อริยสัจ จาก
พระโอษฐ ภาคตน
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ ภาคตน กองตําราคณะธรรมทาน แปลและรอยกรอง
www.buddhadasa.info ธรรมทานมูลนิธิ จัดพิมพดวยดอกผลทุนพระยาลัดพลีธรรม ประคัลภเปนหนังสืออันดับที่สอง ในหนังสือชุด “ลัดพลีธรรม ประคัลภอนุสรณ” เปนการพิมพครั้งที่ ๒ ของหนังสือนี้ จํานวน ๓,๐๐๐ ฉบับ
(ลิ ข สิ ท ธิ์ ไ ม ส งวนสํา หรั บ การพิ ม พ แ จกเป น ธรรมทาน, สงวนเฉพาะการพิ ม พ จํา หน า ย)
www.buddhadasa.info
www.buddhadasa.info
www.buddhadasa.info
www.buddhadasa.info
www.buddhadasa.info
www.buddhadasa.info
มูลนิธิสรรมทาน ไชยา จัดพิมพ พิ ม พ ค รั้ ง แรก ๒๓ พฤศจิ ก ายน ๒๕๑๒ จํา นวน ๑,๐๐๐ ฉบั บ พิ ม พ ค รั้ ง ที่ ส อง ๑ มี น าคม ๒๕๒๗ (ชุ ด ธรรมโฆษณ ) จํา นวน ๓,๐๐๐ ฉบั บ
www.buddhadasa.info
www.buddhadasa.info
www.buddhadasa.info
www.buddhadasa.info
การรอยกรองและจัดทําหนังสือเลมนี้
อุทิศ เปนถามพลีบูชาแดพระผูมีพระภาคเจา เพื่อความดํารงมั่นคงแหงพระพุทธศาสนา และ เพื่อสันติสุขแหงบุคคลและสันติภาพของสังคมนุษย
www.buddhadasa.info [๓]
ใจความสําคัญ เปนการรวบรวมเรื่องอริยสัจที่ตรัสเอง ไวอยางครบถวนที่สุด เพียงพอที่จะศึกษาเรื่องอริยสัจอยางชัดแจง ใหสมกับขอที่วา อริยสัจเปนหัวใจของพระพุทธศาสนา เปนที่รวบรวมแหงพระ พุทธ-วจนะทั้งปวง ซึ่งพระพุทธองคทรงประสงคใหชวยกันเผย แผ เพื่อประโยชนเกื้อกูลแกมหาชนทั้งเทวดาและมนุษย ผูรวบรวม
มีตัวอยางหลักธรรมล้ําลึก ๑๐๐ ขอ, มีวิธีใชใหเปนประโยชน ๑๑๔ วิธี, มีปทานุกรมคําสําคัญ ๖,๓๔๗ คํา, และลําดับหมวดธรรม ๖๙๘ หมวด อยูทายเลม.
www.buddhadasa.info
[๔]
อริยสัจจากพระโอษฐ ภาคตน
www.buddhadasa.info [๕]
อักษรยอ (เพื่อความสะดวกแกผูที่ยังไมเขาใจเรื่องอักษรยอที่ใชหมายแทนชื่อคัมภีร ซึ่งมีอยูโดยมาก)
มหาวิ. วิ. มหาวิภังค วินัยปฎก. ภิกขุนี. วิ. ภิกขุนีวิภังค ” มหา. วิ. มหาวัคค ” จุลฺล. วิ. จุลลวัคค ” ปริวาร.วิ. ปริวารวัคค ฑีฆนิกาย สี.ที. สีลขันธธวัคค ” มหา.ที มหวัคค ” ปา.ที. ปาฏิวัคค ” มู.ม. มูลปณณาสก มัชฌิมนิกาย ม.ม. มัชฌิมปณณาสก ” อุปริ.ม. อุปริปณณาสก ” สคา.สํ. สคาถวัคค สังยุตตนิกาย นิทาน.สํ. นิทานวัคค ” ขนฺธ.สํ. ขันธวารวัคค ” สฬา.สํ. สฬายตนวัคค ” มหาวาร.สํ. มหาวารวัคค ” เอก.อํ. เอกนิบาต อังคุตตรนิกาย ทุก.อํ. ทุกนิบาต ” ติก.อํ. ติกนิกาย ” จตุกฺก.อํ. จตุกกนิบาต ” ปฺจก.อํ ปญจกนิบาต ”
ฉกฺก.อํ. สตฺตก.อํ. อฏก. อํ. นวก. อํ. ทสก.อํ. เอกาทสก.อํ. ขุ.ขุ. ธ.ขุ. อุ.ขุ. อิติวุ.ขุ. สุ.ขุ. วิมาน.ขุ. เปต.ขุ. เถร.ขุ. เถรี.ขุ. ชา.ขุ. มหานิ.ขุ. จูฬนิ.ขุ. ปฏิสมฺ.ขุ. อปท.ขุ. พุทฺธว.ขุ. จริยา.ขุ.
ฉักกนิบาต อังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต ” อัฏฐกนิบาต ” นวกนิบาต ” ทสกนิบาต ” เอกาทสกนิบาต ” ขุททกปาฐ ขุททกนิกาย ธัมมบท ” อุทาน ” อิติวุตตก ” สุตตนิบาต ” วิมานวัตถุ ” เปตวัตถุ ” เถรคาถา ” เถรีคาถา ” ชาดก ” มหานิทเทส ” จูฬนิทเทส ” ปฏิสัมภิทา ” อปทาน ” พุทธวงส ” จริยาปฎก ”
www.buddhadasa.info ตัวอยางคํายอ : ๑๔/๑๗๑/๒๕๕ ใหอานวา ไตรปฎก เลม ๑๔ หนา ๑๗๑ ขอที่ ๒๔๕ ไตรปฎก = ไตรปฎกฉบับบาลีสยามรัฐ ฉบับอนุสรณรัชกาลที่ ๗ ชุดพิมพครั้งแรก วิ. อภิ. = วิภังค อภิธรรมปฎก สุมงฺ. ภ. = สุมังคลวิลาสินี ภาค พุ. โอ. = พุทธประวัติจากพระโอษฐ ขุ. โอ. = ขุมทรัพยจากพระโอษฐ อริย. โอ = อริยสัจจากพระโอษฐ ปฏิจจ. โอ. = ปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ [๖]
คําปรารภ เนื่องในการจัดพิมพหนังสือชุดธรรมโฆษณ เรื่องอริยสัจจากพระโอษฐ. หนั งสื อเรื่องนี้ ครั้งแรกจัดพิ มพ ขึ้นด วยเงินดอกผลของทุ นซึ่งตั้ งไวเป นอนุ สรณ แด สมเด็ จพระพุ ทธโฆสาจารย (ญาณวโร, เจริญ สุ ขบท ) ในคณะธรรมทานมู ลนิ ธิ. ส วนการ จัดพิมพครั้งนี้ จัดพิมพขึ้นดวยดอกผลของทุน “ลัดพลีธรรมประคัลภ ” และเงินที่ไดรับคืน มาจากการจําหนายหนังสือชุดพระโอษฐตาง ๆ ที่จัดจําหนายในรูปเอากุศลเปนกําไร เพื่อนํา มาจัดพิมพหนังสือชุดนั้นสืบตอไป ตามระเบียบที่วางไวเพื่อการนี้, เปนการสรางหนังสือชนิดนี้ ขึ้นไวในพระพุทธศาสนา ตามที่เห็นวายังขาดอยู, หวังวาจะเปนที่พอใจและไดรับการอนุโมทนา จากทานทั้งหลายโดยทั่วกัน. หนั งสื อเรื่องนี้ จั ดเข าในชุดพระไตรป ฎกแปลไทย เลขประจําเล มอั นดั บ ๒ เปนลําดับที่ ๔๓ แหงการพิมพออกในชุดธรรมโฆษณ . เนื่องจากหนังสือเรื่องนี้ มีความหนา เปน ๔ เทา ของหนังสือขนาดธรรมดา ราคาจําหนายของหนังสือสวนที่ตองจําหนายจึงเปน ๔ เทาของราคาหนังสือเลมขนาดธรรมดา ในชุดเดียวกัน. เนื่องจากความหนามากเกินไปนั่นเอง เรื่องอริยสัจจากพระโอษฐนี้ จึงตองทําเปน ๒ เลมจบ อยางที่ทานเห็นอยูแลว ; มีคํานํา, สารบั ญ , ปทานุ ก รม, สํ า ดั บ หมวดธรรม, และใบแก คํ า ผิ ด , บรรจุ ไว ในเล ม ตามที่ ควรจะบรรจุอยางไร.
www.buddhadasa.info ธรรมทานมูลนิธิ มุงหมายจะเผยแพรเรื่องอริยสัจอยางสมบูรณ มานานแลว เพิ่ ง มาสําเร็จตามความประสงคในครั้งนี้เอง รูสึกภาคภูมิใจวาไดเผยแพรที่สําคัญที่สุดแหงพระพุ ทธศาสนา ตามที่ เข าใจตรงกั นทั้ งโลก และต างพยายามเผยแพรให ดี ที่ สุ ดเท าที่ จะทํ าได สืบ ๆ กันมานานแลว.
หนั งสือเรื่องงนี้ พิ มพ ขึ้นดวยทุ น “ลัดพลีธรรมประคัลภ ” ดั งกลาวแลวขางต น, คณะผูจัดทําและจัดพิมพ ขออุทิศสวนกุศลแกพระยาลัดพลีธรรมประคัลภ ผูลวงลับไปแลวเปน พิเศษ ซึ่งผูที่ไดรับประโยชนจากหนังสือเลมนี้ คงจะรูสึกอนุโมทนา โดยทั่วกัน.
ธรรมทานมูลนิธิ มาฆบูชา ๑๖ กุมภาพันธ ๒๕๒๗
[๗]
แถลงการณคณะผูจัดทํา. หนัง สือ เรื ่อ งนี ้ มีข นาดใหญ ม าก พอที ่ใ หเ กิด ความสงสัย แกผู ที่ ได เห็ น ว า ทํ าไมมั น จึ ง มากถึ ง ขนาดนี้ และจั ด ทํ า ขึ้ น มาด ว ยความประสงค อ ย า งไร กัน, คณะผูจัดทําของแถลงใหทราบ ดังตอไปนี้ :ข อที่ ห นั งสื อเรื่องนี้ มี ขนาดใหญ มากชเช น นี้ ก็ เพราะเรื่อ งอริ ยสั จนี้ เป น เรื่องความทุ กข และความดั บทุ กข ทุ กระดั บ ทุ กขั้ นตอน ทุ กแง ทุ กมุ ม ในฐานะเป น เรื่ อ งเดี ย วที่ พ ระพุ ท ธองค ต รั ส ว า “ภิ ก ษุ ท. ! ก อ นแต นี้ ก็ ดี บั ด นี้ ก็ ดี ตถาคต บัญญัติ (เพื่อการสอน ) เฉพาะเรื่องความทุกขกับความดับทุกขเทานั้น”. แม พระองค จะตรั สว า สิ่ งที่ ทรงนํ ามาสิ นเท ากั บใบไม กํ ามื อเดี ยว เมื่ อเที ยบกั บใบไม ทั้ ง ป าคื อส วนที่ ไม ได นํ ามาสอน ผู อ านไม พึ งเข าใจไปว า ใบไม กํ ามื อเดี ยวทํ าไมจึ งมาก ถึง ขนาดนี ้. ขอ นั ้น ทา นจะไมป ระหลาดใจในเมื ่อ ทา นไดท ราบวา พระไตรปฎ ก ทั้ งหมดนั้ น มี ป ริ ม าณมากเท า กั บ ๓๐ - ๔๐ เท า ของหนั ง สื อ เล ม นี้ ซึ่ ง ทั้ ง หมดนั้ น ก็ ยั ง คงเท า กั บ ใบไม กํ า มื อ เดี ย วอยู อี ก นั่ น เอง ; ส ว นที่ ไม ได ท รงนํ า มาสอนนั้ น เรารู ไม ได ว ามี ม ากเท าไร เพราะพระพุ ท ธองค มิ ได ต รั ส จึ งไม มี ใครได จ ารึ ก ไว เราจึ งทํ า ได แต เพี ยงการคํ านวณว า ที่ ไม ได ท รงนํ ามาสอนนั้ นเท ากั บ ใบไม ทั้ งป า ที่ ท รงนํ ามา สอนเทา กับ ใบไมกํ า มือ เดีย ว ; ซึ ่ง พอจะเขา ใจไดว า เรื ่อ งอริย สัจ ทั ้ง หมดนี ้ก ็ม ิไ ด ซ้ํ า ซากหรื อ ขั ด แย ง กั น เลย เราจึ ง ต อ งใช ข อ ความแห ง หนั งสื อ เรื่ อ งนี้ ทุ ก ๆ ประเด็ น ในการที่ศึกษาเรื่องอริสัจ.
www.buddhadasa.info
[๘]
แถลงการณคณะผูจัดทํา
[๙]
อีกประการหนึ่ง พึงทราบวา เรื่องอริยสัจนี้ ถาขยายความออกไป ก็กลายเปนเรื่องปฏิจจสมุปบาท ซึ่งผูรูผูหนึ่งไดบัญญัตินามใหวาเรื่อง “อริสัจใหญ” และเรื่องอริยสัจทั่วไปนี้เปนเรื่อง “อริสัจนอย” ; ดังนั้น ผูศึกษาควรจะศึกษาเรื่อง นี้พรอมกันไปกับเรื่องปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ. แตแมจะเปนเรื่องอริยสัจ นอย ก็คํานวณดูเองเถิดวาที่วานอย ๆ นั้นมีปริมาณเทาไร. ผูจัดทําไดพยายาม รวบรวมนํามาไวในที่นี้ ใหครบถวนทุกประเด็นที่เนื่องกัน เพื่อใหสะดวกและ สมบูรณที่สุด สําหรับผูตั้งใจศึกษาเรื่องนี้จะประสพความสําเร็จไดในแงของปริยัติธรรมอันเปนรากฐานของการปฏิบัติธรรม. ถาทานสังเกตดูใหดีแลวจะพบวา ขอความทั้งหมดนี้ มิไดเปนเรื่องปริยัติธรรมไปเสียทั้งหมด แตเปนการบันทึกเรื่อง ของการปฏิบัติธรรม ที่เคยปฏิบัติเรื่องอริยสัจกันมาแลวแตครั้งพุทธกาล อยางมาก มายทีเดียว ; นับวาเปนอุปกรณแกการปฏิบัติแหงสมัยนี้เปนอยางมาก. ขอให นักปฏิบัติธรรมพิจารณาเลือกคัดเอามาเปนหลักปฏิบัติ ใหมากที่สุดเทาที่จะทําได. อนึ่ง ผูอานเคยไดยินไดฟงมากอน อริยสัจสี่เปนหลักธรรมที่พระองคตรัสรู หรือเนื้อแทของพุทธศาสนาก็คือเรื่องอริสัจสัจสี่ เปนหลักธรรมที่พุทธบริษัทตอง ปฏิบัติ ในปฏิบัติประจําวัน ดังนี้ แตพอมาเห็นหนังสืออริยสัจจากพระโอษฐเลมนี้ ซึ่งใหญโตเชนนี้ หากจะฉงนหรือทอใจขึ้นมาวา จะปฏิบัติอยางไรไหวเพราะดูมากมาย เหลือเกิน ดังนี้แลว คณะผูจัดทําขอชี้แจงใหทราบวา เรื่องอริยสัจแมจะมี ปริยายที่ตรัสไวมากก็ตาม แตโดยการปฏิบัติจริง ๆ นั้น ไมใชเรื่องมากมายอะไรเลย คือการปฏิบัติดวยการมีสติ – ปญญา เมื่อมีการกระทบกันทางอายตนะ หรือเมื่อมี การเรียนรูตามเปนจริงซึ่งอายตนิกธรรม ดังขอความในหนังสือนี้ที่หนา ๑๑๗๖,๗๙,๑๔๑๗ ฯลฯ หรือบางแหงก็ยังมีตรัสวา ผูใดเห็นอริสัจขอใด ก็จะเห็นอริยสัจอีก ๓ ขอ พรอมกันอยูในตัวดวย ดังขอความที่หนา ๑๒๐ แหงหนังสือนี้ ดังนั้น อริสัจที่ เปนตัวการปฏิบัติตรง ๆ นั้น จึงคือการปฏิบัติใหรูเห็นธรรม ในความรูสึกของ
www.buddhadasa.info
อริสัจจากพระโอษฐ
[๑๐]
จิต ในกรณีนั้น ๆ นั่นเอง ไมมีอะไรมากมาย ดังที่ฉงนหรือทอใจนั้นเลย. สรุป ความวา อริยสัจในรูปแหงการปฏิบัติโดยตรงนั้น ไมตองมีการรูหรือปฏิบัติมากมาย อะไร เพียงแตมีสติเมื่อกระทบทางอายตนะ มีปญญารูเห็นตามเปนจริงเทานั้น. ยิ่งอริสัจในรูปอริยธรรมมีองคแปดรวมตัวกันเปนมัคคสมังคีหรือมรรคญาณ ทํา หนาที่กําหนดรู – ละ – ทําใหแจง – เจริญเต็มรอบถึงที่สุด แทงตลอดสัจจะพรอม เปนอันเดียวกัน ดวยแลว ยิ่งเปนสิ่งที่มีหรือรูเห็นในขณะเดียวกันนั่นเอง ; สวน อริสัจในรูปแหงปริยัติ จะมีปริยายที่มากหลายแงหลายมุม ดังที่ปรากฏอยูใน หนังสือนี้. ประการสุ ดท าย ที่ ควรจะแถลงให ทราบก็ คื อข อที่ อาจจะมี ผู สงสั ยว างาน มหึ ม าชิ้ น นี้ ข า พเจ า ผู อ ยู ในวั ย ชราจะทํ า ให สํ า เร็ จ ได อ ย างไร. ขอแถลงให ท ราบว า ทํ าสํ าเร็จมาได ด วยความช วยเหลื อรวมมื อของเพื่ อนสพรหมจารีผู อยู ในวั ยหนุ มหลาย ท านด วยกั น ช วยเหลื อผ อนแรงในการสํ ารวจหน าพระไตรป ฎกอย างทั่ วถึ ง รวบรวม เอาเรื่อ งต าง ๆ ที่ เกี่ ยวกั บ เรื่อ งอริ สั จ มาให ข าพเจ าคั ด เลื อ กเอาตามที่ ต อ งการ, ช วย ยกร า งคํ า แปลในเบื้ อ งต น ให ข า พเจ า ตรวจแก ปรั บ ปรุ ง แล ว ร อ ยกรอง จนสํ า เร็ จ ประโยชนเ ปน หนัง สือ เรื ่อ งนี ้, ในตอนทา ยก็ไ ดช ว ยกัน ทํ า สารบัญ เก็บ คํ า ขึ ้น ทํ า ปทานุ กรม และเก็ บข อความขึ้นความขึ้ นทํ าเป นหมวดธรรม ตลอดถึ งการทํ าใบแก คํ าผิ ด, เหน็ ด เหนื่ อ ยในการคั ด พิ ม พ สอบทานกั น ทั้ ง กลางกั น กลางคื น ก็ ยั ง มี . ขอท า นผู ได รับ ประโยชน จ ากหนั ง สื อ นี้ จ งได อ นุ โมทนา และขอบคุ ณ ผู เหน็ ด เหนื่ อ ยเหล า นั้ น ซึ่ งถ าปราศจากความช วยเหลื อของท านเหล านี้ แล ว หนั งสื อ เรื่องนี้ ไม มี ท างที่ จะเกิ ด ขึ้ น มาในลั กษณะเช น ได เลย และพึ งทราบว า ข าพเจ าลงมื อ ทํ าหนั งสื อ พุ ท ธประวั ติ จากพระโอษฐ เล มนี้ มาตั้ งแต พ.ศ. ๒๕๐๐ และเพิ่ มเติ มเรื่ อยมาเป นเวลาถึ ง ๒๗ ป มาแลว มันจึงมีขนาดใหญโตมหึมาเชนนี้ จึงของแถลงไวใหทราบโดยทั่วกัน.
www.buddhadasa.info
แถลงการณคณะผูจัดทํา
[๑๑]
ข า พเจ า มี ป ณิ ธ านในการที่ จ ะทํ า หนั ง สื อ เรื่ อ งนี้ มาตั้ ง แต ได เห็ น หนั ง สื อ พุ ท ธประวั ติ จ ากประโอษฐ เล ม หนาเท า นิ้ ว ก อ ย ขนาด ๑๖ หน า ยก ของพระมหาเถระชาวเยอรมั น รู ป หนึ่ ง ผู อ าศั ย อยู ที่ เกาะแห ง หนึ่ ง ในประเทศลั ง กาได ทํ า ขึ้ น เมื่ อ ประมาณ ๖๐ ป ม าแลว และใหชื ่อ หนัง สือ เลม นั ้น วา “พ ระพุท ธวจนะ” ; ซึ ่ง ข าพเจ าอยากจะเรี ย กว าเป น เล ม แรกในโลกและเป น เครื่ อ งดลใจให ข าพเจ าและสหาย ช ว ยกั น ทํ า หนั ง สื อ เรื่ อ งนี้ ขึ้ น มา และได พิ ม พ อ อกเป น ครั้ ง แรกเมื่ อ พ.ศ. ๒๕๐๒ เป น เวลาล วงมาถึ ง ๒๖ ป แ ล ว, ข อ ความในภาคต น ๆ นั้ น พระมหาสํ าเริ ง สุ ท ธฺ วาสี ผู อ ยู ด ว ยกัน ที ่ส วนโมกขแ หง ในสมัย นั ้น ไดช ว ยเหลือ ในการคน และคัด ลอกมาก ที่สุด อยางเหน็ดเหนื่อย ซึ่งตองขอบันทึกไวในที่นี้ ในฐานะผูรวมงาน. ขาพเจามีปณิธานในที่สุดวา ขอใหเรื่องอริสัจจากพระโอษฐนี้ ตั้งอยู ในฐานะเปนเครื่องดลบันดาลใหเกิดองคพระธรรม ชนิดที่ตรัสวา “ผูใดเห็นธรรม ผูนั้นเห็นตถาคต, ผูใดเห็นตถาคต ผูนั้นเห็นธรรม ” เปนองคพระศาสดาที่ยังคง ประทับอยูกับพวกเรา หลักจากที่ทรงลวงลับไปแลวโดยพระวรกาย ตลอดกาลนาน.
www.buddhadasa.info อ.ป
(ในนามกองตําราคณะธรรมทาน)
โมกขพลาราม, ไชยา มาฆบูชา ๒๕๒๗
คํานํา (สําหรับการจัดพิมพครั้งนี้) ผู ร วบรวมเห็น วา มีเ รื ่อ งที ่ค วรแถลงใหท ราบกัน ทั ่ว ไปในครั ้ง นี ้ ดัง ตอไปนี้ .-
ความเปลี ่ ย นแปลงของการจั ด พิ ม พ : ~ การพิ ม พ ค รั้ ง แรก เมื ่อ พ.ศ. ๒๕๐๒ ซึ ่ง การรอ ยกรองยัง ไมจ บ มี ๓๐๘ หนา ; การพิม พค รั ้ง นี้ ซึ ่ง การรอ ยกรองสมบูร ณแ ลว มี ๑,๕๗๒ หนา . ในการพิม พค รั ้ง แรก ภาคนํ า มี ๕๒ หน า ครั้ ง นี้ มี ๑๔๐ หน า , ภาคทุ ก ขสั จ ครั้ ง แรกมี ๙๕ หน า ครั้ ง นี้ มี ๑๒๙ หน า , ภาคสมุ ท ยสั จ ครั้ ง แรกมี ๕๘ หน า ครั้ ง นี้ มี ๑๒๖ หน า , ภาคนิ โ รธสั จ ครั้ ง แรกมี ๙๕ หน า ครั้ ง นี้ มี ๔๐๙ หน า , ภาคมั ค คสั จ ไม เคยมี ใ นการพิ ม พ ค รั้ ง แรก เพิ่ ง มี ใ นการพิ ม พ ค รั้ ง นี้ มี ๖๗๑ หน า , และยั ง มี ภาคสรุ ป และภาคผนวก อี ก ๗๙ หน า ; รวมทั้ ง หมด ๗ ภาค มี ๑,๕๗๒ หน า มี ๙๖๒ หั ว ข อ , มี บั น ทึ ก พิเ ศษ ปทานุก รม และลํ า ดับ หมวดธรรม อีก ตา งหาก ; ซึ ่ง ทา นผู อ า นยอ ม ทราบไดเ องวา มีข อ ความเพิ ่ม เติม มากนอ ยเทา ไร จากการพิม พค รั ้ง แรก . ~ เรื ่อ งอริย สัจ มีข อ ความมาก จนถึง กับ ตอ งแบง เปน ๒ เลม หนัง สือ ขาดหนัก ๆ คงจะทํ า ความลํ า บากให แ ก ผู อ า นที่ จ ะถื อ อ า น หรือ ตรวจค น ขอให ผู อ า นค น หาวิ ธี ขจั ด ความลํ าบากนี้ ด วยตนเอง คื อ มี ที่ ว างที่ ส ะดวก โดยเฉพาะอย างยิ่ งในการที่ จะ ต อ งตรวจค น หาเรื่ อ งบางเรื่ อ ง จากหนั ง สื อ ๒ เล ม พร อ มกั น ในคราวเดี ย ว จาก สารบัญ หรือ ปทานุก รม แลว แตก รณี. ~ ในการจัด ทํ า หนัง สือ เรื ่อ งนี ้ มีก าร แถมพิเศษดวยการแนะนําในการที่จะเก็บหลักธรรมสําคัญ หรือชั้นที่เปนปรมัตถ
www.buddhadasa.info
[๑๒]
คํานําสําหรับการจัดพิมพครั้งนี้
[๑๓]
ซึ่ งได ทํ าให ดู ไว เป น ตั วอย างแล ว ๑๐๐ ตั วอย างหรื อ ๑๐๐ ข อ สํ าหรั บ ผู ศึ กษาจะได เที ย บเคี ย งเอาได ด ว ยตนเอง จนสามารถเก็ บ หลั ก ธรรมสํ า คั ญ ชนิ ด นี้ อ อกมาได ทุ ก ขอ ดว ยตนเอง เพื ่อ การศึก ษาตอ ไป. ~ นอกจากนี ้ ยัง ไดแ นะนํ า วิธ ีที ่จ ะศึก ษา ขอ ธรรมขอ ใดขอ หนึ ่ง อยา งลึก ซึ ้ง กวา งขวางออกไป เพื ่อ แกป ญ หาที ่เ กิด แก นั ก เรี ย น นั ก ศึ ก ษ า นั ก รวบรวมค น คว า นั ก เทศน และครู บ าอาจารย ผู ส อน ธรรมะ ตลอดถึง ผู กํ า ลัง ปฏิบ ัต ิธ รรม. ขอ นี ้ไ ดแ กข อ ความที ่เ ขา ใจไมต รงกัน กํ า ลั ง ถกเถี ย งเป น ป ญ หากั น อยู ก็ มี , ที่ ผิ ด จากพระบาลี ห รื อ จากความจริ ง จนใช ประโยชน อ ะไรไม ไ ด ก็ มี , ที่ พ วกหนึ่ ง พู ด ภาษาคน พวกหนึ่ ง พู ด ภาษาธรรม พวก หนึ่ ง พู ด ภาษาลึ ก พวกหนึ่ ง พู ด ภาษาตื้ น กํ า ลั ง ทะเลาะกั น อยู ก็ มี , ดั ง นี้ เ ป น ต น . ขอให ท า นผู อ า นจงใคร ค รวญให จ งดี ให ลึ ก ซึ้ ง และแจ ม แจ ง เพี ย งพอ คงจะสะสาง ป ญ หาต า ง ๆ ได อี ก เป น อั น มาก. ~ อี ก ทางหนึ่ ง ซึ่ ง จะต อ งขอแสดงความเสี ย ใจ และขออภั ย ต อ ท า นผู อ า น ในการที่ มี ก ารเขี ย นบั น ทึ ก เพิ่ ม เติ ม ต อ ท า ยเรื่ อ งอริ ย สั จ ทั้งหมด โดยใชชื่อวา “คํ าชี้ แ จงเพิ่ ม เติ ม เกี่ ย วกั บ ถ อ ยคํ าและอั ก ขรวิธี ฯลฯ ใน หนั ง สื อ เล ม นี้ ” ซึ่ ง ทํ า ความลํ า บากให แ ก ท า น และทํ า ให รู สึ ก ว า เขี ย นอย า งไม รู จั ก จบจั ก สิ้ น . ข อ นี้ เ ป น เพราะเหตุ ว า มั น เป น เรื่ อ งที่ ยึ ด ยาวเกิ น ไป จนถึ ง กั บ ทํ า ให เหลือ ขอ บกพรอ งหรือ ความกํ า กวมบางอยา งไวใ หส ัง เกตเห็น ในภายหลัง จึง ตอ ง มีการเขียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับความบกพรองนั้น ๆ ซึ่งตองขออภัยไวในที่นี้.
www.buddhadasa.info การอ า งอิ ง ที ่ ต อ งทํ า ความเข า ใจ หลายแง ม ุ ม : ~ พระไตร-
ป ฎ กที่ ใ ช อ า งอิ ง ในการทํ า หนั ง สื อ เล ม นี้ ใช พ ระไตรป ฎ กฉบั บ บาลี ส ยามรั ฐ (ปกสี เหลื อ ง มี ช า งแดง ) ฉบั บ พิ ม พ เ ป น อนุ ส รณ รั ช กาลที่ ๗ ; ดั ง นั้ น เลขบอกเล ม – หน า – บรรพ ที่ ใ ช อ า งอยู ใ นหนั ง สื อ เล ม นี้ หมายถึ ง เลขที่ มี อ ยู ใ นพระไตรป ฎ ก ฉบับ นั ้น ซึ ่ง อาจจะแตกตา งจากฉบับ อื ่น เปน ธรรมดา. แมพ ระไตรปฎ กชุด นี้ ฉบับพิมพซ้ําครั้งหลัง ๆ บางเลมเมื่อขาดคราวพิมพ อาจจะมีเลขหนาคลาดเคลื่อน
อริยสัจจากพระโอษฐ
[๑๔]
จากฉบั บ พิ ม พ ค รั้งแรก ; ถ า ป ญ หานี้ เกิ ด ขึ้ น ขอให ส อบสวนดู เอาเอง ซึ่ ง คงจะพบ ได ไม ย ากนั ก . ~ ข อ ความบางตอนจํ า เป น ต อ งอ า งให ดู จ ากหนั ง สื อ ชุ ด ธรรมโฆษณ เล ม อื่ น ๆ เช น ให ดู จ ากพุ ท ธประวั ติ จ ากพระโอษฐ หรื อ จากปฏิ จ จสมุ ป บาทจาก พระโอษฐเ ปน ตน ซึ ่ง เชื ่อ วา ทา นผู อ า นสว นมากมีห นัง สือ เหลา นั ้น กัน อยู แ ลว ; ทั้ ง นี้ เพื่ อ เป น การประยั ก เวลาที่ จ ะต อ งเขี ย นข อ ความอั น มากมายเหล า นั้ น ไว ใ น หนัง สือ เลม นี ้อ ีก . ~ แผน ใบชี ้แ จงไขความเกี ่ย วกับ อัก ษรยอ ชื ่อ พระคัม ภีร ซึ ่ง มี ก ารแก ไ ขหรื อ เพิ่ ม เติ ม แปลกออกไป ไม ต รงกั น ทุ ก ฉบั บ นั้ น มิ ใ ช เ ป น เพราะมี ความผิ ด พลาด หากแต ต อ งการให มี ค วามชั ด เจนเป น ระเบี ย บมากขึ้ น หรื อ เพิ่ ม ขึ้ น ตาม ควรแก ก รณี ไม ค วรเป น ที ่ ฉ งน ส น เท ห ข อ งผู ใ ช แ ต ป ระการใด แม จ ะ ได พ บเห็ น ตั ว ย อ หรื อ คํ า ไขความที่ เปลี่ ย นไป ผู จั ด ทํ า กํ า ลั ง พยายามที่ จ ะทํ า ให เป น แบบสํ า เร็ จ รู ป ใช ไ ด ต ลอดกาล ในโอกาสข า งหน า . ~ การที ่ ห นั ง สื อ เรื ่ อ ง นี้ เป น หนั ง สื อ ชนิ ด ที่ ร วบรวมข อ ความจากพระโอษฐ แต มี ข อ ความที่ เป น ของพระ สาวกเถระเถรี มาใสไ วด ว ยนั ้น ไมไ ดป ระสงคจ ะใหท า นทั ้ง หลายถือ วา ขอ ความนั้ น เป น พระพุ ท ธภาษิ ต เพี ย งแต อ า งมาสํ า หรั บ เที ย บกั น หรื อ นํ า มาอธิ บ าย คํ า บางคํ า ที่ เป น พุ ท ธภาษิ ต ให ชั ด เจนยิ่ ง ขึ้ น , หรื อ มี เหตุ ผ ลที่ แ สดงอยู ว า ถ า พระพุ ท ธองค จ ะตรั ส เรื่ อ งนี้ ก็ จ ะตรั ส อย า งเดี ย วกั บ ที่ พ ระสาวกองค นี้ ก ล า ว; ทั้ ง นี้ ไ ม เปนการตบตากันแตประการใดเลย.
www.buddhadasa.info ขอบเขตของความหมายแห ง คํา ว า “จากพระโอษฐ ” : ~
ขอให ผู อ านพึ งทราบว า คํ าว าจากพระโอษฐ ในกรณี นี้ หมายความว า มี ทั้ งโดยตรง และโดยออ ม. โดยตรงก็ค ือ คํ า ที ่ต รัส ไวต รง เชน คํ า วา มรรคคือ อะไร ก็ท รง จํ า แนกไปจนครบองคแ ปด. โดยออ มเชน คํ า ที ่ต รัส เปน ใจความวา เมื ่อ มี สติอยูอยางถูกตองในทุกกรณี มรรคมีองคแปดก็ยอมสมบูรณอยูโดยอัตโนมัติ ; มรรคในลักษณะเชนนี้ ก็ขอใหถือวาเปนมรรคจากพระโอษฐดวยเหมือนกัน หาก
คํานําสําหรับการจัดพิมพครั้งนี้
[๑๕]
แต ว า เป น การกล า วโดยอ อ ม แม ก ระนั้ น ก็ มี ค วามหมายหรื อ น้ํ า หนั ก เท า กั น . ผู ศึก ษาพึง สัง เกตใหพ บถอ ยคํ า ทํ า นองนี ้ ซึ ่ง จะมีอ ยู โ ดยทั ่ว ไปในหนัง สือ เรื ่อ งนี ้. ~ ผู อ า นบางคนอาจจะสงสั ย ว า ทํ า ไมหนั ง สื อ เรื่ อ งนี้ ไม มี ก ารเอ ย ถึ ง นรก – สวรรค ในภาษาคน ตามธรรมดาที่ เ ขาพู ด กั น อยู ทั่ ว ไปเอาเสี ย เลย มั น ไม เ กี่ ย วกั บ เรื่ อ ง อริย สัจ หรือ อยา งไร. ขอ นี ้ข อใหเ ขา ใจวา เรื ่อ งอริย สัจ พูด ถึง แตเ รื ่อ งความทุก ข และความดับ ทุก ขเ ทา นั ้น ไมพ ูด ถึง เรื ่อ งความสุข หรือ สวรรค ; เรื ่อ ง สวรรค ยั งเนื่ อ งกั น อยู กั บ ความทุ ก ข เพราะยั ง ตกอยู ภ ายใต อํ า นาจของอุ ป าทาน จึ ง มี ต รั ส ไวแ ตเ รื ่อ งของสวรรคใ นลัก ษณะแหง กามและโทษของกาม ซึ ่ง ทา นจะหาพบได ในหั ว ข อ นั้ น ๆ ; ส ว นเรื่ อ ง นรก นั้ น พอจะกล า วได ว า เป น เรื่ อ งของความทุ ก ข โดยตรง. แต ก ารที จ ะพู ด เป น ภาษาคนหรื อ ทางวั ต ถุ จ นเป น บ า นเป น เมื อ งอยู ใ ต ดิ น นั้ น นอกขอบเขตของอริ ย สั จ ที่ ต อ งการจะชี้ ค วามทุ ก ข ที่ จิ ต ใจของคน, แต ถึ ง กระนั้ น เราก็ อ าจจะกล า วได ว า นรกก็ คื อ การทํ า ผิ ด ทางอายตนะแล ว จิ ต ใจร อ นเป น ไฟอยู ใ นขณะนั ้น นั ่น เอง, แมจ ะพูด กัน ถึง นรกใตด ิน แตค วามหมายอัน แทจ ริง มั น ก็ อ ยู ที่ จิ ต ใจอั น ทุ ก ข ร อ น ; ดั ง นั้ น ขอให เ ห็ น ว า เรื่ อ งนรก – สวรรค ใ นความ หมายที ่ถ ูก ตอ ง ไดก ลา วไวใ นเรื ่อ งอริย สัจ นี ้ด ว ยแลว อยา งสมบูร ณ . ~ เมื ่อ กํ า ลั ง รวบรวมร อ ยกรองเรื่ อ งอริ ย สั จ นี้ ผู ร วบรวมก็ รู สึ ก ว า ทํ า ไม คํ า อธิ บ ายเรื่ อ งสั ม มาวาจา – สั ม มากั ม มั น ตะ – สั ม มาอาชี ว ะจึ ง มี น อ ยเกิ น ไป และผู อ า นเรื่ อ งนี้ ใน เวลานี ้ก ็ค งจะรู ส ึก เชน นั ้น เหมือ นกัน ; ในที ่ส ุด ก็พ บวา เปน เพราะเรื ่อ งในระดับ ศีล เชน นี ้ เปน สิ ่ง ที ่รู แ ละปฏิบ ัต ิก ัน อยู แ ลว โดยทั ่ว ๆ ไป แมจ ะมีอ ยู โ ดยชื ่อ อื ่น เช น กายสุ จ ริ ต วจี สุ จ ริ ต เป น ต น ซึ่ ง บางที พ ระองค จ ะเว น กล า วถึ ง เสี ย เลยก็ ยั ง มี เพราะถื อ เสี ย ว า เป น สิ่ ง ที่ มี อ ยู แ ล ว โดยปกติ ใ นฐานะเป น ศี ล ธรรมสากลระดั บ พื้ น – ฐาน, แตไ ปกลา วถึง ใหม ากในเรื ่อ งที ่ย ัง ไมม ีใ ครรู หรือ ไมค อ ยจะมีใ ครกลา วเสีย ดีกวา. หวังวาผูศึกษาคงจะมองเห็นความจริงขอนี้.
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ
[๑๖]
คุณ คา ของอริย สัจ : ~ ผู ร วบรวมมีค วามหวัง อยา งยิ ่ง ในการที่ จะให ท า นผู อ า นมองเห็ น คุ ณ ค า อั น ลึ ก ซึ้ ง ใหญ ห ลวง กว า งขวาง ของเรื่อ งอริย สั จ ใหค รบถว นตามพระพุท ธประสงค ซึ ่ง จะเปน ประโยชนแ กท า นผู อ า นเอง. ~ ขอแรกก็คื อ ความมี ส าระของเรื่อ งอริย สั จ จนถึงกับจะกลาวดวยโวหารธรรมดา สามั ญ ได ว า เป น “เรื่ อ งที่ พ ระองค จ ะทรงยอมคุ ย ด ว ย” หมายความว า ถ า เป น เรื ่อ งอื ่น ๆ เชน ตายแลว เกิด หรือ ไมเ กิด โลกเที ่ย ง – ไมเที ่ย ง โลกมีที ่ส ุด – ไมมี ที่ สุ ด ฯลฯ เป น ต น แล ว จะไม ท รง “ยอมคุ ย ด ว ย” แม จ ะทู ล ถามก็ จ ะไม ท รง พยากรณ. นี ้เ ปน เครื ่อ งชี ้ใ หเ ห็น วา เรื ่อ งอริย สัจ เทา นั ้น เปน เรื ่อ งที ่ม ีแ กน สาร. เมื่ อ พู ด ถึ ง ความมี ค า มากค า น อ ย ก็ ย ากที่ จ ะกล า วลงไปตรงๆ ได ด ว ยถ อ ยคํ า เพราะมี ค า มากเหลื อ เกิ น จนต อ งกล า วด ว ยการอุ ป มาด ว ยเรื่อ งที่ ไม อ าจจะเป น ไป ได แต อาจจะเที ยบเคี ยงค าของมั นได ; เชนที่ ตรัสวา แม จะถู กเขาแทงด วยหอก เช า ๑๐๐ ครั้ง เที่ยง ๑๐๐ ครั้ง เย็น ๑๐๐ ครั้ง เปนเวลา ๑๐๐ ป เพื่อแลกเอา การรูอริยสัจ ดังนี้ ก็ควรจะยอม. ทานจงพิจารณาดูเองเถิดวา พระพุทธองคทรง ประเมิน คา ของเรื ่อ งนี ้ไ วอ ยา งไร. ~ เมื ่อ พูด ถึง “ความดว นจี ๋” ก็ต รัส อุป มา ไว ด ว ยเรื่ อ งที่ ต ามธรรมดาเป น ไปไม ได อี ก เช น เดี ย วกั น โดยทรงให เที ย บเคี ย งดู เอา เองวา แมไ ฟไหมอ ยู ที ่ศ รีษ ะหรือ ที ่เ สื ้อ ผา แลว , กํ า ลัง หรือ ความเพีย รที ่ม ีอ ยู ควรจะใช ไ ปในการทํ า ให รู อ ริย สั จ ก อ นแต ที่ จ ะนํ า มาใช ใ นการดั บ ไฟที่ กํ า ลั ง ไหม อ ยู ที ่เ นื ้อ ที ่ต ัว , ดัง นี ้เ ปน ตน . ~ เมื ่อ พูด ถึง เรื ่อ งที ่ค วรกระทํ า ในฐานะเปน “โยคะกรรม” คื อ การกระทํ า กั น อย า งจริ ง ๆ จั ง ๆ แล ว ไม มี เรื่ อ งอะไรควรกระทํ า ยิ่ ง ไป กว า เรื่ อ งการทํ า เพื่ อ ให รู อ ริ ย สั จ . เราไม เคยพบการที่ ท รงเน น ให ทํ า โยคกรรมใน เรื ่อ งใด ๆ มาก เทา กับ ทรงเนน ใหทํ า โยคกรรมเพื ่อ ใหรู อ ริย สัจ . นี ้ก ็เ ปน เครื ่อ ง วัด คา แหง การสมควรกระทํ า เกี ่ย วกับ เรื ่อ งอริย สัจ . ~ ทั ้ง ๔ เรื ่อ งนี ้ก ็พ อแลว ที่ จะแสดงใหเห็นคุณคาของอริยสัจ วามีมากนอยเพียงใด. ~ เมื่อพิจารณากัน
www.buddhadasa.info
คํานําสําหรับการจัดพิมพครั้งนี้
[๑๗]
ถึงการที่จะต องลงทุ นด วยความยากลําบากแล ว การณ กลับปรากฏวา การพยายาม เพื ่อ ใหรู อ ริย สัจ นั ้น เปน ความเบาสบาย ไมต อ งกระทํ า ดว ยการกระทํ า ชนิด ที่ เรียกวาทุ กขกิ ริยา, แต กลับจะมี ความสุ ขโสมนั สไปพลางเป นระยะ ๆ ตลอดเวลาที่ กระทํ า ด ว ยอํ า นาจแห ง การรู ธ รรมและธรรมป ติ ที่ ค อ ย ๆ เพิ่ ม ขึ้ น . ~ อี ก ประการ หนึ่ ง การรูอริยสั จไม ต องเกี่ ยวกั บ การศึ กษาอภิ ธรรมให ยุ งยากลํ าบาก เป น การทํ า ใหเสียเวลามากไปเปลา ๆ (ดูขอความในหนังสือนี้ที่หนา ๑๕๒๗ ) ; ควรจะสงวนเวลา ไว สํ า หรั บ ศึ ก ษาใจความของเรื่ อ งอริ ย สั จ โดยตรง ซึ่ ง ประหยั ด ความเนิ่ น ช า และ ความลํ า บากไดอ ีก มากมาย ซึ ่ง อยู ใ นวิส ัย ที ่ท ุก คนจะทํ า ได. ~ ถา ใครอยาก จะมี ป าฏิ ห าริ ย ชั้ น สู ง สุ ด ยิ่ ง กว า ปาฏิ ห าริ ย ทั้ ง ปวง ซึ่ ง รู กั น อยู ว า ได แ ก อ นุ ส าสนี ปาฏิ ห าริยแล ว ก็ จงแสดงด วยการทํ าผูอื่ น ให รูอ ริย สัจเถิด (ดู ขอ ความในหนั งสื อ นี้ ที ่ห นา ๑๕๒๒ ) แมนี ้ก ็แ สดงถึง คุณ คา ของการรู อ ริย สัจ ดว ยอีก เหมือ นกัน . ~ คุณ คา ชนิด พิเ ศษของการรูอ ริย สัจ ยัง มีต อ ไปอีก คือ ใชเ ปน เครื่อ งสงเคราะห ผูอื่นดวย “การสงเคราะหอันสูงสุด” ไมมีการสงเคราะหอื่นสูงสุดแลว ซึ่งอาจจะ กล า วได ว า ถ า จะสงเคราะห ใครด ว ยการสงเคราะห อั น สู ง สุ ด แล ว จงสงเคราะห เขาดวยการทําใหเขารูอริยสัจเถิด (ดูขอความในหนังสือนี้ ที่หนา ๔๘). ~ จากนั้ น ต อ ไปอี ก ให ถื อ เป น หลั ก ว า ผู มี พ ระคุ ณ สู งสุ ด ที่ ไม ค วรลื ม เป น อั น ขาดนั้ น คื อ ผู ที่ ช ว ยให เรารู อ ริ ย สั จ , เป น พระครู ที่ ต อบแทนไม พ อด ว ยการเคารพบู ช า หรื อ การ ตอบแทนด วยวัตถุ, หากแต ตอ งตอบแทนด วยการชวยทํ าให ผูอื่นรูอ ริยสัจสืบ ต อ ๆ กันไป (ดูขอความในหนังสือนี้ ที่หนา ๑๕๓๐).
www.buddhadasa.info ความเป น วิ ท ยาศาสตร ของเรื่ อ งอริ ย สั จ : ~ ถ า มองกั น ใน “แงข องตรรก” จะเห็น ไดว า หลัก อริย สัจ แสดงรูป โครงทางตรรกชั ้น เลิศ คือ การตั ้ง คํ า ถามอัน สมบูร ณขึ ้น มาในกรณีห นึ ่ง ๆ อัน เปน โครงแหง คํ า ถามที ่ว า ก. คืออะไร, ข. จากอะไร, ค. เพื่ออะไร, ง. โดยวิธีใด. ขอนี้หมายความวา
อริยสัจจากพระโอษฐ
[๑๘]
เรื่ อ งใดก็ ต ามที่ เราตั้ ง ใจจะรู ห รื อ จะกระทํ า ถ า หากตอบคํ า ถามทั้ ง ๔ ข อ นี้ ได ห มด แลว ก็จ ะเปน อัน วา หมดปญ หาทั ้ง ในการรู แ ละการกระทํ า . หลัก เกณฑอ ัน นี้ ใช ไ ด ทั่ ว ไปในทุ ก เรื่ อ ง หรื อ ทุ ก การงานในโลก ; รายละเอี ย ดต า ง ๆ ของคํ า ถาม แต ล ะข อ ๆ นั้ น อาจจะขยายออกไปได โ ดยไม จํ า กั ด . ~ ถ า ดู กั น ใน “แง ข อง วิท ยาศาสตร” เรื ่อ งอริย สัจ ทั ้ง ๔ เรื ่อ ง เปน ไปตามกฎอิท ัป ปจ จยตา ซึ ่ง เปน กฎแหง ธรรมชาติอ ัน สูง สุด ของสกลจัก รวาล โดยมีห ลัก วา สิ ่ง ทั ้ง ปวงมีเ หตุ มี ป จ จั ย เป น ไปตามอํ า นาจแห ง เหตุ แ ละป จ จั ย ดั บ เหตุ ดั บ ป จ จั ย ได ก็ คื อ ดั บ ผล ของมัน ดว ย โดยการกระทํ า ที ่ถ ูก ตอ งตามกฎแหง เหตุแ ละปจ จัย เหลา นั ้น โดย ไม ต อ งอาศั ย อํ า นาจสิ่ ง ศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ เช น เทพเจ า หรื อ พระเป น เจ า และเป น สิ่ ง ที่ สามารถพิ สู จ น ไ ด โ ดยหลั ก เกณฑ ท างวิ ท ยาศาสตร แ ห ง ยุ ค ป จ จุ บั น ; แม ว า เป น เรื่ อ งฝ า ยจิ ต วิ ญ ญาณ จนต อ งเรี ย กว า วิ ท ยาศาสตร ท างฝ า ยจิ ต ก็ ไ ม ขั ด กั น แต ประการใดกั บ วิ ท ยาศาสตร ท างฝ า ยวั ต ถุ เพราะเป น สั จ จธรรมของธรรมชาติ โดย ธรรมชาติ ตามธรรมชาติ, แตเ พื ่อ ประโยชนแ กม นุษ ย คือ สามารถแกป ญ หา ของมนุษ ยไ ดอ ยา งแทจ ริง และเพีย งพอ. ~ แมจ ะมีล ัก ษณะเปน “จิต วิท ยา” พุท ธศาสนาก็ห าใชจ ิต วิท ยาหาประโยชนอ ยา งจิต วิท ยายุค ปจ จุบ ัน ไม แตเ ปน จิ ตวิ ท ยาเพื่ อแก ป ญ หาทางจิ ต ใจของมนุ ษ ย ในรูป แบบของวิ ทยาศาสตรอี กนั่ น เอง, ไม มี ลั ก ษณะแห ง เทววิ ท ยา ( Theology ) แต ป ระการใด, ดั ง นั้ น พุ ท ธศาสนาจึ ง ไม ร วมอยู ใ นศาสนาที่ มี เทววิ ท ยาเป น หลั ก . ถ า จะให เรี ย กตามชอบใจเรา อยาก จะเรี ย กว า “วิ ท ยาศาสตร แ ห ง สั จ จะ” เสี ย มากกว า . ~ ถ า จะดู กั น ในแง ข อง ศาสนา หรื อ Religion ซึ่ ง มี ค วามหมายว า เป น “สิ่ ง ผู ก พั น มนุ ษ ย กั บ สิ่ ง สู ง สุ ด ”. แล ว สิ่ ง สู ง สุ ด ในพระพุ ท ธศาสนาก็ คื อ ภาวะสิ้ น สุ ด แห ง ความทุ ก ข เพราะปฏิ บั ติ ถู ก ต อ งตามหลั ก ของอริย สั จ ตามกฎเกณฑ ข องกฎอิ ทั ป ป จ จยตาซึ่ ง เป น กฎเกณฑ อยางวิทยาศาสตรอีกนั่นเอง. พุทธศาสนาจึงไมมีลักษณะเปน Creationist คือถือ
www.buddhadasa.info
คํานําสําหรับการจัดพิมพครั้งนี้
[๑๙]
วา สิ ่ง ตา ง ๆ มีพ ระเจา ผู ส รา ง, แตเ ปน Evolutionist คือ ถือ วา สิ ่ง ตา ง ๆ เกิด ขึ ้น และเปน ไปตามกฎของธรรมชาติ ที ่เ รีย กวา กฎแหง อิท ัป ปจ จยตา อัน เปน หลั ก สํ า คั ญ ของอริ ย สั จ จึ ง กล า วได ว า เรื่ อ งอริ ย สั จ นั่ น เองที่ ทํ า ให พุ ท ธศาสนาเป น “ศาสนาแห ง สกลจั ก รวาล” (Cosmic Religion ). นี้ คื อ ลั ก ษณะพิ เศษหรื อ เฉพาะ ของพุท ธศาสนา ที ่ค วรตั ้ง ขอ สัง เกตหรือ ตรากัน ไว ~ สิ ่ง สุด ทา ยที ่จ ะตอ งพูด กั น ในกรณี นี้ ก็ คื อ พุ ท ธศาสนามิ ไ ด เ ป น Philosophy (ซึ่ ง เป น วิ ธี ค น หาความจริ ง ด ว ยการคํ า นวณจากสิ่ ง ที่ ตั้ ง ขึ้ น ไว เ ป น สมมติ ฐ าน หรื อ Hypothesis ). แต พุ ท ธศาสนาเป น ปรั ช ญา (คื อ ป ญ ญาที่ เห็ น ความจริ ง ขั้ น สู ด ยอด โดยไม ต อ งอาศั ย การ คํ า นวณ ใด ๆ ) คื อ เป น การมองลงไปตรง ๆ ลงไปยั ง สิ่ ง ที่ กํ า ลั ง เป น ป ญ หา เช น ความทุ ก ข เป น ต น ตามหลั ก เกณฑ แ ห ง อริ ย สั จ , ราวกะว า มองดู สิ่ ง ที่ นํ า มาวางลง ในฝ า มื อ ; ไม มี ก ารคํ า นวณคาดคะเนตามวิ ธี แ ห ง Philosophy ( ซึ่ ง มี ผ ลเป น เพี ย ง “ทรรศนะ” หนึ่ ง ๆ อั น เป น ความเห็ น สุ ด ท า ยของการคํ า นวณครั้ ง หนึ่ ง ๆ ซึ่ ง จะ เป น เช น นั้ น สื บ ต อ ไปไม รู จั ก จบ ; หาใช ป รั ช ญ าหรื อ ป ญ ญ าอั น สู ง สุ ด ไม ). แม กระนั้ น ถ า หากว า ใครประสงค จ ะนํ า เอาพุ ท ธศาสนาไปพู ด เพ อ เจ อ อย า งวิ ธี Philosophy ก็ ทํ าได เห มื อน กั น เพ ราะพู ดกั น ใน รู ป แบ บ ของ Philosophy; แต ขอยืน ยัน วา นั ่น มัน ดับ ทุก ขไ มไ ด เพราะตัว แทข องพระพุท ธศาสนามิใ ชเ ปน Philosophy ; แต ต องเป น ปรั ชญา หรื อ ป ญ ญาที่ เกิ ด มาจากการมองลงไปที่ ตั วความจริ ง โดยประจั ก ษ อย างไม ต อ งมี ก ารคํ านวณ, เป น ป ญ ญาที่ ส ามารถเจาะแทงกิ เลส ซึ่ ง Philosophy ทํ า ไม ได . ป ญ หาอั น เลวร า ยเกิ ด ขึ้ น เพราะเราเอาคํ า ว า Philosophy (คํ า ตะวั น ตก) มาทํ า เป น สิ่ ง เดี ย วกั น กั บ คํ า ว า ปรั ช ญา (คํ า ตะวั น ออก) ไปเสี ย นั่ น เอง.เรื่ อ งอริ ย สั จ โดยเนื้ อ แท เ ป น Philosophy ไม ไ ด แต เป น ปรั ช ญาที่ ส มบู ร ณ มิ ใช เป น เพี ย ง “ทรรศนะ” ดั ง กล า วแล ว . ~ เมื่ อ ผู ศึ ก ษาได ศึ ก ษาหนั ง สื อ เรื่ องอริ ยสั จนี้ ดวยตนเอง จนตลอดแลว ก็จะเห็นไดดวยตนเองทันทีวา เรื่องอริยสัจที่กลาว
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ
[๒๐]
ไว ใ นรู ป แบบสํ า หรั บ การดั บ ทุ ก ข นี้ ไม อ าจเป น Philosophy ที่ ต อ งอาศั ย การ คํ า นวณใด ๆ เลย แต เป น การบอกวิ ธี ใ ห ป ระพฤติ ห รื อ กระทํ า จนเกิ ด สิ่ ง ที่ เรี ย กว า ปรัชญา หรือธัมมสัจจะเปนกรณี ๆ ไปทีเดียว. ขอ ความดังกลาวมาทั้ งหมดนี้ เป น เรื่องที่ ป ระสงค ให ท านผูอ านได พิจารณาดูอยางละเอียด โดยไมตองกลัววาจะเสียเวลา, เพื่อผลอันสมบูรณ.
อ.ป. ในนามกองตําราแหงคณะธรรมทาน โมกขพลาราม, ไชยา มาฆบูชา ๒๕๒๗
www.buddhadasa.info
คํานําเมื่อพิมพครั้งแรก [พ.ศ. ๒๕๐๒] พระพุ ท ธศาสนาทั้ ง แท ง มี ย อดสุ ด คื อ อริ ย สั จ ๔. หลั ก ธรรมทุ ก ๆ อย า ง สงเคราะห ร วมลงได ใน อริ ย สั จ ๔. ข อ ปฏิ บั ติ ทุ ก ๆ ข อ ก็ มี เพื่ อ รู อริ ย สั จ ด ว ยป ญ ญา. ครั้ น รู อริย สั จ ด ว ยป ญ ญาถึ ง ที่ สุ ด แล ว ก็ ห ลุ ด พ น จากอาสวะกิ เลส เป น ผู ทํ า ที่ สุ ด แห ง ความทุ ก ข ให ป รากฏได และพ น ทุ ก ข อ ย า งเด็ ด ขาด ไม ก ลั บ เป น ทุกขอีกตอไป เพราะจิตหลุดพนจากสิ่งที่เคยยึดถือ. ผู ที ่รู อ ริย สัจ ได โดยตนเอง อยา งแตกฉาน และสอนผู อื ่น ใหรู ต าม ได ด วย เรียกวา พระสั มมาสั มมาพุ ทธเจ า. ผู ที่ รูเอง แตกฉานเฉพาะเท าที่ ทํ าตั วเอง ให ห ลุ ด พ น ได แต ส อนผู อื่ น ให รู ต ามไม ไ ด เพราะไม ส ามารถในการทรมานผู ฟ ง เรีย กว า พระป จ เจกพุ ท ธเจ า . ผู ที่ ได ฟ ง จากพระสั ม มาสั ม มาพุ ท ธเจ า แล ว รูต ามได เรี ย กว า พระอนุ พุ ท ธเจ า . ผู ที่ ไ ด ฟ ง จากพระสั ม มาสั ม มาพุ ท ธเจ า แล ว รู ต ามได เรี ย กว า พระอนุ พุ ท ธเจ า หรื อ พระอริ ย สาวก. ทั้ ง ๓ พวกนี้ ก็ ล ว นแต เพราะรู อริย สัจ ๔ ดว ยปญ ญ า. อริย สัจ จึง คือ ยอดธรรม . การรู อริย สัจ ก็ค ือ ยอดแห ง พรหมจรรย . และการประพฤติ เ พื่ อ ให รู อ ริ ย สั จ ๔ ด ว ยป ญ ญา ก็ คื อ ยอดแหงการประพฤติทั้งหลาย.
www.buddhadasa.info ในโลกนี้ หรื อ ในโลกไหน ๆ กี่ พั นโลกก็ ต าม ไม มี อ ะไรดี ไ ปกว า “ความพน ทุก ข.” ความพน ทุก ข มีไ ด เพราะรู อริย สัจ ทั ้ง ๔ อยา งสมบูร ณ คือรูจักทุกข เหตุใหเกิดทุกข ความดับไมเหลือของทุกข และทางดําเนินใหถึง
[๒๑]
[๒๒]
อริยสัจจากพระโอษฐ
ความดั บ ไม เ หลื อ ของทุ ก ข นั่ น เอง. อริ ย สั จ ทั้ ง ๔ อย า งนี้ จึ ง เป น ความรู ที่ ค วร ศึ ก ษาสํ า หรั บ การมี ชี วิ ต อยู ยิ่ ง กว า ความรู อื่ น ๆ ซึ่ ง เป น เพี ย งการหลอกล อ ให ชี วิ ต เพลิน ไปวัน หนึ ่ง ๆ หาไดสํ า รอกทุก ข พรอ มทั ้ง รากเชื ้อ ของมัน ออกจากดวงจิต ของมนุษยไดไม. เจ า หน า ที่ ก องตํ า ราของคณ ะธรรมทาน ได พ ยายามค น เรื่ อ งอริ ย สั จ มาเป น เวลานาน ด ว ยความลํ า บากอย า งยิ่ ง ในการค น และการนํ า มาจั ด เข า ลํ า ดั บ ให ถู ก ต อ งปะติ ด ปะต อ กั น จนตลอดเรื่ อ ง เป น เรื่ อ ง อริ ย สั จ จากพระโอษฐ ฉบั บ ที่ สมบูร ณ . คณ ะธรรมทาน ไดเ ริ ่ม พิม พห นัง สือ เรื ่อ งนี ้ ตั ้ง แตต น พ.ศ. ๒๕๐๐ จัด เย็บ เลม ภาค ๑– ๒ ไวต อนหนึ ่ง แลว . มาบัด นี ้ ภาค ๓ - นิโ รธอริย สัจ เสร็จ ลง จึง ไดจ ัด เย็บ เลม ไวอ ีก ตอนหนึ ่ง . สว นภ าค ๔ - ม รรคอริย สัจ และภ าค สรุปทาย จะไดจัดพิมพตอไป.
คณะธรรมทาน, ไชยา
www.buddhadasa.info ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๐๒
สารบาญยอ (ตามลําดับภาค ทุกภาค) ____________ ภาคนํา วาดวย ขอความที่ควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
หนา ๑ - ๑๔๐
ภาค ๑ วาดวย ทุกขอริยสัจความจริงอันประเสริฐคือทุกข
๑๔๕ - ๒๗๔
ภาค ๒ วาดวย สมุทยอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐคือเหตุใหเกิดทุกข
๒๗๗ - ๔๐๓
ภาค ๓ วาดวย นิโรธอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐคือความดับไมเหลือของทุกข
๔๐๗ - ๙๑๖
ภาค ๔ วาดวย มัคคอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐคือมรรค
๘๑๙ - ๑๔๙๐
ภาคสรุป วาดวย ขอความสรุปเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๑๔๙๓ - ๑๕๒๔
ภาคผนวก วาดวย เรื่องนํามาผนวกเพื่อความสะดวกแกการอางอิงฯ
๑๕๒๗ - ๑๕๗๒
www.buddhadasa.info
[๒๓]
สารบาญขยายความ (ตามลําดับนิเทศของภาค ทุกนิเทศ) ____________ หนา
ภาคนํา วาดวย ขอความที่ควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ ๑-๑๔๐ ตอน ๑ วาดวย สัตวโลกกับจตุราริยสัจ ตอน ๒ วาดวย ชีวิตมนุษยกับจตุราริยสัจ ตอน ๓ วาดวย พระพุทธองคกับจตุราริยสัจ ตอน ๔ วาดวย การรูอริยสัจไมเปนสิ่งสุดวิสัย ตอน ๕ วาดวย คุณคาของอริยสัจ ตอน ๖ วาดวย เคาโครงของอริยสัจ
๓ - ๑๘ ๑๙ - ๔๙ ๕๐ - ๗๑ ๗๒ - ๙๔ ๙๕ - ๑๑๐ ๑๑๑ - ๑๔๐
ภาค ๑ วาดวยทุกขอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐคือทุกข ๑๔๕ - ๒๗๔ นิทเทศ ๑ วาดวย ประเภทและอาการแหงทุกขตามหลักทั่วไป ๑๔๘ - ๑๕๓ นิทเทศ ๒ วาดวย ทุกขสรุปในปญจุปาทานขันธ ๑๕๔ - ๒๕๓ นิทเทศ ๓ วาดวย หลักเบ็ดเตล็ดเกี่ยวกับความทุกข ๒๕๔ - ๒๗๓ ภาค ๒ วาดวย สมุทยอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐคือเหตุใหเกิดทุกข ๒๗๗ - ๔๐๓ นิทเทศ ๔ วาดวย ลักษณะแหงตัณหา ๒๘๐ - ๓๑๙ นิทเทศ ๕ วาดวย ที่เกิดและการเกิดแหงตัณหา ๓๒๐ - ๓๒๗ นิทเทศ ๖ วาดวย อาการที่ตัณหาทําใหเกิดทุกข ๓๒๘ - ๓๖๙
www.buddhadasa.info
[๒๔]
สารบาญขยายความฯ
[๒๕] หนา
นิทเทศ ๗ วาดวย ทิฏฐิที่เกี่ยวกับตัณหา ๓๗๐ - ๓๘๐ นิทเทศ ๘ วาดวย กิเลสทั้งหลายในฐานะสมุทัย ๓๘๑ - ๔๐๒ ภาค ๓ วาดวย นิโรทอริยสัจความจริงอันประเสริฐคือความดับไมเหลือแหงทุกข ๔๐๗ - ๘๑๖ นิทเทศ ๙ วาดวย ความดับแหงตัณหา ๔๑๐ - ๔๓๖ นิทเทศ ๑๐ วาดวย ธรรมเปนที่ดับแหงตัณหา ๔๓๗ - ๕๕๐ นิทเทศ ๑๑ วาดวย ผูดับตัณหา ๕๕๑ - ๗๒๙ นิทเทศ ๑๒ วาดวย อาการดับแหงตัณหา ๗๓๐ - ๘๑๕ ภาค ๔ วาดวยมัคคอริยสัจความจริงอันประเสริฐคือมรรค๘๑๙ - ๑๔๙๐ นิทเทศ ๑๓ วาดวย ขอความนํามรรค ๘๒๒ - ๘๖๙ นิทเทศ ๑๔ วาดวย สัมมาทิฏฐิ ๘๗๓ - ๑๐๒๘ นิทเทศ ๑๕ วาดวย สัมมาสังกัปปะ ๑๐๒๙ - ๑๐๕๙ นิทเทศ ๑๖ วาดวย สัมมาวาจา ๑๐๖๐ - ๑๐๗๙ นิทเทศ ๑๗ วาดวย สัมมากัมมันตะ ๑๐๘๐ - ๑๐๘๙ นิทเทศ ๑๘ วาดวย สัมมาอาชีวะ ๑๐๙๐ - ๑๑๒๖ นิทเทศ ๑๙ วาดวย สัมมาวายามะ ๑๑๒๗ - ๑๑๗๕ นิทเทศ ๒๐ วาดวย สัมมาสติ ๑๑๗๖ - ๑๒๗๗ นิทเทศ ๒๑ วาดวย สัมมาสมาธิ ๑๒๗๘ - ๑๓๖๗ นิทเทศ ๒๒ วาดวย ขอความสรุปมรรค ๑๓๖๘ - ๑๔๘๙ ภาคสรุป วาดวย ขอความสรุปเกี่ยวกับจตุราริยสัจ ๑๔๙๓ - ๑๕๓๔ ภาคผนวก วาดวย เรื่องนํามาผนวกเพื่อความสะดวกแกการอางอิง ฯ ๑๕๓๗ - ๑๕๗๒
www.buddhadasa.info
สารบาญละเอียด (ตามลําดับเรื่อง ทุกเรื่อง) ____________ หนา คําปรารภ อักษรยอชื่อคัมภีร คําปรารภของธรรมทางมูลนิธิ แถลงการณคณะผูจัดทํา คํานําสําหรับการพิมพครั้งนี้ คํานําเมื่อพิมพครั้งแรก
(๑) (๖) (๗) (๘) (๑๒) (๒๑)
ภาคนํา วาดวยขอควาที่ควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ (มี ๖ ตอน ๙๑ หัวขอ) ตอน ๑ วาดวย สัตวโลกกับจตุราริยสัจ (๑๓ หัวขอ) ๓ - ๑๘ ตรัสรูแลว ทรงรําพึงถึงหมูสัตว ๓ การพนทุกขโดยไมรูอริยสัจนั้น เปนไปไมได ๕ เพราะไมรูอริยสัจ จึงตองแลนไปในสังสารวัฏ ๖ สัตวเกิดกลับมาเปนมนุษยมีนอย เพราะไมรูอริยสัจ ๗ ความมืดบอดของโลก มีตลอดเวลาที่พระตถาคตไมเกิดขึ้น ๙
www.buddhadasa.info
[๒๖]
สารบาญละเอียด ฯ หนา อริยสัจสี่ เปนสิ่งคงที่ไมรูจักเปลี่ยนตัว ๑๑ สุขที่สัตวโลกควรกลัว และไมควรกลัว ๑๑ ความรูสึกของบุถุชน ไขวกันอยูเสมอตอหลักแหงอริยสัจ ๑๒ ผูติดเหยื่อโลก ชอบฟงเรื่องกาม ไมฟง เรื่องสงบ ๑๓ การฟงอริสัจ เหมาะสําหรับจิตที่ฟอกแลวเทานั้น ๑๔ จิตที่ยังไมไดฟอก ยากนักที่จะเห็นนิโรธสัจ ๑๖ สัตวผูไมเปนไทตอความกําหนัด ยอมหลงกาม ๑๖ สัตวโลกรูจักสุขอันแทจริง ตอเมื่อปญญาเกิด ๑๗ ตอน ๒ วาดวย ชีวิตมนุษยกับจตุราริยสัจ (๒๐ หัวขอ) ๑๙ - ๔๙ มนุษยเปนอันมาก ไดยึดถือเอาที่พึ่งผิด ๆ ๑๙ ผูไมรูอริยสัจ ยอมหลงสรางเหวแหงความทุกขเพื่อตัวอยูร่ําไป ๑๙ ผูรูอริยสัจ หาหลงสรางทุกขขึ้นเพื่อตัวเองไม ๒๐ ทุกขประเภทใหญ ๆ ก็มีพอแลว สําหรับสัตวจะสํานึกตัวมารูอริยสัจ๒๑ พอรูอริยสัจ ทุกขเหลือนอยขนาดฝุนติดปลายเล็บเทีบกับปฐพี ๒๒ ผูไมรูอริยสัจ ชื่อวาตกอยูในที่มือ ๒๓ ผูไมรูอริยสัจ ชื่อวาตกอยูในหลุมเพลิงเปนนิจ ๒๕ กวามนุษยจะหลุดจากบวง (คือรูอริยสัจ) ๒๖ ๑. เมื่อจมกามตามปกติ ๒๖ ๒. เมื่อจมกามครั้งที่สอง ๒๗ ๓. เมื่อเฉไปติดบวงทิฏฐิ ๒๙ ๔. เมื่อพนจากบวง ๓๑ ยังมีพวกบริโภคกาม โดยไมจมกาม ๓๔
[๒๗]
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ หนา ผูรูอริยสัจเปนหลักอยูในใจ ยอมไมมีอาการสั่นสะเทือนเพราะถูกยกวาทะ : ดุจเสาหิน ๓๖ ผูประกอบดวยอวิชชา คือผูไมมีความรูสี่อยาง ๓๗ อยาคิดเรื่องโลก แตจงคิดเรื่องอริยสัจ ๓๘ อยากลาวเรื่องทุมเถียงแกงแยงกัน แตจงกลาวเรื่องความพนทุกข ๔๐ อยากลาวเรื่องไมมีประโยชน แตจงกลาวเรื่องความพนทุกข ๔๑ จงบวชเพื่อรูความดับทุกข เหมือนเขาทั้งหลายผูบวชแลวโดยชอบ ๔๒ ไมรูอริยสัจ ก็ยังไมเปนสมณพราหมณที่แท ๔๒ ถามัวรอใหรูเรื่องที่ไมจําเปนเสียกอน ก็ตายเปลา ๔๔ อยายึดถือติดแนนในธรรม แตจงใชเพียงเปนเครื่องมือ ๔๖ เปรียบนักเรียนอริยสัจ ดวยหนูตางจําพวกกัน ๔๗ จงสงเคราะหผูอื่น ดวยการใหรูอริยสัจ ๔๘ ตอน ๓ วาดวย พระพุทธองคกับจตุราริยสัจ (๑๙ หัวขอ) ๕๐ - ๗๑ พระพุทธองค คือผูทรงชี้ใหรูจักทุกข ๕๐ มุมนอยมุมหนึ่งของความทุกข ที่พระองคไมมี ๕๑ ทรงแสวง ๕๒ ทรงพบ ๕๓ เมื่อยังไมทรงรูอริยสัจก็ยังไมชื่อวาไดตรัสรูอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ๕๔ ถาไมรูเบญจขันธ โดยนัยอริยสัจสี่ ก็ยังไมทรงปฏิญาเปนพระพุทธเจา ๕๕ พระพุทธองคทรงพระนามวาสัมมาสัมพุทธะ ก็เพราะไดตรัสรูอริยสัจสี่ ๕๗
[๒๘]
www.buddhadasa.info
สารบาญละเอียด ฯ
[๒๙] หนา
ทรงรอบรูโลก (อริยสัจ) ๕๗ ทรงบันลือสีหนาท ประกาศจตุราริยสัจ ๕๘ ทรงประกาศอนุตตรธรรมจักร ซึ่งใคร ๆ ประกาศไมได ๖๐ สิ่งที่ไมทรงนําสอน มีมากยิ่งกวามากนัก ๖๐ สิ่งที่ทรงนํามาสอน ก็เฉพาะเรื่องความพนทุกข ๖๑ ทรงพยากรณเฉพาะเรื่องอริยสัจสี่ ๖๒ ทรงบัญญัติสัจจะ ไมเขาใครออกใคร ๖๔ ตรัสถอยคําโดยโวหารโลก แตมิไดทรงยึดถือ ๖๕ สาวกมาอยูอาศัยพระองค เพราะทรงตอบปญหาอริยสัจได ๖๗ พระพุทธเจาทั้งในอดีต-อนาคต-ปจจุบัน ลวนแตตรัสรูอริยสัจสี่ ๖๘ เหตุที่ตองมีพระพุทธองคและธรรมวินัยอยูในโลก ๖๙ ผูชวยใหรูอริยสัจ นับเนื่องอยูในบุคคลผูมีอุปการะมาก ๗๐ ตอน ๔ วาดวย การรูอริยสัจไมเปนสิ่งสุดวิสัย (๑๐ หัวขอ) ๗๒ - ๙๔ ทั้งในอดีต-อนาคต-ปจจุบันลวนมีการประกาศอริยสัจตามเปนจริง ๗๒ มีบุคคลบวชแลวรูอริยสัจ ทั้งในอดีต-อนาคต-ปจจุบัน ๗๓ ทั้งอดีต-อนาคต-ปจจุบัน ลวนแตมีการรูอริยสัจ ๗๓ ตรัสวาจงหลีกเรน แลวจักรูอริยสัจ ๗๕ ตรัสวาจงเจริญสมาธิ จักรูอริยสัจตามเปนจริง ๗๕ จิตเปนสมาธิแลว รูอริยสัจไดแจมใส เหมือนเห็นของในน้ําอันใส ๗๖ เมื่อประพฤติถูกทาง กิริยาที่ไปนิพพานเบาสบายเหมือนไมลอยน้ํา ๗๗ การรูอันตคาหิกทิฏฐิ ไมเกี่ยวกับการรูอริยสัจและการประพฤติพรหมจรรย ๗๘
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ หนา สัจจะ และหลักพึงปฏิบัติเกี่ยวกับการถึงสัจจะ ๘๓ (ก. ความจริงตามแบบของชาวโลกตามธรรมชาติ ๘๓ (ข. วิธีการตามรักษาไวซึ่งความจริง) ๘๕ (ค. การติดตามทําความกําหนดรูในความจริง) ๘๗ (ง. การตามบรรลุถึงซึ่งความจริง) ๘๙ (จ. ธรรมเปนอุปการะมากแกการตามบรรลุถึงซึ่งความจริง) ๙๐ การรูอริยสัจเปนของไมเหลือวิสัย พระอริยบุคคลจึงมีปริมาณมาก ๙๓ ตอน ๕ วาดวย คุณคาของอริยสัจ (๑๓ หัวขอ) ๙๕ - ๑๑๐ อริยสัจสี่ เปนเอกังสิกธรรมที่ทรงแสดง ๙๕ ทําที่สุดทุกขโดยไมรูอริยสัจนั้น เปนไปไมได ๙๖ สัตวตองเวียนวาย เพราะไมเห็นอริยสัจ ๙๗ การรูอริยสัจ รีบดวนกวาการดับไฟที่กําลังไหมอยูบนศรีษะ ๙๘ การรูอริยสัจ ควรแลกเอาแมดวยการถูกแทงดวยหอกวันละ๓๐๐ ครั้ง ๑๐๐ ป ๙๘ เมื่อยังไมรูอริยสัจ ก็ไมสามารถลงหลักแหงความรูของตน ๑๐๐ สัตวจําพวกวินิบาต กับการเห็นจตุราริยสัจ ๑๐๑ การรูอริยสัจ ทําใหมีตาครบสองตา ๑๐๓ การสิ้นอาสวะมีได เพราะการรูอริยสัจ ๑๐๔ เหตุที่ทําใหสัจจะเหลานี้ ไดนามวา “อริยะ” ๑๐๔ เหตุที่ทําใหสัจจะเหลานี้ ไดนามวา “อริยะ” (อีกนัยหนึ่ง) ๑๐๕ อริยสัจสี่ สําหรับความเปนอริยบุคคล ๑๐๖ อริยสัจจธรรมรวมอยูในหมูธรรมที่ใครคานไมได ๑๐๘
[๓๐]
www.buddhadasa.info
สารบาญละเอียด ฯ หนา ตอน ๖ วาดวย ประเภทหรือเคาโครงของอริยสัจ (๑๖ หัวขอ)๑๑๑-๑๔๐ หลักอริยสัจมีอยางเดียว แตคําอธิบายมีปริยายมากมาย ๑๑๑ อริยสัจสี่โดยสังเขป (นัยทั่วไป) ๑๑๑ อริยสัจสี่โดยสังเขป (อีกนัยหนึ่ง : ทรงแสดงดวยปญจุปา ทานขันธ) ๑๑๒ อริยสัจสี่โดยสังเขป (อีกนัยหนึ่ง : ทรงแสดงดวยอายตนะหก) ๑๑๔ ทรงวางลําดับแหงอริยสัจ อยางตายตัว ๑๑๖ อริยสัจสี่ ในรูปแบบพิเศษ ๑๑๖ การวางลําดับใหม ไมมีเหตุผลเลย ๑๑๗ หนาที่อันเกี่ยวกับอริยสัจ มี ๔ ชนิด ๑๑๘ อริยสัจสี่ มี ๓ รอบ มี ๑๒ อาการ ๑๑๙ อริยสัจสี่ เนื่องกันจนเห็นอริยสัจเดียวไมได ๑๒๐ ไวพจนหรือคําแทนชื่อ ของจตุราริยสัจ ๑๒๑ ไวพจน ของจตุราริยสัจ (อีกนัยหนึ่ง : ทรงแสดงดวยอันตะ) ๑๒๒ ไวพจน ของจตุราริยสัจ (อีกนัยหนึ่ง : ทรงแสดงดวยคําวาโลก) ๑๒๔ อริยสัจสี่ ที่ทรงแสดงโดยพิสดาร (นัยที่หนึ่ง) ๑๒๕ ๑. ทุกขอริยสัจ ๑๒๕ ๒. ทุกขสมุทยอริยสัจ ๑๒๙ ๓. ทุกขนิโรธอริยสัจ ๑๓๒ ๔. ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ๑๓๕ อริยสัจสี่ ที่ทรงแสดงโดยพิสดาร (นัยที่สอง) ๑๓๘
[๓๑]
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ
[๓๒] หนา
อุทเทศแหงจตุราริยสัจ.
๑๔๓
ภาค ๑ วาดวยทุกขอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐคือทุกข (มี ๑ อุทเทศ ๓ นิทเทศ ๑๒๗ เรื่อง)
อุทเทศแหงทุกขอริยสัจ ๑๔๗ นิทเทศแหงทุกขอริยสัจ (๓ นิทเทศ : ๑-๓ รวมทั้งหมด ๑๒๕ เรื่อง) ๑๔๘ - ๒๗๓ นิทเทศ ๑ วาดวย ประเภทและอาการแหงทุกขตามหลักทั่วไป (๑๒ เรื่อง) ความเกิด ความแก ความตาย ความโศก ความร่ําไรรําพัน ความทุกขกาย ความทุกขใจ ความประสพดวยสิ่งไมเปนที่รัก ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ความปรารถนาอยางใดแลวไมไดอยางนั้น ปญจุปาทานักขันธ
๑๔๘ - ๑๕๓ ๑๔๘ ๑๔๘ ๑๔๘ ๑๔๙ ๑๔๙ ๑๔๙ ๑๕๐ ๑๕๐ ๑๕๐ ๑๕๐ ๑๕๓
www.buddhadasa.info
สารบาญละเอียด ฯ
[๓๓] หนา
นิทเทศ ๒ วาดวย ทุกขสรุปในปญจุปาทานขันธ (๒ ตอนรวมทั้งหมด ๙๕ เรื่อง) ๑๕๙ - ๒๕๓ ตอน ๑ วาดวย เบญจขันธโดยวิภาค ( ๒ วิภาค: (ก.)-(ข.) ๗๑ เรื่อง) ๑๕๔ - ๒๒๑ (ก.) วิภาคแหงเบญจขันธ (๕ วิภาค ๖๐ เรื่อง) ๑๕๔ -๒๐๘ ๑. วิภาคแหงรูปขันธ (๑๕ เรื่อง) ๑๕๕ - ๑๕๘ รูปและรูปอาศัย ๑๕๕ มหาภูตคือธาตุสี่ ๑๕๖ การเกิดขึ้นของธาตุสี่ เทากับการเกิดขึ้นของทุกข ๑๕๙ ความเพลินในธาตุสี่ เทากับความเพลินในทุกข ๑๕๖ รสอรอย - โทษ - อุบายเครื่องพนไป ของธาตุสี่ ๑๕๙ ความลับของธาตุสี่ ๑๖๐ ธาตุสี่ ไมเทีย่ ง เปนทุกข เปนอนัตตา ๑๖๑ ยังยินดีในธาตุสี่อยู เพราะไมรูจักธาตุสี่ ๑๖๒ ความหมายของคําวา “รูป” ๑๖๓ อุปมาแหงรูป ๑๖๓ อัสสาทะของรูป ๑๖๔ อําทีนพของรูป ๑๖๔ นิสสรณะของรูป ๑๖๘ ขอควรกําหนดเกี่ยวกับรูป ๑๖๘ รูปขันธ โดยนัยแหงอริยสัจสี่ ๑๖๘
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ หนา ๒. วิภาคแหงเวทนาขันธ (๒๑ เรื่อง) ๑๖๙ - ๑๙๒ เวทนาหก ๑๖๙ ความหมายของคําวา “เวทนา” ๑๖๙ อุปมาแหงเวทนา ๑๗๐ ความหมายอันแทจริงของ “บาดาล” ๑๗๑ ธรรมลักษณะ ๘ ประการ แหงเวทนา ๑๗๑ หลักที่ควรรูเกี่ยวกับเวทนา ๑๗๒ ประมวลเรื่องนารูพิเศษ เกี่ยวกับเวทนา ๑๗๔ วิภาคแหงเวทนา ๑๗๖ “ธรรม” (คือเวทนา) เปนสิ่งที่บัญญติไดหลายปริยาย (อันเปนเหตุใหหลงทุมเถียงกัน) ๑๗๘ เวทนามีธรรมดาไมเที่ยง ๑๗๙ เวทนามีธรรมดาแปรปรวน ๑๘๐ เวทนาเปนทุกข เปนลูกศร เปนของไมเที่ยง ๑๘๑ เวทนาทุกชนิด สรุปลงในความหมายวา “ทุกข” ๑๘๒ เวทนา เปนทางมาแหงอนุสัย ๑๘๓ อัสสาทะชั้นเลิศ ของเวทนา ๑๘๔ เวทนา คือทางไปแหงจิตของสัตว ๑๘๖ การเกิดของเวทนา เทากับการเกิดของทุกข ๑๙๐ อาการเกิดดับแหงเวทนา ๑๙๐ ขอควรกําหนด เกี่ยวกับเวทนา ๑๙๑ เวทนาขันธ โดยนัยแหงอริยสัจสี่ ๑๙๒ ประมวลสิ่งที่ตองรู เกี่ยวกับเวทนา ๑๙๒
[๓๔]
www.buddhadasa.info
สารบาญละเอียด ฯ
[๓๕]
หนา ๓. วิภาคแหงสัญญาขันธ (๘ เรื่อง) ๑๙๓ - ๑๙๘ สัญญาหก ๑๙๓ ความหมายของคําวา “สัญญา” ๑๙๓ อุปมาแหงสัญญา ๑๙๔ หลักที่ควรรู เกี่ยวกับสัญญา ๑๙๕ สัญญามีธรรมดาแปรปรวน ๑๙๖ การเกิดของสัญญา เทากับการเกิดของุทกข ๑๙๖ ขอควรกําหนด เกี่ยวกับสัญญา ๑๙๗ สัญญาขันธ โดยนัยแหงอริยสัจสี่ ๑๙๘ ๔. วิภาคแหงสังขารขันธ (๗ เรื่อง) ๑๘๘ - ๒๐๒ สังขารหก ๑๙๘ ความหมายของคําวา “สังขาร” ๑๙๙ อุปมาแหงสังขาร ๑๙๙ สังขารมีธรรมดาแปรปรวน ๒๐๐ การเกิดของสังขาร เทากับการเกิดของทุกข ๒๐๑ ขอควรกําหนด เกี่ยวกับสังขาร ๒๐๑ สังขารขันธ โดยนัยแหงอริยสัจสี่ ๒๐๒
www.buddhadasa.info ๕. วิภาคแหงวิญญาขันธ (๘ เรื่อง) วิญญาณหก ความหมายของคําวา “วิญญาณ” อุปมาแหงวิญญาณ
๒๐๓ - ๒๐๘ ๒๐๓ ๒๐๓ ๒๐๔
อริยสัจจากพระโอษฐ วิญญาณมีธรรมดาแปรปรวน วิญญาณ เมื่อทําหนาที่เปนพืช การเกิดของวิญญาณ เทากับการเกิดของทุกข ขอควรกําหนด เกี่ยวกับวิญญาณ วิญญาณขันธ โดยนัยแหงอริยสัจสี่
[๓๖] หนา ๒๐๔ ๒๐๕ ๒๐๗ ๒๐๗ ๒๐๗
(ข.) วิภาคแหงปญจุปาทานขันธ (๑๑ เรื่อง) ๒๐๘ - ๒๒๑ อุปาทานสี่ ๒๑๐ รากเงาแหงอุปาทานขันธ ๒๑๒ อุปาทานกับอุปาทานขันธ มิใชอันเดียวกัน ๒๑๓ อุปาทานและที่ตั้งแหงอุปาทาน ๒๑๓ เบญจขันธ ไดนามวาสักกายะและสักกายันตะ ๒๑๔ ที่ติดของสัตว ๒๑๕ ผูติดบวง-ผูหลุดจากบวง ๒๑๖ ความสะดุงหวาดเสียวเพราะอุปทาน ๒๑๗ ความสะดุงหวาดเสียวเพราะอุปทาน (อีกนัยหนึ่ง) ๒๑๙ ลัทธิอื่น ไมรจู ักเรื่องอัตตวาทุปาทาน ๒๑๙
www.buddhadasa.info ตอน ๒ วาดวย เบญจขันธโดยสรุป (๒๓ เรื่อง) ๒๒๑ - ๒๕๓ เบญจขันธ เปนสิ่งที่ควรรอบรู มูลฐานแหงการบัญญัติเบญจขันธ (แตละขันธ) เบญจขันธ เปนที่บัญญัติกฎแหงสังขตะ การถูกตราหนา เพราะอนุสัยในเบญจ
๒๒๑ ๒๒๒ ๒๒๓ ๒๒๔
สารบาญละเอียด ฯ
[๓๗]
หนา การถูกตราหนา เพราะตายตามเบญจขันธ ๒๒๖ สัญโญชนและที่ตั้งแหงสัญโญชน ๒๒๗ ความลับของเบญจขันธ ๒๒๘ เบญจขันธ เนื่องดวยปจจัยแหงความเศราหมองและบริสุทธิ์ ๒๓๐ เบญจขันธ เปนธรรมฝายที่แตกสลายได ๒๓๒ เบญจขันธ ไมเที่ยง ๒๓๓ เหตุปจจัยของเบญจขันธ ก็ไมเที่ยง ๒๓๖ เบญจขันธเปนทุกข ๒๓๖ เหตุปจจัยของเบญจขันธ ก็เปนทุกข ๒๓๘ เบญจขันธ เปนอนัตตา ๒๓๙ เหตุปจจัยของเบญขันธ ก็เปนอนัตตา ๒๔๕ เบญจขันธ เปนภาระที่หนัก ๒๔๖ เบญจขันธ เปนทั้งผูฆาและผูตาย ๒๔๖ เบญจขันธ เปนกองถานเถารึง ๒๔๗ เบญจขันธ เปนเครื่องผูกพันสัตว ๒๔๘ เบญจขันธ “สัตว” เพราะติดเบญจขันธ ๒๔๙ ไมรูจักเบญจขันธ ชื่อวามีอวิชชา ๒๕๑ เพลินในเบญจขันธ เทากับเพลินในทุกข ๒๕๑ ตองละฉันทราคะในเบญจขันธ ๒๕๒
www.buddhadasa.info นิทเทศ ๓ วาดวย หลักเบ็ดเตล็ดเกี่ยวกับความทุกข(๑๘ เรื่อง) ๒๕๔ - ๒๗๓ หลักที่ควรรู เกี่ยวกับทุกข
๒๕๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
[๓๘]
ปญจุปาทานขันธ เปนทุกขอริยสัจ ปญจุปาทานขันธ เปนทุกข ของแสดงลักษณะความทุกข (อีกปริยายหนึ่ง) ทรงแสดงลักษณะแหงความทุกข (อีกปริยายหนึ่ง) ความเปนทุกข ๓ ลักษณะ ความทุกขของเทวดาและมนุษย ตามธรรมชาติ เปนทุกข เพราะติดอยูในอายตนะ ทุกข เพราะยึดถือสิ่งที่ยึดถือไมได ทุกข คือกระแสการปรุงแตงทางจิต (ไมมีบุคคลผูท ุกข) ไมพนทุกข เพราะมัวเพลินในอายตนะ อายตนะหก เปนทุกขอริยสัจ กลุมอายตนะ เปนของรอน กลุมอายตนะ เปนของมืด พิษลูกศรแหงความทุกข ของปุถุชน สุขทุกข เนื่องจากการมีอยูแหงขันธ ประพฤติพรหมจรรยนี้ เพื่อรอบรูทุกข ทุกชนิดปลายแถว (ทรงแสดงโดยภาษาคน) (ทรงแสดงโดยภาษาธรรม) (คาถาผนวกทายพระสูตร)
หนา ๒๕๖ ๒๕๖ ๒๕๖ ๒๕๗ ๒๕๗ ๒๕๘ ๒๕๙ ๒๖๐ ๒๖๒ ๒๖๔ ๒๖๔ ๒๖๕ ๒๖๖ ๒๖๗ ๒๖๘ ๒๖๙ ๒๗๐ ๒๗๐ ๒๗๑ ๒๗๓
ทุกขอริยสัจ เปนสิ่งที่ควรรอบรู
๒๗๔
www.buddhadasa.info
สารบาญละเอียด ฯ
[๓๙]
ภาค ๒ วาดวยสมุทยอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐคือเหตุใหเกิดทุกข (มี ๑ อุทเทศ ๕ นิทเทศ ๑๐๒ เรื่อง)
อุทเทศแหงสมุทยอริยสัจ ๒๗๙ นิทเทศแหงสมุทยอริยสัจ (๕ นิทเทศ : ๔ - ๘, ๑๐๐ เรื่อง) ๒๘๐ - ๔๐๒ นิทเทศ ๔ วาดวย ลักษณะแหงตัณหา (๔๑ เรื่อง) ๒๘๐ - ๓๑๙ ลักษณาการแหงตัณหา สักกายสมุทัย ไวพจนแหงตัณหา เจาเหนือหัวของสัตวโลก สัญโญชนอยางเอก เครื่องจูงใจสูภพ พืชของภพ เชื้องอกของพืช ที่เกิดแหงอุปธิ ที่เกิดแหงอุปาทาน ที่เกิดแหงอาหาร ตัณหาโดยวิภาคแหงอารมณ ๖ อยาง ภพโดยวิภาค ๓ อยาง ตัณหาโดยวิภาค ๓ อยาง ลักษณะแหงกามตัณหา กามคุณหา คือบวง
๒๘๐ ๒๘๑ ๒๘๒ ๒๘๒ ๒๘๒ ๒๘๓ ๒๘๕ ๒๘๖ ๒๘๗ ๒๘๗ ๒๘๘ ๒๘๘ ๒๘๙ ๒๙๐ ๒๙๐
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ กาม เปนเครื่องผูก กาม เปนมายา ไมมีความเย็นในกาม คนกลาวคําเท็จ เพราะกาม อิทธิพล ของกาม เขาไปหาความตาย เพราะกาม ความเพลิน เปนแดนเกิดแหงทุกข เพลินอยูกับอายตนะภายใน เทากับเพลินอยูในทุกข ความอรอยกลางกองทุกข (ความลวงของกาม) ความอรอยที่ไมคุมกับความทุกข กามเปรียบดวย ทอนกระดูก กามเปรียบดวย ชิ้นเนื้อคาปาก กามเปรียบดวย คบเพลิงทวนลม กามเปรียบดวย หลุมถานเพลิง กามเปรียบดวย ของในความฝน กามเปรียบดวย ของยืม กามเปรียบดวย ผลไม รายละเอียดที่ควรศึกษา เกี่ยวกับกาม ไวพจน ของกาม กามเปรียบดวยรูรั่วของเรือ ลักษณะแหงภวตัณหา ปจจัยแหงภวตัณหา วิภาคแหงภวตัณหา รอย
[๔๐] หนา ๒๙๑ ๒๙๒ ๒๙๒ ๒๙๓ ๒๙๔ ๒๙๕ ๒๙๖ ๒๙๖ ๒๙๗ ๒๙๘ ๓๐๐ ๓๐๑ ๓๐๒ ๓๐๓ ๓๐๔ ๓๐๔ ๓๐๕ ๓๐๗ ๓๐๙ ๓๑๒ ๓๑๒ ๓๑๓ ๓๑๔
www.buddhadasa.info
สารบาญละเอียด ฯ เหตุที่ทําใหฟงธรรมไมรูเรื่อง (เพราะภวตัณหา) ภพแมชั่วขณะติดนิ้วมือ ก็ยังนารังเกียจ วิภวตัณหา
[๔๑] หนา ๓๑๗ ๓๑๙ ๓๑๙
นิทเทศ ๕ วาดวย ที่เกิดและการเกิดแหงตัณหา(๕ เรื่อง) ๓๒๐-๓๒๗ การเกิดขึ้นแหงตัณหา ๓๒๐ ฐานที่เกิดแหงตัณหา (สี่อยาง) ๓๒๑ ที่ตั้งอาศัยเกิดแหงตัณหา ๓๒๒ สิ่งที่ตองรู ตองละ เพื่อความสิ้นทุกข ๓๒๖ ภาวะเปนที่รักที่ยินดี เปนหนามในอริยวินัย ๓๒๗
นิทเทศ ๖ วาดวย อาการที่ตัณหาทําใหเกิดทุกข(๓๑เรื่อง) ๓๒๘ - ๓๖๙ การเกิดขึ้นแหงกองทุกข ๓๒๘ อาการเกิดขึ้นแหงทุกขโดยสมบูรณ (สายแหงปฏิจจสมุปบาท) ๓๒๘ วิภาคแหงปฏิจจสมุปบาท ๓๒๙ ปจจัยแหงอวิชชา ๓๓๓ อาการเกิดแหงความทุกข ๓๓๕ อาการที่ทุกขเกิดขึ้น จากเบญจขันธ ๓๓๕ อาการที่ทุกขเกิดขึ้น เพราะยึดถือเบญจขันธ ๓๓๗ อาการเกิดขึ้นแหงความทุกข(อีกปริยายหนึ่ง : ทรงแสดงดวยผัสสะ) ๓๓๘ อาการเกิดขึ้นแหงความทุกข(อีกปริยายหนึ่ง : ทรงแสดงดวยนันทิ) ๓๓๙
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ
[๔๒] หนา
อาการเกิดขึ้นแหงความทุกข (อีกปริยายหนึ่ง: ทรงแสดงดวยฉันทราคะ) ๓๓๙ อาการเกิดขึ้นแหงความทุกข (อีกปริยายหนึ่ง: ทรงแสดงดวยอารมณเปนที่ตั้งแหงภพใหม) ๓๔๑ อาการเกิดขึ้นแหงความทุกข (อีกปริยายหนึ่ง: ทรงแสดงดวยอารมณเปนที่กาลงแหงนามรูป) ๓๔๒ อาการเกิดขึ้นแหงความทุกข (อีกปริยายหนึ่ง: ทรงแสดงดวยอารมณเปนที่ตั้งแหงนติ) ๓๔๓ อาการเกิดแหงความทุกข โดยสังเขป ๓๔๔ อาการเกิดขึ้นแหงโลก ๓๔๕ ความเกิดขึ้นแหงอายตนะ นั้นคือความเกิดขึ้นแหงทุกข ๓๔๗ อาการที่ทุกขเกิดจากอาหาร ๓๔๘ อาการที่ทุกขเกิดขึ้น พราะตัณหาในอายตนะภายนอก ๓๔๙ อาการที่ทุกขเกิดจากตัณหา ๓๕๐ ตัณหา เปนเชื้อแหงการเกิด ๓๕๑ อาสวะทําหนาที่อยางเดียวกับตัณหา ๓๕๒ อาการที่สัตวเกิดตัณหาและเกิดทุกข ๓๕๓ อาการที่ตัณหา (เครื่องนําไปสูภพใหม) เจริญขึ้น ๓๕๕ เห็นแกเหยื่อจึงติดเบ็ด ๓๕๖ ผูแบกของหนัก ๓๕๗ จิตที่ตัณหา เรียกวาอยูสองคน ๓๕๘ จิตไมมีตัณหา เรียกวาอยูคนเดียว ๓๕๙ ทุกขโทษที่เกิดจากกาม ๓๖๑
www.buddhadasa.info
สารบาญละเอียด ฯ ปกิณณกทุกข ที่มีกามตัณหาเปนมูล ตัณหา เปนเหตุแหงความโศก ปจจัยแหงทุกข โดยอเนกปริยาย
[๔๓] หนา ๓๖๖ ๓๖๗ ๓๖๘
นิทเทศ ๗ วาดวย ทิฏฐิเกี่ยวกับตัณหา (๘ เรื่อง) ๓๗๑ - ๓๘๐ เพราะมิจฉาทิฏฐิ จึงเปนปลาติดอวน เกิดกิเลสและทุกข เพราะทิฏฐิบวก-ทิฏฐิลบ สักกายทิฏฐิ มีไดดวยอาการอยางไร สักกายสมุทยคามินีปฏิปทา เหตุใหเกิดอันตคาหิกทิฏฐิสิบ ทิฏฐิใหเกิดเวทนาชนิดที่ลวนแตเปนทุกขสมุทัย ความสําคัญผิด เปนเหตุใหเกิดนันทิ (อุปาทาน) ตัณหาเจริญ เพราะมิจฉาทิฏฐิในปยรูป-สาตรูป
๓๗๐ ๓๗๑ ๓๗๒ ๓๗๓ ๓๗๕ ๓๗๖ ๓๗๘ ๓๗๙
นิทเทศ ๘ วาดวย กิเลสทั้งหลายในฐานะสมุทัย(๑๕ เรื่อง)๓๘๑ - ๔๐๒
www.buddhadasa.info ละราคะโทสะดมหะ กอนและชาติชรามรณะ ๓๘๑ ทุกแงมุมที่เกี่ยวกับอกุศลมูล ๓๘๔ ขอควรทราบ เกี่ยวกับอกุศลมูล (หลายแงมุม) ๓๘๕ ไมอาจละราคะโทสะโมหะ ก็เพราะหลงในสัญโญชนิยธรรม ๓๖๗ สังโยชน เจ็ด ๓๘๘ (สังโยชนเจ็ด อีกนัยหนึ่ง) ๓๘๙ สังโยชน สิบ ๓๙๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
[๔๔] หนา ๓๙๐ ๓๙๒ ๓๙๓ ๓๙๔ ๓๙๖ ๓๙๘ ๔๐๐ ๔๐๑ ๔๐๒ ๔๐๓
ลักษณะที่เปนโอรัมภาคิยสังโยชน อนุสัยสาม คูกับเวทนาสาม อนุสัย เนื่องอยูกับเวทนา อนุสัยทั้งสามเกิดได แมเมื่อเสวยทุกขเวทนา รายละเอียดที่ควรศึกษา เกี่ยวกับอาสวะ เหตุใหอาสวะเจริญและไมเจริญ เหตุใหไมปรินิพพานในทิฏฐธรรม บุคคลผูถึงซึ่งอวิชชา อวิชชา ของผูถึงซึ่งอวิชชา ทุกขสมุทยอริยสัจ เปนสิ่งที่ควรละ
ภาค ๓ วาดวยนิโรธอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐ คิอความดับไมเหลือแหงทุกข
www.buddhadasa.info นิทเทศแหงนิโรธอริยสัจ (๔ นิทเทศ : ๙-๑๒,(มี ๑ อุทเทศ ๔ นิทเทศ ๒๕๙ เรื่อง)
อุทเทศแหงนิโรธอริยสัจ
๔๐๙
๒๕๗ เรื่อง)
๔๑๐ - ๘๑๕
นิทเทศ ๙ วาดวย ความดับแหงตัณหา (๒๙ เรื่อง) ๔๑๐ - ๔๑๕ ที่ละไปดับไป แหงตัณหา
๔๑๐
สารบาญละเอียด ฯ ความดับทุกขมี เพราะความดับแหงนันทิ ลูกโซแหงความดับทุกข พนทุกข เพราะไมเพลินในธาตุ ความหมายของคําวา “ความดับ” ความดับของรูปขันธ คือความดับของทุกข ความดับของเวทนาขันธ คือความดับของทุกข ความดับของสัญญาขันธ คือความดับของทุกข ความดับของสังขารขันธ คือความดับของทุกข ความดับของวิญญาณขันธ คือความดับของทุกข ความดับของเบญจขันธ คือความดับของทุกข ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได ละกิเลสตัณหาได คือละเบญจขันธได ละฉันทราคะแหงสิ่งใด ก็คือการละซึ่งสิ่งนั้น ความสิ้นตัณหา คือนิพพาน ความสิ้นตัณหา คือนิพพาน ที่สุดของพรหมจรรย คือนิพพาน ความไมเพลินในอายตนะ คือความหลุดพนจากทุกข หลุดพนจากทุกข เพราะไมเพลิดเพลินในเบญจขันธ ความดับของอายตนะ คือความดับของทุกข ความรูที่ถึงขั้นทําลายตัณหาแหงกามคุณในอดีต ความปลอดจากกามโยคะ ความปลอดจากภวโยคะ ความปลอดจากทิฏฐโยคะ
[๔๕] หนา ๔๑๓ ๔๑๔ ๔๑๔ ๔๑๕ ๔๑๖ ๔๑๖ ๔๑๖ ๔๑๗ ๔๑๗ ๓๑๘ ๔๑๘ ๔๑๙ ๔๒๐ ๔๒๑ ๔๒๑ ๔๒๒ ๔๒๔ ๔๒๔ ๔๒๕ ๔๒๖ ๔๒๗ ๔๒๗ ๔๒๘
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ ความปลอดจากอวิชชาโยคะ เครื่องกีดขวางการละสังโยชน ประพฤติพรหมจรรย เพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด เห็นโลก ก็เห็นเหมือนเห็นฟองน้ําและพยับแดด เห็นโลก ชนิดที่ความตายไมเห็นเรา การดับทุกขสิ้นเชิง ไมเนื่องดวยอิทธิวิธีแมกระทั่งวิโมกขที่ไมเกี่ยวกับการสิ้นอาสวะ
[๔๖] หนา ๔๒๘ ๔๓๐ ๔๓๑ ๔๓๓ ๔๓๓ ๔๓๓
นิทเทศ ๑๐ วาดวย ธรมเปนที่ดับแหงตัณหา(๖๑ เรื่อง) ๔๓๗ - ๕๕๐ ทิฏฐทัสสนะที่เปนไปเพื่อทุกขนิโรธ “ที่” ซึ่งนามรูปดับไมมีเหลือ “ที่” ซึ่งธาตสี่หยั่งลงไมถึง ที่เที่ยวนอกโลก สิ่งที่ไมปรุง “สิ่งนั้น” หาพบในกายนี้ อาณาจักรแหงโลกอุดร เมื่อ “เธอ” ไมมี! สิ่งที่ไมเต็มขึ้นหรือพรองลง ตรงกันขามไปเสียทุกอยาง ที่สุดแหงทุกข สิ่งนั้นมีแน! ธรรมที่ชื่อวา “นิพพาน
๔๓๗ ๔๓๘ ๔๓๘ ๔๓๙ ๔๓๙ ๔๔๐ ๔๔๐ ๔๔๑ ๔๔๑ ๔๔๒ ๔๔๒ ๔๔๓ ๔๔๓
www.buddhadasa.info
สารบาญละเอียด ฯ หนา นิพพานธาตุ ๔๔๔ ลักษณะแหงนิพพพานธาตุ ๒ ชนิด ๔๔๕ ก. สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ ๔๔๕ ข. อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ๔๔๕ (คาถาผนวกทายพระสูตร) ๔๔๖ (ถอยคําในพากยบาลีกแหงคาถาผนวกทายพระสูตร) ๔๔๖ อสังขตลักษณะ ๓ อยาง ๔๔๘ ความดับเย็นของเวทนามีได แมในทิฏฐธรรมนี้ ๔๔๘ นิพพาน คือวิราคธรรม ๔๕๐ ไวพจนของนิพพาน (๓๒ คํา) ๔๕๑ นิพพานอธิวจนะ ๔๖๒ ยาถายและยาสํารอกความเกิด-แก-ตาย ๔๖๔ ธรรมเปนเครื่องถอนอัสมิมานะในปจจุบัน ๔๖๖ สมาธิที่มีผลเปนความไมมีอหังการะมมังการะมานานุสัย ๕๖๘ นิพพานเปนสุขอยางยิ่ง ๔๗๐ นิพพานเห็นไดยากยิ่ง ๔๗๐ พอนิพพานธรรมปรากฏ ก็หมดสงสัย ๔๗๐ นิพพาน เปนที่มุงแสวงของผูมองเห็นโทษในโลก ๔๗๑ เพราะมีสิ่งที่ไมตาย สิ่งที่ตาจึงมีทางออก ๔๗๒ ไมถึงนิพพาน เพราะพลัดออกนอกทางจนหลงทาง ๔๗๓ นิพพานของคนตาบอด (มิจฉาทิฏฐิ) ๔๗๕ ไมนิพพาน เพราะยึดถือธรรมที่ไดบรรลุ ๔๗๗ การทํารถใหแลนไปไดถึงนิพพาน ๔๗๘
[๔๗]
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ ถายังมีเชื้อ ก็ยังไมปรินิพพาน ถาหมดเชื้อ ก็ปรินิพพาน นิพพานที่เห็นไดเอง (เมื่อบุคคลนั้นรูสึกตอความสิ้นราคะโทสะ-โมหะ) นิพพานที่เห็นไดเอง ตามคําของพระอานนท หมด “อาหาร” ก็นิพพาน อาสวักขยาญาณ เปนเครื่องใหพนจากอาสวะ ปริญญาที่แทจริง วิโมกข ๒ ระดับ : สมยวิโมกข - อสมยวิโมกข ก. สยมวิโมกข ข. อสมยวิโมกข ธรรมที่สมควรแกการหลุดพนจากทุกข นิสสารณิยธาตุ ที่ทําความงายใหแกการละตัณหา ธรรมธาตุตาง ๆ ที่เปนผลของสมถวิปสสนาอันดับสุดทาย (: อภิญญาหก) ปุพเพนิวาสานุสสติญาณที่แทจริง (ซึ่งไมเปนสัสสตทิฏฐิ) อริยวิโมกข คืออมตธรรม บริษัทเลิศ เพราะสนใจโลกุตตรสุญญตา (ทางแหงนิโรธ) นิพพาน เพราะไมยึดถือธรรมที่ไดบรรลุ ปรินิพพานในทิฏฐธรรม ดวยการตัดอกุศลมูล ปรินิพพานเฉพาะตน ผลแหงการถอนความมั่นหมายในธรรมทั้งปวงโดยความหมาย ๔ สถาน หยุดถือมั่น-หยุดหวั่นไหว
[๔๘] หนา ๔๗| ๔๗๙ ๔๘๐ ๔๘๒ ๔๘๔ ๔๘๖ ๔๘๗ ๔๘๗ ๔๘๗ ๔๘๘ ๔๙๐ ๔๙๒
www.buddhadasa.info ๔๙๕ ๔๙๘ ๕๐๔ ๕๐๕ ๕๐๗ ๕๐๘
๕๑๐ ๕๑๓
สารบาญละเอียด ฯ
[๔๙]
หนา ความไมสะดุงหวาดเสียว เพราะไมมีอุปาทาน ๕๑๔ ความไมสะดุงหวาดเสียว เพราะไมมีอุปาทาน (อีกนัยหนึ่ง) ๕๑๕ ลําดับแหงโลกิยสุข (ซึ่งยังไมถึงนิพพาน) ๕๑๖ ธรรมเปนที่ดับตามลําดับ (ซึ่งยังไมถึงนิพพาน) ( : อนุปุพพนิโรธ-อนุปุพพวิหารอนุปุพพวิหารสมาบัติ) ๕๒๒ ก. อนุปุพพนิโรธ เกา ๕๒๒ ข. อนุปุพพวิหาร เกา ๕๒๓ ค. อนุปุพพวิหารสมาบัติ เกา ๕๒๔ อนุปุพพวิหารอาพาธ ๕๓๐ ปญญาสติกบนามรูปดับ เพราะวิญญาณดับ ๕๔๑ เห็นโลกมีคาเทากับเศษหญาเศษไม ๕๔๑ หมดกลม-หยุดหมุน ๕๔๒ คนดําหรือคนขาว บวนมีหวังในนิพพาน ๕๔๒ วิมุตติ ไมมีความตางกันตามวรรณะของผูปฏิบัติ ๕๔๖ อริยโลกุตตรธรรม สําหรับคนทุกคนทุกวรรณะ ๕๔๘
www.buddhadasa.info นิทเทศ ๑๑ วาดวย ผูดับตัณหา (๑๐๖ เรื่อง)
๕๕๑ - ๗๒๙
ปุถุชน คือผูยึดถือเต็มที่ พระเสขะ คือผูกําลังจะไมยึดถือ ปุถุชน คือผูที่ยังไมรูจักนิพพาน พระเสขะ คือผูที่กําลังจะรูจักนิพพาน พระอเสขะ คือผูที่หมดความยึดถือในทุกสิ่ง
๕๕๑ ๕๕๑ ๕๕๒ ๕๕๓ ๕๕๓
อริยสัจจากพระโอษฐ
[๕๐] หนา ๕๕๔ ๕๕๕ ๕๕๕ ๕๕๖ ๕๕๗ ๕๕๗ ๕๕๙ ๕๖๐ ๕๖๔ ๕๖๗ ๕๖๘ ๕๖๙ ๕๗๑ ๕๗๑ ๕๗๗ ๕๘๐
พระอเสขะ คือผูที่ไมยึดถือแมในนิพพาน ไตรสิขา ของพระอเสขะ ธรรมขันธ ของพระอเสขะ สัมมัตตะสิบ ของพระอเสขะ องคแหงความเปนพระสขะและพระอเสขะ นิทเทศแหงไตรสิกขา เพื่อเปรียบเทียบ นิทเทศแหงไตรสิขา (อีกนัยหนึ่ง) เปรียบเทียบพระเสขะ-อเสขะ ความลดหลั่นแหงพระอริยบุคคลผูปฏิบัติอยางเดียวกัน การรูเบญจขันธ โดยหลักแหงอริยสัจสี่ การรูปญจุปาทานขันธ โดยธรรมลักษณะหา ผูละราคะ-โทสะ-โมหะ ระดับโสดาบัน พระโสดาบัน รูจักปญจุปาทานขันธ พระโสดาบัน เปนใครกัน? หลักเกณฑพยากรณภาวะโสดาบันของตนเอง แวนสองความเปนพระโสดาบัน ผูสมบูรณดวยทิฏฐิโดยธรรมชาติ (สิ่งที่ผูสมบูรณดวย ทิฏฐิ-ทําไมได โดยธรรมชาติ) ๕๘๑ ผูถึงพรอมดวยทิฏฐิ (อภัพพฐานสําหรับผูที่ถึงพรอมดวยทิฏฐิ) ๕๘๒ ผูถึงพรอมดวยทิฏฐิ (อภัพพฐานสําหรับผูที่ถึงพรอมดวยทิฏฐิ อีกนัยหนึ่ง) ๕๘๓ ผูถึงพรอมดวยทิฏฐิ (อภัพพฐานสําหรับผูที่ถึงพรอมดวยทิฏฐิ อีกนัยหนึ่) ๕๘๓
www.buddhadasa.info
สารบาญละเอียด ฯ หนา ผูสิ้นความสงสัย (พระโสดาบัน) ๕๘๔ ผูมีธรรมญาณและอันวยญาณ (พระโสดาบัน) ๕๘๗ พระโสดาบัน รูจักอินทรียหก ๕๘๖ พระโสดาบันกับพรอรหันตตางกัน ในการเห็นธรรม ๕๙๐ พระโสดาบันกับ พระอรหันตตางกัน ในการเห็นธรรม (อีกนัยหนึ่ง) ๕๙๑ ผูรวมอยูในกลุมโสดาบัน ๓ จําพวก ๕๙๒ ก. สัทธานุสารี ๕๙๒ ข. ธัมมานุสารี ๕๙๒ ค. โสตาปนนะ ๕๙๓ ความเปนพระโสดาบัน ไมอาจแปรปรวน ๕๙๔ ความเปนโสดาบัน ประเสริญกวาเปนพระเจาจักรพรรดิ ๕๙๔ ผลแหงความเปนโสดาบัน ๕๙๕ พระอริยบุคคล ละสังโยชนไดตางกัน ๕๙๖ พระอริยบุคคลผูตองใชสงั ขารธรรมตางกัน ๔ ประเภท ๕๙๗ ก. ผุทิฏเฐวธัมเมสสังขารปรินิพพายี ๕๙๗ ข. ผูกายัสสเภทาสสังขารปรินิพพายี ๕๙๘ ค. ผูทิฏเฐวธัมเมอสังขารปรินิพพายี ๕๙๙ ง. ผูกายัสสเภทาอสังขารปรินิพพายี ๖๐๐ อุปมาการฝกชางศึก ดวยการฝกตนของอริยสาวก ๖๐๐ บุคคลที่มีเชื้อเหลือ ๙ จําพวก ๖๐๓ พระอรหันต รูจักปญจุปาทานขันธชัดแจงแลวหลุดพน ๖๐๗ บุคคลผูบรรลุอนุปาทานปรินิพพาน ๖๐๘ พระอรหันต คือผูเปนอเสขะ ๖๐๙
[๕๑]
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ
[๕๒] หนา ๖๐๙ ๖๑๑ ๖๑๕ ๖๑๖ ๖๑๘ ๖๑๘
ลักษณะทั่วไป ของความเปนพระอรหันต ธรรมเปนเครื่องอยูของพระอริยเจา (อริยวาส) ผูมีคุณลักษณะพิเศษของพระอรหันต พระอรหันต มีคุณลักษณะที่นาสนใจ พระอรหันต เลิศกวาภวัคคพรหม พระอรหันต เลิศกวาภวัคคพรหม ผูขามพนกามโลก-รูปโลก-อรูปโลก (จนกวาจะลุอนาสวสัญญาเวทยิตนิโรธ) ๖๑๙ พระอรหันต คือผูเปนเกพลี ๖๒๐ ผูเปนเกพลีบุคคล ในพุทธศาสนา ๖๒๒ มีศีลงาม-ธรรมงาม-ปญญางาม ก็เปนเกพลี ๖๒๗ ผูละอาสวะนานาแบบ ๖๒๙ ก. อาสวะสวนที่ละไดดวยการเห็น ๖๒๘ ข. อาสวะสวนที่ละไดดวยการสํารวม ๖๓๐ ค. อาสวะสวที่ละไดดวยการเสพ ๖๓๐ ง. อาสวะสวนที่ละไดดวยการอดกลั้น ๖๓๑ จ. อาสวะสวนที่ละไดดวยการเวน ๖๓๒ ฉ. อาสวะสวนที่ละไดดวยการบรรเทา ๖๓๓ ช. อาสวะสวนที่ละไดดวยการเจริญทําใหมาก ๖๓๓ ซ. ผลแหงการปดกั้นอาสวะทั้งปวงโดย ๗ วิธี ๖๓๔ ผูพนพิเศษ เพราะความสิ้นตัณหา ๖๓๔ ผูอาบแลวดวยเครื่องอาบ (หลุดพนไดเพราะการรูออกจากสัญญาคตะทั้งสาม) ๖๓๕ ผูไมเปนทั้งฝายรับและฝายคัดคาน (ดับกิเลสและทุกขเพราะออกเสียไดจากทิฏฐิบวก - ทิฏฐิลบ) ๖๓๖
www.buddhadasa.info
สารบาญละเอียด ฯ หนา ผูถอนรากแหงความรักและความเกลียดไดแลว (มีผล ๕ นัย) ๖๓๗ ก. ผูไมถือตัว (น อุสฺเสเนติ) ๖๓๙ ข. ผูไมตอบโต (น ปฎิสฺเสนเนติ) ๖๔๐ ค. ผูไมอัดควัน (น ธูปายติ) ๖๔๐ ฆ. ผูไมลุกโพลง (น ปชฺชลติ) ๖๔๑ ง. ผูไมไหมเรียม (น ปชฺญฌายติ) ๖๔๒ ผูลอกคราบทิ้งแลว ๖๔๒ ผูไมสําคัญมั่นหมายแลวไมเกิดนันทิ (อุปาทาน) ๖๔๕ ผูปฏิบัติ เปรียบดวยนักรบผูเชี่ยวชาญการยิงศร ๖๔๖ ผูหลุดพนแลว มีอุปมา ๕ อยาง ๖๔๗ ผูรอดไปได ไมตายกลางทาง ๖๔๘ ผูตายคาประตูนิพพาน ๖๕๑ ผูหลุดพนได เพราะไมยึดมั่นถือมั่น ๖๕๓ ผูกําลังโนมเอียงไปสูนิพพาน ๖๕๓ ผูปฏิบัติเพื่อความดับเย็นเปนนิพพาน ๖๕๔ ผูรูความลับของปยรูป-สาตรูป ๖๕๕ ผูมีจิตอันหาขอบเขตมิได ๖๕๖ ความรูสึกในใจของผูชนะตัณหาได ๖๕๗ พระอริยบุคคล มีอันดับเจ็ด ๖๕๘ ๑. ผูอุภโตภาควิมุตต ๖๕๘ ผูอุภโตภาควิมุตต โดยสมบูรณ ๖๕๙ ผูอุภโตภาควิมุตต (ตามคําของพระอานนท) ๖๖๑ ๒. ผูปญญาวิมุตต ๖๖๒
[๕๓]
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ ผูปญญาวิมุตต (อีกนัยหนึ่ง) ผูปญญาวิมุตต (ตามคําของพรอานนท) ๓. ผูกายสักขี ผูกายสักขี (ตามคําของพรอานนท) ๔. ผูทิฏฐิปปตต ๕. ผูสัทธาวิมุตต ๖. ผูธัมมานุสารี ๗. ผูสัทธานุสารี ผูอนิมิตตวิหารี ผูมีสันทิฏฐิกธรรม ตามคําของพระอานนท ผุนิพพาน-ปรินิพพาน ตามคําของพระอานนท ผูมีทิฏฐธรรมนิพพาน ตามคําของพระอานนท ผูเขมัปปตต ตามคําของพระอานนท ตทังคนิพพุโต-ผูดับเย็นดวยองคนั้น ๆ ผูมีตทังคนิพพาน ตามคําของพระอานนท หมดตัวตน ก็หมดเครื่องผูกพัน หมดตัวตน ก็หมดอหังการ สัญญาที่เปนสวประกอบแหงวิชชา บุคคลผูถึงซึ่งวิชชา วิชชาของผูถึงซึ่งวิชชา ผูรับผลของการปฏิบัติเกี่ยวกับธาตุสี่ ผูไมกลืนเบ็ดของมาร ผูไมเขาไปหา ยอมหลุดพน
[๕๔] หนา ๖๖๓ ๖๖๕ ๖๖๖ ๖๖๗ ๖๖๘ ๖๖๙ ๖๗๐ ๖๗๑ ๖๗๒ ๖๗๓ ๖๗๔ ๖๗๔ ๖๗๕ ๖๗๖ ๖๗๗ ๖๗๘ ๖๗๙ ๖๘๐ ๖๘๑ ๖๘๑ ๖๘๒ ๖๘๓ ๖๘๓
www.buddhadasa.info
สารบาญละเอียด ฯ หนา ผูลวงมัจจุราชใหหลง ๖๘๕ วิมุตติตางกัน แตเปนผลของการปฏิบัติอยางเดียวกัน ๖๘๖ พระอริยบุคคลมีหลายระดับ เพราะอินทรียยิ่งหยอนหางกัน ๖๘๗ การเปนพระอริยเจา ไมใชสิ่งสุดวิสัย ๖๘๘ กายนครที่ปลอดภัย ๖๘๙ ผูไมมีหนามยอกตํา ๖๙๕ ผูอยูคนเดียว คือผูไมของติดอยูในธรรมทั้งปวง ๖๙๕ กายของผูที่สิ้นตัณหาแลวก็ยังตั้งอยูชั่วขณะ (นิโรธมิใชความตาย) ๖๙๕ พระอรหันตตายนแลวสูญหรือ? ๖๙๘ หลักการทดสอบตัวเอง วาเปนอรหันตหรือไม ๗๐๐ คําถามที่อาจใชทดสอบความเปนอรหันต (มี ๖ หมวด) ๗๐๒ (หมวด ๑ : โวหารสี่) ๗๐๒ (หมวด ๒ : ปญจุปาทานขันธ) ๗๐๓ (หมวด ๓ : ธาตุหก) ๗๐๔ (หมวด ๔-๕ : อายตนะใน-นอก) ๗๐๕ (หมวด ๖ : การถอนอนุสัย) ๗๐๖ สมณะสี่ประเภท ๗๑๑ สมณะสี่ประเภท (อีกนัยหนึ่ง) ๗๑๒ สมณะสี่ประเภท (อีกนัยหนึ่ง) ๗๑๔ สมณะสี่ประเภท (อีกนัยหนึ่ง) ๗๑๕ สมณะสี่ประเภท (อีกนัยหนึ่ง) ๗๑๗ สมณะแหงลัทธิหนึ่ง ๆ ตางจากสมณะแหงลัทธิอื่นระบบลัทธิพรหมจรรยจึงไมเหมือนกัน) ๗๑๙
[๕๕]
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ
[๕๖] หนา
ไมอาจจะกลาวาใครดีกวาใคร เพราะอาศัยเหตุสักวาชื่อ(หมวดของอริยบุคคล) ผูบอกทางและผูเดินทาง มีการหลุดพนอยางเดียวกัน ฝเทาไว วัดดวยการรูรอริยสัจ ผูรูจักเลือกเอาฝายดับไมเหลือแหงภพ ผูอยูอยางคนมีสุข ก็ทําวิราคะใหปรากฎได ระดับตาง ๆ แหงบุคคลผูถอนตัวขึ้นจากทุกข
๗๑๙ ๗๒๑ ๗๒๒ ๗๒๓ ๗๒๕ ๗๒๗
นิทเทศ ๑๒ วาดวยอาการดับแหงตัณหา (๖๑ เรื่อง) ๗๓๐ - ๘๑๕ อาการดับแหงโลก อาการดับแหงความทุกข อาการดับแหงทุกข โดยสังเขปที่สุด อาการดับแหงทุกข โดยสังเขป อาการดับแหงทุกข โดยสมบูรณ อาการดับแหงความทุกข (อีกปริยายหนึ่ง) อาการดับแหงความทุกข (อีกปริยายหนึ่ง) อาการดับแหงความทุกข (อีกปริยายหนึ่ง) อาการดับแหงความทุกข (อีกปริยายหนึ่ง) อาการดับแหงความทุกข (อีกปริยายหนึ่ง) เหตุดับแหงทุกข ที่ตรัสไวโดยอเนกปริยาย ลักษณะการแหงการรูอริยสัจและการสิ้นอาสวะจบพรหมจรรย ลักษณะของการดับแหงทุกข ลักษณะของความดับแหงทุกข (อีกปริยายหนึ่ง)
๗๓๐ ๗๓๐ ๗๓๑ ๗๓๒ ๗๓๒ ๗๓๓ ๗๓๓ ๗๓๔ ๗๓๕ ๗๓๖ ๗๓๗ ๗๓๘ ๗๓๙ ๗๔๐
www.buddhadasa.info
สารบาญละเอียด ฯ ลักษณะของความดับแหงทุกข (อีกปริยายหนึ่ง) ลักษณะของความดับแหงทุกข (อีกปริยายหนึ่ง) อาการแหงบุคคลผูหลุดพน อาการดับแหงตัณหาในนามแหงนันทิ สักกายนิโรธ อาการแหงการละอวิชชา โดยยอ กระแสดากรปรุงแตงแหงการเกิดวิมุตติญาณทัสสนะ การปรินิพพานในทิฏฐธรรม การปรินิพพานในทิฏฐธรรม (อีกปริยายหนึ่ง) การปรินิพพานในทิฏฐธรรม (อีกปริยายหนึ่ง) ลักษณะแหงจิตที่หลุดพนดวยดี ลักษณะแหงจิตที่หลุดพนดวยดี (อีกนัยหนึ่ง) ลักษณะแหงจิตที่หลุดพนดวยดี (อีกนัยหนึ่ง) ลักษณะแหงจิตที่หลุดพนดวยดี (อีกนัยหนึ่ง) ลักษณะแหงจิตที่หลุดพนดวยดี (อีกนัยหนึ่ง) ลักษณะแหงจิตที่หลุดพนดวยดี (อีกนัยหนึ่ง) ลําดับการหลุดพนโดยละเอียด เมื่อเห็นอนัตตา ทางใหถึงความหลุดพน ๕ ทาง รูจักอุปาทาน ตอเมื่อหมดอุปาทาน อาสวะสิ้นไป เพราะการกําจัดสมารัมภะและอวิชชา พอรูเรื่องการรอยรัด ก็สามารถทําที่สุดทุกข ลักษณะแหงการถึงที่สุดทุกข
[๕๗] หนา ๗๔๑ ๗๔๑ ๗๔๒ ๗๔๓ ๗๔๔ ๗๔๔ ๗๔๖ ๗๔๙ ๗๕๐ ๗๕๐ ๗๕๑ ๗๕๒ ๗๕๒ ๗๕๓ ๗๕๓ ๗๕๔ ๗๕๔ ๗๕๕ ๗๕๙ ๗๖๐ ๗๖๒ ๗๖๓
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ หนา ลําดับแหงการดับของสังขาร (อนุปุพพสังขารนิโรธ) ๗๖๖ จิตหยั่งลงสูอมตะ เมื่อประกอบดวยสัญญาอันเหมาะสม ๗๖๖ บรรอรหันต โดยละมัญญนะ ๖ ชนิด ๗๖๙ ขั้นตอนอันจํากัด แหงปจจัยของการละกาม-รูป-อรูปราคะ ๗๗๐ ละราคะ โทสะ โมหะได เพราะไมหลงในสัญโญชนิยธรรม ๗๗๑ ภาวะแหงความสิ้นตัวตนและสิ้นโลก ๗๗๑ สิ้นกิเลสก็แลกัน ไมตองรุว าสิ้นไปเทาไร ๗๗๔ เมื่อสังโยชนเหมือนเครื่องหวายสิ้นอายุ ๗๗๔ ฟองไขออกเปนตัว มิใชโดยเจตนาของแมไก(เหมือนอาสวะสิ้นเอง เมือ่ ปฏิบัติชอบ) ๗๗๕ ผลสูงต่ําแหงการปฺบัต ตามที่อาจทําใหเกิดขึ้น ๗๗๖ อานิสงส ตามลําดับการเกิดแหงธรรมโดยไมตองเจตนา(จากศีลถึงวิมุตติ) ๗๘๐ สัญญาในอุปาทานระงับไป เมื่ออารมณแหงสัญญานั้นเปนวิภูตะ ๗๘๒ อนุสัยทั้งสามไมเกิดแกอริสาวก แมเมื่อสวยทุกขเวทนา ๗๘๕ การไมเกิดอนุสัยสามเมื่อเสวยเวทนาสาม แลวดับเย็น ๗๖๗ อาการที่ตัณหาไมนําไปสูภ พใหม ใหเกิดผลพิเศษอีกนานาประการ ๗๙๐ การออกไปเสีย จากทางเดินแหงจิตของสัตวปุถุชน ๗๙๓ การละความผูกกันในความสุขทุกชั้น ๗๙๖ ก. สุขที่ควรกลัว ๗๙๖ ข. สุขที่ไมควรกลัว ๗๙๗ ค. สุขที่ยังหวั่นไหวและไมหวั่นไหว ๗๙๗ ง. การละความผูกพันในรูปฌานและอรูปฌาน ๗๙๙
[๕๘]
www.buddhadasa.info
สารบาญละเอียด ฯ
[๕๙]
หนา การละทิฏฐิดวยอนุปสสนาญาณในอารมณของทิฏฐินั้น ๆ ๘๐๒ อนุสัยเจ็ดสลาย เมื่อขาดความยึดมั่นในอารมณแหงปปญจสัญญา๘๐๒ ลําดับปจจัยแหงการกระทําใหแจงซึ่งนิพพาน ๘๐๓ วิธีการบมวิมุตติใหถึงที่สุด ๘๐๔ สิตปฏฐานบริบูรณ เพราะอานาปานสติบริบูรณ ๘๐๖ (หมวดกายานุปสสนา) ๘๐๖ (หมวดเวทนานุปสสนา) ๘๐๗ (หมวดจิตตานุปสัสสนา) ๘๐๗ (หมวดธัมมานุปสนา) ๘๐๘ โพชฌงคเจ็ดบริบูรณ เพราะสิตปฏฐานบริบูรณ ๘๐๙ (โพชฌงคเจ็ด หมวดกายาฯ) ๘๐๙ (โพชฌงคเจ็ด หมวดเวทนาฯ) ๘๑๑ (โพชฌงคเจ็ด หมวดจิตตาฯ) ๘๑๒ (โพ\ฌงคเจ็ด หมวดธัมมาฯ) ๘๑๓ วิชชา-วิมุตติบริบูรณ เพราโพชฌงคบริบูรณ ๘๑๓ นิโรธอริยสัจ (อีกนัยหนึ่ง) ๘๑๔
www.buddhadasa.info นิโรธอริยสัจ เปนสิ่งที่ควรทําใหแจง
๘๑๕
ภาค ๔ วาดวยมัคคอริยสัจ ควมจริงอันประเสริฐคือมรรค (มี ๑ อุทเทศ ๑๐ นิทเทส ๓๕๘ เรื่อง)
อุทเทศแหงมัคคอริยสัจ
๘๑๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
[๖๐] หนา
นิทเทศแหมัคคอริยสัจ (๑๐ นิทเทศ : ๑๓-๒๒,๓๕๕ เรื่อง)๘๒๒ - ๑๔๘๙ นิทเทศ ๑๓ วาดวย ขอความนําเรื่องมรรค(๒๘ เรื่อง)๘๒๒ - ๘๖๙ หมวด ก. วาดวยทุอทเทศ-นิทเทศของมรรค อุทเทศแหงทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ๘๒๒ นิทเทศแหงทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ๘๒๒ หมวด ข. วาดวยอันตะ ๒ จากมรรค ขาศึกของมัชฌมาปฏิปทา (อัฏบังคิกมรรค) ๘๒๕ อีกนัยหนึ่ง (ตามบลีอรณวิภังคสูตรมัชฌมินิกาย) ๘๒๖ อีกนัยหนึ่ง (ตามลาลี ติก. อํ.) ๘๒๙ ลักษณะอีกปริยายหนึ่ง แหงกามสุขัลลิกานุโยค ๘๓๑ สิ่งที่เรียกวา กามคุณและกามสุข ๘๓๓ สุขัลลิกานุโยค ๒ แบบ ๘๓๔ ก. สุขัลลิกานุโยค ของมิฉาทิฏฐิ ๘๓๔ ข. สุขัลลิกานุโยค ของสัมมาทิฏฐิ ๘๓๕ ผลแหงสุขัลลิกานุโยคของสัมมาทิฏฐิ ๘๓๖ ตโปชิคุจฉิวัตร เปรีบเสมือนการขี่ขอนสุดทอนกลมขามแมน้ํา ๘๓๗ หมวด ค. วาดวยลักษณะของมรรค อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะเปนทางแหงอมตะ ๘๓๙ อัฏฐัคิกมมรรค มีกระแสไหลไปสูนิพพาน ๘๓๙ อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะหนทางใหถึงจุดหมาย ๘๔๐
www.buddhadasa.info
สารบาญละเอียด ฯ หนา อัฏฐังคิกมรรค ทําหนาทีเสมือนหนึ่งเสวียนรองกนหมอ ๘๔๒ อัฏฐังคิกมรรค เปนยอดแหงสังขตธรรมทั้งปวง ๘๔๒ อัฏฐังคิกมรรค คือหนทางเกาที่ทรงพบใหม ๘๔๒ อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะเปนหนทางแหงการกําหนดรูทุกข ๘๔๔ มัชฌมาปฏิปทาในฐานะเหตุใหเกิดจักษุและญาณเพื่นพิ พาน ๘๔๕ มัชฌมาปฏิปทา ๓ ลําดับ ๘๔๖ ก. มัชฌิมาปฏิปทา (พื้นฐานทั่วไป) ๘๔๖ ข. มัชฌิมาปฏิปทา (ในความหมายชั้นกวาง) ๘๔๗ ค. มัชฌิมาปฏิปทา (ในความหมายชั้นลึก) ๘๔๙ ลักษณะหนทางแหงความหมดจด ๘๕๑ ลําดับการปฏิบัติ เพื่ออรหัตตผล ๘๕๒ หมวด ง. วาดวยเหตุปจจัยของมรรค ธรรมเปนรุงอรุณแหงอัฏฐังคิกมรรค ๘๕๔ อัฏฐังคิกมรรค สําเร็จไดดวยอัปปมาทยอดแหงกุศลธรรม ๘๕๕ หมวด จ. วาดวยอานิสงสของมรรค อัฏฐังคิกมรรค เปนปฏิปทาเพื่อความเปนอริยบุคคลสี่ ๘๕๗ อัฏฐังคติกมรรค ในฐานะะรรมเครื่องขามฝง ๘๕๙ อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะพรหมจรรย ๘๕๙ อริยอัฏฐังคิกมรรค เปนกรรมอันเปนทีสิ้นกรรม ๘๖๐ อานิสงสพิเศษแหงอัฏฐังคิกมรรค(ทําใหรูจักพระศาสดาอยางถูกตอง) ๘๖๓ หมวด ฉ. วาดวยปกิณณกะ อัฏฐังคิกมรรค กับนิพพาน ๘๖๔ โพชฌงค ในฐานะเปนมรรค ๘๖๕
[๖๑]
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ
[๖๒]
หนา ปรารภโพชฌงคแลว มรรคก็เปนอันปรารภดวย ๘๖๗ ปรารภสิตปฏฐานแลว มรรคก็เปนอันปรารภดวย ๘๖๘ อุทเทส และ นิทเทส แหงอัฏฐังคิกมรรคแตละองค ๘๗๑ - ๘๗๒
นิทเทศ ๑๔ วาดวย สัมมาทิฏฐิ (๗๗ เรื่อง)
๘๗๓ - ๑๐๒๘
หมวด ก. วาดวยอุทเทศ-วิภาค ของสัมมาทิฏฐิ อทุเทศแหงสัมมาทิฏฐิ ๘๗๓ สัมมาทิฏฐิ โดยปริยายสองอยาง (ลกิย-โลกุตตระ) ๘๗๓ หมวด ข. วาดวยลกัษณะ-อุปมา-ไวพจน ของสัมมาทิฏฐิ ลักษณะของสัมมาทิฏฐิ ๘๗๕ ลักษะของสัมมาทิฏฐิ (อีกปริยายหนึ่ง : ระดับสูงสุด) ๘๗๕ สัมมาทิฏฐิโลกุตตระ นานาแบบ (ตามคําพระสารีบุตร) ๘๗๗ ก. หมวดเนื่องดวยกุศล-อกุศล ๘๗๗ ข. หมวดเนื่องดวยอาหารสี่ ๘๗๘ ค. มหวดเนื่องดวยอริยสัจสี่ ๘๘๐ ง. หมวดเนื่องดวยปฏิจจสมุปปนนธรรมตามหบักปฏิจจสมุปบาท ๘๘๒ ง. ๑ เกี่ยกวับชรามรณะ ๘๘๒ ง. ๒ เกี่ยวกับชาติ ๘๘๓ ง. ๓ เกี่ยกวับภพ ๘๘๔ ง. ๔ เกี่ยวกับอุปาทาน ๘๘๕ ง. ๕ เกี่ยวกับตัณหา ๘๘๖ ง. ๖ เกี่ยวกับเวทนา ๘๘๗ ง. ๗ เกี่ยวกับผัสสะ ๘๘๘
www.buddhadasa.info
สารบาญละเอียด ฯ หนา ง. ๘ เกี่ยวกับสฬายตนะ ๘๘๖ ง. ๙ เกี่ยกวับนามรูป ๘๙๐ ง. ๑๐ เกี่ยวกับวิญญาณ ๘๙๑ ง. ๑๑ เกี่ยวกับสังขาร ๘๙๒ ง. ๑๒ เกี่ยวกับอวิชชา ๘๙๓ ง. ๑๓ เกี่ยวกับอาสวะ ๘๙๕ สัมมาทิฏฐิ เปนรุงอรุณแหงกุศลธรรม ๘๙๗ สัมมาทิฏฐิ เปนรุงอรุณแหงการรูอริยสัจสี่ ๘๙๗ สัมมาทิฏฐิ ควรจะรวมไปถึงการสํานึกบาป ๘๙๘ อริยสัจจญาณ เปนญาณประเภทยิงเร็ว ๘๙๙ ทิ้งเสียนั่นแหละ กลับจะเปนประโยชน ๙๐๑ ฆากิเลส อยาฆาคน ๙๐๒ วิชชา เปนตัวชักนํามาซึ่งองคแปดแหงสัมมามรรค ๙๐๓ หมวด ค. วาดวยอุปกรณ-เหตุปจจัย ของสัมมาทิฏฐิ ความกลัว เปนเหตุแหงสัมมาทิฏฐิ (ชนิดโลกิยะ) ๙๐๔ อริยสัจสี่ เปนอารมณแหงนิพเพธิกปญญา ๙๐๗ ธรรมเปนเครื่องเจริญแหงปญญา ฯลฯ ๙๐๙ เหตุที่ทําใหแสวงหานิพพาน ๙๑๐ ฌาน (ที่มีสัญญา) ใชเปนฐานแหงวิปนาไดลงตัวเอง ๙๑๑ เหตุใหเกิดและเจริญ แหงอาทิพรหมจริยิกปญญา ๙๑๖ ขั้นตอนจํากัด แหงปจจัยของปญญาขันธ ๙๑๙
[๖๓]
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ หนา สิ่งสงเคราะหสัมมาทิฏฐิใหออกผล ๙๒๐ เหตุปจจัยแหงวิชชาและวิมุตติ ๙๒๑ สัญญาเกิดกอนญาณ ๙๒๒ การทําสมาธิ มีเคล็ดลับเหมือนแมโคเปนภูเขาลาดชัน ๙๒๓ อนิจจสัญญาเปนไปโดยสะดวก เมื่อผูเจริญมุงอานิสงส ๖ ประการ ๙๒๘ ทุกขสัญญาเปนไปโดยสะดวก เมื่อผูเจริญมุงอานิสงส ๖ ประการ ๙๒๙ อนัตตสัญญาเปนไปโดยสะดวก เมื่อผูเจริญมุงอานิสงส ๖ ประการ ๙๓๐ สิ่งทั้งปวงทีตองรูจัก เพื่อความิสนทุกข ๙๓๑ ตนเหตุแหงมิฉาทิฏฐิ-สัมมาทิฏฐิ ๙๓๒ หมวด ง. วาดวยหลักการปฏิบัติของสัมมาทิฏฐิ รูเวทนาเพื่อดับเสียได ดีกวารูเพื่อเปนปจจัยแกตัณหา ๙๓๒ อัสสาทะ-อาทีนวะ-นิสรณะ ของกาม ๙๓๓ อัสสาทะของกาม ๙๓๓ อาทีนวะของกาม ๙๓๔ นิสสรณะของกาม ๙๓๙ อัสสาทะ-อาทีนวะ-นิสสรณะ ของรูปกาย ๙๔๐ อัสสาทะของรูปกาย ๙๔๐ อาทีนวะของรูปกาย ๙๔๐ นิสสรณะของรุปกาย ๘๔๓ อัสสาทะ-อาทีนวะ-นิสสรณะ ของเวทนา ๙๔๔ อัสสาทะของเวทนา ๙๔๔ อาทีนวะของเวทนา ๙๔๖ นิสสรณะของเวทนา ๙๔๖
[๖๔]
www.buddhadasa.info
สารบาญละเอียด ฯ หนา การทําใหเกิดสัมมาทิฏฐิ เมื่อมีปญหาระหวางลัทธิ ๙๔๗ การเห็นกายและเวทนา ในระดับแหงผูหลุดพน ๗๕๔ สัมมาทิฏฐิในการเจริญธรรมสาม เพื่อละธรรมสาม(อีกนัยหนึ่ง) ๙๕๕ สัมมาทิฏฐิในการเจริญธรรมสาม เพื่อละธรรมสาม(อีกนัยหนึ่ง) ๙๕๖ สัมมาทิฏฐิในการเจริญธรรมสาม เพื่อละธรรมสาม(อีกนัยหนึ่ง) ๙๕๗ สัมมาทิฏฐิในการเจริญธรรมสาม เพื่อละธรรมสาม(อีกนัยหนึ่ง) ๙๕๗ ขอปฏิบัติเกี่ยวกับธาตุหา ๙๕๘ สัมมาทิฏฐิในอาเนญชสัปปายปฏิปทา ๙๖๓ ขอที่หนึ่ง ๘๖๓ ขอที่สอง ๘๖๔ ขอที่สาม ๘๖๔ สัมมาทิฏฐิในอากิญจัญญายตนะสัปปายปฏิปทา ๙๖๕ ขอที่หนึ่ง ๙๖๕ ขอที่สอง ๙๖๖ ขอที่สาม ๙๖๖ สัมมาทิฏฐิในเนวสัญญานาสัญญายตนะสัปปายปฏิปทา ๙๖๗ สัมมาทิฏฐิ ตอโอฆนิตถรณะ ๙๖๘ อริยวิโมกข หือโอฆนิตถรณะ ๙๖๙ วิธีพิจารณา เพื่อ “หมดปญหา” เกี่ยวกับอาหาร ๘๗๑ วิธีพิจารณาธรรมในภายใน เพื่อความสิ้นทุกข ๙๗๕ การพิจารณา เพื่อความสิ้นแหงแดนเกิดของทุกข ๙๗๗ หมวด จ. วาดวยอานิสงสของสัมมาทิฏฐิ การเห็นชนิดที่ละมิจฉาทิฏฐิได ๙๗๘
[๖๕]
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ หนา การเห็นชนิดที่ละสักกายทิฏฐิได ๘๗๙ การเห็นชนิดที่ละอัตตานุทิฏฐิได ๙๘๐ การเห็นชนิดที่ละมิจฉาทิฏฐิที่ปรารภอัตตาและโลก ๙๘๑ การเห็นไตรลักษณ เปนทางแหงความหลุดพน ๙๘๑ ก. ตามนัยแหงอนัตตลักขณสูตร ๙๘๑ ข. ตามนัยแหงบาลีอนิจจวรรค สฬายตนสังยุตต ๙๘๒ ค. ตามนัยแหงธัมมปทบาลี ๙๘๒ ความสะดวกสบายแกการดับของกิเลส (นิพพาน) ๙๘๓ การรูจักแสวงหาของมนุษย ๙๙๖ ก. การแสวงหาที่ไมประเสริฐ ๙๘๖ ข. การแสวงหาที่ประเสริฐ ๙๘๙ อุบายเครื่องสิ้นตัณหา โดยสังเขป ๙๙๐ ความถูกตองเกี่ยวกับความรูนึกวาปฏิกูลหรือไมปฏิกูล ๙๙๑ ภิกษุมิไดเจริญภาวนา เพื่อไดรูปทิพยเสียทิพย ๙๙๓ การเห็นความปฏิกูลแหงยศ-อาหาร-ความรัก-สุภะผัสสะ-อุปาทาน ๙๙๕ โลกุตตรผลมีได จากการตั้งจิตไวถูก ๙๙๖ ความแนใจหลักจากการปฏิบัติ เปนเครื่องตัดสิ้นความผิด-ถูก ๙๙๗ สรุปานิสงสของสัมมาทิฏฐิ ๑๐๐๐ หมวด ฉ. วาดวยโทษของการขาดสัมมาทิฏฐิ โทษที่เกิดจากมิจฉาทิฏฐิในกากรพูด ๑๐๐๑ ทิฏฐิซึ่งเปนที่ตั้งแหงการวิวาท (๓ จําพวก) ๑๐๐๒ มิจฉาทิฏฐิที่วา วิญญาณเปนผูทองเที่ยว ๑๐๐๖
[๖๖]
www.buddhadasa.info
สารบาญละเอียด ฯ
[๖๗] หนา ๑๐๐๘ ๑๐๐๙
โทษแหงอัตคาหิกทิฏฐิสิบ อวิชชา เปนตัวชักนํามาซึ่งองคแปดแหงมิจฉามรรค หมวด ช. วาดวยปกิณณกะ สัสสตทิฏฐิก็อยากอยู อุจเฉททิฏฐิก็อยากไป สัมมาทิฏฐิก็อยากดับ๑๐๑๐ คนรวยก็มีธรรมะได (จติตนิยมและวัตถุนิยมก็อยูดวยกันได) ๑๐๑๒ การใชความทุกขใหเปนประโยชนแกบุถุชน ๑๐๑๓ ตรัสวา ถาจะมีตัวตนกันบาง เอารางกายเปนตัวตนดีกวาจิต ๑๐๑๔ การทําความรูจักกับกาย ซึ่งมิใชของเราหรือของใครอื่น ๑๐๑๖ อุปมาแหงการคํานวณความเปนอนิจจัง ๑๐๑๗ รูจักเลือก : “สังฆทานดีกวา !” ๑๐๒๐ อาการที่อวิชชาทําใหมีการเกิดดับแหงสังขาร ๑๐๒๒ รายละเอียดที่ควรเขาใจใหถูกตองเกี่ยวกับเรื่องกรรม ๑๐๒๕ เห็นผิดจากธรรมชาติ ก็ไมอาจทําใหแจงมรรคผล ๑๐๒๗
นิทเทศ ๑๕ วาดวย สัมมาสังกัปปะ (๑๙ เรื่อง) ๑๐๒๙ - ๑๘๕๙
www.buddhadasa.info หมวด ก. วาดวยอทุเทศ-วิภาคอขงสัมมาสังกัปปะ อุทเทศแหงสัมมาสังกัปปะ ๑๐๒๙ สัมมาสังกัปปะ โดยปริยายสองอยาง (โลกิย-โลกุตตระ) ๑๐๒๙ วิตกโดยปริยายสองอยาง (เพื่อนิพพาน-ไมเพื่อนิพพาน) ๑๐๓๐ บุคคลเกี่ยวกับเนกขัมมะ ๔ ประเภท ๑๐๓๑ หมวด ข. วาดวยลักษณะของสัมมาสังกัปปะ อริยสัจจวิตก ในฐานะสัมมาสังกัปปะ ๑๐๓๒ อริยสัจจจินตนา ในฐานะสัมมาสังกัปปะ ๑๐๓๓
อริยสัจจากพระโอษฐ
[๖๘] หนา
หมวด ค. วาดวยอุปกรณของสัมมาสังกัปปะ สิ่งที่ควรทราบ เกี่ยวกับอกุศลสังกัปปะ ๑๐๓๕ สิ่งควรทราบ เกี่ยวกับกุศลสังกัปปะ ๑๐๓๖ เนกขัมมะแทมีได เพราะไดรูของสิ่งที่ประเสริฐกวากามรส ๑๐๓๘ หมวด ง. วาดวยหลักการปฏิบัติของสัมมาสังกัปปะ วิธีพิจารณา เพื่อเกิดสัมมาสังกัปปะ ๑๐๓๘ ก. โทษแหงมิจฉาสังกัปปะ ๑๗๓๘ ข. คุณแหงสัมมาสังกัปปะ ๑๐๔๐ อาการเกิดแหงเนกขัมมสังกัปปะ ๑๐๔๑ วิธีพิจารณา เพื่อกําจักอกุศลวิตก ตามลําดับ ๑๐๔๒ ประการที่ ๑ ๑๐๔๒ ประการที่ ๒ ๑๐๔๓ ประการที่ ๓ ๑๐๔๔ ประการที่ ๔ ๑๐๔๕ ประการที่ ๕ ๑๐๔๕ ผลสําเร็จแหงการกําจัดอกุศลวิตก ๑๐๔๖ หนาที่ที่มนุษยพึงปฏิบัติตอ “กาม” (เพื่อกําจัดกามวิตก) ๑๐๔๘ หมวด จ. วาดวยอานิสงสของสัมมาสังกัปปะ การหลีกจากกาม เปนบุรพภาคของพรหมจรรย ๑๐๕๐ อาการเกิดแหงกุศลวิตก หรือสัมมาสังกัปปะ ๑๐๕๑ ก. กรณีเนกขัมมวิตก ๑๐๕๑ ข. กรณีอัพยาปาทวิตก ๑๐๕๑ ค. กรณีวิหิงสาวิตก ๑๐๕๒
www.buddhadasa.info
สารบาญละเอียด ฯ
[๖๙] หนา ๑๐๕๒
สัมมาสังกัปปะ ทําใหเกิดสังฆสามัคคี หมวด ฉ. วาดวยโทษของการขาดสัมมาสังกัปปะ อาการเกิดแหงอกุศลสังกัปปะ หรือมิจฉาสังกัปปะ ๑๐๕๔ ก. กรณีกามวิตก ๑๐๕๔ ข. กรณีทยาปาทวิตก ๑๐๕๕ ค. กรณีวิหิงสาวิตก ๑๐๕๕ หมวด ข. วาดวยปกิณณกะ ธรรมชาติของกามแหงกามวิตก ๑๐๕๖ ความไมมีเนกขัมมวิตก ในจิตของสามัญสัตว ๑๐๕๗
นิทเทศ ๑๖ วาดวย สัมมาวาจา (๑๓ เรื่อง)
๑๐๖๐ - ๑๐๗๙
หมวด ก. วาดวยอุทเทศ-วิภาคของสัมมาวาจา อุทเทศแหงสัมมาวาจา ๑๐๖๐ หลบักวิธีการพูดจาที่เปน อริยะและอนริยะ ๑๐๖๐ สัมมาวาจา โดยปริยายสองอยาง (โลกิยะ-โลกุตตระ) ๑๐๖๑ หลักวินิจฉัยวจีกรรม ๓ สถาน ๑๐๖๒ หมวดที่ ๑ : เมื่อจะกระทํา ๑๐๖๒ หมวดที่ ๒ : เมื่อกระทําอยู ๑๐๖๓ หมวดที่ ๓ : เมื่อกระทําแลว ๑๐๖๔ ขอควรสรรเสริญหรือควรติ เกี่ยวกับสัมมาวาจา ๑๐๖๔ หมวด ข. วาดวยลักษณะของสัมมาวาจา คําไปความของสัมมาวาจาสี่ ๑๐๖๖ สุภาษิตวาจา ในฐาระสัมมาวาจา ๑๐๖๗
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ สุภาษิตวาจา ในฐานะสัมมาวาจา (อีกนัยหนึ่ง) วจาของสัตบุรุษและสัตบุรุษ ๑. วาจาของอสัตบุรุษ ๒. วาจาของสัตบุรุษ ๓. วาจาของสะไภใหม-สะไภเกา หลักเกณฑแหงสัมมาวาจาขั้สูงสุด สัมมาวาจาชั้นสูงสุด ระดับพระพุทธเจา) หมวด ค. วาดวยโทษของการขาดสัมมาวาจา ตัวอยางแหงสัผัปปลาปวาทระดับครูบาอาจารย ตัวอยาง ประการที่หนึ่ง ตัวอยาง ประการที่สอง ตัวอยาง ประการที่สาม ตัวอยาง ประการที่สี่ ตัวอยาง ประการที่หา วิบากแหงมิจฉาวาจา
[๗๐] หนา ๑๐๖๗ ๑๐๖๘ ๑๐๖๗ ๑๐๖๙ ๑๐๗๑ ๑๐๗๒ ๑๐๗๒ ๑๐๗๓ ๑๐๗๓ ๑๐๗๕ ๑๐๗๖ ๑๐๗๗ ๑๐๗๗
www.buddhadasa.info นิทเทศ ๑๗ วาดวย สัมมากัมมันตะ (๘ เรื่อง) ๑๐๘๑ - ๑๐๘๙ หมวด ก. วาดวยอุทเทศ-วิภาคของสัมมากัมมันตะ อุทเทศแหงสัมมากัมมันตะ ๑๐๘๑ หลักวินิจฉัยกายกรรม ๓สถาน ๑๐๘๑ หมวดที่ ๑ : เมื่อจะกระทํา ๑๐๘๑ หมวดที่ ๒ : เมื่อกระทําอยู ๑๐๘๑ หมวดที่ ๓ : เมื่อกระทําแลว ๑๐๘๒ สัมมากัมมันตะ โดยปริยายสองอยาง (โลกิยะ-โลกุตตระ) ๑๐๘๒
สารบาญละเอียด ฯ
[๗๑] หนา
ข. วาดวยลักษณะของสัมมากัมมันตะ คําไขความของสัมาากัมมันตะ ๑๐๘๓ ลักษณะแลวิบาก แหงสัมมากัมมันตะ ๑๐๘๔ หมวด ค. วาดวยโทษและอานิสงคของสัมมากัมมันตะ วิบากของมิจฉากัมมันตะ ๑๐๘๖ กรรมที่เปนเหตุใหไดรับผลเปนความไมกระเสือกกระสน ๑๐๘๘
นิทเทศ ๑๘ วาดวย สัมมาอาชีวะ (๑๖ เรื่อง)
๑๐๙๐ - ๑๑๒๖
หมวด ก. วาดวยอุทเทศ-วิภาคของสัมมาอาชีวะ อุทเทศแหงสัมมาอาชีวะ ๑๐๙๐ สัมมาอาชีวะ โดยปริยายสองอยาง (โลกิยะ-โลกุตตระ) ๑๐๙๐ หมวด ข. วาดวยลักษณะ-อุปมาของสัมมาอาชีวะ การดํารงชีพชอบ กินความไปถึงความสันโดษ ๑๐๙๑ แมอยูปา ก็ยังตางกันหลายความหมาย ๑๐๙๒ การดํารงชีพชอบโดยทิศหก ของฆราวาส ๑๐๙๓ (หนาที่ที่พึงปฏิบัติตอทิศเบื้องหนา) ๑๐๙๕ (หนาที่ที่พึงปฏิบัติตอทิศเบื้องขวา) ๑๐๘๕ (หนาที่ที่พึงปฏิบัติตอทิศเบื้องหลัง) ๑๐๙๖ (หนาที่ที่พึงปฏิบัติตอทิศเบื้องซาย) ๑๐๙๗ (หนาที่ที่พึงปฏิบัติตอทิศเบื้องต่ํา) ๑๐๙๗ (หนาที่ที่พึงปฏิบัติตอทิศเบื้องบน) ๑๐๙๘ (คาถาสรุปความ) ๑๐๙๙ การดํารงชีพชั้นเลิศ ของฆราวาส ๑๑๐๐
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ หนา การดํารงชีพชั้นรองเลิศ ของฆราวาส ๑๑๐๐ การดํารงชีพชั้นธรรมดา ของฆราวาส ๑๑๐๑ หลักการดํารงชีพ เพื่อผลพรอมกันทั้สองโลก ๑๑๐๒ (หลักดํารงชีพเพื่อประโยชนสุขในทิฏฐธรรม) ๑๑๐๒ (อบายมุขและดายมุขที่เกี่ยวกับประโยชนในทิฏฐฏรรม) ๑๑๐๕ (หลักดํารงชีพเพื่อปรธดยชนสุขในสัมปรายะ) ๑๑๐๖ การดํารงชีพชอบ ตามหลักอริยวงศ ๑๑๐๗ การดํารงชีพชอบ โดยหลักแหงมหาปุริสวิตก (แปดอยาง) ๑๑๑๐ (อานิสงสแหงการดํารงชีพชอบโดยหลักแหงมหาปุริสวิตกแปด) ๑๑๑๑ (อานิสงคที่ครอบคลุมไปถึงความหมายแหงปจจัยสี่) ๑๑๑๒ การดํารงชีพชอบ คือการลงทุนเพื่อนิพพาน ๑๑๑๔ หมวด ค. วาดวยหลักการปฏิบัติของสัมมาอาชีวะ หลักการปฏิบัติเกี่ยวกับปจจัยสี่ ๑๑๒๐ ก. เกี่ยวกับจีวร ๑๑๒๐ ข. เกี่ยวกับบิณฑบาต ๑๑๒๑ ค. เกี่ยวกับเสนาสนะ ๑๑๒๑ ง. เกี่ยวกับคิลานเภสัช ๑๑๒๒ หมวด ง. วาดวยอานิสงสของสัมมาอาชีวะ ผลสืบตอของสัมมาอาชีวะ ๑๑๒๒ สัมมาอาชีวะสมบูรณแบบ สําหรับคฤหัสถ ๑๑๒๓ หมวด จ. วาดวยปกิณณกะ การดํารงชีพสุจริต มิไดมเี ฉพาะเรื่องปจจัยสี่ ๑๑๒๕
[๗๒]
www.buddhadasa.info
นิทเทศ ๑๙ วาดวย สัมมาวายามะ (๒๖ เรื่อง) ๑๑๒๗ - ๑๑๗๕
สารบาญละเอียด ฯ
[๗๓] หนา
หมวด ก. วาดวยอุทเทศ-วสิภาคของสัมมาวายามะ อุทเทศแหงสัมมาวายามะ ๑๑๒๗ ปธานสี่ ในฐานะแหสัมมาวายาโม ๑๑๒๗ หมวด ข. วาดวยลักษณะ-ไวพจน-อุปมาของสัมมาวายามะ ลักษณะของผูมีความเพียรสี่อิริยาบถ ๑๑๒๙ ลักษณะของผูมีความเพียรสี่อิริยาบถ (อีกนัยหนึ่ง) ๑๑๓๐ ไวพจนของสัมมาวายามะ คือสัมมัปปธาน ๑๑๓๒ ปธานสี่ ในฐานะสัมมัปปธาน ๑๓๓๒ การทําความเพียร ดุจผูบํารุงรักษาปา ๑๑๓๔ หมวด ค. วาดวยอุปกรณ - เหตุปจจัยของสัมมาวายามะ ความสังเวช เปนเหตุใหปรารภความเพียร ๑๑๓๕ บุพพภาคแหงการทําความเพียรเพื่อความสิ้นอาสวะ ๑๑๓๖ บุพพภาคแหงการทําความเพียรเพื่อความสิ้นอาสวะ(อีกนัยหนึ่ง) ๑๑๓๙ อินทรียสังวร เปนอุปกรณแกสัมมาวายามะ ๑๑๔๑ เวทนาสามเกี่ยวกับความเพียรละอกุศลและเจริญกุศล ๑๑๔๒ การเสพที่เปนอุปกรณและไมเปนอุปกรณแกความเพียรละอกุศลและเจริญกุศล ๑๑๔๓ ๑. การเสพกายสมาจาร ๑๑๔๓ ๒. การเสพวจีสมาจาร ๑๑๔๔ ๓. การเสพมโนสมาจาร ๑๑๔๖ ๔. การเสพจิตตุปบาท ๑๑๔๗ ๕. การเสพสัญญาปฏิลาภ ๑๑๔๘ ๗. การเสพอัตตภาวปฏิลาภ ๑๑๔๙
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ
[๗๔] หนา ๑๑๔๙ ๑๑๕๐ ๑๑๕๐ ๑๑๕๐ ๑๑๔๑ ๑๑๕๑ ๑๑๕๕
๘. การเสพอารมณหก ๙. การเสพปจจัยสาม ๑๐.-๑๓. การเสพกาม-นิคม-นคร-ชนบท ๑๔. การเสพบุคคล ชาคริยานุโยค คือสวนประกอบของความเพียร ศิลปะแหงการปลุกเราความเพียร ผูมีลักษณะควรประกอบความเพียร หมวด ง. วาดวยหลักการปฏิบัติของสัมมาวายามะ เพียรละอกุศลแขงกับความตาย ๑๑๕๖ (สัญญา ๑๐) ๑๑๕๗ (สัญญา ๑๐ อีกปริยายหนึ่ง) ๑๑๕๘ การทําความเพียรแขงกับอนาคตภักย ๑๑๕๘ การทําความเพียรแขงกับอนาคตภัย (อีกนัยหนึ่ง) ๑๑๖๑ บทอธิษฐานจิต เพื่อทําความเพียร ๑๑๖๓ หมวด จ. วาดวยปกิณณกะ อุปสรรคของการประกอบสัมมาวายามะ ๑๑๖๔ ก. เครื่องตรึงจิต ๕ อยาง ๑๑๖๕ ข. เครื่องผูกพันจิต ๕ อยาง ๑๑๖๖ ขอแกตัว ของคนขี้เกียจ ๑๑๖๘ สมัยที่ไมเหมาะสมสําหรับกาทภความเพียร ๑๑๗๑ ผูอยูอยางคนมีทุกข ก็ทํากุศลธรรมใหเต็มเปยมได ๑๑๗๓ ในการละกิเลสแมชั้นสูง ก็ยังมีการอยูเปนสุข ๑๑๗๓ เพียงแตรูชัดอริยสัจ สัมมายามะยังไมใชถึงที่สุด ๑๑๗๔
www.buddhadasa.info
สารบาญละเอียด ฯ
[๗๕] หนา
นิทเทศ ๒๑ วาดวย สัมมาสติ (๔๑ เรื่อง)
๑๑๗๖ - ๑๒๗๗
หมวด ก. วาดวยอุทเทศ-วิภาคของสัมมาสติ อุทเทสแหงสัมมาสติ ๑๑๗๖ สติปฏฐานสี่ เปนเอกายนมรรค ๑๑๗๖ หมวด ข. วาดวยลักษณะ-อุปมาของสัมมาสติ ลักษณะแหงความมีสติสัมปชัญญะของภิกษุ ๑๑๗๗ ลักษณะสัมปชัญญะ ระดับสูงสุด ๑๑๗๘ สัมมาสติ ในฐานะเครื่องทําตนใหเปนที่พึ่ง ๑๑๗๘ สติปฏฐานสี่ เปนโคจรสําหรับสมณะ ๑๑๘๐ สติปฏฐานสี่ ที่สงผลถึงวิชชาและวิมุตติ ๑๑๘๐ แบบการเจริญอานาปานสติ ที่มีผลมาก ๑๑๘๑ (แบบที่ ๑) ๑๑๘๒ (แบบที่ ๒) ๑๑๘๔ การเจริญสติปฏฐาน ของคนฉลาด ๑๑๘๕ หมวด ค. วาดวยอุปกรณ-เหตุปจจัยโดยอัตโนมัติของสัมมาสติ ธรรมเปนที่ตั้งแหงการเจริญสติ ๑๑๘๖ ธรรมเปนอุปการะเฉพาะ แกอานาปานสติภาวนา ๑๑๘๗ (นัยที่หนึ่ง) ๑๑๘๗ (นัยที่สอง) ๑๑๘๘ (นัยที่สาม) ๑๑๘๙ ฐานที่ตั้งแหงความมีสัมปชัญญะ ๑๙ ฐาน ๑๑๙๐ สติปฏฐานสี่บริบูรณ เมื่ออานาปานสติบริบูรณ ๑๑๙๘ สติปฏฐานสี่บริบูรณ ยอมทําโพชฌงคใหบริบูรณ ๑๒๐๑
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ โพชฌงคบริบูรณ ยอทําวิชชาและวิมุตติใหบริบูรณ หมวด ง. วาดวยหลักการปฏิบัติของสัมมาสติ การทําสติในรูปแหงกายานุปสสนา ๑. ตามนัยแหงอานาปานสติสูตร ๒. ตามนัยแหงมหาสติปฏฐานสูตร ก. หมวดลมหายใจเขา-ออก (คือกาย) ข. หมวดอริยาบถ (คือกาย) ค. หมวดสัมปชัญญะ (ในกาย) ง. หมวดมนสิการในสิ่งปฏิกูล (คือกาย) จ. หมวดมนสิการในธาตุ (ซึ่งเปนกาย) ฉ. หมวดนวสีวถิกา (คือกาย) การทําสติในรูปแหงเวทนานุปสนา ๑. ตามนัยแหงอานาปานสติสูตร ๒. ตามนัยแหงมหาสติปฏฐานสูตร การทําสติในรูปแหงจิตตานุปสสนา ๑. ตามนัยแหงอานาปานสติสูตร ๒. ตามนัยแหงสติปฏฐานสูตร การทําสติในรูปแหงธัมมานุปสสนา ๑. ตามนัยแหงอานาปานสติสูตร ๒. ตามนัยแหงมหาสติปฏฐานสูตร ก. หมวดนิวรณ (คือธรรม) ข. หมวดขันธ (คือธรรม) ค. หมวดอายตนะ (คือธรรม) ง. หมวดโพชฌงค (คือธรรม) จ. หมวดอริยสัจ (คือธรรม)
[๗๖] หนา ๑๒๐๗ ๑๒๐๘ ๑๒๐๘ ๑๒๐๙ ๑๒๐๙ ๑๒๐๙ ๑๒๑๑ ๑๒๑๒ ๑๒๑๓ ๑๒๑๔ ๑๒๑๘ ๑๒๑๘ ๑๒๑๙ ๑๒๒๐ ๑๒๒๐ ๑๒๒๑ ๑๒๒๓ ๑๒๒๓ ๑๒๒๔ ๑๒๒๔ ๑๒๒๕ ๑๒๒๖ ๑๒๒๗ ๑๒๒๘
www.buddhadasa.info
สารบาญละเอียด ฯ หนา จ.-๑ : ทุกขอริยสัจ ๑๒๒๘ จ.-๒ : ทุกขสมุทยอริยสัจก ๑๒๒๙ จ.-๓ : ทุกขนิโรธอริยสัจ ๑๒๒๙ จ.-๔ : ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ๑๒๒๙ อุบายแหงการดํารงจิตในสติปฏฐาน ๑๒๓๐ ขอควรระวัง ในการเจริญสติปฏฐานสี่ ๑๒๓๒ กายคตาสติ เปนอุปกรณแกอนิทรียสังวร ๑๒๓๔ ก. โทษของการไมมีกายคตาสติ ๑๒๓๔ ข. คุณของกายคตาสติ ๑๒๓๕ หลักสําคัญสําหรับผูหลีกออกเจริญสติปฏฐานอยูผูเดียว ๑๒๓๖ ตรัสใหมีสติคุกันไปกับสัมปชัญญะ ๑๒๓๘ การฝกเพื่อความสมบูรณแหงสิตสัมปชัญญ ๑๒๓๙ การฝกเพื่อมีสติสัมปชัญญะ โดยออมและโดยตรง ๑๒๓๙ โอวาทแหงการทําสติ เมื่อถูกติหรือถูกชม ๑๒๔๒ ก. ฝายถูกติ ๑๒๔๒ ข. ฝายถูกชม ๑๒๔๓ ความมีสติเมื่อถูกประทุษราย ๑๒๔๔ ทรงขอใหมีสติเร็วเหมือนมาอาชาไนย ๑๒๔๕ สติในการเผชิญโลกธรรม ของอริยสาวก ๑๒๔๕ หมวด จ. วาดวยอานิสงสของสัมมสติ อานิสงสตามปกติ แหงอานาปานสติ ๑๒๔๘ ก. อานิสงสอยางสังเขปที่สุด ๒ ประการ ๑๒๔๘ ข. อานิสงสตามปกติ ๗ ประการ ๑๒๔๘ ค. ทําสติปฏฐานสี่-โพชฌงคเจ็ด-วิชชาและวิมุตติใหบริบูรณ๑๒๔๙
[๗๗]
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ หนา ง. อานิสงสตามที่เคยปรากฎแกพระองคเอง ๑๒๕๐ จ. ละความอันอาศัยเรือน ๑๒๕๐ ฉ. สามารถควบคุมความรูสึกเกี่ยวกับความปฏิกูล ๑๒๕๑ ช. เปนเหตุใหไดรูปฌานทั้งสี่ ๑๒๕๒ ญ. เปนเหตุใหไดอรูปฌานทั้งสี่ ๑๒๕๔ ฎ. เปนเหตุใหไดสัญญาเวทยิดนิโรธ ๑๒๕๖ ฏ. สามารถกําจัดบาปอกุศลทุกทิศทาง ๑๒๕๗ อานิสงสพิเศษ แหงอานาปานสติ ๑๒๕๗ ก. กายไมโยกโคลง ๑๒๕๗ ข. รูตอเวทนาทุกประการ ๑๒๕๙ ค. มีสุขวิหารอันสงบเย็น ๑๒๖๐ ง. เปนสุขแลวดําเนินไปในตัวเอง จนสิ้นอาสวะ ๑๒๖๒ จ. ควรแกนามวาอริยวิหาร-พรหมวิหาร-ตถาคตวิหาร ๑๒๖๓ ฉ. ทําสังโยชนใหสิ้น-กําจัดอนุสัย-รูทางไกลสิ้นอาสวะ ๑๒๖๓ ช. รูจักลมหายใจอันจักมีเปนครั้งสุดทายแลวดับจิต ๑๒๖๕ ญ. เหตุปจจัยที่พระศานาจะตั้งอยูนานภายหลังพุทธปรินพิ พาน ๑๒๖๖ อานิสงส แหงความไมประมาทคือสติ ๑๒๖๖ สติปฏฐานสี่ เปนเครื่อละปุพพันตอปรันตสหคตทิฏฐินิสสัย ๑๒๖๗ การเจริญสติปฏฐาน เปนการอารักขาทั้งตนเองและผูอื่น ๑๒๖๘ หมวด ฉ. วาดวยโทษของการขาดสัมมาสติ จิตที่ปราศจากสติ ยอมปรารถนาลาภไดทั้งที่ชอบอยูปา ๑๒๗๐ หมวด ช. วาดวยปกิณณกะ ลักษณะของผูอาจและไมอาจเจริญสติปฏฐานสี่ ๑๒๗๑
[๗๘]
www.buddhadasa.info
สารบาญละเอียด ฯ
[๗๙]
ทั้งนวกะ-เสขะ-อเสขะ ก็พึงเจริญสติปฏฐาน (ก. พวกนวกะ) (ข. สําหรับพระเสขะ) (ค. สําหรับพระอเสขะ) สติปฏฐานสี่ เหมาะสมทั้งแกอเสขะ-เสขะ-และคฤหัสถ กองอกุศลและกองกุศล ชนิดแทจริงก ธัมมสงเคราะหที่ทุกคนควรกระทํา
นิทเทศ ๒๑ วาดวย สัมมาสมาธิ (๕๑ เรื่อง)
หนา ๑๒๗๒ ๑๒๗๒ ๑๒๗๓ ๑๒๗๓ ๑๒๗๔ ๑๒๗๖ ๑๒๗๗
๑๒๗๘ - ๑๓๖๗
หมวด ก. วาดวอยุทเทศ-วิภาคของสัมมาสมาธิ อุเทสแหงสัมมาสมาธิ สมาธิภาวนา มีประเภทสี่ หมวด ข. วาดวยลักษณะ-อุปมาของสัมาสมาธิ ลักษณะแหงสัมมาสมาธิชั้นเลิศ ๕ ประการ อริยสัมมาสมาธิ มีบริขารเจ็ด การทําหนาที่สัมดันพธกัน ของบริขารเจ็ด ๑. กลุมสัมมาทิฏฐิ ๒. กลุมสัมมาสังกัปปะ ๓. กลุมสัมมาวาจาก ๔. กลุมสัมมากัมมันตะ ๕. กลุมสัมมาอาชีวะ สัมมาทิฏฐิ เปนผูนําในการละมิจฉัตตะ สัมมาสมาธิ ชนิดที่มีพรหมวิหารเปนอารมณ วิโมกขแปด
๑๒๗๘ ๑๒๗๘ ๑๒๘๑ ๑๒๘๖ ๑๒๘๖ ๑๒๘๖ ๑๒๘๘ ๑๒๙๐ ๑๒๙๒ ๑๒๙๓ ๑๒๙๕ ๑๒๙๘ ๑๒๙๙
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ หนา รูปฌานและอรูปฌาน ยังมิใชธรรมชนที่เปนเครื่องขูดเกลา ๑๓๐๐ อุปมาแหงจิตทีปราศจากนิวรณหา ๑๓๐๓ การบรรลุปฐมฌาน พรอมทั้งอุปมา ๑๓๐๕ การบรรลุทุติยฌาน พรอมทั้งอุปมา ๑๓๐๖ การบรรลุตติยฌาน พรอมทั้งอุปมา ๑๓๐๗ การบรรลุจตุตถฌาน พรอมทั้งอุปมา ๑๓๐๘ อาการที่อยูในฌาน เรียกวาตถาคตไสยา ๑๓๐๘ หมวด ค. วาดวยอุปกรณ-เหตุปจจัยของสัมมาสมาธิ ความรูที่ทําใหมีการอบรมจิต ๑๓๑๐ บริขารเจ็ด ของอริยสัมมาสมาธิ ๑๓๑๑ ธรรมเครื่องทําความเต็มเปยมแหงกําลังของสมาธิ ๑๓๑๑ สมาธิจากการเดิน (จงกรม) ยอมตั้งอยูนาน ๑๓๑๒ ลักษณะของผูงายตอการเขาอยูในสมาธิ ๑๓๑๓ หมวด ง. วาดวยหลักการปฏิบัติของสัมมาสมาาธิ บุพพภาคแหงการเจริญสมาธิ ๕ ขั้น ๑๓๑๓ ขั้นตอนอันจํากัดแหงปจจัยของสัมมาสมาธิ ๑๓๑๔ การกระทําที่ถูกตองตามกาละ สําหรับสมาธินิมตปคคาหนิมิต-อุเบกขานิมิต ๑๓๑๖ สิ่งที่ตองย้ําวันละ ๓ หน ในวงการสมาธิ ๑๓๑๘ อนุสสติภาวนา เปนสิ่งที่เจริญไดในทุกอิริยาบถ ๑๓๑๙ สมาธิภาวนาแตละอยาง ๆ อาจทําไดถึง ๗ ระดับ ๑๓๒๐ (๑. หมวดตระเตรียม) ๑๓๒๑ (๒. หมวดพรหมวิหาร) ๑๓๒๑
[๘๐]
www.buddhadasa.info
สารบาญละเอียด ฯ หนา (๓. หมวดสติปฏฐาน) ๑๓๒๒ (หมวดอานิสงส) ๑๓๒๔ ญาณ เกิดจาสมาธิของผูที่มีสติปญญารักาาตน ๑๓๒๔ การดํารงสมาธิจิต เมื่อถูกเบียดเบียนทั้งทางวาจาและทางกาย ๑๓๒๖ (๑. อุปมาที่หนึ่ง) ๑๓๒๖ (๒. อุปมาที่สอง) ๑๓๒๗ (๓. อุปมาที่สาม) ๑๓๒๘ (๔. อุปมาที่สี่) ๑๓๒๙ (๕. อุปมาที่หา) ๑๓๓๐ สัญญาในสิ่งไมเปนที่ตึงแหงความยึดถือก็มีอยู (โลกุตตรสมาธิ) ๑๓๓๑ สมาธิที่เปนอสัขตมนสิการ ๑๓๓๓ จากรูปฌานไปสูอาสวักขยญาณโดยตรง ๑๓๓๕ หมวด จ. วาดวยอานิสงสของสัมมาสมาธิ ประโยชนของการเจริญสมาธิ ๑๓๓๖ นัยที่ ๑ : เห็นความไมเที่ยงของอายตนิกธรรม ๑๓๓๖ นัยที่ ๒ : เห็นความเกิดดับของเบญจขันธ ๑๓๓๗ อานุภาพแหงสมาธิ ๑๓๓๘ อานิสงสของการหลีกเรน ๑๓๔๐ แมเพียงปฐมฌาน ก็ชื่อวาเปนที่หลบพนภัยจากมาร ๑๓๔๑ แมเพียงปฐมฌาน ก็บําบัดกิเลสอันเปนเครื่องระคายใจได ๑๓๔๒ เจโตสมาธิ ที่สามารถเพิ่มความผาสุกทางกาย ๑๓๔๔ ที่นั่ง-นอน-ยืน-เดิน อันเปนทิพย ๑๓๔๕ ธรรมที่ทําความเปนผูมีอํานาจเหนือจิต ๑๓๔๖ ญานระงับความรัก-เกลียดที่มีอยูตามธรรมชาติ: ๑๓๔๗
[๘๑]
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ
[๘๒]
หนา ญาณในตถาคตพลญาณ มีไดเฉพาะแกผุมีจิตตั้งมั่นเปนสมาธิ ๑๓๔๙ ธรรมสัญญา ในฐานะแหงธรรมโอสถโดยธรรมปติ ๑๓๕๐ หมวด ฉ. วาดวยโทษของการขาดสัมมาสมาธิ นิวรณ-ขาศึกแหงสมาธิ ๑๓๕๖ นิวรณ เปนเครื่องทํากระแสจิตไมใหรวมกําลัง ๑๓๕๗ จิตตระหนี่ เปนสิ่งที่ต่ําเกินไปสําหรับการบรรลุฌานและทําใหแจงมรรคผล ๑๓๕๘ หมวด ช. วาดวยปกิณณกะ สนิมจิต เทียบสนิมทอง ๑๓๕๙ ซึ่งที่เปนเสี้ยนหนามตอกันโดยธรรมชาติ ๑๓๕๙ การอยูปากับการเจริญสมาธิ สําหรับภิกษุบางรูป ๑๓๖๑ ลําดับพฤติจิต ของผูที่จะเปนอยูดวยความไมประมาท ๑๓๖๒ สัจจสัญญาอันสุขุมยิ่งขึ้นไปตามลําดับ ในรูปฌานสี่ ๑๓๖๓ [กรณีของปฐมฌาน] ๑๓๖๓ [กรณีของทุติยฌาน] ๑๓๖๓ [กรณีของตติยฌาน] ๑๓๖๔ [กรณีของจตุตถฌาน] ๑๓๖๔ เจโตวิมุตติชนิดที่ยังมีอุปสรรค ๑๓๖๕
www.buddhadasa.info นิทเทศ ๒๒ วาดวย ขอความสรุปเรื่องมรรค (๗๕ เรื่อง)๑๓๖๘ - ๑๔๘๗ หมวด ก. วาดวยไวพจน อริยอัฏฐังคิกมัคคอธิวจนะ (ไวพจนแหงอริยอัฏฐังคิกมรรค) ๑๓๖๘ อัภฐังคิกมรรค ในฐานะแหงธัมมยานอันประเสริฐ ๑๓๖๘
สารบาญละเอียด ฯ
[๘๓] หนา ๑๓๗๐ ๑๓๗๑ ๑๓๗๒ ๑๓๗๓ ๑๓๗๕
อัฏฐังคิมรรค เปนสัมมาปฏิปทา สัมมัตตะโนนามวา อริยมรรค ธรรมที่เปนนิพพานคามิมัคคะ ทางโลงอันแนนอนไปสูสัมมัตตนิยาม อริยมรรค ซึ่งมิใชอริยอัฏฐังคิกมรรค หมวด ข. วาดวยการสงเคราะหองคมรรค องคแปดแหงอริยมรรค สงเคราะหลงในสิกขาสาม ๑๓๗๕ ลักษณะแหงสิกขาสาม โดยละเอียด ๑๓๗๖ ๑. สีลขันธ โดยละเอียด ๑๓๗๖ ๒. สมาธิขันธ โดยละเอียด ๑๓๗๘ (บุรพภาคแหงการเจริญสมาธิ) ๑๓๗๘ (การเจริญสมาธิ) ๑๓๘๐ ๓. ปญญาขันธ โดยละเอียด ๑๓๘๐ สิกขาสาม เปนสิ่งที่สงเสริมกันตามลําดับ ๑๓๘๑ อธิสิกขา สาม ๑๓๘๒ อธิสิกขา สาม (อีกนัยหนึ่ง) ๑๓๘๒ ลักษณะความสมบูรณแหงศีล ๑๓๘๔ เมื่อตีความคําบัญญัติผิด แมทารกนอนเบาะก็มีศีลโดยอัตโนมัติ ๑๓๘๔ ธรรม-อธรรม-อรรถ-อนรรถ ที่ควรทราบ ๑๓๘๖ หมวด ค. วาดวยคุณคาของมรรค อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะแหงตัวพรหมจรรย ๑๓๘๗ ระบบพรหมจรรย ทรงแบงไวเปน ๒ แผนก ๑๓๘๘ ก. สําหรับผูถึงที่สุดแหงทุกขแลว ๑๓๘๘
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ
[๘๔] หนา ๑๓๘๘ ๑๓๘๙ ๑๓๘๙ ๑๓๙๑ ๑๓๙๒
ข. สําหรับผูยังไมถึงที่สุดแหงทุกข จุดมุงหมายแทจริง ของพรหมจรรย อัฏฐังคิกมรรค เปนพรหมจรรยเปนไปเพื่อนิพพาน มรรคมีองคแปด รวมอยูในพรหมจรรยจลอดสาย อัฏฐังคิดมัคคพรหมจรรย ใหผลอยางเครื่องจักร ความแตกตางระหวางคนเขลาและบัณฑิต ในการประพฤติพรหมจรรย ๑๓๙๓ อานุภาคแหงอัฏฐังคิกมรรค ในการทําใหเกิด : ก. เกิดความปรากฏแหงตถาคต ๑๓๙๔ ข. เกิดสุคตวินัย ๑๓๙๕ อัฏฐังคิกมรรค เพื่อการรูและการละซึ่งธรรมที่ควรรูและควรละ ๑๓๙๖ อัฏฐังคิกมรรค ชวยระงับภัยที่แมลูกก็ชวยกันไมได ๑๓๙๗ อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะเปนกัมมนิโรธคามินีปฏิปทา ๑๓๙๙ อัฏฐังคิกมรรค เปนอิทธิปาทภาวนาคิมนีปฏิปทา ๑๔๐๐ อัฏฐังคิกมรรค เปนสัญญลักษณของพระศาสนาที่มีความหลุดพน ๑๔๐๑ อัฏฐังคิกมรรค ใชเปนหลักจําแนกความเปนสัตบุรุษอสัตบุรุษ ๑๔๐๒ อัฏฐังคิกมรรค ชนิดที่แนนอนวาปองกันการแสวงหาผิด ๑๔๐๔ มัชฌิมาปฏิปทา สําหรับธรรมกถึกแหงยุค ๑๔๐๖ (๑. พอตัวทั้งเพื่อตนและผูอื่น) ๑๔๐๖ (๒. พอตัวทั้งเพื่อตนและผูอื่น [อีกนัยหนึ่ง]) ๑๔๐๗ (๓. พอตัวเพื่อตน แตไมพอตัวเพื่อผูอื่น) ๑๔๐๗ (๔. พอตัวเพื่อผูอื่น แตไมพอตัวเพื่อตน) ๑๔๐๘ (๕. พอตัวเพื่อตน แตไมพอตัวเพื่อผูอื่น [อีกนัยหนึ่ง]) ๑๔๐๘ (๖. พอตัวเพื่อผูอื่น แตไมพอตัวเพื่อตน [อีกนัยหนึ่ง]) ๑๔๐๙
www.buddhadasa.info
สารบาญละเอียด ฯ หนา (๗. พอตัวเพื่อตน แตไมพอตัวเพื่อผูอื่น [อีกนัยหนึ่ง]) ๑๔๐๙ (๘. พอตัวเพื่อผูอื่น แตไมพอตัวเพื่อตน [อีกนัยหนึ่ง]) ๑๔๑๐ ธรรมอันเปนที่สุดของสมณปฏิบัติ ๑๔๑๑ ปฏิปทาเพื่อละโอรัมภาคิยสังโยชน ก็คือมรรค ๑๔๑๑ การเปนอยูที่นอมไปเพื่อนิพพานอยูในตัว (มัชฌิมาปฏิปทาโดยอัตโนมัติ) ๑๔๑๖ หมวด ง. วาดวย การทําหนาที่ของมรรค อัฏฐังคิกมรรคชนิดที่เจริญแลวทํากิจแหงอริยสัจสี่พรอมกันไปในตัว๑๔๑๗ อัฏฐังคิกมรรค ชนิดที่เจริญแลวทําใหโพธิปกขิยธรรมสมบูรณไปในตัว ๑๔๑๙ การทํากิจของอินทรีย ในขณะบรรลุธรรม ๑๔๒๑ สัมมัตตะ เปนเครื่องสิ้นอาสวะ ๑๔๒๓ หมวด จ. วาดวยธรรมชื่ออื่น (ความหมายเกี่ยวมรรค) บทธรรมเกาที่อยูในรูปขององคมรรค ๑๔๒๓ ขอปฏิบัติที่เปนสักกายนิโรธคามินีปฏิปทา ๑๔๒๕ อานิสงสแหงการปฏิบัติ โดยหลักพื้นฐาน (เชนเดียวกับอานิสงสแหงมรรค) ๑๔๒๖ ปฏิปทาเพื่อสิ้นอาสวะ ๔ แบบ ๑๔๒๗ ก. แบบปฏิบัติลําบาก ประสบผลชา ๑๔๒๗ ข. แบบปฏิบัติลําบาก ประสบผลเร็ว ๑๔๒๘ ค. แบบปฏิบัติสบาย ประสบผลชา ๑๔๒๘ ง. แบบปฏิบัติสบาย ประสบผลเร็ว ๑๔๒๙ ปฏิปทาการอบรมอินทรีย ๓ ระดับ ๑๔๓๐ ก. ลักษณะแหงอินทรียภาวนาชั้นเลิศ ๑๔๓๐
[๘๕]
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ
[๘๖] หนา ๑๔๓๑ ๑๔๓๒ ๑๔๓๔
ข. ลักษณะแหงผูเปนเสขปาฏิบท ค. ลักษณะแหงผูเจริญอินทรียชั้นอริยะ ปฏิปทาเพื่อบรรลุอรหัตตผลของคนเจ็บไข องคสิบหา เพื่อการทําลายกระเปาะของอวิชชา (มุงผลอยางเดียวกับมัชฌิมาปฏิปทา) ๑๔๓๕ สุขโสมนัสที่เปนไปเพื่อสิ้นอาสวะ (มัชฌิมาปฏิปทาที่แสนสุข) ๑๔๓๖ ความเย็นที่ไมมีอะไรเย็นยิ่งไปกวา ๑๔๓๗ ก. พวกที่ไมทําความเย็น ๑๔๓๗ ข. พวกที่ทําความเย็น ๑๔๓๘ ปฏิปทา การบรรลุอรัหตตหรืออนาคามี ในภพปจจุบัน ๑๔๓๘ หมวด ฉ. วาดวยอุปมาธรรมของมรรค ระวังมัคคภาวนา : มีทั้งผิดและถูก ๑๔๓๙ (ฝายผิด) ๑๔๓๙ (ฝายถูก) ๑๔๔๐ ภาวะแหงความถูก-ผิด ๑๔๔๑ ภาวะแหงความเปนผิด-ถูก ๑๔๔๒ อเสขธรรมสิบ ในฐานะพิธีเครื่องชําระบาป ๑๔๔๒ อัฏฐังคิกมรรค มีความหมายแหงความเปนกัลยาณมิตร ๑๔๔๓ นาบุญหรือนาบาป เนื่องอยูกับองคแหงมรรค ๑๔๔๕ ก. นาบาป ๑๔๔๕ ข. นาบุญ ๑๔๔๖ พิธีลงบาป ดวยสัมมัตตปฏิปทา ๑๔๔๖ หมวด ช. วาดวยอุปกรณการปฏิบัติมรรค รายชื่อธรรมเปนที่ตั้งแหงการขูดเกลา ๑๔๔๘
www.buddhadasa.info
สารบาญละเอียด ฯ ก. จิตตุปปาทปริยาย ข. ปริกกมนปริยาย ค. อุปริภาวังคมนปริยาย ง. ปรินิพพานปริยาย องคคุณที่ทําใหเจริญงอกงามไพบูลยในพรหมจรรย(อุกรณแหงการปฏิบัติมรรค) พวกรูจักรูป พวกฉลาดในลักษณะ พวกคอยเขี่ยไขขาง พวกปดแผล พวกสุมควัน พวกรูจักทาที่ควรไป พวกที่รูจักน้ําที่ควรดื่ม พวกรูจักทางที่ควรเดิน พวกฉลาดในที่ที่ควรไป พวกรีด “นมโค” ใหมีสวนเหลือ พวกบูชาเผูเฒา๑๔๕๗ อัฏฐังคิกมัคคปฏิบัติ ตองอาศัยที่ตั้งคือศีล หลักเกณฑการเลือกสถานที่และบุคคลที่ควรเสพไมควรเสพ (อันเปนอุปกรณแหงมรรค) การเลือกที่อยูในปา (วนปตถ) อาการที่เรียกวา อัฏฐังคิกมรรคบริบูรณไดโดยวิธีลัด วิธีการสืบตอความไมประมาทของอริยสาวก พึงทําความสมดุลยของสมถะและวิปสสนา การปฏิบัติเพื่อความสมดุลยของสมถะและวิปสสนา
[๘๗] หนา ๑๔๕๐ ๑๔๕๑ ๑๔๕๑ ๑๔๕๒ ๑๔๕๒ ๑๔๕๓ ๑๔๕๔ ๑๔๕๔ ๑๔๕๔ ๑๔๕๕ ๑๔๕๕ ๑๔๕๕ ๑๔๕๖ ๑๔๕๖ ๑๔๕๖
www.buddhadasa.info ๑๔๕๗
๑๔๕๙ ๑๔๕๙ ๑๔๖๑ ๑๔๖๒ ๑๔๖๔ ๑๔๖๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
[๘๘] หนา ๑๔๖๗ ๑๔๖๘
ความสมประสงคสูงสุด มีไดเพราะสัมมัตตะ การใหผลของมิจฉัตตะและสัมมัตตะ รีบปฏิบัติใหสุดเหวี่ยง แตไมตองรอนใจวาจงสําเร็จ(นั่นแหละคือมัชฌิมาปฏิปทา) ๑๔๖๙ ภาวะบริสุทธิ์แหงการประพฤติตบะพรหมจรรย โดย ๑๖ ประการ ๑๔๗๑ (ก. ภาวะไมบริสุทธิ์สําหรับเปรียบเทียบ) ๑๔๗๑ (ข. ภาวะบริสุทธิ์ที่สําหรับถือเปนหลัก) ๑๔๗๕ การตอสูของผูเกลียดกลัวความทุกข โดยละเอียด ๑๔๗๙ หมวด ช. วาดวยมรรคกับอาหุเนยยบุคคล สักวาดําเนินอยูในอัฏฐังคิกมรรค ก็เปนอาหุเนยยบุคคลฯ แลว ๑๔๘๑ องคแหงมรรคที่เปนเสขะของเสขบุคคล ๑๔๘๓ ประโยชนอันสูงสุด ของสัมมัตตะสิบ ๑๔๘๔ หมวด ฌ. วาดวยมรรคกับพระพุทธองค อริยอัฏฐังคิกมรรค คือมัชฌิมาปฏิปทาที่ตรัสรูเอง ๑๔๘๕ ทรงกําชัเบรืองการทําลายอหังการมมังการ ๑๔๘๖ อริยมรรค รวมอยูในพรหมจรรยที่ทรงฝากไวกับพวกเรา ๑๔๘๗ อัฏฐังคิกมรรค ในฐานกัลยณวัตรที่ทรงฝากไว ๑๔๘๘ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เปนสิ่งที่ควรทําใหเกิดมี ๑๔๘๙
www.buddhadasa.info ภาคสรุป วาดวยขอความสรุปทาย เกี่ยวกับจตุราริยสัจ (มี ๒๓ หัวขอ) ความรูที่ทําใหสิ้นอาสวะ
๑๔๘๖
สารบาญละเอียด ฯ หนา โอกาสแหงโยคกรรมในการเห็นอริยสัจ บัดนี้ถึงพรอมแลว ๑๔๙๖ การเรียนปริยัติ มิใชการูอริยสัจ ๑๔๙๗ เห็นพระรัตนตรัยแทจริง ก็ตอเมื่อเห็นอริยสัจและหลุดพนจากอาสวะแลว ๑๔๙๘ ปฏิบัติเพื่อรูอริยสัจ ตองเปนธัมมาธิปไตย ๑๕๐๐ การแทงตลอดอริยสัจ เปนงานละเอียดออนยิ่งกวาการแทงทะลุขนทรายดวยขนทราย ๑๕๐๑ การปฏิบัติอริยสัจ ไมมีทางที่จะขัดตอหลักกาลามสูตร ๑๕๐๒ (ก. ฝายอกุศล) ๑๕๐๓ (ข. ฝายกุศล) ๑๕๑๖ บริษัทที่เกี่ยวกับอริยสัจ ๑๕๑๑ เมื่ออริยสัจสี่ ถูกแยกออกเปนสองซีก ๑๕๑๒ หลักวิธีการศึกษาอริยสัจสี่ ใชไดกับหลักทั่วไป ๑๕๑๓ ตัวอยาง ก. เกี่ยวกับอกุศลศีล ๑๕๑๓ ตัวอยาง ข. เกี่ยวกับกุศลศีล ๑๕๑๔ ตัวอยาง ค. เกี่ยวกับอกุศลสังกัปปะ ๑๕๑๔ ตัวอยาง ง. เกี่ยวกับกุศลสังกัปปะ ๑๕๑๔ อริยสัจสี่ เปนที่ตั้งแหงการแสดงตัวของปญญินทรีย ๑๕๑๕ อริยสัจสี่ เปนวัตถุแหงกิจของปญญินทรีย ๑๕๑๖ เบญขพิธพรทีทรงระบุไวสําหรับภิกษุ (ไมเกี่ยวกับตัณหาเหมือนจตุพิธพรของชาวบาน) ๑๕๑๖ การทําบุคคลใหรูอริยสัจ จัดเปนอนุศาสนีปาฏิหาริย ๑๕๑๘ อริยสัจ (หรือโลกสัจ) ทรงบัญญัติไวในกายที่ยังมีสัญญาและใจ ๑๕๒๒ อริยสัจ ทรงบัญญัติสําหรับสัตวที่อาจมีเวทนา ๑๕๒๓
[๘๙]
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ เวทนาโดยปจจัย ๔๑ ชนิด ผูรูอริยสัจ ไมจําเปนตองแตกฉานอภิธรรมและรวยลาภ จงกระทําเหตุทั้งภายในและภายนอก ก. เหตุภายใน ข. เหตุภายนอก อัฏฐังคิกมรรค ในฐานะเพชรพลอยเม็ดหนึ่งแหงพระศาสนา พระคุณของผูที่ทําใหรูแจงอริยสัจสี่ ประมวลปญหาอันจะพึงตอบเกี่ยวกับธรรมทั้งปวง(เกี่ยวกับใจความของอริยสัจโดยทั่วไป) การจบกิจแหงอริยสัจ กําหนดดวยความสมบูรณแหงญาณสาม
[๙๐] หนา ๑๕๒๔ ๑๕๒๖ ๑๕๒๘ ๑๕๒๘ ๑๕๒๙ ๑๕๓๐ ๑๕๓๐ ๑๕๓๑ ๑๕๓๒
ภาคผนวก วาดวยเรื่องนํามาผนวก เพื่อความสะดวกแกการอางอิง สําหรับเรื่องที่ตรัสซ้ํา ๆ บอย ๆ
www.buddhadasa.info (มี ๒ หัวขอ)
ประมวลพรหมจรรยตลอดสาย (ที่แสดงไวดวยขันธสาม) ๑๕๓๙ ๑. ศีลขันธ ๑๕๓๙ - ๑๕๕๑ ตถาคตเกิดขึ้นในโลก แสดงธรรม ๑๕๔๑ กุลบุตรฟงธรรม ออกบวช ๑๕๔๐ แนวปฏิบัติสําหรับผูบวชใหม ๑๕๔๑ ก. อาการที่ถึงพรอมดวยศีล (ขั้นจุลศีล) ๑๕๔๑ ข. อาการที่ถึงพรอมดวยศีล (ขั้นมัชฌิมศีล) ๑๕๔๓
สารบาญละเอียด ฯ หนา (หมวดพืชตามภูติคาม) ๑๕๔๓ (หวดการบริโภคสะสม) ๑๕๔๓ (หมวดดูการเลน) ๑๕๔๓ (หมวดการพนัน) ๑๕๔๔ (หมวดที่นั่งนอนสูงใหญ) ๑๕๔๔ (หมวดดิรัจฉานกถา) ๑๕๔๕ (หมวดชอบทําความขัดแยง) ๑๕๔๖ (หมวดการรับใชเปนทูต) ๑๕๔๖ (หมวดโกหกหลอกลวงเพื่อลาภ) ๑๕๔๖ ค. อาการที่ถึงพรอมดวยศีล (ขั้นมหาศีล) ๑๕๔๗ (หมวดการทําพิธีรีตอง) ๑๕๔๗ (หมวดทายลักษณะ) ๑๕๔๗ (หมวดทายฤกษการรบพุง) ๑๕๔๘ (หมวดทายโจรแหงนักษัตร) ๑๕๔๘ (หมวดทํานายขาวยากหมากแพง) ๑๕๔๙ (หมวดฤกษยามและเขาทรง) ๑๕๔๙ (หมวดหมอผีหมอยา) ๑๕๕๐ ๒. สมาธิขันธ ๑๕๕๑ - ๑๕๕๘ (หมวดอินทรียสังวร) ๑๕๕๑ (หมวดสติสัปชัญญะ) ๑๕๕๒ (หมวดสันโดษ) ๑๕๕๒ (หมวดเสนาสนะสงัด-ละนิวรณ) ๑๕๕๓ (หมวดปฐมฌาน) ๑๕๕๕ (หมวดทุติยฌาน) ๑๕๕๖
[๙๑]
www.buddhadasa.info
อริยสัจจากพระโอษฐ
[๙๒]
หนา (หมวดตติยฌาน) ๑๕๕๗ (หมวดจตุตถฌาน) ๑๕๕๗ ๓. ปญญาขันธ ๑๕๕๘ - ๑๕๖๔ (หมวดญาณทัสสนะ) ๑๕๕๘ (หมวดมโนมยิทธิ) ๑๕๕๙ (หมวดอิทธิวิธี) ๑๕๖๐ (หมวดทิพพโสต) ๑๕๖๐ (หมวดเจโตปริยญาณ) ๑๕๖๐ (หมวดปุพเพนิวาสานุสสติญาณ) ๑๕๒๒ (หมวดจุตูปปาตญาณ) ๑๕๖๓ (หมวดอาสวักขยญาณ) ๑๕๖๓ ลักษณะความสะอาด-ไมสะอาด ในอริยวินัย ๑๕๖๔ ก. ความไมสะอาด ๑๕๖๔ ข. ความสะอาด ๑๕๖๗ ผูไมสะอาด เปนผูที่เหมือนกับถูนําไปเก็บไวในนรก ๑๕๗๐ ผูสะอาด เปนผูที่เหมือนกับถูนําตัวไปเก็บไวในสวรรค ๑๕๗๐
www.buddhadasa.info คําชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับถอยคําและอักขรวิธี ฯลฯ ในหนังสือเลมนี๑้ ๕๗๓ ตัวอยางหลักธรรมล้ําลึก ที่หาพบไดจากหนังสือเลมนี้ ๑๕๗๙ คําชี้แจงวิธีการใชหนังสือเลมนี้ ใหเปนประโยชนกวางขวางออกไป๑๕๘๕
ปทานุกรม เริ่มแตหนา ลําดับหมวดธรรม เริ่มแตหนา ____________________
๑๖๗๗ ๑๘๓๙
ภาคนํา วาดวย
ขอความที่ควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
www.buddhadasa.info
๑
ภาคนํา มีเรื่อง:- ๑. สัตวโลก กับ จตุราริยสัจ ๒. ชีวิตมนุษย กับ จตุราริยสัจ ๓. พระพุทธองค กับ จตุราริยสัจ ๔. การรูอริยสัจ ไมเปนสิ่งสุดวิสัย ๕. คุณคาของอริยสัจ ๖. เคาโครงของอริยสัจ
๑๓ หัวขอ ๒๐ หัวขอ ๑๙ หัวขอ ๑๐ หัวขอ ๑๓ หัวขอ ๑๖ หัวขอ
www.buddhadasa.info
๒
อริยสัจจากพระโอษฐ ภาคนํา วาดวย
ขอความที่ควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ (๖ ตอน) ____________
-๑สัตวโลก กับ จตุราริยสัจ ตรัสรูแลว ทรงรําถึงถึงหมูสัตว
www.buddhadasa.info สัตวโลกนี้ เกิดความเดือดรอนแลว มีผัสสะบังหนา๑ ยอมกลาวซึ่ง โรค (ความเสียดแทง) นั้นโดยความเปนตัวเปนตน เขาสําคัญสิ่งใด โดยความเปนประการใด โดยประการอื่นจากที่เขาสําคัญนั้น
แตสิ่งนั้นยอมเปน (ตามที่เปนจริง)
๑. คํ า วา "มีผ ัส สะบัง หนา (ผสฺส ปเรโต)" หมายความวา เมื ่อ เขาถูก ตอ งผัส สะใด จิต ทั ้ง หมด ของเขายึ ดมั่ น อยู ในผั สสะนั้ น จนไม ม องเห็ น สิ่ งอื่ น แม จะใหญ โตมากมายเพี ยงใด ทํ านองเส น ผมบั ง ภู เขา : เขาหลงใหลยึ ด มั่ น แต ใ นอั ส สาทะของผั ส สะนั้ น จนไม ม องเห็ น สิ่ ง อื่ น ; อย า งนี้ เรียกวา มีผัสสะบังหนา คือบังลูกตาของเขา ใหเห็นสิ่งตาง ๆ ผิดไปจากตามที่เปนจริง.
๓
๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
สัตวโลกติดของอยูในภพ ถูกภพบังหนาแลว มีภพโดยความเปนอยางอื่น (จาก ที่มันเปนอยูจริง )จึงไดเพลิดเพลินยิ่งนักในภพนั้น. เขาเพลิดเพลินยิ่งนักในสิ่งใด สิ่งนั้นเปนภัย (ที่เขาไมรูจัก) : เขากลัวตอสิ่งใด สิ่งนั้นก็เปนทุกข. พรหมจรรยนี้ อันบุคคลยอมประพฤติ ก็เพื่อการละขาดซึ่งภพ. สมณะหรือพราหมณเหลาใด กลาวความหลุดพนจากภพวามีไดเพราะภพ เรา กลาววา สมณะหรือพราหมณทั้งปวงนั้น มิใชผูหลุดพนจากภพ. ถึงแมสมณะหรือพรามหณเหลาใด กลาวความออกไปไดจากภพ วามีไดเพราะ วิภพ๑ : เรากลาววา สมณะหรือพราหมณทั้งปวงนั้น ก็ยังสลัดภพออกไปไมได. ก็ทุกขนี้มีขึ้น เพราะอาศัยซึ่งอุปธิทั้งปวง. เพราะความสิ้นไปแหงอุปาทานทั้งปวง ความเกิดขึ้นแหงทุกขจึงไมมี. ทานจงดูโลกนี้เถิด (จะเห็นวา) สัตวทั้งหลายอันอวิชชาหนาแนนบังหนาแลว; และวา สัตวผูยินดีในภพอันเปนแลวนั้น ยอมไมเปนผูหลุดพนไปจากภพได. ก็ภพทั้งหลายเหลาหนึ่งเหลาใด อันเปนไปในที่หรือในเวลาทั้งปวง๒ เพื่อความมี
www.buddhadasa.info ๑. คําวา "วิภพ" ในที่นี้ ตรงกันขามกับคําวา "ภพ" คือไมมีภพตามอํานาจของนัตถิกทิฏฐิ หรืออุจเฉททิฏ ฐิโดยตรง คือ ไมเปน ไปตามกฏของอิทัป ปจจยตา; ดั ง นั้น แมเ ขาจะรูสึกวา ไมมีอะไร มันก็มีความไมมีอะไรนั้นเองตั้งอยูในฐานะเปนภพชนิดที่เรียกวา "วิภพ" เปนที่ตั้ง แหงวิภวตัณหา. ๒. คําวา "ในที่หรือในเวลาทั้งปวง" ตลอดถึงคําวา "เพื่อความมีแหงประโยชนโดยประการ ทั้งปวง" เปนคุณบทแหงคาอันเปนที่ตั้งแหงความยึดมั่นของภพ. ความมีความเปนอยางไร ก็ตาม ยอมเนื่องดวยเวลาที่พอเหมาะ เนื้อที่ที่พอดี ประโยชนที่นารัก มันจึงจะเปนที่ตั้งแหง ความยึดถือ หรือยั่วยวนใหยึดถือ; ดังนั้น ภพชนิดไหนก็ตาม ยอมเนื่องอยูดวยสิ่งทั้ง สามนี้ แตแลวในที่สุดมันก็เปนเพียงสิ่งที่ไมเที่ยง เปนทุกข มีความแปรปรวนเปนธรรมดา ดังที่กลาวแลวในพุทธอุทานนั้น.
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๕
www.buddhadasa.info
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ แหงประโยชนโดยประการทั้งปวง; ภพทั้งหลายทั้งหมดนั้น ไมเที่ยง ทุกข มีความแปรปรวนเปนธรรมดา. เมื่อบุคคลเห็นอยูซึ่งขอนั้น ดวยปญญาอันชอบตามที่เปนจริงอยางนี้อยู; ยอมละภวตัณหาได และไมเพลิดเพลินวิภวตัณหาดวย.
๕ เปน เขา
ความดับเพราะความสํารอกไมเหลือ (แหงภพทั้งหลาย) เพราะความสิ้นไปแหงตัณหา โดยประการทั้งปวง นั้นคือนิพพาน. ภพใหมยอมไมมีแกภิกษุนั้น ผูดับเย็นสนิทแลว เพราะไมมีความยึดมั่น ภิกษุนั้น เปนผูครอบงํามารไดแลว ชนะสงครามแลว กาวลวงภพทั้งหลาย ทั้งปวงไดแลว เปนผูคงที่ (คือไมเปลี่ยนแปลงอีกตอไป). ดังนี้แล - อุ.ขุ. ๒๕/๑๒๑/๘๔. (ขอความนี้ แลวได ๗ วัน).
เปนพระพุทธอุทานที่ทรงเปลงออก
ที่โคนตนโพธิ์เปนที่ตรัสรู
เมื่อตรัสรู
การพนทุกขโดยไมรูอริยสัจนั้น เปนไปไมได
www.buddhadasa.info ภิกษุ
เปรียบเหมือนผูใดผูหนึ่งจะพึงกลาววา "ฉันไมตองทําพื้นฐาน รากในเบื้องลางของเรือนดอก แตฉันจักทําตัวเรือนขางบนได" ดังนี้ : นี่ไมเปนฐานะที่ จักมีไดฉันใด; ขอนี้ก็ไมเปนฐานะที่จักมีได ฉันนั้น คือขอที่ผูใดผูหนึ่งจะ พึงกลาววา "ฉันไมตองรูจักความจริงอันเประเสริฐ คือ ความจริงเรื่องทุกข, เรื่องเหตุให เกิดทุกข;
ท.!
เรื่องความดับไมเหลือของทุกข,
และเรื่องทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข
นั้นดอก แตฉันจักทําความสิ้นสุดแหงทุกขได โดยถูกตอง;" ดังนี้
๖
อริยสัจจากพระโอษฐ ภิกษุ
ท!
และเปรียบเหมือนผูใดผูหนึ่งจะพึงกลาววา "ฉันตองทําฐานรากของเรือนตอนลางเสียกอน จึงจักทําตัวเรือนขางบนได" ดังนี้ : นี่เปนฐานะที่จักมี ได ฉันใด ; ขอนี้ก็เปนฐานะที่จักมีได ฉันนั้น คือขอที่ผูใดผูหนึ่งจะพึงกลาววา "ฉั น ครั้ น รู ค วามจริ ง อั น ประเสริ ฐ คื อ ความจริ ง เรื่ อ งทุ ก ข , เรื่ อ งเหตุ ใ ห เ กิ ด ทุ ก ข , ดับไมเหลือของทุกข, และเรื่องทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกขนั้นแลว
เรื่ อ งความ จึงจักทํา
ความสิ้นสุดแหงทุกขได โดยถูกตอง;" ดังนี้.
ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึงทําความเพียร เพื่อใหรูตามเปนจริงวา "นี้เปนทุกข. นี้เปนเหตุใหเกิดทุกข, นี้เปนความดับ ไมเหลือของทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข;" ดังนี้เถิด. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๖๔/๑๗๓๕-๖.
เพราะไมรูอริยสัจ จึงตองแลนไปในสังสารวัฏ
www.buddhadasa.info ภิกษุท.! เพราะไมรูถึง ไมแทงตลอดซึ่งอริยสัจสี่อยาง, เราและ พวกเธอทั้งหลาย จึงไดทองเที่ยวไปแลวในสังสารวัฏ ตลอดกาลยืดยาวนานถึง เพียงนี้. ภิกษุ ท.! อริยสัจสี่อยาง เหลาไหนเลา ? ภิกษุ ท.!เพราะไมรูถึง ไมแทงตลอดซึ่งอริยสัจคือทุกข, อริยสัจคือเหตุใหเกิดทุกข, อริยสัจคือความดับ ไมเหลือของทุกข, และอริยสัจคือทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข; เราและพวกเธอทั้งหลาย จึงไดทองเที่ยวไปแลวในสังสารวัฏ ตลอดกาลยืดยาวนาน ถึงเพียงนี้
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๗
ภิกษุ ท.! เมื่ออริยสัจ คือทุกข, เหตุใหเกิดทุกข. ความดับไมเหลือ ของทุกข, และทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข,.เปนความจริงที่เราและ พวกเธอทั้งหลาย รูถึง และแทงตลอดแลว; ตัณหาในภพก็ถูกถอนขึ้นขาด ตัณหาที่จะนําไปสูภพ ก็สิ้นไปหมด บัดนี้ความตองเกิดขึ้นอีก มิไดมี; ดังนี้. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๑/๑๖๙๘. (สูตรอื่นไดตรัสเหตุที่ทําให
ตองทองเที่ยวไปสังสารวัฏ
เพราะไมรูอริยธรรมสี่
ดังตอไปนี้ :-)
ภิกษุ ท.! เพราะไมรูตามลําดับ เพราะไมแทงตลอด ซึ่งธรรม ๔ ประการ เราและพวกเธอทั้งหลาย จึงไดทองเที่ยวไปแลวในสังสารวัฏ ตลอด กาลยืดยาวนานถึงเพีงนี้. ธรรม ๔ ประการอยางไหนเลา ? ภิกษุ ท.! เพราะไมรูตามลําดับ เพราะไมแทงตลอด ซึ่ง อริยศีล…. ซึ่งอริยสมาธิ…. ซึ่ง อริยปญญา….ซึ่ง อริยวิมุตติ…. เราและพวกเธอทั้งหลาย จึงไดทองเที่ยว ไปแลวในสังสารวัฏ ตลอดกาลยืดยาวนานถึงเพียงนี้.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! เมื่ออริยศีล, อริยสมาธิ, อริยปญญา, และอริยวิมุตติ เปนธรรมที่เราและเธอรูแลวตามลําดับ แทงตลอดแลว ; ตัณหาในภพก็ถูกถอน ขึ้นขาดตัณหาที่จะนําไปสูภพก็สิ้นไปหมด บัดนี้ความตองเกิดขึ้นอีกมิไดมี, ดังนี้.
- จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑/๑.
สัตวเกิดกลับมาเปนมนุษยมีนอย เพราะไมรูอริยสัจ ภิกษุ ท.! เธอทั้งหลายจะสําคัญความขอนี้วาอยางไร : ฝุนนิดหนึ่ง ที่เราชอนขึ้นดวยปลายเล็บนี้ กับมหาปฐพีนั้น ขางไหนจะมากกวากัน ?
๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
"ขาแตพระองคผูเจริญ ! มหาปฐพีนั่นแหละเปนดินที่มากกวา. ฝุนนิดหนึ่ง เทาที่ทรงชอนขึ้นดวยปลายพระนขานี้ เปนของมีประมาณนอย. ฝุนนั้น เมื่อนําเขาไปเทียบ กับมหาปฐพี ยอมไมถึงซึ่งการคํานวณได เปรียบเทียบได ไมเขาถึงแมซึ่งกะละภาค (สวนเลี้ยว)".
ภิกษุ ท.! อุปมานี้ฉันใด อุปไมยก็ฉันนั้น : สัตวที่เกิดกลับมาสู หมูมนุษย มีนอย; สัตวที่เกิดกลับเปนอยางอื่นจากหมูมนุษย มีมากกวา โดยแท. ขอนั้นเพราะเหตุไรเลา? ภิกษุ ท.! ขอนั้น เพราะความที่สัตวเหลานั้น ไมเห็นอริยสัจทั้งสี่. อริยสัจสี่ อยางไรเลา? สี่อยางคือ อริยสัจคือทุกข อริยสัจ คือเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข อริยสัจคือความดับไมเหลือแหงทุกข อริยสัจคือทาง ดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข. ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงประกอบโยคกรรม๑ อันเปนเครื่องกระทําใหรูวา " ทุกข เปนอยางนี้, เหตุเกิดขึ้นแหงทุกข เปนอยางนี้, ความดับไมเหลือแหงทุกข เปนอยางนี้, ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข เปนอยางนี้",. ดังนี้.
www.buddhadasa.info - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๗๘/๑๗๕๗.
๑
โยคกรรม คือ การกระทํ า ความเพีย รอยา งมีร ะบบ อยา งแข็ง ขัน เต็ม ที ่ ในรูป แบบหนึ ่ง ๆ เพื่ อ ให สํ า เร็ จ ประโยชน ต ามความมุ ง หมาย เรี ย กกั น ทั่ ว ๆ ไปว า "โยคะ",. เป น คํ า กลางใช กั น ไดระหวางศาสนาทุกศาสนา.
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๙
(ในกรณีที่ไมเห็นอริยสัจนั้น ยังมีผลทําให : สัตวมาเกิดในมัชฌิมชนบท มีนอย (๑๙/๕๗๘/๑๗๕๘). สัตวมีปญญาจักษุ มีนอย (๑๙/๕๗๙/๑๗๕๙). สัตวไมเสพของเมา มีนอย (๑๙/๕๗๙/๑๗๖๐). สัตวเกิดเปนสัตวบก มีนอย (สัตวน้ํามาก) (๑๙/๕๗๙/๑๗๖๑). สัตวเอื้อเฟอมารดา มีนอย (๑๙/๕๗๙/๑๗๖๑). สัตวเอื้อเฟอบิดา มีนอย (๑๙/๕๗๙/๑๗๖๒). สัตวเอื้อเฟอสมณะ มีนอย (๑๙/๕๗๙/๑๗๖๓). สัตวเอื้อเฟอพราหมณ มีนอย (๑๙/๕๘๐/๑๗๖๔). สัตวออนนอมถอมตน มีนอย (๑๙/๕๘๐/๑๗๖๕). นอกจากนี้พระองคยังไดทรงแสดงภาวะแหงสัตวที่ไมพึงปรารถนา อีกมากอยางตาม ที่เรารูจักกันอยู เชน สัตวที่ไมตั้งอยูในกุศลกรรมบถ เปนตน, ผูรวบรวมเห็นวามากเกินความ จําเปน จึงไมนํามาใสไวในที่นี้.)
ความมืดบอดของโลก มีตลอดเวลาที่พระตถาคตไมเกิดขึ้น
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! ตลอดกาลเพียงใด ที่ดวงจันทรและดวงอาทิตยยังไม บังเกิดขึ้นในโลก; ความปรากฏแหงแสงสวางอันใหญหลวง ความสองสวาง อันใหญหลวง ก็ยังไมมี ตลอดกาลเพียงนั้น. ในกาลนั้น มีอยูแตความมืด เปนความมืดซึ่งกระทําความบอด. กลางคืนกลางวัน ก็ยังไมปรากฏ, เดือนหรือ กึ่งเดือน ก็ไมปรากฏ, ฤดูหรือ ป ก็ไมปรากฏ, กอ น. ภิกษุ ท.! แตวา ในกาลใด ดวงจันทรและดวงอาทิตยบังเกิดขึ้นในโลก; ในกาลนั้น ความปรากฏ แหงแสงสวางอันใหญหลวง ความสองสวางอันใหญหลวง ยอมมี. ในกาลนั้น ยอมไมมีความมืด อันเปนความมืดซึ่งกระทําความบอด.ลําดับนั้น กลางคืน
๑๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
กลางวัน ยอมปรากฏ. เดือนหรือกึ่งเดือน ยอมปรากฏ., ฤดูหรือป ยอมปรากฏ, นี้ฉันใด; ภิกษุ ท.! ขอนี้ ก็ฉันนั้น : ตลอดกาลเพียงใด ที่ตถาคตผูอรหันตสัมมาสัมพุทธะยังไมบังเกิดขึ้นในโลก; ความปรากฏแหงแสงสวางอันใหญหลวง ความสองสวางอันใหญหลวง ก็ยังไมมี ตลอดกาลเพียงนั้น. ในกาลนั้น มีอยู แตความมืด เปนความมืดซึ่งกระทําความบอด. การบอก การแสดง การบัญญัติ การแตงตั้ง การเปดเผย การจําแนกแจกแจง การกระทําใหเขาใจไดงาย ซึ่ง อริยสัจทั้งสี่ ก็ยังไมมีกอน. ภิกษุ ท.! แตวา ในกาลใดแล ตถาคตผูอรหันตสัมมาสัมพุทธะ บังเกิดขึ้นโลก; ในกาลนั้น ความปรากฏแหงแสงสวาง อันใหญหลวง ยอมมี. ในกาลนั้น ยอมไมมีความมืด อันเปนความมืดซึ่ง กระทําความบอด. ลําดับนั้น ยอมมีการบอก การแสดง การบัญญัติ การ แตงตั้ง การเปดเผย การจําแนกแจกแจง การกระทําใหเขาใจไดงาย ซึ่งอริยสัจ ทั้งสี่. ซึ่งอริยสัจทั้งสี่อยางไรเลา ? คือซึ่งทุกขอริยสัจ ทุกขสมุทยอริยสัจ ทุกขนิโรธอริยสัจ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึง กระทําโยคกรรม เพื่อใหรูวา "นี้ ทุกข, นี้ ทุกขสมุทัย, นี้ ทุกขนิโรธ, นี้ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา" ดังนี้เถิด.
- มหาวาร. ส. ๑๙/๕๕๓/๑๗๒๑.
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๑๑
อริยสัจสี่ เปนสิ่งที่คงที่ไมรูจักเปลี่ยนตัว ภิกษุ ท.! มีของสี่อยางซึ่งคงที่ ไมเปลี่ยนจากความคงที่ ไมไปสู ความมีความเปนโดยประการอื่น. ของสี่อยางนั้นเหลาไหนเลา ? ของสี่อยางนั้น คือ ความรูตามเปนจริงวา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดทุกข, นี้เปนความดับไม เหลือของทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข, (ทั้งสี่อยางนั้น) เปนของคงที่ ไมเปลี่ยนจากความคงที่ ไมไปสูความมีความเปนโดยประการอื่น;" ดังนี้. ภิกษุ ท.! นี่แล เปนของสี่อยาง ซึ่งคงที่ ไมเปลี่ยนจากความคงที่ ไมไปสูความมีความเปนโดยประการอื่น. ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึง ทําความเพียร เพื่อใหรูตามเปนจริงวา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดทุกข, นี้เปนความดับไม เหลือของทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของุทกข;" ดังนี้ เถิด.
www.buddhadasa.info สุขที่สัตวโลกควรกลัว และไมควรกลัว - มหาวาร.สํ. ๑๙/๕๓๙/๑๖๙๗.
…ก็ขอนั้น อันเรากลาวแลววา บุคคลควรรูจักการวินิจฉัย (ตัดสินใจ) ในความสุข เมื่อรูจักการวินิจฉัยความสุขแลว ควรประกอบความสุขชนิดที่เปน ภายใน, ขอนั้นเรากลาวเพราะอาศัยเหตุผลอะไรเลา ? ภิกษุ ท.! กามคุณมีหา อยางเหลานี้.หาอยางนั้นอะไรเลา ? หาอยางคือ รูปที่เห็นดวยตา, เสียง ที่ฟง ดวยหู, กลิ่นที่ดมดวยจมูก, รส ที่ลิ้มดวยลิ้น, และโผฏฐัพพะที่สัมผัสดวยกาย, (แตละอยางลวน) เปนสิ่งที่นาปรารถนา นารักใคร นาพอใจ เปนสิ่งที่ยวนตายวน
๑๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ใจใหรัก เปนที่เขาไปตั้งอาศัยซึ่งความใคร เปนที่ตั้งแหงความกําหนัดยอมใจ ; ภิกษุ ท.! สุข โสมนัสอันใดเกิดขึ้น เพราะอาศัยกามคุณหาเหลานี้, สุข โสมนัส นั้น เราเรียกวา กามสุข อันเปนสุขบุถุชน เปนสุขทางเมถุน (มิฬหสุข) ไมใชสุขอันประเสริฐ. เรากลาววา สุขนั้น บุคคลไมควรเสพ ไมควรเจริญ ไมควรทําใหมาก, ควรกลัว. ภิกษุ ท.! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เขาถึงซึ่ง ปฐมฌาน…ทุติยฌาน ตติยฌาน…จตุตถฌาน…๑ แลวแลอยู. นี้ เราเรียกวา สุขอาศัยเนกขัมมะ เปนสุขเกิดแตความสงัดเงียบ สุขเกิดแตความเขาไปสงบรํางับ สุขเกิดแตความรู พรอม. เรากลาววา สุขนั้น บุคคลควรเสพใหทั่วถึง ควรทําใหเจริญ ควรทํา ใหมาก, ไมควรกลัว. คําใดที่เรากลาวแลววา บุคคลควรรูจักการวินิจฉัย (ตัดสินใจ) ในความ สุข เมื่อรูจักการวินิจฉัยความสุขแลว ควรประกอบความสุขชนิดที่เปนภายใน, นั้น; คํานั้น เรากลาวแลว เพราะอาศัยเหตุผลนี้.
www.buddhadasa.info - อุปริ. ม. ๑๔/๔๒๗/๖๕๙.
ความรูสึกของบุถุชน ไขวกันอยูเสมอตอหลักแหงอริยสัจ
คหบดี! หนาตาของทานแสดงวาทานกําลังไมมีจิตไมมีใจ, หนาตาของ ทานผิดปกติไปแลว.
๑. รายละเอียดเกี่ยวกับรูปฌานทั้งสี่นี้ หาดูไดจากหลายเรื่องในภาคถัด ๆ ไป หรือดูที่ภาคผนวก แหงหนังสือนี้ โดยหัวขอวา "ประมวลพรหมจรรยตลอดสาย" ตอนกลาวถึงเรื่องรูปฌานสี่.
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๑๓
"ทานผูเจริญ ! หนาตาของขาพเจาจะไมผิดปกติไดอยางไรเลา, เพราะวา บุตร นอยเปนที่รักที่พอใจคนเดียว ของขาพเจา ตายเสียแลว. เพราะการตายของบุตรนอยนั้น การงานก็มืดมน ขาวปลาอาหารก็มืดมน. ขาพเจาเอาแตไปสูที่เผาลูก แลวคร่ําครวญอยูวา ลูกนอยคนเดียวอยูไหน ๆ".
มันเปนอยางนั้นแหละ ๆ คหบดี! โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส และอุปายาสทั้งหลายนั้น เกิดจากของรัก มีของรักเปนแดนเกิด. "ทานผูเจริญ !
โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสและอุปายาสทั้งหลายนั้น
เกิดจากของ
เพราะวา ความเพลิดเพลินและโสมนัส ตางหากที่เกิดแตของรัก มีของรักเปนแดนเกิด."
รัก
มีของรักเปนแดนเกิด ไดอยางไรกัน ;
คหบดีนั้น ไมยอมรับไมคัดคานคําของพระผูมีพระภาคเจา ลุกจากอาสนะแลวหลีกไปเสีย.. เขาไดเขาไปหากลุมนักเลงสะกาที่เลนสะกากันอยู ในที่ใกล ๆ กันนั้น; เลาเรื่องใหฟงแลวก็ไดรับคํารับ สมอางจากพวกนักเลงสะกาเหลานั้นวา "ถูกแลว ๆ ทานคหบดี! ความเพลิดเพลินและโสมนัสเกิดแต
ของรัก มีของรักเปนแดนเกิดอยางแนนอน" ดังนี้; เขาก็พอใจวาความคิดของเขาตรงกันกับความคิด ของนักเลงสะกาทั้งหลาย ดังนี้แลวก็หลีกไป.
www.buddhadasa.info - ม.ม. ๑๓/๔๘๙/๕๓๖.
(ขอนี้แสดงวา กับความจริงที่เปนอริยสัจ).
ความคิดของพวกบุถุชนยอมตรงกันเสมอ
แตไมอาจจะลงรอยกันได
ผูติดเหยื่อโลก ชอบฟงเรื่องกาม ไมฟงเรื่องสงบ สุนักขัตตะ! กามคุณมีหาอยางเหลานี้. หาอยางนั้นอะไรเลา ? หาอยาง คือ รูปที่เห็นดวยตา, เสียงที่ฟงดวยหู, กลิ่นที่ดมดวยจมูก, รสที่ลิ้ม
๑๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ดวยลิ้น, และโผฏฐัพพะที่สัมผัสดวยกาย ; (แตละอยางลวน) เปนสิ่งที่นา ปรารถนา, นารักใคร, นาพอใจ, เปนสิ่งที่ยวนตายวนใจใหรัก, เปนที่เขาไปตั้ง อาศัยซึ่งความใคร, เปนที่ตั้งแหงความกําหนัดยอมใจ. สุนักขัตตะ ! เหลานี้แล คือ กามคุณหาอยาง สุนักขัตตะ ! นี้เปนสิ่งที่มีไดเปนได คือขอที่บุรุษบุคคลางคนในโลกนี้ มีอัชฌาสัยนอมไปในเหยื่อของโลก (คือกามคุณหาอยาง), ถอยคําสําหรับสนทนา อัน พร่ําบนถึงเฉพาะตอกามคุณนั้น ๆ ยอมตั้งอยูไดสําหรับบุรุษบุคคลผูมีอัชฌาสัยนอมไปใน เหยื่อของโลก, เขายอมตรึกตามตรองตาม ถึงสิ่งอันอนุโลมตอกามคุณนั้น ๆ, สิ่ง นั้นยอมคบกับบุรุษนั้นดวย บุรุษนั้นยอมเอาใจใสตอสิ่งนั้นดวย. สวน เมื่อ ถอยคําที่ประกอบดวยสมาบัติเรื่องไมหวั่นไหว (ดวยกามคุณ) ที่ผานไปมาอยู เขายอม ไมฟง ไมเงี่ยหูฟง ไมกําหนดจิตเพื่อจะรู, ถอยคําชนิดนั้น ก็ไมคุนเคยกับบุรุษนั้น บุรุษนั้น ก็ไมสนใจดวยคําชนิดนั้น. สุนักขัตตะ! เปรียบเหมือนบุรุษผูจาก บานหรือนิคมของตนไปนมนาม ครั้นเห็นบุรุษผูหนึ่ง เพิ่งไปจากบานหรือนิคม ของตน เขายอมถามบุรุษนั้น ถึงความเกษม ความมีอาหารงาย ความปราศจาก โรค ของบานนั้น นิคมนั้น.บุรุษนั้นก็บอกให. สุนักขัตตะ ! เธอจะเขาใจวา อยางไร : เขายอมฟงดวยดี ยอมเงี่ยหูฟง ตอบุรุษนั้น ยอมกําหนดจิตเพื่อจะรู ยอมคบบุรุษนั้น ยอมสนใจดวยบุรุษนั้น มิใชหรือ ?
www.buddhadasa.info - อุปริ. ม. ๑๔/๖๒/๗๐ - ๗๑.
การฟงอริยสัจ เหมาะสําหรับจิตที่ฟอกแลวเทานั้น ภิกษุ ท.! ครั้งนั้นแล มหาชนชาวพันธุมดีราชธานี จํานวนแปด หมื่นสี่พันคน ออกจากเมือง เขาไปเฝาพระผูมีพระภาควิปสสีถึงที่ประทับ
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๑๕
ณ เขมมิคทายวัน ถวายอภิวาทแลวนั่งอยู ณ ที่ขางหนึ่ง. พระผูมีพระภาควิปสสี ไดตรัส อนุปุพพิกถา แกชนทั้งหลายเหลานั้น กลาวคือ ทานกถา สีลกถา สัคคกถา ทรงประกาศ โทษอันเศราหมองต่ําทรามของกามทั้งหลาย และ อานิสงสในการออก จากกาม. ครั้นทรงทราบวาชนเหลานั้นมีจิตเหมาะสม ออนโยน ปราศจาก นิวรณ ราเริง แจมใส แลว, ก็ไดตรัส ธรรมเทศนาซึ่งพระพุทธเจาทั้งหลายทรง ยกขึ้นแสดงเอง กลาวคือ เรื่องทุกข เรื่องสมุทัย เรื่องนิโรธ และ เรื่องมรรค. เปรียบเสมือนผาอันสะอาด ปราศจากสิ่งแปดเปอน ยอมรับเอาซึ่งน้ํายอมไดอยาง ดี ฉันใด; ธรรมจักษุ ปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน ไดเกิดขึ้นแกมหาชน แปดหมื่นสี่พันเหลานั้น ณ ที่นั่งนั้นเองวา "สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเปนธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมดมีความดับไปเปนธรรมดา" ดังนี้, ฉันนั้นเหมือนกัน. ชนเหลานั้นมีธรรมอันเห็นแลว บรรลุแลว รูแจงแลว หยั่งเอาได ครบถวนแลว หมดความสงสัย ปราศจากความเคลือบแคลง ถึงความกลาหาญ ไมตองเชื่อตามบุคคลอื่นในคําสอนแหงศาสดาตน ไดกราบทูลกะพระผูมีพระภาค วิปสสีวา "ไพเราะนัก พระเจาขา ! ไพเราะนัก พระเจาขา ! เปรียบเหมือนการหงาย ของที่คว่ําอยู เปดของที่ปดอยู บอกทางใหแกคนหลงทาง หรือวาจุดประทีปไวในที่มืด เพื่อวาคนมีตาจักไดเห็นรูป, ฉันใดก็ฉันนั้น" ดังนี้.
www.buddhadasa.info - มหา. ที. ๑๐/๔๙/๔๙.
๑๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
จิตที่ยังไมไดฟอก ยากนักที่จะเห็นนิโรธสัจ ราชกุมาร ! …ก็สัตวเหลานี้ มีอาลัยเปนที่มายินดี ยินดีแลวใน อาลัย เพลิดเพลินแลวในอาลัย. สําหรับสัตวผูมีทีอาลัยเปนที่มายินดี ยินดีเพลิด เพลินในอาลัยนั้น ยากนักที่จะเห็นสิ่งนี้ คือ ปฏิจจสมุปบาท กลาวคือความที่สิ่งนี้ ๆ เปนปจจัยแกสิ่งนี้ ๆ (อิทปฺปจฺจยตาปฏิจฺจสมุปฺปาโท); และยากนักที่จะเห็นแมสิ่งนี้ คือ นิพพาน อันเปนธรรมเปนที่สงบระงับแหงสังขารทั้งปวง เปนธรรมอันสลัด คืนซึ่งอุปธิทั้งปวง เปนที่สิ้นไปแหงตัณหา เปนความจางคลาย เปนความดับ ไมเหลือแหงทุกข. หากเราพึงแสดงธรรมแลวสัตวอื่นไมพึงรูทั่วถึง ขอนั้นจัก เปนความเหนื่อยเปลาแกเรา, เปนความลําบากแกเรา. โอ,ราชกุมาร ! คาถา อันนาเศรา (อนจฺฉริยา) เหลานี้ ที่เราไมเคยฟงมาแตกอน ไดปรากฏแจมแจง แกเราวา : "กาลนี้ ไม ค วรประกาศธรรมที่ เ ราบรรลุ ไ ด แ ล ว โดยยาก. ธรรมนี้ สั ต ว ที่ ถูกราคะโทสะปดกั้นแลว ไมรูไดโดยงายเลย. สัตวผูกําหนัดแลวดวย ราคะอันความมืดหุมหอแลว จักไมเห็นธรรมอันไปทวนกระแส อันเปนธรรม ละเอียด ลึกซึ้ง เห็นไดยาก เปนอณู" ดังนี้.
www.buddhadasa.info - ม. ม. ๑๓/๔๖๑/๕๐๙.
สัตวผูไมเปนไทตอความกําหนัด ยอมหลงกาม มาคัณฑิยะ ! แมในกาลอันยืดยาวนานฝายอดีต กามทั้งหลาย ก็มี สัมผัสเปนทุกข มีความแผดเผาอันยิ่งใหญ มีความเรารอนอันยิ่งใหญ. แมใน กาลอันยืดยาวนานฝายอนาคต กามทั้งหลาย ก็มีสัมผัสเปนทุกข มีความแผดเผา
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๑๗
อันยิ่งใหญ มีความเรารอนอันยิ่งใหญ. แมในกาลเปนปจจุบันในบัดนี้ กาม ทั้งหลาย ก็มีสัมผัสเปนทุกข มีความแผดเผาอันยิ่งใหญ มีความเรารอนอันยิ่งใหญ. มาคัณฑิยะ ! แตวา สัตวทั้งหลายเหลานี้ ยังไมปราศจากความกําหนัดในกาม ทั้งหลาย ถูกกามตัณหาเคี้ยวกินอยู ถูกความเรารอนในกามแผดเผาอยู มีอินทรีย (คือความเปนใหญแกตน) อันกามกําจัดเสียหมดแลว จึงไดมีความสําคัญอันวิปริต วา "สุข" ในกามทั้งหลาย อันมีสัมผัสเปนทุกข นั่นเอง, ดังนี้. - ม. ม. ๑๓/๒๗๙/๒๘๔.
สัตวโลก รูจักสุขอันแทจริง ตอเมื่อปญญาเกิด มาคัณฑิยะ ! เปรียบเหมือนบุรุษตามืดมาแตกําเนิด เขาจะมองเห็น รูปทั้งหลาย ที่มีสีดําหรือขาว เขียวหรือเหลือง แดงหรือขาบ ก็หาไม, จะไดเห็น ที่อันเสมอหรือไมเสมอ ก็หาไม, จะไดเห็นดวงดาว หรือดวงจันทรและดวงอาทิตย ก็หาไม. เขาไดฟงคําบอกเลาจากบุรุษผูที่ตาดี วา "ทานผูเจริญ ! ผาขาวเนื้อดี นั้น เปนของงดงาม ปราศจากมลทิน เปนผาสะอาด", ดังนี้. เขาเที่ยวแสวงหา ผาขาวนั้น. บุรุษผูหนึ่งลวงเขาดวยผาเนื้อเลวเปอนเขมาวา "นี่แล เปนผาขาว เนื้อดี เปนของงดงาม ปราศจากมลทิน เปนผาสะอาด." ดังนี้ เขารับผานั้น แลวและหมผานั้น. ตอมา มิตรอมาตย ญาติสาโลหิตของเขา เชิญแพทยผาตัด ผูชํานาญมารักษา. แพทยพึงประกอบยาถายโทษในเบื้องบน ถายโทษในเบื้อง ต่ํา ยาหยอด ยาหยอดใหกัด และยานัตถุ. เพราะอาศัยยานั้นเอง เขากลับมี จักษุดี ละความรักใครพอใจในผาเนื้อเลวเปอนเขมาเสียได พรอมกับการเกิด ขึ้นแหงจักษุที่ดี เขาจะพึงเปนอมิตร เปนขาศึกหมายมั่น ตอบุรุษผูลวงเขานั้น หรือถึงกับเขาใจเลยไปวา ควรจะปลงชีวิตเสียดวยความแคน วา "ทานผูเจริญ เอย ! เราถูกบุรุษผูนี้ คดโกง ลอลวง ปลอมเทียมเอาดวยผาเนื้อเลวเปอนเขมา
www.buddhadasa.info
๑๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
วา "นี่ทานผูเจริญ !. นี้เปนผาขาวเนื้อดี เปนของงดงามปราศจากมลทิน เปนผา สะอาด, มานานนักแลว”, อุปมานี้ฉันใด; มาคัณฑิยะ! อุปไมยก็ฉันนั้น เหมือนกัน, คือเราแสดงธรรมแกทานวา "เชนนี้เปนความไมมีโรค, เชนนี้เปน นิพพาน" ดังนี้; ทานจะพึงรูจักความไมมีโรค จะพึงเห็นนิพพานได ก็ตอเมื่อทาน ละความเพลิดเพลินและความกําหนัด ในอุปาทานนักขันธทั้งหาเสียได พรอมกับการเกิด ขึ้นแหงธรรมจักษุของทาน; และความรูสึกจะพึงเกิดขึ้นแกทาน วา "ทานผูเจริญ เอย ! นานจริงหนอ, ที่เราถูกจิตนี้ คดโกง ลอลวง ปลิ้นปลอก จึงเราเมื่อจะ ยึดถือ ก็ยึดถือเอาแลวซึ่งรูป ซึ่งเวทนา ซึ่งสัญญา ซึ่งสังขาร และซึ่งวิญญาณ นั่นเอง. เพราะความยึดถือเปนตนเหตุ ภพจึงมีแกเรา, เพราะภพเปนตนเหตุ ชาติจึงมีแกเรา, เพราะชาติเปนตนเหตุ ชรา มรณะ โศก ปริเทวะ ทุกข โทมนัส และอุปายาส จึงเกิดขึ้นพรอมหนา. ความเกิดขึ้นแหงกองทุกขทั้งมวล นั้น ยอมมีไดดวยอาการอยางนี้." ดังนี้แล. - ม.ม. ๑๓/๒๘๔/๒๙๐.
www.buddhadasa.info
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๑๙
- ๒ -
ชีวิตมนุษย กับ จตุราริยสัจ มนุษยเปนอันมาก ไดยึดถือเอาที่พึ่งผิด ๆ มนุษยทั้งหลายเปนอันมาก ถูกความกลัวคุกคามเอาแลว ยอม ยึดถือเอาภูเขาบาง ปาไมที่ศักดิ์สิทธิ์บาง สวนศักดิ์สิทธิ์บาง รุกขเจดียบาง วา เปน ที่พึ่ง ของตน ๆ : นั่น ไมใชที่พึ่ง อัน ทํา ความเกษมใหไ ด เลย, นั่น ไม ใชที่พึ่งอันสูงสุด; ผูใดถือเอาสิ่งนั้น ๆ เปนที่พึ่งแลว ยอมไมหลุดพนไป จากทุกขทั้งปวง ได. สวนผูใด ที่ถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ เปนที่พึ่งแลว เห็นอริยสัจทั้งสี่ ดวยปญญาอันถูกตอง คือ เห็นทุกข, เห็นเหตุเปนเครื่อง ใหเกิดขึ้นของทุกข. เห็นความกาวลวงเสียไดซึ่งทุกข, และเห็นมรรค ประกอบดวยองคแปด อันประเสริฐ ซึ่งเปนเครื่องใหถึงความเขาไปสงบ รํา งั บ แห ง ทุ ก ข : นั่ น แหละคื อ ที่ พึ่ ง อั น เกษม. นั่ น คื อ ที่ พึ่ ง อั น สู ง สุ ด ; ผูใดถือเอาที่พึ่งนั้นแลว ยอมหลุดพนไปจาทุกขทั้งปวง ไดแท.
www.buddhadasa.info ผูไมรูอริยสัจ - ธ. ขุ ๒๕/๔๐/๒๔.
ยอมหลงสรางเหวแหงควาทุกขเพื่อตัวเอง อยูร่ําไป
ภิกษุ ท.! บุคคลเหลาใด จะเปนมณะหรือพรามหมณ ก็ตาม ไมรู อยูตามเปนจริง วา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดทุกข นี้เปนความดับ
๒๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ไมเหลือของทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข:" ดังนี้ แลว; เขาเหลานั้น ยอม ยินดีอยางยิ่ง ในเหตุปจจัยเครื่องปรุงแตงชนิดที่เปนไป พรอมเพื่อความเกิด ความแก ความตาย ความโศก ความร่ําไรรําพัน ความ ทุกขกาย ความทุกขใจ และความคับใจ. เขาผูยินดีในเหตุปจจัยเครื่องปรุงแตง ชนิดนั้น ๆ แลว ยอมกอสรางอยู ซึ่งเหตุปจจัยเครื่องปรุงแตงชนิดที่เปนไปพรอม เพื่อความเกิด เปนตน นั้น ๆ. ครั้นเขากอสรางเหตุปจจัยนั้น ๆ แลวเขาก็ตกลง ในเหวแหงความเกิด ความแก ความตาย ความโศก ความร่ําไรรําพัน ความ ทุกขกาย ความทุกขใจ และความคับใจ นั่นเอง. เรายอมกลาวบุคคลเหลานั้น วา "เขา ไมพนไปจากทุกข ทั้งหลาย คือความเกิด ความแก ความตาย ความโศก ความร่ําไรรําพัน ความทุกขกาย ความทุกขใจ และความคับใจ ไปได." ดังนี้. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๖๐/๑๗๒๙.
ผูรูอริยสัจ หาหลงสรางทุกขขึ้นเพื่อตัวเองไม
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! สวนบุคคลเหลาใดแล จะเปนสมณะหรือพราหมรณ ก็ตาม รูอยูตามเปนจริง วา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดทุกข, นี้เปนความดับไมเหลือ ของทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข:" ดังนี้แลว; เขาเหลานั้น ยอม ไมยินดี ในเหตุปจจัยเครื่องปรุงแตงชนิดที่เปนไปพรอมเพื่อความ เกิด ความแก ความตาย ความโศก ความร่ําไรรําพัน ความทุกขกาย ความ ทุกขใจ และความคับใจเลย. เขาผูไมยินดีแลว ในเหตุปจจัยเครื่องปรุงแตง ชนิดนั้น ๆ ก็ ไมกอสรางขึ้น ซึ่งเหตุปจจัยเครื่องปรุงแตงชนิดที่เปนไปพรอมเพื่อ ความเกิด เปนตน นั้น ๆ. ครั้นเขาไมกอสรางเหตุปจจัยเครื่องปรุงแตงชนิดนั้น แลว ก็ ไมตกจมลงในเหว แหงความเกิด ความแก ความตาย ความโศก ความ
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๒๑
ร่ําไรรําพัน ความทุกขกาย ความทุกขใจ และความคับใจไดเลย. เรายอมกลาว บุคคลเหลานั้น วา "เขา พนไปจากทุกข ทั้งหลาย มีความเกิด ความแก เปนตน ไปได" ดังนี้. ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึง ทําความเพียร เพื่อใหรูตามเปนจริง วา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดทุกข. นี้เปนความดับ ไมเหลือของทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข:" ดังนี้. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๖๑/๑๗๓๐.
ทุกขประเภทใหญ ๆ ก็มีพอแลวสําหรับสัตวจะสํานึกตัวมารู อริยสัจ (ไมจําเปนจะตองผานทุกขทุกชนิดทุกขนาด) ภิกษุ ท.! เปรียบเหมือนบุรุษ ตัดหญา ไม กิ่งไม และใบไม ใน ชมพูทวีปนี้ นํามารวมไวในที่เดียวกัน; ครั้นนํามารวมไวในที่เดียวกันแลว กระทําใหเปนเครื่องเสียบรอย; ครั้นกระทําใหเปนเครื่องเสียบรอยแลว ก็เสียบ สัตวใหญ ๆ ในมหาสมุทร ที่เครื่องเสียบขนาดใหญ, เสียบสัตวขนาดกลาง ๆ ใน มหาสมุทรที่เครื่องเสียบขนาดกลาง, เสียบสัตวขนาดเล็ก ๆ ในมหาสมุทร ที่เครื่อง เสียบขนาดเล็ก. ภิกษุ ท.! สัตวใหญ ๆ ในมหาสมุทรยังไมทันจะหมด แตหญา ไม กิ่งไม และใบไม ในชมพูทวีปนี้ก็หมดเสียแลว. ภิกษุ ท.! สัตวตัวเล็ก ในมหาสมุทรขนาดที่เสียบดวยเครื่องเสียบไดโดยยากนั้น มีมากกวานั้นมากนัก. ขอนี้เพราะเหตุไรเลา ? ภิกษุ ท.! เพราะมันมาก โดยตัวมันเล็ก, ขอนี้ฉันใด; ภิกษุ ท.! อบายก็กวางใหญอยางนั้นเหมือนกัน. จากอบายที่กวางใหญอยางนั้น
www.buddhadasa.info
๒๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
www.buddhadasa.info
๒๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ก็มี ทิฏฐิสัมปนนบุคคล หลุดพนออกมาได เขารูตามเปนจริงวา "นี้ ควาทุกข, นี้เหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข, นี้ ความดับไมเหลือแหงทุกข, นี้ ทางดําเนินให ถึงความดับไมเหลือแหงทุกข" ดังนี้. ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงประกอบโยคกรรมอัน เปนเครื่องกระทําใหรูวา "ทุกข เปนอยางนี้, เหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข เปน อยางนี้, ความดับไมเหลือแหงทุกข เปนอยางนี้, ทางดําเนินใหถึงความดับไม เหลือแหงทุกข เปนอยางนี้" ดังนี้. .- มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๕๑/๑๗๑๙.
พอรูอริยสัจ ทุกขเหลือนอยขนาดฝุนติดปลายเล็บเทียบกับปฐพี ภิกษุ ท.! เธอทั้งหลายจะสําคัญความขอนี้วาอยางไร : ฝุนนิดหนึ่ง ที่เราชอนขึ้นดวยปลายเล็บนี้ กับมหาปฐพีนี้ ขางไหนจะมากกวากัน ?
www.buddhadasa.info " ขาแตพระองคผูเจริญ ! มหาปฐพีนั่นแหละ เปนดินที่มากกวา. ฝุนนิดหนึ่ง เทาที่ทรงชอนขึ้นดวยปลาพระนขานี้ เปนของมีประมาณนอย. ฝุนนั้น เมื่อนําไปเทียบกับ มหาปฐพี ยอมไมถึงซึ่งการคํานวณได เปรียบเทียบได ไมเขาถึงแมซึ่งกะละภาค"
ภิกษุ ท.! อุปมานี้ฉันใด อุปไมยก็ฉันนั้น : สําหรับอริยสาวกผูถึง พรอมดวย (สัมมา) ทิฏฐิ รูพรอมเฉพาะแลว, ความทุกขของทานสวนที่สิ้นไป แลว หมดไปแลว ยอมมากมากวา; ความทุกขที่ยังเหลืออยู มีประมาณนอย :
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๒๓
เมื่อนําเขาไปเทียบกับกองทุกขที่สิ้นไปแลว หมดไปแลว ในกาลกอน ยอมไมถึง ซึ่งการคํานวณไดเปรียบเทียบได ไมเขาถึงแมซึ่งกะละภาพ นั่นคือความทุกขของ โสดาบันผูสัตตักขัตตุปรมะ๑ ผูเห็นชัดตามเปนจริงวา "ทุกข เปนอยางนี้. เหตุ ใหเกิดทุกข เปนอยางนี้, ความดับไมเหลือแหงทุกข เปนอยางนี้. ทางดําเนินให ถึงความดับไมเหลือแหงทุกข เปนอยางนี้" ดังนี้. ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงประกอบโยคกรรมอัน เปนเครื่องกระทําใหรูวา "ทุกข เปนอยางนี้, เหตุเกิดขึ้นแหงทุกข เปนอยางนี้, คามดับไมเหลือแหงทุกข เปนอยางนี้, ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข เปนอยางนี้". ดังนี้ - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๗๒/๑๗๔๗. (สูตรอื่นอุปมาเปรียบดวย เม็ดกรวดเทาเม็ดถั่วเขียว ๗ เม็ด กับขุนเขาหิมาลัย (๑๙/๕๖๙/๑๗๔๕-๖). อีกสูตรหนึ่งเปรียบ น้ําติดปลายใบหญาคา กับน้ําในสระกวาง ๕๐ โยชน (๑๙/๕๗๒/๑๗๔๘). อีกสูตรหนึ่งเปรียบ น้ํา ๒-๓ หยดกับน้ําในแมน้ํา ๕ สายรวมกัน (๑๙/๕๗๓/๑๗๔๙-๑๗๕๐). อีกสูตรหนึ่งเปรียบ เม็ดกระเบา ๗ เม็ด กับมหาปฐพี (๑๙/๕๗๔/๑๗๕๑-๒). อีกสูตรหนึ่งเปรียบ น้ํา ๒ - ๓ หยด กับน้ําทั้งมหาสมุทร (๑๙/๕๗๕/๑๗๕๓-๔). อีกสูตรหนึ่งเปรียบ เม็ดผักกาด ๒ - ๓ เม็ด กับขุนเขาหิมาลัย (๑๙/๕๗๖/๑๗๕๕-๖).]
www.buddhadasa.info ผูไมรูอริยสัจ ชื่อวาตกอยูในที่มืด ภิกษุ ท.! บุคคลเหลาใด จะเปนสมณะหรือพราหมณ ก็ตาม ไมรู อยูตามเปนจริง วา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดทุกข, นี้เปนความดับไมเหลือ
๑. คือพระโสดาบัน ที่ตองมีกําเนิดอีก ๗ ชาติ อันเปนพระอริยบุคคลชั้นตนนี่สุดของจําพวก โสดาบัน. แมกระนั้น ก็ตรัสวา ทุกขหมดไปมากกวาที่ยังเหลือ.
๒๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ของทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข;" ดังนี้, เขา เหลานั้น ยอมยินดี ตอสิ่งอันเปนปจจัยปรุงแตงที่เปนไปพรอมเพื่อความเกิด เปนตน, เขายินดีแลว ก็ สรางปจจัยนั้น ๆ, ครั้นกอสรางแลว ก็ ตกจมลงสู หวงแหงความมืดอันกระทําใหเปนเหมือนตาบอด ไดแกความมืด คือความเกิด ความแก ความตาย ความโศก ความร่ําไรรําพัน ความทุกขกาย ความทุกขใจ และความคับใจ. ภิกษุ ท.! บุคคลเหลานั้น เรากลาวา เขาไมพนไปจาก ทุกข คือความเกิดเปนตน ไปไดเลย. ภิกษุ ท.! สวนบุคคลเหลาใด จะเปนสมณะหรือพรามหมณ ก็ตาม เมื่อรูชัดตามเปนจริงวา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดทุกข. นี้เปนความดับไม เหลือแหงทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข", ดังนี้; บุคคลเหลานั้น ยอมไมยินดี ตอสิ่งอันเปนปจจัยปรุงแตง ที่เปนไปพรอมเพื่อ ความเกิดเปนตน, เขาผูไมยินดีแลว ยอมกอสรางปจจัยนั้น ๆ ขึ้น (เพื่อตัวเอง), ครั้นไมกอสรางแลว ก็ไมตกจมลงสูหวงแหงความมืด อันกระทําใหเปนเหมือน ตาบอด ไดแกความมืดคือความเกิด ความแก ความตาย ความโศก ความร่ําไร รําพัน ความทุกขกาย ความทุกขใจ และความคับแคนใจ. ภิกษุ ท! เรา กลาววา เขาพนไปจากทุกข คือความเกิดเปนตนไปได ดังนี้.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงประกอบโยคกรรมอัน เปนเครื่องกระทําใหรูวา "ทุกข เปนอยางนี้, เหตุเกิดขึ้นแหงทุกข เปนอยางนี้, ความดับไมเหลือแหงทุกข เปนอยางนี้, ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข เปนอยางนี้." ดังนี้.
- มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๖๗/๑๗๔๑-๑๗๔๒.
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๒๕
ผูไมรูอริยสัจ ชื่อวาตกอยูในหลุมเพลิงเปนนิจ ภิกษุ ท.! บุคคลเหลาใด จะเปนสมณะหรือพราหมณ ก็ตาม เมื่อ ไมรูอยูตามเปนจริง วา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดทุกข, นี้เปนความดับไมเหลือ ของทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข;" ดังนี้, เขา เหลานั้น ยอมยินดี ตอสิ่งอันเปนปจจัยปรุงแตง ที่เปนไปพรอมเพื่อความเกิด เปนตน, เขาผูยินดีแลว ยอมกอสรางปจจัยนั้น ๆ ขึ้น (เพื่อตัวเอง), ครั้นกอ สรางแลว ก็ เรารอนอยู เพราะความแผดเผา ของความเกิด ความแก ความตาย ความโศก ความร่ําไรรําพัน ความทุกขกาย ความทุกขใจ และความคับใจ. ภิกษุ ท.! บุคคลเหลานั้น เรากลาวา เขาไมพนไปจากทุกข คือความเกิด เปนตน ไปไดเลย. ภิกษุ ท.! สวนบุคคลเหลาใด จะเปนสมณะหรือพรามหมณ ก็ตาม เมื่อรูชัดตามเปนจริงวา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดทุกข. นี้เปนความดับ ไมเหลือแหงทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข", ดังนี้; บุคคลเหลานั้น ยอมไมยินดี ตอสิ่งอันเปนปจจัยปรุงแตง ที่เปนไปพรอมเพื่อ ความเกิดเปนตน, เขาผูไมยินดีแลว ยอมไมกอสรางปจจัยนั้น ๆ ขึ้น (เพื่อตัวเอง), ครั้นไมกอสรางแลว ก็ไมเรารอนอยู เพราะความแผดเผาของความเกิด ความ แก ความตาย ความโศก ความร่ําไรรําพัน ความทุกขกาย ความทุกขใจ และ ความคับแคนใจ. บุคคลเหลานั้น ยอมหลุดพนไปจากความเกิด ความแก ความ ตาย ความโศก ความร่ําไรรําพัน ความทุกขกาย ความทุกขใจ และความคับ แคนใจ. เรากลาววา เขาหลุดพนไปไดจากทุกข ดังนี้.
www.buddhadasa.info
๒๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงประกอบโยคกรรมอัน เปนเครื่องกระทําใหรูวา "ทุกข เปนอยางนี้, เหตุเกิดขึ้นแหงทุกข เปนอยางนี้, ความดับไมเหลือแหงทุกข เปนอยางนี้, ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหง ทุกข เปนอยางนี้." ดังนี้. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๖๓/๑๗๓๓-๑๗๓๔.
กวามนุษยจะหลุดจากบวง (คือรูอริยสัจ) (พระบาลีนี้ แสดงใหเห็นถึงการที่สามัญสัตวติดอยูในบวงของโลกอยางไรในขั้นตน แลวจะคอย ๆ รูสึกตัวขึ้นมาตามลําดับอบยางไร ดังตอไปนี้ :-)
๑. เมื่อจมกามตามปกติ ภิกษุ ท.! ชาวสวนผักมิไดปลูกผักดวยคิดวา "เนื้อในปาทั้งหลาย จะไดกินผักที่เราปลูกนี้แลว จะไดมีอายุยืน รูปรางสวยงาม มีชีวิตอยูไดยาวนาน" ดังนี้; แตไดคิดดังนี้วา "เนื้อในปาทั้งหลายจะเขามาสูสวนผักอันเราปลูกแลว กินอยูอยางลืมตัว ครั้นเขามากินอยูอยางลืมตัว จักถึงซึ่งความเลินเลอ ครั้นเลิน เลออยูจักถึงซึ่งความประมาท ครั้นประมาทแลวจักเปนสัตวที่เราพึงกระทําไดตาม ความพอใจในสวนผักนั้น" ดังนี้.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! บรรดาเนื้อทั้งหลาย ฝูงเนื้อพวกที่หนึ่งไดเขาไปสูสวนผัก ที่ชาวสวนผักปลูกไว กินอยูอยางลืมตัว เมื่อเขาไปกินอยูอยางลืมตัวก็ถึงซึ่งความ เลินเลอ ครั้นเลินเลอแลวก็ถึงซึ่งความประมาท ครั้นประมาทแลวก็เปนสัตวที่ เจาของสวนผักพึงกระทําไดตามความพอใจในสวนผักนั้น. ภิกษุ ท.! ดวยอาการ อยางนี้แล ฝูงเนื้อพวกที่หนึ่งเหลานั้นก็ไมพนไปจากกํามือแหงเจาของสวนผัก.
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ (พระผูมีพระภาคเจา เนื้อจําพวกที่หนึ่ง ดังตอไปนี้ : -
๒๗
ไดทรงยกเอาสมณพราหมณจําพวกที่หนึ่งมาเปรียบกันกับฝูง
ภิกษุ ท.! บรรดาสมณพราหมณทั้งหลาย สมณพราหมณพวกที่หนึ่ง ได เขาไปสูโลกามิส เหลาโนน ซึ่งเปนเหมือนกับสวนผักอันมาปลูกไว บริโภค อยูอยางลืมตัว ครั้นเขาไปบริโภคอยูอยางลืมตัวก็ถึงซึ่งความมัวเมาครั้นมัวเมาอยูก็ ถึงซึ่งความประมาท ครั้นประมาทอยูก็เปนผูที่มารพึงกระทําไดตามความพอใจ ใน โลกามิสซึ่งเปนเหมือนกับสวนผักแหงมารนั้น. ภิกษุ ท.! ดวยอาการอยางนี้แล สมณพราหมณพวกที่หนึ่งนี้ จึงไมพนไปจากอิทธานุภาพแหงมาร. ภิกษุ ท.! เรากลาวสมณพราหมณพวกที่หนึ่งนี้ วามีอุปมาเหมือนฝูงเนื้อพวกที่หนึ่งนั้น, ฉันใดก็ฉันนั้น. ภิกษุ ท. ! อุปมานี้มีเพื่อใหรูเนื้อความนั้น : คําวา "สวนผัก" นั้น เปนชื่อแหงกามคุณทั้งหา. คําวา "เจาของสวนผัก" นั้น เปนชื่อของมารผูมี บาป. คําวา "พวกพองของเจาของสวนผัก" นั้น เปนชื่อของบริษัทแหงมาร. คําวา "ฝูงเนื้อ" นั้น เปนชื่อของสมณพราหมณทั้งหลาย. (คําไขอุปมานี้ ตรัสไว
www.buddhadasa.info ตอนกลางของพระสูตรที่ตรัสเรื่องเนื้อพวกที่สี่จบลง แกการศึกษายิ่งขึ้น).
ในที่นี้ไดยกมาไวตอนตนเชนนี้
เพื่อสะดวก
๒. เมื่อจมกามครั้งที่สอง
(ตอไปนี้
ไดตรัสถึงฝูงเนื้อจําพวกที่สอง
ซึ่งเปรียบกันไดกับสมณพราหมณจําพวก
ที่สอง วา :-)
ภิกษุ ท.! เนื้อพวกที่สอง (รูความวินาศของเนื้อจําพวกที่หนึ่งโดย ประการทั้งปวงแลว) มาคิดกันวา "ถาอยางไร เราเวนการกินผักซึ่งเปนโภชนะ
๒๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
อันตรายเหลานี้โดยประการทั้งปวงเสีย เขาไปอยูในราวปากันเถิด" ดังนี้. เนื้อ เหลานั้น เวนการกินผัก ซึ่งเปนโภชนะอันตรายเหลานั้นโดยประการทั้งปวง แลว เขาไปอยูในราวปา แลว: ครั้งถึงเดือนสุดทายแหงฤดูรอนเปนเวลาที่หมดหญา และน้ํา รางกายก็ถึงซึ่งความซูบผอมอยางยิ่ง เมื่อมีรางกายซูบผอมอยางยิ่งกําลัง อันแกลวกลาก็หมดไป เมื่อกําลังอันแกลวกลาหมดไป ก็ ยอนกลับมาสูถิ่นแหง สวนผัก ที่เจาของสวนผักปลูกไวอีก. ฝูงเนื้อเหลานั้น ไดเขาไป กินผักในสวนผัก อยางลืมตัว เมื่อเขาไปกินอยูอยางลืมตัวก็ถึงซึ่งความเลินเลอ เมื่อเลินเลอก็ถึงซึ่ง ความประมาท เมื่อประมาทก็เปนสัตวที่เจาของสวนผักกระทําไดตามความพอใจใน สวนผักนั้น. ภิกษุ ท.! ดวยอาการอยางนี้แล ฝูงเนื้อพวกที่สองนั้นก็ไมพนไป จากกํามือแหงเจาของสวนผัก. (พระผูมีพระภาคเจา จําพวกที่สอง ดังนี้วา :-)
ไดทรงยกเอาสมณพราหมณจําพวกที่สองมาเปรียบกับฝูงเนื้อ
ภิกษุ ท.! บรรดาสมณพราหมณทั้งหลาย สมณพราหมณจําพวกที่ สอง (รูความวินาศของสมณพราหมณจําพวกที่หนึ่งโดยประการทั้งปวงแลว) มาคิด กันวา "ถากระไร เราเวนจากโลกามิสซึ่งเปนเสมือนการบริโภคเหยื่อโดยประการ ทั้งปวงเสีย เวนจากโภชนะอันตราย แลวเขาไปอาศัยอยูในราวปากันเถิด" ดังนี้. สมณพราหมณเหลานั้น เวนจากโลกามิส อันเปนเสมือนการบริโภคเหยื่อโดย ประการทั้งปวง เวนโภชนะอันตราย พากันเขาไปอยูในราวปา แลว. สมณพราหมณเหลานั้น เปนผูมีผักสากะเปนภักษาบาง มีผักสามากะเปนภักษาบาง มีลูกเดือยเปนภักษาบาง มีเปลือกไมเปนภักษาบาง มีสาหรายเปนภักษาบาง มีรําเปนภักษาบาง มีขาวตังเปนภักษาบาง มีเมล็ดผักกาดเปนภักษาบาง มีหญา เปนภักษาบาง มีโคมัยเปนภักษาบาง มีเงาไมและผลไมในปาเปนอาหาร ยัง
www.buddhadasa.info
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๒๙
อัตภาพใหเปนไป เปนผูบริโภคผลตามที่มีอยูโดยธรรมชาติ; ครั้นถึงเดือนสุดทาย แหงฤดูรอน เปนเวลาที่หมดผักหมดหญาหมดน้ํา รางกายก็ถึงซึ่งความซูบผอม อยางยิ่ง เมื่อมีรางกายซูบผอมอยางยิ่งกําลังเรี่ยวแรงก็หมดไป เมื่อกําลังเรี่ยวแรง หมดไปเจโตวิมุตติก็เสื่อม เมื่อเจโตวิมุตติเสื่อม ก็ ยอนกลับมาหาโลกามิส ซึ่งเปน เสมือนกับสวนผักอันมารปลูกไวเหลานั้นอีก. สมณพราหมณเหลานั้น เขาไป บริโภคอยูอยางลืมตัว ครั้นเขาไปบริโภคอยูอยางลืมตัวก็ถึงซึ่งความมัวเมา ครั้น มัวเมาอยูก็ถึงซึ่งความประมาท ครั้นประมาทแลวก็เปนผูที่มารพึงกระทําไดตาม ความพอใจ ในโลกามิสอันเปนเสมือนสวนผักของมารนั้น. ภิกษุ ท.! ดวย อาการอยางนี้แล สมณพราหมณแมพวกที่สองนี้ก็ไมพนไปจากอิทธานุภาพแหง มาร. ภิกษุ ท.! เรากลาวสมณพราหมณพวกที่สองนี้ วามีอุปมาเหมือนฝูง เนื้อพวกที่สองนั้น, ฉันใดก็ฉันนั้น. ๓. เมื่อเฉไปติดบวงทิฏฐิ (ตอไปนี้ไดตรัสถึงฝูงเนื้อพวกที่สาม
ซึ่งเปรียบกันไดกับสมณพราหมณจําพวกที่สาม
สืบไปวา :-)
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! ฝูงเนื้อพวกที่สาม (รูความวินาศของเนื้อจําพวกที่หนึ่ง และจําพวกที่สอง โดยประการทั้งปวงแลว) มาคิดกันวา "ถาอยางไร เรา อาศัย ที่ซุมซอนอยูใกล ๆ สวนผัก ของเจาของผักนั้น ครั้นอาศัยที่ซุมซอนอยูใกล ๆ สวนผักนั้นแลว ก็ ไมเขาไปกินผักนั้นอยางลืมตัว เมื่อไมเขาไปกินอยางลืมตัวอยูก็ ไมถึงซึ่งความเลินเลอ เมื่อไมเลินเลออยูก็ถึงซึ่งความไมประมาท เมื่อไมประมาท ก็ไมเปนสัตวที่ใคร ๆ จะพึงทําอะไร ๆ ไดตามความพอใจในสวนผักของเจาของผัก นั้น" ดังนี้. ฝูงเนื้อเหลานั้น (ก็ประพฤติกระทําความคิดนั้น). ภิกษุ ท.!
๓๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ความคิดไดเกิดแกเจาของสวนผักกับบริวารเหลานั้นวา "ฝูงเนื้อพวกที่สามเหลานี้ คงจะมีเลหเหลี่ยมกลโกงเหมือนมีฤทธิ์เปนแน ฝูงเนื้อพวกที่สามนี้ คงจะเปนสัตว พิเศษชนิดอื่นเปนแน มันจึงมากินผักที่เราปลูกนี้ได. และเราก็ไมเขาใจการมา การไปของมัน. ถากระไรเราพึงลอมซึ่งที่นั้นโดยรอบ ดวยเครื่องลอมชนิด ทัณฑวาคุระใหญ ๆ ทั้งหลาย เราคงจะไดเห็นที่ซุมซอนของฝูงเนื้อพวกที่สาม อัน เปนที่ซึ่งมันแอบเขามากิน" ดังนี้ ชนเหลานั้นไดทําการลอมพื้นที่ปลูกผักนั้น โดยรอบดวยเครื่องลอมชนิดทัณฑวาคุระใหญ ๆ ทั้งหลายแลว. ภิกษุ ท.! เจา ของสวนผัก และบริวารก็หา พบที่ซุมซอนของฝูงเนื้อพวกที่สาม อันเปนที่ซึ่งมัน แอบเขามากิน. ภิกษุ ท.! ดวยอาการอยางนี้แล ฝูงเนื้อแมพวกที่สามนั้น ก็ไม พนไปจากกํามือของเจาของสวนผัก. (พระผูมีพระภาคเจาไดทรงยกเอาสมณพาหมณจําพวกที่สาม จําพวกที่สาม ดังนี้วา :-)
มาเปรียบกับฝูงเนื้อ
ภิกษุ ท.! บรรดาสมณพราหมณทั้งหลาย สมณพราหมณจําพวกที่ สาม (รูความวินาศของสมณพรามหมณจําพวกที่หนึ่งและที่สอง โดยประการ ทั้งปวงแลว) มาคิดกันวา "ถากระไร เราจะ อาศัยที่ซุมซอนอยูใกล ๆ โลกามิส ซึ่งเปรียบเสมือนสวนผักของมาร ครั้นอาศัยอยูในที่ซุมซอนนั้นแลว จัก ไมเขา ไปบริโภคโลกามิส อันเปนเสมือนสวนผักแหงมารนั้น อยางลืมตัว ครั้นไมเขาไป บริโภคอยางลืมตัวอยู ก็ไมถึงซึ่งความมัวเมา เมื่อไมมัวเมาอยูก็ไมถึงซึ่งความ ประมาท เมื่อไมประมาทอยูก็เปนผูที่มารจะพึงกระทําตามความพอใจไมได อยูใน โลกามิสอันเปนเสมือนสวนผักแหงมารนั้น" ดังนี้. สมณพราหมณเหลานั้ น (ก็ไดประพฤติกระทําตามความคิดนั้น;) ก็แตวาสมณพราหมณเหลานั้นไดเปนผู มีทิฏฐิ ขึ้นมาแลวอยางนี้วา "โลกเที่ยง" ดังนี้บาง; วา "โลกไมเที่ยง" ดังนี้บาง;
www.buddhadasa.info
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๓๑
วา "โลกมีที่สุด" ดังนี้บาง; วา "โลกไมมีที่สุด" ดังนี้บาง; วา "ชีวะก็อัน นั้น สรีระก็อันนั้น" ดังนี้บาง; วา "ชีวะก็อันอื่น สรีระก็อันอื่น" ดังนี้บาง; วา "ตถาคตภายหลังแตตายแลวยอมมีอีก" ดังนี้บาง; วา "ตถาคตภายหลังแต ตายแลว ยอมไมมีอีก" ดังนี้บาง; วา "ตถาคตภายหลังแตตายแลว ยอมมีอีก ก็มีไมมีอีกก็มี” ดังนี้บาง.; วา “ตถาคตภายหลังแตตายแลว ยอมมีอีกก็หามิได ไมมีอีกก็หามิได” ดังนี้บาง ภิกษุ ท.! ดวยอาการอยางนี้แล สมณพราหมณ แมพวกที่สามนี้ ก็ไมพนไปจากอิทธานุภาพแหงมาร. ภิกษุ ท.! เรากลาว สมณพราหมณพวกที่สามนี้วามีอุปมาเหมือนฝูงเนื้อพวกที่สามนั้น, ฉันใดก็ ฉันนั้น. ๔ เมื่อพนจากบวง (ตอไปนี้ไดตรัสถึงฝูงเนื้อพวกที่สี่
ซึ่งเปรียบกันไดกับสมณพราหมณจําพวกที่สี่
สืบ
ไปวา :-)
ภิกษุ ท.! ฝูงเนื้อพวกที่สี่ (รูความวินาศของเนื้อพวกที่หนึ่ง พวก ที่สอง และพวกที่สาม โดยประการทั้งปวงแลว) มาคิดกันวา "ถาอยางไร เรา อาศัยซุมซอนอยูในที่ซึ่งเจาของสวนผักและบริวารไปไมถึง ครั้นอาศัยที่ซุมซอน อยูในที่ซึ่งเจาของสวนผักและบริวารไปไมถึง จะ ไมลืมตัวเขาไปกินผัก ที่เจาของ สวนผักปลูก จะไมถึงซึ่งความเลินเลอ เมื่อไมเลินเลอจักไมถึงซึ่งความประมาท เมื่อไมประมาทแลวก็ไมเปนสัตวที่ใคร ๆ พึงทําอะไร ๆ ไดตามความพอใจ ในสวน ผักของเจาของผักนั้น. ฝูงเนื้อเหลานั้น (ก็ประพฤติกระทําตามความคิดนั้น). ภิกษุ ท.! ความคิดไดเกิดขึ้นแกเจาของสวนผักกับริวารเหลานั้นวา "ฝูงเนื้อ พวกที่สี่เหลานี้ คงจะมีเลหเหลี่ยมกลโกงเหมือนมีฤทธิ์เปนแน ฝูงเนื้อพวกที่สี่นี้
www.buddhadasa.info
๓๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
คงจะเปนสัตวพิเศษชนิดอื่นเปนแน มันจึงมากินผักที่เราปลูกนี้ได. และเราก็ไม เขาใจการมาการไปของมัน. ถากระไร เราพึงลอมซึ่งที่นั้นโดยรอบดวยเครื่อง ลอมชนิดทัณฑวาคุระใหญ ๆ ทั้งหลาย เราคงจะไดเห็นที่ซุมซอนของฝูงเนื้อพวก ที่สี่ อันเปนที่ซึ่งมันแอบเขามากิน" ดังนี้. ชนเหลานั้นไดทําการลอมพื้นที่ปลูก ผักนั้นโดยรอบ ดวยเครื่องลอมชนิดทัณฑวาคุระใหญ ๆ ทั้งหลายแลว.ภิกษุ ท.! เจาของสวนผักและบริวารไมไดพบที่ซุมซอนของฝูงเนื้อพวกที่สี่ อันเปนที่ซึ่งมัน แอบเขามากิน. ภิกษุ ท.! ความคิดไดเกิดขึ้นแกเจาของสวนผักและบริวารวา "ถาเราทําฝูงเนื้อพวกที่สี่ใหแตกตื่นแลว มันก็จะทําใหฝูงอื่นแตกตื่นดวย ดวยการ ทําอยางนี้ฝูงเนื้อทั้งปวงก็เริศรางไปจากผักที่เราปลูกไว ถากระไรเราพึงทําความ พยายามเจาะจง (ทําความแตกตื่น) แกเนื้อพวกที่สี่" ดังนี้ ภิกษุ ท.! เจาของ สวนผักและบริวารไดทําความพยายามาเจาะจง (ทําความแตกตื่น) แกฝูงเนื้อพวก ที่สี่แลว. ภิกษุ ท.! ดวยอาการอยางนี้แล ฝูงเนื้อพวกที่สี่นั้นก็พนไปจากกํามือ ของเจาของสวนผัก. (พระผูมีพระภาคเจาไดทรงยกเอาสมณพราหมณจําพวกที่สี่ จําพวกที่สี่ ดังนี้วา :-
มาเปรียบกับฝูงเนื้อ
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! บรรดาสมณพรหมณทั้งหลาย สมณพราหมณพวกที่สี่ (รูความวินาศของสมณพราหมณจําพวกที่หนึ่ง ที่สอง และที่สาม โดยประการ ทั้งปวงแลว) มาคิดกันวา "ถากระไร เรา อาศัยที่ซุมซอนอยูในที่ซึ่งมารและ บริวารของมารไปไมถึง ครั้นอาศัยซุมซอนอยูในที่นั้นแลว จะ ไมลืมตัวเขาไป บริโภคโลกามิส ซึ่งเปนเสมือนสวนผักที่มารปลูกไว เมื่อไมลืมตัวเขาไปกินก็ไม ถึงซึ่งความมัวเมา เมื่อไมมัวเมาก็ไมถึงซึ่งความประมาท เมื่อไมประมาทก็จักเปนผู ที่มารไมทําอะไร ๆ ไดตามความพอใจในโลกามิสซึ่งเปนเสมือนสวนผักที่มารปลูกไว"
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๓๓
ดังนี้. สมณพราหมณเหลานั้น (ก็ไดประพฤติกระทําตามความคิดนั้น). ภิกษุ ท.! ดวยอาการอยางนี้แล สมณพราหมณพวกที่สี่นี้ ก็พนไปจากอิทธานุภาพของมาร. ภิกษุ ท.! เรากลาวสมณพราหมณพวกที่สี่นี้ วามีอุปมาเหมือนฝูงเนื้อพวกที่สี่ นั้น. ฉันใดก็ฉันนั้น. ภิกษุ ท.! ที่ซึ่งมารและบริวารของมารไปไมถึงนั้น เปนอยางไร เลา ? ภิกษุ ท.! ในกรณีนี้คือ ภิกษุ เพราะสงัดจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลาย จึงเขาถึง ปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปติและสุขอันเกิดแตวิเวก แลวแลอยู ภิกษุ ท.! ภิกษุนี้ เรากลาววา ไดทํามารใหเปนผูตาบอดไมมีรองรอยมารกําจัดเสีย แลวซึ่งจักษุแหงมาร ไปแลวสูที่ซึ่งมารผูมีบาปมองไมเห็น. (ตอไปนี้ ไดตรัสถึงการบรรลุ ทุติยฌาน - ตติยฌาน - จตุตถฌาน - อากาสา -นัญจายตนะ - วิญญาณัญจายตนะ - อากิญจัญญายตนะ - เนวสัญญานาสัญญายตนะ .วา เปนที่ซึ่งมารไปไมถึง โดยนัยเดียวกันกับปฐมฌาน เปนลําดับไป, จนกระทั่งถึงสัญญาเวท ยิต-นิโรธโดยขอความสืบตอไปวา :-)
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! ยิ่งไปกวานั้นอีก : ภิกษุกาวลวงเนวสัญญานาสัญญายตนะ โดยประการทั้งปวง เขาถึงซึ่ง สัญญาเวทยิตนิโรธ แลวแลอยู, และเพราะเห็น แลวดวยปญญา อาสวะทั้งหลายของเธอก็สิ้นไปรอบ. ภิกษุ ท.! ภิกษุนี้เรากลาว วา ไดทํามารใหเปนผูตาบอดไมมีรองรอย กําจัดเสียแลวซึ่งจักษุแหงมาร ไปแลว สูที่ซึ่งมารผูมีบาปมองไมเห็น ไดขามแลวซึ่งตัณหาในโลก, ดังนี้แล. (คําวา "เห็นแลวดวยปญญา" ในที่นี้ คือเห็นทุกข, เหตุใหเกิดทุกข, ความดับไม เหลือแหงทุกข, ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข, และเห็นอาสวะ, เหตุใหเกิดอาสวะ, ความดับไมเหลือแหงอาสวะ, ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงอาสวะ, จนเปนผูสิ้นอาสวะ ซึ่งเรียกวา "การพนจากบวง".) - มู. ม. ๑๒/๒๙๘-๓๑๑/๓๐๑-๓๑๑.
๓๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ยังมีพวกบริโภคกามโดยไมจมกาม ภิกษุ ท.! กามคุณเหลานี้มีหาอยาง. หาอยางเปนอยางไรเลา ? หาอยางคือ รูปที่เห็นดวยตา, เสียงที่ฟงดวยหู, กลิ่นที่ดมดวยจมูก, รสที่ลิ้มดวย ลิ้น, และโผฏฐัพพะที่สัมผัสดวยผิวกาย, อันเปนสิ่งที่นาปรารถนา นารักใคร นาพอใจ มีลักษณะนารัก เปนที่เขาไปตั้งอาศัยอยูแหงความใคร เปนที่ตั้งแหง ความกําหนัด. ภิกษุ ท.! กามคุณมีหาอยางเหลานี้แล ภิกษุ ท.! ชนเหลาใด จะเปนสมณะหรือพราหมณก็ตาม ติดอกติดใจ สยบอยู เมาหมกอยู ในกามคุณหาอยางเหลานี้แลว ไมมองเห็นสวนที่ เปนโทษ ไมเปนผูรูแจมแจงในอุบายเปนเครื่องออกไปจากทุกข ทําการบริโภค กามคุณทั้งหานั้นอยู; ชนเหลานั้น อันคนทั้งหลายพึงเขาใจเถิดวา เปนผูถึง ความพินาศยอยยับ แลวแตมารผูมีบาปตองการจะทําตามอําเภอใจอยางใด ดังนี้. ภิกษุ ท.! เปรียบไดดังเนื้อปาที่ติดบวง นอนจมอยูในกองบวง ในลักษณะที่ ใคร ๆ พึงเขาใจไดวา มันจะถึงซึ่งความพินาศยอยยับ เปนไปตามความประสงค ของพรานทุกประการ, เมื่อพรานมาถึงเขา มันจะหนีไปไหนไมพนเลย ดังนี้, ฉันใดก็ฉันนั้น.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! สวนชนเหลาใด จะเปนสมณะหรือพราหมณก็ตาม ไม ติดใจ ไมสยบอยู ไมเมาหมกอยู ในกามคุณหาเหลานี้แลว มองเห็นสวนที่เปน โทษอยู เปนผูรูแจมแจงในอุบายเปนเครื่องออกไปจากทุกข บริโภคกามคุณทั้งหา นั้นอยู; ชนเหลานั้น อันคนทั้งหลายพึงเขาใจไดอยางนี้วา เปนผูไมถึงความ พินาศยอยยับไปตามความประสงคของมารผูมีบาปแตอยางใด ดังนี้. ภิกษุ ท.!
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๓๕
เปรียบเหมือนเนื้อปาตัวที่ไมติดบวง แมนอนจมอยูบนกองบวง มันก็เปนสัตวที่ ใคร ๆ พึงเขาใจไดวา เปนสัตวที่ไมถึงความพินาศยอยยับไปตามความประสงคของ พรานแตอยางใด, เมื่อพรานมาถึงเขา มันจะหลีกหนีไปไดตามที่ตองการ ดังนี้, ฉันใดก็ฉันนั้น. ภิกษุ ท.! (อีกอยางหนึ่ง) เปรียบเหมือนเนื้อปา เที่ยวไปในปา กวาง เดินอยูก็สงางาม ยืนอยูก็สงางาม หมอบอยูก็สงางาม นอนอยูก็สงางาม. เพราะเหตุไรเลา ? ภิกษุ ท.! เพราะเหตุวาเนื้อปานั้นยังไมมาสูคลองแหงจักษุ ของพราน, ขอนี้ฉันใด; ภิกษุ ท.! ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน : สงัดแลว จากกามและอกุศลธรรมทั้งหลาย เขาถึงซึ่งปฐมฌาณ อันมีวิตกวิจาร มีปติและ สุขอันเกิดแตวิเวก แลวแลอยู. ภิกษุ ท.! ภิกษุนี้ เรากลาววา ไดทํามารให เปนผูตาบอดไมมีรองรอย กําจัดเสียแลวซึ่งจักษุแหงมาร ไปแลวสูที่ที่มารผูมีบาป มองไมเห็น. (ตอไปนี้ไดตรัสถึงการบรรลุ ทุติยฌาณ-ติตยฌาน-จตุตถฌาน-อากาสนัญจายตนะวิญญาณกัญจายตนะ-อากิญจัญญายตนะ-เนวสัญญานาสัญญายตนะ โดยนัยเดียวกันกับการบรรลุ ปฐมฌาน เปนลําดับไป. จนกระทั่งถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ โดยขอความสืบตอไปวา :-)
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! ยิ่งไปกวานั้นอีก : ภิกษุกาวลวงเนวสัญญานาสัญญายตนะ โดยประการทั้งปวง เขาถึงซึ่ง สัญญาเวทยิตนิโรธ แลวแลอยู. อนึ่ง เพราะเห็น แลวดวยปญญา อาสวะทั้งหลายของเธอก็สิ้นไปรอบ. ภิกษุ ท.! ภิกษุนี้เรา กลาววา ไดทํามารใหเปนผูตาบอดไมมีรองรอย กําจัดเสียแลวซึ่งจักษุแหงมาร ไปแลวสูที่ซึ่งมารผูมีบาปมองไมเห็น, ไดขามแลวซึ่งตัณหาในโลก. ภิกษุนั้น ยืนอยูก็สงางาม เดินอยูก็สงางาม นั่งอยูก็สงางาม นอนอยูก็สงางาม. เพราะ
๓๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
เหตุไรเลา ? ภิกษุ ท.! ของมารผูมีบาป. ดังนี้แล
เพราะเหตุวา
ภิกษุนั้นไมไดมาสูคลองแหงอํานาจ
- มู. ม. ๑๒/๓๓๓-๓๓๕/๓๒๗-๓๒๘.
ผูรูอริยสัจเปนหลักอยูในใจ ยอมไมมีอาการสั่นสะเทือนเพราะถูกยกวาทะ : ดุจเสาหิน ภิกษุ ท.! ภิกษุรูปใด รูอยูตามเปนจริงวา "นี้เปนทุกข, นี้เปน เหตุใหเกิดทุกข, นี้เปนความดับไมเหลือของทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึง ความดับไมเหลือของทุกข." ดังนี้นั้น. แมวาจะพึงมีบุคคลที่เปนสมณะหรือ พราหมณ ซึ่งเปนผูตองการจะโตวาทะ เที่ยวแสวงคูโตวาทะ มาจากทิศตะวันออก หรือทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต ก็ตาม โดยประกาศวา "เราจักยกวาทะของภิกษุ รูปนั้นเสีย" ดังนี้; ขอที่สมณะหรือพราหมณนั้น จักทําภิกษุนั้นใหหวั่นไหว สั่นสะเทือน หรือสั่นระรัวไป โดยถูกธรรมนั้น ไมเปนฐานะที่จะเปนไปไดเลย. ขอนี้เปนเพราะเหตุไรเลา ? เพราะเหตุที่อริยสัจสี่นนั้ เปนธรรมที่ภิกษุนั้นเห็นแลว ดวยดี.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! เปรียบเหมือนเสาหินยาว ๑๖ ศอก ฝงอยูในดิน ๘ ศอก โผลขึ้นพนดิน ๘ ศอก แมจะมีลมพายุฝนอยางแรงกลา มาจากทิศตะวันออก หรือทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต ก็ตาม ไมพึงทําเสาหินนั้นใหหวั่นไหว สั่นสะเทือน หรือสั่ นระรัวไปได เลย. ขอ นี้ เ ป นเพราะเหตุไรเลา ? เพราะ สวนที่ฝงนั้นลึก และฝงเปนอยางดี; ฉันใดก็ฉันนั้น.
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๓๗
ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้นในกรณีนั้น ในกรณีนี้พวกเธอ พึงทําความเพียร เพื่อใหรูตามเปนจริง วา "นี้เปนทุกข. นี้เปนเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกขนี้ เปนความ ดับไมเหลือแหงทุกข, นี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข" ดังนี้เถิด. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๕๕/๑๗๒๔
ผูประกอบดวยอวิชชา คือผูไมมีความรูสี่อยาง "พระองคผูเจริญ ! พระองคกลาววา "อวิชชา อวิชชา" ดังนี้.ก็อวิชชานั้น เปนอยางไร ? และดวยเหตุเทาไร บุคคลจึงชื่อวาเปนผูถึงแลวซึ่งอวิชชา ?" แนะภิกษุ ท! ความไมรูอันใด เปนความไมรูในทุกข, เปนความไมรู ในเหตุใหเกิดทุกข, เปนความไมรูในความดับไมเหลือของทุกข, และเปนความ ไมรูในทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข : นี้เราเรียกวา อวิชชา; และ บุคคลชื่อวาถึงแลวซึ่งอวิชชา ก็เพราะเหตุไมรูความจริงมีประมาณเทานี้แล.
www.buddhadasa.info "พระองคผูเจริญ ! พระองคกลาววา 'วิชชา วิชชา' ดังนี้. ก็วิชชานั้น เปนอยางไร? และดวยเหตุเทาไร บุคคลจึงชื่อวาเปนผูถึงแลวซึ่งวิชชา ?"
แนะภิกษุ! ความรูอันใด เปนความรูในทุกข, เปนความรูในเหตุ ใหเกิดทุกข, เปนความรูในความดับไมเหลือของทุกข, และเปนความรูในทาง ดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข : นี้เราเรียกวา วิชชา; และบุคคลชื่อวา ถึงแลวซึ่งวิชชา ก็เพราะเหตุรูความจริงมีประมาณเทานี้แล.
๓๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึง ทําความเพียร เพื่อใหรูตามเปนจริงวา "นี้เปนทุกข. นี้เปนเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข, นี้เปนความ ดับไมเหลือแหงทุกข, นี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข," ดังนี้เถิด. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๓๘-๕๓๙/๑๖๙๔–๑๖๙๕.
อยาคิดเรื่องโลก แตจงคิดเรื่องอริยสัจ ภิกษุ ท.! มีเรื่องราวในกาลกอน : บุรุษผูหนึ่ง ตั้งใจวาจะคิด ซึ่ง ความคิดเรื่องโลก, จึงออกจากนครราชคฤหไปสูสระบัวชื่อ สุมาคธา แลวนั่งคิด อยูที่ริมฝงสระ. บุรุษนั้นไดเห็นแลว ซึ่งหมูเสนาประกอบดวยองคสี่ (คือชาง มา รถ พลเดินเทา) ที่ฝงสระสุมาคธานั้น เขาไปอยู ๆ สูเหงารากบัว. ครั้นเขาเห็นแลว เกิดความไมเชื่อตัวเองวา "เรานี้บาแลว เรานี้วิกลจริตแลว, สิ่งใดไมมีในโลก เราไดเห็นสิ่งนั้นแลว" ดังนี้. ภิกษุ ท.! บุรุษนั้นกลับเขาไปสูนครแลว ปาวรอง แกมหาชน วา "ทานผูเจริญ ! ขาพเจาเปนบาแลว ขาพเจาวิกลจริตแลว, เพราะวา สิ่งใดไมมีอยูในโลก ขาพเจามาเห็นแลวซึ่งสิ่งนั้น" ดังนี้. มีเสียงถามวา เห็นอะไรมา ? เขาบอกแลวตามที่เห็นทุกประการ. มีเสียงรับรองวา "ถูกแลว, ทานผูเจริญเอย ! ทานเปนบาแลว ทานวิกลจริตแลว".
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! แตวาบุรุษนั้น ไดเห็นสิ่งที่มีจริง เปนจริง หาใชเห็น สิ่งไมมีจริง ไมเปนจริงไม. ภิกษุ ท.! ในกาลกอนดึกดําบรรพ : สงคราม ระหวางพวกเทพกับอสูรไดตั้งประชิดกันแลว. ในสงครามครั้งนั้น พวกเทพ เปนฝายชนะ อสูรเปนฝายแพ. พวกอสูรกลัว แลวแอบหนีไปสูภพแหงอสูร โดยผานทางเหงารากบัว หลอกพวกเทพใหหลงคนอยู. (เรื่องของโลกยอมพิสดารไม
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๓๙
ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอทั้งหลาย จง อยาคิดเรื่องโลก โดยนัยวา "โลกเที่ยงหรือ ? โลกไมเที่ยงหรือ? โลกมีที่สุดหรือ โลกไมมีที่สุดหรือ? ชีพก็ดวงนั้น รางกายก็รางนั้นหรือ ? ชีพก็ดวงอื่น รางกายก็ รางอื่นหรือ ? ตถาคตตายแลวยอมเปนอยางที่เปนมาแลวนั้น อีกหรือ? ตถาคตตาย ไปแลว ไมเปนอยางที่เปนมาแลวนั้น อีกหรือ? ตถาคตตายไปแลว เปนอยางที่ เปนมาแลวอีกก็มี ไมเปนก็มี หรือ ? ตถาคตตายไปแลว เปนอยางที่เปนมาแลวอีก ก็ไมเชิง ไมเปนก็ไมเชิง หรือ ?" เพราะเหตุไรจึงไมควรคิดเลา ? ภิกษุ ท.! เพราะความคิดนั้น ไมประกอบดวยประโยชน ไมเปนเงื่อนตนแหงพรหมจรรย ไมเปนไปพรอมเพื่อความหนายทุกข ความคลายกําหนัด ความดับ ความรํางับ ความรูยิ่ง ความรูพรอม และนิพพาน เลย.
สิ้นสุดถึงเพียงนี้).
ภิกษุ ท.! เมื่อพวกเธอจะคิด จงคิดวา "เชนนี้ ๆ เปนทุกข, เชนนี้ ๆ เปนเหตุใหเกิดทุกข, เชนนี้ ๆ เปนความดับไมเหลือของทุกข, และเชน นี้ ๆ เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข:" ดังนี้ เพราะเหตุไรจึงควร คิดเลา ? เพราะความคิดนี้ ยอมประกอบดวยประโยชน เปนเงื่อนตนของ พรหมจรรย เปนไปพรอมเพื่อความหนายทุกข ความคลายกําหนัด ความดับ ความรํางับ ความรูยิ่ง ความรูพรอม และนิพพาน.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึง ทําความเพียร เพื่อใหรูตามเปนจริง วา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข, นี้เปนความ ดับไมเหลือแหงทุกข, นี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข" ดังนี้เถิด.
- มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๕๘ - ๕๕๙/๑๗๒๕ - ๑๗๒๗.
๔๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
อยากลาวเรื่องทุมเถียงแกงแยงกัน แตจงกลาวเรื่องความพนทุกข ภิกษุ ท.! พวกเธออยากลาวถอยคําที่ยึดถือเอาแตกตางกัน วา "ทาน ไมรูทั่วถึงธรรมวินัยนี้, ขาพเจารูทั่วถึงธรรมวินัยนี้, ทานจักรูทั่วถึงธรรมวินัยได อยางไร ทานปฏิบัติผิด, ขาพเจาซิปฏิบัติชอบ, คําควรกลาวกอน ทานกลาว ทีหลัง คําควรกลาวทีหลัง ทานมากลาวกอน คําพูดของทานจึงไมเปนประโยชน คําพูดของขาพเจาเปนประโยชน. ขอที่ทานเคยถนัด มาแปรปรวนไปเสียแลว. ขาพเจาแยงคําพูดของทานแหลกหมดแลว, ทานถูกขาพเจาขมแลว เพื่อใหถอน คําพูดผิด ๆ นั้นเสียหรือทานสามารถก็จงคานมาเถิด:" ดังนี้.พวกเธอไมพึง กลาวถอยคําเชนนั้นเพราะเหตุไรเลา? เพราะการกลาวนั้น ๆ ไมประกอบดวย ประโยชน ไมเปนเงื่อนตนของพรหมจรรย ไมเปนไปพรอมเพื่อความหนายทุกข ความคลายกําหนัด ความดับ ความรํางับ ความรูยิ่ง ความรูพรอม และนิพพาน. ภิกษุ ท.! เมื่อพวกเธอจะกลาว จงกลาววา "เชนนี้ ๆ เปนความ ทุกข, เชนนี้ ๆ เปนเหตุใหเกิดทุกข, เชนนี้ ๆ เปนความดับไมเหลือของทุกข, และเชนนี้ ๆ เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข;" ดังนี้. เพราะ เหตุไรจึงควรกลาวเลา ? เพราะการกลาวนั้น ๆ ยอมประกอบดวยประโยชน เปนเงื่อนตนของพรหมจรรย เปนไปพรอมเพื่อความหนายทุกข ความคลาย กําหนัด ความดับ ความรํางับ ความรูยิ่ง ความรูพรอม และนิพพาน.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึง ทําความเพียร เพื่อใหรูตามเปนจริงวา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข, นี้เปนความ ดับไมเหลือแหงทุกข, นี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข," ดังนี้เถิด. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๒๕/๑๖๖๒.
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๔๑
อยากลาวเรื่องไมมีประโยชน แตจงกลาวเรื่องความพนทุกข ภิกษุ ท.! พวกเธอทั้งหลาย จง อยามัวสนทนาเรื่องขวางหนทางธรรม (ติรจฺฉานกถา) คือเรื่องพระราชา เรื่องโจร เรื่องอมาตย เรื่องทหาร เรื่องของ นากลัว เรื่องการรบพุง เรื่องขาว เรื่องน้ํา เรื่องผา เรื่องที่นอน เรื่องระเบียบ ดอกไม เรื่องของหอม เรื่องญาติ เรื่องยานพาหนะ เรื่องหมูบาน เรื่องจังหวัด เรื่องเมืองหลวง เรื่องบานนอก เรื่องหญิง เรื่องชาย เรื่องคนกลา เรื่องตรอก ทางเดิน เรื่องทาน้ํา เรื่องคนที่ตายไปแลว เรื่องตาง ๆ นานา เรื่องโลก เรื่อง มหาสมุทร เรื่องความรุงเรือง เรื่องความทรุดโทรม เหลานี้. เพราะเหตุไรจึง ไมควรกลาวเลา ? เพราะการกลาวนั้น ๆ ไมประกอบดวยประโยชน ไมเปนเงื่อน ตนของพรหมจรรย ไมเปนไปพรอมเพื่อความหนายทุกข ความคลายกําหนัด ความดับ ความรํางับ ความรูยิ่ง ความรูพรอม และนิพพาน เลย. ภิกษุ ท.! เมื่อพวกเธอจะกลาว จงกลาววา "เชนนี้ ๆ เปนทุกข, เชนนี้ ๆ เปนเหตุใหเกิดทุกข เชนนี้ ๆ เปนความดับไมเหลือของทุกข, และเชนนี้ ๆ เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข;" ดังนี้ เพราะเหตุไรจึงควร กลาวเลา? เพราะการกลาวนั้นๆยอมประกอบดวยประโยชนเปนเงื่อนตนของ พรหมจรรย เปนไปพรอมเพื่อความหนายทุกข ความคลายกําหนัด ความดับ ความรํางับ ความรูยิ่ง ความรูพรอม และนิพพาน.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึง ทําความเพียร เพื่อใหรูตามเปนจริง วา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข, นี้เปนความ ดับไมเหลือแหงทุกข, นี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข" ดังนี้เถิด
- มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๒๖/๑๖๖๓.
๔๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
จงบวชเพื่อรูความดับทุกข เหมือนเขาทั้งหลายผูบวชแลวโดยชอบ ภิกษุ ท.! กุลบุตรทั้งหลาย ในกาลยืดยาวนานฝายอดีต ไดออกจาก เรือน บวชแลว เปนผูไมเกี่ยวของดวยเรือน โดยชอบ, กุลบุตรทั้งหมดนั้น ไดบวชแลว เพื่อการรูยิ่งตามเปนจริง ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อยาง. ภิกษุ ท.! กุลบุตรทั้งหลาย ในกาลยืดยาวนานฝายอนาคต จักออกจากเรือน บวชแลว เปนผูไมเกี่ยวของดวยเรือน โดยชอบ, กุลบุตรทั้งหมดนั้น ก็จักบวช เพื่อการ รูยิ่งตามเปนจริง ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อยาง. ภิกษุ ท.! กุลบุตรทั้งหลาย ในกาลเปนปจจุบันนี้ ก็ออกจากเรือน บวชอยู เปนผูไมเกี่ยวของดวยเรือน โดยชอบ, กุลบุตรทั้งหมดนั้น บวชอยู เพื่อการรูยิ่งตามเปนจริง ซึ่งความจริง อันประเสริฐสี่อยาง. สี่อยาง เหลาไหนเลา ? สี่อยางคือ ความจริงอันประเสริฐ เรื่องทุกข, เรื่องเหตุใหเกิดทุกข, เรื่องความดับไมเหลือทุกข, และเรื่องทาง ดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึง ทําความเพียร เพื่อใหรูตามเปนจริงวา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดทุกข, นี้เปนความดับไม เหลือของทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข;" ดังนี้เถิด.
- มหาวาร.สํ. ๑๙/๕๒๑/๑๖๕๖.
ไมรูอริยสัจ ก็ยังไมเปนสมณพราหมณที่แท ภิกษุ ท.!สมณะหรือพราหมณก็ตาม เหลาใดเหลาหนึ่ง ยอมไมรู ชัดตามเปนจริงวา "นี้ความทุกข, นี้ เหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข, นี้ ความดับไม
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๔๓
เหลือแหงทุกข, นี้ ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข" ดังนี้; ภิกษุ ท.! สมณะหรือพราหมณเหลานั้น มิใชผูที่ควรไดรับการมสมมติวาเปนสมณะในหมู สมณะ มิใชผูที่ควรไดรับการสมมติวาเปนพราหมณในหมูพราหมณ. อีก อยางหนึ่ง บุคคลผูไมรูเหลานั้น จะไดทําใหแจงซึ่งประโยชนแหงความเปนสมณะ หรือประโยชนแหงความเปนพราหมณ ดวยปญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เขาถึงแลวแลอยู หาไดไม ภิกษุ ท.! สวนสมณะหรือพราหมณก็ตาม เหลาใดเหลาหนึ่ง ยอม รูชัดตามเปนจริงวา "นี้ ความทุกข, นี้ เหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข, นี้ ความดับ ไมเหลือแหงทุกข, นี้ ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข" ดังนี้; ภิกษุ ท.! สมณะหรือพราหมณเหลานั้นแล ยอมเปนผูควรไดรับการสมมติวา เปนสมณะในหมูสมณะ ยอมเปนผูควรไดรับการสมมติวาเปนพราหมณในหมู พราหมณ. อีกอยางหนึ่ง บุคคลผูรูชัดตามความเปนจริงเหลานั้น ยอมทําให แจงซึ่งประโยชนแหงความเปนสมณะ หรือประโยชนแหงความเปนพราหมณ ดวยปญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เขาถึงแลวแลอยู ไดโดยแท.
www.buddhadasa.info (พระผูมีพระภาค คําประพันธตอไปอีกวา :-)
ไดตรัสไวยากรณภาษิตนี้แลว
พระองคผูสุคตศาสดา
ไดตรัส
"ชนเหลาใด ไมรูทั่วถึงซึ่งทุกข และเหตุเกิดแหงทุกขและ ธรรมเป น ที่ ดั บ แห ง ทุ ก ข ทั้ ง ปวงโดยไม เ หลื อ และหนทางเป น ที่ ถึ ง ซึ่ ง ความเข า ไปสงบแห ง ทุ ก ข ; ชนเหล า นั้ น พลาดแล ว จากเจโตวิ มุ ต ติ และป ญ ญาวิ มุ ต ติ ไม ส มควรที่ จ ะกระทํา ที่ สุ ด แห ง ทุ ก ข มี แ ต จ ะ เข า ถึ ง ซึ่ ง ชาติ แ ละชรา.
๔๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
สวนชนเหลาใด รูทั่วถึงซึ่งทุกข และเหตุเกิดแหงทุกข และ ธรรมเป น ที่ ดั บ แห ง ทุ ก ข ทั้ ง ปวงโดยไม เ หลื อ และหนทางเป น ที่ ถึ ง ซึ่ ง ความเข า ไปสงบแห ง ทุ ก ข ; ชนเหล า นั้ น ถึ ง พร อ มแล ว ด ว ยเจโตวิ มุ ต ติ และป ญ ญาวิมุต ติ สมควรที่จะกระทํา ที่สุด แหง ทุก ข ไมเ ขา ถึง ซึ่ง ชาติ และชรา". - มหาวาร.สํ. ๑๙/๕๔๒/๑๗๐๐ - ๑๗๐๒
ภิกษุ ท.! (เครื่องทํา)ความเปนสมณะ เปนอยาไรเลา ? อริยอัฏฐังคิกมรรคนี้นั่นเอง, ไดแก สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ : นี้เรียกวา (เครื่องทํา) ความเปนสมณะ. ภิกษุ ท.! ประโยชนแหงความเปนสมณะ เปนอยางไรเลา? ภิกษุ ท.! ความสิ้นไปแหงราคะ ความสิ้นไปแหงโทสะ ความสิ้นไปแหงโมหะ : นี้เรียกวา ประโยชนแหงความเปนสมณะ. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๓๐/๑๐๒ - ๑๐๔. (สําหรับ เครื่องทําความเปนพราหมณ และ ประโยชนแหงความเปนพราหมณ ก็ตรัส ไว ด ว ยข อ ความเหมื อ นกั น กั บ ในกรณี แ ห ง เครื่ อ งทํ า ความเป น สมณะและประโยชน แ ห ง ความเป น สมณะนั้นทุกประการ.- ๑๙/๓๑/๑๐๘ - ๑๑๐.)
www.buddhadasa.info ถามัวรอใหรูเรื่องที่ไมจําเปนเสียกอน ก็ตายเปลา
มาลุงกยบุตร ! ตถาคตมิไดพูดกะทานวา ทานจงมาประพฤติพรหมจรรยในสํานักเรา เราจักพยากรณแกความเห็น ๑๐ ประการ๑ แกทาน และทั้ง
๑. ทิฏฐิ ที่เปนปญหาถกเถียงกันวา โลกเที่ยง, โลกไมเที่ยง, โลกมีที่สุด, โลกไมมีที่สุด ฯลฯ เปนตน รวม ๑๐ อยาง ซึ่งเปนปญหาดาดดื่นในยุคพุทธกาล.
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๔๕
ทานก็มิไดพูดไวกะเราวา ขาพระองคจักประพฤติพรหมจรรย ในสํานักพระผูมีพระภาคเจา, พระผูมีพระภาคเจาจักพยากรณแกทิฏฐิความเห็น ๑๐ ประการแก ขาพระองค. เมื่อเปนเชนนี้ ใครเลา โมฆบุรุษ! ที่จักบอกคืนพรหมจรรยแก ใคร. มาลุงกยบุตร ! ถึงใครกลาววา เราจักยังไมประพฤติพรหมจรรย ใน สํานักพระผูมีพระภาคเจา จนกวาพระองคจักแกปญหาทิฏฐิ ๑๐ แกเราเสียกอน ก็ตาม ตถาคตก็ไมพยากรณปญหาทิฏฐิ ๑๐ นั้นอยูนั่นเอง และเขาก็ตายเปลา โดยแท. มาลุงกยบุตร ! เปรียบเหมือนบุรุษผูหนึ่ง ถูกลูกศรอันกําซาบดวย ยาพิษอยางแรงกลา มิตรอมาตย ญาติสาโลหิต จัดการเรียกแพทยผาตัดผูชํานาญ. บุรุษนั้นกลาวเสียอยางนี้วา เรายังไมรูจักตัวบุรุษผูยิงเราวาเปนกษัตริย พราหมณ เวสส ศูทร ชื่อไร โคตรไหน ฯลฯ ธนูที่ใชยิงนั้นเปนชนิดหนาไม หรือ เกาฑัณฑ ฯลฯ (เปนตน) เสียกอนแลว เรายังไมตองการจะถอนลูกศรอยูเพียงนั้น. มาลุงกยบุตร! เขาไมอาจรูขอความที่เขาอยากรูนั้นไดเลย ตองตายเปนแท ! อุปมานี้ฉันใด; อุปไมยก็ฉันนั้นเหมือนกัน, บุคคลผูกลาววา เราจักยังไม ประพฤติพรหมจรรย ในสํานักพระผูมีพระภาคเจา จนกวาพระองคจักแกปญหา ทิฏฐิ ๑๐ แกเราเสียกอน, และตถาคตก็ไมพยากรณปญหานั้นแกเขา เขาก็ตาย เปลา โดยแท ...
www.buddhadasa.info มาลุงกยบุตร ! ทานจงซึมทราบสิ่งที่เราไมพยากรณไว โดยความเปน สิ่งที่เราไมพยากรณ. ซึมทราบสิ่งที่เราพยากรณไว โดยความเปนสิ่งที่เรา พยากรณ. อะไรเลาที่เราไมพยากรณ ? คือความเห็นสิบประการวา โลก เที่ยง ฯลฯ (เปนตน) เปนสิ่งที่เราไมพยากรณ ฯลฯ. มาลุงกยบุตร! อะไรเลา ที่เราพยากรณ ? คือสัจจะวา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดทุกข, นี้เปนความ
๔๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ดับไมเหลือของทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข;" ดังนี้ : นี้เปนสิ่งที่เราพยากรณ. เหตุใดเราจึงพยากรณเลา ? เพราะสิ่ง ๆ นี้ ยอมประกอบดวยประโยชน เปนเงื่อนตนของพรหมจรรย เปนไปพรอมเพื่อความ หนายทุกข ความคลายกําหนัด ความดับ ความรํางับ ความรูยิ่ง ความรูพรอม และนิพพาน. - ม.ม. ๑๓/๑๔๗,๑๕๑/๑๔๙ - ๑๕๐,๑๕๒.
อยายึดถือติดแนนในธรรม แตจงใชเพียงเปนเครื่องมือ ภิกษุ ท.! เปรียบเหมือนบุรุษเดินทางไกล ไปพบแมน้ําใหญ : ฝง ขางนี้ก็เต็มไปดวยอันตรายนารังเกียจ นากลัว ฝงขางโนนปลอดภัย. แตเรือหรือ สะพานสําหรับขาม ไมมีเพื่อจะขามไป. เขาใครครวญเห็นเหตุนี้แลว คิดสืบไป วา "กระนั้นเราพึงรวบรวมหญาแหง ไมแหง กิ่งไม และใบไมมาผูกเปนแพ แลว พยายามเอาดวยมือและเทา ก็จะพึงขามไปโดยสวัสดี," บุรุษนั้น ครั้นทําดังนั้น และขามไปไดโดยสวัสดีแลว ลังเลวา "แพนี้ มีอุปการะแกเราเปนอันมาก ถาไฉน เราจักทูนไปดวยศีรษะ หรือแบกไปดวยบา พาไปดวยกัน" ดังนี้. ภิกษุ ท.! พวกทานจะสําคัญวาอยางไร : บุรุษนั้นจักทําอยางนั้น เจียวหรือ? "พระองค ผูเจริญ! ขอนั้นหามิได". ภิกษุ ท.! เขาพึงทําอยางไร : ถาไฉน เขาจะพึงครา มันขึ้นบก หรือปลอยใหลอยไปในน้ํา, สวนเขาเอง ก็หลีกไปตามปรารถนา เทานั้นเอง : นี้ฉันใด; ธรรมที่เราแสดงแลว ก็เพื่อรื้อถอนตนออกจากทุกข ไมใชเพื่อใหยึดถือเอาไว เปรียบไดกับพวงแพ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน. ภิกษุ ท.! ทานทั้งหลายผูไดฟงธรรมอันเราแสดงแลว อันเปรียบดวยพวงแพ ควรละธรรม ทั้งหลายเสีย และปวยกลาวทําไมถึงสิ่งไมใชธรรม.
www.buddhadasa.info
- มู. ม. ๑๒/๒๗๐/๒๘๐.
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๔๗
เปรียบนักเรียนอริยสัจ ดวยหนูตางจําพวกกัน ภิกษุ ท.! หนูเหลานี้มีสี่จําพวก คือ หนูที่ขุดรู แตไมอยู, หนูที่อยู แตไมขุดรู, หนูที่ไมขุดรู และทั้งไมอยู, หนูที่ทั้งขุดรู และทั้งอยู, บุคคลสี่ จําพวก เปรีบบดวยหนู ก็ฉันนั้นเหมือนกัน คือ คนปลูกเรือน แตไมอยู, คนอยู แตไมปลูกเรือน, คนไมปลูกเรือน และทั้งไมอยู, คนทั้งปลูกเรือน และ ทั้งอยู, สี่จําพวกเหลานี้ มีอยูพรอมในโลก. ภิกษุ ท.! คนที่ปลูกเรือนแตไมอยู เปนอยางไร? ภิกษุ ท.!คน บางคนเรียนปริยัติธรรม ที่เปนสูตร เคยยะ เวยยากรณ คาถา อุทาน อิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ๑ แตเขา ไมรูตามเปนจริงวา "นี้เปนทุกข. นี้เปน เหตุใหเกิดทุกข, นี้เปนความดับไมเหลือของทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึง ความดับไมเหลือของทุกข;" ดังนี้ : เชนนี้แล เรียกวา ปลูกเรือนแตไมอยู; เรากลาววา เปรียบไดกับหนูที่ขุดรูแลวไมอยู.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! คนอยูแตไมปลูกเรือนนั้น เปนอยางไร ภิกษุ ท.! คน บางคน ไมไดเรียนปริยัติธรรม ที่เปนสูตร ฯลฯ เวทัลละ แตเขาเปนผูรูตาม เปนจริงวา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดทุกข, นี้เปนความดับไมเหลือของ ทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข:" ดังนี้ : เชนนี้แล เรียกวา อยูแตไมปลูกเรือน; เรากลาววา เปรียบกันไดกับหนูที่อยูแตไมขุดรู.
ภิกษุ ท.! คนไมปลูกเรือนและทั้งไมอยูนั้น เปนอยางไร ? ภิกษุ ท.! คนบางคน ไมไดเรียนทั้งปริยัติธรรม ที่เปนสูตร ฯลฯ เวทัลละ และทั้ง ไมรู
๑. เรียนปริยัติธรรม ครบ ๙ อยางเชนนี้ ไดแกเรียนจบพระปริยัติธรรม หรือพระไตรปฎกสมัยนี้.
๔๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ตามเปนจริงวา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดทุกข นี้เปนความดับไมเหลือของ ทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข;" ดังนี้ : เชนนี้แล เรียกวา ไมปลูกเรือน และทั้งไมอยู; เรากลาววา เปรียบกันไดกับหนูที่ไม ขุดรู และทั้งไมอยู. ภิกษุ ท.! คนที่ปลูกเรือนทั้งอยูนั้น เปนอยางไร? ภิกษุ ท.! คนบางคนในโลกนี้ ทั้งเรียนปริยัติธรรม ที่เปนสูตร ฯลฯ เวทัลละดวย และ ทั้งรู ตามเปนจริงวา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดทุกข, นี้เปนความดับไมเหลือ ของทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข;" ดังนี้ดวย : เชนนี้แล เรียกวาทั้งปลูกเรือนและทั้งอยู; เรากลาววา เปรียบกันไดกับหนู มีทั้งขุดรูและทั้งอยู. ภิกษุ ท.! อันมีอยูพรอมในโลกนี้.
คนสี่จําพวกเหลานี้แล
เปรียบกันไดกับหนูสี่จําพวก,
www.buddhadasa.info จงสงเคราะหผูอื่นดวยการใหรูอริยสัจ - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๔๔/๑๐๗.
ภิกษุ ท.! พวกเธอเอ็นดูใคร และใครถือวาเธอเปนผูที่เขาควร เชื่อฟง เขาจะเปนมิตรก็ตาม อํามาตยก็ตาม ญาติหรือสายโลหิตก็ตาม; ชน เหลานั้น อันเธอพึง ชักชวนใหเขาไปตั้งมั่น ในความจริงอันประเสริฐสี่ ประการ ดวยปญญาอันรูเฉพาะตามที่เปนจริง. ความจริงอันประเสริฐสี่ประการ อะไรเลา ? สี่ประการคือ ความอันประเสริฐคือทุกข, ความจริงอันประเสริฐคือ
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๔๙
เหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข, ความจริงอันประเสริฐคือความดับไมเหลือแหงทุกข, ความ จริงอันประเสริฐคือทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข. ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงประกอบโยคกรรมอัน เปนเครื่องกระทําใหรูวา "ทุกข เปนอยางนี้, เหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข เปนอยางนี้, ความดับไมเหลือแหงทุกข เปนอยางนี้, ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข เปนอยางนี้." ดังนี้. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๔/๑๗๐๖.
www.buddhadasa.info
๕๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
- ๓ -
พระพุทธองค กับ จตุราริยสัจ พระพุทธเปนดุจดั่งผูชี้ทาง พระธรรมซึ่งมีอริยสัจเปนแกนเปนตัวทาง พระอริยสงฆ สาวก คือผูที่ไดเดินไปตามทางแลว แตสัตวโลกผูยังถูกอวิชชากดใหจมติดอยูในเปอกตมแหง โอฆะ กําลังตองการทางนั้นอยู, เมื่อใดเขาศึกษาจนรูจักพระพุทธองคอยางลึกซึ้งถึงที่สุด ดุจลูก ที่เขาใจบิดาดี เมื่อนั้นเขาจะพบทางนั้นดวย และเดินตามรอยทานผูประเสริฐ ที่เดินไปแลวนั้น ได. ถาเขาใจไมตรงพอ เชนเห็นพระพุทธองคเปนพระเปนเจาไป ก็จะมีความมุงหมายและ การตั้งหนาทําที่พลาดในที่สุดก็ปราศจากผล เพราะความจริงพระองคเปนแตผูชี้ทาง เทานั้น.
พระพุทธองค คือผูทรงชี้ใหรูจักทุกข ภิ ก ษุ ท.! เปรี ย บเหมื อ นบุ รุ ษ ผู ห นึ่ ง ว า ยล อ งกระแสแม น้ํ า ลงไป เพราะเหตุ สิ่ ง ที่ น า รั ก น า เพลิ น ใจ, บุ รุ ษ ผู มี จั ก ษุ ยื น อยู บ นฝ ง เห็ น บุ รุ ษ ผุ นั้ น แล ว รองบอกวา "บุรุษผูเจริญ ! ทานยอมวายลองตามกระแสแมน้ํา เพราะเหตุสิ่งที่นารักนา เพลินใจโดยแท แตวา ทางเบื้องลาง มีหวงน้ํา ประกอบดวยคลื่น ประกอบดวยน้ําวน. มี ยักษ มี รากษส ซึ่ งเมื่ อท านไปถึ งแลว จั กต องตาย หรือได รับทุ กขเจี ยนตาย." ภิ กษุ ท.! บุร ุษ ผู ว า ยลอ งตามกระแสนั ้น ครั ้น ไดฟ ง แลว ก็พ ยายามวา ยกลับ ทวนกระแส ทั้ ง ดว ยมือ และดว ยเทา ทั ้ง หลาย. ภิก ษุ ท.! คํ า อุป มานี ้ เราผูก ขึ ้น เพื ่อ ใหรู เนื้ อความ. นี้ เป นเนื้ อความ คื อ คํ าวา 'กระแสแม น้ํ า ' เป นชื่ อแห งตั ณ หา, คํ าว า 'สิ่งนารักนาเพลิน ใจ' เปน ชื่อแหงอายตนะหกในภายใน, คําวา 'ทางเบื้องลาง มี ห ว งน้ํ า ' เป น ชื่ อ แห ง โอรั ม ภาคิ ย สั ง โยชน ห า , คํ า ว า 'คลื่ น ' เป น ชื่ อ แห ง ความ โกรธและความคับแคน, คําวา 'น้ําวน' เปนชื่อแหงกามคุณหา, คําวา 'ยักษและ
www.buddhadasa.info
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๕๑
รากษส' เปนชื่อแหงมาตุคาม.- คําวา 'ทวนกระแส' เปนชื่อแหงเนกขัมมะ, คําวา 'พยายามดวยมือและเทา' เปนชื่อแหงการปรารถความเพียร, คําวา 'บุรุษ ผูมีจักษุยืนอยูบนฝง' เปนชื่อแหงตถาคตผูอรหันตสัมมาสัมพุทธะ; ดังนี้. - อิติวุ. ขุ. ๒๕/๓๑๖/๒๘๙. พระพุ ท ธองค ท รงชี้ ทุ ก ข แ ละทางดั บ ทุ ก ข ไ ด ก็ เ พราะพระองค ทรงรูจักดี จนถึงกับทําความหลุดพนใหพระองคเองได. ทุกขอันไมรูจักสิ้นสุด ของโลกนั้น พระองคหลุดพนไดสิ้นเชิง ทั้งอยางต่ํา อยางกลาง และอยาง ประณีต. ในทุกขอยางต่ํา ๆ ซึ่งเรามักจมกันอยูโดยสนิทใจ จะไดยกตัวอยางที่ พระองคทรงนําไปตรัสใหสติพราหมณผูหนึ่ง มาเปนเครื่องสาธกดังตอไปนี้ :-
มุมนอยมุมหนึ่งของความทุกข ที่พระองคไมมี พราหมณ ! วัว ๑๔ ตัว จะไดหายหาไมพบ ๖ วันมาแลวแกเรา ก็หา มิได, เพราะเหตุนั้นแหละพราหมณ ! เราจึงเปนผูมีความสุข. ตนงาในไร จะ ยับเยินมีใบเหลือเพียง ๒-๓ ใบ แกเราก็หามิได, เพราะเหตุนั้นแหละ พราหมณ ! เราจึงเปนผูมีความสุข. พวกหนู จะกระโดดโลดเตนในยุงเปลา แกเรา ก็หา มิได, เพราะเหตุนั้นแหละ พราหมณ ! เราจึงเปนผูมีความสุข. ที่นอน ซึ่ง ละเลยไวตั้ง ๗ เดือน (มิไดชําระเพราะไมมีเวลาวางพอ) เกลื่อนไปดวยตัวสัตว เล็ก ๆ จะมีแกเราก็หามิได, เพราะเหตุนั้นแหละ พราหมณ ! เราจึงเปนผูมี ความสุข. ลูกเล็กหญิงชาย ของลูกสาวที่เปนหมาย มีลูกติดคนหนึ่งบาง สอง คนบาง จะมีแกเรา ก็หามิได, เพราะเหตุนั้นแหละ พราหมณ ! เราจึงเปนผูมี ความสุข. โรคผมเหลืองตัวสะพรั่งดวยเมล็ดงา จะมีแกเรา ก็หามิได, เราจะ ถูกปลุกดวยการถีบเตะทั้งนอนหลับ ก็หามิได, เพราะเหตุนั้นแหละ พราหมณ !
www.buddhadasa.info
๕๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
เราจึงเปนผูมีความสุข, พวกเจาหนี้ที่มาทวงหนี้ แตเชาตรูวา 'จงใช, จงใช' จะมีแกเราก็หามิได, เพราะเหตุนั้นแหละ พราหมณ ! เราจึงเปนผูมีความสุข; ดังนี้. - สคา. สํ. ๑๕/๒๕๐/๖๖๙. การที่พระองคจะทรงชี้ทุกขและทางดับทุกขได ก็เพราะพระองคทรง คิดคนอยางจริงจัง มิใชมีไดดวยการนอนรอคอยใหมาปรากฏ หรือแมวาดวย การฟงหรือการเรียนอยางตื้น ๆ หยาบ ๆ. พระองคทรงหนายกาม จนขยะแขยง จนอึดอัด เนื่องจากมองเห็นความหลงทุกขเปนสุข แลวหมักจมอยู ซึ่งเปนการ ใชเวลาของชีวิตใหหมดเปลืองไปโดยไรประโยชน.
ทรงแสวง ราชกุมาร ! เมื่อเรายังเปนโพธิสัตว ยังไมไดตรัสรู กอนแตการ ตรัสรู ไดเกิดความรูสึกขึ้นภายในใจ วา "ชื่อวาความสุขแลว ใคร ๆ จะบรรลุได โดยงายเปนไมมี" ดังนี้. ครั้นสมัยอื่นอีก เรานั้น ทั้งที่ยังหนุม เกศายังดําจัด บริบูรณดวยเยาวอันเจริญ ในปฐมวัย, เมื่อมารดาบิดาไมปรารถนาดวย กําลัง พากันรองไห น้ําตานองหนาอยู, เราไดปลงผมและหนวด ครองผายอมฝาด ออกจากเรือน บวช เปนผูไมเกี่ยวของดวยเรือนแลว.
www.buddhadasa.info เรานั้น ครั้นบวชอยางนี้แลว แสวงหาอยูวา อะไรเปนกุศล คนหา แตสิ่งที่ประเสริฐ ชนิดที่ไมมีอะไรยิ่งไปกวา. ไดเขาไปหา อาฬารดาบส ผู กาลามโคตร….ไดเขาไปหา อุทกดาบส ผูรามบุตร….เลาเรียนธรรมนั้น ๆ ไดฉับไวไมนานเลย….ไดเกิดความรูสึกนี้ วา “ธรรมนี้ จะไดเปนไปพรอม
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๕๓
เพื่อความหนายทุกข ความคลายกําหนัด ความดับ ความรํางับ ความรูยิ่ง ความรู พรอม และนิพพาน ก็หาไม, แตเปนไปพรอมเพียงเพื่อการบังเกิดใน เนวสัญญานาสัญญายตนภพ เทานั้นเอง" เราไมทําการหยุดเสียเฉพาะแคธรรมนั้น ๆ เหนื่อยหนายจากธรรมนั้น ๆ แลวหลีกไปเสีย. เรานั้น เมื่อหลีกจากสํานักอุทกดาบสผูรามบุตรแลว แสวงหาอยูวา อะไรเปนกุศล คนหาแตสิ่งที่ประเสริฐอันไมมีอื่นยิ่งไปกวา สืบไป, เที่ยวจาริกไป ตามลําดับหลายตําบล ในมคธรัฐ จนลุถึงตําบลอุรุเวลาเสนานิคม พักแรมอยู ณ ที่นั้น ไดพบพื้นที่รมณียสถาน….ตกลงใจพักอยู ณ ที่นั้นเอง ดวยคิดวา 'ที่นี้ ควรแลว เพื่อการตั้งความเพียร' ดังนี้. - ม. ม. ๑๓/๔๔๓-๔๔๗/๔๘๙-๔๙๑; ๑๓/๖๗๐-๖๗๔/๗๓๘-๗๔๐. ตอไปนี้มีการตรัสเลาถึง การประพฤติอัตตกิลมถานุโยคจนอุปมา ปรากฏ และทรงทําทุกรกิริยา แลวทรงเลิกหมุนไปจับเอาการกระทําความเพียร ทางใจ ดั ง แสดงไว ใ นพระพุ ท ธประวั ติ ต า ง ๆ จนได "พบ" คื อ ตรั ส รู ความจริงอันประเสริฐ.
www.buddhadasa.info ทรงพบ
ภิกษุ ท.! เรานั้น, ครั้นเมื่อจิตตั้งมั่น บริสุทธิ์ผุดผอง ไมมีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส เปนธรรมชาติออนโยน ควรแกการงาน ตั้งอยูได ไมหวั่น ไหว เชนนี้แลว, ไดนอมจิตไปเฉพาะตอ ญาณเปนเครื่องสิ้นไปแหงอาสวะทั้งหลาย เรารูเฉพาะแลวตามเปนจริงวา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดทุกข, นี้เปนความ ดับไมเหลือของทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข;
๕๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
เหลานี้เปนอาสวะทั้งหลาย, นี้เปนเหตุใหเกิดอาสวะ, นี้เปนความดับไมเหลือของ อาสวะ, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของอาสวะ;" ดังนี้. เมื่อ เรารูอยูอยางนี้ เห็นอยูอยางนี้ จิตก็พนแลวจากอาสวะคือกาม อาสวะคือภพ อาสวะคืออวิชชา. ครั้นจิตพนแลว ก็เกิดญาณหยั่งรู วา "พนแลว" เรารู เฉพาะแลว วา "ชาติสิ้นแลว พรหมจรรยอยูจบแลว กิจที่ควรทําไดทําสําเร็จแลว กิจอื่นที่จะตองทําเพื่อความหลุดพนอยางนี้ มิไดมีอีก" ดังนี้. ภิกษุ ท.! นี้แล วิชชาที่สาม ที่เราไดบรรลุแลวในปจฉิมยามแหงราตรี. อวิชชาถูกกําจัดแลว วิชชาเกิดขึ้นแลว; ความมืดถูกกําจัดแลว ความสวางเกิดขึ้นแลวโดยประการ ที่เกิดขึ้นแกบุคคลผูไมประมาท มีความเพียรเผากิเลส มีตนสงไปแลวแลอยู. - มู. ม. ๑๒/๒๓๗/๒๕๓.
เมื่อยังไมทรงรูอริยสัจ ก็ยังไมชื่อวา ไดตรัสรูอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ภิกษุ ท.! ตลอดกาลเพียงใด ที่ปญญาเครื่องรูเห็น (ญาณทัสสนะ) ตามเปนจริงของเราในอริยสัจสี่เหลานี้ วามีปริวัฏสาม มีอาการสิบสอง เชนนี้ ๆ ยังไมเปนปญญาที่บริสุทธิ์สะอาดดวยดีแลว; ตลอดกาลเพียงนั้นนั่นเทียว เรายัง ไมปฏิญญา วาเปนผูตรัสรู รูพรอมเฉพาะแลว ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ใน โลก พรอมดวยเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมูสัตว พรอมทั้งสมณพราหมณ และเทวดาพรอมทั้งมนุษย. ภิกษุ ท.! ก็แตวา ในกาลใดแล, ปญญาเครื่องรู เห็นตามเปนจริงของเรา ในอริยสัจสี่เหลานี้ วามีปริวัฏสาม มีอาการสิบสอง เชนนี้ ๆ เปนปญญาที่บริสุทธิ์สะอาดดวยดีแลว; ในกาลนั้นเทียว เราก็ปฏิญญา วาเปนผูตรัสรู รูพรอมเฉพาะแลว ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในโลก พรอม
www.buddhadasa.info
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๕๕
ดวยเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมูสัตว พรอมทั้งสมณพราหมณ และ เทวดาพรอมทั้งมนุษย, ทั้งปญญาเครื่องรู และปญญาเครื่องเห็น ไดเกิดขึ้นแลว แกเรา วา "ความหลุดพนของเราไมกลับกําเริบ ชาตินี้เปนชาติสุดทาย บัดนี้ ภพที่เกิดใหมมิไดมีอีกตอไป" ดังนี้. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๓๐/๑๖๗๐.
ถาไมรูเบญจขันธโดยนัยอริยสัจสี่ ก็ยังไมทรงปฏิญญาเปนพระพุทธเจา ภิกษุ ท.! ตลอดกาลเพียงใด, เรายังไมไดรูชัดแจงยิ่งแลว ซึ่ง อุปาทานขันธทั้งหาเหลานี้ โดยปริวัฏฏสี่ ตรงตามที่เปนจริง; เราก็ยังไมปฏิญญา อยูเพียงนั้นวา เปนผูรูพรอมเฉพาะแลว ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในโลก พรอมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก, ในหมูสัตว พรอมทั้งสมณพราหมณ พรอมทั้งเทวดาและมนุษย.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! เมื่อใดแล, เราไดรูชัดแจงยิ่งแลว ซึ่งอุปาทานขันธทั้งหา เหลานี้ โดยปริวัฏฏสี่ ตรงตามที่เปนจริง; เมื่อนั้นแหละ, เราจึงปฏิญญาไดวา เปนผูรูพรอมเฉพาะแลว ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในโลก พรอมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก, ในหมูสัตว พรอมทั้งสมณพราหมณ พรอมทั้งเทวดาและ มนุษย. ภิกษุ ท.! ปริวัฏฏสี่นั้น เปนอยางไรเลา ? ปริวัฎฎสี่นั้นคือ :-
๕๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
(๑) เราไดรูชัดแจงยิ่งแลว ซึ่ง รูป, ไดรูชัดแจงยิ่งแลว ซึ่งความ กอขึ้นของรูป, ไดรูชัดแจงยิ่งแลว ซึ่งความดับไมเหลือของรูป, ไดรูชัดแจง ยิ่งแลว ซึ่งทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของรูป. (๒) เราไดรูชัดแจงยิ่งแลว ซึ่ง เวทนา, ไดรูชัดแจงยิ่งแลว ซึ่งความ กอขึ้นของเวทนา, ไดรูชัดแจงยิ่งแลว ซึ่งความดับไมเหลือของเวทนา, ไดรูชัด แจงยิ่งแลว ซึ่งทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของเวทนา. (๓) เราไดรูชัดแจงยิ่งแลว ซึ่ง สัญญา, ไดรูชัดแจงยิ่งแลว ซึ่งความ กอขึ้นของสัญญา, ไดรูชัดแจงยิ่งแลว ซึ่งความไมเหลือของสัญญา, ไดรูชัด แจงยิ่งแลว ซึ่งทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของสัญญา. (๔) เราไดรูชัดแจงยิ่งแลว ซึ่ง สังขาร ทั้งหลาย, ไดรูชัดแจงยิ่งแลว ซึ่งความกอขึ้นของสังขารทั้งหลาย, ไดรูชัดแจงยิ่งแลว ซึ่งความดับไมเหลือของ สังขารทั้งหลาย, ไดรูชัดแจงยิ่งแลว ซึ่งทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของ สังขารทั้งหลาย.
www.buddhadasa.info (๕) เราไดรูชัดแจงยิ่งแลว ซึ่ง วิญญาณ, ไดรูชัดแจงยิ่งแลว ซึ่งความ กอขึ้นของวิญญาณ, ไดรูชัดแจงยิ่งแลว ซึ่งความดับไมเหลือของวิญญาณ, ไดรู ชัดแจงยิ่งแลว ซึ่งทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของวิญญาณ. ภิกษุ ท.! เหลานี้แหละ ชื่อวา ปริวัฏฏสี่อยางนั้น. (ขอความที่ละเอียดยิ่งไปกวานี้ ตลอดถึงผลของการรู จนทําใหเปนเกพลี จากหนังสือปฏิจจ. โอ. หนา.๓๓๘ ตั้งแตคําวา "ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ! ก็รูปเปนอยางไรเลา ?"
หาดูได
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๕๗
…เปนตนไป จึงถึงหนา ๓๔๒ จบลงที่คําวา… "วัฏฏยอมไมมี เพื่อจะบัญญัติ แกบุคคล เหลานั้น".). - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๗๒-๗๕/๑๑๒-๑๑๗.
พระพุทธองค ทรงพระนามวา สัมมาสัมพุทธะ ก็เพราะไดตรัสรูอริยสัจสี่ ภิกษุ ท.! ความจริงอันประเสริฐมีสี่อยางเหลานี้. สี่อยางเหลา ไหนเลา ? สี่อยางคือ ความจริงอันประเสริฐ คือความทุกข, ความจริงอัน ประเสริฐ คือเหตุใหเกิดทุกข, ความจริงอันประเสริฐ คือความดับไมเหลือของ ทุกข และความจริงอันประเสริฐ คือทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข : นี้แล ความจริงอันประเสริฐสี่อยาง. ภิกษุ ท.! เพราะไดตรัสรูตามเปนจริง ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อยางเหลานี้ ตถาคต จึงมีนามอันบัณฑิตกลาววา "อรหันตสัมมาสัมพุทธะ".
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึง ทําความเพียร เพื่อใหรูตามเปนจริง วา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดทุกข, นี้เปนความดับ ไมเหลือของทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข;" ดังนี้ เถิด.
- มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๓/๑๗๐๓.
ทรงรอบรูโลก (อริยสัจ) ภิกษุ ท.! โลก (คือทุกข) เปนสิ่งที่ตถาคตรอบรูไดชัดเจนแลว ตถาคตถอนตัวออกไดแลวจากโลก; เหตุใหเกิดโลก เปนสิ่งที่ตถาคตรอบรูได
๕๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ชัดเจนแลว อันตถาคตละไดขาดแลว; ความดับไมเหลือของโลก เปนสิ่งที่ ตถาคตรอบรูไดชัดเจนแลว อันตถาคตไดกระทําใหแจงแลว; และ ทางดําเนิน ใหถึงความดับไมเหลือของโลก เปนสิ่งที่ตถาคตรอบรูไดชัดเจนแลว อันตถาคต ไดทําใหมีขึ้นแลว. สิ่งใด ที่โลกพรอมดวยเทวโลก มารโลก พรหมโลก ที่หมู สัตว พรอมทั้งสมณพราหมณ และเทวดาพรอมทั้งมุนษย ไดเห็นแลว ฟงแลว ดม-ลิ้ม-สัมผัสแลว รูแลว ถึงแลว แสวงแลว เที่ยวไปตามแลวดวยใจ; สิ่งนั้น ตถาคตรอบรูไดชัดเจนแลวทั้งหมด เหตุนั้นจึงไดมีคํากลาววา "ตถาคต" ดังนี้. - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๓๐/๒๓.
ทรงบันลือสีหนาท ประกาศจตุราริยสัจ ภิกษุ ท.! พระยาสัตวชื่อสีหะ ออกจากถ้ําที่อาศัย ในเวลาเย็น เหยียดกายแลว เหลียวดูทิศทั้งสี่โดยรอบ บันลือสีหนาท ๓ ครั้ง แลวเที่ยวไป เพื่อหาอาหาร. บรรดาสัตวเดรัฉานเหลาใด ไดยินสีหนาท สัตวเหลานั้นก็ สะดุงกลัว เหี่ยวแหงใจ : พวกที่อาศัยโพรง ก็เขาโพรง, พวกที่อาศัยในน้ํา ก็ ลงน้ํา, พวกที่อยูปา ก็เขาปา, ฝูงนกก็โผบินขึ้นสูอากาศ, เหลาชางของ พระราชาในหมูบาน และนิคมและเมืองหลวง ที่ผูกลามไวดวยเชือกอันเหนียว (อุจจาระ) ก็พากันกลัว เหนี่ยวกระชากเชือกใหขาดแลว ถายมูตรและกรีส พลางแลนหนีไป โดยขางโนนขางนี้. ภิกษุ ท.! พระยาสัตวชื่อสีหะ เปนสัตว มีฤทธิ์มาก มีศักดิ์มาก มีอานุภาพมาก กวาบรรดาสัตวเดรัจฉานทั้งหลาย ดวย อาการอยางนี้แล.
www.buddhadasa.info
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๕๙
ภิกษุ ท.! ฉันใดก็ฉันนั้น, ในกาลใด ตถาคตอุบัติขึ้นในโลก เปน พระอรหันตผูตรัสรูชอบเอง ผูสมบูรณดวยวิชชาและขอปฏิบัติใหถึงวิชชา ผู ไปดี ผูรู โลกอยางแจมแจง เปนผูฝกบุรุษที่สมควรฝกได ไมมีใครยิ่งกวา เปน ครูผูสอนของเทวดาและมนุษยทั้งหลาย เปนผูปลุกใหตื่น เปนผูจําแนกธรรม สั่งสอนสัตว. ตถาคตนั้น แสดงธรรมวา สักกายะ (คือทุกข) เปนเชนนี้, สักกายสมุทัย เปนเชนนี้, สักกายนิโรธ เปนเชนนี้, สักกายนิโรธคามินีปฏิปทา เปนเชนนี้, พวกเทพเหลาใด เปนผูมีอายุยืนนาน มีวรรณะ มาก ไปดวยความสุข ดํารงอยูนมนามมาแลว ในวิมานชั้นสูง, พวกเทพนั้น ๆ ได ฟงธรรมเทศนาของตถาคตแลว โดยมาก ก็สะดุงกลัว เหี่ยวแหงใจ สํานึกได วา "ทานผูเจริญเอย ! พวกเรา เมื่อไมเที่ยง ก็มาสําคัญวา เราเปนผูเที่ยง, เมื่อไมยั่งยืน ก็มาสําคัญวา เราเปนผูยั่งยืน, เมื่อไมมั่นคง ก็มาสําคัญวา เราเปนผูมั่นคง. พวกเราทั้งหลาย เปนผูไมเที่ยง ไมยั่งยืน ไมมั่นคง และ ถึงทั่วแลว ซึ่ง สักกายะ (คือความทุกข)” ดังนี้. ภิกษุ ท.! ตถาคตเปนผูมีฤทธิ์ มาก มีศักดิ์มาก มีอานุภาพมาก กวาสัตวโลก พรอมทั้งเทวโลก ดวยอาการ อยางนี้แล.
www.buddhadasa.info - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๔๒/๓๓.
[ในสูตรขางบนนี้ ทรงบันลือสีหนาทดวยเรื่องสักกายะ. ในสูตรอื่น (๑๗/๑๐๓ / ๑๕๕ - ๖) ทรงบันลือดวยการประกาศลักษณะ ๓ อยางแหงขันธทั้ง ๕ โดยนัยวา มีลักษณะ อยางนี้ ๆ มีอาการเกิดขึ้นอยางนี้ ๆ มีอาการดับไปอยางนี้ ๆ ; ซึ่งเมื่อพวกเทพไดฟงแลว มี อาการสลดสังเวช หวั่นไหวไปตาม ๆ กัน เหมือนขอความขางตน.]
๖๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ทรงประกาศ อนุตตรธรรมจักร ซึ่งใคร ๆ ประกาศไมได ภิกษุ ท.! ณ ปาอิสิปตนมิคทายวัน ใกลกรุงพาราณสี, เราตถาคต ผูอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ไดประกาศใหเปนไปแลว ซึ่งอนุตตรธรรมจักรชนิดที่ ไมประกาศใหเปนไปได โดยสมณะ หรือพราหมณ หรือเทวดา มาร พรหม หรือ ใคร ๆ ในโลก. ภิกษุ ท.! การประกาศธรรมจักร นี้ คือการบอก การแสดง การบัญญัติ การแตงตั้ง การเปดเผย การจําแนก และการทําใหเขาใจได ซึ่ง อริยสัจ (ความจริงอันประเสริฐ) สี่อยาง. สี่อยางเหลาไหนเลา ? สี่อยางคือ การ บอก การแสดง ฯลฯ การทําใหเขาใจได ซึ่งความจริงอันประเสริฐ คือทุกข, -เหตุใหเกิดทุกข - ความดับไมเหลือของทุกข - และทางดําเนินใหถึงความดับ ไมเหลือของทุกข, ภิกษุ ท.! เราตถาคตผูอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ไดประกาศ ใหเปนไปแลว ซึ่งอนุตตรธรรมจักร ฯลฯ ดังนี้แล. - อุปริ. ม. ๑๔/๔๔๐/๖๙๙.
www.buddhadasa.info สิ่งที่ไมทรงนํามาสอน มีมากยิ่งกวามากนัก
ครั้งหนึ่ง พระผูมีพระภาคเจา ทรงประทับอยูที่ สีสปาวัน ใกลกรุงโกสัมพี. ทรงกําใบสีสปา ขึ้นหนอยหนึ่ง แลวตรัสถามหมูภิกษุ วา ใบสีสปาที่ทรงกํานี้ กับ ที่อยูบนปาโนน, ไหนจะมากกวากัน. เมื่อ ภิกษุกราบทูลวา ที่อยูบนปาโนนมากกวามากแลว จึงตรัสวา :-
ภิกษุ ท.! ฉันใดก็ฉันนั้น, สิ่งที่ยังอยูมากกวามาก ก็คือสิ่งที่เรารู ยิ่งแลว แตไมนํามาสอนพวกเธอทั้งหลาย. เพราะเหตุไรเราจึงไมสอนสิ่งนั้น แกพวกเธอเลา ? เพราะวาสิ่ง ๆ นั้น ไมประกอบดวยประโยชน ไมเปนเงื่อนตน
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๖๑
ของพรหมจรรย ไมเปนไปพรอม เพื่อความหนายทุกข ความคลายกําหนัด ความดับ ความรํางับ ความรูยิ่ง ความรูพรอม และนิพพาน; เพราะเหตุนั้น เราจึงไมสอนสิ่งนั้น แกพวกเธอทั้งหลาย. - มหาวาร. สํ ๑๙/๕๔๘/๑๗๑๒.
สิ่งที่ทรงนํามาสอน ก็เฉพาะเรื่องความพนทุกข ภิกษุ ท.! ก็สิ่งไร ที่เราบอกสอนแกพวกเธอเลา ? สิ่งที่เราบอก สอนแกพวกเธอ คือ ความจริงอันประเสริฐ วา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิด ทุกข, นี้เปนความดับไมเหลือของทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับ ไมเหลือของทุกข;” ดังนี้. เพราะเหตุไร เราจึงสอนสิ่งนี้แกพวกเธอเลา ? เพราะวาสิ่ง ๆ นี้ ยอมประกอบดวยประโยชน เปนเงื่อนตนของพรหมจรรย เปน ไปพรอมเพื่อความหนายทุกข ความคลายกําหนัด ความดับ ความรํางับ ความรู ยิ่ง ความรูพรอม และนิพพาน; เพราะเหตุนั้น เราจึงสอนสิ่งนี้แกพวกเธอ ทั้งหลาย.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึง ทําความเพียร เพื่อใหรูตามเปนจริงวา "นี้เปนทุกข. นี้เปนเหตุใหเกิดแหงทุกข, นี้เปนความ ดับไมเหลือแหงทุกข, นี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข." ดังนี้เถิด.
- มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๘/๑๗๑๓.
๖๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ทรงพยากรณเฉพาะเรื่องอริยสัจสี่ "….ขาแตพระองคผูเจริญ ! สัจจะที่วา โลกเที่ยง นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่น เปนโมฆะ ดังนั้นหรือ พระเจาขา ?" โปฏฐปาทะ ! ขอที่วา "โลกเที่ยง นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ" ดังนี้นั้น เปนขอที่ เราไมพยากรณ. "ขาแตพระองคผูเจริญ ! สัจจะที่วา โลกไมเที่ยง นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่น เปนโมฆะ ดังนั้นหรือ ?” โปฏฐปาทะ! ขอที่วา "โลกไมเที่ยง นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปน โมฆะ" ดังนี้นั้น เปนขอที่ เราไมพยากรณ. "ขาแตพระองคผูเจริญ ! สัจจะที่วา โลกมีที่สิ้นสุด นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่น เปนโมฆะ ดังนั้นหรือ ? โปฎฐปาทะ! ขอที่วา "โลกมีที่สิ้นสุด นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปน โมฆะ" ดังนี้นั้น เปนขอที่เราไมพยากรณ. "ขาแตพระองคผูเจริญ! สัจจะที่วา โลกไมมีที่สิ้นสุด นี้เทานั้นเปนคําจริง คํา อื่นเปนโมฆะ ดังนั้นหรือ?" โปฏฐปาทะ! ขอที่วา "โลกไมมีที่สิ้นสุด นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่น เปนโมฆะ" ดังนี้นั้น เปนขอที่ เราไมพยากรณ. "ขาแตพระองคผูเจริญ ! สัจจะที่วา ชีวะก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น นี้เทานั้นเปน คําจริง คําอื่นเปนโมฆะ ดังนั้นหรือ ?"
www.buddhadasa.info
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๖๓
โปฏฐปาทะ ! ขอที่วา "ชีวะก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น นี้เทานั้นเปนคํา จริง คําอื่นเปนโมฆะ" ดังนี้นั้น เปนขอที่เราไมพยากรณ. "ขาแตพระองคผูเจริญ ! สัจจะที่วา ชีวะก็อันอื่น สรีระก็อันอื่น นี้เทานั้นเปน คําจริง คําอื่นเปนโมฆะ ดังนั้นหรือ ?” โปฏฐปาทะ ! ขอที่วา "ชีวะก็อันอื่น สรีระก็อันอื่น นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ" ดังนี้นั้น เปนขอที่ เราไมพยากรณ. "ขาแตพระองคผูเจริญ ! สัจจะที่วา ตถาคตภายหลังแตตายแลว ยอมมีอีก นี้ เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ ดังนั้นหรือ?" โปฏฐปาทะ! ขอที่วา "ตถาคตภายหลังแตตายแลว ยอมมีอีก นี้เทานั้น เปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ" ดังนั้นั้น เปนขอที่ เราไมพยากรณ. "ขาแตพระองคผูเจริญ ! สัจจะที่วา ตถาคตภายหลังแตตายแลว ยอมไมมีอีก นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ ดังนั้นหรือ ?" โปฏฐปาทะ! ขอที่วา "ตถาคตภายหลังแตตายแลว ยอมไมมีอีก นี้ เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ" ดังนี้นั้น เปนขอที่ เราไมพยากรณ. "ขาแตพระองคผูเจริญ ! สัจจะที่วา ตถาคตภายหลังแตตายแลว ยอมมีอีกก็มี ไมมีอีกก็มี นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ ดังนั้นหรือ ?" โปฏฐปาทะ ! ขอที่วา "ตถาคตภายหลังแตตายแลว ยอมมีอีกก็มี ไมมีอีกก็มี นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ" ดังนี้นั้น เปนขอที่ เราไม พยากรณ. "ขาแตพระองคผูเจริญ ! สัจจะที่วา ตถาคตภายหลังแกตาย แลวยอมมีอีก ก็หามิได ไมมีอีกก็หามิได นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ ดังนั้นหรือ ?"
www.buddhadasa.info
๖๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
โปฏฐปาทะ ! ขอที่วา "ตถาคตภายหลังแตตายแลว ยอมมีอีกก็หามิได ไมมีอีกก็หามิได นี้เทานั้นเปนคําจริง คําอื่นเปนโมฆะ" ดังนี้นั้น เปนขอที่ เราไม พยากรณ. "ขาแตพระองคผูเจริญ ! เพราะเหตุอะไรเลา ขอนั้น ๆ จึงเปนสิ่งที่ไมทรง พยากรณ? โปฏฐปาทะ ! เพราะเหตุวา นั่นไมประกอบดวยอรรถะ ไมประกอบ ดวยธรรมะ ไมเปนเบื้องตนของพรหมจรรย ไมเปนไปพรอมเพื่อความหนาย ความคลายกําหนัด ความดับ ความระงับ ความรูยิ่ง ความรูพรอม และนิพพาน, เหตุนั้นเราจึงไมพยากรณ. "ขาแตพระองคผูเจริญ! เพราะเหตุอะไรเลา เปนสิ่งที่พระองคทรงพยากรณ ?" โปฏฐปาทะ ! ขอที่เราพยากรณนั้นคือ นี้ทุกข, นี้เหตุใหเกิดทุกข, นี้ความ ดับไมเหลือแหงทุกข, นี้ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข, ดังนี้ "ขาแตพระองคผูเจริญ! เพราะเหตุอะไรเลา จึงทรงพยากรณ?" โปฎฐปาทะ! เพราะเหตุวา นั่นประกอบดวยอรรถะ ประกอบดวย ธรรมะ เปนเบื้องตนของพรหมจรรย เปนไปพรอมเพื่อความหนาย ความคลายกําหนัด ความดับ ความระงับ ความรูยิ่ง ความรูพรอม และนิพพาน, เหตุนั้นเราจึงพยากรณ.
www.buddhadasa.info - สี. ที. ๙/๒๓๒-๒๓๓/๒๙๒-๒๙๓.
ทรงบัญญัติสัจจะ ไมเขาใคร ออกใคร
ภิกษุ ท.! ทั้งในกาลกอนและบัดนี้, เรายอมบัญญัติแต ความทุกข และความดับไมเหลือของทุกข เทานั้น. ภิกษุ ท.! ถาหากวา ในการบัญญัติ
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๖๕
นั้นจะมีชนเหลาอื่นมาดาทอ ตัดพอ เสียดสี กระทบกระทั่ง ตถาคต แลวไซร ความอาฆาต ความเกรี้ยวกราด ความไมยินดีแหงจิต จะมีแกตถาคตเพราะเหตุนั้น ก็หามิได. ภิกษุ ท.! ถาหากวา ในการบัญญัตนั้น จะมีชนเหลาอื่นมาสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ตถาคตไซร ความเพลิดเพลิน ความโสมนัส ความเหอเหิม แหงจิต จะมีแกตถาคต เพราะเหตุนั้น ก็หามิได. ภิกษุ ท.! ถาหากวา ใน การบัญญัตินั้น มีชนเหลาอื่น มาสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ตถาคตไซร ความรูสึกในเรื่องนั้น ยอมเกิดขึ้นแกตถาคต วา "สิ่งใดที่เรากําหนดรอบรูแลว ในกาลกอน เรายอมกระทําใหเหมือนกับที่เรารูในสิ่งนั้น" ดังนี้. - มู. ม. ๑๒/๒๗๘/๒๘๖.
ตรัสถอยคําโดยโวหารโลก แตมิไดทรงยึดถือ โปฏฐปาทะ ! การไดอัตตาเฉพาะอยาง ๓ อยางเหลานี้ มีอยู คือการ ไดอัตตาเฉพาะอยาง ชนิดหยาบ, การไดอัตตาเฉพาะอยาง ชนิดสําเร็จดวยใจ, การไดอัตตาเฉพาะอยาง ชนิดไมมีรูป.
www.buddhadasa.info โปฏฐาปาทะ ! การไดอัตตาเฉพาะอยาง ชนิดหยาบ เปนอยางไรเลา ? ชนิดหยาบคือ อัตตาที่มีรูป ประกอบดวยมหาภูตสี่ มีกวฬีการาหารเปนภักษา. การไดอัตตาเฉพาะอยาง ชนิดสําเร็จดวยใจ เปนอยางไรเลา? ชนิด สําเร็จดวยใจคือ อัตตาที่มีรูป สําเร็จดวยใจ มีอวัยวะนอยใหญครบถวน มีอินทรีย ไมบกพรอง.
๖๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
การไดอัตตาเฉพาะอยาง ชนิดไมมีรูป เปนอยางไรเลา ? ชนิดไมมี รูปคือ อัตตาอันหารูปมิได สําเร็จดวยสัญญา. (ตอจากนี้ไดทรงแสดงการละและอานิสงสแหงการละซึ่งอัตตาทั้งสามนั้น ในลักษณะ ที่นาสนใจอยางยิ่ง แลวทรงผันไปตรัสกะจิตตหัตถิสารีบุตรผูนั่งอยูดวยกันกับโปฏฐปาทะ วา :-)
จิตตะ !…สมัยใด การไดอัตตาเฉพาะอยางชนิดหยาบ สมัยนั้นไม ถึงซึ่งการนับวาไดอัตตาเฉพาะอยางชนิดสําเร็จดวยใจ และชนิดไมมีรูป. คงไดแต อัตตาชนิดหยาบอยางเดียวเทานั้น. จิตตะ ! สมัยใด มีการไดอัตตาเฉพาะอยาง ชนิดสําเร็จดวยใจ สมัยนั้น ไมถึงซึ่งการนับวาไดอัตตาเฉพาะอยางชนิดหยาบและ ชนิดไมมีรูป, คงไดแตอัตตาชนิดสําเร็จดวยใจอยางเดียวเทานั้น. จิตตะ ! สมัย ใด มีการไดอัตตาเฉพาะอยางชนิดไมมีรูป สมัยนั้น ไมถึงซึ่งการนับวาไดอัตตา เฉพาะอยางชนิดหยาบ และชนิดสําเร็จดวยใจ, คงไดแตอัตตาชนิดไมมีรูปอยาง เดียวเทานั้น. จิตตะ ! เปรียบเหมือน นมสดจากแมโค นมสมจากนมสด เนยขนจากนมสม เนยใสจากเนย หัวเนยใสจากเนยใส. สมัยใดเปนนมสด สมัยนั้นไมถึงซึ่งการนับวานมสม เนยขน เนยใส หัวเนยใส, คงนับวาเปนนม สดอยางเดียวเทานั้น. สมัยใดเปนนมสม สมัยนั้นไมถึงซึ่งการนับวาเปนนมสด เนยขน เนยใส หัวเนยใส, คงนับวาเปนนมสมอยางเดียวเทานั้น. สมัยใดเปน เนยขน สมัยนั้นไมถึงซึ่งการนับวาเปนนมสด นมสม เนยใส หัวเนยใส, คง นับวาเปนเนยขนอยางเดียวเทานั้น. สมัยใดเปนเนยใส สมัยนั้นไมถึงซึ่งการ นับวาเปนนมสด นมสม เนยขน หัวเนยใส. คงนับวาเปนเนยใสอยางเดียว เทานั้น. สมัยใดเปนหัวเนยใส สมัยนั้นไมถึงซึ่งการนับวาเปนนมสด นมสม เนยขน เนยใส, คงนับวาเปนหัวเนยใสอยางเดียวเทานั้น; ฉันใดก็ฉันนั้น.
www.buddhadasa.info
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๖๗
จิตตะ ! อัตตา ๓ ชนิดเหลานี้แล เปนโลกสมัญญา โลกนิรุติ โลกโวหาร โลกบัญญัติ ที่ตถาคตก็ กลาวอยูอยางชาวโลก แตมิไดยึดถือความหมาย อยางชาวโลก, ดังนี้. - สี. ที. ๙/๒๔๑, ๒๔๗/๓๐๒, ๓๑๒.
สาวกมาอยูอาศัยพระองค เพราะทรงตอบปญหาอริยสัจได อุทายิ! บางคราวเราบริโภคเสมอขอบปากบาตร บางคราว ยิ่งขึ้นไป, ถาสาวกทั้งหลาย สักการะเคารพนับถือบูชา และมาอยูอาศัยดวยเรา เพราะเขาใจวาเราเปนผูมีอาหารนอย และกลาวสรรเสริญความมีอาหารนอยแลว สาวกพวกที่ฉันอาหารเพียงจอกนอย ครึ่งจอกนอย เทาผลมะตูม กึ่งผลมะตูม ก็จะ หาสักการะเคารพนับถือบูชา แลวและอยูอาศัยดวยเรา เพราะเหตุนั้นไดไม. อุทายิ !…บางคราวเราครองคหบดีจีวร เนื้อแนนละเอียดดวยเสน ดายดุจขนน้ําเตา, ถาสาวกทั้งหลาย สักการะ ฯลฯ อยูอาศัยดวยเรา เพราะ เขาใจวา เราเปนผูสันโดษดวยจีวรตามมีตามไดแลว สาวกพวกที่ถือผาบังสุกุล ทรงจีวรเศราหมอง เสาะหาผาขาด ๆ จากปาชาบาง จากกองขยะมูลฝอยบาง จาก ใตรานตลาดบาง มาทําเปนสังฆาฏิครอง ก็จะหาสักการะ ฯลฯ อยูอาศัยดวยเรา เพราะเหตุนั้นไดไม.
www.buddhadasa.info อุทายิ!…บางคราวเราอยูเกลื่อนกลนดวยภิกษุทั้งหลาย ดวยภิกษุณี ทั้งหลาย ดวยอุบาสกทั้งหลาย ดวยอุบาสิกาทั้งหลาย ดวยพระราชาและอมาตย ของพระราชาทั้งหลาย ดวยเดียรถียและสาวกของเดียรถียทั้งหลาย, ถาวาสาวก
๖๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ทั้งหลายสักการะ ฯลฯ อยูอาศัยดวยเรา เพราะเขาใจวา เราเปนผูเสพเสนาสนะ อันสงัดแลว สาวกพวกที่อยูปา ถือเสนาสนะสงัดในปา มาสูที่ประชุมสงฆ เฉพาะคราวมีปาติโมกขทุก ๆ กึ่งเดือน เทานั้น ก็จะหาสักการะ ฯลฯ อยูอาศัย ดวยเรา เพราะเหตุนั้นไดไม. ฯลฯ อุทายิ !…สาวกทั้งหลายของเรา ถูกความทุกขหยั่งลงแลว มีทุกข อยูตรงหนาแลว ดวยทุกขใด, เธอเหลานั้นเขาไปหาเราแลว ถาม ทุกขอริยสัจ กะเรา เราถูกถามแลว ก็พยากรณให เรายังจิตของเธอเหลานั้น ใหยินดีไดดวย การพยากรณปญหา…..เธอถาม ทุกขสมุทยอริยสัจ, ทุกขนิโรธอริยสัจ, และทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ กะเรา, เราถูกถามแลว ก็พยากรณให เรายังจิตของเธอเหลานั้น ใหยินดีไดดวยการพยากรณปญหา. อุทายิ ! นี่แล เปนเหตุใหสาวกทั้งหลายของเรา สักการะ เคารพ นับถือ บูชา แลวและอยูอาศัย ดวยเรา. - ม. ม. ๑๓/๓๑๘-๓๒๓/๓๒๔-๓๓๒.
www.buddhadasa.info พระพุทธเจา ทั้งในอดีต - อนาคต - ปจจุบัน ลวนแตตรัสรูอริยสัจสี่
ภิกษุ ท.! พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาองคใด ๆ ไดตรัสรูตาม เปนจริงไปแลว ในกาลยืดยาวนานฝายอดีต, ทานทั้งหลายเหลานั้น ไดตรัสรู ตามเปนจริง ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อยาง. ภิกษุ ท.! พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจาองคใด ๆ จักไดตรัสรูตามเปนจริง ตอกาลยืดยาวนานฝายอนาคต, ทานทั้งหลายเหลานั้น ก็จักไดตรัสรูตามเปนจริง ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อยาง.
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๖๙
ภิกษุ ท.! แมพระอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ผูตรัสรูตามเปนจริงอยู ในกาล เปนปจจุบันนี้ ก็ไดตรัสรูอยู ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อยาง. ความจริงอัน ประเสริฐสี่อยางนั้น เหลาไหนเลา ? สี่อยางคือ ความจริงอันประเสริฐคือ ทุกข. ความจริงอันประเสริฐ คือ เหตุใหเกิดทุกข, ความจริงอันประเสริฐ คือ ความดับ ไมเหลือของทุกข, และความจริงอันประเสริฐ คือ ทางดําเนินใหถึงความดับไม เหลือของทุกข. ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึง ทําความเพียร เพื่อใหรูตามเปนจริง วา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดทุกข, นี้เปนความดับ ไมเหลือของทุกข. และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข;" ดังนี้ เถิด. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๓/๑๗๐๔.
เหตุที่ตองมีพระพุทธองคและธรรมวินัยอยูในโลก
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.!ถาธรรมชาติ ๓ อยางเหลานี้ ไมพึงมีอยูในโลกแลวไซร; ตถาคตก็ไมตองเกิดขึ้นในโลก เปนอรหันตสัมมาสัมพุทธะ, และธรรมวินัยที่ ตถาคตประกาศแลว ก็ไมตองรุงเรืองไปในโลก. ธรรมชาติ ๓ อยางนั้น คือ อะไรเลา ? คือ ชาติ ชรา และ มรณะ (ทุกขอริยสัจ).ภิกษุ ท.! ธรรมชาติ ๓ อยางเหลานี้แล ถาไมมีอยูในโลกแลวไซร, ตถาคตก็ไมตองเกิดขึ้นในโลกเปน อรหันตสัมมาสัมพุทธะ และธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแลวก็ไมตองรุงเรืองไป ในโลก.
๗๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิกษุ ท.! เพราะเหตุใดแล ที่ ธรรมชาติ ๓ อยางเหลานี้ มีอยูใน โลก, เพราะเหตุนั้น ตถาคตจึงตองเกิดขึ้นในโลก เปนอรหันตสัมมาสัมพุทธะ และ ธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแลวจึงตองรุงเรืองไปในโลก. - ทสก. อํ. ๒๔/๑๕๔/๗๖.
ผูชวยใหรูอริยสัจ นับเนื่องอยูในบุคคลผูมีอุปการะมาก ภิกษุ ท.! บุคคลมีอุปการะมากตอบุคคล สามจําพวกเหลานี้ มีอยู. สามจําพวกเหลาไหนเลา ? ภิกษุ ท.! บุคคลอาศัยบุคคลใดแลว ไดเปนผูถึงพระพุทธเจา เปนสรณะ ถึงพระธรรมเปนสรณะ ถึงพระสงฆเปนสรณะ. ภิกษุ ท.! บุคคลนี้ ชื่อวาเปนผูมีอุปการะมากตอบุคคลนี้. ภิกษุ ท.! ขออื่นอีก, บุคคลอาศัยบุคคลใดแลว ไดรูชัดตามเปนจริงวา "นี้ ทุกข, นี้ ทุกขสมุทัย, นี้ ทุกขนิโรธ, นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา" ดังนี้. ภิกษุ ท.! บุคคลนี้ ชื่อวามีอุปการะมากตอบุคคลนี้.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! ขออื่นอีก, บุคคลอาศัยบุคคลใดแลว ไดทําใหแจงซึ่ง เจโตวิมุตติปญญาวิมุตติอันหาอาสวะมิได เพราะความสิ้นไปแหงอาสวะทั้งหลาย ดวยปญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรม เขาถึงแลวแลอยู. ภิกษุ ท.! บุคคลนี้ ชื่อวามีอุปการะมากตอบุคคลนี้.
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๗๑
ภิกษุ ท.! บุคคล ๓ จําพวกเหลานี้แล ชื่อวาบุคคลผูมีปุปการะมาก ตอบุคคล. ภิกษุ ท.! เรากลาววา ไมมีบุคคลอื่นที่มีอุปการะมากตอบุคคล ยิ่ง ไปกวาบุคคล ๓ จําพวกนี้. ภิกษุ ท.! สําหรับบุคคล ๓ จําพวกนั้น บุคคลจะกระทําปฏิการะได โดยงายหามิได แมดวยการอภิวาท การลุกขึ้นยืนรับ การทําอัญชลี การทําสามีจิกรรม และการตามถวายซึ่งจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปจจยเภสัชชบริขาร, แล. - ติก. อํ. ๒๐/๑๕๕/๔๖๓.
www.buddhadasa.info
๗๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
- ๔ -
การรูอริยสัจ ไมเปนสิ่งสุดวิสัย ทั้งในอดีต อนาคต ปจจุบัน ลวนมีการประกาศอริยสัจ ตามเปนจริง ภิกษุ ท.! ในกาลยืดยาวนานฝายอดีต, สมณะหรือพราหมณเหลา ใด ประกาศธรรมที่ตนรูดียิ่งแลวตามเปนจริง สมณะหรือพราหมณเหลานั้น ทุกทาน ประกาศแลว ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อยาง, ในกาลยืดยาวนาน ฝายอนาคต, สมณะหรือพราหมณเหลาใด จักประกาศธรรมที่ตนรูดียิ่งแลว ตามเปนจริง สมณะหรือพราหมณเหลานั้นทุกทาน จักประกาศซึ่งความจริง อันประเสริฐสี่อยาง. ในกาลเปนปจจุบันนนี้, สมณะหรือพราหมณเหลาใด ประกาศอยูซึ่งธรรมที่ตนรูดียิ่งแลวตามเปนจริง สมณะหรือพราหมณเหลานั้น ทุกทาน ยอมประกาศอยู ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อยาง. ความจริงอันประเสริฐสี่อยางนั้นเหลาไหนเลา ? สี่อยางคือความจริงอันประเสริฐ คือ ทุกข, เหตุใหเกิดทุกข, ความดับไมเหลือของทุกข, และทางดําเนินใหถึงความดับไม เหลือของทุกข.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึง ทําความเพียร เพื่อใหรูตามเปนจริง วา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข, นี้เปนความ ดับไมเหลือแหงทุกข, นี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข," ดังนี้เถิด. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๒๓/๑๖๕๙.
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๗๓
มีบุคคลบวชแลวรูอริยสัจ ทั้งในอดีต - อนาคต - ปจจุบัน ภิกษุ ท.! ในกาลยืดยาวนานฝายอดีต, กุลบุตรเหลาใด ออกจาก เรือนบวชแลว เปนผูไมเกี่ยวของดวยเรือน ไดรูพรอมยิ่งแลวตามเปนจริง, กุลบุตรทั้งหมดนั้น ไดรูพรอมยิ่งแลว ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อยาง. ใน กาลยืดยาวนานฝายอนาคต, กุลบุตรเหลาใด จักออกจากเรือนบวช เปนผู ไมเกี่ยวของดวยเรือน จักรูพรอมยิ่งตามเปนจริง, กุลบุตรทั้งหมดนั้น ก็จัก รูพรอมยิ่งแลว ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อยาง. และในกาลเปนปจจุบันนี้, กุลบุตรเหลาใด ออกจากเรือนบวชอยู เปนผูไมเกี่ยวของดวยเรือน รูพรอม ยิ่งอยูตามเปนจริง, กุลบุตรทั้งหมดนั้น ก็รูพรอมยิ่งอยู ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อยาง. ความจริงอันประเสริฐสี่อยางนั้น เหลาไหนเลา ? สี่อยางคือ ความจริงอันประเสริฐ คือทุกข, เหตุใหเกิดทุกข, ความดับไมเหลือของทุกข, และทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข. ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึง ทําความเพียร เพื่อใหรูตามเปนจริง วา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข, นี้เปน ความดับไมเหลือแหงทุกข, นี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข," ดังนี้เถิด.
www.buddhadasa.info - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๒๑/๑๖๕๗.
ทั้งอดีต-อนาคต-ปจจุบัน ลวนแตมีการรูอริยสัจ ภิกษุ ท.! บุคคลทั้งหลายเหลาใด จะเปนสมณะหรือพราหมณ ก็ตาม ใน กาลยืดยาวฝายอดีต ไดรูพรอมเฉพาะแลวตามคาวมเปนจริง, บุคคลเหลานั้น ทั้งหมด ก็ไดรูพรอมเฉพาะแลวตามความเปนจริง ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อยาง.
๗๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิกษุ ท.! บุคคลทั้งหลายเหลาใด จะเปนสมณะหรือพราหมณก็ตาม ใน กาลยืดยาวฝายอนาคต จักรูพรอมเฉพาะตามความเปนจริง, บุคคลเหลานั้น ทั้งหมด ก็จักรูพรอมเฉพาะตามความเปนจริง ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อยาง. ภิกษุ ท.! บุคคลทั้งหลายเหลาใด จะเปนสมณะหรือพราหมณก็ตาม ใน กาลนี้ รูพรอมเฉพาะตามความเปนจริงอยู, บุคคลเหลานั้นทั้งหมด ก็รู พรอมเฉพาะตามความเปนจริงอยู ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่อยาง. ภิกษุ ท.! ความจริงอันประเสริฐสี่อยาง เหลาไหนเลา ? สี่อยางคือ ความจริงอันประเสริฐเรื่องทุกข, ความจริงอันประเสริฐเรื่องเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข, ความจริงอันประเสริฐเรื่องความดับไมเหลือแหงทุกข, และความจริงอันประเสริฐเรื่อง ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข. ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงประกอบโยคกรรม๑ อัน เปนเครื่องทําใหรูวา "ทุกข เปนอยางนี้, เหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข เปนอยางนี้, ความดับไมเหลือแหงทุกข เปนอยางนี้, ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหง ทุกข เปนอยางนี้," ดังนี้.
www.buddhadasa.info - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๒๒/๑๖๕๘.
๑. โยคกรรม คือ การกระทําความเพียรอยางมีระบบ อยางแข็งขันเต็มที่ เพื่อใหสํา เร็จ ประโยชนตามความมุง หมาย เรียกกัน ทั่ว ไปวา "โยคะ"; ไดระหวางศาสนาทุกศาสนา.
ในรูปแบบหนึ่ง ๆ เปน คํา กลางใช กั น
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๗๕
ตรัสวาจงหลีกเรน แลวจักรูอริยสัจ ภิกษุ ท.! พวกเธอทั้งหลาย จงประกอบความเพียรในการหลีกเรน เถิด. ภิกษุ ผูหลีกเรน ยอมรูไดตามเปนจริง, รูไดตามเปนจริงซึ่งอะไรเลา ? รูไดตามเปนจริง ซึ่ง ความจริงอันประเสริฐ วา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิด ทุกข, นี้เปนความดับไมเหลือของทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับ ไมเหลือของทุกข;" ดังนี้. ภิกษุ ท.! พวกเธอทั้งหลาย จงประกอบความเพียร ในการหลีกเรนเถิด. ภิกษุผูหลีกเรน ยอมรูไดตามเปนจริง. ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึง ทําความเพียร เพื่อใหรูตามเปนจริง วา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข, นี้เปนความ ดับไมเหลือแหงทุกข, นี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข," ดังนี้เถิด. - มหาวาร.สํ. ๑๙/๕๒๐/๑๖๕๕.
ตรัสวาจงเจริญสมาธิ จักรูอริยสัจตามเปนจริง
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! พวกเธอทั้งหลาย จงเจริญสมาธิเถิด. ภิกษุ ท.! ภิกษุ ผูมีจิตเปนสมาธิแลว ยอมรูไดตามเปนจริง. รูไดตามเปนจริงซึ่งอะไรเลา ? รูไดตามเปนจริง ซึ่ง ความจริงอันประเสริฐ วา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิด ทุกข, นี้เปนความดับไมเหลือของทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับ ไมเหลือของทุกข;" ดังนี้. ภิกษุ ท.! พวกเธอทั้งหลาย จงเจริญสมาธิเถิด. ภิกษุ ท.! ภิกษุผูมีจิตเปนสมาธิแลว ยอมรูไดตามเปนจริง.
๗๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้พวกเธอพึง ทําความเพียร เพื่อใหรูตามเปนจริง วา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข, นี้เปน ความดับไมเหลือแหงทุกข, นี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข;" ดังนี้เถิด. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๒๐/๑๖๕๔.
จิตเปนสมาธิแลว รูอริยสัจไดแจมใส เหมือนเห็นของในน้ําอันใส ...ครั้นจิตตั้งมั่น บริสุทธิ์ผุดผอง ไมมีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส เปนธรรมชาติออนโยน ความแกการงาน ตั้งอยูได ไมหวั่นไหว เชนนี้แลว, เธอก็นอมจิตไปเฉพาะตอ ญาณเปนเครื่องสิ้นไปแหงอาสวะทั้งหลาย.เธอยอม รูชัดตามเปนจริงวา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดทุกข, นี้เปนความดับไม เหลือของทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข; เหลานี้ เปนอาสวะทั้งหลาย, นี้เปนเหตุใหเกิดอาสวะ, นี้เปนความดับไมเหลือของ อาสวะ, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของอาสวะ;" ดังนี้. เมื่อ เธอรูอยูอยางนี้ เห็นอยูอยางนี้จิตก็พนแลว จาก อาสวะคือกาม อาสวะคือ ภพ อาสวะคืออวิชชา. ครั้นจิตพนแลวก็เกิดญาณหยั่งรูวา "พนแลว" เธอรูชัดวา "ชาติสิ้นแลวพรหมจรรยอยูจบแลวกิจที่ควรทําไดทําสําเร็จแลว กิจอื่นที่จะตองทําเพื่อความหลุดพนอยางนี้ มิไดมีอีก" ดังนี้. ภิกษุ ท.! เปรียบเหมือนหวงน้ําใส ที่ไหลเขา ไมขุนมัว, คนมีจักษุ (ไมบอด) ยืนอยูบนฝง ณ ที่นั้น : เขาจะเห็นหอยตาง ๆ บาง กรวดและหินบาง
www.buddhadasa.info
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๗๗
ฝูงปลาบาง อันหยุดอยูและวายไปในหวงน้ํานั้น. เขาจําจะสํานึกใจอยางนี้ วา "หวงน้ํานี้ใสไมขุนมัวเลย : หอย กอนกรวด ปลาทั้งหลายเหลานี้ หยุดอยู บาง วายไปบาง ในหวงน้ํานั้น" : อุปมานี้เปนฉันใด; ภิกษุ ท.! อุปไมย ก็ฉันนั้นเหมือนกัน, ภิกษุนั้น ยอมรูชัดตามเปนจริง วา "นี้เปนทุกข, นี้เปน เหตุใหเกิดทุกข. นี้เปนความดับไมเหลือของทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึง ความดับไมเหลือของทุกข; เหลานี้เปนอาสวะทั้งหลาย, นี้เปนเหตุใหเกิดอาสวะ, นี้เปนความดับไมเหลือของอาสวะ, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือ ของอาสวะ;" ดังนี้. เมื่อเธอรูอยูอยางนี้ เห็นอยูอยางนี้ จิตก็พนแลว จาก อาสวะคือกาม อาสวะคือภพ อาสวะคืออวิชชา. ครั้นจิตพนแลว ก็เกิดญาณ หยั่งรู วา "พนแลว" เธอนั้นรูชัดวา "ชาติสิ้นแลว พรหมจรรยอยูจบแลว กิจ ที่ควรทําไดทําสําเร็จแลว กิจอื่นที่จะตองทําเพื่อความหลุดพนอยางนี้ มิไดมีอีก" ดังนี้. - มู. ม. ๑๒/๕๐๙/๔๗๗.
เมื่อประพฤติถูกทาง กิริยาที่ไปนิพพาน เบาสบายเหมือนไมลอยตามน้ํา
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! พวกเธอไดเห็น ทอนไมใหญโนน ซึ่งลอยมาโดยกระแส แมน้ําคงคาหรือไม ? ภิกษุทั้งหลายกราบทูลวา "ไดเห็นแลว พระเจาขา !"
ภิกษุ ท.! ถาทอนไมนั้น จะไมเขาไปติดเสียที่ ฝงใน หรือฝงนอก, ไมจมเสียในกลางน้ํา, ไมขึ้นไปติดแหงอยูบนบก, ไมถูกมนุษยจับไว, ไมถูก อมนุษยจับไว, ไมถูกเกลียวน้ําวนวนไว, ไมผุเสียเองในภายใน ไซร, ทอนไมที่
๗๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
กลาวถึงนี้ จักลอยไหลพุงออกไปสูทะเล เพราะเหตุวา ลําแมน้ําคงคาโนมนอม ลุมลาด เอียงเทไปสูทะเล, อุปมานี้ฉันใด; ภิกษุ ท.! อุปไมยก็ฉันนั้น เหมือนกัน, แมพวกเธอทั้งหลาย : ถาพวกเธอไมเขาไปติดเสียที่ฝงใน, ไมเขา ไปติดเสียที่ฝงนอก, ไมจมเสียในทามกลาง, ไมติดแหงอยูบนบก, ไมถูกมนุษย จับไว, ไมถูกอมนุษยจับไว, ไมถูกเกลียวน้ําวนวนไว, ไมเนาเสียเองในภายใน ไซร, พวกเธอก็จะเลื่อนไหลไปสูนิพพาน เพราเหตุวา สัมมาทิฏฐิ มีธรรมดา ที่โนมนอม ลุมลาด เอียงเทไปสูนิพพาน. ฯลฯ. ภิกษุ ท.! คําวา 'ฝงใน' เปนชื่อของอายตนะภายใน ๖ อยาง คําวา 'ฝงนอก' เปนชื่อของอายตนะภายนอก ๖ อยาง. คําวา 'จมเสียในทามกลาง' เปนชื่อของนันทิราคะ. คําวา 'ขึ้นไปติดแหงอยูบนบก' เปนชื่อของอัสมิมานะ (ความสําคัญวาเรามีเราเปน). คําวา 'ถูกมนุษยจับไว' ไดแกภิกษุในกรณีนี้ เปนผู ระคนดวยคฤหัสถ เพลิดเพลินดวยกัน โศกเศราดวยกัน, มีสุข เมื่อคฤหัสถ เหลานั้นมีสุข, เปนทุกข เมื่อคฤหัสถเหลานั้นเปนทุกข, ประกอบการงานใน กิจการที่บังเกิดขึ้นแกคฤหัสถเหลานั้นดวยตน : ภิกษุนี้ เราเรียกวาผูถูกมนุษยจับ ไว. คําวา 'ถูกอมนุษยจับไว' ไดแก ภิกษุบางรูป ในกรณีนี้ ประพฤติพรหมจรรย โดยตั้งความปรารถนาเทพนิกายชั้นใดชั้นหนึ่ง วา ดวยศีลนี้ หรือดวยวัตรนี้ หรือวาดวยตบะนี้ เราจักไดเปนเทวดาผูมีศักดาใหญ หรือเปนเทวดาผูที่ศักดานอย อยางใดอยางหนึ่ง ดังนี้ : ภิกษุนี้ เราเรียกวาผูถูกอมนุษยจับไว คําวา 'ถูก เกลียวน้ําวนวนไว' เปนชื่อของกามคุณ ๕ ภิกษุเปนผูเนาเสียเองในภายใน คืออยางไรเลา ? คือ ภิกษุบางรูปในกรณีนี้ เปนคนทุศีล มีความเปนอยูลามก ไมสะอาด มีความประพฤติชนิดที่ตนเองนึกแลวก็กินแหนงตัวเอง มีการกระทํา ที่ตองปกปดซอนเรน ไมใชสมณก็ปฏิญญาวาเปนสมณะ ไมใชคนประพฤติ
www.buddhadasa.info
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ พรหมจรรยก็ปฏิญญาวาเปนคนประพฤติพรหมจรรย เปนคนเนาใน มีสัญชาติหมักหมมเหมือนบอที่เทขยะมูลฝอย; ภิกษุนี้ เราเรียกวา เองในภายใน แล.
๗๙ เปยกแฉะ ผูเนาเสีย
- สฬา. สํ. ๑๘/๒๒๓-๒๒๔/๓๒๒-๓๒๓.
การรูจักอันตคาหิกทิฏฐิไมเกี่ยวกับ การรูอริยสัจและการประพฤติพรหมจรรย มาลุงกยบุตร ! อะไรเลา เปนสิ่งที่เราไมพยากรณ? มาลุงกยบุตร ! ทิฏฐิวา "โลกเที่ยง" ดังนี้ เปนสิ่งที่เราไมพยากรณ. มาลุงกยบุตร ! ทิฏฐิวา "โลกไมเที่ยง" ดังนี้ เปนสิ่งที่เราไมพยากรณ. มาลุงกยบุตร ! ทิฏฐิวา "โลกมีที่สิ้นสุด" ดังนี้ เปนสิ่งที่เราไมพยากรณ. มาลุงกยบุตร ! ทิฏฐิวา "โลกไมมีที่สิ้นสุด" ดังนี้ เปนสิ่งที่เราไม พยากรณ. มาลุงกยบุตร ! ทิฏฐิวา "ชีวะก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น" ดังนี้ เปนสิ่ง ที่เราไมพยากรณ. มาลุงกยบุตร ! ทิฏฐิวา "ชีวะก็อันอื่น สรีระก็อันอื่น" ดังนี้ เปนสิ่งที่ เราไมพยากรณ. มาลุงกยบุตร ! ทิฏฐิวา "ตถาคตภายหลังแตตายแลว ยอมมีอีก" ดังนี้ เปนสิ่งที่เราไมพยากรณ. มาลุงกยบุตร ! ทิฏฐิวา "ตถาคตภายหลังแตตายแลว ยอมไมมีอีก" ดังนี้ เปนสิ่งที่เราไมพยากรณ.
www.buddhadasa.info
๘๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
มาลุงกยบุตร ! ทิฏฐิวา "ตถาคตภายหลังแตตายแลว ยอมมีอีกก็มี ไมมีอีกก็มี" ดังนี้ เปนสิ่งเราไมพยากรณ. มาลุงกยบุตร ! ทิฏฐิวา "ตถาคตภายหลังแตตายแลว ยอมมีอีกก็หา มิได ไมมีอีก็หามิได” ดังนี้ เปนสิ่งที่เราไมพยากรณ. มาลุงกยบุตร ! เพราะเหตุไร นั่นจึงเปนสิ่งที่เราไมพยากรณ ? เพราะ เหตุวา นั่นไมประกอบดวยประโยชน ไมเปนเบื้อตนแหงพรหมจรรย ไมเปน ไปพรอมเพื่อความหนาย ความคลายกําหนัด ความดับ ความระงับ ความรูยิ่ง ความรูพรอม และนิพพาน. เหตุนั้น นั่นจึงเปนสิ่งที่เราไมพยากรณ. มาลุงกยบุตร! อะไรเลา เปนสิ่งที่เราพยากรณ? มาลุงกยบุตร! สัจจะวา "นี้ ความทุกข" ดังนี้ เปนสิ่งที่เราพยากรณ. มาลุงกยบุตร! สัจจะวา "นี้ ความดับไมเหลือแหงทุกข" ดังนี้ เปนสิ่งที่ เราพยากรณ. มาลุงกยบุตร! “นี้ ทางเดินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข" ดังนี้ เปน สิ่งที่เราพยากรณ.
www.buddhadasa.info มาลุงกยบุตร! เพราะเหตุไร นั่นจึงเปนสิ่งที่เราพยากรณ ? เพราะ เหตุวา นั่น ประกอบดวยประโยชน นั่นเปนเบื้องตนแหงพรหมจรรย นั่น เปนไปพรอมเพื่อความหนาย ความคลายกําหนัด ความดับไมเหลือ ความระงับ ความรูยิ่ง ความรูพรอม และนิพพาน, เหตุนั้น นั่นเราจึงพยากรณ
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๘๑
มาลุงกยบุตร! เพราะเหตุนั้นในเรื่องนี้ เธอจึงถือเอาสิ่งที่เราไมพยากรณ โดยความเปนสิ่งที่เราไมพยากรณ และสิ่งที่เราพยากรณโดยความเปนสิ่งที่เราพยากรณ ดังนี้เถิด. มาลุงกยบุตร ! เมื่อทิฏฐิวา "โลกเที่ยง" ดังนี้ มีอยู, มันจะเปนการ ประพฤติพรหมจรรยขึ้นมาก็หามิได; เมื่อทิฏฐิวา "โลกไมเที่ยง" ดังนี้ มีอยู, มันจะเปนการประพฤติพรหมจรรยขึ้นมาก็หามิไดอีกนั่นเอง. มาลุงกยบุตร! เมื่อทิฏฐิวา โลกเที่ยง หรือวา โลกไมเที่ยง ก็ตาม มีอยู; ชาติก็ยังมี ชราก็ยังมี มรณะก็ยังมี, โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส ทั้งหลาย ก็ยังมี, อันเปน สิ่งที่เราบัญญัติการกําจัดมันเสียในทิฏฐธรรมนี้. มาลุงกยบุตร ! เมื่อทิฏฐิวา "โลกมีที่สิ้นสุด" ดังนี้ มีอยู, มันจะเปน การประพฤติพรหมจรรยขึ้นมาก็หามิได; เมื่อทิฏฐิวา "โลกไมมีที่สิ้นสุด" ดังนี้ มีอยู, มันจะเปนการประพฤติพรหมจรรยขึ้นมาก็หามิไดอีกนั่นเอง. มาลุงกบุตร ! เมื่อทิฏฐิวา โลกมีที่สิ้นสุด หรือวา โลกไมมีที่สิ้นสุด ก็ตามมีอยู; ชาติก็ยังมี ชราก็ยังมี มรณะก็ยังมี, โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส ทั้งหลายก็ยังมี, อันเปนสิ่งที่เราบัญญัติการกําจัดมันเสียในทิฏฐธรรมนี้.
www.buddhadasa.info มาลุงกยบุตร ! เมื่อทิฏฐิวา "ชีวะก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น" ดังนี้ มีอยู, มันจะเปนการประพฤติพรหมจรรยขึ้นมาก็หามิได; เมื่อทิฏฐิวา "ชีวะอันอื่น สรีระก็อันอื่น" ดังนี้ มีอยู, มันจะเปนการประพฤติพรหมจรรยขึ้นมาก็หามิไดอีก นั่นเอง. มาลุงกยบุตร ! เมื่อทิฏฐิวา ชีวะก็อันนั้นสรีระก็อันนั้น หรือวาชีวะก็ อันอื่น สรีระก็อันอื่น ก็ตาม มีอยู, ชาติก็ยังมี ชราก็ยังมี มรณะก็ยังมี, โสกะ
๘๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส ทั้งหลาย ก็ยังมี, อันเปนสิ่งที่เราบัญญัติการ กําจัดมันเสียในทิฏฐธรรมนี้. มาลุงกยบุตร ! เมื่อทิฏฐิวา "ตถาคตภายหลังแตตายแลวยอมมีอีก" ดังนี้ มีอยู, มันจะเปนการประพฤติพรหมจรรยขึ้นมาก็หามิได; เมื่อทิฏฐิวา "ตถาคตภายหลังแตตายแลว ยอมไมมีอีก" ดังนี้ มีอยู, มันจะเปนการประพฤติ พรหมจรรยขึ้นมาก็หามิไดอีกนั่นเอง. มาลุงกยบุตร ! เมื่อทิฏฐิวา ตถาคต ภายหลังแตตายแลวยอมมีอีก หรือวา ตถาคตภายหลังแตตายแลวยอมไมมีอีก ก็ตาม มีอยู; ชาติก็ยังมี ชราก็ยังมี มรณะก็ยังมี, โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส ทั้งหลาย ก็ยังมี, อันเปนสิ่งที่เราบัญญัติการกําจัดมันเสียในทิฏฐธรรมนี้. มาลุงกยบุตร ! เมื่อทิฏฐิวา "ตถาคตภายหลังแตตายแลว ยอมมีอีก ก็มีไมมีอีกก็มี" ดังนี้ มีอยู, มันจะเปนการประพฤติพรหมจรรยขึ้นมาก็หามิได; เมื่อทิฏฐิวา "ตถาคตภายหลังแตตายแลว ยอมมีอีกก็หามิไดไมมีอีกก็หามิได" ดังนี้ มีอยู, มันจะเปนการประพฤติพรหมจรรยขึ้นมาก็หามิไดอยูนั่นเอง. มาลุงกยบุตร ! เมื่อทิฏฐิวา ตถาคตภายหลังแตตายแลวยอมมีอีกก็มีไมมีอีกก็มี หรือวา ตถาคต ภายหลังแตตายแลวยอมมีอีกก็หามิไดไมมีอีกก็หามิได ก็ตาม มีอยู; ชาติก็ยังมี ชราก็ยังมี มรณะก็ยังมี, โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาส ทั้งหลาย ก็ยังมี. อันเปนสิ่งที่เราบัญญัติการกําจัดมันเสียในทิฏฐธรรมนี้.
www.buddhadasa.info - ม. ม. ๑๓/๑๕๑, ๑๕๐/๑๕๒, ๑๕๑.
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๘๓
สัจจะและหลักถึงปฏิบัติเกี่ยวกับการถึงสัจจะ (ตามธรรมชาติมนุษยแตละคนมีสิ่งที่เราเรียกวาความจริง ที่เขาถือเปนหลักประจําตัว ของเขาอยูดวยกันทั้งนั้น แลวแตวาเขาไดทําใหมันเกิดขึ้นในใจของเขาอยางไร ซึ่งอยากที่จะ เปลี่ยนแปลงได. แตวาความจริงชนิดนี้ยังไมใชความจริงที่เด็ดขาด ยังไมสูงสุด ยังใชเปน ประโยชนในขั้นสูงสุดไมได. ดังนั้นความจริงนั้น จะตองถูกปรับปรุงใหชัดเจนแจมแจงยิ่งขึ้นไป จนกวาจะกลายเปนความจริงที่ใชใหสําเร็จประโยชนไดจริง โดยวิธีพระพุทธองคไดตรัสไวอยาง นาอัศจรรย; กลาวคือไมยึดมั่นถือมั่นความจริงอันดับแรกนั้น แตหลอเลี้ยงมันไวในลักษณะ ที่มันจะพิสูจนความเปนของจริงออกมาในตัวการปฏิบัตินั้นเอง. ในพระพุทธภาษิตที่ทรงแนะนําไวอยางยืดยาวนี้ จําเปนที่จะตองแบงออกเปน ๔ ตอน คือ ลักษณะของความจริง ที่ชาวโลกจะไดมาตามธรรมชาติ ซึ่งยังไมเปนความจริงแท ยัง จะตองเปลี่ยนไปตามเหตุตามปจจัย นี้ตอนหนึ่ง, การหลอเลี้ยงความจริงอันนั้นไว ใหมีโอกาส พิสูจนความจริงที่ยิ่งขึ้นไป นี้ตอนหนึ่ง, การแสวงหาความจริง จากบุคคลที่กําลังปฏิบัติความจริง ที่ตนประสงคจะรูใหแนชัด นี้ตอนหนึ่ง, เมื่อไดความแนชัดมาแลว ตนเองที่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ อันนั้น จนพบความจริงนั้นดวยตนเองโดยประจักษ ไมตองคาดคะเน ไมตองคํานวณ ไมตอง เชื่อตามผูอื่นอีกตอไป นับวาเปนการเขาถึงหัวใจแหงควมจริงในกรณีนั้น เปนตอนสุดทาย.
www.buddhadasa.info ตอไปนี้เปนพระพุทธภาษิตที่ตรัสปรารภ
ความจริงที่เปนไปตามภาษาชาวโลก
ตาม
ธรรมชาติ :-)
(ก. ความจริงตามแบบของชาวโลกตามธรรมชาติ)
ภารทวาชะ ! เมื่อกอนทานไดถึงความเชื่อ (อยางใดอยางหนึ่งลงไป แลว) มาบัดนี้ทานกลาวมันวา (เปนเพียง) สิ่งที่ไดยินไดฟงมา. ภารทวาชะ ! สิ่งทั้งหานี้ อยางที่เราเห็น ๆ กันอยูในบัดนี้ เปนสิ่งที่มีผลเปน ๒ ฝาย. สิ่งทั้ง หานั้น คืออะไรเลา ? คือ ความเชื่อ (วาจริง), ความชอบใจ (วาจริง), เรื่องที่
๘๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ฟงตาม ๆ กันมา (วาจริง), ความตริตรึกไปตามเหตุผลที่แวดลอม (วาจริง), และ ขอยุตติที่ทนไดตอการเพงพินิจดวยความเห็นของเขา (วาจริง), ดังนี้ นี่แหละ คือสิ่งทั้งหาที่เราเห็น ๆ กันอยูในบัดนี้ ซึ่งเปนสิ่งที่มีผลเปน ๒ ฝาย. ภารทวาชะ ! สิ่งที่เชื่อ กันแลวเปนอยางดีนั่นแหละ ก็มีอยู, แตวาสิ่งนั้นเปนของเปลา เปนของ ไมจริง เปนของเท็จ อยูก็มี; แม สิ่งที่ไมเชื่อกัน แลวเปนอยางดี ก็มีอยู, แตวา สิ่งนั้นกลับเปนของจริง ของแท ของไมผิดเปนอยางอื่น อยูก็มี. ภารทวาชะ ! สิ่งที่ชอบใจ กันแลวเปนอยางดีนั่นแหละ ก็มีอยู, แตวาสิ่งนั้นเปนของเปลา เปน ของไมจริง เปนของเท็จ อยูก็มี; แม สิ่งที่ไมชอบใจ กันแลวเปนอยางดี ก็มีอยู, แตวาสิ่งนั้นกลับเปนของจริง ของแท ของไมผิดเปนอยางอื่น อยูก็มี. ภารทวาชะ ! สิ่งที่ไดฟงตามกันมาแลวเปนอยางดีนั่นแหละ ก็มีอยู, แตวาสิ่งนั้นเปนของเปลา เปนของไมจริง เปนของเท็จอยูก็มี; แม สิ่งที่ไมไดฟงตามกัน มาแลวเปนอยาง ดี ก็มีอยู, แตวาสิ่งนั้นกลับเปนของจริง ของแท ของไมผิดเปนอยางอื่น อยูก็มี. ภารทวาชะ! สิ่งที่ไดตริตรึก กันมาแลวเปนอยางดีนั่นแหละ ก็มีอยู, แตวาสิ่ง นั้นกลับเปนของเปลา เปนของไมจริง เปนของเท็จอ ยูก็มี; แม สิ่งที่ไมได ตริตรึก กันมาแลวเปนอยางดี ก็มีอยู, แตวาสิ่งนั้นกลับเปนของจริง ของแท ของไมผิดเปนอยางอื่น อยูก็มี. ภารทวาชะ! สิ่งที่ไดเพงพินิจ กันมาแลวเปน อยางดีนั่นแหละ ก็มีอยู, แตวาสิ่งนั้นกลับเปนของเปลา เปนของไมจริง เปน ของเท็จ อยูก็มี; แม สิ่งที่ไมไดเพงพินิจ กันมาแลวเปนอยางดี ก็มีอยู, แตวา สิ่งนั้นกลับเปนของจริง ของแท ของไมผิดเปนอยางอื่น อยูก็มี. ภารทวาชะ ! วิญูชนผูจะตามรักษาไวซึ่งความจริง อยาพึงถึงซึ่งการสันนิษฐานโดยสวนเดียว วา "อยางนี้เทานันจริง, อยางอื่นเปลา" ดังนี้
www.buddhadasa.info
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๘๕
"ขาแตพระโคดมผูเจริญ ! การตามรักษาไวซึ่งความจริง (สจฺจานุรกฺขณา) นั้น มีไดดวยการกระทําเพียงเทาไร ? บุคคลจะตามรักษาไวซึ่งความจริงนั้นได ดวยการ กระทําเพียงเทาไร ? ขาพเจาขอถามพระโคดมผูเจริญถึง วิธีการตามรักษาไวซึ่งความจริง." (ตอไปนี้พระผูมีพระภาคเจา ไดตรัสวิธี การตามรักษาไวซึ่งความจริง ในลักษณะ ที่ไมใหถือเอาดวยความยึดมั่นความที่ตนเชื่อ ตามที่ตนชอบใจ ตามที่ตนไดยินไดฟงมาเปนตน :-)
(ข. วิธีการตามรักษาไวซึ่งความจริง) ภารทวาชะ ! ถาแม ความเชื่อ ของบุรุษมีอยู และเขาก็ ตามรักษาไว ซึ่งความจริง กลาวอยูวา "ขาพเจามีความเชื่ออยางนี้" ดังนี้, เขาก็ อยาเพอถึงซึ่ง การสันนิษฐานโดยสวนเดียว วา "อยางนี้เทานั้นจริง, อยางอื่นเปลา" ดังนี้กอน .ภารทวาชะ ! ดวยการกระทําเพียงเทานี้แล การตามรักษาไวซึ่งความจริง ยอมมี, บุคคลชื่อวายอมตามรักษาไวซึ่งความจริง ดวยการกระทําเพียงเทานี้, และเรา บัญญัติการตามรักษาไวซึ่งความจริง ดวยการกระทําเพียงเทานี้; แตวา นั่น ยังไมเปนการตามรูซึ่งความจริง กอน.
www.buddhadasa.info ภารทวาชะ ! ถาแม ความชอบใจ ของบุรุษมีอยู และเขาก็ ตามรักษา ไวซึ่งความจริง กลาวอยูวา "ขาพเจามีความชอบใจอยางนี้" ดังนี้, เขาก็ อยา เพอถึงซึ่งการสันนิษฐานโดยสวนเดียว วา "อยางนี้เทานั้นจริง, อยางอื่นเปลา" ดังนี้กอน. ภารทวาชะ ! ดวยการกระทําเพียงเทานี้แล การตามรักษาไวซึ่ง ความจริง ยอมมี, บุคคลชื่อวายอมตามรักษาไวซึ่งความจริง ดวยการกระทําเพียง เทานี้, และเราบัญญัติการตามรักษาไวซึ่งความจริง ดวยการกระทําเพียงเทานี้; แตวา นั่นยังไมเปนการตามรูซึ่งความจริง กอน.
๘๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภารทวาชะ ! ถาแม เรื่องที่ฟงตาม ๆ กันมาของบุรุษมีอยู และเขาก็ ตามรักษาไวซึ่งความจริง กลาวอยูวา "ขาพเจามีเรื่องที่ฟงตาม ๆ กันมาอยางนี้" ดังนี้, เขาก็ อยาเพอถึงซึ่งการสันนิษฐานโดยสวนเดียว วา "อยางนี้เทานั้นจริง, อยางอื่นเปลา" ดังนี้กอน. ภารทวาชะ ! ดวยการกระทําเพียงเทานี้แล การ ตามรักษาไวซึ่งความจริง ยอมมี, บุคคลชื่อวายอมตามรักษาไวซึ่งความจริง ดวย การกระทําเพียงเทานี้. และเราบัญญัติการตามรักษาไวซึ่งความจริง ดวยการ กระทําเพียงเทานี้; แตวา นั่นยังไมเปนการตามรูซึ่งความจริง กอน. ภารทวาชะ ! ถาแม ความตริตรึกไปตามเหตุผลที่แวดลอม ของบุรุษ มีอยู และเขา ก็ตามรักษาไวซึ่งความจริง กลาวอยูวา "ขาพเจามีความตริตรึกไป ตามเหตุผลที่แวดลอมอยางนี้" ดังนี้, เขาก็ อยาเพอถึงการสันนิษฐานโดยสวน เดียววา "อยางนี้เทานั้นจริง, อยางอื่นเปลา" ดังนี้กอน. ภารทวาชะ ! ดวย การกระทําเพียงเทานี้แล การตามรักษาไวซึ่งความจริง ยอมมี, บุคคลชื่อวายอม ตามรักษาไวซึ่งความจริง ดวยการกะทําเพียงเทานี้, และเราบัญญัติการตาม รักษาไวซึ่งความจริง ดวยการกระทําเพียงเทานี้; แตวานั่นยังไมเปนการตามรู ซึ่งความจริง กอน.
www.buddhadasa.info ภารทวาชะ ! ถาแม ขอยุตติที่ทนไดตอการเพงพินิจดวยความเห็น ของบุรุษ มีอยู และเขาก็ตาม รักษาไวซึ่งความจริง กลาวอยูวา "ขาพเจามีขอ ยุติที่ทนไดตอการเพงพินิจดวยความเห็นอยางนี้" ดังนี้, เขาก็ อยาเพอถึงซึ่งการ สันนิษฐานโดยสวนเดียว วา "อยางนี้เทานั้นจริง. อยางอื่นเปลา" ดังนี้กอน. ภารทวาชะ ! ดวยการกระทําเพียงเทานี้แล การตามรักษาไวซึ่งความจริง ยอมมี, บุคคลชื่อวายอมตามรักษาไวซึ่งความจริง ดวยการกระทําเพียงเทานี้, และเรา
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ บัญญัติการตามรักษาไวซึ่งความจริง ไมเปนการตามรูซึ่งความจริง กอน.
ดวยการกระทําเพียงเทานี้;
๘๗ แตวา
นั่นยัง
"ขาแตพระโคดมผูเจริญ ! การตามรักษาไวซึ่งความจริง ยอมมีดวยการกระทํา เพียงเทานี้, บุคคลชื่อวายอมตามรักษาไวซึ่งความจริง ดวยการกระทําเพียงเทานี้, อนึ่ง ขาพเจาก็มุงหวังซึ่งการตามรักษาไวซึ่งความจริง ดวยการกระทําเพียงเทานี้, ขาแตพระโคดม ผูเจริญ ! การตามรูซึ่งความจริง (สจฺจานุโพโธ) มีได ดวยการกระทําเพียงเทาไร ? บุคคลชื่อวาตามรูซึ่งความจริง ดวยการกระทําเพียงเทาไร ? ขาพเจาขอถามพระโคดมผูเจริญ ถึงการตามรูความจริง". (ตอไปนี้พระผูมีพระภาคเจา สังเกตธรรมะที่มีอยูที่บุคคลผูปฏิบัติธรรมะ ใครครวญตอไป :-)
ไดตรัสวิธี การตามรูซึ่งความจริง ดวยการทรงแนะให เพื่อใหรูจักธรรมะซึ่งเปนตัวความจริงสําหรับจะนํามา
(ค. การติดตามทําความกําหนดรูในความจริง)
www.buddhadasa.info ภารทวาชะ ! ไดยินวา ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไดเขาไปอาศัยอยูในบาน หรือในนิคมแหงใดแหงหนึ่ง. คหบดีหรือคหบดีบุตร ไดเขาไปใกลภิกษุนั้นแลว ใครครวญดูอยูในใจเกี่ยวกับธรรม ๓ ประการ คือธรรมเปนที่ตั้งแหงโลภะ ธรรม เปนที่ตั้งแหงโทสะ ธรรมเปนที่ตั้งแหงโมหะ ทั้งหลาย (โดยนัยเปนตนวา) "ทานผู มีอายุผูนี้ จะมีธรรมอันเปนที่ตั้งแหงโลภะหรือไมหนอ อันเปนธรรมที่เมื่อครอบ งําจิตของทานแลว จะทําใหทานเปนุบคคลที่เมื่อไมรูก็กลาวรู เมื่อไมเห็นก็ กลาววาเห็น หรือวาจะชักชวนผูอื่นในธรรมอันเปนไปเพื่อความทุกข ไมเปน ประโยชนเกื้อกูล แกสัตวทั้งหลายเหลาอื่นตลอดกาลนาน" ดังนี้; เมื่อเขาใคร
๘๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ครวญดู อ ยู ใ นใจซึ่ ง ภิ ก ษุ นั้ น ก็ รู ว า "ธรรมเป น ที่ ตั้ ง แห ง โลภะชนิ ด นั้ น มิ ไ ด มี แ ก ท า นผู มี อ ายุ นี้ , อนึ่ ง กายสมาจาร วจี ส มาจาร ของท า นผู มี อ ายุ ผู นี้ ก็ เป น ไปใน ลั ก ษณะแห ง สมาจารของบุ ค คลผู ไม โลภแล ว . อนึ่ ง ท า นผู มี อ ายุ นี้ แสดงซึ่ งธรรม ใด ธรรมนั้ น เป น ธรรมที่ ลึ ก เห็ น ได ย าก รู ต ามได ย าก เป น ธรรมที่ รํ า งั บ ประณี ต ไม เ ป น วิ สั ย ที่ จ ะหยั่ ง ลงง า ยแห ง ความตรึ ก เป น ธรรมละเอี ย ดอ อ น รู ไ ด เ ฉพาะ บั ณ ฑิ ต วิ สั ย , ธรรมนั้ น มิ ใ ช ธ รรมที่ ค นผู มี ค วามโลภจะแสดงให ถู ก ต อ งได " ดั ง นี้ . เมื่ อ เขาใคร ค รวญดู อ ยู ซึ่ งภิ ก ษุ นั้ น ย อ มเล็ งเห็ น ว า เป น ผู บ ริ สุ ท ธิ์ จ ากธรรมอั น เป น ที ่ตั ้ง แหง โล ภ ะ ตอ แตนั ้น เขาจะพิจ ารณ าใครค รวญ ภิก ษุนั ้น ใหยิ ่ง ขึ ้น ไป ในธรรมทั ้ง หลายอัน เปน ที ่ตั ้ง แหง โทสะ….ในธรรมทั ้ง หลายอัน เปน ที ่ตั ้ง แหง โมหะ…. (ก็ไ ดเห็น ประจัก ษใ นลัก ษณะอยา งเดีย วกัน กับ ในกรณีแ หง โลภะ ตรงเปน อัน เดีย ว กัน ทุก ตัว อัก ษรไปจนถึง คํ า วา "เมื ่อ เขาใครค รวญ ดูอ ยู ซึ ่ง ภิก ษุนั ้น ยอ มเล็ง เห็น วา เปนผูบริสุทธิ์จากธรรมอันเปนที่ตั้งแหงโมหะ".) ลําดับนั้น เขา (๑) ปลูกฝง ศรัทธา ลงไป ในภิกษุนั้น ครั้นมี สัทธาเกิดแลว (๒) ยอม เขาไปหา ครั้นเขาไปหาแลว (๓) ยอม เขาไปนั่งใกล ครั้นเขาไปนั่งใกลแลว (๔) ยอม เงี่ยโสตลง ครั้นเงี่ยโสตลง (๕) ยอม ฟง ซึ่งธรรม ครั้นฟงซึ่งธรรมแลว (๖) ยอม ทรงไวซึ่งธรรม (๗) ยอม ใครครวญ ซึ่งเนื้อความแหงธรรมทั้งหลาย อันตนทรงไวแลว เมื่อใครครวญซึ่งเนื้อความแหง ธรรมอยู (๘) ธรรมทั้งหลายยอมทนตอความเพงพินิจ, เมื่อการทนตอการเพง พินิจของธรรมมีอยู (๙) ฉันทะยอมเกิดขึ้น ผูมีฉันทะเกิดขึ้นแลว (๑๐) ยอม มีอุสสาหะ ครั้นมีอุสสาหะแลว (๑๑) ยอม พิจรณาหาความสมดุลยแหงธรรม ครั้นมีความสมดุลยแหงธรรมแลว (๑๒) ยอม ตั้งตนไวในธรรมนั้น; เขาผูมี ตนสงไปแลวอยางนี้อยู ยอมกระทําใหแจงซึ่งปรมัตถสัจจะ ดวยนามกาย ดวย,
www.buddhadasa.info
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๘๙
ยอม แทงตลอดซึ่งธรรมนั้น แลวเห็นอยูดวยปญญา ดวย. ภารทวาชะ ! การตาม รูซึ่งความจริง ยอมมี ดวยการกระทําเพียงเทานี้, บุคคลชื่อวายอมตามรูซึ่งความจริง ดวยการกระทําเพียงเทานี้, และเราบัญญัติการตามรูซึ่งความจริง ดวยการกระทํา เพียงเทานี้; แตวา นั่นยังไมเปนการตามบรรลุถึงซึ่งความจริง กอน. "ขาแตพระโคดมผูเจริญ ! การตามรูซึ่งความจริง ยอมมีดวยการกระทําเพียง เทานี้. บุคคลเชื่อวายอมตามรูซึ่งความจริง ดวยการกระทําเพียงเทานี้. อนึ่ง ขาพเจาก็ มุงหวังซึ่งการตามรูซึ่งความจริง ดวยการกระทําเพียงเทานี้. ขาแตพระโคดมผูเจริญ ! การตามบรรลุถึงซึ่งความจริง (สจฺจานุปตฺติ) มีได ดวยการกระทําเพียงเทาไร ? บุคคล ชื่อวายอมตามบรรลุถึงซึ่งความจริง ดวยการกระทําเพียงเทาไร ? ขาพเจาขอถามพระโคดม ผูเจริญถึงการตามบรรลุถึงซึ่งความจริง." (ตอไปนี้ พระผูมีพระภาคเจา ไดตรัสวิธี การตามบรรลุถึงซึ่งความจริง ดวยการ ประพฤติกระทําใหมากซึ่งธรรมทั้งหลาย ๑๒ ประการ ดังที่กลาวแลวใน ขอ ค.จนกระทั่งบรรลุ ถึงซึ่งความจริง :-)
www.buddhadasa.info (ง. การตามบรรลุถึงซึ่งความจริง)
ภารทวาชะ ! การเสพคบ การทําใหเจริญ การกระทําใหมาก ซึ่ง ธรรมทั้งหลายเหลานั้นแหละ เปนการตามบรรลุถึงซึ่งความจริง. ภารทวาชะ ! การตามบรรลุถึงซึ่งความจริง ยอมมี ดวยการกระทําเพียงเทานี้, บุคคลชื่อวายอม ตามบรรลุถึงซึ่งความจริง ดวยการกระทําเพียงเทานี้, และเราบัญญติการตาม บรรลุถึงซึ่งความจริง ดวยการกระทําเพียงเทานี้.
๙๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
"ขาแตพระโคดมผูเจริญ ! การตามบรรลุถึงซึ่งความจริง ยอมมีดวยการกระทํา เพียงเทานี้. บุคคลชื่อวายอมตามบรรลุถึงซึ่งความจริง ดวยการกระทําเพียงเทานี้. อนึ่ง ขาพเจาก็มุงหวังซึ่งการตามบรรลุซึ่งความจริง ดวยการกระทําเพียงเทานี้..." (ตอไปนี้ กาปทิกมาณพนั้น ไดทูลถามพระผูมีพระภาคเจาถึง ธรรมที่มีอุปการะมาก แกการตามบรรลุถึงซึ่งความจริง ดังที่พระองคไดตรัสตอบเปนลําดับไป :-)
(จ. ธรรมเปนอุปการะมากแกการตามบรรลุถึงซึ่งความจริง) ภารทวาชะ ! การตั้งตนไวในธรรม (ปธาน) เปนธรรมมีอุปการะ มากแกการตามบรรลุถึงซึ่งความจริง : ถาบุคคลไมตั้งตนไวในธรรมแลวไซร เขาก็ไมพึงตามบรรลุถึงซึ่งความจริงได. เพราะเหตุที่เขาตั้งตนไวในธรรม เขาจึง บรรลุถึงซึ่งความจริง, เพราะเหตุนั้น การตั้งตนไวในธรรม จึงชื่อวาเปน ธรรมมีอุปการะมากแกการตามบรรลุถึงซึ่งความจริง. ภารทวาชนะ ! การพิจารณาหาความสมดุลยแหงธรรม (ตุลนา) เปน ธรรมมีอุปการะมากแกการตั้งตนไวในธรรม : ถาบุคคลไมพบความสมดุลยแหง ธรรมนั้นแลวไซร เขาก็ไมพึงตั้งตนไวในธรรม. เพราะเหตุที่เขาพบซึ่งความ สมดุลยแหงธรรม เขาจึงตั้งตนไวในธรรม; เพราะเหตุนั้น การพิจารณาหา ความสมดุลยแหงธรรม จึงเปนธรรมมีอุปการะมากแกการตั้งตนไวในธรรม.
www.buddhadasa.info ภารทวาชะ ! อุสสาหะ เปนธรรมมีอุปการะมากแกการพิจารณาหา ความสมดุลยแหงธรรม : ถาบุคคลไมพึงมีอุสสาหะแลวไซร เขาก็ไมพึงพบซึ่ง ความสมดุลยแหงธรรม. เพราะเหตุที่เขามีอุสสาหะ เขาจึงพบความสมดุลยแหง
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ ธรรม; เพราะเหตุนั้น หาความสมดุลยแหงธรรม.
๙๑
อุสสาหะจึงเปนธรรมมีอุปการะมากแกการพิจารณา
ภารทวาชะ ! ฉันทะ เปนธรรมมีอุปการะมากแกอุสสาหะ : ถา บุคคลไมถึงยังฉันทะใหเกิดแลวไซร เขาก็ไมพึงมีอุสสาหะ. เพราะเหตุที่ฉันทะ เกิดขึ้น เขาจึงมีอุสสาหะ; เพราะเหุตนั้น ฉันทะจึงเปนธรรมมีอุปการะมาก แกอุสสาหะ. ภารทวาชะ ! ความที่ธรรมทั้งหลายทนไดตอการเพงพินิจ (ธมฺมนิชฺฌานกฺขนฺติ) เปนธรรมมีอุปการะมากแกฉันทะ : ถาธรรมทั้งหลายไมถึงทนตอ. การเพงพินิจแลวไซร ฉันทะก็ไมพึงเกิด. เพราะเหตุที่ธรรมทั้งหลายทนตอการ เพงพินิจ ฉันทะจึงเกิด; เพราะเหตุนั้น ความที่ธรรมทั้งหลายทนตอการเพง พินิจ จึงเปนธรรมมีอุปการะมากแกฉันทะ. ภารทวาชะ ! ความเขาไปใครครวญซึ่งอรรถะ (อตฺถุปปริกฺขา) เปน ธรรมมีอุปการะมากแกความที่ธรรมทั้งหลายทนตอการเพงพินิจ: ถาบุคคล ไมเขาไปใครครวญซึ่งอรรถะแลวไซร ธรรมทั้งหลายก็ไมพึงทนตอการเพงพินิจ. เพราะเหตุที่บุคคลเขาไปใครครวญซึ่งอรรถะ ธรรมทั้งหลายจึงทนตอการ เพงพินิจ; เพราะเหตุนั้น การเขาไปใครครวญซึ่งอรรถะ จึงเปนธรรมมี อุปการะมากแกความที่ธรรมทั้งหลายทนตอการเพิ่งพินิจ.
www.buddhadasa.info ภารทวาชะ ! การทรงไวซึ่งธรรม (ธมฺมธารณา) เปนธรรมมีอุปการะ มากแกความเขาไปใครครวญซึ่งอรรถะ. ถาบุคคลไมทรงไวซึ่งธรรมแลวไซร เขาก็ไมอาจเขาไปใครครวญซึ่งอรรถะได เพราะเหตุที่เขาทรงธรรมไวได เขาจึง
๙๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
เขาไปใครครวญซึ่งอรรถะได. เพราะเหตุนั้น อุปการะมากแกความเขาไปใครครวญซึ่งอรรถะ.
การทรงไวซึ่งธรรม
จึงเปนธรรมมี
ภารทวาชะ ! การฟงซึ่งธรรม (ธมฺมสฺสวน) เปนธรรมมีอุปการะ มากแกการทรงไวซึ่งธรรม. ถาบุคคลไมพึงฟงซึ่งธรรมแลวไซร เขาก็ไมพึงทรง ธรรมไวได เพราะเหตุที่เขาฟงซึ่งธรม เขาจึงทรงธรรมไวได. เพราะเหตุนั้น การฟงซึ่งธรรม จึงเปนธรรมมีอุปการะมากแกการทรงไวซึ่งธรรม. ภารทวาชะ ! การเงี่ยลงซึ่งโสตะ (โสตาวธาน) เปนธรรมมีอุปการะ มากแกการฟงซึ่งธรรม. ถาบุคคลไมเงี่ยลงซึ่งโสตะแลวไซร เขาก็ไมพึงฟงซึ่ง ธรรมได เพราะเหตุที่เขาเงี่ยลงซึ่งโสตะ เขาจึงฟงซึ่งธรรมได. เพราะเหตุนั้น การเงี่ยลงซึ่งโสตะ จึงเปนธรรมมีอุปการะมากแกการฟงซึ่งธรรม. ภารทวาชะ ! การเขาไปนั่งใกล (ปยิรุปาสนา) เปนธรรมมีอุปการะ มากแกการเงี่ยลงซึ่งโสตะ. ถาบุคคลไมพึงเขาไปนั่งใกลแลวไซร เขาก็ไมพึง เงี่ยลงซึ่งโสตะ เพราะเหตุที่เขาเขาไปนั่งใกล เขาจึงเงี่ยลงซึ่งโสตะได. เพราะ เหตุนั้น การเขาไปนั่งใกล จึงเปนธรรมมีอุปการะมากแกการเงี่ยลงซึ่งโสตะ.
www.buddhadasa.info ภารทวาชะ ! การเขาไปหา (อุปสงฺกมน) เปนธรรมมีอุปการะมาก แกการเขาไปนั่งใกล. ถาบุคคลไมเขาไปหาแลวไซร เขาก็ไมพึงเขาไปนั่งใกลได เพราะเหตุที่เขาเขาไปหา เขาจึงเขาไปนั่งใกลได. เพราะเหตุนั้น การเขาไปหา จึงเปนธรรมมีอุปการะมากแกการเขาไปนั่งใกล.
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๙๓
ภารทวาชะ ! สัทธา เปนธรรมมีอุปการะมากแกการเขาไปหา. ถา สัทธาไมพึงเกิดแลวไซร เขาก็จะไมเขาไปหา เพราะเหตุที่สัทธาเกิดขึ้น เขาจึง เขาไปหา. เพราะเหตุนั้น สัทธาจึงเปนธรรมมีอุปการะมากแกการไปหา. - ม. ม. ๑๓/๖๐๑-๖๐๘/๖๕๕-๖๕๙. (ขอผูศึกษาพึงสังเกตวา สิ่งที่เรียกวาความจริงในสูตรนี้ หมายถึงความจริงทั่วไป ไมมุงหมายเฉพาะจตุราริยสัจ แตอาจจะใชกับความจริงอันมีชื่อวาจตุราริยสัจได โดยประการ ทั้งปวง จึงไดนํามากลาวไวในหนังสือเลมนี้.)
การรูอริยสัจเปนของไมเหลือวิสัย พระอริยบุคคล จึงมีปริมาณมาก วัจฉะ ! ภิกษุผูสาวกของเรา บรรลุเจโตวิมุติ ปญญาวิมุติ อันไมมี อาสวะ เพราะความสิ้นไปแหงอาสวะทั้งหลาย ไดกระทําใหแจงแลว ดวยปญญา อันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ มีอยูไมใชรอยเดียว ไมใชสองรอย ไมใชสามรอย ไมใชสี่รอย ไมใชหารอย มีอยูมากกวามาก โดยแท
www.buddhadasa.info วัจฉะ! ภิกษุณีผูสาวิกาของเรา บรรลุเจโตวิมุติ ปญญาวิมุติ อันไม มีอาสวะ เพราะความสิ้นไปแหงอาสวะทั้งหลาย ไดกระทําใหแจงแลว ดวยปญญา อันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ มีอยูไมใชรอยเดียว ไมใชสองรอย ไมใชสามรอย ไมใชสี่รอย ไมใชหารอย มีอยูมากกวามาก โดยแท วัจฉะ ! อุบาสก ผูสาวกของเรา พวกเปนคฤหัสถนุงขาว อยูประพฤติ กับผูประพฤติพรหมจรรย, เปน โอปปาติกสัตว (พระอนาคามี) มีปรกติปรินิพพาน
๙๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ในภพที่ไปเกิดนั้น ไมเวียนกลับจากภพนั้นเปนธรรมดา, เพราะความสิ้นไปแหง สัญโญชนมีสวนในเบื้องต่ําหาอยาง ก็ มีอยูไมใชรอยเดียว ฯลฯ ไมใชหารอย มีอยูมากกวามาก โดยแท. วัจฉะ ! อุบาสก ผูสาวกของเรา พวกเปนคฤหัสถนุงขาว ยังบริโภค กาม เปนผู ทําตามคําสอน เปนผู สนองโอวาท มีความสงสัยอันขามไดแลว ไมตอง กลาวดวยความสงสัยวา นี่อะไร ๆ เปนผูปราศจากความครั่นคราม ไมใชผูตอง เชื่อตามคําของผูอื่น อยูประพฤติพรหมจรรยในศาสนาของพระศาสดา ก็ มีอยู ไมใชรอยเดียว ฯลฯ ไมใชหารอย มีอยูมากกวามาก โดยแท. วัจฉะ ! อุบาสิกา ผูสาวิกาของเรา พวกเปนหญิงคฤหัสถนุงขาว อยู ประพฤติกับผูประพฤติพรหมจรรย เปน โอปปาติกสัตว (พระอนาคามี) มีปรกติ ปรินิพพานในภพที่ไปเกิดนั้น ไมเวียนกลับจากภพนั้นเปนธรรมดา, เพราะ ความสิ้นไปแหงสัญโญชนมีสวนในเบื้องต่ําหาอยาง ก็ มีอยูไมใชรอยเดียว ฯลฯ ไมใชหารอย มีอยูโดยมากกวามากเปนแท.
www.buddhadasa.info วัจฉะ ! อุบาสิกา ผูสาวิกาของเรา พวกเปนหญิงคฤหัสถนุงขาว ยัง บริโภคกาม เปนผู ทําตามคําสอน เปนผู สนองโอวาท มีความสงสัยอันขามไดแลว ไมตองกลาวดวยความสงสัยวานี่อะไร ๆ เปนปราศจากความครั่นคราม ไมตอง เชื่อตามคําของผูอื่น อยูประพฤติพรหมจรรยในศาสนาของพระศาสดา ก็ มีอยู ไมใชรอยเดียว ฯลฯ ไมใชหารอย มีอยูโดยมากกวามากเปนแท.
- ม. ม. ๑๓/๒๕๑-๒๕๓/๒๕๕-๒๕๖.
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๙๕
- ๕ -
คุณคาของอริยสัจ อริยสัจสี่เปนเอกังสิกธรรมที่ทรงแสดง (หลังจากที่ทรงปฏิเสธการแสดงอันตคาหิกทิฏฐิสิบ ในฐานะที่เปนอเนกังสิกธรรม ตอพระองคแลว, ไดทรงแสดง เอกังสิกธรรม ในธรรมวินัยของพระองค ดังตอไปนี้ :-)
โปฎฐปาทะ ! ธรรมที่เราแสดง บัญญัติ วาเปนเอกังสิกะนั้น เปน อยางไรเลา ? โปฏฐปาทะ ! ธรรมที่เราแสดง บัญญัติ วาเปนเอกังสิกะนั้น คือขอที่วา "นี้ เปนทุกข" ดังนี้บาง;…. "นี้ เปนเหตุใหเกิดทุกข" ดังนี้บาง;…. "นี้ เปนความดับไมเหลือแหงทุกข" ดังนี้บาง;…. "นี้ เปนขอปฏิบัติใหถึงความดับ ไมเหลือแหงทุกข" ดังนี้บาง.
www.buddhadasa.info โปฏฐปาทะ ! เพราะเหตุไรเลาเราจึงแสดงบัญญติธรรมเหลานั้น วา เปนเอกังสิกธรรม (ธรรมที่ควรแสดงบัญญัติโดยสวนเดียว) ? โปฏฐปาทะ ! ขอนี้ เพราะวาธรรมเหลานั้น ประกอบดวยอรรถะ ประกอบดวยธรรมะ เปนเบื้อง ตนแหงพรหมจรรย เปนไปเพื่อความหนาย เปนไปเพื่อความคลายกําหนัด เปนไปเพื่อความดับ เปนไปเพื่อความสงบรํางับ เปนไปเพื่อความรูยิ่ง เปนไป เพื่อความรูพรอม เปนไปเพื่อนิพพาน; เพราะเหตุนั้น ธรรมเหลานั้นเรา จึงแสดง บัญญัติ วาเปนเอกังสิกธรรม.
- สี. ที. ๙/๒๓๖/๒๙๘.
๙๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ทําที่สุดทุกขโดยไมรูอริยสัจนั้นเปนไปไมได ภิกษุ ท.! ผูใด พึงกลาวอยางนี้วา "ขาพเจาไมรูเฉพาะตาม เปนจริง ซึ่งอริยสัจคือทุกข ซึ่งอริยสัจคือเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข ซึ่งอริยสัจคือ ความดับไมเหลือแหงทุกข ซึ่งอริยสัจคือทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข แลวขาพเจาก็จักกระทําที่สุดแหงทุกขโดยชอบได" ดังนี้ : ขอนี้ไมเปนฐานะที่จะ มีได. ภิกษุ ท.! เปรียบเหมือนผูใดจะพึงกลาวอยางนี้วา "ขาพเจาจักทําหอดวย ใบแหงไมสีเสียด หรือใบแหงไมสรละ หรือใบแหงไมมะขามปอม แลวจักใสน้ําหรือน้ําตกจาก ตนตาล แลวนําไปได" ดังนี้ : ขอนี้ไมเปนฐานะที่จะมีได; ภิกษุ ท.! ฉันใด ก็ฉันนั้น ที่ผูใดจะพึงกลาวอยางนี้วา "ขาพเจาไมรูเพราะตามเปนจริง ซึ่งอริยสัจคือ ทุกข ซึ่งอริยสัจคือเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข ซึ่งอริยสัจคือความดับไมเหลือแหงทุกข ซึ่ง อริยสัจคือทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข แลวขาพเจาก็จักกระทําที่สุดแหงทุกขโดย ชอบได" ดังนี้ : ขอนี้ไมเปนฐานะที่จะมีได. ภิกษุ ท.! สวนผูใดแลพึงกลาวอยางนี้วา "ขาพเจารูเฉพาะตามเปนจริง ซึ่งอริยสัจคือทุกข ซึ่งอริยสัจคือเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข ซึ่งอริยสัจคือความดับไมเหลือแหงทุกข ซึ่งอริยสัจคือทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข แลวขาพเจาก็จักกระทําที่สุดแหงทุกข โดยชอบได" ดังนี้ : ขอนี้เปนฐานะที่มีได. ภิกษุ ท.! เปรียบเหมือนผูใดจะ พึงกลาวอยางนี้วา "ขาพเจาจักทําหอดวยใบบัว หรือใบปลาสะ หรือใบยางซาย แลวจัก ใสน้ํา หรือน้ําตกจากตนตาล แลวนําไปได" ดังนี้ : ขอนี้เปนฐานะที่จะมีได; ภิกษุ ท.! ฉันใดก็ฉันนั้น ที่ผูใดจะพึงกลาวอยางนี้วา "ขาพเจารูเฉพาะตามเปนจริง ซึ่งอริยสัจคือทุกข ซึ่งอริยสัจคือเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข ซึ่งอริยจสัจคือความดับไมเหลือแหง ทุกข ซึ่งอริยสัจคือทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข แลวขาพเจาก็จักกระทําที่สุด แหงทุกขโดยชอบได" ดังนี้ : ขอนี้เปนฐานะที่มีได.
www.buddhadasa.info
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๙๗
ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงประกอบโยคกรรมอัน เปนเครื่องกระทําใหรูวา "ทุกข เปนอยางนี้, เหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข เปนอยางนี้, ความดับไมเหลือแหงทุกข เปนอยางนี้, ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหง ทุกข เปนอยางนี้." ดังนี้. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๙/๑๗๑๔-๑๗๑๕.
สัตวตองเวียนวายเพราะไมเห็นอริยสัจ ภิกษุ ท.! เปรียบเหมือนทอนไมอันบุคคลซัดขึ้นไปสูอากาศ บาง คราวตกเอาโคนลง บางคราวตกเอาตอนกลางลง บางคราวตกเอาปลายลง, ขอนี้ฉันใด; ภิกษุ ท.! สัตวที่มีอวิชชาเปนเครื่องกั้น มีตัณหาเปนเครื่องผูก แลน ไปอยูทองเที่ยวไปอยูในสังสารวัฏ ก็ทํานองเดียวกัน : บางคราวแลนไปจากโลกนี้ สูโลกอื่น บางคราวแลนจากโลกอื่นสูโลกนี้. ขอนั้นเพราะเหตุไรเลา ? ภิกษุ ท.! ขอนั้น เพราะความที่เขาเปนผูไมเห็นซึ่งอริยสัจทั้งสี่. อริยสัจสี่ อยางไรเลา ? สี่อยางคือ อริยสัจคือทุกข อริยสัจคือเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข อริยสัจคือความดับ ไมเหลือแหงทุกข อริยสัจคือทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงประกอบโยคกรรมอัน เปนเครื่องกระทําใหรูวา "ทุกข เปนอยางนี้, เหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข เปนอยางนี้, ความดับไมเหลือแหงทุกข เปนอยางนี้, ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหง ทุกข เปนอยางนี้." ดังนี้.
- มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๕๐/๑๗๑๖.
๙๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
การรูอริยสัจ รีบดวนกวาการดับไฟที่กําลังไหมอยูบนศรีษะ ภิกษุ ท.! เมื่อไฟลุกโพลง ๆ ควรจะทําอยางไร ?
อยูที่เสื้อผาก็ดีที่ศีรษะก็ดี
บุคคลนั้น
"ขาแตพระองคผูเจริญ ! เมื่อไฟลุกโพลง ๆ อยูที่เสื้อผาก็ดีที่ศีรษะก็ดี, เพื่อจะ ดับเสียซึ่งไฟ ที่เสื้อผาก็ดี ที่ศีรษะก็ดี สิ่งที่บุคคลนั้นพึงกระทําโดยยิ่งก็คือ ฉันทะ วายามะ อุสสาหะ อุสโสฬหี อัปปฏิวานี สติ และสัมปชัญญะ (เพื่อจะดับไฟนั้นเสีย)." ภิกษุ ท.! (แมกระนั้นก็ดี) วิญูชนจะไมใสใจ จะไมเอาใจใสกับ เสื้อผาก็ดีศีรษะก็ดีที่ไฟกําลังลุกโพลงอยู; แตจะรูสึกวา สิ่งที่ควรกระทําโดยยิ่ง ก็คือฉันทะ วายามะ อุสสาหะ อุสโสฬหี (ขะมักเขมน) อัปปฏิวานี (ไมถอยหลัง) สติ และสัมปชัญญะ เพื่อรูเฉพาะตามเปนจริง ซึ่งอริยสัจทั้งสี่ที่ตนยังไมรูเฉพาะ. อริยสัจสี่ อยางไรเลา ? สี่อยางคือ อริยสัจทุกข อริยสัจคือเหตุใหเกิดขึ้น แหงทุกข อริยสัจคือความดับไมเหลือแหงทุกข อริยสัจคือทางดําเนินใหถึงความ ดับไมเหลือแหงทุกข.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงประกอบโยคกรรมอัน เปนเครื่องกระทําใหรูวา "ทุกขเปนอยางนี้. เหตุใหเกิดแหงทุกข เปนอยางนี้, ความดับไมเหลือแหงทุกข เปนอยางนี้, ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหง ทุกข เปนอยางนี้" ดังนี้.
- มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๕๐/๑๗๑๗.
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๙๙
การรูอริยสัจควรแลกเอา แมดวยการถูกแทงดวยหอกวันละ ๓๐๐ ครั้ง ๑๐๐ ป ภิกษุ ท.! เปรียบเหมือนบุรุษผูมีอายุรอยป พึงกลาวกะบุรุษผูมีชีวิต รอยป อยางนี้วา "เอาไหมละ ทานบุรุษผูเจริญ ! เขาจักแทงทานดวยหอกรอย เลมตลอดเวลาเชา รอยเลมตลอดเวลาเที่ยง รอยเลมตลอดเวลาเย็น. ทานบุรุษผูเจริญ ! เมื่อเขาแทงทานอยูดวยหอกสามรอยเลมทุกวัน ๆ จนมีอายุรอยป มีชีวิต อยูรอยป; โดยลวงไปแหงรอยปแลว ทานจักรูเฉพาะซึ่งอริยสัจทั้งสี่ที่ทานยังไมรู เฉพาะแลว" ดังนี้. ภิกษุ ท.! กุลบุตรผูซึ่งประโยชน ควรจะตกลง. ขอนั้นเพราะ เหตุไรเลา ? ภิกษุ ท.! เพราะเหตุวา สังสารวัฏนี้มีเบื้องตนและที่สุดอันบุคคล ไปตามอยูรูไมไดแลว ดังนั้นเบื้องตนและที่สุดแหงการประหารดวยหอกดวย ดาบดวยหลาวดวยขวาน ก็จะไมปรากฏ,. นี้ฉันใด; ภิกษุ ท.! ขอนี้ก็เปน ฉันนั้น : เรากลาวการรูเฉพาะซึ่งอริยสัจทั้งสี่ วาเปนไปกับดวยทุกขกับดวย โทมนัสก็หามิได; แต เรากลาวการรูเฉพาะซึ่งอริยสัจทั้งสี่ วาเปนไปกับดวยสุข กับดวยโสมนัสทีเดียว. อริยสัจสี่ อยางไรเลา? สี่อยางคือ อริยสัจคือทุกข อริยสัจคือเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข, อริยสัจคือความดับไมเหลือแหงทุกข อริยสัจ คือทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! เปนเครื่องกระทําใหรูวา ความดับไมเหลือแหงทุกข ทุกข เปนอยางนี้" ดังนี้. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๕๑/๑๗๑๘.
เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงประกอบโยคกรรมอัน "ทุกข เปนอยางนี้, เหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข เปนอยางนี้, เปนอยางนี้, ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหง-
๑๐๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
เมื่อยังไมรูอริยสัจ ก็ไมสามารถลงหลักแหงความรูของตน ภิกษุ ท.! สมณพราหมณบางพวก ไมรูชัดตามที่เปนจริงวา "นี้ คือทุกข, นี้ คือเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข, นี้ คือความดับไมเหลือแหงทุกข, นี้ คือทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข" ดังนี้; เขายอมมองสีหนาของ สมณพราหมณอื่น เพื่อใหรูวา "ทานผูเจริญนี้ เมื่อรูก็รูจริงหรือ, เมื่อเห็นก็เห็น จริงหรือ" ดังนี้. เปรียบเหมือนปุยนุนหรือปุยฝาย เปนของเบา ลมพาไปได, เมื่อวางอยูบนพื้นที่อันเสมอ ลมทิศตะวันออกก็พัดพามันไปทางทิศตะวันตก, ลม ทิศตะวันตกก็พัดพามันไปทางทิศตะวันออก, ลมทิศเหนือก็พัดพามันไปทิศใต, ลมทิศใตก็พัดพามันไปทางทิศเหนือ. ขอนั้นเพราะเหตไร ? ภิกษุ ท.! เพราะ ปุยฝายนั้นเปนของเบา; ภิกษุ ท.! ฉันใดก็ฉันนั้น ที่สมณพราหมณบางพวก ไมรูชัดตามที่เปนจริงวา “นี้ คือทุกข, นี้ คือเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข, นี้ คือความ ดับไมเหลือแหงทุกข, นี้ คือทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข" ดังนี้; เขายอม มองสีหนาของสมณพราหมณอื่น เพื่อใหรูวา "ทานผูเจริญนี้ เมื่อรูก็รูจริง หรือ, เมื่อเห็นก็เห็นจริงหรือ" ดังนี้. ขอนั้นเพราะเหตุไรเลา ? ภิกษุ ท.! ขอนั้น เพราะความที่เขาเปนผูไมเห็นซึ่งอริยสัจทั้งสี่.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! สวนสมณพราหมณบางพวก รูชัดตามเปนจริงวา "นี้ คือทุกข, นี้คือเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข, นี้คือความดับไมเหลือแหงทุกข, นี้คือ ทางดําเนินใหถึงซึ่งความดับไมเหลือแหงทุกข" ดังนี้; เขายอมไมมองสีหนาของ สมณพราหมณอื่น เพื่อใหรูวา "ทานผูเจริญนี้ เมื่อรูก็รูจริงหรือ, เมื่อเห็นก็เห็น จริงหรือ" ดังนี้. เปรียบเหมือนเสาเหล็กหรือเสาอินทขีล มีรากลึก เขาฝงไว
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๑๐๑
ดีแลว ไมหวั่นไหว ไมสั่นคลอน, แมพายุฝนอยางแรงพัดมาจากทิศตะวันออก…. จากทิศตะวันตก…จากทิศเหนือ…จากทิศใต, ก็ไมสั่นคลอน ไมสั่นสะเทือน ไมหวั่นไหว เพราะเหตุไรเลา ? เพราะมีรากลึก เพราะฝงไวดี, นี้ฉันใด; ภิกษุ ท.! ขอนี้ฉันนั้น ที่สมณพราหมณบางพวก รูชัดตามเปนจริงวา "นี้ คือทุกข. นี้คือเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข, นี้คือความดับไมเหลือแหงทุกข, นี้คือ ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข" ดังนี้; เขายอม ไมมองสีหนาของ สมณพราหมณอื่น เพื่อใหรูวา "ทานผูเจริญนี้เมื่อรูก็รูจริงหรือ, เมื่อเห็นก็เห็น จริงหรือ" ดังนี้. ขอนั้นเพราะเหตุไรเลา ? ภิกษุ ท.! ขอนั้น เพราะความที่เขา เปนผูเห็นซึ่งอริยสัจทั้งสี่ดวยดีแลว. อริยสัจสี่ อยางไรเลา ? สี่อยางคือ อริยสัจคือทุกข อริยสัจคือเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข อริยสัจคือความดับไมเหลือ แหงทุกข อริยสัจคือทางดําเนินใหถึงความไมเหลือแหงทุกข. ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงประกอบโยคกรรมอัน เปนเครื่องกระทําใหรูวา "ทุกขเปนอยางนี้, เหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข เปนอยางนี้, ความดับไมเหลือแหงทุกข เปนอยางนี้, ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหง ทุกข เปนอยางนี้" ดังนี้.
www.buddhadasa.info - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๕๔/๑๗๒๒-๑๗๒๓.
สัตวจําพวกวินิบาตกับการเห็นจตุราริยสัจ ภิกษุ ท.! เปรียบเหมือนบุรุษทิ้งแอก (ไมไผ ?) ซึ่งมีรูอยูเพียง รูเดียว ลงไปในมหาสมุทร. ในมหาสมุทรนั้น มีเตาตาบอดตัวหนึ่ง ลวงไป รอยป ๆ จะผุดขึ้นมาครั้งหนึ่ง ๆ. ภิกษุ ท.! เธอจะสําคัญความขอนี้วาอยางไร :
๑๐๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
จะเปนไปไดไหม ที่เตาตาบอดตัวนั้น ลวงไปรอยป ๆ จะพึงยื่นคอเขาไปในรูซึ่งมีอยูเพียงรูเดียวในแอกนั้น ?
จึงผุดขึ้นมาครั้งหนึ่ง ๆ
"ขาแตพระองคผูเจริญ ! ขอนั้นจะเปนไปไดบาง ก็ตอเมื่อลวงกาลนานยาวใน บางคราว". ภิกษุ ท.! ขอที่ เตาตาบอด ตัวนั้น ตอ ลวงไปรอยป ๆ จึงผุดขึ้นมา สักครั้งหนึ่ง ๆ จะพึง ยื่นคอเขาไปในรูซึ่งมีอยูเพียงรูเดียวในแอกนั้น ยังจะ เร็ว เสียกวาการที่คนพาลซึ่งเขาถึงการเกิดเปนวินิบาตแลว จักไดความเปนมนุษยสัก ครั้งหนึ่ง. ขอนั้นเพราะเหตุอะไรเลา ? ภิกษุ ท.! ขอนั้นเพราะเหตุวา ในหมู สัตวจําพวกวินิบาตนั้น ไมมีธัมมจริยา ไมมีสมจริยา ไมมีกุสลกิริยา ไมมีบุญญกิริยา, มีแตการเคี้ยวกินซึ่งกันและกัน. ภิกษุ ท.! การที่ สัตวมีกําลังมากกวา เคี้ยวกินสัตวที่มีกําลังนอยกวา ยอม เปนไปเปนธรรมดา ในหมูสัตวจําพวก วินิบาตนั้น. ขอนั้นเพราะเหตุไรเลา ? ภิกษุ ท.! ขอนั้น เพราะความที่ไมเห็น อริยสัจทั้งสี่. อริยสัจสี่ อยางไรเลา ? สี่อยางคือ อริยสัจคือทุกข อริยสัจคือ เหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข อริยสัจคือความดับไมเหลือแหงทุกข อริยสัจคือทาง ดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงประกอบโยคกรรมอัน เปนเครื่องกระทําใหรูวา "ทุกข เปนอยางนี้, เหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข เปนอยางนี้, ความดับไมเหลือแหงทุกขเปนอยางนี้, ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหง ทุกข เปนอยางนี้" ดังนี้.
- มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๖๘/๑๗๔๓.
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๑๐๓
การรูอริยสัจทําใหมีตาครบสองตา ภิกษุ ท.! บุคคล ๓ จําพวกนี้ มีอยู หาไดอยูในโลก. สาม จําพวกอยางไรเลา ? สามจําพวกคือ คนตาบอด (อนฺโธ) คนมีตาขางเดียว (เอกจกฺขุ) คนมีตาสองขาง (ทฺวิจกฺขุ). ภิกษุ ท.! คนตาบอด เปนอยางไรเลา ? คือคนบางคนในโลกนี้ ไมมีตาที่เปนเหตุใหไดโภคทรัพยที่ยังไมได หรือทําโภคทรัพยที่ไดแลวใหทวีมาก ขึ้น นี้อยางหนึ่ง; และไมมีตาที่เปนเหตุใหรูธรรมที่เปนกุศลอกุศล - ธรรมมี โทษไมมีโทษ - ธรรมเลวและธรรมประณีต - ธรรมฝายดําและธรรมฝายขาว นี้อีกอยางหนึ่ง. ภิกษุ ท.! นี้แล คนตาบอด (ทั้งสองขาง). ภิกษุ ท.! คนมีตาขางเดียว เปนอยางไรเลา ? คือคนบางคนใน โลกนี้ มีตาที่เปนเหตุใหไดโภคทรัพยที่ยังไมได หรือทําโภคทรัพยที่ไดแลว ใหทวีมากขึ้น; แตไมมีตาที่เปนเหตุใหรูธรรมที่เปนกุศลอกุศล ธรรมมี โทษไมมีโทษ - ธรรมเลวและธรรมประณีต - ธรรมฝายดําและธรรมฝายขาว. ภิกษุ ท.! นี้แล คนมีตาขางเดียว.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! คนมีตาสองขาง เปนอยางไรเลา ? คือคนบางคน ในโลกนี้ มีตาที่เปนเหตุใหไดโภคทรัพยที่ยังไมได หรือ ทําโภคทรัพยที่ไดแลว ใหทวีมากขึ้น นี้อยางหนึ่ง; และ มีตาที่เปนเหตุใหรูธรรม ที่เปนกุศลอกุศล - ธรรมมีโทษไมมีโทษ - ธรรมเลวและธรรมประณีต - ธรรมฝายดําและธรรม ฝายขาว นี้อีกอยางหนึ่ง. ภิกษุ ท.! นี้แล คนมีตาสองขาง. …
๑๐๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิกษุ ท.! ภิกษุมีตาสมบูรณ (จกฺขุมา) เปนอยางไรเลา ? คือภิกษุ ในกรณีนี้ ยอม รูชัดตามเปนจริงวา "นี้ ความทุกข, นี้ เหตุใหเกิดทุกข, นี้ความดับไมเหลือแหงทุกข, นี้ ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข" ดังนี้. ภิกษุ ท.! นี้แล ภิกษุมีตาสมบูรณ. - ติก. อํ. ๒๐/๑๖๒, ๑๔๗/๔๖๘, ๔๕๙.
การสิ้นอาสวะมีไดเพราะการรูอริยสัจ ภิกษุ ท.! เรากลาวความสิ้นไปแหงอาสวะทั้งหลาย วามีไดสําหรับ ผูรูอยูผูเห็นอยูเทานั้น, หาไดกลาววา มีไดสําหรับผูไมรูอยูผูไมเห็นอยู ไม. ภิกษุ ท.! ในกรณีนี้ สําหรับผูรูอยูผูเห็นอยู ซึ่งอะไรเลา ? ผูรูอยูผูเห็นอยูซึ่ง สัจจะวา "ทุกข เปนอยางนี้, เหตุเกิดขึ้นแหงทุกข เปนอยางนี้, ความดับ ไมเหลือแหงทุกขเปนอยางนี้, ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข เปน อยางนี้" ดังนี้.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงประกอบโยคกรรมอัน เปนเครื่องทําใหรูวา "ทุกข เปนอยางนี้, เหตุเกิดขึ้นแหงทุกข เปนอยางนี้, ความดับไมเหลือแหงทุกข เปนอยางนี้. ทางดําเนินใหถึงความไมเหลือแหงทุกข เปนอยางนี้". ดังนี้.
- มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๔/๑๗๐๕.
เหตุที่ทําใหสัจจะเหลานี้ไดนามวา "อริยะ" ภิกษุ ท.! ความจริงอันประเสริฐเหลานี้ มีอยู ๔ อยาง. สี่อยาง เหลาไหนเลา ? สี่อยาง คือ ความจริงอันประเสริฐเรื่องทุกข ความจริงอัน
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๑๐๕
ประเสริฐเรื่องเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข ความจริงอันประเสริฐเรื่องความดับไมเหลือ แหงทุกข ความจริงอันประเสริฐเรื่องทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข. ภิกษุ ท.! ความจริงอันประเสริฐ ๔ อยาง เหลานี้แล เปนตถา คือมีความเปนอยางนั้น, เปน อวิตถา คือไมผิดไปจากความเปนอยางนั้น, เปน อนัญญถา คือไมเปนไปโดยประการอื่นจากความเปนอยางนั้น; เพราะเหตุนั้น เรา จึงกลาวสัจจะเหลานั้นวาเปน "อริยะ (อันประเสริฐ)" ดังนี้. ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงประกอบโยคกรรมอัน เปนเครื่องกระทําใหรูวา "ทุกข เปนอยางนี้, เหตุเกิดขึ้นแหงทุกข เปนอยางนี้, ความดับไมเหลือแหงทุกข เปนอยางนี้, ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข เปนอยางนี้", ดังนี้. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๕/๑๗๐๗.
เหตุที่ทําใหสัจจะเหลานี้ไดนามวา "อริยะ" (อีกนัยหนึ่ง)
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! ความจริงอันประเสริฐ ๔ อยางเหลานี้ มีอยู. สี่อยาง เหลาไหนเลา ? สี่อยางคือ ความจริงอันประเสริฐเรื่องทุกข ความจริงอันประเสริฐ เรื่องเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข ความจริงอันประเสริฐเรื่องความดับไมเหลือแหงทุกข ความจริงอันประเสริฐเรื่องทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข.
๑๐๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ผูกลาวสัจจะเหลานั้นคือตถาคตผูเปนอริยะ ในโลก พรอมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมูสัตวพรอมทั้งสมณพราหมณ พรอมทั้งเทวดา และมนุษย; เพราะเหตุนั้น เรา จึงกลาวสัจจะเหลานั้น วาเปน "อริยะ" ดังนี้. เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงประกอบโยคกรรมอันเปนเครื่อง กระทําใหรูวา "ทุกข เปนอยางนี้, เหตุเกิดขึ้นแหงทุกข เปนอยางนี้, ความดับ ไมเหลือแหงทุกข เปนอยางนี้, ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข เปน อยางนี้", ดังนี้. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๕/๑๗๐๘.
อริยสัจสี่สําหรับความเปนอริยบุคคล ภิกษุ ท.! ภิกษุผูถึงความเปนเทพ เปนอยางไรเลา ? ภิกษุ ท.! ภิกษุในกรณีนี้ สงัดแลวจากกาม และสงัดแลวจากสิ่งอันเปนอกุศลทั้งหลาย บรรลุฌานที่หนึ่ง ซึ่งมีวิตกวิจาร มีปติและสุข อันเกิดแตวิเวก แลวแลอยู; เพราะสงบวิตกวิจารเสียได บรรลุฌานที่สอง อันเปนเครื่องผองใสแหงใจใน ภายใน ทําใหเกิดสมาธิมีอารมณอันเดียว ไมมีวิตกวิจาร มีแแตปติและสุข อัน เกิดแตสมาธิ แลวแลอยู; เพราะความจางไปแหงปติ ยอมอยูอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขดวยนามกาย บรรลุฌานที่สาม อันเปนฌานที่พระอริยเจา กลาววา "ผูไดฌานนี้ เปนผูอยูอุเบกขา มีสติ อยูเปนสุข" ดังนี้ แลวแลอยู; เพราะละสุขและละทุกขเสียได และเพราะความดับหายไปแหงโสมนัสและโทมนัส ในกาลกอน บรรลุฌานที่สี่ อันไมมีทุกขไมมีสุข มีแตความที่สติเปนธรรมชาติ บริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แลวแลอยู. ภิกษุ ท.! ภิกษุ ผูถึงความเปนเทพ ยอมมีได ดวยอาการอยางนี้แล.
www.buddhadasa.info
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๑๐๗
ภิกษุ ท.! ภิกษุผูถึงความเปนพรหม เปนอยางไรเลา ? ภิกษุ ท.! ภิกษุในกรณีนี้ แผจิตอันประกอบดวยเมตตา, กรุณา, มุฑิตา, อุเบกขา สูทิศที่หนึ่ง ทิศที่สอง ที่สาม และที่สี่ โดยลักษณะอยางเดียวกันตลอดโลกทั้งสิ้น ในที่ทั้งปวง ทั้งเบื้องบน เบื้องต่ํา และดานขวาง, ดวยจิตอันประกอบดวยเมตตา, กรุณา, มุทิตา, อุเบกขา อันไมมีเวร ไมมีพยาบาท เปนจิตกวางขวาง ประกอบดวยคุณ อันใหญหลวงหาประมาณมิได แลวแลอยู. ภิกษุ ท.! ภิกษุ ผูถึงความเปน พรหม ยอมมีได ดวยอาการอยางนี้แล. ภิกษุ ท.! ภิกษุผูถึงอาเนญชา เปนอยางไรเลา ? ภิกษุ ท.! ภิกษุ ในกรณีนี้, เพราะผานพนการกําหนดจดหมายในรูปเสียได โดยประการทั้งปวง, เพราะความดับแหงการกําหนดหมายในอารมณที่ขัดใจ. และเพราะการไมทําในใจ ซึ่งการกําหนดหมายในภาวะตาง ๆ เสียได เขาถึงอากาสานัญจายตนะ อันมีการ ทําในใจวา "อากาศไมมีที่สิ้นสุด" ดังนี้, แลวแลอยู; เพราะผานพนอากาสานัญจายตนะเสียไดโดยประการทั้งปวง เขาถึงวิญญาณัญจายตนะ อันมีการทําในใจ วา “วิญญาณไมมีที่สิ้นสุด” ดังนี้, แลวแลอยู; เพราะผานพนวิญญาณัญจายตนะเสียไดโดยประการทั้งปวง เขาถึงอากิญจัญญยตนะ อันมีการทําในใจวา "อะไร ๆ ไมมี" ดังนี้, แลวแลอยู; เพราะผานพนอากิญกัจจายตนะเสียได โดยประการทั้งปวง เขาถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะ, แลวแลอยู, ภิกษุ ท.! ภิกษุ ผูถึงอาเนญชา ยอมมีได ดวยอาการอยางนี้แล.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! ภิกษุผูถึงความเปนอริยะ เปนอยางไรเลา ? ภิกษุ ท.!ภิกษุ ในกรณีนี้ ยอมรูชัดตามที่เปนจริงวา "ทุกข เปนเชนนี้ ๆ", ยอมรูชัดตามที่เปน จริงวา "เหตุใหเกิดทุกข เปนเชนนี้ ๆ". ยอมรูชัดตามที่เปนจริงวา "ความ
๑๐๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ดับไมเหลือแหงทุกข เปนเชนนี้ ๆ", ยอมรูชัดตามที่เปนจริงวา "ขอปฏิบัติ เครื่องใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข เปนเชนนี้.ๆ" ดังนี้. ภิกษุ ท.! ภิกษุ ผูถึงความเปนอริยะ ยอมมีได ดวยอาการอยางนี้แล. - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๔๙/๑๙๐.
อริยสัจธรรมรวมอยูในหมูธรรมที่ใครคานไมได ภิกษุ ท.! ธรรมนี้นี่แล อันเราแสดงแลว เปนธรรมอันสมณพราหมณผูรูทั้งหลายขมขี่ไมได ทําใหเศราหมองไมได ติเตียนไมได คัดงาง ไมได. ภิกษุ ท.! ธรรมอันเราแสดงแลว เปนธรรมอันสมณพราหมณผูรู ทั้งหลายขมขี่ไมได ทําใหเศราหมองไมได ติเตียนไมได คัดงางไมได เปน อยางไรเลา ?
www.buddhadasa.info .... (ทรงแสดง ธาตุ หก) .... .... (ทรงแสดง ผัสสายตนะ หก) .... .... (ทรงแสดง มโนปวิจาร สิบแปด) ....
ภิกษุ ท.! ธรรมอันเราแสดงแลววา "เหลานี้ คือ อริยสัจทั้งหลาย ๔ ประการ" ดังนี้ เปนธรรมอันสมณพราหมณผูรูทั้งหลายขมขี่ไมได ทําใหเศรา หมองไมได ติเตียนไมได คัดงางไมได. ....ฯลฯ.... ....ฯลฯ....
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๑๐๙
ภิกษุ ท.! ธรรมอันเราแสดงแลววา "เหลานี้ คืออริยสัจทั้งหลาย ๔ ประการ" ดังนี้เปนธรรมอันสมณพราหมณผูรูทั้งหลายขมขี่ไมได ทําใหเศรา หมองไมได ติเตียนไมได คัดงางไมได. ขอนี้เปนธรรมที่เรากลาวแลวอยางนี้ เราอาศัยซึ่งอะไรเลา จึงกลาวแลวอยางนี้ ? ภิกษุ ท.! เพราะอาศัยซึ่งธาตุ ทั้งหลาย ๖ ประการ การกาวลงสูครรภยอมมี; เมื่อการกาวลงสูครรภ มีอยู, นามรู ป ย อ มมี ; เพราะมี น ามรู ป เป น ป จ จั ย จึ ง มี ส ฬายตนะ; เพราะมี สฬายตนะเปนปจจัย จึงมีผัสสะ; เพราะมีผัสสะเปนปจจัย จึงมีเวทนา ภิกษุ ท.! เรายอมบัญญัติวา "นี้ เปนความทุกข" ดังนี้; วา "นี้ เปนทุกขสมุทัย" ดังนี้; วา" นี้ เปนทุกขนิโรธ" ดังนี้; วา" นี้ เปนทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา" ดังนี้; แกสัตวผูสามารถเสวยเวทนา. ภิกษุ ท.! ทุกขอริยสัจ เปนอยางไรเลา ? แมความเกิด ก็เปน ทุกข, แมความแก ก็เปนทุกข, แมความตาย ก็เปนทุกข, แมโสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย ก็เปนทุกข, การประสบกับสิ่งไมเปนที่รัก เปน ทุกข ความพลัดพรากจากสิ่งเปนที่รัก เปนทุกข, ปรารถนาสิ่งใดแลวไมได สิ่งนั้น นั่นก็เปนทุกข : กลาวโดยยอ ปญจุปาทานขันธทั้งหลาย เปนทุกข. ภิกษุ ท.! นี้เรากลาววา ทุกขอริยสัจ.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! ทุกขสมุทยอริยสัจ เปนอยางไรเลา ? เพราะมีอวิชชา เปนปจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย; เพราะมีสังขารเปนปจจัย จึงมีวิญญาณ; เพราะมีวิญญาณเปนปจจัย จึงมีนามรูป; เพราะมีนามรูปเปนปจจัย จึงมี สฬายตนะ; เพราะมีสฬายตนะเปนปจจัย จึงมีผัสสะ; เรามีผัสสะเปนปจจัย จึงมีเวทนา; เพราะมีเวทนาเปนปจจัย จึงมีตัณหา; เพราะมีตัณหาเปนปจจัย จึงมีอุปาทาน; เพราะมีอุปาทานเปนปจจัย จึงมีภพ; เพราะมีภพเปนปจจัย จึงมีชาติ; เพราะมีชาติเปนปจจัย, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัส-
๑๑๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
อุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถวน : ความเกิดขึ้นพรอมแหงกองทุกขทั้งสิ้นนี้ ยอมมี ดวยอาการอยางนี้. ภิกษุ ท.! นี้เรากลาววา ทุกขสมุทยอริยสัจ. ภิกษุ ท.! ทุกขนิโรธอริยสัจ เปนอยางไรเลา? เพราะความ จางคลายดับไปโดยไมเหลือแหงอวิชชานั้นนั่นเทียว. จึงมีความดับแหงสังขาร; เพราะมีความดับแหงสังขาร จึงมีความดับแหงวิญญาณ; เพราะมีความดับแหง วิญญาณ จึงมีความดับแหงนามรูป; เพราะมีความดับแหงนามรูป จึงมีความ ดับแหงสฬายตนะ; เพราะมีความดับแหงสฬายตนะ จึงมีความดับแหงผัสสะ; เพราะมีความดับแหงผัสสะ จึงมีความดับแหงเวทนา; เพราะมีความดับแหง เวทนา จึงมีความดับแหงตัณหา; เพราะมีความดับแหงตัณหา จึงมีความดับ แหงอุปาทาน; เพราะมีความดับแหงแหงอุปาทาน จึงมีความดับแหงภพ; เพราะ มีความดับแหงภพ จึงความดับแหงชาติ; เพราะมีความดับแหงชาตินั่นแล ชรามรณะ โสกะปริเทวะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับ ลงแหงกองทุกขทั้งสิ้นนี้ ยอมมี ดวยอาการอยางนี้. ภิกษุ ท.! นี้เรากลาววา ทุกขนิโรธอริยสัจ.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ เปนอยางไรเลา ? มรรคอันประเสริฐ ประกอบดวยองค ๘ ประการ นี้นั่นเอง กลาวคือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. ภิกษุ ท.! นี้เรากลาววา ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ.
ภิกษุ ท.! ขอที่วา "ธรรมอันเราแสดงแลววา 'เหลานี้ คืออริยสัจ ทั้งหลาย ๔ ประการ' ดังนี้ เปนธรรมอันสมณพราหมณผูรูทั้งหลายขมขี่ไมได ทําใหเศราหมองไมได ติเตียนไมได คัดงางไมได" ดังนี้อันใด อันเรากลาว แลว; ขอนั้น เรากลาวหมายถึงขอความดังกลาวมานี้ แล. - ติก. อํ. ๒๐/๒๒๕/๕๐๑.
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๑๑๑
- ๖ -
ประเภทหรือเคาโครงของอริยสัจ หลักอริยสัจมีอยางเดียว แตคําอธิบายมีปริยายมากมาย ภิกษุ ท.! ความจริงอันประเสริฐ วา "นี้เปน ทุกข, นี้เปน เหตุให เกิดทุกข, นี้เปน ความดับไมเหลือของทุกข, และนี้เปน ทางดําเนินใหถึงความ ดับไมเหลือของทุกข;" ดังนี้, เปนสิ่งที่เราไดบัญญัติแลว, แตในความจริงนั้น มีการพรรณาความ การลงอักษร และการจําแนกเพื่อพิสดาร มากจนประมาณ ไมได วาปริยายเชนนี้ ๆ เปนความจริงคือทุกข ถึงแมเชนนี้ ก็เปนความจริง คือทุกข ฯลฯ. ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้นในกรณีนี้ พวกเธอพึง ทําความเพียร เพื่อใหรูตามเปนจริง วา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดทุกข, นี้เปนความดับไม เหลือของทุกข, และนี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข;" ดังนี้ เถิด.
www.buddhadasa.info - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๓๙/๑๖๙๖.
อริยสัจสี่โดยสังเขป (นัยทั่วไป) ภิกษุ ท.! นี้แลคือ ความจริงอันประเสริฐ เรื่องความทุกข คือ ความเกิดเปนทุกข, ความแกก็เปนทุกข ความเจ็บไขก็เปนทุกข ความตาย ก็เปนทุกข, ความประจวบกับสิ่งที่ไมรัก เปนทุกข ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก
๑๑๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
เปนทุกข ความปราถนาสิ่งใดแลวไมไดสิ่งนั้น หาที่ประกอบดวยอุปาทาน เปนทุกข.
เปนทุกข,
กลาวโดยยอ
ขันธ
ภิกษุ ท.! นี้แลคือ ความจริงอันประเสริฐ เรื่องแดนเกิดของความ ทุกข คือตัณหา อันเปนเครื่องทําใหมีการเกิดอีก อันประกอบอยูดวยความ กําหนัดดวยอํานาจความเพลิน อันเปนเครื่องมือใหเพลิดเพลินอยางยิ่งในอารมณ นั้น ๆ, ไดแกตัณหาในกาม ตัณหาในความมีความเปน ตัณหาในความไมมี ไมเปน. ภิกษุ ท.! นี้แลคือ ความจริงอันประเสริฐ เรื่องความดับไมเหลือ ของความทุกข คือความดับสนิทเพราะจางไปโดยไมมีเหลือของตัณหานั้นนั่นเอง คือความสละทิ้ง ความสลัดคืน ความปลอย ความทําไมใหมีที่อาศัย ซึ่งตัณหา นั้น. ภิกษุ ท.! นี้แลคือ ความจริงอันประเสริฐ เรื่องขอปฏิบัติอันทําสัตว ใหลุถึงความดับไมเหลือของความทุกข คือขอปฏิบัติอันเปนหนทางอันประเสริฐ อันประกอบดวยองคแปดประการนี้ ไดแกความเห็นที่ถูกตอง ความดําริที่ถูกตอง การพูดจาที่ถูกตอง การทําการงานที่ถูกตอง การอาชีพที่ถูกตอง ความพากเพียร ที่ถูกตอง ความรําลึกที่ถูกตอง ความตั้งใจมั่นที่ถูกตอง.
www.buddhadasa.info - มหา.วิ. ๔/๑๘/๑๔.
อริยสัจสี่โดยสังเขป(อีกนัยหนึ่ง) (ทรงแสดงดวยปญจุปาทานขันธ) ภิกษุ ท.! ความจริงอันประเสริฐมีสี่อยางเหลานี้. สี่อยางเหลาไหนเลา ? สี่อยางคือ ความจริงอันประเสริฐ คือทุกข, ความจริงอันประเสริฐ
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ คือเหตุใหเกิดทุกข, ความจริงอันประเสริฐ คือความดับไมเหลือของทุกข, ความจริงอันประเสริฐ คือทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข.
๑๑๓ และ
ภิกษุ ท.! ความจริงอันประเสริฐ คือทุกข เปนอยางไรเลา ? คําตอบคือ ขันธอันเปนที่ตั้งแหงความยึดมั่นถือมั่นหาอยาง. หาอยางนั้น อะไร เลา ? หาอยางคือ ขันธอันเปนที่ตั้งแหงความยึดมั่นถือมั่น ไดแก รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ. ภิกษุ ท.! อันนี้ เรากลาววา ความจริง อันประเสริฐ คือทุกข. ภิกษุ ท.! ความจริงอันประเสริฐ คือเหตุใหเกิดทุกข เปนอยางไร เลา ? คือตัณหาอันใดนี้ ที่เปนเครื่องนําใหมีการเกิดอีก อันประกอบดวยความ กําหนัดเพราะอํานาจความเพลิน มักทําใหเพลิดเพลินยิ่งในอารมณนั้น ๆ ไดแก ตัณหาในกาม, ตัณหาในความมีความเปน, ตัณหาในความไมมีไมเปน. ภิกษุ ท.! อันนี้ เรากลาวา ความจริงอันประเสริฐ คือเหตุใหเกิดทุกข.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! ความจริงอันประเสริฐ คือความดับไมเหลือของทุกข เปนอยางไรเลา ? คือความดับสนิทเพราะความจางคลายไปโดยไมเหลือของตัณหา นั้น ความสละลงเสีย ความสลัดทิ้งไป ความปลอยวาง ความไมอาลัยถึง ซึ่งตัณหานั่นเอง อันใด. ภิกษุ ท.! อันนี้ เรากลาววา ความจริงอันประเสริฐ คือความดับไมเหลือของทุกข. ภิกษุ ท.! ความจริงอันประเสริฐ คือทางดําเนินใหถึงความดับไม เหลือของทุกข เปนอยางไรเลา ? คือหนทาง อันประเสริฐ ประกอบดวยองค
๑๑๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
๘ นี้นั่นเอง, ไดแกสิ่งเหลานี้คือ ความเห็นชอบ ความดําริชอบ; การพูดจา ชอบ การทําการงานชอบ การเลี้ยงชีวิตชอบ; ความพากเพียรชอบ ความ ระลึ ก ชอบ ความตั้ ง ใจมั่ น ชอบ. ภิ ก ษุ ท.! อั น นี้ เรากล า วว า ความ จริงอันประเสริฐ คือทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข. ภิกษุ ท.! เหลานี้แลคือ ความจริงอันประเสริฐสี่อยาง. ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้นใน กรณีนี้ พวกเธอพึง ทําความเพียร เพื่อใหรูตามเปนจริง วา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข, นี้เปน ความดับไมเหลือแหงทุกข, นี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข," ดังนี้เถิด. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๓๔-๕/๑๖๗๘-๑๖๘๓.
อริยสัจสี่โดยสังเขป (อีกนัยหนึ่ง) (ทรงแสดงดวยอายตนะหก)
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! อริยสัจมีสี่อยางเหลานี้ สี่อยางเหลาไหนเลา ? สี่อยาง คือ อริยสัจคือทุกข อริยสัจคือทุกขสมุทัย อริยสัจคือทุกขนิโรธ อริยสัจคือ ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา.
ภิกษุ ท.! อริยสัจคือทุกข เปนอยางไรเลา ? ควรจะกลาววาไดแก อายตนะภายในหก. อายตนะภายในหก เหลาไหนเลา? คือจักขุอายตนะ โสตะอายตนะ ฆานะอายตนะ ชิวหาอายตนะ กายะอายตนะ มนะอายตนะ. ภิกษุ ท.! นี้เราเรียกวา อริยสัจคือทุกข.
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๑๑๕
ภิกษุ ท.! อริยสัจคือทุกขสมุทัย เปนอยางไรเลา ? คือตัณหา อันใดนี้ ที่เปนเครื่องนําใหมีการเกิดอีก อันประกอบดวยความกําหนัดเพราะ อํานาจความเพลิน มักทําใหเพลิดเพลินยิ่งในอารมณนั้น ๆ; ไดแก กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา. ภิกษุ ท.! นี้เราเรียกวา อริยสัจคือทุกขสมุทัย. ภิกษุ ท.! อริยสัจคือทุกขนิโรธ เปนอยางไรเลา ? คือความดับ สนิทเพราะความจางคลายไปโดยไมเหลือของตัณหานั้น ความสละทิ้ง ความสลัด คืน ความปลอยวาง ความไมอาลัยถึง ซึ่งตัณหานั่นเอง. ภิกษุ ท.! นี้เรา เรียกวา อริยสัจคือทุกขนิโรธ. ภิกษุ ท.! อริยสัจคือทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เปนอยางไรเลา ? คือหนทางอันประเสริฐ ประกอบดวยองคแปดประการนี้นั่นเอง; ไดแกสิ่ง เหลานี้คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. ภิกษุ ท.! นี้เราเรียกวา อริยสัจคือ ทุกขนิโรธคามินี-ปฏิปทา.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! เหลานี้แล อริยสัจ ๔ อยาง.
ภิกษุ ท.!เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงประกอบโยคกรรมอัน เปนเครื่องกระทําใหรูวา "ทุกข เปนอยางนี้, ทุกขสมุทัย เปนอยางนี้, ทุกขนิโรธ เปนอยางนี้, ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เปนอยางนี้" ดังนี้.
- มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๓๕/๑๖๘๔-๑๖๘๙.
๑๑๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ทรงวางลําดับแหงอริยสัจ อยางตายตัว ….แน ะ ภิ ก ษุ ! ถู ก แล ว , ถู ก แล ว แน ะ ภิ ก ษุ ! เธอจํา อริ ย สั จ สี่ประการ อันเราแสดงไวแลวโดยถูกตอง คือ :เราแสดงอริยสัจคือทุกข ไวเปน ขอที่หนึ่ง, แสดงอริยสัจ คือเหตุใหเกิดทุกข ไวเปนขอที่สอง, แสดงอริยสัจ คือความดับไมเหลือของทุกข ไวเปนขอที่สาม, และแสดงอริยสัจ คือทางดําเนิน ใหถึงความดับไมเหลือของทุกข ไวเปนขอที่สี่. แนะภิกษุ ! เธอจงทรงจํา อริยสัจสี่ไวโดยประการที่เราแสดงนั้น ๆ เถิด. ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึง ทําความเพียร เพื่อใหรูตามเปนจริง วา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข, นี้เปน ความดับไมเหลือแหงทุกข, นี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข." ดังนี้เถิด. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๓๖/๑๖๙๑.
www.buddhadasa.info อริยสัจสี่ในรูปแบบพิเศษ
ภิกษุ ท.! ธรรม ๔ ประการเหลานี้ มีอยู. สี่ประการคืออะไรเลา ? สี่ประการคือ ธรรมที่ควรรอบรูดวยปญญาอันยิ่ง มีอยู; ธรรมที่ควรละดวย ปญญาอัน ยิ่งมีอยู; ธรรมที่ควรกระทําใหเจริญดวยปญญาอันยิ่ง มีอยู; ธรรม ที่ควรกระทําใหแจงดวยปญญาอันยิ่ง มีอยู.
ภิกษุ ท.! ธรรมที่ควรรอบรูดวยปญญาอันยิ่ง เปนอยางไรเลา ? อุปาทานขันธ ๕ เหลานี้เรากลาววา เปนธรรมที่ควรรอบรูดวยปญญาอันยิ่ง.
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๑๑๗
ภิกษุ ท.! ธรรมที่ควรละดวยปญญายิ่ง เปนอยางไรเลา ? อวิชชา และ ภวตัณหา เหลานี้เรากลาววา เปนธรรมที่ควรละดวยปญญาอันยิ่ง. ภิกษุ ท.! ธรรมที่ควรกระทําใหเจริญดวยปญญาอันยิ่ง เปนอยางไร เลา? สมถะ และ วิปสสนา เหลานี้เรากลาววา เปนธรรมที่ควรกระทําใหเจริญ ดวยปญญาอันยิ่ง. ภิกษุ ท.! ธรรมที่ควรกระทําใหแจงดวยปญญาอันยิ่ง เปนอยางไร เลา ? วิชชา และ วิมุตติ เหลานี้เรากลาววา เปนธรรมที่ควรกระทําใหแจง ดวยปญญาอันยิ่ง. ภิกษุ ท.! ธรรม ๔ ประการเหลานี้แล มีอยู. - จตุกฺก.อํ. ๒๑/๓๓๓/๒๕๔.
www.buddhadasa.info (ผูศึกษาพึงสังเกตใหเห็นวา โดยชื่อและโดยลําดับ.)
อริยสัจสี่ในรูปแบบนี้
มีแปลกจากแบบธรรมดาทั้ง
การวางลําดับใหม ไมมีเหตุผลเลย แนะภิกษุ ! การที่ผูใด จะเปนสมณะหรือพราหมณ ก็ตาม จะพึง กลาววา "อริยสัจที่พระสมณะโคดม แสดง ทุกข ไวเปนขอที่หนึ่ง, เหตุใหเกิด ทุกข ไวเปนขอที่สอง, ความดับไมเหลือของทุกข ไวเปนขอที่สาม, และทาง ดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข ไวเปนขอที่สี่ นั้น เปนไปไมได, เรา คัดคาน, เราบัญญัติเปนอยางอื่น" ดังนี้ จะเปนคํามีเหตุผลเปนหลักฐาน
๑๑๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ไมไดเลย. แนะภิกษุ! เธอจงทรงจําอริยสัจสี่ ประการที่แสดงแลวอยางนั้น ๆ เถิด.
อันเราแสดงแลว
โดย
ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึง ทําความเพียร เพื่อใหรูตามเปนจริง วา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข, นี้เปน ความดับไมเหลือแหงทุกข, นี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข." ดังนี้เถิด. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๓๘/๑๖๙๓.
หนาที่อันเกี่ยวกับอริยสัจ มีสี่ชนิด ภิกษุ ท.! ความจริงอันประเสริฐมีสี่อยางเหลานี้. สี่อยางเหลาไหน เลา ? สี่อยางคือ ความจริงอันประเสริฐ คือทุกข, - เหตุใหเกิดทุกข, - ความ ดับไมเหลือของทุกข. และทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข. ภิกษุ ท.! เหลานี้แลคือ ความจริงอันประเสริฐสี่อยาง.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! ในความจริงอันประเสริฐสี่อยางเหลานี้, ความจริงอัน ประเสริฐ ที่ควรกําหนดรอบรู ก็มี, ความจริงอันประเสริฐ ที่ควรละเสีย ก็มี, ความจริงอันประเสริฐ ที่ควรทําใหแจง ก็มี, และความจริงอันประเสริฐ ที่ควร ทําใหเจริญ ก็มี.
ภิกษุ ท.! ความจริงอันประเสริฐ ที่ควรกําหนดรอบรู ไดแก ความ จริงอันประเสริฐ คือทุกข, ความจริงอันประเสริฐ ที่ควรละเสีย ไดแก ความ
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๑๑๙
จริงอันประเสริฐ คือเหตุใหเกิดทุกข, ความจริงอันประเสริฐ ที่ควรทําใหแจง ไดแก ความจริงอันประเสริฐ คือความดับไมเหลือของทุกข, และความจริง อันประเสริฐ ที่ควรทําใหเจริญ ไดแก ความจริงอันประเสริฐ คือ ทางดําเนิน ใหถึงความดับไมเหลือของทุกข. ภิกษุ ท.! เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึง ทําความเพียร เพื่อใหรูตามเปนจริง วา "นี้เปนทุกข, นี้เปนเหตุใหเกิดทุกข, นี้เปนความดับ ไมเหลือแหงทุกข, นี้เปนทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข" ดังนี้เถิด. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๖/๑๗๐๙.
อริยสัจสี่ มีสามรอบ มีสิบสองอาการ ๑. ภิกษุ ท.! ดวงตา, ญาณ, ปญญา, วิชชา, และแสงสวาง ของเราไดเกิดขึ้นแลว ในธรรมที่เราไมเคยไดยินไดฟงมาแตกอนวา ๑. นี้เปน ความจริงอันประเสริฐคือทุกข, ๒. ความจริงอันประเสริฐคือทุกขนี้ ควร กําหนดรอบรู, ๓. ความจริงอันประเสริฐคือทุกขนี้ เราไดกําหนดรอบรูแลว.
www.buddhadasa.info ๒. ภิกษุ ท.! ดวงตา, ฯลฯ แสงสวางของเรา ไดเกิดขึ้นแลว ในธรรมที่เราไมเคยไดยินไดฟงมาแตกอนวา ๑. นี้เปนความจริงอันประเสริฐคือ เหตุใหเกิดทุกข, ๒. ความจริงอันประเสริฐคือเหตุใหเกิดทุกขนี้ ควรละเสีย, ๓. ความจริงอันประเสริฐคือเหตุใหเกิดทุกขนี้ เราไดละเสียแลว.
๑๒๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
๓. ภิกษุ ท.! ดวงตา, ฯลฯ แสงสวางของเรา ไดเกิดขึ้นแลว ในธรรมที่เราไมเคยไดยินไดฟงมาแตกอนวา ๑. นี้เปน ความจริงอันประเสริฐคือ ความดับไมเหลือของทุกข, ๒ ความจริงอันประเสริฐคือ ความดับไมเหลือของ ทุกข นี้ ควรทําใหแจง, ๓. ความจริงอันประเสริฐคือ ความดับไมเหลือของทุกข นี้ เราไดทําใหแจงแลว. ๔. ภิกษุ ท.! ดวงตา, ฯลฯ แสงสวางของเรา ไดเกิดขึ้นแลว ในธรรมที่เราไมเคยไดยินไดฟงมาแตกอนวา ๑. นี้เปน ความจริงอันประเสริฐคือ ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข, ๒. ความจริงอันประเสริฐคือ ทาง ดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกข นี้ ควรทําใหเจริญ, ๓. ความจริงอัน ประเสริฐคือ ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือของทุกขนี้ เราได ทําใหเจริญแลว. ภิกษุ ท.! ตลอดเวลาที่ ปญญาเครื่องรูเห็นตามเปนจริง ในอริยสัจสี่ อันมีรอบสาม มีอาการสิบสอง เชนนี้ ยังไมบริสุทธิ์สะอาดดวยดี, เราก็ยังไม ปฏิญญา วา ไดตรัสรู รูพรอมเฉพาะ ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ อยูเพียง นั้น. เมื่อใด บริสุทธิ์สะอาดดวยดี, เมื่อนั้น เราก็ ปฏิญญาวา ได ต รั ส รู รูพรอมเฉพาะแลว ซึ่งอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ.
www.buddhadasa.info - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๒๙-๕๓๐/๑๖๖๖-๑๖๗๐.
อริยสัจสี่เนื่องกันจนเห็นแตอริยสัจเดียวไมได ท านผู มี อายุ ท.! ข าพเจ าได รับ ฟ งเรื่อ งนี้ มาเฉพาะพระพั กตรพ ระผู มี พ ระภาคเจ าว า
"ภ ิก ษ ุ ท .! ผู ใ ด เห ็น ท ุก ข , ผู นั ้น ย อ ม เห ็น แ ม ซึ ่ง เห ต ุใ ห เ ก ิด ขึ ้น แห ง ทุ ก ข ย อ มเห็ น แม ซึ่ ง ความดั บ ไม เหลื อ แห ง ทุ ก ข ย อ มเห็ น แม ซึ่ ง ทางดํ า เนิ น ใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข.
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ ผูใดเห็น เหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข, ยอมเห็นแมซึ่งความดับไมเหลือแหงทุกข ความดับไมเหลือแหงทุกข.
๑๒๑
ผูนั้น ยอมเห็นแมซึ่งทุกข ยอมเห็นแมซึ่งทางดําเนินใหถึง
ผูใดเห็น ความดับไมเหลือแหงทุกข, ผูนั้น ยอมเห็นแมซึ่งทุกข ยอมเห็นแมซึ่งเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข ยอมเห็นแมซึ่งทางดําเนินใหถึงความดับ ไมเหลือแหงทุกข. ผูใดเห็น ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข, ผูนั้น ยอมเห็น แมซึ่งทุกข ยอมเห็นแมซึ่งเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข ยอมเห็นแมซึ่งความดับไม เหลือแหงทุกข." ดับนี้ แล. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๖/๑๗๑๑. (ความหมายของคําวา "จากพระโอษฐ” ในกรณีอยางนี้ กลาวเปนผูยืนยันในที่นี้ วาพระผูมีพระภาคเจาไดตรัสอยางนั้นจริง.)
หมายความวาทานผู
ไวพจน หรือคําแทนชื่อ ของจตุราริยสัจ www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! ธรรมเหลาไหนเลา ควรกําหนดรอบรู ดวยปญญา อันยิ่ง ? คําตอบคือ อุปาทานขันธหา ; ไดแกสิ่งเหลานี้คือ : รูปเปน อุปาทานขันธ, เวทนาเปนอุปาทานขันธ, สัญญาเปนอุปาทานขันธ, สังขาร เปนอุปาทานขันธ, และวิญญาณเปนอุปาทานขันธ. ภิกษุ ท.! ธรรมเหลาไหน เล า ควรละ ด ว ยป ญ ญาอั น ยิ่ ง ? คํา ตอบคื อ อวิ ช ชา และ ภวตั ณ หา,
๑๒๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิกษุ ท.! ธรรมเหลาไหนเลา ควรทําใหแจง ดวยปญญาอันยิ่ง ? คําตอบคือ วิชชา และ วิมุติ. ภิกษุ ท.! ธรรมเหลาไหนเลา ควรทําใหเจริญ ดวย ปญญาอันยิ่ง ? คําตอบคือ สมถะ และ วิปสสนา. - อุปริ. ม. ๑๔/๕๒๔/๘๒๙. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๗๘/๒๙๑–๒๙๔. อุปาทานขันธ = ขันธอันเปนที่ตั้งแหงความยึดถือ โดยสรุปไดแก ทุกขสัจ; อวิชชา และ ภวตัณหา ไดแก สมุทัยสัจ; วิชชา คือความรูแจง วิมุติ คือความหลุดพน ไดแก นิโรธสัจ; สมถะ คืออุบายสงบใจเปนสมาธิ วิปสสนา คืออุบายใหเห็นแจงในธรรมทั้งปวง ไดแก มรรคสัจ; จึงกลาววา เปนไวพจนของจตุราริยสัจ ในที่นี้. - ผูรวบรวม.
ไวพจนของจตุราริยสัจ (อีกนัยหนึ่ง) (ทรงแสดงดวยคําวา อันตะ) ภิกษุ ท.! อันตะ ๔ อยางเหลานี้ มีอยู สี่อยางเหลาไหนเลา ? สี่อยางคือ อันตะคือสักกายะ อันตะคือสักกายสมุทัย อันตะคือสักกายนิโรธ อันตะคือสักกายนิโรธคามินีปฏิปทา.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! อันตะคือสักกายะ เปนอยางไรเลา ? ควรจะกลาววา ไดแก อุปาทานขันธหา. หาอยางไรเลา ? หาอยางคือ รูปูปาทานขันธ เวทนูปาทานขันธ สัญูปาทานขันธ สังขารูปาทานขันธ วิญญาณูปาทานขันธ ภิกษุ ท.! นี้เราเรียกวา อันตะคือสักกายะ.
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๑๒๓
ภิกษุ ท.! อันตะคือสักกายสมุทัย เปนอยางไรเลา ? คือตัณหา อันเปนเครื่องทําใหมีการเกิดอีก ประกอบดวยความกําหนัดดวยอํานาจความเพลิน มีปกติทําใหเพลิดเพลินในอารมณนั้น ๆ; ไดแกตัณหาเหลานี้คือ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา. ภิกษุ ท.! นี้เราเรียกวา อันตะคือสักกายสมุทัย. ภิกษุ ท.! อันตะคือสักกายนิโรธ เปนอยางไรเลา ? คือความจาง คลายดับไปโดยไมเหลือ ความสละทิ้ง ความสลัดคืน ความปลอย ความทําไมให มีที่อาศัย ซึ่งตัณหานั้นนั่นแหละ. ภิกษุ ท.! นี้เราเรียกวา อันตะคือสักกายนิโรธ. ภิกษุ ท.! อันตะคือสักกายนิโรธคามินีปฏิปทา เปนอยางไรเลา ? คือ หนทางอันประเสริฐ ซึ่งประกอบดวยองคแปดประการนี้เอง กลาวคือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. ภิกษุ ท.! นี้เราเรียกวา อันตะคือ สักกายนิโรธคามินีปฏิปทา.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! อันตะ ๔ อยาง เหลานี้แล.
- ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๙๒/๒๗๔-๒๗๘.
ไวพจนของจตุราริยสัจ (อีกนัยหนึ่ง) (ทรงแสดงดวยคําวา สักกายะ) ภิกษุ ท.! เราจะแสดง ซึ่งสักกกายะ สักกายสมุทัย สักกายนิโรธ และสักกายนิโรธคามินีปฏิปทา แกพวกเธอ. เธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น.
๑๒๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิกษุ ท.! สักกายะ เปนอยางไรเลา ? ควรจะกลาววาไดแก อุปาทานขันธหา. อุปาทานขันธหาเหลาไหนเลา ? อุปาทานขันธหาคือ รูปูปาทานขันธ เวทนูปาทานขันธ สัญูปาทานขันธ สังขารูปาทานขันธ วิญญาณูปาทานขันธ. ภิกษุ ท.! นี้เราเรียกวา สักกายะ. ภิกษุ ท.! สักกายสมุทัย เปนอยางไรเลา ? คือ ตัณหาอันเปน เครื่องทําใหมีการเกิดอีก ประกอบดวยความกําหนัดเพราะอํานาจความเพลิน มีปกติทําใหเพลินอยางยิ่งในอารมณนั้น ๆ; ไดแกตัณหาเหลานี้ คือ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา. ภิกษุ ท.! นี้เราเรียกวา สักกายสมุทัย. ภิกษุ ท.! สักกายนิโรธ เปนอยางไรเลา? คือ ความจางคลาย ดับไปโดยไมเหลือ ความสละทิ้ง ความสลัดคืน ความปลอย ความทําไมใหมีที่ อาศัย ซึ่งตัณหานั้นนั่นแหละ ภิกษุ ท.! นี้เราเรียกวา สักกายนิโรธ. ภิกษุ ท.! สักกายนิโรธคามินีปฏิปทา เปนอยางไรเลา ? คือ หนทางอันประเสริฐ ซึ่งประกอบดวยองคแปดประการ กลาวคือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. ภิกษุ ท.! นี้เราเรียกวา สักกายนิโรธคามินีปฏิปทา, ดังนี้แล.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๙๓/๒๘๔-๒๘๘.
ไวพจนของจตุราริยสัจ (อีกนัยหนึ่ง) (ทรงแสดงดวยคําวา โลก) ภิกษุ ท.! โลก เปนสิ่งที่ตถาคตไดรูพรอมเฉพาะแลว, ตถาคต เปนผูถอนตนจากโลกไดแลว. เหตุใหเกิดโลก เปนสิ่งที่ตถาคตไดรูพรอม
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๑๒๕
เฉพาะแลว. ตถาคต ละเหตุใหเกิดโลกไดแลว. ความดับไมเหลือแหงโลก เปนสิ่งที่ตถาคตรูพรอมเฉพาะแลว, ตถาคต ทําใหแจงความดับไมเหลือแหงโลก ไดแลว. ทางใหถึงความดับไมเหลือแหงโลก เปนสิ่งที่ตถาคตรูพรอมเฉพาะ แลว. ตถาคต ทําใหเกิดมีขึ้นไดแลวซึ่งทางใหถึงความดับไมเหลือแหงโลกนั้น. - อิติวุ. ขุ. ๒๕/๓๒๑/๒๙๓.
….แนะเธอ ! ในรางกายที่ยาววาหนึ่ง ซึ่งประกอบดวยสัญญา และใจนี่เอง เราไดบัญญัติ โลก, เหตุเกิดของโลก, ความดับไมเหลือของโลก, และทางใหถึงความดับไมเหลือของโลก ไว. - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๖๔/๔๖.
อริยสัจสี่ ที่ทรงแสดงโดยพิสดาร (นัยที่หนึ่ง) ภิกษุ ท.! ภิกษุเปนผูมีปรกติพิจารณาเห็นธรรมในธรรม ท. คือ อริยสัจ ๔ อยางอยูนั้น เปนอยางไรเลา ? ภิกษุ ท.! ภิกษุในกรณีนี้ ยอม รูแจงชัดตามเปนจริงวา "นี้คือทุกข." ยอมรูแจงชัดตามเปนจริงวา "นี้คือเหตุ ใหเกิดทุกข." ยอมรูแจงชัดตามเปนจริงวา "นี้คือความดับไมเหลือแหงทุกข." ยอมรูแจงชัดตามเปนจริงวา "นี้คือหนทางเปนเครื่องใหถึงความดับไมเหลือแหง ทุกข"
www.buddhadasa.info ๑. ทุกขอริยสัจ ภิกษุ ท.! ก็ อริยสัจคือทุกข นั้นเปนอยางไรเลา ? ความเกิดก็ เปนทุกข, ความแกก็เปนทุกข, ความตายก็เปนทุกข, ความโศก ความร่ําไร-
๑๒๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
รําพัน ความทุกขกาย ความทุกขใจ ความคับแคนใจ ก็เปนทุกข, ความระคน ดวยสิ่งไมเปนที่รัก ก็เปนทุกข, ความพลัดพรากจากสิ่งเปนที่รัก ก็เปนทุกข, ความที่ตนปรารถนาแลวไมไดสิ่งนั้นสมหวัง ก็เปนทุกข, กลาวโดยยอ ขันธอัน เปนที่ตั้งแหงความยึดถือทั้ง ๕ เปนทุกข. ภิกษุ ท.! ความเกิด เปนอยางไรเลา ? ภิกษุ ท.! การเกิด การกําเนิด การกาวลง (สูครรภ) การบังเกิด การบังเกิดโดยยิ่ง ภาวะแหง ความปรากฏของขันธทั้งหลาย การที่สัตวไดอายตนะทั้งหลาย ในจําพวกสัตว นั้น ๆ ของสัตวนั้น ๆ นี้เราเรียกวาความเกิด ภิกษุ ท.! ความแก เปนอยางไรเลา ? ภิกษุ ท.! ความแก ความคร่ําครา ความมีฟนหลุด ความมีผมหงอก ความมีหนังเหี่ยว ความสิ้นไป ๆ แหงอายุ ความแกรอบแหงอินทรียทั้งหลาย ในสัตวนิกายนั้น ๆ ของสัตว เหลานั้น ๆ, นี้เราเรียกวาความแก.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! ความตาย เปนอยางไรเลา ? ภิกษุ ท.! การจุติ ความเคลื่อน การแตกสลาย การหายไป การวายชีพ การตาย การทํากาละ การแตกแหงขันธ ท. การทอดทิ้งราง การขาดแหงอินทรียคือชีวิต จากจําพวก สัตวนั้น ๆ ของสัตวเหลานั้น ๆ, นี้เราเรียกวาความตาย.
ภิกษุ ท.! ความโศก เปนอยางไรเลา ? ภิกษุ ท.! ความโศก การโศก ภาวะแหงการโศก ความโศกในภายใน ความโศกทั่วในภายใน ของ บุคคลผูประกอบแลวดวยความฉิบหายอันใดอันหนึ่ง หรือของบุคคลผูอันความ ทุกขอยางใดอยางหนึ่งกระทบแลว, นี้เราเรียกวาความโศก
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๑๒๗
ภิกษุ ท.! ความร่ําไรรําพัน เปนอยางไรเลา ? ภิกษุ ท.! ความ คร่ําครวญ ความร่ําไรรําพัน การคร่ําครวญ การร่ําไรรําพัน ภาวะแหงผูคร่ําครวญ ภาวะแหงผูร่ําไรรําพัน ของบุคคลผูประกอบแลวดวยความฉิบหายอันใดอันหนึ่ง หรือของบุคคลผูอันความทุกขอยางใดอยางหนึ่งกระทบแลว. นี้เราเรียกวาความ ร่ําไรรําพัน. ภิกษุ ท.! ความทุกขกาย เปนอยาไรเลา ? ภิกษุ ท.! การทน ยากที่เปนไปทางใจ การไมดี (คือไมสบายเปนปรกติ) ที่เปนไปทางกาย การทนยากที่เกิดแตความกระทบทางกาย ความรูสึกที่ไมดีอันเกิดแตความกระทบ ทางกายใด ๆ, นี้เราเรียกวาความทุกขกาย. ภิกษุ ท.! ความทุกขใจ เปนอยางไรเลา ? ภิกษุ ท.! การทน ยากที่เปนไปทางใจ การไมดี (คือไมสบายเปนปรกติ) ที่เปนไปทางใจ การทน ยากที่เกิดแตความกระทบทางใจ ความรูสึกที่ไมดีอันเกิดแตความกระทบทางใจ ใด ๆ, นี้เราเรียกวาความทุกขใจ.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! ความคับแคนใจ เปนอยางไรเลา ? ภิกษุ ท.! ความ กลุมใจ ความคับแคนใจ ภาวะแหงผูกลุมใจ ภาวะแหงผูคับแคนใจ ของบุคคล ผูประกอบแลวดวยความฉิบหายอันใดอันหนึ่ง หรือของบุคคลผูอันทุกขอยางใด อยางหนึ่งกระทบแลว, นี้เราเรียกวาความคับแคนใจ.
ภิกษุ ท.! ความระคนดวยสิ่งไมเปนที่รักเปนทุกข เปนอยางไรเลา ? ภิ ก ษุ ท.! ในโลกนี้ อารมณ คื อ รู ป เสี ย ง รส โผฏฐั พ พะเหล า นั้ น อั น
๑๒๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
เปนที่ไมนาปรารถนารักใครพอใจ แกผูใด หรือวาชนเหลาใดเปนผูไมหวัง ประโยชน ไมหวังความเกื้อกูล ไมหวังความผาสุก ไมหวังความเกษมจากเครื่อง ผูกรัด ตอเขา. การที่ไปดวยกัน การมาดวยกัน การหยุดอยูรวมกัน ความ ปะปนกันกับดวยอารมณ หรือบุคคลเหลานั้น, นี้เราเรียกวา ความระคน ดวยสิ่งไมเปนที่รักเปนทุกข. ภิกษุ ท.! ความพลัดพรากจากสิ่งเปนที่รักเปนทุกข เปนอยางไรเลา ? ภิกษุ ท.! ในโลกนี้ อารมณคือรูป เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะเหลานั้น อัน เปนที่นาปรารถนารักใครพอใจ ของผูใด หรือวาชนเหลาใดเปนผูหวังประโยชน หวังความเกื้อกูล หวังความผาสุก หวังความเกษมจากเครื่องผูกรัดตอเขาคือมารดา บิดา พี่นองชาย พี่นองหญิง มิตร อมาตย ญาติสาโลหิตก็ตาม, การที่ไมได ไปรวม การที่ไมไดมารวม การไมไดหยุดอยูรวม ไมไดปะปนกับดวยอารมณ หรือบุคคลเหลานั้น, นี้เราเรียกวา ความพลัดพรากจากสิ่งเปนที่รักเปนทุกข. ภิกษุ ท.! ความที่สัตวปรารถนาแลวไมไดสิ่งนั้นสมหวังเปนทุกข เปนอยางไรเลา ? ภิกษุ ท.! ความปรารถนาเกิดขึ้นแกสัตวผูมีความเกิดเปน ธรรมดา อยางนี้วา "โอหนอ ! ขอเรา ท. ไมพึงเปนผูมีความเกิดเปนธรรมดา และความเกิดไมพึงมาถึงเรา ท. หนอ." ก็ขอนี้ไมใชสัตวจะบรรลุไดดวยความ ปรารถนา. แมนี้ก็ชื่อวา ปรารถนาสิ่งใดแลวไมไดสิ่งนั้นเปนทุกข. ภิกษุ ท.! ความปรารถนาเกิดขึ้นแกสัตวผูมีความแกเปนธรรมดา อยางนี้วา "โอหนอ ! ขอเรา ท.ไมถึงเปนผูมีความแกเปนธรรมดา และความแกไมพึงมาถึงเรา ท. หนอ." ก็ขอนี้ไมใชสัตวจะบรรลุไดดวยความปรารถนา. แมนี้ก็ชื่อวาปรารถนา สิ่งใดแลวไมไดสิ่งนั้น เปนทุกข. ภิกษุ ท.! ความปรารถนาเกิดขึ้นแกหมู
www.buddhadasa.info
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๑๒๙
สัตวผูมีความเจ็บปวยเปนธรรมดา….มีความตายเปนธรรมดา….มีความโศก ความร่ําไรรําพัน ความทุกขกาย ความทุกขใจ ความคับแคนใจ เปนธรรมดา…. (ความทํานองเดียวกันกับขางตน)….ก็ขอนี้ไมใชสัตวจะบรรลุไดดวยความปรารถนา. แมนี้ก็ชื่อวา ปรารถนาสิ่งใดแลวไมไดสิ่งนั้น เปนทุกข. ภิกษุ ท.! กลาวโดยยอ ขันธอันเปนที่ตั้งแหงความยึดถือทั้ง ๕ เปนทุกข เปนอยางไรเลา ? นี้คือ ขันธเปนที่ตั้งแหงความยึดถือไดแกรูป, ขันธ เปนที่ตั้งแหงความยึดถือไดแกเวทนา, ขันธเปนที่ตั้งแหงความยึดถือไดแกสัญญา, ขันธเปนที่ตั้งแหงความยึดถือไดแกสังขาร, ขันธเปนที่ตั้งแหงความยึดถือไดแก วิญญาณ. ภิกษุ ท.! เหลานี้ เราเรียกวา กลาวโดยยอขันธเปนที่ตั้งแหง ความยึดถือเปนทุกข. ภิกษุ ท.! นี้เราเรียกวาอริยสัจ คือ ทุกข. ๒. ทุกขสมุทยอริยสัจ
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! ก็อริยสัจคือเหตุใหเกิดทุกข นั้นเปนอยางไรเลา? ตัณหานี้ใด ทําความเกิดใหมเปนปรกติ เปนไปกับความกําหนัดเพราะความ เพลิน มักเพลินยิ่งในอารมณนั้น ๆ, นี้คือ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา.
ภิกษุ ท.! ก็ ตัณหานั้น เมื่อจะเกิด ยอมเกิดในที่ไหน ? เมื่อจะ เขาไปตั้งอยู ยอมเขาไปตั้งอยูในทีไ่ หน ? สิ่งใดในโลกมีภาวะเปนที่รักมีภาวะ เปนที่ยินดี (ปยรูปสาตรูป); ตัณหานั้น เมื่อจะเกิดยอมเกิดในสิ่งนั้น, เมื่อ จะเขาไปตั้งอยูยอมเขาไปตั้งอยูในสิ่งนั้น. ก็อะไรเลา มีภาวะเปนที่รักมีภาวะ เปนที่ยินดีในโลก ?
๑๓๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ตา…หู…จมูก…ลิ้น…กาย…ใจ…(แตละอยางทุกอยาง) มีภาวะ เปนที่รักมีภาวะเปนทิ่ยินดีในโลก; ตัณหานี้ เมื่อจะเกิด ยอมเกิดในที่นั้น, เมื่อจะเขาไปตั้งอยู ยอมเขาไปตั้งอยูในที่นั้น. รูป ทั้ งหลาย….เสี ยงทั้ งหลาย….กลิ่ น ทั้ งหลาย….รสทั้ งหลาย…. โผฏฐัพพะทั้งหลาย….ธรรมารมณทั้งหลาย…. (แตละอยางทุกอยาง) มีภาวะเปน ที่รักมีภ าวะเปน ยินดีในโลก; ตัณ หานี้เมื่อจะเกิด ยอ มเกิด ในที่นั้น, เมื่อ จะ เขาไปตั้งอยู ยอมเขาไปตั้งอยูในที่นั้น. ความรูแจงทางตา….ความรูแจงทางหู….ความรูแจงทางจมูก…. ความรูแจงทางลิ้น….ความรูแจงทางกาย….ความรูแจงทางใจ…. (แตละอยาง ทุกอยาง) มีภาวะเปนที่รักมีภาวะเปนที่ยินดีในโลก; ตัณ หานี้เมื่อจะเกิด ยอม เกิดในที่นั้น, เมื่อจะเขาไปตั้งอยู ยอมเขาไปตั้งอยูในที่นั้น. การกระทบทางตา...การกระทบทางหู…การทบทางจมูก ... การกระทบทางลิ้น …การกระทบทางกาย...การกระทบทางใจ ...(แตล ะอยา ง ทุกอยาง) มีภาวะเปนที่รักที่ภาวะเปนที่ยินดีในโลก; ตัณหานี้เมื่อจะเกิด ยอม เกิดในที่นั้น, เมื่อจะเขาไปตั้งอยู ยอมเขาไปตั้งอยูในที่นั้น.
www.buddhadasa.info ความรูนึกเกิดแตการกระทบทางตา…ความรูสึกเกิดแตการกระทบ ทางหู…ความรูสึก เกิด แตก ารกระทบทางจมูก …ความรูสึก เกิด แตก าร ทบ ทางลิ้น…ความรูสึกเกิดแตการกระทบทางกาย…ความรูสึกเกิดแตการกระทบ ทางใจ…(แตละอยางทุกอยาง) มีภาวะเปนที่รักมีภาวะเปนทิ่ยินดีในโลก; ตัณหา นี้เมื่อจะเกิด ยอมเกิดในที่นั้น, เมื่อจะเขาไปตั้งอยู ยอมเขาไปตั้งอยูในที่นั้น.
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๑๓๑
ความจําหมายในรูป…ความจําหมายในเสียง…ความจําหมายใน กลิ่น …ความจําหมายในรส…ความจําหมายในโผฏฐัพ พะ…ความจําหมาย ในธรรมารมณ…(แตละอยางทุกอยาง) มีภาวะเปนที่รักมีภาวะเปนที่ยินดีในโลก; ตัณหานี้เมื่อจะเกิด ยอมเกิดในที่นั้น, เมื่อจะเขาไปตั้งอยู ยอมเขาไปตั้งอยูใน ที่นั้น. ความนึก ถึง รูป …ความนึก ถึง เสีย ง…ความนึก ถึง กลิ่น …ความ นึก ถึง รส…ความนึก ถึง โผฏฐัพ พะ….ความนึก ถึง ธรรมารมณ….(แตล ะอยา ง ทุกอยาง) มีภาวะเปนที่รักมีภาวะเปนที่ยินดีในโลก; ตัณ หานี้เมื่อจะเกิด ยอม เกิดในที่นั้น, เมื่อจะเขาไปตั้งอยู ยอมเขาไปตั้งอยูในที่นั้น. ความอยากในรูป…ความอยากในเสียง…ความอยากในกลิ่น…. ความอยากในรส….ความอยากในโผฏฐัพพะ…ความอยากในธรรมารมณ… (แตล ะอยางทุกอยา ง) มีภ าวะเปน ที่รัก มีภ าวะเปน ที่ยิน ดีใ นโลก; ตัณ หานี้เมื่อ จะเกิด ยอมเกิดในที่นั้น, เมื่อจะเขาไปตั้งอยู ยอมเขาไปตั้งอยูในที่นั้น
www.buddhadasa.info ความตริห ารูป …ความตริห าเสีย ง…ความตริห ากลิ่น …ความ ตริ ห ารส…ความตริ ห าโผฏฐั พ พะ…ความตริ ห าธรรมารมณ … (แต ล ะอย า ง ทุกอยาง) มีภาวะเปนที่รักมีภาวะเปนที่ยินดีในโลก; ตัณ หานี้เมื่อจะเกิด ยอม เกิดในที่นั้น, เมื่อจะเขาไปตั้งอยู ยอมเขาไปตั้งอยูในที่นั้น.
ความไตรตรองตอรูป (ที่ตริหาไดแลว)…ความไตรตรองตอเสียง… ความไตรตรองตอกลิ่น…ความไตรตรองตอรส…ความไตรตรองตอโผฏฐัพพะ
๑๓๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ความไตรต รองตอ ธรรมารมณ…(แตล ะอยา งทุก อยา ง) มีภ าวะเปน ที ่ร ัก มีภ าวะเปน ที ่ย ิน ดีใ น โลก ; ตัณ ห านี ้เ มื ่อ จะเกิด ยอ ม เกิด ใน ที ่นั ้น . เมื ่อ จะเขา ไป ตั ้ง อ ยู ยอมเขาไปตั้งอยูในที่นั้น. ภิกษุ ท.! นี้เราเรียกวาอริยสัจ คือ เหตุใหเกิดทุกข. ๓. ทุกขนิโรธอริยสัจ ภิ ก ษุ ท.! อริ ย สั จ คื อ ความดั บ ไม เหลื อ แห ง ทุ ก ข เป น อย า งไรเล า ? คื อ ความคลายคื น โดยไม มี เหลื อ และความดั บ ไม เหลื อ ความละวาง ความสละคื น ความผานพน ความไมอาลัย ซึ่งตัณหานั้นนั่นเทียว. ภิ ก ษุ ท.! ก็ ตั ณ หานั้ น เมื่ อ บุ ค คลจะละได ย อ มละได ใ นที่ ไ หน? เมื่ อ จะดั บ ย อ มดั บ ได ใ นที่ ไ หน ? สิ่ ง ใดมี ภ าวะเป น ที่ รั ก มี ภ าวะเป น ที่ ยิ น ดี ในโลก; ตัณ หานั ้น เมื ่อ บุค คลจะละ ยอ มละไดใ นสิ ่ง นั ้น , เมื ่อ จะดับ ยอ มดับ ได ในสิ่งนั้น. ก็อะไรเลา มีภาวะเปนที่รัก มีภาวะเปนที่ยินดี ในโลก ?
www.buddhadasa.info ต า ….ห ู…จ ม ูก …ลิ ้น …ก า ย …ใ จ …(แ ต ล ะ อ ย า ง ท ุก อ ย า ง ) ม ีภ า ว ะ เป น ที่ รั ก มี ภ าวะเป น ที่ ยิ น ดี ในโลก; ตั ณ หานี้ เมื่ อ จะละ ย อ มละได ในที่ นั่ น ,. เมื่อจะดับ ยอมดับไดในที่นั้น.
รูป ทั ้ง ห ล า ย …เส ีย ง ทั ้ง ห ล า ย …ก ลิ ่น ทั ้ง ห ล า ย …ร ส ทั ้ง ห ล า ย … โผฏฐัพ พะทั ้ง หลาย…ธรรมารมณทั ้ง หลาย …(แตล ะอยา งทุก อยา ง ) มีภ าวะเปน ที ่ร ัก มีภ าวะเปน ที ่ย ิน ดี ในโลก; ตัณ หานี ้ เมื ่อ จะละ ยอ มละได ในที ่นั ้น , เมื่อจะดับ ยอมดับไดในที่นั้น.
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๑๓๓
ความรูแ จ งทางตา…ความรูแ จ ง ทางหู …ความรูแ จ ง ทางจมู ก … ความรูแ จง ทางลิ้น …ความรูแ จง ทางกาย…ความรูแ จง ทางใจ …(แตล ะอยา ง ทุก อยา ง) มีภ าวะเปน ที ่รัก มีภ าวะเปน ที ่ย ิน ดี ในโลก; ตัณ หานี ้ เมื ่อ จะละ ยอมละไดในที่นั้น, เมื่อจะดับ ยอมดับไดในที่นั้น. การกระทบทางตา…การกระทบทางหู…การกระทบทางจมูก … การกระทบทางลิ้น …การกระทบทางกาย…การการะทบทางใจ…(แตละอยาง ทุก อยา ง) มีภ าวะเปน ที่รัก มีภ าวะเปน ที่ยิน ดี ในโลก; ตัณ หานี้ เมื่อ จะละ ยอมละไดในที่นั้น, เมื่อจะดับ ยอมดับไดในที่นั้น. ความรูสึกเกิดแตการกระทบทางตา…ความรูสึกเกิดแกการกระทบ ทางหู…ความรูสึกเกิดแตการกระทบทางจมูก…ความรูสึกเกิดแตการกระทบ ทางลิ้น…ความรูสึกเกิดแตการกระทบทางกาย…ความรูสึกเกิดแตการกระทบ ทางใจ …(แตล ะอยา งทุก อยา ง) มีภ าวะเปน ที่รัก มีภ าวะเปน ที่ยิน ดี ในโลก; ตัณหานี้ เมื่อจะละ ยอมละไดในที่นั้น, เมื่อจะดับ ยอมดับไดในที่นั้น.
www.buddhadasa.info ความจําหนายในรูป…ความจําหมายในเสียง…ความจําหมายใน กลิ่น …ความจําหมายในรส…ความจําหมายในโผฏฐัพ พะ…ความจําหมาย ในธรรมารมณ…(แตล ะอยา งทุก อยา ง) มีภ าวะเปน ที่รัก มีภ าวะเปน ที่ยิน ดี ในโลก; ตัณ หานี้ เมื่อ จะละ ยอมละไดในที่นั้น , เมื่อ จะดับ ยอ มดับไดใน ที่นั้น.
๑๓๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ค วาม นึก ถึง รูป …ค วาม นึก ถึง เสีย ง…ค วาม นึก ถึง ก ลิ ่น …ค วาม นึก ถึง รส …ค วาม นึก ถึง โผ ฏ ฐัพ พ ะ…ค วาม นึก ถึง ธ รรม ารม ณ …(แ ตล ะ อ ยา ง ทุก อยา ง) มีภ าวะเปน ที ่ร ัก มีภ าวะเปน ที ่ย ิน ดี ในโลก; ตัณ หานี ้ เมื ่อ จะละ ยอมละไดในที่นั้น, เมื่อจะดับ ยอมดับไดในที่นั้น. ความอยากในรู ป …ความอยากในเสี ย ง…ความอยากในกลิ่ น …. ความอยากในรส…ความอยากในโผฏฐัพ พะ…ความอยากในธรรมารมณ … (แตล ะอยา งทุก อยา ง) มีภ าวะเปน ที ่ร ัก มีภ าวะเปน ที ่ย ิน ดี ในโลก; ตัณ หานี้ เมื่อจะละ ยอมละไดในที่นั้น. เมื่อจะดับ ยอมดังไดในที่นั้น. ค ว า ม ต ริห า รูป …ค ว า ม ต ริห า เสีย ง…ค ว า ม ต ริห า ก ลิ ่น …ค ว า ม ต ริ ห ารส …ค วาม ต ริ ห าโผ ฏ ฐั พ พ ะ …ค วาม ต ริ ห าธ รรม ารม ณ … (แ ต ล ะ อ ย า ง ทุก อยา ง) มีภ าวะเปน ที ่ร ัก มีภ าวะเปน ที ่ย ิน ดี ในโลก; ตัณ หานี ้ เมื ่อ จะละ ยอมละไดในที่นั้น, เมื่อจะดับ ยอมดับไดในที่นั้น.
www.buddhadasa.info ความไตร ต รองต อ รู ป (ที่ ต ริ ห าได แ ล ว )…ความไตร ต รองต อ เสี ย ง… ความ ไตรต รอ งตอ กลิ ่น …ค วาม ไต รต รองตอ รส …ค วาม ไต รต รองตอ โผ ฏ ฐัพ พะ…ความไตรต รองตอ ธรรมารมณ …(แตล ะอยา งทุก อยา ง) มีภ าวะเปน ที่ รัก มีภ าวะเปน ที ่ย ิน ดี ใน โล ก ; ตัณ ห านี ้ เมื ่อ จะล ะ ยอ ม ล ะไดใ น ที ่นั ้น , เมื่อจะดับ ยอมดับไดในที่นั้น. ภิกษุ ท.! นี้เราเรียกวาอริยสัจคือ ความดับไมเหลือแหงทุกข.
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๑๓๕
๔. ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ ภิกษุ ท.! ก็ อริยสัจ คือหนทางเปนเครื่องใหถึงความดับไมเหลือ แหง ทุก ข เปน อยา งไรเลา ? คือ หนทางอัน ประกอบดว ยองคแ ปดอัน ประเสริฐ นี้ เ อง. องค แ ปดคื อ ความเห็ น ชอบ ความดํ า ริ ช อบ วาจาชอบ การงานชอบ อาชีวะชอบ ความเพียรชอบ ความระลึกชอบ ความตั้งใจมั่นชอบ. ภิก ษุ ท .! ค ว าม เห็น ช อ บ เปน อ ยา งไร ? ภิก ษุ ท .! ค ว าม รู ในทุ ก ข ความรู ใ นเหตุ ใ ห เกิ ด ทุ ก ข ความรู ใ นความดั บ ไม เหลื อ แห ง ทุ ก ข ความรู ในหนทางเปน เครื ่อ งใหถ ึง ความดับ ไมเ หลือ แหง ทุก ข อัน ใด, นี ้เ ราเรีย กวา ความเห็นชอบ. ภิก ษุ ท.! ความดํ า ริช อบ เปน อยา งไร ? ภิก ษุ ท.! ความดํ า ริ ในการออก (จากกาม) ความดํ า ริใ นการไมพ ยาบาท ความดํ า ริใ นการไม เบียดเบียน, นี้เราเรียกวา ความดําริชอบ.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท .! ว า จ า ช อ บ เปน อ ยา งไร ? ภิก ษุ ท .! ก า รเวน จ า ก การพู ด เท็ จ การเว น จากการพู ด ยุ ใ ห แ ตกกั น การเว น จากการพู ด หยาบ การเว น จากการพูดเพอเจอ, นี้เราเรียกวา วาจาชอบ ภิก ษ ุ ท .! ก า ร ง า น ช อ บ เปน อ ยา ง ไร ? ภิก ษ ุ ท .! ก า ร เวน จากการฆ าสั ต ว การเว น จากการถื อ เอาสิ่ ง ของที่ เจ า ของไม ได ให การเว น จากการ ประพฤติผิดในกามทั้งหลาย, นี้เราเรียกวา การงานชอบ.
๑๓๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท .! อ า ชี ว ะ ช อ บ เป น อ ย า งไร? ภิ ก ษุ ท .! อ ริ ย ส า ว ก ในกรณี นี้ ละการหาเลี้ ย งชี พ ที่ ผิ ด เสี ย สํ า เร็ จ ความเป น อยู ด ว ยการหาเลี้ ย งชี พ ที่ ชอบ, นี้เราเรียกวา อาชีวะชอบ ภิ ก ษุ ท .! ค ว า ม เพี ย ร ช อ บ เป น อ ย า ง ไร ? ภิ ก ษุ ท .! ภิ ก ษุ ในกรณี นี้ ย อ มปลู ก ความพอใจ ย อ มพยายาม ย อ มปรารภความเพี ย ร ย อ ม ประคองจิ ต ย อ มตั้ ง จิ ต ไว เพื่ อ ความไม บั ง เกิ ด ขึ้ น แห ง อกุ ศ ลธรรมทั้ ง หลายอั น ลามก ที่ ยั ง ไม ไ ด บั ง เกิ ด ; ย อ มปลู ก ความพอใจ ย อ มพยายาม ย อ มปรารภ ความเพี ย ร ย อ มประคองจิ ต ย อ มตั้ งจิ ต ไว เพื่ อ การละเสี ย ซึ่ งอกุ ศ ลธรรมทั้ งหลาย อั น ลามกที่ บั ง เกิ ด ขึ้ น แล ว ; ย อ มปลู ก ความพอใจ ย อ มพยายาม ย อ มปรารภ ความเพีย ร ยอ มประคองจิต ยอ มตั ้ง จิต ไว เพื ่อ การบัง เกิด ขึ ้น แหง กุศ ลธรรม ทั้ ง หลาย ที่ ยั ง ไม ไ ด บั ง เกิ ด ; ย อ มปลู ก ความพอใจ ย อ มพยายาม ย อ มปรารภ ความเพี ย ร ย อ มประคองจิ ต ย อ มตั้ ง จิ ต ไว เพื่ อ ความยั่ ง ยื น ความไม เลอะเลื อ น ความงอกงามยิ่ ง ขึ้ น ความไพบู ล ย ความเจริ ญ ความเต็ ม รอบ แห ง กุ ศ ลธรรม ทั้งหลายที่บังเกิดขึ้นแลว. ภิกษุ ท.! นี้เราเรียกวา ความเพียรชอบ
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท .! ค ว า ม ร ะ ลึ ก ช อ บ เป น อ ย า ง ไร ? ภิ ก ษุ ท .! ภิ ก ษุ ในกรณี นี้ เป น ผู มี ป รกติ พิ จ ารณาเห็ น กายในกายอยู , มี ค วามเพี ย รเครื่ อ งเผาบาป มี ความรูสึ กตั วทั่ วพรอม มี ส ติ นํ าความพอใจและความไม พ อใจในโลกออกเสี ยได ; เป น ผู มี ป รกติ พิ จ ารณาเห็ น เวทนาในเวทนาทั้ ง หลายอยู , มี ค วามเพี ย รเครื่ อ งเผา บาป มี ค วามรู สึ ก ตั ว ทั่ วพร อ ม มี ส ติ นํ าความพอใจและความไม พ อใจในโลกออก เสีย ได; เปน ผู ม ีป รกติพ ิจ ารณาเห็น จิต ในจิต อยู , มีค วามเพีย รเครื ่อ งเผาบาป มีความรูสึกตัวทั่วพรอม มีสติ นําความพอใจและความไมพอใจในโลกออกเสียได;
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๑๓๗
เป น ผู มี ป รกติ พิ จ ารณาเห็ น ธรรมในธรรมทั้ ง หลายอยู , มี ค วามเพี ย รเครื่ อ งเผา บาป มี ความรูสึ กตั วทั่ วพร อม มี สติ นํ าความพอใจและความไม พอใจในโลกออก เสียได. ภิกษุ ท.! นี้เราเรียกวา ความระลึกชอบ. ภิก ษุ ท.! ความตั ้ง ใจมั ่น ชอบ เปน อยา งไร ? ภิก ษุ ท.! ภิก ษุ ในกรณี นี้ สงั ด แล ว จากกามทั้ ง หลาย สงั ด แล ว จากอกุ ศ ลธรรมทั้ ง หลาย เข า ถึ ง ฌานที่ ห นึ่ ง อั น มี วิ ต กวิ จ าร มี ป ติ แ ละสุ ข อั น เกิ ด แต วิ เ วก แล ว แลอยู . เพราะ วิ ต กวิ จ ารรํ า งั บ ลง, เธอเข า ถึ ง ฌานที่ ส อง อั น เป น เครื่อ งผ อ งใสแห ง ใจในภายใน ให ส มาธิ เป น ธรรมอั น เอกผุ ด ขึ้ น ไม มี วิ ต กไม มี วิ จ าร มี แ ต ป ติ แ ละสุ ข อั น เกิ ด แต สมาธิ แลว แลอยู , เพราะปต ิจ างหายไป, เธอเปน ผู เ พง เฉยอยู ไ ด มีส ติ มี ความรูสึ กตั วทั่ วพรอม และได เสวยสุ ขด วยนามกาย ย อมเข าถึ งฌานที่ สาม อั น เป น ฌานที่ พ ระอริ ย เจ า ทั้ ง หลาย กล า วสรรเสริ ญ ผู ได บ รรลุ ว า "เป น ผู เฉยอยู ได มี ส ติ มี ค วามรู สึ ก ตั ว ทั่ ว พร อ ม" แล ว แลอยู เพราะละสุ ข และทุ ก ข เสี ย ได และ เพราะความดั บ หายแห ง โสมนั ส และโทมนั ส ในกาลก อ น เธอย อ มเข า ถึ ง ฌานที่ สี่ อัน ไมท ุก ขแ ละไมส ุข มีแ ตส ติอ ัน บริส ุท ธิ ์เพราะอุเบกขา แลว แลอยู . ภิก ษุ ท.! นี้เราเรียกวา สัมมาสมาธิ.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! นี้ เราเรี ย กว า อริ ย สั จ คื อ หนทางเป น เครื่ อ งให ถึ ง ความดั บ ไมเหลือแหงทุกข. - มหา. ที. ๑๐/๓๔๐-๓๕๐/๒๙๔-๒๙๙.
๑๓๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
อริยสัจสี่ ที่ทรงแสดงโดยพิสดาร (นัยที่สอง) ภิ ก ษุ ท.! ธรรมอั น เราแสดงแล ว ว า "เหล า นี้ คื อ อริ ย สั จ ทั้ ง หลาย ๔ ประการ" ดั ง นี้ เป น ธรรมอั น สมณ พราหมณ ผู รู ทั้ ง หลายข ม ขี่ ไ ม ไ ด ทํ า ให เศร า หมองไม ไ ด ติ เ ตี ย นไม ไ ด คั ด ง า งไม ไ ด . ข อ นี้ เป น ธรรมที่ เ รากล า วแล ว อยา งนี ้ เราอาศัย ซึ ่ง อะไรเลา จึง กลา วแลว อยา งนี ้ ? ภิก ษุ ท.! เพราะอาศัย ซึ่ ง ธาตุ ทั้ ง หลาย ๖ ประการ การก า วลงสู ค รรภ ย อ มมี ; เมื่ อ การก า วลงสู ค รรภ มีอ ยู , นามรูป ยอ มมี; เพระมีน ามรูป เปน ปจ จัย จึง มีส ฬายตนะ; เพราะ มีส ฬายตนะเปน ปจ จัย จึง มีผ ัส สะ; เพราะมีผ ัส สะเปน ปจ จัย จึง มีเ วทนา. ภิก ษุ ท.! เรายอ มบัญ ญัต ิว า "นี ้ เปน ความทุก ข" ดัง นี ้; วา "นี ้ เปน ทุก ข สมุท ัย ) ดัง นี ้; วา "นี ้เ ปน ทุก ขนิโ รธ" ดัง นี ้; วา "นี ้เ ปน ทุก ขนิโ รธคามินี ปฏิปทา" ดังนี้; แกสัตวผูสามารถเสวยเวทนา. ภิ ก ษุ ท.! ทุ ก ข อ ริ ย สั จ เป น อย า งไรเล า ? แม ค วามเกิ ด ก็ เ ป น ทุก ข, แ มค ว า ม แ ก ก็เ ปน ทุก ข, แ มค ว า ม ต า ย ก็เ ปน ทุก ข, แ มโ ส ก ะ ปริท วะทุก ขะโทมนัส อุป ายาสทั ้ง หลาย ก็เ ปน ทุก ข, การประสบกับ สิ ่ง ไมเ ปน ที ่ร ัก เปน ทุก ข, ค วาม พ ลัด พ ราก จ าก สิ ่ง เปน ที ่ร ัก เปน ทุก ข, ป รารถ น า สิ่ ง ใดแล ว ไม ไ ด สิ่ ง นั้ น นั่ น ก็ เป น ทุ ก ข : กล า วโดยย อ ป ญ จุ ป าทานขั น ธ ทั้ ง หลาย เปนทุกข. ภิกษุ ท.! นี้เรากลาววา ทุกขอริยสัจ.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! ทุก ขสมุท ยอริส ัจ เปน อยา งไรเลา ? เพราะมีอ วิช ชา เปนปจจัย จึงมีสังขารทั้งหลาย; เพราะมีสังขารเปนปจจัย จึงมีวิญญาณ;
ภาคนํา - เรื่องควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
๑๓๙
เพราะมีว ิญ ญ าณ เปน ปจ จัย จึง มีน ามรูป ; เพราะมีน ามรูป เปน ปจ จัย จึง มี สฬายตนะ; เพราะมีส ฬายตนะเปน ปจ จัย จึง มีผ ัส สะ; เพราะมีผ ัส สะเปน ปจ จัย จึง มีเ วทนา; เพราะมีเ วทนาเปน ปจ จัย จึง มีต ัณ หา; เพราะมีต ัณ หา เปน ปจ จัย จึง มีอ ุป าทาน; เพราะมีอ ุป าทานเปน ปจ จัย จึง มีภ พ; เพราะมี ภพเปน ปจ จัย จึง มีช าติ; เพราะมีช าติเ ปน ปจ จัย , ชรามรณะ โสกะปริเ ทวะทุ ก ขะโทมนั ส อุ ป ายาสทั้ งหลาย จึ งเกิ ด ขึ้ น ครบถ วน : ความเกิ ด ขึ้ น พร อ มแห งกอง ทุ ก ข ทั้ ง สิ้ น นี้ ย อ มมี ด ว ยอาการอย า งนี้ . ภิ ก ษุ ท.! นี้ เรากล า วว า ทุ ก ขสมุ ท ยอริยสัจ. ภิก ษุ ท .! ทุก ข นิโ รธอ ริย สัจ เปน อ ยา งไรเลา ? เพ ราะความ จางคลายดั บ ไปโดยไม เ หลื อ แห ง วิ ช ชานั้ น นั่ น เที ย ว, จึ ง มี ค วามดั บ แห ง สั ง ขาร; เพราะมี ค วามดั บ แห ง สั ง ขาร จึ ง มี ค วามดั บ แห ง วิ ญ ญาณ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง วิ ญ ญาณ จึ ง มี ค วามดั บ แห ง นามรู ป ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง นามรู ป จึ ง มี ค วาม ดั บ แห ง สฬายตนะ; เพราะมี ค วามดั บ สฬายตนะ จึ ง มี ค วามดั บ แห ง ผั ส สะ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง ผั ส สะ จึ ง ความดั บ แห ง เวทนา; เพราะมี ค วามดั บ แห ง เวทนา จึ ง ความดั บ แห ง ตั ณ หา; เพราะมี ค วามดั บ แห ง ตั ณ หา จึ ง มี ค วามดั บ แหง อุป าทาน; เพราะมีค วามดับ แหง อุป าทาน จึง มีค วามดับ แหง ภพ; เพราะ มีค วามดับ แหง ภพ จึง ความดับ แหง ชาติ; เพราะมีค วามดับ แหง ชาตินั ่น แล, ชรามรณะ โสกะปริ เทวะทุ ก ขะโทมนั ส อุ ป ายาสทั้ งหลาย จึ งดั บ สิ้ น : ความดั บ ลง แหง กองทุก ขทั ้ง สิ ้น นี ้ ยอ มมีด ว ยอาการอยา งนี ้. ภิก ษุ ท.! นี ้เ รากลา ววา ทุกขนิโรธอริยสัจ.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! ทุก ขนิโ รธคามิน ีป ฏิป ทาอริย สัจ เปน อยา งไรเลา ? มรรคอั น ประเสริ ฐ ประกอบด ว ยองค ๘ ประการ นี้ นั่ น เอง, กล า วคื อ
๑๔๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ส ั ม ม า ท ิ ฏ ฐิ ส ั ม ม า ส ั ง ก ั ป ป ะ ส ั ม ม า ว า จ า ส ั ม ม า ก ั ม ม ั น ต ะ ส ั ม ม า อาชี วะ สั มมาวายามะ สั มมาสติ สั มมาสมาธิ . ภิ กษุ ท.! นี้ เรากล าวว า ทุ กขนิ โรธคามินีปฏิปทาอริยสัจ. ภ ิก ษ ุ ท .! ธ รรม อัน เราแ ส ด งแ ลว วา "เห ลา นี ้ค ือ ริย สัจ ทั ้ง ห ล า ย ๔ ประการ" ดั ง นี้ เป น ธรรมอั น สมณ พราหมณ ผู รู ทั้ ง หลายข ม ขี่ ไ ม ไ ด ทํ า ให เศรา ห ม อ งไมไ ด ติเ ตีย น ไมไ ด คัด งา งไมไ ด ดัง นี ้อ ัน ใด อัน เรากลา วแลว ; ขอนั้น เรากลาวหมายถึงขอความดังกลาวมานี้, ดังนี้ แล. - ติก. อํ. ๒๐/๒๒๗-๒๒๘/๕๐๑.
ภาคนํา วาดวย ขอความที่ควรทราบกอนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ
www.buddhadasa.info จบ
คําชี้ชวนวิงวอน ___________
ภิกษุ ท.! โยคกรรม อันเธอพึงกระทํา เพื่อใหรูวา "นี้ทุกข นี้เหตุใหเกิดทุกข นี้ความดับสนิทแหงทุกข นี้ทางใหถึงความดับสนิทแหงทุกข." เทสิตํ โว มยา นิพฺพานํ เทสิโต นิพฺพานคามิมคฺโค นิพพาน เราไดแสดงแลว, ทางใหถึงนิพพาน เราก็ ไดแสดงแลว แกเธอทั้งหลาย. กิจใด ที่ศาสดาผูเอ็นดู แสวงหาประโยชนเกื้อกูล อาศัยความเอ็นดูแลว จะพึงทําแกสาวกทั้งหลาย, กิจนั้น เราไดทําแลวแกพวกเธอ.
www.buddhadasa.info นั่น โคนไม; นั่น เรือนวาง. พวกเธอจงเพียรเผากิเลส, อยาไดประมาท, อยาเปนผูที่ตองรอนใจ ในภายหลังเลย.
อยํ โว อมฺหากํ อนุสาสนี นี่แหละ วาจาเครื่องพร่ําสอนของเรา แกเธอทั้งหลาย. (มหาวาร. สํ. - สฬา.สํ.) ๑๔๑
www.buddhadasa.info
อุทเทศแหงจตุราริยสัจ ภิ กษุ ท .! ต ถาค ต ผู อ รหั น ตสั ม ม าสั ม พุ ท ธะ ได ป ระกาศ อนุ ต ต รธรรมจั ก รให เ ป น ไปแล ว ที่ ป า อิ สิ ป ตนมฤคทายวั น ใกล น ครพ าราณ สี , เป น ธรรมจัก ร ที ่ส มณ ะหรือ พราหมณ , เทพ มาร พรหม หรือ ใคร ๆ ในโลก จะ ต า นทานให ห มุ น กลั บ มิ ได ข อ นี้ คื อ การบอก การแสดง การบั ญ ญั ติ การแต ง ตั้ ง การเป ด เผย การจํ า แนก และการทํ า ให เข า ใจได ง า ย ซึ่ ง ความจริ ง อั น ประเสริ ฐ สี่ อย า ง. สี่ อ ย า งเหล า ไหนเหล า ? สี่ อ ย า งได แ ก ความจริ ง อั น ประเสริ ฐ คื อ ทุ ก ข , ความจริงอันประเสริฐคือ เหตุใหเกิดทุกข, ความจริงอันประเสริฐคือ ความดับไม เหลือของทุกข, และ ความอันจริงประเสริฐคือ ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือ ของทุกข. ภิ ก ษุ ท.! ตถาคต ผู อ รหั น ตสั ม มาสั ม พุ ท ธะ ได ป ระกาศอนุ ต ตรธรรมจั ก รให เ ป น ไปแล ว ที่ ป า อิ สิ ป ตนมฤคทายวั น ใกล น ครพ าราณ สี , เป น ธรรมจั ก ร ที่ ส มณะหรื อ พราหมณ , เทพ มาร พรหม หรื อ ใคร ๆ ในโลก จะต า น ทานให ห มุ น กลั บ มิ ได ข อ นี้ คื อ การบอก การแสดง การบั ญ ญั ติ การแต ง ตั้ ง การ เป ด เผย การจํ า แนก และการทํ า ให เข า ใจได ง า ย ซึ่ ง ความจริ ง อั น ประเสริ ฐ สี่ อ ย า ง เหลานี้แล.
www.buddhadasa.info - อุปริ. ม. ๑๔/๔๔๙/๖๙๙.
๑๔๓
อุทเทศแหงจตุราริยสัจ ภิ กษุ ท .! ต ถาค ต ผู อ รหั น ตสั ม ม าสั ม พุ ท ธะ ได ป ระกาศ อนุ ต ต รธรรมจั ก รให เ ป น ไปแล ว ที่ ป า อิ สิ ป ตนมฤคทายวั น ใกล น ครพ าราณ สี , เป น ธรรมจัก ร ที ่ส มณ ะหรือ พราหมณ , เทพ มาร พรหม หรือ ใคร ๆ ในโลก จะ ต า นทานให ห มุ น กลั บ มิ ได ข อ นี้ คื อ การบอก การแสดง การบั ญ ญั ติ การแต ง ตั้ ง การเป ด เผย การจํ า แนก และการทํ า ให เข า ใจได ง า ย ซึ่ ง ความจริ ง อั น ประเสริ ฐ สี่ อย า ง. สี่ อ ย า งเหล า ไหนเหล า ? สี่ อ ย า งได แ ก ความจริ ง อั น ประเสริ ฐ คื อ ทุ ก ข , ความจริงอันประเสริฐคือ เหตุใหเกิดทุกข, ความจริงอันประเสริฐคือ ความดับไม เหลือของทุกข, และ ความอันจริงประเสริฐคือ ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือ ของทุกข. ภิ ก ษุ ท.! ตถาคต ผู อ รหั น ตสั ม มาสั ม พุ ท ธะ ได ป ระกาศอนุ ต ตรธรรมจั ก รให เ ป น ไปแล ว ที่ ป า อิ สิ ป ตนมฤคทายวั น ใกล น ครพ าราณ สี , เป น ธรรมจั ก ร ที่ ส มณะหรื อ พราหมณ , เทพ มาร พรหม หรื อ ใคร ๆ ในโลก จะต า น ทานให ห มุ น กลั บ มิ ได ข อ นี้ คื อ การบอก การแสดง การบั ญ ญั ติ การแต ง ตั้ ง การ เป ด เผย การจํ า แนก และการทํ า ให เข า ใจได ง า ย ซึ่ ง ความจริ ง อั น ประเสริ ฐ สี่ อ ย า ง เหลานี้แล.
www.buddhadasa.info - อุปริ. ม. ๑๔/๔๔๙/๖๙๙.
๑๔๓
ภาค ๑ วาดวย ทุกขอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐคือทุกข
www.buddhadasa.info
๑๔๕
ภาค ๑
มีเรื่อง :- นิทเทศ ๑ วาดวยประเภทและอาการแหงทุกขตามหลักทั่วไป ๑๒ เรื่อง นิทเทศ ๒ วาดวยทุกขสรุปในปญจุปาทานักขันธ ๙๕ เรื่อง นิทเทศ ๓ วาดวยหลักเบ็ดเตล็ดเกี่ยวกับความทุกข ๑๘ เรื่อง
www.buddhadasa.info
๑๔๖
อริยสัจจากพระโอษฐ ภาค ๑ วาดวย
ทุกขอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐคือทุกข (มี ๓ นิทเทศ) ____________
อุทเทศแหงทุกขอริยสัจ ภิ ก ษุ ท.! ความจริ ง อั น ประเสริ ฐ คื อ ทุ ก ข เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! ความเกิด เปนทุกข, ความแก เปนทุกข, ความตาย เปนทุกข, ความโศก ความร่ําไรรําพัน ความทุกขกาย ความทุกขใจ ความคับแคนใจ เปนทุกข, ความประสพดวยสิ่งไมเปนที่รัก เปนทุกข, ความพลัดพรากจากสิ่งเปนที่รัก เปน ทุก ข, ความปรารถนาอยา งใดแลว ไมไ ดอ ยา งนั ้น เปน ทุก ข; กลา ว โดยสรุป แล ว ป ญ จุ ป าทานั ก ขั น ธ (ขั น ธ ห า อั น เป น ที่ ตั้ ง แห งอุ ป าทาน) เป น ตั ว ทุกข; นี้ เรียกวา ความจริงอันประเสริฐคือทุกข.
www.buddhadasa.info - ติก. อํ. ๒๐/๒๒๗/๕๐๑.
๑๔๗
๑๔๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
นิทเทศแหงทุกขอริยสัจ ___________
นิทเทศ ๑ วาดวยประเภทและอาการแหงทุกขตามหลักทั่วไป (มี ๑๒ เรื่อง)
ความเกิด ภิ ก ษุ ท.! ความเกิ ด เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! การเกิ ด การ กํ า เนิ ด การก า วลง (สู ค รรภ ) การบั ง เกิ ด การบั ง เกิ ด โดยยิ่ ง ความปรากฏของ ขั น ธ ทั้ ง หลาย การที่ สั ต ว ไ ด ซึ่ ง อายตนะทั้ ง หลาย ในสั ต วนิ ก ายนั้ น ๆ ของสั ต ว เหลานั้น ๆ; นี้ เรียกวา ความเกิด. - มหา. ที. ๑๐/๓๔๑/๒๙๕.
ความแก ภ ิก ษ ุ ท .! ค ว า ม แ ก เป น อ ย า ง ไร เล า ? ภ ิก ษ ุ ท .! ค ว า ม แ ก ความคร่ํ า คร า ความมี ฟ น หลุ ด ความมี ผ มหงอก ความมี ห นั ง เหี่ ย ว ความเสื่ อ ม ไปแห ง อายุ ความแก ร อบแห ง อิ น ทรี ย ทั้ ง หลาย ในสั ต วนิ ก ายนั้ น ๆ ของสั ต ว เหลานั้น ๆ; นี้ เรียกวา ความแก.
www.buddhadasa.info - มหา. ที. ๑๐/๓๔๑/๒๙๕.
ความตาย ภ ิก ษ ุ ท .! ค ว า ม ต า ย เป น อ ย า ง ไร เล า ? ภ ิก ษ ุ ท .! ก า รจ ุติ ความเคลื่อน การแตกสลายไป การหายไป การวายชีพ การตาย การทํากาละ
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๑๔๙
การแตกแห ง ขั น ธ ทั้ ง หลาย การทอดทิ้ ง ร า ง การขาดแห ง อิ น ทรี ย คื อ ชี วิ ต จาก สัตวนิกายนั้น ๆ ของสัตวเหลานั้น ๆ; นี้ เรียกวา ความตาย. - มหา. ที. ๑๐/๓๔๑/๒๙๕
ความโศก ภิ ก ษุ ท.! ความโศก เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! ความโศก ความเศร า ความเป น ผู เศร า ความโศกกลุ ม กลั ด ความโศกสุ ม กลุ ม กลั ด ของ บุ คคลผู เผชิ ญ แล วด วยความวิ บั ติ อย างใดอย างหนึ่ ง อั นความทุ กข ชนิ ดใดชนิ ดหนึ่ ง กระทบแลว; นี้ เรียกวา ความโศก. - มหา. ที. ๑๐/๓๔๑/๒๙๕.
ความร่ําไรรําพัน ภิก ษุ ท.! ความร่ํ า ไรรํ า พัน เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ความ คร่ํ าครวญ ความร่ําไรรํ าพั น การคร่ํ าครวญ การร่ํ าไรรําพั น ความเป นผู คร่ํ าครวญ ความเป น ผู ร่ํ า ไรรํ า พั น ของบุ ค คลผู เผชิ ญ แล ว ด ว ยความวิ บั ติ อ ย า งใดอย า งหนึ่ ง อันความทุกขชนิดใดชนิดหนึ่งกระทบแลว; นี้ เรียกวา ความร่ําไรรําพัน.
www.buddhadasa.info - มหา. ที. ๑๐/๓๔๑/๒๙๕.
ความทุกขกาย ภิก ษุ ท.! ความทุก ขก าย เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ความ ทนไดยากที่เปนไปทางกาย ความไมผาสุกที่เปนไปทางกาย ความทนไดยาก
๑๕๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ความรู สึ ก อั น ไม ผ าสุ ก ที่ เกิ ด แต ค วามกระทบทางกาย; นี้ เรี ย กว า ความทุ ก ข กาย. - มหา. ที. ๑๐/๓๔๒/๒๙๕.
ความทุกขใจ ภิก ษุ ท.! ความทุก ขใ จ เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ความ ทนได ย ากที่ เป น ไปทางใจ ความไม ผ าสุ ก ที่ เป น ไปทางใจ ความทนได ยาก ความ รูสึกอันไมผาสุก ที่เกิดแตความความกระทบทางใจ; นี้ เรียกวา ความทุกขใจ; - มหา. ที. ๑๐/๓๔๒/๒๙๕.
ความคับแคนใจ ภิ ก ษุ ท.! ความคั บ แค น ใจ เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! ความ กลุ ม ใจ ความคั บ ใจ ความเป น ผู ก ลุ ม ใจ ความเป น ผู คั บ ใจ ของบุ ค คลผู เผชิ ญ แล วด วยความวิ บั ติ อย างใดอย างหนึ่ ง อั นความทุ กข ชนิ ดใดชนิ ดหนึ่ งกระทบแล ว; นี้ เรียกวา ความคับแคนใจ.
www.buddhadasa.info - มหา. ที. ๑๐/๓๔๒/๒๙๕๕.
ความประสพดวยสิ่งไมเปนที่รัก ภิกษุ ท.! ความประสพดวยสิ่งไมเปนที่รัก เปนทุกข เปนอยางไร เลา ? ภิก ษุ ท.! รูป เสีย ง กลิ ่น รส โผฏฐัพ พะ เหลา ใด ในโลกนี ้ ที ่ไ ม นาปรารถนา ไมนารักใคร ไมนาพอใจ มีแกผูนั้นหรือวา ชนเหลาใด เปนผู
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๑๕๑
ไม ห วั งประโยชน ไม ห วั งความเกื้ อ กู ล ไม หวั งความผาสุ ก ไม ห วั งความเกษมจาก เครื่อ งผู ก รัด ต อ เขา, การต อ งไปด ว ยกั น การต อ งมาด ว ยกั น การต อ งอยู รว มกั น ความระคนกั น กั บ ด ว ยอารมณ ห รื อ บุ ค คลเหล า นั้ น ; นี้ เรี ย กว า ความประสพ ดวยสิ่งไมเปนที่รัก เปนทุกข. - มหา. ที. ๑๐/๓๔๒/๒๙๕.
ความพลัดพรากจากสิ่งเปนที่รัก ภิกษุ ท.! ความพลัดพรากจากสิ่งเป นที่ รัก เปน ทุกขเปน อยางไร เล า ? ภิ กษุ ท.! รู ป เสี ย งกลิ่ น รส โผฏ ฐั พ พ ะ เหล า ใด ในโลกนี้ ที่ น า ปรารถนา น า รั ก ใคร น า พอใจ มี แ ก ผู นั้ น หรื อ ว า ชนเหล า ใด เป น ผู ห วั ง ประโยชน หวั ง ความเกื้ อ กู ล หวั ง ความผาสุ ก หวั ง ความเกษมจากเครื่ อ งผู ก รั ด ตอ เขา เชน มารดาบิด า พี ่น อ งชาย พี ่น อ งหญิง มิต รอมาตย ญาติส าโลหิต ก็ต าม, การไมไ ดไ ปรว มกัน การไมไ ดม ารว มกัน การไมไ ดอ ยู ร ว มกัน ความ ไมไ ดร ะค น กัน กับ ดว ยอ ารม ณ ห รือ บุค ค ล เห ลา นั ้น ; นี ้ เรีย กวา ค วาม พลัดพรากจากสิ่งเปนที่รัก เปนทุกข.
www.buddhadasa.info - มหา. ที. ๑๐/๓๔๒/๒๙๕.
ความปรารถนาอยางใดแลวไมไดอยางนั้น
ภิกษุ ท.! ความปรารถนาอยางใดแลวไมไดอยางนั้น เปนทุกข เปน อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! สั ต ว ทั้ ง หลาย ผู มี ค วามเกิ ด เป น ธรรมดา ย อ มเกิ ด ความปรารถนาขึ้น วา "โอหนอ ! ขอเราไมพึงเปนผูมีความเกิดเปนธรรมดา
๑๕๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
และความคิ ด เกิ ด เล า ก็ อ ย าพึ งมี ม าถึ งเราเลย" ดั งนี้ , ข อ นี้ ไม ใช สิ่ งที่ สั ต ว จะบรรลุ ได ด ว ยความปรารถนา; นี้ เรี ย กว า ความปรารถนาอย า งใดแล ว ไม ได อ ย า งนั้ น เปนทุกข. ภิ ก ษุ ท.! สั ต ว ทั้ ง หลาย ผู มี ค วามแก เป น ธรรมดา ย อ มเกิ ด ความ ปรารถนาขึ้ น ว า " โอหนอ! ขอเรา ไม พึ ง เป น ผู มี ค วามแก เ ป น ธรรมดา และ ความแก เ ล า ก็ อ ย า พึ ง มี ม าถึ ง เราเลย" ดั ง นี้ , ข อ นี้ ไม ใ ช สิ่ ง ที่ สั ต ว จ ะบรรลุ ไ ด ด ว ยความปรารถนา; แม นี้ เรี ย กว า ความปรารถนาอย า งใดแล ว ไม ไ ด อ ย า งนั้ น เปนทุกข. ภิ ก ษุ ท.! สั ต ว ทั้ ง หลาย ผู มี ค วามตายเป น ธรรมดา ย อ มเกิ ด ความ ปรารถนาขึ้ น ว า "โอหนอ ! ขอเรา ไม พึ ง เป น ผู มี ค วามตายเป น ธรรมดา และ ความตายเล า ก็ อ ย า พึ ง มี ม าถึ ง เราเลย" ดั ง นี้ , ข อ นี้ ไม ใ ช สิ่ ง ที่ สั ต ว จ ะบรรลุ ไ ด ด ว ยความปรารถนา; แม นี้ เรี ย กว า ความปรารถนาอย า งใดแล ว ไม ได อ ย า งนั้ น เปนทุกข.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! สั ต ว ทั้ ง หลาย ผู มี ค วามโศก ความร่ํ า ไรรํ า พั น ความ ทุ ก ข กาย ความทุ ก ข ใจ ความคั บ แค น ใจ เป น ธรรมดา ย อ มเกิ ด ความปรารถนา ขึ ้น วา "โอหนอ ! ขอเรา ไมพ ึง เปน ผู ม ีค วามโศก ความร่ํ า ไรรํ า พัน ความ ทุ ก ข ก าย ความทุ ก ข ใ จ ความคั บ แค น ใจ เป น ธรรมดา และความโศก ความ ร่ําไรรําพั น ความทุ ก ข ก าย ความทุ ก ข ใจ ความคั บแค น ใจ เล า ก็ อ ย าพึ งมี มาถึ ง เราเลย" ดัง นี ้, ขอ นี ้ไ มใ ชสิ ่ง ที ่ส ัต วจ ะบรรลุไ ดด ว ยความปรารถนา; แมนี้ เรียกวา ความปรารถนาอยางใดแลวไมไดอยางนั้น เปนทุกข. - มหา. ที. ๑๐/๓๔๓/๒๙๕.
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๑๕๓
ปญจุปาทานักขันธ ภิก ษุ ท.! กลา วโดยสรุป แลว ปญ จุป าทานัก ขัน ธ เปน ตัว ทุก ข เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ปญ จุป าทานัก ขัน ธไ ดแ กสิ ่ง เหลา นี ้ค ือ ขัน ธ อั น เป น ที่ ตั้ ง แห ง ความยึ ด มั่ น คื อ รู ป , ขั น ธ อั น เป น ที่ ตั้ ง แห ง ความยึ ด มั่ น คื อ เวทนา, ขั น ธ อั น เป น ที่ ตั้ ง แห ง ความยึ ด มั่ น คื อ สั ญ ญา, ขั น ธ อั น เป น ที่ ตั้ ง แห ง ความยึ ด มั่ น คื อ สั ง ขาร, และขั น ธ อั น เป น ที่ ตั้ ง แห ง ความยึ ด มั่ น คื อ วิ ญ ญาณ; เหลานี้แล เรียกวา กลาวโดยสรุปแลว ปญจุปาทานักขันธ เปนตัวทุกข. - มหา. ที.๑๐/๓๔๓/๒๙๕.
นิทเทศ ๑ วาดวยประเภทและอาการแหงทุกขตามหลักทั่วไป
จบ
www.buddhadasa.info
๑๕๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
นิทเทศ ๒ วาดวยทุกขสรุปในปญจุปาทานักขันธ ( มี ๙๕ เรื่อง) ภิก ษุ ท.! กลา วโดยสรุป แลว ปญ จุป าทานัก ขัน ธ เปน ตัว ทุก ข นั ้น เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ปญ จุป าทานัก ขัน ธนั ้น ไดแ กสิ ่ง เหลา นี้ คื อ ขั น ธ อั น เป น ที่ ตั้ ง แห ง ความยึ ด มั่ น คื อ รู ป , ขั น ธ อั น เป น ที่ ตั้ ง แห ง ความยึ ด มั่ น คื อ เวทนา, ขั น ธ อั น เป น ที่ ตั้ ง แห ง ความยึ ด มั่ น คื อ สั ญ ญ า, ขั น ธ อั น เป น ที่ ตั้ ง แห งความยึ ด มั่ น คื อ สั งขาร, และขั น ธ อั น เป น ที่ ตั้ งแห งความยึ ด มั่ น คื อ วิ ญ ญาณ. เหลานี้แล เรียกวา กลาวโดยสรุปแลว ปญจุปาทานักขันธ เปนตัวทุกข. - มหา. ที. ๑๐/๓๔๓/๒๙๕.
ตอน ๑ วาดวยเบญจขันธโดยวิภาค (ก.)วิภาคแหงเบญจขันธ (มี ๕ วิภาค)
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! เบญจขันธ เปนอยางไรเลา ?
ภิ ก ษุ ท .! รู ป ชนิ ด ใด ชนิ ด ห นึ่ ง มี อ ยู จะเป น อ ดี ต อ น าค ต ห รื อ ป จ จุ บั น ก็ ต าม เป น ภายในหรื อ ภายนอกก็ ต าม หยาบหรื อ ละเอี ย ดก็ ต าม เลวหรื อ ประณีตก็ตาม มีในที่ไกลหรือที่ใกลก็ตาม; นี้ เรียกวา รูปขันธ.
ภิ ก ษุ ท.! เวทนา ชนิ ด ใดชนิ ด หนึ่ ง มี อ ยู จะเป น อดี ต อนาคตหรื อ ป จ จุ บั น ก็ ต าม เป น ภายในหรื อ ภายนอกก็ ต าม หยาบหรื อ ละเอี ย ดก็ ต าม เลวหรื อ ประณีตก็ตาม มีในที่ไกลหรือที่ใกลก็ตาม; นี้ เรียกวา เวทนาขันธ
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๑๕๕
ภิ ก ษุ ท.! สั ญ ญา ชนิ ด ใดชนิ ด หนึ่ ง มี อ ยู จะเป น อดี ต อนาคตหรื อ ป จ จุ บั น ก็ ต าม เป น ภายในหรื อ ภายนอกก็ ต าม หยาบหรื อ ละเอี ย ดก็ ต าม เลวหรื อ ประณีตก็ตาม มีในที่ไกลหรือที่ใกลก็ตาม; นี้ เรียกวา สัญญาขันธ. ภิ กษุ ท .! สั ง ขารทั้ งห ล าย ชนิ ดใดชนิ ด หนึ่ ง มี อยู จะเป น อดี ต อนาคตหรื อป จจุ บั นก็ ตาม เป นภายในหรื อภายนอกก็ ตาม หยาบหรื อละเอี ยดก็ ตาม เลวหรือประณีตก็ตาม มีในที่ไกลหรือที่ใกลก็ตาม; นี้ เรียกวา สังขารขันธ. ภิ ก ษุ ท.! วิ ญ ญ าณ ชนิ ด ใดชนิ ด หนึ่ ง มี อ ยู จะเป น อดี ต อนาคต หรื อ ป จ จุ บั น ก็ ต าม เป น ภายในหรื อ ภายนอกก็ ต าม หยาบหรื อ ละเอี ย ดก็ ต าม เลว หรือประณีตก็ตาม มีในที่ไกลหรือที่ใกลก็ตาม; นี้ เรียกวา วิญญาณขันธ. ภิกษุ ท.! เหลานี้ เรียกวา เบญจขันธ. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๕๙/๙๕.
www.buddhadasa.info ๑. วิภาคแหงรูปขันธ รูปและรูปอาศัย
ภิ ก ษุ ท.! มหาภู ต (ธาตุ ) สี่ อ ย า ง และรู ป ที่ อ าศั ย มหาภู ต สี่ อ ย า ง เหลานั้นดวย; นี้ เรียกวา รูป. - นิทาน. สํ. ๑๖/๔/๑๔; และ ขนฺธ. สํ. ๑๗/๗๒/๑๑๓.
๑๕๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ชื่ อ ว า ผู ไ ม รู จั ก รู ป เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ในกรณี นี้ ย อ มไม รู ต ามเป น จริ ง ว า "รู ป ชนิ ด ใดชนิ ด หนึ่ ง นั้ น คื อ มหาภู ต สี่ อ ย า ง และรู ป ที่ อ าศั ย มหาภู ต สี่ อ ย า งเหล า นั้ น ด ว ย" ดั ง นี้ . ภิ ก ษุ ท.! นี้แล เรียกวา ภิกษุ ผูไมรูจักรูป. - เอกาทสก. อํ. ๒๔/๓๗๘/๒๒๔.
ภ ิก ษ ุ ท .! ภ ิก ษ ุ ชื ่อ วา ผู รู จ ัก รูป เป น อ ย า ง ไรเล า ? ภ ิก ษ ุ ท .! ภิก ษุ ในกรณ ีนี ้ ยอ มรู ต ามเปน จริง วา "รูป ชนิด ใดชนิด หนึ ่ง นั ้น คือ มหาภูต สี่ อ ย า ง และรู ป ที่ อ าศั ย มหาภู ต สี่ อ ย า งเหล า นั้ น ด ว ย" ดั ง นี้ . ภิ ก ษุ ท.! นี้ แ ล เรียกวา ภิกษุ ผูรูจักรูป. - เอกาทสก. อํ. ๒๔/๓๘๑/๒๒๔.
มหาภูต คือ ธาตุสี่ ภิก ษุ ท .! ธาตุม ีสี ่อ ยา งเห ลา นี ้ สี ่อ ยา งเห ลา ไห น เลา ? สี ่อ ยา ง คื อ ปฐวี ธ าตุ (ธาตุ ดิ น ) อาโปธาตุ (ธาตุ น้ํ า ) เตโชธาตุ (ธาตุ ไ ฟ ) และวาโยธาตุ (ธาตุลม). ภิกษุ ท.! เหลานี้แล คือ ธาตุสี่อยาง.
www.buddhadasa.info - นิทาน. สํ. ๑๖/๒๐๓/๔๐๓.
ภิ ก ษุ .! ปฐวี ธ าตุ เป น อย า งไรเล า ? ปฐวี ธ าตุ ที่ เป น ไปในภายในก็ มี, ที่เปนภายนอก ก็มี. ภิ กษุ .! ปฐวี ธ าตุ ที่ เป นไป ในภ ายใน เป นอย า งไรเล า ? ภิ กษุ .! สวนใดเปนของแข็ง เปนของหยาบ อันวิญญาณธาตุอาศัยแลว ซึ่งมีอยูในตน
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๑๕๗
เฉพาะตน กล าวคื อ ผมทั้ งหลาย ขนทั้ งหลาย เล็ บ ทั้ งหลาย ฟ น ทั้ งหลาย หนั ง เนื้ อ เอ็ น ทั้ ง หลาย กระดู ก ทั้ ง หลาย เยื่ อ ในกระดู ก ไต หั ว ใจ ตั บ พั ง ผื ด ม า ม ปอด ลํ า ไส ลํ า ไสส ุด อาหารในกระเพาะ อุจ จาระ; หรือ แมส ว นอื ่น อีก ไร ๆ (ซึ่ ง มี ลั ก ษณะอย า งเดี ย วกั น ). ภิ ก ษุ ! นี้ เรี ย กว า ปฐวี ธ าตุ ที่ เป น ไปในภายใน. ภิ ก ษุ ท.! ปฐวี ธ าตุ ที่ เป น ไปในภายใน ก็ ต าม ที่ เป น ภายนอก ก็ ต าม; นี้ แ หละ เรียกวา ปฐวีธาตุ. - อุปริ. ม. ๑๔/๔๓๗/๖๘๔.
ภิ ก ษุ ท.! อาโปธาตุ เป น อย างไรเล า ? อาโปธาตุ ที่ เป น ไปในภายใน ก็มี, ที่เปนภายนอก ก็มี. ภิ ก ษุ ท.! อาโปธาตุ ที่ เป น ไปในภายใน เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ! ส ว นใดเอิ บ อาบ เป ย กชุ ม อั น วิ ญ ญาณธาตุ อ าศั ย แล ว ซึ่ งมี อ ยู ในตน เฉพาะตน กลา วคือ น้ํ า ดี เสลด หนอง โลหิต เหงื ่อ มัน น้ํ า ตา น้ํ า เหลือ ง น้ํ า ลาย น้ํ า เมื อ ก น้ํ า ลื่ น หล อ ข อ น้ํ า มู ต ร; หรื อ แม ส ว นอื่ น อี ก ไร ๆ (ซึ่ ง มี ลั ก ษณะอย า ง เดี ย วกั น ) ภิ ก ษุ ท .! นี้ เรี ย ก ว า อ าโป ธ าตุ ที่ เป น ไป ใน ภ าย ใน . ภิ ก ษุ ! อาโปธาตุ ที่ เป น ไปในภายใน ก็ ต าม ที่ เป น ภายนอก ก็ ต าม; นี้ แ หละ เรี ย กว า อาโปธาตุ.
www.buddhadasa.info - อุปริ. ม. ๑๔/๔๓๘/๖๘๕.
ภิ กษุ ท.! เตโชธาตุ เป น อย างไรเล า ? เตโชธาตุ ที่ เป น ไปในภายใน ก็มี, ที่เปนภายนอก ก็มี.
๑๕๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! เตโชธาตุ ที่ เ ป น ไปในภายใน เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ .! ส ว นใดเป น ของเผา เป น ของไหม อั น วิ ญ ญาณธาตุ อ าศั ย แล ว ซึ่ ง มี อ ยู ใ นตน เฉพาะตน กล าวคื อ ธาตุ ไฟที่ ยั งกายให อ บอุ น อย างหนึ่ ง, ธาตุ ไฟที่ ยั งกายให ช ราทรุด โทรมอยา งหนึ ่ง , ธาตุไ ฟที ่ย ัง กายใหก ระวนกระวายอยา งหนึ ่ง , ธาตุไ ฟ ที่ ทํ า อาหารซึ่ ง กิ น แล ว ดื่ ม แล ว เคี้ ย วแล ว ลิ้ ม แล ว ให แ ปรไปด ว ยดี อ ย า งหนึ่ ง ; เตโชธาตุ ที ่เ ปน ไปในภายใน. ภิก ษุ ! เตโชธาตุ ที ่เ ปน ไปในภายใน ก็ต าม ที่เปนภายนอก ก็ตาม; นี้แหละ เรียกวา เตโชธาตุ. - อุปริ. ม. ๑๔/๔๓๘/๖๘๖.
ภิ ก ษุ .! วาโยธาตุ เป น อย า งไรเล า ? วาโยธาตุ ที่ เป น ไปในภายใน ก็มี, ที่เปนภายนอก ก็มี. ภิ ก ษุ .! วาโยธาตุ ที่ เ ป น ไปในภายใน เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ! สว นใดเปน ลม ไหวตัว ได อัน วิญ ญาณธาตุอ าศัย แลว ซึ ่ง มีอ ยู ใ นตน เฉพาะ ตน กล า วคื อ ลมพั ด ขึ้ น เบื้ อ งสู ง อย า งหนึ่ ง , ลมพั ด ลงเบื้ อ งต่ํ า อย า งหนึ่ ง , ลม นอนอยู ใ นทอ งอยา งหนึ ่ง , ลมนอนอยู ใ นลํ า ไสอ ยา งหนึ ่ง , ลมแลน ไปทั ่ว ทั ้ง ตัว อยา งหนึ ่ง , และลมหายใจเขา ออกอยา งหนึ ่ง ; หรือ แมส ว นอื ่น อีก ไร ๆ (ซึ ่ง มีล ัก ษณะอยา งเดีย วกัน ). ภิก ษุ ท.! นี ้ เรีย กวา วาโยธาตุ ที ่เ ปน ไปใน ภายใน. ภิ ก ษุ ! วาโยธาตุ ที่ เป น ไปในภายใน ก็ ต าม ที่ เป น ภายนอก ก็ ต าม; นี้แหละ เรียกวา วาโยธาตุ.
www.buddhadasa.info - อุปริ. ม. ๑๔/๔๓๙/๖๘๗.
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๑๕๙
การเกิดขึ้นของธาตุสี่เทากับการเกิดขึ้นของทุกข ภิ ก ษุ ท.! การเกิ ด ขึ้ น การตั้ ง อยู การเกิ ด โดยยิ่ ง และความปรากฏ ของปฐวี ธ าตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ใด ๆ นั่ น เท า กั บ เป น การ เกิด ขึ ้น ของทุก ข, เปน การตั ้ง อยู ข องสิ ่ง ซึ ่ง มีป รกติเ สีย ดแทงทั ้ง หลาย, และ เปนความปรากฏของชราและมรณะ. - นิทาน. สํ. ๑๖/๒๐๘/๔๑๔.
ความเพลินในธาตุสี่เทากับความเพลินในทุกข ภิ ก ษุ ท.! ผู ใ ด ย อ มเพลิ น โดยยิ่ ง ซึ่ ง ปฐวี ธ าตุ อาโปธาตุ เตโช ธาตุ แล ะวาโย ธาตุ , ผู นั้ น ย อ ม เพ ลิ น โด ย ยิ่ ง ซึ่ งสิ่ งเป น ทุ ก ข , เราย อ ม กลา ววา "ผู ใ ด ยอ มเพ ลิน โดยยิ ่ง ซึ ่ง สิ ่ง เปน ทุก ข, ผู นั ้น ยอ มไมห ลุด พ น ไปได จากทุกข" ดังนี้แล. - นิทาน. สํ. ๑๖/๒๐๘/๔๑๒.
www.buddhadasa.info รสอรอย - โทษ - อุบายเครื่องพนไปของธาตุสี่
ภิ ก ษุ ท.! ครั้ ง ก อ นแต ก ารตรั ส รู เมื่ อ เรายั ง ไม ไ ด ต รั ส รู ยั ง เป น โพธิส ัต วอ ยู , ความสงสัย ไดเ กิด ขึ ้น แกเ ราวา "อะไรหนอ เปน รสอรอ ยของ ปฐวี ธ าตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ? อะไร เป น โทษของปฐวี ธ าตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ? อะไร เป น อุ บ ายเครื่ อ งออกไปพ น ได จ าก ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ?"
๑๖๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! ความรู ข อ นี้ ได เกิ ด ขึ้ น แก เราว า "สุ ข โสมนั ส ใด ๆ ที่ อาศัย ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ แลวเกิดขึ้น, สุข และ โสมนัส นี้แล เปน รสอรอย ของปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ; ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ ไมเที่ยง เปนทุกขมี ความแปรปรวนเปนธรรมดา ดวยอาการใด, อาการนี้แล เปน โทษ ของปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ; การนําออกเสียไดซึ่งความกําหนัดดวยอํานาจ ความพอใจ การละความกําหนัดดวยอํานาจความพอใจ ในปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ เสียได ดวยอุบายใด, อุบายนี้แล เปน อุบายเครื่อง ออกไปพนได จากปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ." ดังนี้แล. - นิทาน. สํ. ๑๖/๒๐๓/๔๐๔.
ความลับของธาตุสี่ ภิ ก ษุ ท.! ถ า หาก รสอร อ ย ในปฐวี ธ าตุ ก็ ดี อาโปธาตุ ก็ ดี เตโชธาตุ ก็ ดี และวาโยธาตุ ก็ ดี นี้ จั ก ไม ไ ด มี อ ยู แ ล ว ไซร , สั ต ว ทั้ ง หลาย ก็ จ ะไม กํ า หนั ด ยิน ดีน ัก ใน ป ฐ วีธ าตุ อ าโป ธ าตุ เต โช ธ าตุ แ ล ะ วาโย ธ าตุนี ้. ภิก ษุ ท .! แตเ พราะเหตุที ่ รสอรอ ย ในปฐวีธ าตุก ็ด ี อาโปธาตุก ็ด ี เตโชธาตุก ็ด ี และ วาโยธาตุ ก็ ดี มี อ ยู แ ล สั ต ว ทั้ ง หลาย จึ ง กํ า หนั ด ยิ น ดี นั ก ในปฐวี ธ าตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! ถ า หาก โทษ ในปฐวี ธ าตุ ก็ ดี อาโปธาตุ ก็ ดี เตโชธาตุ ก็ ดี และวาโยธาตุก ็ด ี นี ้ จัก ไมไ ดม ีอ ยู แ ลว ไซร, สัต วทั ้ง หลาย ก็จ ะไมเ บื ่อ หนา ย ในปฐวี ธ าตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ นี้ . ภิ ก ษุ ท.! แต
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๑๖๑
เพราะเหตุที ่ โทษในปฐวีธ าตุก ็ด ี อาโปธาตุก ็ด ี เตโชธาตุก ็ด ี และวาโยธาตุก ็ดี มี อ ยู แ ล สั ต ว ทั้ ง หลาย จึ ง เบื่ อ หน า ย ในปฐวี ธ าตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และ วาโยธาตุ. ภิกษุ ท.! ถาหาก อุบายเครื่องออกไปพนได จากปฐวีธาตุก็ดี อาโปธาตุ ก็ ดี เตโชธาตุ ก็ ดี และวาโยธาตุ ก็ ดี นี้ จั ก ไม ได มี อ ยู แ ล ว ไซร , สั ต ว ทั้ ง หลาย ก็จ ะไมอ อกไปพน ไดจ ากปฐวีธ าตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุนี ้. ภิ กษุ ท.! แต เพราะเหตุ ที่ อุ บายเครื่องออกไปพ นได จากปฐวี ธาตุ ก็ ดี อาโปธาตุ ก็ ดี เตโชธาตุก ็ด ี และวาโยธาตุก ็ด ี มีอ ยู แ ล สัต วทั ้ง หลาย จึง ออกไปพน ไดจ าก ปฐวีธาตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ และวาโยธาตุ. - นิทาน. สํ. ๑๖/๒๐๕/๔๐๘.
ธาตุสี่ไมเที่ยง เปนทุกข เปนอนัตตา ราหุ ล ! เธอเข า ใจความข อ นั้ น ว า อย า งไร ? ปฐวี ธ าตุ อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ๑ เที่ยงหรือไมเที่ยง ? "ไมเที่ยง พระเจาขา !"
www.buddhadasa.info ก็สิ่งใด ไมเที่ยง, สิ่งนั้น เปนทุกข หรือเปนสุขเลา? "เปนทุกข พระเจาขา !"
๑. ตรัสถึงอากาสธาตุ และวิญญาณธาตุ ในที่นี้ดวย.
๑๖๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ก็ สิ่ ง ใด ไม เที่ ย ง เป น ทุ ก ข มี ค วามแปรปรวนเป น ธรรมดา ควรแล หรือ ที ่จ ะตามเห็น สิ ่ง นั ้น วา "นั ่น เปน ของเรา, นั ่น เปน เรา นั ่น เปน ตัว ตน ของเรา." "ขอนั้น ไมควรเห็นเชนนั้น พระเจาขา !" - นิทาน.สํ. ๑๖/๒๙๑/๖๑๖.
ยังยินดีในธาตุสี่อยู เพราะไมรูจักธาตุสี่ ภิ ก ษุ ท.! ในโลกนี้ บุ ถุ ช น เป น ผู ไ ม ไ ด ยิ น ได ฟ ง ไม ไ ด เ ห็ น เหล า พระอริ ย เจ า ไม ฉ ลาดในธรรมของพระอริ ย เจ า ไม ถู ก แนะนํ า ในธรรมของพระ อริย เจา , ไมไ ดเ ห็น เหลา สัต บุร ุษ ไมฉ ลาดในธรรมของสัต บุร ุษ ไมถ ูก แนะ นํ า ในธรรมของสัต บุร ุษ ยอ มหมายรู ด ิน น้ํ า ไฟ ลม โดยความเปน ดิน น้ํ า ไฟ ล ม , ค รั ้น ห ม า ย รู ด ิน น้ํ า ไฟ ล ม โด ย ค ว า ม เปน ดิน น้ํ า ไฟ ล ม แลว ยอ มทํ า ความหมายมั ่น ซึ ่ง ดิน น้ํ า ไฟ ลม, ยอ มทํ า ความหมายมั ่น ใน ดิน น้ํ า ไฟ ล ม , ยอ ม ทํ า ความ ห ม าย มั ่น โด ยเปน ดิน น้ํ า ไฟ ล ม , ยอ มทํ า ความหมายมั ่น วา "ดิน น้ํ า ไฟ ลม เปน ของเรา" ดัง นี ้, และยอ ม เพลิน โดยยิ ่ง ซึ ่ง ดิน น้ํ า ไฟ ลม. ขอ นั ้น เพราะเหตุไ ร ? เรายอ มกลา ววา เพราะเหตุ ว า ดิ น น้ํ า ไฟ ลม เป น สิ่ ง ที่ บุ ถุ ช นนั้ น ยั ง ไม ไ ด กํ า หนดรู โ ดยทั่ ว ถึ ง แลว.
www.buddhadasa.info - มู. ม. ๑๒/๑/๒.
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๑๖๓
ความหมายของคําวา "รูป" ภิ กษุ ท .! ค น ทั่ วไป กล าวกั น ว า "รู ป " เพ ราะอ าศั ยค วาม ห ม าย อะไรเลา ? ภิก ษุ ท .! เพ รา ะ กิร ิย า ที ่แ ต ก ส ล า ย ได มีอ ยู ใน สิ ่ง นั ้น (เชน นี้ แ ล) ดัง นั ้น สิ ่ง นั ้น จึง ถูก เรีย กวา รูป . สิ ่ง นั ้น แตกสลายได เพราะอะไร ? สิ่ ง นั้ น แตกสลายได เ พราะความเย็ น บ า ง, แตกสลายได เพราะความร อ นบ า ง, แตกสลายได เพราะความหิว บา ง, แตกสลายได เพราะความระหายบา ง, แตกสลายได เพราะถู ก ต อ งกั บ เหลื อ บ ยุ ง ลม แดด และสั ต ว เลื้ อ ยคลานบ า ง, (ดั ง นี ้ เ ป น ต น ) ภิ ก ษ ุ ท .! เพ ร า ะ กิ ร ิ ย า ที ่ แ ต ก ส ล า ย ไ ด มี อ ยู ใ น สิ ่ ง นั ้ น (เชนนี้แล) ดังนั้น สิ่งนั้น จึงถูกเรียกวารูป - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๐๕/๑๕๙.
อุปมาแหงรูป ภิ ก ษุ ท.! แม น้ํ า คงคานี้ ไหลพาเอา ฟองน้ํ า ก อ นใหญ ก อ นหนึ่ ง มา, บุ รุ ษ ผู จั ก ษุ (ตามปกติ ) เห็ น ฟองน้ํ า ก อ นใหญ ก อ นนั้ น ก็ พึ ง เพ ง พิ นิ จ พิ จ ารณ า โด ย แ ย ก ค า ย เมื ่อ บุร ุษ ผู นั ้น เห็น อ ยู เพง พิน ิจ พิจ ารณ า โด ย แ ย บ ค า ย อ ยู , กอนฟองน้ํานั้น ยอมปรากฏเปนของวางของเปลา และปรากฏเปนของหาแกนส ารม ิไ ด ไ ป . ภ ิก ษ ุ ท .! ก็แ กน ส ารใน กอ น ฟ อ งน้ํ า นั ้น จะพ ึง ม ีไ ดอ ยา งไร, อุปมานี้ฉันใด;
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! อุ ป ไมยก็ ฉั น นั้ น คื อ รู ป ชนิ ด ใดชนิ ด หนึ่ ง มี อ ยู จะเป น อดี ต อนาคตหรื อ ป จ จุ บั น ก็ ต าม เป น ภายในหรื อ ภายนอกก็ ต าม หยาบหรื อ ละเอี ย ด ก็ตาม เลวหรือประณีตก็ตาม มีในที่ไกลหรือที่ใกลก็ตาม. ภิกษุเห็นรูปนั้น
๑๖๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ย อ มเพ ง พิ นิ จ พิ จ ารณ าโดยแยบคาย. เมื่ อ ภิ ก ษุ นั้ น เห็ น อยู เพ ง พิ นิ จ พิ จ ารณ า โดยแยบคายอยู , รูป นั้ น ย อ มปรากฏเป น ของว างของเปล า และปรากฏเป น ของหาแกนสารมิไดไป. ภิกษุ ท.! ก็แกนสารในรูปนั้น จะพึงมีไดอยางไร. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๗๑/๒๔๒ซ
อัสสาทะของรูป ภิกษุ ท.! อัสสาทะ (รสอรอย) ของรูป เปนอยางไรเลา ?
ภิ ก ษุ ท.! เปรี ย บเหมื อ นนางสาวน อ ยแห ง กษั ต ริ ย ก็ ดี นางสาวน อ ย แห ง พราหมณ ก็ ดี และนางสาวน อ ยแห ง คฤหบดี ก็ ดี ที่ มี วั ย อั น บุ ค คลพึ ง แสดงว า อายุส ิบ หา หรือ สิบ หก ไมส ูง นัก ไมต่ํ า นัก ไมผ อมนัก ไมอ ว นพีน ัก ไมดํ า นัก ไม ข า ว นั ก . ภิ ก ษุ ท .! เห ล า น า ง ส า ว น อ ย นั ้ น ๆ จั ก มี ส ี ส รรแ ห ง ว รรณ ะ อันงดงาม ในสมัยนั้น เปนอยางยิ่ง มิใชหรือ ? "ขอนั้น เปนเชนนั้นแล พระเจาขา !"
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! สุ ข โสมนั ส ใด ๆ ที่ อ าศั ย สี ส รรแห ง วรรณ ะอั น งดงาม แลวบังเกิดขึ้น. สุข โสมนัสนี้แล เปนอัสสาทะของรูป.
- มู. ม. ๑๒/๑๗๓/๒๐๑.
อาทีนพของรูป ภิกษุ ท.! อาทีนพ (โทษ) ของรูป เปนอยางไรเลา ? ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คล จะได เห็ น น อ งหญิ ง ในกรณี นี้ นั่ น แหละ โดยกาล ตอมา มีอายุได ๘๐ ปก็ตาม ๙๐ ปก็ตาม ๑๐๐ ปก็ตาม ชราทรุดโทรมแลว มี
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๑๖๕
หลั งงอดุ จ ไม โคปาณสิ แห งหลั งคา มี ก ายคดไปคดมา มี ไม เท ายั งไป ในเบื้ องหน า เดิน ตัว สั ่น เทิ ้ม กระสับ กระสา ย ผา นวัย อัน แข็ง แรง ไปแลว มีฟ น หัก แลว มี ผมหงอกแล ว มี ผมตั ดสั้ นอย างลวก ๆ มี ผิ วหนั งหย อนยาน และมี ตั วเต็ มไปด วย จุ ด . ภิ ก ษุ ท.! พวกเธอเข า ใจความข อ นั้ น ว า อย า งไร ? สี ส รรแห ง วรรณะอั น งดงามที่ มี แ ต เดิ ม ใด ๆ สี ส รรแห ง วรรณะอั น งดงามนั้ น ย อ มอั น ตรธานหายไป, โทษ ยอมบังเกิดปรากฏ มิใชหรือ ? "ขอนั้น เปนเชนนั้น พระเจาขา!" ภิกษุ ท.! นี้แล เปนอาทีนพของรูป. ภิ ก ษุ ท.! โทษอย า งอื่ น ยั ง มี อี ก : บุ ค คล จะได เ ห็ น น อ งหญิ ง นั้ น แหละ อาพาธลง ได รั บ ทุ ก ข ท รมาน เป น ไข ห นั ก นอนกลิ้ ง เกลื อ กอยู ใ นมู ต ร และคูถของตนเอง อันบุคคลตองชวยพะยุพยุงใหลุกและใหนอน.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! พวกเธอเข า ใจความข อ นั้ น ว า อย า งไร ? สี ส รรแห ง วรรณะ อั น งดงามที่ มี แ ต เดิ ม ใด ๆ สี ส รรแห ง วรรณะอั น งดงามนั้ น ย อ มอั น ตรธานหาย ไป, โทษ ยอมบังเกิดปรากฏ มิใชหรือ ? "ขอนั้น เปนเชนนั้น พระเจาขา !" ภิกษุ ท.! แมนี้แล เปนอาทีนพของรูป. ภิ ก ษุ ท.! โทษอย า งอื่ น ยั ง มี อี ก : บุ ค คล จะได เ ห็ น น อ งหญิ ง นั้ น แหละ อันเขาทิ้งแลว ในปาชาเปนที่ทิ้งศพ ตายแลววันหนึ่ง ก็ตาม ตายแลว
๑๖๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
สองวั น ก็ ต าม ตายแล ว สามวัน ก็ ต าม หรือ กํ าลั งขึ้ น พอง มี สี เขี ย ว มี ห นองไหล. ภิก ษุ ท.! พวกเธอเขา ใจความขอ นั ้น วา อยา งไร ? สีส รรแหง วรรณะอัน งดงาม ที ่ม ีแ ตเ ดิม ใด ๆ สีส รรวรรณะอัน งดงามนั ้น ยอ มอัน ตรธานหายไป, โทษ ยอมบังเกิดปรากฏ มิใชหรือ? "ขอนั้น เปนเชนนั้น พระเจาขา !" ภิกษุ ท.! แมนี้แล เปนอาทีนพของรูป. ภิ ก ษุ ท.! โทษอย า งอื่ น ยั ง มี อี ก : บุ ค คล จะได เห็ น น อ งหญิ ง นั้ น แหละ อันเขาทิ้งแลว ในปาชาเปนที่ทิ้งศพ อันฝูงกาจิกกินอยู ก็ตาม อันฝูงแรง จัก กิน อยู ก ็ต าม อัน ฝูง นกตะกรุม จิก กิน อยู ก ็ต าม อัน ฝูง สุน ัข กัด กิน อยู ก ็ต าม อั น ฝู ง สุ นั ข จิ้ ง จอกกั ด กิ น อยู ก็ ต าม และอั น หมู ห นอนต า งชนิ ด บ อ นกิ น อยู ก็ ต าม ภิก ษุ ท.! พวกเธอเขา ใจความขอ นั ้น วา อยา งไร ? สีส รรแหง วรรณะอัน งดงาม ที ่ม ีแ ตเ ดิม ใด ๆ สีส รรวรรณะอัน งดงามนั ้น ยอ มอัน ตรธานหายไป, โทษ ยอมบังเกิดปรากฏ มิใชหรือ ?
www.buddhadasa.info "ขอนั้น เปนเชนนั้น พระเจาขา !"
ภิกษุ ท.! แมนี้แล เปนอาทีนพของรูป. ภิ ก ษุ ท.! โทษอย า งอื่ น ยั ง มี อี ก : บุ ค คล จะได เห็ น น อ งหญิ ง นั้ น แหละ อั น เขาทิ้ ง แล ว ในป า ช า เป น ที่ ศ พ เป น ร า งกระดู ก ยั ง มี เนื้ อ และเลื อ ด และยั งมี เอ็ น เป น เครื่อ งรึงรัด อยู ก็ ต าม เป น รางกระดู ก ที่ ป ราศจากเนื้ อ แต ยั งมี เลือดเปอนอยู และยังมีเอ็นเปนเครื่องรึงรัดไวก็ตาม เปนรางกระดูก ที่ปราศ-
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๑๖๗
จากเนื้ อ และเลื อ ด แต ยั ง มี เ อ็ น เป น เครื่ อ งรึ ง รั ด ไว ก็ ต าม เป น ท อ นกระดู ก ที่ ปราศจากเอ็น เปน เครื ่อ งรึง รัด กระจัด กระจายไปคนละทิศ ละทาง กระดูก มือ ไปทางหนึ ่ง กระดูก เทา ไปทางหนึ ่ง กระดูก แขง ไปทางหนึ ่ง กระดูก ขาไป ทางหนึ่ ง กระดู ก สะเอวไปทางหนึ่ ง กระดู ก ข อ สั น หลั ง ไปทางหนึ่ ง กระดู ก สี ข า ง ไปทางหนึ่ ง กระดู ก หน า อกไปทางหนึ่ ง กระดู ก แขนไปทางหนึ่ ง กระดู ก ไหล ไ ป ทางหนึ ่ง กระดูก คอไปทางหนึ ่ง กระดูก คางไปทางหนึ ่ง ฟน ไปทางหนึ ่ง กระ โหลกศีร ษะไปทางหนึ ่ง . ภิก ษุ ท.! พวกเธอเขา ใจความขอ นั ้น วา อยา งไร ? สีส รรแหง วรรณ ะอัน งดงามที ่ม ีแ ตเ ดิม ใด ๆ สีส รรแหง วรรณ ะอัน งดงาม นั้นยอมอันตรธานหายไป, โทษ ยอมบังเกิดปรากฏ มิใชหรือ ? "ขอนั้น เปนเชนนั้น พระเจาขา !" ภิกษุ ท.! แมนี้แล เปนอาทีนพของรูป. ภิ ก ษุ ท.! โทษอย า งอื่ น ยั ง มี อี ก : บุ ค คล จะได เ ห็ น น อ งหญิ ง นั้ น แหละ อัน เขาทิ ้ง แลว ในปา ชา เปน ที ่ทิ ้ง ศพ เปน ชิ ้น กระดูก มีส ีข าวดั ่ง สีส ัง ข ก็ ต าม เป น ชิ้ น กระดู ก กองเรี่ ย รายอยู น านเกิ น กว า ป ห นึ่ ง ไปแล ว ก็ ต าม เป น กระดู ก เป อ ย ผ งล ะ เอี ย ดไป แล ว ก็ ต าม . ภิ ก ษุ ท .! พ วกเธอ เข า ค วาม ข อ นั ้ น วา อยา งไร : สีส รรแหง วรรณะอัน งดงามที ่ม ีแ ตเ ดิม ใด ๆ สีส รรแหง วรรณะ อันงดงามนั้น ยอมอันตรธานหายไป, โทษ ยอมบังเกิดปรากฏ มิใชหรือ ?
www.buddhadasa.info "ขอนั้น เปนเชนนั้น พระเจาขา !" ภิกษุ ท.! แมนี้แล ก็เปนอาทีนพของรูป. - มู. ม. ๑๒/๑๗๓/๒๐๒.
๑๖๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
นิสสรณะของรูป ภิ ก ษุ ท.! นิ ส สรณะ (อุ บ ายเครื่ อ งออกไปพ น ได ) ของรู ป เป น อยางไรเลา ? ภิ ก ษุ ท.! การนํ าออกเสี ย ได ซึ่ งความกํ า หนั ด ด ว ยอํ านาจความพอใจ ในรู ป การละเสี ย ได ซึ่ ง ความกํ า หนั ด ด ว ยอํ า นาจความพอใจในรู ป ด ว ยอุ บ าย ใด, อุบายนี้แล เปนอุบายเครื่องออกพนไปไดของรูป แล. - มู. ม. ๑๒/๑๗๕/๒๐๓, และ ขนฺธ. สํ. ๑๗/๗๗/๑๑๙.
ขอควรกําหนดเกี่ยวกับ รูป ภิ ก ษุ ท.! สุ ข โสมนั ส ใด ๆ ที่ อ าศั ย รู ป แล ว เกิ ด ขึ้ น . สุ ข โสมนั ส นี้ แ ล เป น รสอร อ ย (อั ส สาทะ) ของรู ป ; รู ป ไม เ ที่ ย ง เป น ทุ ก ข มี ค วาม แปรปรวนเปน ธรรมดา ดว ยอาการใด ๆ, อาการนี ้แ ล เปน โทษ (อาทีน พ) ของรูป ; การนํ า ออกเสีย ได ซึ ่ง ความกํ า หนัด ดว ยอํ า นาจความพอใจ ในรูป การละเสี ย ได ซึ่ ง ความกํ า หนั ด ด ว ยอํ า นาจความพอใจ ในรู ป ด ว ยอุ บ ายใด ๆ อุบายนี้แล เปน เครื่องออกพนไปได (นิสสรณะ) จาก รูป.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๔, ๗๗/๕๙,๑๑๙.
รูปขันธโดยนัยแหงอริยสัจสี่ ภ ิก ษ ุ ท .! รูป เป น อ ย า งไรเล า ? ภ ิก ษ ุ ท .! ม ห า ภ ูต สี ่อ ยา ง และรูปที่อาศัยมหาภูตสี่อยางเหลานั้นดวย : ภิกษุ ท.! นี้ เรียกวา รูป;
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๑๖๙
ความเกิ ด ขึ้ น แห ง รู ป มี ได เพราะความเกิ ด ขึ้ น แห ง อาหาร; ความดั บ ไม เหลื อ แหง รูป มีไ ด เพราะความดับ ไมเ หลือ แหง อาหาร; อริย มรรคมีอ งค ๘ นี้ นั ่น เอง เปน ทางดํ า เนิน ใหถ ึง ความดับ ไมเ หลือ แหง รูป , ไดแ ก ความเห็น ชอบ ความดํ า ริช อบ; การพูด จาชอบ การทํ า การงานชอบ การเลี ้ย งชีว ิต ชอบ; ความพากเพียรชอบ ความระลึกชอบ ความตั้งใจชอบ. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๗๒/๑๑๓.
๒. วิภาคแหงเวทนาขันธ เวทนาหก ภิก ษุ ท .! เวท น า เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท .! ห มู แ หง เวท น า หกเหล า นี้ คื อ เวทนา อั น เกิ ด แต สั ม ผั ส ทางตา, เวทนา อั น เกิ ด แต สั ม ผั ส ทาง หู, เวท น า อัน เกิด แต ส ัม ผัส ท างจม ูก , เวท น า อัน เกิด แต ส ัม ผัส ท างลิ ้น , เวทน า อัน เกิด แตส ัม ผัส ทางกาย , และ เวท นา อัน เกิด แตส ัม ผัส ทางใจ. ภิกษุ ท.! .นี้เรียกวา เวทนา.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๗๓/๑๑๔.
ความหมายของคําวา "เวทนา"
ภิ ก ษุ ท.! คนทั่ ว ไป กล า วกั น ว า "เวทนา" เพราะอาศั ย ความหมาย อะไรเลา ? ภิก ษุ ท.! เพราะกิร ิย าที ่รู ส ึก (ตอ ผลอัน เกิด จากผัส สะ) ได มีอ ยู ใน สิ ่ง นั ้น (เชน นี ้แ ล ) ดัง นั ้น สิ ่ง นั ้น จึง ถูก เรีย กวา เวท น า. สิ ่ง นั ้น ยอ ม รู ส ึก ได ซึ ่ง อะไร ? สิ ่ง นั ้น ยอ มรู ส ึก ได ซึ ่ง ความรู ส ึก อัน เปน สุข บา ง, ยอ ม รูสึกได ซึ่งความรูสึกอันเปนทุกขบาง, และยอมรูสึกได ซึ่งความรูสึกอันไม
๑๗๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ทุก ขไ มส ุข บา ง (ดัง นี ้เ ปน ตน ). ภิก ษุ ท .! เพ ราะกิร ิย าที ่รู ส ึก (ตอ ผลอัน เกิ ด จากผั ส สะ) ได มี อ ยู ในสิ่ ง นั้ น (เช น นี้ แ ล) ดั ง นั้ น สิ่ ง นั้ น จึ ง ถู ก เรี ย กว า เวทนา. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๐๕/๑๕๙.
อุปมาแหงเวทนา ภิ ก ษุ ท .! เมื่ อ ฝ น เม ล็ ด ห ย าบ ต ก ใน ส รท ส มั ย (ท าย ฤ ดู ฝ น ), ต อ มน้ํ า ย อ มเกิ ด ขึ้ น และแตกกระจายอยู บ นผิ ว น้ํ า . บุ รุ ษ ผู มี จั ก ษุ (ตามปรกติ ) เห็ น ต อ มน้ํ า นั้ น ก็ เ พ ง พิ นิ จ พิ จ ารณาโดยแยบคาย. เมื่ อ บุ รุ ษ นั้ น เห็ น อยู เพ ง พินิจพิจารณาโดยแยบคายอยู, ตอมน้ํานั้น ยอมปรากฏเปนของวางของเปลา และปรากฏเปน ของหาแกน สารมิไ ดไ ป. ภิก ษุ ท.! ก็แ กน สารในตอ มน้ํ า นั ้น จะพึงมีไดอยางไร, อุปมานี้ฉันใด; ภิ ก ษุ ท.! อุป ไมยก็ฉ ัน นั ้น คือ เวทนา ชนิด ใดชนิด หนึ ่ง มีอ ยู จะเป นอดี ตอนาคตหรือป จจุ บั น ก็ ตาม เป นภายในหรือภายนอกก็ ต าม หยาบหรื อ ละเอีย ดก็ต าม เลวหรือ ประณีต ก็ต าม มีใ นที ่ไ กลหรือ ที ่ใ กลก ็ต าม; ภิก ษุ รู ส ึก ในเวทนานั ้น ยอ มเพง พิน ิจ พิจ ารณาโดยแยบคาย. เมื ่อ ภิก ษุนั ้น รู ส ึก อยู เพงพินิจพิจารณาโดยแยบคายอยู, เวทนานั้น ยอมปรากฏเปนของวางของเปลา และปรากฏเปน ของหาแกน สารมิไ ดไ ภิก ษุ ท.! ก็แ กน สารในเวทนานั ้น จะพึงมีไดอยางไร.
www.buddhadasa.info - ขนธ. สํ. ๑๗/๑๗๑/๒๔๓.
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๑๗๑
ความหมายอันแทจริงของ "บาดาล" ภิ ก ษุ ท.! บุ ถุ ช นผู ไม มี ก ารสดั บ พู ด กั น ว าบาดาลมี อ ยู ใต ม หาสมุ ท ร. ภิก ษุ ท.! บุถ ุช นผู ไ มม ีก ารสดับ กลา วสิ ่ง นั ้น ซึ ่ง ไมม ีอ ยู ไ มเ ปน อยู วา บาดาล มี อ ยู ใ ต ม หาสมุ ท ร. ภิ ก ษุ ท.! คํ า ว า "บาดาล" นั้ น เป น คํ า แทนชื่ อ ของ ทุ ก ขเวทนาอั น มี อ ยู ใ นสรี ร ะนี้ . ภิ ก ษุ ท.! บุ ถุ ช น ผู ไ ม มี ก ารสดั บ ถู ก ต อ ง ทุก ขเวทนาในสรีร ะนี ้อ ยู ยอ มเศรา โศก ยอ มลํ า บากใจ ร่ํา ไรรํา พัน เปน ผู ทุบ อกร่ํ า ไห ยอ มถึง ความมีส ติฟ น เฟอ น. ภิก ษุ ท.! เรากลา ววา บุถ ุช นผู ไมมีการสดับนี้ จมลงแลวในบาดาล ไมมีที่ยืนเหยียบถึง. ภิก ษุ ท.! สว น อริย สาวก ผู ม ีก ารสดับ เมื ่อ ถูก ตอ งทุก ขเวทนา ที ่เ ปน ไปในสรีร ะ ยอ ม ไมเ ศรา โศก ยอ มไมลํ า บากใจ ไมร่ํา ไรรํา พัน ไมเ ปน ผู ท ุบ อกร่ํ า ไห ยอ มไมถ ึง ความเปน ผู ม ีส ติฟ น เฟอ น. ภิก ษุ ท.! เรากลา ววา อริยสาวกผูมีการสดับนี้ ไมจมลงแลวในบาดาล มีที่ยืนเหยียบถึง. - สฬา. สํ. ๑๘/๒๕๕/๓๖๕.
www.buddhadasa.info ธรรมลักษณะ ๘ ประการแหงเวทนา
ภิ กษุ ท.! เวทนา ๓ อย างเหล านี้ มี อ ยู คื อ สุ ข เวทนา ทุ ก ขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา : นี้เราเรียกวา เวทนา. เพราะความเกิ ด ขึ้ นแห งผั ส สะ จึ งมี ความเกิ ด ขึ้ น แห งเวทนา (: นี้ คื อ สมุทัยแหงเวทนา)
๑๗๒
อริยสัจจากพระโอษฐ ตั ณ หา เป น ปฏิ ปทาให ถึ งความเกิ ดขึ้ น แห งเวทนา๑ (: นี้ คื อสมุ ทยคามิ นี -
ปฏิปทาแหงเวทนา.)
เพราะความดั บ แห ง ผั ส สะ จึ ง มี ความดั บ แห ง เวทนา (: นี้ คื อ นิ โรธแห ง เวทนา).
อริ ย อั ฏ ฐั ง คิ ก มรรคนี้ เป น ปฏิ ป ทาให ถึ ง ความดั บ แห ง เวทนา; คื อ สั ม มาทิ ฎ ฐิ สั ม มาสั ง กั ป ปะ สั ม มาวาจา สั ม มากั ม มั น ตะ สั ม มาอาชี ว ะ สั ม มาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ (: นี้คือนิโรธคามินีปฏิปทาแหงเวทนา). สุ ข โสมนั ส อั น ใด อาศั ย เวทนาเกิ ด ขึ้ น : นี้ คื อ อั ส สาทะ (รสอร อ ย) แหงเวทนา. ความไม เ ที่ ย ง เป น ทุ ก ข มี ค วามแปรปรวนเป น ธรรมดา แห ง เวทนา : นี้คือ อาทีนวะ (โทษ) จากเวทนา.
www.buddhadasa.info การนํ า ออกเสี ย ได ซึ่ งฉั น ทราคะ การละเสี ย ได ซึ่ งฉั น ทราคะ ในเวทนา : นี้คือ นิสสรณะ (อุบายเครื่องออก) จากเวทนา - สฬา. สํ. ๑๘/๒๘๘/๔๓๘.
หลักที่ควรรูเกี่ยวกับ เวทนา ภิ กษุ ท .! ข อ ที่ เรากล า ว า "พึ งรู จั ก เวท นา, พึ งรู จั ก เห ตุ เป น แด น เกิดของเวทนา, พึงรูจักความเปนตางกันของเวทนา, พึงรูจักผลของเวทนา,
๑. ขอ นี ้ห มายความวา ตัณ หาเปน เหตุใ หเ กิด ความหมายหรือ คา ของเวทนา. ขอ นี ้ไ มข ัด กั บ หลั ก
ทั่วไปที่วา เวทนาใหเกิดตัณหา แตประการใด.
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๑๗๓
พึ ง รู จั ก ความดั บ ไม เ หลื อ ของเวทนา, และพึ ง รู จั ก ทางดํ า เนิ น ให ถึ ง ความดั บ ไม เหลือของเวทนา" ดังนี้นั้น. เรากลาวหมายถึงอะไรเลา ? ภิก ษุ ท .! ขอ นั ้น เรากลา วห ม าย ถึง เวท น าส าม เห ลา นี ้; คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา และอทุกขมสุขเวทนา. ภิ กษุ ท.! เหตุ เป น แดนเกิ ด ของเวทนา เป นอย างไรเล า ? ภิ กษุ ท.! ผั ส สะ (การประจวบกั น แห ง อายตนะภายใน และภายนอก และวิ ญ ญ าณ ) เป น เหตุ เ ป น แดนเกิดของเวทนา. ภิ ก ษุ ท.! ความเป น ต างกั น ของเวทนา เป น อย างไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! สุข เวทนา ที ่เ จือ ดว ยอามิส (กามคุณ ๕) ก็ม ี สุข เวทนา ที ่ไ มเ จือ ดว ยอามิส (ไมม ีก ามคุณ ๕) ก็ม ี; ทุก ขเวทนา ที ่เ จือ ดว ยอามิส ก็ม ี ทุก ขเวทนา ที ่ไ มเ จือ ดว ยอามิส ก็ม ี; อทุก ขมสุข เวทนา ที ่เ จือ ดว ยอามิส ก็ม ี อทุก ขมสุข เวทนา ที่ไมเจือดวยอามิสก็มี. ภิกษุ ท.! นี้ เรียกวา ความเปนตางกันของเวทนา.
www.buddhadasa.info ภิก ษ ุ ท .! ผ ล ข อ งเว ท น า เปน อ ยา งไรเลา ? ภ ิก ษ ุ ท .! เมื ่อ เสวยเวทนาใดอยู ยัง อัต ตภาพซึ ่ง เกิด แตเ วทนานั ้น ๆ ใหเ กิด ขึ ้น เปน ฝา ยบุญ ก็ตาม เปนฝายมิใชบุญก็ตาม. ภิกษุ ท.! นี้ เรียกวา ผลของเวทนา.
ภิ กษุ ท.! ความดั บ ไม เหลื อ ของเวทนา เป นอย างไรเล า ? ภิ กษุ ท.! ความไมเหลือของเวทนา มีได เพราะความดับไมเหลือของผัสสะ.
๑๗๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! อริ ย ม รรคมี อ งค ๘ นี้ นั่ น เอง เป น ท างดํ าเนิ น ให ถึ ง ความดับ ไมเ หลือ ของเวทนา, ไดแ ก ความเห็น ชอบ ความดํ า ริช อบ; การ พูด จาชอบ การทํ า การงานชอบ การเลี ้ย งชีว ิต ชอบ; ความพากเพีย รชอบ ความระลึกชอบ ความตั้งใจมั่นชอบ. .... ภ ิก ษ ุ ท .! คํ า ใด ที ่เ รา ก ล า ว วา "พ ึง รู จ ัก เว ท น า , พ ึง รู จ ัก เห ตุ เปน แดนเกิด ของเวทนา, พึง รู จ ัก ความเปน ตา งกัน ของเวทนา, พึง รู จ ัก ผล ของเวทนา, พึง รู จ ัก ความดับ ไมเ หลือ ของเวทนา, และพึง รู จ ัก ทางดํ า เนิน ใหถึงความดับไมเหลือของเวทนา" ดังนี้นั้น, เรากลาวหมายถึงความขอนี้แล. - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๖๐/๓๓๔.
ประมวลเรื่องนารูพิเศษ เกี่ยวกับเวทนา พุ ท ธสาวก เป น ผู มี จิ ต ตั้ ง มั่ น มี ส ติ มี สั ม ปชั ญ ญะย อ มรู ชั ด ซึ่งเวทนา ซึ่งแดนเกิดแหงเวทนา ซึ่งธรรมเปนที่ดับแหงเวทนาซึ่งหนทาง ใหถึงความสิ้นไป (แหงฉันทราคะในเวทนา), ภิกษุ เพราะสิ้น(ฉันทราคะ) แหงเวทนาทั้งหลาย เปนผูหายหิว ดับเย็นสนิท.
www.buddhadasa.info เวทนาอยางใดอยางหนึ่ง มีอยู เป นสุขก็ตาม เป นทุกขก็ ตาม เป น อทุกขมสุขก็ตาม เปนภายในก็ตาม ภายนอกก็ตามบุ คคลรูวาสิ่ง เหลานี้เปนทุกข มีความหลอกลวงเปนธรรมดา มีการแตกสลายเปนธรรมดา เสวยแลว เสวยแลว เห็นอยูวาเปนสิ่งที่มีความสิ้นไปเปนธรรมดา : ดังนี้ ยอมปราศจากความกําหนัดในเวทนานั้น ๆ.
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๑๗๕
เมื่ อบุ คคลเสวยสุ ขเวทนาอยู , ไม รู จั กชั ดซึ่ งเวทนานั้ น ราคานุ สั ย ย อ มมี แ ก เขาผู ม องไม เ ห็ น ทางออกจากอํ า นาจของเวทนานั้ น . เมื่ อ บุ คคล เสวยทุ ก ขเวทนาอยู ไม รูจั ด ชั ด ซึ่ งเวทนานั้ น ปฏิ ฆ านุ สั ย ย อ ม มี แ ก เ ขา ผู ม องไมเ ห็น ทางออกจากอํ า นาของเวทนานั ้น . บุค คล เพลิด เพลิน แม ในอทุ กขมสุ ข อั นพระภู ริ ป ญ ญาพุ ทธเจ าทรงแสดงว า เปนธรรมอันรํางับ ก็หาพนจากทุกขไปไดไม. เมื่อใดภิ กษุมี ความเพี ยรเผากิเลส ไมทอดทิ้งสัมปชัญญะ ก็ เป น บัณฑิตรอบรูเวทนาทั้งปวง ภิกษุ นั้น เพราะรอบรูซึ่งเวทนา จึงเปนผูไมมี อาสวะในทิ ฐิ ธ รรม เป น ผู ตั้ ง อยู ใ นธรรมจนกระทั่ ง กายแตก จบเวท ไมเขาถึงซึ่งการนับวาเปนอะไร. บุ คคลใด ถู กทุ กขเวทนาอั นเกิ ดขึ้ นแล วในสรีระปานว าจะนํ าเสี ย ซึ่ ง ชี วิ ต อดกลั้ น ไม ไ ด ย อ มหวั่ น ไหว ย อ มคร่ํ า ครวญร่ํ า ไห ทุ พ พลภาพ หมดกลัง ; บุค คลนั ้น จมลงแลว ในบาดาล (แหง เวทนา) ซึ ่ง ไมมีที่ยืนเหยียบถึง. ส วนบุ คคลใด ถู กทุ กขเวทนาอั นเกิ ดขึ้ นแล วในสรี ระปานว าจะ นํ าเสี ย ซึ่งชี วิต ย อ มอดกลั้ น ได ไม ห วั่น ไหว; บุ ค คลนั้ น ไม จ มลงแล ว ในบาดาล เพราะมีที่ยืนเหยียบถึง.
www.buddhadasa.info ผูใด เห็นสุขโดยความเปนทุกข เห็นทุกขโดยความเป นลูกศร เห็ น อทุ ก ขมสุ ข อั น กํ า ลั ง มี อ ยู โดยความเป น ของไม เที่ ย ง; ผู นั้ น เป น ภิกษุ ผูรูเห็นโดยชอบ ยอมรอบรูซึ่งเวทนา เพราะรอบรูเวทนาจึงเปนผู
๑๗๖
อริยสัจจากพระโอษฐ ไมมีอาสวะในทิฎฐิธรรม เปนผูตั้งอยูในธรรมจนกระทั่งกายแตก จบเวท ไมเขาถึงซึ่งการนับวาเปนอะไร,
- สฬา. สํ. ๑๘/๒๕๔-๒๕๗/๓๖๐, ๓๖๒, ๓๖๔, ๓๖๖, ๓๖๘.
วิภาคแหงเวทนา ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดงธรรมปริ ย าย ซึ่ งมี ป ริ ย ายร อ ยแปด แก พ วก เธอทั้งหลาย, พวกเธอ จงฟงธรรมปริยายขอนี้. ภิกษุ ท.! ธรรมปริยาย ซึ่งมี ปริยายรอยแปดนั้ น เป นอย างไรเล า ? ภ ิก ษ ุ ท .! เวท น า แม ส อ งอ ยา ง เราไดก ลา วแลว โด ย ป ริย าย , เวท น า แม สามอย า ง เราก็ ไ ด ก ล า วแล ว โดยปริ ย าย, เวทนา แม ห า อย า ง เราก็ ไ ด ก ล า วแล ว โด ย ป ริย าย , เวท น า แมห ก อ ยา ง เราก็ไ ดก ลา วแลว โด ย ป ริย าย , เวท น า แมส ิบ แปดอยา ง เราก็ไ ดก ลา วแลว โดยปริย าย, เวทนา แมส ามสิบ หกอยา ง เราก็ไ ดก ลา วแลว โดยปริย าย, และเวทนา แมร อ ยแปดอยา ง เราก็ไ ดก ลา ว แลวโดยปริยาย.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! เวทนา สองอย า ง นั้ น เป น อย า งไรเล า ? เวทนา สอง อย า งนั้ น คื อ เวทนาที่ เ ป น ไปทางกาย และเวทนาที่ เ ป น ไปทางใจ. ภิ ก ษุ ท.! เหลานี้ เรียกวา เวทนาสองอยาง ภิก ษ ุ ท .! เว ท น า ส า ม อ ยา ง นั ้น เปน อ ยา ง ไรเลา ? เว ท น า สามอยางนั้น คือ สุขเวทนา (ความรูสึกอันเปนสุข) ทุกขเวทนา (ความรูสึกอัน
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๑๗๗
เปน ทุก ข) และอทุก ขมสุข เวทนา (ความรู ส ึก ก็ย ัง ไมอ าจกลา วไดว า เปน ทุก ขห รือ สุข ).
ภิกษุ ท.! เหลานี้ เรียกวา เวทนาสามอยาง. ภิก ษุ ท.! เวทนา หา อยา ง นั ้น เปน อยา งไรเลา ? เวทนา หา อย า งนั้ น คื อ อิ น ทรี ย คื อ สุ ข อิ น ทรี ย คื อ ทุ ก ข อิ น ทรี ย คื อ โสมนั ส อิ น ทรี ย คื อ โท ม นั ส แ ล ะ อิ น ท รี ย ค ื อ อุ เ บ ก ข า . ภิ ก ษุ ท .! เห ล า นี ้ เรี ย ก ว า เวท น า หาอยาง. ภิก ษุ ท.! เวทนา หกอยา ง นั ้น เปน อยา งไรเลา ? เวทนา หก อยา งนั ้น คือ เวทนา อัน เกิด แตส ัม ผัส ทางตา, เวทนา อัน เกิด แตส ัม ผัส ทาง หู, เวทนา อัน เกิด แตส ัม ผัส ทางจมูก , เวทนา อัน เกิด แตส ัม ผัส ทางลิ ้น , เวทนา อั น เกิ ด แต สั ม ผั ส ทางกาย, และเวทนา อั น เกิ ด แต สั ม ผั ส ทางใจ. ภิ ก ษุ ท.! เหลานี้ เรียกวา เวทนาหกอยาง. ภิก ษุ ท.! เวทนา สิบ แปดอยา ง นั ้น เปน อยา งไรเลา ? เวทนา สิ บ แปดอย า งนั้ น คื อ ความรู สึ ก ของจิ ต ที่ มั่ ว สุ ม อยู ด ว ยโสมนั ส หกอย า ง, ความ รู สึ ก ของจิ ต ที่ มั่ ว สุ ม อยู ด ว ยโทมนั ส หกอย า ง, และความรู สึ ก ของจิ ต ที่ มั่ ว สุ ม อยู ดวยอุเบกขาหกอยาง. ภิกษุ ท.! เหลานี้ เรียกวา เวทนาสิบแปดอยาง.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! เวทนา สามสิ บ หกอย า ง นั้ น เป น อย างไรเล า ? เวทนา สามสิ บ หกอย า งนั้ น คื อ โสมนั ส เวทนาที่ เนื่ อ งด ว ยเหย า เรื อ น (กามคุ ณ ๕) หก อยา ง, โสมนัส เวทนาที ่เ นื ่อ งดว ยการหลีก ออกจากเหยา เรือ น (ไมเ กี ่ย วดว ย กามคุณ ๕) หกอยาง, โทมนัสเวทนาที่เนื่องดวยเหยาเรือนหกอยาง, โทมนัส-
๑๗๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
เวทนาที่ เ นื่ อ งด ว ยการหลี ก ออกจาเหย า เรื อ นหกอย า ง, อุ เ บกขาเวทนาที่ เ นื่ อ ง ด ว ยเหย า เรื อ นหกอย า ง, และอุ เบกขาเวทนาที่ เนื่ อ งด ว ยการหลี ก ออกจากเหย า เรือนหกอยาง. ภิกษุ ท.! เหลานี้ เรียกวา เวทนาสามสิบหกอยาง. ภิก ษุ ท.! เวทนา รอ ยแปดอยา ง นั ้น เปน อยา งไรเลา ? เวทนา ร อ ยแปดอย า งนั้ น คื อ เวทนาสามสิ บ หก (ดั ง ที่ ก ล า วแล ว ข า งต น ) ส ว นที่ เ ป น อดี ต , เวทนาสามสิ บ หกส ว นที่ เ ป น อนาคต, และเวทนาสามสิ บ หกส ว นที่ เ ป น ปจจุบัน. ภิกษุ ท.! เหลานี้ เรียกวา เวทนารอยแปดอยาง. ภิกษุ ท.! เหลานี้ ชื่อวาธรรมปริยาย ซึ่งมีปริยายรอยแปด แล. - สฬา. สํ. ๑๘/๒๘๖-๘/๔๓๐-๗.
"ธรรม" (คือเวทนา) เปนสิ่งที่บัญญัติไดหลายปริยาย (อันเปนเหตุใหหลงทุมเถียงกัน) ภิ ก ษุ ท.! เวทนาเรากล า วแล ว โดยปริ ย ายแม ส องอย า ง, โดย ปริยายแมสามอยาง, โดยปริยายแมหาอยาง, โดยปริยายแมหกอยาง, โดย ปริยายแมสิบแปดอยาง, โดยปริยายแมสามสิบหกอยาง, โดยปริยายแมรอย แปดอยาง.
www.buddhadasa.info ภ ิก ษ ุ ท .! โด ย ป ริย าย อ ยา งนี ้ ที ่เ ราแส ด งธรรม . เมื ่อ เราแส ด ง ธรรมอยู โ ดยปริย ายอยา งนี ้, ชนเหลา ใด จัก ไมสํ า คัญ รว ม จัก ไมรู ร ว ม จัก ไมพอใจรวม แกกันและกัน วาเปนธรรมที่เรากลาวดีแลว พูดไวดีแลว; เมื่อ
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๑๗๙
เปน อยา งนี ้ สิ ่ง ที ่เ ขาหวัง ได ก็ค ือ จัก บาดหมางกัน ทะเลาะกัน วิว าทกัน ทิ่มแทงกันและกันดวยหอกปาก อยู. ภิ ก ษุ ท.! โดยป ริ ย ายอย า งนั้ น ที่ เ ราแสดงธรรม . เมื่ อ เราแสดง ธรรมอยู โ ดยปริ ย ายอย า งนั้ น , ชนเหล า ใด จั ก สํ า คั ญ ร ว ม จั ก รู ร ว ม จั ก พอใจ รว ม แกก ัน แล ะกัน วา เปน ธรรม ที ่เ รากลา วดีแ ลว พูด ไวด ีแ ลว ; เมื ่อ เปน อย า งนี ้ สิ ่ง ที ่เ ขาหวัง ได ก็ค ือ จัก พรอ มเพรีย งกัน บัน เทิง ตอ กัน ไมว ิว าทกัน เขากันไดเหมือนน้ํานมกับน้ํา มองกันและกันดวยสายตาอันเปนที่รักอยู, ดังนี้แล. - สฬา. สํ. ๑๘/๒๘๓/๔๒๕.
เวทนามีธรรมดาไมเที่ยง อั ค คิ เวสสนะ ! เวทนามี ส ามอย า งเหล า นี้ . สามอย า งเหล า ไหนเล า ? สามอยางคือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา และอทุกขมสุขเวทนา.
www.buddhadasa.info อั ค คิ เวสสนะ ! สมั ย ใด เสวยสุ ข เวทนาอยู สมั ย นั้ น ไม ได เสวยทุ ก ขเวทนา และไมไดเสวยอทุกขมสุขเวทนา สมัยนั้น เสวยแตสุขเวทนาอยางเดียว.
อั ค คิเ ว ส ส น ะ ! ส ม ัย ใด เส ว ย ท ุก ข เว ท น า อ ยู ส มัย นั ้น ไมไ ด เส ว ย ส ุข เว ท น า แ ล ะ ไม ไ ด เ ส ว ย อ ท ุก ข ม ส ุข เว ท น า ส ม ัย นั ้น เส ว ย แ ต ทุกขเวทนาอยางเดียว.
๑๘๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
อัค คิเ วสสนะ ! สมัย ใด เสวยอทุก ขมสุข เวทนาอยู สมัย นั้น ไมไดเสวยสุขเวทนา และไมไดเสวยทุกขเวทนา สมัยนั้น เสวยแตอ ทุกขมสุขเวทนาอยางเดียว. อัคคิเวสสนะ ! สุขเวทนา เปนของไมเที่ยง อันปจัยปรุงแตงแลว อาศัยเหตุเกิดขึ้นแลว มีความสิ้นไปเปนธรรมดา มีความเสื่อมไปเปนธรรมดา มีความจางคลายไปเปนธรรมดา มีความดับเปนธรรมดา. อัคคิเวสสนะ ! แม ทุกขเวทนา ก็เปนของไมเที่ยง อันปจจัยปรุงแตงแลว อาศัยเหตุเกิดขึ้นแลว มีความสิ้นไปเปนธรรมดา มีความเสื่อมไปเปนธรรมดา มีความจางคลายไป เปน ธรรมดา มีค วามดับ เปน ธรรมดา. อัค คิเ วสสนะ ! แม อทุก ขมสุข เวทนา เลา ก็เปนของไมเที่ยง อันปจจัยปรุงแตงแลว อาศัยเหตุเกิดขึ้นแลว มี ความสิ้นไปเปนธรรมดา มีความเสื่อมไปเปนธรรมดา มีความจางคลายไปเปน ธรรมดา มีความดับเปนธรรมดา แล. - ม. ม. ๑๓/๒๖๗/๒๗๓.
www.buddhadasa.info เวทนามีธรรมดาแปรปรวน
ภิกษุ ท.! เวทนา อันเกิดแตสัมผัสทางตา เปนของไมเที่ยง มีความ แปรปรวน มีความเปนโดยอยางอื่นได;
ภิกษุ ท.! เวทนา อันเกิดแตสัมผัสทางหู เปนของไมเที่ยง มีความ แปรปรวน มีความเปนโดยอยางอื่นได;
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๑๘๑
ภิ ก ษุ ท .! เวท น า อั น เกิ ด แ ต สั ม ผั ส ท างจ มู ก เป น ข อ งไม เที่ ย ง มี ความแปรปรวน มีความเปนโดยอยางอื่นได; ภิกษุ ท.! เวทนา อันเกิดแตสัมผัสทางลิ้น เปนของไมเที่ยง มีความแปรปรวน มี ความเปนโดยอยางอื่นได; ภิ ก ษุ ท .! เวท น า อั น เกิ ด แ ต สั ม ผั ส ท างก าย เป น ข อ งไม เที่ ย ง มี ความแปรปรวน มีความเปนโดยอางอื่นได; ภิ ก ษุ ท .! เว ท น า อั น เกิ ด แ ต สั ม ผั ส ท า ง ใจ เป น ข อ ง ไม เที่ ย ง มี ความแปรปรวน มีความเปนโดยอยางอื่นไดแล - ขนฺธ. สํ ๑๗/๒๘๐/๔๗๓.
เวทนาเปนทุกข เปนลูกศร เปนของไมเที่ยง
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท .! เวท น า มี ส าม อ ย างเห ล านี้ . ส าม อ ย างเห ล าไห น เล า ? สามอยางคือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา และอทุกขมสุขเวทนา. ภิก ษุ ท.! สุข เวทนา พึง เห็น โดยความเปน ทุก ข, ทุก ขเวทนา พึง เห็น โดยความเปน ลูก ศร, อทุก ขมสุข เวทนา พึง เห็น โดยความเปน ของ ไมเที่ยง.
ภิ ก ษุ ท .! แ ต ก า ล ใด แ ล สุ ข เว ท น า เป น สิ่ งที่ ภิ ก ษุ เห็ น แ ล ว โด ย ความเปนทุกข, ทุกขเวทนา เปนสิ่งที่ภิกษุเห็นแลว โดยความเปนลูกศร,
๑๘๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
อทุก ขมสุข เวทนา เปน สิ ่ง ที ่ภ ิก ษุเ ห็น แลว โดยความเปน ของไมเ ที ่ย ง; ภิก ษุ ท.! แตก าลนั ้น ภิก ษุนี ้เ ราเรีย กวา "ผู เ ห็น โดยถูก ตอ ง (สมฺม ทฺท โส) ได ตัดตัณ หาเสีย แลว รื้อ ถอนสัญ โญชนไดแลว ไดกระทําที่สุด แหงทุกขเพราะ รูจักหนาตาของมานะอยางถูกตองแลว." - สฬา. สํ. ๑๘/๒๕๖/๓๖๗.
เวทนาทุกชนิดสรุปลงในความหมายวา "ทุกข" ภิกษุองคหนึ่งกราบทูลวา :-
"ขาแต พระองค ผู เจริญ ! เมื่ อข าพระองค หลี กออกเรน อยู ได เกิ ดการใครครวญ ขึ้ นในใจว า 'พระผู มี พระภาคได ตรัสเวทนาไว ๓ อย าง คื อสุ ขเวทนา ทุ กขเวทนา อทุ กขมสุ ขเวทนา. ก็ พ ระผู มี พ ระภาคเจ าได ตรั สคํ านี้ ไว ว า 'เวทนาใด ๆ ก็ ตาม เวทนานั้ น ๆ ประมวลลงในความทุ ก ข ' ดั งนี้ ' ข อ ที่ พ ระองค ต รั ส ว า 'เวทนาใด ๆ ก็ ต าม เวทนา นั้น ๆ ประมวลลงในความทุกข' ดังนี้ ทรงหมายถึงอะไรหนอ ?" ภิ ก ษุ ! ดีแ ลว ดีแ ลว . เรากลา วเวทนาไว ๓ อยา ง เหลา นี ้ค ือ สุข เวทนา ทุก ขเวทนา อทุก ขมสุข เวทนา จริง ; และยัง ไดก ลา วา "เวทนา ใด ๆ ก็ตาม เวทนานั้ น ๆ ประมวลลงในความทุ กข ". ขอ นี้เรากลาวหมายถึง ความเป น ของไม เที่ ย งแห งสั ง ขารทั้ งหลายนั่ น เอง, และเรายั ง กล า วหมายถึ ง ความ เป น ของสิ้ น ไปเป น ธรรมดา ความเป น ของเสื่ อ มไปเป น ธรรมดา ความเป น ของ จางคลายไปเป น ธรรมดา ความเป น ของดั บ ไม เหลื อ เป น ธรรมดา ความเป น ของ แปรปรวนเปน ธรรมดา ของสัง ขารทั ้ง หลายนั ่น แหละ ที ่ไ ดก ลา ววา "เวทนา ใด ๆ ก็ตาม เวทนานั้น ๆ ประมวลลงในความทุกข" ดังนี้.
www.buddhadasa.info - สฬา. สํ. ๑๘/๒๖๘/๓๙๑.
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๑๘๓
เวทนาเปนทางมาแหงอนุสัย ภิ ก ษุ ท.! อาศั ย ตากั บ รู ป เกิ ด จั ก ขุ วิ ญ ญ าณ (ความรู แ จ ง ทางตา) ขึ้ น , อาศัย หูก ับ เสีย ง เกิด โส ตวิญ ญ าณ (ค วาม รู แ จง ท างหู) ขึ ้น , อาศัย จมูก กับ กลิ ่น เกิด ฆานวิญ ญ าณ (ความรู แ จง ทางจมูก ) ขึ ้น , อาศัย ลิ ้น กับ รส เกิด ชิว หาวิญ ญ าณ (ความรู แ จง ทางลิ ้น ) ขึ ้น , อาศัย กายกับ โผฏฐัพ พะ เกิด กายวิ ญ ญาณ (ความรู แ จ ง ทางกาย) ขึ้ น และอาศั ย ใจกั บ ธรรมารมณ เกิ ด มโนวิ ญ ญาณ (ความรู แ จ ง ทางใจ) ขึ้ น ; ความประจวบกั น แห ง สิ่ ง ทั้ ง สาม (เช น ตา รู ป จัก ขุว ิญ ญ าณ เปน ตน แตล ะหมวด) นั ้น ชื ่อ วา ผัส สะ เพราะผัส สะเปน ปจ จัย จึง เกิด มีเ วทนา อัน เปน สุข บา ง ทุก ขบ า ง ไมท ุก ขไ มส ุข บา . บุค คลนั ้น เมื ่อ สุข เวทนา ถูก ตอ งแลว ยอ มเพลิด เพลิน ยอ มพร่ํ า สรรเสริญ เมาหมกอยู , อนุส ัย คือ ราคะ ยอ มนอนเนือ งอยู ใ นสัน ดานของบุค คลนั ้น . เมื ่อ ทุก ขเวทนา ถูก ตอ งแลว ยอ มเศรา โศก ยอ มระทมใจ คร่ํ า ครวญ ตีอ กร่ํ า ไห ถึง ความ หลงใหลอยู , อนุส ัย คือ ปฏิฆ ะ ยอ มนอนเนื ่อ งอยู ใ นสัน ดานของบุค คลนั ้น . เมื่ อ เวทนาอั น ไม ทุ ก ข ไ ม สุ ข ถู ก ต อ งแล ว ย อ มไม รูต ามเป น จริง ซึ่ ง เหตุ ให เกิ ด เวทนานั้ น ด ว ย ซึ่ ง ความดั บ แห ง เวทนานั้ น ด ว ย ซึ่ ง อั ส สาทะ (รสอร อ ย) ของ เวทนานั้ น ด ว ย ซึ่ ง อาที น พ (โทษ) ของเวทนานั้ น ด ว ย ซึ่ ง นิ ส สรณะ (อุ บ ายเครื่ อ ง ออกพน ) ของเวทนานั ้น ดว ย, อนุส ัย คือ อวิช ชา ยอ มนอนเนื ่อ งอยู ใ นสัน ดาน ของบุคคลนั้น.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลนั้ น หนอ ยั ง ละอนุ สั ย คื อ ราคะในเพราะสุ ข เวทนา ไมไ ด, ยัง บรรเทาอนุส ัย คือ ปฏิฆ ะในเพราะทุก ขเวทนาไมไ ด, ยัง ถอนอนุส ัย คืออวิชชาในเพราะอทุกขมสุขเวทนาไมได, ยังละอวิชชาไมได และยังทํา
๑๘๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
วิช ชาใหเ กิด ขึ ้น ไมไ ดแ ลว จัก ทํ า ที ่ส ุด แหง ทุก ข ใหท ิฏ ฐธรรม (ปจ จุบ ัน ) นี้ ดังนี้ : ขอนี้ไมใชฐานะที่จักมีไดเลย. - อุปริ. ม. ๑๔/๕๑๖/๘๒๒.
อัสสาทะชั้นเลิศของเวทนา ภิ ก ษุ ท.! อั ส าทะ (รสอร อ ย) ของเวทนาทั้ ง หลาย เป น อย า งไร เลา ? ภิก ษุ ท.! ภิก ษุใ นกรณีนี ้ เพราะสงัด จากกามและสงัด จาอกุศ ลธรรม ทั้ ง หลาย ย อ มบรรลุ ฌ านที่ ห นึ่ ง ซึ่ ง มี วิ ต กวิ จ าร มี ป ติ แ ละสุ ข อั น เกิ ด แต วิ เ วก แล ว แลอยู . ภิ ก ษุ ท.! ในสมั ย ใด ภิ ก ษุ . เพราะสงั ด จากกามและสงั ด จาก อกุ ศ ลธรรมทั้ ง หลาย ย อ ม บรรลุ ฌ านที่ ห นึ่ ง ซึ่ ง มี วิ ต กวิ จ าร มี ป ติ แ ละสุ ข อั น เกิ ด แต วิ เวก แล ว แลอยู , ในสมั ย นั้ น เธอย อ มไม คิ ด แม ใ นทางที่ จ ะให เกิ ด ความ เดื อ ดร อ นแก ต นเอง, ย อ มไม คิ ด แม ใ นทางที่ จ ะให เ กิ ด ความเดื อ ดร อ นแก ผู อื่ น , และย อ มไม คิ ด แม ในทางที่ จะให เกิ ด ความเดื อ ดร อนแก ตนเองและผู อื่ น ทั้ งสองฝ าย. ในสมัย นั ้น เธอยอ มเสวยเวทนา อัน ไมทํ า ความเดือ ดรอ นแตอ ยา งใดเลย. ภิ ก ษุ ท.! เรากล า ว อั ส สาทะ (รสอร อ ย) ของเวทนาทั้ ง หลาย ว า มี ก ารไม ทํ า ความเดือดรอนแกผูใดเปนอยางยิ่ง.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! ข อ อื่ น ยั ง มี อี ก , ภิ ก ษุ , เพราะสงบวิ ต กวิ จ ารเสี ย ได ย อ ม บรรลุฌ านที ่ส อง อัน เปน เครื ่อ งผอ งใสในภายใน นํ า ใหเ กิด สมาธิม ีอ ารมณ อั น เดี ย วแห ง ใจ ไม มี วิ ต กวิ จ าร มี แ ต ป ติ แ ละสุ ข อั น เกิ ด แต ส มาธิ แล ว แลอยู ภิก ษุ ท.! ในสมัย ใด, ภิก ษุ, เพราะสงบวิต กวิจ ารเสีย ได ยอ มบรรลุฌ าน ที่สอง อันเปนเครื่องผองใสในภายใน นําใหเกิดสมาธิมีอารมณอันเดียวแหงใจ
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๑๘๕
ไมม ีว ิต กวิจ าร มีแ ตป ต ิแ ล ะสุข อัน เกิด แตส ม าธิ แลว แล อ ยู , ใน ส มัย นั ้น เธอ ย อ มไม คิ ด แม ใ นทางที่ จ ะให เกิ ด ความเดื อ ดร อ นแก ต นเอง, ย อ มไม คิ ด แม ใ น ทางที่ จ ะให เ กิ ด ความเดื อ ดร อ นแก ผู อื่ น , และย อ มไม คิ ด แม ใ นทางที่ จ ะให เ กิ ด ค วาม เด ือ ด รอ น แ ก ต น เอ งแ ล ะ ผู อื ่น ทั ้ส อ งฝ า ย . ส ม ัย นั ้น เธ อ ยอ ม เส วย เวทนาอั น ไม ทํ า ความเดื อ ดร อ นแต อ ย า งใดเลย. ภิ ก ษุ ท.! เรากล า ว อั ส สาทะ (รสอรอย) ของเวทนาทั้งหลาย วา มีการไมทําความเดือดรอนแกผูใดเปนอยางยิ่ง. ภิ ก ษุ ท.! ข อ อื่ น ยั ง มี อี ก , ภิ ก ษุ , เพราะความจางคลายไปแห ง ป ติ เป น ผู อ ยู อุ เบกขา มี ส ติ สั ม ปชั ญ ญะ เสวยสุ ข ด ว ยนามกาย ย อ ม บรรลุ ฌ านที่ สาม อั น เป น ฌานที่ พ ระอริ ย เจ า ทั้ ง หลายกล า วว า "ผู ไ ด บ รรลุ ฌ านนี้ เป น ผู อ ยู อุ เ บ ก ข า ม ี ส ติ อ ยู เ ป น ป ร ก ต ิ ส ุ ข " ด ั ง นี ้ แ ล ว แ ล อ ยู . ภ ิ ก ษ ุ ท .! ใ น สมั ย ใด ภิ ก ษุ . เพราะความจางคลายไปแห ป ติ เป น ผู อ ยู อุ เ บกขา มี ส ติ สั ม ปชั ญ ญะ เสวยสุ ข ด ว ยนามกาย ย อ มบรรลุ ฌ านที่ ส าม อั น เป น ฌานที่ พ ระอริ ย เจ า ทั้ ง หลายกล า วว า "ผู ไ ด บ รรลุ ฌ านนี้ เป น ผู อ ยู อุ เบกขา มี ส ติ อยู เป น ปรกติ สุ ข " ดั ง นี้ แล ว แลอยู . ในสมั ย นั้ น เธอ ย อ มไม คิ ด แม ใ นทางที่ จ ะให เ กิ ด ความ เดื อ ดร อ นแก ต นเอง, ย อ มไม คิ ด แม ใ นทางที่ จ ะให เ กิ ด ความเดื อ ดร อ นแก ผู อื่ น , และย อ มไม คิ ด แม ใ นทางที่ จ ะให เกิ ด ความเดื อ ดร อ นแก ต นเองและผู อื่ น ทั้ ง สอง ฝ าย. ในสมั ย นั้ น เธอ ย อ มเสวยเวทนา อั น ไม ทํ า ความเดื อ ดร อ นแต อ ย างใดเลย. ภิ ก ษุ ท.! เรากล า ว อั ส สาทะ (รสอร อ ย) ของเวทนาทั้ ง หลาย ว า มี ก ารไม ทํ า ความเดือดรอนแกผูใดเปนอยางยิ่ง.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! ขอ อื ่น ยัง มีอ ีก , ภิก ษุ, เพราะละสุข เสีย ได และเพราะ ละทุกขเสียได, เพราะความดับหายไปแหงโสมนัสและโทมนัสในกาลกอน,
๑๘๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ย อ ม บรรลุ ฌ านที่ สี่ อั น ไม ทุ ก ข ไ ม สุ ข มี แ ต ค วามที่ ส ติ เ ป น ธรรมชาติ บ ริ สุ ท ธิ์ เพราะอุเ บกขา แลว แลอยู . ภิก ษุ ท.! ในสมัย ใด ภิก ษุ, เพราะละสุข เสีย ได และเพราะละทุก ขเ สีย ได, bn เพราะความดับ หายไปแหง โสมนัส และ โทมนัส ในกาลกอ น, ยอ มบรรลุฌ านที ่สี ่ อัน ไมท ุก ขไ มส ุข มีแ ตค วามที ่ส ติ เปน ธรรมชาติบ ริส ุท ธิ์เ พราะอุเ บกขา แลว แลอยู . ในสมัย นั ้น เธอ ยอ มไมค ิด แมใ นทางที ่จ ะใหเ กิด ความเดือ ดรอ นแกต นเอง, ยอ มไมค ิด แมใ นทางที ่จ ะ ใหเ กิด ความเดือ ดรอ นแกผู อื ่น , และยอ มไมค ิด แมใ นทางที ่จ ะใหเ กิด ความ เดือ ดรอ นแกต นเองและผู อื ่น ทั ้ง สองฝา ย. ในสมัย นั ้น เธอ ยอ มเสวยเวทนา อัน ไมทํ า ความเดือ ดรอ นแตอ ยา งใดเลย. ภิก ษุ ท.! เรากลา ว อัส สาทะ (รสอรอ ย) ของเวทนาทั้ งหลาย ว า มี ก ารไม ทํ า ความเดื อ ดร อ นแก ผู ใดเป น อย า งยิ่ ง แล. - มู. ม. ๑๒/๑๗๖/๒๐๕.
เวทนาคือทางไปแหงจิตของสัตว
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! คํ า ที่ เรากล า วว า "พึ งรู จั ก ทางไป (แห ง จิ ต ) ของสั ต ว ๓๖ อยา ง" ดัง นี ้นั ้น , ขอ นั ้น เรากลา วอาศัย หลัก เกณ ฑอ ะไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ข อนั้ น เรากล าวอาศั ยหลั กเกณฑ คื อ ความโสมนั สเนื่ อ งด วยเหย าเรือ น ๖ อย าง, ความโสมนั ส เนื่ อ งด ว ยการหลี ก ออกจากเหย า เรื อ น ๖ อย า ง, ความโทมนั ส เนื่ องด วยเหย าเรือน ๖ อย าง, ความโทมนั สเนื่ องด วยการหลี กออกจากเหย าเรือน ๖ อย า ง, อุ เบกขาเนื่ อ งด ว ยเหย า เรื อ น ๖ อย า ง, อุ เบกขาเนื่ อ งด ว ยการหลี ก ออกจากเหยาเรือน ๖ อยาง.
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๑๘๗
ภิ ก ษุ ท.! ในเวทนาทั้ ง หลายเหล า นั้ น , ความโสมนั ส เนื่ อ งด ว ย เหยา เรือ น ๖ อยา ง เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! เมื ่อ คนเรามองเห็น การได ซึ่ ง รู ป อั น น า ปรารถนา น า รั ก ใคร น า พอใจ น า รื่ น รมย ใ จ อั น เนื่ อ งในความ เป น เหยื่ อ โลก ในทางตา ว า เป น สิ่ ง ที่ ต นกํ า ลั ง ได อ ยู ก็ ต าม, หรื อ ว า เมื่ อ ระลึ ก ถึ ง รู ป เช น นั้ น อั น ตนเคยได แ ล ว แต ก าลก อ น ซึ่ ง ล ว งแล ว ดั บ สิ้ น แปรปรวนไป แลว ก็ต าม แลว เกิด ค วาม โส ม นัส ขึ ้น . ค วาม โส ม นัส ใด มีล ัก ษ ณ ะเชน นี้ ความโสมนัส นี ้ เรีย กวา ความโสมนัส เนื ่อ งดว ยเหยา เรือ น (เคหสิต โสมนัส ). (ในกรณี ที่ เ กี่ ย วกั บ เสี ย ง กลิ่ น รส โผฏฐั พ พะ และธรรมารมณ อี ก ๕ อย า ง ก็ ต รั ส ทํ า นอง เดีย ว กับ ขอ วา รูป ผิด กัน แ ตชื ่อ เท า นั ้น ). ภ ิก ษ ุ ท .! เห ลา นี ้ค ือ ค วาม โส ม น ัส
เนื่องดวยเหยาเรือน ๖ อยาง. ภิก ษุ ท.! ในเวทนาทั ้ง หลายเหลา นั ้น , ความโสมนัส เนื ่อ งดว ย การหลีก ออกจากเหยา เรือ น ๖ อยา ง เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! เมื ่อ คน เรารู แจ งถึ งความเป นของไม เที่ ยงของรู ปทั้ งหลาย ความแปรปรวน ความจางคลายความกํ า หนั ด ยิ น ดี และความดั บ ไม เหลื อ ของรู ป ทั้ ง หลาย เห็ น อยู ด ว ยป ญ ญาอั น ชอบ ตรงตามที่ เป น จริ ง อย า งนี้ ว า "รู ป ทั้ ง หลาย ในกาลก อ นหรื อ ในบั ด นี้ ก็ ต าม รู ป ทั้ ง หมดเหล า นั้ น เป น ของไม เที่ ย ง เป น ทุ ก ข มี ค วามแปรปรวนเป น ธรรมดา" ดัง นี ้ แลว เกิด ความ โสม นัส ขึ ้น . ความ โส ม นัส ใด มีล ัก ษ ณ ะเชน นี ้ ค วาม โสมนั ส นี้ เรี ย กว า ความโสมนั ส เนื่ อ งด วยการหลี ก ออกจากเหย าเรื อ น ( เนกขั ม มสิ ต โสมนั ส ). (ในกรณี ที่ เกี่ ย วกั บ เสี ย ง กลิ่ น รส โผฏฐั พ พะ และธรรมารมณ อี ก ๕ อย า ง ก็ ต รั ส ทํ า นองเดี ย วกั บ ข อ ว า รู ป ผิ ด กั น แต ชื่ อ เท านั้ น ). ภิ กษุ ท.! เหล า นี้ คื อ ความ โสมนัสเนื่องดวยการหลีกออกจากเหยาเรือน ๖ อยาง.
www.buddhadasa.info
๑๘๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! ในเวทนาทั้ ง หลายเหล า นั้ น , ค วาม โท ม นั ส เนื่ อ งด วย เหยา เรือ น ๖ อยา ง เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! เมื ่อ คนเรามองเห็น การ ไมไ ด ซึ ่ง รูป อัน นา ป รารถน า นา รัก ใคร นา พ อใจ นา รื ่น รม ยใ จ อัน เนื ่อ ง ในความเป นเหยื่ อ โลกในทางตา ว า เป นสิ่ ง ที่ ต นไม ไ ด ก็ ต าม , หรื อ ว า เมื่ อ ระ ล ึก ถ ึง รูป เชน นั ้น อ ัน ต น ย ัง ไม เ ค ย ได แ ต ก าล ก อ น ซึ ่ง ล ว งล ับ ด ับ สิ ้น แปรปรวนไปแล ว ก็ ต าม แล ว เกิ ด ความโทมนั ส ขึ้ น . ความโทมนั ส ใดมี ลั ก ษณ ะ เช น นี้ ความโทมนั ส นี้ เรี ย กว า ความโทมนั ส เนื่ อ งด ว ยเหย า เรื อ น (เคหสิ ต โทมนัส ). (ในกรณ ีที ่เ กี ่ย วกับ เสีย ง กลิ ่น รส โผฏ ฐัพ พ ะ และธรรมารมณ อีก ๕ อยา ง ก็ ต รั ส ทํ าน อ งเดี ย วกั บ ข อ ว า รู ป ผิ ด กั น แต ชื่ อ เท านั้ น ). ภิ ก ษุ ท .! เห ล านี้ คื อ ค วาม โทมนัสเนื่องดวยเหยาเรือน ๖ อยาง. ภิก ษุ ท.! ในเวทนาทั ้ง หลายเหลา นั ้น , ความโท มนัส เนื ่อ งดว ย การหลีก ออกจากเหยา เรือ น ๖ อยา ง เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! เมื ่อ คน เรารู แจ งถึ งความเป น ของไม เที่ ย งของรู ป ทั้ งหลาย ความแปรปรวน ความจางคลายความกํ า หนั ด ยิ น ดี และความดั บ ไม เหลื อ ของรู ป ทั้ ง หลาย เห็ น อยู ด ว ยป ญ ญาอั น ชอบตรงตาที่ เ ป น จริ ง อย า งนี้ ว า "รู ป ทั้ ง หลาย ในกาลก อ นหรื อ ในบั ด นี้ ก็ ต าม รู ป ทั้ ง หมดเหล า นั้ น เป น ของไม เ ที่ ย ง เป น ทุ ก ข มี ค วามแปรปรวนเป น ธรรมดา" ดัง นี ้แ ลว เขา ยอ มเขา ไปตั ้ง ไว ซึ ่ง ความกระหยิ ่ม ในอนุต ตรวิโ มกขทั ้ง หลาย วา "เมื ่อ ไรห น อ ! เราจัก เขา ถึง อ าย ต น ะนั ้น แลว แล อ ยู อัน เปน อ าย ต น ะ ที่ พ ระอริ ย เจ า ทั้ ง หลาย เข า ถึ ง ซึ่ ง อายตนะนั้ น แล ว แลอยู ในบั ด นี้ " ดั ง นี้ . เมื่ อ เขาเข า ไปตั้ ง ไว ซึ่ ง ความกระหยิ่ ม ในอนุ ต ตรวิ โ มข ทั้ ง หลาย อยู ดั ง นี้ ย อ มเกิ ด ค วาม โท ม นั ส ขึ้ น เพ ราะค วาม กระห ยิ่ ม นั้ น เป น ป จจั ย . ค วาม โท ม นั ส ใด มี ลักษณะเชนนี้ ความโทมนัสนี้ เรียกวาความโทมนัสเนื่องดวยการหลีกออกจาก
www.buddhadasa.info
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๑๘๙
เห ยา เรือ น (เน ก ขัม ม สิต โท ม นัส ) (ใน ก รณ ีที ่เ กี ่ย วกับ เสีย ง ก ลิ ่น รส โผ ฏ ฐัพ พ และธรรมารมณ อี ก ๕ อย า ง ก็ ต รั ส ทํ า นองเดี ย วกั บ ข อ ว า รู ป ผิ ด กั น แต ชื่ อ เท า นั้ น ). ภิ ก ษุ ท.! เหลานี้คือ ความโทมนัสเนื่องดวยการหลีกออกจาเหยาเรือน ๖ อยาง. ภิ กษุ ท.! ในเวทนาทั้ งหลายเหล านั้ น, อุ เบกขาเนื่ อ งด วยเหย าเรื อ น (เคหสิ ตอุ เบกขา) ๖ อย าง เป นอยางไรเลา ? ภิ กษุ ท.! เพราะเห็นรูปดวยตาแล ว อุเ บกขาก็เ กิด ขึ ้น แกค นพาล ผู ห ลง ผู เ ขลา ผู บ ุถ ุช น ผู ย ัง ไมช นะกิเ ลส ผู ย ัง ไมช นะวิบ าก ผู ไ มเ ห็น โทษ ผู ไ มไ ดย ิน ไดฟ ง . อุเ บกขาใด ซึ ่ง เปน อุเ บกขา ของบุถ ุช น อุเ บกขานั ้น ไมอ าจจะเปน ไปลว ง ซึ ่ง วิส ัย แหง รูป เพราะเหตุนั ้น เราเรี ย กอุ เ บกขานั้ น ว า อุ เ บกขาเนื่ อ งด ว ยเหย า เรื อ น. (ในกรณี ที่ เ กี่ ย วกั บ เสี ย ง กลิ่ น รส โผฏฐั พ พะ และธรรมารมณ อี ก ๕ อย า ง ก็ ต รั ส ทํ า นองเดี ย วกั บ ข อ ว า รู ป ผิ ด กั น แต ชื่อเรียกเทานั้น). ภิกษุ ท.! เหลานี้คือ อุเบกขาเนื่องดวยเหยาเรือน ๖ อยาง.
ภิก ษุ ท.! ในเวทนาทั ้ง หลายเหลา นั ้น , อุเ บกขาเนื ่อ งดว ยการ หลีก ออกจาเหยา เรือ น ๖ อยา ง เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! เมื ่อ คนเรา รู แ จ ง ถึ ง ความเป น ของไม เที่ ย งขอรู ป ทั้ ง หลาย ความแปรปรวน ความจางคลายความกํ า หนดยิ น ดี และความดั บ ไม เหลื อ ของรู ป ทั้ งหลาย เห็ น อยู ด ว ยป ญ ญาอั น ชอบตรงตามที่ เป น จริ ง อย า งนี้ ว า "รู ป ทั้ ง หลาย ในกาลก อ น หรื อ ในบั ด นี้ ก็ ต าม รู ป ทั้ ง หมดเหล า นั้ น เป น ของไม เที่ ย ง เป น ทุ ก ข มี ค วามแปรปรวนเป น ธรรมดา" ดัง นี ้ แลว เกิด อุเ บ กขาขึ ้น . อุเ บ กขาใด มีล ัก ษ ณ ะเชน นี ้ อุเ บ กขานั ้น ไม อาจจะเป น ไป ล ว ง ซึ่ ง วิ สั ย แห ง รู ป เพ ราะเหตุ นั้ น เราเรี ย กอุ เ บกขานั้ น ว า อุเ บกขาเนื ่อ งดว ยการหลีก ออกจากเหยา เรือ น (เนกขัม มสิต อุเ บกขา). (ในกรณี
www.buddhadasa.info ที่เกี่ยวกับ เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ อีก ๕ อยาง ก็ตรัสทํานองเดียวกับ
๑๙๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ขอ วา รูป ผิด กัน แตชื ่อ เรีย กเทา นั ้น ). ภิก ษุ ท.! เหลา นี ้ค ือ อุเ บกขาเนื ่อ งดว ย
การหลีกออกจากเหยาเรือน ๖ อยางแล. ภิ ก ษุ ท.! คํ า ใดที่ เรากล า วว า "พึ ง รู จั ก ทางไป (แห ง จิ ต ) ของสั ต ว ๓๖ อยาง" ดังนี้นั้น, คํานั้น เรากลาวอาศัยความขอนี้แล. - อุปริ. ม. ๑๔/๔๐๒-๔๐๕/๖๒๔-๖๓๐.
การเกิดของเวทนา เทากับ การเกิดของทุกข ภิ ก ษุ ท.! การเกิ ด ขึ้ น การตั้ ง อยู การเกิ ด โดยยิ่ ง และความปรากฏ ของเวทนา อั น เกิ ด แต สั ม ผั ส ทางตา ทางหู ทางจมู ก ทางลิ้ น ทางกาย และ ทางใจ ใด ๆ นั่ น เท า กั บ เป น การเกิ ด ขึ้ น ของทุ ก ข เป น การตั้ ง อยู ข องสิ่ ง ซึ่ ง มี ปรกติเสียดแทงทั้งหลาย และเปนความปรากฏของชราและมรณะแล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๘๔/๔๘๗.
อาการเกิดดับแหงเวทนา
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! เวทนา ๓ อยา งเหลา นี ้ เกิด มาจากผัส สะ มีผ ัส สะ เป น มู ล มี ผั ส สะเป น เหตุ มี ผั ส สะเป น ป จ จั ย . สามอย า งเหล า ไหนเล า ? สาม อยางคือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา.
ภิกษุ ท.! เพราะ อาศัยผัสสอันเปนที่ตั้งแหงสุขเวทนา สุขเวทนา ยอมเกิดขึ้น; เพราะ ความดับแหงผัสสะอันเปนที่ตั้งแหงสุขเวทนานั้น สุข-
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๑๙๑
เวท น าอั น เกิ ด ขึ้ น เพ ราะอาศั ย ผั ส สะอั น เป น ที่ ตั้ ง แห ง สุ ข เวทนานั้ น ย อ ม ดั บ ไป ยอมระงับไป. (ในกรณี แห ง ทุ ก ขเวทนา และ อทุ ก ขมสุ ข เวทนา ก็ ไ ด ต รั ส ไว ด ว ยถ อ ยคํ า มี นั ย ะ อยางเดียวกัน).
ภิ กษุ ท .! เป รี ย บ เห มื อน เมื่ อไม สี ไ ฟ ส อ งอั น สี กั น ก็ เ กิ ด ค วาม ร อ น แล ะเกิ ด ไฟ , เมื่ อไม สี ไ ฟ ส อ งอั น แยกกั น ค วาม ร อ น ก็ ดั บ ไฟ สงบ ไป . ภิ กษุ ท .! ฉั น ใดก็ ฉั น นั้ น : เวท น าทั้ งส าม นี้ ซึ่ ง เกิ ด จากผั ส สะ มี ผั ส สะเป นมู ล มี ผั ส ส ะ เป น เห ตุ มี ผั ส ส ะเป น ป จจั ย อ าศั ย ผั ส ส ะแล วย อ ม เกิ ด ขึ้ น , ย อ ม ดั บ ไป เพ ราะ ผัสสะดับ, ดังนี้แล. - สฬา, สํ. ๑๘/๒๖๖/๓๘๙-๓๙๐.
ขอความกําหนดเกี่ยวกับ เวทนา ภิ ก ษุ ท .! สุ ข โส ม นั ส ใ ด ๆ ที่ อ า ศั ย เว ท น า แ ล ว เกิ ด ขึ้ น , สุ ข โส ม น ัส นี ้แ ล เป น ร ส อ รอ ย (อ ัส ส า ท ะ ) ข อ งเว ท น า ; เว ท น า ไม เ ที ่ย ง เป น ทุ กข มี ค วาม แป รป รวน เป น ธรรม ดา ด วยอาการใด ๆ, อาการนี้ แล เป น โท ษ (อ าทีน พ ) ขอ งเวท น า; ก ารนํ า อ อ ก เสีย ได ซึ ่ง ค วาม กํ า ห นัด ดว ย อํ า น าจค วาม พ อ ใจ ใน เวท น า ก ารล ะ เสี ย ได ซึ่ งค วาม กํ าห นั ด ด วย อํ าน าจ ค วาม พ อ ใจ ใน เวท น า ด วย อุ บ าย ใด ๆ , อุ บ าย นี้ แ ล เป น เค รื่ อ งอ อ ก พ น ไป ได (นิ ส ส รณ ะ ) จากเวทนา.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๕/๕๙.
๑๙๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
เวทนาขันธโดยนัยแหงอริยสัจสี่ ภิก ษุ ท.! เวท น า เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! หมู แ หง เวทนา หกเหลา นี ้ คือ เวทนา อัน เกิด แตส ัม ผัส ทางตา, เวทนา อัน เกิด แตส ัม ผัส ทางหู , เวทนา อั น เกิ ด แต สั ม ผั ส ทางจมู ก , เวทนา อั น เกิ ด แต สั ม ผั ส ทางลิ้ น , เวทนาอั น เกิ ด แต สั ม ผั ส ทางกาย, และเวทนา อั น เกิ ด แต สั ม ผั ส ทางใจ : ภิ ก ษุ ท.! นี ้ เรีย กวา เวทนา; ความเกิด ขึ ้น แหง เวทนา มีไ ด เพราะความเกิด ขึ ้น แหง ผัส สะ; ความดับ ไมเ หลือ แหง เวทนา มีไ ด เพราะความดับ ไมเ หลือ แห ง ผั ส สะ; อริ ย มรรคมี อ งค ๘ นี้ นั่ น เอง เป น ทางดํ า เนิ น ให ถึ ง ความดั บ ไม เหลือ แหง เวทนา, ไดแ ก ความเห็น ชอบ ความดํ า ริช อบ; การพูด จาชอบ การทํ า การงานชอบ การเลี ้ย งชีว ิต ชอบ; ความพากเพีย รชอบ ความระลึก ชอบ ความตั้งใจมั่นชอบ. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๗๓/๑๑๔.
ประมวลสิ่งที่ตองรูเกี่ยวกับเวทนา
www.buddhadasa.info พระอานนทไดกราบทูลถามวา :-
"ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! เวทนา เป นอย างไรหนอ ? ความเกิ ดขึ้ นแห งเวทนา เป น อย างไร? ความดั บ ไม เหลื อแห งเวทนา เป น อย างไร? ปฏิ ป ทาเครื่ องให ถึ งความดั บ ไม เ หลื อ แห ง เวทนา เป น อย า งไร ? อะไรเป น รสอร อ ยของเวทนา? อะไรเป น โทษ เลวทรามของเวทนา ? อะไรเปนอุบายเครื่องออกจากเวทนา ?"
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๑๙๓
อ าน น ท ! เวท น า มี ๓ อ ยา ง คือ สุข เว ท น า ท ุก ข เว ท น า อทุ ก ขม สุ ข เวทนา; อานนท ! นี้ เราเรี ย กว า เวทนา. ความเกิ ด ขึ้ น แห ง เวทนา ย อ มมี เพราะความเกิ ด ขึ้ น แห งผั ส สะ, ความดั บ ไม เหลื อ แห งเวทนา ย อ มมี เพราะ ความดับไมเหลือแหงผัสสะ. มรรคอันประเสริฐประกอบดวยองคแปดประการ นี้ เอง เป น ปฏิ ป ทาเครื่ อ งให ถึ ง ความดั บ ไม เหลื อ แห ง เวทนา. ได แ ก สั ม มาทิ ฏ ฐิ สั ม มาสั ง กั ป ปะ สั ม มาวาจา สั ม มากั ม มั น ตะ สั ม มาอาชี ว ะ สั ม มาวายามะ สั ม มาสติ สัม มาสมาธิ สุข โสมนัส อัน ใดเกิด ขึ ้น เพราะอาศัย เวทนา นั ้น คือ รสอรอยของเวทนา. เวทนา ไมเที่ยง เปนทุกข มีความแปรปรวนเปนธรรมดา นั้นคือโทษเลวทรามของเวทนา. การกําจัด การละเสีย ซึ่งฉัน ทราคะในเวทนา นั้นคืออุบายเปนเครื่องออกจากเวทนา. - สฬา. สํ. ๑๘/๒๗๒/๓๙๙.
๓. วิภาคแหงสัญญขันธ
สัญญาหก
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! สัญ ญ า เปน อยา งไรเลา ? หมู แ หง สัญ ญ าหกเหลา นี้ คือ สัญ ญาในรูป , สัญ ญาในเสีย ง, สัญ ญาในกลิ ่น , สัญ ญาในรส, สัญ ญ า ในโผฏฐัพพะ, และสัญญาในธรรมารมณ. ภิกษุ ท.! นี้ เรียกวา สัญญา. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๗๔/๑๑๕.
ความหมายของคําวา "สัญญา" ภิ ก ษุ ท.! คนทั่ ว ไป กล า วกั น ว า "สั ญ ญา" เพราะอาศั ย ความหมาย อะไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! เพราะกิ ริ ย าที่ ห มายรู ไ ด พ ร อ ม มี อ ยู ในสิ่ ง นั้ น
๑๙๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
(เช น นี ้แ ล ) ด ัง นั ้น สิ ่ง นั ้น จ ึง ถ ูก เรีย ก ว า ส ัญ ญ า . สิ ่ง นั ้น ย อ ม ห ม า ย รู ไ ด พ รอ ม ซึ ่ง อ ะไร ? สิ ่ง นั ้น ยอ ม ห ม าย รู ไ ดพ รอ ม ซึ ่ง สีเ ขีย วบ า ง, ยอ ม ห ม าย รู ได พ รอ ม ซึ ่ง ส ีเ ห ล ือ งบ า ง , ย อ ม ห ม า ย รู ไ ด พ รอ ม ซึ ่ง ส ีแ ด ง บ า ง , แ ล ะ ย อ ม ห ม า ย รู ไ ด พ รอ ม ซึ ่ง ส ีข า ว บ า ง (ด ัง นี ้เ ป น ต น ). ภ ิก ษ ุ ท .! เพ ร า ะ ก ิร ิย า ที่ ห ม า ย รู ไ ด พ ร อ ม มี อ ยู ใน สิ่ ง นั้ น (เช น นี้ แ ล ) ดั ง นั้ น สิ่ ง นั้ น จึ ง ถู ก เรี ย ก ว า สัญญา. - ขนฺธฺ. สํ. ๑๗/๑๐๕/๑๕๙.
อุปมาแหงสัญญา ภิ ก ษุ ท .! เมื่ อ เดื อ น ท าย แ ห งฤ ดู ร อ น ยั งเห ลื อ ยู , ใน เวล าเที่ ย งวั น พ ย ับ แ ด ด ยอ ม ไห ว ยิบ ยับ . บ ุร ุษ ผู ม ีจ ัก ษ ุ (ต า ม ป ก ต ิ) เห็น พ ยับ แ ด ด นั ้น ก็ เพ งพิ นิ จพิ จารณ าโดยแยบ คาย . เมื่ อบุ คคลนั้ นเห็ นอยู เพ งพิ นิ จพิ จารณ าโดย แยบคายอยู , พยับ แดดนั ้น ยอ มปรากฏเปน ของว า งของเปล า และปรากฏ เป น ของห าแก น สารมิ ได ไป . ภิ กษุ ท.! ก็ แ ก น สารในพยั บ แ ด ด นั ้ น จ ะ พ ึ ง มี ไดอยางไร, อุปมานี้ฉันใด;
www.buddhadasa.info ภ ิก ษ ุ ท .! อ ุป ไม ย ก ็ฉ ัน นั ้น ค ือ ส ัญ ญ า ช น ิด ใด ช น ิด ห นึ ่ง ม ีอ ยู จะเป น อดี ต อนาคตหรื อ ป จจุ บั น ก็ ต าม เป นภ ายในหรื อ ภ ายนอกก็ ต าม หยาบ หรื อ ละเอี ย ดก็ ต าม เล วห รื อ ป ระณี ตก็ ต าม มี ใน ที่ ไ กลหรื อ ที่ ใกล ก็ ต าม ; ภิ กษุ สั ง เกตเห็ น (การบั ง เกิ ด ขึ้ น แห ง ) สั ญ ญานั้ น ย อ มเพ ง พิ นิ จ พิ จ ารณาโดยแยบคายเมื่อภิกษุนั้นสังเกตเห็นอยู เพงพินิจพิจารณาโดยแยบคายอยู, สัญญานั้นยอม
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๑๙๕
ปรากฏเปนของวางของเปลา และปรากฏเปนของหาแกนสารมิไดไป. ภิกษุ ท.! ก็แกนสารในสัญญานั้น จะพึงมีไดอยางไร. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๗๒/๒๔๔.
หลักที่ควรรูเกี่ยวกับ สัญญา ภิ ก ษุ ท.! ข อ ที่ เ รากล า วว า "พึ ง รู จั ก สั ญ ญ า, พึ ง รู จั ก เหตุ เ ป น แดน เกิ ด ของสั ญ ญ า, ถึ ง รู จั ก ความเป น ต า งกั น ของสั ญ ญ า, พึ ง รู จั ก ผลของสั ญ ญ า, พึ ง รู จั ก ความดั บ ไม เ หลื อ ของสั ญ ญ า, และพึ ง รู จั ก ทางดํ า เนิ น ให ถึ ง ความดั บ ไม เหลือของสัญญา" ดังนี้นั้น, เรากลาวหมายถึงอะไรเลา ? ภิ ก ษุ ท.! ข อ นั้ น เรากล า วหมายถึ ง สั ญ ญาหกเหล า นี้ คื อ สั ญ ญา ในรู ป สั ญ ญาในเสี ย ง สั ญ ญาในกลิ่ น สั ญ ญาในรส สั ญ ญาในโผฏฐั พ พะ และ สัญญาในธรรมารมณ.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! เหตุเ ปน แดนเกิด ของสัญ ญ า เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท! ผั ส สะ (การประจวบกั น แห ง อายตนะภายใน และภายนอก และวิ ญ ญ าณ ) เป น เหตุ เปนแดนเกิดของสัญญา.
ภิ ก ษุ ท.! ความเป น ต า งกั น ของสั ญ ญ า เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! สัญ ญ าในรูป ก็เ ปน อยา งหนึ ่ง , สัญ ญ าในเสีย งก็เ ปน อยา งหนึ ่ง , สัญ ญ า ในกลิ ่น ก็เ ปน อยา งหนึ ่ง , สัญ ญ าในรสก็เ ปน อยา งหนึ ่ง , สัญ ญ าในโผฏฐัพ พะ ก็เ ปน อ ยา งห นึ ่ง , แ ล ะ สัญ ญ าใน ธ รรม ารม ณ ก ็เ ปน อ ยา งห นึ ่ง , ภิก ษุ ท .! นี้ เรียกวา ความเปนตางกันของสัญญา.
๑๙๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภ ิก ษ ุ ท .! ผ ล ข อ ง ส ัญ ญ า เป น อ ย า ง ไรเล า ? ภ ิก ษ ุ ท .! เรา กล า วสั ญ ญา ว า มี ถ อ ยคํ า ที่ พู ด ออกมานั้ น แหละ เป น ผล, เพราะบุ ค คลย อ ม พูด ไปตามสัญ ญ า โดยรู ส ึก วา "เราไดม ีส ัญ ญ าอยา งนี ้ ๆ" ดัง นี ้. ภิก ษุ ท.! นี้ เรียกวา ผลของสัญญา. ภิ ก ษุ ท.! ความดั บ ไม เ หลื อ ของสั ญ ญา เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! ความดับไมเหลือของสัญญา มีได เพราะความดับไมเหลือของผัสสะ. ภิก ษ ุ ท .! อริย ม รรคม ีอ งค ๘ นี ้นั ่น เอ ง เปน ท างดํ าเน ิน ให ถ ึง ความดับ ไมเ หลือ ของสัญ ญา, ไดแ ก ความเห็น ชอบ ความดํ า ริช อบ; การ พูด จาชอบ การทํ า การงานชอบ การเลี ้ย งชีว ิต ชอบ; ความพากเพีย รชอบ ความระลึกชอบ ความตั้งใจมั่นชอบ. .... ภ ิก ษ ุ ท .! คํ า ใด ที ่เ รา ก ล า ว วา "พ ึง รู จ ัก ส ัญ ญ า , พ ึง รู จ ัก เห ตุ เปน แดนเกิด ของสัญ ญ า, พึง รู จ ัก ความเปน ตา งกัน ของสัญ ญ า, พึง รู จ ัก ผล ของสัญ ญ า, พึง รู จ ัก ความดับ ไมเ หลือ ของสัญ ญ า, และพึง รู จ ัก ทางดํ า เนิน ใหถึงความดับไมเหลือของสัญญา" ดังนี้นั้น, เรากลาวหมายถึงความขอนี้แล.
www.buddhadasa.info - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๖๑/๓๓๔.
สัญญามีธรรมดาแปรปรวน ภิ ก ษุ ท.! สั ญ ญ าในรู ป เป น ของไม เ ที่ ย ง มี ค วามแปรปรวน มี ความเปนโดยอยางอื่นได;
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๑๙๗
ภิ ก ษุ ท.! สั ญ ญ าในเสี ย ง เป น ของไม เ ที่ ย ง มี ค วามแปรปรวน มี ความเปนโดยอยางอื่นได; ภิ ก ษุ ท.! สั ญ ญ าในกลิ่ น เป น ของไม เ ที่ ย ง มี ค วามแปรปรวน มี ความเปนโดยอยางอื่นได; ภิ ก ษุ ท.! สั ญ ญ าในรส เป นของไม เ ที่ ย ง มี ค วามแป รป รวน มี ความเปนโดยอยางอื่นได; ภิ ก ษุ ท.! สั ญ ญาในโผฎฐั พ พะ เป น ของไม เที่ ย ง มี ค วามแปรปรวน มีความเปนโดยอยางอื่นได; ภิ ก ษุ ท.! สั ญ ญ าในธรรมารมณ เป น ของไม เ ที่ ย ง มี ค วามแปรปรวน มีความเปนโดยอยางอื่นได แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๘๐/๔๗๔.
การเกิดของสัญญาเทากับการเกิดของทุกข ภิ ก ษุ ท.! การเกิ ด ขึ้ น การตั้ ง อยู การเกิ ด โดยยิ่ ง และความปรากฏ ของสัญ ญ าในรูป สัญ ญ าในเสีย ง สัญ ญ าในกลิ ่น สัญ ญ าในรส สัญ ญ าใน โผฏฐั พ พะ และสั ญ ญ าในธรรมารมณ ใด ๆ นั่ น เท า กั บ เป น การเกิ ด ขึ้ น ของ ทุก ข, เปน การตั ้ง อยู ข องสิ ่ง ซึ ่ง มีป รกติเ สีย ดแทงทั ้ง หลาย, และเปน ความ ปรากฏของชราและมรณะ แล.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๘๕/๔๘๙.
ขอควรกําหนดเกี่ยวกับ สัญญา ภิ ก ษุ ท.! สุ ข โสมนั ส ใด ๆ ที่ อ าศั ย สั ญ ญ า แล ว เกิ ด ขึ้ น , สุ ข โสมนัส นี้แล เปนรสอรอย (อัสสาทะ) ของสัญญา; สัญญาไมเที่ยง เปน
๑๙๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ทุ ก ข มี ค วามแปรปรวนเป น ธรรมดา ด ว ยอาการใด ๆ, อาการนี้ แ ล เป น โทษ (อาทีน พ) ของสัญ ญา; การนํ า ออกเสีย ได ซึ ่ง ความกํ า หนัด ดว ยอํ า นาจความ พอใจ ในสั ญ ญา การละเสี ย ได ซึ่ ง ความกํ า หนั ด ด ว ยอํ า นาจความพอใจ ใน สัญ ญา ดว ยอุบ ายใด ๆ, อุบ ายนี ้แ ล เปน เครื ่อ งออกพน ไปได (นิส สรณะ) จากสัญญา. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๕, ๗๘/๕๙, ๑๒๑.
สัญญาขันธโดยนัยแหงอริยสัจสี่ ภ ิก ษ ุ ท .! ส ัญ ญ า เป น อ ย า ง ไร เล า ? ภ ิก ษ ุ ท .! ห มู แ ห ง สัญ ญ าหกเหลา นี ้ คือ สัญ ญ าในรูป , สัญ ญ าในเสีย ง, สัญ ญ าในกลิ ่น , สัญ ญ าในรส, สัญ ญ าในโผฏ ฐัพ พ ะ, และสัญ ญ าในธรรมารมณ . ภิก ษุ ท.! นี ้ เรีย กวา สัญ ญ า. ความเกิด ขึ ้น แหง สัญ ญ า มีไ ด เพราะความ เกิดขึ้นแห งผัส สะ; ความดั บ ไม เหลื อ แห งสั ญ ญา มี ได เพราะความดับ ไม เหลื อ แห ง ผั ส สะ; อริ ย มรรคมี อ งค ๘ นี้ นั่ น เอง เป น ทางดํ า เนิ น ให ถึ ง ความดั บ ไม เหลือ แหง สัญ ญา, ไดแ ก ความเห็น ชอบ ความดํ า ริช อบ; การพูด จาชอบ การทํ า การงานชอบ การเลี ้ย งชีว ิต ชอบ; ความพากเพีย รชอบ ความระลึก ชอบ ความตั้งใจมั่นชอบ.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๗๔/๑๑๕.
๔. วิภาคแหงสังขารขันธ สังขารหก ภิก ษุ ท .! สัง ขารทั ้ง ห ล าย เปน อ ยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท .! ห มู แหงเจตนาหกเหลานี้ คือ สัญเจตนา (ความคิดนึก) ในเรื่องรูป, สัญเจตนา
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๑๙๙
ในเรื ่อ งเสีย ง, สัญ เจตนาในเรื ่อ งกลิ ่น , สัญ เจตนาในเรื ่อ งรส, สัญ เจตนา ใน เรื ่อ ง โผ ฎ ฐัพ พ ะ , แ ล ะ สัญ เจ ต น า ใน เรื ่อ ง ธ ร รม า ร ม ณ . ภิก ษ ุ ท .! นี้ เรียกวา สังขารทั้งหลาย. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๗๔/๑๑๖.
ความหมายของคําวา "สังขาร" ภิ ก ษุ ท.! คนทั่ ว ไป กล า วกั น ว า "สั ง ขารทั้ ง หลาย" เพราะอาศั ย ค วาม ห ม าย อ ะไรเลา ? ภิก ษุ ท .! เพ ราะกิร ิย าที ่ป รุง แตง ใหสํ า เร็จ รูป มี อ ยู ใน สิ ่ง นั ้น (เชน นี ้แ ล ) ด ัง นั ้น สิ ่ง นั ้น จึง ถ ูก เรีย ก วา ส ัง ข า ร. สิ ่ง นั ้น ยอ มปรุง แตง อะไร ใหเ ปน ของสํ า เร็จ รูป ? สิ ่ง นั ้น ยอ มปรุง แตง รูป ใหสํ า เร็จ รูป เพื่ อ ความเป น รู ป , ย อ มปรุ ง แต ง เวทนา ให สํ า เร็ จ รู ป เพื่ อ ความเป น เวทนา, ย อ มปรุ ง แต ง สั ญ ญา ให สํ า เร็ จ รู ป เพื่ อ ความเป น สั ญ ญา, ย อ มปรุ ง แต ง สั ง ขาร ใหสํ า เร็จ รูป เพื ่อ ความเปน สัง ขาร, และยอ มปรุง แตง วิญ ญ าณ ใหสํ า เร็จ รูป เพื ่อ ความเปน วิญ ญ าณ . ภิก ษุ ท.! เพราะกิร ิย าที ่ป รุง แตง ใหสํ า เร็จ รูป มีอ ยู ในสิ่งนั้น (เชนนี้แล) ดังนั้น สิ่งนั้น จึงถูกเรียกวาสังขารทั้งหลาย.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๐๖/๑๕๙.
อุปมาแหงสังขาร ภิ ก ษุ ท.! บุ รุ ษ ผู ห นึ่ ง มี ค วามต อ งการด ว ยแก น ไม เสาะหาแก น ไม เที ่ย วหาแกน ไมอ ยู , เขาจึง ถือ เอาขวานอัน คมเขา ไปสู ป า . เขาเห็น ตน กลว ย ตนใหญ ในปานั้น ลําตนตรง ยังออนอยู ยังไมเกิดแกนไส. เขาตัดตนกลวย
๒๐๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
นั้ น ที่ โ คน แล ว ตั ด ปลาย แล ว จึ ง ปอกกาบออก. บุ รุ ษ นั้ น เมื่ อ ปอกกาบออกอยู ณ ที ่นั ้น ก็ไ ม พ บ แ ม แ ต ก ระพี ้ (ข อ งม ัน ) จัก พ บ แ กน ได อ ยา งไร. บ ุร ุษ ผู มี จั ก ษุ (ตามปรกติ ) เห็ น ต น กล ว ยนั้ น ก็ เ พ ง พิ นิ จ พิ จ ารณ าโดยแยบคาย. เมื่ อ บุ รุ ษ นั้ น เห็ น อยู เพ ง พิ นิ จ พิ จ ารณาโดยแยบคายอยู , ต น กล ว ยนั้ น ย อ มปรากฏ เปน ของวา ของเปลา และปรากฏเปน ของหาแกน สารมิไ ดไ ป. ภิก ษุ ท.! ก็แกนสารในตนกลวยนั้น จะพึงมีไดอยางไร, อุปมานี้ฉันใด; ภิก ษุ ท.! อุป ไมยก็ฉ ัน นั ้น คือ สัง ขารทั ้ง หลาย ชนิด ใดชนิด หนึ ่ง มี อ ยู จะเป น อดี ต อนาคตหรื อ ป จ จุ บั น ก็ ต าม เป น ภายในหรื อ ภายนอก็ ต าม หยาบ หรื อ ละเอี ย ดก็ ต าม เลวหรื อ ประณี ตก็ ต าม มี ใ นที่ ไ กลหรื อ ที่ ใ กล ก็ ต าม; ภิ ก ษุ สั ง เกตเห็ น (การเกิ ด ขึ้ น แห ง ) สั ง ขารทั้ ง หลายเหล า นั้ น ย อ มเพ ง พิ นิ จ พิ จ ารณ า โดยแยบคาย. เมื่ อ ภิ ก ษุ นั้ น สั ง เกตเห็ น อยู เพ ง พิ นิ จ พิ จ ารณ าโดยแยบคายอยู , สังขารทั้งหลาย ยอมปรากฏเปนของวางของเปลา และปรากฏเปนของหาแกน ส ารมิไ ดไ ป . ภิก ษุ ท .! ก็แ กน สารในสัง ขารทั ้ง ห ลายเห ลา นั ้น จะพึง มีไ ด อยางไร.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๗๒/๒๔๕.
สังขารมีธรรมดาแปรปรวน
ภิก ษุ ท .! สัญ เจต น า (ค วาม คิด นึก ) ใน เรื ่อ งรูป เปน ของไมเ ที ่ย ง มีความแปรปรวน มีความเปนโดยอยางอื่นได; ภิ ก ษุ ท.! สั ญ เจตนาในเรื่ อ งเสี ย ง เป น ของไม เ ที่ ย ง มี ค วามแปรปรวน มีความเปนโดยอยางอื่นได;
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๐๑
ภิ ก ษุ ท.! สั ญ เจตนาในเรื่ อ งกลิ่ น เป น ของไม เ ที่ ย ง มี ค วามแปรปรวน มีความเปนโดยอยางอื่นได; ภิ ก ษุ ท.! สั ญ เจตนาในเรื่ อ งรส เป น ของไม เ ที่ ย ง มี ค วามแปรปรวน มีความเปนโดยอยางอื่นได; ภิ ก ษุ ท.! สั ญ เจตนาในเรื่ อ งโผฏฐั พ พะ เป น ของไม เ ที่ ย ง มี ค วาม แปรปรวน มีความเปนโดยอยางอื่นได; ภิ ก ษุ ท.! สั ญ เจตนาในเรื่ อ งธรรมารมณ เป น ของไม เ ที่ ย ง มี ค วาม แปรปรวน มีความเปนโดยอยางอื่นได แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๘๐/๔๗๕.
การเกิดของสังขารเทากับการเกิดของทุกข ภิ ก ษุ ท.! การเกิ ด ขึ้ น การตั้ ง อยู และความปรากฏ ของสั ญ เจตนา ในเรื่ อ งรู ป สั ญ เจตนาในเรื่ อ งเสี ย ง สั ญ เจตนาในเรื่ อ งกลิ่ น สั ญ เจตนาในเรื่ อ ง รส สั ญ เจตนาในเรื่ อ งโผฏฐั พ พะ และสั ญ เจตนาในเรื่ อ งธรรมารมณ ใด ๆ นั่ น เทา กับ เปน การเกิด ขึ ้น ของทุก ข, เปน การตั ้ง อยู ข องสิ ่ง ซึ ่ง มีป รกติเ สีย ดแทง ทั้งหลาย, และเปนความปรากฏของชราและมรณะ แล.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๘๕/๔๙๑.
ขอควรกําหนดเกี่ยวกับ สังขาร ภิ ก ษุ ท.! สุ ข โสมนั ส ใด ๆ ที่ อ าศั ย สั ง ขารทั้ ง หลาย แล ว เกิ ด ขึ้ น , สุ ข โสมนั ส นี้ แ ล เป น รสอร อ ย (อั ส สาทะ) ของสั ง ขารทั้ ง หลาย; สั ง ขาร
๒๐๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
www.buddhadasa.info
๒๐๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ทั ้ง หลาย ไมเ ที ่ย ง เปน ทุก ข มีค วาม แป รป รวนเปน ธรรม ดา ดว ยอาการ ใ ด ๆ , อ า ก า ร นี ้ แ ล เ ป น โ ท ษ (อ า ที น พ ) ข อ ง สั ง ข า ร ทั ้ ง ห ล า ย ; ก า ร นํ า ออกเสี ย ได ซึ่ ง ความกํ า หนั ด ด ว ยอํ า นาจความพอใจ ในสั ง ขารทั้ ง หลาย การ ละเสี ย ได ซึ่ งความกํ าหนั ด ด วยอํ านาจความพอใจ ในสั งขารทั้ งหลาย ด ว ยอุ บ าย ใด ๆ, อุบายนี้แล เปน เครื่องออกพนไปได (นิสสรณะ) จากสังขารทั้งหลาย. - ขนธ.สํ. ๑๗/๗๙/๑๒๒.
สังขารขันธโดยนัยแหงอริยสัจสี่ ภิ ก ษ ุ ท .! ส ั ง ข า ร ทั ้ ง ห ล า ย เป น อ ย า ง ไ ร เล า ? ภิ ก ษ ุ ท .! หมู แ ห ง เจตนาหกเหล า นี้ คื อ สั ญ เจตนา (ความคิ ด นึ ก ) ในเรื่ อ งรู ป , สั ญ เจตนา ในเรื ่อ งเสีย ง, สัญ เจตนาในเรื ่อ งกลิ ่น , สัญ เจตนาในเรื ่อ งรส, สัญ เจตนา ใน เรื ่ อ ง โผ ฏ ฐั พ พ ะ , แ ล ะ สั ญ เจ ต น า ใน เรื ่ อ ง ธ รรม า รม ณ . ภิ ก ษุ ท .! นี้ เรี ย กว า สั ง ขารทั้ ง หลาย. ความเกิ ด ขึ้ น แห ง สั ง ขารทั้ ง หลาย มี ได เพราะความ เกิ ด ขึ้ น แห งผั ส สะ; ความดั บ ไม เหลื อ แห งสั งขารทั้ งหลาย มี ได เพราะความดั บ ไม เหลื อ แห ง ผั ส สะ; อริ ย มรรคมี อ งค ๘ นี้ นั่ น เอง เป น ทางดํ า เนิ น ให ถึ ง ความ ดับ ไมเ หลือ แหง สัง ขารทั ้ง หลาย, ไดแ ก ความเห็น ชอบ ความดํ า ริช อบ; การพู ด จาชอบ การทํ า การงานชอบ การเลี้ ย งชี วิ ต ชอบ; ความพากเพี ย รชอบ ความระลึกชอบ ความตั้งใจมั่นชอบ.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ.สํ. ๑๗/๗๔/๑๑๖.
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๐๓
๕. วิภาคแหงวิญญาณขันธ
วิญญาณหก ภิ ก ษุ ท .! วิ ญ ญ า ณ เป น อ ย า ง ไร เล า ? ภิ ก ษุ ท .! ห มู แ ห ง วิ ญ ญาณหกเหล า นี้ คื อ วิ ญ ญาณทางตา, วิ ญ ญาณทางหู , วิ ญ าณทางจมู ก , วิญ ญ าณ ทางลิ ้น . วิญ ญ าณ ทางกาย, และวิญ ญ าณ ทางใจ. ภิก ษุ ท.! นี้ เรียกวา วิญญาณ. - ขนฺธ. สํ ๑๗/๗๕/๑๑๗.
ความหมายของคําวา "วิญญาณ" ภิ ก ษุ ท.! คนทั่ ว ไป กล า วกั น ว า "วิ ญ ญ าณ " เพราะอาศั ย ความ หมายอะไรเลา ? ภิก ษุ ท.! เพราะกิร ิย าที ่รู แ จง (ตอ อารมณที ่ม ากระทบ) ได มีอ ยู ใน สิ ่ง นั ้น (เชน นี ้แ ล ) ดัง นั ้น สิ ่ง นั ้น จึง ถูก เรีย ก วา วิญ ญ าณ . สิ ่ ง นั ้ น ย อ ม รู แ จ ง ซึ ่ ง อ ะ ไ ร ? สิ ่ ง นั ้ น ย อ ม รู แ จ ง ซึ ่ ง ค ว า ม เป รี ้ ย ว บ า ง , ย อ มรู แ จ ง ซึ่ ง ความขมบ า ง, ย อ มรู แ จ ง ซึ่ ง ความเผ็ ด ร อ นบ า ง, ย อ มรู แ จ ง ซึ่ ง ความหวานบ าง, ย อมรู แจ ง ซึ่ งความขื่ นบ าง, ย อมรู แจ ง ซึ่ งความความไม ขื่ นบ าง, ย อ มรู แ จ ง ซึ่ ง ความเค็ ม บ า ง, ย อ มรู แ จ ง ซึ่ ง ความไม เ ค็ ม บ า ง (ดั ง นี้ เ ป น ต น ) ภิก ษุ ท.! เพ ราะกิร ิย าที ่รู แ จง (ตอ อารมณ ที ่ม ากระทบ ) ได มีอ ยู ใ นสิ ่ง นั ้น (เชนนี้แล) ดังนั้น สิ่งนั้น จึงถูกเรียกวา วิญญาณ.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๐๖/๑๕๙.
๒๐๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
อุปมาแหงวิญญาณ ภิ ก ษุ ท.! นั ก แสดงกลก็ ต าม ลู ก มื อ ของนั ก แสดงกลก็ ต าม แสดง กล อยู ที่ ท างให ญ สี่ แยก . บุ รุ ษ ผู มี จั ก ษุ (ต าม ป รก ติ ) เห็ น กล นั้ น ก็ เ พ งพิ นิ จพิ จ ารณาโดยแยบคาย. เมื่ อ บุ รุ ษ ผู นั้ น เห็ น อยู เพ ง พิ นิ จ พิ จ ารณาโดยแยบคายอยู , กลนั้น ยอมปรากฏเปนของวางของเปลา และปรากฏเปนของหาแกนสารมิไดไป. ภิกษุ ท.! ก็แกนสาร ในกลนั้น จะพึงมีไดอยางไร, อุปมานี้ฉันใด; ภิ กษุ ท.! อุ ป ไม ยก็ ฉั น นั้ น คื อ วิ ญ ญ าณ ชนิ ดใดชนิ ด หนึ่ ง มี อยู จะเป น อดี ต อนาคตหรื อ ป จ จุ บั น ก็ ต าม เป น ภายในหรื อ ภายนอกก็ ต าม หยาบหรื อ ละเอี ย ดก็ ต าม เลวหรื อ ประณี ตก็ ต าม มี ใ นที่ ไ กลหรื อ ใกล ก็ ต าม; ภิ ก ษุ สั ง เกต เห็ น (การเกิ ด ขึ้ น แห ง ) วิ ญ ญ าณ นั้ น ย อ มเพ ง พิ นิ จ พิ จ ารณ าโดยแยบคาย เมื่ อ ภิ ก ษุ นั้ น สั ง เกตเห็ น อยู เพ ง พิ นิ จ พิ จ ารณาโดยแยบคายอยู , วิ ญ ญาณ นั้ น ย อ ม ปรากฏเปน ของวา งของเปลา และปรากฏเปน ของหาแกน สารมิไ ดไ ป. ภิก ษุ ท.! ก็แกนสารในวิญญาณนั้น จะพึงมีไดอยางไร.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๗๓/๒๔๖.
วิญญาณมีธรรมดาแปรปรวน
ภิ ก ษุ ท.! วิ ญ ญ าณ ทางตา เป น ของไม เ ที่ ย ง มี ค วามแปรปรวน มี ความเปนโดยอยางอื่นได; ภิ ก ษุ ท.! วิ ญ ญ าณ ทางหู เป นของไม เ ที่ ย ง มี ค วามแป รป รวน มี ความเปนโดยอยางอื่นได;
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๐๕
ภิ ก ษุ ท.! วิ ญ ญ าณ ทางจมู ก เป น ของไม เ ที่ ย ง มี ค วามแปรปรวน มีความเปนโดยอยางอื่นได; ภิก ษุ ท.! วิญ ญ าณ ทางลิ ้น เปน ของไมเ ที ่ย ง มีค วามแปรปรวน มีความเปนโดยอยางอื่นได; ภิก ษุ ท.! วิญ ญ าณ ทางกาย เปน ของไมเ ที ่ย ง มีค วามแปรปรวน มีความเปนโดยอยางอื่นได; ภิ ก ษุ ท.! วิ ญ ญาณทางใจ เป น ของไม เ ที่ ย ง มี ค วามแปรปรวน มี ความเปนโดยอยางอื่นได แล. - ขนฺธ. สํ ๑๗/๒๗๙/๔๗๑.
วิญญาณเมื่อทําหนาที่เปนพืช ภิก ษุ ท.! สิ ่ง ที ่ใ ชเ ปน พืช มีห า อยา งเหลา นี ้. หา อยา งเหลา ไหน เลา ? หา อ ยา ง คือ พ ืช จ า ก เห งา (ม ูล พ ืช ), พ ืช จ า ก ต น (ข น ฺธ พ ีช ), พ ืช จากตา (ผลุ พี ช ), พื ช จากยอด (อคฺ ค พี ช ), และพื ช จากเมล็ ด (เช น ข า วเป น ต น ) เปนคํารบหา (พีชพีช).
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! ถา สิ ่ง ที ่ใ ชเ ปน พืช หา อยา งเหลา นี ้ ที ่ไ มถ ูก ทํ า ลาย ยัง ไมเ นา เป อ ย ยัง ไมแ หง เพราะลมและแดด ยัง มีเ ชื ้อ งอกบริบ ูร ณ อ ยู และอัน เจา ของเก็บ ไวด ว ยดี, แตด ิน น้ํ า ไมม ี. ภิก ษุ ท.! สิ ่ง ที ่ใ ชเ ปน พืช หา อยา ง เหลานั้น จะพึงเจริญงอกงามไพบูลย ไดแลหรือ ? "หาเปนเชนนั้นไม พระเจาขา !"
๒๐๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! ถ า สิ่ ง ที่ ใ ช เ ป น พื ช ห า อย า งเหล า นี้ แ หละ ที่ ไ ม ถู ก ทํ า ลาย ยั ง ไม น า เป อ ย ยั ง ไม แ ห ง เพราะลมและแดด ยั ง มี เ ชื้ อ งอกบริ บู ร ณ อ ยู และอั น เจา ข อ ง เก็บ ไวด ว ย ดี, ทั ้ง ดิน น้ํ า ก็ม ีด ว ย . ภิก ษ ุ ท .! สิ ่ง ที ่ใ ชเ ปน พ ืช หาอยางเหลานั้นจะพึงเจริญ งอกงาม ไพบูลย ไดมิใชหรือ ? "อยางนั้น พระเจาขา !" ภิ ก ษุ ท.! วิ ญ ญาณฐิ ติ สี่ อ ย าง (รู ป เวทนา สั ญ ญา สั งขาร) พึ งเห็ น ว า เห มื อ น กั บ ดิ น . ภิ ก ษุ ท .! นั น ทิ ร า ค ะ พึ ง เห็ น ว า เห มื อ น กั บ น้ํ า . ภิก ษุ ท.! วิญ ญ าณ ซึ ่ง ประกอบดว ยปจ จัย (คือ กรรม) พึง เห็น วา เหมือ นกับ พืชสด ทั้งหานั้น. ภิ กษุ ท .! วิ ญ ญ าณ ซึ่ ง เข า ถื อ เอา รู ป ตั้ งอยู ก็ ตั้ งอยู ไ ด , เป น วิญ ญาณที ่ม ีร ูป เปน อารมณ มีร ูป เปน ที ่ตั ้ง อาศัย มีน ัน ทิเ ปน ที ่เ ขา ไปสอ งเสพ ก็ถึงความเจริญ งอกงาม ไพบูลย ได;
www.buddhadasa.info ภิ กษุ ท .! วิ ญ ญ าณ ซึ่ ง เข า ถื อ เอา เวท น า ตั้ ง อยู ก็ ตั้ งอยู ไ ด , เป น วิ ญ ญาณที่ มี เวทนาเป น อารมณ มี เวทนาเป น ที่ ตั้ ง อาศั ย มี นั น ทิ เป น ที่ เข า ไป สองเสพ ก็ถือความเจริญ งอกงาม ไพบูลย ได;
ภิ ก ษุ ท.! วิ ญ ญ าณ ซึ่ ง เข า ถื อ เอา สั ญ ญ า ตั้ ง อยู ก็ ตั้ ง อยู ไ ด , เป น วิ ญ ญาณที่ มี สั ญ ญาเป น อารมณ มี สั ญ ญาเป น ที่ ตั้ ง อาศั ย มี นั น ทิ เป น ที่ เข า ไปสองเสพ ก็ถึงความเจริญ งอกงาม ไพบูลย ได;
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๐๗
ภ ิก ษ ุ ท .! วิญ ญ าณ ซึ ่ง เขา ถือ เอา สัง ข าร ตั ้ง อยู ก็ตั ้ง อ ยู ไ ด, เป น วิ ญ ญาณที่ มี สั ง ขารเป น อารมณ มี สั ง ขารเป น ที่ ตั้ ง อาศั ย มี นั น ทิ เป น ที่ เข า ไป สองเสพ ก็ถึงความเจริญ งอกงาม ไพบูลย ได. ภิ ก ษุ ท.! ผู ใ ด จะพึ ง กล า วอย า งนี้ ว า "เราจั ก บั ญ ญั ติ ซึ่ ง การมา การไป การจุ ติ การอุ บั ติ ความเจริ ญ ความงอกงาม และความไพบู ล ย ของ วิ ญ ญาณ โดยเว น จากรู ป เว น จากเวทนา เว น จากสั ญ ญา และเว น จากสั ง ขาร" ดังนี้นั้น, นี่ไมใชฐานะที่จักมีไดเลย. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๖๗/๑๐๖-๑๐๗.
การเกิดของวิญญาณเทากับการเกิดของทุกข ภิ ก ษุ ท.! การเกิ ด ขึ้ น การตั้ ง อยู การเกิ ด โดยยิ่ ง และความปรากฏ ของวิ ญ ญาณทางตา วิ ญ ญาณทางหู วิ ญ ญาณทางจมู ก วิ ญ ญาณทางลิ้ น วิ ญ ญาณ ท างก าย แ ล ะ วิ ญ ญ าณ ท างใด ๆ นั ่ น เท า กั บ เป น ก ารเกิ ด ขึ ้ น ข อ งทุ ก ข , เป น การตั้ งอยู ข องสิ่ งซึ่ งมี ป รกติ เสี ย ดแทงทั้ งหลาย, และเป น ความปรากฏของชรา และมรณะ แล.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๘๔/๔๘๓.
ขอควรกําหนดเกี่ยวกับ วิญญาณ ภิ ก ษุ ท! สุ ข โสมนั ส ใด ๆ ที่ อ าศั ย วิ ญ ญ าณ แล ว เกิ ด ขึ้ น , สุ ข โสมนัสนี้แล เปน รสอรอย (อัสสาทะ) ของวิญญาณ; วิญญาณ ไมเที่ยง เปน
๒๐๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ทุ ก ข มี ค วามแปรปรวนเป น ธรรมดา ด ว ยอาการใด ๆ, อาการานี้ แ ล เป น โทษ (อาที น พ) ของวิ ญ ญาณ; การนํ า ออกเสี ย ได ซึ่ ง ความกํ า หนั ด ด ว ยอํ า นาจความ พ อใจในวิญ ญ าณ การละเสีย ได ซึ ่ง ความกํ า หนัด ดว ยอํ า นาจความพ อใจ ในวิ ญ ญาณ ด ว ยอุ บ ายใด ๆ, อุ บ ายนี้ แ ล เป น เครื่ อ งออกพ น ไปได (นิ ส สรณะ) จากวิญญาณ. - ธนฺธ. สํ. ๑๗/๘๐/๑๒๓.
วิญญาณขันธโดยนัยแหงอริยสัจสี่ ภิ ก ษุ ท .! วิ ญ ญ า ณ เป น อ ย า ง ไ ร เล า ? ภิ ก ษุ ท .! ห มู แ ห ง วิ ญ ญาณหกเหล า นี้ คื อ วิ ญ ญาณทางตา, วิ ญ ญาณทางหู , วิ ญ ญาณทางจมู ก , วิญ ญ าณ ท างลิ ้น , วิญ ญ าณ ท างกาย , แล ะวิญ ญ าณ ท างใจ. ภิก ษุ ท .! นี้ เรี ย กว า วิ ญ ญาณ. ความเกิ ด ขึ้ น แห ง วิ ญ ญาณ มี ไ ด เพราะความเกิ ด ขึ้ น แห ง นามรู ป ; ความดั บ ไม เหลื อ แห งวิ ญ ญาณ มี ได เพราะความดั บ ไม เหลื อ แห งนามรู ป ; อริ ย มรรคมี อ งค ๘ นี้ นั่ น เอง เป น ทางดํ า เนิ น ให ถึ ง ความดั บ ไม เหลื อ แห ง วิญ ญ าณ , ไดแ ก ค วาม เห็น ช อ บ ค วาม ดํ า ริช อ บ ; ก ารพูด จ าช อ บ ก าร ทํ า การงานชอบ การเลี้ ย งชี วิ ต ชอบ; ความพากเพี ย รชอบ ความระลึ ก ชอบ ความตั้งใจมั่นชอบ.
www.buddhadasa.info - ธนฺธ. สํ. ๑๗/๗๕/๑๑๗.
(ข.) วิภาคแหงปญจุปาทานักขันธ ภิกษุ ท.! ปญจุปาทานักขันธ เปนอยางไรเลา ? ภิ กษุ ท .! รู ป ชนิ ด ใด ชนิ ด ห นึ่ ง มี อ ยู จะเป น อ ดี ต อ น าค ต ห รื อ ป จ จุ บั น ก็ ต าม เป น ภายในหรื อ ภายนอกก็ ต าม หยาบหรื อ ละเอี ย ดก็ ต าม เลวหรื อ
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๐๙
ประณี ต ก็ ต าม มี ในที่ ไกลหรื อ ใกล ก็ ต าม ซึ่ ง ยั ง มี อ าสวะ เป น ที่ ตั้ ง อาศั ย อยู แ ห ง อุปาทาน, ภิกษุ ท.! นี้เรียกวา รูปขันธที่ยังมีอุปาทาน. ภ ิก ษ ุ ท .! เว ท น า ชน ิด ใด ชน ิด ห นึ ่ง ม ีอ ยู จะเป น อ ด ีต อ น าค ต หรื อ ป จ จุ บั น ก็ ต าม เป น ภายในหรื อ ภายนอกก็ ต าม หยาบหรื อ ละเอี ย ดก็ ต าม เลว หรื อ ประณี ต ก็ ต าม มี ในที่ ไกลหรื อ ใกล ก็ ต าม ซึ่ ง ยั ง มี อ าสวะ เป น ที่ ตั้ ง อาศั ย อยู แหงอุปาทาน. ภิกษุ ท.! นี้เรียกวา เวทนาขันธที่ยังมีอุปาทาน. ภ ิก ษ ุ ท .! ส ัญ ญ า ชนิด ใด ชน ิด ห นึ ่ง ม ีอ ยู จะเป น อ ด ีต อ น าค ต หรื อ ป จ จุ บั น ก็ ต าม เป น ภายในหรื อ ภายนอกก็ ต าม หยาบหรื อ ละเอี ย ดก็ ต าม เลว หรื อ ประณี ต ก็ ต าม มี ในที่ ไกลหรื อ ใกล ก็ ต าม ซึ่ ง ยั ง มี อ าสวะ เป น ที่ ตั้ ง อาศั ย อยู แหงอุปาทาน. ภิกษุ ท.! นี้เรียกวา สัญญาขันธที่ยังมีอุปาทาน. ภิ ก ษุ ท.! สั ง ขารทั้ งห ล าย ชนิ ด ใดชนิ ด หนึ่ ง มี อ ยู จะเป น อดี ต อนาคตหรือ ปจ จุบ ัน ก็ต าม เปน ภายในหรือ ภายนอกก็ต าม หยาบหรือ ละเอีย ด ก็ ต าม เลวหรื อ ประณี ต ก็ ต าม มี ใ นที่ ไ กลหรื อ ใกล ก็ ต าม ซึ่ ง ยั ง มี อ าสวะ เป น ที่ ตั้งอาศัยอยูแหงอุปาทาน, ภิกษุ ท.! นี้เรียกวา สังขารขันธที่ยังมีอุปาทาน.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! วิ ญ ญ าณ ชนิ ด ใดชนิ ด หนึ่ ง มี อ ยู จะเป น อดี ต อนาคต หรื อ ป จ จุ บั น ก็ ต าม เป น ภายในหรื อ ภายนอกก็ ต าม หยาบหรื อ ละเอี ย ดก็ ต าม เลว หรื อ ประณี ต ก็ ต าม มี ในที่ ไกลหรื อ ใกล ก็ ต าม ซึ่ ง ยั ง มี อ าสวะ เป น ที่ ตั้ ง อาศั ย อยู แหงอุปาทาน, ภิกษุ ท.! นี้เรียกวา วิญญาณขันธที่ยังมีอุปทาน.
๒๑๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิกษุ ท.! ขันธที่ยังมีอุปาทานหาขันธเหลานี้ เรียกวา ปญจุปาทานักขันธ แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๕๙/๙๖.
อุปาทานสี่ ภิ ก ษุ ท.! อุ ป าทานมี ๔ อย าง เหล านี้ . สี่ อ ย างเหล าไหนเล า ? สี่ อยางคือ :๑. กามุปาทาน ความถือมั่นใน กาม ๒. ทิฏุปาทาน ความถือมั่นใน ทิฎฐิ ๓. สีลัพพตุปาทาน ความถือมั่นใน ศีลพรต ๔. อัตตวาทุปาทาน ความถือมั่นใน วาทะวาตน. ภิกษุ ท.! เหลานี้แล คือ อุปาทานสี่อยาง.
www.buddhadasa.info - มหาวาร. สํ. ๑๙/๘๘/๓๓๗. (คําอธิบายตามนัยแหงคัมถีรธัมมังสังคณี อภิธัมมปฎก ๓๔/๓๐๖/๗๘๐ มีดังนี้:-)
ธ รรม ทั ้ ง ห ล าย ชื ่ อ อุ ป าท าน เป น อ ย า งไร? อุ ป าท าน สี ่ คื อ ก ามุ ป าท า น ทิ ฏ ุ ป าทาน สีลัพพตุปาทาน และอัตตวาทุปาทาน.
ในอุ ปาทานสี่ นั้ น, กามุ ปาทาน เป นอย างไร ? กามฉั นทะ (ความพอใจ ในกาม) กามราคะ (ความยิ นดี ในกาม) กามนั นทิ (ความเพลิ นในกาม) กามตั ณหา (ความทะยานอยากในกาม) กามสิเนหะ (ความเยื่อใยในกาม) กามปริฬาหะ (ความเรารอน ในกาม) กามมุ จฉา (ความสยบในกาม) กามั ชโฌสานะ (ความเมาหมกในกาม) ในกาม ทั้งหลายใด ๆ. นี้ เรียกวา กามุปาทาน
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๑๑
ในอุ ป าทานสี่ นั้ น , ทิ ฏ ุ ป าทาน เป น อย า งไร ? "ของที่ ใ ห แ ล ว ไม มี , ของที่ บู ชาแล วไม มี , ของที่ บ วงสรวงแล วไม มี , ผลวิ บ ากแห งกรรมที่ ทํ าดี ทํ าชั่ วไม มี , โลกนี้ ไม มี , โลกอื่ น ไม มี , มารดาไม มี , บิ ด าไม มี , สั ต ว ผู โอปปาติ ก ะไม มี , เหล า สมณพราหมณ ผูไปถูก ปฏิบัติถูก คือผูที่ทําใหแจงโลกนี้และโลกอื่น ดวยปญญาอันยิ่งเอง แล วจึ งประกาศให รู ไม มี ในโลก". ความเห็ น มี ลั กษณะดั งกล าวนี้ ใด ๆ เป น ทิ ฎ ฐิ , ไปแล ว ด ว ยทิ ฎ ฐิ , รกชั ฏ ด ว ยทิ ฏ ฐิ , กั น ดารด ว ยทิ ฎ ฐิ , เป น ข า ศึ ก ด ว ยทิ ฏ ฐิ , โยกโคลงด ว ยทิ ฎ ฐิ , รึ ง รั ด ไว ด ว ยทิ ฎ ฐิ , การจั บ , การจั บ ยึ ด ไว , การยึ ด ถื อ ไว อ ย า ง แน น หนา, การลู บ คลํ า , มรรคที่ ชั่ ว ช า , ทางที่ ผิ ด , ความเป น ที่ ผิ ด , การสื บ ต อ ลั ทธิ ที่ ผิ ด, ถื อการแสวงหาในด านที่ ผิ ด. นี้ เรียกว า ทิ ฎุ ปาทาน. ยกเว น สี ลั พพตุ ปาทาน และอัตตวาทุปาทานเสียแลว แมทั้งหมด เปนมิจฉาทิฎฐิสิ้น ชื่อทิฎุปาทาน. ในอุ ปาทานสี่นั้ น, สี ลั พพตุ ปาทาน เป นอย างไร ? "ความสะอาดด วยศี ล, ความสะอาดด วยวั ตร ความสะอาดด วยศี ลพรต ของเหล าสมณพราหมณ ในภายนอกแต ศาสนานี้ ". ความเห็ นมี ลั กษณะดั งกล าวนี้ ใด ๆ เป นทิ ฏฐิ , ไปแล วด วยทิ ฏฐิ , รกชั ฎ ด ว ยทิ ฎ ฐิ , กั น ดารด ว ยทิ ฎ ฐิ , เป น ข า ศึ ก ด ว ยทิ ฏ ฐิ , โยกโคลงด ว ยทิ ฏ ฐิ , รึ ง รั ด ไว ด ว ยทิ ฏ ฐิ , การจั บ , การจั บ ยึ ด ไว , การยึ ด ถื อ เอไว อ ย า งแน น หนา, การลู บ คลํ า , มรรคที่ ชั่ ว ช า , ทางที่ ผิ ด , ความเป น ที่ ผิ ด , การสื บ ต อ ลั ท ธิ ที่ ผิ ด , ถื อ การแสวงหา ในดานที่ผิด. นี้ เรียกวา สีลัพพตุปาทาน.
www.buddhadasa.info ในอุ ป าทานสี่ นั้ น , อั ต ตวาทุ ป าทาน เป น อย างไร ? บุ ถุ ชนผู ไม ได ยิ น ได ฟ งในโลกนี้ ไม ได เห็ นเหล าพระอริยเจ า ไม ฉลาดในธรรมของพระอริยเจ า ไม ถู กแนะนํ า ในธรรมของพระอริยเจ า, ไม ได เห็ นเหล าสั ตบุ รุษ ไม ฉลาดในธรรมของสั ตบุ รุษ ไม ถู ก แนะนํ าในธรรมของสั ตบุ รุษ; ย อมเห็ นเนื่ องอยู เสมอซึ่ งรูป เวทนา สั ญญา สั งขาร และ
๒๑๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
วิญญาณ วาเป นอั ตตาก็ ดี , ย อมเห็ นเนื่ องอยู เสมอ ซึ่ งอั ตตา เป นรูป เวทนา สั ญญา สังขาร และวิญญาณก็ดี, ยอมเห็นเนื่องอยูเสมอ ซึ่งรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ วามีอยูในอัตตาก็ดี, หรือวา ยอมเห็นเนื่องอยูเสมอ ซึ่งอัตตาวามีอยู ในรูป เวทนา สั ญญา สั งขาร และวิญญาณก็ ดี . ความเห็ นมี ลั กษณะดั งกล าวนี้ ใด ๆ เป นทิ ฏฐิ, ไป แล ว ด ว ยทิ ฏ ฐิ , รกชั ฏ ด ว ยทิ ฏ ฐิ , กั น ดารด ว ยทิ ฏ ฐิ , เป น ข า ศึ ก ด ว ยทิ ฏ ฐิ , โยกโคลงด วยทิ ฏ ฐิ , รึงรัด ไว ด วยทิ ฏ ฐิ , การจั บ . การจั บ ยึ ด ไว, การยึ ด ถื อเอาไวอ ย าง แน น หนา, การลู บ คลํ า , มรรคที่ ชั่ ว ช า , ทางที่ ผิ ด , ความเป น ที่ ผิ ด , การสื บ ต อ ลัทธิที่ผิด, ถือการแสวงหาในดานที่ผิด. นี้เรียกวา อัตตวาทุปาทาน. เหลานี้ คือ ธรรมทั้งหลาย ชื่อ อุปาทาน.
รากเงาแหงอุปาทานขันธ “ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! อุ ปาทานขั นธ มี แต เพี ยงห าอย าง คื อ รู ปขั นธ ที่ ยั งมี อุ ปาทาน ๑ เวทนาขั นธ ที่ ยั งมี อุ ปาทาน ๑ สั ญ ญ าขั นธ ที่ ยั งมี อุ ปาทาน ๑ สั งขารขั นธ ที่ ยั งมี อุปาทาน ๑ และวิญญาณขันธที่ยังมีอุปาทาน ๑ เหลานี้ เทานั้นหรือ ?
ภิ ก ษุ ! อุ ป า ท า น ขั น ธ มี แ ต เพี ย ง ห า อ ย า ง คื อ รู ป ขั น ธ ที่ ยั ง มี อุ ป าทาน ๑ เวทนาขั น ธ ที่ ยั ง มี อุ ป าทาน ๑ สั ญ ญาขั น ธ ที่ ยั ง มี อุ ป าทาน ๑ สั ง ขารขันธที่ยังมีอุปาทาน ๑ และวิญญาณขันธที่ยังมีอุปาทาน ๑ เหลานี้ เทานั้น.
www.buddhadasa.info "ข าแต พ ระองค ผู เจริ ญ ! ก็ อุ ป าทานขั น ธ ห าเหล านี้ มี อ ะไรเป น รากเง าเล า พระเจาขา?" ภิกษุ ! อุปาทานขันธหาเหลานี้ มีฉันทะ (ความพอใจ) เปนรากเงาแล. - อุปริ. ม. ๑๔/๑๐๑/๑๒๑.
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๑๓
อุปาทานกับอุปาทานขันธมิใชอันเดียวกัน "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! อุ ปาทานนั้ นเองหรื อ ชื่ อว า ป ญ จุ ปาทานนั กขั นธ เหลานั้น ? หรือวาอุปทาน เปนอื่นไปจาก ปญจุปาทานักขันธทั้งหลายเลา? พระเจาขา !" ภ ิก ษ ุ! ต ัว อ ุป า ท า น นั ้น ไ ม ใ ช ต ัว ป ญ จ ุป า ท า น ัก ข ัน ธ , แ ต อุป าท าน นั ้น ก็ม ิไ ด ม ีใ น ที ่อื ่น น อ ก ไป จ าก ป ญ จุป าท าน ัก ขัน ธทั ้ง ห ล าย ; เพราะว า ตั ว ฉั น ทราคะ ที่ มี อ ยู ในป ญ จุ ป าทานั ก ขั น ธ นั่ น แหละ คื อ ตั ว อุ ป าทาน ในที่นี้แล. - อุปริ. ม. ๑๔/๑๐๑/๑๒๑.
อุปาทานและที่ตั้งแหงอุปาทาน ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดงสิ่ งซึ่ งเป น ที่ ตั้ งแห งอุ ป าทาน (อุ ป าทานิ ย มธมฺ ม ) และตัวอุปาทาน. พวกเธอทั้งหลาย จงฟงขอนั้น.
www.buddhadasa.info ภ ิก ษ ุ ท .! สิ ่ง ซึ ่ง เป น ที ่ตั ้ง อ ุป า ท า น เป น อ ย า ง ไร ? แ ล ะ ต ัว อุปาทาน เปนอยางไรเลา ? ภิก ษุ ท.! รูป (กาย) เปน สิ่ง ซึ่ง เปน ที่ตั้ง แหง อุป าทาน, ฉัน ทราคะ (ความกํา หนั ด เพราะพอใจ) ใด เข า ไปมี อ ยู ใ นรู ป นั้ น นั่ น คื อ ตั ว อุ ป าทาน ในรู ป นั้น ;
๒๑๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิก ษุ ท.! เวท น า เปน สิ ่ง ซึ ่ง เปน ที ่ตั ้ง แหง อุป าทาน, ฉัน ทราคะ ใด เขาไปมีอยูในเวทนานั้น ฉันทราคะนั้น คือ ตัวอุปาทาน ในเวทนานั้น; ภิก ษุ ท .! สัญ ญ า เปน สิ ่ง เปน ที ่ตั ้ง แหง อุป าท าน , ฉัน ท ราค ะ ใด เขาไปมีอยูในสัญญานั้น ฉันทราคะนั้น คือตัวอุปาทาน ในสัญญานั้น; ภิก ษุ ท .! สัง ข าร ทั ้ง ห ล าย เปน สิ ่ง ซึ ่ง เปน ที ่ตั ้ง แหง อุป าท าน , ฉั น ทราคะใด เข า ไปมี อ ยู ใ นสั ง ขารทั้ ง หลายเหล า นั้ น ฉั น ทราคะนั้ น คื อ ตั ว อุปาทาน ในสังขารทั้งหลายเหลานั้น ภิ ก ษุ ท.! วิ ญ ญ าณ เป น สิ่ ง ซึ่ ง เป น ที่ ตั้ ง แห ง อุ ป าทาน, ฉั น ทราคะ ใด เขาไปมีอยูในวิญญาณนั้น ฉันทราคะนั้น คือ ตัวอุปาทาน ในวิญญาณนั้น. ภิก ษ ุ ท .! ขัน ธเ ห ลา นี ้ เรีย ก วา สิ ่ง ซึ ่ง เปน ที ่ตั ้ง แ หง อุป า ท า น , ฉันทราคะนี้ เรียกวา ตัวอุปาทาน แล.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๐๒/๓๐๙.
(ในสู ต รอื่ น ทรงแสดง อุ ป าทานิ ย ธรรม ด ว ยอายตนะภายในหก (๑๘/๑๑๐/๑๖๐) และอายตนะภายนอกหก (๑๘/๑๓๖/๑๙๐).
เบญจขันธไดนามวาสักกายะและสักกายันตะ ภิ ก ษุ ท .! สั ก ก า ย ะ เป น อ ย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท .! คํ า ต อ บ คื อ อุปาทานขันธทั้งหา. หาเหลาไหนเลา? หาคือ รูปขันธที่ยังมีอุปาทาน ๑
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๑๕
เวทนาขั น ธ ที่ ยั ง มี อุ ป าทาน ๑ สั ญ ญ าขั น ธ ที่ ยั ง มี อุ ป าทาน ๑ สั ง ขารขั น ธ ที่ ยั ง มี อ ุป า ท า น ๑ แ ล ะ ว ิญ ญ า ณ ข ัน ธ ที ่ย ัง ม ีอ ุป า ท า น ๑ ภ ิก ษ ุ ท .! นี ้ เรีย ก ว า สักกายะ. ภ ิก ษ ุ ท .! ส ัก ก า ย ัน ต ะ เป น อ ย า ง ไ ร เล า ? ภ ิก ษ ุ ท .! คํ า ต อ บ คื อ อุ ป าท าน ขั น ธ ทั้ งห า. ห าเห ล า ไห น เล า ? ห าคื อ รู ป ขั น ธ ที่ ยั ง มี อุ ป าท าน ๑ เวทนาขั น ธ ที่ ยั ง มี อุ ป าทาน ๑ สั ญ ญ าขั น ธ ที่ ยั ง มี อุ ป าทาน ๑ สั ง ขารขั น ธ ที่ ยั ง มี อ ุป า ท า น ๑ แ ล ะ ว ิญ ญ า ณ ข ัน ธ ที ่ย ัง ม ีอ ุป า ท า น ๑. ภ ิก ษ ุ ท .! นี ้ เรีย ก ว า สักกายันตะ แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๙๓, ๑๙๒/๒๘๕, ๒๗๕.
ที่ติดของสัตว ภิก ษ ุ ท .! สัง ส ารวัฏ นี ้ เปน สิ ่ง ที ่ม ีเ บื ้อ งตน และเบื ้อ งป ล ายอัน บุค ค ล รู ไ ม ไ ด (เพ ราะเป นวงกลม ), เบื้ องต น เบื้ องป ลาย ไม ป รากฏ แก สั ต ว ทั้ งหลาย ซึ่งมีอวิชชาเปนเครื่องกั้นมีตัณหาเปนเครื่องผูกพัน กําลังแลนไปอยู ทองเที่ยวไปอยู.
www.buddhadasa.info ภ ิก ษ ุ ท .! เป รีย บ เห ม ือ น ส ุน ัข ถ ูก ผ ูก ด ว ย เค รื ่อ ง ผ ูก ส ุน ัข ซึ ่ง เข า ผู ก ไว ที่ ห ลั ก ห รื อ เสา อั น มั่ น ค ง : ถ า มั น จะเดิ น ก็ เ ดิ น เบี ยดห ลั ก ห รื อ เสานั้ นเอง, ถ า มั น จะยื น ก็ ยื น เบี ยดหลั ก หรื อ เสานั้ น เอง, ถ า มั น จะนั่ ง ก็ นั่ ง เบี ยดหลั ก หรื อ เสา นั้นเอง, ถามันจะนอนก็นอนเบียดหลักหรือเสานั้นเอง, อุปมานี้ฉันใด;
๒๑๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! อุ ป ไมยก็ ฉั น นั้ น คื อ บุ ถุ ช น ผู ไ ม ไ ด ยิ น ได ฟ ง ย อ มตาม เห็น พ รอ ม (คือ เห็น ดิ ่ง เปน ป ระจํ า ) ซึ ่ง รูป วา "นั ่น ขอ งเรา นั ่น เปน เรา นั ่น เปน ตัว ตนของเรา" ดัง นี ้; ยอ มตามเห็น พรอ ม ซึ ่ง เวทนา วา "นั ่น ของ เรา นั ่น เป น เรา นั ่น เป น ต ัว ต น ข อ งเรา " ด ัง นี ้; ยอ ม ต า ม เห ็น พ รอ ม ซึ ่ง สัญ ญ า วา "นั ่น ขอ งเรา นั ่น เปน เรา นั ่น เปน ตัว ต น ของเรา" ดัง นี ้; ยอ ม ตามเห็น พรอ ม ซึ ่ง สัง ขาร ทั ้ง หลาย วา "นั ่น ของเรา นั ่น เปน เรา นั ่น เปน ตั ว ตนของเรา" ดั ง นี้ ; และย อ มตามเห็ น พร อ ม ซึ่ ง วิ ญ ญาณ ว า "นั่ น ของเรา นั่ น เป น เรา นั่ น เป น ตั ว ตนของเรา" ดั ง นี้ . ถ า บุ ถุ ช นนั้ น เดิ น อยู ก็ เ ดิ น อยู ใ กล ๆ ป ญ จุ ป าทานนั ก ขั น ธ นี้ เอง, ถ าบุ ถุ ช นนั้ น ยื น อยู ก็ ยื น อยู ใกล ๆ ป ญ จุ ป าทานั ก ขั น ธ นี้ เอง, ถ า บุ ถุ ช นนั้ น นั่ ง อยู ก็ นั่ ง อยู ใ กล ๆ ป ญ จุ ป าทานั ก ขั น ธ นี้ เอง, ถ า บุ ถุ ช นนั้ น นอนอยูก็นอนอยูใกล ๆ ปญจุปาทานักขันธนี้เอง. ภิก ษุ ท.! เพราะฉะนั ้น ในเรื ่อ งนี ้ บุค คลควรพิจ ารณ าดูจ ิต ของ ตนอยู เสมอไป ว า "จิ ต นี้ เศร า หมองแล ว ด ว ยราคะ โทสะ และโมหะ ตลอด กาลนาน" ดังนี้เถิด.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๘๓/๒๕๘.
ผูติดบวง - ผูหลุดจากบวง
ภิก ษุ ท.! บุค คลผู ย ึด มั ่น อยู เรีย กวา มีเ ครื ่อ งผูก แหง มาร. ผู ไ ม ยึดมั่นอยู เรียกวา พนแลวจาก (เครื่องผูกแหง) มาร. "ข า แต พ ระผู มี พ ระภาค! ข า พระองค เ ข า ใจซึ ม ซาบแล ว . ข า แต พ ระสุ ค ต ! ขาพระองคเขาใจซึมซาบแลว".
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๑๗
ภิ ก ษุ ! เธอ เข า ใจเนื้ อ ความแห ง คํ า ที่ เ รากล า วแล ว โดยย อ ได โ ดย พิสดาร วาอยางไร? "ข า แ ต พ ระ อ งค ผู เจ ริ ญ ! บุ ค ค ล ผู ยึ ด มั่ น อ ยู ซึ่ งรู ป ... ซึ่ งเว ท น า ... ซึ่ ง สัญ ญ า... ซึ ่ง สัง ขาร... ซึ ่ง วิญ ญ าณ ชื ่อ วา มีเ ครื ่อ งผูก แหง มาร; สว นผู ไ มย ึด มั ่น อยู ซึ ่ง รูป ... ซึ ่ง เว ท น า ... ซึ ่ง สัญ ญ า ... ซึ ่ง สัง ข า ร... ซึ ่ง วิญ ญ า ณ ชื ่อ วา พน แ ลว จ า ก (เครื่ อ งผู ก แห ง) มาร. ข า พระองค เข า ใจเนื้ อ ความแห ง คํ า อั น พระผู มี พ ระภาคตรั ส แล ว โดย ยอนี้ ไดโดยพิสดารอยางนี้ พระเจาขา!"
สาธุ สาธุ ภิ ก ษุ ! เธอ เข า ใจเนื้ อ ความแห ง คํ า ที่ เรากล า วแล ว โดยย อ ได โ ด ย พิ ส ด ารอ ย า งดี . ภิ ก ษุ ! เนื ้ อ ค วาม แ ห ง คํ า อั น เราก ล า วแล ว โด ย ย อ นี้บุคคลพึงเห็นโดยพิสดาร อยางนั้นแหละ. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๙๑/๑๓๘. [ในสูต รนี ้ ใชคํ า วา "ยึด มัน อยู " (อุป าทิย มาน) สํ า หรับ การติด บว ง; ในสูต ร อื ่น ใชคํ า วา "สํ า คัญ มั ่น ห ม ายอ ยู " (ม ฺฌ ม าน ) ก็ม ี, ใชคํ า วา "ห ลงเพ ลิด เพ ลิน อ ยู " (อภินนฺทมาน) ก็มี; ซึ่งเปนคําที่ใชแทนกันได. (๑๗/๙๒, ๙๓/๑๔๐, ๑๔๑)].
www.buddhadasa.info ความสะดุงหวาดเสียวเพราะอุปาทาน
ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดง ความสะดุ ง หวาดเสี ย วเพราะอุ ป าทาน.... แกพ วกเธอ. เธอทั ้ง หลาย จงฟง ขอ นั ้น กระทํ า ไวใ นใจใหสํ า เร็จ ประโยชน เราจักกลาวบัดนี้.
๒๑๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ กษุ ท.! ความสะดุ งหวาดเสี ยวเพราะอุ ปาทาน เป น อย างไรเล า ? ภิก ษุ ท.! ในโลกนี ้ บุถ ุช นผู ไ มไ ดย ิน ไดฟ ง ไมไ ดเ ห็น พระอริย เจา ไมฉ ลาด ในธรรมของพระอริย เจา ไมถ ูก แนะนํ า ในธรรมของพระอริย เจา , ไมไ ดเ ห็น สัต บุร ุษ ไมฉ ล าด ใน ธรรม ของสัต บุร ุษ ไมถ ูก แน ะนํ า ใน ธรรม ของสัต บุร ุษ , เขาย อม ตามเห็ นอยู เป น ประจํ า ซึ่ งรูป โดยความเป น ตน บ าง, ย อมตามเห็ นอยู เปน ประจํ า ซึ ่ง ตน วา มีร ูป บา ง, ยอ มตามเห็น อยู เ ปน ประจํ า ซึ ่ง รูป วา มีอ ยู ในตน บา ง, ยอ มตามเห็น อยู เ ปน ประจํ า ซึ ่ง ตน วา มีอ ยู ใ นรูป บา ง; แตร ูป นั้ น ย อ มแปรปรวน ย อ มเป น โดยประการอื่ น แก เ ขา, วิ ญ ญ าณ ของเขาก็ เ ป น วิ ญ ญาณที่ เปลี่ ย นแปลงไปตามความแปรปรวนของรู ป เพราะความแปรปรวนของ รู ป ได มี โ ดยประการอื่ น ; (เมื่ อ เป น เช น นั้ น ) ความเกิ ด ขึ้ น แห ง ธรรมเป น เครื่ อ ง สะดุ ง หวาดเสี ย ว อั น เกิ ด มาจากการเปลี่ ย นแปลงไปตามความแปรปรวนของรู ป ยอมครอบงําจิตของเขาตั้งอยู; เพราะความที่ จิ ตถู กครอบงําด วยธรรมเป นเครื่อง สะดุงหวาดเสียว เขาก็เปนผูหวาดสะดุง คับแคน พะวาพะวัง และสะดุงหวาด เสียวอยูดวยอุปาทาน.
www.buddhadasa.info (ในกรณี ที่ เกี่ ย วกั บ การตามเห็ น เวทนา สั ญ ญา สั งขาร และ วิ ญ ญาณ ก็ ได ต รั ส ไว ดวยขอความทํานองเดียวกันกับในกรณีแหงรูป).
ภิ ก ษุ ท.! ความสะดุ ง หวาดเสี ย วเพราะอุ ป าทาน ย อ มมี ไ ด ด ว ย อาการอยางนี้ แล. - ขนธ. สํ. ๑๗/๒๐/๓๑-๓๒.
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๑๙
ความสะดุงหวาดเสียวเพราะอุปาทาน (อีกนัยหนึ่ง) ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดง ความสะดุ ง หวาดเสี ย วเพราะอุ ป าทาน.... แกพ วกเธอ . เธอทั ้ง หลายจงฟง ความ ขอ นั ้น ทํ า ในใจใหสํ า เร็จ ป ระโยชน เราจักกลาวบัดนี้. ภิกษุ ท.! ความสะดุงหวาดเสียวเพราะอุปาทาน เปนอยางไรเลา ? ภิ ก ษุ ท.! ในกรณี นี้ บุ ถุ ช นผู ไ ม มี ก ารสดั บ ย อ ม ตามเห็ น อยู เ ป น ประจํา ซึ่ง รูป วา "นั ่น ของเรา นั ่น เปน เรา นั ่น เปน อัต ตาของเรา" ดัง นี ้. แตร ูป นั ้น ยอ มแป รปรวน ยอ มเปน โดยประการอื ่น แกเ ขา. เพ ราะความ แปรปรวนเปน โดยประการอื ่น แหง รูป โสกะปริเ ทวะทุก ขะโทมนัส สะอุป ายาส ทั้ งหลาย ย อ มเกิ ด ขึ้ น แก บุ ถุ ช นนั้ น. (ในกรณี แห ง เวทนา สั ญ ญา สั งขาร และ วิญ ญาณ ก็มีขอความที่ตรัสเหมือนกับในกรณีแหงรูป).
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! ความสะดุ ง หวาดเสี ย วเพราะอุ ป าทาน ย อ มมี ไ ด ด ว ย อาการอยางนี้ แล. - ขนฺธ. สํ /๑๗/๒๔/๓๔.
ลัทธิอื่นไมรูจักเรื่องอัตตวาทุปาทาน ภิ กษุ ท .! อุ ป าท าน มี สี่ อ ย า งเห ล า นี้ . สี่ อ ย า งเห ล า ไห น เล า ? สี่ อย า งคื อ ๑. กามุ ป าทาน ความถื อ มั่ น ในกาม; ๒. ทิ ฏ ุ ป าทาน ความถื อ มั่ น
๒๒๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ใน ทิ ฏ ฐิ ; ๓. สี ลั พ พ ตุ ป า ท าน ค ว าม ถื อ มั่ น ใน ศี ล พ รต ; ๔. อั ต ต ว าทุ ป าท า น ความถือมั่นในวาทะวาตน. ภิ ก ษุ ท .! มี ส ม ณ พ ร า ห ม ณ บ า ง พ ว ก ซึ ่ ง ป ฏิ ญ า ณ ตั ว ว า เป น ผู กล า วการรอบรู ซึ่ ง อุ ป าทานทั้ ง ปวง, แต ส มณพราหมณ เ หล า นั้ น หาได บั ญ ญั ติ การรอบรู ซึ่ ง อุ ป าทานทั้ ง ปวงโดยชอบไม คื อ เขาบั ญ ญั ติ ไ ด แ ต ก ารรอบรู ซึ่ ง กามุ ป าทาน แต ไ ม บั ญ ญั ติ ก ารรอบรู ซึ่ ง ทิ ฎ ุ ป าทาน ไม บั ญ ญั ติ ก ารรอบรู ซึ่ ง สี ลั พ พตุ ป าทาน และไม บ ั ญ ญั ติ ก ารรอบรู ซึ่ ง อั ต ตวาทุ ป าทาน. ข อ นั้ น เพราะ เห ตุ ไ ร ? เ พ ร า ะ ว า ส ม ณ พ ร า ห ม ณ เ ห ล า นั ้ น ย อ ม ไ ม รู จ ั ก ฐ า น ะ (อุ ป า ท า น ) ทั ้ ง ส า ม (น อ ก นั ้ น ) เห ล า นี ้ ต า ม ที ่ เ ป น จ ริ ง เพ รา ะ เห ตุ นั ้ น ส ม ณ พ รา ห ม ณ เหล า นั ้ น ทั ้ ง ที ่ ป ฏิ ญ าณตั ว ว า เป น ผู ก ล า วการรอบรู ซึ ่ ง อุ ป าทานทั ้ ง ปวง ก็ ห าได บั ญ ญั ติ ก ารรอบรู ซึ่ ง อุ ป าทานทั้ ง ปวงโดยชอบไม คื อ เขาบั ญ ญั ติ ไ ด แ ต ก ารรอบรู ซึ่ ง ก า มุ ป าท า น , แ ต ไ ม บ ั ญ ญั ต ิ ก ารรอ บ รู ซึ ่ ง ทิ ฏ ุ ป า ท า น ไม บ ั ญ ญั ต ิ ก ารรอ บ รู ซึ่งสีลัพพตุปาทาน และไมบัญญัติการรอบรู ซึ่งอัตตวาทุปาทาน.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท .! มี ส ม ณ พ ราห ม ณ อี ก บ างพ วก ซึ่ งป ฏิ ญ าณ ตั วว า เป น ผู กล า วการรอบรู ซึ่ ง อุ ป าทานทั้ ง ปวง, แต ส มณ พราหมณ เหล า นั้ น หาได บั ญ ญั ติ การรอบรู ซึ่ ง อุ ป าทานทั้ ง ปวงโดยชอบไม คื อ เขาบั ญ ญั ติ ไ ด แ ต ก ารรอบรู ซึ่ ง กามุ ป าท าน และบั ญ ญั ติ ไ ด แ ต ก ารรอบรู ซึ่ ง ทิ ฏ ุ ป าท าน , แต ไ ม บั ญ ญั ติ ก าร รอบรู ซึ่ ง สี ลั พ พตุ ป าทาน และไม บั ญ ญั ติ ก ารรอบรู ซึ่ ง อั ต ตวาทุ ป าทาน. ข อ นั้ น เพราะเหตุ ไ ร ? เพราะว า สมณ พราหมณ เหล า นั้ น ย อ มไม รู จั ก ฐานะ (อุ ป าทาน) ทั ้ง ส อ ง (น อ ก นั ้น ) เห ล า นี ้! ต า ม ที ่เ ป น จ ริง เพ รา ะ เห ต ุนั ้น ส ม ณ พ ร า ห ม ณ เหล า นั้ น ทั้ ง ที่ ป ฏิ ญ าณ ตั ว ว า เป น ผู ก ล า วการรอบรู ซึ่ ง อุ ป าทานทั้ ง ปวง ก็ ห าได
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๒๑
บั ญ ญั ติ ก ารรอบรู ซึ่ งอุ ป าทานทั้ ง ปวงโดยชอบไม คื อ เขาบั ญ ญั ติ ได แ ต ก ารรอบรู ซึ่ ง กามุ ป าทาน และบั ญ ญติ ไ ด แ ต ก ารรอบรู ซึ่ ง ทิ ฏ ุ ป าทาน, แต ไ ม อ าจบั ญ ญั ติ การรอบรู ซึ่งสีลัพพตุปาทาน และไมอาจบัญญัติการรอบรู ซึ่งอัตตวาทุปาทาน. ภิ ก ษุ ท. มี ส มณ พราหมณ อี ก บางพวก ซึ่ ง ปฏิ ญ าณ ตั ว ว า เป น ผู กล า วการรอบรู ซึ่ ง อุ ป าทานทั้ ง ปวง, แต ส มณพราหมณ เหล า นั้ น หาได บั ญ ญั ติ การรอบรู ซึ่ ง อุ ป าทานทั้ ง ปวงโดยชอบไม คื อ เขาบั ญ ญั ติ ไ ด แ ต ก ารรอบรู ซึ่ ง กามุ ป าทาน, บั ญ ญั ติ ไ ด แ ต ก ารรอบรู ซึ่ ง ทิ ฏ ุ ป าทาน, และบั ญ ญั ติ ไ ด แ ต ก าร รอบรู ซึ่ ง สี ลั พ เพตุ ป าทาน; แต ไ ม อ าจบั ญ ญั ติ ก ารรอบรู ซึ่ ง อั ต ตวาทุ ป าทาน. ข อ นั้ น เพราะเหตุ ไ ร ? เพราะว า สมณ พราหมณ เหล า นั้ น ย อ มไม รู จั ก ฐานะ (อุป าทาน) หนึ ่ง อัน นี ้ ตามที ่เ ปน จริง เพราะเหตุนั ้น สมณพราหมณเ หลา นั ้น ทั้ งที่ ป ฏิ ญ าณตั ว ว า เป น ผู ก ล า วการรอบรู ซึ่ ง อุ ป าทานทั้ ง ปวง ก็ ห าได บั ญ ญั ติ ก าร รอบรู ซึ ่ง อุป าทานทั ้ง ปวง โดยชอบไม คือ เขาบัญ ญ ัต ิไ ดแ ตก ารรอบรู ซึ ่ง กามุ ป าทาน, บั ญ ญั ติ ไ ด แ ต ก ารรอบรู ซึ่ ง ทิ ฏ ุ ป าทาน, และบั ญ ญั ติ ไ ด แ ต ก าร รอบรู ซึ่งสีลัพพตุปาทาน; แตไมอาจบัญญัติการรอบรูซึ่งอัตตาทุปาทาน แล.
www.buddhadasa.info ตอน ๒ วาดวยเบญจขันธโดยสรุป - มู. ม. ๑๒/๑๓๒/๑๕๖.
เบญจขันธเปนสิ่งที่ควรรอบรู ภ ิก ษ ุ ท .! เราจัก แ ส ด งสิ ่ง ทั ้ง ห ล าย ซึ ่ง เป น สิ ่ง ที ่ค วรรอ บ รู .... พวกเธอทั้งหลายจงฟงขอนั้น.
๒๒๒
อริยสัจจากพระโอษฐ ภิกษุ ท.! สิ่งทั้งหลาย ซึ่งเปนสิ่งที่ควรรอบรู เปนอยางไรเลา ?
ภิ ก ษุ ท .! รู ป เป น สิ่ ง ที่ ค ว รรอ บ รู , เว ท น า เป น สิ่ ง ที่ ค ว รรอ บ รู , สั ญ ญ าเป น สิ่ ง ที่ ค วรรอบรู , สั ง ขารทั้ ง หลาย เป น สิ่ ง ที่ ค วรรอบรู , และวิ ญ ญ าณ เปนสิ่งที่ควรรอบรู. ภิกษุ ท.! สิ่งทั้งหลายเหลานี้ เรียกวา สิ่งที่ควรรอบรูแล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๓/๕๔.
มูลฐานแหงการบัญญัติเบญจขันธ (แตละขันธ) “ข า แต พ ระองค ผู เจริ ญ ! อะไรเป น เหตุ ป จ จั ย เพื่ อ การบั ญ ญั ติ รู ป ขั น ธ เวทนาขันธ สัญญาขันธ สังขารขันธ และวิญญาณขันธ เลา ? พระเจาขา !" ภิ ก ษุ ! มหาภู ต (ธาตุ )สี่ อ ย า ง เป น เหตุ เ ป น ป จ จั ย เพื่ อ การบั ญ ญั ติ
www.buddhadasa.info รูปขันธ;
ภิ ก ษุ ! ผั ส ส ะ (ก า ร ป ระ จ ว บ แ ห ง อ า ย ต น ะ ภ า ย ใน แ ล ะ ภ า ย น อ ก แ ล ะ วิญญาณ) เปนเหตุเปนปจจัย เพื่อการบัญญัติ เวทนาขันธ; ภิกษุ ! ผัสสะ เปนเหตุเปนปจจัย เพื่อการบัญญัติ สัญญาขันธ; ภิกษุ ! ผัสสะ เปนเหตุเปนปจจัย เพื่อการบัญญัติ สังขารขันธ; ภิกษุ ! นามรูป แล เปนเหตุปจจัย เพื่อการบัญญัติ วิญญาณ-ขันธ. - อุปริ. ม. ๑๔/๑๐๒/๑๒๔.
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๒๓
เบญจขันธเปนที่บัญญัติกฎแหงสังขตะ อานนท ! ถ า คนทั้ ง หลาย จะพึ ง ถามเธออย า งนี้ ว า "ท า นอานนท ! กฎแห งความบั งเกิ ดขึ้ นก็ ดี กฎแห งความเสื่ อมไปก็ ดี กฎแห งความเปลี่ ยนไปเป นอย างอื่ น จากที่เปนอยูแลวก็ดี ไดถูกบัญญั ติแลว จักถูกบัญญั ติ และยอมถูกบัญญั ติอยู แกธรรม เหลาไหนเลา ?" ดังนี้, อานนท! เธอถูกถามอยางนี้แลว จะตอบเขาวาอยางไร ? "ข าแต พระองค ผู เจริญ ! ถ าคนทั้ งหลาย จะพึ งถามข าพระองค เช นนั้ นแล ว ขาแตพระองคจะตอบแกเขาอยางนี้วา 'ผูมีอายุ' ! รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ เหล า ใด ล ว งไปแล ว แปรปรวนไปแล ว ; กฎแห ง ความบั ง เกิ ด ขึ้ น ก็ ดี กฎแห ง ความเสื่อมไปก็ดี กฎแหงความเปลี่ยนไปเปนอยางอื่นจากที่เปนอยูแลวก็ดี ไดถูกบัญญั ติแลว แกหมูแหงธรรมเหลานั้น, ผูมีอายุ ! รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ เหลาใด ยั งไม เกิ ด ยั งไม ปรากฏ; กฎแห งความบั งเกิ ดขึ้ นก็ ดี กฎแห งความเสื่ อมไปก็ ดี กฎแห ง ความเปลี่ยนไปเปนอยางอื่นจากที่เปนอยูแลวก็ดี จักถูกบั ญญั ติ แกหมูแหงธรรมเหลานั้น, ผูมี อายุ ! รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ เหล าใด เป นสิ่ งเกิ ดอยู แลว ปรากฏ อยู แล ว; กฎแห งความบั งเกิ ดขึ้ นก็ ดี กฎแห งความเสื่ อมไปก็ ดี กฎแห งความเปลี่ ยนไปเป น อยางอื่นจากที่เปนอยูแลวก็ดี ยอมถูกบัญญั ติอยู แกหมูแหงธรรมเหลานั้ น' ดังนี้. ขาแต พระองคผูเจริญ ! ขาพระองค เมื่อถูกถามอยางนั้น จะพึงตอบแกเขาอยางนี้."
www.buddhadasa.info ถู ก แล ว อานนท ! ถู ก แล ว อานนท ! รู ป เวทนา สั ญ ญ า สั ง ขาร และวิ ญ ญ าณ เหล า ใด ล ว งไปแล ว ดั บ ไปแล ว แปรปรวนไปแล ว ; กฎแห ง ความบั งเกิ ด ขึ้ น ก็ ดี กฎแห งความเสื่ อ มไปก็ ดี กฎแห งความเปลี่ ย นไปเป น อย างอื่ น จากที ่เ ปน อยู แ ลว ก็ด ี ไดถ ูก บัญ ญัต ิแ ลว แกห มู แ หง ธรรมเหลา นั ้น . อานนท ! รู ป เวทนา สั ญ ญา สั ง ขาร และวิ ญ ญาณ เหล า ใด ยั ง ไม เ กิ ด ยั ง ไม ป รากฏ ;
๒๒๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
กฎแห ง ความบั งเกิ ด ขึ้ น ก็ ดี กฎแห ง ความเสื่ อ มไปก็ ดี กฎแห ง ความเปลี่ ย นไปเป น อย า งอื่ น จากที่ เป น อยู แ ล ว ก็ ดี จั ก ถู ก บั ญ ญั ติ แ ก ห มู แ ห ง ธรรมเหล า นั้ น , อานนท ! รูป เวทนา สัญ ญ า สัง ขาร และวิญ ญ าณ เหลา ใด เปน สิ ่ง เกิด อ ยู แ ลว ปรากฏอยู แ ล ว ; กฎแห ง ความบั ง เกิ ด ขึ้ น ก็ ดี ย อ มถู ก บั ญ ญั ติ อ ยู แก ห มู แ ห ง ธรรมเหล า นั้ น . อานนท ! เธอ เมื่ อ ถกถามอย า งนั้ น แล ว พึ ง ตอบแก เ ขาอย า ง นี้เถิด. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๔๗-๔๙/_๘๑-๘๒.
การถูกตราหนาเพราะอนุสัยในเบญจขันธ! ถู ก แล ว ภิ ก ษุ ! ถู ก แล ว ภิ ก ษุ ! ภิ ก ษุ ! เธอเข า ใจเนื้ อ ความแห ง คํ า ที่ เรากล า วโดยย อ (ว า ถ า มี อ นุ สั ย ในสิ่ ง ใด จะถู ก ตราหน า เพราะสิ่ ง นั้ น ), ได โดยพิสดารอยางถูกตองแลว.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ! ถ า บุ ค คลมี จิ ต เข า ไปมี อ นุ สั ย ใน รู ป , เขาย อ มถู ก ตราหน า เพราะอนุสัยซึ่งเขาไปมีใน รูป นั้น;๑
ภิ ก ษุ ! ถ า บุ ค คลมี จิ ต เข า ไปมี อ นุ สั ย ใน เวทนา, เขาย อ มถู ก ตราหน า เพราะอนุสัยซึ่งเขาไปมีใน เวทนา นั้น;
๑. อนุส ัย ในที ่นี ้ ไดแ ก กามราคานุส ัย ปฏิฆ านุส ัย และ อวิช ชานุส ัย เปน ตน , และเขา จะถู ก ตราหน า ว า เป น คนกํ า หนั ด แล ว ด ว ยกามราคานุ สั ย , หรื อ เป น คนโกรธแล ว ด ว ยปฏิ ฆ านุสัย, หรือวาเปนคนหลงแลวดวยอวิชชานุสัย ในเพราะรูปเปนตน ดังนี้.
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๒๕
ภิ ก ษุ ! ถ า บุ ค คลมี จิ ต เข า ไปมี อ นุ สั ย ในสั ญ ญา, เขาย อ มถู ก ตราหน า เพราะอนุสัยซึ่งเขาไปมีใน สัญญา นั้น; ภิ ก ษุ ! ถ า บุ ค คลมี จิ ต เข า ไปมี อ นุ สั ย ใน สั ง ขารทั้ ง หลาย, เขาย อ ม ถูกตราหนา เพราะอนุสัย ซึ่งเขาไปมีใน สังขารทั้งหลาย นั้น; ภิก ษุ ! ถา บุค คลมีจ ิต เขา ไปมีอ นุส ัย ใน วิญ ญ าณ , เขายอ มถูก ตราหนา เพราะอนุสัย ซึ่งเขาไปมีใน วิญญาณ นั้น. (ปฏิปกขนัย) ภ ิก ษ ุ ! ถา บ ุค ค ล ม ีจ ิต ไม เ ขา ไป ม ีอ น ุส ัย ใน รูป , เขายอ ม ไม ถ ูก ตราหนา เพราะอนุสัยซึ่งเขาไปมีใน รูป นั้น; ภิ ก ษุ ! ถ า บุ ค คลมี จิ ต ไม เ ข า ไปอนุ สั ย ใน เวทนา, เขาย อ มไม ถู ก ตราหนา เพราะอนุสัยซึ่งเขาไปมีใน เวทนา นั้น; ภิ ก ษุ ! ถ า บุ ค คลมี จิ ต ไม เ ข า ไปอนุ สั ย ใน สั ญ ญ า, เขาย อ มไม ถู ก ตราหนา เพราะอนุสัยซึ่งเขาไปมีใน สัญญา นั้น; ภิ ก ษุ ! ถ า บุ ค คลมี จิ ต ไม เ ข า ไปมี อ นุ สั ย ใน สั ง ขารทั้ ง หลาย, เขา ยอมไมถูกตราหนา เพราะอนุสัยซึ่งเขาไปมีใน สังขารทั้งหลาย นั้น; ภิ ก ษุ ! ถ า บุ ค คลมี จิ ต ไม เ ข า ไปมี อ นุ สั ย ใน วิ ญ ญ าณ , เขาย อ มไม ถูกตราหนา เพราะอนุสัยซึ่งเขาไปมีใน วิญญาณ นั้นเลย. ภิ ก ษุ ! เนื้ อ ความแห ง ภาษิ ต อั น เรากล า วแล ว โดยย อ นี้ ใคร ๆ พึ ง เห็นโดยพิสดาร ดังนี้เถิด.
www.buddhadasa.info
- ขนฺธ. สํ. ๑๗/๔๔/๗๕.
๒๒๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
การถูกตราหนาเพราะตายตามเบญจขันธ ถู ก แล ว ภิ ก ษุ ! ถู ก แล ว ภิ ก ษุ ! เธอเข า ใจเนื้ อ ความแห ง คํ า ที่ เ รา กล า วโดยย อ (ว า ถ า มี อ นุ สั ย ในสิ่ ง ใด ย อ มตายไปตามสิ่ ง นั้ น ; ตายตามสิ่ ง ใดไป ยอมถูกตราหนา เพราะสิ่งนั้น), ได โดยพิสดาร อยางถูกตองแลว. ภิก ษุ ! ถา บุค คลมีจ ิต เขา ไปมีอ นุส ัย ใน รูป , เขายอ มตายไปตาม รูปนั้น, ตายตามสิ่งใดไป, เขายอมถูกตราหนา เพราะสิ่งนั้น; ภิ ก ษุ ! ถ า บุ ค คลมี จิ ต เข า ไปมี อ นุ สั ย ใน เวทนา, เขาย อ มตายไป ตามเวทนานั้น ตายตามสิ่งใดไป, เขายอมถูกตราหนา เพราะสิ่งนั้น; ภิ ก ษุ ! ถ า บุ ค คลมี จิ ต เข า ไปมี อ นุ สั ย ใน สั ญ ญา, เขาย อ มตายไปตาม สัญญานั้น ตายตามสิ่งใดไป, เขายอมถูกตราหนา เพราะสิ่งนั้น; ภิ ก ษุ ! ถ า บุ ค คลมี จิ ต เข า ไปมี อ นุ สั ย ใน สั ง ขารทั้ ง หลาย, เขาย อ ม ตายไปตามสังขารนั้น, ตายตามสิ่งใดไป, เขายอมถูกตราหนา เพราะสิ่งนั้น; ภิ ก ษุ ! ถ า บุ ค คลมี จิ ต เข า ไปมี อ นุ สั ย ใน วิ ญ ญาณ, เขาย อ มตายไป ตามวิญญาณนั้น, ตายตามสิ่งใดไป, เขายอมถูกตราหนา เพราะสิ่งนั้น.
www.buddhadasa.info (ปฏิปกขนัย)
ภิ ก ษุ ! ถ า บุ ค คลมี จิ ต ไม เ ข า ไปมี อ นุ สั ย ใน รู ป , เขาย อ มไม ต ายไป ตามรูปนั้น, ไมตายตามสิ่งใดไป, เขายอมไมถูกตราหนา เพราะสิ่งนั้น; ภิ ก ษุ ! ถ า บุ ค คลมี จิ ต ไม เ ข า ไปมี อ นุ สั ย ใน เวทนา, เขาย อ มไม ต าย ไปตามเวทนานั้ น , ไม ต ายตามสิ่ ง ใดไป, เขาย อ มไม ถู ก ตราหน า เพราะสิ่ ง นั้ น ;
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๒๗
ภิ ก ษุ ! ถ า บุ ค คลมี จิ ต ไม เ ข า ไปมี อ นุ สั ย ใน สั ญ ญา, เขาย อ มไม ต าย ไปตามสัญญานั้น, ไมตายตามสิ่งใดไป, เขายอมไมถูกตราหนา เพราะสิ่งนั้น; ภ ิก ษ ุ! ถา บุค ค ล ม ีจ ิต ไม เ ขา ไป อนุส ัย ใน สัง ขารทั ้ง ห ล าย , เขา ย อ มไม ต ายไปตามสั ง ขารนั้ น , ไม ต ายตามสิ่ ง ใดไป, เขาย อ มไม ถู ก ตราหน า เพราะสิ่งนั้น ภิ ก ษุ ! ถ า บุ ค คลมี จิ ต ไม เ ข า ไปมี อ นุ สั ย ใน วิ ญ ญ าณ , เขาย อ มไม ตายไปตามวิ ญ ญาณนั้ น , ไม ต ายตามสิ่ ง ใดไป, เขาย อ มไม ถู ก ตราหน า เพราะ สิ่งนั้น. ภิ ก ษุ ! เนื้ อ ความแห ง ภาษิ ต อั น เรากล า วแล ว โดยย อ นี้ ใคร ๆ พึ ง เห็นโดยพิสดาร ดังนี้เถิด. - ขนฺธ.สํ. ๑๗/๔๕/๗๘.
www.buddhadasa.info สัญโญชนและที่ตั้งแหงสัญโญชน
ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดงสิ่ งซึ่ งเป น ที่ ตั้ งแห งสั ญ โญชน (สฺ โญชนิ ย ธมฺ ม ) และตัวสัญโญชน. พวกเธอทั้งหลาย จงฟงขอนั้น. ภิ ก ษุ ท.! สิ่ ง ซึ่ ง เป น ที่ ตั้ ง แห ง สั ญ โญ ชน เป น อย า งไร ? และตั ว สัญโญชน เปนอยางไรเลา ? ภิ ก ษุ ท.! รู ป (กาย) เป น สิ่ ง ซึ่ ง เป น ที่ ตั้ ง แห ง สั ญ โญ ชน . ฉั น ท ราคะ (ความกํ า หนั ด เพราะพอใจ)ใด เข า ไปมี อ ยู ใ นรู ป นั้ น ฉั น ทราคะนั้ น คื อ ตัวสัญโญชน ในรูปนั้น ;
๒๒๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิก ษุ ท.! เวทนา เปน สิ ่ง ซึ ่ง เปน ที ่ตั ้ง แหง สัญ โญ ชน, ฉัน ทราคะ ใด เขาไปมีอยูในเวทนานั้น ฉันทราคะนั้น คือตัวสัญโญชน ในเวทนานั้น; ภิ ก ษุ ท.! สั ญ ญ า เป น สิ่ ง ซึ่ ง เป น ที่ ตั้ ง แห ง สั ญ โญ ชน , ฉั น ทราคะ ใด เขาไปมีอยูในสัญญานั้น ฉันทราคะนั้น คือ ตัวสัญโญชน ในสัญญานั้น; ภิ ก ษุ ท.! สั ง ขาร ทั้ ง หลาย เป น สิ่ ง ซึ่ ง เป น ที่ ตั้ ง แห ง สั ญ โญชน , ฉั น ทราคะใด เข า ไปมี อ ยู ใ นสั ง ขารทั้ ง หลายเหล า นั้ น ฉั น ทราคะนั้ น คื อ ตั ว สัญโญชน ในสังขารทั้งหลายเหลานั้น; ภิ ก ษุ ท.! วิ ญ ญาณ เป น สิ่ ง ซึ่ ง เป น ที่ ตั้ ง แห ง สั ญ โญชน , ฉั น ทราคะ ใดเขาไปมีอยูในวิญญาณนั้น ฉันทราคะนั้น คือตัวสัญโญชน ในวิญญาณนั้น. ภิก ษ ุ ท .! ขัน ธเ ห ลา นี ้ เรีย ก วา สิ ่ง ซึ ่ง เปน ที ่ตั ้ง แ หง สัญ โญ ช น; ฉันทราคะนี้เรียกวา ตัวสัญโญชน แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๐๒/๓๐๘. (ในสู ต รอื่ น ทรงแสดง สั ญ โญ ชนิ ย ธรรม ด ว ยอายตนะภายในหก (๑๘/๑๑๐/๑๕๙) และอายตนะภายนอกหก (๑๘/๑๓๕/๑๘๙).
ความลับของเบญจขันธ
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! ถ า หากอั ส ส าท ะ (รสอร อ ย) ของรู ป ก็ ดี ของเวทนาก็ ดี ของสั ญ ญาก็ ดี ของสั ง ขารทั้ ง หลายก็ ดี และของวิ ญ ญาณก็ ดี เหล า นี้ จั ก ไม ไ ด ม ีอ ยู แ ล ว ไซ ร, ส ัต วทั ้ง ห ล าย ก็จ ะ ไม กํ า ห น ัด ย ิน ด ีน ัก ใน รูป ใน เวท น า ใน สัญ ญ า ในสัง ขารทั ้ง หลาย และในวิญ ญ าณ เหลา นี ้. ภิก ษุ ท.! แตเ พราะ เหตุ ที่ อั ส สาทะของรู ป ก็ ดี ของเวทนาก็ ดี ของสั ญ ญาก็ ดี ของสั ง ขารทั้ ง หลาย
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๒๙
ก็ด ี และของวิญ ญ าณ ก็ด ี มีอ ยู , สัต วทั ้ง หลาย จึง กํ า หนัด ยิน ดีน ัก ในรูป ในเวทนา ในสัญญา ในสังขารทั้งหลาย และในวิญญาณ. ภิ ก ษุ ท.! ถ า หาก อาที น พ (โทษ) ของรู ป ก็ ดี ของเวทนาก็ ดี ของ สัญ ญาก็ด ี ของสัง ขารทั ้ง หลายก็ด ี และของวิญ ญาณก็ด ี เหลา นี ้ จัก ไมไ ดมี อยู แ ลว ไซร, สัต วทั ้ง หลาย ก็จ ะไมเ บื ่อ หนา ย ในรูป ในเวทนา ในสัญ ญ า ใน สั ง ขารทั้ งห ล าย แล ะใน วิ ญ ญ าณ เห ล านี้ . ภิ กษุ ท .! แต เพ ราะเห ตุ ที่ อาที น พของรู ป ก็ ดี ของเวทนาก็ ดี ของสั ญ ญาก็ ดี ของสั ง ขารทั้ ง หลายก็ ดี และ ของวิ ญ ญาณก็ ดี มี อ ยู , สั ต ว ทั้ ง หลาย จึ ง เบื่ อ หน า ยในรู ป ในเวทนา ในสั ญ ญา ในสังขารทั้งหลาย และในวิญญาณ. ภิ ก ษุ ท.! ถ า หาก นิ ส สรณ ะ (อุ บ ายเครื่ อ งออกพ น ไปได ) จากรู ป ก็ ดี จากเวทนาก็ ดี จากสั ญ ญาก็ ดี จากสั ง ขารทั้ ง หลายก็ ดี และจากวิ ญ ญาณก็ ดี เหลา นี ้ จัก ไมไ ดม ีอ ยู แ ลว ไซร, สัต วทั ้ง หลาย ก็จ ะไมอ อกไปพน ไดจ ากรูป จากเวทนา จากสั ญ ญ า จากสั ง ขารทั้ ง หลาย และจากวิ ญ ญ าณ เหล า นี้ . ภิก ษุ ท.! แตเ พราะเหตุที ่ นิส สรณ ะจากรูป ก็ด ี จากเวทนาก็ด ี จากสัญ ญ า ก็ด ี จากสัง ขารทั ้ง หลายก็ด ี และจากวิญ ญ าณ ก็ด ี มีอ ยู , สัต วทั ้ง หลาย จึง ออกไปพ น ได จ ากรู ป จากเวทนา จากสั ญ ญ า จากสั ง ขารทั้ ง หลาย และจาก วิญญาณ, ดังนี้ แล.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๗/๖๒.
๒๓๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
เบญจขันธเนื่องดวยปจจัยแหงความเศราหมองและบริสุทธิ์ "ข าแต พระองค ผู เจริญ ! ปู รณกั สสปะ ได กล าวอย างนี้ ว า 'เหตุ ไม มี ป จจั ย ไม มี เพื่ อความเศราหมองของสั ตว ทั้ งหลาย, สั ตวทั้ งหลาย จั กเศราหมอง โดยไม มี เหตุ ไมมีปจจัย; และเหตุไมมี ป จจัยไมมี เพื่ อความบริสุทธิ์ของสัตวทั้งหลาย, สัตวทั้งหลาย ยอมบริสุ ทธิ์ได โดยไม มี เหตุ ไม มี ป จจัย' ดังนี้ ; ในเรื่องนี้ พระผู มี พระภาคเจา กล าว อยางไร? พระเจาขา!" มหลิ ! เหตุ มี ป จ จั ย มี เพื่ อ ความเศร า หมองของสั ต ว ทั้ ง หลาย, สัตวทั้งหลายจักเศราหมอง เพราะมีเหตุมีปจจัย; มหลิ ! และเหตุมี ปจ จัย มี เพื่อความบริสุทธิ์ของสัตวทั้งหลาย, สัตวทั้งหลาย ยอมบริสุทธิ์ได เพราะ มีเหตุ มีปจจัย. "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! เหตุ ป จจั ย เพื่ อความเศร าหมองของสั ตว ทั้ งหลาย เป นอย างไร? และสั ตว ทั้ งหลาย จั กเศราหมอง เพราะมี เหตุ มี ป จจั ย อย างไรเล า? พระเจาขา!"
www.buddhadasa.info มหลิ ! ถ า หากรู ป ก็ ดี เวทนาก็ ดี สั ญ ญ าก็ ดี สั ง ขารทั้ ง หลายก็ ดี และวิ ญ ญาณก็ ดี เหล า นี้ จั ก ได เป น ทุ ก ข โดยถ า ยเดี ย ว อั น ทุ ก ข ต ามสนอง หยั่ ง ล งสู ค วาม ท ุก ข ไม ห ยัง ล งสู ค วาม ส ุข เสีย เล ย ไซร, สัต วทั ้ง ห ล าย ก็จ ะไม กํ า หนั ด ยิ น ดี นั ก ในรู ป ในเวทนา ในสั ญ ญา ในสั ง ขารทั้ งหลาย และในวิ ญ ญาณ เหลา นี ้. มหลิ ! แตเ พราะเหตุที ่ (ตามความรู ส ึก ของสัต วผู ย ัง ไมรู ต ามเปน จริ ง ) รู ป ก็ ดี เวทนาก็ ดี สั ญ ญาก็ ดี สั ง ขารทั้ ง หลายก็ ดี และวิ ญ ญาณก็ ดี ยั ง นํ า มาซึ ่ง ความสุข อัน สุข ตามสนอง หยั ่ง ลงสู ค วามสุข ไมห ยั ่ง ลงสู ค วามทุก ข
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๓๑
ก็ม ีอ ยู , สัต วทั ้ง ห ล าย จึง กํ า ห น ัด ยิน ด ีน ัก ใน รูป ใน เวท น า ใน สัญ ญ า ใน สังขารทั้งหลาย และในวิญ ญาณ. เพราะความกํ าหนั ด ยิ น ดี จึ งพั วพั น อยู ในมั น เพราะความพั ว พั น จึ ง เศร า หมองรอบด า น. มหลิ ! สิ่ ง เหล า นี้ แ หละ เป น เหตุ เป น ป จ จั ย เพื่ อ ความเศร า หมองของสั ต ว ทั้ ง หลาย, สั ต ว ทั้ ง หลาย ย อ มเศร า หมอง เพราะมีเหตุ มีปจจัย โดยลักษณะเชนนี้. "ขา แตพ ระองคผู เ จริญ ! ก็เ หตุป จ จัย เพื ่อ ความบริส ุท ธิ ์ข องสัต วทั ้ง หลายเปน อ ย า ง ไ ร ? แ ล ะ สั ต ว ทั ้ ง ห ล า ย ย อ ม บ ริ ส ุ ท ธิ ์ ไ ด เพ ร า ะ มี เ ห ตุ มี ป จ จั ย อ ย า ง ไ ร เล า ? พระเจาขา !"
ม หลิ ! ถ า ห ากรู ป ก็ ดี เวทน าก็ ดี สั ญ ญ าก็ ดี สั ง ขารทั้ งห ลายก็ ดี และวิ ญ ญ าณ ก็ ดี เหล า นี้ จั ก ได มี สุ ข โดยถ า ยเดี ย ว อั น สุ ข ตามสนอง หยั่ ง ลงสู ความสุข ไมห ยั ่ง ลงสู ค วามทุก ขเ สีย เลยไซร, สัต วทั ้ง หลาย ก็จ ะไมเ บื ่อ หนา ย ใน รู ป ใน เวทน า ในสั ญ ญ า ในสั ง ขารทั้ งหลาย แล ะใน วิ ญ ญ าณ เห ล า นี้ . ม ห ลิ ! แตเ พ ราะเห ตุที ่ รูป ก็ด ี เวท น าก็ด ี สัญ ญ าก็ด ี สัง ขารทั ้ง ห ล าย ก็ดี และวิ ญ ญาณก็ ดี เป น ทุ ก ข อั น ทุ ก ข ต ามสนอง หยั่ ง ลงสู ค วามทุ ก ข ไม ห ยั่ ง ลงสู ความสุ ข ก็ มี อ ยู , สั ต ว ทั้ ง หลายจึ ง เบื่ อ หน า ย ในรู ป ในเวทนา ในสั ญ ญ า ใน สั ง ขารทั้ ง หลาย และในวิ ญ ญาณ. เมื่ อ เบื่ อ หน า ย ย อ มคลายกํ า หนั ด เพราะ คลายกํ า หนัด ยอ มบริส ุท ธิ ์ไ ด. มหลิ ! สิ ่ง เหลา นี ้แ หละ เปน เหตุเ ปน ปจ จัย เพื ่อ ความบริส ุท ธิ ์ข องสัต วทั ้ง หลาย, สัต วทั ้ง หลาย ยอ มบริส ุท ธิ ์ไ ด เพราะมี เหตุมีปจจัย โดยลักษณะเชนนี้ แล.
www.buddhadasa.info - ขนธ. สํ. ๑๗/๘๕, ๘๗/๑๓๑, ๑๓๒.
๒๓๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
เบญจขันธเปนธรรมฝายที่แตกสลายได ภิ กษุ ท.! เราจั กแสดง สิ่ งซึ่ งแตกสลายได และ สิ่ งซึ่ งแตกสลายไม ได , พวกเธอทั้งหลายจงฟงขอนั้น. ภิก ษุ ท .! สิ ่ง ซึ ่ง แ ต ก ส ล ายได เป น อ ยา งไร? และสิ ่ง ซึ ่ง แ ต ก สลายไมได เปนอยางไรเลา? ภิ ก ษุ ท.! รู ป เป น สิ่ ง ซึ่ ง แตกสลายได , ส ว นธรรมเป น ที่ ดั บ ไม เ หลื อ เป น ที่ ส งบระงั บ และเป น ที่ เ ข า ไปตั้ ง อยู ไ ม ไ ด ของรู ป นั้ น , นั่ น คื อ สิ่ ง ซึ่ ง แตก สลายไมได; ภิก ษุ ท.! เวทนา เปน สิ ่ง ซึ ่ง แตกสลายได, สว นธรรมเปน ที ่ด ับ ไม เหลื อ เป น ที่ ส งบระงั บ และเป น ที่ เ ข า ไปตั้ ง อยู ไ ม ไ ด ของเวทนานั้ น , นั่ น คื อ สิ่งซึ่งแตกสลายไมได;
www.buddhadasa.info ภิก ษ ุ ท .! สัญ ญ า เปน สิ ่ง ซึ ่ง แต กส ล ายได, สว น ธรรม เป น ที ่ด ับ ไม เ หลื อ เป น ที่ ส งบระงั บ และเป น ที่ เ ข า ไปตั้ ง อยู ไ ม ไ ด ของสั ญ ญานั้ น , นั ่น คือ สิ่ง ซึ่งแตกสลายไมได;
ภ ิก ษ ุ ท .! ส ัง ข ารทั ้ง ห ล าย เป น สิ ่ง ซึ ่ง แ ต ก ส ล าย ได , ส ว น ธ รรม เปน ที ่ด ับ ไมเ หลือ เปน ที ่ส งบระงับ และเปน ที ่เ ขา ไปตั ้ง อยู ไ มไ ด ของสัง ขาร ทั้งหลายเหลานั้น, นั่นคือสิ่งซึ่งแตกสลายไมได;
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๓๓
ภ ิก ษ ุ ท .! วิญ ญ าณ เป น สิ ่ง ซึ ่ง แ ต ก ส ล าย ได , ส ว น ธ รรม เป น ที่ ดับ ไมเ หลือ เปน สงบระงับ และเปน ที ่เ ขา ไปตั ้ง อยู ไ มไ ด ของวิญ ญ าณ นั ้น , นั่นคือ สิ่งซึ่งแตกสลายไมได; ดังนี้ แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๔๐/๗๐.
เบญจขันธไมเที่ยง ภ ิก ษ ุ ท .! รูป เป น ข อ งไม เ ที ่ย ง ม ีค วาม แป รป รวน ม ีค วาม เป น โดยอยางอื่นได; ภิ ก ษุ ท.! เวทนา เป น ของไม เ ที่ ย ง มี ค วามแปรปรวน มี ค วามเป น โดยอยางอื่นได; ภิ ก ษุ ท.! สั ญ ญ า เป น ของไม เ ที่ ย ง มี ค วามแปรปรวน มี ค วามเป น โดยอยางอื่นได; ภิ ก ษุ ท.! สั ง ขารทั้ ง หลาย เป น ของไม เ ที่ ย ง มี ค วามแปรปรวน มี ความเปนโดยอยางอื่นได; ภิ ก ษุ ท.! วิ ญ ญ าณ เป น ของไม เ ที่ ย ง มี ค วามแปรปรวน มี ค วาม เปนโดยอยางอื่นได แล.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๘๑/๔๗๘. "ข าแต พระองค ผู เจริญ ! คนกล าวกั นว า 'ส มุ ทยธรรม สมุ ทยธรรม (มี ความ กอขึ้นเปนธรรมดา) ดังนี้, ก็สมุทยธรรมนั้น เปนอยางไรเลา ? พระเจาขา !"
๒๓๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ร า ธ ะ ! รูป เ ป น ส ม ุท ย ธ ร ร ม , เ ว ท น า เ ป น ส ม ุท ย ธ ร ร ม , สั ญ ญ า เป น สมุ ท ยธรรม, สั ง ขารทั้ ง หลาย เป น สมุ ท ยธรรม, และวิ ญ ญ าณ เปนสมุทยธรรม แล. "ข าแต พ ระองค ผู เจริญ ! คนกล าวกั นว า 'วยธรรม วยธรรม (มี ความเสื่ อม เปนธรรมดา)' ดังนี้, ก็วยธรรมนั้น เปนอยางไรเลา ? พระเจาขา !"
ร า ธ ะ ! รู ป เ ป น ว ย ธ ร ร ม , เ ว ท น า เ ป น ว ย ธ ร ร ม , สั ญ ญ า เปน วยธรรม , สัง ขารทั ้ง ห ลาย เปน วยธรรม , แล ะวิญ ญ าณ เปน วยธรรม แล. "ข า แต พ ระองค ผู เ จริ ญ ! คนกล า วกั น ว า 'นิ โ รธธรรม, นิ โ รธธรรม, (มี ค วาม ดับเปนธรรมดา)’ ดังนี้, ก็นิโรธธรรมนั้น เปนอยางไรเลา ? พระเจาขา !”
ราธ ะ ! รู ป เป น นิ โ รธ ธรรม , เวท น า เป น นิ โ รธ ธรรม , สั ญ ญ า เป น นิ โ ร ธ ธ ร ร ม , สั ง ข า ร ทั ้ ง ห ล า ย เป น นิ โ รธ ธ ร รม , แ ล ะ วิ ญ ญ า ณ เป น นิโรธธรรม แล
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๔๑-๒/๓๘๗,๓๘๖,๓๘๘.
ภ ิก ษ ุ ท .! รูป ไ ม เ ที ่ย ง , สิ ่ง ใ ด ไ ม เ ที ่ย ง สิ ่ง นั ้น เป น ท ุก ข , สิ ่ง ใด เป น ท ุก ข สิ ่ง นั ้น เป น อ น ัน ต า , สิ ่ง ใด เป น อ น ัต ต า พ ึง เห ็น สิ ่ง นั ้น ดว ย ปญ ญ า อัน ช อ บ ต า ม ที ่เ ปน จ ริง อ ยา ง นี ้ว า "นั ่น ไมใ ชข อ ง เรา , นั ่น ไมใชเรา, นั่นไมใชตัวตนของเรา" ดังนี้;
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๓๕
ภ ิก ษ ุ ท .! เว ท น า ไม เ ที ่ย ง , สิ ่ง ใด ไม เ ที ่ย ง สิ ่ง นั ้น เป น ท ุก ข, สิ ่ง ใด เป น ท ุก ข สิ ่ง นั ้น เป น อ น ัต ต า , สิ ่ง ใด เป น อ น ัต ต า พ ึง เห ็น สิ ่ง นั ้น ดว ย ปญ ญ าอัน ช อ บ ต าม ที ่เ ปน จ ริง . อ ยา งนี ้ว า "นั ่น ไมใ ชข อ งเรา , นั ่น ไมใชเรา, นั่น ไมใชตัวตนของเรา" ดังนี้; ภ ิก ษ ุ ท .! สัญ ญ า ไม เ ที ่ย ง, สิ ่ง ใด ไม เ ที ่ย ง สิ ่ง นั ้น เป น ท ุก ข, สิ่ ง ใด เป น ทุ ก ข สิ่ ง นั้ น เป น อนั ต ตา, สิ่ ง ใด เป น อนั ต ตา พึ ง เห็ น สิ่ ง นั้ น ด ว ย ป ญ ญ าอั น ชอบ ตามที่ เ ป น จริ ง อย า งนี้ ว า "นั่ น ไม ใ ช ข องเรา, นั่ น ไม ใ ช เ รา, นั่น ไมใชตัวตนของเรา" ดังนี้; ภิ กษุ ท .! สั งขารทั้ งห ล าย ไม เที่ ยง, สิ่ งใด ไม เที่ ยง สิ่ ง นั้ น เป น ทุก ข, สิ ่ง ใด เปน ทุก ข สิ ่ง นั ้น เปน อ นัต ต า , สิ ่ง ใด เปน อ นัต ต า พึง เห็น สิ ่ง นั ้น ดว ย ปญ ญ าอัน ชอ บ ต าม ที ่เ ปน จริง อ ยา งนี ้ว า "นั ่น ไมใ ชข อ งเรา, นั่น ไมใชเรา, นั่น ไมใชตัวตนของเรา" ดังนี้;;
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! วิญ ญ าณ ไมเ ที ่ย ง, สิ ่ง ใด ไมเ ที ่ย ง สิ ่ง นั ้น เปน ทุก ข, สิ่ ง ใดเป น ทุ ก ข สิ่ ง นั้ น เป น อนั ต ตา, สิ่ ง ใด เป น อนั ต ตา พึ งเห็ น สิ่ ง นั้ น ด ว ย ปญ ญ าอัน ชอบ ตามที ่เ ปน จริง อยา งนี ้ว า "นั ่น ไมใ ชข องเรา, นั ่น ไมใ ชเ รา, นั่นไมใชตัวตนของเรา" ดังนี้ แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๘/๔๒.
๒๓๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
เหตุปจจัยของเบญจขันธก็ไมเที่ยง ภ ิก ษ ุ ท .! รูป ไมเ ที ่ย ง, ถึง แ มเ ห ตุ แ ม ป จ จัย เพื ่อ ก ารบ ัง เกิด ขึ้ น ของรู ป ก็ ไ ม เ ที่ ย ง, รู ป ที่ เ กิ ด จากเหตุ ป จ จั ย อั น ไม เ ที่ ย งแล ว จั ก เป น ของ เที่ยงไดอยางไร ; ภ ิก ษ ุ ท .! เว ท น า ไม เ ที ่ย ง , ถ ึง แ ม เ ห ต ุ แ ม ป จ จ ัย เพื ่อ ก า ร บั ง เกิ ด ขึ้ น ของเวทนา ก็ ไ ม เ ที่ ย ง, เวทนา ที่ เ กิ ด จากเหตุ ป จ จั ย อั น ไม เที่ ย งแล ว จักเปนของเที่ยงไดอยางไร ; ภ ิก ษ ุ ท .! ส ัญ ญ า ไม เ ที ่ย ง , ถ ึง แ ม เ ห ต ุ แ ม ป จ จ ัย เพื ่อ ก า ร บั ง เกิ ด ขึ้ น ของสั ญ ญาก็ ไ ม เที่ ย ง, สั ญ ญา ที่ เกิ ด จากเหตุ ป จ จั ย อั น ไม เที่ ย งแล ว จักเปนของเที่ยงไดอยางไร; ภิ ก ษุ ท.! สั ง ขารทั้ ง หลาย ไม เ ที่ ย ง, ถึ ง แม เหตุ แม ป จ จั ย เพื่ อ การ บัง เกิด ขึ้น ของสัง ขารทั ้ง หลาย ก็ไ มเที ่ย ง, สัง ขาร ที ่เกิด จากเหตุป จ จัย อันไมเที่ ยง แลว จักเปนของเที่ยงไดอยางไร ;
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท .! วิ ญ ญ าณ ไม เที่ ย ง, ถึ งแ ม เห ตุ แ ม ป จ จั ย เพื่ อ ก าร บั ง เกิ ด ขึ้ น ของวิ ญ ญาณ ก็ ไ ม เ ที่ ย ง, วิ ญ ญาณ ที่ เกิ ด จากเหตุ ป จ จั ย อั น ไม เที่ ย ง แลว จักเปนของเที่ยงไดอยางไร . - ขนฺธ. ส. ๑๗/๒๙/๔๕.
เบญจขันธเปนทุกข "ข าแต พ ระอ งค ผู เจ ริ ญ ! ค น ก ล าวกั น ว า 'ทุ ก ข ทุ ก ข ' ดั งนี้ , ทุ ก ข นั้ น เปนอยางไรเลา ? พระเจาขา !"
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๓๗
รา ธ ะ ! รูป เป น ท ุก ข , เว ท น า เป น ท ุก ข , ส ัญ ญ า เป น ท ุก ข , สังขารทั้งหลาย เปนทุกข, และวิญญาณ เปนทุกข แล. "ข าแต พ ระอ งค ผู เจริ ญ ! ค น ก ล าวกั น ว า 'ทุ กขธรรม ทุ กขธรรม (มี ทุ ก ข เปนธรรมดา)' ดังนี้, ก็ทุกขธรรมนั้น เปนอยางไรเลา? พระเจาขา!"
ร า ธ ะ ! รูป เป น ท ุก ข ธ ร ร ม , เว ท น า เป น ท ุก ข ธ ร ม , สัญ ญ า เปน ทุก ขธรรม , สัง ขารทั ้ง หลาย เปน ทุก ขธรรม , และวิญ ญ าณ เปน ทุก ขธรรม แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๔๐/๓๘๑-๓๘๒. ภ ิก ษ ุ ท .! รูป เป น ท ุก ข, สิ ่ง ใด เป น ท ุก ข สิ ่ง นั ้น เป น อ น ัต ต า , สิ่ ง ใด เป น อนั ต ตา พึ ง เห็ น สิ่ ง นั้ น ด ว ยป ญ ญาอั น ชอบ ตามที่ เป น จริ ง อย า งนี้ ว า " นั่น ไมใชของเรา, นั่น ไมใชเรา, นั่นไมใชตัวตนของเรา" ดังนี้;
www.buddhadasa.info ภิ ก ษ ุ ท .! เว ท น า เป น ท ุก ข , สิ ่ง ใ ด เป น ท ุก ข สิ ่ง นั ้น เป น อนัต ตา, สิ ่ง ใด เปน อนัต ตา พึง เห็น สิ ่ง นั ้น ดว ยปญ ญ าอัน ชอบ ตามที ่เ ปน จ ริ ง อ ย า ง นี ้ ว า "นี ่ ไ ม ใ ช ข อ ง เร า , นั ่ น ไ ม ใ ช เ ร า , นั ่ น ไ ม ใ ช ต ั ว ต น ข อ ง เรา" ดังนี้;
ภิ ก ษุ ท .! สั ญ ญ า เป น ทุ ก ข , สิ่ ง ใ ด เป น ทุ ก ข สิ่ ง นั้ น เป น อนัต ตา, สิ ่ง ใด เปน อนัต ตา พึง เห็น สิ ่ง นั ้น ดว ยปญ ญ าอัน ชอบ ตามที ่เ ปน จ ริ ง อ ย า ง นี ้ ว า "นั ่ น ไ ม ใ ช ข อ ง เ ร า , นั ่ น ไ ม ใ ช เ ร า , นั ่ น ไ ม ใ ช ต ั ว ต น ของเรา" ดังนี้;
๒๓๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภ ิก ษ ุ ท .! สัง ข ารทั ้ง ห ล าย เป น ท ุก ข, สิ ่ง ใด เป น ท ุก ข สิ ่ง นั ้น เปน อนัต ตา, สิ ่ง ใด เปน อนัต ตา พึง เห็น สิ ่ง นั ้น ดว ยปญ ญ าอัน ชอบ ตามที่ เปน จ ริง อ ยา ง นี ้ว า "นี ่ ไมใ ชข อ ง เร า , นั ่น ไมใ ชเ ร า , นั ่น ไมใ ชต ัว ต น ของเรา" ดังนี้; ภิ ก ษุ ท .! วิ ญ ญ า ณ เป น ทุ ก ข , สิ่ ง ใด เป น ทุ ก ข สิ่ งนั้ น เป น อนัต ตา, สิ ่ง ใด เปน อนัต ตา พึง เห็น สิ ่ง นั ้น ดว ยปญ ญ าอัน ชอบ ตามที ่เ ปน จ ริง อ ยา งนี ้ว า "นั ่น ไมใ ชข อ งเรา , นั ่น ไมใ ชเ รา , นั ่น ไมใ ชต ัว ต น ข อ ง เรา" ดังนี้ แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๘/๔๓.
เหตุปจจัยของเบญจขันธก็เปนทุกข ภิ ก ษ ุ ท .! รูป เปน ทุก ข, ถึง แมเ ห ตุ แมป จ จัย เพื ่อ ก ารบัง เกิด ขึ ้น ของรูป ก็เ ปน ทุก ข, รูป ที ่เ กิด จากเหตุป จ จัย อัน เปน ทุก ขแ ลว จัก เปน สุขไดอยางไร;
www.buddhadasa.info ภ ิก ษ ุ ท .! เว ท น า เป น ท ุก ข , ถ ึง แ ม เ ห ต ุ แ ม ป จ จ ัย เพื ่อ ก า ร บัง เกิด ขึ ้น ของเวทนา ก็เ ปน ทุก ข, เวทนา ที ่เ กิด จากเหตุป จ จัย อัน เปน ทุก ข แลว จักเปนสุขไดอยางไร ;
ภ ิก ษ ุ ท .! ส ัญ ญ า เป น ท ุก ข , ถ ึง แ ม เ ห ต ุ แ ม ป จ จ ัย เพื ่อ ก า ร บั ง เกิ ด ขึ้ น ของสั ญ ญา ก็ เ ป น ทุ ก ข , สั ญ ญา ที่ เ กิ ด จากเหตุ ป จ จั ย อั น เป น ทุ ก ข แลว จักเปนสุขไดอยางไร ;
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๓๙
ภิก ษ ุ ท .! สัง ข า รทั ้ง ห ล า ย เปน ทุก ข, ถึง แ มเ ห ตุ แ มป จ จัย เพื่ อ การบั ง เกิ ด ขึ้ น ของสั ง ขารทั้ ง หลาย ก็ เป น ทุ ก ข , สั ง ขาร ที่ เกิ ด จากเหตุ ป จ จั ย อันเปนทุกขแลว จักเปนสุขไดอยางไร; ภิ ก ษุ ท.! วิ ญ ญ าณ เป นทุ ก ข , ถึ ง แม เหตุ แม ป จจั ย เพื่ อการ บั งเกิ ด ขึ้ น ของวิ ญ ญาณ ก็ เป น ทุ ก ข , วิ ญ ญาณ ที่ เกิ ด จากเหตุ ป จ จั ย อั น เป น ทุ ก ข แลว จักเปนสุขไดอยางไร. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๙/๔๖.
เบญจขันธเปนอนัตตา ภิก ษุ ท.! รูป เปน อนัต ตา, บุค คล พึง เห็น รูป นั ้น ดว ยปญ ญ า อัน ชอบ ตามที ่เ ปน จริง อยา งนี ้ว า "นั ่น ไมใ ชข องเรา, นั ่น ไมใ ชเ รา, นั ่น ไมใชตัวตนของเรา" ดังนี้;
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! เวทนา เป น อนั ต ตา, บุ ค คล พึ ง เห็ น เวทนานั้ น ด ว ย ปญ ญาอัน ชอบ ตามที ่เ ปน จิร งอยา งนี ้ว า "นั ่น ไมใ ชข องเรา, นั ่น ไมใ ชเ รา, นั่น ไมใชตัวตนของเรา" ดังนี้ ;
ภิ ก ษุ ท.! สั ญ ญ า เป น อนั ต ตา, บุ ค คล พึ ง เห็ น สั ญ ญ านั้ น ด ว ย ปญ ญาอัน ชอบ ตามที ่เ ปน จริง อยา งนี ้ว า "นั ่น ไมใ ชข องเรา, นั ่น ไมใ ชเ รา, นั่น ไมใชตัวตนของเรา" ดังนี้ ;
๒๔๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิก ษุ ท.! สัง ขารทั ้ง หลาย เปน อนัต ตา, บุค คล พึง เห็น สัง ขาร ทั้ ง หลายเหล า นั้ น ด ว ยป ญ ญาอั น ชอบ ตามที่ เป น จริง อย า งนี้ ว า "นั่ น ไม ใช ข อง เรา. นั่น ไมใชเรา, นั่น ไมใชตัวตนของเรา" ดังนี้; ภิ ก ษุ ท.! วิ ญ ญ าณ เป น อนั ต ตา, บุ ค คล พึ ง เห็ น วิ ญ ญ าณ นั้ น ดว ยปญ ญาอัน ชอบ ตามที ่เ ปน จริง อยา งนี ้ วา "นั ่น ไมใ ชข องเรา, นั ่น ไม ใชเรา, นั่น ไมใชตัวตนของเรา" ดังนี้แล. - ขนฺธ สํ. ๑๗/๒๘/๔๔. ภิก ษ ุ ท .! รูป เปน อ นัต ต า . ภ ิก ษ ุ ท .! ถา รูป จัก เป น อัต ต า แลว ไซร รูป นี ้ ก็ไ มพ ึง เปน ไปเพื ่อ อาพาธ (ความถูก เบีย ดเบีย นดว ยโรคเปน ตน ); อนึ ่ง สัต ว จะพึง ไดใ นรูป ตามปรารถนาวา 'รูป ของเรา จงเปน อยา งนี ้เ ถิด , รูป ของเรา อยา ไดเ ปน อยา งนั ้น เลย' ดัง นี ้. ภิก ษุ ท.! แตเ พราะเหตุที ่ รูป เป น อ น ัต ต า รูป จึง เป น ไป เพื ่อ อ าพ าธ; อ นึ ่ง สัต วย อ ม ไม ไ ดใ น รูป ต าม ปรารถนาว า 'รู ป ของเราจงเป น อย า งนี้ เ ถิ ด . รู ป ของเรา อย า ได เ ป น อย า งนั้ น เลย' ดังนี้.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท .! เวท น า เป น อ นั ต ต า. ภิ ก ษุ ท .! ถ าเวท น า จั ก เป น อัต ต าแลว ไซร เวท น านี ้ ก็ไ มพ ึง เปน เพื ่อ อาพ าธ; อ นึ ่ง สัต วจ ะพ ึง ไดใ น เวทนาตามปรารถนาว า 'เวทนาของเรา จงเป น อย า งนี้ เถิ ด , เวทนาของเราอย า ได เ ป น อย า งนั้ น เลย ดั ง นี้ . ภิ ก ษุ ท.! แต เ พราะเหตุ ที่ เวทนา เป น อนั ต ตา เวทนา จึง เปน เพื ่อ อาพาธ; อนึ ่ง สัต ว ยอ มไมไ ดใ นเวทนาตามปรารถนา วา 'เวทนาของเรา จงเปน อยา งนี ้เ ถิด , เวทนาของเรา อยา ไดเ ปน อยา งนั ้น เลย' ดังนี้
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๔๑
ภิ กษุ ท .! สั ญ ญ า เป น อ นั ต ต า. ภิ กษุ ท .! ถ า สั ญ ญ า จั ก เป น อั ต ตาแล ว ไซร สั ญ ญ านี้ ก็ ไ ม พึ ง เป น ไปเพื่ อ อาพาธ; อนึ่ ง สั ต ว จะพึ ง ได ใ น สั ญ ญาตามปรารถนาว า 'สั ญ ญาของเรา จงเป น อย า งนี้ เ ถิ ด , สั ญ ญาของเรา อยา ไดเ ปน อยา งนั ้น เลย' ดัง นี ้. ภิก ษุ ท.! แตเ พ ราะเหตุที ่ สัญ ญ า เปน อนั ต า สั ญ ญ า จึ ง เป น ไปเพื่ ออาพาธ; อนึ่ ง สั ต ว ย อ มไม ไ ด ใ นสั ญ ญ าตาม ปรารถนาว า 'สั ญ ญาของเรา จงเป น อย า งนี้ เ ถิ ด , สั ญ ญาของเรา อย า ได เ ป น อยางนั้นเลย' ดังนี้. ภ ิก ษ ุ ท .! สัง ขารทั ้ง ห ล าย เป น อ นัต ต า. ภ ิก ษ ุ ท .! ถา สัง ขาร ทั้ ง หลาย จั ก เป น อั ต ตาแล ว ไซร สั ง ขารทั้ ง หลายเหล า นี้ ก็ ไ ม พึ ง เป น ไปเพื่ อ อาพ าธ; อนึ ่ง สัต ว จะพึง ไดใ นสัง ขารทั ้ง ห ลายตาม ป รารถน าวา 'สัง ขาร ทั้ ง หลายของเรา จงเป น อย า งนี้ เถิ ด , สั ง ขารทั้ ง หลายของเรา อย า ได เป น อย า ง นั ้น เลย'ดัง นี ้. ภิก ษุ ท.! แตเ พราะเหตุที ่ส ัง ขารทั ้ง หลายเปน อนัต ตา สัง ขาร ทั้ ง หลายจึ ง เป น ไปเพื่ อ อาพาธ; อนึ่ ง สั ต ว ย อ มไม ไ ด ใ นสั ง ขารทั้ ง หลายตาม ปรารถนาว า 'สั ง ขารทั้ ง หลายของเรา จงเป น อย า งนี้ เ ถิ ด , สั ง ขารทั้ ง หลายของ เรา อยาไดเปนอยางนั้นเลย' ดังนี้.
www.buddhadasa.info ภิ กษุ ท .! วิ ญ ญ าณ เป น อนั ต ต า. ภิ กษุ ท .! ถ า วิ ญ ญ าณ จั ก เปน อัต ตาแลว ไซร วิญ ญ าณ นี ้ก ็ไ มพ ึง เปน ไปเพื ่อ อาพาธ; อนึ ่ง สัต ว จะพึง ได ในวิ ญ ญาณตามปรารถนาว า 'วิ ญ ญาณของเรา จงเป น อย า งนี้ เถิ ด , วิ ญ ญาณ ของเรา อย า ได เ ป น อย า งนั้ น เลย' ดั ง นี้ ภิ ก ษุ ท.! แต เ พราะเหตุ ที่ วิ ญ ญ าณ เป น อ น ัต ต า วิญ ญ า ณ จ ึง เป น ไป เพื ่อ อ า พ า ธ ; อ นึ ่ง ส ัต ว ย อ ม ไม ไ ด ใ น วิ ญ ญาณตามปรารถนาว า 'วิ ญ ญาณของเรา จงเป น อย า งนี้ เถิ ด , วิ ญ ญาณของ เรา อยาไดเปนอยางนั้นเลย' ดังนี้. ....
๒๔๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท .! เพ ร า ะ ฉ ะ นั ้ น ใ น ก ร ณ ี นี ้ , รู ป ช นิ ด ใ ด ช นิ ด ห นึ ่ ง มี อยู จะเป นอดี ตอนาคตหรือป จจุ บั นก็ ตาม เป นภายในหรือภายนอกก็ ตาม หยาบ หรือ ละเอีย ดก็ต าม เลวหรือ ประณีต ก็ต าม มีใ นที ่ไ กลหรือ ใกลก ็ต าม, รูป ทั้ ง ปวงนั้ น อั น ใคร ๆ พึ ง เห็ น ด ว ยป ญ ญาอั น ชอบ ตามที่ เป น จริ ง อย า งนี้ ว า 'นั่ น ไมใชของเรา. นั่น ไมใชเรา, นั่น ไมใชตัวตนของเรา' ดังนี้. ภิ ก ษุ ท.! เวทนา ชนิ ด ใดชนิ ด หนึ่ ง มี อ ยู จะเป น อดี ต อนาคตหรื อ ป จจุ บั น ก็ ตาม เป น ภายในหรื อภายนอกก็ ตาม หยาบหรือละเอี ยดก็ ตาม เลวหรื อ ประณีต ก็ต าม มีใ นที ่ไ กลหรือ ใกลก ็ต าม, เวทนาทั ้ง ปวงนั ้น อัน ใคร ๆ พึง เห็น ดว ยปญ ญ าอัน ชอบ ตาที ่เ ปน จริง อยา งนี ้ว า 'นั ่น ไมใ ชข องเรา, นั ่น ไมใชเรา, นั่น ไมใชตัวตนของเรา' ดังนี้. ภิก ษุ ท! สัญ ญ า ชนิด ใดชนิด หนึ ่ง มีอ ยู จะเปน อดีต อนาคต หรือป จจุ บั น ก็ ตาม เป นภายในหรือ ภายนอกก็ ตาม หยาบหรือละเอี ยดก็ ตาม เลว หรือประณี ตก็ ตาม มี ในที่ ไกลหรือใกล ก็ ตาม, สั ญญาทั้ งหลายทั้ งปวงเหล านั้ น อั นใคร ๆ พึง เห็น ดว ยปญ ญาอัน ชอบ ตามที ่เ ปน จิร งอยา งนี ้ว า 'นั ่น ไมใ ชข องเรา, นั ่น ไมใชเรา, นั่น ไมใชตัวตนของเรา' ดังนี้.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท! สั ง ขารทั้ ง หลาย ชนิ ด ใดชนิ ด หนึ่ ง มี อ ยู จะเป น อดี ต อนาคตหรือป จจุ บั นก็ ตาม เป นภายในหรือภายนอกก็ ตาม หยาบหรือละเอี ยดก็ ตาม เลวหรือ ประณ ีต ก็ต าม มีใ นที ่ไ กลหรือ ใกลก ็ต าม, สัง ขารทั ้ง หลายทั ้ง ปวง เหล า นั้ น อั น ใคร ๆ พึ ง เห็ น ด ว ยป ญ ญาอั น ชอบ ตาที่ เป น จิ รงอย า งนี้ ว า 'นั่ น ไม ใชของเรา, นั่น ไมใชเรา, นั่น ไมใชตัวตนของเรา' ดังนี้.
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๔๓
ภิ ก ษุ ท.! วิ ญ ญ าณ ชนิ ด ใดชนิ ด หนึ่ ง มี อ ยู จะเป น อดี ต อนาคต หรือ ป จจุ บั น ก็ ตาม เป นภายในหรือ ภายนอกก็ ตาม หยาบหรือละเอี ยดก็ ตาม เลว หรื อ ประณี ต ก็ ต าม มี ใ นที่ ไ กลหรื อ ใกล ก็ ต าม, วิ ญ ญาณทั้ ง ปวงนั้ น อั น ใคร ๆ พึง เห็น ดว ยปญ ญาอัน ชอบ ตามที ่เ ปน จริง อยา งนี ้ว า 'นั ่น ไมใ ชข องเรา, นั ่น ไมใชเรา, นั่น ไมใชตัวตนของเรา' ดังนี้ แล. - ขนฺธ. สํ ๑๗/๘๒-๘๔/๑๒๗-๑๒๙. ภิก ษุ ท.! เพราะฉะนั ้น ในกรณีนี ้, สิ ่ง ใดมิใ ชข องพวกเธอ, พวก เธอจงละสิ ่ง นั ้น เสีย , สิ ่ง นั ้น อัน พวกเธอละไดแ ลว จัก เปน ไปเพื ่อ ประโยชน สุ ข แ ก พ ว ก เธ อ เอ ง ต ล อ ด ก า ล น า น . ภิ ก ษุ ท .! ก็ สิ ่ ง ใด เล า มิ ใ ช ข อ ง พวกเธอ ? ภิก ษุ ท.! รูป มิใ ชข องพวกเธอ, พวกเธอจงละรูป นั ้น เสีย ; รูป นั้ น อั น พวกเธอละได แ ล ว จั ก เป น ไปเพื่ อ ประโยชน สุ ข แก พ วกเธอเอง ตลอด กาลนาน.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! เวทนา มิใ ชข องพ วกเธอ, พ วกเธอจงละเวทนานั ้น เสีย ; เวทนานั ้น อัน พวกเธอละไดแ ลว จัก เปน ไปเพื ่อ ประโยชนส ุข แกพ วก เธอเอง ตลอดกาลนาน.
ภิ ก ษุ ท.! สั ญ ญ า มิ ใ ช ข องพวกเธอ, พวกเธอจงละสั ญ ญ านั้ น เสีย ; สัญ ญ านั ้น อัน พวกเธอละไดแ ลว จัก เปน ไปเพื ่อ ประโยชนส ุข แกพ วก เธอเอง ตลอดกาลนาน.
๒๔๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! สั ง ขารทั้ ง หลาย มิ ใ ช ข องพวกเธอ, พวกเธอจงละสั ง ขาร ทั้ ง หลายเหล า นั้ น เสี ย ; สั ง ขารทั้ ง หลายเหล า นั้ น อั น พวกเธอละได แ ล ว จั ก เป น ไปเพื่อประโยชนสุขแกพวกเธอเอง ตลอดกาลนาน. ภิก ษ ุ ท .! วิญ ญ าณ มิใ ชข องพ วกเธอ , พ วกเธอ จงล ะวิญ ญ าณ นั ้น เสีย ; วิญ ญ าณ นั ้น อัน พวกเธอละไดแ ลว จัก เปน ไปเพื ่อ ประโยชนส ุข แก พวกเธอเอง ตลอดกาลนาน. ภิ ก ษุ ท.! พวกเธอจะสํ า คั ญ ความข อ นี้ ว า อย า งไร ? คื อ ข อ ที่ ห ญ า ไม กิ ่ง ไมแ ละใบไม ใด ๆ มีอ ยู ในเชตวัน นี ้, เมื ่อ คนเขาขนเอามัน ไปก็ต าม เผาเสี ย ก็ ต าม หรื อ กระทํ า ตามความต อ งการอย า งใดอย า งหนึ่ ง ก็ ต าม; พวกเธอ เคยเกิ ด ความคิ ด อย า งนี้ บ า งหรื อ ไม ว า "คนเขาขนเอาเราไปบ า ง เขาเผาเราบ า ง เขาทําแกเราตามความปรารถนาของเขาบาง" ดังนี้? "ข อ นั้ น หามิ ได พระเจ าข า !" ข อ นั้ น เพราะเหตุ ไรเล า ? "เพราะเหตุ ว า นั่น หาไดเปนตัวตน หรือของเนื่องดวยตัวตน ของขาพระองคไม พระเจาขา !"
www.buddhadasa.info ภ ิก ษ ุ ท .! ฉัน ใด ก็ฉ ัน นั ้น , ค ือ สิ ่ง ใด ม ิใ ชข อ ง พ ว ก เธ อ , พ ว ก เธอจงละสิ ่ง นั ้น เสีย ; สิ ่ง นั ้น อัน พวกเธอละไดแ ลว จัก เปน ไปเพื ่อ ประโยชน สุขแกพวกเธอเอง ตลอดกาลนาน แล. - มู. ม. ๑๒/๒๗๙/๒๘๗
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๔๕
เหตุปจจัยของเบญจขันธก็เปนอนัตตา ภิ ก ษ ุ ท .! รูป เป น อ น ัต ต า . ถ ึง แ ม เ ห ต ุ แ ม ป จ จ ัย เพื ่อ ก า ร บัง เกิด ขึ ้น ของรูป ก็เ ปน อนัต ตา, รูป ที ่เ กิด จากเหตุป จ จัย อัน เปน อนัต ตาแลว จักเปนอัตตาไดอยางไร ; ภิ ก ษุ ท .! เวท น า เป น อ นั ต ต า. ถึ งแม เห ตุ แม ป จจั ย เพื่ อ ก าร บั ง เกิ ด ขึ้ น ของเวทนา ก็ เ ป น อนั ต ตา, เวทนา ที่ เ กิ ด จากเหตุ ป จ จั ย อั น เป น อนัตตาแลว จักเปนอัตตาไดอยางไร ; ภิ กษุ ท .! สั ญ ญ า เป น อนั ตตา. ถึ ง แม เห ตุ แม ป จจั ย เพื่ อการ บั งเกิ ด ขึ้ น ของสั ญ ญา ก็ เป น อนั ต ตา, สั ญ ญา ที่ เกิ ด จากเหตุ ป จ จั ย อั น เป น อนั ต ตา แลว จักเปนอัตตาไดอยางไร ; ภ ิก ษ ุ ท .! สัง ขารทั ้ง ห ล าย เป น อ น ัต ต า. ถึง แม เ ห ต ุ แม ป จ จัย เพื่ อ การบั ง เกิ ด ขึ้ น ของสั ง ขารทั้ ง หลาย ก็ เ ป น อนั ต ตา, สั ง ขาร ที่ เ กิ ด จากเหตุ ปจจัยอันเปนอนัตตาแลว จักเปนอัตตาไดอยางไร ;
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! วิ ญ ญ าณ เป น อนั ต ตา. ถึ ง แม เ หตุ แม ป จ จั ย เพื่ อ การ บัง เกิด ขึ ้น ของวิญ ญ าณ ก็เ ปน อนัต ตา, วิญ ญ าณ ที ่เ กิด จากเหตุป จ จัย อัน เปนอนัตตาแลว จักเปนอัตตาไดอยางไร แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๐/๔๗.
๒๔๖
อริยสัจจากพระโอษฐ เบญจขันธเปนภาระที่หนัก
ภ ิ ก ษ ุ ท .! เร า จั ก แ ส ด ง ภ า ร ะ (ข อ ง ห นั ก )...แ ก พ ว ก เธ อ . เธ อ ทั้งหลายจงฟงขอนั้น. ภ ิก ษ ุ ท .! อ ะ ไรเลา เปน ข อ งห นัก ? ภ ิก ษ ุ ท .! อุป าท าน ขัน ธ ทั ้ง หา นั ้น แหละ เรากลา ววา เปน ของหนัก . หา อยา งเหลา ไหนเลา ? หา อยา ง คือ ขัน ธอ ัน เปน ที ่ตั ้ง แหง ความยึด มั ่น คือ รูป , ขัน ธอ ัน เปน ที ่ตั ้ง แหง ความ ยึด มั ่น คือ เวทนา, ขัน ธอ ัน เปน ที ่ตั ้ง แหง ความยึด มั ่น คือ สัญ ญ า, ขัน ธอ ัน เป น ที่ ตั้ ง แห ง ความยึ ด มั่ น คื อ สั ง ขาร, และขั น ธ อั น เป น ที่ ตั้ ง แห ง ความยึ ด มั่ น คื อ วิญญาณ. ภิกษุ ท.! นี้ เราเรียกวา ของหนัก แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๒/๔๙.
เบญจขันธเปนทั้งผูฆาและผูตาย
www.buddhadasa.info "ข าแต พระองค ผู เจริญ! คนกล าวกั นว า 'มาร มาร' ดั งนี้ , เขากล าวกั นว า 'มาร' เชนนี้ มีความหมายเพียงไร พระเจาขา ?" ราธะ ! เมื ่อ (ความยึด ถือ ใน) รูป มีอ ยู , มารก็จ ะมี ผู ใ หต าย ก็จะมี หรือผูตายก็จะมี. ราธะ ! เมื ่อ (ค วาม ยึด ถือ ใน ) เวท น า มีอ ยู , ม ารก็จ ะมี ผู ใ ห ตายก็จะมี หรือผูตายก็จะมี
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๔๗
ราธะ ! เมื ่อ (ความ ยึด ถือ ใน ) สัญ ญ า มีอ ยู , ม ารก็จ ะมี ผู ใ ห ตายก็จะมี หรือผูตายก็จะมี. ราธะ ! เมื ่อ (ค วาม ยึด ถือ ใน ) สัง ขารทั ้ง ห ล าย มีอ ยู , ม ารก็ จะมี ผูใหตายก็จะมี หรือผูตายก็จะมี. ราธะ ! เมื่ อ (ความยึ ด ถื อ ใน) วิ ญ ญ าณ มี อ ยู , มารก็ จ ะมี ผู ใ ห ตายก็จะมี หรือผูตายก็จะมี. ราธะ ! เพ ราะฉ ะนั้ น ใน ก รณี นี้ เธอ พึ งเห็ น รู ป ก็ ดี เวท น าก็ ดี สั ญ ญาก็ ดี สั ง ขารทั้ ง หลายก็ ดี และวิ ญ ญาณก็ ดี ว า เป น มาร, ว า เป น ผู ใ ห ต าย, ว า ผู ต าย, ว า โรค, ว า หั ว ฝ , ว า ลู ก ศร, ว า ทุ ก ข , และว า ทุ ก ข ที่ เกิ ด แล ว , บุ ค คล เหลาใดเห็นขันธทั้งหาในลักษณะเชนนี้ บุคคลเชนนั้นชื่อวาเห็นอยูโดยชอบ แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๓๑/๓๖๖.
www.buddhadasa.info เบญจขันธเปนกองถานเถารึง
ภิ ก ษุ ท.! รู ป เป น กองถ า นเถ า รึ ง .,๑ เวทนา เป น กองถ า นเถ า รึ ง , สั ญ ญา เป น กองถ า นเถ า รึ ง , สั งขารทั้ งหลาย เป น กองถ า นเถ า รึ ง , และวิ ญ ญาณ เปนกองถานเถารึง. ภิ ก ษุ ท.! สาวกของพระอริ ย เจ า ผู ไ ด ยิ น ได ฟ ง เมื่ อ เห็ น อยู อ ย า งนี้ ยอมเบื่อหนายแมในรูป, ยอมเบื่อหนายแมในเวทนา, ยอมเบื่อหนายแมใน
๑. ถานเถารึง คือ ไฟถานที่ซอนอยูใตขี้เถารอน.
๒๔๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
สั ญ ญ า, ย อ มเบื่ อหน า ยแม ใ นสั ง ขารทั้ ง หลาย. และย อ มเบื่ อหน า ยแม ใ น วิญญาณ แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๑๗/๓๓๔. เบญจขันธเปนเครื่องผูกพันสัตว ภ ิก ษ ุ ท .! ใน โล ก นี ้ บ ุถ ุช น ผู ไ ม ไ ด ย ิน ได ฟ ง ไม ไ ด เ ห ็น เห ล า พระอริ ย เจ า ไม ฉ ลาดในธรรมของพระอริ ย เจ า ไม ถู ก แนะนํ า ให ธ รรมของพระอริย เจา ไมไ ดเ ห็น เหลา สัต บุร ุษ ไมฉ ลาดในธรรมของสัต บุร ุษ ไมถ ูก แนะนํ า ในธรรมของสัตบุรุษ :ย อ มตามเห็ น พร อ ม (คื อเห็ นดิ่ งอยู เป นประจํ า) ซึ่ งรู ป โดยความเป น ตน หรือ ตามเห็น พรอ ม ซึ ่ง ตน วา มีร ูป หรือ ตามเห็น พรอ ม ซึ ่ง รูป วา มีอ ยู ใ นตน หรือตามเห็นพรอม ซึ่งตนวามีอยูในรูป บาง ;
www.buddhadasa.info ย อมตามเห็ นพรอม ซึ่ งเวทนา โดยความเป นตน หรือตามเห็ นพรอม ซึ่ ง ตน ว า มี เ วทนา หรื อ ตามเห็ น พร อ ม ซึ่ ง เวทนาว า มี อ ยู ใ นตน หรื อ ตามเห็ น พรอม ซึ่งตนวามีอยูในเวทนา บาง ;
ย อมตามเห็ นพร อม ซึ่ งสั ญ ญา โดยความเป นตน หรือตามเห็ นพรอม ซึ่ ง ตนว า มี สั ญ ญา หรื อ ตามเห็ น พร อ ม ซึ่ ง สั ญ ญ าว า มี อ ยู ใ นตน หรื อ ตามเห็ น พรอม ซึ่งตน วามีอยูในสัญญา บาง ;
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๔๙
ยอมตามเห็ นพรอม ซึ่งสั งขารทั้ งหลาย โดยความเป นตน หรือตาม เห็ น พร อ ม ซึ่ ง ตน ว า มี สั ง ขาร หรื อ ตามเห็ น พร อ ม ซึ่ ง สั ง ขารทั้ ง หลาย ว า มี อ ยู ในตน หรือตามเห็นพรอม ซึ่งตนวามีอยูในสังขารทั้งหลาย บาง; ย อ มตามเห็ น พร อ ม ซึ่ ง วิ ญ ญาณ โดยความเป น คน หรื อ ตามเห็ น พร อ ม ซึ่ ง ตน ว า มี วิ ญ ญ าณ หรื อ ตามเห็ น พร อ ม ซึ่ ง วิ ญ ญ าณ ว า มี อ ยู ใ นตน หรือตามเห็นพรอม ซึ่งตน วามีอยูในวิญญาณ บาง. ภิ ก ษุ ท.! บุ ถุ ช นผู ไ ม ไ ด ยิ น ได ฟ งนี้ เราเรี ย กว า ผู ถู ก ผู ก พั นด ว ย เครื่ อ งผู ก พั น คื อ รู ป บ า ง ผู ถู ก ผู ก พั น ด ว ยเครื่ อ งผู ก พั น คื อ เวทนาบ า ง ผู ถู ก ผู ก พั น ด ว ยเครื่ อ งผู ก พั น คื อ สั ญ ญาบ า ง ผู ถู ก ผู ก พั น ด ว ยเครื่ อ งผู ก พั น คื อ สั ง ขารทั้ ง หลาย บาง ผูถูกผูกพันดวยเครื่องผูกพันคือวิญญาณบาง ; เป น ผู ถู ก ผู ก พั น ด ว ยเครื่ อ งผู ก พั น ทั้ ง ภายในและภายนอก เป น ผู ไ ม เห็น ฝ ง นี ้ (คือ วัฏ ฏสงสาร ) เปน ผู ไ มเ ห็น ฝ ง โนน (คือ นิพ พาน), เกิด อยู อ ยา งผู มี เครื่อ งผูก พัน , แกอ ยูอ ยางผูม ีเครื่อ งผูก พัน , ตายอยูอ ยางผูม ีเครื่อ งผูก พัน , จากโลกนี้ไปสูโลกอื่นอยางผูมีเครื่องผูกพัน แล.
www.buddhadasa.info - ขนธ. สํ. ๑๗/๒๐๐/๓๐๔.
เรียกกันวา "สัตว" เพราะติดเบญจขันธ "ขาแต พระองค ผู เจริญ ! คนกล าวกั นวา 'สั ตว สั ตว' ดั งนี้ , เขากล าวกั นวา 'สัตว' เชนนี้ มีความหมายเพียงไร ? พระเจาขา !"
๒๕๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ราธะ ! ฉั น ทะ (ความพอใจ) ราคะ (ความกํ า หนั ด ) นั น ทิ (ความเพลิ น ) ตัณ หา (ความทะยานอยาก) ใด ๆ มีอ ยู ในรูป , สัต ว ยอ มเกี ่ย วขอ ง ยอ มติด ในรูป นั ้น ดว ยฉัน ทราคะเปน ตน นั ้น เพราะฉะนั ้น สัต วนั ้น จึง ถูก เรีย กวา "สัตว (ผูของติด)" ดังนี้ ; ราธะ ! ฉั น ทะ ราคะ นั น ทิ ตั ณ หา ใด ๆ มี อ ยู ใ นเวทนา, สั ต ว ย อ มเกี่ ย วข อ ง ย อ มติ ด ในเวทนานั้ น ด ว ยฉั น ทราคะเป น ต น นั้ น เพราะฉะนั้ น สัตวนั้น จึงถูกเรียกวา "สัตว" ดังนี้; ราธะ ! ฉั น ทะ ราคะ นั น ทิ ตั ณ หา ใด ๆ มี อ ยู ใ นสั ญ ญ า, สั ต ว ย อ มเกี่ ย วข อ ง ย อ มติ ด ในสั ญ ญานั้ น ด ว ยฉั น ทราคะเป น ต น นั้ น เพราะฉะนั้ น สัตวนั้น จึงถูกเรียกวา "สัตว" ดังนี้; ราธะ ! ฉั น ทะ ราคะ นั น ทิ ตั ณ หา ใด ๆ มี อ ยู ใ นสั ง ขารทั้ ง หลาย, สัต วยอ มเกี่ย วขอ ง ยอ มติด ในสัง ขารทั้ง หลายเหลา นั้น ดว ยฉัน ทราคะเปน ตน นั้น เพราะฉะนั้น สัตวนั้น จึงถูกเรียกวา "สัตว" ดังนี้ แล.;
www.buddhadasa.info ราธะ ! ฉั น ทะ ราคะ นั น ทิ ตั ณ หา ใด ๆ มี อ ยู ใ นวิ ญ ญาณ , สั ต ว ย อ มเกี่ ย วข อ ง ย อ มติ ด ในวิ ญ ญาณนั้ น ด ว ยฉั น ทราคะเป น ต น นั้ น เพราะฉะนั้ น สัตวนั้น จึงถูกเรียกวา "สัตว" ดังนี้ แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๓๒/๓๖๗.
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๕๑
ไมรูจักเบญจขันธชื่อวามีอวิชชา "ข า แต พ ระองค ผู เจริ ญ ! คนกล า วกั น ว า 'อวิ ช ชา อวิ ช ชา' ดั ง นี้ . ก็ อ วิ ช ชา นั้น เปนอยางไร ? และบุคคลชื่อวา มีอวิชชา ดวยเหตุเพียงไรเลา? พระเจาขา!"
ภิ ก ษุ ! ในโลกนี้ บุ ถุ ช น ผู ไ ม ไ ด ยิ น ได ฟ ง ย อ มไม รู จั ก รู ป , ไม รู จั ก เหตุ ใ ห เ กิ ด ของรู ป , ไม รู จั ก ความดั บ ไม เ หลื อ ของรู ป , ไม รู จั ก ทางดํ า เนิ น ให ถึ ง ความดั บ ไม เหลื อ ของรูป ; เขายอ ม ไม รูจั ก เวทนา, ไม รูจัก เหตุ ให เกิดของเวทนา, ไม รู จั ก ความดั บ ไม เหลื อ ของเวทนา, ไม รู จั ก ทางดํ า เนิ น ให ถึ ง ความดั บ ไม เหลื อ ของเวทนา; เขาย อ ม ไม รู จั ก สั ญ ญา, ไม รู จั ก เหตุ ใ ห เกิ ด ของสั ญ ญา, ไม รู จั ก ความดั บไม เหลื อของสั ญญา, ไม รูจักทางดํ าเนิ นให ถึ งความดั บไม เหลือของสั ญญา; เขายอ ม ไมรู จ ัก สัง ขารทั ้ง หลาย, ไมรูจัก เหตุใ หเ กิด ของสัง ขารทั ้ง หลาย, ไม รู จ ัก ความดับ ไมเ หลือ ของสัง ขารทั ้ง หลาย, ไมรู จ ัก ทางดํ า เนิน ใหถ ึง ความดับ ไมเ หลือ ของสัง ขารทั ้ง หลาย; และเขายอ ม ไมรู จ ัก วิญ ญาณ, ไมรู จ ัก เหตุใ ห เกิด ของวิญ ญาณ, ไมรู จ ัก ความดับ ไมเ หลือ ของวิญ ญาณ, ไมรู จ ัก ทางดํ า เนิน ใหถึงความดับไมเหลือของวิญ ญาณ. ภิกษุ ! ความไม รูนี้เราเรียกวา 'อวิชชา' และบุคคลชื่อวามีอวิชชาดวยเหตุมีประมาณเทานี้ แล.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๙๘/๓๐๐.
เพลินในเบญจขันธเทากับเพลินในทุกข ภ ิก ษ ุ ท .! ผู ใ ด เพ ล ิด เพ ล ิน อ ยู ใ น รูป , ผู นั ้น เท า ก ับ เพ ล ิด เพลิน อยู ใ นสิ ่ง ที ่เ ปน ทุก ข. เรากลา ววา "ผู ใ ด เพลิด เพลิน อยู ในสิ ่ง ที ่เ ปน ทุกข, ผูนั้น ยอมไมหลุดพนไปไดจากทุกข" ดังนี้ ;
๒๕๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท .! ผู ใ ด เพ ลิ ด เพ ลิ น อ ยู ใ น เว ท น า , ผู นั้ น เท า กั บ เพลิด เพลิน อยู ในสิ ่ง ที ่เ ปน ทุก ข. เรากลา ววา "ผู ใ ด เพลิด เพลิน อยู ในสิ ่ง ที่เปนทุกข, ผูนั้น ยอมไมหลุดพนไปไดจากทุกข" ดังนี้ ; ภิ ก ษุ ท .! ผู ใ ด เพ ลิ ด เพ ลิ น อ ยู ใ น สั ญ ญ า , ผู นั้ น เท า กั บ เพลิด เพลิน อยู ใ นสิ ่ง ที ่เ ปน ทุก ข. เรากลา ววา "ผู ใ ด เพลิด เพลิน อยู ในสิ ่ง ที่ เปนทุกข, ผูนั้น ยอมไมหลุดพนไปไดจากทุกข" ดังนี้; ภิ ก ษุ ท.! ผู ใ ด เพลิ ด เพลิ น อยู ใ นสั ง ขารทั้ ง หลาย, ผู นั้ น เท า กั บ เพลิด เพลิน อยู ในสิ ่ง ที ่เ ปน ทุก ข. เรากลา ววา "ผู ใ ดเพลิด เพลิน อยู ในสิ ่ง ที่ เปนทุกข, ผูนั้น ยอมไมหลุดพนไปไดจากทุกข" ดังนี้; ภิ ก ษุ ท .! ผู ใด เพ ลิ ด เพ ลิ น อ ยู ใน วิ ญ ญ า ณ , ผู นั้ น เท า กั บ เพลิด เพลิน อยู ในสิ ่ง ทีเ ปน ทุก ข. เรากลา ววา "ผู ใ ด เพลิด เพลิน อยู ใ นสิ ่ง ที่ เปนทุกข, ผูนั้น ยอมไมหลุดพนไปไดจากทุกข" ดังนี้ แล.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ สํ. ๑๗/๓๙/๖๔.
ตองละฉันทราคะในเบญจขันธ
ภิ ก ษุ ท.! สิ่ ง ใดไม เที่ ย ง, พวกเธอพึ ง ละฉั น ทราคะ (ความกํ าหนั ด เพราะ พ อใจ) ในสิ่ ง นั้ น . ภิ กษุ ท .! ก็ สิ่ ง ใดเล า ไม เที่ ย ง ? ภิ กษุ ท.! รู ป ไม เที่ ย ง, เวทนา ไมเ ที ่ย ง, สัญ ญา ไมเ ที ่ย ง, สัง ขารทั ้ง หลาย ไมเ ที ่ย ง, และวิญ ญาณ ไมเ ที ่ย ง , พ ว ก เธ อ พ ึง ล ะ ฉัน ท รา ค ะ ใน สิ ่ง นั ้น . ภิก ษ ุ ท .! คือ สิ ่ง ใด ที ่ไ ม เที่ยง พวกเธอพึงละฉันทราคะในสิ่งนั้นแหละ. - ขนฺธ. สํ ๑๗/๒๑๗/๓๓๗.
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๕๓
ภิ ก ษุ ท.! สิ่ ง ใดเป น ทุ ก ข , พวกเธอพึ ง ละฉั น ทราคะ (ความกํ า หนั ด เพ รา ะ พ อ ใจ ) ใน สิ ่ ง นั ้ น , ภิ ก ษุ ท .! ก็ สิ ่ ง ใด เล า เป น ทุ ก ข ? ภิ ก ษุ ท .! รู ป เปน ทุก ข, เวท น า เปน ทุก ข, สัญ ญ า เปน ทุก ข, สัง ขารทั ้ง ห ล าย เปน ทุ ก ข , และวิ ญ ญาณ เป น ทุ ก ข . พวกเธอพึ ง ละฉั น ทราคะในสิ่ ง นั้ น . ภิ ก ษุ ท.! คือสิ่งใด ที่เปนทุกข พวกเธอพึงละฉันทราคะในสิ่งนั้นแหละ. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๑๘/๓๓๘. ภิ ก ษุ ท .! สิ่ งใด เป น อ นั ต ต า, พ วก เธ อ พึ งล ะ ฉั น ท ราค ะ (ค วาม กํ า หนัด เพราะพอใจ) ในสิ ่ง นั ้น . ภิก ษุ ท.! ก็สิ ่ง ใดเลา เปน อนัต ตา ? ภิก ษุ ท.! รู ป เป น อ นั ต ต า , เว ท น า เป น อ นั ต ต า , สั ญ ญ า เป น อ นั ต ต า , สั ง ข า ร ทั ้ง หลาย เปน อนัต ตา, และวิญ ญ าณ เปน อนัต า, พวกเธอพึง ละฉัน ทราคะ ใน สิ ่ง นั ้น . ภิก ษุ ท .! คือ สิ ่ง ใด ที ่เ ปน อ นัต ต า พ วก เธ อ พึง ล ะ ฉัน ท ราค ะ ในสิ่งนั้นแหละ.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๑๘/๓๔๑.
นิทเทศ ๒ วาดวยทุกขสรุปในปญจุปาทานักขันธ จบ
๒๕๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
นิทเทศ ๓ วาดวยหลักเบ็ดเตล็ดเกี่ยวกับความทุกข (มี ๑๘ เรื่อง)
หลักที่ควรรูเกี่ยวกับทุกข ภิก ษ ุ ท .! ขอ ที ่เ รากลา ววา "พ ึง รู จ ัก ทุก ข. พ ึง รู จ ัก เห ตุเ ปน แด น เกิ ด ของทุ ก ข , พึ ง รู จั ก ความเป น ต า งกั น ของทุ ก ข , พึ ง รู จั ก ผลของทุ ก ข , พึ ง รู จั ก ความดั บ ไม เหลื อ ของทุ ก ข , และพึ ง รู จั ก ทางดํ า เนิ น ให ถึ ง ความดั บ ไม เ หลื อ ของ ทุกข" ดังนี้นั้น, ขอนั้น เรากลาวหมายถึงอะไรเลา ? ภิ ก ษุ ท.! ข อ นั้ น เรากล า วหมายถึ ง ความเกิ ด เป น ทุ ก ข , ความ แก เปน ทุก ข, ความเจ็บ ไข เปน ทุก ข, ความตาย เปน ทุก ข, ความโศก ความร่ํ า ไรร่ํ าพั น ความทุ ก ข ก าย ความทุ ก ข ใจ ความคั บ แค น ใจ เป น ทุ ก ข , ความปรารถนาอยา งใดแลว ไมไ ดอ ยา งนั ้น เปน ทุก ข; กลา วโดยสรุป แลว ปญจุปาทานักขันธ เปนทุกข.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! เหตุ เป น แดนเกิ ด ของทุ ก ข เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! ตัณหา เปนเหตุเปนแดนเกิดของทุกข.
ภิ ก ษุ ท.! ความเป น ต า งกั น ของทุ ก ข เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! ทุ ก ข ที่ มี ป ระมาณ ยิ่ ง มี อ ยู , ที่ มี ป ระมาณ เล็ ก น อ ย มี อ ยู , ที่ ค ลายช า มี อ ยู , และที่คลายเร็ว มีอยู. ภิกษุ ท.! นี้เรียกวา ความเปนตางกันของทุกข.
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๕๕
ภิก ษุ ท .! ผ ล ข อ งทุก ข เปน อ ยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท .! บุค ค ล บางคนในโลกนี้ ถู กความทุ กข ชนิ ดใดครอบงํ าแล ว มี จิ ตอั นความทุ กข รวบรัดแล ว ย อ มโศกเศร า ย อ มระทมใจ คร่ํ าครวญ ตี อ กร่ํ าไห ย อ มถึ งความหลงใหล; หรื อ วา ถูก ความทุก ขช นิด ใดครอบงํ า แลว มีจ ิต อัน ความทุก ขร วบรัด แลว ยอ ม ถึง การแสวงหาที่ พึ่ ง ภายนอก ว า "ใครหนอย อ มรู วิ ธี เพื่ อ ความดั บ ไม เหลื อ ของ ทุก ขนี ้ สัก วิธ ีห นึ ่ง หรือ สองวิธ ี" ดัง นี ้. ภิก ษุ ท.! เรากลา ววา ความทุก ข มี ค วามหลงไหลเป น ผล หรื อ มิ ฉ ะนั้ น ก็ มี ก ารแสวงหาที่ พึ่ ง ภายนอกเป น ผล. ภิกษุ ท.! นี้เรียกวา ผลของทุกข. ภิ ก ษุ ท.! ความดั บ ไม เหลื อ ของทุ ก ข เป น อย างไรเล า ? ภิ กษุ ท.! ความดับไมเหลือของทุกข มีได เพราะความดับไมเหลือของตัณหา. ภิ ก ษุ ท.! อริ ย มรรคมี องค ๘ นี้ นั่ น เอง เป น ทางดํ าเนิ น ให ถึ งความ ดั บ ไม เหลื อ ของทุ ก ข , ได แ ก ความเห็ น ชอบ ความดํ า ริ ช อบ; การพู ด จาชอบ การทํ า การงานชอบ การเลี้ ย งชี วิ ต ชอบ; ความพากเพี ย รชอบ ความระลึ ก ชอบ ความตั้งใจมั่นชอบ. ....
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! คํ า ใด ที ่เ รากลา ววา "พึง รู จ ัก ทุก ข, พึง รู จ ัก เหตุเ ปน แดนเกิด ของทุก ข, พึง รู จ ัก ความเปน ตา งกัน ของทุก ข, พึง รู จ ัก ผลของทุก ข, พึ งรูจั กความดั บ ไม เหลื อ ของทุ ก ข , และพึ งรู จั กทางดํ าเนิ น ให ถึ งความดั บ ไม เหลื อ ของทุกข" ดังนี้นั้น, เรากลาวหมายถึงความขอนี้ แล. - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๖๔/๓๓๔.
๒๕๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ปญจุปาทานขันธ เปนทุกขอริยสัจ ภิก ษุ ท .! อ ริย สัจ คือ ท ุก ข เปน อ ยา งไรเลา ? ค ว รจ ะ ก ลา ว วา ไดแ ก อุป าทานขัน ธห า . อุป าทานขัน ธห า อยา งไรเลา ? อุป าทานขัน ธห า คือ รู ป ูป าท าน ขัน ธ เวท นูป าท าน ขัน ธ สัญ ูป าท าน ขัน ธ สัง ข ารูป าท าน ขัน ธ วิญญาูปาทานขันธ. ภิกษุ ท.! นี้เราเรียกวา อริยสัจคือทุกข. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๓๔/๑๖๗๙.
ปญจุปาทานักขันธ เปนทุกข ภ ิก ษ ุ ท .! ท ุก ข เ ป น อ ย า ง ไ ร เล า ? ภ ิก ษ ุ ท .! ป ญ จ ุป า ท า น ัก ขัน ธนั ้น แห ล ะ เราก ลา ววา เปน ทุก ข. อุป าท าน ขัน ธทั ้ง หา เห ลา ไห น เลา ? ห าคื อ อุ ป าท าน ขั น ธ คื อ รู ป , อุ ป าท าน ขั น ธ คื อ เวท น า, อุ ป าท าน ขั น ธ คื อ สัญ ญ า, อุป าท าน ขัน ธค ือ สัง ขาร, และอุป าท าน ขัน ธค ือ วิญ ญ าณ . ภิก ษุ ท.! นี้แล เรียกวา ทุกข.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๙๓/๒๘๐.
ทรงแสดงลักษณะความทุกข (อีกปริยายหนึ่ง) "ข าแต พ ระโคดมผู เจริ ญ ! คํ าว า 'ทุ กข ๆ' ดั งนี้ เป นคํ าที่ เขากล าวกั นอยู ทุกขนั้นเปนอยางไร พระเจาขา ?" ธ า ร ะ ! รู ป แ ล เป น ทุ ก ข , เว ท น า เป น ทุ ก ข , สั ญ ญ า เป น ทุกข, สังขาร ท. เปนทุกข, วิญญาณ เปนทุกข.
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๕๗
ธาระ ! อริ ย สาวกผู ไ ด ส ดั บ เห็ น อยู อ ย า งนี้ ย อ มเบื่ อ หน า ยแม ใ นรู ป แมในเวทนา แมในสัญญา แมในสังขาร ท. แมในวิญญาณ. .... - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๔๐/๓๘๑. (ใน สูต รอื ่น (๑๗/๒๔๐/๓๘๒) ไดต รัส เรีย กสิ ่ง ที ่เ รีย กวา ทุก ข วา ท ุก ขธรรม คือ มีทุกขเปนธรรมดา).
ทรงแสดงลักษณะแหงความทุกข (อีกปริยายหนึ่ง) "ขา แ ตพ ระโค ด ม ผู เ จ ริญ ! คํ า วา 'ท ุก ข ๆ ' ดัง นี ้ เป น คํ า ที ่เ ขาก ลา วกัน อ ยู . ทุกข หรือการบัญญัติวาทุกข พึงมีไดดวยเหตุมีประมาณเทาไร พระเจาขา ?"
สมิทธิ ! จักษุ รูป จักขุ วิญญาณ ธรรมที่ พึ งรูแจงด วยจักขุวิญ ญาณ มีอยูในที่ใด. ทุกข หรือการบัญญัติวาทุกข ยอมมีอยูในที่นั้น.
www.buddhadasa.info (ในกรณี แ ห ง โสตะ ฆานะ ชิ ว หา กายะ และ มนะ ก็ ไ ด ต รั ส ไว โ ดยข อ ความมี ลักษณะอยางเดียวกันกับกรณีแหงจักษุนี้).
- สฬา. สํ. ๑๘/๔๘/๗๔.
ความเปนทุกขสามลักษณะ ภิ กษุ ท .! ค วาม เป น ทุ กข มี ส าม ลั กษ ณ ะเห ล านี้ . ส าม ลั กษ ณ ะ เหลาไหนเลา ? สามลักษณะคือ :-
๒๕๘
อริยสัจจากพระโอษฐ ๑. ความเปนทุกข เพราะมีลักษณะทนไดยาก. ๒. ความเป น ทุ ก ข เพราะมี ลั ก ษณ ะเป น ของปรุ ง แต ง และปรุ ง แต ง สิ่งอื่นพรอมกันไปในตัว, ๓. ค วาม เป น ทุ กข เพ ราะมี ลั ก ษ ณ ะแห งความ แป รป รวน เป น ไป ตาง ๆ ภิกษุ ท.! เหลานี้แล คือ ความเปนทุกขสามลักษณะ.
- มหาวาร. สํ. ๑๙/๘๕/๓๑๔๙
ความทุกขของเทวดาและมนุษยตามธรรมชาติ ภิ ก ษุ ท.! เทวดาและมนุ ษ ย ทั้ ง หลาย มี รู ป เป น ที่ ม ายิ น ดี ยิ น ดี แ ล ว ในรูป บั นเทิงแลวในรูป ยอม อยูเป น ทุ กข เพราะความแปรปรวนจางคลายดั บ ไปแหงรูป. (ในกรณีแหง เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ และ ธรรมมารมณ ก็ตรัสอยางเดียวกัน).
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท .! ส วน ต ถ าค ต อ รหั น ต สั ม ม าสั ม พุ ท ธ ะ รู แ จ งค วาม เกิ ด ความตั้ ง อยู ไ ม ไ ด รสอร อ ย โทษ และอุ บ ายเครื่ อ งสลั ด ออก แห ง รู ป ตามเป น จริ ง ไม มี รู ป เป น ที่ ม ายิ น ดี ไม ยิ น ดี ใ นรู ป ไม บั น เทิ ง ในรู ป ยั ง คงอยู เ ป น สุ ข แม เพราะความแปรปรวนจางคลายดั บ ไปแห งรู ป . (ในกรณี แห ง เสี ยง กลิ่ น รส โผฎฐั พ พะ และ ธรรมารมณ ก็ตรัสอยางเดียวกัน). - สฬา. สํ. ๑๘/๑๕๙/๒๑๖.
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๕๙
เปนทุกขเพราะติดอยูในอายตนะ ภิ ก ษุ ท.! เทวดาและมนุ ษ ย ทั้ ง หลาย มี รู ป เป น ที่ รื่ น รมย ใ จ ยิ น ดี แลว ในรูป บัน เทิง ดว ยรูป . ภิก ษุ ท.! เวทดาและมนุษ ยทั ้ง หลาย ยอ มอยู เปนทุกขเพราะความเปลี่ยนแปลง เสื่อมสลาย และความดับไปของรูป; ภิก ษุ ท.! เทวดาและมนุษ ยทั ้ง หลาย มี เสีย ง เปน ที ่รื ่น รมยใ จ ยิน ดีแ ลว ในเสีย ง บัน เทิง ดว ยเสีย ง. ภิก ษุ ท.! เทวดาและมนุษ ยทั ้ง หลาย ย อ มอยู เป น ทุ ก ข เพราะความเปลี่ ย นแปลง เสื่ อ มสลาย และความดั บ ไปของ เสียง ; ภิก ษุ ท.! เทวดาและมนุษ ยทั ้ง หลาย มี กลิ ่น เปน ที ่รื ่น รมยใ จ ยิน ดีแ ลว ในกลิ ่น บัน เทิง ดว ยกลิ ่น . ภิก ษุ ท.! เทวดาและมนุษ ยทั ้ง หลาย ยอมอยูเปนทุกข เพราะความเปลี่ยนแปลง เสื่อมสลาย และความดับไปของกลิ่น;
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! เทวดาและมนุ ษ ย ทั้ ง หลาย มี รส เป น ที่ รื่ น รมย ใ จ ยิ น ดี แลว ในรส บัน เทิง ดว ยรส. ภิก ษุ ท.! เทวดาและมนุษ ยทั ้ง หลาย ยอ มอยู เปนทุกข เพราะความเปลี่ยนแปลง เสื่อมสลาย และความดับไปของรส;
ภิก ษุ ท.! เทวดาและมนุษ ยทั ้ง หลาย มี โผฎฐัพ พะ เปน ที ่รื ่น รมย ใจ ยิน ดีแ ลว โผ ฎ ฐัพ พ ะ บัน เทิง ดว ยโผ ฎ ฐัพ พ ะ. ภ ิก ษ ุ ท .! เท วด าแล ะ มนุ ษ ย ทั้ ง หลาย ย อ มอยู เป น ทุ ก ข เพราะความเปลี่ ย นแปลง เสื่ อ มสลาย และ ความดับไปของโผฏฐัพพะ ;
๒๖๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! เทวดาและมนุ ษ ย ทั้ ง หลาย มี ธรรมารมณ เป น ที่ รื่ น รมย ใจ ยิ น ดี แ ล ว ในธรรมารมณ บั น เทิ ง ด ว ยธรรมารมณ . ภิ ก ษุ ท.! เทวดาและ มนุษ ยทั ้ง หลาย ยอ มอยู เ ปน ทุก ข เพ ราะความเป ลี ่ย นแปลง เสื ่อ มสลาย และความดับไปของธรรมารมณ แล. - สฬา. สํ. ๑๘/๑๖๑/๒๑๘.
ทุกขเพราะยึดถือสิ่งที่ยึดถือไมได ภิ ก ษุ ท.! เปรี ย บเหมื อ นแม น้ํ า ซึ่ ง มี กํ า เนิ ด แต ภู เ ขา ไหลไปทางต่ํ า สิ้ น ระยะไกล มี ก ระแสเชี่ ย วจั ด . ถ า หากหญ า กาสะก็ ต าม หญ า กุ ส ะก็ ต าม หญ า ป พ พชะก็ ต าม หญ า วี รณะก็ ต าม หรื อ ต น ไม ก็ ต าม เกิ ด อยู ที่ ฝ ง ทั้ ง สองของแม น้ํ า นั้ น ไซร , หญ าหรื อ ต น ไม เ หล า นั้ น ก็ จ ะถึ ง ย อ ยลงปกฝ ง ทั้ ง สองของแม น้ํ า นั้ น . บุ รุ ษ ผู ห นึ่ ง ถู ก กระแสแห ง แม น้ํ า นั้ น พั ฒ นา ถ า จะจั บ หญ า กาสะก็ ต าม หญ า กุ ส ะ ก็ ต าม หญ า ป พ พชะก็ ต าม หญ า วี ร ณะก็ ต าม หรื อ ต น ไม ก็ ต าม สิ่ ง เหล า นั้ น ก็ จะพึ ง ขาดหลุ ด ไป (เพราะกระแสเชี่ ย วจั ด ของแม น้ํ า ). บุ รุ ษ ผู นั้ น ย อ มถึ ง การ พินาศเพราะการทําเชนนั้น., อุปมานี้ฉันใด;
www.buddhadasa.info ภ ิก ษ ุ ท .! อุป ไม ย ก็ฉ ัน นั ้น ค ือ บ ุถ ุช น ผู ไ ม ไ ด ย ิน ได ฟ ง ไม ไ ด เห็ น เหล า พระอริ ย เจ า ไม ฉ ลาดในธรรมของพระอริ ย เจ า ไม ถู ก แนะนํ า ในธรรม ของพระอริ ย เจ า , ไม ไ ด เห็ น เหล า สั ต บุ รุ ษ ไม ฉ ลาดในธรรมของสั ต บุ รุ ษ ไม ถู ก แนะนําในธรรมของสัตบุรุษ ยอม ตามเห็นพรอม (คือเห็นดิ่งอยูเปนประจํา) ซึ่ง รู ป โดยความเป น ตน หรื อ ตามเห็ น พร อ ม ซึ่ ง ตน ว า มี รู ป หรื อ ตามเห็ น พร อ ม ซึ ่ง รูป วา มีอ ยู ใ นตน หรือ ตามเห็น พรอ ม ซึ ่ง ตน วา มีอ ยู ใ นรูป , รูป นั ้น ยอ ม แตกสลายแกเขา เขายอมถึงการพินาศ เพราะขอนั้นเปนเหตุ บาง ;
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๖๑
บุ ถุ ช นนั้ น ย อ ม ตามเห็ น พร อ ม ซึ่ ง เวทนา โดยความเป น คน หรื อ ตามเห็น พรอ ม ซึ ่ง ตน วา มีเ วทนา หรือ ตามเห็น พรอ ม ซึ ่ง เวทนา วา มีอ ยู ใ น ตน หรือ ตามเห็น พรอ ม ซึ ่ง ตน วา มีอ ยู ใ นเวทนา, เวทนานั ้น ยอ มแตกสลาย แกเขา เขายอมถึงการพินาศ เพราะขอนั้นเปนเหตุ บาง; บุ ถุ ช นนั้ น ย อ ม ตามเห็ น พร อ ม ซึ่ ง สั ญ ญา โดยความเป น ตน หรื อ ตามเห็ น พร อ ม ซึ่ ง ตน ว า มี สั ญ ญา หรื อ ตามเห็ น พร อ ม ซึ่ ง สั ญ ญา ว า มี อ ยู ใ น ตน หรื อ ตามเห็ น พร อ ม ซึ่ ง ตน ว า มี อ ยู ใ นสั ญ ญา, สั ญ ญานั้ น ย อ มแตกสลาย แกเขา, เขายอมถึงการพินาศ เพราะขอนั้นเปนเหตุ บาง; บุ ถุ ช นนั้ น ย อ ม ตามเห็ น พร อ ม ซึ่ ง สั ง ขาร ทั้ ง หลาย โดยความเป น ตน หรือ ตามเห็น พรอ มซึ ่ง ตน วา มีส ัง ขาร หรือ ตามเห็น พรอ ม ซึ ่ง สัง ขาร ทั้ ง หลาย ว า มี อ ยู ใ นตน หรื อ ตามเห็ น พร อ ม ซึ่ ง ตนว า มี อ ยู ใ นสั ง ขารทั้ ง หลาย, สั ง ขารทั้ ง หลายเหล า นั้ น ย อ มแตกสลายแก เ ขา เขาย อ มถึ ง การพิ น าศ เพราะ ขอนั้นเปนเหตุ บาง;
www.buddhadasa.info บุ ถุ ชนนั้ น ย อม ตามเห็ น พร อ ม ซึ่ งวิ ญ ญาณ โดยความเป นตน หรื อ ตามเห็ น พร อ ม ซึ่ ง ตน ว า มี วิ ญ ญาณ หรื อ ตามเห็ น พร อ มซึ่ ง วิ ญ ญาณ ว า มี อ ยู ในตน หรือ ตามเห็น พรอ มซึ ่ง ตน วา มีอ ยู ใ นวิญ ญ าณ , วิญ ญ าณ นั ้น ยอ ม แตกสลายแกเขา เขายอมถึงการพินาศ เพราะขอนั้นเปนเหตุ แล.
- ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๖๘/๒๓๗.
๒๖๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ทุกขคือกระแสการปรุงแตงทางจิต (ไมมีบุคคลผูทุกข) กั ส ส ป ะ ! เมื ่ อ บุ ค ค ล มี ค ว า ม สํ า คั ญ มั ่ น ห ม า ย ม า แ ต ต น ว า "ผู นั ้ น ก ร ะ ทํ า ผู นั ้ น เ ส ว ย (ผ ล )" ดั ง นี ้ เ สี ย แ ล ว เข า มี ว า ท ะ (คื อ ลั ท ธิ ย ื น ยั น อ ยู ) ว า "ค ว า ม ทุ ก ข เป น สิ ่ ง ที ่ บ ุ ค ค ล ก ร ะ ทํ า เอ ง " ดั ง นี ้ : นั ้ น ย อ ม แ ล น ไป สู (ค ล อ ง แ ห ง ) สั ส ส ต ะ (ทิ ฏ ฐิ ที ่ ถ ื อ ว า เ ที ่ ย ง ). กั ส ส ป ะ ! เ มื ่ อ บุ ค ค ล ถู ก เ ว ท น า ก ร ะ ท บ ใ ห ม ี ค ว า ม สํ า คั ญ มั ่ น ห ม า ย ว า "ผู อื ่ น ก ร ะ ทํ า ผู อื ่ น เ ส ว ย (ผ ล )" ดั ง นี ้ เ สี ย แ ล ว เข า มี ว า ท ะ (คื อ ลั ท ธิ ย ื น ยั น อ ยู ) ว า "ค ว า ม ทุ ก ข เ ป น สิ ่ ง ที ่ บ ุ ค ค ล อื ่ น ก ร ะ ทํ า ใ ห " ดั ง นี ้ : นั ่ น ย อ ม แ ล น ไ ป สู (ค ล อ ง แหง) อุจเฉทะ (ทิฏฐิที่ถือวาขาดสูญ).
กั ส สะปะ! ตถาคต ย อ ม แสดงธรรมโดยสายกลาง ไม เข า ไปหา ส วนสุ ดทั้ งสองนั้ น คื อ ตถาคตย อมแสดงดั งนี้ ว า "เพราะมี อวิ ชชาเป นป จจั ย จึ งมี สัง ข ารทั ้ง ห ล าย ; เพ ราะ ม ีส ัง ข ารเป น ป จ จัย จึง ม ีว ิญ ญ าณ : ....ฯ ล ฯ .... ฯล ฯ….ฯล ฯ.... เพ ราะมีช าติเ ปน ปจ จัย ชราม รณ ะ โส กะป ริเ ท วะทุก ขะ โทมนั ส สะอุ ป ายาสทั้ งหลาย จึ งเกิ ด ขึ้ น ครบถ วน : ความเกิ ด ขึ้ น พร อ มแห งกอง ทุกขทั้งสิ้นนี้ ยอมมีดวยอาการอยางนี้.
www.buddhadasa.info เพราะความจางคลายดั บ ไปโดยไม เหลื อ แห ง อวิ ช ชานั้ น นั่ น เที ย ว, จึ ง มี ค วามดั บ แห งสั งขาร; เพราะมี ความดั บ แห งสั งขาร จึ งมี ค วามดั บ แห งวิ ญ ญาณ ; .... ฯ ล ฯ.... ฯล ฯ....ฯ ล ฯ ....เพ ราะมีค วาม ดับ แหง ช าตินั ่น แล , ชราม รณ ะ โสกะปริเทวะทุก ขะโทมนัส สะอุป ายาสทั ้ง หลาย จึง ดับ สิ ้น : ความดับ ลงแหง กองทุกขทั้งสิ้นนี้ ยอมมีดวยอาการอยางนี้." ดังนี้.
- นิทาน. สํ. ๑๖/๒๔/๕๐.
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๖๓
(พุ ทธศาสนามิ ได ถื อ ว า จิ ต เป นบุ คคล กระแสการปรุ ง แต ง ทางจิ ต เป นไปได เ องตาม ธรรมชาติ ผลที่ เ กิ ด ขึ้ น เป น ความทุ ก ข จึ ง มิ ใ ช ก ารกระทํ า ของบุ ค คลใด ; ดั ง นั้ น จึ ง มิ ใ ช ก ารกระทํ า ขอ งบ ุค ค ล ผู รู ส ึก เป น ท ุก ข ห รือ การกระทํ า ข อ งบ ุค ค ล อื ่น ใด ที ่ทํ า ให บ ุค ค ล อื ่น เป น ท ุก ข. นี ้เ ป น หลั ก สํ า คั ญ ของพุ ท ธศาสนาที่ ส อนเรื่ อ งอนั ต ตา ไม มี สั ต ว บุ ค คลที่ เป น ผู ก ระทํ า หรื อ ถู ก กระทํ า มี แ ต กระแสแห งอิ ทั ป ป จจยตาซึ่ ง จิ ต รู สึ ก ได เ ท านั้ น ; เป น เรื่ อ งสํ า คั ญ ที่ สุ ด ใน พุ ท ธศาสน า ที่ จะต อ ง ศึกษาใหเขาใจถึงที่สุด).
อุ ป วาณะ ! เรากล าวว า ความทุ ก ข เป น สิ่ งที่ อ าศั ยป จจั ย เกิ ด ขึ้ น (ปฏิ จ จ ส มุ ป ป น น ธ รรม ). ทุ ก ข นั้ น อ าศั ย ป จ จั ย อ ะ ไรเกิ ด ขึ้ น เล า? อุ ป วาณ ะ ! ทุ ก ข อาศัยปจจัยคือผัสสะเกิดขึ้น. .... ทุ ก ข ที่ ส มณพราหมณ พวกหนึ่ งบั ญ ญั ติ ว า ตนทํ า เอง ก็ เป น ทุ ก ข ที่ อ าศั ย ผัสสะเกิดขึ้น. ทุ ก ข ที่ ส มณพราหมณ พ วกหนึ่ งบั ญ ญั ติ ว า ผู อื่ น ทํ าให ก็ เป น ทุ ก ข ที่ อ าศั ย ผัสสะเกิดขึ้น.
www.buddhadasa.info ทุ ก ข ที่ ส มณพราหมณ พ วกหนึ่ ง บั ญ ญั ติ ว า ตนทํา เองด ว ยผู อื่ น ทํา ให ด ว ย ก็เปนทุกขที่อาศัยผัสสะเกิดขึ้น.
ทุกขที่สมณพราหมณพวกหนึ่งบัญญัติวาตนทําเองก็หามิไดผูอื่นทําใหก็ หามิได ก็เปนทุกขที่อาศัยผัสสะเกิดขึ้น. - นิทาน. สํ. ๑๖/๔๙/๘๗. (คํ า ว า ผั ส สะ ในที่ นี้ เป นส ว นหนึ่ ง แห ง ปฏิ จจสมุ ป บ าท หรื อ กระแสแห ง การปรุ ง แตง ใน ท างจิต , มิใ ชบ ุค ค ล ; ดัง นั ้น จึง กลา ววา ทุก ขนี ้ไ มม ีใ ค รทํ า ใหเ กิด ขึ ้น เป น เพ ีย งกระแส แหงการปรุงแตงทางจิต).
๒๖๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ไมพนทุกขเพราะมัวเพลินในอายตนะ ภิ ก ษุ ท .! ผู ใ ด เพ ลิ ด เพ ลิ น อ ยู กั บ ต า , เพ ลิ ด เพ ลิ น อ ยู กั บ หู , เพลิ ด เพลิ น อยู กั บ จมู ก , เพลิ ด เพลิ น อยู กั บ ลิ้ น , เพลิ ด เพลิ น อยู กั บ กาย, และ เพ ลิด เพ ลิน อ ยู ก ับ ใจ ; ผู นั ้น ชื ่อ วา เพ ลิด เพ ลิน อ ยู ใน สิ ่ง ที ่เ ปน ทุก ข. เรา ก ลา ว วา "ผู ใ ด เพ ลิด เพ ลิน อ ยู ใน สิ ่ง ที ่เ ป น ทุก ข ผู นั ้น ยอ ม ไม ห ลุด พ น ไปไดจากทุกข" ดังนี้. ภิ ก ษุ ท .! ผู ใด เพ ลิ ด เพ ลิ น อ ยู กั บ รู ป , เพ ลิ ด เพ ลิ น อ ยู กั บ เสี ย ง, เพลิ ด เพลิ น อยู กั บ กลิ่ น , เพลิ ด เพลิ น อยู กั บ รส, เพลิ ด เพลิ น อยู กั บ โผฏฐั พ พะ, เพ ลิ ด เพ ลิ น อ ยู ก ั บ ธ ร ร ม า ร ม ณ ; ผู นั ้ น ชื ่ อ ว า เพ ลิ ด เพ ลิ น อ ยู ใ น สิ ่ ง ที่ เปน ทุก ข. เรา ก ลา วา "ผู ใ ด เพ ลิด เพ ลิน อ ยู ใน สิ ่ง ที ่เ ปน ทุก ข ผู นั ้น ยอ ม ไมหลุดพนไปไดจากทุกข" ดังนี้แล. - สฬา.สํ. ๑๘/๑๖/๑๙, ๒๐.
www.buddhadasa.info อายตนะหกเปนทุกขอริยสัจ
ภิ ก ษุ ท.! อริ ย สั จ คื อ ทุ ก ข เป น อย า งไรเล า ? ควรจะกล า วว า ได แ ก อายตนะภายในหก. อายตนะภายในหกเหลา ไหนเลา ? หกคือ จัก ขุอ ายตนะ โสตะอายตนะ หานะอายตนะ ชิ ว หาอายตนะกายะอายตนะ มนะอายตนะ. ภิกษุ ท.! นี้เราเรียกวา อริยสัจคือ ทุกข.
- มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๓๕/๑๖๘๕.
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๖๕
กลุมอายตนะเปนของรอน ภิก ษุ ท.! สิ ่ง ทั ้ง ปวง เปน ของรอ น., ภิก ษุ ท.! ก็อ ะไรเลา ชื่อวาสิ่งทั้งปวง ซึ่งเปนของรอน? ภิก ษุ ท.! ตา เปน ของรอ น, รูป เปน ของรอ น, ความรู แ จง ทางตา เปน ของรอ น, สัม ผัส ทางตา เปน ของรอ น, เวทนาที ่เ กิด ขึ ้น เพราะสัม ผัส ทางตาเปน ปจ จัย เปน สุข ก็ต าม ทุก ขก็ต าม ไมใชสุข ไมใชทุก ข ก็ตาม ก็เปนของรอน. ภิ ก ษุ ท.! ร อ นเพราะอะไรเล า ? เรากล า วว า "ร อ นเพราะไฟคื อ ราคะ. รอ นเพราะไฟคือ โทสะ, รอ นเพราะไฟคือ โมหะ, รอ นเพราะความ เกิ ด เพราะความแก เพราะความตายเพราะความร่ําไรรําพั น เพราะความทุ ก ข กาย เพราะความทุกขใจ และเพราะความคับแคนใจ" ดังนี้.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! หู เปน ของรอ น, เสีย ง เปน ของรอ น, ความรู แ จง ทางหู เปน ของรอ น, สัม ผัส ทางหู เปน ของรอ น, เวทนาที ่เ กิด ขึ ้น เพราะ สัม ผัส ทางหูเ ปน ปจ จัย เปน สุข ก็ต าม ทุก ขก ็ต ามไมใ ชส ุข ไมใ ชท ุก ขก็ต าม ก็เปนของรอน....
ภิ ก ษุ ท.! จมู ก เป น ของร อ น, กลิ่ น เป น ของร อ น, ความรู แ จ ง ทางจมูก เปนของรอน, สัมผัสทางจมูก เปนของรอน, เวทนาที่เกิดขึ้น เพราะ สัมผัสทางจมูกเปนปจจัย เปนสุขก็ตาม ทุกขก็ตาม ไมใชสุขไมใชทุกขก็ตาม ก็ เปนของรอน. ...
๒๖๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภ ิก ษ ุ ท .! ลิ ้น เป น ข อ ง รอ น , ร ส เป น ข อ ง รอ น , ค ว า ม รู แ จ ง ทางลิ้ น เป น ของร อ น, สั ม ผั ส ทางลิ้ น เป น ของร อ น, เวทนาที่ เ กิ ด ขึ้ น เพราะ สั ม ผั ส ทางลิ้ น เป น ป จ จั ย เป น สุ ข ก็ ต าม ทุ ก ข ก็ ต ามไม ใ ช สุ ข ไม ใ ช ทุ ก ข ก็ ต าม ก็ เปนของรอน.... ภิ ก ษุ ท.! กาย เป น ของร อ น, โผฏฐั พ พะ เป น ของร อ น, ความ รู แ จ ง ทั้ ง ทางกาย เป น ของร อ น, สั ม ผั ส ทางกาย เป น ของร อ น, เวทนาที่ เ กิ ด ขึ้ น เพราะสั ม ผั ส ทางกายเป น ป จ จั ย เป น สุ ข ทุ ก ข ก็ ต าม ไม ใ ช สุ ข ไม ใ ช ทุ ก ข ก็ ต าม ก็ เปนของรอน... ภิ กษุ ท.! ใจ เป นของร อ น, ธรรม ารม ณ เป นของร อ น, ค วาม รู แจ ง ทางใจ เป น ของร อ น, สั ม ผั ส ทางใจ เป น ของร อ น, เวทนาที่ เกิ ด ขึ้ น เพราะ สั ม ผั ส ทางใจเป น ป จ จั ย เป น สุ ข ก็ ต าม ทุ ก ข ก็ ต าม ไม ใ ช สุ ข ไม ใ ช ทุ ก ข ก็ ต าม ก็ เปนของรอน.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท .! ร อ น เพ รา ะ อ ะ ไรเล า ? เรา ก ล า ว ว า "ร อ น เพ รา ะ ไฟ คื อ ราคะ, ร อ นเพ ราะไฟ คื อ โทสะ, ร อ นเพ ราะไฟ คื อ โมหะ, ร อ นเพราะความเกิ ด เพ ราะค วาม แก เพ ราะค วาม ต าย เพ ราะค วาม โศ ก เพ ราะค วาม ร่ํ า ไรรํ า พั น เพราะความทุกขกาย เพราะความทุกขใจ และเพราะความคับแคนใจ" ดังนี้แล.
- สฬา. สํ. ๑๘/๒๓/๓๑.
กลุมอายตนะเปนของมืด ภ ิ ก ษ ุ ท . สิ ่ ง ทั ้ ง ป ว ง เ ป น ข อ ง ม ื ด . ภ ิ ก ษ ุ ท .! ก ็ อ ะ ไ ร เ ล า ชื่อวาสิ่งทั้งปวง ซึ่งเปนของมืด?
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๖๗
ภิ ก ษุ ท.! ตา เป น ของมื ด , รู ป เป น ของมื ด ความรู แ จ ง ทางตา เป นของมืด, สัมผั สทางตา เป นของมืด, เวทนาที่ เกิดขึ้นเพราะสั มผัสทางตาเป น ปจจัย เปนสุขก็ตาม ทุกขก็ตาม ไมใชสุขไมใชทุกขก็ตาม ก็เปนของมืด. ภิ ก ษุ ท.! มื ด เพราะอะไรเล า ? เรากล า วว า "มื ด เพราะความเกิ ด เพ ราะความ แก เ พ ราะความ ตาย เพ ราะความ โศก เพ ราะความ ร่ํ า ไรรํ า พั น เพราะความทุกขกาย เพราะความทุกขใจ และเพราะความคับแคนใจ" ดังนี้. (ในกรณี แห งหม วด หู จมู ก ลิ้ น กาย และใจ ก็ ไ ด ต รั ส เห มื อ นกั น กั บ ในกรณี แหงตา). - สฬา. สํ. ๑๘/๒๕/๓๒.
พิษลูกศรแหงความทุกขของบุถุชน ภิ ก ษุ ท.! ฐานะ ๕ ประการเหล า นี้ อั น สมณ ะ พ ราหมณ เทพ ม าร พ รห ม ห รื อ ใค ร ๆ ใน โล ก ไม พึ งได ต าม ป รารถน า มี อยู ห าป ระการ เห ลา ไห น เลา ? หา ป ระการคือ ส ม ณ ะ พ ราห ม ณ เท พ ม าร พ รห ม ห รือ ใคร ๆ ในโลก ไมอาจไดตามปรารถนาวา "สิ่งที่ มี ความแกเป นธรรมดา อยาแกเลย, สิ่งที่มีความเจ็บไขเปนธรรมดา อยาเจ็บไขเลย, สิ่งที่มีความตายเปนธรรมดา อยาตาย เลย, สิ่งที่มีความสิ้นไปเปนธรรมดา อยาสิ้นไปเลย, สิ่งที่มีความวินาศเปนธรรมดา อยาวินาศเลย" ดังนี้.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! สิ ่ง ที ่ม ีค วามแกเ ปน ธรรมดา ก็ย อ ม แกสํ า หรับ บุถ ุช นผู มิ ไ ด ส ดั บ . เมื่ อ สิ่ ง ที่ มี ค วามแก เป น ธรรมดาแก แ ล ว เขาก็ ไม พิ จ ารณาเห็ น โดย ประจั ก ษ ว า "ไม ใ ช สิ่ ง ที่ มี ค วามแก เ ป น ธรรมดา จะแก สํ า หรั บ เราผู เ ดี ย วเท า นั้ น ,
๒๖๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
โดยที ่แ ทแ ลว สิ ่ง ที ่ม ีค วามแกเ ปน ธรรมดา ยอ มแกสํ า หรับ สัต วทั ้ง หลายทั ้ง ปวง ที่ มี ก ารมา การไป การจุ ติ การอุ บั ติ , ก็ เ มื่ อ สิ่ ง ที่ มี ค วามแก เ ป น ธรรมดาแก แ ล ว เราจะมามั ว เศร า โสก กระวนกระวาย ร่ํ า ไรรํ า พั น ทุ บ อกร่ํ า ไห ถึ ง ความหลงใหล แมอ าหารก็ไ มย อ ย กายก็เ ศรา หมอง การงานก็ห ยุด ชงัก พ วกอมิต รก็ด ีใ จ มิ ต รสหายก็ เ ศร า ใจ" ดั ง นี้ . บุ ถุ ช นนั้ น เมื่ อ สิ่ ง ที่ มี ค วามแก เ ป น ธรรมดาแก แ ล ว ยอ มเศรา โศก กระวนกระวาย ร่ํ า ไรรํ า พัน เปน ผู ท ุบ อกร่ํ า ไห ยอ มถึง ความ หลงใหล. ภิก ษุ ท.! เรากลา วา บุถ ุช นผู ม ิไ ดส ดับ นี ้ ถูก ลูก ศรแหง ความโศก อันมีพิษเสียบแทงแลว ทําตนเองใหเดือดรอนอยู. (ในกรณี แ ห ง สิ่ ง ที่ มี ความเจ็ บ ไข เป น ธรรมดา มี ความตายเป น ธรรมดา มี ความ สิ ้น ไป เปน ธรรมดา มี ความวิน าศไปเปน ธรรมดา ก็ไ ดต รัส ไวด ว ยถอ ยคํ า อยา งเดีย วกัน กับ ใน กรณีแหงสิ่งที่มีความแกเปนธรรมดาขางบนนี้. และพระองค ยั ง ได ต รั ส ไว ในลั ก ษณะที่ ต รงกั น ข า มจากข อ ความนี้ สํ า หรั บ อริ ย สาวก ผูไดสดับ.) - ปฺจก. อํ. ๒๒/๕๙/๔๘.
www.buddhadasa.info สุขทุกขเนื่องจากการมีอยูแหงขันธ
ภ ิก ษ ุ ท .! เมื ่อ รูป ม ีอ ยู , ค ว า ม รู ส ึก ที ่เ ป น ส ุข ห รือ ท ุก ข ใ น ใ จ ยอมเกิดขึ้นเพราะอาศัยรูป;
ภิ ก ษุ ท .! เมื่ อ เวท น า มี อ ยู , ค วาม รู สึ ก ที่ เป น สุ ขห รื อ ทุ ก ข ใ น ใจ ยอมเกิดขึ้นเพราะอาศัยเวทนา; ภิก ษ ุ ท .! เมื ่อ สัญ ญ า มีอ ยู , ความ รู ส ึก ที ่เ ปน สุข ห รือ ทุก ขใ น ใจ ยอมเกิดขึ้นเพราะอาศัยสัญญา ;
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๖๙
ภิก ษุ ท.! เมื ่อ สัง ขารทั ้ง หลาย มีอ ยู . ความ รู ส ึก ที ่เ ปน สุข หรือ ทุกขในใจ ยอมเกิดขึ้นเพราะอาศัยสังขารทั้งหลาย; ภิ ก ษุ ท.! เมื่ อ วิ ญ ญาณ มี อ ยู , ความรู สึ ก ที เ ป น สุ ข หรื อ ทุ ก ข ใ นใจ ยอมเกิดขึ้น เพราะอาศัยวิญญาณ แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๒๑/๓๔๖.
ประพฤติพรหมจรรยนี้ เพื่อรอบรูทุกข ภิ ก ษุ ท.! ถ า พวกปริ พ าชกผู ถื อ ลั ท ธิ ศ าสนาอื่ น จะพึ ง ถามพวกเธอ อยางนี้วา "ผูมีอายุ ! ทานประพฤติพรหมจรรยในพระสมณโคดม เพื่อประโยชนอะไรเลา ? "ดัง นี ้. ภิก ษุ ท.! พวกเธอถูก ถามอยา งนี ้แ ลว จะตอ งตอบแกพ วกปริพ าชก เหลา นั ้น วา "ผู ม ีอ ายุ ! เราประพฤติพ รหมจรรยใ นพระผู ม ีพ ระภาค เพื ่อ รอบรูซึ่งทุกข" ดังนี้.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! ถ า พวกปริ พ าชกเหล า นั้ น จะพึ ง ถามต อ ไปว า "ผู มี อ ายุ ก็ทุกขซึ่งทานอยูประพฤติพรหมจรรยในพระสมณะโคดม เพื่ อจะรอบรูนั้น เปนอยางไรเลา?" ดัง นี ้. ภิก ษุ ท.! พวกเธอถูก ถามอยา งนี ้แ ลว จะตอ งตอบแกพ วกปริพ าชก เหลา นั ้น ตอ ไปวา "ผู ม ีอ ายุ ! ตา เปน ทุก ข. เราอยู ป ระพฤติพ รหมจรรยใ น พ ระ ผู ม ี พ ระ ภ าค ก็ เ พื ่ อ รอ บ รู ต า ซึ ่ ง เป น ทุ ก ข นั ้ น . รู ป เป น ทุ ก ข . เรา อยู ป ระพฤติ พ รหมจรรย ใ นพระผู มี พ ระภาค ก็ เ พื่ อ รอบรู รู ป ซึ่ ง เป น ทุ ก ข นั้ น . ความรู แ จง ทางตา เปน ทุก ข. เราอยู ป ระพฤติพ รหมจรรยใ นพระผู ม ีพ ระภาค ก็เ พื ่อ รอบรู ค วามรู แ จง ทางตา ซึ ่ง เปน ทุก ขนั ้น . สัม ผัส ทางตา เปน ทุก ข เรา อยู ป ระพฤติพ รหมจรรยใ นพระผู ม ีพ ระภาค ก็เ พื ่อ รอบรู ส ัม ผัส ทางตา ซึ ่ง เปน
๒๗๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ทุกขนั้น, เวทนาที่เกิดขึ้น เพราะสัมผัสทางตาเปนปจจัย เปนสุขก็ตาม ทุกขก็ตาม ไมใ ชส ุข ไมใ ชท ุก ขก ็ต าม ก็เ ปน ทุก ข. เราอยู ป ระพฤติพ รหมจรรยใ นพระผู มี พ ระ ภ า ค ก ็เ พื ่อ รอ บ รู เ ว ท น า เช น นั ้น ซึ ่ง เป น ท ุก ขนั ้น . (ใน ก ร ณ ีที ่เ กี ่ย ว ก ับ อายตนะภายใน ภายนอก วิ ญ ญาณ สั ม ผั ส และ เวทนา อี ก ๕ หมวดนั้ น ก็ ต รั ส ทํ า นองเดี ย วกั บ ห ม ว ด แ ร ก นี ้ ) . ผู ม ี อ ายุ ! เราอ ยู ป ระพ ฤติ พ รห ม จรรย ใ น พ ระผู ม ี พ ระภ าค นี้
ก็เพื่อรอบรูซึ่งทุกข" ดังนี้. ภิ ก ษุ ท .! ถ าพ วก เธอ ถู ก ถ าม อ ย างนี้ แล ว จะต อ งต อ บ แก พ วก ปริพาชกผูถือลัทธิศาสนาอื่นเหลานั้น ดวยอาการอยางนี้แล. - สฬา. สํ. ๑๘/๑๗๒/๒๓๘.
ทุกขชนิดปลายแถว (ทรงแสดงโดยภาษาคน) ภิกษุ ท.! ความยากจน เปนทุกขของคนผูบริโภคกามในโลก. "อยางนั้น พระเจาขา !"
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! คนจนเข็ ญ ใจไร ท รั พ ย ส มบั ติ ย อ มกู ห นี้ , การกู ห นี้ นั้ น เปนทุกขของคนบริโภคกามในโลก. "อยางนั้น พระเจาขา !"
ภิ ก ษุ ท.! คนจนเข็ ญ ใจไร ท รั พ ย ส มบั ติ กู ห นี้ แ ล ว ต อ งใช ด อกเบี้ ย , การตองใชดอกเบี้ย นั้น เปนทุกขของคนบริโภคกามในโลก.
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๗๑
"อยางนั้น พระเจาขา !" ภิ ก ษุ ท.! คนจนเข็ ญ ใจไร ท รั พ ย ส มบั ติ กู ห นี้ แ ล ว ต อ งใช ด อกเบี้ ย ไมอ าจใชด อกเบี ้ย ตามเวลา เจา หนี ้ก ็ท วง, การถูก ทวงหนี ้ นั ้น เปน ทุก ขข อง คนบริโภคกามในโลก. "อยางนั้น พระเจาขา !" ภิ ก ษุ ท.! คนจนเข็ ญ ใจไร ท รั พ ย ส มบั ติ ถู ก ทวงหนี้ อ ยู ไ ม อ าจจะใช ให เจาหนี้ยอมติดตาม, การถูกติดตาม นั้น เปนทุกขของคนบริโภคกามในโลก. "อยางนั้น พระเจาขา !"
ภิ ก ษุ ท.! คนจนเข็ ญ ใจไร ท รั พ ย ส มบั ติ ถู ก ติ ด ตามอยู ไ ม อ าจจะใช ให เจาหนี้ยอมจับกุม, การถูกจับกุม นั้น เปนทุกขของคนบริโภคกามในโลก. "อยางนั้น พระเจาขา !" ภิ กษุ ท.! ความยากจน ก็ ดี การกู ห นี้ ก็ ดี การต องใช ด อกเบี้ ย ก็ ดี การถูก ทวงหนี ้ ก็ด ี การถูก ติด ตาม ก็ด ี การถูก จับ กุม ก็ด ี, ทั ้ง หมดนี ้ เปน ทุกขของคนบริโภคกามในโลก.
www.buddhadasa.info (ทรงแสดงโดยภาษาธรรม) ภิ ก ษุ ท.! ฉั น ใดก็ ฉั น นั้ น : ความไม มี ศ รั ท ธา - หิ ริ - โอตตั ป ปะ วิร ิย ะ - ปญ ญ า,ในกุศ ลธรรม มีอ ยู แ กผู ใ ด; เรากลา วบุค คลผู นั ้น วา เปน คนจนเข็ญใจไรทรัพยสมบัติ ในอริยวินัย.
๒๗๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท .! ค น จ น ช นิ ด นั้ น เมื่ อ ไม ศ รั ท ธ า - หิ ริ - โอ ต ตั ป ป ะ วิ ริ ย ะ - ป ญ ญ า, ในกุ ศ ลธรรม เขาย อ มประพฤติ ก ายทุ ก จริ ต วจี ทุ จ ริ ต มโนทุจริต, เรากลาว การประพฤติทุจริต ของเขานี้ วาเปน การกูหนี้. เพื่ อจะป กป ดกายทุ จริ ต วจี ทุ จริ ต ม โน ทุ จริ ต ของเขา เขาตั้ ง ความ ปรารถนาลามก ปรารถนาไม ใ ห ใ ครรู จั ก เขา ดํ า ริ ไ ม ใ ห ใ ครรู จั ก เขา พู ดจาเพื่ อ ไมใ หใ ค รรู จ ัก เข า ข วน ข วาย ทุก อ ยา งเพื ่อ ไมใ หใ ค รรู จ ัก เข า, เราก ลา ว ก าร ปกปดความทุจริตอยางนี้ของเขานี้ วาเปน ดอกเบี้ยที่เขาตองใช. เพื ่อ น พ รห ม จ ารีผู ม ีศ ีล เป น ที ่ร ัก พ าก ัน ก ล า วป รารภ เขาอ ย า งนี ้ว า "ทา น ผู ม ีอ ายุนี ้ทํ าอะไร ๆ (น าเกลี ย ดน าชั ง ) อย า งนี้ มี ป รกติ ป ระพ ฤติ ก ระทํ า อะไร ๆ (น า เกลี ย ดน า ชั ง ) อย า งนี้ ", เรากล า ว การถู ก กล า วอย า งนี้ นี้ ว า เป น การถูกทวงหนี้. เขาจะไปอยู ป า ก็ ต าม อยู โ คนไม ก็ ต าม อยู เรื อ นว า ก็ ต าม อกุ ศ ลวิ ต ก อั น ลามกประกอบอยู ด ว ยความร อ นใจ ย อ ม เกิ ด ขึ้ น กลุ ม รุ ม จิ ต ใจเขา, เรากล า ว อาการอยางนี้ นี้ วาเปน การถูกติดตามเพื่อทวงหนี้.
www.buddhadasa.info ภิ กษุ ท.! คน จนชนิ ด นี้ ครั้ น ป ระพ ฤติ ก าย - วจี - ม โนทุ จริ ต แล ว ภายหลั ง แต ก ารตายเพราะการแตกทํ าลายแห งกาย ย อ ม ถู ก จองจํ า อยู ในนรก บ า ง ใน กําเนิดเดรัจฉาน บาง.
ภาค ๑ - ทุกขอริยสัจ
๒๗๓
ภิ ก ษุ ท.! เราไม ม องเห็ น การจองจํ า อื่ น แม อ ย า งเดี ย ว ที่ ท ารุ ณ อย า งนี้ เจ็ บ ปวดอย า งนี้ เป น อั น ตรายอย า งนี้ ต อ การบรรลุ โ ยคั ก เขมธรรมอั น ไม มี ธ รรม อื่นยิ่งกวา เหมือนการถูกจองจําในนรก หรือในกําเนิดเดรัจฉาน อยางนี้. (คาถาผนวกทายพระสูตร) ความยากจน และการกู ห นี้ ท า นกล า วว า เป น ความทุ ก ข ใ น โลก. คนจนกู ห นี้ ม าเลี้ ย งชี วิ ต ย อ มเดื อ ดร อ น เพราะเจ า หนี้ ติ ด ตาม บ า ง เพราะถู ก จั บ กุ ม บ า ง. การถู ก จั บ กุ ม นั้ น เป น ความทุ ก ข ข องคน บูชาการไดกาม. ถึ ง แม ใ นอริ ย วิ นั ย นี้ ก็ เ หมื อ นกั น : ผู ใ ด ไม มี ศ รั ท ธา ไม มี หิริ ไมมีโอตตัปปะ สั่งสมแตบาปกรรม กระทํากายทุจริต - วจีทุจริต มโนทุ จ ริ ต ปกป ด อยู ด ว ยการกระทํ า ทางกาย ทางวาจา ทางจิ ต เพื่ อ ไมใหผูใดรูจักเขา, ผูนั้น พอกพูนบาปกรรมอยูเนืองนิตย ในที่นั้น ๆ. คนชั่ วทํ าบาปกรรม รูสึกแตกรรมชั่วของตน เสมื อนคนยากจน กูหนี้มาบริโภคอยู ยอมเดือดรอน.
www.buddhadasa.info ความตริตรึกที่ เกิ ดจากวิปฏิ สาร อั นเป นเครื่องทรมานใจ ย อม ติดตามเขา ทั้งในบานและในปา. คนชั่ ว ทํ า บาปกรรม รู สึ ก แต ก รรมชั่ ว ของตน ไปสู กํ า เนิ ด เดรั จ ฉานบางอย า ง หรื อ ว า ถู ก จองจํ า อยู ใ นนรก. การถู ก จองจํ า นั้ น เปนทุกข ชนิดที่ธีรชนไมเคยประสบเลย.... - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๓๙๒/๓๑๖.
๒๗๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ทุกขอริยสัจเปนสิ่งที่ควรรอบรู ภิ ก ษุ ท.! อริ ย สั จ มี สี่ อ ย า งเหล า นี้ . สี่ อ ย า งเหล า ไหนเล า ? สี่ อ ย า ง คือ :- ทุก ขอริย สัจ ทุก ขสมุท ยอริย สัจ ทุก ขนิโ รธอริย สัจ และทุก ขนิโ รธคามินีปฏิปทาอริยสัจ. ภิกษุ ท.! เหลานี้แล คือ อริยสัจสี่อยาง. ภิ ก ษุ ท.! ในบรรดาอริ ย สั จ สี่ อ ย า งเหล า นี้ , อริ ย สั จ ที่ ใ คร ๆ ควร รอบรู มีอ ยู . .... ภิก ษุ ท.! อริย สัจ ที ่ใ คร ๆ ควรรอบรู เปน อยา งไรเลา ? ภิกษุ ท.! อริยสัจที่ใคร ๆ ควรรอบรูนั้น ไดแก อริยสัจคือ ทุกข. .... ภ ิก ษ ุ ท .! เพ รา ะ ฉ ะ นั ้น ใน ก รณ ีนี ้ พ ว ก เธ อ ทั ้ง ห ล า ย พ ึง ทํ า ความเพียรเพื่อใหรูตามที่เปนจริง วา 'ทุกข เปนเชนนี้ ๆ.....' ดังนี้เถิด. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๖/๑๗๐๙.
นิทเทศ ๓
www.buddhadasa.info วาดวยหลักเบ็ดเตล็ดเกี่ยวกับความทุกข
จบ
ภาค ๑ วาดวยทุกขอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐคือทุกข จบ
คําชี้ชวนวิงวอน
____________ ภิกษุ ท.! โยคกรรม อันเธอพึงกระทํา เพื่อใหรูวา "นี้ทุกข นี้เหตุใหเกิดทุกข นี้ความดับสนิทแหงทุกข นี้ทางใหถึงความดับสนิทแหงทุกข." เทสิตํ โว มยา นิพฺพานํ เทสิโต นิพฺพานคามิมคฺโค
นิพพาน เราไดแสดงแลว ทางใหถึงนิพพาน เราก็ไดแสดงแลว แกเธอทั้งหลาย. กิจใด ที่ศาสดาผูเอ็นดู แสวงหาประโยชนเกื้อกูล อาศัยความเอ็นดูแลว จะพึงทําแกสาวกทั้งหลาย. กิจนั้น เราไดทําแลวแกพวกเธอ.
www.buddhadasa.info นั่น โคนไม; นั่น เรือนวาง.
พวกเธอจงเพียรเผากิเลส, อยาไดประมาท, อยาเปนผูที่ตองรอนใจ ในภายหลังเลย. อยํ โว อมฺหากํ อนุสาสนี
นี่แหละ วาจาเครื่องพร่ําสอนของเรา แกเธอทั้งหลาย. (มหาวาร.สํ. - สฬา.สํ.)
๒๗๕
๒๗๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
www.buddhadasa.info
ภาค ๒ วาดวย
สมุทยอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐ คือเหตุใหเกิดทุกข
www.buddhadasa.info ๒๗๗
ภาค ๒ มีเรื่อง :- นิทเทศ ๔ วาดวยลักษณะแหงตัณหา นิทเทศ ๕ วาดวยที่เกิดและการเกิดแหงตัณหา นิทเทศ ๖ วาดวยอาการที่ตัณหาทําใหเกิดทุกข นิทเทศ ๗ วาดวยทิฎฐิที่เกี่ยวกับตัณหา นิทเทศ ๘ วาดวยกิเลสทั้งหลายในฐานะสมุทัย
๔๑ เรื่อง ๕ เรื่อง ๓๑ เรื่อง ๘ เรื่อง ๑๕ เรื่อง
www.buddhadasa.info ๒๗๘
อริยสัจจากพระโอษฐ ภาค ๒ วาดวย
สมุทยอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐคือเหตุใหเกิดทุกข (มี ๕ นิทเทศ) ____________
อุทเทศแหงสมุทยอริยสัจ ภิ ก ษุ ท.! ความจริ ง อั น ประเสริ ฐ คื อ เหตุ ใ ห เ กิ ด ทุ ก ข เป น อย า งไร เล า ? ภิ ก ษุ ท.! ตั ณ หานี้ ใ ด ที่ ทํ า ให มี ก ารเกิ ด อี ก อั น ประกอบด ว ยความ กําหนัดเพราะอํานาจแหงความเพลิน ซึ่งมีปรกติทําใหความเพลิดเพลินในอารมณ นั้น ๆ, ไดแก ตัณหาในกาม ตัณหาในความมีความเปน ตัณหาในความไมมีไมเปน; นี้เรียกวา ความจริงอันประเสริฐคือเหตุใหเกิดทุกข.
www.buddhadasa.info - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๓๔/๑๖๘๐.
๒๗๙
๒๘๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
นิทเทศแหงสมุทยอริยสัจ ____________
นิทเทศ ๔ วาดวยลักษณะแหงตัณหา (มี ๔๑ เรื่อง)
ลักษณะการแตงตัณหา ภิ ก ษุ ท.! ตั ณ หานี้ ใ ด ทํ า ให มี ก ารเกิ ด อี ก ประกอบด ว ยความ กําหนัดเพราะอํานาจแหงความเพลิน มีปรกติทําใหเพลิดเพลินในอารมณนั้น ๆ. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๒/๕๑; และ ๑๙/๕๒๙/๑๖๖๕.
ตั ณ หา ย อ มปกคลุ ม บุ ค คล ผู ป ระพฤติ ต นเป น คนมั ว เมา เหมือนเครือเถามาลุวา (ใบดกขึ้นปกคลุมตนไมอยู) ฉะนั้น. เขาผูถูก ตัณหาปกคลุมแลว ยอมเรรอนไปสูภพนอยภพใหญ เหมือนวานรตองการ ผลไม เรรอนไปในปา ฉะนั้น.
www.buddhadasa.info ตัณ หา ซึ่งเปนของลามก สายซานไปไดทั่วโลกนี้ ครอบงํา ผูใดเขาแลว, ความโศกทั้งหลาย ยอมลุกลามแกบุคคลผูนั้น เหมือน หญาวีรณะ๑ ซึ่งงอกงาม แผกวางออกไปโดยเร็ว ฉะนั้น.
ต น ไม แม ถู ก ตั ด แล ว แต เมื่ อ รากยั ง มั่ น คง ไม มี อั น ตราย ยอมงอกงามขึ้นมาไดอีก ฉันใด; ความทุกขนี้ก็ฉันนั้น, เมื่อตัณหานุสัย (ซึ่งเปนรากเงาของมัน) ยังไมถูกถอนขึ้นแลว, มันยอมเกิดขึ้นร่ําไป.
๑. วีรณะ เปนชื่อซึ่งหมายถึงหญาที่ขึ้นรกแผกวางโดยเร็วชนิดหนึ่ง ยังไมทราบชื่อในภาษไทย.
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๒๘๑
ตั ณ หา ซึ่ งมี กระแสสามสิ บหกสาย มี กํ าลั งกล าแข็ ง ไหลไป ตามใจชอบ ของบุคคลใด มีอยู, ความดําริซึ่งอาศัยราคะ มีกระแสอัน ใหญหลวง ยอมพัดพาไป ซึ่งบุคคลนั้น อันมีทิฏฐิผิดเปนธรรมดา. กระแส (แห ง ตั ณ หา) ย อ มหลั่ ง ไหลไปในอารมณ ทั้ ง ปวง. เถาวัลย (คือตัณ หา) แตกขึ้นแลว ตั้งอยู. ทานทั้งหลาย เห็นเถาวัลย นั้นเกิดขึ้นแลว จงตัดรากมันเสีย ดวยปญญา. โสม นัส ซึ ่ง ซาบ ซา น และมีเ ยื ่อ ใย มีอ ยู แ กส ัต ว, สัต ว เหลานั้น จึงแสวงสุข เพราะอาศัยความยินดี, สัตวเหลานั้นแหละเปนผู เขาถึงชาติและชรา. หมู สั ต ว เผชิ ญ หน า ด ว ยตั ณ หา (เครื่ อ งให เกิ ด ความสะดุ ง ) ย อ มกระสั บ กระส า ย เหมื อ นกระต ายที่ ติ ด บ ว ง เผชิ ญ หน า นายพราน กระสั บ กระส า ยอยู ฉะนั้ น . สั ต ว ผู ข อ งแล ว ด ว ยสั ญ โญชน ก็ เข า ถึ ง ความทุกขอยูร่ําไป ตลอดกาลนาน แล. - ธ. ขุ. ๒๕/๖๐/๓๔.
สักกายสมุทัยไวพจนแหงตัณหา www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! สั ก กายสมุ ทั ย เป น อย า งไรเล า ? ตั ณ หานี้ ใ ด อั น เป น เครื่ อ งทํ า ให มี ก ารเกิ ด อี ก ประกอบอยู ด ว ยความกํ า หนดด ว ยอํ า นาจความเพลิ น ทํ า ให เพลิ น อย า งยิ่ ง ในอารมณ นั้ น ๆ ; ได แ ก การตั ณ หา ภวตั ณ หา วิ ภ วตั ณ หา ภิกษุ ท.! นี้เรากลาววา สักกายสมุทัย. - ขนฺธ. สํ ๑๗/๑๙๔/๒๘๖. (ในสู ต รอื่ น แทนที่ จ ะตรั ส ว า สั ก กายสมุ ทั ย แต ต รั ส เรี ย กว า สั ก กายสมุ ทั ย ยั น ตะ ก็มี. - ๑๗/๑๙๒/๒๗๖).
๒๘๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
เจาเหนือหัวของสัตวโลก "โล ก ถู ก อะไรชั ก นํ าไป ? โลก ถู ก อะไรฉุ ด ดึ งไป รอบ ๆ? สัตวโลกทั้งหมด ตกอยูในอํานาจของสิ่ง ๆ เดียวกันนั้น คืออะไร?" โลก ถู ก ตั ณ หาชั ก นํ า ไป, โลก ถู ก ตั ณ หาฉุ ด ดึ งไปรอบ ๆ. สัตวโลกทั้งหมด ตกอยูในอํานาจของสิ่ง ๆ เดียว สิ่งนั้น คือ ตัณหา. - สคา. สํ. ๑๕/๕๔/๑๘๒-๑๘๓.
สัญโญชนอยางเอก ภิ ก ษุ ท.! เราไม ม องเห็ น สั ญ โญ ชน อื่ น แม แ ต อ ย า งเดี ย ว ซึ่ ง เมื่ อ สั ต ว ทั้ ง หลาย ประกอบแล ว ย อ มแล น ไป ย อ มท อ งเที่ ย วไป ในวั ฏ ฏสงสาร ตลอดกาลนานอย า งนี้ เหมื อ นอย า ง ตั ณ หาสั ญ โญชน นี้ . ภิ ก ษุ ท.! เพราะว า สั ต ว ทั้ งหลายที่ ป ระกอบด วยตั ณ หาสั ญ โญชน แ ล ว ย อ มแล น ไป ย อ มท อ งเที่ ย วไป ในวัฏฏสงสาร ตลอดกาลนาน โดยแทจริง แล.
www.buddhadasa.info - อติวุ. ขุ. ๒๕/๒๓๖/๑๙๓.
เครื่องจูงใจสูภพ
"ข าแต พระองค ผู เจริญ! พระองค ตรัสอยู ว า 'เครื่องนํ าไปสู ภพ๑ เครื่องนํ า ไปสู ภพ' ดั งนี้ , ก็ เครื่ องนํ าไปสู ภพ เป นอย างไร? พระเจ าข า! และความดั บไม เหลื อ ของเครื่องนําไปสูภพนั้น เปนอยางไรเลา พระเจาขา?" ราธะ! ฉันทะ (ความพอใจ) ก็ดี ราคะ (ความกําหนัด) ก็ดี นันท ๑. อ รรถ ก ถ าแ กคํ า วา 'ภ วเน ตฺต ิ' ซึ ่ง ใน ที ่นี ้แ ป ล วา 'เค รื ่อ งนํ า ไป สู ภ พ ' วา 'ภ วรชฺข ุ' ซึ ่ง หมายถึง เชือก หรือบวงที่จะจูงสัตวไปสูภพ.
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๒๘๓
www.buddhadasa.info
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๒๘๓
ราธะ ! ฉั น ท ะ (ความ พ อใจ) ก็ ดี ราค ะ (ความ กํ าห นั ด ) ก็ ดี นั น ทิ (ความเพลิ น) ก็ ดี ตั ณ หาก็ ดี และอุ ปายะ (กิ เลสเป นเหตุ เข าไปสู ภพ) และอุ ปาทาน
อั น เป น เครื่ อ งตั้ ง ทั บ เครื่ อ งเข า ไปอาศั ย และเครื่ อ งนอนเนื่ อ งแห ง จิ ต ก็ ดี ใด ๆ ในรูป ในเวทนา ในสัญ ญ า ในสัง ขารทั ้ง หลาย และในวิญ ญ าณ ; กิเ ลส เหลานี้นี่เราเรียกวา 'เครื่องนําไปสูภพ.' ความดับไมเหลือของเครื่องนําไปสูภพ มีได เพราะความดับไมเหลือของกิเลสมีฉันทราคะเปนตนเหลานั้นเอง. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๓๓/๓๖๘.
พืชของภพ "ข า แต พ ระองค ผู เจริ ญ ! พระผู มี พ ระภาคเจ า กล า วอยู ว า 'ภพ - ภพ' ดั ง นี้ . ภพ ยอมมีได ดวยเหตุเพียงเทาไรเลา? พระเจาขา!"
อ าน น ท ! ถ าก รรม มี ก าม ธาตุ เป น วิ บ าก จั ก ไม ได มี แล วไซร . กามภพ จะพึงปรากฏไดแลหรือ? "หามิได พระเจาขา!"
www.buddhadasa.info อานนท ! ด ว ยเหตุ นี้ แ หละ กรรมจึ ง เป น เนื้ อ นา, วิ ญ ญ าณ เป น เมล็ด พืช , ตัณ หาเปน ยาง (สํ า หรับ หลอ เลี ้ย งเชื ้อ งอก) ของพืช . วิญ ญ าณ ของสั ต ว ทั้ ง หลาย มี อ วิ ช ชาเป น เครื่ อ งกั้ น มี ตั ณ หาเป น เครื่ อ งผู ก พั น ตั้ ง อยู แ ล ว ด ว ยธาตุ ชั้ น ทราม (กามธาตุ ), การบั ง เกิ ด ขึ้ น ในภพใหม ต อ ไป ย อ มมี ไ ด ด ว ย อาการอยางนี้.
๒๘๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
อานนท! ถา กรรม มีร ูป ธาตุเ ปน วิบ าก จัก ไมไ ดม ีแ ลว ไซร, รูป ภพ จะพึงปรากฏไดแลหรือ? "หามิได พระเจาขา!" อานน ท ! ด ว ยเห ตุ นี้ แ ห ละ กรรม จึ ง เป น เนื้ อน า, วิ ญ ญ าณ เป น เมล็ด พืช , ตัณ หาเปน ยาง (สํ า หรับ หลอ เลี ้ย งเชื ้อ งอก) ของพืช . วิญ ญ าณ ของสั ต ว ทั้ ง หลาย มี อ วิ ช ชาเป น เครื่ อ งกั้ น มี ตั ณ หาเป น เครื่ อ งผู ก พั น ตั้ ง อยู แ ล ว ด ว ยธาตุ ชั้ น กลาง (รู ป ธาตุ ). การบั ง เกิ ด ขึ้ น ในภพใหม ต อ ไป ย อ มมี ไ ด ด ว ย อาการอยางนี้. อ าน น ท! ถา ก รรม มีอ รูป ธ า ตุเ ป น วิบ าก จัก ไมไ ดม ีแ ลว ไซ ร, อรูปภพ จะพึงปรากฏไดแลหรือ? "หามิได พระเจาขา!" อานน ท ! ด ว ยเห ตุ นี้ แ ห ละ กรรม จึ ง เป น เนื้ อห า, วิ ญ ญ าณ เป น เมล็ด พืช , ตัณ หาเปน ยาง (สํ า หรับ หลอ เลี ้ย งเชื ้อ งอก) ของพืช . วิญ ญ าณ ของสั ต ว ทั้ ง หลาย มี อ วิ ช ชาเป น เครื่ อ งกั้ น มี ตั ณ หาเป น เครื่ อ งผู ก พั น ตั้ ง อยู แ ล ว ดว ยธาตุชั ้น ประณ ีต (อรูป ธาตุ), การบัง เกิด ขึ ้น ในภพใหมต อ ไป ยอ มมีไ ด ดวยอาการอยางนี้.
www.buddhadasa.info อานนท! ภพ ยอมมีได ดวยอาการอยางนี้แล. - ติก. อํ. ๒๐/๒๘๗/๕๑๖.
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๒๘๕
เชื้องอกของพืช "ข า แต พ ระองค ผู เจริ ญ พระผู มี พ ระภาคเจ า กล า วอยู ว า 'ภพ - ภพ' ดั ง นี้ . ภพ ยอมมีได ดวยเหตุเพียงเทาไรเลา? พระเจาขา "
อาน น ท! ถา กรรม มีก าม ธาตุเ ปน วิบ าก จัก ไมไ ดม ีแ ลว ไซร, ภามภพ จะพึงปรากฏไดแลหรือ? "หามิได พระเจาขา!" อานนท ! ด ว ยเหตุ นี้ แ หละ กรรมจึ ง เป น เนื้ อ นา, วิ ญ ญ าณ เป น เมล็ด พืช , ตัณ หาเปน ยาง (สํ า หรับ หลอ เลี ้ย งเชื ้อ งอก) ของพืช . ความเจตนา ก็ ดี ความปรารถนาก็ ดี ของสั ต ว ทั้ ง หลาย ที่ มี อ วิ ช ชาเป น เครื่ อ งกั้ น มี ตั ณ หา เปน เครื ่อ งผูก พัน ตั ้ง อยู แ ลว ดว ยธาตุชั ้น ทราม , การบัง เกิด ในภ พ ให ม ตอไป ยอมมีได ดวยอาการอยางนี้. อานนท! ถา กรรม มีร ูป ธาตุเ ปน วิบ าก จัก ไมไ ดม ีแ ลว ไซร, รูป ภพ จะพึงปรากฏไดแลหรือ? "หามิได พระเจาขา!"
www.buddhadasa.info อานนท ! ด ว ยเหตุ นี้ แ หละ กรรมจึ ง เป น เนื้ อ หนา, วิ ญ ญ าณ เป น เมล็ด พืช , ตัณ หาเปน ยาง (สํ า หรับ หลอ เลี ้ย งเชื ้อ งอก) ของพืช . ความเจตนา ก็ ดี ความปรารถนาก็ ดี ของสั ต ว ทั้ ง หลาย ที่ มี อ วิ ช ชาเป น เครื่ อ งกั้ น มี ตั ณ หา เปน เครื ่อ งผูก พัน ตั ้ง อยู แ ลว ดว ยธาตุชั ้น กลาง, การบัง เกิด ขึ ้น ในภพใหม ตอไป ยอมมีได ดวยอาการอยางนี้.
๒๘๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
อ าน น ท! ถา กรรม มีอ รูป ธาตุเ ปน วิบ าก จัก ไมไ ดม ีแ ลว ไซร. อรูปภพ จะพึงปรากฏไดแลหรือ? “หามิได พระเจาขา!" อานนท ! ด ว ยเหตุ นี้ แ หละ กรรมจึ ง เป น เนื้ อ นา, วิ ญ ญ าณ เป น เมล็ด พืช , ตัณ หาเปน ยาง (สํ า หรับ หลอ เลี ้ย งเชื ้อ งอก) ของพืช . ความเจตนา ก็ ดี ความปรารถนาก็ ดี ของสั ต ว ทั้ ง หลาย ที่ มี อ วิ ช ชาเป น เครื่ อ งกั้ น มี ตั ณ หา เปน เครื ่อ งผูก พัน ตั ้ง อยู แ ลว ดว ยธาตุชั ้น ประณีต . การบัง เกิด ขึ ้น ในภพใหม ตอไปยอมมีได ดวยอาการอยางนี้. อานนท! ภพ ยอมมีได ดวยอาการอยางนี้แล. - ติก. อํ. ๒๐/๒๘๘/๕๑๗.
ที่เกิดแหงอุปธิ
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท .! ภิ ก ษุ ใน ธ รรม วิ นั ย นี้ เมื่ อ พิ จ ารณ าสื บ ต อ ไป ย อ ม พิ จ ารณาลึ ก ลงไปอี ก ว า "อุ ป ธิ นี้ เล า มี อ ะไรเป น เหตุ ใ ห เกิ ด ? มี อ ะไรเป น เครื่ อ ง กอ ใหเ กิด ? มีอ ะ ไรเปน เค รื ่อ งกํ า เนิด ? แ ล ะ มีอ ะ ไรเปน แ ด น เกิด ? เมื ่อ อะไรมีอยู อุปธิก็มีอยู? เมื่ออะไรไมมี อุปธิก็ไมมี?" ดังนี้.
ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ นั้ น เมื่ อ พิ จ ารณาอยู ย อ มรู ไ ด ชั ด อย า งนี้ ว า "อุ ป ธิ มี ตั ณ หาเป น เหตุ ใ ห เ กิ ด , มี ตั ณ หาเป น เครื่ อ งก อ ให เกิ ด , มี ตั ณ หาเป น เครื่ อ ง กํ า เนิด , แล ะม ีต ัณ ห าเป น แด น เกิด ; เมื ่อ ตัณ ห ามีอ ยู อุป ธิก ็ม ีอ ยู , เมื ่อ ตัณหาไมมี อุปธิก็ไมมี, ดังนี้แล. - นิทาน. สํ. ๑๖/๑๓๑/๒๕๗.
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๒๘๗
ที่เกิดแหงอุปาทาน ภ ิก ษ ุ ท .! อุป าท าน สี ่อ ยา งเห ล า นี ้ ม ีอ ะไรเป น เห ต ุใ ห เ ก ิด ? มี อะไรเปน เครื ่อ งกอ ใหเ กิด ? มีอ ะไรเปน เครื ่อ งกํ า เนิด ? และมีอ ะไรเปน แดน เกิดเลา? ภิ ก ษุ ท.! อุ ป าทานสี่ เหล า นี้ มี ตั ณ หาเป น เหตุ ใ ห เ กิ ด , มี ตั ณ หา เปนเครื่องกอใหเกิด, มีตัณหาเปนเครื่องกําเนิด, และมีตัณหาเปนแดนเกิด. ภิ ก ษุ ท.! ก็ ตั ณ หานี้ เล า มี อ ะไรเป น เหตุ ใ ห เกิ ด ? มี อ ะไรเป น เครื่ อ ง กอใหเกิด? มีอะไรเปนเครื่องกําเนิด? และมีอะไรเปนแดนเกิด? ภิ ก ษุ ท.! ตั ณ หานี้ มี เ วทนาเป น เหตุ ใ ห เ กิ ด , มี เ วทนาเป น เครื่ อ ง กอใหเกิด, มีเวทนาเปนเครื่องกําเนิด, และมีเวทนาเปนแดนเกิด แล.
www.buddhadasa.info ที่เกิดแหงอาหาร - มู. ม. ๑๒/๑๓๔/๑๕๘.
ภิ ก ษุ ท.! อาหารสี่ อ ย า งเหล า นี้ มี อ ยู เพื่ อ ความตั้ ง อยู ไ ด ข องสั ต ว ผู เกิ ด แล ว บ า ง เพื่ อ อนุ เคราะห สั ต ว ผู กํ า ลั ง แสวงหาที่ เกิ ด (สั ม ภเวสี )บ า ง. อาหาร สี่ อ ย า งอะไรเล า ? สี่ อ ย า งคื อ อาหารที่ ห นึ่ ง คื อ อาหารคํ า ข า ว หยาบก็ ต าม ละเอี ย ดก็ ต าม, อาหารที่ ส อง คื อ ผั ส สะ, อาหารที่ ส าม คื อ มโนสั ญ เจตนา (มโนกรรม), อาหารทีสี ่ คือ วิญ ญ าณ ; ภิก ษุ ท.! อาหารสี ่อ ยา งเหลา นี้ แล มี อ ยู เพื่ อ ความตั้ ง อยู ไ ด ข องสั ต ว ผู เกิ ด แล ว บ า ง เพื่ อ อนุ เคราะห สั ต ว ผู กํ า ลั ง แสวงหาที่เกิดบาง.
๒๘๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! ก็ อ าหารสี่ อ ย า งเหล า นี้ มี อ ะไรเป น เหตุ ใ ห เ กิ ด (นิ ท าน)? มีอ ะไรเป น เค รื ่อ งกอ ใหเ กิด (ส ม ุท ัย )? ม ีอ ะ ไรเป น เค รื ่อ งกํ า เน ิด (ช าติก ะ )? แ ล ะ ม ีอ ะ ไร เป น แ ด น เก ิด (ป ภ พ )? ภ ิก ษ ุ ท .! อ า ห า ร สี ่อ ย า ง เห ล า นี ้ มี ตั ณ ห าเป น เห ตุ ให เกิ ด , มี ตั ณ หาเป นเครื่ อ งก อ ให เ กิ ด , มี ตั ณ หาเป นเครื่ อ ง กําเนิด, และมีตัณหาเปนแดนเกิด แล. - นิทาน. สํง ๑๖/๑๔/๒๘-๒๙.
ตัณหาโดยวิภาคแหงอารมณหกอยาง ภิกษุ ท.! ตัณหา เปนอยางไรเลา? ภิ ก ษุ ท.! หมู แ ห ง ตั ณ หาหกอย า งเหล า นี้ คื อ ตั ณ หาในรู ป , ตั ณ หา ในเสี ย ง, ตั ณ หาในกลิ่ น , ตั ณ หาในรส, ตั ณ หาในโผฏฐั พ พะ, และตั ณ หาใน ธรรมารมณ.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! นี้ เรียกวา ตัณหา.
- นิทาน. สํ. ๑๖/๓/๑๐.
ภพโดยวิภาค สามอยาง ภิกษุ ท.! ภพ เปนอยางไรเลา? ภิกษุ ท.! ภพ มีสามอยางเหลานี้ คือ:-
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๒๘๙
๑. กามภพ ภพมีกาม; ๒. รูปภพ ภพมีรูป; ๓. อรูปภพ ภพไมมีรูป. ภิกษุ ท.! นี้เรียกวา ภพ. - นิทาน. สํ. ๑๖/๓/๘.
ตัณหาโดยวิภาค สามอยาง ภิ ก ษุ ท.! ตั ณ หามี ส ามอย า งเหล า นี้ , สามอย า งเหล า ไหนเล า ? สามอยางคือ :๑. กามตัณหา ตัณหาในกาม; ๒. ภวตัณหา ตัณหาในความมีความเปน; ๓. วิภวตัณหา ตัณหาในความไมมีไมเปน. ภิกษุ ท.! เหลานี้แล คือ ตัณหาสามอยาง.๑
www.buddhadasa.info -
มหาวาร. สํ. ๑๙/๘๖/๓๒๙.
๑. ตัณหาสามคือ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา. ก า ม ตั ณ ห า เป น อ ย า ง ไ ร ? คื อ ร า ค ะ ส า ร า ค ะ ฯ ล ฯ ส า ร า ค ะ แ ห ง จิ ต ที ่ ป ร ะ ก อ บ ดวย กามธาตุ : นี้ เรียกวา กามตัณหา. ภ ว ตั ณ ห า เป น อ ย า ง ไ ร ? คื อ ร า ค ะ ส า ร า ค ะ ฯ ล ฯ ส า ร า ค ะ แ ห ง จิ ต ที ่ ป ร ะ ก อ บ ดวย ภาวทิฏฐิ : นี้ เรียกวา ภวตัณหา. วิ ภ วตั ณ หา เป น อย า งไร? คื อ ราคะ สาราคะ ฯลฯ สาราคะแห ง จิ ต ที่ ป ระกอบ ดวย อุจเฉททิฏฐิ : นี้ เรียกวา วิภวตัณหา. - นัย วิภงฺค. อภิมฺม. ๓๕/๔๙๕/๙๓๓-๔.
๒๙๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ลักษณะแหงกามตัณหา ภิกษุ ท.! ภามโยคะ (การประกอบอยูดวยกาม) เปนอยางไรเลา? ภิก ษุ ท.! บุค คลบางคนในโลกนี ้ ยอ มไมรู แ จง ชัด ตามที ่เ ปน จริง ซึ ่ง ความ ก อ ขึ้ น แห ง กามทั้ ง หลาย ซึ่ ง ความดั บ ไปแห ง กามทั้ ง หลาย ซึ่ ง รสอร อ ยแห ง กาม ทั้ ง หลาย ซึ่ ง โทษแห ง กามทั้ ง หลาย และซึ่ ง อุ บ ายเครื่ อ งออกพ น ไปได จ ากกาม ทั้ ง หลาย. ภิ ก ษุ ท.! เมื่ อ เขาไม รู อ ยู อ ย า งนั้ น , ความกํ า หนั ด ในกาม ความ เพลินในกาม ความเสนหาในกาม ความสยบในกาม ความหิวกระหายในกาม ความเรารอนเพราะกาม ความเมาหมกในกาม และกามตัณหา ในกามทั้งหลาย ยอมนอนเนื่องอยูในบุคคลนั้น. ภิกษุ ท. นี้ เราเรียกวา กามโยคะ, ดังนี้แล. - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๓/๑๐.
กามคุณหาคือบวง ภิ ก ษุ ท.! กามคุ ณ มี ห า อย า งเหล า นี้ . ห า อย า งเหล า ไหนเล า ? ห า อยา งคือ รูป ที ่เ ห็น ดว ยตา, เสีย งที ่ฟ ง ดว ยหู, กลิ ่น ที ่ด มดว ยจมูก , รสที ่ลิ ้ม ดว ยลิ ้น , และโผฏฐัพ พะที ่ส ัม ผัส ดว ยกาย, อัน เปน สิ ่ง ที ่น า ปรารถนา นา รัก ใคร นา พอใจ ที ่ย วนตายวนใจใหร ัก เปน ที ่เ ขา ไปตั ้ง อาศัย อยู แ หง ความใคร เปนที่ตั้งแหงความกําหนัดยอมใจ. ภิกษุ ท.! เหลานี้แล คือกามคุณหาอยาง.
www.buddhadasa.info ภ ิก ษ ุ ท .! ส ม ณ ะห รือ พ ราห ม ณ พ วกใด พ วกห นึ ่ง ติด อ กติด ใจ สยบอยู เมาหมกอยู ในกามคุ ณ ห า อย า งเหล า นี้ แ ล ว ก็ ไม ม องเห็ น ส วนที่ เป น โทษ ไม เป น ผู รู แ จ ม แจ ง ในอุ บ ายเป น เครื่ อ งออกพ น ไปได จ ากทุ ก ข ทํ า การบริ โภคกาม-
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๒๙๑
คุ ณ ทั้ ง ห า นั้ น อยู ; สมณะหรื อ พราหมณ พ วกนั้ น อั น คนทั้ ง หลายพึ ง เข า ใจเถิ ด ว า เป นผู จะถึ งความพิ นาศย อยยั บ แล วแต มารผู ใจบาป ต องการจะทํ าตามอํ าเภอใจ อยางใด. ภิก ษุ ท.! เปรีย บไดดั ่ง เนื ้อ ปา ตัว ที ่ต ิด บว ง นอนจมอยู ใ นบว ง เมื ่อ น ายพ ราน ม าถึง เขา , มัน จะห น ีไ ป ไห น ไม พ น เล ย ฉัน ใด ; ภ ิก ษ ุ ท .! สมณะหรือ พราหมณเ หลา นั ้น ก็ฉ ัน นั ้น เหมือ นกัน , พวกเขา พากัน ติด อกติด ใจ สยบอยู เมาหมกอยู ในกามคุ ณ ห า อย า งเหล า นั้ น แล ว ก็ ไ ม ม องเห็ น ส ว นที่ เป น โทษ ไม เป น ผู รู แ จ ม แจ ง ในอุ บ ายเป น เครื่ อ งออกพ น ไปได จ ากทุ ก ข ทํ า การ บริ โภคกามคุ ณ ทั้ ง ห า นั้ น อยู ; สมณะหรื อ พราหมณ พ วกนั้ น อั น คนทั้ ง หลายพึ ง เข าใจเถิ ดว า เป นผู จะถึ งความพิ นาศย อยยั บ แล วแต มารผู ใจบาป ต องการจะทํ า ตามอําเภอใจอยางใด แล. - มู. ม. ๑๒/๓๓๓/๓๒๗-๘.
กามเปนเครื่องผูก
www.buddhadasa.info เครื ่อ งผูก อัน ใด เกิด แตเ หล็ก เกิด แตไ ม และเกิด แต หญาปพพชนะก็ตาม, ผูมีปญญาทั้งหลาย ไมกลาวเครื่องผูกอันนั้น วา เปนเครื่องผูกอันมั่นคงเลย. ส ว นความยิ น ดี ข องบุ ค คลผู ยิ น ดี แ ล ว ในตุ ม หู แ ก ว มณี เปน ตน ดว ย และความเยื่อ ใยในบุต รและภรรยาดว ย, ผูมีปญ ญา ทั้งหลาย กลาวความยินดีและเยื่อใยอันนั้น วาเปนเครื่องผูกอันมั่นคง ที่จะฉุดสัตวลงสูที่ต่ําไดโดยแท ซึ่งผูกไวหยอน ๆ แตแกไดยาก แล. - สคา. สํ. ๑๕/๑๑๒/๓๕๓.
๒๙๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
กามเปนมายา ภิ ก ษุ ท.! กามทั้ ง หลาย เป น ของไม เ ที่ ย ง เป น ของเปล า ๆ ปลี้ ๆ เป นของเท็ จ เป น สิ่ งที่ มี ก ารหลอกให ห ลงเป น ธรรมดา. ภิ ก ษุ ท.! กามนั้ น เป น เหมื อ นสิ่ ง ที่ ทํ า แล ว ด ว ยมายา เป น ที่ พ ร่ํ า บ น หาของคนพาล, ได แ ก กาม และ สั ญ ญาในกาม ทั้ ง ที่ เป น ไปในภพป จ จุ บั น นี้ และที่ เป น ไปในภพเบื้ อ งหน า . กาม และสั ญ ญาในกาม ทั้ งสองอย างนั้ น เป น อาณาจั กรของมาร เป น วิ สั ยของมาร เป น เยื่ อ ของมาร และเป น ที่ เที่ ย วหาอาหารของมาร. จิ ต อั น เป น บาปอกุ ศ ล เป น อภิ ช ฌาก็ ดี พยาบาทก็ ดี และสารั ม ภะ (การแข ง ดี ) ก็ ดี เหล า นี้ ย อ มเป น ไป ใน อ าณ าจัก รของม ารนั ้น . อ นึ ่ง อ กุศ ล ธรรม เห ลา นั ้น ยอ ม มีขึ ้น เพื ่อ เปน อันตราย แกพระอริยสาวก ผูตามศึกษาอยู ในธรรมวินัยนี้ได โดยแท แล. - อุปริ. ม. ๑๔/๗๔/๘๑.
ไมมีความเย็นในกาม
www.buddhadasa.info มาคั ณ ฑิ ย ะ? ท า นจะสํ า คั ญ ความข อ นี้ ว า อย า งไร คื อ ท า นเคยได เห็ น หรื อ เคยได ฟ ง บ า งหรื อ ไม ว า พระราชาก็ ดี อํ า มาตย ผู ใหญ ข องพระราชาก็ ดี ผู เอิ บ อิ่ ม เพี ย บพร อ มด ว ยกามคุ ณ ๕ ให เขาบํ า เรออยู , ยั ง ละกามตั ณ หาไม ไ ด ยั งบรรเทาความเร า ร อ นเพราะกามไม ได แล วจะเป น ผู ป ราศจากความกระหาย มี จิ ต สงบเย็ น อยู ณ ภายใน ในอดี ต ก็ ต าม กํ า ลั ง อยู ใ นป จ จุ บั น ก็ ต าม หรื อ จั ก อยู ในอนาคตก็ตาม นั้นมีอยูบางหรือ?" "ขอนั้น ไมเคยมีเลย ทานโคดม!"
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๒๙๓
ม าคัณ ฑ ิย ะ! ถูก แลว , แมเ ราเอ ง ก็ไ มเ คยใหเ ห็น ไมเ ค ยไดฟ ง เช น นั้ น เลยว า พระราชาก็ ดี อํ า มาตย ผู ใ หญ ข องพระราชาก็ ดี ผู เอิ บ อิ่ ม เพี ย บพร อ มด ว ยกามคุ ณ ๕ ให เขาบํ า เรออยู , ยั ง ละกามตั ณ หาไม ได ยั ง บรรเทาความ เร า ร อ นเพราะกามไม ไ ด แล ว จะเป น ผู ป ราศจากความกระหาย มี จิ ต สงบเย็ น อยู ณ ภายใน ในอดี ต ก็ ต าม กํ า ลั ง อยู ในป จ จุ บั น ก็ ต าม หรื อ จั ก อยู ในอนาคตก็ ต าม ดังนี้แล. - ม. ม. ๑๓/๒๘๐/๒๘๖.
คนกลาวคําเท็จเพราะกาม "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ! หม อมฉั น นั่ งแล ว ในที่ วิ นิ จฉั ยอรรถคดี นั่ นแหละ ได เห็ นพวกกษั ตริย มหาศาลบ าง พวกพราหมณ มหาศาลบ าง พวกคฤหบดี มหาศาลบ าง ซึ่ ง เปนผูมั่งคั่ง มี ทรัพยมาก มี โภคะมาก มีทองเงินเพี ยงพอ มี อุปกรณ ในการหาทรัพยมาก มาย มี ขาวเปลื อกเป นหลั กทรัพย อยู มากมายทํ าการกล าวเท็ จทั้ งที่ รูวาเป นเท็ จ เพราะกาม เป นเหตุ เพราะกามเป นต นเหตุ เพราะกามเป นเครื่องทํ าให พู ดออกมา. ข าแต พระองค ผูเจริญ! ความคิดไดเกิดขึ้นแกหม อมฉัน วา 'บัดนี้พอแลว ในการวินิจฉัยอรรถคดี, บัดนี้ ภัทรมุข (วิฑูฑภะ) จักปรากฏตัว ในการวินิจฉัยอรรคดีสืบไป' ดังนี้."
www.buddhadasa.info ม ห าราช ! ขอ นั ้น เปน อ ยา งนั ้น , ม ห าราช ! ขอ นั ้น เปน อ ยา ง นั ้น ; มหาราช! คือ ขอ ที ่พ วกกษัต ริย ม หาศาลบา ง พวกพราหมณ ม หาศาล บ า ง พวกคฤหบดี ม หาศาลบ า ง ซึ่ ง เป น ผู มั่ ง คั่ ง มี ท รั พ ย ม ากมี โ ภคะมาก มี ท อง เงิ น เพี ย งพอ มี อุ ป กรณ ใ นการหาทรั พ ย ม ากมาย มี ข า วเปลื อ กเป น หลั ก ทรั พ ย อ ยู มากมายทํ า การกล า วเท็ จ ทั้ ง ที่ รู ว า เป น เท็ จ เพราะกามเป น เหตุ เพราะกามเป น
๒๙๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ตน เห ตุ เพ รา ะ ก า ม เป น เค รื ่อ งทํ า ใหพ ูด อ อ ก ม า . ก า รทํ า เชน นี ้ ข อ งค น เห ลา นั ้น จัก เปน ไป เพื ่อ ค วาม ทุก ข อัน ไมเ ปน ป ระโย ช นเ กื ้อ กูล ต ล อ ด กาลนาน; ครั้นตรัสดังนี้แลว ไดตรัสตอไปซึ่งเปนคํารอยกรอง วา :-
"ผูย อมติ ดอยูในการบริโภคกาม พั วพั น เมาหมกอยู ในกาม ทั้งหลาย ยอมไมรูสึกความหลวมตัวของตัว ดั่งมัศยาชาติ พลัดเขาสู เครื ่อ งดัก ฉะนั ้น . ความเดือ ดรอ น ยอ มมีแ กเ ขา ในภายหลัง เพราะวา ผล ที่เขาสรางไว เปนความชั่ว" ดังนี้แล. - สคา. สํ. ๑๕/๑๐๗/๓๔๓-๓๔๕.
อิทธิพลของกาม "ข า แต พ ระองค ผู เจริ ญ ! ความคิ ด ในกรณี เช น นี้ ได เกิ ด ขึ้ น แล ว แก ห ม อ มฉั น ผู ไปสู ที ่เ รน ลับ วา 'สัต วเ หลา ใด ไดโ ภคะอัน มโหฬารแลว ไมเ มาอยู ด ว ย ไมม ัว เมาอยู ด ว ย ไม ถึ ง ความยิ น ดี ในกามทั้ ง หลายด ว ย และไม ป ฏิ บั ติ ผิ ด ในสั ต ว ทั้ ง หลายด ว ย, สั ต ว เหล า นั้ น มีน อ ยนัก ในโลก. อัน ที ่จ ริง สัต วเ หลา ใด ไดโ ภคะอัน มโหฬารแลว เมาอยู ด ว ย มัว เมา อยู ด วย ถึ งความยิ นดี ในกามทั้ งหลายด วย และปฏิ บั ติ ผิ ดในสั ตว ทั้ งหลายด วย, สั ตว เหล านั้ น มีอยูมากในโลก' ดังนี้."
www.buddhadasa.info ม ห า ร า ช ! ข อ นั ้น เป น อ ย า ง นั ้น , ม ห า ร า ช ! ข อ นั ้น เป น อย า งนั้ น ; มหาราช! คื อ ข อ ที่ สั ต ว เ หล า ใด ได โ ภคะอั น มโหฬารแล ว ไม เ มา อยู ด วย ไม มั วเมาอยู ด วย ไม ถึ งความยิ นดี ในกามทั้ งหลายด วย และไม ปฏิ บั ติ ผิ ดใน สัต วทั ้ง หลายดว ย, สัต วเ หลา นั ้น มีน อ ยนัก ในโลก. อัน ที ่จ ริง สัต วเ หลา ใด
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๒๙๕
ไดโ ภคะอัน มโหฬารแลว เมาอยู ด ว ย มัว เมาอยู ด ว ย ถึง ความยิน ดีใ นกาม ทั้ ง หลายด ว ย และปฏิ บั ติ ผิ ด ในสั ต ว ทั้ ง หลายด ว ย, สั ต ว เหล า นั้ น มี อ ยู ม ากใน โลก; ครั้นตรัสดังนี้แลว ไดตรัสตอไป ซึ่งเปนคํารอยกรอง วา :-
"ผูยอมติดอยูในการบริโภคกาม พัวพัน เมาหมกอยูในกาม ทั้ง หลาย ยอ มไมรูส ึก ความหลวมตัว ของตัว เหมือ นเนื ้อ หรือ นก พลัด เขา สูเครื่อ งดัก ฉะนั้น . ความเดือ ดรอ นยอ มมีแ กเขา ในกาล ภายหลัง เพราะวา ผล ที่เขาสรางไว เปนของชั่ว" ดังนี้ แล. - สคา. สํ. ๑๕/๑๐๖/๓๔๐-๓๔๒.
เขาไปหาความตายเพราะกาม เช าวันหนึ่ ง พระผู มี พระภาคเจา ทรงครองจีวร ถือบาตร เขาไปบิ ณฑบาต ในเมืองสาวัตถี, พระพุทธองค ไดทรงเห็นหมูมนุษยในเมืองสาวัตถีเหลานั้น ซึ่งกําลังของเกี่ยว ติดพัน อยูกะกาม กําหนัดใน กาม เมาหมกอยูในกาม เปนอยูโดยสวนมาก, จึงทรงเปลงพระอุทานนี้ วา :-
www.buddhadasa.info "สัตวทั้งหลาย ผูมืดมนธเพราะอํานาจแหงกาม ถูกตัณหา เป น ดุ จขายเครื่องดักสั ตวปกคลุมไว ถูกเครื่องมุ งคือตั ณ หาปดบังไว ถูกหมูมารซึ่งเปนเหมือนพวกพองของผูประมาทจองจําตัวไว ยอมไปสู ชราและมรณะ เหมือนปลาเขาไปสูปากแหงเครื่องดัก หรือเหมือน ลูกโคที่ยังดื่มนมเขาไปหาแม ฉะนั้น" ดังนี้ แล. - อุ. ขุ. ๒๕/๒๐๐/๑๕๐.
๒๙๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ความเพลินเปนแดนเกิดแหงทุกข ปุณ ณ ะ ! รูป ที ่เ ห็น ดว ย ต าก็ด ี, เสีย ง ที ่ฟ ง ดว ย หูก ็ด ี, ก ลิ ่น ที่ ด มด ว ยจมู ก ก็ ดี , รสที่ ลิ้ ม ด ว ยลิ้ น ก็ ดี , โผฏฐั พ พะ ที่ สั ม ผั ส ด ว ยกายก็ ดี , และ ธรรมารมณ ที ่รู แ จง ดว ยใจก็ด ี, อัน เปน สิ ่ง ที ่น า ปรารถนา นา รัก ใคร นา พอใจ ที่ ย วนตายวนใจให รั ก เป น ที่ เข าไปตั้ งอาศั ย อยู แ ห งความใคร เป น ที่ ตั้ งแห งความ กํ า หนัด ยอ มใจ มีอ ยู , ถา ภิก ษุย อ มเพลิด เพลิน ยอ มพร่ํ า สรรเสริญ ยอ ม เมาหมกอยู ซึ่ ง อารมณ มี รู ป เป น ต น นั้ น ไซร . เมื่ อ ภิ ก ษุ นั้ น เพลิ ด เพลิ น พร่ํ า สรรเสริ ญ เมาหมกอยู ซึ่ ง อารมณ มี รู ป เป น ต น นั้ น อยู , นั น ทิ (ความเพลิ น ) ย อ ม บั ง เกิ ด ขึ้ น . เรากล า วว า เพราะความเพลิ น เป น สมุ ทั ย (เครื่อ งก อ ขึ้ น ) จึ ง เกิ ด มี ทุกขสมุทัย (ความกอขึ้นแหงทุกข), ดังนี้ แล. -อุปริ. ม. ๑๔/๔๘๑/๗๕๕.
เพลินอยูกับอายตนะภายใน เทากับ เพลินอยูในทุกข
www.buddhadasa.info ภ ิก ษ ุ ท .! ผู ใ ด เพ ล ิด เพ ล ิน อ ยู ใ น จ ัก ษ ุ, ผู นั ้น เท า ก ับ เพลิด เพลิน อยู ในสิ ่ง ที ่เ ปน ทุก ขเ รากลา วา "ผู ใ ด เพลิด เพลิน อยู ในสิ ่ง ที่เปนทุกข, ผูนั้น ยอมไมหลุดพนไปไดจากทุกข" ดังนี้; ภ ิก ษ ุ ท .! ผู ใ ด เพ ล ิด เพ ล ิน อ ยู ใน โส ต ะ , ผู นั ้น เท า ก ับ เพลิด เพลิน อยู ในสิ่ง ที ่เ ปน ทุก ข. เรากลา ววา "ผูใ ด เพลิด เพลิน อยู ในสิ่ง ที่เปนทุกข. ผูนั้น ยอมไมหลุดพนไปไดจากทุกข" ดังนี้;
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๒๙๗
ภิ ก ษุ ท .! ผู ใ ด เพ ลิ ด เพ ลิ น อ ยู ใ น ฆ า น ะ , ผู นั้ น เ ท า กั บ เพลิด เพลิน อยู ในสิ ่ง ที ่เ ปน ทุก ข. เรากลา ววา "ผู ใ ด เพลิด เพลิน อยู ในสิ ่ง ที่เปนทุกข, ผูนั้น ยอมไมหลุดพนไปไดจากทุกข" ดังนี้; ภิ ก ษุ ท .! ผู ใ ด เพ ลิ ด เพ ลิ น อ ยู ใ น ชิ ว ห า , ผู นั้ น เท า กั บ เพลิด เพลิน อยู ในสิ ่ง ที ่เ ปน ทุก ข. เรากลา ววา "ผู ใ ด เพลิด เพลิน อยู ในสิ ่ง ที่เปนทุกข, ผูนั้น ยอมไมหลุดพนไปไดจากทุกข" ดังนี้; ภิ ก ษุ ท .! ผู ใ ด เพ ลิ ด เพ ลิ น อ ยู ใ น ก า ย ะ , ผู นั้ น เท า กั บ เพลิด เพลิน อยู ในสิ ่ง ที ่เ ปน ทุก ข. เรากลา ววา "ผู ใ ด เพลิด เพลิน อยู ในสิ ่ง ที่เปนทุกข, ผูนั้น ยอมไมหลุดพนไปไดจากทุกข" ดังนี้; ภิ ก ษุ ท .! ผู ใ ด เพ ลิ ด เพ ลิ น อ ยู ใ น ม า น ะ , ผู นั้ น เท า กั บ เพ ลิด เพ ลิน อยู ในสิ ่ง ที ่เ ปน ทุก ข. เรากลา ววา "ผู ใ ด เพ ลิด เพ ลิน อยู ในสิ ่ง ที่ เปนทุกข, ผูนั้น ยอมไมหลุดพนไปไดจากทุกข" ดังนี้.
www.buddhadasa.info สฬา. สํ. ๑๘/๑๖/๑๙.
(ในสู ต รต อ ไป ได ต รั ส ถึ ง ในกรณี แห ง อายตนะภายนอกหก ซึ่ ง มี ข อ ความเหมื อ น ในกรณีแหงอายตนะภายในขางบนนี้ทุกประการ ตางแตชื่ออายตนะ).
ความอรอยกลางกองทุกข (ความลวงของกาม) มาคั ณ ฑิ ยะ! บุ รุ ษ โรคเรื้ อ น มี ตั ว เป นแผล สุ ก ปลั่ ง ถู ก ตั ว เชื้ อ โรค แทะกั ด อยู ใช เ ล็ บ เกาปากแผลอยู รมตั ว อยู ที่ ห ลุ ม ถ า นไฟ. มาคั ณ ฑิ ยะ! เขา ทํ า เช น นั้ น อยู เ พี ย งใด, ปากแผลของเขา ก็ ยิ่ ง ไม ส ะอาด ยิ่ ง มี ก ลิ่ น เหม็ น และ
๒๙๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
เป อ ยเน า มากยิ่ ง ขึ้ น อยู เพี ย งนั้ น , จะมี ค วามรู สึ ก สั ก ว า ความพอใจ และความ สบายเนื้ อ อยู บ า ง ก็ ต รงที่ แ ผลได รั บ การเกาหรื อ การอบอุ น เพราะไฟนั้ น เป น เหตุ ขอนี้มีอุปมาฉันใด; มาคั ณ ฑิ ยะ! อุ ป ไมยก็ ฉั น นั้ น คื อ สั ต ว ทั้ ง หลาย ยั ง เป น ผู ไ ม ไ ป ปราศจากความกํ าหนั ด ในกามทั้ งหลาย ถู กามตั ณ หาแทะกั ด อยู ถู ก ความเร าร อ น เพราะกามแผดเผาอยู ก็ ยั ง ขื น เสพกามทั้ ง หลายอยู นั่ น เอง. มาคั ณ ฑิ ย ะ! เขายั ง ทํ า เช น นั้ น อยู เ พี ย งใด, กามตั ณ หาของสั ต ว ทั้ ง หลายเหล า นั้ น ย อ มเจริ ญ ขึ้ น ด วย เขาถู ก ความเร าร อ นเพราะกามแผดเผาอยู ด วย และสั ต ว เหล านั้ น จะมี ความ รู สึ ก สั ก ว าความพอใจ และความสบายเนื้ อ อยู บ าง ก็ ต รงที่ รสอั น อาศั ย กามคุ ณ ๕ เปนเหตุอยูเพียงนั้น เทานั้นแล. - ม. ม. ๑๓/๒๗๔/๒๘๕
ความอรอยที่ไมคุมกับความทุกข
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! อริ ฏ ฐภิ ก ขุ คั น ธวาธิ ปุ พ พะ กล า วตู พ วกเราด ว ย ขุ ด ราก ตนเองด ว ย ประสพสิ่ ง มิ ใ ช บุ ญ เป น อั น มากด ว ย เพราะตั ว เองจั บ ฉวยเอาผิ ด ใน ธรรมที ่เ ราแสดงแลว อยา งไร, แมพ วกเธอทั ้ง หลาย ก็เ ขา ใจธรรมที ่เ ราแสดง แลว เหมือนอยางอริฎฐภิกขุนั้นหรือ?
"หามิ ได พระเจ าข า! ธรรมเหล าใด อั นพระผู มี พระภาคเจ า ตรัสแล วโดย หลายแงหลายมุ มแก พวกข าพระองค ทั้ งหลาย ว า เป นธรรมที่ ทํ าอั นตรายแก ผู ปฏิ บั ติ , ธรรมเหลานั้น ก็สามารถที่จะทําอันตราย แกผูปฏิบัติไดจริง. กามทั้งหลาย อันพระผูมี
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๒๙๙
พระภาคเจา ตรัสแลวา มีรสอรอยนอย มี ทุกขมาก มีเรื่องทําใหคับแคนใจมาก และมี โทษอยางยิ่ งเป นสิ่ งที่ ควรเปรียบเที ยบด วยท อนแห งกระดู ก, ควรเปรียบด วยชั้นเนื้ อ, ควร เปรียบด วยคบเพลิ งหญ า, ควรเปรียบด วยหลุ มถ านเพลิ ง, ควรเปรียบด วยความฝ น, ควรเปรีย บด วยของยื ม , ควรเปรีย บด วยผลไม , ควรเปรี ย บด วยเขี ย งสั บ เนื้ อ . ควร เปรียบดวยหอกและหลาว, และควรเปรียบดวยหัวงู, ดังนี้" ภิก ษุ ท.! ถูก แลว , ที ่พ วกเธอทั ้ง หลาย เขา ใจธรรมที ่เ ราแสดง แลวอยางนั้น. ภิก ษุ ท.! ธรรมเหลา ใด ที ่เ รากลา วแลว โดยหลายแงห ลายมุม แกพ วกเธอทั ้ง หลาย วา เปน ธรรมที ่ทํ า อัน ตรายแกผู ป ฏิบ ัต ิ ธรรมเหลา นั ้น ก็ส ามารถที ่จ ะทํ า อัน ตราย แกผู ป ฏิบ ัต ิไ ดจ ริง . กามทั ้ง หลาย เรากลา วแลว วา มีรสอรอยนอย มีทุกขมาก มีเรื่องทําใหคับแคนใจมาก และมีโทษอยางยิ่ง เปน สิ ่ง ที ่ ควรเปรีย บดว ยทอ นแหง กระดูก , ควรเปรีย บดว ยชิ ้น เนื ้อ , ควร เปรียบดวยคบเพลิงหญา, ควรเปรียบดวยหลุมถานเพลิง, ควรเปรียบดวยของ ในความฝน , ควรเปรีย บดว ยของยืม , ควรเปรีย บดว ยผลไม, ควรเปรีย บ ด วยเขี ย งสั บ เนื้ อ , ควรเปรียบด วยหอกและหลาว, และควรเปรียบด วยหั วงู ฉะนั ้น . ก็แ ตว า อริฎ ฐภิก ขุค ัน ธวาธิป ุพ พะนี ้ เพราะตัว เอง ถือ เอาธรรมที่ เราแสดงแล ว ผิ ด จึ ง กล า วตู พ วกเราด ว ย ขุ ด รากตนเองด ว ย และประสพสิ่ ง มิ ใ ช บุ ญ เป น อั น มากด ว ย, ข อ นั้ น จั ก เป น ไป เพื่ อความทุ ก ข อั น มิ ใ ช ป ระโยชน เกื้อกูล ตลอดกาลนาน แกโมฆบุรุษนั้นแล.
www.buddhadasa.info - มู. ม. ๑๒/๒๖๖/๒๗๗.
๓๐๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
กามเปรียบดวยทอนกระดูก คฤหบดี ! เปรี ย บเหมื อ นสุ นั ข ที่ ห มดกํ า ลั ง เพ ราะหิ ว จั ด จะพึ งเข า ไปยื น ชะเง อ อยู ในที่ ที่ ฆ า โค. คนฆ า โคหรื อ ลู ก มื อ ของเขา ผู เ ชี่ ย วชาญ ก็ จ ะพึ ง เอาท อ นกระดู ก ที่ ชํ า แหละเนื้ อ ออกหมดแล ว ไม มี ส ว นที่ ยั ง เป น เยื่ อ อ อ นเหลื อ อยู แมแตนอยเดียว เพียงแตเปอนเลือดอยูบาง โยนไปใหสุนัขตัวนั้นแทะ. ค ฤ ห บ ด ี! ท า น จ ะ สํ า ค ัญ ค ว า ม ข อ นั ้น วา อ ย า ง ไร ? ส ุน ัข ต ัว นั ้น แทะท อ นกระดู ก ที่ ชํ า แหละเนื้ อ ออกหมดแล ว ไม มี ส ว นที่ ยั ง เป น เยื่ อ อ อ นเหลื อ อยู แ ม แ ต น อ ยเดี ย ว เพี ยงแต เ ป อ นเลื อ ดอยู บ า ง นั้ น อยู , จะพึ งบรรเทาความ หมดกําลังเพราะหิวจัด ไดละหรือ? "หามิ ไ ด พ ระเจ า ข า !" ข อ นั้ น เพราะเหตุ ไ ร? "เพ ราะว า ท อ นกระดุ ก ที่ ชํ าแหละเนื้ อออกหมดแล วนั้ น ไม มี ส วนที่ ยั งเป นเยื่ ออ อนเหลื ออยู แม แต น อยเดี ยว เพี ยงแต เป อนเลื อดอยู บ างเท านั้ น. สุ นั ขตั วนั้ น ก็ จะได รั บแต ความเหนื่ อยใจ และความแค นใจ โดยแท พระเจาขา!"
www.buddhadasa.info คฤห บ ดี ! ด ว ยเห ตุ นี้ แ ห ละ สาวกของพ ระอริ ย เจ า ย อ ม พิ จารณ า เห็ น โดยประจั ก ษ ดั งนี้ วา "กามทั้ งหลาย อั น พระผู มี พ ระภาคเจ าตรัส แล ว ว า มี อุปมาดวยทอนกระดูก เปนสิ่งที่ใหเกิดทุกขมาก ทําใหคับแคนใจมาก และมีโทษ อย า งยิ่ ง " ดั ง นี้ , ครั้ น เห็ น กามนั้ น ด ว ยป ญ ญ าอั น ชอบ ตามที่ เ ป น จริ ง อย า งนี้ แล ว ก็ เ ว น เสี ย โดยเด็ ด ขาด ซึ่ ง ความเพ ง มี ป ระการต า ง ๆ อั น อาศั ย อารมณ ตา ง ๆ (ก าม คุณ หา ), แ ลว เจ ริญ ซึ ่ง ค วา ม เพง อัน เดีย ว อัน อ าศัย อ ารม ณ
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๐๑
อั น เดี ย ว (คื อ อุ เบกขาที่ เป น องค ข องจตุ ต ถฌาน) อั น เป น ที่ ดั บ สนิ ท ไม มี ส ว นเหลื อ ของอุปาทานอันมีอยูในเหยื่อโลก โดยประการทั้งปวงแล. - ม. ม. ๑๓/๔๑/๔๗.
กามเปรียบดวยชิ้นเนื้อคาปาก คฤหบดี! เปรีย บเหมือ นแรง หรือ เหยี ่ย ว หรือ นกตะกรุม ก็ต าม ตั ว หนึ่ ง คาบชิ้ น เนื้ อ พาบิ น ไป. ฝู ง แร ง บ า ง ฝู ง เหยี่ ย วบ า ง ฝู ง นกตะกรุ ม บ า ง ตามโฉบ ตอมโฉบ นกตัว นั ้น เพื ่อ ใหทิ ้ง ชิ ้น เนื ้อ นั ้น ยัง นกตัว นั ้น ใหป ลอ ย ใหคาย. ค ฤ ห บ ดี ! ท าน จะสํ าคั ญ ค วาม ข อ นั้ น ว า อ ย างไร! ถ า แร ง ห รื อ เหยี ่ย ว หรือ นกตะกรุม นั ้น ไมร ีบ สลัด ทิ ้ง ชิ ้น เนื ้อ นั ้น เสีย ไซร, มัน ก็จ ะถึง ซึ ่ง ความตายหรือไดรับทุกขเจียนตาย เพราะขอนั้นเปนเหตุ มิใชหรือ?
www.buddhadasa.info "อยางนั้น พระเจาขา!"
คฤหบดี ! ด ว ยเหตุ นี้ แ หละ สาวกของพระอริ ย เจ า ย อ มพิ จ ารณ า เห็นโดยประจักษดังนี้ วา "กามทั้งหลาย อันพระผูมีพระภาคเจาตรัสแลว วา มี อุปมาดวยชิ้นเนื้อ เปนสิ่งที่ใหเกิดทุกขมาก ทําใหคับแคนใจมาก และมีโทษ อย า งยิ่ ง " ดั ง นี้ , ครั้ น เห็ น กามนั้ น ด ว ยป ญ ญาอั น ชอบ ตามที่ เ ป น จริ ง อย า งนี้ แล ว ก็ เ ว น เสี ย โดยเด็ ด ขาด ซึ่ ง ความเพ ง มี ป ระการต า ง ๆ อั น อาศั ย อารมณ ตา ง ๆ (กามคุณ หา ), แลว เจริญ ซึ ่ง ความเพง อัน เดีย ว อัน อาศัย อารมณ
๓๐๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
อั น เดี ย ว (คื อ อาศั ย อุ เบกขาที่ เป น องค ข องจตุ ต ถฌาน) อั น เป น ที่ ดั บ สนิ ท ไม มี ส ว น เหลือของอุปาทานอันมีอยูในเหยื่อโลก โดยประการทั้งปวงแล. - ม. ม. ๑๓/๔๑/๔๘.
กามเปรียบดวยคบเพลิงทวนลม คฤหบ ดี ! เป รี ย บ เห มื อนบุ รุ ษ ผู ห นึ่ ง ถื อ เอาค บ หญ าแห ง ที่ ติ ด ไฟ โพลงอยู พาทวนลมไป. ค ฤ ห บ ด ี! ท า น จ ะ สํ า ค ัญ ค ว า ม ขอ นั ้น วา อ ยา งไร? ถา บ ุร ุษ ผู นั ้น ไม รี บ ทิ้ ง คบหญ าแห ง นั้ น เสี ย โดยเร็ ว ไซร , คบไฟ นั้ น ก็ จ ะพึ งลามไม มื อ ไหม แขน ห รื อ ไหม อวั ย วะน อยให ญ ส ว น ใด ส ว น ห นึ่ งของบุ รุ ษ นั้ น , เขาก็ จ ะถึ ง ซึ่ ง ความตาย หรือไดรับทุกขเจียนตาย เพราะขอนั้นเปนเหตุ มิใชหรือ?
www.buddhadasa.info "อยางนั้น พระเจาขา!"
คฤห บ ดี ! ด ว ยเห ตุ นี้ แ ห ละ สาวกของพ ระอริ ย เจ า ย อ ม พิ จารณ า เห็ น โดยประจั ก ษ ดั ง นี้ ว า "กามทั้ ง หลาย อั น พระผู มี พ ระภาคเจ า ตรั ส แล ว ว า มี อุปมาดวยคบหญาแหง เปนสิ่งที่ใหเกิดทุกขมากทําใหคับแคนใจมาก และมีโทษ อย า งยิ่ ง " ดั ง นี้ , ครั้ น เห็ น กามนั้ น ด ว ยป ญ ญ าอั น ชอบ ตามที่ เ ป น จริ ง อย า งนี้ แล ว ก็ เ ว น เสี ย โดยเด็ ด ขาด ซึ่ ง ความเพ ง มี ป ระการต า ง ๆ อั น อาศั ย อารมณ ต า ง ๆ (กามคุ ณ ห า ), แล ว เจริ ญ ซึ่ ง ความเพ ง อั น เดี ย ว อั น อาศั ย อารมณ อั น เดี ย ว (คือ อาศัย อุเ บกขาที ่เ ปน องคข องจตุต ฌ าน) อัน เปน ที ่ด ับ สนิท ไมม ีส ว นเหลือ ของอุปาทานอันมีอยูในเหยื่อโลก โดยประการทั้งปวงแล. - ม. ม. ๑๓/๔๒/๔๙.
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๐๓
กามเปรียบดวยหลุมถานเพลิง คฤหบดี ! เปรี ย บเหมื อ นหลุ ม ถ า นเพลิ ง ลึ ก ชั่ ว บุ รุ ษ หนึ่ ง เต็ ม ด ว ย ถ า นเพลิ ง ที่ ป ราศจากเปลวและปราศจากควั น . ครั้ ง นั้ น บุ รุ ษ ผู ห นึ่ ง ผู ต อ งการ เปน อยู ไมอ ยากตาย รัก สุข เกลีย ดทุก ข มาสู ที ่นั ้น . และมีบ ุร ุษ ที ่ม ีกํ า ลัง กล า แข็ ง อี ก สองคน จั บ บุ รุ ษ นั้ น ที่ แ ขนแต ล ะข า ง แล ว ฉุ ด คร า พาไปยั ง หลุ ม ถ า น เพลิง. คฤหบดี ! ท า นจะสํ า คั ญ ความข อ นั้ น ว า อย า งไร? บุ รุ ษ นั้ น จะไม บิดตัวดิ้นไปทางโนนที ทางนี้ที บางแลหรือ? "หามิ ได พระเจ าข า !" เพราะเหตุ ไร? "เพราะเหตุ ว า บุ รุ ษ นั้ น รู อ ยู ว า ถ าเราจะตกลงไปสู หลุ มถ านเพลิ งนี้ ไซร, เราก็ จะถึ งซึ่ งความตาย หรือได รับทุ กข เจี ยนตาย เพราะขอนั้นเปนเหตุ พระเจาขา!" ดังนี้. คฤหบดี ! ด ว ยเหตุ นี้ แ หละ สาวกของพระอริ ย เจ า ย อ มพิ จ ารณ า เห็นโดยประจักษ ดังนี้วา "กามทั้ งหลาย อัน พระผูมีพ ระภาคเจาตรัสแลววา มี อุปมาดวยหลุมถานเพลิง เปนสิ่งที่ใหเกิดทุกขมาก ทําใหคับแคนใจมาก และ มี โ ทษอย า งยิ่ ง " ดั ง นี้ . ครั้ น เห็ น กามนั้ น ด ว ยป ญ ญาอั น ชอบ ตามที่ เ ป น จริ ง อย า งนี้ แ ล ว ก็ เ ว น เสี ย โดยเด็ ด ขาด ซึ่ ง ความเพ ง มี ป ระการต า ง ๆ อั น อาศั ย อารมณ ต า ง ๆ (กามคุ ณ ห า ) แล ว เจริ ญ ซึ่ ง ความเพ ง อั น เดี ย ว อั น อาศั ย อารมณ อั น เดี ย ว (คื อ อาศั ย อุ เบกขาที่ เป น องค ของจตุ ตุ ถฌาน.) อั น เป น ที่ ดั บ สนิ ท ไม มี ส วน เหลือของอุปาทานอันมีอยูในเหยื่อโลก โดยประการทั้งปวงแล.
www.buddhadasa.info - ม. ม. ๑๓/๔๓/๕๐.
๓๐๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
กามเปรียบดวยของในความฝน คฤหบ ดี! เป รีย บ เห มือ น บุร ุษ ผู ห นึ ่ง ฝน เห็น วน อัน รื ่น รม ยใ จ บา ง ปา ไม อัน รื ่น รมยใ จบา ง ภูม ิภ าคอัน รื ่น รมยใ จบา ง หรือ สระโบกขรณี อันรื่นรมยใจบาง, ครั้นบุรุษนั้นตื่นขึ้นมา ก็ไมไดพบเห็นอะไรเลย. คฤหบดี ! ด ว ยเหตุ นี้ แ หละ สาวกของพระอริ ย เจ า ย อ มพิ จ ารณ า เห็นโดยประจักษ ดังนี้วา "กามทั้ งหลาย อัน พระผูมีพ ระภาคเจาตรัสแลววา มี อุปมาดวยของในความฝน เปนสิ่งที่ใหเกิดทุกขมาก ทําใหคับแคนใจมาก และ มี โ ทษอย า งยิ่ ง " ดั ง นี้ . ครั้ น เห็ น กามนั้ น ด ว ยป ญ ญาอั น ชอบ ตามที่ เ ป น จริ ง อย า งนี้ แ ล ว ก็ เ ว น เสี ย โดยเด็ ด ขาด ซึ่ ง ความเพ ง มี ป ระการต า ง ๆ อั น อาศั ย อารมณ ต า ง ๆ (กามคุ ณ ห า ) แล ว เจริ ญ ซึ่ ง ความเพ ง อั น เดี ย ว อั น อาศั ย อารมณ อั น เดี ย ว (คื อ อาศั ย อุ เบกขาที่ เป น องค ข องจตุ ต ถฌาน) อั น เป น สิ่ ง ที่ ดั บ สนิ ท ไม มี สวนเหลือของอุปาทานอันมีอยูในเหยื่อโลก โดยประการทั้งปวงแล. - ม. ม. ๑๓/๔๓/๕๑.
กามเปรียบดวยของยืม www.buddhadasa.info คฤหบดี! เปรีย บเหมือ บุร ุษ ผู ห นึ ่ง ขอยืม ทรัพ ยจ ากผู อื ่น ไดแ ลว เอ าล งใสเ ก วีย น นอ ย มีตุ ม หูแ กว ม ณ ีอ ัน ล้ํ า คา เปน ตน . บุร ุษ ผู นั ้น วาง ของยื ม เหล า นั้ น ไว ข า งหน า ตั ว บ า ง รอบ ๆ ตั ว บ า ง ขั บ ผ า นไปตามหมู ช าวร า น. หมู ช นเห็ น บุ รุ ษ ผู นั้ น แล ว ก็ จ ะพึ ง กล า วกั น แซ ว า "ท า นผู เ จริ ญ ทั้ ง หลายเอ ย ! บุร ุษ ผู นี ้ร่ํ า รวยจริง หนอ! ดูซ ี, พวกคนรวย เขาใชส อยโภคะกัน อยา งนี ้เ อง"
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๐๕
ดัง นี ้, ครั ้น เจา ของทรัพ ย พบบุร ุษ ซึ ่ง ทํ า อยู ด ัง นั ้น ในที ่ใ ด ๆ เขาก็จ ะทวง เอาทรัพยของเขาคืนไปเสีย ณ ที่นั้น ๆ นั่นเอง. คฤหบ ดี ! ท า นจะสํ า คั ญ ความข อ นั้ น ว า อย า งไร? คื อ ควรจะทํ า อยางอื่นแกบุรุษนั้นไหมหนอ? "หามิ ได พระเจ า ข า !" เพราะเหตุ ไร? "เพราะเหตุ ว า ธรรมดาเจ า ของ ทรัพย ก็ตองทวงเอาทรัพยของเขาคืนไป" ดังนี้. คฤหบดี ! ด ว ยเหตุ นี้ แ หละ สาวกของพระอริ ย เจ า ย อ มพิ จ ารณ า เห็นโดยประจักษ ดังนี้วา "กามทั้ งหลาย อัน พระผูมีพ ระภาคเจาตรัสแลววา มี อุปมาดวยของยืม เปนสิ่งที่ใหเกิดทุกขมาก ทําใหคับแคนใจมาก และมีโทษ อย า งยิ่ ง " ดั ง นี้ , ครั้ น เห็ น กามนั้ น ด ว ยป ญ ญาอั น ชอบ ตามที่ เป น จริ ง อย า งนี้ แล ว ก็ เ ว น เสี ย โดยเด็ ด ขาด ซึ่ ง ความเพ ง มี ป ระการต า ง ๆ อั น อาศั ย อารมณ ต า ง ๆ (กามคุ ณ ห า ), แล ว เจริ ญ ซึ่ ง ความเพ ง อั น เดี ย ว อั น อาศั ย อารมณ อั น เดี ย ว (คื อ อาศั ย อุ เ บกขาที่ เป น องค ข องจตุ ตุ ถ ฌาน) อั น เป น ที่ ดั บ สนิ ท ไม มี ส ว นเหลื อ ของอุปาทานอันมีอยูในเหยื่อโลก โดยประการทั้งปวงแล.
www.buddhadasa.info - ม. ม. ๑๓/๔๓/๕๒.
กามเปรียบดวยผลไม! คฤหบดี ! เปรี ย บเหมื อ นป า ใหญ ตั้ ง อยู ไ ม ไ กลหมู บ า นหรื อ นิ ค มนั ก . ในปา ใหญ นั ้น มีต น ไม ซึ ่ง มีผ ลนา กิน ดว ย ดกดว ย, สว นผลที ่ห ลน อยู ต าม พื้นดินไมมีเลย. ครั้งนั้น มีบุรุษผูหนึ่งผานมา เปนผูตองการดวยผลไม เที่ยว
๓๐๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
แสวงหาผลไมอ ยู , เขาเขา ไปยัง ปา นั ้น แลว พบตน ไมต น นั ้น แลว คิด วา "ตน ไม นี้ มี ผ ลน า กิ น ด ว ย ดกด ว ย ส ว นผลที่ ห ล น อยู ต ามพื้ น ดิ น ไม มี เลย และเราก็ รู จั ก วิ ธี ขึ้ น ต น ไม อ ยู , ถ า ไฉน เราขึ้ น สู ต น ไม นี้ แ ล ว จะพึ ง กิ น ผลไม ต ามความพอใจ ด ว ย จะพึ ง ยั ง ห อ ให เต็ ม ด ว ย" ดั ง นี้ แ ล ว เขาก็ ขึ้ น สู ต น ไม นั้ น เก็ บ กิ น ตามความ พอใจด ว ย ห อ จนเต็ ม ห อ ด ว ย. ในลํ า ดั บ นั้ น เอง บุ รุ ษ คนที่ ส อง ซึ่ ง เป น ผู ต อ ง การด ว ยผลไม เที่ ย วแสวงหาผลไม อ ย า งเดี ย วกั น ถื อ ขวานคมผ า นมาที่ นั้ น , เขา เข า ไปยั ง ป า นั้ น แล ว ก็ พ บต น ไม ต น เดี ย วนั้ น ซึ่ ง มี ผ ลน า กิ น ด ว ย ดกด ว ย, เขาจึ ง คิ ด ว า "ต น ไม นี้ มี ผ ลน า กิ น ด ว ย ดกด ว ย ส ว นผลที่ ห ล น อยู ต ามพื้ น ดิ น ไม มี เลย แล ะเราก็ไ มรู จ ัก วิธ ีขึ ้น ตน ไม, ถา ไฉน เราจะโคน มัน ที ่โ คน แลว จะพึง กิน ผลไม ต ามความพอใจด วย จะพึ งยั งห อ ให เต็ ม ด วย" ดั งนี้ แล ว เขาจึ งโค น ต น ไม นั้ น ที่โคน. คฤหบดี ! ท า นจะสํ า คั ญ ความข อ นั้ น ว า อย า งไร? บุ รุ ษ ผู ขั้ น อยู บ น ตน ไมค นแรก, ถา เขาไมร ีบ ลงมาโดยเร็ว ไซร, เมื ่อ ตน ไมนั ้น ลม ลง, เขาก็ จะต อ งมื อ หั ก บ า ง เท า หั ก บ าง หรื อ อวั ย วะน อ ยใหญ ส ว นใดส ว นหนึ่ งหั ก บ า ง โดย แท. บุร ุษ ผู นั ้น ก็จ ะถึง ซึ ่ง ความตาย หรือ ไดร ับ ทุก ขเ จีย นตาย เพราะขอ นั ้น เปนเหตุ มิใชหรือ?
www.buddhadasa.info "อยางนั้น พระเจาขา!"
คฤหบดี ด ว ยเหตุ นี้ แ หละ สาวกของพระอริ ย เจ า ย อ มพิ จ ารณ า เห็นโดยประจักษดังนี้ วา "กามทั้งหลาย อันพระผูมีพระภาคเจาตรัสแลววา มี อุป มาดวยผลไม เป นสิ่งที่ ให เกิดทุ กขม าก ทําให คับ แคน ใจมาก และมีโทษ อยางยิ่ง" ดังนี้, ครั้นเห็นกามนั้น ดวยปญญาอันชอบ ตามที่เปนจริงอยางนี้
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๐๗
แล ว ก็ เว น เสี ย โดยเด็ ดขาด ซึ่ งความเพ ง มี ป ระการต าง ๆ อั น อาศั ย อารมณ ต าง ๆ (กามคุ ณ ห า ), แล ว เจริ ญ ซึ่ ง ความเพ ง อั น เดี ย ว อั น อาศั ย อารมณ อั น เดี ย ว (คื อ อาศั ย อุ เ บกขาที่ เ ป น องค อ งจตุ ต ถฌ าน) อั น เป น ที่ ดั บ สนิ ท ไม มี ส ว นเหลื อ ของ อุปาทานอันมีอยูในเหยื่อโลก โดยประการทั้งปวง แล. - ม. ม. ๑๓/๔๔/๕๓.
รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับกาม ภิ ก ษุ ท.! ที่ เ รากล า ว า "กาม นิ ท านสั ม ภวะแห ง าม เวมั ต ตตา แหงกาม วิบากแหงกาม นิโรธแหงกาม ปฏิปทาใหถึงซึ่งนิโรธแหงกาม เปนสิ่ง ที่ ค วรรู แ จ ง " นั้ น เรากล า วหมายถึ ง กามไหนกั น เล า ? ภิ ก ษุ ท.! กามคุ ณ ๕ อยา งเหลา นี ้ คือ รูป ทั ้ง หลาย อัน จะพึง รู แ จง ไดด ว ยจัก ษุ.... เสีย งทั ้ง หลาย อัน จะถึง รู แ จง ไดด ว ยโสตะ.... กลิ ่น ทั ้ง หลาย อัน จะพึง รู แ จง ไดด ว ยฆานะ.... รสทั ้ง หลาย อัน จะพึง รู แ จง ไดด ว ยชิว หา.... โผฏฐัพ พะทั ้ง หลาย อัน จะพึง รู แจง ไดด ว ยกาย อัน เปน สิ ่ง ที ่น า ปรารถนา นา รัก ใคร นา พอใจ มีล ัก ษณะอัน น า รั ก เป น ที่ เ ข า ไปตั้ ง อาศั ย แห ง ความใคร เป น ที่ ตั้ ง แห ง ความกํ า หนั ด มี อ ยู , ภิก ษุ ท.! อารมณ ๕ อยา งเหลา นี ้ หาใชก ามไม; หา อยา งเหลา นี ้ เรีย กกัน ในอริยวินัย วา กามคุณ.
www.buddhadasa.info (คาถาจํากัดความตอนนี้)
ความกํ าหนั ดั ไปตามอํ านาจความติ ต รึก (สงฺก ปฺ ป ราค) นั ่น แหละคือ กามของคนเรา; อารมณอ ัน วิจ ิต รทั ้ง หลายในโลก นั ้น หาใชก ามไม; ความกํ า หนัด ไปตามอํ า นาจความตริต รึก นั่นแหละคือกามของคนเรา; อารมณอันวิจิตร ก็มีอยูในโลก
๓๐๘
อริยสัจจากพระโอษฐ ตามประสาของมั น เท า นั้ น ; ดั ง นั้ น ผู มี ป ญ ญาจึ งนํ า ออกเสี ย ซึ่ ง ฉันทะ ในอารมณอันวิจิตรเหลานั้น ดังนี้.
ภิ ก ษุ ท.! นิ ท านสั ม ภวะ (เหตุ เป น แดนเกิ ด ) แห ง กาม เป น อย า งไรเล า ? นิทานสัมภวะแหงกาม คือ ผัสสะ. ภิ กษุ ท .! เวมั ตตา (ป ระม าณ ต า ง ๆ) แห งกาม เป นอย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! เวมั ต ตตาแห ง กาม คื อ ความใคร (กาม) ในรู ป ารมณ ก็ อ ย า งหนึ่ ง ๆ, ความใคร ในสั ท ทารมณ ก็ อ ย า งหนึ่ ง ๆ, ความใคร ในคั น ธารมณ ก็ อ ย า งหนึ่ ง ๆ, ความใครใ นรสารมณ ก็อ ยา งหนึ ่ง ๆ, ความใครใ นโผฏฐัพ พารมณ ก็อ ยา ง หนึ่ง ๆ; ภิกษุ ท.! นี้เราเรียกวา เวมัตตาแหงกาม. ภ ิก ษ ุ ท .! วิบ ากแหง กาม เป น อ ยา งไรเลา ? ภ ิก ษ ุ ท .! บ ุค ค ล ใคร อยู ซึ่ งอารมณ (แห งกาม) ใด เขากระทํ าอั ตตภาพอั นเกิ ดจากกามนั้ น ๆ ให เกิ ด ขึ ้น ๑ เปน อัต ต ภ าพ มีส ว น แหง บุญ ก็ด ี มีส ว น แหง อ บุญ ก็ด ี; ภิก ษุ ท .! นี้ เราเรียกวา วิบากแหงกาม.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! นิ โ รธ (ความดั บ ) แห ง กาม เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! นิโรธแหงกามยอมมี เพราะนิโรธแหงผัสสะ. อริยอัฏฐังคิกมรรคนี้นั่นแล เปน
๑. ข อ ความนี้ ใ ช ไ ด ทั้ ง ภาษาคนและภาษาธรรม : ภาษาคนก็ คื อ เกิ ด ใหม ห ลั ง จากตายแล ว ดั ง ที่ ทราบกั น อยู ; ถ า เป น ภาษาธรรมก็ คื อ อั ต ตภาพป จ จุ บั น ของเขานั้ น เกิ ด เปลี่ ย นเป น บุ ญ หรื อ บาป ตามสมควรแกอ ุป าทานที ่เ กิด ขึ ้น จากความใครนั ้น ๆ โดยที ่ย ัง ไมต อ งตาย; ทั ้ง นี้ แลวแตผูศึกษาจะถือเอาความหมายไหน.
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๐๙
ปฏิ ป ทาให ถึ ง ซึ่ ง นิ โ รธแห ง กาม; ปฏิ ป ทานั้ น ได แ ก สั ม มาทิ ฏ ฐิ สั ม มาสั ง กั ป ปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ ภิ ก ษุ ท.! ในกาลใดแล อริ ย สาวกย อ มรู ชั ด ซึ่ ง กาม อย า งนี้ , รู ชั ด ซึ ่ง นิท านสัม ภวะแหง กาม อยา งนี ้, รู ช ัด ซึ ่ง เวมัต ตตาแหง กาม อยา งนี ้, รู ช ัด ซึ ่ง วิบ ากแหง กาม อยา งนี ้, รู ช ัด ซึ ่ง นิโ รธแหง กาม อยา งนี ้, รู ช ัด ซึ ่ง ปฏิป ทา ให ถึ งซึ่ ง นิ โรธแห งก าม อ ย างนี้ ; ใน ก าล นั้ น อ ริ ย ส าวก นั้ น ย อ ม รู ชั ด ซึ่ ง พรหมจรรยนี้อันเปนเครื่องเจาะแทงกิเลส วาเปนนิโรธแหงกาม. - ฉกฺก. อ. ๒๒/๔๕๗-๔๖๐/๓๓๔.
ไวพจนของกาม ภิ ก ษุ ท.! คํ า ว า 'ภั ย ' ดั ง นี้ นั้ น เป น คํ า แทนชื่ อ ของ กามทั้ ง หลาย. ภิ ก ษุ ท.! คํ า ว า 'ทุ ก ข ' ดั ง นี้ นั้ น เป น คํ า แทนชื่ อ ของ กามทั้ ง หลาย. ภิ ก ษุ ท.! คํ า ว า 'โรค' ดั ง นี้ นั้ น เป น คํ า แทนชื่ อ ของ กามทั้ ง หลาย. ภิ ก ษุ ทุ .! คํ า ว า 'หั ว ฝ ' ดั ง นี้ นั้ น เป น คํ า แทนชื่ อ ของ กามทั้ ง หลาย. ภิ ก ษุ ท. คํ า ว า ‘ลู ก ศร’ ดั ง นี้ นั้ น เป น คํ า แทนชื่ อ ของ กามทั้ ง หลาย ภิ กษุ ท.! คํ าว า 'เครื่ องข อง' ดั งนี้ นั้ น เป นคํ าแทนชื่ อของกามทั้ งหลาย. ภิ กษุ ท.! คํ าว า 'เป อกตม' ดั งนี้ นั้ น เป นคํ าแทนชื่ อของกามทั้ งหลาย. ภิกษุ ท.! คําวา 'ครรภ' ดังนี้นั้น เปนคําแทนชื่อของกามทั้งหลาย.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! เพราะเหตุไ ร คํ า วา 'ภัย ' จึง เปน คํ า แทนชื ่อ ของกาม ทั ้ง หลายเลา ? ภิก ษุ ท.! เพราะเหตุว า สัต วนี ้ เปน ผู กํ า หนัด แลว ดว ย กามราคะ ถูกผูกพันแลว ดวยฉันทราคะ ยอมไมหลุดพนไปได จากภัย ทั้งที่
๓๑๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
เปน ไป ใน ทิฏ ฐธรรม (ปจ จุบ ัน นี ้) แล ะที ่เ ปน ไป ใน กาล อ น าค ต เบื ้อ งห นา , เพราะฉะนั้น คําวา 'ภัย' จึงเปนคําแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. ภิ ก ษุ ท.! เพราะเหตุ ไ ร คํ า ว า 'ทุ ก ข ' จึ ง เป น คํ า แทนชื่ อ ของกาม ทั ้ง หลายเลา ? ภิก ษุ ท.! เพราะเหตุว า สัต วนี ้ เปน ผู กํ า หนัด แลว ดว ย กามราคะ ถูกผูกพันแลว ดวยฉันทราคะ ยอมไมหลุดพนไปได จากทุกข ทั้งที่ เปน ไปในทิฏ ฐธรรม (ปจ จุบ ัน ) นี ้ และที ่เ ปน ไปในกาลอนาคตเบื ้อ งหนา . เพราะฉะนั้นคําวา 'ทุกข' จึงเปนคําแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. ภิก ษุ ท! เพราะเหตุไ ร คํ า วา 'โรค' จึง เปน คํ า แทนชื ่อ ของกาม ทั้ ง หลายเล า ? ภิ ก ษุ ท.! เพราะเหตุ ว า สั ต ว นี้ เป น ผู กํ า หนั ด แล ว ด ว ยกามราคะ ถูกผูกพันแลว ดวยฉันทราคะ ยอมไมหลุดพนไปได จากโรค ทั้งที่เปน ไปในทิ ฏ ฐธรรม (ป จ จุ บั น ) นี้ และที่ เ ป น ไปในกาลอนาคตเบื้ อ งหน า , เพราะ ฉะนั้น คําวา 'โรค' จึงเปนคําแทนชื่อของ กามทั้งหลาย
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! เพราะเหตุ ไ ร คํ า ว า 'หั ว ฝ ' จึ ง เป น คํ า แทนชื่ อ ของกาม ทั้ ง หลายเล า ? ภิ ก ษุ ท.! เพราเหตุ ว า สั ต ว นี้ เป น ผู กํ า หนั ด แล ว ด ว ยกามราคะ ถูกผูกพันแลว ดวยฉันทราคะ ยอมไมหลุดพนไปได จากหัวฝ ทั้งที่เปน ไปในทิ ฏ ฐธรรม (ป จ จุ บั น ) นี้ และที่ เ ป น ไปในกาลอนาคตเบื้ อ งหน า , เพราะ ฉะนั้น คําวา 'หัวฝ' จึงเปนคําแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. ภิก ษุ ท.! เพ ราะเหตุไ ร คํ า วา 'ลูก ศร' จึง เปน แทนชื ่อ ของกาม ทั้ ง หลายเล า ? ภิ ก ษุ ท.! เพราะเหตุ ว า สัต วนี ้ เปน ผู กํ า หนัด แลว ดว ยกาม-
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๑๑
ราคะ ถูกผูกพันแลว ดวยฉันทราคะ ยอมไมหลุดพนไปได จากลูกศร ทั้งที่เปน ไปในทิ ฏ ฐธรรม (ป จ จุ บั น ) นี้ และที่ เ ป น ไปในกาลอนาคตเบื้ อ งหน า , เพราะ ฉะนั้น คําวา 'ลูกศร' จึงเปนคําแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. ภิ ก ษุ ท.! เพราเหตุ ไ ร คํ า ว า 'เครื่ อ งข อ ง' จึ ง เป น คํ า แทนชื่ อ ของ กามทั้ ง หลายเล า ? ภิ ก ษุ ท.! เพราะเหตุ ว า สั ต ว นี้ เป น ผู กํ า หนั ด แล ว ด ว ย กามราคะ ถูกผูกพันแลวดวยฉันทราคะ ยอมไมหลุดพนไปได จากเครื่องของ ทั้ ง ที่ เ ป น ไปในทิ ฏ ฐธรรม (ป จ จุ บั น ) นี้ และที่ เป น ไปในกาลอนาคตเบื้ อ งหน า , เพราะฉะนั้น คําวา 'เครื่องของ' จึงเปนคําแทนชื่อของ กามทั้งหลาย. ภิ ก ษุ ท.! เพราะเหตุ ไ ร คํ า ว า 'เป อ กตม' จึ ง เป น คํ า แทนชื่ อ ของ กามทั้ ง หลาย? ภิ ก ษุ ท.! เพราะเหตุ ว า สั ต ว นี้ เป น ผู กํ า หนั ด แล ว ด ว ยกามราคะ ถูก ผูก พัน แลว ดว ยฉัน ทราคะ ยอ มไมห ลุด พน ไปได จากเปอ กตม ทั้ ง ที่ เ ป น ไปทิ ฏ ฐธรรม (ป จ จุ บั น ) นี้ และที่ เ ป น ไปในกาลอนาคตเบื้ อ งหน า , เพราะฉะนั้น คําวา 'เปอกตม' จึงเปนคําแทนชื่อของ กามทั้งหลาย.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! เพราเหตุไ ร คํ า วา 'ครรภ' จึง เปน คํ า แทนชื ่อ ของกาม ทั้ ง หลายเล า ? ภิ ก ษุ ท.! เพราะเหตุ ว า สั ต ว นี้ เป น ผู กํ า หนั ด แล ว ด ว ยกามราคะ ถูก ผูก พัน แลว ดวยฉัน ทราคะ ยอ มไมห ลุด พน ไปได จากครรภ ทั้งที่ เปน ไป ใน ทิฏ ฐธรรม (ปจ จุบ ัน ) นี ้ และที ่เ ปน ไป ใน กาลอ น าค ต เบื ้อ งหนา , เพราะฉะนั้นคําวา 'ครรภ' จึงเปนคําแทนชื่อของ กามทั้งหลาย, ดังนี้แล.
- อฎฐก. อํ. ๒๓/๒๙๘/๑๔๖.
๓๑๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
กามเปรียบดวยรูรั่วของเรือ เมื่ อ สั ต ว มี ค วามใครใ นกามอยู , ถ า กามนั้ น สํ า เร็ จ แก เขา คือ เขาไดต ามปรารถนาแลว , เขา ยอ มมีป ต ิใ นใจ โดยแท. เมื ่อ สั ต ว ผู มี ค วามพอใจ กํ า ลั ง ใคร ใ นกามอยู , ถ า กามนั้ น สู ญ หายไป, เขา ยอมเดือดรอน เหมือนถูกแทงดวยศร ฉะนั้น. ผูใด เวนขาดจากกาม ดวยความเห็น วา เปนดุ จหั วงู ผูนั้ น เปนคนมีสติ ลวงพนตัณหาอันสายไปในโลกนี้เสียได. ผู ใด เข า ไปผู ก ใจอยู ในที่ น า ที่ ส วน เงิน โค ม า ทาสชาย และสตรี พวกพอ ง และกามทั ้ง หลายอื ่น ๆเปน อัน มาก กิเ ลสมาร ย อ มครอบงําบุ ค คลผู นั้ น ได , อั น ตรายรอบด า น ย อ มย่ํ ายี บุ ค คลผู นั้ น ; เพราะเหตุนั้น ความทุกข ยอมติดตามเขา เหมือนน้ําไหลเขาสูเรืออัน แตกแลว ฉะนั้น. เพราะฉะนั้ น บุ ค คล ควรเป น ผู มี ส ติ ทุ ก เมื่ อ , พึ ง เว น ขาด จากกาม, ละกามแล ว พึ งขามโอฆะเสี ย ได ดุ จ บุ ค คลอุ ด ยาเรือ ดี แล ว ก็พึงขามไปถึงฝงโนน (นิพพาน) ได ฉะนั้นแล.
www.buddhadasa.info - สุตฺต.ขุ.๒๕/๔๘๔/๔๐๘.
ลักษณะแหงภวตัณหา ภิ ก ษุ ท.! ภวโยคะ (การประกอบอยู ด ว ยภพ) เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลบางคนในโลกนี้ ย อ มไม รู ชั ด ตามที่ เ ป น จริ ง ซึ่ ง ความก อ ขึ้ น แห ง ภพทั้ ง หลาย ซึ่ ง ความดั บ ไปแห ง ภพทั้ ง หลาย ซึ่ ง รสอร อ ยแห ง ภพทั้ ง หลาย
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๑๓
ซึ ่ง โทษแหง ภพทั ้ง หลาย และซึ ่ง อุบ ายเครื ่อ งออกพน ไปไดจ ากภพทั ้ง หลาย ภิก ษุ ท.! เมื ่อ เขาไมรู อ ยู อ ยา งนั ้น , ความกํ า หนัด ในภพ ความเพลิด เพลิน ในภพ ความเสนหหาในภพ ความสยบในภพ ความหิวระหายในภพ ความ เรารอนเพราะภพ ความเมาหมกในภพ และภวตัณหาในภพทั้งหลาย ยอมนอน เนื ่อ งอยู ใ นบุค คลนั ้น . ภิก ษุ ท.! นี ้ เราเรีย กวา ภวโยคะ (การประกอบอยู ดวยภพ). ดังนี้แล. - จตุกฺก. อํ.๒๑/๑๓/๑๐.
ปจจัยแหงภวตัณหา ภิก ษุ ท.! ที ่ส ุด ในเบื ้อ งตน ของภวตัณ หา ยอ มไมป รากฏ; กอ น แต นี ้ ภวตั ณ หามิ ไ ด ม ี ; แต ว า ภวตั ณ หาเพิ ่ ง มี ต อ ภายหลั ง . ภิ ก ษุ ท.! คํ ากล าวอย างนี้ แหละเป น คํ าที่ ใคร ๆ ควรกล าว และควรกล าวด วยว า "ภวตั ณ หา ยอมปรากฏ เพราะมีสิ่งนี้สิ่งนี้เปนปจจัย" ดังนี้.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท .! เราก ล าวว า ถึ งแ ม ภ วตั ณ ห านั้ น ก็ เป น ธ รรม ช าติ มี อ าห าร ห าใช เ ป น ธรรม ชาติ ที่ ไม มี อ าห ารไม . ก็ อ ะไรเล า เป น อ าห ารขอ ง ภวตัณหา? คําตอบพึงมีวา "อวิชชา เปนอาหารของภวตัณหา" ดังนี้.
ภิก ษุ ท .! เรากลา ววา ถึง แมอ วิช ชา ก็เ ปน ธรรม ชาติม ีอ าหาร ห าใชเ ปน ธรรม ชาติที ่ไ มม ีอ าห ารไม. ก็อ ะไรเลา เปน อ าห รขอ งอ วิช ชา? คําตอบพึงมีวา "นิวรณทั้งหลาย ๕ ประการ เปนอาหารของอวิชชา" ดังนี้.
๓๑๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ กษุ ท .! เรากล า วว า ถึ ง แม นิ ว รณ ทั้ งหลาย ๕ ป ระการ ก็ เ ป น ธรรม ช าต ิม ีอ าห าร ห าใชเ ป น ธรรม ช าต ิที ่ไ ม ม ีอ าห ารไม . ก็อ ะไรเล า เป น อาหารของนิ ว รณ ทั้ ง หลาย ๕ ประการ? คํ า ตอบพึ ง มี ว า "ทุ ก จริ ต ทั้ ง หลาย ๓ ประการ" ดังนี้ ....ฯลฯ....
....ฯลฯ....
การไมสํารวมอินทรียบริบูรณแลว ยอมทําทุจริต ๓ ประการใหบริบูรณ; ทุจริต ๓ ประการบริบูรณแลว ยอมทํานิวรณ ๕ ประการใหบริบูรณ; นิวรณ ๕ ประการบริบูรณแลว ยอมทําอวิชชาใหบริบูรณ; อวิชชาบริบูรณแลว ยอมทําภวตัณหาใหบริบูรณ.
ภิ ก ษุ ท .! อ าห ารแห งภ วตั ณ ห านี้ ย อ ม มี ได ด วย อ าก ารอ ย างนี้ และบริบูรณแลวดวยอาการอยางนี้. - ทสก.อํ.๒๔/๑๒๔/๖๒.
วิภาคแหงภวตัณหารอยแปด www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดงแก พ วกเธอ ถึ ง เรื่ อ ง ตั ณ หา อั น มี ธ รรมชาติ เหมือนขายเปนเครื่องดักสัตว มีธรรมชาติไหลนอง แผกวาง เปนเครื่องเกาะเกี่ยว ของสัต ว, ซึ ่ง ดว ยตัณ หานั ้น เอง สัต วโ ลกนี ้ ถูก ปกคลุม หุ ม หอ ไว ถูก ทํ า ให ยุงเหยิงเหมือนดายยุง ประสานกันสับสนดุจรังนก นุงนังเหมือนพงหญามุญชะและปพพชะ จึงไมลวงพนอบาย ทุคติ วินิบาต และสังสารวัฏไปได. พวกเธอ จงฟงขอความนั้น ทําในใจใหสําเร็จประโยชน เราจักกลาวบัดนี้.
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๑๕
ครั้งภิกษุทั้งหลายเหลานั้น ทูลสนองรับพระพุทธดํารัสแลว, พระผูมีพระภาคเจา จึงไดตรัส พระพุทธวจนะนี้วา :-
ภิ ก ษุ ท.! ตั ณ หานั้ น เป น อย า งไรเล า จึ ง ชื่ อ ว า มี ธ รรมชาติ เหมื อ น ข า ยเป น เครื่ อ งดั ก สั ต ว มี ธ รรมชาติ ไ หนนอง แผ ก ว า ง เป น เครื่ อ งเกาะเกี่ ย วของ สั ต ว , ซึ่ ง ด ว ยตั ณ หานั้ น เอง สั ต ว โ ลกนี้ ถู ก ปกคลุ ม หุ ม ห อ ไว ถู ก ทํ า ให ยุ ง เหยิ ง เหมื อ นด า ยยุ ง ประสานกั น สั บ สนดุ จ รั ง นก นุ ง นั ง เหมื อ นพงหญ า มุ ญ ชะและ ปพพชะ จึงไมลวงพนอบาย ทุคติ วินิบาต และสังสารวัฏไปได? ภิ กษุ ท.! ตั ณ หาวิ จริ ต (ความนึ กที่ ซ านไปด วยอํ านาจแห งตั ณ หา) ๑๘ อย าง ที่ เข าไปจั บยึ ดขั นธ อั นเป นภายใน และตั ณ หาวิ จริ ต ๑๘ อย าง ที่ เข าไปจั บยึ ดขั นธ อันเปนภายนอก เหลานี้ มีอยู. ภิกษุ ท.! ตัณหาวิจริต (ความนึกที่ซานไปดวยอํานาจแหงตัณหา) ๑๘ อยาง ที่เขาไปจับยึดขันธอันเปนภายใน เหลานั้น เปนอยางไรเลา?
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! ตั ณ หาวิ จ ริ ต ๑๘ อย า ง ที่ เ ข า ไปจั บ ยึ ด ขั น ธ อั น เป น ภายใน นั้ น คื อ เมื่ อ มี ค วามนึ ก ไปในทาง ที่ ว า "เรามี เราเป น " ดั ง นี้ ก็ เกิ ด ความนึ กที่ เป นไปตามอํ านาจแห งตั ณ หา ว า "เรามี อยู เป นอยู " ดั งนี้ ๑, ว า "เรา เป นอย างนี้ ๆ" ดั งนี้ ๑, ว า "เราเป นอย างนั้ น ๆ (คื ออย างเดี ยวกั นกั บคู เปรียบ)" ดั งนี้ ๑, วา "เราเป นอย างอื่ น (คื อแตกต างตรงกันขามจากคูเปรียบ)" ดั งนี้ ๑, ว า "เราเป นผู ไม เที่ ยง ไม ยั่ งยื น " ดั งนี้ ๑, ว า "เราเป น ผู เที่ ยงผู ยั่ งยื น " ดั งนี้ ๑, ว า “เราพึ งมี อ ยู พึ งเป น อยู ” ดัง นี ้ ๑ , วา “เราพึง เปน อยา งนี ้ ” ๆ ดัง นี ้ ๑ ,วา “เราพึง เปน อยา งนั ้น ๆ” ดั งนี้ ๑, ว า “เราพึ งเป นอย างอื่ น” ดั งนี้ ๑, ว า "เราพึ งมี อ ยู พึ งเป น อยู ดั ง นี้ ๑, วา "ขอใหเราเปนอยางนี้ ๆ" ดังนี้ ๑, วา "ขอใหเราเปนอยางนั้น ๆ" ดังนี้ ๑, วา
๓๑๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
"ขอให เราเป น อย า งอื่ น " ดั ง นี้ ๑, ว า "เราจั ก มี อ ยู จั ก เป น อยู " ดั ง นี้ ๑, ว า "เรา จั ก เป น อย า งนี้ ๆ" ดั ง นี้ ๑, ว า "เราจั ก เป น อย า งนั้ น ๆ" ดั ง นี้ ๑, ว า "เราจั ก เป น อยา งอื ่น " ดัง นี ้๑. ภิก ษุ ท.! เหลา นี ้แ ล ชื ่อ วา ตัณ หาวิจ ริต ๑๘ อยา ง ที่ เขาไปจับยึดขันธอันเปนภายใน. ภิกษุ ท.! ตัณ หาวิจริต (ความนึกที่ซานไปดวยอํานาจแหงตัณ หา) ๑๘ อย า ง ที่ เข า ไปจั บ ยึ ด ขั น ธ อั น เป น ภายนอก เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! ตั ณ หาวิ จริ ต ๑๘ อย าง ที่ เข าไปจั บ ยึ ดขั นธ อั นเป นภายนอก คื อ เมื่ อมี ความนึ กไป ในทางที่ วา "เรามี เราเป น ด ว ยสิ่ ง (คือ ขัน ธอัน เป น ภายนอก) นี้ " ดั งนี้ ก็ เกิ ด ความ นึ กที่ เป นไปตามอํ านาจแห งตั ณหา วา "เรามี อยู เป นอยู ด วยสิ่ง (คือขันธอันเป นภายนอก) นี้ " ดั ง นี้ ๑, ว า "เราเป น อย า งนี้ ๆ ด ว ยสิ่ ง นี้ " ดั ง นี้ ๑, ว า "เราเป น อย า งนั้ น ๆ ด วยสิ่ งนี้ " ดั งนี้ ๑, ว า "เราเป น อย างอื่ น ด วยสิ่ งนี้ " ดั งนี้ ๑, ว า "เราเป น ผู ไม เที่ ย ง ไม ยั่ งยื น ด วยสิ่ งนี้ " ดั งนี้ ๑, ว า "เราเป น ผู เที่ ย ง ผู ยั่ งยื น ด วยสิ่ งนี้ " ดั งนี้ ๑, ว า "เราพึ ง มี อ ยู พึ ง เป น อยู ด ว ยสิ่ ง นี้ " ดั ง นี้ ๑, ว า "เราพึ ง เป น อย า งนี้ ๆ ด ว ยสิ่ ง นี้ " ดั ง นี้ ๑, ว า "เราพึ ง เป น อย า งนั้ น ๆ ด ว ยสิ่ ง นี้ " ดั ง นี้ ๑, ว า "เราพึ ง เป น อย า งอื่ น ด ว ยสิ่ ง นี้ " ดั ง นี้ ๑, ว า "ขอให เรามี อ ยู เป น อยู ด ว ยสิ่ ง นี้ " ดั ง นี้ ๑, ว า "ขอให เราเป นอย างนี้ ๆ ด วยสิ่ งนี้ " ดั งนี้ ๑, ว า "ขอให เราเป นอย างนั้ น ๆ ด วยสิ่ งนี้ " ดั งนี้ ๑, วา "ขอให เราเป นอย างอื่ น ด วยสิ่ งนี้ " ดั งนี้ ๑, ว า "เราจั กมี อยู จั กเป นอยู ด วยสิ่ งนี้ " ดั งนี้ ๑, ว า "เราจั ก เป น อย า งนี้ ๆ ด ว ยสิ่ งนี้ " ดั งนี้ ๑, ว า "เราจั ก เป น อย า งนั้ น ๆ ด ว ยสิ่ ง นี้ " ดั ง นี้ ๑, ว า "เราจั ก เป น อย า งอื่ น ด ว ยสิ่ ง นี้ " ดั ง นี้ ๑, ภิ ก ษุ ท.! เหลานี้แล ชื่อวา ตัณหาวิจริต ๑๘ อยาง ที่เขาไปจับยึดขันธอันเปนภายนอก.
www.buddhadasa.info
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๑๗
ภิ ก ษุ ท.! ด ว ยเหตุ นี้ แ หละ ตั ณ หาวิ จ ริ ต ๑๘ อย า ง ที่ เข า ไปจั บ ยึ ด ขั น ธ อั น เป น ภายในด ว ยและตั ณ หาวิ จ ริ ต ๑๘ อย า ง ที่ เข า ไปจั บ ยึ ด ขั น ธ อั น เป น ภายนอกดวย เหลานี้แล เรียกวา ตัณหาวิจริต๓๖ อยาง. ภิ ก ษุ ท.! ด ว ยเหตุ นี้ แ หละ ตั ณ หาวิ จ ริ ต อย า งนี้ แ ล เป น อดี ต ๓๖ อย า ง, เป น อนาคต๓๖ อย า ง, และป จ จุ บั น ๓๖ อย า ง, รวมเป น ตั ณ หาวิ จ ริ ต ๑๐๘ อยาง. ภิ ก ษุ ท .! นี่ แล คื อ ตั ณ ห านั้ น อั น มี ธรรม ชาติ เห มื อ น ข า ย เป น เครื ่อ งดัก สัต ว มีธ รรมชาติไ หลนอง แผก วา ง เปน เครื ่อ งเกาะเกี ่ย วของสัต ว ซึ่ ง ด ว ยตั ณ หานั้ น เอง สั ต ว โ ลกนี้ ถู ก ปกคลุ ม หุ ม ห อ ไว ถู ก ทํ า ให ยุ ง เหยิ ง เหมื อ น ด า ยยุ ง ประสานกั บ สั น สนดุ จ รั ง นก นุ ง นั ง เหมื อ นพงหญ า มุ ญ ชะและป พ พชะ๑ จึงไมลวงพนอบาย ทุคติ วินิบาต และสังสารวัฏไปได แล. - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๘๙/๑๙๙.
www.buddhadasa.info เหตุที่ทําใหฟงธรรมไมรูเรื่อง (เพราะภวตัณหา)
ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลประกอบอยู ด ว ยเหตุ ห า อย า ง แม ฟ ง ธรรมอยู ก็ ไม อ าจเพื่ อ จะก า วลงสู นิ ย าม คื อ ความถู ก ต อ งในกุ ศ ลธรรมทั้ ง หลาย. เหตุ ห า อยางอะไรเลา? หาอยางคือ สนใจแตคําพูด สนใจแตผูพูด สนใจแตตัวเอง
๑. หญ า สองชนิ ด นี้ เคยแปลกั น ว า หญ า มุ ง กระต า ยและหญ า ปล อ ง แต ไ ม มี ห ลั ก ฐานที่ แ น น อน. ในที่นี้จึงไมแปลไว.
๓๑๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
มี จิ ต ฟุ ง ซ า นไม มี เอกั ค คตาจิ ต ฟ งธรรม และทํ าในใจไม แ ยบคาย. ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลประกอบด วยเหตุ ห า อย างเหล านี้ แ ล แม ฟ งธรรมอยู ก็ ไม อ าจเพื่ อ จะก าวลง สูนิยาม คือความถูกตองในกุศลธรรมทั้งหลาย. - ปฺจก. อํ. ๒๒/๑๙๕/๑๕๑.
(อีกปริยายหนึ่ง) ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลประกอบอยู ด ว ยเหตุ ห า อย า ง แม ฟ ง ธรรมอยู ก็ ไม อ าจเพื่ อ จะก า วลงสู นิ ย าม คื อ ความถู ก ต อ งในกุ ศ ลธรรมทั้ ง หลาย. เหตุ ห า อย างอะไรเล า ? ห า อย า งคื อ สนใจแต คํ า พู ด สนใจแต ผู พู ด สนใจแต ตั ว เอง เป น คนโง เง า เงอะงะ มั ว แต สํ า คั ญ ตนว า รู ใ นสิ่ ง ที่ ต นไม รู . ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คล ป ระ ก อ บ ด ว ย เห ตุ ห า อ ย า งนี ้ แ ล แ ม ฟ ง ธ รรม อ ยู ก็ ไ ม อ าจ เพื ่ อ จ ะ ก า วล ง สูนิยาม คือความถูกตองในกุศลธรรมทั้งหลาย. - ปฺจก. อํ. ๒๒/๑๙๕/๑๕๒.
(อีกปริยายหนึ่ง)
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลประกอบอยู ด ว ยเหตุ ห า อย า ง แม ฟ ง ธรรมอยู ก็ ไม อาจเพื่ อ จะก าวลงสู นิ ย าม คื อ ความถู ก ต อ งในกุ ศ ลธรรมทั้ งหลาย. เหตุ ห าอย าง อะไรเล า? ห าอย างคื อ เป น คนลบหลู ฟ งธรรม มี จิ ต มากไปด วยความลบหลู แขงดีฟงธรรม คอยจองจับความผิดพลาดในผูแสดงธรรมดวยจิตมุงรายแข็ง กระด าง เป น คนโงเงาเงอะงะ มั วแต สํ าคั ญ ตนวารูในสิ่ งที่ ต นไม รู. ภิกษุ ท.! บุ ค คลประกอบด วยเหตุ ห า อย างเหล านี้ แ ล แม ฟ งธรรมอยู ก็ ไม อ าจเพื่ อ จะก าวลง สูนิยาม คือความถูกตองในกุศลธรรมทั้งหลาย. - ปญจก. อํ. ๒๒/๑๙๖/๑๕๓.
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๑๙
(ในตอนท า ยของแต ล ะปริ ย าย ได ต รั ส ถึ ง บุ ค คลผู มี ธ รรมตรงกั น ข า ม คื อ สามารถฟ ง ธรรมสําเร็จประโยชน, ผูศึกษาพึงคํานวณเอาดวยตนเอง โดยปฏิปกขนัยจากขอความขางบนนี้)
ภพแมชั่วขณะดีดนิ้วมือก็ยังนารังเกียจ ภ ิก ษ ุ ท .! ค ูถ แ ม น ิด เด ีย ว ก็เ ป น ข อ ง ม ีก ลิ ่น เห ม ็น ฉัน ใด ; ภิ ก ษุ ท.! สิ่ ง ที่ เ รี ย กว า ภพ (ผลแห ง ภวตั ณ หา) ก็ ฉั น นั้ น เหมื อ นกั น , แม มี ประมาณนอยชั่วลัดนิ้วมือเดียว ก็ไมมีคุณอะไรที่พอจะกลาวได. - เอก. อํ. ๒๐/๔๖/๒๐๓. (ในสู ตรถั ดไป ได ตรัสอุ ป มาด วย มู ต ร ด วย น้ํ าลาย ด วย หนอง ด วย โลหิ ต โดย ทํานองเดียวกัน, - ๒๐/๔๖/๒๐๔).
วิภวตัณหา เรื่องของ วิภวตัณหา ที่เปนพุทธดํารัสโดยตรง ยังไมพบที่มา; ขอนักศึกษา จงทราบโดยเปนปฏิปกขนัยของ ภวตัณหา.
www.buddhadasa.info นิทเทศ ๔ วาดวยลักษณะแหงตัณหา จบ
๓๒๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
นิทเทศ ๕ วาดวยที่เกิดและการเกิดแหงตัณหา (มี ๕ เรื่อง)
การเกิดขึ้นแหงตัณหา ภิกษุ ท.! การกอขึ้นแหงทุกข เปนอยางไรเลา? ภิ กษุ ท.! เพ ราะอาศั ย ต าด ว ย รู ป ด ว ย จึ ง เกิ ด จั ก ขุ วิ ญ ญ าณ ขึ้ น , การประจวบพร อ ม (แห ง ตา+รู ป +จั ก ขุ วิ ญ ญาณ) ทั้ ง ๓ อย า งนั้ น จึ ง เกิ ด มี ผั ส สะ, เพ ราะผั ส ส ะเป น ป จจั ย จึ งเกิ ด มี เวท น า, เพ ราะเวท น าเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี ตัณหา; นี้ คือ การกอขึ้นแหงทุกข ภิ ก ษุ ท.! เพ ราะอาศั ย หู ด ว ย เสี ย งด ว ย จึ ง เกิ ด โสตวิ ญ ญ าณ ขึ้ น . การป ระจวบ พ ร อ ม (แห งหู +เสี ย ง+โสตวิ ญ ญ าณ ) ทั้ ง ๓ อย า งนั้ น จึ ง เกิ ด มี ผัส ส ะ , เพ ราะ ผัส ส ะ เปน ปจ จัย จึง เกิด มีเ วท น า , เพ ราะ เวท น าเปน ปจ จัย จึงเกิดมีตัณหา; นี้ คือ การกอขึ้นแหงทุกข.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! เพราะอาศั ย จมู ก ด ว ย กลิ่ น ด ว ย จึ ง เกิ ด ฆานวิ ญ ญาณขึ้ น , การประจวบพร อ ม (แห ง จมู ก +กลิ่ น +ฆานวิ ญ ญ าณ ) ทั้ ง ๓ อย า งนั้ น จึ ง เกิ ด มี ผั ส สะ, เพ ราะผั ส สะเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี เ วทนา, เพราะเวทนาเป น ป จ จั ย จึ ง เกิดมีตัณหา; นี้ คือ การกอขึ้นแหงทุกข
ภิ ก ษุ ท.! เพราะอาศั ย ลิ้ น ด ว ย รสด ว ย จึ ง เกิ ด ชิ ว หาวิ ญ ญ าณ ขึ้ น , การประจวบพรอม (แหงลิ้น+รส+ชิวหาวิญญาณ) ทั้ง ๓ อยางนั้น จึงเกิดมี
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๒๑
ผั ส สะ, เพราะผั ส สะเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี เ วทนา, เพราะเวทนาเป น ป จ จั ย จึ ง เกิดมีตัณหา; นี้ คือ การกอขึ้นแหงทุกข. ภิ ก ษุ ท.! เพ ราะอาศั ย กายด ว ย โผฏ ฐั พ พ ะด ว ย จึ ง เกิ ด กายวิ ญ ญาณขึ้ น , การประจวบพร อ ม (แห งกาย+โผฏฐั พ พะ+กายวิ ญ ญาณ) ทั้ ง ๓ อย า งนั้ น จึ ง เกิ ด มี ผั ส สะ, เพราะผั ส สะเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี เ วทนา, เพราะ เวทนาเปนปจจัย จึงเกิดมีตัณหา; นี้ คือ การกอขึ้นแหงทุกข ภิ กษุ ท .! เพ ราะอาศั ย ใจ ด วย ธรรม ารม ณ ด ว ย จึ ง เกิ ด ม โน วิ ญ ญาณขึ้ น , การประจวบพร อ ม (แห ง ใจ+ธรรมารมณ +มโนวิ ญ ญาณ) ทั้ ง ๓ อย า งนั้ น จึ ง เกิ ด มี ผั ส สะ, เพราะผั ส สะเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี เ วทนา, เพราะ เวทนาเปนปจจัย จึงเกิดมีตัณหา; นี้ คือ การขึ้นแหงทุกข. ภิกษุ ท.! นี้แล คือ การกอขึ้นแหงทุกข. - สฬา. สํ. ๑๘/๑๐๖/๑๕๔.
www.buddhadasa.info ฐานที่เกิดแหงตัณหา (สี่อยาง)
ภิ ก ษุ ท.! การเกิ ด ขึ้ น แห ง ตั ณ หา เมื่ อ จะเกิ ด ย อ มเกิ ด ขึ้ น แก ภิ ก ษุ ในอารมณใด ๆ ก็ตามมีสี่อยางเหลานี้. สี่อยางเหลาไหนเลา? สี่อยางคือ :ภิ ก ษุ ท.! ตั ณ หา เมื่ อ จะเกิ ด ย อ มเกิ ด ขึ้ น แก ภิ ก ษุ เพราะจี ว ร เปนเหตุบาง;
๓๒๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! ตั ณ หา เมื่ อ จะเกิ ด ย อ มเกิ ด ขึ้ น แก ภิ ก ษุ เพราะอาหาร บิณฑบาตเปนเหตุบาง; ภิ ก ษุ ท.! ตั ณ หา เมื่ อ จะเกิ ด ย อ มเกิ ด ขึ้ น แก ภิ ก ษุ เพราะเสนา สนะเปนเหตุบาง; ภิ ก ษุ ท.! ตั ณ หา เมื่ อ จะเกิ ด ย อ มเกิ ด ขึ้ น แก ภิ ก ษุ เพราะความ ไดเปนหรือไมไดเปนอยางนั้นอยางนี้เปนเหตุบาง. ภ ิก ษ ุ ท .! เห ล า นี ้แ ล ค ือ ก า รเก ิด ขึ ้น แ ห ง ต ัณ ห า เมื ่อ จ ะ เก ิด ยอมเกิดขึ้น แกภิกษุ ในอารมณใด ๆ ก็ตาม มีสี่อยางแล. - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๒/๙; จตุกฺก. อํ. ๒๑/๓๓๕/๒๕๗.
ที่ตั้งอาศัยเกิดแหงตัณหา ภิ ก ษุ ท.! ตั ณ หานั้ น เมื่ อ จะเกิ ด ย อ มเกิ ด ขึ้ น ณ ที่ ไหน? เมื่ อ จะ ตั้งอยูยอมตั้งอยู ณ ที่ไหน? ภิก ษุ ท.! สิ ่ง ใด มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, ตัณ หานั ้น เมื ่อ จะเกิด ยอมเกิดขึ้น ในสิ่งนั้น, เมื่อจะตั้งอยู ยอมตั้งอยู ในสิ่งนั้น.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! ก็สิ่งใดเลา มีภาวะเปนที่รักที่ยินดีในโลก?
ภิก ษุ ท.! ตา มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, หู มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, จมูก มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, ลิ ้น มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที่ ยินดีในโลก, กาย มีภาวะเปนที่รักที่ยินดีในโลก, และ ใจ มีภาวะเปนที่รักที่
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๒๓
ยิน ดีใ นโลก; ตัณ หานั ้น เมื ่อ จะเกิด ยอ มเกิด ขึ ้น ในสิ ่ง นั ้น ๆ, เมื ่อ จะตั ้ง อยู ยอมตั้งอยู ในสิ่งนั้น ๆ. ภิก ษุ ท.! รูป ทั ้ง หลาย มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, เสีย ง ทั ้ง หลายมีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, กลิ ่น ทั ้ง หลาย มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดี ในโลก, รสทั ้ง หลาย มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, โผฏฐัพ พะทั ้ง หลาย มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, และธรรมารมณทั ้ง หลาย มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที่ ยิน ดีใ นโลก; ตัณ หานั ้น เมื ่อ จะเกิด ยอ มเกิด ขึ ้น ในสิ ่ง นั ้น ๆ, เมื ่อ จะตั ้ง อยู ยอมตั้งอยู ในสิ่งนั้น ๆ. ภิ กษุ ท.! วิ ญ ญาณทางตา มี ภาวะเป นที่ รักที่ ยิ นดี ในโลก, วิญ ญาณ ทางหู มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, วิญ ญาณทางจมูก มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที่ ยิ น ดี ใ นโลก, วิ ญ ญาณทางลิ้ น มี ภ าวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใ นโลก, วิ ญ ญาณทาง กาย มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, และวิญ ญาณทางใจ มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที่ ยิน ดีใ นโลก; ตัณ หานั ้น เมื ่อ จะเกิด ยอ มเกิด ขึ ้น ในสิ ่ง นั ้น ๆ, เมื ่อ จะตั ้ง อยู ยอมตั้งอยู ในสิ่งนั้น ๆ.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! สัม ผัส ทางตา มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, สัม ผัส ทางหู มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, สัม ผัส ทางจมูก มีภ าวะเปน ที ่รัก ที ่ย ิน ดี ในโลก, สัม ผัส ทางลิ ้น มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, สัม ผัส ทางกาย มี ภาวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใ นโลก, และสั ม ผั ส ทางใจ มี ภ าวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใ นโลก; ตัณ หานั ้น เมื ่อ จะเกิด ยอ มเกิด ขึ ้น ในสิ ่ง นั ้น ๆ, เมื ่อ จะตั ้ง อยู ยอ มตั ้ง อยู ในสิ่งนั้น ๆ.
๓๒๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! เวทนาเกิ ด แต สั ม ผั ส ทางตา มี ภ าวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใ น โลก, เวทนาเกิด แตส ัม ผัส ทางหู มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, เวทนาเกิด แตส ัม ผัส ทางจมูก มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, เวทนาเกิด แตส ัม ผัส ทางลิ ้น มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, เวทนาเกิด แตส ัม ผัส ทางกาย มีภ าวะเปน ที ่รั ก ที่ ยิ น ดี ใ นโลก, และเวทนาเกิ ด แต สั ม ผั ส ทางใจ มี ภ าวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใ นโลก; ตัณ ห านั ้น เมื ่อ จะเกิด ยอ ม เกิด ขึ ้น ใน สิ ่ง นั ้น ๆ, เมื ่อ จะตั ้ง อยู ยอ ม ตั ้ง อ ยู ในสิ่งนั้น ๆ. ภิ กษุ ท.! ค วาม ห ม าย รู ใ น รู ป มี ภ าวะเป นที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใ น โลก, ความหมายรู ใ นเสี ย ง มี ภ าวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใ นโลก, ความหมายรู ใ นกลิ่ น มี ภาวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใ นโลก, ความหมายรู ใ นรสมี ภ าวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใ นโลก, ความหมายรู ใ นโผฏฐัพ พะ มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, และความหมายรู ในธรรมารมณ มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก; ตัณ หานั ้น เมื ่อ จะเกิด ยอ ม เกิดขึ้น ในสิ่งนั้น ๆ, เมื่อจะตั้งอยู ยอมตั้งอยู ในสิ่งนั้น ๆ.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! ความคิ ด นึ ก ในรู ป มี ภ าวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใ นโลกความ คิด นึก ใน เสีย ง มีภ า ว ะ เปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ น โล ก , ค ว า ม คิด นึก ใน ก ลิ ่น มี ภาวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใ นโลก, ความคิ ด นึ ก ในรส มี ภ าวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใ นโลก, ความคิ ด นึ ก ในโผฏฐั พ พะ มี ภ าวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใ นโลก, และความคิ ด นึ ก ใน ธรรมารมณ มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก; ตัณ หานั ้น เมื ่อ จะเกิด ยอ มเกิด ขึ้น ในสิ่งนั้น ๆ, เมื่อจะตั้งอยู ยอมตั้งอยู ในสิ่งนั้น ๆ.
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๒๕
ภิก ษุ ท.! ตัณ หาใน รูป มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, ตัณ หา ในเสีย ง มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, ตัณ หาในกลิ ่น มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที่ ยิ น ดี ใ น โล ก , ตั ณ ห า ใ น ร ส มี ภ า ว ะ เป น ที ่ ร ั ก ที ่ ย ิ น ดี ใ น โล ก , ตั ณ ห า ใ น โผฏฐั พ พะ มี ภ าวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใ นโลก, และตั ณ หาในธรรมารมณ มี ภ าวะ เปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ น โล ก ; ตัณ ห านั ้น เมื ่อ จะเกิด ยอ ม เกิด ขึ ้น ใน สิ ่ง นั ้น ๆ, เมื่อจะตั้งอยู ยอมตั้งอยู ในสิ่งนั้น ๆ. ภิก ษุ ท.! ค วาม ต ริต รึก ใน รูป มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, ความตริต รึก ในเสีย ง มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, ความตริต รึก ในกลิ ่น มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, ความตริต รึก ในรส มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดี ในโลก, ความตริต รึก ใน โผ ฏ ฐัพ พ ะ มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, และ ความตริต รึก ในธรรมรมณ มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก; ตัณ หานั ้น เมื ่อ จะเกิด ยอมเกิดขึ้น ในสิ่งนั้น ๆ, เมื่อจะตั้งอยู ยอมตั้งอยู ในสิ่งนั้น ๆ. ภิ ก ษุ ท.! ความ ตริ ต รองใน รู ป มี ภ าวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใ นโลก, ความตริต รองในเสีย ง มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, ความตริต รองในกลิ ่น มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, ความตริต รองในรส มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดี ในโลก, ความตริต รองในโผฏฐัพ พ ะ มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, และ ความตริต รองในธรรมารมณ มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, ตัณ หานั ้น เมื ่อ จะเกิด ยอ ม เกิด ขึ ้น ใน สิ ่ง นั ้น ๆ, เมื ่อ จะตั ้ง อ ยู ยอ ม ตั ้ง อ ยู ใน สิ ่ง นั ้น ๆ. ดังนี้แล.
www.buddhadasa.info - มหา. ที. ๑๐/๓๔๓/๒๙๗.
๓๒๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
สิ่งที่ตองรู ตองละ เพื่อความสิ้นทุกข ภิก ษุ ท.! เมื ่อ ไมรู ยิ ่ง ไมรู ร อง ไมค ลายกํ า หนัด ไมล ะขาด ซึ ่ง สิ ่ง ทั ้ง ปวง ยอ มไมเ ปน ผู ส มควรเพื ่อ ความสิ ้น ไปแหง ทุก ข. สิ ่ง ทั ้ง ปวง อะไร กัน เลา ? สิ ่ง ทั ้ง ปวงคือ (ตอ ไปนี ้ท รงแสดง ธรรมที ่ค วรรู ค วรละ เปน หมวด ๆ ตามหลัก แหงอายตะหกประการ คือ:-) อายตนะภายใน หก ประการ (จักษุ ฯลฯ มโน): อายตนะภายนอก หก ประการ (รูป ฯลฯ ธรรมารมณ); วิญญาณ หกประการ (จักขุวิญญาณ ฯลฯ มโนวิญญาณ); สัมผัส หก ประการ (จักขุสัมผัส ฯลฯ มโนสัมผัส); เวทนา หก ประการ (จักขุสัมผัสสชาเวทนา ฯลฯ มโนสัมผัสสชาเวทนา) .
ภิ กษุ ท.! เห ล า นี้ แล คื อ สิ่ ง ทั้ งป วง ซึ่ ง เมื่ อไม รู ยิ่ ง ไม รู ร อบ ไม คลายกําหนัด ไมละขาดแลว ยอมเปนผูไมควรเพื่อความสิ้นไปแหงทุกข.
www.buddhadasa.info (ต อ ไปนี้ ทรงแสดงโดยปฏิ ป ก ขนั ย ถึ ง สิ่ ง ทั้ ง ปวงที่ เมื่ อ รู แ ละละแล ว เป น ผู ส มควร เพื่อความสิ้นไปแหงทุกข โดยนัยตรงกันขาม ซึ่งผูศึกษาอาจเทียบเคียงไดเอง).
- สฬา. สํ. ๑๘/๒๑/๒๗ -๒๘.
(อีกนัยหนึ่ง) ภิก ษุ ท.! เมื ่อ ไมรู ยิ ่ง ไมรู ร อบ ไมค ลายกํ า หนัด ไมล ะขาด ซึ ่ง สิ ่ง ทั ้ง ปวง ยอ มไมเ ปน ผู ส มควรเพื ่อ ความสิ ้น ไปแหง ทุก ข. สิ ่ง ทั ้ง ปวง อะไร กัน เลา ? สิ ่ง ทั ้ง ปวงคือ (ตอ ไปนี ้ ทรงแสดง ธรรมที ่ค วรรู ค วรละ เปน หมวด ๆ ตาม หลักแหงอายตนะหกประการ คือ :-)
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๒๗
อายตนะภายใน หก ประการ (จักษุ ฯลฯ มโน); อายตนะภายนอก หก ประการ (รูป ฯลฯ ธรรมารมณ); วิญญาณ หก ประการ (จักขุวิญญาณ ฯลฯ มโนวิญญาณ); วิ ญ ญาณวิ ญ ญาตั พพธรรม หก ประการ (จั กขุ วิ ญ ญาณวิ ญ ญาตั พพธรรม ฯลฯ มโนวิญญาณวิญญาตัพพธรรม).
ภิ กษุ ท .; เห ล า นี้ แล คื อ สิ่ ง ทั้ งป วง ซึ่ ง เมื่ อไม รู ยิ่ ง ไม รู ร อบ ไม คลายกําหนัด ไมละขาดแลว ยอมเปนผูไมควรเพื่อความสิ้นไปแหงทุกข. (ต อ ไปนี้ ทรงแสดงโดย ปฏิ ป ก ขนั ย ถึ ง สิ่ ง ทั้ ง ปวงที่ เมื่ อ รู แ ละละแล ว เป น ผู ส มควร เพื่อความสิ้นไปแหงทุกข โดยนัยตรงกันขาม ซึ่งผูศึกษาอาจเทียบเคียงไดเอง).
- สฬา.สํ. ๑๘/๒๒ -๒๓/๒๙ -๓๐.
ภาวะเปนที่รักที่ยินดี เปน หนามในอริยวินัยนี้ ภิ ก ษุ ท.! เปรี ย บเหมื อ นบุ รุ ษ ผู ห นึ่ ง จะพึ ง เข า ไปสู ป า ที่ มี ห นาม ม าก ; คือ ห น าม ขา งห นา ขอ งบุร ุษ นั ้น ก็ม ีอ ยู , ห น าม ขา งห ลัง ก็ม ีอ ยู , ห น า ม ขา ง เห นือ ก็ม ีอ ยู , ห น า ม ขา ง ใต ก็ม ีอ ยู , ห น า ม ขา ง ลา ง ก็ม ีอ ยู , หนามขา งบน ก็ม ีอ ยู , บุร ุษ นั ้น จะตอ งมีส ติ คอ ย ๆ กา วไปขา หนา มีส ติ คอย ๆ ถอยกลับหลัง ดวยคิดอยูวา "หนามอยายอก อยาตํา เราเลย" ดังนี้.
www.buddhadasa.info ภ ิก ษ ุ ท .! ฉัน ใ ด ก็ฉ ัน นั ้น , ภ า ว ะ เป น ที ่ร ัก ภ า ว ะ เป น ที ่ย ิน ดี (ปย รูป สาตรูป ซึ ่ง เปน ที ่เ กิด ที ่ด ับ แหง ตัณ หา) ในโลก ใด ๆ; ภิก ษุ ท.! ปย รูป สาตรูปนี้ เราเรียกวา "หนามในวินัยของพระอริยเจา" ดังนี้ แล.
- สฬา. สํ. ๑๘/๒๓๔/๓๓๔
นิทเทศ ๕ วาดวยที่เกิดและการเกิดแหงตัณหา จบ
๓๒๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
นิทเทศ ๖ วาดวยอาการที่ตัณหาทําใหเกิดทุกข (มี ๓๑ เรื่อง) การเกิดขึ้นแหงกองทุกข ภิกษุ ท.! อริยสัจคือความกอขึ้นแหงทุกข เปนอยางไรเลา? ภิ ก ษุ ท.! เพราะอวิ ช ชาเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี สั ง ขาร; เพราะสั ง ขาร เป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี วิ ญ ญ าณ ; เพราะวิ ญ ญ าณ เป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี น ามรู ป ; เพราะนามรูป เปน ปจ จัย จึง เกิด มีอ ายตนะหก; เพราะอายตนะหกเปน ปจ จัย จึ ง เกิ ด มี ผั ส สะ; เพราะผั ส สะเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ น มี เ วทนา; เพราะเวทนาเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี ตั ณ หา; เพราะตั ณ หาเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี อุ ป าทาน; เพราะ อุ ป าทานเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี ภ พ; เพราะภพเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี ช าติ ; เพราะ ชาติ เ ป น ป จ จั ย , ชรา มรณ ะ โศก ปริ เ ทวะ ทุ ก ข โทมนั ส และอุ ป ายาส จึ ง เกิดมีพรอม. ความกอขึ้นแหงกองทุกขทั้งสิ้นนั้น ยอมมีไดดวยอาการอยางนี้.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! นี้ เราเรียกวา อริยสัจคือความกอขึ้นแหงทุกข แล.
- ติก. อํ. ๒๐/๒๒๗/๕๐๑.
อาการเกิดขึ้นแหงทุกขโดยสมบูรณ (สายแหงปฏิจจสมุปบาท) ภิ ก ษุ ท.! ปฏิ จ จสมุ ป บาท (ธรรมที่ อ าศั ย กั น และกั น แล ว ทยอยกั น เกิ ด ขึ้ น ) เปนอยางไรเลา?
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๒๙
ภิกษุ ท.! เพราะอวิชชาเปนปจจัย จึงเกิดมี สังขาร; เพราะสังขารเปนปจจัย จึงเกิดมี วิญญาณ; เพราะวิญญาณเปนปจจัย จึงเกิดมี นามรูป; เพราะนามรูปเปนปจจัย จึงเกิดมี อายตนะหก; เพราะอายตนะหกเปนปจจัย จึงเกิดมี ผัสสะ; เพราะผัสสะเปนปจจัย จึงเกิดมี เวทนา; เพราะเวทนาเปนปจจัย จึงเกิดมี ตัณหา; เพราะตัณหาเปนปจจัย จึงเกิดมี อุปาทาน; เพราะอุปาทานเปนปจจัย จึงเกิดมี ภพ เพราะภพเปนปจจัย จึงเกิดมี ชาติ; เพ ราะชาติเ ปน ปจ จัย , ช รา ม รณ ะ โศ ก ป ริเ ท วะ ทุ ก ข โทมนั ส และอุ ป ายาส จึ ง เกิ ด มี พ ร อ ม. การก อ ขึ้ น แห ง กองทุ ก ข ทั้ ง สิ้ น นั้ น ยอมมีไดดวยอาการอยางนี้. ภิ ก ษุ ท.! นี้ เราเรี ย กว า ปฏิ จ จสมุ ป บาท (ธรรมที่ อ าศั ย กั น และกั น แล ว ทยอยกันเกิดขึ้น) ดังนี้ แล.
www.buddhadasa.info - นิทาน. สํ. ๑๖/๑/๒.
วิภาคแหงปฏิจจสมุปบาท
ภิกษุ ท.! ปฏิจจสมุปบาท เปนอยางไรเลา? ภิ ก ษุ ท.! เพราะอวิ ช ชาเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี สั ง ขาร; เพราะสั ง ขาร เปนปจจัย จึงเกิดมีวิญญาณ; เพราะวิญญาณเปนปจจัย จึงเกิดมีนามรูป;
๓๓๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
เพราะนามรูปเปนปจจัย จึงเกิดมีอายตนะหก; เพราะอายตนะหกเปนปจจัย จึง เกิดมีผัสสะ; เพราะผัสสะเปนปจจัย จึงเกิดมีเวทนา; เพราะเวทนาเปนปจจัย จึงเกิดมีตัณหา; เพราะตัณ หาเปนปจจัย จึงเกิดมีอุปาทาน; เพราะอุปาทาน เปนปจจัย จึงเกิดมีภพ; เพราะภพเปนปจจัย จึงเกิดมีชาติ; เพราะชาติเปน ปจจัย, ชรา มรณะ โศก ปริเทวะ ทุกข โทมนัส และอุปายาส จึงเกิดมีพรอม. ความกอขึ้นแหงกองทุกขทั้งสิ้นนั้น ยอมมีได ดวยอาการอยางนี้. ภิก ษุ ท.! ชรา มรณะ เปน อยา งไรเลา ? ชรา คือ ความแก ความคร่ําครา ความมี ฟ น หลุ ด ความมี ผ มหงอก ความมี ห นั งเหี่ ยว ความ เสื่อมไปแหงอายุ ความแกรอบแหงอินทรียทั้งหลาย ในสัตวนิกายนั้น ๆ ของ สัตวเหลานั้น ๆ; นี้เรียกวา ชรา. ภิ ก ษุ ท.! มรณะ เป น อย า ไรเล า ? มรณะคื อ การจุ ติ ความ เคลื่อน การแตกสลาย การหายไป การวายชีพ การตาย การทํากาละ การแตก แหงขันธทั้งหลาย การทอดทิ้งราง การขาดแหงอินทรียคือชีวิต จากสัตวนิกาย นั้น ๆ ของสัต วเ หลา นั้น ๆ; นี้ เรีย กวา มรณะ; ดว ยเหตุนี้แ หละ ชรา อันนี้ดวย มรณะอันนี้ดวย. ภิกษุ ท.! นี้ เรียกวา ชรามรณะ.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! ชาติ เปนอยางไรเลา? ชาติคือ การเกิด การกําเนิด การกาวลง (สูครรภ) การบังเกิด การบังเกิดโดยยิ่ง ความปรากฏของขันธ ทั้งหลาย การที่สัตวไดซึ่งอายตนะทั้งหลาย ในสัตวนิกายนั้น ๆ ของสัตวเหลานั้น ๆ. ภิกษุ ท.! นี้ เรียกวา ชาติ.
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๓๑
ภิก ษุ ท .! ภ พ เปน อ ยา งไรเลา ? ภิก ษ ุ ท .! ภ พ มีส าม เห ลา นี้ คือ กามภพ รูปภพ และอรูปภพ. ภิกษุ ท.! นี้ เรียกวา ภพ. ภิก ษุ ท.! อุป าทาน เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! อุป าทานมี สี่ อ ย า งเหล า นี้ คื อ กามุ ป าทาน ทิ ฏ ฐปาทาน สี ลั พ พตุ ป าทาน และอั ต ตวาทุ ปาทาน. ภิกษุ ท.! นี้ เรียกวา อุปาทาน. ภิก ษุ ท.! ตัณ หา เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! หมู แ หง ตัณ หา มี ห กอย า งเหล า นี้ คื อ ตั ณ หาในรู ป ตั ณ หาในเสี ย ง ตั ณ หาในกลิ่ น ตั ณ หาในรส ตัณหาในโผฏฐัพพะ และตัณหาในธรรมารมณ. ภิกษุ ท.! นี้ เรียกวา ตัณหา. ภิก ษุ ท.! เวทนา เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! หมู แ หง เวทนา มี ห กอย า ง เหล า นี้ คื อ เวทนาเกิ ด แต สั ม ผั ส ทางตา เวทนาเกิ ด แต สั ม ผั ส ทางหู เวทนาเกิ ด แต สั ม ผั ส ทางจมู ก เวทนาเกิ ด แต สั ม ผั ส ทางลิ้ น เวทนาเกิ ด แต สั ม ผั ส ทางกาย และเวทนาเกิดแตสัมผัสทางใจ. ภิกษุ ท.! นี้ เรียกวา เวทนา.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! ผัส สะ เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! หมู แ หง ผัส สะมี หกอย า ง เหล า นี้ คื อ สั ม ผั ส ทางตา สั ม ผั ส ทางหู สั ม ผั ส ทางจมู ก สั ม ผั ส ทางลิ้ น สัมผัสทางกาย และสัมผัสทางใจ. ภิกษุ ท.! นี้ เรียกวา ผัสสะ.
ภิ ก ษุ ท.! อ าย ต น ะห ก เป นอย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! หมู แ ห ง อายตนะมี ห กอย า งเหล า นี้ คื อ อายตนะคื อ ตา อายตนะคื อ หู อายตนะคื อ จมู ก อายตนะคื อ ลิ้ น อายตนะคื อ กาย และอายตนะคื อ ใจ. ภิ ก ษุ ท.! นี้ เรี ย กว า อายตนะหก.
๓๓๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท .! น าม รู ป เป น อ ย า งไรเล า? น าม คื อ เวท น า สั ญ ญ า เจตน า ผัส ส ะ แล ะม น สิก าร. นี ้ เรีย กวา น าม . รูป คือ ม ห าภ ูต ทั ้ง สี ่ด ว ย และรูป ที ่อ าศัย มหาภูต ทั ้ง สี ่ด ว ย. นี ้ เรีย กวา รูป . ดว ยเหตุนี ้แ หละ นามอัน นี้ดวย รูปอันนี้ดวย. ภิกษุ ท.! นี้ เรียกวา นามรูป. ภิ ก ษุ ท .! วิ ญ ญ า ณ เป น อ ย า ง ไ ร เล า ? ภิ ก ษุ ท .! ห มู แ ห ง วิ ญ ญาณมี หกอย างเหล านี้ คื อ วิ ญ ญาณทางตา วิ ญ ญาณทางหู วิ ญ ญาณทางจมู ก วิ ญ ญาณทางลิ้ น วิ ญ ญาณทางกาย และวิ ญ ญาณทางใจ. ภิ ก ษุ ท.! นี้ เรี ย กว า วิญญาณ. ภิ ก ษุ ท.! สั ง ขาร ทั้ ง หลาย เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! สั ง ขาร ทั ้ง ห ล าย เห ล า นี ้ ค ือ ก าย ส ัง ข าร วจีส ัง ข าร แ ล ะ จิต ต ส ัง ข าร. ภ ิก ษ ุ ท .! เหลานี้ เรียกวา สังขารทั้งหลาย ภิก ษ ุ ท .! อ วิช ช า เปน อ ยา งไรเลา ? ภิก ษ ุ ท .! ค วาม ไมรู อ ัน ใด เปน ความไมรู ใ นทุก ข, เปน ความไมรู ใ นเหตุใ หเ กิด ทุก ข, เปน ความไมรู ในความดับ ไมเ หลือ ของทุก ข, และเปน ไมรู ใ นทางดํ า เนิน ใหถ ึง ความดับ ไม เหลือของทุกข. ภิกษุ ท.! นี้ เรียกวา อวิชชา.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท .! ด วย เห ตุ นี้ แ ห ล ะ, เพ ราะอ วิ ช ช าเป น ป จ จั ย จึ งเกิ ด มี สัง ขาร; เพ ราะสัง ขารเป น ปจ จัย จึง เกิด ม ีว ิญ ญ าณ ; เพ ราะวิญ ญ าณ เป น ป จ จัย จึง เกิด ม ีน าม รูป ; เพ ราะ น าม รูป เป น ป จ จัย จึง เกิด ม ีอ าย ต น ะ ห ก ; เพราะอายตนะหกเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี ผั ส สะ; เพราะผั ส สะเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี เวทนา; เพราะเวทนาเปนปจจัย จึงเกิดมีตัณหา; เพราะตัณหาเปนปจจัย
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๓๓
จึ ง เกิ ด มี อุ ป าทาน; เพราะอุ ป าทานเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี ภ พ; เพราะภพเป น ปจ จัย จึง เกิด ม ีช าติ; เพ ราะชาต ิเ ป น ป จ จัย , ชรา ม รณ ะ ป ริเ ท วะ ทุก ข โทมนัส และอุป ายาส จึง เกิด มีพ รอ ม. ความกอ ขึ ้น แหง กองทุก ขทั ้ง สิ ้น นั ้น ยอมมีได ดวยอาการอยางนี้ แล. - นิทาน. สํ. ๑๖/๒-๕/๕-๑๗.
ปจจัยแหงอวิชชา ภิก ษุ ท.! ที ่ส ุด ในเบื ้อ ตน ของอวิช ชา ยอ มไมป รากฏ; กอ น แ ต นี ้ อ วิ ช ช า มิ ไ ด ม ี ; แ ต ว า อ วิ ช ช า เพิ ่ ง มี ต อ ภ า ย ห ลั ง . ภิ ก ษุ ท .! คํ ากล าวอย างนี้ แ หละ เป น คํ าที่ ใคร ๆ๑ ควรกล าว และควรกล าวด วยว า "อวิ ช ชา ยอมปรากฏเพราะมีสิ่งนี้สิ่งนี้เปนปจจัย " ดังนี้. ภิ ก ษุ ท.! เรากล า วว า ถึ ง แม อ วิ ช ชานั้ น ก็ เ ป น ธรรมชาติ มี อ าหาร หาใชเ ปน ธรรมชาติที ่ไ มม ีอ าหารไม. ก็อ ะไรเลา เปน อาหารของอวิช ชา? คําตอบพึงมีวา "นิวรณทั้งหลาย ๕ ประการเปนอาหารของอวิชชา" ดังนี้.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! เรากล า วว า ถึ ง แม นิ ว รณ ทั้ ง หลาย ๕ ประการ ก็ เ ป น ธรรมชาติมีอาหาร หาใชเปนธรรมชาติที่ไมมีอาหารไม. ก็อะไรเลา เปน
๑. คํ า ว า วุ จฺ จ ติ คํ า นี้ เคยแปลกั น แต ว า อั น ตถาคตย อ มกล า ว กั น จนเป น ธรรมเนี ย มไปเสี ย . ใน ที ่นี ้ พิจ ารณ าดูแ ลว เห็น ไดว า ควรจะแปลวา ใคร ๆ ทุก คนที ่เ ปน ผู รู รวมทั ้ง พระองคเ องดว ย ควรจะกลาว, หาใชเปนการผูกขาดเพราะไวแตพระองคผูเดียวไม.
๓๓๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
อาหารของนิ ว รณ ทั้ ง หลาย ๕ ประการ? คํ า ตอบพึ ง มี ว า "ทุ จ ริ ต ทั้ ง หลาย ๓ ประการ" ดังนี้. ภิ กษุ ท .! เรากล าวว า ถึ ง แม ทุ จริ ต ทั้ งห ล าย ๓ ป ระการ ก็ เ ป น ธรรม ช าต ิม ีอ าห าร ห าใชเ ป น ธ รรม ช าต ิที ่ไ ม ม ีอ าห ารไม . ก็อ ะไรเล า เป น อาหารของทุ จ ริต ทั้ ง หลาย ๓ ประการ? คํ า ตอบพึ ง มี ว า "การไม สํ า รวมอิ น ทรี ย " ดังนี้. ....ฯลฯ....
....ฯลฯ....
การไมสํารวมอินทรียบริบูรณ แลว ยอมทําทุจริตทั้งหลาย ๓ ประการ ใหบริบูรณ; ทุ จริตทั้ งหลาย ๓ ประการบริบู รณ แล ว ย อมทํ านิ วรณ ทั้ งหลาย ๕ ประการใหบริบูรณ;
www.buddhadasa.info นิวรณทั้งหลาย ๕ ประการบริบูรณแลว ยอมทําอวิชชาใหบริบูรณ.
ภิ ก ษุ ท.! อาหารแห ง อวิ ช ชานี้ ย อ มมี ไ ด ด ว ยอาการอย า งนี้ และ บริบูรณแลวดวยอาการอยางนี้. - ทสก. อํ. ๒๔/๑๒๐/๖๑.
[ตามปกติเ ราไดย ิน ไดฟ ง สั ่ง สอนกัน มาวา อวิช ชาอไมม ีป จ จัย ในที ่นี ้ไ ดต รัส วา มีสิ ่ง นี ้สิ ่ง นี ้เ ปน ปจ จัย ควรที ่น ัก ศึก ษ าจะไดพ ิจ ารณ าดูใ หเ ปน อยา งดี วา มีน ิว รณ เ ปน ปจ จัย ห รือ อ าห าร เพ ราะมีป ระโย ค วา "อิท ปฺป จฺจ ย า อ วิช ฺช า" (ท ส ก . อํ. ๒๔/๑๒๐/๖๑ บ รรทัด ที่สาม นับขึ้น)]
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๓๕
อาการเกิดแหงความทุกข เพราะอาศั ย ซึ่ ง จั ก ษุ ด ว ย ซึ่ ง รู ป ทั้ ง หลายด ว ย, จึ ง เกิ ด จั ก ขุ วิ ญ ญาณ; การประจวบพร อ มแห ง ธรรม ๓ ประการ (จั ก ษุ +รู ป +จั ก ขุ วิ ญ ญาณ) นั่ น คื อ ผั ส สะ; เพราะมี ผั ส สะเป น ป จ จั ย จึ ง มี เ วทนา; เพราะมี เ วทนาเป น ป จ จั ย จึ ง มี ตั ณ หา; เพราะมี ตั ณ หาเป น ป จ จั ย จึ ง มี อุ ป าทาน; เพราะมี อุ ป าทานเป น ป จ จั ย จึ ง มี ภ พ; เพราะมี ภ พเป น ป จ จั ย จึ ง มี ช าติ ; เพราะมี ช าติ เ ป น ป จ จั ย , ชรามรณ ะ โสกะปริ เทวะทุ ก ขะโทมนั ส สะอุ ป ายาสทั้ ง หลาย จึ ง เกิ ด ขึ้ น ครบถ ว น : ความเกิ ด ขึ้ น พรอมแหงกองทุกขทั้งสิ้นนี้ ยอมมีดวยอาการอยางนี้ (ในกรณี แ ห ง โสตะ มานะ ชิ ว หา กายะ และ มนะ ก็ ได ต รั ส ไว โดยนั ย อย า งเดี ย ว กันกับกรณีแหงจักษุ).
- สฬา. สํ. ๑๘/๑๑๑/๑๖๓.
อาการที่ทุกขเกิดขึ้นจากเบญจขันธ
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! ความเป น สมุ ทั ย แห ง รู ป เป น อย า งไรเล า ? ความเป น สมุ ทั ย แห ง เวทนาเป น อย า งไรเล า ? ความเป น สมุ ทั ย แห ง สั ญ ญ า เป น อย า งไร เล า ? ความเป น สมุ ทั ย แห ง สั ง ขารทั้ ง หลาย เป น อย า งไรเล า ? และความเป น สมุทัยแหงวิญญาณ เปนอยางไรเลา? ภิ ก ษุ ท.! บุ คคลในโลกนี้ ย อ มเพ ลิ ด เพ ลิ น ย อ ม พ ร่ํ า สรรเสริ ญ ยอมเมาหมกอยู. เขาเพลิดเพลิน พร่ําสรรเสริญ เมาหมกอยู ซึ่งอะไรเลา?
๓๓๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! เขา ย อ มเพลิ ด เพลิ น ย อ มพร่ํ า สรรเสริ ญ ย อ มเมาหมก อยู ซึ ่ง รูป . เมื ่อ เขาเพ ลิด เพ ลิน พ ร่ํ า สรรเสริญ เมาหมกอยู ซึ ่ง รูป , นัน ทิ (ค วาม เพ ลิ น ) ย อ ม บั งเกิ ด ขึ้ น . ค วาม เพ ลิ น ใด ใน รู ป ค วาม เพ ลิ น นั้ น เป น อุป าทาน. เพราะอุป าทานของเขานั ้น เปน ปจ จัย จึง เกิด มีภ พ ; เพราะภ พ เป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี ช าติ ; เพราะชาติ เ ป น ป จ จั ย , ชรา มรณ ะ โศก ปริ เ ทวะ ทุ ก ข โทมนั ส และอุ ป ายาส จึ ง เกิ ด มี พ ร อ ม. ความก อ ขึ้ น แห ง กองทุ ก ข ทั้ ง สิ้ น นั้น ยอมมีได ดวยอาการอยางนี้. ภิ ก ษุ ท.! เขา ย อ มเพลิ ด เพลิ น ย อ มพร่ํ า สรรเสริ ญ ย อ มเมาหมก อยู ซึ ่ง เวทนา. เมื ่อ เขาเพลิด เพลิน พร่ํ า สรรเสริญ เมาหมกอยู ซึ ่ง เวทนา, นัน ทิ (ความเพลิน ) ยอ มบัง เกิด ขึ ้น . ความเพลิน ใดในเวทนา ความเพลิน นั ้น เป น อุ ป าทาน. เพราะอุ ป าทานของเขานั้ น เป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี ภ พ; เพราะภพ เป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี ช าติ ; เพราะชาติ เ ป น ป จ จั ย . ชรา มรณ ะ โศก ปริ เ ทวะ ทุก ข โทมนัส และอุป ายาส จึง เกิด มีพ รอ ม. ความกอ ขึ ้น แหง กองทุก ขทั ้ง สิ ้น นั้น ยอมมีได ดวยอาการอยางนี้.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! เขา ย อ มเพลิ ด เพลิ น ย อ มพร่ํ า สรรเสริ ญ ย อ มเมาหมก อยู ซึ่ ง สั ญ ญ า. เมื่ อ เขาเพลิ ด เพลิ น พร่ํ า สรรเสริ ญ เมาหมกอยู ซึ่ ง สั ญ ญ า, นั น ทิ (ความเพลิ น ) ย อ มบั ง เกิ ด ขึ้ น . ความเพลิ น ใดในสั ญ ญา ความเพลิ น นั้ น เปน อุป าทาน. เพราะอุป าทานของเขานั ้น เปน ปจ จัย จึง เกิด มีภ พ; เพราะ ภพเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี ช าติ ; เพราะชาติ เป น ป จ จั ย , ชรา มรณะ โศก ปริ เทวะ ทุก ข โทมนัส และอุป ายาส จึง เกิด มีพ รอ ม. ความกอ ขึ ้น แหง กองทุก ขทั ้ง สิ ้น นั้น ยอมมีได ดวยอาการอยางนี้.
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๓๗
ภิ ก ษุ ท.! เขา ย อ มเพลิ ด เพลิ น ย อ มพร่ํ า สรรเสริ ญ ย อ มเมาหมก อยู ซึ่ ง สั ง ขารทั้ ง หลาย. เมื่ อ เขาเพลิ ด เพลิ น พร่ํ า สรรเสริ ญ เมาหมกอยู ซึ่ ง สัง ขารทั ้ง หลายล นัน ทิ (ความเพลิน ) ยอ มบัง เกิด ขึ ้น , ความเพลิน ใดในสัง ขาร ทั้ ง หลาย ความเพลิ น นั้ น เป น อุ ป าทาน. เพราะอุ ป าทานของเขานั้ น เป น ป จ จั ย จึง เกิด มีภ พ; เพราะภพเปน ปจ จัย จึง เกิด มีช าติ; เพราะชาติเ ปน ปจ จัย , ชรา มรณะ โศกปริ เทวะ ทุ ก ข โทมนั ส และอุ ป ายาส จึ ง เกิ ด มี พ ร อ ม, ความ กอขึ้นแหงกองทุกขทั้งสิ้นนั้น ยอมมีได ดวยอาการอยางนี้. ภิ ก ษุ ท.! เขาย อ มเพลิ ด เพลิ น ย อ มพร่ํ า สรรเสริ ญ ย อ มเมาหมก อ ยู ซึ ่ง วิญ ญ าณ . เมื ่อ เขาเพ ล ิด เพ ล ิน พ ร่ํ า ส รรเส ริญ เม าห ม ก อ ยู ซึ ่ง วิญ ญ าณ , นัน ทิ (ความเพลิน ) ยอ มบัง เกิด ขึ ้น . ความเพลิน ใดในวิญ ญ าณ ความเพลิน นั ้น เปน อุป าทาน. เพราะอุป าทานของเขานั ้น เปน ปจ จัย จึง เกิด มีภ พ ; เพ ราะภ พ เปน ปจ จัย จึง เกิด มีช าติ; เพ ราะชาติเ ปน ปจ จัย , ชรา มรณะ โศก ปริ เทวะ ทุ ก ข โทมนั ส และอุ ป ายาส จึ ง เกิ ด มี พ ร อ ม. ความก อ ขึ้ น แหงกองทุกขทั้งสิ้นนั้น ยอมมีได ดวยอาการอยางนี้ แล.
www.buddhadasa.info อาการที่ทุกขเกิดขึ้นเพราะยึดถือเบญจขันธ - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๘/๒๘.
ภิก ษุ ท.! บุถ ุช นผู ไ มม ีก ารสดับ ในโลกนี ้ ยอ มตามเห็น ซึ ่ง รูป วา "นั ่ น ของเรา, นั ่ น เป น เรา, นั ่ น อั ต ตาของเรา" ดั ง นี ้ . รู ป นั ้ น ย อ ม แปรปรวนเปนอยางอื่นแกเขา; โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสสะอุปายาส ยอม
๓๓๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ปรากฏแก เ ขา เพราะความแปรปรวนเป น อย า งอื่ น แห ง รู ป . (ในกรณี แห ง เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็ไดตรัสอยางเดียวกัน).
- ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๔/๓๔.
อาการเกิดขึ้นแหงความทุกข (อีกปริยายหนึ่ง) (ทรงแสดงดวยผัสสะ) ถู ก แล ว ถู ก แล ว อานนท ! ตามที่ ส ารี บุ ต รเมื่ อ ตอบป ญ หาในลั ก ษณะ นั ้น เชน นั ้น , ชื ่อ วา ไดต อบโดยชอบ : อานนท! ความทุก ขนั ้น เรากลา ววา เป น สิ่ งที่ อาศั ยป จจั ยอย างใดอย างหนึ่ งแล วเกิ ด ขึ้ น (เรี ยกว าปฏิ จจสมุ ป ป น นธรรม). ความทุก ขนั ้น อาศัย ปจ จัย อะไรเลา ? ความทุก ขนั ้น อาศัย ปจ จัย คือ ผัส สะ, ผู ก ล า วอย า งนี้ แ ล ชื่ อ ว า กล า วตรงตามที่ เรากล า ว ไม เป น การกล า วตู เราด ว ยคํ า ไม จ ริ ง ; แต เ ป น การกล า วโดยถู ก ต อ ง และสหธรรมิ ก บางคนที่ ก ล า วตาม ก็ จ ะ ไมพลอยกลายเปนผูควรถูกติไป ดวย. อานนท ! ในบรรดาสมณ พ ราหมณ ที่ ก ล า วสอนเรื่ อ งกรรมทั้ ง สี่ พวกนั้ น : สมณพราหมณ ที่ ก ล า วสอนเรื่ อ งกรรมพวกใด ย อ มบั ญ ญั ติ ค วาม ทุก ข วา เปน สิ ่ง ที ่ต นทํ า เอาดว ยตนเอง, แมค วามทุก ขที ่พ วกเขาบัญ ญัต ินั ้น ก็ ยั ง ต อ งอาศั ย ผั ส สะเป น ป จ จั ย จึ งเกิ ด ได ; สมณพราหมณ ที่ ก ล า วสอนเรื่ อ งกรรม พวกใด ย อ มบั ญ ญั ติ ค วามทุ ก ข วา เป น สิ่ งที่ ผู อื่ น ทํ า ให , แม ค วามทุ ก ข ที่ พ วกเขา บั ญ ญั ติ นั้ น ก็ ยั ง ต อ งอาศั ย ผั ส สะเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี ได ; สมณพราหมณ ที่ ก ล า ว สอนเรื่องกรรมพวกใด ยอมบั ญ ญั ติ ความทุกข วาเป น สิ่ งที่ ต นทํ าเอาด วยตนเอง ดวย ผูอื่นทําใหดวย แมความทุกขที่พวกเขาบัญญัตินั้น ก็ยังตองอาศัยผัสสะ
www.buddhadasa.info
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๓๙
เป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี ไ ด ; ถึ ง แม ส มณ พราหมณ ที่ ก ล า วสอนเรื่ อ งกรรมพวกใด ยอมบั ญ ญั ติความทุ กข วาเป นสิ่ งที่ ไม ใช ทํ าเองหรือใครทํ าให ก็ เกิ ดขึ้ นได ก็ ตาม. แม ค วามทุ ก ข ที่ พ วกเขาบั ญ ญั ติ นั้ น ก็ ยั ง ต อ งอาศั ย ผั ส สะเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี ไ ด อยูนั่นเอง. - นิทาน. สํ. ๑๖/๔๐/๗๕.
อาการเกิดแหงความทุกข (อีกปริยายหนึ่ง) (ทรงแสดงดวยนันทิ) ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ นั้ น ย อ มเพลิ ด เพลิ น ย อ มพร่ํ า สรรเสริ ญ ย อ มเมาหมกอยู ซึ ่ง รูป , เมื ่อ ภิก ษุนั ้น เพลิด เพลิน พร่ํ า สรรเสริญ เมาหมกอยู ซึ ่ง รูป , นั น ทิ (ความเพลิ น ) ย อ มเกิ ด ขึ้ น . ความเพลิ น ใด ในรู ป , ความเพลิ น นั้ น คื อ อุ ป าทาน. เพราะอุ ป าทานของภิ ก ษุ นั้ น เป น ป จ จั ย จึ ง มี ภ พ; เพราะมี ภ พเป น ปจ จัย จึง มีช าติ; เพราะมีช าติเ ปน ปจ จัย , ชรามรณ ะ โสกะปริเ ทวะทุก ขะโทนัส สะอุป ายาสทั ้ง หลาย จึง เกิด ขึ ้น พรอ ม : ความเกิด ขึ ้น แหง กองทุก ข ทั้ ง สิ้ น นี้ ย อ มมี ด ว ยอาการอย า งนี้ .
www.buddhadasa.info (ในกรณี แ ห ง เวทนา สั ญ ญา สั ง ขาร และวิ ญ ญาณ ก็ มี ข อ ความที่ ต รั ส อย า งเดี ย ว กับในกรณีแหงรูป).
- ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๘/๒๘.
อาการเกิดแหงความทุกข (อีกปริยายหนึ่ง) (ทรงแสดงดวยฉันทราคะ) "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! ข าพระองค ขอโอกาส ขอพระผู มี พระภาค จงทรง แสดงซึ่งความเกิดและความดับไปแหงทุกข แกขาพระองคเถิด."
๓๔๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
คามณ ิ! ถา เราจะแสดงความเกิด และความดับ แหง ทุก ขแ กท า น ปรารถอดี ต กาลนานไกลว า มั น ได มี แ ล ว อย า งนี้ ใ นอดี ต กาล ดั ง นี้ ไ ซร , ความ สงสั ย เคลื อ บแคลงในข อ นั้ น ก็ จ ะพึ ง มี แ ก ท า น. ถ า เราจะแสดงความเกิ ด และ ความดั บ แห งทุ ก ข ปรารภอนาคตกาลนานไกล ว า มั น ได มี แ ล ว อย า งนี้ ในอนาคตก า ล ดั ง นี ้ ไ ซ ร . ค ว า ม ส ง สั ย เค ลื อ บ แ ค ล งแ ม ใ น ข อ นั ้ น ก็ จ ะ พึ ง แ ก ท า น . เอาละ คามณิ ! เรานั่ ง อยู ที่ นี่ จะแสดงความเกิ ด และความดั บ แห ง ทุ ก ข แ ก ท า น ผูนั่งอยูที่นี่ดวยกัน, ทานจงฟง จงทําในใจใหดี, เราจะกลาว. คามณิ ! ท า นจะสํ า คั ญ ความข อ นี้ ว า อย า งไร : มี ไ หม มนุ ษ ย ใ น หมู บ า นอุ รุ เวลกั ป ปะนี้ ที่ ถู ก ฆ า ถู ก จองจํ า ถู ก ทํ า ให เสื่ อ มเสี ย ถู ก ติ เตี ย นแล ว โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาส จะเกิดขึ้นแกทาน? "มี พระเจาขา!" ค าม ณ ิ! มีไ ห ม ม นุษ ยใ น ห มู บ า น อุร ุเ วล กัป ป ะนี ้ ที ่ถ ูก ฆ า ถูก จองจํ า ถู ก ทํ า ให เสื่ อ มเสี ย ถู ก ติ เตี ย นแล ว โสกะปริ เทวะทุ ก ขะโทมนั ส อุ ป ายาส จะไมเกิดขึ้นแกทาน? "มี พระเจาขา!"
www.buddhadasa.info คามณิ! อะไรเปน เหตุ อะไรเปน ปจ จัย ที ่ค วามโศก (เปน ตน ) เกิ ด ขึ้ น แก ท า นเพราะมนุ ษ ย พ วกหนึ่ ง และไม เ กิ ด ขึ้ น แก ท า นเพราะมนุ ษ ย พ วก หนึ่ง?
"ขาแตพระองค ผูเจริญ! เพราะวาฉั นทราคะของข าพระองค มี อยู ในหมู มนุษยที่ทําใหความโศก (เปนตน) เกิดขึ้นแกขาพระองค และ ฉันทราคะของขาพระองค ไมมีอยูในหมูมนุษยที่ไมทําใหความโศก (เปนตน) เกิดขึ้นแกขาพระองค.
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๔๑
ค าม ณ ิ ! ดว ย ธรรม นี ้ อัน ทา น เห ็น แลว รู แ จง แลว บ รรลุแ ลว หยั ่ง ลงทั ่ว ถึง แลว อัน ไมขึ ้น อยู ก ับ เวลา ทา นจงนํ า ไปซึ ่ง นัย นี ้สู ธ รรมในอดีต และอนาคต ว า "ทุ ก ข ใด ๆ ที่ เกิ ด ขึ้ น แล ว ในอดี ต ทุ ก ข ทั้ งหมดนั้ น มี ฉั น ทะเป น มู ล มี ฉั น ทะเป น เหตุ เพราะว า ฉั น ทะเป น มู ล เหตุ แ ห ง ทุ ก ข ; และทุ ก ข ใ ด ๆ อั น จะ เกิ ด ขึ้ น ในอนาคต ทุ ก ข ทั้ ง หมดนั้ น ก็ มี ฉั น ทะเป น มู ล มี ฉั น ทะเป น เหตุ เพราะว า ฉันทะเปนมูลเหตุแหงทุกข." ดังนี้. - สฬา.สํ. ๑๘/๔๐๓/๖๒๗.
อาการเกิดขึ้นแหงความทุกข (อีกปริยายหนึ่ง) (ทรงแสดงดวยอารมณเปนที่ตั้งแหงภพใหม) ภ ิก ษ ุ ท .! ถา บ ุค ค ล ย อ ม ค ิด (เจ เต ต ิ) ถึง สิ ่ง ใด อ ยู . ยอ ม ดํ า ริ (ปกปฺเ ปติ) ถึง สิ ่ง ใดอยู , และยอ มมีจ ิต ฝง ลงไป (อนุเ สติ) ในสิ ่ง ใดอยู ; สิ ่ง นั ้น ย อ มเป น อารมณ เพื่ อ การตั้ ง อยู แ ห ง วิ ญ ญาณ. เมื่ อ อารมณ มี อ ยู , ความตั้ ง ขึ้ น เฉพาะแห ง วิ ญ ญ าณ ย อ มมี ; เมื่ อ วิ ญ ญ าณ นั้ น ตั้ ง ขึ้ น เฉพาะ เจริ ญ งอกงาม แลว , ความเกิด ขึ ้น แหง ภพใหมต อ ไป ยอ มมี; เมื ่อ ความเกิด ขึ ้น แหง ภพใหม ต อ ไป มี , ชาติ ช รามรณะ โสกะปริ เทวะทุ ก ขะโทมนั ส อุ ป ายาสทั้ ง หลาย จึ ง เกิ ด ขึ้ น ครบถ ว นต อ ไป : ความเกิ ด ขึ้ น พร อ มแห ง กอบทุ ก ข ทั้ ง สิ้ น นี้ ย อ มมี ด ว ย อาการอยางนี้.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! ถ า บุ ค คลย อ มไม คิ ด (โน เจเตติ ) ถึ ง สิ่ ง ใด, ย อ มไม ดํ า ริ (โน ปกปฺเ ปติ) ถึง สิ ่ง ใด, แตเ ขายัง มีใ จฝง ลงไป (อนุเ สติ) ในสิ ่ง ใดอยู ; สิ ่ง นั ้น ยอมเปนอารมณ เพื่อการตั้งอยูแหงวิญญาณ. เมื่ออารมณ มีอยู, ความตั้ง
๓๔๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ขึ้ น เฉพาะแห ง วิ ญ ญ าณ ย อ มมี ; เมื่ อ วิ ญ ญ าณ นั้ น ตั้ ง ขึ้ น เฉพาะ เจริ ญ งอกงาม แลว , ความเกิด ขึ ้น แหง ภพใหมต อ ไป ยอ มมี; เมื ่อ ความเกิด ขึ ้น แหง ภพใหม ตอ ไป มี, ชาติช รามรณ ะ โสกะปริเ ทวะทุก ขะโทมนัส อุป ายาสทั ้ง หลาย ยอ ม เกิ ด ขึ้ น ครบถ ว นต อ ไป : ความเกิ ด ขึ้ น พร อ มแห ง กองทุ ก ข ทั้ ง สิ้ น นี้ ย อ มมี ด ว ย อาการอยางนี้. - นิทาน. สํ. ๑๖/๗๘/๑๔๕.
อาการเกิดขึ้นแหงความทุกข (อีกปริยายหนึ่ง) (ทรงแสดงดวยอารมณเปนที่กาวลงแหงนามรูป)
ภ ิก ษ ุ ท .! ถ า บ ุค ค ล ย อ ม ค ิด (เจ เต ต ิ) ถ ึง สิ ่ง ใด อ ยู , ย อ ม ดํ า ริ (ป กปฺเ ป ติ) ถึง สิ ่ง ใดอยู , และยอ ม มีจ ิต ปก ลงไป (อนุเ สติ) ในสิ ่ง ใดอยู ; สิ ่ง นั ้น ยอ มเปน อารมณ เพื ่อ การตั ้ง อยู แ หง วิญ ญ าณ . เมื ่อ อารมณ มีอ ยู , ความตั ้ง ขึ้ น เฉพาะแห ง วิ ญ ญ าณ ย อ มมี ; เมื่ อ วิ ญ ญ าณ นั้ น ตั้ ง ขึ้ น เฉพาะ เจริ ญ งอกงาม แลว , ก ารกา วล งแ ห ง น าม รูป ยอ ม ม ี; เพ ราะมีน าม รูป เปน ปจ จัย จึง มี ส ฬ าย ต น ะ ; เพ ราะม ีส ฬ าย ต น ะเป น ป จ จัย จึง ม ีผ ัส ส ะ; เพ ราะม ีผ ัส ส ะเป น ปจ จัย จึง มีเ วท นา; เพ ราะม ีเ วท น าเปน ปจ จัย จึง มีต ัณ หา; เพ ราะม ีต ัณ ห า เป น ป จ จัย จึง ม ีอ ุป าท าน ; เพ ราะม ีอ ุป าท าน เป น ป จ จัย จึง ม ีภ พ ; เพ ราะมี ภพเปน ปจ จัย จึง มีช าติ; เพราะมีช าติเ ปน ปจ จัย , ชรามรณ ะ โสกะปริเ ทวะทุ ก ขะโทมนั ส อุ ป ายาสทั้ ง หลาย จึ ง เกิ ด ขึ้ น ครบถ ว น : ความเกิ ด ขึ้ น พร อ มแห ง กอง ทุกขทั้งสิ้นนี้ ยอมมี ดวยอาการอยางนี้
www.buddhadasa.info
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๔๓
ภิ ก ษุ ท.! ถ า บุ ค คลย อ มไม คิ ด ถึ ง สิ่ ง ใด, ย อ มไม ดํ า ริ ถึ ง สิ่ ง ใด, แต เขายั ง มี ใ จฝ ง ลงไป (คื อ มี อ นุ สั ย ) ในสิ่ ง ใดอยู ; สิ่ ง นั้ น ย อ มเป น อารมณ เพื่ อ การตั้ ง อยู แ ห ง วิ ญ ญาณ. เมื่ อ อารมณ มี อ ยู , ความตั้ ง ขึ้ น เฉพาะแห ง วิ ญ ญาณ ยอ มมี; เมื ่อ วิญ ญ าณ นั ้น ตั ้ง ขึ ้น เฉพาะ เจริญ งอกงามแลว , การกา วลง แห ง นามรู ป ย อ มมี ; เพราะมี น ามรู ป เป น ป จ จั ย จึ ง มี ส ฬายตนะ; เพราะมี สฬายตนะเปน ปจ จัย จึง มีผ ัส สะ; เพราะมีผ ัส สะเปน ปจ จัย จึง มีเ วทนา; เพราะมี เวทนาเป น ป จ จั ย จึ งมี ตั ณ หา; เพราะมี ตั ณ หาเป น ป จ จั ย จึ งมี อุ ป าทาน; เพ ราะมีอ ุป าทานเปน ปจ จัย จึง มีภ พ ; เพ ราะมีภ พ เปน ปจ จัย จึง มีช าติ; เพราะมี ช าติ เป น ป จจั ย, ชรามรณะ โสกะปริ เทวะทุ ก ขะโทมนั ส อุ ป ายาสทั้ งหลาย จึ ง เกิ ด ขึ้ น ครบถ ว น : ความเกิ ด ขึ้ น พร อ มแห ง กองทุ ก ข ทั้ ง สิ้ น นี้ ย อ มมี ด ว ย อาการอยางนี้. - นิทาน. สํ. ๑๖/๗๙/๑๔๗.
อาการเกิดขึ้นแหงความทุกข (อีกปริยายหนึ่ง) (ทรงแสดงดวยอารมณเปนที่ตั้งแหงนติ)
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท .! ถ า บุ ค ค ล ย อ ม คิ ด (เจ เต ติ ) ถึ ง สิ ่ ง ใด อ ยู , ย อ ม ดํ า ริ (ปกปฺเ ปติ) ถึง สิ ่ง ใดอยู , และยอ มมีใ จฝง ลงไป (อนุเ สติ) ในสิ ่ง ใดอยู ; สิ ่ง นั ้น ยอ มเปน อามรณ เพื ่อ การตั ้ง อยู แ หง วิญ ญาณ. เมื ่อ อารมณ มีอ ยู , ความตั ้ง ขึ้ น เฉพาะแห ง วิ ญ ญาณ ย อ มมี ; เมื่ อ วิ ญ ญาณนั้ น ตั้ งขึ้ น เฉพาะ เจริญ งอกงาม แลว , เครื ่อ งนํ า ไปสู ภ พใหม (นติ - ตัณ หา) ยอ มมี; เมื ่อ เครื่อ งนํ า ไปสู ภ พ ใหม มี , การมาการไป (อาคติ ค ติ ) ย อ มมี ; เมื่ อ การมาการไป มี , การเคลื่ อ น และการบังเกิด (จุติ + อุปะปาตะ) ยอมมี; เมื่อมีการเคลื่อนและการบังเกิด มี,
๓๔๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ชาติ ช รามรณะ โสกะปริ เทวะทุ ก ขะโทมนั ส อุ ป ายาสทั้ ง หลาย จึ ง เกิ ด ขึ้ น ครบถ ว น ตอไป : ความเกิดขึ้นพรอมแหงกองทุกขทั้งสิ้นนี้ ยอมมี ดวยอาการอยางนี้. ภิ ก ษุ ท.! ถ า บุ ค คลย อ มไม คิ ด ถึ ง สิ่ ง ใด, ย อ มไม ดํ า ริ ถึ ง สิ่ ง ใด, แต เข ายัง มีใ จ ปก ล งไป ใน สิ ่ง ใด อ ยู ; สิ ่ง นั ้น ยอ ม เปน อ ารม ณ เพื ่อ ก ารตั ้ง อ ยู แห ง วิ ญ ญ าณ . เมื่ อ อารมณ มี อ ยู , ความตั้ ง ขึ้ น เฉพาะแห ง วิ ญ ญ าณ ย อ มมี ; เมื ่อ วิญ ญ าณ นั ้น ตั ้ง ขึ ้น เฉพาะ เจริญ งอกงามแลว , เครื ่อ งนํ า ไปสู ภ พใหม (นติ - ตั ณ หา) ย อ มมี ; เมื่ อ เครื่ อ งนํ า ไปสู ภ พใหม มี , การมาการไป (อาคติ ค ติ ) ย อ มมี ; เมื่ อ การมาการไป มี , การเคลื่ อ นและการบั ง เกิ ด (จุ ติ +อุ ป ะปาตะ) ยอ มมี; เมื ่อ มีก ารเคลื ่อ นและการบัง เกิด มี, ชาติช รามรณ ะ โสกะปริเ ทวะทุ ก ขะโทมนั ส อุ ป ายาสทั้ ง หลาย จึ ง เกิ ด ขึ้ น ครบถ ว นต อ ไป : ความเกิ ด ขึ้ น พร อ ม แหงกองทุกขทั้งสิ้นนี้ ยอมมี ดวยอาการอยางนี้. - นิทาน. สํ. ๑๖/๖๘๐/๑๔๙
อาการเกิดแหงความทุกขโดยสังเขป
www.buddhadasa.info มิค ชาล ะ! รูป ทั ้ง ห ล าย ที ่เ ห็น ดว ย ต า อัน เป น รูป ที ่น า ป รารถ น า น า รั ก น า ใคร น า พอใจ เป น ที่ ยั่ ว ยวนชวนให รั ก เป น ที่ เ ข า ไปตั้ ง อาศั ย อยู แ ห ง ค วาม ใค ร เปน ที ่ตั ้ง แหง ค วาม กํ า ห นัด ยอ ม ใจ มีอ ยู . ถา ภิก ษ ุเ พ ลิด เพ ลิน พ ร่ํ า ส ร ร เส ริ ญ ส ย บ ม ั ว เม า ใ น รู ป นั ้ น ไ ซ ร ; เมื ่ อ ภ ิ ก ษ ุ นั ้ น เพ ล ิ ด เพ ล ิ น พ ร่ํ า ส รรเส ริญ ส ย บ มัว เม า ใน รูป นั ้น , นัน ทิ (ค ว า ม เพ ลิน ) ยอ ม เกิด ขึ ้น . มิ ค ชาละ! เรากล า วว า “ความเกิ ด ขึ้ น แห ง ทุ ก ข มี ได เพราะความเกิ ด ขึ้ น แห ง นันทิ” ดังนี้
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๔๕
(ในกรณี แ ห ง เสี ย ง ที่ ไ ด ยิ น ด ว ยหู กลิ่ น ที่ ด มด ว ยจมู ก รสที่ ลิ้ ม ด ว ยลิ้ น โผฏฐั พ พะ ที่ สั ม ผั ส ด ว ยผิ ด กาย และธั ม มารมณ ที่ รุ แ จ งด ว ยใจ ก็ ได ต รั ส ไว โดยทํ า นองเดี ย วกั น กั บ ในกรณี แ ห ง รูปที่เห็นดวยตา). - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕/๖๘.
อาการเกิดขึ้นแหงโลก ภิกษุ ท.; การกอขึ้นแหงโลก (ปญจุปาทานขันธ) เปนอยางไรเลา? ภิ ก ษุ ท.! เพราะอาศั ย ตาด ว ย รู ป ด ว ย จึ ง เกิ ด จั ก ขุ วิ ญ ญ าณ ขึ้ น ; การประจวบพร อ ม (แห ง ตา+รู ป +จั ก ขุ วิ ญ ญ าณ ) ทั้ ง สามอย า งนั้ น จึ ง เกิ ด มี ผัส สะ; เพราะผัส สะเปน ปจ จัย จึง เกิด มี เวทนา; เพราะเวทนาเปน ปจ จัย จึ ง เกิ ด มี ตั ณ หา; เพราะตั ณ หาเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี อุ ป าทาน; เพราะอุ ป าทาน เปน ปจ จัย จึง เกิด มีภ พ ; เพ ราะภ พ เปน ปจ จัย จึง เกิด มีช าติ; เพ ราะชาติ เปน ปจ จัย , ชรา ม รณ ะ โศ ก ป ริเ ท วะ ทุก ข โท ม นัส แล ะอุป าย าส จึง เกิดมีพรอม. นี่คือ การกอขึ้นแหงโลก.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! เพราะอาศั ย หู ด ว ย เสี ย งด ว ย จึ ง เกิ ด โสตวิ ญ ญาณขึ้ น ; การประจวบพร อ ม (แห ง หู +เสี ย ง+โสตวิ ญ ญ าณ ) ทั้ ง สามอย า งนั้ น จึ ง เกิ ด มี ผัส สะ; เพราะผัส สะเปน ปจ จัย จึง เกิด มีเ วทนา; เพราะเวทนาเปน ปจ จัย จึ ง เกิ ด มี ตั ณ หา; เพราะตั ณ หาเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี อุ ป าทาน; เพราะอุ ป าทาน เป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี ภ พ; เพราะภพเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี ช าติ ; เพราะชาติ เ ป น ป จ จั ย , ชรา มรณะ โศก ปริ เทวะ ทุ ก ข โทมนั ส และอุ ป ายาส จึ ง เกิ ด มี พ ร อ ม. นี่คือ การกอขึ้นแหงโลก.
๓๔๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ กษุ ท.! เพราะอาศั ย จมู ก ด วยกลิ่ น ด วย จึ งเกิ ด ฆานวิ ญ ญาณขึ้ น ; การประจวบพร อ ม (แห ง จมู ก +กลิ่ น +ฆานวิ ญ ญาณ) ทั้ ง สามอย า งนั้ น จึ ง เกิ ด มี ผัส สะ; เพราะผัส สะเปน ปจ จัย จึง เกิด มีเ วทนา; เพราะเวทนาเปน ปจ จัย จึ ง เกิ ด มี ตั ณ หา; เพราะตั ณ หาเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี อุ ป าทาน; เพราะอุ ป าทาน เป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี ภ พ; เพราะภพเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี ช าติ ; เพราะชาติ เ ป น ป จ จั ย , ชรา มรณะ โศก ปริ เทวะ ทุ ก ข โทมนั ส และอุ ป ายาส จึ ง เกิ ด มี พ ร อ ม. นี่คือ การกอขึ้นแหงโลก. ภิ ก ษุ ท.! เพราะอาศั ย ลิ้ น ด ว ย รสด ว ย จึ งคงเกิ ด ชิ ว หาวิ ญ ญาณขึ้ น ; การประจวบพร อ ม (แห ง ลิ้ น +รส+ชิ ว หาวิ ญ ญาณ ) ทั้ ง สามอย า งนั้ น จึ ง เกิ ด มี ผัส สะ; เพราะผัส สะเปน ปจ จัย จึง เกิด มีเ วทนา; เพราะเวทนาเปน ปจ จัย จึ ง เกิ ด มี ตั ณ หา; เพราะตั ณ หาเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี อุ ป าทาน; เพราะอุ ป าทาน เปน ปจ จัย จึง เกิด มีภ พ ; เพ ราะภ พ เปน ปจ จัย จึง เกิด มีช าติ; เพ ราะชาติ เป น ป จ จั ย , ชรา มรณะ โศก ปริ เ ทวะ ทุ ก ข โทมนั ส และอุ ป ายาส จึ ง เกิ ด มี พรอม. นี่คือ การกอขึ้นแหงโลก.
www.buddhadasa.info ภิ กษุ ท.! เพราะอาศั ย กาย ด วย โผฏฐั พพะด วย จึ งเกิ ดกายวิ ญ ญาณ ขึ้ น ; การประจวบพร อ ม(แห ง กาย+โผฏฐั พ พะ+กายวิ ญ ญาณ) ทั้ ง สามอย า งนั้ น จึง เกิด มีผ ัส ส ะ; เพ ราะ ผัส ส ะเปน ปจ จัย จึง เกิด มีเ วท น า ; เพ ราะ เวท น า เป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี ตั ณ หา; เพราะตั ณ หาเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี อุ ป าทาน; เพราะ อุ ป าทานเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี ภ พ; เพราะภพเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี ช าติ ; เพราะ ชาติ เ ป น ป จ จั ย , ชรา มรณ ะ โศก ปริ เ ทวะ ทุ ก ข โทมนั ส และอุ ป ายาส จึ ง เกิดมีพรอม. นี่คือ การกอขึ้นแหงโลก.
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๔๗
ภิ กษุ ท.; เพราะอาศั ย ใจ ด วย ธรรมารมณ ด วย จึ งเกิ ดมโนวิ ญ ญาณ ขึ ้น ; การประจวบพรอ ม (แหง ใจ+ธรรมารมณ+มโนวิญ ญาณ ) ทั ้ง สามอยา ง นั ้น จึง เกิด มีผ ัส สะ; เพราะผัส สะเปน ปจ จัย จึง เกิด มีเ วทนา; เพราะเวทนา เป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี ตั ณ หา; เพราะตั ณ หาเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี อุ ป าทาน; เพราะ อุ ป าทานเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี ภ พ; เพราะภพเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี ช าติ ; เพราะ ชาติ เ ป น ป จ จั ย , ชรา มรณ ะ โศก ปริ เ ทวะ ทุ ก ข โทมนั ส และอุ ป ายาส จึ ง เกิดมีพรอม. นี่คือ การกอขึ้นแหงโลก. ภิกษุ ท.! นี่คือ การกอขึ้นแหงโลก แล.
- สฬา. สํ. ๑๘/๑๐๘/๑๕๖.
ความเกิดขึ้นแหงอายตนะ นั้นคือความเกิดขึ้นแหงทุกข ภ ิก ษ ุ ท .! การเกิด ขึ ้น ก ารตั ้ง อ ยู ก ารเกิด โด ย ยิ ่ง ก ารป ราก ฏ แ ห ง จั ก ษ ุ , อั น ใ ด ; อั น นั ้ น เป น ก า ร เกิ ด ขึ ้ น แ ห ง ทุ ก ข , เป น ก า ร ตั ้ ง อ ยู แหงโรค, เปนการปรากฏออกแหงชราและมรณะ.
www.buddhadasa.info (ในกรณี แ ห ง โสตะ มานะ ชิ ว หา กายะ และมนะ ก็ ต รั ส ไว โ ดยข อ ความอย า ง เดียวกันกับในกรณีแหงจักษุ.)
คํ า ว า เกิ ด ขึ้ น ในกรณี อย า งนี้ หมายความว า สิ่ ง นั้ น ๆ ทํ า หน า ที่ ข องฉั น ตาม อํานาจของอวิชชา. ในสู ต รอื่ น ๆ แทนที่ จ ะทรงแสดงด ว ยอายตนะภายในอย า งนี้ ได ท รงแสดงไว ด ว ย อายตนะภายนอกหก วิญญาณหก ผัสสะหก เวทนาหก สัญญาหก สัญเจตนาหก ตัณหาหก ธาตุ หก และขันธหา.
๓๔๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
นอกจากนั้ น ดั ง ได ท รงแสดงฝ า ยดั บ โดยปฏิ ป ก ขนั ย เป น ความดั บ ไม เหลื อ แห ง ทุ ก ข ความเข า ไปสงบแห งโรค ความตั้ ง อยู ไม ได แ ห งชรามรณะ ตรงกั น ข า มจากข อ ความฝ า ยเกิ ด ทุ ก ๆ ขอดวย ซึ่งผูศึกษาอาจกําหนดไดดวยตนเอง).
- ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๘๓ - ๒๘๗/๔๗๙ - ๔๙๘.
อาการที่ทุกขเกิดจากอาหาร ภิ ก ษุ ท.! อาหารสี่ อ ย า งเหล า นี้ มี อ ยู เพื่ อ ความตั้ ง อยู ไ ด แ ห ง สั ต ว ผู เกิ ด แล ว หรื อ เพื่ อ อนุ เคราะห สั ต ว ผู แ สวงหาที่ เกิ ด . อาหารสี่ อ ย า งเหล า ไหนเล า ? สี่ อย างคื อ อาหารที่ หนึ่ งคื อ อาหารคื อคํ าข าว หยาบก็ ตาม ละเอี ยดก็ ตาม, อาหาร ที่ ส องคื อ ผั ส สะ, อาหารที่ ส ามคื อ มโนสั ญ เจตนา, อาหารที่ สี่ คื อ วิ ญ ญาณ. ภิ ก ษุ ท.! อาหารสี่ อ ย า งเหล า นี้ แ ล มี อ ยู เพื่ อ ความตั้ ง อยู ไ ด แ ห ง สั ต ว ผู เกิ ด แล ว หรือเพื่ออนุเคราะหสัตวผูแสวงหาที่เกิด. ภิ ก ษุ ท.! ถ า มี ร าคะ มี นั น ทิ มี ตั ณ หา ในอาหารคื อ คํ า ข า วไซร . วิ ญ ญ าณ ก็ เ ป น สิ่ ง ที่ ตั้ ง อยู ไ ด เจริ ญ งอกงามอยู ไ ด ในอาหารคื อ คํ า ข า วนั้ น ๆ. วิญ ญาณที ่ตั ้ง อยู ไ ด เจริญ งอกงามอยู ไ ด มีอ ยู ใ นที ่ใ ด, การกา วลงแหง นามรูป ก็ม ีอ ยู ใ นที ่นั ้น . การกา วลงแหง นามรูป มีอ ยู ใ นที ่ใ ด, ความเจริญ แหง สัง ขาร ทั ้ง ห ล าย ก็ม ีอ ยู ใ น ที ่นั ้น . ค วาม เจริญ แหง สัง ขารทั ้ง ห ล าย มีอ ยู ใ น ที ่ใ ด , การบัง เกิด ใน ภ พ ให มต อ ไป ก็ม ีอ ยู ใ น ที ่นั ้น . การบัง เกิด ใน ภ พ ให มต อ ไป มีอ ยู ใ น ที ่ใ ด , ช าติ ช รา แ ล ะ ม รณ ะ ตอ ไป ก็ม ีอ ยู ใน ที ่นั ้น . ช า ติ ช รา และมรณ ะ ตอ ไป มีอ ยู ในที ่ใ ด ; ภิก ษุ ท.! เราเรีย กที ่นั ้น วา "เปน ที ่มี โศก มีธ ุล ี และมีค วามคับ แคน " ดัง นี ้. (ในกรณีเ กี ่ย วกับ อาหารอีก ๓ อยา ง คือ
www.buddhadasa.info ผั ส สะ มโนสั ญ เจตนาและวิ ญ ญาณ ก็ ต รั ส โดยทํา นองเดี ย วกั บ อาหารคื อ คํา ข า ว).
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๔๙
ภิก ษุ ท.! เปรีย บเหมือ นชา งยอ ม หรือ ชา งเขีย น, เมื ่อ มีน้ํ า ยอ ม คื อ ครั่ ง ขมิ้ น ครามหรื อ สี แ ดงอ อ น ก็ จ ะพึ ง เขี ย นรู ป สตรี หรื อ รู ป บุ รุ ษ ลงที่ แผน กระดาน หรือ ฝาผนัง หรือ ผืน ผา ซึ ่ง เกลี ้ย งเกลา ไดค รบทุก สว น, อุป มา นี้ฉันใด; ภิ ก ษุ ท.! อุ ป ไมยก็ ฉั น นั้ น คื อ ถ า มี ร าคะ มี นั น ทิ มี ตั ณ หา ใน อาหารคื อ คํ า ข า วไซร , วิ ญ ญาณ ก็ เ ป น สิ่ ง ที่ ตั้ ง อยู ไ ด เจริ ญ งอกงามอยู ไ ด ใน อาหารคื อ คํ า ข า วนั้ น ๆ, วิ ญ ญาณ ที่ ตั้ ง อยู ไ ด เจริ ญ งอกงามอยู ไ ด มี อ ยู ใ นที่ ใ ด การก า วลงแห ง นามรู ป ก็ มี อ ยู ใ นที่ นั้ น . การก า วลงแห ง นามรู ป มี อ ยู ใ นที่ ใ ด, ความเจริ ญ แห งสั ง ขารทั้ งหลาย ก็ มี อ ยู ในที่ นั้ น . ความเจริ ญ แห งสั ง ขารทั้ งหลาย มี อ ยู ในที่ ใ ด. การบั ง เกิ ด ในภพใหม ต อ ไป ก็ มี อ ยู ใ นที่ นั้ น . การบั ง เกิ ด ในภพ ใหมต อ ไป มีอ ยู ใ นที ่ใ ด, ชาติ ชราและมรณ ะตอ ไป ก็ม ีอ ยู ใ นที ่นั ้น . ชาติ ชรา และมรณ ะ ตอ ไป มีอ ยู ใ นที ่ใ ด; ภิก ษุ ท.! เราเรีย กที ่นั ้น วา "เปน ที่ มี โ ศก มี ธุ ลี และมี ค วามคั บ แค น . (มี ข อ ความตรั ส ต อ ไปจนกระทั่ ง จบข อ ความในกรณี อาหารที่ สี่ คื อ วิ ญ ญ าณ ซึ่ ง อาหารอี ก ๓ อย า งที่ ต รั ส ต อ ไปนั้ น ก็ มี ข อ ความเหมื อ นกั บ ในกรณี อาหารคือคําขาวขางบนนี้ทุกประการ ตางแตชื่ออาหารเทานั้น)" ดังนี้ แล.
www.buddhadasa.info อาการที่ทุกขเกิดขึ้นเพราะตัณหาในอายตนะภายนอก - นิทาน. สํ. ๑๖/๑๒๒-๑๒๓/๒๔๕-๒๔๗.
ภิ ก ษุ ท.! การเกิ ด ขึ้ น การเกิ ด โดยยิ่ ง การตั้ ง อยู และความปรากฏ ของตั ณ หาในรู ป , ของตั ณ หาในเสี ย ง, ของตั ณ หาในกลิ่ น , ของตั ณ หาในรส, ของตัณหาในโผฏฐัพพะ, และของตัณหาในธรรมารมณ, อันใด; อันนั้น
๓๕๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
แหละ เปน การเกิด ขึ ้น ของทุก ข, อัน นั ้น แหละ เปน การตั ้ง อยู ข องสิ ่ง ซึ ่ง มี ปรกติเสียดแทงทั้งหลาย, อันนั้นแหละเปนความปรากฏของชราและมรณะแล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๘๖/๔๙๓.
อาการที่ทุกขเกิดมาจากตัณหา ภิกษุ ท.! เมื่อภิกษุเปนผูมีปกติเห็นโดยความเปนอัสสาทะ (นารัก นายินดี) ในธรรมทั้งหลายอันเปนที่ตั้งแหงอุปาทาน (อุปาทานิยธรรม) อยู, ตั ณ หาย อ มเจริญ อย างทั่ วถึ ง, เพราะมี ตั ณ หาเป น ป จจัย จึงมี อุป าทาน; เพราะ มีอ ุป าทานเปน ปจ จัย จึง มีภ พ; เพราะมีภ พเปน ปจ จัย จึง มีช าติ; เพราะมี ชาติ เป น ป จ จั ย , ชรามรณะ โสกะปริ เทวะทุ ก ขะโทมนั ส อุ ป ายาสทั้ ง หลาย จึ ง เกิ ด ขึ้ น ครบถ ว น : ความเกิ ด ขึ้ น พร อ มแห ง กองทุ ก ข ทั้ ง สิ้ น นี้ ย อ มมี ด ว ยอาการ อยางนี้. ภิ ก ษุ ท.! เปรี ย บเหมื อ นไฟกองใหญ พึ ง ลุ ก โพลงด ว ยไม สิ บ เล ม เกวี ย นบ า ง ยี่ สิ บ เล ม เกวี ย นบ า ง สามสิ บ เล ม เกวี ย นบ า ง สี่ สิ บ เล ม เกวี ย นบ า ง. บุ รุษ พึ ง เติ ม หญ า แห ง บ า ง มู ล โคแห ง บ า งไม แ ห ง บ า ง ลงไปในกองไฟนั้ น ตลอด เวลาที ่ค วรเติม อยู เ ปน ระยะ ๆ. ภิก ษุ ท! ดว ยอาการอยา งนี ้แ ล ไฟกอง ใหญ ซึ่ ง มี เครื่ อ งหล อ เลี้ ย งอย า งนั้ น มี เชื้ อ เพลิ ง อย า งนั้ น ก็ จ ะพึ ง ลุ ก โพลงตลอด กาลยาวนาน, ขอ นี ้ฉ ัน ใด; ภิก ษุ ท.! เมื ่อ ภิก ษุเ ปน ผู ม ีป รกติเ ห็น โดยความ เป นอั สสาทะ (น ารักน ายิ นดี ) ในธรรมทั้ งหลายอั นเป นที่ ตั้ งแห งอุ ปาทานอยู , ตั ณ หา ย อ มเจริ ญ อย า งทั่ ว ถึ ง ฉั น นั้ น เหมื อ นกั น . เพราะมี ตั ณ หาเป น ป จ จั ย จึ ง มี อุปาทาน; เพราะมีอุปาทานเปนปจจัย จึงมีภพ; เพราะมีภพเปนปจจัย จึง
www.buddhadasa.info
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๕๑
มีช าติ; เพราะมีช าติเ ปน ปจ จัย , ชรามรณ ะ โสกะปริเ ทวะทุก ขะโทมนัส อุ ป ายาสทั้ งหลาย จึ งเกิ ด ขึ้ น ครบถ วน : ความเกิ ด ขึ้ น พรอ มแห งกองทุ ก ข ทั้ งสิ้ น นี้ ยอมมีดวยอาการอยางนี้ แล. - นิทาน. สํ. ๑๖/๑๐๒/๑๙๖-๑๙๗. (ในสูต รถัด ไปทรงแสดงสัญ โญ ชนิย ธรรม แทนคํ า วา อุป าทานิย ธรรม; และ ในตอนอุ ป มาทรงแสดงอุ ป มาด วยประที ป น้ํ ามั นลุ กโพลงอยู ได เพราะอาศั ยเชื้ อและมี ผู คอยเติ ม โดย นัยเดียวกับสูตรขางบน).
ตัณหาเปนเชื้อแหงการเกิด วั จฉะ! เราย อมบั ญ ญั ติ ความบั งเกิ ดขึ้ น สํ าหรับ สั ตว ผู ที่ ยั งมี อุ ปาทาน (เชื ้อ ) อยู , ไมใ ชสํ า หรับ สัต วผู ที ่ไ มม ีอ ุป ทาน. วัจ ฉะ! เปรีย บเหมือ นไฟ ที ่ม ีเ ชื ้อ ยอ ม โพ ล ง ขึ ้น ได, ที ่ไ มม ีเ ชื ้อ ก็โ พ ล งขึ ้น ไมไ ด, อุป ม า นี ้ฉ ัน ใด อุ ป ไมยก็ ฉั น นั้ น ; วั จ ฉะ! เราย อ มบั ญ ญั ติ ค วามบั ง เกิ ด ขึ้ น สํ า หรั บ สั ต ว ผู ที่ ยั ง มี อุปาทานอยู, ไมใชสําหรับสัตวผูที่ไมมีอุปทาน.
www.buddhadasa.info "พระโคมดมผู เจริญ! ถ าสมั ยใด เปลวไฟ ถู กลมพั ดหลุ ดปลิ วไปไกล, สมั ย นั้น พระโคดมยอมบัญญัติ ซึ่งอะไร วาเปนเชื้อแกเปลวไฟนั้น ถาถือวามันยังมีเชื้ออยู?"
วั จ ฉะ! สมั ย ใด เปลวไฟ ถู ก ลมพั ดหลุ ด ปลิ ว ไปไกล, เราย อ ม บัญ ญัต ิเ ปลวไฟนั ้น วา มีล มนั ่น แหละเปน เชื ้อ . วัจ ฉะ! เพราะวา สมัย นั ้น ลมยอมเปนเชื้อของเปลวไฟนั้น.
๓๕๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
"พระโคดมผู เจริ ญ ถ าสมั ยใด สั ตว ทอดทิ้ งกายนี้ และยั งไม บั งเกิ ดขึ้ นด วย การอื่ น, สมั ยนั้ นพระโคมดม ย อมบั ญญั ติ ซึ่งอะไร วาเป นเชื้อแก สั ตวนั้ น ถ าถื อวา มั น ยังมีเชื้อยู?" วั จ ฉะ! สมั ย ใด สั ต ว ท อดทิ้ ง กายนี้ และยั ง ไม บั ง เกิ ด ขึ้ น ด ว ยกายอื่ น , เรากลา ว สัต วนี ้ วา มีต ัณ หานั ่น แหละเปน เชื ้อ ; เพราะวา สมัย นั ้น ตัณ หา ยอมเปนเชื้อของสัตวนั้น แล. - สฬา. สํ. ๑๘/๔๘๕/๘๐๐.
อาสวะทําหนาที่อยางเดียวกับตัณหา อัคคิเวสสนะ! อยางไรเลา เรียกวาเปนคนหลงใหล? อั ค คิ เ วสสนะ! อาสวะ เหล า ใด อั น กระทํ า ให เ ศร า หมอง ทํ า ให เกิดในภพใหม ใหมีความกระวนกระวาย มีวิบากเปนทุกข ใหมีชาติชรามรณะ ต อ ไป เป น อาสวะที่ บุ ค คลใดละไม ไ ด เรากล า วบุ ค คลนั้ น ว า เป น คนหลงใหล. อัคคิเวสสนะ! เพราะละอาสวะไมไดจึงเปนคนหลงใหล.
www.buddhadasa.info อั ค คิ เ วสสนะ! อาสวะเหล า ใด อั น กระทํ า ให เ ศร า หมอง ทํ า ให เ กิ ด ในภพใหม ให มี ค วามกระวนกระวาย มี วิ บ ากเป น ทุ ก ข ให มี ช าติ ช รามรณะต อ ไป เปน อาสวะที ่บ ุค คลใดละไดแ ลว เรากลา วบุค คลนั ้น วา เปน คนไมห ลงใหล. อัคคิเวสสนะ! เพราะละอาสวะไดจึงเปนคนไมหลงใหล.
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๕๓
อั ค คิ เ วสสนะ! อาสวะเหล า ใด อั น กระทํ า ให เ ศร า หมอง ทํ า ให เ กิ ด ในภพใหม ใหม ีค วามกระวนกระวาย มีว ิบ ากเปน ทุก ข ใหม ีช าติช รามรณ ะ ต อ ไป;อาสวะเหล า นั้ น ตถาคตละได แ ล ว ทํ า ให มี ร ากขาดแล ว ทํ า ให เ หมื อ น ตาลไม มี ขั้ ว ยอดแล ว ถึ ง ความไม มี ไ ม เ ป น มี อั น ไม เ กิ ด ขึ้ น อี ก ต อ ไปเป น ธรรมดา เปรีย บเหมือ นตน ตาลมีขั ้ว ยอดขาดแลว ไมอ าจงอกงามไดอ ีก ตอ ไป ฉัน ใดก็ ฉันนั้น. - มู. ม. ๑๒/๔๖๑/๔๓๑. (ผู ศึ ก ษาพึ ง สั ง เกตให เห็ น ว า ตามพระบาลี นี้ อาสวะทํ า หน า ที่ อ ย า งเดี ย วกั บ ตั ณ หา คือสรางภพใหม หรือเปนเหตุใหเกิดทุกข).
อาการที่สัตวเกิดตัณหาและเกิดทุกข ภิ ก ษุ ท .! ก ารป ฏิ ส น ธิ ข อ งสั ต ว ใ น ค รรภ ย อ ม มี ได เพ ราะ ก าร ประชุม พ รอ มของสิ ่ง ๓ อยา ง. ในสัต วโ ลกนี ้ แมม ารดาและบิด าเปน ผู อ ยู รว มกัน แตม ารดายัง ไมผ า นการมีร ะดู และคัน ธัพ พะ (สัต วที ่จ ะเขา ไปปฏิส นธิ ในครรภนั ้น ) ก็ย ัง ไมเ ขา ไปตั ้ง อยู โ ดยเฉพาะดว ย, การปฏิส นธิข องสัต วใ นครรภ ก็ ยั ง มี ขึ้ น ไม ไ ด ก อ น. ในสั ต ว โ ลกนี้ แม ม ารดาและบิ ด าเป น ผู อ ยู ร ว มกั น และ มารดาก็ ผ า นการมี ร ะดู แต คั น ธั พ พะยั ง ไม เ ข า ไปตั้ ง อยู โ ดยเฉพาะ, การปฏิ ส นธิ ของสัต วใ นครรภก ็ย ัง มีขึ ้น ไมไ ดนั ่น เอง. ภิก ษุ ท.! แตเ มื ่อ ใด ม ารด าแล ะ บิด าเปน ผู อ ยู รว มกัน ดว ย มาดาก็ผ า นการมีร ะดูด ว ย คัน ธัพ พะก็เ ขา ไปตั ้ง อยู โ ดยเฉพาะด ว ย, การปฏิ ส นธิ ข องสั ต ว ใ นครรภ ย อ มสํ า เร็ จ ได เพราะการ ประชุมพรอมกัน ของสิ่ง ๓ อยาง ดวยอาการอยางนี้.
www.buddhadasa.info
๓๕๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! มารดา ย อ มบริ ห ารสั ต ว ที่ เ กิ ด ในครรภ นั้ น ด ว ยความ เปนหวงอยางใหญหลวง เปนภาระหนัก ตลอดเวลาเกาเดือนบาง สิบเดือนบาง. ภิ ก ษุ ท.! เมื่ อ ล ว งไปเก า เดื อ นหรื อ สิ บ เดื อ น, มารดา ย อ มคลอด บุ ต รนั้ น ด ว ยความเป น ห ว งอย า งใหญ ห ลวง เป น ภาระหนั ก ; ได เลี้ ย งซึ่ ง บุ ต รอั น เกิด แลว นั ้น ดว ยโลหิต ของตนเอง. ภิก ษุ ท.! ในวิน ัย ของพระอริย เจา คํา ว า "โลหิ ต " นี้ หมายถึ ง น้ํา นมของมารดา. ภิก ษุ ท.! ทารกนั ้น เจริญ วัย ขึ ้น มีอ ิน ทรีย อ ัน เจริญ เต็ม ที ่แ ล ว เลน ของเลน สํ า หรับ เด็ก เชน เลน ไถนอ ย ๆ เลน หมอ ขา วหมอ แกง เลน ของเล น ชื่ อ โมกขจิ ก ะ๑ เล น กั งหั น ลมน อ ย ๆ เล น ตวงของด วยเครื่ อ งตวงที่ ทํ าด วย ใบไม เลนรถนอย ๆ เลนธนูนอย ๆ. ภิ ก ษุ ท.! ทารกนั้ น ครั้ น เจริ ญ วั ย ขึ้ น แล ว มี อิ น ทรี ย อั น เจริ ญ เต็ ม ที่ แล ว เป นผู เอิ บ อิ่ มเพี ยบพรอมด วยกามคุ ณ ห า ให เขาบํ าเรออยู : ทางตาด วยรูป , ทางหูด ว ยเสีย ง, ทางจมูก ดว ยกลิ ่น , ทางลิ ้น ดว ยรส, และทางกายดว ย โผฏฐัพ พะ, ซึ ่ง ลว นแตเ ปน สิ ่ง ที ่ป รารถนา นา รัก ใคร นา พอใจ ที ่ย วนตา ยวนใจให รั ก เป น ที่ เข า ไปตั้ ง อาศั ย อยู แ ห ง ความใคร เป น ที่ ตั้ ง แห ง ความกํ า หนั ด ย อ มใจ และเปน ที ่ตั ้ง แหง ความรัก . ทารกนั ้น ครั ้น เห็น รูป ดว ยจัก ษุ เปน ตน แลว ยอ มกํ า หนัด ยิน ดี ในรูป เปน ตน ที ่ยั ่ว ยวนใหเ กิด ความรัก , ยอ มขัด ใจ ในรูป เปนตน ที่ไมเปนตั้งแหงความรัก ; ไมเปนผูตั้งไวซึ่งสติอันเปนไปใน
www.buddhadasa.info
๑. โมกขจิกะ เปนของเลนสําหรับเด็กชนิดหนึ่ง ที่ตอนบนหมุนได.
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๕๕
กาย มี ใ จเป น อกุ ศ ล ไม รู ต ามที่ เป น จริ ง ซึ่ ง เจโตวิ มุ ติ ป ญ ญาวิ มุ ติ อั น เป น ที่ ดั บ ไม เหลื อ แห ง ธรรมอั น เป น บาปอกุ ศ ลทั้ ง หลาย. กุ ม ารน อ ยนั้ น เมื่ อ ประกอบด ว ย ความยิน ดีแ ละความยิน รา ยอยู เ ชนนี ้แ ลว ,เสวยเฉพาะซึ ่ง เวทนาใด ๆ เปน สุข ก็ ต าม ทุ กข ก็ ต าม ไม ใช ทุ ก ข ไ ม ใช สุ ขก็ ต าม , เขา ย อ ม เพ ลิ ด เพ ลิ น พ ร่ํ า สรรเสริ ญ เม าห ม กอยู ซึ่ ง เวท น านั้ น ๆ. เมื่ อเป นอยู เ ช น นั้ น , ค วาม เพ ลิ น (นัน ทิ) ยอ มบัง เกิด ขึ ้น . ความเพ ลิน ใด ในเวทนาทั ้ง หลาย มีอ ยู , ความ เพลิ น อั น นั้ น เป น อุ ป าทาน. เพราะอุ ป าทานของเขานั้ น เป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี ภ พ; เพราะภพเป น ป จ จั ย จึ ง เกิ ด มี ช าติ ; เพราะชาติ เ ป น ป จ จั ย , ชรา มรณ ะ โศก ปริเ ทวะ ทุก ข โทมนัส และอุป ายาส จึง เกิด มีพ รอ ม. ความกอ ขึ ้น แหง กอง ทุกขทั้งสิ้นนั้น ยอมมีได ดวยอาการอยางนี้ แล. - มู. ม. ๑๒/๔๘๗-๔๘๘/๔๕๒-๔๕๓
อาการที่พัฒนา (เครื่องนําไปสูภพใหม) เจริญขึ้น ภิก ษุ ท.! บุค คล เมื ่อ ไมรู ไ มเ ห็น ซึ ่ง จัก ษุ ตามที ่เ ปน จริง , เมื่ อ ไม รู ไ ม เ ห็ น ซึ่ ง รู ป ทั้ ง หลาย ตามที่ เ ป น จริ ง , เมื่ อ ไม รู ไ ม เ ห็ น ซึ่ ง จั ก ขุ วิ ญ ญ าณ ตามที ่เ ปน จริง , เมื ่อ ไมรู ไ มเ ห็น ซึ ่ง จัก ขุส ัม ผัส ตามที ่เ ปน จริง , เมื ่อ ไมรู ไมเ ห็น ซึ ่ง เวทนา อัน เกิด ขึ ้น เพราะจัก ขุส ัม ผัส เปน ปจ จัย อัน เปน สุข ก็ต าม เป น ท ุก ขก ็ต าม ไม ใ ชท ุก ขไ ม ใ ชส ุข ก็ต าม ต าม ที ่เ ป น จริง แลว ; เขายอ ม กํ า หนัด ในจัก ษุ, กํ า หนัด ในรูป ทั ้ง หลาย, กํ า หนัด ในจัก ขุว ิญ ญ าณ , กํ า หนัด ในจัก ขุส ัม ผัส , และกํ า หนัด ในเวทนาอัน เกิด ขึ ้น เพราะจัก ขุส ัม ผัส เปน ปจ จัย อั น เป น สุ ข ก็ ต าม เป น ทุ ก ข ก็ ต าม ไม ใ ช ทุ ก ข ไ ม ใ ช สุ ข ก็ ต าม. เมื่ อ บุ ค คลนั้ น กําหนัดแลว ติดพนแลว ลุมหลงแลว จองมองตออัสสาทะอยู, ปญจุปาทาน-
www.buddhadasa.info
๓๕๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ขั น ธ ทั้ ง หลาย ย อ มถึ ง ซึ่ ง ความก อ เกิ ด ต อ ไป; และตั ณ หาของเขาอั น เป น เครื่ อ ง นําไปสูภพใหม อันประกอบอยูดวยความกําหนัดดวยอํานาจความเพลิน เปน เครื่องทําใหเพลินอยางยิ่งในอารมณนั้น ๆ นั้นยอมเจริญถึงที่สุดแกเขา; ความ กระวนกระวาย (ทรถ) แม ท างกาย ย อ มเจริ ญ ถึ ง ที่ สุ ด แก เ ขา, ความกระวน กระวาย แมท างจิต ยอ มเจริญ ถึง ที ่ส ุด แกเ ขา; ความแผดเผา (สนฺต าป) แม ท างกาย ย อ มเจริ ญ ถึ ง ที่ สุ ด แก เ ขา, ความแผดเผา แม ท างจิ ต ย อ มเจริ ญ ถึง ที ่ส ุด แกเ ขา; ความเรา รอ น (ปริฬ าห) แมท างกาย ยอ มเจริญ ถึง ที ่ส ุด แกเ ขา, ค วาม เรา รอ น แมท างจิต ยอ ม เจริญ ถึง ที ่ส ุด แกเ ขา. บุค ค ล นั ้น ย อ มเสวยซึ่ ง ความทุ ก ข อั น เป น ไปทางกาย ด ว ย, ซึ่ ง ความทุ ก ข อั น เป น ไปทางจิ ต ดวย. (ในกรณี แ ห ง หมวด โสตะ มานะ ชิ ว หา กาย และมโน ก็ ไ ด ต รั ส ไว โ ดยทํ า นอง เดียวกัน). - อุปริ. ม. ๑๔/๕๒๑/๘๒๖-๘๒๗.
www.buddhadasa.info เห็นแกเหยื่อจึงติดเบ็ด
ภิ ก ษุ ท.! เปรี ย บเหมื อ นพรานเบ็ ด ซั ด เบ็ ด ที่ เ กี่ ย วเหยื่ อ ลงไปใน หว งน้ํ า ลึก . ปลาที ่เ ห็น แกเ หยื ่อ ตัว ใดตัว หนึ ่ง จะพึง กลืน เบ็ด นั ้น เขา ไป. ภิก ษุ ท.! ด ว ยอาการนี้ แ หละ ปลาที่ ก ลื น เบ็ ด ตั ว นั้ น ถึ ง แล ว ซึ่ ง ความพิ น าศ ถึ ง แล ว ซึ่ ง ความฉิ บ หาย เพราะพรานเบ็ ด แล ว แต พ รานเบ็ ด นั้ น ใคร จ ะทํ า ตามอํ า เภอใจ อยางใด.
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๕๗
ภิ ก ษุ ท .! ฉั น ใด ก็ ฉั น นั้ น , เบ็ ด ห กตั วเห ล านี้ มี อ ยู ใ น โล ก เพื่ อ ความฉิบ หายของสัต วทั ้ง หลาย เพื ่อ ฆา สัต วทั ้ง หลาย. เบ็ด หกตัว นั ้น เปน อย า งไรเล า ? เบ็ ด หกตั ว นั้ น คื อ รู ป ที่ เ ห็ น ด ว ยตาก็ ดี , เสี ย ง ที่ ฟ ง ด ว ยหู ก็ ดี , กลิ่ น ที่ ด มด ว ยจมู ก ก็ ดี , รส ที่ ลิ้ น ด ว ยลิ้ น ก็ ดี , โผฏฐั พ พะ ที่ สั ม ผั ส ด ว ยกายก็ ดี , และธรรมารมณ ที่ รู แ จ ง ด ว ยใจก็ ดี , มี อ ยู ซึ่ ง เป น สิ่ ง ที่ น า ปรารถนา น า รั ก ใคร น า พอใจ ที่ ย วนตายวนใจให รั ก เป น ที่ เข า ไปตั้ ง อาศั ย อยู แ ห ง ความใคร และเป น ที่ตั้งแหงความกําหนัดยอมใจ, ถาภิกษุเพลิดเพลิน พร่ําสรรเสริญ เมาหมกอยู ซึ่ ง อารมณ มี รู ป เป น ต น นั้ น ไซร ; ภิ กษุ ท.! ภิ ก ษุ นี้ เราเรีย กวา ผู ก ลื น เบ็ ด ของมาร ถึ งแลวซึ่งความ พินาศ ถึงแลวซึ่งความฉิบหาย แลวแตมารผูมีบาปใครจะทําประการใด แล. - สฬา. สํ. ๑๘/๑๙๗/๒๘๙.
ผูแบกของหนัก ภิก ษุ ท.! เราจัก แสดงของหนัก ผู แ บกของหนัก และการแบก ของหนัก.... แกพวกเธอ. เธอทั้งหลาย จงฟงขอความนั้น.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! อะไรเลา ชื ่อ วา ของหนัก ? ภิก ษุ ท.! อุป าทานัก ขั น ธ ทั้ ง ห า นั้ น แหละ เรากล า วว า เป น ของหนั ก . อุ ป าทานนั ก ขั น ธ ทั้ ง ห า เหล า ไหน เลา ? หา คือ :- ขัน ธอ ัน เปน ที ่ตั ้ง แ หง ค วาม ยึด มั ่น คือ รูป , ขัน ธอ ัน เปน ที่ ตั้ ง แห ง ความยึ ด มั่ น คื อ เวทนา, ขั น ธ อั น เป น ที่ ตั้ ง แห ง ความยึ ด มั่ น คื อ สั ญ ญา, ขัน ธอ ัน เปน ที ่ตั ้ง แหง ความยึด มั ่น คือ สัง ขาร, และขัน ธอ ัน เปน ที ่ตั ้ง แหง ความ ยึดมั่นคือ วิญญาณ. ภิกษุ ท.! นี้ เราเรียกวาของหนัก.
๓๕๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! อะไรเล า ชื่ อ ว า ผู แ บกของหนั ก ? ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คล (ต าม ส ม ม ต ิ) นั ้น แห ล ะ เราเรีย ก วา ผู แ บ กขอ งห น ัก . เขามีชื ่อ อ ยา งนี ้ มี โคตรอยางนั้น ตามที่รูกันอยู. ภิกษุ ท.! นี้ เราเรียกวา ผูแบกของหนัก. ภิก ษุ ท .! อ ะ ไร เลา ชื ่อ วา ก าร แ บ ก ข อ งห น ัก ? ภิก ษุ ท .! ตั ณ หานี้ ใด ที่ ทํ า ให มี ก ารเกิ ด อี ก อั น ประกอบด ว ยความกํ า หนั ด เพราะอํ า นาจแห ง ความเพลิน ซึ ่ง มีป รกติทํ า ใหเ พ ลิด เพลิน ในอารมณ นั ้น ๆ, ไดแ ก ตัณ หาใน กาม ตัณ หาในความมีค วามเปน ตัณ หาในความไมม ีไ มเ ปน . ภิก ษุ ท.! นี้ เราเรียกวา การแบกของหนัก. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๒/๔๙-๕๑.
จิตมีตัณหา เรียกวาอยูสองคน "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ! ด วยเหตุ เพี ยงเท าไรหนอ ภิ กษุ จึ งชื่ อว า เป นผู มี การ อยูอยางมีเพื่อนสอง พระเจาขา?"
www.buddhadasa.info มิ ค ชาละ! รู ป ทั้ ง หลายอั น จะพึ ง เห็ น ได ด ว ยจั ก ษุ อั น เป น รู ป ที่ น า ปรารถนา น า รั ก ใคร น า พอใจ มี ลั ก ษณ ะน า รั ก เป น ที่ เ ข า ไปตั้ ง อาศั ย อยู แ ห ง ค วาม ใค ร เป น ที่ ตั้ งแห งค วาม กํ าห นั ด ย อ ม ใจ มี อ ยู . ถ าห าก ว า ภิ ก ษุ ย อ ม เพลิดเพลิน พร่ําสรรเสริญ สยบมัวเมา ซึ่งรูปนั้นไซร; แกภ ิก ษ ุผู เ พ ลิด เพ ลิน พ ร่ํ า ส รรเส ริญ ส ย บ ม ัว เม า ซึ ่ง รูป นั ้น อ ยู นั่นแหละ, นันทิ (ความเพลิดเพลิน) ยอมเกิดขึ้น.
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๕๙
เมื่อนันทิ มีอยู, สาราคะ (ความกําหนัดเกลา) ยอมมี; เมื่อสาราคะ มีอยู, สัญโญคะ (ความผูกจิตติดกับอารมณ) ยอมมี : มิ คชาละ! ภิ กษุ ผู ป ระกอบพร อ มแล ว ด วยการผู กจิ ต ติ ด กั บ อารมณ ดวยอํานาจแหงความเพลิน นั่นแล เราเรียกวา "ผูมีการอยูอยางมีเพื่อนสอง". (ในกรณี แห ง เสี ย งทั้ ง หลายอั น จะพึ ง ได ยิ น ดี ด ว ยหู ก็ ดี , กลิ่ น ทั้ ง หลายอั น จะพึ ง ดม ดว ยจมูก ก็ด ี, รสทั ้ง หลายอัน จะพึง ลิ ้ม ดว ยลิ ้น ก็ด ี, โผฏฐัพ พ ะทั ้ง หลายอัน จะพึง สัม ผัส ดว ย ผิว กายก็ด ี, และธรรมารมณทั ้ง หลายอัน จะพึง รู แ จง ดว ยใจก็ด ี, พระผู ม ีพ ระภาคเจา ไดต รัส ไว มีนัยะอยางเดียวกันกับในกรณีแหงรูปทั้งหลายอันจะพึงเห็นดวยจักษุ).
มิ ค ชาละ! ภิ ก ษุ ผู มี ก ารอยู ด ว ยอาการอย า งนี้ แม จ ะส อ งเสพเสนาสนะอั น เป นป าและป าชั ฏ ซึ่ ง เงี ย บ สงั ด มี เสี ย งรบ กวนน อ ย มี เ สี ย งกึ ก ก อ ง ครึ ก โครมน อ ย ปราศจากลมจากผิ ว กายคน เป น ที่ ทํ า การลั บ ของมนุ ษ ย เป น ที่ สมควรแก ก ารหลี ก เร น เช น นี้ แ ล ว ก็ ต าม, ถึ ง กระนั้ น ภิ ก ษุ นั้ น เราก็ ยั ง คงเรี ย กว า ผู ม ีก า รอ ยู อ ยา งม ีเ พื ่อ น ส อ งอ ยู นั ่น เอ ง . ขอ นั ้น เพ รา ะ เห ต ุไ รเลา ? ขอ นั ้น เพราะเหตุ ว า ตั ณ หานั่ น แล เป น เพื่ อ นสองของภิ ก ษุ นั้ น ; ตั ณ หานั้ น อั น ภิ ก ษุ นั้ น ยั ง ละไม ไ ด แ ล ว เพราะเหตุ นั้ น ภิ ก ษุ นั้ น เราจึ ง เรี ย กว า ผู มี ก ารอยู อ ย า งมี เพื่อนสอง ดังนี้.
www.buddhadasa.info - สฬา. สํ. ๑๘/๔๓/๖๖.
จิตไมมีตัณหา เรียกวาอยูคนเดียว "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ! ด วยเหตุ เพี ยงเท าไรหนอแล ภิ กษุ จึ งชื่ อว า เป นผู มี การอยูอยางอยูผูเดียว พระเจาขา!"
๓๖๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
มิ ค ช าล ะ ! รู ป ทั้ งห ล าย อั น จ ะ พึ งเห็ น ได ด วย จั ก ษุ เป น รู ป ที่ น า ป รารถ น า นา รัก ใค ร นา พ อ ใจ มีล ัก ษ ณ ะนา รัก เปน ที ่เ ขา ไป ตั ้ง อ าศัย อ ยู แห ง ความใคร เป น ที่ ตั้ ง แห ง ความกํ า หนั ด ย อ มใจ มี อ ยู ,ถ า หากว า ภิ ก ษุ ย อ มไม เพลิดเพลิน ไมพร่ําสรรเสริญ ไมสยบมัวเมา ซึ่งรูปนั้นไซร, แก ภิ ก ษุ ผู ไ ม เพลิ ด เพลิ น ไม พ ร่ํ า สรรเสริ ญ ไม ส ยบมั ว เมา ซึ่ ง รู ป นั้ น นั่นแหละ, นันทิยอมดับ; เมื่อนันทิไมอยู, สาราคะ (ความกําหนัดกลา) ยอมไมมี; เมื่อสาราคะไมมีอยู, สัญโญคะ (ความผูกจิตติดกับอารมณ) ยอมไมมี: มิ ค ชาละ! ภิ ก ษุ ผู ไ ม ป ระกอบพร อ มแล ว ด ว ยการผู ก จิ ต ติ ด กั บ อารมณด ว ยอํ า นาจแหง ความเพลิน นั ่น แล เราเรีย กวา "ผู ม ีก ารอยู อ ยา งอยู ผูเดียว".
www.buddhadasa.info (ในกรณี แห ง เสี ย งทั้ ง หลายอั น จะพึ ง ได ยิ น ด ว ยหู ก็ ดี , กลิ่ น ทั้ ง หลายอั น จะพึ ง ดม ด ว ยจมู ก ก็ ดี , รสทั้ ง หลายอั น จะพึ ง ลิ้ น ด ว ยลิ้ น ก็ ดี , โผฏฐั พ พะทั้ ง หลายอั น จะพึ ง สั ม ผั ส ด ว ยผิ ว กาย ก็ด ี, และธรรมารมณทั ้ง หลายอัน จะพึง รู แ จง ดว ยใจก็ด ี, พระผู ม ีพ ระภาคเจา ไดต รัส ไวม ีน ัย ะ อยางเดียวกันกับในกรณีแหงรูปทั้งหลายอันจะพึงเห็นดวยจักษุ).
มิ ค ชาละ! ภิ ก ษุ ผู มี ก ารอยู ด ว ยอาการอย า งนี้ แม อ ยู ใ นหมู บ า น อั น เกลื ่อ นกลน ไปดว ยภิก ษุภ ิก ษุณ ี อุบ าสก อุบ าสิก าทั ้ง หลาย, ดว ยพระราชา มหาอํ า มาตย ข องพระราชาทั้ ง หลาย, ด ว ยเดี ย รถี ย สาวกของเดี ย รถี ย ทั้ ง หลาย ก็ตาม; ถึงกระนั้น ภิกษุนั้นเราก็เรียกวา ผูมีการอยูอยางอยูผูเดียวโดยแท.
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๖๑
ข อ นั้ น เพราะเหตุ ไ รเล า ? ข อ นั้ น เพราะเหตุ ว า ตั ณ หานั่ น แล เป น เพื่ อ นสองของ ภิก ษุนั ้น ; ตัณ หานั ้น อัน ภิก ษุนั ้น ละเสีย ไดแ ลว เพราะเหตุนั ้น ภิก ษุนั ้น เรา จึงเรียกวา ผูมีการอยูอยางอยูผูเดียว, ดังนี้ แล. - สฬา.สํ. ๑๘/๔๔/๖๗. (เรื ่อ งนี ้ค วรจะอยู ใ นหมวดนิโ รธ แตนํ า มาใสไ วต อ ทา ยเรื ่อ งนี ้ซึ ่ง เปน หมวดสมุท ัย ก็เพื่อความสะดวกแกการศึกษา คือศึกษาพรอมกัน อันจะเปนการงาย ไดผลดีกวาที่จะแยกกัน. แต ยั ง มี ลั ก ษณะแห ง จิ ต ของผู ที่ เรี ย กว า อยู ค นเดี ย วที่ ลึ ก ซึ้ ง กว า ประณี ต กว า เรื่ อ งนี้ ใน ห ม วด นิโ รธ ห รือ ภ าค ๓ ขอใหด ูจ ากที ่นั ้น ที ่ห นา ๖๙๕ โด ยหัว ขอ วา "ผู อ ยู ค น เดีย ว คือผูไมของติดอยูในธรรมทั้งปวง").
ทุกขโทษที่เกิดจากกาม ภิกษุ ท.! โทษของกามทั้งหลาย เปนอยางไรเลา?
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! กุล บุต รในโลกนี ้ สํ า เร็จ การเลี ้ย งชีว ิต ดว ยอาชีพ ศิล ปะ ใด ๆ เชน ศิล ปะแหง การใชส ัญ ญ าดว ยมือ , ศิล ปะแหง การคํ า นวณ , ศิล ปะ แห ง การพยากรณ , การทํ า กสิ ก รรม พาณิ ช ยกรรม และโครั ก ขกรรม, ศิ ล ปะ แห ง ศั ต ราวุ ธ , และการทํ า ราชการ และศิ ล ปะอย า งใดอย า งหนึ่ ง ; เพราะการ ประกอบอาชี พ นั้ น ๆ เขาต อ งเผชิ ญ หน า ต อ ความหนาว ความร อ น เผชิ ญ หน า ด ว ย เหลื อ บ ยุ ง ลม แดด และสั ม ผั ส ด ว ยสั ต ว เลื้ อ ยคลานทั้ ง หลาย ซู บ ผอมอยู หิว ระหายอยู เพราะการไมไ ดบ ริโ ภคตามเวลา. ภิก ษุ ท.! นี ้ เปน โทษของ กามทั้ ง หลาย เป น กองทุ ก ข ที่ เห็ น ได เอง มี ก ามเป น เหตุ มี ก ามเป น เครื่ อ งก อ มี กามเปนเครื่องใหกระทํา เปนเหตุเพราะกามนั่นเทียว.
๓๖๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท .! เมื่ อ กุ ล บุ ต รนั้ น พ าก เพี ย ร ขวน ขวาย พ ย าย าม อ ยู อ ยา งนี ้, โภ ค ท รัพ ย ก็ย ัง ไมสํ า เร็จ แกเ ขา, เขา ยอ ม โศ ก เศ รา ระท ม ใจ คร่ํ า ครวญ ตี อ กร่ํ า ไห ถึ ง ความมื ด มั ว อยู ว า "ความขยั น ของเรา เป น หมั น หนอ, ความพยายามของเราไรผ ลหนอ" ดัง นี ้. ภิก ษุ ท.! แมนี ้ก ็เ ปน โทษของกาม ทั้ ง หลาย เป น กองทุ ก ข ที่ เห็ น ได เอง มี ก ามเป น เหตุ มี ก ามเป น เครื่ อ งก อ มี ก าม เปนเครื่องใหกระทํา เปนเหตุเพราะกามนั่นเทียว. ภิ กษุ ท .! เมื่ อกุ ล บุ ตรนั้ น พ ากเพี ยร ขวน ขวาย พ ยายาม อยู อยา งนี ้, โภ คทรัพ ย ก็สํ า เร็จ แกเ ขาดว ย เขา ก็จ ะตอ งเสวยทุก ข โทม นัส เพราะการอารัก ขาโภคทรัพ ยเ หลา นั ้น เปน เหตุ ดว ยหวัง อยู วา "พระราชา จะไม ริ บ ทรั พ ย เ หล า นั้ น ไป, โจร จะไม ป ล น ทรั พ ย เ หล า นั้ น ไป, ไฟ จะไม ไ หม ทรัพ ยเ หลา นั ้น , น้ํ า จะไมท ว มทํ า ลายทรัพ ยเ หลา นั ้น ; ทายาทที ่ไ มพ อใจ จะ ไมยื ้อ แยง ทรัพ ยเ หลา นั ้น ไป" ดัง นี ้. เมื ่อ กุล บุต รนั ้น ทํ า การอารัก ขาคุ ม ครอง อยู อ ย า งนี้ พระราชา ริ บ เอาทรั พ ย เ หล า นั้ น ไปเสี ย ก็ ต าม, โจร ปล น เอาทรั พ ย เหล า นั้ น ไปเสี ย ก็ ต าม, ไฟ ไหม ท รั พ ย เ หล า นั้ น เสี ย ก็ ต าม, น้ํ า ท ว มทํ า ลาย ทรัพ ยเ หลา นั ้น เสีย ก็ต าม, หรือ ทายาที ่ไ มพ อใจ ยื ้อ แยง เอาทรัพ ยเ หลา นั ้น ไป ได ก็ ต าม, เขา ย อ มโศกเศร า ระทมใจ คร่ํ า ครวญ ตี อ กร่ํ า ไห ถึ ง ความมื ด มั ว รํ า พั น อยู ว า "ทรั พ ย ใ ดได มี แ ล ว แก เรา ทรั พ ย นั้ น ไม มี เสี ย แล ว " ดั ง นี้ . ภิ ก ษุ ท.! แม นี้ ก็ เป น โทษของกามทั้ งหลาย เป น กองทุ ก ข ที่ เห็ น ได เอง มี ก ามเป น เหตุ มี ก าม เปนเครื่องกอ มีกามเปนเครื่องใหกระทํา เปนเหตุเพราะกามนั่นเทียว.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! โทษอย า งอื่ น ยั ง มี อี ก : เพราะกามเป น เหตุ เพราะกาม เปนเครื่องกอ เพราะกามเปนเครื่องใหกระทํา เปนเหตุเพราะกามนั่นเทียว :
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๖๓
พ ระราชา ย อ ม วิ ว าท กั บ พ ระราชาบ าง, กษั ตริ ย ย อ ม วิ ว าท กั บ กษั ต ริ ย บ าง, พราหมณ ย อ มวิ ว าทกั บ พราหมณ บ า ง, คฤหบดี ย อ มวิ ว าทกั บ คฤหบดี บ า ง, มารดา ย อ มวิ ว าทกั บ บุ ต รบ า ง, บุ ต รย อ มวิ ว าทกั บ มารดาบ า ง, บิ ด าย อ มวิ ว าทกั บ บุ ต ร บา ง. บุต รยอ มวิว าทกับ บิด าบา ง, พี ่น อ งชายยอ มวิว าทกับ พี ่น อ งชายบา ง, พี่ น อ งชายย อ มวิ ว าทกั บ พี่ น อ งหญิ ง บ า ง, พี่ น อ งหญิ ง ย อ มวิ ว าทกั บ พี่ น อ งชายบ า ง, สหายย อ มวิ ว าทกั บ สหายบ า ง; คนเหล า นั้ น ทํ า การทะเลาะ วิ ว าท บาดหมางกั น แล ว ย อ มต อ สู กั น และกั น ด ว ยมื อ บ า ง. ย อ มต อ สู กั น และกั น ด ว ยก อ นดิ น บ า ง ย อ มต อ สู กั น และกั น ด ว ยท อ นไม บ า ง, ย อ มต อ สู กั น และกั น ด ว ยศาสตราบ า ง, อยู ในที ่นั ้น ๆ. เขาเหลา นั ้น ยอ มพึง ซึ ่ง ความตาย หรือ ไดร ับ ทุก ขเ จีย นตาย ใน ที ่นั ้น ๆ . ภิก ษุ ท .! แ มนี ้ก ็เ ปน โท ษ ข อ งก าม ทั ้ง ห ล าย เปน ก อ งทุก ขที ่เ ห็น ได เ อง มี ก ามเป น เหตุ มี ก ามเป น เครื่ อ งก อ มี ก ามเป น เครื่ อ งให ก ระทํ า เป น เหตุ เพราะกามนั่นเทียว. ภิ ก ษุ ท.! โทษอย า งอื่ น ยั ง มี อี ก : เพราะกามเป น เหตุ เพราะกาม เปน เครื ่อ งกอ เพราะกามเปน เครื ่อ งใหก ระทํ า เปน เหตุเ พราะกามนั ่น เทีย ว : คนทั ้ง หลาย ถือ ดาบและโล ผูก สอดธนูแ ลแลง ศร แบง กัน เปน สองกองทัพ พุ ง เขา ทํ า สงครามกัน . เมื ่อ ลูก ศรถูก ปลอ ยไป, เมื ่อ หอกถูก ซัด ไป, เมื ่อ ดาบ ถูก ก วัด แ ก วง อ ยู , ค น เห ลา นั ้น ยิง กัน ดว ย ลูก ศ รบ า ง , แ ท ง กัน ดว ย ห อ ก บา ง, ตัด ศีร ษ ะกัน ดว ยดาบ บา ง, ใน สงครามนั ้น ๆ, เขาเหลา นั ้น ยอ ม ถึง ซึ ่ง ความตายหรือ ไดร ับ ทุก ขเ จีย นตาย ในที ่นั ้น ๆ. ภิก ษุ ท.! แมนี ้ก ็เ ปน โทษ ของกามทั้ ง หลาย เป น กองทุ ก ข ที่ เห็ น ได เอง มี ก ามเป น เหตุ มี ก ามเป น เครื่ อ งก อ มีกามเปนเครื่องใหกระทํา เปนเหตุเพราะกามนั่นเทียว.
www.buddhadasa.info
๓๖๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! โทษอย า งอื่ น ยั ง มี อี ก : เพราะกามเป น เหตุ เพราะกาม เปน เครื ่อ งกอ เพราะกามเปน เครื ่อ งใหก ระทํ า เปน เหตุเ พราะกามนั ่น เทีย ว : คนทั้ ง หลาย ถื อ ดาบและโล ผู ก สอดธนู แ ละแล ง ศร วิ่ ง ขึ้ น เป น เชิ ง เทิ น (เพื่ อ ป ลน เอ าเมือ ง). เมื ่อ ลูก ศ รถูก ป ลอ ยไป , เมื ่อ ห อ ก ถูก ซัด ไป , เมื ่อ ด าบ ถูก กวัด แกวง อยู , คนเหลา นั ้น ยิ ่ง กัน ดว ยลูก ศรบา ง, แทงกัน ดว ยหอกบา ง, ราดกั น ด ว ยเถ า ถ า นโคมั ย อั น ร อ นบ า ง. ปล อ ยของหนั ก ให ต นลงทั บ ที เดี ย วตาย ทั ้ง ห มู บ า ง, ตัด ศีร ษ ะ กัน ดว ย ด าบ บา ง, ใน ส งค ราม นั ้น ๆ, เขาเห ลา นั ้น ย อ มถึ ง ซึ่ ง ความตาย หรื อ ได รั บ ทุ ก ข เ จี ย นตาย ในที่ นั้ น ๆ, ภิ ก ษุ ท.! แม นี้ ก็ เป น โทษของกามทั้ ง หลาย เป น กองทุ ก ข ที่ เห็ น ได เอง มี ก ามเป น เหตุ มี ก ามเป น เครื่องกอ มีกามเปนเครื่องใหกระทํา เปนเหตุเพราะกามนั่นเทียว. ภิ ก ษุ ท.! โทษอย า งอื่ น ยั ง มี อี ก : เพราะกามเป น เหตุ เพราะกาม เปน เครื ่อ งกอ เพราะกามเปน เครื ่อ งใหก ระทํ า เปน เหตุเ พราะกามนั ่น เทีย ว : คนทั้ ง หลาย ย อ มตั ด ช อ ง ย อ งเบา ปล น สะดมในเรื อ นหลั ง เดี ย ว คอยดั ก ทํ า ร า ย ในที่ เ ปลี่ ย ว และล ว งภรรยาผู อื่ น . พระราชา จั บ คนเหล า นั้ น มาแล ว ให ล ง กรรมกรณ ห ลายวิ ธี ด ว ยกั น เช น เฆี่ ย นด ว ยหวายบ า ง, หวดด ว ยเชื อ กหนั ง บ า ง, ทุ บ ด ว ยท อ นไม บ า ง, ตั ด มื อ เสี ย บ า ง, ตั ด เท า เสี ย บ า ง, ตั ด เสี ย ทั้ ง มื อ และเท า บ า ง, ตั ด หู บ า ง, ตั ด จมู ก บ า ง, ตั ด เสี ย ทั้ ง หู แ ละจมู ก บ า ง, ยอมทํ า โทษโดยวิ ธี หมอเคี่ยวน้ําสม๑ บาง, ยอมทําโทษโดยวิธี ขอดสังข๒ บาง. ยอมทําโทษโดย
www.buddhadasa.info
๑. หมอ เคี ่ย วน้ํ า สม คือ ตอ ยหัว ขมองแยกออก แลว ใชค ีม คีบ กอ นเหล็ก ที ่ล ุก แดงใสล งไปให มันสมองเดือดพลุงขึ้น เหมือนน้ําสมเดือดลนหมอ. ๒. ขอดสัง ข คือ ตัด หนัง ควั ่น ไปใหร อบจอนหูทั ้ง สองขา ง และหลุม คอ แลว รวบผมทั ้ง หมด ขมวดไว ใชไ มส อดหมุน ยกขึ ้น ใหห นัง หลุด ติด ขึ ้น มาพรอ มกับ ผมแลว ใชท รายหยาบขัด กระโหลกศีรษะลางใหขาว ดั่งสังข.
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๖๕
วิธ ี ปากราหู๓ บา ง, ยอ มทํ า โทษโดยวิธ ี มาลัย ไฟ ๔ บา ง. ยอ มทํ า โทษโดยวิธี คบ มื อ ๕ บ าง, ย อ มทํ าโทษ โดยวิ ธี ริ้ ว ส า ย ๖ บ าง, ย อ มทํ าโทษ โดยวิ ธี นุ ง เปลือ กไม ๗ บา ง, ยอ มทํ า โทษโดยวิธ ี ยืน กวาง ๘ บา ง, ยอ มทํ า โทษ โดยวิธี เกี ่ย วเหยื ่อ เบ็ด ๙ บา ง, ยอ มทํ า โทษโดยวิธ ี เหรีย ญ กษปณ๑๐ บา ง, ยอ มทํ า โทษโดยวิธ ี ทาเกลือ บา ง, ยอ มทํ า โทษโดยวิธ ี แปรงแสบ ๑๑ บา ง, ยอ มทํ า โทษ โดยวิธ ี กางเกวีย น ๑๒ บา ง, ยอ มทํ า โทษ โดยวิธ ี ตั ่ง ฟ าง ๑๓ บา ง, ยอ ม ราดดวยน้ํามันรอน ๆ บาง, ยอมปลอยใหสุนัขทึ้ง๑๔ บาง, ยอมใหนอนหงาย
_________________ ๓. ปากราหู คือ ใชข อเหล็ก งา งปากใหอ า แลว จุด ไฟในปาก. อีก อยา งหนึ ่ง ใชสิ ่ว ตอกเจาะ ตั้งแตจอนหูเขาไปจนถึงปาก ใหโลหิตไหลออกมาเต็มปาก ดูปากอา ดั่งปากราหู. ๔. มาลัยไฟ คือใชผาชุบน้ํามันพันจนทั่วตัวแลวจุดไฟ ๕. คบมือ คือใชผาชุบน้ําเย็นพันมือทั่วสองขางจนทั่ว แลวจุดไฟ. ๖. ริ้ ว ส า ย คื อ เชื อ ดหนั ง ลอกออกเป น ริ้ ว ๆ ตั้ ง แต ใ ต ค อไปจนถึ ง ข อ เท า แล ว เอาเชื อ กผู ก ฉุ ด คร า ไป นักโทษเดินเหยียบริ้วหนังของตัวลมลุกคลุกคลานไปกวาจะตาย ๗. นุ ง เปลือ กไม คือ เชือ ดหนัง เปน ริ ้ว ๆ อยา งบทกอ น แตทํ า เปน สองตอน ตั ้ง แตใ ตค อจน ถึ ง เอวตอนหนึ่ ง ตั้ ง แต เอวจนถึ ง ข อ เท า ตอนหนึ่ ง ริ้ ว หนั ง ตอนบนห อ ยคลุ ม ลงมาป ด กายตอน ลาง ดูดั่งนุงเปลือกไม ๘. ยื น กวาง คื อ ใช ห ว งเหล็ ก รั ด ศอกทั้ ง สอง และเข า ทั้ ง สอง ตรึ ง ติ ด ไว กั บ หลั ก เหล็ ก สี่ ห ลั ก บนพื้ น ดิน ดูดั่ง กวางถูกตรึง แลวกอไฟลอมลนไปกวาจะตาย. ๙. เกี่ยวเหยื่อเบ็ด คือใชเบ็ดมีเงี่ยงสองขาง เกี่ยวตัวดึงเอาหนังเนื้อและเอ็นออกมาใหหมด. ๑๐. เหรียญกษาปณ คือใชมีดคมเชือดเนื้อออกเปนแวน ๆ ขนาดเทาเงินเหรียญจนกวาจะตาย. ๑๑. แปรงแสบ คื อ ฟ น สั บ เสี ย ให ยั บ ทั่ ว กาย แล ว ใช แ ปรงชุ บ น้ํ า แสบ (มี น้ํ า เกลื อ เป น ต น ) ถู ค รู ด สีไปมาใหหนังเนื้อเอ็นขาดหลุดออกมาหมด เหลือแตกระดูก. ๑๒. กางเวี ย น คื อ ให น อนตะแคง แล ว ใช ห ลาวเหล็ ก ตอกเข า ช อ งหู ใ ห ท ะลุ ลงไปตรึ ง แน น อยู กับดิน แลวจับเทาทั้งสองยกเดินเวียน. ๑๓. ตั่ ง ฟาง คื อ ใช ลู ก หิ น บดทั บ ตั ว บดให ก ระดู ก แตกละเอี ย ด แต ไ ม ใ ห ห นั ง ขาด แล ว จั บ ผม รวบขึ้ น เขย า ๆ ให เนื้ อ รวมเข า เป น กอง แล ว ใช ผ มนั่ น แหละพั น ตะล อ มวางไว เหมื อ นดั่ ง ที่ ทํ า ดวยฟางสําหรับเช็ดเทา. ๑๔. ให สุ นั ข ทึ้ ง คื อ ขั ง ฝู ง สุ นั ข ให อ ดหิ ว โซหลายวั น แล ว ปล อ ยให อ อกมารุ ม ทึ้ ง พั ก เดี ย วเหลื อ แตกระดูก, -นัยอรรถกถาและพระไตรปฎกแปลของ ม.อําไพจริต.
www.buddhadasa.info
๓๖๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
บนหลาวทั ้ง เปน ๆ บา ง, ยอ มตัด ศีร ษะดว ยดาบบา ง. เขาเหลา นั ้น ยอ ม ถึง ซึ ่ง ความตาย หรือ ไดร ับ ทุก ขเ จีย นตาย ในที ่นั ้น ๆ. ภิก ษุ ท.! แมนี ้ก็ เป น โทษของกามทั้ ง หลาย เป น กองทุ ก ข ที่ เห็ น ได เอง มี ก ามเป น เหตุ มี ก ามเป น เครื่องกอ มีกามเปนเครื่องใหกระทํา เปนเหตุเพราะกามนั่นเทียว. ภิ ก ษุ ท.! โทษอย า งอื่ น ยั ง มี อี ก : เพราะกามเป น เหตุ เพราะกาม เปน เครื ่อ งกอ เพราะกามเปน เครื ่อ งใหก ระทํ า เปน เหตุเ พราะกามนั ่น เทีย ว : คนทั้ งหลาย ย อ มประพฤติ ทุ จริต ด วยกาย ด วยวาจา และด วยใจ. ครั้ น ประพฤติ ทุ จริต ด วยกาย ด วยวาจา และด วยใจแล ว, เขาเหล านั้ น ย อ มเข าถึ งอบาย ทุ ค ติ วิ นิ บ าต นรก เบื้ อ งหน า แต ก ารตาย เพราะกายแตกสลายแห ง กาย. ภิ ก ษุ ท.! แม นี้ ก็ เป น โทษของกามทั้ งหลาย เป น กองทุ ก ข ที่ เห็ น ได เอง มี กามเป น เหตุ มี ก าม เปนเครื่องกอ มีกามเปนเครื่องใหกระทํา เปนเหตุเพราะกามนั่นเทียว, ดังนี้แล. - มู. ม. ๑๒/๑๖๙/๑๙๘.
ปกิณณกทุกข ที่มีกามตัณหาเปนมูล
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดงธรรม (เป น ฝ ก ฝ า ยแห ง ทุ ก ข ) ที่ มี (กาม) ตัณหาเปนมูล ๙ อยาง. เกาอยาง อยางไรเลา?
เพราะอาศัยตัณหา จึงมี การแสวงหา (ปริเยสนา); เพราะอาศัยการแสวงหา จึงมีการได (ลาโภ); เพราะอาศัยการได จึงมี ความปลงใจรัก (วินิจฺฉโย); เพราะอาศัยความปลงใจรัก จึงมี ความกําหนั ดดวยความพอใจ (ฉนฺทราโค);
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๖๗
เพราะอาศั ย ความกํ า หนั ด ด ว ยความพอใจ จึ ง มี ค วามสยบมั ว เมา (อชฺโฌสานํ); เพราะอาศัยความสยบมัวเมา จึงมีความจับอกจับใจ (ปริคฺคโห); เพราะอาศัยความจับอกจับใจ จึงมีความตระหนี่ (มจฺฉริยํ); เพราะอาศัยความตระหนี่ จึงการหวงกั้น (อารกฺโข); เพราะอาศั ยการหวงกั้ น จึ งมี เรื่องราวอั นเกิ ดจากการหวงกั้ น (อารกฺขาธิ ก รณํ ); กล า วคื อ การใช อ าวุ ธ ไม มี ค ม การใช อ าวุ ธ มี ค ม การทะเลาะ การ แก ง แย ง การวิ ว าทการกล า วคํ า หยาบว า "มึ ง ! มึ ง !" การพู ด คํ า ส อ เสี ย ด และ การพูดเท็จทั้งหลาย : ธรรมอันเปนบาปอกุศลเปนอเนก ยอมเกิดขึ้นพรอม. ภิ ก ษุ ท .! เห ล านี้ แ ล ชื่ อ ว า ธ รรม (เป น ฝ ก ฝ าย แ ห งทุ ก ข ) ที่ มี (กาม) ตัณหาเปนมูล ๙ อยาง. - นวก. อํ. ๒๓/๔๑๓/๒๒๗; (สอบทานดวย - มหา. ที. ๑๐/๖๙/๕๙).
ตัณหาเปนเหตุแหงความโศก
www.buddhadasa.info ความโศก ย อ มเกิ ด มาแต สิ่ ง อั น เป น ที่ รั ก , ความกลั ว ยอ มเกิด มาแตสิ ่ง อัน เปน ที ่ร ัก ; เมื ่อ พน แลว จากสิ ่ง เปน ที ่ร ัก , ความโศก ยอมไมมี แลวความกลัว จะมีมากแตไหนเลา. ความโศก ย อ มเกิ ด มาแต ค วามรั ก , ความกลั ว ย อ ม เกิด มาแตค วามรัก ; เมื ่อ พน แลว จากความรัก , ความโศก ยอมไมมี, แลวความกลัว จะมีมาแตไหนเลา.
๓๖๘
อริยสัจจากพระโอษฐ ความโศก ย อ มเกิ ด มาแต ค วามยิ น ดี , ความกลั ว ย อ ม เกิด มาแตค วามยิน ดี; เมื ่อ พน แลว จากความยิน ดี, ความโศก ยอมไมมี, แลวความกลัวจะมีมาแตไหนเลา. ความโศก ย อ มเกิ ด มาแต ค วามใคร , ความกลั ว ย อ ม เกิด มาแตค วามใคร; เมื ่อ พน แลว จากความใคร, ความโศก ยอมไมมี, แลวความกลัว จะมีมาแตไหนเลา. ความโศก ย อ มเกิ ด มาแต ตั ณ หา, ความกลั ว ย อ มเกิ ด ม าแตต ัณ ห า; เมื ่อ พน แลว ตัณ ห า, ค วาม โศก ยอ ม ไมม ี, แลวความกลัว จะมีมาแตไหนเลา. - ธ. ขุ. ๒๕/๔๓/๒๖.
ปจจัยแหงทุกขโดยอเนกปริยาย ....ทุกขอยางใดอยางหนึ่งเกิดขึ้น ทุกขทั้งปวงนั้นมีอุปธิเปนปจจัย.... ....ทุกขอยางใดอยางหนึ่งเกิดขึ้น ทุกขทั้งปวงนี้มีอวิชชาเปนปจจัย....
www.buddhadasa.info ....ทุกขอยางใดอยางหนึ่งเกิดขึ้น ทุกขทั้งปวงนี้มีสังขารเปนปจจัย....
....ทุกขอยางใดอยางหนึ่งเกิดขึ้น ทุกขทั้งปวงนั้นมีวิญญาณเปนปจจัย.... ....ทุกขอยางใดอยางหนึ่งเกิดขึ้น ทุกขทั้งปวงนั้นมีผัสสะเปนปจจัย.... ....ทุกขอยางใดอยางหนึ่งเกิดขึ้น ทุกขทั้งปวงนั้นมีเวทนาเปนปจจัย.... ....ทุกขอยางใดอยางหนึ่งเกิดขึ้น ทุกขทั้งปวงนั้นมีตัณหาเปนปจจัย.... ....ทุกขอยางใดอยางหนึ่งเกิดขึ้น ทุกขทั้งปวงนั้นมีอุปาทานเปนปจจัย.... ....ทุ กข อย างใดอย างหนึ่ งเกิ ด ขึ้ น ทุ กข ทั้ งปวงนั้ นมี อ ารั ม ภะ (ความเกาะเกี่ ยว) เปนปจจจัย....
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๖๙
....ทุกขอยางใดอยางหนึ่งเกิดขึ้น ทุกขทั้งปวงนั้นมีอาหารเปนปจจัย.... ....ทุ ก ข อ ย างใดอย างหนึ่ งเกิ ด ขึ้ น ทุ ก ข ทั้ งปวงนั้ น มี อิ ญ ชิ ต ะ (ความหวั่ นไหว) เปนปจจัย.... นี้เปนอนุปสสนาหนึ่ง ๆ. (อนุ ป ส สนา ๑๑ ประการนี้ เป น คู กั บ อนุ ป ส สนาอี ก ๑๑ ประการ อั น เป น ฝ า ยนิ โรธ ซึ่ งได แ ยกไปใส ไว ใ นหมวดทุ ก ขนิ โรธอริ ย สั จ โดยหั ว ข อ ว า "เหตุ ดั บ แห ง ทุ ก ข ที่ ต รั ส ไว โดยอเนกปริ ย าย". ผู ศึ ก ษาพึ ง สั ง เกตเห็ น ได เ องว า การแยกให เ ป น ปริ ย ายมากออกไป กระทํ า ได โ ดย ลักษณะเชนนี้). - สุตฺต. ขุ. ๒๕/๔๗๔-๔๗๙/๓๙๒-๔๐๒.
นิทเทศ ๖ วาดวยอาการที่ตัณหาทําใหเกิดทุกข จบ
www.buddhadasa.info
๓๗๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
นิทเทศ ๗ วาดวยทิฏฐิที่เกี่ยวกับตัณหา (มี ๘ เรื่อง)
เพราะมิจฉาทิฏฐิจึงเปนปลาติดอวน ภิ ก ษุ ท.! สมณพราหมณ ทั้ งหลายเหล าใดเหล าหนึ่ ง ที่ บั ญ ญั ติ ทิ ฏ ฐิ ปรารภปุพ พัน ตขัน ธบ า ง ปรารภอปรัน ตขัน ธบ า ง ปรารภทั ้ง ปุพ พัน ตะและ อปรั น ตขั น ธ บ า ง ล ว นแต เป น ผู มี ปุ พ พั น ตาปรั น ตานุ ทิ ฏ ฐิ ปรารภขั น ธ ทั้ ง ที่ เป น ปุพ พัน ตะและอปรัน ตะ ดัง นี ้แ ลว กลา วบัญ ญ ัต ิท ิฏ ฐิอ ัน เปน อธิม ุต ติบ ท (ทางแห ง ความหลุ ด พ น อย า งยิ่ ง ของสั ต ว ตามทิ ฏ ฐิ แ ห ง ตน ๆ) มี อ ย า งต า ง ๆ กั น เป น อเนก;สมณพราหมณ ทั้ ง หลายเหล า นั้ น ทั้ งหมด ถู ก กระทํ า แล ว ให ต กอยู ภ ายใน แห งข า ยด ว ยวั ต ถุ (ที่ ตั้ งแห งทิ ฏ ฐิ ) ทั้ ง หลาย ๖๒ ประการเหล า นั้ น เอง เมื่ อ โงหั ว อยูที่เดียวก็โงหัวอยูในขายนั้น เมื่อเที่ยวโงหัวอยูในที่ทั่ว ๆ ไป ก็โงหัวอยูในขาย นั้น.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! เปรี ย บเหมื อ นชาวประมงและลู ก มื อ ของชาวประมงผู เชี ่ย วชาญ ไดล อ มแหลง น้ํ า นอ ยไวด ว ยอวนตาถี ่ เมื ่อ เปน อยา งนี ้ สัต วม ีช ีว ิต ทั ้ง หลายเปน อัน มากเหลา หนึ ่ง เหลา ใด ในแหลง น้ํ า นี ้ สัต วทั ้ง หลายเหลา นั ้น แม ทั้ งหมด ชื่ อ ว าถู ก กระทํ า ไว แ ล วในภายในแห งอวน เมื่ อ ผุ ด อยู ที่ เดี ย ว ก็ ผุ ด อยู ในอวนนั ้น เมื ่อ เที ่ย วผุด อยู ใ นที ่ทั ่ว ๆ ไป ก็ย ัง คงผุด อยู ใ นอวนนั ้น นั ่น เอง, นี้ ฉั น ใด; ภิ ก ษุ ท.! ข อ นี้ ก็ ฉั น นั้ น กล า วคื อ สมณพราหมณ ทั้ ง หลายเหล า ใด เหล า หนึ่ ง ที่ บั ญ ญั ติ ทิ ฏ ฐิ ป รารภปุ พ พั น ตขั น ธ บ า ง ปรารภอปรั น ตขั น ธ บ า ง ปรารภทั ้ง ปุพ พัน ตะและอปรัน ตขัน ธบ า ง ลว นแตเ ปน ผู ม ีป ุพ พัน ตาปรัน ตานุทิ ฏ ฐิ ปรารภขั น ธ ทั้ ง ที่ เป น ปุ พ พั น ตะและอปรั น ตะ ดั ง นี้ แ ล ว กล า วบั ญ ญั ติ ทิ ฏ ฐิ อันเปนอธิมุตติบท (ทางแหงความหลุดพนอยางยิ่งของสัตว ตามทิฏฐิแหงตน ๆ) มีอยาง
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๗๑
ต า ง ๆ กั น เป น อเนก; สมณพราหมณ ทั้ ง หลายเหล า นั้ น ทั้ ง หมด ถู ก กระทํ า แล ว ให ต กอยู ภ ายในแห งข า ย ด ว ยวั ต ถุ (ที่ ตั้ งแห งทิ ฏ ฐิ ) ทั้ งหลาย ๖๒ ประการเหล า นั้ น เองเมื ่อ โงห ัว อยู ที ่เ ดีย ว ก็โ งหัว อยู ใ นขา ยนั ้น เมื ่อ เที ่ย วโงหัว อยู ใ นที ่ทั ่ว ๆ ไป ก็โงหัวอยูในขายนั้นนั่นเอง. - สี. ที. ๘/๕๘/๙๐.
เกิดกิเลสและทุกขเพราะทิฏฐิบวก - ทิฏฐิลบ ภิก ษุ ท.! ทิฏ ฐิส องอยา งนี ้ม ีอ ยู คือ ภ วทิฏ ฐิ (ทิฏ ฐิฝ า ยบวก). วิภวทิฏฐิ (ทิฏฐิฝายลบ). ภิก ษุ ท.! สมณ ะหรือ พราหมณ เ หลา ใด แอบอิง ภวทิฏ ฐิ เขา ถึง ภวทิฏ ฐิ หยั ่ง ลงสู ภ วทิฏ ฐิ; สมณ ะหรือ พราหมณเ หลา นั ้น ยอ มคัด คา นตอ วิภวทิฏฐิ.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! สมณะหรือ พราหมณเ หลา ใด แอบอิง วิภ วทิฏ ฐิ เขา ถึง วิภ วทิฏ ฐิ หยั ่ง ลงสู ว ิภ วทิฏ ฐิ; สมณะหรือ พราหมณเ หลา นั ้น ยอ มคัด คา นตอ ภวทิฏฐิ.
ภิ ก ษุ ท.! สมณะหรือ พราหมณ เหล า ใด ไม รู ชั ด ตามความเป น จริ ง ซึ่ ง ความเกิ ด ขึ้ น ความตั้ ง อยู ไม ได รสอร อ ย โทษต่ํ า ทราม และอุ บ ายเครื่ อ งออก แทง ทิฏ ฐิทั ้ง สองนี ้; สมณะหรือ พราหมณเ หลา นั ้น ชื ่อ วา ผู มีร าคะ มีโ ทสะ มีโมหะ มีตัณหา มีอุปาทาน เปนผูไมรูแจง ประเดี๋ยวยอมรับประเดี๋ยวคัดคาน
๓๗๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
มี ค วามเนิ่ น ช า เป น ที่ ม ายิ น ดี มั ก ยิ น ดี ใ นความเนิ่ น ช า . เขาเหล า นั้ น ย อ มไม พ น จากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริ เทวะ ทุ ก ขะ โทมนั ส อุ ป ายาส, เรากล า วว า เขาเหลานั้น ไมพนจากทุกข. (ต อจากนี้ ได ตรั สสมณพราหมณ พ วกตรงกั นข าม ไม มี ทิ ฏ ฐิ บวก-ทิ ฏฐิ ลบ พ นจากทุ กข ได โดยนัยตรงกันขาม). - มู. ม. ๑๒/๑๓๑/๑๕๕.
สักกายทิฏฐิ มีไดดวยอาการอยางไร "ขาแตพระองคผูเจริญ! สักกายทิฏฐิ ยอมมีไดดวยอาการอยางไรหนอแล?" ภิก ษุ! ใน กรณ ีนี ้ บุถ ุช น ผู ไ มม ีก ารสดับ ไมไ ดเ ห็น พ ระอ ริย เจา ไม ฉ ลาดในธรรมของพระอริ ย เจ า ไม ไ ด รั บ การแนะนํ า ในธรรมของพระอริ ย เจ า ไมไ ดเ ห็น สัต บุร ุษ ไมฉ ลาดในธรรมของสัต บุร ุษ ไมไ ดร ับ การแนะนํ า ในธรรม ของสั ต บุ รุ ษ เขาย อ มตามเห็ น รู ป โดยความเป น ตนบ า ง ตามเห็ น ตนว า มี รู ป บ า ง ตามเห็ น รู ป ว า มี อ ยู ใ นตนบ า ง หรื อ ตามเห็ น ตนว า มี อ ยู ใ นรู ป บ า ง; ย อ มตามเห็ น เวทนาโดยความเป น ตนบ า ง ตามเห็ น ตนว า มี เวทนาบ า ง ตามเห็ น เวทนาว า มี อ ยู ในตนบ า ง หรื อ ตามเห็ น ตนว า มี อ ยู ใ นเวทนาบ า ง; ย อ มตามเห็ น สั ญ ญ าโดย ความเป น ตนบ าง ตามเห็ น ตนว ามี สั ญ ญาบ าง ตามเห็ น สั ญ ญาว ามี อ ยู ในตนบ า ง หรื อ ตามเห็ น ตนว า มี อ ยู ใ นสั ญ ญาบ า ง; ย อ มตามเห็ น สั ง ขารโดยความเป น ตน บ า ง ตามเห็ น ตนว า มี สั ง ขารบ า ง ตามเห็ น สั ง ขารว า มี อ ยู ในตนบ า ง หรื อ ตามเห็ น ตนวามีอยูในสังขารบาง; ยอมตามเห็นวิญญาณโดยความเปนตนบาง ตามเห็น
www.buddhadasa.info
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๗๓
ตนว ามี วิ ญ ญาณบ าง ตามเห็ นวิ ญ ญาณว ามี อยู ในตนบ าง หรื อตามเห็ นตนว ามี อยู ในวิญญาณบาง. ภิกษุ! สักกายทิฏฐิ ยอมมีไดดวยอาการอยางนี้ แล. (ตอไปนี้ ไดตรัสอาการที่สักกายทิฏฐิไมมี, โดยนัยตรงกันขาม). - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๒๔/๑๘๘-๑๘๙.
สักกายสมุทยคามินีปฏิปทา ภิกษุ ท.! สักกายสมุทยคามินีปฏิปทา (ทางดําเนินแหงจิตใหถึงซึ่ง การเกิดขึ้นแหงสักกายะ) เปนอยางไรเลา? ภิ ก ษุ ท.! ในกรณี นี้ บุ ถุ ช นผู ไ ม มี ก ารสดั บ ไม ไ ด เ ห็ น พระอริ ย เจ า ไม ฉ ลาดในธรรมของพระอริ ย เจ า ไม ถู ก แนะนํ า ในธรรมของพระอริ ย เจ า ไม ไ ด เห็ น สั ต บุ รุ ษ ไม ฉ ลาดในธรรมของสั ต บุ รุ ษ ไม ถู ก แนะนํ า ในธรรมของสั ต บุ รุ ษ ย อ มตามเห็ น พร อ ม (คื อ เห็ น ดิ่ ง อยู เป น ประจํ า ) ซึ่ ง รู ป โดยความเป น คน หรื อ ตาม เห็ น พร อ มซึ่ ง ตนว า มี รู ป หรื อ ตามเห็ น พร อ มซึ่ ง รู ป ว า มี อ ยู ใ นตน หรื อ ตามเห็ น พรอมซึ่งตนวามีอยูในรูป บาง;
www.buddhadasa.info ย อ มตามเห็ น พร อ มซึ่ ง เวทนา โดยความเป น ตน หรื อ ตามเห็ น พร อ ม ซึ่ ง ตนว า มี เวทนา หรื อ ตามเห็ น พร อ มซึ่ ง เวทนาว า มี อ ยู ใ นตน หรื อ ตามเห็ น พร อ ม ซึ่งตนวามีอยูในเวทนา บาง;
ย อ มตามเห็ น พร อ มซึ่ ง สั ญ ญา โดยความเป น ตน หรื อ ตามเห็ น พร อ ม ซึ่ งตนว ามี สั ญ ญา หรื อ ตามเห็ น พร อ มซึ่ งสั ญ ญาว ามี อ ยู ในตน หรื อ ตามเห็ น พร อ ม ซึ่งตนวามีอยูในสัญญา บาง;
๓๗๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ย อ มตายเห็ น พร อ มซึ่ ง สั ง ขาร โดยความเป น ตน หรื อ ตามเห็ น พร อ ม ซึ ่ง ตนวา มีส ัง ขาร หรือ ตามเห็น พรอ มสัง ขารวา มีอ ยู ใ นตน หรือ ตามเห็น พรอ ม ซึ่งตนวามีอยูในสังขาร บาง; ย อ มตามเห็ น พร อ มซึ่ ง วิ ญ ญาณ โดยความเป น ตน หรื อ เห็ น พร อ ม ซึ่ ง ตนว า มี วิ ญ ญาณ หรื อ ตามเห็ น พร อ มซึ่ ง วิ ญ ญาณว า มี อ ยู ใ นตน หรื อ ตามเห็ น พรอมซึ่งตนวามีอยูในวิญญาณ บาง. ภิกษุ ท.! นี้เราเรียกวา สักกายสมุทยคามินีปฏิปทา ดังนี้. ภิ ก ษุ ท.! ข อ นี้ อ ธิ บ ายว า ข อ (ที่ ก ล า วมาทั้ ง หมด) นั้ น เรี ย กว า การตามเห็น อัน เปน เครื ่อ งใหถ ึง ซึ ่ง การเกิด ขึ ้น แหง ทุก ข, (ทุก ฺข สมุท ยคามินี สมนุปสฺสนา). - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๕๕/๘๙.
www.buddhadasa.info [ผู ศึ ก ษาพึ ง สั ง เกตให เห็ น ว า ทุ ก ขสมุ ท ยคามิ นี ส มนุ ป ส สนานั่ น แหละ คื อ สั ก กายสมุท ยคามิน ีป ฏิป ทา (ทางดํ า เนิน แหง จิต ใหถ ึง ซึ ่ง การเกิด ขึ ้น แหง สัก กายะ). คํ า วา ปฏิป ทา ในกรณ ีเ ชน นี ้ หมายถึง ทางดํ า เนิน แหง จิต มิใ ชก ารปฏิบ ัต ิด ว ยเจตนา ไดแ กค วามเห็น ผิด เหลานั้นนั่นเองเปนตัวปฏิปทา.
ในบาลี แ ห ง อื่ น (อุ ป ริ . ม. ๑๔/๕๑๕/๘๒๐) แทนที่ จ ะยกเอาเบญจขั น ธ ม าเป น วั ต ถุ แห งการเห็ น แต ได ตรั สยกเอาอายตนิ กธรรม ๖ หมวดคื อ อายตนะภายในหก อายตนะภายนอกหก วิ ญ ญาณหก ผั ส สะหก เวทนาหก ตั ณ หาหก มาเป น วั ต ถุ แ ห ง การตามเห็ น เกี่ ย วกั บ ตั ว ตน และ ทรงเรี ย กการตามเห็ น นั้ น ว า ทางดํ า เนิ น แห ง จิ ต ให ถึ ง ซึ่ ง การเกิ ด ขึ้ น แห ง สั ก กายะ อย า งเดี ย วกั บ สูตรขางบน].
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๗๕
เหตุใหเกิดอันตคาหิกทิฏฐิสิบ "ข าแต พระโคดมผู เจริญ! อะไรหนอ เป นเหตุ เป นป จจั ย ที่ ทํ าให เกิ ดทิ ฏฐิ มีอยางเปนอเนกเหลานี้ ขึ้นมาในโลก วา 'โลกเที่ ยง' บาง วา 'โลกไมเที่ ยง' บาง วา 'โลกมีที่สุด' บาง วา 'โลกไมมีที่สุด' บาง วา 'ชีวะก็อันนั้น สรีระก็อันนั้น' บาง วา 'ชี วะก็ อั น อื่ น สรีระก็ อั น อื่ น ' บ าง วา 'ตถาคตภายหลั งแต ต ายแล ว ยอมมีอีก' บาง วา 'ตถาคตภายหลังแตตายแลว ยอมไมมีอีก' บาง วา 'ตถาคต ภายหลังแตตายแลว ยอมมีอีกก็มีไมมีอีกก็มี' บาง วา 'ตถาคตภายหลังแตตาย แลวยอมมีอีกก็หามิไดไมมีอีกก็หามิได' บาง?" วัจฉะ! เพราะความไม รู ในรู ป ในเหตุ ให เกิ ด ขึ้ น แห งรู ป ในความ ดับไมเหลือแหงรูป ในหนทางเครื่องใหถึงความดับไมเหลือแหงรูป ทิฏฐิมีอยาง เปนอเนกเหลานี้ จึงเกิดขึ้นมาในโลก วา "โลกเที่ยง" บาง วา "โลกไมเที่ยง" บา ง ....ฯลฯ.... วา "ตถาคตภายหลัง แตต ายแลว ยอ มมีอีก ก็ห ามิไดไ มม ีอ ีก ก็หามิได" บาง.
www.buddhadasa.info (ในกรณี แ ห งความไม รู ในเวทนา ในสั ญ ญา ในสั ง ขาร และในวิ ญ ญาณ แล ว จึ ง เกิดทิฏฐิตาง ๆ เหลานี้ ก็ไดตรัสไวโดยทํานองเดียวกันกับในกรณีแหงความไมรูในรูป.
สํ า หรั บ คํ า ว า "เพราะความไม รู " ในสู ต รข า งบนนี้ ในสู ต รอื่ น ๆ ได ต รั ส ไว ด ว ยคํ า ว า เพราะไมเ ห็น , เพราะไมถึง พรอ มเฉพาะ, เพราะไมรูโ ดยลํา ดั บ , เพราะไม แ ทงตลอด, เพราะไมกํ า หนดทั ่ว ถึง , เพราะไมเ ขา ไปกํ า หนด, เพราะความไมเพง พิน ิจ อยา งสม่ํ า เสมอ, เพราะความไมพิจารณาโดยเจาะจง, เพราะความไมเขาไปกําหนดโดยเฉพาะ และเพราะไม ทํา ให ป ระจั ก ษ , อีกถึง ๑๐ คํา ซึ่งก็มีใจความอยางเดียวกัน).
- ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๑๙-๓๒๖/๕๕๔-๕๘๔.
๓๗๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ทิฏฐิใหเกิดเวทนาชนิดที่ลวนแตเปนทุกขสมุทัย ภิ ก ษุ ท.! บรรดาสมณ พราหมณ ทั้ ง หลายเหล า นั้ น สมณ พราหมณ เหลา ใด เปน พวก สัส สตวาท ยอ มบัญ ญ ัต ิอ ัต ตาและโลกวา เที ่ย ง ดว ยวัต ถุ (ที่ตั้งแหงทิฏฐิ) ๔ ประการ ก็ดี, สมณพราหมณ เหล าใด เป นพวก เอกั จจสั สสติ กเอกั จจอสั สสติ กวาท (ย อมบั ญ ญั ตอั ตตาและโลกว าเที่ ยงบางอย างไม เที่ ยงบางอย าง ด วยวั ตถุ ๔ ประการ) ก็ดี, สมณพราหมณ เหล า ใด เป น พวกอั น ตานั น ติ ก วาท (ย อ มบั ญ ญั ติ ซึ่ ง โลกวามีที่สุดหรือไมมีที่สุด ดวยวัตถุ ๔ ประการ) ก็ดี, สมณพราหมณ เ หล า ใด เป น พวกอมราวิ ก เขป ก วาท (เมื่ อ ถู ก ถาม ป ญ หาในที่ นั้ น ๆ ย อ มถึ ง ความส า ยแห ง วาจาอั น ดิ้ น ได ไ ม ต ายตั ว ด ว ยวั ต ถุ ๔ ประการ) ก็ดี, สมณพราหมณ เหล าใด เป น พวกอธิ จ จสมุ ป ป น นิ ก วาท (ย อ มบั ญ ญั ติ อัตตาและโลกวาเกิดเองลอย ๆ ดวยวัตถุ ๒ ประการ) ก็ดี,
www.buddhadasa.info สมณพราหมณ เหล าใด เป นพวกปุ พ พั น ตกั ป ป ก วาท (มี ปุ พ พั นตนานุ ทิฏ ฐิ ป รารภ ขัน ธอ ัน มีแ ลว ใน ก าล กอ น ยอ ม ก ลา วบัญ ญ ัต ิซึ ่ง อ ธิม ุต ติบ ท (ทางแห ง ความหลุ ด พ น อย า งยิ่ ง ของสั ต ว ต ามทิ ฏ ฐิ แ ห ง ตน ๆ) มี อ ย า งเป น อเนก ด ว ยวั ต ถุ ๑๘ ปรการ) ก็ดี; สมณพราหมณ เหล าใด เป นพวกอุ ทธมาฆตนิ กสั ญ ญี วาท (ย อมบั ญ ญั ติ อัตตาหลังจากตายแลววามีสัญญา ดวยวัตถุ ๑๖ ประการ) ก็ดี.
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๗๗
สมณพราหมณ เหล าใด เป นพวกอุ ทธมาฆตนิ กอสั ญญี วาท (ย อมบั ญญั ติ อัตตาหลังจากตายแลววาไมมีสัญญา ดวยวัตถุ ๘ ประการ) ก็ดี, สมณพราหมณ เหลาใด เป นพวก อุ ทธมาฆตนิ กเนวสั ญญี นาสั ญญี วาท (ย อมบั ญญั ติ อั ตตาหลั งจากตายแล ว วามี สั ญญาก็ หามิ ได ไม มี สั ญญาก็ หามิ ได ด วย วัตถุ ๘ ประการ) ก็ดี, สมณพราหมณ เหล า ใด เป น พวกอุ จ เฉทวาท (ย อ มบั ญ ญั ติ ซึ่ ง ความ ขาดสูญ ความพินาศ ความไมมี แหงสัตวที่มีอยู ดวยวัตถุ ๗ ประการ) ก็ดี, สมณพราหมณ เหล าใด เป นพวกทิ ฏฐธั มมนิ พพานวาท (ย อมบั ญ ญั ติ ซึ่งปรมทิฏฐธัมมนิพพานวาท แกสัตวที่มีอยู ดวยวัตถุ ๕ ประการ) ก็ดี, สมณพราหมณ เหล าใด เป นพวกอปรั นตกั ปป กวาท (มื อปรั นตานุ ทิ ฏฐิ ปรารภขั น ธ มี ส ว นสุ ด ในเบื้ อ งหน า ย อ มกล า วบั ญ ญั ติ ซึ่ ง อธิ มุ ต ติ บ ท มี ป ระการ ตาง ๆ เปนอเนก ดวยวัตถุ ๔๔ ประการ) ก็ดี; แม สมณพราหมณ เหล าใด เป นพวก ปุ พพั นตกั ปป กวาท ก็ ดี อปรันตกัปปกวาท ก็ดี เปนพวก ปุพพันตาปรันตกัปปกวาท ก็ดี ลวนแตเปนผุมีปุพพันตาปรัน ตานุท ิฏ ฐิ ปรารภขัน ธทั ้ง ที ่ม ีแ ลว ในกาลกอ นและขัน ธอ ัน มีใ นเบื ้อ งหนา ยอมกลาวบัญญัติอธิมุตติบท มีอยางเปนอเนก ดวยวัตถุ ๖๒ ประการ; สมณพราหมณ ทั้ ง หลายเหล า นั้ น ทั้ ง หมด รู สึ ก ต อ เวทนาตามทิ ฏ ฐิ เฉพาะอยาง ๆ ของตน ๆ ขึ้นมา (ปฏิสํเวทเทนฺติ๑) เพราะการถูกตองแลวๆดวย
www.buddhadasa.info ๑. คํ า วา "รู ส ึก " (ป ฏิส ํเ วเท นฺต ิ) ในที ่นี ้ เปน ค วาม รู ส ึก ตอ ธัม ม ารม ณ ด ว ยม โน , เมื ่อ คน มี ทิ ฏ ฐิ อ ยู อ ย า งไร การเสวยเวทนาของเขา ย อ มทํ า ให เกิ ด ความรู สึ ก ชนิ ด ที่ เป น ไปตามอํ า นาจ แห ง ทิ ฏ ฐิ ที่ เขามี อ ยู ; ดั ง นั้ น เมื่ อ มี ทิ ฏ ฐิ ต า งกั น แม อ ารมณ ที่ มี ม ากระทบจะเป น อย า งเดี ย วกั น เขาย อ มเกิ ด ความรู สึ ก ต อ อารมณ ต า งกั น ไปตามทิ ฏ ฐิ ข องเขา; ดั ง นั้ น เวทนาที่ ม าจากอารมณ เดี ย วกั น จึ ง มี ค วามหมายต า งกั น ได เป น เหตุ ใ ห มี ทิ ฏ ฐิ ช นิ ด ที่ ห ล อ เลี้ ย งทิ ฏ ฐิ เดิ ม ให แ น น แฟ น อยู เ สมอไป : นี้ เ รี ย กได ว า ผั ส สะหรื อ เวทนาสร า งทิ ฏ ฐิ แล ว ก็ ห ล อ เลี้ ย งทิ ฏ ฐิ นั้ น ไว . ถ า ปราศจากผัสสะหรือเวทนาเสียอยางเดียวเทานั้น ยอมไมมีทางที่จะเกิดทิฏฐิได.
๓๗๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ผัสสายตนะ ๖ ประการ, เพราะเวทนาแหงสมณราหมณทั้งหลายเหลานั้นเปน ป จ จัย จึง ม ีต ัณ ห า; เพ ราะม ีต ัณ ห าเปน ปจ จัย จึง มีอ ุป าทาน ; เพ ราะมี อุป าทานเปน ปจ จัย จึง มีภ พ ; เพ ราะมีภ พ เปน ปจ จัย จึง มีช าติ; เพ ราะมี ชาติเปนปจจัย จึงมีชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสสะอุปายาสทั้งหลาย - สี. ที. ๙/๕๗/๙๐. (รายละเอี ย ดเกี่ ย วกั บ สมณพราหมณ ทุ ก พวกข า บนนี้ หาดู ได จ ากหนั งสื อ ปฏิ จ จ. โอ. หนา ๗๓๓ เปนตนไป.)
ความสําคัญผิดเปนเหตุใหเกิดนันทิ (อุปาทาน) ภิก ษุ ท .! ใน โล กนี ้ บุถ ุช น ผู ไ มม ีก ารส ดับ ไมเ ห็น พ ระอริย เจา ไม ฉ ลาดในธรรมของพระอริ ย เจ า ไม ไ ด รั บ การแนะนํ า ในธรรมของพระอริ ย เจ า , ไม เ ห็ น สั ป บุ รุ ษ ไม ฉ ลาดในธรรมของสั ป บุ รุ ษ ไม ไ ด รั บ การแนะนํ า ในธรรมของ สัป บุร ุษ . บุถ ุช นนั ้น ยอ มรู ส ึก ซึ ่ง ดิน โดยความเปน ดิน ; ครั ้น รู ส ึก ซึ ่ง ดิน โดยความเป น ดิ น แล ว ย อ มสํ าคั ญ มั่ น หมายซึ่ ง ดิ น ; ย อ มสํ าคั ญ มั่ น หมายในดิ น ; ยอ มสํ า คัญ มั ่น หมายโดยความเปน ดิน ; ยอ มสํ า คัญ มั ่น หมายวา ดิน ของเรา; ยอ ม เพ ลิน อ ยา งยิ ่ง ซึ ่ง ดิน . ขอ นั ้น เพ ราะเห ตุไ รเลา ? ขอ นั ้น เรากลา ววา เพราะความไมกําหนดรอบรูซึ่งดิน.
www.buddhadasa.info (ในกรณีแหงธรรมอื่นอีก ๒๓ อยาง คือ น้ํา ไฟ ลม ภูติสัตว เทพ ปชาบดี พรหมอาภัสสรพรหม สุ ภ กิ ณ หพรหม เวหั ป ปผลพรหม อภิ ภู อากาสานั ญ จายตนะ วิ ญ ญาณั ญ จายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ รูปที่เห็นแลว เสียงที่ไดยินแลว สิ่งที่รูสึกแลวทาง จมูก, ลิ้น, ผิวกาย สิ่งที่รูแจงแลว เอกภาวะ นานาภาวะ สิ่งทั้งปวงและนิพพาน, แตละอยาง ๆ
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๗๙
พระผู มี พ ระภาคได ต รั ส ว า สั ต ว ย อ มสํ า คั ญ ผิ ด ในความเป น ของตนเป น ต น แล ว เพลิ ด เพลิ น เฉพาะ ตอสิ่งนั้น ๆ เพราะความไมรอบรูตอสิ่งนั้น ๆ จึงกลาวไดวา ความสําคัญผิดเปนเหตุใหเกิดนันทิ). - มู. ม. ๑๒/๑/๒.
ตัณหาเจริญเพราะมิจฉาทิฏฐิในปยรูป - สาตรูป ภิ กษุ ท .! ส ม ณ ะห รื อ พ ราห ม ณ พ วก ใด ใน กาล อ ดี ต ก็ ต าม , ใน กาลอนาคตก็ ต าม, ในกาลนี้ ก็ ต าม, ย อ มเห็ น สิ่ ง อั น เป น ที่ รั ก ที่ ส นิ ท ใจ (ป ย รู ป สาตรูป) ในโลก โดยความเปนของเที่ยง โดยความเปนสุข โดยความเปนตัวตน โดยความเป น ของไม เสียบแทง โดยความเป น ของเกษม; สมณะหรือพราหมณ พวกนั้ น ย อ มทํ า ตั ณ หาให เ จริ ญ . เมื่ อ ทํ า ตั ณ หาให เจริ ญ อยู ก็ ทํ า อุ ป ธิ ใ ห เจริ ญ . เมื่ อ ทํ า อุ ป ธิ ใ ห เ จริ ญ อยู ก็ ทํ า ทุ ก ข ใ ห เ จริ ญ . เมื่ อ ทํ า ทุ ก ข ใ ห เ จริ ญ อยู สมณะหรื อ พราหมณ พ วกนั้ น ย อ มไม ห ลุ ด พ น จากความเกิ ด ความแก ความตาย ความโศก ความร่ํ า ไรรํ า พั น ความทุ ก ข ก าย ความทุ ก ข ใ จ ความคั บ แค น ใจ; เราตถาคต ยอมกลาววา "พวกเหลานั้น ยอมไมหลุดพนจากทุกข" ดังนี้.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! เปรี ย บเหมื อ น ถ ว ยดื่ ม สํ า ริ ด มี เ ครื่ อ งดื่ ม ใส อ ยู แ ล ว ชนิ ด หนึ ่ง สมบูร ณ ด ว ยสี กลิ ่น และรส แตว า มีย าพิษ ปนติด อยู . ครั ้ง นั ้น มีบ ุร ุษ ผู ห นึ่ ง ซึ่ ง กํ า ลั ง ร อ นจั ด มี ค วามร อ นระอุ ไปทั้ ง ตั ว เหน็ ด เหนื่ อ ย คอแห ง ระหายน้ํ า มาถึง เขา . คนทั ้ง หลายบอกแกบ ุร ุษ นั ้น วา "นี ่แ นท า นผู เ จริญ ! ถว ยดื ่ม สํ า ริด ใบนี ้ มีเ ครื ่อ งดื ่ม สมบูร ณ ด ว ยสี กลิ ่น และรส สํ า หรับ ทา น, แตว า มีย าพิษ ปนติด อยู , ถา หากทา นตอ งการดื ่ม ก็ดื ่ม ได, เมื ่อ ทา นกํ า ลัง ดื ่ม จัก ติด ใจมัน ดวยสีของมันบาง ดวยกลิ่นของมันบาง ดวยรสของมันบาง; แตวา ครั้นดื่ม
๓๘๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
เข า ไปแล ว ท า นจั ก ถึ ง ความตาย หรื อ ได รั บ ทุ ก ข เจี ย นตายเพราะเหตุ นั้ น " ดั ง นี้ . บุ รุ ษ นั้ น ไม ทั น จะพิ จ ารณ าถ ว ยดื่ ม สํ า ริ ด อั น นั้ น (ว า จะควรดื่ ม หรื อ ไม ค วรดื่ ม อยา งไร เปน ตน ) รีบ ดื ่ม เอา ๆ ไมย อมวาง. บุร ุษ นั ้น ก็ถ ึง ความตาย หรือ ไดร ับ ทุก ขเ จีย นตาย เพราะเหตุนั ้น . ฉัน ใดก็ฉ ัน นั ้น ที ่ส มณ ะหรือ พราหมณ พวกใด ในกาลอดีต ก็ต าม. ในกาลอนาคตก็ต าม, ในกาลนี ้ก ็ต าม, ยอ ม เห็น สิ ่ง อัน เปน ที ่ร ัก ที ่ส นิท ใจในโลก โดยความเปน ของเที ่ย ง ....ฯลฯ.... ยอ ม ไมหลุดพนจากทุกข" ดังนี้. - นิทาน. สํ. ๑๖/๑๓๒-๑๓๓/๒๕๔-๒๖๐.
นิทเทศ ๗ วาดวยทิฏฐิเกี่ยวกับตัณหา จบ
www.buddhadasa.info
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๘๑
นิทเทศ ๙ วาดวยกิเลสทั้งหลายในฐานะสมุทัย (มี ๑๕ เรื่อง)
ละราคะโทสะโมหะกอนละชาติชรามรณะ ภิ ก ษุ ท .! บุ ค ค ล เมื่ อ ไม ล ะ ซึ่ งธ รรม ส าม คื อ ราค ๑ โท ส ะ ๑ โมหะ ๑ ก็ไมอาจเพื่อละซึ่งธรรมสาม คือ ชาติ ๑ ชรา ๑ มรณะ ๑. ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คล เมื่ อ ไม ล ะซึ่ ง ธรรมสาม คื อ สั ก กายทิ ฏ ฐิ (ความ เห็ น ว า กายของตน) ๑ วิ จิ กิ จ ฉา (ความลั ง เลในธรรมที่ ไ ม ค วรลั ง เล) ๑ สี ลั พ พั ต ตปรามาส (การลู บ คลํ า ศี ล และวั ต รอย า งปราศจากเหตุ ผ ล) ๑ ก็ ไ ม อ าจเพื่ อ ละซึ่ ง ธรรมสาม คื อ ราคะ ๑ โทสะ ๑ โมหะ ๑. ภิ กษุ ท .! บุ ค ค ล เมื่ อ ไม ล ะซึ่ ง ธรรม ส าม คื อ อ โย นิ โส ม น สิ การ (ความทํ า ในใจไมแ ยบคาย) ๑ กุม มัค คเสวนา (การพัว พัน อยู ใ นทิฏ ฐิอ ัน ชั ่ว ) ๑ เจตโสลีน ัต ตา (ความมีจ ิต หดหู ) ๑ ก็ไ มอ าจเพื ่อ ละซึ ่ง ธรรมสาม คือ สัก กายทิฏ ฐิ ๑ จิกิจฉา ๑ สีลัพพัตตปรามาส ๑.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คล เมื่ อ ไม ล ะซึ่ ง ธรรมสาม คื อ มุ ฏ ฐสั จ จะ (ความมี สติ อั น ลื ม หลง) ๑ อสั ม ปชั ญ ญะ (ความปราศจากสั ป ชั ญ ญะ) ๑ เจตโสวิ ก เขปะ (ความ ส า ยแห ง จิ ต ) ๑ ก็ ไ ม อ าจเพื่ อ ละซึ่ ง ธรรมสาม คื อ อโยนิ โ สมนสิ ก าร ๑ กุ ม มั ค คเสวนา ๑ เจตโสลีนัตตา ๑.
๓๘๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลเมื่ อ ไม ล ะซึ่ งธรรมสาม คื อ อริ ย านั งอทั ส สนกกั ม ยตา (ความไม อยากเห็ น พระอริ ยเจ า) ๑ อริ ย ธั ม มั งอโสตุ กั ม ยตา (ความไม อยากฟ งธรรมธรรมของ พระอริ ย เจ า ) ๑ อุ ป ารั ม ภจิ ต ตตา (ความมี จิ ต เที่ ย วเกาะเกี่ ย ว) ๑ ก็ ไ ม อ าจเพื่ อ ละซึ่ ง ธรรมสาม คือ มุฏฐสัจจะ ๑ อสัมปชัญญะ ๑ เจตโสวิกเขปะ ๑. ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คล เมื่ อ ไม ล ะซึ่ ง ธรรมสาม คื อ อุ ท ธั จ จะ (ความฟุ งซ าน) ๑ อสั ง วระ (ความไม สํ า รวม) ๑ ทุ ส สี ล ยะ (ความทุ ศี ล ) ๑ ก็ ไ ม อ าจเพื่ อ ละซึ่ ง ธรรม สาม คือ อริยานังอทัสสนกัมยตา ๑ อริยธัมมังอโสตุกัมยตา ๑ อุปารัมภจิตตตา ๑. ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คล เมื่ อ ไม ล ะซึ่ ง ธรรมสาม คื อ อสั ท ธิ ย ะ (ความไม มี สั ท ธา) ๑ อวทั ญ ุ ตา (ความเป น วทั ญ ู ) ๑ โกสั ช ชะ (ความเกี ย จคร า น) ๑ ก็ ไ ม อาจเพื่อละซึ่งธรรมสาม คือ อุทธัจจะ ๑ อสังวระ ๑ ทุสสีลยะ ๑. ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คล เมื่ อ ไม ล ะซึ่ ง ธรรมสาม คื อ อนาทริ ย ะ (ความไม เอื้ อ เฟ อ ในบุ ค คลและธรรมอั น ควรเอื้ อ เฟ อ ) ๑ โทวจั ส สตา (ความเป น คนว า ยาก) ๑ ปาปมิ ตตตา (ความมี มิ ตรชั่ ว) ๑ ก็ ไม อาจเพื่ อละซึ่ งธรรมสาม คื อ อสั ทธิ ยะ ๑ อวทั ญ ุ ตา โกสัชชะ ๑.
www.buddhadasa.info ภิ กษุ ท .! บุ ค ค ล เมื่ อไม ล ะซึ่ ง ธรรม ส าม คื อ อหิ ริ ก ะ (ความ ไม ละอายในสิ่ ง ที่ ค วรละอาย) ๑ อโนตตั ป ปะ (ความไม ก ลั ง ในสิ่ ง ที่ ค วรกลั ว ) ๑ ปมาทะ (ความประมาท) ๑ ก็ ไ ม อ าจเพื่ อ ละซึ่ ง ธรรมสาม คื อ อนาทริ ย ะ ๑ โทวจั ส สตา ๑ ปาปมิตตตา ๑
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๘๓
ภิกษุ ท.! บุคคลนี้ เปนผูมี อหิริกะ มีอโนตตัปปะ มีปมาทะ แลว. เขาเมื่ อ เป น ผู มี ป มาทะอยู แ ล ว ก็ ไม อ าจเพื่ อ ละซึ่ งอนาทริ ย ะ ๑ โทวจัสสตา ๑ ปาป-มิตตา ๑; เขาเมื่ อเป นผู มี ปาปมิ ตตตา ก็ ไม อาจเพื่ อละซึ่ งอสั ทธิ ยะ ๑ อวทั ญ ุ ตา ๑ โกสัชชะ ๑; เขาเมื่ อ เป น ผู มี โ กสั ช ชะ ก็ ไ ม อ าจเพื่ อ ละซึ่ ง อุ ท ธั จ จะ ๑ อสั ง วระ ๑ ทุสสีลยะ ๑; เขาเมื่ อเป นผู มี ทุ สสี ลยะ ก็ ไม อาจเพื่ อละซึ่ งอริ ยานั งอทั สสนกั มยตา ๑ อริยธัมมังอโสตุ กัมยตา ๑ อุปารัมภจิตตตา ๑; เขาเมื่ อ เป น ผู มี อุ ป ารั ม ภจิ ต ตา ก็ ไ ม อ าจะเพื่ อ ละซึ่ ง มุ ฏ ฐสั จ จะ ๑ อสัมปชัญญะ ๑ เจต-โสวิกเขปะ ๑; เขาเมื่ อ เป น ผู มี เจตโสวิ ก เขปะ ก็ ไม อ าจเพื่ อ ละซึ่ งอโยนิ โสมนสิ การ ๑ กุมมัคคเสวนา ๑ เจตโสลีนัตตา ๑; เขาเมื่ อเป นผู มี เจตโสลี นั ตตา ก็ ไ ม อาจเพื่ อละซึ่ ง สั ก กายทิ ฏฐิ ๑ วิจิกิจฉา ๑ สีลัพพัตต-ปรามาส ๑; เขาเมื่อเปนผูมีวิจิกิจฉา ก็ไมอาจเพื่อละซึ่งราคะ ๑ โทสะ ๑ โมหะ ๑; เขาเมื่อไมละซึ่งราคะ ๑ โทสะ ๑ โมหะ ๑ ก็ไมอาจเพื่อละซึ่งชาติ ๑ ชรา ๑ มรณะ ๑.
www.buddhadasa.info (ต อ ไปได ต รั ส ข อ ความเกี่ ย วกั บ ปฏิ ป ก ขนั ย ฝ า ยตรงกั น ข า ม อั น เป น ฝ า ยที่ ทํ า ให ล ะ ชาติ-ชรา-มรณะ ได ผูอานสามารถเทียบเคียงไดเอง จึงมิไดนํามากลาวไวในที่นี้). - ทสก. อํ. ๒๔/๑๕๔-๑๕๗/๗๖.
๓๘๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ทุกแงมุมที่เกี่ยวกับอกุศลมูล ภิ ก ษุ ท.! อกุ ศ ลมู ล ๓ อย า งเหล า นี้ มี อ ยู . สามอย า งเหล า ไหน เลา ? สามอยา งคือ โลภะ เปน อกุศ ลมูล โทสะเปน อกุศ ลมูล โมหะเปน อกุศลมูล. ภิก ษุ ท .! แ มโ ล ภ ะ นั ้น ก็เ ปน อ กุศ ล . ค น โล ภ แ ลว ป ระ ก อ บ กรรมใดทางกาย ทางวาจาทางใจ แมก รรมนั ้น ก็เ ปน อกุศ ล. คนโลภ ถู ก ความโลภครอบงํ า แล ว มี จิ ต อั น ความโลภกลุ ม รุ ม แล ว ทํ า ความทุ ก ข ใ ห แ ก ผู อื่ น โดยที่ ไม ค วรจะมี ด วยการฆ า บ า ง ด วยการจองจํ า บ า ง ด วยการให เสื่ อ มเสี ย บ า ง ด ว ยการติ เตี ย นบ าง ด ว ยการขั บ ไล บ าง โดยการถื อ ว า เรามี กํ าลั งเหนื อ กว า ดั งนี้ แมก รรมนี ้ก ็เ ปน อกุศ ล : อกุศ ลธรรมอัน ลามกเปน อเนก ที ่เ กิด จากความโลภ มี ค วามโลภเป น เหตุ มี ค วามโลภเป น สมุ ทั ย มี ค วามโลภเป น ป จ จั ย เหล า นี้ ย อ ม เกิดขึ้นแกเขา ดวยอาการอยางนี้. (ในกรณี แ ห ง โทสะและโมหะ ก็ ได ต รั ส ไว ด ว ยข อ ความทํ า นองเดี ย วกั น อย า งที่ ก ล า ว ไดวาทุกตัวอักษร ผิดกันแตชื่อเทานั้น).
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! บุค คลชนิด นี ้นั ้น ควรถูก เรีย กวา เปน อ ก าล วาท ีบ า ง อภูต วาทีบ า ง อนัต ถวาที บา ง อธัม มวาทีบ า ง อวิน ยวาทีบ า ง. เพราะเหตุไร จึง ควรถูก เรีย กอยา งนั ้น ? เพราะเหตุว า บุค คลนี ้ทํ า ความทุก ขใ หแ กผู อื ่น โดยที่ ไม ค วรจะมี ด วยการฆ า บ า ง ด ว ยการจองจํ า บ า ง ด วยการให เสื่ อ มเสี ย บ า ง ด ว ย การติ เ ตี ย นบ า ง ด ว ยการขั บ ไล บ า ง โดยการถื อ ว า เรามี กํ า ลั ง เหนื อ กว า ดั ง นี้ ; และเมื่อเขาถูกกลาวหาอยูดวยเรื่องที่เปนจริง ก็บิดพลิ้วไมยอมรับ; เมื่อถูก
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๘๕
กลาวหาอยูดวยเรื่องที่ไมเปนจริง ก็ไมพยายามที่จะทําใหแจงชัดออกไปวา นั่น ไมต รง นั ่น ไมจ ริง อยา งนี ้ ๆ. เพ ราะฉะนั ้น บุค คลชนิด นี ้ จึง ควรถูก เรีย กวา เปนอกาลวาทีบาง อภูติวาทีบาง อนัตถวาทีบาง อธัมมวาทีบาง อวินยวาทีบาง, ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลชนิ ด นี้ ถู ก อกุ ศ ลธรรมอั น ลามกซึ่ ง เกิ ด มาจาก ความโลภครอบงําแล ว มี จิ ต อั น อกุ ศ ลธรรมอั น ลามกที่ เกิ ด จากโลภะกลุ ม รุม แล ว ย อ มอยู เป น ทุ ก ข มี ค วามลํ าบาก มี ค วามคั บ แค น มี ความเรารอ น ในทิ ฏ ฐธรรม นั่ น เที ย ว, ภายหลั งแต ก ารตายเพราะการทํ าลายแห งกาย ย อ มหวั งได แ ต ทุ ค ติ . (ในกรณีแ หง ความโกรธและความหลง ก็ต รัส ไวโ ดยขอ ความทํ า นองเดีย วกัน อยา งที ่ก ลา ว ไดว า ทุก ตัว อัก ษ ร ผิด กัน แ ตชื ่อ เทา นั ้น ). ภิก ษุ ท .! เป รีย บ เห มือ นตน ไมใ ห ญ ๆ
เช น ต น สาละ ตั น ธวะ หรื อ ต น ผั น ทนะก็ ดี ถู ก เครื อ เถามาลุ ว าสามชนิ ด ขึ้ น คลุ ม แลว รัดรึงแลว ยอมถึงความพินาศฉิบหาย, ฉันใดก็ฉันนั้น. ภิกษุ ท.! เหลานี้แล อกุศลมูล ๓ อยาง. (พระองค ยั ง ได ต รั ส ข อ ความเป น ปฏิ ป ก ขนั ย ฝ า ยตรงกั น ข า มอี ก ซึ่ ง ผู ศึ ก ษาหาดู ไ ด จากหัวขอวา "ปรินิพพานในทิฏฐธรรมดวยการตัดอกุศลมูล" ในภาค ๓ แหงหนังสือเลามนี้). - ติก. อํ. ๒๐/๒๕๘/๕๐๙.
www.buddhadasa.info ขอควรทราบเกี่ยวกับอกุศลมูล (หลายแงมุม)
ภิ ก ษุ ท.! ถ า พวกปริ พ พาชกเดี ย รถี ย เหล า อื่ น จะพึ ง ถามอย า งนี้ ว า "อาวุ โ ส! ธรรม ๓ อย า งเหล า นี้ มี อ ยู คื อ ราคะ ดทสะ โมหะ. อาวุ โส! อะไร เปนความผิดแปลก อะไรเปนความแตกตาง อะไรเปนเครื่องแสดงความตาง ระหวางธรรม
๓๘๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
๓ อ ย างเห ล านั้ น ?" ดั งนี้ .... ภิ ก ษุ ท .! พ วก เธ อ ถู ก ถ าม อ ย างนี้ แ ล ว พึ ง พยากรณแ กเ ขาวา "อาวุโ ส! ราคะมีโ ทษนอ ย คลายชา . โทสะมีโ ทษมาก คลายเร็ว. โมหะมีโทษมาก คลายเชา". ถ าเขาถามว า "อาวุ โส! อะไรเป นเหตุ อะไรเป นป จจั ย ที่ ทํ าให ราคะที่ ยั ง ไม เกิ ด เกิ ดขึ้ น, หรือราคะที่ เกิ ดขึ้ นแล ว เป นไปเพื่ อความเจริญโดยยิ่ ง เพื่ อความไพบู ลย ?" ดัง นี ้. คํ า ตอบพึง มีว า สุภ นิม ิต (สิ ่ง ที ่แ สดงใหรู ส ึก วา งาม ); คือ เมื ่อ เขาทํ า ในใจ ซึ่ ง สุ ภ นิ ม ตโดยไม แ ยบคาย ราคะที่ ยั ง ไม เ กิ ด ก็ เ กิ ด ขึ้ น และราคะที่ เ กิ ด อยู แ ล ว ก็ เป น ไปเพื่ อความเจริ ญ โดยยิ่ ง เพื่ อความไพ บู ล ย . อาวุ โ ส; นี้ คื อ เหตุ นี้ คื อ ปจจัย. ถ าเขาถามอี กว า "อาวุ โส! อะไรเป นเหตุ อะไรเป นป จจั ย ที่ ทํ าให โทสะที่ ยั งไม เกิ ด เกิ ด ขึ้ น , หรื อ โทสะที่ เกิ ด ขึ้ น แล ว เป น ไปเพื่ อ ความเจริ ญ โดยยิ่ ง เพื่ อ ความ ไพ บูล ย?" ดัง นี ้. คํ า ตอบ พ ึง มีว า ป ฏิฆ น ิม ิต (สิ ่ง ที ่แ สด งใหรู ส ึก กระท บ กระทั ่ง ); คื อ เมื่ อ เขาทํ า ในใจซึ่ ง ปฏิ ฆ นิ มิ ต โดยไม แ ยบคาย โทสะที่ ยั ง ไม เกิ ด ก็ เกิ ด ขึ้ น และ โทสะที ่เ กิด อยู แ ลว ก็เ ปน ไปเพื ่อ ความเจริญ โดยยิ ่ง เพื ่อ ความไพบูล ย. อาวุโ ส! นี้คือเหตุ นี้คือปจจัย.
www.buddhadasa.info ถ าเขาถามอี กว า "อาวุ โส! อะไรเป นเหตุ อะไรเป นป จจั ย ที่ ทํ าให โมหะที่ ยั งไม เกิ ด เกิ ด ขึ้ น , หรื อ โมหะที่ เกิ ด ขึ้ น แล ว เป น ไปเพื่ อ ความเจริ ญ โดยยิ่ ง เพื่ อ ความ ไพบู ล ย ?" ดั ง นี้ . คํ า ตอบพึ ง มี ว า อโยนิ โสมนสิ ก าร (การกระทํ าในใจโดยไม แ ยบคาย); คื อ เมื่ อ ทํ า ในใจโดยไม แ ยบคาย โมหะที่ ยั ง ไม เกิ ด ก็ เกิ ด ขึ้ น และโมหะที่ เกิ ด อยู แ ล ว ก็ เ ป น ไปเพื่ อ ความเจริ ญ โดยยิ่ ง เพื่ อ ความไพบู ล ย . อาวุ โ ส! นี้ คื อ เหตุ นี้ คื อ ปจจัย.
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๘๗
ถ าเขาถามอี กว า "อาวุ โส! อะไรเป นเหตุ อะไรเป นป จจั ย ที่ ทํ าให ราคะที่ ยั ง ไม เกิ ด เกิ ด ขึ้ น , หรื อ ราคะที่ เกิ ด ขึ้ น แล ว ละไป?"ดั ง นี้ . คํ า ตอบพึ ง มี ว า อสุ ภ นิ มิ ต (สิ่ ง ที่ แ สดงให รู สึ ก ว า ไม ง าม); คื อ เมื่ อ เขาทํ า ในใจซึ่ ง อสุ ภ นิ มิ ต โดยแยบคาย ราคะที่ ยั ง ไม เ กิ ด ก็ เ กิ ด ขึ ้ น แ ล ะ รา ค ะ ที ่ เ กิ ด อ ยู แ ล ว ก็ ล ะ ไป . อ า วุ โ ส ! นี ้ ค ื อ เห ตุ นี้คือ ปจจัย. ถ าเขาถามอี กว า "อาวุ โส! อะไรเป นเหตุ อะไรเป นป จจั ย ที่ ทํ าให โทสะ ที่ ยั ง ไม เกิ ด ไม เกิ ด ขึ้ น , หรื อ โทสะที่ เกิ ด ขึ้ น แล ว ละไป?" ดั ง นี้ . คํ า ตอบพึ ง มี ว า เมตตาเจโตวิม ุต ติ (ความหลุด พน แหง จิต อัน ประกอบอยู ด ว ยเมตตา); คือ เมื ่อ เขาทํ า ในใจซึ่ ง เมตตาเจโตวิ มุ ต ติ โดยแยบคาย โทสะที่ ยั ง ไม เกิ ด ก็ ไม เกิ ด ขึ้ น และโทสะที่ เกิดอยูแลวก็ละไป. อาวุโส! นี้คือเหตุ นี้คือปจจัย. ถ าเขาถามอี กว า "อาวุ โส! อะไรเป นเหตุ อะไรเป นป จจั ย ที่ ทํ าให โมหะ ที ่ย ัง ไมเกิด ไมเ กิด ขึ ้น , หรือ โมหะที ่เ กิด ขึ ้น แลว ละไป? ดัง นี ้. คํ า ตอบพึง มีว า โยนิ โ สมนสิ ก าร คื อ เมื่ อ ทํ า ในใจโดยแยบคาย โมหะที่ ยั ง ไม เกิ ด ก็ เกิ ด ขึ้ น และ โมหะที่เกิดอยูแลวก็ละไป อาวุโส! นี้คือเหตุ นี้คือ ปจจัย.
www.buddhadasa.info - ติก. อํ. ๒๐/๒๕๖/๕๐๘.
ไมอาจละราคะโทสะโมหะ ก็เพราะหลงในสัญโญชนิยธรรม ภ ิก ษ ุ ท .! ธ รรม ๒ อ ย า งเห ล า นี ้ ม ีอ ยู . ส อ งอ ย า งอ ะ ไรเล า ? สองอยางคือ ความเปนผูมัวแตเห็นเปนของอรอยในสัญโญชนิยธรรมทั้งหลาย
๓๘๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
อย างหนึ่ ง และความเป น ผู ต ามเห็ น ความเป น ของน าเบื่ อ หน า ยในสั ญ โญชนิ ย ธรรม ทั้งหลาย นี้อีกอยางหนึ่ง. ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลผู มั ว แต เ ห็ น เป น ของอร อ ยในสั ญ โญชนิ ย ธรรม (กามคุณ หา ฯลฯ) ทั้งหลายอยู ยอ มละราคะไมได ละโทสะไมได ละโมหะ ไม ไ ด . เพราะละราคะโทสะโมหะไม ไ ด ย อ มไม พ น จากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส และอุปายาส; เรากลาววา ยอมพนจากทุกขได. ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลผู ต ามเห็ น ความเป น ของน า เบื่ อ หน า ยในสั ญ โญชนิ ย ธรรมทั ้ง หลายอยู ยอ มละราคะได ยอ มละโทสะได ยอ มละโมหะได. เพราะ ละราคะโทสะโมหะได ย อ มพ น จากชาติ ชรา มรณ ะ โสกะ ปริ เ ทวะ ทุ ก ขะ โทมนัส และอุปายาส; เรากลาววา ยอมพนจากทุกขได. ภิกษุ ท.! นี้แหละ คือธรรม ๒ อยาง. - ทุก. อํ. ๒๐/๖๕/๒๕๒.
www.buddhadasa.info สังโยชนเจ็ด
ภิ ก ษุ ท.! สั ญ โญ ชน (สิ่ ง ผู ก พั น ) ๗ อย า งเหล า นี้ มี อ ยู . เจ็ ด อย า ง อย า งไรเล า ? เจ็ ด อย า ง คื อ อนุ น ยสั ญ โญชน (สั งโยชน คื อ กามราคะเป น เหตุ ให ติ ด ตาม) ๑ ปฏิฆ สัญ โญ ชน (สัง โยชนค ือ ความโกรธไมไ ดอ ยา งใจ) ๑ ทิฏ ฐิส ัญ โญ ชน(สัง โยชน คื อ ความเห็ น ผิ ด ) ๑ วิ จิ กิ จ ฉาสั ญ โญชน (สั งโยชน คื อ ความลั งเลสั งสั ย ) ๑ มานสั ญ โญชน (สั ง โยชน คื อ ความสํ า คั ญ ตน ) ๑ ภวราคสั ญ โญ ชน (สั ง โยชน คื อ ความกํ า หนั ด ในภพ) ๑ อวิ ช ชาสั ญ โญชน (สั ง โยชน คื อ อวิ ช ชา) ๑. ภิ ก ษุ ท.! เหล า นี้ แ ล คื อ สั ญ โญชน ๗ อยาง.
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๘๙
ภิกษุ ท.! พรหมจรรยที่ป ระพฤติกัน อยูนี้ เพื่ อละเพื่ อ ตัด ขาด ซึ่ ง สัญโญชน ๗ อยาง. เจ็ดอยางเหลาไหนเลา? ภิ ก ษุ ท.! พ รหมจรรย ที่ ป ระพ ฤติ กั น อยู เพื่ อละเพื่ อตั ด ขาด ซึ่ ง อนุ น ยสั ญ โญชน ๑ ปฏิ ฆ สั ญ โญชน ๑ ทิ ฏ ฐิ สั ญ โญชน ๑ วิ จิ กิ จ ฉาสั ญ โญชน ๑ ม าน สั ญ โญ ช น ๑ ภ วราค สั ญ โญ ช น ๑ อ วิ ช ช าสั ญ โญ ช น ๑. ภิ ก ษุ ท .! พรหมจรรยที่ประพฤติกันอยูนี้ เพื่อละเพื่อตัดขาด ซึ่งสัญโญชน ๗ อยางเหลานี้แล. ภิก ษุ ท .! เมื ่อ ใดแล, อนุน ยสัญ โญ ชนก ็ด ี ป ฏิฆ สัญ โญ ชนก ็ดี ทิ ฏฐิ สั ญ โญชน ก็ ดี วิ จิ กิ จฉาสั ญ โญชน ก็ ดี มานสั ญ โญชน ก็ ดี ภาวราคสั ญ โญชน ก็ ดี อวิ ช ชาสั ญ โญชน ก็ ดี เป น สิ่ ง ที่ ภิ ก ษุ ล ะได แ ล ว มี ร ากเง า อั น ตั ด ขาดแล ว ทํ า ให เหมือนตาลยอดเนา ทําใหมีไมได ทําใหเปนสิ่งที่เกิดขึ้นไมไดอีกตอไป; ภ ิก ษ ุ ท .! เมื ่อ นั ้น , ภ ิก ษ ุนี ้ เร า เรีย ก วา "ตัด ต ัณ ห า ไ ด แ ล ว รื้ อ ถอนสั ญ โญชน ไ ด แ ล ว ได ทํ า ที่ สุ ด แห ง ทุ ก ข เพราะรู จั ก หน า ตาของมานะอย า ง ถูกตองแลว" ดังนี้แล.
www.buddhadasa.info - สตฺตก. อํ. ๒๓/๗-๘/๘-๙.
(เกี่ ย วกั บ เรื่ อ งนี้ ควรดู หั ว ข อ ว า "ประพฤติ พ รหมจรรย เ พื่ อ ละเพื่ อ ตั ด อนุ สั ย โดย เด็ดขาด" ที่หนา ๔๓๑ แหงหนังสือนี้ ประกอบดวย).
(สังโยชนเจ็ด อีกนัยหนึ่ง) ภิ ก ษุ ท.! สั ญ โญ ชน ๗ อย า งเหล า นี้ มี อ ยู . เจ็ ด อย า ง อย า งไร เลา? เจ็ดอยางคือ อนุนยสัญโญชน ๑ ปฏิฆสัญโญชน ๑ ทิฏฐิสัญโญชน ๑
๓๙๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
วิ จิ กิ จ ฉาสั ญ โญชน ๓ มานสั ญ โญชน ๑ อิ ส สาสั ญ โญชน (สั ง โยชน คื อ ความริ ษ ยา) ๑ ม ัจ ฉ ริย ส ัญ โญ ช น (ส ัง โย ช น ค ือ ค ว า ม ต ร ะ ห นี ่) ๑. ภ ิก ษ ุ ท .! เห ล า นี ้แ ล สัญโญชน ๗ อยาง - สตฺตก. อํ. ๒๓/๘/๑๐.
สังโยชนสิบ ภิ ก ษุ ท.! สั ง โยชน ๑๐ ประการเหล า นี้ มี อ ยู . สิ บ ประการอย า งไร เล า ? สิ บ ประการ คื อ โอรั ม ภาคิ ย สั ง โยชน ๕ ประการ อุ ท ธั ม ภาคิ ย สั ง โยชน ๕ ประการ. โอรั ม ภาคิ ยสั งโยชน ๕ ประการ เป นอย างไรเล า? คื อ สั ก กายทิ ฏ ฐิ วิ จิ กิ จ ฉา สี ลั พ พต-ปรามาส กามฉั น ทะ พยาบาท : เหล า นี้ คื อ โอรัม ภาคิ ย สังโยชน ๕ ประการ.
www.buddhadasa.info อุ ท ธั ม ภาคิ ย สั ง โยชน ๕ ประการ เป น อย า งไรเล า ? คื อ รู ป ราคะ อรู ป ราคะ มานะอุ ท ธั จ จะ อวิ ช ชา : เหล า นี้ คื อ อุ ท ธั ม ภาคิ ย สั ง โยชน ๕ ประการ. ภิกษุ ท.! เหลานี้แล สัญโยชน ๑๐ ประการ. - ทสก. อํ. ๒๔/๑๘-๑๙/๑๓.
ลักษณะที่เปนโอรัมภาคิยสังโยชน "ข าแต พระผู มี พระภาค! บั ดนี้ เป นการอั นสมควรที่ พระผุ มี พระภาคจะพึ ง ทรงแสดงโอรัมภาคิยสังโยชนหา. ภิกษุทั้งหลายไดฟงตอพระผูมีพระภาคแลวจักทรงจําไว."
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๙๑
อานนท ! ในกรณี นี้ บุ ถุ ช น ผู ไ ม มี ก ารสดั บ ไม เ ห็ น พระอริ ย เจ า ไม ฉ ลาดในธรรมของพระอริย เจา ไมไ ดร ับ การแนะนํ า ในธรรมของพระอริย เจา , ไมเ ห็น สัป บุร ุษ ไมฉ ลาดในธรรมของสัป บุร ุษ ไมไ ดร ับ การแนะนํ า ในธรรมของ สัปบุรุษ : เขามี จิ ตอั น สั กกายทิ ฏ ฐิ กลุ มรุ ม แล ว อั นสั กกายทิ ฏฐิ ห อหุ มแล ว อยู ; เขา ไมรูชัดตามเปนจริงซึ่งอุบายเปนเครื่องสลัดออกจากสักกายทิฏฐิอันเกิดขึ้น แล ว, สั กกายทิ ฏ ฐิ นั้ นก็ เป นของมี กํ าลั ง จนเขานํ าออกไปไม ได จึ งเป นโอรัม ภาคิ ยสัง โยชน. (ในกรณีแ หงวิจิกิจ ฉา สีลัพ พัต ตปรามาส กามราคะและพยาบาท (หรือ ปฏิฆ ะ) ก็มีขอความตรัสไวอยางเดียวกันกับในกรณีแหงสักกายทิฏฐิทุกประการ).
อานนท ! ส ว นอริ ย สาวกผู มี ก ารสดั บ ได เ ห็ น พระอริ ย เจ า เป น ผู ฉลาดในธรรมของพระ-อริ ย เจ า ได รั บ การแนะนํ า ในธรรมของพระอริ ย เจ า , ได เห็น สัป บุร ุษ เปน ผู ฉ ลาดในธรรมของสัป บุร ุษ ไดร ับ การแนะนํ า ในธรรมของ สัปบุรุษ :-
www.buddhadasa.info เธอมี จิ ต อั น สั ก กายทิ ฏ ฐิ ไ ม ก ลุ ม รุ ม อั น สั ก กายทิ ฏ ฐิ ไ ม ห อ หุ ม อยู . อริยสาวกนั้นยอมรูชัด ตามที่ เป น จริง ซึ่ งอุ บ ายเป น เครื่องสลั ด ออกจากสั กายทิ ฏ ฐิ อั น เกิ ด ขึ้ น แล ว , สั ก กายทิ ฏ ฐิ นั้ น อั น อริ ย สาวกนั้ น ย อ มละได พ ร อ มทั้ ง อนุส ัย . (ในกรณีแ หง วิจ ิก ิจ ฉา สีล ัพ พัต ตปรามาส กามราคะ และพยาบาท (หรือ ปฏิฆ ะ) ก็มีขอความตรัสไวอยางเดียวกันกับในกรณีแหงสักกายทิฏฐิทุกประการ).
- ม. ม. ๑๓/๑๕๖/๑๕๕.
๓๙๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
(การที่ บุ ค คลลั ก กายทิ ฏ ฐิ เป น ต น ไม ไ ด จนเป น ธรรมชาติ มี กํ า ลั ง ถึ ง กั บ เขานํ า ออก ไมไ ด นั ่น คือ ลัก ษณะแหง ความเปน โอรัม ภาคิย สัง โยชน. รายละเอีย ดของสัก กายทิฏ ฐิ ดูไ ดที่ หัวขอวา "สักกายทิฏฐิ มีไดดวยอาการอยางไร" แหงหนังสือเลมนี้ ที่หนา ๓๗๒).
อนุสัยสามคูกับเวทนาสาม ภิ ก ษุ ท .! เพ ราะอ าศั ย ต าด วย รู ป ทั้ งห ล าย ด วย จึ ง เกิ ด จั ก ขุ วิญ ญ าณ ; การประจวบพรอ มแหง ธรรม ๓ ประการ (ตา+รูป +จัก ขุว ิญ ญ าณ ) นั ่น คือ ผัส สะ; เพราะมีผ ัส สะเปน ปจ จัย จึง เกิด เวทนา อัน เปน สุข บา ง เปน ทุกขบาง ไมใชทุกขไมใชสุขบาง. บุ ค คลนั้ น เมื่ อ สุ ข เวทนาถู ก ต อ งอยู ย อ มเพลิ ด เพลิ น ย อ มพร่ํ า สรรเสริญ เมาหมกอยู ; อนุศ ัย คือ ราคะ ยอ มตามนอน (เพิ ่ม ความเคยชิน ให) แกบุคคลนั้น (ตสฺส ราคานุสโย อนุสติ); เมื่ อ ทุ ก ขเวทนาถู ก ต อ งอยู เขาย อ มเศร า โศก ย อ มระทมใจ ย อ ม คร่ํ า ครวญ ย อ มตี อ กร่ํ า ไห ย อ มถึ ง ความหลงใหลอยู ; อนุ สั ย คื อ ปฏิ ฆ ะ ย อ ม ตามนอน (เพิ่มความเคยชินให) แกบุคคลนั้น.
www.buddhadasa.info เมื่ อ เวทนาอั น ไม ใช ทุ ก ข ไม สุ ข ถู ก ต อ งอยู เขาย อ มไม รูต ามเป น จริง ซึ่ ง เหตุ ให เกิ ด เวทนานั้ น ด ว ย ซึ่ ง ความดั บ ไม เหลื อ แห ง เวทนานั้ น ด ว ย ซึ่ ง อั ส สาทะ (อ ร อ ย ) ข อ งเวท น านั ้ น ด ว ย ซึ ่ ง อ าที น วะ (โท ษ ) ข อ งเว ท น านั ้ น ด ว ย ซึ ่ ง นิส สรณะ (อุบ ายเครื ่อ งออกพน ไป) ของเวทนานั ้น ดว ย; อนุส ัย คือ อวิช ชา ยอ ม ตามนอน (เพิ่มความเคยชินให) แกบุคคลนั้น.
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๙๓
ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลนั้ น หนอ ยั ง ละราคานุ สั ย อั น เกิ ด จากสุ ข เวทนาไม ได; ยัง บรรเทาปฏิฆ านุส ัย อัน เกิด จากทุก ขเวทนาไมไ ด; ยัง ถอนอวิช ชานุส ัย อั น เกิ ด จากอทุ ก ขมสุ ข เวทนาไม ไ ด ; เมื่ อ ยั ง ละอวิ ช ชาไม ไ ด และยั ง ทํ า วิ ช ชาให เกิด ขึ ้น ไมไ ดแ ลว , เขาจัก ทํ า ที ่ส ุด แหง ทุก ขใ นทิฏ ฐธรรม (ปจ จุบ ัน ) นี ้ไ ด นั ้น ; ขอนี้ไมเปนฐานะที่จักมีได. (ในกรณี แห ง หู จมู ก ลิ้ น กาย และใจ ก็ ไ ด ต รั ส โดยทํ า นองเดี ย วกั น ในกรณี แหงตา).
- อุปริ.ม. ๑๔/๕๑๖/๘๒๒.
อนุสัยเนื่องอยูกับเวทนา ภิ ก ษุ ท.! เวทนา ๓ อย า งเหล า นี้ มี อ ยู . สามอย า งเหล า ไหนเล า ? สามอยางคือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา อทุกขมสุขเวทนา. ภิก ษุ ท.! ราคานุส ัย อัน เกิด จากสุข เวทนา เปน สิ ่ง ที ่ค วรละเสีย ปฏิ ฆ านุ สั ย อั น เกิ ด จากทุ ก ขเวทนา เป น สิ่ ง ที่ ค วรละเสี ย . อวิ ช ชานุ สั ย อั น เกิ ด จากอทุกขมสุขเวทนา เปนสิ่งที่ควรละเสีย.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! เมื่ อ ใด ราคานุ สั ย อั น เกิ ด จากสุ ข เวทนา เป น สิ่ ง ที่ ภิ ก ษุ ล ะไดแ ลว , ป ฏ ิฆ านุส ัย อัน เกิด จาก ทุก ขเวท น า เปน สิ ่ง ที ่ภ ิก ษ ุล ะไดแ ลว . อวิ ช ชานุ สั ย อั น เกิ ด จากอทุ ก ขมสุ ข เวทนา เป น สิ่ ง ที่ ภิ ก ษุ ล ะได แ ล ว ; ภิ ก ษุ ท.! ภิก ษุนี ้ เรากลา ววา เปน ผู ไ มม ีอ นุส ัย เปน ผู เ ห็น ชอบ ตัด ตัณ หาไดข าดแลว รื ้อ ถอนสัง โยชนไ ดแ ลว กระทํ า ที ่ส ุด แหง ทุก ขไ ดแ ลว เพราะรู เ ฉพาะซึ ่ง มานะ โดยชอบ.
๓๙๔
อริยสัจจากพระโอษฐ (คาถาผนวกทายพระสูตร) เมื่ อ บุ ค ค ล เส วย สุ ข เวท น า อ ยู ไม รู จั ก ชั ด ซึ่ งเวท น านั้ น ราคานุ สั ย ย อ มมี แ ก เ ขาผู ม องไม เ ห็ น ทางออกจากอํ า นาจของเวทนา นั ้น . เมื ่อ บ ุค ค ล เส ว ย ท ุก ข เว ท น า อ ยู ไม รู จ ัก ชัด ซึ ่ง เว ท น า นั ้น ปฏิ ฆ านุ สั ย ย อ มมี แ ก เขาผู ม องไม เห็ น ทางออกจากอํ า นาจของเวทนา นั ้น . บ ุค ค ล เพ ล ิด เพ ล ิน แ ม ใ น อ ท ุก ข ม ส ุข อ ัน พ ระ ภ ูร ิป ญ ญ า พุทธเจาทรงแสดงวาเปนธรรมอันรํางับ ก็หาพนจากทุกขไปไดไม. เมื่ อ ใดภิ ก ษุ มี ค วามเพี ย รเผากิ เลส ไม ท อดทิ้ ง สั ม ปชั ญ ญะ ก ็เ ป น บ ัญ ฑ ิต รอ บ รู เ ว ท น า ทั ้ง ป ว ง . ภ ิก ษ ุนั ้น เพ รา ะ รอ บ รู ซึ ่ง เวท น า จึง เป น ผู ไ ม ม ีอ าส วะ ใน ท ิฏ ฐ ธ รรม เป น ผู ตั ้ง อ ยู ใ น ธ รรม จนกระทั่งกายแตก จบเวท ไมเขาถึงซึ่งการนับ (วาเปนอะไร) แล.
- สฬา. สํ. ๑๘/๒๕๔/๓๖๓-๓๖๔.
อนุสัยทั้งสามเกิดได แมเมื่อเสวยทุกขเวทนา
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! บุ ถุ ช นผู ไ ม มี ก ารสดั บ ก็ เ สวยสุ ข เวทนาบ า ง ทุ ก ขเวทนา บ า ง อทุ ก ขมสุ ข เวทนาบ า ง. แม อ ริ ย สาวกผู มี ก ารสดั บ ก็ เ สวยสุ ข เวทนาบ า ง ท ุก ข เว ท น า บ า ง อ ท ุก ข ม ส ุข เว ท น า บ า ง . ภ ิก ษ ุ ท .! เมื ่อ เป น เช น นั ้น ใน ระหว า งอริ ย สาวกผู มี ก ารสดั บ กั บ บุ ถุ ช นผู ไ ม มี ก ารสดั บ ดั ง ที่ ก ล า วมานี้ อะไร เป น ความผิ ด แผกแตกต า งกั น อะไรเป น ความมุ ง หมายที่ แ ตกต า งกั น อะไรเป น เหตุที่แตกตางกัน ระหวางอริยสาวกผูมีการสดับ จากบุถุชนผูไมมีการสดับ?
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๙๕
ภิ กษุ ทั้ งหลายเหล านั้ น กราบทู ลวิ งวอนว า "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! ธรรมทั้ งหลาย ของพวกข าพระองค มี พ ระผู มี พ ระภาคเป น มู ล มี พ ระผู มี พ ระภาคเป น ผู นํ า มี พ ระผู มี พ ระภาค เป น ที่ พึ่ ง . ข า แต พ ระองค ผู เ จริ ญ ! เป น การชอบแล ว หนอ ขอให อ รรถแห ง ภาษิ ต นั้ น จง แจ มแจ งกะพระผู มี พ ระภาคเองเถิ ด ภิ กษุ ทั้ งหลายได ฟ งจากพระผู มี พ ระภาคแล ว จั กทรงจํ าไว " ดังนี้.
ภิ ก ษุ ท.! บุ ถุ ช นผู ไ ม มี ก ารสดั บ อั น ทุ ก ขเวทนาถู ก ต อ งอยู ย อ ม เศร า โศก ย อ มกระวนกระวาย ย อ มร่ํ า ไรรํ า พั น เป น ผู ทุ บ อกร่ํ า ไห ถึ ง ความมี ส ติ ฟนเฟอน; เขายอมเสวยซึ่งเวทนาทั้ง ๒ ฝาย คือเวทนาทั้งทางกายและทางจิต ภิก ษุ ท.! เปรีย บเหมือ นบุร ุษ พึง ยิง บุร ุษ ดว ยลูก ศร แลว พึง ยิง ซ้ํ า ซึ่ ง บุ รุ ษ นั้ น ด ว ยลู ก ศรที่ ส องอี ก บุ รุ ษ ผู ถู ก ยิ ง ด ว ยลู ก ศรสองลู ก อย า งนี้ ย อ มเสวย เวทนาทางกายดว ย ทางจิต ดว ย, แมฉ ัน ใด; ภิก ษุ ท.! บุถ ุช นผู ไ มม ีก าร ส ด ับ ก ็เ ป น ฉ ัน นั ้น ค ือ เมื ่อ ท ุก ข เวท น าถ ูก ต อ งอ ยู ยอ ม เศ รา โศ ก ยอ ม กระวนกระวาย ย อ มร่ํ า ไรรํ า พั น เป น ผู ทุ บ อกร่ํ า ไห ถึ ง ความมี สิ ติ ฟ น เฟ อ นอยู ; ชื่ อ ว า เขาย อ มเสวยซึ่ ง เวทนาทั้ ง สองอย า ง คื อ ทั้ ง ทางกายและทางจิ ต . เขาเป น ผู มีปฏิฆะเพราะทุกขเวทนานั้นนั่นเอง. ปฏิหานุสัยอันใด อันเกิดจากทุกขเวทนา, ปฏิฆานุสัยอันนั้น ก็ยอมนอนตามซึ่งบุถุชนนั้นผูมีปฏิฆะดวยทุกขเวทนา. บุถุชน นั ้น อัน ทุก ขเวทนาถูก ตอ งอยู ยอ มจะ (นอ มนึก ) พ อใจซึ ่ง กามสุข . ขอ นั ้น เพ ราะเห ตุไ รเลา ? ภิก ษุ ท .! ขอ นั ้น เพ ราะเห ตุว า บุถ ุช น ผู ไ มม ีก ารส ดับ ย อ มไม รู ชั ด อุ บ ายเครื่ อ งปลดเปลื้ อ งซึ่ ง ทุ ก ขเวทนา อื่ น นอกไปจากกามสุ ข . เมื่ อ บุ ถ ุ ช นนั ้ น พอใจยิ ่ ง อยู ซึ ่ ง กามสุ ข , ราคานุ ส ั ย อั น ใดอั น เกิ ด จาสุ ข เวทนา, ราคานุส ัย อัน นั ้น ยอ มนอนตามซึ ่ง บุถ ุช นนั ้น . บุถ ุช นนั ้น ยอ มไมรูช ัด ซึ ่ง เหตุ ใหเกิดขึ้นแหงเวทนา ซึ่งความตั้งอยูไมได ซึ่งรสอรอย ซึ่งโทษอันต่ําทราม
www.buddhadasa.info
๓๙๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
และซึ่ ง อุ บ ายเป น เครื่ อ งออกไปพ น แห ง เวทนาทั้ ง หลาเหล า นั้ น ตามที่ เ ป น จริ ง , เมื ่อ บุถ ุช นนั ้น ไมรู ช ัด อยู ซึ ่ง เหตุใ หเ กิด ขึ ้น ซึ ่ง ความตั ้ง อยู ไ มไ ด ซึ ่ง รสอรอ ย ซึ่ ง โทษอั น ต่ํ า ทราม และซึ่ ง อุ บ ายเป น เครื่ อ งออกไปพ น แห ง เวทนาทั้ ง หลาย เหล า นั้ น ตามที่ เป น จริงอยู . อวิ ช ชานุ สั ย อั น ใด อั น เกิ ด จากอทุ ก ขมสุ ข เวทนา, อวิ ช ชานุ สั ย อั น นั้ น ย อ มนอนตามซึ่ ง บุ ถุ ช นนั้ น . บุ ถุ ช นนั้ น ถ า เสวยสุ ข เวทนา ยอ มเปน ผู ต ิด พัน (ในเวทนา) เสวยเวทนานั ้น ; ถา เสวยทุก ขเวทนา ก็เ ปน ผู ติดพันเสวยเวทนานั้น; ถาเสวยอทุกขมสุขเวทนา ก็เปนผูติดพันเสวยเวทนานั้น. ภิ ก ษุ ท.! บุ ถุ ช นผู ไ ม มี ก ารสดั บ นี้ เรากล า วว า เป น ผู ติ ด พั นแล ว ด ว ยชาติ ช รามรณะ โสกะปริ เ ทวะทุ ก ขะโทมนั ส อุ ป ายาสทั้ ง หลาย; เรากล า วว า เปนผูติดพันแลวดวยทุกข ดังนี้. - สฬา. สํ. ๑๘/๒๕๗-๒๕๘/๓๖๙-๓๗๐.
รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับอาสวะ
www.buddhadasa.info ภิ กษุ ท.! ที่ เรากล าวว า "อาสวะ นิ ท านสั ม ภวะแห งอาสวะ เวมั ต ตตาแหงอาสวะ วิบากแหงอาสวะ นิโรธแหงอาสวะ ปฏิปทาใหถึงซึ่งนิโรธแหง อาสวะ เป น สิ่ งที่ ค วรรู แ จ ง" นั้ น เรากล าวหมายถึ งอาสวะไหนกั น เล า? ภิ ก ษุ ท.! อาสวะ ๓ อยางเหลานี้ มีอยู คือกามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ. ภิ ก ษุ ท.! นิ ท านสั ม ภวะ (เหตุ เป น แดนเกิ ด ) แห ง อาสวะ เป น อย า งไร เลา? ภิกษุ ท.! อวิชชา เปนนิทานสัมภวะแหงอาสวะ.
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๙๗
ภิ ก ษุ ท.! เวมั ต ตตา (ประมาณ ต า ง ๆ) แห ง อาสวะ เป น อย า งไรเล า ? ภิก ษุ ท.! อาสวะนํ า ไปสู น รกก็ม ี อาสวะนํ า ไปสู กํ า เนิด เดรัจ ฉานก็ม ี อาสวะ นํ า ไปสู เ ปรตวิ สั ย ก็ มี อาสวะนํ า ไปสู มนุ ส สโลกก็ มี . อาสวะนํ า ไปสู เ ทวโลกก็ มี . ภิกษุ ท.! นี้เราเรียกวา เวมัตตตาแหงอาสวะ. ภิ ก ษุ ท .! วิ บ าก แห งอ าส วะ เป น อ ย างไรเล า? ภิ ก ษุ ท .! ข อ ที่ บุ ค คลถึ ง ซึ่ ง อวิ ช ชาแล ว เขากระทํ า อั ต ตภาพอั น เกิ ด จากอวิ ช ชานั้ น ๆ ให เ กิ ด ขึ้ น๑ เป น อั ต ตภาพมี ส ว นแห ง บุ ญ ก็ ดี มี ส ว นแห ง อบุ ญ ก็ ดี . ภิ ก ษุ ท.! นี้ เ ราเรี ย กว า วิบากแหงอาสวะ. ภิ ก ษุ ท .! นิ โรธ (ค วาม ดั บ ) แห งอ าส วะ เป น อ ย างไรเล า? ภิ ก ษุ ท.! ความดับ แหง อาสวะมี เพราะความดับ แหง อวิช ชา. อริย อัฏ ฐัง คิก มรรค นี้ นั่ น แล เป น ปฏิ ป ทาให ถึ ง ซึ่ ง นิ โ รธแห ง อาสวะ; ปฏิ ป ทานั้ น ได แ ก สั ม มาทิ ฏ ฐิ สั ม มาสั ง กั ป ปะ สั ม มาวาจา สั ม มากั ม มั น ตะ สั ม มาอาชี ว ะ สั ม มาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ.
www.buddhadasa.info ภิก ษ ุ ท .! ใน กาล ใด แล อ ริย ส าวก ยอ ม รู ช ัด ซึ ่ง อ าส วะ อ ยา งนี ้, รู ชั ด ซึ่ ง นิ ท านสั ม ภวะแห ง อาสวะ อย า งนี้ , รู ชั ด ซึ่ ง เวมั ต ตตาแห ง อาสวะ อย า งนี้ , รูชัดซึ่งวิบากแหงอาสวะ อยางนี้, รูชัดซึ่งนิโรธแหงอาสวะ อยางนี้, รูชัด
๑. ข อ ความนี้ ใ ช ไ ด ทั้ ง ภาษาคนและภาษาธรรม : ภาษาคนก็ คื อ เกิ ด ใหม ห ลั ง จากตายแล ว ดั ง ที่ ทราบกั น อยู ; ถ า เป น ภาษาธรรมก็ คื อ อั ต ตภาพป จ จุ บั น ของเขานั้ น เกิ ด เปลี่ ย นเป น บุ ญ หรื อ บาป ตามสมควรแกอ ุป าทานที ่เ กิด ขึ ้น จากความใครนั ้น ๆ โดยที ่ย ัง ไมต อ งตาย; ทั ้ง นี ้แ ลว แตผูศึกษาจะถือเอาความหมายไหน.
๓๙๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ซึ ่ง ป ฏิป ท า ใหถ ึง ซึ ่ง นิโ รธ แ หง อ า ส ว ะ อ ยา งนี ้; ใน ก า ล นั ้น อ ริย ส า ว ก นั ้น ยอมรูชัดซึ่งพรหมจรรยนี้อันเปนเครื่องเจาะแทงกิเลส วา เปนนิโรธแหงอาสวะ. - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๖๒-๔๖๓/๓๓๔.
เหตุใหอาสวะเจริญและไมเจริญ ภิ ก ษุ ท.! อาวะทั้ ง หลาย ย อ มเจริ ญ แก บุ ค คล ๒ จํ า พวก. บุ ค คล ๒ จํ า พวกเหล า ไหนเล า ? สองจํ า พวกคื อ บุ ค คลผู ขยะแขยงต อ สิ่ ง ที่ ไ ม ค วร ขยะแขยง บุคคลผูไมขยะแขยงตอสิ่งที่ควรขยะแขยง. .... - ทุก. อํ. ๒๐/๑๐๗/๓๕๓.
ภิ ก ษุ ท.! อาสวะทั้ ง หลาย ย อ มเจริ ญ แก บุ ค คล ๒ จํ า พวก. บุ ค คล ๒ จํ า พวกเหล า ไหนเล า ? สองจํ า พวกคื อ บุ ค คลผู สํ า คั ญ ว า ควรในสิ่ ง ที่ ไ ม ค วร บุคคลผู สําคัญวาไมควรในสิ่งที่ควร. .... - ทุก. อํ. ๒๐/๑๐๗/๓๕๕.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! อาสวะทั้ ง หลาย ย อ มเจริ ญ แก บุ ค คล ๒ จํ า พวก. บุ ค คล ๒ จํ า พวกเหล า ไหนเล า ? สองจํ า พวกคื อ บุ ค คลผู สํ า คั ญ ว า อาบั ติ ใ นสิ่ ง ที่ มิ ใ ช อาบัติ บุคคลผู สําคัญวาไมใชอาบัติในสิ่งทีเปนอาบัติ. .... - ทุก. อํ. ๒๐/๑๐๗/๓๕๗.
ภิ ก ษุ ท.! อาสวะทั้ ง หลาย ย อ มเจริ ญ แก บุ ค คล ๒ จํ า พวก. บุ ค คล ๒ จํ า พวกเหล า ไหนเล า ? สองจํ า พวกคื อ บุ ค คลผู สํ า คั ญ ว า ธรรมในสิ่ ง ที่ ไ ม ใ ช ธรรม บุคคลผู สําคัญวาไมใชธรรมในสิ่งที่เปนธรรม. .... - ทุก. อํ. ๒๐/๑๐๘/๓๕๙.
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๓๙๙
ภิ ก ษุ ท.! อาสวะทั้ ง หลาย ย อ มเจริ ญ แก บุ ค คล ๒ จํ า พวก. บุ ค คล ๒ จํ า พวกเหล า ไหนเล า ? สองจํ า พวกคื อ บุ ค คลผู สํ า คั ญ ว า วิ นั ย ในสิ่ ง ที่ ไ ม ใ ช วินัย บุคคลผู สําคัญวาไมใชวินัยในสิ่งที่เปนวินัย. ภิ ก ษุ ท.! อาสวะทั้ งหลาย ย อ มเจริ ญ แก บุ ค คล ๒ จํ า พวก ๆ เหล า นี้ แล. - ทุก. อํ. ๒๐/๑๐๘/๓๖๑.
ภิ ก ษุ ท.! อาสวะทั้ ง หลาย ย อ มไม เ จริ ญ แก บุ ค คล ๒ จํ า พวก. บุ ค คล ๒ จํ า พวกเหล า ไหนเล า ? สองจํ า พวกคื อ บุ ค คลผู ไม ข ยะแขยงต อ สิ่ ง ที่ ไมควรขยะแขยง บุคคลผูขยะแขยงสิ่งที่ควรขยะแขยง. .... - ทุก. อํ. ๒๐/๑๐๗/๓๕๔.
ภิ ก ษุ ท.! อาสวะทั้ ง หลาย ย อ มไม เ จริ ญ แก บุ คคล ๒ จํ า พ วก. บุ ค คล ๒ จํ าพวกเหล าไหนเล า? สองจํ าพวกคื อ บุ ค คลผู สํ าคั ญ ว าไม ค วรในสิ่ ง ที่ไมควร บุคคลผู สําคัญวาควรในสิ่งที่ควร.....
www.buddhadasa.info - ทุก. อํ. ๒๐/๑๐๗/๓๕๖.
ภิ ก ษุ ท.! อาสวะทั้ ง หลาย ย อ มไม เ จริ ญ แก บุ คคล ๒ จํ า พ วก. บุ ค คล ๒ จํ าพวกเหล า ไหนเล า? สองจํ าพวกคื อ บุ ค คลผู สํ าคั ญ ว าไม ใช อ าบั ติ ในสิ่งที่ไมใชอาบัติ บุคคลผู สําคัญวาอาบัติในสิ่งที่เปนอาบัติ. ... - ทุก. อํ. ๒๐/๑๐๗/๓๕๘.
๔๐๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! อาสวะทั้ ง หลาย ย อ มไม เ จริ ญ แก บุ ค คล ๒ จํ า พวก. บุ ค คล ๒ จํ า พวกเหล า ไหนเล า ? สองจํ า พวกคื อ บุ ค คลผู สํ า คั ญ ว า ไม ใ ช ธ รรม ในสงที่ไมใชธรรม บุคคลผู สําคัญกวาธรรมในสิ่งที่เปนธรรม. .... - ทุก. อํ. ๒๐/๑๐๘/๓๖๐.
ภิ กษุ ท .! อ าส วะทั้ งห ล าย ย อ ม ไม เจริ ญ แก บุ ค ค ล ๒ จํ า พ วก บุ ค คล ๒ จํ า พวกเหล า ไหนเล า ? สองจํ า พวกคื อ บุ ค คลผู สํ า คั ญ ว า ไม ใ ช วิ นั ย ในสิ่งที่ไมใชวินัย บุคคลผู สําคัญวาวินัยในสิ่งที่เปนวินัย. ภิ ก ษุ ท.! อาสวะทั้ ง หลาย ย อ มไม เ จริ ญ แก บุ ค คล ๒ จํ า พวก ๆ เหลานี้แล. -ทุก. อํ. ๒๐/๑๐๘/๓๖๒.
เหตุใหไมปรินิพพานในทิฏฐธรรม "ข าแต พระองค ผู เจริญ! อะไรหนอเป นเหตุ อะไรเป นป จจั ย ที่ ทํ าให สั ตวบาง พวกในโลกนี้ ไมปรินิพพานในทิฏฐธรรม?"
www.buddhadasa.info ท า นผู เ ป น จอมเทพ! รู ป ทั้ ง หลายที่ จ ะพึ ง รู ไ ด ด ว ยจั ก ษุ มี อ ยู , เป น รู ป ที่ น า ปรารถนา น า ใคร น า พอใจ มี ลั ก ษณ ะน า รั ก เป น ที่ เ ข า ไปอาศั ย แห ง ความใคร เป น ที่ ตั้ ง แห ง ความกํ า หนั ด . ถ า ว า ภิ ก ษุ ย อ มเพลิ ด เพลิ น พ ร่ํ า ส ร ร เส ริ ญ เม า ห ม ก อ ยู ซึ ่ ง รู ป นั ้ น แ ล ว ไซ ร ; เมื ่ อ ภิ ก ษ ุ นั ้ น เพ ลิ ด เพ ลิ น พร่ําสรรเสริญ เมาหมกอยู กะรูปนั้น, วิญญาณนั้น เปนวิญญาณอันตัณหา
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๔๐๑
ในอารมณ คื อ รู ป อาศั ย แล ว วิ ญ ญ าณ นั้ น คื อ อุ ป าทาน.๑ ท า นผู เ ป น จอมเทพ! ภิกษุผูมีอุปาทาน ยอมไมปรินิพพาน. (ในกรณี แ ห งเสี ย งที่ จ ะพึ งรู สึ ก ด ว ยโสตะ กลิ่ น ที่ จ ะพึ งรู สึ ก ด ว ยฆานะ รสที่ จ ะพึ งรู สึ ก ด วยชิ วหา สั ม ผั สทางผิ วหนั งที่ จะพึ งรูสึ กด วยกายะ(ผิ วกายทั่ วไป) และธั ม มารมณ ที่ จะพึ งรู สึ กด วย มนะ ก็ไดตรัสไวดวยขอความทํานองเดียวกันกับในกรณีแหงรูปที่จะพึงรูไดดวยจักษุ ขางบนนั้น).
ท า นผู เ ป นจอมเทพ ! นี้ แ ล เป นเหตุ นี้ เ ป นป จจั ย ที่ ทํ า ให สั ต ว บางพวกในโลกนี้ ไมปรินิพพานในทิฏฐธรรม. - สฬา. สํ. ๑๘/๑๒๘/๑๗๘.
บุคคลผูถึงซึ่งอวิชชา "ข าแต พระองค ผู เจริญ! คนกล าวกั นว า 'อวิ ชชา-อวิ ชชา' ดั งนี้ . ก็ อวิ ชชา นั้น เปนอยางไร? และบุคคลชื่อวา มีอวิชชา ดวยเหตุเพียงเทาไร? พระเจาขา!"
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ! ใ น โ ล ก นี ้ บุ ถ ุ ช น ผู ไ ม ไ ด ย ิ น ไ ด ฟ ง ย อ ม ไ ม รู จ ั ก รู ป , ไมรู จ ัก เหตุใ หเ กิด ของรูป , ไมรู จ ัก ความดับ ไมเ หลือ ของรูป , ไมรู จ ัก ทาง ดํ า เนิน ใหถ ึง ความดับ ไมเ หลือ ของรูป ; เขายอ มไมรูจ ัก เวทนา, ไมรูจ ัก เหตุ ใหเ กิด ของเวทนา, ไมรู จ ัก ความดับ ไมเ หลือ ของเวทนา, ไมรู จ ัก ทางดํ า เนิน ให ถึง ความดับ ไมเ หลือ ของเวทนา; เขายอ มไมรู จ ัก สัญ ญ า, ไมรู จ ัก เหตุใ หเ กิด ของสัญญา, ไมรูจักความดับไมเหลือของสัญญา, ไมรูจักทางดําเนินใหถึงความดับ
๑. วิญ ญาณในที ่นี ้ หมายถึง มโนวิญ ญาณที ่รู ส ึก ตอ ความเพลิน และความมัว เมาในรูป นั ้น ; ไม ใชจักขุวิญญาณ ที่เห็นรูปตามธรรมดา.
๔๐๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ไมเ ห ลือ ขอ งสัญ ญ า; เขายอ ม ไมรู จ ัก สัง ข ารทั ้ง ห ล าย , ไมรู จ ัก เห ตุใ หเ กิด ของสั ง ขารทั้ ง หลาย, ไม รู จั ก ความดั บ ไม เ หลื อ ของสั ง ขารทั้ ง หลาย, ไม รู จั ก ทาง ดํ า เนิ น ให ถึ ง ความดั บ ไม เ หลื อ ของสั ง ขารทั้ ง หลาย; เขาย อ มไม รู จั ก วิ ญ ญาณ , ไม รู จั ก เหตุ ใ ห เกิ ด ของวิ ญ ญาณ, ไม รู จั ก ความดั บ ไม เหลื อ ของวิ ญ ญาณ, ไม รู จั ก ทางดํ า เนิ น ให ถึ ง ความดั บ ไม เหลื อ ของวิ ญ ญาณ, ภิ ก ษุ ! ความไม รู นี้ เราเรี ย กว า "อวิชชา" ; และบุคคลชื่อวา มีอวิชชาดวยเหตุมีประมาณเทานี้ แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๙๘/๓๐๐.
อวิชชา ของผูถึงซึ่งอวิชชา "ข า แต พ ระองค ผู เจริ ญ ! ที่ เรี ย กกั น ว า 'อวิ ช ชา-อวิ ช ชา' ดั ง นี้ นั้ น เป น อยางไร? และดวยเหตุเพียงเทาไร บุคคลจึงชื่อวา เปนผูถึงซึ่งอวิชชา? พระเจาขา!" ภิก ษุ! ในกรณ ีนี ้ บุถ ุช นผู ไ มม ีก ารสดับ ไมรู ช ัด แจง ตามเปน จริง ซึ่ งรูป เวทนา สั ญ ญา สั งขาร วิ ญ ญาณ อั น มี ความก อ ขึ้ น เป น ธรรมดา ว า "เป น สิ่ ง ที่ มี ค วามก อ ขึ้ น เป น ธรรมดา" ดั ง นี้ ; ไม รู ชั ด แจ ง ตามเป น จริ ง ซึ่ ง รู ป เวทนา สั ญ ญา สั งขาร วิ ญ ญาณ อั น มี ค วามเสื่ อ มไปเป น ธรรมดา ว า "เป น สิ่ งที่ มี ค วาม เสื่ อ มไปเป น ธรรมดา" ดั ง นี้ ; ไม รู ชั ด แจ ง ตามเป น จริ ง ซึ่ ง รู ป เวทนา สั ญ ญ า สังขาร วิญ ญาณ อั น มี ทั้ งความกอ ขึ้น และความเสื่อ มไปเป น ธรรมดา วา "เป น สิ ่ง ที ่ม ีค วามกอ ขึ ้น และความเสื ่อ มไปเปน ธรรมดา" ดัง นี ้. ภิก ษุ! ความไมรู นี้ เราเรี ย กว า อวิ ช ชา; และบุ ค คลชื่ อ ว า เป น ผู ถึ ง ซึ่ ง อวิ ช ชาย อ มมี ไ ด ด ว ยเหตุ มี ประมาณเทานี้ แล.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๐๙/๓๒๐.
ภาค ๒ - สมุทยอริยสัจ
๔๐๓
ทุกขสมุทยอริยสัจเปนสิ่งที่ควรละ ภิ ก ษุ ท.! อริ ย สั จ มี สี่ อ ย า งเหล า นี้ , สี่ อ ย า งเหล า ไหนเล า ? สี่ อ ย า ง คือ :- ทุก ขอริย สัจ ทุข ส ม ุท ยอ ริย สัจ ทุก ขน ิโ รธอ ริย สัจ ทุก ขน ิโ รธค าม ิน ีปฏิปทาอริยสัจ. ภิกษุ ท.! เหลานี้แล คือ อริยสัจสี่อยาง. ภิ ก ษุ ท.! ในบรรดาอริ ย สั จ สี่ อ ย า งเหล า นี้ , อริ ย สั จ ที่ ใคร ๆ ควรรอบรู ม ีอ ยู , อ ริย ส ัจ ที ่ใ ค ร ๆ ค ว ร ล ะ ม ีอ ยู , .... ภ ิก ษ ุ ท .! อ ริย ส ัจ ที ่ใ ค ร ๆ ค วรรอ บ รู นั ้น ไดแ ก อ ริย สัจ คือ ทุก ข; อริย สัจ ที ่ใ ค ร ๆ ค วรล ะนั ้น ไดแ ก อริยสัจคือ เหตุใหเกิดทุกข. .... ภิ ก ษุ ท.! เพราะฉะนั้ น ในกรณี นี้ พวกเธอทั้ ง หลาย พึ ง ทํ า ความ เพีย รเพื ่อ ใหรู ต าที ่เ ปน จริง วา 'ทุก ข เปน เชน นี ้ ๆ', ดัง นี ้; วา 'เหตุใ หเ กิด ทุกข เปนเชนนี้ ๆ'; .... ดังนี้เถิด
www.buddhadasa.info - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๖/๑๗๐๙
นิทเทศ ๘
วาดวยกิเลสทั้งหลายในฐานะสมุทัย จบ
ภาค ๒ วาดวยทุกขสมุทยอริยสัจ ความจริงดันประเสริฐคือเหตุใหเกิดทุกข
จบ
๔๐๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
www.buddhadasa.info
คําชี้ชวนวิงวอน ____________ ภิกษุ ท.! โยคกรรม อันเธอพึงกระทํา เพื่อใหรูวา "นี้ทุกข นี้เหตุใหเกิดทุกข นี้ความดับสนิทแหงทุกข นี้ทางใหถึงความดับสนิทแหงทุกข." เทสิตํ. โว มยา นิพฺพานํ เทสิโต นิพฺพานคามิมคฺโค
นิพพาน เราไดแสดงแลว, ทางใหถึงนิพพาน เราก็ไดแสดงแลว แกเธอทั้งหลาย. กิจใด ที่ศาสนาผูเอ็นดู แสวงหาประโยชนเกื้อกูล อาศัยความเอ็นดูแลว จะพึงทําแกสาวกทั้งหลาย, กิจนั้น เราไดทําแลวแกพวกเธอ. นั่น โคนไม; นั่น เรือนวาง. พวกเธอจงเพียรเผากิเลส. อยาไดประมาท, อยาเปนผูที่ตองรอนใจ ในภายหลังเลย.
www.buddhadasa.info อยํ โว อมฺหากํ อนุสาสนี นี่แหละ วาจาเครื่องพร่ําสอนของเรา แกเธอทั้งหลาย. (มหาวาร. สํ. - สฬา.สํ.)
๔๐๕
๔๐๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
www.buddhadasa.info
ภาค ๓ วาดวย
นิโรธอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐคือความดับไมเหลือของทุกข
www.buddhadasa.info
๔๐๗
ภาค ๓ มีเรื่อง :- นิทเทศ ๙ วาดวยเรื่องความดับแหงตัณหา ๒๙ เรื่อง นิทเทศ ๑๐ วาดวยธรรมเปนที่ดับตัณหา ๖๑ เรื่อง นิทเทศ ๑๑ วาดวยผูดับตัณหา ๑๐๖ เรื่อง นิทเทศ ๑๒ วาดวยอาการดับแหงตัณหา ๖๑ เรื่อง
www.buddhadasa.info
๔๐๘
อริยสัจจากพระโอษฐ ภาค ๓ วาดวย
นิโรธอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐ คือความดับไมเหลือของทุกข (มี ๔ นิทเทศ) ____________
อุทเทศแหงนิโรธอริยสัจ ภ ิก ษ ุ ท .! ค วาม จริง อัน ป ระเส ริฐ คือ ค วาม ด ับ ไม เ ห ลือ ขอ งท ุก ข เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ความดับ สนิท เพราะความจางคลายไปโดย ไมเหลือของตัณหานั้นนั่นเทียว, ความละไปของตัณหานั้น, ความสลัดกลับคืน ของตัณหานั้น, ความหลุดออกไปของตัณหานั้น และความไมมีที่อาศัยอีกตอไป ของตัณ หานั ้น อัน ใด ; อัน นี ้ เราเรีย กวา ความจริง อัน ประเสริฐ คือ ความดับ ไมเหลือของทุกข. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๓๔/๑๖๘๑.
www.buddhadasa.info
๔๐๙
๔๑๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
นิทเทศแหงนิโรธอริยสัจ _______________________ นิทเทศ ๙ วาดวยความดับแหงตัณหา (มี ๒๙ เรื่อง) ที่ละไปดับไป แหงตัณหา
ภิก ษุ ท.! ตัณ หานั ้น เมื ่อ จะละไป ยอ มละไปในที ่ไ หน ? เมื ่อ จะดับไป ยอมดับไป ในที่ไหน ? ภ ิก ษ ุ ท .! สิ ่ง ใ ด ม ีภ า ว ะ เป น ที ่ร ัก ที ่ย ิน ด ีใ น โล ก , ต ัณ ห า นั ้น เมื่อจะละไป ยอมละไป ในสิ่งนั้น ๆ, เมื่อจะดับไป ยอมดับไป ในสิ่งนั้น ๆ, ภิกษุ ท.! สิ่งใดเลา มีภาวะเปนที่รักที่ยินดีในโลก ?
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! ตา มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, หู มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, จมูก มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, ลิ ้น มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที่ ยิ น ดี ใ นโลก, กาย มี ภ าวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใ นโลก, ใจ มี ภ าวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใน โล ก ; ตัณ ห านั ้น เมื ่อ จะล ะไป ยอ ม ล ะไป ใน สิ ่ง นั ้น ๆ, เมื ่อ จะดับ ไป ยอมดับไป ในสิ่งนั้น ๆ.
ภิก ษุ ท .! รูป ทั ้ง ห ลาย มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ น โล ก, เสีย ง ทั้ ง หลายมี ภ าวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใ นโลก, กลิ่ น ทั้ ง หลาย มี ภ าวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ในโลก, รส ทั ้ง หลาย มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, โผฏฐัพ พะ ทั ้ง หลาย มีภาวะเปนที่รักที่ยินดีในโลก, ธรรมารมณ ทั้งหลาย มีภาวะเปนที่รักที่ยินดี
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๑๑
ใน โล ก ; ตัณ ห านั ้น เมื ่อ จ ะ ล ะ ไป ยอ ม ล ะ ไป ใน สิ ่ง นั ้น ๆ , เมื ่อ จะ ดับ ไป ยอมดับไปในสิ่งนั้น ๆ. ภิ ก ษุ ท .! วิ ญ ญ า ณ ท า ง ต า มี ภ า ว ะ เป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใน โล ก , วิ ญ ญาณ ทางหู มี ภ าวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ในโลก, วิ ญ ญาณ ทางจมู ก มี ภ าวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใ นโลก, วิ ญ ญาณ ทางลิ้ น มี ภ าวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใ นโลก, วิ ญ ญาณ ทางกาย มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, วิญ ญาณ ทางใจ มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ น โล ก ; ตัณ ห านั ้น เมื ่อ จะล ะ ยอ ม ละไป ใน สิ ่ง นั ้น ๆ, เมื ่อ จะดับ ยอมดับไป ในสิ่งนั้น ๆ. ภิ ก ษุ ท.! สั ม ผั ส ทางตา มี ภ าวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใ นโลก, สั ม ผั ส ทางหู มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, สัม ผัส ทางจมูก มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดี ในโลก} สั ม ผั ส ท างลิ ้ น มี ภ าวะเป น ที ่ ร ั ก ที ่ ย ิ น ดี ใ นโล ก, สั ม ผั ส ท างก าย มี ภ าวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใ นโลก, สั ม ผั ส ทางใจ มี ภ าวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใ นโลก; ตัณ ห านั ้น เมื ่อ จะล ะไป ยอ ม ล ะไป ใน สิ ่ง นั ้น ๆ, เมื ่อ จะดับ ยอ ม ดับ ไป ในสิ่งนั้น ๆ.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! เวทนาเกิด แตส ัม ผัส ทางตา มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดี ในโลก, เวทนาเกิด แตส ัม ผัส ทางหู มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, เวทนา เกิด แตส ัม ผัส ทางจมูก มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, เวทนาเกิด แตส ัม ผัส ทางลิ้ น มี ภ าวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใ นโลก, เวทนาเกิ ด แต สั ม ผั ส ทางกาย มี ภ าวะ เปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, เวทนาเกิด แตส ัม ผัส ทางใจ มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดี ใน โลก; ตัณ หานั ้น เมื ่อ จะละ ยอ ม ละไป ในสิ ่ง นั ้น ๆ, เมื ่อ จะดับ ยอ ม ดับไป ในสิ่งนั้น ๆ.
๔๑๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิก ษุ ท.! ความ ห ม ายรู ใ นรูป มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, ความหมายรู ในเสีย ง มีภ าวะเปน ที ่รัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, ความหมายรู ในกลิ ่น มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, ความหมายรู ในรส มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดี ในโลก, ความหมายรู ในโผฏฐัพ พะ มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, ความ หมายรู ในธรรมารมณ มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก; ตัณ หานั ้น เมื ่อ จะละ ยอมละไป ในสิ่งนั้น ๆ, เมื่อจะดับ ยอมดับไป ในสิ่งนั้น ๆ, ภิก ษุ ท.! ค วาม คิด นึก ใน รูป มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ น โลก, ความคิด นึก ในเสีย ง มีภ าวะเปน ที ่รัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, ความคิด นึก ในกลิ ่น มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, ความคิด นึก ในรส มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดี ในโลก, ความคิ ด นึ ก ในโผฏฐั พ พะ มี ภ าวะเป น ที่ รัก ที่ ยิ น ดี ในโลก, ความคิ ด นึ ก ในธรรมารมณ มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก; ตัณ หานั ้น เมื ่อ จะละ ยอ ม ละไป ในสิ่งนั้น ๆ, เมื่อจะดับไป ยอมดับไป ในสิ่งนั้น ๆ. ภิก ษุ ท.! ตัณ หาในรูป มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, ตัณ หา ในเสีย ง มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, ตัณ หา ในกลิ ่น มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, ตัณ หา ใน รส มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, ตัณ หาใน โผฏฐัพ พะ มีภ าวะเปน ที่รัก ที่ยิน ดีในโลก, ตัณ หา ในธรรมารมณ มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ น โลก ; ตัณ ห านั ้น เมื ่อ จะละ ยอ ม ละไป ใน สิ ่ง นั ้น ๆ, เมื ่อ จะดับ ยอมดับไปในสิ่งนั้น ๆ.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! ค วาม ต ริ ต รึ ก ใน รู ป มี ภ าวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใ นโลก, ความตริตรึก ในเสียง มีภาวะเปนที่รักที่ยินดีในโลก, ความตริตรึก ในกลิ่น
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๑๓
มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, ความตริต รึก ในรส มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดี ในโลก, ความตริต รึก ในโผฏฐัพ พะ มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, ความ ตริต รึก ในธรรมารมณ มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก; ตัณ หานั ้น เมื ่อ จะละ ยอมละไป ในสิ่งนั้นๆ, เมื่อจะดับ ยอมดับไป ในสิ่งนั้นๆ. ภิ ก ษุ ท.! ค วาม ต ริ ต รอ งใน รู ป มี ภ าวะเป น ที่ รั ก ที่ ยิ น ดี ใ นโลก, ความตริต รอง ในเสีย ง มีภ าวะเปน ที ่รัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, ความตริต รอง ในกลิ ่น มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, ความตริต รอง ในรส มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดี ในโลก, ความตริต รอง ในโผฏฐัพ พะ มีภ าวะเปน ที ่ร ัก ที ่ย ิน ดีใ นโลก, ความ ตริต รอง ในธรรมารมณ มี ภ าวะเป น ที่ รัก ที่ ยิ น ดี ในโลก; ตั ณ หานั้ น เมื่ อ จะละไป ยอมละไป ในสิ่งนั้น ๆ, เมื่อจะดับไป ยอมดับไป ในสิ่งนั้น ๆ, - มหา. ที. ๑๐/๓๔๖/๒๙๘.
ความดับทุกขมี เพราะความดับแหงนันทิ ปุ ณ ณะ ! รู ป ที่ เห็ น ด วยตาก็ ดี , เสี ยง ที่ ฟ งด วยหู ก็ ดี , กลิ่ น ที่ ด มด วย จมูก ก็ด ี, รส ที ่ลิ ้ม ดว ยลิ ้น ก็ด ี, โผฏฐัพ พะ ที ่ส ัม ผัส ดว ยกายก็ด ี ธรรมารมณ ที่ รู แ จ ง ด ว ยใจก็ ดี , อั น เป น สิ่ ง ที่ น า ปรารถนา น า รั ก ใคร น า พอใจ เป น ที่ ย วนตา ยวนใจให รั ก เป น ที่ เข า ไปตั้ ง อาศั ย อยู แ ห ง ความใคร เป น ที่ ตั้ ง แห ง ความกํ า หนั ด ย อ มใจ มี อ ยู ; ภิ ก ษุ ย อ มไม เ พ ลิ ด เพ ลิ น ไม พ ร่ํ า สรรเสริ ญ ไม เ มาหมก ซึ่ ง อ ารม ณ ม ีร ูป เปน ตน นั ้น . เมื ่อ ภิก ษุไ มเ พ ลิด เพ ลิน ไมพ ร่ํ า ส รรเส ริญ ไม เมาหมก ซึ่งอารมณมี รูปเปนตนนั้นอยู, นันทิ (ความเพลิน) ยอมดับไป.
www.buddhadasa.info
๔๑๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ปุ ณ ณะ ! เรากล า วว า "ความดั บ ไม มี เ หลื อ ของทุ ก ข มี ไ ด เพราะ ความดับไมเหลือของความเพลิน" ดังนี้ แล. -
อุปริ. ม.๑๔/๔๘๒/๗๕๖.
ลูกโซแหงความดับทุกข ภิกษุ ท.! เพราะความจางคลาย จนดับไมเหลือแหงอวิชชา นั่นแหละ จึ งมี ค วามดั บ แห งสั งขาร; เพราะความดั บ แห งสั งขาร จึ งมี ค วามดั บ แห งวิ ญ ญาณ; เพราะความดั บ แห ง วิ ญ ญาณ จึ ง มี ค วามดั บ แห ง นามรู ป ; เพราะความดั บ แห ง นามรู ป จึ ง มี ค วามดั บ แห ง อายตนะหก ; เพราะความดั บ แห ง อายตนะหก จึ ง มี ความดั บ แห ง ผั ส สะ ; เพ ราะความดั บ แห ง ผั ส สะ จึ ง มี ค วามดั บ แห ง เวทนา; เพราะความดั บ แห ง เวทนา จึ ง มี ค วามดั บ แห ง ตั ณ หา; เพราะความดั บ แห ง ตั ณ หา จึ ง มี ค วามดั บ แห ง อุ ป าทาน ; เพราะความดั บ แห งอุ ป าทาน จึ งมี ค วามดั บ แห ง ภพ; เพราะความดั บ แห ง ภพ จึ ง มี ค วามดั บ แห ง ชาติ ; เพราะความดั บ แห ง ชาติ , ชรา มรณ ะ โสกะ ป ริเ ท วะ ทุก ขะ โท ม นัส อุป ายาส ยอ ม ดับ ไมเ ห ลือ . ความ ดับไมเหลือแหงกองทุกขทั้งสิ้นนั้น ยอมมีได ดวยอาการอยางนี้แล.
www.buddhadasa.info - นิทาน. สํ. ๑๖/๒/๓. -
พนทุกขเพราะไมเพลินในธาตุ
ภิ กษุ ท .! ผู ใด ย อ ม ไม เพ ลิ น ก ะธาตุ ดิ น (ป ฐวี ธ าตุ ) ก ะธาตุ น้ํ า (อาโปธาตุ) กะธาตุไฟ (เตโชธาตุ) กะธาตุลม (วาโยธาตุ), ผูนั้นยอมชื่อวา
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๑๕
ไมเ พ ลิน ใน สิ ่ง ที ่เ ปน ทุก ข. ผู ใ ด ยอ ม ไมเ พ ลิน ใน สิ ่ง ที ่เ ปน ทุก ข, เรากลา ว ผูนั้นวา เปน "ผูหลุดพนแลวจากทุกข" ดังนี้ แล. - นิทาน. สํ. ๑๖/๒๐๘/๔๑๓.
ความหมายของคําวา "ความดับ" "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! พระองค กล าวอยู ว า 'ความดั บ ๆ' ดั งนี้ . อั นว า' ความดับ ๆ' ดังกลาวนี้ หมายถึงความดับแหงธรรมทั้งหลาย เหลาไหนเลา ? พระเจาขา!" อานนท ! รูปก็ดี เวทนาก็ดี สัญญาก็ดี สัญญาก็ ดี สังขารทั้งหลายก็ดี วิญญาณ ก็ด ี เปน ของไมเ ที ่ย ง อัน ปจ จัย ปรุง แตง แลว อาศัย กัน และกัน เกิด ขึ ้น มีค วาม สิ้ น ไปเป น ธรรมดา มี ค วามเสื่ อ มไปเป น ธรรมดา มี ค วามจางคลายไปเป น ธรรมดา มี ค วามดั บ ไปเป น ธรรมดา, คํ า อั น เรากล า วว า "ความดั บ ๆ" หมายถึ ง ความดั บ แหงขันธมีรูปเปนตนนั้น ๆ ดังนี้. อานนท ! คํ า อั น เรากล า วว า "ความดั บ ๆ" ดั ง นี้ หมายถึ ง ความ ดับแหงธรรมทั้งหลายเหลานี้แล.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๐/๔๘.
หมายเหตุ : ผู ศึ กษาพึ งทํ าความสั งเกตวา พระองค ตรัสความดั บของเบญจขั นธ หมายถึ งความ ดับ ทุก ขโ ดยตรง เพราะไดต รัส ไวใ นที ่ทั ่ว ไปวา ปญ จุป าทานัก ขัน ธ คือ ตัว ทุก ข โดยสรุป และ เมื่ อ ดั บ ป ญ จุ ป าทานั ก ขั น ธ เสี ย แล ว ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ ซึ่ ง เป น อาการแห ง ความทุ ก ข ก็ ดั บ ไปดวยกัน.
๔๑๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ความดับของรูปขันธ คือ ความดับของทุกข ภิ ก ษุ ท.! ความดั บ ความเข า ไปสงบรํ า งั บ ความตั้ ง อยู ไ ม ไ ด ของ สิ ่ง ที ่เ รีย กวา ธาตุด ิน , . ของสิ ่ง ที ่เ รีย กวา ธาตุน้ํ า , ของสิ ่ง ที ่เ รีย กวา ธาตุไ ฟ, ของ สิ ่ง ที ่เ รีย กวา ธาตุล ม ใด ๆ ; อัน นั ้น แหละเปน ความดับ ของทุก ข, อัน นั ้น แหละ เป น ความเข า ไปสงบรํ า งั บ ของสิ่ ง ซึ่ ง มี ป รกติ เ สี ย บแทงทั้ ง หลาย, อั น นั้ น แหละ เปนความตั้งอยูไมไดของชราและมรณะ แล. - นิทาน. สํ. ๑๖/๒๐๙/๔๑๕. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๘๖/๔๙๕. ( ความดับในกรณีเชนนี้ ทุกแหง หมายถึงดับนันทิราคะในสิ่งนั้น ๆ เสีย ).
ความดับของเวทนาขันธ คือ ความดับของทุกข ภิ ก ษุ ท.! ความดั บ ความเข า ไปสงบรํ า งั บ ความตั้ ง อยู ไ ม ไ ด ของ เวทนาที ่เ กิด ขึ ้น แตส ัม ผัส ทางตา, ของเวทนาที ่เ กิด แตส ัม ผัส ทางหู, ของเวทนา ที ่เ กิด แตส ัม ผัส ทางจมูก , ของเวทนาที ่เ กิด แตส ัม ผัส ทางลิ ้น , ของเวทนาที ่เ กิด แต สั ม ผั ส ทางกาย และของเวทนาที่ เ กิ ด แต สั ม ผั ส ทางใจ ใด ๆ ; อั น นั้ น แหละ เป น ความดั บ ของทุ ก ข , อั น นั้ น แหละเป น ความเข า ไปสงบรํ า งั บ ของสิ่ ง ซึ่ ง มี ป รกติ เสียบแทงทั้งหลาย, อันนั้นแหละเปนความตั้งอยูไมไดของชราและมรณะ แล.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๘๕/๔๘๘.
ความดับของสัญญาขันธ คือ ความดับของทุกข ภ ิก ษ ุ ท .! ค วาม ดับ ค วาม เขา ไป ส งบ รํ า งับ ค วาม ตั ้ง อ ยู ไ ม ไ ด ของสัญญาในรูป ของสัญญาในเสียง ของสัญญาในกลิ่น ของสัญญาในรส ของ
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๑๗
สั ญ ญ าในโผฏฐั พ พะ และของสั ญ ญ าในธรรมารมณ ใด ๆ, อั น นั้ น แหละเป น ความ ดั บ ของทุ ก ข อั น นั้ น แหล ะเป น ความ เข า ไป ส งบ รํ า งั บ ของสิ่ ง ซึ่ ง มี ป รกติ เสียบแทง, อันนั้นแหละเปนความตั้งอยูไมไดของชราและมรณะ แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๘๕/๔๙๐.
ความดับของสังขารขันธ คือ ความดับของทุกข ภิ กษุ ท.! ความ ดั บ ความ เช า ไป สงรํ า งั บ ความตั้ ง อยู ไ ม ไ ด ของ สั ญ เจ ต น า ใน รู ป , ข อ งสั ญ เจ ต น า ใน เสี ย ง, ข อ งสั ญ เจ ต น า ใน ก ลิ่ น , ข อ ง สั ญ เจตนาในรส, ของสั ญ เจตนาในโผฏฐั พ พะ และของสั ญ เจตนาในธรรมารมณ ใด ๆ ; อัน นั ้น แหละเปน ความดับ ของทุก ข, อัน นั ้น แหละเปน วามเขา ไปสงบ รํ า งั บ ของสิ่ ง ซึ่ ง มี ป รกติ เ สี ย บแทงทั้ ง หลาย, อั น นั้ น แหละเป น ความตั้ ง อยู ไ ม ไ ด ของชราและมรณะแล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๘๕/๔๙๒.
ความดับของวิญญาณขันธ คือ ความดับของทุกข
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! ความดั บ ความเข า ไปสงบรํ า งั บ ความตั้ ง อยู ไ ม ไ ด ของ วิ ญ ญ าณ ทางตา, ของวิ ญ ญ าณ ทางหู ของวิ ญ ญ าณ ทางจมู ก , ของวิ ญ ญ าณ ทางลิ้ น , ของวิ ญ ญ าณ ทางกาย และของวิ ญ ญ าณ ทางใจ ใด ๆ; อั น นั้ น แหละ เป น ความดั บ ของทุ ก ข , อั น นั้ น แหละเป น ความเข า ไปสงบรํ า งั บ ของสิ่ ง ซึ่ ง มี ป รกติ เสียบแทงทั้งหลาย. อันนั้นแหละเปนความตั้งอยูไมไดของชราและมรณะ แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๘๗/๔๙๘.
๔๑๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ความดับของเบญจขันธ คือ ความดับของทุกข ภิ ก ษุ ท.! ความดั บ ความเข า ไปสงบรํ า งั บ ความตั้ ง อยู ไม ได ข องรู ป ของเวทนา ของสั ญ ญา ของสั ง ขาร และของวิ ญ ญาณ ใด ๆ, อั น นั้ น แหละเป น ความดั บ ของทุ ก ข , อั น นั้ น แหละเป น ความเข า ไปสงบรํ า งั บ ของสิ่ ง ซึ่ ง มี ป รกติ เสียบแทงทั้งหลาย, อันนั้นแหละเปนความตั้งอยูไมไดของชราและมรณะ แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๘๗/๔๙๘.
ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได ภิกษุ ท.! การปลงภาระหนักลงเสียได เปนอยางไรเลา ? ภิ ก ษุ ท.! ความดั บ สนิ ท เพราะความจางคลายไปโดยไม เ หลื อ ของ ตั ณ หานั้ น นั่ น เที ย ว, ความละไปของตั ณ หานั้ น , ความสลั ด กลั บ คื น ของตั ณ หา นั้ น , ความหลุ ด ออกไปของตั ณ หานั้ น , และความไม มี ที่ อ าศั ย อี ก ต อ ไปของ ตัณ หานั ้น อัน ใด; ภิก ษุ ท.! อัน นี ้เ ราเรีย กวา การปลงภาระหนัก ลงเสีย ได ดังนี้.
www.buddhadasa.info พระผูมีพระภาคเจา ไดตรัสพุทธวจนะนี้ ซึ่งเปนคํารอยกรองสืบตอไป :-
"ขันธทั้งหาเปนของหนักเนอ! บุคคลแหละ เปนผูแบกของหนักพาไป. การแบกถือของหนัก เปนความทุกขในโลก. การปลงภาระหนักเสียไดเปนความสุข.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๑๙
พระอริยเจาปลงภาระหนักลงเสียแลว. ทั้งไมหยิบฉวยเอาของหนักอันอื่นขึ้นมาอีก. ก็เปนผูถอนตัณหาขึ้นไดกระทั่วราก (อวิชชา); เปนผูหมดสิ่งปรารถนา ดับสนิทไมมีสวนเหลือ" ดังนี้. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๒/๕๒-๕๓
ละกิเลสตัณหาได คือละเบญจขันธได ภิ ก ษุ ท.! ความพ อใจ (ฉั น ทะ) ก็ ดี ความกํ า หนั ด (ราคะ) ก็ ดี ความเพลิ น (นั น ทิ ) ก็ ดี ตั ณ หาก็ ดี มี อ ยู ใ นรู ป ในเวทนา ในสั ญ ญา ในสั ง ขาร ทั้ ง หลาย ในวิ ญ ญ าณ ใด ๆ, พวกเธอทั้ ง หลาย จงละกิ เ ลสนั้ น ๆ เสี ย . ด ว ย การทํ าอย างนี้ รู ป เวทนา สั ญ ญา สั งขารทั้ งหลาย วิ ญ ญาณ นั้ น ๆ จั ก เป น สิ่ งที่ พวกเธอละได แ ล ว เป น สิ่ ง ที่ มี มู ล รากอั น ตั ด เสี ย แล ว ทํ า ให เหมื อ นตาลยอดเน า ทําใหมีอยูไมไดทําใหเปนสิ่งที่เกิดขึ้นไมไดอีกตอไป. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๓๖/๓๗๕.
www.buddhadasa.info ราธะ ! ความพอใจก็ ดี ความกํ า หนั ด ก็ ดี ความเพลิ น ก็ ดี ตั ณ หาก็ ดี อุ ป ายะ (กิ เลสเป นเหตุ ให เข าไปสู ภพ) ก็ ดี และอุ ปาทานก็ ดี อั นเป นเครื่ องตั้ งทั บเครื่ อง เข า ไปอาศั ย และเครื่ อ งนอนเนื่ อ งแห ง จิ ต มี อ ยู ใ นรู ป ในเวทนา ในสั ญ ญา ใน สั ง ขาร ในวิ ญ ญาณ ใด ๆ; พวกเธอทั้ ง หลายจงละกิ เ ลสนั้ น ๆ เสี ย . ด ว ยการ ทําอยางนี้ รูป เวทนา สัญญา สังขารทั้งหลาย วิญญาณนั้น ๆ จักเปนสิ่งที่พวก
๔๒๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
เธอละได แ ล ว เป น สิ่ ง ที่ มี มู ล รากอั น ตั ด ขาดเสี ย แล ว ทํ า ให เหมื อ นตาลยอดเน า ทําใหมีอยูไมได ทําใหเปนสิ่งที่เกิดขึ้นไมไดอีกตอไป. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๓๗/๓๗๖.
ละฉันทราคะแหงสิ่งใด ก็คือการละซึ่งสิ่งนั้น ภิ ก ษุ ท.! เมื่ อ ไม รู ยิ่ ง ไม รู ร อบ ไม ค ลายกํ า หนั ด ไม ล ะขาด ซึ่ ง รูป .... เวทนา.... สัญ ญ า.... สัง ขาร.... วิญ ญ าณ ก็ไ มค วรแกค วามสิ ้น ไป แหงทุกข. ภิ ก ษุ ท.! เมื่ อ รู ยิ่ ง เมื่ อ รู รอบ เมื่ อ คลายกํ าหนั ด เมื่ อ ละขาด ซึ่ ง รู ป .... เวท น า .... สั ญ ญ า .... สั ง ข าร วิ ญ ญ าณ ก็ ค ว ร แ ก ค ว าม สิ ้ น ไป แหงทุกข. ภิก ษ ุ ท .! เธอทั ้ง ห ลายจ งล ะฉัน ท ราค ะใน รูป .... เวท น า.... สัญ ญ า ....สัง ขาร.... วิญ ญ าณ เสีย ; ดว ยการกระทํ า อยา งนี ้ เปน อัน วา รู ป .... เวทนา.... สั ญ ญ า.... สั ง ขาร.... วิ ญ ญ าณ นั ้ น เป น สิ ่ ง ที ่ เ ธอ ละขาดแลว มีร ากอัน ขาดแลว ทํ า ใหเ ปน เหมือ นตน ตาลมีขั ้ว ยอดอัน ขาดแลว ใหถึงความไมมีอยู มีอันไมเกิดขึ้นอีกตอไปเปนธรรมดา.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ สํ. ๑๗/๓๓/๕๖-๕๘. (ข อ ความนี้ มี ป ระโยชน ม าก ที่ ทํ าให เราสามารถละสิ่ งที่ ควรละได เต็ ม ตามความหมาย; คือ ไมใ ชล ะตัว วัต ถุนั ้น แตล ะความกํ า หนัด พอใจในสิ ่ง นั ้น จึง จะเปน การละสิ ่ง นั ้น ไดเ ด็ด ขาด และเปนสิ่งที่ปฏิบัติไดยิ่งกวาการที่จะไปละวัตถุนั้น ๆ โดยตรง).
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๒๑
ความสิ้นตัณหา คือ นิพพาน "ข า แต พ ระองค ผู เจริ ญ ! ที่ เรี ย กว า 'สั ต ว สั ต ว ' ดั งนี้ , อั น ว า สั ต ว มี ได ดวยเหตุเพียงเทาไรเลา ? พระเจาขา !" ราธะ ! ความพอใจอัน ใด ราคะอัน ใด นัน ทิอ ัน ใด ตัณ หาอัน ใด มี อ ยู ใ นรู ป ในเวทนา ในสั ญ ญ า ในสั ง ขารทั้ ง หลาย และในวิ ญ ญาณ , เพราะ การติดแลว ของแลว ในสิ่งนั้น ๆ, เพราะฉะนั้นจึงเรียกวา 'สัตว' ดังนี้. ราธะ ! เปรี ย บเหมื อ นพวกกุ ม ารน อ ย ๆ หรื อ กุ ม ารี น อ ย ๆ เล น เรื อ น น อ ย ๆ ที่ ทํ า ด ว ยดิ น อยู , ตราบใดเขายั ง มี ร าคะ มี ฉั น ทะ มี ค วามรั ก มี ค วาม กระหายมี ความ เร า ร อ น และมี ตั ณ ห า ใน เรื อ นน อ ยที่ ทํ า ด ว ยดิ น เหล า นั้ น ; ตราบนั้ น พวกเด็ ก น อ ยนั้ น ๆ ย อ มอาลั ย เรื อ นน อ ยที ทํ า ด ว ยดิ น เหล า นั้ น ย อ ม อยากเลน ยอ มอยากมีเ รือ นนอ ย ที ่ทํ า ดว ยดิน เหลา นั ้น . ยอ มยึด ถือ เรือ นนอ ย ที่ทําดวยดินเหลานั้นวาเปนของเรา ดังนี้.
www.buddhadasa.info ราธะ ! แต เ มื่ อ ใดแล พวกกุ ม ารน อ ย ๆ หรื อ กุ ม ารี น อ ย ๆ เหล า นั้ น มี ราคะไปปราศแล ว มี ฉั น ทะไปปราศแล ว มี ค วามรั ก ไปปราศแล ว มี ค วามกระหาย ไปปราศแล ว มี ค วามเร า ร อ นไปปราศแล ว มี ตั ณ หาไปปราศแล ว ในเรื อ นน อ ยที่ ทํ า ดว ยดิน เหลา นั ้น , ในกาลนั ้น แหละพวกเขายอ มทํ า เรือ นนอ ย ๆ ที ่ทํ า ดว ย ดิ น เหล า นั้ น ให ก ระจั ด กระจายเรี่ ย รายเกลื่ อ นกล น ไป กระทํ า ให จ บการเล น เสี ย ดวยมือและเทาทั้งหลาย, อุปมานี้ฉันใด ;
๔๒๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ราธะ ! อุ ป ไมยก็ ฉั น นั้ น คื อ แม พ วกเธอทั้ ง หลายจงเรี่ ย รายกระจาย ออก ซึ่ ง รู ป เวทนา สั ญ ญ า สั ง ขาร และวิ ญ ญ าณ . จงขจั ด เสี ย ให ถู ก วิ ธี , จง ทํ า ใหแ ห ล ก ล าญ โด ย ถ ูก วิธ ี, จ งทํ า ให จ บ ก ารเลน ใหถ ูก วิธ ี, จงป ฏ ิบ ัต ิเ พื ่อ ความสิ้นไปแหงตัณหาเถิด. ราธะ! เพราะวา ความสิ้นไปแหงตัณหานั้น คือนิพพาน ดังนี้ แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๓๒/๓๖๗.
ที่สุดของพรหมจรรย คือนิพพาน "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! ที่ เรี ยกว า 'มาร มาร' ดั งนี้ , ด วยเหตุ เพี ยงเท าไร เลา จึงถูกเรียกวา มาร พระเจาขา !" ราธะ ! เมื่ อ รู ป เวทนา สั ญ ญ า สั ง ขาร และวิ ญ ญ าณ มี อ ยู , จะพึ ง มีมาร, มีผูใหตาย หรือวาผูตาย.
www.buddhadasa.info รา ธ ะ ! เพ รา ะ ฉ ะ นั ้น ใน เรื ่อ งนี ้ เธ อ จ งเห ็น รูป เว ท น า ส ัญ ญ า สั ง ขาร และวิ ญ ญ าณ ว า 'เป น มาร' เห็ น ว า เป น 'ผู ใ ห ต าย' เห็ น ว า 'ผู ต าย' เห็น วา 'เปน โรค' เห็น วา 'เปน หัว ฝ' เห็น วา 'เปน ลูก ศร' เห็น วา 'เปน ทุก ข' เห็ น ว า 'เป น ทุ ก ข ที่ เกิ ด แล ว ' ดั ง นี้ . พวกใดย อ มเห็ น รู ป เวทนา สั ญ ญา สั ง ขาร และวิญญาณนั้น ดวยอาการอยางนี้, พวกนั้น ชื่อวา ยอมเห็นโดยชอบ แล.
"ข า แต พ ระองค ผู เจริ ญ ! สั ม มาทั ส สนะ (การเห็ น โดยชอบ) มี อ ะไร เปนประโยชนที่มุงหมายเลา พระเจาขา !"
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๒๓
ราธะ ! สั ม มาทั ส สนะ มี นิ พ พิ ท า (ความเบื่ อ หน า ย) เป น ประโยชน ที่มุงหมาย. "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! ก็ นิ พพิ ทา (ความเบื่ อหน าย) มี อะไรเป นประโยชน ที่มุงหมายเลา พระเจาขา !" ราธะ ! นิ พ พิ ท าแล มี วิ ร าคะ (ความจางคลายไป) เป น ประโยชน ที่ มุงหมาย. "ข าแต พ ระองค ผู เจริ ญ ! ก็ วิ ราคะ มี อ ะไรเป น ประโยชน ที่ มุ งหมายเล า พระเจาขา!" ราธะ ! วิราคะแล มีวิมุติ (ความหลุดพน) เปนประโยชนที่มุงหมาย "ข า แต พ ระองค ผู เจริ ญ ! ก็ วิ มุ ติ มี อ ะไรเป น ประโยชน ที่ มุ งหมายเล า พระเจาขา ?" ราธะ ! วิมุติแล มีนิพพานเปนประโยชนที่มุงหมาย. "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! ก็ นิ พพาน มี อะไรเป นประโยชน ที่ มุ งหมายเล า
www.buddhadasa.info พระเจาขา?"
ราธะ ! เขาไดถ ามเลยปญ หาเสีย แลว , เธอไมอ าจจะจับ ฉวยเอา ที่สุดของปญหาได.
ราธะ ! ดว ยวา พรหมจรรย ที่ป ระพฤติกัน อยูนี ้แ ล ยอ มหยั่ง ลง สูนิพพาน มีนิพพานเปนที่สุดทาย. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๓๑/๓๖๖.
๔๒๔
อริยสัจจากพระโอษฐ ความไมเพลินในอายตนะ คือความหลุดพนจากทุกข
ภ ิก ษ ุ ท .! ส ว น ผู ใ ด ย อ ม ไม เ พ ล ิน ก ะ ต า , ไม เ พ ล ิน ก ะ ห ู, ไม เพลิน กะจมูก , ไมเ พลิน กะลิ ้น , ไมเ พลิน กะกาย, ไมเ พลิน กะใจ แลว ไซร ; ผู นั ้น ชื ่อ วา ยอ มเพ ลิด เพลิน กะสิ ่ง อัน เปน ทุก ข. ผู ใ ด ยอ มไมเ พลิด เพ ลิน กะสิ่งอันเปนทุกข ; เรากลาววา ผูนั้น ยอมหลุดพนจากทุกข ดังนี้. -
สฬา. สํ. ๑๘/๑๖/๑๙.
ภิ ก ษุ ท.! ส ว นผู ใ ดแล ย อ มไม เ พลิ ด เพลิ น กะรู ป , ไม เ พลิ ด เพลิ น ก ะ เสี ย ง, ไม เ พ ลิ ด เพ ลิ น ก ะ ก ลิ ่ น , ไม เ พ ลิ ด เพ ลิ น ก ะ รส , ไม เ พ ลิ ด เพ ลิ น กะโผฏฐัพ พะ, ไมเ พลิด เพลิน กะธรรมารมณ แลว ไซร; ผู นั ้น ชื ่อ วา ยอ ม ไม เ พลิ ด เพลิ น กะสิ่ ง อั น เป น ทุ ก ข . ผู ใ ด ย อ มไม เ พลิ ด เพลิ น กะสิ่ ง อั น เป น ทุ ก ข . เรากลาวา ผูนั้นยอมหลุดพนจากทุกข ดังนี้แล. - สฬา. สํ. ๑๘/๑๖/๒๐.
www.buddhadasa.info หลุดพนจากทุกข เพราะไมเพลิดเพลินในเบญจขันธ
ภิ ก ษุ ท .! ผู ใด ไม เพ ลิ ด เพ ลิ น อ ยู ใน รู ป , ผู นั้ น เท ากั บ ไม เพลิด เพลิน อยู ในสิ ่ง ที ่เ ปน ทุก ข. เรากลา ววา "ผู ใ ด ไมเ พลิด เพลิน อยู ใน สิ่งที่เปนทุกข, ผูนั้น ยอมหลุดพนไปไดจากทุกข" ดังนี้;
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๒๕
ภิ ก ษุ ท .! ผู ใ ด ไม เ พ ลิ ด เพ ลิ น อ ยู ใ น เว ท น า , ผู นั ้ น เท า กั บ ไมเ พลิด เพลิน อยู ในสิ ่ง ที ่เ ปน ทุก ข, เรากลา ววา "ผู ใ ด ไมเ พลิด เพลิน อยู ในสิ่งที่เปนทุกข, ผูนั้น ยอมหลุดพนไปไดจากทุกข" ดังนี้ ; ภิก ษุ ท .! ผู ใ ด ไมเ พ ลิด เพ ลิน อ ยู ใ น สัญ ญ า , ผู นั ้น เทา กับ ไมเ พลิด เพลิน อยู ในสิ ่ง ที ่เ ปน ทุก ข, เรากลา ววา "ผู ใ ด ไมเ พลิด เพลิน อยู ในสิ่งที่เปนทุกข, ผูนั้น ยอมหลุดพนไปไดจากทุกข ดังนี้ ; ภิก ษุ ท .! ผู ใ ด ไมเ พ ลิด เพ ลิน อ ยู ใ น สัง ข าร , ผู นั ้น เทา กับ ไมเ พลิด เพลิน อยู ในสิ ่ง ที ่เ ปน ทุก ข, เรากลา ววา "ผู ใ ด ไมเ พลิด เพลิน อยู ในสิ่งที่เปนทุกข, ผูนั้น ยอมหลุดพนไปไดจากทุกข" ดังนี้ ; ภิก ษุ ท.! ผู ใ ด ไมเ พ ลิด เพ ลิน อ ยู ใ น วิญ ญ าณ , ผู นั ้น เทา กับ ไมเ พลิด เพลิน อยู ในสิ ่ง ที ่เ ปน ทุก ข. เรากลา วา "ผู ใ ด ไมเ พลิด เพลิน อยู ในสิ่งที่เปนทุกข, ผูนั้น ยอมหลุดพนไปไดจากทุกข" ดังนี้.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สฺ ๑๗/๓๙/๖๕.
ความดับของอายตนะ คือ ความดับของทุกข
ภิ ก ษุ ท.! ความดั บ ความเข า ไปสงบรํ า งั บ และความตั้ ง อยู ไ ม ไ ด แห ง ตา แห ง หู แห ง จมู ก แห ง ลิ้ น แห ง กาย แห ง ใจ ใด ๆ; อั น นั้ น แหละเป น ความ ดั บ แห ง ทุ ก ข , อั น นั้ น แหละเป น ความเข า ไปสงบรํ า งั บ แห ง สิ่ ง ซึ่ ง มี ป รกติ เสี ย บแทง ทั้งหลาย, อันนั้นแหละเปนความตั้งอยูไมไดแหงชราและมรณะ แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๘๓/๔๘๐. - สฬา. สํ. ๑๘/๑๗/๒๑.
๔๒๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! ความดั บ ความเข า ไปสงบรํ า งั บ และความตั้ ง อยู ไ ม ไ ด แห ง รู ป แห ง เสี ย ง แห ง กลิ่ น แห ง รส แห ง โผฏฐั พ พะ แห ง ธรรมารมณ ใด ๆ, อั น นั้ น แหละ เป น ความดั บ แห ง ทุ ก ข , อั น นั้ น แหละ เป น ความเข า ไปสงบรํ า งั บ แห ง สิ่ ง ซึ่ ง มี ป รกติ เ สี ย งแทงทั้ ง หลาย, อั น นั้ น แหละ เป น ความตั้ ง อยู ไ ม ไ ด แ ห ง ชราและมรณะ แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๘๔/๔๘๒. - สฬา. สํ. ๑๘/๑๗/๒๓.
ความรูที่ถึงขั้นทําลายตัณหาแหงกามคุณในอดีต มาคั ณ ฑิ ย ะ ! ท านจะสํ าคั ญ ความข อ นี้ ว าอย างไร : คนบางคนในโลก นี ้ เคยไดร ับ การบํ า รุง บํ า เรอดว ยรูป ทางตา อัน เปน รูป ที ่น า ปรารถนา นา ใคร น า พอใจ มี ลั ก ษณ ะน า รั ก เป น ที่ เ ข า ไปอาศั ย อยู แ ห ง ความใคร เป น ที่ ตั้ ง แห ง ความกําหนั ด มาแลว ; ครั้นสมัยอื่นอีก เขามารูแจงตามที่ เป นจริง ซึ่ งความเกิ ด ความดับ รสอรอย โทษต่ําทราม และอุบายเครื่องออก แหงรูปทั้งหลาย นั่นเทียว แล ว ละเสี ย ซึ่ ง ตั ณ หาในรู ป บรรเทาเสี ย ซึ่ ง ความเร า ร อ นในรู ป ปราศจากความ กระหาย เป น ผู มี จิ ต สงบแล ว ในภายใน อยู . มาคั ณ ฑิ ย ะ ! ท า นมี อ ะไรที่ จ ะ กลาวปรารภบุคคลคนนี้บางไหม ? "ไมมีเลย พระเจาขา !"
www.buddhadasa.info ( ต อ ไปนี้ ได มี ก ารถาม-ตอบ ในกรณี แ ห งเสี ย ง กลิ่ น รส โผฏฐั พ พะ โดยทํ า นอง เดียวกัน ). - ม. ม. ๑๓/๒๗๓/๒๘๐.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๒๗
ความปลอดจากกามโยคะ ภิ ก ษุ ท.! ความปลอดจากกิ เ ลส อั น เป น เครื่ อ งประกอบสั ต ว ไ ว ใ น ภพ มี ๔ อย า งเหล า นี้ . สี่ อ ย า งเหล า ไหนเล า ? สี่ อ ย า งคื อ ความปลอดจาก กามโยคะ, ความปลอดจากภวโยคะ, ความปลอดจากทิฏ ฐิโ ยคะ, ความ ปลอดจากอวิชชาโยคะ. ภิ ก ษุ ท.! ความปลอดจากกามโยคะ เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! บุค คลบางคนในโลกนี ้ ยอ มรู แ จง ชัด ตามที ่เ ปน จริง ซึ ่ง ความกอ ขึ ้น แหง กาม ทั้ งหลายด ว ย ซึ่ ง ความดั บ ไปแห ง กามทั้ งหลายด ว ย ซึ่ งรสอร อ ยแห ง กามทั้ งหลาย ดว ย ซึ ่ง โทษแหง กามทั ้ง หลายดว ย ซึ ่ง อุบ ายเปน เครื ่อ งออกพน ไปไดจ ากกาม ทั ้ง ห ลายดว ย ; เมื ่อ เขารู ต าม ที ่เ ปน จริง อยู เ ชน นั ้น , ความ กํ า หนัด ใน กาม ความเพลิ ด เพลิ น ในกาม ความเสน ห าในกาม ความสยบอยู ใ นกาม ความหิ ว กระหายในกาม ความเร าร อ นเพราะกาม ความเมาหมกในกาม และกามตั ณ หา, ในกามทั ้ง หลาย เหลา นี ้ย อ มไมน อนเนื ่อ งอยู ใ นบุค คลนั ้น . ภิก ษุ ท.! นี ้เ รา เรียกวา ความปลอดจากกามโยคะ.
www.buddhadasa.info - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๔/๑๐.
ความปลอดจากภวโยคะ
ภิ ก ษุ ท.! ความปลอดจากภวโยคะ เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! บุค คลบางคนในโลกนี ้ ยอ มรู แ จง ชัด ตามที ่เ ปน จริง ซึ ่ง ความกอ ขึ ้น แหง ภพ ทั้ ง หลายด ว ย ซึ่ ง ความดั บ ไปแห ง ภพทั้ ง หลายด ว ย ซึ่ ง รสอร อ ยแห ง ภพทั้ ง หลาย ดวย ซึ่งโทษแหงภพทั้งหลายดวย ซึ่งอุบายเครื่องออกพนไปจากภพทั้งหลายดวย ;
๔๒๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
เมื่ อ เขารู ต ามที่ เป น จริ ง อยู เช น นั้ น , ความกํ า หนั ด ในภพ ความเพลิ ด เพลิ น ในภพ ความเสน ห าในภพ ความสยบอยู ใ นภพ ความหิ ว กระหายในภพ ความเร า ร อ น เพราะภพ ความเมาหมกในภพ และภวตัณ หา, ในภพทั ้ง หลาย เหลา นี ้ย อ ม ไมนอนเนื่องอยูในบุคคลนั้น. ภิกษุ ท.! นี้เราเรียกวา ความปลอดจากภวโยคะ. - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๔/๑๐.
ความปลอดจากทิฏฐิโยคะ ภิ ก ษุ ท.! ความปลอดจากทิ ฏ ฐิ โยคะ เป น อย างไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! บุค คลบางคนในโลกนี ้ ยอ มรู แ จง ชัด ตามที ่เ ปน จริง ซึ ่ง ความกอ ขึ ้น แหง ทิฏ ฐิ ทั้ งหลายด วย ซึ่ งความดั บ ไปแห งทิ ฏ ฐิ ทั้ งหลายด วย ซึ่ งรสอร อ ยแห งทิ ฏ ฐิ ทั้ งหลาย ด ว ย; ซึ่ ง โทษแห ง ทิ ฏ ฐิ ทั้ ง หลายด ว ย ซึ่ งอุ บ ายเครื่ อ งออกพ น ไปจากทิ ฏ ฐิ ทั้ ง หลาย ด ว ย; เมื่ อ เขารู ต ามที่ เ ป น จริ ง อยู เ ช น นั้ น , ความกํ า หนั ด ในทิ ฏ ฐิ ความเพลิ ด เพลิ น ในทิ ฏ ฐิ ความเสน ห าในทิ ฏ ฐิ ความสยบอยู ใ นทิ ฏ ฐิ ความหิ ว กระหายใน ทิ ฏ ฐิ ความเร า ร อ นเพราะทิ ฏ ฐิ ความเมาหมกในทิ ฏ ฐิ และตั ณ หาทางทิ ฏ ฐิ , ใน ทิฏ ฐิทั ้ง ห ลาย เห ลา นี ้ย อ ม ไมน อ น เนื ่อ งอยู ใ น บุค คลนั ้น . ภิก ษุ ท .! นี ้เ รา เรียกวา ความปลอดจากทิฏฐิโยคะ.
www.buddhadasa.info - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๕/๑๐.
ความปลอดจากอวิชชาโยคะ ภิกษุ ท.! ความปลอดจากอวิชชาโยคะ เปนอยางไรเลา ? ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลบางคนในโลกนี้ ย อ มรู แ จ ง ชั ด ตามที่ เ ป น จริ ง ซึ่ ง ความกอขึ้นแหงผัสสายตนะหกดวย ซึ่งความดับไปแหงผัสสายตนะหกดวย ซึ่ง
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๒๙
รสอร อ ยแห งผั ส สายตนะหกด ว ย ซึ่ ง โทษแห งผั ส สายตนะหกด ว ย ซึ่ งอุ บ ายเครื ่อ ง พน ไปจากผัส สายตนะหกดว ย; เมื ่อ เขารู ช ัด ตามทีเ ปน จริง อยู เ ชน นั ้น , อวิช ชา และอั ญ ญาณใด ๆ ในผั ส สายตนะหก อวิ ชชาและอั ญ ญาณนั้ น ย อ มไม น อนเนื่ อ ง อยูในบุคคลนั้น. ภิกษุ ท.! นี้เราเรียกวา ความปลอดภัยจากอวิชชาโยคะ. ภิ ก ษุ ท.! ด ว ยเหตุ นี้ แ หละจึ ง รวมเป น การไม ป ระกอบอยู ด ว ยกามโยคะ ๑ ความไม ป ระกอบอยู ด วยภวโยคะ ๑ การไม ป ระกอบอยู ด วยทิ ฏ ฐิ โยคะ ๑ และการไมประกอบอยูดวยอวิชชาโยคะ ๑. ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลไม ป ระกอบด ว ยกิ เลสเป น เครื่ อ งประกอบสั ต ว ไ ว ใ น ภพโดยเด็ ด ขาด อั น เป น อกุ ศ ลธรรมอั น ลามกเศร า หมอง เป น เหตุ ใ ห มี ภ พใหม อัน กระสับ กระสา ย มีผ ลเปน ทุก ข มีช าติช ราและมรณะตอ ไป; เพราะฉะนั ้น เราจึงเรียกวา "ผูมีปรกติเกษมจากโคะ (โยคกฺเขมี)" ดังนี้. ภิ ก ษุ ท.! เหล า นี้ คื อ ความปลอดจากกิ เลสเป น เครื่ อ งประกอบสั ต ว ไวในภพ ๕ อยาง แล.
www.buddhadasa.info (คาถาผนวกทายพระสูตร)
สั ต ว ทั้ งหลาย ประกอบพร อ มแล ว ด ว ยกามโยคะ ด ว ย ภวโยคะ ดวยทิฏฐิโยคะ และถูกอวิชชากระทําในเบื้องหนาแลว, มีปรกติไปสูชาติและมรณะ; ยอมไปสูสังสารวัฏ. ส ว นสั ต ว เหล า ใดรอบรู แ ล ว ซึ่ ง กามและภวโยคะ โดย ประการทั้ ง ปวง, ถอนขึ้ น ได แ ล ว ซึ่ ง ทิ ฏ ฐิ โ ยคะ, และพราก
๔๓๐
อริยสัจจากพระโอษฐ ออกไดโ ดยเด็ด ขาดซึ ่ง อวิช ชา, สัต วเ หลา นั ้น แล ไมป ระกอบ แลว ดว ยกิเ ลสอัน ประกอบสัต วไ วใ นภพทั ้ง ปวง, เปน มุน ี ลว ง เสียไดซึ่งโยคะกิเลสเปนเครื่องประกอบสัตวไวในภพ ; ดังนี้แล.
- จตุกฺก. อํ ๒๑/๑๕/๑๐.
เครื่องกีดขวางการละสัญโญชน ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ใ ดหนอ ยั ง เป น ผู มี ค วามพอใจ ในความคลุ ก คลี กั น เป น ห มู ๆ, ยั ง มี ค วาม ยิ น ดี ใน การค ลุ ก คลี กั น เป น ห มู ๆ, ยั ง ต าม ป ระกอบ ซึ่ ง ความพอใจในความคลุ ก คลี กั น เป น หมู ๆ, ยั ง มี ค วามพอใจในคณ ะ ยั ง ยิ น ดี ใ น คณ ะ ยั ง ตามประกอบซึ่ ง ความพอใจในคณ ะ ; ภิ ก ษุ นั้ น จั ก มาเป น ผู อ ยู เ ดี่ ย ว โดด อภิร มยใ นความสงบสงัด ดัง นี ้, ขอ นี ้เ ปน ฐานะที ่ม ีไ มไ ดเ ปน ไมไ ด. เมื ่อ อยู เดี่ ย วโดดไม ได แ ละไม อ ภิ ร มย ในความสงั ด อยู ยั ง จั ก สามารถถื อ เอาซึ่ ง นิ มิ ต แห ง จิต ดัง นี ้, ขอ นี ้เ ปน ฐาน ะที ่ม ีไ มไ ดเ ปน ไมไ ด. เมื ่อ ไมอ าจถือ เอาซึ ่ง นิม ิต แหง จิต แตย ัง จัก ทํ า สัม มาทิฏ ฐิใ หบ ริบ ูร ณ ไ ด ดัง นี ้, ขอ นี ้ เปน ฐานะที ่ม ีไ มไ ดเ ปน ไม ได . เมื่ อ ไม ทํ า สั ม มาทิ ฏ ฐิ ให บ ริ บู รณ ได แ ล ว จั ก ทํ า สั ม มาสมาธิ ให บ ริ บู รณ ดั ง นี้ , ขอ นี ้ เปน ฐานะที ่ม ีไ มไ ดเ ปน ไมไ ด. เมื ่อ ไมทํ า สัม ม าสม าธิใ หบ ริบ ูร ณ ไ ดแ ลว จัก ละสัญ โญ ชนทั ้ง หลายได ดัง นี ้, ขอ นี ้เ ปน ฐานะที ่ม ีไ มไ ดเ ปน ไมไ ด. เมื ่อ ไม ละสัญ โญ ชนทั ้ง หลายแลว จัก ทํ า ใหแ จง ซึ ่ง พระนิพ พาน ดัง นี ้, ขอ นี ้เ ปน ฐานะ ที่มีไมไดเปนไมได,
www.buddhadasa.info - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๗๑/๓๓๙.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๓๑
( ปฏิปกขนัย ) ภิก ษุ ท.! ภิก ษุนั ้น หนอ ไมเ ปน ผู ม ีค วามพอใจ ในความคลุก คลี กั น เป น หมู ๆ, ไม มี ค วามยิ น ดี ใ นการคลุ ก คลี กั น เป น หมู ๆ, ไม ต ามประกอบซึ่ ง ความพอใจในการคลุ ก คลี กั น เป น หมู ๆ, ไม มี ค วามพอใจในคณะ ไม ยิ น ดี ในคณะ ไม ต ามประกอบซึ่ ง ความพอใจในคณะ ; ผู เดี่ ย วโดดนั้ น จั ก อภิ รมย ในความสงบ สงัด อยู ไ ด ดัง นี ้, ขอ นี ้เ ปน ฐานะที ่ม ีไ ดเ ปน ได; ผู เ ดี ่ย วโดด เมื ่อ อภิร มยใ น ความสงบสงั ด อยู จั ก ถื อ เอาซึ่ ง นิ มิ ต แห ง จิ ต ได ดั ง นี้ , ข อ นี้ เป น ฐานะที่ มี ไ ด เ ป น ได; เมื ่อ ถือ เอาซึ ่ง นิม ิต แหง จิต ไดอ ยู จ ัก ทํ า สัม มาทิฏ ฐิใ หบ ริบ ูร ณไ ด ดัง นี ้, ข อ นี้ เ ป น ฐานะที่ มี ไ ด เ ป น ได ; เมื่ อ ทํ า สั ม มาทิ ฏ ฐิ ใ ห บ ริ บู ร ณ ได แ ล ว จั ก ทํ า สั ม มาสมาธิ ใ ห บ ริ บู ร ณ ได ดั ง นี้ , ข อ นี้ เ ป น ฐานะที่ มี ไ ด เ ป น ได ; เมื่ อ ทํ า สั ม มาสมาธิ ใ ห บ ริ บู ร ณ ไ ด แ ล ว จั ก ละสั ญ โญชน ทั้ ง หลายได ดั ง นี้ , ข อ นี้ เ ป น ฐานะที่ มี ไดเ ปน ได ; เมื ่อ ละสัญ โญชนทั ้ง หลายไดแ ลว จัก ทํ า ใหแ จง ซึ ่ง พระนิพ พานได ดังนี้, ขอนี้เปนฐานะที่มีไดเปนได แล. - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๗๒/๓๓๙.
www.buddhadasa.info ประพฤติพรหมจรรยเพื่อละเพื่อตัดอนุสัยโดยเด็ดขาด
ภ ิก ษ ุ ท .! อ น ุส ัย ม ี ๗ อ ยา งเห ล า นี ้. เจ็ด อ ยา งเห ล า ไห น เล า ? เจ็ ด อย างคื อ อนุ สั ย คื อ กามราคะ ๑ อนุ สั ย คื อ ปฏิ ฆ ะ ๑ อนุ สั ย คื อ ทิ ฏ ฐิ ๑ อนุ สั ย คื อ วิ จิ กิ จ ฉา ๑ อนุ สั ย คื อ มานะ ๑ อนุ สั ย คื อ ภวราคะ ๑ อนุ สั ย คื อ อวิ ช ชา ๑. ภิกษุ ท.! เหลานี้แลคือ อนุสัย ๗ อยาง.
๔๓๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! พรหมจรรย ที่ ป ระพฤติ กั น อยู นี้ เพื่ อ ละเพื่ อ ตั ด ขาด ซึ่ ง อนุสัย ๗ อยาง. เจ็ดอยางเหลาไหนเลา ? ภิ ก ษุ ท .! พ รห ม จ รรย ที่ ป ระ พ ฤ ติ กั น อ ยู เพื่ อ ล ะ เพื่ อ ตั ด ข าด ซึ่ ง อนุ สั ย คื อ กามราคะ, เพื่ อ ละเพื่ อ ตั ด ขาด ซึ่ ง อนุ สั ย คื อ ปฏิ ฆ ะ, เพื่ อ ละเพื่ อ ตั ด ขาด ซึ่ ง อนุ สั ย คื อ ทิ ฏ ฐิ , เพื่ อ ละเพื่ อ ตั ด ขาด ซึ่ ง อนุ สั ย คื อ วิ จิ กิ จ ฉา, เพื่ อ ละเพื่ อ ตั ด ขาด ซึ่ ง อนุ สั ย คื อ มานะ, เพื่ อ ละเพื่ อ ตั ด ขาด ซึ่ ง อนุ สั ย คื อ ภวราคะ, เพื่ อ ละเพื่ อ ตั ด ขาด ซึ่ ง อนุ สั ย คื อ อวิ ช ชา, ภิ ก ษุ ท.! พ รหมจรรย ที่ ป ระพ ฤติ กั น อยู นี้ เพื่ อละ เพื่อตัดขาด ซึ่งอนุสัย ๗ อยางเหลานี้แล. ภิก ษุ ท.! เมื ่อ ใดแล อนุส ัย คือ กามราคะก็ด ี, อนุส ัย คือ ปฏิฆ ะ ก็ด ี, อนุส ัย คือ ทิฏ ฐิก ็ด ี, อนุส ัย คือ วิจ ิก ิจ ฉาก็ด ี, อนุส ัย คือ สมานะก็ด ี, อนุส ัย คื อ ภวราคะก็ ดี , และอนุ สั ย คื อ อวิช ชาก็ ดี , เป น สิ่ งที่ ภิ ก ษุ ละได แ ล ว มี ร ากเงา อันตัดขาดแลว ทําใหเหมือนตาลยอดเนา ทําใหมีอยูไมได ทําใหเปนสิ่งที่เกิดขึ้น ไมไดอีกตอไป ;
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! เมื่ อ นั้ น , ภิ ก ษุ นี้ เราเรี ย กว า "ตั ด ตั ณ หาได แ ล ว รื้ อ ถอนสัญโญชนแลว ไดทําที่สุดแหงทุกขเพราะรูจักหนาตาของมานะอยางถูกตอง แลว" ดังนี้ แล.
- สตฺตก. อํ. ๒๓/๘-๙/๑๑-๑๒. ( ความมุ ง หมายของการประพฤติ พ รหมจรรย ใ นสู ต รนี้ ทรงแสดงว า เพื่ อ ละเสี ย ซึ่ ง อนุส ัย เจ็ด ; ในสูต รอื ่น (๒๓/๗-๘/๘-๙) ทรงแสดงวา เพื ่อ ตัด เสีย ซึ ่ง สัง โยชนเ จ็ด ดูร ายละเอีย ด ที่หัวขอวา "สังโยชนเจ็ด" ที่หนา ๓๘๘ แหงหนังสือนี้. )
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๓๓
เห็นโลกก็เห็นเหมือนเห็นฟองน้ําและพยับแดด บุ ค คลพึ ง เห็ น ฟองน้ํ า ฉั น ใด. พึ ง เห็ น พยั บ แดด ฉั น ใด, พญามัจจุราช จักไมเห็นผูที่พิจารณาเห็นโลก ฉันนั้นอยู แล. - ธ. ขุ. ๒๕/๓๘/๒๓.
เห็นโลกชนิดที่ความตายไมเห็นเรา "ข าแต พระองค ผู เป นเทพฤษี ! .... ข าพระองค จะพิ จารณาเห็ นโลก อยางไร ความตายจึงไมแลเห็นขาพระองคเลา พระเจาขา!" ดู ก อ นโมฆราช! ท า นจงเป น คนมี ส ติ ถอนความตาม เห็ น วาเป น ตั วตนออกเสี ย พิ จารณาเห็ น โลก โดยความเป น ของ ว า งเปล า ทุ ก เมื่ อ เถิ ด . ท า นจะพึ ง ข า มความตายเสี ย ได ด ว ยข อ ปฏิบ ัติอ ยางนี ้, ความตายจะไมแ ลเห็น ทา น ผูพ ิจ ารณาเห็น โลก อยู โดยอาการอยางนี้ แล.
www.buddhadasa.info - สุตฺต. ขุ. ๒๕/๕๔๙/๔๓๙. - จูฬนิ. ขุ. ๓๐/๒๔๕/๔๙๙, ๕๐๔.
การดับทุกขสิ้นเชิง ไมเนื่องดวยอิทธิวิธี แมกระทั่งวิโมกขที่ไมเกี่ยวกับการสิ้นอาสวะ
(นั ก บวชเดี ย รถี ย อื่ น ชื่ อ สุ สิ ม ะ หาอุ บ ายเข า มาบวชในพุ ท ธศาสนา เพื่ อ จะบรรลุ คุ ณ วิ เศษสํ า หรั บ นํ า เอาไปทํ า ให ค ณะของตั ว เจริ ญ รุ ง เรื อ งด ว ยลาภยศสั ก การะ เหมื อ นสั ง ฆบริ ษั ท ของพระพุทธองค; ครั้นบวชแลว ไดเขาไปหาพวกภิกษุปญญาวิมุตต โดยคิดวาภิกษุพวกนี้
๔๓๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
มี อ ภิ ญ ญ าหก เมื่ อ ได ท ราบว า ภิ ก ษุ พ วกนี้ ไ ม ไ ด เ กี่ ย วข อ งกั บ อภิ ญ ญ าหก และได รั บ บอกเล า ว า ความเป น อริ ย ะบุ ค คลไม เนื่ อ งด ว ยอภิ ญ ญาหก ก็ เข า ไปเฝ า พระพุ ท ธเจ า ซั ก ไซ ถึ ง เรื่ อ งอภิ ญ ญาหก ว า เกี่ ย วข อ งกั น อย า งจํ า เป น กั บ ความสิ้ น อาสวะตามความเชื่ อ ของเขาหรื อ ไม , พระพุ ท ธองค ไ ด ท รง ใช วิ ธี ทํ า ให เขาเกิ ด ธั ม มฐิ ติ ญ าณและนิ พ พานญาณ โดยทรงนํ า เอาเรื่ อ งเบญจขั น ธ ไม เที่ ย งเป น ทุ ก ข เป น อนั ต ตา ไม ค วรเห็ น ว า เป น ของเรา เป น เรา เป น อั ต ตาของเรา จนเป น ธั ม มฐิ ติ ญ าณ ขึ้ น มา กอ น จนกระทั ่ง จิต เบื ่อ หนา ยคลายกํ า หนัด หลุด พน และรู ว า หลุด พน แลว อัน เปน นิพ พานญ าณ ตามนั ย แห ง อนั ต ตลั ก ขณ สู ต ร ซึ่ ง เป น ที่ ท ราบกั น ดี อ ยู แ ล ว หรื อ อาจจะหาอ า นดู ไ ด จ ากที่ ทั ่ว ไป จนกระทั ่ง นัก บวชชื ่อ สุส ิม ะนั ้น เขา ใจอยา งแจม แจง ในเรื ่อ งความดับ ทุก ขห รือ ความสิ ้น อาสวะนั้ น ว า เป น ไปได ต ามเหตุ ต ามป จ จั ย ของมั น เอง จนกระทั่ ง นั ก บวชชื่ อ สุ สิ ม ะเห็ น ชั ด ในความ จริงขอนี้แลว จึงตรัสแกเขาตอไปวา :-)
สุส ิม ะ! เธอ เห็น ไห ม วา ช ราม รณ ะ มี เพ ราะชาติเ ปน ปจ จัย ? "อยางนั้น พระเจาขา!" สุ สิ ม ะ เธอเห็ น ไหมว า ชาติ มี เพราะภพเป น ป จ จั ย ? "อย า งนั้ น พระเจาขา!" สุ สิ ม ะ! เธอเห็ น ไหมว า ภพ มี เพราะอุ ป าทานเป น ป จ จั ย ? "อย า ง นั้น พระเจาขา!" สุส ิม ะ! เธอเห็น ไหมวา อุป าท าน มี เพราะตัณ หาเปน ปจ จัย ? "อยางนั้น พระเจาขา!" สุส ิม ะ เธ อ เห็น ไห ม วา ตัณ ห า มี เพ ราะ เวท น าเปน ปจ จัย ? "อยางนั้น พระเจาขา!" สุส ิม ะ ! เธ อ เห็น ไห ม วา เว ท น า มี เพ ราะ ผัส ส ะ เปน ปจ จัย ? "อยางนั้น พระเจาขา !"
www.buddhadasa.info
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๓๕
สุส ิม ะ ! เธอเห็น ไหมวา ผัส สะ มี เพราะสฬายตนะเปน ปจ จัย ? "อยางนั้นพระเจาขา !" สุ สิ ม ะ ! เธอเห็ น ไหมว า สฬายตนะ มี เพราะนามรู ป เป น ป จ จั ย ? "อยางนั้น พระเจาขา !" สุส ิม ะ ! เธอเห็น ไหมวา นามรูป มี เพราะวิญ ญาณเปน ปจ จัย ? "อยางนั้น พระเจาขา !" สุส ิม ะ ! เธอเห็น ไหมวา วิญ ญ าณ มี เพราะสัง ขารเปน ปจ จัย ? "อยางนั้น พระเจาขา !" สุ สิ ม ะ ! เธอเห็ น ไหมว า สั ง ขาร ทั้ ง หลายมี เพ ราะอวิ ช ชาเป น ปจจัย? "อยางนั้นพระเจาขา !" (ต อ ไปได ต รั ส ชั ก นํ า ให เห็ น ปฏิ จ จสมุ ป บาทฝ า ยนิ โ รธวาร โดยรู ป แบบแห ง ถ อ ยคํ า อยางเดียวกับขอความขางบนนี้ ครบทั้ง ๑๑ อาการ แลวไดตรัสวา :-)
สุ สิ ม ะ ! เมื่ อ รู อ ยู อ ย า งนี้ เห็ น อยู อ ย า งนี้ เธอยั ง จํ า เป น ที่ จ ะต อ งทํ า ให มี อิ ท ธิ วิ ธี มี อ ย างต าง ๆ อยู อี ก หรื อ คื อ คนเดี ยวแปลงรู ป เป น หลายคน, หลาย ค น เปน ค น เดีย ว, ....ฯล ฯ....๑ และแส ด งอํ า น าจท างกาย เปน ไป ต ล อ ด ถึง พรหมโลกได ดังนี้. "ขอนั้น หามิได พระเจาขา !"
www.buddhadasa.info สุ สิ ม ะ ! เมื่ อ รู อ ยู อ ย า งนี้ เห็ น อยู อ ย า งนี้ เธอยั ง จํ า เป น ที่ จ ะต อ งทํ า ใหม ี ทิพ พ โส ต อยู อ ีก หรือ คือ มีโ สตธาตุอ ัน เปน ทิพ ย ....ฯลฯ....๑ ทั ้ง ที ่ไ กล และที่ใกล ดังนี้. "ขอนั้น หามิได พระเจาขา !"
๑. ลั ก ษณะแห ง อภิ ญ ญาแต ล ะอย า ง ๆ โดยละเอี ย ด ออกจะยื ด ยาว ในที่ นี้ นํ า มาใส ไว แ ต โดยย อ พอ เป น เครื่ อ งสั ง เกต ผู ป รารถนาจะทราบโดยละเอี ย ด พึ ง ดู ไ ด ที่ หั ว ข อ ว า "ธรรมธาตุ ต า ง ๆ ที่เปนผล ของสมถวิปสสนาอันดับสุดทาย" ที่หนา ๔๙๕ แหงหนังสือนี้.
๔๓๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
สุ สิ ม ะ ! เมื่ อ รู อ ยู อ ย า งนี้ เห็ น อยู อ ย า งนี้ เธอยั ง จํ า เป น ที่ จ ะต อ งทํ า ให มี เ จโตปริ ย ญ าณ อยู อี ก หรื อ คื อ กํ า หนดรู ใ จแห ง สั ต ว อื่ น ....ฯลฯ....๑ จิ ต ไม หลุดพนวาไมหลุดพน ดังนี้. "ขอนั้น หามิได พระเจาขา !" สุ ลิ ม ะ ! เมื่ อ รู อ ยู อ ย า งนี้ เห็ น อยู อ ย า งนี้ เธอยั ง จํ า เป น ที่ จ ะต อ งทํ า ให มี ปุ พเพนิ วาสานุ สสติ ญาณ อยู อี กหรือ คื อระลึ กได ถึงขันธที่ เคยอยู อาศั ยในภพ ก อ นมี อ ย า งต า ง ๆ ....ฯลฯ....๑ พร อ มทั้ ง อาการและอุ ท เทส ด ว ยอาการอย า งนี้ ดังนี้. "ขอนั้น หามิได พระเจาขา !" สุล ิม ะ ! เมื ่อ รู อ ยู อ ยา งนี ้ เห็น อยู อ ยา งนี ้เ ธอยัง จํ า เปน ที ่จ ะตอ งทํ า ให มี ทิ พ พจั ก ขุ ญ าณ อยู อี กหรือ คื อ มี จั กษุ อั น เป นทิ พ ย บริสุ ทธิ์ หมดจดล วงจั กษุ ของสามั ญ มนุ ษ ย ....ฯลฯ....๑ รู ชั ด หมู สั ต ว ผู เ ข า ถึ ง ตามกรรมได ดั ง นี้ . "ข อ นั้ น หามิได พระเจาขา!" สุ ลิ ม ะ! เมื่ อ รู อ ยู อ ย า งนี้ เห็ น อยู อ ย า งนี้ เธอยั ง จํ า เป น ที่ จ ะต อ งทํ า ให มี อารุ ป ปวิ โ มกข อ ยู อี ก หรื อ คื อ วิ โ มกข เ หล า ใด อั น สงบรํ า งั บ เป น อรู ป เพราะก า วล ว งรู ป เสี ย ได เธอถู ก ต อ งวิ โมกข เหล า นั้ น ด ว ยนามกายแล ว แลอยู ดั ง นี้ ."ขอนั้น หามิได พระเจาขา !"
www.buddhadasa.info สุส ิม ะ ! คราวนี ้, คํ า พูด อยา งโนน ของเธอกับ การที ่ ( เธอกลา ว บัด นี ้ว า ) ไมต อ งมีก ารบรรลุถ ึง อภิญ ญาธรรมทั ้ง หลายเหลา นี ้ ก็ไ ด, ในกรณีนี้ นี้เราจะวาอยางไรกัน. - นิทาน. สํ. ๑๖/๑๕๓-๑๕๕/๒๙๔-๓๐๒.
นิทเทศ ๙ วาดวยความดับแหงตัณหา
จบ
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๓๗
นิทเทศ ๑๐ วาดวยธรรมเปนที่ดับแหงตัณหา (มี ๖๑ เรื่อง)
ทิฏฐิทัสสนะที่เปนไปเพื่อทุกขนิโรธ "พระโคดมผูเจริญ ! ทิฏฐิคตะไร ๆ ของพระโคดม มีอยูหรือ ?" วั จ ฉะ ! สิ่ ง ที่ เ รี ย กว า "ทิ ฏ ฐิ ค ตะ" นั้ น ตถาคตนํ า ออกหมดสิ้ น แล ว . วัจ ฉะ ! สัจ จะที ่ต ถาคตเห็น แลว นั ่น มีอ ยู ว า "รูป เปน อยา งนี ้, การเกิด ขึ ้ น แห ง รู ป เป น อย า งนี ้ , การดั บ ไปแห ง รู ป เป น อย า งนี ้ ; เวทนา เป น อ ยา งนี ้, ก ารเกิด ขึ ้น แห ง เวท น า เป น อ ยา งนี ้. ก ารดับ ไป แหง เวท น า เป น อยา งนี ้; สัญ ญ า เปน อยา งนี ้ , การเกิด ขึ ้น แหง สัญ ญ า เปน อยา งนี ้, การ ดับ ไปแหง สัญ ญ า เปน อยา งนี ้ ; สัง ขาร เปน อยา งนี ้, การเกิด ขึ ้น แหง สัง ขาร เปน อ ยา งนี ้ , การดับ ไป แหง สัง ขาร เปน อ ยา งนี ้; วิญ ญ าณ เปน อ ยา งนี ้" ดัง นี ้ ; เพราะเหตุนั ้น เราจึง กลา ววา "ตถาคตเปน ผู พ น วิเ ศษแลว เพราะไม ยึดมั่นดวยอุปาทาน ทั้งนี้เปนเพราะความสิ้นไป ความจางคลาย ความดับไมเหลือ ความสละ ความสลั ด คื น ซึ่งความสําคั ญ หมายทั้ งปวง ความตอ งการทั้ งปวง อหังการมมังการมานานุสัยทั้งปวง" ดังนี้.
www.buddhadasa.info - ม. ม. ๑๓/๒๔๔/๒๔๗.
๔๓๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
"ที่" ซึ่งนามรูปดับไมมีเหลือ ภิก ษุ ! สํ า ห รับ ปญ ห าขอ งเธอ นั ้น เธอ ไมค วรตั ้ง คํ า ถาม ขึ ้น วา "มหาภูต สี ่ คือ ดิน น้ํ า ไฟ ลม เหลา นี ้ ยอ มดับ สนิท ไมม ีเ หลือ ในที ่ไ หน ? ดังนี้เลย; อันที่จริง เธอควรจะตั้งคําถามขึ้นอยางนี้วา :"ดิ น น้ํ า ไฟ ลม ไม หยั่ งลงได ในที่ ไหน? ความยาว ความสั้น ความเล็ ก ความใหญ ความงาม ความไม งาม ไม ห ยั่ ง ลงไดในที่ ไหน ? นามรูปดั บสนิ ทไมมี เหลือ ในที่ ไหน ?" ดัง นี้ ตางหาก. ภิกษุ! ในปญหานั้น คําตอบมีดังนี้ :"สิ่ง" สิ่งหนึ่งซึ่งบุคคลพึงรูแจง เปนสิ่งที่ไมมีปรากฏการณ ไมมีที่สุด มีทางปฏิบัติเขามาถึงไดโดยรอบ, นั้นมีอยู; ใน "สิ่ง" นั้นแหละ ดิน น้ํา ไฟ ลม ไมหยั่งลงได; ใน "สิ่ง" นั้นแหละ ความยาว ความสั้น ความเล็ก ความใหญ ความงาม ความ ไมงาม ไม หยั่ งลงได ; ใน "สิ่ ง" นั้ นแหละ นามรู ป ดั บสนิ ทไม มี เหลื อ ; นามรูป ดับสนิท ใน "สิ่ง" นี้ เพราะการดับสนิทของวิญญาณ; ดังนี้แล.
www.buddhadasa.info - สี. ที. ๙/๒๘๙/๓๔๘-๓๕๐.
"ที่" ซึ่งธาตุสี่หยั่งลงไมถึง "สระทั้ งหลาย จะไหลกลั บ จากที่ ไหน? วั ฏ ฏะ (วั งวน) ย อ ม ไมหมุนในที่ไหน ? นามและรูปยอมดับสนิทไมมีเหลือ ในที่ไหน?
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๓๙
ในที่ ใด, ดิ น น้ํ า ไฟ ลม ไม ห ยั่ งลงได , จากที่ นั้ น แหละ สระทั้ ง หลาย ย อ มไหลกลั บ ; ในที่ นั้ น แหละ วั ฎ ฎะย อ มไม ห มุ น ; ในที่นั้นแหละ นามและรูป ยอมดับไมเหลือ; ดังนี้ แล. - สคา. สํ. ๑๕/๒๒/๗๐-๗๑.
ที่เที่ยว นอกโลก พวกเทวดาทั้ งหลาย ทั้ งในชั้ นดาวดึ งส ชั้ นยามา ชั้ น ดุ สิ ต ชั้นนิมมานรดี และชั้นวสวัตตี ลวนแตถูกผูกมัดรัดรึงอยูดวยเครื่องผูก คื อ กามคุ ณ , ต อ งกลั บ ไปสู อํ า นาจของมารอี ก . โลกทั้ ง ปวงร อ นเปรี ้ย ง. โลกทั ้ง ปวงควัน กลุ ม . โลกทั ้ง ปวงลุก โพ ลง ๆ , โลก ทั ้ง ปวงไหวโยกเยกอยู . ที ่ใ ด มีม ารไปไมถ ึง ที ่นั ่น ไมห วั ่น ไหว ที ่นั ่น ไมโ ยกเยก ที ่นั ่น ไมใ ชที ่เ ที ่ย วของบุถ ุช น. มารเอย, ใจ เรายินดีในที่นั้นเสียแลว. - สคา. สํ. ๑๕/๑๙๕/๕๔๔. (ขอความนี้ เปนเถรีภาษิต นํามาขยายความพุทธภาษิต).
www.buddhadasa.info สิ่งที่ไมปรุง
ภิ ก ษุ ท.! เมื่ อ ใด อวิ ช ชาของภิ ก ษุ ล ะขาดไป วิ ช ชาเกิ ด ขึ้ น แล ว ; เธอนั้น เพราะอวิชชาจางหายไป เพราะวิชชาเกิดขึ้นแทน ยอมไมปรุงเครื่องปรุง อัน เปน บุญ นั ่น เทีย ว, ยอ มไมป รุง เครื ่อ งปรุง อัน มิใ ชบ ุญ , ยอ มไมป รุง เครื ่อ ง ปรุงอันเปนอเนญชา. เธอนั้น เมื่อไมปรุง เมื่อไมกอยอมไมถือมั่นสิ่งไร ๆ
๔๔๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ในโลก. เมื ่อ ไมถ ือ มั ่น ยอ มไมเ สีย วสะดุ ง . เมื ่อ ไ มเ สีย วสะดุ ง ยอ ม ปริน ิพ พาน. เธอนั ้น ยอ มรู ช ัด วา "ชาติสิ ้น สุด แลว พรหมจรรยอ ยู จ บแลว กิ จ ที่ ต อ งทํ าได ทํ า สํ า เร็ จ แล ว กิ จ อื่ น ที่ จ ะต อ งทํ า เพื่ อ ความหลุ ด พ น เช น นี้ มิ ได มี อี ก " ดังนี้ แล. - นิทาน. สํ. ๑๖/๙๙/๑๙๒.
"สิ่งนั้น" หาพบในภายนี้ "แน ะ เธอ ! ที่ สุ ด โลก แห ง ใด อั น สั ต ว ไ ม เ กิ ด ไม แ ก ไม ต าย ไม จุ ติ ไม อุ บั ติ ; เราไม ก ล า วว า ใคร ๆ อาจรู อาจเห็ น อาจถึ ง ที่ สุ ด แห ง โลกนั้ น ด ว ย การไป. "แน ะ เธอ! ในร า งกายที่ ย าวประมาณวาหนึ่ งนี้ ที่ ยั งประกอบด ว ย สัญ ญาและใจนี่เ อง, เราไดบัญ ญัติโ ลก, เหตุใ หเ กิด โลก, ความดับ สนิท ไมเหลือ ของโลก, และทางดํา เนิน ใหถึงความดับ สนิท ไมเหลือ ของโลก ไว" ดังนี้แล.
www.buddhadasa.info - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๖๒/๔๕.
อาณาจักรแหงโลกอุดร
ดิน น้ํา ไฟ ลม ไมอาจเขาไปอยู ในที่ใด ; ในที่นั้นดาวศุกร ทั ้ง หลาย ยอ มไมส อ งแสง; ในที ่นั ้น , ดวงอาทิต ยก ็ไ มป รากฏ ; ในที ่นั ้น , ดวงจัน ทรก ็ไ มส อ งแสง ; แตค วามมืด ก็ม ิไ ดม ีอ ยู , ในที่นั้น.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๔๑
ในกาลใด, มุนี ผูตั้งหนาปฏิบัติ ไดรูแจมแจง (ในสิ่งที่ กลาวนี้) ดวยตนเอง ดวยความรู; ในกาลนั้น, มุนีนั้น ยอมพน ไปจากรูป ยอมพนไปจากอรูป, ยอมพนไปจากสุขและทุกข โดย สิ้นเชิง, ดังนี้แล. - อุ. ขุ. ๒๕/๘๕/๕๐.
เมื่อ "เธอ" ไมมี ! พ าหิย ะ ! เมื ่อ ใด เธ อ เห็น รูป แ ลว สัก วา เห็น , ไดฟ ง เสีย งแ ลว สั ก ว าฟ ง, ได ก ลิ่ น , ลิ้ ม รส, สั ม ผั ส ทางผิ วกาย, ก็ สั ก ว า ดม ลิ้ ม สั ม ผั ส , ได รู แ จ ง ธ ร ร ม า ร ม ณ ก็ ส ั ก ว า ได รู แ จ ง แ ล ว ; เมื ่ อ นั ้ น "เธ อ " จั ก ไม ม ี . เมื ่ อ ใ ด "เธอ" ไมม ี; เมื ่อ นั ้น เธอก็ไ มป รากฏในโลกนี ้, ไมป รากฏในโลกอื ่น , ไม ปรากฏในระหวางแหงโลกทั้งสอง : นั่นแหละ คือที่สุดแหงทุกข ละ. - อุ. ขุ. ๒๕/๘๓/๔๙.
สิ่งที่ไมเต็มขึ้นหรือพรองลง
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท .! แมน้ํ า ทั ้ง ห ล าย ยอ ม ไห ลไป ยัง ม ห าส มุท ร. น้ํ า ฝ น ที่ ต ก จาก อ าก าศ , ก็ ไห ล ไป ยั งม ห าส มุ ท ร, แต ค วาม ล ด ห รื อ ค วาม เต็ ม ขอ ง มหาสมุ ท ร ย อ มไม ป รากฏ (แก ต า) ฉั น ใด ; ภิ ก ษุ ทั้ ง หลายเป น อั น มากย อ ม ปริ นิ พ พาน ด ว ยอนุ ป าทิ เ สสนิ พ พานธาตุ แต ค วามลดหรื อ ความเต็ ม ขึ้ น ของ นิพพานธาตุนั้น ก็ไมปรากฏ เพราะเหตุนั้น ฉันนั้น.
๔๔๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! ข อ ที่ ความลดหรือ ความเต็ ม ของนิ พ พานชาติ ย อ มไม ปรากฏ เพราะเหตุนั ้น ๆ; นั ่น ก็เ ปน ความประหลาดมหัศ จรรยข อ หนึ ่ง ใน ธรรมวินัยนี้. - อุ. ขุ. ๒๕/๑๕๗/๑๑๘.
ตรงกันขามไปเสียทุกอยาง ภิก ษ ุ ท .! "สิ ่ง " สิ ่ง นั ้น มีอ ยู , เปน สิ ่ง ซึ ่ง ใน นั ้น ไมม ีด ิน ไมม ีน้ํ า ไมม ีไ ฟ ไมม ีล ม , ไมใ ชอ ากาสานัญ จายตนะ ไมใ ชว ิญ ญ าณัญ จายตน ะ ไม ใ ช อ ากิ ญ จั ญ ญายตนะ ไม ใ ช เนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนะ, ไม ใ ช โ ลกนี้ ไม ใ ช โลกอื่น, ไมใชดวงจันทร หรือดวงอาทิตยทั้งสองอยาง. ภิ ก ษุ ท.! ในกรณี อั น เดี ย วกั บ "สิ่ ง " สิ่ ง นั้ น เราไม ก ล า วว า มี ก ารมา, ไมก ลา ววา มีก ารไป, ไมก ลา ววา มีก ารหยุด , ไมก ลา ววา มีก ารจุต ิ, ไมก ลา ววา มีก ารเกิด ขึ ้น . สิ ่ง นั ้น มิไ ดตั ้ง อยู , สิ ่ง นั ้น มิไ ดเ ปน ไป และ สิ ่ง นั ้น มิใ ชอ ารมณ; นั่นแหละคือ ที่สุดแหงทุกข ละ.
www.buddhadasa.info - อุ. ขุ. ๒๕/๒๐๖/๑๕๘.
ที่สุดแหงทุกข
เมื่ อสั นดานยั งเป นสิ่ งที่ ตั ณ หาและทิ ฏฐิ อาศั ยอยู ได , ความหวั่ นไหวก็ ยั ง มีอ ยู . เมื ่อ สัน ดานเปน สิ ่ง ที ่ต ัณ หาและทิฏ ฐิไ มอ าศัย อยู ไ ด ความหวั ่น ไหวก็ ไมอาจมี. เมื่อความหวั่นไหวไมมี ความรํางับแหงจิตยอมมี ; เมื่อความรํางับ
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๔๓
แห งจิ ต มี ความน อ มไปทางใดทางหนึ่ งของจิ ต ย อ มไม มี ; เมื่ อ ความน อ มไปทางใด ทางหนึ่ ง ของจิ ต ไม มี การมาการไปก็ ไ ม มี ; เมื่ อ การมาการไปไม มี การจุ ติ แ ละ การเกิด ขึ ้น ใหมก ็ไ มม ี. เมื ่อ การจิต ุแ ละการเกิด ขึ ้น ใหมไ มม ี ก็ไ มม ีก ารปรากฏ ในโลกนี้ ไม มี ก ารปรากฏในโลกอื่ น ไม มี ก ารปรากฏในระหว า งแห ง โลกทั้ ง สอง : นั่นแหละคือที่สุดแหงทุกขละ. - อุ. ขุ. ๒๕/๒๐๘/๑๖๑.
สิ่งนั้นมีแน! ภ ิก ษ ุ ท .! สิ ่ง ซึ ่ง ม ิไ ด เ ก ิด ม ิไ ด เ ป น ม ิไ ด ถ ูก อ ะ ไร ทํ า ม ิไ ด ถ ูก อ ะ ไรป รุง นั ้น มีอ ยู . ภิก ษุ ท .! ถา ห า ก วา สิ ่ง ที ่ม ิไ ดเ กิด มิไ ดเ ปน มิไ ด ถูก อะไรทํ า มิไ ดถ ูก อะไรปรุง จัก ไมม ีอ ยู แ ลว ไซร, ความรอดออกไปไดข อง สิ่งที่เกิด ที่เปน ที่ถูกอะไรทํา ที่ถูกอะไรปรุง ก็จักไมปรากฏเลย. ภิก ษุ ท.! เพราะเหตุที ่ม ีสิ ่ง ซึ ่ง มิไ ดเ กิด มิไ ดเ ปน มิไ ดถ ูก กระทํ า มิไ ดถ ูก อะไรปรุง นั ่น เอง จึง ไดม ีค วามรอดออกไปได ของสิ ่ง ที ่เ กิด ที ่เ ปน ที่ ถูกอะไรทํา ที่ถูกอะไรปรุง, ปรากฏอยู.
www.buddhadasa.info - อุ. ขุ. ๒๕/๒๐๗/๑๖๐.
ธรรมที่ชื่อวา "นิพพาน" นั่น สงบจริง ! นั่น ประณีตจริง ! ที่ นี้ เอง เป น ที่ ส งบสั ง ขารทั้ ง ปวง, เป น ที่ ส ละคื น อุ ป ธิ ทั้ ง ปวง, เป น ที่ สิ้นตัณหา, เปนที่คลายความกําหนัด, เปนที่ดับกิเลส. นี่คือนิพพาน แล. - นวก. อํ. ๒๓/๔๓๙/๒๔๐. - เอกาทสก. อํ. ๒๔/๓๔๔/๒๑๔.
๔๔๔
อริยสัจจากพระโอษฐ ความไม กั งวล ความไม ถื อมั่ น นั่ นแล คื อ ธรรมอั นเป นเกาะ ไมมีธรรมอื่น อีก. เรากลาวธรรมนั้นวา "นิพ พาน" เปนที่หมดสิ้น แหงชราและมรณะ แล.
- สุคฺต. ขุ, ๒๕/๕๔๔/๔๓๔.
เพราะละตัณหาไดขาด ทานกลาววา "นิพพาน" - สุคฺต. ขุ. ๒๕/๕๔๗/๔๓๗. - จุฬนิ. ขุ. ๓๐/๒๑๖/๔๕๔.
ความดับดวยความจางคลายโดยไมเหลือ เพราะความสิ้นไป แหงตัณหาทั้งหลาย ดวยประการทั้งปวง เปนนิพพาน. - อุ. ขุ. ๒๕/๑๒๒/๘๔.
ผูรูทั้งหลายยอมกลาวนิพพานวาเปนธรรมยอดยิ่ง. - ธ. ขุ. ๒๕/๔๐/๒๔.
นิพพานธาตุ
www.buddhadasa.info "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! ที่ พระองค ทรงเรี ยกอยู ว า 'ธรรมเป นที่ กํ าจั ดราคะ, เป นที่ กํ าจั ดโทสะ, เป นที่ กํ าจั ดโมหะ' ดั งนี้ , คํ าว า 'ธรรมเป นที่ กํ าจั ดราคะ, เป นที่ กํ าจั ด โทสะ, เปนที่กําจัดโมหะ' นี้ เปนคําที่ใชเรียกแทนชื่อของอะไรเลา ? พระเจาขา !"
ภิ ก ษุ ท. ! คํ า ว า "ธรรมเป น ที่ กํ า จั ด ราคะ (ราควิ น โย) เป นที่ กํ า จั ด โท ส ะ เป น ที ่กํ า จัด โม ห ะ " นี ้ เป น คํ า ที ่ใ ชเ รีย ก แ ท น ชื ่อ ข อ ง น ิพ พ า น ธ า ต ุ; เรียกวาเปนธรรมที่สิ้นไปแหงอาสวะทั้งหลาย แล. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๑๐/๓๑.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๔๕
ลักษณะแหงนิพพานธาตุสองชนิด ภ ิก ษ ุ ท .! น ิพ พ าน ธ าต ุม ี ๒ อ ยา ง, ส อ งอ ยา งเห ล า ไห น เล า ? สองอยางคือ สองปาทิเสสนิพพานธาตุ และอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ. ก. สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ
ภิ ก ษุ ท.! สอุ ป าทิ เ สสนิ พ พานธาตุ เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ใ นธรรมวิ นั ย นี้ เป น พระอรหั น ต ผู มี อ าสวะสิ้ น แล ว อยู จ บพรหมจรรย แ ล ว ได ทํ า กิ จ ที่ ค วรทํ า เสร็ จ แล ว ปลงภาระลงได แ ล ว ได บ รรลุ ถึ งประโยชน ข องตนแล ว มีก ิเ ลสอัน เปน เครื ่อ งผูก ติด ใหอ ยู ก ับ ภพสิ ้น ไปรอบแลว หลุด พน แลว เพราะรู โดยชอบ. อิ น ทรี ย ห า ของเธอยั ง ตั้ ง อยู เพราะเป น อิ น ทรี ย ที่ ยั ง ไม ถู ก กํ า จั ด เธอ ยอ มเสวยอารมณ อ ัน เปน ที ่ช อบใจบา ง ไมเ ปน ที ่ช อบใจบา ง ใหรู ส ึก สุข และ ทุ ก ข บ า ง. ความสิ้ น ไปแห ง ราคะ ความสิ้ น ไปแห ง โทสะ ความสิ้ น ไปแห ง โมหะ ของเธอ อันใด,. ภิกษุ ท.! อันนั้นแหละ เราเรียกวา สอุปาทิเสสนิพพานธาตุ.
www.buddhadasa.info ข. อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ
ภิ ก ษุ ท.! ก็ อนุ ป าทิ เสสนิ พ พานธาตุ เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ใ นธรรมวิ นั ย นี้ เป น พระอรหั น ต ผู มี อ าสวะสิ้ น แล ว อยู จ บพรหมจรรย แ ล ว ได ทํ า กิ จ ที่ ค วรทํ า เสร็ จ แล ว ปลงภาระลงได แ ล ว ได บ รรลุ ถึ งประโยชน ข องตนแล ว มี กิ เลสอั น เป น เครื่ อ งผู ก ติ ด อยู กั บ ภพสิ้ น ไปรอบแล ว หลุ ด พ น แล วเพราะรู โดยชอบ. ภิ ก ษุ ท.! เวทนาทั้ ง หลายทั้ ง ปวงของเธอ อั น เธอไม เพลิ ด เพลิ น แล ว จั ก ดั บ เย็ น ในโลกนี้เอง. ภิกษุ ท.! อยางนี้แล เราเรียกวา อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ.
๔๔๖
อริยสัจจากพระโอษฐ (คาถาผนวกทายพระสูตรนี้ มีวา :-)
นิพพานธาตุ อันพระผูมีพระภาคผูมีจักษุ ผูอันตัณหาและทิฏฐิ ไมอาศัยแลว ผูคงที่ ไดประกาศไวแลว มีอยู ๒ อยาง เหลานี้คือ นิพพานธาตุอยางหนึ่ง (มี) เพราะความสิ้นไปแหงภวเนตติ เปนไป ในทิฎฐธรรมนี้ (อิธ ทิฎฐธมฺมิกา) ยังมีอุปาทิเหลือ, และนิพพานธาตุ (อีกอยางหนึ่ง) ไมมีอุปาทิเหลือ เปนไปในกาลเบื้องหนา (สมฺปรายิกา) เปนที่ดับแหงภพทั้งหลายโดยประการทั้งปวง. บุ คคลเหล าใดรู ทั่ วถึ งแล วซึ่ งนิ พพานธาตุ สองอย างนั่ นอั นเป น อสังขตบท เป นผูมีจิตหลุดพ นพิ เศษแลวเพราะความสิ้นไปแหงภวเนตติ; บุคคลเหลานั้น ยินดีแลว ในความสิ้นไป (แหงทุกข) เพราะ การถึงทับซึ่งธรรมอันเปนสาระ เปนผูคงที่ ละแลวซึ่งภพทั้งปวง, ดังนี้. เนื้ อความแม นี้ เป นเนื้ อความอันพระผู มี พระภาคตรัสแล ว ขาพเจาได ฟ งมาแล ว อยางนี้, ดังนี้.
www.buddhadasa.info (ถอยคําในพากยบาลี มีดังตอไปนี้ :-) เทฺว อิมา จกฺขุมตา ปกาสิตา นิพฺพานธาตู อนิสฺสิเตน ตาทินา เอกา หิ ธาตุ อิธ ทิฏธมฺมิกา สอุปาทิเสสา ภวเนตฺติสงฺขยา อนุปาทิเสสา ปน สมฺปรายิกา ยมฺหิ นิรุชฺฌนฺติ ภวานิ สพฺพโส. เย เอตทฺาย ปทํ อสงฺขตํ วิมุตฺตจิตฺตา ภวเนตฺติสงฺขยา
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๔๗
เต ธมฺมสาราธิคมกฺขเย รตา ปหํสุ เต สพฺพภวานิ ตาทิโนติ. อยมฺป อตฺโถ วุตฺโต ภควตา อิติ เม สุตนฺติ. - อิติวุ. ขุ. ๒๕/๒๕๘-๒๕๙/๒๒๒. (นิ พ พานธาตุ ทั้ ง สองอย า งนี้ เป น นิ พ พานธาตุ สํ า หรั บ พระอรหั น ต ผู สิ้ น อาสวะกิ เ ลส แล ว ทั้ ง สองชนิ ด หากแต ผู บ รรลุ นิ พ พานธาตุ ช นิ ด สอุ ป าทิ เ สสะนั้ น ระบบแห ง ความรู สึ ก ทาง อิ น ทรี ย ห า คื อ ตา หู จมู ก ลิ้ น กาย ของท า น ยั ง ไม ถู ก กํ า จั ด โดยสิ้ น เชิ ง ด ว ยอํ า นาจนิ พ พานธาตุ นั้ น ความเคยชิ น ในความรู สึ ก ต อ อารมณ สํ า หรั บ จะรู สึ ก เป น สุ ข หรื อ เป น ทุ ก ข ยั ง เหลื อ อยู จึ ง เรี ย กว า สอุป าทิเ สสะ - มีอ ุป าทิเ หลือ อยู นั ่น คือ ดัง ขอ ความขอ ก.; สว นพระอรหัน ตจํ า พวกหลัง นั ้น ความเคยชิ น ในความรู สึ ก ต อ อารมณ ข องอิ น ทรี ย ทั้ ง ห า ถู ก นิ พ พานธาตุ อ ย า งที่ ส องกํ า จั ด แล ว สิ้ น เชิ ง เวทนาของท า นจึ ง เย็ น สนิ ท ไม รู สึ ก เป น สุ ข หรื อ เป น ทุ ก ข จึ ง เรี ย กว า อนุ ป าทิ เ สสะ - ไม มี อุ ป าทิ เหลื อ อยู ดั ง ข อ ความที่ ก ล า วแล ว ในข อ ข. หาใช ต อ งทํ า ลายขั น ธ ถึ ง มรณภาพไปไม เพราะบาลี มีอ ยู อ ยา งชัด เจนวา เวทนาเหลา นั ้น ดับ เย็น (คือ ไมเ ปน สุข หรือ เปน ทุก ข) ในอัต ภาพนี ้ห รือ ใน โลกนี้เอง. การที่ มี ผู เข า ใจไปว า นิ พ พานธาตุ อ ย า งแรกเป น ของพระอรหั น ต ผู ยั ง มี ชี วิ ต อยู และ นิ พ พานธาตุ อ ย า งหลั ง เป น ของพระอรหั น ต ผู ถึ ง แก ม รณภาพแล ว ดั ง นี้ นั้ น คงจะเนื่ อ งจากความเข า ใจผิด ตอ คํ า บาลีส องคํ า ในคาถาผนวกทา ยสูต รนั ่น เอง คือ คํ า วา สมฺป รายิก า ซึ ่ง แปลกัน วา โลกหนา หรือ ตอ ตายแลว ซึ ่ง ที ่แ ทแ ปลวา ในเวลาถัด ๆ ไป ก็ไ ด, สว นคํ า วา ทิฏ ฐธมฺม ิก า มี ค วามหมายว า ทั น ที ทั น ใดที่ เ หตุ ก ารณ นั้ น ๆ ได เ กิ ด ขึ้ น แล ว ไม จํ า เป น จะต อ งระบุ ว า ในชาติ นี้ ภพนี้เสมอไป.
www.buddhadasa.info ผู ร วบรวมมี ค วามเห็ น ว า นิ พ พานธาตุ ทั้ ง สองอย า งนี้ มี สํ า หรั บ พระอรหั น ต ที่ ยั ง มี ชี วิ ต อยู ด ว ยกั น ทั้ ง นั้ น ต า งกั น เพี ย งแต ว า พวกแรกนั้ น อิ น ทรี ย ยั ง รู สึ ก ต อ สุ ข และทุ ก ข แม จ ะไม มี ค วามยึ ด ถื อ ในเวทนานั้ น , , ส ว นพวกหลั ง นั้ น ไม มี ค วามรู สึ ก เป น สุ ข หรื อ ทุ ก ข จึ ง กล า วว า เวทนา เปนของเย็น ในอัตภาพนี้ หรือในโลกนี้. ขอนี้จะยุกติเปนอยางไร ผูศึกษาจงพิจารณาดูเองเถิด).
๔๔๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
อสังขตลักษณะ ๓ อยาง ภิ ก ษุ ท.! สั ง ขตลั ก ษณะแห ง สั ง ขตธรรม ๓ อย า ง เหล า นี้ มี อ ยู . สามอยางอยางไรเลา? สามอยางคือ :๑. มีการเกิดปรากฏ (อุปฺปาโท ปฺายติ); ๒. มีการเสื่อมปรากฏ (วโย ปฺายติ) ; ๓. เมื ่อ ตั ้ง อ ยู ก็ม ีภ าวะอ ยา งอื ่น ป ราก ฏ (ต สฺส อ ฺถตฺตํ ปฺายติ). ภิกษุ ท.! สามอยางเหลานี้แล คือสังขตลักษณะแหงสังขตธรรม. ภิ ก ษุ ท.! อสั ง ขตลั ก ษณ ะของอสั ง ขตธรรม ๓ อย า งเหล า นี้ มี อ ยู . สามอยางอยางไรเลา? สามอยางคือ :๑. ไมปรากฏมีการเกิด (น อุปฺปาโท ปฺายติ) ; ๒. ไมปรากฏมีการเสื่อม (น วโย ปฺายติ) ; ๓. เมื่ อ ตั้ ง อยู ก็ ไ ม มี ภ าวะอย า งอื่ น ปรากฏ (น ต สฺส อฺ ถตฺ ตํ ปฺายติ). ภิกษุ ท.! สามอยางเหลานี้แล คืออสังขตลักษณะของอสังขตธรรม.
www.buddhadasa.info - ติก. อํ. ๒๐/๑๙๒/๔๘๖-๔๘๗.
ความดับเย็นของเวทนามีได แมในทิฏฐธรรมนี้
วั ป ปะ! เมื่ อ ภิ ก ษุ มี จิ ต หลุ ด พ น โดยชอบอย า งนี้ แ ล ว สตตวิ ห ารธรรม๑ ทั้งหลาย ๖ ประการ ก็เปนอันวาภิกษุนั้นถึงทับแลว : ภิกษุนั้นเห็น
๑. สตตวิห ารธรรม ในที ่นี ้ หมายความวา มีส ติส ัม ปชัญ ญ ะติด ตอ กัน ไป ในการสัม ผัส ทางตา หู จ มู ก ลิ ้น ก า ย ใจ ไมเ กิด ยิน ดีย ิน รา ย ขึ ้น ม า ได อ ยา ง ติ ด ตอ กัน ไมม ี เ ว ล า เผ ล อ . เมื ่อ มีส ติค ว บ คุม สิ ่ง ทั ้ง ห ก นี ้ไ วไ ด อ ยา งติด ตอ กัน เชน นี ้ ก ารเปน อ ยู อ ยา งนี ้ ก็เ รีย ก ได วา "สตตวิหาร ธรรม ๖ ประการ".
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๔๙
รู ป ด วยจั ก ษุ แล ว ไม เป น ผู ดี ใจ ไม เป น ผู เสี ย ใจ เป น ผู อ ยู อุ เบกขา มี สิ ต สั ม ปชั ญ ญะ อ ยู ; ฟ ง เสีย ง ด ว ย โส ต ะ แ ล ว ....; รู ส ึก ก ลิ ่น ด ว ย ม า น ะ แ ล ว ....; ลิ ้ม ร ส ด ว ย ช ิว ห า แ ล ว ....; ถ ูก ต อ ง ส ัม ผ ัส ผ ิว ห น ัง ด ว ย ผ ิว ก า ย แ ล ว ....; รู ส ึก ธรรมารมณ ด วยมโนแล ว ไม เป นผู ดี ใจ ไม เป นผู เสี ยใจ เป นผู อยู อุ เบกขา มี สติ สั มปชั ญญะอยู . ภิ ก ษุ นั้ น เมื่ อ เสวยซึ่ ง เวทนามี ก ายเป น สุ ด รอบอยู ย อ มรู ชั ด ว า เราเสวยซึ ่ง เวทนามีก ายเปน ที ่ส ุด รอบอยู ; เมื ่อ เสวยซึ ่ง เวทนามีช ีว ิต เปน ที ่ส ุด รอบอยู ยอ มรู ช ัด วา เราเสวยซึ ่ง เวทนามีช ีว ิต เปน ที ่ส ุด รอบอยู ; เธอยอ มรู ช ัด วา "เวทนาทั้งปวง อันเราไมเพลิดเพลินแลว จักเ ปนของเย็นในอัตตภาพนี้๑ นั่นเทียว จนกระทั่งถึงที่สุดรอบแหงชีวิต เพราะการแตกทําลายแหงกาย ดังนี้. วั ป ปะ ! เปรี ย บเหมื อ นเงาย อ มปรากฏเพราะอาศั ย เสาสดมภ (ถู ณ ะ). ลํ า ดับ นั ้น บุร ุษ ถือ เอามาซึ ่ง จอบและตะกรา เขาตัด ซึ ่ง เสานั ้น ที ่โ คน, ครั ้น ตัด ที ่โ คน แลว พึง ขุด , ค รั ้น ขุด แลว พึง รื ้อ ซึ ่ง รากทั ้ง ห ลาย ไมใ หเ หลือ แมที ่ส ุด สัก แตว า เทา ตน แฝก. บุร ุษ นั ้น พึง ตัด ซึ ่ง เสานั ้น ใหเ ปน ทอ นนอ ยทอ นใหญ ; ครั ้น ตัด ซึ ่ง เสานั ้น ใหเ ปน ทอ นนอ ยทอ นใหญ แ ลว พึง ผา ; ครั ้น ผา แลว พึง จัก ให เ ป น ซี ก เล็ ก ๆ; ครั้ น จั ก ให เ ป น ซี ก เล็ ก ๆ แล ว พึ ง ผึ่ ง ให แ ห ง ในลมและแดด ; ครั้ น ผึ่ ง ให แ ห ง ในลมและแดดแล ว พึ ง เผาด ว ยไฟ ; ครั้ น เผาด ว ยไฟแล ว พึ ง ทํ า ให เปน ผงเถา ถา น; ครั ้น ทํ า ใหเ ปน ผงเถา ถา นแลว พึง โปรยไปในกระแสลมอัน พัด จัด หรือ วา พึง ใหล อยไปในกระแสอัน เชี ่ย วแหง แมน้ํ า . วัป ปะ! เงาอัน ใด ที่อาศัยเสาสดมภ, เงาอันนั้นยอมถึงซึ่งความมีมูลเหตุอันขาดแลว ถูกกระทําให
www.buddhadasa.info
๑. การดับ เย็น แหง เวท น าใน อัต ภ าพ นี ้ มีอ ธิบ ายอีก ใน หัว ขอ วา "การไมเ กิด อนุส ัย สาม เมื ่อ เสวย เวทนาสามแลวดับเย็น" ที่หนา ๗๘๗ แหงหนังสือนี้.
๔๕๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
เหมื อ นตาลมี ขั้ ว ยอดอั น ด ว น กระทํ า ให ถึ ง ความไม มี อ ยู มี อั น ไม บั ง เกิ ด ขึ้ น ต อ ไป เปนธรรมดา, นี้ฉันใด ; วัป ป ะ ! ขอ นี ้ก ็ฉ ัน นั ้น ก ล า วค ือ เมื ่อ ภ ิก ษ ุจ ิต ห ล ุด พ น โด ย ช อ บ อย า งนี้ แ ล ว สตตวิ ห ารธรรม ท. ๖ ประการ ก็ เ ป น อั น ว า ภิ ก ษุ นั้ น ถึ ง ทั บ แล ว : ภิก ษุนั ้น เห็น รูป ดว ยจัก ษุแ ลว ไมเ ปน ผู ด ีใ จ ไมเ ปน ผู เ สีย ใจ เปน ผู อ ยู อ ุเ บกขา มีส ติส ัป ชัญ ญ ะ อ ยู ; ฟ ง เสีย งดว ย โส ต ะ แ ลว ....; รู ส ึก ก ลิ ่น ดว ย ฆ าน ะ แลว ....; ลิ ้ม รส ดว ย ชิว ห าแ ลว ....; ถูก ตอ งสัม ผัส ผิว ห นัง ดว ย ก าย ะ แ ลว ....; รู ส ึก ธัม มารมณด ว ยมโนแลว ไมเ ปน ผู ด ีใ จ ไมเ ปน ผู เ สีย ใจ เปน ผู อ ยู อ ุเ บกขา มีส ติส ัม ป ชัญ ญ ะอ ยู . ภ ิก ษ ุนั ้น เมื ่อ เส วย ซึ ่ง เวท น าม ีก าย เป น ที ่ส ุด รอ บ อ ยู ยอ มรู ช ัด วา เราเสวยซึ ่ง เวทนามีก ายเปน ที ่ส ุด รอบอยู ; เมื ่อ เสวยซึ ่ง เวทนามี ชี วิ ต เป น ที่ สุ ด รอบอยู ย อ มรู ชั ด ว า เราเสวยซึ่ ง เวทนามี ชี วิ ต เป น ที่ สุ ด รอบอยู ; เธอย อ มรู ชั ด ว า "เวทนาทั้ ง หลายทั้ ง ปวง อั น เราไม เ พลิ ด เพลิ น แล ว จั ก เป น ของ เย็ น ในอั ต ตภาพนี้ นั่ น เที ย ว จนกระทั่ ง ถึ ง ที่ สุ ด รอบแห ง ชี วิ ต เพราะการแตกทํ า ลาย แหงกาย" ดังนี้.
www.buddhadasa.info - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๖๙/๑๙๕.
นิพพานคือ วิราคธรรม
ภิก ษุ ท .! สัง ข ต ธ รรม ก็ด ี อ สัง ข ต ธ รรม ก็ด ี มีป ระ ม า ณ เทา ใด , วิราคธรรม เรากลาววา เปนยอดของสังขตธรรม และอสังขตธรรมเหลานั้นทั้งห ม ด . วิร าคธรรมนั ้น ไดแ ก ธรรมอัน เปน ที ่ส รา งแหง ความเมา, เปน ที ่ข จัด ความกระหาย, เป น ที่ ถ อนความอาลั ย , เป น ที่ ตั ด วั ฏ ฏะ (วน), เป น ที่ สิ้ น ตั ณ หา, เปนที่คลายความกําหนัด, เปนที่ดับกิเลส, นี่แลคือ นิพพาน. - อิติวุ. ขุ. ๒๕/๒๙๘/๒๗๐.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๕๑
ไวพจนของนิพพาน (๓๒ คํา) ภิก ษุ ท.! เราจัก แสดง ซึ ่ง น ิพ พ าน แกพ วกเธอทั ้ง หลาย, พ วก เธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! นิพพาน เปนอยางไรเลา ? ภิก ษ ุ ท .! ความ สิ ้น ไป แหง ราคะ, ความ สิ ้น ไป แหง โทส ะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด ; ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา นิพพาน. - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๒/๗๔๑
ภ ิก ษ ุ ท .! เราจัก แ ส ด ง ซึ ่ง อ ส ัข ต ะ (สิ ่ง ที ่ไ ม ถ ูก อ ะ ไรป รุง แ ต ง ) แ ก พวกเธอทั้งหลาย, พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! อสังขตะ เปนอยางไรเลา? ภิก ษ ุ ท .! ความ สิ ้น ไป แหง ราคะ, ความ สิ ้น ไป แหง โทส ะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด; ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา อสัขตะ.
www.buddhadasa.info - สฬา. สํ. ๑๘/๔๔๑/๖๗๔.
ภ ิก ษ ุ ท .! เรา จ ัก แ ส ด ง ซึ ่ง อ น ต ะ (สิ ่ง ซึ ่ง อ ะ ไร ๆ น อ ม ไป ได ) แ ก พวกเธอทั้งหลาย, พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! อนตะ เปนอยางไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ความ สิ ้น ไปแหง ราคะ, ความสิ ้น ไปแหง โทสะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด ;
๔๕๒
อริยสัจจากพระโอษฐ ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา อนตะ.
- สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๐/๗๒๐.
ภิก ษุ ท.! เราจัก แสดง ซึ ่ง อ น าส วะ (สิ ่ง ที ่ไ มม ีอ าสวะ) แกพ วกเธอ ทั้งหลาย, พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! อนาสวะ เปนอยางไรเลา ? ภิก ษ ุ ท .! ความ สิ ้น ไป แหง ราคะ, ความ สิ ้น ไป แหง โทส ะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด ; ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา อนาสวะ. - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๐/๗๒๑.
ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดง ซึ่ ง สั จ จะ (ของจริ ง ) แก พ วกเธอทั้ ง หลาย, พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! สัจจะ เปนอยางไรเลา ? ภิก ษ ุ ท .! ความ สิ ้น ไป แหง ราคะ, ความ สิ ้น ไป แหง โทส ะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด ; ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา สัจจะ
www.buddhadasa.info - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๐/๗๒๒.
ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดง ซึ่ ง ป าระ (ฝ ง นอก) แก พ วกเธอทั้ ง หลาย, พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! ปาระ เปนอยางไรเลา ? ภิก ษ ุ ท .! ความ สิ ้น ไป แหง ราคะ, ความ สิ ้น ไป แหง โทส ะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด ;
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๕๓
ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา ปาระ. - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๐/๗๒๓.
ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดงซึ่ ง นิ ปุ ณ ะ (ของละเอี ย ด) แก พ วกเธอทั้ ง หลาย, พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! นิปุณะ เปนอยางไรเลา? ภิก ษ ุ ท .! ความ สิ ้น ไป แหง ราคะ, ความ สิ ้น ไป แหง โทส ะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด; ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา นิปุณะ. - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๐/๗๒๔.
ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดงซึ่ ง สุ ทุ ท ทสะ (ของเห็ น ได ย ากอย า งยิ่ ง ) แก พ วก เธอทั้งหลาย, พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! สุทุททสะ เปนอยางไรเลา? ภิก ษ ุ ท .! ความ สิ ้น ไป แหง ราคะ, ความ สิ ้น ไป แหง โทส ะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ. อันใด; ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา สุทุททสะ.
www.buddhadasa.info - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๐/๗๒๕.
ภิก ษุ ท.! เราจัก แสดงซึ ่ง อชัช ชระ (ของที ่ไ มค ร่ํ า ครา ) แกพ วกเธอ ทั้งหลาย, พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น ภิกษุ ท.! อชัชชระ เปนอยางไรเลา ? ภิก ษ ุ ท .! ความ สิ ้น ไป แหง ราคะ, ความ สิ ้น ไป แหง โทส ะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด ;
๔๕๔
อริยสัจจากพระโอษฐ ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา อชัชชระ.
- สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๐/๗๒๖.
ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดง ซึ่ ง ธุ ว ะ (ของยั่ ง ยื น ) แก พ วกเธอทั้ ง หลาย, พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! ธุวะ เปนอยางไรเลา? ภิก ษ ุ ท .! ความ สิ ้น ไป แหง ราคะ, ความ สิ ้น ไป แหง โทส ะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด; ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา ธุวะ. - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๐/๗๒๗.
ภิก ษ ุ ท .! เราจัก แสดง ซึ ่ง อ ป โล กิน ะ (เปา ที ่ห ม าย) แกพ วกเธอ ทั้งหลาย. พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! อปโลกินะ เปนอยางไรเลา? ภิก ษ ุ ท .! ความ สิ ้น ไป แหง ราคะ, ค วาม สิ ้น ไป แหง โท ส ะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด; ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา อปโลกินะ
www.buddhadasa.info - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๐/๗๒๘.
ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดงซึ่ ง อนิ ทั ส สนะ (สิ่ ง ที่ ไ ม แ สดงตั ว ) แก พ วกเธอ ทั้งหลาย, พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! อนิทัสสนะ เปนอยางไรเลา? ภิก ษ ุ ท .! ความ สิ ้น ไป แหง ราคะ, ความ สิ ้น ไป แหง โทส ะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด;
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๕๕
ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา อนิทัสสนะ. - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๑/๗๒๙.
ภิ กษุ ท .! เราจั ก แสดงซึ่ ง นิ ป ป ป ญ จ ะ (สิ่ ง ที่ ไม ถ ว งไว ใ น โลกนี้ ) แก พวกเธอทั้งหลาย, พวกเธอทั้งหลาย จึงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! นิปปปญจะ เปนอยางไรเลา ? ภิก ษ ุ ท .! ความ สิ ้น ไป แหง ราคะ, ความ สิ ้น ไป แหง โทส ะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด ; ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา นิปปปญจะ. - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๑/๗๓๐.
ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดงซึ่ ง สั น ตะ (สิ่ ง สงบระงั บ ) แก พ วกเธอทั้ ง หลาย, พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! สันตะ เปนอยางไรเลา ? ภิก ษ ุ ท .! ความ สิ ้น ไป แหง ราคะ, ความ สิ ้น ไป แหง โทส ะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด ; ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา สันตะ.
www.buddhadasa.info - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๑/๗๓๑.
ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดงซึ่ ง อมตะ (สิ่ ง ไม ต าย) แก พ วกเธอทั้ ง หลาย, พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! อมตะ เปนอยางไรเลา? ภิก ษ ุ ท .! ความ สิ ้น ไป แหง ราคะ, ความ สิ ้น ไป แหง โทส ะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด ;
๔๕๖
อริยสัจจากพระโอษฐ ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา อมตะ
- สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๑/๗๓๒.
ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดงซึ่ ง ปณี ต ะ (สิ่ ง ประณี ต ) แก พ วกเธอทั้ ง หลาย, พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! ปณีตะ เปนอยางไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ความสิ ้น ไปแหง ราคะ, ความสิ ้น ไปแหง โทสะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด ; ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา ปณีตะ. - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๑/๗๓๓.
ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดง ซึ่ ง สิ ว ะ (สิ่ ง ที่ เ ย็ น ) แก พ วกเธอทั้ ง หลาย, พวกเธอทั้งหลายจงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! สิวะ เปนอยางไรเลา ? ภิ ก ษุ ท.! ความสิ้ น ไปแห ง ราคะ, ความสิ้ น ไปแห ง โทสะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด ; ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา สิวะ.
www.buddhadasa.info - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๑/๗๓๔.
ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดง ซึ่ ง เขมะ (ที่ เ กษม) แก พ วกเธอทั้ ง หลาย, พวกเธอทั้งหลายจงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! เขมะ เปนอยางไรเลา? ภิก ษุ ท.! ความสิ ้น ไปแหง ราคะ, ความสิ ้น ไปแหง โทสะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด ;
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๕๗
ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา เขมะ - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๑/๗๓๕.
ภิก ษุ ท.! เราจัก แสดงซึ ่ง ตัณ หัก ขยะ (ที ่สิ ้น ตัณ หา) แกพ วกเธอ ทั้งหลาย, พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! ตัณหักขยะ เปนอยางไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ความสิ ้น ไปแหง ราคะ, ความสิ ้น ไปแหง โทสะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด ; ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา ตัณหักขยะ. - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๑/๗๓๖.
ภิก ษุ ท.! เราจัก แสดงซึ ่ง อัจ ฉ ริย ะ (สิ ่ง นา อัศ จรรย) แกพ วกเธอ ทั้งหลาย, พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! อัจฉริยะ เปนอยางไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ความสิ ้น ไปแหง ราคะ, ความสิ ้น ไปแหง โทสะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด ; ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา อัจฉริยะ.
www.buddhadasa.info - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๑/๗๓๗.
ภิก ษุ ท.! เราจัก แสดงซึ ่ง อัพ ภ ุต ะ (สิ ่ง ที ่ไ มม ีไ มเ ปน ) แกพ วกเธอ ทั้งหลาย, พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! อัพภุตะ เปนอยางไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ความสิ ้น ไปแหง ราคะ, ความสิ ้น ไปแหง โทสะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด ;
๔๕๘
อริยสัจจากพระโอษฐ ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา อัพภุตะ.
- สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๑/๗๓๘.
ภิก ษุ ท.! เราจัก แสดงซึ ่ง อ นีต ิก ะ (สิ ่ง ที ่ไ มม ีเ สนีย ด) แกพ วกเธอ ทั้งหลาย, พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! อนีติกะ เปนอยางไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ความสิ ้น ไปแหง ราคะ, ความสิ ้น ไปแหง โทสะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด ; ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา อนีติกะ. - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๒/๗๓๙.
ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดงซึ่ ง อนี ติ ก ธั ม มะ (ธรรมที่ ไ ม เสนี ย ด) แก พ วก เธอทั้งหลาย, พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! อนีติกธัมมะ เปนอยางไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ความสิ ้น ไปแหง ราคะ, ความสิ ้น ไปแหง โทสะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด ; ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา อนีติกธัมมะ.
www.buddhadasa.info - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๒/๗๔๐.
ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดงซึ่ ง อั พ ยาป ช ฌ ะ (สิ่ ง ที่ ไ ม เบี ย ดเบี ย นสั ต ว ) แก พวกเธอทั้งหลาย, พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! อัพยาปชฌะ เปนอยางไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ความสิ ้น ไปแหง ราคะ, ความสิ ้น ไปแหง โทสะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ. อันใด ;
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๕๙
ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา อัพยาปชฌะ. - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๒/๗๔๒.
ภิก ษ ุ ท .! เราจัก แ ส ด งซึ ่ง วิร า ค ะ (ที ่ค ล า ย กํ า ห นัด ) แ กพ วก เธ อ ทั้งหลาย, พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! วิราคะ เปนอยางไรเลา ? ภิก ษ ุ ท .! ความ สิ ้น ไป แหง ราคะ, ความ สิ ้น ไป แหง โทส ะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด ; ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา วิราคะ. - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๒/๗๔๓.
ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดงซึ่ ง สุ ท ธิ (สิ่ ง บริ สุ ท ธิ์ ) แก พ วกเธอทั้ ง หลาย, พวกเธอทั้งหลายจงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! สุทธิ เปนอยางไรเลา ? ภิก ษ ุ ท .! ความ สิ ้น ไป แหง ราคะ, ความ สิ ้น ไป แหง โทส ะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด ; ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา สุทธิ.
www.buddhadasa.info - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๒/๗๔๔.
ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดงซึ่ ง มุ ต ติ (ความพ น ) แก พ วกเธอทั้ ง หลาย, พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! มุตติ เปนอยางไรเลา ? ภิก ษ ุ ท .! ความ สิ ้น ไป แหง ราคะ, ความ สิ ้น ไป แหง โทส ะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด ;
๔๖๐
อริยสัจจากพระโอษฐ ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา มุตติ.
- สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๒/๗๔๕.
ภิก ษ ุ ท .! เราจัก แส ด งซึ ่ง อ น าล ย ะ (สิ ่ง ที ่ไ มม ีอ าลัย ) แกพ วกเธอ ทั้งหลาย, พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! อนาลยะ เปนอยางไรเลา ? ภิก ษ ุ ท .! ความ สิ ้น ไป แหง ราคะ, ความ สิ ้น ไป แหง โทส ะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด ; ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา อนาลยะ. - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๒/๗๔๖.
ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดงซึ่ ง ที ป ะ (เกาะที่ พ น น้ํ า ) แก พ วกเธอทั้ ง หลาย, พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! ทีปะ เปนอยางไรเลา ? ภิก ษ ุ ท .! ความ สิ ้น ไป แหง ราคะ, ความ สิ ้น ไป แหง โทส ะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด ; ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา ทีปะ.
www.buddhadasa.info - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๒/๗๕๗.
ภิ กษุ ท .! เราจั ก แสดง ซึ่ ง เล ณ ะ (ที่ ซ อ น ) แก พ วกเธอทั้ งหล าย, พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! เลณะ เปนอยางไรเลา ?
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๖๑
ภิก ษ ุ ท .! ความ สิ ้น ไป แหง ราคะ, ความ สิ ้น ไป แหง โทส ะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด; ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา เลณะ. - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๒/๗๔๘.
ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดงซึ่ ง ตาณ ะ (ที่ ป อ งกั น ) แก พ วกเธอทั้ ง หลาย, พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! ตาณะ เปนอยางไรเลา ? ภิก ษ ุ ท .! ความ สิ ้น ไป แหง ราคะ, ความ สิ ้น ไป แหง โทส ะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด ; ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา ตาณะ. - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๓/๗๔๙.
ภ ิก ษ ุ ท .! เราจัก แ ส ด งซึ ่ง ส ร ณ ะ (ที ่พึ ่ง ) แ ก พ วก เธ อ ทั ้ง ห ล าย , พวกเธอทั้งหลายจงฟงความขอนั้น. ภิกษุ ท.! สรณะ เปนอยางไรเลา ? ภิก ษ ุ ท .! ความ สิ ้น ไป แหง ราคะ, ความ สิ ้น ไป แหง โทส ะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด ; ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา สรณะ.
www.buddhadasa.info - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๓/๗๕๐.
ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดงซึ่ ง ปรายนะ (ที่ สุ ด ทาง) แก พ วกเธอทั้ ง หลาย, พวกเธอทั้งหลาย จงฟงความขอนั้น.
๔๖๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิกษุ ท.! ปรานะ เปนอยางไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ความสิ ้น ไปแหง ราคะ, ความสิ ้น ไปแหง โทสะ, ความ สิ้นไปแหงโมหะ, อันใด ; ภิกษุ ท.! อันนี้แล เราเรียกวา ปรายนะ. - สฬา. สํ. ๑๘/๔๕๓/๗๕๑.
นิพพานอธิวจนะ [ คํ า วา "นิพ พาน" ในขอ ความในสูต รอื ่น ๆ เปน อัน มาก ไดท รงแสดงไวด ว ย อธิ ว จนะคื อ คํ า แทนชื่ อ ต า ง ๆ กั น และมี เรื่ อ งที่ จ ะพึ ง ศึ ก ษาและปฏิ บั ติ อ ย า งเดี ย วกั น คื อ ทรงแสดง ไวดวยคําวา :-
อสังขตะ อนตะ อนาสวะ สัจจะ ปาระ นิปุณะ สุทุททสะ อชัชชระ ธุวะ อปโลกินะ อนิทัสสนะ นิปปปญจะ
(ธรรมที่ไมมีปจจัยปรุงแตง หรือปจจัยปรุงแตงไมได) (ธรรมที่ไมนอมไปในสิ่งใด หรือสิ่งใดนอมไปไมได) (ไมมีอาสวะอันเปนสิ่งเศราหมองโดยประการทั้งปวง) (ของจริงเพียงสิ่งเดียว ไมมีสิ่งที่สองเทียบ) (ฝงนอกที่กิเลสและทุกขตามไปไมถึง)
www.buddhadasa.info (สิ่งละเอียดออนสําหรับการศึกษาและปฏิบัติ ไมมีสิ่งใดยิ่งกวา) (อันผูไมสิ้นอาสวะเห็นไดยากที่สุด)
(ไมมีความคร่ําคราลงโดยประการทั้งปวง) (ยั่งยืนมั่นคงไมแปรผัน)
(เปนที่จองมองแหงสัตวเพื่อการบรรลุถึง) (ไมมีการแสดงออกทางวัตถุ หรือทางตา : ผูอื่นพลอยเห็นดวยไมได) (ไมมีเครื่องกีดกั้นใหเนินชาเพราะวางจากกิเลส)
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๖๓
สันตะ (สงบระงับจากการปรุงแตงเสียดแทงเผาลน) (ไมตายเพราะไมมีการเกิด เพราะไมอยูในอํานาจเหตุปจจัย) อมตะ ปณีตะ (ประณีตละเอียด เพราะพนไปจากความเปนรูปธรรมและนามธรรม) สิวะ (สงบเย็นเพราะไมมีไฟกิเลสและไฟทุกข) เขมะ (เกษมจากสิ่งรบกวนทุกชนิด) ตัณหักขยะ (เปนที่สิ้นไปแหงตัณหา หรือภาวะสิ้นสุดแหงตัณหา) อัจฉริยะ (นาอัศจรรย ไมมีสิ่งใดนาอัศจรรยเทา) อัพภุตะ (ประหลาดควรนํามาบอกกลาวในฐานะสิ่งที่ไมเคยบอกกลาว) (ไมมีเสนียดจัญไร เพราะพันดีพันชั่ว) อนีติกะ อนีติกธัมมะ (มีปรกติภาวะไมมีเสนียดจัญไรเปนธรรมดา) อัพยาปชฌะ (ไมมีความเบียดเบียนเปนสภาวะ) (ไมมีความยอมติดในสิ่งใด มีแตจะทําใหคลายออก) วิราคะ สุทธิ (บริสุทธิ์หมดจด เพราะไมมีที่ตั้งแหงความเศราหมอง) (เปนความปลอยความหลุดจากความยึดมั่นถือมั่นดวยอุปาทาน) มุตติ (ไมเปนที่ตั้งที่อาศัยแหงกิเลสและความทุกข) อนาลยะ ทีปะ (เปนดวงประทีปที่พึ่งของสัตวผูตกจมอยูในความมืดคืออวิชชา) เลณะ (เปนเสมือนที่หลบซอนจากภัยของสัตวผูหนีภัย) ตาณะ (เปนเสมือนที่ตานทานของสัตวผูแสวงหาที่ตานทานขาศึกศัตรู) สรณะ (เปนที่แลนไปสูแหงจิตที่รูสึกวามีภัยตองการที่พึ่ง) ปรายนะ (เปนเปาหมายในเบื้องหนาแหงสัตวผูเวียนวายอยูในวัฏฏะ).
www.buddhadasa.info คํ าแทนชื่ อกั นและกั นชนิ ดนี้ ในบาลี ท านเรี ยกว า อธิ วจนะ ในที่ นี้ เป นอธิ วจนะของ คําวานิพพาน ]. - สฬา. สํ. ๑๘/๔๔๑-๔๔๒, ๔๕๐-๔๕๓/๖๗๔-๖๘๔, ๗๒๐-๗๕๑.
๔๖๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ยาถายและยาสํารอกความเกิด - แก - ตาย ภิ ก ษุ ท.! แพทย ทั้ ง หลาย ย อ มให ย าถ า ยเพื่ อ กํ า จั ด โรค ที่ มี ดี เ ป น สมุ ฏ ฐานบ า ง ที่ มี เสมหะเป น สมุ ฏ ฐานบ า ง ที่ มี ล มเป น สมุ ฏ ฐานบ า ง. ภิ ก ษุ ท.! เรากลา ววา ยาถา ยชนิด นั ้น มีอ ยู มิใ ชไ มม ี แตว า ยาถา ยชนิด นั ้น บางที ก็มีผล บางทีก็ไมมีผล. ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดง ยาถ า ยอั น เป น อริ ย ะ (อริ ย วิ เรนจ) อั น เป น ยาถ ายมี ผ ลโดยส วนเดี ย ว ไม มี ที่ จะไม ให ผ ล อั น เป น ยาถ ายซึ่ งอาศั ยแล ว สั ต ว ที่ มี ความเกิ ด เป น ธรรมดาจะพ น จากความเกิ ด ที่ มี ค วามแก เป น ธรรมดาจะพ น จาก ความแก ที่ มี ค วามตายเป น ธรรมดาจะพ น จากความตาย สั ต ว ที่ มี โสกะปริ เทวะทุ ก ขะโทมนั ส อุ ป ายาสทั้ ง หลายเป น ธรรดาจะพ น จากโสกะปริ เทวะทุ ก ขะโทมนั ส อุปายาสทั้งหลาย. พวกเธอจงฟง จงทําในใจใหดี เราจักกลาว. ภิ ก ษุ ท.! ยาถ ายอั น เป น อริย ะ อั น ให ผ ลโดยส ว นเดี ย ว ไม มี เสี ย ผลเลย อันสัตวอาศัยแลว จักพนจากชาติ ฯลฯ ไดนั้น เปนอยางไรเลา ?
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! มิ จ ฉาทิ ฏ ฐิ อั น สั ม มาทิ ฏ ฐิ ก บุ ค คลระบายออกได แ ล ว ; กล า วคื อ บาปอกุ ศ ลธรรมเป น อเนกเกิ ด ขึ้ น เพราะมิ จ ฉาทิ ฏ ฐิ เป น ป จ จั ย เหล า ใด บาปอกุ ศ ลธรรมเหล า นั้ น เป น สิ่ ง ที่ เขาระบายออกได แ ล ว และกุ ศ ลธรรมเป น อเนก ที่มีสัมมาทิฏฐิเปนปจจัย ยอมถึงความเจริญบริบูรณ.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๖๕
ภิ ก ษุ ท.! มิ จฉาสั งกั ป ปะ อั น ผู มี สั ม มาสั งกั ป ปะระบายออกได แล ว .... ฯลฯ .... ภิก ษุ ท.! มิจ ฉาวาจาก อัน ผู ม ีส ัม มาวาจาระบายออกไดแ ลว .... ฯลฯ .... ภิ ก ษุ ท.! มิ จ ฉากั ม มั น ตะ อั น ผู มี สั ม มากั ม มั น ตะระบายออกได แลว .... ฯลฯ .... ภิก ษุ ท.! มิจ ฉาอาชีว ะ อัน ผู ม ีส ัม มาอาชีว ะระบายออกไดแ ลว .... ฯลฯ .... ภิ ก ษุ ท.! มิ จ ฉาวายามะ อั น ผู มี สั ม มาวายามะระบายออกได แ ล ว ....ฯลฯ .... ภิก ษุ ท .! มิจ ฉ าสติ อัน ผู ม ีส ัม ม าส ติร ะบ าย อ อ ก ไดแ ลว .... ฯลฯ .... ภิก ษุ ท.! มิจ ฉาสมาธิ อัน ผู ม ีส ัม มาสมาธิร ะบายออกไดแ ลว .... ฯลฯ .... ภิ ก ษุ ท.! มิ จ ฉาญาณะ อั น ผู มี สั ม มาญาณ ะระบายออกได แ ล ว .... ฯลฯ .... ภิ ก ษุ ท.! มิ จ ฉาวิ มุ ต ติ อั น ผู มี สั ม มาวิ มุ ต ติ ร ะบายออกได แ ล ว ; กล า วคื อ บาปอกุ ศ ลธรรมเป น อเนกเกิ ด ขึ้ น เพราะมิ จ ฉาวิ มุ ต ติ เป น ป จ จั ย เหล า ใด บาปอกุ ศ ลธรรมเหล า นั้ น เป น สิ่ ง ที่ เขาระบายออกได แ ล ว และกุ ศ ลธรรมเป น อเนก ที่มีสัมมาวิมุตติเปนปจจัย ยอมถึงความเจริญบริบูรณ.
www.buddhadasa.info
๔๖๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิก ษุ ท.! นี ้แ ล ยาถา ยอัน เปน อริย ะ (รวม ๑๐ ป ระการ) อัน เปน ยาถ า ยมี ผ ลโดยส ว นเดี ย ว ไม มี ที่ จ ะไม ใ ห ผ ล อั น เป น ยาถ า ยซึ่ ง อาศั ย แล ว สั ต ว ที่ มี ความเกิ ด เป น ธรรมดาจะพ น จากความเกิ ด ที่ มี ค วามแก เป น ธรรมดาจะพ น จาก ความแก ที่ มี ค วามตายเป น ธรรมดาจะพ น จากความตาย สั ต ว ที่ มี โสกะปริ เทวะทุ ก ขะโทมนั ส อุ ป ายาสทั้ ง หลายเป น ธรรมดาจะพ น จากโสกะปริ เทวะทุ ก ขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย. - ทสก. อํ. ๒๔/๒๓๓/๑๐๘. [ ธรรมสิบ ประการ ซึ ่ง ในสูต รขา งบนนี ้ต รัส เรีย กวา ยาถา ย (วิเ รจนํ) : สว นใน สูตรถัดไปทรงเรียกวา ยาสํารอกใหอาเจียน (วมนํ); มีขอความเหมือนกันทุกประการ. ในสู ต รถั ด ไปอี ก ตรั ส เรี ย กธรรมสิ บ ประการนั้ น ว า มนต เครื่ อ งป ด เป า (นิ ทฺ ธ มนํ ) สามารถป ด เป า บาปอกุ ศ ลให สิ้ น ไป และให ธ รรมที่ เป น กุ ศ ลถึ ง พร อ ม แต ไ ม มี ก ล า วถึ ง กั บ ว า สั ต ว ที่มีความเกิดเปนธรรมดาจะพนจากความเกิด เปนตน ; ผูทําการเสกเปาพึงพิจารณาดูเถิด. ในสู ต รอื่ น อี ก (๒๔/๒๓๑/๑๐๗) ตรั ส เรี ย กธรรมสิ บ ประการในข อ ความข า งบนนี้ วา น้ํ า ชํ า ระกระดู ก ให บ ริ สุ ท ธิ์ (โธวนํ ) ตามประเพณี ช าวบ า นที่ เขาทํ า กั น อยู อ ย า งเป น พิ ธีรีต องมา แต โ บราณ แต น้ํ า ชํ า ระที่ เป น อริ ย ะนี้ ส ามารถชํ า ระบาปอกุ ศ ลให สิ้ น ไป ทํ า กุ ศ ลให ถึ ง พร อ ม และ เปน ไปเพื ่อ รู ยิ ่ง รู พ รอ ม เพื ่อ นิพ พาน และเมื ่อ สัต วอ าศัย แลว สัต วที ่ม ีค วามเกิด เปน ธรรมดา จะพนจากความเกิดเปนตน].
www.buddhadasa.info ธรรมเปนเครื่องถอนอัสมิมานะในปจจุบัน ภิก ษุ ท.! นี้ เป น สิ่ งที่ ห วังได สํ าหรับ ภิ ก ษุ ผู มี มิ ต รดี (กลฺยาณมิ ตฺต ) มี ส หายดี (กลฺ ย าณสหาย) มี พ วกพ อ งดี (กลฺ ย าณสมฺ ป วงฺ ก ) คื อ จั ก เป น ผู มี ศี ล สํารวมดวยการสํารวมในปาติโมกข ถึงพรอมดวยมารยาทและโคจร มีปกติเห็น
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๖๗
เป น ภั ย ในโทษทั้ ง หลายแม มี ป ระมาณน อ ย สมาทานศึ ก ษาในสิ ก ขาบททั้ ง หลาย อยู ; ภิ ก ษุ ท .! นี้ เป น สิ่ งที่ ห วั ง ได สํ าห รั บ ภิ ก ษุ ผู มี มิ ต รดี มี ส ห าย ดี มี พวกพอ งดี; กลา วคือ กถาเปน เครื ่อ งขูด เกลาอยา งยิ ่ง เปน ธรรมเครื ่อ งสบาย แก ก ารเป ด โล ง แ ห ง จิต ได แ ก อ ัป ป จ ฉ ก ถ า (เรื ่อ งป รารถ น าน อ ย ) ส ัน ต ุฏ ฐิก ถ า (เรื่ อ งสั น โดษ ) ปวิ เ วกกถา (เรื่ อ งความสงั ด ) อสั ง สั ค คกถา (เรื่ อ งไม ค ลุ ก คลี ) วิ ริ ย ารั ม ภกถา (เรื่ อ งมี ค วามเพี ยร) สี ล กถา (เรื่ อ งศี ล ) สมาธิ ก ถา (เรื่ อ งสมาธิ ) ป ญ ญ ากถา (เรื่ อ งป ญ ญา) วิ มุ ต ติ ก ถา (เรื่ อ งวิ มุ ต ติ ) วิ มุ ต ติ ญ าณทั ส สนกถา (เรื่ อ งวิ มุ ต ติ ญ าณทัสสนะ), เธอ จักเปนผูไดโดยงาย ไดโดยไมยาก ไมลําบาก ซึ่งกถาเชนนี้ ; ภิ ก ษุ ท .! นี้ เป น สิ่ งที่ ห วั ง ได สํ าห รั บ ภิ ก ษุ ผู มี มิ ต รดี มี ส ห าย ดี มี พวกพ อ งดี ; กล าวคื อ จั ก เป น ผู มี ค วามเพี ย รอั น ปรารภแล ว เพื่ อ การละซึ่ งอกุ ศ ลธรรมทั้ ง หลาย เพื่ อ การถึ ง พร อ มแห ง กุ ศ ลธรรมทั้ ง หลาย มี กํ า ลั ง (จิ ต ) มี ค วาม บากบั่นมั่นคง ไมทอดธุระในกุศลธรรมทั้งหลาย
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท .! นี้ เป น สิ่ งที่ ห วั ง ได สํ าห รั บ ภิ ก ษุ ผู มี มิ ต รดี มี ส ห าย ดี มี พวกพ อ งดี ; กล า วคื อ จั ก เป น ผู มี ป ญ ญ า ประกอบด ว ยป ญ ญ าเครื่ อ งให รู ซึ่ ง ความเกิ ด และความดั บ (อุ ท ยตฺ ถ คามิ นี ) อั น เป น ป ญ ญ าที่ เ ป น อริ ย ะ เป น เครื่ อ ง เจาะแทงกิเลส ใหถึงซึ่งสิ้นทุกขโดยชอบ.
๔๖๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท .! ภิ ก ษุ ผู ตั้ งอ ยู ใน ธรรม ห าป ระก าร ๑ เห ล านี้ แล ว พึ ง เจริญธรรม ๔ ประการใหยิ่งขึ้นไป คือ :เจริญ อสุภะ เพื่อ ละ ราคะ ; เจริญ เมตตา เพื่อ ละ พยาบาท ; เจริญ อานาปานสติ เพื่อ ตัดเสียซึ่งวิตก ; เจริญ อนิจจสัญญา เพื่อ ถอน อัสมิมานะ. ภิก ษุ ท.! เมื ่อ ภิก ษุม ีอ นิจ จสัญ ญา, อนัต ตสัญ ญา ยอ มตั ้ง มั ่น ; ผูมีอนัตตสัญญา ยอมถึงการถอนเสียไดซึ่งอัสมิมานะ คือ นิพพาน ในทิฏฐธรรม เทียว. - นวก. อํ. ๒๓/๓๖๕/๒๐๕ ( เมื่ อ อ า นข อ ความตอนนี้ ผู ศึ ก ษาพึ ง ระลึ ก ถึ ง คํ า ที่ ต รั ส ว า "ความมี มิ ต รดี เ ป น ทั้ ง หมดแห ง พรหมจรรย " อั น เป น ข อ ความที่ ผ า นสายตากั น บ อ ย ๆ แต ไ ม ค อ ยจะรู ว า หมายความว า อยางไร ).
สมาธิที่มีผลเปนความไมมีอหังการะมมังการะมานานุสัย
www.buddhadasa.info พระอานนท ได ทู ลถามว า "มี อยู หรือหนอ พระเจ าข า ! การที่ ภิ กษุ ได สมาธิ ชนิดที่มีผลคือ ไมมีอหังการะมมังการะมานานุสัย ในกายอันมีวิญญาณนี้ ดวย, ไมมีอหังการะมมั งการะมานานุ สั ย ในนิ มิ ตทั้ งปวงในภายนอก ด วย, และเธอนั้ นเข าถึ งแล วแลอยู ซึ่ ง เจโตวิมุตติปญญาวิมุตติอันไมมีอหังการะมมังการะมานานุสัย ดวย, พระเจาขา ?"
๑. คํ า วา ๕ ประการ ในที ่นี ้ นับ รวมทั ้ง ความมีม ิต รดี พวกพอ งดี เขา ดว ยอีก ประการหนึ ่ง ; ดูขอ ความอันชัดเจนที่หัวขอวา "วิธีบมวิมุตติใหถึงที่สุด" ที่หนา ๘๐๔ แหงหนังสือนี้.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๖๙
อานนท ! สมาธิที่ภิกษุไดแลวมีผลเปนอยางนั้น มีอยู. "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! สมาธิ ที่ ภิ กษุ ได แล วมี ผลเป นอย างนั้ น มี อยู เป น อยางไรเลา? พระเจาขา!" อานนท ! ความเพ งเฉพาะของภิ กษุ ในกรณี นี้ มี อยูอยางนี้ วา "นั่ นสงบระงับ นั่นประณีต : นั่นคือธรรมชาติเปนที่สงบระงับแหงสังขารทั้งปวง เปนที่สลัดคืน ซึ่งอุปธิทั้งปวง เปนที่สิ้นไปแหงตัณหา เปนความจางคลาย เปนความดับ เปนนิพพาน (เย็น)" ดังนี้. อานนท ! อย า งนี้ แ ล การที่ ภิ ก ษุ ไ ด ส มาธิ ช นิ ด ที่ มี ผ ล คื อ ไม มี อ หั ง การะมมั ง การะมานานุ สั ย ในกายอั น มี วิ ญ ญาณนี้ ด ว ย, ไม มี อ หั งการะมมั ง การะมามานุส ัย ในนิม ิต ทั ้ง ปวงในภายนอกดว ย, และเธอนั ้น เขา ถึง แลว แลอยู ซึ ่ง เจโตวิมุตติปญญาวิมุตติอันไมมีอหังการะมมังการะมานานุสัย ดวย. อานนท ! ข อ นี้ เรากล า วอาศั ย คํ า กล า ว ในการตอบป ญ หาแก ปุ ณ ณกมาณพ ในปารายนสมาคม วา :-
www.buddhadasa.info "ท านผู ใด พิ จารณาเห็ นแล ว ซึ่ งสภาพยิ่ งและหย อนในโลก (วาเปนของวางเสมอกัน) ไมมีความหวั่นไหวไปในอารมณ ไหน ๆ ใน โลกเลย, เป น ผู รํางับ สงบแล ว ไม มี กิ เลสฟุ งกลุ ม เหมื อ นควัน ไม มี ความทุ กข ความคับแค นแล ว เป นผู ไม หวังอะไรแลว, เราตถาคตกลาว ผูนั้น วาเปนผูขามเสียไดซึ่งความเกิดและความแก" ดังนี้แล.
(ข อ ความแห ง คาถาข า งบนนี้ คื อ ความหมายแห ง คํ า ว า "ไม มี อ หั ง การะมมั ง การะมานานุสัย). - ติก. อํ. ๒๐/๑๖๘/๔๗๑.
๔๗๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
นิพพานเปนสุขอยางยิ่ง ไฟเสมอดวยราคะไมมี, โทษเสมอดวยโทสะไมมี, ทุกข ทั้งหลายเสมอดวยขันธไมมี, สุขอื่นนอกจาก ความสงบ (นิพพาน) ก็ไมมี. ความหิว เปนเครื่องเสียบแทงอยางยิ่ง, สังขารทั้งหลาย เปนทุกขอยางยิ่ง ; เมื่อรูความขอนั้น ตามที่เปนจริงแลว ดับเสีย ได เปนสุขอยางยิ่ง. ความไมมีโรค เปนลาภอยางยิ่ง, ความสันโดษ เปนทรัพย อย างยิ่ ง, ความคุ น เคยกั น เป น ญาติ อ ย างยิ่ ง, นิ พ พาน เป น สุ ข อยางยิ่ง - ธ. ขุ. ๒๕/๔๒/๒๕.
นิพพานเห็นไดยากยิ่ง ขึ้นชื่อวา นิพพาน อันบุคคลเห็นไดยาก, ไมมีตัณหาเครื่อง นอ มไป. เพราะวานิ พ พานนั้ น เป น ธรรมชาติ จริงแท , อัน บุ ค คล เห็ น ไมไดงายเลย. ตัณ หา อั น เราแทงตลอดแล ว เพราะเรารูอ ยู เห็นอยู จึงไมมีกิเลสเครื่องกังวล. ดังนี้แล.
www.buddhadasa.info - อุ. ขุ. ๒๕/๒๐๗/๑๕๙.
พอนิพพานธรรมปรากฏก็หมดสงสัย เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลาย ยอมปรากฏ แกผูปฏิบัติเพื่อหมด บาป ผูเพียรเพงเผากิเลสอยู, เมื่อนั้น ความสงสัยทั้งปวงของผู
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๗๑
ปฏิบัติเพื่อหมดบาปนั้น ยอมสิ้นไป โดยที่รูแจงชัดแลวซึ่งธรรมพรอม ทั้งเหตุ แล. - อุ. ขุ. ๒๕/๗๔/๓๘
เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลาย ยอมปรากฏ แกผูปฏิบัติเพื่อหมด บาป ผูเพียรแพงเผากิเลสอยู, เมื่อนั้น ความสงสัยทั้งปวงของผูปฏิบัติ เพื่อหมดบาปนั้น ยอมสิ้นไป โดยที่รูแจงชัดแลวซึ่งความสิ้นไปแหง ปจจัยทั้งหลาย แล. - อุ. ขุ. ๒๕/๗๔/๓๙.
เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลาย ยอมปรากฏ แกผูปฏิบัติเพื่อหมด บาป ผูเพียรเพงเผากิเลสอยู เมื่อนั้น ผูปฏิบัติเพื่อหมดบาป ยอม กําจัดมารและเสนามารเสียได ตั้งอยู ดุจดวงอาทิตยอุทัยกําจัดมืด สอง อากาศใหสวาง ฉะนั้นแล. - อุ. ขุ. ๒๕/๗๖/๔๐.
นิพพานเปนที่มุงแสวงของผูมองเห็นโทษในโลก
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! การแสวงหาอยางประเสริฐ เปนอยางไรเลา? ภิ กษุ ท .! บุ คคลบ างคนใน โล กนี้ เมื่ อตนเองมี ค วาม เกิ ด เป น ธรรมดา ก็ รู แ จ ง ซึ่ ง โทษในข อ ที่ ต นมี ค วามเกิ ด เป น ธรรมดา แล ว ย อ มแสวงหาซึ่ ง นิพพาน อันไมเกิด อันเปนธรรมเกษมจากโยคะ ไมมีอื่นยิ่งกวา. เมื่ อ ตนเองมี ความแก เป น ธรรมดา ก็ รู แ จ ง ซึ่ ง โทษในข อ ที่ ต นมี ค วาม แกเ ปน ธรรมดา แลว ยอ มเสวงหาซึ ่ง นิพ พาน อัน ไมแ ก อัน เปน ธรรมเกษม จากโยคะ ไมมีอื่นยิ่งกวา.
๔๗๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
เมื่ อ ตนเองมี ความเจ็ บ ไข เป น ธรรมดา ก็ รู แ จ ง ซึ่ ง โทษในข อ ที่ ต นมี ความเจ็ บ ไข เป น ธรรมดา แล ว ย อ มแสวงหาซึ่ ง นิ พ พาน อั น ไม มี ค วามเจ็ บ ไข อั น เปนธรรมเกษมจากโยคะ ไมมีอื่นยิ่งกวา. เมื่ อ ตนเองมี ความตาย เป น ธรรมดา ก็ รู แจ งซึ่ งโทษในข อ ที่ ต นมี ค วาม ตายเป น ธรรมดา แล ว ย อ มแสวงหาซึ่ ง นิ พ พาน อั น ไม มี ค วามตาย อั น เป น ธรรม เกษมจากโยคะ ไมมีอื่นยิ่งกวา. เมื่ อ ตนเองมี ความโศก เป น ธรรมดา ก็ รู แ จ งซึ่ งโทษในข อ ที่ ต นมี ค วาม โศกเป น ธรรมดา แล ว ย อ มแสวงหาซึ่ ง นิ พ พาน อั น ไม มี ค วามโศก อั น เป น ธรรม เกษมจากโยคะ ไมมีอื่นยิ่งกวา. เมื่ อ ตนเองมี ความเศร า หมองรอบด า น เป น ธรรมดา ก็ รู แ จ ง ซึ่ ง โทษ ในข อ ที่ ต นมี ค วามเศร า หมองรอบด า นเป น ธรรมดา แล ว ย อ มแสวงหาซึ่ ง นิ พ พาน อันไมมีความเศราหมองรอบดาน อันเปนธรรมเกษมจากโยคะ ไมมีอื่นยิ่งกวา.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! แมนี้ชื่อวาเปนการแสวงหาอยางประเสริฐ แล.
- มู. ม. ๑๒/๓๑๖/๓๑๕.
เพราะมีสิ่งที่ไมตาย สิ่งที่ตายจึงมีทางออก ภ ิก ษ ุ ท .! สิ ่ง ซึ ่ง ม ิไ ด เ ก ิด (อ ช า ต ํ) ม ิไ ด เ ป น (อ ภ ูต ํ) ม ิไ ด ถ ูก อะไรทํา (อกตํ) มิไดถูกอะไรปรุง (อสงฺขตํ) นั้นมีอยู.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๗๓
ภ ิก ษ ุ ท .! ถ า ห า ก วา สิ ่ง ที ่ม ิไ ด เ ก ิด ม ิไ ด เ ป น ม ิไ ด ถ ูก อ ะ ไรทํ า มิ ไดถ ูก อะไรปรุง จัก ไมม ีอ ยู แ ลว ไซร การรอดออกไปไดสํ า หรับ สิ ่ง ที ่เ กิด ที ่เ ปน ที่ถูกอะไรทํา ที่ถูกอะไรปรุง ก็จักไมปรากฏ ภ ิก ษ ุ ท .! เพ ราะ เห ต ุที ่ม ีสิ ่ง ซึ ่ง ม ิไ ด เ ก ิด ม ิไ ด เ ป น ม ิไ ด ถ ูก อ ะ ไร ทํ า มิ ไ ด ถู ก อะไรปรุ ง นั่ น เอง การรอดออกไปได สํ า หรั บ สิ่ ง ที่ เ กิ ด ที่ เ ป น ที่ ถู ก อะไรทํา ที่ถูกอะไรปรุง จึงไดปรากฏอยู. (ตอไปนี้เปนคําอริบายที่ตรัสไวเปนคาถา:-) ใคร ๆ ไมควรเพลิดเพลิน ตอสิ่งซึ่งเกิดแลว เปนแลว เกิดขึ้น พร อ มแล ว อั น ป จ จั ย กระทํ า แล ว อั น ป จ จั ย ปรุงแต งแล ว ไม ยั่ งยื น ปรุงแต เพื่ อ ชราและมรณะ เป น รังโรค เป น ของผุ พั ง มี อ าหารและ เนตติ (ตัณหา) เปนแดนเกิด. สวนการออกไปเสียไดจากสิ่ ง (ซึ่ งเกิ ดแล วเป นต น) นั้ น เป น ธรรมชาติอันสงบ ไมเป นวิสัยแหงความตรึก เปนของยั่งยืน ไมเกิด ไมเกิดขึ้นพรอม ไมมีโศก ปราศจากธุลี เปนที่ควรไปถึง เปนที่ดับ แหงสิ่งที่มีความทุกขเปนธรรมดา เปนความเขาไปสงบรํางับแหงสังขาร เปนสุข. ดังนี้
www.buddhadasa.info - อติวุ. ขุ. ๒๕/๒๕๗/๒๒๑.
ไมถึงนิพพาน เพราะพลัดออกนอกทางจนหลงทาง "ก็ ส าวกของพระโคมผู เ จริ ญ เมื่ อ พระโคดมกล า วสอนพ ร่ํ า สอนอยู อ ย า งนี้ ทุ ก ๆ รูป ไดบ รรลุน ิพ พ าน อัน เปน ผ ลสํ า เร็จ ถึง ที ่ส ุด อ ยา งยิ ่ง ห รือ ? ห รือ วา ไมไ ดบ รรลุ?" พ ราห ม ณ ผูหนึ่งทูลถามพระผูมีพระภาค.
๔๗๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
พราหมณ ! สาวกของเรา แม เ รากล า วสอน พ ร่ํ า สอนอยู อ ย า งนี้ น อ ยพวกที่ ไ ด บ รรลุ นิ พ พาน อั น เป น ผลสํ า เร็ จ ถึ ง ที่ สุ ด อย า งยิ่ ง , บางพวกไม ไ ด บรรลุ. "พระโคดมผู เจริ ญ ! อะไรเล าเป นเหตุ อะไรเล าเป นป จจั ย, ที่ พระนิ พ พาน ก็ ยั งตั้ งอยู , หนทางที่ ยั งสั ตว ให ถึ งนิ พพาน ก็ ยั งตั้ งอยู , พระโคดมผู ชั กชวน (เพื่ อดํ าเนิ น ไป) ก็ยังตั้งอยู, ทําไมนอยพวก ที่บรรลุ และบางพวกไมบรรลุ?" พ ราหม ณ ! เราจั ก ย อ นถามท า นในเรื่ อ งนี้ , ท า จงตอบ ตามควร. ท า นเป น ผู ช่ํ า ชองในหนทางไปสู เ มื อ งราชคฤห มิ ใ ช ห รื อ ? มี บุ รุ ษ ผู จ ะไปเมื อ ง ราชคฤห เข า มาหาและกล า วกั บ ท า นว า "ท า นผู เจริ ญ ! ข า พเจ า ปรารถนาจะไป เมื อ งราชคฤห ขอท า นจงชี้ บ อกทางไปเมื อ งราชคฤห แก ข า พเจ า เถิ ด ". ดั ง นี้ ; ท า นก็ จ ะกล า วกะบุ รุ ษ ผู นั้ น ว า "มาซิ ท า น ทางนี้ ไ ปเมื อ งราชคฤห : ไปได ค รู หนึ่ ง จั ก พบบ า นชื่ อ โน น แล ว จั ก เห็ น นิ ค มชื่ อ โน น จั ก เห็ น สวนและป า อั น น า สนุ ก จั ก เห็ น ภู มิ ภ าคอั น น า สนุ ก สระโบกขรณี อั น น า สนุ ก ของเมื อ งราชคฤห " ดั ง นี้ . บุ รุ ษ นั้ น อั น ท า นพร่ํ า บอก พร่ํ า ชี้ ใ ห อ ย า งนี้ ก็ ยั ง ถื อ เอาทางผิ ด กลั บ หลั ง ตรงกั น ข า มไป, ส ว นบุ รุ ษ อี ก คนหนึ่ ง (อั น ท า นพร่ํ า บอกพร่ํ า ชี้ อ ย า งเดี ย วกั น ) ไปถึ ง เมื อ งราชคฤห ไ ด โ ดยสวั ส ดี . พราหมณ เอย ! อะไรเล า เป น เหตุ อะไรเล า เป น ป จ จั ย ที่ เ มื อ งราชคฤห ก็ ยั ง ตั้ ง อยู ท า นผู ชี้ บ อกก็ ยั ง ตั้ ง อยู แต ทํ า ไม บุ รุ ษ ผู ห นึ่ ง กลับหลงผิดทาง. สวนบุรุษอีกผูหนึ่งไปถึงเมืองราชคฤหไดโดยสวัสดี ?
www.buddhadasa.info "พระโคดมผู เจริ ญ ! ในเรื่ องนี้ ข าพเจ าจั กทํ าอย างไรได เล า, เพราะข าพเจ า เปนแตเพียงผูบอกทางเทานั้น"
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๗๕
พ ราหม ณ ! ฉัน ใดก็ฉ ัน นั ้น แล, ที ่พ ระนิพ พ าน ก็ย ัง ตั ้ง อยู ทาง เปน เครื ่อ งถึง พระนิพ พาน ก็ย ัง คงตั ้ง อยู เราผู ช ัด ชวนก็ย ัง ตั ้ง อยู ; แตส าวก แม เ รากล า วสอนพร่ํ า สอนอยู อ ย า งนี้ น อ ยพวก ที่ ไ ด บ รรลุ นิ พ พานอั น เป น ผล สํ า เร็จ ถึง ที ่ส ุด อยา งยิ ่ง , บ างพ วกไมไ ดบ รรลุ. พ ราห ม ณ ! ใน เรื ่อ งนี ้ เรา จักทําอยางไรไดเลา, เพราะ เราเปนแตผูบอกทาง เทานั้น. - อุปริ. ม. ๑๔/๘๕-๘๗/๑๐๑-๑๐๓.
นิพพานของคนตาบอก (มิจฉาทิฏฐิ) "ข าแต พระโคดมผู เจริญ! น าอั ศจรรย จริงไม เคยมี มาแต ก อน คื อข อที่ พระสมณโคดมได กล าวคํ านี้ ว า 'ลาภทั้ งหลายมี ความไม มี โรคเป นอย างยิ่ ง, นิ พพาน เป น สุ ข อย างยิ่ ง' ดั งนี้ . ข าแต พ ระโคดมผู เจริ ญ ! ข า พเจ า ก็ ได เคยฟ งคํ ากล าวนี้ ของ ปริพพาชกผู เป นอาจารยแห งอาจารยในกาลกอน กล าวอยูวา 'ลาภทั้ งหลาย มี ความไม มี โรคเปนอยางยิ่ง, นิพพาน เปนสุขอยางยิ่ง' ดังนี้ดวยเหมือนกัน. ขาแตพระโคดม ผูเจริญ ! ขอนี้ชางตรงกันแท".
www.buddhadasa.info มาคั ณ ฑิ ย ะ! ข อ นี้ ท านฟ งมาแต ป ริ พ พาชกผู เป น อาจารย แ ห งอาจารย ในกาลกอน ที่กลาวอยูวา "ลาภทั้ งหลาย มีความไม มีโรคเป นอยางยิ่ง, นิ พพาน เปน สุข อยา งยิ ่ง " ดัง นี ้นั ้น อะไรเลา คือ ความไมม ีโ รคนั ้น อะไรเลา คือ นิพ พาน นั้น ?
เมื่ อพระผู มี พระภาคตรัสอย างนี้ แล ว มาคั ณฑิ ยปริพพาชก ได ลู บรางกายของตน ดวยฝามือ แลวรองขึ้นวา "ขาแตพระโคดมผูเจริญ! นี่ยังไงละ ความไมมีโรค ! นี่ยังไงละ นิพพาน ! พระโคดมผูเจริญ ! เวลานี้ ขาพเจาเปนสุข ไมมีโรค ไมมีอาพาธไร ๆ".
๔๗๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
มาคั ณ ฑิ ย ะ ! ข อ นี้ เ ปรี ย บเหมื อ นบุ รุ ษ ตาบอดมาแต กํ า เนิ ด เขาไม อาจเปน รูป ดํ า ขาว รูป เขีย ว รูป เหลือ ง รูป แดง รูป สีส ม ไมอ าจเห็น ที ่ข รุข ระ ไมอ าจเห็น ดวงดาว ดวงจัน ทร ดวงอาทิต ย. เขาไดย ิน คนตาดีก ลา วอยู ว า "ท า นผู เจริ ญ ! ผ า ขาวผ อ ง สะอาด ไม มี ม ลทิ น งามนั ก หนอ". บุ รุ ษ ตาบอดนั้ น ก็เ ที ่ย วแสวงหาผา ขาว. บุร ุษ คนหนึ ่ง ลวงเขาดว ยผา เกา เป อ นเขมา น้ํ า มัน วา "บุ รุ ษ ผู เจริ ญ ! นี้ ผ า ขาวผ อ ง สะอาด ไม มี ม ลทิ น งามนั ก สํ า หรับ ท า น". บุ รุ ษ ตาบอดนั้ น รั บ ผ านั้ น ไปห ม แล วเที่ ย วประกาศความพอใจของตนว า "ท านผู เจริ ญ ทั้ งหลายเอ ย! นี่ ผ าขาวผ อง สะอาด ไม มี มลทิ น งามนั กหนอ" ดั งนี้ . มาคั ณ ทิ ยะ ! ท า นจะสํ า คั ญ ความข อ นี้ ว า อย างไร : บุ รุ ษ ตาบอดแต กํ า เนิ ด นั้ น รู อ ยู เห็ น อยู แล ว รับ เอาผ าเก าเป อ นเขม าน้ํ ามั นไปห ม แล วเที่ ยวคุ ยอวดอยู ว า "ท านผู เจริ ญ ทั้ งหลาย เอย ! นี ่ ผา ขาวผอ ง สะอาด ไมม ีม ลทิน งามนัก หนอ" ดัง นี ้ห รือ ? หรือ วา เขากลาวเชนนั้นเพราะเชื่อคนตาดีที่ลวงเขา ? "ขาแตพระโคดมผูเจริญ ! เขากลาวเชนนั้น เพราะเชื่อคนตาดีที่ลวงเขาเทานั้น"
www.buddhadasa.info มาคั ณ ฑิ ย ะ ! ฉั น ใดก็ ฉั น นั้ น ที่ ป ริ พ พาชกเดี ย รถี ย เ หล า อื่ น เป น คน บอดไม มี จั ก ษุ ไม รู จั ก ความไม มี โรค ไม เห็ น นิ พ พาน ก็ ยั ง มากล า วคํ า นี้ ว า "ลาภ ทั้งหลาย มีความไมมีโรคเปนอยางยิ่ง, นิพพานเปนสุขอยางยิ่ง" ดังนี้. มาคัณ ฑิย ะ ! คาถานี ้ เปน คาถาที ่พ ระหัน ตส ัม ม าสัม พุท ธเจา ทั้งหลายกลาวกันแลวในกาลกอน วา :"จากทั้งหลาย มีความไมมีโรคเปนอยางยิ่ง, นิพพานเปนสุขอยางยิ่ง, อัฎฐังคิกมรรค เปนทางอันเกษมกวาทางทั้งหลาย ซึ่งเปนเครื่องใหถึง อมตะ"
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๗๗
ดั ง นี้ นั้ น บั ด นี้ ได ม ากลายเป น คาถาของบุ ถุ ช นกล า วไปเสี ย แล ว . มาคั ณ ฑิ ย ะ ! กายนี้ น ะหรื อ เป น โรค เป น หั ว ผี เป น ลู ก ศร เป น ความลํ า บาก เป น อาพาธ, ทา น ก็ม าก ลา วมัน วา เปน ค วาม ไมม ีโ รค เปน นิพ พ าน . ม าคัณ ฑ ิย ะ เอย ! อริยจักษุสําหรับจะรูจักความไมมีโรค จะเห็นนิพพาน ของทานไมมี. - ม. ม. ๑๓/๒๘๑-๒๘๓/๒๘๗-๒๘๘. ( ปริ พ พาชกผู นี้ สํ า คั ญ ตั ว เขาเองว า เป น ความไม มี โ รคเป น นิ พ พาน ดั ง นั้ น จึ ง ต อ ง เรีย กวา นิพ พานของคนตาบอด, เชน เดีย วกับ คนตาบอดในอุป มานี ้ สํ า คัญ ผา สกปรกวา เปน ผาขาว ).
ไมนิพพานเพราะยึดถือธรรมที่ไดบรรลุ "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! ภิ กษุ ในธรรมวิ นั ยนี้ เป นผู ปฏิ บั ติ (ในปฏิ ปทาอั น เป นที่ สบายแก เนวสั ญญานาสั ญญายตนะ) อย างนั้ นแล ว ย อมได เฉพาะซึ่ งอุ เบกขาว า 'ถ าไม ควรมี และไม พึ งมี แก เรา, ก็ ต องไม มี แก เรา; สิ่ งใดมี อยู สิ่ งใดมี แล ว เราจะละสิ่ งนั้ น เสี ย' ดั งนี้ . ข าแต พ ระองค ผู เจริ ญ ! ภิ กษุ นั้ นควรจะปริ นิ พ พานหรื อ ? หรื อว าไม ค วร จะปรินิพพานเลา? พระเจาขา !.
www.buddhadasa.info อานน ท ! ภิก ษ ุใ นกรณ ีเ ชน ที ่ก ลา วนี ้ บ างรูป จะป ริน ิพ พ าน , แต บางรูปจะไมปรินิพพาน.
"ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! อะไรเป นเหตุ เป นป จจั ย ที่ ภิ กษุ ในกรณี เช นที่ กล าวนี้ บางรูปจะปรินิพพาน แตบางรูปจะไมปรินิพพาน เลา ? พระเจาขา !"
๔๗๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
อานนท ! ภิก ษุใ นธรรมวิน ัย นี ้ เปน ผู ป ฏิบ ัต ิ (ในปฏิป ทาอัน เปน ที่ ส บายแก เนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนะ) อย างนั้ น แล ว ย อ มได เฉพาะซึ่ งอุ เบกขาว า "ถา ไมค วรมี และไมพ ึง มีแ กเ รา, ก็ต อ งไมม ีแ กเ รา; สิ ่ง ใดมีอ ยู , สิ ่ง ใดมีแ ลว เรา จ ะ ล ะ สิ ่ง นั ้น เส ีย " ด ัง นี ้; ภ ิก ษ ุ (บ า งรูป ) นั ้น ย อ ม เพ ล ิด เพ ล ิน พ ร่ํ า ส รรเส ริญ เม าห ม ก อ ยู ซึ ่ง อุเ บ ก ขานั ้น . เมื ่อ เพ ลิด เพ ลิน พ ร่ํ า ส รรเส ริญ เมาหมกอยู ซึ่ ง อุ เ บกขานั้ น , วิ ญ ญ าณ ของเธอ ก็ เ ป น ธรรมชาติ อ าศั ย อยู ซึ่ ง อุเ บกขานั ้น มีอ ุเ บกขานั ้น เปน อุป าทาน. อานนท! ภิก ษุผู ย ัง มีอ ุป าทานอยู จะปรินิพพานไมได แล. - อุปริ. ม. ๑๔/๗๘/๘๙-๙๐.
การทํารถใหแลนไปไดถึงนิพพาน "สรี ร ยนต มี สี่ ล อ , มี ป ระตู เก า ประตู , เต็ ม ไปด ว ยของไม สะอาด ประกอบด วยโลภะเกิ ด แล วในเป อ กตม. ข าแต พ ระองค ม หาวีระ ! ทําอยางไร, จักถึงฝงโนนได ?"
www.buddhadasa.info ตัดความผูกโกรธดังเชือกหนังที่รึงรัดเสีย, ตัดทิฏฐิดังเชือกที่ ผูกลามเสีย, ตัดความอยากและความโลภอันลามกเสียแลว, ถอน ตัณหาพรอมทั้งราก (อวิชชา) เสีย, สรีรยนตก็จะแลนไปถึงฝงโนน ดวยการทําอยางนี้ แล.
- สคา. สํ. ๑๕/๒๓/๗๔-๗๕.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๗๙
ถายังมีเชื้อก็ยังไมปรินิพพาน "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! อะไรเป นเหตุ เป นป จจั ยเล า ที่ สั ตว ทั้ งหลายบางเหล า ในโลกนี้ ยั งไม ปริ นิ พ พาน ในป จจุ บั นนี้ ? ข าแต พ ระองค ผู เจริ ญ ! อะไรเป นเหตุ เป น ปจจัยเลา ที่สัตวทั้งหลายบางเหลาในโลกนี้ ปรินิพพานในปจจุบันนี้ ? พระเจาขา !" คฤหบดี ! รู ป ทั้ งหลาย ที่ เห็ น ด วยตาก็ ดี , เสี ย งทั้ งหลาย ที่ ฟ งด วยหู ก็ ดี กลิ ่น ทั ้ง หลาย ที ่ด มดว ยจมูก ก็ด ี, รสทั ้ง หลาย ที ่ลิ ้ม ดว ยลิ ้น ก็ด ี, โผฏฐัพ พะ ทั ้ง หลาย ที ่ส ัม ผัส ดว ยกายก็ด ี, และธรรมารมณ ทั ้ง หลาย ที ่รู แ จง ดว ยใจก็ด ี ; อั น เป น สิ่ ง ที่ น า ปรารถนา น า รั ก ใคร น า พอใจ ที่ ย วนตายวนใจให รั ก เป น ที่ เ ข า ไปตั้ ง อาศั ย อยู แ ห ง ความใคร เป น ที่ ตั้ ง แห ง ความกํ า หนั ด ย อ มใจ มี อ ยู . และ ภิ ก ษุ ก็ เ พลิ ด เพลิ น พร่ํ า สรรเสริ ญ เมาหมกอยู ซึ่ ง อารมณ มี รู ป เป น ต น นั้ น . เมื่ อ เพลิ ด เพลิ น พร่ํ า สรรเสริ ญ เมาหมกอยู ซึ่ ง อารมณ มี รู ป เป น ต น นั้ น วิ ญ ญ าณ ของภิกษุนั้น ก็อาศัยซึ่งอารมณมีรูปเปนตนนั้นอยู มีสิ่งนั้นแหละเปนอุปาทาน.
www.buddhadasa.info คฤหบดี ! ภิกษุผูยังมีอุปาทานอยู ยอมไมปรินิพพาน.
คฤหบดี ! นี่ แ ลเป น เหตุ เป น ป จ จั ย ที่ สั ต ว ทั้ ง หลายบางเหล า ในโลกนี้ ยอมไมปรินิพพาน ในปจจุบันนี้.
- สฬา. สํ. ๑๘/๑๓๗/๑๙๑.
ถาหมดเชื้อก็ปรินิพพาน คฤหบดี ! รู ป ทั้ ง หลาย ที่ เ ห็ น ด ว ยตาก็ ดี , เสี ย งทั้ ง หลาย ที่ ฟ ง ด ว ย หูก็ดี, กลิ่นทั้งหลาย ที่ดมดวยจมูกก็ดี, รสทั้งหลาย ที่ลิ้มดวยลิ้นก็ดี.
๔๘๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
โผฏฐั พ พะทั้ งหลาย ที่ สั ม ผั ส ด วยกายก็ ดี และธรรมารมณ ทั้ งหลาย ที่ รู แจ งด วยใจ ก็ด ี ; อัน เปน สิ ่ง ที ่น า ปรารถนา นา รัก ใคร นา พอใจ ที ่ย วนตายวนใจใหร ัก เป น ที เข า ไปตั้ ง อาศั ย อยู แ ห ง ความใคร เป น ที่ ตั้ ง แห ง ความกํ า หนั ด ย อ มใจ มี อ ยู ; และภิ ก ษุ ก็ ไม เป น ผู เพลิ ด เพลิ น ไม พ ร่ํ า สรรเสริ ญ ไม เมาหมกอยู ซึ่ ง อารมณ มี รู ป เปน ตน นั ้น , เมื ่อ ไมเ พลิด เพลิน ไมพ ร่ํ า สรรเสริญ ไมเ มาหมกอยู ซึ ่ง อารมณ มี รู ป เป น ต น นั้ น วิ ญ ญาณของภิ ก ษุ นั้ น ก็ ไ ม อ าศั ย ซึ่ ง อารมณ มี รู ป เป น ต น นั้ น ไม มีสิ่งนั้น ๆ เปนอุปาทาน. คฤหบดี ! ภิกษุผูหมดอุปาทาน ยอมปรินิพพาน. คฤหบดี ! นี ่แ ล เปน เหตุเ ปน ปจ จัย (ซึ ่ง ดว ยความหมดอุป าทาน นั่นแหละ) ที่สัตวทั้งหลายบางเหลาในโลกนี้ ยอมจักปรินิพพานในปจจุบันนี้ แล. - สฬา. สํ. ๑๘/๑๓๘/๑๙๒.
ภิ ก ษุ ท.! ถ า ภิ ก ษุ เป น ผู ห ลุ ด พ น แล ว ไม ถื อ มั่ น ด ว ยอุ ป าทาน ; เพราะความหนา ย เพราะคลายกํ า หนัด เพราะความดับ เย็น แลว ที ่ต า, ที ่ห ู, ที ่จ มูก , ที ่ลิ ้น , ที ่ก าย , ที ่ใ จ; ก็เ ปน การส ม ค วรที ่จ ะกลา ววา ภิก ษุ เปน ผู ถึงแลวซึ่ง นิพพานในทิฏฐธรรมนี้ นั่นแล.
www.buddhadasa.info - สฬา. สํ. ๑๘/๑๗๗/๒๔๔.
นิพพานที่เห็นไดเอง (เมื่อบุคคลนั้นรูสึกตอความสิ้นราคะ-โทสะ-โมหะ) "ข าแต พระโคดมผู เจริ ญ ! คํ าที่ พระโคดมกล าวว า "นิ พพานที่ เห็ นได เอง นิพพานที่เห็นไดเอง" ดังนี้. ขาแตพระโคดมผูเจริญ ! นิพพานที่เห็นไดเอง ไมประกอบ
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๘๑
ด วยกาล, เป นสิ่ งที่ กล าวกั บผู อื่ นวาท านจงมาดู เถิ ด เป นสิ่ งที่ ควรน อมเข ามาใส ใจ เป น สิ่งที่ผูรูไดเฉพาะตน นั้นมีไดดวยเหตุเพียงเทาไรเลา พระเจาขา !" พ ราหม ณ ! บุค คลผู กํ า หนัด แลว อัน ราคะครอบงํ า แลว , มีจ ิต อัน ราคะรึง รัด แลว ยอ มคิด เพื ่อ เบีย ดเบีย นตนเองบา ง ยอ มคิด เพื ่อ เบีย ดเบีย น ผู อื่ น บ าง ย อ มคิ ด เพื่ อ เบี ย ดเบี ย นทั้ งตนเองและผู อื่ น ทั้ งสองบ าง, ย อ มเสวยเฉพาะ ซึ่ งทุ กขโทมนั ส อั น เป น ไปทางจิ ต บ าง. เมื่ อ ละราคะได แ ล ว , เขาย อ มไม คิ ดแม เพื่ อ เบี ยดเบี ยนตนเอง ย อมไม คิ ดแม เพื่ อเบี ยดเบี ยนผู อื่ น ย อมไม คิ ดแม เพื่ อเบี ยดเบี ยน ตนเองและผู อื ่น ทั ้ง สองอยา ง, และยอ มไมเ สวยเฉพาะ ซึ ่ง ทุก ขโทมนัส อัน เปน ไปทางจิต โดยแท. พราหมณ ! นิพ พานที ่เ ห็น ไดเ อง ไมป ระกอบดว ยกาล เป น สิ่ ง ที่ ค วรกล า วกะผู อื่ น ว า ท า นจงมาดู เถิ ด เป น สิ่ ง ที่ ค วรน อ มเข า มาใส ใ จ เป น สิ่งที่ผูรูก็รูไดเฉพาะตน ยอมมีได แมดวยอาการอยางนี้แล. พราหมณ ! บุค คลผู เ กิด โทสะแลว , อัน โทสะครอบงํ า แลว มีจ ิต อั น โทสะรึ ง รั ด แล ว ย อ มคิ ด แม เพื่ อ เบี ย ดเบี ย นตนเองบ า ง ย อ มคิ ด แม เพื่ อ เบี ย ดเบี ย นผู อื่ น บ า ง ย อ มคิ ด แม เพื่ อ เบี ย ดเบี ย นทั้ ง ตนเองและผู อื่ น ทั้ ง สองบ า ง, ย อ ม เสวยเฉพาะซึ ่ง ทุก ขโทมนัส อัน เปน ไปทางจิต บา ง. เมื ่อ ละโทสะไดแ ลว , เขา ย อ มไม คิ ด แม เพื่ อ เบี ย ดเบี ย นตนเอง ย อ มไม คิ ด แม เพื่ อ เบี ยดเบี ยนผู อื่ น ย อ มไม คิ ด แม เพื่ อ เบี ย ดเบี ย นตนเองและผู อื่ น ทั้ ง สองอย า ง, และย อ มไม เสวยเฉพาะซึ่ งทุ ก ขโทมนั ส อั น เป น ไปทางจิ ต โดยแท . พราหมณ ! นิ พ พานที่ เห็ น ได เอง ไม ป ระกอบ ด ว ยกาล เป น สิ่ ง ที่ ค วรกล า วกะผู อื่ น ว า ท า นจงมาดู เถิ ด เป น สิ่ ง ที่ ค วรน อ มเข า มา ใสใจ เปนสิ่งที่ผูรูก็รูไดเฉพาะตน ยอมมีได แมดวยอาการอยางนี้แล.
www.buddhadasa.info
๔๘๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
พราหมณ ! บุ ค คลผู มี โ มหะแล ว , อั น โมหะครอบงํ า แล ว มี จิ ต อั น โมหะรึ ง รั ด แล ว ย อ มคิ ด แม เพื่ อ เบี ย ดเบี ย นตนเองบ า ง, ย อ มคิ ด แม เพื่ อ เบี ย ดเบี ย นผู อื่ น บ า ง, ย อ มคิ ด แม เพื่ อ เบี ย ดเบี ย นทั้ ง ตนเองและผู อื่ น บ า ง, ย อ มเสวย เฉพาะซึ่ง ทุก ขโทมนัส อัน เปน ไปทางจิต บา ง. เมื ่อ ละโมหะไดแ ลว , ยอ มไมค ิด แม เพื่ อ เบี ย ดเบี ย นตนเอง ย อ มไม คิ ด แม เพื่ อ เบี ย ดเบี ย นผู อื่ น ย อ มไม คิ ด แม เพื่ อ เบี ย ดเบี ย นตนเองและผู อื่ น ทั้ งสองอย า ง, และย อ มไม เสวยเฉพาะซึ่ ง ทุ ก ขโทมนั ส อัน เปน ไปในทางจิต โดยแท. พราหมณ! นิพ พานที ่เ ห็น ไดเ อง ไมป ระกอบ ดว ยกาล เปน สิ ่ง ที ่ค วรกลา วกะผู อื ่น วา ทา นจงมาดูเ ถิด เปน สิ ่ง ที ่ค วรนอ มเขา มาใสใจ เปนสิ่งที่ผูรูก็รูไดเฉพาะตน ยอมมีได แมดวยอาการอยางนี้แล. พราหมณ ! เมื่อไดแล, ผูนี้ ยอมเสวยเฉพาะ ซึ่งความสิ้น ไปแห ง ราคะ อันหาเศษเหลือมิได, ยอมเสวยเฉพาะซึ่งความสิ้นไปแหงโทสะ อันหา เศษเหลือมิได, ยอมเสวยเฉพาะซึ่งความสิ้นไปแหงโมหะ อันหาเศษเหลือมิได ; พราหมณเอย! เมื่อนั้น, นิพพานที่เห็นไดเอง ไมประกอบดวยกาล เปนสิ่งที่ ควรกลาวกะผูอื่นวาทานจงมาดูเถิด เปนสิ่งที่ควรนอมเขามาใสใจ เปนสิ่งที่ผูรู ก็รูไดเฉพาะตน ยอมมีได ดวยอาการอยางนี้แล.
www.buddhadasa.info - ติก. อํ. ๒๐/๒๐๒/๔๙๕.
นิพพานที่เห็นไดเอง ตามคําของพระอานนท
"อาวุโส ! มีคํากลาวกันอยูวา 'สันทิฏฐิกนิพพาน สันทิฏฐิกนิพพาน' ดังนี้. อาวุโส! สันทิฏฐิกนิพพานนี้ พระผูมีพระภาคตรัสไว ดวยเหตุมีประมาณเทาไรหนอแล ?" (พระอุทายีถามพระอานนท, พระอานนทเปนผูตอบ).
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๘๓
อาวุโส ! ภิกษุ ในกรณี นี้ สงัดแลวจากกาม สงัดแลวจากอกุศลธรรม เข า ถึ ง ปฐมฌาน อั น มี วิ ต กวิ จ าร มี ป ติ แ ละสุ ข อั น เกิ ด จากวิ เวก แล ว แลอยู อาวุโ ส ! สัน ทิฏ ฐิก นิพ พาน อัน พระผู ม ีพ ระภาคตรัส ไว ดว ยเหตุม ีป ระมาณ เทานี้แล เมื่อกลาว โดยปริยาย. (ผู ศึ ก ษาพึ ง สั ง เกตให เห็ น ว า คํ า ว า สั น ทิ ฏ ฐิ ก นิ พ พาน ในที่ นี่ ต อ งหมายถึ ง ความสุ ข อั น เป น ผลจากปฐมฌ านที่ บุ ค คลนั้ น รู สึ ก เสวยอยู นั่ น เอง, เป น เครื่ อ งแสดงให เ ห็ น ว า ความสุ ข อั น เกิ ด จากเนกขั ม มะ โดยเฉพาะคื อ ฌ านทุ ก ระดั บ มี ชื่ อ เรี ย กว า นิ พ พานได , ไม จํ า เป น จะต อ ง หมายถึ ง อนุ ป าทิ เสสนิ พ พานอย า งเดี ย วเท า นั้ น . จะยุ ติ เป น อย า งไร ขอให นั ก ศึ ก ษาพิ จ ารณาดู เอา เองเถิด. ในกรณี แหงทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน อากาสานั ญจายตนะ วิญญาณั ญจายตนะ อากิ ญ จั ญ ญายตนะ และ เนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนะ มี ข อความที่ กล าวไว โดยทํ านองเดี ยวกั น กั บ ข อ ความในกรณี แห ง ปฐมฌ าน ทุ ก ประการ และในฐานะเป น สั น ทิ ฏ ฐิ ก นิ พ พาน โดยปริ ย าย. ส ว นสั ญ ญาเวทยิ ต นิ โรธซึ่ งมี ก ารสิ้ น อาสวะนั้ น กล า วไว ในฐานะเป น สั น ทิ ฏ ฐิ ก นิ พ พานโดยนิ ป ปริ ย าย ดวยขอความดังตอไปนี้:-)
อาวุ โ ส ! นั ย อื่ น อี ก มี อ ยู : ภิ ก ษุ ก า วล ว งเสี ย ซึ่ ง เนวสั ญ ญานาสัญ ญายตนะโดยประการทั้ งปวง เขาถึงสัญ ญาเวทยิต นิ โรธ แลวแลอยู. อนึ่ ง เพราะเห็น ดว ยปญ ญา อาสวะทั ้ง หลายของเธอนั ้น ก็สิ ้น ไปรอบ. อาวุโ ส ! สันทิฏฐิกนิพพาน อันพระผูมีพระภาคตรัสไว ดวยเหตุมีประมาณเทานี้แล เมื่อ กลาวโดยนิปปริยาย.
www.buddhadasa.info - นวก. อํ. ๒๓/๔๗๕/๒๕๑.
๔๘๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
หมด "อาหาร" ก็นิพพาน ภิ ก ษุ ท.! ถ า ไม มี ร าคะ ไม มี นั น ทิ ไม มี ตั ณ หา ใน อาหารคื อ คํ า ข า ว ก็ ดี ใน อาหารคื อ ผั ส สะก็ ดี ใน อาหารคื อ มโนสั ญ เจตนา ก็ ดี ใน อาหารคื อ วิ ญ ญาณ ก็ ดี แล ว ไซร , วิ ญ ญาณก็ เป น สิ่ ง ที่ ตั้ ง อยู ไ ม ไ ด เจริ ญ งอกงามอยู ไ ม ไ ด ใน สิ ่ง นั ้น ๆ . วิญ ญ า ณ ตั ้ง อ ยู ไ มไ ด เจ ริญ งอ ก งา ม อ ยู ไ มไ ด ใน ที ่ใ ด . ก า ร ก า วลงแห ง นามรู ป ย อ มไม มี ในที่ นั้ น ; การก า วลงแห ง นามรู ป ไม มี ใ นที่ ใ ด, ความเจริญ แหง สัง ขารทั ้ง หลาย ยอ มไมม ีใ นที ่นั ้น ; ความเจริญ แหง สัง ขาร ทั้ ง หลาย ไม มี ใ นที่ ใ ด, การบั ง เกิ ด ในภพใหม ต อ ไป ย อ มไม มี ใ นที่ นั้ น ; การ บัง เกิด ในภพใหมต อ ไป ไมม ีใ นที ่ใ ด, ชาติช ราและมรณ ะตอ ไป ยอ มไมม ีใ น ที ่นั ้น ; ช า ติช รา แ ล ะ ม รณ ะ ตอ ไป ไมม ีใ น ที ่ใ ด , ภิก ษ ุ ท .! เรา เรีย ก "ที ่" นั้นวาเปน "ที่ไมโศก ไมมีธุลี และไมมีความคับแคน" ดังนี้. ภิ ก ษุ ท.! เปรี ย บเหมื อ นเรื อ นยอด หรื อ ศาลาเรื อ นยอด ที่ ตั้ ง อยู ทางทิ ศ เหนื อ หรื อ ใต ก็ ต าม เป น เรื อ นมี ห น า ต า งทางทิ ศ ตะวั น ออก. ครั้ น ดวง อาทิ ต ย ขึ้ น มา แสงสว า งแห ง ดวงอาทิ ต ย ส ง เข า ไปทางช อ งหน า ต า งแล ว จั ก ตั้ ง อยู ที่สวนไหนแหงเรือนนั่นเลา ?
www.buddhadasa.info ข าแต พ ระองค ผู เจริ ญ ! แสงสว างแห งดวงอาทิ ต ย จั กปรากฏที่ ฝาเรื อ น ขางในดานทิศตะวันตก พระเจาขา!"
ภิ ก ษุ ท.! ถ า ฝาเรื อ นทางทิ ศ ตะวั น ตกไม มี เล า แสงแห ง ดวงอาทิ ต ย นั้นจักปรากฏอยูที่ไหน ? "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! แสงสว างแห งดวงอาทิ ตย นั้ น จั กปรากฏที่ พื้ นดิ น พระเจาขา !"
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๘๕
ภิ ก ษุ ท .! ถ าพื้ น ดิ น ไม มี เล า แส งส ว า งแห งด วงอ าทิ ต ย นั้ น จั ก ปรากฏที่ไหน ? "ข าแต พ ระองค ผู เจริ ญ ! แสงสว างแห งดวงอาทิ ต ย นั้ น จั ก ปรากฏในน้ํ า พระเจาขา !" ภ ิก ษ ุ ท .! ถ า น้ํ า ไม ม ีเ ล า แ ส ง ส ว า ง แ ห ง ด ว ง อ า ท ิต ย นั ้น จ ัก ปรากฏที่ไหนอีก ? "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! แสงสว างแห งดวงอาทิ ตย นั้ น ย อมเป นสิ่ งที่ ไม ปรากฏ แลวพระเจาขา !" ภ ิก ษ ุ ท .! ฉ ัน ใด ก ็ฉ ัน นั ้น แ ล : ถ า ไม ม ีร า ค ะ ไม ม ีน ัน ท ิ ไม มี ตั ณ หา ในอาหารคื อ คํ าข าวก็ ดี ในอาหารคื อ ผั ส สะก็ ดี ในอาหารคื อ มโนสั ญ เจตนา ก็ ดี ในอาหารคื อ วิ ญ ญาณก็ ดี แล ว ไซร , วิ ญ ญาณก็ เ ป น สิ่ ง ที่ ตั้ ง อยู ไ ม ไ ด เจริ ญ งอกงาม อยู ไ มไ ด ใน อาหารคือ คํ า ขา ว เปน ตน นั ้น ๆ. วิญ ญ าณ ตั ้ง อยู ไ มไ ด เจริญ งอกงามอยู ไ มไ ด ในที ่ใ ด, การกา วลงแหง นามรูป ยอ มไมม ีใ นที ่นั ้น ; การก า วลงแห ง นามรู ป ไม มี ใ นที่ ใ ด, ความเจริ ญ แห ง สั ง ขารทั้ ง หลายย อ มไม มี ใ น ที ่นั ้น ; ความเจริญ แหง สัง ขารทั ้ง หลายไมม ีใ นที ่ใ ด, การบัง เกิด ในภพใหม ตอ ไป ยอ ม ไมม ีใ น ที ่นั ้น ; การบัง เกิด ใน ภ พ ให มต อ ไป ไมม ีใ น ที ่ใ ด , ชาติ ชราและมรณ ะต อ ไป ย อ มไม มี ใ นที่ นั้ น ; ชาติ ช รามรณ ะต อ ไป ไม มี ใ นที่ ใ ด, ภ ิก ษ ุ ท .! เร า เรีย ก "ที ่" นั ้น วา เป น "ที ่ไ มโ ศ ก ไม ม ีธ ุล ี แ ล ะ ไม ม ีค ว า ม คับแคน" ดังนี้.
www.buddhadasa.info - นิทาน. สํ. ๑๖/๑๒๔-๑๒๕/๒๔๘-๒๔๙.
๔๘๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
อาสวักขยญาณเปนเครื่องใหพนจากอาสวะ พ ราห ม ณ ! ภิ กษุ นั้ น ครั้ น จิ ต ตั้ ง มั่ น บ ริ สุ ท ธิ์ ผ อ งใส ไม มี กิ เ ล ส ปราศจากอุ ป กิ เลส เป น ธรรมชาติ อ อ นโยนควรแก ก ารงาน ถึ ง ความไม ห วั่ น ไหว ตั้งอยูเชนนี้แลว ก็นอมจิตไปเฉพาะตอ อาสวักขยญาณ : เธอนั้น ยอมรูชัดตามเปน จริงวา "นี่ ทุกข, นี่ เหตุแห งทุกข, นี่ ความดับไมเหลือแหงทุกข, นี่ ทางใหถึงความดับไมเหลือแหงทุกข" ; และรูชัด ตามเปน จริงวา "เหลา นี ้ เปน อาสวะ, นี ้ เหตุแ หงอาสวะ, นี ้ ความดับ ไมเหลือแหงอาสวะ, นี้ เปนทางใหถึงความดับไมเหลือแหงอาสวะ" เมื่อเธอรู อยูอยางนี้ เห็นอยูอยางนี้ จิตก็พ นจากกามาสวะ ภวาสวะ และอวิชชาสวะ ครั้นจิตพนวิเศษแลวก็เกิดญาณหยั่งรูวา จิตพนแลว. เธอยอมรูชัดวา "ชาติ สิ้นแลว พรหมจรรยอยูจบแลว กิจที่ตองทําไดทําสําเร็จแลว กิจอื่นที่จะตองทํา เพื่อความ (หลุดพน) เปนอยางนี้ มิไดมีอีก". พราหมณ ! วิ ช ชาที่ ส ามนี้ เป น ธรรมที่ ภิ ก ษุ นั้ น บรรลุ แ ล ว อวิ ช ชา ถู ก ทํ า ลายแล ว วิ ช ชาเกิ ด ขึ้ น แล ว ความมื ด ถู ก ทํ า ลายแล ว ความสว า งเกิ ด แทน แล ว , ตามที่ มั น จะเกิ ด แก บุ ค คลผู ไ ม ป ระมาท มี เ พี ย รเผาบาป มี ต นส ง ไปแล ว แลอยู.
www.buddhadasa.info - ติก. อํ. ๒๐/๒๑๐/๔๙๘
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๘๗
ปริญญาที่แทจริง ภิกษุ ท.! ปริญญา (ความรอบรู) เปนอยางไรเลา ? ภิ ก ษุ ท.! ความสิ้ น ราคะ ความสิ้ น โทสะ ความสิ้ น โมหะ, อั น ใด ; ภิก ษุ ท.! อัน นั ้น แหละเราเรีย กวา ปริญ ญา (ที ่เ กิด ขึ ้น ในขณะแหง การบรรลุน ิพ พาน ซึ่งจัดวาเปนความรูอันแทจริง) แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๓/๕๕.
วิโมข ๒ ระดับ : สมยวิโมกข - อสมยวิโมกข ก. สมยวิโมกข
ภิ ก ษุ ท.! ในกรณี นี้ กุ ล บุ ต รบางคน มี ศ รั ท ธา ออกบวชจากเรื อ น ไม เกี่ ย วข อ งด ว ยเรื อ น เพราะคิ ด เห็ น ว า "เราถู ก ความเกิ ด ความแก ความตาย ความโศก ความร่ํ าไรรํ าพั น ความทุ กข กาย ความทุ กข ใจ ความคั บแค นใจ ครอบงํ า เอาแล ว เป น คนตกอยู ใ นกองทุ ก ข มี ทุ ก ข อ ยู เ ฉพาะหน า แล ว ทํ า ไฉนการทํ า ที่ สุ ด แห ง กองทุ ก ข ทั้ ง สิ้ น นี้ จะปรากฏมี ไ ด " ดั ง นี้ . ครั้ น บวชแล ว เธอสามารถทํ า ลาภสัก การะและเสีย งเยิน ยอใหเ กิด ขึ ้น ได, เธอไมม ีใ จยิน ดีใ นลาภสัก การะ และเสี ย งเยิ น ยอฉั น นั้ น , ไม มี ค วามดํ า ริ เต็ ม รอบแล ว ในลาภสั ก การะและเสี ย ง เยิน ยออัน นั ้น , เธอไมท ะนงตัว เพราะลาภสัก การะและเสีย งเยิน ยออัน นั ้น , เธอไม เมาไม มั ว เมาในลาภสั ก การและเสี ย งเยิ น ยออั น นั้ น , ไม ถึ ง ความประมาท ในลาภสั ก การะและเสี ย งเยิ น ยออั น นั้ น ; เมื่ อ ไม ป ระมาทแล ว เธอให ค วามถึ ง พรอ มดว ยศีล เกิด ขึ ้น ได, เธอมีใ จยิน ดีใ นความถึง พรอ มดว ยศีล อัน นั ้น , แต ไมมีความดําริเต็มรอบแลวในความถึงพรอมดวยศีลอันนั้น" เธอไมทะนงตัว
www.buddhadasa.info
๔๘๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
เพราะความถึ งพร อ มด ว ยศี ล อั น นั้ น , เธอไม เมาไม มั ว เมาในความถึ งพร อ มด ว ยศี ล อั น นั้ น , ไม ถึ ง ความประมาทในความถึ ง พร อ มด ว ยศี ล อั น นั้ น ; เมื่ อ ไม ป ระมาท แลว เธอให ความถึ งพรอ มด วยสมาธิเกิ ด ขึ้น ได , เธอมี ใจยินดีในความถึงพรอ ม ดว ยสมาธิอ ัน นั ้น , แตไ มม ีค วามดํ า ริเ ต็ม รอบแลว ในความถึง พรอ มดว ยสมาธิ อัน นั ้น , เธอไมท ะนงตัว เพราะความถึง พรอ มดว ยสมาธิอ ัน นั ้น , เธอไมเ มา ไม มั ว เมาในความถึ ง พร อ มด ว ยสมาธิ อั น นั้ น , ไม ถึ ง ความประมาทในความถึ ง พร อ มด ว ยสมาธิ อั น นั้ น ; เมื่ อ ไม ป ระมาทแล ว เธอให ญ าณทั ส สนะ (ป ญ ญา เครื ่ อ งรู เ ห็ น ) เกิ ด ขึ ้ น ได อ ี ก , เธอมี ใ จยิ น ดี ใ นญ าณ ทั ส สนะอั น นั ้ น , แต ไม มี ค วามดํ า ริ เต็ ม รอบแล ว ในญาณทั ส สนะอั น นั้ น , เธอไม ท ะนงตั ว เพราะญาณทั ส ส น ะอั น นั้ น , เธอ ไม เม าไม มั วเม าใน ญ าณ ทั ส ส น ะอั น นั้ น , ไม ถึ ง ค วาม ประมาทในญ าณ ทั ส สนะอั น นั้ น , เมื่ อ ไม ป ระมาทแล ว เธอให สมยวิ โ มกข (ความพนพิเศษโดยสมัย) เกิดขึ้นไดอีก. ภิ ก ษุ ท.! ข อ นี้ ย อ มเป น ไปได คื อ ข อ ที่ ภิ ก ษุ นั้ น จะพึ ง เสื่ อ มคลาย จาก สมยวิมุตติ อันนั้นก็ได.
www.buddhadasa.info ข. อสมยวิโมกข
ภิ ก ษุ ท.! เปรี ย บเหมื อ นบุ รุ ษ ผู ต อ งการด ว ยแก น ไม เสาะหาแก น ไม เที่ ย วค น หาแก น ไม จนถึ ง ต น ไม ใ หญ มี แ ก น แล ว ตั ด เอาแก น ถื อ ไปด ว ยมั่ น ใจว า "นี ่ เปน แกน แท" ดัง นี ้. บุร ุษ มีต าดี เห็น คนนั ้น เขา แลว ก็ก ลา ววา "ผู เ จริญ ค น นี ้ ชา ง รู จ ัก แ กน , รู จ ัก ก ระ พี ้, รู จ ัก เป ลือ ก ส ด , รู จ ัก ส ะ เก็ด แ หง ต า ม ผิ ว เปลื อ ก, รู จั ก ใบอ อ นที่ ป ลายกิ่ ง . จริ ง ดั ง ว า ผู เ จริ ญ คนนี้ ต อ งการแก น ไม เสาะหาแกนไม เที่ยวคนหาแกนไม จนถึงตนไมใหญแกนแลว ก็ตัดเอง
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๘๙
แกน แทถ ือ ไปดว ยมั ่น ใจวา 'นี ้ แกน แท' ดัง นี ้; สิ ่ง ที ่เ ขาจะตอ งทํ า ดว ยแกน ไม จักสําเร็จประโยชนเปนแท" ดังนี้, นี้ฉันใด ; ภิก ษุ ท.! ขอ นี ้ก ็ฉ ัน นั ้น กลา วคือ กุล บุต รบางคนในกรณ ีนี ้ เปน ผู มี ศ รั ท ธา ออกบวชจากเรื อ น ไม เ กี่ ย วข อ งด ว ยเรื อ น เพราะคิ ด เห็ น ว า "เราถู ก ความเกิด ความแก ความตาย ....(ขอ ความตอ ไป เหมือ นกับ ขอ ความตอนตน ของ ตอนสมยวิ โ มกข จนถึ ง ข อ ความที่ ว า ) .... เธอไม ท ะนงตั ว เพราะญาณทั ส สนะอั น นั้ น , เธอไม เมาไม มั ว เมาในญาณทั ส สนะอั น นั้ น , ไม ถึ ง ความประมาทในญาณทั ส สนะ อันนั้น; เมื่อไมประมาทแลว เธอให อสมยวิโมกขเกิดขึ้นได. ภ ิก ษ ุ ท .! ขอ นี ้ย อ ม เป น ไป ไม ไ ด ไมใ ชโ อ ก า ส ที ่จ ะ เป น ได ค ือ ขอที่ภิกษุนั้น จะพึงเสื่อมคลายจาก อสมยวิมุตติ (ความหลุดพนที่ไมมีสมัย) อันนั้นเลย. ภิ ก ษุ ท.! พรหมจรรย นี้ มิ ใ ช มี ล าภสั ก การะแลเสี ย งเยิ น ยอเป น อานิสงส, พรหมจรรยนี้ มิใชมีความถึงพรอมดวยศีลเปนอานิสงส, พรหมจรรย นี้ มิใชมีความถึงพรอมดวยสมาธิเป นอานิสงส, พรหมจรรยนี้ มิใชมี ความถึง พรอมดวยญาณทัสสนะเปนอานิสงส.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! ก็ เจโตวิม ุต ติ ที ่ไ มกํ า เริบ อัน ใด มีอ ยู , พรหมจรรยนี้ มีเจโตวิมุตตินั่นแหละเปนประโยชนที่มุงหมาย มีเจโตวิมุตตินั่นแหละเปนแกนสาร มีเจโตวิมุตตินั่นแหละ เปนผลสุดทายของพรหมจรรย แล.
- มู. ม. ๑๒/๓๗๐-๓๗๓/๓๕๑-๓๕๒
๔๙๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ธรรมที่สมควรแกการหลุดพนจากทุกข ภิก ษ ุ ท .! ธ รรม นี ้ เปน ธ รรม ที ่ส ม ค วรแ กภ ิก ษ ุ ผู ป ฏ ิบ ัต ิธ รรม สมควรแกธ รรม ธรรมนั ้น คือ ขอ ที ่ภ ิก ษุ เปน ผู มากอยู ด ว ยความรูส ึก เบื ่อ หนา ย ในรู ป , เป น ผู ม ากอยู ด ว ยความรู สึ ก เบื่ อ หน า ย ในเวทนา, เป น ผู ม ากอยู ด ว ย ความรูสึ ก เบื่ อ หน ายในสั ญ ญา, เป น ผู ม ากอยู ด วยความรู สึ ก เบื่ อ หน ายในสั งขาร, เป น ผู ม ากอยู ด ว ยความรู สึ ก เบื่ อ หน า ย ในวิ ญ ญาณ; ภิ ก ษุ นั้ น เมื่ อ เป น ผู ม ากอยู ด วยความรู สึ ก เบื่ อ หน ายในรู ป ในเวทนา ในสั ญ ญา ในสั งขาร ในวิ ญ ญาณ, ย อ ม รู ร อบซึ่ ง รู ป ซึ่ ง เวทนา ซึ่ ง สั ญ ญา ซึ่ ง สั ง ขาร ซึ่ ง วิ ญ ญาณ : เมื่ อ เขารู ร อบอยู ซึ่ ง รูป เวท น า ซึ ่ง สัญ ญ า ซึ ่ง สัง ข าร ซึ ่ง วิญ ญ าณ แ ลว , ยอ ม ห ลุด พน จ าก รูป จากเวทนา จากสั ญ ญา จากสั ง ขาร จากวิ ญ ญาณ, ย อ มพ น ได จ าก ความเกิ ด ความแก ความเจ็ บ ความตาย ความโศก ความร่ํ าไรรํ าพั น ความทุ กข กายทุ กข ใจ ความคับแคนใจ ; เราตถาคตกลาววา เขายอมหลุดพนจากทุกข ดังนี้. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๕๐/๘๓.
www.buddhadasa.info ภ ิก ษ ุ ท .! ธ รรม นี ้เ ปน ธ รรม ที ่ส ม ค ว รแ กภ ิก ษ ุ ผู ป ฏ ิบ ัต ิธ รรม สมควรแก ธ รรม คื อ ข อ ที่ ภิ ก ษุ เป น ผู ตามเห็ น ความไม เที่ ย งในรู ป อยู เป น ประจํ า, เปน ผู ต ามเห็น ความไมเ ที ่ย ง ในเวทนา อยู เ ปน ประจํ า , เปน ผู ต ามเห็น ความ ไม เที่ ยง ในสั ญ ญา อยู เป นประจํ า, เป นผู ต ามเห็ นความไม เที่ ยง ในสั งขาร อยู เป น ประจํ า , เปน ผู ต ามเห็น ความไมเ ที ่ย ง ในวิญ ญ าณ อยู เ ปน ประจํ า ; ภิก ษุนั ้น เมื่ อ ตามเห็ น ความไม เที่ ย งในรู ป ในเวทนา ในสั ญ ญา ในสั งขาร ในวิ ญ ญาณ อยู เปน ประจํ า , ยอ มรู ร อบซึ ่ง รูป ซึ ่ง เวทนาซึ ่ง สัญ ญ า ซึ ่ง สัง ขาร ซึ ่ง วิญ ญ าณ . เมื่อเขารูรอบอยูซึ่งรูป ซึ่งเวทนา ซึ่งสัญญา ซึ่งสังขาร ซึ่งวิญญาณ, ยอม
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๙๑
หลุ ด พ น จากรู ป จากเวทนา จากสั ญ ญา จากสั ง ขาร จากวิ ญ ญาณ, ย อ มพ น ได จากความเกิ ด ความแก ความเจ็ บ ความตาย ความโศก ความร่ํ าไรรํ าพั น ความทุ กข กาย ความทุ ก ข ใ จ ความคั บ แค น ใจ ; เราตถาคตกล า วว า เขาย อ มหลุ ด พ น จาก ทุกข ดังนี้. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๕๑/๘๔.
ภ ิก ษ ุ ท .! ธ รรม นี ้ เป น ธ รรม ที ่ส ม ค ว รแ ก ภ ิก ษ ุ ผู ป ฏ ิบ ัต ิธ รรม สมควรแก ธรรม คื อ ข อ ที่ ภิ ก ษุ เป น ผู ตามเห็ น ความเป น ทุ ก ข ในรู ป อยู เป น ประจํ า เปน ผู ต ามเห็น ความเปน ทุก ข ในเวทนา อยู เ ปน ประจํ า , เปน ผู ต ามเห็น ความ เปน ทุก ข ในสัญ ญ า อยู เ ปน ประจํ า , เปน ผู ต ามเห็น ความเปน ทุก ขใ นสัง ขาร อยู เ ปน ประจํ า , เปน ผู ต ามเห็น ความเปน ทุก ข ในวิญ ญ าณ อยู เ ปน ประจํ า ; ภิก ษุนั ้น เมื ่อ ตามเห็น ความเปน ทุก ข ในรูป ในเวทนา ในสัญ ญ า ในสัง ขาร ในวิ ญ ญาณ อยู เป น ประจํ า, ย อ มรู รอบ ซึ่ งรู ป ซึ่ งเวทนา ซึ่ งสั ญ ญา ซึ่ งสั งขาร ซึ่ ง วิ ญ ญาณ. เมื่ อ เขารู ร อบอยู ซึ่ ง รู ป ซึ่ ง เวทนา ซึ่ ง สั ญ ญา ซึ่ ง สั ง ขาร ซึ่ ง วิ ญ ญาณ, ย อ มหลุ ด พ น จากรู ป จาเวทนา จากสั ญ ญ า จากสั ง ขาร จากวิ ญ ญ าณ , ย อ ม พ น ได จ ากความเกิ ด ความแก ความเจ็ บ ความตาย ความโศก ความร่ํ า ไรรํ า พัน ความทุก ขก าย ความทุก ขใ จ ความคับ แคน ใจ ; เราตถาคตกลา ววา เขายอมหลุดพนไดจากทุกข ดังนี้.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๕๑/๘๕.
ภ ิก ษ ุ ท .! ธ รรม นี ้ เป น ธ รรม ที ่ส ม ค ว รแ ก ภ ิก ษ ุ ผู ป ฏ ิบ ัต ิธ รรม สมควรแก ธ รรม คื อ ข อ ที่ ภิ ก ษุ เป น ผู ตามเห็ น ความเป น อนั ต ตาในรู ป อยู เป น ประจํา, เปนผูตามเห็นความเปนอนัตตา ในเวทนา อยูเปนประจํา, เปนผู
๔๙๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ตามเห็ น ความเป น อนั ต ตา ในสั ญ ญา อยู เป น ประจํ า , เป น ผู ต ามเห็ น ความเป น อนั ต ตา ในสั ง ขาร อยู เป น ประจํ า , เป น ตามเห็ น ความเป น อนั ต ตา ในวิ ญ ญาณ อยู เ ปน ประจํ า ; ภิก ษุนั ้น เมื ่อ ตามเห็น ความเปน อนัต ตา ในรูป ในเวทนา ในสัญ ญ า ในสัง ขาร ใน วิญ ญ าณ อยู เ ปน ป ระจํ า , ยอ ม รู ร อบ ซึ ่ง รูป ซึ ่ง เวท น า ซึ ่ง สัญ ญ า ซึ ่ง สัง ขาร ซึ ่ง วิญ ญ าณ , เมื ่อ เข ารู ร อ บ อ ยู ซึ ่ง รูป ซึ ่ง เวทนา ซึ่ ง สั ญ ญ า ซึ่ ง สั ง ขาร ซึ่ ง วิ ญ ญ าณ , ย อ มหลุ ด พ น จากรู ป จากเวทนา จากสั ญ ญ า จากสั ง ขาร จากวิ ญ ญ าณ , ย อ มพ น ได จ ากความเกิ ด ความแก ความเจ็ บ ความตาย ความโศก ความร่ํ า ไรรํ า พั น ความทุ ก ข ก าย ความทุ ก ข ใจ ความคับแคนใจ ; เราตถาคตกลาววา เขายอมหลุดพนไดจากทุกข ดังนี้. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๕๒/๘๖.
นิสสารณิยธาตุที่ทําความงายใหแกการละตัณหา ภิ ก ษุ ท.! ธาตุ ที่ ส ามารถสลั ด ซึ่ ง สิ่ ง ที่ ค วรสลั ด (นิ สฺ ส ารณิ ย ธาตุ ) ๕ อยางเหลานี้ มีอยู. หาอยางอยางไรเลา ? หาอยางคือ :-
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! ในกรณี นี้ คื อ เมื่ อ ภิ ก ษุ กระทํ า ในใจอยู ซึ่ ง กามทั้ ง หลาย, จิ ต ก็ ไ ม แ ล น ไป ไม เลื่ อ มใส ไม ตั้ ง อยู ไม น อ มไป ในกามทั้ ง หลาย; แต เมื่ อ ภิ ก ษุ นั ้น กระทํ า ในใจอยู ซึ ่ง เนกขัม มะ, จิต ก็แ ลน ไป ก็เลื ่อ มใส ก็ตั ้ง อยู ก็น อ มไป ใ น เน ก ข ัม ม ะ . จ ิต ข อ ง เธ อ นั ้น ชื ่อ ว า ถ ึง ด ี อ บ ร ม ด ี อ อ ก ด ี ห ล ุด พ น ดี ปราศจากกามทั ้ง หลายดว ยดี; และเธอนั ้น หลุด พน แลว จากอาสวะทั ้ง หลาย อั น ทํ า ความคั บ แค น และเร า ร อ น ที่ เกิ ด เพราะกามเป น ป จ จั ย ; เธอก็ ไ ม ต อ งเสวย เวทนานั ้น . อาการอยา งนี ้ นี ้ เรากลา ววา ธาตุเ ปน เครื ่อ งสลัด เสีย ซึ ่ง กาม ทั้งหลาย.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๙๓
ภิ กษุ ท.! ข ออื่ น ยั งมี อี ก, คื อ เมื่ อ ภิ กษุ กระทํ าในใจอยู ซึ่ งพยาบาท, จิต ก็ไ มแ ลน ไป ไมเ ลื ่อ มใส ไมตั ้ง อยู ไมน อ มไป ในพยาบาท; แตเ มื ่อ ภิก ษุ นั ้น กระทํ า ในใจอยู ซึ ่ง อัพ ยาบาท. จิต ก็แ ลน ไป ก็เลื ่อ มใส ก็ตั ้ง อยู ก็น อ มไป ในอั พ ยาบาท. จิ ต ของเธอนั้ น ชื่ อ ว า ถึ ง ดี อบรมดี ออกดี หลุ ด พ น ดี ปราศจาก พยาบาทด ว ยดี ; และเธอนั้ น หลุ ด พ น จากอาสวะทั้ ง หลายอั น ทํ า ความคั บ แค น และเร า ร อ น ที่ เ กิ ด เพราะพยาบาทเป น ป จ จั ย ; เธอก็ ไ ม ต อ งเสวยเวทนานั้ น . อาการอยางนี้ นี้ เรากลาววา ธาตุเปนเครื่องสลัดเสียซึ่งพยาบาท. ภิ ก ษุ ท.! ข อ อื่ น ยั ง มี อี ก , คื อ เมื่ อ ภิ ก ษุ กระทํ า ในใจอยู ซึ่ ง วิ หิ ง สา, จิ ต ก็ ไ ม แ ล น ไป ไม เ ลื่ อ มใส ไม ตั้ ง อยู ไม น อ มไป ในวิ หิ ง สา; แต เ มื่ อ ภิ ก ษุ นั้ น กระทํ า ในใจอยู ซึ ่ง อวิห ิง สา, จิต ก็แ ลน ไป ก็เ ลื ่อ มใส ก็ตั ้ง อยู ก็น อ มไป ใน อวิ หิ ง สา, จิ ต ของเธอนั้ น ชื่ อ ว า ถึ ง ดี อบ รมดี ออกดี ห ลุ ด พ นดี ปราศจาก วิ หิ ง สาด ว ยดี ; และเธอนั้ น หลุ ด พ น แล ว จากอาสวะทั้ ง หลายอั น ทํ า ความคั บ แค น และเรา รอ น ทีเ กิด เพ ราะวิห ิง สาเปน ปจ จัย ; เธอก็ไ มต อ งเสวยเวทนานั ้น . อาการอยางนี้ นี้เรากลาววา ธาตุเปนเครื่องสลัดเสียซึ่งวิหิงสา.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! ข อ อื่ น ยั ง มี อี ก , คื อ เมื่ อ ภิ ก ษุ กระทํ า ในใจซึ่ ง รู ป ทั้ ง หลาย, จิต ก็ไ มแ ลน ไป ไมเ ลื ่อ ม ใส ไมตั ้ง อยู ไมน อ ม ไป ในรูป ทั ้ง ห ลาย; แตเ มื ่อ ภิก ษุนั ้น กระทํ า ในใจอยู ซึ ่ง อรูป , จิต ก็แ ลน ไป ก็เ ลื ่อ มใส ก็ตั ้ง อยู ก็น อ มไป ในอรูป . จิต ของเธอนั ้น ชื ่อ วา ถึง ดี อบรมดี ออกดี หลุด พน ดี ปราศจาก รู ป ทั้ ง หลายด ว ยดี ; และเธอนั้ น หลุ ด พ น แล ว จากอาสวะทั้ ง หลาย อั น ทํ า ความ คั บ แค น และเร า ร อ น ที่ เ กิ ด เพราะรู ป ทั้ ง หลายเป น ป จ จั ย ; เธอก็ ไ ม ต อ งเสวย เวทนานั ้น . อาการอยา งนี ้ นี ้เ รากลา ววา ธาตุเ ปน เครื ่อ งสลัด เสีย ซึ ่ง รูป ทั้งหลาย.
๔๙๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! ข อ อื่ น ยั งมี อี ก , คื อ เมื่ อ ภิ ก ษุ กระทํ าในใจอยู ซึ่ งสั ก กายะ (กายของตนกลา วคือ ขัน ธห า ), จิต ก็ไ มแ ลน ไป ไมเ ลื ่อ มใส ไมตั ้ง อยู ไมน อ มไป ในสั ก กายะ; แต เมื่ อ ภิ ก ษุ นั้ น กระทํ า ในใจอยู ซึ่ ง ความดั บ แห ง สั ก กายะ, จิ ต ก็ แลน ไป ก็เ ลื ่อ มใส ก็ตั ้ง อยู ก็น อ มไป ในความดับ แหง สัก กายะ, จิต ของเธอ นั ้น ชื ่อ วา ถึง ดี อบรมดี ออกดี หลุด พน ดี ปราศจากสัก กายะดว ยดี; และ เธอนั้ น หลุ ด พ น แล ว จากอาสวะทั้ ง หลายอั น ทํ า ความคั บ แค น และเร า ร อ น ที่ เกิ ด เพราะสัก กายะเปน ปจ จัย ; เธอก็ไ มต อ งเสวยเวทนานั ้น . อาการอยา งนี ้ นี้ เรากลาววา ธาตุเปนเครื่องสลัดเสียซึ่งสักกายะ. นัน ทิใ นกาม ก็ไ มน อนตาม (ในจิต ) ของเธอ ; นัน ทิใ นพยาบาท ก็ไ มน อนตาม (ในจิต ) ของเธอ ; นัน ทิใ นวิห ิง สา ก็ไ มน อนตาม (ในจิต ) ของเธอ; นัน ทิใ นรูป ก็ไ มน อนตาม (ในจิต ) ของเธอ ; นัน ทิใ นสัก กายะ ก็ไม นอนตาม (ในจิ ต) ของเธอ. เธอนั้ น เมื่ อกามนั นทิ ก็ ไม น อนตาม พยาปาทนันทิก็ไมนอนตาม วิหิงสานันทิก็ไมนอนตาม รูปนันทิก็ไมนอนตาม สักกายนั น ทิ ก็ ไ ม น อนตาม ดั ง นี้ แ ล ว ; ภิ ก ษุ ท.! เรากล า วภิ ก ษุ นี้ ว า ปราศจากอาลั ย ตัดตัณหาขาดแลว รื้อถอนสังโยชนไดแลว กระทําที่สุดแหงกองทุกขไดแลวเพราะ รู เฉพาะซึ่งมานะโดยชอบ.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! เหลานี้แล ธาตุที่สามารถสลัดซึ่งสิ่งที่ควรสลัด ๕ อยาง. - ปฺจก. อํ. ๒๒/๒๗๒/๒๐๐.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๙๕
ธรรมธาตุตาง ๆ ที่เปนผลของสมถวิปสสนาอันดับสุดทาย (: อภิญญาหก ) "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! ผลเท าใด อั นบุ คคลพึ งบรรลุ ด วยเสขญาณ ด วย เสขวิ ช ชา ผลนั้ น ข า พระองค บ รรลุ แ ล ว ลํ า ดั บ ; ขอพระผู มี พ ระภาค จงทรงแสดง ธรรมที่ยิ่งขึ้นไปแกขาพระองคเถิด พระเจาขา !" วัจ ฉ ะ ! ถ า เช น นั ้น เธ อ จ ง เจ ริญ ธ รรม ทั ้ง ส อ ง ให ยิ ่ง ขึ ้น ไป ค ือ สมถะและวิป ส สนา, วัจ ฉะ ! ธรรมทั ้ง สองคือ สมถะและวิป ส สนา เหลา นี ้แ ล อันเธอเจริญใหยิ่งขึ้นไปแลว จักเปนไปเพื่อแทงตลอดซึ่งธาตุเปนอเนก๑ (กลาวคือ:-) ๑. วั จ ฉะ! เธอจั ก มี ได โดยเฉพาะซึ่ งอิ ท ธิ วิ ธี มี อ ย างต าง ๆ ตามที่ เธอ หวั ง เช น เธอหวั ง ว า เราผู เ ดี ย วแปลงรู ป เป น หลายคน, หลายคนเป น คนเดี ย ว, ทํ า ที่ กํ า ลั ง ให เ ป น ที่ แ จ ง , ทํ า ที่ แ จ ง ให เ ป น ที่ กํ า บั ง , ไปได ไ ม ขั ด ข อ ง ผ า นทะลุ ฝ า ทะลุ กํ า แพง ทะลุ ภู เ ขา ดุ จ ไปในอากาศว า ง ๆ, ผุ ด ขึ้ น และดํ า ลงในแผ น ดิ น ได เหมือ นในน้ํ า , เดิน ไดเ หนือ น้ํ า เหมือ นเดิน บนแผน ดิน , ทั ้ง ที ่ย ัง นั ่ง ขัด สมาธิ คู บั ล ลั ง ก ก็ ล อยไปได ใ นอากาศเหมื อ นนกมี ป ก , ลู บ คลํ า ดวงจั น ทร แ ละดวง อาทิ ต ย อั น มี ฤ ทธิ์ อ านุ ภ าพมากอย า งนี้ ไ ด ด ว ยฝ า มื อ , และแสดงอํ า นาจทาง กาย เป น ไปตลอดถึ ง พรหมโลกได , ดั ง นี้ . ในอิ ท ธิ วิ ธิ ญ าณธาตุ นั้ น ๆ นั่ น แหละ เธอก็จักถึงความสามารถทําไดจนเปนสักขีพยาน ในขณะที่อายตนะยังมีอยู ๆ.
www.buddhadasa.info
๑. คํ า ว า ธาตุ ใ นกรณี นี้ หมายถึ ง ธรรมธาตุ เช น นิ พ พานก็ เป น ธาตุ อ ย า งหนึ่ ง เป น ต น มิ ไ ด มี ค วาม หมาย อยางในภาษาไทย.
๔๙๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
๒. วั จ นะ! เธอจั ก มี ไ ด ต ามที่ เ ธอหวั ง คื อ มี โ สตธาตุ อั น เป น ทิ พ ย บริ สุ ท ธิ์ ห มดจดล ว งโสตแห ง สามั ญ มนุ ษ ย ได ยิ น เสี ย งทั้ งสองคื อ ทั้ งเสี ย งทิ พ ย แ ละ เสี ย งมนุ ษ ย ทั้ ง ที่ ไกลและที่ ใ กล ดั ง นี้ . ใน ทิ พ พโสตญาณธาตุ นั้ น ๆ นั่ น แหละ เธอก็จักถึงความสามารถทําไดจนเปนสักขีพยาน ในขณะที่อายตนะยังมีอยู ๆ. ๓. วั จ ฉะ ! เธอจั ก มี ได ต ามที่ เธอหวั ง คื อ กํ า หนดรู ใ จแห ง สั ต ว อื่ น บุ คคลอื่ นด วยใจของตน คือกําหนดรูจิตที่มี ราคะวามี ราคะ กําหนดรูจิตที่ ไมมี ราคะ ว า ไม มี ร าคะ มี โ ทสะว า มี โ ทสะ ไม มี โ ทสะว า ไม มี โ ทสะ มี โ มหะว า มี โ มหะ ไม มี โมหะว าไม มี โมหะ หดหู ว าหดหู ฟุ งซ า นว า ฟุ งซ าน ถึ งซึ่ งคุ ณ อั น ใหญ ว า ถึ งซึ่ งคุ ณ อั น ใหญ ไม ถึ งซึ่ งคุ ณ อั น ใหญ ว าไม ถึ งซึ่ งคุ ณ อั น ใหญ มี จิ ต อื่ น ยิ่ งกว าว ามี จิ ต อื่ น ยิ่ ง กว า ไม มี จิ ต อื่ น ยิ่ งกว า ว า ไม มี จิ ต อื่ น ยิ่ ง กว า ตั้ ง มั่ น ว า ตั้ งมั่ น ไม ตั้ งมั่ น ว า ไม ตั้ ง มั่ น หลุ ดพ นว าหลุ ดพ น ไม หลุ ดพ นวาไม หลุ ดพ น ดั งนี้ . ใน เจโตปริ ยญาณธาตุ นั้ น ๆ นั่ น แหละ เธอก็ จั ก ถึ ง ความสามารถทํ า ได จ นเป น สั ก ขี พ ยาน ในขณะที่ อ ายตนะ ยังมีอยู ๆ.
www.buddhadasa.info ๔. วั จ ฉะ ! เธอจั ก มี ได ต ามที่ เธอหวั ง คื อ ระลึ ก ได ถึ ง ขั น ธ ที่ เคยอยู อาศั ย ในภพก อ น มี อ ย างต าง ๆ คื อ ระลึ ก ได ช าติ ห นึ่ งบ า ง สองชาติ สามชาติ สี่ ชาติ ห า ชาติ บ า ง, สิ บ ชาติ ยี่ สิ บ ชาติ สามสิ บ ชาติ สี่ สิ บ ชาติ ห า สิ บ ชาติ บ า ง, ร อ ยชาติ พั น ชาติ แสนชาติ บ า ง, ตลอดหลายสั ง วั ฏ ฏกั ป ป หลายวิ วั ฏ ฏกั ป ป หลายสัง วัฏ ฏกัป ปแ ละวิว ัฏ ฏกัป ปบ า ง, วา เมื ่อ เราอยู ใ นภพโนน มีชื ่อ ยา งนั ้น มีโ คตร มีว รรณ ะ มีอ าหาร อยา งนั ้น ๆ. เสวยสุข และทุก ขเ ชน นั ้น ๆ มีอ ายุ ส ุด ล ง เท า นั ้น ; ค รั ้น จุต ิจ า ก ภ พ นั ้น แ ล ว ได เ ก ิด ใน ภ พ โน น ม ีชื ่อ โค ต ร วรรณะ อาหาร อยางนั้น ๆ, ไดเสวยสุขและทุกขเชนนั้น ๆ มีอายุสุดลง
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๙๗
เทา นั ้น ; ค รั ้น จุต ิจ าก ภ พ นั ้น ๆ ๆ ๆ แลว ม าเกิด ใน ภ พ นี ้ ดัง นี ้ : ระ ลึก ได ถึ ง ขั น ธ ที่ เคยอยู อ าศั ย ในภพก อ น มี อ ย า งต า ง ๆ พร อ มทั้ ง อาการและอุ ท เทส ด ว ยอาการอย า งนี้ ดั ง นี้ . ใน ปุ พ เพนิ ว าสานุ ส สติ ญ าณธาตุ ๑ นั้ น ๆ นั่ น แหละ เธอก็จักถึงความสามารถทําไดจนเปนสักขีพยาน ในขณะทีอายตนะยังมีอยู ๆ. ๕. วั จ ฉะ ! เธอจั ก มี ไ ด ต ามที่ เ ธอหวั ง คื อ มี จั ก ษุ อั น เป น ทิ พ ย บริ สุ ท ธิ์ ห มดจดล ว งจั ก ษุ ข องสามั ญ มนุ ษ ย เห็ น สั ต ว ทั้ ง หลายจุ ติ อ ยู บั ง เกิ ด อยู , เล วท ราม ป ระณ ีต , มีว รรณ ะดี มีว รรณ ะเลว, มีท ุก ข มีส ุข . รู แ จง ชัด หมู สั ต ว ผู เข าถึ งตามกรรมว า "ผู เจริ ญ ทั้ งหลาย! สั ต ว เหล านี้ ห นอ ประกอบกายทุ จ ริ ต วจี ทุ จ ริ ต มโนทุ จ ริ ต พู ด ติ เตี ย นพระอริ ย เจ า ทั้ ง หลาย เป น มิ จ ฉาทิ ฏ ฐิ ประกอบ การงานด ว ยอํ า นาจมิ จ ฉาทิ ฏ ฐิ , เบื้ อ งหน า แต ก ายแตกตายไป ย อ มพากั น เข า สู อบายทุ ค ติ วิ นิ บ าตนรก. ท า นผู เจริ ญ ทั้ ง หลาย! ส ว นสั ต ว เหล า นี้ ห นอ ประกอบ ก าย สุจ ริต วจีส ุจ ริต ม โน สุจ ริต ไม ต ิเ ตีย น พ ระอ ริย เจา , เป น สัม ม าท ิฏ ฐิ ประกอบการงานด วยอํ านาจสั ม มาทิ ฏ ฐิ , เบื้ อ งหน าแต กายแตกตายไป ย อ มพากั น เข า สู ส ุค ติโ ลกสวรรค," ดัง นี ้; มีจ ัก ษุท ิพ ย บริส ุท ธิ ์ห มดจดลว งจัก ษุส ามัญ มนุ ษ ย เห็ น เหล า สั ต ว ผู จุ ติ อ ยู บั ง เกิ ด อยู เลวประณี ต มี ว รรณะดี วรรณะทราม มีท ุก ข มีส ุข รู ช ัด หมู ส ัต วผู เ ขา ถึง ตามกรรมไดด ัง นี ้. ใน จุต ูป ปาตญาณธาตุ นั้ น ๆ นั่ น แหละ เธอก็ จั ก ถึ ง ความสามารทํ า ได จ นเป น สั ก ขี พ ยาน ในขณ ะที่ อายตนะยังมีอยู ๆ
www.buddhadasa.info
๑. มี คํ าอธิ บ ายเกี่ ยวกั บ ปุ พ เพนิ วาสสานุ สสติ ญ าณธาตุ ที่ ชั ดเจน อยู ในหั วข อที่ ถั ดไปจากหั วข อ นี้ คื อ หัวขอที่ วา "ปุพเพนิวาสานุสสติญาณที่แทจริง".
๔๙๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
๖. วั จ ฉะ ! เธอจั ก ได ต ามที่ เธอหวั ง คื อ กระทํ า ให แ จ ง ได ซึ่ ง เจโตวิ มุ ต ติ ป ญ ญาวิ มุ ต ติ อั น หาอาวสะมิ ได เพราะความสิ้ น ไปแห ง อาสวะทั้ ง หลาย ด ว ยป ญ ญาอั น ยิ่ ง เอง ในทิ ฏ ฐธรรมนี้ เข า ถึ ง แล ว แลอยู ดั ง นี้ . ใน อาสวั ก ขยญาณธาตุ นั้ น ๆ นั่ น แหละ เธอก็ จั ก ถึ งความสามารถทํ าได จ นเป น สั ก ขี พ ยาน ใน ขณะที่อายนตนะยังมีอยู ๆ. - ม. ม. ๑๓/๒๕๗-๒๖๑/๒๖๑-๒๖๖.
ปุพเพนิวาสานุสสติญาณที่แทจริง ( ซึ่งไมเปนสัสสตทิฎฐิ ) ภิ ก ษุ ท.! สมณะหรื อ พราหมณ เหล า ใด เมื่ อ ตามระลึ ก ย อ มตาม ระลึ ก ถึ ง บุ พ เพนิ ว าสมี อ ย า งเป น อเนก ; สมณะหรื อ พราหมณ เหล า นั้ น ทั้ ง หมด ยอมตามระลึกถึงซึ่งอุปาทานขันธทั้งหา หรือขันธใดขันธหนึ่ง แหงอุปาทานขันธ ทั้งหานั้น. หาอยางไรกันเลา ? หาคือ :ภิ ก ษุ ทุ .! เขาเมื่ อ ตามระลึ ก ย อ มตามระลึ ก ถึ ง ซึ่ ง รู ป นั่ น เที ย ว ว า "ในอดีตกาลนานไกล เราเปนผูมีรูปอยางนี้" ดังนี้บาง ;
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! เขาเมื่ อ ตามระลึ ก ย อ มตามระลึ ก ถึ ง ซึ่ ง เวทนา นั่ น เที ย ว วา "ในอดีตกาลนานไกล เราเปนผูมีเวทนาอยางนี้" ดังนี้บาง ;
ภิ ก ษุ ท.! เขาเมื่ อ ตามระลึ ก ย อ มตามระลึ ก ถึ ง ซึ่ ง สั ญ ญา นั่ น เที ย ว วา "ในอดีตกาลนานไกล เราเปนผูมีสัญญาอยางนี้" ดังนี้บาง ; ภิ ก ษุ ท.! เขาเมื่ อ ตามระลึ ก ย อ มตามระลึ ก ถึ ง ซึ่ ง สั ง ขาร นั่ น เที ย ว วา "ในอดีตกาลนานไกล เราเปนผูมีสังขารอยางนี้" ดังนี้บาง ;
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๔๙๙
ภิ ก ษุ ท.! เขาเมื่ อ ตามระลึ ก ย อ มตามระลึ ก ถึ งซึ่ ง วิ ญ ญาณ นั่ น เที ย ว วา "ในอดีตกาลนานไกล เราเปนผูมีวิญญาณอยางนี้" ดังนี้บาง. ภิก ษุ ท.! ทํ า ไมเขาจึง กลา วกัน วา รูป ? ภิก ษุ ท.! ธรรมชาติ นั้ น จน ย อ มสลาย (รุ ปฺ ป ติ ) เหตุ นั้ น จึ ง เรี ย กว า รู ป . สลายเพราะอะไร ? สลาย เพราะความเย็ น บ า ง เพราะความร อ นบ า ง เพราะความหิ ว บ า ง เพราะความ ระหายบ า ง เพราะการสั ม ผั ส กั บ เหลื อ บ ยุ ง ลม แดด และสั ต ว เลื้ อ ยคลานบ า ง. ภิกษุ ท.! ธรรมชาตินั้น ยอมสลาย เหตุนั้นจึงเรียกวา รูป. ภิ ก ษุ ท.! ทํ า ไมเขาจึ ง กล า วกั น ว า เวทนา ? ภิ ก ษุ ท.! ธรรมชาติ นั ้น อัน บุค คลรู ส ึก ได (เวทยติ) เหตุนั ้น จึง เรีย กวา เวท นา. รู ส ึก ซึ ่ง อะไร ? รู ส ึก ซึ ่ง สุข บา ง ซึ ่ง ทุก ขบ า ง ซึ ่ง อ ทุก ข ม สุข บา ง, ภ ิก ษ ุ ท .! ธ รรม ช าตินั ้น อันบุคคลรูสึกได เหตุนั้นจึงเรียกวา เวทนา. ภิ ก ษุ ท.! ทํ า ไมเขาจึ ง กล า วกั น ว า สั ญ ญา ? ภิ ก ษุ ท.! ธรรมชาติ นั้ น ย อ มหมายรู ไ ด พ ร อ ม (สฺ ช านาติ ) เหตุ นั้ น จึ ง เรี ย กว า สั ญ ญา. หมายรู ไ ด พรอ มซึ ่ง อะไร? หมายรู ไ ดพ รอ มซึ ่ง สีเ ขีย วบา ง ซึ ่ง สีเ หลือ งบา ง ซึ ่ง สีแ ดงบา ง ซึ ่ ง ส ี ข า ว บ า ง ภ ิ ก ษ ุ ท ! ธ ร ร ม ช า ต ิ นั ้ น ย อ ม ห ม า ย รู ไ ด พ ร อ ม เห ต ุ นั ้ น จึ ง เรียกวา สัญญา.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! ทํ า ไมเขาจึ ง กล า วกั น ว า สั ง ขาร ? ภิ ก ษุ ท.! ธรรมชาติ นั ้น ยอ ม ป รุง แ ต ง (อ ภ ิส งฺข โรน ฺต ิ) ให เ ป น ข อ งป รุง แ ต ง เห ต ุนั ้น จึง เรีย ก วา สังขาร. ปรุงแตงอะไรใหเปนของปรุงแตง ? ปรุงแตงรูปใหเปนของปรุงแตง
๕๐๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
โดยความเป น รู ป ปรุ ง แต ง เวทนาให เป น ของปรุ ง แต ง โดยความเป น เวทนา ปรุ ง แต ง สั ญ ญาให เป น ของปรุ งแต งโดยความเป น สั ญ ญา ปรุ งแต งสั งขารให เป น ของปรุ งแต ง โดยความเป น สั งขาร ปรุ งแต งวิ ญ ญาณให เป น ของปรุ งแต งโดยความเป น วิ ญ ญาณ. ภิ กษุ ท .! ธรรม ชาติ นั้ น ย อ ม ป รุ ง แต งให เป น ขอ งป รุ ง แต งเห ตุ นั้ น จึ ง เรี ย กว า สังขาร. ภิ ก ษุ ท.! ทํ า ไมเขาจึ ง กล า วกั น ว า วิ ญ ญาณ ? ภิ ก ษุ ท.! ธรรมชาติ นั ้น ยอ ม รู แ จง (วิช าน าติ) เห ตุนั ้น จึง เรีย ก วา วิญ ญ าณ . รู แ จง ซึ ่ง อ ะ ไร ? รู แ จ ง ซึ่ ง ความเปรี้ ย วบ า ง ซึ่ ง ความขมบ า ง ซึ่ ง ความเผ็ ด ร อ นบ า ง ซึ่ ง ความหวาน บ า ง ซึ่ ง ความขื่ น บ า ง ซึ่ ง ความไม ขื่ น บ า ง ซึ่ ง ความเค็ ม บ า ง ซึ่ ง ความไม เค็ ม บ า ง. ภิกษุ ท.! ธรรมชาตินั้น ยอมรูแจง เหตุนั้นจึงเรียกวา วิญญาณ. ภิ ก ษุ ท.! ในขั น ธ ทั้ ง ห า นั้ น อริ ย สาวกผู มี ก ารสดั บ ย อ มพิ จารณ า เห็ น โดยประจั ก ษ ชั ด ดั ง นี้ ว า "ในกาลนี้ เราถู ก รู ป เคี้ ย วกิ น อยู , แม ในอดี ต กาล นานไกล เราก็ ถู ก รู ป เคี้ ย วกิ น แล ว เหมื อ นกั บ ที่ ถู ก รู ป อั น เป น ป จ จุ บั น เคี้ ย วกิ น อยู ในกาลนี้ ฉั น ใดก็ ฉั น นั้ น . ถ า เราเพลิ ด เพลิ น รู ป ในอนาคต, แม ใ นอนาคตนาน ไกล เราก็ จ ะถู ก รู ป เคี้ ย วกิ น เหมื อ นกั บ ที่ เราถู ก รู ป อั น เป น ป จ จุ บั น เคี้ ย วกิ น อยู ใ น ก า ล นี ้ ฉัน ใด ก็ฉ ัน นั ้น ". อ ริย ส า ว ก นั ้น พิจ า รณ า เห็น ดัง นี ้แ ลว ยอ ม เปน ผู ไม เพ งต อ รูป อั น เป น อดี ต ไม เพลิ ด เพลิ น รูป อนาคต ย อ มเป น ผู ป ฏิ บั ติ เพื่ อ เบื่ อ หนาย คลายกําหนัด ดับไมเหลือ แหงรูปอันเปนปจจุบัน .
www.buddhadasa.info ( ในกรณี แ ห ง เวทนา สั ญ ญา สั ง ขาร และ วิ ญ ญาณ ก็ มี ข อ ความที่ ต รั ส ไว อ ย า ง เดียวกันกับในกรณีแหงรูปนี้ทุกประการ ตางกันแตชื่อขันธเทานั้น แลวตรัสตอไป วา:- )
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๐๑
ภิ ก ษุ ท.! เธอจะสํ าคั ญ ความสํ าคั ญ ข อ นี้ ว าอย างไร : รู ป เที่ ย ง หรื อ ไม เที่ ย ง ? "ไม เที่ ย ง พระเจ า ข า !" สิ่ ง ใดที่ ไม เที่ ย ง สิ่ ง นั้ น เป น ทุ ก ข หรื อ เป น สุ ข เล า ? "เป น ทุ ก ข พระเจ า ข า !" สิ่ ง ใดไม เ ที่ ย ง เป น ทุ ก ข มี ค วามแปรปรวนเป น ธรรมดา ควรหรือ หนอที ่จ ะตามเห็น สิ ่ง นั ้น วา "นั ่น ของเรา นั ่น เปน เรา นั ่น เปน อัต ตา ของเรา" ดังนี้. "ไมควรเห็นอยางนั้น พระเจาขา !" ( ในกรณี แห ง เวทนา สั ญ ญ า สั ง ขาร และ วิ ญ ญ าณ ก็ ไ ด ต รั ส ต รัส ถ าม แล ะภิก ษุท ูล ต อ บ อ ยา งเดีย วกัน กับ ใน ก รณ ีแ หง รูป ทุก ป ระก าร ตางแตชื่อขันธเทานั้น แลวตรัสตอไปวา :-) ภิ ก ษุ ท .! เพ ราะเห ตุ นั้ น ใน เรื่ อ งนี้ รู ป อ ย างใด อ ย างห นึ่ ง ทั้ งที่ เป น อดี ต อนาคตและป จ จุ บั น มี ใ นภายในหรื อ ภายนอกก็ ต าม หยาบหรื อ ละเอี ย ด ก็ ต าม เลวหรื อ ประณี ตก็ ต าม มี ใ นที่ ไ กลหรื อ ในที่ ใ กล ก็ ต าม รู ป ทั้ ง หมดนั้ น บุคคลควรเห็นดวยปญญาโดยชอบ ตามที่เปนจริงอยางนี้ วา "นั่นไมใชของเรา นั่นไมใชเป นเรา นั่นไมใชอัตตาของเรา" ดังนี้. ( ในกรณี แหง เวทนา สัญ ญา สังขาร
www.buddhadasa.info และวิญญาณ ก็มีขอความที่ตรัสอยางเดียวกับในกรณีแหงรูป แลวตรัสตอไปวา :-)
ภิ ก ษุ ท.! อริ ย สาวกนี้ เรากล า วว า เธอย อ มยุ บ - ย อ มไม ก อ ; ยอมขวางทิ้ง - ยอมไมถือเอา; ยอมทําใหกระจัดกระจาย - ยอมไมทําใหเปน กอง ; ยอมทําใหมอด - ยอมไมทําใหโพลง. อริย สาวกนั ้น ยอ มยุบ ยอ มไมก อ ซึ ่ง อะไร ? เธอยอ มยุบ ยอ ม ไมกอ ซึ่งรูป ซึ่งเวทนาซึ่งสัญญา ซึ่งสังขาร ซึ่งวิญญาณ. อริ ย สาวกนั้ น ย อ มขว า งทิ้ ง ย อ มไม ถื อ เอา ซึ่ ง อะไร ? เธอย อ ม ขวางทิ้ง ยอมไมถือเอาซึ่งรูป ซึ่งเวทนา ซึ่งสัญญา ซึ่งสังขาร ซึ่งวิญญาณ.
๕๐๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
อริยสาวกนั้ น ย อ มทํ า ให ก ระจั ด กระจาย ย อ ไม ทํ าให เป น กอง ซึ่ ง อะไร? เธอยอ มทํ า ใหก ระจัด กระจาย ยอ มไมทํ า ใหเ ปน กอง ซึ ่ง รูป ซึ ่ง เวทนา ซึ่งสัญญา ซึ่งสังขาร ซึ่งวิญญาณ. อริ ย สาวกนั้ น ย อ มทํ า ให ม อด ย อ มไม ทํ า ให ลุ ก โพลง ซึ่ ง อะไร ? เธอย อ มทํ า ให ม อด ย อ มไม ทํ า ให ลุ ก โพลง ซึ่ งรู ป ซึ่ ง เวทนา ซึ่ ง สั ญ ญา ซึ่ งสั ง ขาร ซึ่งวิญญาณ. ภิ กษุ ท.! อริยสาวกผู มี การสดั บ เมื่ อเห็ นอยู อย างนี้ ย อมเบื่ อหน าย แมในรูป แมในเวทนา แมในสัญญา แมในสังขาร แมในวิญญาณ. เมื่อเบื่อ หนา ย ยอ มคลายกํา หนัด , เพราะความคลายกํ า หนัด ยอ มหลุด พน , เมื ่อ หลุดพนแลว ยอมมีญาณหยั่งรูวาหลุดพนแลว. อริยสาวกนั้น ยอมทราบชัด วา "ชาติสิ้นแลว พรหมจรรยไดอยูจบแลว กิจที่ควรทําไดทําเสร็จแลว กิจอื่น ที่จะตองทําเพื่อความหลุดพนอยางนี้ มิไดมีอีก" ดังนี้. ภิก ษุ ท.! ภิก ษุนี้ เราเรีย กวา ไมกอ อยู ไมยุบ อยู แตเปน อัน วา ยุบ แลว ดํ า รงอยู ; ไมข วา งทิ ้ง อยู ไมถ ือ เอาอยู แตเปน อัน วา ขวา งทิ ้ง แลว ดํา รงอยู; ไมทํา ใหก ระจัด กระจายอยู ไมทํา ใหเ ปน กองอยู แตเ ปน อัน วา ทําใหกระจัดกระจายแลว ดํารงอยู; ไมทําใหมอดอยู ไมทําใหโพลงอยู แต เปนอันวาทําใหมอดแลว ดํารงอยู.
www.buddhadasa.info ภิกษุ นั้น ไม กอ อยู ไม ยุบ อยู แต เป น อั น วายุบ ซึ่งอะไรแล ว ดํารง อยู ? เธอไมก อ อยู ไมย ุบ อยู แตเ ปน อัน วา ยุบ ซึ ่ง รูป ซึ ่ง เวทนา ซึ ่ง สัญ ญ า ซึ่งสังขาร ซึ่งวิญญาณ แลว ดํารงอยู.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๐๓
ภิ กษุ นั้ น ไม ข ว างทิ้ งอยู ไม ถื อ เอาอยู แต เป น อั น ว าขว างทิ้ งซึ่ งอะไร แลว ดํ า รงอยู ? เธอไมข วา งทิ ้ง อยู ไมถ ือ เอาอยู แตเ ปน อัน วา ขวา งทิ ้ง ซึ ่ง รูป ซึ่งเวทนา ซึ่งสัญญา ซึ่งสังขาร ซึ่งวิญญาณแลว ดํารงอยู. ภิ ก ษุ นั้ น ไม ทํ า ให ก ระจั ด กระจายอยู ไม ทํ า ให เป น กองอยู แต เป น อั น ว า ทํ าให ก ระจั ด กระจายซึ่ งอะไรแล ว ดํ า รงอยู ? เธอไม ทํ า ให ก ระจั ด กระจาย อยู ไมทํ า ใหเ ปน กองอยู แตเ ปน อัน วา ทํ า ใหก ระจัด กระจายซึ ่ง รูป ซึ ่ง เวทนา ซึ่งสัญญา ซึ่งสังขาร ซึ่งวิญญาณ แลว ดํารงอยู. ภิ กษุ นั้ น ไม ทํ าให มอดอยู ไม ทํ าให โพลงอยู แต เป นอั นวาทํ าให มอด ซึ ่ง อะไรแลว ดํ า รงอยู ? เธอไมทํ า ใหม อดอยู ไมทํ า ใหโ พลงอยู แตเ ปน อัน วา ทําใหมอดซึ่งรูป ซึ่งเวทนา ซึ่งสัญญา ซึ่งสังขาร ซึ่งวิญญาณ แลว ดํารงอยู. ภิ ก ษุ ท .! เท วด าทั้ งห ล าย พ ร อ ม ทั้ งอิ น ท ร พ รห ม แ ล ะ ป ช าบ ดี ยอมนมัสการภิกษุผูมีจิตหลุดพนแลวอยางนี้ มาจากที่ไกลเทียว กลาววา :-
www.buddhadasa.info "ข า แต ท า นบุ รุ ษ อาชาไนย ! ข า แต ท า นบุ รุ ษ ผู สู ง สุ ด ! ข า พเจ า ขอนมั ส การท า น เพราะข า พเจ า ไม อ าจจะทราบสิ่ ง ซึ่ งท า น อาศัยแลวเพง ของทาน" ดังนี้.
- ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๐๕-๑๑๐/๑๕๘-๑๖๔. [ขอให ผู ศึ ก ษาสั ง เกตให เ ห็ น ว า ปุ พ เพนิ ว าสานุ ส สติ ญ าณ ตามนั ย นี้ ไม ขั ด ต อ หลั ก มหาปเทสแห ง มหาปริ นิ พ พานสู ต ร (สุ ตฺ เต โอสาเรตพฺ พํ วิ น เย สนฺ ท สฺ เสตพฺ พํ ), และไม มี ลั ก ษณ ะ แห ง สั ส สตทิ ฏ ฐิ ดั ง ที่ ก ล า วไว ใ นนิ ท เทสแห ง วิ ช ชาสามทั่ ว ไป ๆ ไป. ขอให นั ก ศึ ก ษาโปรดพิ จ ารณาดู เปนพิเศษดวย ].
๕๐๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
อริยวิโมกข คือ อมตธรรม "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! อริ ยวิ โมกข (ความพ นพิ เศษอั นประเสริ ฐ) เป น อยางไรเลา ?" อานนท ! อริย สาวกในกรณ ีนี ้ ยอ มพิจ ารณ าเปน โดยประจัก ษ ดังนี้วา :๑. กามทั้ งหลาย ที่ เป นไป ในภพป จจุ บั นนี้ เหล าใดด วย, กามทั้ งหลาย ที่เปนไปในภพเบื้องหนา เหลาใดดวย ; ๒. กามสั ญ ญา ที่ เป นไป ในภพป จจุ บั นนี้ เหล าใดด วย, กามสั ญ ญา ที่เปนไปในภพเบื้องหนา เหลาใดดวย ; ๓. รูปทั้ งหลาย ที่ เป นไป ในภพป จจุ บั นนี้ เหลาใดด วย, รูปทั้ งหลาย ที่เปนไปในภพเบื้องหนา เหลาใดดวย ; ๔. รูปสั ญ ญาทั้ งหลาย ที่ เป นไป ในภพป จจุ บั นนี้ เหล าใดด วย, รูป ทั้งหลายที่เปนไปในภพเบื้องหนา เหลาใดดวย ; ๕. อาเนญชสัญญา เหลาใดดวย ; ๖. อากิญจัญญายตนสัญญา เหลาใดดวย ; ๗. เนวสัญญานาสัญญายตนสัญญา เหลาใดดวย. (ธรรมทั้ ง หมดเจ็ ด หมู ) นั้ น (ล ว นแต ) เป น สั ก กายะ. สั ก กายะมี ประมาณเทาใด, อมตธรรมนั้น คือวิโมกขแหงจิต เพราะความไมยึดมั่นซึ่ง สักกายะมีประมาณเทานั้น.
www.buddhadasa.info อานนท ! ด วยอาการอย างนี้ แล เป นอั นวา อาเนญชสั ป ปายปฏิ ป ทา เราแสดงแลว, อากิญจัญญายตนสัปปายปฏิปทา เราแสดงแลว, เนวสัญญานาสัญญายตนสัปปายปฏิปทา เราแสดงแลว, การอาศัยแลว ๆ ซึ่งสัปปายปฏิปทา (ตามลํ า ดั บ ๆ) แล ว ข า มโอฆะเสี ย ได เราก็ แ สดงแล ว , นั่ น แหละคื อ อริ ย วิโมกข.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๐๕
อานนท ! กิ จ อั น ใด ที่ ศ าสดาผู เ อ็ น ดู แสวงหาประโยชน เ กื้ อ กู ล อาศัย ความเอ็น ดูแ ลว จะพึง ทํ า แกส าวกทั ้ง หาย, กิจ อัน นั ้น เราไดทํ า แลว แก พ ว ก เธ อ ทั ้ ง ห ล า ย . อ า น น ท ! นั ่ น โ ค น ไ ม , นั ่ น เรื อ น ว า . อ า น น ท ! พวกเธอทั้ ง หลายจงเพี ย รเผากิ เลส, อย า ได ป ระมาท. พวกเธอทั้ ง หลาย อย า ได เปน ผู ที ่ต อ งรอ นใจ ในภายหลัง เลย. นี ่แ หละ เปน วาจาเครื ่อ งพร่ํ า สอนแก พวกเธอทั้งหลายของเรา. - อุปริ. ม. ๑๔/๗๙/๙๑-๙๒.
บริษัทเลิศเพราะสนใจโลกุตตระสุญญตา (ทางแหงนิโรธ) ภ ิ ก ษ ุ ท .! บ ริ ษ ั ท ส อ ง จํ า พ ว ก เ ห ล า นี ้ ม ี อ ยู , ส อ ง จํ า พ ว ก เหล า ไหนเล า ? สองจํ า พวก คื อ อุ ก กาจิ ต วิ นี ต าปริ ส า (บริ ษั ท อาศั ย ความเชื่ อ จาก บุ ค คลภายนอกเป น เครื่ อ งนํ า ไป) โนปฏิ ปุ จ ฉาวิ นี ต า (ไม อ าศั ย การสอบสวนทบทวนกั น เอา เองเป น เครื่ อ งนํ า ไป) นี้ อ ย า งหนึ่ ง , และ ปฏิ ปุ จ ฉาวิ นี ต าปริ ส า (บริ ษั ท อาศั ย การสอบ สวนทบทวนกั นเอาเองเป น เครื่อ งนํ าไป) โนอุ ก กาจิ ต วิ นี ต า (ไม อาศั ยความเชื่ อจากบุ คคลภาย นอกเปนเครื่องนําไป) นี้อีกอยางหนึ่ง.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! บริษั ท ชื่ อ อุ ก กาจิต วินี ต าปริส าโนปฏิ ปุ จ ฉาวินี ต า เป น อ ย า งไรเล า ? ภ ิก ษ ุ ท .! ใน ก รณ ีนี ้ค ือ ภ ิก ษ ุทั ้ง ห ล าย ใน บ ริษ ัท ใด , เมื ่อ สุต ตัน ตะทั ้ง หลาย ตถาคตภาสิต า-อัน เปน ตถาคตภาษิต คมฺภ ีร า-อัน ลึก ซึ ้ง คมฺ ภี ร ตฺ ถ า-มี อ รรถอั น ลึ ก ซึ้ ง โลกุ ตฺ ต รา-เป น โลกุ ต ตระ สุ ฺ ตป ฏิ สํ ยุ ตฺ ต าประกอบด ว ยเรื่ อ งสุ ญ ญตา อั น บุ ค คลนํ า มากล า วอยู , ก็ ไม ฟ ง ด ว ยดี ไม เงี่ ย หู ฟ ง ไมเขาไปตั้งจิตเพื่อจะรูทั่วถึง และไมสําคัญวา เปนสิ่งที่ตนควรศึกษาเลาเรียน.
๕๐๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
สว นสุต ตัน ตะเหลา ใด ที ่ก วีแ ตง ขึ ้น ใหม เปน คํ า รอ ยกรองประเภทกาพยก ลอน มี อั ก ษรสละสลวย มี พ ยั ญ ชนะอั น วิ จิ ต ร เป น เรื่ อ งนอกแนว เป น คํ า กล า วของ สาวก, เมื่ อ มี ผู นํ า สุ ต ตั น ตะเหล า นี้ ม ากล า วอยู พวกเธอย อ มฟ ง ด ว ยดี เงี่ ย หู ฟ ง ตั้ ง จิ ต เพื่ อ จะรู ทั่ ว ถึ ง และสํ า คั ญ ไปว า เป น สิ่ ง ที่ ต นควรศึ ก ษาเล า เรี ย น. พวกเธอ เลา เรีย นธรรมอัน กวีแ ตง ใหมนั ้น แลว ก็ไ มส อบถามซึ ่ง กัน และกัน ไมทํ า ให เป ด เผยแจ ม แจ ง ออกมาว า ข อ นี้ พ ยั ญ ชนะเป น อย างไร อรรถะเป น อย า งไร ดั ง นี้ . เธอเหล า นั้ น เป ด เผยสิ่ งที่ ยั งไม เป ด เผยไม ได ไม ห งายของที่ ค ว่ํ า อยู ให ห งายขึ้ น ได ไมบ รรเทาความสงสัย ในธรรมทั ้ง หลายอัน เปน ที ่ตั ้ง แหง ความสงสัย มีอ ยา ง ตาง ๆ ได. ภิกษุ ท.! นี้เราเรียกวา อุกกาจิตวินีตาปริสาโนปฏิปุจฉาวินีตา. ภิกษุ ท.! บริษั ท ชื่ อ ปฏิ ปุ จ ฉาวินี ต าปริส าโนอุ ก กาจิต วินี ต า เป น อ ยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ในกรณีนี ้ค ือ ภิก ษุทั ้ง หลายในบริษ ัท ใด, เมื ่อ สุต ตัน ตะทั ้ง หลาย ที ่ก วีแ ตง ขึ ้น ใหม เปน คํ า รอ ยกรองประเภทกาพยก ลอน มี อั ก ษรสละสลวย มี พ ยั ญ ชนะอั น วิ จิ ต ร เป น เรื่ อ งนอกแนว เป น คํ า กล า วของ สาวก อั น บุ ค คลนํ า มากล า วอยู , ก็ ไ ม ฟ ง ด ว ยดี ไม เงี่ ย หู ฟ ง ไม เข า ไปตั้ ง จิ ต เพื่ อ จะรู ทั ่ว ถึง และไมสํ า คัญ วา เปน สิ ่ง ที ่ต นควรศึก ษาเลา เรีย น. สว น สุต ตัน ตะ เหล า ใด อั น เป น ตถาคตภาษิ ต อั น ลึ ก ซึ้ ง มี อ รรถอั น ลึ ก ซึ้ ง เป น โลกุ ต ตระ ประกอบดวยเรื่องสุญ ญตา, เมื่อมีผูนําสุตตันตะเหลานี้มากลาวอยู พวกเธอ ยอมฟงดวยดี ยอมเงี่ยหูฟง ยอมเขาไปตั้งจิตเพื่อจะรูทั่วถึง และยอมสําคัญวา เปน สิ ่ง ที ่ค วรศึก ษาเลา เรีย น. พวกเธอเลา เรีย นธรรมที ่เ ปน ตถาคตภาษิต นั้นแลว ก็สอบถามซึ่งกันและกัน ทําใหเปดเผยแจมแจงออกมาวา ขอนี้พยัญชนะเปน อยางไร อรรถะเปนอยางไร ดังนี้. เธอเหลานั้น เปดเผยสิ่งที่ยังไมเปดเผยได หงาย ของที่คว่ําอยูใหหงายขึ้นได บรรเทาความสงสัยในธรรมทั้งหลาย
www.buddhadasa.info
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๐๗
อัน เปน ที ่ตั ้ง แ หง ค วาม ส งสัย มีอ ยา งตา ง ๆ ได. ภิก ษุ ท .! นี ้เ ราเรีย ก วา ปฏิปุจฉาวินีตาปริสาโนอุกกาจิตวินีตา. ภ ิก ษ ุ ท .! เ ห ล า นี ้แ ล บ ร ิษ ัท ๒ จํ า พ ว ก นั ้น . ภ ิก ษ ุ ท .! บริษัทที่เลิศในบรรดาบริษัททั้งสองพวกนั้น คือบริษัทปฏิปุจฉาวินีตาปริสาโนอุ ก กาจิ ต วิ นี ต า (บริ ษั ท ที่ อ าศั ย การสอบสวนทบทวนกั น เอาเองเป น เครื่ อ งนํ า ไป : ไมอาศัยความเชื่อจากบุคคลภายนอกเปนเครื่องนําไป) แล. - ทุก. อํ. ๒๐/๙๑/๒๙๒.
นิพพานเพราะไมยึดถือธรรมที่ไดบรรลุ อานนท ! ส ว นภิ ก ษุ บางรู ป ในธรรมวิ นั ย นี้ เป น ผู ป ฏิ บั ติ ( ในปฏิ ปทา อั น เป น ที่ ส บายแก เนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนะ ) อย างนั้ น แล ว ย อ มได เฉพาะ ซึ ่ง อุเ บกขา วา "ถา ไมค วรมี และไมพ ึง มีแ กเ รา, ก็ต อ งไมม ีแ กเ รา ; สิ ่ง ใด มี อ ยู สิ่ ง ใดมี แ ล ว , เราจะละสิ่ ง นั้ น เสี ย " ดั ง นี้ . ภิ ก ษุ (บางรู ป ) นั้ น ย อ มไม เพลิ ด เพลิ น ไม พ ร่ํ า สรรเสริ ญ ไม เมาหมกอยู ซึ่ ง อุ เบกขานั้ น , เมื่ อ ไม เ พลิ ด เพลิ น ไม พ ร่ํ า สรรเสริ ญ ไม เ มาหมกอยู ซึ่ ง อุ เ บกขานั้ น , วิ ญ ญ าณ ของเธอก็ ไ ม เ ป น ธรรมชาติ อ าศั ย ซึ่ ง อุ เ บกขานั้ น ไม มี อุ เ บกขานั้ น เป น อุ ป าทาน. อานนท ! ภิ ก ษุ ผูไมมีอุปาทาน ยอมปรินิพพาน แล.
www.buddhadasa.info - อุปริ. ม. ๑๔/๗๙/๙๑.
๕๐๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ปรินิพพานในทิฏฐธรรม ดวยการตัดอกุศลมูล ภิ ก ษุ ท .! กุ ศ ล มู ล ๓ อ ย างเห ล านี้ มี อ ยู . ส าม อ ย างเห ล าไห น เล า ? สามอย า งคื อ อโลภะ เป น กุ ศ ลมู ล อโทสะ เป น กุ ศ ลมู ล อโมห ะ เปน กุศลมูล. ภ ิก ษ ุ ท .! แ ม อ โล ภ ะ นั ้น ก ็เ ป น ก ุศ ล . บ ุค ค ล ผู ไ ม โ ล ภ แ ล ว ประกอบกรรมใดทางกาย ทางวาจา ทางใจ; แม กรรมนั้ น ก็ เป น กุ ศ ล. บุค คล ผู ไ ม โลภ ไม ถู ก ความโลภครอบงํ า มี จิ ต อั น ความโลภไม ก ลุ ม รุ ม แล ว ไม ทํ า ความ ทุ ก ข ใ ห แ ก ผู อื่ น โดยที่ ไ ม ค วรจะมี ด ว ยการฆ า บ า ง ด ว ยการจองจํ า บ า ง ด ว ยการ ให เ สื่ อ มเสี ย บ า ง ด ว ยการติ เ ตี ย นบ า ง ด ว ยการขั บ ไล บ า ง โดยการถื อ ว า เรามี กํ า ลัง เหนือ กวา ดัง นี ้; แม ก รรม นี ้ ก็เ ปน กุศ ล : กุศ ล ธรรม เปน อเนก ที่ เกิ ด จากความไม โ ลภ มี ค วามไม โ ลภเป น เหตุ มี ค วามไม โ ลภเป น สมุ ทั ย มี ค วาม ไมโลภเปนปจจัย เหลานี้ ยอมเกิดขึ้นแกบุคคลนั้น ดวยอาการอยางนี้.
www.buddhadasa.info (ในกรณี แ ห ง อโทสะ และ อโมหะ ก็ ไ ด ต รั ส ไว ด ว ยข อ ความทํ า นองเดี ย วกั น กั บ ใน กรณีแหง อโลภะ อยางที่กลาวไดวาทุกตัวอักษร ผิดกันแตชื่อเทานั้น).
ภ ิก ษ ุ ท .! บ ุค ค ล ช น ิด นี ้นั ้น ค วรถูก เรีย ก วา เป น ก าล ว าท ีบ า ง ภู ต วาที บ า ง อั ต ถวาที บ า ง ธั ม มวาที บ า ง วิ น ยวาที บ า ง. เพราะเหตุ ไรจึ ง ควร ถูก เรีย กอยา งนั ้น ? เพราะเหตุว า บุค คลนี ้ ไมทํ า ความทุก ขใ หแ กผู อื ่น โดยที่ ไม ค วรจะมี ด ว ยการฆ า บ า ง ด ว ยการจองจํ า บ า ง ด ว ยการให เสื่ อ มเสี ย บ า ง ด ว ย การติ เ ตี ย นบ า ง ด ว ยการขั บ ไล บ า ง โดยการถื อ ว า เรามี กํ า ลั ง เหนื อ กว า ดั ง นี้ ; และเมื่อ เขาถูกกลาวหาอยูดวยเรื่องที่เปนจริง ก็ยอมรับไมบิดพลิ้ว ; เมื่อ ถูก
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๐๙
กลาวหาอยูดวยเรื่องไมเปนจริง ก็พยายามที่จะทําใหแจงชัด ออกมาวา นั่นไมตรง นั่ น ไม จ ริ ง อย า งนี้ ๆ. เพราะเหตุ นั้ น บุ ค คลนี้ จึ ง ควรถู ก เรี ย กว า เป น กาลวาที บาง ภูตวาทีบาง อัตถวาทีบาง ธัมมวาทีบาง วินยวาทีบาง. ภิก ษุ ท! อกุศ ลธรรมอัน ลามกซึ ่ง เกิด แตค วามโลภ อัน บุค คลนี้ ละขาดแล ว โดยกระทํ า ให เหมื อ นต น ตาลมี ขั้ ว ยอดอั น ด ว น (ซึ่ งหมายความว ามี การตั ด ความโลภอั น เป น มู ล แห ง อกุ ศ ลธรรมนั้ น ด ว ย) ถึ ง ความไม มี ไ ม เ ป น มี อั น ไม เ กิ ด ขึ้ น ได อี ก ต อ ไปเป น ธรรมดา. เขาย อ มอยู เ ป น สุ ข ไม มี ค วามลํ า บากไม มี ค วามคั บ แค น ความเรา รอ น ใน ทิฏ ฐธรรม นี ้เทีย ว, ยอ ม ปริน ิพ พานในทิฏ ฐธรรม นั ่น เทีย ว (ทิฏ เ วธมฺเ ม ปริน ิพ ฺพ ายติ). (ในกรณีแ หง ความโกรธและความหลง ก็ไ ดต รัส ไวโ ดย ขอความทํานองเดียวกันกับในกรณีแหง ความโลภ ตางกันแตชื่อเทานั้น).
ภิ ก ษุ ท.! เปรี ย บเหมื อ นต น ไม ใ หญ ๆ เช น ต น สาละ ต น ธวะ หรื อ ต น ผั น ทนะก็ ดี ถู ก เครื อ เถามาลุ ว าสามชนิ ด ขึ้ น คลุ ม แล ว รึ ง รั ด แล ว . ลํ า ดั บ นั้ น บุ รุ ษ ถื อ เอาจอบและตะกร า มาแล ว ตั ด เครื อ เถามาลุ ว านั้ น ที่ โคน ครั้ น ตั ด ที่ โคนแล ว ก็ ขุ ด เซาะ ครั้ น ขุ ด เซาะแล ว ก็ รื้ อ ขึ้ น ซึ่ ง รากทั้ ง หลายแม ที่ สุ ด เพี ย งเท า ก า นแฝก. บุ รุ ษ นั้ น ตั ด เครื อ เถามาลุ ว านั้ น เป น ท อ นน อ ยท อ นใหญ ครั้ น ตั ด ดั ง นั้ น แล ว ก็ ผ า ครั้ น ผ า แล ว ก็ ก ระทํ า ให เป น ซี ก ๆ ครั้ น ทํ า ให เป น ซี ก ๆ แล ว ก็ ผึ่ ง ให แ ห ง ในลมและ แดด ครั้ น ผึ่ ง ให แ ห ง แล ว ก็ เ ผาด ว ยไฟ ครั้ น เผาแล ว ก็ ทํ า ให เ ป น ขี้ เ ถ า ครั้ น ทํ า ให เป น ขี้ เถ า แล ว ก็ โ ปรยไปตามลมอั น พั ด จั ด หรื อ ให ล อยไปในกระแสน้ํ า อั น เชี่ ย ว. ภิ กษุ ท .! เค รื อ เถาม าลุ ว าเห ล า นั้ น มี รากอั น ถอนขึ้ น แล ว ถู ก ระทํ าให เป น เหมื อ นต น ตาลมี ขั้ ว ยอดอั น ด ว น ถึ ง ความไม มี ไม มี เป น ไม เกิ ด ขึ้ น ได อี ก ต อ ไปเป น ธรรมดา, ขอนี้ฉันใด ;
www.buddhadasa.info
๕๑๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! ข อ นี้ ก็ ฉั น นั้ น เหมื อ นกั น : อกุ ศ ลธรรมอั น ลามกซึ่ ง เกิ ด แต ค วามโลภ อั น บุ ค คลนี้ ล ะขาดแล ว กระทํ า ให เหมื อ นต น ตาลมี ขั้ ว ยอดอั น ด ว น ถึ ง ความไม มี ไม เป น มี อั น ไม เกิ ด ขึ้ น ได อี ก ต อ ไปเป น ธรรมดา. เขาย อ มอยู เป น สุ ข ไม มี ค วามลํ า บาก ไม มี ค วามคั บ แค น ความเร า ร อ น ในทิ ฏ ฐธรรมนี้ เที ย ว, ย อ ม ปริน ิพ พานในทิฏ ฐธรรมนั ่น เทีย ว. (ในกรณีแ หง ความโกรธ และความหลง ก็ไ ดต รัส ไวโดยขอความทํานองเดียวกัน อยางที่กลาวไดวาทุกตัวอักษร ตางกันแตชื่อเทานั้น).
ภิกษุ ท.! เหลานี้แล กุศลมูล ๓ อยาง. - ติก. อํ. ๒๐/๒๖๐/๕๐๙.
ปรินิพพานเฉพาะตน ผลแหงการถอนความมั่นหมายในธรรมทั้งปวง โดยความหมายสี่สถาน ภิ กษุ ท.! เราจั กแสดง "ปฏิ ป ทาอั น สมควรแก ก ารเพิ ก ถอนความ มั่ น หมายทั้ ง ปวง" แก พ วกเธอ. พวกเธอจงฟ ง จงทํ า ในใจให ดี เราจั ก กล า ว. ปฏิ ป ทาอั น สมควรแก การเพิ ก ถอนความมั่ น หมายทั้ งปวง เป น อย างไรเล า? ภิ ก ษุ ท.! ภิกษุในกรณีนี้ :-
www.buddhadasa.info ไม มั่ น หมาย ซึ่ ง จั กษุ ไม มั่ นหมาย ในจักษุ ไม มั่ นหมาย โดย ความ เปนจักษุ ไมมั่นหมายจักษุ วาของเรา; ไม มั่ น หมาย ซึ่ ง รู ป ท. ไม มั่ น หมาย ใน รู ป ท.! ไม มั่ น หมาย โดย ความเปนรูป ท. ไมมั่นหมายรูป ท. วาของเรา;
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๑๑
ไม มั่ น หมาย ซึ่ ง จั ก ขุ วิ ญ ญาณ ไม มั่ น หมายในจั ก ขุ วิ ญ ญาณ ไม มั่ น หมาย โดย ความเปนจักขุวิญญาณไมมั่นหมายจักขุวิญญาณ วาของเรา; ไม มั่ น หมาย ซึ่ ง จั ก ขุ สั ม ผั ส ไม มั่ น หมาย ใน จั ก ขุ สั ม ผั ส ไม มั่ น หมาย โดย ความเปนจักขุสัมผัสไมมั่นหมายจักขุสัมผัส วาของเรา; ไม มั่ น หมาย ซึ่ ง เวท น า ไม มั่ น หมายใน เวทนา ไม มั่ น หมาย โด ย ความเป น เวทนาไม มั่ น หมายเวทนา ว า ของเรา ซึ่ ง เป น เวทนาอั น เกิ ด จากจั ก ขุ สัมผัสเปนปจจัย อันเปนสุขก็ตาม เปนทุกขก็ตาม อันเปนอทุกขมสุขก็ตาม. (ในกรณี แห ง หมวด โสตะ มานะ ชิ ว หา กายะ และ มนะ ก็ ไ ด ต รั ส ไว ด ว ยข อ ความทํ า นองเดีย วกัน กับ ขอ ความในกรณ ีแ หง หมวดจัก ษุข า งบนนี ้ ทุก ตัว อัก ษร ตา งกัน แตชื ่อ เทานั้น).
ไม มั่ น หมายซึ่ ง สิ่ ง ทั้ ง ปวง ไม มั่ น หมายในสิ่ ง ทั้ ง ปวง ไม มั่ น หมาย โดยความเปนสิ่งทั้งปวงไมมั่นหมายสิ่งทั้งปวง วาของเรา. ภิก ษุ นั ้น เมื ่อ ไมมั ่น หมายอยู อ ยา งนี ้ ก็ไ มถ ือ สิ ่ง ใด ๆ ในโลก, เมื ่อ ไมถ ือ มั ่น ก็ไ มส ะดุ ง , เมื ่อ ไมส ะดุ ง ก็ป ริน ิพ านเฉพาะตน (ปจฺจ ตฺต ํ ปรินิพ ฺพ ายติ) นั ่น เทีย ว. เธอนั ้น ยอ ม รู ช ัด วา "ชาติสิ ้น แลว พรหมจรรยอ ยู จบแลว กิจ ที่ค วรทํา ไดสํา เร็จ แลว กิจ อื่น ที่จ ะตอ งทํา เพื ่อ ความเปน อยา งนี้ มิไดมีอีก" ดังนี้.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! นี้ แ ล คื อ "ปฏิ ป ทาอั น สมควรแก ก ารเพิ ก ถอนความมั่ น หมายทั้งปวงนั้น". - สฬา. สํ. ๑๘/๒๖/๓๓.
๕๑๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
(ในสู ต รถั ด ไป เมื่ อ ได ต รั ส ข อ ความอย า งเดี ย วกั น กั บ ในสู ต รข า งบนนี้ ค รบทั้ ง หก อ าย ต น ะ แ ลว ซึ ่ง ใน ต อน ทา ยแ หง อาย ต ะห ม วด ห นึ ่ง ๆ นั ้น ได ต รั ส ขอ ค วาม เพิ ่ ม เติม ต อ ไปอีก ดั ง ข อ ความข า งล า งนี้ แ ละได ท รงเรี ย กชื่ อ ปฏิ ป ทานี้ เสี ย ใหม ว า "ปฏิ ป ทาเป น เครื่ อ งสะดวก แกการเพิกถอนเสียซึ่งความมั่นหมายทั้งปวง" :-)
ภิก ษุ ท.! ก็ภ ิก ษุย อ มมั ่น หมาย ซึ ่ง สิ ่ง ใด มั ่น หมาย ใน สิ ่ง ใด มั่ น หมาย โดย ความเป น สิ่ ง ใดมั่ น หมายสิ่ ง ใด ว า ของเรา, สิ่ ง ที่ เขามั่ น หมายนั้ น ยอมเปนโดยประการอื่นจากที่เขามั่นหมายนั้น. สัตวโลกผูของอยูในภพ เพลิดเพลิน อยู ใ นภพนั ่น แหละ จัก เปน ผู ม ีค วามเปน โดยประการอื ่น . (ขอ ความตอ ไปนี้ ไดตรัสหลังจากตรัสขอความในหมวดที่หก คือหมวดมนายตนะจบแลว :-)
ภ ิก ษ ุ ท .! ขัน ธ ธาตุ อ ายต น ะ มีอ ยู ม ีป ระม าณ เทา ใด ; ภ ิก ษุ ยอ ม ไม มั่ น หมายแม ซึ่ งขั น ธ ธาตุ อายตนะ นั้ น ไม มั่ นหมายแม ใน ขัน ธธาตุ อายตนะนั้ น ไม มั่ น หมายแม โดย ความเป น ขั น ธ ธ าตุ อ ายตนะนั้ น ไม มั่ น หมาย ขัน ธธ าตุอ ายตนะนั ้น วา ของเรา. ภิก ษุนั ้น เมื ่อ ไมมั ่น หมายอยู อ ยา งนี ้ ก็ไ ม ถื อ มั่ น สิ่ งใด ๆ ในโลก, เมื่ อ ไม ถื อ มั่ น ก็ ไม ส ะดุ ง, เมื่ อ ไม ส ะดุ งก็ ป รินิ พ พาน เฉพาะตนนั่ น เที ย ว, เธอนั้ น ย อ มรู ชั ด ว า "ชาติ สิ้ น แล ว พรหมจรรย อ ยู จ บแล ว กิ จ ที่ ค วรทํ า ได ทํ า สํ า เร็ จ แล ว กิ จ อื่ น ที่ จ ะต อ งทํ า เพื่ อ ความเป น อย า งนี้ มิ ไ ด มี อี ก " ดังนี้.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! นี้ แ ล คื อ "ปฏิ ป ทาเป น เครื่ อ งสะดวกแก ก ารเพิ กถอน ความมั่นหมายทั้งปวงนั้น. - สฬา. สํ. ๑๘/๒๘/๓๔.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๑๓
(คํ าว า ถอนความมั่ น หมายโดยความหมายสี่ สถาน นั้ น คื อ ๑ .ไม มั่ นหมายถึ งสิ่ งนั้ น ๒. ไมมั ่น ห ม ายใน สิ ่ง นั ้น ๓. ไมมั ่น ห ม ายโด ยเป น สิ ่ง นั ้น ๔. ไมมั ่น ห ม ายวา สิ ่ง นั ้น ของเรา ดังนี้. สํ าหรั บ ปฏิ ป ทาเป น เครื่ อ งสะดวกแก การเพิ ก ถอนความมั่ น หมายถึ งสิ่ งทั้ งปวงนี้ ในสู ต ร ถั ด ไป (๑๘/๒๙/๓๕) ทรงแสดงไว ด ว ยวิ ธี ป ฏิ บั ติ อ ย า งเดี ย วกั น กั บ ที่ ท รงแสดงในอนั ต ตลั ก ขณ สู ต ร อัน เปน สูต รที ่ศ ึก ษ ากัน อ ยู อ ยา งแ พ รห ล าย จึง ไมนํ า ม าแ ป ล ใสไ วใ น ที ่นี ้. โด ย ใจค วาม นั ้น คื อ พระองค ต รั ส เริ่ ม ด ว ยทรงสอบถาม แล ว พระภิ ก ษุ ทู ล ตอบ แล ว ตรั ส ว า อริ ย สาวกเห็ น อย า งนี้ แ ล ว ยอ มเบื ่อ หนา ย คลายกํ า หนัด หลุด พน และเปน อรหัน ตใ นที ่ส ุด ; ซึ ่ง ชื ่อ ธรรมแตล ะอยา ง ๆ ที่ ท รงยกขึ้ น สอบถามนั้ น คื อ อายตนะภายในหก อายตนะภายนอกหก วิ ญ ญาณหก สั ม ผั ส หก และเวทนาหก, รวมเป น ชื่ อ ธรรมที่ ท รงยกขึ้ น ถาม สามสิ บ ; และทรงเรี ย กการปฏิ บั ติ ร ะบบนี้ ว า (ปฏิปทาเปนเครื่องสะดวกแกการเพิกถอนความมั่นหมายถึงสิ่งทั้งปวง").
หยุดถือมั่น - หยุดหวั่นไหว ภิ กษุ ท .! ใน กาล ใด อ วิ ช ชาขอ งภิ กษุ ดั บ ไป วิ ช ชาเกิ ด ขึ้ น แล ว. เพราะอวิ ช ชาหายไป วิ ช ชาเกิ ด ขึ้ น นั้ น แหละ, ภิ ก ษุ นั้ น ย อ มไม ทํ า ความยึ ด มั่ น ในกามใหเ กิด ขึ ้น , ไมทํ า ความยึด มั ่น ดว ยทิฏ ฐิใ หเ กิด ขึ ้น , ไมทํ า ความยึด มั ่น ในศีลและวัตรใหเกิดขึ้น และไมทําความยึดมั่นวาตัวตนใหเกิดขึ้น.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! เมื่ อ ไม ทํ า ความยึ ด มั่ น ทั้ ง หลายให เกิ ด ขึ้ น ย อ มไม ห วั่ น ใจไปตามสิ่ง ใด ๆ, เมื่อ ไมห วั่น ใจ ยอ มดับ สนิท เฉพาะตนโดยแท. ภิก ษุนั้น ยอ มรู ช ัด วา "ชาติสิ ้น แลว , พรหมจรรยอ ยู จ บแลว , กิจ ที ่ต อ งทํ า ไดทํ า สํ า เร็จ แลว, กิจอื่นที่จะตองทําเพื่อการทําที่สุดทุกขเชนนี้ มีไดมีอีกตอไป ; ดังนี้แล.
- มู. ม. ๑๒/๑๓๕/๑๕๘.
๕๑๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ความไมสะดุงหวาดเสียว เพราะไมมีอุปาทาน ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดง .... ความไม ส ะดุ ง หวาดเสี ย วเพราะไม มี อุ ป าทาน แก พ วกเธอ. เธอทั้ ง หลาย จงฟ ง ความข อ นั้ น จงทํ า ในใจให สํ า เร็ จ ประโยชน เราจักกลาวบัดนี้ .... ภิ ก ษุ ท.! ความไม ส ะดุ งหวาดเสี ยวเพราะไม มี อุ ป าทานนั้ น เป น อยางไรเลา ? ภิ ก ษุ ท.! ในกรณี นี้ อริ ย สาวกผู มี ก ารสดั บ ได เ ห็ น พระอริ ย เจ า เป น ผู ฉ ลาดในธรรมของพระอริ ย เจ า ได รั บ การแนะนํ า ในธรรมของพระอริ ย เจ า , ได เห็ น สั ต บุ รุ ษ เป น ผู ฉ ลาดในธรรมของสั ต บุ รุ ษ ได รั บ การแนะนํ า ในธรรมของ สัตบุรุษ, ยอม ไมต ามเห็ นอยูเป น ประจําซึ่งรูป โดยความเป น ตน บาง ยอมไม ตามเห็ น อยู เป น ประจํ า ซึ่ งตนว า มี รู ป บ า ง ย อ มไม ต ามเห็ น อยู เป น ประจํ า ซึ่ ง รูป ใน ตนบา ง ยอ มไมต ามเห็น อยู เ ปน ประจํ า ซึ ่ง ตนในรูป บา ง; แมร ูป นั ้น แปรปรวน ไป เปน ความมีโ ดยประการอื ่น แกอ ริย สาวกนั ้น วิญ ญาณของอริย สาวกนั ้น ก็ ไม เป น วิ ญ ญาณที่ เปลี่ ย นแปลงไปตามความแปรปรวนของรูป เพราะความแปรปรวนของรู ป ได มี โ ดยประการอื่ น ; (เมื่ อ เป น เช น นั้ น ) ความเกิ ด ขึ้ น แห ง ธรรม เป น เครื่ อ งสะดุ ง หวาดเสี ย ว ซึ่ ง เกิ ด มาจากควาเปลี่ ย นแปลงไปตามความแปรปรวนของรูป ย อ มไม ค รอบงํ าจิ ต ของอริย สาวกนั้ น ตั้ งอยู , เพราะความที่ จิ ต ไม ถู ก ครอบงําด วยธรรมเป น เครื่องสะดุ งหวาดเสี ย ว อริยสาวกนั้ น ก็ ไม เป น ผู ห วาดสะดุ ง ไมคับแคน ไมพะวาพะวัง และ ไมสะดุงหวาดเสียวอยูเพราะไมมีอุปาทาน.
www.buddhadasa.info (ในกรณี ที่ เกี่ ย วกั บ การตามเห็ น เวทนา สั ญ ญา สั งขาร และวิญ ญาณ ก็ ได ต รัส ไวดวยขอความทํานองเดียวกันกับในกรณีแหง รูป ขางบนนี้ทุกประการ ผิดกันแตชื่อขันธเทานั้น)
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๑๕
ภิ ก ษุ ท.! ความไม ส ะดุ ง หวาดเสี ย วเพราะไม มี อุ ป าทาน ย อ มมี ไ ด ดวยอาการอยางนี้ แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๐, ๒๒-๒๓/๓๑,๓๓.
ความไมสะดุงหวาดเสียวเพราะไมมีอุปาทาน (อีกนัยหนึ่ง) ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดง .... ความไม ส ะดุ ง หวาดเสี ย วเพราะไม มี อุ ป าทาน แก พ วกเธอ. เธอทั้ ง หลายจงฟ ง ความข อ นั้ น จงทํ า ในใจให สํ า เร็ จ ประโยชน เราจักกลาวบัดนี้. .... ภิ ก ษุ ท.! ความไม ส ะดุ ง หวาดเสี ย วเพราะไม มี อุ ป าทานนั้ น เป น อยางไรเลา ? ภิ ก ษุ ท.! ในกรณี นี้ อริ ย สาวกผู มี ก ารสดั บ ย อ ม ตามเห็ น อยู เ ป น ประจํา ซึ่ง รูป วา "นั ่น ไมใ ชข องเรา นั่น ไมใ ชเ รา นั่น ไมใ ชอ ัต ตาของเรา" ดั ง นี้ . แม รู ป นั้ น ย อ ม แป รป รวนย อ มเป นโดยประการอื่ น แก อ ริ ย สาวกนั้ น , เพราะความแปรปรวนเป น โดยประการอื่ น แห ง รู ป โสกะปริ เทวะ-ทุ ก ขะโทมนั ส สะ อุ ป ายาสทั้ ง หลาย ก็ ย อ มไม เ กิ ด ขึ้ น แก อ ริ ย สาวกนั้ น . (ในกรณี แ ห ง เวทนา สั ญ ญ า
www.buddhadasa.info สังขาร และวิญญาณ ก็มีขอความที่ตรัสเหมือนกับในกรณีแหง รูป).
ภิ ก ษุ ท.! ความไม ส ะดุ ง หวาดเสี ย วเพราะไม มี อุ ป าทาน ย อ มมี ไ ด ดวยอาการอยางนี้ แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๔/๓๔, ๓๕.
๕๑๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ลําดับแหงโลกิยสุข (ซึ่งยังไมถึงนิพพาน) อานนท ! กามคุ ณ มี ๕ อย า ง, ห า อย า งเหล า ไหนเล า ? ห า อย า ง คือ รูป ทั ้ง หลายที ่เ ห็น ไดท างตาก็ด ี, เสีย งทั ้ง หลายที ่ฟ ง ไดท างหูก ็ด ี, กลิ ่น ทั้ ง หลายที่ ด มรู ไ ด ท างจมู ก ก็ ดี , รสทั้ ง หลายที่ ลิ้ ม ได ท างลิ้ น ก็ ดี , และโผฏฐั พ พะที่ สัม ผัส รู ท างผิว กายก็ด ี, อัน เปน สิ ่ง ที ่น า ปรารถนา นา รัก ใคร นา พอใจ ที ่ย วน ตายวนใจให รั ก เป น ที่ เข าไปตั้ งอาศั ย อยู แห งความใคร เป น ที่ ตั้ งแห งความกํ าหนั ด ยอมใจมีอยู. อานนท! เหลานี้แล คือ กามคุณ ๕ อยาง. อาน น ท ! สุ ข โส ม นั ส ใด อ าศั ยกาม คุ ณ ห าเห ล านี้ บั งเกิ ด ขึ้ น ; อานนท ! สุข โสมนัสนั้นเราเรียกวา "กามสุข". อานนท ! ชนเหลา ใดก็ต าม จะพึง กลา วอยา งนี ้ว า "สัต วทั ้ง หลาย ที่ ได เสวยเฉพาะซึ่ งกามสุ ข ย อมอยู ในฐานะได บรมสั นติ บรมสุ ข บรมโสมนั ส" ดั งนี้ . อานนท ! เรา ตถาคตไม ย อมรั บ รองคํ า กล า วเช น นั้ น ของชนเหล า นั้ น . ข อ นี้ เพราะเหตุไ ร ? อานนท! เพราะเหตุว า สุข อยา งอื ่น ที ่เ หนือ กวา ประณีต กวา กวากามสุขนั้นยังมีอยู.
www.buddhadasa.info อานนท ! สุ ข อย า งอื่ น ที่ เหนื อ กว า ประณี ต กว า กว า กามสุ ข นั้ น เปน อยา งไรเลา ? อานนท! ภิก ษุใ นธรรมวิน ัย นี ้ เพราะสงัด จากกาม และ สงัด จากอกุ ศ ลธรรมทั้ งหลาย จึ ง บรรลุ ฌ านที่ ห นึ่ ง ซึ่ งมี วิ ต กวิ จ าร มี ป ติ แ ละสุ ข อันเกิดแตวิเวกแลวแลอยู. อานนท ! นี้แลคือความสุขชนิดที่เปนอยางอื่น
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๑๗
ที ่เ หนือ กวา ประณ ีต กวา กวา กามสุข นั ้น . อานนท ! แตแ มก ระนั ้น ถา ชน เหล าใดจะพึ งกล าวอย างนี้ ว า "สั ตว ทั้ งหลายที่ ได เสวยเฉพาะซึ่ งสุ ขอั นเกิ ดแต ปฐมฌาน ย อ มอยู ใ นฐานะได บ รมสั น ติ บรมสุ ข บรมโสมนั ส " ดั ง นี้ . อานนท ! เราไม ย อม รับ รอ งคํ า ก ลา วเชน นั ้น ขอ งชน เห ลา นั ้น . ขอ นี ้ เพ ราะเห ตุไ ร ? อ าน น ท ! เพราะเหตุ ว า สุ ข อย า งอื่ น ที่ เหนื อ กว า ประณี ตกว า กว า ความสุ ข อั น เกิ ด แต ปฐมฌานนั้น ยังมีอยู. อานนท ! สุขอยางอื่น ที่เหนือกวา ประณี ตกวา กวาความสุขอัน เกิด แตป ฐม ฌ าน นั ้น เปน อยา งไรเลา ? อานนท ! ภิก ษุใ นธรรมวิน ัย นี้ เพราะวิต กวิจ ารรํ า งับ จึง บรรลุถ ึง ฌานที ่ส อง อัน เปน เครื ่อ งผอ งใสในภายใน ทํ าให เกิ ด สมาธิ มี อ ารมณ อั น เดี ยวแห งใจ ไม มี วิ ตกวิ จาร มี แต ป ติ และสุ ขอั น เกิ ดแต สมาธิแ ลว แลอยู . อานนท ! นี ่แ ลคือ ความสุข ชนิด ที ่เ ปน อยา งอื ่น ที ่เ หนือ กว า ประณี ตกว า กว า ความสุ ข อั น เกิ ด แต ป ฐมฌ านนั้ น . อานนท ! แต แ ม กระนั้ นถ าชนเหล าใดจะพึ งกล าวอย างนี้ ว า "สั ตว ทั้ งหลายที่ ได เสวยเฉพาะซึ่ งสุ ขอั นเกิ ด แต ทุ ติ ย ฌาน ย อ มอยู ในฐานะได บ รมสั น ติ บรมสุ ข บรมโสมนั ส " ดั งนี้ . อานนท ! เราไม ยอม รั บ รองคํ า กล า วเช น นั้ น ของชน เห ล า นั้ น . ข อ นี้ เพ ราะเห ตุ ไ ร ? อานนท ! เพราะเหตุว า สุข อยา งอื ่น ที ่เ หนือ กวา ประณีต กวา กวา ความสุข อันเกิดแตทุติฌานนั้น ยังมีอยู.
www.buddhadasa.info อานนท ! สุขอยางอื่น ที่เหนือกวา ประณี ตกวา กวาความสุขอัน เกิด แตท ุต ิย ฌ าน นั ้น เปน อยา งไรเลา ? อานนท ! ภิก ษุใ นธรรมวิน ัย นี้ เพราะความจางคลายไปแห งป ติ เป น ผู อ ยู อุ เบกขา มี สิ ต สั ม ปชั ญ ญะ เสวยสุ ข อยู ดวยนามกาย จึง บรรลุฌานที่สาม เปนฌานที่พระอริยเจาทั้งหลายกลาววาผูบรรลุ
๕๑๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ฌ านนี ้ เปน ผู อ ยู อ ุเ บกขามีส ติอ ยู เ ปน ปรกติส ุข ดัง นี ้ แลว แลอยู . อานนท ! นี่ แ ลคื อ ความสุ ข ชนิ ด ที่ เ ป น อย า งอื่ น ที่ เหนื อ กว า ประณี ต กว า กว า ความสุ ข อั น เกิด แตท ุต ิย ฌ านนั ้น . อานนท ! แตแ มก ระนั ้น ถา ชนเหลา ใดจะพึง กลา วอยา ง นี้ วา "สั ตวทั้ งหลาย ที่ ได เสวยเฉพาะซึ่ งสุ ขอั นเกิ ดแต ตติ ยฌาน ย อยอยู ในฐานะได บรมสั นติ บ รม สุข บ รม โส ม นัส " ดัง นี ้. อานนท ! เราไมย อม รับ รอ งคํ า กลา วเชน นั ้น ข อ ง ช น เห ล า นั ้ น . ข อ นี ้ เพ ร า ะ เห ต ุ ไ ร ? อ า น น ท ! เพ ร า ะ เห ต ุ ว า สุ ข อยางอื่น ที่เหนือกวา ประณีตกวากวาความสุขอันเกิดแตตติยฌานนั้น ยังมีอยู. อานนท ! สุ ข อย า งอื่ น ที่ เหนื อ กว า ประณี ต กว า กว า ความสุ ข อั น เกิด แ ต ต ติย ฌ าน นั ้น เปน อ ยา งไรเลา ? อ าน น ท! ภิก ษุใ น ธรรม วิน ัย นี้ เพ ราะละสุ ข เสี ย ได และเพ ราะละทุ กข เ สี ย ได , เพ ราะความ ดั บ หายไป แห ง โสมนัส และโทมนัส ในกาลกอ น, จึง บรรลุฌ านที ่สี ่ อัน ไมม ีท ุก ขไ มม ีส ุข มี แตค วามที ่ส ติเ ปน ธรรมชาติบ ริส ุท ธิ ์เ พราะอุเ บกขา แลว แลอยู . อานนท ! นี่ แล คื อ ความสุ ข ชนิ ด ที่ เ ป น อย า งอื่ น ที่ เหนื อ กว า ประณี ต กว า กว า ความสุ ข อั น เกิด แตต ติย ฌ าน นั ้น . อ าน น ท ! แตแ มก ระนั ้น ถา ชน เห ลา ใด จะพ ึง กลา ว อย างนี้ ว า "สั ตว ทั้ งหลาย ที่ ได เสวยเฉพาะซึ่ งสุ ขอั นเกิ ดแต จตุ ตถฌาน ย อมอยู ในฐานะได บรมสัน ติ บรมสุข บรมโสมนัส " ดัง นี ้. อานนท ! เราไมย อมรับ รองคํ า กลา ว เชน นั ้น ข อ งชน เห ลา นั ้น . ขอ นี ้ เพ ราะ เห ตุไ ร ? อ าน น ท ! เพ ราะ เห ตุว า สุขอยางอื่นที่เหนือกวา ประณีตกวา กวาความสุขอันเกิดแตจตุตถฌานนั้น ยังมีอยู.
www.buddhadasa.info อานนท ! สุ ข อย า งอื่ น ที่ เหนื อ กว า ประณี ต กว า กว า ความสุ ข อั น เกิดแตจตุตถฌาน นั้นเปนอยางไรเลา ? อานนท! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ,
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๑๙
เพราะผ า นพ น รู ป สั ญ ญ าเสี ย ได โดยประการทั้ ง ปวง, เพราะความตั้ ง อยู ไ ม ไ ด แหง ปฏิฆ สัญ ญ า, เพราะไมทํ า ในใจซึ ่ง นานัต ตสัญ ญ า จึง บรรลุอ ากาสานั ญ จายตนะ อั น มี ก ารทํ า ในใจว า "อากาศไม มี ที่ สิ้ น สุ ด ๆ" ดั ง นี้ แล ว แลอยู . อานนท ! นี่ แ ลคื อ ความสุ ข ชนิ ด ที่ เ ป น อย า งอื่ น ที่ เ หนื อ กว า ประณี ตกว า กว า ความสุข อัน เกิด แตจ ตุต ถฌ านนั ้น . อานนท ! แตแ มก ระนั ้น ถา ชนเหลา ใด จะพึ งกล าวอย างนี้ ว า "สั ตว ทั้ งหลายที่ ได เสวยเฉพาะซึ่ งสุ ขอั นเกิ ดแต อากาสานั ญจายตนฌาน ย อ มอยู ใ นฐานะได บ รมสั น ติ บรมสุ ข บรมโสมนั ส " ดั ง นี้ . อานนท ! เราไม ย อม รับ รอ งคํ า ก ลา วเชน นั ้น ข อ งช น เห ลา นั ้น . ขอ นี ้ เพ ราะ เห ต ุไ ร ? อ าน น ท ! เพราะเหตุ ว า ความสุ ข อย า งอื่ น ที่ เหนื อ กว า ประณี ต กว า กว า ความสุ ข อั น เกิ ด แต อากาสานัญจายตนฌานนั้น ยังมีอยู. อานนท ! สุขอยางอื่นที่เหนือกวา ประณี ตกวา กวาความสุขอันเกิด แต อ ากาสานั ญ จายตนะฌาน นั้ น เป น อย า งไรเล า ? อานนท ! ภิ ก ษุ ใ นธรรมวิ นั ย นี้ , เพราะผ า นพ น อากาสานั ญ จายตนะเสี ย ได โ ดยประการทั้ ง ปวง จึ ง บรรลุ วิ ญ ญาณนั ญ จายตนะ อั น มี ก ารทํ าในใจว า "วิ ญ ญาณไม มี ที่ สิ้ น สุ ด ๆ" ดั งนี้ แล ว แลอยู . อานนท! นี ่แ ลคือ ความสุข ชนิด ที ่เ ปน อยา งอื ่น ที ่เ หนือ กวา ประณ ีต กว า กว า ความสุ ข อั น เกิ ด แต อ ากาสานั ญ จายตนะฌ านนั้ น . อานนท ! แต แ ม กระนั้ น ถ าชนเหล าใดจะพึ งกล าวอย างนี้ ว า "สั ต ว ทั้ งหลายที่ ได เสวยเฉพาะซึ่ งสุ ขอั น เกิ ดแต วิ ญญาณั ญจายตนฌาน ย อมอยู ในฐานะได บรมสั นติ บรมสุ ข บรมโสมนั ส" ดั งนี้ . อานนท ! เราไมย อมรับ รองคํ า กลา วเชน นั ้น ของชนเหลา นั ้น . ขอ นี ้ เพ ราะ เหตุไ ร ? อานนท ! เพราะเหตุว า ความสุข อยา งอื ่น ที ่เ หนือ กวา ประณ ีต กวา กวาความสุขอันเกิดแตวิญญาณนัญจายตนฌานนั้น ยังมีอยู.
www.buddhadasa.info
๕๒๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
อานนท ! สุขอยางอื่นที่เหนือกวา ประณีตกวา กวาความสุขอันเกิด แตว ิญ ยาณัญ จายตนฌาน นั ้น เปน อยา งไรเลา ? อานนท ! ภิก ษุใ นธรรมวิ นั ย นี้ , เพราะผ า นพ น วิ ญ ญาณั ญ จายตนะเสี ย ได โดยประการทั้ ง ปวง จึ ง บรรลุ อากิ ญ จั ญ ญ ายตนะ อั น มี ก ารทํ า ในใจว า "อะไร ๆ ไม มี ดั ง นี้ แล ว แลอยู . อานนท ! นี่ แ ลคื อ ความสุ ข ชนิ ด ที่ เป น อย า งอื่ น ที่ เหนื อ กว า ประณี ต กว า กว า ความสุ ข อั น เกิ ด แต วิ ญ ญาณนั ญ จายตนฌานนั้ น . อานนท ! แต แ ม ก ระนั้ น ถ า ชนเหลาใดจะพึงกลาวอยางนี้วา "สัตวทั้งหลายที่ไดเสวยเฉพาะซึ่งสุขอันเกิดแตอากิญจัญญายตนฌาน ยอมอยูในฐานะไดบรมสันติ บรมสุข บรมโสมนั ส" ดั งนี้. อานนท ! เราไม ย อมรั บ รองคํ า กล า วเช น นั้ น ของชนเหล า นั้ น ข อ นี้ เพ ราะเหตุ ไ ร ? อานนท ! เพราะเหตุ ว า สุ ข อย า งอื่ น ที่ เหนื อ กว า ประณี ต กว า กว า ความสุ ข อั น เกิดแตอากิญจัญายตนญาณนั้น ยังมีอยู. อานนท ! สุขอยางอื่นที่เหนือกวา ประณีตกวา กวาความสุขอันเกิด แต อ ากิ ญ จํ ญ ญายตนะฌาน นั้ น เป น อย า งไรเล า ? อานนท ! ภิ ก ษุ ใ นธรรมวินั ย นี้ , เพราะผ า นพ น อากิ ญ จั ญ ญายตนะเสี ย ได โดยประการทั้ งปวง จึ ง บรรลุ เนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนะ แล ว แลอยู อานนท ! นี่ แ ลคื อ ความสุ ข ชนิ ด ที่ เป น อย างอื่ น ที่ เหนื อกวา ประณี ตกวา กวาความสุ ขอั นเกิ ดแต อากิ ญจั ญญายนตนฌาน นั ้น . อานนท ! แตแ มก ระนั ้น ถา ชนเหลา ใดจะพึง กลา วอยา งนี ้ว า "สัต ว ทั้งหลายที่ไดเสวยเฉพาะซึ่งสุข อันเกิดแตเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน ยอมอยูในฐานะได บรมสัน ติ บรมสุข บรมโสมนัส " ดัง นี ้. อานนท! เราไมย อมรับ รองคํ า กลา ว เช น นั ้ น ของชนเหล า นั ้ น . ข อ นี ้ เ พราะเหตุ ไ ร ? อานนท ! เพ ราะเหตุ ว า สุ ข อย า งอื่ น ที่ เ หนื อ กว า ประณี ต กว า กว า ความสุ ข อั น เกิ ด แต เ นวสั ญ ญานาสัญญายตนฌานนั้น ยังมีอยู.
www.buddhadasa.info
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๒๑
อานนท ! สุขอยางอื่นที่เหนือกวา ประณีตกวา กวาความสุขอันเกิด แต เนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนะฌาน นั้ น เป น อย า งไรเล า ? อานนท ! ภิ ก ษุ ใน ธรรมวิน ัย นี ้, เพราะผา นพน เนวสัญ ญ านาสัญ ญ ายตนะเสีย ได โดยประการ ทั ้ง ปวง จึง บรรลุส ัญ ญาเวทยิต นิโ รธ แลว แลอยู . อานนท ! นี ่แ ลความสุข ที่ เป น อย า งอื่ น ที เหนื อ กว า ประณี ต กว า กว า ความสุ ข อั น เกิ ด แต เนวสั ญ ญานาสัญญายตนะฌานนั้น. อานนท ! สว นขอ นี ้ เปน ฐานะที ่จ ะมีไ ดค ือ ขอ ที ่พ วกปริพ าชก ทั้ งหลาย ผู ถื อลั ทธิ อื่ น จะพึ งกล าวอย างนี้ ว า "พระสมณะโคดม ได กล าวถึ งสั ญ ญาเวทยิ ตนิ โรธ, แล วจึ งบั ญญั ติ ซึ่ งสั ญญาเวทยิ ตนิ โรธนั้ น ในฐานะเป นความสุ ข. มั นจะ เป นความสุ ขชนิ ดไหนหนอ ? มั นจะเป นความสุ ขไปได อย างไรหนอ ?" อานนท ! พวก ปริ พ าชกผู ถื อ ลั ท ธิ อื่ น ซึ่ ง มี ป รกติ ก ล า วอย า งนี้ , เธอทั้ ง หลายจะพึ ง กล า วแก อย างนี้ วา "ผู มี อายุ ! พระผู มี พระภาค ไม ได หมายถึ งสุ ขเวทนา แล วบั ญญั ติ ในฐานะ เปนตัวความสุข. ผูมีอายุ ! แตวา ความสุข อันบุ คคลจะพึ งหาไดในธรรมใด ; พระตถาคตยอมบัญญัติซึ่งธรรมนั้น ในฐานะเปนความสุข" ดังนี้แล.
www.buddhadasa.info - สฬา. สํ. ๑๘/๒๗๘-๒๘๒/๔๑๓-๔๒๔.
หมายเหตุ :- การนํ าโลกิ ย สุ ข หรือ ความสุ ข ขั้ น ที่ ยั งต อ งมี เหตุ มี ป จ จั ย ทุ ก ระดั บ มาใส ไวในที่ นี้ ก็ เ พื่ อ เป น เครื่ อ งเปรี ย บเที ย บกั บ นิ พ พาน ซึ่ ง เป น ธรรมไม เ หตุ ไ ม มี ป จ จั ย และ อยู ใ นฐานยิ ่ง ไปกวา ความสุข , พระองคจ ึง ไดท รงนํ า มาเรีย บลํ า ดับ ไวใ นที ่นั ้น ในฐานะเปนความสุขชนิดหนึ่ง.
๕๒๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ธรรมเปนที่ดับ ตามลําดับ (ซึ่งยังไมถึงนิพพาน) (: อนุปุพพนิโรธ - อนุปุพพวิหาร - อนุปุพพวิหารสมาบัติ) ก. อนุปุพพนิโรธ เกา
ภิ ก ษุ ท.! อนุ ปุ พ พนิ โ รธ ๙ ประการ เหล า นี้ มี อ ยู . เก า ประการ อยางไรเลา ? เกาประการ คือ:(๑) เมื่อเขาถึงปฐมฌาน อามิสส (กาม) สัญญา ยอมดับ ; (๒) เมื่อเขาถึงทุติยฌาน วิตกและวิจาร ยอมดับ ; (๓) เมื่อเขาถึงตติยฌาน ปติ ยอมดับ ; (๔) เมื่อเขาถึงจตุตถฌาน อัสสาสะและปสสาสะ ยอมกับ ; (๕) เมื่อเขาถึงกาสานัญจายตนะ รูปสัญญา ยอมดับ ; (๖) เมื่อเขาถึงวิญญาณัญจายตนะ อากาสานัญจายตนสัญญายอมดับ ; (๗) เมื่อเขาถึงอากิญจัญญายตนะ วิญญาณัญจายตนสัญญายอมดับ ; (๘) เมื่อเขาถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะ อากิญจัญญายตน ยอมดับ ; (๙) เมื่อเขาถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ สัญญาและเวทนา ยอมดับ.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! เหลานี้แล อนุปุพพนิโรธ ๙ ประการ.
- นวก. อํ. ๒๓/๔๒๓/๒๓๕.
(ธรรมะหมวดนี้ แสดงถึ ง ธรรมที่ ต อ งดั บ ไปตามลํ า ดั บ ๆ แห ง การปฏิ บั ติ ร ะบบนี้ ดั ง นั้ น จึ ง ได ชื่ อ ว า อนุ ปุ พ พนิ โ รธเก า คื อ ธรรมที่ ดั บ ตามลํ า ดั บ ๙ ลํ า ดั บ , เป น หมวดธรรมที่ ต อ ง ศึก ษ ากอ น แ ต โ ด ย ยอ , ราย ล ะเอีย ด ห าด ูไ ดที ่ห ม วด ค .; ใน ที ่อื ่น (๒๓/๔๗๗/๒๖๓,๒๖๕) เป น คํ า ของพระอานนท แ สดงอนุ ปุ พ พป ส สั ท ธิ แ ละอนุ ปุ พ พนิ โ รธไว โดยความเป น รู ป ฌาน ๔ อรูปฌาน ๔ ในฐานะเปนอนุปุพพปสสัทธิและอนุปุพพนิโรธโดยปริยาย, และแสดงสัญญา-
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๒๓
เวท ยิต นิโ รธอัน สิ ้ น อาสวะไว ในฐาน ะเปน อนุป ุพ พ ปส สั ท ธิแ ละอนุป ุ พ พ นิ โ รธโดยป ริย าย โดยไมแ สดงไวอ ยา งละเอีย ดวา ฌานชื ่อ ไรระงับ หรือ ดับ เสีย ซึ ่ง ธรรมชื ่อ อะไรเหมือ นกับ ในสูต ร ขางบนนี้). ข. อนุปุพพวิหาร เกา
ภิ ก ษุ ท.! อนุ ปุ พ พวิ ห าร ๙ ประการ เหล า นี้ มี อ ยู . เก า ประการ อยางไรเลา ? เกาประการ คือ :(๑) ปฐมฌาน (๒) ทุติยฌาน (๓) ตติยฌาน (๔) จตุตถฌาน (๕) อากาสานัญจายตนะ (๖) วิญญาณัญจายตนะ (๗) อากิญจัญญายตนะ (๘) เนวสัญญานาสัญญายตนะ (๙) สัญญาเวทยิตนิโรธ. ภิกษุ ท.! เหลานี้แล อนุปุพพวิหาร ๙ ประการ.
www.buddhadasa.info - นวก. อํ. ๒๓/๔๒๔/๒๓๖. (ธรรมเก า ประการนี้ เรี ย กว า วิ ห ารธรรม คื อ ธรรมเป น เครื่ อ งอยู แ ห ง จิ ต เก า ลํ า ดั บ จึง ไดชื ่อ วา อนุป ุพ พวิห ารเกา . ยัง มีข อ ประหลาดที ่ว า ในบาลีบ างแหง ถึง กับ กลา ววา เขา อยู ในวิห ารธรรมนี ้ไ ดแ มใ นขณ ะแหง อิร ิย าบถทั ้ง สี ่ คือ นั ่ง นอน ยืน เดิน สํ า หรับ ๔ ขอ ขา งตน คือตั้งแตปฐมฌาน ถึงจตุตถฌาน. ติก. อํ. ๒๐/๒๓๔/๕๐๓).
๕๒๔
อริยสัจจากพระโอษฐ ค. อนุปุพพวิหารสมาบัติ เกา
ภิ ก ษุ ท.! เราจั ก แสดงซึ่ ง อนุ ปุ พ พวิ ห ารสมาบั ติ ๙ ประการ เหล า นี้ . เธอทั ้ง หลายจงฟง . ภิก ษุ ท.! อนุป ุพ พ วิห ารสมาบัต ิ ๙ ประการนั ้น เปน อยางไรเลา ? (๑) กามทั้ ง หลาย ย อ มดั บ ไปในที่ สุ ด , และชนเหล า ใด ยั ง กาม ทั้ งหลาย ให ดั บ ไป ๆ ในที่ ใด แล วแลอยู ; เรากล าวว า ผู มี อ ายุ เหล านั้ น หายหิ ว ดั บ เย็ น ข า มแล ว ถึ ง ฝ ง แล ว ด ว ยองค นั้ น ๆ ในที่ นั้ น แน แ ท . ถ า ผู ใ ดจะพึ ง กล า วถามอย า งนี้ ว า "กามทั้ ง หลาย ดั บ ไปในที่ ไ หน ? และชนเหล า ไหนยั ง กามทั ้ง หลายใหด ับ ไป ๆ ในที ่ไ หน แลว แลอยู ? ขา พเจา ไมรู ข อ นั ้น ไมเ ห็น ขอ นั ้น " ดัง นี ้ไ ซร; คํ า ตอบพึง มีแ กเ ขาวา "ผู ม ีอ ายุ! ภิก ษุใ นกรณีนี ้ สงัด แลว จากกามและอกุศลธรรมทั้งหลาย เขาถึงปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปติและ สุข อัน เกิด จากวิเวก แลว แลอยู . กามทั ้ง หลายดับ ไปในปฐมฌานนั ้น , และ ชนเหล า นั้ น ยั ง กามทั้ ง หลาย ให ดั บ ไป ๆ ในปฐมฌานนั้ น แล ว แลอยู " ดั ง นี้ . ภิ ก ษุ ท.! ใคร ๆ ที่ ไ ม เ ป น ผู โ อ อ วด ไม เป น ผู มี ม ายา พึ ง เพลิ ด เพลิ น อนุ โ มทนา ดว ยคํ า วา ส าธุ ดัง นี ้; ค รั ้น เพ ลิด เพ ลิน อนุโ ม ทน าดว ยคํ า ส าธุ ดัง นี ้แ ลว นอบนอมอยู จะประคองอัญชลีเขาไปหา โดยแนแท.
www.buddhadasa.info (๒) วิต กและวิจ ารทั ้ง หลาย ยอ มดับ ไปในที ่ใ ด, และชนเหลา ใด ยั งวิ ต กและวิ จ ารทั้ งหลาย ให ดั บ ไป ๆ ในที่ ใด แล วแลอยู ; เรากล าวว า ผู มี อ ายุ เหล า นั้ น หายหิ ว ดั บ เย็ น ข า มแล ว ถึ ง ฝ ง แล ว ด ว ยองค นั้ น ๆ ในที่ นั้ น แน แ ท . ถ า ผู ใ ด จะพึ ง กล า วถามอย า งนี้ ว า "วิ ต กและวิ จ ารทั้ ง หลาย ดั บ ไปในที่ ไ หน? และชนเหลาไหน ยัง วิตกและวิจารทั้งหลาย ใหดับไป ๆ ในที่ไหน แลวแลอยู?
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๒๕
ขา พ เจา ไมรู ข อ นั ้น ไมเ ห็น ขอ นั ้น " ดัง นี ้ไ ซ ร ; คํ า ต อ บ พ ึง มีแ กเ ข าวา "ผู มี อายุ! ภิก ษุใ นกรณีนี ้ เพราะความที ่ว ิต กและวิจ ารทั ้ง หลายระงับ ลง เขา ถึง ทุติยฌาน อันเปนเครื่องผองใสแหงใจในภายใน นําใหเกิดสมาธิมีอารมณอันเดียว ไมมีวิตกและวิจาร มีแตปติและสุขอันเกิดแตสมาธิ แลวแลอยู, วิตกและวิจาร ทั้ ง หลาย ดั บ ไปใน ทุ ติ ย ฌาน นั้ น , และชนเหล า นั้ น ยั ง วิ ต กและวิ จ ารทั้ ง หลาย ใหด ับ ไป ๆ ในทุต ิย ฌ านนั ้น แลว แลอยู " ดัง นี ้. ภิก ษุ ท.! ใคร ๆ ที ่ไ มเ ปน ผู โอ อ วด ไม เ ป น ผู มี ม ายา พึ ง เพลิ ด เพลิ น อนุ โ มทนาด ว ยคํ า ว า สาธุ ดั ง นี้ ; ครั้ น เพลิ ด เพลิ น อนุ โมทนาด ว ยคํ า ว า สาธุ ดั ง นี้ แ ล ว นอบน อ มอยู จะประคองอั ญ ชลี เขาไปหา โดยแนแท. (๓) ป ติ ย อ มดั บ ไปในที่ ใ ด, และชนเหล า ใด ยั ง ป ติ ให ดั บ ไป ๆ ในที ่ใ ด แลว แลอยู ; เรากลา วา ผู ม ีอ ายุเ หลนั ้น หายหิว ดับ เย็น ขา มแลว ถึง ฝ ง แลว ดว ยองคนั ้น ๆ ในที ่นั ้น แนแ ท. ถา ผู ใ ด จะพึง กลา วถามอยา งนี้ วา "ป ต ิ ดับ ไป ใน ที ่ไ ห น ? แ ล ะ ช น เห ลา ไห น ยัง ปต ิใ หด ับ ไป ๆ ใน ที ่ไ ห น แลว แล อ ยู ? ขา พ เจา ไมรู ข อ นั ้น ไมเ ห็น ขอ นั ้น " ดัง นี ้ไ ซร; คํ า ต อ บ พึง มีแ ก เขาว า "ผู มี อ ายุ ! ภิ ก ษุ ในกรณี นี้ เพราะความจางคลายไปแห ง ป ติ อยู อุ เบกขา มีสติและสัมปชัญญะ และเสวยความสุขดวยนามกาย เขาถึงตติยฌาน อันเปน ฌานที่พระอริยเจากลาววา 'ผูไดฌานนี้เปนผูอยูอุเบกขา มีสติ อยูเปนสุข' ดังนี้ แลว แลอยู . ปต ิ ดับ ไปใน ตติย ฌาน นั ้น , และชนเหลา นั ้น ยัง ปต ิ ใหด ับ ไป ๆ ใน ต ติย ฌ าน นั ้น แลว แ ล อ ยู " ดัง นี ้. ภิก ษุ ท .! ใค ร ๆ ที ่ไ มเ ปน ผู โ ออ วด ไม เป น ผู มี ม า ย า พึ ง เพ ลิ ด เพ ลิ น อ นุ โม ท น า ด ว ย คํ า ว า ส า ธุ ดั ง นี้ ; ค รั้ น เพลิ ด เพลิ น อนุ โมทนาด ว ยคํ า ว า สาธุ ดั ง นี้ แ ล ว นอบน อ มอยู จะประคองอั ญ ชลี เขาไปหา โดยแนแท.
www.buddhadasa.info
๕๒๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
(๔) อ ุเ บ ก ข า ส ุข ย อ ม ด ับ ไ ป ใ น ที ่ส ุด , แ ล ะ ช น เห ล า ใ ด ย ัง อุเ บ ก ข าสุข ใหด ับ ไป ๆ ใน ที ่ใ ด แลว แลอยู ; เรากลา ววา ผู ม ีอ ายุเ หลา นั ้น หายหิ ว ดั บ เย็ น ข า มแล ว ถึ ง ฝ ง แล ว ด ว ยองค นั้ น ๆ ในที่ นั้ น แน แ ท . ถ า ผู ใ ด จะพึง กลา วถามอยา งนี ้ว า "อุเ บ กขาสุข ดับ ไปในที ่ไ หน? และชนเหลา ไหน ยัง อุเ บกขาสุข ใหด ับ ไป ๆ ในที ่ไ หน แลว แลอยู ? ขา พเจา ไมรู ข อ นั ้น ไมเ ห็น ขอ นั ้น " ดัง นี ้ไ ซร, คํ า ต อ บ พ ึง มีแ กเ ขาวา "ผู ม ีอ ายุ! ภิก ษ ุใ น กรณ ีนี ้ เพ ราะ ละสุขและทุกขเสียได เพราะความดับหายไปแหงโสมนัสและโทมนัสในกาลกอน เข า ถึ ง จตุ ต ถฌาน อั น ไม มี ทุ ก ข แ ละสุ ข มี แ ต ค วามที่ ส ติ เป น ธรรมชาติ บ ริ สุ ท ธิ์ เพราะอุเ บกขาแลว แลอยู . อุเ บกขาสุข ดับ ไปใน จตุต ถฌาน นั ้น , และชน เหลา นั ้น ยัง อุเ บ กขาสุข ใหด ับ ไป ๆ ใน จตุต ถฌ าน นั ้น แลว แลอยู " ดัง นี ้. ภิ ก ษุ ท.! ใคร ๆ ที่ ไ ม เ ป น ผู โ อ อ วด ไม เ ป น ผู มี ม ายา พึ ง เพลิ ด เพลิ น อนุ โ มทนา ด ว ย คํ า วา ส าธุ ด ัง นี ้; ค รั ้น เพ ลิด เพ ล ิน อ น ุโ ม ท น าด ว ย คํ าวา ส าธุ ด ัง นี ้แ ล ว นอบนอมอยูจะประคองอัญชลีเขาไปหา โดยแนแท. (๕) รู ป สั ญ ญ าทั้ งห ลาย ย อ มดั บ ไปในที่ ใ ด, และชนเหล า ใด ยั ง รู ป สั ญ ญาทั้ ง หลาย ให ดั บ ไป ๆ ในที่ ใด แล ว แลอยู ; เรากล า วว า ผู มี อ ายุ เหล า นั้ น หายหิ ว ดั บ เย็ น ข า มแล ว ถึ ง ฝ ง แล ว ด ว ยองค นั้ น ๆ ในที่ นั้ น แน แ ท . ถ า ผู ใ ด จ ะ พ ึง ก ลา วถ าม อ ยา งนี ้ วา "รูป ส ัญ ญ าทั ้ง ห ล าย ดับ ไป ที ่ไ ห น ? แ ล ะ ช น เหลา ไหน ยัง รูป สัญ ญ าทั ้ง หลาย ใหด ับ ไป ๆ ในที ่ไ หน แลว แลอยู ? ขา พเจา ไ ม รู ข อ นั ้น ไ ม เ ห ็น ข อ นั ้น " ด ัง นี ้ไ ซ ร, คํ า ต อ บ พ ึง ม ีแ ก เ ข า ว า "ผู ม ีอ า ย ุ! ภิกษุในกรณีนี้ เพราะการกาวลวงเสียซึ่งรูปสัญญาทั้งหลายโดยประการทั้งปวง เพราะ ความตั้งอยูไมไดแหงปฏิฆสัญญาทั้งหลาย เพราะไมไดทําไวในใจซึ่งความกําหนดหมาย ในภาวะตาง ๆ จึงเขาถึงอากาสานัญจายตนะ อันมีการทําในใจวา 'อากาศไมมีที่สุด'
www.buddhadasa.info
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๒๗
แลว แลอยู . รูป สัญ ญาทั ้ง หลาย ดับ ไปใน อากาสานัญ จายตนะ นั ้น , และชน เหล านั้ น ยั ง รูปสั ญญาทั้ งหลาย ให ดั บไป ๆ ใน อากาสานั ญจายตนะ นั้ น แล วแลอยู " ดั งนี้ . ภิ ก ษุ ท .! ใค ร ๆ ที่ ไม เป น ผู โอ อ วด ไม เป น ผู มี ม าย า พึ งเพ ลิ ด เพ ลิ น อนุโ มทนาดว ยคํ า วา สาธุ ดัง นี ้; ครั ้น เพลิด เพลิน อนุโ มทนาดว ยคํ า วา สาธุ ดังนี้แลว นอบนอมอยู จะประคองอัญชลีเขาไปหา โดยแนแท. (๖) อากาสานั ญ จายตนสั ญ ญา ย อ มดั บ ไปในที่ ใด, และชนเหล า ใด ยัง อากาสานัญ จายตนสัญ ญา ใหด ับ ไป ๆ ในที ่ใ ด แลว แลอยู ; เรากลา ววา ผู มี อ ายุ เ หล า นั้ น หายหิ ว ดั บ เย็ น ข า มแล ว ถึ ง ฝ ง แล ว ด ว ยองค นั้ น ๆ ในที่ นั้ น แน แ ท . ถ า ผู ใด จะพึ งกล า วถามอย า งนี้ ว า "อากาสานั ญ จายตนสั ญ ญา ดั บ ไป ในที่ ไ หน? และชนเหล า ไหนยั ง อากาสานั ญ จายตนสั ญ ญา ให ดั บ ไป ๆ ในที่ ใ ด แ ลว แ ล อ ยู ? ขา พ เจา ไมรู ข อ นั ้น ไมเ ห็น ขอ นั ้น " ดัง นี ้ไ ซ ร; คํ า ต อ บ พ ึง มี แก เขาว า "ผู มี อ ายุ ! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ ก า วล ว งเสี ย ซึ่ ง อากาสานั ญ จายตนะโดย ประการทั้งปวง เขาถึงวิญญาณั ญจายตนะ อันมีการทําในใจวา 'วิญญาณไมมี ที่สุ ด' แลวแลอยู. อากาสานั ญจายตนสัญญา ดับไปใน วิญญาณั ญ จายตนะนั้น, และชนเหล านั้ น ยั ง อากาสานั ญ จายตนสั ญญา ให ดั บไป ๆ ในวิ ญญาณั ญจายตนะ นั ้น แ ล ว แ ล อ ยู " ด ัง นี ้. ภ ิก ษ ุ ท .! ใค ร ๆ ที ่ไ ม เ ป น ผู โ อ อ ว ด ไม เ ป น ผู มี ม าย า พึ งเพ ลิ ด เพ ลิ น อ นุ โม ท น าด วย คํ าว า ส าธุ ดั งนี้ ; ค รั้ น เพ ลิ ด เพ ลิ น อนุ โ มทนาด ว ยคํ า ว า สาธุ ดั ง นี้ แ ล ว นอนน อ มอยู จะประคองอั ญ ชลี เ ข า ไปหา โดยแนแท.
www.buddhadasa.info (๗) วิ ญ ญาณั ญ จายตนสั ญ ญา ย อ มดั บ ไปในที่ ใด, และชนเหล า ใด ยัง วิญญาณัญจายตนสัญญา ใหดับไป ๆ ในที่ใด แลวแลอยู; เรากลาววา ผูมี
๕๒๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
อายุเ หลา นั ้น หายหิว ดับ เย็น ขา มแลว ถึง ฝ ง แลว ดว ยองคนั ้น ๆ ในที ่นั ้น แน แ ท . ถ า ผู ใ ด จะพึ ง กล า วถามอย า งนี้ ว า "วิ ญ ญาณั ญ จายตนสั ญ ญา ดั บ ไป ในที่ ไ หน ? และชนเหล า ไหนยั ง วิ ญ ญาณั ญ จายตนสั ญ ญา ให ดั บ ไป ๆ ในที่ ใ ด แ ลว แ ล อ ยู ? ขา พ เจา ไมรู ข อ นั ้น ไมเ ห็น ขอ นั ้น " ดัง นี ้ไ ซ ร; คํ า ต อ บ พึง มี แก เ ขาว า "ผู มี อ ายุ ! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ ก า วล ว งเสี ย ซึ่ ง วิ ญ ญาณั ญ จายตนะโดย ประการทั้งปวง เขาถึง อากิญจัญญายตนะ อันมีการทําในใจวา 'อะไร ๆ ไมมี' แล วแลอยู , วิญญาณั ญจายตนสั ญญา ดั บไปใน อากิ ญจั ญญายตนะ นั้ น และชนเหล า นั้ น ยั ง วิ ญ ญ าณั ญ จายตนสั ญ ยาให ดั บ ไป ๆ ในอากิ ญ จั ญ ญ ายตนะ นั้ น แล ว แ ล อ ยู " ด ั ง นี ้ . ภ ิ ก ษ ุ ท .! ใ ค ร ๆ ที ่ ไ ม เ ป น ผู โ อ อ ว ด ไ ม เ ป น ผู มี ม า ย า พ ึง เพ ล ิด เพ ล ิน อ น ุโ ม ท น า ด ว ย คํ า วา ส า ธ ุ ด ัง นี ้; ค รั ้น เพ ล ิด เพ ล ิน อนุโ มทนา ด ว ยคํ า ว า สาธุ ดั ง นี้ แ ล ว นอบน อ มอยู จะประคองอั ญ ชลี เข า ไปหา โดยแนแท. (๘) อากิ ญ จั ญ ญายตนสั ญ ญา ย อ มดั บ ไปในที่ ใ ด, และชนเหล า ใด ยั ง อากิ ญ จั ญ ญายตนสั ญ ญา ให ดั บ ไป ๆ ในที่ ใ ด แล ว แลอยู ; เรากล า วว า ผู มี อายุเ หลา นั ้น หายหิว ดับ เย็น ขา มแลว ถึง ฝ ง แลว ดว ยองคนั ้น ๆ ในที ่นั ้น แน แ ท . ถ า ผู ใ ด จะพึ ง กล า วถามอย า งนี้ ว า "อากิ ญ จั ญ ญายตนสั ญ ญา ดั บ ไป ในที่ ไ หน ? และชนเหล า ไหนยั ง อากิ ญ จั ญ ญายตนสั ญ ญา ให ดั บ ไป ๆ ในที่ ใ ด แ ล ว แ ล อ ยู ? ข า พ เจ า ไม รู ข อ นั ้ น ไ ม เ ห็ น ข อ นั ้ น " ดั ง นี ้ ไ ซ ร ; คํ า ต อ บ พึ ง มี แก เ ขาว า "ผู มี อ ายุ ! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ ก า วล ว งเสี ย ซึ่ ง อากิ ญ จั ญ ญายตนะโดย ประการทั้งปวง เขาถึงเนวสัญ ญานาสัญ ญายตนะ แลวแลอยู. อากิญ จัญ ญายตนสัญ ญา ดับ ไปใน เนวสัญ ญานาสัญ ญายตนะ นั ้น , และชนเหลา นั ้น ยัง อากิ ญจั ญญายตนสั ญญา ให ดั บไป ๆ ใน เนวสั ญญานาสั ญญายตนะ นั้ น แล วแลอยู " ดังนี้. ภิกษุ ท.! ใคร ๆ ที่ไมเปนผูโออวด ไมเปนผูมีมายา พึงเพลิดเพลิน
www.buddhadasa.info
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๒๙
อนุโ มทนาดว ยคํ า วา สาธุ ดัง นี ้ ; ครั ้น เพลิด เพลิน อนุโ มทนาดว ยคํ า วา สาธุ ดังนี้แลว นอบนอมอยู จะประคองอัญชลีเขาไปหา โดยแนแท. (๙) เนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนสั ญ ญา ย อ มดั บ ไปในที่ ใ ด และชน เหล า ใด ยั ง เนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนสั ญ ญา ให ดั บ ไป ๆ ในที่ ใด แล ว แลอยู ; เรากล า วว า ผู มี อ ายุ เ หล า นั้ น หายหิ ว ดั บ เย็ น ข า มแล ว ถึ ง ฝ ง แล ว ด ว ยองค นั้ น ๆ ในที่ นั้ น แน แ ท . ถ า ผู ใ ด จะพึ ง กล า ถามอย า งนี้ ว า "เนวสั ญ ญ านาสั ญ ญายตนสั ญ ญา ดั บไปในที่ ไหน? และชนเหล าไหนยั ง เนวสั ญ ญานาสั ญ ญาย ต น สัญ ญ า ใหด ับ ไป ๆ ในที ่ใ ดแลว แล อยู ? ขา พ เจา ไมรู ข อ นั ้น ไมเ ห็น ข อ นั ้ น " ดั ง นี ้ ไ ซ ร ; คํ า ต อ บ พ ึ ง ม ี แ ก เ ข า ว า "ผู ม ี อ า ยุ ! ภ ิ ก ษ ุ ใ น ก ร ณ ี นี้ กาวลวงเสียซึ่งเนวสัญ ญานาสัญ ญายนะโดยประการทั้งปวง เขาถึง สัญ ญาเวทยิตนิ โรธ แลวแลอยู, เนวสัญ ญานาสัญ ญายตนสัญ ญา ดับ ไปใน สั ญ ญา เวทยิตนิโรธ นั้น, และชนเหลานั้น ยัง เนวสัญญานาสัญญายตนสัญญา ใหดับไป ๆ ใน สัญ ญ าเวทยิต นิโ รธ นั ้น แลว แลอยู " ดัง นี ้. ภิก ษุ ท.! ใคร ๆ ที ่ไ มเ ปน ผู โ ออ วด ไมเ ปน ผู ม ีม ายา พึง เพลิด เพลิน อนุโ มทนาดว ยคํ า วา สาธุ ดัง นี ้; ครั้ น เพลิ ด เพลิ น อนุ โ มทนาด ว ยคํ า ว า สาธุ ดั ง นี้ แ ล ว นอบน อ มอยู จะประคอง อัญชลีเขาไปหา โดยแนแท.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! เหลานี้แล อนุปุพพวิหารสมาบัติ ๙ ประการ.
- นวก. อํ. ๒๓/๔๒๔/๒๓๗. (ธรรมเก า ข อ นี้ มี ชื่ อ แปลกออกไปว า อนุ ปุ พ พวิ ห ารสมาบั ติ แต ก็ ห มายถึ ง ธรรม เก า ประการ ดั ง ที่ ก ล า วมาแล ว ในหมวก ก. และหมวด ข. นั่ น เอง หากแต ว า ในหมวดนี้ ห มายถึ ง การที่ จิ ต เข า อยู ใ นธรรมเหล า นั้ น อย า งลึ ก ซึ้ ง และนาน พอที่ จ ะเกิ ด ความรู สึ ก ว า หายหิ ว ดั บ เย็ น ขามแลว ถึงฝงแลว. ฝงในที่นี้ หมายถึงฝงแหงพระนิพพานโดยปริยาย ; ถาเปนกรณีของผู
๕๓๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ที่ ยั ง ไม บ รรลุ อ รหั น ผล ก็ เ ป น เสมื อ นการชิ ม รสพระนิ พ พานเป น การล ว งหน า ในระยะเวลาอั น จํากัดเทานั้น. ผู ศึ ก ษาพึ งสั ง เกตให เห็ น ว า คํ า บรรยายแห ง สมาบั ติ ทั้ ง เก า นี้ แต ล ะข อ ๆ ตรั ส ไว โดย ทํ า นองเดี ย วกั น ทุ ก สมาบั ติ ต า งกั น แต ชื่ อ แห ง ฌานและนิ ท เทศที่ บ รรยายลั ก ษณะแห ง ฌานนั้ น ๆ เทา นั ้น ซึ ่ง ไดเ นน ตัว หนัง สือ ไวด ว ยอัก ษรเสน หนาใหเ ปน ที ่ส ัง เกตงา ย ๆ ทุก แหง แลว ขอใหผู ศึกษาพยายามสังเกต ใหเปนที่เขาใจอยางแจมแจงดวย จะมีประโยชนมาก. สรุ ป ความว า หมวด ก. หมายถึ ง การดั บ ตามลํ า ดั บ ของสิ่ ง ที่ พึ ง ดั บ . หมวด ข. หมายถึ งลํ าดั บ แห งการเข าอยู ต ามลํ า ดั บ . หมวด ค. หมายถึ งลํ าดั บ แห ง การเสวยรสของการเข า อยู ทียิ่ง ๆ ขึ้นไปตามลําดับ).
อนุปุพพวิหารอาพาธ (อาการที่อารมณอันละไดดวยฌานใด จะมากลายเปน สัญญาที่ทําความอาพาธใหแกการเขาอยูในฌานนั้น) อาน น ท ! ค รั้ ง ก อ น แต การต รั ส รู เมื่ อ เรายั ง ไม ได ต รั ส รู ยั งเป น โพธิ สั ต ว อ ยู , ความรู ได เกิ ด ขึ้ น แก เราว า เนกขั ม มะ (ความหลี ก ออกจากกาม) เปนทางแหงความสําเร็จ, ปวิเวก (ความอยูสงัดจากกาม) เปนทางแหงความ สํ า เร็จ ดัง นี ้, แตแ มก ระนั ้น จิต ของเราก็ย ัง ไมแ ลน ไป ไมเ สื ่อ มใส ไมตั ้ง อยู ได ไมหลุดออกไป ในเนกขัมมะ ทั้งที่เราเห็นอยู วานั่นสงบ.
www.buddhadasa.info อานนท ! ความคิ ด ได เ กิ ด ขึ้ น แก เ ราสื บ ไปว า อะไรหนอ เป น เหตุ เปน ปจ จัย ที ่ทํ า ใหจ ิต ของเรา เปน เชน นั ้น . อานนท ! ความรู ส ึก ไดเ กิด ขึ ้น แก เราว า เพราะว า โทษในกามทั้ ง หลาย เป น สิ่ ง ที่ เรายั ง มองไม เห็ น ยั ง ไม ไ ด นํ า มาทําการคิดนึกใหมาก และทั้งอานิสงสแหงการออกจากกาม เราก็ยังไมเคย
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๓๑
ไดร ับ เลย ยัง ไมเ คยรู ร สเลย ; จิต ของเราจึง เปน เชน นั ้น . อานนท ! ความ คิ ด ได เกิ ด ขึ้ น แก เราสื บ ไปว า ถ า กระไร เราได เห็ น โทษในกามทั้ ง หลาย แล ว นํ า มา ทํ า การคิ ด นึ ก ในข อ นั้ น ให ม าก ได รั บ อานิ ส งส ใ นการหลี ก ออกจากกามแล ว พึ ง เสพในอานิส งสนั ้น อยา งทั ่ว ถึง ไซร, ขอ นั ้น แหละ จะเปน ฐานะที ่จ ะทํ า ใหจ ิต ของเราพึง แลน ไปพึง เลื ่อ มใส ตั ้ง อยู ไ ด หลุด ออกไป ในเนกขัม มะ โดยที ่เ ห็น อยู ว า นั ่น สงบ. อานนท ! โดยกาลตอ มา เราไดทํ า เชน นั ้น แลว อยา งทั ่ว ถึง จิ ต ของเราจึ ง แล น ไป จึ ง เลื่ อ มใส ตั้ ง อยู ไ ด หลุ ด ออกไป ในเนกขั ม มะ โดยที่ เห็น อ ยู ว า นั ่น ส งบ . อานน ท ! เมื ่อ เปน เชน นั ้น , เราแล เพ ราะส งัด จาก กามและอกุ ศ ลธรรมทั้ ง หลาย จึ ง บรรลุ ฌ านที่ ๑ อั น มี วิ ต กวิ จ าร มี ป ติ แ ละสุ ข อัน เกิด แตว ิเ วก แลว แลอยู . อานนท ! แมเ มื ่อ เราอยู ด ว ยวิห ารธรรม คือ ฌานที่ ๑ นี้ การทําในใจตามอํานาจแหงสัญ ญาที่เปน ไปในทางกามก็ยังเกิด แท รกแซงอ ยู . ขอ นั ้น ยัง เปน อาพาธ (ในทางจิต ) แกเ รา, เหมือ นผู ม ีส ุข แลวยังมีทุกขเกิดขึ้นขัดขวาง เพราะอาพาธ ฉันใดก็ฉันนั้น. อานนท ! ความคิด ไดเ กิด ขึ ้น แกเ ราสืบ ไปวา เพื ่อ กํ า จัด อาพาธ ขอ นั้ น เสี ย ถ ากระไรเรา เพราะสงบวิต กวิจ ารเสี ย ได พึ งบรรลุ ฌ านที่ ๒ เป น เครื่องผองใสแหงจิตในภายใน นําใหเกิดสมาธิมีอารมณอันเดียว ไมมีวิตกวิจาร มีแ ตป ต ิแ ละสุข อัน เกิด แตส มาธิแ ลว แลอยู เ ถิด ดัง นี ้. อานนท! แมก ระนั ้น จิ ต ของเราก็ ยั ง ไม แ ล น ไป ไม เลื่ อ มใส ไม ตั้ ง อยู ได ไม ห ลุ ด ออกไป ในอวิ ต กธรรม (คือฌานที่ ๒) นั้น ทั้งที่เราเห็นอยู วานั่นสงบ.
www.buddhadasa.info อานนท ! ความคิ ด ได เ กิ ด ขึ้ น แก เ ราสื บ ไปว า อะไรหนอ เป น เหตุ เปนปจจัย ที่ทําใหจิตของเราเปนเชนนั้น. อานนท ! ความรูสึกไดเกิดขึ้น
๕๓๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
แก เ ราว า เพราะว า โทษในวิ ต กธรรม เป น สิ่ ง ที่ เ รายั ง มองไม เ ห็ น ยั ง ไม ไ ด นํ า มา ทํ า การคิ ด นึ ก ให ม าก และทั้ ง อานิ ส งส แ ห ง อวิ ต กธรรม เราก็ ยั ง ไม เ คยได รั บ เลย ยัง ไมเ ค ย รู ร ส เล ย ; จิต ขอ งเราจึง เปน เชน นั ้น . อ าน น ท ! ค วาม คิด ไดเ กิด ขึ ้น แกเ ราสืบ ไปวา ถา หากเราไดเ ห็น โทษในวิต ก แลว นํ า มาทํ า การคิด นึก ใน ขอ นั ้น ใหม าก ไดร ับ อานิส งสใ นอวิต กธรรมแลว พึง เสพในอานิส งสนั ้น อยา ง ทั่ วถึ งไซ ร , ข อ นั้ น แ ห ล ะ จ ะ เป น ฐ าน ะ ที่ จ ะ ทํ าให จิ ต ข อ งเราพึ งแ ล น ไป พึ ง เลื่ อ ม ใส ตั้ งอ ยู ได ห ลุ ด อ อ ก ไป ใน อ วิ ต ก ธ รรม โด ย ที่ เห็ น อ ยู ว า นั่ น ส งบ . อานนท ! โดยกาลต อ มา เราได ทํ า เช น นั้ น แล ว อย า งทั่ ว ถึ ง จิ ต ของเราจึ ง แล น ไป จึ ง เลื่ อ มใส ตั้ ง อยู ไ ด หลุ ด ออกไป ในอวิ ต กธรรม (คื อ ฌ านที่ ๒) นั้ น โดยที่ เ ห ็ น อ ยู ว า นั ่ น ส ง บ .อ า น น ท ! เ มื ่ อ เ ป น เ ช น นั ้ น , เ ร า แ ล เ พ ร า ะ ส ง บ วิ ต กวิ จ ารเสี ย ได จึ ง บรรลุ ฌ านที่ ๒ เป น เครื่ อ งผ อ งใสแห ง จิ ต ในภายใน นํ า ให เกิ ด สมาธิ มี อ ารมณ อั น เดี ย ว ไม มี วิ ต กวิ จ าร มี แ ต ป ติ แ ละสุ ข อั น เกิ ด แต ส มาธิ แล ว แล อ ยู . อ าน น ท! แ มเ มื ่อ เราอ ยู ด ว ย วิห ารธ รรม คือ ฌ าน ที ่ ๒ นี ้ ก ารทํ า ในใจตามอํ า นาจแห ง สั ญ ญาที่ เป น ไปในวิ ต กก็ ยั ง เกิ ด แทรกแซงอยู . ข อ นั้ น ยั ง เป น อาพาธ (ในทางจิ ต ) แก เ รา, เหมื อ นผู มี สุ ข แล ว ยั ง มี ทุ ก ข เ กิ ด ขึ้ น ขั ด ขวาง เพราะอาพาธ ฉันใดก็ฉันนั้น.
www.buddhadasa.info อาน น ท ! ค วาม คิด ไดเ กิด ขึ ้น แกเ ราสืบ ไป วา เพื ่อ กํ า จัด อ าพ าธ ข อ นั้ น เสี ย ถ า กระไรเรา เพราะความจางไปแห ง ป ติ พึ ง อยู อุ เบกขา มี ส ติ แ ล สัมปชัญญะ และพึงเสวยสุขดวยนามกาย บรรลุฌานที่ ๓ อันเปนฌานที่พระ อริยเจากลาววา ผูไดฌานนี้เปนผูอยูอุเบกขา มีสติอยูเปนสุขแลวแลอยูเถิด ดังนี้. อานนท ! แมก ระนั ้น จิต ของเราก็ย ัง ไมแ ลน ไป ไมเ ลื ่อ มใส ไมตั ้ง อยู ไ ด ไม หลุดออกไป ในนิปปติกฌาน (คือฌานที่ ๓) นั้น ทั้งที่เราเห็นอยูวานั่น สงบ.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๓๓
อานนท ! ความคิ ด ได เ กิ ด ขึ้ น แก เ ราสื บ ไปว า อะไรหนอ เป น เหตุ เปน ปจ จัย ที ่ทํ า ใหจ ิต ขอ งเราเปน เชน นั ้น . อ าน น ท! ค วาม รู ส ึก ไดเ กิด ขึ ้น แก เราว า เพราะว า โทษในป ติ เป น สิ่ ง ที่ เรายั ง มองไม เห็ น ยั ง ไม ได นํ า มาทํ า การคิ ด นึ ก ให ม า และทั้ ง อานิ ส งส แ ห ง นิ ป ป ติ ก ฌาน เราก็ ยั ง ไม เคยได รั บ เลย ยั ง ไม เคย รู ร ส เล ย ; จิต ขอ งเราจึง เปน เชน นั ้น . อ าน น ท ! ค วาม คิด ไดเ กิด ขึ ้น แกเ รา สื บ ไปว า ถ า หากเราได เห็ น โทษในป ติ . แล ว นํ า มาทํ า การคิ ด นึ ก ในข อ นั้ น ให ม าก ได รั บ อานิ ส งส ใ นนิ ป ป ติ ก ฌ านแล ว พึ ง เสพในอานิ ส งส นั้ น อย า งทั่ ว ถึ ง ไซร . ข อ นั้ น แหละ จะเป น ฐานะที่ จ ะทํ า ให จิ ต ของเราพึ ง แล น ไป พึ ง เลื่ อ มใส ตั้ ง อยู ไ ด ห ลุด อ อ ก ไป ใน นิป ปต ิก ฌ าน โด ย ที ่เ ห็น อ ยู ว า นั ่น ส งบ . อ าน น ท ! โด ย กาลต อ มาเราได ทํ าเช น นั้ น แล ว อย างทั่ วถึ ง จิ ต ของเราจึ ง แล น ไป จึ งเลื่ อ มใส ตั้ งอยู ได หลุ ด ออกไป ในนิ ป ป ติ ก ฌาน (คื อ ฌานที่ ๓) นั้ น โดยที่ เห็ น อยู ว า นั่ น สงบ. อานนท! เมื ่อ เปน เชน นั ้น , เราแล เพราะความจางไปแหง ปต ิ จึง เกิด อุเ บกขา มี สติ และสั มปชั ญ ญะ และย อมเสวยสุ ขด วยนามกาย บรรลุ ฌ านที่ ๓ อั นเป นฌาน ที่ พ ระอริ ย เจ า กล า วว า ผู ไ ด ฌ านนี้ เป น ผู อ ยู อุ เ บกขา มี ส ติ อ ยู เ ป น สุ ข แล ว แลอยู . อานนท ! แม เมื่ อ เราอยู ด ว ยวิ ห ารธรรมคื อ ฌานที่ ๓ นี้ การทํ า ในใจตามอํ า นาจ แห งสั ญ ญาที่ เป น ไปในป ติ ก็ ยั งเกิ ด แทรกแซงอยู . ข อ นั้ น ยั งเป น อาพาธ (ในทาง จิต ) แกเ รา, เหมือ นผู ม ีส ุข แลว ยัง มีท ุก ขเ กิด ขึ ้น ขัด ขวาง เพราะอาพาธ ฉัน ใด ก็ฉันนั้น.
www.buddhadasa.info อานนท ! ความคิ ด ได เ กิ ด ขึ้ น แก เ ราสื บ ไปว า เพื่ อ กํ า จั ด อาพาธข อ นั้ น เสี ย ถ ากระไรเรา เพราะละสุ ข และทุ ก ข เสี ย ได เพราะความดั บ หายไปแห ง โสมนัสและโทมนัสในกาลกอน พึงบรรลุฌานที่ ๔ อันไมทุกขและสุข มีแตความ ที่สติเปนธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แลวแลอยูเถิด ดังนี้. อานนท!
๕๓๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
แม ก ระนั้ น จิ ต ของเราก็ ยั ง ไม แ ล น ไป ไม เ ลื่ อ มใส ไม ตั้ ง อยู ไ ด ไม ห ลุ ด ออกไป ในอทุกขมสุข (คือฌานที่ ๔) นั้น ทั้งที่เราเห็นอยูวานั่น สงบ. อานนท ! ความคิ ด ได เ กิ ด ขึ้ น แก เ ราสื บ ไปว า อะไรหนอ เป น เหตุ เปน ปจ จัย ที ่ทํ า ใหจ ิต ของเราเปน เชน นั ้น . อานนท ! ความรู ส ึก ไดเ กิด ขึ ้น แก เราวา เพราะวา โทษในอุเ บกขาสุข เปน สิ ่ง ที ่เ รายัง มองไมเ ห็น ยัง ไมไ ดนํ า มา ทํ า การคิด นึก ใหม าก และทั ้ง อานิส งสแ หง อทุก ขมสุข เราก็ย ัง ไมเ คยไดร ับ เลย ยัง ไมเ คยรู ร สเลย; จิต ของเราจึง เปน เชน นั ้น . อานนท ! ความ คิด ไดเ กิด ขึ้ น แก เราสื บ ไปว า ถ า หากเราได เห็ น โทษในอุ เบกขาสุ ข แล ว นํ า มาทํ า การคิ ด นึ ก ในข อ นั้ น ให ม าก ได รั บ อานิ ส งส ใ นอทุ ก ขมสุ ข แล ว พึ ง เสพในอานิ ส งส นั้ น อย า ง ทั่ ว ถึ ง ไซร , ข อ นั้ น แหละ จะเป นฐาน ะที่ จ ะทํ า ให จิ ต ของเราพึ งแล น ไป พึ ง เลื่ อ ม ใส ตั้ งอ ยู ไ ด ห ลุ ด อ อ กไป ใน อ ทุ กขม สุ ข โด ยที่ เห็ น อ ยู ว า นั่ น ส งบ . อานนท ! โดยกาลต อ มา เราได ทํ า เช น นั้ น แล ว อย า งทั่ ว ถึ ง จิ ต ของเราจึ ง แล น ไป จึ ง เลื่ อ มใส ตั้ ง อยู ไ ด หลุ ด ออกไป ในอทุ ก ขม-สุ ข (คื อ ฌ านที่ ๔) นั้ น โดยที่ เห็ น อ ยู ว า นั ่ น ส ง บ . อ า น น ท ! เมื ่ อ เป น เช น นั ้ น , เรา แ ล เพ รา ะ ล ะ สุ ข และทุ ก ข เสี ย ได เพราะความดั บ หายไปแห ง โสมนั ส และโทมนั ส ในกาลก อ น จึ ง บรรลุ ฌ านที่ ๔ อั น ไม ทุ ก ข ไ ม สุ ข มี แ ต ค วามที่ ส ติ เป น ธรรมชาติ บ ริ สุ ท ธิ์ เพราะ อุเ บกขา แลว แลอยู . อานนท ! แมเ มื ่อ เราอยู ด ว ยวิห ารธรรมคือ ฌานที ่ ๔ นี้ การทําในใจตามอํานาจแหงสัญญาที่เปนไปในอุเบกขา ก็ยังเกิดแทรกแซงอยู. ข อ นั้ น ยั ง เป น การอาพาธ (ในทางจิ ต ) แก เ รา, เหมื อ นผู มี สุ ข แล ว ยั ง มี ทุ ก ข เกิดขึ้นขัดขวางเพราะอาหาร ฉันใดก็ฉันนั้น.
www.buddhadasa.info
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๓๕
อานนท ! ความคิ ด ได เ กิ ด ขึ้ น แก เ ราสื บ ไปว า เพื่ อ กํ า จั ด อาพาธข อ นั้นเสีย ถากระไรเรา เพราะผานพนรูปสัญญา (ความกําหนดหมายในรูป) โดย ประการทั้งปวงได, เพราะความตั้งอยูไมไดแหงปฏิฆสัญญา (ความกําหนดหมาย อารมณที่กระทบใจ), เพราะไมไดทําในใจซึ่งความกําหนหมายในภาวะตาง ๆ (นานัตตสัญญา) พึงบรรลุอากาสานัญจายตนะ อันมีการทําในใจวา "อากาศไมมี ที ่สิ ้น สุด " แลว แลอยู เ ถิด ดัง นี ้. อานนท ! แมก ระนั ้น จิต ของเราก็ย ัง ไม แลน ไป ไมเ ลื ่อ มใส ไมตั ้ง อยู ไ ด ไมห ลุด ออกไป ในอากาสานัญ จายตนะนั ้น ทั้งที่เราเห็นอยูวานั่น สงบ. อานนท ! ความคิ ด ได เ กิ ด ขึ้ น แก เ ราสื บ ไปว า อะไรหนอ เป น เหตุ เปน ปจ จัย ที ่ทํ า ใหจ ิต ของเราเปน เชน นั ้น . อานนท ! ความรู ส ึก ไดเ กิด ขึ ้น แก เราว า เพราะว า โทษในรู ป ทั้ ง หลาย เป น สิ่ ง ที่ เรายั ง มองไม เห็ น ยั ง ไม ไ ด นํ า มา ทํ า การคิ ด นึ ก ให ม าก และทั้ ง อานิ ส งส แ ห ง อากสานั ญ จายตนะ เราก็ ยั ง ไม เคยได รับ เลย ยัง ไมเ คยรู ร สเลย ; จิต ของเราจึง เปน เชน นั ้น . อานนท ! ความคิด ได เกิ ด ขึ้ น แก เราสื บ ไปว า ถ า หากเราได เห็ น โทษในรู ป ทั้ ง หลาย แล ว นํ า มาทํ า การ คิ ด นึ ก ในข อ นั้ น ให ม าก ได รั บ อานิ ส งส ใ นอากาสานั ญ จายตนะแล ว พึ ง เสพใน อานิส งสนั ้น อยา งทั ่ว ถึง ไซร, ขอ นั ้น แหละ จะเปน ฐานะที ่จ ะทํ า ใหจ ิต ของเรา พึ ง แล น ไป พึ ง เลื่ อ มใส ตั้ ง อยู ไ ด หลุ ด ออกไป ในอากาสานั ญ จายตนะ โดยที่ เห็น อยู ว า นั ่น สงบ. อานนท ! โดยกาลตอ มา เราไดทํ า เชน นั ้น แลว อยา ง ทั่ ว ถึ ง จิ ต ของเราจึ ง แล น ไป จึ ง เลื่ อ มใส ตั้ ง อยู ไ ด หลุ ด ออกไป ในอากาสานั ญ จายตนะนั ้น โดยที ่เ ห็น อยู ว า นั ่น สงบ. อานนท ! เมื ่อ เปน เชน นั ้น เราแล เพราะผ า นพ น รู ป สั ญ ญาโดยประการทั้ ง ปวงเสี ย ได เพราะความตั้ ง อยู ไ ม ได แ ห ง ปฏิฆสัญญา เพราะไมไดทําในใจซึ่งนานัตตสัญญา จึง บรรลุอากาานัญจายตนะ
www.buddhadasa.info
๕๓๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
อัน มีก ารทํ า ในใจวา "อากาศไมม ีที ่สิ ้น สุด " แลว แลอยู , อานนท ! แมเ มื ่อ เรา อยูดวยวิหารธรรม คือ อากาสานัญจายตนะนี้ การทําในใจตามอํานาจแหงสัญญา ที ่เ ปน ไปในรูป ทั ้ง หลาย ก็ย ัง เกิด แทรกแซงอยู . ขอ นั ้น ยัง เปน การอาพาธ (ในทางจิ ต ) แก เรา. เหมื อ นผู มี สุ ข แล ว ยั ง มี ทุ ก ข เกิ ด ขึ้ น ขั ด ขวางเพราะอาพาธ ฉันใดก็ฉันนั้น. อานนท ! ความคิ ด ได เกิ ด ขึ้ น แก เราว า เพื่ อ กํ า จั ด อาพาธขึ้ น นั้ น เสี ย ถากระไรเรา เพราะผานพนอากาสานัญจายตนะโดยประการทั้งปวงเสียแลว พึง บรรลุวิญญาณัญจายตนะ อันมีการทําในใจวา "วิญญาณไมมีที่สิ้นสุด" แลว แลอยู เ ถิด ดัง นี ้. อานนท ! แมก ระนั ้น จิต ของเราก็ย ัง ไมแ ลน ไป ไมเลื ่อ มใส ไมตั้งอยูได ไมหลุดออกไป ในวิญญาณัญจายตนะนั้น ทั้งที่เราเห็นอยูนั่น สงบ. อานนท ! ความคิ ด ได เ กิ ด ขึ้ น แก เ ราสื บ ไปว า อะไรหนอ เป น เหตุ เปน ปจ จัย ที ่ทํ า ใหจ ิต ของเราเปน เชน นั ้น . อานนท ! ความรู ส ึก ไดเ กิด ขึ ้น แกเ ราวา เพราะวา โทษในอากาสานัญ จายตนะ เปน สิ ่ง ที ่เ รายัง มองไมเ ห็น ยั งไม ได นํ ามาทํ าการคิ ดนึ กให ม าก และทั้ งอานิ สงส แห งวิญ ญาณั ญ จายตนะ เรา ก็ ยั ง ไม เคยได รั บ เลย ยั ง ไม เคยรู ร สเลย ; จิ ต ของเราจึ ง เป น เช น นั้ น . อานนท ! ความคิ ด ได เกิ ด ขึ้ น แก เราสื บ ไปว า ถ าหากเราได เห็ น โทษในอากาสานั ญ จายตนะ แล วนํ ามาทํ าการคิ ดนึ กในข อนนั้ นให มาก ได รับอานิ สงส ในวิญญาณั ญจายตนะแล ว พึ ง เสพในอานิ ส งส นั้ น อย า งทั่ ว ถึ ง ไซร , ข อ นั้ น แหละ จะเป น ฐานะที่ จ ะทํ า ให จิ ต ของเราพึ ง แล น ไป พึ ง เลื่ อ มใส ตั้ ง อยู ไ ด หลุ ด ออกไป ในวิ ญ ญาณั ญ จายตนะ โดยที ่เ ห็น อยู ว า นั ่น สงบ. อานนท ! โดยกาลตอ มา เราไดทํ า เชน นั ้น แลว อยางทั่วถึง จิตของเราจึงแลนไป จึงเลื่อมใส ตั้งอยูได หลุดออกไป ในวิญญา-
www.buddhadasa.info
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๓๗
ณ ัญ จายต น ะนั ้น โดยที ่เ ห็น วา อยู ว า นั ่น ส งบ . อ าน น ท ! เราแล ผา น พน อากาสานั ญ จายตนะโดยประการทั้ ง ปวงเสี ย แล ว จึ ง บรรลุ วิ ญ ญาณั ญ จายตนะ อั น มี ก ารทํ า ในใจว า "วิ ญ ญาณไม มี ที่ สิ้ น สุ ด " แล ว แลอยู . อานนท ! แม เมื่ อ เรา อยู ด วยวิหารธรรมคื อวิญ ญาณั ญ จายตนะนี้ การทํ าในใจตามอํ านาจแห งสั ญ ญาที่ เปน ไปในอากาสานั ญ จายตนะ ก็ยังเกิดแทรกแซงอยู. ขอนั้นยังเปนการอาพาธ (ใน ท างจิต ) แกเ รา. เห ม ือ น ผู ม ีส ุข แลว ยัง ม ีท ุก ขเ กิด ขึ ้น ขัด ขวาง เพ ราะ อาพาธ ฉันใดก็ฉันนั้น. อาน น ท ! ค วาม คิด ไดเ กิด ขึ ้น แกเ ราสืบ ไป วา เพื ่อ กํ า จัด อ าพ าธ ข อ นั้ น เสี ย ถ า กระไรเรา เพราะผ า นพ น วิ ญ ญาณั ญ จายตนะโดยประการทั้ ง ปวง เสี ย แล ว พึ ง บรรลุ อ ากิ ญ จั ญ ญายตนะ อั น มี ก ารทํ า ในใจว า "อะไร ๆ ไม มี " แ ล ว แ ล อ ยู เ ถิ ด ดั ง นี ้ . อ า น น ท ! แ ม ก ร ะ นั ้ น จิ ต ข อ ง เร า ก็ ย ั ง ไม แ ล น ไ ป ไม เลื่ อ มใส ไม ตั้ ง อยู ไ ด ไม ห ลุ ด ออกไป ในอากิ ญ จั ญ ญายตนะนั้ น ทั้ ง ที่ เราเห็ น อยูวานั่น สงบ.
www.buddhadasa.info อานนท ! ความคิ ด ได เ กิ ด ขึ้ น แก เ ราสื บ ไปว า อะไรหนอ เป น เหตุ เปน ปจ จัย ที ่ทํ า ใหจ ิต ของเราเปน เชน นั ้น . อ าน น ท ! ค วาม รู ส ึก ไดเ กิด ขึ ้น แก เราว า เพราะว า โทษในวิ ญ ญาณั ญ จายตนะ เป น สิ่ ง ที่ เรายั ง มองไม เห็ น ยั ง ไม ได นํ า มาทํ า การคิด นึก ใหม าก และทั ้ง อานิส งสแ หง อากิญ จัญ ญ ายตนะ เราก็ ยั ง ไม เคยได รั บ เลย ยั ง ไม เคยรู ร สเลย ; จิ ต ของเราจึ ง เป นเช น นั้ น. อานนท ! ความคิ ด ได เ กิ ด ขึ้ น แก เ ราสื บ ไปว า ถ า หากเราได เ ห็ น โทษวิ ญ ญ าณั ญ จายตนะ แล ว นํ ามาทํ า การคิ ด นึ ก ในข อ นั้ น ให ม าก ได รั บ อานิ ส งส ในอากิ ญ จั ญ ญายตนะแล ว พึงเสพในอานิสงสนั้นอยางทั่วถึงไซร, ขอนั้นแหละ จะเปนฐานะที่จะทําให
๕๓๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
จิ ต ของเราพึ ง แล น ไป พึ ง เลื่ อ มใส ตั้ ง อยู ได หลุ ด ออกไป ในอากิ ญ จั ญ ญายตนะ โดยที ่เ ห็น อยู ว า นั ่น สงบ. อานนท ! โดยกาลตอ มา เราไดทํ า เชน นั ้น แลว อย า งทั่ ว ถึ ง จิ ต ของเราจึ ง แล น ไป จึ ง เลื่ อ มใส ตั้ ง อยู ไ ด หลุ ด ออกไป ในอากิ ญ จัญ ญ าย ต น ะ นั ้น โด ย ที ่เ ห็น อ ยู ว า นั ่น ส งบ . อ าน น ท! เราแ ล ผา น พน วิ ญญาณั ญจายตนะโดยประการทั้ งปวงเสี ยแล ว จึ ง บรรลุ อากิ ญจั ญญายตนะ อั นมี การทํ า ใน ใจวา "อะไร ๆ ไมม ี" แลว แล อยู . อานนท ! แมเ มื ่อ เราอยู ด ว ย วิหารธรรมคืออากิญจัญญายตนะนี้ การทําในใจตามอํานาจแหงสัญญาที่เปนไปใน วิญ ญาณั ญ จายตนะ ก็ ยั งเกิ ด แทรกแซงอยู . ข อ นั้ น ยังเป น การอาพาธ (ในทาง จิต ) แกเ รา, เหมือ นผู ม ีส ุข แลว ยัง มีท ุก ขเ กิด ขึ ้น ขัด ขวาง เพ ราะอาพ าธ ฉันใดก็ฉันนั้น. อานนท ! ความคิด ไดเ กิด ขึ ้น แกเ ราสืบ ไปวา เพื ่อ กํ า จัด อาพาธ ขอนั้นเสีย ถากระไรเรา เพราะผานพ น อากิ ญ จัญ ญายตนะโดยประการทั้ งปวง เสียแลว พึงบรรลุเนวสัญ ญานาสัญ ญายตนะ แลวแลอยูเถิด ดังนี้. อานนท ! แมก ระนั ้น จิต ของเราก็ย ัง ไมแ ลน ไป ไมเ ลื ่อ มใส ไมตั ้ง อยู ไ ด ไมห ลุด ออกไป ในเนวสัญญานาสัญญายตนะนั้น ทั้งที่เราเห็นอยูวานั่น สงบ.
www.buddhadasa.info อานนท ! ความคิ ด ได เ กิ ด ขึ้ น แก เ ราสื บ ไปว า อะไรหนอ เป น เหตุ เปน ปจ จัย ที ่ทํ า ใหจ ิต ของเราเปน เชน นั ้น . อานนท ! ความรู ส ึก ไดเ กิด ขึ ้น แก เราว า เพราะว าโทษในอากิ ญ จั ญ ญายตนะ เป น สิ่ งที่ เรายั งมองไม เห็ น ยั งไม ได นํ ามาทํ าการคิ ด นึ ก ให ม าก และทั้ งอานิ ส งส แห งเนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนะ เราก็ ยั ง ไม เ คยได รั บ เลย ยั ง ไม เ คยรู ร สเลย ; จิ ต ของเราจึ ง เป น เช น นั้ น . อานนท ! ความคิดไดเกิดขึ้นแกเราสืบไปวา ถาหากเราไดเห็นโทษในอากิญจัญญยตนะ
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๓๙
แล ว นํ า มาทํ า การคิ ด นึ ก ในข อ นั้ น ให ม าก ได รั บ อานิ ส งส ในเนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนะแลว พึง เสพในอานิส งสนั ้น อยา งทั ่ว ถึง ไซร. ขอ นั ้น แหละ จะเปน ฐานะ ที่ จ ะทํ า ให จิ ต ของเราพึ ง แล น ไป พึ ง เลื่ อ มใส ตั้ ง อยู ไ ด หลุ ด ออกไป ในเนวสัญ ญานาสัญ ญายตนะ โดยที ่เ ห็น อยู ว า นั ่น สงบ. อานนท ! โดยกาลตอ มา เราไดทํ า เชน นั ้น แลว อยา งทั ่ว ถึง จิต ของเราจึง แลน ไป จึง เลื ่อ มใส ตั ้ง อยู ไ ด หลุ ด ออกไป ในเนวสั ญ ญ านาสั ญ ญ ายตนะนั้ น โดยที เ ห็ น อยู ว า นั้ น สงบ. อานนท ! เราแล ผ า นพ น อากิ ญ จั ญ ญายตนะโดยประการทั้ ง ปวงเสี ย แล ว จึ ง บรรลุ เนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนะ แล วแลอยู . อานนท ! แม เมื่ อเราอยู ด วยวิหารธรรมคือเนวสัญญานาสัญญายตนะนี้ การทําในใจตามอํานาจแหงสัญญาที่เปนไป ในอากิญ จัญ ญายตนะ ก็ย ัง เกิด แทรกแซงอยู . ขอ นั ้น ยัง เปน การอาพาธ (ในทางจิต ) แกเ รา. เหมือ นผู ม ีส ุข แลว ยัง มีท ุก ขเ กิด ขึ ้น ขัด ขวาง เพ ราะ อาพาธ ฉันใดก็ฉันนั้น. อานนท ! ความคิด ไดเ กิด ขึ ้น แกเ ราสืบ ไปวา เพื ่อ กํ า จัด อาพาธ ขอนั้นเสีย ถากระไรเรา เพราะผานพ นเนวสัญ ญานาสัญ ญายตนะโดยประการ ทั้งปวงเสียแลว พึ งบรรลุสัญ ญาเวทยิตนิโรธ แลวแลอยูเถิด ดังนี้. อานนท ! แมก ระนั ้น จิต ของเราก็ย ัง ไมแ ลน ไป ไมเ ลื ่อ มใส ไมตั ้ง อยู ไ ด ไมห ลุด ออก ไปในสัญญาเวทยิตนิโรธนั้น ทั้งที่เราเห็นอยูวานั่น สงบ
www.buddhadasa.info อานนท ! ความคิ ด ได เ กิ ด ขึ้ น แก เ ราสื บ ไปว า อะไรหนอ เป น เหตุ เปน ปจ จัย ที ่ทํ า ใหจ ิต ของเราเปน เชน นั ้น . อานนท ! ความรู ส ึก ไดเ กิด ขึ ้น แก เราว า เพราะว า โทษในเนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนะ เป น สิ่ ง ที่ เรายั งมองไม เห็ น ยังไมไดนํามาทําการคิดนึกใหมาก และทั้งอานิสงสแหงสัญญาเวทยิตนิโรธ เราก็
๕๔๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ยั ง ไม เ คยได รั บ เลย ยั ง ไม เ คยรู ร สเลย ; จิ ต ของเราจึ ง เป น เช น นั้ น , อานนท ! ความคิ ด ได เกิ ด ขึ้ น แก เราสื บ ไปว า ถ าหากเราได เห็ น โทษในเนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนะ แล ว นํ า มาทํ า การคิ ด นึ ก ในข อ นั้ น ให ม าก ได รั บ อานิ ส งส ในสั ญ ญาเวทยิ ต นิโ รธแลว พึง เสพในอานิส งสนั ้น อยา งทั ่ว ถึง ไซร, ขอ นั ้น แหละ จะเปน ฐานะ ที่ จ ะทํ า ให จิ ต ของเราพึ ง แล น ไป พึ ง เลื่ อ มใส ตั้ ง อยู ไ ด หลุ ด ออกไป ในสั ญ ญาเวทยิต นิโ รธ โดยที ่เ ห็น อยู ว า นั ่น สงบ . อานนท ! โดยกาลตอ มา เราได ทํ าเช น นั้ น แล วอย างทั่ วถึ ง จิ ต ของเราจึ งแล น ไป จึ งเลื่ อ มใส ตั้ งอยู ได หลุ ด ออกไป ใน สัญ ญ า เว ท ยิต นิโ รธ นั ้น โด ย ที ่เ ห็น อ ยู ว า นั ่น ส ง บ . อ า น น ท! เรา แ ล ผ านพ นเนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนะโดยประการทั้ งปวงเสี ยแล ว จึ ง บรรลุ สั ญ ญาเวทยิ ต นิ โ รธ แล ว แลอยู (ไม มี อ าพาธอะไร ๆ อี ก ต อ ไป). อนึ่ ง อาสวะทั้ ง หลาย ไดถึงความสิ้นไปรอบ เพราะเราเห็น (อริยสัจสี่) ไดดวยปญญา. - นวก. อํ. ๒๓/๔๕๗/๒๔๕. (ขอความทั้งหมดนี้ สรุปความวา :-
๑. อดีตกามสัญญา ที่ปฐมฌานละแลว จะ มาคอยเปนอาพาธ แกการเขาอยุ ในปฐมฌาน, ๒. อดีตวิตักกธัมมสัญญา ที่ทุติยฌานละแลว จะ มาคอยเปนอาพาธ แกการเขาอยู ในทุติยฌาน. ๓. อดีตปติสัญญา ที่ตติยฌานละแลว จะ มาคอยเปนอาพาธ แกการเขาอยู ในตติยฌาน. ๔. อดีตอุเปขาสัญญา ที่จตุตถฌานละแลว จะ มาคอยเปนอาพาธ แกการเขาอยูใน จตุตถฌาน. ๕. อดี ตรู ปสั ญ ญา ที่ อากาสานั ญ จายตนะละแล ว จะ มาคอยเป นอาพาธ แก การเข าอยู ใน อากาสา นัญ- จายตนฌาน. ๖. อดีตอากาสานัญจายตนสัญญา ที่วิญญาณัญจายตนะละแลว จะ มาคอยเปนอาพาธ แกการเขาอยูใน วิญญาณัญจายตนฌาน. ๗. อดีตวิญญาณั ญจายตนสั ญญา ที่ อากิญจัญญายตนะละแล ว จะ มาคอยเป นอาพาธ แกการเขาอยู ใน อากิญจัญญายตนฌาน.
www.buddhadasa.info
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๔๑
๘. อดี ตอากิ ญจั ญญายตนสั ญญา ที่ เนวสั ญญานาสั ญญายตนะละแล ว จะ มาคอยเป นอาพาธ แก การ เขาอยูใน เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน. ๙. อดี ตเนวสั ญ ญาเนวสั ญ ญายตนสั ญ ญา ที่ ระงับไปแล วเพราะสั ญ ญาเวทยิ ตนิ โรธ ไม อาจมาเป น อาพาธ แกการเขาอยูใน สัญญาเวทยิตนิโรธ).
ปญญาสติกับนามรูปดับ เพราะวิญญาณดับ "ขาแตพระองคผูนิรทุกข! ขาพระองคกราบทูลถามแลว ขอพระ องคจงตรัสบอกธรรมนั้น คือปญญาและสติกับนามรูป แกขาพระองค เถิด;ปญญาและสติกับนามรูปนั้นจะดับไปในที่ไหน? ดูกอนอชิตะ! ทานถามปญหานั้นขอใด เราจะแกปญหา ขอนั้นแกทาน : นามและรูป ยอมดับไมเหลือ ในที่ใด, ปญญาและสติกับนามรูปนั้น ก็ยอมดับไปในที่นั้น, เพราะความ ดับไปแหงวิญญาณ แล. - สุตฺต. ขุ. ๒๕/๕๓๐/๔๒๕. - จูฬนิ. ขุ. ๓๐/๒๐-๒๑/๘๐,๗๕.
www.buddhadasa.info เห็นโลกมีคาเทากับเศษหญาเศษไม
เมื่อเห็นสิ่งทั้งปวงถูกตองตามเปนจริง วาเปนเพียง การเกิดขึ้นของธรรมชาติลวน ๆ วาเปนเพียงการสืบเนื่องกัน เปนสาย ของสิ่งที่มีปจจัยปรุงตอ ๆ กันมาลวน ๆ, แลวความ กลัวยอมไมมี.
๕๔๒
อริยสัจจากพระโอษฐ เมื่ อใดเห็ นด วยป ญญา วาโลกนี้ ไม มี ค าอะไรมากไปกวา เศษหญา เศษไม, เมื ่อ นั ้น เขายอ มไมป รารถนาสิ ่ง ใด ๆ นอก จาก "สิ่งที่ไมมีการเกิดใหมอีกตอไป" ดังนี้แล.
- จูฬนิ. ขุ. ๓๐/๒๕๓/๕๐๕. (ขอความทั้งสองตอนนี้เปนเถรภาษิต นํามาขยายความพุทธภาษิต)
หมดกลม - หยุดหมุน ตั ด "วงก ล ม " ข าด จ าก กั น ก็ ลุ ถึ งส ภ าพ แ ห งค วาม ไม มี อ ะไรเป น ที่ จํ า น งห วั ง . ตั ณ ห าที่ ไห ล ซ าน เมื่ อ ถู ก ทํ าให แห งส นิ ท แ ล ว ก็ไ ห ล ไ ม ไ ด . ว ง ก ล ม ถูก ต ัด แ ล ว (เชน นี ้) ก็หมุนไมได อีกตอไป. นั่นแหละ คือ ที่สุดแหงทุกข ละ. - อุ. ขุ. ๒๕/๑๙๙/๑๔๘.
คนดําหรือคนขาว ลวนมีหวังในนิพพาน
www.buddhadasa.info "ข าแต พระองค ผู เจริญ ! ปู รณกั สสปบั ญญั ติ ชาติ เฉพาะอย าง ๖ ชนิ ด คื อ ชาติดํา ชาติเขียว ชาติแดง ชาติเหลือง ชาติขาว และชาติขาวสุด. ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! ในการบั ญญั ติ ของปู รณกั สสปนั้ น เขาบั ญญั ติ คนฆ า แพะแกะ คนฆ าสุ กร ฆ านก ฆ าเนื้ อ ชาวประมง โจรปล น โจรฆ าคน เจ าหน าที่ เรื อนจํ า หรือคนมีการงานชั้นต่ําอยางอื่น ๆ วาเปน ชาติดํา. ข าแต พระองค ผู เจริ ญ! ปู รณกั สสปบั ญญั ติ ภิ กษุ พวกกั ณฑกพฤติ หรื อพวก กัมมวาทพวกกิริยวาทอื่น ๆ วาเปน ชาติเขียว.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๔๓
ขาแตพระองคผูเจริญ ! ปูรณกัสสปบัญญั ติพวกนิครนถมีผาผืนเดียว วาเปน ชาติแดง. ขาแตพระองคผูเจริญ ! ปูรณกัสสปบัญญั ติพวกคฤหัสถผูนุงขาวผูเปนสาวกอเจลก วาเปนชาติเหลือง. ข าแต พรองค ผู เจริญ ! ปู รณกั สสปบั ญ ญั ติ พ วกอาชี วก พวกอาชี วกิ นี (หญิง) วาเปนชาติขาว. ขาแตพระองคผูเจริญ! ปูรณกัสสปบัญญัติเจาลัทธิชื่อนันทวัจฉะ กิจจสังกิจจะ และมักขลิโคสาละ วาเปนชาติขาวสุด. ขาแตพระองคผูเจริญ ! ปูรณกัสสปบัญญัติชาติเฉพาะอยาง ๖ ชนิด เหลานี้แล พระเจาขา !" อานนท ! โลกทั้ ง ปวง ยอมรั บ รู ก ารบั ญ ญั ติ อภิ ช าติ ๖ ชนิ ด ของ ปูรณกัสสปนั้นหรือ ? "ขอนั้นหามิได พระเจาขา !"
www.buddhadasa.info อานนท ! ถ า อย า งนั้ น มั น ก็ เหมื อ นกั บ คนยากจนเข็ ญ ใจไม มี ท รั พ ย ติ ด ตั ว ทั้ งไม ป รารถนาจะได เนื้ อ ซึ่ งต อ งใช ค า เนื้ อ ตามสั ด ส ว น, เมื่ อ มี ค นมากล า ว วา "บุร ุษ ผู เ จริญ ! เนื ้อ นี ้น า กิน แตท า นตอ งใชค า เนื ้อ " ดัง นี ้แ ลว ; เขา ย อ มปฏิ เสธ; ฉั น เดี ย วกั บ ปู ร ณกั ส สป ไม ไ ด รั บ การรั บ รู จ ากสมณพราหมณ ทั้ ง หลาย แล วมาบั ญ ญั ติ อ ภิ ชาติ ๖ ชนิ ด นี้ มี ลั ก ษณะเป น คนโง คนไม เฉี ย บแหลม ไมรูจ ัก ขอบเขต ไมฉ ลาด ฉัน ใดก็ฉ ัน นั ้น . อานนท ! เราแหละจะบัญ ญัติ อภิ ช าติ ๖ ชนิ ด , เธอจงฟ ง จงทํ า ในใจให ด ี , เราจะกล า ว. อานนท ! อภิชาติ ๖ ชนิด เปนอยางไรเลา ?
๕๔๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
อานนท ! ในกรณี แ ห ง อภิ ช าติ หก นี้ คื อ คนบางคนมี ช าติ ดํ า ก อ ใหเ กิด ธรรมดํ า ๑, บางคนมีช าติดํ า กอ ใหเ กิด ธรรมขาว ๑, บางคนมีช าติ ดํ า ก อ ให เกิ ด นิ พ พาน (ความสิ้ น ราคะโทสะโมหะ) อั น เป น ธรรมไม ดํ าไม ข าว ๑, บางคนมีช าติข าว กอ ใหเ กิด ธรรมดํ า ๑, บางคนมีช าติข าว กอ ใหเ กิด ธรรม ขาว ๑, บางคนมีชาติขาว กอใหเกิดนิพพานอันเปนธรรมไมดําไมขาว ๑. อานนท ! คนมี ช าติ ดํ า ก อ ให เ กิ ด ธรรมดํ า เป น อย า งไรเล า ? อานนท ! คนบางคนในกรณ ีนี ้ เกิด ใน ต ระกูล ต่ํ า คือ ตระกูล จัณ ฑ าล ตระกูล พราน ตระกูล จัก สาน ตระกูล ทํ า รถ หรือ ตระกูล เทหยากเยื ่อ ซึ ่ง เปน คนยากจน มีข า วและน้ํ า นอ ย เปน อยู ฝ ด เคือ ง มีอ าหารและเครื ่อ งนุ ง หม หา ได โ ดยยาก เขาเป น ผู มี ผิ ว พรรณทราม ไม น า ดู เตี้ ย ค อ ม ขี้ โ รค ตาบอด ง อ ย กระจอก มี ตั ว ตะแคงข า ง ไม ค อ ยจะมี ข า ว น้ํ า เครื่ อ งนุ ง ห ม ยานพาหนะ ดอกไม ของหอม เครื่ อ งลู บ ไล ที่ น อน ที่ อ ยู และประที ป โคมไฟ แต เขาก็ ยั ง ประพฤติก ายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต ครั้นประพฤติทุจริตแลว เบื้องหนา แต ก ารตายเพราะการทํ า ลายแห ง กาย ย อ มเข า ถึ ง อบายทุ ค ติ วิ บ าตนรก. อย า ง นี้แล อานนท ! เรียกวาคนมีชาติดํา กอใหเกิดธรรมดํา.
www.buddhadasa.info อานนท ! คนมี ช าติ ดํ า ก อ ให เกิ ด ธรรมขาว เป น อย า งไรเล า ? อานนท ! คนบางคนในกรณี นี้ เกิ ด ในตระกู ล ต่ํ า คื อ ตระกู ล จั ณ ฑาล ตระกู ล พราน ...ฯลฯ... มีอ าหารและเครื ่อ งนุ ง หม หาไดโ ดยยาก มีผ ิว พรรณทราม ไม น า ดู ....ฯ ล ฯ .... ไม ค อ ย จ ะ มี ข า ว น้ํ า ....ฯ ล ฯ ,.... ป ร ะ ที ป โค ม ไฟ แตเ ขา ประพฤติก ายสุจ ริต วจีส ุจ ริต มโนสุจ ริต ครั้น ประพฤติส ุจ ริต แลว เบื้ อ งหน า แต ก ารตาย เพราะการทํ า ลายแห ง กาย ย อ มเข า ถึ ง สุ ค ติ โ ลกสวรรค . อยางนี้แล อานนท ! เรียกวา คนมีชาติดํา กอใหเกิดธรรมขาว.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๔๕
อานนท! คนมีช าติดํ า กอ ใหเ กิด นิพ พานอัน เปน ธรรมไมดํ า ไม ขาว เป น อย า งไรเล า ? อานนท ! คนบางคนในกรณี นี้ เกิ ด ในตระกู ล ต่ํ า คื อ ตระกุ ล จั ณ ฑาล ตระกู ล พราน ....ฯลฯ.... มี ผิ ว พรรณทราม ไม น า ดู เตี้ ย ค อ ม. เขาปลงผมและหนวด ครองผ า ย อ มฝาดออกจากเรื อ น บวชเป น ผู ไม มี ป ระโยชน เกี่ ย วข อ งด ว ยเรื อ น. เขานั้ น ครั้ น บวชแล ว อย า งนี้ ละนิ ว รณ ทั้ ง ห า อั น เป น เครื่องเศราหมองจิตทํ าป ญญาให ถอยกํ าลัง ได แล ว มี จิ ตตั้ งมั่ นดี ในสติ ป ฏฐานทั้ งสี่ ยังโพชฌงคเจ็ดให เจริญ แลวตามที่เปน จริง ชื่อวายอมกอใหเกิดนิพ พานอันเปน ธรรมไม ดํ า ไม ข าว. อย า งนี้ แ ล อานนท ! เรี ย กว า คนมี ช าติ ดํ า ก อ ให เ กิ ด นิพพานอันเปนธรรมไมดําไมขาว. อานนท ! คนมี ช าติ ข าว ก อ ให เ กิ ด ธรรมดํ า เป น อย า งไรเล า ? อานนท ! คนบางคนในกรณ ีนี ้ เกิด ในสกุล สูง คือ สกุล กษัต ริย ม หาศาล สกุ ล พราหมณ ม หาศาล หรื อ สกุ ล คหบดี ม หาศาล อั น มั่ งคั่ ง มี ท รั พ ย ม าก มี โภคะ มาก มี ท องและเงิ น พอตั ว มี อุ ป กรณ แ ห ง ทรั พ ย พ อตั ว มี ท รั พ ย แ ละข า วเปลื อ ก พอตัว เขามีร ูป งาม นา ดู นา เลื ่อ มใส ประกอบดว ยความเกลี ้ย งเกลาแหง ผิ ว พรรณอย า งยิ่ ง ร่ํ า รวยด ว ยข า วด ว ยน้ํ า เครื่ อ งนุ ง ห ม ยานพาหนะ ดอกไม ของหอม เครื ่อ งลูบ ไล ที ่น อน ที ่อ ยู และประทีป โคมไฟ แตเ ขา ประพฤติ กายทุ จ ริต วจี ทุ จ ริต มโนทุ จ ริต ครั้น ประพฤติ ทุ จริตแล ว เบื้ องหน าแต การตาย เพราะการทํ า ลายแห ง กาย ย อ มเข า พึ ง อบายทุ ค ติ วิ นิ บ าตนรก. อย า งนี้ แ ล อานนท ! เรียกวา คนมีชาติขาว กอใหเกิดธรรมดํา.
www.buddhadasa.info อานนท ! คนมี ช าติ ข าว ก อ ให เกิ ด ธรรมขาว เป น อย า งไรเล า ? อานนท ! คนบางคนในกรณี นี้ เกิ ด ในสกุ ล สู ง คื อ สกุ ล กษั ต ริ ย ม หาศาล
๕๔๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ส กุล พ ราห ม ณ ม ห าศ าล ....ฯล ฯ .... มีท รัพ ยแ ล ะขา วเป ลือ ก พ อ ตัว มีร ูป ง า ม ....ฯ ล ฯ .... ร่ํ า ร ว ย ด ว ย ข า ว น้ํ า ....ฯ ล ฯ .... ป ร ะ ที ป โ ค ม ไ ฟ ; เขา ประพฤติก ายสุจ ริต วจีส ุจ ริต มโนสุจ ริต ครั้น ประพฤติส ุจ ริต แลว เบื ้อ ง หน า แต ก ารตายเพราะการทํ า ลายแห ง กาย ย อ มเข า ถึ ง สุ ค ติ โลกสวรรค . อย า งนี้ แล อานนท ! เรียกวา คนมีชาติขาว กอใหเกิดธรรมขาว. อานนท ! คนชาติข าว กอ ใหเ กิด นิพ พานอัน เปน ธรรมไมดํ า ไม ขาว เป น อย า งไรเล า ? อานนท ! คนบางคนในกรณี นี ้ เกิ ด ในสกุ ล สู ง คื อ ส กุ ล ก ษั ต ริ ย ม ห า ศ า ล ส กุ ล พ ร า ห ม ณ ม ห า ศ า ล ....ฯ ล ฯ มี ท รั พ ย แ ล ะ ข า ว เป ล ื อ ก พ อ ต ั ว ม ี ร ู ป ง า ม ....ฯ ล ฯ .... ร่ํ า ร ว ย ด ว ย ข า ว น้ํ า .... ฯลฯ.... ประที ป โคมไฟ. เขาปลงผมและหนวด ครองผ า กาสายะ ออกจาก เรือ น บ วชเปน ผู ไ มม ีป ระโยชนเ กี ่ย วขอ งดว ยเรือ น , เขานั ้น ค รั ้น บ วชแลว อย างนี้ ละนิ วรณ ทั้ งห า อั นเป นเครื่องเศราหมองใจทํ าป ญ ญาให ถอยกํ าลั งได แล ว มีจิตตั้งมั่นดี ในสติปฏฐานทั้งสี่ ยังโพชฌงคเจ็ดใหเจริญแลวตามที่เปนจริง ชื่ อ ว า ย อ มก อ ให เ กิ ด นิ พ พานอั น เป น ธรรมไม ดํ า ไม ข าว. อย า งนี้ แ ล อานนท ! เรียกวา คนมีชาติขาว กอใหเกิดนิพพานอันเปนธรรมไมดําไมขาว.
www.buddhadasa.info อานนท ! เหลานี้แล อภิชาติ ๖ ชนิด.
- ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๒๘/๓๒๙.
วิมุตติไมมีความตางกันตามวรรณะของผูปฏิบัติ "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! วรรณะสี่ เหล านี้ คื อกษั ตริ ย พราหมณ แพศย ศูทร มีอยู, ถาชนในแตละวรรณะเหลานั้น ประกอบดวยองคแหงผูควรประกอบความเพียร
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๔๗
หา๑ เหลานี้แลว, ขาแตพระองคผูเจริญ ! ความผิดแปลกแตกตางกันแหงชนเหลานั้น จะพึง มีอยูในกรณีนี้อีกหรือ ?" มหาราช ! ในกรณี นี้ ตถาคตกล า วแต ค วามแตกต างกั น แห งความ เพีย รของชนเหลา นั ้น . มหาราช ! เปรีย บเหมือ นคู แ หง ชา งที ่ค วรฝก คู แ หง มา ที่ ค วรฝ ก หรื อ คู แ ห ง โคที่ ค วรฝ ก ก็ ดี ที่ เ ขาฝ ก ดี แ ล ว แนะนํ า ดี แ ล ว และคู แ ห ง ช า งที่ ค วรฝ ก คู แ ห ง ม า ที่ ค วรฝ ก หรื อ คู แ ห ง โคที่ ค วรฝ ก ก็ ดี ที่ เขาไม ได ฝ ก ไม ได แนะนํ า ก็ มี อ ยู , มหาราช ! มหาบพิ ต รจะสํ า คั ญ ความข อ นี้ ว า อย า งไร : คู แ ข ง สั ต ว ที่ ฝ ก ดี แ ล ว นั้ น จะพึ ง ถึ ง ซึ่ ง การณะแห ง สั ต ว ที่ ฝ ก แล ว พึ ง บรรลุ ถึ ง ซึ่ ง ภู มิ แ ห ง สั ต ว ที่ ฝ ก แล ว มิ ใ ช ห รื อ ? "ข อ นั้ น เป น อย า งนั้ น พระเจ า ข า !" ส ว นคู แ ห ง สั ต ว เหล าใดที่ ไม ถู ก ฝ กไม ถู กแนะนํ า สั ต ว เหล านั้ นจะพึ งถึ งซึ่ งการณะแห งสั ต ว ที่ ฝ ก แล ว พึง บรรลุถ ึง ซึ ่ง ภูม ิแ หง สัต วที ่ฝ ก แลว เชน เดีย วกับ คู แ หง สัต วที ่ฝ ก ดีแ ลว แนะนํ า ดีแ ลว เหลา โนน แลหรือ ? "ขอ นั ้น หามิไ ด พระเจา ขา !" มหาราช! ผลอัน ใด ที่ ผู มี สั ท ธา มี อ าพาธน อ ย ไม โ อ อ วด ไม มี ม ายา ปรารภความเพี ย ร มี ป ญ ญา จะพึ ง บรรลุ ไ ด นั้ น , ผู ที่ ไ ม มี สั ท ธา มี อ าพาธมาก โอ อ วด มี ม ายา ขี้ เ กี ย จ ไร ปญ ญ า จัก บรรลุซึ ่ง ผลอยา งเดีย วกัน นั ้น ไดห นอ ขอ นั ้น ไมเ ปน ฐานะที ่ม ีไ ด, ฉันใดก็ฉันนั้น.
www.buddhadasa.info "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! พระผู มี พระภาคตรั สอย างมี เหตุ พระผู มี พระภาค ตรัสอย างมี ผล. ข าแต พระองค ผู เจริญ ! วรรณะสี่ เหล านี้ คื อ กษั ตริย พราหมณ แพศย ศูทร มีอยู. ถาชนในแตละวรรณะเหลานั้น ประกอบดวยองคแหงผูมีความเพียรหาเหลานี้
๑. ดูร ายละเอีย ดที ่ห ัว ขอ วา "ผู ม ีล ัก ษณ ะควรประกอบความเพีย ร" ที ่ห มวดสัม มาวายามะ ในภาค ๔ ; หรือดูโดยยอ ที่ตอนทายของยอหนาถัดไปจากยอหนานี้.
๕๔๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
แลว และเปนผูมีความเพียรโดยชอบอยู แลวยังจะมีความผิดแปลกแตกตางกันแหงชนเหลานั้น ในกรณีนี้ อยูอีกหรือ ?" มหาราช! ในกรณี นี้ ตถาคตไม กลาวความแตกต างไร ๆ ในระหวาง ชนเหล า นั้ น เลย ในเมื่ อ กล า วเปรี ย บเที ย บกั น ถึ ง วิ มุ ต ติ กั บ วิ มุ ต ติ . มหาราช! เปรี ย บเหมื อ นบุ รุ ษ ถื อ เอาดุ น ไม ส าละแห ง มาแล ว ทํ า ไฟให เกิ ด ขึ้ น ทํ า เตโชธาตุ ให ปรากฏ และบุ รุ ษ อี ก คนหนึ่ ง ถื อ เอาดุ น ไม ม ะม ว งแห ง มาแล ว ทํ า ให ไ ฟเกิ ด ขึ้ น ทํ า เตโชธาตุ ใ ห ป รากฏ และหรื อ บุ รุ ษ อี ก คนหนึ่ ง ถื อ เอาดุ น ไม ม ะเดื่ อ มาแล ว ทํ า ไฟ ใหเ กิด ขึ ้น ทํ า เต โช ธ าตุใ หป ราก ฏ . ม ห าราช ! ม ห าบ พิต ร จ ะ สํ า คัญ ความข อ นี้ ว าอย างไร : ความต างกั น ใด ๆ ของไฟเหล านั้ น ที่ เกิ ด จากไม ต าง ๆ กั น จะพึง มีแ ลหรือ เมื ่อ เปรีย บกัน ซึ ่ง เปลวดว ยเปลว ซึ ่ง สีด ว ยสี ซึ ่ง แสงดว ยแสง ? "ข อ นั้ น หามิ ไ ด พระเจ า ข า !" มหาราช! ข อ นี้ ก็ ฉั น นั้ น เหมื อ นกั น : เดช (แห ง ธรรม) อัน วิร ิย ะนฤมิต ขึ ้น อัน ปธานกระทํ า ใหเ กิด ขึ ้น ใด ๆ มีอ ยู , ตถาคต ไม ก ล า วความแตกต า งไร ๆ ในเดช (แห ง ธรรม) นั้ น เมื่ อ กล า วเที ย บกั น ถึ ง วิ มุ ต ติ กับวิมุตติ ดังนี้.
www.buddhadasa.info - ม. ม. ๑๓/๕๒๒-๕๒๓/๕๗๘-๕๗๙.
อริยโลกุตตรธรรมสําหรับคนทุกคนทุกวรรณะ
"พระโคดมผู เจริ ญ ! พราหมณ ทั้ งหลาย ย อมบั ญญั ติ ทรั พย สี่ ประการ คื อ บัญญั ติทรัพยประจําตัวของพราหมณ บัญญั ติทรัพยประจําตัวของกษัตริย บัญญั ติทรัพย ประจําตัวของแพศย บัญญัติทรัพยประจําตัวของศูทร.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๔๙
พระโคดมผู เจริ ญ ! ในทรั พย สี่ ประการนั้ น พวกพราหมณ บั ญ ญั ติ การ ภิกขาจารวาเปนทรัพยประจําตัวของพวกพราหมณ ถาพวกพราหมณดูหมิ่นการภิกขาจาร ซึ่งเป นทรัพย ประจํ าตั วของตนเสี ย ไปทํ ากิ จนอกหน าที่ ของตน เขาก็ จะเป นเหมื อนเด็ กเลี้ ยง วัวเที่ ยวขโมยของของผู อื่ นอยู . พระโคดมผู เจริญ ! นี่ แหละ พวกพราหมณ บั ญญั ติ ทรัพย ประจําตัวสําหรับพราหมณ. พระโคดมผูเจริญ ! ในทรัพย สี่ ประการนั้ น พวกพราหมณ บั ญญั ติ คั นศร และกําแหงลูกศรวาเปนทรัพยประจําตัวของพวกกษัตริย ถาพวกกษัตริยหมิ่นคันศรและ กําแหงลูกศรซึ่งเปนทรัพยประจําตัวของตนเสีย ไปทํากิจนอกหนาที่ของตน เขาก็จะเปนเหมือน เด็ กเลี้ ยงวัวเที่ ยวขโมยของผู อื่นอยู . พระโคดมผู เจริญ! นี่ แหละ พวกพราหมณ บั ญญั ติ ทรัพยประจําตัวสําหรับกษัตริย. พระโคดมผูเจริญ ! ในทรัพยสี่ประการนั้น พวกพราหมณ บั ญญั ติ กสิ กรรม และโครักขกรรมวาเปนทรัพยประจําตัวของพวกแพศย ถาพวกแพศยดูหมิ่นกสิกรรม และโครักขกรรมซึ่ งเป นทรัพย ประจํ าตั วของตนเสี ย ไปทํ ากิ จนอกหน าที่ ของตน เขาก็ จะเป น เหมื อนเด็ กเลี้ ยงวัวเที่ ยวขโมยของของผู อื่ นอยู , พระโคดมผู เจริญ ! นี่ แหละ พวกพราหมณ บัญญัติทรัพยประจําตัวสําหรับแพศย.
www.buddhadasa.info พระโคดมผูเจริญ ! ในทรัพยสี่ประการนั้น พวกพราหมณ บั ญญั ติเคี ยวและ ไมคานวาเปนทรัพยประจําตัวของพวกศูทร ถาพวกศูทรดูหมิ่นเดียวและไมคานซึ่งเปน ทรัพยประจําตั วของตนเสี ย ไปทํ ากิจนอกหน าที่ ของตน เขาก็จะเป นเหมื อนเด็ กเลี้ยงวัวเที่ ยว ขโมยของของผูอื่นอยู. พระโคดมผูเจริญ ! นี่แหละ พวกพราหมณ บัญญั ติทรัพยประจําตัว สําหรับศูทร.
๕๕๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
พวกพราหมณ บั ญญั ติ ทรัพย สี่ ประการเหล านี้ ; ในกรณี นี้ พระโคดมผู เจริญ กลาวอยางไร ? พราหมณ ! โลกทั้ ง ปวงยอมรั บ รู ก ารบั ญ ญั ติ เ ช น นั้ น ของพราหมณ ทั้ งหลาย ว าคนทั้ งหลายจงบั ญ ญั ติ ทรั พ ย ทั้ งสี่ อย างเหล านี้ เถอะ ดั งนี้ หรื อ? "ข อนั้ น หามิได พระโคดมผูเจริญ!" พราหมณ ! ขอ นี ้เ ปรีย บเหมือ นคนยากจนเข็ญ ใจไรท รัพ ย มีอ ยู คนพวกหนึ่ ง แขวนเนื้ อ (ที่ ทํ า ไว เป น ชุ ด ๆ) แสดงแก เขาผู ไ ม ป รารถนา โดยกล า วว า "บุ รุ ษ ผู เ จริ ญ ! เนื้ อ นี้ น า กิ น แต ต อ งใช มู ล ค า " ดั ง นี้ นี้ ฉั น ใด ; พราหมณ เอย! พราหมณ ทั้ งหลาย ไม ได รั บการรั บรู ของสมณพราหมณ ทั้ งหลาย แล ว ก็ มาบั ญ ญั ติ ทรัพ ยทั ้ง หลายสี ่เ หลา นั ้น ก็ฉ ัน นั ้น . พราหมณ ! เราบัญ ญัต ิโ ลกุต ตรธรรม อันประเสริฐวาเปนทรัพยประจําตัวสําหรับคน. - ม. ม. ๑๓/๖๑๔-๖๑๕/๖๖๕-๖๖๖
www.buddhadasa.info นิทเทศ ๑๐ วาดวยธรรมเปนที่ดับแหงตัณหา จบ
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๕๑
นิทเทศ ๑๐ วาดวยผูดับตัณหา (มี ๑๐๖ เรื่อง)
ปุถุชน คือ ผูยึดถือเต็มที่
ภิก ษุ ท .! ปุถ ุช น ใน โล ก นี ้ ผู ไ มไ ดย ิน ไดฟ ง ไมไ ดเ ห็น บ รรด า พระอริ ย เจ า ไม ฉ ลาดในธรรมของพระอริ ย เจ า ไม ถู ก แนะนํ า ในธรรมของพระอริย เจา , ไมไ ดเ ห็น หมู ส ัต บุร ุษ ไมฉ ลาดในธรรมของสัต บุร ุษ ไมถ ูก แนะนํ า ในธรรมของสั ต บุ รุ ษ . ย อ ม เข า ใจ ดิ น น้ํ า ไฟ ลม โดยความเป น ดิ น น้ํ า ไฟ ลม; เมื่ อ เข า ใจ ดิ น น้ํ า ไฟ ลม โดยความเป น ดิ น น้ํ า ไฟ ลม แล ว , ย อ ม หมายมั่ น ดิ น น้ํ า ไฟ ลม ; ย อ มหมายมั่ น ใน ดิ น น้ํ า ไฟ ลม; ย อ มหมายมั่ น โดยความเป น ดิ น น้ํ า ไฟ ลม; ย อ มหมายมั่ น ว า 'ดิ น น้ํ า ไฟ ลม เป น ของเรา' ดัง นี ้; เขา ยอ มเพลิด เพลิน ยิ ่ง ตอ ดิน น้ํ า ไฟ ลม. ขอ นั ้น เพราะเหตุไ รเลา ? เราขอตอบวา "เพราะวา ดิน น้ํา ไฟ ลม เปนสิ่งที่ปุถุชนนั้น ยังไมไดรูรอบ." ดังนี้แล.
www.buddhadasa.info - ม. ม. ๑๒/๑/๒. (สิ่ ง ที่ ปุ ถุ ช นไม รู จั ก แล ว หมายมั่ น เพลิ ด เพลิ น นั้ น ยั ง ตรั ส ไว ต อ ไปอี ก ในสู ต รนี้ คื อ ภู ต สั ต ว เทพปชาบดี พรหม อาภั ส สรพรหม สุ ภ กิ ณ หพรหม เวหั ป ผลพรหม อภิ ภู อากาสานั ญ จายตนะ วิ ญ ญาณั ญ จายตนะ อากิ ญ จั ญ ญายตนะ เนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนะ สิ่ งที่ เห็ น แล ว สิ่ ง ที่ไดยินแลว สิ่งที่รูจักแลว สิ่งที่รูแจงแลว เอกภาวะ นานาภาวะ สิ่งทั้งปวง และนิพพาน).
พระเสขะ คือ ผูกําลังจะไมยึดถือ ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ใด แม ยั ง เป น พระเสขะ ยั ง ไม บ รรลุ ถึ ง อรหั ต ตมรรค ยังปรารถนาพระนิพพาน อันเปนที่เกษมจากโยคะ ไมมีอื่นยิ่งกวา อยู, ภิกษุ
๕๕๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
แมนั ้น ยอ ม รู ช ัด แจง ซึ ่ง ดิน น้ํ า ไฟ ลม โดยความเปน ดิน น้ํ า ไฟ ลม; เมื ่อ รู ชั ด แจ ง ซึ่ ง ดิ น น้ํ า ไฟ ลม โดยสั ก แต ว า เป น ดิ น น้ํ า ไฟ ลม แล ว , เป น ผู จะไมห มายมั ่น ๑ ซึ ่ง ดิน น้ํ า ไฟ ลม; จะไมห มายมั ่น ในดิน น้ํ า ไฟ ลม ; จะไม ห มายมั่ น โดยความเป น ดิ น น้ํ า ไฟ ลม; จะไม ห มายมั่ น ว า 'ดิ น น้ํ า ไฟ ลม เปน ของเรา' ดัง นี ้ ; จึง เปน ผู ไ มม ีป รกติเ พลิด เพลิน ยิ ่ง ซึ ่ง ดิน น้ํ า ไฟ ลม, ขอ นั ้น เพราะเหตุไ รเลา ? เราขอตอบวา "เพราะวา ดิน น้ํ า ไฟ ลม เปนสิ่งที่ภิกษุผูเสขะนั้น จะตองไดรูรอบ." ดังนี้แล. - มู. ม. ๑๒/๖/๒.
ปุถุชน คือ ผูที่ยังไมรูจักนิพพาน ภิก ษุ ท .! ปุถ ุช น ใน โล ก นี ้ ผู ไ มไ ดย ิน ไดฟ ง ไมไ ดเ ห็น บ รรด า พระอริ ย เจ า ไม ฉ ลาดในธรรมของพระอริ ย เจ า ไม ถู ก แนะนํ า ในธรรมของพระอริ ย เจ า , ไม ไ ด เ ห็ น หมู สั ต บุ รุ ษ ไม ฉ ลาดในธรรมของสั ต บุ รุ ษ ไม ถู ก แนะนํ า ใน ธรรมของสั ต บุ รุ ษ , ย อ ม เข า ใจ นิ พ พาน โดยความเป น นิ พ พาน; เมื่ อ เข า ใจ นิ พ พานโดยความเป น นิ พ พานแล ว , ย อ ม หมายมั่ น ซึ่ ง นิ พ พาน; ย อ มหมายมั่ น ใน นิ พ พ า น ; ย อ ม ห ม า ย มั ่ น โด ย ค ว า ม เป น นิ พ พ า น ; ย อ ม ห ม า ย มั ่ น ว า 'นิพพาน เปนของเรา' ดังนี้. เขา ยอมเพลิดเพลินยิ่ง ตอนิพพาน. ขอนั้น
www.buddhadasa.info
๑. ที ่ว า "จะไมห มายมั ่น " ในที ่นี ่นั ้น ใหเ ขา ใจวา หมายมั ่น ก็ไ มใ ช ไมห มายมั ่น เสีย เลยก็ไ มใ ช ยัง อยู ใ น ระหวา ง ๆ ในบาลีจ ึง ใชคํ า วา 'มามฺ' แทนที ่จ ะใชคํ า วา มฺ หรือ มมฺ เปนลักษณะของพระเสขะ ซึ่งอยูในระหวางปุถุชนกับพระอเสขะ. สํ า หรั บ วั ต ถุ เ ป น ที่ ตั้ ง แห ง ความยึ ด ถื อ ก็ ไ ด ต รั ส ไว เ ต็ ม จํ า นวนเหมื อ นที่ ก ล า วไว ใ น หัวขออันวาดวยปุถุชนขางบนนั่นเอง.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๕๓
เพราะเหตุไ รเลา ? เราขอตอบวา "เพราะวา นิพ พาน เปน สิ ่ง ที ่ป ุถ ุช นนั ้น ยัง ไมไดรูรอบ" ดังนี้แล. - มู. ม. ๑๒/๕/๒.
พระเสขะ คือ ผูที่กําลังจะรูจักนิพพาน ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ใด แม ยั งเป น พระเสขะ ยั งไม บ รรลุ ถึ งอรหั ต ตมรรค ยั งปรารถนาพระนิ พ พานอั น เป น ที่ เกษมจากโยคะ ไม มี อื่ น ยิ่ งกว า อยู , ภิ กษุ แม นั้ น ยอ ม รู ช ัด แจง ซึ ่ง นิพ พาน โดยความเปน นิพ พาน ; เมื ่อ รู ช ัด แจง ซึ ่ง นิพ พาน โดยสัก แตว า เปน นิพ พานแลว , ยอ มเปน ผู จะไมห มายมั ่น ซึ ่ง นิพ พาน; จะ ไม ไ ม ห มายมั่ น ในนิ พ พาน; จะไม ห มายมั่ น โดยความเป น นิ พ พาน; จะไม หมายมั ่น วา 'นิพ พาน เปน ของเรา' ดัง นี ้; จึง เปน ผู ไมม ีป รกติเ พลิด เพลิน ยิ ่ง ซึ ่ง นิพ พาน. ขอ นั ้น เพราะเหตุไ รเลา ? เราขอตอบวา "เพราะวา นิพ พ าน เปนสิ่งที่ภิกษุผูเสขะนั้น จะตองไดรูรอบ." ดังนี้แล. - มุ. ม. ๑๒/๖/๓.
www.buddhadasa.info พระอเสขะ คือ ผูที่หมดความยึดถือทุกสิ่ง
ภิ กษุ ท .! ภิ กษุ ใด เป น พ ระอ รหั น ต ผู สิ้ น อาสวะแล ว อยู จ บ พรหมจรรย ทํ า กิจ ที ่ต อ งทํ า สํ า เร็จ แลว มีภ าระอัน ปลงลงแลว มีป ระโยชน ของตนอั น ตามบรรลุ ถึ ง แล ว มี สั ง โยชน ใ นภพสิ้ น ไปหมดแล ว เป น ผู ห ลุ ด พ น แล ว เพราะรู โ ดยชอบ, ภิก ษุแ มนั ้น ก็ย อ ม รู ช ัด แจง ซึ ่ง ดิน น้ํ า ไฟ ลม โดย ความเปนดิน น้ํา ไฟ ลม; เมื่อรูชัดแจง ซึ่งดิน น้ํา ไฟ ลม โดยสักแตวา
๕๕๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
เป น ดิ น น้ํ า ไฟ ลม แล ว , ย อ ม ไม เ ป น ผู ห มายมั่ น ซึ่ ง ดิ น น้ํ า ไฟ ลม; ไม หมายมั ่น ในดิน น้ํ า ไฟ ลม; ไมห มายมั ่น โดยความเปน ดิน น้ํ า ไฟ ลม ; ไม ห มายมั่ น ว า 'ดิ น น้ํ า ไฟ ลม เป น ของเรา' ดั งนี้ ; จึ ง ไม เป น ผู เพลิ ด เพลิ น ยิ่ ง ซึ ่ง ดิน น้ํ า ไฟ ล ม . ขอ นั ้น เพ ราะ เห ตุไ รเลา ? เราขอ ต อ บ วา "เพ ราะ วา ดิน น้ํา ไฟ ลม เปนสิ่งที่ภิกษุผูอรหันตขีณาสพนั้น ไดรูรอบแลว" ดังนี้แล. - มู. ม. ๑๒/๖/๔. (ในสู ต รนี้ ได ต รั ส สิ่ ง เป น ที่ ตั้ ง แห ง ความยึ ด ถื อ นอกไปจากดิ น น้ํ า ไฟลมอี ก คื อ ภู ต สั ต ว เทพ ปชาบดี พรหม อาภั ส สรพรหม สุ ภ กิ น หพรหม เวหั ป ผลพรหม อภิ ภู อากาสานั ญ จายตนะ ฯลฯ เนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนะ สิ่ ง ที่ เห็ น แล ว -ฟ ง แล ว -รู สึ ก -รู แ จ ง แล ว เอกภาวะ นานาภาวะ สิ่งทั้งปวง และนิพพาน).
พระอเสขะ คือ ผูที่ไมยึดถือแมในนิพพาน ภิ กษุ ท .! ภิ กษุ ใด เป น พ ระอ รหั น ต ผู สิ้ น อาสวะแล ว อยู จ บ พรหมจรรย ทํ า กิ จ ที่ ต อ งทํ า สํ า เร็ จ แล ว มี ภ าระอั น ปลงลงแล ว มี ป ระโยชน ของตน อั น ตามบรรลุ ถึ ง แล ว มี สั ง โยชน ใ นภพสิ้ น ไปรอบแล ว เป น ผู ห ลุ ด พ น แล ว เพราะ รู โ ดยชอบ, ภิ ก ษุ แ ม นั้ น ก็ ย อ ม รู ชั ด แจ ง ซึ่ ง นิ พ พาน โดยความเป น นิ พ พาน; เมื ่อ รู ช ัด แจง ซึ ่ง นิพ พ าน โดยสัก แตว า เปน นิพ พ านแลว , ยอ ม ไมเ ปน ผู หมายมั ่น ซึ ่ง นิพ พาน; ไมห มายมั ่น ในนิพ พาน; ไมห มายมั ่น โดยความ เป น นิ พ พ าน ; ไม ห ม ายมั่ น ว า 'นิ พ พ าน เป นของเรา' ดั ง นี้ ; จึ ง ไม เป น ผู เพลิ ด เพลิ น ซึ่ ง นิ พ พาน. ข อ นั้ น เพราะเหตุ ไ รเล า ? เราขอตอบว า "เพราะว า นิพพาน เปนสิ่งที่ภิกษุผูอรหันตขีณาสพนั้นไดรูรอบแลว" ดังนี้แล.
www.buddhadasa.info - มู. ม. ๑๒/๗/๔.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๕๕
ไตรสิกของพระอเสขะ ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ป ระกอบด ว ยธรรมสามประการ ย อ มเป น ผู มี ค วาม สํ า เร็จ ถึง ที ่ส ุด มีโ ยคัก เขมธรรมถึง ที ่ส ุด มีพ รหมจรรยถ ึง ที ่ส ุด จบกิจ ถึง ที ่ส ุด เป น ผู ป ระเสริ ฐ กว า เทวดาและมนุ ษ ย ทั้ ง หลาย. ประกอบด ว ยธรรมสามประการ อยางไรเลา ? ประกอบดวยธรรมสามประการ คือ :ประกอบดวย สีลขันธ อันเปนอเสขะ ๑; ประกอบดวย สมาธิขันธ อันเปนอเสขะ ๑; ประกอบดวย ปญญาขันธ อันเปนอเสขะ ๑; ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ป ระกอบด ว ยธรรมสามประการเหล า นี้ แ ล ย อ มเป น ผู มี ค วามสํ า เร็ จ ถึ ง ที่ สุ ด มี โยคั ก เขมรธรรมถึ ง ที่ สุ ด มี พ รหมจรรย ถึ ง ที่ สุ ด จบกิ จ ถึ ง ที่สุด เปนผูประเสริฐกวาเทวดาและมนุษยทั้งหลาย. - ติก. อํ. ๒๐/๓๗๕/๕๘๓.
ธรรมขันธของพระอเสขะ
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ป ระกอบด ว ยธรรมห า ประการ ย อ มเป น อาหุ เนยโย ปาหุ เ นยโย ทั ก ขิ เ ณยโย อั ญ ชลิ ก รณี โ ย และเป น เนื้ อ นาบุ ญ ของโลก ไม มี น า บุญ อื ่น ยิ ่ง กวา . ประกอบดว ยธรรมหา ประการ อยา งไรเลา ? ประกอบดว ย ธรรมหาประการ คือ :ประกอบดวย สีลขันธ อันเปนอเสขะ ๑ ; ประกอบดวย สมาธิขันธ อันเปนอเสขะ ๑ ;
๕๕๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ประกอบดวย ปญญาขันธ อันเปนอเสขะ ๑; ประกอบดวย วิมุตติขันธ อันเปนอเสขะ ๑; ประกอบดวย วิมุตติญาณทัสสนขันธ อันเปนอเสขะ ๑. ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ป ระกอบด ว ยธรรมห า ประการเหล า นี้ แ ล ย อ มเป น อาหุ เ นยโย ปาหุ เ นยโย ทั ก ขิ เ ณ ยโย อั ญ ชลิ ก รณี โย และเป น เนื้ อ นาบุ ญ ของ โลก ไมมีนาบุญอื่นยิ่งกวา. - ปฺจก. อํ. ๒๒/๑๕๒/๑๐๗.
สัมมัตตะสิบของพรอเสขะ ภิ ก ษุ ท.! ธรรมอั น เป นอเสขะสิ บ อย า งเหล า นี้ มี อ ยู . สิ บ อย า ง อยางไรเลา? สิบอยางคือ :สัมมาทิฏฐิ อันเปนอเสขะ ๑ ; สัมมาสังกัปปะ อันเปนอเสขะ ๑ ; สัมมาวาจา อันเปนอเสขะ ๑ ; สัมมากัมมันตะ อันเปนอเสขะ ๑ ; สัมมาอาชีวะ อันเปนอเสขะ ๑ ; สัมมาวายามะ อันเปนอเสขะ ๑ ; สัมมาสติ อันเปนอเสขะ ๑ ; สัมมาสมาธิ อันเปนอเสขะ ๑ ; สัมมาญาณะ อันเปนอเสขะ ๑ ; สัมมาวิมุตติ อันเปนอเสขะ ๑ ; ภิกษุ ท.! เหลานี้แล ธรรมอันเปนอเสขะสิบอยาง.
www.buddhadasa.info - ทสก. อํ. ๒๔/๒๓๗/๑๑๒.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๕๗
องคแหงความเปนพระเสขะและพระอเสขะ ภิ ก ษุ ท.! ในบริ ก ขารแห ง อริ ย สั ม มาสมาธิ นั้ น , สั ม มาทิ ฏ ฐิ ย อ ม เปนองคนําหนา ภิกษุ ท.! สัมมาทิฏฐิ เปนองคนําหนา อยางไรเลา ? ภิ ก ษุ ท.! เมื่ อ มี สั ม มาทิ ฏ ฐิ อ ยู , สั ม มาสั ง กั ป ปะ ย อ มมี เ พี ย งพอ. เมื่ อ มี สั ม มาสั ง กั ป ปะอยู , สั ม มาวาจา ย อ มมี เพี ย งพอ. เมื่ อ มี สั ม มาวาจาอยู , สัม มากัม มัน ตะ ยอ มมีเ พีย งพอ. เมื ่อ มีส ัม มากัม มัน ตะอยู , สัม มาอาชีว ะ ยอ มมีเพีย งพอ. เมื ่อ มีส ัม มาอาชีว ะอยู , สัม มาวายามะ ยอ มมีเพีย งพอ. เมื ่อ มี สั ม มาวายามะอยู , สั ม มาสติ ย อ มมี เพี ย งพอ. เมื่ อ มี สั ม มาสติ อ ยู , สั ม มาสมาธิ ย อ มมี เ พี ย งพอ. เมื่ อ มี สั ม มาสมาธิ อ ยู , สั ม มาญาณ ย อ มมี เ พี ย งพอ. เมื่ อ มี สัมมาญาณอยู, สัมมาวิมุตติ ยอมมีเพียงพอ.
www.buddhadasa.info ภิก ษ ุ ท .! ดว ย เห ตุนี ้แ ล , ภิก ษ ุ ผู ป รก อ บ พ รอ ม แ ลว ดว ย องค ทั้ ง ๘ ชื่ อ วา เป น พระเสขะ; และผู ป ระกอบพรอ มแล ว ด วย องค ทั้ ง ๑๐ (คื อเพิ่ มสั มมาญาณ และสั มมาวิมุ ตติ อี ก ๒ องค ) ชื่ อ ว า เป น พระอรหั น ต (พระอเสขะ) แล. - อุปริ. ม. ๑๔/๑๘๗/๒๗๙.
นิทเทสแหงไตรสิกขา เพื่อเปรียบเทียบ ภิ ก ษุ ท.! สิ ก ขา ๓ อย า งเหล า นี้ มี อ ยู . สามอย า ง อย า งไรเล า ? สามอยางคือ อธิสีลสิกขา อธิจิตตสิกขา อธิปญญาสิกขา.
๕๕๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิก ษุ ท.! อ ธิส ีล สิก ข า เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ภิก ษุใ น กรณี นี้ เป น ผู มี ศี ล สํ า รวมด ว ยปาติ โ มกขสั ง วร สมบู ร ณ ด ว ยมรรยาทและโคจร มี ป กติ เห็ น เป น ภั ย ในโทษทั้ ง หลาย แม ว า เป น โทษเล็ ก น อ ย สมาทานศึ ก ษาอยู ในสิกขาบททั้งหลาย. ภิกษุ ท.! นี้เรากลาววา อธสีลสิกขา. ภิก ษุ ท .! อ ธิจ ิต ต สิก ข า เปน อ ยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท .! ภิก ษุ ในกรณี นี้ สงั ด จากกามทั้ งหลาย สงั ด จากอกุ ศ ลธรรมทั้ งหลาย เข า ถึ ง ปฐมฌาน อัน มีว ิต กมีว ิจ าร มีป ต ิแ ละสุข อัน เกิด จาวิเ วก แลว แลอยู ; เพ ราะความ ที่ วิ ต กวิ จ ารทั้ ง สองระงั บ ลง เข า ถึ ง ทุ ติ ย ฌาน เป น เครื่ อ งผ อ งใสแห ง ใจในภายใน ให ส มาธิ เ ป น ธรรมอั น เอกผุ ด มี ขึ้ น ไม มี วิ ต ก ไม มี วิ จ าร มี แ ต ป ติ แ ละสุ ข อั น เกิ ด จากสมาธิ แล ว แลอยู ; อนึ่ ง เพราะความจางคลายไปแห ง ป ติ ย อ มเป น ผู อ ยู อุ เบกขา มี ส ติ แ ละสั ม ปชั ญ ญะ และย อ มเสวยความสุ ข ด ว ยนามกาย ชนิ ด ที่ พ ระ อริ ย เจ า ทั้ ง หลายย อ มกล า วสรรเสริ ญ ผู นั้ น ว า "เป น ผู อ ยู อุ เ บกขา มี ส ติ อยู เ ป น ปกติ สุ ข " ดั ง นี้ เข า ถึ ง ตติ ย ฌาน แล ว แลอยู ; เพราะละสุ ข เสี ย ได และเพราะ ละทุ ก ข เ สี ย ได เพราะความดั บ ไปแห ง โสมนั ส และโทมนั ส ทั้ ง สอง ในกาลก อ น, เข า ถึ ง จตุ ต ถฌาน ไม มี ทุ ก ข ไม มี สุ ข มี แ ต ค วามที่ ส ติ เป น ธรรมชาติ บ ริ สุ ท ธิ์ เพราะ อุเบกขา แลวแลอยู. ภิกษุ ท.! นี้เรากลาววา อธิจิตตสิกขา.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! อธิป ญ ญ าสิก ขา เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ภิก ษุ ในกรณีนี ้ ยอ มรู ชัด ตามเปน จริง วา "นี ้ ทุก ข, นี ้ เหตุใ หเ กิด ทุก ข, นี้ ความดับ ไมเหลือ แหงทุก ข, นี้ ทางใหถึงความดับ ไมเหลือ แหงทุก ข" ดังนี้. ภิกษุ ท.! นี้เรากลาววา อธิปญญาสิกขา. ภิกษุ ท.! เหลานี้แล สิกขา ๓ อยาง.
- ติก. อํ. ๒๐/๓๐๓/๕๒๙.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๕๙
นิทเทสแหงไตรสิกขา (อีกนัยหนึ่ง) ภิ ก ษุ ท.! สิ ก ขาสามอย า งเหล า นี้ มี อ ยู , สามอย า ง อย า งไรเล า ? สามอยาง คือ อธิสีลสิกขา อธิจิตตสิกขา อธิปญญาสิกขา. ภ ิก ษ ุ ท .! อ ธ ิส ีล ส ิก ข า เป น อ ย า ง ไรเล า ? ภ ิก ษ ุ ท .! ภ ิก ษ ุใ น ก ร ณ ีนี ้ เป น ผู ม ีศ ีล สํ า ร ว ม ด ว ย ป า ต ิโ ม ก ข ส ัง ว ร ....ฯ ล ฯ .... ส ม า ท า น ศึกษาอยูในสิกขาบททั้งหลาย. ภิกษุ ท.! นี้เรากลาววา อธิสีลสิกขา. ภ ิก ษ ุ ท .! อ ธ ิจ ิต ต ส ิก ข า เป น อ ยา ง ไ ร เล า ? ภ ิก ษ ุ ท .! ภ ิก ษุ ใน ก รณ ีนี ้ ส งัด จ า ก ก า ม ทั ้ง ห ล า ย .... เข า ถ ึง ป ฐ ม ฌ า น ....ฯ ล ฯ .... ท ุต ิย ฌ า น .... ฯ ล ฯ .... ต ต ิ ย ฌ า น .... ฯ ล ฯ .... จ ต ุ ต ถ ฌ า น .... แ ล ว แลอยู. ภิกษุ ท.! นี้เรากลาววา อธิจิตตสิกขา. ภ ิก ษ ุ ท .! อ ธิป ญ ญ าส ิก ข า เป น อ ยา งไรเลา ? ภ ิก ษ ุ ท .! ภ ิก ษุ ในกรณี นี้ กระทํ าให แ จ งซึ่ ง เจโตวิ มุ ต ติ ป ญ ญาวิ มุ ต ติ อั น หาอาสวะมิ ได เพราะ ความสิ้ น ไปแห งอาสวะทั้ งหลาย ด ว ยป ญ ญาอั น ยิ่ งเอง ในทิ ฏ ฐธรรมนี้ เข าถึ ง แลวแลอยู. ภิกษุ ท.! นี้เรากลาววา อธิปญญาสิขา. ภิกษุ ท.! เหลานี้แล สิกขา ๓ อยาง.
www.buddhadasa.info (คาถาผนวกทายพระสูตร) พึ งเป นผู มี ความเพี ยร มี กํ าลั ง มี ความตั้ งมั่ น มี ความเพ ง มี สติ สํารวมอินทรีย ประพฤติอธิศีลอธิจิตและอธิปญญาเถิด พึงแผจิต ครอบงําทิศทั้งปวง ดวยสมาธิอันหาประมาณมิได เชนเดียวกันทั้งขาง หน าข างหลั ง ทั้ งข างหลั งข างหน า เช นเดี ยวกั นทั้ งเบื้ องต่ํ าเบื้ องสู ง ทั้ ง
๕๖๐
อริยสัจจากพระโอษฐ เบื้องสูงเบื้องต่ํา เชนเดียวกันทั้งกลางวันกลางคืน ทั้งกลางคืนกลางวัน. นั่นทานกลาวกันวาเปนเสขปฏิปทา หรือการประพฤติธรรมหมดจด ดวยดี. นั่นทานกลาวกันวาเปนผูรูพรอมในโลก มีปญญา ถึงที่สุด แหงการปฏิบัติ. วิโมกขแหงจิต ยอมมีแกบุคคลนั้นผูหลุดพนแลวเพราะสิ้น ตัณหา เพราะความดับสนิทแหงวิญญาณ เหมือนความดับสนิทแหงไฟ ฉะนั้น.
- ติก. อํ. ๒๐/๓๐๓/๕๓๐.
เปรียบเทียบพระเสขะ-อเสขะ "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! คํ าอั นพระผู มี พระภาคตรั สว า "เสขะ เสขะ" ดั งนี้ มีอยู. บุคคล ชื่อวาเสขะ ดวยเหตุมีประมาณเทาไร พระเจาขา ?" ภิก ษุ ! บุค คลที ่ศ ึก ษ านั ่น แห ละ ชื ่อ วา เสขะ, ศึก ษ าอะไรกัน เล า ? ศ ึก ษ า ทั ้ง อ ธ ิศ ีล ทั ้ง อ ธ ิจ ิต ทั ้ง อ ธ ิป ญ ญ า . ภ ิก ษ ุ ท .! เพ ร า ะ เข า ศึ ก ษาเขาจึ ง ชื่ อ ว า เสขะ ดั ง นี้ .๑ (ต อ ไปนี้ มี คํ า ประพั น ธ เป น คาถาของพระสั ง คี ติ ก าจารย
www.buddhadasa.info แสดงการเชื่อมตอกันของพระเสขะและพระอเสขะวา :-)
"เมื่ อ เสขบุ ค คล แล น ไปตามหนทางอั น ตรง ศึ ก ษาอยู ขยาญาณยอมเกิดขึ้นกอน; ตอแตนั้น จึงเกิดอรหัตตผลญาณตาม ลําดับ ; ตอจากนั้น ญาณในความสิ้นแหงภวสังโยชน ยอมเกิด
๑ คํ า อธิ บ ายของคํ า ว า อเสขะ หาดู ไ ด ที่ หั ว ข อ ว า "พ ระอรหั น ต คื อ ผู เ ป นอเสขะ" ที่ ห น า ๖๐๙ แหงหนังสือเลมนี้.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๖๑
แก ท านผู หลุ ดพ นด วยอรหั ตตผลญาณ แล วเป นผู คงที่ อยู , ว า วิมุตติของเราไมกลับกําเริบ ดังนี้". - ติก. อํ. ๒๐/๒๙๗/๕๒๕.
ภิก ษุ ท.! สิก ขาบทรอ ยหา สิบ สิก ขาบทนี ้ ยอ มมาสู อ ุท เทส (การ ยกขึ้ น แสดงในท า งกลางสงฆ ) ทุ ก กึ่ ง แห ง เดื อ นตามลํ า ดั บ อั น กุ ล บุ ต รผู ป รารถนา ประโยชนพ ากัน ศึก ษาอยู ใ นสิก ขาบทเหลา นั ้น . ภิก ษุ ท.! สิก ขาสามอยา ง เหลานี้ มีอยู อันเปนที่ประชุมลงของสิกขาบททั้งปวงนั้น. สิกขาสามอยางนั้น เปน อยา งไรเลา ? คือ อธิส ีล สิก ขา อธิจ ิต ตสิก ขา อธิป ญ ญ าสิก ขา. ภิก ษุ ท.! เหลา นี ้แ ล สิก ขาสามอยา ง อัน เปน ที ่ป ระชุม ลงแหง สิก ขาบท ทั้งปวงนั้น. ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ เป น ผู ทํ า ให บ ริ บู ร ณ ให ศี ล ทํ า พ อ ประมาณในสมาธิ ทําพอประมาณในปญญา. เธอยังลวงสิกขาบทเล็กนอยบาง และตอ งออกจากอาบัต ิเ ล็ก นอ ยเหลา นั ้น บา . ขอ นั ้น เพราะเหตุไ รเลา ? ขอ นั ้น เพราะเหตุว า ไมม ีผู รู ใ ด ๆ กลา วความอาภัพ ตอ การบรรลุโ ลกุต ตรธรรม จั ก เกิ ด ขึ้ น เพราะเหตุ สั ก ว า การล วงสิ ก ขาบทเล็ ก น อ ยและการต อ งออกจากอาบั ติ เล็ก นอ ยเหลา นี้. สว น สิก ขาบทเหลาใด ที ่เปน เบื ้อ งตน แหงพรหมจรรย ที่ เหมาะสมแกพรหมจรรย, เธอเปนผูมีศีลยั่งยืน มีศีลมั่นคง ในสิกขาบทเหลา นั ้น สมาทานศึก ษาอยู ใ นสิก ขาบททั ้ง หลาย. ภิก ษุนั ้น , เพราะความสิ ้น ไป รอบแหงสังโยชนสาม เปนโสดาบัน เปนผูมีอันไมตกต่ําเปนธรรมดา เปนผู เที ่ย งตอ พระนิพ พาน มีก ารตรัส รูพ รอ มในเบื ้อ งหนา . ....(ตอ ไปนี้เปน ขอ ความ
www.buddhadasa.info จาก บรรพ ๒๒๗ จนกระทั่งสิ้นขอความเรื่องพระโสดาบัน :-)
๕๖๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิก ษุนั ้น , เพราะความสิ ้น ไปรอบแหง สัง โยชนส าม เปน ผู สัต ตัก ขั ต ตุ ป รมะ ยั ง ต อ งท อ งเที่ ย วไปในภพแห ง เทวดาและมนุ ษ ย อี ก เจ็ ด ครั้ ง เป น อยางมาก แลวยอมกระทําที่สุดแหงทุกขได. (หรือ วา ) ภิก ษุนั ้น , เพ ราะความ สิ ้น ไป รอบ แหง สัญ โญ ชนส าม เปน ผู โกลัง โกละ จัก ตอ งทอ งเที ่ย วไปสู ส กุล สองหรือ สามครั้ง แลว ยอ มกระทํ า ที่สุดแหงทุกขได. (ห รือ วา ) ภ ิก ษ ุนั ้น . เพ ราะ ค วาม สิ ้น ไป รอ บ แ หง สัง โย ช นส าม เป น ผู เป น เอกพี ซี คื อ จั ก เกิ ด ในภพแห ง มนุ ษ ย ห นเดี ย วเท า นั้ น แล ว ย อ มกระทํ า ที่สุดแหงทุกขได. ภิ ก ษุ ท.! ภิ กษุ ในกรณี นี้ เป นผู ทํ าให บ ริ บู รณ ใน ศี ล ทํ าพ อ ประมาณในสมาธิ ทํ าพอประมาณในป ญ ญา, เธอยังลวงสิกขาบทเล็กนอยบาง และตอ งออกจากอาบัต ิเ ล็ก นอ ยเหลา นั ้น บา ง. ขอ นั ้น เพราะเหตุไ รเลา ? ขอ นั้ นเพราะเหตุ ว า ไม มี ผู รู ใด ๆ กล าวความอาภั พ ต อการบรรลุ โลกุ ต ตรธรรม จั กเกิ ด ขึ้ น เพราะเหตุ สั ก ว า การล วงสิ ก ขาบทเล็ ก น อ ยและการต อ งออกจากอาบั ติ เล็ ก น อ ย เหลานี้. สวน สิกขาบทเหลาใด ที่เปนเบื้องตนแหงพรหมจรรย ทีเหมาะสมแก พรหมจรรย, เธอเปนผูมีศีลยั่งยืน มีศีลมั่นคง ในสิกขาบทเหลานั้น สมาทาน ศึ ก ษาอยู ในสิ ก ขาบททั้ ง หลาย. ภิ ก ษุ นั้ น , เพราะความสิ้ น ไปรอบแห ง สั งโยชน สาม และเพราะความที่ราคะ โทสะ โมหะ ก็เบาบางนอยลง เปน สกทาคามี ยังจะมาสูโลกนี้อีกครั้งเดียวเทานั้น แลวยอมกระทําที่สุดแหงทุกขได.
www.buddhadasa.info ภิ กษุ ท.! ภิ กษุ ในกรณี นี้ เป นผู ทํ าให บ ริ บู รณ ในศี ล ทํ าให บ ริบู ร ณ ในสมาธิ ทําพอประมาณในปญญา. เธอยังลวงสิกขาบทเล็กนอยบาง และตอง
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๖๓
ออกจากอาบัต ิเ ล็ก นอ ยเหลา นั ้น บา ง. ขอ นั ้น เพราะเหตุไ รเลา ? ขอ นั ้น เพราะ เหตุ ว า ไม มี ผู รู ใ ด ๆ กล า วความอาภั พ ต อ การบรรลุ โ ลกุ ต ตรธรรม จั ก เกิ ด ขึ้ น เพราะเหตุ สั ก ว า การล ว งสิ ข าบทเล็ ก น อ ย และการต อ งออกจากอาบั ติ เ ล็ ก น อ ย เหลา นี้. สว น สิก ขาบทเหลา ใด ที่เ ปน เบื ้อ งตน แหง พรหมจรรยที ่เ หมาะสม แกพรหมจรรย, เธอเปนผูมีศีลยั่งยืน มีศีลมั่นคง ในสิกขาบทเหลานั้น สมาทาน ศึ ก ษาอยู ใ นสิ ก ขาบททั้ ง หลาย. ภิ ก ษุ นั้ น , เพราะความสิ้ น ไปรอบแห ง สั ง โยชน เบื้องต่ําหา เปน โอปปาติกอนาคามี ผูอุบัติขึ้นในทันที มีการปรินิพพานในภพ นั้ น ๆ ไม เ วี ย นกลั บ จากโลกนั้ น เป น ธรรมดา. ....(ต อ ไปนี้ เป น ข อ ความจาก บรรพ ๒๒๗ จนกระทั่งสิ้นขอความเรื่องพระอนาคามี :_)
ภิก ษุนั ้น , เพ ราะความสิ ้น ไปรอบแหง สัญ โญ ชนเ บื ้อ งต่ํ า หา เปน อุทธังโสโตอกนิฏฐคามี ผูมีกระแสในเบื้องบนไปถึงอกนิฏฐภพ. (หรื อ ว า ) ภิ ก ษุ นั้ น . เพราะความสิ้ น ไปรอบแห ง สั ง โยชน เ บื้ อ งต่ํ า ห า เปน สสังขารปรินิพพายี ผูปรินิพพานดวยตองใชความเพียรเรี่ยวแรง. (หรื อ ว า ) ภิ ก ษุ นั้ น , เพราะความสิ้ น ไปรอบแห ง สั ง โยชน เ บื้ อ งต่ํ า ห า เปน อสังขารปรินิพพายี ผูปรินิพพานดวยไมตองใชความเพียรเรี่ยวแรง. (หรื อ ว า ) ภิ ก ษุ นั้ น , เพราะความสิ้ น ไปรอบแห ง สั ง โยชน เ บื้ อ งต่ํ า ห า เปน อุปหัจจปรินิพพายี ผูปรินิพพานเมื่ออายุพนกึ่งแลวจวนพึงที่สุด. (หรื อ ว า ) ภิ ก ษุ นั้ น , เพราะความสิ้ น ไปรอบแห ง สั ง โยชน เ บื้ อ งต่ํ า ห า เปน อันตราปรินิพพายี ผูปรินิพพานในระหวางอายุยังไมทันถึงกึ่ง.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ในกรณี นี้ เป น ผู ทํ าให บ ริ บู ร ณ ในศี ล ทํ าให บ ริ บู ร ณ ในสมาธิ ทําใหบริบูรณในปญญา. เธอยังลวงสิกขาบทเล็กนอยบาง และตอง
๕๖๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ออกจากอาบัต ิเ ล็ก นอ ยเหลา นั ้น บา ง. ขอ นั ้น เพราะเหตุไ รเลา ? ขอ นั ้น เพราะ เห ต ุว า ไม ม ีผู ใ ด ๆ ก ลา ว อ า ภ ัพ ต อ ก า รบ รรล ุโ ล กุต ต รธ รรม จัก เกิด ขึ ้น เพราะเหตุ สั ก ว า การล ว งสิ ก ขาบทเล็ ก น อ ยและการต อ งออกจากอาบั ติ เล็ ก น อ ย เหลานี้. สวน สิกขาบทเหลาใดที่เปนเบื้องตนแหงพรหมจรรย ที่เหมาะสมแก พรหมจรรย, เธอเปนผูมีศีลยั่งยืน มีศีลมั่นคง ในสิกขาบทเหลานั้น สมาทาน ศึกษาอยูในสิกขาบททั้ งหลาย. ภิ กษุ นั้ น ได ก ระทํ าให แ จงซึ่ งเจโตวิมุ ต ติ ป ญ ญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได เพราะความสิ้นไปแหงอาสวะทั้งหลาย ดวยปญญาอัน ยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เขาถึงแลวแลอยู. ภิก ษุ ท.! ผู ก ระทํ า เพีย งบางสว น ยอ มทํ า ใหสํ า เร็จ ไดบ างสว น, ผู ก ระทํ า ให บ ริ บู ร ณ ก็ ย อ มทํ า ให สํ า เร็ จ ได บ ริ บู ร ณ ; ดั ง นั้ น เราจึ ง กล า วว า สิกขาบททั้งหลาย ยอมไมเปนหมันเลย, ดังนี้ แล. - ติก. อํ. ๒๐/๒๙๗/๕๒๖.
ความลดหลั่นแหงพระอริยบุคคลผูปฏิบัติอยางเดียวกัน
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! สิ ก ขาบทร อ ยห า สิ บ สิ ก ขาบทนี้ ย อ มมาสู อุ ท เทส ทุ ก กึ่ ง แห งเดื อ นตามลํ า ดั บ อั น กุ ล บุ ต รผู ป รารถนาประโยชน พ ากั น ศึ ก ษาอยู ในสิ ก ขาบท เหล า นั้ น . ภิ ก ษุ ท.! สิ ก ขาสามอย า งเหล า นี้ มี อ ยู อั น เป น ที่ ป ระชุ ม ลงของ สิ ก ขาบททั้ ง ปวงนั้ น . สิ ก ขาสามอย า งนั้ น เป น อย า งไรเล า ? คื อ อธิ สี ล สิ ก ขา อธิจ ิต ตสิก ขา อธิป ญ ญ าสิก ขา. ภิก ษุ ท.! เหลา นี ้แ ล สัก ขาสามอยา ง อัน เปนที่ประชุมลงแหงสิกขาบททั้งปวงนั้น.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๖๕
ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ในกรณี นี้ เป น ผู ทํ า ให บ ริ บู ร ณ ใ นศี ล ทํ า ให บ ริ บู ร ณ ในสมาธิ ทํ า ให บ ริ บู ร ณ ใ นป ญ ญา. เธอยั ง ล ว งสิ ข าบทเล็ ก น อ ยบ า ง และต อ ง ออกจากอาบัต ิเ ล็ก นอ ยเหลา นั ้น บา ง. ขอ นั ้น เพราะเหตุไ รเลา ? ขอ นั ้น เพราะ เหตุ ว า ไม มี ผู รู ใ ด ๆ กล า วความอาภั พ ต อ การบรรลุ โ ลกุ ต ตรธรรม จั ก เกิ ด ขึ้ น เพราะเหตุ สั ก ว า การล ว งสิ ก ขาบทเล็ ก น อ ยและการต อ งออกจาอาบั ติ เ ล็ ก น อ ย เหล านี้ . ส วน สิ ก ขาบทเหล า ใดที่ เป น เบื้ อ งต น แห งพรหมจรรย ที่ เหมาะสมแก พรหมจรรย, เธอเป นผูมี ศีลยั่งยืน มีศีลมั่ นคง ในสิกขาบทเหลานั้ น สมาทาน ศึ ก ษาอยู ในสิ ก ชาบททั้ ง หลาย. ภิ ก ษุ นั้ น ได ก ระทํ า ให แ จ ง ซึ่ ง เจโตวิ มุ ต ติ ป ญ ญาวิ มุ ต ติ อั น หาอาสวะมิ ไ ด เพราะความสิ้ น ไปแห ง อาสวะทั้ ง หลาย ด ว ยป ญ ญา อันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เขาถึงแลวแลอยู. ห รือ วา (บ างพ วก ) ยัง ไม ไ ดทํ า ใหเ กิด ม ี ยัง ไมไ ดแ ท งต ล อด ซึ ่ง อนาสววิม ุต ติ แตเ พราะความสิ ้น ไปรอบแหง โอรัม ภาคิย สัง โยชนเ บื ้อ งต่ํ า หา จึ ง เปน อันตราปรินิพพายี ผูปรินิพพานในระหวางอายุยังไมทันถึงกึ่ง ห รือ วา (บ างพ วก ) ยัง ไม ไ ดทํ า ใหเ กิด ม ี ยัง ไมไ ดแ ท งต ล อด ซึ ่ง อนาสววิ มุ ต ติ , แต เพราะความสิ้ น ไปรอบแห ง โอรั ม ภาคิ ย สั ง โยชน เบื้ อ งต่ํ า ห า จึ ง เปน อุปหัจจปรินิพพานยี ผูปรินิพพานเมื่ออายุพนกึ่งแลวจวนถึงที่สุด. ห รื อ ว า (บ างพ วก ) ยั งไม ได ทํ าให เกิ ด มี ยั งไม ได แท งต ล อ ด ซึ่ ง อนาสววิม ุต ติ, แตเ พราะความสิ ้น ไปรอบแหง โอรัม ภาคิย สัง โยชนเ บื ้อ งต่ํ า หา จึงเปน อสังขารปรินิพพายี ผูปรินิพพานดวยไมตองใชความเพียรเรี่ยวแรง. ห รื อ ว า (บ างพ วก ) ยั งไม ได ทํ าให เกิ ด มี ยั งไม ได แท งต ล อ ด ซึ่ ง อนาสววิม ุต ติ, แตเ พราะความสิ ้น ไปรอบแหง โอรัม ภาคิย สัง โยชนเ บื ้อ งต่ํ า หา จึงเปน สสังขารปรินิพพายี ผูปรินิพพานดวยตองใชความเพียรเรี่ยวแรง.
www.buddhadasa.info
๕๖๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
หรื อ ว า (บางพวก) ยั ง ไม ไ ด ทํ า ให เ กิ ด มี ยั ง ไม ไ ด แ ทงตลอด ซึ่ ง อนาสววิ มุ ต ติ , แต เพราะความสิ้ น ไปรอบแห งโอรัม ภาคิ ย สั ง โยชน เบื้ อ งต่ํ า ห า จึ ง เปน อุทธังโสโตอกนิฏฐคามี ผูมีกระแสในเบื้องบนไปถึงอกนิฏฐภพ. หรื อ ว า (บางพวก) ยั ง ไม ไ ด ทํ า ให เ กิ ด มี ยั ง ไม ไ ด แ ทงตลอด ซึ่ ง อนาสววิม ุต ติ, แตเพราะความสิ ้น ไปรอบแหง สัญ โญชนส าม และเพราะความ ที่ ราคะ โทสะ โมหะ ก็ เบาบางน อ ยลง เป น สกทาคามี ยั ง จะมาสู โลกนี้ อี ก ครั้ง เดียวเทานั้น แลวยอมกระทําที่สุดแหงทุกขได. หรื อ ว า (บางพวก) ยั ง ไม ไ ด ทํ า ให เ กิ ด มี ยั ง ไม ไ ด แ ทงตลอด ซึ่ ง อนาสววิม ุต ติ, แตเพราะความสิ ้น ไปรอบแหง สัง โยชนส าม เปน ผู เปน เอกพีซี คือจักเกิดในภพแหงมนุษยหนเดียวเทานั้น แลวยอมกระทําที่สุดแหงทุกขได. หรื อ ว า (บางพวก) ยั ง ไม ไ ด ทํ า ให เ กิ ด มี ยั ง ไม ไ ด แ ทงตลอด ซึ่ ง อนาสวิม ุต ติ, แตเ พราะความสิ ้น ไปรอบแหง สัง โยชนส าม เปน ผู โกลัง โกละ จักตองทองเที่ยวไปสูสกุลสองหรือสามครั้ง แลวยอมกระทําที่สุดแหงทุกขได. หรือ วา (บางพวก) ยัง ไมไ ดทํ า ใหเ กิด มี ยัง ไมไ ดแ ทงตลอด ซึ ่ง อนาสววิม ุต ติ, แตเ พราะความสิ ้น ไปรอบแหง สัง โยชนส าม เปน ผู สัต ตัก ขัต ตุ-ปรมะ ยั งต อ งท อ งเที่ ย วไปในภพแห ง เทวดาและมนุ ษ ย อี ก เจ็ ด ครั้ ง เป น อย า ง มากแลวยอมกระทําที่สุดแหงทุกขได. ภิ ก ษุ ท.! ผู ก ระทํ า ได เพี ย งบางส ว น ย อ มทํ า ให สํ า เร็ จ ได บ างส ว น. ผู ทํ า ให บ ริ บู ร ณ ก็ ย อ มทํ า ให สํ า เร็ จ ได บ ริ บู ร ณ ; ดั ง นั้ น เราจึ ง กล า วว า สิ ก ขาบท ทั้งหลาย ยอมไมเปนหมันเลย, ดังนี้แล
www.buddhadasa.info - ติก. อํ. ๒๐/๓๐๑/๕๒๘. (ผู ศึ กษาพึ งสั งเกตให เห็ น ว า ข อความในสู ตรนี้ แสดงให เห็ น ว า แม มี การปฏิ บั ติ อย าง เดียวกันแท ก็ยังไดรับผลลดหลั่นกันไมเทากัน เพราะเหตุปจจัยอยางอื่น).
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๖๗
การรูเบญจขันธ โดยหลักแหงอริยสัจสี่ โสณะ ! สมณะหรื อ พราหมณ เหล า ใดเหล า หนึ่ ง ไม รู ทั่ ว ถึ ง ซึ่ ง รู ป ไม รู ทั่ ว ถึ ง ซึ่ ง เหตุ ใ ห เกิ ด ขึ้ น แห ง รู ป ไม รู ทั่ ว ถึ ง ซึ่ ง ความดั บ ไม เหลื อ แห ง รู ป ไม รู ทั่ ว ถึ ง ซึ ่ง ทางดํ า เนิน ใหถ ึง ความดับ ไมเ หลือ แหง รูป , (ในกรณ ีแ หง เวทนา สัญ ญ า สัง ขาร และวิ ญ ญาณ ก็ มี ข อ ความที่ ต รั ส อย า งเดี ย วกั น ); โสณะ ! สมณะหรื อ พราหมณ เหล า นั้ น มิ ใช ผู ที่ ค วรได รั บ การสมมติ ว าเป นสมณะในหมู ส มณะ มิ ใช ผู ที่ ค วรได รับ การสมมติ วา เปน พราหมณใ นหมู พ ราหมณ. อีก อยา งหนึ ่ง บุค คลผู ไ มรู เ หลา นั ้น จะทํ า ให แ จ ง ซึ่ ง ประโยชน แ ห ง ความเป น สมณะ หรื อ ประโยชน แ ห ง ความเป น พราหมณ ดวยปญญาอันยิ่งเอง เขาถึงแลวแลอยู ในทิฏฐธรรมนี้ หาไดไม. โสณะ ! ส ว นสมณะหรื อ พราหมณ เหล า ใดเหล า หนึ่ ง รู ทั่ ว ถึ ง ซึ่ ง รูป รูทั่วถึงซึ่งเหตุใหเกิดขึ้นแหงรูป รูทั่วถึงซึ่งความดับไมเหลือแหงรูป รูทั่วถึงซึ่ง ทางดํ าเนิ น ให ถึ งซึ่ งความดั บ ไม เหลื อ แห งรูป , (ในกรณี แหง เวทนา สัญ ญา สังขาร วิ ญ ญาณ ก็ มี ข อ ความที่ ต รั ส อย า งเดี ย วกั น ; ): โสณะ! สมณะหรื อ พราหมณ เ หล า นั้ น ยอมเปนผู ควรไดรับการสมมติวาเปนสมณะ ในหมูสมณะ ยอมเปนผู ควรไดรับ การสมมติว า เปน พราหมณใ นหมู พ ราหมณ, อีก อยา งหนึ ่ง บุค คลผู รู ทั ่ว ถึง เหล านั้ น ย อม ทํ าให แ จ งซึ่ งประโยชน แ ห งความเป น สมณะ หรือ ประโยชน แห ง ความ เป น พราหมณ ด ว ยป ญ ญาอั น ยิ่ งเอง เข า ถึ ง แล วอยู ในทิ ฏ ฐธรรมนี้ ได โดยแท.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ.สํ. ๑๗/๖๒/๑๐๑.
๕๖๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
(ดู รายละเอี ยดเกี่ ยวกั บขั นธ ห า แต ละขั นธ โดยอริ ยสั จสี่ ที่ หน า ๑๖๙, ๑๙๒, ๑๙๘, ๒๐๒, ๒๐๙ แหงหนังสือเลมนี้. สู ต รข า งบนนี้ แ สดงวั ต ถุ แ ห งการรูด ว ยเบญจขั น ธ ; ในสู ต รอื่ น แสดงด ว ย อิ น ทรี ย ห า ค ือ ส ุข ิน ท รีย ท ุก ข ิน ท รีย โส ม น ัส ส ิน ท รีย โท ม น ัส ส ิน ท รีย อ ุเ ป ข ิน ท รีย , -๑๙/๒๒๖/ ๙๒๒-๙๒๓. มีสูตรอื่นแสดงดวย อายตนะภายในหก ก็มี, - ๑๙/๒๗๓/๘๑๒ และสู ตรอื่ นแสดงด วย ปฏิ จจสมุ ปป นนธรรม ๑๑ อย าง มี ชรามรณะ ชาติ ....จนถึ ง ....วิญญาณ สังขาร ก็มี, - ๑๖/๕๓/๙๔).
การรูปญจุปาทานักขันธโดยธรรมลักษณะหา ภิกษุ ท.! อุปาทานขันธ ๕ อยางนี้ มีอยู, หาอยางอะไรบางเลา? ภิ ก ษุ ท.! ป ญ จุ ป าทานั ก ขั น ธ นั้ น ได แ ก ขั น ธ คื อ รู ป ที่ ถู ก อุ ป าทาน ครองแล ว , ขั น ธ คื อ เวทนาที่ ถู ก อุ ป าทานครองแล ว , ขั น ธ คื อ สั ญ ญ าที่ ถู ก อุ ป าทานครองแล ว , ขั น ธ คื อ สั ง ขารที่ ถู ก อุ ป าทานครองแล ว , และขั น ธ คื อ วิญญาณที่ถูกอุปาทานครองแลว.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! สมณะหรื อ พราหมณ เหล าใดก็ ต าม ยั งไม รู จั ก ความก อ ขึ้ น แหง อุป าทานขัน ธห า นี ้, ไมรู จ ัก วามตั ้ง อยู ไ มไ ดข องอุป าทานขัน ธห า นี ้, ไม รู จ ัก อุป าทานขัน ธห า ในแงที ่ม ัน ใหร สอรอ ย, ไมรู จ ัก อุป าทาขัน ธห า ในแงที่ มั น ให แ ต โทษร า ยกาจ, ทั้ ง ไม รู จั ก อุ บ ายที่ ไ ปให พ น อุ ป าทานขั น ธ ห า นี้ ตามที่ ถู ก ที ่จ ริง แลว ; ภิก ษุ ท.! สมณ ะหรือ พราหมณ เ หลา นั ้น แมส มมติก ัน วา เปน สมณะผูหนึ่ง ๆ ในสมณะทั้งหลายก็ตาม แมสมมติกันวาเปนพราหมณผูหนึ่ง ๆ
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๖๙
ในบรรดาพราหมณ ทั้ ง หลายก็ ต าม ก็ ห าอาจะเป น สมณะ เป น พราหมณ ไ ด ไ ม . หาสามารถทํ า ให แ จ ง ซึ่ ง ประโยชน ที่ ต นมาเป น สมณะ หรื อ ประโยชน ที่ ต นมาเป น พราหมณ ดวยปญญาอันยิ่งเอง เขาถึงแลวแลอยู ในทิฏฐธรรมนี้ ไดไมเลย. (ปฏิปกขนัย)
ภิ ก ษุ ท.! สมณ ะหรื อ พราหมณ เหล า ใด ได รู จั ก ความก อ ขึ้ น แห ง อ ุป าท าน ข ัน ธห า นี ้, รู จ ัก ค วาม ตั ้ง อ ยู ไ ม ไ ด ข อ งอ ุป าท าน ข ัน ธห า นี ้, รู จ ัก อุ ป าทานขั น ธ ห า ในแง ที่ มั น ให ร สอร อ ย, รู จั ก อุ ป าทานขั น ธ ห า ในแง ที่ มั น ให แ ต โทษร า ยกาจ, ทั้ งได รู จั ก อุ บ ายที่ ไปให พ น อุ ป าทานขั น ธ ห า นี้ ตามที่ ถู ก ที่ จ ริ ง แล ว ; ภิก ษุ ท.! สมณ ะหรือ พราหมณ เ หลา นั ้น ที ่ส มมติก ัน แลว า เปน สมณ ะบา ง เปน พราหมณ บ า ง ก็เ ปน สมณ ะหรือ เปน พราหมณ ไ ดจ ริง และทํ า ใหแ จง ได ซึ่ ง ประโยชน ที่ ต นเข า มาเป น สมณะ หรื อ ประโยชน ที่ ต นมาเป น พราหมณ ด ว ย ปญญาอันยิ่งเอง เขาถึงแลวแลอยู ในทิฏฐธรรมนี้. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๙๕/๒๙๕. (สู ต รข างบนนี้ แ สดงวั ต ถุ แ ห งการรู ด ว ยอุ ป าทานขั น ธ ในสู ต รอื่ น แสดงด ว ยอิ น ทรี ย ห า คือ สุข ิน ท รีย ทุก ข นิท รีย โส ม นั ส สิน ท รีย โท ม นัส สิ น ท รีย อุ เ ป ก ขิน ท รีย . - ๑๙/๒๗๕ ๒๗๖/๙๑๙-๙๒๑.)
www.buddhadasa.info ผูละราคะ-โทสะ-โมหะ ระดับโสดาบัน
ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ไ ม ล ะธรรม ๖ อย า งแล ว เป น ผู ไ ม ค วรเพื่ อ กระทํ า ให แ จ งซึ่ งทิ ฏ ฐิ สั ม ปทา (ความเป น โสดาบั น ). ไม ล ะธรรม ๖ อย าง เหล าไหนเล า ? ไมละธรรมหกอยางเหลานี้ คือ :-
๕๗๐
อริยสัจจากพระโอษฐ ไมละ สักกายทิฏฐิ (ความเห็นวากายของตน); ไมละ วิฉิกิจฉา (ความลังเลในปฏิปทาทางดับทุกข) ; ไมละ สีลัพพตปรามาส (การถื อ เอาศี ล และพรตผิ ด ความมุ ง หมายที่
แทจริง) ; ไมละ อปายคมนิยราคะ ไมละ อปายคมนิยโทสะ ไมละ อปายคมนิยโมหะ
(ราคะที่ควรแกการถึงซึ่งอบาย) ; (โทสะที่ควรแกการถึงซึ่งอบาย) ; (โมหะที่ควรแกการถึงซึ่งอบาย) .
ภิ ก ษุ ท .! ภิ ก ษุ ไม ล ะ ธ รรม ๖ อ ย าง เห ล านี้ แ ล เป น ผู ไม ค วร กระทําใหแจงซึ่งทิฏฐิสัมปทา. ภิกษุ ท.! ภิกษุละธรรม ๖ อยาง แลว เปนผูควรกระทําใหแจงซึ่ง ทิฏ ฐสัม ปทา. ละธรรม ๖ อยา งเหลา ไหนเลา ? ละธรรมหกอยา งเหลา นี้ คือ:ละ สักกายทิฏฐิ (ความเห็นวากายของตน); ละ วิจิกิจฉา (ความลังเลในปฏิปทาทางดับทุกข); ละ สีลัพพตปรามาส (การถื อ เอาศี ล และพรตผิ ด ความมุ งหมายที่ แท จริง) ; ละ อปายคมนิยราคะ (ราคะที่ควรแกการซึ่งอบาย) ; ละ อปายคมนิยโทสะ (โทสะที่ควรแกการถึงซึ่งอบาย) ; ละ อปายคมนิยโมหะ (โมหะที่ควรแกการถึงซึ่งอบาย) .
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! ภิก ษุล ะธรรม ๖ อยา งเหลา นี ้แ ลว เปน ผู ค วรกระทํ า ใหแจงซึ่งทิฏฐิสัมปทา, ดังนี้แล. - ฉกฺก.อํ. ๒๒/๔๘๗/๓๖๐.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๗๑
[ธรรม ๖ ป ระ ก ารแ ห ง สูต รนี ้ ใน สูต รถัด ไป ก ลา ววา เป น ธ รรม ที ่ผู ถ ึง พ รอ ม ดว ยทิฏ ฐิ ละไดแ ลว (๒๒/๔๘๗/๓๖๑); สูต รถัด ไปอีก กลา ววา เปน ธรรมที ่ไ มอ าจจะเกิด ขึ ้น แกผูที่ถึงพรอมดวยทิฏฐิ (๒๒/๔๘๗/๓๖๒)].
พระโสดาบัน รูจักปญจุปาทานักขันธ ภิ ก ษุ ท.! เมื่ อ ใดแล สาวกของพระอริ ย เจ า ในธรรมวิ นั ย นี้ มารู จั ก ความก อ ขึ้ น แห ง อุ ป าทานขั น ธ ห า . รู จั ก ความตั้ ง อยู ไ ม ไ ด ข องอุ ป าทานขั น ธ ห า นี้ . รู จ ัก อุป าทานขัน ธห า ในแงที ่ม ัน ใหร สอรอ ย, รู จ ัก อุป าทานขัน ธห า ในแงที ่ม ัน ใหแ ตโ ทษรา ยกาจ, ทั ้ง รู จ ัก อุบ ายที ่ไ ปใหพ น อุป าทานขัน ธห า นี ้เ สีย ตามที ่ถ ูก ที ่จ ริง ; ภิก ษุ ท.! เมื ่อ นั ้น แหละ สาวกของพ ระอริย เจา ผู นั ้น เราเรีย กวา เป น พระโสดาบั น ผู มี อั น ไม ต กต่ํ า เป น ธรรมดา เที่ ย งแท ต อ พระนิ พ พาน จั ก ตรั ส รู ธรรมไดในกาลเบื้องหนา. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๙๖/๒๙๖.
พระโสดาบันเปนใครกัน ?
www.buddhadasa.info ส า รีบ ุต ร ! ที ่ม ัก ก ล า ว ก ัน ว า 'โส ด า บ ัน -โส ด า บ ัน ด ัง นี ้ เป น อยางไรเลา สารีบุตร ?
"ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! ท านผู ใด เป นผู ประกอบพรอมแล ว ด วยอริยมรรค มี องค แปดนี้ อยู ผู เช านั้ นแล ข าพระองค เรียกว าเป นพระโสดาบั น ผู มี ชื่ ออย างนี้ ๆ มี โคตรอยางนี้ ๆ พระเจาขา !"
๕๗๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
สารี บุ ต ร ! ถู ก แล ว ถู ก แล ว ผู ที่ ป ระกอบพร อ มแล ว ด ว ยอริ ย มรรค มี อ งค แปดนี้ อยู ถึ งเราเองก็ เรียกผู เช นนั้ น วาเป น พระโสดาบั น ผู มี ชื่ ออย างนี้ ๆ มีโคตรอยางนี้ ๆ. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๔๓๕/๑๔๓๒-๑๔๓๓.
(อีกนัยหนึ่ง) ภิ ก ษุ ท.! สาวกของพระอริ ย เจ า ในธรรมวิ นั ย นี้ เป น ผู ถึ ง พร อ มแล ว ด ว ยธรรม ๔ ประการนี้ เอง จึ ง เป น พระโสดาบั น ผู มี อั น ไม ต กต่ํ า เป น ธรรมดา เที ่ย งแทต อ พระนิพ พาน เปน ผู ม ีอ ัน จะตรัส รู ธ รรมไดใ นกาลเบื ้อ งหนา . ธรรม ๔ ประการนั้นเปนอยางไร ? สี่ประการนั้นคือ :(๑) ภิ ก ษุ ท .! ส า ว ก ข อ งพ ระ อ ริ ย เจ า ใน ธ รรม วิ นั ย นี้ เป น ผู ประกอบพรอ มแลว ดวย ความเลื่อ มใสอัน หยั่ง ลงมั่น ไมห วั่น ไหว ในองคพระพุ ท ธเจ า ว า เพราะเหตุ อ ย า งนี้ ๆ พระผู มี พ ระภาคเจ า นั้ น เป น ผู ไ กลจาก กิ เลส ตรั ส รู ช อบได โ ดยพระองค เอง เป น ผู ถึ ง พร อ มด ว ยวิ ช ชาและข อ ปฏิ บั ติ ใ ห ถึ ง วิ ช ชา เป น ผู ไ ปแล ว ด ว ยดี เป น ผู รู โ ลกอย า งแจ ม แจ ง เป น ผู ส ามารถฝ ก คน ควรฝ ก อย างไม มี ใครยิ่ งกว า เป น ครูข องเทวดาและมนุ ษ ย ทั้ งหลาย เป น ผู รู ผู ตื่ น ผูเบิกบานดวยธรรม เปนผูมีความจําเริญ จําแนกธรรมสั่งสอนสัตว ดังนี้.
www.buddhadasa.info (๒) ภิ ก ษุ ท .! ส าวก ข อ งพ ระ อ ริ ย เจ า ใน ธ รรม วิ นั ย นี้ เป น ผู ประกอบพรอ มแลว ดวย ความเลื่อ มใสอัน หยั่ง ลงมั่น ไมห วั่น ไหว ในองคพระธรรม วา พระธรรม เปน สิ ่ง ที ่พ ระผู ม ีพ ระภาคเจา ตรัส ไวด ีแ ลว , เปน สิ ่ง ที่ผูศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นไดดวยตนเอง, เปนสิ่งที่ปฏิบัติไดและใหผลได ไมจํากัด
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๗๓
กาล, เปน สิ ่ง ที ่ค วรกลา วกะผู อื ่น วา ทานจงมาดูเ ถิด , เปน สิ ่ง ที ่ค วรนอ มเขา มา ใสตัว, เปนสิ่งที่ผูรู ก็รูไดเฉพาะตน ดังนี้. (๓) ภิ ก ษุ ท .! ส า ว ก ข อ ง พ ระ อ ริ ย เจ า ใน ธ รรม วิ นั ย นี้ เป น ผู ประกอบพรอมแลว ดวย ความเลื่อมใสอันหยั่งลงมั่น ไมหวั่นไหว ในพระสงฆ ว า สงฆ ส าวกของพระผู มี พ ระภาคเจ า เป น ผู ป ฏิ บั ติ ดี แ ล ว เป น ผู ป ฏิ บั ติ ต รงแล ว เป น ผู ป ฏิ บั ติ ให รู ธ รรมเครื่ อ งออกจากทุ ก ข แ ล ว เป น ผู ป ฏิ บั ติ ส มควรแล ว อั น ได แ ก บุ ค คลเหล า นี้ คื อ คู แ ห ง บุ รุ ษ สี่ คู นั บ เรี ย งตั ว ได แ ปดบุ รุ ษ . นั่ น แหละคื อ สงฆ สาวกของพระผู มี พ ระภาคเจ า เป น สงฆ ค วรแก สั ก การะที่ เขานํ า มาบู ช า เป น สงฆ ควรแก สั ก การะที่ เ ขาจั ด ไว ต อ นั บ เป น สงฆ ควรรั บ ทั ก ษิ ณ าทาน เป น สงฆ ที่ บุ ค คลทั่ วไปจะพึ งทํ า อั ญ ชลี เป น สงฆ ที่ เป น นาบุ ญ ของโลก ไม มี น าบุ ญ อื่ น ยิ่ งกว า ดังนี้. (๔) ภิ ก ษุ ท .! ส า ว ก ข อ ง พ ระ อ ริ ย เจ า ใน ธ รรม วิ นั ย นี้ เป น ผู ประกอบพรอมแลว ดวย ศีลทั้งหลายชนิ ดเป น ที่พ อใจของเหลาอริยเจา : เปน ศี ล ที่ ไ ม ข าด ไม ท ะลุ ไม ด า ง ไม พ ร อ ย เป น ศี ล ที่ เป น ไทจากตั ณ หา เป น ศี ล ที่ ผู รู ทานสรรเสริญ เปนศีลที่ทิฏฐิไมลูบคลํา และเปนศีลที่เปนไปเพื่อสมาธิ ดังนี้.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! สาวกของพระอริ ย เจ า ผู ป ระกอบพร อ มแล ว ด ว ยธรรม ๔ ประการนี้ แ ล ชื่ อ ว า เป น พระโสดาบั น ผู มี อั น ไม ต กต่ํ า เป น ธรรมดา เที่ ย งแท ต อ พระนิพพาน เปนผูมีอันจะตรัสรูธรรมไดในกาลเบื้องหนา. เมื่อพระผูมีพระภาคเจาไดตรัสพระพุทธวจนะดังนี้แลว ไดตรัสเปนคํารอยกรองสืบตอไปวา :-
๕๗๔
อริยสัจจากพระโอษฐ ท า นผู ใ ดแล มี ศ รั ท ธา มี ศี ล มี ค วามเลื่ อ มใส ทั้ ง มี ก าร ไดเห็นธรรมดวย, ทานผูนั้นแหละเวย ที่จักเปนผูไดรับความสุข อันหยั่งลงสูพรหมจรรย ในกาลอันควรแล!
- มหาวาร. สํ. ๑๙/๔๒๙-๔๓๐/๑๔๑๔-๑๔๑๕.
(อีกนัยหนึ่ง) อย า กลั ว เลย มหานาม ! อย า กลั ว เลย มหานาม ! ความตายของ ท า น จั ก ไ ม ต่ํ า ท ร า ม ก า ล กิ ร ิ ย า ข อ ง ท า น จั ก ไ ม ต่ํ า ท ร า ม . ม ห า น า ม ! อริยสาวกผูประกอบดวยธรรม ๕ ประการ ยอมเปนผูมีปกตินอมไปในนิพพาน โน ม ไปสู นิ พ พาน เอนไปทางนิ พ พานโดยแท . ธรรมสี่ ป ระการ อย า งไรเล า ? ธรรมสี่ประการคือ :มหานาม ! อริ ย สาวกในกรณี นี้ (๑) เป น ผู ประกอบพร อ มแล ว ด ว ย ความเลื่ อ มใสอั น ไม ห วั่น ไหว ในพระพุ ท ธเจ า วา "เพราะเหตุอ ยางนี้ ๆ พระผู มี พระภาคเจ า นั้ น เป น ผู ไ กลจากกิ เ ลส ตรั ส รู ช อบได โ ดยพระองค เ อง เป น ผู ถึ ง พร อ มด ว ยวิ ช ชาและข อ ปฏิ บั ติ ใ ห ถึ ง วิ ช ชา เป น ผู ไ ปแล ว ด ว ยดี เป น ผู รู โ ลกอย า ง แจ ม แจ ง เป น ผู ส ามารถฝ ก คนควรฝ ก อย า งไม มี ใ ครยิ่ ง กว า เป น ครู ข องเทวดาและ มนุ ษ ย ทั้ ง หลาย เป น ผู รู ผู ตื่ น ผู เ บิ ก บานด ว ยธรรม เป น ผู มี ค วามจํ า เริ ญ จํ า แนก ธรรมสั่งสอนสัตว" ดังนี้.
www.buddhadasa.info (๒) เปนผู ประกอบพรอมแลว ดวยความเลื่อมใสอันไมหวั่นไหว ใน พระธรรม วา "พระธรรม เปน สิ ่ง ที ่พ ระผู ม ีพ ระภาคเจา ตรัส ไวด ีแ ลว เปน สิ ่ง ที่ ผูศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นไดดวยตนเอง เปนสิ่งที่ปฏิบัติไดและใหผลไดไมจํากัด
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๗๕
กาล เป น สิ่ ง ที่ ค วรกล า วกะผู อื่ น ว า ท า นจงมาดู เถิ ด เป น สิ่ ง ที่ ค วรน อ มเข า มาใส ตั ว เปนสิ่งที่ผูรูก็รูไดเฉพาะตน" ดังนี้. (๓) เปน ผูป ระกอบพรอ มแลว ดว ยความเลื ่อ มใสอัน ไมห วั่น ไหว ในพระสงฆ ว า "สงฆ ส าวกของพระผู มี พ ระภาคเจ า เป น ผู ป ฏิ บั ติ ดี แ ล ว เป น ผู ปฏิ บั ติ ต รงแล ว เป น ผู ป ฏิ บั ติ ใ ห รู ธ รรมเป น เครื่ อ งออกจากทุ ก ข แ ล ว เป น ผู ป ฏิ บั ติ สมควรแล ว อั น ได แ ก บุ ค คลเหล า นี้ คื อ คู แ ห ง บุ รุ ษ สี่ คู นั บ เรี ย งตั ว ได แ ปดบุ รุ ษ นั่ น แหละสงฆ ส าวกของพระผู มี พ ระภาคเจ า เป น สงฆ ค วรแก สั ก การะที่ เขานํ า มา บู ช า เป น สงฆ ค วรแก สั ก การะที่ เขาจั ด ไว ต อ นรั บ เป น สงฆ ค วรรั บ ทั ก ษิ ณ าทาน เปน สงฆที ่บ ุค คลทั ่ว ไปจะพึง ทํ า อัญ ชลี เปน สงฆที ่เ ปน นาบุญ ของโลก ไมมี นาบุญอื่นยิ่งกวา" ดังนี้. (๔) เปนผู ประกอบพรอมแลว ดวยศีลทั้ งหลายชนิ ดเป นที่พอใจของ เหลา พระอริย เจา : เปน ศีล ที ่ไ มข าด ไมท ะลุ ไมด า ง ไมพ รอ ย เปน ศีล ที่ เป น ไทจากตั ณ หา เป น ศี ล ที่ ผู รู ท า นสรรเสริ ญ เป น ศี ล ที่ ทิ ฏ ฐิ ไ ม ลู บ คลํ า และ เปนศีลที่เปนไปพรอมเพื่อสมาธิ ดังนี้.
www.buddhadasa.info มหานาม ! เปรี ย บเหมื อ นต น ไม น อ มไปในทิ ศ ปราจี น โน ม ไปสู ทิ ศ ปราจี น เอนไปทางทิ ศ ปราจี น . ต น ไม นั้ น เมื่ อ เขาตั ด ที่ โ คนแล ว มั น จะล ม ไป ทางไหน ? "มั กจะล มไปทางทิ ศที่ มั นน อมไปโน มไป เอนไป พระเจ าข า !" มหานาม ! ฉั น ใดก็ ฉั น นั้ น : อริ ย สาวกประกอบแล ว ด ว ยธรรมสี่ ป ระการเหล า นี้ ย อ มเป น ผู มีปกตินอมไปในนิพพาน โนมไปสูนิพพาน เอนไปทางนิพพานโดยแท แล.
- มหาวาร. สํ. ๑๙/๔๖๕-๔๖๖/๑๕๑๑-๑๕๑๒.
๕๗๖
อริยสัจจากพระโอษฐ (อีกนัยหนึ่ง)
ภิ ก ษุ ท.! สิ ก ขาบทร อ ยห า สิ บ สิ ก ขาบทนี้ ย อ มมาสู อุ ท เทส (การยกขึ้ น แสดงในท า มกลางสงฆ ) ทุ ก กึ่ ง แห ง เดื อ นตามลํ า ดั บ อั น กุ ล บุ ต รผู ป รารถนาประโยชน พ ากัน ศึก ษ าอยู ใ น สิก ขาบ ทเหลา นั ้น . ภิก ษุ ท .! สิก ขาส าม อยา งเห ลา นี้ มี อ ยู อั น เป น ที่ ป ระชุ ม ลงของสิ ก ขาบททั้ ง ปวงนั้ น . สิ ก ขาสามอย า งนั้ น เป น อยา งไรเลา ? คือ อธิส ีล สิก ขา อธิจ ิต สิก ขา อธิป ญ ญ าสิก ขา. ภิก ษุ ท .! เหลานี้แล สิกขาสามอยาง อันเปนที่ประชุมลงแหงสิกขาบททั้งปวงนั้น. ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ในกรณี นี้ เป น ผู ทํ าให บ ริ บู รณ ใน ศี ล ทํ าพ อ ประมาณในสมาธิ ทํ าพอประมาณในป ญ ญา. เธอยังลวงสิกขาบทเล็กนอยบาง และต อ งออกจากอาบั ติ เ ล็ ก น อ ยเหล า นั้ น บ า ง. ข อ นั้ น เพราะเหตุ ไ ร ? ข อ นั้ น เพราะเหตุ ว า ไม มี ผู รู ใด ๆ กล าวความอาภั พ ต อ การบรรลุ โลกุ ต ตรธรรม จั ก เกิ ด ขึ้ น เพราะเหตุ สั ก ว า การล ว งสิ ก ขาบทเล็ ก น อ ยและการต อ งออกจากอาบั ติ เล็ ก น อ ย เหลานี้. สวน สิก ขาบทเหลาใด ที่เปน เบื้อ งตน แหงพรหมจรรย ที่เหมาะสม แกพ รหมจรรย, เธอเปน ผู ม ีศ ีล ยั ่ง ยืน มีศ ีล มั ่น คง ในสิก ขาบทเหลา นั ้น สมาทานศึ ก ษาอยู ใ นสิ ก ขาบททั้ ง หลาย. ภิ ก ษุ นั้ น , เพราะความสิ้ น รอบแห ง สังโยชนสาม เปนโสดาบัน เปนผูมีอันไมตกต่ําเปนธรรมดา เปนผูเที่ยงตอ พระนิพพาน มีการตรัสรูพรอมในเบื้องหนา.
www.buddhadasa.info - ติก. อํ. ๒๐/๒๙๗/๕๒๖. (ดูร ายละเอีย ดเกี ่ย วกับ เรื ่อ ง พระโสดาบัน ไดอ ีก ที ่ห ัว ขอ วา "เปรีย บ เทีย บ พระเสขะ-อเสขะ" หนา ๕๖๐ แหงหนังสือเลมนี้).
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๗๗
หลักเกณฑพยากรณภาวะโสดาบันของตนเอง คหบดี ! ในกาลใด ภัยเวรหาประการ อันอริยสาวกทําใหสงบ รํางับไดแลว ดวย. อริยสาวกประกอบพรอมแลวดวยโสตาปตติยงคะสี่ ดวย. อริยญายธรรมเปนธรรมที่อริยสาวกเห็นแลวดวยดี แทงตลอดแลวดวยดี ดวย ปญญา ดวย; ในกาลนั้น อริยสาวกนั้น เมื่อหวังอยู ก็พยากรณตนดวยตน นั่นแหละ วา "เราเปนผูมีนรกสิ้นแลว มีกําเนิดเดรัจฉานสิ้นแลว มีเปรตวิสัยสิ้นแลว มีอบายทุคติวินิบาตสิ้นแลว, เราเปนผูถึงแลวซึ่งกระแส (แหง นิพพาน) มีความไมตกต่ําเปนธรรมดา เปนผูเที่ยงแทตอนิพพาน มีการตรัสรู พรอมเปนเบื้องหนา" ดังนี้. คหบดี ! ภัยเวร ๕ ประการ อันอริยสาวกทําใหสงบรํางับไดแลว เปนอยางไรเลา? คหบดี ! บุคคลผู ฆาสัตวอยูเปนปกติ ยอมประสพภัยเวร ใด ในทิฏฐธรรมบาง, ในสัมปรายะบาง ยอมเสวยทุกขโทมนัสทางใจบาง, เพราะปาณาติบาตเปนปจจัย; ผูเวนขาดแลวจากปาณาติบาต ยอมไมประสพ ภั ย เวรนั้ น ทั้ ง ในทิ ฏ ฐธรรมและสั ม ปรายะ ไม ต อ งเสวยทุ ก ขโทมนั ส ทางใจด ว ย, เมื่ อ อริ ย สาวกเว น ขาดแล ว จากปาณาติ บ าต ภั ย เวรนั้ น ย อ มเป น สิ่ ง สงบรํ า งั บ ไป ดวยอาการอยางนี้.
www.buddhadasa.info (ในกรณีแหง อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาท และ สุราเมรยมัชชปาน ก็ไดตรัสขอความไวโดยทํานองเดียวกัน)
คหบดี ! ภัยเวรทั้งหาเหลานี้ เปนสิ่งที่สงบรํางับแลว.
๕๗๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
คหบดี ! อริยสาวก เปนผูประกอบพรอมแลว ดวยองคแหงการบรรลุ ซึ ่ง โสดา ๔ องคอ ยา งไรเลา ? (๑) คหบดี ! อริย สาวกในกรณ ีนี ้ เปน ผู ประกอบพรอ มแล ว ด ว ยความเลื่ อ มใสอั น หยั่ ง ลงมั่ น ไม ห วั่ น ไหว ใน พระพุ ท ธเจา วา "เพราะเหตุอ ยา งนี ้ ๆ พระผู ม ีพ ระภาคเจา นั ้น เปน ผู ไ กลจากกิเ ลส ตรั ส รู ช อบได โ ดยพระองค เอง เป น ผู ถึ ง พร อ มด ว ยวิ ช ชาและจรณะ เป น ผู ไ ปแล ว ด ว ยดี เป น ผู รู โลกอย า งแจ ม แจ ง เป น ผู ส ามารถฝ ก คนที่ ค วรฝ ก อย า งไม มี ใ ครยิ่ ง กว า เป น ครู ข องเทวดาและมนุ ษ ย ทั้ ง หลาย เป น ผู รู ผู ตื่ น ผู เบิ ก บาน ด ว ยธรรม เป น ผู มี ค วามจํ า เริ ญ จํ า แนกธรรม สั่ งสอนสั ต ว " ดั งนี้ (๒) คหบดี ! อริ ย สาวกใน กรณ ีนี ้ เปน ผู ป ระกอบพรอ มแลว ดว ยความเลื ่อ มใสอัน หยั ่ง ลงมั ่น ไมห วั ่น ไหวใน พระธรรม วา "พระธรรม เปน สิ ่ง ที ่พ ระผู ม ีพ ระภาคเจา ตรัส ไวด ีแ ลว เป น สิ่ ง ที่ ผู ศึ ก ษาและปฏิ บั ติ พึ ง เห็ น ได ด ว ยตนเอง เป น สิ่ ง ที่ ป ฏิ บั ติ ไ ด แ ละให ผ ลได ไม จํ ากั ด กาล เป น สิ่ งที่ ค วรกล าวกะผู อื่ น ว า ท านจงมาดู เถิ ด เป น สิ่ งที่ ค วรน อ มเข า ม าใสต ัว เปน สิ ่ง ที ่ผู รู ก ็รู ไ ดเ ฉ พ าะ ต น " ดัง นี ้. (๑) ค ห บ ดี! อ ริย ส าวก ใน กรณี นี้ เป น ผู ป ระกอบพร อ มแล ว ด ว ยความเลื่ อ มใสอั น หยั่ ง ลงมั่ น ไม ห วั่ น ไหว ในพระสงฆ ว า "สงฆ ส าวกของพระผู มี พ ระภาคเจ า เป น ผู ป ฏิ บั ติ ดี แ ล ว เป น ผู ปฏิ บั ติ ต รงแล ว เป น ผู ป ฏิ บั ติ เพื่ อ รู ธ รรมเป น เครื่ อ งออกจากทุ ก ข แ ล ว เป น ผู ป ฏิ บั ติ สมควรแล ว ได แ ก บุ ค คลเหล า นี้ คื อ คู แ ห ง บุ รุ ษ สี่ คู นั บ เรี ย งตั ว ได แ ปดบุ รุ ษ นั่ น แหละคื อ สงฆ ส าวกของพระผู มี พ ระภาคเจ า เป น สงฆ ค วรแก สั ก การะที่ เ ขามา บู ช า เป น สงฆ ค วรแก สั ก การะที่ เขาจั ด ไว ต อ นรั บ เป น สงฆ ค วรรั บ ทั ก ษิ ณ าทาน เป น สงฆ ที่ บุ ค คลทั่ ว ไปจะพึ ง ทํ า อั ญ ชลี เป น สงฆ ที่ เป น นาบุ ญ ของโลกไม มี น าบุ ญ อื ่น ยิ ่ง กวา " ดัง นี ้. (๔) คหบดี ! อริย สาวกในกรณ ีนี ้ เปน ผู ป ระกอบพรอ ม แลว ดวยศีลทั้งหลายในลักษณะเปนที่พอใจของพระอริยเจา : เปนศีลที่ไมขาด ไมท ะลุไ มด า ง ไมพ รอ ย เปน ศีล ที ่เ ปน ไทจากตัณ หา วิญ ูช นสรรเสริญ ไม ถูกตัณหาและทิฏฐิลูบคลํา เปนศีลที่เปนไปพรอมเพื่อสมาธิ ดังนี้.
www.buddhadasa.info
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๗๙
คหบดี ! อริ ย สาวก เป น ผู ป ระกอบพร อ มแล ว ด ว ยองค แ ห ง การ บรรลุซึ่งโสดา ๔ องค เหลานี้แล. คหบดี! อริยญายธรรม เปนธรรมที่อริยสาวกเห็นแลวดวยดี แทง ตลอดแลว ดว ยดี ดว ยปญ ญา นั ้น เปน อยา งไรเลา ? คหบดี! อริย สาวกใน กรณ ีนี ้ ยอ ม พิจ ารณ าเห็น โด ยป ระจัก ษ อยา งนี ้ว า "ดว ยอาการอยา งนี ้ : เมื ่อ สิ ่ง นี ้ม ี สิ ่ง นี ้ย อ มมี, เพราะความเกิด ขึ ้น แหง สิ ่ง นี ้ สิ ่ง นี ้จ ึง เกิด ขึ ้น . เมื ่อ สิ ่ง นี ้ไ มม ี สิ ่ง นี ้ย อ มไมม ี, เพราะความดับ ไปแหง สิ ่ง นี ้ สิ ่ง นี ้จ ึง ดัง ไป : ไดแ ก สิ่ ง เหล า นี้ คื อ เพราะมี อ วิ ช ชาเป น ป จ จั ย จึ ง มี สั ง ขาร ; เพราะมี สั ง ขารเป น ป จ จั ย จึง ม ีว ิญ ญ าณ .... ฯล ฯ .... ฯ ล ฯ .... เพ ราะม ีภ พ เป น ป จ จัย จึง ม ีช าต ิ ; เพราะมีช าติเ ปน ปจ จัย , ชรามรณ ะ โสกะปริเ ทวะทุก ขะโทมนัส สะอุป ายาส ทั้ ง หลาย จึ ง เกิ ด ขึ้ น ครบถ ว น. ความเกิ ด ขึ้ น พร อ มแห ง กองทุ ก ข ทั้ ง สิ้ น นี้ ย อ มมี ด ว ยอาการอย า งนี้ . เพราะความจางคลายดั บ ไปโดยไม มี เ หลื อ แห ง อวิ ช ชานั้ น นั่ น เที ย ว จึ ง มี ค วามดั บ แห ง สั ง ขาร ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง สั ง ขาร จึ ง มี ค วามดั บ แหง วิญ ญ าณ .... ฯลฯ .... ฯลฯ .... เพราะมีค วามดับ แหง ภพ จึง มีค วาม ดับ แหง ชาติ ; เพราะมีค วามดับ แหง ชาตินั ้น แล, ชรามรณ ะ โสกะปริเ ทวะทุ ก ขะโทมนั ส สะอุ ป ายาสทั้ ง หลาย จึ ง ดั บ สิ้ น . ความดั บ ลงแห ง กอบทุ ก ข ทั้ ง สิ้ น นี้ ยอมมีดวยอาการอยางนี้."
www.buddhadasa.info คหบดี ! อริย ญ ายธรรมนี ้แ ล เปน ธรรมที ่อ ริย สาวกนั ้น เห็น แลว ดวยดี แทงตลอดแลวดวยดีดวยปญญา. คหบดี ! ในกาลใดแล ภั ย เวร ๕ ประการเหล า นี้ เป น สิ่ ง ที่ อ ริ ย สาวกทําใหสงบรํางับไดแลว ดวย, อริยสาวก เปนผูประกอบพรอมแลวดวย
๕๘๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
โสตาป ต ติ ยั ง คะสี่ เ หล า นี้ ด ว ย, อริ ย ญ ายธรรมนี้ เป น ธรรมอั น อริ ย สาวกเห็ น แล ว ด ว ยดี แทงตลอดแล ว ด ว ยดี ด ว ยป ญ ญา ด ว ย ; ในกาลนั้ น อริ ย สาวกนั้ น ปรารถนาอยู ก็ พ ยากรณ ตนด ว ยตนนั้ น แหละว า "เราเป น ผู มี น รกสิ้ น แล ว มี กํ า เนิ ด เดรั จ ฉานสิ้ น แล ว มี เปรตวิ สั ย สิ้ น แล ว มี อ บายทุ ค ติ วิ นิ บ าตสิ้ น แล ว , เรา เปน ผู ถ ึง แลว ซึ ่ง กระแส (แหง นิพ พาน) มีค วามไมต กต่ํ า เปน ธรรมดา เปน ผู เที่ยงแทตอนิพพาน มีการตรัสรูพรอมเปนเบื้องหนา" ดังนี้ - ทสก. อํ. ๒๔/๑๙๕/๙๒.
แวนสองความเปนพระโสดาบัน อานนท ! เราจัก แสดง ธรรมปริย ายอัน ชื ่อ วา แวน ธรรม ซึ ่ง หาก อริ ย สาวกผู ใ ด ได ป ระกอบพร อ มแล ว เมื่ อ จํ า นงจะพยากรณ ต นเอง ก็ พึ ง ทํ า ได ในขอ ที ่ต นเปน ผู ม ีน รกสิ ้น แลว มีกํ า เนิด เดรัจ ฉานสิ ้น แลว มีเ ปรตวิส ัย สิ ้น แลว มี อ บาย ทุ ค ติ วิ นิ บ าต สิ้ น แล ว , ในข อ ที่ ต นเป น พระโสดาบั น ผู มี อั น ไม ต กต่ํ า เปน ธรรม ดา เที ่ย งแทต อ พ ระนิพ พ าน เปน ผู ม ีอ ัน จะตรัส รู ธ รรมไดใ นกาล เบื้องหนา ดังนี้.
www.buddhadasa.info อานนท ! ก็ ธ รรมปริ ย ายอั น ชื่ อ ว า แว น ธรรม ในที่ นี้ เป น อย า งไร
เลา ?
อานนท ! อริย สาวกในธรรมวิน ัย นี ้ เปน ผู ประกอบพรอ มแลว ดวยความเลื่อ มใสอัน หยั่งลงมั่น ไมหวั่น ไหว ในองคพ ระพุทธเจา....ในองค พระธรรม.... ในองค พ ระสงฆ . ... และอริ ย สาวกในธรรมวิ นั ย นี้ เป น ผู
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๘๑
ประกอบพรอมแลวดวยศีลทั้งหลายชนิดเปนที่พอใจของเหลาอริยเจา คือเปนศีล ที่ ไม ข าด ไม ท ะลุ ไม ด า ง ไม พ ร อ ย เป น ศี ล ที่ เป น ไทจากตั ณ หา เป น ศี ล ที่ ผู รู ท า น สรรเสริญ เปนศีลที่ทิฏฐิไมลูบคลํา และเปนศีลที่เปนไปเพื่อสมาธิ. อ า น น ท ! ธ รรม ป ริย า ย อัน นี ้แ ล ที ่ชื ่อ วา แ วน ธ รรม ซึ ่ง ห า ก อริ ย สาวกผู ใ ดได ป ระกอบพร อ มแล ว เมื่ อ จํ า นงจะพยากรณ ต นเอง ก็ พึ ง ทํ า ได , ดังนี้แล. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๔๕๐-๔๕๑-๑๔๗๙-๑๔๘๐.
ผูสมบูรณดวยทิฏฐิโดยธรรมชาติ (สิ่งที่ผูสมบูรณดวยทิฏฐิทําไมไดโดยธรรมชาติ) ภิ ก ษุ ท.! ฐานะที่ ไ ม อ าจเป น ไปได (โดยธรรมชาติ ) ๖ ประการ เหลานี้ มีอยู หกประการ เหลาไหนเลา? หกประการ คือ:ผูถึงพรอมดวยทิฏฐิ ไมอาจเขาถึงสังขารไร ๆ โดยความเปนของเที่ยง ; ผูถึงพรอมดวยทิฏฐิ ไมอาจเขาถึงสังขารไร ๆ โดยความเปนสุข ; ผูถึงพรอมดวยทิฏฐิ ไมอาจเขาถึงธรรมะไร ๆ โดยความเปนตัวตน ; ผูถึงพรอมดวยทิฏฐิ ไมอาจกระทําอนันตริยกรรม; ผูถึงพรอมดวยทิฏฐิ ไม อ าจหวั งการถึ งความบริ สุ ท ธิ์ โดยโกตุ ห ลมงคล; ผูถึงพรอมดวยทิฏฐิ ไม อาจแสวงหาทั กขิ เณยยบุ คคล ภายนอกจาก ศาสนานี้.
www.buddhadasa.info
๕๘๒
อริยสัจจากพระโอษฐ ภิกษุ ท.! เหลานี้แล ฐานะที่ไมอาจเปนไปได ๖ ประการ.
- ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๘๘/๓๖๔. (คํ า ว า "เข า ถึ ง " ในสู ต รนี้ มี ค วามหมายแห ง การถื อ เอาเช น เดี ย วกั บ คํ า ว า สรณํ คจฺฉ ามิ หมายความวา ถือ เอาเปน ที ่พึ ่ง . คํ า วา "โกตุห ลมงคล" หมายถึง การถือ ลัท ธิโ บราณ ท างไส ย ศ าส ต ร เชน วา ตื ่น น อ น ขึ ้น ม า ไดเ ห ็น ห รือ ไดย ิน ห รือ ไดส ัม ผัส สิ ่ง ใด สิ ่ง ห นึ ่ง ต าม ที่ บัญญัติไววาจะนํามาซึ่งความบริสุทธิ์ตามลัทธินั้น ๆ).
ผูถึงพรอมดวยทิฏฐิ (อภัพพฐานสําหรับผูที่ถึงพรอมดวยทิฏฐิ) ภิ ก ษุ ท.! ฐานะที่ ไ ม อ าจเป น ไปได ๖ ประการ เหล า นี้ มี อ ยู . หก ประการ เหลาไหนเลา? หกประการ คือ :ผูถึงพรอมดวยทิฏฐิ ไมอาจอยูอยางไมมีความเคารพยําเกรง ในพระศาสดา; ผูถึงพรอมดวยทิฏฐิ ไมอาจอยูอยางไมมีความเคารพยําเกรง ในพระธรรม; ผูถึงพรอมดวยทิฏฐิ ไมอาจอยูอยางไมมีความเคารพยําเกรง ในพระสงฆ; ผูถึงพรอมดวยทิฏฐิ ไมอาจอยูอยางไมมีความเคารพยําเกรง ในสิกขา; ผูถึงพรอมดวยทิฏฐิ ไมอาจมาสูอนาคมนียวัตถุ (วัตถุที่ไมควรเขาหา); ผูถึงพรอมดวยทิฏฐิ ไมอาจยังภพที่แปดใหเกิดขึ้น. ภิกษุ ท.! เหลานี้แล ฐานะที่ไมอาจเปนไปได ๖ ประการ.
www.buddhadasa.info - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๘๘/๓๖๓. (คํ า ว า "วั ต ถุ ที่ ไ ม ค วรเข า หา" หมายถึ ง วั ต ถุ สิ่ ง ของ ก็ ไ ด การกระทํ า ที่ มี ผ ล ก็ ไ ด ทิฏ ฐิก ็ไ ด. คํ า วา "ภพที ่แ ปด" หมายความวา ไมอ าจจะมีแ กพ ระโสดาบัน พระโสดาบัน จะมี ภพหรือชาติตอไปไดอีกเพียงเจ็ดเทานั้น).
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๘๓
ผูถึงพรอมดวยทิฏฐิ (อภัพพฐานสําหรับผูที่ถึงพรอมดวยทิฏฐิ) (อีกนัยหนึ่ง) ภิ ก ษุ ท.! ฐานะที่ ไ ม อ าจเป น ไปได ๖ ประการเหล า นี้ มี อ ยู หก ประการ เหลาไหนเลา? หกประการ คือ :เปนไปไมได ที่ผูถึงพรอมดวยทิฏฐิ จะพึง ปลงชีวิตมารดา ; เปนไปไมได ที่ผูถึงพรอมดวยทิฏฐิ จะพึง ปลงชีวิตบิดา; เปนไปไมได ที่ผูถึงพรอมดวยทิฏฐิ จะพึง ปลงชีวิตพระอรหันต; เปนไปไมได ที่ผูถึงพรอมดวยทิฏฐิ จะพึง คิดประทุษรายตถาคต แม เพียงโลหิตใหหอ ; เปนไปไมได ที่ผูถึงพรอมดวยทิฏฐิ จะพึง ทําสงฆใหแตกกัน; เป น ไปไม ได ที่ ผู ถึ งพรอ มด ว ยทิ ฏ ฐิ จะพึ ง ถื อ ศาสดาอื่ น (นอกจาก พระสัมมาสัมพุทธเจา) ภิกษุ ท.! เหลานี้แล ฐานะที่ไมอาจเปนไปได ๖ ประการ. - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๘๘/๓๖๕.
www.buddhadasa.info ผูถึงพรอมดวยทิฏฐิ
(อภัพพฐานสําหรับผูที่ถึงพรอมดวยทิฏฐิ) (อีกนัยหนึ่ง)
ภิ ก ษุ ท.! ฐานะที่ ไม อ าจเป น ไปได ๖ ประการ เหล า นี้ มี อ ยู . หก ประการ เหลาไหนเลา ? หกประการ คือ :-
๕๘๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ผูถึงพรอมดวยทิฏฐิ ไมอาจมาสูทิฏฐิ วา "สุขและทุกข ตนทําเอง"; ผูถึงพรอมดวยทิฏฐิ ไมอาจมาสูทิฏฐิ วา "สุขและทุกข ผูอื่นทําให"; ผู ถึ งพร อ มด ว ยทิ ฏ ฐิ ไม อ าจมาสู ทิ ฏ ฐิ ว า "สุ ขและทุ ก ข ตนทํ าเองก็ มีผูอื่นทําใหก็มี"; ผู ถึ งพร อมด วยทิ ฏฐิ ไม อาจมาสู ทิ ฏฐิ ว า "สุ ขและทุ กข ไม ต องทํ าเอง เกิดขึ้นไดตามลําพัง"; ผู ถึ งพรอมด วยทิ ฏฐิ ไม อาจมาสู ทิ ฏฐิ วา "สุ ขและทุ กข ไม ต องใครอื่ น ทําให เกิดขึ้นไดตามลําพัง"; ผู ถึ ง พร อ มด ว ยทิ ฏ ฐิ ไม อ าจมาสู ทิ ฏ ฐิ ว า "สุ ข และทุ ก ข ไม ต อ งทํ า เองและไมตองใครอื่นทําให เกิดขึ้นไดตามลําพัง". ขอ นั ้น เพ ราะเห ต ุไ รเล า ? ภ ิก ษ ุ ท .! ขอ นั ้น เพ ราะเห ต ุว า เห ตุ (แหง สุข และทุก ข) อัน ผู ถ ึง พ รอ มดว ยทิฏ ฐิเ ห็น แลว โดยแทจ ริง และธรรม ทั้งหลาย ก็เปนสิ่งที่เกิดมาแตเหตุดวย.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! เหลานี้แล ฐานะที่ไมอาจเปนไปได ๖ ประการ.
- ฉกฺก. อํ. ๒๒/ /๓๖๖.
ผูสิ้นความสงสัย (พระโสดาบัน)
ภิก ษุ ท.! เมื ่อ รูป นั ้น แลมีอ ยู , เพราะเขา ไปยึด ถือ ซึ ่ง รูป เพราะ ป ก ใจเข า ไปสู รู ป ทิ ฏ ฐิ จึ ง เกิ ด ขึ้ น อย า งนี้ ว า "ลมก็ ไ ม พั ด แม น้ํ า ก็ ไ ม ไ หล สตรี มี ครรภก็ไมคลอด พระจันทรและพระอาทิตยก็ไมขึ้นไมตก แตละอยาง ๆ เปนของ ตั้งอยูอยางมั่นคงดุจการตั้งอยูของเสาระเนียด" ดังนี้. (ในกรณีแหงเวทนา สัญญา
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๘๕
สั ง ขาร วิ ญ ญาณ ก็ มี ถ อ ยคํ า ที่ ต รั ส อย า งเดี ย วกั น ทุ ก ตั ว อั ก ษรกั บ ในกรณี แ ห ง รู ป นี้ ต า งกั น แต เพี ย ง ชื่อแหงขันธแตละขันธ เทานั้น).
ภิ ก ษุ ท.! พวกเธอจะสํ า คั ญ ความข อ นี้ ว า อย า งไร : รู ป เที่ ย งหรื อ ไม เที่ ย ง? "ไม เที่ ย งพระเจ า ข า !" ก็ สิ่ ง ใดไม เที่ ย ง สิ่ ง นั้ น เป น ทุ ก ข ห รื อ เป น สุ ข เล า ? "เป น ทุ ก ข พระเจ า ข า !" แม สิ่ งใดไม เที่ ย ง เป น ทุ ก ข มี ค วามแปรปรวนเป น ธรรมดา แต ถ า ไม ยึ ด มั่ น ถื อ มั่ น ซึ่ ง สิ่ ง นั้ น แล ว ทิ ฏ ฐิ อ ย า งนี้ จะเกิ ด ขึ้ น ได ไ หมว า "ลมก็ ไ ม พัด แมน้ําก็ไมไหล สตรีมีครรภก็ไมคลอด พระจันทรและพระอาทิตยก็ไมขึ้น ไมตก แตละอยาง ๆ เปนของตั้งอยูอยางมั่นคงดุจการตั้งอยูของสาระเนียด" ดังนี้ ?"ข อ นั้ น หามิ ไ ด พระเจ า ข า !" (ในกรณี แ ห ง เวทนา สั ญ ญา สั ง ขาร วิ ญ ญาณ ก็ มี ถ อ ยคํ า ที่ ต รั ส ถามและภิ ก ษุ เหล า นั้ น ทู ล ตอบ อย า งเดี ย วกั น ทุ ก ตั ว อั ก ษรกั บ กรณี แ ห ง รู ป นี้ ต า งกั น แต เพี ย ง ชื่อแหงขันธ แตละขันธเทานั้น).
ภิ กษุ ท .! แม สิ่ งใด ที่ บุ ค ค ล ได เห็ น แล ว ฟ งแล ว รู สึ กแล ว รู แ จ ง แลว บรรลุแ ลว แสวงหาแลว ครุ น คิด อยู ด ว ยใจแลว ; เหลา นี ้เ ปน ของเที ่ย ง หรือ ไมเ ที ่ย ง ? "ไมเ ที ่ย ง พระเจา ขา !" ก็สิ ่ง ใดไมเ ที ่ย ง สิ ่ง นั ้น เปน ทุก ขห รือ เปน สุข เลา ? "เปน ทุก ข พ ระเจา ขา !" แมสิ ่ง ใด ไม เ ที ่ย ง เปน ทุก ขม ีค วาม แปรปรวนเป น ธรรมดา แต ถ า ไม ยึ ด มั่ น ถื อ มั่ น ซึ่ ง สิ่ ง นั้ น แล ว ทิ ฏ ฐิ อ ย า งนี้ จะเกิ ด ขึ้ น ได ไหมว า "ลมก็ ไม พั ด แม น้ํ า ก็ ไ ม ไหล สตรี มี ค รรภ ก็ ไม ค ลอด พระจั น ทร และพระอาทิตยก็ไมขึ้นไมตก แตละอยาง ๆ เปนของตั้งอยูอยางมั่นคงดุจการตั้งอยู ของเสาระเนียด" ดังนี้ ? "ขอนั้นหามิได พระเจาขา !"
www.buddhadasa.info
๕๘๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! ในกาลใดแล ความสงสั ย (กั ง ขา) ในฐานะทั้ ง หลาย ๖ ประการเหลานี้๑ เปนสิ่งที่อริยสาวกละขาดแลว; ในกาลนั้น ก็เปนอันวา ความ สงสัยแมในทุกข, แมในเหตุใหเกิดขึ้นแหงทุกข, แมในความดับไมเหลือแหงทุกข, แมในขอปฏิบัติเครื่องทําสัตวใหลุถึงความดับไมเหลือแหงทุกข, ก็เปนสิ่งที่อริยสาวก นั้น ละขาดแลว. ภิกษุ ท.! อริยสาวกนี้ เราเรียกวา เป นอริยสาวกผูเป นโสดาบั น มี อั น ไมตกต่ําเปนธรรมดา เปนผูเที่ยงแท (ตอนิพพาน) มีการตรัสรูพรอมในเบื้องหนา, ดังนี้ แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๔๘-๒๔๙/๔๑๗-๔๔๘.
๑. ฐานะหกประการ คื อ ขั น ธ ห า ประการ และอาการที่ ไ ด เ ห็ น แล ว เป น ต น ดั ง ที่ ก ล า วแล ว ข า งบน เจ็ดอยางรวมเปนหนึ่งประการ; รวมเปนหกประการ. สูตรขางบนนี้ แสดงฐานะหกประการนี้ วาเปนที่ตั้งแหง เอสิกัฏฐายิฎฐิตสัสสตทิฏฐิ. ใน สู ต รอื่ น (๑๗/๒๕๐/๔๑๙) แ ส ด งฐ า น ะ ห ก ป ระ ก า รนี้ ว า เป น ที่ ตั้ งแ ห งทิ ฏ ฐิ ว า ตน วาของตน. ใน สู ต รอื่ น อี ก (๑๗/๒๕๑/๔๒๒) แสดงฐาน ะห กป ระการนี้ ว า เป น ที่ ตั้ งแห งสั สสต ทิฏฐิทั่วไป. ในสู ตรอื่ นอี ก (๑๗/๒๕๓/๔๒๔) แสดงฐานะหกประการนี้ ว า เป นที่ ตั้ งแห ง อุ จเฉททิฏฐิทั่วไป. ใ น ส ูต ร อื ่น อ ีก (๑๗/๒๕๕/๔๒๖) แ ส ด ง ฐ า น ะ ห ก ป ร ะ ก า ร นี ้ ว า เป น ที ่ตั ้ง แ ห ง นัตถิกทิฏฐิ. ใน สู ต รอื่ น อี ก (๑๗/๒๕๗/๔๒๘) แ ส ด งฐ าน ะ ห ก ป ระ ก านี้ ว า เป น ที่ ตั้ งแ ห งอ กิ ริ ย ทิฏฐิ. ในสู ต รอื่ น อี ก (๑๗/๒๕๘/๔๓๐) แสดงฐานะหกประการนี้ ว า เป นที่ ตั้ งแห ง อเหตุ กทิฎฐิ. และฐานะทั้ ง หกประกานี้ ยั ง มี ก ล า วไว ว า เป น ที่ ตั้ ง แห ง ทิ ฏ ฐิ อื่ น ๆ อี ก หลายอย า ง เห็ น ว า มาก เกิน ไปจึง ไมนํ า มาใสไ วใ นที ่นี ้ ผู ศ ึก ษาพึง หาอา นดูไ ดจ ากหนัง สือ ปฏิจ จ. โอ. หมวดที ่ส ิบ เอ็ด .
www.buddhadasa.info
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๘๗
ผูมีธรรมญาณและอันวยญาณ (พระโสดาบัน) ภ ิก ษ ุ ท .! ก็ ช ร า ม ร ณ ะ เป น อ ยา ง ไร เลา ? ค ว า ม แ ก ค ว า ม คร่ํ า คร า ความมี ฟ น หลุ ด ความมี ผ มหงอก ความหนั ง เหี่ ย ว ความสิ้ น ไป ๆ แห ง อายุ ความแก รอบแห ง อิ น ทรี ย ทั้ งหลาย ในสั ต วนิ ก ายนั้ น ๆ ของสั ต ว ทั้ งหลาย เหล า นั้ น ๆ : นี้ เ รี ย กว า ชรา. การจุ ติ ความเคลื่ อ น การแตกสลาย การหายไป การวายชี พ กายตาย การทํ า กาละ การแตกแห ง ขั น ธ ทั้ ง หลาย การทอดทิ้ ง ร า ง การขาดแหง อิน ทรีย ค ือ ชีว ิต จากสัต วนิก ายนั ้น ๆ ของสัต วทั ้ง หลายเหลา นั ้น ๆ : นี ้เ รีย ก วา ม ร ณ ะ . ช ร า นี ้ด ว ย ม ร ณ ะ นี ้ด ว ย ยอ ม ม ีอ ยู ด ัง นี ้; ภ ิก ษุ ท.! นี้ เ รี ย กว า ชรามรณะ. ความก อ ขึ้ น พร อ มแห ง ชรามรณะ ย อ มมี เพราะ ความกอ ขึ ้น พรอ มแหง ชาติ ; ความดับ ไมเ หลือ แหง ชรามรณะ ยอ มมี เพราะ ความดั บ ไม เ หลื อ แห ง ชาติ ; มรรคอั น ประกอบด ว ยองค แ ปดอั น ประเสริ ฐ นั่ น เอง เป น ปฏิป ทาใหถ ึง ความดับ ไมเ ห ลือ แหง ชราม รณ ะ, ไดแ กสิ ่ง เหลา นี ้ค ือ ความ เห็ น ชอบ ความดํ า ริ ช อบ การพู ด จาชอบ การทํ า การงานชอบ การเลี้ ย ง ชีวิตชอบความพากเพียรชอบ ความระลึกชอบ ความตั้งใจมั่นชอบ.
www.buddhadasa.info ภ ิก ษ ุ ท .! อ ริย ส า ว ก ย อ ม ม า รู ทั ่ว ถ ึง ซึ ่ง ช ร า ม ร ณ ะ ว า เป น อยา งนี ้ ๆ, มารู ทั ่ว ถึง ซึ ่ง เหตุใ หเ กิด ขึ ้น แหง ชรามรณ ะ วา เปน อยา ง ๆ, มารู ทั่ ว ถึ ง ซึ่ ง ความดั บ ไม เ หลื อ แห ง ชรามรณ ะ ว า เป น อย า งนี้ ๆ, มารู ทั่ ว ถึ ง ซึ่ ง ข อ ปฏิบ ัต ิเ ครื ่อ งทํ า สัต วใ หล ุถ ึง ความดับ ไมเ หลือ แหง ชรามรณ ะ วา เปน อยา ง ๆ, ในกาลใด ; ในกาลนั ้น ความรู นี ้ข องอริย สาวกนั ้น ชื ่อ วา ธัม มญาณ (ญ าณ ในธรรม). ด ว ยธรรมนี้ อั น อริ ย สาวกนั้ น เห็ น แล ว รู แ ล ว บรรลุ แ ล ว หยั่ ง ลงแล ว และเปน ธรรมอัน ใชไ ดไ มจํ า กัด กาล, อริย สาวกนั ้น ยอ มนํ า ความรู นั ้น ไปสู นัยะอันเปนอดีตและอนาคต (ตอไปอีก) วา "สมณะหรือพราหมณเหลาใด
๕๘๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
เหล า หนึ่ ง ในกาลยื ด ยาวนานฝ า ยอดี ต ได รู อ ย า งยิ่ ง แล ว ซึ่ ง ชรามรณ ะ, ได รู อยา งยิ ่ง แลว ซึ ่ง เหตุใ หเ กิด ขึ ้น แหง ชรามรณ ะ, ไดรู อ ยา งยิ ่ง แลว ซึ ่ง ความดับ ไม เ หลื อ แห ง ชรามรณ ะ, ได รู อ ย า งยิ่ ง แล ว ซึ่ ง ข อ ปฏิ บั ติ เ ครื่ อ งทํ า สั ต ว ใ ห ลุ ถึ ง ความดั บ ไม เ หลื อ แห ง ชรามรณะ ; สมณะหรื อ พราหมณ เ หล า นั้ น ทุ ก ท า น ก็ ไ ด รู อย า งยิ่ ง แล ว เหมื อ นอย า งที่ เ ราเองได รู อ ย า งยิ่ ง แล ว ในบั ด นี้ . ถึ ง แม ส มณ ะหรื อ พราหมณ เหล า ใดเหล า หนึ่ ง ในกาลยื ด ยาวนานฝ า ยอนาคต จั ก รู อ ย า งยิ่ ง ซึ่ ง ชราม รณ ะ , จัก รู อ ยา งยิ ่ง ซึ ่ง เห ตุใ หเ กิด ขึ ้น แหง ช ราม รณ ะ , จัก รู อ ยา งยิ ่ง ซึ ่ง ความดับ ไมเ หลือ แหง ชรามรณ ะ, จัก รู อ ยา งยิ ่ง ซึ ่ง ขอ ปฏิบ ัต ิเ ครื ่อ งทํ า สัต ว ให ลุ ถึ ง ความดั บ ไม เหลื อ แห ง ชรามรณะ, ก็ ต าม; สมณะหรื อ พราหมณ เ หล า นั้ น ทุ ก ท า นก็ จั ก รู อ ย า งยิ่ ง เหมื อ นอย า งที่ เ ราเองได รู อ ย า งยิ่ ง แล ว ในบั ด นี้ " ดั ง นี้ . ความรูนี้ของอริยสาวกนั้น ชื่อวา อันวยญาณ (ญาณในการรูตาม). ภิ ก ษุ ท.! ญาณทั้ ง สอง คื อ ธั ม มญาณและอั น วยญาณเหล า นี้ ข อง อริย สาวก เปน ธรรมชาติบ ริสุท ธิ์ ผอ งใส ในกาลใด; ภิก ษุ ท.! ในกาลนั้น เราเรี ย ก อ ริ ย ส าวก นั ้ น ว า "ผู ถ ึ ง พ ร อ ม แ ล ว ด ว ย ทิ ฏ ฐิ " , ดั ง นี ้ บ า ง ; ว า "ผู ถ ึง พรอ มแลว ดว ยทัส สนะ", ดัง นี ้บ า ง; วา "ผู ม าถึง พระสัท ธรรมนี ้แ ลว ", ดัง นี ้บ า ง; วา "ไดเ ห็น อยู ซึ ่ง พระสัท ธรรมนี ้", ดัง นี ้บ า ง ; วา "ผู ป ระกอบ แลว ดว ยญาณอัน เปน เสขะ", ดัง นี ้บ า ง; วา "ผู ป ระกอบดว ยวิช ชาอัน เปน เ ส ข ะ ", ดั ง นี ้ บ า ง ; ว า "ผู ถ ึ ง ซึ ่ ง ก ร ะ แ ส แ ห ง ธ ร ร ม แ ล ว ", ดั ง นี ้ บ า ง ; วา "ผู ป ระเสริฐ มีป ญ ญาเครื ่อ งชํ า แรกกิเ ลส", ดัง นี ้บ า ง ; วา "ยืน อยู จ ด ประตูแหงอมตะ", ดังนี้บาง, ดังนี้.
www.buddhadasa.info
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๘๙
(ข อ ความข า งบนนี้ เป น กรณี แห ง ปฏิ จ จสมุ ป ป น ธรรมคื อ ชราและมรณ ะ ที่ อ ริ ย สาวกมารู ทั่ ว ถึ ง โดยนั ย แห ง อริ ย สั จ สี่ แ ล ว ทํ า ให มี ธั ม มญาณและอั น วยญาณ และทํ า ให เป น ผู ถึ ง พ รอ ม แ ล ว ด ว ย ท ิฏ ฐ ิเ ป น ต น , ต อ ไป ได ต รัส ถ ึง ป ฏ ิจ จ ส ม ุป ป น น ธ รร ม ค ือ ช า ต ิ...ภ พ ... อุ ป า ท า น ...ตั ณ ห า ...เ ว ท น า ...ตั ส ส ะ ...ส ฬ า ย ต น ะ ...น า ม รู ป ...วิ ญ ญ า ณ ...สั ง ข า ร แต ล ะอย า ง ๆ ว าอริ ย สาวกมารู ทั่ วถึ งโดยนั ย แห งอริ ย สั จสี่ แ ล ว ก็ ทํ าให มี ธั ม มญาณและอั น วยญาณ เป น ต น ได อ ย า งเดี ย วกั น กั บ ในกรณี แ ห งปฏิ จ จสมุ ป ป น นธรรมคื อ ชราและมรณะนั้ น ; รายละเอี ย ด หาอ า นดู ไ ด จ ากกหนั ง สื อ ปฏิ จ จ. โอ. หมวดที่ ๖ หั ว ข อ ว า "ญาณวั ต ถุ ๔๔ ในปฏิ จ จสมุ ป บาท เพื่อความเปนโสดาบัน"). - นิทาน. สํ. ๑๖/๖๘-๗๑/๑๒๐-๑๒๕.
พระโสดาบัน รูจักอินทรียหก ภิก ษุ ท .! อิน ท รีย ห กอ ยา งเห ลา นี ้ มีอ ยู . ห ก อ ยา งอ ะไรเลา ? ห ก อ ยา งคือ จัก ขุน ท รีย โส ติน ท รีย ฆ า นิน ท รีย ชิว หิน ท รีย ก า ยิน ท รีย มนินทรีย. ภิก ษุ ท.! เมื ่อ ใดแล อริย สาวก มารู จ ัก ความกอ ขึ ้น แหง อิน ทรีย หกเหลานี้, รูจักความตั้งอยูไมไดแหงอิน ทรียห กเหลานี้, รูจักอิน ทรียทั้งหก เหลานี้ในแงที่มันใหรสอรอย, รูจักอินทรียทั้งหกเหลานี้ในแงที่มันใหแตโทษ รา ยกาจ, ทั ้ง รูจ ัก อุบ ายที ่ไ ปใหพ น อิน ทรีย ทั ้ง หกเหลา นี ้, ตามที ่ถ ูก ที ่จ ริง ; ภิก ษุ ท.! เมื ่อ นั ้น แหละ อริย สาวกนั ้น เราเรีย กวา เปน พระโสดาบัน มีอ ัน ไมต กต่ํ า เปน ธรรม ดา เที ่ย งแทต อ พ ระนิพ พ าน จัก ตรัส รู ธ รรมพ รอ มไดใ น เบื้องหนา.
www.buddhadasa.info - มหาวาร. สํ. ๑๙/๒๗๑/๙๐๒-๙๐๓.
๕๙๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
พระโสดาบันกับพรอรหันตตางกัน ในการเห็นธรรม ภิ ก ษุ ท.! อุ ป าทานขั น ธ ทั้ ง หลายเหล า นี้ มี อ ยู ห า อย า ง. ห า อย า ง อย า งไรเล า ? ห า อย า งคื อ รู ปู ป าทานขั น ธ เวทนู ป าทานขั น ธ สั ญ ู ปาทานขันธ สังขา รูปาทานขันธ วิญญาณูปาทานขันธ. ภิก ษุ ท.! เมื ่อ ใด อริย สาวก รู ช ัด แจง ตามเปน จริง ซึ ่ง ความ เกิด ขึ้น (สมุทัย) ซึ่งความตั้งอยูไมได (อัตถังคมะ) ซึ่งรสอรอย (อัส สาทะ) ซึ่ งโทษอั น ต่ํ า ทราม (อาที น วะ) และซึ่ งอุ บ ายเครื่ อ งออก (นิ ส สรณะ) แห ง อุป าทานขัน ธทั ้ง หา เหลา นี ้ ; ภิก ษุ ท.! อริย สาวกนี ้ เราเรีย กวา เปน โสดาบัน มี อั น ไม ต กต่ํ า เป น ธรรมดา เป น ผู เ ที่ ย งแท ต อ พระนิ พ พาน มี ก ารตรั ส รู พ ร อ มใน เบื้องหนา. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๙๖/๒๙๖.
ภ ิ ก ษ ุ ท .! อ ุ ป า ท า น ข ั น ธ เ ห ล นี ้ ม ี อ ยู ห า อ ย า ง . ห า อ ย า ง อย า งไรเล า ? ห า อย า ง คื อ รู ปู ป าทานขั น ธ เวทนู ป าทานขั น ธ สั ญ ู ป าทานขันธ สังขารูปปาทานขันธ วิญญาณูปาทานขันธ.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! เมื ่อ ใด ภิก ษุ รู ช ัด แจง ตามเปน จริง ซึ ่ง ความเกิด ขึ ้น ซึ่งความตั้งอยูไมได ซึ่งรสอรอย ซึ่งโทษอันต่ําทราม และซึ่งอุบายเครื่องออก แหงอุปาทานขันธทั้งหา เหลานี้ ดังนี้แลว เปนผูหลุดพนแลวเพราะไมมีความ ยึด มั ่น . ภิก ษุ ท.! ภิก ษุนี ้ เราเรีย กวา เปน พระอรหัน ต ผู ม ีอ าสวะสิ ้น แลว อยูจบพรหมจรรยแลว ทํากิจที่ควรทําสําเร็จแลว มีภาระอันปลงลงแลว มี
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๙๑
ประโยชนต นอัน ตามถึง แลว มีส ัง โยชนใ นภพสิ ้น ไปหมดแลว เปน ผู ห ลุด พน แลวเพราะรูโดยชอบ ดังนี้แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๙๖/๒๙๗.
พระโสดาบันกับพระอรหันตตางกันในการเห็นธรรม (อีกนัยหนึ่ง) ภิก ษ ุ ท .! อ ริท รีย ห ก เห ลา นี ้ มีอ ยู . ห ก เห ลา ไห น เลา ? ห ก คือ จักขุนทรีย โสติทรีย ฆานินทรีย ชิวหินทรีย กายินทรีย มนินทรีย. ภิ ก ษุ ท.! เมื่ อ ใด อริ ยสาวก รู ชั ด แจ งตามเป น จริ ง ซึ่ งความเกิ ด ขึ้ น (สมุทัย) ซึ่งความตั้งอยูไมได (อัตถังคมะ) ซึ่งรสอรอย (อัสสาทะ) ซึ่งโทษอัน ต่ําทราม (อาทีนวะ) และซึ่งอุบายเครื่องออก (นิสสรณะ) แหงอินทรียหกเหลานี้; ภิ ก ษุ ท.! อริ ย สาวกนี้ เราเรี ย กว า เป น โสดาบั น มี อั น ไม ต กต่ํ า เป น ธรรมดา เปนผูเที่ยงแทตอพระนิพพาน จักตรัสรูพรอมในเบื้องหนา. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๒๗๑/๙๐๒
www.buddhadasa.info ภ ิก ษ ุ ท .! อิน ท รีย ห ก เห ล า นี ้ ม ีอ ยู . ห ก เห ลา ไห น เลา ? ห ก ค ือ จักขุนทรีย โสตินทรีย ฆานินทรีย ชิวหินทรีย กายินทรีย มนินทรีย.
ภิ ก ษุ ท.! เมื่ อ ใด ภิ ก ษุ รู ชั ด แจ งตามเป น จริ ง ซึ่ งความเกิ ด ขึ้ น ซึ่ ง ความตั้งอยูไมได ซึ่งรสอรอย ซึ่งโทษอันต่ําทราม และซึ่งอุบายเครื่องออก แหง อินทรียหกเหลานี้ ดังนี้แลว เปนผูหลุดพนแลวเพราะไมมีความยึดมั่น. ภิกษุ ท.!
๕๙๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ นี้ เราเรี ย กว า เป น พระอรหั น ต ผู มี อ าสวะสิ้ น แล ว อยู จ บพรหมจรรย แ ล ว ทํ า กิ จ ที่ ค วรทํ า สํ า เร็ จ แล ว มี ภ าระอั น ปลงลงแล ว มี ป ระโยชน ต นอั น ตามถึ ง แล ว มีสังโยชนในภพสิ้นไปหมดแลว เปนผูหลุดพนแลวเพราะรูโดยชอบ ดังนี้แล. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๒๗๒/๙๐๔. (สู ตรข า งบนนี้ ทรงแสดงอิ นทรี ย โดยอายตนะภายในหก; ยั งมี สู ตรอื่ น (๑๙/๒๗๕/ ๔๑๔-๘๑๘) ท รงแ ส ด งอ ิน ท รีย โ ด ย เวท น า ห า คือ สุข ิน ท รีย ท ุก ขิน ท รีย โส ม น ัส สิน ท รีย โทมนัสสินทรียอุเปกขินทรีย, ดังนี้ก็มี.)
ผูรวมอยูในกลุมโสดาบัน ๓ จําพวก ก. สัทธานุสารี ภ ิ ก ษ ุ ท .! จ ั ก ษ ุ . ...โ ส ต ะ ....ฆ า น ะ ....ช ิ ว ห า ...ก า ย ะ ...ม น ะ เปน สิ ่ง ไมเ ที ่ย ง มีค วาม แป รป รวน เปน ป กติ มีค วาม เป ลี ่ย น เปน อ ยา งอื ่น เป น ปกติ . ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลใด มี ค วามเชื่ อ น อ มจิ ต ไป ในธรรม ๖ อย า งนี้ ด วยอาการอย างนี้ ; บุ คคลนี้ เราเรียกวาเป น สั ท ธานุ สารี หยั่ งลงสู สั มมั ตตนิ ยาม (ระบบแหง ความถูก ตอ ง) หยั ่ง ลงสู ส ัป ปุร ิส ภูม ิ (ภูม ิแ หง สัต บุร ุษ ) ลว งพน บุถ ุช นภูมิ ไมอ าจที ่จ ะกระทํ า กรรม อัน กระทํ า แลว จะเขา ถึง นรก กํ า เนิด ดิร ัจ ฉาน หรือ ปตติวิสัย และไมควรที่จะทํากาละกอนแตที่จะทําใหแจงซึ่งโสดาปตติผล.
www.buddhadasa.info ข. ธัมมานุสารี ภิกษุ ท.! ธรรม ๖ อยางเหลานี้ ทนตอการเพงโดยประมานอันยิ่ง แหงปญญาของบุคคลใด ดวยอาการอยางนี้ ; บุคคลนี้เราเรียกวา ธัมมานุสารี
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๙๓
หยั่ งลงสู สั ม มั ต ตนิ ย าม หยั่ งลงสู สั ป ปุ ริ ส ภู มิ ล ว งพ น บุ ถุ ช นภู มิ ไม อ าจที่ จ ะกระทํ า กรรม อัน กระทํ า แลว จะเขา ถึง น รก กํ า เนิด ดิร ัจ ฉาน ห รือ ปต ติว ิส ัย แล ะไม ควรที่จะกระทํากาละกอนแตที่จะทําใหแจงซึ่งโสดาปตติผล. ค. โสตาปนนะ ภิกษุ ท.! บุคคลใดยอมรูยอมเห็นในซึ่งธรรม ๖ อยางเหลานี้ ดวยอาการ อย า งนี้ (ตามที่ ก ล า วแล ว ในข อ บน มี ค วามเห็ น ความไม เที่ ย งเป น ต น ) ; บุ ค คลนี้ เราเรี ย กว า โสดาบั น (ผู ถึ ง แล ว ซึ่ ง กระแส) ผู มี อั น ไม ต กต่ํ า เป น ธรรมดา (อวิ นิ ป าตธมฺ ม ) เป น ผู เที่ยงแทตอพระนิพพาน (นิยต) มีสัมโพธิเปนเบื้องหนา (สมฺโพธิปรายน). - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๗๘/๔๖๙.
สารีบ ุต ร ! อริย อัฏ ฐัง คิก มรรคนี ้นั ่น แหละ ชื ่อ วา กระแส (โสต) ได แ ก สั ม มาทิ ฏ ฐิ สั ม มาสั ง กั ป ปะ สั ม มาวาจา สั ม มากั ม มั น ตะ สั ม มาอาชี ว ะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๔๓๕/๑๔๓๑.
www.buddhadasa.info (ส ูต รข า ง บ น นี ้(:๑๗/๒๗๘/๔๖๙) ท รง แ ส ด ง อ า รม ณ แ ห ง อ น ิจ จ ัง เป น ต น ด ว ย ธรรม ๖ อย า ง คื อ อายตนะภายในหก ; ในสู ต รถั ด ไปทรงแสดงอารมณ นั้ น ด ว ยอายตนะภาย นอกหก คือ รูป เสีย ง กลิ ่น รส โผฏ ฐัพ พ ะ ธรรมารมณ ก็ม ี, แสดงดว ยวิญ ญ าณ หก ก็ม ี, ดว ย สัม ผัส ห ก ก็ม ี, ดว ย เว ท น า ห ก ก็ม ี, ดว ย สัญ ญ า ห ก ก็ม ี, ดว ย สัญ เจ ต น า ห ก ก็ม ี, ดว ย ตัณ ห าห ก ก็ม ี, ดว ย ธ าต ุห ก ก็ม ี, แ ล ะ ดว ย ขัน ธห า ก็ม ี; ท รงแ ส ด งไวด ว ย ห ลัก ก าร ปฏิบัติอยางเดียวกัน).
๕๙๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ความเปนพระโสดาบัน ไมอาจแปรปรวน ภิก ษุ ท .! แ มม ห าภูต รูป สี ่ ก ลา วคือ ธาตุด ิน น้ํ า ไฟ ล ม ก็ย ัง มี ค วาม แป รป รวน เป น อย างอื่ น ไป ได . แต เห ล า อ ริ ย ส าวกใน ธรรม วิ นั ยนี้ ผู ป ระกอ บ พ รอ ม แลว ดว ยค วาม เลื ่อ ม ใส อัน ห ยั ่ง ล งมั ่น ไมห วั ่น ไห ว ใน องค พระพุ ท ธเจ า ....ในองค พ ระธรรม...ในองค พ ระสงฆ ...ย อ มไม มี ค วามแปรปรวน เป น อย า งอื่ น เลย. ข อ ที่ ว า ผู ป ระกอบพร อ มแล ว ด ว ยความเลื่ อ มใสอั น หยั่ ง ลงมั่ น ไม ห วั่ น ไหว ในองค พ ระพุ ท ธเจ า เป น ต น นั้ น ยั ง จะมี ก ารปรวนแปรไปเป น เสี ย อยา งอื ่น จนเขา ถึง น รกก็ด ี กํ า เนิด เดรัจ ฉานก็ด ี วิส ัย แหง เป รตก็ด ี ดัง นี ้นั ้น ไมใชเปนฐานะที่จะมีไดเลย. ภิ กษุ ท .! แม ม ห าภู ต รู ป สี่ กล า วคื อ ธาตุ ดิ น น้ํ า ไฟ ล ม ก็ ยั ง มี ความแปรปรวนเป น อื่ น ไปได , แต เ หล า อริ ย สาวกในธรรมวิ นั ย นี้ ผู ป ระกอบ พร อ มแล ว ด ว ยศี ล ทั้ ง หลายชนิ ด เป น ที่ พ อใจของเหล า อริ ย เจ า ย อ มไม มี ค วาม แปรปรวนเป น อย า งอื่ น ได เ ลย. ข อ ที่ ว า ผู ป ระกอบพร อ มแล ว ด ว ยศี ล ทั้ ง หลาย ชนิ ด เป น ที่ พ อใจของเหล า อริ ย เจ า นั้ น ยั ง จะมี ก ารปรวนแปรไปเป น เสี ย อย า งอื่ น จนเขา ถึง นรกก็ด ี กํ า เนิด เดรัจ ฉานก็ด ี วิส ัย แหง เปรตก็ด ี ดัง นี ้นั ้น ไมใ ชเ ปน ฐานะที่จะมีไดเลย.
www.buddhadasa.info - มหาวาร. สํ. ๑๙/๔๕๗/๑๔๙๕-๖.
ความเปนโสดาบัน ประเสริฐกกวาเปนพระเจาจักรพรรดิ ภิ ก ษุ ท.! แม พ ระเจ า จั ก รพรรดิ ได ค รองความเป น ใหญ ยิ่ ง แห ง ทวี ป ทั้งสี่ เบื้องหนาจากการตายเพราะรางกายแตกดัง อาจะไดเขาถึงสุคติโลกสวรรค
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๙๕
เป น สหายอยู ร ว มกั บ เหล า เทวดาชั้ น ดาวดึ ง ส ถู ก แวดล อ มอยู ด ว ยหมู น างอั ป ษร ในสวนนัน ทวัน ทา วเธอเปน ผู เ อิบ อิ ่ม เพีย บพรอ มดว ยกามคุณ ทั ้ง หา อัน เปน ของทิพ ยอ ยา งนี ้ก ็ต าม, แตก ระนั ้น ทา วเธอก็ย ัง รอดพน ไปไมไ ด จากนรก จากกําเนิดเดรัจฉาน จากวิสัยแหงเปรต และจากอบาย ทุคติ วินิบาต. ภิ ก ษุ ท.! ส ว นอริ ย สาวกในธรรมวิ นั ย นี้ แม เ ป น ผู ยั ง อั ต ตภาพให พอเป นไปด วยคํ าข าวที่ ได มาจากบิ ณ ฑบาตด วยปลี แข งของตนเอง พั นกายด วยการ นุ ง หม ผา ปอน ๆ ไมม ีช าย, หากแตว า เปน ผู ป ระกอบพรอ มแลว ดว ยธรรม ๔ ประการ เธอก็ย ัง สามารถ รอดพน เสีย ได จากนรก จากกํ า เนิด เดรัจ ฉาน จากวิสัยแหงเปรต และจากอบาย ทุคติ วินิบาต. ภิ ก ษุ ท.! ธรรม ๔ ประการนั้ น เป น ไฉน ? สี่ ป ระการคื อ อริ ย สาวก ในธรรมวิน ัย นี ้ เปน ผู ป ระกอบพรอ มแลว ดว ยความเลื ่อ มใสอัน หยั ่ง ลงมั ่น ไมห วั ่น ไห ว ใน อ งคพ ระพุท ธเจา ...ใน อ งคพ ระธ รรม ...ใน อ งคพ ระ ส งฆ... เปน ผู ป ระกอบพรอ มแลว ดว ยศีล ทั ้ง หลาย ชนิด เปน ที ่พ อใจเหลา อริย เจา ฯลฯ ดังนี้.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! ระหว า งการได ท วี ป ทั้ ง สี่ กั บ การได ธ รรม ๔ ประการนี้ นั้ น การไดทวีทั้งสี่มีคาไมถึงเสี้ยวที่สิบหก ของการไดธรรม ๔ ประการนี้ เลย.
- มหาวาร. สํ. ๑๙/๔๒๘-๔๒๙/๑๔๑๑-๑๔๑๓.
ผลแหงความเปนโสดาบัน ภิ ก ษุ ท.! อานิ ส งส แ ห งการทํ า ให แ จ ง ซึ่ งโสดาป ต ติ ผ ล ๖ อย า ง เหลานี้ มีอยู, หกอยาง เหลาไหนเลา ? หกอยาง คือ :-
๕๙๖
อริยสัจจากพระโอษฐ เปนบุคคลผู เที่ยงแทตอสัทธรรม (สทฺธมฺมนิยโต) ; เปนบุคคลผู มีธรรมอันไมรูเสื่อม (อปริหานธมฺโม) ; ทุกขดับไปทุกขั้นตอนแหงการกระทําที่กระทําแลว; เปนบุคคลผู ประกอบดวยอสาธารณญาณ (ที่ไมทั่วไปแกพวกอื่น) ; เปนบุคคลผู เห็นธรรมที่เปนเหตุ; และ เห็นธรรมทั้งหลาย ที่เกิดมาแตเหตุ.
ภิ ก ษุ ท.! เหล า นี้ แ ล อานิ ส งส ๖ ประการแห ง การทํ า ให แ จ ง ซึ่ ง โสดาปตติผล. - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๙๐/๓๖๘.
พระอริยบุคคลละสังโยชนไดตางกัน ภิก ษุ ท .! บุค ค ล ๔ จํ า พ ว ก เห ลา นี ้ มีอ ยู ใ น โล ก ห าไดโ ล ก . สี่จําพวกเหลาไหนบาง ? สี่จําพวก คือ :(๑) บุ ค คลบางคนในโลกนี้ มี สั ง โยชน ส ว นเบื้ อ งต่ํ า ทั้ ง หลายที่ จ ะไม ได, มีส ัง โยชนต ัว เหตุใ หต อ งเกิด อีก ที ่ย ัง ละไมไ ด, และมีส ัง โยชนต ัว เหตุใ ห ตองมีภพ ที่ยังละไมได. (๒) บุ ค คลบางคนในโลกนี้ ละสั ง โยชน ส ว นเบื้ อ งต่ํ า ทั้ ง หลายได แ ล ว แตม ีส ัง โยชนต ัว เหตุใ หต อ งเกิด อีก ที ่ย ัง ละไมไ ด, มีส ัง โยชนต ัว เหตุใ หต อ ง มีภพ ที่ยังละไมได. (๓) บุ ค คลบางคนในโลกนี้ ละสั ง โยชน ส ว นเบื้ อ งต่ํ า ทั้ ง หลายได แ ล ว ทั้ ง ยั ง ละสั ง โยชน ตั ว เหตุ ใ ห มี ก ารเกิ ด อี ก ได ด ว ย, แต มี สั ง โยชน ตั ว เหตุ ใ ห ต อ งมี ภ พ ที่ยังละไมได.
www.buddhadasa.info
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๙๗
(๔) บุ ค คลบางคนในโลกนี้ ละสั ง โยชน เบื้ อ งต่ํ า ทั้ ง หลายได แ ล ว ละ สั ง โยชน ตั ว เหตุ ใ ห ต อ งเกิ ด อี ก ได แ ล ว และยั ง ละสั ง โยชน ด ว ยเหตุ ใ ห ต อ งมี ภ พ ได อีกดวย. (ประเภที่ ๑) ภิ ก ษุ ท.! พ ระสกิ ท าคามี นี้ แ ล เป น ผู ยั ง ละสั ง โยชน
ส ว นเบื้ อ งต่ํ า ทั้ ง หลายไม ได ทั้ งหมด ละสั งโยชน ตั วเหตุ ให ต อ งเกิ ด อี ก ยั งไม ได และ ละสังโยชนตังเหตุใหตองมีภพ ยังไมได. (ประเภทที ่ ๒) ภิก ษุ ท.! พระอนาคามีพ วกที ่ม ีก ระแสในเบื ้อ งบน
ไปสู อกนิ ฏฐภพ นี้ แล เป นผู ละสั งโยชน เบื้ องต่ํ าทั้ งหลายได ทั้ งหมด แต ยังละสังโยชน ตัวเหตุใหตองเกิดอีกไมไดดวย และละสังโยชนตัวเหตุใหตองมีภพไมได. (ประเภทที่ ๓) ภิ กษุ ท.! พระอนาคามี พวกที่ จั ก ปริ นิ พ พานในระหว าง
นี ้แ ล เปน ผู ล ะสัง โยชนเ บื ้อ งต่ํ า ทั ้ง หลายไดด ว ย ละสัง โยชนต ัว เหตุใ หต อ งเกิด อีกไดดวย แตยังละสังโยชนตัวเหตุใหมีภพไมได.
www.buddhadasa.info (ป ระเภ ท ที่ ๔) ภิ กษุ ท .! พ ระอ รหั น ต ขี ณ าส พ นี้ แ ล เป น ผู ที่ ล ะ
สั ง โยชน เ บื้ อ งต่ํ า ทั้ ง หลายได ละสั ง โยชน ตั ว เหตุ ใ ห ต อ งเกิ ด อี ก ได และยั ง ละ สังโยชนตัวเหตุใหตองมีภพไดอีกดวย. ภิกษุ ท.! เหลานี้ คือบุคคล ๔ จําพวก มีอยูในโลก หาไดในโลก. - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๘๑/๑๓๑.
พระอริยบุคคลผูตองใชสังขารธรรมตางกัน สี่ประเภท ก. ผูทิฏเฐวธัมเมสสังขารปรินิพพายี ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลผู เ ป น ทิ ฏ เฐวธั ม เมสสั ง ขารปริ นิ พ พายี เป น อย า ง ไรเลา ?
๕๙๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ เป น ผู มี ป กติ ต ามเห็ น ความไม ง ามในกาย เป น ผู มี สั ญ ญาว าปฏิ กู ล ในอาหาร มี สั ญ ญาว ามิ ใช สิ่ งน ายิ น ดี ในโลกทั้ งปวง มี ป กติ ตามเห็ น ว า ไม เที่ ย งในสั งขารทั้ ง ปวง และมี ม รณสั ญ ญาอั น ได ตั้ งไว ดี แ ล วในภายใน. เธออาศั ย ธรรมเป น กํ า ลั ง แห ง พระเสขะทั้ ง ห า เหล า นี้ อ ยู คื อ สั ท ธาพละ หิ รี พ ละ โอตตัปปพละ วิริยพละ ปญ ญาพละ. อิน ทรียทั้ งห าเหลานี้ ของเธอ ก็เป น ธรรม ม ีป ร ะ ม า ณ ยิ ่ง ป รา ก ฏ อ ยู , ก ลา ว คือ สัท ธิน ท รีย วิร ิย ิน ท รีย ส ติน ท รีย สมาธิ น ทรี ย ป ญ ญิ น ทรี ย . ภิ ก ษุ ผู นั้ น เพราะเหตุ ที่ อิ น ทรี ย ทั้ ง ห า เหล า นี้ เ ป น ธรรมมีประมาณอันยิ่ง จึงเปนผูทิฏเฐวธัมเมสสังขารปรินิพพายี. ภิ ก ษุ ท.! อย า งนี้ แ ล บุ ค คลผู เ ป น ทิ ฏ เฐวธั ม เมสสั ง ขารปริ นิ พ พายี (ผูมีสังขารธรรมสําหรับการปรินิพพานในทิฏฐธรรมนี้เทียว?). - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๐๙/๑๖๙.
ข. ผูกายัสสเภทาสสังขารปรินิพพายี ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลผู เ ป น กายั ส สเภทาสสั ง ขารปริ นิ พ พายี เป น อย า ง
www.buddhadasa.info ไรเลา ?
ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ เป น ผู มี ป กติ ต ามเห็ น ความไม ง ามในกาย เป น ผู มี สั ญ ญาว าปฏิ กู ล ในอาหาร มี สั ญ ญาว ามิ ใช สิ่ งน ายิ น ดี ในโลกทั้ งปวง มี ป กติ ตามเห็ น ว า ไม เที่ ย งในสั ง ขารทั้ ง ปวง และมี ม รณสั ญ ญาอั น ตั้ ง ไว ดี แ ล ว ในภายใน. เธออาศั ย ธรรมเป น กํ า ลั ง เแห ง พระเสขะทั้ ง ห า เหล า นี้ อยู คื อ สั ท ธาพละ หิ รี พ ละ โอตตัป ปพละ วิริย พละ ปญ ญาพละ. อิน ทรีย ทั ้ง หา เหลา นี ้ข องเธอ เปน ธรรม มีกําลังออน ปรากฏอยู, กลาวคือ สัทธินทรีย วิริยินทรีย สตินทรีย สมาธิน-
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๕๙๙
ทรีย ปญ ญิน ทรีย. ภิก ษุนั้น เพราะเหตุที่อิน ทรียทั้งหาเหลานี้ เปน ธรรมมี กําลังออน จึงเปนผูกายัสสเภทาสสังขารปรินิพพายี. ภิ ก ษุ ท.! อย า งนี้ แ ล บุ ค คลผู เป น กายั ส สเภทาสสั ง ขารปริ นิ พ พายี (ผูมีสังขารธรรมสําหรับการปรินิพพานตอกายแตก ?). - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๑๐/๑๖๙.
ค. ผูทิฏเฐวธัมเมอสังขารปรินิพพายี ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลผู เ ป น ทิ ฏ เฐวธั ม เมอสั ง ขารปริ นิ พ พายี เป น อย า ง ไรเลา ? ภิก ษ ุ ท .! ภิก ษ ุใ น กรณ ีนี ้....เขา ถึง ป ฐม ฌ าน ....เขา ถึง ทุต ิย ฌ าน ....เขา ถึง ต ติย ฌ า น ....เขา ถึง จ ตุต ถ ฌ า น ....แ ลว แ ล อ ยู , เธ อ อ า ศัย ธ รรม เปน กํ า ลัง แหง พระเสขะทั ้ง หา เหลา นี ้อ ยู คือ สัท ธาพละ หิร ีพ ละ โอตตัป ปพละ วิริยพละ ปญญาพละ. อินทรียทั้งหาเหลานี้ของเธอ ก็เปนธรรมมีประมาณยิ่ง ป ร า ก ฏ อ ยู , ก ล า ว คื อ สั ท ธิ น ท รี ย วิ ร ิ ย ิ น ท รี ย ส ติ น ท รี ย ส ม า ธิ น ท รี ย ปญญินทรีย. ภิกษุนั้น เพราะเหตุที่อินทรียทั้งหาเหลานี้ เปนธรรมมีประมาณยิ่ง จึ ง เป น ผู ทิ ฏ เฐวธั ม เมอสั ง ขารปริ นิ พ พายี .
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! อย า งนี้ แ ล บุ ค คลผู เ ป น ทิ ฏ เฐวธั ม เมอสั ง ขารปริ นิ พ พายี (ผูไมตองใชสังขารธรรมสําหรับการปรินิพพานในทิฏฐธรรมนี้เทียว ?). - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๑๐/๑๖๙.
๖๐๐
อริยสัจจากพระโอษฐ ง. ผูกายัสสเภทาอสังขารปรินิพพายี ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลผู เ ป น กายั ส สเภทาอสั ง ขารปริ นิ พ พายี เป น อย า ง
ไรเลา ? ภ ิก ษ ุ ท .! ภ ิก ษ ุใ น ก ร ณ ีนี ้ .... เข า ถ ึง ป ฐ ม ฌ า น .... เข า ถ ึง ท ุต ิย ฌ า น .... เขา ถึง ต ต ิย ฌ า น .... เขา ถึง จ ต ุต ถ ฌ า น .... แ ล ว แ ล อ ยู . เธออาศั ย ธรรมเป น กํ า ลั ง แห ง พระเสขะทั้ ง ห า เหล า นี้ อ ยู คื อ สั ท ธาพละ หิ รี พ ละ โอตตัปปพละ วิริยพละ ปญ ญาพละ. อิน ทรียทั้ งห าเหลานี้ของเธอ เป น ธรรมมี กํ า ลัง ออ น ปรากฏอยู , กลา วคือ สัท ธิน ทรีย วิร ิย ิน ทรีย สติน ทรีย สมาธิน ทรีย ปญ ญ ิน ทรีย . ภิก ษุนั ้น เพ ราะเห ตุที ่อ ิน ท รีย ทั ้ง หา เห ลา นี ้ เปน ธรรมมีกําลังออน จึงเปนผูกายัสสเภทาอสังขารปรินิพพายี. ภิ ก ษุ ท.! อย า งนี้ แ ล บุ ค คลผู เ ป น กายั ส สเภทาอสั ง ขารปริ นิ พ พายี (ผูไมตองใชสังขารธรรมสําหรับการปรินิพพานตอกายแตก ?). - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๑๑/๑๖๙.
www.buddhadasa.info อุปมาการฝกชางศึก ดวยการฝกตนของอริยสาวก
ภิ ก ษุ ท.! ช า งต น ประกอบด ว ยคุ ณ สมบั ติ สี่ สมควรแก พ ระราชา จะใช ส อย จั ด ได ว า เป น อั ง คาพยพ (ส ว นประกอบแห ง องค ) ของพระราชา. สี่ อ ยา ง อยา งไรเลา ? ในกรณ ีนี ้ สี ่อ ยา งคือ ชา งตน เปน ชา งรู ฟ ง รู ป ระหาร รู อ ดทน รูไป.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๐๑
ภิก ษุ ท .! ชา งตน ที ่รู ฟ ง เปน อ ยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท .! ชา ง ต น ในกรณี นี้ , ควาญช า งสั่ ง ให ทํ า การอั น ใดที่ เคยทํ า หรื อ ไม เคยทํ า ก็ ต าม, ย อ ม ทํ า ในใจอย า งทั่ ว ถึ ง รวบรวมจิ ต ทั้ ง หมดมาเงี่ ย โสตคอยสดั บ . อย า งนี้ แ ล เรี ย กว า ชางตนที่รูฟง. ภิก ษุ ท .! ชา งตน ที ่รู ป ระห าร เปน อ ยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท .! ช า งต น ในกรณี นี้ เข า สู ส งครามแล ว ย อ มประหารช า งบ า ง ผู อ ยู บ นหลั ง ช า งบ า ง ประหารม า บ า ง ประหารผู อ ยู บ นหลั ง ม า บ า ง ย อ มประหารรถบ า ง คนประจํ า รถ บาง ยอมประหารพลเดินเทาบาง, อยางนี้แล เรียกวา ชางตนที่รูประหาร. ภิ ก ษุ ท.! ช า งต น ที่ รู อ ดท น เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! ช า ง ต น ในกรณีนี ้ เขา สู ส งครามแลว อดทนตอ การประหารดว ยหอก ดว ยดาบ ดว ย ลูก ศร อดทนตอ เสีย งกึก กอ งแหง กลอง บัณ เทาะว สัง ข และมหรทึก . อยา ง นี้แล เรียกวา ชางตนที่รูอดทน.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! ชา งตน ที ่รู ไ ป เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ชา งตน ในกรณีนี ้, ควาญ ชา งจะสง ไปสู ท ิศ ใดที ่เ คยไป หรือ ไมเ คยไปก็ต าม, ยอ ม ไปสูทิศนั้นไดโดยพลัน. อยางนี้แล เรียกวา ชางตนที่รูไป.
ภิก ษุ ท.! ชา งตน ประกอบดว ยคุณ สมบัต ิ ๔ อยา ง เหลา นี ้แ ล สมควรแกพระราชาจะใชสอย จัดไดวาเปนอังคาพยพของพระราชา. ภ ิก ษ ุ ท .! ฉ ัน ใด ก ็ฉ ัน นั ้น ที ่ภ ิก ษ ุป ร ะ ก อ บ ด ว ย ค ุณ ธ ร ร ม ๔ ประการ ยอมเปนอาหุเนยยบุคคล ปาหุเนยบุคคล ทักขิเณยบุคคล อัญชลี-
๖๐๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
กรณี ย บุ ค คล และเป น เนื้ อ นาบุ ญ ของโลกไม มี น าบุ ญ อื่ น ยิ่ ง กว า . คุ ณ ธรรม ๔ ประการ อยา งไรเลา ? สี ่ป ระการในกรณีนี ้ คือ ภิก ษุเ ปน ผู รู ฟ ง รู ป ระหาร รูอดทน และรูไป. ภิก ษุ ท .! ภิก ษ ุที ่รู ฟ ง เปน อ ยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท .! ภิก ษุใ น กรณีนี ้, เมื ่อ ธรรมวิน ัย อัน ตถาคตประกาศแลว อัน บุค คลแสดงอยู . ยอ มทํ า ในใจอย า งทั่ ว ถึ ง รวบรวมจิ ต ทั้ ง หมดมาเงี่ ย โสตคอยสดั บ ฟ ง ธรรมอยู . อย า งนี้ แล เรียกวา ภิกษุที่รูฟง. ภ ิก ษ ุ ท .! ภ ิก ษ ุที ่รู ป ร ะ ห า ร เป น อ ยา ง ไร เล า ? ภ ิก ษ ุ ท .! ภิก ษุใ นกรณ ีนี ้ ยอ มไมอ ยู เ ฉย ยอ มละ ยอ มบรรเทา ยอ มกระทํ า ใหสิ ้น ไป ยอ มกระทํ า ใหไ มม ี ซึ ่ง กามวิต ก …. พยาปาทวิต ก …. วิห ิง สาวิต ก อัน เกิด ขึ้ น แล ว ; ย อ มไม อ ยู เ ฉย ย อ มละ ย อ มบรรเทา ย อ มกระทํ า ให สิ้ น ไป ย อ ม กระทํ า ให ไ ม มี ซึ่ ง อกุ ศ ลธรรมอั น ลามกทั้ ง หลาย อั น เกิ ด ขึ้ น แล ว และเกิ ด ขึ้ น แล ว . อยางนี้แล เรียกวา ภิกษุที่รูประหาร.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ที่ รู อ ดทน เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ใ น กรณี นี้ เป น ผู อ ดทนต อ ความหนาว ความร อ น ความหิ ว ความระหาย ต อ สั ม ผั ส แห ง เหลื อ บ ยุ ง ลม แดด และสั ต ว เลื้ อ ยคลานทั้ ง หลาย ต อ คลองแห ง ถ อ ยคํ า อั น หยาบคาย ร ายกาจ เป น ผู มี ชาติ แ ห งบุ ค คลผู อ ดกลั้ น ต อ เวทนาทางกายอั น เกิ ด ขึ ้น แลว อยา งเปน ทุก ข กลา แข็ง เผ็ด รอ น ไมน า ยิน ดี ไมน า พอใจ ราวกะวา จะนําไปเสียซึ่งลมปราณ. อยางนี้แล เรียกวา ภิกษุที่รูอดทน.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๐๓
ภ ิ ก ษ ุ ท .! ภ ิ ก ษ ุ ที ่ รู ไ ป เป น อ ย า ง ไ ร เล า ? ภ ิ ก ษ ุ ท .! ภ ิ ก ษุ ในกรณี นี้ , ทิ ศ ใดอั น เธอไม เคยไป ตลอดกาลยาวนานถึ ง เพี ย งนี้ กล า วคื อ นิ พ พาน อัน เปน ที ่ร ะงับ แหง สัง ขารทั ้ง ปวง เปน ที ่ส ลัด คืน ซึ ่ง อุป ธิทั ้ง ปวง เปน ที ่สิ ้น ไป แห ง ตั ณ หา ปราศจากความกํ า หนั ด เป น ที่ ดั บ โดยไม เ หลื อ , เธอเป น ผู ไ ปสู ทิ ศ นั้นไดโดยพลันนั่นเทียว. อยางนี้แล เรียกวา ภิกษุที่รูไป. ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ป ระกอบด ว ยคุ ณ ธรรม ๔ ประการเหล า นี้ แ ล ย อ ม เป น อาหุ เ นยยบุ ค คล ปาหุ เ นยยบุ ค คล ทั ก ขิ เ ณ ยยบุ ค คล อั ญ ชลี ก รณี ยบุ ค คล และเปนเนื้อนาบุญของโลกไมมีนาบุญอื่นยิ่งกวา. - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๕๖-๑๕๘/๑๑๔.
บุคคลที่มีเชื้อเหลือ ๙ จําพวก เช าวั นหนึ่ ง ท านพระสารี บุ ตรครองจี วร ถื อบาตร เข าไปบิ ณ ฑบาตในนครสาวั ตถี ท านเห็ นว าเวลายั งเช าเกิ นไปสํ าหรั บการบิ ณฑบาต จึ งแวะเข าไปในอารามของพวก ปริพาชกลั ทธิ อื่ น ได ทั กทายปราศรัยกั นตามธรรมเนี ยมแล ว นั่ งลง ณ ส วนข างหนึ่ ง. ก็ ใน เวลานั้ นแล พวกปริพาชกทั้ งหลายนั้ น กํ าลั งยกข อความขึ้ นกล าวโต เถี ยงกั นอยู ถึ งเรื่องบุ คคล ใดใครก็ ตาม ที่ ยั งมี เชื้อเหลื อ ถ าตายแล ว ย อมไม พ นเสี ยจากนรก จากกํ าเนิ ดเดรัจฉาน จากวิสั ยแห งเปรต จากอบาย ทุ คติ วินิ บาต ไปได เลยสั กคนเดี ยว ดั งนี้ . ท านพระสารีบุ ตร ไม แสดงว าเห็ นด วย และไม คั ดค าน ข อความของปริ พาชกเหล านั้ น, ลุ กจากที่ นั่ งไป โดย คิ ดว าทู ลถวายพระผู มี พระภาคเจ า แล วจั กได ทราบความข อนี้ . ครั้ นกลั บจากบิ ณฑบาต ภายหลั งอาหารแล ว จึ งเข าไปเฝ าพระผู มี พระภาคเจ า กราบทู ลถึ งเรื่องราวที่ เกิ ดขึ้ นในตอนเช า ทุกประการ. พระผูมีพระภาคเจาจึงตรัสวา :-
www.buddhadasa.info
๖๐๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
สารีบ ุต ร ! พวกปริพ าชกลัท ธิอื ่น ยัง ออ นความรู ไมฉ ลาด จัก รู ไดอยางไรกันวา ใครมีเชื้อเหลือ ใครไมมีเชื้อเหลือ. สารี บุ ต ร ! บุ ค คลที่ มี เชื้ อ (อุ ป าทิ ) เหลื อ ๙ จํ า พวก ดั ง ที่ จ ะกล า ว ต อ ไปนี้ แม ต ายไป ก็ พ น แล ว จากนรก พ น แล ว จากกํ า เนิ ด เดรั จ ฉาน พ น แล ว จากวิ สั ย แห ง เปรต พ น แล ว จากอบาย ทุ ค ติ วิ นิ บ าต.บุ ค คลเก า จํ า พวกเหล า นั้ น เปนอยางไรเลา ? เกาจําพวกคือ:(๑) สารีบ ุต ร ! บุค คลบางคนในกรณีนี ้ เปน ผู ทํ า ไดเ ต็ม ที ่ใ นสว น ศีล ทําไดเต็มที่ในสวนสมาธิ แตทําไดพอประมาณในสวนปญ ญา. เพราะทํา สั ง โยชน ๕ อย า งในเบื้ อ งต น ให สิ้ น ไป, บุ ค คลนั้ น เป น อนาคามี ผู จ ะปริ นิ พ พาน ในระหวา งอายุย ัง ไมท ัน ถึง กึ ่ง . สารีบ ุต ร ! นี ้เปน บุค คลผู ม ีเชื ้อ เหลือ พวกที ่ ๑ ที่ เ มื่ อ ตาย ก็ พ น แล ว จากนรก จากกํ า เนิ ด เดรั จ ฉาน จากวิ สั ย แห ง เปรต จาก อบาย ทุคติ วินิบาต.
www.buddhadasa.info (๒) สารี บุ ต ร ! บุ ค คลบางคนในกรณี นี้ เป น ผู ทํ าได เต็ ม ที่ ในส วนศี ล ทําไดเต็มที่ในสวนสมาธิ แตทําไดพอประมาณในสวนปญญา. เพราะทําสังโยชน ๕ อย า งในเบื้ อ งต น ให สิ้ น ไป, บุ ค คลนั้ น เป น อนาคามี ผู จ ะปริ นิ พ พานเมื่ อ อายุ พ น กึ่ ง แล ว จวนถึ ง ที่ สุ ด . สารี บุ ต ร! นี้ เ ป น บุ ค คลผู มี เ ชื้ อ เหลื อ พวกที่ ๒ ที่ เ มื่ อ ตาย ก็ พ น แล ว จากนรก จากกํ า เนิ ด เดรั จ ฉาน จากวิ สั ย แห ง เปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๐๕
(๓) สารี บุ ต ร ! บุ ค คลบางคนในกรณี นี้ เป น ผู ทํ า ได เต็ ม ที่ ใ นส ว น ศีล ทําไดเต็มที่ในสวนสมาธิแตทําไดพอประมาณในสวนปญ ญา. เพราะทํา สังโยชน ๕ อย างในเบื้ อ งต น ให สิ้ น ไป, บุ ค คลนั้ น เป น อนาคามี ผู จ ะปรินิ พ พาน โดยไมตองใชความเพียรเรี่ยวแรง. สารีบุตร! นี้เปนบุคคลผูมีเชื้อเหลือพวกที่ ๓ ที่ เมื่ อตาย ก็ พ นแล วจากนรก จากกํ าเนิ ดเดรัจฉาน จากวิ สั ยแห งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต. (๔) สารี บุ ต ร ! บุ ค คลบางคนในกรณี นี้ เป น ผู ทํ า ได เต็ ม ที่ ใ นส ว น ศีล ทําไดเต็มที่ในสวนสมาธิ แตทําไดพอประมาณในสวนปญญา. เพราะทํา สังโยชน ๕ อย างในเบื้ อ งต น ให สิ้ น ไป, บุ ค คลนั้ น เป น อนาคามี ผู จ ะปรินิ พ พาน โดยตอ งใชค วามเพีย รเรี่ย วแรง. สารีบุต ร! นี้เปน บุค คลผูมีเชื้อ เหลือ พวกที่ ๔ ที่ เมื่ อตาย ก็ พ นแล วจากนรก จากกํ าเนิ ดเดรัจฉาน จากวิ สั ยแห งเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต. (๕) สารี บุ ต ร ! บุ ค คลบางคนในกรณี นี้ เป น ผู ทํ า ได เต็ ม ที่ ใ นส ว น ศีล ทําไดเต็มที่ในสวนสมาธิแตทําไดพอประมาณในสวนปญ ญา. เพราะทํา สั งโยชน ๕ อย า ง ในเบื้ อ งต น ให สิ้ น ไป, บุ ค คลนั้ น เป น อนาคามี ผู มี ก ระแสใน เบื ้อ งบนไปถึง อกนิฏ ฐภพ. สารีบ ุต ร! นี ้เ ปน บุค คลผู ม ีเ ชื ้อ เหลือ พวกที ่ ๕ ที่ เ มื่ อ ตายก็ พ น แล ว จากนรก จากกํ า เนิ ด เดรั จ ฉาน จากวิ สั ย แห ง เปรต จาก อบาย ทุคติ วินิบาต.
www.buddhadasa.info (๖) สารีบุ ต ร ! บุ ค คลบางคนในกรณี นี้ เป น ผู ทํ า ได เต็ ม ที่ ใ นส ว น ศีล แตทําไดพอประมาณในสวนสมาธิ ทําไดพอประมาณในสวนปญญา. เพราะ
๖๐๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ทํ า สั ง โยชน ๓ อย า งให สิ้ น ไป, และเพราะมี ร าคะ โทสะ โมหะเบาบางน อ ยลง, เป น สกทาคามี ยั ง จะมาสู โ ลกนี้ อี ก ครั้ ง เดี ย วเท า นั้ น แล ว กระทํ า ที่ สุ ด แห ง ทุ ก ข ได. ส ารีบ ุต ร! นี ้เ ปน บุค ค ล ผู ม ีเ ชื ้อ เห ลือ พ วก ที ่ ๖ ที ่เ มื ่อ ต าย ก็พ น แ ลว จากนรก จากกําเนิดเดรัจฉาน จากวิสัยแหงเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต. (๗) สารี บุ ต ร ! บุ ค คลบางคนในกรณี นี้ เป น ผู ทํ า ได เ ต็ ม ที่ ใ นส ว น ศีล แตทําไดพอประมาณในสวนสมาธิ ทําไดพอประมาณในสวนปญญา. เพราะ ทํ า สัง โยชน ๓ อยา งใหสิ ้น ไป, บุค คลนั ้น เปน โสดาบัน ผู ม ีพ ืช หนเดีย ว คือ จัก เกิด ในภพแหง มนุษ ยห นเดีย วเทา นั ้น แลว กระทํ า ที ่ส ุด แหง ทุก ขไ ด. สารีบ ุต ร! นี้ เ ป น บุ ค คลผู มี เ ชื้ อ เหลื อ พวกที่ ๗ ที่ เ มื่ อ ตาย ก็ พ น แล ว จากนรก จากกํ า เนิ ด เดรัจฉาน จากวิสัยแหงเปรตจากอบาย ทุคติ วินิบาต. (๘) สารี บุ ต ร ! บุ ค คลบางคนในกรณี นี้ เป น ผู ทํ า ได เ ต็ ม ที่ ใ นส ว น ศีล แตทําไดพอประมาณในสวนสมาธิ ทําไดพอประมาณในสวนปญญา. เพราะ ทํ า สัง โยชน ๓ อยา งใหสิ ้น ไป, บุค คลผู นั ้น เปน โสดาบัน ผู ต อ งทอ งเที ่ย วไปสู สกุล ๒ หรือ ๓ ครั ้ง แลว กระทํ า ที ่ส ุด แหง ทุก ขไ ด. สารีบ ุต ร ! นี ้เ ปน บุค คล ผู ม ีเ ชื ้อ เหลือ พวกที ่ ๘ ที ่เ มื ่อ ตาย ก็พ น แลว จากนรก จากกํ า เนิด เดรัจ ฉาน จากวิสัยแหงเปรต จากอบายทุคติ วินิบาต.
www.buddhadasa.info (๙) สารี บุ ต ร ! บุ ค คลบางคนในกรณี นี้ เป น ผู ทํ า ได เ ต็ ม ที่ ใ นส ว น ศีล แตทําไดพอประมาณในสวนสมาธิ ทําไดพอประมาณในสวนปญญา. เพราะ ทํ า สั ง โยชน ๓ อย างให สิ้ น ไป, บุ ค คลนั้ น เป น โสดาบั น ผู ต อ งเที่ ย วไปในเทวดา และมนุษยอีก ๗ ครั้งเปนอยางมาก แลวกระทําที่สุดแหงทุกขได. สารีบุตร !
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๐๗
นี้ เ ป น บุ ค คลผู มี เ ชื้ อ เหลื อ พวกที่ ๙ ที่ เมื่ อ ตาย ก็ พ น แล ว จากนรก จากกํ า เนิ ด เดรัจฉาน จากวิสัยแหงเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต. สารีบ ุต ร ! ปริพ าชกลัท ธิอื ่น ยัง ออ นความรู ไมฉ ลาด จัก รู ไ ด อยา งไรกัน วา ใครมีเชื ้อ เหลือ ใครไมม ีเชื ้อ เหลือ . สารีบ ุต ร ! บุค คลเหลา นี ้แ ล ที่ มี เชื้ อ เหลื อ ๙ จํ า พวก เมื่ อ ตายไป ก็ พ น แล ว จากนรก จากกํ า เนิ ด เดรั จ ฉาน จากวิสัยแหงเปรต จากอบาย ทุคติ วินิบาต. สารี บุ ต ร ! ธรรมปริ ย ายข อ นี้ ยั งไม เคยแสดงให ป รากฏ แก ห มู ภิ ก ษุ ภิ ก ษุ ณี อุ บ าสก อุ บ าสิ ก าทั้ ง หลาย มาแต ก าลก อ น. ข อ นั้ น เพราะเหตุ ไ รเล า ? เพราะเราเห็น วา ถา เขาเหลา นั ้น ไดฟ ง ธรรมปริย ายขอ นี ้แ ลว จัก พากัน เกิด ความประมาท; อนึ ่ง เลา ธรรมปริย ายเชน นี ้ เปน ธรรมปริย ายที ่เ รากลา ว ตอเมื่อถูกถามเจาะจงเทานั้น; ดังนี้แล. - นวก. อํ. ๒๓/๓๙๓/๒๑๖.
www.buddhadasa.info พระอรหันตรูจักปญจุปาทานักขันธชัดแจงแลวหลุดพน
ภิ ก ษุ ท.! เมื่ อ ใดแล ภิ ก ษุ ม ารู ชั ด แจ ง ตามที่ เป น จริ ง แล ว ซึ่ ง ความ ก อขึ้ น แห งอุ ป าทานขั น ธ ห า, รู ชั ด แจ งตามที่ เป น จริงแล ว ซึ่ งความตั้ งอยู ไม ได ของ อุ ป าทานขั น ธ ห า , รู ชั ด แจ ง ตามที่ เป น จริ ง แล ว ซึ่ ง รสอร อ ยแห ง อุ ป าทานขั น ธ ห า , รู ช ัด แจง ตามที ่เ ปน จริง แลว ซึ ่ง โทษแหง อุป าทานขัน ธห า และรู ช ัด แจง ตามที่ เป น จริ ง แล ว ซึ่ ง อุ บ ายที่ ไ ปให พ น อุ ป าทานขั น ธ ห า ดั ง นี้ แ ล ว เป น ผู ห ลุ ด พ น แล ว เพราะไมมีความยึดมั่น ;
๖๐๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภ ิก ษ ุ ท .! เมื ่อ นั ้น ภ ิก ษ ุนี ้ เรา เรีย ก วา เปน พ ระ อ รห ัน ต ผู สิ ้น อาสวะแลว อยู จ บพรหมจรรยแ ลว ทํ า กิจ ที ่ค วรทํ า สํ า เร็จ แลว มีภ าระอัน ปลง ลงแลว มีป ระโยชนต นอัน ตามบรรลุแ ลว มีส ัง โยชนใ นภพสิ ้น ไปทั ้ง หมดแลว เปนผูหลุดพนแลวเพราะรูโดยชอบ ดังนี้แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๙๖/๒๙๗.
บุคคลผูบรรลุอนุปาทาปรินิพพาน ภิกษุ ท.! อนุปาทาปรินิพพาน เปนอยางไรเลา ? ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ เป น ผู ป ฏิ บั ติ แ ล ว อย า งนี้ ได เ ฉพาะซึ่ ง ความเขา ไปเพง อยู ว า "ถา (ปจ จัย ) ไมเ คยมี, (ผล) ก็ต อ งไมม ีอ ยู แ กเ รา ; ถา (ปจ จัย เพื่อ อนาคต จัก ไมมีอ ยู, (ผลในอนาคต) ก็ตอ งไมมีแ กเรา. สิ่ง ใดมีอ ยู สิ ่ง ใดมีแ ลว เรายอ มละไดซึ ่ง สิ ่ง นี ้." ดัง นี ้. ภิก ษุนั ้น ไมกํ า หนัด ใน ภพ ไม เกาะเกี่ ย วในสมภพ ย อ มเห็ น ซึ่ งบทอั น ยิ่ งขึ้ น ไปที่ มี อ ยู ด วยป ญ ญาอั น ชอบ วา เปน บทอัน สงบรํ า งับ ; และ บทนั ้น แล เปน บทอัน เธอกระทํ า ใหแ จง แลว หมดสิ้ น โดยประการทั้ งปวง ; มานานุ สั ย ก็ เป น อั น ภิ ก ษุ นั้ น ละขาดแล วทั้ งสิ้ น โดย ประการทั้ ง ปวง; ภวราคานุ สั ย ก็ เป น อั น ภิ ก ษุ นั้ น ละขาดแล ว ทั้ ง สิ้ น โดยประการ ทั ้ ง ป วง; อ วิ ช ช านุ ส ั ย ก็ เ ป น อั น ภิ ก ษุ นั ้ น ล ะ ข าด แล ว ทั ้ ง สิ ้ น โด ย ป ระ ก าร ทั ้ง ปวง; เธอนั ้น กระทํ า ใหแ จง ซึ ่ง เจโตวิม ุต ติป ญ ญาวิม ุต ติ อัน ไมม ีอ าสวะ เพราะความสิ้ น ไปแห ง อาสวะทั้ ง หลาย ด ว ยป ญ ญาอั น ยิ่ ง เอง ในทิ ฏ ฐธรรมนี้ เขาถึงแลวแลอยู.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! นี้เราเรียกวา อนุปาทานปรินิพพาน. - สตฺตก. อํ. ๒๓/๗๔/๕๒.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๐๙
พระอรหันตคือผูเปน อเสขะ "ข าแต พ ระองค ผู เจริ ญ ! ที่ กล าว ๆ กั นว า 'อเสขะ-อเสขะ' ดั งนี้ ภิ กษุ ชื่อวาเปนอเสขะ ดวยเหตุเพียงเทาไร ? พระเจาขา !" ภิก ษุ ! ภิก ษ ุใ น ธ รรม วิน ัย นี ้ เปน ผู ป ระ ก อ บ พ รอ ม แ ลว ดว ย สัม มาทิฏ ฐิช นิด เปน อเสขะ, สัม มาสัง กัป ปะชนิด เปน อเสขะ, สัม มาวาจา ชนิด เปน อเสขะ, สัม มากัม มัน ตะชนิด เปน อเสขะ, สัม มาอาชีว ะชนิด เปน อเสขะ, สั ม มาวายามะชนิ ด เป น อเสขะ, สั ม มาสติ ช นิ ด เป น อเสขะ, สั ม มาสมาธิ ช นิ ด เป น อเสขะ, สั ม มาญ าณ ะชนิ ด เป น อเสขะ และสั ม มาวิ มุ ต ติ ช นิ ด เปนอเสขะ ภิ ก ษุ ! ภิ ก ษุ ที่ ชื่ อ ว า เป น พระอเสขะ (อรหั น ต ) ย อ มมี ไ ด ด ว ยเหตุ เพียงเทานี้แล - ทสก. อํ. ๒๔/๒๓๗/๑๑๑.
ลักษณะทั่วไปของความเปนพระอรหันต
www.buddhadasa.info ความเรารอ น หมดความสุข ยอ มมีไมไดแ กทานผูเดิน สุด ทางสายไกลแลว, มีไมไดแ กผูไมรูจัก เศราโศก, มีไมไดแ กผูได พนแลวในทุก ๆ สิ่ง; และความเรารอนหมดความสุข ยอมมีไมได แกผูละกิเลสเครื่องรอยรัดไดแลวทุกกรณี. เหลาทานผูมีสติสมบูรณ ยอมสงตนไปเสียได ไมติดใจยินดีในถิ่นที่อยู ละอาลัยและสิ่งที่ทําใหอาลัยเสียได ดุจหงสโผบิน ละเปอกตมไปเสีย ฉะนั้น.
๖๑๐
อริยสัจจากพระโอษฐ ทานเหลาใด ไมมีการสั่งสม รูจักการกินการอยูไดดี มีความ พนอยางวางกิเลสเปนโคจร มีความพนอยางไมมีอะไรใหหมายไดเปน โคจร. คติที่จะไปขางหนาของเหลาทานผูเชนนั้น ยอมยากที่จะบอก ใหรูกันได เหมือนทิศทางไปในอากาศของเหลานกทั้งหลายฉะนั้น. ทานผูสิ้นอาสวะแลว ไมมีเรื่องยุงเกี่ยวกับอาหาร มีความพ น อยางวางกิเลสเปนโคจร มีความพนอยางไมมีอะไรใหหมายได เปน โคจร. เรื่องราวเกี่ยวกับตัวทานนั้น ยากที่จะบอกใหรูกันได เหมือน รองรอยของบินในอากาศ ฉะนั้น. อินทรียมีตาหูจมูกเปนตน ของทานผูใด ไมทําพิษ คือสงบ รํางับไดแลว เหมือนดั่งมาที่สารถีเขาฝกดีแลว แมปวงเทวาและมนุษย ก็ยังนิยมชมชอบตอทานผูนั้น ที่ทานไดละมานะแลว หาอาสวะกิเลส ไมได ทั้งเปนผูคงที่อยู. ท านเหล าใด ไม จํ าต องเชื่ อไปกั บ ผู อื่ น เขา รูแจ งนิ พ พาน อันอะไรปรุงแตงใหแปรเปลี่ยนไมได เปนผูตัดรอยตอคือกิเลสที่จะตอ ภพตอชาติ เปนผูยอมทําลายโอกาสที่จะมีเพื่อเอาอะไรอีก และเปน ผูสิ้นหวัง. เหลาทานผูเชนนั้นแล เปนอุดมบุรุษ.
www.buddhadasa.info - ธ. ขุ. ๒๕/๒๗/๑๗.
ทานผูใดเลิกของใจในเรื่องที่วา นี่ใชฝง หรือไมใชฝง หนอ ที่ วาฝงนั้ นอยางไร ไม ใชนั้ นอยางไร หนอ ดังนี้ , เป นผู ไม กระวน กระวายใจไดแลว เปนผูพรากมาเสียจากกิเลสาสวะไดหมด ทานผู เชนนั้นแล เราตถาคตเรียกวา พราหมณแท.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๑๑
ความอาลัยของทานผูใดไมมีเสียแลว รูทั่วถึง มีปกติไมตองถาม คนอื่นวาอะไรเปนอยางไรแลว, เปนผูหยั่งลงสูอมตะ มีประโยชนตน อันถึงโดยลําดับแลว, เราตถาคตเรียกผูนั้นวา พราหมณแท. - ธ. ขุ. ๒๕/๖๗-๗๐/๓๖.
ทานผูใดพิจารณาเห็นไดแลว ในสภาพที่มียิ่งและมีหยอนใน วิสั ย โลก ไม ได ไหวหวั่น ไปในอารมณ ไหน ๆ ในโลกเลย, เป น ผู รํางับสงบแลว ไมมีกิเลสฟุงกลุมเหมือนควัน ไมมีความทุกขความ คับแคนแลว เปนผูไมหวังอะไรแลว, เราตถาคตกลาวผูนั้น วาเปน ผูขามเสียไดซึ่งความเกิดความแก ดังนี้. - ติก. อํ. ๒๐/๑๖๙/๔๗๑.
ทานผูปฏิบัติจนเสร็จกิจในพรหมจรรยแลว ไมสะดุงหวาดเสียว แลว ปราศจากตัณหาแลว หมดกิเลสที่จะรั้นเพื่อรักษามานะเสียแลว ตัดรอนความทุกขเพียงดังลูกศรที่คอยทิ่มแทงในภพได ; สําหรับทานผู เชนนี้ รูปกายนี้ชื่อวาสิ้นสุดกันเพียงนี้ (เรือนรางนี้มีในที่สุด). - ธ. ขุ. ๒๕/๖๓ก/๓๔.
www.buddhadasa.info ธรรมเปนเครื่องอยูของพระอริยเจา (อริยวาส)
ภิก ษุ ท.! การอยู แ บบพระอริย เจา ซึ ่ง พระอริย เจา ทั ้ง หลาย ได อยู ม าแล ว ก็ ดี กํ า ลั ง อยู ในบั ด นี้ ก็ ดี จั ก อยู ต อ ไปก็ ดี มี เครื่ อ งอยู สิ บ ประการเหล า นี้ . สิบประการอะไรบางเลา ? สิบประการ คือ :-
๖๑๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ในกรณี นี้ เป น ผู ล ะองค ห า ได ข าด, ประกอบพร อ ม ดวยองคหก, มีอารักขาอยางเดียว, มีพนักพิงสี่ดาน, เปนผูถอนความเห็นวาจริง ดิ่งไปคนละทางขึ้นเสียแลว, เปนผูละการแสวงหาสิ้นเชิงแลว, เปนผูมีความดําริอัน ไมขุนมัว, เปนผูมีกายสังขารอันสงบรํางับแลว, เปนผูมีจิตหลุดพนดวยดี, เปนผูมี ปญญาในความหลุดพนดวยดี. ภิ กษุ ท .! (๑) ภิ กษุ เป น ผู ล ะอ งค ห าได ข าด เป น อ ย า งไรเล า ? ภิก ษุ ท.! ภิก ษุใ นกรณ ีนี ้ เปน ผู ล ะกามฉัน ทะ, ละพยาบาท, ละถิ ่น มิท ธะ, ละอุท ธัจ จกุก กุจ จะ และละวิจ ิก ิจ ฉาไดแ ลว . ภิก ษุ ท.! ภิก ษุอ ยา งนี ้ ชื ่อ วา เปนผูละองคหาไดขาด. ภิ ก ษุ ท.! (๒) ภิ ก ษุ เ ป น ผู ประกอบพร อ มด ว ยองค ห ก เป น อย า ง ไรเล า ? ภิ ก ษุ ท .! ภิ ก ษุ ใ น ก ร ณ ี นี ้ ไ ด เ ห็ น รู ป ด ว ย ต า , ได ฟ ง เสี ย ง ด ว ย หู. ไดด ม ก ลิ ่น ดว ย จ มูก , ไดลิ ้ม รส ดว ย ลิ ้น , ไดส ัม ผัส โผ ฏ ฐัพ พ ะดว ย ก าย และได รู ธ รรมารมณ ด ว ยใจแล ว ก็ เป น ผู ไ ม ดี ใ จ ไม เสี ย ใจ มี อุ เบกขา มี ส ติ มี สั ม ปชัญญะอยูได. ภิกษุ ท.! ภิกษุอยางนี้ ชื่อวาเปนผูประกอบพรอมดวยองคหก.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! (๓) ภิ ก ษุ เป น ผู มี อ ารั ก ขาอย า งเดี ย ว เป น อย า งไรเล า ? ภ ิก ษ ุ ท .! ภ ิก ษ ุใ น กรณ ีนี ้ ป ระกอ บ การรัก ษ าจิต ดว ยส ติ. ภ ิก ษ ุ ท .! ภ ิก ษุ อยางนี้ ชื่อวามีอารักขาอยางเดียว. ภ ิก ษ ุ ท .! (๔) ภ ิก ษ ุเ ป น ผู ม ีพ น ัก พ ิง สี ่ด า น เป น อ ยา งไรเลา ? ภิกษุ ท.! ภิกษุในกรณีนี้ พิจารณาแลวเสพของสิ่งหนึ่ง , พิจารณาแลว
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๑๓
อดกลั้ น ของสิ่ ง หนึ่ ง , พิ จ ารณาแล ว เว น ขาดของสิ่ ง หนึ่ ง , พิ จ ารณาแล ว บรรเทา ของสิ่งหนึ่ง, ภิกษุ ท.! ภิกษุอยางนี้ ชื่อวาเปนผูมีพนักพิงสี่ดาน๑. ภิ กษุ ท.! (๕) ภิ กษุ เป น ผู ถอนความเห็ น วาจริงดิ่ งไปคนละทาง ขึ ้ น เสี ย แล ว เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี ้ เป น ผู ถ อน สละ คาย ปลอ ย ละ ทิ ้ง เสีย แลว ซึ ่ง ความเห็น วา จริง ดิ ่ง ไปคนละทาง มากอยางของเหลาสมณพราหมณ มากผูดวยกัน ที่มีความเห็นวา "โลกเที่ยง บ าง, โล ก ไม เ ที ่ ย ง บ า ง, โล ก มี ที ่ ส ุ ด บ า ง, โล ก ไม ม ี ที ่ ส ุ ด บ า ง , ชี ว ะ ก็ อ ั น นั ้ น สรีร ะก็อ ัน นั ้น บา ง, ชีว ะก็อ ัน อื ่น สรีร ะก็อ ัน อื ่น บา ง, ตถาคตภายหลัง แต การตาย ย อ มมี อี ก บ า ง, ตถาคตภายหลั ง แต ก ารตาย ย อ มไม มี อี ก บ า ง, ตถาคตภายหลัง แตก ารตาย ยอ มมีอ ีก ก็ม ีไ มม ีอ ีก ก็ม ี บา ง, ตถาคตภายหลัง แต ก ารตาย ย อ มมี อี ก ก็ ห ามิ ไ ด ไม มี อี ก ก็ ห ามิ ได บ า ง. ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ อ ย า งนี้ ชื่อวาเปนผูถอนความเห็นวาจริงดิ่งไปคนละทาง (ปจเจกสัจจะ) ขึ้นเสียแลว. ภิก ษุ ท.! (๖) ภิก ษุเ ปน ผู ละการแสวงห าสิ ้น เชิง แลว เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ภิก ษุใ นกรณีนี ้ เปน ผู ล ะการแสวงหากามแลว , เปน ผู ล ะการแสวงหาภพแลว . และการแสวงหาพรหมจรรยข องเธอนั ้น ก็ร ะงับ ไปแลว. ภิกษุ .! ภิกษุอยางนี้ ชื่อวาเปนผูละการแสวงหาสิ้นเชิงแลว.
www.buddhadasa.info
๑. การพิจารณาแลวเสพ ใชกับ สิ่งของ บุคคล ธรรม ที่ควรเสพ. การพิจารณาแลวอดกลั้น ใชกับ เวทนา ถอยคํา อารมณ ที่ควรอดกลั้น. การพิจารณาแลวงดเวน ใชกับ สิ่งของ บุคคล ธรรม ที่ควรเวน. การพิจารณาแลวบรรเทา ใชกับ อกุศลวิตกทุกชนิด.
๖๑๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิก ษุ ท .! (๗) ภิก ษุเ ปน ผู ม ีค วาม ดํ า ริไ มขุ น ม ัว เปน อยา งไร เลา ? ภิก ษุ ท.! ภิก ษุใ น กรณ ีนี ้ เปน ผู ล ะความ ดํ า ริใ น ทางกาม เสีย แลว , เปน ผู ล ะความดํ า ริใ นทางพยาบาทเสีย แลว , และเปน ผู ล ะความดํ า ริใ นทาง เบียดเบียนเสียแลว. ภิกษุ ท.! ภิกษุอยางนี้ ชื่อวาเปนผูมีความดําริไมขุนมัว. ภิ ก ษุ ท.! (๘) ภิ ก ษุ เ ป น ผู มี ก ายสั ง ขารอั น สงบรํ า งั บ แล ว เป น อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ภิก ษุใ นกรณีนี ้ เพราะละสุข เสีย ได เพราะละทุก ข เสี ย ได และเพราะความดั บ หายไปแห ง โสมนั ส และโทมนั ส ในกาลก อ น จึ ง บรรลุ ฌ านที่ ๔ อั น ไม มี ทุ ก ข แ ละสุ ข มี แ ต ค วามที่ ส ติ เ ป น ธรรมชาติ ที่ บ ริ สุ ท ธิ์ เ พราะ อุเ บ ก ข า แ ลว แล อ ยู . ภิก ษุ ท .! ภิก ษุอ ยา งนี ้ ชื ่อ วา เปน ผู ม ีก าย สัง ข าร อันสงบรํางับแลว. ภิ ก ษุ ท.! (๙) ภิ ก ษุ เ ป น ผู มี จิ ต หลุ ด พ น ด ว ยดี เป น อย า งไรเล า ? ภิก ษุ ท .! ภิก ษุใ น ก รณ ีนี ้ เปน ผู ม ีจ ิต ห ลุด พน แ ลว จ า ก รา ค ะ จ าก โท ส ะ จากโมหะ, ภิกษุ ท.! ภิกษุอยางนี้ชื่อวาเปนผูมีจิตหลุดพนดวยดี.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! (๑๐) ภิ ก ษุ เป น ผู มี ป ญ ญาในความหลุ ด พ น ด ว ยดี เป น อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ภิก ษุใ นกรณ ีนี ้ ยอ มรู ช ัด วา "เราละ ราคะ โทสะ โมหะ เสี ย แล ว ถอนขึ้ น ได ก ระทั่ ง ราก ทํ า ให เหมื อ นตาลยอดเน า ไม ใ ห มี ไ ม ใ ห เกิด ไดอ ีก ตอ ไป " ดัง นี ้. ภ ิก ษ ุ ท .! ภ ิก ษ ุอ ยา งนี ้ ชื ่อ วา เป น ผู ม ีป ญ ญ าใน ความหลุดพนดวยดี.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๑๕
ภิ ก ษุ ท.! ในกาลยื ด ยาวฝ า ย อดี ต พระอริ ย เจ า เหล า ใดเหล า หนึ่ ง ได เป น อยู แ ล ว อย า งพระอริ ย เจ า ; พระอริ ย เจ า ทั้ ง หมดเหล า นั้ น ก็ ไ ด เป น อยู แ ล ว ในการอยูอยางพระอริยเจา สิบประการนี้เหมือนกัน. ภิ ก ษุ ท.! ในกาลยื ด ยาวฝ า ย อนาคต พระอริ ย เจ าเหล า ใดเหล า หนึ่ ง จั ก เป น อยู อ ย า งพระอริ ย เจ า ; พระอริ ย เจ า ทั้ ง หมดเหล า นั้ น ก็ จั ก เป น อยู ใ นการ อยูอยางพระอริยเจา สิบประการนี้เหมือนกัน. ภิ ก ษุ ท.! ในกาล บั ด นี้ พระอริ ย เจ า เหล า ใดเหล า หนึ่ ง กํ า ลั ง เป น อยู อ ย า งพระอริ ย เจ า ; พระอริ ย เจ า ทั้ ง หมดเหล า นั้ น ก็ กํ า ลั ง เป น อยู ใ นการอยู อยางพระอริยเจา สิบประการนี้เหมือนกัน. ภิ ก ษุ ท.! การอยู แ บบพระอริ ย เจ า ซึ่ ง พระอริ ย เจ า ทั้ ง หลายได อ ยู มาแลวก็ดี กําลังอยูในบัดนี้ก็ดี จักอยูตอไปก็ดี มีเครื่องอยูสิบประการเหลานี้แล. - ทสก. อํ. ๒๔/๓๑-๓๔/๒๐.
www.buddhadasa.info ผูมีคุณลักษณะพิเศษของพระอรหันต
ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ผู มี ค วามสํ า เร็ จ ถึ ง ที่ สุ ด มี ค วามเกษมจากโยคะถึ ง ที่ สุ ด มี พ รหมจรรย ถึ ง ที่ สุ ด เป น ผู จ บกิ จ ถึ ง ที่ สุ ด ประเสริ ฐ กว า เทวดาและมนุ ษ ย ทั้ ง หลาย ย อ มประกอบด วยธรรม ๓ ประการ. ธรรมสามประการเหล า ไหนเล า ? สามประการคื อ ประกอบด วย สี ล ขั น ธ อั น เป น อเสขะ ด วย สมาธิ ขั น ธอั น เป น อเสขะ ดวย ปญญาขันธอันเปนอเสขะ. ภิกษุ ท.! ภิกษุผูมีความสําเร็จถึง
๖๑๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ที่ สุ ด มี ค วามเกษมจากโยคะถึ ง ที่ สุ ด มี พ รหมจรรย ถึ ง ที่ สุ ด เป น ผู จ บกิ จ ถึ ง ที่ สุ ด ประเสริ ฐ กว า เทวดาและมนุ ษ ย ทั้ ง หลาย ย อ มประกอบด ว ยธรรม ๓ ประการ เหลานี้แล. ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ผู มี ค วามสํ า เร็ จ ถึ ง ที่ สุ ด มี ค วามเกษมจากโยคะถึ ง ที่ สุ ด มี พ รหมจรรย ถึ ง ที่ สุ ด เป น ผู จ บกิ จ ถึ ง ที่ สุ ด ประเสริ ฐ กว า เทวดาและมนุ ษ ย ทั ้ง หลาย ยอ มประกอบดว ยธรรมสามประการแมอื ่น อีก . ธรรมสามประการ แมอื ่น อีก เหลา ไหนเลา ? สามประการคือ ประกอบดว ย อิท ธิป าฏิห าริย ดว ย อาเทสนาปาฏิ ห าริย ดวย อนุ ศ าสนี ป าฏิ ห าริย . ภิ กษุ ท.! ภิ กษุ ผูมีความสําเร็จ ถึ งที่ สุ ด มี ค วามเกษมจากโยคะถึ งที่ สุ ด มี พ รหมจรรย ถึ งที่ สุ ด เป น ผู จ บกิ จ ถึ งที่ สุ ด ประเสริ ฐ กว า เทวดาและมนุ ษ ย ทั้ ง หลาย ย อ มประกอบด ว ยธรรม ๓ ประการ เหลานี้แล. - เอกาทสก. อํ. ๒๔/๓๕๓/๒๑๗. (ยั ง มี คุ ณ ลั ก ษณะพิ เศษของพระอรหั น ต อย า งอื่ น นอกไปจากอเสขธรรมสามและ ปาฏิหาริยสามเหลานี้อีก แตเห็นวาไมจําเปนที่จะนํามาใสไวในที่นี้).
www.buddhadasa.info พระอรหันตมีคุณลักษณะที่นาสนใจ
(หลั ง จากที่ ไ ด ต รั ส ว า พระอรหั น ต เป น ผู เ ลิ ศ ในโลกทั้ ง ปวงยิ่ ง กว า สั ต ตาวาสและ ภวั คค-พรหมแล ว (ข อความนั้ นอยู ในหั วข อถั ดไปจากหั วข อนี้ ) ได ตรั สข อความที่ ประพั นธ เป นคาถา ดั ง ตอไปนี้ :-)
พระอรหันต ท. ทานมีความสุขหนอ. ตัณหาของทาน ไมมี, ทานถอนอัสมิมานะหมดสิ้นแลว, ทานทําลายขายแหงโมหะไดแลว, ทานถึงความไมหวั่นไหวแลว,
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๑๗
จิตของทานนั้นไมขุนมัว, ไมมีอะไรฉาบไลทานใหติดอยูในโลก, ทานเปนเสมือนพรหม๑ ผูไมมีอาสวะ, รอบรูซึ่งเบญจขันธ มี สั ท ธรรมเจ็ ด ๒ เป น ที่ โ คจร, เป น สั ป บุ รุ ษ ๓ ที่ ไ ด รั บ การยกย อ ง สรรเสริญ. เป น บุ ต รที่ เ กิ ด แต อ กพระพุ ท ธเจ า , ถึ ง พร อ มแล ว ด ว ยรั ต นะเจ็ ด ประการ๔, ผานการศึกษาในสิกขาทั้งสาม, เปนมหาวีระ๕ เที่ยวไปในที่ตาง ๆ, ปราศจากภัยเวรโดยสิ้นเชิง, ถึงพรอมแลวดวยองค (แหงสัมมัตตะ๖) ทั้งสิบ เปนมหานาคผูมีจิตตั้งมั่นแลว, นี่แหละคือผูประเสริฐในโลกละ, ตัณหาของทานไมมี, อเสขญาณ เกิดขึ้นแลวแกทาน ประชุมแหงกายนี้มีแกทานเปนครั้งสุดทาย,
www.buddhadasa.info ๑. "พรหม" เปนภาษาดึกดําบรรพในอินเดีย หมายถึงผูประเสริฐสูงสุดแหงสัตวทั้งหลาย. ๒. สัทธรรมเจ็ด ไดแก สัทธา หิริ โอตตัปปะ สุตะ วิริยะ สติ ปญญา (พุทธภาษิต ๒๓/๑๔๗/๘๔) ๓. คํ า วา "สัป บุร ุษ " คํ า นี ้ อาจจะเปน คํ า ประหลาดที ่ส ุด สํ า หรับ พวกเราสมัย นี ้ก ็ไ ด ที ่ท า นใช เปนคําเรียกพระอรหันต แมในศิลาจารึกยุคหลังพุทธกาลตอนตน ๆ. ๔. รัตนะเจ็ดประการ ในที่นี้ ทานหมายถึง โพชฌงครัตนเจ็ดประการ (พุทธภาษิต ๑๙/๑๓๙/๕๐๖) ๕. "มหาวีระ" คํานี้ ใชรวมกันในระหวางพุทธกับลัทธิอื่น เชนเดียวกับ คําวา ชินะ เปนตน. ๖. คํ า ว า "สั ม มั ต ตะสิ บ " หมายถึ ง ความถู ก ต อ งสิ บ ประการ ดู ร ายละเอี ย ดที่ หั ว ข อ ว า "สั ม มั ต ตะ สิบของพระอเสขะ" หนา ๕๕๖ และที่หนา ๕๕๗ แหงหนังสือเลมนี้.
๖๑๘
อริยสัจจากพระโอษฐ ไมตองอาศัยปจจัยจากใครอื่น ในสาระแหงพรหมจรรย. ไมหวั่นไหวในเพราะวิชา (ชั้นแหงมานะสาม) ทั้งหลาย, พนพิเศษแลวจากการตองมีภพใหม, บรรลุแลวตาม ลําดับซึ่งทันตภูมิ ๗, ทานชนะโลกแลวทั้งเบื้องบนเบื้องขวางและเบื้องลาง, นันทิของทานไมมี, ทานประกาศธรรมในลักษณะนับถือสีหนาท, ทานเปนผูรูในโลก อยางไมมีผูรูอื่นยิ่งกวา, ดังนี้แล.
- ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๐๑/๑๕๓.
พระอรหันตเลิศกวาภวัคคพรหม ภ ิก ษ ุ ท .! รูป .... เว ท น า .... ส ัญ ญ า .... ส ัง ข าร .... วิญ ญาณ (แตล ะอยา ง) ไมเ ที่ย ง; สิ่ง ใดไมเ ที่ย ง สิ่ง นั้น เปน ทุก ข ; สิ่ง ใด เปน ทุก ข สิ ่ง นั ้น เปน อนัต ตา; สิ ่ง ใดเปน อนัต ตา สิ ่ง นั ้น อัน บุค คลพึง เห็น ดวยปญญาโดยชอบตามที่เปนจริง อยางนี้วา "นั่นไมใชของเรา นั่นไมใชเรา นั่นไมใชอัตตาของเรา" ดังนี้.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! อริยสาวกผูมีการสดับ เมื่อเห็นอยูอยางนี้ ยอมเบื่อหนาย แมในรูป แมในเวทนา แมในสัญญา แมในสังขาร แมในวิญญาณ. เมื่อ
๗. ภูมิแหงผูฝกตนถึงที่สุดแลว คือพระอรหันต.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๑๙
เบื ่อ หนา ย ยอ มคลายกํ า หนัด ; เพราะคลายกํ า หนัด ยอ มหลุด พน ; เมื ่อ หลุด พน แลว ยอ มมีญ าณ หยั ่ง รู ว า หลุด พน แลว . อริย สาวกนั ้น ยอ มรู ช ัด วา "ชาติสิ ้น แลว พรหมจรรยอ ยู จ บแลว กิจ ที ่ค วรทํ า ไดทํ า เสร็จ แลว กิจ อื ่น ที ่จ ะ ตองทําเพื่อความเปนอยางนี้ มิไดมีอีก" ดังนี้. ภิกษุ ท.! สัตตาวาสมีประมาณเทาใด ภวัคค (พรหม) มีประมาณ เทาใด พวกที่เลิศประเสริฐในโลก คือพวกพระอรหันต แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๐๑/๑๕๒.
ผูขามพนกามโลก-รูปโลก_อรูปโลก ยังไมชื่อวาขามพนโลก (จนกวาจะลุอนาสวสัญญาเวทยิตนิโรธ) พราหมณ ! กามคุ ณ ๕ อย างเหล านี้ ใน อริยวินั ยเรียกกั นวา โลก. หา อยา ง อยา งไรเลา ? หา อยา ง คือ รูป ที ่จ ะพึง รู แ จง ดว ยจัก ษุ .... เสีย งที่ จะพึ ง รู แ จ ง ด ว ยโสตะ .... กลิ่ น ที่ จ ะพึ ง รู แ จ ง ด ว ยมานะ .... รสที่ จ ะพึ ง รู แ จ ง ด ว ย ชิว หา .... โผฏฐัพ พะที ่จ ะพึง รู แ จง ดว ยผิว กาย อัน เปน สิ ่ง ที ่น า ปรารถนา นา รัก ใคร นา พอใจ มีล ัก ษณะนา รัก เปน ที ่เ ขา ไปอาศัย อยู แ หง ความใคร เปน ที่ ตั ้ง แหง ความกํ า หนัด . พราหมณ ! กามคุณ หา อยา งเหลา นี ้แ ล ในอริย วิน ัย เรียกกันวา โลก.
www.buddhadasa.info พ ราห ม ณ ! ภิก ษุใ น กรณ ีนี ้ ส งัด จากกาม ส งัด จากกุศ ล ธรรม เข า ถึ ง ปฐมฌ าน อั น มี วิ ต กวิ จ าร มี ป ติ แ ละสุ ข อั น เกิ ด จากวิ เ วก แล ว แลอยู . พราหมณ! ภิกษุนี้เขากลาวกันวา ไดถึงที่สุดแหงโลก อยูในที่สุดแหงโลก ;
๖๒๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
คนพวกอื่ น กล า วถึ ง ภิ ก ษุ นั้ น อย า งนี้ ว า "ภิ ก ษุ นี้ ยั ง เนื่ อ งอยู กั บ โลก ยั ง ไม อ อกจาก โลก" ดัง นี ้. พ ราหม ณ ! ถึง แมเ ราก็ก ลา วอยา งนี ้ว า "ภิก ษุนี ้ ยัง เนื ่อ งอยู กับโลก ยังไมออกจากโลก". (ในกรณี แ ห ง ทุ ติ ย ฌาน ตติ ย ฌาน จตุ ต ถฌาน อากาสานั ญ จายตนะ อากิ ญ จั ญ ญายตนะ และ เนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนะ ก็ มี ข อความที่ ตรัสไวอย างเดี ยวกั นกั บ ในกรณี แห ง ปฐมฌานขางบน)
พราหมณ ! ข ออื่ น ยั งมี อี ก : ภิ กษุ ก าวล วงเนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนะ เสีย ไดโดยประการทั ้ง ปวง เขา ถึง สัญ ญาเวทยิต นิโ รธ แลว แลอยู ; แม อาสวะ ทั ้ง หลายของเธอนั ้น ก็สิ ้น ไปรอบ เพราะเห็น ดว ยปญ ญา อยู . พราหมณ ! ภิก ษุนี้ อัน ใคร ๆ ยอ มกลาววา ไดถึงซึ่งที่สุด แหงโลก อยูในที่สุด แหงโลก ขามแลวซึ่งเครื่องของในโลก, ดังนี้แล. - นวก. อํ. ๒๓/๔๔๘/๒๔๒.
พระอรหันตคือผูเปนเกาพลี (จบพรหมจรรยแลว อยูโดยปราศจากธรรมหา แตถึงพรอมดวยธรรมหา)
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ มี อ งค ห า อั น ละขาดแล ว และมี อ งค ห า อั น ประกอบ พร อ มแล ว เรากล า วว า เป น เกพลี (มี ไ กวั ล ยธรรม) อยู จ บพรหมจรรย เป น อุดมบุรุษ ในธรรมวินัยนี้.
ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ เป น ผู มี อ งค ห า อั น ละขาดแล ว เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ มี ก ามฉั น ทะขาดแล ว มี พ ยาบาทอั น ละขาด
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๒๑
แลว มีถ ีน มิท ธะอัน ละขาดแลว มีอ ุท ธัจ จกุก กุจ จะอัน ละขาดแลว มีว ิจ ิก ิจ ฉา อันละขาดแลว. ภิกษุ ท.! อยางนี้แล ภิกษุเปนผูมีองคหาอันละขาดแลว. ภิ กษุ ท.! ภิ ก ษุ เป น ผู มี อ งค ห าอั น ประกอบพรอ มแล ว เป น อย างไร เล า ? ภ ิก ษ ุ ท .! ภ ิก ษ ุใ น ก รณ ีนี ้ ป ระก อ บ พ รอ ม แล ว ด ว ย ส ีล ขัน ธอ ัน เป น อเสขะ ประกอบพร อ มแล ว ด ว ยสมาธิ ขั น ธ อั น เป น อเสขะ ประกอบพร อ มแล ว ด ว ยป ญ ญาขั น ธ อั น เป น อเสขะ ประกอบพร อ มแล ว ด ว ยวิ มุ ต ติ ขั น ธ อั น เป น อเสขะ ประกอบพร อ มแล ว ด ว ยวิ มุ ต ติ ญ าณทั ส สนขั น ธ อั น เป น อเสขะ. ภิ ก ษุ ท.! อย า ง นี้แล ภิกษุเปนผูมีองคหาอันประกอบพรอมแลว. ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ มี อ งค ห า อั น ละขาดแล ว และมี อ งค ห า อั น ประกอบ พ รอ ม แ ลว เราก ลา ววา เป น เก พ ลี อ ยู จ บ พ รห ม จ รรย เป น อุด ม บุร ุษ ใน ธรรมวินัยนี้ (คาถาผนวกทายพระสูตร)
www.buddhadasa.info กามฉั น ทะ พยาบาท ถี น มิ ท ธะ อุ ท ธั จ จกุ ก จจะ และวิ จิ กิจฉา ไมมีแกภิกษุโดยประการทั้งปวง; ภิกษุผูเชนนั้น สมบูรณดวย อเสขสีล อเสขสมาธิ อเสขปญญา อเสขวิมุตติ และอเสขญาณ. ภิ กษุ ผู เชนนั้ น สมบู รณ ด วยองค ห า เวนขาดจากองคห า. ภิ กษุ ผู เชนนั้น ทานกลาวาเปน "เกพลี" ในธรรมวินัยนี้.
- ทสก.อํ. ๒๔/๑๗/๑๒.
๖๒๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ผูเปนเกพลีบุคคล ในพุทธศาสนา ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ผู ฉ ลาดในฐานะเจ็ ด ประการ (สตฺ ต ฏ ฐ านกุ ส โล) ผู พิจารณาใครครวญธรรมโดยวิธีสามประการ (ติวิธูปปริกฺขี) เราเรียกวา เกพลี๑ อยูจบ กิจแหงพรหมจรรย เปนอุดมบุรุษ ในธรรมวินัยนี้. ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ผู ฉ ลาดในฐานะเจ็ ด ประการ นั้ น เป น อย า งไรเล า ? ภ ิก ษ ุ ท .! ภ ิก ษ ุใ น ก รณ ีนี ้ ยอ ม รู ช ัด ซึ ่ง รูป รู ช ัด ซึ ่ง เห ต ุใ ห เ กิด ขึ ้น แ ห ง รูป รู ชั ด ซึ่ ง ความดั บ ไม เหลื อ แห ง รู ป รู ชั ด ซึ่ ง ข อ ปฏิ บั ติ ใ ห ถึ ง ความดั บ ไม เหลื อ แห ง รู ป รู ชัด ซึ ่ง อัส ส าท ะ (รส อ รอ ย ) แหง รูป รู ช ัด ซึ ่ง อ าทีน วะ (โท ษ อัน ต่ํ า ท ราม ) แหง รูป รู ชั ด ซึ่ ง นิ ส ส ร ณ ะ (อุ บ า ย เป น เค รื่ อ ง อ อ ก ไ ป พ น ) จ า ก รู ป (ร ว ม เจ็ ด ป ร ะ ก า ร ).
(ในกรณี แห ง เวท นา สั ญ ญ า สั ง ขาร และ วิ ญ ญ าณ ก็ ไ ด ต รั ส ไว ด ว ยข อ ความ อยางเดียวกันกับในกรณีแหงรูป ทุกประการ ตางกันแตเพียงชื่อแหงขันธ เทานั้น).
www.buddhadasa.info ภ ิก ษ ุ ท .! ร ูป เป น อ ย า ง ไร เล า ? ม ห า ภ ูต รูป สี ่อ ย า ง ด ว ย รูป ที่ อาศั ย มหาภู ต รู ป สี่ อ ย า งด ว ย : นี้ เ ราเรี ย กว า รู ป ; การเกิ ด ขึ้ น แห ง รู ป ย อ มมี เพราะความเกิดขึ้นแหงอาหาร; ความดับไมเหลือแหงรูป ยอมมี เพราะความ
๑. คํ า วา "เกพ ลี" ไมเ ปน ที ่แ จม แจง แกน ัก ศึก ษ าแหง ยุค ปจ จุบ ัน มัก จะแปลกัน วา ผู บ ริบ ูร ณ ด ว ยคุ ณ ทั้ ง ป วง ข า พ เจ า เข า ใจว า เป นคํ า ใช เ รี ย กพ ระอรหั น ต ในความหมายที่ ว า เข า ถึ ง ธรรมอั น เป น ไกวั ล ย ในระดั บ เดี ย วกั น กั บ ปรมาตมั น ของฝ า ยฮิ น ดู เป น คํ า สาธารณะที่ ใ ช ร ว มกั น ทุ ก ลั ท ธิ แ ห ง ยุ ค นั้ น เช น เดี ย ว กั บ คํ า ว า อรหั น ต นั่ น เอง จึ ง ควรใช ทั บ ศั พ ท ว า เกพลี ไม ค วร แปล จนกวา จะกลายเปน คํ า ที ่รู ก ัน ทั ่ว ไป. ควรจะยุต ิเ ปน อยา งไร ของทา นผู รู จ งวิน ิจ ฉัย ดู เองเถิด. -ผูรวบรวม.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๒๓
ดับ ไมเ หลือ แหง อาหาร ; มรรคอัน ประกอบดว ยองคแ ปดอัน ประเสริฐ นั ่น เอง เป น ข อ ปฏิ บั ติ ใ ห ถึ ง ความดั บ ไม เหลื อ แห ง รู ป , ได แ ก สิ่ ง เหล า นี้ คื อ ความเห็ น ชอบ ความดํ า ริ ช อบ การพู ด จาชอบ การทํ า การงานชอบ การเลี้ ย งชี วิ ต ชอบ ความพยายามชอบ ความระลึ ก ชอบ ความตั้ ง ใจมั่ น ชอบ ; สุ ข โสมนั ส ที่ อ าศั ย รูป เกิด ขึ ้น อัน ใดๆ, นี ้เ ปน อัส สาทะแหง รูป ; ขอ ที ่ร ูป ไมเ ที ่ย ง เปน ทุก ข มีค วามแปรปรวนเปน ธรรมดา อัน ใด, นี ้ เปน อาทีน วะแหง รูป ; การนํ า ออกเสี ย ได ซึ่ งความกํ าหนั ด ด วยอํ านาจความพอใจ กล าวคื อ การละเสี ย ได ซึ่ งความ กํ าหนั ดด วยอํ านาจความพอใจ ในรูป อั นใด, นี้ เป น นิ สสรณะเครื่ องออกจากรู ป (รวมเปนสิ่งที่ตองรูชัดเจ็ดอยาง).
ภิ ก ษุ ท.! สมณะหรื อ พราหมณ เหล า ใด รู ด ว ยป ญ ญาอั น ยิ่ ง ซึ่ ง รู ป ว า อ ยา งนี ้ คือ รูป , อ ยา งนี ้ คือ เห ตุใ หเ กิด ขึ ้น แหง รูป , อ ยา งนี ้ คือ ค วาม ดับ ไม เ หลื อ แห ง รู ป , อย า งนี้ คื อ ข อ ปฏิ บั ติ ใ ห ถึ ง ความดั บ ไม เหลื อ แห ง รู ป , อย า งนี้ คือ อัส สาทะแหง รูป , อยา งนี ้ คือ อาทีน วะแหง รูป , อยา งนี ้ คือ นิส สรณ ะ แห ง รู ป , ดั ง นี้ แ ล ว เป น ผู ป ฏิ บั ติ แ ล ว เพื่ อ ความเบื่ อ หน า ย เพื่ อ ความคลาย กํา หนัด เพื ่อ ความดับ ไมเหลือ แหง รูป ; สมณะหรือ พราหมณเหลา นั ้น เปน ผู ป ฏิบ ัต ิด ีแ ลว . บุค คลเหลา ใด เปน ผู ป ฏิบ ัต ิด ีแ ลว , บุค คลเหลา นั ้น ชื ่อ วา หยั่งในธรรมวินัยนี้.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! สมณะหรื อ พราหมณ เหล า ใด รู ด ว ยป ญ ญ าอั น ยิ่ ง ซึ่ ง รู ป วา อยา งนี ้ คือ รูป , อยา งนี ้ คือ เหตุใ หเ กิด ขึ ้น แหง รูป , อยา งนี ้ คือ ความดับ ไม เหลื อ แห ง รู ป , อย า งนี้ คื อ ข อ ปฏิ บั ติ ใ ห ถึ ง ความดั บ ไม เหลื อ แห ง รู ป , อย า งนี้ คือ อัสสาทะแหงรูป, อยางนี้ คืออาทีนวะแหงรูป, อยางนี้ คือ นิสสรณะ
๖๒๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
แห งรู ป , ดั ง นี้ แ ล ว เป น ผู พ น วิ เศษแล ว เพราะความเบื่ อ หน า ย เพราะความ คลายกําหนัด เพราะความดับไมเหลือ เพราะความไมยึดมั่น ซึ่งรูป. สมณะ หรือพราหมณเหลานั้น เปนผูพนวิเศษแลวดวยดี (สุวิมุตฺตา). บุ ค คลเหล า ใด เป น ผู พ น วิ เ ศษแล ว ด ว ยดี , บุ ค คลเหล า นั้ น ชื่ อ ว า เปน เกพลี. บุค คลเหลา ใด เปน เกพลี, วัฏ ฏะของบุค คลเหลา นั ้น ยอ มไมมี เพื่อการบัญญัติ. ภิก ษุ ท.! เวท น า เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! หมู แ หง เวทนา หกหมู เหล า นี้ คื อ จั ก ขุ สั ม ผั ส สชาเวทนา โสตสั ม ผั ส สชาเวทนา ฆานสั ม ผั ส สชาเวทนา ชิว หาสัม ผัส สชาเวทนา กายสัม ผัส สชาเวทนา มโนสัม ผัส สชาเวทนา : นี้ เราเรี ย กว า เวทนา ; การเกิ ด ขึ้ น แห ง เวทนา ย อ มมี เพราะความเกิ ด ขึ้ น แห ง ผัสสะ; ความดั บไม เหลื อแห งเวทนา ยอมมี เพราะความดั บไม เหลื อแห งผั สสะ ; มรรคอั น ประกอบด ว ยองค แ ปดอั น ประเสริ ฐ นั่ น เอง เป น ข อ ปฏิ บั ติ ใ ห ถึ ง ความ ดับ ไมเ หลือ แหง เวทนา, ....ฯลฯ .... [ขอ ความตอ ไปนี ้ มีเ นื ้อ ความอยา งเดีย ว
www.buddhadasa.info กั บ ในกรณี แ ห ง รู ป ต า งกั น แต เพี ย งว า นี้ เป น กรณี แ ห ง เวทนาเท า นั้ น ไปจนถึ ง คํ า ว า .... สมณะ หรือพราหมณเหลานั้น เปนผูวิเศษแลวดวยดี (สุวิมุตฺตา.) ].
บุ ค คลเหล า ใด เป น ผู พ น วิ เ ศษแล ว ด ว ยดี , บุ ค คลเหล า นั้ น ชื่ อ ว า เปน เกพ ลี บุค คลเหลา ใดเปน เกพ ลี, วัฏ ฏะของบุค คลเหลา นั ้น ยอ มไมมี เพื่อการบัญญัติ. ภิก ษุ ท.! สัญ ญ า เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! หมู แ หง สัญ ญ า หกหมูเหลานี้ คือ รูปสัญญา สัททสัญญา คันธสัญญา รสสัญญา โผฏฐัพพ-
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๒๕
สั ญ ญา ธั ม มสั ญ ญา : นี้ เราเรีย กว า สั ญ ญา ; ความเกิ ด ขึ้ น แห ง สั ญ ญา ย อ มมี เพราะความเกิ ด ขึ้ น แห ง ผั ส สะ ; ความดั บ ไม เหลื อ แห ง สั ญ ญา ย อ มมี เพราะ ความดั บ ไม เหลื อ แห ง ผั ส สะ ; มรรคอั น ประกอบด ว ยองค แ ปดอั น ประเสริ ฐ นั่ น เอง เป น ข อ ปฏิ บ ั ต ิ ใ ห ถ ึ ง ความดั บ ไม เ หลื อ แห ง สั ญ ญ า, .... ฯลฯ .... [ข อ ความต อ ไปนี้ มี เนื้ อ ความอย า งเดี ย วกั บ ในกรณี แ ห ง รู ป ต า งกั น แต เ พี ย งว า นี้ เ ป น กรณี แ ห ง สัญ ญ า เทา นั ้น ไปจนถึง คํ า วา .... สมณ ะหรือ พราหมณเ หลา นั ้น เปน ผู พ น วิเ ศษแลว ดว ยดี (สุวิมุตฺตา).].
บุ ค คลเหล า ใด เป น ผู พ น วิ เ ศษแล ว ด ว ยดี , บุ ค คลเหล า นั้ น ชื่ อ ว า เปน เกพลี. บุค คลเหลา ใด เปน เกพลี, วัฏ ฏะของบุค คลเหลา นั ้น ยอ มไมมี เพื่อการบัญญัติ. ภิก ษุ ท .! สัง ข าร ทั ้ง หลาย เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท .! ห มู แห ง เจตนาหกหมู เ หล า นี้ คื อ รู ป สั ญ เจตนา สั ท ทสั ญ เจตนา คั น ธสั ญ เจตนา โผฏฐั พ พสั ญ เจตนา ธั ม มสั ญ เจตนา : นี้ เ ราเรี ย กว า สั ง ขารทั้ ง หลาย; ความ เกิดขึ้นแห งสังขาร ยอมมี เพราะความดับไมเหลือแหงผัสสะ ; ความดับไม เหลื อ แหง สัง ขาร ยอ มมี เพราะความดับ ไมเ หลือ แหง ผัส สะ ; มรรคอัน ประกอบ ด ว ยองค แ ปดอั น ประเสริ ฐ นั่ น เอง เป น ข อ ปฏิ บั ติ ใ ห ถึ ง ความดั บ ไม เหลื อ แห ง สัง ข าร, .... ฯลฯ .... [ขอ ความ ตอ ไป นี ้ มีเ นื ้อ ค วาม อ ยา งเดีย วกับ ใน ก รณ ีแ หง รูป
www.buddhadasa.info ต า งกั น แต เพี ย งว า นี้ เป น กรณี แ ห ง สั ง ขารเท า นั้ น ไปจนถึ ง คํ า ว า ....สมณะหรื อ พราหมณ เหล า นั้ น เปนผูพนวิเศษแลวดวยดี (สุวิมุตฺตา).].
บุ ค คลเหล า ใด เป น ผู พ น วิ เ ศษแล ว ด ว ยดี , บุ ค คลเหล า นั้ น ชื่ อ ว า เปน เกพลี, บุค คลเหลา ใด เปน เกพลี, วัฏ ฏะของบุค คลเหลา นั ้น ยอ มไมมี เพื่อการบัญญัติ.
๖๒๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภ ิก ษ ุ ท .! ว ิญ ญ า ณ เป น อ ย า ง ไ ร เล า ? ภ ิก ษ ุ ท .! ห มู แ ห ง วิ ญ ญาณหกหมู เหล านี้ คื อจั กขุ วิ ญ ญาณ โสตวิ ญ ญาณ ฆานวิ ญ ญาณ ชิ วหาวิ ญ ญาณ กายวิญ ญาณ มโนวิญ ญาณ : นี้ เราเรีย กวาวิญ ญาณ; ความเกิ ด ขึ้ น แห งวิญ ญาณ ย อ มมี เพราะความเกิ ด ขึ้ น แห ง นามรู ป : ความดั บ ไม เ หลื อ แห ง วิ ญ ญาณ ย อ มมี เพราะความดั บ ไม เหลื อ แห ง นามรู ป ; มรรคอั น ประกอบด ว ยองค แ ปดอั น ประเสริ ฐ นั ่น เอง เปน ขอ ป ฏิบ ัต ิใ หถ ึง ความ ดับ ไมเ ห ลือ แหง วิญ ญ าณ ,.... ฯลฯ ... [ข อ ความต อ ไปนี้ มี เ นื้ อ ความอย า งเดี ย วกั บ ในกรณี แห ง รู ป ต า งกั น แต เ พี ย งว า นี้ เ ป น กรณี แห ง วิญ ญ าณ เทา นั ้น ไป จนถึง คํ า วา ....สม ณ ะหรือ พ ราหมณ เ หลา นั ้น เปน ผู พ น วิเ ศษ แลว ดว ยดี (สุวิมุตฺตา).].
บุ คคลเห ล า ใด เป นผู พ น วิ เ ศษ แล ว ด วยดี , บุ คคลเห ล า นั้ น ชื่ อ ว า เป น เกพลี . บุ ค คลเหล า ใด เป น เกพลี , วั ฏ ฏะของบุ ค คลเหล า นั้ น ย อ มไม มี เ พื่ อ การบัญญัติ. ภ ิ ก ษ ุ ท ! ภ ิ ก ษ ุ เ ป น ผู ฉ ล า ด ใ น ฐ า น ะ เ จ ็ ด ป ร ะ ก า ร ( ส ต ฺ ต ฏ ฐ า น ก ุ ส โ ล ) ดวยอาการอยางนี้ แล
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ เป น ผู พิ จ ารณาใคร ค รวญธรรมโดยวิ ธี ส ามประการ (ติ วิ ธู ป ปริ กฺ ขี ) นั้ น เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ ย อ มพิ จ ารณา ใคร ค รวญธรรม โดยความเป น ธาตุ ; ย อ มพิ จ ารณาใคร ค รวญ ธรรม โดยความ เป น อายตนะ; ย อ มพิ จ ารณาใคร ค รวญธรรม โดยความเป น ปฏิ จ จสมุ ป บาท. ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ เ ป น ผู พิ จ ารณ าใคร ค รวญ ธรรมโดยวิ ธี ส ามประการ ด ว ยอาการ อยางนี้ แล.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๒๗
ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ เ ป น ผู ฉ ลาดในฐานะเจ็ ด ประการด ว ย เป น ผู พิจารณาใครครวญธรรมโดยวิธีสามประการดวย เราเรียกวา เกพลี อยูจบกิจ แหงพรหมจรรย เปนอุดมบุรุษ ในธรรมวินัยนี้, ดังนี้แล. - ขนฺธ.สํ. ๑๗/๗๖-๘๐/๑๑๘-๑๒๔.
มีศีลงาม - ธรรมงาม - ปญญางาม ก็เปนเกพลี ! ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ผู มี กั ล ยาณศี ล มี กั ล ยาณธรรม มี กั ล ยาณป ญ ญา เรากลาววาเปน เกพลี อยูจบพรหมจรรย เปนอุตตมบุรุษ ในธรรมวินัยนี้. ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ เป น ผู มี กั ล ยาณศี ล เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ เป น ผู มี ศี ล สํ า รวมด ว ยการสํ า รวมในปาติ โ มกข ถึ ง พร อ มด ว ย มรรยาทและโคจร มี ป กติ เ ห็ น เป น ภั ย ในโทษทั้ ง หลายแม มี ป ระมาณ เล็ ก น อ ย สมาทานศึก ษ าในสิก ขาบ ททั ้ง หลาย อยู . ภิก ษุ ท. ! อยา งนี ้แ ล เรีย กวา ภิกษุเปนผูมีกัลยาณศีล. ดวยอาการเพียงเทานี้แล ชื่อวามีกัลยาณศีล.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! ภิ ก ษุ เป น ผู มี กัล ยาณธรรม เป น อย างไรเล า ? ภิ กษุ ท.! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ เป น ผู ต ามประกอบซึ่ ง ความเพี ย รในการเจริ ญ โพธิ ป ก ขิ ย ธรรม ๓๗ ประการอยู . ภิ ก ษุ ท.! อย า งนี้ แ ล เรี ย กว า ภิ ก ษุ เ ป น ผู มี กั ล ยาณ ธรรม. ดวยอาการเพียงเทานี้แล ชื่อวามีกัลยาณศีล มีกัลยาณธรรม.
ภิกษุ ท.! ภิ กษุ เป นผูมี กัลยาณป ญญา เป นอยางไรเลา ? ภิกษุ ท.! ภิกษุในกรณีนี้ กระทําใหแจง ซึ่งเจโตวิมุตติปญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได
๖๒๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
เพราะความสิ้ น ไปแห ง อาสวะทั้ ง หลาย ด ว ยป ญ ญาอั น ยิ่ ง เอง ในทิ ฏ ฐธรรมนี้ เข า ถึ ง แล ว แลอยู . ภิ ก ษุ ท.! อย า งนี้ แ ล เรี ย กว า ภิ ก ษุ เป น ผู มี กั ล ยาณป ญ ญา. ด วยอาการอย างนี้ แล ภิ กษุ ชื่ อว ามี กั ลยาณศี ล มี กั ล ยาณธรรม มี กั ลยาณป ญ ญา; เราเรี ย กว า เป น เกพ ลี อยู จ บพ รหมจรรย เป น อุ ต ตมบุ รุ ษ ในธรรมวิ นั ย นี้ . - อิติวุ. ขุ. ๒๕/๓๐๓/๒๗๗. (คํ า ว า เกพลี เป น คํ า โบราณ มี ค วามสํ า คั ญ ใช พู ด กั น ทั่ ว ไป เช น เดี ย วกั บ คํ า ว า อรหั น ต ; มาบั ด นี้ เ ราไม ไ ด ยิ น คํ า นี้ เพราะไม นํ า มาใช ถ า นํ า มาใช ก็ แ ปลให มี ค วามหมายเป น อย า งใดอย า งหนึ่ ง ไป จนหมดความศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ไม ใ ช คํ า ว า เกพลี จึ ง ไม ชิ น หู เหมื อ นคํ า ว า อรหั น ต . ขอให เราใช คํ า ว า เกพลี นี้ ใ ห ติ ด ปาก ให ชิ น หู ก็ จ ะได มี คํ า สํ า คั ญ ใช กั น มากขึ้ น กว า งขวางออกไป ในฐานะเปนเครื่องเตือนใจ. ผู รวบรวมมี ค วามเห็ น ว า ศี ล งาม - ธรรมงาม - ป ญ ญางาม ก็ คื อ อริ ย อั ฏ ฐั งคิ ก มรรค นั่นเอง ผลแหงอริยอัฏฐังคิกมรรคคือความเปนเกพลี จึงนําขอความนี้มารวมไวในหมวดนี้).
ผูละอาสวะนานาแบบ
www.buddhadasa.info ก. อาสวะสวนที่ละไดดวยการเห็น
ภิ ก ษุ ท.! อริ ย สาวกผู มี ก ารสดั บ ได เ ห็ น พ ระอริ ย เจ า ฉลาดใน ธรรมของพระอริ ย เจ า ได รั บ การแนะนํ า ในธรรมของพระอริ ย เจ า ได เห็ น สั ป บุ รุ ษ ฉลาดในธรรมของสัป บุร ุษ ไดร ับ การแนะนํ า ในธรรมของสัป บุร ุษ , ยอ มรู ช ัด ซึ ่ง ธรรมทั ้ง หลายที ่ค วรกระทํ า ไวใ นใจ และไมค วรกระทํ า ไวใ นใจ. อริย สาวก นั ้น รู ช ัด อยู ซึ ่ง ธรรมทั ้ง หลายที ่ค วรกระทํ า ไวใ นใจและไมค วรกระทํ า ไวใ นใจ, ทา นยอ มไมก ระไวใ นใจซึ ่ง ธรรมทั ้ง หลายที ่ไ มค วรกระทํ า ไวใ นใจ, จะกระทํ า ไวในใจแตธรรมทั้งหลายที่ควรทําไวในใจเทานั้น.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๒๙
ภิก ษุ ท.! ธรรมทั ้ง หลายอัน ไมค วรกระทํ า ไวใ นใจ ที ่อ ริย สาวก ทา นไมก ระทํ า ไวใ นใจนั ้น เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! เมื ่อ บุค คลกระทํ า ไวใ นใจซึ ่ง ธรรมเหลา ใด อยู , กามาสวะ ภวาสวะ หรือ อวิช ชาสวะก็ต าม ที ่ย ัง ไมเ กิด ยอ มเกิด ขึ ้น หรือ ที ่เ กิด ขึ ้น แลว ยอ มเจริญ ยิ ่ง ขึ ้น ; ธรรมเหลา นี ้แ ล เปนธรรมที่ไมควรกระทําไวในใจ ซึ่งอริยสาวกทานไมกระทําไวในใจ. ภิก ษ ุ ท .! ธรรม ทั ้ง หล าย อัน เปน ธรรม ที ่ค วรกระทํ า ไวใ น ใจ ที่ อริย สาวกทา นกระทํ า ไวใ นใจนั ้น เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! กามาสวะ ภวาสวะ หรือ อวิช ชาสวะก็ต าม ที ่ย ัง ไมเ กิด ยอ มไมเ กิด ขึ ้น หรือ ที ่เ กิด ขึ ้น แลว ยอ มละไป แกบ ุค คลผู ก ระทํ า ซึ ่ง ธรรมเหลา ใดไวใ นใจ อยู ; ธรรมเหลา นี ้แ ล เปนธรรมที่ควรกระทําไวในใจ ซึ่งอริยสาวกทานกระทําไวในใจ. เพราะอริ ย สาวกนั้ น ไม ก ระทํ า ไว ใ จ ซึ่ ง ธรรมทั้ ง หลายที่ ไ ม ค วรกระทํ า ไวใ นใจ แตม ากระทํ า ไวใ นใจแตธ รรมทั ้ง หลายที ่ค วรกระทํ า ไวใ นใจเทา นั ้น , อาสวะทั้ งหลายที่ ยั งไม เกิ ด จึ งไม เกิ ด ขึ้ น และอาสวะทั้ งหลายที่ เกิ ด ขึ้ น แล ว ย อ ม ละไป. อริย สาวกนั ้น ยอ ม กระทํ า ไวใ นใจโดยแยบคาย วา "ทุก ขเ ปน อยา งนี ้, เหตุใ หเ กิด ทุก ข เปน อยา งนี ้, ความดับ ไมเ หลือ แหง ทุก ข เปน อยา งนี ้, ทางดํา เนิน ใหถึง ความดับ ไมเ หลือ แหง ทุก ข เปน อยา งนี้" ดัง นี้. เมื ่อ อริย สาวกนี ้ กระทํ า ไวใ นใจโดยแยบคายอยู อ ยา งนี ้, สัง โยชนส าม คือ สัก กายทิฏ ฐิ วิจ ิก ิจ ฉา สีล ัพ พัต ตปรามาส ยอ มละไป. ภิก ษุ ท.! นี ้เ รา กลาววา อาสวะทั้งหลายจะพึงละเสียดวยการเห็น.
www.buddhadasa.info - มู. ม. ๑๒/๑๕/๑๒.
๖๓๐
อริยสัจจากพระโอษฐ ข. อาสวะสวนที่ละไดดวยการสํารวม
ภ ิก ษ ุ ท .! อ าส วะทั ้ง ห ล าย สว น ที ่จ ะพ ึง ล ะเส ีย ด ว ย ก ารสํ า รวม เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ภิก ษุใ นกรณีนี ้ พิจ ารณาโดยแยบคายแลว เปน ผูสํารวมดวยการสังวรในอินทรีย คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อันเปนอินทรีย ที่ เ มื่ อ ภิ ก ษุ ไ ม สํ า รวมแล ว , อาสวะ ท. อั น เป น เครื่ อ งทํ า ให คั บ แค น และเร า ร อ น จะพึง บัง เกิด ขึ ้น . แล ะเมื ่อ ภิก ษุเ ปน ผู สํ า รวม แลว เปน อยู , อาสวะทั ้ง ห ลาย อัน เปน เครื ่อ งทํ า ความคับ แคน และเรา รอ น จะไมพ ึง บัง เกิด ขึ ้น แกภ ิก ษุนั ้น . ภิก ษุ ท.! ขอ นี ้เ ปน เพ ราะเมื ่อ ภิก ษุไ มสํ า รวม ดว ยอาการอยา งนี ้, อาสวะ ทั้ ง หลายอั น เป น เครื่ อ งทํ า ความคั บ แค น และเร า ร อ นจะพึ ง บั ง เกิ ด ขึ้ น , และเมื่ อ ภิก ษุสํ า รวมแลว เปน อยู อาสวะทั ้ง หลายอัน เปน เครื ่อ งทํ า ความคับ แคน และ เรา รอ น จ ะ ไมพ ึง บัง เกิด ขึ ้น แ กภ ิก ษุนั ้น . ภิก ษุ ท .! นี ้เ รา ก ลา วา อ า ส ว ะ ทั้งหลายสวนที่จะพึงละเสียดวยการสํารวม. - มู. ม. ๑๒/๑๖/๑๓.
ค. อาสวะสวนที่ละไดดวยการเสพ
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! อาสวะทั้ ง หลาย ส ว นที่ จ ะพึ ง ละเสี ย ด ว ยการเสพเฉพาะ สิ ่ ง ที ่ ค ว ร เส พ เป น อ ย า ง ไ ร เล า ? ภิ ก ษุ ใ น ก ร ณ ี นี ้ พิ จ า ร ณ า โ ด ย แ ย บ คายแล ว จึ ง นุ ง ห ม จี ว ร เพี ย งเพื่ อ บํ า บั ด ความหนาว เพื่ อ บํ า บั ด ความร อ น เพื่ อ บํ าบั ดสั มผั สทั้ งหลาย อั นเกิ ดจากเหลื อบ ยุ ง ลม แด และสั ตว เสื อกคลานทั้ งหลาย, เพี ย งเพื่ อ ปกป ด อวั ย วะอั น ให เกิ ด ความละอาย; เธอ พิ จ ารณาโดยแยบคายแล ว จึง บริโ ภคบิณ ฑบาต ไมใ ชเ พื ่อ เลน ไมใ ชเ พื ่อ มัว เมา.ไมใ ชเ พื ่อ ประดับ ไมใ ช เพื่ อ ตกแต ง , แต ฉั น เพี ย งเพื่ อ ให ก ายนี้ ตั้ ง อยู ไ ด เพื่ อ ให ชี วิ ต เป น ไป เพื่ อ ป อ งกั น ความลําบาก เพื่ออนุเคราะหพรหมจรรย, ดวยคิดวา เราจักกําจัดเวทนาเทาเสีย
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๓๑
แล ว ไม ทํ า เวทนาใหม ใ ห เกิ ด ขึ้ น . ความที่ อ ายุ ดํ า เนิ น ไปได ความไม มี โ ทษเพราะ อาหาร และความอยู ผ าสุ ก สํ า ราญ จั ก มี แ ก เรา ; เธอพิ จ ารณาโดยแยบคายแล ว จึ งใช ส อยเสนาสนะ เพี ย งเพื่ อ บํ า บั ด ความหนาว เพื่ อ บํ า บั ด ความร อ น เพื่ อ บํ า บั ด สั ม ผั สทั้ งหลายอั น เกิ ด จากเหลื อบ ยุ ง ลม แดด และสั ต ว เสื อ กคลานทั้ งหลาย, เพี ย ง เพื่ อ บรรเทาอั น ตรายอั น จะพึ ง มี จ ากดิ น ฟ า อากาศ และเพื่ อ ความเป น ผู ยิ น ดี อ ยู ไ ด ในที่ ห ลี ก เร น สํ า หรั บ ภาวนา; เธอ พิ จ ารณาโดยแยบคายแล ว จึ ง บริ โ ภคหยู ก ยา ซึ่ ง เป น ป จ จั ย เกื้ อ กู ล แก ค นไข เพี ย งเพื่ อ บํ า บั ด ทุ ก ขเวทนาอั น เกิ ด จาอาพาธต า ง ๆ แล ะเพี ย งเพื่ อ ค วาม เป น ผู ไม ต อ งท น ทุ ก ข เ ป น อ ย างยิ่ ง. ภิ ก ษุ ท .! ข อ นี้ เป น เพราะเมื่ อ ภิ ก ษุ ไ ม พิ จ ารณาแล ว เสพเฉพาะสิ่ ง ที่ ค วรเสพ อาสวะทั้ ง หลายอั น เป น เครื่ อ งทํ า ความคั บ แค น และเร า ร อ น จะพึ ง บั ง เกิ ด ขึ้ น , และเมื่ อ ภิ ก ษุ พิ จ ารณ า แล ว เสพเฉพาะสิ่ ง ควรเสพอยู อาสวะทั้ ง หลายอั น เป น เครื่ อ งทํ า ความคั บ แค น และเร า ร อ น จะไม พึ ง บั ง เกิ ด ขึ้ น แก ภิ ก ษุ นั้ น . ภิ ก ษุ ท.! นี้ เ รากล า วว า อาสวะ ทั้งหลายสวนที่จะละเสียดวยการเสพเฉพาะสิ่งที่ควรเสพ. - มู. ม. ๑๒/๑๗/๑๔.
www.buddhadasa.info ง. อาสวะสวนที่ละไดดวยการอดกลั้น
ภิ ก ษุ ท.! อาสวะทั้ ง หลาย ส ว นที่ จ ะพึ ง ละเสี ย ด ว ยการอดกลั้ น เป น อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ภิก ษุใ นกรณ ีนี ้ พิจ ารณ าโดยแยบ คายแลว เปน ผู อด ท น ตอ ค วาม ห น าว ตอ ค วาม รอ น , เปน ผู อ ดทนตอ ความหิว ตอ ความ ระหาย, เปน ผูอดทนตอ สั ม ผั ส อั น เกิด จากเหลื อ บ ยุ ง ลม แดด และสั ต วเสือ ก คลานทั้ งหลาย, เป น ผู มี ชาติ แ ห งบุ ค คลผู อ ดกลั้ น ต อ คลองแห งถ อ ยคํ าอั น หยาบคาย, อันวาราย, และเปนผูอดกลั้นตอ ทุกขเวทนาในกาย ที่เกิดขึ้นแลว
๖๓๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
อยา งกลา แข็ง แสบเผ็ด ขมขื ่น ไมเ ปน ที ่ส บายใจ หรือ จวนจะถึง แกช ีว ิต ได. ภิ ก ษุ ท.! ข อ นี้ เป น เพราะ เมื่ อ ภิ ก ษุ ไม อ ดกลั้ น อดทนด ว ยอาการอย า งนี้ . อาสวะ ทั ้ง หลายอัน เปน เครื ่อ งคับ แคน และเรา รอ น จะพึง บัง เกิด ขึ ้น , และเมื ่อ ภิก ษุ อดกลั้ น อดทนอยู อาสวะทั้ ง หลายอั น เป น เครื่ อ งคั บ แค น และเร า ร อ น จะไม พึ ง บัง เกิด ขึ ้น แกภ ิก ษุนั ้น ภิก ษุ ท.! นี ้เ รากลา ววา อาสวะทั ้ง หลายสว นที ่จ ะละ เสียดวยการอดกลั้น. - มู. ม. ๑๒/๑๘/๑๕.
จ. อาสวะสวนที่ละไดดวยการเวน ภิ ก ษุ ท.! อาสวะทั้ ง หลาย ส ว นที่ จ ะพึ ง ละเสี ย ด ว ยการงดเว น เป น อยางไรเลา ? ภิกษุ ท.! ภิกษุในกรณี นี้ พิจารณาโดยแยบคายแลว ยอม งดเวน จากช า งดุ , ม า ดุ , โคดุ , สุ นั ข ดุ , งู หลั ก ตอ, ขวากหนาม ห ว ยเหว บ อ ของ โสโครก หลุมอุจจาระ และงดเวน ที่ที่ไมควรนั่ง ที่ไมควรไป และ การคบพวก เพื่ อนที่ ลามก อั ญ วิญ ู ชนเพื่ อนพรหมจรรยด วยกันทั้ งหลาย จัดไวในฐานะที่ ต่ํ า ทราม. ภิก ษุนั ้น พิจ ารณาโดยแยบคายแลว ยอ มงดเวน ที ่ที ่ไ มค วรนั ่ง ที ่ไ ม ควรไปนั ้น ๆ เสีย และยอ มงดเวน พวกเพื ่อ ที ่ล ามกเหลา นั ้น เสีย . ภิก ษุ ท.! ข อ นี้ เป น เพราะ เมื่ อ ภิ ก ษุ ไม ง ดเว น ด ว ยอาการอย า งนี้ , อาสวะทั้ ง หลายอั น เป น เครื ่อ งคับ แคน และเรา รอ น จะพึง บัง เกิด ขึ ้น และเมื ่อ ภิก ษุง ดเวน อยู อาสวะ ทั ้ง หลายอัน เปน เครื ่อ งคับ แคน และเรา รอ น จะไมพ ึง บัง เกิด ขึ ้น แกภ ิก ษุนั ้น . ภิกษุ ท.! นี้เรากลาววา อาสวะทั้งหลายสวนที่จะละเสียดวยการงดเวน.
www.buddhadasa.info - มู. ม. ๑๒/๑๘/๑๖.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๓๓
จ. อาสวะสวนที่ละไดดวยการบรรเทา ภิ ก ษุ ท.! อาสวะทั้ ง หลายส ว นที่ จ ะพึ ง ละเสี ย ด ว ยการบรรเทา เป น อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ภิก ษุใ นกรณีนี ้ พิจ ารณ าโดยแยบคายแลว ยอ ม ไม รั บ เอาไว ใ นใจ ย อ มละเสี ย ย อ มบรรเทา ทํ า ให สิ้ น สุ ด ทํ า ให ถึ ง ความมี ไ ม ไ ด ซึ ่ง กามวิต ก, พยาบาทวิต ก, วิห ิง สาวิต ก อัน บัง เกิด ขึ ้น แลว ; และยอ มไมร ับ เอาไว ใ นใจ ย อ มละเสี ย ย อ มบรรเทา ทํ า ให สิ้ น สุ ด ทํ า ให ถึ ง ความมี ไ ม ไ ด ซึ ่ง สิ ่ง อัน เปน อกุศ ลลามกทั ้ง หลาย ที ่บ ัง เกิด ขึ ้น แลว . ภิก ษุ ท.! ขอ นี ้เ ปน เพราะ เมื่ อ ภิ ก ษุ ไม บ รรเทาด ว ยอาการอย า งนี้ , อาสวะทั้ ง หลายอั น เป น เครื่ อ งคั บ แค น และ เร า ร อ น จะพึ ง บั ง เกิ ด ขึ้ น , และเมื่ อ ภิ ก ษุ บรรเทาอยู อาสวะทั้ ง หลายอั น เป น เครื ่อ งคับ แคน และเรา รอ น จะไมพ ึง บัง เกิด ขึ ้น แกภ ิก ษุนั ้น . ภิก ษุ ท.! นี ้เ รา กลาววา อาสวะทั้งหลายสวนที่จะละเสียดวยการบรรเทา. - มู. ม. ๑๒/๑๙/๑๗.
ช. อาสวะสวนที่ละไดดวยการเจริญทําใหมาก
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! อาสวะทั้ ง หลายส ว นที่ จ ะพึ ง ละเสี ย ด ว ยการเจริ ญ เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ในกรณี นี้ พิ จ ารณาโดยแยบคายแล ว ย อ มเจริ ญ สติ สั มโพชฌงค , ย อมเจริญ ธัมมวิจยสั มโพชฌงค , ย อมเจริญ วิริยสั มโพชฌงค , ยอ มเจริญ ปต ิส ัม โพชฌ งค, ยอ มเจริญ ปส สัท ธิส ัม โพชฌ งค, ยอ มเจริญ สมาธิ สั ม โพชฌงค , ย อ มเจริ ญ อุ เปกขาสั ม โพชฌงค , อั น (แต ล ะอย า ง ๆ) ย อ ม อาศั ย วิ เ วก อาศั ย วิ ร าคะ อาศั ย นิ โ รธ และน อ มไปเพื่ อ ความปล อ ย. ภิ ก ษุ ท.! ข อ นี้ เ ป น เพราะเมื่ อ ภิ ก ษุ ไ ม เ จริ ญ ด ว ยอาการอย า งนี้ ; อาสวะทั้ ง หลายอั น เป น เครื่องคับแคนและเรารอน จะพึงบังเกิดขึ้น, และเมื่อภิกษุเจริญอยู อาสวะ
๖๓๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ทั ้ง หลายอัน เปน เครื ่อ งคับ แคน และเรา รอ น จะไมพ ึง บัง เกิด ขึ ้น แกภ ิก ษุนั ้น . ภิกษุ ท.! นี้เรากลาววา อาสวะทั้งหลายสวนที่จะละเสียดวยการเจริญ. - มู. ม. ๑๒/๑๙/๑๘.
ซ. ผลแหงการปดกั้นอาสวะทั้งปวงโดยเจ็ดวิธี ภิก ษุ ท.! เมื ่อ ใด ภิก ษุล ะเสีย ไดซึ ่ง อาสวะทั ้ง หลาย อัน จะพ ึง ละได ด วยการเห็ น , ละเสี ย ได ซึ่งอาสวะทั้ งหลาย อั น จะพึ งละได ด ว ยการสั งวร, ละเสียไดซึ่งอาสวะทั้ งหลาย อันจะพึ งละได ด วยการเสพเฉพาะสิ่ งที่ ควรเสพ, ละ เสี ย ได ซึ่ ง อาสวะทั้ ง หลาย อั น จะพึ ง ละได ด ว ยการอดกลั้ น , ละเสี ย ได ซึ่ ง อาสวะ ทั ้ง หลาย อัน จะพึง ละได ดว ยการงดเวน , ละเสีย ไดซึ ่ง อาสวะทั ้ง หลาย อัน จะ ถึ ง ละได ด ว ยการบรรเทา, ละเสี ย ได ซึ่ ง อาสวะทั้ ง หลาย อั น จะพึ ง ได ด ว ยการ เจริญ , แลว ; ภิก ษุ ท.! ภิก ษุนี ้เ รากลา ววา เปน ผู ปด กั ้น แลว ดว ยการปด กั ้น ซึ ่ง อาสวะทั ้ง ปวง อยู ; ตัด ตัณ หาไดข าดแลว รื ้อ ถอนสัง โยชนไ ดแ ลว กระทําที่สุดแหงทุกขไดแลวเพราะรูเฉพาะซึ่งมานะโดยชอบ, ดังนี้แล. - มู. ม. ๑๒/๒๐/๑๙.
www.buddhadasa.info ผูพนพิเศษเพราะความสิ้นตัณหา
"ขาแต พระองค ผู นิ รทุ กข ! สมณพราหมณ ทั้ งปวง เป นผู มี ความสํ าเร็จถึ งที่ สุ ด มีความเกษมจากโยคะถึงที่สุด เปนพรหมจารีถึงที่สุด มีที่สุดแหงกิจถึงที่สุด หรือพระเจาขา ?" ท า นผู จ อมเทพ ! ใช ว า สมณพราหมณ ทั้ ง ปวง จั ก เป น ผู มี ค วามสํ า เร็ จ ถึงที่สุด มีความเกษมจากโยคะถึงที่สุด มีที่สุดแหงกิจถึงที่สุด ก็หาไม.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๓๕
"ข าแต พระองค ผู นิ รทุ กข ! เพราะเหตุ ไรเล า สมณพราหมณ ทั้ งปวงจึ งไม เป นผูมี ความสําเร็จถึงที่สุด มีความเกษมจากโยคะถึงที่ สุด เปนพรหมจารีถึงที่ สุด มี ที่สุ ด แหงกิจถึงที่สุด พระเจาขา ?" ท า นผู จ อมเทพ! ก็ ต อ เมื่ อ สมณพราหมณ เ หล า ใด เป น ผู เ ห็ น ภั ย ใน วัฏฏะ (ภิกขุ) เปนผู หลุดพ นวิเศษเพราะความสิ้นไปแห งตัณ หา เทานั้น, สมณพราหมณ เหลานั้น จึงจะได ชื่ อ วาเป น ผู มี ค วามสํ าเร็จ ถึ งที่ สุ ด มี ค วามเกษมจาก โยคะถึ งที่ สุ ด เป น พราหมจารี ถึ งที่ สุ ด มี ที่ สุ ด แห งกิ จ ถึ งที่ สุ ด . เพราะเหตุ นั้ น สมณพราหมณ ทั้ งปวง จึ งไม เป นผู มี ความสํ าเร็ จถึ งที่ สุ ด มี ความเกษมจากโยคะถึ ง ที่สุด เปนพรหมจารีถึงที่สุด มีที่สุดแหงกิจถึงที่สุด, ดังนี้แล. - มหา. ที. ๑๐/๓๑๘/๒๖๑.
ผูอาบแลวดวยเครื่องอาบ (หลุดพนไดเพราะการรูออกจากสัญญาคตะทั้งสาม) (ความรู นี้ ต อ งนํ า ด ว ยการละอุ ป กิ เลสสิ บ หก มี ศ รั ท ธามั่ น คงในพระพุ ท ธ พระธรรม พระสงฆ มีศีลบริสุทธิ์ มีปญญาบริสุทธิ์ แผอัปปมัญญาพรหมวิหารไปทั่วโลกทั้งสิ้น, ดังนั้น :-)
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ นั้ น ย อ ม รู ชั ด ว า "สั ญ ญาคตะว าอย างนี้ ๆ ก็ มี อ ยู , สั ญ ญาคตะวา เลว ก็ม ีอ ยู , สัญ ญาคตะวา ประณีต ก็ม ีอ ยู , และอุบ ายอัน ยิ ่ง เปน เครื ่อ งออกจากสัญ ญ าคตะนี ้ ก็ม ีอ ยู " ดัง นี ้. เมื ่อ เธอนั ้น รู อ ยู อ ยา งนี้ เห็ นอยู อย างนี้ จิ ตย อมหลุ ดพ น แม จากกามาสวะ แม จากภวาสวะ แม จากอวิชชาสวะ. เมื่อหลุดพนแลว ยอมมีญาณหยั่งรูวา "จิตหลุดพนแลว". เธอยอม
๖๓๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
รู ช ัด วา "ชาติสิ ้น แลว " พรหมจรรยอ ยู จ บแลว กิจ ที ่ค วรทํ า ไดทํ า สํ า เร็จ แลว กิจอื่นที่จะตองทําเพื่อความเปนอยางนี้ มิไดมีอีก" ดังนี้. ภิก ษุ ท.! ภิก ษุนี ้ เราเรีย กวา เปน ผู อาบแลว ดว ยเครื ่อ งอาบ อันเปนภายใน, ดังนี้แล. - มู. ม. ๑๒/๖๙/๙๗.
ผูไมเปนทั้งฝายรับและฝายคาน (ดับกิเลสและทุกขเพราะออกเสียไดจากทิฏฐิบวก - ทิฏฐิลบ) ภิก ษุ ท .! ทิฏ ฐิส องอ ยา งเห ลา นี ้ มีอ ยู ; คือ ภ วทิฏ ฐิ (วา มี). วิภวทิฏฐิ (วาไมมี). ภิ กษุ ท.! สม ณ ะหรื อ พ ราหม ณ เหล า ใด แอบ อิ ง ภ วทิ ฏ ฐิ (ซึ่ ง มี ลัก ษณ ะเปน บวก) เขา ถึง ภวทิฏ ฐิ หยั ่ง ลงสู ภ วทิฏ ฐิ; สมณ ะหรือ พราหมณ เหล า นั้ น ย อ มคั ด ค า นต อ วิ ภ วทิ ฏ ฐิ . ภิ ก ษุ ท.! สมณ ะหรื อ พราหมณ เหล า ใด แอบอิ ง วิ ภ วทิ ฏ ฐิ (ซึ่ ง มี ลั ก ษณ ะเป น ลบ) เข า ถึ ง วิ ภ วทิ ฏ ฐิ หยั่ ง ลงสุ วิ ภ วทิ ฏ ฐิ ; สมณะหรือพราหมณเหลานั้น ยอมคัดคานตอภวทิฏฐิ. ...
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! สมณะหรื อ พรามหณ เหล า ใด รู ชั ด ตามเป น จริ ง ซึ่ ง ความ เกิดขึ้น ความตั้งอยูไมได รสอรอ ย โทษอันต่ําทราม และอุบ ายเครื่อ งออก แหง ทิฏ ฐิส อ งอ ยา งนี ้, สมณ พ ราหมณ เ หลา นั ้น เปน ผู ป ราศ จาก ราค ะ ปราศจากโทสะ ปราศจากโมหะ ปราศจากตัณหา ไมมีอุปาทาน เปนผูเห็นแจง
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๓๗
ไม เ ป น ฝ า ยยอมรั บ ไม เ ป น ฝ า ยคั ด ค า น ; เขาเหล า นั้ น เป น ผู มี ธ รรมอั น ไม ทํ า ความเนิ น ช า เป น ที่ ม ายิ น ดี มี ค วามยิ น ดี ใ นธรรมอั น ไม ทํ า ความเนิ่ น ช า ย อ มพ น จากชาติ ชรา มรณ ะ โสกะ ปริ เ ทวะ ทุ ก ขะ โทมนั ส อุ ป ายาสทั้ ง หลาย, เรา กลาววา เขายอม พนจากทุกขได ดังนี้. - มู ม. ๑๒/๑๓๑/๑๕๕.
ผูถอนรากแหงความรักและความเกลียดไดแลว (เมื่อวิมุตติถอนรากความรัก-เกลียด ตามธรรมชาติแลว) (มีผลหานัย) ภิ ก ษุ ท.! ธรรมารมณ ทั้ ง หลายเหล า นี้ ย อ มเกิ ด อยู เป น ๔ ประการ. สี่ ป ระการอย า งไรเล า ? สี่ ป ระการคื อ ความรั ก เกิ ด จากความรั ก ความเกลี ย ด เกิดจากความรัก ความรักเกิดจากความเกลียด ความเกลียดเกิดจากความเกลียด. ภิก ษุ ท.! อ ยา งไรเลา เรีย กวา ค วาม รัก เกิด จากค วาม รัก ? ภิก ษุ ท .! ใน ก รณ ีนี ้ มีบ ุค ค ล ซึ ่ง เปน ที ่ป รารถ น ารัก ใค รพ อ ใจ ข อ งบุค ค ล คนหนึ ่ง , มีบ ุค คลพวกอื ่น มาประพฤติก ระทํ า ตอ บุค คลนั ้น ดว ยอาการที่ น า ปรารถนาน า รั ก ใคร น า พอใจ; บุ ค คลโน น ก็ จ ะเกิ ด ความพอใจขึ้ น มาอย า งนี้ ว า " บุ ค คลเหล า นั้ น ประพฤติ ก ระทํ า ต อ บุ ค คลที่ เราปรารถนารั ก ใคร พ อใจ ด ว ยอาการ ที ่น า ปรารถนานา รัก ใครน า พอใจ" ดัง นี ้ ; บุค คลนั ้น ชื ่อ วา ยอ มทํ า ความรัก ให เกิด ขึ ้น ใน บ ุค ค ล เห ลา นั ้น . ภ ิก ษ ุ ท .! อยา งนี ้แ ล เรีย กวา ค วาม รัก เกิด จาก ความรัก.
www.buddhadasa.info
๖๓๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! อย า งไรเล า เรี ย กว า ความเกลี ย ดเกิ ด จากความรั ก ? ภิก ษุ ท .! ใน ก รณ ีนี ้ มีบ ุค ค ล ซึ ่ง เปน ที ่ป รารถ น ารัก ใค รพ อ ใจ ข อ งบุค ค ล คนหนึ่ ง . มี บุ ค คลพวกอื่ น มาประพฤติ ก ระทํ า ต อ บุ ค คลนั้ น ด ว ยอาการที่ ไ ม น า ปรารถนาไม น า รั ก ใคร พ อใจ ; บุ ค คลโน น ก็ จ ะเกิ ด ความไม พ อใจขึ้ น มาอย า งนี้ ว า "บุ ค คลเหล า นั้ น ประพฤติ ก ระทํ า ต อ บุ ค คลที่ เราปรารถนารั ก ใคร พ อใจ ด ว ยอาการ ที ่ไ มน า ปรารถนาไมน า รัก ใครพ อใจ" ดัง นี ้; บุค คลนั ้น ชื ่อ วา ยอ มทํ า ความ เก ล ีย ด ให เกิ ด ขึ้ น ใน บุ ค ค ล เห ล า นั้ น . ภิ กษุ ท .! อย า งนี้ แล เรี ย กว า ค วาม เกลียดเกิดจากความรัก. ภิ ก ษุ ท.! อย า งไรเล า เรี ย กว า ความรั ก เกิ ด จากความเกลี ย ด ? ภิก ษุ ท.! ในกรณ ีนี ้ มีบ ุค คลซึ ่ง เปน ที ่ไ มป รารถนารัก ใครพ อใจ ของบุค คล คนหนึ่ ง . มี บุ ค คลพวกอื่ น มาประพฤติ ก ระทํ า ต อ บุ ค คลนั้ น ด ว ยอาการที่ ไ ม น า ปรารถนาไมน า รัก ใครพ อใจ ; บุค คลโนน ก็จ ะเกิด ความพอใจขึ ้น มาอยา งนี ้ว า "บุ ค คลเหล า นั้ น ประพฤติ ก ระทํ า ต อ บุ ค คลที่ เ ราไม ป รารถนารั ก ใคร พ อใจ ด ว ย อาการที ่ไ มน า ปรารถนาไมน า รัก ใครพ อใจ" ดัง นี ้ ; บุค คลนั ้น ชื ่อ วา ยอ มทํ า ความรัก ให เ กิ ด ขึ้ น ในบุ ค คลเหล า นั้ น . ภิ ก ษุ ท.! อย า งนี้ แ ล เรี ย กว า ความรั ก เกิดจากความเกลียด.
www.buddhadasa.info ภิ กษุ ท.! อย างไรเล า เรียกวา ความเกลี ยดเกิ ดจากความเกลี ยด ? ภิก ษุ ท.! ในกรณ ีนี ้ มีบ ุค คลซึ ่ง ไมเ ปน ที ่ป รารถนารัก ใครพ อใจ ของบุค คล คนหนึ่ ง , มี บุ ค คลพ วกอื่ น มาประพ ฤติ ก ระทํ า ต อ บุ ค คลนั้ น ด ว ยอาการที่ น า ปรารถนาน า รั ก ใคร น า พอใจ ; บุ ค คลโน น ก็ จ ะเกิ ด ความไม พ อใจขึ้ น มาอย า งนี้ ว า "บุคคลเหลานั้นประพฤติกระทําตอบุคคลที่เราไมปรารถนารักใครพอใจ ดวย
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๓๙
อาการที่ น า ปรารถนาน า รั ก ใคร น า พอใจ" ดั ง นี้ ; บุ ค คลนั้ น ชื่ อ ว า ย อ มทํ า ความ เกลี ย ดให เกิ ด ขึ้ น ในบุ ค คลเหล า นั้ น . ภิ ก ษุ ท.! อย า งนี้ แ ล เรี ย กว า ความเกลี ย ด เกิดจากความเกลียด. ภิกษุ ท.! เหลานี้แล คือธรรมารมณ ยอมเกิดอยูเปน ๔ ประการ. ภิ ก ษุ ท.! สมั ย ใด ภิ ก ษุ กระทํ าให แ จ งซึ่ งเจโตวิ มุ ต ติ ป ญ ญาวิ มุ ต ติ อั น หาอาสวะมิ ได เพราะความสิ้ น ไปแห ง อาสวะทั้ ง หลาย ด ว ยป ญ ญาอั น ยิ่ งเอง ในทิฏ ฐธรรมนี ้ เขา ถึง แลว แลอยู ; สมัย นั ้น ความรัก ที ่เกิด จากความรัก ก็ถ ูก ละขาด มี ร ากอั น ขาดแล ว ทํ า ให เป น เหมื อ นต น ตาลมี ขั้ ว ยอดอั น ขาดแล ว ให ถึ ง ความไม มี มี อั นไม เกิ ดขึ้ นอี กต อไปเป นธรรมดา, ความเกลี ยดที่ เกิ ด จากความรั ก ก็ถ ูก ละขาด..; ความรัก ที ่เ กิด จากความเกลีย ด ก็ถ ูก ละขาด...; ความเกลี ย ดที่ เกิ ด จากความเกลี ย ด ก็ ถู ล ะขาด มี รากอั น ขาดแล ว ทํ าให เป น เหมื อ น ต นตาลมี ขั้ วยอดอั นขาดแล ว ให ถึ งความไม มี มี อั นไม เกิ ดขึ้ นอี กต อไปเป นธรรมดา. ภิกษุ ท.! ภิกษุ นี้ เรากลาววา ยอมไมถือตัว ยอ มไมตอบโต ยอมไมอัคควัน ยอมไมลุกโพลง ยอมไมไหมเกรียม.
www.buddhadasa.info - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๘๐/๒๐๐
ก. ผูไมถือตัว (น อุสฺเสเนติ)
ภิกษุ ท.! อยางไรเลา ชื่อวาภิกษุ ยอมไมถือตัว ? ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ ไม ต ามเห็ น รู ป โดยความเป น ตน ไม ต าม เห็ น ตนว า มี รู ป ไม ต ามเห็ น รู ป ในตน ไม ต ามเห็ น ตนในรู ป , ไม ต ามเห็ น เวทนา โดยความเปนตน ไมตามเห็นตนวามีเวทนา ไมตามเห็นเวทนาในตน ไมตาม
๖๔๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
เห็ น ตนในเวทนา, ไม ต ามเห็ น สั ญ ญาโดยความเป น ตน ไม ต ามเห็ น ตนว ามี สั ญ ญา ไม ต ามเห็ น สั ญ ญาในตน ไม ต ามเห็ น ตนในสั ญ ญา, ไม ต ามเห็ น สั ง ขารโดยความ เป น ตน ไม ต ามเห็ น ตนว า มี สั ง ขาร ไม ต ามเห็ น สั ง ขารในตน ไม ต ามเห็ น ตนใน สัง ขาร,. ไมต ามเห็น วิญ ญาณโดยความเปน ตน ไมต ามเห็น ตนวา มีว ิญ ญาณ ไมตามเห็นวิญญาณใน ไมตามเห็นตนในวิญญาณ. ภิกษุ ท.! อยางนี้แล ชื่อวา ภิกษุยอมไมถือตัว. ข. ผูไมตอบโต (น ปฏิสฺเสเนติ) ภิกษุ ท.! อยางไรเลา ชื่อวาภิกษุ ยอมไมตอบโต ? ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ ย อ มไม ด า ตอบผู ด า ตน ย อ มไม โ กรธขึ้ ง ตอบผูโกรธขึ้นตน ยอมไมหักราญตอบผูหักราญตน. ภิกษุ ท.! อยางนี้แล ชื่อวาภิกษุยอมไมตอบโต.
www.buddhadasa.info ค. ผูไมอัดควัน (น ธูปายติ)
ภิกษุ ท.! อยางไรเลา ชื่อวาภิกษุ ยอมไมอัดควัน ?
ภิ ก ษุ ท.! (๑) เมื่ อ ความนึ ก (ด ว ยมานานุ สั ย ) ว า "เรามี อ ยู เ ป น อ ยู " ดัง นี ้ ไม ม ีอ ยู , (๒) ค วาม น ึก วา "เราม ี-เราเป น อ ยา งนี ้" ก็ไ ม ม ี; (๓) ความนึก วา "เรามี-เราเปน อยา งนั ้น " ก็ไ มม ี; (๔) วา "เรามี-เราเปน อยา ง อื ่น " ก็ไ มม ี ; (๕) วา "เรา มี-เรา เปน อ ยา งไมเ ที ่ย งแ ท" ก็ไ มม ี; (๖) วา "เรามี-เราเปน อยา งเที ่ย งแท" ก็ไ มม ี; (๗) ความนึก วา "เราพึง มี-พึง เปน " ก็ไมมี; (๘) ความนึกวา "เราพึงมี-พึงเปนอยางนี้" ก็ไมมี ; (๙) วา "เรา
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๔๑
พึง มี-พึง เปน อยา งนั ้น " ก็ไ มม ี ; (๑๐) วา "เราพึง มี-พึง เปน อ ยา งอื ่น " ก็ไ ม มี ; (๑๑) ค วาม นึก วา "เราพึง มี-พึง เปน บา งห รือ " ก็ไ มม ี; (๑๒) ค วาม นึก วา "เราพ ึง ม ี-พ ึง เป น อ ยา งนี ้บ า งห รือ " ก็ไ ม ม ี; (๑๓) วา "เราพ ึง ม ี-พ ึง เป น อยา งนั ้น บา งหรือ " ก็ไ มม ี ; (๑๔) วา "เราพึง มี-พึง เปน อยา งอื ่น บา งหรือ " ก็ไ ม ม ี ; (๑๕)ค ว า ม น ึก วา "เร า จัก ม ี-จ ะ เป น แ ลว " ก็ไ ม ม ี ; (๑๖) ค ว า ม น ึก วา "เร า จ ัก ม ี-จ ัก เป น แ ล ว อ ย า ง นี ้" ก ็ไ ม ม ี; (๑๗) วา "เร า จ ัก ม ี-จ ัก เปนแลวอยางนั้น" ก็ไมมี ; (๑๘) วา "เราจักมี-จักเปนแลวอยางอื่น" ก็ไมมี. ภิกษุ ท.! อยางนี้แล ชื่อวาภิกษุยอมไมอัดควัน. ข.ผูไมลุกโพลง (น ปชฺชลติ) ภิกษุ ท.! อยางไรเลา ชื่อวา ภิกษุยอมไมลุกโพลง ? ภ ิก ษ ุ ท .! (๑) เมื ่อ ค ว า ม น ึก (ด ว ย ม า น า น ุส ัย ) วา "เร า ม ีอ ยู เป น อ ยู ด ว ย ขัน ธนี ้" ไม ม ีอ ยู , (๒) ค ว า ม น ึก วา "เร า ม ี-เร า เป น อ ย า ง นี้ ดว ยขัน ธนี ้" ก็ไ มม ี ; (๓) ค วาม นึก วา "เรามี - เราเปน อ ยา งนั ้น ดว ย ขัน ธ นี ้ " ก ็ ไ ม ม ี ; (๔) ว า "เ ร า ม ี - เ ร า เ ป น อ ย า ง อื ่ น ด ว ย ข ั น ธ นี ้ " ก ็ ไ ม ม ี ; (๕) วา "เรา มี-เรา เปน อ ยา งไมเ ที ่ย ง แ ท ดว ย ขัน ธนี ้" ก็ไ มม ี; (๖) วา " เรา มี-เรา เปน อ ยา ง เที ่ย งแ ท ดว ย ขัน ธนี ้" ก็ไ มม ี ; (๗) ค ว า ม นึก วา "เรา พึ งมี -พึ งเป น ด วยขั น ธ นี้ " ก็ ไม มี ; (๘) ความนึ กว า "เรา พึ งมี -พึ งเป น อยา งนี ้ ดว ย ข ั น ธ นี ้ " ก ็ ไ ม ม ี ; (๙) ว า "เ ร า พ ึ ง ม ี - พ ึ ง เ ป น อ ย า ง นั ้ น ด ว ย ข ั น ธ นี ้ " ก ็ ไ ม ม ี ; ( ๑ ๐ ) ว า " เ ร า พ ึ ง ม ี - พ ึ ง เ ป น อ ย า ง อื ่ น ด ว ย ข ั น ธ นี ้ " ก็ไ มม ี ; (๑๑) ความ นึก วา "เราพ ึง มี-พึง เปน ดว ยขัน ธนี ้ บา งห รือ " ก็ไ มม ี ; (๑๒) ความนึกวา "เราพึงมี-พึงเปนอยาง ดวยขันธนี้ บางหรือ" ก็ไมมี ;
www.buddhadasa.info
๖๔๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
(๑๓) วา "เราพึง มี-พึง เปน อยา งนั ้น ดว ยขัน ธนี ้ บา งห รือ " ก็ไ มม ี ; (๑๔) วา "เราพึง มี-พึง เปน อยา งอื ่น ดว ยขัน ธนี ้ บา งหรือ " ก็ไ มม ี ; (๑๕) ความ นึ ก ว า "เราจั ก มี - จั ก เป น แ ล ว ด ว ย ขั น ธ นี ้ " ก็ ไ ม ม ี ; (๑๖) ค ว าม นึ ก ว า " เรา จัก มี-จัก เปน แ ลว อ ยา ง นี ้ ดว ย ขัน ธนี ้" ก็ไ มม ี ; (๑๗) วา "เรา จัก มีจัก เปน แ ลว อ ยา ง นั ้น ดว ย ขัน ธนี ้" ก็ไ มม ี ; (๑๘) วา "เรา จัก มี-จัก เปน แลวอยางอื่น ดวยขันธนี้" ก็ไมมี. ภิกษุ ท.! อยางนี้แล ชื่อวาภิกษุยอมไมลุกโพลง. ง. ผูไมไหมเกรียม (น ปชฺฌายติ) ภิกษุ ท.! อยางไรเลา ชื่อวาภิกษุยอมไมไหมเกรียม ? ภิก ษ ุ ท .! อัส มิม าน ะอัน ภิก ษ ุใ น กรณ ีนี ้ล ะขาด แลว มีร ากถอน ขึ้ น แล ว กระทํ า ให เป น เหมื อ นต น ตาลมี ขั้ ว ยอดอั น ขาดแล ว ทํ า ให ถึ ง ความไม มี ไมเปน มีอันไมเกิดขึ้นอีกตอไปเปนธรรมดา ภิกษุ ท.! อยางนี้แล ชื่อวาภิกษุยอมไมไหมเกรียม, ดังนี้แล.
www.buddhadasa.info - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๙๓-๒๙๖/๒๐๐.
ผูลอกคราบทิ้งแลว
ผู ใ ด ไมแ ลน อา วไปขา งหนา ไมว กอา วมาขา งหลัง๑ ลวงพนธรรมเปนเหตุใหเนิ่นชา๒ นี้เสียไดทั้งสิ้น ; ผูนั้น เปน
๑. แล น ไปทางหน า ด ว ยอํ า นาจภวตั ณ หาเพื่ อ มี ภ พใหม . แล น วกไปทางหลั ง ด ว ยอํ า นาจกามตัณหาที่ อาลัยในกามคุณ. ๒. ธรรมเปน เหตุใ หเ นิ ่น ชา ไดแ กก ิเ ลสตัณ หา มานะ ทิฏ ฐิ ที ่ทํ า ใหค ลานตว มเตี ้ย มอยู ใ นภพ ไมออก ไปสูนิพพานอันปราศจากภพ.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๔๓
ภิ ก ษุ สลั ด ทิ้ งเสี ย ได แ ล วทั้ งฝ งในและฝ งนอก ๓ เหมื อ นงูทิ้ งคราบ เกาอันคร่ําคราไปแลวฉะนั้น ผู ใ ด ไมแ ลน อา วไปทางหนา ไมว กอา วมาทางหลัง รู ว าในโลกนี้ สิ่ ง ทั้ งปวงนี้ ป ราศจากสั จ จะแห งตถา๔ ; ผู นั้ น เป น ภิก ษุ สลัด ทิ ้งเสีย ไดแ ลว ทั ้ง ฝงในและฝง นอก เหมือ นงูทิ ้ง คราบ เกาอันคร่ําคราไปแลว ฉะนั้น. ผูใด ไมแลนอาวไปทางหนา ไมวกอาวมาทางหลัง เปน ผูปราศจากโลภะ เพราะรูวาสิ่งทั้งปวงนี้ปราศจากสัจจะแหงตถา ; ผูนั้น เปน ภิกษุ สลัดทิ้งเสียไดแลวทั้งฝงในและฝงนอก เหมือ น งูทิ้งคราบเกาอันคร่ําคราไปแลว ฉะนั้น. ผูใด ไมแลนอาวไปทางหนา ไมวกอาวมาทางหลัง เปน ผูปราศจากราคะ เพราะรูวาสิ่งทั้งปวงนี้ปราศจากสัจจะแหงตถา ; ผูนั้น เปน ภิกษุ สลัดทิ้งเสียไดแลวทั้งฝงในและฝงนอก เหมือ น งูทิ้งคาบเกาอันคร่ําคราไปแลว ฉะนั้น. ผู ใ ด ไมแ ลน อา วไปทางหนา ไมว กอา วทางหลัง เปน ผูปราศจากโทสะ เพราะรูวาสิ่งทั้งปวงนี้ปราศจากสัจจะแหงตถา ; ผูนั้น เปน ภิกษุ สลัดทิ้งเสียไดแลวทั้งฝงในและฝงนอก เหมือ น งูทิ้งคราบเกาอันคร่ําคราไปแลว ฉะนั้น.
www.buddhadasa.info
๓. ฝ ง ในฝ ง นอก หมายถึ ง ความคิ ด ที่ ถื อ มั่ น ว า มี ใ นมี น อก ไม เป น ไปตามกฎแห ง อิ ทั ป ป จ จยตา หรือมัชฌิมาปฏิปทา. ๔. ปราศจากสัจจะแหงตถาคือ ไมสามารถมีความเปนสังขตะ หรือความคงที่ไมเปลี่ยนแปลง.
๖๔๔
อริยสัจจากพระโอษฐ ผู ใด ไม แ ล น อ าวไปข างหน า ไม วกอ าวมาทางหลั ง เป น ผูป ราศจากโมหะ เพราะรูวาสิ่ งทั้ งปวงนี้ ป ราศจากสั จ จะแห งตถา ; ผูนั ้น เปน ภิก ษุ สลัด ทิ ้งเสีย ไดแ ลว ทั ้ง ฝง ในและฝง นอก เหมือ น งูทิ้งคราบเกาอันคร่ําคราไปแลว ฉะนั้น. อนุ สั ย ไร ๆ ของผู ใด ไม มี เพราะถอนเสี ย ได ซึ่ งมู ล ราก อัน เปน อกุศ ลทั ้ง หลาย ; ผู นั ้น เปน ภิก ษุ สลัด ทิ ้ง เสีย ไดแ ลว ทั้ ง ฝ ง ในและฝ ง นอก เหมื อ นงู ทิ้ ง คราบเก า อั น คร่ํ า คร า ไปแล ว ฉะนั้น. กิเลสอันเป นเหตุใหเกิดความกระวนกระวายไร ๆ ของผู ใดไมมีเพื่อเปนปจจัยแหงการมาสูฝงใน; ผูนั้น เปนภิกษุ สลัด ทิ้งเสียไดแลวทั้งฝงในและฝงนอก เหมือนงูทิ้งคราบเกา อันคร่ําครา ไปแลว ฉะนั้น. กิ เลสเป นเหตุ ให เกิ ดความรกทึ บเพี ยงดั งป ารกไร ๆ ของ ผูใดไมมีเพื่อสําเร็จแกความเปน เหตุแหงภพอัน เปน เครื่อ งผูก พัน ; ผูนั ้น เปน ภิก ษุ สลัด ทิ ้งเสีย ไดแ ลว ทั ้ง ฝง ในและฝง นอก เหมือ น งูทิ้งคราบเกาอันคร่ําคราไปแลว ฉะนั้น.
www.buddhadasa.info ผู ใด ละนิ วรณ ทั้ งห าแล ว ไม มี ค วามคั บ แค น ข ามความ สงสัย เสีย ได ปราศจากสิ ่ง เสีย บแทงแหง จิต ; ผู นั ้น เปน ภิก ษุ สลั ด ทิ้ ง เสี ย ได แ ล ว ทั้ ง ฝ ง ในและฝ ง นอก เหมื อ นงู ทิ้ ง คราบเก า อั น คร่ําคราไปแลว ฉะนั้น.
- สุตฺต. ขุ. ๒๕/๓๒๕/๒๙๔.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๔๕
ผูไมสําคัญมั่นหมายแลวไมเกิดนันทิ (อุปาทาน) ภิ ก ษุ ท .! ภิ ก ษุ ใด เป น พ ระ อ รหั น ต มี อ าส วะ สิ้ น แ ล ว อ ยู จ บ พรหมจรรย ทํ า กิจ ที ่ต อ งทํ า สํ า เร็จ แลว มีภ าระอัน ปลงแลว มีป ระโยชนข อง ตนอั น ตามถึ ง แล ว มี สั ง โยชน ใ นภพสิ้ น ไปรอบแล ว เป น ผู ห ลุ ด พ น แล ว เพราะรู โดยชอบ ; ภิก ษุนั ้น ยอ มรู ยิ ่ง ซึ ่ง ดิน โดยความเปน ดิน ; ครั ้น ผู ยิ ่ง (อภิฺา) ซึ่งดินโดยความเปนดินแลว, ยอม ไมสําคัญมั่นหมาย ซึ่งดิน (ปวึ น มฺติ) ; ยอม ไมสําคัญมั่นหมาย ในดิน (ปวิยา น มฺติ) ; ยอม ไมสําคัญมั่นหมาย โดยความเปนดิน (ปวิโต น มฺติ) ; ยอม ไมสําคัญมั่นหมาย วาดินของเรา (ปวิมฺเมติ น มฺติ) ; ยอม ไมเพลินอยางยิ่งซึ่ง ดิน (ปวึ นาภินนฺทติ). ขอ นั ้น เพราะเหตุไ รเลา ? ขอ นั ้น เรากลา ววา เพราะดิน เปน สิ ่ง ที่ เธอนั้นกําหนดรูรอบ (ปริฺาต) แลว.
www.buddhadasa.info (ในกรณี แหงธรรมอื่นอีก ๒๒ อยาง คือ น้ํา ไฟ ลม ภูตสั ตว เทพ ปชาบดี พรหม อาภัสสรพรหม สุภกิณทพรหม เวหัปผลพรหม อภิภู อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ รูปที่เห็นแลว เสียงที่ไดยินแลว สิ่งที่รูสึกแลวทาง จมูก ,ลิ้น ,ผิวกาย สิ่งที่รูแจงแลว เอกภาวะ นานาภาวะ และสิ่งทั้งปวง, แตละอย าง ๆ พระผู มี พระภาคได ต รั ส ไว โดยระเบี ย บแห ง ถ อ ยคํ า อย า งเดี ย วกั น กั บ ในกรณี แ ห ง ดิ น จนกระทั่ ง ถึ ง กรณี แ ห ง นิพพาน ซึ่งจะไดบรรยายดวยขอความเต็มอีกครั้งหนึ่งดังตอไปนี้ :-)
ภิ ก ษุ ท .! ภิ ก ษุ ใด เป น พ ระ อ รหั น ต มี อ าส วะ สิ้ น แ ล ว อ ยู จ บ พรหมจรรย ทํากิจที่ตองทําสําเร็จแลว มีภาระอันปลงลงแลว มีประโยชนของ
๖๔๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ตนอั น ตามถึ ง แล ว มี สั ง โยชน ใ นภพสิ้ น ไปรอบแล ว เป น ผู ห ลุ ด พ น แล ว เพราะรู โด ยชอ บ ; ภิ กษุ นั้ น ย อ ม รู ยิ่ ง ซึ่ ง นิ พ พ าน โด ยค วาม เป น นิ พ พ าน ; ค รั้ น รู ยิ่ ง (อภิญญา) ซึ่งนิพพานโดยความเปนนิพพานแลว. ยอม ไมสําคัญมั่นหมาย ซึ่งนิพพาน (นิพฺพานํ น มฺติ) ; ยอม ไมสําคัญมั่นหมาย ในนิพพาน (นิพฺพานสฺมึ น มฺติ) ; ยอม ไมสําคัญมั่นหมาย โดยความเปนนิพพาน (นิพฺพานโต น มฺติ) ; ยอม ไมสําคัญมั่นหมาย วานิพพานของเรา (นิพฺพานมฺเมติ น มฺติ) ; ยอม ไมเพลินอยางยิ่งซึ่ง นิพพาน (นิพฺพานํ นาภินนฺทติ). ข อ นั้ น เพราะเหตุ ไ รเล า ? ข อ นั้ น เรากล า วว า เพราะนิ พ พานเป น สิ่ ง ที่เธอนั้นกําหนดรูรอบ (ปริฺาต)แลว - มู. ม. ๑๒/๖/๔.
ผูปฏิบัติเปรียบดวยนักรบผูเชี่ยวชาญการยิงศร ส าฬ ห ะ ; เป รีย บ เห ม ือ น ถา นัก รบ รู จ ัก ก ารใชล ูก ศ รชั ้น เลิศ เป น อัน มาก เขาเปน ผู ค วรแกพ ระราชา เปน ผู ร ับ ใชพ ระราชา ถึง การนับ วา เปน อั ง คาพยพแห ง พระราชา โดยฐานะสาม. ฐานะสามอย า งไรกั น เล า ? ฐานะสาม คือ เปนผูยิงไดไกล เปนผูยิงไดแมนยํา เปนผูสามารถทําลายหมูพลอันใหญได.
www.buddhadasa.info สาฬหะ ; นั กรบผู ยิงได ไกลเป นฉันใด อริยสาวกเป นผูมี สั มมาสมาธิ ก็เปนฉันนั้น : อริยสาวกผูมี สัมมาสมาธิ ยอมเห็นดวยปญญาอันชอบตามที่เปนจริง อย า งนี้ ว า "รู ป อย า งใดอย า งหนึ่ ง อั น เป น อดี ต อนาคตหรื อ ป จ จุ บั น ที่ เป น ภายใน หรือภายนอกก็ดี หยาบหรือละเอียดก็ดี เลวหรือประณีตก็ดี ไกลหรือใกลก็ดี
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๔๗
รู ป ทั ้ ง ห ม ด นั ้ น ไม ใ ช ข อ ง เรา ไม ใ ช เ ป น เรา ไม ใ ช อ ั ต ต า ข อ ง เรา " ดั ง นี ้ ; (ในกรณีแหงเวทนาสัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็ตรัสอยางเดียวกัน).
สาฬหะ ! นั ก รบผูยิ งได แม น ยํ าเป น ฉั น ใด อริย สาวกเป น ผู มี สั ม มาทิ ฏฐิ ก็ เป นฉั นนั้ น : อริยสาวกผูมี สั มมาทิ ฏฐิ ยอมรูชั ดตามเป นจริงวา "นี้ทุกข นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา" ดังนี้. สาฬหะ ! นัก รบผู ส ามารถทํ า ลายหมู พ ลอัน ใหญไ ด เปน ฉัน ใด อริยสาวกเปน ผูมีสัม มาวิมุตติ ก็เปน ฉัน นั้ น : อริยสาวกผู มีสัม มาวิมุต ติ ยอ ม ทําลายกองแหงอวิชชาอันใหญได. - จกตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๗๔/๑๙๖.
ผูหลุดพนแลวมีอุปมา ๕ อยาง ภิก ษุ ท.! เมื ่อ ใด ภิก ษุ หลุด พน แลว เปน เจโตวิม ุต ตแ ละปญ ญ าวิมุตต ; ภิกษุนี้ เรา :เรียกวาเปน "ผูถอนลิ่มสลักไดแลว" (อุกฺขิตฺตปลิโฆ) ดังนี้บาง ; เรียกวาเปน "ผูรื้อรั้วลอมออกเสียได" (สงฺกิณฺณปริกฺโข) ดังนี้บาง ; เรียกวาเปน "ผูถอนเสาระเนียดขึ้นเสียได" (อพฺพุเฬฺหสิโก) ดังนี้บาง ; เรียกวาเปน "ผูถอดกลอนประตุออกเสียได” (นิรคฺคโฬ) ดังนี้บาง ; เรียกวาเปน "อริยะผูลดธง ปลงภาระ ปราศจากเครื่องผูกพัน" (อริโย ปนฺนทฺธโช ปนฺนภาโร วิสํยุตฺโต) ดังนี้บาง.
www.buddhadasa.info
๖๔๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิกษุ ท.! ภิกษุชื่อวา ผูถอนลิ่มสลักไดแลว นั้นเปนอยางไรเลา ? ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ในกรณี นี้ มี อวิ ช ชาอั น ละขาดแล ว เป น อวิ ช ชามี รากอั น ถอนขึ้ น แล ว กระทํ า ให เป น เหมื อ นต น ตาลมี ขั้ น ยอดอั น ด ว น ถึ ง ความไม มี ไ ม เป น มี อั น ไมเ กิด ขึ ้น ไดอ ีก ตอ ไปเปน ธรรมดา. ภิก ษุ ท.! อยา งนี ้แ ล ชื ่อ วา ผู ถ อนลิ ่ม สลักไดแลว. ภิกษุ ท.! ภิกษุชื่อวา ผูรื้อรั้วลอมออกเสียได นั้นเปนอยางไรเลา ? ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ในกรณี นี้ มี ชาติ สั งสาระเครื่ อ งนํ าไปสู ภ พใหม อั น ละขาดแล ว เป น ชาติ สั ง สาระมี ร ากอั น ถอนขึ้ น แล ว กระทํ า ให เป น เหมื อ นต น ตาลมี ขั้ ว ยอดอั น ด ว น ถึ ง ความไม มี ไ ม เ ป น มี อั น ไม เ กิ ด ขึ้ น ได อี ก ต อ ไปเป น ธรรมดา. ภิ ก ษุ ท.! อยางนี้แล ชื่อวา ผูรื้อรั้วลอมออกเสียได. ภิก ษุ ท.! ภิก ษุชื ่อ วา ผู ถ อนเสาระเนีย ดขึ ้น ได นั ้น เปน อยา งไร เลา ? ภิก ษุ ท.! ภิก ษุใ นกรณีนี ้ มี ตัณ หาอัน ละขาดแลว เปน ตัณ หามีร าก อั น ถอนขึ้ น แล ว กระทํ า ให เป น เหมื อ นต น ตาลมี ขั้ ว ยอดอั น ด ว น ถึ ง ความไม มี ไ ม เปน มีอ ัน ไมเ กิด ขึ ้น ไดอ ีก ตอ ไปเปน ธรรมดา. ภิก ษุ ท.! อยา งนี ้แ ล ชื ่อ วา ผูถอนเสาระเนียดขึ้นเสียได.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! ภิกษุชื่อวา ผูถอดกลอนประตูออกเสียได นั้นเปนอยางไร เลา ? ภิก ษุ ท.! ภิก ษุใ นกรณีนี ้ มี โอรัม ภาคิย สัง โยชนทั ้ง หา อัน ละขาดแลว เป น สั งโยชน มี รากอั น ถอนขึ้ น แล ว , กระทํ า ให เป น เหมื อ นต น ตาลมี ขั้ ว ยอดอั น ด ว น ถึ ง ความไม มี ไ ม เป น มี อั น ไม เกิ ด ขึ้ น อี ก ต อ ไปเป น ธรรมดา. ภิ ก ษุ ท.! อย า งนี้ แ ล ชื่อวา ผูถอดกลอนประตูออกเสียได.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๔๙
ภิกษุ ท.! ภิกษุชื่อวา เปนอริยะผูลดธง ปลงภาระ ปราศจากเครื่อง ผูก พัน นั ้น เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ภิก ษุใ นกรณีนี ้ มี อัส มิม านะอัน ละ ขาดแล ว เป น อั ส มิ ม านะมี รากอั น ถอนขึ้ น แล ว กระทํ า ให เป น เหมื อ นต น ตาลมี ขั้ ว ย อ ด อัน ดว น ถึง ค วาม ไมม ีไ มเ ปน มีอ ัน ไมเ กิด ขึ ้น อีก ตอ ไป เปน ธรรม ด า. ภิกษุ ท.! อยางนี้แล ชื่อวาเปน อริยะผูลดธงปลงภาระปราศจากเครื่องผูกพันแล. - ปฺจก. อํ. ๒๒/๙๖/๗๑, ๗๒.
ผูรอดไปไดไมตายกลางทาง สุน ัก ขัต ตะ ! ขอ นี ้เ ปน ฐานะที ่ม ีไ ด คือ จะมีภ ิก ษุบ างรูป ในกรณ ีนี้ มีความเขาใจของตนวา "ตัณ หานั้น สมณะกลาวกันวาเปนลูกศร, โทษอันมีพิ ษ ของอวิชชา ยอมงอกงามเพราะฉันทราคะและพยาบาท ; ลูกศรคือตัณหานั้นเรา ละไดแลว, โทษอันมีพิษของอวิชชา เราก็นําออกไปหมดแลว, เราเปนผูนอมไป แล ว ในนิ พ พานโดยชอบ." ดั ง นี้ . เมื่ อ เธอน อ มไปแล ว ในนิ พ พานโดยชอบ อยู , เธอก็ ไม ตามประกอบซึ่ งธรรมทั้ งหลายอั นไม เป นที่ สบายแก ผู น อมไปแล วในนิ พ พาน โดยชอบ ; คื อ ไม ต ามประกอบซึ่ ง ธรรมอั น ไม เป น ที่ ส บาย ในการเห็ น รู ป ด ว ยตา ฟ ง เสี ย งด ว ยหู ดมกลิ่ น ด ว ยจมู ก ลิ้ ม รสด ว ยลิ้ น ถู ก ต อ งโผฏฐั พ พะด ว ยกาย รู สึ ก ธรรมารมณด ว ยใจ อัน ลว นไมเ ปน ที ่ส บาย. เมื ่อ เธอไมต ามประกอบซึ ่ง ธรรม อั น ไม เ ป น ที่ ส บายเหล า นี้ อ ยู , ราคะย อ มไม เ สี ย บแทงจิ ต ของเธอ. เธอมี จิ ต อั น ราคะไมเสียบแทงแลว ยอมไมถึงความตายหรือความทุกขเจียนตาย.
www.buddhadasa.info สุ น กขั ต ตะ ! เปรี ย บเหมื อ นบุ รุ ษ ถู ก ยิ งด ว ยลู ก ศรอั น อาบไว ด ว ยยาพิ ษ อยางแรงกลา. มิตรอํามาตยญาติสาโลหิตของเขาจัดหาหมอผาตัดมารักษา. หมอ
๖๕๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ได ใ ช ศ าสตราชํ า แหละปากแผลของเขา แล ว ใช เครื่ อ งตรวจค น หาลู ก ศร พบแล ว ถอนลูก ศรออก นํ า ออกซึ ่ง โทษอัน เปน พิษ จนรู ว า ไมม ีเ ชื ้อ เหลือ ติด อยู . หมอ นั้ น กล าวแก เขาอย างนี้ ว า "บุ รุ ษ ผู เจริ ญ ! ลู ก ศรถู ก ถอนออกแล ว, โทษอั น เป น พิ ษ เรานํ าออกจนไม มี เชื้ อเหลื อติ ดอยู แล ว, ท านหมดอั นตรายแล ว และท านจะบริโภคอาหารได ตามสบาย ; แต ท านอย าไปกิ นอาหารชนิ ดที่ ไม สบายแก แผลอั นจะทํ าให แผลอั กเสบ และจงล าง แผลตามเวลา ทายาที่ ปากแผลตามเวลา. เมื่ อท านล างแผลตามเวลา ทายาที่ ปากแผลตาม เวลา อย าให หนองและเลื อดเกรอะกรังปากแผล, และท านอย าเที่ ยวตากลมและแดด, เมื่ อ เที่ ยวตากลมและแดด ก็ อย าให ฝุ นละอองของโสโครกเข าไปในปากแผล. บุ รุ ษผู เจริ ญ ! ท า นจงเป น ผู ระวั งรั ก ษาแผล มี เรื่ อ งแผลเป น เรื่ อ งสํ าคั ญ เถอะนะ" ดั งนี้ บุ รุ ษ นั้ น มี ความคิ ด ว า "หมอถอนลู ก ศรให เราเสร็ จ แล ว โทษอั น เป น พิ ษ หมอก็ นํ า ออกจน ไมม ีเ ชื ้อ เหลือ อยู แ ลว เราหมดอัน ตราย" เขาบริโ ภคโภชนะอัน เปน ที ่ส บาย (และประพฤติ ต ามหมอสั่ งทุ ก ประการ) เขานํ า โทษพิ ษ อั น ไม ส ะอาดออกไป ด ว ย การกระทํ า อั น ถู ก ต อ งเหล า นี้ แผลจึ ง ไม มี เชื้ อ เหลื อ อยู , และงอกขึ้ น เต็ ม เพราะ เหตุทั ้ง สองนั ้น . เขามีแ ผลงอกเต็ม มีผ ิว หนัง ราบเรีย บแลว ก็ไ มถ ึง ซึ ่ง ความ ตาย หรือความทุกขเจียนตาย, นี้ฉันใด ;
www.buddhadasa.info สุ นั ก ขั ต ตะ ! ข อ นี้ ก็ ฉั น นั้ น เหมื อ นกั น คื อ ข อ ที่ ภิ ก ษุ บ างรู ป สํ า คั ญ ตนวานอมไปแลวในนิพพานโดยชอบ....แลวไมตามประกอบในธรรมที่ไมเปนที่ สบายแกก ารนอมไปในนิพ พานโดยชอบ....ราคะก็ไมเสียบแทงจิตเธอ. เธอ มีจิตอันราคะไมเสียบแทงแลว ยอมไมถึงความตาย หรือความทุกขเจียนตาย
สุ นั ก ขั ต ตะ ! อุ ป มานี้ เ รากระทํ า ขึ้ น เพื่ อ ให เ ข า ใจเนื้ อ ความ นี้ คื อ เนื้อความในอุปมานั้น ; คําวา 'แผล' เปนชื่อแหงอายตนะภายในหก. คําวา
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๕๑
'โทษอัน เปน พิษ ' เปน ชื ่อ แหง อวิช ชา. คํ า วา 'ลูก ศร' เปน ชื ่อ แหง ตัณ หา. คํ าว า 'เครื่ อ งตรวจ' เป นชื่ อแห ง สติ . คํ าว า 'ศาสตรา' เป นชื่ อของ อริยป ญ ญา. คําวา 'หมอผาตัด' เปนชื่อของ ตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะ. - อุปริ.ม. ๑๔/๖๙/๗๗.
ผูตายคาประตูนิพพาน สุน ัก ขัต ตะ ! ขอ นี ้เ ปน ฐานะที ่ม ีไ ด คือ จะมีภ ิก ษุบ างรูป ในกรณ ีนี้ มี ความเข าใจของตนมี ความหมายอั นสรุปได อย างนี้ เป นต น ว า "ตั ณ หานั้ น สมณะ กลาวกันวาเปนลูกศร, โทษอันมีพิษของอวิชชา ยอมงอกงามเพราะฉันราคะและ พยาบาท, ลูกศรคือตัณหานั้นเราละไดแลว, โทษอันมีพิษของอวิชชา เราก็นํา ออกไปหมดแลว, เราเปนผูนอมไปแลวในนิพพานโดยชอบ" ดังนี้. เธอนั้นยอม ตามประกอบซึ่ ง ธรรมทั้ ง หลายอั น ไม เป น ที่ ส บายแก ผู น อ มไปแล ว ในนิ พ พานโดย ชอบ; คือ ตามประกอบซึ ่ง ธรรมอัน ไมเ ปน ที ่ส บาย ในการเห็น รูป ดว ยตาฟง เสีย งดว ยหู ดมกลิ ่น ดว ยจมูก ลิ ้ม รสดว ยลิ ้น ถูก ตอ งโผฏฐัพ พะดว ยกายรู สึ ก ธรรมมารมณ ด ว ยใจ อั น ล ว นไม เป น ที่ ส บาย. เมื่ อ เธอตามประกอบซึ่ ง ธรรมอั น ไม เปน ที ่ส บ าย เห ลา นี ้ อ ยู , ราค ะอ ยอ ม เสีย บ แ ท งจิต ข อ งเธอ . เธอ มีจ ิต อัน ราคะเสียบแทงแลว ยอมถึงความตายหรือความทุกขเจียนตาย.
www.buddhadasa.info สุ นั ก ขั ต ตะ ! เปรี ย บเหมื อ นบุ รุ ษ ถู ก ยิ งด ว ยลู ก ศรอั น อาบไว ด ว ยยาพิ ษ อย า งแรงกล า . มิ ต รอํ า มาตย ญ าติ ส าโลหิ ต ของเขา จั ด หาหมอผ า ตั ด มารั ก ษา หมอได ใช ศ าสตราชํ า แหละปากแผลของเขา แล ว ใช เครื่ อ งตรวจค น หาลู ก ศร พบ แล ว ถอนลู ก ศรออก กํ า จั ด โทษอั น เป น พิ ษ ที่ ยั ง มี เชื้ อ เหลื อ ติ ด อยู จนรู ว า ไม มี เชื้ อ เหลือติดอยู แลวกลาวแกเขาอยางนี้วา "บุรุษผูเจริญ ! ลูกศรถูกถอนออกแลว.
๖๕๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
โทษอั นเป นพิ ษเรานํ าออกจนไม มี เชื้ อเหลื ออยู แล ว, ท านไม มี อั นตรายอี กแล ว, และท านจะ บริ โภคอาหารได ตามสบาย แต อย าไปกิ นอาหารชนิ ดที่ ไม สบายแก แผลอั นจะทํ าให แผลอั กเสบ และจงล างแผลตามเวลา ทายาที่ ปากแผลตามเวลา, เมื่ อท านล างแผลตามเวลา ทายาที่ ปาก แผลตามเวลา อย าให หนองและเลื อดเกรอะกรั งปากแผล, และท านอย าเที่ ยวตากลมตากแดด, เมื่ อเที่ ยวตากลมตากแดด, ก็ อย าให ฝุ นละอองและของโสโครกเข าไปในปากแผล. บุ รุษผู เจริ ญ ! ท า นจงเป น ผู ร ะวั ง รั ก ษาแผล มี เรื่ อ งแผลเป น เรื่ อ งสํ า คั ญ เถอะนะ" ดั ง นี้ . บุร ุษ นั ้น มีค วามคิด วา "หมอถอนลูก ศรใหเ ราเสร็จ แลว โทษอัน เปน พิษ หมอก็ นํ า ออกจนไมม ีเ ชื ้อ เหลือ อยู แ ลว เราหมดอัน ตราย" เขาจึง บริโ ภ คโภ ชนะที่ แสลง, เมื ่อ บริโ ภคโภชนะที ่แ สดง แผลก็กํ า เริบ , และเขาไมช ะแผลตามเวลา ไม ท ายาที่ ป ากแผลตามเวลา, เมื่ อ เขาไม ช ะแผลตามเวลา ไม ท ายาที่ ป ากแผลตาม เวลา หนองและเลือ ดก็เ กรอะกรัง ปากแผล, และเขาเที ่ย วตากลมตากแดด ปลอ ยใหฝุ น ละอองของโสโครกเขา ไปในปากแผล, และเขาไมร ะวัง รัก ษาแผล ไม มี เรื่ อ งแผลเป น เรื่ อ งสํ า คั ญ . เขานํ า โทษพิ ษ อั น ไม ส ะอาดออกไปด ว ยการกระทํ า อัน ไมถ ูก ตอ งเหลา นี ้ แผลจึง มีเ ชื ้อ เหลือ อยู , แผลก็บ วมขึ ้น เพราะเหตุทั ้ง สอง นั ้น . บุร ุษ นั ้น มีแ ผลบวมแลว ก็ถ ึง ซึ ่ง ความตายบา ง ซึ ่ง ความทุก ขเ จีย นตาย บาง, นี้ฉันใด;
www.buddhadasa.info สุ นั ก ขั ต ตะ ! ข อ นี้ ก็ ฉั น นั้ น เหมื อ นกั น คื อ ข อ ที่ ภิ ก ษุ บ างรู ป สํ า คั ญ ตนวานอมไปแลวในนิพพานโดยชอบ.... แตตามประกอบในธรรมไมเปนที่สบาย แกการนอมไปในนิพพานโดยชอบ.... ราคะก็เสียบแทงจิตของเธอ. เธอมีจิตอัน ราคะเสียบแทงแลว ยอมถึงความตาย หรือความทุกขเจียนตาย. สุนักขัตตะ ! ในอริยวินัยนี้ ความตายหมายถึงการบอกคืนสิกขา เวียนไปสูเพศต่ํา; ความ
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๕๓
ทุกขเจียนตายหมายถึงการตองอาบัติ อันเศราหมองอยางใดอยางหนึ่ง แล. - อุปริ. ม. ๑๔/๖๖/๗๖. (ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ มี ก ารศึ ก ษาดี ตึ .ความปรารถนาดี แต มี ค วามเข า ใจผิ ด เกี่ ย วกั บ ตนเองและธรรมะ ; คือ เขา ใจไปวา ลูก ศรคือ ตัณ หาเปน สิ ่ง ที ่ล ะไดโ ดยไมต อ งถอน อวิช ชาเปน สิ่ ง ที่ เหวี่ ย งทิ้ ง ไปได โ ดยไม ต อ งกํ า จั ด ตั ด ราก ; และเข า ใจตั ว เองว า น อ มไปแล ว สู นิ พ พานโดยชอบ ดัง นี ้ แตแ ลว ก็ม ากระทํ า ผิด ในสิ ่ง ที ่ไ มเ ปน สบายแกก ารนอ มไปในนิพ พานั ้น ทั ้ง ทางตา หู จมูก ลิ้ น กาย ใจ จนราคะเกิ ด ขึ้ น เสี ย บแทง ถึ ง แก ค วามตายในอริ ย วิ นั ย , จึ ง เรี ย กว า เขาล ม ลงตาย ตรงหนาประตูแหงพระนิพพานนั่นเอง).
ผูหลุดพนไดเพระาไมยึดมั่นถือมั่น ในกาลไหน ๆ ทานเหลาใด เห็นภัยในความยึดถืออันเปนตัว เหตุใหเกิดและใหตายแลว เลิกยึดมั่นถือมั่นหลุดพ นไปได เพราะ อาศัยนิพพานอันเปนธรรมที่สิ้นไปแหงความเกิดความตาย; เหลาทาน ผูเชนนั้น ยอมประสพความสุดข ลุพระนิพพานอันเปนธรรมเกษม เปน ผูดับ เย็น ได ในป จจุบั น นี้ เอง ล วงเวรล วงภั ยทุ ก อยางเสี ยได และ กาวลวงเสียได ซึ่งความเปนทุกขทั้งปวง.
www.buddhadasa.info - อุปริ. ม. ๑๔/๓๔๖/๕๒๕.
ผูกําลังโนมเอียงไปสูนิพพาน
ภิก ษุ ท.! คงคานที ลุ ม ไปทางทิศ ตะวัน ออก ลาดไปทางทิศ ตะวัน ออก เทไป ทางทิศ ตะวัน ออก ขอ นี ้ฉ ัน ใด ; ภิก ษุ ท.! ภิก ษุเ จริญ ฌ านสี ่อ ยู กระทํ า ฌานสี่ ใ ห ม ากอยู ก็ ย อ มเป น ผู ลุ ม ไปทางนิ พ พาน ลาดไปทางนิ พ พานเทไป ทางนิพพาน ฉันนั้นก็เหมือนกัน.
๖๕๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ เจริ ญ ฌานสี่ อ ยู กระทํ า ฌานสี่ ใ ห ม ากอยู ย อ มเป น ผูลุมไปทางนิพพาน ลาดไปทางนิพพาน เทไปทางนิพพาน เปนอยางไรเลา ? ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ สงั ด แล ว จากกามทั้ ง หลาย สงั ด แล ว จาก อกุ ศ ลธรรมทั้ ง หลายเข า ถึ ง ปฐมฌาน อั น มี วิ ต กวิ จ าร มี ป ติ แ ละสุ ข อั น เกิ ด จาก วิเ วก แลว แลอยู ; เพราะความที ่ว ิต กวิจ ารทั ้ง สองระงับ ลง เขา ถึง ทุต ิย ฌาน เปน เครื ่อ งผอ งใสใจในภายใน ใหส มาธิเ ปน ธรรมอัน เอกผุด มีขึ ้น ไมม ีว ิต ก ไมม ีว ิจ าร มีแ ตป ต ิแ ละสุข อัน เกิด จากสมาธิ แลว แลอยู ; อนึ ่ง เพราะความ จางคลายไปแห งป ติ ย อ มเป น ผู อ ยู อุ เบกขา มี สิ ต และสั ม ปชั ญ ญะ และย อ มเสวย ความสุข ดว ยนามกาย ชนิด ที ่พ ระอริย เจา ทั ้ง หลาย ยอ มกลา วสรรเสริญ ผู นั ้น วา "เป น ผู อ ยู อุ เบกขา มี ส ติ อยู เป น ปรกติ สุ ข " ดั ง นี้ เข า ถึ ง ตติ ย ฌาน แล ว แลอยู ; เพราะละสุ ข เสี ย ได และเพราะละทุ ก ข เสี ย ได เพราะความดั บ ไปแห ง โสมนั ส และ โทมนั ส ทั้ ง สองในกาลก อ น เข า ถึ ง จตุ ต ถฌาน อั น ไม มี ทุ ก ข ไม มี สุ ข มี แ ต ค วามที่ สติเปนธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แลวแลอยู.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! อย า งนี้ แ ล ภิ ก ษุ เ จริ ญ ฌ านสี่ อ ยู กระทํ า ฌ านสี่ ใ ห ม าก อยูยอมเปนผูลุมไปทางนิพพาน ลาดไปทางนิพพาน เทไปทางนิพพาน.
- มหาวาร. สํ. ๑๙/๓๙๒/๑๓๐๑-๑๓๐๒.
ผูปฏิบัติเพื่อความดับเย็นเปนนิพพาน ภิ ก ษุ ท.! รู ป เวทนา สั ญ ญา สั ง ขาร วิ ญ ญาณ ที่ ล ว งไปแล ว ก็ ดี ที่ จ ะมาข างหน าก ดี ล วนเป น ของ ไม เที่ ย ง, จั ก กล าวไปใย ถึ งรูป เวทนา สั ญ ญา สังขาร วิญญาณ ที่เปนปจจุบันนี้เลา.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๕๕
ภิ ก ษุ ท.! รู ป เวทนา สั ญ ญา สั ง ขาร วิ ญ ญาณ ที่ ล ว งไปแล ว ก็ ดี ที่จ ะมาขา งหนา ก็ดี ลว นเปน ของที ่ คงอยูอ ยา งนั ้น ไมไ ด เปน ทุก ข, จัก กลา ว ไปใย ถึงรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่เปนปจจุบันนี้เลา. ภิก ษุ ท.! รูป เวทนา สัญ ญา สัง ขาร วิญ ญาณ ที ่ล ว งไปแลว ก็ดี ที ่จ ะมาขา งหนา ก็ด ี ลว นเปน ของที ่ ไมใ ชต ัว ไมใ ชต น, จัก กลา วไปใย ถึง รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่เปนปจจุบันนี้เลา. ภ ิก ษ ุ ท .! อ ริย ส าวก ใน ธรรม วิน ัย นี ้ ผู ม ีก ารส ดับ แลว เห็น อ ยู อย า งนี้ ย อ ม หมดอาลั ย ยิ น ดี ใน รูป เวทนา สั ญ ญา สั ง ขาร วิ ญ าณ ที่ ได ล ว ง ไปแลว , ยอ ม ไมน ึก เพลิน เกี ่ย วกับ รูป เวทนาสัญ ญา สัง ขาร วิญ ญาณ ที ่จ ะ มีม า, แตจ ัก เปน ผู ป ฏิบ ัต ิ เพื ่อ หนา ย เพื ่อ คลายออก เพื ่อ ไดด ับ สนิท เสีย ซึ ่ง รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่เปนปจจุบันนี้แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๕-๖/๓๖-๘.
www.buddhadasa.info ผูรูความลับของปยรูป-สาตรูป
ภิ ก ษุ ท.! ก็ ส มณ ะหรื อ พราหมณ เหล า ใดเหล า หนึ่ ง บรรดามี ใ น ครั้ ง อดี ต กาล นานไกลมา ได เห็ น อารมณ อั น เป น ที่ รั ก ที่ ชื่ น ใจในโลก โดยความ เปน ของไมเ ที ่ย ง เปน ทุก ข เปน สภาพมิใ ชต ัว ตน, เห็น โดยความเปน ของ เสีย บแทง เปน ภัย นา กลัว แลว ; สมณ ะหรือ พราหมณเ หลา นั ้น ก็ล ะตัณ หา ไดแลว.
๖๕๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภ ิก ษ ุ ท .! ก็ส ม ณ ะห รือ พ ราห ม ณ เ ห ลา ใด เห ลา ห นึ ่ง บ รรด าที ่จ ะมี ใน อ น าค ต หากไดเ ห็น อารมณ อ ัน เปน ที ่ร ัก ที ่ชื ่น ใจในโลก โดยความเปน ของ ไมเ ที ่ย ง เปน ทุก ข เปน สภาพมิใ ชต ัว ตน, เห็น โดยความเปน ของเสีย บแทงเป น ภัยนากลัว แลว; สมณะหรือพราหมณเหลานั้น ก็จักละตัณหาได. ภิ ก ษุ ท.! แม ส มณ ะหรื อ พ ราหมณ เหล า ใดเหล า หนึ่ ง บรรดาที่ มี ใ น ป จ จุ บั น นี้ เห็ น อยู ซึ่ ง อารมณ อั น เป น ที่ รั ก ที่ ชื่ น ใจในโลก โดยความเป น ของไม เ ที ่ย ง เปน ทุก ข เปน ส ภ าพ มิใ ชต ัว ตน , เห็น โดยความ เป น ของเสีย บ แทง เปน ภั ย น า กลัว แลว ; สมณะหรือพราหมณเหลานั้น ยอมละตัณหาได. ภิก ษุ ท.! สม ณ ะห รือ พ ราห ม ณ เ หลา ใด ละตัณ ห าได, สมณ ะ หรือ พราหมณเ หลา นั ้น ยอ มละอุป ธิไ ด; เมื ่อ ละอุป ธิไ ด ก็ย อ มละทุก ขไ ด ; เมื่ อ ละทุ ก ข ได ก็ ย อ มพ น จากชาติ ชรา มรณะโสกะ ปริ เทวะ ทุ ก ขะ โทมนั ส และอุ ป ายาส ; เราตถาคตกล าววาสมณหรือ พราหมณ เหล านั้ น พ น จากทุ ก ข ได ดังนี้แล. - นิทาน. สํ. ๑๖/๑๓๔/๒๖๑.
www.buddhadasa.info ผูมีจิตอันหาขอบเขตมิได
ภิ ก ษุ ท.! ตลอดกาลเพี ย งใด ที่ สั ต ว ทั้ ง หลาย ยั ง ไม ไ ด รู ยิ่ ง ตามเป น จริง ซึ ่ง รสอรอ ย ของอุป าทานขัน ธห า เหลา นี ้ โดยความเปน รสอรอ ย. ยัง ไมไ ด รู ยิ ่ง ตามเปน จริง ซึ ่ง โท ษ ของอุป าทานขัน ธห า โดยความ เปน โทษ , ยัง ไมไ ด รู ยิ ่ง ตามเปน จริง ซึ ่ง อุบ ายออกพ น ไป ไดจ ากอุป าทานขัน ธห า โดยความเปน อุบายใหออกพนไป;
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๕๗
ภิก ษุ ท.! ตลอดกาลเพีย งนั ้น สัต วทั ้ง หลาย ก็ ยัง ไมชื ่อ วา เปน ผู ไดแ ลน หลุด ออกไป. ยัง ไมชื ่อ วา ปน ผู ป ราศจากเครื ่อ งเกี ่ย วเกาะหลุด พน แลว , ยัง เปน ผู ม ีใ จอัน อยูใ นขอบเขตโลกนี ้ ขอบเขตเทวโลก มารโลก พรหมโลก. ยั ง อยู ใ นขอบเขตของหมู สั ต ว หมู ส มณะ หมู พ ราหมณ และในขอบเขตของเหล า เทวดาและมนุษย อยูนั่นเอง. ภิก ษุ ท.! เมื ่อ ใดแล สัต วทั ้ง หลาย มารู ยิ ่ง ตามเปน จริง แลว ซึ ่ง รส อ รอ ย ขอ งอุป าท าน ขัน ธห า โด ย ค วาม เปน รส อ รอ ย , ไดร ูยิ ่ง ต าม เปน จริง ซึ ่ง โทษ ของอุป าทานขัน ธห า โดยความเปน โทษ, ไดรู ยิ ่ง ตามเปน จริง ซึ่ง อุบายออกพนไปได จากอุปาทานขันธหา โดยความเปนอุบายใหออกพนไป; ภิก ษุ ท.! เมื ่อ นั ้น แหละ สัต วเ หลา นั ้น ชื ่อ วา เปน ผู ไดแ ลน ห ลุด ออกไป เป น ผู ป ราศจากเครื่ อ งเกี่ ย วเกาะ หลุ ด พ น แล ว เป น ผู มี ใจอั น หาขอบเขตมิ ได เปน อ ยู ใ น ด ล ก นี ้ ใน เท วโล ก ม ารโล ก พ รห ม โล ก , เปน อ ยู ใ น ห มู ส ัต ว หมูสมณะ หมูพราหมณ ในเหลาเทวดาและมนุษยทั้งหลาย ดังนี้.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. /๑๗/๓๘/๖๓.
ความรูสึกในใจของผูชนะตัณหาได
เมื่อเรายังไมพบญาณ ก็ไดแลนทองเที่ยวไปในสงสารเปน อเนกชาติ, แสวงหาอยูซึ่งนายชางปลูกเรือน คือตัณหาผูสรางภพ, การเกิดทุกคราวเปนทุกขร่ําไป.
๖๕๘
อริยสัจจากพระโอษฐ นายช างผู ปลู กเรื อนจํ าเอ ย! ฉั นรู จั กแกเสี ยแล ว; เจ าจะทํ า เรือนใหเราไมไดอีกตอไป. โครงเรือนทั้งหมดของเจา เราหักเสียแลว; ยอดเรือนเราก็รื้อเสียแลว. จิตของเราถึงแลว ซึ่งสภาพที่อะไรปรุง แตงไมไดอีกตอไป เพราะถึงความสิ้นไปแหงตัณหาเสียแลว
- ธ. ขุ. ๒๕/๓๕/๒๑.
พระอริยบุคคล มีอันดับเจ็ด ภิ กษุ ท .! บุ ค ค ล เจ็ ด จํ า พ วก เห ล านี้ มี อ ยู ห าได อ ยู ใน โล ก . เจ็ ด จํ า พวกอย า งไรเล า ? เจ็ ด จํ า พวก คื อ อุ ภ โตภาควิ มุ ต ต ป ญ ญาวิ มุ ต ต กายสั ก ขี ทิฏฐิปปตต สัทธาวิมุตต ธัมมานุสารี สัทธานุสารี. ๑. ผูอุภโตภาควิมุตต ภิก ษุ ท.! บุค คลผู เ ปน อุภ โตภาควิม ุต ต (ผู ห ลุด พน โดยสว นทั ้ง สอง) เปนอยางไรเลา ?
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! ในกรณ ีนี ้ บุค คลบางคน ถูก ตอ งวิโ ม กขทั ้ง ห ลาย อัน ไม เ กี่ ย วกั บ รู ป เพราะก า วล ว งรู ป เสี ย ได อั น เป น วิ โ มกข ที่ ส งบรํ า งั บ , ด ว ยนามกาย แลว แลอยู (นี ้อ ยา งหนึ ่ง ); และ อาสวะทั ้ง หลายของเขานั ้น สิ ้น ไปรอบ แ ล ว เพ ราะ เห ็น แ จง ด ว ย ป ญ ญ า (นี ้อ ีก อ ยา งห นึ ่ง ). ภ ิก ษ ุ ท .! นี ้เ ราก ล า ววา บุค ค ล ผู เ ปน อุภ โต ภ าค วิม ุต ต. ภิก ษุ ท .! สํ า ห รับ ภิก ษุนี ้ เราไมก ลา ววา ยัง มีอ ะไร ๆ เหลือ อยู ที ่เธอตอ งทํ า ดว ยความไมป ระมาท. ขอ นั ้น เพราะเหตุไร เล า ? เพราะเหตุว า กิจ ที ่ต อง ทํ า ดว ยความไมป ระมาท เธอทํ า เสร็จ แลว , และ เธอเปนผูไมอาจที่จะเปนผูประมาทไดอีกตอไป
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๕๙
ผูอุภโตภาควิมุตโดยสมบูรณ ๑ (ผู อุ ภ โตภาควิ มุ ต ต หมายความว า ผู มี ค วามคล อ งแคล ว ในวิ โมกข แ ปด และหลุ ด พ น แลวดวยเจโตวิมุตติปญญาวิมุตติอันหาอาสวะมิได. สําหรับวิโมกขแปดมีรายละเอียดดับนี้คือ :-)
อ า น น ท ! วิโ ม ก ขแ ป ด เห ลา นี ้แ ล มีอ ยู . แ ป ด เห ลา ไห น เลา ? แปดคือ :(๑) ผู มี รู ป (ซึ่ ง เป น อารมณ ข องสมาธิ ) ย อ มเห็ น รู ป ทั้ ง หลาย (อั น เปนสมาธินิมิตเหลานั้น) นี้คือ วิโมกขที่หนึ่ง. (ยอมมีวิโมกข คือพนจากอิทธิพลของนิวรณทั้งหลาย)
(๒) ผู ไ ม มี สั ญ าในรู ป ซึ่ ง เป น ภายใน (เพื่ อ เป น อารมณ ข องสมาธิ ) ยอมเห็นรูปทั้งหลายอันเปนภายนอก (เพื่อเปนอารมณของสมาธิ) : นี้คือ วิโมกขที่ สอง. (ยอมมีวิโมกข คือพนจากอิทธิพลของนิวรณทั้งหลาย).
(๓) เปน ผู น อ มใจ (ไปในรูป นิม ิต แหง สมาธิ) ดว ยความรู ส ึก วา " งาม" เทานั้น : นี้คือ วิโมกขที่สาม.
www.buddhadasa.info (ย อ มมี วิ โมกข คื อ พ น จากอิ ท ธิ พ ลของนิ ว รณ ทั้ ง หลาย โดยเฉพาะอย า งยิ่ ง จากการรบ กวนของความรูสึกวาเปนปฏิกูลในสิ่งที่เปนปฏิกูล)
(๔) เพราะก าวล วงเสี ยได ซึ่ งรู ป สั ญ ญาทั้ งหลายโดยประการทั้ งปวง เพราะความดับไปแหงปฏิฆสัญญาทั้งหลาย เพราะไมใสใจนานัตตสัญญาทั้งหลาย เปนผูเขาถึงอากาสานัญจายตนะ อันมีการทําในใจวา "อากาศไมมีที่สุด" ดังนี้ แลวแลอยู : นี้คือ วิโมกขที่สี่.
๑. มหา.ที. ๑๐/๘๓/๖๖.
๖๖๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
(ย อ มมี วิ โมกข คื อ พ น จากอิ ท ธิ พ ลของรู ป สั ญ ญา ซึ่ งทํ าความผู ก พั น อยู ในรู ป ทั้ งหลาย อันใหเกิดการกระทบกระทั่งกับสิ่งที่เปนรูปนั่นเอง).
(๕) เพราะก าวล วงเสี ยได ซึ่ งอากาสานั ญ จาตนะโดยประการทั้ งปวง เปนผูเขาถึงวิญญาณัญจายตนะ อันมีการทําในใจวา "วิญญาณไมมีที่สุด" ดังนี้ แลวแลอยู : นี้คือ วิโมกขที่หา. (ย อ มมี วิ โ มกข คื อ พ น จากอิ ท ธิ พ ลของอากาสานั ญ จายตนสั ญ า ซึ่ ง ทํ า ความผู ก พั น อยูในอรูปประเภทแรกคืออากาสานัญจายตนะนั่นเอง).
(๖) เพราะก าวล วงเสี ยได ซึ่ งวิญ ญาณั ญ จายตนะโดยประการทั้ งปวง เปนผูเขาถึงอากิญจัญญายตนะ อันมีการทําในใจวา "อะไร ๆ ไมมี" ดังนี้ แลว แลอยู : นี้คือ วิโมกขที่หก. (ย อ มมี วิ โมกข คื อ พ น จากอิ ท ธิ พ ลของวิ ญ ญาณั ญ จายตนสั ญ ญา ซึ่ ง ทํ า ความผู ก พั น อยูในอรูปประเภทที่สองคือวิญญาณัญจายตนะนั่นเอง).
(๗) เพราะกา วลว งเสีย ไดซึ ่ง อากิญ จัญ ญายตนะโดยการทั ้ง ปวง เปนผูเขาถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะ แลวแลอยู : นี้คือ วิโมกขที่เจ็ด. (ย อมมี วิ โมกข คื อพ นจากอิ ทธิ พลของอากิ ญ จั ญ ญายตนะสั ญ ญา ซึ่ งทํ าความผู กพั นอยู ในอรูปประเภทที่สามคืออากิญจัญญายตนะนั่นเอง).
(๘) เพราะก าวล วงเสี ยได ซึ่ งเนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนะโดยประการ ทั้งปวง เปนผูเขาถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ แลวแลอยู : นี้คือ วิโมกขที่แปด.
www.buddhadasa.info (ย อมมี วิ โมกข คื อพ น จากอิ ท ธิ พลของเนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนสั ญ ญา ซึ่ งทํ าความผู ก พันอยูในอรูปประเภทที่สี่คือเนวสัญญานาสัญญายตนะนั่นเอง).
อานนท ! เหลานี้แล วิโมกขแปด. อานนท ! ในกาลใดแล ภิ ก ษุ เข า สู วิ โ มกข แ ปดเหล า นี้ โดยอนุ โ ลม บ า ง โดยปฏิ โ ลมบ า งทั้ ง โดยอนุ โลมและปฏิ โลมบ า ง เข า บ า ง ออกบ า ง ได ต ามที่ ที่ตองการ ตามสิ่งที่ตองการ ตามเวลาที่ตองการ ; กระทําใหแจงซึ่งเจโตวิมุติ-
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๖๑
ป ญ ญาวิ มุ ติ อั น หาอาสวะมิ ไ ด เพราะความสิ้ น ไปแห ง อาสวะทั้ ง หลาย ด ว ย ปญ ญ าอัน ยิ ่ง เอง ในทิฏ ฐธรรมนี ้ เขา ถึง แลว แลอยู . อานนท ! ภิก ษุนั ้น แล ชื่อวา อุภโตภาควิมุตต (ผูหลุดพนแลวโดยสวนสอง). อานนท ! อุภโตภาควิมุตติอื่นที่ยิ่งกวาประณี ตกวาอุภโตภาควิมุตตินี้ ยอมไมมี. ผูอุภโตภาควิมุตต (ตามคําของพระอานนท)๑ "อาวุ โส ! มี คํ ากล าวกั นอยู ว า 'อุ ภโตภาควิ มุ ตต อุ ภโตภาควิ มุ ตต ' ดั งนี้ . อาวุ โส ! อุ ภโตภาควิ มุ ตต นี้ พระผู มี พระภาคตรัสไว ด วยเหตุ มี ประมาณเท าไรหนอแล?" (พระอุทายีถามพระอานนท, พระอานนทเปนผูตอบ).
อาวุโส! ภิ กษุ ในกรณี้ นี้ สงัดแลวจากกาม สงัดแล วจากอกุ ศลธรรม เขาถึง ปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปติและสุข อันเกิดจากวิเวก แลวแลอยู. อนึ่ง อายตนะคือฌานนั้น (เปนธรรมารมรณมีรสและกิจเปนตน) ฉันใดๆ, เธอถูกตอง ธรรมารมณนั้น (โดยรสและกิจเปนตน) ฉันนั้นๆ ดวยนามกาย แลวแลอยู. และ เธอรูทั่วถึงธรรม (คือปฐมฌานนั้น) ดวยปญญา. อาวุโส ! อุภโตภาควิมุตตอัน พระผูมีพระภาคตรัสไว ดวยเหตุมีประมาณเทานี้แล เมื่อกลาว โดยปริยาย.
www.buddhadasa.info (ในกรณี แห ง ทุ ติ ยฌาน ตติ ยฌาน จตุ ตถฌาน อากาสานั ญ จายตนะ วิ ญ ญาณั ญ จายตนะอากิ ญ จั ญ ญายตนะ และเนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนะ มี ข อ ความที่ ก ล า วไว โดยทํ า นอง เดียวกันกับขอความในกรณีแหงปฐมฌาน ทุกประการ และในฐานะเปนอุภโตภาควิมุตต โดย
๑. นวก. อํ. ๒๓/๔๗๔/๒๔๙.
๖๖๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ปริ ย าย. ส ว นสั ญ ญ าเวทยิ ต นิ โ รธซึ่ ง มี ก ารสิ้ น อาสวะนั้ น กล า วไว ใ นฐานะเป น อุ ภ โตภาควิ มุ ต ต โดยนิปปริยาย ดวยขอความดังตอไปนี้ :-)
อาวุ โส ! นั ย อื่ น อี ก มี อ ยู : ภิ ก ษุ ก าวล ว งเสี ย ซึ่ งเนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนะโดยประการทั ้ง ปวง เขา ถึง สัญ ญาเวทยิต นิโ รธ แลว แลอยู. อนึ ่ง เพราะเห็ นดวยป ญญา อาสวะทั้งหลายของเธอนั้นก็สิ้นไปรอบ . อนึ่ ง อายตนะ คือสัญ ญาเวทยิตนิโรธนั้น (เปนธรรมารมณมีรสและกิจเปนตน ) ฉันใดๆ, เธอ ถูกตองธรรมารมณนั้น (โดยรสและกิจเปนตน) ฉันนั้นๆ ดวยนามกายแลวแลอยู. และเธอรู ทั ่ว ถึง ธรรม (คือ สัญ ญาเวทยิต นิโ รธนั ้น ) ดว ยปญ ญา. อาวุโ ส ! อุภ โตภาควิมุ ต ต อั น พระผู มี พ ระภาคตรัส ไว ด วยเหตุ มี ป ระมาณเท านี้ แล เมื่ อ กลาว โดยนิปปริยาย. ๒. ผูปญญาวิมุตต ภิ กษุ ท.! บุ ค คลผู เป น ป ญ ญาวิ มุ ต ต (ผู หลุ ดพ นด วยป ญ ญา) เป น อย างไร เลา ?
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! ในกรณ ีนี ้ บุค คลบางคน, วิโ มกขเ หลา ใดอัน ไมเ กี ่ย วกับ รูป เพ รา ะ กา ว ลว งรูป เสีย ได อัน เปน วิโ ม ก ขที ่ส งบ รํ า งับ มีอ ยู , เข า ห า ได ถู ก ต อ งวิ โมกข เหล า นั้ น ด ว ยนามกายแล ว แลอยู ไม แต ว า อาสวะทั้ ง หลายของ เขานั้ น สิ้ น ไปรอบแล ว เพราะเห็ น แจ ง ด ว ยป ญ ญ า. ภิ ก ษุ ท.! นี้ เ รากล า วว า บุค คลผู เ ปน ปญ ญ าวิม ุต ต. ภิก ษุ ท.! สํ า หรับ ภิก ษุแ มนี ้ เราก็ไ มก ลา ววา ยั ง มีอะไร ๆ เหลือ อยู ที่เธอตองทํ าดวยความไม ป ระมาท. ขอนั้นเพราะเหตุไรเลา? เพราะเหตุ ว า กิ จ ที่ ต อ งทํ า ด ว ยความไม ป ระมาท เธอทํ า เสร็ จ แล ว , และเธอเป น ผู ไมอาจที่จะเปนผูประมาทไดอีกตอไป.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๖๓
(ผูปญญาวิมุตต อีกนัยหนึ่ง๑) อานนท ! วิ ญ ญ าณ ฐิ ติ เจ็ ด เหล า นี้ และ อ ายต น ะส อ ง มี อ ยู . วิญญาณฐิติเหลาไหนเลา ? วิญญาณฐิติเจ็ดคือ :๑. อานนท ! สั ต ว ทั้ ง หลาย มี ก ายต า งกั น มี สั ญ ญาต า งกั น มี อ ยู ; ได แ ก ม นุ ษ ย ทั้ ง หลาย, เทวดาบางพวก และวิ นิ บ าตบางพวก : นี้ คื อ วิ ญ ญาณฐิติ ประเภทที่หนึ่ง. ๒. อานนท ! สัต วทั ้ง หลาย มีก ายตา งกัน มีส ัญ ญาอยา งเดีย วกัน มีอ ยู ; ไดแ กพ วกเทพผู น ับ เนื ่อ งอยู ใ นหมู พ รหมที ่บ ัง เกิด โดยปฐมภูม ิ และสัต ว ทั้งหลายในอบายทั้งสี่ : นี้คือ วิญญาณฐิติ ประเภทที่สอง. ๓. อานนท ! สัต วทั ้ง หลาย มีก ายอยา งเดีย วกัน มีส ัญ ญาตา งกัน มีอยู; ไดแกพวกเทพอาภัสสระ : นี้คือ วิญญาณฐิติ ประเภทที่สาม. ๔. อานนท ! สั ต ว ทั้ ง หลาย มี ก ายอย า งเดี ย วกั น มี สั ญ ญาอย า ง เดียวกัน มีอยู; ไดแก พวกเทพสุภกิณหะ : นี้คือ วิญญาณฐิติ ประเภทที่สี่. ๕. อานนท ! สัต วทั ้ง หลาย, เพ ราะกา วลว งเสีย ไดซึ ่ง รูป สัญ ญ า โดยประการทั้ ง ปวง เพราะความดั บ ไปแห ง ปฏิ ฆ สั ญ ญา เพราะไม ใ ส ใ จนานั ต ตสั ญ ญา จึ ง เข า ถึ ง อากาสานั ญ จายตนะ มี ก ารทํ า ในใจว า "อากาศไม มี ที่ สุ ด " ดั ง นี้ มีอยู : นี้คือ วิญญาณฐิติ ประเภทที่หา. ๖. อานนท ! สั ต ว ทั้ ง หลาย, เพราะก า วล ว งเสี ย ได ซึ่ ง อากาสานั ญ จายตนะโดยประการทั ้ง ปวง จึง เขา ถึง วิญ ญาณัญ จายตนะ มีก ารทํ า ในใจวา "วิญญาณไมมีที่สุด" ดังนี้ มีอยู : นี้คือ วิญญาณฐิติ ประเภทที่หก.
www.buddhadasa.info
๑. มหา.ที.๑๐/๘๑-๘๓/๖๕.
๖๖๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
๗. อานนท ! สั ต ว ทั้ ง หลาย, เพราะก า วล ว งเสี ย ได ซึ่ ง วิ ญ ญ าณั ญ จายตนะโดยประการทั ้ง ปวง จึง เขา ถึง อากิญ จัญ ญายตนะ มีก ารทํ า ในใจวา "อะไรๆไมมี" ดังนี้ มีอยู : นี้คือ วิญญาณฐิติ ประเภทที่เจ็ด. สวน อายตนะอีกสอง นั้น คือ อสัญญีสัตตายตนะ ที่หนึ่ง เนวสัญญานาสัญญายตนะ ที่สอง. อานนท ! ในบรรดาวิ ญ ญาณฐิ ติ เจ็ ด และอายตนะสอง (รวมเป น เก า ) นั ้น : วิญ ญ าณ ฐิต ิป ระเภทที ่ห นึ ่ง อัน ใด มีอ ยู , คือ สัต วทั ้ง หลาย มีก าย ต า งกั น มี สั ญ ญาต า งกั น ได แ ก ม นุ ษ ย ทั้ ง หลาย, เทวดาบางพวก และวิ นิ บ าต บางพวก. อานนท ! ผู ใ ดรู ช ัด วิญ ญ าณ ฐิต ิที ่ห นึ ่ง นั ้น รู ช ัด การเกิด (สมุท ัย ) แหง สิ ่ง นั ้น รู ช ัด ความดับ (อัต ถัง คมะ) แหง สิ ่ง นั ้น รู ช ัด รสอรอ ย (อัส สาทะ) แหง สิ ่ง นั ้น รู ช ัด โทษต่ํ า ทราม (อาทีน วะ) แหง สิ ่ง นั ้น และรู ช ัด อุบ ายเปน เครื ่อ งออก (นิ ส สรณ ะ) แห ง สิ่ ง นั้ น ดั ง นี้ แ ล ว ควรหรื อ หนอที่ ผู นั้ น จะเพ ลิ ด เพ ลิ น ยิ่ ง ซึ่ ง วิญญาณฐิติที่หนึ่ง นั้น? "ขอนั้น เปนไปไมได พระเจาขา !"
www.buddhadasa.info (ในกรณี แหง วิญญาณฐิติที่สอง วิญญาณฐิติที่สาม วิญญานฐิติ ที่สี่ วิญญาณฐิติที่ห า วิญญาณฐิติที่หก วิญญาณฐิติที่เจ็ด และ อสัญญี สัตตายตนะที่หนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเฉพาะอยางดังที่ กล า วแล ว ข า งต น ก็ ไ ด มี ก ารอธิ บ าย ตรั ส ถาม และทู ล ตอบ โดยข อ ความทํ า นองเดี ย วกั น กั บ ใน กรณีแ หง วิญ ญาณฐิต ิที ่ห นึ ่ง นั ้น ทุก ประการ ตา งกัน แตชื ่อ แหง สภาพธรรมนั ้น ๆเทา นั ้น . สว นเนว สัญญานาสัญญายตนะที่สองนั้น จะไดบรรยายดวยขอความเต็มอีกครั้งหนึ่ง ดังตอไปนี้ :-)
อานนท ! ในบรรดาวิ ญ ญาณฐิ ติ เจ็ ด และอายตนะสอง (รวมเป น เก า ) นั้ น : เนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนะ อั น ใด มี อ ยู , อานนท ! ผู ใ ดรู ชั ด
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๖๕
เนวสัญ ญานาสัญ ญายตนะนั ้น รู ช ัด การเกิด แหง สิ ่ง นั ้น รู ช ัด การดับ แหง สิ ่ง นั ้น รู ช ัด รสอรอ ยแหง สิ ่ง นั ้น รู ช ัด โทษ อัน ต่ํ า ทรามแหง สิ ่ง นั ้น และรู ช ัด อุบ ายเปน เค รื ่อ งอ อ ก แหง สิ ่ง นั ้น ดัง นี ้แ ลว ค วรห รือ ห น อ ที ่ผู นั ้น จะเพ ลิด เพ ลิน ยิ ่ง ซึ ่ง เนวสัญญานาสัญญายตนะนั้น ? "ขอนั้น เปนไปไมได พระเจาขา !" อานนท ! เมื ่อ ใดแล ภิก ษุรูแ จง ชัด ตามเปน จริง ซึ ่ง การเกิด การ ดับ รสอรอย โทษอันต่ําทราม และอุบายเปนเครื่องออก แหงวิญญาณฐิติเจ็ด เหลานี้ และแหงอายตนะสองเหลานี้ดวย แลวเปนผูหลุดพนเพราะความไมยึดมั่น ; อานนท ! ภิกษุนี้เรากลาววา เปนปญญาวิมุตต. ผูปญญาวิมุตต (ตามคําของพระอานนท)๑ "อาวุ โส ! มี คํ ากล าวกั นอยู ว า 'ป ญญาวิ มุ ตต ป ญญาวิ มุ ตต ดั งนี้ . อาวุ โส ! ป ญ ญาวิ มุ ตต นี้ พระผู มี พระภาคตรั สไว ด วยเหตุ มี ประมาณเท าไรหนอแล?" (พระอุ ทายี
www.buddhadasa.info ถามพระอานนท, พระอานนทเปนผูตอบ).
อาวุโส ! ภิกษุในกรณี นี้ สงัดแลวจากกาม สงัดแลวจากอกุศลธรรม เขา ถึง ปฐมฌาน อัน มีวิต กวิจ าร มีป ต ิแ ละสุข อัน เกิด จากวิเวก แลว แลอยู. และเธอรูทั่ วถึ งธรรม (คื อ ปฐมฌานนั้ น ) ด วยป ญ ญา. อาวุโส ! ป ญ ญาวิมุ ต ต อันพระผูมีพระภาคตรัสไว ดวยเหตุมีประมาณเทานี้แล เมื่อกลาว โดยปริยาย.
๑. นวก. อํ. ๒๓/๔๗๓/๒๔๘.
๖๖๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
(ในกรณี แห ง ทุ ติ ยฌาน ตติ ยฌาน จตุ ตถฌาน อากาสานั ญจายตนะ วิญญาณั ญจายตนะ อากิ ญ จั ญ ญายตนะ และ เนวสั ญ ญานาสั ญ ายตนะ มี ขอ ความที่ ก ลา วไวโดยทํ านอง เดี ย วกั น กั บ ข อ ความในกรณี แห ง ปฐมฌาน ทุ ก ประการ และในฐานะเป น ป ญ ญ าวิ มุ ต ต โดย ปริยาย. สวน สั ญ ญาเวทยิต นิโรธ ซึ่งมีการสิ้นอาสวะนั้น กลาวไวในฐานะเป น ปญ ญาวิมุตต โดย นิปปริยาย ดวยขอความดังตอไปนี้:-)
อาวุโส ! นัยอื่นอีกมีอยู : ภิกษุกาวลวงเสียซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะโดยประการทั้งปวง เขาถึง สัญญาเวทยิตนิโรธ แลวแลอยู, อนึ่งเพราะ เห็นดวยปญญา อาสวะทั้งหลายของเธอนั้นก็สิ้นไปรอบ. และเธอรูทั่วถึงธรรม (คือสัญ ญาเวทยิตนิโรธนั้น) ดวยปญ ญา. อาวุโส ! ปญ ญาวิมุตต อัน พระผูมี พระภาคตรัสไว ดวยเหตุมีประมาณเทานี้แล เมื่อกลาว โดยนิปปริยาย. (ผู ศึ ก ษาพึ งสั งเกตให เห็ น ว า เราสอนกั น อยู แ ละถื อ กั น อยู เป น หลั ก ว า พวกป ญ ญา-วิ มุ ต ต ไ ม อ าจจะเข า ฌานได แต จ ากบาลี ข า งบนนี้ แ สดงให เห็ น ว า พวกป ญ ญาวิ มุ ต ต ส ามารถเข า ฌานได แม ก ระทั่ ง สั ญ ญาเวทยิ ต นิ โ รธ หากแต ไ ม มี ก ารเสวยรสจากธรรมารมณ แ ห ง ฌานนั้ น ๆ ดว ยนามกาย ซึ ่ง เปน การเขา อนุป ุพ พวิห ารสมาบัต ิ เทา นั ้น . ขอ นี ้จ ะยุก ติเ ปน อยา งไร เปน สิ่ ง ที่นักศึกษาควรพิจารณากันดูเองเถิด).
www.buddhadasa.info ๓. ผูกายสักขี
ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลผู เป น กายสั ก ขี (ผู มี ก ารเสวยสุ ข ด ว ยนามกายเป น พยาน) เปนอยางไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ในกรณีนี ้ บุค คลบางคน ถูก ตอ งวิโ มกขทั ้ง หลาย อัน ไมเกี่ยวกับรูปเพราะกาวลวงรูปเสียได อันเปนวิโมกขที่สงบรํางับ, ดวยนาม-
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๖๗
กาย แล ว แลอยู . อนึ่ ง อาสวะทั้ งหลายบางเหล า ของเขานั้ น ก็ สิ้ น ไปรอบแล ว เพ ราะเห็น แลว ดว ยปญ ญ า. ภิก ษุ ท .! ภิก ษุนี ้เ รากลา ววา บุค ค ล ผู เ ปน กายสัก ขี. ภิก ษุ ท.! สํ า หรับ ภิก ษุนี ้ เรากลา ววา ยัง มีอ ะรไ ๆ ที ่เ ธอตอ งทํ า ดว ยความไมป ระมาท. ขอ นั ้น เพราะเหตุไ ร ? เพราะเหตุว า ถา ไฉนทา นผู มี อายุนี ้ จะเสพอยู ซึ ่ง เสนาสนะอัน สมควร จะคบอยู ซึ ่ง กัล ยาณมิต ร จะบม อยู ซึ ่ง อิน ทรีย ทั ้ง หลาย ก็จ ะทํ า ใหแ จง ซึ ่ง ที ่ส ุด แหง พรหมจรรย อัน ไมม ีอ ะไรยิ ่ง กวา ซึ่ ง เป น ประโยชน ที่ ต อ งการของกุ ล บุ ต รผู อ อกบวชจากเรื อ น ไม เกี่ ย วข อ งด ว ยเรื อ น โดยชอบ ได ด ว ยป ญ ญาอั น ยิ่ ง เอง ในทิ ฏ ฐธรรม เข า ถึ ง แล ว แลอยู . ภิ ก ษุ ท.! เรามองเห็ นผลแห งความไม ประมาทข อนี้ สํ าหรับ ภิ กษุ นี้ อยู จึ งกล าวว ายั งมี อ ะไร ๆ ที่เธอนั้นตองทําดวยความไมประมาท ดังนี้. ผูกายสักขี (ตามคําของพระอานนท)๑ "อาวุโส ! มี คํ าล าวกั นอยู วา 'กายสั กขี กายสั กขี' ดั งนี้ . อาวุโส ! กายสั กขี นี้ พระผู มี พระภาคตรัสไว ด วยเหตุ มี ประมาณเท าไรหนอแล ?" (พระอุ ทายี ถามพระ-
www.buddhadasa.info อานนท พระอานนทเปนผูตอบ).
อาวุโส ! ภิกษุในกรณีนี้ สงัดแลวจากกาม สงัดแลวจากอกุศลธรรม เขา ถึง ปฐมฌาน อัน มีวิต กวิจ าร มีปติแ ละสุข อัน เกิด จากวิเ วก แลว แลอยู. อนึ่ง อายตนะคือฌานนั้น (เปนธรรมารมณมีรสและกิจเปนตน) ฉันใด ๆ, เธอ ถูกตองธรรมารมณนั้น (โดยรสและกิจเปนตน) ฉันนั้น ๆ ดวยนามกาย แลวแล อยู.
๑. นวก. อํ. ๒๓/๔๗๒/๒๔๗.
๖๖๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
อาวุโส ! กายสักขี อันพระผูมีพระภาคตรัสไวดวยเหตุมีประมาณเทานี้แล เมื่อ กลาว โดยปริยาย. (ในกรณี แห ง ทุ ติ ยฌาน ตติ ยฌาน จตุ ตถฌาน อากาสานั ญ จายตนะ วิ ญ ญาณั ญ จายตนะ อากิ ญ จั ญ ญายตนะ และ เนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนะ มี ข อ ความที่ กล าวไว โดยทํ านอง เดี ย วกั น กั บ ข อ ความในกรณี แ ห ง ปฐมฌานทุ ก ประการ และในฐานะเป น กายสั ก ขี โดย ปริ ย าย. ส วน สั ญ ญาเวทยิ ต นิ โรธ ชนิ ด ที่ มี ก ารสิ้ น อาสวะนั้ น กล าวไว ในฐานะเป น กายสั ก ขี โดย นิ ป ปริ ย าย ดวยขอความดังตอไปนี้ :-)
อาวุโส ! นั ยอื่ นอี กมี อยู : ภิ กษุ ก าวล วงเสี ยซึ่ งเนวสั ญญานาสั ญญายตนะโดยประการทั้งปวง เขาถึง สัญญาเวทยิตนิโรธ แลวแลอยู. หนึ่ง เพราะ เห็ น ด ว ยป ญ ญา อาสวะทั้ งหลายของเธอนั้ น ก็ สิ้ น ไปรอบ. อนึ่ ง อายตนะคื อ สัญญาวเวทยิตนิโรธนั้น (เปนธรรมารมณมีรสและกิจเปนตน) ฉันใด ๆ, เธอถูก ตองธรรมารมณนั้น (โดยรสและกิจเปนตน) ฉันนั้น ๆ ดวยนามกาย แลวแลอยู. อาวุโ ส ! กายสัก ขี อัน พระผู ม ีพ ระภาคตรัส ไว ดว ยเหตุม ีป ระมาณเทา นี ้แ ล เมื่อกลาว โดยนิปปริยาย.
www.buddhadasa.info (ผู ศ ึก ษ าพ ึง สัง เก ต ให เ ห ็น วา คํ า วา "ก าย สัก ขี-มีก าย เป น พ ย าน " นั ้น ห ม าย ความว า ได เ สวยรสแห ง ฌ านเป น ต น ด ว ยนามกาย คื อ ด ว ยใจของตน ; และคํ า ว า "โดยนิ ป ปริย าย" นั ้น หมายถึง มีก ารสิ ้น อาสวะในกรณ ีนั ้น , ถา ยัง ไมสิ ้น อาสวะ เรีย กไดแ ตเ พีย งวา โดยปริยาย).
๔. ผูทิฏฐิปปตต ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลผู เ ป น ทิ ฏ ฐิ ป ป ต ต (ผู บ รรลุ แ ล ว ด ว ยความเห็ น ลงสู ธ รรม) เปนอยางไรเลา ?
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๖๙
ภิก ษุ ท.! ในกรณ ีนี ้ บุค คลบางคน, วิโ มกขเ หลา ใด อัน ไมเ กี ่ย ว กับ รูป เพราะกา วลว งรูป เสีย ได อัน เปน วิโ มกขที ่ส งบรํ า งับ มีอ ยู , เขา หาได ถู ก ต อ งวิ โกข เหล า นั้ น ด ว ยนามกายแล ว แลอยู ไม แต ว า อาสวะทั้ ง หลายบาง เหล า ของเขานั้ น สิ้ น ไปรอบแล ว เพราะเห็ น แจ ง ด ว ยป ญ ญา. อนึ่ ง ธรรมทั้ ง หลายที่ตถาคตประกาศแลว ก็เปนธรรม อัน เขานั้ น เห็ น ลงแล ว ประพฤติ ล งแล ว ดว ยปญ ญ า. ภิก ษุ ท.! นี ้เ รากลา ววา บุค คผู เ ปน ทิฏ ฐิป ปต ต. ภิก ษุ ท.! สําหรับภิกษุแมนี้ เราก็กลาววายังมีอะไร ๆ ที่เธอตองทําดวยความไมประมาท. ขอ นั ้น เพราะเหตุไ ร ? เพราะเหตุว า ถา ไฉนทา นผู ม ีอ ายุนี ้ จะเสพอยู ซึ ่ง เสนาสนะอัน สมควร จะคบอยู ซึ ่ง กัล ยาณมิต ร จะบม อยู ซึ ่ง อิน ทรีย ทั ้ง หลาย ก็จ ะทํ า ให แ จ ง ซึ่ ง ที่ สุ ด แห ง พรหมจรรย อั น ไม มี อ ะไรยิ่ ง กว า ซึ่ ง เป น ประโยชน ที่ ต อ งการ ของกุ ล บุ ต รผู อ อกบวชจากเรื อ น ไม เ กี่ ย วข อ งด ว ยเรื อ นโดยชอบ ได ด ว ยป ญ ญา อัน ยิ ่ง เอง ใน ทิฏ ฐธรรม เขา ถึง แลว แล อยู . ภิก ษุ ท .! เราม อ งเห็น ผ ล แหง ความไม ป ระมาทข อ นี้ สํ า หรั บ ภิ ก ษุ นี้ อ ยู จึ ง กล า วว า ยั ง มี อ ะไร ๆ ที่ เธอนั้ น ต อ งทํ า ดวยความไมประมาท ดังนี้.
www.buddhadasa.info ๕. ผูสัทธาวิมุตต
ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลผู เป น สั ท ธาวิ มุ ต ต (ผู ห ลุ ด พ น ด วยสั ท ธา) เป น อย างไร
เลา ?
ภิ ก ษุ ท.! ในกรณี นี้ บุ ค คลบางคน, วิ โ มกข เ หล า ใด อั น ไม เ กี่ ย วกับ รูป เพ ราะกา วลว งรูป เสีย ได อัน เปน วิโ ม ก ขที ่ส งบ รํ า งับ มีอ ยู , เขา ห าได ถู ก ต อ งวิ โมกข เหล านั้ น ด วยนามกายแล วแลอยู ไม แต วา อาสวะทั้ งหลายบาง เหลาของเขานั้น สิ้นไปรอบแลว เพราะเห็นแจงดวยปญญษ. อนึ่ง สัทธา ของ
๖๗๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
เขานั้น เปนสัทธาที่ ปลงลงแลวหมดสิ้น มีมูลรากเกิดแลว ตั้งอยูแลวอยางมั่น คงในตถาคต. ภิ ก ษุ ท.! นี้ เ ราเรี ย กว า บุ ค คลผู เป น สั ท ธาวิ มุ ต ต . ภิ ก ษุ ท.! สําหรับภิกษุแมนี้ เราก็กลาววายังมีอะไร ๆ ที่เธอตองทําดวยความไมประมาท. ข อ นั้ น เพราะเหตุ ไ ร ? เพราะเหตุ ว า ถ า ไฉนท า นผู มี อ ายุ นี้ จะเสพอยู ซึ่ ง เสนาสนะอัน สมควร จะคบอยู ซึ ่ง กัล ยาณมิต ร จะบม อยู ซึ ่ง อิน ทรีย ทั ้ง หลาย ก็จ ะทํ า ให แ จ ง ซึ่ ง ที่ สุ ด แห ง พรหมจรรย อั น ไม มี อ ะไรยิ่ ง กว า ซึ่ ง เป น ประโยชน ที่ ต อ งการ ของกุ ล บุ ต รผู อ อกบวชจากเรื อ น ไม เกี่ ย วข อ งด ว ยเรื อ นโดยชอบ ได ด ว ยป ญ ญา อัน ยิ ่ง เอง ในทิฏ ฐธรรม เขา ถึง แลว แลอยู . ภิก ษุ ท.! เรามองเห็น ผลแหง ความไมป ระมาทขอ นี ้ สํ า หรับ ภิก ษุนี ้อ ยู จึง กลา ววา ยัง มีอ ะไร ๆ ที ่เ ธอนั ้น ตอ ง ทําดวยความไมประมาท ดังนี้. ๖. ผูธัมมานุสารี ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลผู เป น ธั ม มานุ ส ารี (ผู แล น ไปตามธรรม) เป น อย า งไร เลา ?
www.buddhadasa.info ภิก ษ ุ ท .! ใน ก รณ ีนี ้ บุค ค ล บ า ง ค น , วิโ ม ก ขเ ห ลา ใด อัน ไม เกี ่ย วกับ รูป เพราะกา วลว งรูป เสีย ได อัน เปน วิโ มกขที ่ส งบรํ า งับ มีอ ยู , เขา หา ได ถูก ต อ งวิโมกขเหล านั้ น ดวยนามกายแลวแลอยู ไม แต วา อาสวะทั้ งหลาย บางเหลา ของเขานั้น สิ ้น ไปรอบแลว เพราะเห็น แจง ดว ยปญ ญา. อนึ่ง ธรรม ทั้งหลาย ที่ตถาคตประกาศแลว ยอม ทนตอการเพงโดยประมาณแหงปญญาของ เขา และ ธรรมทั้ งหลายเหล านี้ ก็ มี แ ก เขา คื อ สั ท ธิน ทรีย วิริยิ น ทรีย สติ น ทรีย สมาธิน ทรีย ปญ ญิน ทรีย . ภิก ษุ ท.! นี ้เ รากลา ววา บุค คลผู เ ปน ธัม ม านุสารี. ภิกษุ ท.! สําหรับภิกษุแมนี้ เราก็กลาววายังมีอะไร ๆ ที่เธอตองทํา
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๗๑
ดว ยความไมป ระมาท. ขอ นั ้น เพราะเหตุไ ร ? เพราะเหตุว า ถา ไฉนทา นผู มี อายุ นี้ จะเสพอยู ซึ่ ง เสนาสนะอั น สมควร จะคบอยู ซึ่ ง กั ล ยาณมิ ต ร จะบ ม อยู ซึ่ ง อิ น ทรี ย ทั้ ง หลาย ก็ จ ะทํ า ให เกิ ด ซึ่ ง ที่ สุ ด แห ง พรหมจรรย อั น ไม มี อ ะไรยิ่ ง กว า ซึ่ ง เป น ประโยชน ที่ ต อ งการของกุ ล บุ ต รผู อ อกบวชจากเรื อ น ไม เกี่ ย วข อ งด ว ยเรื อ น โดยชอบ ไดด ว ยปญ ญาอัน ยิ ่ง เอง ในทิฏ ฐธรรม เขา ถึง แลว แลอยู . ภิก ษุ ท. เรามองเห็ นผลแห งความไม ประมาทข อนี้ สํ าหรับ ภิ กษุ นี้ อยู จึ งกล าวว ายั งมี อ ะไร ๆ ที่เธอนั้นตองทําดวยความไมประมาท ดังนี้. ๗. ผูสัทธานุสารี ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลผู เป น สั ท ธานุ ส ารี (ผูแลน ไปตามสัท ธา) เป น อย างไร เลา ? ภิก ษ ุ ท .! ใน ก รณ ีนี ้ บุค ค ล บ า ง ค น , วิโ ม ก ขเ ห ลา ใด อัน ไม เกี ่ย วกับ รูป เพราะกา วลว งรูป เสีย ได อัน เปน วิโ มกขที ่ส งบรํ า งับ มีอ ยู } เขา หา ไดถ ูก ตอ งวิโมกขเหลา นั ้น ดว ยนามกายแลว แลอยู ไม แตวา อาสวะทั ้ง หลาย บางเหล า ของเขานั้ น สิ้ น ไปรอบแล ว เพราะเห็ น แจ ง ด ว ยป ญ ญา. อนึ่ ง สั ท ธา ตามประมาณ (ที่ควรจะมี) ความรักตามประมาณ (ที่ควรจะมี) ในตถาคต ของ เขาก็ม ี และธรรมเหลา นี ้ก ็ม ีแ กเ ขา คือ สัท ธิน ทรีย วิร ิย ิน ทรีย สติน ทรีย สมาธิน ทรีย ปญ ญิน ทรีย . ภิก ษุ ท.! นี ้เ รากลา ววา บุค คลผู เ ปน สัท ธานุส ารี. ภิก ษุ ท.! สํ า หรับ ภิก ษุแ มนี ้ เราก็ก ลา วา ยัง มีอ ะไร ๆ ที ่เ ธอตอ งทํ า ดว ยความไมป ระมาท. ขอ นั ้น เพราะเหตุไ ร ? เพราะเหตุว า ถา ไฉนทา นผู มี อายุ นี้ จะเสพอยู ซึ่ ง เสนาสนะอั น สมควร จะคบอยู ซึ่ ง กั ล ยาณมิ ต ร จะบ ม อยู ซึ่ ง อินทรียทั้งหลาย ก็จะทําใหแจงที่สุดแหงพรหมจรรยอันไมมีอะไรยิ่งกวา ซึ่ง
www.buddhadasa.info
๖๗๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
เป น ประโยชน ที่ ต อ งการของกุ ล บุ ต รผู อ อกบวชจากเรื อ น ไม เกี่ ย วข อ งด ว ยเรื อ น โดยชอบ ไดด ว ยปญ ญาอัน ยิ ่ง เอง ในทิฏ ฐธรรม เขา ถึง แลว แลอยู . ภิก ษุ ท.! เรามองเห็ นผลแห งความไม ประมาทข อนี้ สํ าหรับ ภิ กษุ นี้ อยู จึ งกล าวว ายั งมี อ ะไร ๆ ที่เธอนั้นตองทําดวยความไมประมาท ดังนี้. - ม. ม. ๑๓/๒๒๙-๒๓๒/๒๓๐-๒๓๗.
ผูอนิมิตตวิหารี โมคคั ล ลานะ ! ก็ ติ ส สพรหม มิ ได แ สดงบุ ค คลที่ เจ็ ด อั น เป น อนิ มิ ต ตวิหารี (ผูอยูดวยวิหารธรรมอันไมมีนิมิต) แกเธอดอกหรือ ? "ข าแต พระผู มี พระภาค ! บั นนี้ เป นกาลสมควรที่ พระผู มี พระภาค จะทรง แสดงซึ่งบุคคลที่เจ็ดผูเปนอนิมิตตวิหารี ; ภิกษุทั้งหลายไดฟงจากพระผูมีพระภาคแลว จัก ทรงจําไว". โมคคั ล ลานะ ! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ เข า ถึ ง ซึ่ ง เจโตสมาธิ อั น ไม มี นิ มิ ต เพราะไม ก ระทํ าไวในใจซึ่ งนิ มิ ต ทั้ งปวง แล ว แลอยู . เทวดาเหล านั้ น ย อ มรูจั ก ภิก ษุนั ้น ยา งนี ้ว า "ทา นผู ม ีอ ายุนี ้ เขา ถึง เจโตสมาธิอ ัน ไมม ีน ิม ิต เพราะไมทํ า ไว ในใจซึ่ ง นิ มิ ต ทั้ ง หลาย แล ว แลอยู ; เป น ที่ เ ชื่ อ ได ว า ท า นผู มี อ ายุ นี้ เมื่ อ เสพเสนาสนะที่ ส มควร คบกั ล ยาณมิ ต ร บ ม อิ น ทรี ย ทั้ ง หลายอยู ก็ จ ะกระทํ า ให แ จ ง ซึ่ ง ปริ โ ยสานแห ง พรหมจรรย นั้ น อั น ไม มี ธ รรมอื่ น ยิ่ ง กว า อั น เป น ประโยชน ที่ ประสงค ข องกุ ล บุ ต รผู อ อกบวชจากเรื อ นเป น ผู ไ ม มี เ รื อ นโดยชอบอยู . ได ด ว ย ปญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เขาถึงแลวอยู" ดังนี้.
www.buddhadasa.info - สตฺตก. อํ. ๒๓/๗๙/๕๓.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๗๓
ผูมีสันทิฏฐิกธรรม ตามคําของพระอานนท "อาวุ โส ! มี คํ า กล า วกั น อยู ว า 'สั น ทิ ฏ ฐิ ก ธรรม สั น ทิ ฏ ฐิ ก ธรรม' ดั ง นี้ อาวุโส! สั นทิ ฏฐิ กธรรมนี้ พระผู มี พระภาคตรัสไว ด วยเหตุ มี ประมาณเท าไรหนอแล ?" (พระอุทายีถามพรอานนท. พระอานนทเปนผูตอบ).
อาวุโส ! ภิกษุในกรณีนี้ สงัดแลวจากกาม สงัดแลจากอกุศลธรรม เข าถึ งปฐมฌาน อั น มี วิต กวิจ าร มี ป ติ แ ละสุ ข อั น เกิ ด จากวิเวก แล วแลอยู . อาวุโส ! สันทิฏฐกธรรม อันพระผูมีพระภาคตรัสไว ดวยเหตุมีประมาณเทานี้ แล เมื่อกลาวโดยปริยาย. (ในกรณี แหง ทุติ ยฌาน ตติ ยฌาน จตุตถฌาน อากาสานั ญจายตนะ วิญญาณั ญจายตนะ อากิญ -จัญ ญายตนะ และ เนวสัญ ญานาสัญ ญายตนะ มี ขอความที่กลวไวโดยทํานอง เดี ยวกั น กั บ ข อความในกรณี แห งปฐมฌานทุ กประการ และในฐานะเป น สั น ทิ ฏ ฐิ กธรรม โดยปริ ย าย. ส ว นสั ญ ญาเวทยิ ต นิ โ รธชนิ ด ที่ มี ก ารสิ้ น อาสวะนั้ น กล า วไว ใ นฐานะเป น สั น ทิ ฏ ฐิ ก ธรรม โดยนิ ป ปริยาย ดวยขอความดังตอไปนี้ :-)
www.buddhadasa.info อาวุโส ! นัยอื่นอีกมีอยู : ภิกษุ กาวลวงเสียซึ่งเนวสัญ ญานาสัญ ญายตนะโดยประการทั้งปวง เขาถึง สัญญาเวทยิตนิโรธ แลวแลอยู. อนึ่ง เพราะ เห็นดวยปญญา อาสวะทั้งหลายของเธอนั้นก็สิ้นไปรอบ. อาวุโส ! สันทิฏฐิกธรรม อันพระผูมีพระภาคตรัสไว ดวยเหตุมีประมาณเทานี้แล เมื่อกลาว โดย นิปปริยาย. - นวก.อํ. ๒๓/๔๗๔/๒๕๐.
๖๗๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ผูนิพพาน ตามคําของพระอานนท และผูปรินิพพาน ตามคําของพระอานนท (นิ พ พ าน และ ปริ นิ พ พ าน ตามคํ า ของพระอานนท มี ใ จความอย า งเดี ย วกั น กั บ สัน ทิฏ ฐิก นิพ พ านขา งตน ผิด กัน แตชื ่อ เทา นั ้น . นอกจากนี ้ ยัง มีก ารแสดงไว ดว ยคํ า วา เข มํ อมตํ อภยํ ปสฺ ส ทฺ ธิ นิ โ รโธ แทนคํ า ว า นิ พ พานข า งบน. - นวก. อํ . ๒๓/๔๗๕-๔๗๗/๒๕๒, ๒๕๓, ๒๕๖,๒๕๘,๒๖๐,๒๖๒,๒๖๔).
ผูมีทิฏฐกรรมนิพพาน ตามคําของพระอานนท "อาวุ โส ! มี คํ ากล าวกั นอยู ว า 'ทิ ฏฐธรรมนิ พพาน ทิ ฏฐธรรมนิ พพาน' ดั งนี้ . อาวุ โส ! ทิ ฏฐธรรมนิ พพานนี้ พระผู มี พระภาคตรั สไว ด วยเหตุ มี ประมาณเท าไรหนอแล ?" (พระอุทายีถามพระอานนท, พระอานนทเปนผูตอบ).
อาวุ โส ! ภิ ก ษุ ในกรณี นี้ สงั ด แล ว จากกาม สงั ด แล ว จากอกุ ศ ลธรรม เขา ถึง ปฐมฌาน อัน มีว ิต กวิจ าร มีป ต ิแ ละสุข อัน เกิด จากวิเ วก แลว แลอยู อาวุโส ! ทิฏ ฐธรรมนิพพาน อัน พระผูมีพ ระภาคตรัส ไว ดวยเหตุมีป ระมาณเทา นี้แล เมื่อกลาว โดยปริยาย.
www.buddhadasa.info (ในกรณี แ ห ง ทุ ติ ย ฌาน ตติ ย ฌาน จตุ ต ถฌาน อากาสานั ญ จายตนะ วิ ญ ญาณั ญ จายตนะ อากิ ญ จั ญ ญายตนะ และเนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนะ มี ข อ ความที่ ก ล า วไว โ ดยทํ า นอง เดีย วกัน กับ ขอ ค วาม ใน กรณ ีแ หง ป ฐม ฌ าน ทุก ป ระการ แล ะใน ฐาน ะเป น ทิฏ ฐธรรม นิพ พ าน โด ย ป ริย าย . สว น สัญ ญ าวเท ยิต นิโ รธซึ ่ง มีก ารสิ ้น อาสวะนั ้น กลา วไวใ น ฐานะเปน ทิฏ ฐธรรม นิพพาน โดยนิปปริยาย ดวยขอความดังตอไปนี้ :-)
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๗๕
อาวุโส ! นัยอื่นอีกมีอยู : ภิกษุ กาวลวงเสียซึ่งเนวสัญ ญานาสัญ ญายตนะโดยประการทั ้ง ปวง เขา ถึง สัญ ญาเวทยิต นิโรธ แลว แลอยู, อนึ ่ง เพราะเห็น ดว ยปญ ญา อาสวะทั ้ง หลายของเธอนั ้น ก็สิ้น ไปรอบ, อาวุโ ส ! ทิฏฐธรรมนิพพาน อันพระผูมีพระภาคตรัสไว ดวยเหตุมีประมาณเทานี้แล เมื่อ กลาว โดยนิปปริยาย. - นวก. อํ. ๒๓/๔๗๕/๒๕๕.
ผูเขมัปปตต ตามคําของพระอานนท "อาวุ โส ! มี คํ ากล าวกั นอยู ว า 'เขมั ปป ตต เขมั ปป ตต ' ดั งนี้ . อาวุ โส ! เขมั ปป ตต นี้ พระผูมี พระภาคตรัสไว ด วยเหตุ มี ประมาณเท าไรหนอแล ?" (พระอุทายีถาม พระอานนท, พระอานนทเปนผูตอบ).
อาวุโส ! ภิกษุในกรณีนี้ สงัดแลวจากกาม สงัดแลวจากอกุศลธรรม เข าถึ ง ปฐมฌาน อั น มี วิต กวิจ าร มี ป ติ แ ละสุ ข อั น เกิ ด จากวิเวก แล วแลอยู , อาวุโส! เขมัปปตต อันพระผูมีพระภาคตรัสไว ดวยเหตุมีประมาณเทานี้แล เมื่อกลาว โดยปริยาย.
www.buddhadasa.info (ในกรณี แหง ทุติ ยฌาน ตติ ยฌาน จตุตถฌาน อากาสานั ญจายตนะ วิญญาณั ญจายตนะ อากิ ญ จัญ ญายตนะ และ เนวสัญ ญานาสั ญ ญายตนะ มีข อความที่ กลาวไวโดยทํ านอง เดี ย วกั น กั บ ข อ ความในกรนี แ ห ง ปฐมฌานทุ ก ประการ และในฐานะเป น เขมั ป ป ต ต โดยปริ ย าย. ส ว นสั ญ ญาเวทยิ ต นิ โรธชนิ ด มี ก ารสิ้ น อาสวะนั้ น กล า วไว ใ นฐานะเป น เขมั ป ป ต ต โดยนิ ป ปริ ย าย ดวยขอความดังตอไปนี้ :-)
๖๗๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
อาวุ โ ส ! นั ย อื่ น อี ก มี อ ยู : ภิ ก ษุ ก า วล ว งเสี ย ซึ่ ง เนวสั ญ ญานาสัญญายตนะโดยประการทั้งปวง เขาถึง สัญญาเวทนยิตนิโรธ แลวแลอยู. อนึ่ง เพราะเห็น ดว ยปญ ญา อาสวะทั้ง หลายของเธอนั้น ก็สิ้น ไปรอบ. อาวุโ ส ! เขมัปปตต อันพระผูมีพระภาคตรัสไว ดวยเหตุมีประมาณแทานี้แล เมื่อกลาว โดยนิปปริยาย. - นวก. อํ. ๒๓/๔๗๗/๒๕๗. (นอกจากแสดงไว โ ดยชื่ อ ว า เขมั ป ป ต ต นี้ แ ล ว ยั ง แสดงไว โ ดยชื่ อ ว า อมตั ป ป ต ต อ ภ ยัป ปต ต โด ย มีข อ ค วาม ทํ า น อ งเดีย ว กัน ดว ย .- น วก . อํ. ๒๓/๒๗๗/๒๕๙,๒๖๑, คํ า วา เขม ก็ด ี อมต ก็ด ี อภย ก็ด ี ในกรณีเ ชน นี ้ ลว นแตเ ล็ง ถึง นิพ พานดว ยกัน ทั ้ง นั ้น . คํ า วา ปต ต แปลวา ผูถึงแลว).
ตทังคนิพพุโต - ผูดับเย็นดวยองคนั้น ๆ ภิ ก ษุ ท.! เมื่ อ บุ ค คลเห็ น ซึ่ ง ความไม เ ที่ ย ง ความแปรปรวน ความ จางคลาย ความดับ ของรูป นั ้น เทีย ว แลว เห็น ดว ยปญ ญ าอัน ชอบตามที ่เ ปน จริ ง ว า รู ป ทั้ ง ปวงทั้ ง ในกาลก อ น และในกาลนี้ ไม เ ที่ ย ง เป น ทุ ก ข มี ค วาม แปรปรวนเปน ธรรม ดัง นี ้อ ยู , โสกะปริเ ทวะทุก ขะโทมนัส อุป ายาสทั ้ง หลาย ย อ มละไป. เพราะละเสี ย ได ซึ่ ง โสกะปริ เทวะทุ ก ขะโทมนั ส อุ ป ายาสทั้ ง หลายเหล า นั ้น เขายอ มไมส ะดุ ง หวาดเสีย ว; เมื ่อ ไมส ะดุ ง หวาดเสีย ว ยอ มอยู เ ปน สุข ; ผู อยู เป นสุ ข (ด วยอาการอย างนี้ ) เรากล าวว า เป นภิ กษุ ผู ตทั งคนิ พ พุ โต (ดั บ เย็ น ดวยองคนั้น ๆ) ดังนี้.
www.buddhadasa.info (ในกรณี แ ห ง เวทนา สั ญ ญา สั ง ขาร และ วิ ญ ญาณ ก็ มี ถ อ ยคํ า ที่ ต รั ส ไว ทํ า นอง เดียวกัน). - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๕๔/๘๘.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๗๗
ผูมีตทังคนิพพาน ตามคําของพระอานนท "อาวุ โ ส ! มี คํ า กล า วกั น อยู ว า 'ตทั ง คนิ พ พาน ตทั ง คนิ พ พาน' ดั ง นี้ . อาวุ โส! ตทั งคนิ พ พานนี้ พระผู มี พ ระภาคตรั สไว ด วยเหตุ มี ประมาณเท าไรหนอแล ?" (พระอุทายีถามพระอานนท, พระอานนทเปนผูตอบ).
อาวุโส ! ภิกษุในกรณี นี้ สงัดแลวจากกาม สงัดแลวจากอกุศลธรรม เข า ถึ ง ปฐมฌาน อั น มี วิ ต กวิ จ าร มี ป ติ แ ละสุ ข อั น เกิ ด จากวิ เวก แล ว แลอยู . อาวุโส ! ตทังคนิพพาน อันพระผูมีพระภาคตรัสไว ดวยเหตุมีประมาณเทานี้แล เมื่อกลาว โดยปริยาย. (ในกรณี แห ง ทุ ติ ยฌาน ตติ ยฌาน จตุ ตถาฌาน อากาสานั ญ จายตนะ วิ ญญาณั ญ ญายตนะ อากิ ญ จั ญ ญายตนะ และ เนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนะ มี ข อความที่ กล าวไว โดยทํ านอง เดี ย วกั น กั บ ข อ ความในกรณี แห ง ปฐมฌ าน ทุ ก ประการ และในฐานะเป น ตทั ง คนิ พ พาน โดย ปริย าย. สว นสัญ ญ าเวทยิต นิโ รธซึ ่ง มีก ารสิ ้น อาสวะนั ้น กลา วไวใ นฐานะเปน ตทัง คนิพ พาน โดยนิปปริยาย ดวยขอความดังตอไปนี้ :-)
www.buddhadasa.info อาวุโส ! นัยอื่นอีกมีอยู : ภิกษุ กาวลวงเสียซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะโดยประการทั้งปวง เขาถึง สัญญาเวทยิตนิโรธ แลวแลอยู. อนึ่ง เพราะ เห็นดวยปญญา อาสวะทั้งหลายของเธอนั้นก็สิ้นไปรอบ. อาวุโส! ตทังคนิพพาน อันพระผูมีพระภาคตรัสไว ดวยเหตุมีประมาณเทานี้แล เมื่อกลาว โดยนิปปริยาย. - นวก. อํ. ๒๓/๔๗๕/๒๕๔.
๖๗๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
หมดตัวตน ก็หมดเรื่องผูกพัน ภิ ก ษุ ท.! สาวกของพระอริ ย เจ า ผู ไ ด ส ดั บ แล ว ได เ ห็ น บรรดาพระ อริย เจา เปน ผู ฉ ลาดในธรรมของพระอริย เจา ไดถ ูก แนะนํ า ในธรรมของพระ อริย เจา . ไดเ ห็น หมู ส ัต บุร ุษ เปน ผู แ ลาดในธรรมของสัต บุร ุษ โดยถูก แนะนํ า ในธรรมของสัตบุรุษ : (๑) ท า นย อ ม ไม ต ามเห็ น รู ป โดยความเป น ตั ว ตน ทั้ ง ไม ต ามเห็ น ว า คนมี รู ป ด ว ย ไม ต ามเห็ น ว า รู ป มี อ ยู ใ นตนด ว ย ไม ต ามเห็ น ว า ตน มี อ ยู ใ นรู ป ดวย; (๒) ท านย อ ม ไม ต ามเห็ น เวทนา โดยความเป น ตั ว ตน ทั้ งไม ต ามเห็ น วา ตน มีเ วทนาดว ยไมต ามเห็น วา เวทนา มีอ ยู ใ นตนดว ย ไมต ามเห็น วา ตน มีอยูในเวทนาดวย; (๓) ท านย อ ม ไม ต ามเห็ น สั ญ ญา โดยความเป น ตั วตน ทั้ งไม ต ามเห็ น ว า ตน มี สั ญ ญาด ว ยไม ต ามเห็ น ว สั ญ ญา มี อ ยู ใ นตนด ว ย ไม ต ามเห็ น ว า ตน มี อยูในสัญญาดวย; (๔) ท านย อ ม ไม ต ามเห็ น สั งขาร โดยความเป น ตั วตน ทั้ งไม ต ามเห็ น วา ตน มีส ัง ขารดว ยไมต ามเห็น วา สัง ขาร มีอ ยู ใ นตนดว ย ไมต ามเห็น วา ตน มีอยูในสังขารดวย; (๕) ท า นย อ ม ไม ต ามเห็ น วิ ญ ญาณ โดยความเป น ตั ว ตน ทั้ ง ไม ต าม เห็ น ว า ตน มี วิ ญ ญาณด ว ยไม ต ามเห็ น ว า วิ ญ ญาณ มี อ ยู ใ นตนด ว ย ไม ต ามเห็ น วาตน มีอยูในวิญญาณดวย;
www.buddhadasa.info
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๗๙
ภิ ก ษุ ท .! ส าวก ข อ งพ ระ อ ริ ย เจ า ผู ได ส ดั บ แ ล วเช น นี้ นี่ แ ล เรา ตถาคตย อมเรี ยกผู นั กนั้ นว า ไม ถู กผู กพั นด วยเครื่ องผู กคื อรู ป ไม ถู กผู กพั นด วยเครื่ อง ผูก คือ เวทนา ไมถ ูก ผูก พัน ดว ยเครื ่อ งผูก คือ สัญ ญ า ไมถ ูก ผูก พัน ดว ยเครื ่อ ง ผู ก คื อ สั ง ขาร ไม ถู ก ผู ก พั น ด ว ยเครื่ อ งผู ก คื อ วิ ญ ญาณ ไม ถู ก ผู ก พั น ด ว ยเครื่ อ งผู ก ใด ๆ ทั ้ง ภายในภายนอก, เปน ผู ม ีป รกติม องเห็น ฝ ง นี ้ (คือ วัฏ ฏสงสาร) เปน ผู มีป รกติม องเห็น ฝ ง โนน (คือ นิพ พ าน ) ; เราต ถาค ต จึง กลา ววา ส าวกขอ ง พระอริยเจาผูนั้น เปนผูหลุดพนแลวจากทุกข ดังนี้แล. - ขนฺธ. สํ.๑๗/๒๐๑/๓๐๕.
หมดตัวตน ก็หมดอหังการ "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! บุ คคลมารู อยู อย างไร เห็ นอยู อย างไร จึ งไม ยึ ดถื อ ว าเรา ไม ยึ ดถื อว าของเรา อั นเป นอนุ สั ยคื อมานะ ในกายอั นมี วิ ญญาณนี้ และในนิ มิ ต ทั้งปวงภายนอก ? พระเจาขา !" กั ป ปะ ! รู ป เวทนา สั ญ ญ า สั ง ขาร วิ ญ ญ าณ เหล า ใด ทั้ ง ที่ เ ป น อดี ต อนาคต และป จ จุ บั น อั น มี อ ยู ภ ายในหรื อ ข างนอกก็ ดี หยาบหรื อ ละเอี ย ดก็ ดี เลวหรื อ ประณี ตก็ ดี อยู ห า งไกลหรื อ อยู ใ กล ก็ ดี อริ ย สาวกได เ ห็ น สิ่ ง ทั้ ง หมดนั้ น ดว ยปญ ญ าอัน ชอบตามเปน จริง วา นั ้น ไมใ ชข องเรา นั ่น ไมใ ชเ ปน เรา นั ่น ไม ใชต ัว ต น ขอ งเรา ดัง นี ้นั ่น แห ล ะ ; กัป ป ะ! บุค ค ล ตอ งรู อ ยา งนี ้แ ห ล ะ เห็น อยู อ ยา งนี ้แ หละ จึง ไมย ึด ถือ วา เรา ไมย ึด ถือ วา ของเรา อัน เปน อนุส ัย คือ มานะ ในกายอันมีวิญญาณนี้ และในนิมิตภายนอกอื่นทั้งหมดนั้นแล.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๐๖/๓๑๘.
๖๘๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
"ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! บุ คคลมารู อยู อย างไร เห็ นอยุ อย างไร จิ ตใจจึ งจะ เห็ นธรรมชาติ ปราศจากความยึ ดถื อว าเรา ปราศจากความยึ ดถื อว าของเรา อั นเป นมานะ เครื่องถื อตั ว ในกายอั นมี วิญญาณนี้ และในนิ มิ ตทั้ งปวงภายนอก; รูอยู อย างไร เห็ นอยู อยางไร จิตใจจึงจะกาวลวงมานะเสียดวยดี สงบระงับได พนวิเศษไป? พระเจาขา !" กั ป ปะ ! รู ป เวทนา สั ญ ญา สั งขาร วิ ญ ญาณ เหล าใด ทั้ งที่ เป น อดี ต อนาคต และป จ จุ บั น อั น มี อ ยู ภ ายในหรื อ ข า งนอก็ ดี หยาบหรื อ ละเอี ย ดก็ ดี เลว หรื อ ประณี ต ก็ ดี อยู ห า งไกลหรื อ อยู ใ กล ก็ ดี อริ ย สาวกได เ ห็ น สิ่ ง ทั้ ง หมดนั้ น ด ว ย ป ญ ญ าอั น ชอบตามเป น จริ ง ขึ้ น ว า นั่ น ไม ใ ช ข องเรา นั่ น ไม เ ป น เรา นั่ น ไม ใ ช ตั ว ตนขงอเรา ดั ง นี้ แ ล ว หลุ ด พ น ไปเพราะไม ยึ ด มั่ น นั่ น แหละ; กั ป ปะ ! บุ ค คลต อ งรู อย างนี้ แ หละ เห็ น อยู อ ย างนี้ แ หละ จิ ต ใจจึ ง จะเป น ธรรมชาติ ป ราศจากความยึ ด ถื อ ว า เรา ปราศจากความยึ ด ถื อ ว า ของเรา อั น เป น มานะเครื่ อ งถื อ ตั ว ในกายอั น มี วิ ญ ญาณนี้ และในนิ มิ ต ภายนอกอื่ น ทั้ ง หมดทั้ ง สิ้ น ได , และจิ ต ใจจะก า วล ว งมานะ เสียไดดวยดี สงบระงับได พนวิเศษไปดวยดี, ดังนี้แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๐๗/๓๑๙.
www.buddhadasa.info สัญญาที่เปนสวนประกอบแหงวิชชา
ภิก ษุ ท.! ธรรม ๖ อยา งเหลา นี ้ เปน ธรรมมีส ว นแหง วิช ชา (วิ ช ชาภาคิ ย ). หกอย า ง อย า งไรเล า ? หกอย า งคื อ อนิ จ จสั ญ ญา (สั ญ ญาว า ไม เที่ ย ง) อนิ จ เจทุ ก ขสั ญ ญา (สั ญ ญาว า ทุ ก ข ใ นสิ่ ง ที่ ไ ม เที่ ย ง) ทุ ก เขอนั ต ตสั ญ ญา (สัญ ญ า วามิใชตนในสิ่งที่เปนทุกข) ปหานสัญญา (สัญญาในการละ) วิราคสัญญา
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๘๑
(ส ัญ ญ า ใ น ค ว า ม ค ล า ย กํ า ห น ัด ) น ิโ ร ธ ส ัญ ญ า (ส ัญ ญ า ใ น ค ว า ม ด ับ ). ภ ิก ษ ุ ท .!
เหลานี้แล ธรรม ๖ อยาง เปนธรรมมีสวนแหงวิชชา. ฉกฺก.อิ. ๒๒/๓๗๒/๓๐๖.
บุคคลผูถึงซึ่งวิชชา "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! ที่ เรี ยกกั นว า 'วิ ชชา-วิ ชชา' ดั งนี้ นั้ น เป นอย างไร ? และดวยเหตุเพียงเทาไร บุคคลจึงชื่อวา เปนผูถึงซึ่งวิชชา? พระเจาขา !" ภิ ก ษุ ! อริ ย สาวกผู ไ ด ส ดั บ แล ว ในธรรมวิ นั ย นี้ ม ารู ชั ด แจ ง ถึ ง รู ป เวทนา สั ญ ญา สั ง ขาร วิ ญ ญาณ, รู ชั ด แจ ง ถึ ง เหตุ ใ ห เกิ ด รู ป เวทนา สั ญ ญา สั งขาร วิ ญ ญาณ, รู ชั ด แจ งถึ ง ความดั บ ไม เหลื อ ของรู ป เวทนา สั ญ ญา สั งขาร วิญ ญาณ, รู ชั ดแจ งถึ ง ทางดํ าเนิ นให ถึ งความดั บไม เหลื อของรูป เวทนา สั ญ ญา สังขาร วิญญาณ ; ภ ิก ษ ุ ! อ ยา งนี ้แ ล เราเรีย ก วา วิช ช า แ ล ะ บ ุค ค ล ชื ่อ วา ถ ึง วิช ช า ยอมมีได ดวยเหตุมีประมาณเทานี้แล.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๙๘/๓๐๑.
วิชชาของผูถึงซึ่งวิชชา
"ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! ที่ เรี ยกกั นว า 'วิ ชชา-วิ ชชา' ดั งนี้ นั้ น เป นอย างไร, และดวยเหตุเพียงเทาไร บุคคลจึงชื่อวา เปนผูถึงซึ่งวิชชา ? พระเจาขา !"
๖๘๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิก ษุ ! อริย สาวกผู ไ ดส ดับ แลว ในธรรมวิน ัย นี ้ มารู ช ัด แจง ตาม เป น จริงซึ่ งรูป เวทนา สั ญ ญา สั งขาร วิญ ญาณ อั น มี ค วามก อ ขึ้ น เ ป น ธรรมดา วา 'เปน สิ ่ง ที ่ม ีค วามกอ ขึ ้น เปน ธรรมดา' ดัง นี ้; รู ช ัด แจง ตามเปน จริง ซึ ่ง รูป เวทนา สัญ ญา สัง ขาร วิญ ญาณ อัน มีค วามเสื ่อ มไป เปน ธรรมดา วา 'เปน สิ่ ง ที่ มี ค วามเสื่ อ มไปเป น ธรรมดา' ดั ง นี้ ; รู ชั ด แจ ง ตามเป น จริ ง ซึ่ ง รู ป เวทนา สัญ ญา สังขาร วิญ ญาณอัน มี ทั้ งก อ ขึ้น และเสื่ อ มไป เป น ธรรมดา วา 'เป นสิ่ ง ที่มีความกอขึ้นและเสื่อมไปเปนธรรมดา' ดังนี้ ; ภิ ก ษุ ! อย า งนี้ แ ลเราเรี ย กว า วิ ช ชา และบุ ค คลชื่ อ ว า เป น ผู ถึ ง วิชชา ยอมมีไดดวยเหตุมีประมาณเทานี้แล. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๑๐/๓๒๑.
ผูรับผลของการปฏิบัติเกี่ยวกับธาตุสี่ ราหุ ล ! ปฐวี ธาตุ ทั้ งที่ เป นภายในและที่ เป นภายนอก ทั้ งสองอย างนั้ น ล ว นแต เ ป น เพี ย งปฐวี ธ าตุ เธอพึ ง เห็ น ปฐวี ธ าตุ นั้ น ด ว ยป ญ ญ าโดยชอบตาม ความ เปน จริง วา "นั ่น ไมใ ชข อ งเรา นั ่น ไมใ ชเ รา นั ่น ไมใ ชอ ัต ต าขอ งเรา" ดังนี้. บุคคลเห็น ปฐวีธาตุนั้น ดวยปญ ญาโดยชอบตามที่เปน จริงอยางนี้แลว เขายอมเบื่อหนายในปฐวีธาตุ ยังจิตใหคลายกําหนัดจากปฐวีธาตุได.
www.buddhadasa.info (ในกรณี แ ห ง อาโปธาตุ เตโชธาตุ และ วาโยธาตุ ก็ มี ข อ ความที่ ต รัส ไว อ ย า งเดี ย ว กันกับในกรณีแหงปฐวีธาตุ).
ราหุล ! เมื ่อ ใด ภิก ษุ ไมต ามเห็น วา เปน อัต ตา (ตัว ตน) ไมต าม เห็นวาเปนอัตตนิยา (ของตน) ในธาตุทั้งสี่เหลานี้. ราหุล ! ภิกษุนี้ เรากลาว
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๘๓
วาได ตั ด ตั ณ หาขาดแล ว รื้อ ถอนสั งโยชน ได แ ล ว ได ทํ าที่ สุ ด แห งทุ ก ข เพราะรู เฉพาะซึ่งมานะโดยชอบแลว ดังนี้แล. - จตุกฺก.อํ. ๒๑/๒๒๒/๑๗๗.
ผูไมกลืนเบ็ดของมาร ภิก ษ ุ ท .! รูป ที ่เ ห็น ดว ย ต า ก็ด ี, เสีย ง ที ่ฟ ง ดว ย หูก ็ด ี, ก ลิ ่น ที ่ด ม ดว ย จมูก ก็ด ี, รส ที ่ลิ ้ม ดว ย ลิ ้น ก็ด ี, โผ ฏ ฐัพ พ ะ ที ่ส ัม ผัส ดว ย กายก็ด ี, และธรรมารมณ ที ่รู แ จง ดว ยใจก็ด ี, อัน เปน สิ ่ง ที ่น า ปรารถนา นา รัก ใคร นา พอใจ เปน ที ่ย วนตายวนใจใหร ัก เปน ที ่เ ขา ไปตั ้ง อาศัย อยู แ หง ความใคร และ เปน ที ่ตั ้ง แหง ความกํ า หนัด ยอ มใจ มีอ ยู . ถา ภิก ษุใ ดไมเ พลิด เพลิน ไมพ ร่ํ า เพอ ถึง ไมเมาหมกติดอกติดใจอยู ซึ่งอารมณมีรูปเปนตนนั้นไซร ; ภิก ษุ ท .! ภิก ษุอ ยา งนี ้ เราเรีย ก วา เปน ผู ไ มก ลืน เบ็ด ขอ งม าร ได ทํ าลายเบ็ ด หั กเบ็ ด แหลกละเอี ยดแล ว ไม ถึ งความวิ บั ติ ไม ถึ งความพิ น าศฉิ บ หาย ไมเปนผูที่มารใจบาป จะทําอะไรใหไดตามใจเลย ; ดังนี้แล.
www.buddhadasa.info - สฬา. สํ. ๑๘/๑๙๘/๒๙๐.
ผูไมเขาไปหายอมหลุดพน
ภิก ษุ ท.! ผู เ ขา ไปหา เปน ผู ไ มห ลุด พน ; ผู ไ มเ ขา ไป หา เปน ผู หลุดพน.
๖๘๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! วิ ญ ญ าณ ซึ่ ง เข า ถื อ เอารู ป ตั้ ง อยู ก็ ตั้ ง อยู ไ ด , เป น วิ ญ ญาณที่ มี รู ป เป น อารมณ มี รู ป เป น ที่ ตั้ งอาศั ย มี นั น ทิ เป น ที่ เข าไปส อ งเสพ ก็ ถื อ ความเจริ ญ งอกงาม ไพบู ล ย ได ; ภิ ก ษุ ท.! วิ ญ ญาณ ซึ่ ง เข า ถื อ เอาเวทนา ตั ้ง อยู ก็ตั ้ง อยู ไ ด. เปน วิญ ญาณที ่ม ีเวทนาเปน อารมณ มีเ วทนาเปน ที ่ตั ้ง อาศัย มี นั น ทิ เป น ที่ เ ข า ไปส อ งเสพ ก็ ถึ ง ความเจริ ญ งอกงาม ไพบู ล ย ได ; ภิ ก ษุ ท.! วิญ ญาณ ซึ่ ง เข าถื อ เอาสั ญ ญา ตั้ ง อยู ก็ ตั้ ง อยู ได , เป น วิญ ญาณที่ มี สั ญ ญาเป น อารมณ มี สั ญ ญาเป น ที่ ตั้ ง อาศั ย มี นั น ทิ เป น ที่ เข า ไปส อ งเสพ ก็ ถึ ง ความเจริ ญ งอกงาม ไพบูล ย ได ; ภิก ษุ ท.! วิญ ญาณ ซึ ่ง เขา ถือ เอาสัง ขาร ตั ้ง อยู ก็ตั ้ง อยู ไ ด, เปน วิญ ญ าณ ที ่ม ีส ัง ขารเปน อารมณ มีส ัง ขารเปน ที ่ตั ้ง อาศัย มีน ัน ทิ เปนที่เขาไปสองเสพ ก็ถึงความเจริญ งอกงาม ไพบูลย ได. ภิก ษุ ท.! ผู ใ ดจะพึง กลา วอยา งนี ้ว า "เราจัก บัญ ญ ัต ิ ซึ ่ง การมา การไป การจุ ติ การอุ บั ติ ความเจริ ญ ความงอกงาม และความไพบู ล ย ของ วิญ ญาณ โดยเวน จากรูป เวน จากเวทนา เวน จากสัญ ญา และเวน สัง ขาร" ดังนี้นั้น, นี่ ไมใชฐานะที่จักมีไดเลย.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! ถ า ราคะในรู ป ธาตุ ในเวทนาธาตุ ในสั ญ ญ าธาตุ ใน สัง ขารธาตุ ในวิญ ญ าณ ธาตุ เปน สิ ่ง ที ่ภ ิก ษุล ะไดแ ลว ; เพ ราะละราคะได อารมณสําหรับวิญญาณก็ขาดลง ที่ตั้งของวิญญาณก็ไมมี. วิญญาณอันไมมี ที่ตั้งนั้นก็ไมงอกงาม หลุดพนไปเพราะไมถูกปรุงแตง ; เพราะหลุดพนไปก็ตั้งมั่น เพราะตั ้ง มั ่น ก็ย ิน ดีใ นตนเอง; เพราะยิน ดีใ นตนเองก็ไ มห วั ่น ไหว; เมื ่อ ไม หวั ่น ไหวก็ป ริน ิพ พานเฉพาะตน; ยอ มรู ช ัด วา "ชาติสิ ้น แลว พรหมจรรยอ ยู จบแลว กิจที่ควรทําไดทําเสร็จแลว กิจอื่นเพื่อความเปนอยางนี้มิไดมีอีก" ดังนี้.
- ขนฺธ. สํ. ๑๗/๖๖/๑๐๕.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๘๕
ผูลวงมัจจุราชใหหลง ภ ิก ษ ุ ท .! ป ุถ ุช น ผู ไ ม ไ ดย ิน ได ฟ ง ยอ ม พ ูด วา 'ส ม ุท ร-ส มุท ร' ดัง นี ้. ภิก ษุ ท.! สมุท รเชน ที ่ก ลา วนั ้น ไมใ ชส มุท รในวิน ัย ของพ ระอริย เจา . ภิกษุ ท.! สมุทรเชนที่กลาวนั้น เปนเพียงแองน้ําใหญ เปนเพียงหวงน้ําใหญ. ภิก ษุ ท.! รูป ที ่เ ห็น ดว ยตา อัน เปน สิ ่ง ที ่น า ปรารถนา นา รัก ใคร น า พอใจ ที่ ย วนตายวนใจให รั ก เป น ที่ เข า ไปตั้ ง อาศั ย อยู แ ห ง ความใคร และเป น ที ่ตั ้ง แหง ความกํ า หนัด ยอ มใจ มีอ ยู . ภิก ษุ ท.! นี ้เ ราเรีย กวา 'สมุท รในวิน ัย ขอ งพ ระอริย เจา '. โล กนี ้ พ รอ ม ทั ้ง เท วโลก ม ารโล ก พ รห ม โล ก , ห มู ส ัต ว พร อ มทั้ ง สมณะพราหมณ พร อ มทั้ ง เทวดาและมนุ ษ ย โดยมากตกอยู จ มอยู ใ น สมุท รนั ้น . เปน สัต วที ่ม ีค วามใคร มีจ ิต ยุ ง เหมือ นกลุ ม ดว ย เกิด ประสานกัน สับ สนดุจ รัง นก เหมือ นพงหญา มุญ ชะและปพ พชะ, สัต วทั ้ง หลายในสมุท รนั ้น จึงไมลวงพนอบาย ทุคติ วินิบาต และสังสารวัฏฏไมได.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! เสียง ที่ฟงดวยหู .... ฯลฯ .... ภิกษุ ท.! กลิ่น ที่ดมดวยจมูก .... ฯลฯ .... ภิกษุ ท.! รส ที่ลิ้มดวยลิ้น .... ฯลฯ .... ภิกษุ ท.! โผฏฐัพพะ ที่สัมผัสดวยกาย .... ฯลฯ .... ภิก ษุ ท.! ธ รรม ารม ณ ที ่รู ด ว ยใจ อัน เปสิ ่ง ที ่น า ป รารถนา นา รั ก ใคร น า พอใจ ที่ ย วนตายวนใจให รั ก เป น ที่ เ ข า ไปตั้ ง อาศั ย อยู แ ห ง ความใคร และเปน ที ่ตั ้ง แตง ความกํ า หนัด ยอ มใจ มีอ ยู . ภิก ษุ ท.! เหลา นี ้เ ราเรีย กวา 'สมุท รในวิน ัย ของพระอริย เจา '. โลกนี ้ พรอ มทั ้ง เทวโลก มารโลก พรหมโลก, หมูสัตว พรอมทั้งสมณะพราหมณ พรอมทั้งเทวดาและมนุษยโดยมากตกอยู
๖๘๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
จม อ ยู ใน ส มุ ท รนั้ น . เป น สั ต ว ที่ มี ค วาม ใค ร มี จิ ต ยุ ง เห มื อ น ก ลุ ม ด าย เกิ ด ประสานกัน สับ สนดุจ รัง นก เหมือ นพงหญา มุญ ชะและปพ พชะ, สัต วทั ้ง หลาย ในสมุทรนั้น จึงไมลวงพนอบาย ทุคติ วินิบาต และสังสารวัฏฏไปได. (คาถาผนวกทายพระสูตร) ราคะ โทสะ และอวิชชา ของท านผู ใด จางคลายไปแล ว ทา นผู นั ้น ชื ่อ วา ขา มสมุท รนี ้ไ ดแ ลว ซึ ่ง เปน แหลง ที ่ม ีส ัต วรา ย มีทั ้ง รากษส มีทั ้ง คลื ่น วัง วน ภัย นา กลัว แสนจะขา มไดย ากนัก . เราตถาคตกลา ววา ทา นนั ้น เปน ผู ล ว งเสีย ไดจ ากเครื ่อ งขอ ง ละขาดจากการต อ งตาย ไม มี อุ ป ธิ กิ เลส ; ท านนั้ น หย าขาดจาก ความทุก ขที ่ต อ งมาเกิด อีก ตอ ไป; ทา นนั ้น วอดดับ ไป ไมก ลับ มาอีกลวงเอาพญามัจจุราชใหหลงได ดังนี้แล. - สฬา. สํ. ๑๘/๑๙๖/๒๘๗-๒๘๘.
วิมุตติตางกันแตเปนผลของการปฏิบัติอยางเดียวกัน
www.buddhadasa.info "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! ถ ามรรคก็ สายนี้ ปฏิ ปทาก็ ทางนี้ ที่ เป นไปเพื่ อละ เสี ยซึ่งโอรัมภาคิ ยสั งโยชน ทั้ งห า ดั งนี้ แล ว, ทํ าไม ภิ กษุ ผู ปฏิ บั ติ บางพวก จึงบรรลุเจโตวิมุติ บางพวกบรรลุปญญาวิมุตติ เลา พระเจาขา !" อานนท ! นั ่น เปน เพราะ ค วาม ตา งกัน แหง อิน ท รีย ของภิก ษุ ทั้งหลายเหลานั้น, (อินทรียหา คือ สัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปญญา). - ม. ม. ๑๓/๑๖๒/๑๕๙.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๘๗
พระอริยบุคคลมีหลายระดับ เพราะอินทรียยิ่งหยอนกวากัน ภิ ก ษุ ท.! อิ น ทรี ย ทั้ ง หลาย ๕ ประการเหล า นี้ มี อ ยู . ห า ประการ อยา งไรเลา ? หา ประการคือ สัท ธิน ทรีย วิร ิย ิน ทรีย สติน ทรีย สมาธิน ทรีย ปญญินทรีย. ภิกษุ ท.! เหลานี้แลอินทรียหาประการ. ภิ ก ษุ ท.! เพราะความเพี ย บพร อ มบริ บู ร ณ แ ห ง อิ น ทรี ย ห า ประการ เหลานี้แล ผูปฏิบัติยอมเปนพระอรหันต. เพราะอินทรียทั้งหลายหยอนกวานั้น ผูปฏิบัติยอมเปน อันตราปรินิพพายี. เพราะอินทรียทั้งหลายหยอนกวานั้นอีก ผูปฏิบัติยอมเปน อุปหัจจปรินิพพายี. เพราะอินทรียทั้งหลายหยอนกวานั้นอีก ผูปฏิบัติยอมเปน อสังขารปรินิพพายี. เพราะอินทรียทั้งหลายหยอนกวานั้นอีก ผูปฏิบัติยอมเปน สสังขารปรินิพพายี. เพราะอินทรียทั้งหลายหยอนกวานั้นอีก ผูปฏิบัติยอมเปน อุทธํโสโตอกนิฏฐคามี. เพราะอินทรียทั้งหลายหยอนกวานั้นอีก ผูปฏิบัติยอมเปน สกทาคามี. เพราะอินทรียทั้งหลายหยอนกวานั้นอีก ผูปฏิบัติยอมเปน เอกพีชี. เพราะอินทรียทั้งหลายหยอนกวานั้นอีก ผูปฏิบัติยอมเปน โกลังโกละ. เพราะอินทรียทั้งหลายหยอนกวานั้นอีก ผูปฏิบัติยอมเปน สัตตักขัตตุปรมะ. เพราะอินทรียทั้งหลายหยอนกวานั้นอีก ผูปฏิบัติยอมเปน ธัมมานุสารี. เพราะอินทรียทั้งหลายหยอนกวานั้นอีก ผูปฏิบัติยอมเปน สัทธานุสารี.
www.buddhadasa.info
๖๘๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
.... (๑๙/๒๖๗/๘๘๕) : ภิ ก ษุ ท.! เพ ราะเหตุ นี้ แ ล ค วาม ต างแห ง ผลยอมมี เพราะความตางแหงอินทรีย ; เพราะความตางแหงผล จึงมีความตาง แหงบุคคล แล. .... (/๑๙/๒๖๗/๘๘๗) : ภิก ษ ุ ท .! ดว ยเห ตุอ ยา งนี ้แ ล เปน อัน วา ผูก ระทํา ใหบ ริบูร ณ ยอ มทํา ใหสํา เร็จ ไดบ ริบูร ณ; ผูก ระทํา ไดเ พีย งบางสว น ก็ทํ า ใหสํ า เร็จ ไดบ างสว น. ภิก ษุ ท.! เรากลา ววา อิน ทรีย ทั ้ง หลายหา ยอ ม ไมเปนหมันเลย ดังนี้แล. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๒๗๑/๘๙๙-๙๐๐.
การเปนพระอริยเจาไมใชสิ่งสุดวิสัย ภิก ษุ ท .! เพ รา ะ อ า ศัย ต า ดว ย จึง เกิด ค ว า ม รู แ จง ท างต า ขึ ้น , การประจวบพร อ ม (แห ง ตา+รู ป +วิ ญ ญาณ) ทั้ ง สามอย า งนั้ น ย อ มเกิ ด มี ผั ส สะ, เพราะผัส สะเปน ปจ จัย จึง เกิด มีเ วทนา อัน เปน สุข บา ง ทุก ขบ า ง ไมใ ชท ุก ข ไมใชสุขบาง.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลนั้ น เมื่ อ ถู ก สุ ข เวทนากระทบแล ว ย อ มไม เ พลิ ด เพลิน ไมพ ร่ํา เพอ ถึง ไมเมาหมกติด อกติด ใจ, อนุส ัย คือ ราคะ ยอ มไมต ามนอน ในสันดานของบุคคลนั้น.
ภิก ษ ุ ท .! บุค ค ล นั ้น เมื ่อ ถูก ทุก ข เว ท น า ก ระ ท บ แ ลว ยอ ม ไม โศกเศร า ไม ร ะทมใจ ไม ค ร่ํ า ครวญ ตี อ กร่ํ า ไห ไม ถึ ง ความลื ม หลง, อนุ สั ย คื อ ปฏิฆะ ยอมไมตามนอน ในสันดานของบุคคลนั้น.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๘๙
ภิก ษุ ท.! บุค คลนั ้น เมื ่อ ถูก เวทนาอัน ไมท ุก ขไ มส ุข กระทบแลว ยอ มรู ช ัด แจง ตรงตามที ่เ ปน จริง ซึ ่ง ความกอ ขึ ้น ของเวทนานั ้น ซึ ่ง ความตั ้ง อยู ไมไ ดข องเวทนานั ้น ซึ ่ง รสอรอ ยของเวทนานั ้น ซึ ่ง โทษ ของเวทนานั ้น ซึ ่ง อุบ ายเครื่อ งออกพน ไปไดจ ากเวทนานั ้น , อนุส ัย คือ อวิช ชา ยอ มไมต ามนอน ในสันดานของบุคคลนั้น. (ในกรณี ที่ เ กี่ ย วกั บ อายตนะภายใน และภายนอกคู อื่ น อั น ได ป ระจวบกั น เกิ ด วิญ ญาณ ผัส สะ และเวทนา เปน อีก หา หมวด นั ้น ก็ม ีข อ ความอยา งเดีย วกัน กับ หมวดแรก นี้ผิดกันแตชื่อเรียกเทานั้น).
ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลนั้ น หนอ ละอนุ สั ย คื อ ราคะ ในสุ ข เวทนาได แ ล ว , บรรเทาอนุส ัย คือ ปฏิฆ ะ ในทุก ขเวทนาเสีย แลว , ถอนขึ ้น ไดก ระทั ่ง ราก ซึ ่ง อนุส ัย คือ อวิช า ในเวทนาอัน ไมท ุก ขไ มส ุข เสีย ไดแ ลว , ทา นละอวิช ชาไดแ ลว ทําวิชชาใหเกิดขึ้น แลว, จักเปน ผูทําที่สุดแหงทุกขได ในปจจุบันนี้โดยแท ; ขอนี้เปนฐานะที่จะมีไดแล. - อุปริ. ม. ๑๔/๕๑๘/๘๒๓.
www.buddhadasa.info กายนครที่ปลอดภัย
ภิก ษ ุ ท .! อริย ส าวก ป ระกอ บ ดว ยสัท ธรรม ๗ ป ระการ แล ะ เป น ผู มี ป กติ ไ ด ต ามปรารถนา โดยไม ย าก ได โ ดยไม ลํ า บาก ซึ่ ง ฌ านทั้ ง สี่ อั น ประกอบในจิต อัน ยิ ่ง เปน เครื่อ งอยู เ ปน สุข ในทิฏ ฐธรรม, ในกาลใด; ภิก ษุ ท.! ในกาลนั้น อริยสาวกนี้เรียกไดวา เปนผูที่มารอันมีบาปกระทําอะไรไมได.
๖๙๐
อริยสัจจากพระโอษฐ ภิก ษุ ท.! อริย สาวก ประกอบดว ยสัท ธรรม ๗ ประการอยา งไร
เลา ? ภิ ก ษุ ท.! เปรี ย บเหมื อ นในป จ จั น ตนครของพระราชา มี เ สาระเนี ย ดอั น มี ร ากลึ ก ฝ ง ไว ดี ไม ห วั่ น ไหว ไม ค ลอนแคลน สํ า หรั บ คุ ม ภั ย ในภายใน แล ะปอ งกัน ใน ภ ายน อ ก , นี ้ฉ ัน ใด ; ภิก ษุ ท .! อ ริย ส าวก ก็ม ีส ัท ธา เชื ่อ การตรัส รู ข องพระตถาคตวา "แมเ พราะเหตุอ ยา งนี ้ ๆ พระผู ม ีพ ระภาคเจา นั ้น .... ฯลฯ .... เปน ผู รู ผู ตื ่น ผู เ บิก บาน เปน ผู จํ า แนกธรรม " ดัง นี ้, ภิก ษุ ท.! อริยสาวกผู มี สั ท ธาเป น เสาระเนี ยด ย อมละอกุ ศล เจริญ กุ ศล ละกรรมอั นมี โทษ เจริญ กรรมอัน ไมม ีโ ทษ บริห ารตนใหห มดจดอยู . ฉัน นั ้น เหมือ นกัน : นี ้ชื ่อ วาผูประกอบดวย สัทธรรมประการที่หนึ่ง. ภิก ษุ ท.! เปรีย บเหมือ นในปจ จัน ตนครของพระราชา มีค ูร อบ ทั ้ง ลึก และกวา ง สํ า หรับ คุ ม ภัย ในภายในและปอ งกัน ในภายนอก, นี ้ฉ ัน ใด ; ภิ ก ษุ ท.! อริ ย สาวกก็ มี หิ ริ ละอายต อ กายทุ จ ริ ต วจี ทุ จ ริ ต มโนทุ จ ริ ต ละอาย ต อ การถึ ง พร อ มด ว ยอกุ ศ ลธรรมอั น ลามกทั ้ ง หลาย, ภิ ก ษุ ท.! อริ ย สาวก ผู มี หิ ริ เป น คู ล อ มรอบ ย อ มละอกุ ศ ล เจริญ กุ ศ ล ละกรรมอั น มี โทษ เจริญ กรรม อัน ไมม ีโ ทษบริห ารตนใหห มดจดอยู , ฉัน นั ้น เหมือ นกัน : นี ้ชื ่อ วา ผู ป ระกอบ ดวย สัทธรรมประการที่สอง.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! เปรีย บเหมือ นในปจ จัน ตนครของพระราชา มีเ ชิง เทิน เดิน รอบ ทั ้ง สูง และกวา ง สํ า หรับ คุ ม ภัย ในภายในและปอ งกัน ในภายนอก, นี้ ฉันใด; ภิกษุ ท.! อริยสาวกก็มีโอตตัปปะ สะดุงกลัวตอกายทุจริต วจีทุจริต
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๙๑
มโนทุจ ริต สะดุ ง กลัว ตอ ความถึง พ รอ มดว ยอกุศ ลธรรมอัน ลามกทั ้ง หลาย. ภิ ก ษุ ท.! อริ ย สาวกผู มี โ อตตั ป ปะเป น เชิ ง เทิ น เดิ น รอบ ย อ มละอกุ ศ ล เจริ ญ กุศ ล ละกรรมอัน มีโ ทษ เจริญ กรรมอัน ไมม ีโ ทษ บ ริห ารตนใหห มดจดอยู , ฉันนั้นเหมือนกัน : นื้ชื่อวาผูประกอบดวย สัทธรรมประการที่สาม. ภิ ก ษุ ท.! เปรี ย บเหมื อ นในป จ จั น ตนครของพระราชา มี อ าวุ ธ อั น สั่ งสมไวเ ปน อัน มาก ทั ้ง ชนิด ที ่ใ ชป ระหารใกลต ัว และประหารไกลตัว สํ า หรับ คุ ม ภัย ในภายในและปอ งกัน ในภายนอก, นี ้ฉ ัน ใด; ภิก ษุ ท.! อริย สาวกก็ม ีส ุต ะ อัน ตนสดับ แลว มาก ทรงสุต ะ สั ่ง สมสุต ะ, ธรรมเหลา ใดงามในเบื ้อ งตน งาม ในทา มกลาง งานในสุด ที ่เ ปน การประกาศพรหมจรรยอ ัน บริส ุท ธิ ์ บริบ ูร ณ สิ ้น เชิง พ รอ มทั ้ง อรรถะพรอ มทั ้ง พยัญ ชนะ, ธรรมมีร ูป เห็น ปานนั ้น อัน เขา สดั บ แล ว มาก ทรงไว คล อ งปากขึ้ น ใจ แทงตลอดด ว ยดี ด ว ยทิ ฏ ฐิ . ภิ ก ษุ ท.! อริ ย สาวกผู มี สุ ต ะเป น อาวุ ธ ย อ มละอกุ ศ ล เจริ ญ กุ ศ ล ละกรรมอั น มี โทษ เจริ ญ กรรม อั น ไม ม ี โ ท ษ บ ริ ห ารต น ให ห ม ด จด อ ยู , ฉั น นั ้ น เห มื อ น กั น : นี ้ ชื ่ อ ว า ผูประกอบดวย สัทธรรมประการที่สี่.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! เปรี ย บเหมื อ นในป จ จั น ตนครของพระราชา มี ก องพ ล ประจํ า อยู เ ปน อัน มาก คือ กองชา ง กองมา กองรถ กองธนู กองจัด ธงประจํ า กอง กองเสนาธิ ก าร กองพลาธิ ก าร กองอุ ค คโยธี กองราชบุ ต ร กองจู โ จม กองมหานาค กองคนกล า กองโล ไ ม กองเกราะโล ห นั ง กองทาสกบุ ต ร สํ า หรั บ คุ ม ภัย ใน ภ ายใน แล ะปอ งกัน ใน ภ ายน อ ก , นี ้ฉ ัน ใด ; ภิก ษุ ท .! อริย ส าวก มีค วาม เพีย รอัน ป ราภ แลว เพื ่อ ละอกุศ ล ธรรม ทั ้ง ห ลาย เพื ่อ ยัง กุศ ล ธรรม ทั้ ง หลายให ถึ ง พร อ ม มี กํ า ลั ง มี ค วามบากบั่ น มั่ น คง ไม ท อดทิ้ ง ธุ ร ะในกุ ศ ลธรรม ทั้ ง หลาย, ภิ ก ษุ ท.! อริ ย สาวกผู มี วิ ริ ย ะเป น พลกาย ย อ มละอกุ ศ ล
๖๙๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
เจริญ กุศ ล ละกรรมอัน มีโ ทษ เจริญ กรรมอัน ไมม ีโ ทษ บริห ารตนใหห มดจด อยู. ฉันนั้นเหมือนกัน : นี้ชื่อวาผูประกอบดวย สัทธรรมประการที่หา. ภิก ษุ ท.! เปรีย บเหมือ นในปจ จัน ตนครของพระราชา มีน ายทวาร ที ่เ ปน บัณ ฑิต เฉลีย วฉลาด มีป ญ ญา หา มเขา แกค นที ่ไ มรูจ ัก ใหเขา แกค นที ่รู จั ก เพื่ อ คุ ม ภั ย ในภายในและป อ งกั น ในภายนอก, นี้ ฉั น ใด; ภิ ก ษุ ท.! อริ ย สาวกเป น ผู มี ส ติ ประกอบด ว ยสติ เป น เครื่ อ งรั ก ษาอย า งยิ่ ง ระลึ ก ถึ ง ตามระลึ ก ถึง ซึ ่ง กิจ ที ่ก ระทํ า และคํ า ที ่พ ูด แลว แมน านได, ภิก ษุ ท.! อริย สาวกผู มีส ติ เปน นายทวาร ยอ มละอกุศ ล เจริญ กุศ ล ละกรรมอัน มีโ ทษ เจริญ กรรมอัน ไมม ีโ ทษ บริห ารตนใหห มดจดอยู ฉัน นั ้น เหมือ นกัน : นี ้ชื ่อ วา ผู ป ระกอบ ดวย สัทธรรมประการที่หก. ภิก ษุ ท.! เปรีย บเหมือ นในปจ จัน ตนครของพระราชา มีกํ า แพง ทั ้ง สูง และกวา ง สมบูร ณด ว ยการกอ และการฉาบ เพื ่อ คุ ม ภัย ในและปอ ง กัน ในภ ายนอก, นี ้ฉ ัน ใด; ภิก ษุ ท.! อริย สาวกเปน ผู ม ีป ญ ญ า ประกอบ ด ว ยป ญ ญาเป น เครื่ อ งถึ ง ธรรมสั จ จะแห ง การตั้ ง ขึ้ น และการตั้ ง อยู ไ ม ไ ด อั น เป น อ ริย ะ เปน เค รื ่อ งชํ า แรก กิเ ล ส ใหถ ึง ค วาม สิ ้น ทุก ขโ ด ย ช อ บ , ภิก ษุ ท .! อริยสาวกผูมี ป ญ ญาเป น ความสมบู รณ ด วยการกอและการฉาบ ยอมละอกุศล เจริ ญ กุ ศ ล ละกรรมอั น มี โ ทษ เจริ ญ กรรมอั น ไม มี โทษ บริ ห ารตนให ห มดจดอยู , ฉันนั้นเหมือนกัน : นี้ชื่อวาผูประกอบดวย สัทธรรมประการที่เจ็ด.
www.buddhadasa.info อริยสาวก เปนผูประกอบพรอมดวยสัทธรรม ๗ ประการเหลานี้แล
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๙๓
ภิก ษุ ท.! อริย สาวก เปน ผู ม ีป กติไ ดต ามปรารถนา ไดไ มย าก ไดไมลําบาก ซึ่งฌานทั้งสี่ อันประกอบในจิตอันยิ่ง เปนเครื่องอยูเปนสุขใน ทิฏฐธรรม เปนอยางไรเลา ? ภิ ก ษุ ท.! เปรี ย บเหมื อ นในป จ จั น ตนครของพระราชา มี ห ญ า ไม และน้ํ า สั่ ง สมไว เป น อั น มาก เพื่ อ ความยิ น ดี ไม ส ะดุ ง กลั ว อยู เป น ผาสุ ก ใน ภายใน เพื ่อ ปอ งกัน ในภายนอก, นี ้ฉ ัน ใด; ภิก ษุ ท.! อริย สาวก สงัด จาก กามสงั ด จากอกุ ศ ลธรรม เข า ถึ ง ปฐมฌาน อั น มี วิ ต กวิ จ าร มี ป ติ แ ละสุ ข อั น เกิ ด จากวิเ วก แลว แลอยู เพื ่อ ความยิน ดี ไมส ะดุ ง กลัว อยู เ ปน ผาสุก แหง ตน เพื่อกาวลงสูนิพพาน, ฉันนั้นเหมือนกัน. ภิ ก ษุ ท.! เปรี ย บเหมื อ นในป จ จั น ตนครของพระราชา มี ข า วสาลี และขา วยวะสะสมไวเปน อัน มาก เพื ่อ ความยิน ดี ไมส ะดุ ง กลัว อยู เปน ผาสุก ในภายใน เพื ่อ ปอ งกัน ในภายนอก, นี ้ฉ ัน ใด; ภิก ษุ ท.! อริย สาวก เพราะ ความเข า ไปสงบระงั บ แห ง วิ ต กและวิ จ าร เข า ถึ ง ทุ ติ ย ฌาน อั น เป น เครื่ อ งผ อ งใส แหง ใจในภายใน นํ า ใหส มาธิเ ปน ธรรมอัน เอกผุด มีขึ ้น ไมว ิต ก ไมม ีว ิจ าร มี แ ต ป ติ แ ละสุ ข อั น เกิ ด จากสมาธิ แล ว แลอยู เพื่ อ ความยิ น ดี ไม ส ะดุ ง กลั ว อยู เปนผาสุก แหงตน เพื่อกาวลงสูนิพพาน, ฉันนั้นเหมือนกัน.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! เปรี ย บเหมื อ นในป จ จั น ตนครของพระราชา มี อ ปรั ณ ณชาติ คื อ งา ถั่ ว เขี ย ว ถั่ ว ราชมาส เป น ต น สั่ ง สมไว เป น อั น มาก เพื่ อ ความยิ น ดี ไมสะดุงกลัว อยูเปนผาสุก ในภายใน เพื่อปองกันในภายนอก, นี้ฉันใด;
๖๙๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! อริ ย สาวก เพราะความจางคลายไปแห ง ป ติ เป น ผู อ ยู อุ เบกขา มี ส ติ และสั ม ปปชั ญ ญะ และย อ มเสวยความสุ ข ด ว ยนามกาย อั น ชนิ ด ที่ พ ระอริ ย เจ า กลา วสรรเสริญ ผู นั ้น วา เปน ผู อ ยู อ ุเ บกขา มีส ติ อยู เ ปน ปรกติส ุข ดัง นี ้ เขา ถึง ตติย ฌาน แลว แลอยู เพื ่อ ความยิน ดี ไมส ะดุ ง กลัว อยู เ ปน ผาสุก แหง ตน เพื่อกาวลงสูนิพพาน, ฉันนั้นเหมือนกัน. ภิก ษุ ท.! เปรีย บเหมือ นในปจ จัน ตนครของพระราชา มีเ ภ สัช สั ่ง สมไวเ ปน อัน มาก คือ เนยใส เนยขน น้ํ า มัน น้ํ า ผึ ้ง น้ํ า ออ ย และเกลือ เพื่ อ ความยิ น ดี ไม ส ะดุ ง กลั ว อยู เป น ผาสุ ก ในภายใน เพื่ อ ป อ งกั น ในภายนอก, นี ้ฉ ัน ใด; ภิก ษุ ท.! อริย สาวก เพราะละสุข และละทุก ขเ สีย ได เพราะความ ดับ ไปแหง โสมนัส และโทมนัส ทั ้ง สองในกาลกอ น เขา ถึง จตุต ถฌาน ไมม ีท ุก ขไม มี สุ ข มี แ ต ค วามที่ ส ติ เป น ธรรมชาติ บ ริ สุ ท ธิ์ เพราะอุ เบกขา แล ว แลอยู เพื่ อ ความ ยิน ดี ไมส ะดุ ง กลัว อยู เ ปน ผาสุก แหง ตน เพื ่อ กา วลงสู น ิพ พ าน , ฉัน นั ้น เหมือนกัน.
www.buddhadasa.info อริย สาวก เปน ผู ม ีป กติไ ดต ามปรารถนา ไดไ มย าก ไดไ มลํ า บาก ซึ่ ง ฌานทั้ ง สี่ อั น ประกอบในจิ ต อั น ยิ่ ง เป น เครื่ อ งอยู เป น สุ ข ในทิ ฏ ฐธรรม เหล า นี้ แล.
ภิ ก ษุ ท.! อริ ย สาวกประกอบพร อ มด ว ยสั ท ธรรม ๗ ประการเหล า นี้ และเป น ผู มี ป กติ ไ ด ต ามปรารถนา ได ไ ม ย าก ได ไ ม ลํ า บาก ซึ่ ง ฌ านทั้ ง สี่ อั น ประกอบในจิตอันยิ่ง เปนเครื่องอยูเปนสุขในทิฏฐธรรม เหลานี้ดวย, ในกาล
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๙๕
ใด ; ภ ิก ษ ุ ท .! ใน ก าล นั ้น อ ริย ส าวกนี ้ เรีย ก ไดว า เป น ผู ที ่ม ารอัน มีบ าป กระทําอะไรไมได. - สตฺตก. อํ. ๒๓/๑๐๙/๑๑๓/๖๔. (กายนี้ ได ชื่ อ ว า กายนคร เพราะมี อ ะไร ๆ ที่ ต อ งจั ด การรั ก ษาป อ งกั น เหมื อ นกั บ นคร. กายนครนี ้ม ีม ารคอยรัง ควาญอยู ต ลอดเวลา ; เมื ่อ อริย สาวกประกอบอยู ด ว ยสัท ธรรม ทั ้ง เจ็ด และมีฌ านทั ้ง สี ่เ ปน เครื ่อ งอยู อ ยา งผาสุก แลว มารก็ทํ า อะไรไมไ ด จัด เปน ภายนครที่ ปลอดภัยดวยขอความเปนอุปมาอุปไมยอยางไพเราะมาก แหงพระบาลีนี้).
ผูไมมีหนามยอกตํา ภิ ก ษุ ท.! พวกเธอทั้ ง หลาย จงเป น อยู อย า งผู ไ ม มี หนาม (ยอกตําใจ) เถิด. ภิ ก ษุ ท.! พวกเธอทั้ ง หลาย จงเป น อยู อย า งผู ไ ม มี หนาม หมดเสี้ยนหนามยอกตํา เถิด. ภิกษุ ท.! พระอรหันตทั้งหลาย เปนผูไมมีหนามยอกใจ. ภิก ษุ ท.! พระอรหัน ตทั ้ง หลาย เปน ผู ไ มม ีห นาม หมดเสี้ยนหนามยอกตําเสียแลว.
www.buddhadasa.info - ทสก. อํ. ๒๔/๑๔๕/๗๒.
ผูอยูคนเดียว คือผูไมของติดอยูในธรรมทั้งปวง
(พระผู ม ีพ ระภาคเจา ไดต รัส แกภ ิก ษุชื ่อ เถระ ผู ม ีป กติช อบอยู ค นเดีย วจนเปน ที่ เลาลือกันในหมูภิกษุ, วา :-)
๖๙๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ดู ก อ นเถระ ! การอยู ค นเดี ย วอย า งของเธอ ก็ มี อ ยู เรามิ ไ ด ก ล า วว า ไมม ี ; แตว า ยัง มีก ารอยู ค นเดีย วที ่บ ริบ ูร ณ พ ิส ดาร กวา ชนิด ของเธอ, เธอจง ตั้งใจฟงใหดี, เราจักกลาว. ดู ก อ นเถระ ! การอยู ค นเดี ย วชนิ ด ที่ บ ริ บู ร ณ พิ ส ดารกว า ชนิ ด ของเธอ นั ้น เปน อ ยา งไรเลา ? ดูก อ น เถ ระ ! ก ารอ ยู ค น เดีย วใน ก รณ ีนี ้ค ือ สิ ่ง เป น อดีตก็ละไดแลว สิ่งเปนอนาคตก็ไมมีทางจะเกิดขึ้น สวนฉันทราคะในอัตตภาพ อัน ไดแ ลว ทั ้ง หลาย อัน เปน ปจ จุบ ัน ก็นํ า ออกแลว หมดสิ ้น . ดูก อ นเถระ ! อยางนี้แล เปนการอยูคนเดียวที่บริบูรณพิสดารกวาการอยูคนเดียวชนิดของเธอ. (คาถาผนวกทายพระสูตร) นรชนผู มี ป ญญาดี ครอบงําอารมณ ทั้ งปวงได รู ธรรมทั้ งปวง ไมของติดอยูในธรรมทั้งหลายทั้งสิ้น ละอุปธิทั้งปวง หลุดพนพิเศษแลว ในธรรมเปนที่สิ้นตัณหา นั้นเราเรียกเขาวา ผูมีปกติอยูคนเดียว. - นิทาน. สํ. ๑๖/๓๒๙-๓๓๐/๗๑๙-๗๒๑.
www.buddhadasa.info (ข อ ความที่ มี ป ญ หายากแก ก ารแปลในสู ต รนี้ มี อ ยู คื อ ข อ ความที่ ว า "ป จฺ จ ุ ป ฺ ป นฺ เ น สุ จ อตฺต ภ าวป ฏิล าเภ สุ ฉนฺท ราโค " ; ห ลัง จากใครค รวญ ท บ ท วน ดูแ ล ว เห็ น วา ตอ งแป ลว า "สว นฉัน ทราคะในอัต ตภ าพอัน ไดแ ลว ทั ้ง หลาย อัน เปน ปจ จุบ ัน " หมายความวา ฉัน ทราคะ มีในอัตตภาพซึ่งไดแลวมากครั้งในปจจุบัน ไมใชฉันทราคะมีในการได.
อั ต ตภ าพ ในกรณี เช น นี้ หมายถึ ง ภ พ หรื อ ความมี ค วามเป นในรู ป แบ บ ห นึ่ ง ๆ ซึ่ ง เกิดขึ้นเพราะอุปาทานเปนปจจัย ในวิถีแหงการปรุงแตงทางจิต ในกระแสแหงปฏิจจสมุปบาท
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๙๗
อัน เกิด ขึ ้น ทุก ขณะที ่ม ีอ ตัณ หาอัน เกิด จากเวทนา ซึ ่ง วัน หนึ ่ง ก็ม ีไ ดห ลายครั ้ง ทา นจึง ใชร ูป ศัพ ท เปน พหุพ จน คือ ....ปฏิล าเภสุ และจัด เรื ่อ งนี ้ใ หเ ปน เรื ่อ งของปจ จุบ ัน ; ดัง นั ้น การไมข อ ง ติด จึง มีค รบชุด คือ อดีต -อนาคต-ปจ จุบ ัน ; ผู ห ลุด พน เสีย ไดค รบถว น เรีย กวา ผู อ ยู ค นเดีย ว ในระดับที่สมบูรณ ลึกซึ้งที่สุด).
กายของผูที่สิ้นตัณหาแลวก็ยังตั้งอยูชั่วขณะ (นิโรธมิใชความตาย) ภิ ก ษุ ท.! กายของตถาคตนี้ มี ตั ณ หาอั น เป น เครื่ อ งนํ า ไปสู ภ พถู ก ตถาคตถอนขึ้ น เสี ย ได แ ล ว , ดํ า รงอยู . กายนี้ ยั ง ดํ า รงอยู เ พี ย งใด เทวดาและ มนุ ษ ย ทั้ ง หลาย ยั ง คงได เ ห็ น ตถาคตนั้ น อยู เ พี ย งนั้ น . เพราะการทํ า ลายแห ง กาย, หลัง จากการควบคุม กัน อยู ไ ดข องชีว ิต เทวดาและมนุษ ยทั ้ง หลายจัก ไม เห็นตถาคตนั้นเลย. ภิ ก ษุ ท.! เปรี ย บเหมื อ นเมื่ อ ขั้ ว พวงมะม ว งขาดแล ว มะม ว งทั้ ง หลาย เหล า ใด ที่ เนื่ อ งขั้ ว เดี ย วกั น มะม ว งเหล า นั้ น ทั้ ง หมด ย อ มเป น ของตกตามไปด ว ย กั น . นี ้ ฉ ั น ใด ; ภิ ก ษุ ท .! ก าย ขอ งต ถ าค ต ก็ ฉ ั น นั ้ น : ก าย ข อ งต ถ าค ต มีต ัณ หาเครื่อ งนํ า ไปสู ภ พอัน ตถาคตถอนขึ้น เสีย ไดแ ลว , ดํ า รงอยู. กายนี้ ดํ ารงอยู เพี ย งใด เทวดาและมนุ ษ ย ทั้ งหลาย ยั งคงเห็ น ตถาคตอยู ชั่ วเวลาเพี ยงนั้ น . เพราะการทํ า ลายแห ง กาย, หลั ง จากการควบุ ค มกั น อยู ไ ด ข องชี วิ ต เทวดาและ มนุษยทั้งหลาย จักไมเห็นตถาคตเลย.
www.buddhadasa.info - สี. ที. ๙/๕๙/๙๐.
๖๙๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
พระอรหันตตายแลวสูญหรือ? "ข าแต พ ระโคดมผู เจริญ ! ภิ กษุ ผู มี จิ ตพ นวิ เศษแล ว จะไปเกิ ดในที่ ใด ? พระเจาขา !" วัจฉะ ! ที่ใชคําพูดวา จะไปเกิด นั้น ไมควรเลย. "ขาแตพระโคดมผูเจริญ! ถาเชนนั้น จะไมไปเกิดหรือ ?" วัจฉะ ! ที่ใชคําพูดวา จะไมไปเกิด นั้นก็ไมควร. "ขาแตพระโคดมผูเจริญ ! ถาเชนนั้น บางทีเกิด บางทีไมเกิด กระนั้นหรือ ?" วัจฉะ ! ที่ใชคําพูดวา บางทีเกิด บางทีไมเกิด นั้น ก็ไมควร. "ขาแต พระโคดมผู เจริญ ! ถ าเช นนั้ น ภิ กษุ ผู มี จิ ตพ นวิ เศษแล ว จะวาไปเกิ ด ก็ไมใช ไมไปเกิดก็ไมใช กระนั้นหรือ ?" วั จ ฉ ะ ! ที่ ใช คํ าพู ด ว า จ ะ ไป เกิ ด ก็ ไม ใช ไม ไป เกิ ด ก็ ไม ใช แ ม กระนั้นก็ไมควร. "ขาแต พระโคดมผู เจริญ ! ข อที่ พระองค ตรัสตอบนี้ ขาพเจาไม รูเรื่องเสี ยแล ว ทําใหขาพเจาวนเวียนเสียแลว แมความเลื่อมใสที่ขาพเจามีแลว ตอพระองคในการตรัสไวตอน ตน ๆ บัดนี้ก็ไดลางเลือนไปเสียแลว". วัจ ฉะ ! ที ่ท า นไมรู เ รื ่อ งนั ้น ก็ส มควรแลว ที ่ท า นเกิด รู ส ึก วนเวีย น นั้ น ก็ ส มควรแล ว เพราะธรรมนี้ เ ป น ของลุ ม ลึ ก ยากที่ จ ะเห็ น ยากที่ จ ะรู ต าม, ธรรมนี ้เ ปน ของสงบระงับ ประณ ีต ไมเ ปน วิส ัย ที ่จ ะหยั ่ง ถึง ไดด ว ยการตรึก , ธรรมนี ้เ ปน ของละเอีย ด บัณ ฑิต จึง จะรู ไ ด. เรื ่อ งปริย ายนี ้ ตัว ทา นมีค วามเห็น มากอนหนานี้ เปนอยางอื่น มีความพอใจที่จะฟงใหเปนอยางอื่น มีความชอบใจ
www.buddhadasa.info
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๖๙๙
จะให พ ยากรณ เป น อย า งอื่ น เคยปฏิ บั ติ ทํ า ความเพี ย รเพื่ อ ได ผ ลเป น อย า งอื่ น ท า น เอ งไดม ีค รูบ าอ าจารยเ ปน อ ยา งอื ่น , ฉ ะ นั ้น ทา น จึง รู ไ ดย าก , วัจ ฉ ะ ! ถา เชนนั้น เราจักยอนถามทานดู ทานเห็นควรอยางใด จงกลาวแกอยางนั้น. วั จ ฉะ ! ท า นจะสํ า คั ญ ความข อ นี้ เ ป น ไฉน ถ า ไฟลุ ก โพลงอยู ต อ หน า ทาน ทานจะพึงรูไดหรือ วาไฟนี้ลุกโพลง ๆ อยูตอหนาเรา ?" "ขาแตพระโคดมผูเจริญ ! ขาพเจาพึงรูได พระเจาขา !" วั จ ฉะ ! หากมี ค นถามท า นว า ไฟที่ ลุ ก โพลงอยู ต อ หน า ท า นนี้ มั น อาศัยอะไรจึงลุกได เมื่อถูกถามอยางนี้ ทานจะกลาวแกเขาวาอยางไร ? "ข าแต พระโคดมผู เจริญ ! ไฟที่ ลุ กโพลง ๆ อยู ต อหน านี้ มั นอาศั ยหญ าหรือไม เปนเชื้อมันจึงลุกอยูได พระเจาขา !" วัจ ฉ ะ ! ห า ก ไฟ นั ้น ดับ ไป ตห นา ทา น ทา น จ ะ พ ึง รู ห รือ วา ไฟ ไดดับไปตอหนาเรา ? "ขาแตพระโคดมผูเจริญ ! ขาพเจาพึงรูได พระเจาขา !"
www.buddhadasa.info วั จ ฉะ ! หากมี ค นถาท า นท า นว า ไฟที่ ดั บ ไปต อ หน า ท า นนั้ น มั น ไป ทางทิ ศ ไหนเสี ย ทิ ศ ตะวั น ออกหรื อ ตะวั น ตก ทิ ศ เหนื อ หรื อ ใต เมื่ อ ถู ถ ามอย า งนี้ ทานจะกลาวแกเขาวาอยางไร ?
"ข าแต พระโคดมผู เจริ ญ ! ข อนั้ นไม ควรกล าวอย างนั้ น เพราไฟนั้ นอาศั ยเชื้ อ คือหญ าหรือไม จึงลุกขึ้นได แต ถาเชื้อนั้ นมั นสิ้นไปแล ว ทั้ งไม มี อะไรอื่นเป นเชื้ออี ก ไฟนั้ นก็ ควรนับวาไมมีเชื้อ ดับไปแลว".
๗๐๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ฉั น ใดก็ ฉั น นั้ น นั่ น แล วั จ ฉะเอย ! เมื่ อ ไป บั ญ ญั ติ อ ะไรขึ้ น ม าให เ ป น สั ต ว (ตถาคต) โดยถื อ เอา รู ป เวทนา สั ญ ญา สั งขาร วิ ญ ญาณ กลุ ม ใดขึ้ น มา มั น ก็ ได , แต ค วามยึ ด ถื อ รู ป เวทนา สั ญ ญา สั ง ขาร วิ ญ ญาณ สํ า หรั บ กลุ ม นี้ ตถาคต เองละได ข าดแล ว ถอนขึ้ น ได จ นถึ ง รากเง า ของมั น แล ว ทํ า ให เ ป น เหมื อ นตาลยอด ด ว นเสี ย แล ว ถึ ง ความยกเลิ ก ไม มี อี ก ไม ให เ กิ ด ขึ้ น อี ก ต อ ไป แล ว . วั จ ฉะเอย ! ตถาคตอยู น อกเหนื อ การนั บ ว า เป น รู ป เวทนา สั ญ ญา สั ง ขาร วิ ญ ญาณ นั้ น เสี ย แลว มัน เปน เรื ่อ งลึก ซึ ้ง ที ่ใ ค ร ๆ ไมพ ึง ป ระม าณ ได ห ยั ่ง ถึง ไดย าก เห มือ น ดั ่ง หว งมหาสมุท รฉะนั ้น . วัจ ฉะเอย ! ขอ นี ้จ ึง ไมค วรจะกลา ววา เกิด ไมค วรจะ กลา ววา ไมเ กิด ไมค วรจะกลา ววา บ างทีก ็เ กิด บ างทีก ็ไ มเ กิด แล ะไมค วรจะ กลาววาเกิดก็ไมใช ไมเกิดก็ไมใช ดังนี้แล. - ม. ม. ๑๓/๒๔๕-๒๔๗/๒๔๘-๒๕๑.
ประมาณเครื่ องกํ าหนด (คื อเกณฑ ที่ ใช วั ดสอบทุ กชนิ ด) ไม มี ทางที่จะเอามาใช แกบุคคลผูถึงซึ่งความดับแหงการยึดถือตัวตน, ทาน ผูเชนนั้น เปนคนที่ไมมีเหตุหรือคุณลักษณะอะไร ๆ ที่ใคร ๆ จะกลาว วาทานเป นอะไร ไดอีกตอไป เมื่อสิ่งทั้งปวงถูกเพิ กถอนความยึดถือ เสียแลว วาทบถ คือ คลองแหงถอยคําสําหรับเรียกสิ่งนั้นทั้งหมด ก็ พลอยถูกเพิกถอน คือไรความหมายไปดวยทั้งสิ้น.
www.buddhadasa.info - สุตฺต. ขุ. ๒๕/๕๓๙/๔๓๐.
หลักการทดสอบตัวเองวาเปนอรหันตหรือไม ภิ ก ษุ ท.! หลั ก เกณ ฑ นั้ น มี อ ยู ซึ่ ง เมื่ อ บุ ค คลอาศั ย แล ว ไม ต อ ง อาศัยความเชื่อ ความชอบใจ การฟงตาม ๆ กันมา การตริตรึกไปตามอาการ
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๐๑
การเห็นวามันเขากันไดกับทิฏฐิของตนเลย ก็อาจพยากรณการบรรลุอรหัตตผล ข อ งต น ได โดยรู ช ัด วา "ชาติสิ ้น แลว พ รหมจรรยอ ยู จ บแลว กิจ ที ่ค วรทํ า ไดทํ า สํ า เร็จ แลว กิจ อื ่น ที ่จ ะตอ งทํ า เพื ่อ ความเปน อยา งนี ้ มิไ ดม ีอ ีก " ดัง นี ้. ภิกษุ ท.! หลักเกณฑนั้น เปนอยางไรเลา? ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ในกรณี นี้ เห็ น รู ป ด ว ยตาแล ว รู ชั ด ราคะโทสะโมหะ ซึ่งเกิดมีอยูในภายในวาเกิดมีอยูในภายใน, รูชัดราคะโทสะโมหะอันไมเกิดมีอยูใน ภายใน ว า ไม เกิ ด มี อ ยู ใ นภายใน. ภิ ก ษุ ท.! เมื่ อ เธอรู ชั ด อยู อ ย า งนี้ แ ล ว ยั ง จํ า เป น อยู อี ก หรื อ ที่ จ ะต อ งรู ธ รรมทั้ ง หลายด ว ยอาศั ย ความเชื่ อ ความชอบใจ การ ฟ ง ตาม ๆ กั น มา การตริ ต รึ ก ไปตามอาการ การเห็ น ว า มั น เข า กั น ได กั บ ทิ ฏ ฐิ ข อง ต น ? "ข อ นั ้ น ห า มิ ไ ด พ ร ะ เจ า ข า !" ภิ ก ษ ุ ท .! ธ ร ร ม ทั ้ ง ห ล า ย เป น สิ ่ ง ที่ ตองเห็นดวยปญญาแลวจึงรู มิใชหรือ ? "ขอนั้น เปนอยางนั้น พระเจาขา !" ภิ กษุ ท ! นี่ แห ล ะ ห ลั ก เกณ ฑ ซึ่ ง เมื่ อ บุ ค ค ล อ าศั ยแล ว ไม ต อ ง อาศั ย ความเชื่ อ ความชอบใจ การฟ ง ตาม ๆ กั น มา การตริ ต รึ ก ไปตามอาการ การเห็ น ว า มั น เข า กั น ได กั บ ทิ ฏ ฐิ ข องตนเลยก็ อ าจพยากรณ ก ารบรรลุ อ รหั ต ตผล ของตนได โดยรู ชั ด ว า "ชาติ สิ้ น แล ว พรหมจรรย อ ยู จ บแล ว กิ จ ที่ ค วรทํ า ได ทํ า สําเร็จแลว กิจอื่นที่จะตองทําเพื่อความเปนอยางนี้มิไดมีอีก" ดังนี้.
www.buddhadasa.info (ในกรณี แหงการ ฟ งเสียงดวยหู ดมกลิ่นดวยจมูก ลิ้มรสด วยลิ้น ถูกตองโผฏฐัพพะ ด ว ยผิ ว กาย และ รูแ จ ง ธรรมารมณ ด ว ยใจ ก็ ได ต รัส ต อ ไปอี ก โดยนั ย อย า งเดี ย วกั น กั บ ในกรณี แ ห ง การเห็นรูปดวยตา ทุกประการ ตางกันแตชื่อเทานั้น). - สฬา. สํ. ๑๘/๑๗๓-๑๗๕/๒๓๙-๒๔๒.
๗๐๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
คําถามที่อาจใชทดสอบความเปนอรหันต (มีหกหมวด) ภิก ษุ ท.! ในกรณ ีนี ้ มีภ ิก ษุพ ยากรณ อ รหัต ตผลวา "ขา พเจา รู ช ัด วา 'ชาติสิ ้น แลว พรหมจรรยอ ยู จ บแลว กิจ ที ่ค วรทํ า ไดทํ า สํ า เร็จ แลว กิจ ที่ จะตอ งทํ า เพื ่อ ความเปน อยา งนี ้ มิไ ดม ีอ ีก ' ดัง นี ้." ภิก ษุ ท.! พวกเธอไมพ ึง รับรองไมพึงคัดคานคํากลาวของภิกษุนั้น. (หมวด ๑ : โวหารสี่) ครั้ น พวกเธอไม ย อมรั บ ไม ได คั ด ค า นแล ว พึ ง ถามป ญ หาว า "อาวุ โส ! โวหารสี่ประการเหลานี้มีอยู อันพระผูมีพระภาคผูรูเห็นผูอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ตรัสไวแลวโดยชอบ คือ ความมีปกติกลาววาขาพเจาเห็นแลวในสิ่งที่ไดเห็น ๑ ความมี ป กติ ก ล า วว า ข า พเจ า ฟ ง แล ว ในสิ่ ง ที่ ไ ด ฟ ง ๑ ความมี ป กติ ก ล า วว า ขาพเจารูสึก แลว ในสิ่งที่ไดรูสึก ๑ ความมีป กติก ลา ววา ขาพเจา รูแ จง แลว ใน สิ ่ง ที ่ไ ด รู แ จง ๑. อาวุโ ส ! ก็ท า นรู อ ยู อ ยา งไร เห็น อยู อ ยา งไร จิต ของทา น จึงหลุดพนจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไมยึดถืดในโวหารทั้งสี่ประการนั้น?" ดังนี้.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! ถา ภิก ษุนั ้น เปน ขีณ าสพ มีพ รหมจรรยอ ยู จ บแลว มีก ิจ ที ่ค วรทํ า ไดทํ า เสร็จ แลว มีภ าระปลงลงไดแ ลว มีป ระโยชนต นอัน ตามลุถ ึง แลว มีส ัง โยชนใ นภพสิ ้น รอบแลว หลุด พน แลว เพราะรู โ ดยชอบ จริง , ธรรมที ่ภ ิก ษุ นั ้น สมควรพยากรณ ยอ มมีอ ยา งนี ้ว า "อาวุโ ส! ในสิ ่ง ที ่เ ห็น แลว นั ้น ขา พเจา ไม เขาหา ไม ถ อยหนี ไม อาศั ย ไม ผูก พั น แต ข าพเจาพ น จากอํ านาจแห งมั น ปราศจากกิเลสเครื่องรอยรัด อยูดวยจิตที่ขาพเจากระทําแลวใหเปนจิตปราศจาก
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๐๓
เขตแดนอยู. อาวุโส ! ในสิ่งที่ฟงแลว ก็ดี ในสิ่งที่รูสึกแลว ก็ดี ในสิ่งที่รูแจง แลว ก็ดี นั้น ขาพเจาก็ไมเขาหา ไมถอยหนี ไมอาศัย ไมผูกพัน แตขาพเจา พนจากอํานาจแหงมัน ปราศจากกิเลสเครื่องรอยรัด อยูดวยจิตที่ขาพเจากระทําแลว ใหเ ปน จิต ปราศจากเขตแดนอยู . อาวุโ ส ! เมื ่อ ขา พเจา รูอ ยู อ ยา งนี ้ เห็น อยู อ ย า งนี้ จิ ต ของข า พเจ า จึ ง หลุ ด พ น จากอาสวะทั้ ง หลาย เพราะไม ยึ ด มั่ น ใน โวหารทั ้ง สี ่เ หลา นี ้" ดัง นี ้. ภิก ษุ ท.! พวกเธอพึง ยิน ดีอ นุโ มทนาในคํ า กลา ว ของภิกษุนั้นวา สาธุ ดังนี้. (หมวด ๒ : ปญจุปาทานขันธ) ครั้ น พวกเธอยิ น ดี อ นุ โมทนาดั ง นั้ น แล ว พึ ง ถามป ญ หาให ยิ่ งขึ้ น ไปว า " อาวุโส ! อุป าทานขัน ธห าเหลานี้ มีอ ยู อัน พระผูมี พ ระภาคผูรูผูเห็ นผูอรหั นตสัมมาสัมพุทธะ ตรัสไวแลวโดยชอบคือ รูปูปาทานขันธ ๑ เวทนูปาทานขันธ ๑ สัญูปาทานขันธ ๑ สังขารูปาทานขันธ ๑ วิญญาณูปาทานขันธ ๑. ก็ทานผู มีอายุรูอยูอยางไร เห็นอยูอยางไร จิตของทานจึงหลุดพนจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไมยึดถือในปญจะปาทานขันธเหลานั้น ?" ดังนี้.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! ถา ภิก ษุนั ้น เปน ขีณ าสพ มีพ รหมจรรยอ ยู จ บแลว มีก ิจ ที ่ค วรทํ า ไดทํ า เสร็จ แลว มีภ าระปลงลงไดแ ลว มีป ระโยชนต นอัน ตามลุถ ึง แลว มีส ัง โยชนใ นภพสิ ้น รอบแลว หลุด พน แลว เพราะรู โ ดยชอบ จริง , ธรรมที ่ภ ิก ษุ นั ้น สมควรพยากรณ ยอ มมีอ ยา งนี ้ว า "อาวุโ ส! ขา พเจา รู แ จง วา 'รูป เปน สิ ่ง ที่ ไรกําลัง ไมนากําหนัด ไมเปนที่ตั้งแหงความเบาใจ' ดังนี้แลว ขาพเจารูชัดวา 'จิตของขาพเจาหลุดพ นแลวเพราะความสิ้นไป เพราะความจางคลาย เพราะ ความดับ เพราะความสละทิ้ง เพราะความสลัดคืน ซึ่งความเคยชิน (อนุสัย)
๗๐๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
แหงการตั้งทับและการฝงตัวเขาไปแหงจิต เพราะความยึดมั่นดวยอุปาทานในรูป เหลา นั ้น ' (ในกรณีแ หง เวทนา สัญ ญา สัง ขาร วิญ ญาณ ก็ม ีขอ ความโตต อบอยา งเดีย วกัน กับ ใน กรณ ีแ หง รูป นี ้ จนกระทั ่ง ถึง คํ า วา .... จิต ของขา พ เจา หลุด พน แลว เพ ราะ .... ความ สลั ด คื น ซึ่ ง ความเคยชิ น (อนุ สั ย ) แห ง การตั้ ง ทั บ และการฝ ง ตั ว เข า ไปแห ง จิ ต เพราะความยึ ด มั่ น ดว ยอุป าทานในรูป เหลา นั ้น '.). อาวุโ ส ! เมื ่อ ขา พเจา รู อ ยู อ ยา งนี ้ เห็น อยู อ ยา งนี้
จิ ต ของข า พเจ า จึ งหลุ ด พ น จากอาสวะทั้ ง หลายเพราะไม ยึ ด มั่ น ในป ญ จุ ป าทานขั น ธ เหลานี้". ภิกษุ ท.! พวกเธอพึงยินดีอนุโมทนาในคํากลาวของภิกษุนั้นวาสาธุ. (หมวด ๓ : ธาตุหก) ครั้ น พวกเธอยิ น ดี อ นุ โ มทนาดั ง นั้ น แล ว พึ ง ถามป ญ หาให ยิ่ ง ขึ้ น ไปว า "อาวุโส ! ธาตุหกอยางเหลานี้มีอยู อันพระผูมีพระภาคผูรูผูเห็นผูอรหันตสัมมาสัมพุทธะตรัสไวแลวโดยชอบ คือ ปฐวีธาตุ ๑ อาโปธาต ๑ เตโชธาตุ ๑ วาโยธาตุ ๑ อากาสธาตุ ๑ วิญ ญาณธาตุ ๑. ก็ ท านผู มี อ ายุรูอ ยู อ ย างไร เห็ น อยู อยางไร จิตของทานจึงหลุดพนจากอาสวะทั้งหลาย เพราะไมยึดมั่นในธาตุทั้งหก อยางเหลานี้ ?" ดังนี้.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! ถา ภิก ษุนั ้น เปน ขีณ าสพ มีพ รหมจรรยอ ยู จ บแลว มีก ิจ ที ่ค วรทํ า ไดทํ า เสร็จ แลว มีภ าระปลงลงไดแ ลว มีป ระโยชนต นอัน ตามลุถ ึง แลว มีส ัง โย ชนใ น ภ พ สิ ้น รอ บ แลว ห ลุด พน แลว เพ ราะรู โ ด ย ชอ บ จริง , ธรรม ที่ ภิก ษุนั ้น สมควรพยากรณ ยอ มมีอ ยา งานี ้ว า "อาวุโ ส! ขา พเจา เขา ถึง ปฐวี ธาตุโดยความเปนอนัตตา และไมเขาถึงธรรมอันอาศัยปฐวีธาตุวาเปนอัตตา แลว และขาพเจารูชัดวา' จิตของขาพเจาหลุดพนแลวเพราะความสิ้น เพราะความ จางคลาย เพราะความดับ เพราะความสละทิ้ง เพราะความสลัดคืน ซึ่งความ เคยชิน (อนุสัย) แหงการตั้งทับและการฝงตัวเขาไปแหงจิตเพราะความยึดมั่นดวย
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๐๕
อุป าทานอัน อาศัย ปฐวีธ าตุ เหลา นั ้น ' (ในกรณีแ หง อาโปธาตุ เตโชธาตุ วาโยธาตุ อากาสธาตุ และวิ ญ ญ าณ ธาตุ ก็ มี ข อ ความโต ต อบอย า งเดี ย วกั น กั บ ในกรณี แห ง ปฐวี ธ าตุ นี้ จน ก ระ ทั ่ง ถ ึง คํ า วา ....จ ิต ข อ งข า พ เจ า ห ล ุด พ น แ ล ว เพ รา ะ .... ค ว า ม ส ล ัด ค ืน ซึ ่ง ค ว า ม เค ย ช ิน (อนุ สั ย ) แห ง การตั้ ง ทั บ และการฝ ง ตั ว เข า ไปแห ง จิ ต เพราะความยึ ด มั่ น ด ว ยอุ ป าทานอั น อาศั ย ปฐวี ธาตุเ หลา นั ้น .') อาวุโ ส ! เมื ่อ ขา พเจา รู อ ยู อ ยา งนี ้ เห็น อยู อ ยา งนี ้ จิต ของขา พเจา
จึ ง หลุ ด พ น จากอาสวะทั้ ง หลายเพราะไม ยึ ด มั่ น ในธาตุ ทั้ ง หกอย า งเหล า นี้ ". ภิ ก ษุ ท.! พวกเธอพึงยินดีอนุโมทนาในคํากลาวของภิกษุนั้วา สาธุ. (หมวด ๔-๕ : อายตนะใน - นอก) ครั้ น พวกเธอยิ น ดี อ นุ โ มทนาดั ง นั้ น แล ว พึ ง ถามป ญ หาให ยิ่ ง ขึ้ น ไปว า "อาวุ โส ! อายตนะภายในและภายนอก อย า งละหกเหล า นี้ มี อ ยู อั น พระผู มี พระภาคผูรูผูเห็นผูอรหันตสัมมาสัมพุทธะตรัสไวแลวโดยชอบ คือ จักษุและรูป ๑ โสตะและเสี ย ง ๑ ฆานะและกลิ่ น ๑ ชิ ว หาและรส ๑ กายและโผฏฐั พ พ ๑ มโนและธรรมารมณ ๑. ก็ทานผูมีอายุรูอยูอยางไร เห็นอยูอยางไร จิตของทาน จึงหลุดพนจากอาสวะทั้งหลายเพราะไมยึดมั่นในอายตนะทั้งหลาย ทั้งภายในและ ภายนอก อยางละหกเหลานี้ ?" ดังนี้.
www.buddhadasa.info ภิก ษ ุ ท .! ถา ภ ิก ษ ุนั ้น เป น ขีณ าส พ มีพ รห ม จรรยอ ยู จ บ แลว มีก ิจ ที ่ค วรทํ า ไดทํ า เสร็จ แลว มีภ าระปลงลงไดแ ลว มีป ระโยชนต นอัน ตามลุถ ึง แลว มีส ัง โย ช น ใ น ภ พ สิ ้น รอ บ แ ลว ห ลุด พ น แ ลว เพ รา ะ รู โ ด ย ช อ บ จ ริง , ธ รรม ที่ ภิ ก ษุ นั้ น สมควรพยากรณ ย อ มมี อ ย า งนี้ ว า "อาวุ โ ส ! ข า พเจ า รู ชั ด ว า 'ฉั น ทะ ราคะ นั น ทิ ตั ณ หา ความเคยชิ น (อนุ สั ย ) แห งการตั้ งทั บ และการฝ งตั วเข าไป แหงจิตเพราะความยึดมั่นดวยอุปาทาน ใด ๆ ใน จักษุ ใน รูป ใน จักขุวิญญาณ ใน ธรรม ท. อันรูไดวยจักขุวิญญาณ. มีอยู เพราะความสิ้นไป เพราะความ
๗๐๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
จางคลาย ความดั บ ความละทิ้ ง ความสลั ดคืน ซึ่งฉั นทะ ราคะ นั นทิ ตัณ หา ความเคยชิน (อนุสัย) แหงการตั้งทับและการฝงตัวเขาไปแหงจิตเพราะความยึดมั่น ดว ยอุป าทาน นั ้น ๆ แลว จิต ของขา พเจา ก็ห ลุด พน แลว ' ดัง นี ้. (ในกรณีแ หง โสตะและเสีย ง ฆานะและกลิ่น ชิว หาและรส กายะและโผฏฐัพ พะ มโนและธรรมารมณ ก็มี ข อ ความโต ต อบอย า งเดี ย วกั น กั บ ในกรณี แห ง จั ก ษุ แ ละโสตะนี้ จนกระทั่ ง ถึ ง คํ า ว า .... จิ ต ของ ขา พ เจา ก็ห ลุด พน แ ลว ' ดัง นี ้.). อ าวุโ ส ' เมื ่อ ขา พ เจา รู อ ยู อ ยา งนี ้เ ห็น อ ยู อ ยา งนี้
จิ ต ของข า พเจ า จึ ง หลุ ด พ น จากอาสวะทั้ ง หลาย เพราะไม ยึ ด มั่ น ในอายตนะทั้ ง หลายทั้ ง ภายในและภายนอก อย า งละหกเหล า นี้ ." ภิ ก ษุ ท.! พวกเธอพึ ง ยิ น ดี อนุโมทนาในคํากลาวของภิกษุนั้นวา สาธุ. (หมวด ๖ : การถอนอนุสัย) ครั ้น พวกเธอยิน ดีอ นุโ มทนาดัง นั ้น แลว พึง ถามปญ หาใหยิ ่ง ขึ ้น ไปวา "อาวุโส! เมื่อ ทานรูอ ยูอ ยางไร เห็น อยูอ ยางไร ความเคยชิน แหงการถือ ตัว วา เปน เรา ว าเป น ของเรา (อหงฺ ก ารมมงฺ การมานานุ สย) ในกายอั น ประกอบด วย วิญญาณนี้และในนิมิตทั้งหลายทั้งปวงในภายนอก จึงจะถูกถอนขึ้นดวยดี?" ดังนี้.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! ถา ภิก ษุนั ้น เปน ขีณ าสพ มีพ รหมจรรยอ ยู จ บแลว มีก ิจ ที ่ค วรทํ า ไดทํ า เสร็จ แลว มีภ าระปลงลงไดแ ลว มีป ระโยชนต นอัน ตามลุถ ึง แลว มีส ัง โย ช นใ น ภ พ สิ ้น รอ บ แ ลว ห ลุด พน แ ลว เพ รา ะ รู โ ด ย ช อ บ จ ริง , ธ รรม ที่ ภิกษุนั้นสมควรพยากรณ ยอมมีอยางนี้วา :-
"อ าวุโ ส ! ใน ก าล กอ น เมื ่อ ขา พ เจา ค รอ งเรือ น อ ยู ยัง เป น ผู ไ มรู ไม เห็ น อะไร ครั้ น พระตถาคตหรื อ สาวกของตถาคตแสดงธรรมแก ข า พเจ า ข า พเจ า ฟงธรรมนั้นแลว กลับไดสัทธาในพระตถาคตแลว พิจารณาเห็นอยูวา 'ชีวิต
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๐๗
ฆราวาสเปน ของคับ แคบ เปน ทางมาแหง ธุล ี การบรรพชาเปน โอกาสโลง ไม เป น การง า ยเลยที่ ผู อ ยู ค รองเรื อ นจะประพฤติ พ รหมจรรย ให บ ริ สุ ท ธิ์ บ ริ บู ร ณ โ ดย ส ว นเดี ย วเหมื อ นสั ง ข ที่ เขาขั ด ดี แ ล ว ได ถ า กระไรเราปลงผมและหนวด ครองผ า กาสายะแลว บวชจากเรือ นถึง ความเปน ผู ไ มม ีเ รือ นเถิด ' ดัง นี ้. ครั ้น สมัย อื ่น อี ก ข า พจ า ละกองโภคะใหญ น อ ย ละวงศ ญ าติ ใ หญ น อ ย ปลงผมและหนวด นุงหมผากาสายะ บวชจากเรือน ถึงความเปนผูไมมีเรือนแลว. "ขา พเจา นั ้น ครั ้น บวชแลว อยา งนี ้ ถึง พรอ มดว ยสิก ขาและสาชีพ ของภิ ก ษุ ทั้ ง หลาย ละปาณาติ บ าต เว น ขาดจากปาณาติ บ าต วางท อ นไม แ ละ ศาสตราเสี ย แล ว มี ค วามละอายต อ บาป มี ค วามเอ็ น ดู ก รุ ณ า หวั ง ประโยชน เกื ้อ กูล แกส ัต วทั ้ง หลายแลว ; ขา พเจา ละการถือ เอาสิ ่ง ของที ่เ จา ของมิไ ดใ ห เว น ขาดจากอทิ น นาทาน ถื อ เอาแต ข องที่ เจ า ของให หวั ง อยู แ ต ใ นของที่ เจ า ของ เขาให เป น คนสะอาดไม เป น คนขโมยแล ว; ข า พเจ า ละกรรมอั น มิ ใช พ รหมจรรย เป น ผู ป ระพฤติ พ รหมจรรย โ ดยปกติ ป ระพฤติ ห า งไกลเว น ขาดจากการเสพเมถุ น อัน เปน ของสํ า หรับ ชาวบา นแลว ; ขา พ เจา ละการกลา วเท ็จ เวน ขาดจาก มุ ส าวาท พู ด แต คํ า จริ ง รั ก ษาคํ า สั ต ย มั่ น คงในคํ า พู ด ควรเชื่ อ ได ไม แ กล ง กล า ว ใหผ ิด ตอ โลกแลว ; ขา พเจา ละการกลา วคํ า สอ เสีย ด เวน ขาดการปส ุณ าวาท ได ฟ ง จากฝ า ยนี้ แ ล ว ไม เ ก็ บ ไปบอกฝ า ยโน น เพื่ อ ทํ า ลายฝ า ยนี้ หรื อ ได ฟ ง จาก ฝ า ยโน น แล ว ไม เ ก็ บ มาบอกฝ า ยนี้ เพื่ อ ทํ า ลายฝ า ยโน น แต จ ะสมานชนที่ แ ตก กั น แล ว ให ก ลั บ พร อ มเพรี ย งกั น อุ ด หนุ น ชนที่ พ ร อ มเพรี ย งกั น อยู ให พ ร อ มเพรี ย ง กัน แลว ; ขา พเจา ละการกลา วคํ า หยาบ เวน ขาดจากผรุส วาท กลา วแตว าจา ที ่ป ราศจากโทษ เสนาะโสต ใหเ กิด ความรัก เปน คํ า ฟูใ จ เปน คํ า สุภ าพ ที่ ชาวเมืองเขาพูดกัน เปนที่ใครที่พอใจของมหาชนแลว; ขาพเจา ละคําพูดที่
www.buddhadasa.info
๗๐๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
โปรยประโยชน ทิ้ ง เสี ย เว น ขาดจากการพู ด เพ อ เจ อ กล า วแต ใ นเวลาสมควร ก ลา ว แ ตคํ า จ ริง เปน ป ระ โย ช น เปน ธ รรม เปน วิน ัย เปน ว า จ า มีที ่ตั ้ง มี หลั ก ฐาน มี ที่ อ า งอิ ง มี เ วลาจบ เต็ ม ไปด ว ยประโยชน สมควรแก เ วลาแล ว ; ขาพเจาเวนขาดจาก การล างผลาญ พื ชคาม และภู ตคามแลว; เป น ผู ฉั น อาหาร วัน หนึ ่ง เพีย งหนเดีย ว เวน จากการ ฉัน ในราตรีแ ละวิก าล; เปน ผู เ วน ขาดจาก การรํ า การขั บ การร อ ง การประโคม และดู ก ารเล น ชนิ ด ที่ เป น ข า ศึ ก แก กุ ศ ล ; เป น ผู เว น ขาดจาก การประดั บ ประดา คื อ ทั ด ทรงตบแต งด ว ยมาลาและของหอม เครื ่อ งลูบ ทา; เปน ผู เ วน ขาดจากการ การนอน บนที ่น อนสูง ใหญ; เปน ผู เ วน ขาดจาก การรับ เงิน และทอง; เวน ขาดจาก การรับ ขา วเปลือ ก;' เวน ขาดจาก การรั บ เนื้ อ ดิ บ การ รั บ หญิ ง และเด็ ก หญิ ง การ รั บ ทาสี แ ละทาส การรั บ แพะ แกะ ไก สุก ร ชา ง มา โค ลา; เวน ขาดจาก การรับ ที ่น า ที ่ส วน; เวน ขาด จาก การรั บ ใช เป น ทู ต ไปในที่ ต าง ๆ (ให ค ฤหั ส ถ ); เว น ขาดจาก การซื้ อ การขาย การฉ อ โกงด ว ยตาชั่ ง การลวงด วยของปลอม การฉ อ ด วยเครื่อ งนั บ (เครื่อ งตวง และเครื่อ งวัด ); เวน ขาดจาก การโกงดว ยการรับ สิน บน และลอ ลวง การตัด การฆา การจําจอง การซุมทําราย การปลน การกรรโชก แลว.
www.buddhadasa.info "ขาพเจ า ได เป น ผู สั น โดษด ว ยจี วร เป น เครื่องบริหารกาย และ ด ว ย บิ ณ ฑบาต เป น เครื่ อ งบริ ห ารท อ ง จะไปในที่ ใ ด ๆ ย อ มถื อ เอาบริ ข ารไปได ห มด เหมือ นนกมีป ก จะบิน ไปในที ่ใ ด ๆ ยอ มมีภ าระคือ ปก ของตนเทา นั ้น บิน ไป, ฉันใดก็ฉันนั้น แลว.
"ข า พเจ า นั้ น ประกอบด ว ยกองศี ล อั น เป น อริ ย ะเช น นี้ แ ล ว จึ ง รู สึ ก พรอมเฉพาะซึ่งอนวัชชสุขในภายในแลว. ขาพเจา เห็นรูปดวยตา แลว ไมถือ
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๐๙
เอาโดยนิ มิ ต (คื อรวบถื อทั้ งหมดวางามหรือไม งามแล วแต กรณี ) ไม ถื อเอาโดยอนุ พ ยั ญ ชนะ (คื อ แยกถื อ เอาแต บ างส ว นว า ส ว นใดงามหรื อ ไม ง ามแล ว แต ก รณี ), บาปอกุ ศ ลกล า วคื อ อภิ ช ฌ าและโทมนั ส พึ ง ไหลไปตามผู ไ ม สํ า รวมอิ น ทรี ย ใ ดเป น เหตุ , ข า พเจ า ปฏิ บั ติ ป ด กั้ น อิ น ทรี ย นั้ น ไว รั ก ษาถึ ง การสํ า รวมอิ น ทรี ย คื อ ตานั้ น แล ว . (ในกรณี แหงการ ฟงเสียงดวยหู ดมกลิ่นดวยจมูก ลิ้มรสดวยลิ้น ถูกตองโผฏฐัพพะดวยผิวกาย และ รูสึก ธรรมารมณดวยใจ ก็มีขอความอยางเดียวกันกับในกรณีแหงการเห็นรูปดวยตาขางบนนี้).
"ขา พเจา นั ้น ประกอบดว ยอิน ทรีย สัง วรอัน เปน อริย ะเชน นี ้แ ลว จึง รูสึ ก พรอ มเฉพาะซึ่ งอั พ ยาเสกสุ ข . ข า พเจ า รู ตั ว รอบคอบ ในการก าวไปข า งหน า การถอยกลับ ไปขา งหลัง , การแลดู การเหลีย วดู, การคู การเหยีย ด, การ ท รงส ัง ฆ าฏ ิ บ าต ร จีว ร, ก ารฉ ัน ก ารดื ่ม ก ารเคี ้ย ว ก ารลิ ้ม , ก ารถ า ย อุจ จาระ การถา ยปส สาวะ, การไป การหยุด การนั ่ง การนอน การหลับ การตื่น การพูดการนิ่งแลว. "ข า พเจ า นั้ น ประกอบด ว ยกองศี ล อั น เป น อริ ย ะเช น นี้ ด ว ย ประกอบ ด ว ยอิ น ทรี ย สั ง วรอั น เป น อริ ย ะเช น นี้ ด ว ย ประกอบด ว ยสติ สั ม ปชั ญ ญะอั น เป น อริย ะเชน นี ้ด ว ยแลว , ได เสพเสนาสนะอัน สงัด คือ ปา ละเมาะ โคนไม ภูเ ขา ซอกห ว ย ท อ งถ้ํ า ป า ช า ป า ชั ฏ ที่ แ จ ง ลอมฟาง (อย า งใดอย า งหนึ่ ง ); ในกาล เป น ป จ ฉาภั ต ต กลั บ จากบิ ณ ฑบาตแล ว นั่ ง คู บั ล ลั ง ก ตั้ ง กายตรงดํ า รงสติ เฉพาะ หนา , ละอภิช ฌา ในโลก มีจ ิต ปราศจากอภิช ฌา คอยชํ า ระจิต จากอภิช ฌา ; ละพยาบาท อั น เป น เครื่ อ งประทุ ษ ร า ยมี จิ ต ปราศจากพยาบาท; ละถี น ะมิ ท ธะ มุ ง อยู แ ต ค วามสว า งในใจ มี จิ ต ปราศจากถี น ะมิ ท ธะ มี ส ติ สั ม ปชั ญ ญะรู สึ ก ตั ว คอยชําระจิตจากถีนะมิทธะ; ละอุทธัจจะกุกกุจจะ ไมฟุงซาน มีจิตสงบอยู
www.buddhadasa.info
๗๑๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ในภายใน คอยชํ า ระจิ ต จากอุ ท ธั จ จะกุ ก กุ จ จะ; ละวิ จิ กิ จ ฉา ข า มล ว งวิ กิ จ ฉา เสี ย ได ไม ต อ งกล า วว า 'นี่ อ ะไร นี่ อ ย า งไร' ในกุ ศ ลธรรมทั้ ง หลาย (เพราะความ สงสัย) คอยชําระจิตจากวิจิกิจฉา แลว. "ข า พเจ า นั้ น ครั้ น ละนิ ว รณ ห า ประการ อั น เป น เครื่ อ งเศร า หมองจิ ต ทํ า ปญ ญาใหถ อยกํ า ลัง เหลา นี ้ไ ดแ ลว ก็ส งัด จากกามและอกุศ ลธรรมทั ้ง หลาย เข าถึ งปฐมฌาน อั นมี วิ ตกวิ จาร มี ป ติ และสุ ขอั นเกิ ดจากวิ เวก แล วแลอยู ; เพราะ สงบวิ ต กวิ จ ารเสี ย ได จึ ง บรรลุ ฌานที่ ๒ เป น เครื่ อ งผ อ งใสในภายใน เป น ที่ เกิ ด สมาธิ แ ห ง ใจ ไม มี วิ ต กวิ จ าร มี แ ต ป ติ แ ละสุ ข อั น เกิ ด แต ส มาธิ แล ว แลอยู ; เพราะ ความจางคลายไปแห งป ติ ย อมอยู อุ เบกขา มี สิ ตสั มปชั ญ ญะ เสวยสุ ขด วยนามกาย บรรลุ ฌ าน ที่ ๓ อั น เป น ฌ านที่ พ ระอริ ย เจ า กล า ว า 'ผู ไ ด ฌ านนี้ เป น ผู อ ยู อุเ บ กขา มีส ติอ ยู เ ปน สุข ' ดัง นี ้ แลว แล อยู ; แล ะเพ ราะล ะสุข แล ะทุก ข เสี ย ได เพราะความดั บ หายไปแห ง โสมนั ส และโทมนั ส ในกาลก อ น จึ ง ได บ รรลุ ฌานที่ ๔ อั น ไม ทุ ก ข ไม สุ ข มี แ ต ค วามที่ ส ติ เป น ธรรมชาติ บ ริ สุ ท ธิ์ เพราะอุ เบกขา แลวแลอยู แลว.
www.buddhadasa.info "ข า พ เจ า นั้ น ครั้ น จิ ต ตั้ ง มั่ นบ ริ สุ ท ธิ์ ผ อ งใส ไม มี กิ เ ลสป ราศจาก อุ ป กิ เลส เป น ธรรมชาติ อ อ นโดยควรแก ก ารงาน ถึ ง ความไม ห วั่ น ไหวตั้ ง อยุ เช น นี้ แล ว ได น อ มจิ ต ไปเฉพาะต อ อาสวั ก ขยญาณ แล ว : ขาพเจ าได รูขั ด แล วตามที่ เปน จริง วา 'นี ้ ทุก ข, นี ้ เหตุใ หเ กิด ทุก ข, นี ้ ความดับ ไมเ หลือ แหง ทุก ข, นี้ หนทางให ถึ ง ความดั บ ไม เหลื อ แห ง ทุ ก ข ; ได รู ชั ด แล ว ตามเป น จริ ง ว า 'เหล า นี้ อาสวะ, นี ้ เหตุใ หเ กิด อาสวะ, นี ้ ความดับ ไมเ หลือ แหง อาสวะ, นี ้ห นทาง ใหถึงความดับไมเหลือแหงอาสวะ' ดังนี้. เมื่อขาพเจารูอยูอยางนี้เห็นอยูอยางนี้'
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๑๑
จิต ก็ห ลุด พน แลว แมจ ากกามสวะ แมจ ากภวาสวะ แมจ ากอวิช ชาสวะ. เมื ่อ จิ ต หลุ ด พ น แล ว ก็ เ กิ ด ญาณหยั่ ง รู ว า จิ ต หลุ ด พ น แล ว . ข า พเจ า ได รู ชั ด แล ว ว า ชาติสิ ้น แลว พ รหมจรรยไ ดอ ยู จ บแลว กิจ ที ่ค วรทํ า ไดทํ า สํ า เร็จ แลว กิจ ที่ จะตอ งทํ า เพื ่อ ความหลุด พน อยา งนี ้ม ิไ ดม ีอ ีก ; ดัง นี ้. อาวุโ ส! เมื ่อ ขา พเจา รู อ ยู อ ย า งนี้ เห็ น อยู อ ย า งนี้ ความเคยชิ น แห ง การถื อ ตั ว ว า เป น เราว า เป น ของเรา (อหงฺก ารมมงฺก ารมานานุส ย) ในกายอัน ประกอบดว ยวิญ ญาณนี ้ และในนิม ิต ทั ้ง หลายทั ้ง ปวงในภายนอก จึง ถูก ถอนขึ ้น ดว ยดี" ดัง นี ้. ภิก ษุ ท.! พวกเธอ พึงยินดีอนุโมทนาในคํากลาวของภิกษุนั้นวา สาธุ. ครั้ น พวกเธอยิ น ดี อ นุ โมทนาว า สาธุ ดั ง นี้ แ ล ว พึ ง กล า วแก ภิ ก ษุ นั้ น อยา งนี ้ว า "อ าวุโ ส ! เปน ลาภ ขอ งพ วกเราห น อ ! อาวุโ ส ! พ วกเราไดดี แลวหนอ! ที่พวกเราไดพบเห็นพหรมจารีเชนกับทาน" ดังนี้. - อุปริ. ม. ๑๔/๑๒๓–๑๓๒/๑๖๗-๑๗๗.
สมณะสี่ประเภท
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! ในธรรมวิ นั ย นี้ แ หละ มี ส มณ ะ (ที่ ห นึ่ ง ) มี ส มณ ะที่ ส อง มี ส มณะที่ ส าม มี ส มณะที่ สี่ . ลั ท ธิ อื่ น ว า งจากสมณะแห ง ลั ท ธิ อื่ น . ภิ ก ษุ ท.! เธอ จงบันลือสีหนาทโดยชอบอยางนี้เถิด.
ภิก ษุ ท.! สมณ ะ (ที ่ห นึ ่ง ) เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! ภิก ษุ ในธรรมวิน ัย นี ้ เพราะสิ ้น ไปรอบแหง สัญ โญชนส าม เปน โสดาบัน มีค วาม ไม ต กต่ํ า เป น ธรรมดา เป น ผู เ ที่ ย งแท ต อ พระนิ พ พานมี ก ารตรั ส รู พ ร อ มในเบื้ อ ง หนา. ภิกษุ ท.! นี้แล เปนสมณะ (ที่หนึ่ง).
๗๑๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิก ษุ ท .! ส ม ณ ะ ที ่ส อ ง เปน อ ยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท .! ภิก ษุ ในธรรมวิ นั ย นี้ เพราะสิ้ น รอบแห ง สั ญ โญชน ส าม และเพราะความมี ร าคะโทสะโมหะเบาบาง เป น สภทาคามี มาสู โลกนี้ ค ราวเดี ย วเท า นั้ น ก็ ทํ า ที่ สุ ด แห ง ทุ ก ข ได. ภิกษุ ท.! นี้แล เปนสมณะที่สอง. ภิก ษุ ท .! ส ม ณ ะที ่ส าม เปน อ ยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท .! ภิก ษุ ในธรรมวิ นั ย นี้ เพราะสิ้ น รอบแห ง สั ญ โญชน เบื้ อ งต่ํ า ห า อย า ง เป น โอปปาติ ก ะ (อนาคามี) ยอ มปริน ิพ พานในภพนั ้น ไมเ วีย นกลับ จากโลกนั ้น เปน ธรรมดา. ภิกษุ ท.! นี้แล เปนสมณะที่สาม. ภ ิก ษ ุ ท .! ส ม ณ ะ ที ่สี ่ เป น อ ยา งไรเลา ? ภ ิก ษ ุ ท .! ภ ิก ษ ุใ น ธรรมวินั ย นี้ ได กระทํ าให แ จ งซึ่ งเจโตวิม ตติ ป ญ ญาวิมุ ต ติ อั น หาอาสวะมิ ได เพราะความสิ ้น ไปแหง อาสวะทั ้ง หลาย ดว ยปญ ญาอัน ยิ ่ง เอง ในทิฏ ฐธรรมนี้ เขาถึงแลวแลอยู. ภิกษุ ท.! นี้แล เปนสมณะที่สี่. - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๓๒๓/๒๔๑.
www.buddhadasa.info สมณะสี่ประเภท (อีกนัยหนึ่ง)
ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลสี่ ป ระเภทนี้ มี อ ยู หาได อ ยู ในโลก. สี่ ป ระเภท เหลา ไหนเลา ? สี ่ป ระเภทคือ สมณอจละ สมณปุณ ฑรีก ะ สมณปทุม ะ สมณะ สุขุมาลในหมูสมณะ.
ภิ กษุ ท.! อย างไรเล า เรียกวาบุ คคลผู สมณอจละ (ผู ไม ห วั่น ไหว) ? ภิกษุ ท.! ภิกษุในกรณีนี้ เพราะสิ้นไปรอบแหงสัญโญชนสาม เปน โสดาบัน
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๑๓
มี ค วามไม ต กต่ํ า เป น ธรรมดา เป น ผู เที่ ย งแท ต อ พระนิ พ พาน มี ก ารตรั ส รู พ ร อ ม ในเบื้องหนา. ภิกษุ ท.! อยางนี้แล เรียกวา บุคคลผูสมณอจละ. ภิ ก ษุ ท.! อย างไรเล า เรีย กว า บุ ค คลผู สมณปุ ณ ฑรี ก ะ (ผู เสมื อ น บัว บุณ ฑ ริก )? ภิก ษุ ท.! ภิก ษุใ นกรณ ีนี ้ เพราะสิ ้น ไปรอบแหง สัญ โญ ชน สาม และเพราะความมี ร าคะโทสะโมหะเบางบาง เป น สกทาคามี มาสู โ ลกนี้ ค ราวเดีย วเทา นั ้น ก็ทํ า ที ่ส ุด แ หง ทุก ขไ ด. ภ ิก ษ ุ ท .! อ ยา งนี ้แ ล เรีย ก วา บุคคลผูสมณปุณฑรีกะ. ภิ ก ษุ ท.! อย า งไรเล า เรี ย กว า บุ ค คลผู สมณปทุ ม ะ (ผู เ สมื อ นบั ว ปทุม ) ? ภิก ษุ ท.! ภิก ษุใ นกรณีนี ้ เพราะสิ ้น ไปรอบแหง สัญ โญชนเ บื ้อ งต่ํ า ห า อย า ง เป น โอปปาติ ก ะ มี ก ารปริ นิ พ พานในภพนั้ น ไม เวี ย นกลั บ จากโลกนั้ น เปนธรรมดา. ภิกษุ ท.! อยางนี้แล เรียกวา บุคคลผูสมณปทุมะ. ภิ ก ษุ ท.! อย า งไรเล า เรี ย กว า บุ ค คผู สมณสุ ขุ ม าล (ผู ล ะเอี ย ด อ อ น) ในหมู ส มณะ? ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ในกรณี นี้ กระทํ า ให แ จ ง ซึ่ ง เจโตวิ มุ ต ติ ป ญ ญาวิ มุ ต ติ อั น หาอาสวะมิ ไ ด เพราะความสิ้ น ไปแห ง อาสวะทั้ ง หลาย ด ว ย ปญ ญ าอัน ยิ ่ง เอง ในทิฏ ฐธรรมนี ้ เจา ถึง แลว แลอยู . ภิก ษุ ท.! อยา งนี ้แ ล เรียกวา สมณผูสุขุมาลในหมูสมณะ.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! บุค คลสี ่ป ระเภทเหลา นี ้แ ล มีอ ยู หาไดอ ยู ในโลก, ดังนี้แล. - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๑๖/๘๘.
๗๑๔
อริยสัจจากพระโอษฐ สมณะสี่ประเภท(อีกนัยหนึ่ง)
ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลสี่ ป ระเภทนี้ มี อ ยู หาได อ ยู ในโลก. สี่ ป ระเภท เหล า ไหนเล า ? สี่ ป ระเภทคื อ สมณอจละ สมณปุ ณ ฑรี ก ะ สมณปทุ ม ะ สมณสุขุมาลในหมูสมณะ. ภิก ษุ ท.! อยา งไรเลา เรีย กวา บุค คลสมณ อจละ ? ภิก ษุ ท.! ภิก ษุใ นกรณีนี ้ เปน ผู ม ีส ัม มาทิฏ ฐิ มีส ัม มาสัง กัป ปะ มีส ัม มาวาจา มีส ัม มากั ม มั น ตะ มี สั ม มาอาชี ว ะ มี สั ม มาวายามะ มี สั ม มาสติ มี สั ม มาสมาธิ ภิ ก ษุ ท.! อยางนี้แล เรียกวา บุคคสมณอจละ. ภิ ก ษุ ท.! อย า งไรเล า เรี ย กว า บุ ค คลสมณปุ ณ ฑรี ก ะ? ภิ ก ษุ ท.! ภิก ษุใ นกรณีนี ้ เปน ผู ม ีส ัม มาทิฏ ฐิ มีส ัม มาสัง กัป ปะ มีส ัม มาวาจา มีส ัม มากั มมั นตะ มี สั มมาอาชี วะ มี สั มมาวายามะ มี สั มมาสติ มี สั มมาสมาธิ มี สั มมาญาณะ มี สั ม มาวิ มุ ต ติ ; แต เธอนั้ น ไม ถู ก ต อ งซึ่ ง วิ โมกข แ ปด ด ว ยนามกายอยู . ภิ ก ษุ ท.! อยางนี้แล เรียกวา บุคคสมณปุณฑรีกะ.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! อย า งไรเล า เรี ย กว า บุ ค คลสมณ ปทุ ม ะ? ภิ ก ษุ ท.! ภิก ษุใ นกรณีนี ้ เปน ผู ม ีส ัม มาทิฏ ฐิ มีส ัม มาสัง กัป ปะ มีส ัม มาวาจา มีส ัม มากั มมั นตะ มี สั มมาอาชี วะ มี สั มมาวายามะ มั สั มมาสติ มี สั มมาสมาธิ มี สั มมาญาณะ มี สั ม มาวิ มุ ต ติ ; และเธอนั้ น ถู ก ต อ งซึ่ ง วิ โ กข แ ปด ด ว ยนามกาย อยู . ภิ ก ษุ ท.! อยางนี้แล เรียกวา บุคคสมณปทุมะ. ภิ ก ษุ ท.! อย า งไรเล า เรี ย กว า บุ ค คลสมณสุ ขุ ม าลในหมู ส มณะ? ภิกษุ ท.! ภิกษุในกรณีนี้ บริโภคจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลาน-
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๑๕
ป จ จั ย เภสั ช ชบริ ก ขาร ส ว นมาก เพราะเขาอ อ นวอน ที่ ไ ม มี ใ ครอ อ นวอนนั้ น มี เปน สว นนอ ย. เพื ่อ สพรหมจารีผู อ ยู ร ว มกัน ทั ้ง หลาย พากัน ประพฤติก ายกรรม วจีก รรม มโนกรรม ตอ ภิก ษุนั ้น เปน ที ่น า พอใจเปน สว นมาก ที ่ไ ม เปน ที ่น า พอใจนั ้น มีเ ปน สว นนอ ย; นํ า อะไร ๆ มาเปน สว นมากลว นแตน า พอใจ ที ่ไ มน า พอใจมีเ ปน สว นนอ ย. ทุก ขเวทนาที ่เ กิด แตโ รคทางน้ํ า ดี ทางเสมหะ ทางลม ทางสั น นิ บ าต ทางฤดู แ ปรปรวน การบริ ห ารไม ส ม่ํ า เสมอ ออกกํ า ลั ง มากเกิน ไป หรือ เกิด จากวิบ ากแหง กรรมก็ต าม มีไ มม ากแกภ ิก ษุนั ้น , เธอเปน ผู มี อ าพาธน อ ย, อนึ่ ง ภิ ก ษุ นั้ น เป น ผู ไ ด ฌ านทั้ ง สี่ อั น เป น สุ ข วิ ห ารในทิ ฏ ฐธรรม อาศั ย จิ ต อั น ยิ่ ง โดยง า ย โดยไม ย าก โดยไม ลํ า บากเาลย, และเธอทํ า ให แ จ ง ได ซึ ่ง เจโตวิม ุต ติป ญ ญ าวิม ุต ติ อัน หาสวะมิไ ด เพราะความสิ ้น ไปแหง อาสวะ ทั้ ง หลาย ด ว ยป ญ ญ าอั น ยิ่ ง เอง ในทิ ฏ ฐธรรมนี้ เข า ถึ ง แล ว แลอยู . ภิ ก ษุ ท.! อยางนี้แล เรียกวา บุคคลสมณสุขุมาลในหมูสมณะ. ภิ ก ษุ ท.! ถ า จะกล า วกั น โดยชอบ ว า ผู ใ ดเป น สมณ สุ ขุ ม าลในหมู สมณะทั้ ง หลายแล ว ก็ พึ ง กล า วเรานี้ แ หละ ว า ป น สมณสุ ขุ ม าล ในหมู ส มณะทั้ ง หลาย ดังนี้.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! เหลา นี ้แ ล บุค คลสี ่ป ระเภท มีอ ยู หาไดอ ยู ในโลก,
ดังนี้แล.
- จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๑๗/๘๙.
สมณะสี่ประเภท (อีกนัยหนึ่ง) ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลสี่ ป ระเภทนี้ มี อ ยุ หาได อ ยู ในโลก. สี่ ป ระเภท เหล า ไหนเล า ? สี่ ป ระเภทคื อ สมณอจละ สมณปุ ณ ฑรี ก ะ สมณปทุ ม ะ สมณสุขุมาลในหมูสมณะ.
๗๑๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! อย า งไรเล า เรี ย กว า บุ ค คลสมณ อจละ ? ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ คื อ เป น เสขะ กํ า ลั ง ปฏิ บั ติ อ ยู ปรารถนาอยู ซึ่ ง ธรรมอั น เกษมจาก โยคะ อั น ไม มี ธ รรมอื่ น ยิ่ ง กว า อยู . เปรี ย บเหมื อ นโอรสองค ใ หญ ข องราชาผู เป น กษั ต ริ ย มุ ร ธาภิ เษก เป น ผู ค วรแก ก ารอภิ เษก แต ยั ง มิ ไ ด รั บ การอภิ เษก ดํ า รงอยู ใน ตํ า แ ห น ง ย ุพ รา ช ฉ ัน ใด ; ภ ิก ษ ุ ท .! ภ ิก ษ ุเ ป น เส ข ะ กํ าล ัง ป ฏ ิบ ัต ิอ ยู ปรารถนาอยู ซึ่ ง ธรรมอั น เกษมจากโยคะ อั น ไม มี ธ รรมอื่ น ยิ่ ง กว า อยู ก็ ฉั น นั้ น เหมือนกัน. ภิกษุ ท.! อยางนี้แล บุคคลสมณอจละ. ภิ ก ษุ ท.! อย า งไรเล า เรี ย กว า บุ ค คลสมณปู ณ ฑรี ก ะ ? ภิ ก ษุ ท.! ภิ กษุ ในกรณี นี้ กระทํ าให แจ งซึ่ งเจโตวิ มุ ตติ ป ญ ญาวิ มุ ตติ อั นหาอาสวะมิ ได เพราะ ความสิ้ น ไปแห งอาสวะทั้ งหลาย ด วยป ญ ญาอั น ยิ่ งเอง ในทิ ฏ ฐธรรมนี้ เข าถึ งแล ว แลอยู ; แตเ ธอหาไดถ ูก ตอ งซึ ่ง วิโ มกขแ ปด ดว ยนามกาย อยู ไ ม. ภิก ษุ ท.! อยางนี้แล เรียกวา บุคคลสมณปุณฑรีกะ. ภิ ก ษุ ท.! อย า งไรเล า เรี ย กว า บุ ค คลสมณ ปทุ ม ะ ? ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ กระทํ า ให แ จ ง ซึ่ ง เจโตวิ มุ ต ติ ป ญ ญ าวิ มุ ต ติ อั น หาอาสวะมิ ไ ด เพราะความสิ้ น ไปแห งอาสวะทั้ งหลาย ด วยป ญ ญาอั น ยิ่ งเอง ในทิ ฏ ฐธรรมนี้ เข า ถึง แลว แล อ ยู ; และเธอ ถูก ตอ งวิโ ม กขแ ป ด ดว ย น าม กาย อ ยู .ภิก ษุ ท .! อยางนี้แล เรียกวา บุคคลสมณปทุมะ.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! อย างไรเล า เรีย กว า บุ ค คลสมณสุ ขุ ม าลในหมู ส มณะ ? ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ บริ โ ภคจี ว ร บิ ณ ฑบาต เสนาสนะ และคิ ล านป จ จยเภสัชชบริกขาร สวนมากเพราะเขาออนวอน….(ขอความตอไป อยางเดียวกันกับ
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๑๗
ขอ ความ ใน กรณ ีแ หง บุค ค สม ณ สุข ุม าลใน ห มู ค ณ ะ แหง หัว ขอ ที ่แ ลว ม า) .... ภิก ษุ ท .!
อยา งนี ้แ ล เรีย กวา บุค คสมณ สุข ุม าลในหมู ส มณ ะ.... ก็พ ึง กลา วเรานี ้แ หละ วา เปนสมณสุขุมาลในหมูสมณะทั้งหลายดังนี้. ภิก ษ ุ ท .! เห ลา นี ้แ ล บุค ค ล สี ่ป ระเภ ท มีอ ยู ห าไดอ ยู ใน โล ก , ดังนี้แล. - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๑๓/๘๗.
สมณะสี่ประเภท(อีกนัยหนึ่ง) ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คลสี่ ป ระเภทนี้ มี อ ยู หาได อ ยู ในโลก. สี่ ป ระเภท เห ลา ไห น เลา ? สี ่ป ระ เภ ท คือ ส ม ณ อ จ ล ะ ส ม ณ ปุณ ฑ รีก ะ ส ม ณ ป ทุม ะ สมณสุขุมาลในหมูสมณะ. ภิ ก ษุ ท.! อย า งไรเล า เรี ย กว า บุ ค ค ล ส ม ณ อ จ ล ะ ? ภิ ก ษุ ท.! ภิก ษุใ นกรณีนี ้ เปน เสขะ มีค วามประสงคแ หง ใจอัน ยัง ไมบ รรลุแ ลว ปรารถนา อยู ซึ ่ง ธรรมอัน เกษมจากโยคะ ไมม ีธ รรมอื ่น ยิ ่ง กวา อยู . ภิก ษุ ท.! อยา งนี ้แ ล เรียกวา บุคคลสมณอจละ.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! อย า งไรเล า เรี ย กว า บุ ค คลสมณปุ ณ ฑรี ก ะ ? ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ในกรณี นี้ เป น ผู มี ป กติ ต ามเห็ น ความเกิ ด ขึ้ น และความเสื่ อ มไป ในอุ ป าทานขัน ธทั ้ง หา วา "รูป เปน อยา งนี ้, ความเกิด ขึ ้น แหง รูป เปน อยา งนี ้, ความ ดับ แ หง รูป เปน อ ยา ง นี ้; เว ท น า เปน อ ยา ง นี ้, ค ว า ม เกิด ขึ ้น แ หง เว ท น า เปนอยางนี้, ความดับแหงเวทนา เปนอยางนี้, สัญญา เปนอยางนี้, ความ
๗๑๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
เกิด ขึ ้น แหง สัญ ญ า เปน อยา งนี ้, ความดับ แหง สัญ ญา เปน อยา งนี ้ ; สัง ขาร เปน อยา งนี ้, ความเกิด ขึ ้น แหง สัง ขารเปน อยา งนี ้, ความดับ แหง สัง ขาร เปน อยา งนี ้ ; วิญ ญ าณ เปน อยา งนี ้, ความเกิด ขึ ้น แหง วิญ ญ าณ เปน อยา งนี ้, ความดับ แหง วิญ ญ าณ เปน อยา งนี ้" ดัง นี ้; แตเ ธอไมถ ูก ตอ งซึ ่ง วิโ มกขแ ปด ดวยนามกาย อยู. ภิกษุ ท.! อยางนี้แล เรียกวา บุคคลสมณปุณฑรีกะ. ภิก ษุ ท.! อยา งไรเลา เรีย กวา บุค คสมณ ปทุม ะ ? ภิก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ในกรณี นี้ เป น ผู มี ป กติ ต ามเห็ น ความเกิ ด ขึ้ น และความเสื่ อ มไป ในอุ ป าทานขัน ธทั ้ง หา วา "รูป เปน อยา งนี ้, ความเกิด ขึ ้น แหง รูป เปน อยา งนี ้, ความ ดับ แ หง รูป เปน อ ยา งนี ้; เวท น า เปน อ ยา งนี ้, ค วาม เกิด ขึ ้น แหง เวท น า เป น อย า งนี้ , ความดั บ แห ง เวทนาเป น อย า งนี้ ; สั ญ ญา เป น อย า งนี้ , ความเกิ ด ขึ้ น แห ง สั ญ ญ าเป น อย า งนี้ , ความดั บ แห ง สั ญ ญ า เป น อย า งนี้ ; สั ง ขาร เป น อยา งนี ้, ความเกิด ขึ ้น แหง สัง ขาร เปน อยา งนี ้, ความดับ แหง สัง ขาร เปน อยา งนี ้ ; วิญ ญ าณ เปน อยา งนี ้, ความเกิด ขึ ้น แหง วิญ ญ าณ เปน อยา งนี ้, ความดับ แหง วิญ ญ าณ เปน อยา งนี ้" ดัง นี ้ ; และเธอถูก ตอ งซึ ่ง วิโ มกขแ ปด ดวยนามกาย อยู. ภิกษุ ท.! อยางนี้แล เรียกวา บุคคลสมณปทุมะ.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษ ท.! อย างไรเล า เรีย กว า บุ ค คลสมณสุ ขุ ม าลในหมู ส มณะ ? ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ในกรณี นี้ บริ โภคจี ว ร บิ ณ ฑบาต เสนาสนะ และคิ ล านป จ จยเภสัช ชบริก ขาร สว นมากเพราะเขาออ นวอน.... (ขอ ความตอ ไป อยา งเดีย วกัน กับ ขอ ความในกรณีแ หง บุค คลสมณ สุข ุม าลในหมู ส มณ ะ แหง หัว ขอ ที ่แ ลว มา). ....ภิก ษุ ท.! อย า งนี้ แ ล เรี ย กว า บุ ค คลสมณสุ ขุ ม าลในหมู ส มณะ …. ก็ พึ ง กล า วเรานี้ แ หละ วา เปนสมณสุขุมาลในหมูสมณะทั้งหลาย ดังนี้.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๑๙
ภิ ก ษุ ท .! เห ล านี้ แล บุ ค ค ล สี่ ป ระเภ ท มี อ ยู ห าได อ ยู ใน โล ก , ดังนี้แล - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๑๘/๙๐.
สมณะแหงลัทธิหนึ่ง ๆ ตางจากสมรณะแหงลัทธิอื่น (ระบบลัทธิพรหมจรรยจึงไมเหมือนกัน) ภ ิก ษ ุ ท .! ส ม ณ ะ (ที ่ห นึ ่ง ) ม ีใ น ธ รรม วิน ัย นี ้แ ห ล ะ ; ส ม ณ ะ ที่ ส อ ง มีใ น ธ รรม วิน ัย นี ้ ; ส ม ณ ะ ที ่ส าม มีใ น ธ รรม วิน ัย นี ้; ส ม ณ ะ ที ่สี ่ มีใ น ธรรมวิน ัย นี ้. ลัท ธิอื ่น วา งจากสมณ ะแหง ลัท ธิอื ่น : ภิก ษุ ท! พวกเธอ จงบันลือสีหนาทโดยชอบ อยางนี้เถิด. - มู. ม. ๑๒/๑๒๘/๑๕๔. (บาลี นี้ แ สดงว า ไม อ าจจะถื อ เอาคํ า พู ด เป น หลั ก เพราะคํ า ๆ เดี ย วกั น มี ค วามหมาย ตางกันได และเปนเหตุใหเถียงกันหรือดูหมิ่นกัน; เปนสิ่งที่ตองระวัง).
www.buddhadasa.info ไมอาจจะกลาววาใครดีกวาใคร เพราะอาศัยเหตุสักวาชื่อ (หมวดของพระอริยบุคคล)
(พระเถระชื่ อ สวิ ฏ ฐะนิ ย มชมชอบการปฏิ บั ติ แ บบสั ท ธาวิ มุ ต ต พระมหาโกฏฐิ ต ะนิ ย ม ชมชอบการปฏิบ ัต ิแ บบกายสัก ชี พระสารีบ ุต รนิย มชมชอบการปฏิบ ัต ิแ บบทิฏ ฐิป ต ต ซึ ่ง ลว นแต ตนไดอ าศัย ปฏิบ ัต ิจ นบรรลุข องตน ๆ มาแลว จึง ชวนกัน ไปเฝา พระผู ม ีพ ระภาค เพื ่อ ขอทราบวา ในสามอยา งนั ้น อยา งไหนจะสมควรกวา งดงามกวา ประณ ีต กวา . พระผู ม ีพ ระภาคไดต รัส ตอบวา :-)
๗๒๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
สารี บุ ต ร ! มั น ไม เป น การง า ยที่ จ ะพยากรณ โดยส ว นเดี ย วว า ใน บุคคล ๓ พวกนั้น พวกไหนจะงดงามกวา ประณีตกวา. สารี บุ ต ร ! ฐานะที่ เป น ไปได ก็ มี อ ยู คื อ พวก สั ท ธาวิ มุ ต ต ปฏิ บั ติ แล วเพื่ อ อรหั ต ตผล แต พ วกกายสั ก ขี ยั งเป น เพี ย งสกทาคามี ห รื อ อนาคามี แม พ วก ทิ ฏฐิ ป ตต ก็ ยั งเป นเพี ยงสกทาคามี หรืออนาคามี จึ งไม เป นการง ายที่ จะพยากรณ โดย สวนเดียววา ในบุคคล ๓ จําพวกนั้น พวกไหนงดงามกวา ประณีตกวา. สารี บุ ต ร ! ฐานะที่ เป น ไปได นี้ ก็ มี อ ยู อี ก ว า พวก กายสั ก ขี ปฏิ บั ติ แล ว เพื่ อ อรหั ต ตผล ส ว นพวกสั ท ธาวิ มุ ต ต และพวกทิ ฏ ฐิ ป ต ต ยั งเป น เพี ย งสกทาคามี หรืออนาคามี จึ งไม เป นการงายที่ จะพยากรณ โดยส วนเดี ยวว า ในบุ คคล ๓ จํ าพวก นั้น พวกไหนงดงามกวา ประณีตกวา. สารี บุ ต ร ! ฐานะที่ เป น ไปได นี้ ก็ ยั ง มี อ ยู อี ก ว า พวก ทิ ฏ ฐิ ป ต ต ปฏิ บั ติ แล ว เพื่ อ รหั ต ตผลส ว นพวกสั ท ธาวิ มุ ต ต แ ละพวกกายสั ก ขี เป น เพี ย งสกทาคามี หรื อ อนาคามี ก็ ยั ง มี อ ยู ; สารี บุ ต ร ! จึ ง ไม เ ป น การง า ยที่ จ ะพยากรณ โ ดยส ว น เดียววา ในบุคคล ๓ จําพวกนั้น พวกไหนงดงามกวา ประณีตกวา.
www.buddhadasa.info - ติก. อํ. ๒๐/๑๕๑/๔๖๐.
(ข อความนี้ แสดงว า จะอาศั ยความหมายหรื อคํ าแปลของคํ าว า สั ทธาวิ มุ ตต กายสั กขี ทิ ฏ ฐิ ป ต ต มาเป น เครื่ อ งตั ด สิ น ว า พวกไหนเหนื อ กว า หรื อ ดี ก ว า นั้ น ไม อ าจจะทํ า ได เพราะแต ล ะ พวกยั ง อยู ใ นระยะแห ง การปฏิ บั ติ ที่ สู ง ต่ํ า อย า งไรก็ ไ ด เว น ไว แ ต จ ะถื อ เอาความหมายแห ง ชื่ อ ที่ บั ญ ญั ติ ไ ว เ พื่ อ แสดงผลอั น ชั ด เจนแล ว เช น ชื่ อ ว า โสดาบั น สกทาคามี อนาคามี อรหั น ต เปนตน).
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๒๑
ผูบอกทางและผูเดินทางมีการหลุดพนอยางเดียวกัน ภิ ก ษุ ท.! ตถาคตผู อ รหั น ตสั ม มาสั ม พุ ท ธะ หลุ ด พ น แล ว จาก รู ป เพราะความเบื่ อ หน า ยความคลายกํ า หนั ด ความดั บ และความไม ยึ ด มั่ น จึ ง ได นามวา "สัม มาสัม พุท ธะ". ภิก ษุ ท.! แมภ ิก ษุผู ป ญ ญาวิม ุต ต ก็ห ลุด พน แลว จากรู ป เพราะความเบื่ อ หน า ย ความคลายกํ า หนั ด ความดั บ และความไม ยึ ด มั่น จึงไดนามวา "ปญญาวิมุตต". (ในกรณี แห ง เวท น า สั ญ ญ า สั งขาร และวิ ญ ญ าณ ก็ ได ตรั สไว มี ข อ ค ว า ม
แสดงหลักเกณฑอยางเดียวกันกับในกรณีแหงรูปที่กลาวแลว).
ภิ ก ษุ ท.! เมื่ อ เป น ผู ห ลุ ด พ น จากรู ป เป น ต น ด ว ยกั น ทั้ ง สองพวกแล ว อะไรเป น ความผิ ด แผกแตกต า งกั น อะไรเป น ความมุ ง หมายที่ แ ตกต า งกั น อะไร เป น เครื่ อ งกระทํ า ให แ ตกต า งกั น ระหว า งตถาคตผู อ รหั น ตสั ม มาสั ม พุ ท ธะ กั บ ภิกษุผูปญญาวิมุตต ?
www.buddhadasa.info ภิ กษุ ท.! ตถาคตผู อ รหั น ตสั ม มาสั ม พุ ท ธะ ได ทํ ามรรคที่ ยั งไม เกิ ด ให เ กิ ด ขึ้ น ได ทํ า มรรคที่ ยั ง ไม มี ใ ครรู ใ ห มี ค นรู ได ทํ า มรรคที่ ยั ง ไม มี ใ ครกล า วให เป น มรรคที่ ก ล า วกั น แล ว ตถาคตเป น มั ค คั ญ ู (รู ม รรค) เป น มั ค ควิ ทู (รู แ จ ง มรรค) เปน มัค คโกวิโ ท (ฉล าด ใน ม ม รค ). ภิก ษุ ท.! สว น ส าวก ทั ้ง ห ลายใน กาล นี้ เปนมัคคานุคา (ผูเดินตามมรรค) เปนผูตามมาในภายหลัง. ภิก ษุ ท.! นี ้แ ล เปน ความผิด แผกแตกตา งกัน เปน ความมุ ง หมาย ที่ แ ตกต า งกั น เป น เครื่ อ งกระทํ า ให แ ตกต า งกั น ระหว า งตถาคตผู อ รหั น ตสั ม มาสัมพุทธะ กับภิกษุผูปญญาวิมุตต. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๘๑/๑๒๕.
๗๒๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ฝเทาไววัดดวยการรูอริยสัจ ภิ ก ษุ ท.! ม า อาชาไนยตั ว เจริ ญ ของพระราชา ประกอบด ว ยองค สี่ ย อ มเป น ม า ที่ คู ค วรแก พ ระราชา เป น ราชู ป โภค ถึ ง ซึ่ ง การนั บ ว า เป น อั ง คาพยพ ของพระราชา. องค ๔ อะไรกัน เลา ? องคสี ่ค ือ สมบูร ณ ด ว ยวรรณ ะ ดว ย พละ ดว ยชวะ ดว ยอาโรหปริณ าหะ (ทรวดทรง). ภิก ษุ ท.! ฉัน เดีย วกัน กั บ ที่ ภิ ก ษุ ป ระกอบด ว ยธรรม ๔ ประการ ย อ มเป น บุ ค คลอาหุ เนยย ปาหุ เนยย ทัก ขิเ ณ ยย อัญ ชลีก รณ ีย และเปน นาบุญ แหง โลกอัน ไมม ีน าบุญ อื ่น ยิ ่ง กวา . ธรรม ๔ ประการ อย า งไรเล า ? สี่ ป ระการคื อ สมบู ร ณ ด ว ยวรรณะ ด ว ยพละ ดวยชวะ ดวยอาโรหปริณาหะ. ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ส มบู ร ณ ด ว ยวรรณ ะ เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ใ น กรณีนี ้ เปน ผู ม ีศ ีล สํ า รวมดว ยปาติโ มกขสัง วร สมบูร ณด ว ยมรรยาทและโคจร มี ป กติ เห็ น เป น ภั ย ในโทษทั้ ง หลายแม ที่ ถื อ กั น ว า เป น โทษเล็ ก น อ ย สมาทานศึ ก ษา อยูในสิกขาบทั้งหลาย
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! ภิก ษุส ม บูร ณ ด ว ยพ ล ะ เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุใ น กรณี นี้ เป น ผู ป รารภความเพี ย ร เพื่ อ ละธรรมอั น เป น อกุ ศ ล เพื่ อ ความถึ ง พร อ ม แห ง ธรรมอั น เป น กุ ศ ล มี กํ า ลั ง (จิ ต ) ทํ า ความเพี ย รก า วไปหน า อย า งมั่ น คง ไม ทอดธุระในกุศลธรรมทั้งหลาย. ภิก ษุ ท.! ภิก ษุส มบูร ณด ว ยชวะ เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุใ นกรณี นี้ ยอมรูชัดตามเปนจริงวา "ทุกข เปนอยางนี้, เหตุใหเกิดทุกข เปน
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๒๓
อยางนี้, ความดับ ไมเหลือ แหง ทุก ข เปน อยางนี้, ทางดํา เนิน ใหถึงความดับ ไมเหลือแหงทุกข เปนอยางนี้", ดังนี้. ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ส มบู ร ณ ด ว ยอาโรหปริ ณ าหะ เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ในกรณี นี้ เป น ผู มี ก ารได จี ว ร บิ ณ ฑบาต เสนาสนะ และคิ ล านป จ จยเภสั ช ชบริขารเปนปกติ. ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ป ระกอบด ว ยธรรม ๔ ประการเหล า นี้ แ ล ย อ มเป น บุ ค คลอาหุ เ นยย ปาหุ เนยย ทั ก ขิ เณยย อั ญ ชลี ก รณี ย และเป น นาบุ ญ แห ง โลก อันไมมีนาบุญอื่นยิ่งกวา, ดังนี้แล. - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๓๓๗/๒๕๙. [ในสู ต รถั ด ไป (จตุ กฺ ก .อํ . ๒๑/๓๓๘/๒๖๐) ทรงแสดงลั ก ษณ ะแห ง ภิ ก ษุ ผู ส มบู ร ณ ดว ยชวะ วา ไดแ กภ ิก ษุผู ก ระทํ า ใหแ จง ซึ ่ง เจโตวิม ุต ติป ญ ญาวิม ุต ติอ ัน ไมม ีอ าสวะเพราะความ สิ ้น ไปแหง อาสวะ ดว ยปญ ญ าอัน ยิ ่ง เอง ในทิฏ ฐธรรมนี ้ เขา ถึง แลว แลอยู . คํ า วา "ชวะ" ในที่ นี้ หมายถึ ง ความเร็ ว ของการบรรลุ ธ รรม ก า วล ว งความทุ ก ข เหมื อ นความเร็ ว แห ง ม า มี ฝ เ ท า ดี ฉะนั้น. และในสู ต รอื่ น (๒๐/๓๑๖/๕๓๗) แทรงแสดงลั ก ษณะภิ ก ษุ ผู ส มบู ร ณ ด ว ยเชาว (ชวะ) ว า ได แ ก ภิ ก ษุ ผู เป น โอปปาติ ก อนาคามี มี ก ารปริ นิ พ พานในภพนั้ น ไม มี ก ารเวี ย นกลั บ จากโลกนั้ น เปนธรรมดา เพราะความสิ้นไปแหงโอรัมภาคิยสังโยชนทั้งหา].
www.buddhadasa.info ผูรูจักเลือกเอาฝายดับไมเหลือแหงภพ
คหบ ดี ท. มี ส มณ พ ราหมณ พ วกหนึ่ ง มี ถ อ ยคํ า อย า งนี้ มี ค วาม เห็ น อย า งนี้ ว า "ความดั บ แห ง ภพโดยประการทั้ ง ปวงไม มี " ; แต มี ส มณะพราหมณ อีกพวกหนึ่ง มีถอยคําเปนขาศึกอยางตรงกันขามจากสมณพราหมณเหลานั้น
๗๒๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
โดยกลา ววา "ความดับ แหง ภพโดยประการทั ้ง ปวงมีอ ยู " ดัง นี ้. คหบดี ท.! ท านจะสํ าคั ญ ความข อนั้ นว าอย างไร : สมณพราหมณ เหล านี้ มี ถ อยคํ าเป น ข าศึ ก อยางตรงกันขามตอกันและกันมิใชหรือ ? "อยางนั้น พระเจาขา !" คหบดี ท.! บุ รุ ษ วิ ญ ู ช น (คนกลาง) มาใคร ค รวญอยู ใ นข อ นี้ ว า " สมณพราหมณ พวกที่ มี ถอยคํ ามี ความเห็ นอย างนี้ วา 'ความดั บแห งภพโดยประการ ทั้ ง ปวงไม มี ' ดั ง นี้ นี้ เราก็ ไ ม ไ ด เห็ น ; แม ส มณพราหมณ พ วกที่ มี ถ อ ยคํ า มี ค วาม เห็นอยางนี้วา 'ความดับแหงภพโดยประการทั้งปวง มีอยู' ดังนี้ นี้เราก็ไมรูจัก. ก็เ มื ่อ เราไมรู อ ยู ไมเ ห็น อยู จะกลา วโดยโวหารขา งเดีย ว วา ฝา ยนี ้เ ทา นั ้น จริง ฝา ยอื ่น เปลา ดัง นี ้ : นั ้น ก็ไ มเ ปน การสมควรแกเ รา. สํ า หรับ สมณ พราหมณ พวกที่มีถอยคํามีความเห็นอยางนี้วา 'ความดับแหงภพโดยประการทั้งปวงไมมี' ดังนี้ ถา คํ า ของเขาเปน ความจริง . เรื ่อ งก็จ ะเปน ไปไดว า เราจัก มีก ารอุบ ัต ิใ นหมู เ ทพ ที่ ไ ม มี รู ป มี อั ต ตภาพสํ า เร็ จ ด ว ยสั ญ ญา เป น แน น อน ; แต ถ า ถ อ ยคํ า ของสมณพราหมณพ วกที ่ม ีถ อ ยคํ า มีค วามเห็น อยา งนี ้วา 'ความดับ แหง ภพโดยประการ ทั ้ง ปวง มีอ ยู ' ดัง นี ้เ ปน ความจริง , เรื ่อ งก็จ ะเปน ไปไดว า เราจัก ปริน ิพ พาน ในทิ ฏ ฐธรรมนี้ เอง. สํ า หรับ สมณพราหมณ พ วกที่ มี ถ อ ยคํ า มี ค วามเห็ น อย า งนี้ ว า ' ความดั บ แห งภพโดยประการทั้ งปวง ไม มี ' ดังนี้, ทิ ฏ ฐิของเขาก็กระเดี ยดไปใน ทางกํ า หนั ด ย อ มใจ กระเดี ย ดไปในทางประกอบอยู ใ นภพ กระเดี ย ดไปในทาง เพลิ ด เพลิ น ในทางสยบมั ว เมา ในทางยึ ด มั่ น ด ว ยอุ ป าทาน; ฝ า ยสมณพราหมณ พวกที่มีถอยคํามีความเห็นอยางนี้วา 'ความดับแห งภพโดยประการทั้งปวง มีอยู' ดัง นี ้ นั ้น เลา , ทิฏ ฐิข องเขาก็ก ระเดีย ดไปในทางไมกํ า หนัด ยอ มใจ กระเดีย ด ไปในทางไม ป ระกอบอยู ในภพ กระเดี ย ดไปในทางไม เพลิ ด เพลิ น ในทางไม ส ยบ มัวเมา ในทางไมยึดมั่นดวยอุปาทาน" ดังนี้.
www.buddhadasa.info
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๒๕
บุ รุ ษ วิ ญ ู ช นนั้ น ครั้ น ใคร ค รวญเห็ น อย า งนี้ แ ล ว ก็ เลื อ กเอาการ ปฏิบัติฝายที่เปนไปเพื่อเบื่อหนาย คลายกําหนัด ดับไมเหลือ แหงภพทั้งหลาย นั่นเทียว. - ม. ม. ๑๓/๑๑๘/๑๒๑.
ผูอยูอยางคนมีความสุขก็ทําวิราคะใหปรากฎได ภิกษุ ท.! ความบากบั่น ความพากเพียร จะมีผลขึ้นมาไดอยางไร ? ภิก ษุ ท.! ภิก ษุใ นธรรมวิน ัย นี ้ ยอ ม ไมนํ า ความทุก ขม าทับ ถมตน ซึ่งไมมีทุกขทับถม ไมตองสละความสุขอันประกอบดวยธรรมที่มีอยู ดวย และก็ ไมม ัว เมาอยู ใ นความสุข นั ้น ดว ย. ภิก ษุนั ้น รูช ัด อยู อ ยา งนี ้ว า "เมื ่อ เรากํ า ลัง ตั ้ง ไวซึ ่ง การปรุง แตง เหตุแ หง ทุก ขอ ยู เ ปน อารมณ วิร าคะก็เ กิด มีไ ดจ ากการตั ้ง ไว ซึ ่ง ความปรุง แตง นั ้น เปน เหตุ; และเมื ่อ เราเขา ไปเพง อยู ซึ ่ง ตัว เหตุแ หง ทุก ขนั ้น ทํ า ความเพ ง ให เจริ ญ ยิ่ ง อยู วิ ร าคะก็ เกิ ด มี ไ ด " ดั ง นี้ . ภิ ก ษุ นั้ น เมื่ อ ตั้ ง ไว ซึ่ ง การ ปรุ ง แต งเหตุ แ ห งทุ ก ข ใดเป น อารมณ อ ยู วิ ราคะย อ มมี ขึ้ น ได เพราะการตั้ งไว ซึ่ ง การ ปรุ ง แต ง นั้ น เป น เหตุ ดั ง นี้ แ ล ว เธอก็ ตั้ ง ไว ซึ่ ง การปรุ ง แต ง ในเหตุ แ ห ง ทุ ก ข นั้ น เป น อารมณ (ยิ ่ง ขึ ้น ไป); และเมื ่อ เธอเขา ไปเพง ซึ ่ง ตัว เหตุแ หง ทุก ขใ ด ทํ า ความเพง ให เจริ ญ ยิ่ งอยู วิ ราคะย อ มมี ขึ้ น ได ดั งนี้ แ ล ว เธอก็ เจริ ญ ความเพ งในเหตุ แ ห งทุ ก ข นั้ น (ยิ่ ง ขึ้ น ไป). เมื่ อ เธอตั้ ง ไว ซึ่ ง การปรุ ง แต ง เหตุ แ ห ง ทุ ก ข นั้ น ๆ เป น อารมณ อ ยู วิร าคะก็ม ีขึ ้น เพราะการตั ้ง ไวซึ ่ง การปรุง แตนั ้น เปน เหตุ; เมื ่อ เปน ดัง นี ้ ความ ทุก ขนั ้น ของเธอ ก็ส ูญ สิ ้น ไป; เมื ่อ เธอเขา ไปเพง อยู ซึ ่ง ตัว เหตุแ หง ทุก ขนั ้น ๆ ทํ า ความเพง ใหเจริญ ยิ ่ง อยู วิร าคะก็ม ีขึ ้น เมื ่อ เปน ดัง นี ้ ความทุก ขนั ้น ของเธอ ก็สูญสิ้นไป. (นี้คืออาการที่ความบากบั่น ความพากเพียร เกิดมีผล).
www.buddhadasa.info
๗๒๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! เปรี ย บเหมื อ นบุ รุ ษ มี จิ ต กํ า หนั ด ปฏิ พั ท ธ พอใจมุ ง หมาย อยา งแรงกลา ในหญิง คนหนึ ่ง , เขาเห็น หญิง นั ้น ยืน อยู พูด อยู ระริก ซิก ซี้ อยู ก ับ บุร ุษ อื ่น . โสกะปริเ ทวะทุก ขะโทมนัส อุป ายาส จะพึง เกิด ขึ ้น แกเ ขาใช ไ ห ม ? " อ ย า ง นั ้ น พ ร ะ เ จ า ข า !" ข อ นั ้ น เ พ ร า ะ เ ห ตุ ไ ร เ ล า ? "ข า แ ต พ ร ะ อ ง ค ผู เ จ ริ ญ ! เพราะวา บุร ุษ นั ้น มีจ ิต กํ า หนัด ปฏิพ ัท ธ พอใจ มุ ง หมายอยา งแรงกลา ในหญ ิง คนนั ้น พระเจา ขา !"
ภิ ก ษุ ท.! ต อ มาบุ รุ ษ คนนั้ น คิ ด ว า "โสกะปริ เทวะทุ ก ขะโทมนั ส อุ ป ายาส เกิ ด ขึ้ น แก เราเพราะเรามี จิ ต กํ า หนั ด ปฏิ พั ท ธ พอใจ มุ ง หมายอย า งแรงกล า ในหญิ ง นั้ น ; ถ า ก ระไร เราจ ะล ะ ฉั น ท ราค ะ ใน ห ญ ิ ง นั ้ น เสี ย " ดั ง นี ้ ; แล ว เขาก็ ล ะเสี ย , ต อ มาเขาก็ เ ห็ น หญิ งคนนั้ น ยื น อยู พู ด อยู ระริ ก ซิ ก ซี้ อ ยู กั บ บุ รุ ษ อื่ น . โสกะปริเ ทวะทุก ขะโทมนัส อุป ายาส จะเกิด ขึ ้น แกเ ขาอีก หรือ ไมห นอ? "หามิไ ด พระเจา ขา !" ขอ นั ้น เพราะเหตุไ รเลา ? "ขา แตพ ระองคผู เจริญ ! เพราะเหตุว า บุรุษนั้นไมมีราคะในหญิงนั้นเสียแลว". .... ภิ ก ษุ ท.! ความบากบั่ น ความพากเพี ย ร จะมี ผ ลขึ้ น มาได แม ด ว ย อาการอยางนี้แล. - อุปริ. ม. ๑๔/๑๓/๑๒-๑๓.
www.buddhadasa.info (ข อ นี้ แ สดงให เห็ น ว า เมื่ อ บุ รุ ษ นั้ น กํ า ลั ง ปรุ ง แต ง เหตุ แ ห ง ความทุ ก ข อ ยู วิ ราคะก็ เกิ ด ขึ้ น ได เมื่ อ เขาเพ ง ดู เหตุ แ ห ง ความทุ ก ข ยิ่ ง ๆ ขึ้ น ไป วิ ราคะก็ ยิ่ ง เกิ ด ขึ้ น จนกระทั่ ง ว า เขาสามารถละ ราคะในหญิง คือ ทุก ขนั ้น เสีย ได. ผู ที ่ย ัง ไมม ีค วามทุก ข ก็อ ยา ไปปรุง แตง เหตุแ หง ความทุก ขขึ ้น มาเลย มี ค วามสุ ข โดยชอบธรรมอยู แ ล ว เพี ย งใด ก็ ไ ม มั ว เมาในความสุ ข นั้ น ก็ จ ะชื่ อ ว า ไม เอา ความทุ ก ข ม าทั บ ถมตนซึ่ ง ไม มี ค วามทุ ก ข อ ยู แ ล ว และมี วิ ร าคะในความทุ ก ข ไ ด นี้ ย อ มเป น สิ่ ง ที่ กระทําได).
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๒๗
ระดับตาง ๆ แหงบุคคลผูถอนตัวขึ้นจากทุกข ภิกษุ ท.! บุ คคลเปรียบดวยบุ คคลตกน้ํ าเจ็ดจําพวก เหลานี้ มีอยู หาไดอยู ในโลก. เจ็ดจําพวกเหลาไหนเลา ? ภิกษุ ท.! ในกรณีนี้ : (๑) บุคคลบางคน จมน้ําคราวเดียวแลวก็จมเลย ; (๒) บุคคลบางคน ผุดขึ้นครั้งหนึ่งแลวจึงจมเลย ; (๓) บุคคลบางคน ผุดขึ้นแลว ยืนอยู ; (๔) บุคคลบางคน ผุดขึ้นแลว เหลียวดูรอบ ๆ อยู ; (๕) บุคคลบางคน ผุดขึ้นแลว วายเขาหาฝง ; (๖) บุคคลบางคน ผุดขึ้นแลว เดินเขามาถึงที่ตื้นแลว ; (๗) บุคคลบางคน ผุดขึ้นแลว ถึงฝงขามขึ้นบกแลว เปนพราหมณ ยืนอยู . ภิกษุ ท.! (๑) บุคคล จมน้ําคราวเดียวแลวก็จมเลย เปนอยางไรเลา ? ภิกษุ ท.! บุคคลบางคนในกรณีนี้ ประกอบดวยอกุศลธรรมฝายเดียว โดยสวน เดียว. อยางนี้แล เรียกวา จมคราวเดียว แลวจมเลย.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! (๒) บุคคล ผุดขึ้นครั้งหนึ่งแลวจึงจมเลย เปนอยางไรเลา ? ภิก ษุ ท.! บุค คลบางคนในกรณีนี ้ ผุด ขึ ้น คือ มีส ัท ธาดีใ นกุศ ลบธรรมทั ้ง หลาย มีห ิร ิด ี-มีโ อ ต ตัป ป ะดี-มีว ิร ิย ะ ดี-มีป ญ ญ ดีใ น กุศ ล ธ รรม ทั ้ง ห ล าย . แตว า สัท ธาเปน ตน ของเา ไมตั้ง อยูน าน ไมเ จริญ เสื่อ มสิ้น ไป. อยา งนี้แ ลเรีย ก วา ผุดขึ้นครั้งหนึ่งแลวจึงจมเลย. ภิก ษุ ท.! (๓) บุค คล ผุด ขึ ้น แลว ยืน อยู เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! บุคคลบางคนในกรณีนี้ ผุดขึ้น คือ มีสัทธาดีในกุศลธรรมทั้งหลาย มีหิริดี
๗๒๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
-มีโ อ ต ตัป ป ะ ดี-มีว ิร ิย ะ ดี-มีป ญ ญ าดีใ น กุศ ล ธ รรม ทั ้ง ห ล าย . แ ล ะ สัท ธ า เปน ตน ของเขา ไมเ สื ่อ ม ไมเ จริญ แตท รงตัว อยู . อยา งนี ้แ ล เรีย กวา ผุด ขึ้นแลวยืนอยู. ภิ ก ษุ ท.! (๔) บุ ค คล ผุ ด ขึ้ น แล ว เหลี ย วดู ร อบ ๆ อยู เป น อย า งไร เลา ? ภิก ษุ ท.! บุค คลบางคนในกรณีนี ้ ผุด ขึ ้น คือ มีส ัท ธาดีใ นกุศ ลธรรม ทั ้ง หลาย มีห ิร ิด ี-มีโ อตตัป ปะดี – มีว ิร ิย ะดี - มีป ญ ญ าดีใ นกุศ ลธรรมทั ้ง ลาย. บุค คลนั ้น เพราะสิ ้น ไปแหง สัง โยชนส าม เปน โสดาบัน มีค วามไมต ก ต่ํ า เปน ธรรม เปน ผู เ ที ่ย งแทต อ พ ระนิพ พ าน มีก ารต รัส รู พ รอ ม ใน เบื ้อ งหนา . อยางนี้แล เรียกวา ผุดขึ้นแลว เหลียวดูรอบ ๆ อยู. ภิ ก ษุ ท.! (๕) บุ ค คล ผุ ด ขึ้ น แล ว เดิ น เข า หาฝ ง เป น อย า งไรเล า ? ภิก ษุ ท.! บุค คลบางคนในกรณีนี ้ ผุด ขึ ้น คือ มีส ัท ธาดีใ นกุศ ลธรรมทั ้ง หลาย มีห ิร ิด ี-มีโ อตตัป ปะดี-มีว ิร ิย ะดี-มีป ญ ญ าดีใ นกุศ ลธรรมทั ้ง หลาย. บุค คลนั ้น เพราะสิ้ น ไปแห งสั ง โยชน ส าม และเพราะความเบาบางแห ง ราคะโทสะโมหะ เป น สกทาคามี มาสู โ ลกนี ้เ พีย งครั ้ง เดีย ว แลว ทํ า ที ่ส ุด แหง ทุก ขไ ด. อยา งนี ้แ ล เรียกวา ผุดขึ้นแลว เดินเขาหาฝง.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! (๖) บุค คล ผุด ขึ ้น แลว เดิน เขา มาถึง ที ่ตื ้น แลว เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุท .! บุค ค ล บ างคน ใน กรณ ีนี ้ ผุด ขึ ้น คือ มีส ัท ธาดีใ น กุศ ลธรรมทั ้ง หลาย มีห ีริด ี – มีโ อตตัป ปะดี – มีว ิร ิย ะดี - มีป ญ ญาดีใ นกุศ ลธรรม ทั้ ง หลาย. บุ ค คลนั้ น เพราะสิ้ น ไปแห ง โอรั ม ภาคิ ย สั ง โยชน ทั้ ง ห า เป น โอปปาติก ะ มีก ารปริน ิพ พานในภพนั ้น ไมเวีย นกลับ จากโลกนั้น เปน ธรรมดา. อยา ง นี้แล เรียกวา ผุดขึ้นแลว เดินเขามาถึงที่ตื้นแลว.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๒๙
ภิ ก ษุ ท.! (๗) บุ ค คล ผุ ด ขึ้ น แล ว ถึ ง ฝ ง ข า มขึ้ น บกแล ว เป น พราหมณย ืน อยู เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! บุค คลบางคนในกรณีนี ้ ผุด ขึ ้น คือ มีส ัท ธาดีใ นกุศ ลธรรมทั ้ง หลาย มีห ิร ิด ี-มีโ อตตัป ปะดี-มีว ิร ิย ะดี-มีป ญ ญา ดีใ นกุศ ลธรรมทั ้ง หลาย. บุค คลนั ้น ได กระทํ า หแ จง ซึ ่ง เจโตวิม ุต ติป ญ ญาวิมุ ตติ อั น หาอาสวะมิ ได เพราะความสิ้ นไปแห งอาสวะทั้ งหลาย ด วยป ญ ญาอั น ยิ ่ ง เอ ง ใน ทิ ฏ ฐ ธ รรม นี ้ เ ข า ถึ ง แล ว อ ยู . อ ย า งนี ้ แ ล เรี ย ก ว า ผุ ด ขึ ้ น แ ล ว ถึงฝงขามขึ้นบกแลว เปนพรามหณยืนอยู. ภิ ก ษุ ท.! เหล า นี้ แ ล บุ ค คลเปรี ย บด ว ยบุ ค คลตกน้ํ า เจ็ ด จํ า พวก ซึ่ ง มีอยู หาไดอยู ในโลก. - สตฺตก. อํ. ๒๓/๑๐/๑๓๕.
นิทเทศ ๑๑ วาดวย ผูดับตัณหา
จบ
www.buddhadasa.info
๗๓๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
นิทเทศ ๑๒ วาดวยอาการดับแหงตัณหา (มี ๖๑ เรื่อง)
อาการดับแหงโลก ภิกษุ ท.! ความดับแหงโลก เปนอยางไรเลา ? ภิ ก ษุ ท.! เพราะอาศั ย ตาด ว ย รู ป ด ว ย จึ ง เกิ ด จั ก ขุ วิ ญ ญ าณ ขึ้ น ; การประจวบ พ ร อ ม (แห ง ตา+รู ป +จั ก ขุ วิ ญ ญ าณ ) ทั้ ง ๓ อย า งนั้ น จึ ง เกิ ด มี ผัส ส ะ ; เพ ราะผัส ส ะเปน ปจ จัย จึง เกิด มีเ วท น า; เพ ราะเวท น าเปน ปจ จัย จึงเกิดมีตัณ หา ; เพราะความดับ ดวยความจางคลายไปโดยไม เหลือแหงตัณ หา นั ้น แหละ จึง มีค วามดับ แหง อุป าทาน ; เพ ราะความดับ แหง อุป าทาน จึง มี ความดับ แหง ภพ ; เพราะความดับ แหง ภพ จึง มีค วามดับ แหง ชาติ; เพราะ ความดับ แหง ชาติ, ชรา มรณะ โสกะ ปริเ ทวะ ทุก ขะ โทมนัส และอุป ายาส จึ ง ดั บ ไม เ หลื อ . ความดั บ ไม เ หลื อ แห ง กองทุ ก ข ทั้ ง สิ้ น นั้ น ย อ มมี ไ ด ด ว ยอาการ อยางนี้.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! นี้คือความดับแหงโลก.
(ในกรณี ที่ เกี่ ย วกั บ อายตนะภายในที่ เหลื อ อี ก ๕ อย า ง ก็ มี ข อ ความอย า งเดี ย วกั น กั บ ในกรณีของตัวอยางขางบนนี้). - สฬา. สํ. ๑๘/๑๐๘/๑๕๗.
อาการดับแหงความทุกข ภิกษุ ท.! ความดับแหงทุกข เปนอยางไรเลา ? ภิ ก ษุ ท.! เพราะอาศั ย ตาด ว ย รู ป ด ว ย จึ ง เกิ ด จั ก ขุ วิ ญ ญ าณ ขึ้ น ; การประจวบพรอม (แหงตา+รูป+จักขุวิญญาณ) ทั้ง ๓ อยางนั้น จึงเกิดมี
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๓๑
ผัส สะ; เพราะผัส สะเปน ปจ จัย จึง เกิด มีเ วทนา ; เพราะเวทนาเปน ปจ จัย จึงเกิดมีตัณ หา; เพราะความดับดวยความจางคลายไปโดยไมเหลือแหงตัณ หา นั ้น แหละ จึง ีค วามดับ แหง อุป าทาน; เพราะความดับ แหง อุป าทาน จึง มีค วาม ดับ แหง ภพ; เพราะความดับ แหง ภพ จึง มีค วามดับ แหง ชาติ; เพราะความดับ แห ง ชาติ , ชรา มรณะ โศก ปริ เทวะ ทุ ก ขะ โทมนั ส และอุ ป ายาส จึ ง ดั บ ไม เหลือ. ความดับไมเหลือแหงทุกขทั้งสิ้นนั้น ยอมมีได ดวยอาการอยางนี้. ภิกษุ ท.! นี้คือความดับแหงทุกข. (ในกรณี ที่ เกี่ ย วกั บ อายตนะภายในที่ เหลื อ อี ก ๕ อย า ง ก็ มี ข อ ความอย า งเดี ย วกั น กับกรณีของตาอยางขางบนนี้). - สฬา. สํ. ๑๘/๑๐๗/๑๕๕.
อาการดับแหงทุกขโดยสังเขปที่สุด ภิก ษุ ท.! ในกาลใด อวิช ชาเปน สิ ่ง ที ่ภ ิก ษุล ะไดแ ลว วิช ชาเปน สิ ่ง ที ่เ กิด ขึ ้น แลว ; ในกาลนั ้น ภิก ษุนั ้น ยอ มไมย ึด มั ่น ซึ ่ง กามุป าทาน, ยอ ม ไมย ึด มั ่น ซึ ่ง ทิฏ ุป าทาน, ยอ มไมย ึด มั ่น ซึ ่ง สีล ัพ -พัต ตุป าทาน, ยอ มไมย ึด มั ่น ซึ ่ง อัต ตวาทุป าทาน; (ทั ้ง นี ้) เพราะการสํ า รอกเสีย ไดห มดซึ ่ง อวิช ชา เพราะ การเกิด ขึ ้น แหง วิช ชา. เมื ่อ ไมย ึด มั ่น อยู , ยอ มไมส ะดุ ง ; เมื ่อ ไมส ะดุ ง , ยอ ม ป ริน ิพ พ าน เฉ พ าะต น นั ่น เท ีย ว. เธอนั ้น ยอ ม รู ช ัด วา "ชาติสิ ้น แลว พรหมจรรย อ ยู จบแล ว กิ จที่ ต อ งทํ าได ทํ าสํ าเร็จแล ว กิ จอื่ น เพื่ อ ความเป น ผู ห ลุ ด พ น อยางนี้มิไดมีอีก" ดังนี้.
www.buddhadasa.info - ม.ม.๑๒/๑๓๕/๑๕๘.
๗๓๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
อาการดับแหงทุกข โดยสังเขป มิ ค ชาละ ! รู ป ทั้ ง หลายที่ จ ะพึ งรู แ จ ง ด ว ยจั ก ษุ อั น เป น รู ป ที่ น า ปรารถนา น า รั ก ใคร น า พอใจ มี ลั ก ษณะน า รั ก เป น ที่ เ ข า ไปตั้ ง อาศั ย อยู แ ห ง ค วาม ใค ร เปน ที ่ตั ้ง แหง ค วาม กํ า ห นัด มีอ ยู . ถา ภิก ษุไ มเ พ ลิด เพ ลิน ไม พ ร่ํ า ส รรเส ริ ญ ไม ส บ มั ว เม า ซึ ่ ง รู ป นั ้ น ไซ ร . เมื ่ อ เธ อ นั ้ น ไม เ พ ลิ ด เพ ลิ น ไมพ ร่ํ า สรรเสริญ ไมส ยบมัว เมา ซึ ่ง รูป นั ้น อยู . นัน ทิย อ มดับ . มิค ชาละ ! เรากลาววา "ความดับแหงทุกขยอมมี เพราะความดับแหงนันทิ" ดังนี้. (ในกรณี แหง เสียงที่จะพึ งรูแจงดวยหู ก็ดี ในกรณี แหง กลิ่น ที่จะพึ งรูแจงดวยจมูก ก็ดี ในกรณีแ หง รสที ่จ ะพึง รูแ จง ดว ยลิ้น ก็ดี ในกรณีแ หง โผฏฐัพ พะที่จ ะพึง รูแ จง ดว ยผิว กาย ก็ด ี และในกรณีแ หง ธรรมารมณที ่จ ะพึง รูแ จง ดว ยใจ ก็ด ี ก็ไ ดต รัส ไวโ ดยนัย อยา งเดีย วกัน กับ ในกรณีแหงรูปที่จะพึงรูแจงดวยจักษุ ทุกประการ ตางกันแตชื่อเทานั้น). - สฬา.สํ. ๑๘/๔๕/๖๙.
อาการดับแหงทุกขโดยสมบูรณ
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! เพราะ ความจางคลายดับ ไปไมเ หลือ แหง อวิช ชา นั ้น นั ่น เทีย ว จึง มีค วามดับ แหง สัง ขาร; เพราะมีค วามดับ แหง สัง ขาร จึง มีค วาม ดั บ แห ง วิ ญ ญาณ ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง วิ ญ ญาณ จึ ง มี ค วามดั บ แห ง นามรู ป ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง นามรู ป จึ ง มี ค วามดั บ แห ง สฬายตนะ ; เพราะมี ค วามดั บ แห งสฬายตนะ จึ งมี ค วามดั บ แห งผั ส สะ; เพราะมี ค วามดั บ แห งผั ส สะ จึ งมี ค วาม ดับ แหง เวทนา ; เพราะมีค วามดับ แหง เวทนา จึง มีค วามดับ แหง ตัณ หา; เพราะ มีความดับแหงตัณหา จึงมีความดับแหงอุปาทาน ; เพราะมีความดับแหงอุปาทาน
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๓๓
จึ ง มี ค วามดั บ แห ง ภพ ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง ภพ จึ ง มี ค วามดั บ แห ง ชาติ ; เพราะ มีค วามดับ แหง ชาตินั ่น แล. ชรามรณะ โสกะปริเ ทวะทุก ขะโทมนัส สะอุป ายาส ทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแหงกองทุกขทั้งสิ้นนี้ ยอมมีดวยอาการอยางนี้แล. - นิทาน. สํ. ๑๖/๕/๑๘.
อาการดับแหงความทุกข (อีกปริยายหนึ่ง) ภ ิก ษ ุ ท .! ภ ิก ษ ุนั ้น ยอ ม ไม เ พ ล ิด เพ ล ิน ยอ ม ไม พ ร่ํ า ส รรเส ริญ ยอ มไมเมาหมกอยูซึ่ง รูป . เมื ่อ ภิก ษุนั ้น ไมเพลิด เพลิน ไมพ ร่ําสรรเสริญ ไม เมาหมกอยู ซึ ่ง รูป , นัน ทิ (ความเพลิน ) ใด ในรูป ,นัน ทินั ้น ยอ มดับ ไป. เพราะความดับ แหง นัน ทิข องภิก ษุนั ้น จึง มีค วามดับ แหง อุป าทาน; เพราะมี ความดั บ แห ง อุ ป าทาน จึ ง มี ค วามดั บ แห ง ภพ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง ภพ จึ ง มี ความดั บ แห ง ชาติ ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง ชาติ นั่ น แล ชรามรณะ โสกะปริ เทวะทุก ขะโทมนัส อุป ายาสทั ้ง หลาย จึง ดับ สิ ้น ความดับ ลงแหง กองทุก ขทั ้ง สิ ้น นี้ ยอมมีดวยอาการอยางนี้.
www.buddhadasa.info (ในกรณี แ ห ง เวทนา สั ญ ญา สั ง ขาร และ วิ ญ ญาณ ก็ มี ข อ ความที่ ต รั ส อย า งเดี ย ว กันกับในกรณีแหงรูป). - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๙/๒๙.
อาการดับแหงความทุกข (อีกปริยายหนึ่ง) ภิ กษุ ท.! เมื่ อภิ กษุ เป นผู มี ปรกติ เห็ นโดยความเป นอาที นวะ (โทษอัน ต่ําทราม) ในธรรมทั้งหลาย อันเปนที่ตั้งแหงสังโยชน อยู, การหยั่งลงแหง
๗๓๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
วิญ ญาณย อ มไม มี . เพราะความดั บ แห งวิญ ญาณ จึงมี ค วามดั บ แห งนามรูป ; เพราะมี ค วามดั บ แห งนามรูป จึ งมี ค วามดั บ แห งสฬายตนะ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง สฬายตนะ จึ ง มี ค วามดั บ แห ง ผั ส สะ ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง ผั ส สะ จึ ง มี ความดั บ แห ง เวทนา ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง เวทนา จึ ง มี ค วามดั บ แห ง ตั ณ หา ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง ตั ณ หา จึ ง มี ค วามดั บ แห ง อุ ป าทาน ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง อุ ป าทาน จึ ง มี ค วามดั บ แห ง ภพ ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง ภพ จึ ง มี ค วามดั บ แห ง ชาติ! เพราะมีค วามดับ แหง ชาตินั ่น แล ชรามรณะ โสกะปริเ ทวะทุก ขะโทมนัส อุ ป ายาสทั้ ง หลาย จึ ง ดั บ สิ้ น : ความดั บ ลงแห ง กองทุ ก ข ทั้ ง สิ้ น นี้ ย อ มมี ด ว ย อาการอยางนี้. - นิทาน. สํ. ๑๖/๑๑๐/๒๒๒. [ในสู ต รอื่ น (๑๖/๑๐๙/๒๑๘) มี ข อ ความเหมื อ นสู ต รข า งบนนี้ ต า งแต แ ทนที่ จ ะ ตรัส วา "การหยั ่ง ลงแหง วิญ ญาณ ยอ มไมม ี. เพราะความดับ แหง วิญ ญาณ จึง มีค วามแหง นามรูป ; เพราะมีค วามดับ แหง นามรูป จึง มีค วามดับ แหง สฬายตนะ ;" ดัง ในสูต รขา งบนนี้ แตไ ดต รัส สั ้น ลงมาวา "การหยั ่ง ลงแหง นามรูป ยอ มไมม ี. เพราะความดับ แหง นามรูป จึง มี ความดับแหงสฬายตนะ;" สวนจขอความนอกนั้นเหมือนกันทุกตัวอักษร].
www.buddhadasa.info อาการดับแหงความทุกข (อีกปริยายหนึ่ง)
ภิ ก ษุ ท.! เมื่ อ ภิ ก ษุ เป น ผู มี ป กติ เห็ น โดยความเป น อาที น วะ (โทษอัน ต่ํ า ทราม) ในธรรมทั ้ง หลาย อัน เปน ที ่ตั ้ง แหง อุป าทาน อยู , ตัณ หายอ มดับ . เพราะมีค วามดับ แหง ตัณ หา จึง มีค วามดับ แหง อุป าทาน ; เพราะมีค วามดั บ แหงอุปาทาน จึงมีความดับแหงภพ ; เพราะมีความดับแหงภพ จึงมีความดับ
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๓๕
แหง ชาติ ; เพ ราะมีค วาม แหง ชาตินั ่น แล ชราม รณ ะ โส กะป ริเ ท วะทุก ขะโทมนั ส อุ ป ายาสทั้ ง หลายจึ ง ดั บ สิ้ น : ความดั บ ลงแห ง กองทุ ก ข ทั้ ง สิ้ น นี้ ย อ มมี ดวยอาการอยางนี้. - นิทาน. สํ. ๑๖/๑๐๒/๑๙๘. (ในสู ต รอื่ น (๑๖/๑๐๔/๒๐๒) มี ข อ ความเหมื อ นสู ต รข า งบนนี้ ทุ ก ตั ว อั ก ษร ต า งกั น แตเ พีย งวา ในสูต รขา งบนนี ้ใ ชคํ า วา "ในธรรมทั ้ง หลายอัน เปน ที ่ตั ้ง แหง อุป าทาน " สว นใน สูตรหลังนี้ใชคําวา "ในธรรมทั้งหลาย อันเปนที่ตั้งแหงสังโยชน", เทานั้น).
อาการดับแหงความทุกข (อีกปริยายหนึ่ง) ภิก ษุ ท.! ความรู แ จง นี ้ไ ดเ กิด ขึ ้น แกเ ราวา "หนทางเพื ่อ การตรัส รู นี้ อัน เราไดถึง ทับ แลว แล ; ไดแ กสิ่ง เหลา นี้คือ เพราะความดับ แหง นามรูป จึงมีความดับแหงวิญญาณ ; เพราะมีความดับแหงวิญญาณ จึงมีความดับแหง นามรูป ; เพราะมีค วามดับ แหง นามรูป จึง มีค วามดับ แหง สฬายตนะ ; เพราะ มี ค วามดั บ แห ง สฬายตนะ จึ ง มี ค วามดั บ แห ง ผั ส สะ ; เพราะมี ค ามดั บ แห ง ผั ส สะ จึ ง ความดั บ แห ง เวทนา ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง เวทนา จึ ง มี ค วามดั บ แห ง ตั ณ หา ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง ตั ณ หา จึ ง ความดั บ แห ง อุ ป าทาน ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง อุป าทาน จึง มีค วามดับ แหง ภพ; เพราะมีค วามดับ แหง ภพ จึง มีค วามดับ แหง ชาติ; เพราะมีค วามดับ แหง ชาตินั ่น แล ชรามรณะ โสกะปริเ ทวะทุก ขะโทมนัส อุ ป ายาสทั้ ง หลายจึ ง ดั บ สิ้ น : ความดั บ ลงแห ง กองทุ ก ข ทั้ ง สิ้ น นี้ ย อ มมี ด ว ย อาการอยางนี้" ดังนี้.
www.buddhadasa.info - นิทาน. สํ. ๑๖/๑๒๘/๒๕๒.
๗๓๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
อาการดับแหงความทุกข (อีกปริยายหนึ่ง) (พระผู มี พ ระภาคเมื่ อ ประทั บ อยู ใ นที่ ห ลี ก เร น แห ง หนึ่ ง ได ท รงกล า วธรรมปริ ย ายนี้ ตามลําพังพระองค วา :-)
เพราะอาศั ย ซึ่ ง จั ก ษุ ด ว ย ซึ่ ง รู ป ด ว ย จึ ง เกิ ด จั ก ขุ วิ ญ ญาณ; การ ประจวบพร อ มแห ง ธรรมสามประการ (ตา+รู ป +จั ก ขุ วิ ญ ญาณ) นั่ น คื อ ผั ส สะ; เพราะมี ผั ส สะเป น ป จั ย จึ ง มี เวทนา; เพระมี เ วทนาเป น ป จ จั ย จึ ง มี ตั ณ หา. เพราะความ จางคลายดั บ ไปไม เ หลื อ แห ง ตั ณ หา นั้ น นั่ น แล จึ ง มี ค วามดั บ แห ง อุป าทาน; เพราะมีค วามดับ แหง อุป าทาน จึง มีค วามดับ แหง ภ พ ; เพ ราะมี ความดับ แหง ภพ จึง มีค วามดับ แหง ชาติ; เพราะมีค วามดับ แหง ชาตินั ่น แล, ช ร า ม ร ณ ะ โส ก ะ ป ริ เ ท ว ะ ทุ ก ข ะ โท ม นั ส ส ะ อุ ป า ย า ส ทั ้ ห ล า ย จึ ง ดั บ สิ ้ น . ความดับลงแหงกองทุกขทั้งสิ้นนี้ ยอมมี ดวยอาการอยางนี้. (ในกรณีแ หง โสตะ มานะ ชิว หา กายะ และ มนะ ก็ไ ดต รัส ตอ ไปอีก ซึ ่ง มี ขอความอยางเดียวกันกับในกรณีแหงจักษุ ทุกตัวอักษร ตางกันแตชื่อเทานั้น).
www.buddhadasa.info โด ย ส มัย นั ้น แ ล ภ ิก ษ ุอ งคห นึ ่ง ไดย ืน แ อ บ ฟ ง พ ระ ผู ม ีพ ระ ภ า ค อ ยู . พ ระ ผู มี พระภาคทอดพระเนตรเห็นภิกษุนั้นแลว ไดทรงกลาวกะภิกษุนั้นวา :-
ภ ิ ก ษ ุ ! เธ อ ไ ด ย ิ น ธ ร ร ม ป ริ ย า ย นี ้ แ ล ว ม ิ ใ ช ห รื อ ? .... ภ ิ ก ษ ุ ! เธ อ จ งรับ เอ าธ รรม ป ริย าย นี ้ไ ป ; เธ อ จ งเลา เรีย น ธ รรม ป ริย าย นี ้ ; เธ อ จ ง ทรงไวซึ ่ง ธรรมปริย ายนี ้. ภิก ษุ ! ธรรมปริย ายนี ้ ประกอบดว ยประโยชน เปนเบื้องตนแหงพรหมจรรย แล. - สฬา. สํ. ๑๘/๑๑๓/๑๖๔.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๓๗
เหตุดับแหงทุกขที่ตรัสไวโดยอเนกปริยาย ....เพราะความจางคลายดั บ ไปไม เหลื อ แห ง อุ ป ธิ ท. นั่ น เอง ความ มีพรอมแหงทุกขจึงไมมี .... ....เพราะความจางคลายดับ ไปไมเ หลือ แหง อวิช ชา นั ่น เอง ความ มีพรอมแหงทุกขจึงไมมี .... ....เพราะความจางคลายดั บ ไปไม เหลื อ แห ง สั งขาร ท. นั่ น เอง ความ มีพรอมแหงทุกขจึงไมมี.... ....เพราะความจางคลายดั บ ไปไม เหลื อ แห ง วิ ญ ญาณ นั่ น เอง ความ มีพรอมแหงทุกขจึงไมมี.... ....เพราะความจางคลายดั บ ไปไม เหลื อ แห ง ผั ส สะ นั่ น เอง ความมี พรอมแหงทุกขจึงไมมี.... ....เพราะความจางคลายดั บ ไปไม เหลื อ แห ง เวทนา ท. นั่ น เอง ความ มีพรอมแหงทุกขจึงไมมี.... ....เพราะความจางคลายดับ ไปไมเ หลือ แหง ตัณ หา นั ่น เอง ความ มีพรอมแหงทุกขจึงไมมี .... ....เพราะความจางคลายดั บ ไปไม เหลื อ แห ง อุ ป าทาน นั่ น เอง ความ มีพรอมแหงทุกขจึงไมมี .... ....เพราะความจางคลายดั บไปไม เหลื อแห ง อารั ม ภะ (ความเกาะเกี่ ยว) ท. นั่นเองความมีพรอมแหงทุกขจึงไมมี .... ....เพราะความจางคลายดั บ ไปไม เหลื อแห ง อาหาร ท. นั่ น เอง ความ มีพรอมแหงทุกขจึงไมมี....
www.buddhadasa.info
๗๓๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
....เพราะความจางคลายดั บ ไปไม เหลื อแห ง อิ ญ ชิ ต ะ (ความหวั่นไหว) ท. นั่นเอง ความมีพรอมแหงทุกขจึงไมมี.... นี้เปนอนุปสสนาหนึ่ง ๆ. - สุตฺต. ขุ. ๒๕/๔๗๔-๔๗๙/๓๙๒-๔๐๒. (อนุ ป ส สนา ๑๑ ประการนี้ เป น คู กั บ อนุ ป ส สนาอี ก ๑๑ ประการ อั น เป น ฝ า ย สมุ ทั ย ซึ่ ง ได แ ยกไปใส ไ ว ใ นหมวดทุ ก ขสมุ ท ยอริ ย สั จ โดยหั ว ข อ ว า "ป จ จั ย แห ง ทุ ก ข โ ดยอเนกปริย าย" ที ่ห นา ๓๖๘; ผู ศ ึก ษ าพึง สัง เกตเห็น ไดเ องวา การแยกใหเ ปน ปริย ายมากออกไป กระทําไดโดยลักษณะเชนนี้).
ลักษณะการแหงการรูอริยสัจ และการสิ้นอาสวะจบพรหมจรรย มหาราช ! ....ภิ ก ษุ นั้ น ครั้ น จิ ต ตั้ ง มั่ น บริ สุ ท ธิ์ ผ อ งใส ไม มี กิ เ ลส ปราศจากอุป กิเ ลส เปน ธรรมชาติอ อ นโยนควรแกก ารงาน ตั ้ง อยู ไ ดอ ยา งไม หวั ่น ไหว เชน นี ้แ ลว , เธอก็น อ มจติไ ปเฉพาะตอ อาสาวัก ขยญาณ. เธอยอ ม รู ชั ด ตามเป น จิ ร งว า "นี้ ทุ ก ข , นี้ เ หตุ ใ ห เ กิ ด ขึ้ น แห ง ทุ ก ข , นี้ ความดั บ ไมเหลือแหงทุกข, นี้ ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือ แหงทุกข" และรูชัด ตามเปน จริง วา "เหลา นี้ อาสวะ, นี้เหตุใหเกิด ขึ้น แหง อาสวะ, นี้ ความดับ ไมเหลือแหงอาสวะ, นี้ ทางดําเนินใหถึงความดับไมเหลือแหงอาสวะ” ดังนี้ เมื่อเธอรูอยูอยางนี้ เห็นอยูอยางนี้ จิตก็พ น จากามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ. ครั ้น จิต หลุด พน แลว ก็เ กิด ญ าณ หยั ่ง รู ว า "จิต หลุด พน แลว ". เธอรู ช ัด วา " ชาติ สิ้ น แล ว พรหมจรรย อ ยู จ บแล ว กิ จ ที่ ค วรทํา ได ทํา สํา เร็ จ แล ว กิ จ อื่ น ที่ จ ะต อ งทํา เพื่ อ ความหลุ ด พ น อย า งนี้ มิ ไ ด มี อี ก " ดั ง นี้ .
www.buddhadasa.info
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๓๙
ภ ิก ษ ุ ท .! เป รีย บ เห ม ือ น หว งน้ํ า ใส ที ่ไ ห ลเ ขา ไมขุ น ม ัว , ค น มี จัก ษุด ีย ืน อยู บ นฝ ง ในที ่นั ้น , เขาจะเห็น หอยตา ง ๆ บา ง กรวดและหิน บา ง ฝู ง ปลาบ า ง อั น หยุ ด อยู แ ละว า ยไปในห ว งน้ํ า นั้ น , เขาจะสํ า เหนี ย กใจอย า งนี้ ว า " ห ว งน้ํ า นี้ ใ ส ไม ขุ น เลนย หอย ก อ นกรวด ปลาทั้ ง หลาย เหล า นี้ หยุ ด อยู บ า ง วา ย ไป บา ง ใน หว ง น้ํ า นั ้น ". ขอ นี ้เ ปน ฉัน ใด ; ภิก ษุ ท .! ภิก ษุย อ ม รู ช ัด ตามที ่เ ปน จริง วา นี ้ท ุก ข, นี ้เ หตุใ หเ กิด ขึ ้น แหง ทุก ข, นี ้ ความดับ ไมเ หลือ แหง ทุก ข, นี ้ ทางดํ า เนิน ใหถ ึง ความดับ ไมเ หลือ แหง ทุก ข” และรู ช ัด ตามเปน จริง วา “เหลา นี ้ อาสวะ, นี ้ เหตุใ หเ กิด ขึ ้น แหง อาสวะ, นี ้ ความดับ ไมเ หลือ แหง อาสวะ, นี ้ ทางดํ า เนิน ใหถ ึง ความดับ ไมเ หลือ แหง อาสวะ, ดัง นี ้. เมื ่อ เธอรู อ ยู อ ย า งนี้ เห็ น อยู อ ย า งนี้ จิ ต ก็ พ น จากกามาสวะ ภวาสวะ อวิ ช ชาสวะ. ครั ้น จิต หลุด พน แลว ก็เ กิด ญ าณ หยั ่ง รู ว า "จิต หลุด พน แลว ". เธอรู ช ัด วา " ชาติสิ ้น แลว พรหมจรรยอ ยู จ บแลว กิจ ที ่ค วรทํ า ไดทํ า สํ า เร็จ แลว กิจ อื ่น ที ่จ ะ ตองทําเพื่อความหลุดพนอยางนี้ มิไดมีอีก" ดังนี้. ฉันนั้นเหมือนกัน. - สี. ที. ๙/๑๑๐/๑๓๘.
www.buddhadasa.info ลักษณะของความดับแหงทุกข
ผัคคุนะ ! เพราะความจางคลายดั บ ไปไมเหลือแห งผั สสายตนะทั้ ง หลายหกประการนั้นนั่นแหละ จึงมีความดับแหงผัสสะ ; เพราะมีความดับแหง ผั ส สะ จึ ง มี ค วามดั บ แห ง เวทนา ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง เวทนา จึ ง มี ค วามดั บ แหง ตัณ หา; เพราะมีค วามดับ แหง ตัณ หา จึง มีค วามดับ แหง อุป าทาน; เพราะ มี ค วามดั บ แห ง อุ ป าทาน จึ ง มี ค วามดั บ แห ง ภพ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง ภพ จึ ง มี ความดับแหงชาติ; เพราะมีความดับแหงชาตินั่นแล ชรามรณะ โสกะปริเทวะ-
๗๔๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ทุ ก ขะโทมนั ส สะอุ ป ายาสทั้ ง หลาย จึ ง ดั บ สิ้ น : ความดั บ ลงแห ง กองทุ ก ขทั้ ง สิ้ น นี้ ยอมมี ดวยอาการอยางนี้แล. - นิทาน. สํ. ๑๖/๑๗/๓๗.
ลักษณะของความดับแหงทุกข (อีกปริยายหนึ่ง) ภิก ษุ ท.! ก็ถ า วา บุค คลยอ ม ไมค ิด ถึง สิ ่ง ใดดว ย, ยอ ม ไมดํ า ริ ถึ ง สิ่ ง ใดด ว ย, และทั้ ง ย อ ม ไม มี ใ จฝ ง ลงไป (คื อ ไม มี อ นุ สั ย ) ในสิ่ ง ใดด ว ย, ใน กาลใด; ในกาลนั ้น สิ ่ง นั ้น ยอ มไมเ ปน อารมณ เพื ่อ การตั ้ง อยู แ หง วิญ ญ าณ ไดเ ล ย เมื ่อ อ ารม ณ ไมม ี. ค วาม ตั ้ง ขึ ้น เฉ พ าะ แ หง วิญ ญ าณ ยอ ม ไมม ี ; เมื ่อ วิญ ญาณนั ้น ไมตั ้ง ขึ ้น เฉพาะ ไมเ จริญ งอกงามแลว . การกา วลงแหง นามรูป ยอ ม ไมม ี.เพ ราะความดับ แหง นามรูป จึง มีค วามดับ แหง สฬ ายตนะ ; เพราะมีค วามดับ แหง สฬายตนะ จึง มีค วามดับ แหง ผัส สะ ; เพราะมีค วามดับ แหง ผัส สะ จึง มีค วามดับ แหง เวทนา ; เพราะมีค วามดับ แหง เวทนาจึง ความ ดับ แหง ตัณ ห า; เพ ราะมีค วาม ดับ แหง ตัณ ห า จึง ค วาม ดับ แหง อุป าท าน ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง อุ ป าทาน จึ ง มี ค วามดั บ แห ง ภพ ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง ภพ จึ ง มี ค วามดั บ แห ง ชาติ ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง ชาติ นั่ น แล ชรามรณ ะ โสกะปริเ ทวะทุก ขะโทมนัส อุป ายาสทั ้ง หลาย จึง ดับ สิ ้น : ความดับ ลงแหง กองทุก ข ทั้งสิ้นนี้ ยอมมี ดวยอาการอยางนี้, ดังนี้แล.
www.buddhadasa.info - นิทาน. สํ. ๑๖/๗๙/๑๔๘.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๔๑
ลักษณะของความดับแหงทุกข (อีกปริยายหนึ่ง) ภิก ษุ ท.! ก็ถ า วา บุค คลยอ ม ไมค ิด ถึง สิ ่ง ใดดว ย, ยอ ม ไมดํ า ริ ถึงสิ่ งใดดวย,. และทั้ งยอม ไม มี ใจฝ งลึ ก ลงไป (คื อ ไม มี อ นุ สัย) ในสิ่งใดด วย, ใน กาลใด; ในกาลนั ้น สิ ่ง นั ้น ยอ มไมเ ปน อารมณ เพื ่อ การตั ้ง อยู แ หง วิญ ญาณ ไดเ ลย . เมื ่อ อารม ณ ไมม ี, ความ ตั ้ง ขึ ้น เฉ พ าะแหง วิญ ญ าณ ยอ ม ไมม ี; เมื ่อ วิญ ญาณนั ้น ไมตั ้งขึ้น เฉพาะ ไมเจริญ งอกงามแลว . เครื่อ งนํ า ไปสู ภ พใหม (นติ=ตัณ หา) ยอ มไมม ี; เมื ่อ เครื ่อ งนํ า ไปสู ภ พใหม ไมม ี, การมาการไป (อาคติค ติ) ยอ มไมม ี ; เมื ่อ การมาการไป ไมม ี, การเคลื ่อ นและการบัง เกิด (จุต +อุป ปาตะ) ยอ มไมม ี; เมื ่อ การเคลื ่อ นและการบัง เกิด ไมม ี, ชาติช รามรณะ โสกะปริ เทวะทุ ก ขะโทมนั ส อุ ป ายาสทั้ ง หลายต อ ไป จึ ง ดั บ สิ้ น : ความดั บ ลงแหงกองทุกขทั้งสิ้นนี้ ยอมมี ดวยอาการอยางนี้, ดังนี้ แล. - นิทาน. สํ. ๑๖/๘๐/๑๕๐.
ลักษณะของความดับแหงทุกข
www.buddhadasa.info (อีกปริยายหนึ่ง)
ภิก ษุ ท.! ก็ถ า วา บุค คลยอ ม ไมค ิด ถึง สิ ่ง ใดดว ย, ยอ ม ไมดํ า ริ ถึง สิ ่ง ใดดว ย, และทั ้ง ยอ ม ไมม ีใ จฝง ลงไป (โน อนุเ สติ) ในสิ ่ง ใดดว ย, ใน กาลใด; ในกาลนั ้น สิ ่ง นั ้น ยอ มไมเ ปน อารมณ เพื ่อ การตั ้ง อยู แ หง วิญ ญาณ ได เ ลย. เมื่ อ อารมณ ไม มี , ความตั้ ง ขึ้ น เฉพาะแห ง วิ ญ ญ าณ ย อ มไม มี ; เมื่ อ วิญญาณนั้น ไมตั้งขึ้นเฉพาะ ไมเจริญงอกงามแลว, ความเกิดขึ้นแหงภพใหม
๗๔๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ตอ ไป ยอ มไมม ี ; เมื ่อ ความเกิด ขึ ้น แหง ภพใหมต อ ไป ไมม ี. ชาติช รามรณะ โสกะปริ เทวะทุ ก ขะโทมนั ส อุ ป ายาสทั้ ง หลายต อ ไป จึ ง ดั บ สิ้ น : ความดั บ ลงแห ง กองทุกขทั้งสิ้นนี้ ยอมมี ดวยอาการอยางนี้, ดังนี้แล. - นิทาน.สํ. ๑๖/๗๘/๑๔๖.
อาการแหงบุคคลผูหลุดพน อานนท ; รู ป เวทนา สั ญ ญ า สั ง ขารทั้ ง หลาย วิ ญ ญ าณ ชนิ ด ใด ชนิ ด หนึ่ ง มี อ ยู จะเป น อดี ต อนาคตหรื อ ป จ จุ บั น ก็ ต าม เป น ภายในหรื อ ภายนอก ก็ ต าม หยาบหรื อ ละเอี ย ดก็ ต าม เลวหรื อ ประณี ต ก็ ต าม มี อ ยู ใ นที่ ไ กลหรื อ ที่ ใ กล ก็ต าม , ขัน ธทั ้ง ห ม ด นั ้น บุค ค ล พึง เห็น ดว ยปญ ญ าอัน ชอ บ ต าม ที ่เ ปน จริง อยางนี้วา "นั่นไมใชของเรา นั่นไมใชเรา นั่นไมใชตัวตนของเรา" ดังนี้. อานนท ! อริ ย สาวกผู มี ก ารสดั บ แล ว เมื่ อ เห็ น อยู ด ว ยอาการอย า งนี้ ย อ มเกิ ด เบื่ อ หน า ยในรู ป เบื่ อ หน า ยแม ใ นเวทนา เบื่ อ หน า ยแม ใ นสั ญ ญ า เบื่ อ หน า ยแม ใ นสั ง ขาร เบื่ อ หน า ยแม ใ นวิ ญ ญ าณ . เมื่ อ เบื่ อ หน า ย ย อ มจางคลาย ความกํ า หนั ด รั ด รึ ง , เพราะจางคลายไปแห ง ความกํ า หนั ด ย อ มหลุ ด พ น ไปได , เมื ่อ หลุด พน แลว ก็ม ีญ าณ รู ขึ ้น วา ห ลุด พน แลว ดัง นี ้. อ ริย สาวกนั ้น ยอ ม รู ช ัด แจง วา ชาติสิ ้น แลว พ รห ม จรรยไ ดอ ยู จ บ แลว กิจ ที ่ค วรทํ า ไดทํ า สํ า เร็จ แลว กิจอื่นที่จะตองทําเพื่อความหลุดพนอยางนี้ มิไดมีอีก, ดังนี้แล.
www.buddhadasa.info - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๒๘-๒๒๙/๓๖๔-๓๖๕.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๔๓
อาการดับแหงตัณหาในนามแหงนันทิ ภิก ษุ ท.! ....ภิก ษุนั ้น เห็น รูป ดว ยตาแลว ยอ มไมกํ า หนัด ยิน ดี ในรูป อัน มีล ัก ษณะเปน ที ่ตั ้ง แหง ความรัก ; ยอ มไมข ัด เคือ งในรูป อัน มีล ัก ษณะ เป น ที่ ตั้ ง แห ง ความเกลี ย ดชั ง ; เป น ผู อ ยู ด ว ยสติ เป น ไปในกายอั น ตนเข า ไปตั้ ง ไว แล ว มี จิ ต หาประมาณมิ ไ ด ด ว ย ; ย อ มรู ชั ด ตามเป น จริ ง ซึ่ ง เจโตวิ มุ ติ ป ญ ญาวิมุตติ อันเปนธรรมที่ดับโดยไมเหลือแหงธรรมอันเปนบาปอกุศลทั้งหลาย ดวย. ภิ กษุ นั้ น เป นผู ละเสี ยได แล วซึ่ งความยิ นดี และความยิ นรายอย างนี้ แล ว เสวยเวทนาใด ๆ อั น เป น สุ ข ก็ ต าม เป น ทุ ก ข ก็ ต าม ไม เป น ทุ ก ข ไม เป น สุ ข ก็ ต าม ยอมไมเพลิดเพลิน ไมพร่ําสรรเสริญ ไมเมาหมกอยู ในเวทนานั้น ๆ. เมื่อภิกษุนั้น ไมเพลิดเพลิน ไมพร่ําสรรเสริญ ไมเมาหมกอยู ใน เวทนานั้น ๆ ; นันทิ (ความกําหนัดยินดีเพราะไดตามใจอยาก) ในเวทนาทั้งหลาย เหล า นั้ น ย อ มดั บ ไป. เพราะความดั บ แห ง นั น ทิ ข องภิ ก ษุ นั้ น จึ ง มี ค วามดั บ แห ง อุป าทาน; เพราะมีค วามดับ แหง อุป าทาน จึง มีค วามดับ แหง ภพ; เพราะมี ความดั บ แห ง ภพ จึ ง มี ค วามดั บ กห ง ชาติ ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง ชาติ , ชรามรณะ โสกะปริเ ทวะทุก ขะโทมนัส อุป ายาสทั ้ง หลาย จึง ดับ สิ ้น . ความดับ ลงแหงกองทุกขทั้งหมดนี้ ยอมมีดวยอาการอยางนี้.
www.buddhadasa.info (ในกรณีแหง การไดยินเสียงดวยหู รูสึกลิ่นดวยจมูก ลิ้มรสดวยลิ้น ถูกตองสัมผัส ทางผิวหนังดวยผิวกาย และ รูแจงธรรมารมณดวยใจ ก็ไดตรัสไวทํานองเดียวกัน).
๗๔๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิกษุ ท.! เธอจงทรงธรรมะนี้ไว ในฐานะที่เปนธรรมทําความหลุด พนเพราะความสิ้นไปแหงตัณหา ซึ่งเรากลาวไวโดยสังเขป. - มู. ม. ๑๒/๔๙๔/๔๕๘. (เกี่ ย วกั บ เรื่ อ งการทํ า ความหลุ ด พ น เพราะความสิ้ น ไปแห งตั ณ หาซึ่ งตรั ส ไว โดยสั งเขป ดัง ต รัส ใน สูต รขา ง บ น นี ้ ใน สูต ร อื ่น (ม ู. ม .๑๒/๔๗๐/๔๓๙ ; ส ต ฺต ก . อํ.๒๓/๙๐/๕๘) ได ตรัส ไววา ภิก ษุที ่ไดส ดับ แลว วา สิ่ง ทั้ง ปวงไมค วรยึด มั ่น ถือ มั่น ชื่อ วา รูยิ่งธรรมทั ้ง ปวงรอบรูธ รรม ทั้ ง ปวง เสวยเวทนาใด ๆ เป น ผู ต ามเห็ น ความไม เที่ ย ง ความจางคลาย ความดั บ ความสลั ด คื น ในเวทนานั้ น ๆ ประจํ า ย อ มไม ยึ ด มั่ น สิ่ ง ใด ๆ ในโลก ไม ส ะดุ ง หวาดเสี ย ว ปริ นิ พ พานเฉพาะตน, ดังนี้ก็มี).
สักกายนิโรธ ภิกษุ ท.! สักกายนิโรธ เปนอยางไรเลา ? ภิ ก ษุ ท.! ความจางคลายดั บ ไปไม เหลื อ ความสละทิ้ ง ความสลั ด คืน ความปลอย ความทําไมใหมีที่อาศัย ซึ่งตัณหานั้นนั่นเอง. ภิกษุ ท.! นี้เราเรียกวา สักกายนิโรธ. - ขนฺธ.สํ. ๑๗/๑๙๔/๒๘๙. (ตามธรรมดาการดั บ แห ง ตั ณ หานี้ ตรั ส เรี ย กว า ทุ ก ขนิ โรธ แต ใ นสู ต รนี้ ต รั ส เรี ย กว า สักกายนิโรธ. ในสูตรอื่น (๑๗/๑๙๒/๒๗๗) ตรัสเรียกวา สักกายนิโรธันตะ ก็มี).
www.buddhadasa.info อาการแหงการละอวิชชา โดยยอ
"ขาแต พระองค ผู เจริญ ! ธรรมอย างหนึ่ งมี อยู หรือไม หนอ ซึ่งเมื่ อภิ กษุ ละได แลว อวิชชายอมละไป วิชชายอมเกิดขึ้น พระเจาขา ?"
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๔๕
ภิกษุ ! ธรรมอยางหนึ่งนั้น มีอยูแล ....ฯลฯ.... "ขาแตพระองคผูเจริญ ! ธรรมอยางหนึ่งนั้คืออะไรเลาหนอ ....ฯลฯ....?" ภิ ก ษุ ! อวิ ช ชา นั่ น แล เป น ธรรมอย า งหนึ่ ง ซึ่ ง เมื่ อ ภิ ก ษุ ล ะได แ ล ว อวิชชายอมละไป วิชชายอมเกิดขึ้น. "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! เมื่ อภิ กษุ รู อยู อย างไร เห็ นอยู อย างไร อวิ ชชาจึ งจะ ละไปวิชชาจึงจะเกิดขึ้น พระเจาขา ?" ภิก ษุ ! หลัก ธรรมอัน ภิก ษุใ นกรณ ีนี ้ไ ดส ดับ แลว ยอ มมีอ ยู ว า "สิ ่ง ทั้งหลายทั้งปวง อันใคร ๆ ไมควรยึดมั่นถือมั่น (วาเปนตัวเรา-ของเรา)" ดังนี้. ภิก ษุ! ถา ภิก ษุไ ดส ดับ หลัก ธรรมขอ นั ้น อยา งนี ้ว า "สิ ่ง ทั ้ห ลายทั ้ง ปวง อัน ใคร ๆ ไมค วรยึด มั ่น ถือ มั ่น " ดัง นี ้แ ลว ไซร, ภิก ษุนั ้น ยอ ม รู ยิ ่ง ซึ ่ง ธรรมทั ้ง ปวง; ครั ้น รู ยิ ่ง ซึ ่ง ธรรม ทั ้ง ป วงแลว ยอ ม รอ บ รู ซึ ่ง ธรรม ทั ้ง ป วง; ครั ้น รอบรู ซึ ่ง ธรรม ทั้ง ปวงแลว เธอยอ ม เห็น ซึ ่ง นิม ิต ทั ้ง หลายของสิ ่ง ทั ้ง ปวง โดยประการอื ่น ๑; คือ ยอ มเห็น ซึ ่ง จัก ษุโ ดยประการอื ่น ; เห็น ซึ ่ง รูป ทั ้ง หลายโดยประการอื ่น ; เห็น ซึ ่ง จัก ขุว ิญ ญาณ โดยประการอื ่น ; เห็น ซึ ่ง จัก ขุส ัม ผัส โดยประการอื ่น ; เห็ น ซึ่ ง เวทนา อั น เป น สุ ข ก็ ต าม ทุ ก ข ก็ ต าม อทุ ก ขมสุ ข ก็ ต าม ที่ เ กิ ด ขึ้ น เพราะ จักขุสัมผัสเปนปจจัย โดยประการอื่น.
www.buddhadasa.info (ในกรณี แหง โสตะ มานะ ชิวหา กายะ มนะ และ ธรรมทั้งหลายที่สัมปยุตตดวย โสตะฆานะ ชิว หา กายะ และมนะ นั ้น ๆ ก็ด ี ก็ไ ดต รัส ไวม ีน ัย อยา งเดีย วกัน กับ ในกรณีแ หง จักษุและธรรมทั้งหลายที่สัมปยุตตดวยจักษุ ตางกันแตชื่อ).
๑. เมื ่อ บุค คลรู แ จง สิ ่ง ทั ้ง ปวงโดยถูก ตอ งแลว ยอ มเห็น สิ ่ง ทั ้ง ปวงโดยประการอื ่น จากที ่เ ขาเคย เห็น เมื ่อ ยัง ไมรู แ จง ; เชน เมื ่อ กอ นเห็น วา สัง ขารเปน ของเที ่ย ง บัด นี ้ย อ มเห็น โดยเปน ของ ไมเ ที ่ย ง เปน ตน : นี ้เ รีย กวา เห็น โดยป ระการอื ่น . คํ า วา นิม ิต ห ม ายถึง ลัก ษ ณ ะห นึ ่ง ๆ ของสิ่งตางๆ ที่ เปนเครื่องสังเกต หรือรูสึก หรือยึดถือ หรือสําคัญมั่นหมาย.
๗๔๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ! เมื่ อ ภิ ก ษุ รู อ ยู อ ย า งนี้ เ ห็ น อยู อ ย า งนี้ แ ล อวิ ช ชาจึ ง จะละไป วิชชาจึงจะเกิดขึ้น. - สฬา.สํ. ๑๘/๖๒/๙๖.
กระแสการปรุงแตงแหงการเกิดวิมุตติญาณทัสสนะ ภิ ก ษุ ท.! เมื่ อ ส ติ สั ม ป ชั ญ ญ ะ มี อ ยู , หิ ริ แ ละโอตั ป ป ะของผู มี สติสัมปชัญญะอันถึงพรอมแลว ก็เปนหิริโอตตัปปะถึงพรอมดวยอุปนิสัย๑; เมื่ อ หิ ริ แ ละโอตตั ป ปะ มี อ ยู , อิ น ทรี ย สั ง วรของผู ถึ ง พร อ มแล ว ด ว ย หิริและโอตตัปปะ ก็เปนอินทรียสังวรถึงพรอมดวยอุปนิสัย ; เมื ่อ อิน ทรีย สัง วร มีอ ยู , สีล ของผู ถ ึง พรอ มแลว ดว ยอิน ทรีย สัง วร ก็เปนสีลถึงพรอมดวยอุปนิสัย ; เมื่ อ สี ล มี อ ยู , สั ม มาสมาธิ ข องผู ถึ ง พร อ มแล ว ด ว ยสี ล ก็ เป น สั ม มาสมาธิถึงพรอมดวยอุปนิสัย ; เมื่ อ สั ม มาสมาธิ มี อ ยู , ยถาภู ต ญาณทั ส สนะของผู ถึ งพร อ มแล วด วย สัมมาสมาธิ ก็เปนยถาภูตญาณทัสสนะถึงพรอมดวยอุปนิสัย ; เมื่ อ ยถาภู ติ ญ าณทั ส สนะ มี อ ยู , นิ พ พิ ท า วิ ร าคะ ของผู ถึ ง พร อ ม แลวดวยยถาภูตญาณทัสสนะ ก็เปนนิพพิทาวิราคะถึงพรอมดวยอุปนิสัย ;
www.buddhadasa.info
๑. อุป นิส ัย หมายถึง ที ่ตั ้ง ที ่อ าศัย สํ า หรับ เขา ไปตั ้ง เขา ไปอาศัย แลว สามารถทํ า หนา ที ่ข องตน ไดเต็มที่.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๔๗
เมื่ อ นิ พ พิ ท าวิ ราคะ มี อยู , วิ มุ ต ติ ญ าณทั ส สนะ ของผู ถึ งพรอมแล ว ดวยนิพพิทาวิราคะ ก็เปนวิมุตติญาณทัสสนะถึงพรอมดวยอุปนิสัย. - อฎฐก. อํ ๒๓/๓๔๘/๑๘๗.
(อีกนัยหนึ่ง) ภิ ก ษุ ท.! เมื่ อ มี ศี ล ถึ ง พร อ มด ว ยศี ล แล ว , อวิ ป ปฏิ ส าร ๑ ก็ ถึ ง พรอมดวยอุปนิสัย ; เมื ่อ อวิป ปฏิส าร มีอ ยู , ความปราโมทยข องผู ถ ึง พรอ มแลว ดว ย อวิปปฏิสาร ก็เปนปราโมทยถึงพรอมดวยอุปนิสัย ; เมื่ อ ความปราโมทย มี อยู , ป ติ ของผู ถึ งพรอมแล วด วยความปราโมทย ก็เปนปติถึงพรอมดวยอุปนิสัย ; เมื ่อ ปต ิ มีอ ยู , ปส สัท ธิข องผู ถ ึง พรอ มแลว ดว ยปต ิ ก็เ ปน ปส สัท ธิ ถึงพรอมดวยอุปนิสัย ; เมื ่อ ปส สัท ธิ มีอ ยู , สุข ของผู ถ ึง พรอ มแลว ดว ยปส สัท ธิ ก็เ ปน สุข ถึงพรอมดวยอุปนิสัย ; เมื่ อ สุ ข มี อ ยู , สั ม มาสมาธิ ข องผู ถึ ง พร อ มแล ว ด ว ยสุ ข ก็ เป น สั ม มสมาธิถึงพรอมดวยอุปนิสัย ; เมื่ อ สั ม มาสมาธิ มี อยู , ยถาภู ตญาณทั สสนะของผู ถึ งพร อมแล วด วย สัมมาสมาธิ ก็เปนยถาภูตญาณทัสสนะถึงพรอมดวยอุปนิสัย ;
www.buddhadasa.info
๑. อวิ ป ปฏิ ส าร หมายถึ ง ความที่ ไม มี อ ะไรเป น เครื่อ งรอ นใจ รัง เกี ย จ เกลี ย ดชั ง อยู ในใจของ ตน จนเสียสมาธิ.
๗๔๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
เมื่ อ ยถาภู ต ญาณทั ส สนะ มี อ ยู , นิ พ พิ ท าของผู ถึ ง พร อ มแล ว ด ว ย ยถาภูตญาณทัสสนะ ก็เปนนิพพิทาถึงพรอมดวยอุปนิสัย; เมื่ อ นิ พ พิ ท า มี อ ยู , วิ ร าคะของผู ถึ ง พร อ มแล ว ด ว ยนิ พ พิ ท า ก็ เป น วิราคะถึงพรอมดวยอุปนิสัย ; เมื่ อ วิราคะ มี อยู, วิมุ ตติ ญาณทั สสนะ ของผู ถึ งพรอมแลวด วยวิราคะ ก็เปนวิมุตติญาณทัสสนะถึงพรอมดวยอุปนิสัย. - เอกาทสก. อํ. ๒๔/๓๓๘/๒๑๐.
(อีกนัยหนึ่ง) ภิก ษุ ท.! เมื ่อ ภิก ษุม ีศ ีล ถึง พรอ มดว ยศีล , สัม มาสมาธิ ของ เธอยอมเปนธรรม ถึงพรอมดวยอุปนิสัย; เมื่ อสั มมาสมาธิ มี อยู , ยถาภู ตญาณทั ส สนะ ย อมเป นธรรม ถึ งพร อม ดวยอุปนิสัย แกผูถึงพรอมดวยสัมมาสมาธินั้น ; เมื่ อ ยถาภู ต ญาณทั ส สนะมี อ ยู , นิ พ พิ ท าวิ ร าคะ ย อ มเป น ธรรมถึ ง พรอมดวยอุปนิสัย แกผูถึงพรอมดวยยถาภูตญาณทัสสนะ ; เมื่ อ นิ พ พิ ท าวิ ร าคะมี อ ยู , วิ มุ ต ติ ญ าณ ทั ส สนะ ย อ มเป น ธรรมถึ ง พรอมดวยอุปนิสัย แกผูถึงพรอมดวยนิพพิทาวิราคะ. ภิ ก ษุ ท.! เปรี ย บเหมื อ นต น ไม สมบู ร ณ ด ว ยกิ่ ง และใบแล ว แม สะเก็ด เปลือ กของตน ไมนั ้น ก็ถ ึง ความบริบ ูร ณ ; แมเ ปลือ กก็ถ ึง ความบริบ ูร ณ ; แมกระพี้ก็ถึงความบริบูรณ ; แมแกนก็ถึงความบริบูรณ ; ฉันใดก็ฉันนั้น
www.buddhadasa.info
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๔๙
(ข อความฝ าย ปฏิ ป ก ขนั ยต อข อความนี้ ก็ ได ตรัสไวในลั กษณะที่ ผู ศึ กษาพึ งกํ าหนดได เอง จึงไมนํามาใสไว). - ปฺจก. อํ. ๒๒/๒๑/๒๔.
การปรินิพพานในทิฏฐธรรม "ข าแต พระองค ผู เจริญ ! อะไรหนอเป นเหตุ อะไรเป นป จจั ย ที่ ทํ าให สั ตว บาง พวกในโลกนี้ปรินิพพานในทิฏฐธรรมนี้ พระเจาขา !" ทา นผู จ อมเทพ! รูป ทั ้ง หลาย ที ่รู แ จง ดว ยตาก็ด ี, เสีย ง ทั ้ง หลาย ที ่รู แ จง ดว ยหูก ็ด ี, กลิ ่น ทั ้ง หลาย รู แ จง ดว ยจมูก ก็ด ี, รส ทั ้ง หลาย ที ่รู แ จง ดว ยลิ ้น ก็ด ี, โผฏฐัพ พะ ทั ้ง หลาย ที ่รู แ จง ดว ยผิว กายก็ด ี, และ ธรรมารมณ ทั ้ง หลาย ที ่รู แ จง ดว ยใจก็ด ี; อัน เปน สิ ่ง ที ่น า ปรารถนา นา รัก ใคร นา พอใจ ที่ ยั่ ว ยวนใจให รั ก เป น ที่ เ ข า ไปตั้ ง อาศั ย อยู แ ห ง ความใคร เป น ที่ ตั้ ง แห ง ความ กํ า หนัด ยอ มใจ มีอ ยู ;และภิก ษุก ็ไ มเ ปน ผู เ พ ลิด เพ ลิน ไมพ ร่ํ า สรรเสริญ ไม เมาหมกอยู ซึ ่ง อารมณม ีรูป เปน ตน นั ้น , เมื ่อ ไมเ พลิด เพลิน ไมพ ร่ํ า สรรเสริญ ไมเมาหมกอยู ซึ่งอารมณมีรูปเปนตนนั้น, วิญญาณนั้น อันตัณหาในอารมณ มีรูปเปนตนอาศัยแลว ยอมไมมีแกเธอนั้น วิญญาณที่จะเปนอุปาทานยอมไมมี. ทานผูจอมเทพ! ภิกษุ ผูไมมีอุปาทาน ยอมปรินิพพาน.
www.buddhadasa.info ท านผู จอมเทพ! นี้ แ ล เป น เหตุ นี้ เป น ป จ จั ย ที่ ทํ าให สั ต วบ างพวก ในโลกนี้ปรินิพพานในทิฏฐธรรมนี้, ดังนี้แล. - สฬา. สํ. ๑๘/๑๒๘/๑๗๙.
๗๕๐
อริยสัจจากพระโอษฐ การปรินิพพานในทิฏฐธรรม (อีกปริยายหนึ่ง)
ภิ ก ษุ ท.! ถ า ภิ ก ษุ แสดงธรรม เพื่ อ ความเบื่ อ หน า ย เพื่ อ ความคลาย กํ า หนัด เพื ่อ ความดับ ไมเ หลือ แหง จัก ษุ อยู ไ ซร; ก็เ ปน การสมควรเพื ่อ จะ เรียกภิกษุนั้นวา "ผูกลาวซึ่งธรรม" (ธมฺมกถิโก) ดังนี้. ถ าภิ กษุ เป นผู ปฏิ บั ติ แล ว เพื่ อความเบื่ อหน าย เพื่ อความคลายกํ าหนั ด เพื ่อ ความดับ ไมเ หลือ แหง จัก ษุ อยู ไ ซร ; ก็เ ปน การสมควรเพื ่อ จะเรีย กภิก ษุ นั ้น วา "ผู ป ฏิบ ัต ิแ ลว ซึ ่ง ธรรมตามสมควรแกธ รรม" (ธมฺม านุธ มฺม ปฏิป นฺโ น) ดังนี้. ถาภิกษุเปนผู หลุดพนแลว เพราะความเหนื่อยหนาย เพราะความ คลายกําหนัด เพราะความดับไมเหลือ แหงจักษุ ดวยความเปนผูไมยึดมั่น ถือ มั ่น อยู แ ลว ไซร; ก็เ ปน การสมควรเพื ่อ จะเรีย กภิก ษุนั ้น วา "ผู บ รรลุแ ลว ซึ่งนิพพานในทิฏฐธรรม" (ทิฏฐธมฺมนิพฺพานปตฺโต) ดังนี้.
www.buddhadasa.info [ในกรณี แ ห ง หู จมู ก ลิ้ น กาย และใจ ก็ มี ข อ ความที่ ก ล าวไวอ ย างเดี ย วกัน กับ ใน กรณีแ หง ตา ที ่ก ลา วไวข า งบนนี ้ ; ในสูต รอื ่น (ขนฺธ . สํ. ๑๗/๑๙๙/๓๐๒) ทรงแสดงไวด ว ย รูป เวทนา สัญญาสังขาร และวิญญาณ แทนอายตะภายในหก อยางในสูตรนี้ ก็มี]. - สฬา. สํ. ๑๘/๑๗๗/๒๔๔.
การปรินิพพานในทิฏฐธรรม (อีกปริยายหนึ่ง) ภิ ก ษุ ท.! ถ า ภิ ก ษุ แสดงธรรม เพื่ อ ความเบื่ อ หน า ย เพื่ อ ความคลาย กํ า หนั ด เพื่ อ ความดั บ ไม เหลื อ แห ง ชราและมรณะ อยู ไ ซร ; ก็ เป น การสมควร เพื่อจะเรียกภิกษุนั้นวา "ผูกลาวซึ่งธรรม" ดังนี้.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๕๑
ถ าภิ กษุ เป นผู ปฏิ บั ติ แล ว เพื่ อความเบื่ อหน าย เพื่ อความคลายกํ าหนั ด เพื ่อ ความดับ ไมเ หลือ แหง ชราและมรณะ อยู ไ ซร ; ก็เ ปน การสมควรเพื ่อ จะ เรียกภิกษุนั้นวา "ผูปฏิบัติแลวซึ่งธรรมตามสมควรแกธรรม" ดังนี้. ถ า ภิ ก ษุ เป น ผู หลุ ด พ น แล ว เพราะความเบื่ อ หน า ย เพราะความ คลายกําหนัด เพราะความดับไมเหลือ แหงชราและมรณะ ดวยความเปนผูไม ยึด มั ่น ถือ มั ่น อยู แ ลว ไซร; ก็เ ปน การสมควรเพื ่อ จะเรีย กภิก ษุนั ้น วา "ผู บ รรลุ แลวซึ่งนิพพานในทิฏฐธรรม" ดังนี้. (ในกรณี แ ห ง ชาติ ภพ อุ ป าทาน ตั ณ หา เวทนา ผั ส สะ สฬายตนะ นามรู ป วิญ ญาณ สังขาร และ อวิช ชา ก็มีขอความที่กลาวไวอ ย างเดียวกัน กับ ในกรณี แ ห ง ชราและมรณะ ที่กลาวไวขางบนนี้). - นิทาน. สํ. ๑๖/๒๒/๔๖.
ลักษณะแหงจิตที่หลุดพนดวยดี
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! ภิก ษุเ ห็น จัก ษุ ซึ ่ง ไมเ ที ่ย งนั ่น แหละ วา ไมเ ที ่ย ง, ทิฏ ฐิ ของเธอนั ้น เปน สัม มาทิฏ ฐิ. เมื ่อ เห็น อยู ด ว ยสัม มาทิฏ ฐิ ยอ มเบื ่อ หนา ย ; เพราะความสิ้ น นั น ทิ ย อ มมี ค วามสิ้ น ราคะ; เพราะความสิ้ น ราคะ ย อ มมี ค วาม สิ้นนันทิ; เพราะความสิ้นนันทิและราคะ ก็กลาวไดวา จิตหลุดพนแลวดวยดี ดังนี้.
(ในกรณี แ ห ง โสตะ ฆานะ ชิ ว หา กายะ และ มนะ ก็ มี ข อ ความที่ ก ล า วไว อ ย า ง เดียวกันกับในกรณีแหงจักษุที่กลาวไวขางบนนี้). - สฬา. สํ. ๑๘/๑๗๙/๒๔๕.
๗๕๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ลักษณะแหงจิตที่หลุดพนดวยดี (อีกนัยหนึ่ง) ภิก ษุ ท.! ภิก ษุเ ห็น รูป ทั ้ง หลาย ซึ ่ง ไมเ ที ่ย งนั ่น แหละ วา ไมเ ที ่ย ง, ทิ ฏ ฐิ ข องเธอนั้ น เป น สั ม มาทิ ฏ ฐิ . เมื่ อ เห็ น อยู ด ว ยสั ม มาทิ ฏ ฐิ ย อ มเบื่ อ หน า ย ; เพราะความสิ้ น นั น ทิ ย อ มมี ค วามสิ้ น ราคะ ; เพราะความสิ้ น ราคะ ย อ มมี ค วาม สิ้นนันทิ; เพราะความสิ้นนันทิและราคะ ก็กลาวไววา จิตหลุดพนแลวดวยดี ดังนี้. (ในกรณีแ หง เสีย ง กลิ่น รส โผฏฐัพ พะ และ ธรรมารมณ ก็มีขอ ความที่ก ลา ว ไวอยางเดียวกันกับในกรณีแหงรูป ที่กลาวไวขางบนนี้). - สฬา.สํ. ๑๘/๑๗๙/๒๔๖.
ลักษณะแหงจิตที่หลุดพนดวยดี (อีกนัยหนึ่ง) ภิ ก ษุ ท.! พวกเธอจงกระทํ า ในใจซึ่ ง จั ก ษุ โดยแยบคาย และจงตาม ดูค วามไมเ ที ่ย งแหง จัก ษุ ใหเ ห็น ตามที ่เ ปน จริง . ภิก ษุ ท.! ภิก ษุ เมื ่อ กระทํ า ในใจซึ่ งจั กษุ โดยแยบคายอยู ตามดู ความไม เที่ ยงแห งจั กษุ ให เห็ นตามที่ เป น จริ งอยู ย อ มเบื่ อ หน า ยแม ใ นจั ก ษุ . เพราะความสิ้ น ไปแห ง นั น ทิ ย อ มมี ค วามสิ้ น ราคะ; เพราะความสิ้ น ราคะ ย อ มมี ค วามสิ้ น นั น ทิ ; เพราะความสิ้ น นั น ทิ แ ละราคะ ก็ กลาวไดวา จิตหลุดพนแลวดวยดี ดังนี้.
www.buddhadasa.info (ในกรณี แ ห ง โสตะ มานะ ชิ ว หา กายะ และ มนะ ก็ มี ข อ ความที่ ก ล า วไว อ ย า ง เดียวกันกับในกรณีแหงจักษุ ที่กลาวไวขางบนนี้). - สฬา.สํ. ๑๘/๑๗๙/๒๔๗.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๕๓
ลักษณะแหงจิตที่หลุดพนดวยดี (อีกนัยหนึ่ง) ภิ ก ษุ ท.! พวกเธอจงกระทํ า ในใจซึ่ ง รู ป ทั้ ง หลาย โดยแยบคาย และ จงตามดู ค วามไม เ ที่ ย งแห ง รู ป ทั้ ง หลาย ให เ ห็ น ตามที่ เ ป น จริ ง . ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ เมื่ อ กระทํ าในใจซึ่ งรู ป ทั้ งหลายโดยแยบคายอยู ตามดู ค วามไม เที่ ยงแห งรู ป ทั้ งหลาย ให เ ห็ น ตามที่ เ ป น จริ ง อยู ย อ มเบื่ อ หน า ยแม ใ นรู ป ทั้ ง หลาย. เพราะความสิ้ น ไป แห ง นั น ทิ ย อ มมี ค วามสิ้ น ราคะ ; เพราะความสิ้ น ราคะ ย อ มมี ค วามสิ้ น นั น ทิ ; เพราะความสิ้นนันทิและราคะ ก็กลาวไดวา จิตหลุดพนแลวดวยดี ดังนี้. (ในกรณี แ ห ง เสี ย ง กลิ่ น รส โผฏฐั พ พะ และธรรมารมณ ก็ มี ข อ ความที่ ก ล า วไว อยางเดียวกันกับในกรณีแหงรูป ที่กลาวไวขางบนนี้). - สฬา.สํ.๑๘/๑๘๐/๒๔๘.
ลักษณะแหงจิตที่หลุดพนดวยดี (อีกนัยหนึ่ง) ภิก ษุ ท.! ภิก ษุเ ห็น รูป ซึ ่ง ไมเ ที ่ย งนั ่น แหละ วา ไมเ ที ่ย ง, ทิฏ ฐิของเธอนั ้น เปน สัม ม าทิฏ ฐิ. เมื ่อ เห็น อยู ด ว ยสัม ม าทิฏ ฐิ ยอ ม เบื ่อ หนา ย ; เพราะความสิ้ น นั น ทิ ย อ มมี ค วามสิ้ น ราคะ; เพราะความสิ้ น ราคะ ยอมมี ค วาม สิ้น นัน ทิ; เพราะความสิ้น นัน ทิและราคะ ก็ก ลาวไดวา จิต หลุด พน แลว ดว ยดี ดังนี้.
www.buddhadasa.info (ในกรณี แ ห ง เวทนา สั ญ ญา สั ง ขาร และ วิ ญ ญาณ ก็ มี ข อ ความที่ ก ล า วไว อ ย า ง เดียวกันกับในกรณีแหง รูป ที่กลาวไวขางบนนี้). - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๖๓/๑๐๓.
๗๕๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ลักษณะแหงจิตที่หลุดพนดวยดี (อีกนัยหนึ่ง) ภิ ก ษุ ท.! พวกเธอจงกระทํ า ในใจซึ่ ง รู ป โดยแยบคาย และจงตาม ความ ไมเ ที ่ย งแหง รูป ใหเ ห็น ตามที ่เ ปน จริง . ภิก ษุ ท.! ภิก ษุเ มื ่อ กระทํ า ในใจซึ่ ง รู ป โดยแยบคายอยู ตามดู ค วามไม เที่ ย งแห ง รู ป ให เห็ น ตามที่ เป น จริ ง อยู ย อ มเบื่ อ หน า ยแม ใ นรู ป . เพราะความสิ้ น ไปแห ง นั น ทิ ย อ มมี ค วามสิ้ น ราคะ; เพราะความสิ้ น ราคะ ย อ มมี ค วามสิ้ น นั น ทิ ; เพราะความสิ้ น นั น ทิ แ ละราคะ ก็ กลาวไดวา จิตหลุดพนแลวดวยดี ดังนี้. (ในกรณี แ ห ง เวทนา สั ญ ญา สั ง ขาร และ วิ ญ ญาณ ก็ มี ข อ ความมี ก ล า วไว อ ย า ง เดียวกันกับในกรณีแหง รูป ที่กลาวไวขางบนนี้). - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๖๔/๑๐๔.
ลําดับการหลุดพนโดยละเอียด เมื่อเห็นอนัตตา ภิก ษุ ท.; รูป เปน สิ ่ง ที ่ ไมเ ที ่ย ง, สิ ่ง ใดไมเ ที ่ย ง สิ ่ง นั ้น เปน ทุก ข, สิ ่ง ใดเปน ทุก ข สิ ่ง นั ้น เปน อนัต ตา, สิ ่ง ใดเปน อนัต ตา สิ ่ง นั ้น นั ่น ไมใ ชข อง เรา ไม ใช เป น เรา ไม ใช เป น ตั ว ตนของเรา : เธอทั้ งหลาย พึ งเห็ น ข อ นั้ น ด วย ปญ ญาโดยชอบตรงตามที ่เ ปน จริง อยา งนี ้ ดว ยประการดัง นี ้. (ในกรณีแ หง
www.buddhadasa.info เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ก็ตรัสอยางเดียวกันกับในกรณีแหงรูป ทุกประการ).
ภิก ษุ ท.! เมื ่อ บุค คลเห็น ขอ นั ้น ดว ยปญ ญ าโดยชอบตรงตามที่ เปนจริงอยูอยางนี้, ปุพพันตานุทิฏฐิ ทั้งหลาย ยอมไมมี;
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๕๕
เมื่อปุพพันตานุทิฏฐิไมมี, อปรันตานุทิฏฐิ๑ ทั้งหลายยอมไมมี ; เมื่ออปรันตานุทิฏฐิไมมี, ความยึดมั่นลูบคลําอยางแรงกลา ยอมไมมี ; เมื่ อ ความยึ ด มั่ น ลู บ คลํ าอย างแรงกล าไม มี , จิ ต ย อ มจางคลายกํ าหนั ด ใน รู ป ใน เวทน า ใน สั ญ ญ า ใน สั ง ขาร ในวิ ญ ญ าณ ; ย อ ม ห ลุ ด พ น จ าก อาสวะทั้งหลาย เพราะไมมีความยึดมั่นถือมั่น. เพราะจิตหลุดพนแลว จิตจึง ดํารงอยู (ตามสภาพของจิต) ; เพราะเปนจิตที่ดํารงอยู จิตจึง ยินดีราเริงดวยดี ; เพราะเปนจิตที่ยินดีราเริงดวยดี จิตจึง ไมหวาดสะดุง ; เมื่อไมหวาดสะดุง ยอม ปรินิพพาน (ดับรอบ) เฉพาะตน นั่นเทียว. เธอนั้ น ย อ มรู ชั ด ว า "ชาติ สิ้ น แล ว พรหมจรรย ไ ด อ ยู จ บแล ว กิ จ ที่ ควรทําไดทําเสร็จแลวกิจอื่นที่จะตองปฏิบัติเพื่อความเปนอยางนี้มิไดมีอีก" ดังนี้. - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๕๗/๙๓.
ทางใหถึงความหลุดพนหาทาง
www.buddhadasa.info ภิ กษุ ท.! ธรรมเป นเครื่องให ถึ งวิมุ ตติ (วิมุ ตตายตนะ) ห าประการ เห ลา นี ้ มีอ ยู , ซึ ่ง ใน ธ รรม นั ้น เมื ่อ ภิก ษุเ ปน ผู ไ มป ระ ม า ท มีค ว า ม เพีย ร เผากิเลส มีตนสงไปแลว อยู, จิตที่ยังไมหลุดพนยอมหลุดพน อาสวะที่ยังไม
๑. รายละเอี ย ดเรื่ อ งปุ พ พั น ตานุ ทิ ฏ ฐิ และอปรั น ตานุ ทิ ฏ ฐิ หาดู ไ ด จ ากหนั ง สื อ ปฏิ จ จ. โอ. หน า ๗๓๒-๗๖๘.
๗๕๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
สิ้ น รอบย อ มถึ ง ซึ่ ง ความสิ้ น รอบ หรื อ ว า เธอย อ มบรรลุ ต ามลํ า ดั บ ซึ่ ง ความเกษม จากโยคะอั น ไม มี อื่ น ยิ่ ง กว า ที่ ต นยั ง ไม บ รรลุ ต ามลํ า ดั บ . ธรรมเป น เครื่ อ งให ถึ ง วิมุตติหาประการนั้น เปนอยางไรเลา ? หาประการ คือ:๑. ภิก ษุ ท.! ในกรณีนี ้ พ ระศาสดา หรือ เพื ่อ น สพ รหมจารี ผู ตั ้ง อยู ใ นฐานะเปน ครูร ูป ใดรูป หนึ ่ง ยอ ม แสดงธรรมแกภ ิก ษุ, เธอยอ มเปน ผู รู พ ร อ มเฉพาะซึ่ ง อรรถ รู พ ร อ มเฉพาะซึ่ ง ธรรม ในธรรมนั้ น ตามที่ พ ระศาสดา หรือ เพื ่อ สหพ รหมจารีแ สดงแลว อยา งไร. เมื ่อ เปน ผู รู พ รอ มเฉพ าะซึ ่ง อรรถ รู พ รอ ม เฉ พ าะซึ ่ง ธรรม , ป ราโม ท ย ยอ ม เกิด ขึ ้น แกเ ธอ นั ้น ; เมื ่อ ป ราโม ท ย แ ลว ปต ิย อ ม เกิด ; เมื ่อ ใจ ม ีป ต ิ ก ารยอ ม รํ า งับ ; ผู ม ีก าย รํ า งับ แ ลว ยอ ม เส ว ย ส ุข (ด ว ย น า ม ก า ย ); เมื ่อ ม ีส ุข จิต ย อ ม ตั ้ง มั ่น ; ภ ิก ษ ุ ท .! นี ้ค ือ ธรรม เป น เครื ่ อ งให ถ ึ ง วิ ม ุ ต ติ ข อ ที ่ ห นึ ่ ง , ซึ ่ ง ในธรรมนั ้ น เมื ่ อ ภิ ก ษุ เ ป น ผู ไม ป ระมาท มี ค วามเพี ย รเผากิ เลส มี ต นส ง ไปแล ว อยู จิ ต ที่ ยั ง ไม ห ลุ ด พ น ย อ ม หลุ ด พ น อาสวะที่ ยั ง ไม สิ้ น รอบย อ มถึ ง ซึ่ ง ความสิ้ น รอบ หรื อ ว า เธอย อ มบรรลุ ตามลํ า ดั บ ซึ่ ง ความเกษมจากโยคะอั น ไม มี อื่ น ยิ่ ง กว า ที่ ต นยั ง ไม บ รรลุ ต ามลํ า ดั บ (โดยแนแท).
www.buddhadasa.info ๒. ภิก ษุ ท.! ขอ อื ่น ยัง มีอ ีก : พระศาสดา หรือ เพื ่อ นสพรหมจารี ผู ตั ้ง อ ยู ใ น ฐาน ะเปน ค รูร ูป ใด รูป ห นึ ่ง ก็ม ิไ ดแ ส ด งธรรม แกภ ิก ษุ ; แต เธ อ แสดงธรรมตามที่ไดฟงมา ไดเลาเรียนมา แกชนทั้งหลายเหลาอื่น โดยพิสดาร อ ยู , เธอ นั ้น ยอ ม เปน ผู รู พ รอ ม เฉ พ าะซึ ่ง อ รรถ รู พ รอ ม เฉ พ าะซึ ่ง ธรรม ใน ธรรมตามที่ เธอแสดงแก ช นเหล าอื่ น โดยพิ ส ดารตามที่ เธอฟ งมาแล ว เล าเรี ย นมาแล ว อยางไร. เมื่อเปนผูรูพรอมเฉพาะซึ่งธรรม รูพรอมเฉพาะซึ่งธรรม, ปราโมทย
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๕๗
ยอ มเกิด ขึ ้น แกเ ธอนั ้น ; เมื ่อ ปราโมทยแ ลว ปต ิย อ มเกิด ; เมื ่อ ใจมีป ต ิ กาย ยอ ม รํ า งับ ; ผู ม ีก าย รํ า งับ แลว ยอ ม เส วยสุข (ดว ยน าม ก าย ) ; เมื ่อ มีส ุข จิต ยอ มตั ้ง มั ่น . ภิก ษุ ท.! นี ้ค ือ ธรรมเปน เครื ่อ งใหถ ึง วิม ุต ติ ขอ ที ่ส อง, ซึ ่ง ในธรรมนั ้น เมื ่อ ภิก ษุเ ปน ผู ไ มป ระเภท มีค วามเพีย รเผากิเ ลส มีต นสง ไป แล ว อยู , จิ ต ที่ ยั งไม ห ลุ ด พ น ย อ มหลุ ด พ น อาสวะที่ ยั งไม สิ้ น รอบย อ มถึ งซึ่ ง ความ สิ ้น รอบ หรือ วา เธอยอ มบรรลุต ามลํ า ดับ ซึ ่ง ความเกษมจากโยคะอัน ไมม ีอื ่น ยิ่งกวาที่ตนยังไมบรรลุตามลําดับ (โดยแนแท). ๓. ภิก ษุ ท.! ขอ อื ่น ยัง มีอ ีก : พระศาสดา หรือ เพื ่อ สพรหมจารี ผู ตั ้ง อยู ใ นฐานะเปน ครูร ูป ใดรูป หนึ ่ง ก็ม ิไ ดแ สดงธรรมแกภ ิก ษุ ; และเธอนั ้น ก็ มิ ได แ สดงธรรมแก ช นเหล า อื่ น โดยพิ ส ดารตามที่ เธอได ฟ ง มาได เล า เรี ย นมา; แต เธอกระทําการทองบนซึ่งธรรมโดยพิสดารตามที่ตนฟงมาเลาเรียนมา อยู. เธอ ยอ มเปน ผู รู พ รอ มเฉพาะซึ ่ง อรรถ รู พ รอ มเฉพาะซึ ่ง ธรรม ในธรรมนั ้น ตามที ่เ ธอ ทํ า การทอ งบน ซึ ่ง ธรรมโดยพิส ดารตามที ่ไ ดฟ ง มาเลา เรีย นมาอยา งไร. เมื ่อ เปน ผู รู พ รอ มเฉพาะซึ ่ง อรรถ รู พ รอ มเฉพาะซึ ่ง ธรรม, ปราโมทย ยอ มเกิด ขึ ้น แก เธ อ นั ้ น ; เมื ่ อ ป ร า โม ท ย แ ล ว ป ต ิ ย อ ม เกิ ด ; เมื ่ อ ใ จ ป ต ิ ก า ร ย อ ม รํ า งั บ ; ผู ม ีก ายรํ า งับ แลว ยอ มเสวยสุข (ดว ยนามกาย); เมื ่อ มีส ุข จิต นอ มตั ้ง มั ่น . ภิก ษุ ท.! นี ้ค ือ ธรรมเปน เครื ่อ งใหถ ึง วิม ุต ติ ขอ ที ่ส าม, ซึ ่ง ในธรรมนั ้น เมื ่อ ภิก ษุเ ปน ผู ไ มป ระมาท มีค วามเพีย รเผากิเ ลส มีต นสง ไปแลว อยู , จิต ที ่ย ัง ไม ห ลุ ด พ น ย อ มหลุ ด พ น อาสวะที่ ยั ง ไม สิ้ น รอบย อ มถึ ง ซึ่ ง ความสิ้ น รอบ หรื อ ว า เธอย อมบรรลุ ตามลํ าดั บ ซึ่ งความเกษมจากโยคะอั นไม มี อื่ นยิ่ งกว าที่ ตนยั งไม บรรลุ ตามลําดับ (โดยแนแท).
www.buddhadasa.info
๗๕๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
๔. ภิก ษุ ท .! ขอ อื ่น ยัง มีอ ีก : พ ระศ าส ด า ห รือ เพื ่อ สพ ห รม จารี ผู ตั ้ง อ ยู ใ น ฐ าน ะ เปน ค รูร ูป ใด รูป ห นึ ่ง ก็ม ิไ ดแ ส ด งธ รรม แ กภ ิก ษุ ; แ ล ะ เธ อ นั้ น ก็ มิ ไ ด แ สดงธรรมแก ช นเหล า อื่ น โดยพิ ส ดารตามที่ เ ธอได ฟ ง มาได เ ล า เรี ย นมา ; และเธอก็ มิ ไ ด ทํ า การท อ งบ น ซึ่ ง ธรรมโดยพิ ส ดารตามที่ ต นฟ ง มาเล า เรี ย นมา ; แต เธอตรึกตามตรองตามดวยใจ ตามเพงดวยใจ ซึ่งธรรมตามที่เธอฟงมาเลาเรียน ม า อ ยู , เธอ ยอ ม เปน ผู รู พ รอ ม เฉ พ าะซึ ่ง อ รรถ รู พ รอ ม เฉ พ าะซึ ่ง ธรรม ใน ธรรมนั้ น ตามที่ เ ธอตรึ ก ตามตรองตามด ว ยใจ ตามเพ ง ด ว ยใจ ซึ่ ง ธรรมตามที่ ไ ด ฟ ง มาเล า เรี ย นมา อย า งไร. เมื่ อ เป น ผู รู พ ร อ มเฉพาะซึ่ ง อรรถ รู พ ร อ มเฉพาะซึ่ ง ธรรม, ปราโมทย ยอ มเกิด ขึ ้น แกเ ธอนั ้น ; เมื ่อ ปราโมทยแ ลว ปต ิย อ มเกิด ; เมื่ อ ใจมี ป ติ กายย อ มรํ า งั บ ; ผู มี ก ายรํ า งั บ แล ว ย อ มเสวยสุ ข (ด ว ยนามกาย) ; เมื ่ อ มี ส ุ ข จิ ต ย อ ม ตั ้ ง มั ่ น . ภิ ก ษุ ท .! นี ้ ค ื อ ธ ร ร ม เป น เค รื ่ อ งให ถ ึ ง วิ ม ุ ต ติ ขอ ที ่สี ่, ซึ ่ง ใน ธรรม นั ้น เมื ่อ ภิก ษุเ ปน ผู ไ มป ระม าท มีค วาม เพีย รเผ ากิเ ล ส มี ต นส ง ไปแล ว อยู , จิ ต ที่ ยั ง ไม ห ลุ ด พ น ย อ มหลุ ด พ น อาสวะที่ ยั ง ไม สิ้ น รอบย อ ม ถึง ซึ ่ง ความสิ ้น รอบ หรือ วา เธอยอ มบรรลุต ามลํ า ดับ ซึ ่ง ความเกษมจากโยคะ อันไมมีอื่นยิ่งกวาที่ตนยังไมบรรลุตามลําดับ (โดยแนแท).
www.buddhadasa.info ๕. ภิก ษุ ท.! ขอ อื ่น ยัง มีอ ีก : พระศาสดา หรือ เพื ่อ นสหรพมจารี ผู ตั ้ง อ ยู ใ น ฐ า น ะ เปน ค รูร ูป ใด รูป ห นึ ่ง ก็ม ิไ ดแ ส ด ง ธ รรม แ กภ ิก ษุ; แ ล ะ เธ อ นั้ น ก็ มิ ไ ด แ สดงธรรมแก ช นเหล า อื่ น โดยพิ ส ดารตามที่ เ ธอไดั ฟ ง มาได เ ล า เรี ย นมา ; และเธอก็ มิ ไ ด ทํ า การท อ งบ น ซึ่ ง ธรรมโดยพิ ส ดารตามที่ ต นฟ ง มาเล า เรี ย นมา ; ทั้ ง เธอก็ มิ ไ ด ต รึ ก ตรองตามด ว ยใจ ตามเพ ง ด ว ยใจ ซึ่ ง ธรรมตามที่ ไ ด ฟ ง มาเล า เรี ย น มา ; แตวา สมาธินิมิต อยางใดอยางหนึ่ง เปน สิ่งที่เธอนั้น ถือ เอาดีแลว กระทํา ไวในใจดีแลว แขาไปทรงไวดีแลว แทงตลอดดีแลวดวยปญญา อยู, เธอยอม
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๕๙
เป น ผู รู พ ร อ มเฉพาะซึ่ ง อรรถ รู พ ร อ มเฉพาะซึ่ ง ธรรม ในธรรมนั้ น ตามที่ ส มาธิ นิม ิต อยา งใดอยา งหนึ ่ง เปน สิ ่ง ที ่เ ธอถือ เอาดว ยดี กระทํ า ไวใ นใจดี เขา ไปทรง ไว ดี แทงตลอดดี ด ว ยป ญ ญา อย า งไร, เมื่ อ เป น ผู รู พ ร อ มเฉพาะซึ่ ง อรรถ รู พ ร อ ม เฉ พ า ะ ซึ ่ ง ธ รรม , ป รา โม ท ย ย อ ม เกิ ด ขึ ้ น แ ก เ ธ อ นั ้ น ; เมื ่ อ ป รา โม ท ย แ ล ว ปต ิย อ มเกิด ; เมือ ใ จมีป ต ิ กายยอ มรํ า งับ ; ผู ม ีก ายรํ า งับ แลว ยอ มเสวยสุข (ดว ย น า ม ก า ย ); เมื ่อ มีส ุข จิต ยอ ม ตั ้ง มั ่น . ภ ิก ษ ุ ท .; นี ้ค ือ ธ ร ร ม เป น เครื ่ อ งให ถ ึ ง วิ ม ุ ต ติ ข อ ที ่ ห า , ซึ ่ ง ในธรรมนั ้ น เมื ่ อ ภิ ก ษุ เ ป น ผู ไ ม ป ระมาท มีค วามเพีย รเผากิเ ลส มีต นสง ไปแลว อยู . จิต ที ่ย ัง ไมห ลุด พน ยอ มหลุด พน อาสวะที่ ยั ง ไม สิ้ น รอบย อ มถึ ง ซึ่ ง ความสิ้ น รอบ หรื อ ว า เธอย อ มบรรลุ ต ามลํ า ดั บ ซึ่งความเกษมจากโยคะอันไมมีอื่นยิ่งกวาที่ยังไมบรรลุตามลําดับ (โดยแนแท) ภิ กษุ ท.! ธรรม เป นเครื่ อ งเข า ถึ ง วิ มุ ตติ ห า ป ระการเหล า นี้ ซึ่ ง ใน ธรรมนั้ น เมื่ อ ภิ ก ษุ เป น ผู ไ ม ป ระมาท มี ค วามเพี ย รเผากิ เลส มี ต นส ง ไปแล ว อยู , จิ ต ที่ ยั ง ไม ห ลุ ด พ น ย อ มหลุ ด พ น อาสวะที่ ยั ง ไม สิ้ น รอบย อ มถึ ง ที่ ซึ่ ง ความสิ้ น รอบ หรื อ ว า เธอย อ มบรรลุ ต ามลํ า ดั บ ซึ่ ง ความเกษมจากโยคะอั น ไม มี อื่ น ยิ่ ง กว า ที่ ต น ยังไมบรรลุตามลําดับ, ดังนี้แล.
www.buddhadasa.info - ปฺจก. อํ. ๒๒/๒๒-๒๕/๒๖.
รูจักอุปาทาน ตอเมื่อหมดอุปาทาน
ภิกษุ ท.! ธรรมเพื่อการรอบรูอุปาทานทั้งปวง เปนอยางไรเลา ? (ความจริ ง มี อ ยู ว า :-) เพราะอาศั ย จั ก ษุ และรู ป จึ ง เกิ ด จั ก ขุ วิ ญ ญาณ ;
การประจวบพรอมแหงธรรม ๓ ประการ (ตา+รูป+จักขุวิญญาณ) นั้นคือผัสสะ ;
๗๖๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
เพราะมีผ ัส สะเปน ปจ จัย จึง มีเ วทนา. ภิก ษุ ท.! อริย สาวกผู ม ีก ารสดับ เห็น อยู (ซึ ่ง กระแสการปรุง แตง ) อยา งนี ้ ยอ มเบื ่อ หนา ยทั ้ง ในจัก ษุ เบื ่อ หนา ยทั ้ง ในรู ป เบื่ อ หน า ยทั้ ง ในจั ก ขุ วิ ญ ญาณ เบื่ อ หน า ยทั้ ง ในจั ก ขุ สั ม ผั ส เบื่ อ หน า ยทั้ ง ใน เวทนา. เมื ่อ เบื ่อ หนา ย ยอ มคลายกํ า หนัด ; เพ ราะคลายกํ า หนัด ยอ มหลุด พน . เธอยอ มรูช ัด วา "อุป าทานของเรา เรารวบรู แ ลว เพราะความหลุด พน นั้น (วิโมกฺขปริฺญาต)" ดังนี้. (ในกรณี แ ห ง โสตะ ฆานะ ชิ ว หา กายะ และ มนะ ก็ มี ข อ ความที่ ต รั ส ไว อ ย า ง เดียวกัน). - สฬา. สํ. ๑๘/๓๙/๖๓. (ข อ ความนี้ เป น หลั ก สํ า คั ญ อย า งยิ่ ง ที่ ค นธรรมดาจะไม นึ ก ฝ น ว า เราจะรู จั ก สิ่ ง ใดถึ ง ที ่ส ุด นั ้น ก็ต อ เมื ่อ เราจัด การกับ สิ ่ง นั ้น ตาม ที ่ค วรจะทํ า ถึง ที ่ส ุด แลว , มิใ ชว า พ อสัก วา เขา ไป เกี ่ย วขอ งกับ สิ ่ง นั ้น ก็รู จ ัก สิ ่ง นั ้น โดยสมบูร ณ แ ลว . ในกรณ ีนี ้ มีใ จความสํ า คัญ วา จะรู จ ัก กิเ ลส ขอไหนได ก็ตอเมื่อเราทําลายกิเลสนั้นเสร็จสิ้นแลว).
อาสวะสิ้นไปเพราะการกําจัดสมารัมภะและอวิชชา
www.buddhadasa.info วั ป ปะ ! ท า นจะสํ า คั ญ ความาข อ นี้ ว า อย า งไร ? คื อ อาสวะทั้ ง หลาย เหล า ใด เกิ ด ขึ้ น เพราะกายสมารั ม ภะ (ตั ณ หาปรารภการกรทํ า กรรมทางกาย) เป น ป จ จั ย เป น เครื่ อ งทํ า ความคั บ แค น เร า ร อ น; เมื่ อ บุ ค คลเว น ขาดแล ว จากกายสมารั ม ภะ, อาสวะทั ้ง หลาย อัน เปน เครื ่อ งทํ า ความคับ แคน เรา รอ นเหลา นั ้น ยอ มไมม ี. บุคคลนั้น ยอมไมกระทําซึ่งกรรมใหมดวย และยอมถูกตอง ๆ ซึ่งกรรมเกาแลว กระทํ า ใหสิ ้น ไปดว ย. หลัก ธรรมปฏิป ทาอัน ไมรู จ ัก เกา (นิช ฺช รา) นี ้ เปน ธรรม อันผูปฏิบัตพึงเห็นตนเอง ไมขึ้นอยูกับเวลา ควรเรียกกันมาดู พึงนอมเขามาในตน
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๖๑
เป น ธรรมที่ ผู รู ทั้ ง หลายพึ ง รู ไ ด เ ฉพาะตน. วั ป ปะ ! อาสวะทั้ ห ลายอั น เป น ไปเพื่ อ ทุ ก ขเวทนา จะพึ ง ไหลไปตามบุ รุ ษ ในกาลต อ ไปเบื้ อ งหน า เนื่ อ งมาแต ฐ านะใด เปนเหตุ ทานเห็นซึ่งฐานะนั้นหรือไม ? "ขอนั้น หามิได พระเจาขา !" วั ป ปะ ! ท า นจะสํ า คั ญ ความข อ นี้ ว า อย า งไร ? คื อ อาสวะทั้ ง หลาย เหล า ใด เกิ ด ขึ้ น เพราะวจี ส มารั ม ภะ (ตั ณ หาปรารภการกระทํ ากรรมทางวาจา) เป น ป จ จั ย เป น เครื่อ งทํ าความคั บ แค น เรารอ น ; เมื่ อ บุ ค คลเว น ขาดแล ว จาก วจี ส มารัม ภะ, อาสวะทั ้ง หลาย อัน เปน เครื่อ งทํ า ความคับ แคน เรา รอ นเหลา นั ้น ยอ มไมม ี. บุค คลนั้น ยอ มไมกระทําซึ่งกรรมใหมดวย และยอ มถูก ตอ ง ๆ ซึ่งกรรมเกา แลว กระทํ า ใหสิ ้น ไปดว ย. หลัก ธรรมปฏิป ทาอัน ไมรู จ ัก เกา นี ้ เปน ธรรมอัน ผู ปฏิ บั ติ พึ ง เห็ น เอง ไม ขึ้ น อยู กั บ เวลา ควรเรี ย กกั น มาดู พึ ง น อ มเข า มาในตน เป น ธรรม ที ่ผู รู ทั ้ง ห ล าย พึง รู ไ ดเ ฉ พ าะต น . วัป ป ะ ! อ าส วะ ทั ้ง ห ล าย อัน เปน ไป เพื่ อ ทุ ก ขเวทนา จะพึ ง ไหลไปตามบุ รุ ษ ในกาลต อ ไปเบื้ อ งหน า เนื่ อ งมาแต ฐ านะ ใดเปนเหตุ ทานเห็นซึ่งฐานะนั้นหรือไม ? "ขอนั้น หามิได พระเจาขา !"
www.buddhadasa.info วั ป ปะ ! ท า นจะสํ า คั ญ ความข อ นี้ ว า อย า งไร ? คื อ อาสวะทั้ ง หลาย เหล า ใด เกิ ด ขึ้ น เพราะมโนสมารั ม ภะ (ตั ณ หาปรารภการทํ า กรรมทางใจ) เป น ป จ จั ย เป น เครื่องทํ าความคั บ แค น เรารอ น ; เมื่ อ บุ ค คลเว น ขาดแล ว จากมโนสมารัม ภะ, อาสวะทั้ ง หลาย อั น เป น เครื่ อ งทํ า ความคั บ แค น เร า ร อ นเหล า นั้ น ย อ มไม มี . บุคคลนั้น ยอมไมกระทําซึ่งกรรมใหมดวย และยอมถูกตอง ๆ ซึ่งกรรมเกาแลว กระทํ า ใหสิ ้น ไปดว ย. หลัก ธรรมปฏิป ทาอัน ไมรู จ ัก เกา านี ้ เปน ธรรมอัน ผู ป ฏิบ ัติ พึง เห็น เอง ไมขึ ้น อยู ก ับ เวลา ควรเรีย กกัน มาดู พึง นอ มเขา มาในตน เปน ธรรม ที่ผูรูทั้งหลายพึงรูไดเฉพาะตน. วัปปะ ! อาสวะทั้งหลายอันเปนไปเพื่อทุกขเวทนา
๗๖๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
จะพึ ง ไหลไปตามบุ รุ ษ ในกาลต อ ไปเบื้ อ งหน า เนื่ อ งมาแต ฐ านะใดเป น เหตุ ท า น เห็นซึ่งฐานะนั้นหรือไม ? "ขอนั้น หามิได พระเจาขา !" วั ป ปะ ! ท า นจะเข า ใจความข อ นี้ ว า อย า งไร ? คื อ อาสวะทั้ ง หลาย เหล า ใด เกิ ด ขึ้ น เพราะอวิ ช ชาเป น ป จ จั ย เป น เครื่ อ งทํ า ความคั บ แค น เร า ร อ น ; เพราะการเกิด ขึ้น แหง วิช ชา เพราะความสํา รอกออกเสีย ไดห มดซึ่ง อวิช ชา, อาสวะทั ้ง หลาย อัน เปน เครื ่อ งทํ า ความคับ แคน เรา รอ นเหลา นั ้น ยอ มไมม ี. บุคคลนั้น ยอมไมกระทําซึ่งกรรมใหมดวย และยอมถูกตอง ๆ ซึ่งกรรมเกาแลว กระทํ า ใหสิ ้น ไปดว ย. หลัก ธรรมปฏิป ทาอัน ไมรู จ ัก เกา นี ้ เปน ธรรมอัน ผู ป ฏิบ ัติ พึ ง เห็ น เอง ไม ขึ้ น อยู กั บ เวลา ควรเรี ย กกั น มาดู พึ ง น อ มเข า มาในตน เป น ธรรมที่ ผู รู ทั้ ง หลายพึ ง รู ไ ด เ ฉพาตน. วั ป ปะ ! อาสวะทั้ ง หลายอั น เป น ไปเพื่ อ ทุ ก ขเวทนา จะพึ ง ไหลไปตามบุ รุ ษ ในกาลต อ ไปเบื้ อ งหน า เนื่ อ งมาแต ฐ านะใดเป น เหตุ ท า น เห็นซึ่งฐานะนั้นหรือไม ? "ขอนั้น หามิได พระเจาขา !" - จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๖๘/๑๙๕.
พอรูเรื่องการรอยรัด ก็สามารถทําที่สุดทุกข
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท .! ผัส ส ะ เปน สว น สุด ขา งห นึ ่ง ผัส ส ส มุท ัย เปน สว น สุด ขา งที ่ส อง ผัส ส น ิโ รธ มีใ น ทา ม กล าง ตัณ ห า เปน เค รื ่อ งรอ ยรัด ใหต ิด กัน ; ตัณหานั่นแหละ ยอมถักรอยเพื่อใหเกิดขึ้นแหงภพนั้น ๆ นั่นเทียว.
ภิก ษุ ท.! ดว ยความ รู เ พีย งเทา นี ้แ ล ภิก ษุชื ่อ วา ยอ ม รู ยิ ่ง ซึ ่ง ธรรม ที ่ค วรรู ยิ ่ง ยอ มรอบรู ซึ ่ง ธรรมที ่ค วรรอบรู ; เมื ่อ รู ยิ ่ง ซึ ่ง ธรรมที ่ค วรรู ยิ ่ง รอบรู ซึ่งธรรมที่ควรรอบรู อยู, ยอมเปนผูกระทําที่สุดแหงทุกขไดในทิฏฐธรรมเทียว. - ฉกฺก.อํ. ๒๒/๔๔๘/๓๓๒.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๖๓
ลักษณะแหงการถึงที่สุดทุกข ภิก ษุ ท.! อวิช ชาภิก ษุล ะไดแ ลว วิช ชาเกิด ขึ ้น แลว ในกาลใด, ในกาลนั้น ภิกษุนั้น, เพราะความสํารอกออกโดยไมเหลือแหงอวิชชา เพราะ การเกิด ขึ้น แหง วิช ชา, เธอยอ ม ไมป รุง แตง ซึ่ง อภิสัง ขารอัน เปน บุญ ; ยอ ม ไมป รุง แตง ซึ่ง อภิส ัง ขารอัน มิใ ชบ ุญ ; ยอ มไมป รุง แตง ซึ่ง อภิส ัง ขารอัน เปน อเนญ ชา; เมื ่ อ ไม ป รุ ง แต ง อยู , เมื ่ อ ไม มุ ง ม าด อยู , เธอย อ ม ไม ถ ื อ มั่ น สิ่งไร ๆ ในโลก; เมื่อ ไมถือ มั่น อยู, เธอยอ ม ไมส ะดุงหวาดเสีย ว; เมื่อ ไม สะดุ ง หวาดเสี ย วอยู , เธอย อ ม ปริ นิ พ พานเฉพาะตนนั่ น เที ย ว. เธอย อ มรู ป ระจั ก ษ ว า "ชาติ สิ ้ น แล ว , พ รห ม จรรย อ ั น เราอยู จ บ แล ว , กิ จ ที ่ ค วรทํ า ไดทําเสร็จแลว. กิจอื่นเพื่อความเปนอยางนี้ มิไดมีอีก" ดังนี้. ภิก ษุนั ้น ถา เสวย สุข เวทนา ก็รู ป ระจัก ษว า "เวทนานั ้น ไมเ ที ่ย ง อั น เราไม ส ยบมั ว เมาแล ว อั น เราไม เ พลิ ด เพลิ น เฉพาะแล ว " ดั ง นี้ . ถ า เสวย ทุก ขเวทนา ก็รู ป ระจัก ษว า "เวทนานั ้น ไมเ ที ่ย ง อัน เราไมส ยบมัว เมาแลว อัน เราไมเ พลิด เพลิน เฉพาะแลว " ดัง นี ้. ถา เสวย อทุก ขมสุข เวทนา ก็รู ประจั ก ษ ว า "เวทนานั้ น ไม เที่ ย ง อั น เราไม ส ยบมั ว เมาแล ว อั น เราไม เพลิ ด เพลิ น เฉพาะแลว" ดังนี้ . ภิกษุ นั้ น ถาเสวย สุ ขเวทนา ก็เป นผูป ระกาศจากกิเลสเครื่อ ง รอ ยรัด แลว เสวยเวทนานั ้น ; ถา เสวย ทุก ขเวทนา ก็เ ปน ผู ป ราศจากกิเ ลส เครื ่อ งรอ ยรัด แลว เสวยเวทนานั ้น ; ถา เสวย อทุก ขมสุข เวทนา ก็เ ปน ผู ปราศจากกิเลสเครื่องรอยรัดแลว เสวยเวทนานั้น.
www.buddhadasa.info ภิกษุนั้น เมื่อเสวย เวทนาอันมีกายเปนที่สุดรอบ ยอมรูประจักษวา "เราเสวยเวทนาอันมีกายเปนที่สุดรอบ" ดังนี้. เมื่อเธอนั้น เสวย เวทนาอัน
๗๖๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
มี ชี วิ ต เป น ที่ สุ ด รอบ ย อ มรู ป ระจั ก ษ ว า "เราเสวยเวทนาอั น มี ชี วิ ต เป น ที่ สุ ด รอบ" ดัง นี ้. ภิก ษุนั ้น ยอ มรูป ระจัก ษว า "เวทนาทั ้ง หลายทั ้ง หวง อัน เราไมเ พลิด เพลินเฉพาะแลว จักเปนของเย็น ในอัตตภาพนี้เอง; สรีระทั้งหลายจักเหลือ อยู ; จนกระทั่งถึงที่สุดรอบแหงชีวิต เพราะการแตกทําลายแหงกาย" ดังนี้. ภิ ก ษุ ท.! เปรี ย บเหมื อ น บุ รุษ ยกหม อ ที่ ยั งรอ นออกจากเตาเผาหม อ วางไวพื ้น ดิน อัน เรีย บ ไออุ น ที ่ห มอ นั ้น พึง ระงับ หายไป ในที ่นั ้น เอง กระเบื ้อ ง ทั ้ง หลายก็เ หลือ อยู นี ้ฉ ัน ใด; ภิก ษุ ท.! ภิก ษุใ นกรณ ีนี ้ก ็ฉ ัน นั ้น เหมือ นกัน กล า วคื อ เมื่ อ เสวยเวทนาอั น มี ก ายเป น ที่ สุ ด รอบ ย อ มรู ป ระจั ก ษว า "เราเสวย เวทนาอัน มีก ายเปน ที ่ส ุด รอบ" ดัง นี ้. เมื ่อ เธอนั ้น เสวยเวทนาอัน มีช ีว ิต เปน ที ่ส ุด รอบ ยอ มรู ป ระจัก ษว า "เราเสวยเวทนาอัน มีช ีว ิต เปน ที ่ส ุด รอบ" ดัง นี ้. ภิ ก ษุ นั้ น ย อ มรู ป ระจั ก ษ ว า "เวทนาทั้ ง หลายทั้ ง ปวง อั น เราไม เพลิ ด เพลิ น เฉพาะ แลว จัก เปน ของเย็น ในอัต ตภาพนี ้เอง; สรีร ะทั ้ง หลายจัก เหลือ อยู ; จนกระทั ่ง ถึงที่สุดรอบแหงชีวิต เพราะการแตกทําลายแหงกาย" ดังนี้.
www.buddhadasa.info ภ ิก ษ ุ ท .! เธอ ทั ้ง ห ล าย จ ะ สํ า ค ัญ ค วาม ขอ นี ้ว า อ ยา งไร ; ค ือ ภิก ษุผูขีณ าสพ พึง ปรุง แตง ปุญ ญาภิส ัง ขาร, หรือ วา พึง ปรุง แตง อปุญ ญาภิสัง ขาร, หรือ วา พึง ปรุง แตง อเนญชาภิส ัง ขาร, บา งหรือ หนอ ? "ขอ นั้น หามิได พระเจาขา !"
เมื่ อ สั งขารทั้ งหลาย ไม มี , เพราะความดั บ แห งสั งขาร โดยประการ ทั้งปวง, วิญญาณ พึงปรากฎ บางหรือหนอ ? "ขอนั้น หามิได พระเจาขา !" เมื่อวิญญาณ ไมมี, เพราะความดับแหงวิญญาณ โดยประการ
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๖๕
www.buddhadasa.info
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๖๕
ทั้งปวง, นามรูป พึงปรากฏ บางหรือหนอ ? "ขอนั้น หามิได พระเจาขา !" เมื ่อ น าม รูป ไมม ี, เพราะความดับ แหง นามรูป โดยประการ ทั้งปวง, สฬายตนะ พึงปรากฏ บางหรือหนอ ? "ขอนั้น หามิได พระเจาขา !" เมื่ อ สฬายตนะ ไม มี , เพราะความดั บ แห ง สฬายตนะ โดยประการ ทั้งปวง, ผัสสะ พึงปรากฏ บางหรือหนอ ? "ขอนั้น หามิได พระเจาขา !" เมื่ อ ผั ส สะ ไม มี , เพราะความดั บ แห ง ผั ส ส โดยประการทั้ ง ปวง, เวทนา พึงปรากฏ บางหรือหนอ ? "ขอนั้น หามิได พระเจาขา !" เมื่ อ เวทนา ไม มี , เพราะความดั บ แห ง เวทนา โดยประการทั้ ง ปวง, ตัณหา พึงปรากฏ บางหรือหนอ ? "ขอนั้น หามิได พระเจาขา !" เมื่ อ ตั ณ หา ไม มี , เพราะความดั บ แห ง ตั ณ หา โดยประการทั้ ง ปวง, อุปาทาน พึงปรากฏ บางหรือหนอ ? "ขอนั้น หามิได พระเจาขา !" เมื ่อ อุป าทาน ไมม ี, เพราะความดับ แหง อุป าทาน โดยประการ ทั้งปวง, ภพ พึงปรากฏ บางหรือหนอ ? "ขอนั้น หามิได พระเจาขา !" เมื ่อ ภ พ ไมม ี, เพ ราะความดับ แหง ภ พ โดยป ระการทั ้ง ป วง, ชาติ พึงปรากฏ บางหรือหนอ ? "ขอนั้น หามิได พระเจาขา !" เมื ่อ ชาติ ไมม ี, เพราะความดับ แหง ชาติ โดยประการทั ้ง ปวง. ชรามรณะ พึงปรากฏ บางหรือหนอ? "ขอนั้น หามิได พระเจาขา!" ภ ิก ษ ุ ท .! ถ ูก แ ล ว ถ ูก แ ล ว . ภ ิก ษ ุ ท .! เธ อ ทั ้ง ห ล า ย จ ง ทํ า ค วาม สํ า คัญ จงเชื ่อ ซึ ่ง ขอ นั ้น ไวอ ยา งนั ้น เถิด . ภิก ษุ ท .! เธอ ทั ้ง ห ล าย จงปลงซึ่ ง ความเชื่ อ ในข อ นั้ น อย า งนั้ น เถิ ด ; จงเป น ผู ห มดความเคลื อ บแคลง สงสัยในขอนั้นเถิด ; นั่นแหละที่สุดแหงทุกขละ, ดังนี้แล
www.buddhadasa.info - นิทาน.สํ. ๑๖/๙๙-๑๐๑/๑๙๒-๑๙๕.
๗๖๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ลําดับแหงการดับของสังขาร (อนุปุพพสังขารนิโรธ) ภิกษุ ! ความดับแหงสังขารโดยลําดับ ๆ เราไดกลาวแลว ดังนี้คือ :เมื่อเขาสู ปฐมฌาน แลว วาจา ยอมดับ ; เมื่อเขาสู ทุติยฌาน แลว วิตก และ วิจาร ยอมดับ ; เมื่อเขาสู ตติยฌาน แลว ปติ ยอมดับ ; เมื่อเขาสู จตุตถฌาน แลว อัสสาสะ และ ปสสาสะ ยอมดับ ; เมื่อเขาสู อากาสานัญจายตนะ แลว รูปสัญญา ยอมดับ ; เมื่อเขาสู วิญญาณัญจายตนะ แลว อากาสานัญจายตนสัญญา ยอมดับ ; เมื่อเขาสู อากิญจัญญายตนะ แลว วิญญาณัญจายตนสัญญา ยอมดับ เมื่อเขาสู เนวสัญญานาสัญญายตนะ แลว อากิญจัญญายตนะสัญญา ยอมดับ เมื่อเขาสู สัญญาเวทนยิตนิโรธ แลว สัญญา และ เวทนา ยอมดับ ; เมื่อภิกษุ สิ้นอาสวะ แลว ราคะ ก็ดับ โทสะ ก็ดับ โมหะ ก็ดับ. - สฬา.สํ. ๑๘/๒๖๘/๓๙๒. [ข อ ความในสู ต รอื่ น (๑๘/๒๗๒-๒๗๓/๔๐๑-๔๐๒.) แทนที่ จ ะทรงเรี ย กอาการเชน นี ้แ หง สัง ขารวา "ความดับ " (นิโ รโธ) แตไ ปทรงเรีย กเสีย วา "ความเขา ไปสงบ" (วูป สโม) ก็ มี และทรงเรียกวา "ความสงบรํางับเฉพาะ" (ปฏิปฺปสฺสทฺธิ) ก็มี].
www.buddhadasa.info จิตหยั่งลงสูอมตะเมื่อประกอบดวยสัญญาอันเหมาะสม
ภิ ก ษุ ท. ! สั ญ ญ าเจ็ ด ประการเหล า นี้ อั น บุ ค คลเจริ ญ กระทํ า ให มากแล ว ย อ มมี ผ ลใหญ มี อ านิ ส งส ใหญ หยั่ งลงสู อ มตะ มี อ มตะเป น ปริ โยสาน. เจ็ ด ประการ อย า งไรเล า ? คื อ อสุ ภ สั ญ ญา มรณสั ญ ญา อาหาเรปฏิ กู ล สั ญ ญา สัพพโลเกอนภิรตสัญญา อนิจจสัญญา อนิจเจทุกขสัญญา ทุกเขอนัตสัญญา.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๖๗
ภิ กษุ ท.! เมื่ อภิ กษุ มี จิ ต อบรมด วย อสุ ภ สั ญ ญา อยู เป นอย างมาก จิ ต ยอ มหวนกลับ งอกลับ ถอยกลับ ไมยื ่น เขา ไปในการดื ่ม ด่ํ า อยู ใ นเมถุน ธรรม แต ค วามวางเฉยหรื อ ว า ความรู สึ ก ว า ปฏิ กู ล ดํ า รงอยู ในจิ ต ; เปรี ย บเหมื อ นชนไก หรื อ เส น เอ็ น ที่ เ ขาใส ล งในไฟ ย อ มหด ย อ มงอ ไม เ หยี ย ดออก ฉั น ใดก็ ฉั น นั้ น . ภิ ก ษุ ท.! ถ า เมื่ อ ภิ ก ษุ มี จิ ต อบรมด ว ยอสุ ภ สั ญ ญาอยู เป น อย า งมาก แต จิ ต ยั งไหล เข าไปในความดื่ ม ด่ํ าอยู ในเมถุ น ธรรม หรื อ ความรู สึ ก ว าไม ป ฏิ กู ล ยั งดํ ารงอยู ในจิ ต แลว ไซร; ภิก ษุนั ้น พึ ่ง ทราบเถิด วา "อสุภ สัญ ญาเปน อัน เรามิไ ดอ บรมเสีย แลว คุณ วิเ ศษที ่ยิ ่ง กวา แตก อ นของเราไมม ี เรายัง มิไ ดบ รรลุผ ลแหง ภาวนา" ดัง นี ้. เธอเปน ผู ม ีส ัม ปชัญ ญ ะในเรื ่อ งนี ้อ ยู ด ัง นี ้. ....ภิก ษุ ท.! เรามีเ หตุผ ลในขอ นี้ อยูดังนี้ จึงกลาวา "อสุภสัญ ญาอันบุคคลเจริญ กระทําใหมากแลว ยอมมีผล ใหญ มีอานิสงสใหญ หยั่งลงสูอมตะ มีอมตะเปนปริโยสาน" ดังนี้. [ในกรณี แ ห ง มรณสั ญ ญา อั น เป น เครื่ อ งทํ า จิ ต ให ถ อยกลั บ จากความยิ น ดี ใ นชี วิ ต (ชีวิตนิกนฺติ) ก็ดี ; ในกรณี แห ง อาหาเรปฏิ กู ล สั ญ ญา อั น เป นเครื่องทํ าจิ ตให ถอยกลั บจากตั ณ หาในรส (รสตณฺหา) ก็ดี ; ในกรณี แหง สัพพโลเกอนภิรตสัญญา อันเปนเครื่องทําจิตใหถอยกลับจากความเปนจิต ติดอยูในโลก (โลกจิตฺต) ก็ดี ; ในกรณี แห ง อนิ จจสั ญ ญา อั นเป นเครื่องทํ าจิ ตให ถอยกลั บจากลาภสั กการะและเสี ยง สรรเสริญ (สาภสกฺการสิโลก) ก็ดี ; ทั้ ง สี่ สั ญ ญานี้ ได ต รั ส ไว ด ว ยข อ ความทํ า นองเดี ย วกั น กั บ อสุ ภ สั ญ ญา ซึ่ ง ผู ศึ ก ษา สามารถทํ า การเปรีย บเที ย บดู เองได ต อ ไปนี้ ได ต รัส ถึ ง อนิ จ เจทุ ก ขสั ญ ญา อั น มี ระเบี ย บแห ง ถ อ ย คําแปลกออกไปดังตอไปนี้ :-]
www.buddhadasa.info ภิ กษุ ท.! เมื่ อภิ กษุ มี จิ ตอบรมด วย อนิ จเจทุ กขสั ญญา อยู เป นอย างมาก สัญญาวาความนากลัวอันแรงกลา (ติพฺพาภยสฺญา) ยอมปรากฏขึ้นในความไม
๗๖๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ขยั น ในความเกี ย จคร า น ในความทอดทิ้ ง การงาน ความประมาท ความไม ประกอบความเพี ยร และในความสะเพร า อย างน ากลั วเปรี ยบเสมื อ นมี เพชฌฆาต เงื้ อ ดาบอยู ต รงหน า ฉะนั้ น . ภิ ก ษุ ท.! ถ า เมื่ อ ภิ ก ษุ มี จิ ต อบรมด ว ยอนิ จ เจทุ ก ขสั ญ ญาอยู เป น อย า งมาก แต สั ญ ญาว า ความน า กลั ว อั น แรงกล า ในความไม ข ยั น ในความเกี ย จคร า น ในความทอดทิ้ ง การงาน ความประมาท ความไม ป ระกอบ ความเพี ย ร และในความสะเพร า ก็ ไม ป รากฏขึ้ น อย างน ากลั วเสมื อ นหนึ่ งมี เพชฌฆาตเงื้ อ ดาบอยู ต รงหน า แล ว ไซร ; ภิ ก ษุ นั้ น พึ งทราบเถิ ด ว า "อนิ จ เจทุ ก ขสั ญ ญา เป น อั น เรามิ ไ ด อ บรมเสี ย แล ว คุ ณ วิ เศษที่ ยิ่ ง กว า แต ก อ นของเราไม มี เรายั ง มิ ไ ด บรรลุผ ลแหง ภาวนา" ดัง นี ้. เธอเปน ผู ม ีส ัม ปชัญ ญ ะในเรื ่อ งนี ้อ ยู ด ัง นี ้. .... ภิ ก ษุ ท.! เรามี เ หตุ ผ ลในข อ นี้ อ ยู ดั ง นี้ จึ ง กล า วว า "อนิ จ เจทุ ก ขสั ญ ญา อั น บุคคลเจริญกระทําใหมากแลว ยอมมีผลใหญ มีอานิสงสใหญ หยั่งลงสูอมตะ มีอมตนะเปนปริโยสาน" ดังนี้. ภิ กษุ ท.! เมื่ อภิ กษุ มี จิ ต อบรมด วย ทุ ก เขอนั ต ตสั ญ ญา อยู เป น อย าง มาก ใจย อ มปราศจากมานะว า เราว า ของเรา (อหงฺ ก ารมมงฺ ก ารมาน) ทั้ ง ในกาย อั นประกอบด วยวิ ญ ญาณนี้ และในนิ มิ ต ทั้ งหลายในภายนอกด วย เป น ใจที่ ก าวล วง เสีย ไดซึ ่ง วิธ า (มานะ ๓ ชั ้น ) เปน ใจสงบระงับ พน พิเ ศษแลว ดว ยดี. ภิก ษุ ท.! ถ าเมื่ อภิ กษุ มี จิ ตอบรมด วยทุ กเขอนั ตตสั ญญาอยู เป นอย างมาก แต ใจยั งไม ปราศจาก มานะว าเราว าของเรา ทั้ งในกายอั น ประกอบด วยวิ ญ ญาณนี้ แ ละในนิ มิ ต ทั้ งหลาย ในภายนอก ไมเ ปน ใจกา วลว งเสีย ไดซึ ่ง วิธ า ไมส งบระงับ พน พิเ ศษแลว ดว ยดี แลว ไซร ; ภิก ษุนั ้น พึง ทราบเถิด วา "ทุก เขอนัต ตสัญ ญาเปน อัน เรามิไ ดอ บรม เสี ย แล ว คุ ณ วิ เศษที่ ยิ่ ง กว า แต ก อ นของเราไม มี เรายั ง มิ ไ ด บ รรลุ ผ ลแห ง ภาวนา" ดังนี้. เธอเปนผูมีสัมปชัญญะในเรื่องนี้อ ยูดังนี้. ....ภิกษุ ท.! เรามีเหตุ
www.buddhadasa.info
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๖๙
ผลในขอ นี ้อ อยู ด ัง นี ้ จึง กลา วา "ทุเ ขอนัต ตสัญ ญาอัน บุค คลเจริญ กระทํ า ให มากแลว ยอมมีผลใหญ มีอานิสงสใหญ หยั่งลงสูอมตะ มีอมตะเปนปริโยสาน" ดังนี้. ภิ ก ษุ ท.! สั ญ ญ าเจ็ ด ประการเหล า นี้ แ ล อั น บุ ค คลเจริ ญ กระทํ า ให มากแล ว ย อ มมี ผ ลใหญ มี อ านิ ส งส ใ หญ หยั่ ง ลงสู อ มตะ มี อ มตะเป น ปริ โยสาน, แล. - สตฺตก. อํ. ๒๓/๔๘/๔๖. (ผู ศึ ก ษ าพึ ง สั ง เกตให เ ห็ น ว า สั ญ ญ า เหล า นี้ แม จ ะนํ า ไปสู อ มตะด ว ยกั น ทั้ ง นั้ น แตก็มีลักษณะตาง ๆ กัน พึงเลือกเฟนเจริญใหถูกตองเหมาะสมแกกรณีของตน ๆ เถิด).
บรรลุอรหันตโดยละมัญญนะหกชนิด ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คล ไม ล ะธรรมทั้ ง หลาย ๖ อย า งแล ว เป น ผู ไ ม ค วร เพื ่อ ทํ าให แ จง ซึ ่ง อ รห ัต ต ผ ล . ธ รรม ๖ อ ยา ง เห ล า ไห น เล า ? ห ก อ ย า งค ือ มานะ (ถือ ตัว ), โอมานะ (แกลง ลดตัว ), อติม านะ (ยกตัว ), อธิม านะ (ถือ ตัว จัด ), ถัม ภะ (หัว ตื ้อ ), อาติน ิป าตะ (สํ า คัญ ตัว เองวา เลว). ภิก ษุ ท.! บุค คลไมล ะธรรม ทั้งหลาย ๖ อยาง เหลานี้แลว เปนผูไมควรเพื่อทําใหแจงซึ่งอรหัตตผล.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! บุ ค คล ละธรรมทั้ งหลาย ๖ อย างแล ว เป น ผู ค วรเพื่ อ ทํ า ใหแ จง ซึ ่ง อรหัต ตผล. ธรรม ๖ อยา ง เหลา ไหนเลา ? หกอยา งคือ มานะ โอมานะ อติม านะ อธิม านะ ถัม ภะ อติน ิป าตะ ภิก ษุ ท.! บุค คลละธรรม ทั้งหลาย ๖ อยาง เหลานี้แลว เปนผูควรเพื่อทําใหแจงซึ่งอรหัตตผล แล.
- ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๗๙/๓๔๗.
๗๗๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ขั้นตอนอันจํากัดแหงปจจัยของการละ กาม-รูป-อรูปราคะ ภิก ษุ ท.! ภิก ษุนั ้น หนอ เปน ผู มีม ิต รชั ่ว มีส หายชั ่ว มีเ พื ่อ นชั ่ว , เมื่ อ เสพ คบ คลุ ก คลี อ ยู กั บ พวกชั่ ว และถื อ เอาทิ ฏ ฐานุ ค ติ ข องบุ ค คลเหล า นั้ น อยู แลว จัก กระทํ า อภิส มาจาริก ธรรมใหบ ริบ ูร ณไ ด นั ้น ไมเปน ฐานะที ่จ ะมีไ ด;๑ เมื ่อ ไม ก ระทํ า อภิ ส มาจาริ ก ธรรมให บ ริ บู ร ณ แ ล ว จั ก กระทํ า เสขธรรม (ธรรมที่ ค วรศึ ก ษา สู ง ขึ้ น ไป) ให บ ริ บู ร ณ ได นั้ น ไม เ ป น ฐานะที่ จ ะมี ไ ด ; เมื่ อ ไม ก ระทํ า เสขธรรมให บริบ ูร ณ แลว จัก ระทํ า ศีล ทั ้ง หลายใหบ ริบ ูร ณไ ด นั ้น ไมเ ปน ฐานะที ่จ ะมีไ ด ; เมื่ อ ไม ก ระทํ าศี ลทั้ งหลายให บ ริบู รณ แล ว จั กละกามราคะ หรื อ รู ป ราคะ หรื อ อรู ป ราคะได นั้นไมเปนฐานะที่จะมีได. ภิก ษุ ท.! ภิก ษุนั ้น หนอ เปน ผู มีม ิต รดี มีส หายดี มีเ พื ่อ นดี, เมื่ อ เสพ คบ คลุ ก คลี อ ยู กั บ พวกมิ ต รดี และถื อ เอาทิ ฏ ฐานุ ค ติ ข องบุ ค คลเหล า นั้ น อยูแลว จักกระทําอภิสมาจาริกธรรมใหบริบูรณได นั้นไมเปนฐานะที่จะมีได; เมื่อ กระทําอภิสมาจาริกธรรมใหบริบูรณแลว จักกระทําเสขธรรมใหบริบูรณได นั้น เปนฐานะที่มีได ; เมื่อกระทําเสขธรรมใหบริบูรณแลว จักรกระทําศีลทั้งหลาย ใหบ ริบ ูร ณไ ด นั้น เปน ฐานะที่มีไ ด ; เมื ่อ กระทํ า ศีล ทั ้ง หลายใหบ ริบ ูร ณแ ลว จักละกามราคะ หรือรูปราคะ หรืออรูปราคะได นั้นเปนฐานะที่มีได แล.
www.buddhadasa.info - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๔๗๒/๓๓๘.
๑. ผู ศ ึก ษาพึง สัง เกตใหเห็น วา อภิส มาจาริก ธรรม กลา วคือ การปฏิบ ัต ิว ัต รหรือ มรรยาทที ่ส าธุช น ทั่ ว ไป จะพึ ง ปฏิ บั ติ ใ นบ า นเรื อ น เพื่ อ นพ อ ง และสั ง คมทั่ ว ไป นี้ ไ ม ใ ช เ รื่ อ งเล็ ก น อ ยในการ ปฏิบ ัต ิธ รรมเพื ่อ บรรลุธ รรมในขั ้น สูง ; กลา วสรุป สั ้น ๆ ก็ว า ไมก ระทํ า ใหเ กิด ความเหมาะสม ในการที ่จ ะเปน นัก ศึก ษา. ขอใหท ุก คนทํ า การชํ า ระสะสางอภิส มาจาริก ธรรมของตน ๆ ให ดี ที่ สุดเทาที่จะทําได เปนเรื่องแรกเสียกอน.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๗๑
ละราคะโทสะโมหะได เพราะไมหลงในสัญโญชนิยธรรม ภิก ษุ ท .! ธ รรม ส อ งป ระก ารเห ลา นี ้ มีอ ยู . ส อ งป ระ ก าร อ ยา ง ไรเล า ? สองประการ คื อ การตามเห็ น ความเป น ของน า ยิ น ดี ในสั ญ โญชนิ ย ธรรมทั้งหลาย และการตามเห็นความเปนของนาเบื่อหนาย ในสัญโญชนิยธรรม ทั้งหลาย. ภิก ษุ ท .! ผู ต าม เห็น ค วาม เปน ข อ งนา ยิน ดีใ น สัญ โญ ช นิย ธ รรม ทั ้ง หลายอยู ยอ มไมล ะไดซึ ่ง ราคะ ซึ ่ง โทสะ ซึ ่ง โมหะ ; เพราะละไมไ ดซึ ่ง ราคะ ซึ่ ง โทสะ ซึ่ ง โมหะ จึ ง ไม ห ลุ ด พ นจากชาติ ชรา มรณ ะ โสกะ ปริ เ ทวะ ทุ ก ขะ โทมนัส อุปายาส ทั้งหลาย, เรากลาววา ยอมไมหลุดพนจากทุกข. ภิก ษุ ท.! ผู ต าม เห็น ค วาม เปน ขอ งนา เบื ่อ ห นา ย ในสัญ โญ ช นิ ย ธรรมทั้ งหลายอยู ย อ มละได ซึ่ งราคะ ซึ่ งโทสะ ซึ่ งโมหะ ; เพราะละได ซึ่ งราคะ ซึ่ ง โทสะ ซึ่ ง โมหะ จึ ง หลุ ด พ น จากชาติ ชรามรณะ โสกะ ปริ เทวะ ทุ ก ขะ โทมนั ส อุปายาส ทั้งหลาย, เรากลาววา ยอมหลุดพนจากทุกข.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.! เหลานี้แล ธรรมสองประการนั้น.
- ทุก. อํ. ๒๐/๖๕/๒๕๒.
ภาวะแหงความสิ้นตัวตนและสิ้นโลก "ข าแต พ ระองค เจริ ญ ! ข าพระองค เป น คนชรา เป น คนแก ค นเฒ ามานาน ผ านวั ยมาตามลํ าดั บ . ขอพระผู มี พ ระภาคาทรงแสดงธรรมโดยย อ ขอพระสุ ค ตจงทรง แสดงธรรมโดยยอ ในลักษณะที่ขาพระองคจะพึงรูทั่วถึงเนื้อความแหงภาษิตของพระผูมีพระ-
๗๗๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภาคเจ า ในลั กษณะที่ ข าพระองค จะพึ งเป นทายาทแห งภาษิ ตของพระผู มี พระภาคเจ า เถิ ด พระเจาขา !" มาลุ ง กบุ ต ร ! ท า นจะสํ า คั ญ ความข อ นี้ ว า อย า งไร คื อ รู ป ทั้ ง หลาย อัน รู ส ึก กัน ไดท างตา เปน รูป ที ่ท า นไมไ ดเ ห็น ไมเ คยเห็น ที ่ท า นกํ า ลัง เห็น อยู ก็ ไ ม มี ที่ ท า นคิ ด ว า ท า นควรจะได เ ห็ น ก็ ไ ม มี ดั ง นี้ แ ล ว ความพอใจก็ ดี ความ กํ า หนัด ก็ด ี ความรัก ก็ด ี ในรูป เหลา นั ้น ยอ มมีแ กท า นหรือ ? "ขอ นั ้น หามิไ ด พระเจาขา !" (ตอ ไปนี ้ ไดม ีก ารตรัส ถาม และการทูล ตอบ ในทํ า นองเดีย วกัน นี ้ท ุก ตัว อัก ษ ร ผิด กัน แตชื ่อ ของสิ ่ง ที ่นํ า มากลา ว คือ ในกรณีแ หง เสีย งอัน รู ส ึก กัน ไดท างหู ในกรณีแ หง กลิ ่น อัน รูสึก กัน ไดท างจมูก ในกรณีแ หง รสอัน รูสึก กัน ไดท างลิ้น ในกรณีแ หง โผฏฐัพ พะอัน รูสึก กัน ได ทางผิวกาย และในกรณีแหง ธรรมารมณอันรูสึกกันไดทางมโน).
มาลุ ง กบุ ต ร ! ในบรรดาสิ่ ง ที่ ท า น พึ ง เห็ น พึ ง ฟ ง พึ ง รู สึ ก พึ ง รู แ จ ง เหลานั้น ; ใน สิ่งที่ทานเห็นแลว จักเปนแตเพียงสักวาเห็น ; ใน สิ่งที่ทานฟงแลว จักเปนแตเพียงสักวาไดยิน ; ใน สิ่งทีทานรูสึกแลว (ทางจมูก, ลิ้น, กาย) จักเปนแตเพียงสักวารูสึก ; ใน สิ่งที่ทานรูแจงแลว (ทางวิญญาณ) ก็จักเปนแตเพียงสักวารูแจง. ม าลุก ยบ ตุร ! เมื ่อ ใด แ ล ใน บ รรด าธรรม เห ลา นั ้น : เมื ่อ สิ ่ง ที่ เห็ น แล ว สั ก ว า เห็ น , สิ ่ ง ที ่ ฟ ง แล ว สั ก ว า ได ย ิ น , สิ ่ ง ที ่ รู ส ึ ก แล ว สั ก ว า รู ส ึ ก , สิ ่ง ที ่รู แ จง แลว สัก วา รู แ จง , ดัง นี ้แ ลว ; มาลุง กยบุต ร ! เมื ่อ นั ้น ตัว ทา น ยอมไมมีเพราะเหตุนั้น;
www.buddhadasa.info มาลุง กยบุต ร! เมื่อ ใดตัว ทานไมมีเพราะเหตุนั้น , เมื่อ นั้น ตัว ทา น ก็ไมมีในที่นั้น ๆ ;
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๗๓
มาลุง กยบุต ร ! เมื ่อ ใดตัว ทา นไมม ีใ นที ่นั ้น ๆ, เมื ่อ นั ้น ตัว ทา นก็ ไมมีในโลกนี้ ไมมีในโลกอื่น ไมมีในระหวางโลกทั้งสอง : นั่นแหละ คือที่สุด แหงความทุกข ดังนี้. "ข าแต พระองค ผู เจริ ญ ! ข าพระองค รูทั่ วถึ งเนื้ อความแห งภาษิ ตอั นพระผู มี พระภาคตรัสแลวโดยยอนี้ ไดโดยพิสดาร ดังตอไปนี้ :เห็ น รู ป แล ว สติ ห ลงลื ม ทํ าในใจซึ่ งรู ป นิ มิ ต ว า น า รั ก มี จิ ต กํ า หนั ด แก ก ล า แล ว เสวยอารมณ นั้ น อยู ความสยบมั ว เมาย อ ม ครอบงําบุ ค คลนั้ น . เวทนาอั น เกิ ด จากรูป เป น อเนกประการ ย อ ม เจริญแกเขานั้น. อภิชฌาและวิหิงสายอมเขาไปกลุมรุมจิตของเขา. เมื่อสะสมทุกขอยูอยางนี้ ทานกลาววายังไกลจากนิพพาน. (ในกรณ ีแ หง การฟง เสีย ง ดมกลิ ่น ลิ ้ม รส ถูก ตอ งโผฏฐัพ พะดว ยกาย รูสึกธรรมารมณดวยใจก็มีขอความที่กลาวไวอยางเดียวกัน).
www.buddhadasa.info บุ คคลนั้ นไม กํ าหนั ดในรู ป ท. เห็ นรูปแล ว มี สิ ตเฉพาะ มี จิ ต ไม กํ า หนั ด เสวยอารมณ อ ยู ความสยบมั ว เมาย อ มไม ค รอบงํ า บุค คลนั ้น . เมื ่อ เขาเห็น อยู ซึ ่ง รูป ตามที ่เปน จริง เสวยเวทนาอยู ทุกขก็สิ้นไป ๆ ไมเพิ่มพูนขึ้น เขามีสติประพฤติอยูดวยอาการอยางนี้, เมื่อไมสะสมทุกขอยูอยางนี้ ทานกลาววาอยูใกลตอนิพพาน.
(ในกรณี แห ง การฟ ง เสี ย ง ดมกลิ่ น ลิ้ ม รส ถู ก ต อ งโผฏฐั พ พะด ว ยกายรู สึกธรรมารมณดวยใจก็มีขอความที่กลาวไวอยางเดียวกัน).
ขาแตพระองคผูเจริญ ! ขาพระองครูทั่วถึงเนื้อความแหงภาษิตอันพระผูมีพระภาคตรัสแลวโดยยอนี้ ไดโดยพิสดารอยางนี้ พระเจาขา !"
๗๗๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
พระผู มี พ ระภาค ทรงรั บ รองความข อ นั้ น ว า เป น การถู ก ต อ ง. ท า นมาลุ ง กยบุ ต ร หลีกออกสูที่สงัดกระทําความเพียร ไดเปนอรหันตองคหนึ่งในศาสนานี้. - สฬา.สํ. ๑๘/๙๑-๙๕/๑๓๒-๑๓๙.
สิ้นกิเลสก็แลวกัน ไมตองรูวาสิ้นไปเทาไร ภิ ก ษุ ท.! เปรี ย บเหมื อ น รอยนิ้ ว มื อ หรื อ รอยนิ้ ว หั ว แม มื อ ย อ ม ปรากฎอยู ที ่ด า มเครื ่อ งมือ ของพวกชา งไม หรือ ลูก มือ ของพวกชา งไม แตเ ขาก็ ไมม ีค วามรู ว า ดา มเครื ่อ งมือ ของเรา วัน นี ้ส ึก ไปเทา นี ้ วานนี ้ส ึก ไปเทา นี ้ วัน อื ่น ๆ สึก ไป เทา นี ้ ๆ ค งรู แ ตว า มัน สึก ไป ๆ เทา นั ้น , นี ้ฉ ัน ใด ; ภิก ษุ ท .! เมื่อภิกษุตามประกอบภาวนาอยู ก็ไมรูอยางนี้วา วันนี้ อาสวะของเราสิ้นไป เทานี้ วานนี้สิ้นไปเทานี้ วันอื่น ๆ สิ้นไปเทานี้ ๆ รูแตเพียงวา สิ้นไปในเมื่อ มันสิ้นไป ๆ เทานั้น, ฉันใดก็ฉันนั้น. - สตฺตก. อํ. ๒๓/๑๒๘/๖๘.
เมื่อสังโยชนเหมือนเครื่องหวายสิ้นอายุ
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! เปรีย บเหมือ นเรือ เดิน สมุท รที ่ม ีเ ครื ่อ งผูก ทํ า ดว ยหวาย อยู ใ นน้ํ า ตลอดหกเดื อ นแล ว เขายกขึ้ น บกในฤดู ห นาว เครื่ อ งผู ก เหล า นั้ น ผึ่ ง อยู กั บ ลมและแดด ชุ ม แฉะอยู ด ว ยหมอกอั น ชื้ น ย อ มยุ บ ตั ว เป อ ยพั ง ไปโดยไม ย าก เลย, นี ้ฉ ัน ใด ; ภิก ษุ ท.! เมื ่อ ภิก ษุต ามป ระกอบการเจริญ ภ าวน าอยู สังโยชนทั้งหลาย (ซึ่งเสมือนเครื่องหวายที่อบอยูกับแดดลมและความชื้น) ยอม ระงับลง ๆ กระทั่งสูญเสียไป ฉันนั้นเหมือนกัน.
- สตฺตก. อํ. ๒๓/๑๒๘/๖๘.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๗๕
(เป น ที่ น า สั ง เกตว า พระพุ ท ธองค ท รงมี ถิ่ น ฐานอยู ท างภาคเหนื อ ของอิ น เดี ย ซึ่ ง ดู ตามแผนที ่แ ลว จะไมม ีโ อกาสเกี ่ย วขอ งกับ ทะเล แตก ็ย ัง ทรงทราบเรื ่อ งเรือ เดิน ทะเล, เปน บุ ค คลในระดั บ กษั ต ริ ย ก็ ยั ง ทรงรู เรื่ อ งเล็ ก ๆ น อ ย ๆ ของชาวบ า น เช น หวายที่ ผู ก เรื อ แพเดิ น ทะเล สิ ้น อายุผ ุพ ัง ไปตามฤดูก าลได; แสดงวา ทรงมีพื ้น เพแหง สติป ญ ญาสมกับ ที ่จ ะเปน พระพุท ธเจา เสียจริง ๆ ).
ฟองไขออกเปนตัว มิใชโดยเจตนาของแมไก (เหมือนอาสวะสิ้นเอง เมื่อปฏิบัติชอบ) ภิก ษุ ท.! เมื ่อ ภิก ษุต ามประกอบการเจริญ ภาวนาอยู , โดยแน นอน เธอไมต อง ปรารถนา วา "โอหนอ ! จิต ของเราถึง หลุด พน จากอาสวะ เพราะไมมีอุป าทานเถิด " ดังนี้. จิต ของเธอนั ้น ก็ยอ มหลุด พน จากอาสวะเพราะ ไมม ีอ ุป าทานไดเ ปน แน. ขอ นั ้น เพราะเหตุไ รเลา ? ขอ นั ้น เพราะเหตุว า เธอ มี ก ารเจริ ญ สติ ป ฏ ฐานสี่ สั ม มั ป ปธานสี่ อิ ท ธิ บ าทสี่ อิ น ทรี ย ห า พละห า โพชฌงค เจ็ ด อริ ย มรรคมี อ งค แ ปด. ภิ ก ษุ ท.! เปรี ย บเหมื อ น ฟองไข ๘ ฟอง ๑๐ ฟอง หรือ ๑๒ ฟอง อัน แมไ กก กดีแ ลว พลิก ใหทั ่ว ดีแ ลว คือ ฟก ดีแ ลว , โดย แนน อน แ ม ไ กไ ม ต อ งป รารถ น า วา "โอห น อ ! ลูก ไกข องเรา จงทํ า ลาย กระเปาะฟองด ว ยปลายเล็ บ เท า หรื อ จะงอยปาก ออกมาโดยสวั ส ดี เถิ ด " ดั ง นี้ , ลูกไกเหลานั้นก็สามารถทําลายกระเปาะดวยปลายเล็บเทา หรือจะงอยปาก ออก มาโดยสวัสดีไดโดยแท, ฉันใดก็ฉันนั้น.
www.buddhadasa.info - สตตก.อํ. ๒๓/๑๒๗/๖๘.
๗๗๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ผลสูงต่ําแหงการปฏิบัติ ตามที่อาจทําใหเกิดขึ้น ภิ ก ษุ ท.! ป ติ ที่ ป ระกอบด ว ยอามิ ส (สามิ ส ) ก็ มี ป ติ ที่ ไ ม ป ระกอบ ด ว ยอามิ ส (นิ รามิ ส ) ก็ มี ป ติ ไม ป ระกอบลด ว ยอามิ ที่ ยิ่ งกว า ไม ป ระกอบด ว ยอามิ ส (นิรามิสตร) ก็มี. ความสุ ข ที่ ป ระกอบด ว ยอามิ ส ก็ มี ความสุ ข ที่ ไ ม ป ระกอบด ว ยอามิ ส ก็มี ความสุขไมประกอบดวยอามิสที่ยิ่งกวาไมประกอบดวยอามิส ก็มี. อุ เบกขา ที่ ประกอบด วยอามิ ส ก็ มี อุ เบกขาที่ ไม ประกอบด วยอามิ ส ก็ มี อุเบกขากไมประกอบดวยอามิสที่ยิ่งกวาไมประกอบดวยอามิส ก็มี. วิ โมกข ที่ ป ระกอบด ว ยอามิ ส ก็ มี วิ โมกข ที่ ไม ป ระกอบด ว ยอามิ ส ก็ มี วิโมกขไมประกอบดวยอามิสที่ยิ่งกวาไมประกอบดวยอามิส ก็มี. ภิ ก ษุ ท.! ป ติ ที่ ป ระกอบด ว ยอามิ ส เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! กาม คุณ ๕ อยา งเห ลา นี ้ มีอ ยู , หา อ ยา งคือ รูป ที ่จ ะพ ึง รู แ จง ดว ยจัก ษ ุ.... เสีย งที ่จ ะพึง รู แ จง ดว ยโสตะ.... กลิ ่น ที ่จ ะพึง รู แ จง ดว ยฆ านะ.... รสที ่จ ะพึง รู แ จง ดว ยชิว หา.... โผฏฐัพ พะที ่จ ะพึง รู แ จง ดว ยผิว กาย อัน เปน สิ ่ง นา ปรารถนา นา รัก ใคร นา พอใจ มีล ัก ษณะนา รัก เปน ที ่เ ขา ไปอาศัย อยู แ หง ความใคร เปน ที่ ตั้ ง แห ง ความกํ า หนั ด : เหล า นี้ แ ล คื อ กามคุ ณ ๕ อย า ง. ภิ ก ษุ ท.! ป ติ ใ ด อาศัยกามคุณ ๕ อยางเหลานี้เกิดขึ้น, ปตินี้เรียกวา ปติประกอบดวยอามิส.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! ป ติ ไม ได ป ระกอบด ว ยอามิ ส เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ ส งั ด จากกามทั้ ง หลาย สงั ด จากธรรมที่ เป น อกุ ศ ลทั้ ง หลาย เข า ถึ ง ปฐมฌาน ประกอบดวยวิตกวิจาร มีปติและสุข อันเกิดจากวิเวก แลวแลอยู;
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๗๗
เพราะความที่ วิ ตกวิ จารทั้ งสองระงั บ ลง เข าถึ ง ทุ ติ ยฌาน เป นเครื่อ งผ อ งใสแห งใจ ในภายใน ให ส มาธิ เป น ธรรมอั น เอกผุ ด มี ขึ้ น ไม มี วิ ต ก ไม มี วิ จ าร มี แ ต ป ติ แ ละ สุข อัน เกิด จากสมาธิ แลว แลอยู. ภิก ษุ ท.! ปต ินี ้เ รีย กวา ปต ิไ มป ระกอบ ดวยอามิส. ภิกษุ ท.! ปติไมประกอบดวยอามิส ที่ยิ่งกวาไมประกอบดวยอามิส เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! เมื ่อ ภิก ษุข ีณ าสพ พิจ ารณาจิต ที ่ห ลุด พน จาก ราคะ จิต ที ่ห ลุด พน จากโทสะ จิต ที ่ห ลุด พน จากโมหะอยู ; ปต ิใ ดเกิด ขึ ้น , ปตินั้นเรียกวา ปติไมประกอบดวยอามิส ที่ยิ่งกวาไมประกอบดวยอามิส. ภิ ก ษุ ท.! สุ ข ที่ ป ระกอบด ว ยอามิ ส เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! กามคุณ ๕ อยา งเหลา นี ้ มีอ ยู . หา อยา ง คือ รูป ที ่จ ะพึง รู แ จง ดว ยจัก ษุ.... เสีย งที ่จ ะพึง รู แ จง ดว ยโสตะ .... กลิ ่น ที ่จ ะพึง รู แ จง ดว ยฆานะ …. รสที ่จ ะพึง รูแ จง ดว ยชิว หา … โผฏฐัพ พะที ่จ ะพึง รูแ จง ดว ยผิว กาย อัน เปน สิ ่ง นา ปรารถนา นา รัก ใคร นา พอใจ มีล ัก ษณะนา รัก เปน ที ่เ ขา ไปอาศัย อยู แ หง ความใคร เปน ที่ ตั้ ง แห ง ความกํ า หนั ด : เหล า นี้ แ ล คื อ กามคุ ณ ๕ อย า ง. ภิ ก ษุ ท.! สุ ข โสมนัสใด อาศัยกามคุณ ๕ อยางเหลานี้เกิดขึ้น, สุขนี้เรียกวา สุขประกอบ ดวยอามิส.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! สุ ข ที่ ไม ป ระกอบด ว ยอามิ ส เป น อย างไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ในกรณี นี้ สงั ดแล วจากกามทั้ งหลาย สงั ด แล วจากธรรมที่ เป น อกุ ศ ลทั้ งหลาย เขา ถึง ปฐมฌาน ประกอบดว ยวิต กวิจ าร มีป ต ิแ ละสุข อัน เกิด จากวิเวก แลว แลอยู; เพราะความที่วิตกวิจารทั้งสองระงับลง เขาถึง ทุติยฌาน เปนเครื่อง
๗๗๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ผอ งใสแหง ใจในภายใน ใหส มาธิเ ปน ธรรมอัน เอกผุด มีขึ ้น ไมม ีว ิต ก ไมม ีว ิจ าร มีแ ตป ต ิแ ละสุข อัน เกิด จากสมาธิ แลว แลอยู ; อนึ ่ง เพราะความจางคลาย ไปแหงปติ ยอมเปนผู อยูอุเบกขา มีสติและสัมปชัญญะ และยอมเสวยความสุข ดว ยนามกาย ชนิด ที ่พ ระอริย เจา ทั ้ง หลาย ยอ มกลา วสรรเสริญ ผู นั ้น วา "เปน ผู อ ยู อ ุเ บ ก ขา มีส ิต อ ยู เ ปน ป ก ติส ุข " ดัง นี ้, เขา ถึง ต ติย ฌ าน แลว แล อ ยู . ภิกษุ ท.! สุขนี้เรียกวา สุขไมประกอบดวยอามิส. ภิกษุ ท.! สุ ขไม ประกอบด วยอามิ ส ที่ ยิ่ งกวาไม ประกอบด วยอามิ ส เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! เมื ่อ ภิก ษุข ีณ าสพ พิจ ารณ าจิต ที ่พ น แลว จาก ราคะ จิต ที ่พ น แลว จากโทสะ จิต ที ่พ น แลว จากโมหะอยู ; สุข โสมนัส ใดเกิด ขึ ้น , สุข โสมนัส นั ้น เรีย กวา สุข ไมก อบดว ยอามิส ทิ ่ยิ ่ง กวา ไมป ระกอบดว ย อามิส. ภิ กษุ ท.! อุ เบกขาที่ ป ระกอบด ว ยอามิ ส เป นอย างไรเล า ? ภิ กษุ ท.! กามคุณ ๕ อยา งเหลา นี ้ มีอ ยู . หา อยา ง คือ รูป ที ่จ ะพึง รู แ จง ดว ยจัก ษุ.... เสีย งที ่จ ะพึง รู แ จง ดว ยโส ต ะ....ก ลิ ่น ที ่จ ะพึง รู แ จง ดว ย ฆ าน ะ.... รส ที ่จ ะพึง รู แ จง ดว ยชิว หา.... โผฏฐัพ พะที ่จ ะพึง รู แ จง ดว ยผิว กาย อัน เปน สิ ่ง นา ปรารถนา น า รั ก ใคร น า พอใจ มี ลั ก ษณะน า รั ก เป น ที่ เข า ไปอาศั ย อยู แ ห ง ความใคร เป น ที่ ตั ้ง แหง ความกํ า หนัด : เหลา นี ้แ ล คือ กามคุณ ๕ อยา ง. ภิก ษุ ท.! อุเ บกขา ใด อาศัยกามคุณ ๕ อยางเหลานี้เกิดขึ้น, อุเบกขานี้เรียกวา อุเบกขาประกอบ ดวยอามิส.
www.buddhadasa.info
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๗๙
ภิก ษุ ท.! อุเ บกขาที ่ไ มป ระกอบดว ยอามิส เปน อยา งไรเลา ? ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ เพราะละสุ ข เสี ย ได และเพราะละทุ ก ข เ สี ย ได เพราะ ความดับ ไปแหง โสมนัส และโทมนัส ทั ้ง สอง ในกาลกอ น, เขา ถึง จตุต ฌ าน ไมมีทุกขไมมีสุข มีแตความที่สติเปนธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แลวแลอยู. ภิกษุ ท.! อุเบกขานี้เรียกวา อุเบกขาไมประกอบดวยอามิส. ภิกษุ ท.! อุ เบกขาไม ป ระกอบด วยอามิ ส ที่ ยิ่งกวาไม ป ระกอบด วย อามิส เปน อยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท.! เมื ่อ ภิก ษุข ีณ าสพ พิจ ารณ าจิต ที ่พ น แล ว จากราคะ จิ ต ที่ พ น แล ว จากโทสะ จิ ต ที่ พ น แล ว จากโมหะ อยู ; อุ เ บกขาใด เกิด ขึ ้น , อุเ บกขานั ้น เรีย กวา อุเ บกขาไมป ระกอบดว ยอามิส ที ่ยิ ่ง กวา ไม ประกอบดวยอามิส. ภิก ษุ ท.! วิโ มกขที ่ป ระกอบดว ยอามิส เปน อยา งไรเลา ? วิโ มกข ที่ประกอบเนื่องอยูในรูป เรียกวา วิโมกขประกอบดวยอามิส.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! วิ โมกข ที่ ไม ป ระกอบด ว ยอามิ ส เป น อย า งไรเล า ? วิ โมกข ที่ประกอบเนื่องอยูในอรูป เรียกวา วิโมกขไมประกอบดวยอามิส.
ภิ ก ษุ ท.! วิ โมกข ไม ป ระกอบด ว ยอามิ ส ทิ่ ยิ่ ง กว า ไม ป ระกอบด ว ย อ ามิส เปน อ ยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท .! เมื ่อ ภิก ษุข ีณ าส พ พิจ ารณ าจิต ที ่พ น แลว จากราคะ จิต ที ่พ น แลว จากโทสะ จิต ที ่พ น แลว จากโมหะ อยู ; วิโ มกขใ ด เก ิด ขึ ้น , วิโ ม ก ข นั ้น เรีย ก ว า วิโ ม ก ข ไ ม ป ระ ก อ บ ด ว ย อ า ม ิส ที ่ยิ ่ง ก วา ไม ประกอบดวยอามิส แล.
- สฬา.สํ. ๑๘/๒๙๒–๒๙๕/๔๔๖-๔๕๗.
๗๘๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
อานิสงสตามลําดับการเกิดแหงธรรมโดยไมตองเจตนา (จากสีลถึงวิมุตติ) อานนท ! ดว ยอาการอยา งนี ้แ ล : ศีล อัน เปน กุศ ล มีอ วิป ปฏิส าร เป น อานิ ส งส ที่ มุ งหมาย; อวิ ป ปฏิ ส าร มี ค วามปราโมทย เป น อานิ ส งส ที่ มุ งหมาย ; ความประโมทย มีป ต ิเ ปน อานิส งสที ่มุ ง หมาย ; ปต ิ มีป ส สัท ธิเปน อานิส งสที่ มุ ง หมาย ; ปส สัท ธิ มีส ุข เปน อานิส งสที ่มุ ง หมาย ; สุข มีส มาธิเ ปน อานิส งส ที่ มุ ง หมาย ; สมาธิ มี ย ถาภู ติ ญ าณทั ส สนะเป น อานิ ส งส ที่ มุ ง หมาย ; ยถาภู ต ญ าณ ทั ส สนะ มี นิ พ พิ ท าเป น อานิ ส งส ที่ มุ ง หมาย; นิ พ พาทา มี วิ ร าคะเป น อานิสงสที่มุงหมาย ; วิราคะ มีวิมุตติญาณทัสสนะ เปนอานิสงสที่มุงหมาย. อานนท ! ศีลอันเปนกุศล ยอมยังอรหัตตผลใหบริบูรณ โดยลําดับ ดวยอาการอยางนี้แล. - เอกาทสก. อํ. ๒๔/๓๓๖/๒๐๘.
ภิ ก ษุ ท.! เมื่ อ มี ศี ล สมบู ร ณ แ ล ว ก็ ไม ต อ งทํ า เจตนาว า "อวิ ป ปฏิ ส าร จงบัง เกิด แกเ รา".ภิก ษุ ท.! ขอ นี ้เ ปน ธรรมดา วา เมื ่อ มีศ ีล สม บูร ณแ ลว อวิปปฏิสารยอมเกิด (เอง).
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! เมื ่อ ไมม ีว ิป ปฏิส าร ก็ไ มต อ งทํ า เจตนาวา "ปราโมทย จงบัง เกิด แกเ รา". ภ ิก ษ ุ ท .! ขอ นี ้เ ปน ธรรม ด า วา เมื ่อ ไม ม ีว ิป ป ฏ ิส าร ปราโมทยยอมเกิด (เอง). ภิ ก ษุ ท.! เมื่ อ ปรามโมทย แ ล ว ก็ ไ ม ต อ งทํ า เจตนาว า "ป ติ จ งบั ง เกิ ด แกเรา". ภิกษุท.! ขอนี้เปนธรรมดาวา เมื่อปราโมทยแลว ปติยอมเกิด (เอง).
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๘๑
ภิก ษุ ท.! เมื ่อ มีใ จปต ิแ ลว ก็ไ มต อ งทํ า เจตนาวา "กายของเรา จงรํ า งับ ". ภิก ษุ ท.! ขอ นี ้เ ปน ธรรมดา วา เมื ่อ มีใ จปต ิแ ลว กายยอ มรํ า งับ (เอง). ภิก ษุ ท.! เมื ่อ กายรํ า งับ แลว ก็ไ มต อ งทํ า เจตนาวา "เราจงเสวย สุข เถิด ". ภิก ษุ ท.! ขอ นี ้เ ปน ธรรมดา วา เมื ่อ กายรํ า งับ แลว ยอ มไดเ สวย สุข (เอง). ภิ ก ษุ ท.! เมื่ อ มี สุ ข ก็ ไ ม ต อ งทํ า เจตนาว า "จิ ต ของเราจงตั้ ง มั่ น เป น สมาธิ". ภิก ษุ ท.! ขอ นี ้เ ปน ธรรมดา วา เมื ่อ มีส ุข จิต ยอ ม ตั ้ง มั ่น เปน สมาธิ (เอง). ภิก ษุ ท.! เมื ่อ จิต ตั ้ง มั ่น เปน สมาธิแ ลว ก็ไ มต อ งทํ า เจตนาวา "เรา จงรู จ งเห็น ตามที ่เ ปน จริง ". ภิก ษุ ท.! ขอ นี ้เ ปน ธรรมดา วา เมื ่อ จิต ตั ้ง มั ่น เปนสมาธิแลว ยอมรูยอมเห็นตามที่เปนจริง (เอง). ภิก ษุ ท.! เมื ่อ รู อ ยู เ ห็น อยู ต ามที ่เ ปน จริง ก็ไ มต อ งทํ า เจตนาวา " เราจงเบื ่อ หนา ย". ภิก ษุ ท.! ขอ นี ้เ ปน ธรรมดา วา เมื ่อ รู อ ยู เ ห็น อยู ต ามที่ เปนจริง ยอมเบื่อหนาย (เอง).
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! เมื่ อ เบื่ อ หน า ยแล ว ก็ ไ ม ต อ งทํ า เจตนาว า "เราจงคลาย กํ า หนัด ". ภิก ษุ ท.! ขอ นี ้เ ปน ธรรมดา วา เมื ่อ เบื ่อ หนา ยแลว ยอ มคลาย กําหนัด (เอง).
ภิ ก ษุ ท.! เมื่ อ จิ ต คลายกํ า หนั ด แล ว ก็ ไ ม ต อ งทํ า เจตนาว า "เราจง ทํ า ใหแ จง ซึ ่ง วิม ุต ติญ าณ ทัส ส น ะ". ภิก ษุ ท .! ขอ นี ้เ ปน ธรรม ด า วา เมื ่อ คลายกําหนัดแลว ยอมทําใหแจงซึ่งวิมุตติญาณทัสสนะ (เอง). - เอกาทสก. อํ. ๒๔/๓๓๖/๒๐๙.
๗๘๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
สัญญาในอุปาทานระงับไป เมื่ออารมณแหงสัญญานั้นเปนวิภูตะ (ขอใหผู ศ ึก ษาอดทนอา นขอ ความอัน เปน อุป มาในตอนตน ซึ ่ง คอ นขา งจะยืด ยาว ให เห็ น ชั ด เสี ย ก อ น ว า ม า กระจอกกั บ ม า อาชาไนยต า งกั น อย า งไร จึ ง จะเข า ใจความต างระหว า ง ผู ที่ เพ งด วยความยึ ดถื อและเพ งด วยความไม ยึ ดถื อ จึ งจะเข าใจความหมายของคํ าว า วิภู ตะ-ความ เปนแจงของผูที่เพงดวยความไมยึดถือ).
สั น ธะ ! เธอจงเพ ง อย า งการเพ ง ของสั ต ว อ าชาไนย; อย า เพ ง อย า ง การเพงของสัตวกระจอก. สันธะ ! อยางไรเลา เปนการเพงอยางของสัตวกระจอก ? สันธะ ! ม ากระจอก ถู กผู กไว ที่ รางเลี้ ยงอาหาร ใจของมั นก็ จะเพ งอยู แต วา "ข าวเปลื อก ๆ " เพราะเหตุไ รเลา ? สัน ธะ! เพราะเหตุว า มัน ไมม ีแ กใ จที ่จ ะคิด วา "วัน นี ้ สารถี ของเราตอ งการใหเราทํ า อะไรหนอ เราจะตอบสนองเขาอยา งไรหนอ" ; มัน มัว เพงอยูในใจวา "ขาวเปลือก ๆ" ดังนี้.
www.buddhadasa.info สัน ธะ ! ฉัน ใดก็ฉ ัน นั ้น ที ่ภ ิก ษุก ระจอกบางรูป ในกรณีนี ้ ไปแลว สู ป า ก็ต าม สู โ คนไมก ็ต าม สู เ รือ นวา ก็ต าม มีจ ิต ถูก ามราคานิว รณก ลุ ม รุม ห อ หุ ม อยู . เขาไม รู ต ามเป น จิ ร งซึ่ ง อุ บ ายเป น เครื่ อ งออกจากกามราคะที่ เกิ ด ขึ้ น แลว ; เขากระทํ า กามราคะนั ้น ๆ ใหเ นื ่อ งกัน ไมข าดสายเพง อยู เพง ทั ่ว อยู เพง โดยไมเ หลือ อยู เพง ลงอยู . (ในกรณีแ หง พยาบาท-ถิ ่น มิท ธะ-อุท ธัจ จกุก กุจ จะ และวิจ ิก ิจ ฉานิว รณ ก็ไ ดเปน ไปในลัก ษณะอยา งเดีย วกัน กับ กรณีแ หง กามราคะนิว รณ). ภิก ษุ นั้นยอมเพงอาศัยความสําคัญวาดินบาง ยอมเพงอาศัยความสําคัญวาน้ําบาง อาศัย
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๘๓
ความสํ า คั ญ ว า ไฟบ า ง อาศั ย ความสํ า คั ญ ว า ลมบ า ง ว า อากาสานั ญ จายตนะบ า ง ว าวิ ญ ญาณั ญ จายตนะบ างว า อากิ ญ จั ญ ญายตนะบ าง ว าเนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนะ บา ง วา โลกนี ้บ า ง วา โลกอื ่น บา ง อาศัย ความสํ า คัญ วา "สิ ่ง ที ่เ ราเห็น แลว ". " สิ ่ง ที ่เ ราฟ ง แ ลว ", "สิ ่ง ที ่เ รารู ส ึก แ ลว ", "สิ ่ง ที ่เ รารู แ จง แ ลว ", "สิ ่ง ที ่เ ราบ รรลุ แลว ", "สิ ่ง ที ่เ ราแส วงห าแลว ", "สิ ่ง ที ่ใ จของเราติด ต าม แลว " แตล ะอยา ง ๆ เป น ต น ดั งนี้ บ าง, เพ งอ ยู . สั น ธะ !อ ย างนี้ แล เป น ก ารเพ งอ ย างขอ งสั ต ว กระจอก. สันธะ ! อยางไรเลา เปนการเพ งอยางของสัตวอาชาไนย ? สันธะ ! มา อาชาไนยตัว เจริญ ถูก ผูก ไวที ่ร างเลี ้ย งอาหาร ใจของมัน จะไมเ พง อยู แ ตว า " ขา วเป ลือ ก ๆ " เพ ราะ เห ตุไ รเลา ? สัน ธ ะ ! เพ ราะ เห ตุว า แมถ ูก ผูก อ ยู ที่ รางเลี้ ย งอาหาร แต ใ จของมั น มั ว ไปคิ ด อยู ว า "วั น นี้ สารถี ข องเราต อ งการให เรา ทํ า อะไรหนอ เราจะตอบสนองเขาอยา งไรหนอ" ดัง นี ้; มัน ไมม ัว แตเ พง อยู ใน ใจวา "ขา วเปลือ ก ๆ" ดัง นี ้. สัน ธะ ! ก็ม า อาชาไนยนั ้น รู ส ึก อยู ว า การถูก ลงปะฏั ก นั้ น เป น เหมื อ นการใช ห นี้ การถู ก จองจํ า ความเสื่ อ มเสี ย เป น เหมื อ น เสนียดจัญไร.
www.buddhadasa.info (ขอให สั ง เกตว า แม อ ยู ใ นที่ เดี ย วกั น ต อ หน า สถานการณ อ ย า งเดี ย วกั น ม า สองตั ว นี้ ก็ มี ค วามรู สึ ก อยู ใ จใจคนละอย า งตามความต า งของมั น คื อ ตั ว หนึ่ ง เพ ง แต จ ะกิ น ตั ว หนึ่ ง เพ ง แต ในหนาที่ ที่จะไมทําใหบกพรองจนถูกลงโทษ; ดังนี้เรียกวา มีความเพงตางกันเปนคนละอยาง).
สัน ธะ ! ภิก ษุอ าชาไน ย ผู เ จริญ ก็ฉ ัน นั ้น เห มือ น กัน : ไป แลว สู ป า ก็ ต าม ไปแล ว สู โ คนไม ก็ ต าม ไปแล ว สู เรื อ นว า งก็ ต าม, มี จิ ต ไม ถู ก กามราคนิวรณกลุมรุม หอหุม อยู, เขาเห็นตามเปนจริงซึ่งอุบายเปนเครื่องออกกาม-
๗๘๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ราคะที ่เ กิด ขึ ้น แลว . (ใน กรณ ีแ หง พ ยาบ าล -ถิ ่น มิท ธะ-อุท ธัจ จกุก กุจ ะ-และวิจ ิก ิจ ฉานิว รณ ก็ไ ดเ ปน ไปในลัก ษณ ะอยา งเดีย วกัน กับ กรณีแ หง กามราคะนิว รณ). ภิก ษุนั ้น ยอ ม เพ งไม อาศั ยความสํ าคั ญ ว าดิ น ย อมเพ งไม อ าศั ยความสํ าคั ญ ว าน้ํ า ไม อ าศั ยความ สํ าคั ญว าไฟ ไม อาศั ยความสํ าคั ญว าลม ไม อาศั ยความสํ าคั ญว าอากาสานั ญจายตนะ ไม อาศั ยความสํ าคั ญ ว าวิ ญ ญาณั ญ จายตนะ ไม อาศั ยความสํ าคั ญ ว าอากิ ญ จั ญ ญายตนะ ไม อ าศั ย ความสํ า คั ญ ว า เนวสี ญ ญานาสั ญ ญายตนะ ไม อ าศั ย ความสํ า คัญ วา โลกนี ้ ไมอ าศัย ความสํ า คัญ วา โลกอื ่น ยอ มเพง ไมอ าศัย ความสํ า คัญ วา "สิ ่ ง ที ่ เ ร า เห็ น แ ล ว ". "สิ ่ ง ที ่ เ ร า ฟ ง แ ล ว ", "สิ ่ ง ที ่ เ ร า รู ส ึ ก แ ล ว ", "สิ ่ ง ที ่ เ ร า รู แจง แลว ", "สิ ่ง ที ่เ ราบ รรลุแ ลว ", "สิ ่ง ที ่เ ราแ ส วงห าแ ลว ", "สิ ่ง ที ่ใ จ ขอ งเรา ติด ตามแลว " แตล ะอยา ง ๆ เปน ตน ดัง นี ้บ า ง, เพง อยู ๆ. สัน ธะ! เทวดา ทั ้ง หลาย พรอ มทั ้ง อิน ทร พรหม และปชาบดี ยอ มนมัส การบุร ุษ อาชาไนย ผูเจริญผูเพงอยูอยางนี้ มาแตที่ไกลทีเดียว กลาววา :"ขาแตบุรุษอาชาไนยผูสูงสุด ! ขาพเจาขอนมัสการทาน ผูซึ่งขาพเจาไดรูยิ่งสิ่งทั้งปวง ดวยสิ่งที่ทานอาศัยแลวเพง" ดังนี้.
www.buddhadasa.info (เมื่อตรัสดังนี้แลว สันธภิกษุไดทูลถามวา :-)
"ข าแต พระองค ผู เจริญ ! บุ รุ ษอาชาไนยผู เจริญ เพ งอย างไรกั น ชนิ ดที่ ไม อาศัยดินหรือน้ําเปนตนแลวเพง จนกระทั่งพวกเทวดาพากันสรรเสริญวาดังนั้น พระเจาขา ?"
(ต อ ไปนี้ เป น คํ า ตรั ส ที่ แ สดงให เห็ น ว า สั ญ ญาต า ง ๆ จะถู ก เพิ ก ถอนไป เมื่ อ อารมณ แห งสั ญ ญานั้ น เป น ที่ แ จ ม แจ งแก ผู เพ ง ว า สิ่ งนั้ น ๆ มิ ได เป น ตามที่ ค นธรรมดาสามั ญ ที่ สํ า คญว าเป น อยางไร; ขอใหผูศึกษาตั้งใจทําความเขาใจใหดีที่สุด ดังตอไปนี้ :-)
สั ท ธะ ! ในกรณี นี้ ปฐวี สั ญ ญา (ความสํ า คั ญ ในดิ น ว า ดิ น ) ย อ ม เปนแจง (วิภูติ-เขาใจอยางแจมแจง) แกบุรุษอาชาไนยผูเจริญ (วาดินที่สําคัญกันวาเปน
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๘๕
ดิน นั ้น หาใชด ิน ไม หากแตเ ปน เพีย งสัง ขตธรรม ตามธรรม ชาติ เปน ไป ตามกฏ อิท ัป ปจ จยตา คือ เป น สิ ่ง ที ่ไ มเ ที ่ย ง เป น ทุก ข เปน อ นัต ต า - ต า ม น ัย แ หง อ รรถ ก ถ า : ม โน รถ ป ูร ณ ี ภ . ๓ น. ๔๓๒). ความสํ าคั ญในน้ํ าว าน้ํ า, ความสํ าคั ญในไฟว าไฟ, ความสํ าคั ญในลมว าลม,
ความสํ าคั ญในอากาสานั ญจายตนะว าอากาสานั ญจายตนะ, ความสํ าคั ญในวิ ญญาณั ญจายตนะวาวิญญาณั ญจายตนะ, ความสําคัญในอากิญจัญญายตนะวาอากิญจัญญายตนะ, ความสํ าคั ญในเนวสั ญญานาสั ญญายตนะวาเนวสั ญญานาสั ญญายตนะ, ความสํ าคั ญใน โลกนี้วาโลกนี้, ความสําคัญในโลกอื่นวาโลกอื่น, ความสําคัญในสิ่งที่เห็นแลว ฟงแลว ฯลฯ ว า "สิ่ ง ที่ เราเห็ น แล ว " "สิ่ งที่ เราฟ ง แล ว " ฯลฯ ก็ ล ว นแต เป น แจ ง แก บุ รุ ษ อาชาไนยผู เ จริญ (วา สิ ่ง เหลา นั ้น หาไดเ ปน ดัง ที ่สํ า คัญ มั ่น หมาย วา เปน อะไร ๆ กัน นั ้น ไม หากแตเ ปน สัง ขตธรรมตามธรรมชาติ เปน ไปตามกฎอิท ัป ปจ จยตา คือ เปน สิ ่ง ที ่ไ มเ ที ่ย ง เปน ทุกข เปนอนัตตา -ตามนัยแหงอรรกถา : มโนรถปูรณี ภ. ๓ น.๔๓๒).
สั น ธะ ! บุ รุ ษ อาชาไนยผู เ จริ ญ เพ ง อยู อ ย า งนี้ จึ ง ได ชื่ อ ว า ไม อ าศั ย ความสํ าคั ญ ว าดิ น แล วเพ ง ไม อ าศั ย ความสํ าคั ญ ว าน้ํ าแล วเพ ง ไม อ าศั ย ความสํ าคั ญ วาไฟแลวเพง เปนตน จนกระทั่งพวกเทวดาพากันสรรเสริญวาดังนั้น. - เอกทสก. อํ. ๒๔/๓๔๘/๒๑๖.
www.buddhadasa.info อนุสัยทั้งสามไมเกิดแกอริยสาวก แมเมื่อเสวยทุกขเวทนา
ภิ ก ษุ ท.! ส ว นอริ ย สาวกผู มี ก ารสดั บ แล ว อั น ทุ ก ขเวทนาถู ก ต อ งอยู ยอ ม ไมเ ศ รา โศ ก ยอ ม ไมก ระวน ก ระวาย ยอ ม ไมร่ํ า ไรรํ า พัน ไมเ ปน ผู ท ุบ อ ก ร่ํ า ไห ไม ถึ ง ความมี ส ติ ฟ น เฟ อ น ; ย อ มเสวยเวทนาเพี ย งอย า งเดี ย ว คื อ เวทนา ทางกาย, หามีเวทนาทางจิตไม.
๗๘๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! เปรี ย บเหมื อ นบุ รุ ษ พึ ง ยิ ง บุ รุ ษ ด ว ยลู ก ศรแล ว ไม พึ ง ยิ ง ซ้ํ า บุร ุษ นั ้น ดว ยลูก ศรที ่ส อง เมื ่อ เปน อยา งนี ้ บุร ุษ นั ้น ยอ มเสวยเวทนาจากลูก ศร เพีย งลูก เดีย ว. แมฉ ัน ใด ; ภิก ษุ ท.! อริย สาวกผู ม ีก ารสดับ แลว ก็ฉ ัน นั ้น คือ เมื่อทุก ขเวทนาถูกตอ งอยู, ก็ไมเศราโศก ไมก ระวนกระวายไมร่ําไรรําพัน ไมเปนผูทุบอกร่ําไห ไมถึงซึ่งความีสติฟนเฟอน ; อริ ย สาวกนั้ น ชื่ อ ว า ย อ มเสวยเวทนาเพี ย งอย า งเดี ย ว คื อ เวทนาทาง กาย หามีเ วทนาทางจิต ไม. อริย สาวกนั ้น หาเปน ผู ม ีป ฏิฆ ะเพราะทุก ขเวทนา นั ้น ไม. ปฏิฆ านุส ัย อัน ใด อัน เกิด จากทุก ขเวทนา, ปฏิฆ านุส ัย อัน นั ้น ยอ ม ไมนอนตาม ซึ่งอริยสาวกคนนั้นผูไมมีปฏิฆะเพราะทุกขเวทนา. อริ ย สาวกนั้ น อั น ทุ ก ขเวทนาถู ก ต อ งอยู ก็ ไ ม (น อ มนึ ก ) พอใจซึ่ ง กามสุข . ขอ นั ้น เพราะเหตุไ รเลา ? ภิก ษุ ท.! ขอ นั ้น เพราะเหตุว า อริย สาวก ผูมีการสดับแลว ยอม รูชัดอุบายเครื่องปลดเปลื้องซึ่งทุ กขเวทนา ซึ่งเปนอุบาย อื ่น นอกจากกามสุข . เมื ่อ อริย สาวกนั ้น มิไ ดพ อใจซึ ่ง กามสุข อยู , ราคานุส ัย อันใด อันเกิดจากสุขเวทนา, ราคานุสัยอันนั้น ก็ ไมนอนตาม ซึ่งอริยสาวกนั้น.
www.buddhadasa.info อริ ย สาวกนั้ น ย อ มรู ชั ด ซึ่ ง เหตุ ใ ห เ กิ ด ขึ้ น แห ง เวทนา ซึ่ ง ความตั้ ง อยู ไมไ ด ซึ ่ง รสอรอ ย ซึ ่ง โทษอัน ต่ํ า ทราม และซึ ่ง อุบ ายเครื ่อ งออกไปพน แหง เวทนาทั ้ง หลายเหลา นั ้น ตามที ่เ ปน จริง . เมื ่อ อริย สาวกนั ้น รู ช ัด อยู ซึ ่ง เหตุใ ห เกิด ขึ ้น ซึ ่ง ความตั ้ง อยู ไ มไ ด ซึ ่ง รสอรอ ย ซึ ่ง โทษอัน ต่ํ า ทราม และซึ ่ง อุบ าย เครื่ อ งออกไปพ น แห ง เวทนาทั้ ง หลายเหล า นั้ น ตามที่ เป น จริ ง อยู , อวิ ช ชานุ สั ย อัน ใด อัน เกิด จากอทุก ขมสุข เวทนา, อวิช ชานุส ัย อัน นั ้น ก็ย อ ม ไมน อนตาม ซึ่งอริยสาวกนั้น.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๘๗
อริ ย สาวกนั้ น ถ า เสวยสุ ข เวทนา ย อ มไม เ ป น ผู ติ ด พั น (ในเวทนา) เสวยเวทนานั้ น ; ถ า เสวยทุ ก ขเวทนา ก็ ไ ม เ ป น ผู ติ ด พั น เสวยเวทนานั้ น ; ถ า เสวยอทุกขมสุขเวทนา ก็ไมเปนผูติดพันเสวยเวทนานั้น. ภิ ก ษุ ท.! อริ ย สาวกผู มี ก ารสดั บ นี้ เรากล า วว า เป น ผู ไ ม ติ ด พั น แล ว ดว ยชาติช รามรณะ โสกะปริเ ทวะทุก ขะโทมนัส อุป ายาสทั ้ง หลาย ; เรากลา ววา เปนผูไมติดพันแลวดวยทุกข ดังนี้. - สฬา.สํ. ๑๘/๒๕๘/๓๗๑.
การไมเกิดอนุสัยสามเมื่อเสวยเวทนาสาม แลวดับเย็น (พระผู มี พ ระภาคเจ าเสด็ จเข าไปในโรงเรี ยนเป น ที่ รั กษาภิ กษุ เจ็ บ ไข ได ป ระทานโอวาท แกภิกษุทั้งหลายในที่นั้นวา :-)
ภิก ษุ ท.! ภิก ษุ พึง เปน ผู ม ีส ติ มีส ัม ปชัญ ญะ เมื ่อ รอคอยการ ทํากาละ : นี้เปนอนุสาสนีของเรา สําหรับพวกเธอทั้งหลาย.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท .! ภิก ษุ เปน ผู ม ีส ติ เปน อ ยา งไรเลา ? ภิก ษุ ท .! ภิ ก ษุใ นกรณีนี ้ เปน ผู ต ามเห็น กายในกายอยู เ ปน ประจํ า มีค วามเพีย รเผากิเ ลส มี สั ม ปชั ญ ญะ มี ส ติ กํ า จั ด อภิ ช าฌาและโทมนั ส ในโลกออกเสี ย ได ; เป น ผู ต าม เห็ น เวทนาในเวทนาทั้ ง หลายอยู เ ป น ประจํ า ....; เป น ผู ต ามเห็ น จิ ต ในจิ ต อยู เป น ป ระจํ า ....; เปน ผู ต าม เห็น ธรรม ใน ธรรม ทั ้ง ห ล ายอ ยู เ ปน ป ระจํ า มีค วาม เพี ย รเผากิ เลส มี สั ม ปชั ญ ญะ มี ส ติ กํ า จั ด อภิ ช ฌาและโทมนั ส ในโลกออกเสี ย ได . อยางนี้แล ภิกษุ ท.! เรียกวา ภิกษุเปนผูมีสติ.
๗๘๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ เป น ผู มี สั ม ปชั ญ ญะ เป น อย างไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! ภิ กษุ ในกรณี นี้ เป นผู รู ตั วรอบคอบในการก าวไปข างหน า การถอยกลั บ ไปข างหลั ง, การแลดู การเหลีย วดู, การคู การเหยีย ด, การทรงสัง ฆ าฏิ บาตร จีว ร, การฉัน การดื ่ม การเคี ้ย ว ก ารลิ ้ม . การถา ย อุจ จาระปส ส าวะ, การไป การหยุด , การนั ่ง การนอน, การหลับ การตื ่น , การพูด การนิ ่ง , อยา งนี้ แล ภิกษุ ท.! เรียกวา ภิกษุเปนผูมีสัมปชัญญะ. ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ พึ ง เป น ผู มี ส ติ มี สั ม ปชั ญ ญ ะ เมื่ อ รอคอยการทํ า กาละ : นี้แล เปนอนุสาสนีของเราสําหรับพวกเธอทั้งหลาย ภิ ก ษุ ท. ถ า เมื่ อ ภิ ก ษุ มี ส ติ มี สั ม ปชั ญ ญ ะ ไม ป ระมาท มี ค วาม เพีย รเผากิเ ลส มีต นสง ไปแลว ในธรรม อยู อยา งนี ้, สุข เวทนา เกิด ขึ ้น ไซร ; เธอยอ มรู ช ัด อยา งนี ้ว า "สุข เวทนานี ้เ กิด ขึ ้น แลว แกเ รา, แตส ุข เวทนานี ้ อาศัย เหตุ ป จ จั ย จึ ง เกิ ด ขึ้ น ได ไม อ าศั ย เหตุ ป จ จั ย แล ว หาเกิ ด ขึ้ น ได ไ ม . อาศั ย เหตุ ป จ จั ย อะไรเล า ? อาศั ย เหตุ ป จ จั ย คื อ กายนี้ นั่ น เอง ก็ ก ายนี้ ไม เที่ ย ง มี ป จ จั ย ปรุง แต ง อาศั ย เหตุ ป จ จั ย เกิ ด ขึ้ น สุ ข เวทนาที่ เกิ ด ขึ้ น เพราะอาศั ย กายซึ่ ง ไม เที่ ย ง มี ป จ จั ย ปรุ ง แต ง อาศั ย เหตุ ป จ จั ย เกิ ด ขึ้ น ดั ง นี้ แ ล ว จั ก เป น สุ ข เวทนาที่ เที่ ย งมาแต ไ หน" ดัง นี ้. ภิก ษุนั ้น เปน ผู ต ามเห็น ความไมเ ที ่ย งอยู ตามเห็น ความเสื ่อ ม ความ จางคลายอยู ตามเห็ น ความดั บ ไป ความสลั ด คื น อยู ในกายและในสุ ข เวทนา. เมื่ อ เธอเป น ผู ต ามเห็ น ความไม เที่ ย ง (เป น ต น ) อยู ในกายและในสุ ขเวทนาอยู ดั งนี้ , เธอยอมละเสียได ซึ่ง ราคานุสัย ในกายและในสุขเวทนานั้น.
www.buddhadasa.info (ในกรณี ถั ด ไปซึ่ ง เป น การเสวย ทุ ก ขเวทนา อั น จะเป น เหตุ ให เกิ ด ปฏิ ฆ านุ สั ย นั้ น ก็ ตรั ส ไว ด ว ยข อ ความทํ า นองเดี ย วกั น ที่ ภิ ก ษุ พิ จ ารณาเห็ น กายและทุ ก ขเวทนานั้ น ไม เที่ ย ง เป น ของ ปรุงแตง อาศัยปจจัยเกิดขึ้น ก็ละปฏิฆานุสัยในกายและในทุกขเวทนานั้นเสียได.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๘๙
ในกรณี ถั ดไปอี ก แห งการเสวย อทุ กกขมสุ ขเวทนา อั นจะเป นทางให เกิ ด อวิ ชชานุ สั ย ก็ ไ ด ต รั ส วิ ธี ป ฏิ บั ติ ใ นการพิ จ ารณาเห็ น กายและอทุ ก ขมสุ ข เวทนานั้ น โดยทํ า นองเดี ย วกั น จนละ อวิชชานุสัยเสียได).
ภิ ก ษุ นั้ น ถ า เสวย สุ ข เวทนา ก็ รู ชั ด ว า "สุ ข เวทนานั้ น เป น ของไม เที ่ย ง, และเปน เวทนาที ่เ รามิไ ดม ัว เมาเพ ลิด เลิน อยู " ดัง นี ้. ถา เสวย ท ุก ข เวท น า ก็รู ช ัด วา "ทุก ขเวทนานั ้น เปน ของไมเ ที ่ย ง, และเปน เวทนาที ่เ รา มิ ได มั ว เมาเพลิ ด เพลิ น อยู " ดั งนี้ . ถ า เสวย อทุ ก ขมสุ ข เวทนา ก็ รูชั ด ว า "อทุ ก ขมสุข เวทนานั ้น เปน ของไมเ ที ่ย ง, และเปน เวทนาที ่เ รามิไ ดม ัว เมาเพลิด เพลิน อยู " ดังนี้. ภิ ก ษุ นั้ น ถ าเสวย สุ ข เวทนา ก็ เป น ผู ป ราศจากกิ เลสอั น เกิ ด จากเวทนา นั้ น เป น เค รื่ อ งร อ ยรั ด แล ว เส วย เวท น านั้ น ; ถ าเส วย ทุ ก ข เวท น า ก็ เ ป น ผู ปราศจากกิ เลสอั น เกิ ด จากเวทนานั้ น เป น เครื่ อ งร อ ยรั ด แล ว เสวยเวทนานั้ น ; ถ า เสวย อุ ท กขมสุ ข เวทนา ก็ เป น ผู ป ราศจากกิ เลสอั น เกิ ด จากเวทนานั้ น เป น เครื่ อ ง รอยรัดแลว เสวยเวทนานั้น.
www.buddhadasa.info ภิ กษุ นั้ น เมื่ อเสวย เวทนาอั น มี กายเป น ที่ สุ ดรอบ ย อมรูชั ดวาเราเสวย เวทนาอัน มีก ายเปน ที ่ส ุด รอบ; เมื ่อ เสวย เวทนาอัน มีช ีว ิต เปน ที ่ส ุด รอบ ยอ ม รู ข ัด วา เราเสวยเวทนาอัน มีช ีว ิต เปน ที ่ส ุด รอบ. เธอยอ ม รู ช ัด วา เวทนาทั ้ง ปวง อันเราไมเพลิดเพลินแลว จักเปนของเย็นในอัตตภาพนี้นั่นเทียว จนกระทั่งถึง ที่สุดรอบแหงชีวิต เพราะการแตกทําลายแหงกาย ดังนี้. ภิก ษุ ท.! เปรีย บเหมือ นประทีป น้ํ า มัน ไดอ าศัย น้ํ า มัน และไสแ ลว ก็ล ุก โพลงอยู ไ ด, เมื ่อ ขาดปจ จัย เครื ่อ งหลอ เลี ้ย ง เพราะขาดน้ํ า มัน และไสนั ้น แล ว ย อ มดั บ ลง, นี้ ฉั น ใด; ภิ ก ษุ ท.! ข อ นี้ ก็ ฉั น นั้ น คื อ ภิ ก ษุ เมื่ อ
๗๙๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
เสวยเวทนาอั น มี ก ายเป น ที่ สุ ด รอบ, ก็ รู ชั ด ว า เราเสวยเวทนาอั น มี ก ายเป น ที่ สุ ด รอบ ดัง นี ้. เมื ่อ เสวยเวทนาอัน มีช ีว ิต เปน ที ่ส ุด รอบ ก็รู ช ัด วา เราเสวยเวทนา อัน มีช ีว ิต ที ่ส ุด รอบ ดัง นี ้. (เปน อัน วา ) ภิก ษุนั ้น ยอ มรู ช ัด วา เวทนาทั ้ง ปวง อัน เราไมเ พลิด เพลิน แลว จัก เปน ของเย็น ในอัต ตภาพนี ้นั ่น เทีย ว จนกระทั ่ง ถึง ที่สุดรอบแหงชีวิต เพราะการแตกทําลายแหงกาย ดังนี้. - สฬา. สํ. ๑๘/๒๖๐/๓๗๔-๓๘๑. (ในสูต รถัด ไป (๑๘/๒๖๔/๓๘๕๕ ทรงแสดง ที ่เ กิด ของเวทนาทั ้ง สาม วา ไดแ ก "ผัส สะ" แทนที ่จ ะทรงแสดงวา ไดแ ก "กาย" เหมือ นที ่ท รงแสดงไว ใ นสูต รขา งบนนี ้, สว น เนื้อความนอกนั้นก็เหมือนกับขอความแหงสูตรขางบนนี้ ทุกประการ).
อาการที่ตัณหาไมนําไปสูภพใหม ใหเกิดผลพิเศษอีกนานาประการ ภิก ษุ ท.! ....สว นบุค คล เมื ่อ รู เ มื ่อ เห็น ซึ ่ง จัก ษุ ตามที ่เ ปน จริง . เมื่ อ รู เมื่ อ เห็ น ซึ่ ง รู ป ทั้ ง หลาย ตามที่ เป น จิ ร ง, เมื่ อ รู เมื่ อ เห็ น ซึ่ ง จั ก ขุ วิ ญ ญาณ ตามที่ เป น จริ ง , เมื่ อ รู เมื่ อ เห็ น ซึ่ ง จั ก ขุ สั ม ผั ส ตามที่ เป น จิ ร ง, เมื่ อ รู เมื่ อ เห็ น ซึ่ ง เวทนาอัน เกิด ขึ ้น เพราะจัก ขุส ัม ผัส เปน ปจ จัย อัน เปน สุข ก็ต าม เปน ทุก ขก ็ต าม ไม ใ ช ทุ ก ข ไ ม ใ ช สุ ข ก็ ต าม ตามที่ เ ป น จริ ง แล ว ; เขาย อ มไม กํ า หนั ด ในจั ก ษุ , ไม กํ าหนั ดในรู ปทั้ งหลาย, ไม กํ าหนั ดในจั กขุ วิ ญ ญาณ, ไม กํ าหนั ดในจั กขุ สั มผั ส, และ ไม กํ า หนั ด ในเวทนาอั น เกิ ด ขึ้ น เพราะจั ก ขุ สั ม ผั ส เป น ป จ จั ย อั น เป น สุ ข ก็ ต าม เป น ทุก ขก ็ต าม ไมใ ชท ุก ขไมใชส ุข ก็ต าม. เมื ่อ บุค คลนั ้น ไมกํ า หนัด แลว ไมต ิด พัน แลว ไมลุมหลงแลว ตามเห็นอาทีนวะ (โทษของสิ่งเหลานั้น) อยูเนือง ๆ, ปญจุปาทานขันธทั้งหลาย ยอมถึงซึ่งความไมกอเกิดตอไป; และตัณหา อันเปนเครื่อง
www.buddhadasa.info
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๙๑
นํ า ไปสู ภ พใหม อั น ประกอบอยู ด ว ยความกํ า หนั ด ด ว ยอํ า นาจความเพลิ น เป น เครื่ อ งทํ า ให เ พลิ น อย า งยิ่ ง ในอารมณ นั้ น ๆ นั้ น อั น เขาย อ มละเสี ย ได ; ความ กระวนกระวาย (ทรถ) แม ทางกาย อั น เขาย อ มละเสี ย ได , ความกระวนกระวาย แม ทางจิต อัน เขายอ มละเสีย ได; ความแผดเผา (สนฺต าป) แมท างกาย อัน เขายอ มละเสีย ได, ความแผดเผา แมท างจิต อัน เขายอ มละเสีย ได; ความ เรา รอ น (ปริฬ าห) แมท างกาย อัน เขายอ มละเสีย ได, ความเรา รอ น แมท าง จิ ต อั น เขาย อ มละเสี ย ได . บุ ค คลนั้ น ย อ ม เสวยซึ่ ง ความสุ ข อั น เป น ไป ทางกาย ดวย. ซึ่งความสุขอันเปนไป ทางจิต ดวย. เมื่ อบุ คคลเป น เช น นั้ น แล ว ทิ ฏ ฐิ ของเขา ย อ ม เป น สั ม ม าทิ ฏ ฐิ ; ความดํ า ริ ข องเขา ยอ ม เป น สั ม มาสั ง กั ป ปะ; ความพยายาม ของเขา ย อ มเป น สั ม มาวายามะ ; สติ ของเขา ย อ มเป น สั ม มาสติ ; สม าธิ ของเขา ย อ มเป น สัม มาสมาธิ; สว น กายกรรม วจีก รรม และ อ าชีว ะ ของเขา เปน ธรรม บ ริ ส ุ ท ธิ ์ อ ยู ก อ น แ ล ว นั ่ น เที ย ว . ด ว ย อ า ก า รอ ย า ง นี ้ เป น อั น ว า อ ริ ย อั ฏ ฐังคิกมรรค นี้ ของเขานั้น ยอม ถึงซึ่งความเต็มรอบแหงความเจริญ.
www.buddhadasa.info เมื่ อ เขาทํ า อริ ย อั ฏ ฐั งคิ ก มรรค ให เจริ ญ อยู ด วยอาการอย างนี้ , สติ ป ฏ ฐาน แม ทั้ ง ๔ ย อ มถึ ง ซึ่ ง ความเต็ ม รอบแห ง ความเจริ ญ ; สั ม มั ป ปธาน แม ทั้ ง ๔ ยอ มถึง ซึ ่ง ความเต็ม รอบแหง ความเจริญ ; อิท ธิบ าท แมทั ้ง ๔ ยอ มถึง ซึ ่ง ความ เต็ ม รอบแห ง ความเจริ ญ ; อิ น ทรี ย แม ทั้ ง ๕ ย อ มถึ ง ซึ่ ง ความเต็ ม รอบแห ง ความ เจริญ ; พละ แมทั ้ง ๕ ยอ มถึง ซึ ่ง ความเต็ม รอบแหง ความเจริญ ; โพชฌ งค แม ทั้ ง ๗ ย อ มถึ ง ซึ่ ง ความเต็ ม รอบแห ง ความเจริ ญ . ธรรมทั้ ง สองคื อ สมถะ และ วิปสสนา ของเขานั้น ยอมเปนธรรมเคียงคูกันไป. บุคคลนั้น ยอม กําหนดรู
๗๙๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ด วยป ญ ญาอั น ยิ่ ง ซึ่ งธรรมทั้ งหลายอั น บุ ค คลพึ งกํ าหนดรู ด วยป ญ ญาอั น ยิ่ ง ; ย อ ม ละ ด ว ยป ญ ญาอั น ยิ่ ง ซึ่ ง ธรรมทั้ ง หลายอั น บุ ค คลพึ ง ละด ว ยป ญ ญาอั น ยิ่ ง ; ย อ ม ทํ าให เจริ ญ ด วยป ญ ญาอั นยิ่ ง ซึ่ งธรรมทั้ งหลายอั นบุ คคลพึ งทํ าให เจริ ญ ด วยป ญ ญา อั น ยิ่ ง ; ย อ ม ทํ า ให แ จ ง ด ว ยป ญ ญาอั น ยิ่ ง ซึ่ ง ธรรมทั้ ง หลายอั น บุ ค คลพึ ง ทํ า ให แจงดวยปญญาอันยิ่ง. ภิกษุ ท.! ก็ ธรรมเหลาไหนเลา เปนธรรมอันบุคคลพึงกําหนดรูดวย ปญ ญ าอัน ยิ ่ง ? คํ า ตอบ พึง มีว า ป ญ จุป าท าน ขัน ธ ทั ้ง หลาย กลา วคือ อุ ป าทานขั น ธ คื อ รู ป อุ ป าทานขั น ธ คื อ เวทนา อุ ป าทานขั น ธ คื อ สั ญ ญา อุ ป าทานขัน ธค ือ สัง ขาร อุป าทานขัน ธค ือ วิญ ญ าณ : ธรรมทั ้ง หลายเหลา นี ้แ ล ชื ่อ วา เปนธรรมอันบุคคลพึงกําหนดรูดวยปญญอันยิ่ง. ภิกษุ ท.: ก็ ธรรมเหลาไหนเลา เปนธรรมอันบุคคลพึงละดวยปญญา อัน ยิ ่ง ? คํ า ตอบ พึง มีว า อวิช ชา ดว ย ภวตัณ หา ดว ย : ธรรมทั ้ง หลาย เหลานี้แล ชื่อวาเปนธรรมอันบุคคลพึงทําใหเจริญดวยปญญาอันยิ่ง.
www.buddhadasa.info ภิกษุ ท.: ก็ ธรรมเหล าไหนเล า เป น ธรรมอั น บุ ค คลพึ งทํ าให เจริญ ดว ยปญ ญาอัน ยิ ่ง ? คํ า ตอบ พึง มีว า สมถะ ดว ย วิป ส สนา ดว ย : ธรรม ทั้งหลายเหลานี้แล ชื่อวาเปนธรรมอันบุคคลพึงทําใหเจริญดวยปญญาอันยิ่ง.
ภิ ก ษุ ท.! ก็ ธรรมเหล า ไหนเล า เป น ธรรมอั น บุ ค คลพึ ง ทํ า ให แ จ ง ด ว ยป ญ ญาอั น ยิ่ ง ? คํ า ตอบ พึ ง มี ว า วิ ช ชา ด ว ย วิ มุ ต ติ ด ว ย : ธรรมทั้ ง หลาย เหลานี้แล ชื่อวาเปนธรรมอันบุคคลพึงทําใหแจงดวยปญญาอันยิ่ง.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๙๓
(ในกรณี ที่ เกี่ ย วกั บ โสต ฆาน ชิ ว หา กาย มโน และ สหคตธรรมแห ง อายตนะที่ โสต เป น ต น ก็ม ีเ นื ้อ ค วาม เห มือ น กับ ที ่ก ลา วแลว ใน กรณ ีแ หง จัก ษ ุแ ละสห คต ธรรม ของจัก ษ ุ ดัง ที่ กลาวขางบนนี้ทุกประการ พึงขยายความเอาเองใหเต็มตามนั้น). - อุปริ. ม. ๑๔/๕๒๓-๕๒๖/๘๒๘-๘๓๑.
การออกไปเสียไดจากางเดินแหงจิตของสัตวบุถุชน (ท างเดิ น แห งจิ ต ข องสั ต ว มี อ ยู ๓๖ อย าง มี อ ยู ที่ หั วข อ ว า "เวท น าคื อ ท างไป แ ห ง จิต ข อ งสัต ว" ใน ภ าค ๑ ที ่ว า ดว ย ท ุก ข อ ริย สัจ ห น า ๑๘๖ แ ห ง ห น ัง สือ เลม นี ้. ขอ ค วาม ตอ ไป นี ้ แสดงการออกมาเสีย ไดจ ากทางเดิน แหง จิต ของสัต วเ หลา นั ้น โดยอาศัย ธรรมที ่เ ปน คู ป รับ แก กัน เปน คู ๆ ละฝา ยที ่ค วรละเสีย จนกระทั ่ง ออกมาเสีย ไดจ ากทางแหง ทุก ขถ ึง ที ่ส ุด โดยประการ ทั้งปวง ดังตอไปนี้ :-)
ภิก ษ ุ ท .! คํ า ที ่เ ราก ลา ววา "จ งอ าศัย ท างนี ้ แ ลว ล ะ ท างนี ้เ สีย " ด ัง นี ้นั ้น , เราก ล า ว อ าศ ัย ห ล ัก เก ณ ฑ อ ะ ไรเล า ? ภ ิก ษ ุ ท .! ขอ นั ้น เราก ล า ว อาศัยหลักเกณฑ คอื :-
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท .! ใน บ รรด า ท า งไป (แ ห งจิ ต ) ข อ งสั ต ว ทั้ งส า ม สิ บ ห ก นั้ น โสมนั ส อาศั ย การหลี ก ออกจากเรื อ น (เนกขั ม มสิ ต โสมนั ส ) หกอย า งมี อ ยู เธอจง อาศั ย แล ว ๆ ซึ่ งโสมนั ส อาศั ย การหลี ก ออกจากเรือ นนั้ น ละเสี ย ก าวล วงเสี ย ซึ่ งโสมนั ส อาศัย เรือ นหกอยา ง. การละเสีย ได การกา วลว งเสีย ได ซึ ่ง โสมนัส อาศัย เรือ น หกอยางเหลานั้น ยอมมีดวยอาการเหลานี้.
ภิ ก ษุ ท .! ใน บ รรด า ท า งไป (แ ห งจิ ต ) ข อ งสั ต ว ทั้ งส า ม สิ บ ห ก นั้ น โท ม นั ส อ าศั ยการห ลี ก ออกจากเรื อ น (เน กขั ม ม สิ ต โท ม นั ส) ห กอ ย า งมี อยู เธอ จง อาศัยแลว ๆ ซึ่งโทมนัสอาศัยการหลีกออกจาเรือนนั้น ละเสียกาวลวงเสีย
๗๙๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ซึ่ ง โทมนั ส อาศั ย เรื อ นหกอย า ง. การละเสี ย ได การก า วล ว งเสี ย ได ซึ่ ง โทมนั ส อาศัยเรือนหกอยางเหลานั้น ยอมมีดวยอาการอยางนี้. ภิ ก ษุ ท.! ในบรรดาทางไป (แห ง จิ ต ) ของสั ต ว ทั้ ง สามสิ บ หกนั้ น อุ เบกขาอาศั ยการหลี กออกจากเรื อน (เนกขั มมสิ ตอุ เบกขา) หกอย างมี อยู เธอจง อาศั ย แล ว ๆ ซึ่ งอุ เบกขาอาศั ย การหลี ก ออกจากเรื อ นนั้ น ละเสี ย ก า วล ว งเสี ย ซึ่ ง อุเ บกขาอาศัย เรือ นหกอยา ง. การละเสีย ได การกา วลว งเสีย ได ซึ ่ง อุเ บกขา อาศัยเรือนหกอยางเหลานั้น ยอมมีดวยอาการอยางนี้. ภิ ก ษุ ท.! ในบรรดาทางไป (แห ง จิ ต ) ของสั ต ว ทั้ ง สามสิ บ หกนั้ น โสมนั ส อาศั ย การหลี ก ออกจากเรื อ น (เนกขั ม มสิ ต โสมนั ส ) หกอย า งมี อ ยู เธอจง อาศัย แลว ๆ ซึ่งโสมนัสอาศัย การหลีก ออกจากเรือ นนั้น ละเสีย กาวลวงเสีย ซึ ่ง โสมนัส อาศัย การหลีก ออกจากเรือ นหกอยา ง. การละเสีย ได การกา วลว ง เสี ย ได ซึ่ งโทมนั ส อาศั ย การหลี ก ออกจากเรื อ นหกอย า งเหล า นั้ น ย อ มมี ด ว ยอาการ อยางนี้.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! ในบรรดาทางไป (แห ง จิ ต ) ของสั ต ว ทั้ ง สามสิ บ หกนั้ น อุ เ บกขาอาศั ย การหลี ก ออกจากเรื อ น (เนกขั ม มสิ ต อุ เบกขา) หกอย า งมี อ ยู เธอจง อาศัยแลว ๆ ซึ่งอุเบกขาอาศัยการหลีกออกจากเรือนนั้น ละเสียกาวลวงเสีย ซึ ่ง โสมนัส อาศัย การหลีก ออกจากเรือ นหกอยา ง. การละเสีย ได การกา วลว ง เสี ย ได ซึ่ งโสมนั ส อาศั ย การหลี ก ออกจากเรื อ นหกอย างเหล า นั้ น ย อ มมี ด ว ยอาการ อยางนี้.
ภิ ก ษุ ท.! อุ เบกขามี ภ าวะต า ง ๆ (นานั ต ตอุ เบกขา) อาศั ย ภาวะต า ง ๆ ก็มีอยู. อุเบกขามีภาวะอยางเดียว (เอกัตตอุเบกขา) อาศัยภาวะอยางเดียว ก็มีอยู.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๙๕
ภิก ษุ ท.! อุเ บกขามีภ าวะตา งๆ อาศัย ภาวะตา ง ๆ เปน อยา งไร เล า ? ภ ิก ษ ุ ท .! อ ุเ บ ก ข า ใน รูป ท . ม ีอ ยู , อ ุเ บ ก ข า ใน เส ีย ง ท . ม ีอ ยู , อุเ บกขาในกลิ ่น ท. มีอ ยู , อุเ บกขาในรส ท. มีอ ยู , อุเ บกขาในโผฏฐัพ พะ ท. มีอยู. ภิกษุ ท.! นี้คือ อุเบกขามีภาวะตางๆ อาศัยภาวะตาง ๆ. ภิ ก ษุ ท.! อุ เบกขามี ภ าวะอย า งเดี ย ว อาศั ย ภาวะอย า งเดี ย ว เป น อย า งไรเล า ? ภิ ก ษุ ท.! อุ เ บกขาอาศั ย อาการสานั ญ จายตนะมี อ ยู , อุ เ บกขา อาศั ย วิ ญ ญาณั ญ จายตนะมี อ ยู , อุ เบกขาอาศั ย อากิ ญ จั ญ ญายตนะมี อ ยู , อุ เบกขา อาศั ย เนวสั ญ ญ านาสั ญ ญ ายตนะมี อ ยู . ภิ ก ษุ ท.! นี้ คื อ อุ เ บกขามี ภ าวะอย า ง เดียว อาศัยภาวะอยางเดียว. ภิ ก ษุ ท .! ใน บ รรด าอุ เบ ก ขาเห ล านั้ น เธอ จง อ าศั ย แ ล ว ๆ ซึ่ ง อุเบกขามีภาวะอยางเดียว อาศัยภาวะอยางเดียว ละเสียกาวลวงเสียซึ่งอุเบกขา มี ภ าวะต า ง ๆ อาศั ย ภาวะต า ง ๆ นั้ น . การละเสี ย ได การก า วล ว งเสี ย ได ซึ่ ง อุเบกขามีภาวะตาง ๆ อาศัยภาวะตาง ๆ นั้น ยอมมีดวยอาการอยางนี้.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! เธอจง อาศั ย แล ว ๆ ซึ่ ง อตั ม มยตา๑ ละเสี ย ก า วล ว งเสี ย ซึ ่ง อุเ บกขามีภ าวะอยา งเดีย ว อาศัย ภาวะอยา งเดีย วนั ้น . การละเสีย ได การ ก า วล ว งเสี ย ได ซึ่ ง อุ เ บกขามี ภ าวะอย า งเดี ย ว อาศั ย ภาวะอย า งเดี ย วกั น ย อ มมี ดวยอาการอยางนี้.
๑. อตั ม มยตา คํ า นี้ ยากที่ จ ะแหลออกมาตรง ๆ และไม ค วรจะแปลออกมา, ให ใ ช ทั บ ศั พ ท จ น กลายเปน คํ า ใน ภ าษ าไท ย เห มือ น คํ า สํ า คัญ อื ่น ๆ เชน คํ า วา นิพ พ าน เปน ตน ก็แ ลว กัน . สํ า หรั บ ความหมายของคํ า ว า อตั ม มยตา นั้ น หมายถึ ง ภาวะที่ ไ ม ต อ งเนื่ อ งหรื อ อาศั ย ป จ จั ย อะไร ๆ, ไดแ กอ สัข ตธรรมอัน เปน ธรรมที ่ป ราศจากตัณ หาเปน ตน อัน ปจ จัย ปรุง แตง ไมไ ด นั่นเอง.
๗๙๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภิก ษุ ท.! คํ า ใดที ่เ รากลา ววา "จงอาศัย ทางนี ้ แลว ละทางนี ้เ สีย " ดังนี้นั้น, คํานั้นเรากลาวอาศัยหลักเกณฑอยางนี้แล. - อุปริ. ม. ๑๔/๔๐๖/๖๓๑-๖๓๒. (นี้ แ สดงว า การอาศั ย ทางอย า งหนึ่ ง ละทางอย า งหนึ่ ง เสี ย นั้ น เป น นิ โ รธอย า งหนึ่ ง ๆ ซึ่งควรจะมองใหเห็นวาเปนนิโรธ ๗ ขั้นตอน ดังนี้คือ :อาศัย เนกขัมมสิตโสมนัส ละเคหสิตโสมนัส คูหนึ่ง ; อาศัย เนกขัมมสิตโสมนัส ละเนกขัมมสิตโทมนัส คูหนึ่ง ; อาศัย เนกขัมมสิตโทมนัส ละเคหสิตโทมนัส คูหนึ่ง ; อาศัย เนกขัมมสิตอุเบกขา ละเคหสิตอุเบกขา คูหนึ่ง ; อาศัย เนกขัมมสิตอุเบกขา ละเนกขัมมสิตโสมนัส คูหนึ่ง ; อาศัย เอกัตตอุเบกขา ละนานัตตอุเบกขา คูหนึ่ง ; อาศัย อตัมมยตา ละเอกัตตอุเบกขา (คูหนึ่ง).
การละความผูกพันในความสุขทุกชั้น ก. สุขที่ควรกลัว อุท ายิ ! กาม คุณ หา อ ยา งเห ลา นี ้ มีอ ยู . หา อ ยา ง อ ยา งไรเลา ? ห า อย า งคื อ รู ป ทั้ ง หลายที่ จ ะพึ ง รู สึ ก ได ด ว ยตา อั น เป น รู ป ที่ น า ปรารถนา น า ใคร น า พ อใจ มี ลั ก ษ ณ ะน า รั ก เป น ที่ เ ข า ไปอาศั ย อยู แ ห ง ความใคร เป น ที่ ตั้ ง แห ง ค วาม กํ า ห นัด ; เสีย งทั ้ง ห ล าย ที ่จ ะพึง รู ส ึก ไดด ว ย หู....; ก ลิ ่น ทั ้ง ห ล าย ที ่จ ะ พึง รู ส ึก ไดด ว ย จ มูก ....; รส ทั ้ง ห ล า ย ที ่จ ะ พึง รู ส ึก ไดด ว ย ลิ ้น ....; โผ ฏ ฐัพ พ ะ ทั ้ง หลายที ่จ ะพึง รู ส ึก ไดด ว ยผิว กาย อัน เปน โผฏฐัพ พะที ่น า ปรารถนา นา ใคร น า พอใจ มี ลั ก ษณะน า รั ก เป น ที่ เข า ไปอาศั ย อยู แ ห ง ความใคร เป น ที่ ตั้ ง แห ง ความ กําหนัด. อุทายิ ! เหลานี้แล กามคุณหาอยาง.
www.buddhadasa.info
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๙๗
อุทายิ ! สุขโสมนั สใด อาศั ยกามคุ ณ ห าเหล านี้ เกิ ดขึ้ น นี้ เรากลาววา กามสุข มิฬ หสุข ๑ ปุถ ุช นสุข อนริย สุข , เรากลา ววา สุข นั ้น บุค คล ไมค วร เสพ ไมควรมี ไมควรทําใหมาก และควรกลัว. ข. สุขที่ไมควรกลัว อุ ท ายิ ! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ สงั ด แล ว จากกาม สงั ด แล ว จากอกุ ศ ลธรรม เข า ถึ ง ปฐมฌ าน อั น มี วิ ต กวิ จ าร มี ป ติ แ ละสุ ข อั น เกิ ด จากวิ เ วก แล ว แลอยู ; เพราะความที่ วิ ต กวิ จารทั้ งสองระงั บ ลง เข าถึ ง ทุ ติ ย ฌาน เป น เครื่ อ งผ อ งใสแห งใจ ในภายใน ให ส มาธิ เ ป น ธรรมอั น เอกผุ ด มี ขึ้ น ไม มี วิ ต ก ไม มี วิ จ าร มี แ ต ป ติ แ ละ สุข อัน เกิด จากส มาธิ แลว แลอยู ; อนึ ่ง เพ ราะความ จางคลายไป แหง ปติ ย อ มเป น ผู อ ยู อุ เบกขา มี ส ติ แ ละสั ม ปชั ญ ญะ และย อ มเสวยความสุ ข ด ว ยนามกาย ชนิ ด ที่ พ ระอริ ย เจ า ทั้ ง หลาย ย อ มกล า วสรรเสริ ญ ผู นั้ น ว า "เป น ผู อ ยู อุ เบกขา มี ส ติ อยู เ ปน ปรกติส ุข " ดัง นี ้ เขา ถึง ต ติย ฌ าน แลว แลอยู ; เพราะละสุข เสีย ได และเพราะละทุ ก ข เสี ย ได เพราะความดั บ ไปแห งโสมนั ส และโทมนั ส ทั้ ง สองในกาล ก อ น เข า ถึ ง จตุ ต ถฌาน ไม มี ทุ ก ข ไ ม มี สุ ข มี แ ต ค วามที่ ส ติ เป น ธรรมชาติ บ ริ สุ ท ธิ์ เพราะอุ เ บกขา แล ว แลอยู . นี้ เ รากล า วว า เนกขั ม มสุ ข วิ เ วกสุ ข อุ ป สมสุ ข สัม โพธิส ุข . เรากลา ววา สุข นั ้น บุค คล ควรเสพ ควรเจริญ ควรทํ า ใหม าก และไมควรกลัว.
www.buddhadasa.info ค. สุขที่ยังหวั่นไหวและไมหวั่นไหว อุ ท ายิ ! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ สงั ด แล ว จากกาม สงั ด แล ว จากอกุ ศ ลธรรม เขาถึง ปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปติและสุขอันเกิดจากวิเวก แลวแลอยู.
๑. สุขไมสะอาด มีสุขเกิดทางทอปสสาวะเปนตน.
๗๙๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
อุท ายิ ! เรากลา วปฐมฌ านนี ้แ ล วา อยู ใ นวิส ัย แหง ความหวั ่น ไหว. อะไรเลา อยู ใ นวิส ัย แหง ความหวั ่น ไหวในปฐมฌ านนั ้น ? วิต กวิจ ารในป ฐมฌ านนั ้น นั่ น เองที ่ย ัง ไมด ับ มีอ ยู . วิต กวิจ าร นั ้น นั ่น แหละ เปน สิ ่ง ที ่อ ยู ใ นวิส ัย แหง ความ หวั่นไหวในปฐมฌานนั้น. อุ ท ายิ ! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ เพราะความที่ วิ ต กวิ จ ารทั้ ง สองระงั บ ลง เข า ถึ ง ทุ ติ ย ฌาน เป น เครื่ อ งผ อ งใสแห ง ใจในภายใน ให ส มาธิ เป น ธรรมอั น เอกผุ ด มี ขึ้ น ไม มี วิ ต ก ไม มี วิ จ าร มี แ ต ป ติ แ ละสุ ข อั น เกิ ด จากสมาธิ แล ว แลอยู . อุ ท ายิ ! เรากลา วแมท ุต ิย ฌ านนี ้แ ล วา อยู ใ นวิส ัย แหง ความหวั ่น ไหว. อะไรเลา อยู ใ น วิ ส ั ย แห ง ค วาม ห วั ่ น ไห ว ใน ทุ ต ิ ย ฌ าน นั ้ น ? ป ต ิ ส ขใน ทุ ต ิ ย ฌ าน นั ้ น นั ่ น เอ ง ที ่ย ัง ไมด ับ มีอ ยู . ปต ิส ุข นั ้น นั ่น แหละ เปน สิ ่ง ที ่อ ยู ใ นวิส ัย แหง ความหวั ่น ไหว ในทุติยฌานนั้น. อุท ายิ ! ภิก ษุใ นกรณีนี ้ เพราะความจางคลายไปแหง ปต ิ ยอ มเปน ผู อ ยู อุ เบกขา มี ส ติ แ ละสั ม ปชั ญ ญะ และย อ มเสวยความสุ ข ด ว ยนามกาย ชนิ ด ที่ พระอริ ย เจ า ทั้ ง หลาย ย อ มกล า วสรรเสริ ญ ผู นั้ น ว า "เป น ผู อ ยู อุ เ บกขา มี ส ติ อยู เปน ปรกติส ุข " ดัง นี ้ เขา ถึง ต ติย ฌ าน แลว แลอยู . อุท ายิ ! เรากลา วแม ตติ ย ฌานนี้ แ ล ว า อยู ใ นวิ สั ย แห ง ความหวั่ น ไหว. อะไรเล า อยู ใ นวิ สั ย แห ง ความ หวั่ น ไหวในตติ ย ฌานนั้ น ? อุ เ บกขาสุ ข ในตติ ย ฌานนั้ น นั่ ง เองที่ ยั ง ไม ดั บ มี อ ยู , อุเบกขาสุข นั้นนั่นแหละ เปนสิ่งที่อยูในวิสัยแหงความหวั่นไหวในตติยฌานนั้น.
www.buddhadasa.info อุท ายิ ! ภิก ษุใ น กรณ ีนี ้ เพ ราะล ะสุข เสีย ได แล ะเพ ราะล ะทุก ข เสียได เพราะความดับไปแหงโสมนัสและโทมนัสทั้งสองในกาลกอน เขาถึง
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๗๙๙
จตุ ต ถฌ าน ไม มี ทุ ก ข ไ ม มี สุ ด ข มี แ ต ค วามที่ ส ติ เ ป น ธรรมชาติ บ ริ สุ ท ธิ์ เ พราะ อุเบกขาแลวแลอยู. อุทายิ! เรากลาวจตุตถฌานนี้แล วาไมอยูในวิสัยแหงความ หวั่นไหว. ง. การละความผูกพันในรูปฌานและอรูปฌาน อุท ายิ ! ภิก ษุใ นกรณ ีนี ้ สงัด แลว จากกาม สงัด แลว จากอกุศ ลธรรม เข า ถึ ง ปฐมฌาน อั น มี วิต กวิจ าร มี ป ติ แ ละสุ ข อั น เกิ ด จากวิ เวก แล ว แลอยู . อุ ท ายิ ! เรากล า วปฐมฌานนี้ แ ล ว า สิ่ ง ไม ค วร (จะพอใจ) เรากล า วว า จงละเสี ย เรากลาววาจงกาวลวงเสีย. ก็อะไรเลา เปนการกาวลวงเสียซึ่งปฐมฌานนั้น ? อุ ท ายิ ! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ เพราะความที่ วิ ต กวิ จ ารทั้ ง สองระงั บ ลง เข า ถึ ง ทุ ติ ยฌาน เป นเครื่องผ องใสแห งใจในภายใน ให สมาธิ เป นธรรมอั นเอกผุ ดมี ขึ้ น ไมม ีว ิต ก ไมม ีว ิจ าร มีแ ตป ต ิแ ละสุข อัน เกิด จากสมาธิ แลว แลอยู . นี ้แ หละ เปน การกา วลว งซึ ่ง ปฐมฌานนั ้น . อุท ายิ! เรากลา วแมท ุต ิย ฌานนั ้น แล วา สิ ่ง ไม ค วร (จะพอใจ) เรากล า วว า จงละเสี ย เรากล า วว า จงก า วล ว งเสี ย . ก็ อ ะไรเล า เปนการกาวลวงเสียซึ่งทุติยฌานนั้น ?
www.buddhadasa.info อุท ายิ ! ภิก ษุใ นกรณีนี ้ เพราะความจางคลายไปแหง ปต ิ ยอ มเปน ผู อ ยู อุ เบกขา มี สิ ต และสั ม ปชั ญ ญะ และย อ มเสวยความสุ ข ด ว ยนามกาย ชนิ ด ที่ พระอริ ย เจ า ทั้ ง หลาย ย อ มกล า วสรรเสริ ญ ผู นั้ น ว า "เป น ผู อ ยู อุ เบกขา มี ส ติ อยู เปน ปรกติส ุข " ดัง นี ้ เขา ถึง ตติย ฌาน แลว แลอยู . นี ้แ หละเปน การกา วลว ง ซึ่งทุติยฌานนั้น. อุทายิ! เรากลาวแมตติยฌานนั้นแล วาสิ่งไมควร (จะพอ
๘๐๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ใจ) เรากลา ววา จะละเสีย เรากลา ววา จงกา วลว งเสีย . ก็ อะไรเลา เปน การ กาวลวงซึ่งตติยฌานนั้น ? อุท ายิ ! ภิก ษุใ นกรณ ีนี ้ เพราะละสุข เสีย ได และเพราะละทุก ข เสี ย ได เรพาะความดั บ แห ง โสมนั ส และโทมนั ส สองในกาลก อ น เข า ถึ ง จตุ ต ถฌาน ไม มี ทุ ก ข ไม มี สุ ข มี แ ต ค วามที่ ส ติ เป น ธรรมชาติ บ ริ สุ ท ธิ์ เพราะอุ เบกขา แล ว แลอยู . นี ้แ หละเปน การกา วลว งเสีย ซึ ่ง ตติย ฌานนั ้น . อุท ายิ! เรากลา ว แม จ ตุ ต ถฌานนั้ น แล ว า สิ่ ง ไม ค วร(จะพอใจ) เรากล า วว า จงละเสี ย เรากล า วว า จงกาวลวงเสีย. ก็ อะไรเลา เปนการกาวลวงซึ่งจตุตถฌานนั้น ? อุ ท ายิ ! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ เรพาะก า วล ว งเสี ย ได ซึ่ ง รู ป สั ญ ญาทั้ ง หลาย โดยประการทั้ ง ปวง เพราะความดั บ ไปแห ง ปฏิ ฆ สั ญ ญาทั้ ง หลาย เพราะไม ใส ใ จ นานั ต ตสั ญ ญาทั้ ง หลาย เป น ผู เข า ถึ ง อากาสานั ญ จายตนะ อั น มี ก ารทํ าในใจว า "อากาศไมมีที่สุด " ดังนี้ แลว แลอยู. นี ้แ หละเปน การกา วลว งซึ่งจตุถ ฌานนั้น . อุ ท ายิ ! เรากล า วแม อ ากาสานั ญ จายตนะนั้ น แล ว า สิ่ ง ไม ค วร (จะพอใจ) เรา กลา ววา จงละเสีย เรากลา วา จงกา วลว งเสีย ก็ อะไรเลา เปน การกา วลว งเสีย ซึ่งอากาสานัญจายตนะนั้นฯ
www.buddhadasa.info อุ ท ายิ ! ภิ ก ษุ ในกรณี นี้ เพราะก าวล วงเสี ย ได ซึ่ ง อากาสานั ญ จายตนะ ดว ยประการทั ้ง ปวง เปน ผู เ ขา ถึง วิญ ญาณัญ จายตนะ อัน มีก ารทํ า ในใจวา "วิญ ญาณไมม ีที ่ส ุด " ดัง นี ้ แลว แลอยู . นี ้แ หละเปน การกา วลว งเสีย ซึ ่ง อากาสานัญ จายตนะนั ้น . อุท ายิ! เรากลา วแมว ิญ ญาณัญ จายตนะนั ้น แล วา สิ ่ง ไม ค วร(จะพอใจ เรากล า วว า จงละเสี ย เรากล า วว า จงก า วล ว งเสี ย ก็ อะไรเล า เปนการกาวลวงเสียซึ่งวิญญาณัญจายตนะนั้น ?
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๘๐๑
อุ ท ายิ ! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ เพราะก า วล ว งเสี ย ได ซึ่ ง วิ ญ ญาณั ย จายตนะ โดยประการทั้ งปวงเป น ผู เข าถึ ง อากิ ญ จั ญ ญายตนะ อั น มี ก ารทํ าในใจว า "อะไร ๆ ไม มี " ดั งนี้ แล วแลอยู. นี้ แ หละเป น การก าวล วงเสี ย ซึ่ งวิญ ญาณั ญ จายตนะนั้ น . อุ ท ายิ ! เรากล า วแม อ ากิ ญ จั ญ ญายตนะนั้ น แล ว า สิ่ งไม ค วร (จะพอใจ) เรากล า ว วา จงละเสีย เรากลา ววา จงกา วลว งเสีย . ก็ อะไรเลา เปน การกา วลว งเสีย ซึ ่ง อากิญจัญญายตนะนั้น ? อุ ท ายิ ! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ เพราะก า วล ว งเสี ย ได ซึ่ ง อากิ ญ จั ญ ญายตนะ โดยประการทั ้ง ปวง เปน ผู เ ขา ถึง เนวสัญ ญ านาสัญ ญ ายตนะ แลว แลอยู . นี้ แหละเป นการก าวล วงเสี ยซึ่ งอากิ ญ จั ญ ญายตนะนั้ น. อุทายิ ! เรากลาวแม เนวสั ญ ญานาสั ญ ญายตนะนั้ น แล ว า สิ่ งไม ค วร (จะพอใจ) เรากล า วว า จงละเสี ย เรา กล า วว า จงก า วล ว งเสี ย . ก็ อะไรเล า เป น การก า วล ว งเสี ย ซึ่ ง เนวสั ญ ญานาสัญญายตนะนั้น ? อุ ท ายิ ! ภิ กษุ ใน กรณี นี้ เพ ราะก า วล ว งเสี ย ได ซึ่ ง เนวสั ญ ญ านาสัญ ญายตนะโดยประการทั ้ง ปวง เปน ผู เขา ถึง สัญ ญาเวทยิต นิโ รธ แลว แลอยู . นี้แหละเปนการกาวลวงเสียซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะนั้น.
www.buddhadasa.info อุ ท ายิ ! ด ว ยอาการอย า งนี้ แ ล เรากล า วการละแม ซึ่ ง เนวสั ญ ญานาสัญ ญ ายตนะ. อุท ายิ ! เธอเห็น บา งไหม ซึ ่ง สัง โยชนน อ ยใหญนั ้น ที ่เ ราไม กลาววาตองละ ? "ขอนั้น ไมมีเลย พระเจาขา!" - ม. ม. ๑๓/๑๘๙-๑๙๒/๑๘๒-๑๘๕.
๘๐๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
การละทิฏฐิดวยอนุปสสนาญาณ ในอารมณของทิฏฐินั้น ๆ จุ น ท ะ ! ทิ ฏ ฐิ ทั้ งห ล าย มี อ ย างเป น อ เน ก เกิ ด ขึ้ น ใน โล ก เนื่ อ ง เฉพาะดว ยวาทะวา ตนบา ง เนื ่อ งเฉพาะดว ยวาทะวา โลก บา ง. ทิฏ ฐิเ หลา นั ้น เกิด ขึ ้น ในอารมณ ใ ด และตาม นอน อยู ใ น อารมณ ใ ด และไมห ม กมุ น อยู ใ น อารมณ ใด, เมื่อบุคคล เห็นอยูดวยปญ ญาอันชอบตามที่เปนจริง ซึ่งอารมณ นั้น อย า งนี ้ ว า "นั ่ น ไม ใ ช ข องเรา, นั ่ น ไม ใ ช เ รา, นั ่ น ไม ใ ช อ ั ต ตาของเรา" ดัง นี ้ : ดว ยอาการอยา งนี ้ เปน การ ละซึ ่ง ทิฏ ฐิเ หลา นั ้น เปน การ สลัด คืน ซึ ่ง ทิฏฐิเหลานั้น. - มู. ม.๑๒/๗๒/๑๐๑.
อนุสัยเจ็ด สลาย เมื่อขาดความยึดมั่นในอารมณแหงปปญจสัญญา ภิ ก ษุ ! สั ญ ญา (ความสํ า คั ญ มั่ น หมายที่ ซ้ํ า ซากจนเป น อนุ สั ย )๑ ชนิ ด ต า ง ๆ อั น เป น เครื่ อ งทํ า ความเนิ่ น ช า (ปปฺ จ สฺ ญ า) ย อ มกลุ ม รุ ม บุ รุ ษ เพราะมี อารมณ ใดเปนตนเหตุ; ถาสิ่งใด ๆ เพื่อความเปนอารมณ นั้น มีไมได (ดวยเหตุ ใดก็ตาม) เพื่อบุรุษนั้นจะพึงเพลิดเพลิน พร่ําสรรเสริญ เมาหมก แลวไซร :
www.buddhadasa.info
๑. สั ญ ญ าในที่ นี้ มิ ใ ช เ ป น เพี ย งความจํ า ; แต เ ป น ความสํ า คั ญ มั่ น หมาย เช น สุ ข สั ญ ญ า = สัญ ญ าวา สุข , อัต ตสัญ ญ า = สัญ ญ าวา ตัว ตน เปน ตน , เกิด ขึ ้น ดว ยอุป าทาน; เกิด เมื ่อ ใดยอ มกอ อนุส ัย และเพิ ่ม ความเปน อนุส ัย (ความเคยชิน ) ยิ ่ง ขึ ้น ทุก ที, ก็ทํ า ความเนิ ่น ชา หรือความยากแกการดับทุกขยิ่งขึ้น ทุกที.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๘๐๓
นั่นแหละคือที่สุดแหงราคานุสัย แหงปฏิฆานุสัย แหงทิฏฐานุสัย แหงวิจิกิจฉานุสัย แหงมานานุสัย แหงภวราคานุสัย แหงอวิชชานุสัย. .... - มู. ม. ๑๒/๒๒๒/๒๔๕. (ข อ ความที่ เป น รายละเอี ย ดเกี่ ย วกั บ เรื่ อ งนี้ ดู ห นั ง สื อ ปฏิ จ จ. โอ. ที่ ห น า ๖๐๕-๖๑๑ โดยหัวขอวา "ปฏิจจสมุปบาทแหงปปจสัญญา ฯ).
ลําดับปจจัยแหงการกระทําใหแจงซึ่งนิพพาน ภิ กษุ ท.! ภิ กษุ ไม มี การระคนด วยหมู เป นที่ มายิ นดี ไม ยิ นดี ในการ ระคนดวยหมู ไมตามประกอบซึ่งความยินดีในการระคนดวยหมู ไมมีคณะเปน ที ่ม ายิน ดี ไมย ิน ดีใ นคณะ ไมต ามประกอบซึ ่ง ความยิน ดีใ นคณะแลว จัก เปน ผูผูเดียวยินดียิ่งในปวิเวก (ความสงัดถึงที่สุด) ดังนี้นั้น : นั่นเปนฐานะที่มีได ; เมื่ อ เป น ผู ผู เดี ย วยิ น ดี ยิ่ งในปวิ เวกอยู จั ก ถื อ เอาซึ่ งนิ มิ ต สํ าหรั บ จิ ต ได ดังนี้นั้น : นั่นเปนฐานะที่มีได ; เมื่ อ ถื อ เอาซึ่ งนิ มิ ต สํ า หรับ จิ ต ได อ ยู จั ก ทํ าสั ม มาทิ ฏ ฐิ ให บ ริ บู รณ ได ดั ง นี้นั้น : นั่นเปนฐานะที่มีได ; ครั้น ทํ าสั ม มาทิ ฏ ฐิ ได บ ริบู รณ แล ว จั ก ทํ าสั ม มาสมาธิ ให บ ริ บู ร ณ ได ดั ง นี้นั้น : นั่นเปนฐานะที่มีได ; ครั้ น ทํ า สั ม มาสมาธิ ไ ด บ ริ บู ร ณ แ ล ว จั ก ละสั ง โยชน ทั้ ง หลายได ดั ง นี้ นั้น : นั่นเปนฐานะที่มีได ; ครั้น ละสั ง โยชน ทั้ ง หลายได แ ล ว จั ก ทํ า ให แ จ ง ซึ่ ง นิ พ พานได ดั ง นี้ นั้ น : นั่นเปนฐานะที่มีได, ดังนี้แล.
www.buddhadasa.info - ฉกฺก. อํ. ๒๒/๒๗๒/๓๓๙.
๘๐๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
วิธีการบมวิมุตติใหถึงที่สุด เม ฆ ิย ะ ! ธรรม ทั ้ง ห ล าย ๕ ป ระก าร เปน ไป เพื ่อ ค วาม สุก รอ บ (ปริ ป าก) ของเจโตวิ มุ ต ติ ที่ ยั ง ไม สุ ก รอบ. ห า ประการอย า งไรเล า ? ห า ประการ คือ :๑. เมฆิย ะ! ในกรณ ีนี ้ ภิก ษุเ ปน ผู มีม ิต รดี มีส หายดี มีเ พื ่อ นดี : เมฆิย ะ ! นี ้เ ปน ธรรมขอ หนึ ่ง เปน ไปเพื ่อ ความสุก รอบของเจโตวิม ุต ติที ่ย ัง ไมสุกรอบ. ๒. เม ฆ ิย ะ ! ขอ อื ่น ยัง มีอ ีก , คือ ภ ิก ษ ุเ ปน ผู ม ีศ ีล สํ า รวม แลว ด ว ยการสํ า รวมในปาติ โ มกข ถึ ง พร อ มด ว ยมรรยาทและโคจร มี ป กติ เห็ น เป น ภั ย ในโทษทั้ ง หลายแม มี ป ระมาณน อ ย สมาทานอยู ในสิ ก ขาบททั้ ง หลาย : เมฆิ ย ะ ! นี้เปนธรรมขอที่สอง เปนไปเพื่อความสุกรอบของเจโตวิมุตติที่ยังไมสุกรอบ.
www.buddhadasa.info ๓. เม ฆ ิย ะ ! ขอ อื ่น ยัง มีอ ีก , คือ ภิก ษุเ ปน ผู ไ ดต า ม ป รา รถ น า ไดไมอยาก ไดไมลําบาก ซึ่งธรรมกถาอันเปนเครื่องขัดเกลากิเลสอยางยิ่ง เปน ที ่ส บายแกก ารเปด โลง แหง จิต คือ อัป ปจ ฉกถา (ใหป รารถนานอ ย) สัน ตุฏ ฐิก ถา (ให สั น โดษ) ปวิ เวกกถา (ให ส งั ด ) อสั ง สั ค คกถา (ให ไ ม ค ลุ ก คลี ด ว ยหมู ) วิ ริ ย ารั ม ภกถา (ให ป รารภเพี ย ร) สี ล กถา (ให มี ศี ล ) สมาธิ ก ถา (ให มี ส มาธิ ) ป ญ ญากถา (ให มี ป ญ ญา) วิ มุ ต ติ ก ถา (ให เกิ ดวิ มุ ตติ ) วิ มุ ต ติ ญ าณทั ส สนกถา (ให เกิ ดวิ มุ ตติ ญ าณทั สสนะ) : เมฆิ ย ะ ! นี้เปนธรรมขอที่สาม เปนไปเพื่อความสุกรอบของเจโตวิมุตติที่ยังไมสุกรอบ. ๔. เมฆิ ย ะ ! ข อ อื่ น ยั ง มี อี ก คื อ ภิ ก ษุ เป น ผู มี ค วามเพี ย ร อั น ปรารภ แลว เพื่อละอกุศลธรรมทั้งหลาย เพื่อยังกุศลธรรมทั้งหลายใหถึงพรอม เปนผูมี
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๘๐๕
กํ า ลัง มีค วามบากบั ่น มั ่น คง ไมท อดทิ ้ง ธุร ะในกุศ ลธรรมทั ้ง หลาย : เมฆิย ะ ! นี้เปนธรรมขอที่สี่ เปนไปเพื่อความสุกรอบของเจโตวิมุตติที่ยังไมสุกรอบ. ๕. เมฆ ิย ะ ! ขอ อื ่น ยัง มีอ ีก คือ ภิก ษุ เปน ผู มีป ญ ญ า ประกอบ ด ว ยป ญ ญาเป น เครื่ อ งถึ ง ธรรมสั จ จะแห ง การตั้ ง ขึ้ น และการตั้ ง อยู ไ ม ไ ด อั น เป น อริ ย ะ เป น เครื่ อ งชํ า แรกกิ เ ลส ให ถึ ง ความสิ้ น ทุ ก ข โ ดยชอบ : เมฆิ ย ะ! นี้ เ ป น ธรรมขอที่หา เปนไปเพื่อความสุกรอบแหงเจโตวิมุตติที่ยังไมสุกรอบ. เมฆ ิย ะ ! เมื ่อ ภิก ษุเ ปน ผู ม ีม ิต รดี สห ายดี เพื ่อ นดี, ตอ ไป นี ้เ ปน สิ ่ง ที ่เ ธอพึง หวัง ได คือ จัก เปน ผู ม ีศ ีล ฯลฯ จัก ไดโ ดยงา ยซึ ่ง ธรรมกถา ฯลฯ, จักเปนผูปรารภความเพียร ฯลฯ จักเปนผูมีปญญา ฯลฯ. เมฆิ ย ะ ! ภิ ก ษุ นั้ น ตั้ ง อยู ใ นธรรม ๕ ประการเหล า นี้ แ ล ว พึ ง เจริ ญ ธรรมสี่ประการใหยิ่งขึ้นไป คือ :เจริญ อสุภะ เพื่อ ละราคะ. เจริญ เมตตา เพื่อ ละพยาบาท. เจริญ อานาปานสติ เพื่อ ตัดเสียซึ่งวิตก. เจริญ อนิจจสัญญา เพื่ อ ถอนอั สมิ มานะ; กล าวคื อ เมื่ อเจริ ญ อนิ จจสัญญา อนัตตาสัญญายอมมั่นคง. ผูมีอนัตตสัญญา ยอมถึงซึ่งการถอนอัสมิมานะ คือ นิพพาน ในทิฏฐธรรม นั่นเทียว.
www.buddhadasa.info - นวก. อํ ๒๓/๓๖๙/๒๐๗. (ข อ ป ฏิ บั ติ ระบ บ นี้ ใช ไ ด แม แก ผู ตั้ งต น บํ าเพ็ ญ วิ มุ ตติ ; และใช ไ ด แ ก ผู บํ าเพ็ ญ วิ มุ ต ติ แ ล ว แต ยั ง ไม กุ ก รอบ คื อ เพิ่ ม ข อ ปฏิ บั ติ ชื่ อ เดี ย วกั น เหล า นี้ ใ ห ยิ่ ง ขึ้ น ไป. นั บ ว า เป น หลั ก ปฏิบัติที่สําคัญมาก ควรแกการสนใจอยางยิ่ง.
๘๐๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ธรรม ะ ๕ ป ระการแหง สูต รนี ้ เรีย กใน สูต รนี ้ว า "เครื ่อ งบม วิม ุต ติ" ในสูต รอื ่น (นวก. อํ. ๒๓/๓๖๔/๒๐๕) เรียกวา "ที่ตั้งอาศัยแหงการเจริญโพธิปกขิกธรรม" ก็มี).
สติปฏฐานบริบูรณเพราะอานาปานสติบริบูรณ ภิ ก ษุ ท.! อานาปานสติ อั น บุ ค คลเจริ ญ แล ว อย า งไร ทํ า ให ม ากแล ว อยางไร จึงทําสติปฎฐานทั้งสี่ใหบริบูรณได ? [หมวดกายานุปสสนา] ภิก ษุ ท.! สมัย ใด ภิก ษุ [๑] เมื ่อ หายใจเขา ยาว ก็รู ส ึก ตัว ทั ่ว ถึง ว า เราหายใจเข า ยาวดั ง นี้ , หรื อ ว า เมื่ อ หายใจออกยาว ก็ รู สึ ก ตั ว ทั่ ว ถึ ง ว า เรา หายใจออกยาว ดั ง นี้ ก็ ดี ; [๒] เมื่ อ หายใจเข า สั้ น ก็ รู สึ ก ตั ว ทั่ ว ถึ ง ว า เราหายใจ เขา สั ้น ดัง นี ้. หรือ วา เมื ่อ หายใจออกสั ้น ก็รู ส ึก ตัว ทั ่ว ถึง วา เราหายใจออก สั ้น ดัง นี ้ก ็ด ี; [๓] ยอ ม ทํ า ในบ ทศึก ษ าวา เราเปน ผู รู พ รอ ม เฉ พ าะซึ ่ง กาย ทั ้ง ปวง จัก หายใจเขา ดัง นี ้. ยอ มทํ า ในบทศึก ษาวา เราเปน ผู รู พ รอ มเฉพาะ ซึ ่ง กายทั ้ง ปวง จัก หายใจออก ดัง นี ้; [๔] ยอ มทํ า ในบทศึก ษาวา เราเปน ผู ทํ า กายสัง ขารใหรํ า งับ อยู จัก หายใจเขา ดัง นี ้, ยอ มทํ า ในบทศึก ษาวา เราเปน ผู ทํ า กายสัง ขารใหรํ า งับ อยู จัก หายใจออก ดัง นี ้; ภิก ษุ ท.! สมัย นั ้น ภิก ษุ ชื่ อวาเป นผู ตามเห็ นกายในกาย อยู เป นประจํ า มี ความเพี ยรเผากิ เลส มี สั มปชั ญ ญะ มีสติ นําอภิชฌาและโทมนัสในโลกออกเสียได
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ ท.! เราย อ มกล า วลมหายใจเข า และลมหายใจออก ว า เป น กาย อัน หนึ ่ง ๆ ในกายทั ้ง หลาย. ภิก ษุ ท.! เพราะเหตุนั ้น ในเรื ่อ งนี ้ ภิก ษุนั ้น ยอ ม ชื่ อว าเป น ผู ต ามเห็ นกายในกายอยู เป น ประจํ า มี ค วามเพี ยรเผากิ เลส มี สั ม ปชั ญ ญะ มีสติ นําอภิชฌาและโทมนัสในโลกออกเสียได ในสมัยนั้น.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๘๐๗
[หมวดเทวทนานุปสสนา] ภิก ษุ ท.! สมัย ใด ภิก ษุ [๑] ยอ มทํ า ในบทศึก ษาวา เราเปน ผู รู พ รอ มเฉพาะซึ ่ง ปต ิ จัก หายใจเขา ดัง นี ้. ยอ มทํ า ในบทศึก ษาวา เราเปน ผู รู พรอ มเฉพาะซึ ่ง ปต ิ จัก หายใจออก ดัง นี ้; [๒] ยอ มทํ า ในบทศึก ษาวา เราเปน ผู รูพ รอ มเฉพาะซึ ่ง สุข จัก หายใจเขา ดัง นี ้. ยอ มทํ า ในบทศึก ษาวา เราเปน ผู รู พ รอ มเฉพาะซึ ่ง สุข จัก หายใจออก ดัง นี ้; [๓] ยอ มทํ า ในบทศึก ษาวา เรา เป น ผู รูพ ร อ มเฉพาะซึ่ งจิ ต ตสั งขาร จั ก หายใจเข า ดั งนี้ , ย อ มทํ า ในบทศึ ก ษาว า เราเปน ผู รู พ รอ มเฉพาะซึ ่ง จิต ตสัง ขาร จัก หายใจออก ดัง นี ้ ; [๔] ยอ มทํ า ใน บทศึ กษาวา เราเป น ผู ทํ าจิต ตสั งขารให รํางับ อยู จัก หายใจเขาดังนี้ , ยอ มทํ าใน บทศึ ก ษาว า เราเป น ผู ทํ า จิ ต ตสั ง ขารให รํา งั บ อยู จั ก หายใจออก ดั ง นี้ ; ภิ ก ษุ ท.! สมัยนั้น ภิกษุ ชื่อวาเปนผูตามเห็ นเวทนาในเวทนาทั้ งหลายอยูเปนประจํา มีความ เพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ นําอภิชฌาและโทมนัสในโลกออกเสียได. ภิ ก ษุ ท.! เราย อ มกล าวการทํ าในใจเป น อย างดี ต อ ลมหายใจเข า และ ลมหายใจออกทั้ ง หลาย ว า เป น เวทนาอั น หนึ่ ง ๆ ในเวทนาทั้ ง หลาย. ภิ ก ษุ ท.! เพราะเหุต นั ้น ในเรื ่อ งนี ้ ภิก ษุนั ้น ยอ มชื ่อ วา เปน ผู ต ามเห็น เวทนาในเวทนา ทั้ ง หลายอยู เป น ประจํ า มี ค วามเพี ย รเผากิ เลส มี สั ม -ปชั ญ ญะ มี ส ติ นํ า อภิ ช ฌา และโทมนัสในโลกออกเสียได ในสมัยนั้น.
www.buddhadasa.info [หมวดจิตตานุปสสนา] ภิก ษุ ท.! สมัย ใด ภิก ษุ [๑] ยอ มทํ า ในบทศึก ษาวา เราเปน ผู รู พ ร อ มเฉพาะซึ่ ง จิ ต จั ก หายใจเข า ดั ง นี้ , ย อ มทํ า ในบทศึ ก ษาว า เราเป น ผู รู พรอมเฉพาะซึ่งจิต จักหายใจออก ดังนี้ ; [๒] ยอมทําในบทศึกษาวา เราเปน
๘๐๘
อริยสัจจากพระโอษฐ
ผูทําจิต ใหป ราโมทยซึ่งอยู จัก หายใจเขา ดังนี้. ยอ มทําในบทศึกษาวา เราเปน ผู ทํ า จิต ใหป ราโมยยิ ่ง อยู จัก หายใจออก ดัง นี ้ ; [๓] ยอ มทํ า ในบทศึก ษาวา เราเปน ผู ทํ า จิต ใหตั ้ง มั ่น อยู จัก หายใจเขา ดัง นี ้. ยอ มทํ า ในบทศึก ษาวา เรา เปน ผู ทํ า จิต ตั ้ง มั ่น อยู จัก หายใจออก ดัง นี ้ ; [๔] ยอ ม ทํ า ในบทศึก ษ าวา เราเปน ผู ทํ า จิต ใหป ลอ ยอยู จัก หายใจเขา ดัง นี ้. ยอ มทํ า ในบทศึก ษาวา เรา เปน ผู ทํ า จิต ใหป ลอ ยอยู จัก หายใจออก ดัง นี ้, ภิก ษุ ท.! สมัย นั ้น ภิก ษุ ชื่อ วาเป น ผู ต ามเห็ น จิ ต ในจิ ต อยู เป น ประจํ า มี ความเพี ยรเผากิ ล ส มี สั ม ปชั ญ ญะ มีสติ นําอภิชฌาและโทมนัสในโลกออกเสียได. ภิก ษุ ท.! เราไมก ลา วอานาปานสติ วา เปน สิ ่ง ที ่ม ีไ ดแ กบ ุค คลผู มี ส ติอ ัน ลืม ห ล งแลว ไมม ีส ัม ป ชัญ ญ ะ. ภิก ษุ ท .! เพ ราะเห ตุนั ้น ใน เรื ่อ งนี้ ภิก ษุนั ้น ยอ มชื ่อ วา เปน ผู ต ามเห็น จิต อยู เ ปน ประจํ า มีค วามเพีย รเผากิเ ลส มีสัมปชัญญะ มีสติ นําอภิชฌาและโทมนัสในโลกออกเสียได ในสมัยนั้น. [หมวดธัมมานุปสนา]
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! สมัย ใด ภิก ษุ [๑] ยอ มทํ า ในบทศึก ษ าวา เราเปน ผู ตามเห็ น ซึ่ ง ความไม เ ที่ ย ง อยู เป น ประจํ า จั ก หายใจเข า ดั ง นี้ . ย อ มทํ า ในบท ศึ ก ษาว า เราเป น ผู ต ามเห็ น ซึ่ ง ความไม เที่ ย งอยู เป น ประจํ า จั ก หายใจออก ดั งนี้ ; [๒] ย อมทํ าในบทศึ กษาว า เราเป นผู ตามเห็ น ซึ่ งความจางคลาย อยู เป นประจํ า จั ก หายใจเข า ดั งนี้ , ย อ มทํ า ในบทศึ ก ษาว า เราเป น ผู ต ามเห็ น ซึ่ ง ความจางคลาย อยู เ ปน ประจํ า จัก หายใจออก ดัง นี ้ ; [๓] ยอม ทํ า ในบทศึก ษาวา เราเปน ผู ตามเห็น ซึ ่ง ความดับ ไมเ หลือ อยู เปน ประจํ า จัก หายใจเขา ดัง นี ้, ยอ มทํ า ใน บทศึกษาวา เราเปนผูตามเห็นซึ่งความดับไมเหลืออยูเปนประจํา จักหายใจออก
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๘๐๙
ดั ง นี้ ; [๔] ย อ มทํ า ในบทศึ ก ษาว า เราเป น ผู ตามเห็ น ซึ่ ง ความสลั ด คื น อยู เป น ประจํ า จั ก หายใจเข า ดั ง นี้ , ย อ มทํ า ในบทศึ ก ษาว า เราเป น ผู ต ามเห็ น ซึ่ ง ความ สลัด คืน อยู เ ปน ประจํ า จัก หายใจออก ดัง นี ้; ภิก ษุ ท.! สมัย นั ้น ภิก ษุชื ่อ วา เปน ผู ตามเห็น ธรรมในธรรมทั ้ง หลาย อยูเ ปน ประจํา มีค วามเพีย รเผากิเ ลส มีสัมปชัญญะ มีสติ นําอภิชฌาและโทมนัสในโลกออกเสียได. ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ นั้ น เป น ผู เ ข า ไปเพ ง เฉพาะเป น อย า งดี แ ล ว เพราะ เธอเห็ น การละอภิ ช ฌาและโทมนั ส ทั้ ง หลายของเธอนั้ น ด ว ยป ญ ญา. ภิ ก ษุ ท.! เพราะเหตุ นั้ น ในเรื่ อ งนี้ ภิ ก ษุ นั้ น ย อ มชื่ อ ว า เป น ผู ต ามเห็ น ธรรมในธรรมทั้ ง หลาย อยู เป น ประจํ า มี ความเพี ยรเผากิ เลส มี สั มปชั ญ ญะ มี สติ นํ าอภิ ชฌาและโทมนั ส ในโลกออกเสียได ในสมัยนั้น. ภิ ก ษุ ท.! อานาปานสติ อั น บุ ค คลเจริ ญ แล ว อย า งนี้ ทํ า ให ม ากแล ว อยางนี้แล ชื่อวาทําสติปฏฐานทั้งสี่ใหบริบูรณได. - อุปริ. ม. ๑๔/๑๙๕/๒๘๙.
www.buddhadasa.info โพชฌงคบริบูรณเพราะสติปฏฐานบริบูรณ
ภิ ก ษุ ท.! สิ ต ป ฏ ฐานทั้ ง สี่ อั น บุ ค คลเจริ ญ แล ว อย า งไร ทํ า ให ม าก แลวอยางไร จึงทําโพชฌงคทั้งเจ็ดใหบริบูรณได ? [โพชฌงคเจ็ด หมวดกายาฯ]
ภิ กษุ ท.! สมั ยใด ภิ กษุ เป นผู ตามเห็ น กายในกาย อยู เป นประจํ า มี ความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ นําอภิชฌาและโทมนัสในโลกออกเสีย
๘๑๐
อริยสัจจากพระโอษฐ
ได, ส มัย นั ้น ส ติข อ งภิก ษุผู เ ขา ไป ตั ้ง ไวแ ลว ก็เ ปน ธ รรม ช าติไ มล ืม ห ล ง ภิก ษุ ท.! สมัย ใด สติข องภิก ษุผู เ ขา ไปตั ้ง ไวแ ลว เปน ธรรมชาติไ มล ืม หลง สมั ย นั้ น สติ สั ม โพชฌงค ก็ เป น อั น ว า ภิ ก ษุ นั้ น ปรารภแล ว , สมั ย นั้ น ภิ ก ษุ ชื่ อ ว า ย อ มเจริ ญ สติ สั ม โพชฌงค , สมั ย นั้ น สติ สั ม โพชฌงค ข องภิ ก ษุ ชื่ อ ว า ถึ ง ความเต็ ม ระบบแหงการเจริญ. ภิ ก ษุ นั้ น เมื่ อ เป น ผู มี ส ติ เ ช น นั้ น อยู ย อ มทํ า การเลื อ ก ย อ มทํ า การ เฟน ยอ ม ทํ า การใครค รวญ ซึ ่ง ธรรม นั ้น ดว ยปญ ญ า. ภิก ษุ ท.! สมัย ใด ภิ ก ษุ เป น ผู มี ส ติ เช น นั้ น อยู ทํ า การเลื อ กเฟ น ใคร ค รวญธรรมนั้ น อยู ด ว ยป ญ ญา, สมัย นั ้น ธัม มวิจ ยสัม โพชฌงค ก็เปน อัน วา ภิก ษุนั ้น ปรารภแลว , สมัย นั ้น ภิก ษุ ชื ่อ วา ยอ มเจริญ ธัม มวิจ ยสัม โพชฌงค, สมัย นั ้น ธัม มวิจ ยสัม โพชฌงคข องภิก ษุ ชื่อวาถึงความเต็มรอบแหงการเจริญ. ภิก ษุนั ้น เมื ่อ เลือ กเฟ น ใครค รวญ อยู ซึ ่ง ธรรม นั ้น ดว ยปญ ญ า ความเพีย รอัน ไมย อ หยอ นชื ่อ วา เปน ธรรมอัน ภิก ษุนั ้น ปรารภแลว . ภิก ษุ ท.! สมั ย ใด ความเพี ย รไม ย อ หย อ นอั น ภิ ก ษุ ผู เ ลื อ กเฟ น ใคร ค รวญในธรรมนั้ น ด ว ย ป ญ ญาปรารภแล ว . สมั ย นั้ น วิ ริ ย สั ม โพชฌงค ก็ เป น อั น ว า ภิ ก ษุ นั้ น ปรารภแล ว . สมั ย นั้ น ภิ ก ษุ ชื่ อ ว าย อ มเจริ ญ วิ ริ ย สั ม โพชฌงค . สมั ย นั้ น วิ ริ ย สั ม โพชฌงค ข องภิ ก ษุ ชื่อวาถึงความเต็มรอบแหงการเจริญ.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ นั้ น เมื่ อ มี ค วามเพี ย รอั น ปรารภแล ว ป ติ อั น เป น นิ ร ามิ ส ก็ เ กิ ด ขึ ้น . ภิก ษุ ท.! สมัย ใด ปต ิอ ัน เปน นิร ามิส เกิด ขึ ้น แกภ ิก ษุผู ม ีค วามเพีย ร อันปรารภแลว, สมัยนั้น ปติสัมโพชฌงค ก็เปนอันวาภิกษุนั้นปรารภแลว.
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๘๑๑
สมั ย นั้ น ภิ ก ษุ ชื่ อ ว า ย อ มเจริ ญ ป ติ สั ม โพชฌงค , สมั ย นั้ น ป ติ สั ม โพชฌงค ข องภิ ก ษุ ชื่อวาถึงความเต็มรอบแหงการเจริญ. ภิ ก ษุ นั้ น เมื่ อ มี ใ จประกอบด ว ยป ติ แม ก ายก็ รํ า งั บ แม จิ ต ก็ รํ า งั บ ภิ ก ษุ ท.! สมั ย ใด ทั้ ง กายและทั้ ง จิ ต ของภิ ก ษุ ผู มี ใ จประกอบด ว ยป ติ ย อ มรํ า งั บ . สมัย นั ้น ปส สัท ธิส ัม โพชฌงค ก็เ ปน อัน วา ภิก ษุนั ้น ปรารภแลว , สมัย นั ้น ภิก ษุ ชื ่อ วา ยอ มเจริญ ปส สัท ธิส ัม โพชฌ งค. สมัย นั ้น ปส สัท ธิส ัม โพชฌ งคข องภิก ษุ ชื่อวาถึงความเต็มรอบแหงการเจริญ. ภิก ษ ุนั ้น เมื ่อ มีก ายอัน รํ า งับ แลว มีค วาม สุข อยู จิต ยอ ม ตั ้ง มั ่น . ภิ ก ษุ ท.! สมั ย ใด จิ ต ของภิ ก ษุ ผู มี ก ายอั น รํ า งั บ แล ว มี ค วามสุ ข อยู ย อ มตั้ ง มั่ น . สมัย นั ้น สมาธิส ัม โพชฌ งค ก็เ ปน อัน วา ภิก ษุนั ้น ปรารภแลว . สมัย นั ้น ภิก ษุ ชื ่อ วา ยอ มเจริญ สมาธิส ัม โพชฌงค, สมัย นั ้น สมาธิส ัม โพชฌงคข องภิก ษุ ชื ่อ วา ถึงความเต็มรอบแหงการเจริญ.
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ นั้ น ย อ มเป น ผู เ ข า ไปเพ ง เฉพาะซึ่ ง จิ ต อั น ตั้ ง มั่ น แล ว อย า งนั้ น เปน อยา งดี. ภิก ษุ ท.! สมัย ใด ภิก ษุเ ปน ผู เ ขา ไปเพง เฉพาะซึ ่ง จิต อัน ตั ้ง มั ่น แล ว อย า งนั้ น เป น อย า งดี , สมั ย นั้ น อุ เ บกขาสั ม โพชฌงค ก็ เป น อั น ว า ภิ ก ษุ นั้ น ป ร า ร ภ แ ล ว . ส ม ัย นั ้น ชื ่อ วา ย อ ม เจ ริญ อ ุเ บ ก ข า ส ัม โพ ช ฌ ง ค . ส ม ัย นั ้น อุเบกขาสัมโพชฌงคของภิกษุ ชื่อวาถึงความเต็มรอบแหงการเจริญ. [โพชฌงคเจ็ด หมวดเวทนา ฯ] ภิ ก ษุ ท.! สมั ย ใด ภิ ก ษุ เป น ผู ตามเห็ น เวทนาในเวทนาทั้ งหลาย อยู เปนประจํา มีความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสิต นําอภิชฌาและโทมนัส
๘๑๒
อริยสัจจากพระโอษฐ
ในโลกออกเสีย ได, สมัย นั ้น สติข องภิก ษุผู เ ขา ไปตั ้ง ไวแ ลว ก็เ ปน ธรรมชาติ ไมล ืม หลง. ภิก ษุ ท.! สมัย ใด สติข องภิก ษุผู เ ขา ไปตั ้ง ไวแ ลว เปน ธรรมชาติไ มล ืม หลง, สมัย นั ้น สติส ัม โพชฌ งค ก็เ ปน อัน วา ภิก ษุนั ้น ปรารภแลว . สมั ย นั้ น ภิ ก ษุ ชื่ อ ว า ย อ มเจริ ญ สติ สั ม โพชฌงค , สมั ย นั้ น สติ สั ม โพชฌงค ข องภิ ก ษุ ชื่อวาถึงความเต็มรอบแหงการเจริญ. ภิ ก ษุ นั้ น เมื่ อ เป น ผู มี สิ ต เช น นั้ น อยู ย อ มทํ าการเลื อ ก ย อ มทํ าการเฟ น ยอ มทํ า การใครค รวญ ซึ ่ง ธรรมนั ้น ดว ยปญ ญา. (ตอ ไปนี ้ มีข อ ความอยา งเดีย วกัน กับในโพชฌงคเจ็ด หมวดกายาฯ จนจบหมวด).
[โพชฌงคเจ็ด หมวดจิตตา ฯ] ภิ ก ษุ ท.! สมั ย ใด ภิ ก ษุ เป น ผู ตามเห็ น จิ ต ในจิ ต อยู เป น ประจํ า มี ความเพี ย รเผากิ เลสมี สั ม ปชั ญ ญะ มี ส ติ นํ า อภิ ช ฌาและโทมนั ส ในโลกออกเสี ย ได, ส มัย นั ้น ส ติข องภิก ษุผู เ ขา ไป ตั ้ง ไวแ ลว ก็เ ปน ธรรม ชาติไ มล ืม ห ล ง. ภิก ษุ ท.! สมัย ใด สติข องภิก ษุผู เ ขา ไปตั ้ง ไวแ ลว เปน ธรรมชาติไ มล ืม หลง สมัย นั ้น สติส ัม โพชฌงค ก็เ ปน อัน วา ภิก ษุนั ้น ปรารภมาแลว , สมัย นั ้น ภิก ษุ ชื่ อ ว า ย อ มเจริ ญ สติ สั ม -โพชฌงค , สมั ย นั้ น สติ สั ม โพชฌงค ข องภิ ก ษุ ชื่ อ ว า ถึ ง ความเต็มรอบแหงการเจริญ
www.buddhadasa.info ภิ ก ษุ นั้ น เมื่ อ เป น ผู มี ส ติ เช น นั้ น อยู ย อ มทํ า การเลื อ ก ย อ มทํ า การเฟ น ยอ มทํ า การใครค รวญ ซึ ่ง ธรรมนั ้น ดว ยปญ ญา, (ตอ ไปนี ้ มีข อ ความอยา งเดีย วกัน กับในโพชฌงคเจ็ด หมวดกายาฯ จนจบหมวด).
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๘๑๓
[โพชฌงคเจ็ด หมวดธัมมา ฯ] ภิ ก ษุ ท.! สมั ย ใด ภิ ก ษุ เป น ผู ตามเห็ น ธรรมในธรรมทั้ ง หลาย อยู เป น ประจํ า มี ค วามเพี ย รเผากิ เ ลส มี สั ม ปชั ญ ญะ มี ส ติ นํ า อภิ ช ฌาและโทมนั ส ในโลกออกเสีย ได. สมัย นั ้น สติข องภิก ษุผู เ ขา ไปตั ้ง ไวแ ลว ก็เ ปน ธรรมชาติ ไมล ืม หลง ภิก ษุ ท.! สมัย ใด สติข องภิก ษุผู เ ขา ไปตั ้ง ไวแ ลว เปน ธรรมชาติ ไม ลื ม หลง, สมั ย นั้ น สติ สั ม โพชฌงค ก็ เป น อั น ว า ภิ ก ษุ นั้ น ปรารภแล ว , สมั ย นั้ น ภิก ษุชื ่อ วา ยอ มเจริญ สติส ัม โพชฌ งค, สมัย นั ้น สติส ัม โพชฌ งคข องภิก ษุ ชื ่อ วา ถึงความเต็มรอบแหงการเจริญ. ภิ ก ษุ นั้ น เมื่ อ เป น ผู มี ส ติ เ ช น นั้ น อยู ย อ มทํ า การเลื อ ก ย อ มทํ า การ เฟน ยอ ม ทํ า การใครค รวญ ซึ ่ง ธรรมนั ้น ดว ยปญ ญ า. (ตอ ไป นี ้ มีข อ ค วาม อยา ง เดียวกันกับในโพชฌงคเจ็ด หมวดกายา ฯ จนจบหมวด).
ภ ิก ษ ุ ท .! ส ต ิป ฏ ฐ า น ทั ้ง สี ่ อ ัน บ ุค ค ล เจ ริญ แ ล ว อ ย า งนี ้ ทํ า ให มากแลว อยางนี้แล ชื่อวาทําโพชฌงคทั้งเจ็ดใหบริบูรณได.
www.buddhadasa.info - อุปริ. ม. ๑๔/๑๙๗/๒๙๐.
วิชชา-วิมุตติบริบูรณเพราะโพชฌงคบริบูรณ
ภิก ษุ ท.! โพชฌงคทั ้ง เจ็ด อัน บุค คลเจริญ แลว อยา งไร ทํ า ให มากแลวอยางไร จึงทําวิชชาและวิมุตติใหบริบูรณได? ภิ ก ษุ ท.! ภิ ก ษุ ใ นกรณี นี้ ย อ มเจริ ญ สติ สั ม โพชฌงค อั น อาศั ย วิ เวก อันอาศัยวิราคะ อันอาศัยนิโรธ อันนอมไปเพื่อโวสสัคคะ (ความสละลง);
๘๑๔
อริยสัจจากพระโอษฐ
ยอ มเจริญ ธัม มวิจ ยสัม โพชฌงค อัน อาศัย วิเวก อัน อาศัย วิร าคะ อันอาศัยนิโรธ อันนอมไปเพื่อโวสสัคคะ ; ย อ มเจริ ญ วิ ริ ย สั ม โพชฌงค อั น อาศั ย วิ เ วก อั น อาศั ย วิ ร าคะ อั น อาศัยนิโรธ อันนอมไปเพื่อโวสสัคคะ ; ย อมเจริญ ป ติ สั มโพชฌงค อั นอาศั ยวิ เวก อั นอาศั ยวิ ราคะ อั นอาศั ย นิโรธ อันนอมไปเพื่อโวสัคคะ ; ย อมเจริ ญ ป ส สั ท ธิ สั ม โพชฌงค อั นอาศั ยวิ เวก อั นอาศั ยวิ ราคะ อั น อาศัยนิโรธ อันนอมไปเพื่อโวสัคคะ ; ย อ มเจริ ญ สมาธิ สั ม โพชฌงค อั น อาศั ย วิ เวก อั น อาศั ย วิ ร าคะ อั น อาศัยนิโรธ อันนอมไปเพื่อโวสสัคคะ ; ย อมเจริญ อุ เบกขาสั ม โพชฌงค อั นอาศั ยวิ เวก อั นอาศั ยวิ ราคะ อั น อาศัยนิโรธ อันนอมไปเพื่อโวสสัคคะ ; ภิ ก ษุ ท.! โพชฌงค ทั้ ง เจ็ ด อั น บุ ค คลเจริ ญ แล ว อย า งนี้ ทํ า ให ม าก แลว อยางนี้แล ชื่อวาทําวิชชาและวิมุตติใหบริบูรณได, ดังนี้.
www.buddhadasa.info - อุปริ. ม. ๑๔/๒๐๑/๒๙๑.
นิโรธอริยสัจ (อีกนัยหนึ่ง)
ภิกษุ ท.! ความจริงอันประเสริฐ คือความดับไมเหลือของทุกข เปน อยางไรเลา ? ภิกษุ ท.! เพราะ ความจางคลายดับไปไมเหลือแหงอวิชชา นั้น นั ่น เทีย ว จึง มีค วมดับ แหง สัง ขาร ; เพราะมีค วามดับ แหง สัง ขาร จึง มีค วาม ดับแหงวิญญาณ; เพราะมีความดับแหงวิญญาณ จึงมีความดับแหงนามรูป;
ภาค ๓ - นิโรธอริยสัจ
๘๑๕
เพราะมี ค วามดั บ แห ง นามรู ป จึ ง มี ค วามดั บ แห ง สฬายตนะ ; เพราะมี ค วามดั บ แหง สฬายตนะ จึง มีค วามดับ แหง ผัส สะ; เพราะมีค วามดับ แหง ผัส สะ จึง มี ความดั บ แห ง เวทนา ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง เวทนาจึ ง มี ค วามดั บ แห ง ตั ณ หา ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง ตั ณ หา จึ ง มี ค วามดั บ แห ง อุ ป าทาน ; เราพมี ค วามดั บ แห ง อุ ป าทาน จึ ง มี ค วามดั บ แห ง ภพ ; เพราะมี ค วามดั บ แห ง ภพ จึ ง มี ค วามดั บ แห ง ชาติ ; เพราะมีค วามดับ แหง ชาติ นั ่น แล ชรามรณ ะ โสกะปริเ ทวะทุก ขะโทมนัส สะอุป ายาสทั ้ง หลาย จึง ดับ สิ ้น : ความดับ ลงแหง กองทุก ขทั ้ง สิ ้น นี้ ยอ มมี ดว ยอาการอยา งนี ้. ภิก ษุ ท.! นี ้ เราเรีย กวา ความจริง อัน ประเสริฐ คือความดับไมเหลือของทุกข. - ติก. อํ. ๒๐/๒๒๗/๕๐๑.
นิโรธอริยสัจเปนสิ่งที่ควรทําใหแจง ภ ิก ษ ุ ท .! อ ริย สัจ ม ีสี ่อ ยา งเห ล า นี ้. สี ่อ ยา งเห ลา ไห น เลา ? สี่ อยา งคือ :- ทุก ขอริย สัจ ทุก ขสมุท ยอริย สัจ ทุก ขนิโ รธอริย สัจ ทุก ขนิโ รธคามินีปฏิปทาอริยสัจ. ภิกษุ ท.! เหลานี้แล คือ อริยสัจสี่อยาง.
www.buddhadasa.info ภิก ษุ ท.! ในบรรดาอริย สัจ สี ่อ ยา งเหลา นี ้. อริย สัจ ที ่ใ คร ๆ ควร รอบรู มี อ ยู . อริ ย สั จ ที่ ใ คร ๆ ควรละ มี อ ยู , อริ ย สั จ ที่ ใ คร ๆ ควรทํ า ให แ จ ง มี อยู .... ภิก ษุ ท.! อริย สัจ ที ่ใ คร ๆ ควรรอบ รู นั ้น ไดแ ก อ ริย สัจ คือ ทุก ข ; อริย สั จที่ ใคร ๆ ควรละนั้ น ได แ ก อริย สั จ คื อ เหตุ ให เกิ ด ทุ ก ข ; อริย สั จ ที่ ใคร ๆ ควรทําใหแจงนั้น ไดแก อริยสัจ คือความดับไมเหลือของทุกข;....
๘๑๖
อริยสัจจากพระโอษฐ
ภ ิก ษ ุ ท .! เพ ราะ ฉ ะ นั ้น ใน ก รณ ีนี ้, พ วก เธ อ ทั ้ง ห ล าย พ ึง ทํ า ความเพีย รเพื ่อ ใหรู ต ามที ่เ ปน จริง วา 'ทุก ขเ ปน เชน นี ้ ๆ.' ดัง นี ้ ; 'เหตุใ ห เกิดทุกข เปนเชนนี้ ๆ.' ดังนี้; วา 'ความดับไมเหลือของทุกข เปนเชนนี้ ๆ;' .... ดังนี้เถิด. - มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๔๖/๑๗๐๙.
นิทเทศ ๑๒ วาดวยอาการดับแหงตัณหา
จบ
ภาค ๓ วาดวยนิโรธอริยสัจ ความจริงอันประเสริฐ คือความดับไมเหลือของทุกข
www.buddhadasa.info จบ