โรงเตี๊ยมอี้ฉาง แม็กกาซีนออนไลน์ ฉบับ 01 [Yichang magazine vol 01-01]

Page 1

ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

1


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

บทบรรณาธิการ ก่อนอื่น...ต้องขอกล่าวคำ�ว่า “สวัสดีและยินดีต้อนรับเข้าสู่โรงเตี๊ยมอี้ฉาง” (แปล เป็นไทยอย่างง่ายๆได้ว่า “โรงเตี๊ยมไม่ปกติ” )....ในรูปแบบของนิตยสารราย(สิ้น)เดือน เจ้าค่ะ ข้าพเจ้า....เป็นตัวแทนของชาวโรงเตี๊ยมหลังเล็กๆแห่งนี้ เสนอหน้ามาต้อนรับ ทุกท่านที่เผลอตัวเผลอใจ(?)เปิดหน้าหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเจ้าค่ะ บางท่านอาจสงสัยว่า...นี่คืออะไร ? ข้าพเจ้าสามารถแถลงบอกท่านได้ง่ายๆ เจ้าค่ะ ว่าโรงเตี๊ยมอี้ฉางดั้งเดิมเป็นกระทู้ในสถานที่เล็กๆแห่งหนึ่ง ที่เริ่มมาจากการนำ� เรื่องราวมาแลกกันอ่าน จากนั้นก็ค่อยขยายใหญ่โตด้วยลูกฮึดและอื่นๆ(?)ของผู้ที่เดิน ทางเข้ามา นำ�พาให้โรงเตี๊ยมหลังหนึ่งเริ่มเปลี่ยนแปลงไปไม่มีสิ้นสุด จนได้มามีนิตยสาร รายเดือนเล่มนี้ ท่านสามารถหาอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้ได้ที่คอลัมน์ (หรือที่ ชาวโรงเตี๊ยมชอบเรียกกันว่า “ม้วนบันทึกอักษร” ) เปิดแฟ้มภาพ โรงเตี๊ยมอี้ฉาง โดย Marchen Piper เจ้าค่ะ หรือหากใจร้อนอยากอ่านเร็วๆรวดเดียว ก็สามารถสั่งซื้อ รวม เรื่องสั้น : โรงเตี๊ยมไม่ปกติ เล่ม ๑ ผลงานร่วมกันผลิตเป็นหนังสือทำ�มือของชาว โรงเตี๊ยมได้เจ้าค่ะ (ถือโอกาสโฆษณาซะเลย...) นอกจากนี้ ท่านสามารถย่างเท้าเข้าไปยังม้วนบันทึกเรื่องราวของบุรุษผู้หนึ่งใน โรงเตี๊ยม บุรุษผู้จดบันทึกเรื่องราวที่เขาประสบมา ด้วยแนวคิดที่ว่า “ดังนั้นข้าจึงเริ่มบันทึก ผู้คนในม้วนไม้ไผ่ของข้าอาจจะสิ้นลมหายใจไปแล้วแต่ เรื่องราวของพวกเขายังคงอยู่ชั่วนิรันดร์ ข้าหวังว่าเช่นนั้น…” (จาก บันทึกเรื่องที่หนึ่ง ‘ไมกาห์’ โดย อารันดร์ ) หรือสามารถชะโงกหน้าไปชมดูม้วนบันทึกที่แฝงกลิ่นไอของความลี้ลับเอาไว้ อย่าง “สิ่งที่น่ากลัวกว่าคมเขี้ยว สิ่งที่น่ากลัวกว่ากรงเล็บ คือความรู้สึกที่มืดดำ�ยิ่งกว่า 2


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

สิ่งใด เป็นความมืดที่แม้แต่คืนเดือนดับอันไร้แสงไฟไร้หมู่ดาวยังไม่อาจทำ�ให้เกินความ รู้สึกเช่นนี้ได้ ..... ความมืดที่กลืนกินทุกสิ่ง แม้แต่ราตรี แม้แต่สีดำ�ที่เป็นสีของค่ำ�คืน .....” (จาก Dark story บทบรรเลงแห่งราตรีกาล โดย Marchen Melody ) นอกจากเรื่องราวพวกนี้แล้ว ยังมีม้วนอักษรที่แฝงเสียงหัวเราะและรอยยิ้มอย่าง Prince(ss?) ‘s Story - เจ้าหญิงขอรับ เจ้าชายเจ้าขา โดย อมราวตี และ นิยาย โรมานซ์พารานอร์มอลอย่าง Beginning : The Last Sunshine โดย Styxx หรือหากท่านชื่นชอบเรื่องราวแบบเป็นภาพ ในนิตยสารเล่มนี้ ยังมีการ์ตูนน่ารัก อย่างเรื่องที่ถ่ายทอดออกมาจากผู้ที่อยู่ในตำ�หนักดาวเทพลิขิตชะตา(?) เช่นแม่นาง ซึ่งเรียกตนเองว่าเสี่ยวซีเอ๋อร์ หรืออารัมภบทถึงเรื่องราวของนิทานที่ไม่เคยถูกขับขาน ที่ไหนมาก่อน Night Tale Story นิทานฉบับไม่ธรรมดา โดย Marchen Piper นอกจากความบันเทิงแล้ว นิตยสารเล่มนี้ก็ไม่ละเลยสาระ(?) เพราะท่าน สามารถค้นพบวิธีดูแลสุขภาพตัวเองอย่างเป็นกันเองและไม่ปกติ(?)สมชื่อโรงเตี๊ยม ได้ที่ ตำ�รับการบำ�รุงตัวเองฉบับเบญจพิษ โดยมีหนึ่งในชาวโรงเตี๊ยมผู้เก่งกาจเช่นนาย น้อยซันพร้อมลูกมือคอยดูแลความปลอดภัย(?)อยู่ตลอด และสุดท้าย....ท่านจะได้พบกับความรู้เกี่ยวกับการวาดภาพ หนังสือนิยาย น่าอ่าน การ์ตูนน่าติดตามที่นิตยสารแนะนำ�...และพิเศษสุดรับฉบับปฐมฤกษ์โดยบท สัมภาษณ์นักวาดการ์ตูนไทยคนเก่ง เจ้าของผลงาน IMP - อิงฤทธิ์ อารดา...บท สัมภาษณ์คุณสิริน....ที่เปิดเผยความลับที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ทั้งหมดนี้....รอท่านผู้อ่านอยู่แล้วด้านในเจ้าค่ะ.... ขอต้อนรับทุกท่าน....สู่โรงเตี๊ยมอี้ฉางนะเจ้าคะ ! yichang.dian@gmail.com facebook.com/ pages/โรงเตี๊ยมอี้ฉาง/253943158052163 3


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

4


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

5


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

6


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

สวัสดีเจ้าค่ะ ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่การเปิดแฟ้มบันทึกอันเป็นความลับของ โรงเตี๊ยมอี้ฉาง (ตอนแรกอยากจะบอกว่าม้วนบันทึก แต่ดูเหมือนเรียกว่าเป็นแฟ้มน่าจะ เหมาะกว่า) ในโอกาสที่เป็นฉบับแรกทั้งที จะไม่มีอะไรเกี่ยวกับ “ครั้งแรก” ของโรงเตี๊ยมก็ยัง ไงอยู่ ดังนั้น... ในฐานะผู้วาดภาพประกอบส่วนใหญ่ให้แก่โรงเตี๊ยมอี้ฉาง (และทำ�งาน เป็นแรงงานทาสมาเนิ่นนาน) จึง(เสี่ยงตาย)ขอหอบหิ้วข้อมูลที่อยู่ในส่วนลึกของหอภาพ ออกมาให้ยลเจ้าค่ะ สำ�หรับการเปิดแฟ้มครั้งนี้ เป็นการเปิดแบบภาพเต็มตัว+ไกด์สี และ... คำ� บอกเล่าจากผู้วาด ผู้ออกแนวคิดในรูปแบบภาพ (หรือก็คือข้าน้อย หาใช่ความคิดของผู้ รังสรรค์ให้กำ�เนิดไม่... ส่วนนั้นหากข้าไม่ถูกเลิกจ้างหรือถูกยัดเข้ากรุหอภาพไปกับม้วน บันทึกเสียก่อน อาจจะมีมาให้ยลในโอกาสหน้าๆๆๆ) แถมท้ายอีกนิดด้วยรายละเอียด เล็กๆน้อยๆที่แอบใส่ลงไปเพื่อความสนุกสนาน(???) ซึ่งในฉบับปฐมฤกษ์นี้ เหล่าภาพที่ควรค่า เหมาะต่อการถูกแฉ(?) ได้แก่... เหล่า ตัวละครในยุคก่อตั้ง หรือก็คือในช่วงเวลาแรกของโรงเตี๊ยมอี้ฉางเจ้าค่ะ เชิญชมกันได้เลยเนอะ... (*หมายเหตุ – สำ�หรับผู้ที่ไม่เคยรู้จัก “โรงเตี๊ยมอี้ฉาง” มาก่อน โรงเตี๊ยมอี้ฉาง กล่าวคือ... เป็นกลุ่มคนเล็กๆกลุ่มหนึ่ง ที่มีความชอบ หรืออาจจะไม่ชอบ ที่คล้าย/เหมือน กัน แต่มีความสนุกที่ได้มากองอยู่ร่วมกัน ซึ่งแรกเริ่มเดิมที จุดเริ่มต้นเป็นเพียงแค่กระ ทู้เล็กๆกระทู้หนึ่งในบอร์ดสำ�นักพิมพ์แห่งหนึ่ง (แอบซับซ้อนเล็กๆ) ที่ลงเรื่องสั้นแลก เปลี่ยนกันอ่าน แต่หลังจากการออกทะเลไปสู่คาบสมุทรหนังจีน แล้วเรียกชื่อล็อกอิน (หรือตั้งใหม่) เป็นภาษาจีน มีคนพูดว่าเป็นเหมือนโรงเตี๊ยมริมทาง เริ่มมีคนจับจอง ตำ�แหน่งเสี่ยวเอ้อ คนรินชา ฯลฯ และยกเจ้าของกระทู้ขึ้นเป็นเถ้าแก่เนี้ย... ไปๆมาๆ เหล่าตัวละครที่เล่นก็เริ่มมีเรื่องราว เริ่มออกมาโลดแล่น จนโรงเต๊ยมริมทางกลายสภาพ เป็นโรงเตี๊ยมขนาดสามชั้น มีเถ้าแก่เนี้ยที่ไม่ปกติ และมีเหล่าผู้อาศัยที่ไม่ปกติ และมีป้าย ชื่อโรงเตี๊ยมแขวนตัวโตๆว่า โรงเตี๊ยมอี้ฉาง (อี้ฉางมีความหมายว่า... ไม่ปกติ) นอกจาก นี้ยังสังคมโดยรอบ มีโรงเตี๊ยมคู่แข่ง มีหอหญิงงามที่เป็นคู่แข่งขันเรื่องความงาม มีเมือง และมีหลายสิ่งหลายอย่าง... เท่าที่เห็นในปัจจุบันนี้) 7


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

8


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

รายละเอียด (โดยย่อ) : เสี่ยวหง... นายหญิงแห่งโรงเตี๊ยมอี้ฉาง เถ้าแก่เนี้ย หรือคำ�เรียกใดก็ตามแต่ (ที่ มีความหมายทำ�นองนี้) นางคือหญิงงามในเสื้อผ้าอาภรณ์สีสันสะท้านตา ที่ไม่มีใคร ที่ไหนกล้าแต่งอีกแล้วในนครไร้ขอบเขต และเป็นที่มาของนามที่ใช้เรียกขานนาง... ‘เสี่ยว หง’ (หงมีความหมายว่า สีแดง) ประวัติของนาง ความเป็นมาของนาง ไม่ว่านางเป็นใครมาจากไหน ทำ�ไมมา เปิดโรงเตี๊ยมที่นครแห่งนี้ รวมไปถึงชื่อเสียงเรียงนามที่แท้จริง ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็น ปริศนาไปทุกอย่าง (แต่มีคำ�ร่ำ�ลือกันอย่างไม่ลับว่า... แท้จริงแล้วนางอาจจะเป็นนาง ปีศาจที่ล่มมาแล้วตั้งแต่เมืองเล็กๆไปจนถึงอาณาจักรใหญ่จำ�แลงกลาย บ้างก็ว่านางคือ ประมุขแห่งพรรคมารที่หายสาบสูญ ฯลฯ) ซึ่งปริศนารวมไปถึงเรื่องราวที่กำ�ลังจะเริ่มเปิด เผย ติดตามอ่านต่อรายละเอียดได้ที่....... ที่ไหนสักแห่งในโรงเตี๊ยมนั่นแหละ (แถวๆหน้า เพจ บันทึก หรือไม่ก็รวมเล่มเรื่องสั้นโรงเตี้ยมที่ออกวางแผงไปแล้ว <<< โฆษณาแฝงซะ เลย) คำ�บอกเล่าของผู้วาด : เสี่ยวหง เถ้าแก่เนี้ยผู้งดงาม (ไม่บอกว่างดงามอาจจะเจออะไรแปลกใหม่ได้) ในตอนแรกที่จรดปลายปากกาวาด สิ่งที่กำ�หนดไว้มีเพียงแค่ “สีแดง” “เจ้าของโรงเตี๊ยม” “นางพญา” “ประมุขพรรคมาร” (สองอันหลังไม่น่าจะเกี่ยว...) พอผสมกันออกมา เลยได้ เป็น... อย่างที่เห็นในภาพนั่นแหละเจ้าค่ะ ตัวละครเถ้าแก่เนี้ย จะว่าเป็นหนึ่งในตัวละครที่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรเลยตั้งแต่ ครั้งเมื่อยังเป็นโรงเตี๊ยมริมทางเล็กๆ (โปรดอ่านหมายเหตุก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงอวดภาพ ประกอบ) และยิ่งนานวัน... นางจะเสริมความเป็นนางพญามากยิ่งขึ้นด้วย (ฮา) การวาดเถ้าแก่เนี้ย ถ้าเป็นการลงสีแบบเต็มรูปแบบ (ไม่ว่าจะด้านนอกหรือ ในคอม) ทำ�ร้ายสายตาผู้วาดมากค่ะ (ฮา) เพราะแม่นางจะปรากฏตัวพร้อมสีอันเป็น เอกลักษณ์ ที่แสบตาเป็นอย่างยิ่ง จนทำ�ให้ผู้วาดอยากจะกรีดร้องเหลือเกินว่า... “เถ้าแก่ เนี้ยเจ้าขา ช่วยลดความแรงของสีลงหน่อยเถิดเจ้าค่ะ” (แต่น่าเสียดายที่เป็นไปไม่ได้ ฮา) 9


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย : - สีผมของเสี่ยวหงไม่ใช่สีดำ� (อย่างที่หลายคนอาจจะเข้าใจ) แต่เป็นสีแดงเข้ม เข้ม... มองเผินๆเป็นสีดำ� (ถ้าตามหลักการผสมสี ก็ผสมสีแดง+แดงเลือดนกเข้มๆ+สีดำ� อีกเล็กน้อยในการวาด) - ชุดเสื้อผ้าของเถ้าแก่เนี้ยจะตามรสนิยมและการเปลี่ยนแปลงของอากาศ (อ้างอิงข้อมูลจากชุดฤดูร้อนของเถ้าแก่เนี้ยที่ปรากฏในรวมเรื่องสั้น ส่วนของสาวรินชา)

10


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

11


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

รายละเอียด (โดยย่อ) : เสี่ยวไป๋... สาวรินชาแห่งโรงเตี๊ยมอี้ฉาง ผู้ปรากฏตัวในเสื้อผ้าสีขาว (ที่ไม่มีใคร คาดคิดว่านอกจากวิญญาณแล้วจะมีใครกล้าใส่) และกาน้ำ�ชา (ที่มีคำ�ร่ำ�ลือกันว่า... ผู้ ใดได้ดื่มแม้เพียงอึกเดียว อาจจะต้องประสบเคราะห์ หรือพบเหตุการณ์อะไรบางอย่าง) สิ่งแรกนั้นเป็นเอกลักษณ์ยิ่งจนผู้คนเรียกขานนามของนางว่า... เสี่ยวไป๋ (ไป๋มีความ หมายว่า สีขาว) นางปรากฏตัวพร้อมกับเถ้าแก่เนี้ยสีแดง และเช่นเดียวกับสหาย... (เขาว่ากันว่า พวกนางเป็นสหายกัน แต่ความสัมพันธ์ที่แน่ชัดก็ไม่มีใครบอกได้ว่า... ใช่หรือไม่ แท้จริง แล้วเป็นเช่นไร) ที่ความเป็นมา เรื่องราวแต่หนหลัง หรือแม้กระทั่งชื่อของนาง ทุกอย่าง ล้วนเป็นความลับที่ถูกลือกันไปไกล (ซึ่งมีตั้งแต่ความจริงแล้วนางเป็นนางเซียนที่ถูก ปีศาจล่อลวงชักจูงให้ตกสู่สายมาร ไปจนถึง... เรื่องที่แท้จริงแล้วนางเป็นวิญญาณที่ หลบหนีจากยมโลกมาเนิ่นนาน จนมีอำ�นาจแก่กล้า ไม่กลัวฟ้าไม่เกรงดิน ฯลฯ) ซึ่งปริศนาและเรื่องราวต่างๆ เริ่มทำ�การเปิดเผลแล้วเช่นกัน (ที่หน้าเพจ บันทึก เพจ หรือรวมเรื่องสั้นที่ขอทำ�การโฆษณาซ้ำ�อีกที ฮา...) คำ�บอกเล่าของผู้วาด : เนื่องจากเป็นลูกของตัวเอง ดังนั้นผู้วาดเลยใส่ได้เต็มที่... อยากจะบอกอย่าง นี้อยู่เหมือนกัน แต่ตอนที่ทำ�การออกแบบเสี่ยวไป๋ ตอนนั้นมีธีมกำ�หนดแค่ว่า “สีขาว” เท่านั้นเอง (ลำ�เอียงจากเถ้าแก่เนี้ยอย่างเห็นได้ชัด) และเนื่องจากเป็นสีขาว เลยพาลนึก ชุดแบบเถ้าแก่เนี้ยไม่ออก เลยกลายมาเป็นเสื้อผ้าที่ปิดปังเนื้อหนังมังสา และกรุยกราย (?) อย่างที่เห็นนี้แทน (ฮา) โดยส่วนตัวแล้ว... เสี่ยวไป๋ก็สมกับเป็นลูกของผู้วาดดี (ฮา) เพราะใส่ดีเทลลงไป ค่อนข้างเยอะอยู่ สิ่งที่อยู่บนตัวเหมือนจะมีความหมาย (ที่คนวาดเองก็ยังไม่รู้...) ทั้งนั้น ส่วนเรื่องแบบ... แอบกระซิบบอกแล้วกัน ว่าแบบของเสี่ยวไป๋ มีการ เปลี่ยนแปลงจากตอนเริ่มแรกเล็กๆน้อยๆ อย่างเช่นผ้าที่ถูกเป็นโบว์ด้านบนหัว ส่วนล่าง ของกระโปรง แต่เพียงแค่สองที่เท่านั้นเอง ไม่ได้เปลี่ยนอะไรมากเลย (จริงๆนะ > <) เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย : - สีผมของเสี่ยวไป๋ไม่ใช่สีดำ� แต่เป็นดำ�ที่เหลือบน้ำ�เงิน (พูดลำ�บาก แต่ทำ�นอง 12


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

สีดำ�ที่เวลามองบางมุมจะเป็นประกายหรือเป็นว่ามันเหลือบสีน้ำ�เงินด้วย เวลาลงสีก็ลง สีน้ำ�เงินก่อน แล้วเคลือบด้วยสีดำ�) - กระพรวน (หรือกระดิ่ง) ที่ปลายผ้าของเสี่ยวไป๋ ตามปกติแล้วจะมีเสียงตาม จังหวะการเดินของนาง แต่บางที... บางทีก็เงียบกริบไม่มีเสียงได้เหมือนกัน - ถึงธีมแรกเริ่มของเสี่ยวไป๋จะเป็น “สีขาว” แต่สีประจำ�ตัว กลับไม่ใช่สีขาวนะ เออ...

13


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

14


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

รายละเอียด (โดยย่อ) : เฟย์... หรือที่ถูกเรียกให้เพี้ยนด้วยสำ�เนียงตะวันออกว่า เฟย (อาเฟย) บุรุษผู้ ซ่อนใบหน้าครึ่งเสี้ยวไว้ใต้ผ้า จนกลายเป็นหนึ่งในของขึ้นชื่อ(วัตถุดิบสร้างข่าว) ของ โรงเตี๊ยมอี้ฉาง แรกเริ่มเป็นเขาผู้พเนจรที่มาพักโรงเตี๊ยมตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นโรงเตี๊ยมไร้ นาม ด้วยเหตุการณ์เล็กน้อย ทำ�ให้ต้องอาศัยในโรงเตี๊ยมจนถึงปัจจุบัน ตามปกติแล้ว... ที่พักผ่อนประจำ�(?)ของเฟย์ มักจะเป็นจุดที่สูงที่สุดของ โรงเตี๊ยม (เช่นบนหลังคา) ซึ่งทับกับหนึ่งในเส้นทางยอดฮิตที่ผู้บุกรุกมักจะใช้เข้ามาในที่ รโหฐาน ดังนั้น เขาจึงมักจะเป็นคนแรกที่รู้ (ยกเว้นเจ้าของอาณาเขต) ว่ามีผู้บุกรุกเข้ามา นอกจากรูปร่างหน้าตา ที่พอดูแล้วบอกเค้าได้ว่ามีส่วนผสมของตะวันออกและ ตะวันตก เรื่องราวของเฟย์ กำ�ลังถูกเปิดเผยมากขึ้นเรื่อยๆ (ที่...เอาเป็นว่าเหมือนเดิม แล้วกัน เริ่มขี้เกียจยิงโฆษณาแล้ว) คำ�บอกเล่าของผู้วาด : อาเฟย (หรือที่เจ้าตัวพยายามเพียรบอกว่าชื่อ เฟย์) เป็นตัวละครชายหนุ่มที่ ลงดินสอวาดตัวแรกในขบวนการโรงเตี๊ยม โดยใช้ธีม (ที่ผู้รังสรรค์ให้มา ณ ขณะนั้น) ว่า “ซ่อนใบหน้าซีกหนึ่ง” เลยกลายออกมาเป็น... เป็นอย่างที่เห็นแล้วกัน (หมดสิ้นคำ� อธิบาย) และเนื่องจากบุคลิกลักษณะในตอนนั้น จึงตั้งใจออกแบบให้เคลื่อนไหวคล่อง ตัว (ออกแนวโจรหรือไม่ก็มือลอบสังหาร) แล้วสียอดฮิต(?) ที่ไม่พ้น ก็กลายเป็นธีม เทาดำ� ไป (ฮา...) ตัวละครตัวนี้เป็นตัวละครที่ยังคงรูปแบบ (ภายนอก) ยังคงเดิม และเป็นตัว ละครที่ผู้วาดชื่นชอบในการลงสีเป็นอันดับต้นๆ เพราะนอกจากจะดูสบายตา (ผู้วาดเป็น โรคแพ้แสงและอะไรแสบๆ) ยังไม่ต้องเปลี่ยนสีหลายๆครั้งด้วย (ใช่เรอะ!) (แล้วเชื่อไหม... ภาพร่างอาเฟยแผ่นแรกสุด ไม่ได้เป็นหนุ่มมาดนิ่งตาเฉยชา อย่างที่เห็นในทุกวันนี้หรอก แต่เป็นหนุ่มที่มีรอยยิ้มกวนประสาทเล็กๆ) เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย : - เสื้อผ้าของเฟย์ มีสองชั้น ตัวนอกเป็นสีเทา – เทาเข้ม ส่วนตัวในเป็นผ้าบางสี 15


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

16


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

รายละเอียด (โดยย่อ) : นายน้อยซัน... (ความจริงแล้ว ซัน หมายถึงสาม ดังนั้น... การเรียกว่านายน้อย ซัน จึงหมายถึงนายน้อยคนที่สาม ไม่ได้เป็นชื่อของนายน้อยแต่ประการใด) ผู้ที่เดินเข้า มาโรงเตี้ยมด้วยมาดคุณชาย แต่ด้วยเหตุบางประการ ทำ�ให้นอกจากจะถูกริบมาดไป อย่างโหดร้าย ยังต้องกลายสภาพจากแขกมาเป็นลูกหนี้ (ที่ทำ�งานเท่าไรก็ไม่มีวันหมด จนเป็นเรื่องน่าคิดว่า... แท้ที่จริงแล้วยอดหนี้ของนายน้อย มีเท่าไรกันแน่) แต่ถึงจะเป็นลูกหนี้ แต่นายน้อยก็เป็นลูกหนี้กิติมาศักดิ์ เพราะเป็นผู้ที่มอบนาม ให้แก่โรงเตี้ยมไร้ชื่อ (ด้วยการตะโกนบอกความในใจเพียงคำ�เดียวว่า “อี้ฉาง – ไม่ปกติ” เท่านั้น) ซึ่งเรื่องราวโดยละเอียดของนายน้อยผู้นี้ สามารถอ่านต่อได้ที่.... ที่เพจ บันทึก ของเพจ และรวมเรื่องสั้นที่ทำ�การวางแผงไปแล้ว (กลับมายิงโฆษณาต่อก็ได้...) คำ�บอกเล่าของผู้วาด : เชื่อหรือไม่! ว่านายน้อยซัน ทั้งที่ขึ้นชั้นอยู่ในธรรมเนียมผู้บุกเบิกยุคแรก แต่ กลับเพิ่งมามีหน้ามีตาจริงๆ เอาหนึ่งปี(มีคำ�ว่ากว่าๆ ต่อท้ายอีกเล็กน้อยแต่พองาม...) ให้ หลัง (ส่วนก่อนหน้านี้... มีสภาพเป็นตัวละครถมดำ� คือ... มีโครงและหัวเป็นตัวละคร ลูกชิ้น ที่ถูกป้ายด้วยสีดำ�จนมิด) ตัวละครตัวนี้ เนื่องจากเล่นกันมาพักใหญ่ (มาก) ถึงขั้นมีสตอรี่มีนคร มีเวทีให้ วิ่งเล่นได้แล้ว ถึงได้มีหน้ามีตากับเขา ดังนั้นจึงมีที่มาที่ไปไม่เหมือนกับตัวละครรุ่นแรก คนอื่นๆ ที่กำ�หนดแค่ธีมหลักๆ แต่... ถึงอย่างนั้น นายน้อยก็มีธีมหลักกับเขาเหมือนกัน นะเออ... ก็คือ “คุณชาย” “หมอเทวดา” “ลูกหนี้” (อ่ะ! อันหลังสุดมาไง) และเนื่องจาก... ผู้รังสรรค์ได้กระซิบมาบอกในตอนรวมเล่มเรื่องสั้น ว่า... ความ จริงแล้วก่อนหน้านี้ นายน้อยอยู่ดีกินดีมาก ดังนั้น อยากให้อ้วนท้วนสมบูรณ์ จึงมีนาย น้อยฉบับเด็กสมบูรณ์ (โปรดหาฉลากสินค้ามาเป็นภาพประกอบ) ออกมาด้วย (ส่วนฉบับผอม... ก็เพราะถูกใช้แรงงานในโรงเตี๊ยมเลยผอมลงผอมลงไง.... // หลบตา)

17


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย : - เชื่อหรือไม่! แบบเสื้อผ้าที่นายน้อยใส่อยู่ตอนนี้ แท้ที่จริงแล้ว มันคือเครื่อง แบบของลูกจ้างโรงเตี๊ยมอี้ฉาง (ที่ถูกดัดแปลง เครื่องแบบจริงๆ ควรมองหาที่เสี่ยวเอ้อ สวมใส่)

18


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

19


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

รายละเอียด (โดยย่อ) : ท่านเลี่ยว... แท้จริงแล้วเป็นผู้ใด ไม่มีใครทราบแน่ชัด รู้แค่เพียงว่าเขาเป็นผู้ที่ เดินทางโฉบเข้ามาในโรงเตี๊ยมในสมัยแรก และออกเดินทางท่องยุทธภพต่อ โดยทิ้งไว้ เพียงเรื่องราวเสี้ยวเล็กๆเท่านั้น คำ�บอกเล่าของผู้วาด : อันที่จริง... ตัวละครตัวนี้ จะบอกว่าเป็นตัวละครก็ไม่เชิง เพราะเป็นแค่การเรียก ขานชื่อทำ�นองจีนๆของกระทู้ในช่วงแรกๆ (ในสมัยที่ยังไม่ได้ตกลงว่าจะเป็นโรงเตี้ยมริม ทางด้วยซ้ำ�) ท่านเลี่ยวเป็นผู้แรกที่ชักนำ�การพูดคุยกันเรื่องหนังจีนอย่างออกรส (หรือที่ เรียกกันในตอนนั้นว่า... การออกทะเลสู่คาบสมุทรหนังจีน) จนเริ่มเรียกชื่อกันไปเป็นชื่อ สำ�เนียงจีน และกลายมาเป็นโรงเตี้ยมริมทางในที่สุด ดังนั้น... การวาดในครั้งนี้ จึงถือเป็นการขอบคุณ สำ�หรับก้าวแรกเล็กๆ ค่ะ

20


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

จบกันไปแล้ว... สำ�หรับการโชว์ตัวของชาวโรงเตี้ยมในฉบับเต็มๆ สุดท้ายนี้ ในฐานะผู้(หยิบมา)วาด ขอขอบคุณ เหล่าผู้รังสรรค์ทั้งหลาย ที่มอบ ลูกๆของท่านมาให้วาด ขอบคุณสำ�หรับโรงเตี้ยมที่มีเรื่องราวแต่หนหลังมาด้วยกัน และขอบคุณผู้ที่เปิดอ่านมาถึงตรงนี้ทุกคนด้วยค่ะ ^ ^ Marchen Piper

21


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

22


ตำ�รับการบำ�รุงตัวเองฉบับเบญจพิษปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557 โดย sunsleep ในการแพทย์แผนจีนมีเทคนิดการรักษาหนึ่งว่า “ใช้พิษต้านพิษ” หมายถึงการ ใช้ยาพิษก่อให้เกิดคุณในเชิงการรักษา หรือบำ�รุงสุขภาพ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตวน อู่เจี๋ย (端午节) ซึ่งจะเป็นช่วงฤดูร้อน เป็นช่วงที่โรคที่เกิดจากความร้อน โรคระบาด แพร่ลามไปง่าย อีกทั้งยังมีความเชื่อว่าพวกสัตว์มีพิษก็มักจะจู่โจมผู้คนในช่วงฤดูนี้ ชาว บ้านจึงถือเอาช่วงเทศกาลนี้ดูแลตัวเองเป็นพิเศษ กลายมาเป็นจารีตว่าในช่วงนี้เหมาะ แก่การเบเกี่ยวสมุนไพร ทำ�ยา ซ่อมแซมบ้านเรือนจนเรียกว่าเป็นเทศกาลสุขภาพก็ไม่ผิด และหนึ่งในวิธีการดูแลสุขภาพแบบพื้นบ้านที่สืบทอดกันมาโดยใช้เทคนิดการ ใช้พิษต้านพิษก็คือสูตรอาหารเป็นยาต่อไปนี้ โดยการแนะนำ�ของ... “นายน้อยซัน” นายน้อย – เห็นแก่เรื่องสนุกข้าจะย่อมลดตัวลงมาชี้แนะเล็กๆ น้อยก็แล้วกัน

นะ

เอาล่ะและก่อนอื่นพวกเจ้าก็จะต้องมี...

(๑.) แมงมุมอับโชค ๑ ตัว ถ้าในทางยาพวกไต้ หรือ พวกคนไทยนั่นแหละ อาจจะใช้แมงมุมตายซากก็ดี หรือใครจะใช้ตัวบึ้งก็ได้ แต่ดูในวงเล็บข้อ (๒.) ด้วย นะ เพราะถ้าเป็นพวกขี้ขลาด ต้งการความชัดเจนไม่รู้ว่า จะใช้แมงมุมอะไรดี อยากให้จ�ำ เพาะสปีชยี่ ์ ก็แนะนำ�ตัวนี้ แหละ 花蜘蛛 (Argiope bruennichii Scopoli))

ซันสลีป – นายน้อยรู้จักคำ�ว่า “สปีชี่ย์” ด้วยเหรอครับ?

นายน้อย – หน้าข้าดูโง่เหมือนเจ้าเหรอ? เอาล่ะสิ่งที่ต้องมีอย่างต่อไปก็หาได้ ง่ายๆคือ (๒.) ไข่ไก่ธรรมดาๆ ๑ฟอง แต่ถ้าพวกเจ้าคนไหนใช้แมงมุมขนาดตัวตัวบึ้ง แนะนำ�ใช้สอง 23


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

สามตัวต่อไข่นกกระจอกเทศหนึ่งฟองไปเลยแล้วกัน พิษกับตัวชะลอพิษจะได้พอดีกัน (๓.) ที่ก่อไฟ เช่นบ้านของคนที่เจ้าชังน้ำ�หน้า เป็นต้น ซันสลีป – นายน้อยครับ...วารสารเราเพิ่งออกเล่มแรกกะจะให้เป็นเล่มสุดท้าย เลยเหรอครับ? นายน้อย – อ้อ ใช้บ้านเจ้าซันนี่ก็ได้ขัดคอข้าซะจริง ซันสลีป – เออ...ลืมไปแล้วเหรอครับว่าตรูเป็นผู้ออกแบบเจ้า ถ้าบ้านตรูไฟ ไหม้เรื่องแกก็ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอีกนะเออ... นายน้อย – เชอะเป็นแค่คนออกแบบทำ�เป็นขู่ ค่อยดูนะ สักวันต้องมีคนเอาคา แร็กเตอร์อย่างข้าไปแจ้งเกิดได้ดีกว่าที่เจ้าเขียนแน่ เอาล่ะสิ่งที่ต้องมีอย่างสุดท้ายคือ (๔.) ความอำ�มหิตเล็กน้อย ซันสลีป – แต่ที่นายน้อยมีนั่นเกินคำ�ว่า “เล็กน้อย” ไปจนแทบจะเป็นตรงกัน ข้ามกันเลยนะ

นายน้อย – ข้ามีเมตตาเสมอ...ต่อตัวข้าเอง

เอ้าล่ะ ส่วนวิธีทำ�อาหารยาตำ�รับนี้ ก็ง่ายแสนง่าย แม้แต่อุรังอุตังยังทำ�ได้ ฉะนั้นถ้าเจ้าทำ�ไม่ได้ ก็พิจารณาตัวเองซะนะว่าอยู่ต่ำ�กว่าอุรังอุตังเสียอีก

24


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

(๑.) จับแมงมุมอับโชคที่ไม่ได้ชื่อชาร์ล๊อต มาหนึ่งตัว (ใครไม่เก็ท ไปอ่าน “แมงมุมเพื่อนรัก” ซะ) โดยจะจับตายก็ได้ จับเป็นก็โอ ซึ่งถ้าใครไม่รู้แมงมุมตัวไหนคือ ชาร์ล๊อต (หมายเหตุ - วิธีตรวจสอบว่าแมงมุมตัวนั้นชื่อชาร์ล๊อตหรือไม่ อย่างง่ายๆ คือ ...ให้ถามมันตรงๆ ว่า “เฮ้ เจ้าชื่อชาร์ล๊อตเปล่า ข้าจะได้ไม่กินนายไง” ถ้ามันไม่ตอบ ปฏิเสธอะไรก็กินได้เลย ...ซึ่งจนถึงวันนี้ข้าก็ยังไม่เคยเจอแมงมุมชาร์ล๊อต สบายไป) ซันสลีป – เจอแมงมุมพูดได้ซะก่อนเหอะ อีกแบบนี้แมงมุมตัวไหนก็ไม่รอดน่ะ สิ ว่าแต่...นายน้อยไปอ่านเรื่องแมงมุมเพื่อนรักมื่อไหร่เนี้ย??? นายน้อย – (คลี่พัดป้องปากพูด) ข้าใฝ่รู้แบบนี้ คงยากที่จะโง่เท่าเจ้าได้ เสียใจ ด้วยนะ อย่าเสียเวลากับพวกมือไม่พายเอาเท้ายันหัวเลยมาดูวิธีทำ�ขั้นต่อไป ซึ่งต้องใช้ ฝีมือนิดนึง (๒.) เจาะเปลือกไข่ ให้มีช่องเล็กๆ แล้วพาแมงมุมของเราเข้าบ้านใหม่ ใน เปลือกไข่ที่ยังมีไข่อยู่นั่นแหละ แล้วปิดเปลือกไข่ด้วยอะไรก็ได้ ตามภูมิปัญญาชาวบ้าน ในขั้นตอนนี้มีเทคนิคแนะนำ�นิดหน่อยคือถ้าเราเอาเทปใสไปแปะเวลาเจาะไข่ มันจะไม่แตกออกมาแบบทะลักทะลาย ซ้ำ�ยังประกอบกลับเหมือนเดิมง่ายด้วย ข้าได้ เทคนิคมาจากพวกมิจฉาชีพเจาะเปลือกไข่แล้วเอาของโน่นนี่ใส่ไปหลอกคนอื่นเกี่ยวกับ เรื่องคุณไสยฯน่ะ... แต่ไม่ได้ทำ�เองนะ..เชื่อสิ หรือเจ้าจะลองฝีมือ ฝึกเจาะเปลือกไข่เองให้ชำ�นาญก่อนก็ได้นะ เพราะช่วง เวลาเอาแมงมุมเป็นๆ เข้าไปในไข่น่ะไม่ใช่ง่ายๆ นะ แต่ถ้าทำ�ขั้นตอนที่ (๒.) สำ�เร็จแล้ว ต่อไปก็ง่ายล่ะ (๓.) เอาไข่ห่อฟอย แล้วเผาในกองไฟนั่นแหละ สัก๓-๕ นาทีก็พอ จะเผาบ้านเจ้าซันสลีปแล้วโยนไข่เข้าไปก็ได้นะ แต่ถ้าไฟแรงไประวังไข่จะเหลือแต่เถ้าล่ะ ซันสลีป – ก็อย่าใช้บ้านตรูเป็นเตาแต่แรกสิเฟ้ย นายน้อย – พวกยาจกขี้เหนียวก็งี้แหละ แค่ใช้บ้านเป็นเชื้อเพลิงหลังสองหลัง 25


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

ทำ�เป็นบ่น (คนปกติเค้าไม่ใช้บ้านเป็นเชื้อเพลิงกันเฟ้ย ไอ้คุณหนูสามัญสำ�นึกอี้ฉาง – เสียงจากซันสลีป) เมื่อเอาไข่ออกมาแล้วทีนี้ก็ (๔.) ปอกเปลือกไข่ แงะเอาแมงมุมออก แล้วให้ลูกเล็กเด็กแดงกินแต่ไข่ สำ�หรับผู้ใหญ่ใจถึง ก็กระเดือกไข่ลูกโดยมีแมงมุมอยู่ข้างในอย่างนั้นโดยไม่ต้องแกะก็ได้ นะ ...อ้อ ระวังแมงมุมระคายคอก็แล้วกัน สรรพคุณของอาหารตำ�รับนี้คือ ช่วยบำ�รุงเด็กน้อยให้มีพลังต้านพิษ ไม่ป่วย ง่ายๆ บรรเทาอาการริดสีดวง (และอีก ฯลฯ แล้วแต่จะโม้) เพราะในทางแพทย์แผนจีน นั้นแมงมุมนั้นมีรสขมเล็กน้อย ฤทธิ์กลาง มีพิษเล็กน้อย วิ่งเข้าเส้นไต มีสรรพคุณบำ�รุง ธาตุหยางของไต ต้านพิษสลายบวม ส่วนไข่ไก่นั้น บำ�รุงธาตุหยินหยาง และเหยียนชี่(ธาตุต้นกำ�เนิด) ชะลอพิษดับ พิษ แต่เดิมนั้นในหลักการของกุมารเวชแผนจีนถือว่า “รักษาเด็กบำ�รุงไต รักษาผู้ใหญ่ บำ�รุงม้าม” ตำ�รานี้จึงเหมาะ เพราะใช้หลักการให้พิษแมงมุมนำ�พาสารอาหารขากไข่ไก่ เข้าสู่เส้นลมปราณไตได้เร็วขึ้น ตรงอวัยวะมากขึ้น เพราะกว่าที่ไข่ไก่จะถูกนำ�พาไปที่ไต ก็จะผ่านอวัยวะหลายตัวจนเหลือสารสำ�คัญน้อยเต็มที แต่การนำ�พายาด้วยพิษนี้จะไม่ เข้าไปทำ�ลายไตจังๆ เพราะมีไข่ไก่ชะลอพิษเอาไว้ ทำ�ให้กว่าที่สารสำ�คัญในไข่จะถูกดูด ซึมหมด พิษก็หายไปพอดี แต่ถึงอย่างไร ก็ต้องระวังอาการแพ้โปรตีนแมลงกันด้วยนะจ๊ะเด็กๆ(ที่กล้ากิน) ใครที่ลองทำ�แล้วมาแบ่งปันประสบการณ์กันซะ ซันสลีป – สรุปว่าเจ้าเคยกินเองไหมเนี่ย เหมือนหาหนูทดลองไว้เก็บอาการเลย นายน้อย – หึ ก็ลองแล้วน่ะสิกับเถ้าแก่เนี้ยและสาวรินชา แต่ว่าสองคนนั้นไม่มี ทีท่าอะไรสักนิด เลยต้องมาลองกับคนธรรมดาๆดูไง อะ..กระจกวิเศษ (ปาใส่ด้วยไข่ไก่ ยัดไส้แมงมุม) ------------------------------------------

26


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

สุดท้ายนี้ขอขอบพระคุณสำ�หรับการเอื้อเฟื้อข้อมูลโดย (๑.) แพทย์จีนกวิน กสิโอฬาร จากคลินิกพยาบาลการผดุงครรภ์และแพทย์แผนจีนแปดริ้ว (๒) ตำ�ราจงหัวเปิ่นเฉ่า《中华本草》 (๓.) ตำ�ราเฉวียนกว๋อจงเฉ่าเย้าฮุ่ยเฟี่ยน《全国中草药汇编》 (๔.) ตำ�ราจงกว๋อเย้าย่งต้งอู่จื้อ《中国药用动物志》 (๕.) คุณจ้าวตงฉี 赵东奇

27


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

28


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

ตรุษจีนนี้หนา มีที่มา มีความหมาย เชื่อว่าพอได้ยินว่า วันตรุษจีน ปุ๊บ หลายๆคนก็คงนึกถึงภาพซองแดง ของไหว้ (ของกิน)หลายชนิดหลายอย่าง ตามด้วยเสียงประทัด และอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งล้วนแล้ว แต่เป็นการเฉลิมฉลองบ่งบอกว่า “วันมงคลปีใหม่มาถึงแล้ว” แต่ความจริง นอกจากวันตรุษจีนจะเป็นวันปีใหม่จีนแล้ว ยังเป็นวันสำ�คัญอีก อย่างสำ�หรับชาวจีน(โดยเฉพาะในสมัยโบราณ) นั่นคือ วันเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ หรือ ฤดูเพาะปลูก เพราะก่อนหน้าวันตรุษจีน อากาศจะอยู่ในฤดูหนาว ไม่สามารถทำ�การ เกษตรได้ ดังนั้น การเลี้ยงฉลองในวันนี้ นอกจากจะเป็นการเลี้ยงฉลองเพื่อรับปีใหม่แล้ว ยังเป็นงานเลี้ยงฉลองเพื่อการเพาะปลูกใหม่ เริ่มต้นชีวิตใหม่ในพื้นดินที่จะเติบโตมา และทำ�ให้ผู้คนมีชีวิตอยู่ต่อไปได้นั่นเอง จึงไม่น่าแปลกใจแต่ประการใด ที่ผู้คนจะให้ความสำ�คัญกับวันนี้ จนเกิดเป็น ธรรมเนียมการฉลองที่มีอยู่หลายรูปแบบขึ้นมา ว่ากันว่า การฉลองในเทศกาลตรุษจีน นั้น กินเวลาถึงครึ่งเดือนเลยทีเดียว โดยจะมีตั้งแต่การเฉลิมฉลองให้เทวดาและบรรพชน เพื่อความเป็นมงคลของลูกหลาน ไล่มาจนถึงวันฉลองให้พ่อตาแม่ยาย วันเดินทางไป เยี่ยมญาติ วันที่ต้องนำ�ผลผลิตออกมา วันที่ต้องกินหมี่บ้าง กินนู่นนี่บ้าง ไปจนถึงสีสันที่ พบเห็นอยู่เสมอของเทศกาลตรุษจีนอย่างการจุดโคมไฟแล้วนำ�ขึ้นแขวน ทุกการกระทำ� ทุกการเลี้ยงฉลองนั้น หากมองดูให้ดีแล้วจะพบความหมายอยู่ เสมอ ไม่ว่าเป็นการที่ฉลองให้พ่อตาแม่ยายนั้น ก็มาจากค่านิยมธรรมเนียมของสังคมจีน โบราณ ที่บุตรสาวเมื่อแต่งออกไปก็มักจะพำ�นักอยู่กับบุตรเขย อาจบางทีไม่ค่อยได้เห็น หน้าค่าตากันนัก การที่มีธรรมเนียมวันนี้ขึ้นมา ก็แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำ�คัญถึง หัวอกพ่อแม่ที่มีลูกสาวได้เป็นอย่างดี หรือแม้แต่วันที่ต้องเดินทางไปเยี่ยมญาติผู้อาวุโส ก็ยังแสดงให้เห็นค่านิยมของการให้ความสำ�คัญกับความสัมพันธ์ฉันท์เครือญาติที่ยัง สืบทอดมาจนถึงตอนนี้ ในส่วนด้านของไหว้ (ที่สมัยเด็กอาจมีใครหลายคนรอคอยส่วนนี้อย่างใจจดใจ จ่อ) ก็ไม่ใช่สักแต่เลือกมาเช่นกัน ในวันมงคลแบบนี้ ผู้คนจะสรรหาอาหารที่ดีที่สุด รวม 29


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

ถึงมีความหมายเป็นทำ�นองอวยพร โดยส่วนที่จะพบเห็นกันบ่อยๆก็คือ - ไก่ หมายถึงความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน นอกจากนี้ถ้าลองมองดู หงอนตรงไก่แล้ว จะให้ภาพใกล้เคียงกับหมวกขุนนางในสมัยโบราณ ยังให้ความหมาย ถึงความซื่อตรงอีกด้วย - เป็ด หมายถึง ความสามารถหลากหลาย ทั้งยังหมายถึงความมั่งคั่งก็ได้ - หมู หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้ - ปลา หมายถึง มีเหลือเกินเหลือใช้ - บะหมี่ยาว หรือ หมี่ซั่ว แทนความหมายถึง อายุที่ยืนยาว - ขนมเข่ง (ที่มักจะมีหลายๆเข่ง) สื่อถึงการมีเพื่อนมากมาย - ขนมสาลี่ หรือ ขนมถ้วยฟู หมายถึง ความรุ่งเรือง ความเฟื่องฟู นอกจากนี้ยังอาจมีอาหาร หรือขนมอย่างอื่นๆอีกมาก บางบ้านทำ�เป็น ธรรมเนียมประจำ�บ้านของตนเองก็มี แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่ปฎิเสธไม่ได้เลยก็คือ รสของ ความอร่อยที่สุดของอาหารเหล่านี้ คือการที่มีสมาชิกครอบครัวกลับมารับประทานด้วย กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ในปัจจุบัน แม้ว่าค่านิยมหรือบริบทของสังคม จะทำ�ให้การฉลองวันตรุษจีนมี ความเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ถึงอย่างนั้น แกนหลักของวันนี้ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ใน ประเทศจีน ไต้หวัน ฮ่องกง หรือที่อื่นๆที่มีคนจีนอยู่เยอะ ยังนิยมฉลองกันเป็นเวลาไม่ น้อยกว่าหนึ่งอาทิตย์ ถือว่าเป็นช่วงวันหยุดช่วงหนึ่งที่ทุกคนรอคอยก็ว่าได้ สำ�หรับประเทศไทย การฉลองเทศกาลตรุษจีนจะให้ความสำ�คัญกับ 3 วัน อัน ได้แก่ วันจ่าย หรือก็คือวันก่อนสิ้นปี อันเป็นวันที่ชาวไทยเชื้อสายจีนจะนิยมไปซื้ออาหาร ผลไม้ของไหว้มาตระเตรียมไว้ ก่อนที่ร้านค้าทั้งหลายจะปิดหยุดในวันตรุษจีนเช่นกัน วันถัดมาจากวันจ่าย หรือก็คือวันสิ้นปี วันนี้จะถือเป็น วันไหว้ เพราะเป็นวัน ที่จะเริ่มการไหว้กันตั้งแต่เช้า ไหว้เทพเจ้าต่างๆ ตอนสายก็เปลี่ยนเป็นไหว้บรรพบุรุษที่ ถึงแก่กรรมไปแล้ว เพื่อแสดงความกตัญญู และสุดท้ายในตอนบ่าย จะเป็นการไหว้ผีไม่มี ญาติที่ขึ้นมาบนโลกมนุษย์ พร้อมทั้งจุดประทัดขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไป ส่วนวันสำ�คัญวันสุดท้าย คือ วันขึ้นปีใหม่จีน หรือ วันเที่ยว วันนี้จะมีการ 30


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

ปฎิบัติตามธรรมเนียมโบราณที่ยังสืบทอดต่อกันมาอีกก็คือ การไหว้ขอพรผู้ใหญ่ที่เคารพ รัก พร้อมนิยมนำ�ส้มสีทองไปให้ โดยสาเหตุที่ต้องเป็นส้มนั้นนอกจากธรรมเนียมในเรื่อง เล่าโบราณนั้น ยังมาจากการที่คำ�ว่าส้มในภาษาแต้จิ๋วนั้น ออกเสียงพร้อมกับคำ�ว่าความ สุขหรือโชคลาภ ส่วนภาษาฮกเกี้ยนกับภาษากวางตุ้ง ก็พ้องเสียงกับคำ�ว่าทอง ดังนั้นจึง เป็นผลไม้มงคลที่ควรถือไปยิ่ง นอกจากไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ วันนี้ยังเป็นวันที่ลูกหลานชาวจีนนิยมถือโอกาส ท่องเที่ยวพักผ่อน หาความสำ�ราญใจ เป็นวันที่จะไม่พูดคำ�หยาบ ไม่ทวงหนี้ ไม่ทำ�ความ สะอาดบ้าน ทั้งยังแต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่ๆอีกด้วย และเนื่องในโอกาสเทศกาลวันมงคล โรงเตี๊ยมอี้ฉางก็ขอเป็นส่วนหนึ่ง ส่งมอบ คำ�อวยพรมงคล ขอให้ทุกท่านประสบความสำ�เร็จ มั่งมีเงินทอง ร่ำ�รวยถ้วนหน้า อายุ ยืนยาว ปราศจากโรคภัยกร้ำ�กรายมา ณ ที่นี้ พร้อมกันนี้ หากท่านไหนยังไม่มีโครงการจะเดินทางไปท่องเที่ยววันเที่ยวที่ไหน ขอเชิญย่างเท้าเข้ามายังโรงเตี๊ยมหลังนี้ เพื่อสัมผัสประสบการณ์....ที่ไม่แพ้การท่องเที่ยว แบบไหน....ในโลกที่เต็มไปด้วยจินตนาการกว้างไกลไร้ขอบเขตแห่งนี้ สวัสดีวันปีใหม่จีนค่ะ

แถมท้าย อั่งเปาหรือแต๊ะเอีย ??? เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่อีกอย่างสำ�หรับวันตรุษจีนของหลายๆคน เพราะเป็นวันที่ สามารถสอดสายตามองหาซองแดง แล้วใจเต้นตุบๆว่าจะเปิดมาได้เท่าไร บางคนก็เรียก อั่งเปา บางคนก็เรียกแต๊ะเอีย แต่โดยสรุปแล้วสามารถอนุมานได้ว่าหมายถึงเงินปีใหม่ที่ ผู้หลักผู้ใหญ่จะมอบให้ลูกหลานนั่นเอง แต่ความจริงแล้ว...... อั่งเปา มีความหมายถึง ซองสีแดง ซึ่งก็ดูจะตรงกับรูปแบบของขวัญปีใหม่ชิ้นนี้ ในปัจจุบันดี ไม่น่าสงสัยแต่ประการใด ทว่าคำ�ว่าแต๊ะเอียล่ะ ? 31


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

แต๊ะ เป็นภาษาแต้จิ๋ว แปลว่าทับหรือกด ส่วนเอียคือเอว ดังนั้นแต๊ะเอีย แปล ตามตรงคือสิ่งที่กดทับเอว หรือจะหมายถึงของที่ผูกไว้ที่เอวก็ได้ ซึ่งในสมัยก่อน เป็นของ มีค่ามาก มีลักษณะเป็นกลมๆ มีรูตรงกลางนิยมร้อยเชือกคล้องไว้กับเอว สิ่งนั้นก็คือเหรียญเงินโบราณ ที่ปัจจุบันไม่ได้ใช้งานแล้วนั่นเอง ดังนั้น ทั้งแต๊ะเอียและอั่งเปา ล้วนหมายถึงเงินปีใหม่ทั้งคู่ แต่คำ�หนึ่งบ่งบอก ตามสภาพปัจจุบันแล้ว ส่วนอีกคำ�...เป็นภาพสะท้อนเงาอดีตที่ยังไม่จางหายไป ยังคง ทอดเงามาเดินเคียงคู่ลูกหลานชาวไทยเชื้อสายจีนทุกคนพร้อมรอยยิ้ม เมื่อเดินเข้าไป อวยพรผู้ใหญ่ จากนั้นก็รอรับของขวัญชิ้นนี้กันได้ ขอบพระคุณข้อมูลอ้างอิงจาก http://chinesenewyear.kapook.com/ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B8% E0%B8%A9%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99 http://chineseculture.about.com/od/chinesefestivals/a/ ChineseNewYear.htm

32


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

33


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

สวัสดี…

ขออนุญาตแนะนำ�ตัวก่อน ข้ามีชื่อว่าเฟย์ แค่เฟย์เฉยๆ ไม่มีแซ่ต่อท้ายใดๆ

ข้าเป็นลูกครึ่งตะวันตกกับตะวันออก จับพลัดจับผลูมาอยู่ในโรงเตี๊ยมอี้ฉาง ได้อย่างไรก็ไม่ทราบ ก่อนหน้านั้นข้าเป็นนักเดินทาง…อืม ข้าชอบคำ�ว่านักเดินทางนะ เพราะดูมีอิสระไม่ยึดติดกับที่ใด ทว่าข้าทราบดี นี่เป็นแค่คำ�ปลอบใจตัวเองของข้าเท่านั้น เพราะจริงๆ แล้วข้าเป็น ‘นักหนี’ ต่างหาก แต่ข้าจะยังไม่เล่าเรื่องของตัวเองที่นี่ การเป็นนักเดินทางมาหลายร้อยปีทำ�ให้ ข้าได้พบปะผู้คนมากมาย ผู้คนเหล่านั้นล้วนมีเรื่องเล่าที่น่าสนใจสมควรได้รับการบันทึก เอาไว้เป็นลายลักษณ์อักษร ดังนั้นข้าจึงเริ่มบันทึก ผู้คนในม้วนไม้ไผ่ของข้าอาจจะสิ้นลมหายใจไปแล้วแต่ เรื่องราวของพวกเขายังคงอยู่ชั่วนิรันดร์

34

ข้าหวังว่าเช่นนั้น…


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

บันทึกเรื่องที่หนึ่ง -ไมกาห์มันเป็นสัตว์ประหลาดจากขุมนรก ปีกของมันโค้งงอเหมือนปีกค้างคาว หางของมันยาวแหลมเหมือนหางหนู เนื้อตัวตะปุ่มตะป่ำ�เหมือนกิ้งก่า ลมหายใจเป่าออกมาเป็นเพลิงกัลป์ ‘มังกร’ ข้าชื่อไมกาห์ เป็นลูกหลานของนักรบมังกรโพ้นทะเล สนามรบและอู่ต่อเรือคือ บ้านหลังที่สอง เป็นธุระของลูกผู้ชาย นอกเหนือจากที่ข้าว่ามาก็เป็นธุระหยุมหยิมของผู้ หญิง “ปล่อยให้เรื่องผู้หญิงรบกับสัตว์และผักในครัวไป!” ข้าเคยได้ยินผู้กล้าคนหนึ่งประกาศในร้านเหล้า แต่ข้าไม่เห็นว่าอาหารการกิน จะเป็นเรื่องหยุมหยิมของเขาตรงไหน ในเมื่อเขาสวาปามอย่างกับมังกร (คำ�เปรียบเปรย นี้หยาบที่สุดในเผ่าพันธุ์ข้า—อย่างกับมังกร) และโวยวายทุกครั้งที่เนื้อย่างไม่ได้ที่ โอ มัน กลายเป็นเรื่องใหญ่เชียวล่ะแต่เขาไม่เคยยอมรับในความยิ่งใหญ่ของผู้หญิง ยามที่พวก นางควงมีดแล้วเชือดคอหมูตัวอ้วนอย่างแม่นยำ� หลังจากนั้นก็มองเลือดพุ่งออกจากลำ� คอโดยไม่กะพริบตาด้วยซ้ำ� “ไมกาห์!เจ้าอายุเท่าไหร่แล้ว!?” ผู้กล้าคนเดิม (คนที่สวาปามอย่างกับมังกรนั่น ล่ะ) ตะโกนขึ้นมา ข้าถึงกับเบ้หน้าแล้วอุดหู ไม่เข้าใจว่าพูดกันเบาๆ ไม่ได้หรืออย่างไร แต่การพูดคุยที่เหมือนกับการตะโกนใส่กันอยู่ตลอดเวลา ก็ถือเป็นคุณสมบัติอัน ‘น่าเกรง 35


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

ขาม’ ที่นักรบมังกรโพ้นทะเลควรมี ห้าคน

“สิบสาม…” ข้าตอบ พลางรินเบียร์จากเหยือกใบใหญ่ให้กับเขาและเพื่อนๆอีก

“สิบสาม!” ผู้กล้าคนแรกหัวเราะฮ่าๆ แกว่งมือกุดๆ ที่สวมตะขอเหล็กของตัวเอง ไปมา “ถึงเวลาพิสูจน์ความกล้าแล้วซีเจ้าหนู!” ช่าย…ช่ายเลย ข้ายิ้มแหยๆ นั่นทำ�ให้ผู้กล้าคนที่สองตบบ่าข้าดังปั้ก ข้ารู้ว่าเขา ไม่ได้มีเจตนาร้ายหรอก คงแค่อยากจะให้กำ�ลังใจ แต่ไหล่ข้าคงช้ำ�แน่ๆ “พร้อมหรือยังเจ้าหนู…” ผู้กล้าคนที่สามถามข้าเสียงเบาทว่าดังทุ้มเป็นกังวาน ข้าหันไปทางเขา สบตากับแววตาเศร้าๆ นั้นพอดี ผู้กล้าคนนี้มีดวงตาอยู่ข้างเดียว อีก ข้างหนึ่งคาดแผ่นหนังมังกรทับเอาไว้ มีคนเล่าว่าเขาเสียมันไปเพราะเล็บมังกรตวัดมา โดน“พร้อมแล้วใช่ไหม” เขาถามย้ำ�อีกครั้ง คราวนี้เอามือวางบนบ่าข้าด้วย ข้ารู้สึกว่ามี อะไรบางอย่างเจืออยู่ในแววตาแสนเศร้านั้น อะไรบางอย่างที่… “เจ้าทำ�ท่าแบบนั้นไมกาห์ก็กลัวพอดี” ผู้กล้าคนแรกทำ�เสียงฮึ่มฮั่ม ข้าสังเกต เห็นว่า พอผู้กล้าคนที่สามพูด ทุกคนจะเงียบคล้ายหยุดหายใจแล้วจ้องเขม็งไปที่เขา ผู้กล้าคนที่สามจึงบีบไหล่ข้าเบาๆ แล้วปล่อยข้าไป “กล้าแทนส่วนของเราด้วย” ข้าเหมือนได้ยินเสียงกระซิบของเขาดังแว่วมา *** เพราะ…

และแล้วก็มาถึงวันคัดเลือกหน่วยรบมังกรโพ้นทะเล ต้องเรียกว่าหน่วยรบ

“คำ�ว่าผู้กล้าเจ้าจะได้ก็ต่อเมื่อเจ้ามีความกล้าจริงๆ!ความกล้านั้นมาจากไหน? มาจากการที่เจ้าสู้กับศัตรูที่ร้ายกาจที่สุด ใช่…ใช่! มังกร! พวกมัน…คือความกลัวที่แท้ จริง หากเจ้าเอาชนะมังกรได้ ก็เท่ากับเจ้าเอาชนะความกลัวที่ยิ่งใหญ่ได้!” 36


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

ใช่เลย มอร์เก็นตอบแทนข้าแล้ว เขาคือผู้กล้าในหมู่ผู้กล้า เขาเสียแขนข้างหนึ่ง ขาข้างหนึ่ง และใบหน้าอีกแถบหนึ่ง ในการรบกับมังกรหางหนาม สภาพของเขาตอนนี้ ดูไม่ได้เลย แต่เขากลับมีเมียมากที่สุด ผู้หญิงติดกันเกรียว เมื่อเจ้าได้รับคำ�นำ�หน้าว่า ‘ผู้ กล้า’ แล้ว อะไรๆ ก็จะตามมาเอง ทั้งผู้หญิง ทั้งเงินทอง เจ้าอยากได้เท่าไหร่ล่ะ? แต่สำ�หรับข้า เรื่องพวกนั้นเป็นเรื่องรอง พูดตามตรง ข้าไม่ได้อยากเป็นผู้กล้า มีชีวิตแบบสงบสุขก็ดีอยู่แล้ว ความวุ่นวายสูงสุดคือการเสิร์ฟอาหารและเบียร์ให้กับคน ยี่สิบคนพร้อมกัน ไม่ใช่การรบราฆ่าฟันกับสัตว์ประหลาดที่พร้อมจะกินเจ้าได้ทุกเมื่อ! ข้ายืนตัวสั่นอยู่ในแถว ได้ยินเสียงกระซิบดังมาจากข้างๆ ว่า “ไมกาห์…ไมกาห์! มอร์เก็นเรียกชื่อเจ้า!” ชัด

ให้ทวยเทพคุ้มครองเถิด…ข้าสวดภาวนาอยู่ในใจก่อนขานรับด้วยเสียงดังฟัง “ไมกาห์แห่งบ้านชีลด์!”

คราง

“ฮ่า!” ข้าพยายามขานรับด้วยน้ำ�เสียงที่ห้าวหาญที่สุด แต่มันไม่ดังไปกว่าแมว

“ไมกาห์แห่งบ้านชีลด์ บุตรชายของผู้กล้าโอเด็น!หากเจ้าเผชิญหน้ากับมังกร เจ้าจะทำ�อย่างไร!?” หนีสิ! “สะ…สู้จนกว่าจะตาย เพื่อพวกพ้อง เพื่อหมู่บ้าน เพื่อซัลลาซาร์!!!” มอร์เก็นพยักหน้าเหมือนพอใจในคำ�ตอบ ให้ข้าอธิบายสักหน่อย สิ่งที่ข้าละล่ำ� ละลักออกไปเมื่อสักครู่คือคำ�ขวัญประจำ�หมู่บ้าน…ไม่สิ ประจำ�เผ่าพันธุ์เลยล่ะ เจ้าอาจ จะคิดว่านักรบมังกรโพ้นทะเลมีแค่หมู่บ้านของข้าเท่านั้น แต่เปล่าเลย… เผ่าพันธุ์ของพวกเราทั้งหมดมีนามว่านูห์ สืบเชื้อสายโดยตรงจากเทพซัลลาซาร์ ตำ�นานว่าซัลลาซาร์มีบุตรชายทั้งหมดห้าคน เมื่อเติบโตขึ้นก็แยกย้ายออกไปตั้งรกราก ของตัวเอง คนที่หนึ่งยึดพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำ� คนที่สองยึดพื้นที่บนภูเขาสูง คนที่สามยึดพื้นที่ 37


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

ในทะเลทราย คนที่สี่ยึดพื้นที่ตรงที่ราบและทุ่งหญ้า ส่วนคนที่ห้า-น้องคนสุดท้อง-ยึด พื้นที่ชายฝั่งทะเลทั้งหมด ใช่ว่าทุกคนจะตัดขาดออกจากกัน แต่ละแห่งที่กล่าวมา ล้วนตั้งอยู่ใน ภูมิประเทศแถบเดียวกัน ทั้งภูเขา ทะเลทราย ทุ่งหญ้า และทะเลล้วนเชื่อมถึงกัน พวก มันเป็นเกาะที่มีลักษณะคล้ายปีกซึ่งโอบรอบทะเลจนเป็นอ่าวรูปวงกลม และอ่าวนั้นก็ คือศูนย์กลางของพื้นที่ทั้งหมดซึ่งมีนามว่าเวิ้งดาโกรัส ถึงจะเรียกกันว่าอ่าวหรือเวิ้งแต่ก็มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลมาก หากเจ้ายืน อยู่ด้านใดด้านหนึ่งของชายฝั่งก็จะมองเห็นอีกฝั่งหนึ่งเป็นแค่เงาเลือนรางจนเหมือน ภาพลวงตาเท่านั้น ทำ�ให้พี่น้องทั้งห้าคนไม่ค่อยสุงสิงกันสักเท่าไหร่ เพราะว่ากว่าจะเดิน ทางมาเยี่ยมเยียนกันได้ก็กินเวลาไปหลายวันแล้ว ต่างคนต่างก็ตั้งอาณาจักรของตัวเอง นูห์จึงแบ่งออกเป็นห้าตระกูลหลัก ข้าเป็นลูกหลานของนูห์แห่งทะเล คลื่นลมเมตตาข้า แต่มังกรเกลียดชังข้า วกกลับมาที่เรื่องมังกร (ขออภัยสำ�หรับการเล่าเรื่องอันแสนวกวน ข้าจะ พยายามแก้ไข) มันคือสัตว์ประหลาดที่อาจพูดได้ว่าเป็น ‘ศูนย์รวมใจ’ ของนูห์ทั้งห้า ตระกูลเลยก็ว่าได้ การมาเยือนของมันครั้งแรกทำ�ให้พวกเราพบกับความสูญเสียครั้งยิ่ง ใหญ่ ทั้งชีวิต ทั้งทรัพย์สิน ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย จากที่เคยจับแต่เครื่องดนตรีร้องรำ�ทำ� เพลง ก็ต้องหัดจับดาบถือโล่รบกับไอ้ตัวที่พ่นไฟบรรลัยกัลป์ได้ คนที่ไม่เคยสู้ก็ต้องสู้ ไม่มี พื้นที่สำ�หรับคนขี้ขลาดตาขาว เพราะนั่นหมายถึงความตาย -โปรดติดตามต่อฉบับหน้า-

38


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

39


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

หนีห่าว~ ขอต้อนรับสู่ ‘ตำ�หนักดาวเทพลิขิตชะตา’ แห่งพิภพสวรรค์เจ้าค่ะ ข้าคือเซียนตัวน้อยน่ารักของท่านดาวเทพลิขิตชะตา มีนามว่า ‘เสี่ยวซีเอ๋ อร์’ มีหน้าที่ดูแลตำ�หนักแห่งนี้ในยามที่นายท่านไม่อยู่เจ้าค่ะ ณ แห่งพำ�นักนี้ไม่เพียง เป็นตำ�หนักพักผ่อนของนายท่านเท่านั้นแต่ยังเป็นสถานที่เก็บกรุม้วนอักษรมากมาย มหาศาลซึ่งบันทึกดวงชะตาความรักของทุกผู้คนจากทุกพิภพอีกด้วย ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ ‘อาชีพหลัก’ ของนายท่านของข้าก็คือวุ่นวายกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของประชาชนจากทุกโลกนั่นแหละ...แหม งานล้นมือจริงๆ! วันนี้นายท่านไม่อยู่ คงอีกน๊านนานกว่าจะกลับ ในเวลาอันน่าเบื่อเช่นนั้นก็ มีบ้างที่ข้านึกสนุกแอบหยิบ ‘บันทึกดวงชะตารัก’ บางเล่มขึ้นมาเปิดอ่านดู และเท่าที่ ทดลองรื้อมาอ่านข้าเห็นว่าเรื่องรักๆ ของมนุษย์นี่แหละที่ดูจะมีสีสันวูบวาบให้ประหลาด ใจอยู่เกือบทุกช่วงชีวิต ทั้งๆ ที่พวกเขามีอายุไขสั้นกว่าเซียนอย่างข้าแท้ๆ เชียว และตอนนี้ในมือข้ามีม้วนอักษรจากพิภพมนุษย์สองเล่ม ที่หน้าปกเขียนด้วย ลายมือของนายท่านบอกหมวดหมู่ไว้เหมือนกันว่า “นิทานเฮอังเกียว”ส่วนหน้ากระดาษ ข้างใน...มีภาพประกอบด้วยล่ะ! เอาล่ะ ข้าจะเริ่มอ่านจากเล่มแรกก็แล้วกัน...

40


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

41


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

42


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

43


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

44


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

45


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

46


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

47


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

48


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

49


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

IMP อิงฤทธิ์ - อารดา โดย สิริณ // สำ�นักพิมพ์ Manga House สถานะปัจจุบัน : ๓ เล่ม (ยังไม่จบ) หยาดน้ำ�ตาที่รินไหลยามร่ำ�ไห้ กับเสียงสาปแช่งที่บาดลึกไปถึงวิญญาณ คือจุดเริ่มแห่งบ่วงกรรมและฝันร้ายที่เธอเผชิญ...... “อารดา” .... เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งที่กำ�ลังเริ่มเผชิญ เหตุการณ์แปลกประหลาดในชีวิต.... นับตั้งแต่วันที่เธออายุครบ ๑๙ ปี หญิงสาวก็ลืมตาตื่นพร้อมกับรอย บาดแผลที่น่าพรั่นพรึงรอบลำ�คอ ชนิดที่ว่าไปหาหมอที่ไหนก็ได้แต่ส่ายหน้า จนเธอ ได้แต่ใช้ผ้าพันแผลปิดเอาไว้ หนำ�ซ้ำ� เธอยังเริ่มฝันประหลาด เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง 50


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

ร้องไห้ซ้ำ�ๆพร้อมกับเสียงก่นด่าสาปแช่ง และทั้งๆที่เป็นแบบนั้น.... เธอกลับมีอาการราวกับนอนไม่พอตลอดเวลา สำ�หรับอารดาแล้ว รอยแผลนั้นเปรียบเสมือนเครื่องเพรียกหาเรื่องราว ร้ายๆมาสู่ชีวิตเธอ ทว่าอารดาคิดผิดไป.... เพราะมีสิ่งหนึ่งที่จะนำ�เรื่องราวร้ายกาจยิ่งกว่ามา สู่ชีวิตเธอ หรือพูดให้ถูกก็คือ “คนๆหนึ่ง” “อิงฤทธิ์” นักศึกษาชายร่วมมหาลัยเดียวกันที่เริ่มเข้ามาใกล้ชิดเธอ พร้อม เจตนา...ที่ดูเหมือนจะสนใจรอยบาดแผลบนคอที่เธอปิดบังเอาไว้เป็นพิเศษ กับจุดประสงค์อันดำ�มืด......ที่จะนำ�ไปสู่ความลับอันแสนพิศวงทั้งเรื่องของ เขา เรื่องที่อารดาไม่รู้จัก หรือแม้กระทั่ง.....เรื่องของอารดาเอง เรื่องที่เธอก็ไม่เคยรู้....และบางที.....ไม่แม้แต่จะอยากรู้ !!! ------จบส่วนแนะนำ�เรื่อง-----การ์ตูนเรื่องนี้เป็นการ์ตูนไทย....ความจริงแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องเดายากแต่ ประการใด เพราะลำ�พังปกเล่ม ๑ ที่บ่งบอกถึงการเปิดตัว หัว ไส้(?) ของนางเอก ก็ น่าจะเดาได้ไม่ยากอยู่แล้วว่าเธอคืออะไร ? เคยได้ยินไหมคะ เพลงที่ร้องว่า “....ตอนกลางวันมันเป็นหญิง มีทุกสิ่งธร รมด๊า ธรรมดา ยิ้มแย้มช่างเจรจา....กลางคืนมีหัวกับไส้ ล่องไปเที่ยวกินผู้คน......” “......ถ้าเห็นไฟเรืองๆ.....นั่นแหละ....เจ้าผีกระสือ” (สำ�หรับบุคลผู้ไม่รู้จัก เพลงนี้ เราแนะนำ�ให้ท่านไปสอบถามผู้ใหญ่ที่ชื่ออากู๋....แล้วท่านจะเข้าใจความ หมายกับความหลอกหลอนดียิ่ง......) ใช่แล้วค่ะ นางเอกของเรื่องนี้เป็นผีกระสือ !!! ทั้งเธอไม่ใช่กระสือธรรมดาอีกเสียด้วย เธอเป็นผีกระสือที่ดูเหมือนจะเกี่ยว พันกับความลับของดินแดนโบราณบางอย่าง ดินแดนที่มนุษย์ไม่ควรก้าวล่วง มีผู้ ปกครองเป็นผู้เดียว ที่ควบคุมผีกระสือชั้นสูงอย่างเธอ หรือ กระสือกุมารี ได้... 51


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

แต่ทั้งที่เป็นดินแดนแบบนั้น กลับมีคนเสาะหา พยายามเข้าไป..... คนที่มีวิชาอาคมหมอผี แสดงท่าทางชัดเจนว่ารังเกียจภูตผี หรือที่เรียกใน เรื่องว่า IMP อย่างสุดชีวิต กลับพยายามอย่างยิ่ง...พยายามถึงขนาดที่เรียกว่ายอม กล้ำ�กลืนเข้าใกล้สิ่งที่เกลียด (แน่หรือ ?) เพื่อไปยังดินแดนแบบนั้น และเพื่อเหตุผลนั้น อิงฤทธิ์ก็ดูเหมือนจะไม่มีความลังเลเสียด้วย ที่จะใช้อา รดาเป็นเครื่องมือ ! ลำ�พังแค่พล็อตส่วนนี้ก็พาให้ลุ้นจนไม่รู้จะลุ้นอย่างไรแล้ว เพราะปฎิเสธไม่ ได้เลยว่า เสน่ห์อย่างหนึ่งของผลงานชิ้นนี้คือตัวละครที่ไม่ได้สร้างมาอย่างหยาบๆ แต่เป็นตัวละครที่มีชีวิต มีจิตใจ มีอารมณ์ความรู้สึกให้สัมผัสได้ จนบางครั้งแทบ อยู่ในเกณฑ์น่ากลัว ยกตัวอย่างเช่น อิงฤทธิ์ ผู้ที่พกป้ายยี่ห้อพระเอก(ตั้งแต่ชื่อเรื่อง)ไว้ แต่การก ระทำ�ของเขานั้น ผ่านมา ๓ เล่มแล้ว ยังห่างไกลจากคำ�ว่าสุภาพบุรุษอยู่โข เล่มแรก นั้นไม่ต้องพูดถึงการปฎิบัติกับนางเอก เล่มสองดูดีขึ้นมาได้นิดหน่อย แต่พอมาเล่ม สามก็กระชากเรตติ้งตัวเองลงใหม่ ฮา การกระทำ�ของอิงฤทธิ์นั้น เชื่อแน่ว่าอาจบางที ผู้อ่านบางท่านอาจรู้สึกรับ ไม่ได้ แต่ในสายตาของผู้รีวิวแล้ว พฤติกรรมของอิงฤทธิ์มีความขัดแย้งและมีความ กดดันบางอย่างที่ทำ�ให้รู้สึกสนใจ อยากจะมองไปเห็นปลายทางของชายหนุ่มผู้นี้ ว่าสิ่งที่รอเขาอยู่คืออะไรกันแน่ ? จริงๆผู้รีวิวเชื่อว่า การที่เรามีปมหรือเจอเหตุการณ์ร้ายๆนั้น ไม่สามารถใช้ เป็นเหตุผลในการก่อเรื่องขึ้นมาได้ ดังนั้น ก็เป็นความรู้สึกแปลกๆเหมือนกัน ที่รู้สึก อย่างนี้ แต่ก็ยังสนใจติดตามตัวละครตัวนี้ต่อ (นี่เป็นความขัดแย้งที่ผู้เขียนก่อให้เรา เพื่อให้เราอ่านเรื่องนี้ต่อสินะ ?) หรืออาจบางที อาจเป็นเหตุผลอย่างตัวละครหลักอีกตัวอย่างอารดา เธอ เปิดตัวมาในสภาพของสาวน้อย แม้แต่ในเหตุการณ์สามเล่มที่ผ่านมา เธอก็ยัง รักษาความเป็นสาวน้อยคนหนึ่งในการดำ�เนินชีวิตไปได้ ทั้งที่ตัวเองเป็นกระสือ ? ทั้งที่ตัวเองมีส่วนอันไม่ใช่มนุษย์ ? แต่ในมุมมองของอารดา เรื่องพวกนั้นไม่ได้ถูก มองเป็นเรื่องเหนือโลก แต่ดูคล้ายกับเป็นเพียงโรคร้ายที่มากล้ำ�กรายเธอ และเธอ 52


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

ต้องพยายามหาทางหนีจากมันให้จงได้ หากทั้งที่คิดอย่างนั้น ในผลงานเรื่องนี้ เมื่ออ่านไป จะพบกับนัยน์ตาอัน แวววาวของอารดา กับสีหน้าบางอย่าง ที่ไม่ว่าดูอย่างไร ก็แทบไม่นับเป็นสีหน้า ของมนุษย์ได้ เป็นสีหน้าที่ทำ�ให้อิงฤทธิ์ผู้ที่อารดาหวาดกลัวในพลังและความโหด ร้ายของเขา กลับเป็นฝ่ายพรั่นพรึงต่อเธอเสีย ยิ่งกว่าที่เธอกลัวเขาเสียอีก ! ตัวละครทั้งสองตัว ต่างเป็นตัวละครเด่นที่มีน้ำ�หนักในการพัดพาทิศทาง ของเรื่องให้ดำ�เนินไปอย่างที่... บางครั้งก็เรียกว่ารวดเร็ว แต่บางทีก็ดูเหมือนเนิบช้า หากเมื่อเปิดไปอีกไม่กี่หน้ากลับพบว่าผู้อ่านอย่างเราๆถูกพัดไปสู่เหตุการณ์ใหม่ เสียแล้ว ? ก็นับว่าเป็นการวางจังหวะที่แอบแปลกนิดๆ และน่าตื่นเต้น ไม่ทำ�ให้เบื่อ ดีจริงๆ นอกจากนี้ ถ้าพูดถึงตัวละครของเรื่องนี้แล้ว จะละเลยไปก็คงไม่ได้ แต่ หากพูดถึงก็จะเป็นการเผยเนื้อเรื่องสำ�คัญเกินไป แต่ก็อยากจะขอพูดอยู่ดีว่า ตัว ละครอื่นๆของเรื่องนี้บางตัว ถูกสรรสร้างมาให้เข้าไปอยู่ในหัวใจของผู้อ่านได้ไม่แพ้ ตัวเอกทั้งสองตัวเลยจริงๆ บางตัวละครเป็นความตื้นตัน...ในขณะที่อีกบางตัว.... เป็นความพรั่นพรึงแกมทอดถอนใจ ถัดจากตัวละครและเนื้อเรื่อง สิ่งที่คาดไม่ได้สำ�หรับการ์ตูนเรื่องนี้ก็ต้องเป็น เรื่องลายเส้น ตัวลายเส้นเองมีกลิ่นไอของการ์ตูนญี่ปุ่นอยู่บ้าง แต่โดยส่วนตัว ผู้รีวิว มองว่า ศิลปะก็คือศิลปะ ไม่ได้กำ�หนดเชื้อชาติไว้ตายตัว และที่สำ�คัญ สารกับราย ละเอียดของเรื่องที่สื่ออกมา สามารถกลบกลิ่นที่ว่านี่จนมิด ให้เราได้ไปจับจ้องที่อื่น แทน IMP อิงฤทธิ์ - อารดา เป็นการ์ตูนที่วาดฉากได้ละเอียดเรื่องหนึ่ง ไม่ได้เน้น แต่การใช้สกรีนโทน แต่สีหน้าท่าทางของตัวละคร ไม่ว่าจะตะแคงหันหน้าไปทาง ไหน ยังเป็นตัวละครตัวเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย และที่สำ�คัญที่สุดคือ ไม่ เพียงฉากเท่านั้น ทว่าชุดไทยในเรื่องนี้ ก็เป็นชุดที่มีรายละเอียด ลายผ้า รอยจีบ รอยยับ อยู่ในภาพวาดได้อย่างงดงามและอ่อนช้อยที่สุด (เรียกได้ว่าลำ�พังแค่เปิด ภาพวาดมา ก็สะดุดตามากแล้ว) แต่...ยังมีแต่อีกอย่างหนึ่ง (ฮา) คือสำ�หรับผู้รีวิวแล้ว สิ่งหนึ่งประทับใจ 53


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

ในการ์ตูนเรื่องนี้อีกอย่างคือ การใส่เอกลักษณ์ความเป็นไทยในการ์ตูน ไม่ใช่ เป็นการยัดเยียด แต่เป็นการที่ให้เราค่อยๆสัมผัสกับเรื่องราวเอง ผู้อ่านจะคุ้นเคย กับชุดนักศึกษาที่นางเอกใส่ มองเห็นทิวทัศน์ที่อาจจะคุ้นตาบ้างสำ�หรับคนกรุงเทพ เห็นถุงส้มตำ�ปูปลาร้ากับผักแล้วนึกถึงร้านหน้าปากซอย ไปๆมาๆอาจจะเห็นร้าน รถเข็นสักร้านที่เหมือนบ้านเราเปี๊ยบวิ่งอยู่ในเรื่องก็ได้ พวกนี้เป็นสิ่งเล็กสิ่งน้อย แต่กลับค่อยๆแทรกบรรยากาศการใช้ชีวิตเข้าไป ทำ�ให้เรารู้สึกว่า เรากำ�ลังอยู่ในประเทศไทยจริงๆ ไม่ได้อยู่ที่ญี่ปุ่น ทั้งคำ�ที่ตัวละคร พูด ท่าทางที่แสดงออกต่อกัน ก็เป็นท่าทางที่คนไทยกระทำ�ต่อกันแน่นอน ทำ�ให้รู้ สึกจริงๆว่า “ใกล้ชิด” กับการ์ตูนเรื่องนี้ (----ไม่ใช่ยี่ห้อยาสีฟันนะคะ ?) ดังนั้นแล้ว ถือเป็นเรื่องน่ายินดี ที่เรามีผลงานการ์ตูนไทยคุณภาพอีกเรื่อง ไว้ให้คอยติดตาม สำ�หรับผู้ที่ชมชอบการ์ตูนรักโรแมนติคกึ่งแฟนตาซีสยองขวัญเล้ กน้อย (ไม่มีตบจูบ แต่มี... ?) และต้องการภาพสวยงาม ขอแนะนำ� IMP อิงฤทธิ์ อารดา ไว้เป็นอีกผลงานที่หยิบขึ้นมาอ่านได้ทุกเมื่อค่ะ

****ขอบคุณภาพประกอบจาก facebook.com/Sirin.Manga****

54


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

55


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

.

สวัสดีท่านผู้อ่านที่เดินทางเข้ามาถึงในโรงเตี๊ยมอี้ฉางทุกท่านนะเจ้า คะ บัดนี้ท่านได้เดินทางมาถึงห้องเก็บม้วนอักษรอีกห้องหนึ่งแล้ว แต่ม้วนอักษรภายในห้องนี้มิใช่ม้วนอักษรธรรมดาเจ้าค่ะ หากเป็นม้วน อักษรที่ผ่านการรังสรรค์ประทับจิตวิญญาณของใครหลายคนเอาไว้ เป็นยิ่งกว่า เรื่องราวที่เขียนขึ้น เพราะนี่คือส่วนหนึ่งของผู้สร้างเรื่องราวต่างๆขึ้นมา ณ ที่นี้คือที่สำ�หรับม้วนอักษรที่เก็บคำ�บอกเล่าของผู้เขียนเรื่องราวต่างๆไว้ หรืออาจเรียกแบบนิตยสารปกติทั่วไปว่าคือ “คอลัมน์สัมภาษณ์” นั่นเอง (แต่ที่นี่ คือโรงเตี๊ยมไม่ปกติ ใครจะไปเรียกแบบปกติกัน ?)

ในฉบับปฐมฤกษ์นี้ ทางเราได้รับความกรุณาจากนักวาดการ์ตูนไทยฝีมือ ดีท่านหนึ่ง ผู้สรรสร้างผลงานการ์ตูนไทยลายเส้นสวยงาม พร้อมเนื้อเรื่องที่มีความ เป็นเอกลักษณ์แบบที่ทำ�ให้ผู้อ่านหลายท่านหวนรำ�ลึกถึงอดีตไปพร้อมๆกับจังหวะ เวลาที่ไหลไปในปัจจุบันได้โดยไม่รู้สึกเสียอรรถรส กับเรื่องราวการ์ตูนไทยในชื่อว่า IMP อิงฤทธิ์ - อารดา

เจ้าของนามปากกา สิริน

56


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

เมื่อไฟเขียวอนุมัติมาถึง คณะสัมภาษณ์จากโรงเตี๊ยมอี้ฉางอันประกอบ ด้วยสามชีวิต ก็จัดแจงหอบหิ้วพาตัวเองไปนั่งแป้นแร้นเปิดบทสนนากับคุณสิริน ทันที ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นเรื่องดีหรือร้าย(?) เพราะผู้สัมภาษณ์ทุกท่าน นอกจากมา ปฏิบัติภารกิจให้นิตยสารแล้ว ยังไม่ลืมที่จะหอบหิ้วเอาจิตวิญญาณแฟนผลงานไป ทำ�ตาใสปิ๊งใส่คุณสิรินอีกด้วย ผู้สัมภาษณ์ C : ก่อนอื่นเราต้องบอกว่า เราเป็นแฟน(?)ผลงานของพี่สิริณ มานานแล้ว (เท่าที่พี่เอาตัวอย่างเรื่องไปลงนั่นแหละค่ะ) เรามีคำ�ถามคาใจมานาน มากแล้วว่า...ทำ�ไมพี่ถึงเขียนการ์ตูนคะ สิริน : ชอบอ่ะค่ะ ง่ายๆ เลย ผู้สัมภาษณ์ B : ถ้าไม่มีวงเล็บจะเป็นบทสัมภาษณ์ที่งดงามน่าดู.. ผู้สัมภาษณ์ C : คือส่วนตัวหนูเคยถามตัวเองเล่นๆว่าถ้าเราไม่ทำ�อย่างนี้ เราจะทำ�อะไรน้าาาา พี่ล่ะคะ ไม่ทราบแบบว่ามีคิดๆไหมว่า ถ้าไม่วาดการ์ตูนจะทำ� อะไร แบบนี้ไหมคะ สิริน : ขอบคุณจ้า พี่ชอบวาดการ์ตูนมาตั้งแต่เด็กแล้ว ก็คงเหมือนคนทั่วๆ ไป ถ้าไม่วาดการ์ตูนคงทำ�งานอื่นมั้งคะ เพราะก่อนหน้านี้พี่ก็ไม่ได้วาดการ์ตูนค่ะ ผู้สัมภาษณ์ B : งั้นซอกแซกถึงอาชีพก่อนหน้ามาเขียนการ์ตูนได้ไหมคะ ? ผู้สัมภาษณ์ A : ชูมือถาม....อยากถามเรื่องเส้นทางการฝึกฝีมือของพี่จัง เลยค่ะ ทำ�นองว่าเรียนทางด้านนี้มา หรือว่าฝึกเองเล่นเองเจ็บเอง (?) คะ คือเห็น ลายละเอียดพี่แล้ว อยากรู้มากเลย ว่ากว่าที่จะทำ�ได้ขนาดนี้ ต้องผ่านอะไรมาบ้าง (ส่วนตัวปลื้มลายเส้นและลายละเอียดของพี่มากค่ะ เรียกว่าอยากวาดให้ได้อย่าง 57


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

นั้นบ้าง > < ) (เอาล่ะสิคะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ความเฮี้ยน(?)มีจริงนะเจ้าคะงานนี้ ผู้สัมภาษณ์ ของเราสองคน ถามคำ�ถามทำ�นองเดียวกันแบบไม่ยั้งเลยเจ้าค่ะ ) สิริน : แรกเริ่มเดิมทีพี่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นนักเขียนการ์ตูนอาชีพเลย ก็คิด ว่ามันอยู่ไม่ได้อ่ะนะ เลยไปทำ�กราฟฟิคดีไซน์ในบริษัททั่วไป ส่วนก่อนหน้านั้นสมัยเรียนมหิดลเคยวาดการ์ตูนส่งสยามค่ะ ถนนสู่นัก เขียนดาวรุ่ง ตอนนั้นอายุ 19 ส่งไป 3 เรื่องได้ลงหมด ก็ดีใจ แต่พอเข้ามหิดลเรียน หนัก ไม่มีเวลาวาดเลย ผู้สัมภาษณ์ C : พี่เคยวาดการ์ตูนส่งสยาม (หูผึ่งทันใด) ผู้สัมภาษณ์ A : เดี๋ยว! เรื่องอะไรคะ หนูอยากค้นมาเสพ ผู้สัมภาษณ์ C : คือเคยมีผลงานด้านการ์ตูนอยู่ก่อนแล้ว (ใครช่วยไปล่า ผลงานนั่นมาให้อ่านทีสิ) สิริน : เรื่องสั้นอ่ะนะ เอ่อ 16 ปีแล้วมั้ง หาเจอได้บอกพี่ด้วยน้อ ผู้สัมภาษณ์ C : อย่าคิดอย่างเดียวกันหมดได้ไหม...พี่คะบอกมาเถิดค่ะ หนูจะไปตามล่ากัน ขอเบาะแสให้หนูเถอะ ผู้สัมภาษณ์ A : ได้โปรด... บอกลายแทงมาเถอะค่ะ สิริน : พี่จำ�ชื่อเรื่องแรกไม่ได้อ่ะ เรื่องสองเดี๋ยวนะ ระลึกชาติก่อน คือพอตี พิมพ์มา พี่ให้เพื่อนยืมแล้วมันเอาไปไม่คืนเลยอ่ะ 5555 58


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

ผู้สัมภาษณ์ C : แบบนั้นมันโหดร้ายเกินไปแล้วนะคะ ! สิริน : ต้นฉบับสยามก็คงทิ้งไปแล้วมั้ง เสียดายเหมือนกันค่ะ คือสมัยนั้น ไม่มีคอม เวลาส่งก็ต้องให้ต้นฉบับเขาอย่างเดียวเลย เราเองก็ยังเด็ก ไม่ได้ซีร็อกซ์ เก็บไว้ ซื้อก็แค่เล่มเดียว รู้งี้ซื้อเก็บหลายๆ เล่มก็ดีหรอก ผู้สัมภาษณ์ B : โอ้ย..เสียดายมาก เหมือนได้ยินว่าคัมภีร์หวงตี้ไว่จิงหาย ไปในสงครามยุคชุนชิวจั้นกั๋วประมาณนั้น ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวตอนทำ�คอลัมน์นี้ ประชาสัมพันธ์หาผลงานพี่รินด้วยเลย ใครเจอเบาะแส รับชาอาไป๋ไปสามกา แล้วอะไรเป็นสาเหตุทำ�ให้คุณพี่กลับมาจับดินสออีกครั้งคะ? สิริน : เรื่องอิมนี่ อยากวาดค่ะ ที่มาจัง

ผู้สัมภาษณ์ B : เรื่องอิมนี่เป็นเรื่องที่มีมาในหัวแล้วเหรอคะ ? อยากรู้

สิริน : คิดมาเกือบ 10 ปีแล้วมั้ง คิดเล่นๆ อ่ะนะคะ เนื้อเรื่องเดิมก็ไม่ใช่ แบบนี้หรอก ผู้สัมภาษณ์ B : คุณพระ คุณผู้ชมขา พวกเราอ่านงานเมื่อสิบปีที่แล้วค่ะ ผู้สัมภาษณ์ C : เนื้อเรื่องเดิม...ทำ�ไมหนูถึงรู้สึกว่ามีพลังบางอย่างอยู่ในนี้ พี่พอจะบอกเล่าแกล้มมาได้ไหมคะ สิริน : 555 แต่ก็เพิ่งมีโอกาสได้เขียนล่ะนะ ที่คิดไว้เป็นการ์ตูนตลกอ่ะค่ะ ไม่เคยคิดจะเขียนพระเอกนางเอกแบบนี้เลยนะ 59


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

ผู้สัมภาษณ์ A : การ์ตูนตลก... (หันมองหนังสือที่วางไว้บนชั้น) ผู้สัมภาษณ์ C : ...การ์ตูนตลก..... (อึ้งไปสี่สิบวินาที) ผู้สัมภาษณ์ B : (มองหน้าอิงฤทธิ์...) จริงๆ นายก็ตลกนะ...เวลาพวกเรา เอามาเล่นกันน่ะ.... สิริน : พระเอกเป็นตำ�รวจ นางเอกเป็นกระสือ เล่มเดียวจบ ผู้สัมภาษณ์ C : ....อิงฤทธิ์เป็นตำ�รวจ (ยังคงทวนคำ�อย่างอึ้งๆ...) ผู้สัมภาษณ์ A : ตอนนี้ไม่รู้จะอึ้งอะไรดีระหว่างคำ�ว่า การ์ตูนตลกกับ พระเอกเป็นตำ�รวจ ผู้สัมภาษณ์ B : แล้วตำ�รวจกับกระสือมาตลกร่วมกันได้ไงคะ ? สิริน : ตอนนั้นพระเอกผมดำ� อาจเหมือนพี่พชมั้ง 555 ผู้สัมภาษณ์ C : ทุกท่านคะ เราจะพาดหัวบทสัมภาษณ์ใหม่ค่ะ ว่า ความ จริงเปิดเผย สิบปีก่อน พี่พชคือพระเอก ! เรื่อยๆ

สิริน : พี่ชอบคิดเนื้องเรื่องฟุ้งซ่านไปเรื่อย ไปๆ มาๆ เรื่องมันก็งอกออกมา ผู้สัมภาษณ์ B : อ้อ แบบนั้นพวกเราเข้าใจค่ะเรื่องงานงอกเนี่ย....

60


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

ผู้สัมภาษณ์ C : ในเวลาสิบปี เรื่องเล่มเดียวจบจึงกลายเป็นสิบกว่าเล่มใช่ ไหมคะพี่ นับถือค่ะ สิริน : 555 ใข่ค่ะ เล่มเดียวจบเอาไม่อยู่แล้ว ต่อมาก็...ซัก...5 เล่มจบได้มั้ง ผู้สัมภาษณ์ B : ...ยังกะดอกเบี้ยปีละเล่ม.... สิริน : 55 ได้ดอกเบี้ยก็ดีน่ะสิ แต่พอเปลี่ยนคาแร็กเตอร์มาเป็นอิงฤทธิ์ 5 เล่มจบเอาไม่อยู่ ผู้สัมภาษณ์ C : อิงฤทธิ์...ใช้เวลาสิบปีในการแย่งตำ�แหน่งพระเอก.... ผู้สัมภาษณ์ A : และเพิ่มจำ�นวนหน้า/เล่ม...ว่าแต่ อยากจะถามพี่ค่ะ ว่า อะไรทำ�ให้พี่รู้สึกว่า เอาล่ะ จากสิบปีที่ผ่านมา ตอนนี้ได้เวลาปลุกผีกระสือขึ้นมา แล้วคะ ผู้สัมภาษณ์ B : นั่นสิ แรงบันดาลใจคืออะไรคะ ??? (ในระหว่างคำ�ถามนี้ คุณสิรินได้ขอตัวไปรับโทรศัพท์สักครู่ ทิ้งบรรดาผู้ สัมภาษณ์ให้จัดแจงคั่นบทสนทนาเป็นทางการ ด้วยการพยายามควานหาร่องรอย การ์ตูนเก่าที่คุณสิรินเคยเขียนไว้ และยืนยันความตั้งใจว่าท่านใดทราบเบาะแส สามารถแจ้งมาที่โรงเตี๊ยมอี้ฉางได้ทุกเมื่อค่ะ ฮา หลังจากนั้น เมื่อพี่สิรินกลับเข้ามา ก็ได้บอกพวกเราว่า นั่นเป็นสายเรียก เข้าที่โทรมาสอบถามเกี่ยวกับความคืบหน้าของ IMP อิงฤทธิ์-อารดา เล่ม 4 นั่นเองค่ะ.....เรียกได้ว่าเป็นแฟนคลับที่น่ารักมาก >< ) ผู้สัมภาษณ์ B : เอาล่ะค่ะ คำ�ถามที่อยากรู้จังคือ อะไรเป็นแรงบันดาลใจ 61


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

ทำ�พี่เข็นการ์ตูนเรื่องนี้ออกมาสำ�เร็จคะ? หลังจากที่เราดองมาเป็นสิบปี ??? สิริน : แรงบันดาลใจคือความบ้าล่ะ เคยบอกแล้วมั้ง แบบว่าไม่ได้เขียน IMP คงอกแตกตาย 555 ผู้สัมภาษณ์ A : เรียกว่าล้างแค้นสิบปีก็ไม่สายใช่ไหมคะ สิริน : 55 ประมาณนั้น มันมีเรื่องอยากเล่าอ่ะนะ อยากเขียน คิดว่าเนื้อ เรื่องที่คิดในหัวน่าจะสนุกดี ผู้สัมภาษณ์ C : ละลาบละล้วงนิด ว่าตอนที่ตกลงใจว่าจะเขียนเนี่ย พี่ แบบ ฉันขอวาดออกมาสักหน่อยก่อนแก้อาการอกแตก หรือแบบ เอาล่ะ ฉันจะเอา พวกหล่อนออกมาให้ได้ล่ะ ศึกษาหาข้อมูลไส้ไปพลาง(?) วาดกระสือไปพลางล่ะ หรือแบบไหนคะ ผู้สัมภาษณ์ B : คำ�ถามประมาณว่า ตอนแรกๆ กะวาดเอาสนองนี๊ด หรือ กะเป็นโปรเจ็คใหญ่อลังการ ณ สวนอัมพร ต้องเป็นเล่มให้ได้สินะ สิริน : เอ...บอกไม่ถูกแฮะ พี่อยากวาดก็วาดออกมาเลยค่ะ จริงๆ เมื่อ 2 ปี ก่อนพี่เคยเอาเรื่องouhไปเสนอค่ายๆ หนึ่งแล้วเขาไม่เอาอ่ะ อาจเป็นเพราะตอน นั้นมีแต่เนื้อเรื่องกะคาแรกเตอร์ แล้วเรามันก็โนเนมด้วยแหละ ผู้สัมภาษณ์ A : ณ สวนอัมพร... แหม ขอแซวนิดว่าเห็นตัวเลขอายุขึ้นมา เลย แล้วเหตุการณ์นั้นทำ�ให้พี่หันมาออกรวมเล่มเองเลยหรือเปล่าคะ ? คะ ? 62

ผู้สัมภาษณ์ B : แล้วหลังจากนั้นพี่หมดกำ�ลัง หรือจะไปไฟต์กับสนพ.อื่น


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

สิริน : พอโดนปฏิเสธมา ก็คิดว่าจะหางานอื่นทำ�ดีมั้ยเนี่ย 555 แต่ก็ยัง อยากเขียนอ่ะนะ แต่โนเนมแบบนี้ กับที่อื่นคงไม่มีใครเอาแหละ อายุเยอะแล้วด้วย ผู้สัมภาษณ์ B : ...งานเขียนหรือพริตตี้นี่... เอาอายุเอ๊าะๆ ยิ่งไร้ ประสบการณ์ยิ่งดี ? สิริน : ในแง่สำ�นักพิมพ์ก็เข้าใจเขานะ ถ้านักเขียนมีชื่อเสียงมาก่อนก็ขาย ง่ายหน่อย ส่วนเรา สุดท้ายอยากเขียนก็ต้องลงทุนตีพิมพ์เอง เสี่ยงดวงกับฝีมือตัว เองเอา ผู้สัมภาษณ์ B : เออ สงสัยคำ�ว่าตีพิมพ์เอง ...คือยังไงคะ ? สิริน : ก็เขียนเอง พอเสร็จก็ติดต่อสายส่งหนังสือ ติดต่อโรงพิมพ์ ผู้สัมภาษณ์ B : คือเราลงทุนพิมพ์เอง แต่ฝากสำ�นักพิมพ์ขายและ ประชาสัมพันธ์ ? สิริน : สำ�นักพิมพ์ก็ตัวพี่เองน่ะแหละ ตั้งเพื่อรองรับงานเรา ถ้าไม่ทำ�ในรูป แบบของสำ�นักพิมพ์ หรือบริษัทจะติดต่อทำ�ธุรกิจกับคนอื่นยากค่ะ ผู้สัมภาษณ์ B : โห กล้ามาก เออ นอกเรื่อง ช่วงนี้สนใจเปิดรับความเสี่ยง พวกนิยายเพิ่มไหมคะ (ฮา) สิริน : 555 ตอนนี้พี่ยังหัวปั่นกะงาน IMP จนแทบไม่มีเวลาดูอย่างอื่นเลย ค่ะ ทำ�คนเดียวก็แบบนี้ล่ะนะ 63


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

ผู้สัมภาษณ์ B : แฟนๆ ตอบรับดีอย่างนี้คงเหนื่อยหน่อยนะครับ สิริน : ก็ดีใจนะ แนวร่วมคนชอบงานเราเยอะ ผู้สัมภาษณ์ C : แต่ความต่อเนื่องของงานก็ดีมากจริงๆนะคะพี่ ดีจนแถว นี้อยากร้องขอเคล็ดวิชาว่าพี่มีแรงใจอะไร ปั่นออกมาได้ต่อเนื่องปานนั้นเลย ผู้สัมภาษณ์ B : เตรียมจดเลยครับ สิริน : ไม่มีจะกินค่ะ ตอบตรงไปมั้ยเนี่ย พอเลือกทำ�ตรงนี้แล้ว ก็ต้องทำ�ไป ให้ถึงที่สุดแหละ ผู้สัมภาษณ์ B : เอ๊ะ...ทำ�ไมน้ำ�ตาไหลออกมาเอง (ฮา) อื่น

สิริน : เฮ้ย อย่าร้อง! นักเขียนมันก็เป็นแบบนี้ อยากรวยต้องไปทำ�อาชีพ

ผู้สัมภาษณ์ B : ...ได้ข่าวว่าตอนเป็นหมอก็ได้ยินวลีใกล้เคียงคำ�นี้... (น้ำ�ตาไหลต่อ) ผู้สัมภาษณ์ A : อยากถามตรงๆกันเลยคะพี่ อยากจะรู้ว่าพี่ทำ�ยังไงถึงได้ เปลี่ยนจาก No name เป็น Know name อย่างนี้คะ สิริน : พี่ว่าพี่ยังโนเนมอยู่นะ ผู้สัมภาษณ์ B : ไปหาพระตั้งชื่อไหมครับ ? จะได้มีเนมจะเค้า ฮิ้วว 64


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

ผู้สัมภาษณ์ A : ไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว ! ผู้สัมภาษณ์ B : เออ วางแผนไว้ว่าจะจบ IMP อิงฤทธิ์-อารดาที่กี่เล่ม และ หลังจากนี้จะมีเรื่องไหนในดวงใจให้เราอ่านไหมคะ ? สิริน : 10 เล่มค่ะ แต่กำ�ลังเสียวๆ ว่าเนื้อเรื่องจะงอกออกมาเกินนั้น บท ของพชระกับปารมียาว ตัวละครก็ยังไม่ออกมาอีกหลายตัว ก็จะพยายามให้อยู่ใน 10 เล่มนะคะ ผู้สัมภาษณ์ B : ไม่เป็นไรค่ะมากกว่านั้นพวกเราก็ยินดีอ่าน สิริน : 55 ขอบคุณจ้า ผู้สัมภาษณ์ B : แล้วมีฉากไหนรู้สึกเขียนยากเป็นพิเศษไหมคะ ? หรือตัว ละครไหนที่วาดไปก่นแช่งไปบ้าง ? สิริน : จริงๆ มันก็ยากหมดแหละ พี่ไม่เคยเขียนเรื่องยาวมาก่อน เรื่องนี้ เรื่องแรก ผู้สัมภาษณ์ A : พูดถึงเขียนยาก แล้วฉากที่รู้สึกว่าเขียนง่ายมีไหมคะ อย่างฉากกุ๊กกิ๊กอะไรอย่างนี้ (ฮา) สิริน : โอ๊ย ฉากนั้นอย่างยากเลย 555 จริงๆ ถ้าจะวาดการ์ตูนให้สนุกพี่ ถือว่าต้องวาดได้หลายๆ แบบนะคะ ฉากดีใจ เศร้า โกรธ ฉากบนเตียงก็ 1 ในนั้น ผู้สัมภาษณ์ A : ฉากกุ๊กกิ๊กยากกว่าฉากผีเหรอคะนี่ 65


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

สิริน : ยากกว่าวาดผีหลายเท่าค่ะ ถ้าเขียนไม่ดีจะแข็งทื่อมาก คนอ่านไม มีอารมณ์ร่วมเลยอ่ะ อย่างนี้ไม่ดี ผู้สัมภาษณ์ A : พี่ทำ�ได้หลายแบบมากคะ ยังจำ�ฉากนายป่าช้า (เล่ม ๒) ได้ติดตาอยู่เลย.... ผู้สัมภาษณ์ B : แล้วเวลาวาดแล้วรู้สึกเหนื่อย ท้อ หรือกดดัน พี่มีทางออก อะไรเด็ดๆ บ้างคะ ? สิริน : พี่จะจิตตกอยู่วันสองวัน แล้วก็คิดว่าช่างหัวมัน กอดลูกสร้างกำ�ลัง ใจ นั่งทำ�งานต่อ (สัมภาษณ์มาได้ถึงตรงนี้ ทีมงานบางท่านก็เห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้ว ดัง นั้นจึงมีการถามคำ�ถามตามธรรมเนียมขึ้นมา) ผู้สัมภาษณ์ B : ขอถามคำ�ถามภาคบังคับนี้ไว้หน่อยนะคะ เชิญพีกล่าว สักนิดค่ะว่าอยากจะฝากอะไร หรือแนะนำ�อะไรให้ผู้ที่ได้อ่านบทชวนคุยนี้ไหม สิริน : ก็ฝากผลงานเล่มต่อๆ ไปด้วยค่ะ ชอบไม่ชอบยังบอกกันได้ พี่ชอบ อ่านความเห็นคนอ่าน ^ ^ หลังจากคำ�ถามนี้ กลุ่มผู้สัมภาษณ์ทั้งหลายต่างเห็นว่าบทสัมภาษณ์(หรือ ที่ควรเรียกว่าบทชวนคุย)นี้ สามารถปิดประเด็นลงได้อย่างสวยงามแล้ว จึงตกลง ใจจบการสัมภาษณ์ลงที่คำ�ถามนี้จริงๆเสียเลย แต่ถึงอย่างนั้นคุณสิรินก็ยังให้ความ กรุณาสนทนาเล่นกับบรรดาผู้สัมภาษณ์ที่เสร็จสิ้นงาน กลายสภาพเป็นแฟนผล งานอย่างเต็มตัวกันต่อ ทำ�ให้ทีมงานทั้งหลายทั้งอิ่มอกอิ่มใจทั้งกระโดดโลดเต้นกัน เป็นแถบๆ(?) ที่ได้ใกล้ชิดกับนักวาดที่ชอบต่อ 66


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

นอกจากนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าการได้คุยกับคุณสิรินครั้งนี้ นอกจากจะได้ รู้เรื่องราวที่ไม่เคยได้รู้มาก่อนของผลงานที่หลงใหลแล้ว ยังได้ทั้งการเรียนรู้ ทั้ง ประสบการณ์ที่คุณสิรินแบ่งปันมาให้ กับข้อคิดในการสร้างผลงาน ที่บอกให้เรารู้ ว่าแม้แต่เจ้าของผลงานในดวงใจของเรา ก็มีวันเวลาที่พบกับอุปสรรค พบกับความ ผิดหวังเช่นเดียวกับทุกๆคน คิดมาถึงตรงนี้แล้ว อยากจะขอกราบขอบพระคุณคุณสิรินอีกครั้งจริงๆ ที่ นอกจากจะให้ทางทีมงานสัมภาษณ์แล้ว ยังต้องขอขอบพระคุณที่ไม่ย่อท้อ ไม่ แม้แต่จะคิดยอมแพ้ หากลงมือทำ�ผลงานต่อ จนในที่สุด IMP อิงฤทธิ์-อารดา ก็ ออกมาเป็นรูปเล่มให้พวกเรารู้จักและติดตามชื่นชมจนถึงทุกวันนี้ ขอบพระคุณมากค่ะ.

67


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

68


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

เนิ่นนานมาแล้ว... ในช่วงเวลาที่กลางคืนถูกปกคลุมไปด้วยความมืด ในยุคสมัยที่มนุษย์ถูกจำ�กัดไว้ด้วยความกลัว ในห้วงเวลาที่ความเชื่อ ความศรัทธาอยู่เหนือเหตุและผล ในตอนนั้น... กลางคืนคือเวลาของแขกที่ไม่ได้รับเชิญ แขกจากอีกด้านของโลก แขกผู้ยินดีในความโง่เขลา ดื่มด่ำ�กับรสของวิญญาณ แขกผู้ถูกเรียกขานว่า... ..... . เขาเห็นมัน... มันยืนอยู่อีกด้านของแนวไม้ บนเนินราบเรียบก่อนเข้าสู่เขตแดนของป่า มัน มองเขา ก่อนจะขู่คำ�รามอวดคมเขี้ยวและกรงเล็บที่สามารถจบชีวิตของเหยื่อได้ใน พริบตา แต่ ‘นั่น’ ไม่ใช่ความน่ากลัวที่สุด สิ่งที่น่ากลัวกว่าคมเขี้ยว สิ่งที่น่ากลัวกว่ากรงเล็บ คือความรู้สึกที่มืดดำ�ยิ่ง กว่าสิ่งใด เป็นความมืดที่แม้แต่คืนเดือนดับอันไร้แสงไฟไร้หมู่ดาวยังไม่อาจทำ�ให้เกิน ความรู้สึกเช่นนี้ได้ ..... ความมืดที่กลืนกินทุกสิ่ง แม้แต่ราตรี แม้แต่สีดำ�ที่เป็นสีของค่ำ�คืน ..... เขารู้สึกว่าร่างกายตนเองแข็งทื่อ รู้สึกหมดสิ้นกำ�ลังในกาหนี หมดเรี่ยวแรง ในการดิ้นรนหรือทำ�อะไรสักอย่างเพื่อเอาตัวรอด 69


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

พริบตาเดียว... ร่างของเขาก็ถูกกระแทกล้ม กรงเล็บตบลงบนพื้นที่ห่างออก ไปไม่ถึงคืบ ลมหายใจที่ร้อนระอุ กลิ่นสาปคละคลุ้งทำ�ให้อยากอาเจียน มันคำ�รามเสียงต่ำ� ดวงตาที่จ้องลงมาเหมือนกับดวงไฟ ตอนนี้เขารู้แล้วว่า ‘ความกลัว’ ที่สามารถเอาชนะได้แม้กระทั่งสัญชาตญาณ พื้นฐานในการมีชีวิตรอดนั้นเป็นอย่างไร และรู้ด้วยว่า... ความยินดีที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นเป็นแบบไหน เมื่อรุ่งอรุณมาถึง เมื่อเขาลืมตาตื่นแล้วรู้ว่า ‘ทุกสิ่ง’ เป็นเพียงแค่ ความฝัน เป็นความฝันในค่ำ�คืนหนึ่งเท่านั้น...

70


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

… Aria One … - Nightmare before Death ห้วงฝันก่อนราตรีสุดท้าย --------------------

หากรุ่งอรุณคือการเริ่มต้น หากยามสิ้นแสงคือการสิ้นสุด แล้ว... ช่วงเวลาระหว่างนั้นเล่า .......... “น่าเบื่อ” นี่คือคำ�พูด ที่เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นคำ�ติดปากของเด็กสาวร่างเล็ก ผู้มีรูปร่าง อายุประมาณสิบห้า เด็กสาวที่กำ�ลังเกี่ยวขากับกิ่งไม้ และห้อยหัวลงมาอย่างไม่เกรง ว่าจะไม่เหมาะสม หรืออาจจะเป็นอันตรายต่อสภาพร่างกายได้ “ถ้าเบื่อ ก็ไปทำ�งานอย่างอื่นสิ” เด็กสาวอีกคนที่ดูอ่อนวัยกว่า และนั่งพิง ลำ�ต้นอยู่ด้านล่างออกความเห็น “หรือไม่ก็คิดหาคนรู้ใจสักคนแล้วสร้างครอบครัว เท่านี้พี่ก็ไม่มีเวลาว่ามานั่งบ่นแล้ว” ข้อแนะนำ�แรกเป็นสิ่งที่หากตั้งใจทำ�จริงๆ อาจจะพอทำ�ได้ แต่ข้อแนะนำ�ที่ สอง คนถูกแนะนำ�อยากจะบอกเหลือเกินว่า... มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด! “หลังจากงานเก็บเกี่ยว พี่ทอร์สก็มองๆพี่อยู่เหมือนกัน” เสียงเจื้อแจ้วยังคง พูดไม่หยุด “เสียใจ...ฉันไม่ไปเป็นพี่สะใภ้ให้เธอแน่” “ถ้าอย่างนั้นพี่ชายก็มีแววอกหักน่ะสิ” เด็กสาวคนแรกหมุนตัวขึ้น เธอนั่งอยู่ด้านบน มองเด็กสาวที่อยู่ในชุดเสื้อ กระโปรงสะอาด ถักเปียสองข้าง ในมือกำ�ลังขยับถักไหมพรมอย่างคล่องแคล่ว... 71


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

สุภาพสตรีตัวน้อยผู้มีคุณสมบัติของหญิงสาวที่ดี คุณสมบัติของภรรยาที่ดีในอนาคต สิ่งที่ไม่มีอยู่ในตัวเธอ... “พูดแต่เรื่องฉัน แล้วเธอเองล่ะเอน่า ได้ข่าวว่ามีหนุ่มน้อยหน้าตาใสซื่อมาหา บ่อยๆเหมือนกันนี่นา” “หนุ่มน้อย...” คราวนี้คนคอยจับคู่ให้เพื่อนอายุมากกว่ากับพี่ชายชะงักมือ หลังจากที่กลายเป็นฝ่ายถูกจับคู่เสียเอง “พี่เซริ อัลอายุน้อยกว่าฉันอีกนะ” “ใครกันน้า... ใครกันที่เคยบอกว่า คนเรา ถ้ามีความรักความมั่นคงต่อกัน แล้วสักอย่าง ทุกสิ่งที่เหลือก็ไม่ใช่อุปสรรค” “พี่เซริ” ผู้ถูกเรียกหัวเราะ พร้อมกระโดดทิ้งตัวลงกับพื้นอย่างมั่นคง ในขณะที่สาว น้อยอีกคน ผู้อยู่ในสถานะถูกรังแกวางสิ่งที่ถืออยู่บนตัก มองเพื่อน... มองพี่สาวที่ เครารพรักด้วยแววตาประท้วงแบบเด็กๆ “อย่าทำ�หน้าอย่างนั้นสิ เดี๋ยวคนอื่นก็คิดว่าฉันรังแกเธออีก” “หรือไม่จริง” คราวนี้คนถูกกล่าวหาหัวเราะ เธอหมุนตัว ท่าทางการเคลื่อนไหวนั้น คล่องแคล่วจนทำ�ให้ไม่นึกสงสัยเลยว่า... เธอกล้าขึ้นไปบนต้นไม้ แสดงท่าทางที่เด็กผู้ หญิงไม่ควรทำ�ได้อย่างไร “จริงหรือไม่จริง นั่นสิน้า...” “พี่เซริ...” แต่การล้อเล่นได้หยุดลงเมื่อเสียงระฆังดังกลบ เด็กสาวทั้งสองมองไปยังสิ่งที่ สูงที่สุดของหมู่บ้าน สิ่งที่บอกว่า ‘เวลาเย็น’ ได้มาถึงแล้ว ไหมพรมถูกเก็บลงตระกร้า... กระเป๋าหนังที่แขวนอยู่ถูกคว้าขึ้นสะพานบ่า “แย่จัง... วันนี้ยังถักได้ไม่ถึงครึ่งเลย เพราะพี่เซริเอาแต่ชวนเล่นแท้ๆ” “อย่ามาโทษกันหน่อยเลย” คำ�พูดโต้เถียงกันเล็กน้อยเป็นเหมือนของแถมท้าย ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินแยก ทาง และกล่าวคำ�อำ�ลาต่อกัน “แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะพี่เซริ” 72


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

“แล้วเจอกันพรุ่งนี้” วันพรุ่งนี้... คำ�เรียกเมื่อแสงอาทิตย์มาเยือนหลังผ่านราตรีอันยาวนาน ยาม เมื่อโลกลืมตาตื่นจากกลางคืนอันอันแสนสงบ เวลาก็ได้เริ่มหมุนอีกครั้ง และมันถูกใช้ ไปกับการทำ�งานบ้าน เข้าครัว จัดเตรียมสิ่งต่างๆให้เรียบร้อย หลังจากนั้นก็ออกไปรับ สาวน้อยน่ารักไปนั่งเล่น บอกคนอื่นว่ากำ�ลังเรียนวิชาที่จำ�เป็นของผู้หญิงด้วยกัน หรือ ไม่ก็เปลี่ยนไปเข้ากลุ่มทำ�กิจกรรมสักอย่างสองอย่างตามแต่โอกาสพิเศษ ดูเผินๆ เหมือนเป็นการใช้เวลาพักผ่อนอันแสนสงบสุข แต่น่าเสียดาย... น่า เสียดายที่สิ่งเหล่านั้น คือกิจวัตรประจำ�วันทั้งหมดของเด็กสาวที่มีชื่อว่า ‘เซริ’ เธอเป็นลูกสาวคนที่สาม น้องสาวที่เติบโตมากับพี่ชายสองคน และพ่อที่เป็น นักพรานผู้เก่งกาจ ตั้งแต่จำ�ความได้ ผู้เป็นพ่อถ่ายทอดความรู้ ทักษะต่างๆที่รู้มาให้ ลูกทุกคนอย่างเท่าเทียม เท่า... จนกว่าจะรู้ตัว ลูกสาวตัวน้อยที่ควรจะไปนั่งเย็บผ้า ปักลายลูกไม้ หรือถักไหมพรม สิ่งที่อยู่ในมือของเธอ กลับกลายเป็นหนังยิงลูกหิน หรือไม่ก็ไม้ที่ใช้ขว้างเสียแล้ว และไม่ต้องถามถึงทักษะที่ผู้หญิงควรมี... เซริมองเงาสะท้อนของแอ่งน้ำ�ที่เดินผ่าน เด็กสาวในชุดเสื้อกางเกงสีครีม น้ำ�ตาล รวบผมสูง และมีดวงตาที่ไม่เกรงอะไรจ้องกลับมา อีกไม่กี่วันเธอก็จะอายุครบ สิบห้าปี อายุที่หากเป็นพี่ชายทั้งสอง คุณพ่อก็จะอนุญาตให้เข้าป่า อนุญาตให้เดิน ทางตามรอยเท้าสัตว์ต่างๆได้ แล้วเธอล่ะ... คำ�ถามที่ต่อให้ถามเงาสะท้อนไปก็ไม่ได้รับคำ�ตอบ เสียงเรียกดังขึ้นจากในบ้าน พ่อที่อยู่ด้านในคงเห็นว่าเธอเดินเข้ามาใกล้แล้ว แต่หยุดทำ�อะไรสักอย่าง เซริเงยหน้า ทิ้งภาพเงาสะท้อนนั้นไว้เบื้องหลัง หันหน้ากลับ สู่ชีวิตประจำ�วันที่ควรจะเป็น พร้อมความฝันที่ก่ออยู่ในใจอย่างเงียบๆ...

73


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

‘Passage… One’ - Lady in Forest เด็กสาวในพงไพร --------------------

ข้อห้ามทุกข้อ เรื่องเล่าทุกเรื่อง ล้วนแต่มีความหมายในตัวของมันเอง... .......... ‘ฮีเธอร์วิล’ คือชื่อของเมืองขนาดเล็กที่แทรกตัวอยู่กลางป่า เมืองที่มีถนน เล็กๆเป็นเส้นทางเข้าออกเพียงอย่างเดียว ซ้ำ�ยังเป็นเส้นทางที่แยกออกมาจากถนน สายหลักที่เชื่อมต่อระหว่างเมือง ด้วยเหตุผลนี้ ทำ�ให้น้อยนักที่จะมีผู้สัญจรเดินทาง ผ่านเข้ามา ถ้าไม่มีธุระเจาะจงหรือต้องการเดินทางลึกเข้าไปในพื้นที่ที่ไม่ได้รับการ บุกเบิกด้านหลัง ดังนั้นสังคมที่นี่ จึงเป็นสังคมที่เรียกได้ว่าห่างไกลจากวัฒนธรรมที่ เปลี่ยนแปลงของเมืองใหญ่ พวกเขาเลี้ยงสัตว์ ปลูกพืชผลแลกเปลี่ยนกัน บ้านไหน ที่มีอะไร บ้านที่ไหนที่ไม่มีอะไร พวกเขาสามารถแบ่งบันได้ สื่อกลางอย่างเงินตราจึง แทบไม่มีความจำ�เป็น นอกจากนี้ เพราะการใช้ชีวิตที่อิงตามธรรมชาติเป็นหลัก เครื่อง ประดับที่มีคุณค่าเพียงความสวยงามอย่างเดียว กลับกลายเป็นสิ่งของที่ด้อยคุณค่า กว่าเมล็ดเต็มกระปุก หรือผลไม้เต็มตะกร้าเสียอีก สิ่งต่างๆเหล่านี้ ทำ�ให้ชีวิตในฮีเธอร์วิลเรียบง่าย มีความสงบและมั่นคงในตัว เอง เหมือนผืนป่า เหมือนธรรมชาติที่ห้อมล้อม แต่... บางครั้งอะไรที่มากเกินไป ก็อาจจะส่งผลเสียกับคนบางคน ไม่ใช่ว่าทุกคนที่จะพอใจกับสภาพความเป็นอยู่ เด็กหนุ่มบางคนต้องการออก ท่องโลก บางคนมีความฝัน มีจำ�นวนไม่น้อยที่ออกเดินทางจากบ้านสู่เมือง ใช้ชีวิตจน 74


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

สมใจอยาก เมื่อเพียงพอแล้ว พวกเขาก็จะกลับมาสู่บ้าน กลับมาถ่ายทอดเรื่องราวให้ แก่พี่น้อง เพื่อน ลูกหลานและเด็กรุ่นใหม่ฟังอย่างภาคภูมิใจ และพี่ชายทั้งสองของเซริ ก็เป็นหนึ่งในคนจำ�พวกนั้น พี่ชายคนโตได้ออกเดิน ทางไปกับเพื่อนของพ่อที่เป็นพ่อค้า เรียนรู้และเจริญรอยตามทั้งคำ�สั่งสอนของผู้เป็น พ่อ ทั้งอาจารย์ที่ถ่ายทอดประสบการณ์ กลายเป็นพ่อค้าที่เสาะแสวงหาของแปลกๆ และเมื่อกลับมาบ้าน เซริก็จะได้ของฝากที่ไม่เคยเห็นแทบทุกครั้ง ส่วนพี่ชายคนที่สอง เป็นทั้งลูกชายและลูกศิษย์ที่พ่อภูมิใจมากที่สุด แทบทุก คนที่รู้จักต่างบอกว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็นลูกของพ่อ ไม่ว่าจะเป็นทักษะด้านใด เขาเรียน รู้ ประยุกต์ให้เข้ากับนิสัยและรูปแบบของตัวเองได้เป็นอย่างดี ดีจนแม้แต่พ่อ ยังบอก ว่าตนเองอาจจะโดนลูกชายก้าวข้ามในสักวัน เหลือเพียงเซริ น้องสาว... ผู้หญิงเพียงคนเดียวของบ้าน เด็กที่กำ�ลังจะอายุ สิบห้า แต่ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะเดินไปในเส้นทางไหน ผู้หญิงที่มีอายุใกล้เคียงกับเธอ ส่วนใหญ่ ถ้าไม่เป็นภรรยา หรือใกล้จะเป็นคุณแม่ ก็กำ�ลังจะแต่งงาน มีครอบครัวของ ตัวเอง แต่เซริไม่ต้องการอย่างนั้น เธออยากจะออกเดินทางไกลเหมือนพี่ชายคนโต อยากจะทำ�ในสิ่งที่ตนถนัดเหมือนพี่ชายคนที่สอง อยากจะตามหาความฝัน อยากจะ ตามหาความต้องการ ไม่อยากหยุดตัวเองอยู่ที่นี่ อยู่กับความสงบที่วนเวียนซ้ำ�ไปมา อย่างนี้ แต่จะให้เธอทำ�ยังไง จะให้บอกความต้องการออกมาตรงๆ ทำ�อย่างนั้นพ่อ กับพี่อาจจะเข้าใจ แต่กับคนอื่น คนที่มองว่าเธอเป็นผู้หญิง มองว่าเธอไม่สามารถสู้ ผู้ชายได้ มองว่าเธอเป็นแค่เด็กที่ไม่ยอมรับการเติบโต คงไม่สนับสนุนความคิดอย่าง นี้แน่ ดังนั้น... เซริจึงวางแผน เป็นแผนที่ต้องเริ่มต้นไปทีละก้าว แผนที่หากสำ�เร็จ อาจจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเธอก็ทำ�เรื่องต่างๆได้ดีไม่แพ้พี่ชาย ไม่แพ้ผู้ชายคนไหน หลังจากที่ดูองค์ประกอบแวดล้อม จัดสิ่งต่างๆให้เหมาะสม เซริก็ตัดสินใจ แล้วว่า วันที่เหมาะจะเริ่มต้นมากที่สุด ก็คือวันพี่ชายคนโตยังไม่กลับมา วันที่พ่อผัก ผ่อนหลังจากทิ้งตัวลงบนเตียงนอนในบ้าน วันที่พี่ชายคนรองผลัดเปลี่ยนเป็นฝ่าย เข้าไปหาของในป่าแทน และเป็นวันที่เพื่อนต้องอยู่ช่วยงานที่บ้านจนไม่สามารถออก 75


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

มาพักผ่อนยามบ่ายด้วยกันได้เหมือนวันปกติ หรือก็คือ... วันนี้ ********** วันนี้ ‘เอน่า’ รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ... เธอครุ่นคิดขณะที่มือกดลงสองข้างของแท่งไม้ หมุนกดรีดให้แป้งด้านล่าง เป็นแผ่นบาง การทำ�งานบางอย่างอาจจะทำ�ให้เธอใช้สมาธิจนไม่สนใจเรื่องอื่น แต่ การทำ�งานอีกหลายอย่าง กลับทำ�ให้เธอมีสมาธิพอที่จะคิดถึงเรื่องต่างๆในชีวิต การเตรียมอาหาร เป็นหนึ่งในประเภทหลัง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็บอกไม่ถูก ว่า ‘อะไร’ ที่ทำ�ให้เธอรู้สึกอย่างนั้น “เอน่า” เสียงนุ่มของหญิงสาวที่อยู่หน้าเตาอบร้องเรียก กลิ่นหอมที่ลอยมาดึง ทั้งความคิดและความสนใจของเด็กสาวเจ้าของชื่อให้กลับมา เธอวางมือจากสิ่งที่ทำ� เช็ดให้สะอาด แล้วเดินเข้ามาหาเจ้าของเสียงเรียก “มีอะไรหรือคะคุณแม่” “อันนี้อบเสร็จแล้ว หนูเอาไปให้พี่ที่ไร่ทีสิ เอาไปตอนนี้น่าจะทันอาหารเที่ยง” เอน่ามองตะกร้าใบใหญ่ มองคุณแม่ที่กำ�ลังจัดเรียงของทั้งหมดลงไปในนั้น แล้ว... เธอก็นึกออกว่าอะไรที่ผิดปกติไป วันนี้พี่เซริไม่ได้เดินผ่านหน้าบ้านเธอเหมือนทุกวัน! ********** เมื่อครั้งเป็นเด็ก... เคยได้ยินเรื่องเล่าที่ส่งทอดผ่านปากต่อปากบ้างไหม เรื่องเล่าที่ทวดเคยเล่าให้ยายฟัง ยายเคยเล่าให้แม่ แล้วเคยคิดหรือเปล่าว่าทำ�ไมเรื่องราวถึงเป็นอย่างนั้น ทำ�ไมถึงต้องทำ�ให้เด็กๆกลัวจนไม่กล้า 76


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

ทำ�ไม... ทำ�ไมถึงเต็มไปด้วยข้อห้ามต่างๆมากมาย แล้ว... จำ�ได้บ้างไหม ว่าในเวลานั้น ในบรรดาข้อห้ามเหล่านั้น สิ่งใดที่เป็นแกนสำ�คัญ สิ่งใดที่ถูกตอกย้ำ�ให้จดจำ�บ่อยที่สุด เอาสิ... ลองคิดดูให้ดีสิ มันคืออะไรกันล่ะ.... ..... . แสงแดดที่ลอดผ่านแมกไม้ ฉายลวดลายแปลกตาลงพื้นผิวที่กระทบ ร่างหนึ่ง เดินลัดเลาะไปตามผืนดิน หลีกเลี่ยงกิ่งไม้หรือสิ่งที่จะทำ�ให้เกิดเสียงหรือจุดที่ไม่น่าไว้ วางใจ ถึงจะน่าหวาดหวั่น รู้สึกตื่นเต้นเมื่อปลายเท้าเหยียบย่าง หรือบางครั้งจะรู้สึก ว่ามีอันตราย แต่เซริไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองได้รับอิสระขนาดนี้มาก่อน เด็กสาวหยุดเมื่อถึงที่หมายแรก แม้ที่นี่จะเป็นสถานที่ที่เคยมาจนคุ้นตา แม้ จะเป็นเพียงขอบริมชายป่าที่ข้ามพ้นเนินหญ้ามาไม่เท่าไร แต่ที่ผ่านมา เซริต้องย่าง เท้าเดินพร้อมกับพี่ ก้าวเท้าเดินตามรอยของพ่อ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับเปลือกไม้ กับแผ่นดินที่อยู่นอกเหนือจากที่พักของมนุษย์ ด้วยตัวของตัวเอง เธอคิดว่าวันนี้เป็นวันที่ดี ทุกสิ่งที่วางแผนดูสมบูรณ์ไปหมด แผ่นกระดาษหยาบที่เย็บเล่มง่ายๆด้วยเชือกถูกดึงขึ้นมาจากกระเป๋า เซริ หยิบดินสอที่ถูกติดไว้ด้วยกันขึ้นมา ขีดเขียนข้อความและภาพวาดลงไป สิ่งที่เซริตั้งใจทำ�ก็คือ การสำ�รวจพื้นที่ที่อยู่นอกขอบเขตเมือง เริ่มจากสถานที่ ที่ใกล้ที่สุด แล้วบันทึกให้ละเอียด ทั้งลักษณะพื้นดิน พืชที่พบ สัตว์ที่ปรากฏ บันทึกไป ทีละนิด ขยายพื้นที่ไปวันละน้อย มันอาจจะเป็นงานต้องใช้เวลา และเธออาจจะไม่สามารถออกมาทำ�ได้ทุก วัน แต่เซริก็อยากลอง อยากลงมือทำ�ให้เต็มที่ แล้ววันหนึ่ง สมุดของเธออาจจะต้อง เปลี่ยนเล่มใหม่ พื้นที่แถบนี้อาจจะได้ถูกบันทึกลงภายในนั้นทั้งหมด แต่ทั้งหมดนั่น... ดูยังเป็นอนาคตที่ห่างไกล 77


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

เซริก้มเด็ดกิ่งก้านเล็กๆปลายเท้า เธอเลือกใบที่สมบูรณ์ที่สุด เก็บไล่ไปทุก ประเภทที่เห็น แยกสอดไปตามแผ่น ข้างภาพที่เธอวาด ใบไม้พวกนี้ เธอตั้งใจจะทำ�เป็นใบไม้แห้ง เพราะยังไง การได้เห็นของจริงย่อม ให้รายละเอียดมากกว่า ‘วันนี้ไม่เลว...” เด็กสาวสรุปในใจ เมื่อพับสมุดลงกระเป๋า เพื่อออกเดินไปยังจุดต่อไป เธอก้าวเท้า แตะสัมผัสพื้นดิน และ... ‘เสียง’ ได้ดังขึ้น แรกเริ่มมันเป็นเพียงเสียงแผ่วเบา ก่อนจะแจ่มชัดขึ้น ชัดเจนจนรู้ได้ว่าเป็น เสียงของบทเพลงอันแปลกประหลาด ประหลาดทั้งโทนเสียง ทั้งจังหวะสูงต่ำ� จะบอกว่าเป็นเพลงที่ไพเราะ... ก็ใช่ แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างที่มากกว่านั้น อะไรบางอย่างที่ทำ�ให้รู้สึกว่าสิ่งที่ได้ยิน ไม่ใช่แค่เสียงเพลง มันเป็นอะไรที่ลึกล้ำ� เป็น สิ่งที่ก่อกวนจิตใจ ก่อให้เกิดความรู้สึกทั้งลึกลับและน่าหลงใหลในเวลาเดียวกัน เซริหยุดยืน มองหาที่มาของเสียง ยิ่งฟัง... เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าบางอย่างดึงให้ ขยับตามเสียง เด็กสาวหันเปลี่ยนทิศทาง เปลี่ยนความตั้งใจ ก้าวเท้าลึกเข้าไปในป่า เดินไปอย่างไม่ระวังตัว น่าเสียดายที่เธอไม่เคยลิ้มรสของมึนเมา ไม่เคยได้สัมผัสกับน้ำ�หมักที่พวก พ่อและพี่ชายมักจะดื่ม ไม่เคยแตะต้องสิ่งที่ถูกบ่มไว้ในถังไม้อย่างหวงแหน เซริจึงไม่รู้ ไม่รู้ว่าสิ่งที่กำ�ลังรู้สึก ใกล้เคียงกับอาการเมื่อสิ่งเหล่านั้นออกฤทธิ์เหนือประสาท ออก ฤทธิ์เหนือความรู้สึกนึกคิด สิ่งที่เรียกว่าเป็นความลุ่มหลง... และตอนนี้ เด็กสาวที่ไม่มีอะไรฉุดรั้ง ได้เดินผ่านแมกไม้ ผ่านพุ่มไม้หนา เหยียบย่างเข้าไปในส่วนลึกของป่า ไม่ว่าเสียงของใบไม้ เสียงของกิ่งไม้ที่เหยียบย่าง สิ่งที่เฉียดร่างกาย หรือความรู้สึกใด ก็ไม่สามารถทำ�ลายมนต์ขลังที่เกิดขึ้นได้ จนกระทั่ง... เมื่อสิ่งที่อยู่รอบตัวไม่ใช่ต้นไม้ เมื่อสิ่งที่ยืนอยู่ไม่ใช่แผ่นดิน เซริหลุดออกจาก ป่า เดินเข้าสู่ลานหิน ลานหินสีดำ�ที่นำ�ทางไปสู่บ้านไม้หลังหนึ่ง 78


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

ตอนนั้นเองที่เสียงเพลงหยุดลง และเธอก็รู้สึกตัว... ทันทีที่สติกลับคืนมา สิ่งแรกที่เซริทำ�คือ สำ�รวจว่าตนเองอยู่ที่ไหน แม้จะไม่รู้ สึกตัวนัก แต่เธอก็พอจำ�ได้ จำ�ได้ว่าตัวเองเดินออกนอกเส้นทาง และ... เธอไม่รู้จักบ้านหลังนั้น ไม่เคยรู้ว่ามีมันมาก่อน ไม่เคยเห็นแม้กระทั่งหินที่อยู่ ใต้เท้าของตัวเอง ทว่ามันไม่ได้มีแค่บ้านและหิน ตรงหน้าของเธอ หน้าประตูบ้าน เด็กสาวคนหนึ่งกำ�ลังจ้องมองเธออยู่ เด็กสาว... ที่ทำ�ให้เซรินึกถึง ‘สีดำ�’ ********** ในความทรงจำ�ที่ถูกกลบด้วยกาลเวลา เรื่องเล่าครั้งยังเยาว์ คำ�พูดที่ได้ยินเมื่อครั้งสัมผัสผืนป่าครั้งแรก ..... ‘จำ�เอาไว้... หากเข้าไปในป่า สิ่งที่ต้องระวังที่สุด ไม่ใช่สัตว์ร้าย ไม่ใช่พืชหรือสิ่งมีพิษ แต่เป็นสิ่งที่เราไม่รู้ สิ่งที่เราบอกไม่ได้ว่าคืออะไร สิ่งที่ทำ�ให้เรานึกถึงความมืดมิดที่สุด สีดำ�...’ .................... .......... .

79


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

‘Next Passage…’ - Black of Death ทมิฬแห่งความตาย -------------------‘สิ่งที่มืดมิดที่สุด... แท้จริงแล้วคือสิ่งใด’ ..........

80


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

81


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

82


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

83


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

84


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

85


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

86


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

Beginning : The Last Sunshine. (ก่อนจะเริ่มต้น) พยากรณ์อากาศบอกว่าวันนี้อากาศจะอุ่นขึ้น แต่แม็กดาลีนพบว่านั่นเป็น เรื่องโกหก เธอกระชับเสื้อโค้ทตัวใหญ่ที่สวมใส่ ควานหาถุงมือในกระเป๋าเสื้อและสอด นิ้วเข้าไปหาความอบอุ่น ขณะที่รีบก้าวเท้ายาวๆราวจะหนีความหนาวเหน็บนั่น แต่มันติดตามเธอมา ลมเย็นวูบลูบไล้ผ่านแผ่นหลังของเธอ...ราวกับมันทะลุผ่านเสื้อผ้าเนื้อ หนาที่หล่อนสวมใส่อยู่ได้ แม็กดาลีนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เมื่อหล่อนแทบจะรู้สึกถึง ปลายนิ้วที่ไล้เบาๆที่กระดูกสันหลังของหล่อนอย่างพึงใจ พร้อมเสียงหัวเราะ หญิงสาวชะงักเท้า หากแสงไฟที่สาดส่องลงมาสะท้อนชัด ว่าคนอื่นๆเดิน อยู่ห่างจากเธอ.... ไม่น่ามีใครที่ไหนทำ�แบบนั้นได้ ไม่นับที่ว่าเธอสวมใส่เสื้อผ้า หลายชั้น ไม่ควรมี... แต่แม็กดาลีนก็อดหันไปมองไม่ได้ เธอพบว่าผู้คนเดินอยู่ห่างกว่าที่เธอคิด และแน่นอนว่าไม่มีใครสนใจเธอ... ผู้หญิงที่แต่งกายบอกชัดว่าน่าจะทำ�งานในสำ�นักงานแห่งหนึ่ง และดูเป็นเพียงผู้ หญิงเรียบๆธรรมดาๆคนหนี่ง เธอผ่อนลมหายใจช้าๆ ก่อนหันกลับมา ตอนนั้นเองที่เบื้องหน้าแม็กดาลีน เงาทะมึนกำ�ลังแสยะยิ้มให้ ราวกับเด็ก น้อยที่อวดความสำ�เร็จของการหลอกผู้ใหญ่ได้ ก่อนที่มันจะเข้ามาโอบอุ้มหญิงสาว เอาไว้ และกลืนกินอย่างพึงใจ ผู้คนบนถนนต่างเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เมื่อชั่ววูบหนึ่ง ลมหนาวที่แทบบด กระดูกเป็นผงได้พัดผ่าน ก่อนที่ความอบอุ่นบางเบาจะค่อยๆกระจายออกมา 87


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

พร้อมหิมะสีขาวที่ร่วงหล่นจากฟากฟ้า กลบร่องรอยทุกอย่างจนหมดสิ้น จูเลียน่าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เมื่อก้าวเข้ามาในสำ�นักงานของหล่อน แล้วแม่ พวกสาวๆในสำ�นักงานต่างก้มหน้าลงอย่างมีพิรุธถ้วนหน้า พร้อมกันนั้นเอง ลางสังหรณ์บางอย่างก็แล่นปราดเข้ามา จูเลียน่าเกลียดสิ่งนี้ และรู้สึกว่าหล่อนจะเกลียดสิ่งที่จะตามมายิ่งกว่า “อรุณสวัสดิ์ เกรซี่ เอลิส” หล่อนไล่สายตา “เบรน...ทำ�ไมคุณมาอยู่ตรงนี้ ล่ะ เราไม่ได้กำ�ลังจะมีนัดในอีกหนึ่งชั่วโมงหรอกหรือ ?” “ฉันเตรียมเอกสารให้คุณเสร็จแล้วค่ะ” เบรน ไฮเลอสัน ผู้ช่วยฯสาวผู้ทรง ประสิทธิภาพของจูเลียน่าตอบ และหล่อนไม่สงสัยในข้อนั้น เบรนไม่เคยทำ�งาน ผิดพลาด และหล่อนยิ่งกว่ารอบคอบเสียอีก อันที่จริงแล้ว ตามลักษณะการทำ�งาน ของอีกฝ่าย เบรนน่าจะเตรียมเอกสารที่หล่อนร้องขอไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว และวัน นี้ผู้ช่วยของหล่อนก็จะตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนจะส่งทุกอย่างไปไว้ที่ ห้องของหล่อนก่อนเวลานัดไม่น้อยกว่าหนึ่งชั่วโมง “โอเค” เธอวางกระเป๋าลง ก่อนเดินไปที่หน้ามุมเล็กๆซึ่งหล่อนออกแบบ ไว้เป็นส่วนประชาสัมพันธ์และติดต่อสอบถามของสำ�นักงาน “มีปัญหาอะไรหรือ เปล่า.....แม็กกี้ยังไม่มาทำ�งาน เธอเป็นอะไรหรือเปล่า” แม็กกี้หรือแม็กดาลีน...ผู้ช่วยอีกคนของหล่อน แต่โดยเนื้องานแล้ว จูเลีย น่าอยากนิยามว่า แม็กกี้เป็นผู้ช่วยของเบรนอีกทีมากกว่า หล่อนดันกรอบแว่นขึ้นเล็กน้อย เพื่อทอดสายตาลงมอง และให้หญิงสาวที่ ถูกจ้องทั้งสามเห็นแววตาของหล่อนได้ถนัด แววตาที่จูเลียน่าจะใช้...เมื่อกำ�ลังจะรีดเค้นอะไรจากใครสักคน “เธอ.....อยู่โรงพยาบาลค่ะ ถูกจี้เมื่อวาน” เอลิส...คนที่เพิ่งมาทำ�งานทีหลัง สุด และมีภูมิต้านทานสายตาดุดันของหล่อนน้อยที่สุดเอ่ยปาก “แต่...อาการเธอ พ้นขีดอันตรายแล้วค่ะ” “โอ้...” เธอห่อปาก นิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อคิดถึงแม็กเดลีนผู้สุภาพเรียบร้อย 88


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

“พวกคุณจดรายละเอียดให้ฉันแล้วใช่ไหม ?” “เรียบร้อยแล้วค่ะ” หนนี้เบรนเป็นคนตอบ “ฉันคุยกับหมอแล้ว หมอว่า เธอค่อนข้างตกใจและอ่อนเพลียมาก เธอน่าจะพยายามขัดขืนเลยถูกทำ�ร้าย ร่างกาย....นิดหน่อย” เบรนเสริมคำ�ท้ายอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นแววตาที่ลุกวาบขึ้นของผู้ฟัง “เจ็บมากเจ็บน้อย...มันก็คือเจ็บ” จูเลียน่าพึมพำ� หากหล่อนก็เพียงพยัก หน้าให้อีกฝ่ายเล่าต่อ “หมอบอกว่าเธอน่าจะออกจากโรงพยาบาลได้ในอีกสองสามวันค่ะ” เบรน พูดคล้ายสรุป แต่เมื่อจูเลียน่ามองเข้าไปในดวงตาของผู้ช่วยสาวแล้ว หล่อนก็รู้ว่ามี บางอย่างมากกว่านั้น บางอย่างที่เบรนไม่สามารถพูดที่นี่ได้ นั่นทำ�ให้หล่อนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนก้มลงดูนาฬิกาข้อมือตัวเอง “โอเค ยังมีเวลาเหลือ แต่ถัดจากคุณเมสันฉันจะว่าง เพราะงั้น....ถ้าไม่มี อะไรเร่งด่วน เดี๋ยวเราจะไปเยี่ยมแม็กกี้กัน เกรซี่ฉันวานคุณช่วยจัดการของอะไรให้ ด้วยนะคะ” เกรซี่รับปากเบาๆตามนิสัยหล่อน และจูเลียน่าคงไม่สงสัยอะไร ถ้าเกรซี่จะ ไม่ก้มหน้าลงต่ำ�....เกินไปอย่างเห็นได้ชัด และพร้อมกันนั้น ทั้งเบรนและเอลิสก็ขยับตัวอย่างอึดอัดพร้อมกัน “อะไร ?” ลางสังหรณ์ที่หายไปชั่ววูบเมื่อตอนที่หล่อนมัวแต่สนใจเรื่องแม็ กดาลีนพุ่งกลับมา และมันบอกชัดว่า...ลางร้ายของหล่อนไม่ได้เกี่ยวพันกับเรื่อง ของผู้ช่วยสาว อย่างน้อยก็ไม่ใช่โดยตรง แต่จูเลียน่ารู้สึกว่าหล่อน เกลียด เจ้าสิ่งนี้เป็นบ้า.... สีหน้าที่ค่อยๆดุดันขึ้นของนายจ้างสาวของหล่อนทำ�ให้เบรนถอนหายใจ และตัดสินใจเปิดลานประหารด้วยตัวเอง อย่างน้อยๆก็ได้แต่หวังว่าหล่อนจะไม่ต้องเดินขึ้นลานประหารด้วยก็แล้ว กัน 89


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

“อีกเรื่องนะคะ จูเลียน่า คุณมีแขกค่ะ” “แขก ?” หล่อนแค่นเสียง และทั้งที่รู้ดี จูเลียน่าก็ยังก้าวฉับๆไปคว้ากระเป๋า หยิบสมุดนัดออกมาตรวจดู “ไม่” หล่อนปฎิเสธ.... “แขกรายแรกของฉันคือคุณเมสันที่มาคุยเรื่องบัญชี ทรัพย์สินที่เธอรีดมาได้ แล้วจากนั้นช่วงเช้าเราไม่ได้นัดใครไว้อีก” “เพราะอย่างนั้นไงล่ะ” เสียงนุ่มทุ้มดังมากจากด้านหลังทำ�ให้จูเลียน่าชา วาบ “ผมถึงคิดว่าวันนี้คุณต้องมีเวลาให้ผมแน่ๆ ที่รัก” จูเลียน่าสูดลมหายใจเข้าลึก อยากพยายามขับไล่กระแสเสียงที่กังวานนั้น ออกไป ทว่ามันกลับค่อยๆแทรกซึมเข้ามาอย่างช้าๆ ด้วยสำ�เนียงและจังหวะของ คำ�พูดที่ฟังดูเป็นเอกลักษณ์และทรงเสน่ห์ประหลาด ทรงเสน่ห์....ขนาดที่นอกจากเบรนและเกรซี่ที่รู้ดีและต่างพากันก้มหน้าลง เพื่อหลีกเลี่ยงแล้ว เอลิสที่มองไปด้านหลังของหล่อนเผลอขยับรอยยิ้ม และหน้า แดงอย่างช่วยไม่ได้ ช่วยไม่ได้ “สารเลวเอ๊ย.....” หล่อนเค้นเสียงลอดไรฟัน....เป็นอีกภาษาหนึ่งที่แน่ใจ ว่าเอลิสจะฟังไม่ออก หล่อนไม่อยากให้สาวน้อยคนนั้นตกอกตกใจในคำ�สบถด่าที่ หล่อนมีให้เจ้าของเสียงนั้น แต่ทั้งเบรนและเกรซี่ต่างฟังออก และพวกหล่อนก็ขยับตัวทันที “ฉันจะไปตรวจดูเอกสารนะคะ” เบรนหนีไปเป็นคนแรก และเกรซี่ก็ไม่รีรอ “ฉันคิดว่า ฉันน่าจะจัดการเตรียมของเยี่ยมแม็กกี้เดี๋ยวนี้เลยดีกว่า ขอตัว นะคะ” หล่อนเอื้อมมือไปดึงแขนสาวรุ่นน้อง “ไปกันเถอะ เอลิส” จูเลียน่าไม่คัดค้าน แม้หล่อนจะปรายตามองทั้งคู่อย่างคาดโทษก็ตาม แต่เบรนไม่คิดอยู่เสี่ยง ทันทีที่ขอตัวเสร็จ หล่อนก็หนีไปอีกส่วนนานแล้ว จึงมีเพียงเกรซี่ที่ต้องรับสายตานั้นไปชั่ววูบ ขณะดึงเอลิสเข้าไปในห้องเล็กๆที่จัดไว้ สำ�หรับเตรียมเครื่องดื่มให้แขก หากดูเหมือน...แม่สาวรุ่นน้องจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นัก เพราะเจ้า 90


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

หล่อนอดมองไปเบื้องหลังนายจ้างสาวอีกครั้งไม่ได้ และครั้งนี้นอกจากหน้าแดง แล้ว หล่อนยังร้อนผ่าวไปหมดทั้งใบหน้าด้วย เกรซี่แทบจะกลั้นเสียงครางในลำ�คอไม่ได้ ขณะกระตุกมืออีกฝ่าย “เอลิส....อย่ายุ่งกับเขา” ต้องใช้เวลาอยู่ครู่ เอลิสถึงกะพริบตาปริบๆ “ทำ�ไมคะ” เกรซี่ถอนหายใจเฮือก และจูงอีกฝ่ายให้เดินเร็วขึ้น เมื่อเห็นว่าจูเลียน่า ตัดสินใจหันไปเผชิญหน้า ‘แขก’ ของหล่อนในที่สุด “ไฮ” คนเบื้องหน้าหล่อนกล่าวคำ�ทักทายสั้นๆ ด้วยร่างที่สูงใหญ่....จนแทบจะข่มจูเลียน่าได้ ทั้งที่หล่อนสูงถึง 6 ฟุตก ว่าๆ บ่งชัดว่าเขามีความแข็งแกร่งของบุรุษเพศอย่างเต็มตัวและ...มากล้น ทว่าเมื่อ หล่อนช้อนสายตาขึ้นมองผ่านวงหน้านั้น สิ่งแรกที่กระทบสายตากลับเป็นรอยยิ้ม กว้างเยี่ยงเด็กๆ ราวกับเขาเป็นเด็กหนุ่มอยู่ตลอดกาล และจูเลียน่าเกลียดสิ่งนั้นที่สุด แต่ดูเหมือนมันจะยังไม่เพียงพอ.... เพราะอีกฝ่ายคล้ายจะย้ำ�ความเป็น เด็กหนุ่มของตนเองด้วยเสื้อยืด.....ที่เขียนอักษรสะท้อนแสงไว้ และทับด้วยแจ็คเก็ต แบบหนุ่มนักบิดอีกชั้นหนึ่ง หนำ�ซ้ำ�เขายังสวมแว่นดำ�ที่ขาเพ้นท์ลายสีเจ็บไม่แพ้กันอีกต่างหาก งี่เง่า หล่อนคิดในใจ ขณะที่สูดลมหายใจลึก เรียกความเยือกเย็นให้กลับคืนมา “ทีส.....” หล่อนแผดเสียงเรียก รปภ.ของสำ�นักงานเสียงแหลม “เรามีแขก ไม่ได้รับเชิญ คุณช่วยลากตัวเขาออกไปด้วย” “ผมไม่ใช่แขก” เขาค้าน ยกมือขึ้นกอดอก เอียงศีรษะเล็กน้อยทำ�ให้แว่นตา เลื่อนลงมาและเผยให้เห็นดวงตาสีเงินคมกริบของเขา จูเลียน่าแทบจะสูดลมหายใจอีกครั้ง เมื่อเผลอจ้องมองดวงตาคู่นั้น...ที่เป็น อย่างเดียวที่จะบ่งบอกว่าเขาไม่ใช่แค่เด็กหนุ่มอย่างที่เขาชอบทำ� แต่เขาเป็น..... 91


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

“ผมเป็นสามีคุณต่างหาก” “อดีต” หล่อนแก้คำ�พูดเขาทันที “และเมื่อเราเลิกกัน เราต่างก็เป็นเพียงคน แปลกหน้ากัน เพราะอย่างนั้น....ใช่ คุณอาจจะพูดถูก คุณไม่ใช่แขก” หล่อนยกมือขึ้นกอดอก และเชิดหน้าขึ้น “แต่เป็นผู้บุรุก ทีส” หล่อนหันขวับไป เรียกเสียงหนัก ทำ�ให้รปภ.ร่างใหญ่ ราวนักฟุตบอลค่อยชะโงกหน้ามาอย่างกล้าๆกลัวๆ ....นี่คนในสำ�นักงานของหล่อนพร้อมใจกันหนีไปหลบภัยและทิ้งหล่อนไว้ ให้เผชิญกับเขาหรือไง ! “จับเขาโยนออกไปซะ” สีเลือดหายไปจากใบหน้าของคนรับคำ�สั่งที่แทบไม่แม้แต่จะกล้าหายใจ เมื่อได้ยินประโยคนั้น “โอ๊ย ไม่เอาน่า” เขายกมือขึ้นคล้ายเป็นสัญญาณยอมแพ้ “ข้างนอกมัน หนาวออกอย่างนั้น แล้วคุณจะใจร้ายให้คนจับผมโยนออกไปอีกเรอะ ?” ถ้อยคำ�ของเขาคล้ายบ่น แต่บนริมฝีปากและแววตากลับแต่งแต้มรอยยิ้ม อ่อนๆ ที่ชวนให้หัวใจละลาย และส่งรอยยิ้มตอบให้เขาได้ไม่ยาก ถ้าย้อนเวลากลับไปได้สักเป็นพันปีล่ะก็นะ.... หากเมื่อเป็นเวลานี้.. รอยยิ้มที่จูเลียน่ามอบให้เขาจึงมีแต่ความเหี้ยม เกรียม “ถ้าใจร้ายล่ะก็ ฉันไม่แค่โยนออกไปแน่” เขาถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนสืบเท้าเข้ามาใกล้หนึ่งก้าว “ถอยออกไป” จูเลียน่าถอยหลังสองก้าวแทบจะทันที ชายหนุ่มดึงแว่นตาดำ�ออก เหน็บไว้ที่กระเป๋าเสื้อ ให้จูเลียน่าหรี่ตาลงเล็ก น้อยเกือบจะคลายความระมัดระวังลง.... และพริบตานั้นเอง เขาก็มายืนอยู่ตรงหน้าหล่อน มือของจูเลียน่าขยับ แต่ก่อนที่จะได้ทำ�อะไร นัยน์ตาสีเงินคมกล้าเบื้อง หน้าก็สะกดหล่อนไว้พร้อมๆกับคำ�พูด “ถาม....เบรน... เรื่องคนของคุณที่ถูกจู่โจม แล้วเดี๋ยวเราค่อยคุยกันอีกที” 92


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

“ทำ�ไม...” หล่อนถามกลับเสียงกระซิบ ลืมสังเกตว่าอีกฝ่ายเคลื่อนใบหน้า มาใกล้แค่ไหน และจมูกโด่งนั้นแทบจะอยู่ชิดกับปลายจมูกหล่อนอยู่รอมร่อ “มัน เกิดอะไรขึ้นกันแน่” “ไม่ต้องกังวล” เขากระซิบเสียงแผ่ว “ทุกอย่างจะเรียบร้อย” และก่อนที่หล่อนจะรู้ตัว ปลายจมูกโด่งนั้นก็แตะปลายจมูกหล่อนอย่าง แผ่วเบา ก่อนที่ปลายนิ้วเรียวสวยแต่แข็งแรงจะลากผ่านพวงแก้มของหล่อน คล้าย นำ�ทางให้เขาประทับริมฝีปากตาม จูเลียน่าเบิกตากว้าง หากก่อนที่หล่อนจะทันทำ�อะไรได้ ร่างสูงก็ขยับถอย ห่าง เผยรอยยิ้มของผู้ชนะ ก่อนสวมแว่นตาดำ�กลับเข้าที่และเอ่ยส่งท้าย “แล้วเจอกันหลังคุณเสร็จธุระ ที่รัก” กล่าวจบ เขาก็หันหลังเดินออกไปอย่างรวดเร็ว....เร็วจนมีแต่เสียงกระทบ กันของแจกันที่อยู่ใกล้มือจูเลียน่าที่สุด กับประตูที่ถูกปิดส่งท้ายราวกับคำ�อำ�ลา พร้อมเสียงหัวเราะอารมณ์ดีที่ยังกังวานในบรรยากาศ “ไอ้สารเลว !” หนนี้หล่อนสบถเสียงดัง “ใครหน้าไหนกล้าปล่อยให้เข้ามา ในสำ�นักงานของฉันกัน ใคร !” --โปรดติดตามต่อฉบับถัดไป--

93


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

94


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

95


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

ปลายราชวงศ์สุย หลังกรำ�ศึกสงครามครั้งใหญ่เมื่อหลายปีก่อน มาบัดนี้ จักรพรรดิสุยหยางตี้กำ�ลังตระเตรียมไพร่พล หมายจะพิชิตดินแดนอีกครั้ง.... หลี่ซี.....เป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ความใฝ่ฝันมีเพียงได้เข้ารับราชการ ไต่ เต้าสูงสุดเป็นเพียงนายอำ�เภอให้บิดามารดาผู้เป็นคนค้าขายมาตลอดได้ภาคภูมิใจ หากแม้แต่ฝันเพียงเล็กน้อยนี้กลับไม่อาจเป็นจริงได้ เมื่อคำ�ประกาศของทางการ ชัดเจนให้ไปเป็นทหาร.... สงครามครั้งก่อน พี่ชายของหลี่ซีเข้าร่วมเช่นกัน และไม่ได้กลับมา บิดาของหลี่ซีไม่อาจสูญเสียลูกชายอีกคนได้ จึงตัดใจให้หลี่ซีลาออกจาก สถานศึกษา เดินทางพร้อมกองคาราวานคนรู้จักออกนอกด่าน.... พ้นแผ่นดินจง หยวน สู่ชนเผ่าทุ่งกว้างต่างๆ หมายให้รักษาชีวิต ค้าขายอยู่ที่นั่น พ้นช่วงเวลาแห่ง สงครามแล้วค่อยกลับมาทำ�มาหากินกตัญญูบิดามารดา แม้ใจหนึ่งไม่เต็มใจ เพราะลูกผู้ชายย่อมหมายกระตือรือร้นได้แสดง 96


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

ฝีมือ.... แต่คำ�ขอบิดา และคำ�ให้แง่คิดของน้าชายทำ�ให้หลี่ซียินยอมออกเดินทาง ตามบิดาปรารถนา.... ก่อนออกเดินทาง.... หลี่ซีขึ้นภูเขา พลาดพลั้งสังหารสุนัขป่าตายหนึ่ง ตัว ก่อนค่อยพบว่าที่แท้มันเป็นหมาป่าแม่ลูกอ่อน ตอนนั้นเป็นปลายฤดูใบไม้ร่วง ...เล่ากันว่าสัตว์ที่เกิดช่วงนี้มักไม่รอด เพราะมันไม่สามารถเติบโตแข็งแรงได้ทันรับ ฤดูหนาวที่จะมาเยือนได้ หากหลี่ซีกลับชอบเจ้าหมาป่าสีเงินตัวเล็กนี้ แม้ผู้คนหลายคนจะทำ�นายว่า มันไม่รอด หรือไม่อาจอยู่ต่อ ก็ยังดื้อรั้น ตั้งชื่อให้มันว่า “กานหลอ” อันเป็นชื่อของ มหาเสนาบดีในยุคฉิน เป็นคนโชคดีที่ยากจะพานพบ...เพื่อหวังให้มันเป็นดังชื่อ และจากนั้น.... คนกับสุนัขป่าก็ออกเดินทางไปนอกด่าน...... ไม่มีใครคิด แม้ตัวมันเองก็ไม่เคยคิด ว่าเส้นทางของมันจะยาวไกลเป็นยิ่ง กว่า “พ่อค้า” เป็นยิ่งกว่า “ฟู่หลี” ....องครักษ์ของ “หมาป่าเงิน กานหลอ” ผู้เป็นดั่ง เทพเจ้าของชนชาวนอกด่าน เป็นยิ่งกว่า...แม่ทัพใหญ่ผู้เกรียงไกร..... เป็นยิ่งกว่า....ที่มันคาดไว้มากมายนัก..... ------จบส่วนแนะนำ�เรื่อง-----ก่อนอื่น ต้องขอกล่าวเตือนท่านผู้ที่คิดจะหยิบหนังสือชุดนี้ไว้ก่อนสอง ประการคือ... หนึ่ง....หากท่านปรารถนาจะอ่านเรื่องราวของสุดยอดเคล็ดวิชาในตำ�นาน เสียงปะทะหมัดเท้า กับกำ�ลังภายในอันสุดแสนพิสดาร ท่านจะไม่พบเห็นในเรื่องนี้ สอง....นิยายเรื่องนี้เป็นหนึ่งใน “ไตรภาค” ของชุด แต่ถึงอย่างนั้น ก็เป็น เรื่องที่มีตัวเอกคนละตัวกัน สามารถอ่านแยกกันได้ แต่หากอ่านครบถ้วนทั้งหมด แล้ว ก็จะเป็นการดีสำ�หรับท่านเอง 97


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

เช่นนั้นแล้ว นิยายเรื่องนี้มีอะไรดี ? ต้องบอกว่า....หากเป็นยุทธการ หรือแผนการรบอันแยบคายลึกล้ำ�....เรื่อง นี้นับว่าพอมีให้อ่าน แต่จะจุใจหรือเปล่าแล้วแต่คนไป แต่ถ้าถามถึง “ความสนุก” โดยส่วนตัวแล้ว....ให้เต็มค่ะ !!! (ขออนุญาต เปลี่ยนสำ�นวนการรีวิว...เพื่ออรรถรสที่บันเทิงกว่า...) ยุทธการล่าบัลลังก์ (หรือชื่อภาษาจีนว่า กลียุคราชวงศ์สุย) เป็นนิยายที่ ดำ�เนินเรื่องใน...สมัยอย่างที่บอกไปค่ะ เราสะดุดตา และชอบเรื่องนี้ตั้งแต่อ่านเจอ ความฝันของพระเอกแล้ว ว่าขนาดอยากสร้างชื่อเสียงนะนี่ ยศสูงสุดที่ใฝ่ฝันไว้ว่า จะได้ยังเป็นแค่นายอำ�เภอ ! (แต่สมัยก่อนมันก็ไม่เล็กล่ะนะ...) กับสิ่งหนึ่งที่ทำ�ให้ติดเรื่องนี้งอมแงมคือตัวพระเอก....หลี่ซีค่ะ เขาไม่ใช่ คนฉลาดหลักแหลม โดนคนรอบข้างหลอกใช้ด้วยซ้ำ�ในบางครั้ง (ตรงนี้ชอบ ที่คนเขียนดำ�เนินเรื่องให้เรารู้สึกไปพร้อมพระเอกมาก เพราะมีตัวละครหนึ่ง ตอน ที่เขากับพระเอกโดนตามล่า หมอนั่นบอกให้พระเอกหนีไป แล้วแทงสะโพกม้า พระเอกให้โผนขึ้น ตัวเองโดดลง พระเอกคิดว่าหมอนั่นเสียสละตัวเอง แต่คนอื่น บอกพระเอกว่า ระหว่างคนที่ควบม้าหนีโดดเด่นตอนกลางคืน กับคนที่พรางกาย หนีไปคนเดียว คนไหนกันแน่เอาตัวรอดได้ง่ายกว่ากัน ....พระเอกได้แต่นิ่งอึ้ง แต่ใจ บอกปัดว่าพี่น้องกันคงไม่ทรยศ....เขาเขียนให้เราสับสนไปพร้อมพระเอกได้จริงๆ ค่ะ !) เรื่องวิชาพลังฝีมือ หลี่ซีไม่ใช่อัจฉริยะแต่เกิดค่ะ จนดำ�เนินเรื่องไป...ก็ยัง ไม่ใช่อยู่ดี แต่หลี่ซีฝึกหนักมาก เขามีเป้าหมายของตัวเอง มีสิ่งที่ตั้งมั่นไว้ในตัวแล้ว จะพยายาม ที่สำ�คัญคือ....ไม่ว่าจะตกไปอยู่ในฐานะไหน หลี่ซีจะไม่ “เสีย” ตัว เองไปเด็ดขาดค่ะ เขายังมีความเป็นเขา ยังมีตัวตนของตัวเอง แม้จะถูกเรียก ถูก เปลี่ยนสถานะ.... จุดเด่นที่ชอบมากอีกอย่างของเรื่องก็คือ แอบรู้สึกนิดๆว่า....ชะตาชีวิตเล่น ตลกกับหลี่ซีที่สุด เพราะในช่วงเวลาที่เขารุ่งเรืองที่สุด ไม่ใช่แค่เขา แต่ตอนนั้นคน อ่านก็ยินดีและมีความสุข 98


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

จังหวะนั้นแหละ ที่มี “อะไรบางอย่าง” ทำ�ให้ชีวิตของหลี่ซีต้องเลือก....และ เขามักจะเลือกทางที่ตัวเองเจ็บตัวอยู่บ่อยครั้ง แต่ทางที่หลี่ซีเลือก เมื่อเดินไปพร้อมกับเขา บางทีเราก็ยอมรับ....ว่าอดีต เราต้องสูญเสีย สิ่งที่เราได้คืนมาจะไม่เหมือนเดิม อาจจะไม่มีวันเหมือน เดิม แต่ตราบใดที่เรายังเดินต่อไป ตราบนั้น....เราก็มีสิทธิ์พบบางสิ่งบาง อย่างเสมอ บางอย่างที่แม้ไม่อาจลบเลือนรอยแผลเก่า แต่ก็ปลอบประโลมจน เราไม่เจ็บกับแผลเก่า และมองด้วยความรู้สึกที่แม้จะเศร้า แต่ก็หัวเราะได้ เมื่อนึกถึง ถึงอย่างนั้น ทั้งสุขและทุกข์ก็ยังถาโถมเข้ามา และจะผ่านไปอยู่ดี.... เผลอพูดถึงแง่คิดเพลินไปหน่อย จริงๆจุดที่ชอบในนิยายนี้มีเยอะมากค่ะ หลักๆก็คือคาแรคเตอร์ตัวละครเหมือนพระเอกนี่แหละ ยิ่งบางตัวยิ่งประทับใจมาก เช่น สุยหยางตี้ฮ่องเต้... ปกติไปอยู่เรื่องไหนก็กลายเป็นตัวร้ายสุดกู่ มัวเมา ในอำ�นาจ ลุ่มหลงผู้หญิง กิจการงานบ้านเมืองไม่ยักใส่ใจจะทำ� อะไรทำ�นองนี้ แต่สุยหยางตี้เรื่องนี้.... คนเขียนตั้งคำ�ถามให้คนอ่านพร้อมกับพระเอก ว่า... ทำ�ไมกัน ทำ�ไมกษัตริย์ที่เคยเกรียงไกรขนาดรวบรวมแผ่นดินเป็นปึกแผ่นได้ ตั้งแต่ยังไม่ยี่สิบ (อายุไม่แม่นนะคะ) เหตุใด บั้นปลายถึงมีคนทักท้วงมากขนาดนี้ พระองค์เป็นกษัตริย์ผู้เกรียงไกรจริงๆไม่ใช่หรือ ? คำ�ถามนี้ทำ�ให้เราอุทานว่า เออแฮะ ! ก็จริงนะ และคนเขียนก็ค่อยๆใส่มุม มองต่างๆ ใส่ชีวิตจิตใจให้กับฮ่องเต้องค์นี้ จนสุดท้ายแม้เราจะไม่อาจชื่นชมได้เต็ม ปาก แต่ก็ไม่อาจก่นด่าได้ คงทำ�ได้เพียงถอนหายใจให้จริงๆค่ะ ถ้าจะให้สรุปแนวเรื่องนี้....ขอบอกว่าสรุปยากค่ะ แค่ตัดว่าไม่ใช่แนวกำ�ลัง ภายในพิสดารออกหนึ่งอย่าง แต่ก็ยังอยู่ในโทนเรื่องแนวสงคราม(อันนี้เยอะ)...ชิง บัลลังก์จะยังไม่ค่อยมีให้เห็น (หมายถึงแบบเล่ห์กลการเมืองนะคะ) ที่สำ�คัญ....มัน ดราม่าค่ะ ! เขาเขียนให้เรารู้สึกถึงสงครามได้ดีมากๆเลย ว่าสงครามไม่ได้เป็นเรื่อง ที่แค่ว่าใครเก่งกว่าใคร ใครสามารถวางแผนการรบแยบยลแล้วจะได้ชัย มีปัจจัย 99


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

หลายๆอย่าง มีเรื่องราวบางประการที่น่าเศร้ามาก จิ่วถูซึ่งเป็นผู้เขียน เขียนเสียจน บางครั้ง เราที่เป็นคนอ่านแทบรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือดที่อยู่ตรงปลายจมูก กับความ เศร้าโศกที่มาพร้อมควันไฟของสงครามได้ ตรงนี้ชื่นชมค่ะ ดังนั้น สำ�หรับคนที่อ่านนิยายแนวนี้อยู่แล้ว เชียร์เลยค่ะ เรื่องนี้ เราไม่ได้ สนุกขนาดนี้ตั้งแต่ตอนหยิบ “มังกรคู่สู้สิบทิศ” (ซึ่งบังเอิญว่าเป็นเรื่องที่เกิดในยุค สมัยเดียวกันอีกตะหาก) มาอ่านครั้งแรกแล้วค่ะ แต่อย่าถามนะคะ ว่าเรื่องไหน สนุกกว่า เราจัดให้คนละแนวค่ะ เพราะว่ามังกรคู่ฯยังมีเรื่องราวยุทธจักรและเคล็ด วิชาด้วย แต่เรื่องนี้ไม่มีค่ะ หยิบมาอ่าน แล้วท่านจะเข้าใจเรื่องราวโลกหล้า เมื่อครั้ง “กลียุค” มาก ขึ้น.... และท่านจะเข้าใจว่า ทวงถามกระถาง ตามล่าหากวาง (----หมายถึงเอาใจ ออกห่าง คิดครองแผ่นดิน) ที่แท้แล้ว บางทีเราอาจไม่ได้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่กระทำ�การ นั้น แต่....เราใช่เป็นกวางหรือไม่ ? เป็นกวางที่โดนผู้อื่นไล่ล่า ม้วนพัดเข้าไปใน ความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย แทบไม่อาจฝ่าฝืนต่อความโหดร้ายของโลก ทำ�ได้ เพียงปกป้องตัวเองและคนที่รัก ทั้งประคับประคองคุณธรรมในใจไว้ไม่ให้สูญเสีย ไป เราไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่....แต่เรากลับ...เป็นเฉกเช่นกวางตัวหนึ่ง ที่เพียงวิ่งอยู่ ใต้หล้า ไม่ใส่ใจว่าจะตายด้วยน้ำ�มือผู้ใด ไม่ปรารถนาว่าบางผู้จะได้กวาง(ครอง แผ่นดิน) แต่เพียงหวังว่าสามารถ “มีชีวิต” อยู่ภายใต้ท้องฟ้าแห่งนี้....พร้อมคนที่รัก และคุณธรรมประจำ�ใจ หวังเพียงแค่นั้น. -----ขอขอบพระคุณ จิ่วถู ผู้เขียนเรื่องนี้ ที่มอบแง่คิดในตอนท้ายของบท รีวิวแก่ผู้เขียนมา ณ ที่นี้ค่ะ----100


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

101


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

102


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

103


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

104


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

105


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

106


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

107


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

108


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

109


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

110


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

111


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

112


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

113


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

114


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

115


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

Prince(ss?) ‘s Story - เจ้าหญิงขอรับ เจ้าชายเจ้าขา Intro ตามขนบ--ที่แปลได้ว่าแบบอย่าง หรือแบบแผนแล้ว--- นิทานส่วนมากจะเริ่ม ขึ้นด้วยคำ�ว่า “กาลครั้งหนึ่ง” อันมีความหมายทำ�นองว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในเวลาใด เวลาหนึ่งที่นานมาแล้วเสมอ แต่นิทานหรือเรื่องบางเรื่องก็เกิดขึ้นในเวลาไม่นานมานัก บางเรื่องก็เป็น เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นอย่างสดๆร้อนๆ อย่างเช่น.... หนังสือเล่มหนึ่ง เรื่องนี้เริ่มขึ้นที่หนังสือเล่มหนาเล่มหนึ่งที่ลอยขึ้น ถึงแม้ว่า ตัวมันจะเป็นเพียงหนังสือธรรมดา หน้าตาบ้านๆ หาพบได้ตามร้านหนังสือทั่วไปของ อาณาจักร แต่มันก็ยังสามารถลอยขึ้นได้ ถ้ามีมือหนึ่งหยิบมันขึ้นมาและออกเรี่ยวแรงปา มันออกไป และถ้าผู้ปามีสายตายอดเยี่ยมแม้อายุจะเกือบครึ่งร้อยเข้าไปแล้ว ผลลัพธ์ที่ ตามมานั้นยิ่งเป็นสิ่งน่าดูชมมาก เพราะหนังสือที่ลอยขึ้น จะพุ่งเข้าชนเป้าหมาย อัน ได้แก่ศีรษะทุยๆของร่างที่นั่งขัดสมาธิสัปหงกพลาง กรนคร่อกไปพลางอย่างไม่เกรงใจ สถานที่เข้าเต็มแรง เป็นการเปิดเรื่องที่งดงาม ขณะเดียวกันก็น่าหวาดเสียวว่าตัวเอกของเรื่องจะคอ หักตายก่อนหรือไม่อยู่บ้างเหมือนกัน ? “โอ๊ย” อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าตัวเอกของเรื่องนี้ยังสามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้ โดยมี เสียงร้องกับมือที่ยกขึ้นมาคลำ�หัวตัวเองป้อยๆเป็นหลักฐานยืนยัน ดังนั้นแล้ว ขอต้อนรับทุกท่านสู่เรื่องราวแฟนตาซีเรื่องใหม่ โดยเริ่มประเดิม ความแฟนตาซีอันดับแรก กับตัวเอกที่โดนหนังสือหนาพอๆกับหนังสือพ่อมดน้อยชื่อดัง ภาค 7 โยนใส่หัวแล้วไม่ตาย ณ บัดนี้..... “เอล!” เจ้าของวิชาปาหนังสือ(หมายจะ)สังหาร ทั้งยังเป็นเจ้าของเสียงทุ้มที่ เรียกชื่อเหยื่อซึ่งยังไม่ตายส่งเสียงตวาด พร้อมกันนั้นก็ได้เปิดตัวตัวเองอย่างโดดเด่นไม่ 116


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

แพ้กันด้วยเส้นเลือดที่ขมับ ที่ผุดขึ้นมาอีก 3 เส้น “เจ้ารู้บ้างไหมว่าที่นี่มันที่ไหน!” ยังไม่มีคำ�ตอบ เมื่อร่างบางติดจะเก้งก้างของเจ้าของนามลุกขึ้นบิดกายเมื่อย ขบ มือหนึ่งก็เสยผมยุ่งๆของตนให้มันพ้นหน้าและไม่เป็นทรงเข้าไปอีก แต่กลับเปิดเผย ให้เห็นนัยน์ตาสีทองแวววับราวนัยน์ตาของแมว จมูกโด่งเชิดๆการันตียี่ห้อความรั้น ปาก บางเฉียบที่ช่วยเสริมความน่าดูที่มันควรจะมากกว่านี้ถ้าไม่ใช่จะมีคราบโคลนกระจาย ตัวอย่างเป็นศิลปะบนวงหน้านั้น เป็นวงหน้าที่มีเค้าลางเดียวกันกับเจ้าของเสียงก่อนหน้านี้ อย่างที่ถ้าเป็นคนตา ไม่บอดสักอย่าง ต้องบอกได้ว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์บางอย่างกันแน่นอน ขณะเดียวกันไหล่บางที่ซ่อนอยู่ในชุดสีดำ�ก็ยักขึ้นน้อยๆ เรียกเส้นเลือดของผู้ เฝ้ามองให้เต้นจังหวะเร็วกว่าเดิมกับคำ�ตอบ “เห็นๆอยู่ว่าในวัง หรือท่านพ่อเห็นว่าเป็นกลางทุ่งนา ?” ท่านพ่อที่ถูกเปิดเผยความสัมพันธ์ (ซึ่งก็ไม่ได้เป็นความลับอะไรมากมาย) หรือ ราชาเอลานอสแห่งอาณาจักรอีไลเชียผู้นั่งบนบัลลังก์ตัวใหญ่จ้องมองรัชทายาทคนเดียว ด้วยนัยน์ตาวาวโรจน์สีทองพิมพ์เดียวกันไม่ผิดเพี้ยน แม้วัยจะล่วงเลยตัวเลข 40 จนจะ เข้า 50 อยู่รอมร่อ หากราชาเอลานอสผู้ไม่ยอมให้ราชเลขาเผยแพร่อายุจริงของตนเอง ออกไป ก็ยังจัดเป็นหนุ่มรูปงามที่ดูภายนอกเหมือนเพิ่งอยู่ในวัยเพียง30 ต้นๆ อยู่ จะเว้นก็แต่เส้นผมสีน้ำ�เงินเข้ม ที่เริ่มจะมีสีขาวกะปริบกะปรอยให้ถอนบ้างแล้ว ซึ่งสาเหตุของริ้วรอยแห่งวัยส่วนนี้ ก็ไม่ได้มาจากใครอื่น นอกจากเจ้าทายาทที่ยืนบิดซ้าย บิดขวาอยู่เบื้องหน้าเขานี่แหละ ! “ถ้านี่คือในวังเจ้าพอจะรู้ไหมว่าเป็นส่วนไหนของวัง ห๊า เอล” ราชาหนุ่มที่เจ้า ตัวยืนยันว่าให้เติมคำ�ว่าน้อยต่อท้ายเสมอ เอ่ยถามทายาทด้วยน้ำ�เสียงที่บอกให้รู้ว่า ความอดทนของตนกำ�ลังละลายหายไปทุกทีๆ และเนื่องจากเอลที่ถูกถามเป็นลูกบังเกิดเกล้าดีเด่นที่ไม่มีใครในอาณาจักรนี้ เสมอเหมือน ดังนั้น เอลจึงยิ้มแฉ่ง และกล่าวคำ�พูดทำ�ลายความอดทนเส้นสุดท้ายของ พระราชาแห่งอาณาจักร ด้วยคำ�ตอบว่า “ท้องพระโรงไง ท่านพ่อ ไม่ใช่ห้องอีหนูของท่านหรอก” 117


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

ฉากตื่นเต้นสุดอลังการงานสร้างของนิทานได้เกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะคราวนี้ที่ถูก ปามาไม่ใช่หนังสือ แต่เป็นถ้วยน้ำ�ชาบำ�รุงสุขภาพและความเยาว์วัยบนโต๊ะข้างตัวพระ ราชา ได้ลอยหวืดมาแทน แต่ในเมื่อนัยน์ตาสีทองใสแจ๋วแบบเดียวกับผู้เป็นบิดายังเปิด อยู่ มีหรือที่เอลจะยอมเอาตัวเองเป็นเป้ารับอีกรอบ ต่อให้ถ้วยน้ำ�ชานั้นแพงแค่ไหนก็ตาม “เย็นไว้ท่านพ่อ” กระแสเสียงของเอลเริ่มเปลี่ยนเป็นรอมชอม เมื่อเล็งเห็นแล้ว ว่าเส้นเลือดบนขมับราชาหนุ่มขึ้นมากกว่าสามเส้น แถมเต้นตุบๆด้วยอัตราความเร็วที่น่า กลัว “สูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนนะ ข้าไม่อยากขึ้นชื่อว่าทำ�ปิตุฆาตพ่อตัวเองหรอก” “เอล!” เสียงตะโกนอีกคำ�รบ อย่างที่บอกให้รู้ว่าคำ�รอมชอมมันได้ผลตรงกัน ข้าม “ไอ้ลูก.....” คำ�ด่ายาวเหยียดจรดจ่ออยู่บนริมฝีปาก ถ้าไม่ใช่ลูกจอมกะล่อนที่ถูกเรียกจะ พลิกแพลงเปลี่ยนเรื่องอย่างว่องไว “ท่านพ่อเรียกข้ามา คงไม่ใช่มาทดสอบหลอดเสียงบ่นข้าอย่างเดียวหรอกใช่ ไหม?” ประโยคที่ช่วยเตือนความจำ�ทำ�ให้พระราชาหยุดปาก เปลี่ยนเป็นเอื้อมมือหนา ไปรินชาใส่ถ้วยใบใหม่แทนของเก่าที่เพิ่งถูกทำ�ลายไปกับมือเมื่อครู่ ยกขึ้นจิบหนึ่งอึก ก่อนเรียกชื่อทายาทเสียงหนัก “เอล” “ขอรับท่านพ่อ” เสียงขานรับราบเรียบจริงจัง เอลานอสยิ้มอ่อนโยนให้กับเลือดเนื้อเชื้อไข ก่อนเอ่ยถามเสียงดังฟังชัด กังวาน ไปถึงขั้วหัวใจคนฟัง “เมื่อวานตอนเย็นไปจนถึงเกือบเที่ยงคืน เจ้าหายหัวไปไหนมา ไม่ได้อยู่ในวังใช่ ไหม” นัยน์ตาสีทองหรี่ลงอย่างระแวดระวังทัน ทีก่อนจะตอบด้วยน้ำ�เสียงที่พยายาม ให้ซื่อบริสุทธิ์ “ข้าไปอ่านหนังสือที่หอสมุด....” และนั่นเป็นความพยายามที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า 118


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

“โกหก!” เสียงสะเทือนเลือนลั่นท้องพระโรงกลับมาเป็นคำ�รบสอง “เมื่อเย็น จนถึงหัวค่ำ�เจ้าไปขลุกอยู่ที่บ่อนตลอด พอตกดึกหน่อยก็ตีปีกเริงร่าไปเที่ยวหอนางโลม คิดว่าข้าไม่รู้เรอะ!” แน่นอนว่าเอลต้องคิดว่าไม่ แต่เมื่ออีกฝ่ายรู้ สิ่งเดียวที่คิดออกก็มีแต่คำ�ว่า..... ซวย.... เอลได้แต่บ่นอุบในใจ เพราะเดาได้ไม่ยาก ว่าโดนเวทติดตามตัวของท่านพ่อที่ กินรัศมีทั่วเมืองหลวงสามารถตามหาตัวตนเองที่มีสายเลือดเดียวกันได้อย่างไม่ยากไม่ เย็น เล่นกลเข้าให้อีกแล้ว “ไม่เห็นเป็นไรเลยท่านพ่อ” ถึงกระนั้นเอลก็ยังเปลี่ยนสีหน้าเป็นลูกที่ดี เงยหน้า มายิ้มระรื่นได้ใหม่ในพริบตาถัดมาเมื่อเอ่ยรายงาน “ข้าเล่นเสียบ้างได้บ้าง แต่รวมๆแล้ว ก็ได้กำ�ไรมาหลายอยู่ ถึงครึ่งหนึ่งจะละลายหายไปกับเหล้าแล้วก็นางระบำ�หน้าใหม่ที่ตำ� หนักของเรซ่าก็เหอะ” ประโยคที่ได้ยินทั้งหมด ทำ�เอาองค์ราชาอยากจะหงายหลังตกบัลลังก์ยิ่งกว่า ตอนได้ยินว่าสมาคมนักเขียนในเมืองจัดลำ�ดับหนุ่มรูปงาม และไม่มีใครกล้าจัดลำ�ดับตัว เองลงไปเสียอีก ถึงกระนั้นด้วยศักดิ์ศรีของความเป็นพ่อ ก็ทำ�ให้ราชาเอลานอสตะกายกลับขึ้น มาใหม่อย่างรวดเร็ว ทั้งไม่ลืมตะเบ็งเสียงถาม “นี่เจ้าเที่ยวนางระบำ�อีกแล้วเรอะ เอล!” “แหงสิ ท่านพ่อ” คิ้วเรียวขมวดมุ่นน้อยๆกับความดังของคำ�ถาม แต่ยังบรรยาย สรรพคุณต่อ “ข้าถูกใจนางนะ เมื่อวานวางเงินไปครึ่งหนึ่ง วันนี้ว่าจะเอาไปให้อีกครึ่ง นางก็จะกลายเป็นสิทธิ์ขาดของข้า” “....ไปเลย” คราวนี้เสียงนั้นเบาลง แต่ไม่ได้เบาจนไม่ได้ยิน เพราะเค้นผ่าน ไรฟันขององค์ราชาที่เอลหูผึ่งมองไปที่บิดาอย่างไม่เชื่อสายตา “อะไรนะท่านพ่อ ท่านสนับสนุนให้ข้าไปเลยเรอะ” ปลายนิ้วแคะๆหูราวจะ ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้หูฝาด ก่อนขี้หูจะร่วงกราว และในหูจะลุกเต้นระบำ� เมื่อราชาเอลานอสแผดเสียงลั่น 119


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

พระราชวังแห่งอาณาจักรอีไลเชียน “ข้าให้เจ้าไปให้พ้นๆจากอาณาจักรข้าต่างหาก เอล ไอ้ลูกเวร! ข้าขอเนรเทศเจ้า ไม่ต้องกลับมาบ้านเลย !” <><><><><> ตามขนบ --- คำ�ที่มีความหมายดังอธิบายไปข้างบนแล้วนั้น เรื่องราวมักจะ สามารถเริ่มต้นหลังจากที่ตัวเอกได้ถูกโชคชะตา(?)บังคับให้ออกไปเผชิญเรื่องราวได้ ทันที ในกรณีที่มีตัวเอกเพียงหนึ่งคน.... แต่สำ�หรับเรื่องที่มีตัวเอกมากกว่าหนึ่งคนนั้น ถ้าหากมีการเปิดตัวละครอีกตัว ช้าเกินไป โชคชะตาของตัวละครที่ออกมาทีหลังจะน่าเป็นห่วงมาก เพราะจะมีสิทธิ์กลาย เป็นศัตรูหรือไม่ก็ลาสบอส---ผู้ร้ายสุดท้ายของเรื่องได้ ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงโชคชะตาดังกล่าว เรื่องนี้จึงขอเปิดตัวตัวละครสำ�คัญอีก ตัว.... “เบล” นั่นเป็นชื่อเรียกของร่างสูงโปร่ง ร่างที่กำ�ลังเงยวงหน้างดงามราวกับกุหลาบแรก แย้มในฤดูหนาวขึ้น ใช้ดวงตาสีเงินหม่นเศร้าคู่สวยจับจ้องไปยังดวงตาสีเดียวกัน และ เอ่ยปากเสียงอ่อน “ท่านพ่อ...ลูกไม่อยากจากท่านไป....” แต่ทว่าคำ�พูดนั้นไม่ได้ผล...เรียกได้ว่าเป็นความตลกของโชคชะตา หรือไม่ก็ อารมณ์ขันแบบร้ายๆอย่างแปลกๆ ของคนเขียนก็ได้ ที่เหตุการณ์กำ�ลังดำ�เนินไปซ้ำ�รอย เดียวกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เพราะผู้ที่อยู่บนบัลลังก์คือพระราชา และผู้ที่กำ�ลังอยู่เบื้องหน้าก็คือทายาท เพียงคนเดียวของราชาเช่นกัน เพียงแต่สถานที่เกิดเหตุ ได้ย้ายมาเป็นอาณาจักรที่ถูกเรียกว่าทาร์ทะรุสแทน... 120


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

นอกจากนี้ เหตุการณ์ที่ซ้ำ�รอยยังมีอีกว่า.... “พ่อออกปากไปแล้ว เบล...ไม่ว่าอย่างไร เจ้าก็ต้องออกไปเร่ร่อนพเนจรนอก อาณาจักร vย่ากลับมาจนกว่า....เจ้าจะทำ�ตามเงื่อนไขที่พ่อบอกได้” ในความเหมือนกันยังมีความแตกต่าง เพราะคราวนี้ผู้เป็นพ่อที่ออกปากมีน้ำ� เสียงลำ�บากใจอยู่ไม่น้อย แต่ถึงกระนั้น องค์ราชาแห่งอาณาจักรทาร์ทะรุสก็ยังสูดลม หายใจลึก และประกาศก้อง “ข้า ในฐานะราชาแห่งทาร์ทะรุส ขอเนรเทศรัชทายาท...ออกจากอาณาจักรและ ห้ามเหยียบผืนดินนี้จนกว่าจะมีคำ�สั่งเปลี่ยนแปลง !” แต่สุดท้ายแล้ว....ผลลัพธ์ก็ไม่แตกต่างอยู่ดี เพราะร่างโปร่งที่ยืนโงนเงนไปมา คล้ายจะเป็นลมได้ทุกเมื่อนั้นสะอื้นฮึก เงยนัยน์ตาคู่หวานขึ้นแล้วได้แต่เอ่ยเสียงแผ่วว่า “ลูก....รับบัญชา” ................. ......... .... และแล้ว.....เราก็มีตัวเอกสองตัวที่ถูกไล่ออกจากบ้าน เป็นเจ้าหญิงเจ้าชายของ อาณาจักรทั้งคู่เสียด้วย เมื่อทั้งคู่ออกเดินทาง ก็ถึงเวลาเริ่มเรื่องแล้ว เรื่องมีอยู่ว่า..... ------โปรดติดตามต่อฉบับหน้า-------

121


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

122


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

123


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

124


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

125


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

สวัสดีทุกท่าน ฉัน... Marchen Piper หรือเรียกสั้นๆอย่าง(พิมพ์ง่ายๆ) ว่า ไปบ์ ยินดีที่ได้รู้จัก และยินดีต้อนรับสู่ห้องน้อย (?) ที่แอบซุกซ่อนอยู่มุมหอภาพค่ะ ก่อนอื่น... ต้องออกตัวเลยว่าไปบ์ไม่ใช่คนที่วาดรูปเก่ง หรือวาดรูปฝีมือ ฉกาจพอที่จะสอนใครได้ ดังนั้น... ห้องขีดเขียนนี้ จึงเป็นเหมือนห้องที่มาพูดคุย แนะนาอะไรเล็กๆน้อยๆ (หรือไม่ก็บ่น ฮา...) ตามประสาคนที่ชื่นชอบการขีดๆ เขียนๆ ลากดินสอลากปากกา (หรืออุปกรณ์อื่น) ออกมาเป็นภาพมากกว่า ^ ^ คืออยากจะพูดสั้นๆว่า... เรามาวาดภาพสนุกๆไปพร้อมๆกันดีกว่า (เอ๋... อะไรใน ความหมายตอนแรกมันไม่ใช่อย่างนี้หรอกเหรอ เอาน่า อย่าคิดมาก...)

126


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

และเพื่อเป็นที่ระลึกในการพบกันครั้งแรก วันนี้ไปบ์จะขอนาเสนอ... อุปกรณ์หลักๆที่ใช้อยู่ในขณะนี้ เป็นการอุ่นเครื่อง(?) ก่อน เริ่มต้นจาก... ของจาเป็นสุดๆ ขาดไม่ได้ในการวาดเขียน อย่าง กระดาษ

127


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

กระดาษที่ไปบ์ใช้ร่างภาพนั้น ส่วนใหญ่จะเป็น A4 ธรรมดา (ความหนา ประมาณ 80 แกรม) ซึ่งจะใช้ดินสอในการร่างเส้น ส่วนการใช้งานอื่นนั้น ไปบ์เลือก ที่เน้นไปที่รูปแบบการใช้งานค่ะ อย่างถ้าต้องการใช้ลงหมึกหรือลงน้าหนัก ก็จะใช้ ระดับที่หนาขึ้นมาหน่อย (อยู่ราวๆ 100 -125 แกรม) แต่ถ้าเป็นการลงสีน้าหรือสี โปสเตอร์ จะใช้กระดาษสีน้า ซึ่งมีตั้งแต่กระดาษวาดเขียนธรรมดาทั่วไป ไปจนถึง กระดาษพิเศษที่มีความหนา 300 แกรม ...แต่เอาเข้าจริงๆ ไปบ์ก็ไม่ได้ฟิคตายตัวว่า กี่แกรมๆ ถึงใช้งานประเภท ไหนได้หรอกค่ะ (ฮา) โดยส่วนตัวแล้ว เป็นคนที่ชอบจับเนื้อกระดาษ ดังนั้นที่ดู 128


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

หลักๆจะเป็นตัวเนื้อเลย ว่าอุ้มน้าได้เท่าไร หมึกจะซึมไหม (เพราะกระดาษบาง ยี่ห้อ จ่าหน้าไว้ว่าแกรมน้อย แต่กลับลงหมึกลงสีน้าได้ไม่มีปัญหาก็มี) ดังนั้น ถ้าถามคาแนะนา ไปบ์คงตอบได้แค่ว่า ดูเนื้อค่ะดูเนื้อ (ฮา) ทดลอง ลงว่ากระดาษที่เอามานั้น ลงน้าได้ไหม ลงหมึกได้ในระดับไหน ติดผงคาร์บอน (ดินสอ) ดีหรือเปล่า มีลายพื้นที่เกิดจากเนื้อกระดาษไหม ลงหมึกแล้วจะซึมไป ตามเยื่อ จนทาให้เส้นไม่คมหรือเปล่า กระดาษทนแรงขูดขีดได้แค่ไหน (สาหรับลง ปากกาที่หัวมีความคมในระดับหนึ่ง อย่างปากกาคอแร้งหรืออะไรทานองนี้) ฯลฯ ค่ะ เรียกว่าเลือกกันให้ถูกใจไปเลย (ปล.ใครคิดว่ากระดาษไม่มีผล จากประสบการณ์แล้ว มีผลค่อนข้างมาก เลยค่ะ อย่างน้อยๆถ้ากระดาษทนแรงไม่ได้ เป็นขุยระหว่างตัดเส้น หรือหมึกซึมไป ตามเยื่อกระดาษแล้วแตกออกเป็นฝอยๆ เส้นก็จะไม่คมแน่ๆแหละ และถ้าลงหมึก กับกระดาษที่เนื้อบาง รับไม่ไหว มันก็ดูไม่จืดเหมือนกันเนอะ...)

129


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

ถัดจากกระดาษ... เป็นอุปกรณ์การร่างภาพ และวาดภาพที่ขาดไม่ได้ คือ ดินสอ ซึ่งดินสอที่อยู่ในกระเป๋าเครื่องเขียนไปบ์ตอนนี้ มีทั้งดินสอไม้และดินสอ กดค่ะ โดยส่วนใหญ่ในการร่างภาพ ไปบ์จะใช้ดินสอกดมากกว่า เพราะเส้นเล็ก และเฉียบมากกว่า (ไม่ต้องเหลาด้วย... ฮา) ส่วนดินสอไม้ ส่วนใหญ่จะใช้ในการลง เงา หรือปาดภาพที่เป็นภาพร่างลงแสงเงาคร่าวๆด้วยดินสอค่ะ จากในภาพจะเป็นว่าพกดินสอไม้แค่สามระดับ ส่วนดินสอกด... ไปบ์ใช้ ไส้สองระดับค่ะ คือ B ใช้สาหรับร่างที่ต้องการเส้นบาง ส่วน 4B ใช้สาหรับตัดเส้น หนัก สาหรับระดับไส้ดินสอ ไปบ์แนะนาว่าควรดูน้าหนักมือเป็นหลักค่ะ ซึ่ง ระดับความอ่อนไปหาเข้ม ก็ได้แก่ HB > B > 2B > 3B > 4B > 5B > 6B และ EE ตามลาดับค่ะ สาหรับบางคนที่มือหนัก ไส้ระดับ HB ก็กลายเป็นเส้นเข้มได้ เหมือนกัน (ส่วนระดับสูงกว่านั้นไม่ต้องพูดถึง) ส่วนคนที่มือเบา จะเลือกไส้ที่ระดับ ความเข้มสูงขึ้นก็ไม่เป็นไรค่ะ และนอกจากความเข้มแล้ว อีกเรื่องที่ควรนามาเป็นข้อการเลือกใช้ คือ แรงกดค่ะ ความเปราะบางของไส้ดินสอแต่ละระดับจะไม่เหมือนกัน ไส้ดินสอที่มี ความเข้มมากจะมีความอ่อนและเปราะบางสูงกว่าไส้ในระดับอ่อน (หรือก็คือไส้ ระดับ HB มีความแข็งสุดนั่นเอง) คนที่มือหนักถ้าไปใช้ไส้ที่อ่อนๆ จะหักบ่อยมาก ค่ะ (ถ้าเป็นดินสอกดนะ ดินสอไม้ยังพอทาเนา แต่ก็ขึ้นอยู่กับการเหลาอยู่ดี ว่าเรา เหลาให้แหลมแค่ไหน) ดังนั้น... เพื่อเป็นการประหยัดไส้ดินสอให้ใช้อย่างคุ้มค่า 130


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

ควรเลือกให้เหมาะกับแรงกดที่เราใช้ด้วยนะคะ (หรือไม่คาแนะนาต่อไป ฝึก น้าหนักมือเพิ่มเติมค่ะ)

ต่อไปเป็นเรื่องของเครื่องเขียนอีกตัวที่มีความสาคัญไม่แพ้ดินสอ นั่นก็คือ ปากกา 131


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

สาหรับปากกานี่ไปบ์มีเยอะหน่อย (ตามลักษณะการบ้าซื้อ) ขอแยกเป็น ประเภทหัวหลักๆแล้วกันนะคะ (เอาเข้ากล้องหมดคงไม่ไหว ฮา...) หลักๆที่ไปบ์ใช้ตัดเส้น จะเป็นปากกาหัว 0.1 , 0.3 และ 0.8 ที่เลือกโดดไป โดดมากอย่างนี้ เพราะแบ่งตามลักษณะการตัดเส้นค่ะ จุดที่ตัดละเอียด ไปบ์จะใช้ 0.1 เมื่อใช้เส้นหนาขึ้นมาจะใช้ 0.3 (แล้วก็ใช้เยอะที่สุดด้วย) ส่วนการตีเส้นหนา อย่างเช่นเส้นขอบ ไปบ์จะใช้ 0.8 ค่ะ ส่วนหัวพู่กันนั้น ส่วนใหญ่ไปบ์จะใช้ในการปาดเส้นที่ต้องการความอ่อน พลิ้ว หรือลักษณะของเส้นพู่กันค่ะ (ถ้าซูมภาพดีๆจะเห็นร่องรอยการผ่านศึกมา อย่างโชกโชน ฮา...) และด้ามล่างสุด เป็นปากกาที่มีหัวแบบเดียวกับปากกาคอ แร้ง (มันก็คือคอแร้งอ่ะนะ เป็นแบบที่มีหมึกในตัว ไม่ต้องมานั่งจุ่มหมึก) ไปบ์ เอาไว้สาหรัยเส้นละเอียดมากๆค่ะ หรือไม่ก็ซอยเส้นถี่ๆ ถ้าถามว่าเลือกปากกายังไง... อันนี้ไปบ์ก็แนะนาไม่ถูกเหมือนกันค่ะ มันก็ เหมือนกับกระดาษนั่นแหละคะ แต่ต่างกันที่ไม่ได้ดูที่เนื้อ ต้องมาดูที่เส้น (?) เลือกปากกาให้ถูกใจ ต้องดูที่เส้นค่ะ หัวขนาดเดียวกับ ต่างยี่ห้อยังไม่ เหมือนกันเลย ความแข็งแรง ความทนทานก็ต่างกัน บางทีกดแค่นิดเดียวหัวผลุบ หายเข้าไปแล้ว ในขณะที่อีกเจ้ากดด้วยระดับเดียวกันยังไม่เป็นอะไรเลย นอกจากนี้ยังมีเรื่องความเข้ม บางเจ้าเข้มจนไม่ต้องตัดซ้า ในขณะที่บางเจ้าต้อง วกมาตัดซ้าอีกรอบก็มี (ส่วนอันนี้ถ้ามีเวลาจะมารีวิวละเอียดให้ค่ะ) ดังนั้นลองลากดูเถอะค่ะ ว่าถูกใจเส้นแบบไหน แบบไหนเหมาะกับตัวเอง

132


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

หรือว่าบางที... ถ้าไม่คิดอะไรมาก ลองเล่นของเล็กๆไปก่อนก็ได้ อย่าง ปากกาสีน้า (หรือที่รู้จักดีว่าปากกาเมจิก) ก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว (ถ้าไม่ติดว่ามัน ไม่กันน้า...) เหมาะต่อการลองมือ (และราคามันย่อมเยาน่าคบดี ฮา) เมื่อสักสองปี ก่อน (ก่อนที่จะมาเดินหาของเล่นใหม่ๆเป็นกิจวัตรอย่างทุกวันนี้) ไปบ์เองก็ใช้พวก นี้ตัดเส้นภาพที่จะเอามาลงสีในคอมเหมือนกันค่ะ ถ้าหัวยังแข็งๆ บางแท่งเอามา ใช้ตัดเส้นบางๆได้ด้วยซ้า แต่ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของมัน ก็ทาให้เราเสียวแทนงานจริงๆ โดยเฉพาะหน้าฝน (ฮา)

133


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

ดังนั้นจึงต้องมีผู้ช่วยอย่าง.... ปากกาลูกลื่นสีดาธรรมดาๆนี่แหละ อ่ะ! อย่าดูถูกปากกาลูกลื่นเชียวนะ ปากกาลูกลื่นเองก็มีให้เลือกให้ขนาด เหมือนกัน ตั้งแต่ขนาดหัวเล็กไปจนถึงหัวใหญ่ๆ อย่าง 0.7 หรือไม่ก็ 1.0 ก็มี ถ้า เลือกได้แท่งที่หมึกไหลสะดวก ไม่ติดขัด ก็ตัดเส้นได้ดีไม่แพ้ปากกาอื่นเหมือนกัน (แต่ต้องใช้เวลาเลือกเยอะ ตามความรู้สึกไปบ์ มันเหมือนเลือกฉลากอยู่ เหมือนกัน คือแต่ละแท่ง (ขนาดในกล่องเดียวกัน) การไหลของหมึก ความเข้มของ หมึก ยังไม่เหมือนกันเลย เรียกว่ากว่าจะได้แท่งที่ถูกใจ เลือกไปนานเหมือนกัน <<< เมื่อก่อนเวลาซื้อที ไปบ์เลยซื้อเป็นสี่ห้าแท่ง แต่ข้อดีคือ ราคาน่าคบมาก มี ตั้งแต่แท่งละห้าหรือหกบาท ไปจนถึงสิบกว่ายี่สิบ เหมาะสาหรับงบประมาณ น้อยๆจริงๆ)

134


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

ต่อไป... จะไม่พูดถึงก็ยังไงอยู่ ในเมื่อหัวข้อกระดาษได้พูดถึงไปแล้ว นั่นก็ คือ... หมึก โดยส่วนตัวแล้ว ตอนนี้ สาหรับพื้นที่ที่ต้องถมดา หรือต้องลงสีดาเป็นพื้นที่ กว้าง (หรือก็คือปริมาณมาก) ไปบ์จะใช้หมึกอินเดียอิงค์ในการลง ซึ่งตัวหมึกนี้ก็ ใช้ได้ทั้งกับปากกาคอแร้ง (แบบดั่งเดิมที่ต้องจุ่มหมึก) เพื่อการตัดเส้น หรือจะใช้ พู่กันจุ่มแล้วปาดก็ได้ (ตัวหมึกกันน้าได้ ตอนนี้เลยเริ่มมาใช้คู่กับสีน้า สาหรับพื้นที่ที่อยากได้สี ดาสนิท) สาหรับหมึก... ยังไม่มีอะไรแนะนามากค่า เพราะไปบ์เองก็เพิ่งมาหัดใช้ เหมือนกัน (ฮา) 135


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

ต่อจากหมึกก็มาเป็น สี สาหรับสี ต้องบอกว่าตามแต่ถนัดเลยค่ะ บางคนอาจจะถนัดสีไม้ บางคน สีโปสเตอร์ บางคนสีน้า (ความแตกต่างของสีแต่ละประเภท ไว้วันหลังถ้ามีโอกาส จะรีวิวเจาะลึกว่านี้ค่ะ ^ ^ ) แล้วตอนนี้อุปกรณ์หลักๆก็หมดลงซะแล้ว (ฮา) สาหรับการพูดคุยวันแรก คงต้องขอจบลงเพียงเท่านี้ ไว้เจอกันใหม่ครั้งหน้านะคะ สาหรับครั้งนี้ ขอบคุณ มากค่ะที่อ่านที่ไปบ์พล่ามตั้งนาน (ฮา) ปล.เนื่องจากการพูดคุยเป็นแบบเน้นประสบการณ์ของไปบ์เป็นหลัก ถ้ามี อะไรผิดพลาด หรือต้องการอยากคุยต่อหรือเพิ่มเติมอะไร ทักทายมาได้ที่ เพจของ Marchen Piper (ค้นหาโดยใช้การพิมพ์ช่องค้นหาในเฟสฯ หรือพิมพ์ https://www.facebook.com/pages/Marchen-Piper/378827192171999 เพื่อ เข้าหน้าเพจโดยตรง) ได้เลยค่ะ 136


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

137


โรงเตี๊ยมอี้ฉาง Online Magazine

138


ปีที่ 1 ฉบับที่ 1 เดือนมกราคม 2557

139


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.