๐ โรงพรอมกันไปได ไมมีภาระหนักอะไรสําหรับคนที่ฉลาดในเรื่องนั้น. ถาเปน คนที ่ไ มฉ ลาดแลว โรงสีค รึ่ง โรงก็ทํ า ไมไ ด. ฉะนั ้น ใหทํ า พอประมาณ และพอดี แก กํ าลั งความคิ ด สติ ป ญ ญา ของตน ๆ. มั น ก็ เลยต างกั น คนหนึ่ งทํ า ได ค รึ่งโรง อีก คนหนึ ่ง ทํ า ไดห ลายโรง ๑๐ โรง ๑๐๐ โรงก็ไ ด.นั ่น ก็เ รีย กวา พอประมาณ คือพอดีแก กําลังลังสติปญญา ความสามารถ กําลังกายกําลังใจ ; มันก็เดินสบาย. แตถ ึง อยา งไรก็ต าม นอ ยกวา มัน สบายกวา สะดวกกวา ; เพราะฉะนั ้น จึง เอา เทาที่มันจําเปนก็แลวกัน. บทวา มตฺตฺุตา จ ภตฺตสฺมึ นี้มีการกินอยูแตพอประมาณ พอสมควร นั้น เปน หลัก ในพระพุท ธศาสนา ฉะนั้น การหามัน ก็พ อประมาณพอสมควร เรา ก็เลยไมมีปญหาวาจะอดตาย ; ไมมีปญหาวาจะไมมีสิ่งที่จะทําใหเปนมนุษยที่ดีได. ถ าบุ ตรภรรยามี ความเข าใจกั นไปอย างนี้ แล ว ครอบครัวนั้ นก็ จะมี ความผาสุ ก คื อมี พระนิพ พานอยู ใ นครอบครัว ในระดับ ใดระดับ หนึ ่ง . ถา ผิด จากนี ้ก ็ต อ งเปน คน ทนทุ ก ข ท รมานแบบใดแบบหนึ่ งเหมื อ นกั น , เป น วั ฏ ฏสงสารที่ น า สมเพชเวทนา ในการเกิดมา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้ น ขอให เข าใจทิ ศ เบื้ องหลั ง - บุ ต รภรรยา ในลั ก ษณะที่ มี ความหมายแตกต า งกั น เป น ลํ า ดั บ ๆ มา ตั้ ง แต โ ง ที่ สุ ด เรื่ อ ยมาจนถึ ง ค อ ย ๆ ฉลาดขึ ้น ๆ ฉลาดขึ ้น ๆ จนถึง ฉลาดที ่ส ุด ; เรื่อ งมัน ก็ห มดปญ หา เขาเรีย กวา ทิศ กระจา ง สวางไสว นี ่ภ าษาบาลีใชคํ า อยา งนี ้. “ทิศ นี ้ป รากฏความสวางไสว แกขาพเจา” สํานวนอยางนี้มี พูดในภาษาบาลี.เพราะวาเขาเขาใจและทําถูกตอ ง ในทิ ศ นั้ น ๆ. “ทิ ศ มื ด มั ว” ก็ ห มายความว า เขาไม มี ค วามเข าใจถู ก ต อ งเพี ย งพอ ในสิ่งนั้น มันก็เลยมืดมัว. เรียกวาทิศมืดมัวกับทิศสวางไสว.
๕๓๘
ฆราวาสธรรม
คําวา “ทิศ” ตามตัวหนังสือก็แปลวา สวางไสว ; แตมันไปทําใหมืดมัว เพราะความโง. ทิ ศ เบื้ อ งหน า บิ ด ามารดา มี ค วามสวางไสวอย างที่ พู ด มาแล ว ; ทิศเบื้องหลังก็มีความสวางไสวอยางนี้. ทีนี้ ก็มาถึงทิศถัดไป คือทิศเบื้องขวา คือครูบาอาจารย ; ซึ่งควร จะรวมผูบังคับบัญ ชา ผูนํา ผูอะไร อยูในทิศนี้ดวย สําหรับในโลกสมัยปจจุบัน ; แม กระทั่ งนายจางก็ ค วรจะบรรจุไวในทิ ศ นี้ . เพราะวาเป น ผู นํ าในทางกิจการงาน หรือสวนหนึ่งของชีวิต ; หมายถึงนายจางที่ดี ผูบังคับบัญชาที่ดี ผูนําที่ดี. “ครูบ าอาจารย” ในภาษาไทยมีค วามหมายเปลี ่ย นไปจากรูป ศัพ ท ในภาษาบาลี ของเดิ ม . คํ าว า “ครู ” ของเดิ ม แปลว าผู นํ าทางวิ ญ ญาณ (spiritual guide) ไปดูปทานุกรมที่ดี ๆ ภาษาสันสกฤต ภาษาบาลี แปลวาเปนผูนําทาง spiritual. “อาจารย” แปลวาผูฝกสอนมารยาทเกี่ยวกับความเปนอยูในโลกนี้ ซึ่งแปลเพียงวา ผูฝก. ครูแปลวา ผูนําทางวิญ ญาณ ; อาจารยแปลวาผูฝกมารยาท เพื่ อ เป นอยู ในโลกนี้ . ส วนคํ าว า “อุ ป ช ฌาย ” ในภาษาโบราณ ในอิ น เดี ย แปลว า ครู ส อน อาชี พ . อาชี พ อะไรก็ ต ามอย า งที่ เขามี กั น อยู บั ด นี้ อาชี พ ชนิ ด ไหนก็ ต าม ผู ส อน เรีย กว าอุ ป ช ฌาย สอนให ขี้ ช า งขี่ ม า , สอนให เล น ดนตรีอ ะไรก็ ต าม เขาเรีย กว า อุ ป ชฌาย ในวิชานั้ น ๆ . ที่ เอามาใชในภาษานั กบวช ศาสนานี้ คื อวา สอนอาชี พ สมณะ เขาเรีย กวาสาชี พ ; สิ ก ขา และสาชี พ . สาชี พ นี้ แ ปลวาอาชี พ ของสมณะ อาชีพของบรรพชิต ; อุปชฌายะเปนผูสอนอาชีพนี้. อุปชฌายะ แปลวาผูที่บุคคล จะต องเพ งตาดู , เข าไปเพ งตาดู วาท านทํ าอย างไร แล วก็ ต องทํ าตาม ; หรือเพ งดู ตามที่ทานบอกให ทําอยางไร แลวจะตองทําตาม. พอมาถึงความหมายในภาษาไทย มัน เปลี่ย นไปหมด : อุป ชฌายแ ปลวา ผูเสกคนใหเปน พระ อะไรทํา นองนี้ไปไม รู ว าตามความหมายเดิ มมั นหมายทั่ วไปหมด ไม เฉพาะบวชเป นพระ จะเป นอาชี พ อะไรก็ได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ทิศเบื้องหลัง และเบื้องขวา - ซาย
๕๓๙
อุ ป ชฌาย ครูบ าอาจารย นี้ มี ความหมายต างกั นอยู แล วความหมาย ก็ เปลี่ ย นจนทํ า ให เกิ ด ความยุ ง ยากขึ้ น เพราะเหตุ นี้ บ า งก็ ได . กระทั่ ง “ครู ” เป น เพี ย งลู ก จ า งสอนหนั ง สื อ อย า งนี้ มั น ก็ แ ย ม าก ; เป น โลกที่ โง ม าก “ครู ” จะต อ ง เป น ผู นํ า ทางวิ ญ ญาณตามความหมายเดิ ม “อาจารย ” เป น ผู ฝ ก ให ไ ด ต ามนั้ น , “อุ ป ช ฌาย ” เป น ผู ส อนวิ ช าอาชี พ เพื่ อ เป น อยู ได ในทางฝ า ยรา งกาย. รวมความ แลว ก็เ ปน ผู ที ่จ ะสรา งพื ้น ฐานแหง ชีว ิต ใหดํ า รงอยู ไ ด ใหเ จริญ กา วหนา ไป. ถา จะเรียกเป นที่ พึ่ งกั นเป นที่ พึ่ งทางสติ ป ญญาในขั้นเริ่มแรก, ครูบาอาจารย อุ ป ชฌาย เปน ที ่พึ ่ง ขั ้น เริ ่ม แรกตน ๆ ในขั ้น ตั ้ง เนื ้อ ตั ้ง ตัว ตั ้ง แตเ ราเกิด มา ; จะไปสูง สุด ที่สมณพราหมณ ที่จะนําวิญญาณในเบื้องสูง แตเดี๋ยวนี้เรากําลังพูดถึงทิศเบื้องขวา. –ครูบ าอาจารยที ่เ กี ่ย วขอ งอยู ใ นบา นเรือ น ก็เ ลยมองความหมายของคํ า ๆ นี้ ในฐานะเปนผูนํา หรือใหแสงสวางขั้นตนของการเริ่มชีวิตในโลกนี้. ถาเรามี ผู บั งคั บบั ญ ชา ก็ ต องหมายความวา เขาจะต องเป นผู นํ าเราใน เรื ่อ งนี ้ ; เพื ่อ นํ า หมู พ วกของเราไปในทางนี ้ ในเรื ่อ งนี ้ ; เพราะวา เขาฉลาด กว าเรา. ถ า เรามี น ายจ า งเราก็ ส มั ค รจะทํ าตามเขา ; นี่ เรีย กว า ผู นํ า ในเรื่อ งโลก ๆ มีอ ยู ห ลายประเภท ความหมายอยู ที ่ต รงนี ้. นี ้ถ ูก จัด ไวเ ปน ทิศ เบื ้อ งขวา. ข า งขวานี้ ภ าษาบาลี ให ค วามสํ าคั ญ แก คํ าว า เบื้ อ งขวา คื อ วา สํ า คั ญ ว า เบื้ อ งซ าย, คือ ตอ งเอาใจใสม ากกวา หรือ ถนัด กวา . เพราะฉะนั ้น การแสดงความเคารพ เขาจึ ง ให เอามื อ ข า งขวาหั น ไปทางผู ที่ เราจะแสดงความเคารพ; เช น ในการเดิ น ประทักษิณ เขาใหเวียนเอามือขวาไวทางสิ่งนั้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถ าเราจะลุ กออกไปต อหน าผู ที่ เราเคารพ ต องให มื อขวาของเราอยู ข าง ฝา ยนั ้น เรื ่อ ย ; เกิด เปน ธรรมเนีย มมาจนบัด นี ้ วา ถา เราจะนั ่ง ขา งพระพุท ธ รูป ก็ใ หม ือ ขวาเราอยู ท างพระพุท ธรูป จึง จะเรีย กวา เคารพ. เพราะฉะนั ้น ผู ที่
๕๔๐
ฆราวาสธรรม
เป น ลู ก น อ งหางแถว ก็ จ ะนั่ ง ไปทางซ า ยมื อ เรื่ อ ยไป. อย า งนี้ เรี ย กว า ทํ า ถู ก ต อ ง ตามธรรมเนี ย มประเพณี แ ห ง ความหมายของคํ าว า ขวา หรื อ มื อ ขวาเป น สํ าคั ญ . แล วก็ มาเป นความหมายของคํ าวาถู กต องและดี งามไปเลย. กิ จกรรมต าง ๆ ที่ เป น เบื ้อ งขวาก็เลยเปน กิจ กรรมฝา ยกุศ ล ; กิจ กรรมฝา ยเบื ้อ งซา ยก็จ ะถือ เปน เรื ่อ ง ตรงกั น ข า ม ; เพราะขวาเป น ชื่ อ ของของดี ที่ จ ะให จะบู ช า อย า งทั ก ษิ ณ าทาน เป น ต น คํ า นี้ ก็ แ ปลว า ขวาอี ก เหมื อ นกั น ต อ งให ด ว ยมื อ ขวา ต อ งทํ า ด ว ยมื อ ขวา เปนของดี, ฉะนั้นทิศเบื้องขวาก็มีความสําคัญตามความหมายนั้น. ที่ ว าเราจะต องมี ผู นํ าตั้ งแต แรกลื มตาขึ้ นมาดู โลกนั้ น บิ ดามารดาก็ เป น บูร พาจารย, ครูค นแรก อาจารยค นแรก แลว เปน ตอ มาจนตลอดชีว ิต . สว น ครูบาอาจารย ที่ โรงเรียน ที่ วิทยาลั ย ที่ วัดที่ วาอะไรก็ตาม ก็ทํ าหน าที่ อันนี้ ในส วน ที ่บ ิด ามารดาทํ า ไมไ ด หรือ ไมม ีโ อกาสจะทํ า ; ก็เลยเอามาใหเปน ทิศ เบื ้อ งขวา ต อ จากทิ ศ เบื้ อ งหน า . ความเคารพในครูบ าอาจารย จึ งถื อ เป น สิ่ งสํ าคั ญ บั ญ ญั ติ ไวใ นฐานะเปน สวัส ดีม งคล เปน สิ ่ง ที ่เ ปน มงคลสูง สุด ; แลว ก็ล ามปามไปถึง คนเฒาคนแก.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คนเฒ าคนแก นี้ เกิ ดมาก อน รูอะไรมาก เห็ นอะไรมาก ก็ อยู ในฐานะที่ จะเปน ครูอ าจารยไ ปหมด. ก็เ ลยขยายขอบเขตออกไปจนถึง วา จะตอ งไหว คนเฒา คนแก เคารพคนเฒา คนแก เคารพพอ แม เคารพครูอ าจารย มัน ไป ทางเดี ยวกั น หมด. อย างที่ ผ มเคยเล าให ฟ งบ อ ย ๆ ว า การเคารพคนเฒ าคนแก นี้ ถื อ กั น เคร ง มาก ในวั ฒ นธรรมไทยโบราณ .ถ า เห็ น คนแก แ ล ว จะต อ งไหว ทั ้ง นั ้น ; แมจ ะเปน คนบา ๆ บอ ๆ ก็ต อ งไหว ; เดิน สวนทางมาเห็น คนแก ก็ ต ะต อ งยกมื อ ไหว ทํ า ความเคารพคนแก นั้ น แม จ ะบ า . เราไม ได ไหว ค วามบ า ของเขา ; แตไ หวส ัญ ญลัก ขณข องความเปน ผู รูร าตรีน าน คือ วา เกิด กอ น รูจ ัก
ทิศเบื้องหลัง และเบื้องขวา - ซาย
๕๔๑
โลกมากกวา ; เปน สัญ ญลักขณเหมือนกับ เราเห็นผาธงชาติก็ไหว อยางนั้น , เราก็ไมไดหมายความวาไหวเศษผาไมกี่สตางคนั้น แตเราไหวความหมายของชาติ. ผมเมื่อเด็ก ๆ ก็เคยไหวค นแกที่เดิน ผา น แมเปน คนบา ; ซึ่ง เรา ก็รูอ ยูวา เปน คนบา ; แตอ าจารยบัง คับ ใหไ หวก็ตอ งไหว ไมไ หวก็ตอ งถูก ตี. ไมตองรูวา คนเฒาคนแกนั้นจะเปนอะไร, เปนคนเฒาคนแกก็แลวกัน. นี่ก็เปน การทําใหหัวใจของเรานี้ออนโยน สุภาพ ไมกระดางดวยมานะ. มันก็เปนนิสัยที่ดี เปนอะไรที่ประเสริฐอยูในจิตใจ จะไมกระดางดวยมานะ. ขอใหนึกถึงคําวา “รัตตัญู” แปลวา ผูรูราตรีนาน ราตรียาว นั้นคือ คนเกิด กอ น. เขาทํา อะไรไดกอ น. เดี๋ย วนี้เ ขามีคํา พูด วา กูกิน ขา วกอ นมึง , กูกิน นมแมกอ นมึง ฯลน ; หมายความวา เขาเกิด กอ น ตอ งรูอ ะไรดีก วา ; อยางนอยเขาก็รูวา รสของขาว รสของน้ํานมนั้นเปนอยางไร กอนเด็ก ๆ คนนี้. เพราะฉะนั้นเขาก็มีความรูมากกวาเรา กอนเรา. รัตตัญ ู ตามปกติแลวก็ตอง เห็นอะไรมามาก ; ก็ตองพูดอะไรเปนประโยชนไดเปนธรรมดา ; คนบาบอนั้น มันยกเวนไป.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ ผมจะเอาธรรมชาติเปนหลัก เชนสุนัขตัวนี้มันแกกวาเพื่อน มัน ฉลาดกวา เพื ่อ เพราะอายุม ัน มากกวา เพื ่อ น. อีก ตัว หนึ ่ง นี ้ม ัน เพิ ่ง เกิด มัน โง หลายอยางตอหลายอยาง ; แตแลวมันก็ฉลาดขึ้น ฉลาดขึ้น โดยที่มันสอนกัน อยูต ามธรรมชาติ ; ไมมี ครูที่ ไหนมาสอน. นี่ คือผลของการที่วา รูราตรีนาน รัตตัญู. มันจะโงจะฉลาดโดยพื้นฐานของมัน โดยกรรมพันธุอยางไรก็ตามใจ แตค วามที่มีอ ายุม าก มัน ก็ตอ งรูอ ะไรขึ้น มากกวาเสมอ เพราะมัน ถา ยทอด กันได เพราะมัน เอาอยางนี้ ; ที่แ รกก็ทําอะไรไมเปน แลวตอมามัน ก็ทําเปน
๕๔๒
ฆราวาสธรรม
เพราะมันเอาอยางตัวที่เกิดกอน มันก็เลยถายทอดกันมา. สําหรับสุนัขนั้นอยาง วิชาที่จะกัดงูใหตายนี้มิใชงาย ; แตตัวแรก ๆ มันทําเปน ตัวหลังมันก็ทําเปนตาม แลว ก็ไ มม ีอ ัน ตราย ; กัด งูใ หต ายได. นี ่ค ือ ผลของการเกิด กอ น รูร าตรีย าว นานกวา. เพราะฉะนั้น จะตองถือวาคนที่มีอายุมากกวานี้ เปนครูบาอาจารย อยางใดอยางหนึ่งแงใดแงหนึ่งแมเขาจะเปนคนบา ถาเขาพูดไปตาม experience ของเขาแลว มัน จะมีป ระโยชนแ กค นฟง เสมอ. เพราะฉะนั้น อยา ไดดูถูก คน เกิด กอ น หรือ คนเฒา คนแก ; เขาเปน ผูที่ค วรทํา ความเคารพอยา งหนึ่ง ใน สามอยาง คือวัยวุฒิ ชาติวุฒิ คุณวุฒิ. เขาดีกวาเราโดยเขาเกิดกอนคือวัยวุฒิ, ดีกวาเราโดยชาติตระกูล, เขาดีกวาเราโดยคุณวุฒิ. นั่นแหละคือทิศเบื้องขวา คือผูที่รูอะไรมากกวา ในฐานะที่จะเปนผูนําได เรียกวาทิศเบื้องขวา อยูเบื้องขวา จะตองทําอะไรดวยมือขวา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เดี๋ยวนี้โลกกําลังจะไมมีทิศเบื้องขวา ; ครูบาอาจารยถูกทําลายใหเปน ลูก จา งสอนหนัง สือ ไปทั้ง โลก, ไปเปน เพื่อ นเลน ของเด็ก เสีย แลว . ถา เด็ก ๆ แมสมัยนี้ถูกอบรมใหเปนผูที่เห็นวา ครูบาอาจารยเปนทิศเบื้อขวา แลวโลกทั้งโลก ก็จะดีกวาที่เปน อยูเดี๋ยวนี้, อยางที่เห็น อยูในบัดนี้, พูด ใหมัน ชัด คือ ฮิป บี้จ ะ เกิดขึ้นในโลกไมได ถาวัฒนธรรมอันนี้ยังอยู. ที่มันนอกคอก ไมเชื่อครูบาอาจารย ไมเชื่อบิดามารดา ไมเชื่อคนแก ไมมีกตัญูกตเวที นี้เปนบาปกรรมของมนุษย ในโลกที่ละทิ้งทิศเบื้องขวา ; ทําทิศเบื้องขวาใหมืดมัว จนมืดมิดไปหมด.
การที่จะปฏิบัติตอครูบาอาจารยอยางไรเทาที่มีอยูในนวโกวาทนั้นผมจะ ไมพู ด เพราะวามันจะเปลื องเวลาโดยไมจําเป น. ไปอานเอาเอง ไปดูเอาเอง
ทิศเบื้องหลัง และเบื้องขวา - ซาย
๕๔๓
แลวปฏิบัติใหเครงครัดตามนั้น ; ผลมันก็จะไดตามนี้ ตามที่เรากําลังพูด แลว คุณก็ทองกันอยูในเวลาที่ไหวพระสวดมนต ทองนวโกวาท. ใหถือวา เราตองมี ทิศเบื้องขวานี้ คือสวางไสวอยูจนตลอดชีวิติ. ตั้งแตเกิดมา จนตลอดชีวิตจะตองมี ทิศเบื้องขวาที่แจมแจงชัดเจน สวางไสว ปฏิบัติถูกตองอยูอยางนาชื่นใจ จน ตลอดชีวิต. ทิศเบื้องขวาหมายความถึงที่พึ่งทางสติปญญาในระยะเริ่มแรก ; เปน การตั้งตนที่ดีที่ถูกตองเพื่อจะสรางพื้นฐานแหงชีวิตของคนที่เกิดมา ใหมีพื้นฐาน ที่ดีและงอกงาม เจริญไปตามจุดหมายปลายทาง คือนิพพาน. ครูบาอาจารย เปนผูนําในทางวิญญาณในระยะเริ่มแรก เพื่อไปสูจุดหมายปลายทางคือนิพพาน เปนที่สุด. นี่เรื่องครูบาอาจารยมันเกี่ยวกับนิพพานอยางนี้. แมจะสิน ก. ข .ก. กา. ก็ถือวามันเปนการเริ่มตนที่จะใหมีสติปญญาฉลาด ; รูหนังสือนี้มันฉลาดกวาไมรู หนังสือ จึงใหเรียนหนังสือ ; แลวก็ฝกความฉลาดอยางอื่น ๆ เพิ่มขึ้น ๆ แลวนํา ไปใชใหถูกวิธี สําหรับจะไปนิพพาน อยามาหลงอยูในวัฏฏสงสาร.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สมมุติวา จะตองหลงอยูในวัฏฏสงสาร ก็ใหมันเกิดความฉลาดขึ้น ใน กองทุกขนั้นเอง ; ก็จะไมหมกอยูกับกองทุกขจนตลอดชีวิต เพราะมันมีสติปญญา ฉลาดไปตั้ง แรกเริ่ม เดิม ทีแ ลว ; มัน ไมโ งอ ะไรนาน มัน ไมโ งอ ะไรดัก ดาน มันก็เปลี่ยนเปนความฉลาดไปตามลําดับ. ตอไป ทิศเบื้องซาย - ญาติ และ มิตร. คําวา “ซาย” ในที่นี้ ไมไดหมายความวา ผิดตรงกันขามจากเบื้องขวา แลว เพียงแตมีความสําคัญรองลมมาในทํานองนั้น คําวาซายในความหมายอื่น ๆ หมายความวาตรงกันขามจากขวากลายเปนผิดไปก็มี ; เราไมเอาความหมายนั้น
๕๔๔
ฆราวาสธรรม
เราเอาความหมายตรงที่วา มันคูกันกับขวา ; มือขวาเกงกวามือซาย ; มือซาย เปนรอง เปนลูกนองของมือขวา : มีทั้งซายทั้งขวาก็ทําอะไรไดดี. เมื่อคนเรา เกิ ดมามี ทั้ งมื อซ ายมื อขวา ; หน าที่ ของมื อขวาก็ อย างหนึ่ ง หน าที่ ของมื อซ าย ก็อยางหนึ่ง พอรวมกันเขาทั้งสองมือ ก็สมบูรณ เทานั้น. เพราะฉะนั้นเราตอง ปฏิบัติใหถูกตอง. คนบางคนอุตริใชมือซายแทนมือขวา ก็ตองเปลี่ยนชื่อเสียใหม วามือขางนั้นของเขา เขาเอาเปนมือขวา. คนที่เขียนหนังสือดวยมือซายนั้นก็ให รูเสียวามือที่เขียนนั้นมันมือขวา. มันถนัดซาย มือนั้นก็ถือวาเปนมือขวา. อยางนี้ เราก็ไมหลงในความหมายของคําวา “ซาย - ขวา.” ทิศเบื้องขวาคือทิศใต ทิศเบื้องซายคือทิศเหนือ มันกลัวกันอยูอยางนี้ ; นั่นในทางภาษาพูด ทิศเหนือเลยดูเลวกวาทิศใต. คนไทยแตโบราณเรียกทิศใต วา “หัวนอน” . ในศิลาจารึกพอขุนรามคําแหงวา “เบื้องหัวนอน” มันหมายถึง ทิศใต ; เพราะฉะนั้นเขาจึงนอนหันหัวไปทางทิศใต ซึ่งเปนเรื่องของไสยศาสตร หรืออะไรก็ตามที. คนโบราณเห็นความสําคัญของทิศใต จะนอนหันหัวไปทาง ทิ ศ ใต เป น สวั ส ดี ม งคล ; นอนหั น หั ว ไปทางทิ ศ เหนื อ หรื อ ตะวั น ตก เป น อัป มงคล; นี้เ ปน ไสยศาสตร สว นวิท ยาศาสตรจ ะมีอ ยา งไรก็ไ มรู. แตวา ทางธรรมะ ทางศาสนาเขาวาครูบาอาจารย อยูทางทิศใต อยูทางทิศหัวนอน. เพราะฉะนั้นเราจึงหันหัวนอนไปทางทิศใตมันก็ถูกเหมือนกัน คือเราจะไมกระดาก หรือขยะแขยงวา เราเหยียดเทาไปทาง ครูบาอาจารย ; เมื่อนอนก็คงจะทําให จิตใจสบายขึ้นมา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทิศเบื้องซายมันก็เปนทิศสนับสนุนทิศเบื้องขวา เอากันอยางนั้นก็แลว กัน ; มือซายสําหรับสนับสนุนมือขวา ใหมันมั่นคงขึ้นอีกกี่เปอรเซ็นตก็ตามใจ; ไดแ กญ าติ และมิต ร.ทีนี้ถา เราจะมองกัน ในฐานะเปน ที่พึ่ง มัน ก็เ ปน ที่พึ่ง
ทิศเบื้องหลัง และเบื้องขวา - ซาย
๕๔๕
รอบ ๆ ตัว ; เพราะเรามีญาติและมิตรรอบตัว เปนที่พึ่งในความหมายทางสังคม ; คือรวมมือกันเปนจํานวนมาก ทําของยากใหเปนของงาย, ทําของหนักใหเปน ของเบา. คําวา “ญาติ” แปลวาผูที่เราตองรับรูอยูในใจเสมอ วาเขาเปนญาติ ก็ตองรับผิดชอบในหนาที่ที่เราจะตองประพฤติตอญาติ. คําวา “ญาติ” ธาตุศัพท แปลวารูความหมายก็คือตองรับรู ตองนับไวในใจ. “มิตร” แปลวาผูมีความรัก. มิ ต ร - แปลว า ความรั ก ; แต ไ ม ใ ช รั ก ทางกามคุ ณ . มิ ตฺ ต , มิ ต ร อะไร ก็ต าม แปลวา ความรัก รัก อยา งบริส ุท ธิ ์ ; เพราะวา เปน ผู เ ปน ประโยชน เกื้อกูลแกกันและกัน. เพราะเรามีทั้งผูที่เราจะตองรับรูดวยความรัก. ใชคําวา วิส าสะ ; วิส าสะ แปลวา เกี่ย วกัน เปน ประจํา ; แลว ก็เ กิด กํา ลัง มั่น คงขึ้น มาทางสังคม. เชนหมูบานนี้ ถาทุกคนรักกันอยางญาติมิตรก็เจริญ ศัตรูก็ทํา อะไรไม ได ; ความเจริญ ก็ เป น ไปอย างงายดาย. ที่ พึ่ งทางสังคมเป น อย างนี้ ; เพราะฉะนั้นเราก็ขจัดศัตรูออกไปเสียโดยวิธีที่ดี คือใหทุกคนเปนมิตร.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาทําผิดไป ความเปนศัตรู หรือความไมเปนมิตรนี้จะเกิดขึ้น แมแก พี่นอยรวมสายโลหิต ;มันก็สําคัญ มากอยางนี้. ตอใหเปนญาติพี่ นองรวมสาย โลหิต ที่เรียกวาคลานตามกันมา ; มันจะเปนศัตรูกันขึ้นมาได ถาทําผิดในทิศนี้; และจะเปน ศัต รูที่รา ยแรง เพราะวา มัน อยูใ กลชิด . เพราะฉะนั้น จึง สอนให แผเมตตาจิต ไมมีใครที่เปนศัตรู ; พระพุทธเจาทานสอนอยางนั้น. เราจึงตอง ยอ มจิตใจของเราไปในทางที่ไมมีใ ครเปน ศัต รู ; แมเขาจะมาฆา เรา เราก็ไม ถือวาเขาเปนศัตรู จะพยายามทําความดีชนะความชั่ว.
มีเรื่องตัวอยาง ในกกจูปมสูตร พุทธภาษิตที่เคยเอามาเลาใหฟงบอย ๆ จะเปนหลักในเรื่องนี้. ที่จะทําใหใครในโลกนี้ไมเปนศัตรู เพราะถือเปนมิตรหมด.
๕๔๖
ฆราวาสธรรม
มีเรื่องวา โจรมาจับเราผูกเขาแลว เอาเลื่อยมาเลื่อย ; กกจะ แปลวา เลื่อย. พอเลื่อยมันเลื่อยผิวหนังขาด เขาก็ไมคิดประทุษรายแกโจรนั้น ; ถาประทุษราย ก็ไ มใ ชค นของตถาคต. ถา มัน เลื่อ ยเนื้อ ขาด ก็ไ มป ระทุษ รา ยแกโ จรนั้น ; มั น เลื่ อ ยถึ ง กระดู ก ก็ ไม ป ระทุ ษ รา ยแก โจรนั้ น ; มั น เลื่ อ ยถึ ง เยื่ อ กระดู ก ก็ ไม ประทุษ รา ยแกโ จรนั้น . อยา งนี้เ ปน คนตถาคต เรีย กวา ไมม ีศัต รู ; ในบาลี เรียกวา กกจูปมสูตร ในมัชฌิมนิกาย ถือเปนจุดสําหรับเพงเล็งที่วาจะไมมีศัตรู ; แมตายไปก็ไมมีศัตรู เพราะวาไมคิดวาใครจะเปนศัตรู.แลวก็มีวิธีที่จะทําศัตรู ใหกลายเปนมิตรดวยวิธีตาง ๆ กัน. ไมคิดเอาเอง วาจะชนะความชั่วดวยความดีได อยางไร ? มันก็คือทําใหมีเมตตาจิตตออยูดวยเสมอ, ตายก็ตายไปดวยเมตตาจิต ; เพราะฉะนั้นเราไมมีศัตรู. เราพูดไดในสวนตัวเรา ภายนอกเขาจะดูวาคนนี้ฆาคนนี้ คนนี้ก็ตองเปนศัตรูคนนี้. แตคนที่ตายไปนั้น ไมรูสึกวาใครเปนศัตรู เพราะตั้ง ความปรารถนาดีตอสัตวทั้งปวงอยูเรื่อย. ในบทสวดเมตตา ก็ตองมีการพิจารณา อยางนี้ ไมมีใครที่จะเปนศัตรู ; มีเคล็ดมีอุบายที่จะทําศัตรูใหกลายเปนมิตร โดย การตั้งจิตเมตตาเปนเบื้องหนา แลวกระทําตอเขาตรงตามจิตที่เมตตา. นี่ถือวา เราทํา ตัวใหเปน คนของพระพุท ธเจา เปน คนของตถาคต ; ทํา ศัต รูใหไมเปน ศัตรูได.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาพูดอยางศาสนาคริสเตียนก็มีวา ตบแกมซายใหตบแกมขวาดวย, ขโมยเสื้อไปแลวใหตามเอาเสื้อคลุมไปใหดวย. พระพุทธเจาทานก็ตรัสวา แม เอาเลื่อยมาเลื่อยก็อยาไปโกรธมัน. นี่เพื่อจะทําศัตรูใหกลายเปนมิตรไปทั้งหมดเลย ทั้ง โลกเลย, จะเปน ผีส าง เทวดา สัต วดุรา ย เดรัจ ฉาน เสือ สิง ห, อะไร ก็ตาม มันจะตองเปนมิตรไปหมดสําหรับจิตใจของคนๆ นั้น. เพราะฉะนั้นเรื่อง ฆากันยิงกัน หรืออะไรมันก็มีไมได ; มีความหมายวา มองดูกันดวยสายตาที่แสดง ความรัก เขากันสนิทเหมือนน้ําและนม ; นี่เปนสํานวนบาลี ; เปนโลกแหงมิตร
ทิศเบื้องหลัง และเบื้องขวา - ซาย
๕๔๗
ไม มี ศั ต รู. เดี๋ ย วนี้ เป น โลกแห ง ศั ต รู ด า กั น ระงมไปในบรรยากาศทางวิ ท ยุ ไม รูว า ใครเป น ใครล ว น แต เป น คนเลวไปทั้ ง สองฝ า ย ; ก็ เป น โลกแห ง ศั ต รู , โลกแห ง ความอาฆาต, โลกแห งความกลั ว , ถ าเรามี เมตตาจิ ต เป นมิ ตรไปหมด ก็ เป นโลก แหงความอบอุน. หนาที่ ที่ ปฏิ บั ติตอมิตร เพื่ อสรางความเป นมิ ตร ก็มีอยูในบาลีแห งหนึ่ ง ว า ถ า สู ง กว า โดยลั ก ษณะใดก็ ต าม ให แ สดงความเคารพ, ถ า เสมอกั น ให แ สดง ความเปน กัน เอง, ถา ต่ํ า กวา ใหแ สดงเมตตาปรานี. ถา เอาตัว เราเปน หลัก มัน จะต่ํากวา หรือเสมอกัน หรือสูงกวา. ทีนี้ถามีคนที่ต่ํากวาเรา ก็จะมีตัวของเขาเองเปนมาตรฐาน แลวก็จะมีคนที่ต่ํากวาหรือเสมอกัน และสูงกวาเขาทั้งหมดนี้กลาว ตามบัญญัติความหมายทางโลก ๆ; เพราะมี ก รรมเป น ผู จั ด ให สั ต ว โลกเป น ต า ง ๆ กั น ตามอํ า นาจของกรรมนั้ น มั น ก็ เกิดความต่ํากวา เสมอกัน สูงกวาขึ้นมา. ถ ากรรม - การกระทํ าของเขา จั ดเขาไว ในฐานะที่ มั น สู งกว าเรา โดย เหตุ ไรก็ ตาม, โดยอายุ แก กว าก็ ตาม โดยชาติ สู งกว าก็ ตาม โดยอะไรสู งกว าก็ ตาม หรื อ สมรรถภาพสู ง กว า , ก็ เรี ย กว า สู ง กว า . ถ า มี สิ่ ง เหล า นี้ เท า ๆ กั น ก็ เรี ย กว า เสมอกัน . ถา ดอ ยกวา เราก็เรีย กวา ต่ํ า กวา . ไมม ีช อ งไหนที ่จ ะไปดูถ ูก ดูห มิ ่น ใคร ได เลย. ใครมี จิ ต ใจดู ห มิ่ น ผู อื่ น คนนั้ น เป น สั ต ว เดรั จ ฉาน ไม ป ฏิ บั ติ ต ามคํ า สอน ของพระพุท ธเจา . ที ่ส ูง กวา ใหเ คารพ, ที ่เ สมอกัน ใหแ สดงความเปน กัน เอง, ที่ ต่ํ า กว า ให เ มตตาปรานี ; แล ว จะเอาตรงไหนมาดู ถู ก ดู ห มิ่ น กั น . พระก็ ไ ม มี โอกาสที ่จ ะดูถ ูก เด็ก วัด หรือ เณร หรือ คนที ่เลวไปกวา นั ้น . เพราะฉะนั ้น ขอให ถือ หลัก อัน นี ้ซึ ่ง เปน หลัก พุท ธศาสนา มีอ ยู ใ นรูป ของพุท ธภาษิต พระบาลี, หรื อ จะมี ม าก อ นพระพุ ท ธเจ า ก็ ต ามใจ ; เราถื อ ว า พระพุ ท ธเจ า ท า นรั บ รองหลั ก เกณฑอันนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๕๔๘
ฆราวาสธรรม
ที่เปนกันอยูโดยมาก สูงกวาใหแสดงความเคารพ มันก็ยังไมแสดง ความเคารพ ; มันจะแขงดี มันจะปดแขงปดขาใหหกคะเมนลงไป ; นี่มันไมสราง ความเปนมิตร. ถาเสมอกันมัน ก็อยากจะกดใหต่ําลงไปเสีย, มันอิจฉาริษยา. ทีนี้พอต่ํากวาก็เอาเปนลูกไลไปเลย, มันดูหมิ่นดูถูกโดยประการทั้งปวง. เพราะ ฉะนั้นขอใหเปลี่ยนเสียใหม วาในโลกนี้ ไมมีบุ คคลใดที่เราควรจะไปดูถูกหมิ่ น เหยียดหยาม ขมเหงเขาเลย. สูงกวาก็เคารพ, เสมอกันก็เปนกันเอง, ต่ํากวา ก็เอ็นดูเมตตา, มีอยูเทานั้น ; จะสามารถพลิกศัตรูใหกลายเปนมิตรไปหมดได. มันมีปญ หาปลีกยอยของคนคิดแคบ ๆ บางคน วาเราไปเคารพเขา มันก็เลย ขมเหงเอา ; นั้นมันเปนอันธพาลดวยกันทั้งสองฝาย, มันเปนโลกในยุคที่เต็ม ไปดวยอันธพาล. คนชั้นผูบังคับบัญชาก็เปนอันธพาล ลูกนองมันก็เดือดรอน ; ยิ่งไปเคารพมันเขาก็ยิ่งเดือนรอน แลวมันก็ไมมีอะไรจะนาเคารพเลยสักอยางเดียว มันก็ยากที่จะเคารพ ; ก็เลยไปกันใหญเลย. อยางนี้เราอยาไปคิดอยางนั้นเลย ; อยางนอ ยเขาก็เปน ผูบังคับ บัญ ชาที่มีโ ชคดี ไดรับ มอบหมายใหทํา หนา ที่นั้น เราก็เ คารพในสว นนี ้ก็แ ลว กัน ; แตม ิไ ดห มายความวา เราจะตอ งไปทํ า ความชั่วตามเขา ตามคําสั่งของเขา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คําวาเคารพ ไมไดหมายความวา กมหัวลงไปแลวตองทําตามทุกอยาง. หรือไปพลอยเปนอยางนั้นไปดวย เคารพนั้นหมายถึงเอาใจใสใหถูกตอง ตามวิธี ตามเหตุตามผล เรียกวาเคารพเอื้อเฟอ. เราเคารพตอสุนัข หมายความวา เรา เอาใจใส มั น ให ถู ก ต อ ง ตามเรื่อ งของการที่ เราเป น คน มั น เป น สุ นั ข , จะต อ ง ปฏิบัติตอกันอยางไร ก็เรียกวาเคารพเอื้อเฟอในสิ่งนั้น. เขาสูงกวาโดยปริยายใด ก็เคารพ นั้นแหละเราอาจจะแกไขนิสัยของเขาได.ถาเราไปแขงดีเขาดวย ทีนี้ มันก็จะเกิดอันธพาลตออันธพาลฟดกัน. ทีนี้เสมอกันใหแสดงความเปนกันเอง
ทิศเบื้องหลัง และเบื้องขวา - ซาย
๕๔๙
นี้ก็ไมใชเปนเพื่อนสํามะเลเทเมา ; แตตองประพฤติตอกันอยางถูกตองกลมเกลียว กันไป. ถาต่ํากวาก็เมตตาปรานี อยาไปดูถูกเขา, เห็นอกเห็นใจเขาซิ. เรื่องมันก็มีเทานี้. การที่จะปฏิบัติตอสังคม คือผูที่จะตองเปนมิตร กันและกันทั้งโลก เปนทิศเบื้องซาย ; แมจะต่ํากวาเบื้องขวา แตมันก็ใหญกวาง กวาเบื้องขวา เปนเรื่องรอบตัวเราเสียมากกวา. ถาปฏิบัติตามหลักที่พระพุทธเจา สอน ทิศ เหนือ หรือทิศเบื้องซายนี้ก็จะปรากฏสวางไสว ราบรื่นแกกุล บุตรนั้น โดยไมตองสงสัย. นี่ทิศเบื้องขวากับซาย ทิศคูนี้จะตองปฏิบัติใหถูกตองอยางนี้ ; ไมใช วาตรงกันขามไปเลย.
เวลาของเราก็หมดสําหรับวันนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
ทิศเบื้องบน และเบื้องต่ํา - ๕ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๑๓ การพิจ ารณากัน ถึง เรื่อ งทิศ ๖ ของเราในวัน นี้ ก็ม าถึงคูสุด ทา ยคือ ทิศ เบื้อ งบนและทิศ เบื้อ งต่ํา. ทิศ เบื้อ งบน ได แ ก ส มณพราหมณ , ทิ ศ เบื้ อ งล า งได แ ก บ า วไพร . ทิ ศ บน ทิศลางนี้มันเปนภาษาทางศาสนา ; มีวัฒ นธรรมที่มันเนื่องมา จากทางศาสนา. ชาวบา นเขาไมเ รีย กกัน วา ทิศ อยา งที ่เ รา เห็น กัน อยูแลว. นี้แสดงใหเห็น วาทางศาสนามองสิ่งที่เรียกวา ทิ ศ นี ้ ก ว า งขวางกว า หรื อ ว า ละเอี ย ดลออกว า และยั ง เปนทิศที่สําคัญกวาเสียดวย.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราจะไดพิจารณากันดูถึงคําพูดคูนี้กอน บางทีก็พูดวาบน หรือลาง, บางทีก็พูดวาสูงหรือต่ํา, ก็มีความหมายตางกันบางนิด ๆหนอย ๆ มันก็เล็งถึง สิ่ ง เดี ย วกั น ถ า เป น ภาษาทางวั ต ถุ ไ ปอย า งหนึ่ ง , เป น ภาษาทางธรรมทาง วิญ ญาณนี่ไปอีกอยางหนึ่ง. พูดงาย ๆ ก็วาภาษาสมมุติไปอยาง, ภาษาจริง หรือความจริงก็ไปอีกอยาง. ทั้งนี้ขยายออกไปถึงความดีความชั่ว ; ทิศเบื้องบน
๕๕๐
ทิศเบื้องบน และเบื้องต่ํา
๕๕๑
เบื้องสูงก็สมมุติวาเปนความดี. ทิศเบื้องต่ําเบื้องลาง ก็สมมุติวาเปนชั่วเลยไป อยางนี้ก็มี ; แตเดี๋ยวนี้เราไมมีหลักอยางนั้น. หรือถาจะดูโดยความจริงแลว คําวาบน หรือลางนี้ ก็เปนคําสมมุติ บัญญัติตามความรูสึกซึ่งคอนขางจะไมฉลาด. ควรจะดูถึงขอเท็จจริงที่วา ที่เรา รูสึก วาขางบนหรือ เบื้อ งสูงนั้น มัน ก็อ ยูท างปลายของกระแสดึงดูด ของโลก ; เบื้องต่ํานั้นมันก็อยูทางเบื้องตน หรือจุดตั้งตนของกระแสดึงดูดของโลก ; เพราะ ฉะนั้นจึงมีไดรอบตัว. เพราะวาโลกกลม มีจุดศูนยกลางอยูที่ศูนยกลางแลวก็ดึงดูด เขามารอบตัว ฉะนั้น เรื่องบน - เรื่องลาง สําหรับความดึงดูดของโลกนี้ ไมมี ความหมายอะไรเลย เพราะมันดึงเขามารอบตัว. ทีนี้เรามันไมรูขอนี้ เราเอา แตตามความรูสึกของเราก็รูสึกวา ทางต่ําคือทางที่มันจะตกลงไปเรื่อย ๆ ; ถา ตกลงไปเรื่อยมันก็ไมถูก เพราะวาถาดูตามกระแสดึงดูดแลวมันก็มีตกขึ้น หรือตก ขางหรือตกอะไรรอบตัว. แตนั่นมันเปนวิทยาศาสตร หรือเปนความจริงอะไร ที ่ม ัน มากเกิน ไป ที ่ม นุษ ยไ มต อ งเกี ่ย วขอ งไมต อ งรูก ็ย ัง ได ; เวน ไวแ ตเรื ่อ ง เฉพาะพิเศษที่เกี่ยวกับเรื่องนั้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สวนคนทั่วไปเขาไมตองรูเรื่องนี้เขาก็ยังอยูในโลกนี้ได ; เกิดความรูสึก เปนสูงเปนต่ําขึ้นมา และตองปฏิบัติใหถูกตอง. คนที่เขาไมรูเรื่องนี้เราไปบอก เขาวา ทุกสิ่งมันจะตกไปสูจุดศูนยกลางของโลก เพราะโลกมันกลม ; เขาก็ไมเชื่อ ถาเชน นั้น คนเราก็หอ ยหัว อยูพ วกหนึ่ง ทางดา นหนึ่ง . แลว ก็ชี้ดิ่ง ไปทางขา ง อยูพวกหนึ่ง ; อยางนี้ก็เถียงกันไปเปลา ๆ. ใหตัดออกไปเสียปญหาอยางนี้ไมตอง ทะเลาะกัน ; เอาความหมายสูงต่ําไปตามทางความรูสึกของเรา; เชนสวรรค อยูเบื้องบน นรกอยูเบื้องลาง. ถือตามทางวิทยาศาสตรมันไมมีเบื้องบนเบื้องลาง. หรือวาเบื้องลางถาจะมีก็ตองไปมีที่จุดศูนยกลาง ที่เปนไสของโลก. สวรรคก็หาง
๕๕๒
ฆราวาสธรรม
จากโลกออกไป ๆ. ถาจะเอาทั้งสากลจักรวาลเป นหลัก มันก็ยิ่งไมมีอยางนั้นใหญ ; เพ รา ะ ม ัน เค วง ค วา งอ ยู เ รื ่อ ย ไม ม ี บ น - ลา ง เห นือ - ใต ต ก - อ อ ก ; และบน- ลา ง เหนือ - ใต ตก - ออก นี ้ม ัน ก็อ ยู ใ นแถบโลกหนว ยหนึ ่ง ๆ ซึ ่ง มีจ ุด ดึง ดูด อยู ต รงกลางนี ้ ; อาศัย หนว ยอื ่น เปน หลัก เปน จุด สัง เกต แลว จึง เกิด หนา หลัง เหนือ ใต ตกออก ขึ ้น มา. เพราะฉะนั ้น ตามความจริง ทางวัต ถุ ไปอยา งหนึ ่ง , ตามทางธรรมทางศาสนา เขาเล็ง ไปอีก อยา งหนึ ่ง ; อยา ไป มัวทะเลาะกันอยูในเรื่องนี้. สํ า หรับ ทิศ ทั ้ง สองคือ ทิศ เบื ้อ งบน เบื ้อ งต่ํ า นี ้ก ลายเปน ถูก หรือ ดี ทั ้ ง ส อ งอ ย า งที ่ จ ะต อ งป ฏิ บ ั ต ิ . เบื ้ อ งบ น คื อ ส ม ณ พ ราห ม ณ , เบื ้ อ งล า ง คื อ ผู ที่ ต่ํ า กว า เรา เป น บ า วไพร ; กลายเป น ทิ ศ ที่ ต อ งปฏิ บั ติ ใ ห ถู ก ให ดี ต อ งไหว เหมือ นกัน เลย. แมท ิศ เบื ้อ งต่ํ า คือ บา วไพรก ็ต อ งไหว. นี ้ก ็พ ูด เลยขอบเขต ออกไป จนถึ ง เรื่ อ งที่ เราจะทํ า ความเข า ใจ ในทางที่ จ ะไม ต อ งทะเลาะวิ ว าทกั น เกี่ ยวกั บเรื่องคํ าพู ด. ให ถื อเสี ยวาทางศาสนาก็ มี คํ าบั ญญั ติ เฉพาะความหมายเฉพาะ อะไรก็ต ามเรื ่อ งทางศาสนา. ทางวิท ยาศาสตรเ พิ ่ง รู แ ตเ รื ่อ งโลก เรื ่อ งวัต ถุ เรื่ อ งสสารกํ า ลั ง งาน อะไรทํ า นองนี้ มั น ก็ ไปอี ก อย า งหนึ่ ง ; ไม จํ า เป น จะต อ งไป ทะเลาะวิว าทกัน ในเมื ่อ รู ค วามจริง วา เรามุ ง หมายถึง อะไรกัน อยา งไรกัน . เป น อัน วาเรื่อ งทิ ศ ทั้ ง ๖ นี้ เป น เรื่อ งที่ ต ะต อ งไหวเสมอกั น แม จ ะสมมุ ติ บั ญ ญั ติ ไป ยังสิ่งใดสิ่งหนึ่ง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ต อ ไป นี ้ เราก็ จ ะ พู ด เรื ่ อ งทิ ศ เบื ้ อ งบ น – ส ม ณ พ รา ห ม ณ นี่ เล็ งถึ ง ตั ว บุ ค คลซึ่ ง มี คุ ณ ธรรมสู งกว า ในทางจิ ต ทางวิ ญ ญาณ ; ไม ได เล็ ง ถึ ง ทาง วัตถุ ทางรางกาย ทางทรัพย สมบั ติ หรือทางชาติ กํ าเนิ ดอะไร ไม ต องเอามาพู ดถึ ง. เอาคุณธรรมทางวิญญาณเปนหลัก จึงเกิดสมณพราหมณขึ้นมา.
ทิศเบื้องบน และเบื้องต่ํา
๕๕๓
สมณะ แปลวา สงบ ผูส งบ ; มัน มีค วามหมายสูง ตรงที ่วา ตามธรรมดาคนมั น ไม ส งบ, คนทั่ วไปนั้ น ไม ได ส งบ คื อ เรงรอ นทางวิ ญ ญาณ กระสับกระสายทางวิญญาณ ยุงยากในทางวิญญาณ ; คนธรรมดาเปนอยางนี้ เพราะยัง ไมรูอ ะไรเปน อะไร. สว นสมณะเปน ผูที่รูวา อะไรเปน อะไร ถึง ที ่ส ุด หรือตามสมควร จึงจะทําใหเกิดความสงบขึ้นมาในใจ ; แลวรางกายก็สงบ อะไร ก็สงบไปหมด. สมณะเกิดขึ้นมาในโลกไดก็เพราะความไมสงบในโลกนี้ มันทําให เปนปญหาขึ้นมา เขาก็คนควาจนพบความสงบ ; แลวก็เกิดเปนบุคคลจําพวกหนึ่ง ในโลกนี้. มัน ก็เริ่ม มีขึ้น ๆ จนกระทั่ง สูงสุด ไดใ นที่สุด ; คือ เปน คนมีปญ ญา รูจักสังเกต หรือชางสังเกต วาที่เปนอยูอยางนี้ มันก็ยังเปนการทนทรมาน ก็เลย ไตออกไป ๆ ออกไปจนพบที่มันไมทรมาน. ถามนุษยสมัยแรกยังเปนคนปา ตองการแตหากินและตองการสืบพันธุ อะไรทํานองนี้ ; เขาก็มีความสงบอยูพอใช เพราะจิตใจมันไมทะเยอทะยาน ; แตมัน เปนไปเองตามธรรมชาติ ก็ดูค ลายจะโง ; แตมันโงช นิด ที่ไมเปน ทุกข. ทีนี้มนุษยเจริญดวยสติปญญามากขึ้น ๆ รูจักทําสิ่งที่ทําใหตัวเองหลงรักหลงเกลียด อะไรมากขึ้น ๆ ก็เลยเปนมนุษยที่ไมสงบมากขึ้น. คนมีปญญาบางคนมองเห็น ก็หลีกออกไปจากความวุนวาย ไปหาความสงบ เปนอยูอยางสงบ อยูในที่สงบ ก็เรียกวาเปนสมณะขึ้นมา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org คําวา “พราหมณ ” นั้น ตามตั วหนังสือ ก็วามาจากพรหม หรือ เนื่องดวยพรหม เกี่ยวกับพรหม. คําวา พรหม แปลวา ประเสริฐ เลิศกวาสิ่งใด หมด ; พวกพราหมณเปนพวกที่เขาวาเอาเองวาเขามาจากพรหมก็ตามใจเขา. แตเราก็ไดความวา เปนคนที่ดีกวาคนธรรมดา,เปนผูมีความรูความฉลาดในดาน จิตดานวิญญาณ ดีกวาคนธรรมดา. แตไมไดเล็งถึงความสงบ คือไมไปถึงขนาด
๕๕๔
ฆราวาสธรรม
สมณะ ; ยังอยูที่บานที่เรือนชวยแนะนําอะไรตาง ๆ ทางจิตทางวิญญาณ พรอมกัน ไปกับมีบุตรภรรยา. มองไปอีกแงหนึ่ง พราหมณ ก็ยังใชไมไดหรือยังดอยกวาสมณะมาก ; แตเขามาเหนือเมฆเขามาจากพรหม. อีกทีหนึ่งเราจะมองในแงกลับ : ถาเขา สามารถทําความสงบไดทั้งที่มีครอบครับ มันก็ตองเกงกวาสมณะ ที่เอาตัวรอดได เพียงคนเดียว. ถึงอยางไรก็ดี ขอเท็จจริงก็พิสูจนแลววา พราหมณจะสงบอยาง สมณะไมได ; แตเขาก็มีหนาที่ ที่จะทําความสงบเทาที่จะทําได ในทางครอบครัว หรือในทางสังคม. เพราะสมณะนั้นหลีกออกไปจากสังคม, สวนพราหมณอยูใน สัง คม ก็ม ีค า ในทางนี้ม ากกวา . ไดยิน วา ในประเทศญี ่ปุ น เขามีพ ระที ่มี ภรรยาได เพราะเขาตองการจะรับหนาที่ทางสังคม ทํานองเดียวกับพราหมณ. สวนพระที่ไมเกี่ยวของกับสังคม ไมเกี่ยวกับครอบครัวก็เปนสมณะไป ; ก็เลยมี ทั้ง ๒ พวก อยางนี้ก็มีเหมือนกัน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ครั้งแรกที่สุด เราสันนิษฐานไดวา มันตั้งตนไปจากพระในครอบครัว กอน จึงคอยเขยิบสูงขึ้นไป จนเปนพระที่กระเด็นออกไปจากครอบครัว คือเปน สมณะ. ถาเกี่ยวกับครอบครัว มันก็เกี่ยวกับสังคมกวางออกไป ๆ เปนเจาหนาที่ ทางวิญญาณ ทางฝายสังคม ทําพิธีรีตองอะไรเหลานี้ ไมใชเรื่องสงบเพื่อจะไป นิพพาน ; กลายเปนเจาหนาที่ทางทําพิธีเสียมากกวา.
คําวา priest ในภาษาศาสนาคริสเตียนที่แปลวาพระนั้น เขาหมายวา พระทําหนาที่ทางพิธีรีตองอยางพราหมณเหมือนกัน priest มันอยางเดียวกันกับ พราหมณ. สวนพระที่ตรงกันกบสมณะก็มีเปนอยางอื่น พวกคริสเตียนเขามีคําวา hermit อะไรทํานองนี้ คือวาไมยุงในเรื่องพิธี.
ทิศเบื้องบน และเบื้องต่ํา
๕๕๕
นี่เรารูจักความแตกตางระหวาง “สมณ” กับ “พราหมณ” กันอยางนี้ วาเมื่อยูเปน ๒ ฝาย ; และถูกจัดไวในฐานะเปนทิศเบื้องบนเหมือนกัน คือดีกวา ในทางวิญญาณ. ถาจะจัดวา พระที่ทําพิธีรีตองจะโงงมงายไปเสียหมดมันก็ไมได เพราะเหตุที่วามนุษ ยนั้นมันโงเอง ; สวนใหญ ของมนุษ ยโงมาดวยความไมรู ; ฉะนั้น ๘๐ - ๙๐ เปอรเซ็นตยังไมรู มันก็ตองมีพิธีรีตองเพื่อใหพวกไมรูเหลานี้ ยึ ด ถื อ ไว ก อ น ; ก็ จํ า เป น เหมื อ นกั น ไม ต อ งตั ด ออก. แต ข อให พิ ธี รี ต องนั้ น มั น มี ป ระโยชน เถิ ด . คํ า ว ามี ป ระโยชน ก็ คื อ วา ให มั น เกิ ด ความสงบสุ ข ขึ้ น มา ในสังคม. ฉะนั้นเมื่อเขาเชื่อศาสนากันมาก ๆ ทําตามพิธีทางศาสนาอยู มันก็ไป เบี ย ดเบี ย นใครไม ได เหมื อ นกั น ; ฉะนั้ น พราหมณ ก็ มี ป ระโยชน ในส วนนี้ . แต สวนที่มันเตลิดเปดเปงออกไปไกลลิบนั้น มันเปนแขนงออกไปบางสาขา เชนมี การบูชายัญ เอาคนมาฆาบูชายัญ ; อยางนี้ก็รับไมได มันกลายเปนปาเถื่อน ไมเสียอีก. ความมุงหมายของพราหมณไมใชอยางนั้น ไมใชจะเอาคนมาฆาบูชา ประจบพระเจา ;แตมีความหมายวา เปนพระที่อ ยูใกลชิดสังคม ฉะนั้นก็ตอ ง มีบุตรภรรยาไปตามเรื่อง. สวนพระที่กระเด็นออกจากสังคมก็เปนสมณะเดี่ยวโดด ; แมจะมาเกี่ยวของสั่งสอนสังคม เขาก็ไมกลับเรียกวาพราหมณ คงเรียกสมณะอยู อย า งนั้ น เอง. พวกพราหมณ นี้ เป น คฤหั ส ถ เสี ย มากกว า ,หรือ เป น พระในเพศ คฤหัสถ. แตถึงอยางไรก็ดียังมีจิตใจสูง ยังมีความรูสูง รักษาไวซึ่งคัมภีร มา ตั้ ง แต ส มั ย ที่ ยั ง ไม มี ก ารเขี ย นหนั ง สื อ พิ ม พ ห นั ง สื อ . ถ า ไม ได พ วกพราหมณ คัมภีรตาง ๆ ก็มิไดเกิดขึ้น หรือมิไดมีอยู ; เพราะเปนคนอธิบายคําสอนของ สมณะอีกทีหนึ่ง. คําสอนของสมณะนั้นลึกเกินไป พวกพราหมณเขาชวยอธิบาย อี ก ที ห นึ่ ง . เขาเรีย กว า คั ม ภี รพ ราหมณะ ล ว นแต เป น คํ า อธิ บ ายเรื่อ งที่ ลึ ก ให เหมาะสมกับชาวบาน, ใหชาวบานเขาใจไดในลักษณะที่เหมาะสมกับชาวบาน.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
๕๕๖
ฆราวาสธรรม
นี ่ก ็พ ูด มากไปทางตัว หนัง สือ แตก ็ม ีป ระโยชนสํ า หรับ จะรู ว า อะไร เปน อะไร. เมื ่อ มองเห็น ประโยชน หรือ ความสํา คัญ ของคนทั้ง สองพวกนี้แ ลว ก็เกิดหนาที่ ที่จะตองประพฤติ ปฏิ บั ติใหถูกตองเพื่ อประโยชน. เพราะฉะนั้ นจึงเกิด เปน สิ ่ง ที ่ต อ งแลดู หรือ เหลีย วดู คือ วา เปน ทิศ ขึ ้น มาทิศ หนึ ่ง เปน ทิศ เบื ้อ งบน. ทิศ เบื ้อ งบนก็ต อ งมองแหงนหนา เปน ธรรมดา ; เพราะวา เรามีรูป รา งอยา งนี้ จะดูท ิศ เบื ้อ งบนก็ต อ งแหงน ใหม ีค วามรูส ึก วา อยู ส ูง ; ทางรา งกาย ทางวัต ถุ ก็ตองแหงน ทางจิตทางวิญญาณก็ไมตองแหงน จิตคิดนึกไดรอบดาน. เราไดพูดกันแลววา สมณพราหมาณ เปนที่พึ่งทางวิญญาณ แลวก็เปนที่ พึ่งสูงสุดทางวิญญาณคือสมณะ. ผูใดตองการประโยชนอยางยิ่งทางวิญญาณถึงระดับ สูงสุด ก็ตองสนใจกับสมณะ ; เพราะฉะนั้นจึงมีคํากลาวมาแตโบราณกาล, แมใน พุ ท ธศาสนานี้ ก็ย อมรับ วา : - “การได เห็นสมณะเป นการดี เป นความประเสริฐ”. เขาถือ วา เพีย งแตไ ดเ ห็น เทา นั ้น ก็เ ปน การประเสริฐ ;นี ่เ ห็น ดว ยตา ยิ ่ง เห็น ดว ยใจ เห็น ดว ยสติป ญ ญา ก็ยิ ่ง ประเสริฐ ถึง ที ่ส ุด . อยา งเราเห็น พระพุท ธเจา ทางรา งกายนี ้ก็เรีย กวา ประเสริฐ คือ เห็น คนที ่ม ีอิน ทรียส งบระงับ ; ก็เกิด ความ คิด นึก รูส ึก อัน ใหมขึ ้น มา วา นี ่ม ัน อะไรกัน , ทํ า ไมมัน จึง นา ดู นา รัก อยา งนี ้ ; มัน ก็ป ระเสริฐ แลว ในประโยชนเปน จุด ตั ้ง ตน . ยิ ่ง ไปรู จ ิต ใจของทา นเขา อีก วา เป นอย างไร คื อเห็ นท านในทางวิญ ญาณอี กที หนึ่ ง ก็ ยิ่ งประเสริฐ คื อจิ ตใจมั นวิ่ ง ตามไป จนไดรับประโยชนสูงสุดนั้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้ น การมี ส มณะในโลก จึ งเป น โชคดี ที่ สุ ด ของโลก ; เพราะ เพีย งแตไ ดเ ห็น ก็ย ัง ดี. แรกเห็น ก็ม ีค วามรู ส ึก เปน คนประหลาด ทํ า ไมจึง มี ความสงบรํา งับ ? นา สนใจนา เอาใจใส. ก็เ ลยเอาใจใส ; มัน เปน เครื ่อ ง จูงใจ มีอิทธิพลจูงใจโดยไมรูสึกดวย แลวก็โดยตานทานไมไหวดวย. ถูกจูงไปได.
ทิศเบื้องบน และเบื้องต่ํา
๕๕๗
เดี๋ ย วนี้ เรามาเตื อ นกั น และกั น ให ป ฏิ บั ติ ให เต็ ม ที่ ในเรื่ อ งเกี่ ย วกั บ สมณะ หรื อ พราหมณก ็ต าม ; คือ ใหเคารพ ใหทํ า อะไรทุก อยา งที ่เราจะไดป ระโยชนจ าก สมณพราหมณ นั้ น . นี่ คื อ เป น การไหวทิ ศ เบื้ อ งบนอย างนี้ . รายละเอี ย ดไปดู ใน นวโกวาท. รวมความแล ว ให เราทํ า ทุ ก อย า ง เพื่ อ ให เราได รั บ ประโยชน จ าก สมณะและพราหมณ ซึ่งมี อยู ในโลก. พวกหนึ่ งอยู ใกล ชิด คื อ พราหมณ ; พวก หนึ่งอยูหางไกลออกไป สําหรับขั้นสูงขึ้นไป คือสมณะ. สํ าหรับ คํ าวา “พราหมณ ” อีก คํ าหนึ่ ง มี ความหมายพิ เศษ ; ก็ ยื ม มาจากพวกพราหมณ หรือ ศาสนาพราหมณ เพราะเขาว า เขามาจากพรหม เหมือ นกัน ; เขาวา เปน ผู ห มดบาปแลว โดยประการทั ้ง ปวง ; แมด ว ยการ อาบน้ําศักดิ์สิทธิ์ เขาก็หมดบาปแลวโดยประการทั้งปวง. ทีนี้เราไมเอาความหมาย ของพราหมณ ต รงที่ อ าบน้ํ า ; เราเอาความหมายตรงที่ ห มดบาปทั้ ง ปวง มา พิ จารณาดู แลวก็มาทํ าให มั นหมดบาปทั้ งปวงขึ้นมาจริง ๆ ; ก็เลยเป นการปฏิ บั ติ ตามระเบีย บของสมณะ ในระดับ ที่เปน พระอรหัน ต. เพราะฉะนั้น พระอรหัน ต จึง ถูก เรีย กวา “พราหมณ”. คํ า วา “พราหมณ” ถา เอามาใชใ นพุท ธศาสนา กลายเปน พระอรหัน ตไป ; พระอรหัน ตเทานั้น เปน ผูป ระเสริฐ สุด , พระอรหัน ต เทานั้นเปนผูหมดบาปแลว ลอยบาปแลว. ในคัมภีรมากมาย เชนคัมภีรธรรมบท มีคํ า วา “พราหมณ” มากมาย ในพราหมณวรรคที ่เ ปน คํ า สอนอยู ใ นคัม ภีร ธรรมบทนั้น หมายถึงพระอรหันตทั้งนั้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ผูที่เปนพราหมณ คือผูที่หมดกิเลสหมดบาป และเปนผูประเสริฐที่สุด. ที นี้ เราจะถื อ แต อ ย างนั้ น ก็ ไม ได : เราเป น ฆราวาสอยู ในโลกป จ จุ บั น นี้ จ ะถื อ แต อยางนั้นไมได เขาใหถือกวางลงมา แมไมถึงพระอรหันต ; ยังอยูในบานในเรือน อยูในระดับครองเรือนดวยกัน ถาเขามีสติปญ ญามากกวาเรา ในดานวิญ ญาณ
๕๕๘
ฆราวาสธรรม
ในดานศาสนา ก็ตองนับถือเขา ; เอาแตประโยชนที่แทจริง ที่ควรจะไดรอบดาน เปนผูนําในทางวิญญาณ ในทางสังคม. นี้มันเกือบจะรวบเอาครูบาอาจารยเขา ไปดวย ; แตมันก็มีความหมายตางกัน. เพราะฉะนั้นผูนําและหัวหนาในการ ทําพิธีทางศาสนา คือคําวา พราหมณ ในเรื่องทิศหกนี้. หัวหนาอุบาสก ผูนํา ทําพิธีทางศาสนานั้น ก็ทําหนาที่คลาย ๆ กันกับพราหมณ ในความหมายเดิม. ทิศเบื้องบนคือประเภทนี้ มีความสําคัญ เต็มที่ เหมือนกับบุคคลที่ เปนทิศอื่น ๆ ; เพราะวาทิศ นี้จะรวมเอาคําวาศาสนา หรือ พระรัตนตรัยอะไร เขาไวดวย โดยปริยาย. ตรงจุดความหมายของคําวา สมณะ ซึ่งสงบ และหมด กิเ ลส นั ้น แหละ จึง จะดึง เอาพระ เอาศาสนาเขา มาไวใ นทิศ นี ้ด ว ย โดย ปริยาย. เพราะฉะนั้นเราจึงมีศาสนา แมกระทั่งวัฒนธรรมในอันดับสูง รวมอยู ในทิศนี้ที่เราจะตองสนใจ. จะไปแยกบุคคลออกจากศาสนานี้มันก็ยากเพราะวา ตัวศาสนานั้นปรากฏทางบุคคล ก็เลยติดเนื่องอยูดวยกันเปนทิศเบื้องบน. แปลวา ที่เคารพนับถือ หรือสิ่งที่เคารพนับถือ หรือบุคคลที่ควรเคารพนับถือ ทางฝายจิต ฝายวิญญาณก็รวมอยูในทิศนี้หมด ; แลวไมไดชี้ขึ้นไปบนหัวเหมือนความรูสึก ไมไดชี้ขึ้น ไปเบื้อ งบน บนฟา ; เพราะวา วิญ ญาณมัน อยูร อบดา น เปน ของ ไมมีบ น ไมมีลาง ไมมีเหนือมีใต ดวยซ้ําไป. สิ่งที่เรียกวาวิญ ญาณเปนธาตุ ชนิดหนึ่ง อยูในที่ทั่วไป ตองดูความสูงอยางนั้น. ทิศทางแหงความสูงมันก็อยู ทั่วไป ; แตก็เอาเปรีย บเหมือ นกับ อยูเบื้อ งบนบนหัว บนศีรษะ ; แหงนหนา ขึ้นไปไปดูทางสูง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทิศอีกทิศหนึ่ง คือทิศเบื้องต่ําคือบาวไพร ใชคําแปลวาบาวไพรเปน สิ่งที่ถูกสําหรับสมัยที่มีบาวไพร. แตคําวาบาวไพรมันขยายออกไปได จนกระทั่ง สถานการณเดี๋ยวนี้ก็มีคําวาบาวไพรไดเหมือนกัน. เราไมมีทาส เราก็มีคนอยูใต
ทิศเบื้องบน และเบื้องต่ํา
๕๕๙
บังคับบัญชาที่เขามีหนาที่ ที่จะตองทําตามคําสั่งเรา. ปญหามันจะเกิดขึ้นในเมื่อ ไมดูกันใหดี : บาวไพรก็ไมแหงนดุนายใหดี, นายก็ไมกม ลงดูบาวไพรใหดี ; มันก็เกิดปญหาขึ้นมา. พระพุทธเจาเลยบัญญัติวา เปนทิศสําคัญทิศหนึ่ง เทากัน กับทิศอื่น ๆ . ถาวาคนใช หรือผูอยูใตบังคับบัญชาไมจงรักภักดีแลว มันจะเกิดอะไร ขึ้น ลองคิด ดู ; ฉะนั้น ตอ งปอ งกัน ในทิศ นี้ ตอ งทํา เครื่อ งรางปอ งกัน ไมใ ห เกิดอันตรายขึ้นมาจากทิศ ๆ นี้ไดคือคนที่อยูใตบังคับบัญชา. เพราะวาเขาเกิด ไมซื่อสัตยขึ้นมา ไมจงรักภักดีขึ้นมา ก็จะเปนอันตรายอยางยิ่ง. ภาษิตฝายจีน ซึ่ง เขาพูด กัน เปน คํา สอนของขงจื้อ วา : - “ถา ไมไ วใ จเขาละก็ อยา ใชเ ขา คืออยาเอาเขาไว. ถาไมไวใจเขาก็อยาเอาเขาไว, ถาเอาเขาไวก็ตองไวใจเขา” มีเต็มบริบูรณอยางนี้. ถาเอาเขาไวตองไวใจเขา คืออยาไปทําหลุบ ๆ ลอ ๆ ใหเกิดความ ระแวงอะไรขึ้นมา. เพราะฉะนั้นก็ตองไมพูดอะไรแสดงความไมไวใจเขา ใหเขา เกิดความระแวงขึ้น มา.ฉะนั้น ผูที่อ ยูเหนือ ผูที่เปน ผูบังคับ บัญ ชานั้น จะตอ งดู ใหดี ; อะไรก็เก็บ ไวใ นใจ, ตอ งแสดงออกวา เราไวใ จเขาอยูเสมอ. พอถึง จุดที่เพียงพอวา เราจะไมไวใจเขาละ เราก็ตองตัด ออกไปทัน ที คือไมใชเขา ไมยุ ง กับ เขา เลิก จา งทัน ทีเปน ตน . ถา ยัง มาอยู ด ว ยกัน ละก็ต อ งไวใ จเขา ; อยางลูกจางในรานเขาถือหลักอยางนั้นกันในพวกชาวจีน ที่เชื่อค่ําของขงจื้อ. นี้มันเปนสิ่งที่ควรจะตองเอามาพิจารณาดูอยางยิ่งอยูเหมือนกัน เพราะวาบาวไพร นี้มันก็มีความหมายอยางนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ตามหลักของทางศาสนานั้น เขาสอนใหเอาความรักความเอ็นดูไปผูก พันไวดวยความบริสุทธิ์ใจ ; เขาจึงรักใครฝากเนื้อฝากตัว แมในบุคคลประเภท
๕๖๐
ฆราวาสธรรม
ที่เขาเรียกกันแตกอนวา ทาสี ทาสา ; มันจึงไมคอยปรากฏในเรื่องราวอันแสน จะมากมายนั้นวา พวกทาสีทาสาเกิดเปนกบฏ หรือหักหลังขึ้นมา. สวนสมัยนี้ กลับเปนอยางนั้นไมได ลูกจางหรือผูอยูใตบังคับบัญชานี้จะเกิดกบฏ เกิดหักหลัง กันอยางไมมีความหมาย อยางมากกมายกันทีเดียวมากมายที่สุด ; มีโอกาสแลวเปน คดโกงหักหลังนายจาง, นินทานายจาง ผูบังคับบัญ ชา ผูมีพระเดชพระคุณ . แมในวงราชการ คนที่ทําราชการก็รูดีอยูแลว, ทําเอาหัวหนาหนวยเดือดรอ น แสนสาหัสอยูบอย ๆ ; เพราะลูกนองใตบังคับบัญชาหักหลัง คดโกง ไมซื่อตรง ตอหนาที่ ที่ผูบังคับบัญชามอบหมายให. อันนี้ก็เปนเหตุผลพอที่พระพุทธเจาทานตรัสชี้ใหเห็นวา มันเปนทิศ สํา คัญ ที่ตอ งปอ งกัน ตอ งทํา การปอ งกัน ในทิศ นี้ ; ใหเ รีย กวา ไหว. “ไหว” ในที่นี้กลายเปนเรื้องใหความสําคัญที่สุดและก็เอาใจใสที่สุด นั่นแหละคือความ เคารพ. พอเกิดความเคารพ มันก็เกิดความรัก ความอะไรตามมา ก็กลายเปน ของที่แนนอนไป ; ผูกพันไวดวยความจงรักภักดีอยางยิ่ง. บางทีไมกลาโกง ; ตัวเองอยากโกงแตไมกลาโกง เพราะเห็นแกผูบังคับบัญชาที่แสนจะดี ; นี่เปนสิ่ง ที่มีได. เพราะฉะนั้นการที่ส อนใหไหวทิศ ๆ นี้ก็ไมเสียหาย มีป ระโยชนที่สุด มีความจําเปนที่สุด.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เราก็พูดกันแลววา ผูที่อยูต่ํากวาเราก็คือเปนที่พึ่งของเรา ในดาน แรงงาน. สมมุ ติ ว า เป น พระเจ า แผ น ดิ น สมั ย ก อ น หรื อ เป น นายกรั ฐ มนตรี ประธานาธิบดีสมัยนี้ ถาไมไดผูอยูใตบังคับบัญชาที่ดี เปนผูกระทํากิจตาง ๆ แลว วจะไปทําอะไรได มันทําไมได ; นี่สําคัญมากถึงขนาดนั้น. คนที่มีปญญามีหัวสมอง อะไรก็ตองไดแรงงานจากภายใต จากเบื้องลางมา สําหรับปฏิบัติตามความคิด ตามสติป ญ ญา มั น จึงเป นเรื่องเป นราวขึ้นมาได. ฉะนั้ นจึงถือ วาแรงงานจาก เบื้องต่ํานี้สําคัญอยางยิ่ง ตองมีพอ, มีดี, มีถูกตอง.
ทิศเบื้องบน และเบื้องต่ํา
๕๖๑
รายละเดียดอยางอื่นก็พอจะมองเห็นกันอยูแลว ; นี้เราพูดกันแตวา ความสําคัญมันมีอยูอยางไร? ถาความสําคัญเปนที่เขาใจแลวมันก็ตองเอาใจใสเอง. ตองปฏิบัติไปดวยดี. ทีนี้ ความหมายของคํา ๆ หนึ่ง เราควรมองใหดี มันแผกวางออกไป ไกลได. ถาความหมายมันอยางเดียวกัน แมจะรูปรางตางกันก็ถูกกรวบเอาไวในนี้. นี่พระพุทธเจาไมเปนผูบกพรอง ในการกลาวเรื่องทิศเบื้องบนเบื้องต่ํา มันก็กิน ความหมายมาก. เชนทิศเบื้องต่ํานี้มันอาจจะกินความหมายลงไปถึงวัวถึงควาย สุนัขและแมวก็ตาม ที่มันจะอยูเบื้องต่ํา ภายใตความชวยเหลือคุมครองของเรา. เราจะรูสึกวาวัวควายนี้เปนคนใช เปนบาว เปนไพร ก็ตองเอาใจใสใหถูกตาม เรื่องราว. บางคนจะคิดไกลไปกวานั้นวา วัวควายเปนเพื่อน เราก็ตองสงเคราะห วัว ควายอยางเพื่อ น อยา งนี้ก็ได. ในอิน เดีย บูช าวัว อยา งพระเจาเสีย เลยก็มี เปนสมณะ เปนพราหมณเลยก็มี ; ความหมายของคํานี้มันก็ขยายออกไปไดตาม ลํา ดับ ๆ. เราเอาความหมายนี้เปน หลัก สวนรูป ราง เนื้อ ตัว นี้ก็ไมเปน หลัก อะไรนัก. เดี่ยวนี้คนไมเอาใจใสวัวควาย นี้ก็เปนคนปฏิบัติผิด เปนฆราวาสที่ ปฏิบัติผิด ในหลักเรื่องทิศทั้ง ๖ ; เขาจึงไมไดรับความเจริญ เพราะวาปฏิบัติตอ วัวควายไมดี.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ยังมีความหมายอยางอื่นอีก ที่จะกินความไปถึง ความหมายของคนที่ อยูระดับ ต่ํากวาเราทุกชนิดเลย เราตองปฏิบัติตอเขาใหดี ; เพราะวา ถาคน ยากจนเข็ญใจ คนขอทานทั้งหลายรุมกันแชงดาเรา ; ก็หมดดี. อยาไปดูหมิ่น ดูถูกเขา ถาคนจน หรือคนขอทานทั้งหมดรุมกันดาแชงใครสักคน คนนั้นก็อยู
๕๖๒
ฆราวาสธรรม
ไมได, มีแ ตจ ะเสื่อ ม, มีแ ตจ ะโชครา ยไดเหมือ นกัน .เพราะวา คนมัน ดูอ ะไร คิดอะไรตาม ๆ กันไป. ถาสวนใหญวาที่เลว แลวมันก็พลอยวาเลวตามกันไปหมด ทั้งบานทั้งเมือง. เพราะฉะนั้นระวังแมแตคนขอทานก็อยาใหเขาดาเรา. การที่ วามีสตางคสักหนึ่งสตางค ใหคนขอทานเรี่ยราดไป ก็ยังเปนการดี ; คนขอทาน ทุกคนจะใหพร นั้นก็ไมสําคัญเทากับวา เรามีน้ําใจเผื่อแผคนที่ต่ํากวา. เพราะฉะนั้นผมวา การที่ไปรังเกียจคนขอทานตามขางถนน หรือตาม ที่ตาง ๆ ที่มีคนขอใหชวยเหลือ กลับไปถมน้ําลายรดนั้น ; คนนั้นมันบา ไมรูจัก คําสั่งสอนของพระพุทธเจา. สวนคนที่อุตสาหแลกสตางคปลีกเปนสตางคแดงไป แจกมันทุกคน นั่นแหละอยาไปวาเขาโง หรือ วานาติเตียน. นั้นมันก็เปนการ ฝกใจของเขาใหเปนคนมีจิตใจเมตตากรุณา มองดูทิศเบื้องต่ําอยูเสมอ. แตถาเขา ใหคนขอทานมากไป จนเปนเหตุใหคนขอทานขี้เกียจ มันก็เปนเรื่องผิดทางอื่น ; แตคนที่ชวยกันเปนหมื่นเปนแสน เปนลาน จนทําใหคนโงลงไปนี้ ยังบาปมาก ไปกวา นั ้น อีก .การชว ยใหค นอื ่น โง มัน ก็ไมม ีผ ลคุ ม คา ; แตวา ทํ า ดว ยความ เมตตาปรานี พอเหมาะพอดี เพราะมองดูเปนทิศเบื้องต่ําจริง ๆ ก็นับวาถูกตอง ตามหลักของพระพุทธเจา. ทีนี้เอาเงินไปชวยคนอื่นตั้งหมื่นตั้งแสน แลวกลับถูก คนนั้นโกง ; นั่นก็คือคนโง ไมปฏิบัติใหถูกตองตามทิศ ๆ นี้ ตามหลักเรื่องนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สวนการชวยคนในประเทศดอยพัฒนานั้น มันเปนเรื่องการเมือง ผม ไมพูด . เดี๋ยวนี้เราพูดกันแตเรื่องบุค คล ที่จะมองดูทิศเบื้องต่ําใหดี ; อยาให มีภ ัย อัน ตรายเกิด มาจากทิศ นั ้น ; แตใ หค วามเจริญ ความสุข ความ สวัสดีความปลอดภัยเกิดมาจากทิศ ๆ นั้น. ถาแขกยามเผาประตูบานเปนขบถขึ้นมา มันก็ เปนเรื่องวินาศฉิบหายได. ถาปองกันทิศ ๆ นี้ไวไดดีก็อยูสบายไป; เพราะฉะนั้น อยาประมาท ตองเคารพ. ที่เรียกวา ไหว - ไหว ทิศทั้งหก ลวนแตไมประมาท
ทิศเบื้องบน และเบื้องต่ํา
๕๖๓
ลวนแตใหเคารพทั้งนั้น แตไมตองเหมือนกัน : เคารพบิดามารดาก็อยางหนึ่ง, เคารพบุตรภรรยาก็อยางหนึ่ง, เคารพครูอาจารยก็อยางหนึ่ง, เคารพญาติมิตร ก็อยางหนึ่ง, เคารพสมณพราหมณก็อยางหนึ่ง, เคารพบาวไพรก็อยางหนึ่ง ; ก็เลยเปน การสรา งความปลอดภัย รอบดา น. เปน เครื่อ งรางคุม ครองปอ งกัน รอบดาน, เปนทางมาแหงความสุขสวัสดีรอบดาน. เพราะฉะนั้นอยาทําเลน ๆ กับเรื่องทิศ ๖ ; มันเปนเรื่องที่พูดกันถึง เรื่องที่วา บุคคลจะอยูในโลกนี้ไดอยางไร. พูดอยางสมัยใหมเพราะ ๆ พูดอยาง ที่นัก ศึกษาในมหาวิท ยาลัย เขาเหอ กัน ก็ตอ งพูด วา นี่คือ เรื่อ งที่จ ะพูด ใหรูวา คนเราจะอยูในโลกนี้อยางมีความสุขไดอยางไร. ถาพูดอยางคนโบราณคร่ําครึ ก็วา เราจะไหวทิศทั้งหลายอยางไร จะไหวทิศทั้ง๖ อยางไร. ที่จริงมันเปนเรื่อง เดียวกัน. เพราะฉะนั้น อยาดูถูกคําสั่งสอนขนบธรรมเนียมประเพณีทางวัฒนธรรม ทางศาสนา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org การที่มันจะเกิดขึ้นมาในโลก เปนเรื่องไหวทิศเหนือ ทิศใต, ไหว ดวงจันทรดวงอาทิตยอะไรขึ้นมา มันก็เปนจุตั้งตนที่ดีดวยกันทั้งนั้น คือเริ่มให ความสนใจในสิ่งที่มัน มีอํา นาจเหนือ เรา หรือ มีอํานาจทั่วไป ; แลวก็เริ่ม ไหว ขึ้นมากอนจากที่มันจะมองเห็นทีแรก รวมทั้งไหว ภูต ผี ปศาจ ไหวศาลพระภูมิ ; มันก็เปนเรื่องที่เขากลัว เขาหาทางออก. ทีนี้มันไมถูกตอ ง ไมสมบูรณ มันก็ คอย ๆ เปลี่ยนมาจนถูกตอง นั่นแหละทิศทั้ง ๖ นี้มันไมมีเรื่องไหวภูต ผี ปศาจ ไหวผีส างนางไมอ ะไรทํา นองนั้น ; มัน ไมอ ยูใ นทิศ ที่เราจะตอ งไหว ทั้ง ๆ ที่ มัน มีอ ยูร อบตัว เรา. ในที ่สุด ก็ม าถึง เรื่อ งพระรัต นตรัย ซึ่ง เปน เรื่อ งสูง สุด ; เรื่องศาสนาเปนเรื่องสูงสุดรวมอยูในทิศเบื้องบนสูงสุด ก็เลยครบหมด.
๕๖๔
ฆราวาสธรรม
ทีนี้ถาเกิดถามกันขึ้นวา ทําไมไมใหความสนใจแกประเทศชาติ, ไมมี ทิศไหนพูดถึงประเทศชาติ หรืออะไรทํานองนั้น ? ก็ใหรูเถอะวา นี้มันเปนคําพูด ทีเดียวหมด : เมื่อทําการไหวทิศถูกตองแลว เราก็เปนคนที่ทําความถูกตองแก ประเทศชาติดวย. เราเปนพลเมืองคนหนึ่ง ทําความถูกตองในทิศทั้ง ๖ ทั้งหมด นั่นแหละคือทําความถูกตองแกประเทศชาติดวย. ถาจะพูดกันอยางเดี๋ยวนี้ ก็เอา ชาติเปนใหญ เปน ปญ หาสําคัญ . ทีนี้เรื่องทางธรรมในสมัย พุท ธกาลนั้น คือ เรื่อ งศาสนา เขาไม ได เอ ย ถึ งชาติ ; เขาจั ด ให มั น เป น เรื่อ งแขนงเล็ ก ๆ น อ ย ๆ ฝากอยูในความหมายใดความหมายหนึ่ง ; หรือวารวมกันทุกความหมายก็ได. รวมความแลวก็วา เราประพฤติในทิศทั้ง ๖ ใหดีแลว เราก็เปนพลเมืองที่ดีของ ประเทศชาติ, เราจะเปนบุตรที่ดีของบิดามารดา, เราก็เปนศิษยที่ดีของครูบาอาจารย , เราจะเป น อะไรที่ ดี ๆ ของทั้ ง หมด. เราจะต อ งเป น ให ถู ก ต อ งให ดี ดวยการปฏิบัติในลักษณะไหวทิศนี้. ฉะนั้นเกิดมาทีหนึ่ง ก็ใหไดอยางนี้ทุกองค คือเปนบุตรที่ดีของบิดา มารดา, -เป น ศิ ษ ย ที่ ดี ข องครู บ าอาจารย , - เป น เพื่ อ นที่ ดี ข องญาติ มิ ต ร, - เปนพลเมืองดีของประเทศชาติ, - เปนสาวกที่ดีของพระศาสดา ; ถาครอง เรือนก็ทําใหเปนภรรยาที่ดี เปนสามีที่ดี อะไรที่ดีของคูนั้น ๆ ; มันก็หมดปญหา. ประเทศชาติก็ รวมอยู ในสิ่งเหล านี้ ทั้ งหมด ; เพราะวาประเทศชาติ มั น คื อ สิ่ งที่ ประกอบขึ ้น จากสิ ่ง ทุก สิ ่ง ก็เ ปน อัน วา เรามองดู หรือ ไหวท ิศ ที ่เ รีย กวา ประเทศชาติร วมอยูใ นทิศ ทั้ง หลาย. นี้เ ปน คํา สอนสํา หรับ ผูที่จ ะครองเรือ น, เปนคฤหัสถ เพื่อใหปฏิบัติถูกตองและไปเร็ว เพื่อไปนิพพานในที่สุด. มิฉะนั้น จะเปนเตาคลานยั้วเยี้ยตวมเตี้ยมอยูที่นี่, วนไปวนมาอยูที่นี่ในโลกนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่สอนใหมีปญญาฉลาดในเรื่องเหลานี้แลว มันก็จะเปนสัตวที่ไปไดเร็ว ; แมจะเปนเตาก็เปนเตาที่เดินไดเร็ว, เดินตรงไปยังจุดได, ไมมัววนเวียนตวมเตี้ยม
ทิศเบื้องบน และเบื้องต่ํา
๕๖๕
อยู ที่ นี่ . ถ าเป น คนฉลาดก็ เป น พระอริย เจ าได ในบ านในเรือ น กลายเป น นกที่ บิ น ไปได.เปน ฆราวาสอยู ใ นนาทีนี ้ ไปเฝา พระพุท ธเจา ๔ - ๕ นาที กลายเปน พระอรหั น ต ได นี่ มั น ก็ เป น ผลจากการเป น ฆราวาสมาอย า งถู ก ต อ งนั้ น เอง. มั น ปฏิบ ัต ิไ ดส ูง สุด ในเรื ่อ งของความเปน ฆราวาสจนเอือ มระอา, จนเกิด ความ เบื่อหนายคลายกําหนัดขึ้นมาได ; ในนาทีนั้นก็กลายเปนพระอรหันตขึ้นมาทั้ง ๆ ที่ อยู ในเครื่อ งแบบฆราวาส ; ต อ ไปก็ อ อกไปเป น บรรพชิ ต ไม ต อ งกลั วว าจะตาย เสียในวันรุงขึ้น หรือใน ๗ วัน. เพื่ อ กัน ลื ม ก็ให ห ลั บ ตาเห็ น ภาพเขียนบนฝาผนั ง ด านทิ ศ เหนื อ นั้ น ; มีเ รื่อ งเปา ป ขี ่ว ัว . เมื ่อ เปา ป ขี ่ว ัว หนัก เขา ๆ มัน เปน อยา งไรบา ง ๆ มัน เอือ ม ทั้ ง วั ว มั น เอื อ มทั้ ง ป มั น ก็ เลยแหงนไปเบื้ อ งบน ; ตั ว เองก็ พ ลอยว า ง ไปตาม ความวาง. ตัวเองหมดตัวเอง กลายเปนฆราวาสที่เที่ยวแจกของสองตะเกียงอยู ก็ได. นี่ การเดินทางโดยถูกตองตามทิศทาง มันเปนอยางนี้.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ขอใหจําไววามันไมมีอะไรที่จะทําซ้ําซากอยูได มันตองเปลี่ยนสูงขึ้น ๆ. ที นี้ ถ า เราจั ด ทิ ศ ทางไวให ดี มั น จะต อ งเปลี่ ย นไปในทางสู งขึ้ น ๆ อย างเป น ที่ น า พอใจอย า งยิ่ ง . เพราะฉะนั้ น ความเปลี่ ย นนี้ มี ป ระโยชน ม าก ; ถ า มั น เป น สิ่ ง ที่ เปลี ่ย นไปได มัน ก็ต ายเลย, ติด ตัน อยู ที ่นั ่น . เพราะฉะนั ้น ความเปลี ่ย น มัน เป น สิ่ งที่ มี ป ระโยชน มาก ; แล วก็ ต อ เมื่ อ เรารูจัก เปลี่ ย น คื อ เลื่ อ นให มั น สู งขึ้น ไป. ฉะนั้นการไหวทิศนั้นมันก็ไดเปลี่ยนมาตามลําดับจนเปน ความถูกตอง หรือสูงสุด.
ชีว ิต นี ้ก ็เ หมือ นกัน เมื ่อ มัน ถึง จุด อิ ่ม ตัว ของเรื ่อ งเนื ้อ หนัง แลว มัน ก็เปลี่ยนเปนเรื่องทางวิญญาณ, เปนผลของการที่ไหวทิศทางเนื้อทางหนังมาอยาง ถู ก ต อ ง ทางรา งกาย ทางสั ง คม ทางวั ต ถุ มาอย า งถู ก ต อ ง ; แล ว มั น ก็ เปลี่ ย น
๕๖๖
ฆราวาสธรรม
เปนเรื่องทางวิญ ญาณอยางถูกตอง. ความเปนมนุษยนั้น ก็เปนมนุษยที่ไดสิ่งที่ดี ที่สุดที่มนุษยควรจะได. นี่คือความถูกตองในการปฏิบัติตอทิศทั้งหลายรอบตัวเอง. ผมสังเกตดูแลว บวชมาสอบไลนักธรรมตรีไดเพี ยงเพื่ อตอบป ญหาได ; ไมท ัน สึก ก็ล ืม เรื ่อ งทิศ ทั ้ง ๖, ทอ งทิศ ทั ้ง ๖ ก็ไ มถ ูก . พอสอบไลไ ดก ็ล ืม ได. พลอยลืม ได ; แมจ ะออกชื ่อ ทิศ ทั ้ง ๖ ก็ไ มถ ูก ยัง ไมท ัน สึก สัก ที ; พอสึก ออกไปมัน ก็เหมือ นเดิม . เพราะฉะนั ้น มัน ไมสํ า เร็จ เพีย งแคส อบนัก ธรรมตรีไ ด. มัน ตอ งเอาสิ ่ง เหลา นี ้ต ิด ตัว ไป ; เมื ่อ สมัค รจะสึก แลว ก็เอาไปปฏิบ ัติ. ถา ไมส ึก ก็เอาไวส อนคนอื ่น , เอาไปสอนชาวบา นชาวเมือ งเรื่อ งทิศ ๖. ถา สึก ก็ต อ งเอา ไปปฏิบัติเองใหดี ทีหลังก็สอนคนอื่นไดดีเหมือนกัน. ขอสุดทายที่จะพูดก็คือวาใหดูวาทิศทั้ง ๖ นี้เปนหนาที่ที่หนักสักเทาไร? สิ่ งที่ เรียก “หน าที่ ” แล วมั น ก็ ต อ งหนั ก, ขอให เข าใจไว ด วย ไม มี ห น าที่ ไหนเบา ; ขึ้น ชื่อวาหน าที่ แลวมั นก็ ตอ งหนั ก ; ภาระ หนาที่ กิ จอะไรก็ต าม รวมความแล ว มันก็ตองหนักทั้งนั้นเป นของหนักทั้งนั้น. ถาจะออกไปเปนฆราวาสก็อยากลัวหนัก ; ถา กลัว หนัก แลว ออกไปเปน ฆราวาสก็เ ปน คนบา . ถา กลัว หนัก ก็อ ยูเ ปน พระ ก็ไ ปนิพ พานเหมือ นกัน ; ฆราวาสก็ไ ปนิพ พานเหมือ นกัน แตไ ปอยา งหนัก เพราะมันมีเรื่องมาก “พหุกิจฺจา พหุกรณียา”. พูดกันอยูเสมอ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ฆราวาสมีกิจมาก มีเรื่องที่ ตอ งทํามาก ; เพราะฉะนั้นจึงหนัก, หนั ก ก็ อ ยู ที่ ทิ ศ ทั้ ง ๖ นี้ . มั น ต อ งทํ า มากกว า ที่ อ ยู เป น บรรพชิ ต ; มั น เกิ ด ภาระหน า ที่ เนื ่อ งจากทิศ ทั ้ง ๖ นี ้ม ากกวา . บรรพชิต นั ้น บางอยา งตัด ออกไปเลย ; หรือ ถา จะมี อ ยู ก็ มี อ ยู ในความหมายที่ เบากวาสบายกวา ปฏิ บั ติ ได งายกวา. แล วมั น จะ คอย ๆ หมดไปเหมือนกับไมมีอะไร. ถาเปนฆราวาสมันผูกมัดอยู จะทําอยางไรได
ทิศเบื้องบน และเบื้องต่ํา
๕๖๗
เพราะมัน อยู ใ นสัง คม มัน มีบ า นมีเ รือ น มีบ ุต รภรรยา สามี มีผู บ ัง คับ บัญ ชา มีค นใช มีห นา ที ่ก ารงาน ผูก พัน ไปหมด นี ่เขาเรีย กวา เปน ของหนัก . ฆราวาส สมฺพ าโธ คือ เปน ที ่ค ับ แคบ, เปน ทางมาแหง ธุล ี ; พระพุท ธภาษิต มีอ ยู อ ยา งนี ้. ที นี้ ค นที่ ม องเห็ น เขาก็ รู สึ ก อย า งระพุ ท ธเจ า ตรั ส เขาจึ ง ทู ล พระพุ ท ธเจ า ว า “ฆราวาสเป น ที่ คั บ แคบ เป น ทางมาแห ง ธุ ลี ; ส ว นความเป น บรรพชิ ต นั้ น เป น ความวา ง เปน ความโลง เบาสบาย ; เหมือ นนกมีเ พีย งแตป ก เปน ของหนัก มีแ ตป ก เปน ภาระสํ า หรับ จะบิน ไป. ของหนัก ของนกคือ ปก , คือ วา ปก พาให นกบิ น ไป. พระพุ ท ธเจ า เองเมื่ อ จะออกบวช ก็ รู สึ ก ในคํ า พู ด รู ป นี้ ประโยคคํ า พู ด รูป นี ้ ; แลว จึง ออกบวช. ไปอา นดูจ ากพุท ธประวัต ิจ ากพระโอษฐเสีย อีก ที. ฝรั่ง ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง ชื่อสีลาจาระ เปนชาวอังกฤษ เมื่อบวช เขาเขียนวา ; A dense∗ of strife, is household life, And filled with toil and need ; But free and high as the open sky, Is the life the homeless leads.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ชีวิตฆราวาสเหมือนกับ a dense of strife มันเต็ มไปด วย toil และ need ชี วิ ตพระมั นเหมื อน open sky ทั้ ง tree ทั้ ง high เขาแปลไปจากคํ าบาลี คํ านี้ ขยาย ความออกไป. เขารูความหมายของความเป นฆราวาสดี จึ งจั ดวาเป น a dense of strife ต อ งเป น นั ก ต อ สู .เครื่อ งมื อ ต อ สู ก็ คื อ ความรูเรื่อ งนี้ . พอออกไปสู ที่ โล งที่ แ จ ง เหมือนกับอากาศ ก็มีผลเหมือนกับ free is now ! พนแลวโวย ! เหมือนกับภาพ เขีย นที ่ฝ าผนัง ; ลอยขึ ้น ไปเหนือ เมฆ หรือ ขึ ้น ไปเหนือ ความยุ ง เหยิง หรือ a dense of strife มันลอยขึ้นไปเหนือนั้น. ทีนี้เราก็รูทิศทางวาฆราวาสอยูที่จุดไหน ? จะเดินไปอยางไร ? และจะไปจบที่ไหน ?
∗
ตนฉบับเดิมเขียน den แตความหมายนาจะเปน dense มากกวา (ผูจัดพิมพ)
ฆราวาสธรรม
๕๖๘
เมื่อจะตายอยาใหใครตองคอยเปาหูวา “อรหํ อยาลืมโวย อรหํ อยาลืม”. นั่นก็เป นวิธีที่ มี ความหมายดี . คนจะตายเขาก็บอกทาง บอกหนทาง บอกทิศทาง ใหไ ปทางนั ้น ; ไปไหวพ ระจุฬ ามณี ที ่ชั ้น ดาวดึง สก ็ม ี ยัง ใชก ัน อยู พอคน จะตาย คนขา ง ๆ บอกวา อยา ลืม ; เขาเอาดอกไมธ ูป เทีย นใสม ือ ให ; ใหเอา ไปไหวพระจุฬามณี ที่ดาวดึงส. นี่ดูซิคนเขาจะใหตายไปสวรรค ; ใหเอาดอกไมนั้น ไปไหวพ ระจุฬ ามณี จุฬ ามณีค ือ ขมวดผมของพระพุท ธเจา ที ่ท รงตัด เมื ่อ วัน ออกบรรพชา เทวดาพาไปไวบ นสวรรค, เอาไปประดิษ ฐานอยู ที ่นั ่น ; แลว ก็ วาทิศทางที่จะตองไปอยูที่นั่น. ดีกวานั้นก็บอกวา “พระอรหันตอยาลืม !” คนบอก เองก็ไมรูวา พระอรหัน ตคือ อะไร แตวา บอกมทิศ ทางใหค นอื่น ได ; คนตายมัน ก็ ห ลั บ ตาซึ ม กะทื อ ไป. อย างนี้ มั น ก็ น าหั วเราะ ; เพราะเดี๋ ย วนี้ ที่ นี่ นั่ ง อยู ต รงนี้ คุณก็ตองรูทิศรูทางที่จะไปอยางถูกตอง. จากทิศทางที่จะไปอยางต่ําในโลกนี้ ไปสู ทิศทางอันเปนจุดหมายปลายทาง คือนิพพาน. ผมพู ดให คนเขาคั ดค าน หรือให คนเขาหั วเราะ ให คนเขาด า วาทุ กคน ตอ งไปนิพ พาน คู ผ ัว ตัว เมีย ตอ งจูง มือ กัน ไปนิพ พาน, บุต รหลายจะตอ งรับ มรดกพอ แม คือ การเดิน ไปนิพ พาน ใหถ ึง แทนพอ แมใ หจ งได. การเปน เพื ่อ น กัน ก็ เป น เพื่ อ นเพื่ อ ไปนิ พ พาน. เป น บ าวเป น นายกั น ก็ เพื่ อ จะช วยกัน ไปนิ พ พาน ทิศทางมันมีอยูอยางนี้ ตามความเห็นของผม.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เวลาของเราก็หมด.
จุดหมายปลายทาง ที่มนุษยตองเดินไป - ๖ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๓ คํ า บรรยายเรื ่อ งทิศ ในวัน นี ้จ ะเปน การพิจ ารณ า กัน ในลัก ษ ณ ะที ่เ ปน การสรุป สรุป ความเรื ่อ งทิศ ; คือ วา เราจะมองดูสิ ่ง เหลา นี ้ใ นวงกวา ง แลว สรุป ความวา มัน เปน อยางไร ? คําวา “ทิศทาง” นี้มันหมายถึงสิ่งที่จะตอ งเดินไปหา ใหถึงจุดหมาย ปลายทาง. ที นี้ เด็ ก ๆ ก็ จะถามวา พู ดกันถึ ง ทิ ศเบื้ องหน า เบื้ องหลั ง เบื้ องซ าย เบื ้อ งขวา เบื ้อ งบน เบื ้อ งลา ง ; แลว คนอยู ต รงจุด ศูน ยก ลาง แลว ก็จ ะเดิน อยา งไร ? ใครจะเดิน ได. จะเดิน ไปทางทิศ ตะวัน ออกทีห นึ ่ง แลว วิ ่ง มาจุด ศูน ยก ลาง ; แลว วิ ่ง ไปทางทิศ ตะวัน ตกที แลว กลับ มาจุด ศูน ยก ลาง อยา งนี้ แลว จะไปไหน. นี ่ค ือ คนหลงทิศ คือ คนโง รูเ รื่อ งทิศ แลว ก็ไ มรูว า จะเดิน ไป ไดอยางไร.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org การที่จะแกปญหาเหลานี้ ก็ตองเปนเรื่องของความมีสติปญญา คือความ ไม โง ; ต องรูวามั นหมายความว าอย างไร ? แล วก็ จะเดิ นกั นอย างไร ? แล วก็ เดิ น
๕๖๙
๕๗๐
ฆราวาสธรรม
ไดด วย จึงจะสําเร็จประโยชน. ขอรองวาอยาลืม วาพระพุ ทธศาสนาเป นเรื่องของ สติ ป ญ ญา ; พุ ท ธะแปลวา ผู รู ผู ตื่ น ผู เบิ ก บาน. เมื่ อ รูอ ะไรแล วมี ส ภาพเหมื อ น กับ ตื ่น นอน ไมห ลับ แลว จะไดม ีก ารกระทํ า ที ่ถ ูก ตอ ง ; แลว ก็เบิก บาน. อัน นี้ เปนความหมายของคําวา พุทธะ. เพราะฉะนั้นเราจึงมีหลักที่ตายตัวลงไปในเรื่อง ที่เกี่ยวกับปญญา วาปญญาหมายถึงปญญาที่แทจริง เปนเครื่องทําความรอด. มี บ าลี สํ า คั ญ ๆ ที่ ต อ งนึ ก กั น อยู เสมอ เช น พระพุ ท ธเจ า ตรัส ว า : ปฺญาย ปริสุชฺฌติ- บริสุทธิ์ไดดวยปญญา. อยางนี้ปญญาก็เปนเครื่องชําระบาป ชําระอวิชชา ; แลวก็ บ ริสุ ทธิ์แลว มั น ก็พ อแลว มั น ไมมี ห น าที่ อะไรอี ก. ที่ สํ าคั ญ ที่สุดในทางคําพูด เชนวา ; สมฺมาทิฏฐิสมาทานา สพฺพํ ทุกฺขํ อุปจฺจคุ - เขาไป ล วงพ น ความทุ ก ข ทั้ งปวงได ด วยอํ านาจของการมี สั ม มาทิ ฏ ฐิ. สั ม มาทิ ฏ ฐิ นี้ คื อ ป ญ ญา ซึ่ งมี ความหมายจํ ากั ด รัด กุ ม ที่ สุ ด ผิ ดไม ได ดิ้ น ไม ได ทั้ งในภาษาไทย และภาษาบาลี ก็ ต าม. ที่ พู ด ว า ป ญ ญาเฉย ๆ มั น มี ป ญ ญาเฉโกก็ ไ ด , เช น มี ปญญาไปในทางที่จะไมเปนธรรม ไมเปนบริสุทธิ์ อยางพวกโจรก็มีปญญาอยางโจร. แตเ มื ่อ พูด วา สัม มาทิฏ ฐิแ ลว มัน ดิ ้น ไมไ ด ; คํ า วา “สัม มา” มัน จํ า กัด ไวช ัด . มีสัม มาทิฏ ฐิก็คือ มีค วามรูค วามเขา ใจ ความเห็น อะไรที่ถูก ตอ ง ที่เปน ธรรม ที ่ป ระกอบดว ยธรรม ; แตก ็ค ือ ปญ ญานั ่น เอง เปน ปญ ญาที ่ถ ูก ตอ งที ่บ ริส ุท ธิ ์. พุ ท ธภาษิ ต อย า งนี้ มี ม ากหลายบท ตรงเป น อั น เดี ย วกั น ว า เราต อ งรอดตั ว ด ว ย ปญญา. ทีเปนกลางกวาง ๆ กวานั้นก็คือวา : - ปฺญา หิ เสฎฐา กุสลา วทนฺติ, นกฺขตฺตราชาริว ตารกานํ, สีลํ สิรึ จาป สตฌฺจ ธมฺโม ฯลฯ. รวมความแลววา ผูฉลาดทั้งหลายกลาวปญญาวา เปนสิ่งประเสริฐที่สุด เหมือนพระจันทรเดนกวา ดาวทั้ ง ปวง ; คื อ ว า ศี ล สิ ริ มิ่ ง ขวั ญ ธรรมของสั ต บุ รุ ษ ทั้ ง หลาย ย อ มอยู ใ น อํา นาจของปญ ญาที่จ ะดึงมา. มัน จึง กวา งหมด วา ปญ ญาเปน ที ่ดึง มาซึ่ง ธรรม ทั้ง หลายเหลา อื่น แมแ ตมิ ่ง ขวัญ . สิริ แปลวา มิ่ง ขวัญ คือ ความมีโชคดี ความ ที่จะเปนไปแตในทางที่ดี.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
จุดหมายปลายทาง ที่มนุษยตองเดินไป
๕๗๑
เพราะฉะนั้น ตองมีปญญา จึงจะรูวา จะเดินไปตามทิศ ตามทาง ไปไดอยางไร.มันก็จะแกปญหาไดวา ไมใชวาเราจะตองวิ่งไปวิ่งมา - วิงไปวิ่งมา ; แล ว หยุ ด อยู ต รงที่ จุ ด ศู น ย ก ลางแล ว จะเป น อะไร มั น ก็ ไ ม ไ ปไหน เท า นั้ น . นี้มันเปนคําสอนที่เปรียบเทียบ เพราะฉะนั้นตองระวังใหดี ; อยาตีความใหผิด จึงจะเปนการปฏิบัติได ; มิฉะนั้นก็จะเปนความรูที่ปฏิบัติไมได เปนเรื่องที่ นาสงสาร. แปลความผิด เชนคําวา อัฏฐังคิกมรรค แปลวามรรค ๘ ทาง, มรรค ๘ สาย ; อยางนี้มันก็ผิดหมด จะเดินอยางไรได. มีหนทางตั้ง ๘ สาย แลวคุณจะเดินอยางไรได. อัฏฐังคิกมรรค เขาแปลวา หนทางสายหนึ่งซึ่ง ประกอบดวยองคแปด, องคคุณ หรือคุณสมบัติ ๘ ประการ ; มันก็เดินได. คําวา “ทิศทาง” นี้ก็เหมือนกัน มันเปนทิศทางเดียว ซึ่งจะพาไปสู จุดหมายปลายทางที่มนุษยจะตองไป. พุดอยางถูกตองที่สุดก็ได พูดอยางกําปน ทุบ ดิน ที่สุด ก็ได คือ ที่สุด ของความทุก ขคือ นิพ พานเปน จุด หมายปลายทาง ; ตอ งไปที ่นั ่น . ที ่ม าพูด เปน ทิศ ๖ มัน ก็เ ลยฟง ไมถ ูก สํ า หรับ เด็ก ๆ วา จะไป อยางไร. ทิศ ๖ ทิศ ๘ อะไรก็ตาม ก็ควรรูวา เปนคําอุปมา เชนเดียวกับวา มรรคมีองค ๘ นั่นเอง ; หมายความวา เราจะตองเดินใหถูกตองไปทั้งหมดใน ทุกปญหา ที่เกี่ยวกับการเดินนั้น. อยางฆราวาสเดินไปดวยการแบกภาระหนัก ไปดว ย มีเรื่อ งบิด า มารดา บุต ร ภรรยา สามี ครูบ าอาจารย ; มัน ก็เปน การเดินทาง ที่แบกของหลาย ๆ อยางไปดวย ก็ตองแบกใหถูก ก็สามารถที่จะ เดินไปตามทิศทางที่จะไปนิพพานไดตามความมุงหมายของคนทุกคน ไมวาคฤหัสถ หรือบรรพชิต.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org สําหรับคําวา “ทิศ” นี้ก็คิดดูเถอะ มันเปนคําพูด สําหรับคนพูด ; คํา พูด บางคํา หรือ วา คํา เดีย วกัน บางคราวเล็ง ถึง อะไรไปตามสถานการณ
๕๗๒
ฆราวาสธรรม
หรือ ภาวะการณอ ะไรในเวลานั้น ที่เรากําลังเอามาพูด . เพราะฉะนั้น คําวา ทิศนี้ก็มีทิศอยางภาษาวัตถุ ภาษาฟสิคส นี้ก็มี, ภาษาจิต ภาษานามธรรมก็มี, และภาษาสูงไปกวานั้น เปนภาษาวิญญาณก็มี. พูดวาทิศอยางภาษาวัตถุ ก็เอา วัตถุเปนหลัก ตามที่เรารูจักมันอยางไร. ทิศไหนดวงอาทิตย กอนวัตถุนั้นออกมา ก็เปนทิศตะวันออก ; ทิศไหนดวงอาทิตยลับไปก็เปนทิศตะวันตกไป ตาสายตา ของคนสมัยนั้นเอาวัตถุเปนหลัก. เมื่อไดสองทิศแลว มันก็มีขวา - ซาย ขึ้นมา ; เอามือนั้นเปนหลัก. ถาสมัยนี้ก็เอาเข็มทิศเปนหลัก ; เข็มทิศมันมีการชี้ไปทิศ ทางหนึ่งคือทิศเหนือ ทางกนของมันก็เปนทิศใต. เอาเข็มทิศเปนหลักมันก็เปน เรื่องของทางวัตถุ สําหรับจะเดินเรือ หรือเดินดวยเทา หรือคํานวณอะไรก็เปน เรื่องทางวัตถุไปหมดในเมื่อ คําวาทิศ นี้เอาวัตถุเปนหลัก. จากทิศที่เปนทางวัตถุอยางนี้ มันก็เกิดทิศที่เปนนามธรรม อะไรขึ้นมา ตามลําดับ. เชนวา เราเปนคนอยูอยางนี้ มันก็เกิดมีทิศเบื้องหนา เบื้องหลัง ขึ้นมา ในทางนามธรรมตามลําดับ ตามหลักของทิศทางวัตถุ ; เชนเราจะตอง มีก ารศึก ษา มีก ารอาชีพ แลว ก็ม ีก ารสัง คม, แลว ก็ม ีก ารปฏิบ ัต ิต นใหไ มมี ความทุก ข ก็เกิด เปน ทิศ อยา งนี้ขึ้น มา. เชน วา ทิศ เบื้อ งหนาเปน การศึก ษา ก็ตองศึกษากันอยูเรื่อย จนกระทั่งเขาโลง มันก็ยังตองศึกษาอยูนั่น; แลวก็ยังมี ทิศที่จะติดตามมาคือการประกอบอาชีพ นี้ก็เปนทิศทางหนึ่ง ; แลวก็สมาคม ใหดีอยูในโลกนี้ ก็เปนทิศทางหนึ่ง ; การรูจักปฏิบัติในทางจิตใจก็เปนทิศทางหนึ่ง. นี้ ก็เ ปน ทิศ ทางนามธรรมขึ้น มา : เปน เบื้อ งหนา - เบื้อ งหลัง , เบื้อ งซา ย เบื้องขวา, เบื้องบน - เบื้องลาง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ทีนี้ก็เกิดทิศตามความหมายที่ลึกซึ้งขึ้นไป ในทางอื่น ๆ อีก กระทั่งวา บิดามารดาเปนทิศเบื้องหนา, บุตรภรรยาเปนทิศเบื้องหลัง ฯลฯ นี้เอาแตความ
จุดหมายปลายทาง ที่มนุษยตองเดินไป
๕๗๓
หมายที ่ส ูง ไมไ ดเอาตัว วัต ถุเปน หลัก . จะสรุป ก็วา เราเอาวัต ถุเปน หลัก เราก็ ได ทิ ศทางอย างหนึ่ ง ; เอาตั วบุ คคลเป นหลั กก็ ได แก บิ ดามารดา บุ ตรภรรยา ฯลฯ เปน ทิศ ๖. เราตัว บุค คลเปน หลัก ก็ไ ดรูป รา งของทิศ ขึ ้น มาอยา งหนึ ่ง . ถา เรา เอานามธรรมเปน หลัก เชน มีก ารศึก ษา มีก ารอาชีพ มีก ารสัง คม มีก าร อ ะ ไรต า ง ๆ ซึ ่ ง มี น า ม ธ ร รม เป น ห ลั ก ; มั น ก็ ไ ด ท ิ ศ ขึ ้ น ม า อี ก รู ป ห นึ ่ ง . แตค วามหมายเปน เรื่อ งทิศ ทางที ่จ ะตอ งไป ; และก็ต อ งไปดว ยปญ ญา จึง จะ เป น พุ ท ธศาสนา หรือ วา เอาตั ว รอดได . เพราะฉะนั้ น อย า ลื ม ป ญ ญา ซึ่ ง มาเป น เครื ่อ งมือ สํ า หรับ การเดิน ทาง. แตแ ลว การเดิน ทางนั ้น ก็ไ ปสู ที ่แ หง เดีย ว สิ ่ง เดีย วคือ พระนิพ พาน, มีจ ุด หมายปลายทางอยู ที ่พ ระนิพ พาน. จะเปน นิพ พานชั ่ว คราวในชีวิต ต่ํ า ๆ นั ้น ก็ได ; เปน นิพ พานสูง สุด เด็ด ขาด เมื ่อ ปฏิบ ัติ ถึง ที ่ส ุด นั ้น ก็ได. เพราะฉะนั ้น เราจึง มีห ลัก ที ่ห ลีก เลี ้ย งไมไ ด วา นิพ พานนั ้น เปน จุดหมายปลายทาง ; แม เป น ฆราวาสก็จะต อ งสนใจ เพื่ อจะเดิ น ถูก ทาง เดี๋ ยวนี้ ยังเดิน ไมถึง ก็ตองมีค วามรูจักทิศทางนี้ไว เพื่อ ใหเดิน ถูกทางไปเรื่อ ย ๆ ไมห ลง ทาง ไมวกวนไปมา, แมจะแบกของหนักรุงรังไปก็ยังเดินไปถูกทาง ไปชา ๆ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org มีพระพุทธภาษิตที่สําคัญที่เปนปญหา วา เย เต สุตฺตนฺตา สฺุตปฺ ปฏิส ํย ุต ฺต า ;ที ่เ ราเรีย กกัน งา ย ๆ วา ธัม มทิน นสูต ร. สูต รนี ้ค ือ อุบ าสกผู นั บ ถื อ พระพุ ท ธเจ า เป น ฆราวาสรุงรังไปด วยบุ ต รภรรยา ทรัพ ย ส มบั ติ ; ไปเฝ า พระพุ ทธเจาทู ลถามวา เรื่องอะไรเป นประโยชนเกื้ อกูลแกฆราวาสตลอดกาลนาน ขอจงแสดงเรื ่อ งนั ้น . พระพุท ธเจา ก็เริ ่ม ตรัส อยา งนี ้ว า : - ระเบีย บแบบแผน เหล าใดที่ เกี่ยวเนื่ อ งกั บ สุ ญ ญตา ; ที่ ต ถาคตกล าว ที่ เป น เรื่อ งลึ ก มี ค วามหมาย อัน ลึก , เปน ไปเพื ่อ อยู เ หนือ โลก นั ่น แหละเปน ประโยชนเ กื ้อ กูล แกฆ ราวาส ทั้ ง หลายตลอดกาลนาน. เขาใช คํ า ว า ฆราวาส จํ า กั ด ชั ด ลงไปด ว ยว า มี บุ ต ร ภรรยา ฯลฯตามแบบของฆราวาส. พระพุ ท ธเจ า ตรั ส ว า สิ่ ง ที่ เป น ประโยชน เกื้อกูลแกฆราวาสตลอดกาลนานนั้น คือเรื่องที่เกี่ยวกับสุญญตาทั้งหมด.
๕๗๔
ฆราวาสธรรม
นี่แหละระวังใหดี ถาเขาใจไมดีแลวก็จะเห็นเปนการขัดแยงกันไปหมด; วาทําไมฆราวาสจึงไปถึงสุญญตา. ถาไมมีความมุงหมายเพื่อสุญญตา ก็หมายความวา ฆราวาสเป น นรก, ความเป น ฆราวาสนี้ จ ะกลายเป น การจมอยู ใ นนรก. ต อ งมี ความรูที่จะขจัดปดเปาสิ่งผูกมัด ผูกพัน เผาลนทิ่มแทง เหลานี้ออกไปตามสมควร มิ ฉ ะนั้ น จะเป น บ า ; อย างน อ ยที่ สุ ด ก็ จ ะเป น โรคเส น ประสาทตลอดกาล ถ าไม มี เรื่องสุญ ญตาเข ามาชวย. คนโง ๆ ก็ ไม เข าใจเรื่องนี้ หาวาฆราวาสนั้ นไม เกี่ ยวกั บ สุญญตา, อยูกับคนละทิศคนละทาง หันหลังใหกัน. นักปราชญ โง ๆ ในเมืองไทย ก็ยังมีอีกมาก ที่ยังไมเขาใจเกี่ยวกับเรื่องสุญญตา เรื่องจิตวาง. ความรูเรื่องสุ ญญตานี้ มั นประเสริฐลึ กซึ้ ง ; แต ถ าเข าใจผิ ดก็ กลายเป น สุ ญ ญตามิ จ ฉาทิ ฏ ฐิ ;สุ ญ ญตามิ จ ฉาทิ ฏ ฐิ มี ม าแล ว ตั้ ง แต ค รั้ ง พุ ท ธกาลง จิ ต ที่ ประกอบอยู ด วยความรูสึกของสุ ญ ญตานี้ เราเรียกวา “จิตวาง”. เมื่ อสิ่ งที่ เรียกวา สุญ ญตามีสว นที ่จ ะเขา ในผิด เปน มิจ ฉาทิฏ ฐิแ ลว , เรื่อ งจิต วา งมัน ก็ม ีส ว นที ่จ ะ เขา ใจผิด เปน มิจ ฉาทิฏ ฐิ เปน จิต วา งมิจ ฉาทิฏ ฐิ เปน จิต วา งอัน ธพาล ทีนี้ คนทั่ ว ไป เขาเอาความรู สึ ก ของตั ว เองเป น หลั ก ; ถื อ เอาความหมายของคํ า ว า “จิตวาง” หรือสุ ญ ญตานี้ ไปตามความรูสึ กของตั ว ; มั นก็เลยเป นอันธพาลหมด. เชน วาถาวางแลวก็ตองไม มี อะไร, ไมต องทําอะไร, ไม ตอ งคิด นึกอะไร, ทําอะไร ไมไ ด ; นี้ก็เ ปน จิต วา งอัน ธพาล. ที่อัน ธพาลมากไปกวา นั้น เมื่อ ไมม ีอ ะไรแลว ก็ทําอะไรตามชอบใจ. นี่เปนจิตวางอันธพาลที่เตลิดเปดเปงไป.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เขารูกันแตเรื่องความวาง หรือจิตวางอันธพาล ซึ่งไมสามารถจะเอามา ประยุกตกันไดกับ ชีวิติของตน ทั้ง ๆ ที่พ ระพุทธเจาทานตรัสแกฆ ราวาสวา “สิ่งที่ เปน ประโยชนเกื ้อ กูล แกฆ ราวาสตลอดกาลนานนั ้น คือ เรื่อ งเกี ่ย วกับ สุญ ญตา
จุดหมายปลายทาง ที่มนุษยตองเดินไป
๕๗๕
ทั ้ง หมด” ; ใชคํ า วา : เย เต สุต ฺต นฺต า ; สุต ตัน ตะ อยา งนี ้ม ัน หมายถึง ระเบีย บแบบแผน คํ า นี ้แ ปลวา เสน บรรทัด ; สูต ร หรือ พระสูต รนี ้แ ปลวา เสน บ รรทัด ;สุต ตัน ตะทั ้ง หลายเหลา ใด, สุ ฺตปฺป ฏิส ํย ุต ฺต า - ที ่เ นื ่อ ง เฉพาะอยู กับสุญญตา นั่ นจะเป นประโยชนเกื้อกู ลแกฆราวาสทั้ งหลายตลอดกาลนาน. ถ า เราจะเป น พุ ท ธบริ ษั ท ที่ ใ ช ได เราก็ ต อ งรู จั ก ประยุ ก ต เรื่ อ งสุ ญ ญตา ให เข า กั บ ทุก เรื ่อ ง ที ่เ กี ่ย วกับ ฆราวาส, โดยเฉพาะเรื ่อ งทิศ ทั ้ง ๖นี ้เ ปน ตน จะไมทํ า ให ความทุ กข เกิ ดขึ้ นจากทิ ศใดทิ ศหนึ่ งเลย ; หรื อว าทิ ศทั้ งปวงนี้ ก็ จะนํ าไปสู สุ ญ ญตา. เดิ น ทางไหนก็ ต าม เดิ น ไปให ถู ก ทิ ศ . กระทํ า ให ถู ก ทุ ก ทิ ศ แล ว มั น ก็ ก ลายเป น เรื่องสุญญตาไปไดเหมือนกัน. ทั้ งนี้ ก็ เพราะเหตุ ที่ ว า คํ าว า สุ ญ ญตานั้ นเป นการบอกความจริงของสิ่ ง ทั้งปวง ไม ยกเวนอะไร ; จะเป นบิ ดามารดา บุ ตรภรรยา มิ ตรสหาย ครูบาอาจารย ก็ต าม , ทั ้ง ห ม ด ที ่เ ปน บุค ค ล เห ลา นี ้, ห รือ จะเปน ก ารงาน อ ะไรก็ต าม , ความคิ ดความนึ กอะไรทั้ งหมดเหล านี้ เรียกว าทั้ งปวง มั นมี ความจริงเป นสุ ญ ญตา, คื อ เป นไปตามธรรมชาติ , เป นเรื่องตามธรรมชาติ , อยู ใต กฎเกณฑ ของธรรมชาติ ; ไมเ ปน ของบุค คลใดบุค คลหนึ ่ง , แลว มัน ก็ไ มไ ดเ ปน บุค คล, มัน เปน แตเ พีย ง ธรรมชาติที ่เ ปน ไปตามธรรมชาติ, มีก ฎเกณฑข องธรรมชาติ ; เพราะฉะนั ้น ตอ งเขา ไปเกี ่ย วขอ ง ปฏิบ ัต ิใ หถ ูก ตอ งตามกฎเกณฑข องธรรมชาติ ; เพราะ ธรรมชาติไมเปนบุคคล นั่นแหละเรียกวาสุญญตา.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เรื่ องสุ ญ ญตานี้ เอามาเตื อ นแล วเตื อนอี ก พู ด แล วพู ดอี ก พิ รี้ พิ ไร ว า พวกคริ ส เตี ย นก็ ยั ง สอนเรื่ อ งสุ ญ ญตา แม เกี่ ย วกั บ ลู ก เมี ย ทรั พ ย ส มบั ติ , มี คํ า กล าวในคั มภี รโครินเธี่ยนตอนท ายของ New Testament เซนต ปอลสรุปคํ าสอนของ พระเยซูทั ้ง หมด ไปสิน ชาวบา นพวกหนึ ่ง วา มีภ รรยาก็จ งเหมือ นกับ ไมม ีภ รรยา,
๕๗๖
ฆราวาสธรรม
มีทรัพยสมบัติก็จงเหมือนกับไมมีทรัพยสมบัติ, มีความสุขก็จงเหมือนกับไมมี ความสุข , มีค วามทุก ขก ็จ งเหมือ นกับ ไมม ีค วามทุก ข, ซื ้อ ของที ่ต ลาด อยา เอาอะไรมา ; นี ้เปน เรื ่อ งสุญ ญตาเต็ม รอ ยเปอรเซ็น ต เหมือ นกับ พุท ธศาสนา. แล ว ก็ อ ยู ที่ บ า นที่ เ รื อ น ที่ ฆ ราวาส ; อยู กั บ บุ ต รภรรยา สามี ที่ ท รั พ ย ส มบั ติ ที ่ค วามสุ ข ความทุ ก ข ที ่ เ กิ ด ขึ ้ น เป น ประจํ า วั น ; กระทั ่ ง ไปซื ้ อ ของที ่ ต ลาด ก็ห มายความวาการใชเงิน ของเรานี้ เราไม ถื อ วาเรามี ก รรมสิ ท ธ เป น สิ ท ธิของเรา ไปซื ้อ ของที ่ต ลาดจึง ไมไ ดเ อาอะไรมา. เราไมถ ือ วา เงิน ของเรา ของที ่ซื ้อ มา นั้ น เป น ของเรา ก็ เท า กั บ ไม ไ ด เอาอะไรมา มั น ว า งอยู เรื่ อ ย, บุ ต รภรรยาก็ ว า ง ทรัพยสมบัติก็วาง,ความทุกขความสุขก็วาง. เพราะฉะนั ้น พุท ธบริษ ัท อยา โง หรือ อยา เลวกวา คริส เตีย นในขอ นี้ ที่ ป ระยุ ก ต คํ าว าสุ ญ ญตาเข ากั น ได กั บ ทุ ก สิ่ งที่ เกี่ ย วกั บ ฆราวาส. เดี๋ ย วนี้ เรามี เรื่อ ง ทิ ศ ๖ ขึ้ นมาอย างนี้ เดี๋ ยวจะกลายเป นเรื่อ งสํ าหรับ ยึ ดมั่ น ถื อ มั่ น แล วก็ เลยกลาย เป น ไม ใช พุ ท ธศาสนาไป. มั น ต อ งกลายเป น สิ่ งที่ ต อ งปฏิ บั ติ ต อ ด ว ยอย า งถู ก ต อ ง จนไม เกิ ด ความยึ ด มั่ น ถื อ มั่ น แล ว เป น สุ ข อยู ได จึ ง จะเรี ย กว า เป น ผู รู จั ก ทิ ศ ทาง. ทิศ ทั ้ง หลายปรากฏเปน ของแจม แจง สวา งไสวแกก ุล บุต รนั ้น จึง เรีย กวา เปน ผู รู จ ัก ทิศ ; จัด การกับ ปญ หาไดท ุก ทิศ ทุก ทาง. ปญ หาไมม ีด ึง แขง ดึง ขาเราก็ไ ป ได ส บาย ; ฟ ง ดู ค ล า ย ๆ กั บ ว า เราหาบคอนสิ่ ง เหล า นี้ ไป นั่ น เป น เรื่ อ งทางวั ต ถุ ; ถ า เป น เรื่ อ งทางวิ ญ ญาณ ก็ ห มายความว า เราจั ด ป ญ หาเหล า นี้ อ อกไปได ห มด, ป ญ หาที่ เกิ ด ขึ้ น จากบิ ด ามารดา ครู อาจารย ลู ก เมี ย ในโลกนี้ มั น ถู ก กระทํ า ให ถู ก ต อ งเรี ย บร อ ย ไม เ ป น ป ญ หา. นี่ เ ราปฏิ บั ติ ทิ ศ ทุ ก ทิ ศ อย า งถู ก ต อ ง จน ป ญ หาหมดอย า งนี ้ เราก็ ไ ม ม ี ค วามทุ ก ข , ไม เ กิ ด กิ เ ลส, ไม เ กิ ด ความทุ ก ข , ก็ เรียกวาวางได เหมื อนกั น. เพราะฉะนั้ นอย าไปเข าใจตามนั กปราชญ อั นธพาลโง ๆ ว า สุ ญ ญตาไม เกี่ ย วกั บ ฆราวาส ซึ่ ง เป น การคั ด ค า นคํ า สั่ ง สอนของพระพุ ท ธเจ า คัดคานเหตุผลของธรรมชาติ โดยธรรมชาติ ตามธรรมชาติ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org
จุดหมายปลายทาง ที่มนุษยตองเดินไป
๕๗๗
ขอใหคิด, ในเมื่อยังมองไมเห็นก็ขอใหคิดพิจารณา ใหรูวาชีวิตนี้เปน การเดิน ทาง, คือ ไหลไปตามกฎเกณฑข องธรรมชาติ ; แลว แตจ ะประพฤติ ปฏิบัติอ ยา งถูก ตอ ง หรือ ผิด . ถา ผิด ก็ไ หลไปผิด ; ถา ถูก ตอ งมัน ก็ไ หลไป ถูก ตอ ง ไปสูจุด หมายปลายทาง. นี้เ ราก็มีท างที่จ ะคิด ไดจ ากความเจนจัด ทุกอยางทุกประการที่ผานมาแลวในชีวิต ความเจนจัดที่ถูกตอง ที่ใหสติปญญา แก เรานั้ น นั่ น แหละก็ เรี ย กว า อุ ป กรณ หรื อ material สํ า หรั บ จะเอามาคิ ด . spiritual - experience คํานี้เขาใชกันมากแลวเดี่ยวนี้ :experience ตาง ๆ ในทาง ฝายวิญญาณ. คนเคยมีเงินก็รูวาเงินนี้มันเปนอะไรและเปนอยางไร ? คนเคยมีลูกเมีย ก็รูวาลูกเมียนี้มันคืออะไร ? มันเปนอยางไร ? มันมีความหมายที่ลึก. เกียรติยศ ชื่อเสียงนั้นมันคืออะไร ? มันเปนอยางไร ? อะไรมันเปนอะไรในดานลึก ที่ผานมา แลวเรารูเจนใจเขาเรียกวา spiritual -experience. experience สิ่งนี้มันผลักดัน มนุษยไปตามทางที่ถูกตอง จนไปสูพระนิพพาน.ทีนี้เพื่อไมใหมันเสียเวลามากนัก ก็มีระเบียบแบบแผน วินัยตั้งขึ้นไวใหปฏิบัติใหถูก เชนทิศ ๖ นี้ปรากฏอยูใน สูตรที่ชื่อวา สิงคาโลวาทสูตร ; พอปฏิบัติตามนั้นมันก็ชวยประหยัดเวลา หรือ วาทําใหเกิด experience ที่ดีที่สูงสุดขึ้นมาในเวลาอันสั้นอันเร็ว. กุลบุตรนั้นก็ไหล เลื่ อ นไปสู นิ พ พาน แม ในเพศฆราวาส ; ก็เลยเป น อัน วา เราต องรูวา เกิด มา ทําไม เพื่อจะไดมีการตั้งจุดหมายของการเดินทางใหถูกตอง ; เพราะฉะนั้นผมจึง ชอบพูดเรื่องนี้ คือเรื่องเกิดมาทําไมนี้,
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาใครตั้งปญหาอยางใดอยางหนึ่งขึ้นมา ผมก็ตอบวา ก็คุณไปรูเรื่อง เกิด มาทํา ไมเสีย กอ นซิ ; แลว ปญ หานั้น มัน ก็จ ะตอบไปในตัว . ถา เราไมรูวา เราเกิดมาทําไม เราก็จะทําผิดจุดหมาย ; ทําสิ่งที่เรากําลังจะทํา หรือทําอยูนั้น
๕๗๘
ฆราวาสธรรม
ผิด จุด หมายหมด. เชน วา จะเรีย นหนัง สือ จะศึก ษ าเลา เรีย น, จะเรีย น หนั งสื อเป นการศึ กษาของมนุ ษย นี้ ถ าเราไม รูว าเกิ ดมาทํ าไม การศึ กษาของเราจะ ไมรู ว า ไปทางไหน คือ จะแกวง เหมือ นการศึก ษาเดี ๋ย วนี ้, เหมือ นการศึก ษา ของโลกในสมั ย ป จ จุ บั น นี้ ไม มี ห ลั ก ที่ ว า มนุ ษ ย เกิ ด มาทํ า ไม ; การศึ ก ษาก็ เลย พรา แกวง กวา ง ครอบจัก รวาลไปเลย, จนในที ่ส ุด มัน ก็ไมม ีส ัน ติภ าพในโลก ; มีแ ตค วามรู พ รา ที ่ท ว มหัว ที ่ช ว ยตัว ไมร อดอะไรอยา งนี ้ ; เพราะไมรู น ิด เดีย ว วาเกิดมาทําไม. ถ า สอนกั น ให รู ว า เกิ ด มาเพื่ อ มี จุ ด มุ ง หมายปลายทาง คื อ พระเจ า หรือ นิพ พาน เชน นี ้แ ลว การศึก ษามัน ก็จ ะรวบรัด หรือ มัน จะจัด รูป ของมัน เอง ไปในลั กษณะที่ จะเดิ นไปเร็ว ๆ ถึ งพระเจา หรือถึงพระนิ พพาน โลกนี้ ก็จะมีสั นติ . แตนี ่ม ัน พรา เลือ กจัด ไปอยา งตามใจชอบของกิเ ลส โลกนี ้ก ็ม ีว ิก ฤตกาลถาวร ที่ เป น การถาวร, ฉะนั้ น การศึ กษาก็ กลายเป นความผิ ด, เป น ของผิ ด, ทํ าโลกให มี , วิก ฤตกาลถาวร, ถา เรารู ว า เกิด มาทํ า ไมเสีย กอ นแลว ก็จ ะเลา เรีย นถูก ตอ ง แลว จะเลา เรีย นดี, เรีย นตรงไปยัง จุด . จะทํ า การงานก็เ หมือ นกัน ก็ต อ งรู ว า เกิด มาทํ า ไม ; แลว จึง ทํ า การงานใหถ ูก กับ ความมุ ง หมายอัน นั ้น . จะทํ า อะไร ก็ ต ามใจ ทุก สิ ่ง ทุก อยา งที ่ม นุษ ยจ ะทํ า ได, แมที ่ส ุด แตก ารเลน กีฬ าเลน ดนตรี ; ถา เรารู ว า เราเกิด มาทํ า ไมกัน แน ๆ จริง จัง แลว เราก็จ ะพากัน เลน กีฬ า เลน ดนตรี ที ่เ ปน ประโยชนแ กว ัต ถุป ระสงคอ ัน นี ้. มิฉ ะนั ้น เราก็จ ะกลายเปน เล น กี ฬ า เล น ดนตรี ที่ ส ง เสริ ม แก กิ เลส ดั ง ที่ ทํ า กั น อยู . เราจะกิ น จะอยู จะแต ง เนื้ อแต งตั ว จะทํ าอะไรในชี วิ ต มั น ก็ ต อ งรูว าเกิ ด มาทํ าไมเสี ยก อ น มั น จึ งจะทํ าให ไดผลอันนั้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เดี๋ ย วนี้ ดู ซิ ระบบของการกิ น อยู การแต ง เนื้ อ แต ง ตั ว เป น อย า งไร มั น ลวนแต เป นไปเพื่ อควายุ งยากลํ าบาก ทํ าให เกิ ดความเป นอั นธพาลมากไปกวาเดิ ม.
จุดหมายปลายทาง ที่มนุษยตองเดินไป
๕๗๙
นี ้ค ือ ผู ที ่ไ มรู ท ิศ ทาง วา เกิด มาทํ า ไม. เพราะฉะนั ้น ขอใหภ าวนาไวท ุก คนวา เกิดมาทําไม ? ใหพบคําตอบที่ถูกตองเรื่อย ๆ ไป. ถาเราไมรูก็อยาอวดดี. เด็ ก ๆ หรือ คนหนุ ม ที่ เกิ ด มาในโลกนี้ แ ล ว เมื่ อ ไม รูว า เกิ ด มาทํ า ไม ; ก็ อ ย า เพ อ อวดดี . ต อ งเงี่ ย หู ฟ ง คํ า สอนของบั ณ ฑิ ต ทั้ ง หลาย มี พ ระพุ ท ธเจ า เป น ประมุ ข. นี้ พู ดคอนขางจะเอาเปรียบหน อย มั นเป นภาษาของพุ ทธศาสนาพู ดกันอยู อย า งนี้ “บั ณ ฑิ ต ทั้ ง หลายมี พ ระพุ ท ธเจ า เป น ประธาน” ก็ ห มายความว า ผู มี ป ญญาความรูทั้ งหลาย เราจะยกเอาพระพุ ทธเจ าเป นผู เลิ ศกวาใคร ๆ นํ าหน าใคร ๆ ว า บั ณ ฑิ ต ทั้ ง หลายซึ่ ง ได ก ล า วกั น ไว ว า เกิ ด มาทํ า ไมนี้ ลองฟ ง ดู ก อ นมั น จะเป น เรื่ อ งช วยให ง ายเข า. ถ าเอาพระพุ ท ธเจ าเป น หลั ก ก็ เกิ ด มาเพื่ อ ไปนิ พ พานทั้ งนั้ น . วัฏฏะสงสารมันจะจบลงเมื่อนิพพาน ; ก็กลายเปนวา เกิดมาเพื่อไปนิพพาน. ถ า เป น วั ฒ นธรรมอิ น เดี ย ซึ่ งเป น แดนเกิ ด ของพุ ท ธศาสนา และเป น วัฒ นธรรมที่เขาพู ดกั นมาแล วกอนพุ ทธกาล ก็มี หลั กอยางเดียวกัน วาเกิดมานี้ เพื่ อ ไปสูจุดหมายปลายทางที่สูงสุด เหมือนที่พู ดอยูบอย ๆ วาอาศรมทั้ง ๔ : เกิดมาเพื่ อ เป น เด็ ก ให ถู ก ต อ ง คื อ เป น พรหมจารี ; เป น ผู ใ หญ ใ ห ถู ก ต อ ง คื อ เป น คฤหั ส ถ ; แล วก็ เป น ผู แก ที่ ถู ก ต อ ง คื อ เป น วนปรั ส ถ ออกไปหาความสงบทางจิ ต ใจ ; แล วก็ เปนผูเฒาที่ถูกตอง คือเปนสันยาสีที่ถูกตอง คือแจกของสองตะเกียงใหแกลูกเด็ก ๆ.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เป น พรหมจารี เป น คฤหั ส ถ เป น วนปรั ส ถ เป น สั น ยาสี ให มั น ได อย า งนี้ ;หรื อ ว า เรื่ อ งเป า ป ขี่ วั ว ภาพชี วิ ต ๑๐ ภาพข า หลั ง จอนั้ น มั น ก็ เ ป น ลําดับของการเดิ นทาง ที่จะตองเดิ นไปอยางนั้น. ตัวเองเดินจนถึ งความวาง. (ภาพ ที่ ๘) เหลื อ จากนั้ น ก็ ง อกงามไปในทางแจกของ -ส อ งตะเกี ย งให แ ก ผู อื่ น ให ว า ง ตาม ๆ กั น มา. เพราะฉะนั้ น เราเดิ น ไปถึ ง ความว า งคื อ นิ พ พานหลั ง จากนั้ น ก็ ช ว ย
๕๘๐
ฆราวาสธรรม
ใหผูอื่นไดเดินไปถึงนิพพานดวย. นี่เกิดมาทําไม ก็ดูเอาจากความคิด หรือคําสอน ขอนี้. เมื่ อเป นคฤหั สถ ก็ อยางุมงาม เป นเต าต วมเตี้ ยม วกวนไป วกวนมา. นี้เราชอบดูถูกเตาอยางนี้ ; แลวก็ใหนึกดูเตาหินตาบอดตัวนั้นบาง. สัญชาตญาณ ที ่เปน ทุน เดิม ของสัต ว ที ่ม ีอ ยู ใ นชีว ิต จิต ในนั ้น คือ ความรู, เรีย กวา “ธรรมชาติ แห งความเป น พุ ท ธะ” มี อ ยู ในชี วิต ทุ ก ชี วิต . มั น มุ ง หมายจะไปในทางที่ สู งสุ ด ทั้ ง นั้ น แหละ หากแต ว า อวิ ช ชาเข า มาแทรกแซง. อวิ ช ชาจะเข า แทรกแซงมากน อ ย อยา งไร ก็เพราะสิ ่ง ที ่เขา มาทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ ้น ทางกายทางใจ เปน ประจํ า วัน ; แลว มัน เกิด บัง เอิญ ใหเปน ไป ในทางที ่จ ะโง หรือ เปน อวิช ชา เสีย เรื่อ ย. แตเชื ้อ แหง ความเปน พุท ธะนั ้น มัน ตอ งการจะไปใหถ ูก ทางอยู เรื่อ ย มัน ก็จ ะดิ ้น รนไปทางนั ้น อยู เรื่อ ย คือ จะกํ า จัด อวิช ชาเสีย . อวิช ชาไมเกิด เมื ่อ ไร มั น จะเดิ น ถู ก ทางเมื่ อ นั้ น ;เพราะว าโดยหลั ก ธรรมชาติ แ ล ว มั น จะเป น ไปถู ก ทาง คือมันจะเปนไปเพื่อความรอด.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org เพราะฉะนั้นเราจะไมดูถูกเตา เตาก็ไมแพสัตวทั้งปวง คือมันมีธรรมชาติ แหง ความเปน พุท ธะอยูในจิต ในกระแสแหง จิต ของมัน . เหมือ นกับ เตา ของเรา ที่ นี่ ลองปล อ ยซิ มั น กลั บ บ านถู ก ทั้ งนั้ น มั น ไม ไปในทิ ศ ทางที่ ผิ ด ; มั น จะไปใน ทางที่เป นความปลอดภั ยเสมอ คือ ไปปาไปดงมัน ไมเขาไปในตลาด. เคยมี ผูเล า ให ฟ ง หรือเคยอานหนั งสือบ าง วาแม เต าขึ้น ไปไขไวบ นบก สูงไกลตั้ งหลายเส น พอลู กเต าออกเป นตั วขึ้นมามั นวิ่งลงน้ํ าทุ กตั ว ไม มี ใครสอน. สั ญ ชาตญาณอะไร อันหนึ่ง ที่ถายทอดอยูในจิต มันจะวิ่งไปสูทะเล ในน้ํา ในทะเลทุกตัวเลย. ลูกเตา เล็ ก ๆ ไม มี ใครสอน ไม วิ่งขึ้ น ไปบนภู เขาเลย. นี่ แ สดงว า ธรรมชาติ มี อ ะไรลึ ก ลั บ อยางนี้ เปนคลาย ๆ กับวา เชื่องแหงความเปนพุทธะ มีสติปญญาอยางนี้อยูทั้งนั้น ; เพราะฉะนั้นมันจึงรอด.
จุดหมายปลายทาง ที่มนุษยตองเดินไป
๕๘๑
แล วยั งสั งเกตเห็ น อี กอย างหนึ่ ง เช น ปลา เราแกล งจั บ เอามาปล อยไว ที่ แหง มัน รู จ ัก วา ทิศ ไหนต่ํ า ทิศ ไหนจะมีน้ํ า ; มัน รู จ ัก อยา งนา ประหลาด. มัน จะ ไม แ ถกไปหาทิ ศ ที่ ยิ่ ง แห ง มากขึ้ น หรื อ ที่ สู ง มั น จะแถกไปหาที่ ต่ํ า ; ซึ่ ง มั น จะรู ไ ด ด ว ยความรู สึ ก อะไรอั น หนึ่ ง คล า ย ๆ กั บ ที่ เ ราเรี ย กกั น เดี๋ ย วนี้ ว า เรด า , คื อ รั บ กระแสจากธรรมชาติไ ด จนรู ว า ทิศ ไหนลุ ม ทิศ ไหนทะเล. เพราะฉะนั ้น เราไม ดู ถู กสั ตว เรายอมรับว าสั ตว มั นก็ มี การเดิ นทาง ที่ จะไปสู จุ ดหมายปลายทาง ที่ ดี ที่ สุ ด จนเปน สัต วที ่ม ีว ิว ัฒ นาการที ่ด ีขึ ้น เปน มนุษ ย ; แลว ก็ไ ปนิพ พานดว ยกัน ทั ้ง นั ้น ; จนพู ด ว า วั ฏ ฏสงสารแล ว ต อ งไปจบลงที่ นิ พ พาน. ทางวั ต ถุ ก็ ต าม ทางวิ ญ ญาณ ก็ ต าม วั ฏ ฏสงสารจะต อ งจบลงที่ สิ่ ง ที่ ดี ที่ สุ ด ที่ สั ต ว เ หล า นั้ น ควรจะได คื อ นิพพาน ; ไมเปนวัฏฏสงสารตลอดกาล. นี่แหละคือเกิดมาทําไม. เพราะฉะนั้ น ขอให ส นใจคํ า ว า เกิ ด มาทํ า ไม ? ให ถู ก ต อ งดี ขึ้ น ๆ ให สู ง ขึ้ น ๆ. แล ว มั น จะตอบป ญ หาต า ง ๆ ได ใ นตั ว เอง โดยความรู สึ ก ของเชื้ อ แห ง ความเปน พุท ธะ. ธรรมชาติแ หง ความเปน พุท ธะ มีอ ยู ใ นสัต วท ุก คน แตบ าน ไม อ อก มั น เบิ ก บานไม อ อก, มั น หุ บ อยู มั น หดเหี่ ย วอยู ; เพราะป จ จั ย แวดล อ ม มัน ไมด ี. ทีนี ้เ รามาทํ า ใหป จ จัย แวดลอ มดี เหมือ นกับ ใสปุ ย ดีร ดน้ํ า พรวนดิน ดี นี ้ค ือ การปฏิบ ัต ิธ รรม ; มัน ก็ง อกงามเปน พุท ธะขึ ้น มาได. นี ่ก ารเรีย นรู เ รื ่อ งทิศ ทั้งหลายก็เพื่อความเปนอยางนี้ทั้งนั้น.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org จงเป น อยู ในลั ก ษณะที่ ว า ธรรมชาติ แ ห ง ความเป น พุ ท ธะจะงอกงาม ขึ ้น ทุก วัน ๆ ทุก เดือ นทุก ป มัน ก็ม ีเ ทา นั ้น เอง. ตรงกับ คํ า ที ่พ ระพุท ธเจา ทา น ตรั ส ไว ว า “ถ า ภิ ก ษุ ทั้ ง หลายเหล า นี้ จ ะเป น อยู โ ดยชอบไซร โลกก็ จ ะไม ว า งจาก พระอรหัน ต”. นี ้ม ีอ ยู ใ นตอนทา ยของมหาปริน ิพ พานสูต ร พระพุท ธเจา ตรัส เมื่ อ จะปริ นิ พ พานอยู ห ยก ๆ ซึ่ ง ถื อ ว า เป น พิ นั ย กรรมของท า น ว า “ภิ ก ษุ เหล า นี้
๕๘๒
ฆราวาสธรรม
จักเปนอยูโดยชอบไซร โลกก็จะไมวางจากพระอรหันต”. คลาย ๆ จะบอกวา ไมตองทําอะไรมาก อยูใหถูกตองตามกฎเกณฑของธรรมชาติ เหมือนกับรดน้ํา ใสปุ ย พรวนดิน ใหแ กตน ไมตน นั้น มัน ก็จ ะงอกงามเอง ไมม ีใ ครไปทํา ใหม ัน งอกงามได. ใหเปนอยูใหโดยชอบ ชนิดที่วาจะไมมีพิษรายอันตรายอะไรเกิดขึ้นมา ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย หรือทางจิตอะไร ; ธรรมชาติแหง ความเปนพุทธะก็จะเจริญงอกงามเบิกบาน ก็เปนพระอรหันตไดในเวลาอันสั้น. เพราะฉะนั้นใหอยูใหถูกตอง. อยูเฉย ๆ ก็ได แตอยูใหถูกตอง. คําวาเฉย ๆ นี้ มันเปนความถูกตอง ; เพราะฉะนั้นความถูกตองนี้คงไมใชเฉย ๆ ; แตสํานวน พูด มัน คลา ย ๆ กับ วา อยูเฉย ๆ. อยูใหถูก ตอ ง ไมไดอ ยูเฉย ๆ โดยไมไดทํ า อะไร ; แตอยูเฉย ๆ ในความถูกตอง. มีความถูกตองอยูที่เนื้อที่ตัว กิเลสเกิด ไมไ ด นานเขา ก็ห มด. นี้ก็ร วมอยูใ นความที่วา รูจัก ทิศ ทาง ลืม หู ลืม ตา ; มีความสวางไสวอยูตลอดเวลา ทิศทั้งหลายไมมืดมัวแกบุคคลนั้น ; ทิศทั้งหลาย ยอมปรากฏแจมแจงแกบุคคลนั้น. อยูโดยชอบอยางนี้ไซร โลกจะไมวางจาก พระอรหันต.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org นี่ เราพูดกันคราวนี้ มุงหมายสําหรับผูที่ยังจะตองไปแสดงบทบาท เปน ฆราวาสก็จ ะเปน ฆราวาสที ่ด ี มีท ิศ ทางที ่ส วา งไสว. ชีว ิต นี ้ก ็เ ปน การ เจริญ งอกงาม วิวัฒ นาการไปสูจุดหมายปลายทางได เร็วหรือชา แลวแตสิ่ง แวดลอมเหลานั้น, แลวแตเหตุปจจัยเหลานั้น. ฆราวาสคนหนึ่งเปนพระอรหันต กอ นผู ที ่กํ า ลัง บวชเปน พระก็ไ ด ; อยา เขา ใจผิด .ตามพยานหลัก ฐานที ่เ คย ปรากฏมาแลวในครั้งพุทธกาล : ฆราวาสไปเฝาพระพุทธเจา เปนพระอรหันต ที่นั่น เดี๋ยวนั้น ; ทั้งที่พระอีกหลายองค หลายรอยองคยังไมเปน ; นั่งอยูใกล
จุดหมายปลายทาง ที่มนุษยตองเดินไป
๕๘๓
พระพุทธเจาดวยซ้ําไป ยังไมเปน. นี่เพราะเขาเดินทิศทางที่ไมประจวบเหมาะ ไมเปนความถูกตองที่ประจวบเหมาะ. ความประจวบเหมาะเขาเรียกวา “สมังคี” ; มัค คสมังคี คือ องค แหงมรรค ๘ประการ มีความประจวบเหมาะในลักษณะที่ถูกตองและพอดี จึงเปน พระอรหั น ต ที่ นั่ นและเดี๋ ย วนั้ น .เพราะฉะนั้ น ถาเป นฆราวาสอยางเลว อยางโง อยางบา อยางปุถุชนคนหนาแลว มันก็จริงละที่จะจมดักดานอยูในตมในโคลน นั่นแหละ. แตถาเปนฆราวาส เปนพุทธบริษัทที่ดี ปฏิบัติอยูในธรรมของพระพุทธเจา ก็มีหวังที่จะเปนพระอรหันตเมื่อไรก็ได. ความทุกขกลายเปนบทเรียน ความยุงยากกลายเปนบทเรียน, บุตรภรรยา สามีอะไร ๆ กลายเปนบทเรียน, ทรัพ ยส มบัติก ลายเปน บทเรีย น, เรื่อ งกิน เรื่อ งกาม เรื่อ งเกีย รติ กลายเปน บทเรีย น ;บทเรีย นเหล านี้ ส งเสริม ไปนิ พ พาน คื อ เอาชนะสิ่ งเหล านี้ ได ฉะนั้ น บุค คลนี้จึงเปน บุค คลที่มีโชคดีที่สุด . ถาใครตอ งการเปน บุค คลที่มีโชคดีที่สุด จงทําอยางนี้ ; ไมตองไปดูหมอ ไมตองไปทําพิธีไสยศาสตร.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org ถาตองการจะเปนบุคคลผูที่มีโชคดีที่สุดละก็ สนใจในเรื่องสุญญตา อยางที่พระพุทธเจาตรัสวา มันเปนประโยชนเกื้อกูลแกฆราวาสทั้งหลายตลอดกาล นาน. เอาสุญ ญตานั่น แหละมาเปน น้ํา มนต เปน ฤกษย าม เปน อะไรตา ง ๆ ที่จ ะมาอาบรด. อยา ยึด มั่น เรื่อ งตัว กู ของกูก็จ ะเปน ฆราวาสที่เยือ กเย็น ได. ถา ยึด มั่น ถือ มั่น มากเทา ไร ก็จ ะเปน ฆราวาสที่อัน ธพาลแลว กระทบกระทั่ง จะเบียดจะเบียนกันและกันไมมีที่สิ้นสุด. ถามีการเปนอยูถูกตอง ; ตัวกู - ของกู ไมเกิด หรือเกิดยาก, หรือเกิดแตนอย มันก็มีโชคดี. ทีนี้ เราก็อาศัยความไมเห็นแกตัวชนิดนี้ เปนหลักปฏิบัติที่ถูกตอง ตอทิศทั้งหลายทั้งปวง.การที่เราทําอะไรไมสําเร็จ หรือเราทําอะไรไมได ทําอะไร
๕๘๔
ฆราวาสธรรม
ไมประกอบดวยธรรมนี้ เพราะตัวกู - ของกูนี้มันเขามาแทรก. คนเห็นแกตัว มัน ก็ไมเห็น แกผูอื่น ;มัน เห็น แกตัว กู มัน ก็จ ะไมเห็น แกบุตรภรรยาดว ยซ้ําไป. ถาคนใดเห็นแกบุตรภรรยามากกวาตัวเอง คนนั้นมันก็เห็นแกของกู, หลีกหนี ตัวกู - ของกูไปไมพน ; มันก็หนีความเห็นแกของกูไปไมพน. รักลูกเมียมาก กวาตัวเอง ก็คือเห็นแกของ ๆ กู ; รักตัวเองมากกวาลูกเมียก็คือเห็นแกตัวกู. เรื่องตัวกู - ของกูนี้ คือฝาที่เกิดขึ้นมาปดบังกีดกันธรรมชาติแหงความเปนพุทธะ ที่มีอยูในทุกคน ไมใหเจริญ งอกงาม ; ใหมันชะงัก ใหมันตัน หรือใหมันเหี่ยว แหงไป ใหมันจวนตายอยูบอย ๆ ; หรือตายแลวตายอีกอยูบอย ๆ . นี่เปนอันวา เราไดมองดูกันอยางวงกวางเปนการสรุปความรูเกี่ยวกับ ทิศทั้งปวง แมสําหรับฆราวาสในลักษณะอยางนี้. ผมถือวาอยางนี้เปนความรู ที่จําเปนสําหรับฆราวาส เหมือนที่พระพุทธเจาทานตรัส วาเรื่องสุญญตาจําเปน แกฆราวาส. สวนขอปฏิบัติปลีกยอยอยางที่มีอยูในนวโกวาทนั้น ไปทองเอาเอง มีคําอธิบายถมไปแลว ; ไมตองมาเสียเวลาดวย. มันก็จะเขาใจไดงายสําหรับ ผูที่มีการศึกษาอยางนี้ : ปฏิบัติตอบิดามารดาอยางไร แลวจะไดผลอยางไร ? ปฏิบัติตอบุตรภรรยาอยางไร แลวจะไดผลอยางไร ? ฯลฯ
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org แตขอเตือนวา อยาไปเขาใจวา ไปมัวเปนลูกหนี้ เจาหนี้กันอยูอยาง นั้น ; มัน จะทํา ใหมีก ารผูก พัน อีก อัน หนึ่ง ขึ้น มาโดยไมรูสึก ตัว . ถา ไปอา นดู ในนวโกวาทแลว อาจจะเขาใจผิดวา เราปฏิบัติตอบิดามารดา เพื่อเกิดสิทธิที่จะ ทวงเอาบุญคุณมาใหบิดามารดากระทําแกเราอยางนี้เราปฏิบัติถูกตอครูบาอาจารย แลวเกิดสิทธิที่จะทวงเอาบุญคุณมา วาครูบาอาจารยจงใหแกเราอยางนี้ เปนการ สนองตอบ ; อย า งนี้ แ ล ว จะไปกั น ใหญ . ขอให เ ข า ใจว า เป น เพี ย งหน า ที่ ที่บิดามารดาจะตองปฏิบัติตอบุตรอยางนี้ ; แลวบุตรก็ตองปฏิบัติตอบิดามารดา
จุดหมายปลายทาง ที่มนุษยตองเดินไป
๕๘๕
อยางนี้. อาจารยจะปฏิบัติตอศิษยอยางนี้ ; และศิษยจะปฏิบัติตออาจารยอยางนี้ ; อยาทําใหเกิดสิทธิทางหนี้สินขึ้นมา มันจะนาหัวเราะ ; แลวจะกลายเปนถอยหลัง แนนอนเลย. แลวอยาลืมวา คน ๆ หนึ่งมันเปนไดทั้งหมดนะ. อยางผมนี้แมเปน ภิกษุ ผมก็ตองมีบิดามารดา ; แมตายไปแลวก็ตองถือวามีบิดามารดา. และผม ก็มีบุตรที่เขาเรียกกันวา บุตรโดยธรรม ; มีลูกศิษย มีอะไรนี้ก็เรียกวาเปนบุตร โดยธรรม. คน ๆ หนึ่ ง เป น ฆราวาสมองไปทางนี้ มี ลู ก , มองไปทางโน น มี พอ แม ; ตัว เองก็เ ปน ทั ้ง พอ แม เปน ทั ้ง ลูก เปน ทั ้ง ศิษ ย เปน ทั ้ง อาจารย พรอ มกัน ไปในตัว คนเดีย วนั่น แหละ. เพราะฉะนั้น มัน ก็มีห นา ที่มีภ าระขึ้น มา หลายอยาง อยางนี้. อยาแยกรับเอาแตเพียงอยางเดียว ; หรืออยายืนยันเอา แตเพียงอยางเดียว. คนทุกคนมีภาระหนาที่ครบรอบดานทุกทิศทุกทาง. บางทีเราก็อยูใน ฐานะสมณะพราหมณสําหรับลูกเล็ก ๆ ไมใชเปนแตครูบาอาจารยอยางเดียว ; เพราะเราจะตองชักจูงลูกเล็กๆ เด็ก ๆใหเดินทางถูกทางจิตทางวิญญาณ. มันก็ เปน หมด มัน ตอ งรับ ผิด ชอบหมด ; จะไปหลงวา เปน แตอ ยา งเดีย ว ๆ. หรือ เปน ทีล ะอยา ง ๆ ดัง นี ้ก ็เ วีย นหัว . มัน ตอ งมีอ ะไรที ่ใ หค รบถว น และใหสิ ่ง เหลา นี้สง เสริม ใหเดิน ไป ๆ , เคลื่อ นไปสูจุด หมายปลายทาง. ทิศ ที่ค วรไป นั่นคือ นิพพาน จุดหมายปลายทาง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พรหมจรรยตัวพุทธศาสนานี้ คือตัวหนทางที่มีเสนเดียว ; แลวก็เปน ทางที่จะปฏิบัติเฉพาะตนคือเดินคนเดียว ; แลวไปสูจุดหมายปลายทางอันเดียว คือนิพพาน ; มีแตเรื่องเดียว ๆ ๆ เรื่อย. เพราะฉะนั้นจึงถือวา มีบุตร มีภรรยา
๕๘๖
ฆราวาสธรรม
มีสามี นี้มันเปนตางคนตางเปนไปตามกรรมของตน ; แมเราจะรักใครกันอยางไร จะเปนคูชีวิตจิตใจกันอยางไร ตางคนก็ตางมีกรรมเปนของตน. นั่นแหละเขา เรียกวาคนเดียว : ซึ่งจะตองเดินทางไปเสนเดียวตามกรรมของตน ๆ . เพราะ ฉะนั้นเรื่องที่วาจะใหเปนคูชีวิตจิตใจกันไปทุก ๆ ชาติอะไรนั้นมันเปนเรื่องเพอฝน ; แตมีประโยชนในทางผูกพันใหเกิดความรัก ที่กลมเกลียวกัน แตกสามัคคีกันยาก ; นั่น เปน เรื่อ งทางโลก ๆ ไมใ ชค วามจริง . สว นตามธรรมชาติแ ลว หนว ยหนึ่ง ก็เปนไปตามธรรมชาติ ตามเหตุตามปจจัย ตามกรรมของหนวยหนึ่ง ๆ ; จะตอง ทําความรอดพนใหแกตนเองโดยทิศทางที่ถูกตอง. เพราะฉะนั้น ขอสรุปคําบรรยายเรื่องทิศนี้ วามันใชไดตั้งแตต่ําที่สุด จนถึงสูงที่สุด.แตไปทางสายเดียวกัน ใชไดตั้งแตเด็กเล็ก ๆ จนถึงคนเฒาคนแก ทั ้ง หญิง ทั ้ง ชาย ; ถา รูจ ัก แปลความหมายแลว มัน ก็ใ ชก ัน ได แมบ รรพชิต . ธรรมะถาแปลความหมายใหถูกตองแลว มันก็เลยใชกันไดทั้งฆราวาสและบรรพชิต. อยาไปเขาใจวาธรรมะสําหรับบรรพชิต ฆราวาสใชไมได ;ธรรมะสําหรับฆราวาส บรรพชิ ต ใช ไ ม ไ ด . ตั ว ธรรมะนั้ น ไม มี บ รรพชิ ต ไม มี ฆ ราวาส ; เราแบ ง เอาไปใชตามมากตามนอย ตามสัดตามสวน ตามสมควรแกเพศของตน. ธรรมะ ไมมีตัว ผูตัว เมีย , ไมมีธ รรมะผู ธรรมะเมีย , ไมมีธ รรมะหญิง ธรรมะชาย. มีแตวาระดับใดเหมาะแกใคร คนนั้น ก็เอาไปใช. นี่เรียกวาเปน ผูรูจักทิศทาง ที่ถูกตอง.
www.buddhadasa.in.th www.buddhadasa.org พอกันที หมดเวลาเพียงนี้.