MAIPA

Page 1

พจนา จัทรสันติ

3



พจนา จัทรสันติ

“ เจ้าผู้เป็นบุตรธิดาแห่งโลก ผู้ซึ่งงทรงพลังและความสามารถ เหนือสิ่งมีชีวติทั้งหลาย... มาบัดนี้เจ้าได้ละเมิดต่อผู้ให้กำ�เนิด เจ้าได้กระทำ�การหยาบช้าต่อดวงดาวนี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าบัดนี้เจ้าได้ ไปไกลเพียงใดแล้ว ไกลและผิดพลาด จนเกินกว่าบรรพบุรุษของเจ้า จะคาดถึง ... ”

5



พจนา จัทรสันติ

คำ�เตือน จากดวงดาว ในห้วงจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล มีดวงดาวหนึ่ง ก่อกําเนิดขึ้นและสร้างตัวเองขึ้นมาอย่างงดงาม กระทําการร่วม กับกฎเกณฑ์แห่งจักรวาล บันดาลชีวิตขึ้นมาอย่างลี้ลับ สร้าง สิ่งมีชีวิตขึ้นมาจากมวลธาตุพื้นฐานของมัน อุดมด้วยชีวิตใน รูปแบบต่างๆ ถือเอารูปกายและวิถีชีวิตต่างๆกัน ดําเนินไปตาม จุดหมายปลายทางของมันซึ่งถูกกําหนดด้วยพลัง และกฎเกณฑ์ เบื้องสูง ดวงดาวดวงนั้นใช้กายของมัน แยกความมืดออกจาก ความสว่างในทุกสัดส่วน และทุกชีวิตที่อาศัยอยู่รับผลกระทบ จากความร้อนเย็น จากกลางวันและกลางคืน ร้อยสานกฎเกณฑ์ เล็กๆเข้าไว้ด้วยกันภายใต้หลักการของแม่บทแห่งสัจจะ ปลด ปล่อยตัวเองให้ไหลเวียนไปตามฤดูกาล ให้มวลธาตุได้รับผล เนื่องถึงกันและส่งผลกระทบ ถึงชีวิตทุกชีวิต ถึงพืชพรรณ และสัตว์ ให้พืชพรรณเติบโตเขียวขจีและอํานวยให้สัตว์ต่างๆ เติบโตสมบูรณ์ ประทานบางสิ่งบางอย่าง 7


ไม้ป่า

ให้เป็นอาหาร เอื้ออํานวยให้งอกงามเติบโต ประทานกฎเกณฑ์ แห่ ง ความเปลี่ย นแปลงอั น สุ ด หยั่ง ถึ ง ให้ ฉุด ดึ ง และยั ง ชะลอไว้ ประทานความร่วงโรยอับเฉาให้และกําหนดอายุขัยไว้ในวาระ สุดท้าย แยกสลายและพัดพาออกจากกันเพื่อนํามาปรุงรวมเข้า ด้วยกันอีก ครั้งหนึ่งมวลชีวิตในดวงดาวนั้นต่างพบความเป็น นิรันดร์ ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่นี้ทุกชีวิตต่าง นอบน้อมต่อกฎเกณฑ์สัจจะพื้นฐาน ยอมเกิด ยอมเปลี่ยนแปลง และยอมตกตายไปเพื่อจะกําเนิดอีกครั้งและพบตัวเอง หลากไหล ไปในกระแสอันเป็นนิรันดร์ เนิ่นนานทีเดียวที่กฎเกณฑ์ต่างๆดํารงอยู่บนดาวดวงนั้น หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไป สร้างดวงดาวนั้นให้งดงามยิ่งกว่า ดวงดาวใดในจักรวาล เต็มไปด้วยความอบอุ่น เต็มไปด้วย ชีวิต เต็มไปด้วยความจริงและเต็มไปด้วยความกลมกลืน ดาว ดวงนี้จึงเป็นที่รักของดวงดาวอื่นๆในจักรวาล ต่างจับตามอง และชมเชยด้วยอาการกะพริบแสงประดุจถ้อยคําพูด ประดุจ สัญ ลักษณ์ แ ละบทกวี ประดุจดังเสียงดนตรีท ิพ ย์พ ร่ำ� รํา พั น ถึงความงามและร่วมแซ่ซ้องปีติ โอ้จักรวาลอันยิ่งใหญ่ไพศาล โอ้ห้วงแห่งความมืดดํา โอ้แสงสว่างอันงดงาม โอ้ดวงดาวโลก โอ้สัจจะและชีวิต และแล้ว ดวงดาวนี้ก็ได้สร้างสิ่งมีชีวิตอย่างใหม่ขึ้น สร้างขึ้นมาจากมูลธาตุทุกอย่างในกาย 8


พจนา จัทรสันติ

สร้างขึ้นมาด้วยดิน น้ํา ลม ไฟ ประทานพืชพันธุ์และชีวิต อันหลากหลายซับซ้อน ให้เป็นสิ่งหล่อเลี้ยงทั้งทางกาย และ วิญญาณ ดูดดึงเอาพลังอันลี้ลับที่สุดในจักรวาลบรรสานเข้าไว้ และบรรจุกฎเกณฑ์อันสูงสุด หลอมรวมเข้าไว้ในสิ่งมีชีวิตอย่าง ใหม่นี้ ให้มันมีพลังและการรับรู้อันแหลมคมที่สุด มีญาณหยั่งรู้ อันลึกซึ้งที่สุดซึ่งสามารถเจาะผ่านแม้อุปสรรค และสิ่งปิดกั้นที่แข็ง แกร่งที่สุด สว่างไสวยิ่งกว่าดวงดาวอันเป็นแหล่งกําเนิดแสงและ สามารถเดินทางไปจนสุดขอบเขตของจักรวาลอันไร้ที่สิ้นสุด ซึ่งไม่ เคยมีสิ่งมีชีวิตชนิดใดสามารถทําได้มาก่อน ญาณหยั่งรู้นี้เดินทาง ไปเหมือนแสงสว่างในห้วงอวกาศ ซึ่งซึมซาบเข้าสู่ความมืดอย่าง เงียบงัน โดยไม่เปิดเผยตัวเองออก เต็มไปด้วยศักยภาพของทั้ง สองฟากฝ่ายของขั้วตรงข้าม ซึ่งปราศจากขั้ว ปราศจากขอบเขต เป็นเพียงความต่อเนื่องกันไปอันไร้ที่สิ้นสุด และไร้เส้นแบ่งกัน เนิ่นนานสืบมา สัตว์โลกชนิดนั้นได้พัฒนาการรับรู้และ ญาณพิเศษของมัน ผสมผสานและแต่งเติมด้วยอาศัยธาตุมูล และ กฎเกณฑ์อันซับซ้อนละเอียดอ่อนในตัว แรกเริ่มเดิมทีก็ดําเนิน ไปตามครรลองแห่งจักรวาลร่วมกับสิ่งมีชีวิตอื่น ใช้ญาณพิเศษ และการหยั่งรู้อันแหลมคม เพื่อเข้าใจถึงกฎเกณฑ์แห่งสัจจะอัน เป็นแม่แบบปกครองจักรวาล เจาะผ่านเข้าถึงความรอบรู้ในต้นกําเนิดเดิมของตน เรียนรู้จากเพื่อนชีวิตร่วมดวงดาว เก็บเกี่ยวบทเรียนและการรับ รู้เหล่านั้นไว้ ประมวลเข้าด้วยกัน 9


ไม้ป่า

สร้างการหยั่งรู้อันแหลมคมยิ่งขึ้น มันกลายเป็นสิ่งมีชีวิตเพียง ชนิด เดียวที่เข้าใจถึงความลี้ลับและต้น กํา เนิด ของดาวดวงนั้น ถ่ายทอดและบอกเล่ามา ส่งมอบความรู้อันเป็นสัจจะแก่เพื่อน ร่วมเผ่าพันธุ์ และสืบเนื่องไปถึงชีวิตในรุ่นหลัง มันจึงเป็นที่รัก ของดวงดาวนั้นและดวงดาวอื่นๆในจักรวาล ซึ่งให้รางวัลมัน ด้วยความเขียวขจีของพืชพันธุ์ธัญญาหารอันอุดม ให้รางวัล ด้วยความปีติสุข ด้วยความเบิกบาน และทิพย์ของการหยั่งรู้ โอบกอดมันด้วยแสงสว่างอันอบอุ่น จุมพิตมันด้วยความเย็น สดชื่นของฝน และประทานความงามให้ไว้ในวิญญาณของมัน ด้วยสีสันของท้องฟ้า เมฆหมอก และแสงดาวในยามค่ําคืน โลกสอนมันให้รู้จักความงามของจักรวาล และของทุกชีวิต ทุกเผ่าพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในนั้น และสถาปนาทิพย์ของความงาม ไว้เป็นอาหารแห่งวิญญาณ ซึ่งบันดาลให้วิญญาณดวงนั้นกลาย เป็นแหล่งกําเนิดแห่งความสุขแผ่ซ่านออกมาดังรัศมีจากดวง อาทิตย์ แต่ด้วยเหตุที่มันครอบครองขั้วทั้งสองอยู่ในตัว ทั้ง ศักยภาพที่จะสว่างไสว และศักยภาพที่จะมืดบอด มันจึงมิได้ พึงพอใจอยู่เพียงนั้น มิได้พึงพอใจอยู่เพียงความกลมกลืน และ ครรลองแห่งกฎเกณฑ์เบื้องสูง มันจึงเลื่อนกลับและเสาะแสวง ไปในโลกอันมืดมน มันสร้างและสั่งสมพลังในด้านมืดนั้นขึ้น ลับให้แหลมคม และปลดปล่อยออกมาให้ครอบงําจิตสํานึกและ สัญชาตญาณเดิมทั้งหมด ให้กลืนกลบญาณหยั่งรู้ และธาตุรู้ เดิมซึ่งสว่างไสวยิ่ง 10


พจนา จัทรสันติ

มันพัฒนาความนึกคิดและเหตุผลขึ้น สร้างโลกขึ้นมาใหม่ทั้งโลก สร้างขึ้นมาในจินตภาพ สร้างกฎเกณฑ์และความจริงของมันเอง ขึ้นมา ซึ่งซับซ้อนไม่แพ้กฎเกณฑ์มูลฐานของจักรวาล ทว่าเต็มไป ด้วยความคับแคบและบิดเบือนเฉไฉ เต็มไปด้วยความรุนแรง และความผิดพลาด เต็มไปด้วยการปะทะขัดแย้งและการเอาชัย มากล้นไปด้วยพลังจากด้านมืด และอาศัยความรู้นั้นเพื่อค้นหา ความเป็นอมตะอย่างใหม่ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน มันต่อสูเ้ พือ่ เอาชนะกฎเกณฑ์มูลฐานทุกประการด้วยความหลงผิด ต่อสู้กับ ความเกิดและความตาย ต่อสู้กับกฎเกณฑ์แห่งความแปรเปลี่ยน เข้าควบคุมพลังของธรรมชาติทุกประการ สถาปนาตนเองขึ้นเป็น ศูนย์กลางของจักรวาล เป็นพระเจ้า และเป็นผู้สร้าง มันทวีเผ่าพันธุ์ขึ้นมากมาย และส่งทอดความรู้ด้าน มืดนั้นต่อเนื่องไปอย่างกว้างขวางและยาวไกล มันได้กลายเป็น ผู้ปกครองโลก ซึ่งบรรดาสิ่งมีชีวิตอื่นและมวลธาตุต่างตกอยู่ ภายใต้เจตจํานงและการใช้สอยของมัน มันสํารวจตรวจค้นไป ในสรรพสิ่งด้วยอาศัยเครื่องมือแห่งด้านมืดนั้นเก็บสะสมข้อมูล และประสบการณ์ขึ้นมากมาย เรียกมันว่าความรู้และสติปัญญา และอาศั ยสิ่ งเหล่า นี้เป็นเครื่อ งมือ สร้า งโลกของตนเองขึ้ น บน ดวงดาวนั้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในอดีต มันทําให้ทุกสิ่ง หยุดนิ่งและแข็งตัว เพื่อให้สามารถรับรู้และทําความเข้าใจได้ด้วย เครื่องมือที่มันมีอยู่ และนําแต่ละมูลธาต แต่ละนามธรรมและ กฎเกณฑ์มาสร้างขึ้นเป็นโลกใหม่ 11


ไม้ป่า

โลกแห่งวัตถุและโลกแห่งจิตใจ โลกภายนอกและภายใน เป็น เครื่องกําบังมันไว้จากความเป็นไปและกฎเกณฑ์ที่แท้จริงของ โลก ซึ่งมันถือว่า “อยู่นอกระบบ” มันได้เข้าปกครองครอบงํา สร้างและเสริมแต่งขึ้นใหม่ หว่านพืชพันธุ์แห่งความผิดพลาด ฉ้อฉล ฉาบพิษร้ายไว้บน ดาวดวงนั้น ทําลายหลักการมูลฐานและความเป็นไป ทําลาย ความงดงาม ความเบิกบานสะพรั่งและพลังแห่งชีวิตบนดาว ดวงนั้นลงสิ้น ดาวดวงอื่น ได้เฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ด้วย อาการอันเศร้าสร้อย มันไม่อาจขับขานกวีหรือเปล่งบทเพลง อันไพเราะได้ด ังเช่นกาลก่อนอีก ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีส่วนร่วม อยู่ในเคราะห์กรรมของด้านมืดนั้น ที่ขอบสุดของจักรวาล ซึ่งอยู่ห่างไกลสุดจินตนาการ ยังมีดาวเก่าแก่อยู่ดวงหนึ่ง เป็นดาวดวงแรกสุดของกําเนิดแห่ง จักรวาล อายุขัยของท่านเนิ่นนานมาก จนกลายเป็นดวงดาว หยั่งรู้ เป็นดาวผู้เฒ่า โดดเดี่ยว ซึ่งรู้และรัก ท่านก็เช่นกันได้ เฝ้ามองความเป็นไปบนดาวดวงนั้น ได้เป็นประจักษ์พยานได้ รู้เห็นถึง และจากหัวใจรักของท่านนั้นเอง ในค่ําคืนหนึ่ง ท่าน ได้ ก ล่ า วถ้ อ ยคํ า ผ่ า นแสงกะพริ บ ข้ า มผ่ า นระยะทางยาวไกล ส่งผ่านข่าวสารแห่งปรี ช าญาณมายั ง เผ่ า พั น ธุ์ อั จ ฉริ ย ะบนดาว ดวงนั้น 12


พจนา จัทรสันติ

“เจ้าผู้เป็นบุตรธิดาแห่งโลก ผู้ซึ่งทรงพลัง และความ สามารถเหนือสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย เจ้าผู้ถือกําเนิดมาแต่มูลธาตุ เดียวกันและตกอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกัน มาบัดนี้เจ้าได้ ละเมิดต่อผู้ให้กําเนิด เจ้าได้กระทําการอย่างหยาบข้าต่อดาว ดวงนี้ เจ้าตักตวงและใช้สอยธรรมชาติอย่างละโมบ เจ้าได้ เข้าครอบครองและถือเป็นกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ต้นหญ้าบนผืนแผ่นดิน ชีวิตสัตว์และหนอนแมลง เรื่อยขึ้นไปจนถึงอากาศและเมฆหมอก บนท้องฟ้า ครอบครองจนถึงดวงดาวอื่นข้างเดียว เจ้ารู้หรือไม่ ว่าบัดนี้เจ้าได้ไปไกลเพียงใดแล้ว ไกลและผิดพลาดจนเกินกว่า บรรพบุรุษของเจ้าจะคาดถึง” “เจ้าได้สร้างโลกของเจ้าขึ้นเอง สร้างบ้านเมืองและอาณา จักรของเจ้าขึ้น สร้างกฎเกณฑ์และความจริง ซึ่งขัดแย้งโดยสิ้น เชิงกับหลักการเบื้องสูงซึ่งดําเนินมานานชั่วกัปชั่วกัลป์ เจ้าได้กบฏ ต่อธาตุมูลต่อสิ่งมีชีวิตและความเป็นไปทั้งหมด เจ้าปิดกั้นตัวเอง ออกอย่างสิ้นเชิงจากการสื่อสารกับชีวิตและความจริง พึงพอใจ อาศัยอยู่เพียงในอาณาจักรอันมืดมน ทั้งภายในและภายนอก และด้วยเหตุนี้เองโลกจึงถอดถอนตัวเองหนีไปจากเจ้า แสงแดด จึงหยุดส่องสว่างและให้ความอบอุ่น นกเล็กๆจึงหยุดร้องเพลง บรรดาสรรพชีวิตที่ว่ายไปในน้ํา ที่อาศัยอยู่บนผืนแผ่นดินและที่ โบยบินไปในอากาศ จึงหยุดพูดคุย หยุดสื่อสาร ฤดูกาลหยุด หายใจ และบ่งบอกความลี้ลับ ทั้งอาหารที่เจ้ากิน และอากาศ ที่เจ้าหายใจก็ถอดถอนความหมายออกจากสัมผัสรับรู้ของเจ้า 13


ไม้ป่า

สิ้ น ทุ ก สิ่ ง ทุ ก อย่ า งบนดวงดาวที่ เ จ้ า อาศั ย อยู่ ต่ า งปฏิ เ สธและ หลีกลี้หนีไปจากเจ้า ญาณหยั่งรู้ก็เช่นกัน เร้นกลับไปอยู่ใน ดวงใจของโลก ดาวโลกหยุดส่งสําเนียง หยุดการเคลื่อนไหว มันไม่ใช่ดวงดาวที่งดงามที่สุดอีกต่อไป ด้วยดวงใจของมัน โศกเศร้าอาดูรเกินกว่าที่จะเบิกบานและมีสุข” “ความจริงของเจ้าก้าวร้าวยิ่ง และความสัมพันธ์ที่ เจ้ามีต่อสิ่งต่างๆก็เป็นไปด้วยอาการรุนแรงยิ่ง ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เจ้าสัมผัสถูกล้วนหยุดนิ่งและตายไปหรือไม่ก็กลายเป็นพิษ มันถูกบิดเบือนธรรมชาติเดิมของมัน และถูกกักขังอยู่ในโลก ใหม่ในรูปกาย และในคุณสมบัติใหม่ที่ปราศจากหนทาง และ ปราศจากจุด มุ่งหมาย ธาตุใหม่ๆและสิ่งสังเคราะห์ใหม่อุบัติขึ้น มาด้วยน้ํามือของเจ้า เพียงเพื่อรับใช้จุดหมายอันเห็นแก่ตัว และมืดมนของเจ้าเท่านั้น” “แต่ในท่ามกลางเผ่าพันธุ์ของเจ้านั้น ยังมีบางหน่วย บางชีวิตที่ค้นพบความเป็นไปภายในตนเอง ค้นพบหนทางของ ตนเอง ซึ่งเชื่อมโยงเข้าสู่ภายในและเชื่อมต่อเข้ากับกฎเกณฑ์ มูลฐาน เขาค้นพบธาตุและสัมผัสอันแหลมคมแต่ดั้งเดิมผ่านการ รับรู้เหล่านั้น เขาสดับตรับฟังข่าวสารซึ่งส่งผ่านเพื่อนร่วมดวงดาว ผ่านสิ่งมีชีวิตอื่นๆมายังตัวเขา เขาเริ่มการเดินทางอันยาวไกล เพื่อแสวงหากฎเกณฑ์ใหม่ และความหมายใหม่ซึ่งต่างจากที่เขา คุ้นเคย เขาเดินทางไปตามเสียงเพรียกอันลี้ลับจากดวงดาวที่ เขาอาศัยอยู่ เสียงนั้นคล้ายกับจะดังอยู่ว่า 14


พจนา จัทรสันติ

“ โอ้บตุ รธิดาข้า เจ้าผูถ้ อื กำ�เนิดิ มาจากข้า จากมูลธาตุและความเป็นจริง ขอเจ้าจงสดับฟัง จงแสวงหาหนทางกลับมาสู่ กําเนิดเดิมของเจ้า ” หะแรกเสียงเพรียกนั้นแผ่วล้ายิ่ง แต่ครั้นแล้วก็ยิ่ง แจ่มชัดขึ้น ยิ่งไพเราะและจริงจังขึ้นเป็นลําดับ “เพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของเจ้า ปฏิเสธกฎเกณฑ์และวิถี ความเป็นไป ที่เจ้าสร้างขึ้น ปฏิเสธโลกและสาระทั้งหมด ด้วยว่า เสียงทีเ่ ขาได้ยนิ ภายในนัน้ ต่างออกไปอย่างสิน้ เชิง เสียงภายในของ เขาพูดถึงสิ่งอื่นซึ่งไม่ปรากฏอยู่ในวิถีของเจ้าเลย เขาสดับฟังเสียง เพลงของนก และรับฟังข่าวสารจากเมฆหมอก เขาพินิจดูหมู่ไม้ ใบหญ้า และค้นพบถึงความหมายบางอย่างที่แตกต่างออกไป สรรพชีวิตและมูลธาตุบนดาวดวงนั้นล้วนพูดถึงอีกสิ่งหนึ่ง พูดออก ด้วยอีกภาษาหนึ่ง อีกโลกหนึ่งพูดถึงแสงสว่าง พูดถึงญาณหยั่งรู้ พูดถึงวิถีความเป็นไปเบื้องสูง ซึ่งเป็นอมตะ” 15


ไม้ป่า

“เพื่อนของเจ้าเริ่มพูดบ้างแล้ว เขากล่าวถึงสิ่งที่รู้ และ ค้นพบ แต่พวกเจ้าฟังเขาน้อยเหลือเกิน ดังว่าเป็นคนละภาษา และดังว่าการสื่อสารเป็นสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง เจ้าพึงใจที่จะสดับ ฟังเพียงภาษาของความบอดมืด และรับฟังเพียงข่าวสารจาก ด้านมืดเท่านั้นหรือ” “ทว่าข้าเองก็จะขอกล่าวเช่นเดียวกัน ความเป็นไปได้ ดํ า รงอยู่ ใ นด้ า นมื ดของเจ้ า เช่ น เดี ย วกั บ ที่ ป รากฏอยู่ ใ นด้ า น สว่าง มันฝังตัวเองอยู่ลับๆ และรอเวลาที่จะแตกตัวแผ่ขยาย ออก เหมือนดังเมล็ดหญ้าเล็กๆ ในผืนดินแล้ง ซึ่งซุกซ่อนตัว รอคอยหยาดฝนจากฟ้าในผนังแข็งแกร่ง ที่ห้อมล้อมเจ้าอยู่ รอบด้าน มีช่องว่างเล็กๆปรากฏอยู่ ช่องว่างเหล่านี้มีอยู่จริง และมีอยู่ในทุกอณูของความแข็งแกร่งแน่นทึบ ขอเพียงแลเห็น และลอดออกมา ฉับพลันทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไป ดวงดาว ดวงนี้จะปรากฏแต่สายตาเจ้าในสภาพเดิมแท้ของมัน ด้วยอาการ อันเปลือยเปล่า เหมือนป่าทั้งป่าเปลือยตัวเองอยู่ท่ามกลางแสง ตะวัน” “ความผิดพลาด และความเฉไฉบิดเบี้ยวอาจช่วยเจ้า ได้มาก จงเริ่มต้นจากตรงนั้น หนทางเริ่มจากตรงนั้นเอง เริ่ม จากอีกขั้วหนึ่งและเคลื่อนเข้าหาอีกขั้ว เพื่อค้นพบว่าขั้วตรงข้าม นั้นไม่มีอยู่จริง มันเป็นเพียงการเคลื่อนคล้อยไปอย่างละเอียด อ่อนแผ่วเบายิ่ง จากจุดนั้นเองที่สัมผัสรับรู้คมชัด ญาณหยั่งรู้ แผ่ขยายกว้างไกลและกระจ่างแจ้งยิ่ง” 16


พจนา จัทรสันติ

“หนทางอาจเริ่มขึ้นจากการประจักษ์แจ้งว่า ธาตุแห่ง การหยั่งรู้นั้นมีอยู่จริง และเป็นสมบัติซึ่งติดตัวเจ้ามาแต่แรก เริ่ ม ดาวดวงนี้ ส ร้ า งเจ้ า ขึ้ น มาประดุ จ ฉายาของท่ า น สร้ า ง เจ้ า ขึ้ น มาด้ วยมูลธาตุ และหลัก เกณฑ์แ ห่งความจริ ง ทั้ ง หมด ที่ปกครองห้วงจักรวาล ท่านสร้างเจ้าขึ้นมาจากกายของท่าน เอง ท่านพินิจดูเจ้าด้วยความรัก และกล่าวแก่ตนเองว่า ‘สิ่ง นี้ดียิ่ง และงดงามยิ่ง’ และเรียกเจ้าว่า ‘บุตรธิดาของข้า’ ซึ่ง ย่อมหมายถึง ‘บุตรธิดาแห่งความจริง’ เช่นกัน” กล่าวดังนั้นแล้ว ดวงดาวหยั่งรู้ดวงนั้นก็ถอนตนกลับ เข้าสู่ความเงียบงัน กลับเข้าสู่ญาณซึ่งดํารงอยู่ในทุกมิติ ตัดขาด ตัวเองออกจากมิติสามัญ ออกจากการสื่อสารใดๆ ซึ่งอาศัย สัญลักษณ์ อาศัยภาษาหรือเสียง ท่านเดินทางออกไปจาก ขอบเขต ไกลออกไปสุดจินตนาการ แต่ก็ใกล้ชิดยิ่งในหนทาง แห่งความเป็นจริง ท่านกลับกลายเป็นกฎเกณฑ์ กลับกลาย เป็นวิถีและความเป็นไป ถ้อยคําของท่านกลับกลายเป็นเสียง ฟ้าร้อง กลับกลายเป็นสายฝนและเมฆหมอก กลายเป็นแสงสว่าง เป็ น บทเพลงจากจัก จั่นและบทเพลงจากหมู่วิห คข่ าวสารของ ท่านดํารงอยู่ในระลอกพลิ้วในน้ํา แฝงเร้นอยู่ในรสหวานของผลไม้ อยู่ในความเค็มของเกลือ และอยู่ในความสดชื่นของสายลม ถ้อยคําของท่านกลับเป็นอมตะ และดํารงอยู่ในดาวโลกต่อไป เพื่อให้เผ่าพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตหนึ่งได้ยิน เพื่อบอกกล่าวและตัก เตือนด้วยหัวใจรัก 17


ไม้ป่า

ค่ําคืนนั้น ดวงดาวทั่วห้วงจักรวาลต่างขานรับ กะพริบ แสงระยิบระยับ แข่งรัศมีและสีสัน แปรเปลี่ยนฟากฟ้ายามค่ํา คืนให้กลับกลายเป็นแก้วผลึก เป็นค่ําคืนที่งดงามและหลากล้น ไปด้วยความหวัง

18




พจนา จัทรสันติ

“ ทุกชีวิตและทุกเผ่าพันธุ์ ต่างมีส่วนร่วมอยู่ในเอกภาพเดียวกัน คือมันต่างเคยร่วมอยู่ในชีวิตเดิม ของก้อนหินศักดิ์สิทธิ์... เขาพบว่าทั้งเขาและเธอต่างเป็นก้อนหินเล็กๆ ที่แตกกระจายออกมาจากหินใหญ่อันศักดิ์สิทธิ์ ต่างมีรอยบินร้าวซึ่งสวมใส่เข้ากัน ได้พอดี … ”

21



พจนา จัทรสันติ

รอยยิ้ม อมตะ ผ่านรอยยิ้มของเธอ ทําให้เขาเข้าใจถึงสิ่งหนึ่งซึ่งซ่อน เร้นอยู่ในใจมนุษย์ แวบหนึ่งของการหยั่งเห็นเพียงชั่วขณะหนึ่ง ที่แสนสั้นแต่ก็พอเพียงแล้ว คืนนั้นต่างลาจากกันด้วยรอยยิ้ม เขายิ้มและเธอก็ยิ้มแทบจะพร้อมเพรียงกัน รอยยิ้มนั้นประสาน กันเข้า ทอดผ่านห้วงเหวอันมืดมนในจิตใจของมนุษย์ กลาย เป็นกระแสพลังแรงกล้าพุ่งผ่านอคติ และมายาภาพอันมัวหมอง ผลักดันผ่านมิติอันจํากัดคับแคบ ก่อเกิดความรู้สึกดีๆขึ้นมากมาย ผุดพลั่งออกมาเหมือนตาน้ําทิพย์ที่ไม่มีวันเหือดแห้ง นําสู่ความ เข้าอกเข้าใจ และความรู้สึกถึงความเป็นหนึ่งเดียว มิใช่ ฉัน เธอ หรือคนอื่น แต่ล้วนเป็นเรา เขาหลับตาลงและหวนรําลึกถึงรอยยิ้มนั้น สัมผัสได้ถึง ความรู้สึกดีๆมากมายส่งผ่านมา และรู้สึกเป็นสุข เขาปล่อย ให้รอยยิ้มนั้นพาเขาไป นําทางไปสู่ร่องรอยในจิตใจของตนเอง ภาพต่างๆผ่านเข้ามา ภาพใหม่และภาพเก่า มันพาเขาไกล ออกไปทุกที ไกลออกไปในอดีต 23


ไม้ป่า

กลับไปสู่วัยเยาว์ มันชี้ชวนดูภาพเหล่านั้น บอกเล่าถึงความ ลี้ลับของมัน มันจูงเขาเดินไป กลับไปสู่เด็กทารก กลับเข้าไป สู่เชื้อพันธุ์ของอนันตกาล เดินทางไปในดินแดนสนธยาที่ปราศจาก กาลเวลา กลับไปสู่ต้นกําเนิดเดิมของมนุษย์ ก่อนที่เขาจะถือ กําเนิดขึ้นมาเป็นเขา และเธอเป็นเธอ แต่ในบรรดาภาพเหล่านั้นที่เขาเห็น มีภาพหนึ่งซึ่งดึงดูด จิตใจเขาไว้มากที่สุด เขาหยุดอยู่ตรงนั้น และเพ่งมองเข้าไป ภาพนั้นค่อยๆชัดขึ้น แจ่มชัดขึ้นทุกขณะ คล้ายเป็นภาพที่เก่า แก่ยิ่ง แต่ก็คล้ายใหม่อยู่เสมอ มันเป็นภาพ ขณะเดียวกันก็ เป็นสัญลักษณ์ เป็นเรื่องราวที่เคลื่อนไหวและเต็มไปด้วยพลัง มันเป็นการมองเห็นขณะเดียวกันก็เป็นความเข้าใจ เป็นความ รู้ชัด เป็นความมืดในแสงสว่าง เขาเห็นหินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งตั้งอยู่ในโลกอันเวิ้งว้าง โลกสร้างมันขึ้นมาด้วยเจตจํานงด้วยพลังอันบริสุทธิ์ สอดใส่ มวลธาตุและชีวิตเอาไว้ ให้มันเป็นประดุจฉายาของท่าน มัน จึงเป็นเพียงชีวิตเดียวที่ดํารงอยู่ในโลกขณะนั้น ดํารงอยู่อย่าง มั่นคง เป็นก้อนหินศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยญาณ เต็มไปด้วย ความเข้าใจ เต็มไปด้วยเอกภาพและความสมบูรณ์ มันก็คือโลก ทุกสิ่งทุกอย่างดํารงอยู่ในนั้น เป็นเพียงหนึ่งเดียวที่ปราศจากการ แบ่งแยก ในครั้งนั้นบรรดานามธรรมต่างๆยังไม่ได้อุบัติขึ้นบนโลก ไม่ว่าจะเป็นความรอบรู้หรือความหลง 24


พจนา จัทรสันติ

ความดีงามหรือความชั่ว ความรักหรือความเกลียดชัง เอกภาพ หรือความแตกแยก สิ่งเหล่านี้ไม่เป็นที่รู้จักและไม่เคยปรากฏ มาก่อนเลย มีอยู่แต่เพียงพลังอันบริสุทธิ์ ซึ่งหมุนวนโคจรอยู่ ดังดวงดาว เดินทางไปในทิศทางเดียวกัน ดํารงอยู่และเป็นไป ดังที่กฎเกณฑ์เบื้องสูงเป็นผู้กําหนด ก้อนหินศักดิ์สิทธิ์ดํารงสืบมาในโลกเนิ่นนาน ตราบจน ครั้งหนึ่ง เมื่อโลกรู้สึกเหงาและเบื่อหน่ายเกินไป ท่านจึงอํา นวยความเป็นไปได้ให้อุบัติขึ้น แทรกซึมเข้าสู่พลังและมวลธาตุ ต่างๆ ความเป็นไปได้นี้ก็เช่นกัน เต็มไปด้วยพลังและความ ลี้ลับอันสุดหยั่งถึง มันก่อเกิดและผลักดันให้เกิดสิ่งใหม่ๆขึ้น ทํา ให้กลายเป็นสิ่งเก่า และก่อเกิดสิ่งใหม่ขึ้นอีกครั้ง แยกสลาย ออกและเก็บชิ้นส่วนที่กระจัดกระจาย มารวมกันเข้า ปรุงขึ้น มาใหม่ด้วยส่วนผสมที่แตกต่าง ก่อกําเนิดไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด พลังอันบริสุทธิ์ และหินศักดิ์สิทธิ์ก็ได้น้อมรับเอาพร ของโลกไว้ในตัวด้วย มันบ่มเพาะตัวเองและพักตัวแตกออก เป็นความปรารถนาอย่างใหม่ เป็นเจตจํานงและทิศทางใหม่ซึ่ง ไม่เคยปรากฏมาแต่ก่อนชีวิตของก้อนหินและชีวิตของพลังได้ สั่งสมตัวเองไว้จนระอุคุกรุ่น เต็มไปด้วยความหมกมุ่น เต็ม ไปด้วยความตึงเครียด เต็มไปด้วยความปรารถนาอันลี้ลับ พร อันศักดิ์สิทธิ์นั้นได้บ่มเพาะตัวเองมานานชั่วกัปชั่วกัลป์ ตราบ จนสุกงอม และเต็มไปด้วยพลังของการก่อเกิด ซึ่งไม่มีสิ่งใด จะมาหยุดยั้งชะลอไว้ได้อีกแม้แต่โลกผู้ให้กําเนิด 25


ไม้ป่า

ในกาลนั้นโลกจึงมืดมัวไปทั่วทุกทิศ บันดาลให้ความเวิ้งว้าง นั้นเวิ้งว้างจนน่าหวาดหวั่น มีสายอสนีบาตแลบแปลบปลาบ และฟาดผ่าลงมาด้วยพลังอันสุดเปรียบประมาณ ตกลงต้อง หินใหญ่ก้อนนั้น ผ่ามันแตกกระจายออกเป็นก้อนเล็กก้อนน้อย บดขยี้มันเป็นฝุ่น ปลิวกระเด็นกระจัดกระจายออกไปทุกทิศทาง ตกลงต้องแผ่นดินโลก แผ่กว้างครอบคลุมทั่วถึงดั่งเมล็ดข้าว เปลือกที่ถูกหว่านลงในผืนนา หินแต่ละก้อน ก้อนเล็ก ก้อน น้อย แต่ละละอองฝุ่น ต่างบรรจุเต็มไปด้วยชีวิตซึ่งเคยดํารง อยู่ในก้อนหินใหญ่ มันเต็มไปด้วยความปรารถนาและความ มุ่งหวัง เต็มไปด้วยแรงขับและพลัง ต่างจุดประสงค์และต่าง หลักการ ต่างทิศทาง ต่างความเป็นไป ต่างมุ่งไปสู่จุดหมาย ปลายทางของตนเอง ผ่านกาลเวลานานอีกชั่วกัปชั่วกัลป์ ค่อย สั่งสมความเป็นไปได้และความรอบรู้ ดูดซับเอาพลังชีวิตจาก โลก มันสร้างตัวเองขึ้นมาจากภายในอันแรงกล้า คลี่คลาย และพบทางไปของตัวเอง มันอุบัติขึ้นเป็นชีวิตในรูปแบบใหม่ มากมาย บ้างกําเนิด ขึ้นเป็นปลา บ้างกลับกลายเป็นสัตว์บก หินบางก้อนกลายเป็น ผักหญ้าและพืชพรรณ ฝุ่นละอองบาง เมล็ด กลับกลายเป็นแมลงเล็กๆ เป็นตัวหนอนและเป็นเชื้อโรค บ้างกลายเป็นงูและเต่า บ้างก็กลายเป็นนกและผีเสื้อ หินบาง ก้อนกลับกลายเป็นมนุษย์ ต่างก่อกําเนิด และคลี่คลาย พบ ความเป็นไปได้และเผ่าพันธุ์เฉพาะตัว 26


พจนา จัทรสันติ

บรรจุความต่อเนื่องเอาไว้และดูดซับเอาความเป็นไปได้เอาไว้ ด้วย แต่ละชีวิต แต่ละเผ่าพันธุ์ต่างพูดจาและพบวิถีทางของ ตนเอง มีนิสัยใจคอและบุคลิกภาพ มีสัญชาตญาณและความ เป็นไปของตน มีอาหารและมีพลังของตน แต่ทุกชีวิตและทุก เผ่าพันธุ์ต่างมีส่วนร่วมอยู่ในเอกภาพเดียวกัน คือมันต่างเคย ร่วมอยู่ในชีวิตเดิมของก้อนหินศักดิ์สิทธิ์ ในแต่ละชีวิตแต่ละ เผ่าพันธุ์ต่างบรรจุซุกซ่อนไว้ด้วยความทรงจําอันเก่าแก่นั้น ภาพต่างๆที่เขาเห็นค่อยๆเลือนลง มัวหม่นลงดังถูก ปกคลุมด้วยหมอกควัน มันยิ่งที่ยิ่งหนาแน่นขึ้น รวมตัวกัน และหมุ น วนเป็ น เกลี ย วขาวดั ง ระลอกคลื่ น และส่ อ งประกาย ระยับดังประกายแดดบนท้องทะเล หมอกควันเหล่านั้นกลับ กลายเป็นรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มของเธอและของเขา รอยยิ้ม ทั้งสองค่อยเคลื่อนเข้าหากัน และกลืนรวมเข้าด้วยกัน กลับ กลายเป็นภาพและสัญลักษณ์ กลายเป็นความทรงจําอันเก่าแก่ ในทันใดนั้นเขาพบว่าทั้งเขาและเธอ ต่างก็เป็นหินก้อนเล็กๆ ที่แตกกระจายออกมาจากหินใหญ่อันศักดิ์สิทธิ์ ต่างมีรอยบิน ร้าวซึ่งสวมใส่เข้ากันได้พอดี พบเอกภาพอันเป็นเนื้อเดียวกัน ทั้ ง ก้ อ นหิ น เธอและก้ อ นหิ น เขาต่ า งซุ ก ซ่ อ นอยู่ ด้ ว ยความทรง จําของรอยบินร้าวของรอยต่อนั้น เต็มไปด้วยความทรงจําของ ความเป็นไปได้ที่จะรวมกันเข้าและแยกสลายออก เขาพบสิง่ นัน้ ในเธอและในเขา เขาแลเห็นสิ่งนั้นในตัวผู้คนทุกคน ในตัวสัตว์ และพืชพันธุ์ต่างเต็มไปด้วยรอยแยกและรอยต่ออันนั้น 27


ไม้ป่า

ซึ่งสามารถนํามาสวมใส่กันเข้า ต่อติดกลับคืนเป็นหินใหญ่ก้อน เดิม มิใช่ต่อติดด้วยรูปกายหรือมวลที่แต่ละชีวิตแต่ละเผ่าพันธุ์ ดํารงอยู่ในปัจจุบันแต่สามารถต่อติดกันได้ในความรู้สึกเชื่อม โยงกันได้จากภายในของแต่ละชีวิต ท่ามกลางแบบแผนและ วิถีความเป็นไปที่แตกต่าง ทุกชีวิตสามารถเชื่อมโยงกันเข้า ร้อยสานกันดังมาลัยพวงเดียวกัน ก่อเกิดเป็นเอกภาพที่แท้จริง ของพลังและชีวิต ภาพต่างๆเหล่านั้นค่อยแปรเปลี่ยน และกลับกลาย ค่อยก่อตัวขึ้นเป็นรอยยิ้มอีกครั้งหนึ่ง เป็นรอยยิ้มอันยิ่งใหญ่ เป็นรอยยิ้มอมตะซึ่งไม่สามารถแยกสลายออกเป็นสมบัติส่วน ตัวของใครได้ มันกลับกลายเป็นนามธรรม กลายเป็นความ งามและความเข้าอกเข้าใจกลายเป็นการสื่อสารที่แท้จริงและ ความเปิดกว้าง กลายเป็นแสงเงินแสงทองในยามเข้า และ เป็นแสงสีแดงเรื่อเรื่องยามอัสดง มันกลับกลายเป็นดวงดาว ระยิบระยับบนฟากฟ้า ซึ่งจะลงมาประดับอยู่ในดวงตาทุกครั้ง ที่หัวใจสัมผัสได้ถึงความทรงจําอันเก่าแก่นั้น

28




พจนา จัทรสันติ

“ กระแสพลังอันนิ่มนวลนุ่มเนิบ ซึ่งสตรีเพศมีอยู่ มันปลุกวิญญาณของเขาให้ตื่นขึ้นมา จากความหลับไหล ขึ้นมาเริงรำ� ในท่ามกลางแสงจันทร์ ”

31



พจนา จัทรสันติ

ดอกไม้ ในวิญญาณ ตัวเขาดำ�รงอยูดั่งสัญลักษณ์ ประดุจดังสัญลักษณ์นับ คณาในธรรมชาติ เหมือนดังผลไม้เมลด็ข้าว และดอกไม้ หรือ เหมือนดังเพศชายและเพศหญิง ในฐานะของสัญลักษณ์ เขาสัมพันธ์ร่วมกับสัญลักษณ์ อ่ืน เพ่ือค้นหาความหมายร่วมกัน เรียนรู้และทำ�ความเข้าใจ สะท้อน มองย้อนกลับ สาดส่องออกไปภายนอกและย้อนกลับ เข้ามาในตนเอง สรรพสิ่งรอบๆตัวหลากล้นไปด้วยพลังของ ชีวติและความเคล่ือนไหว ผู้หญิงบางคน มักทำ�ให้เกิดความเคล่ือนไหวข้ึนภาย ในจิตใจของเขาเสมอ ประดุจดังบทเพลงของความมีชีวติ ซ่ึง มีอำ�นาจอย่างประหลาดล้ำ� ทุกครั้งเม่ือความรู้สึกของเขาสัม ผัสถูก รับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนและกระแสพลังอันนิ่มนวลนุ่ม เนิบซ่ึงสตรีเพศมีอยู่ มันปลุกวญิญาณของเขาให้ต่ืนข้ึนมาจาก ความหลับไหล ให้ข้ึนมาเริงรำ�ในท่ามกลางแสงจันทร์ดังบทเพลง ของชีวติอันเก่าแก่ในชั่วขณะ 33


ไม้ป่า

ซึ่งดวงวิญญาณสองดวงค้นพบการสื่อสารร่วมกัน เป็นการสื่อ สารชนิด พิเศษที่ปราศจากภาษาและกิริยาท่าทาง โต้ตอบ สัมพันธ์กันดังความ เงียบงันสนทนากับยามค่ําคืน ในชั่วขณะ ซึ่งวิญญาณของมนุษย์หลอม รวมเข้าเป็นดวงเดียวกัน เป็น กระแสของเอกภาพและกลายเป็น ความหมายอันแท้จริงของ ความรัก เมื่อนั้นเองที่มารยาท การวางตนและการแสดงออก ตามประเพณีของสังคมล้วนไร้ความหมาย สิง่ เหล่านัน้ เป็นเพียง ความว่างเปล่า เป็นเพียงความจํายอมอันน่าเคอะเขินยิง่ บรรดาคํา ทักทายเหล่านั้น บรรดาบทสนทนาโต้ตอบ บรรดามารยาท ทางสังคมเหล่านั้น ล้วนกลายเป็นเรื่องตลกที่น่าเศร้า มันมีขึ้น เพื่อทดแทนความรู้สึกล้มเหลวที่ว่า เราไม่อาจสื่อสารสัมพันธ์ กันได้อย่างแท้จริงเลย ไม่มีสิ่งจริงสักสิ่งที่มนุษย์ค้นพบแม้แต่ การอยู่ร่วมกันของชีวิตในเผ่าพันธุ์เดียวกัน ในบางครั้งมีความรู้สึกดีๆมากมายส่งผ่านไปมาระ หว่างเขากับเธอ เป็นกระแสของความไหลเนื่อง อันละเอียด อ่อนนุ่มนวลยิ่ง มันนุ่มนวลจนแทบจะสูดดมได้กลิ่นหอมของ มันและแทบจะลิ้มชิมรสอันหวานหอมได้ แต่สิ่งเหล่านี้ล้วน เกิดขึ้นภายใน เขาค้นพบว่าในช่วงเวลาอย่างนี้ ความคิด ความรู้และประสบการณ์ที่ถูกสั่งสมมา ล้วนสะดุดหยุดลงโดย สิ้นเชิง มีแต่เพียงการสื่อสารที่เป็นสิ่งจริงเพียงหนึ่งเดียวใน ขณะนั้น ทั้งเขาและเธอต่างทุบทําลายปราการเทียมๆ ซึ่งถูก สร้างขึ้นมาตั้งแต่เล็ก 34


พจนา จัทรสันติ

ลอกเปลือกตัวเองออกจนเหลือเพียงเนื้อแท้ ให้ทุกสัมผัสรับรู้ แสดงตนออกอย่างแรงกล้า และละเอียดอ่อนยิ่ง มันส่งผ่าน สัมผัสแท้ที่ละเอียดอ่อนที่สุดแม้เล็กกว่าปลายเข็ม ไม่มีสิ่งใด เลยที่หลุดรอดจากการเก็บงํารับรู้ของมันไป มันเป็นการสื่อสาร ที่บริสุทธิ์และเก่าแก่ยิ่ง ทั้งเที่ยงตรงและแหลมคม งดงามและ เต็ ม ไปด้ ว ยความหมายประหนึ่ ง ดั ง สี สั น ของดอกไม้ ที่ ส ะท้ อ น อยู่ในแววตาของผีเสื้อ มันมีพลังกระตุ้นดวงวิญญาณให้มั่น พลิ้วด้วยความปีติ ในฐานะที่ตัวเขาเป็นนามธรรม เขาค้นพบว่าเขา สามารถเอื้ อ มไปสั ม ผั ส ดวงวิ ญ ญาณอั น อ่ อ นละมุ น เหล่ า นั้น ดวงวิญญาณของเขา อาจโอบกอดดวงวิญญาณของเธอไว้ กระซิบด้วยถ้อยคําแห่งสัจจะ และชักนําเข้าสู่มิติพิเศษซึ่งการ สื่อสารระหว่างใจสองดวงเท่านั้นจะเข้าถึงได้ แม้ว่าเธอจะไม่ เข้ า ใจถึ ง นามธรรมในมิ ติ ข องสามั ญ สํ า นึ ก ธรรมดาเลยก็ ต าม แต่เขาค้นพบว่ามนุษย์ทุกคนมีปรีชาญาณอันลึกซึ้งและดึกดํา บรรพ์แฝงซ่อนอยู่ในตัว เรารู้อยู่ตลอดเวลาแต่เราพากันเสแสร้ง ว่าเราไม่รู้ ความไม่รู้และความสับสนเหล่านี้เป็นเพียงอาการ อันเสแสร้งขึ้นมาอย่างเทียมๆ โลกที่เรามีชีวิตอยู่นี้ก็เช่นกัน เป็นผลผลิตของอาการอันเสแสร้งเหล่านั้น อาจเป็นเพราะว่า เรายึดถือมันเป็นจริงเป็นจังเกินไปกระมังเราจึงปฏิเสธความจริง ในมิติอื่นๆ การค้นพบเป็นแต่เพียงสามัญอันเรามีอยู่แล้วคือ สิ่งจริงในตัว มันเป็นของแท้และมีพลังอย่างยิ่ง 35


ไม้ป่า

มีพลังพอที่จะทําลายโลกอันเสแสร้งนั้นลง เขาเพียงแต่กระซิบ ที่ข้างโสตของดวงวิญญาณดวงอื่นๆ ถึงสิ่งจริงที่เขาได้รับรู้ “นี่ไงสิ่งที่เธอมีอยู่ เธอก็เป็น สิ่งจริงเช่นเดียวกับฉัน” แน่นอน มีดวงวิญญาณบางดวงซึ่งสามารถรับฟังเข้าใจ มันเผยตัวออก และแย้มยิ้ม เป็นรอยยิ้มอันมหัศจรรย์ และดําเนินไปตาม ครรลองของความเป็นจริง มันดําเนินไปตามลีลาของความ สัมพันธ์เหล่านั้น มันเริ่มเรียนรู้และเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ทว่า ความรู้และความเข้าใจเหล่านี้ถูกเก็บงําอยู่ลึกเกินกว่าสามัญ สํานึกตามปกติจะรับรู้ได้ การสื่อสารนี้ในบางครั้ง ได้ชักนําสัญลักษณ์ทั้งสองเข้า สู่บทบาทอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นลีลาของความกลมกลืนแห่งจักรวาล เป็นบทบาทแม่แบบแห่งการรังสรรค์และการก่อเกิด ประดุจการ หลอมรวมกันเข้าระหว่างสิ่งตรงข้าม ระหว่างกลางวันกับกลางคืน น้ําและไฟ ระหว่างชายและหญิง มีความปีติมากมายหลั่งล้น ออกมาจากดวงวิญญาณ เต็มไปด้วยความอบอุ่นสุดประมาณ เต็มไปด้วยความรู้สึกแนบแน่นเต็มเปี่ยม เต็มไปด้วยความงดงาม เหมือนดังที่พลังแห่งชีวิตอันลึกลับได้บรรลุถึงเป้าหมายอันศักดิ์สิทธิ์ ในนัน้ เต็มไปด้วยสิง่ จริง เต็มไปด้วยความเชือ่ มัน่ เต็มไปด้วยความ ไว้วางใจ เต็มไปด้วยการเรียนรูร้ ว่ มกัน บทบาทนีไ้ ด้ขน้ึ อยูเ่ หนือโลก หรือโลกียะ อยู่เหนือดีและชั่ว มันกลับกลายเป็นภาวะอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งปราศจากข้อกังขาในการสื่อสารอันเปี่ยมล้นนี้ 36


พจนา จัทรสันติ

หากพลังทางจิตวิญญาณของทั้งสองแรงกล้าพอ ก็จะแลเห็น ถึงแวบหนึ่งแห่งต้นกําเนิดอันลี้ลับของชีวิต ซึ่งถูกส่งทอดมา ในอนันตกาล เขาเรียนรู้อะไรมาจากเพศตรงข้าม เธอจึงกลายเป็น ครูของเขา เป็นผู้สอน และเป็นแหล่งกําเนิดแห่งความรู้เมื่อ เขาได้เข้าไปสัมพันธ์ด้วย และในฐานะศิษย์ เขาตอบแทนเธอ ด้วยความจริงใจและความเคารพ นี่เป็นสิ่งเดียวที่เขาสามารถ มอบให้แก่เธอ ความจริงใจและความเคารพ สิ่งเหล่านี้งอกงาม ออกมาจากจิตวิญญาณของเขา เมื่อได้แลเห็นซึ่งถึงดวงวิญญาณ ของเธอ มันเป็นความเคารพอย่างลึกซึ้ง เป็นความเคารพอัน ศักดิ์สิทธิ์ เป็นอาการคารวะของดวงวิญญาณต่อดวงวิญญาณ ด้วยกัน มันศักดิ์สิทธิ์และงดงามลี้ลับดังอาการของแสงอาทิตย์ อุทัยที่ปลุกโลกให้ตื่นขึ้นในยามเช้า และดังแสงสนธยาที่คารวะ และกล่าวคําอําลาโลกไปในยามเย็น มันศักดิ์สิทธิ์เหมือนความ เงียบและจริงแท้ดังแสงสว่าง มันเกิดขึ้นด้วยมันตระหนักได้ว่า มีสัจจะอันลึกล้ําซ่อนเร้นอยู่ในดวงวิญญาณดวงอื่นด้วยเช่นกัน ดวงวิญญาณของเขาเคารพดวงวิญญาณของเธอ แลปรารถนา จะเห็นมันงอกงามเติบโต ดําเนินไปในวิถีทางของมันจนบรรลุถึง ความเป็นมนุษย์อันแท้จริง ซึ่งเข้าถึงได้ยากยิ่ง

37


ไม้ป่า

มีกลิ่นหอมของดอกแก้ว กรุ่นกําซาบมาในความมืด เขาสูดดมได้กลิ่นของมันและรู้สึกได้ว่า มีดอกไม้อันงดงามและ หอมยิ่งกว่าพํานักอยู่ในดวงวิญญาณของชายและหญิง

38




พจนา จัทรสันติ

“ ไม้ป่าต้นนี้ได้สั่งสมญาณทัศนะ เก็บไว้ในวิญญาณของมัน เนิ่นนานสืบมา พลังแห่งความเข้าใจเหล่านั้น ได้แตกผลิ ออกเป็นปุ่มปมอ่อนๆ แล้วผลิบานขึ้นเป็นดอกไม้อันงดงาม ส่งกลิ่นหอม ”

41



พจนา จัทรสันติ

ไม้ป่า ต้นไม้ต้นนั้นอยู่ที่นั่นมานานแล้ว ยืนต้นอยู่บนเนิน เขาแผ่ร่มเงาออกมา ปกคลุมพื้นที่กว้างขวาง มันถือกําเนิด ขึ้นจากเมล็ดพันธุ์ของกาลเวลา และเติบใหญ่ขึ้นตามฤดูกาล ที่หล่อเลี้ยง เกาะเกี่ยวผู้ให้กําเนิดไว้เหมือนเถาตําลึงอันแบบ บางเลื้อยพันหลัก ทว่าหลักของมันคือกาลเวลาอันเป็นอมตะ เบื้องหน้าผู้ให้กําเนิดนี้ ลําต้นอันสูงใหญ่แข็งแรงของมันกลับ กลายเป็นเพียงเถาบอบบางของไม้เลื้อยต้นเล็กๆ ซึ่งดํารงอยู่ ไม่ทันผ่านพ้นฤดูกาลก็อับเฉาโรยราไป กาลเวลามักจะเฝ้ามองดูมัน ด้วยความภาคภูมิใจ บั ด นี้ มั น สู ง ใหญ่ แ ละแข็ ง แรงเหยี ย ดกิ่ ง ก้ า นแผ่ อ อกปกไปไกล สง่ า งามและเต็ ม ไปด้ ว ยความรอบรู้ ซึ่ ง รากของมั น หยั่ ง ลึ ก ลง ไปในผืนดินและดึงดูดเอาพลังแห่งชีวิตขึ้นมา โลกหล่อเลี้ยงมัน ด้วยเลือดเนื้อและลมหายใจอันศักดิ์สิทธิ์ของท่านเอง ประทาน ฤดูกาลมาช่วยกล่อมเกลาและเกื้อหนุน ประจุจิตวิญญาณอัน เร้นลับไว้ให้ และมอบพลังการหยั่งรู้ 43


ไม้ป่า

ผ่านมากับพลังต่างๆของจักรวาล ผ่านความเย็นสดชื่นของฝน ผ่านความอบอุ่นและความร้อนแรงของแสงแดด ผ่านสายลม อ่อนและความรุนแรงของลมพายุ ผ่านละอองไออันนุ่มนวลของ สายหมอก ความวิเวกของยามเย็น และความหดหูอ้างว้าง ของรัตติกาล ซึ่งมีดวงดาวฉายแสงระยิบระยับอยู่อย่างงดงาม โลกกระซิบบอกความหมายแก่มันผ่านฟากฟ้ากว้างใหญ่ไพศาล มอบกฎเกณฑ์แห่งความแปรเปลี่ยน ผ่านหมู่เมฆ ผ่านสีสัน ของใบไม้ และพืชพันธุ์นานาที่เป็นมิตรแวดล้อม ผ่านความ เคลื่อนคล้อยของฤดูกาล ผ่านวัฏจักรการเกิดและดับสูญของ เหล่าหนอนแมลงที่มาอาศัยอยู่ตามลําต้น ใบ และกิ่งก้าน โลกมอบความเข้าใจแห่งความเป็นอมตะผ่านกาลเวลา และ ผ่านกายของท่านเอง ผ่านขุนเขา และแผ่นดินอันหนักแน่น มั่นคง ซึ่งเต็มไปด้วยพลังอันไร้ที่สิ้นสุดของการก่อกําเนิดเกื้อ หนุนและแบกรับ โลกสอนกฎเกณฑ์ธรรมชาติ สอนหลักการ แห่งการให้และการรับแก่มัน ผ่านความสัมพันธ์ร่วมกับแผ่น ดินและขุนเขา ร่วมกับชีวิตสัตว์ และหนอนแมลงนานาพันธุ์ ร่วมกับพลังต่างๆในจักรวาล ไม้ใหญ่ต้นนี้ได้ค่อยสั่งสมปรีชา ญาณแห่งธรรมชาติ มันได้กลายเป็นผู้เข้าใจซึ่งใน “วิถี” บนกิ่งก้านของมัน บางครั้งมีนกใหญ่น้อยมาอาศัย ทํารัง ต่างอยู่เพียงชั่วครู่แล้วก็จากไป มันได้ให้ที่พักพิงแก่นก เหล่านี้มาหลายชั่วชีวิต มันมาหลบอยู่ตามใต้ใบบัง อาศัยจิก กินหนอนแมลงตามกิ่งก้าน 44


พจนา จัทรสันติ

เลี้ยงลูกน้อยจนเติบใหญ่ พอปีกของลูกรู้จักความอิสระของสายลม ก็พากันบินท่องเที่ยวไป บางครั้ง ก็มีผีเสื้อและหนอนแมลงพากันมาวางไข่ไว้ ตามใบ พอไอแดดฟักไข่ออกเป็นตัวอ่อนก็อาศัยกัดกินใบของ มันจนแหว่งวิ่น โกรันไปทั้งต้น ตัวอ่อนเหล่านั้นพอลอกคราบ แล้วก็ติดปีก กลายเป็นแมลงตามเผ่าพันธุ์เดิมของตน กลายเป็น ผีเสื้อป่าหลากสีบินว่อนไปตามจุดหมายของตน ได้ร่มเงาอันเย็นฉ่าของมัน บางครั้ง ก็มีสัตว์น้อย ใหญ่มาอาศัย หลบแดดหลบฝน บางครั้งก็มีคนพเนจรมานอน อยู่ภายใต้ แต่ต่างก็จากไปในเวลาไม่นาน ไม้ใหญ่ต้นนี้เต็มไปด้วยความเปิดกว้าง มันต้อนรับ ทุกสิ่งทุกอย่าง และทุกชีวิตที่เข้ามาสู่มันโดยไม่เคยผลักไสและ ยอมให้จากไปโดยไม่เคยเหนี่ยวรั้งไว้ เอื้ออํานวยให้จิตวิญญาณ ของทุกชีวิตเติบโตงอกงามอย่างอิสระ มันเคารพจิตวิญญาณ เหล่านั้น เพราะแม้แต่วิญญาณของหิ​ิงห้อยก็ยิ่งใหญ่และน่าเคารพ วิญญาณของหนอนแมลงเล็กๆเหล่านั้น ล้วนแสวงหาหนทาง เพื่อไปสู่บูรณภาพ เมื่อรวมเข้าด้วยกันกับพลังอันบริสุทธิ์ของ ธรรมชาติจากดวงใจอันเปิดกว้างของมัน เกิดความเคารพอย่าง ลึกซึ้งแผ่ซ่านออกมาสู่สรรพสิ่งรอบๆตัว ต่อแผ่นดินขุนเขาที่มัน หยั่งรากอยู่ ต่อจิตวิญญาณของเมฆหมอก และดวงดาวบนฟ้า ต่อจิตวิญญาณของหมู่แมลง และสัตว์ป่าพรรณไม้ 45


ไม้ป่า

มั น น้ อ มศี ร ษะลงคารวะสรรพสิ่ ง ด้ ว ยอาการของกิ่ ง ดกหนาที่ โน้มลงต่ําด้วยแรงลม สั่นสะท้านด้วยความเคารพอันศักดิ์สิทธิ์ สรรพสิ่งที่รายรอบ จึงจ้องมองมันด้วยอาการอันเคา รพดุจเดียวกัน และรู้สึกได้ถึงการดํารงอยู่อันลึกซึ้งบางอย่าง ของไม้ใหญ่ต้นนี้ มันเต็มไปด้วยพลังของชีวิตและงดงามด้วย พลังของนามธรรมและความรอบรู้ ซึ่งแผ่ออกมาเป็นบรรยากาศ รอบๆตัว แน่นอนย่อมมีเวลาที่มันรู้สึกอ้างว้าง ในคืนเดือนมืด ที่มีดวงดาวจรัสฟ้า มันมักแหงนมองฟ้าด้วยอาการของสัตว์โลก อันต่ําต้อย รู้สึกได้ถึงความกว้างใหญ่ และความลี้ลับของ จักรวาลซึ่งทําให้มันต้องนิ่งงันด้วยความพิศวง และตื่นตะลึง ในดวงวิญญาณ ลุ่มหลงในแสงพร่างพรายของดวงดาว มันมองดู ดวงดาวเหล่านั้นด้วยสายตาที่รู้จักความงาม และกล่าวสรรเสริญ ด้วยถ้อยคําที่เป็นบทกวี ความงามที่มันคุ้นเคยช่วยบรรเทาใจ เหงาของมัน และยกชีวิตขึ้นสู่อีกมิติหนึ่ง มันรู้ดีว่าชีวิตที่รู้จัก ความงามนั้น เป็นชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยความหมาย แม้บางครั้ง มันอยากจะบอกกับผีเสื้อปีกสวยที่บินมาเกาะอยู่บนใบว่า “รั้งอยู่ให้เนิ่นนานกว่านี้อีกสักนิดเถิด ฉันเพียงปรารถนา ไออุ่นของมิตรภาพ” แต่มันก็ได้แต่นิ่งอึ้งด้วยว่าทุกชีวิตต่างมี วิถีทางเฉพาะของตนเอง อาศัยอะไรที่ผู้ดํารงอยู่กับที่เช่นมัน จะไปเรียกร้องเอากับผู้สัญจรไปในกระแสลม ผู้มีปีกอันงดงาม บอบบางนั้นเล่า 46


พจนา จัทรสันติ

แน่นอนมันตระหนักแก่ใจดี ว่ามันดํารงอยู่กับที่เพียง สายตาของคนภายนอกแลเห็น แม้ว่ารากและลําต้น กิ่งก้าน และใบทั้งหมด เสมือนว่าจะตั้งมั่นอยู่กับที่ก็ตาม แต่มันรู้สึก ได้ถึงลีลาความเคลื่อนไหว ภายในจิตวิญญาณของตนเอง มัน เคลื่อนที่ไปในมิติที่เหนือโลก ซึ่งอยู่เหนือกาลเวลาและสถาน ที่ อยู่เหนือความเร็วและระยะทางใดๆ จิตวิญญาณของมัน เคลื่อนคล้อยไปประดุจดั่งนามธรรมและความจริง เดินทางไป ในมิติต่างๆ สํารวจตรวจตราและค้นหาสัมผัสเรียนรู้ และ กระทําการร่วมกันกับพลังต่างๆในจักรวาล ค้นหาถึงต้นกําเนิด แห่งชีวิตและพลังของตนเอง ค้นหาถึงความเป็นไม้ ความเป็น นก ปลา หิงห้อยและผีเสื้อ ความเป็นแผ่นดิน แผ่นฟ้า หิน และแร่ธาตุ ความเป็นชีวิตและไม่เป็นชีวิต ปรากฏการณ์ รูปทรง พลังและความเป็นไป จะแตกต่างอะไรเล่าถ้าสิ่งใดเป็นสิ่งใด หรือถ้ามันถือเอารูปปรากฏใดเพื่อแสดงตนออกมา ต่างก็เป็น ลูกหลานของธรรมชาติทั้งสิ้น ไม้ป่าต้นนี้ ได้สั่งสมญาณทัศนะ เก็บไว้ในวิญญาณ ของมันเนิ่นนานสืบมา พลังแห่งความเข้าใจเหล่านั้น ได้แตก ผลออกเป็นปุ่มปมอ่อนๆ แล้วผลิบานขึ้นเป็นดอกไม้อันงดงาม ส่งกลิ่นหอม กลิ่นหอมนั้นเป็นทิพย์ซึ่งส่งใจของผู้สูดดมให้สัม ผัสได้ถึงสิ่งแท้ ที่ซ่อนอยู่ภายในหัวใจของตนเอง ผ่านการขับ กล่อมของฤดูกาล ดอกไม้ก็ค่อยกลับกลายเป็นผล 47


ไม้ป่า

ผ่านแดดลมและอากาศธาตุช่วยบ่มให้ผลไม้นั้นสุกงอม หลาก ล้นไปด้วยพลังของการร่วงหล่น ผลไม้ทิพย์เหล่านั้น ด้วยแรงสัมผัสเบาๆของสายลม ด้วยแรงกระทบของแสงแดด หยาดฝน และหยดน้ําค้างก็ร่วง หล่นลง เต็มไปด้วยอาการอันเจ็บปวดของการก่อเกิด เต็ม ไปด้วยความทุกข์ ซึ่งสะกิดให้มันหลุดร่วงจากขั้ว ตกลงสู่ ใจปรารถนาของแผ่นดินโลก ตกลงมาสู่อีกมิติหนึ่ง มันหล่น พราวลงมารอบๆต้นและปริแยกแตกออก บางผลก็กลับกลาย เป็นผีเสื้อ เป็นหิ​ิ งห้อย บางผลกลับกลายเป็นดอกไม้ กลาย เป็นเมฆหมอก เป็นดวงดาวบนฟากฟ้า สิ่งเหล่านี้ถือกําเนิด ขึ้นจากผลไม้อันศักดิ์สิทธิ์ และโบยบินไปสู่สถานที่อยู่อันเหมาะ สมของตน บางผลตกลงมา แตกออก และกลับกลายเป็นคน ปลา และนก กลับกลายเป็นนามธรรม เป็นความใฝ่ฝันและ จินตนาการ เป็นความสุข เป็นความรัก บ้างก็กลับกลายเป็น ความเหงาและว้าเหว่ บ้างก็กลับกลายเป็นความทุกข์ เป็น ความโกรธและความเกลียดชัง บางผลยังกลับกลายเป็นความ เอื้ออาทรและความอ่อนโยน กลับกลายเป็นความอบอุ่น เป็นมิตร ไมตรี มันตกพราวลงที่โน่นที่นี่ กลับกลายเป็นชีวิตนามธรรม และความจริงมากมาย ไหลไปในกระแสธาร อุบัติขึ้นและดําเนิน ไปตามวิถีของมัน ค้นหาความหมาย และต้นกําเนิดเดิมเพื่อ กลับไปสู่เอกภาพ 48


พจนา จัทรสันติ

กลับกลายเป็นพลังหลอมรวมเข้ากับพลังของจักรวาล อันบริสุทธิ์ ซึ่งมุ่งไปสู่ทิศทางแห่งการสรรค์สร้างของชีวิตและ สัจจะ

49


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.