หนังสือธรรมมะ

Page 1

ถ้อยคำ�สิริมงคล

1


2 ถ้อยคำ�สิริมงคล


ถ้อยคำ�สิริมงคล

3


ถ้อยคำ�สิริมงคล เล่ม ๒ เขียนโดย “ สุวลี ” ISBN 974-374-045-7

พิมพ์ครั้งแรก จำ�นวนพิมพ์ พิมพ์ที่ ผู้พิมพ์ผู้โษณา จัดจำ�หน่าย

4 ถ้อยคำ�สิริมงคล

พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ๓๐๐๐ เล่ม บริษัท ฟ้ออภัย จำ�กัด ๖๔๔ ซอยเทียมพร ถนนนวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ ๑๐๒๔๐ โทรศัพท์ ๐-๒๓๗๕-๘๕๑๑ โทรสาร ๐-๒๓๗๕-๗๘๐๐ นางสาวลัดดา ปิยะวงศ์รุ่งเรือง บริษัท เคล็ดไทย จำ�กัด โทร. ๐-๒๓๗๕-๘๕๑๑


คำ � นำ � ผู้เ ขี ย น ในกรรมบท ๓ คือ คิดเป็น - ทำ�เป็น - พูดเป็น ทุกตัวต่างก็สำ�คัญ ต่างก็มีเอกลักษณ์โดดเด่น ในตัวของมันเอง “ ถ้อยคำ�สิริมงคล ” เป็นคำ�พูดก็จริง แต่มักจะเน้น “ การพูดในใจ ” กับตนเองเสียมากกว่า หากไม่ศึกษาธรรมะ “ คิดเป็น ” จะเป็นสิ่งที่ยากมาก เพราะต้องคิดทะลุกรอบเดิม ที่อยู่จนชิน ชา จนเป็นปกติ “ คิดเป็น ” จึงเป็นสัมมาทิฏฐิของชีวิต ที่จะส่องทางให้เราเดินไปสู่ความสำ�เร็จทั้งทางโลกและ ทางธรรม ! เพราะความรู้มีหลากหลาย มีมากมาย เราจะเรื่มต้นที่หมายเลข ๑ ตรงไหน ? เริ่มไม่เป็นก็จะ เข้าทำ�นอง “ รู้มากยากนาน ” ยิ่งรู้มาก ชีวิตกลับพบแต่ความยุ่งยาก ! “ วิธีคิด ” เป็นวิชาที่น่าศึกษาทำ�ความเข้าใจ ความคิดมีมากมายวิธีการ แต่คิดแล้วเกิดความ สงบ คิดแล้วสถานการณ์ดีขึ้น ปัญหาเริ่มคลี่คลายทั้งชีวิต ตัวเอง - ครอบครัว - เพื่อนๆ “ คิดเป็น ” ทำ�ให้ ไม่อึดอัดคับข้อง คนใกล้ชิด คนคบหาด้วยเขาก็ ไม่หนาว ไม่อึดอัด ! “ ถ้อยคำ�สิริมงคล ” เป็นหนังสือที่เสนอมุมมอง เสอนวิธีคิดที่แตกต่างออกไปจากความ เคยชิน เป็น “ ธรรมวิจัย ” ก็เรียกได้ จะเรียกเป็นการสร้างอารมณ์ฌานก็ ไม่ผิดเพราะเรามี “ วิตก - วิจารณ์ ” อยู่ตลอดเวลา “ ถ้อยคำ� ” ต่างๆที่เตือนสติ ให้กำ�ลังใจ ที่ช่วยผ่อนคลายความเร่าร้อนของชีวิต มิใช่ให้ท่องบ่นจนชื่นใจ แต่ลึกลงไปเราอยากให้ท่าน “ คิดเป็น ” รู้จักการปลุกปลอบ - เตือย สติ - ให้กำ�ลังใจตัวเอง เพื่อเป็น “ ร่ม ” ให้ชีวิตตัวเอง และแน่นอน คนอื่นๆ ก็อยากมาขออาศัย “ ร่ม ” แห่งนี้ แล้วสักวัน เราก็จะเป็นดาวสันติภาพ เป็นดาวที่อบอุ่น ดาวร่มเย็นให้แก่ใครก็ ได้รวมถึงตัวเรา อย่างไรก็ตาม อยากจะบอกว่า “ ความเป็นคนดี - เป็นคนเสียสละ - จริงใจกับผู้คนรอบข้าง ” จะทำ�ให้ “ ถ้อยคำ�ฯ ” มีพลัง มีประสิทธิภาพ ออกฤทธิ์ได้รุนแรงมากว่าหลายเท่า ! คติวันนี้ “ ความบกพร่องของคนอื่น ความไม่ดีของเขา ก็ ไม่ยิ่งใหญ่ ไปกว่าการเห็นข้อ บกพร่องของตัวเรา ... จัดการตัวเองก่อนนั่นแหละดีที่สุด ! ”

ถ้อยคำ�สิริมงคล

5


พูดดีเป็นศรี

แก่ ต นเองและเป็ น ความดี

ต ่ อ สรรพชี ว ิ ต

6 ถ้อยคำ�สิริมงคล


ส า ร บั ญ คิดดี - ทำ�ดี - พูดดี เสาเข็มแห่งชีวติ ......................................................................๘ อย่ามัวทุกข์ !...........................................................................................๑๒ เป็ น เราก็ ค ง...อย่ า งนั้ น ...........................................................................๑๕ ไม่ ใ ช่ เ รื่ อ งเลวร้ า ย...................................................................................๑๘ ในความเห็นส่วนตัว..................................................................................๒๑ เขาคงมี เ หตุ ผ ล..................................................................................๒๔ เราก็ มี ส่ ว นผิ ด ...................................................................................๒๗ อย่ า ไล่ ใ ห้ จ นตรอก.................................................................................๓๐ เขามีบุญคุณ.........................................................................................๓๔ อดทนเถอะนะ......................................................................................๓๗ อย่ า ใจแคบ........................................................................................๔๐ น้ำ�ร้อนปลาเป็น น้ำ�เย็นปลาตาย....................................................................๔๓ ทำ�งานเพื่องาน.......................................................................................๔๘ ของฟรี ไม่มีในโลก....................................................................................๕๑ เจตนาพูดมีเป้าหมายอย่างไร......................................................................๕๓ อย่าเกลียดใครเลย...................................................................................๕๖ มี ก ล้ อ งแอบถ่ า ย...................................................................................๖๐ ก็ แ ค่ หั ว โขน.....................................................................................๖๒ ขอซื้ อ เวลา........................................................................................๖๕ ยอม !..................................................................................................๖๘ น้ำ�หนักยังไม่พอ......................................................................................๗๑ พจนานุกรมคนละเล่ม...............................................................................๗๕ ปิดหู-ปิดตา-ปิดปาก...............................................................................๗๙ ให้ ตั ว อย่ า งที่ ดี แ ก่ เ ขา...............................................................................๘๒ อย่ า เอาชนะทุ ก เรื่ อ ง...............................................................................๘๖ อย่ า เอาหู ฟั ง ..................................................................................๘๙ ฉิ บ หายช่ า งมั น .................................................................................๙๒ น้ำ � หนั ก ของเรื่ อ ง..................................................................................๙๕

ถ้อยคำ�สิริมงคล

7


{

{

คิดดี-ทำ�ดี-พูดดี เสาเข็มแห่งชีวิต

อย่างช้าๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป ถ้อยคำ�สอนใจ ๒ เดือนครั้ง ยาวนานมานานหลายปี หาก เป็นอายุแห่งชีวิต บัดนี้เลยวัยกลางเข้าไปครึ่งค่อนชีวิต และอีกไม่นานก็คงจะถึงวัยชรา ขึ้นรอบขวบปีใหม่ น่าจะแวะคุยกันสักนิดก่อนที่จะเดินทางแสวงหาถ้อยคำ�สิริมงคลบทต่อๆ ไป ถ้อยคำ�แห่งมงคล เป็นเพียงบทเรียนที่เริ่มต้น ที่ดับพิษร้อนอันแผดเผาอยู่ ในหัวใจ เพียงชั่วคราว แต่การดับอันถาวร จะต้องมีรายละเอียด มีแนวทางลึกซึ่งกว่านี้ ถือเสียว่าเป็น “ฟาสต์ฟู้ดแห่งวิญญาณ” ก็แล้วกัน ยาบำ�บัดอาการทรมานเฉพาะหน้า ได้นำ�มาแจกแจงก็หลายสิบเม็ด แต่ยาถาวรนั้น คงไม่ใช่ เม็ด แต่เป็นยาหม้อใหญ่ที่ทั้งขมทั้งขื่น และต้องขยันเติมต้มขยันเติมน้ำ�จึงจะสัมฤทธิผล อยากจะบอก เพื่อจะได้ ไม่ท้อ ว่าของดีนั้นมิใช่ได้มาอย่างง่ายๆ แต่ต้องผ่านการเคี่ยว กรำ� อดทนอันเลิศ ผู้มีอิทธิบาทธรรม หรือ ผู้มีความตั้งใจจริงคือตัวเองเท่านั้นที่จะฟันฝ่า ก่อนจะสร้างบ้าน ใหญ่โต เสาเข็มจะต้องตอกลงเป็นฐานให้แข็งแรง ลงเสาเข็มก่อน ขั้นตอนต่อไป อะไร ๆ ก็จะพูด ง่ายไปหมด คนเราบางคน จิตใจอ่อนแอ บังคับยากเย็น เหตูก็เพราะไม่เคยเอาศีลมาเป็นเครื่องชำ�ระล้าง

8 ถ้อยคำ�สิริมงคล


จิตใจจึงแข็งกระด้าง จิตใจที่อ่อนแอ จึงต้องใช้ศีลขัดเกลา ถ้อยคำ�สิริมลคล จะเปล่งพลานุภาพก็ด้วยเหตุฝึกนิสัยใหม่ สันดานใหม่ ด้วยการ “คิดดี-ทำ�ดี-พูดดี” ถ้ายังขี้โลภ ยังทำ�ยาก ถ้ายังขี้โกรธ ก็ยิ่งยากขึ้นไปกว่านั้น ชีวิตที่ไม่เบาว่าง ไม่สะอาดบริสุทธิ์ จะไม่มีปฏิภาณที่ดึงถ้อยคำ�สิริมงคลขึ้นมาใช้ และจะไม่มี ปัญญาพลิกแพลงนำ�ถ้อยคำ�มาวิตกวิจารณ์ จนปีติ ซาบซึ้ง ไม่โลภมาก จิตใจก็จะไม่เร่าร้อน ไม่ขี้อิจฉาริษยา โอกาสพบความร่มเย็นเป็นสุขจะใกล้ขึ้นอีก ๑ ก้าว ไม่ขึ้โกรธ ไม่ขุ่นเคืองคนง่าย ก็ยิ่งใกล้ความร่มเย็นเข้าไปทุกขณะ ถ้อยคำ�แห่งมงคลจะถูกโฉลกกับคนที่ยอมคนได้ ยอมเสียเปรียบได้ เสียสละได้ แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร เป็นสุภาษิตอันลึกซึ้ง ยากที่ปุถุชนจะเข้าใจ ฝึกกันเสียแต่วันนี้ “คิดดี-ทำ�ดี-พูดดี” บารมีแห่งกุศลกรรมจะได้ห่อหุ้มรอบตัวเรา จะ เป็นคนโชคดีเสมอ คนที่คิดแต่เรื่องไม่ดี ทำ�แต่เรื่องไม่ดี พูดแต่เรื่องไม่ดี ชีวิตนับวันจะหมดราศี ร่างกายจะอ่อนแอ ภูมิต้านทานโรคในร่างกายจะเจือจาง “คิดดี” (มโนกรรม) อะไรที่ทำ�ให้เศร้าหมองหยุดเสีย อย่ามองคนอย่างหวาดระแวง อย่า มองคนอื่นว่าจะเป็นองคุลีมาลตลอดกาล โลกนี้นี้ไม่ศัตรูถาวร แต่มิตรแท้เป็นสิ่งที่มีจริง ศัตรูเมื่อได้รับน้ำ�ใจ สักวันจะกลับกลายเป็น มิตรแท้ สำ�คัญอยู่แต่ว่า เราสามารถถอดทนที่จะยื่นไมตรีได้ยาวนานสักแค่ไหน จิตใจที่อ่อนแอ ย่อมมองผู้อื่นอย่างคับแคบ มองผู้คนอย่างระแวงแคลงใจคิดอยู่แต่ว่า คน อื่นเป็นศัตรูกับเรา คิดดี คิดแล้วสบายใจ อย่าด่วนให้คะแนนติดลบ จงชื่นชมในความสุขของคนทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิ แม้เขาคนนั้นจะเกลียดเราก็ตาม คนที่ปรารถนาดีต่อผู้อื่นเท่านั้นที่กล้ามองว่า ผู้อื่นก็มีความปรารถนาดีต่อเราและเป็นเรื่อง จริงที่เราขาดไม่ถึงเสียด้วย สัพเพสัตตา... แผ่จิตใจปรารถนาดีออกไปถึงทุกคน ทุกวัน ทุกเวลา มีเมตตา มีความปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุข

ถ้อยคำ�สิริมงคล

9


มีกรุณา มีความปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ ใครมากระตุ้นให้เคือง ขอบคุณเขา เพราะสิ่งเรานี้จะเป็นตัวฝึกฝนให้ชีวิตของเราไปสู่เป้า หมายที่สูงขึ้น เป็นทานบารมีที่สูงกว่าวัตถุทานมากมาย นั่นคือ “อภัยทาน” “ทำ�ดี” (กายกรรม) ทำ�ดีให้ตัวเอง ไม่ทรมานตนให้ตกต่ำ� ไม่เอาอบายมุขป้อนใส่ปากตัว เอง ไม่ทำ�ร้าย ทำ�ลายชีวิตผู้อื่น ไม่ปรารถนาหยิบฉวยของที่ผู้อื่นไม่เต็มใจ ไม่อนุญาต ไม่แย่ง-อยากได้ของรักของผู้อื่น ไม่กระทำ�การให้ผู้อื่นเข้าใจผิด ไม่นำ�สิ่งเสพติดมายั่วย้อมมอมเมาตัวเองกายกรรมเพียง แค่ ศีล ๕ ก็จะเกิดอานิสงส์เหลือพรรณนา มีกายอยู่ในรอบรั้วแห่งศีล เพิ่มเติมด้วยทานบารมี หัดแจก หัดให้ หัดบริการ มีน้ำ�ใจเสีย บ้าง แล้วทำ�ให้มากๆ “พูดดี” (วจีกรรม) ตั้งสติให้ดี เรื่องปากสำ�คัญเหลือหลาย ขาดสติ จกลาย เป็นปากปีจอ ไปเสียทุกที ระวังคำ�พูด อย่าให้มุสา ระวังวาจา อย่าให้หยาบคาย ระวังปาก อย่าให้ส่อเสียด ชอบนินทา ยุให้มีเรื่องมีราวกัน ระวังถ่อยคำ� อย่าให้เพ้อเจ้อ อยากอยู่อย่างร่มเย็น ก็ ไม่ควรใส่ไฟคนอื่นเขามีเรื่อง (ประเภทเล่าแล้วคนฟังคนไหนก็ปวด หัว ไม่สบายใจ) ปากมีไว้กิน มีไว้พูดเรื่องดี ๆ ปากบางคนพูดไม่หยุด พูดแต่เรื่องชั่วๆ ของคนอื่น เอาจุด บกพร่องของคนอื่นมาขยายเก่งนัก พูดแล้วได้อะไร ได้ประโยชน์แค่ไหน ไม่เคยนึกถึง ขาดสติของชีวิตตลอดวันตลอดคืน คิดแล้วน่าตกใจ เพราะคนบางคน ตลอดชีวิตไม่เคย คิดดี-พูดี-ทำ�ดี กับเขาเลย เมื่อไม่สร้างสิ่งดีๆ ออกไป จะได้สิ่งดีๆ มาจากไหนกันเล่า ยากมั้ย ถึงยากก็ต้องทำ� กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว การฝึกสร้างฐานชีวิต แม้ชีวิตจะไม่สำ�เร็จ ๑oo% ก็ต้องทำ� ต้องฝึก เพราะอานิสงส์ที่ได้ เจ้าของชีวิตเป็นคนได้เอง ทำ�วันไหนก็กำ�ไรวันนั้น

10 ถ้อยคำ�สิริมงคล


ปรับทิศทางกรรมบถ ๓ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม หัดรู้เท่าทัน ตัดไปเรื่อยๆ ทำ� บ่อยๆ เราจะเก่ง เราจะเชี่ยวชาญ ความชำ�นาญอยู่ที่การให้เวลาเพื่อฝึกฝน ชีวิตนี้ไม่ได้ลึกกลับอะไรหรอก ศึกษาเรียนรู้แล้วสักวันเราจะถอดรหัสชีวิตออกได้ ไม่อยาก เย็น ขี่จักรยานใหม่ๆ อาจจะล้มคว่ำ�บ้าง มีแผลถลอกช้ำ�เขียว ไม่เป็นไร เป็นธรรมชาติ อย่าด่วนท้อก็แล้วกัน เดินหน้าต่อไป ฝึกหัด คิดดี-ทำ�ดี-พูดดี เตือนตนเสมอ อย่ามัวแต่ตาโตตาพอง เห็นความผิด ความบกพร่องของผู้อื่นเป็น เรื่องใหญ่ การเอาชนะความโกรธ ความริษยา ความไม่ดี ในจิตใจของเราต่างหาก นี่สิเรื่อง ใหญ่ขนานแท้ เห็นได้ชัดว่าเป็นบาปกรรมของเรา ปี ๒๕๓๗ ปีจอปีแห่งหมา ปากมันเสีย ชอบเห่าหอน ชอบความยิ่งใหญ่ แต่มันก็ซื่อสัตว์เหลือเกิน ขอให้พวกเราซื่อสัตว์ต่อตัวเอง ในการเดินทางไปสู่ความร่มเย็นกันเถิด สาธุ

อยากให้ความรัก อยากให้ความรักเพื่อคนทั้งโลก อยากให้รอยยิ้มลบคราบน้ำ�ตา อยากให้คนทุกข์พ้นทุกข์ลำ�เพ็ญ ให้หมดทุกข์สร้างสุขในใจทุกดวง อยากอุทิศชีวิตทั้งหมดนี้ จะเร่งสร้างทั้งคืนและทั้งวัน

อยากจะให้โชคเพื่อคนทั้งหล้า อยากให้ชีวาแก่คนทั้งปวง ความเคืองเข็ญแค้นยากลำ�บากใหญ่หลวง อยากให้ปวงทุกข์เป็นสุขสันต์ เพื่อสร้างความดีไม่เคยหวั่น เพื่อชีวิตอันสั้นนั้นมีราคา

ถ้อยคำ�สิริมงคล 11


{

{ อย่าทุกข์มั่ว

สังสารวัฏกว้างไกลไร้ฝากฝั่ง ผู้วนเวียนย่อมเหน็ดเหนื่อยเมื่อล้า จะว่ายไปที่ใดกัน ? หากตอบให้แก่ตัวเองมิชัดเจน ก็คงจะว่ายสะเปะสะปะชาติแล้วชาติเล่า จะทำ�ความดี หาโอกาสสร้างบุญ-กุศล หรือวุ่นวายอยู่กับการ แสวงหา-สะสม-กอบโกย ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ? จะมัวเรียกร้อง หรือเสียสละแบ่งปัน ? จะพยาบาทริษยา ถือสาตะพึด หรือให้อภัย ? ทางชีวิตในโลกนี้มีมาแต่ดึกดำ�บรรพ์ ไม่ขาวก็ดำ� ทุกคนคือผู้ลิขิตชีวิตให้กับตัวเองจริงแท้ แม้โลกจะก้าวล้ำ�จนน่าอัศจรรย์ วิทยาการเกินคิดก่อเกิดไม่ขาดสาย ราวกับจะบ่งชี้สมอง มนุษย์ เราช่างมหัศจรรย์อะไรปานนั้น แต่ ไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปกี่กัปกี่กัลป์ ความทุกข์ของหัวใจก็ยังคงทิ่มแทงอยู่ เหมือนเดิม มีแต่ รูปแบบเท่านั้นที่จะเปลี่ยนไปตามกาลสมัย เข้าทำ�นองเหล้าเก่าในขวดใหม่ ถ้อยคำ�ใหม่ “อย่าทุกข์มั่ว!” ๓ พยางค์ หรือหนึ่งวลีนี้ เอาไว้ใช้เตือนตนยามสับสน เร่าร้อน เมื่อความทุกข์ประดังประเดราวราวกับทำ�นบแตก สิ่งที่จะทำ�ก่อนอื่นคือการ ตั้งสติ

12 ถ้อยคำ�สิริมงคล


หายใจลึกๆ เตือนตนอย่าตื่นตูม ทุกข์ใจนั้นทุกข์เรื่องใด ถามใจลองบอกดู “โอ๊ย! มันทุกข์ ไปหมด” ใจอาจตอบแบบนี้ อย่าหลงเชื่อ ความทุกย่อมทำ�ให้คนขาดสติ หมดความอดทน หมดความสังเกต ดูดีๆ มีรางวัล อะไรคือ “ทุกข์หลัก” อะไรคือ “ทุกข์รอง” ? “อย่าทุกข์มั่ว !” ๓ พยางค์เตือนตน ทำ�อะไรอย่ามักง่าย แม้ยามทุกข์ก็เถอะนะ สอบถาม ความจริงให้รู้ชัด อริยสัจ ๔ เริ่มแต่ “รู้ทุก” เป็นปฐม หากจับทุกข์ ไม่ชัดเจน จะ “จับเหตุ” ได้อย่างไร ? “อย่าทุกข์มั่ว” คำ�สิริมงคลเตือนตน ที่เร่าร้อนก็ผ่อนคลายทุกข์นั้น ไม่หนักหนาสาหัส อย่างที่คิด แท้จริงเบากว่าหลายเท่า เหลือเชื่อ! จิตยามขาดสติ ยามพบเห็นเงาทะมึน พานนึกเป็นปีศาจผีร้ายมาหลอกหลอนก็เยอะแยะ ใครเล่าจะใจเย็นพอที่จะตั้งคำ�ถามกับตัวเองยามเผชิญทุกข์ ก็เพราะไม่เคยถามต่างหาก ทุกข์จึงกลับมากลายทวีคูณ จิตกระวนกระวาย ใจปรารถนาแต่เพียงไฟกองนี้เมื่อไหร่จะดับเสียทีๆ แทนที่จะมัวเร่าร้อน หาก ตั้งสติยังคิด ค่อยๆ ชักฟืนออกจากไฟ น้ำ�เย็นก็เริ่มชโลมรด ความลับของความทุกข์สำ�คัญที่ตรงนี้ ใครหนอจะใจเย็นสำ�รวจกองไฟ เป็นธรรมดาของคนปวดฟัน พลังจิตพลังใจก็แทบสูญหาย อะไร ๆ ก็ดูน่าทุกข์ ไปหมด เสียงรถ เสียงเด็ก เสียงหมาเห่า เสียงปิดประตู เสียงคุย ฯลฯ โอ๊ย! มันทุกข์ น่าเบื่อจริงหนอ นโม นโม ตั้งสติสักนิด ทุกข์เรื่องไหนคุยกับจิตของตัวดูบ้าง แล้วแยกออก ฝ่ายไหนของจริง ฝ่ายไหนของปลอม ทุกข์จริงกับทุกข์พรางแยกให้ชัด ที่ทำ�ท่าร้อนจะพลันหือหาย ไอ้ตัวจริงมองให้เห็นความจริง มีแค่ตัวเดียวเด็ดๆ เท่านั้น ส่วนไอ้ตัวอื่นเขาเรียกพวกผสมโรง พวกทุกข์ที่เป็นขี้ข้าพลอยพยัก! ความจริงก็ ไม่ได้หนักอย่างที่คิด เรามันก็โวย เป็นแม่ (พ่อ) จอมโวยวายก็เท่านั้น ยังไม่สายเกินแก้ ชีวิตเกิดมา ถึงอย่างไรต้องศึกษา ทดลองและเรียนรู้ หากวันใดความทุกข์มารุมเร้าสุมเผาหัวใจ “นโม นโม อย่ามัวทุกข์ !” ค่อยๆเตือนตัวเอง เหมือนพาลูกผ่านร้านขนม เด็กร้องกระจองงอแงชี้นิ้วไปที่กองขนม จะกินๆเราก็จะหยิบที ละอย่างๆ ถามลูกเราจนกว่าจะเจอ เมื่อลูกได้สิ่งที่ต้องการ เมื่อจิตเราพบเหตุทุกข์ตัวจริงก็เริ่ม คลาย อ่อนโยน เย็นขึ้น “อย่าทุกข์มั่ว !” ๓ พยางค์ฉมัง สิ่งที่สำ�คัญเป็นช้างที่แท้ก็หมู สิ่งที่สำ�คัญเป็นปีศาจ ที่แท้ก็ ต้นไม้

ถ้อยคำ�สิริมงคล 13


ความมีอารมณ์ ความหวั่นไหว จะทำ�ให้ภาพชีวิตของเจ้าตัวบิดเบี้ยว “แกเลวๆ” เลวตรงไหน พูดออกมาไม่ใช่เหมาเข่ง เลวทั้งหมด ! เลวนะ เลวจริง แต่ขอโทษ บอกหน่อยได้ ไหม เลวตรงไหน เลวอะไรช่วยบอกให้กระจ่าง วิทยาศาสตร์เป็นเรื่องของเห็นผล การดำ�เนินชีวิตแฉกเช่นกัน อย่าเดินด้วยความรู้สึก แต่ จงถามใจให้ตอบชัดๆ อย่ามักง่าย อนาถจริงหนอคนเรา เวลาแสวงหาความสุขก็พิถีพิถันอะไรปานนั้น แต่พอเวลาทุกข์ขลาด กลัวตัวสั่นจนเลอะเลือน ให้เวลากับความสุขให้ ได้ มาลองตั้งสติให้เวลายามทุกข์บ่าว อย่ารีบหนี ซักถาม พูดคุย สนทนากับความทุกข์ ค่อยๆ พูดค่อยๆ จา แล้วสุดท้ายเราจะพบความรับ ของจักรวาลจุดนี้ ความทุกข์ ไม่ ได้เลวร้าย หรือเร่าร้อนอย่างที่คิดหรอก อืม...มันทำ�ให้เราแข็งแกร่งขึ้นเยอะทีเดียว ถ้าไม่กลัวมัน นโม นโม อย่าทุกข์มั่ว ! บนสายธารชีวิต คนโชคดีมีมาก แต่คนโชคร้ายมีมากกว่านั้น พระพุทธองค์ตรัสไว้ ชีวิตนี้มีทุกข์เท่านั้นเกิด ทุกเท่านั้นตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นดับไป ช่างน่ากลัว น่าหวาดหวั่นอะไรเช่นนี้

14 ถ้อยคำ�สิริมงคล


{

{ เป็นเราก็คง...อย่างนั้น

หากเทียบชีวิตของเรากับจักรวาลกว้างใหญ่ ก็คงเป็นได้แค่มดปลวก แต่อนิจจา มดปลวกที่ น่าสงสารกลับหยิ่งยโส อวดดี ลำ�พอง บ้างก็ดูถูกแคลนมดปลวกตัวอื่น ๆ ! ชีวิตอยู่โดดเดียวไม่ได้ ชีวิตจะต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน ความผิดพลาดจึงเป้นของธรรมดา ที่จะต้องอภัย ไม้ล้มข้ามได้ แต่คนล้มอย่าข้าม อย่าหยามหยัน ไม่มีใครอยากเลว ไม่มีใครอยากทำ�ผิด ไม่มีใครอยากให้คนเกลียด แต่เพราะความไม่รู้ของ เขา ทำ�ให้กระทำ�ในสิ่งที่ตัวเองไม่ปรารถนา เชื่อไหมเอ่ย ? หรืออาจจะ...รู้ทั้งรู้ แต่ทนสิ่งยั่วยวนไม่ได้ก็มีถมถืด น่าแปลกที่ที่คนเราอยู่ด้วยกัน แทนที่จะรักกัน กลับยิ่งห่างเหิน รังเกียจ ถือสา ชีวิตคนเรานับวันจะขาดน้ำ�ใจมากขึ้นทุกขณะ ใครทำ�อะไรขัดกับความคิดของเราก็ถือสา ไม่มีความเห็นอกเห็นใจแม้น้อย เหตุการณ์ในโลกรอบตัวเรา ที่บ้าน ที่ทำ�งาน ที่อื่นๆ ฯลฯ ล้วนมีพฤติกรรม ที่พลอยทำ�ให้เราต้องรับรู้ รู้นั้นไม่ได้กระไร แต่รู้แล้วเกิดจิตตัวไหน ?

ถ้อยคำ�สิริมงคล 15


“โธ่เอ๊ย ! ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้” “ฉันนะไม่มีวันเสียหรอก” “ฉันไม่บ้าขนาดนั้น” “ฉันไม่ใฝ่ต่ำ�ขนาดนี้หรอก” “ทำ�ไปได้ยังไง” “ทุเรศสิ้นดี” หลากหลายสารพัดความคิดแต่ล้วนเป็นเชิงลบลบลู่ทั้งสิ้น ฉากชีวิตหลายต่อหลายฉาก อาจไม่เกิดโดยตรงกับเรา เพียงแค่รับรู้รับฟังมาเท่านั้นก็เกิดความดูแคลนได้ง่าย ๆ “เป็นเราก็คง (คิดดี ทำ�ดี พูดดี) อย่างนั้น ! ” เคยรำ�พึงประโยคนี้นี้ใส่ในหัวใจบ้างไหม ? เราอาจจะไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่เคยขโมย ไม่เคยผิดศีล ๕ แต่พียงแค่นั้นมิใช่ชีวิตลอยละล่อง ในกระแสแห่งความดีหรอก จิตใจสร้างบาปกรรมอยู่วันแล้ววันเล่า เห็นกันหรือไม่เอ่ย ? กรรมบท ๓ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ต้องฝึกขัดดัดเกลาให้เป็นผู้ดีขึ้น เป็นพระให้มากขึ้น ทำ�แต่สิ่งที่ดีนั้นควรทำ� พูดจาระวัง อย่าประทุษร้าย ดูถูกดูหมิ่นคนอื่นเขา ใจคิดเหยียดหยาม ต้องระวัง คิดดี-ทำ�ดี-พุดดี จิตจะได้เป็นกุศล “เป็นเราก็คง (คิดดี,ทำ�ดี,พูดดี) อย่างนั้น ! ” ประโยคนี้ดึงขึ้นมาเพื่อตื่นจากบาปกรรมที่ใกล้ตัวทุกขณะ โลกไม่เคยปราณีใครก็ถูก แต่โลก ก็ ไม่เคยลำ�เอียงเข้าข้างผู้ใดเช่นกัน โลกมีแต่ความยุติธรรมเสมอหน้า มีหน้าที่จัดสรรให้ทุกชีวิต เป็นไปตามกฎแห่งกรรม ทำ�ดีได้ดี ทำ�ชั่วได้ชั่ว ตัดก่อนตาย เตือนก่อนวายวอด “เป็นเราก็คง...อย่างนั้น” คนเราถ้าไม่เมตตา ไม่เห็นใจซึ่งกันและกันจะอยู่ไปทำ�ไม ? นับครั้งไม่ถ้วนใน จอทีวี เสียง ผรุสวาท เสียงด่าทอ เสียงดูหมิ่นดังออกจากปากคน เมื่อตัวละครแสดงกริยาไม่ดี ไม่ถูกต้อง เคยตั้งสติถามตัวเองบ้างหรือไม่ หากเป็นเราอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น จะทำ�อย่างไรดี ? ดูหนังดูละครแล้วย้อยดูตัว ชีวิตต้องหมั่นศึกษา ชีวิตบ้างส่วนเขาย่อโลกไว้ในทีวี ภาพยนตร์ ทั้งหลาย อย่าดูแค่ความรู้สึก ต้องดูอย่างใช้ความคิด “เป็นเราก็เหมือนกันแหละ คงทำ�อย่างนั้น” รุ่มร้อนก็ผ่อนคลายที่แผดเผา ก็เย็นใจ เกิดมาแล้วกี่ชาติ น้ำ�ตาแทบจะท่วมโลก ก็ยังคงวนเวียนเจ็บช้ำ�ระกำ�ใจ ไม่หมดสิ้น “ทำ�ไปได้ยังไง?”

16 ถ้อยคำ�สิริมงคล


“ไม่น่าทำ�อย่างนั้นเลย ?” “สติดีเขาไม่ทำ�กันหรอก ?” คิดตำ�หนิอย่างไรก็คิดได้ แต่เคยคิดเห็นใจเป็นไหม ? โลกมนุษย์นั้นยิ่งอยู่ ยิ่งผูกพัน ต่าง เห็นใจในกรรมซึ่งกันและกัน โชคร้ายนะเพื่อน เห็นใจจริงๆ ถ้าเป็นเราก็ ไม่แน่หรอก ใครจะรู้ ได้ ผ่อนลมหายใจให้ลึกยาว เตือนสติตน คิดในแง่ดี เป็นคุณธรรมประจำ�ตนสร้างให้เป็น เอกลักษณ์เฉพาะตัว แล้วเรื่องใหญ่จะได้เป็นเรื่องเล็ก เรื่องน่าถือสาจะได้ผ่อนคลาย ที่น่ารังเกียจจะได้หายไป หมั่น ไส้พวกกะเทยทำ�เป็นตุ้งติ้งวี้ดว้าย คิดหรือว่า กะเทยเขาอยากทำ� แต่ใครเป็นกะเทยก็ต้องทำ�แบบ นี้ส่วนใหญ่ขับรถซิ่ง หนวกหู เขาคงนึกว่าเท่นะ บางคนมีจริงหลงถือเป็นความสุข “เป็นเราก็คง...อย่างนั้น” อยู่ในโลก ท่านให้อยู่อย่าง “ศึกษา” มิใช้ “ถือสา” ถือสา หมายความว่าผิดจากที่เราคิดก็ พาลไม่ชอบ แต่ศึกษานั้นพยามยามหัดเข้าใจคนอื่นให้ได้ เขาเป็นอย่างนั้นเอง เห็นใจกันบ้าง วิบากเป็นสิ่งมีจริง คนบ้างคนทำ�เพราะไม่รู้ความจริง คนบางคนทำ�เพราะจิตปริตร เห็นผิดแปลก “เป็นเราก็คง...อย่างนั้น” คิดแล้วจะได้สบายใจ ลดความเพ่งโทษอวดดี อหังการในตัวเองลงไปอยากจะเตือนด้วย ความปรารถนาดี กฎแห่งกรรมละเอียดซับซ้อนอ่อนไหวนยิ่งกว่าเข็มกระดิก รังเกียจเหยียดหยามสิ่งใดก็ต้องไปเกิดเป็นสิ่งนั้นชะบ้าง จะได้เห็นใจในหัวอก ไม่ได้ขู่แต่พูด ความจริงให้ฟัง คุณดูคนโง่ แล้วคุณจะได้ ไปเกิดเป็นคนโง่สักชาติ ! รักย่อมเขาใจในรัก โง่แล้วมา เกิดใหม่จะได้เห็นใจคนโง่อื่นๆ เสียบ้าง ! คำ�สิริมงคลอันแสนยาวยืดนี้ เจตนาเตือนชีวิต อย่าได้รัง เกียงความเลว ความผิดพลาดบกพร่องของผู้ใดเลย เพราะสิ่งนั้นจะฝังใจ รอคอยอุณหภูมิดีๆ ความชิ้นพอเหมาะเพื่อเชื้อเติบโต ใครไม่กลัวก็ แล้วไป อาจจะเข้าใจยาก ผู้เขียนเจตนาเขียนให้เข้าใจง่ายแต่ความสามารถมีจำ�กัด ต้องขออภัย ภัยอันดับหนึ่งมิ ใช่อื่นไกล ก็จิตตัวนี้แหละ ขออย่าได้ซ้ำ�เติมเพื่อนของเราซึ่งทำ�กรรมอยู่แล้ว มีกรรมอยู่แล้วอีกเลย สัตว์ทั่ง หลายที่เป็นทุกข์ เกิดมาแก่เจ็บตายด้วยด้วยกันหมดทั้งสิ้น จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรซึ่งกันแล้วกันเลย...

ถ้อยคำ�สิริมงคล 17


ไม่ ใช่เรื่องเลวร้าย !

{

{

ชีวิตคือการต่อสู่ ศัตรูคือยากำ�ลัง ปรัชญาแห่งการยืนหยัดในโลก ยังคงเป็นคติ ใจเสมอ หลายๆ คนไดฟันฝ่าดำ�เนินรอยตาม และหลายๆ คนก็ ได้ประสบความสำ�เร็จแห่งชีวิต แต่นั่นสำ�หรับชีวิตต้องสู้ แต่กับชีวิตที่เป็นมิตร มีความปรารถนาดีซึ่งกันและกันอยู่แล้ว เราคงจะใช้คติเกี่ยวกับการต่อ สู่หรือศัตรูไม่ได้เรื่องนัก คติชีวิตมีมากมาย แต่ต้องรู้จักเลือกใช้ ประดุจยาที่หลากหลาย คุณหมอก็ต้องรู้ สรรพคุณจึงจะรักษาถูกโรค เราคือใคร ก็หมอเหมือนกัน มีหน้าที่ดูแลตัวเอง รักษาตัวเอง ต้องรู้จักเลือกยาชีวิตเพื่อ บำ�บัดปัญหา โมหะคือความหลง ความรู้เท่าไมถึงการณ์ ความไม่ชัดในประเด็นต่างๆของชีวิต แม้กระทั่ง ที่สุด ความไม่รู้จักประมาณในหลายๆ เรื่อง เหมือนชีวิตถูกสาป คนเหล่านี้จึงมักกลายเป็นลูกทุเรียนที่คอยทิ่มแทงกระทบกระทั่งผู้คน รอบข้างโดยไม่เจตนา ทั้งกายกรรมและวจีกรรม

18 ถ้อยคำ�สิริมงคล


แม้เราไม่เป็นอย่างนั้นก็คงต้องเห็นใจ และหัดเข้าใจเขา แต่สำ�หรับตัวเราเองก็ต้องหัดเปิดใจให้ กว้าง ตื่นตัวที่จะรับความคิดเห็นคำ�วิจารณ์ต่างๆ ที่มีต่อตัวเองแล้วแก้ไข แต่ ใครหนอจะยอมรับตัวเองโมหะ ? เพราะเหตุนี้ ความไม่รู้ ไม่เจตนา จึงก่อเกิดการกระทบกระทั่งวันแล้ววันเล่า เราจะให้ อภัยได้ ไหม ? และแม้จะเจตนากระทำ�ก็ตาม ยอมไหมล่ะที่จะอภัย ? “ไม่ ใช่เรื่องเลวร้าย !” ตวาดตัวเองหนังๆ ตวาดดังๆ ขณะความคิดกำ�ลังลื่นไหลไปสู่การ ตัดใครออกจากห้องของหัวใจ “ไม่ต้องคบหา ไม่ต้องพึ่งพากันก็ ได้ย่ะ !” โอหนอ ! คำ�สิริมงคลพลันกลับกลายเป็นอัปมงคลด้วยประการฉะนี้ “ ไม่ ใช่เรื่องเลวร้าย ! ” ก็เพราะต่างละเลยลืมเลือนคำ�นี้สุดท้าย... เพื่อนรักก็ตัดทิ้ง เพื่อนบ้านก็ขาดกัน ญาติพี่น้องเลิกคบหา มันเลวร้ายถึงกับต้องเลิกคบเชียงหรือ นัดแล้วทำ�ไมผิดนัด วันนั้นด่าเราต่อหน้าธารกำ�นัล กิ่งมะม่วงหล่นลงหลังคาบ้านเรา ยังไม่มาขอโทษ มันอาเราไปนินทาอร่อยปาก...ฯลฯ นานาพฤติกรรมที่เจอะเจอ ทั้งอย่างที่รู้และแม้ ไม่รู้ แต่นั้นแหละ ความไม่ดีต่าง ๆ เหล่านี้ มี ค่าเพียงพอที่จะตัดสัมพันธไมตรีหรือไม่ ? มิตรภาพบางคนจากกระดาษ มิตรภาพบางคนทำ�จากไม้ มิตรภาพบางคนทำ�จากโลหะ เรามัวแต่กังวล ถือสาในความผิด ความบกพร่องของคนอื่น แต่เราก็ลืมมองตนเหมือนกันว่า เราน่ะดีแค่ไหนกันเชียว ? โลกกลมๆ ใบนี้ จึงมีภาพชีวิต ๒ ด้านให้ดูอยู่เสมอ บางคนเพื่อนมากมายมีน้ำ�ใจ แต่บางคน เพื่อนน้อย จะคบกับใครแสนยาก มีข้อตัว !

ถ้อยคำ�สิริมงคล 19


ความหลงตัว ความพยาบาท ความไม่มีน้ำ�ใจ และความเป็นคนถือสางง่ายจะเป็นตัวปฏิบัติ กิริยา เร่งให้ด่วนตัดสินจำ�เลยสถานเดียว คือ ประหารชีวิต ! เลิกคบก็ ได้เพื่อนเฮงซวย พอกันทีญาติคนนี้ นิสัยแบบนี้ฉันไม่คบหรอก “ไม่ ใช่เรื่องเลวร้าย” ทักท้วงตัวเองหน่อยปะไร อย่าด่วนเป็นศาลเผด็จการตัดสินประหาร ลูกเดียว วันเวลาเหมือนสายน้ำ� ยากจะไหลกลับ ความดีต่อกันซึ่งกันและกัน หากสะบั้นลงจะต่อกลับ คืนก็ ไม่ใช่ง่ายนัก ก่อนจะถึงจุดนั้น รีบซ่อมรอยร้าวกันดีไหม ? มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยจริงๆ เราถือสาไปเองต่างหาก ปล่อยใจสบายๆ พอหายเครียด หาย โกรธ พอจิตใจแจ่มใส ที่ว่าร้าย ก็ ไม่เห็นจะร้ายอย่างที่คิด ยามอารมณ์เสีย ประดุจผีร้ายร้ายเข้าสิง มันจะตัดสินปัญหาชีวิตให้ยุติได้อย่างไร “ไม่มีอะไรเลวร้าย !” เชื่อเถอะ ความเป็นเพื่อน ความญาติ แม้จะไม่ดีขนาดหวานจ๋อย ก็น่า จะยังคงมีต่อไปได้ อะไรนิดอะไรหน่อย หนักไปเบาไปมัวแต่ถือสา สักวันทั้งเพื่อนทั้งญาติจะหมดโลก! ไม่ใช่เรื่องร้ายอะไรจริงๆ เขาก็ ไม่ได้เกลียดเรา ดีกับเราอยู่ จะเสียก็ตรงนั้นแหละ ปากหมา เห็น แก่ตัว แก้ ไม่หายเสียที ! อย่าอวดดีเลยน่ะ เกิดมาเป็นมนุษย์ก็ยาก เป็นแล้วก็ยากจะเจอกัน เจอกันก็ยากจะเป็นเพื่อน เป็นญาติที่ดีต่อกัน แล้วขนาดนี้ยังจะทิ้งขว้างกันง่ายๆ หรือ ? อโหสิ อภัย ตั้งใจจิตเมตตา หากคนที่ดีกับเรา แต่เรากลับตัดรอนด้วยไฟอารมณ์ถือสา วิบากเป็นสิ่งมีจริง ผู้ ไม่รู้คุณค่าของผู้คนรอบข้าง จะได้รับการตอบโต้กลับด้วยกันไร้ ญาติขาดมิตร มีชีวิตโดเดี่ยวเดียวดายให้เข็ด ไม่เร็วก็ช้า! ไม่ได้พูดเล่นหรอกนะ แต่พูดเรื่องจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ แล้ววันนั้น ไม่ว่าเขาหรือเธอก็จะโหยหาคุณค่าของความเป็นเพื่อนความเป็นญาติอยู่ กลางทะเลทราย ไร้น้ำ�ใจ บอกแล้วว่าไม่ ใช่เรื่องเลวร้าย ก็ ไม่เชื่อ

20 ถ้อยคำ�สิริมงคล


{

{ ในความคิดเห็นส่วนตัว

โรคภัยแต่ละโรค ย่อมใช่ยาผิดแผกแตกต่างกัน กิเลสและอารมณ์ ในแต่ละเรื่อง หาก จะดับก็ต้องมีปัญญาเลือกใช้ ถ้อยคำ�สิริมงคลเป็นส่วนหนึ่งที่จะดับร้อนให้ผ่อนคลาย หรือผ่อนหนักเป็นเบา ซึ่งก็ ยังดีกว่าไม่ ได้แก่ ไขเสียเลย การฝึกฝนคือหัวใจแห่งความสำ�เร็จ เหตุการณ์กระทบกระทั่ง หรือทำ�ให้ ไม่สบายใจ มักจะมีมาสม่ำ�เสมอ จึงต้องตั้งสติเตือนตน สอนตน ให้ผ่อนคลายฝึกบ่อยๆ จะค่อยๆ กลายเป็นอัตโนมัติ แรกๆ อาจไม่เชี่ยวชาญ แต่เมื่อใช่บ่อยๆ เราเก่งขึ้น จนจิตสามารถเลือกใช้ ได้อย่างคุ้นเคย ซึ่ง ประสบการณ์จะสอนเราเองแหละ ไม่ต้องกังวล สัพเพ สัตตา อเวรา...บทแผ่เมตตาที่ต้องระลึกถึงบ่อยๆ เป็นส่อหรือสัญญา ที่เจตนาแผ่ ความปรารถนาดีออกไปกว้างไกล สิ่งดีๆ ก่อนจะให้เข้ามา เราจะต้องส่งออกไป ทำ�แต่สิ่งดีๆ พูดแต่สิ่งที่ดีๆทำ�จิตใจให้ดี มองโลก ในแง่ดี และแม้ที่สุดคิดแต่ในสิ่งที่ดี ให้ ไปก่อนเถอะ แล้วจะได้ทุกอย่างที่ดีกลับมาเฉกเช่นกัน ความปรารถนาดีตอ่ อืน่ รวมทัง้ ต่อตนเอง เจ้าของชีวติ ะต้องหมัน้ คำ�นึงตรวจตราสร้างเสริมเสมอๆ

ถ้อยคำ�สิริมงคล 21


ความปรารถนาดีจะเป็นประดุจรากฐานสำ�คัญ ที่จะทำ�ให้ถ้อยคำ�สิริมงคลทั้งหลายบรรลุ เป้าหมาย มาสำ�รวจพฤติกรรมบางอย่าง ตนเป็นเช่นนั้นบ้างไหม ? คนที่เผด็จการทางความคิด หรือเชื่อมั่นตัวเองอย่างสูงส่ง สองพฤติกรรมที่เห็นจะต้องบอกว่าชั่วร้าย ต่างก็มากน้อยแล้วแต่ความหลง เมื่อเชื่อมั่นตัวเองก็หลงตัว พลอยบีบคั่นเชื่อตาม ผู้บริหารมากมายได้รับการกล่าวขาน เป็นนักพัฒนาที่ดี แต่สอบตกในการเป็นนักปกครอง ก็มากมาย พัฒนาอะไรหรือ ก็รูปแบบวัตถุต่างๆ นานา แต่ความเป็นนักปกครองนั้น ย่อมหมายถึงให้ ความยุติธรรม ให้ความรักแก่ลูกน้องได้ถ้วนทั่ว สามารถจูงดึงให้คนอื่นรักศรัทธาในตัวของเขาได้อย่างเต็มใจ เมือ่ ถึงฤดูกาลโยกย้ายจะได้ไม่ตอ้ งเจ็บปวด ทำ�ไมลูกน้องทีน่ ถ่ี งึ เซ็นหนังสือขอย้ายตัวเองมากนัก เป็นนายของเขา ใครรู้ก็แสนจะอับอาย ปกครองอย่างไรลูกน้องถึงอยากหนีน้ำ�ใจเธอไม่มีสิท่า “ในความเห็นส่วนตัว...” ดูเป็นคำ�เรียบง่าย เป็นประโยคสนทนาธรรมดา แต่คุณค่าในตัว ประมาณบ่มิได้ เล่าปี่สยบขงเบ้งผู้หยั่งรู้ดินฟ้าเป็นทาสรับใช้ มิเอ่ยปากบ่นได้อย่างไร ถ้ามิใช่ความอ่อนน้อม อ่อนโยน หินผาโดนเซาะจากน้ำ�หยดยากจะทนทาน คนเราต่อให้แกร่ง เท่าแกร่งเจอคนอ่อนโยน ไม่เผด็จ การเปิดกว้างความคิด มีหรือจะยืนหยัดต่อสู่ สูตรง่ายๆ แต่คนเรายากปฏิบัติ เพราะความหลงตัวหลงตนนั้นเอง พูดได้ไหม ? “ในความเห็นส่วนตัว ผมคิดว่า...” โถ ! คนอะไรน่ารักปานนั้น จะแสดงความเห็นอะไรก็แสนจะนอบจะนอบน้อม อุตส่าห์ออกตัว ว่าของตัวเองไม่ใช่ของคนอื่น ต้นข้าวตัวรวงดีย่อมโน้มน้อมสู่ปฐพี คนดีจริงเราก็นอบมิใช่เล่น “ในความคิดเห็นส่วนตัว…” ใช้เถิด มันจะทำ�ให้บรรยากาศการสนทนาอ่อนโยน สว่างไสว นี่ส่วนตัวนะ มีความเห็นอย่างนี้ แสดงว่าพร้อมแล้วที่จะรับฟั​ังคนย้อนแย้งไม่เห็นด้วย วลีนี้ใช้ออกไปประดุจน้ำ�ทิพย์เย็นฉ่ำ� คนฟังก็สบายใจ คนพูดก็ ได้เตือนสติตน ความผิด พลาด ความบกพร่อง อาจจะมีได้ตลอดเวลา เราเองก็เตรียมตัวอยู่เหมือนกัน เพราะโบราณ ภาษิตก็กล่าวไว้ สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลัง แล้วเราล่ะเป็นใครกัน ? “ในความคิดเห็นส่วนตัว...” ประดุจเตือนตน ผู้คนผิดแผกความคิด ต่างคน ต่างเกิด ร้อย พ่อพันแม่จะให้เห็นอะไรเหมือนกันกันได้อย่างไร วลีนี้ใช้ ได้สุดกว้างขวาง มิใช่แต่ความคิด ในกิจการงาน แม้รูป รส กลิ่น เสียง ก็ประยุกต์ใช้ ได้

22 ถ้อยคำ�สิริมงคล


“ในความเห็นส่วนตัว คิดว่าเพลงนี้เพราะ คิดว่าขนมเจ้านี้อร่อย ผู้หญิงคนนั้นสวย…” ความคิดเห็นคนเรามีหลากหลาย แต่วลีนี้จะยับยั้งนิสัยเผด็จการได้ซะงัดเหลือแสน นานาสังวาส นานาทัศนะ มีจริงเป็นจริง คนเรามองคิดในมุมที่ต่างกัน ความรู้สึกก็ต่างกัน จะ อะไรหนักหนาที่จะให้เหมือนกัน “ในความคิดเห็นส่วนตัว...” ฉุดสติกลับคืนมา น้ำ�เย็นสาดหน้าอีกหนนี้ ความคิดของเรา นะ ของคนอื่นเป็นอย่างไรยังไม่รู้ ลองเล่ามาที คนฉลาดคนโง่ในโลก ตอนเกิดไม่ห่างกันเท่าไหร่ แต่เกิดมาแล้วนี้ซิ ขึ้นกับกรรมที่กระทำ� หาก คับแคบ ถืออำ�นาจบาตรใหญ่ ถือความคิดตนเป็นใหญ่ ก็คงมีแต่โง่กับโง่ ตลอดไป แต่คนที่ฟังคนอื่นเขาบ้าง ตรองตามความคิดที่ผิดแผก นั่นก็คือการฝึกเซลล์ สมองให้ชาญ ฉลาด ฝึกจิตให้เป็นอริยะ ! โลกวิทูคือรู้โลก หมายถึง เปิดใจให้กว้างนั่นเอง ไม่มีอะไรลึกซึ้ง ไม่ต้องถึงขั้นไปเกิดทีละชาติ เพื่อเรียนรู้ แต่เอาแค่ฟังเอาแค่ทัศนะความเห็นอื่นเขาบ้าง แค่นี้ก็เหลือเฟือ “ในความเห็นส่วนตัว...” ฟังแล้วสบายใจ ทำ�งานด้วยกันมิตรก็จะหลั่งไหล มันเป็นคำ�สิริ มงคลจริงหนอ เชื่อหรือเปล่า ? อยากมีเสน่ห์ ไม่ต้องอะไร ลงทุนก็น้อย หัดพูดนอบน้อม ขี้คร้านคนเขาจะพอใจ “ในความเห็นส่วนตัว…”นี่มิใช่วลีแห่งความใจกว้างเพียงอย่างเดียว แต่ซ้อนลึกลงไป คือ วลีแห่งความรัก เป็นวลีแห่งเมตตาของหัวใจ สิ่งที่คิด สิ่งที่ทำ� ต่างก็ล้วนเป็นความเห็นของเราทั่งสิน โชคดีหน่อยก็ตรงที่คนอื่นๆ มาเห็น ตรงกับ ก็เท่านั้น แต่เราพูดวลีนี้ก่อน เปิดทางให้คนอื่น ได้เดินบนถนนความคิดของเราบ้าง จะมิดี กว่าหรือ ? ยังไม่สายเกินไป ลองมาหัดพูดจาภาษาดอกไม้คุณธรรมกันเถิด “ในความเห็นส่วน ตัว...” แหม เพราะดีออก ยิ่งเป็นนักปฏิบัติธรรมยิ่งดีใหญ่ ใช้ทีไรก็ ได้เห็นไตรลักษณ์ โอหนอ ! กิเลส เป็นของเฉพาะตน ขึ้นกับความยึดมั่นของแต่ละคนทีเดียวเจียว ในความเห็นของผม มันอร่อยดีออก ในความเห็นส่วนตัว เธอดีนะ เห็นไหม ไตรลักษณ์ที่ไร้เจ้าของ แต่คนเรากลับพยายามยึดครองพร้อมทั้งฝืนใจคนคนอื่น เห็นตาม โลกยุคเผด็จการหมดสมัยไปนานแล้ว มาใช้ภาษาฝึกสติกันเถอะ ในความเห็นตัว ถ้าทุกคนฝึกใช้ เราคงอยู่กันสุขสงบกว่านี้ นี่ความเห็นส่วนตัวนะ !

ถ้อยคำ�สิริมงคล 23


{

{ เขาคงมีเหตุผล

ตัวยาแต่ละชนิด มีทั้งคุณและโทษในตัวของมันเอง นายแพทย์ผู้ฉลาด ต้องรู้จักใช้ ดุลพินิจ ยารักษาชีวิตในแต่ล่ะเรื่อง เจ้าของเองก็ต้องหัดสังเกตเลือกใช้เช่นกัน ฝึกฝนบ่อยๆ เราจะฉลาดใช้เหมือนพ่อค้าเพชรพลอย ที่สัมผัสเพียงชั่วแวบ ก็รู้ ได้ทันทีว่า ของจริงหรือปลอม อุปสรรคของชีวิตล้วนมีจุดมีวิธีการแก้ ไข บางอุปสรรค ใช้ตัวยาเดียว แต่บาง อุปสรรคพลิกแพลงหลายสูตรหลายตัวยา ยิ่งใช้ยิ่งชำ�นาญ อยู่ในอาชีพใดยิ่งมีประสบการณ์ลึกซึ้ง แต่อาชีพทำ�ตัวให้พ้นทุกข์ มีสักกี่คนคิดทุ่มเทให้เวลาเพื่อศึกษา ? มรรคมีองค์ ๘ มีคำ�ว่า “สัมมาอาชีโว” เขาแปลกันแต่ว่า ประกอบอาชีพ ไม่เป็นบาป แต่ ความหมายลึกซึ้งยิ่งกว่านั้นก็คือ การให้เวลาแกสิ่งเหล่านั้นมากๆ จนแทบจะเรียกกันได้ เลยว่าเป็น “อาชีพ” หลายคนบ่น ระงับอารมณ์โกรธไม่ได้ แต่ถามดูเถิดว่าใน ๑ วัน คือ ๒๔ ชั่วโมง ได้อุทิศสติ ปัญญาครุ่นคิดวิธีคลายโกรธกี่นาที ? นี่คือความลับของชีวิต เป็นเหตุผลที่ว่า ทำ�ไมเรื่องของจิตใจจึงเอาชนะไม่ได้สักที เราขาด การทุ่มเทต่างหาก มิใช่อื่นไกล และมิใช่จะต้องนั่งหลับตาสมาธิ เพราะการหลับตาก็เป็นเพียง

24 ถ้อยคำ�สิริมงคล


วิธีการหนึ่งเท่านั่นเอง อย่ามองเป็นสุดยอดของเรื่องชีวิต เคยบ้างไหม เคยเฉลียวใจในสิ่งที่เราคิด คนอื่นเขาจะคิดอย่างเราไหมหนอ ? จริงอยู่ แต่ละพฤติกรรมต่างก็มีเหตุผล แต่เหตุผลของเราจะเหมือนกับของคนอื่นหรือไม่ เคย คิดสักนิดไหม ? ประสบการณ์ภูมิหลังของแต่ละคนต่างผิดแผกหลากหลาย และล้วนหล่อหลอมความคิด จิตใจของคนให้แตกต่างกัน แต่ในความแตกต่างที่จะต้องยอมรับกันนั้น หากเกินเส้นมาตรฐานของสังคมก็ต้อง ปราบปรามหรือป้องกัน ตามกติกาที่สังคมสมมติกำ�หนดขึ้น เหรียญเงินในกระเป๋าเรามีอยู่ ๕ เหรียญ ก็มิได้แปลว่า เหรียญเงินในกระเป๋าอื่นจะมี ๕ เหรียญ เท่ากับเรา และแม้จะ ๕ เหรียญเหมือนกัน ก็คงต้องดูต่อว่าเป็นเงินสกุลไหน ? เมื่อโลกนี้มีความไม่เท่า ไม่เหมือนกันเป็นธรรมดา จิตใจถือทิฏฐิ ยึดมั่น ถือมั่น เอาแต่ใจตัว เองก็จะคลายลง เขามีสิทธิ์คิดอย่างเขา เราก็มีสิทธิ์คิดอย่างเรา ก็เท่านั้น เคยสะดุดใจบ้างไหม เมื่อเห็นพ ฤติกรรมที่ไม่ตรงกับสิ่งที่เราคิดหรือคาดหวัง เขาผิดหรือ ? “เขาคงมีเหตุผลของเขา” รุ่มร้อนก็ผ่อนคลาย ทุกข์สุมใจทุกวันนี้เพราะเหตุใด ถ้ามิใช่ยืนหยัดแต่ความคิดของตัวเอง ทำ�ไมไม่ลองฟังเหตุผลของคนอื่น ทำ�ไมไม่ลองเปิดใจให้กว้าง เพื่อฟังทัศนคติที่แตกต่างออกไป อะไรที่ไม่ถูกใจ อะไรที่ขวางหูขวางตา ลองบอกกับตัวเองสักนิดได้ ไหม “เขาคงมีเหตุผลของเขา” ถ้อยคำ�สิริมงคลช่วงหลังหลายวลีติดต่อกัน เจตนากระทุ้งจิตเตือนจิตให้เปิดใจกว้างไว้ หัด เข้าใจคนอื่น หัดยอมรับความคิดคนอื่น ไฟแก๊สเผาเมือง ไม่ทารุณโหดร้ายเท่าอารมณ์เผาใจทุกวี่วัน อุบายทำ�ใจจึงสำ�คัญที่จะต้องหามาตรการ วิธีการ มาดัก-ดัด-กล่อม ให้ยอมรับความจริงที่ เกิดเพื่อที่สุด … หัวใจจะได้สบาย จิตใจสบาย อารมณ์ก็แจ่มใส ดวงตาไร้ม่านอารมณ์ขวางกั้น เรื่องใหญ่จะกลายเป็นเรื่องเล็ก เรื่องไม่เป็นเรื่องจะกลายเป็นความเห็นอกเห็นใจ “เขาคงมีเหตุผลของเขา” หากอยู่กับคนต้องเปิดใจให้กว้าง หัดมองโลกในแง่ดี แง่รื่นรมย์ “ใช่แล้ว เขาจะต้องแกล้งเรา”

ถ้อยคำ�สิริมงคล 25


“ใช้แล้ว มันจะต้องมีเจตนาไม่ดี” “ใช้แล้วๆ ๆ ๆ” สุดแต่จะคาดเดาเพื่อนของเรา ในที่สุดก็คือภาพลบของคนที่อยู่รอบตัว มนุษย์เรามักหลงคะนองอำ�อาจ เคยชินแต่การปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมจนลืมตัว ร้อนนักก็ ติดแอร์ หนาวนักหาผ้าห่ม ขวางทางก็โค่นทิ้ง ฯลฯ มันง่ายไปหมด แต่ชีวิตประจำ� หลายๆ ปัญหาที่เราไม่มีสิทธิแก้ ไข นอกจาก ทำ�ใจ-ปรับใจ ของเรา การแก้ ไขตัวเอง ปรับเปลี่ยนที่จิตของเรา หากเรียกเป็นธรรมะนั้น ก็เป็นธรรมะขั้นสูงกันที เดียว ที่เรียกกันว่า “ขั้นอภิธรรม !” ใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่ “เขาคงมีเหตุผลของเขา” โอ้โอ๋ ใครหนอคิดอย่างนี้ ช่างมีน้ำ�ใจเหลือหลาย เขาจะไม่ด่วนสรุปใครในแง่ร้าย เขาจะพ้นจากอารมณ์โกรธ...อารมณ์จะไม่เสียง่าย จิตใจจะมีเมตตา...อ่อนโยน...และฉลาด ขึ้น “เขาคงมีเหตุผลของเขา” และที่สุด ความเป็นคนที่ทำ�ร้ายคนโดยไม่เจตนา ความเป็นคนไม่รู้จักกาลเทศะ จะค่อยๆ ละลายหายไป ใครเล่าหนอ จะมีเสน่ห์เท่ากับคนคนนี้ ขอคารวะแด่ผู้มีวลีนี้ในหัวใจ อย่างน้อยท่านก็ ได้ทำ�ให้ผู้มาสัมผัสใกล้ ไม่เดือดเนื้อร้อนใจ และได้รับพลังแห่งความอบอุ่น ตลอดอนันตกาล ด้วยจิตซาบซึ้งในคำ�สิริมงคลคำ�นี้

26 ถ้อยคำ�สิริมงคล


{

{ เราก็มีส่วนผิด

ความทุกข์ ในชีวิตของคนเรา อาจจะมีมากมาย แต่เมื่อแยกออกมา จะมีเพียงสอง ส่วนคือ ทุกข์อันเกิดจากความขาดแคลนวัตถุ และเรื่องของอารมณ์ ความขาดแคลนทางวัตถุ คงต้องสำ�รวจตน อย่าหลงคล้อยไปตามค่านิยมโลก เพียงแค่นี้ก็ แทบจะเป็นนกน้อยโผบินในโลกกว้าง “ประหยัด” สูตรเดียว กี่ปีๆ ก็ ไม่เปลี่ยนสูตร แต่ทุกข์สาหัสจาก “อารมณ์” ออกจะเป็นปัญหาใหญ่ เป็นความทุกข์ที่ไม่ตายทันที แต่จะ เหมือนถูกจับย่างบนตะแกรง มีถ่านร้อนๆ สุมอยู่เบื้องล่าง ความรู้เท่าทัน การลดความต้องการแห่งหัวใจ เปรียบประดุจหยดน้ำ�ที่จะราดรด ถ่านร้อนแดงให้คลายพิษ อยากมีคุณค่า อยากมีเกียรติ อยากให้สังคมยอมรับ ผู้รู้กล่าวกันว่าเป็นธรรมดาของ สัตว์มนุษย์ แต่จะสักกี่คนที่สมหวัง ? สังคมถูกต้อน ถูกสนตะพายต้องมีทรัพย์สมบัติ ต้องแข่งขันกอบโกยแล้วจะได้สิ่งเหล่านี้ ผู้ ประสบความสำ�เร็จมีได้ก็คงนับแค่เขาโค แต่ที่ล้มเหลวย่ำ�แย่ คร่ำ�ครวญตลอดชีวิตที่มากมาย ประดุจขนโค จะช่วยกันอย่างไร ? เชื่อมั่นตัวเอง รักคุณงามความดี มีชีวิตที่เสียสละ มีความสุขที่ ได้เสียสละ มักน้อยไว้ แค่นี้ๆ เราจะพบความสุขนิรันดร

ถ้อยคำ�สิริมงคล 27


อย่าหวังความจริงจากใคร แต่จงให้ความจริงใจต่อทุกคนไม่เลือกหน้า อย่าหวังมิตรภาพจากผู้ใด แต่ขอให้เรามีมิตรภาพกับทุกคน แม้ศัตรู ! เขาหรือเธอคนนั้นแหละคือคนที่โชคดีที่สุด เพราะจะไม่ทุกข์โศกไปกับชีวิตที่เหมือนคลื่นใน ทะเลกว้าง ถ้อยคำ�แห่งสิริมงคลเหมือนการสรุปคำ�เตือนสติจากเหตุการณ์ทั้งหมด ออกมาเป็นคำ�สั้นๆ ประดุจคาถา แต่เป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะต้องนำ�ไปฝึกปรือ พัฒนาให้ช่ำ�ชอง รู้วิธีขี่จักยานยังไม่พอ ต้องฝึกฝนด้วยของจริงอีกต่างหาก จงดีใจทุกครั้งที่ได้บทเรียน “เราก็มีส่วนผิด” ถ้อยคำ�เตือนสติคำ�ใหม่ ยกขึ้นมาทุกครั้งเมื่อเจอเหตุการณ์ ที่ใกล้ชิดกับ ตัวเรา เละพานจะอารมณ์เสียอย่างเลวร้าย “เราก็ไม่ต่างจากเขา” เตือนตน เพื่อมิให้เกิดจิตลบหลู่ดูถูกคน ให้เห็นใจในชะตากรรมของ เพื่อน มนุษย์ ใครหนอ...อยากเลือกเกิดที่แย่ๆ ? “เราก็มีส่วนผิด” คำ�คำ�นี้เก็บไว้ใช้ เมื่อเผชิญเหตุการณ์ที่ทำ�ให้อารมณ์เสียอย่างรุนแรง จิตใจไม่อยากให้อภัย จิตใจเบื่อหน่ายสุดเซ็ง ปุถุชนมักเป็นธรรมดา หากรู้ตัวว่าไม่ผิดก็มักจะอหังการ อวดดี ไม่ให้อภัย (พฤติกรรมเช่น นี้ก็คือคนขาดเมตตานั่นเอง) สุดจะโมโหเมื่อลูกรักลูกรักสอบตก สุดจะแค้นเมื่อเพื่อนร่วมงานไม่ทำ�ตามแผนที่ตกลง สุดจะเจ็บเมื่อเจ้านายชอบดุด่าเรา ปวดใจบริวารชอบเถียง เจ็บใจถูกขับรถปาดหน้า สอนไม่ฟัง ลูกๆ เอาแต่เล่น ฯลฯ หยุด! ตั้งสติสักนิด ใครผิดใครถูก ไฟโทสะ ไฟพยาบาทก่อนที่จะปะทุ ต้องรีบหาทาง ดับให้ทัน ลองแบ่งกันผิดคนล่ะครึ่งจะดีมั้ย ? ลูกน้องชอบลามปาม...เราก็มีส่วนผิด ลูกมันดื้อ... เราก็มีส่วนผิด แฟนไม่ค่อยกลับบ้าน... เราก็มีส่วนผิด หัวหน้าไม่สอนขั้น... เราก็มีส่วนผิด

28 ถ้อยคำ�สิริมงคล


เพื่อนร่วมงานเกลียดเรา... เราก็มีส่วนผิด คิดแล้วสบายใจ พิษไฟนรกต้องรีบดับก่อน ให้ก�ำ ลังใจไม่ไหวก็ตอ้ งหาทางระบายอารมณ์ให้ผอ่ นคลาย เราก็มีส่วนผิด รับไปเลย ยอมรับอย่างหน้าชื่อตาบาน จะได้ ไม่เสียใจอะไรเกินไป จะได้ ไม่เกลียดใครเกินแรง แล้วหาจริงๆ ให้ ได้ว่า ผิดอย่างไร ผิดตรงไหน จุดบกพร่องของคนเราหาง่ายถ้าเปิดใจที่จะค้น แต่ถ้าถือดีถูก ๑๐๐% เราก็คงจะ กลายเป็นฟอสซิล อภิมหาอมตะนิรันดร์กาล ที่ ไม่มีวันพัฒนาแก้ ไขชั่วกัปชั่วกัลป์ “เราก็มีส่วนผิด” รำ�พึงเบาๆ ไม่ต้องไปกล่าวให้ใครฟัง ก้มหัวยอมรับ พยายามค้นหาให้เจอ หัดฟังคำ�ปรักปรำ�จากฝ่ายตรงข้ามก็จะยิ่งพบ ขุมทรัพย์ จุดบกพร่องมิใช่มองเห็นง่าย หูตาจึงต้องไว ใครวิจารณ์ต้องใจกว้างที่จะไขว่คว้า อย่าด่วนรีบทิ้ง อย่าประมาทชีวิต อย่าอวดดีกับชีวิต คิดว่าสมบูรณ์แล้ว ก็มีปัญหามากมายที่เกิดน่ะ เคยถามคน รอบข้างบ้างไหมว่า ใครมีส่วนร่วม ? ทำ�ไมลูกดื้อ เพราะชอบใช้อารมณ์พร่ำ�เพรื่อ ทำ�ไมถูกลวนลาม เพราะแต่งตัวซะเหลือเกิน ทำ�ไมถูกนายด่า เพราะไม่รู้ใจนาย เชื่อเถิด อย่ามัวส่ายหน้า “เราก็มีส่วนผิด” ความผิดที่ลึกซึ้ง แม้หากหาธรรมชาตินี้ไม่ได้ ยังอนุญาตให้ ไปถึงอดีตชาติได้เลย ยอมรับผิดเป็นกรรมเก่า จิตใจก็จะยิ่งสบาย - เคยทำ�เขาไว้ก็ต้องถูกเขาทำ� - เคยกดขี่ข่มเหงคนอื่น ก็เลยถูกกดขี่ข่มเหงในปัจจุบัน ศาสนิกชนที่ดีอย่าละเลยหลักธรรม ชาวยุโรปที่เป็นบ้ามากกว่าคนไทยก็เพราะเขาไม่เชื่อ หลักนี้นั่นเอง “Why ? Why ? Why ?” มัวแต่จะหาคำ�ตอบ ก็มีแต่จะโง่ลง ยอมไม่ยอมก็ว่ามา มาหัดสร้างนิสัยใหม่ ยอมรับผิดกันจะเป็นไร ยอมไม่ยอมก็ว่ามา

ถ้อยคำ�สิริมงคล 29


{

{ อย่าไล่ให้จนตรอก

วิชาหลากหลายต่างล้วนพัฒนาก้าวหน้าสุดกู่ ทั้งเงินทองทั้งเวลา ทุ่มเท ต่อเนื่องไม่ ขาดสาย สงสารแต่วิชา “มนุษย์” ที่นับวันจะเลือนหายไป สิ่งเริงรมย์มากมาย สิ่งเพลิดเพลินนับไม่หวาดไหว เมื่อไหร่หนอที่จิตใจ-อารมณ์จะแจ่มใส พอจะหันมาฉุกเฉลียวคิด อะไรกันหนอชีวิตนี้ ? ไม่มีเวลา! อาจจะเป็นคำ�ตอบ แต่ความจริงเป็นเพียงแค่ปัดสวะ เพราะที่บอกไม่มีเวลาก็เพียง ไม่มีเวลากับสิ่งนี้ แต่กับสิ่งอื่นมีเวลาเหลือเฟือ! มันไม่มีค่าพอที่จะให้เวลาแก่สิ่งนี้ต่างหาก ทุกข์...เหน็ดเหนื่อย เกิดเป็นคนยากแค้นแสนลำ�บาก ไหนจะต้องต่อสู้กับดินฟ้าอากาศที่เป็น ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ยังจะต้องมาสู้กับพฤติกรรมนิสัยของคนเรา อย่างหลังนี้ชิยิ่งกว่ายาก ! เราอาจจะชนะจนเคยตัวด้วยการ “ปราบ” แต่จะมีสักกี่คนที่ชนะด้วยการ “ปรับ” ? ชีวิตประจำ�วันเรา “ปราบ” หรือ “ปรับ” มากกว่า ? หากไม่เคยคิดคำ�นึงก็ลองทบทวนจะ เป็นไรไป แต่อารมณ์พยศของคนเรา ที่เต็มไปด้วยความหยาบกร้าน มักจะพอใจใช้ “แรง” เข้าว่า แต่ เคยประเมินผลหรือไม่ว่าสำ�เร็จสักกี่ชิ้น ?

30 ถ้อยคำ�สิริมงคล


ปราบลูก ปราบสามี ปราบภรรยา มีอะไรก็พูดไปเลย ว่าออกไปตรงๆ เร็วดี รู้เรื่องดีออก แต่ ถามใจดูได้ผลไหม ? อย่าลำ�เอียงอำ�พราง ถ้อยคำ�สิริมงคลเจตนาดึงชีวิตให้มองตน เราจึงพยายามปรับๆๆ จนสั่งสมเป็นนิสัย เหตุการณ์หลายๆ เหตุการณ์อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่อีกมากมายหลายเหตุการณ์ที่เลี่ยงไม่ได้ เราจะทำ�อย่างไร ? คำ�เตือนตน เตือนสติ วันนี้ในช่วงอากาศร้อนระอุ สัญลักษณ์วันโลกแตกเขยิบเข้ามาอีก ก้าว... “อย่าไล่ให้จนตรอก” กับคนที่พลาดพลั้ง ไม่มีทางต่อสู้แล้ว หรือรู้ทั้งรู้ว่าแพ้แน่ๆ เราจะมีทางออกให้เขาได้ไหม ? สุนัขจนตรอกเมื่อถึงทางตัน คติประจำ�ใจคือ “ตายเป็นตาย” ไม้ล้มข้ามได้ คนล้มอย่าข้าม เพราะสักวันที่เขาลุกขึ้นได้ อะไรจะเกิดก็ย่อมเกิด “อย่าไล่ให้จนตรอก” นักเลย ทุกคนมีศักดิ์ศรี มีความหยิ่งในตัวเอง แม้บางคนจะ ไม่มีอะไรให้หยิ่งเลยก็ตาม “ฆ่าได้ หยามไม่ได้” สุภาษิตนี้มิใช่ของลูกผู้ชายผูกขาด แต่แม้เป็นลูกผู้หญิงก็เหมือนกัน เพราะทุกคนต่างก็รักตนรักตัว ความทระนงในความเป็นตัวเองเข้มข้นยิ่งกว่ากาวเหนียว ชีวิตราคาไม่เท่าไหร่หรอกแต่ “เกีย ติของฉัน” นี่ซิ ยิ่งใหญ่มหาศาลกว่าหลายเท่า หลายๆ ชีวิตจึงยอมฆ่าตัวตายดีกว่าทนให้หยามหยัน และหลายชีวิตจึงฆ่าคนอื่นซะเลย ด้วย ความคับแค้น “อภัย” กำ�ลังขาดแคลน จิตวิญญาณคนเต็มไปด้วยความพยาบาท จึงยากนักที่จะอ่อน โยนแก่ฝ่ายตรงข้าม แกร้ายกับฉัน หากฉันมีโอกาส ฉันจะต้องคิดบัญชีแน่นอน พระเยชูเจ้า ศาสดาชาวคริสต์เปล่งอาสภิวาจาสุดท้ายก่อนสิ้นพระชนม์ขณะตัวถูกตะปูใหญ่ ตอกตรึงบนกางเขน “พระเจ้าโปรดยกโทษให้เขาเพราะพวกเขาไม่รู้ว่ากำ�ลังทำ�อะไรลงไป” ท่านกลับขอให้อภัยแก่คนปองร้ายท่าน ! ชีวิตดีๆ ที่น่าเป็นตัวอย่าง มักจะไม่ค่อยประทับใจเท่ากับชีวิตที่ร้ายๆ ห้าหั่น อย่างไม่เลิกรา “อย่าไล่ให้จนตรอก” เราล้ม เราก็คงไม่อยากให้ใครมาย่ำ� คนเราทำ�สิ่งใด ก็ต้องระวังกฎ แห่งกรรมเช่นเดี่ยวกัน ขอทางออกบ้างเถิด อย่ารุกขยี้ต้อนเข้ามุมจนไม่มีทางออก

ถ้อยคำ�สิริมงคล 31


ผิดแล้วก็ต้องให้อภัย ไม่เป็นไร ลืมเสียเถิด ถึงจะเป็นเรื่องอื่น ก้อย่าบังคับข่มขู่มากเกินไป ถือว่าเป็นลูก...ถือว่าเป็นสามี ถือว่าเป็นภรรยา...ถือว่าเป็นบริวารของเรา จะสั่งการ จะทำ�การตามอำ�เภอใจของเราได้อย่างนั้นหรือ ? ชีวิตหนอชีวิต โปรดให้โอกาส ให้อิสระกันบ้าง หม้อเหล็กหม้อโลหะยังระเบิดสนั่น เมือง จิตใจคนมิใช่เหล็กไหล จะทนได้สักกี่น้ำ� ? อย่าเลย อย่าไล่ให้จนตรอก โปรดเมตตา มีน้ำ�ใจกันบ้าง เขาอาจจะไม่เคยมีน้ำ�ใจกับเรา เขาอาจจะไม่เคยดีกับเรา แต่ถึงทีของเรา ก็ใช่จะต้องให้ดาบนั้นคืนสนอง เราไม่ใช่ผู้กำ�หนดกฎแห่งกรรมนะ ระวังเถอะ เผลอนิดเดียว จะกลายเป็นผู้ร่วมชะตากรรมกับเขา ให้เกียรติ... ให้เกียรติเขาสักนิด แม้เขาจะไม่มีเลยก็เถอะ สมัยสงครามโลกครั้งที่สองเป็นอย่างไร ญี่ปุ่นโหดเหี้ยมกับเราขนาดไหน แต่พอแพ้สงคราม คนไทยกลับแอบช่วยเหลือด้วยสงสาร นี่แหละน้ำ�ใจ นี่แหละคือจิตวิญญาณของผู้ที่มีศาสนา ประจำ�หัวใจ “อย่าไล่ให้จนตรอก”...เลิกกันเถอะ หากจะทำ�อะไรเพียงแค่สะใจ เพราะผลทีตามมาอาจเป็น ความเสียหายอย่างใหญ่หลวง โลกนี้มีแรงกดดันมากพอแล้ว อย่าได้เพิ่มแรงกดดันให้มากกว่านี้กันอีกเลย นั่งลง สำ�รวจตน ทั้งที่บ้าน ที่ทำ�งาน เราได้บีบคั้นใครมากเกินไปหรือไม่ ? เราได้เยาะเย้ย ถากถาง อย่าเอร็ดอร่อยไปแล้วกี่คน ? เราได้ใช้อำ�นาจบาตรใหญ่ไปแล้วกี่ราย ? เราได้ประจานเขาด้วยความสมน้ำ�หน้าไปแล้วกี่ครั้ง ? เราได้ ไล่เขาให้จนตรอก ไม่มีทางออกกี่มากน้อย ? เจาะช่องสักหน่อย ผ่อนคลายความกดดัน โลกรื่นรมย์ก็เพราะความมีน้ำ�ใจ ไม่ถือสาต่างหาก ให้เกียรติ...ให้โอกาสเขาบ้าง บางคนเขารู้แล้วนะ แต่ต้องถึงกับให้เขาเอ่ยปากเป็นวจีกรรม หรือแสดงออกมาเป็นกายกรรมเลย จำ�เป็นหรือไม่ ? ลองชั่งตวงดู ไปขอทาเขาเดี่ยวนี้ต่อหน้าธารกำ�นัล !

32 ถ้อยคำ�สิริมงคล


พูดมาเลยว่าคุณผิด ! แปลกจริงนะคนเรา เวลาได้รับพฤติกรรมตัวนั้นไปเที่ยวบดขยี้คนอื่นเหมือนกัน กรรมชั่วที่ใช้ความชั่วตอบโต้มันไม่หมดสิ้นหรอก มันยังเป็นสังสารวัฏวนเวียนเป็นกงกรรม กงเกวียน เกิดแล้วๆ เล่าๆ ตัดวัฎฎะนั้นเสีย อย่ามัวหลงบ้าอำ�นาจ อย่างน้อยลองมาเริ่มเป็นคนใจดีกันบ้าง ด้วยการให้ เกียจติ ให้อภัย และให้โอกาสเขาบ้าง เอานะ ลองฝึกดู “อย่าไล่ใครให้จนตรอก”

ถ้อยคำ�สิริมงคล 33


{

{ เขามีบุญคุณ

ความเป็นอัจฉริยะของมนุษย์เรายอดเยี่ยม เหล็กหนักเป็นตันก็สามารถพาพุ่งทะยานสู้อวกาศ ธรรมชาติที่ไหลเรื่อย กลับถูกดัดแปลงก่อประโยชน์การงาน โรคร้ายสารพัดทยอยพ่ายแพ้มันสมองของมนุษย์ อะไรคือความสำ�เร็จ หากมิใช่ความเป็น “นักสังเกต?” ชีวิตคือบทเรียนเล่มยักษ์ ที่แม้พลิกจนหมดลมหายใจก็ยังไม่จบเล่ม ผู้หมั่นสังเกต ย่อมง่ายดายที่จะเอาชนะอุปสรรค และประสบความสุขของชีวิตอย่าง เป็นสูง อย่ามัววุ่นวาย อย่ามัววิ่งตามชีวิตผู้อื่น หายใจยาวๆ ช้าลงเสียบ้าง และสังเกตสิ่งที่อยู่รอบตัว สรรพสิ่งมีคำ�ตอบอยู่ในตัวของมัน แต่เพราะความเร็วต่างหากที่ทำ�ให้เรา “อับจน” รหัสชีวิต รอผู้เฉลยปริศนา หากอยากจะเป็นคนหนึ่งที่สามารถเฉลย ก็ขอให้หัดช้าลงเสียบ้าง อย่าวิ่งแข่งกับใคร จง แข่งกับตัวเอง ด้วยความถ่อมตน มิใช่อหังการ อีกไม่นานก็ใกล้จะสิ้นปี คงจะต้องทบทวนงบดุลชีวิตครั้งใหญ่

34 ถ้อยคำ�สิริมงคล


สรุป-ประเมิน-กำ�ไร-ขาดทุนเท่าใด ? พลาดพลั้งจุดไหน ? บกพร่องสิ่งใด ? เส้นทางแห่งการดำ�รงชีวิต เราต่างต้องพึ่งพากันและกัน ไม่มีใครอยู่โดดเดี่ยว เติบโตมาได้ขณะทุกวันนี้เป็นหนี้ใครบ้าง รู้หรือไม่ ? เจ้าหนี้ของเรามีมากมายมหาศาลเต็มบ้านเต็มเมือง สิ่งใดที่นำ�มาดำ�รงชีวิต แม้จับจ่ายซื้อหา ก็มิใช่จะหมดความผูกพันต่อกัน เงินมาของไป เป็นสมมติสัจจะในโลก ที่มนุษย์เพียงแต่กำ�หนดขึ้น แต่โดยเนื้อแท้ เราเป็นหนี้กันและกันแห่งการดำ�รงชีวิต สังสารวัฏกว้างไกล ชีวิตของเราชีวิตเดียว เป็นทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้มหาศาล หลับตาทบทวน สรรพเจ้าหนี้ยาวเหยียดสุดขอบฟ้า นับตั้งแต่ชาวนา ชาวไร่ คุณครู คุณ หมอ พ่อค้าแม่ค้า ผู้บริการ คนใช้ พ่อ แม่ สามี ภรรยา ฯลฯ กตัญญุตาเป็นคุณสมบัติของคนดี มีแต่คนเลว ที่มักไม่ยอมระลึกถึงความดีของผู้ใด “เขามีบุญคุณ” คิดอย่างนี้จะหายเหย่อหยิ่ง จองหอง อยู่บ้านราคาล้าน นั่งรถเก๋งคันยาว จะได้คลายความยโสลงบ้าง คนมีบุญคุณกับเรา เราจะเกรงใจ เราไม่โกรธไม่ลง เกลียดไม่ได้ เมื่อใดก็ตามที่โกรธแน่นแค้นเคืองผู้มีพระคุณ เมื่อนั้นเราก็คือ “ทรพีของแผ่นดิน” คนเนรคุณชีวิตมักอาภัพ เมื่อเขาไม่เห็นคุณค่าของคนที่เคยดีกับตัวเขา แล้วเขาจะให้ใครมาเห็นคุณค่าในตัวเองเล่า ? สังคมเต็มไปด้วยไฟประลัยกัลป์ ลูกไม่คิดถึงพระคุณพ่อแม่ สามีภรรยาไม่เคยระลึกถึงบุญคุณต่อกันและกัน โลกกำ�ลังใกล้จะแตก ธรรมคุ้มครองโลกเสื่อมสลาย ธรรมคุ้มครองความเป็นคนดี ฉิบหาย เสียแล้ว “เขามีบุญคุณ !” เตือนตนเพื่อระวัง ความดูหมิ่นดูแคลน ความเหยียดหยาม ระงับความเกรี้ยวกราดที่จะระเบิดออกไปในไม่ช้า สิ่งที่กระทำ�ออกมาตลอดกลับไม่มีคุณค่าให้เราต้องเกรงใจกระนั้นหรือ กรรมนี้มีผล เราตอบแทนความเจ็บปวดให้แก่ศัตรู ก็ยังไม่บาปหนัก

ถ้อยคำ�สิริมงคล 35


หากเป็นผู้มีบุญคุณกับเรา จะบาปกรรมเพียงไหน ? “เขามีบุญคุณ” สงบสติอารมณ์ นั่งระลึกทบทวน เตือนสติแห่งตน เห็นความดีของเขาหรือ ของเธอหรือของท่านให้ปรากฏ ภาพร่ามัว เพราะเราไม่ค่อยได้ระลึก ใครร้ายกับเรา จงอย่าจำ� แต่ใครดีกับเรานั้น ต้องประทับไว้ที่จิตวิญญาณตลอดชีวิต ตราบ ตายตราบเกิด “เขามีบุญคุณ” ถึงจะทำ�ไม่ถูกใจ ถึงจะแก่งกเงิ่น ถึงจะเป็นยายเพิง ถึงจะดูแคลนเรา แต่สิ่ง ต่างๆ ทั้งหมด ไม่มีคุณค่าควรแก่การอภัยเลยใช่ไหม “กลับใจคือฟากฝั่ง” ยังไม่สายสำ�หรับผู้สำ�นึกบาป องคุลีมาลเลวสุดเลว ยังกลับใจบวชเป็นสมณะผู้สันโดษเข้าถึงฝั่งแห่งนิรทุกข์ เรามิได้หนักเท่าท่าน กรรมไม่ดำ�มืดเท่าท่าน จะมัวกลัวเสียเวลาอยู่ทำ�ไม ? “เขามีบุญคุณกับเรามาก่อนนะ จะบอกให้” หัดเกรงใจ หัดรู้พระคุณ จงให้เกียรติ จงให้เวลา จงให้ความเคารพนับถือ จงให้น้ำ�ใจที่ชุ่มฉ่า อย่าก้าวร้าว อย่ากระโชกโฮกฮาก อย่าได้ทำ�ให้เขาบาดเจ็บหัวใจอีกต่อไปเลย มิฉะนั้นแล้ว สักวันเราจะซาบซึ้งกับคำ�ว่า “คนไม่มีญาติ” เพราะเราได้ตัดญาติผู้มีพระคุณแล้วจริงๆ อย่าหลงระเริงคิดว่าตัดญาติคนเดียว เรายังมีญาติอื่นๆ อีกหลายคน กฎแห่งกรรมเป็นเรื่องลึกซึ่ง หมอชีวกโกมารภัจ เพราะเคยเอาลูกคนอื่นไปทิ้ง สุดท้าย ท่านต้องกลับมาเกิดเป็น “บุญทิ้ง” ชาติแล้วชาติเล่า เป็นลูกไม่มีพ่อสุดแสนขมขืน นี่มิใช่คำ�ขู่ แต่ทำ�กับใคร กรรมนี้ไม่มีสูญหาย สักวันเราจะต้องรับกรรมที่เหมือนสุนัขข้างถนนจริงๆ จะมีญาติก็แต่กตัญญูกับปอเต๊ก ตึ้งเท่านั้น ที่เป็นญาติแท้ๆของคุณ เราเตือนคุณแล้ว !

36 ถ้อยคำ�สิริมงคล


{

{ อดทนเถอะนะ

สบายดีหรือ ท่านทั้งหลาย ? อยู่ชนบทก็คงสบายกว่าชีวิตในเมืองที่เต็มไปด้วยมลพิษ แต่นั้นก็คือชีวิตที่ยากจะหลีกเลี่ยง รถติด คนขับไร้มารยาท มอเตอร์ ไซค์ปาดฉวัดเฉวียน เสียงผัวเมียทะเลาะกัน ฯลฯ มองสังคม มีแต่คนเห็นแก่ตัว มองเพื่อร่วมงาน มันเอาเปรียบ มองข้างบ้าน ชอบถือวิสาสะ ไม่เกรงใจ แล้วเคยมองตัวเองแค่ไหน ? อย่าปล่อยความคิดสีด�ำ หลัง่ ไหลไปกับกระแสโลก อยู่ในโลก มิใช่ให้ทอ้ แท้แต่ควรมีก�ำ ลังใจ ภาพชีวิตภาพเดียวกัน นักถ่ายรูปอาชีพ เขาถ่ายภาพจับมุมออกมาสวยสด ภาพชีวิตหลากหลายมุม เราทุกคนคือนักถ่าย สำ�คัญอยู่แต่จะเลือกสวยหรือน่าเกรียดออก มาดูกัน

ถ้อยคำ�สิริมงคล 37


เป็นเจ้าของชีวิต จึงต้องฉลาดที่จะจัดการชีวิต อย่างมองโลกเศร้าหมองสีดำ� มอง ทำ�ไมให้ใจมันหม่นเศร้า ? ชีวิตเบื่อเซ็ง ต่อมร่างกายจะพากันขับสารพิษออกห่อหุ้ม เราจะอยู่ได้อย่างไร ? ชีวิตนี้มีปัญหา ชีวิตมีความทุกข์ ก็จริง แต่นั้นคือภาวะปกติของชีวิต เพราะมัวมองโลกนี้สดสวย โลกนี้ต้องถูกใจฉัน สุดท้ายฉันก็ต้องเข้าโรงพยาบาลประสาท แกร่งดั่งเพชร เธอทั้งหลายแกร่งกร้าวที่จะไขว้คว้าสิ่งปรารถนา แต่กลับเปราะบางยามไม่ สนใจ อะไรจะขนาดนั้น ? อดทนหน่อยนะ ชีวิตไม่อดทน มันก็ไม่ใช่ชีวิต ชีวิตไม่รู้จักการอดทน ก็เป็นชีวิตไร้ค่า เป็นแค่กากเดน บรรพชนแก่เฒ่า ผ่านร้อนหนาวมามาก ผ่านความอดทนเป็นเข่ง เขาจะเป็นคนมีคุณค่าต่อผู้ เดินตามภายหลัง “อดทน !” “อดทน !” “อดทน !” ขมขื่นหัวใจมากสินะ แต่คนเราหากเกลียดคำ�สองพยางค์นี้ ใครเล่าจะอยากคบหา ความอดทนเป็นอาภรณ์สวยงามที่สุดในโลก ความอดทนเป็นตบะอันยิ่งของนักปฏิบัติธรรม ก็สิ่งใดเล่าจะได้มาง่ายๆ คล่องคอ ? ของมีค่า ไม่ฟันฝ่า ยื่นมือคว้า เมื่อไร จะได้ ? “อดทนเถอะนะ” เกิดเป็นคนต้องฝึกอดทน ความอดทนเปรียบเสมือนต้นไม้ที่หมั่นรดน้​้ำ� พรวนดิน ให้มันค่อย ๆ เติบโตแก่กล้า “อดทนเถอะนะ” เพราะบางทีอนาคตของเราทั้งอนาคต ก็ฝากไว้กับปราการด่านนี้ บนสังคมไหลเลื่อน บนสะพานแห่งความหลงใหลความสุขสบาย คำ�ว่า “อดทน” จะดูกลาย เป็นถ้อยคำ�อัปมงคลไปเสียแล้ว ! ขอโทษที่เผลอทำ�ไปแล้ว แต่คนเราจะอดทนให้อภัยได้กี่ครั้ง ? เพราะไม่อดทน จึงประทุษร้ายด้วยกายกรรม เพราะไม่อดทน จึงทิ่มแท่งด้วยหอกปาก คนทำ�มักจะลืม แต่คนถูกกระทำ�จำ�จนวันตาย หัดอดทนอดกลั้นสักหน่อย ชีวิตน้อยๆ จะเหมือนเรือติดใบแล่นฉิว เตือนตัวเองให้มาก “ อดทน ๆ” ไว้ก่อนสถานการณ์คลี่คลาย ความสดชื่นจะไล่ตามมา “อดทน” ยาดำ�แห่งการปฏิบัติสู่เส้นทางสีขาว “อดทน” ยาดำ�แห่งเส้นทางชัยชนะของชีวิต

38 ถ้อยคำ�สิริมงคล


อย่าเลยนะ อย่ารังเกียจใครที่มาทำ�ให้เราไม่ถูกใจ อย่าเลยนะ อย่ารังเกียจ แม้ใครจะร้ายกับเรา ชีวิตยังอีกไกล ยังต้องมีเสบียง อาหารเพื่อ รอนแรม แล้วจะมีอาหารใดเล่าเยี่ยมยอดสรรพคุณเท่า “อดทน” เห็นคุณค่าของความอดทนให้เด่นชัด ทุกคนต่างส่งโจทย์ให้เราฝึกฝน เพื่อที่จะต้องทนใน เรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ในภายภาคหน้า จะกินจะอยู่ จะหลับจะนอน อย่าสำ�รวย อย่าช่างเลือกอะไรทันได้ก็ต้องหัด คนไม่เคยหัดอดหันอดทน สุดท้ายฆ่าตัวตายก็มากโข อดไว้กลั้นไว้อย่าลุแก่อารมณ์ เหตุการณ์ เหตุการณ์ที่เร่าร้อนผ่านไป ทุกอย่างก็แสนจะ สดชื่น ดีแล้วหละที่ไม่ทำ�อะไรลงไปในวันนั้น อดไว้ ทนไว้ บรรดาคุณพ่อคุณแม่ช่างสอนทั้งหลาย อย่าสอนลูกพร่ำ�เพรื่อเพียง เพราะไม่ถูกใจ ยิ่งสอนก็เหมือนผู้ใหญ่ขี้บ่น แล้วลูกจะดื้อๆ กว่านี้อีกหลายร้อนเท่า เคล็ดลับแห่งการเอา ชนะมีทางเป็นไปได้ แต่ต้องศึกษาและใจเย็น... รู้จักรอคอย ทำ�อะไรด้วยเหตุผล กับทำ�อะไรด้วยอารมณ์เพราะทนไม่ ได้ คุณค่าต่างกันสุดโลก ทนบ่อบๆ ทนอย่างเห็นคุณค่า ต้นไม้แห่งความอดทนจะงอกงามแข็งแกร่งรากแก้วจะหยั่งลึก สู่ก้นบึ้ง แต่หากจำ�ใจทน ทนจำ�ใจ ก็รังแต่ตกสู่เหวลึก “อดทน อดทนเข้าไว้” รักความอดทนให้มาก เพราะเจ้าตัวนี้แหละจะพาชีวิตขดด้ายอัน ยุ่งเหยิงให้อยู่เป็นระเบียบสวยงาม ปีใหม่ ชีวิตใหม่ ลองฝึกความอดทนกันสักทีดีไหม ? ลองหาอะไร ลองดู ลองพวกแย่ๆ ก็มากแล้ว มาลองหัดอดทนกับชีวิต ของตัวเองปะไร ร้อนนิด ก็อดทน หนาวนิด ก็อดทน เค็มไปก็ทนกินหน่อย พูดไม่เข้าหู ก็ทนให้สบาย แล้วเราจะรู้ ว่าชีวิตนี้รื่นรมย์กว่าที่คิด พลังแห่งความอดทนที่สะสมมาตลอด จะทำ�ให้เราแบกปัญหาของชีวิตได้มากมายอย่างน่า อัศจรรย์ “ฉันรักความอดทนจริงๆ !”

ถ้อยคำ�สิริมงคล 39


{

{ อย่าใจแคบ

ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน คนอย่างไร ? เข็มแข็ง... อดทน... หรืออ่อนแอ ดีหรือเลว... แกร่งหรือเปราะบาง ผู้มี สัญชาติแห่งคนตรง จะยินดีทุกครั้งเมื่อพบจุดบกพร่องของตัวเอง ประดุจเจอขุมทรัพย์ มีแต่คนไม่อยากพัฒนา ไม่อยากเก้าหน้าเท่านั้นที่เบื่อหน่ายต่ออุปสรรค เบื่อหน่ายต่อการค้นพบความจริงของตัวเอง ว่าไม่สวยเท่าที่คิด การกล้าเผชิญกับความจริง จะฝึกจิตของเราให้แข็งแกร่งราวกับเหล็กเพชร ไม่มีอะไรสุดเศร้าไปกว่าคนที่หลอกตัวเอง หลอกว่าตัวเองดีพร้อม ทั้งๆ ที่บกพร่องมากมาย หลอกว่าตัวเองเก่ง ชาญฉลาดทั้งๆ ที่ก็แค่นั้นๆ ยอมรับความจริง เราล้วนพิกลพิการ จะต่างกันก็ตรงที่พิการส่วนไหน เธอ...มือ ฉัน...เท้า เธอ...ตา ฉัน...แขน โธ่เอ๋ย คนพิการนินทาคนพิการ คนขี้เรื้อนนินทาตนขี้เรื้อน !

40 ถ้อยคำ�สิริมงคล


นี้คือตลกของโลกอีกบทหนึ่ง อย่าหวั่นใจ อย่าหวั่นไหว ! โลกนี้มีนานแล้ว อยู่เฉยๆ ก็ถูกด่า ไม่อยู่เฉยน่ะ ถูกด่าเป็นธรรมดาอยู่แล้ว หวั่นไหว...ท้อแท้บ้างไหม ? หากเป็นคนดี จะหยุดพูด จะเบื่อ จะเลิกได้อย่างไร ? เส้นทางแห่งความดี พญามารมักหลอกล่อให้หลงทางเสมอ จอมมาร เรื่องอะไรจะให้คนเราสะสมความดี มีแต่จะให้เราเลิกรา ถอยเข้ารูเข้าถ้ำ�เสียมากกว่า “ดี” เมื่อมั่นใจต้องรู้คุณค่า อย่าเป็นคนพาลเหมือนนักการเมืองบางคนที่สอบตก แต่กลับ หลงเพ้อเสียสละไปทำ�ไมมากมาย ไม่เห็นได้อะไร ? อย่างน้อย ดีเพราะไม่ช่วยคนอื่น ดีเพราะเราได้ฝึกเสียสละ ได้ฝึกสั่งสมกรรมดี ก็ดีขนาดนี้ไยจะคิดเลิก “อย่าใจแคบ !” ขอร้องอย่าใจแคบอยู่เลย คนดีๆ น่ะ ใจแคบระดับธรรมดา เขาไม่มีหรอก ตระหนี่ถี่เหนียว งก หวงแหนเขาไม่มีกันหรอก ใจกว้างประดุจแม่น้ำ� แต่คนดีก็ยังพัฒนาคุณธรรมไม่มีสิ้นสุด ขณะทำ�งานก็ “อย่าใจแคบ” ใจต้องกว้าง กล้าให้เขาลองผิดลองถูก อย่าหลงฝีมือตัวเองจนคนอื่นหมดโอกาสแสดง ละครสนุกเพราะมีนักแสดงหลายคน หากเล่นอยู่คนเดียวใครจะเล่าจะชื่นชม ? ให้โอกาสผู้อื่นทดลอง ผิดถูกก็ต้องฝึกหัด เพื่อนเรา ลูกน้องเรา จะได้โตขึ้นๆ ให้โอกาสเขาคิด ให้โอกาสเขาพูด ให้โอกาสเขาแสดง แล้วจะเติบโต จะเชื่อมั่น จะเป็นคนที่มีความสามารถ คนใจแคบคือคนที่ใจดำ� และจะปิดกลั้นมิให้ผู้อื่นเจริญงอกงามในทุกๆ ด้าน “อย่าใจแคบ” จงใจกว้างอย่างแม่น้ำ� ไหลไปๆ เย็นสบาย ไม่อึดอัด แม้คำ�ติฉัน คำ�นินทา จะพุ่งมาประดุจหอกโมกขศักดิ์ อย่ากลัว อย่าหวั่นไหว พิษสงหอกปาก เจ็บก็เพราะ “เราไม่ยอม” ต่างหาก หอกปากเหล่านี้จะไร้พิษสงในทันใด เมื่อจิตใจเปิดกว้าง ยอมรับ

ถ้อยคำ�สิริมงคล 41


แปลก แต่ก็เป็นเรื่องจริงนะเออ ยิ่งทำ�งาน ยิ่งบุกบั่นฟันฝ่า โอกาสผิดพลาดย่อมมีมากเป็นเงาตามตัว โอกาสที่คนเราจะชิงชัง ก็พลอยฟ้าพลอยฝนงอกเงย โธ่เอ๋ย ไปเพิ่มงานให้เขา ไปทำ�ให้เขาต้องเหน็ดเหนื่อยเมื่อล้า ! “อย่าใจแคบ” เมื่อเคลื่อนไหวย่อมต้องเกิดกระแสลม ทำ�สิ่งใดก็ย่อมมีปฏิกิริยา หากใครริเริ่มสร้างสรรค์ หากใครมีเจตนาดีเพื่อส่วนรวม คงจะต้องใจกว้าง กว้างที่ใจให้มาก เพราะแน่นอน รางวัลที่ ย้อนกลับ คือ หอกปากมามายราวสายฝน “อย่าใจแคบเลย” ด่าได้ด่าไป ตำ�หนิไดตำ�หนิไป คนเรามีมุมมองต่างกัน คนเรามีผลประโยชน์ต่างกัน ย่อมขัดแย้งเป็นปกติเป็นธรรมดา เคารพความคิดเห็นของผู้อื่น เคารพความคิดของผู้แม้เป็นศัตรูที่ย้อนแย้ง อย่าหวั่นไหวในความขัดแย้งเพราะเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ พุทธธรรมอันประเสริฐ ยังอุตส่าห์แตกออกเป็น ๒ นิกาย เถรวาท-มหายานิ นั่นคือ อรหันต์ นับประสาอะไรกับเราที่อวดดีถือตัว มิให้คนย้อนแย้ง นินทา ! “ด่าได้-ตำ�หนิ ได้” เป็นสิทธิ์ของเรา แต่เราซิ อย่านำ�มาทิ่มแทงให้ทุกข์ ใจ อย่าเป็นคนใจแคบ จะไปปิดกั้นกระแสความคิดของผู้อื่นได้อย่างไร ใครจะคิดอย่างไรก็เชิญคิด หากมั่นใจว่าดี ว่าถูกต้อง เดินหน้าต่อไป อย่าหวั่นไหว ! ค่าของความดี บางครั้งมิใช่พวงดอกไม้ แต่อาจเป็นหนอนบุ้ง แมลงมีพิษ คนดีมากมายถูกประชาทัณฑ์ฆ่าตาย หากหวั่นไหวเสียแล้วโลกคงไม่มีคานธี ไม่มีพระเยซู ไม่มีท่านนบี มหะหมัด และจะไม่มีพระโคดม และแม้วีรบุรุษใดๆ ! “อย่าใจแคบๆๆๆๆ” สังคมเลว มิใช่อะไร เพราะคนดีท้อแท้ต่างหาก

42 ถ้อยคำ�สิริมงคล


{

{

น้ำ�ร้อนปลาเป็น น้ำ�เย็นปลาตาย

อ.ตาคลี จ. นครสวรรค์ ๖๗+๓๗ ๑๑ ก.พ. ๓๔ สวัสดีค่ะ คุณสุวลี ดิฉันเป็นแฟนดอกหญ้าค่ะ ชอบอ่านมากค่ะ ตั้งใจว่าจะเขียนจดหมายมาคุยตั้งนานแล้ว ก็ ไม่ ได้เขียนสักทีเพราะความเฉื่อยชาฉ่ำ�แฉะของคนแก่วัย ๔๓ (เฉพาะดิฉันคนเดียว) คนอื่นๆ ในวัย นี้เขากำ�ลังไฟแรง แต่ดิฉันไฟหรี่อย่างมากๆ บางครั้งก็อยากให้มันมอดเสีย จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว คิดว่าหลายเดือนมาแล้วนะคะ ดิฉันได้รับ “ดอกหญ้า” ฉบับ “พักหัวใจ”และก็ ได้อ่านเรื่องที่คุณเขียน “ถ้อยคำ�สิริมงคลอย่าไล่ให้จนตลอก” ชอบมาก ตอนอ่านนะคะ ประทับใจมากและคิดว่า แหม ! คุณช่างเขียนได้ดีและถูกใจจริงๆ ตรงกับ สภาพสิ่งแวดล้อมที่บ้าน ซึ่งดิฉันก็จะต้องเป็นผู้อดทนและอดกลั้น ต่อความประพฤติและการก ระทำ�ของสามีที่บ้าน ตอนที่อ่านใหม่ๆ นะคะ ก็ใจดี ทนต่อสิ่งที่เราไม่พึงใจ และคิดเสียว่าสักวันหนึ่งฟ้าคงจะเป็นสี

ถ้อยคำ�สิริมงคล 43


ทอง แต่พอนานๆเข้า ห่างหนังสือไม่ได้อ่าน ความโง่เขลา ความงี่เง่าเข้าข้างตัวเอง คุณเอ๊ย ! เกิดเรื่องขึ้นจนได้ แทบจะถูกฆ่าตายด้วย .๓๘ จะเล่าสาเหตุที่จะถูกยิงตายด้วย .๓๘ ให้ฟังแก่เซ็ง (ของตัวเอง) สามีดิฉันตกงาน ไม่มีงาน ทำ�ตั้งแต่ปี ๓๐ ความรู้น้อย รสนิยมสูง รูปร่างดี แต่งตัวดี พูดจากับคนอื่นสุภาพมาก เลือกงาน เงินเดือนน้อยไม่ทำ� ทั้งที่เรียนมาน้อย เมื่อปี ๒๖ เขาเคยไปขุดทองซาอุฯ หน้าที่กุ๊ก ไปทำ�ได้ ๑ ปีกับ ๓ เดือน ก็ถูกส่งกลับมาเพราะ เขาชอบนอนตื่นสายเป็นประจำ� ตื่น ๗-๘ โมง ถ้าเมาก็ ๙ โมง ถ้าเมามากก็ตื่นเที่ยง นี่เรื่อง จริงนะคะ มันเป็นปัญหาหนักอกของดิฉันมาตลอด จนลูกๆ พากันเอาอย่างพ่อ ตอนอยู่ซาอุฯ เขาไปทำ�งานไม่ทันเป็นประจำ� ทั้งทีมีนาฬิกาปลุก ปลุกแล้วไม่ลุก เพื่อนร่วม งานเขาทนไม่ได้ก็ฟ้องฝรั่ง ก็โกธรเขา ต่อยกัน ฝรั่งเลยส่งกลับกลับมาอยู่เมืองไทยก็ล่องลอย เป็นพวงมาลัย มีเงินติดตัวมา ๒ หมื่น อวดเป็น นักเลง เที่ยวบาร์ กินเหล้า ๒ เดือนเงินหมด ต่อ มาดิฉันก็กู้สหกรณ์ให้ลงทุนค้าขาย ทำ�อย ๕-๖ เดือน ขาดทุนย่อยยับเพราะติดเหล้า ตกเย็น ต้องพาลูกน้องกินเหล้า กว่าจะกลับบ้าน ๓๔ ทุ่มเป็นประจำ� ว่าหรือเตือนอะไรไม่ได้ เขาจะไม่ พอใจและก็จะไม่ออกไปขายของ ทุนหายกำ�ไรหด คือเขามีรถปิกอัพคันหนึ่ง ซื้อพวกผักผลไม้ตระเวนขายตามตลาดนัดต่างๆ พอทุนหมด ไม่มี เงินซื้อของ ก็อยู่เฉยๆ เขาก็ ไปอยู่กับเมียน้อย ลอยไปลอยมา ระหว่างบ้านเมียน้อย-เมีย หลวง จนกระทั่งปลายปี ๓๐ เขาก็มาอยู่กับดิฉันค่อนข้างนานหน่อย เขาบอกรำ�คาญเมียน้อยขี้ หึง เดี๋ยวนี้ก็ ๒-๓ เดือน เขาก็จะนัดเจอกันสักที แต่เขาไม่ยอมกลับไปอยู่ด้วย ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน เขาไม่ทำ�อะไรเป็นเรื่องเป็นราว เขาเลี้ยงไก่ชน ออกไปตีตามบ่อน เป็นประจำ� ขอเงินถ้าไม่ให้ก็ทะเลาะกันหรือไม่ก็เล่นบอกว่าขอยืมก่อน แล้วใช้บ้างไม่ใช้บ้างจนเบื่อ หน่าย บอกเตือนก็ ไม่สนใจ ผลสุดท้ายเขาขายรถ เก็บเงินเอง กิน เที่ยว เล่นไก่หมด เข้ารูป เดิมคือขอยืมดิฉันอีกจนรำ�คาน พูดว่าอะไรไม่ได้ ดิฉันก็เขียนข้อความว่าเขาแปะตามฝาบ้าน เขา ก็แกะออกไม่ว่าอะไร จนกระทั่งครั้งสุดท้ายเมื่อเดือน ม.ค.๓๕ ดิฉันก็เขียนแปะไว้อีกว่า “ไม้อ่อนดัดง่าย ไม่แก่ดัด ยากฉันใด เด็กๆ ย่อมสอนได้ คนแก่หัวหงอกย่อมสอนไม่ได้ฉันนั้น” เขาโกรธมาก เขาเมากลับ มาบ้านตอนเที่ยงคืนกว่าๆ กลับมาตะโกนด่าดิฉันซะเอ็ดไปหมดว่า “มึงด่ากูทำ�ไม กูไปทำ�อะไรให้ มึง... ฯลฯ” แล้วก็คว้าปืน.๓๘ ออกมาจ่อ ขู่จะยิง แต่ก็ ไม่ยิง

44 ถ้อยคำ�สิริมงคล


ดิฉันนอนอยู่ก็เกิดความหวาดเสี่ยวเอาผ้าคลุมหัว เอ้า จะตายเป็นตายไม่ขอร้องใดๆ ทั้ง สิ้น แต่จะตายก็ ไม่อยากเห็นภาพที่หวาดเสี่ยว ทำ�ไมไม่ยิงก็ ไม่รู้ เขาน่าจะยิงให้ตายทั้งแม่ทั้งลูกใน วันนั้น หลายวันต่อมา ดิฉันก็มาใคร่ครวญคิดดูว่า เป็นเพราะดิฉันไปยั่วประสาทเขาก่อนมั้ง ลืม ข้อความของคุณ “ถ้อยคำ�สิริมงคล อย่าไล่ให้จนตรอก” จึงเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น มัน ร้ายแรงมากสำ�หรับจิตใจของดิฉันและลูก จนบัดนี้เรายังไม่พูดกัน ต่างคนต่างสวนทางกันก็ ไม่ มองหน้ากัน ดิฉันคิดว่าจะไม่ไยดีเขาอีกแล้ว เขาก็คงจะหยิ่งในศักดิ์ศรีละมั้ง เขาก็ ไม่สนใจ ดิฉันเหมือนกัน ลูกคนโตอายุ ๒๓ ปี อยู่ต่างจังหวัด ไม่รู้เรื่อง มีแต่ลูกคนเล็กอายุ ๑๐ ปี เขาเห็นเหตุการณ์ เขา ร้องไห้ ตอนนี้ก็ใช้ลูกเป็นสื่อกลาง บางครั้งอยากจะละทิฐิ จะไปพูดดีกับเขาก่อน อยากอภัย แต่ก็ยัง จดๆ จ้องๆ แล้วก็คิดว่า เชอะ ! เคยตัว เป็นไงคะ เรื่องส่วนตัวของดิฉัน น่าเบื่อหน่ายไหม ดิฉันใช้เวลาเขียนหลายวันกว่าจะจบได้ ไม่ ทราบว่าข้อความจะต่อเนื่องกันรึเปล่า... ดิฉันเขียนมามากแล้ว เห็นจะจบเสียทีนะคะ ขอบคุณมากที่คุณกรุณาสละเวลาก่อน โชคดีนะคะ ๑๙ ก.พ. ๓๕

ถ้อยคำ�สิริมงคล 45


ฉบับนี้ว่างเว้นถ้อยคำ�สิริมงคลตอนต่อไป แต่เป็นการเล่าประสบการณ์หลังจากไปทดลอง ปฏิบัติ สอบได้-สอบตก ก็มาเล่าสู่กันฟัง สุวลีขอนำ�ลงเป็นแนวทางการศึกษา แต่ขออนุญาตสงวนชื่อที่อยู่จริงไว้ เพื่อความเหมาะสม หลายๆ อย่าง ปกติเรื่องส่วนตัวไม่มีใครอยากเล่าให้คนไม่คุ้นเคยฟังหรอก มีน้ำ�ก็ต้องมีคลื่น เกิดเป็นคนก็ต้องมีอุปสรรค นี่คือสัจธรรม เพราะเหตุนี้เองจึงไม่ควร ตื่นเต้นตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากนัก ความหนักแน่น อดทน รอคอย อภัย จะแก้ปัญหาได้สำ�เร็จ วิบากกรรมเป็นสิ่งมีจริง คนเราเคยทำ�อะไรไว้ในชาติเก่าๆ ใครจะไปรู้ หนี้เก่า จึงต้องวิ่งมา ปะทะ แต่เราก็ต้องใจนักเลง อาจหาญ มีหนี้ ต้องเต็มใจชดใช้ หนี้บางก้อนทยอยผ่อนส่งก็พอ เป็นไป แต่หนี้บางก้อนมาทั้งดอกทั้งต้น เจ้าของชีวิตก็จบสิ้นกันทีในทันใด อุปสรรคของชีวิตที่ยังไม่ถึงขั้นทำ�ให้เราล้มหายตายจาก จึงต้องมองในแง่ดี นั้นคือการผ่อน ส่งท่านเมตตาให้เราผ่อนน่ะ บางคนหนี้กรรมกับเพื่อนร่วมงาน บางคนกับคู่ครอง บางคนกับลูกๆ ฯลฯ แต่ไม่ว่าจะเกิดกับสิ่งใด เราไม่มีสิทธิ์โวยหรือท้อแท้ สร้างแต่กรรมดี และอย่าใช้อารมณ์ ปลงให้ ได้ อภัยให้เป็น หินหนัก ๑๐๐ กิโล ก็พลันจะ เหลือไม่กี่กิโลจริงๆ ความทุกข์หนักเท่าไหร่ตอบไม่ได้ ยิ่งไม่อยากเจอ ยิ่งอยากให้ ไปพ้นๆ ความหนักจะเพิ่มเป็น ทวีคูณ ใครๆ ก็เจอปัญหา เจออุปสรรค พระอรหันต์ เจ้าท่านก็เจออุปสรรคเหมือนเรา แต่ท่านไม่ เร้าร้อน อึดอัดที่ “จิตใจ” ต่างหาก การทำ�ใจยอมรับ ถือว่าเป็นมาตรการแก้ปัญหาอย่างหนึ่ง และความอดทน อด กลั้น อภัย ถือเป็นมาตรการต่อเนื่อง ที่จะทำ�ให้สัมฤทธิผล เหตุที่เรามักจะล้มเหลว ก็เพราะอดทนไม่ไหวก็มีมาก ทนได้ ๑๐-๒๐ ครั้ง ตบะแตก...กูไม่ ไหวแล้วโว้ย ! ปัญหาชีวิตมิใช่อยู่ที่การได้ “สะใจ” ความดีจะต้องต่อเนื่องสม่ำ�เสมอ ติดต่อกันไม่ต่ำ�กว่า ๑๐๐ ครั้ง ถึงจะชนะ

46 ถ้อยคำ�สิริมงคล


พฤติกรรมที่ ไม่ดีนั้นได้ แพ้ใจที ไรให้เริ่มนับหนึ่งใหม่ ! ลูกผู้ชายเขาว่า ฆ่าได้ หยามไม่ได้ แต่ความจริงลูกใครก็ตาม เขาไม่ยอมให้หยามกันหรอก ทุกคนมีอัตตา มีศักดิ์ศรี แม้จะเลวหาดีไม่ได้ เขาก็มีศักดิ์ศรีแห่งความเป็น “ตัวกู !” (อหังการมมังการ) การแกปัญหาระหว่างเรากับเขา ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม จึงดูถูก เหยียบหยามแม่น้อยนิดไม่ ได้เด็ดขาด เคารพศัตรู ให้เกียรติศัตรู แม้เขาจะไม่มีความเป็นคนก็เถอะน่า นักบริหารมือทอง ไปที่ไหนก็ ได้เป็นนักพัฒนาดีเด่น แต่หากขาดมนุษยสัมพันธ์การมีทีท่า เคารพให้เกียรติกันและกัน มือทองก็มือทองเถอะ พังทุกราย คุยกันเรียบร้อยก่อนเข้าห้องประชุม แต่กลับเอาขึ้นมาพูดอีก ผมคิดว่า คุณพูดรู้เรื่องเสียอีก - คนที่ทำ�ผิดกฎระเบียบ ผมไม่ทราบว่าพ่อแม่ได้อบรมมาหรือไม่ - ใครๆ เขาก็ทำ�ได้ ถ้าคุณไม่ได้ก็คงโง่กว่าปกติ ! - น้ำ�หน้าอย่างแก ไม่เห็นขาอ่อนฉันหรอก ! - จนแล้วเจียมตัวซะบ้าง อย่าสะเออะ ! - ทำ�กับข้าวแบบนี้หรอ ให้หมากินดีกว่า ! ฯลฯ เมื่อเริ่มดูถูก ลบหลู่หรือข่มเหงฝ่ายตรงข้าม เราก็จะไม่มีวันได้มิตรภาพตลอดไป อย่ามัวแต่แค่ขอ “สะใจ” ไม่กี่นาที เพราะคุณอาจจะได้ศัตรูตลอดชีวิต อารมณ์ถือสาจะทำ�ให้เรามัวเมา ชอบใช้คำ�พูดหรือแสดงท่าทางให้เขาเจ็บเล่น เกมชีวิตบทนี้ลึกซึ้ง เปรียบตัวเราเป็นนักมวยก็ “มวยฝรั่ง” ขณะที่มวยฝรั่งตรงข้ามเป็น “มวยไทย” เราผิดกติกาไม่ได้ แต่เขาผิดได้ตลอดเวลา ขอให้ทุกท่านโชคดี ไม่มีอะไรที่เราจะทำ�ไม่สำ�เร็จ “มีมิตร ๑๐๐ คนนับว่าน้อยเกินไป มีศัตรู ๑ คนก็นับว่ามากเกินไป”

ถ้อยคำ�สิริมงคล 47


{

{ ทำ�งานเพื่องาน

ความพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์ ความไม่ประสบสิ่งที่รักเป็นทุกข์ โลกเราก็มีแค่นี้แหละ หากยากทุกข์น้อยลง ก็คงต้องลดสิ่งที่รักลงไป ผู้มีรัก ๑๐๐ ก็จะทุกข์ ๑๐๐ ผู้มีรัก ๑๐๐๐๐ ก็จะทุกข์ ๑๐๐๐๐ ถ้อยคำ�สิริมงคลเป็นถ้อยคำ�เตือนสติ เพื่อปรับเปลี่ยนอารมณ์และที่สุดการปรับเปลี่ยนมุม มองของชีวิต วิชาวัตถุไปถึงดวงดาวใหญ่น้อย แต่วิชาชีวิตเพียงตื้นเขินยิ่งนัก พลังชีวิตทุ่มเทจนสุดโต่ง แต่น่าเสียดายที่ไปผิดทาง ชีวิตนี้จึงสุดจะเศร้า...ทุกข์...ท้อแท้ ฝึกคิด ฝึกสังเกต ฝึกเปลี่ยนมุมมอง ทำ�บ่อยๆ ไม่นานเกินรอ เราจะสุขใจ มากกว่านี้ ทำ�งานเพื่ออะไร หากทำ�งานเพื่อเงิน เพื่อยศตำ�แหน่ง โปรดเตรียมเชือกแขวนคอไว้ ได้เลย เพราะอีกไม่นาน เพชฌฆาตก็จะมาถึง ! ทำ�งานเพื่อเงินก็คงสุขใจตอนเงินเดือนออก สุขใจตอนได้ ๒ ขั้น ก็แค่นั้น...สำ�หรับชีวิต

48 ถ้อยคำ�สิริมงคล


ทำ�งานเพื่องาน คำ�ตอบง่ายแสนจะท้าทาย แต่ใครเล่าอาจหาญเปล่งวาจา หัดมองงานให้เกิดคุณค่าของตัวเอง มองเป้าหมายสั้นๆ เราจะสุขใจกว่านี้ งานทุกงานมีคุณค่าของตัวเอง มีความยิ่งใหญ่ ! แต่อย่าให้ความคิดช่างเปรียบเทียบพากระเจิดกระเจิง ข้าวทุกคำ�เอร็ดอร่อย แต่เมื่อคิดว่าเมื่อไหร่จะหมดจาน เมื่อนั้นย่อมโศกเศร้า จอบทุกจอบที่ฟันลงบนพระแม่ธรณีคือความสำ�เร็จ เราจะไม่เผลอมองสุดปลายนา เมื่อไห่จะ ถึงซักทีๆ ? สันโดษแห่งการงานจำ�เป็นต้องฝึกสร้าง รู้จักการให้กำ�ลังใจ ทำ�งานก็เพื่องานซินะ มิใช่เพื่ออื่นใด ไม่ต้องชำ�เลือง ใครจะแช่งผ่าน ใครจะให้ลาภมากกว่าเรา ใครจะได้ดีเกินกว่าเรา ปล่อยว่างสรรพสิ่ง ยอมรับความจริงที่จะเกิดขึ้นได้ทุกขณะ สร้างจิตอนุโมทนาให้แข็งแกร่ง ใครจะได้ดี ได้ใหญ่โต ไม่เครียด เพราะเราไม่ได้แข่ง หรือชิงดีชิง เด่นกับใคร ไม่สร้างศัตรู แต่เราแข่งกับตัวเอง มีความสุขกับการทำ�งาน มีความสุขกับการคิดค้น แก้ปัญหา มีความสุขกับการพัฒนาประสิทธิภาพของตัวเอง จงให้หัวใจว่างเปล่า อย่าให้ใครแอบแฝงมาเป็นคู่แข่งของเรา ที่นี่ไม่มีคู่แข่ง มีแต่คู่คิด ที่นี่มีแต่มิตร ไม่มีศัตรู ทำ�งานเพื่องาน ปล่อยเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกาย เลือดเนื้อทุกหยดของชีวิต “เรามาทำ�งานเพื่องาน จำ�ไว้ ชีวิตของฉัน” ไม่มีแก่งแย่ง มีแต่การทุ่มเทให้เต็มที่ เพิ่มน้ำ�ใจ เพิ่มบริการ เพิ่มการรับใช้ผู้อื่นให้มากขึ้น ไม่เกี่ยงงาน ไม่ถือตัว ไม่อวดดี

ถ้อยคำ�สิริมงคล 49


ให้ความจริงใจกับทุกคน แม้สุดท้ายกับคนที่เขามองเป็นศัตรู แล้วสักวันศัตรูจะล่าถอย จะกลายเป็นมิตร ไม่นานเกินรอ ! ทำ�เถิด ทำ�งานเพื่องาน เหนื่อยมามากแล้วใช่ไหมกับการแข่งขัน เครียดมามากแล้วกับการทำ�งาน รู้ตัวบ้างไหม ? เธอถึงป่วยกระเสาะกระแสะ เธอถึงเป็นคนอ่อนเพลียง่าย เธอถึงเป็นโรคภูมิแพ้ แต่กลับเกรี้ยวกราด ไร้น้ำ�ใจ และอารมณ์เปาะบาง โปรดเลิกทำ�ร้ายตัวเองเสียที มาเถิด ยาบำ�รุงชีวิตมีอยู่เต็มขวด กำ�ลังรอคนที่หวังดีต่อตัวเองเท่านั้นเป็นผู้เปิด ถ้าไม่เปิด ต่อไปอย่าบ่นก็แล้วกัน

50 ถ้อยคำ�สิริมงคล


{

{ ของฟรี ไม่มีในโลก

ถ้อยคำ�สิริมงคลที่ทยอยลง มิใช่จะต้องการให้จำ� แต่อยากจะให้เข้าใจ ความเข้าใจไปเรื่อยๆ จะค่อยๆ มีผลต่อจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นจิตสำ�นึก หรือแม้จิตใต้สำ�นึก “รู้แล้ว-เข้าใจแล้ว” มิใช่เป็นสิ่งที่ทำ�ให้หยุดขวนขวายแสวงหาเพิ่มเติมความรู้ เหลี่ยมมุมชีวิต เหลี่ยมมุมแนวคิด มีมากมายมหาศาล ในแต่ละเหลี่ยมพร้อมจะสร้างแรงบันดาลใจ หรือการประจักษ์แจ้งในทันทีทันใดได้ทุกขณะ ลางเนื้อชอบลางยา ยาหลายเม็ดหลายขนานที่เขาออกมาให้ ไม่มีพิษไม่มีภัย แต่จะมีบางเม็ดที่ถูกโฉลกกับโรค ร้ายในทันทีได้เหมือนกัน เพราะเหตุนี้ จึงไม่ควรเหนื่อยหน่ายต่อการแสวงหาความรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้ที่ให้ กำ�ลังใจ ให้ศรัทธา และให้ดวงปัญญาแก่ชีวิต “ของฟรี ไม่มี ในโลก” สอนตนกันไว้บ้าง จะได้ ไม่เห่อเหิม ละโมภอยากได้ กฎแห่งกรรมแจ่มชัด ใครทำ�ใครได้ อยู่ดีๆ จะได้ลอยมาจากฟ้าเป็นไม่มี ทุกอย่างที่เกิดล้วนมีเหตุ มีเบื้องหลังทั้งสิ้น

ถ้อยคำ�สิริมงคล 51


“ ของฟรี ไม่มีในโลก ” เตือนตนเสมอ จะหายตะกละไปอีกนานแสนนาน วัวเห็นแก่หญ้า ขี้ข้าเห็นแก่กิน เราไม่ใช่ขี้ข้า จะเห็นแก่กินไปทำ�ไม มันก็แค่อิ่มเท่านั้นเองจริงๆ “ ของฟรี ไม่มีในโลก ” ความโลภจะได้ผ่อนคลายอยากเล่นการพนัน อยากเล่นหวย อยาก เล่นหุ้น จะได้คลายเสน่หาลงบ้าง สิ่งที่จะได้มา ต้องเกิดจากน้ำ�พักน้ำ�แรง หยาดเหงื่อของเราเอง ลงทุนแต่น้อย เพื่อกอบโกยได้มากๆ เข้าไว้ ระวังให้ดี ตัวอันตรายขนานแท้ ปล่อยกู้ก็เหมือนกัน ร้อยละ ๕ ร้อยละ ๑๐ ยิ่งโหดกันไปยกใหญ่ การทำ�งานมีค่าเท่ากับการนมัสการ ศาสนาศรัทธา พระเจ้ายังยืนยัดยืนยันและยกย่อง ชีวิน ต้องเหนื่อย ทำ�ไปเถอะกาารงาน เงินขอให้เป็นเพียงผลพลอยได้ แล้วเราจะมีความสุข ยิ่งกว่าใครผู้ใด “ ของฟรี ไม่มี ในโลก ” เตือนตน ปลุกสำ�นึกให้ตื่น อย่าหลงระเริง รายได้ ไหลมาเทมาแบบง่ายๆ อย่าหลงระเริงในการอู้ ในการหนีงาน แล้วดีใจว่าตนฉลาด ตนเก่ง เพียงข้างเมล็กเดียวที่ปล่อยให้ทิ้งสูญเปล่า เราก็เป็นหนี้แผ่นดินเสียแล้ว รู้หรือเปล่า ? การงานที่รอเงินเดือน หากทำ�ไม่เต็มที่ จะเป็นหนี้มากน้อยเพียงใด ? อย่าคะนอง ลำ�พองได้เปรียบ ! เพราะของฟรีในโลกนี้ไม่มีจริงๆ วัวควายยังทยอยเกิดอีกมากนัก สำ�รองไว้สำ�หรับกับคนไทย ( ทั้งเอกชนและข้าราชการ) แต่ คนชาติอื่นเขาก็มีสัตว์สำ�รองประจำ�ชาติของเขา เมื่อยังมีหนี้ชีวิต ติดค้างเหมือนกัน ดีใจเถอะนะ ที่ได้ทำ�งานหนัก เหน็ดเหนื่อย เม็ดเหงื่อน่ะ ยิ่งมาก น้ำ�ตายิ่งไหลน้อย แต่เม็ดเหงื่อที่ยิ่งไหลน่อย น้ำ�ตาก็ยิ่งไหลมาก จำ�ไว้ สิ่งที่เราเสียคือสิ่งที่เราได้ พระบรมราโชวาทตรัสเตือนสติพสกนิกร เพราะเหตุนี้ สิ่งเราคิดว่าได้นั่นแหละ ระวังให้ดีเถอะ จะเป็นการสูญเสียของเรา กำ�ไร-ขาดทุน มิใช่นับเม็ดเงินในกระเป๋าหรือในธนาคาร แต่อยู่ที่ชีวิตของเรา... ยังเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นมากน้อยเพียงใด? ทำ�งานคุ้มค่ากับเงินเดือนหรือไม่ ? อย่ามัวตื่นเต้นกับกำ�ไรหรือของฟรีเลย เพระาถ้ารู้ความจริงของกฎแห่งกรรมเข้าละก็..รู้แล้วจะหนาววว...!

52 ถ้อยคำ�สิริมงคล


{

{ เจตนาพูดมีเป้าหมายอย่างไร

ถ้อยคำ�สิริมงคล เวียนไปมา ส่วนใหญ่มีมักไม่พ้น “ วจีกรรม ” อารมณ์ก่อเกิดวจีกรรมที่ไม่น่าพูด ที่ทำ�ให้ฟังแล้วโกรธเคือง ถือสา และสุดท้ายคือความ เสียใจ คำ�เตือนสติจิตใจ อาจจะดูคล้ายๆ กัน แต่นั่นแหละ เครื่องดื่มมีหลากหลายยี่ห้อ เราหวังว่า สักวันคงถูกใจยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่ง แรงบันดาลใจของชีวิตไม่ต้องมากมาย ขอเพียงบางประโยคก็สามารถทำ�ให้ชีวิตพลิกจาก หลังมือมาเป็นหน้ามือ “ เจตนาพูดมีเป้าหมายอย่างไร ” ไม่ถามใคร แต่ขอให้ถามตัวเอง ก่อนจะพูดตรองสักรอบ เพื่อให้เกิดสติ มีปากมิใช่สักแต่พูดๆๆ มีปากมิใช่สักแต่ส่ารู้อะไรก็พูดไปหมด ไปจนเกลี้ยง เคยตรวจ เคยสำ�รวจสักนิด พูดไปแล้ว เกิดประโยชน์ เกิดเภทภัยกี่มากน้อย ภันสารพัดมีหลากหลาย แต่ภัยประจำ�วันยากจะหนี “ โอษฐภัย ”

ถ้อยคำ�สิริมงคล 53


หากขาดสติ ไร้สำ�นึก ปากอันสวยงามก็คือ “ หลุมส้วม ” มหึมาที่จะปล่อยอุจจาระ ตัวหนอน ออกไปสู่คนอื่นวันแล้ววันเล่า เก่งจริงนะ ปากน้อยปากนี้ ! มีเรื่องสกปรก มีแต่เรื่องไม่สบายใจ ป้ายไปให้คนอื่นอยู่เรื่อย โตแล้ว สติต้องมี คำ�พูดทุกคำ� จะต้องกลั่นกรอง “ เจตนาพูดมีเป้าหมายอย่างไร ” ลองถามใจดูก่อน อยากจะพูด อยากจะเล่า เพราะเหตุ ใด หรือ เหงาปาก ? หรืออารมณ์ชั่ววูบ ? หรือเพราะความไร้เดียงสา รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ? หมู่กลุ่มมีอันต้องบาดหมางแตกบิ่นร้าวก็เพราะปากน้อยๆ จิ้มลิ้มของแต่ละคน มิใช่ให้หัดโกหก แต่ก่อนจะเล่าสิ่งใด ควรคิดรอบคอบถ้วนถี่ บางอย่างเฉยไว้ ไม่ควรเล่าก็มี จริง คนเราจิตใจต่างกัน กิเลสตัณหาไม่เท่ากัน ภูมิหลังต่างกัน ยึดถือต่างกัน จะเล่าเรื่องเดียวกัน กับคนบางคนอาจไม่มีเรื่อง แต่กับบางคนอาจจะกลายเป็นคอขาดบาด ตายก็ ได้ ใครจะรู้ “ เจตนาพูดมีเป้าหมายอย่างไร ” ธนูหลุดจากแล่งต้องรู้เป้าหมายเจตนาอย่างไร อย่างสักแต่ยิงสะเปะสะปะ เละเทะ สักวันอาจจะพลาด อาจจะทำ�ร้ายลำ�ทายเพื่อนแสนรักของ เรา - นี่แดง ไอ้เขียวมันนินทาเธอแน่ะ - แกโตขั้น แกต้องเลี้ยงข้านะ จำ�ไว้ - บอกกี่ครั้ง อย่าซนนะลูก เดี๋ยวแม่ฆ่าทิ้งซะเลย - โสภา เมื่อวานสามีเธอเดินกับก็ ไม่รู้ที่สำ�เพ็ง นี่พูดด้วยความหวังดีนะ - เบื่อจริงโว้ย สังคมนี้ - รถติดอีกแล้ว กูอยากตายจริงๆ ฯลฯ

54 ถ้อยคำ�สิริมงคล


ก่อนจะเอ่ย ก่อนจะพูด นะโม ตั้งสติสักนิด “ เจตนาพูดมีเป้าหมายอย่างไร ” เรื่องที่จะเป็น เรื่องร้าย จะได้สงบเร้วพลัน ฝึกเป็นผู้ ใหญ่ด้วยการควบคุมอารมณ์ ไม่แสดงออก ฝึกเป็นผู้ ใหญ่ด้วยการควบคุมคำ�พูด คิดทุกครั้ง ดูผลได้-เสีย ก่อนจะเอื้อนเอ่ย พูดอย่างสุ​ุขุม พูดอย่างตั้งใจ ไม่ใช่เพียงแค่มีปากก็พ่นๆ ออกไป เพราะบางทีก็ทำ�ให้เขาทะเลาะกัน กินใจกัน บางทีก้เป็นภัยต่อตัวเรา คิดสักนิดเถอะนะ ก่อนจะยิงคำ�พูดออกไป สุวลีขอจบลงด้วยพระราชดำ�รัสล้นเกล้าฯ ที่ตรัสเตือนพสกนิกรชาวไทย “ ถ้าไม่ให้เป็นอย่างนั้น ก็หมายความว่า ทุกคนจะเป็นข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน เป็น ใครก็ตาม ที่ถือตัวว่าเป็นคนไทย ให้มีความคิดที่เรียกว่า ใช้ปัญญาเฉียบแหลม หยุดคิดสักนิด เดียวก็พอ ไม่ว่าเรามีปัญหาอะไร อย่าอ้าปากทันที แล้วพูดใหม่ เราหยุดคิด ถ้าฝึกไว้ดีๆ แม้ หนึ่งวินาทีก็พอ เราก็ ไม่ทำ�ผิด เมื่อไม่ทำ�ผิดแล้ว เรื่องนั้นก็ ไม่เกิดเป็นเรื่องร้าย แต่เป็นเรื่องที่ดี ทั้งนั้น...”

ถ้อยคำ�สิริมงคล 55


อย่าเกลียดใครเลย

{

{

อย่าเกลียดใครเลย พอขึ้นต้นประโยคนี้ หลายๆคนอาจจะขอขว้างทิ้งทันที เรื่องอะไรจะไปชอบไปเป็นมิตร กับคนพรรค์นั้น แต่คนเราที่ว่าเก่ง ฉลาดก็เถอะ ใช่ว่าจะมองอะไรโปร่งใส ความอคติลำ�เอียง ความอะไรต่อ อะไรอีกหลายอย่างก็ล้วนเป็น ตัวแปรค่า ได้ทุกตัว “ อย่าเกลียดใครเลย ” ถ้าไม่เพื่อในฐานะที่เขาก็เป็นชีวิต มีคนรัก มีคนห่วงใย ก็ขอให้เพื่อ ตัวของเรา ภูเขา หินผา ผ่านวันเวลายังสึกกร่อนทลาย จิตใจที่ทำ�จากเลือดเนื้อ หากเติมความขุ่นข้องเกลียดชังวันแล้ววันเล่าจะเหลืออะไร ? อาหารกาย รู้สึกขวนขวายเติมใส่​่ แต่อาหารใจนับวันกลับแร้นแค้นเหลือเข็ญ ความเกลียดชังประดุจท่อนเหล็กแหลม ตอกใจกลางดวงใจ ตอกย้ำ�วันแล้ววันเล่า ไม่มีไฟแห้งความร้อนแรงใด จะร้ายเท่าไฟแห่งความเกลียดชัง

56 ถ้อยคำ�สิริมงคล


เพราะมันคือไฟบรรลัยกัลย์แห่งชีวิต ที่จะทำ�ลายตัวเรามากกว่าคบมิตรชั่วหลายแสนล้าน เท่า สะดุดใจ สะเทือนใจกันบ้าง ทุกครั้งที่เกิดจิตเกลียดชัวใครสักคน ... เพราะได้ ไปทัวร์ต่างประเทศด้วยกันเป็นกลุ่ม ได้เห็นพฤติกรรมกความเห็นแก่ตัวของ เพื่อนร่วมทีมคนนั้น ... เพราะได้ ไปอยู่หมู่บ้านใหม่ จึงได้เห็นนิสัยร้ายกาจของเพื่อนบ้านที่อยู่ข้างๆ ... เพราะได้เรียนห้องใหม่ จึงได้รู้นิสัยที่แท้ของเพื่อนบางคน ... เพราะมีบางเหตุการณ์เกิดขึ้น เราจึงซาบซึ้งถึงแก่นแท้ นิสัยของเพื่อนฝูง เพราะมีเหตุการณ์ เราจึงชัดเจนในนิสัยของใครบางคน... เพราะ ฯลฯ เพราะ ฯลฯ ... และจบลงที่ความเบื่อ ระอา เกลียดชังจังเลย “ อย่าเกลียดเลยนะเพื่อนเอ๋ย ! ” ไม่ใช่ใคร กระซิบบอก แต่เป็นเพื่อนแท้จากก้นบึ้งจิตใจกระซิบเตือนเราด้วยความห่วงใย ความบกพร่อง ความไม่ดี ความเห็นแก่ตัวของใครบางคน ก็ใช่จะต้องมาปลุกปั่นให้เราจะ ต้องตัดสิน “ มอบ ” ความเกลียดชังให้แก่เขา... หรือ “ ขว้าง ” ความเกลียดชังใส่จิตใจเรา ลำ�พังตัวเองก็เศร้าหมองมากพอ โปรดอย่าซ้ำ�เติมตัวเองด้วยการโยนไฟนรกใส่ลงไป ! รู้ความจริงของโลก ของมนุษย์ ของกิเลสตัณหา แต่มิ ใช่จะต้องลงมือเผาใจให้เกลียดชัง อภัย...เมตตา...อโหสิกรรม เวรย่อมไม่ระงับด้วยการจองเวร ใครบ้างไม่อยากเป็นคนดี แต่ความเป็นคนดี เป็นคนสมบูรณ์ใช่จะทำ�ได้ง่ายๆ ตัวเราก็เถอะ ถือดีอย่างไรกัน ก็ใช่จะเลอเลิสมาจากฟากฟ้า แปลกดีนะ ก่อกำ�เนิดเกิดมาไขว่คว้าทางบุญ ขอสร้างบุญให้แก้ชีวิต มีเท่าไหร่ก็จะทุ่มโถม หากมีเงินก็จะขอทำ�ทาน หากมีข้าวของก็จะขอแบ่งปันมอบให้ พนมมือสาธุ ขออานิสงส์แห่งทานทั้งหลายของข้าน้อย ขอให้ ได้ขึ้นสวรรค์ ขอให้ ได้ถึงฝั่งพระ นิพพาน... แต่รู้บ้างไหม อภัยทานคือยอดแห่งทาน ที่จะทำ�ให้คนเราประสบในสิ่งปรารถนาสิ่งนั้น “ อภัยทาน ” ไม่จำ�เป็นต้องรอให้เป็นเศรษฐี แต่พร้อมทันทีถ้าน้ำ�ใจกล้าหาญ “ อย่าเกลียดใครเลยนะ ” อ่านความรู้สึกให้ออก เศร้าหมองแค่ไหน

ถ้อยคำ�สิริมงคล 57


ไยปล่อยให้ปักคาอยู่ในห้องหัวใจ จริตคนเราต่างกัน ประสบการณ์ภูมิหลังต่างกัน ความฉลาด เด่น-ด้อย ต่างกัน... แล้วไยจะให้มาเป็นอย่างที่เราต้องการ หัดเข้าใจความเป็นไปของสรรพสิ่ง หัดเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์เรา แล้วเราจะได้ ไม่เสียใจ ไม่บาดเจ็บต่อไปอีก “ ก้มันทำ�ร้าย...ก้มันแกล้งเราน่ะ ” อย่าเกลียดใครเลยนะ ปราชญ์จีนกล่าวไว้ลึกซึ้ง... “ มีมิตร ๑๐๐ คน นับว่าน้อยเกินไป มีศัตรู ๑ คน นับว่ามากเกินไป ” บางคนศาสนามีการอธิฐานจิต บางศาสนามีการกรวดน้ำ� ทั้งนี้เพื่อย้ำ�เน้น ยืยัดพฤติกรรมนั้นๆ ว่ายืนหยัด ยังคงทำ�ต่อไป นั่งคือ ความรู้สึกเชิงบวก แต่ความเกลียดชังนั้นฝังลึกรุนแรงเหลือเกิน ไม่ต้องอาศันจารีตพิธีกรรมใดๆ แต่มันจะเกาะ แน่นไม่ปล่อยตลอดกาลนาน แล้วสักวันเมื่อถึงเวลา เมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังก็จะพุ่งทะยานเจริญงอกงาม ! เราอาจจะได้เกิดด้วยกัน เป็นเพื่อนที่คอยกลั่นแกล้งทำ�ลาย หรือหนักกว่านั้น เราอาจได้เกิดเป็นสามีภรรยาที่คอยล้างผลาญ และที่สุดกว่านั้นอีก เราอาจจะได้เกิดเป็นพ่อลูกแม่ลูก เพื่อที่จะกลั่นแกล้ง ทำ�ลาย ได้สะใจ อย่างถึงที่สุด ! ทำ�เป็นเล่นไป อย่าคิดว่ากฎแห่งกรรมจะซื่อบื่อแล้วจะรู้สึก “ อย่าเกลียดใครเลยนะ ” อย่าหลงคิดว่าจิตตัวนี้ไม่มีพลานุภาพ “ ฉันเกลียดใครแล้ว ก็แค่เฉยๆ ฉันเกลียดใครแล้ว ก็ตัดเลย ไม่คบไม่หา ” เมื่อเหตุอุบัติ อย่าคิดง่ายๆ ตื้นๆ ว่า ผลจะไม่เกิดตามมา เกลียดแล้วก็จบก็เท่านั้น แต่อารมณ์หรือรอยกรรมมิใช่สูตรคูณ วัตถุง่ายๆอย่างที่คิด ทำ�ไมเล่า พระอรหันต์เจ้า อย่าง่าแต่อกุศลจะไม่กระทำ� แม้จิตอกุศลเพียงแค่เศษเสี้ยว ท่ายก็ ไม่ยอมให้เกิด เพราะนั่นก็คือเมล็ดเหง้าแห่งการงิกงามในอนาคต

58 ถ้อยคำ�สิริมงคล


“ อย่าเกลียดใครเลย ” เตือนกันด้วยความดี อย่าให้จิตใจเศร้าหมอง อย่าให้รอยกรรมบาดลึก เราไม่มีสิทธิ์โกรธใคร แม้กระทั่งผู้ที่เป็นศัตรู ศาสดาทุกพระองค์ ทรงเป็นผู้ใหญ่แห่อภัยทาน เราไม่ใช่ศาสดา และไม่ใช่การวัดรอยเท้าพระองค์ แต่ต้องเลียนแบบชีวิตประเสิริฐอย่าง พระองค์ให้ ได้ อย่าทรมานหัวใจตัวเอง อย่าแกล้งวิญญาณของเรา ที่เราเป็นเจ้าของ ให้มันได้พบความสุขสดชื่นของชีวิตบ้าง อภัยกันให้ ได้ อภัยกันให้ลงแล้วถ้าเราจะบอกว่า “ โลกทั้งผองคือพี่น้องกัน ” หากเทพเทวดามีจริง ท่านคงจะประนมมือ เปล่งร้องสาธุการ

ถ้อยคำ�สิริมงคล 59


มีกล้องแอบถ่าย

{

{

การหัดควบคุมตัวเอง การฝึกหัดเดินบนเส้นทางความถูกต้อง สิ่งต่างๆ เหล่านี้ มิ ใช่ทำ�ได้ง่ายๆ ต้องอาศัยพลังใจอันยิ่งใหญ่ บางคนจึงมอบภาระให้พระเจ้า บางคนก็ให้ศาลเจ้า เจ้าพ่อเจ้าแม่หลากหลาย แต่สำ�หรับชาวพุทธ มีแต่กฎแห่งกรรม เชื่อในผลของกรรม ต้องทำ�เอง ไม่ได้อาศัยใครดูแลเอาใจใส่ และนี่ก็คืออีกเหตุผลหนึ่ง ที่ชาวพุทธต้องหันไปเข้ารีต เพราะพึ่งตนเองไม่ไหว อยากอยู่ใกล้ผู้ใหญ่ มีผู้ใหญ่คอยสอดส่องดูแล แต่นั่นแหละ ในสายพุทธด้วยกันก็ยังมีแตกแขนงหลากหลาย ที่ลูกศัษย์ ลูกหาต้องขอพรบ้าง ขออาศัยบารมีจากพระอาจารย์บ้าง ก็คงไม่ต่างกับการเข้ารีตเท่าไรนัก ความเป็นชาวพุทธจึงค่อนข้างยากลำ�บาก วุฒิภาวะจึงต้องแกร่งพอควรที่จะ ปกครองตัวเองด้วยหิริ-โอตตัปปะ อายและเกรงกลัวต่อบาปกรรม

60 ถ้อยคำ�สิริมงคล


แต่ไม่ว่าจะอยู่สายใด ขออวยพรให้เอาชนะความชั่วร้ายให้ ได้ก็แล้วกัน “ มีกล้องแอบถ่าย ” เตือนตนสักนิด จะได้สำ�รวมระวัง ไม่กะเร่อกะร่า ทำ�อะไรมั่วซั่ว คนเราพอรู้ว่ามีคนคอยจ้อง ก็จะเกิดความตื่นตัวอย่างฉับพลัน ทำ�อะไรก็จะระมัดระวัง ไม่กะ เปิ๊บกะป๊าบเหทือนแต่ก่อนๆ “ มีกล้องแอบถ่าย ” เป็นอุบายอย่างหนึ่งที่เอาไว้เตือนตน เวลาอยากจะแสดงออกอะไรสัก อย่า ที่บางทีก็ ไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสีหน้าและอารมณ์ มิตรภาพแตกสลาย สุดที่จะใช้กาวยี่ห้อใดเชื่อมต่อ เหตุก็เพระแสดงหน้ายักษ์ใส่กัน คนเรามีศักดิ์ศรี คนเรามีความอวดดี ถือดี การจะให้ใครสักคนมาตวาด ดุด่า มาทำ�สีหน้ากราดเกรี้ยว ไม่พอใจ เป็นเรื่องสุดจะทน และเมื่อเหตุการณ์อุบัตขึ้นแล้ว ก็จะประดุจฝันร้ายตลอดชีวิต “ แกทำ�ฉัน แกกล้าร้ายกับฉัน จำ�ไว้ ๆ นะ ! ” เอากล้องมาเตรียมถ่าย ก่อนแสดงหน้ายักษ์ ดีไหมเอ่ย หากมีกล้องก็ตอ้ งวางหน้าสวยๆ จะทำ�ท่ายายปากตลาดหรือไอ้จง้ิ เหลนก็ ไม่ได้เสียภาพพจน์ เตือนตัว เตือนสติตัวเองดีไหม นั่นไง “ มีกล้องแอบถ่าย ” มีคนกำ�ลังแอบถ่ายพฤติกรรม ของเรา จะเอาไปออกทีวีซะด้วย คำ�โบราณกล่างไว้น่าคิด “ บัณฑิตอยู่คนเดียวเหมือนอยู่หลายคน และอยู่หลายคนเหมือนอยู่คนเดียว ” เหตุผลก็คือ บัณฑิตแท้เขาจะมีความหนักแน่นในอารมณ์ ไม่เหงา ไม่เปล่าเปลี่ยวและไม่กราด เกรี้ยว ระบายอารมณ์ใส่อารมณ์คนโน้นคนนี้ “ มีกล้องแอบถ่าย ” เชื่อเถอะว่ามีจริง กรรมทุกอย่างที่ทำ�ลงไป เหมือนเมล็ดพืชหว่านลง แผ่นดิน ไม่ช้าก็เร็วที่จะต้องงอกงาม กรรมทุกกรรมมีการบันทึกภาพและรอวันขยายผล หากเป็นกรรมดีก็เป็นการประกาศ เกียรติคุณ แต่ถ้าเป็นกรรมชั่วก็เป็นการประจานให้อับอาย “ มีกล้องแอบถ่าย ” เตือนตนให้ดี ฝึกสร้างสติให้อยู่กับตัวตลอดเวลา หากยังมัวระเริง ไม่เกรงใจ อยากจะทำ�อกุศล ไม่แคร์มือกล้อง ก็รอดูภาพของเราจากทีวีก็แล้วกัน

ถ้อยคำ�สิริมงคล 61


ก็แค่หัวโขน

{

{

คนไม่เคยสอนตัวเองเป็นคนอาภัพ คนไม่เคยเตือนตัวเองเป็นคนวิบัติ ในทุกสถานการณ์ จำ�เป็นเหลือเกินที่จะต้อง “ เจริญสติ ” ด้วยการหมั่นเตือน-หมั่นสอนตัว เองเสมอ ๆ วันแล้ววันเล่า ปัญหาชีวิตมากมาย เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องสลั​ับซับซ้อน ก็เพราะเรา ขาดการเตือนตนนั่นเอง “ ก็แค่หัวโขน ” อีกวิธีหนึ่งแห่งถ้อยคำ�มิ่งมงคลที่ใช้กับตน สอนตัว กระหน่ำ�ตัวเอง มิใช่เท่ ตอนเย้ยหยันคนอื่น คำ�สิริมงคลจะเริ่มศักดิ์สิทธิ์มีพลานุภาพเมื่อเจ้าของชีวิตเริ่มประสานมือค้อมหัวก้มต่ำ� มอง พื้นดินไกลไปข้างหน้าเล็กน้อย เราจะถ่อมตน “ ก็แค่หัวโขน ” สมมติของโลกหลากหลายที่ปรุงสังขารขึ้นมา เพื่อสร้างสรรให้สังคมเจริญ งอกงาม

62 ถ้อยคำ�สิริมงคล


“ หัวโขน ” เป็นสมมติสัจจะ เป็นของเล่นอีกชิ้นที่โลกของเราได้สร้างขึ้น เพื่อให้กลไกแห่งชีวิต ได้ ไหลเลื่อน คล่อง สะดวก และก้าวไกล แต่นั่นแหละ บางคนกลับสำ�คัญมั่นหมายเป็นหัวจริง ไม่ยอมถอด แม้จะทุกข์ในพิษภัยร้ายของ มันก็ ไม่ทันเฉลียวใจ ถอดให้โง่...นี่ของฉัน...มันเป็นของฉัน น่าสงสารนะ ขนาดร้องตะโกน เปลวไฟก็แลบเลียออกจากร่างกาย ร้อนเท่าร้อน แต่ไม่รู้วิธี ดับเข็ญ “ ก็แค่หัวโขน ” อย่าตื่นเต้น ดีใจอยู่เลย สวมหัวอะไร เขาก็ให้เราเล่นบทบาทนั้น คือเป็น ผู้รับใช้ หัวโขน แปลไทยเป็นไทย แบบไม่พึ่งพจนานุกรมใดในโลก แปลจากสัจธรรมแท้ๆ แปลได้ว่า “ ผู้รับใช้ ” หรือ “ คนใช้ ” หัวโขนของพ่อแม่ก็คือรับใช้ลูก หัวโขนครูก็รับใช้ลูกศิษย์ หัวโขนนายก็รับใช้ลูกน้อง หัวโขนข้าราชการรับใช้ประชาชน หัวโขนนายอำ�เภอรับใช้ลูกบ้านทั้งอำ�เภอ หัวโขนปลัดรับใช้คนทั้งกระทรวง รับใช้จึงคือกุลีกุจอช่วยเหลือแบ่งเบาเป็นธุระเอื้อเฟื้อ มิใช่เบ่งข่มแสดงอำ�นาจบาตรใหญ่ ผู้ถ่องแท้หัวโขน จึงขี้มักจะถ่อมตน ไม่เกรี้ยวกราด บ้าอำ�นาจ แม้พนมมือรับไหว้ก็สวยงาม มิใช่ทำ�เหมือนท่ารับดาบ หรือท่าคาราเต้ ! เมื่อสำ�คัญหัวโขนผิดพลาดจะกลับกลายขาวเป็นดำ� เย่อหยิ่ง อวดดี โถ ! กิ้งก่าได้ทองอย่างไรก็อย่างนั้น หัวโขนที่ ไม่แจ้งในบทบาทสมมติ หัวโขนก็เลยเป็นได้แค่ “ หัวสุนัข ” เพราะอะไรเล่า เพราะคนรอบข้างจะหวาดกลัว เบื่อหน่าย เมื่อไหร่จะไปสักที เมื่อไหร่จะตายสักที! “ ก็แค่หัวโขน ” สักวันเมื่อหมดอำ�นาจ เมื่อเดินลงบัลลังก์ ความประหม่า ความอัปยศ ความเศร้าหมอง จะไม่มีวันได้เกิดกับชีวืตของเรา เห็นไหมเล่า ชีวิตยามเกษียณของผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายจึงดูหงอยเหงา ราศรประกายฉานกลับ ดูสลัวมีดมัว

ถ้อยคำ�สิริมงคล 63


ระวังพิษร้ายแห่งหัวโขน ตนเตือนตนนั่นแหละดีที่สุด “ ก็แค่หัวโขน ” มีตำ�แหน่งฐานะยิ่งใหญ่เท่าใด ก็ยิ่งรับใช้สังคม แผ่กว้างมากเท่านั้น คุณค่าของคนอยู่ที่บริการรับใช้ รับใช้มากเท่าใด ศักดิ์ศรีอย่างแท้จริงแห่งหัวโขนจะพอง ขยายใหญ่โตมากเพียงนั้น รู้เท่าทันเถอะนะ ! จะได้ ไม่ซึมเศร้ายามหมดอำ�นาจวาสนา ดีเหมือนกันแหละ ถอดหัวโขนเมื่อไหร่ก็หายเหนื่อยเมื่อนั้น ไม่มีอะไรน่าเศร้า “ ก็แค่หัวโขน ” ดีเหมือนกันแหละจะได้ ไม่ขี้โมโห เกรี้ยวกราด หรือบ้าอำ�นาจ หมดยุคทาส หมดยุคฮิตเล่อร์กนแล้วนะ จะบอกให้ หัดเคารพซึ่งกันและกัน หัดเห็นคุรค่าของผู้น้อย ผู้ด้อยกว่า แล้วเราจะเป็นต้นข้าวที่รวงดี เนื้อแน่น แต่กลับค้อมหัว หยอก ล้อกับสายลม ผิดกับต้นข้าวฝั่งกระโน้นที่รวงว่างเปล่า แต่ยืนท้าสะเอวเชิดหน้าท้าทายกลางสายลม อะไรกันนักหนากับชีวิต ปลดขื่อคาแห่งศักดิ์ศรีลงเสียบ้าง หัวโขนหนักจะตายไป เคลื่อนที่ไปจุดใด ณ จุดนั้นจะตื่นเต้นยินดีต้อนรับ มิใช่สาปแช่ง เมื่อใดจะล้มหายตายจาก เสียที “ ก็แค่หัวโขน ” เตือนตนวันนี้ ก่อนจะสายสำ�หรับทุกอย่าง “ โลกธรรม ” เป็นอันตรายอันแสบเผ็ด แม้พระขีณาสพ แม้เป็นพระอริยะ เรามนุษย์เดินดินปุถุชนธรรมดา น่าจะตั้งหลักให้มากกว่านี้ เพราะอยู่ใกล้เหวนรกมากว่า ! ทำ�ตัวให้น่ารักหน่อย ให้คนรอบข้างที่เขาเบื่อหน่าย ฝันร้าย มีความสุขเสียบ้างนะจ๊ะ

64 ถ้อยคำ�สิริมงคล


{

{ ขอซื้อเวลา

ทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นตั้งอยู่ ทุกข์เท่านั้นดับไป นี้คือสัจธรรมอันยิ่งใหญ่ ทรงคุณค่า แต่มนุษย์บางทีก็ลำ�บากเพราะความทุกข์เกิดจากตัวเอง เป็นคนสร้างเอง สร้างมากับมือ ! แส่ไปหาเอง ! เมื่อเกิด ก็ตั้งอยู่ กว่าจะดับไปก็แทบสิ้นเนื้อประดาตัว ! หากเป็นนักมวย ทำ�อย่างไรจะไให้ครบยก ประคองให้ตลอดรอดฝั่ง อย่าให้ถึงกับน็อคเลย เจ้าประคุนเอ๋ย ! ทนทุกข์ ไม่ได้ ที่สุดของที่สุดก็หนีไปก่อน ปืนจ่อขมับ น้ำ�มันราดตัว ยานอนหลับสักกำ� ราว สะพานสักแห่ง ! ทั้งนี้ก็เพื่อหนีทุกข์ แต่นั่นแหละโลกียะขนานนามว่า “ ดับทุกข์ ” ก็เป็นเพียงแต่การดับทุกข์เทียม ๆ เท่านั้นเอง

ถ้อยคำ�สิริมงคล 65


เกิดมาแล้ว เจอใหม่อีกก็ซ้ำ�ซาก แล้วก็ใช้วิธีเก่าๆ ดับทุกข์เทียมอีกตามเคย...ชาติแล้วชาติเล่า ! เมื่อไม่คิดทน คนก็ ไม่แกร่ง จิตก็จะอ่อนแอ อยู่เพื่อใครสักคน อาจจะมีความหวัง แต่อยู่เพื่อทนทุกข์ ใครจะอยู่ไหว ? แต่นั่นแหละ ในหลากหลายแห่งลีลาของฉากชีวิต ภาวะทุกข์ระทม คับแค้น คับข้อง จะทยอย เกิดมาไม่ขาดสาย ด้วยกรรมเก่าที่หลงก่อสร้างในอดีต ด้วยกรรมใหม่ที่หลงทำ�ด้วยโลภะ โทสะ หรือแม้โมหะ ก็ตาม ไหนๆ ก็ ไหนๆ จะหนีความจริงไปไหนเล่า ? เพราะเหตุชีวิตมีค่าอันประมาณมิได้ จะทำ�ย่อยยับพินาศก็ใช่ที่ แถมเป็นบาปอันเอกอุ การฆ่าตัวตายจึงไม่ควรอยู่ในหัวคิด จะมีก็แต่ทำ�อย่างไรจะให้พ้นทุกข์ตัวนี้ เบาบาง จืดจาง ละลายหายกลายเป็นควัน “ ขอซื้อเวลา ! ” เราอาจจะเคยซื้อสินค้าหลากหลาย แต่ลองซท้อสินค้าตัวใหม่นี้บ้าง จงปล่อยให้เวลาไหลผ่านไป ผ่านไป ไหลเรื่อยไป แล้วอดทน และรอคอย ในบางสถานการณ์ ความทุกข์อาจไม่ลงตัว หารแล้วยังเหลือเศษ จัดการอย่างไรก็ ไม่มีวันหมด ใช้ปัญญาพิจารราก็แล้ว สอนตัวเองก็แล้ว ปลอบตัวเองยกใหญ่ก็ปลอบแล้ว มันก็ยังไม่หาย จะทำ�อย่างไรดีล่ะ ? รอ ! เป็นมนุษย์ต้องรู้จักอดทน รอคอย “ ขอซื้อเวลา ! ” ความทุกข์บางทีก็ต้องรอ อยู่ดีๆ จะให้หายวับไปกับตาอย่าพึงหวัง ความทุกข์สีอะไร สีดำ� สีมืด หรือสีช้ำ�เลือดช้ำ�หนอง ? ความทุกข์เหมือนอะไร ? ก็เหมือนลูกเหม็นนะซิ กลิ่นฉุดแต่ทิ้งไว้มันก็จะระเหิดหายไป ก้อนลูกเหม็นจะเล็กลงไปๆ วันแล้ววันเล่า “ ขอซื้อเวลา ! ” ซื้อเถอะ เมื่อเจอะทุกข์เจ้ากรรม ทำ�อะไรมันก็ ไม่ได้ ได้แต่รอคอย

66 ถ้อยคำ�สิริมงคล


อกหักแทบจะฆ่าตัวตาย ดูหนังสือมาอย่างดีกลับสอบตก เจ้าหนี้มาทวงอีกแล้ว หมดเงินสิ้นท่าจริงๆ ตกงาน ยังหางานทำ�ไม่ได้เลย ลูกหลานนิสัยชั่วร้าย พี่น้องทะเลาะเบาะแว้ง หลากหลายสารพัดปัญหา ต่อไห้ขงเบ้งก็แก้ไขไม่ได้ ได้แต่ “ ขอซื้อเวลา ” “ เวลา ” จะเป็นยาที่รักษาบาดแผลได้ชะงัดที่สุด พากเพียรแก้ ไขปัญหาให้เต็มที่ แต่เมื่อ ทำ�ได้เพียงแค่นั้น ก็ ได้แต่ “ ขอซื้อเวลา ” ให้เวลารักาาบาดแผลทางใจ ให้เวลารักษาสุขภาพ ให้เวลาเจือจางความทุกข์ “ ขอซื้อเวลา ” อาจจะดูเหมือนคนงอมืองอเท้า ไร้ปัญญาแก้ ไขสิ้นท่า แต่บางที.... วิธีนี้คือวิธีที่ดีที่สุด ในการแก้ ไขปัญหาชีวิตทีเดียว สิทธารถะ พระเอกของ เฮอร์แมน เฮสเส ประกาศจุดดีของตัวเอง “ อดทนเก่ง ” “ รอคอยเก่ง ” “ อดได้ ” “ รอได้ ” ในที่สุดด้วยคุณธรรม ๒ ข้อ สามารถฟันฝ่าจนพบความสำ�เร็จของชีวิตในแบบฉบับบของเขา เราไม่ใช่สิทธารถะ แต่เราก็คือพระเอกของตัวเรา และไม่มีทางเลือกที่จะต้องกอดเครื​ื่องบำ�บัด ทุกข์ ไว้ให้แน่น อย่าปล่อยหลุดร่วง “ อดทน ” “ ทนทุกข์ให้นานเข้าไว้ ” ด้วยการ “ ขอซื้อเวลา ” การอดทนต่อความทุกข์นั่นก็เป็นตบะอันยิ่งอย่างหนึ่ง อย่าเบื่อทุกข์ อย่ากลัวทุกข์ เกิดเป็นคน ไม่เจอทุกข์ ไม่ ใช่คน ! เท่อย่าบอกใคร ไหนๆ ก็ ไหนๆ “ ขอซื้อเวลาไว้ก่อนเถอะ”

ถ้อยคำ�สิริมงคล 67


{

{ ยอม !

เพราะลางเนื้อชอบลางยา สูตรแห่งชีวิต จึงต้องคิดค้นปรนปรุงไม่มีจบสิ้น ช่วยกันคิดค้นต่อไป ไม่มีเบื่อ เบื่อไม่ได้ เพราะนั่นคือการหยุดแสวงหา หยุดการเดินทาง ! พระพุทธองค์แม้เป็นถึงศาสดา ยังไม่เคยหยุดนิ่ง ทรงสะสมโพธิญาณตลอดอายุขัย เรา มนุษย์ปุถุชน ประมาทอยู่ก็เกินไป คนเรามีประสบการณ์ที่แตกต่าง ภูมิหลังที่ไม่เหมือนกัน จุดบันดาลใจความประทับใจย่อม แตกต่างกันไป วิญญาณครูที่แท้จริงคือ การคิดค้นหลากหลายวิธี แก้ ไขกันไปเรื่อยๆ วิธีสำ�หรับตัวเองรู้แล้ว ลองช่วยคิดแทนคนอื่นบ้าง แล้วเราจะฉลาด จะไม่โง่งมโข่ง ทำ�อะไร เวอร์ คิดอะไรซื่อบื่อ เปิ่น เชย เพราะเหตุนี้เอง “ ถ้อยคำ�สิริมงคล ” จึงดิ้นมาหลายปี เผื่อจริตใดจริตหนึ่งจะถูกใจ “ ยอม ! ” จริตใครเอ่ยจะสว่างโพลง ? “ เรื่องอะไรยอมมัน เสียเหลี่ยม เสียเชิง ! ” คิดไปเถิด ทุกข์ ไปเถิด จงทุกข์ต่อไป จงเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าต่อไป แต่หากใครไม่อยากทนทุกข์ อยากจะหัด “ ยอม ” คนอื่นเสีย บ้าง นั่งลงเถิด มาสดับบทเพลงแห่งการพ่ายแพ้เพื่อชัยชนะ !

68 ถ้อยคำ�สิริมงคล


วันนี้ โกวเล้งอาจจะหมั่นไส้ที่เล่นสำ�นวนกำ�ลังภายใน แต่อยากจะบอกว่า นี่คือ “คำ�จริง ” มิใช่ “ เล่นลิ้น ” จับเข่าคุยกัน ถามจริงๆ เถอะ ทุกวันนี้ เวลามีเรื่องขัดเคือง ขัดแย้ง ไม่เห็นด้วย แล้วจบลงต้อง ยอมตามเขา มีกี่มากน้อย ใครที่รู้สึกว่า “ มาก ” ก็เชิญนั่งลง เรามาคุยตามประสาคนหัวอกเดียวกัน แปลกดีนะ หลายครั้งหลายหนที่ “ ใจ ” ร้องไม่ยอมๆๆ แต่ “ กาย ” กลับต้องก้มหน้า ทำ�ตาม เขาบอก หรือ เสนอ หรือสั่ง ก็ทำ�ไมไม่ปรับให้กายกับจิตไปด้วยกันให้รู้แล้วรู้รอด ? “ ยอม ! ” ถ้อยคำ�ศักดิ์สิทธิ์ ที่เปี่ยมล้นด้วยพลังแห่งสันติสุขของชีวิต ของสังคมของโลก “ โอม ” คำ�ศักดิ์สิทธิ์แห่งศาสนาพรามหมณ์ที่มีความหมายยิ่งใหญ่ เป็นกำ�เนิดแหง่จักรวาล ก็จริง แต่ “ ยอม ! ” ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน เพราะเล่าปี่ยอมก้มหัวให้ถึง ๓ ครั้ง ขงเบ้งผู้แกร่งกล้าดุจเซียน ก็ยอมสยบศิโรราบ ขอเป็น ทาสรับใช้ วิธีชนะมิตร สร้างเพื่อนแท้ มิใช่สูตรลึกลับ ทำ�ยากเย็น แต่อยู่ที่เราจะยื่นไมตรีได้ยาวเท่าที่เขา ต้องการหรือไม่ เมื่อถึงจุดที่เขาพอใจ เมื่อนั้นเขาจะหลั่งไหลไมตรี ไม่มีที่สิ้นสุดกลับคืนมา แม้มหาโจรร้ายก็ยังมีมิตรแท้ที่มันยอมตายแทนได เชื่อหรือไ่ม่ ? แต่คนเราหวงแหนตระหนี่น้ำ�ใจเกินไป เอะอะก็สาดด้วยคำ�บ้าง กิริยาบ้าง แทนที่จะชนะมิตร จึงกลับกลายเป็นทำ�ลายมิตรเสียนี่ มิตรภาพของคนเราแต่ละคน ที่น้อมสนองกลับคืนมา มีระยะทางไม่เท่ากัน บางคนยื่นให้เขา เล็กน้อย เขาก็พร้อมยื่นส่งมาให้ บางคนยื่นให้แล้วให้อีก หลายสิบเที่ยว กว่าเขาจะยื่นไมตรีกลับ มาพร้อมหัวใจทั้งหมด สุนัขบางตัว ให้ขนมปัง ๑ ก้อน ก็หยุดเห่า แต่บางตัวก็หลายก้อน เปรียบเทียบกับสุนัข มิใช่จะ ลบหลู่ แต่ต้องการให้เกิดจิตนาการเห็นชัด “ ยอม ! ” ชีวิตของคนบางคน อาจไม่เคยรู้จัก ไม่เคยสัมผัส แต่สักวันเขาจะต้องเจ็บ ปวดยิ่งกว่าเจ็บปวด คนที่ยอมคนไม่เป็น เป็นคนที่น่าสงสาร คนที่ยอมคนไม่เป็น เป็นคนใจแคบ

ถ้อยคำ�สิริมงคล 69


และจะไม่มีทางอยู่ในโลกนีด้วยความสุข มีสาระ มียศ ทรัพย์ศฤงคารมากมาย ใครๆ ก็พสกัน ยอมศิโรราบ แต่ขอโทษเถอะ ลำ�พังยาแก้ปวดรักษาโรคมะเร็งไม่หายหรอก อย่าหลงลำ�พองนักเลย สักวัน เขาจะสำ�นึก โลกจะเป็นผู้สอนเขาเอง ลำ�บากใจมากซินะ ที่จะหัดยอม ศาสตร์แห่งการหัดยอม ไม่มมี หาวิทยาลัยที่ไหนในโลกจะเปิดสอน นอกจากมหาวิทยาลัยชีวติ “ คนยอมได้ ” ไม่ใช่ขี้ขลาด ไม่ใช้ขี้แพ้ แต่เป็น “ ยอดนักสู้ ” เพราะผู้แพ้วันนี้ จะเป็นผู้ชนะกินรวบทั้งหมดอย่างน่ามหัศจรรย์ เป็นนักสู้เพื่อรอจังหวะ รอคอยให้ฝ่ายตรงข้ามเปิดจุดอ่อน สงครามชีวิตไม่ใช่การสาดกระสุนอย่างบ้าคลั่ง แต่ต้องรู้จักจังหวะก้าว การยอมเป็นวิธีที่ยิ่งใหญ่ที่จะก้าวไปสู่ชัยชนะ เชื่อหรือไม่ ? แพ้เพื่อชนะ ถอยเพื่อรุก ตำ�รับพิชัยสงครามก็สอนไว้ แต่เพราะตัณหา ม่านอารมณ์ มานะทิฐิ ความถือตัว ความหยิ่ง ในศักดิ์ศรี จึงทำ�ให้วิเคราะห์เจอาะไม่ได้ ตะบี้ตะบันจะเอาชนะวันนี้ เพื่อที่สุดคือ ความพ่ายแพ้ยับเยินในอนาคต พึงชนะความโกรธด้วยความไม่โกรธ พึงชนะความตระหนี่ด้วยการให้ พึงชนะความชั่วด้วยความดี เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร โศลกธรรมของมหาบุรุษสมณะโคดม ฟังกันจะซาบซึ้งสักกี่คน พระเจ้าโปรดยกโทษให้พวกเขาเถิด พวกเขาไม่รู้ว่าเขากำ�ลังทำ�อะไร เมื่อเขาตบแก้มซ้าย สูเจ้าจงยื่นแก้มขวาให้เขาตบ ฟังกันมาจากไบเบิ้ลตั้งแต่อ้อนแต่ออก สะดุดใจบ้างไหม ? “ ยอม ” บทเพลงแห่งการต่อสู้ที่ทรงพลานุภาพมากที่สุด ลองทำ�ใจให้ “ ยอม” ให้ ได้ แล้วเราจะพบมิติแห่งความสุข ที่ยากจะพานพบ เอาสะเต๊กมาแลก มีหรือจะยอม ! นฺตถิ สฺนติ ปรมํ สุขํ สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี

70 ถ้อยคำ�สิริมงคล


{

{ น้ำ�หนักยังไม่พอ

เรื่องของชีวิตเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และเปราะบางยิ่งกว่าปีกจักจั่น แต่ขณะเดียวกัน ก้มีพลังยิ่งใหญ่มหาศาล มนุษย์ตัวน้อยเล็กกระจ้อยร่อย เจ้าสามารถสร้างโลกและทำ�ลายโลกได้ ในพริบตา อัศจรรย์จริงๆ ตัวเล็กแค่เนี้ย ! ถ้อยคำ�สิริมงคลครั้งที่แล้ว “ น้ำ�หนักของเรื่อง ” คงจะไม่สมบูรณ์ ถ้าหากจะไม่กล่าวถึง “น้ำ� หนักยังไม่พอ ” จากผู้บอกเล่ามาสู่ผู้รับฟัง “ ผู้บอกเล่า ” ระมัดระวังเพียงใด “ ผู้รับฟัง ” ก้ต้องระมัดระวังเพียงนั้น เขาถึงว่า “ สัตว์มนุษย์ ” โอกาสสรา้งบุญนั้นมีมาก และโอกาสสร้างบาปก็มีไม่น้อยกว่ากัน สรรพสิ่งล้วนดาบ ๒ คม สติปัญญาล้วนเป็นเรื่องสำ�คัญ พรุพุทธองค์ตรัสว่า “ การได้เกิด เป็นมนุษย์ เป็นสิ่งเป็นไปได้ยาก ” ฟังแล้วน่าใจหาย “ น้ำ�หนักยังไม่พอ ” เตือนตนเสมอ ทุกครั้งที่รับฟังเรื่องร้าย เรื่องไม่ดีไม่งามจากผู้อื่น... หรือแม้ถูกกระทำ�โดยตรง !

ถ้อยคำ�สิริมงคล 71


สัญชาตญาณของมนุษย์มักใช้ลิ้นฉกผู้อื่นแล้วเลียตัวเอง เรื่องของตัวดีทั้งนั้น แต่เรื่องของมันมีแต่เรื่องเน่า เสียหาย ทำ�ตัวเป็น “ นักพรต ” ขณะเล่าเรื่องตัวเอง แต่พอเล่าเรื่องผู้อื่น พลันปรับเปลี่ยนสัญชาติ เป็น “ อีแร้ง ” ในทันใด ไม่ต้องเจตนาหรือตั้งใจ เพราะได้สั่งสมความเชี่ยวชาญมานานแสนนาน จนบัดนี้ได้กลายเป็น ออดตเมติก “ น้ำ�หนักยังไม่พอ ” หัดสอนตน จะได้ ไม่ด่วนสรุป ไม่ด่วนตัดสินประหารใคร มองอะไรเป็น เรื่องร้ายแรง...คอขาดบาดตาย ยิ่งเป็นผู้ใหญ่จะยิ่งสุขุมหนักแน่น มิใช่กระต่ายตื่นตูม หากเป็นกล้องถ่ายรูป กะระยะให้คมชัดแล้วค่อยกดชัตเตอร์ มิใช่พร่ามัว ไม่ได้ระยะก็รบี ถ่ายเอาๆ แน่ใจหรือว่าสิ่งท้รับฟังมีน้ำ�หนักพอแล้ว ที่จะพิพากษาประหารชีวิต แน่ใจหรือว่าสิ่งที่เห็น ที่เรารับกระทบโดยตรง จะต้องลงโทษไม่ให้เขาได้ผุดได้เกิด อารมณ์ที่อ่อนไหว ความลำ�เอียง ความอำ�มหิต จะทำ�ให้ฆ่าคนตายทั้งเป็น ให้โอกาส... ให้หลักฐานหนักกว่านี้ ศาลทางโลหพิพากษาจำ�เลยมีความผิด ยังตัดสินรอการลงอาญา ( บางทีก็จำ�คุกเล็กน้อย ติดไม่นานนัก) แต่ศาลชีวติ ทีม่ ตี วั เราพิพากษา เอะอะก็มกั จะทุบเปรีย้ ง ชี้ไปเลย คดีน้ี “ ประหารชีวติ ” ลูกเดียว จำ�เลยมีความผิดจริง จำ�เลยชั่วร้ายจริง จำ�เลยไม่หวังดีกับเราจริง จำ�เลย... จำ�เลยๆๆๆ..ฯลฯ “ น้ำ�หนักยังไม่พอนะ ” เตือนใจ เตือนตนเสียบ้าง ส้มใบนี้เปรี้ยวมาก กินไม่ได้ หรือลิ้นเรามันชิมส้มรสหวานมาตั้งแต่เล็ก เพื่อนคนนี้นัดทีไรมาสายเสมอ เสียนิสัย เลิกคบเถอะ เพื่อนคนโน้น มันด่าให้เพื่อนอีกคนฟัง เจ็บใจจริงๆ เลิกคบเถอะ เพื่อนอีกคน หนอย ! ไหว้วานให้ช่วยงานเราหน่อย มันบอกปัดไม่ยอมช่วย เลิกคบเถอะ เพื่อนรายนั้น ใช้จ่ายเกินตัว ทำ�เป็นสำ�อาง ใช้เงินเปลือง นิสัยแบบนี้แย่มาก เลิกคบเถอะ เพื่อนร่วมห้อง แอบขโมยเงินในกระเป๋าเราไป เลิกคบเถอะ หลานชายมันไม่ยอมมาทักทายเรา ทำ�เป็นหัวสูง ตัดเป็นตัดตายกันเถอะ

72 ถ้อยคำ�สิริมงคล


หลานชายมันไม่ยอมมาทักทายเรา ทำ�เป็นหัวสูง ตัดเป็นตัดตายกันเถอะ ท้วงเรื่องงานนิดเดียว พี่สาวโมโหจัด ด่าเราอย่ายุ่ง ต่อไปนี้ ไม่ต้องพูดกัน ฯลฯ ชั่ววูบ อารมณ์ชั่ววูบ ต้องอดทน อดกลั้น ไม่ระบายทำ�ร้ายผู้อื่น และขณะเดียวกันก็ต้องใจ กว้างที่จะต้องทำ�ใจยอมรับความจริง ยอมได้ อภัยได้ เมื่อถูกกระทบ ถูกจาบจ้วง ที่สุดแม้ถูก ทำ�ร้าย ! เรื่องยังไม่ร้ายแรงฉกาจฉกรรจ์อย่างที่เราคิดนักหรอก “ น้ำ�หนักยังไม่พอ ” ยังคงเป็นฐานแห่งเมตตา กรุณา และการให้อภัย ก่อนนอน สวดมนต์ ไหว้พระ แผ่ส่วนกุศล “ สัพเพ สัตตา... สัตว์ร่วมทุกข์เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด อย่ามีเวร อย่ามีเวร อย่ามีภัย อย่ามีโรค..” สวดแล้วจะได้ ไม่อายปากตัวเองว่า เราได้ฝึกแผ่เมตตาแล้วจริงๆ “ ยังหรอกน้ำ�หนักเรื่องนี้ ยังไม่พอ ที่จะให้ความผิดครั้งนี้ต้องประหาร ” ฝึกใจกว้าง ฝึกใจดี อย่าด่วนทำ�ตัวเป็นฮ่องเต้ผู้ลุแก่อารทณ์ตัณหา-โทสะ เอะอะก็ฆ่าทิ้ง เอะอะก็กุดหัว เอะ อะก็ประหารชีวิตเจ็ดชั่วโคตร โลกนี้เหมือนสนามกีฬายักษ์ เกมย่อมต้องมีกระทบกระทั่ง บาดเจ็บ บอบช้ำ� อย่าได้ถือสา ยังไม่แรงถึงขนาด อย่าได้นำ�พาเหตุการณ์เหล่านี้มาเป็นเครื่องตัดสิน “ สะบั้นความสัมพันธ์ ” หากเห็นเป็นญาติพี่น้อง หากเห็นเป็นมนุษย์ร่วมชะตาสู้ทุกข์ของโลก โปรดอภัย อย่าถือสา คนเราโง่-ฉลาดต่างกัน กรรมไม่ดีเป็นนรก กรรมดีเป็นสววค์ อย่าด่วนซ้ำ�เติม ความผิด พลาดของเขา “ น้ำ�หนักยังไม่พอ ” เป็นถ้อยคำ�สิริมงคงแห่งความมีน้ำ�ใจจากตัวเราไปสู่เพื่อนฝูง ไปสู่ ญาติพี่น้อง ไปสู่เพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทั้งหมดทั้งสิ้น แย้มยิ้มไว้ ของธรรมดา ไม่มีใครสมบูรณ์ ๑๐๐ % จิตวิญญาณของแต่ละคน ต่างพิกลพิการ ไปคนละด้าน คนละเรื่อง ไม่มใี ครทำ�ใคร มีเหตุการณ์ทเ่ี กิดขึน้ ทีเ่ ราจะต้องสร้างปัญญา สร้างความฉลาดให้เกิดกับชีวติ สิ่งที่เห็นจึงไม่ใช่สิ่งที่เห็น ถอดรหัสชีวิตออกมาให้สำ�เร็จให้จงได้

ถ้อยคำ�สิริมงคล 73


หากเชื่อกรรม วิบากเป็นจริงมีจริง ความผิดพลาดของตัวเราย่อมได้รับการปกป้อง คุ้มครอง และให้โอกาส เช่น เดียวกันกับที่เราได้ ให้แก่คนอื่นๆ ทำ�ดีย่อมได้ดี ทำ�ชั่วย่อมได้ชั่ว หาดด่วนตัดสินประหารอยู่เรื่อย คนอื่นเขาก็จะด่วนตัดสินเราเช่นกัน พร้อมหรือยังที่เตือนตน ? พร้อมหรือยังที่จะถอดรหัสชีวิตที่มากระทบเรา ? เพื่อความเป็นผู้ ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะเต็มสมบูรณ์ เพื่อความเป็นมนุษย์ที่ฉลาด และสมบูรณ์แบบ “ สัพเพ สัตตา อะเวรา อัพยาปรัชฌา อนุฆา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ..”

74 ถ้อยคำ�สิริมงคล


{

{ พจนุนากรมคนละเล่ม

คนฉลาด คือ คนที่เห็นความแตกต่างในสิ่งที่เหมือนกัน และเห็นความเหมือนกันใน สิ่งที่แตกต่าง นี่คือเกณฑ์วินิจฉัย ตัดสินปัญาของมนุษย์ ลึกซึ้งแต่ไม่ลึกลับ จับตาสังเกตสายธารแห่งชีวิต ศึกษาวิเคราะห์ หาข้อสรุปบทเรียนแต่ละบท มิใช่จับผิดคอยหาเรื่องให้ตัวเองโมโหแล้วโมโหอีก ขัดเคืองตลอดชีวิต ตลอดชาติ ข้ามภพไป ยังไม่หายโกรธ ! ตั้งสติและสังเกตสิ่งที่ผ่านมาผ่านไป อย่าหลงเอาความคิดของตัวเราเป็นใหญ่ เมื่ออยู่อย่างศึกษา ย่องปลงได้ วางได้ ไม่มีอะไรในโลกนี้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตหรอก ผ่านมาและผ่านไปเหมือนสายน้ำ� สมใจก้สุข ผิดหวังก็ทุกข์ สุขๆ ทุกข์ๆ จึงประดุจกระแสแห่งวัฏสงสาร

ถ้อยคำ�สิริมงคล 75


แม่ค้าดีดนิ้วใส่แตงโมลูกโต เธอตัดสินใจได้เลยว่าหวานมากหวานน้อย แต่มนุษย์อยู่กับมนุษย์ อยู่อย่างเอาแต่ใจตัว ไม่เคยศึกษา สังเกตความเป็นไป ความเป็นมา ของผู้อื่น จึงต่อให้ดีดจนตายก็อ่านคนไม่เป็น ทั้งๆที่อยู่ร่วมกันนานกว่าลูกแตงโม เพราะหลงใหลรักจะเป็นพระพรหม เที่ยวได้คอยคาดหวังให้ทุกคนคิดอย่างเรา ทำ�อย่างเรา พระพรหมองค์นี้จึงเอาแต่ใจตัวชะมัด แถมไอคิวต่ำ�เหลือแสน เพราะรักจะเป็นแต่ผู้กำ�กับการแสดง จึงเที่ยวได้ลิขิตดาราใหญ่น้อย ให้ทำ�ตามสคริปตืที่เรา เขียนไว้ เธอต้องทำ�ดีกับฉัน เธอต้องพูดเพราะๆกับฉัน เธอต้องทักทายฉันก่อน เธอต้องซื้อของขวัญเมื่อถึงวันเกิดของฉัน เธอต้องไม่ทำ�งานผิดพลาด เธอต้องก้มหัวให้ฉัน ฯลฯ ความคิดเอาแต่ใจ เอาแต่ตัว (อัตตา) ก่อเกิด “ ปัญญาสีดำ� ” หมดสภาพที่จะเรียนรู้เข้าใจผู้อื่น คนเอาแต่ใจก็ยังไม่พ้นความเป็นเด็ก คนยอมได้ด้วยจิตอ่อนโยน ผ่อนสั้นผ่อนยาวเป็น ไม่ใช่อารมณ์ คนนั้น คือ ผู้ใหญ่ แล้วเราจะรู้ โลกทุกวันนี้ มีผู้ใหญ่หรือเด็กมากกว่ากัน รู้แล้วจะหนาวว์ ! “ พจนานุกรมคนละเล่ม ” สิ่งสิ่งเดียวกัน แต่ละชีวิตย่อมแปลไม่เหมือนกัน สวย เธอสวยอย่าง ฉันสวยอย่าง อร่อย เธออร่อยอย่าง ฉันอร่อยอย่าง ประหยัด เธอเข้าใจอย่าง ฉันเข้าใจอย่าง คนล้านคน พจนานุกรมประจำ�ชีวิตจึงมีล้านเล่ม เมื่อเราแปลไม่เหมือนกัน ตีความไม่เหมือ นกัน เราจึงไม่โกรธกัน ไม่ถือสากัน ไม่เคืองกัน ชูศรี “ นัดกัน ๙ โมง แต่มา ๙ โมง ครึ่ง เธอมาสาย ฉันโมโหมาก เธอผิดคำ�พูด ” บังอร “ อะไรกัน สายแค่ ๑๐ นาที จะกินเลือดกินเนื้อ ไม่เกินไปหน่อยเหรอเพื่อน ” บุญสม “ มันเอาเรื่องฉันไปนินทาให้โยมฉายฟัง ฉันเลิกคบเพื่อนคนนี้ พอกันที ” รัชฎา “ ฉันก็ถูกแทงข้างหลังเหมือนกัน เมื่อสองวันนี้เอง แต่ฉันก็ยังยินดีคบเขาเป็นเพื่อนนะ ”

76 ถ้อยคำ�สิริมงคล


อรทัย “ ไอ้แดงนี่มันเลวจริงๆ คบไม่ได้ มันใจดำ� เพื่อนเดือดร้อน ไม่เคยมีน้ำ�ใจเลย ” วิษณุ “ ยังไม่ขนาดนั้นหรอก อรทัย อย่าไปด่วนตัดสินลงโทษไอ้แดงขนาดนั้นเลย ฉันน่ะโดน มาแล้วจะบอกให้ แต่ยังพอคบได้นะ ” “ หนอย ด่าไอ้ควายแค่นี้ทำ�เป็นโมโห ไม่เอาน่า ” “ นี่ฉันขยัยที่สุดแล้วนะ ” ( แต่คนอื่นยังไม่พอใจ) “ นี่ฉันเสียสละมากแล้วนะ” ( แต่เรายังไม่พอใจ)) “ นี่ฉันบริจาคมากแล้วนะ ” ( แต่เรายังไม่พอใจ) “ นี่ฉันเป็นคนดีแล้วนะ ” ( แต่เรายังไม่พอใจ) “ พจนานุกรมของเราถือกันคนละเล่ม ” เตือนสติตนไว้เสมอๆ โชคดีของมนุษย์ที่คำ� ศัพท์หลายๆ คำ� เราใช้ตรงกัน แปลความหมายเหมือนกัน แต่สิ่งที่เป็นความล้มเหลว เป็นความ ทุกข์ ก็เพราะมีอีกหลายๆ คำ�ที่แปลแตกต่างกัน แต่ตัวเรายังคงตะบี้ตะบันให้พจนานุกรมของเขา มาใช้ฉบับเดียวกับเรา วิกใครก็วิกมัน สำ�นักพิมพ์ของใครก็ของมัน คดีขึ้นศาลอาญาแท้ๆ ศาลยังพิพากษาต่างกัน ศาลชั้นต้นบอกซ้าย ศาลอุทธรณ์บอกขวา ศาลฎีกาบอกผิดทั้งคู่ ต้องกลาง ! ยุ่งตายห่ะ ! ตราบใดยังทำ�ใจไม่ได้ว่า คนเราทุกคนต่างถือพจนานุกรมกันคนละเล่ม เข้าใจให้ ได้ถ่องแท้ ในสมมุติแห่งสัจจะข้อนัี้ แล้วเราจะได้ ไม่เสียอารมณ์กับใคร ไม่เสีย น้ำ�ตาให้แก่ผู้ ใด อย่าวิ่งผ่านเส้นทางชีวิต จงค่อยๆ เดิน เรียนรู้สิ่งที่พบเห็น เพื่อสรุปเป็นบทเรียน มนุษย์เราทำ�ลายแรงโน้มถ่วงของโลกได้ พายานอวกาศหนักมหาศาลทะลุสู่จักรวาล แต่น่า สมเพชบ้างไหมที่ระหว่างกัน เราเหมือนอยู่กันอย่างไม่เข้าใจอะไรเลย ทำ�ไมเขา ? ทำ�ไมเขา ? ทำ�ไมเขา ? ขึ้นต้นว่า “ ทำ�ไม ” จึงเป็นบทเพลงที่ประจานความโง่ของเราต่างหาก แม้จะจบด็อกเตอร์ สูงส่งเพียงใด แต่ก็ยังโง่ในเรื่องของชีวิต ! แล้วจะได้ ไม่เสียใจ แล้วจะได้ ไม่น้อยใจ ไม่มีปมด้อย ที่หากสักวันเราไม่ลาภ ยศ สรรเสริญ เทียมหน้าเทียมตา เหมือนอย่างคนอื่นเขา แม้จะยากจน แม้จะต่ำ�ต้อย แต่เราก็ภูมิใจที่เตี้ยก็เตี้ยแบบดอกหญ้า ด้วยรู้ คุณค่าของตัวเอง

ถ้อยคำ�สิริมงคล 77


“ พจนานุกรมคนละเล่ม ” เตือนตนสม่ำ�เสมอ เราจะได้เป็นคนใจกว้าง ไม่กราดเกี้ยว เอาแต่ใจ จนคนเข้าใกล้ขนหัวลุก ! “ พจนานุกรมคนละเล่ม ” เตือนตนบ่อยๆ เราจะได้ ไม่คร่ำ�ควรญกับฟ้าดิน ทำ�ไมคนดีอย่างเรา นายไม่เห็น หัวหน้าไม่รู้ ชาวบ้านไม่มอง ทำ�งานแทบล้มประดาตาย ยังไม่ ได้อะไร ท่านเอยจะบอกให้ สิทธิการิยะท่ายว่า คนดีของนายกับคนดีของเรา บางทีก็ต่างกันคนละขั้ว คนดีของนายบางคน แปลแค่คนประจบสอพลอ พูดจาหวาน ครับๆ ค่ะๆ คนดีของนายบางคน แปลแค่ทุกเช้าต้องชงกาแฟให้กิน คนดีของนายบางคน แปลแค่ต้องมาวุ่นวายอยู่ใกล้ๆ นาย งานการไม่ทำ� ไม่เป็นไร ขอให้มา เฝ้าแหนก็แสนพอใจ คนดีของนายบางคน แปลแค่เสื้อผ้าต้องเนี้ยบ ใส่สูทผูกเน็คไท ดูบัลเล่ต์ ดูอุปรากร คนดีของนายบางคน แปลแค่ต้องกินเหล้า เจ้าชู้เป็น ถึงจะยอด ถึงจะถูกใจ “ พจนานุกรมเรามันคนละเล่ม ” เตือนตนเรื่อยๆ จะได้ ไม่เครียด ความพอใจกับความถูกต้องต้องแยกกันให้ขาด เพราะบางคนในโลกเขาเอา “ ความพอใจ ” สำ�คัญเป็น “ ความถูกต้อง ” นี่คือเรื่องเศร้า แต่ก็เป็นเรื่องจริงสำ�หรับคนพรรค์นี้ ฟ้าดินมีตา กฎ แห่งกรรมมีจริง เป็นความซวย เป็นวิบากกรรมของเราต่างหากที่อยู่ใกล้คนพรรค์นั้น อย่างเสียใจ สาสารให้มาก กฎแห่งกรรมมีจริง ทำ�กรรมใดไว้ ย่อมได้รับผลกรรมนั้น เมื่อให้ความอยุติธรรม การกดขี่ข่มเหง สร้างความคับแค้นแก่ผู้อื่น เมื่อถึงวันนั้น กฎแห่งกรรม จะมาเคาะประตูหน้าบ้านเพื่อ “ เช็คบิล !” เชื่อเถอะ พจนานุกรมของพวกเราใช้กันคนละเล่มจริงๆ แต่อยากเก่งกว่านั้น ลองหัดชะโงกไป เปิดอ่านของเขาบ้าง รับซะ ยังไม่สายเกินไปนะ จะบอกให้

78 ถ้อยคำ�สิริมงคล


ปิดหู - ปิดตา - ปิดปาก

{

{

ชีวิตของบางคนเป็นชีวิตที่น่าสงสาร ตลอดเวลาปรารถนาความรักความเอาใจ ใส่จากคน รอบข้าง แต่ไม่เคยสมหวัง เข้าทำ�นองอกหักนั่นแหละ อะไรคือสาเหตุ แห่งความผิดหวังหนอ? อยากให้ใครมาดีกับเรา เราต้องดีกับผู้อื่นก่อน อยากให้ใครมาเห็นคุณค่า เราต้องเห็นคุณค่าของผู้อื่นก่อน กฎแห่งกรรมยังคงเที่ยงธรรม และเที่ยงตรง ผู้ให้ย่อมมีสิทธิ์ได้ คนไม่เคยให้ใคร อย่าหวังจะได้อะไรจากใคร หากอ้างว้างว้าเหว่ จงสร้างความหวังดีต่อทุกคนให้งอกงาม เพื่อห่อหุ้มชีวิตของเรา ช่วยไปเถิด มีน้ำ�ใจกับทุกคน ลำ�พัง “ถ้อยคำ�สิริมงคล” เป็นเพียงอุบาย เป็นเพียงแนวคิด เจ้าของชีวิตจะต้องฝึกปรือ ฝึกฝน สร้างต้นไม้แห่งคุณธรรมในตนให้งอกงาม บนเส้นทางแห่งการดำ�รงชีวิต หลากหลายพลังแห่งความร้อน อายตนะถูกฝึกเพื่อรับรู้ เอาตัวรอด และดำ�รงอยู่ แต่เมื่อมาถึงวันหนึ่ง ความฉลาดของ อายตนะก็ทำ�เจ้าของชีวิตโศกเศร้าได้ รู้มากยากนานจึงเป็นเรื่องจริง

ถ้อยคำ�สิริมงคล 79


ความรู้จึงจำ�เป็นต้องควบคุม เพราะมิฉะนั้นสิ่งที่รู้จะเผาชีวิตให้กลายเป็นจุณ “ปิดหู-ปิดตา-ปิดปาก”เป็นอีกถ้อยคำ�ที่ชวนหมั่นไส้ ปิดทำ�ไม ก็มันเป็นเรื่องจริง แต่ถ้าวางไม่ลง การรับรู้มากไป เราก็ทุกข์ ชีวิตมีพลังจำ�กัดที่จะแบกสิ่งที่รู้ เหมือนคนยกลูกเหล็ก แบกมากก็หนักมาก นับแต่ลืมตา พลังกดดันเริ่มรุกราน จนต้องตกใจร้องไห้จ้า ไหนจะพลังอากาศที่กดดันเข้ามารอบตัว ไหนจะต้องเรียนรู้การใช้ภาษา เรียนรู้การเข้าสังคม เรียนรู้การกินอยู่หลับนอน ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของชีวิตต้องสู้ แต่เมื่อถึงจุดจุดหนึ่ง บางทีอาจจะต้อง “หรี่การรับรู้” หากรู้แล้วหนัก คงต้อง “หรี่รู้” สักนิด “ปิดหู-ปิดตา-ปิดปาก” ดี ไหม “ทวารตา” มีไว้ดูมีไว้เห็นก็จริง แต่เห็นเหตุการณ์มาก วางได้ไหม ความไม่เป็น ความไม่ถูก ฯลฯ หรี่ความรู้ลงอีกนิด เหมือนคนปิดตา เห็นเขาทำ�ไม่ดี เตือนแล้วก็ยังไม่ฟัง ไม่มองดีกว่าสบายใจ “ทวารหู” รับฟังรับรู้สารพัด ลองละเลยบางเรื่องเพื่อสุขภาพจิตของตัวเรา เพี่อนมาเล่าความวุ่นวายของเพื่อน เพื่อนมาเล่าคนนินทาเรา รู้มากก็หนักนะ ลืมๆเสียบ้าง ปิดหู ไม่ฟังเสียบ้าง แต่อย่าให้คู่สนทนารู้ล่ะ เดี๋ยวเขาจะเคือง หรือบอกได้ก็บอกตรงๆเลย รู้แล้วไม่สบายใจ อย่าเล่าเลยนะเพื่อนรัก “ทวารปาก” ปากพาจน ปากพาลงนรก หากไม่สำ�รวม อย่าพูดทุกเรื่องที่รู้ระวังโอษฐภัย ไม่นินทา ไม่โอ่ตัว ไม่พูดถึงใครในแง่ร้าย พูดบางเรื่อง พูดแต่เรื่องที่มีประโยชน์ดีกว่านะ “ปิดหู-ปิดตา-ปิดปาก” ท่องจำ�เตือนตน นี่แหละคือพระปิดทวารขนานแท้ ต้องสร้างขึ้นในตัวเรา ชีวิตจึงจะร่มเย็น ปริศนาธรรมจากสวนโมกข์ หลายๆ คนไปเยี่ยมโรงปั้นตุ๊กตาปูนปลาสเตอร์มา พระท่านที่ ดูแลแจกปริศนาธรรมคนละตัว ๒ ตัว

80 ถ้อยคำ�สิริมงคล


จำ�ได้ ไม่ลืม ลิง ๓ ตัว กำ�ลังเอามือปิดตา ปิดหู ปิดปาก น่าขำ� แปลกดีนะ ทำ�ไมต้องปิดล่ะ เปิดรับรู้ ไม่ได้เหรอ คนไม่เข้าใจก็ชอบถาม เพื่อหายสงสัย ในชีวิตจริง ประสบการณ์จะสอนเรา บางทีบางครั้งอาจจะต้องละเลยผ่านไป อย่าไปฟัง อย่าไปดู อย่าไปพูดถึง ระวังเถอะ ลืมตัวจนขาดสติ จะกลายเป็นตำ�รวจโลก เที่ยวพิทักษ์ปกป้องสิ่งรอบตัว แต่ ด้วยเกินกำ�ลัง ชีวิตจึงมีแต่ความเศร้าหมอง ยุค ๖ ตุลา แห่งความโฉดของสังคมไทย หนุ่มสาวมากมายวิ่งเข้าซุกอ้อมกอดแห่งป่าเขา บัดนีเ้ ดินทางออกมามาอยูใ่ นป่าคอนกรีตด้วยความอ่อนโยน รูค้ วามจริงของสังคมมากกว่าเก่า ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวเริ่มอ่อนลง เขาและเธอเริ่มยอมรับความจริง โลกนี้ต้องยอมรับสิ่งที่ เป็นไป มันไม่มีอะไรที่ถูกใจไปทุกเรื่อง อกหักจากสังคมเมือง อกหักจากสังคมป่า ๒๐ กว่าปีล่วงเลย จิตใจหนุ่มสาวยุคนั้น ขณะนี้ บัดนี้ อ่อนโยนขึ้นมากมาย หยุดวิวัฒนาการไม่ได้ หยุดความเจริญแห่งโลกีย์ ไม่ไหว หยุดกิเลสมนุษย์ ไม่มีทางชนะ เข้าใจความจริงของผู้อื่น หากจะแก้ ไขจริงๆ แล้วจะต้องเริ่มต้นที่ตัวเอง ดูจะเป็นความฝัน ที่ ใกล้ตัว และมีทางสำ�เร็จมากที่สุด “เคร่งครัดที่ตน ผ่อนปรนผู้อื่น” อายตนะบางตัว ไม่ต้องรู้มาก ถ้ายังเอาชนะไม่ไหว ถ้าไปให้ความสำ�คัญกับทุกเรื่อง เราก็คงเหมือนคนตายทั้งเป็น “ปิดหู-ปิดตา-ปิดปาก” เตือนตน เพื่อลดความเจ็บปวดของชีวิตใน พ.ศ. นี้ มิใช่จะไม่สู้กระแสสังคม แต่ต่อสู้ทุกเรื่อง มันไม่ไหวหรอกนะ อย่าปล่อยควายป่ามาทั้งฝูง ทยอยให้มาหาเราทีละตัว ๒ ตัว ค่อยๆ จัดการกันไป เตือนตนสำ�หรับการรับรู้ เพื่อจะได้คำ�นวณกำ�ลังต่อสู้ ให้ถูกต้อง บทความชิ้นนี้อาจจะเข้าใจยากสำ�หรับคนบางคน แต่กับคนที่ชอบเป็นตำ�รวจโลก เที่ยววุ่นไป ทุกเรื่องจะได้สติยับยั้ง ความรุ่มร้อนจะได้จางคลาย ชีวิตมีความเจ็บปวดเป็นธรรมดา แต่จะเลือกเจ็บบางเรื่อง อย่าเจ็บไปทุกเรื่องมันจะมากไป จึงจำ�เป็นต้องอุดทวารตัวเองเสียบ้าง “ปิดหู-ปิดตา-ปิดปาก” ท่องไว้บ่อยๆ ก็ดีนะ

ถ้อยคำ�สิริมงคล 81


ให้ตัวอย่างที่ดีแก่เขา

{

{

ขยับ-กระเถิบ ทีละนิด ถ้อยคำ�แห่งสิริมงคลเคลื่อนไหล อธิบายขยายสู่กันฟัง บางคำ�ดูเหมือนซ้�ำ แต่มใิ ช่เรือ่ งน่าเบือ่ หน่าย เพราะเหตุจดุ ประกายของคนเราหลากหลายปุม่ ปม ด้วยเหตุความคิดและภูมิหลังที่แตกต่างกันของแต่ละชีวิต จุดบันดาลใจจึงผิดแผกแตกต่าง กันไป อาหารก็เหมือนกัน คุณค่าคล้ายกัน พ่อครัวจะต้องพลิกแพลงให้อร่อยลิ้นคนกินให้จงได้ ด้วยเหตุนี้ ถ้อยคำ�สิริมงคลจึงยังเดินหน้าต่อไป หวังสักวันสะกิดจุดซะโตริของผู้อ่านให้ บังเกิดผล อย่ามัวประมาท ใครจะมาเตือนเรา ตนเตือนตนนั่นแลดีเลิศสุดยอด เจตนาแห่งถ้อยคำ� เอาไว้ดื่มกินเอง มิใช่ไล่แจกคนอื่นเขา คำ�บางคำ�อาจจะดูเหมือนน่าจะใช้เตือนเขา แต่โดยเนื้อแท้ “เตือนเรา” ก่อนดีที่สุด ปีใหม่กำ�ลังจะผ่านไปอีกครั้ง กว่าหนังสือเล่มนี้จะออกก็คงเลยไปแล้ว เรามักจะตื่นเต้นวิ่งหา ของขวัญที่แสดงถึงมิตรภาพ ความจริงใจของเราที่มีต่อเขา อะไรหนอน่าจะดีที่สุด เหมาะสมที่สุด?

82 ถ้อยคำ�สิริมงคล


คำ�ตอบก็คือ “ให้ตัวอย่างที่ดีแก่เขา” มาเถิด มาให้ตัวอย่างที่ดีๆ แก่ชีวิตกันและกันบ้าง เป็นเรื่องตลก เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ คาดไม่ถึงหากจะบอกว่า สิ่งที่คนเราขาดแคลนมากที่สุด คือเรื่องนี้ ! ดูเหมือนน่าจะรู้ ตำ�ราก็บอกไว้เยอะ สอนกันมาก ฉลาดก็ฉลาด เรียนกันก็สูงแต่เชื่อเถอะ มนุษย์เราขาดตัวอย่างทำ�จริงให้ดู นึกสงสัยบ้างไหม สอนกันทำ�ไมไม่ฟัง ทำ�ไมลูกดื้อ ทำ�ไมศิษย์ต้าน ทำ�ไมเพื่อนๆ จึงกระด้าง กับเรา ลำ�พังความรักของหัวใจ แก้ปัญหาชีวิตไม่ได้ จะต้องมีตัวอย่างการแสดงออกที่ดีเป็นส่วน ประกอบสำ�คัญ ความรักของพ่อแม่ทำ�ให้ลูกๆ เกลียดชังมาก็เยอะ ความรักของเพื่อนทำ�ให้เพื่อนเบื่อก็มาก จริงใจอย่างเดียวไม่พอ ต้องปรับลีลาบุคลิก วิธี การให้เหมาะสม คุณธรรมแต่ละข้อที่สอนลูกแอบอิงซึ่งกันและกันอย่างแนบแน่น สอนอย่างไร ต้องเป็นอย่าง นั้น คำ�พูดและการกระทำ�ต้องพุ่งไปสู่ทิศทางเดียวกัน “ยามว่างอ่านหนังสือซะบ้างลูกรัก” แล้วพ่อแม่ล่ะ ยามว่างทำ�อะไร กินเหล้า เล่นไพ่ ดูทีวี นอนเอกเขนก ! บอกลูกอย่าใช้เงินเปลือง แต่ตัวเองก็ชอบแทงหวย ซื้อล็อตเตอรี่ มาถึงทุกวันนี้ ครอบครัวจึงล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง สังคมโหดร้าย แก่งแย่ง เอารัดเอาเปรียบ ตัวใครตัวมัน ใช้อารมณ์ห้ำ�หั่น พยาบาท อาฆาต ผู้ใหญ่แทบทุกคนอาลัยอาวรณ์ความอ่อนโยน ความมีน�ำ้ ใจ มีเมตตาในอดีต เมือ่ หลายสิบปีกอ่ น อยากจะถอยเวลา โหยหาบรรยากาศสมัยตัวเองยังเป็นเด็ก ดูบ้านนอกซิ สังคมชนบทเขาช่างรื่นรมย์ ทุกคนจริงใจต่อกัน... รู้สึก ! ใครๆ ก็รู้สึก บางคนก็ใจหายในพฤติกรรมของมนุษย์ในสังคม สิ่งที่ดีๆ เหล่านี้ จะไม่มี วันหวนกลับ ผ่านไปประดุจสายน้ำ� ทุกคนปลง หมดอาลัยตายอยาก ปล่อยใจตัวเอง โลกาภิวัตน์ก็เป็นอย่างนี้ ! ก็ ได้แต่บ่นกันไปปลงกันมา แต่ใครที่อยากแก้ ไข ช่วยกันสร้างสรรค์สังคมใหม่ ก็อยากจะบอก ว่า สิ่งที่ฝันมีทางเป็นไปได้ ไม่ต้องรอใคร ไม่ต้องรองบประมาณจากไหน มัมมี่ย่อมมีทางคืนชีพ ! เริ่มต้นวันนี้เดี๋ยวนี้ “ให้ตัวอย่างที่ดีแก่เขา”

ถ้อยคำ�สิริมงคล 83


ถ้าเราเบื่อหน่ายสังคมที่เห็นแก่ตัว เราต้องแสดงน้ำ�ใจ หัดช่วยเหลือคนทุกข์ยาก อยากเห็นสังคมให้อภัยแก่กัน เราต้องลองหัดอภัยคนรอบข้างที่ผิดพลาด อยากเห็นสังคมใจเย็น เราต้องฝึกไม่โกรธ อยากเห็นสังคมเป็นอย่างไร เร่งทำ�ที่ตัวเองก่อนลำ�ดับแรก แสดงสิ่งที่ดีๆ ออกไป ให้คนอื่นเขารับรู้ว่าอย่างนี้ก็มี ต้องเป็นอย่างนี้ ถึงจะถูกต้องสวยงาม เวลาเขาทำ�ผิดพลาดอย่าโกรธ อย่าดุด่าซ้ำ�เติม ให้โอกาส ให้ลองใหม่ เวลาไม่พอใจ อย่าระเบิดอารมณ์ใส่หน้าคนอื่น อย่าทำ�เลย ! พยายามสร้างพลังเย็นให้เกิดขึ้น เริ่มจากตัวเราก่อนเพื่อน “ถ้าท่านต้องการให้เพื่อนบ้านทำ�อย่างไรกับท่าน ก็จงทำ�สิ่งนั้นกับเพื่อนบ้านของท่าน” “ทำ�กับเขาในสิ่งที่ต้องการให้เขาทำ�กับเรา” หลักคำ�สอนขงจื๊อเน้นแล้ว เน้นอีก ถือเป็น สาระสำ�คัญแห่งการดำ�เนินชีวิต “ให้ตัวอย่างที่ดีแก่เขา” เชื่อเถอะ บางคนเขาไม่รู้จริงๆ ว่าต้องแสดงออกแบบนี้ ทุกทีเขามีแต่ แสดงกิริยาเลวร้าย เพราะคนรอบข้างก็แสดงแบบนั้น เขาคิดไม่ถึงว่าตลอดชีวิตนั้น x+y จะต้อง ได้ผลลัพธ์เป็น ๔ เสมอ แต่เรานี่แหละต้องแสดงให้เขาเห็นว่า x+y จะได้ผลลัพธ์เป็น ๗ ! ตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำ�สอน พูดให้ฟังไม่ดังเท่ากับทำ�ให้ดู อุปกรณ์การสอนที่ดีที่สุด ก็คือตัวอย่างชีวิตจริงที่ทำ�ให้ดู ไม่อยากให้เข้าขี้โกรธ หัดควบคุมอารมณ์เป็น เราต้องไม่โกรธในเรื่องที่ควรโกรธให้เขาดูก่อน ไม่อยากให้ดุร้าย เราต้องอ่อนโยนกับเขา ไม่อยากให้เขากินยาก เราต้องกินง่ายให้เขาดูทุกวัน ฯลฯ บันทึกลงในกินเนสส์บุ๊คได้เลย คนเราแย่ทุกวันนี้เพราะขาดตัวอย่างที่ดีชี้นำ� ถ้าคุณเบื่อโลกที่มันเร่าร้อน คุณต่างหากต้องทำ�ให้ตัวเองร่มเย็น อย่ามัวปัดสวะความรับผิดชอบโยนให้สังคม ราวกับเป็นใครคนหนึ่งที่ต้องรับผิดชอบ ทั้งๆที่ เราก็คือหนึ่งในนั้น “เด็ดดอกหญ้ากระเทือนถึงดวงดาว” วลีนี้ย้ำ�ภาระอันยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติที่จะต้อง แบ่งเบาความทุกข์ของกันและกัน คนละไม้คนละมือชูโลกให้สุขสว่าง “ มาเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่เขากันบ้าง” เราทั้งผองต่างเป็นครูซึ่งกันและกันจริงๆและจริงๆ

84 ถ้อยคำ�สิริมงคล


ชีวิตมนุษย์จึงมิใช่โดดเดี่ยว ไม่เอาภาระใคร หรือแค่มีความสุขของตัวไปวันๆ หากเป็นอย่างนี้ก็เหมือนสัตว์เดรัจฉานทั่วไป สังคมมนุษย์จึงมิใช่ปล่อยไปตามยถากรรม แต่ต้องกำ�หมัดช่วยกันต่อสู้ ไม่ต้องยืนหน้าม็อบ ถือไมค์ กล่าวฮึกเหิม ไม่ต้องมีบทบาทกล้าหาญขนาดนั้น เอาแค่มาเป็น “ตัวอย่างชีวิตที่ดีให้แก่เขา” ก็เกินพอ-แลเวนะทูนหัว จำ�พุทธวจนะได้ ไหม พึงชนะความโกรธด้วยความโกรธ พึงชนะคนตระหนี่ด้วยการให้ พึงชนะความชั่วด้วยความดี เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร พุทธภาษิตเหล่านี้ลุ่มลึกเกินกว่าโลกาภิวัตน์จะคาดคิดได้จริงๆ

ถ้อยคำ�สิริมงคล 85


อย่าเอาชนะทุกเรื่อง

{

{

“ไม่ล้มข้ามได้ คนล้มอย่าข้าม” สุภาษิตโบราณยังคงทนและทันสมัยใหม่เสมอตลอดมา ไม่ ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลง แปรผันมากเพียงใด ยุคคนเถื่อน ยุคแดนศิวิไลช์ ยุคโลหะ ยุคทอผ้า หรือยุคโลกาภิวัตน์ จะยุคไหน แต่หัวใจของมนุษย์ยังคงดวงเดียว คือ เปราะบาง คิดมากถึงศักดิ์ศรีของตัวเอง ลูกผู้ชายฆ่าได้ หยามไม่ได้ ลูกผู้หญิงก็พอๆกัน หรือใครจะเถียง อย่าเหยียบย่ำ�ซ้ำ�เติมให้เจ็บช้ำ�จนเกินทน อย่าไล่สุนัขให้จนตรอก เพราะเมื่อถึงที่สุด หมูทั้งหลายจะเกิดพลังยามคับขัน กลายเป็นหมูป่าแบบปาฏิหาริย์ ตำ�นานมีมาแล้ว เมื่อถึงสุดๆปรากฏการณ์เกินคาดจะอุบัติจนน่าอัศจรรย์ นางพญาผมขาวของจีนแผ่นดินใหญ่ เพียงความเศร้าโศกอาดูรชั่วข้ามคืน เส้นผมที่ดำ�สลวย กลับกลายเป็นสีขาวราวหิมะ หรือยามไฟไหม้บ้าน ของที่แบกไม่ไหว กลับสามารถยกออกมาตั้งได้อย่างน่าฉงน จุดเร่งเร้าจุดสุดท้ายต้องระวังเป็นพิเศษ มนุษย์ทุกคนมีขุมพลังนอนสงบนิ่งรอคอยการกระ ตุ้นอย่างไม่รู้ตัว

86 ถ้อยคำ�สิริมงคล


พลังฮึดสุดท้าย ต้องระวัง! แม้ในสนามกีฬา 50 เมตรสุดท้าย นักวิ่งต่างๆก็ดคงพลังในส่วนนี้ออกมาใช้ “อย่าเอาชนะทุกเรื่อง” อยากจะบอกคนชนะทุกคน อย่ามัวฮึกเหิมหลงใหลได้ปลื้ม จนไม่ แคร์ความรู้สึกของผู้แพ้ เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง อาจจะต้องแสดงน้ำ�ใจ ให้ความเคารพในฐานะเพื่อน ร่สมทุกข์ เข้าร่วมรบใน สมรภูมิ! “อย่าเอาชนะทุกเรื่อง” หัดถอยให้กันบ้าง ชนะมาหลายครั้ง จะยอมแพ้เสียบ้างในบางเรื่อง เพื่อเป็นการคารวะ ก็น่าจะทำ� เล่นกันไม่เลิก ก็คือการประกาศศัตรูถาวรตลอดชีวิต พระพุทธองค์ทรงอภัยเทวทัต พระเยซูทรงอภัยผู้ตรึงกางเขน ท่านนบี มะหะหมัด ทรงอภัยศัตรูผู้เกลียดชัง อภัยด้วยการไม่ถือโทษ ไม่ถือโกรธ ไม่แช่งชักหักกระดูก ไม่ขอร้องกฎแห่งกรรมช่วยให้มัน ฉิบหาย! มีแต่คนใจแคบ คนเห็นแก่ได้ที่ชอบเอาชนะคนอื่นไปเสียทุกเรื่อง จักรพรรดิราชยิ่งใหญ่เพียงใด แม้ปราบอริราชศัตรูทั่วแผ่นดิน ก็ต้องปราชัยในบางคน จะ เป็นไร โลกยุคโลกาภิวัตน์ มนุษย์ก็ยิ่งใจดำ�อำ�มหิตหนักหนาขึ้น ย่ำ�ยี เยาะเย้ย หยามหยันกันอย่างคึกคะนอง เกมชีวิตดั่งกัฬา เคยเห็นบ้างไหม นักชกรุ่นน้องเข้าไปกราบนักชกรุ่นพี่เมื่อยามชนะ! “อย่าเอาชนะทุกเรื่อง” จะชนะเรื่องไหน ตั้งสติพิจารณา ยังมีอีกหลายเรื่องที่ฟุ่มเฟือยเกิน ไปที่จะเอาชนะ สงครามการรบ การรู้จักเมืองไหนเป็น “เมืองรอง” เมืองไหนเป็น “เมืองหลวง” ทำ�ให้เราคาด สถานการณ์แม่นเป้า มัวแต่เอาชนะ “เมืองรอง” จนเสียรี้พลมากมาย ยามสุดท้ายก็หมดกำ�ลังที่จะรักษา “เมือง หลวง” ก็ยังมี นี่แหละเขาเรียก “อุบัติเหตุชีวิต” อย่าใช้อารมณ์ อย่าเพียงเพื่อสะใจ ซาดิสม์ สมน้ำ�หน้า เราต่างเป็นราชาของชีวิต ควรมีสิทธิ ครองเมืองในบางแห่ง โปรดอย่าไล่บี้ขยี้จนไร้บัลลังก์ หัดถอยให้กันและกัน เมื่อรถยนต์อยู่ในซอย ใครควรหลบหลีกทางให้

ถ้อยคำ�สิริมงคล 87


“อย่าเอาชนะทุกเรื่อง” เป็นถ้อยคำ�เตือนสติ ชีวิตนี้ ควรหัดถอย หัดยอม หัดแพ้เสียบ้างจะเป็นไร ในบางขณะแห่งชีวิต การหัดรู้จักแพ้ อาจจะเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ใครจะรู้! ใจเขา-ใจเรา อกเขา-อกเรา เลือดเนื้อเขา-เลือดเนื้อเรา สำ�รวจตน มีนิสัยแบบนี้กับใคร กับพ่อแม่พี่น้อง กับเพื่อนฝูง กับคนหลายคน จำ�เป็นนักหรือที่จะต้องเอาชนะคะคานไปเสียทุกเรื่อง ให้กำ�ลังใจ ให้น้ำ�ใจแก่ผู้อื่นได้ไหม ? “แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร” ไม่ใช่พุทธภาษิตกระจอกนะ จะบอกให้แต่ลึกซึ้ง สุมขุม คัมภีร ภาพจริงๆ

88 ถ้อยคำ�สิริมงคล


อย่าเอาหูฟัง

{

{

โลกนี้แสนยุ่งเหยิง ด้วยหลายสาเหตุมากมี ความไม่รู้จักแก่นแท้ของชีวิตความขาดเป้า หมายที่สร้างสรรค์ จึงก่อเกิดกำ�ลังพายุแห่งโลภะ-โทสะ นั่นคือเหตุผลหลักๆของชีวิต ธรรมะจึงเป็นยาบำ�บัดอาการ ผลิตขึ้นมาจากบริษัทของศาสดา เป็นยอดแห่งยาในจักรวาล ของมนุษย์ เหตุข้างเคียงที่ทำ�ให้ยุ่งเหยิงก็มีมิใช่น้อย เรื่องของปาก-หู เรื่องของการพูดกับการฟัง นับเป็นเหตุใหญ่เหตุหนึ่งที่ทำ�ให้ชีวิตนอนตายตาไม่หลับ อยู่ด้วยกันแต่ไม่เข้าใจกัน อยู่ด้วยกันแต่ไม่พยายามศึกษากัน โศกนาฏกรรมจึงอุบัติ เศร้าเสียยิ่งกว่าโรเมโอกับจูเลียต เสียอีก “วจีกรรม” หนึ่งในสามแห่งกรรมบถของมนุษย์ สามารถเป็นสื่อที่จะทำ�ให้รักโกรธชอบได้ อย่างง่ายดาย เคยสำ�รวม เคยระวัง มากน้อยสักแค่ไหน เพียงลมปาก โลกก็สามารถถล่มทลาย ณ บัดนั้นได้อย่างเหลือเชื่อ

ถ้อยคำ�สิริมงคล 89


ระวังการพูด อยู่คนเดียวระวังความคิด อยู่กับมิตรระวังวาจา สุภาษิตโบราณย้ำ�เตือนนักเตือนหนา ฟัง-โสตะ ฟังให้ดีย่อมเกิดปัญญา สุสสูสํ ลภเต ปญญํ “การฟัง” จึงมิใช่สักแต่มีหูก็ฟังๆไป ไม่ฟังส่งเดช ไม่ฟังมักง่าย เข้าใจกันได้แค่ไหน ฟัง-แต่อย่าเอาหุฟัง ! เปิดใจให้กว้าง เพื่อแปลความหมายที่เข้าทางหู ในโลกนี้ คำ�พูกจาเกิดจากมารยาท เกิดจากมารยา เกิดจากความไม่ตั้งใจ เกิดจากอารมณ์ชั่ววูบ เกิดจากปากมันพาไป เกิดจากอะไรต่ออะไรอีกหลายๆเหตุผล แต่ก็ ไม่สรุปว่า ไม่ตั้งใจให้เป็นอย่างนั้น “ฉันเกลียดเธอ” ใช่ว่าจะเกลียดจริง “ฉันรักเธอ” ใช่ว่าจะรักจริง อย่าดื่มด่ำ� อย่าตอกย้ำ� เพียงฟังถ้อยคำ�จากลมปาก อ่านเจตนาของใจคนพูดมากกว่านั้น ทุกอย่าง ทุกถ้อยคำ� ต้องแปลเจตนา ต้องหยั่งเข้าถึงเหตุผลที่แท้ของคำ�พูดคำ�นั้น ประโยคนั้น “กินข้าวมัย้ ?” ไม่ดตู าม้าตาเรือ กระโดดเข้าไปร่วมวงกับเขา ทัง้ ๆทีซ่ อ้ื ก๋วยเตีย๋ วมาแค่หอ่ เดียว “ออกจากบ้านข้าเดี๋ยวนี้!” สิ้นเสียงก็สิ้นสิ่ง สุดน้อยใจ พ่อไล่เราออกจากบ้าน รีบเก็บข้าว ของลาจาก อยูก่ บั คน อยูก่ บั มนุษย์ อย่ามองอะไรชัน้ เดียว พฤติกรรมของมนุษย์เป็นเกมหมากหลายชัน้ อ่านออกก็พ้นทุกข์ วางตัวเหมาะสม อ่านไม่ออก ชีวิตนี้มีแต่ปัญหา พระพุทธองค์ทรงบัญญัติ “เสียงสอง” เป็นอิธิวิธีของศาสนิกชน เสียงหนึ่งเป็นเสียงออกจากปาก เสียงที่สองเป็นเสียงที่ช้อนซ่อนมากับเสียงแรก อ่านให้เป็น อ่านให้ออก ความสุขของชีวิตจะเริ่มออกดอกออกช่อ

90 ถ้อยคำ�สิริมงคล


อย่าเอาแต่ใจ อย่ามัวถือสา เอาแต่โกรธเคือง ทำ�ใจให้กว้าง ตื่นตัวรับฟังถ้อยคำ� และพยายามแปลเจตนา ความหมายให้แจ่มชัด เพื่อจะได้ ไม่ทำ�อะไรผิดพลาด ซื่อบื่อ ขี้เท่อ ศึกษา “เสียงสอง” มิใช่ของยาก ลึกลับ แต่ต้องหมั่นสังเกต แล้วเราจะเป็นผู้บริหารชีวิตมือทอง เป็นมนุษย์สัมพันธ์เลอเลิศ เป็นผู้ครองตน ครองคน และครองงานได้อย่างเยี่ยมยอด เกิดมาชาตินี้ยังไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร แต่หากอยากมีฤทธิ์ก็ลองฝึกดู ไม่หวงลิขสิทธิ์ “หูทิพย์” ไม่ใช่พูดกันลอยลม แต่เป็นเรื่องจริงที่ต้องฝึกฝน แม่ค้าดีดแตงโมเปาะเดียว รู้ว่าหวานไม่หวาน เราฟังเขาพูดทีเดียว รู้ถึงอะไรหลายๆอย่างใน ตัวเขา “อย่าเอาหูฟัง!” เตือนตนบ่อยๆ เวลาอยู่กับมนุษย์ เพื่อจะได้ ไม่พลาดพลั้ง หลงกล รู้ ใจเขา-รู้ ใจเรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง พร้อมแล้วหรือยังที่จะฝึก “หูทิพย์”

ถ้อยคำ�สิริมงคล 91


{

{ ฉิบหายช่างมัน!

วันนี้คงจะต้องแบ่งชั้นเพื่อความเหมาะสม ถ้อยคำ�สิริมงคลบางคำ�ใช้ ได้กับทุกคน แต่บางคำ� เหมาะสำ�หรับบางคนเท่านั้น อาวุธมากมายมีให้เลือกใช้ สถานการณ์ใดควรใช้คำ�ไหน และคนชนิดใดควรใช้คำ�เหล่านี้ “ฉิบหายช่างมัน!” เป็นอีกคำ�ที่ต้องเลือกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่สำ�นึกละเอียดอ่อน มีความปารถนาดีต่อผู้คนรอบข้างเหลือเกิน “คนแบกโลก” เที่ยวเก็บทุกอย่างมาเป็นภาระ “ตำ�รวจโลก” เที่ยวห่วงใยในสถานการณ์ “แม่ของโลก” ใครทำ�อะไรผิด ทำ�อะไรไม่เข้าท่า เป็นต้องทุกข์ร้อน กระวนกระวาย อยากเข้าไป ช่วยเหลือ อยากเข้าไปแก้ ไข อยากเข้าไปจัดการ! “ฉิบหายช่างมัน!” เหมาะเหลือเกินสำ�หรับบุคลากรแห่งโลกเหล่านี้ เพื่อไว้เตือนตน จะได้ ไม่ เหน็ดเหนื่อย ไม่เข็ดเขี้ยวกับเรื่องที่กำ�ลังเกิดขึ้น หรือกำ�ลังเกิด ความปารถนาดี ความห่วงใย เป็นคุณธรรมที่น่าชื่นชมของมนุษย์ ที่แสดงให้เห็นว่าไม่ใจดำ� ไม่ดูดายกันและกัน

92 ถ้อยคำ�สิริมงคล


แต่สรรพสิ่งล้วนป็นดาบ 2 คม หากไม่รู้จักใช้ พิษแห่งคุณธรรมจึงคือการไม่รู้จักปล่อยวาง บิดามารดาเป็นพรหมของลูก นั่นก็เพราะมีคุณธรรม 4 ประการ เมตตา กรุณา มุทิตา และ อุเบกขา แสดงว่าในความหวังดีทั้งหลาย พระพุทธองค์ยังให้อุเบกขาเป็นตัวสุดท้ายเพื่อยับยั้งจิตใจที่ หวังดียามเมื่อหมดปัญญาจะช่วยเหลือหรือจนแต้ม สักวันเมื่อลูกของเราป่วยหนัก เมื่อนำ�ส่งหมอ ดูแลเต็มที่แล้วก็ต้องปล่อยวางอะไรจะเกิดก็ ต้องเกิด อะไรจะแรงก็ต้องแรง ทุกอย่างมิ ใช่เราเป็นผู้ลิขิต เรามีความปารถนาดีเป็นที่ตั้ง แต่จะให้ทุกอย่างสมความตั้งใจเป็นสิ่งยาก “ฉิบหายช่างมัน!” เตือนแรงอาจจะทำ�ให้หูตาสว่าง ลุ้น-เชียร์มากไป มันก็หนักที่ใจเรา การเตือนแรงๆกับตัวเอง เผื่อจะได้ผล โลกนี้ใช่จะให้เราเป็นเจ้าของ ทุกคนต่างต้องรับผิดชอบ เราทำ�แล้ว แต่จะให้เขาทำ� เราไม่มี อำ�นาจ ไม่มีปัญญา เมื่อมาถึงจุดนี้ อะไรจะเกิดก็ต้องทำ�ใจ กลไกแห่งความสำ�เร็จ ยังต้องอาศัยอีกหลายๆ องค์ประกอบ เรามิ ใช่เป็นผู้บันดาล เรามีสิทธิ์ลุ้นก็แค่นั้น “ฉิบหายช่างมัน!” เตือนตน โดยเฉพาะหัวใจที่แบกภาระแห่งความห่วงใยเต็มที่ หากไม่ไหว ต้องปล่อยวาง อย่าเสียดาย อย่าอาวรณ์ ไม่มีอะไรพลัดพราก ไม่มีอะไรที่ยั่งยืนตลอด มีเกิด มีดับ มีเจริญ ย่อมมีเสื่อม เราไม่สามารถที่จะหยุดยั้งพลานุภาพแห่งกฎไตรลักษณ์ ได้ เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป ไม่เสื่อทวันนี้ ก็ต้องเสื่อมวันหน้า ไม่พลัดพรากวันนี้ ก็ต้องพลัดพรากสักวัน “ฉิบหายช่างมัน!” คนหวงัดีเที่ยวแบกทุกอย่างไว้บนบ่า ห่วงทุกเรื่องเก็บไว้ ในสมอง มีแต่ความเครียด ชีวิตย่อมไม่ยืนนาน ดูซิ สังคมกำ�ลังแย่ ยังมาเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้

ถ้อยคำ�สิริมงคล 93


ดูซิ สิ่งแวดล้อมกำ�ลังแย่ ยังทิ้งกระดาษเกลื่อนถนน ดูซิ มันยังโกงกินเต็มบ้านเต็มเมือง ดูซิ ขับรถไม่รู้จักกฎจราจร ดูซิ บอกแล้วไม่เห็นจะทำ�กัน ดูซิ..ดูซิ..ดูซิ.. อีกหลายร้อยดู ดูจนหูตาเหลือกก็ ไม่มีอะไรเกิด ยกเว้น ความฉิบหาย! รู้อย่างนี้จะได้วางใจแต่แรก ปลงให้ ได้ในเบื้องต้น คนที่ดื้อด่นต่อความดี เขาว่าเป็นกระเบื้องก็อย่างหนา แต่คนกังวลไปทุกเรื่อง ห่วงใยไปเสีย หมดก็ใช่จะได้รับการสรรเสริญ เป็นคนดี จิตใจดี แต่เครียดตลอดเวลา อายุสั้น เพราะคอยป้อน ยาพิษให้ตัวเองวันละช้อน ชีวิตจะเหลืออะไร ถ้อยคำ�สิริมงคลวันนี้ จึงขอมอบเป็นพิเศษให้แก่ผู้ห่วงใยโลก ห่วงใยบ้านเมือง ห่วงไว้ ไม่เสียหาย แต่ต้องรู้ขอบเขตกำ�ลังตัวเอง หากเป็นบ้านก็สมควรติดฟิวส์เอาไว้กันไฟฟ้า ช็อต ความหวังดี ความห่วงใยที่ไม่มีเบรคก็เหมือนคนบ้าเสียสติจึงจำ�เป็นที่จะต้องตระหนักใน “อุเบกขา” แพ้ก็แพ้ชะตาทราม แต่ดวงใจคงมั่น! อะไรๆก็สูญเสียได้ แต่อย่าให้ใจเสีย สัจว์ประเสริฐมีเหตุมีผลในการดำ�เนินชีวิต มีศีล มีคุณธรรม มีบาป มีบุญ เป็นกฎเหล็กของ ชีวิต ณ ประตูสุดท้ายจะต้องมี “อุเบกขา” คอยควบคุมเพื่อป้องกันโศกนาฏกรรมของเจ้าของชีวิต ธรรมชาติประทานยาวิเศษเพื่อดับพิษที่เกิดจากสำ�นึกแห่งความหวังดี “ฉิบหายช่างมัน!” เป็นคำ�แรงที่ใช้กับคนที่จริงใจและจริงจังเท่านั้น

94 ถ้อยคำ�สิริมงคล


{

{ น้ำ�หนักของเรื่อง

มีน้ำ�ก็ต้องมีคลิ่น เกิดเป็นคนก็ต้องมีอุปสรรค ปัฯหาชีวิต หรือความขับข้องใจหลากหลาย จึงเป็นส่วนประกอบของชีวิต มิใช่ส่วนเกินแต่ ประการใด ความทุกข์เกิดจากสิง่ ใดเล่า หากมิใช่มวั แต่คดิ “ ไม่นา่ เลย ... คนอย่างเราไม่นา่ จะเจอปัญหานี้ ” ยิ่งคิดจึงเหมือนเร่งไฟด้วยการใส้ฟืน ! “ น้ำ�หนักของเรื่อง ” การคำ�นวณปริมาณของ มักจะใช้น้ำ�หนักเป็นเกณฑ์เปรียบเทียบ “ น้ำ�หนักของเรื่อง ” แต่บทบาทพฤติกรรม ลีลาชีวิตในแต่ละฉาก ก็ล้วนต่างมีน้ำ�หนักกัน ทั้งสิ้น ในแต่ละเหตุการณ์ที่รับรู้ เหมือนรูปถ่ายในสมองของเรา จึงมีรูปภาพแห่งชีวิตที่ไปเจอะเจอรับ รู้มามากมายมหาศาลที่เก็บไว้ และรอคอยการนำ�ออกมาบอกเล่าต่อบุคคลอื่นด้วยความตื่นเต้น ตกใจ เกลียดชัง หรือแม้กระทั่งอยากเล่า เพราะอยากเล่า ( ไม่มีอะไรทำ� ) โอษฐภัย จึงเกิดขึ้นวันแล้ววันเล่า ซ้ำ�แล้วซ้ำ�เล่า ไหนจะทำ�ให้คนอื่นเสียหาย ไหนจะเป็นการ สร้างกรรมอกุศลใส่ตัว !

ถ้อยคำ�สิริมงคล 95


ในบรรดาศีล ๕ คงจะมีขอ้ ๕ นีแ่ หละ ผิดกันแล้ว ผิดกันอีก ด้วยโมหะ ด้วยความรูเ้ ท่าไม่ถงึ การณ์ “ น้ำ�หนักของเรื่อง ” คิดสักหน่อย รอบคอบสักนิด แต่ละเรื่องที่พูดประดุจลูกธนูพุ่งสู่เป้า เจตนาให้จมลึกหรือจมตื้น ต้องรู้ตัว รู้เท่าทัน รู้เห็นร้อยส่วน มิใช่จะต้องบอกทั้งร้อยส่วน ตรวจคนฟังให้ถี่ถ้วน เราควรจะเล่าแค่ไหน เพียงใด คนฟังเขามีนิสัยเพียงใด ภูมิหลังเป็นคนอย่างไร จิตใจคับแคบหรือใจกว้าง คงต้อง พิจารณาถี่ถ้วนสักนิด ยากจัง เวลาจะคุยแต่ละที ! ความจริงไม่ยากหรอก แต่ต้องฝึกให้เคยไว้ แต่ละเรื่องที่จะเล่า ต้องมีเป้าหมายว่า ต้องการ น้ำ�หนักเท่าใด มิฉะนั้นแล้ว เรื่องเล็กๆ ที่ไม่เป็นเรื่องก็จะพานใหญ่โต คอขาดบาดตายก็เป็นได้ ใส่ไฟเพื่อนไปกี่กระทง ก็ ไม่รู้ตัว นึกว่าเล่าตามเนื้อผ้า คนรักกันเล่าความบกพร่องของคนรักให้คนอื่นฟัง ย่อมเกิดผลที่แตกต่างเหลือแสน หากคนฟังชอบพอกัน ก็ฟังอย่างสบายใจ เอ็นดูเสียด้วย แต่คนไม่ชอบหน้าสิ่งที่เล่าก็คือ ความชั่วร้ายที่คนฟังพร้อมที่เก็บหมักหมม และรอคอยประจานต่อๆ ไปให้คนอื่นฟัง “ น้ำ�หนักของเรื่อง ” เรื่องที่เล่าออกไป คนฟังแต่ละคนจะมีปฏิกิริยาที่แตกต่างกันไป เราก็ ควรรับรู้ หากอยากจะเล่าเรื่องตื่นเต้น ให้ “ รัตนา ” ซึ่งเป็นคนขี้ตื่นเต้นฟัง เราก็ ไม่จะเป็นต้องใส่ลีลา อะไรลงไปมาก แต่ถ้า “ ละอองศรี ” ค่อนข้างเฉื่ย เวลาจะเล่าก้ต้องปรุงให้ผาดโผนขึ้นมาอีกหน่อย ชีวิตจึงมิใช่มัวเมาสนุกสนาน แต่มีเสน่ห์ที่จะทำ�ให้เราได้ศึกษา หัดเข้าใจ จริตนิสัยซึ่งกัน และกัน ยิ่งเข้าใจ ยิ่งเห็นใจ ยิ่งเข้าใจ ยิ่งวางตัวเป็น พูดจาเหมาะสม ไม่เผลอใส่ไฟเผาเพื่อน ทำ�ร้ายคนอื่น เส้นทางชีวิตเป็นเส้นทางยาวไกล แต่ละชีวิตจะมีธาตุแห่งวิญญาณที่แตกต่างกันไป การศึกษาชีวิตจึงคือการฝึกฝนตัวเองให้ฉลาดขึ้น พระพุทธเจ้าท่าทรงรู้จักประมาณ สุดยอดแห่งการเข้าใจน้ำ�หนักของเรื่อง จึงสามารถที่จะ เขย่า ธาตุตรัสรู้ของแต่ละคนให้สว่างโพลง ก่อนจะเอ่ย ก่อนจะเล่า ทบทวนสักรอบ เราจะให้เรื่องที่จะเล่ามีน้ำ�หนักสักแค่ ไหน

96 ถ้อยคำ�สิริมงคล


“ หนูแดง ” แอบขโมยเงินในกระเป๋าตังค์ของเรา จะบอกพ่อแม่ของเขาอย่างไรดี เพื่อที่พ่อแม่ ของเขาจะไม่เสียหน้า และฟังแล้วไม่เกลียดเรา แถมยังใจกว้างที่จะไปแก้ไขนิสัยของหนูแดง “ จะเล่า น้ำ�หนักของเรื่อง แค่ไหน ? ” “ จันทรา ” นั่งมอเตอร์ ไซต์รับจ้างเข้าซอย วันนี้ถูกมอเตอร์ ไซต์ฉวยโอกาสโก่งราคาเพิ่มอีก ๓ บาท “ จันทรา ” ไปเล่าให้น้าฉลวยที่บ้านฟัง หน้าฉลวยฟั​ังแล้วหน้าแดง ควักปืนออกไปที่ปาก ซอย จิ๊กโก๋ยิงน้าฉลวยตาย ความจริง “ จันทรา ” เจตนาเล่าเพื่อระบาย แต่ลืมไปว่า “ หฃน้าฉลวย ” เคยคุมซอยนี้มา ก่อน น้าฉลวยรู้สึกเสียหน้า ถูกหยามศักดิ์ศรี “ ลินดา ” มีเรื่องทะเลาะกับสามี “ วรากร ” เอาเรื่องไปเล่าให้ “ อาริยา ” ฟัง อาริยาเสนอ ความคิดเห็นผู้ชายคนนี้ คบไม่ได้ อย่าเลย อย่ารอช้า ความจริง “ ลินดา ” แค่ขอบ่นปรับทุกข์ ถึงอย่างไรก็ยังรัก “ วรากร ” อยู่มาก “ อาริยา ” เส นอความเห็นผิดพลาดจากความจริง “ สุชาติ ” คุยกับ “ ธนา ” เล่าว่า “ พรจันทร์ ” เพื่อนรักกินจุเหลือเกิน “ ธนา ” ฟังแล้วไปโพนทะนา “ ยายพรจันทร์ นิสัยไม่ดี ตะกละตะกลามน่าดู ” “ สุชาติ ” ไม่ได้เจตนา แต่ชอบคุย เอ็นจอยปาก เพราะไม่มีบาดแผลอะไรกับ “ พรจันทร์ ” จึงเล่าโดยไม่ระวัง “ น้ำ�หนักของเรื่อง ” เราคงจะต้องตั้งคำ�ถามเสมอเวลาจะเล่าอะไรให้คนอื่นฟัง เล่าไปแล้วหวังผลแค่ไหน ต้องคิดให้รอบคอบ ไม่เคยคิดก้ต้องหัดคิด มิฉะนั้นแล้วรังแต่จะเป็น โอษฐภัย สร้างเวรสร้างกรรมให้แก่คนที่เรากล่าวถึง ปากจึงเป็นประตูแห่งความเจริญ และเป็นประตูแห่งความฉิบหาย ! ไม่นา่ เชือ่ แต่กต็ อ้ งเชือ่ ! เรื่องจะเล่าคิดก่อนนะว่าจะให้น้ำ�หนักสักแค่ไหน “ น้ำ�หนักของเรื่องๆ ๆ ” เตือนตนเสมอ จะได้เลิกสร้างเวรให้แก่คนอื่น โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เสียที เชื่อเถอะ ! ก่อนข้อความของเรื่องนี้ ขออนุญาตตัดตอยบันทึกของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งถูกกล่าวหาว่าฆ่า ลูก เธอถูกกดดันจากบุคคลรอบข้าง บุลลคลภายนอกที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของเธอ ได้ทำ�ร้าย จิตใจเธออย่างมาก (โดยอาจจะไม่รู้ตัว)

ถ้อยคำ�สิริมงคล 97


กระดาษจารึกหยดหมึกของนางศรีนวลในแผ่นที่สอง เธอบรรจงเขียนด้วยลายมือถึงสามีว่า “ คนเราเกิดมาช้าเร็วก็ต้องตายด้วยกันทุกคน ต่อไปคงจะไม่ได้เห็นหน้ากันอีก ดูลูกให้ดีนะ อย่าทำ�ให้ลูกต้องเสียใจ ถ้าทำ�ให้ลูกต้องเสียใจเมื่อไหร่ เราจะกลับมาเอาลูกของเราคืน จำ�ไว้ให้ดี ไม่ว่าจะกี่สิบปีเราก็ยังอยู่ อยู่กับความโกรธ ความเกลียดชัง จะไม่ยอมให้อภัยตลอดกับทุกๆคน ” แผ่นต่อมา เธอเจาะลึกเข้าไปถึงครอบครัวสามี ที่กระทบถึงผลการกระทำ�ของเธอว่า “ เราไม่ชอบให้ใครเข้ามายุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของเรา ชีวิตส่วนตัวของเรา เราอยากมีชีวิตที่ สงบ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร แต่ทำ�ไมใครๆ ต้องมายุ่งเกี่ยวกับชีวิตเรา ทำ�ไมต้องทำ�ร้ายเรา ทำ�ไมต้องด่า ว่าเรา ทำ�ไมต้องนินทาเรา ชีวิตของเราเป็นของเรา ขึ้นอยู่กับเราเพียงคนเดียว ไม่ใช่คนอื่น เราจะไม่ ให้ใครมาบ่งการชีวิตของเรา เราไม่เคยทำ�อะไรให้ใคร ไม่เคยทำ�ร้ายใคร แต่ทำ�ไม เราผิดอะไร ? ” ทำ�ร้านกันได้ครั้งนี้ครั้งเดียวเป็นครั้งสุดท้าย จะไม่ให้มาทำ�ร้ายกันอีก จบกันแค่นี้ ไม่อยาก รับรู้อะไรอีกแล้ว เหนื่อย เหนื่อยหน่าย ท้อแท้กับชีวิต ไม่มีใครเข้าใจ ทุกคนเห็นแก่ตัว นึกถึงแต่ ความสุขของตัวเอง ไม่นึกถึงจิตใจของคนอื่น ถ้าไม่มีเราสักคน ทุกสิ่งทุกอย่างคงจะดีขึ้น เขาคง ต้องการอย่างนั้น...” (ไทยรัฐ ๒๕ ก.พ. ๒๕๓๗)

98 ถ้อยคำ�สิริมงคล


ถ้อยคำ�สิริมงคล 99


“ วิธีคิด ” เป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝน บางคนแม้เรียนสูงแต่ก็ “ คิดไม่เป็น ” ชีวิตเหมือนละครน้ำ�เน่า กว่าจะอวสานบาท สุดท้ายต้องถ่ายทำ�หลายต่อหลายฉาก แต่ละฉากต้องหัดสรุปบทเรียนให้ ได้ เพื่อเป็น ภูมิปัญญาสะสม เป็นภูมิต้านทานในอนาคต คร่ำ�ครวญ เสียใจ ท้อแท้ ก็แค่นั้น เพราะไม่มใี ครรักเท่าตัวเราเอง กรุณาอย่า ซ้ำ�เติมชีวิต ! สัมมาทิฏฐิเป็นประธานของ มรรค์องค์ ๘ การ คิ ด ให้ เ ป็ น มี ส่ ว นสนั น สนุ น ให้ ชี วิ ต เลื่ อ นไหลสู่ ครรลองแห่งธรรม ถ้ อ ยคำ � สิ ริ ม งคลแต่ ล ะถ้ อ ยคำ � เป็ น การ ฝึกคิด ฝึกสอนตน ฝึกให้กำ�ลังใจด้วยความ หลากหลายเหลี่ยมมุม ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของ โพชฌงค์ คือ “ ธรรมวิจัย ” เป็นส่วนเสริมใน การสร้าง ฌาณ พื้นฐาน คือ “ วิตก-วิจารณ์ ”

100ถ้อยคำ�สิริมงคล


Turn static files into dynamic content formats.

Create a flipbook
Issuu converts static files into: digital portfolios, online yearbooks, online catalogs, digital photo albums and more. Sign up and create your flipbook.