ฉบับที่ 478 วันอาทิตย์ที่ 9 มิถนุ ายน ค.ศ. 2013
ฉบับที่ 478 วันอาทิตย์ที่ 9 มิถนุ ายน ค.ศ. 2013
สั ปดาห์ ที่ 10 เทศกาลธรรมดา (ปี C)
สั ปดาห์ ที่ 10 เทศกาลธรรมดา (ปี C)
ประกาศกยิง่ ใหญ่ ได้เกิดขึน้ ในหมู่เรา พระเจ้ าได้เสด็จมาเยีย่ มประชากรของพระองค์
ประกาศกยิง่ ใหญ่ ได้เกิดขึน้ ในหมู่เรา พระเจ้ าได้เสด็จมาเยีย่ มประชากรของพระองค์
ลก 7:16
ลก 7:16
สั ปดาห์ ที่ 10 เทศกาลธรรมดา (ปี C) ลก 7:11-17
เมืองนาอินตัง้ อยู่ระหว่างเมืองเอนโดร์ ซึง่ มีกล่าวถึงในหนังสือโยชูวา (ยชว 17:11) หนังสือซามูแอลฉบับที่หนึ่ง (1 ซมอ 28:7) และหนังสือเพลงสดุดี (สดด 83:10) และเมืองชูเนม ทีซ่ ง่ึ ประกาศกเอลีชาเคยช่วยบุตรของหญิงผูห้ นึ่งให้ฟ้ืนขึน้ มา จากความตายครัง้ หนึ่งนานมาแล้ว (2 พกษ 4:18-37) จากเมืองคาเปอรนาอุม ที่พระเยซูเจ้าพึ่งจะรักษาผูร้ บั ใช้ของนายร้อย (ลก 7:1-10) ไปยังเมืองนาอิน ต้องใช้เวลาเดินทางไปหนึ่งวัน และกลับอีกหนึ่งวัน ทําไมหรือ พระองค์จงึ ต้องเสียเวลามากมายไปกับการเดินทางสูเ่ มืองห่างไกล ไม่ค่อยเป็ นทีร่ จู้ กั ผูค้ นก็น้อย ทัง้ ๆ ทีใ่ นเมืองคาเปอรนาอุมเองก็มคี นเจ็บปว่ ยและคน ตายมากมายรอรับความช่วยเหลือจากพระองค์ ? แน่นอนว่าคงมีคนทูลเชิญพระองค์ให้เสด็จไปเมืองนาอิน ! นี่แสดงว่า พระองค์พร้อมจะเสด็จไปทุกหนทุกแห่งทีม่ ผี ทู้ ลู เชิญพระองค์ โดย ไม่สนพระทัยว่าสถานทีแ่ ห่งนัน้ จะมีช่อื เสียงเป็ นทีร่ จู้ กั หรือไม่ พระองค์ทรงสนพระทัยในตัว “คน” มากกว่า “สถานที”่ เช่นเดียวกัน พระองค์ไม่ทรงสนพระทัยเปลือกนอกของคนว่ามีความสําคัญ หรือมีช่อื เสียงมากน้อยเพียงใด ขอเพียงเราทูลเชิ ญพระองค์ พระองค์กพ็ ร้อมจะ เสด็จมาหาเรา มาพํานักในตัวเรา ในบ้านของเรา.... 2
วัน เดือน ปี อา 9 มิ.ย. 08.00 น.
อา 9 มิ.ย. 10.00 น.
รายการมิสซา ผู้ขอมิสซา อุทศิ แด่ คุณอุย้ นิ้ว แซ่เซี้ ยว, คุณโถ เพียรช่างคิด ณัฐวรรณ คุณนวลจันทร์, ด.ช.ธงชัย ธนะสาร ณัฐวรรณ ยวง บัปติสต์ เสมียน สาธรกิจ, มารี อา ฮุยเกียว แซ่โง้ว ณัฐวรรณ ยวง บัปติสตา ก๊กเคี้ยง แซ่แพ้, มารี อา กิมฮวย แซ่ต้ งั คค.ธนาพานิชย์ เปโตร ยรรยง, ลูซีอา ละออ, มารี อา นิตยา อุชชิน ยอแซฟ สมบัติ อุชชิน, มารี อา มยุรี ผลาวงศ์ มัทธิว เกียรติศกั ดิ์ สุ วรรณจิต, Thomas Adams ยอแซฟ ทิวากร รักคิด และบรรพบุรุษ วิภาวิณี ยอแซฟ เกียจัว๊ แซ่คู, อันนา เย็น เอี้ยพิน โรซา ทัศนีย ์ บุญเจริ ญ วไลพร ฟรังซิ สเซเวียร์ จิรวัฒน์, คุณแย้ม เสวตรวิทย์, Leon Romeo มารี อา กวาง, อันตน ก๊าด สังขรัตน์ อังเยลา บรรพบุรุษครอบครัวธนาพานิชย์ คค.ธนาพานิชย์ วิญญาณในไฟชําระและวิญญาณที่ไม่มีผใู้ ดนึกถึง คค.ธนาพานิชย์ สุ ขสํ าราญ โมทนาคุณพระเจ้าและพระแม่มารี ย ์ วิฑูรย์ สัตบุรุษวัดแม่พระกุหลาบทิพย์ทุกท่าน สมาชิกชมรมผูส้ ูงอายุ และผูท้ ี่เกิดในเดือนมิถุนายนทุกท่าน ชมรมผูส้ ู งอายุ ดอมินิก ภูวนัย หงษ์แก้ว และครอบครัว เซซี ลีอา เพ็กล้วน แซ่เอี้ยว, คุณสัณหพล เหลืองอร่ าม วิไลวรรณ คุณกัลยา กองโคตร, ครอบครัวทรงสัตย์ คุณชูศรี เอื้ออุณหะกิจ, คุณเลี่ยมเกียว แซ่อ้ ึง ชาคร มารี อา ศศิภา อุตะเดช, คุณวิไลลักษณ์ เอื้ออุณหะกิจ สุ นทรี /ชาคร มารี อา จิตรา นิลอุบล, คุณรัตนา บัวบาน ครอบครัวไพโรจน์หิรัญ รจิตพร/ขนิษฐา ครอบครัวสาธร, ครอบครัวสุ นพิชยั สวิตตา อุทศิ แด่ Mr.Elias Khedari, คุณจิโรจน์ ฮิมา ลลิตา คุณนุชนาถ พุม่ พวง, แบนาแด๊ต กรรจภรณ์ ทําจันทา ลลิตา 11
มิสซาสั ปดาห์ ที่ 10 เทศกาลธรรมดา (ปี C) วันอาทิตย์ ที่ 9 มิถุนายน ค.ศ. 2013 วัน เดือน ปี ส. 8 มิ.ย. 18.00 น.
รายการมิสซา ผู้ขอมิสซา สุ ขสํ าราญ โมทนาคุณพระเจ้าและพระแม่มารี ย ์ วิชชุลดา/วรณัน มารี อา ประทุม, คุณสมนึก ใช้สมบุญ และครอบครัว เทเรซา วรณัน รักอารมณ์, เทเรซา ลาวรรณ ลิขิตทรัพย์ ยอห์น บอสโก ทรงพล มัน่ วงศ์วโิ รจน์ ครอบครัวรักอารมณ์, ครอบครัวลิขิตทรัพย์ อุทศิ แด่ เรนาโต ประพาฬ รักอารมณ์ ละญาติผลู้ ่วงลับ อันตน สําเริ ง โกญจนาท เริ งจิต สตีเฟน จํารู ญ, มารี อา ละมุด เจริ ญพานิช วิญญาณในไฟชําระและวิญญาณที่ไม่มีผใู ้ ดนึกถึง อา. 9 มิ.ย. สุ ขสํ าราญ โมทนาคุณพระเจ้า และพระแม่มารี ย ์ บุญญรัตน์ 08.00 น. มารี อา เอื้อพันธ์ และครอบครัวศรี เจริ ญ คค.ศรี เจริ ญ ยอห์น บอสโก ทรงพล มัน่ วงศ์วโิ รจน์ อันนา ชุลี วีระวัฒนาเดช มารี อา มาริ สา เสวตรวิทย์ และครอบครัว คุณณัฐธร และขวัญ, คุณจักรกริ ช ยูเนยา ครอบครัวธนะสาร, ครอบครัวสาธรกิจ ณัฐวรรณ ครอบครัวสุ ทธิโอภาส, ครอบครัวบรรณสกุล ณัฐวรรณ ครอบครัวเขม้นงาน, ครอบครัวเพียรช่างคิด ณัฐวรรณ ครอบครัวลิ้มจิตรกร, ครอบครัวเตรี ยมวิชานนท์ ณัฐวรรณ ครอบครัวพันธุมจินดา, ครอบครัวสิ งหฬ สุ ดารัตน์/บุญญรัตน์ อุทศิ แด่ ซิ สเตอร์ หลุยส์ เสวตรวิทย์ ยอแซฟ ภิรมย์, มารี อา โยเซฟิ น รัตนา พันธุมจินดา สุ ดารัตน์ ยวง พิสิษฐ์ พันธุมจินดา, เทเรซา นงลักษณ์ จินดากุล สุ ดารัตน์ คุณวิรัช พุทธโกษา, ผูล้ ่วงลับครอบครัวสิ งห์สา สุ ดารัตน์/บุญญรัตน์ คุณฬสฬัสษ์ วราเปล่งสิ นทวี อัญชลี
10
เนื่องจากขณะนัน้ ชื่อเสียงของพระองค์กําลังแพร่ขจายไปทัว่ ทุกคนที่ได้ฟงั คําสังสอนและเห็ ่ นอัศจรรย์ทพ่ี ระองค์ทรงกระทํา ต่างชื่นชมในตัวพระองค์ ด้วยเหตุน้ี “ประชาชนจํานวนมากจึงติดตามพระองค์ไปด้วย” (ลก 7:11) พวกเขาพากันเดินไป พูดคุยกันไป หัวเราะกันไป ร้องเพลงกันไป เสียงดังขรมไปหมด โดยไม่คาดฝนั ขณะทีข่ บวนของพระเยซูเจ้าเข้ามาใกล้ประตูเมือง อีกขบวน หนึ่งก็เดินสวนทางออกมา เป็ นขบวนแห่ศพ ! ปกติ ขบวนแห่ศพของชาวยิวจะมี “นางร้องไห้อาชีพ” เดินนํ า ส่งเสียงรํ่าไห้ ครํ่าครวญ พร้อมกับเสียงโหยหวนวังเวงของขลุ่ยและฉาบ ชวนให้เศร้าสลดใจยิง่ นัก ช่วงเวลาทีส่ องขบวนซึ่งมีบรรยากาศแตกต่างกันราวฟ้ากับดินมาบรรจบพบ กันนี้ เอง คือ ช่ ว งเวลาสํา คัญ ที ส่ ุดที จ่ ะพิ สูจน์ ว่ า พระเยซู เ จ้ า ทรงเป็ นผู้ใด และ พระองค์สามารถทําสิ ง่ ใดได้บา้ ง ! หากพระองค์สามารถทําอัศจรรย์ช่วยเหลือเรามนุ ษย์ตลอดชีวติ นี้ได้ นัน่ เป็ น สิง่ ดีแน่นอน แต่ยงั ไม่พอ... เพราะชีวติ นี้มนั แสนสัน้ ส่วนความตายนัน้ คงอยูต่ ลอดไป ! หากพระองค์ไม่สามารถเอาชนะความตายได้ ความช่วยเหลือของพระองค์ก็ ไม่คงอยูช่ วนิ ั ่ รนั ดร ! ตรงกันข้าม หากพระองค์สามารถเผชิญหน้ากับความตายและเอาชนะมันได้ นัน่ คือข้อพิสูจน์เบ็ดเสร็จเด็ดขาดว่าพระองค์ทรงเป็ น “พระบุตรของพระเจ้า” ทรง เป็ นความหวังอันยิง่ ใหญ่และสูงสุดของมวลมนุษยชาติ ทุ ก วัน นี้ ก็เ ช่ น กัน หากพระองค์ส ามารถช่ ว ยเราให้พ บกับ สัน ติสุ ข พบกับ ่ น หนทางชีวติ ตลอดจนช่วยแก้ปญั หาบางอย่างและรักษาโรคบางชนิดให้แก่เรา นันเป็ สิง่ ดีงามแน่นอน แต่ไม่ชา้ ก็เร็ว เราก็ตอ้ งตายอยูด่ ี ตรงกันข้าม หากพระองค์สามารถช่วยเราให้มีชยั ชนะเหนื อความตายได้ พระองค์กค็ วรค่าอย่างยิ ง่ ทีเ่ ราจะยอมรับและอุทิศทัง้ ชีวิตนี้ เพือ่ พระองค์.... ลําพังเห็นขบวนศพก็ชวนให้น่าสังเวชอยูแ่ ล้ว แต่ขบวนนี้ยงิ่ น่าสังเวชหนักเข้า ไปอีกเพราะ “ผูต้ ายเป็ นบุตรคนเดียวของมารดาซึง่ เป็ นม่าย” (ลก 7:12) 3
ภรรยาจะได้ช่อื ว่าเป็ นม่ายก็ต่อเมื่อนางต้องพึง่ พิงผูอ้ ่นื ที่ไม่ใช่สามีของนาง อย่างสิน้ เชิงเพือ่ ให้ได้มาซึง่ อาหาร ทีพ่ กั อาศัย และเสือ้ ผ้าเครือ่ งนุ่งห่ม การจากไปของบุตรแต่ เพียงคนเดียวซึ่งเป็ นที่พงึ พิงที่เหลืออยู่แต่ เพียงผู้ เดียว จึงหมายถึงการปล่อยให้ผเู้ ป็ นมารดาต้องสิน้ เนื้อประดาตัว สิน้ หวัง ไม่ต่างไป จากการต้องโทษประหารสักเท่าใดนัก สามัญสํานึกบอกเราว่า บุตรควรเป็ นผูฝ้ งั ศพบิดามารดา เพราะบุตรมีอายุ น้อยกว่าจึงควรตายหลังบิดามารดาซึง่ มีอายุมากกว่า แต่ขบวนศพทีเ่ มืองนาอินกลับไม่เป็ นเช่นนี้ ! มารดาม่ายผูน้ ัน้ ให้กําเนิดบุตรแต่เพียงคนเดียว นางเลี้ยงเขามากับอ้อมอก ดูแลเขายามเจ็บปว่ ย นางสอนเขาเดิน สอนเขาพูด... แม้วนั นี้เขาจะเติบโตเป็ นผูใ้ หญ่ แล้ว เขาก็ยงั คงเป็ นลูกทีน่ างรักอย่างสุดหัวใจเหมือนเดิม แต่บดั นี้ เขาได้จากนางไปแล้ว นางจึงร้องไห้ดว้ ยความรันทด ! เมื่อพระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นนางก็ “ทรงสงสาร” และตรัสกับนางว่า “อย่าร้องไห้ไปเลย” (ลก 7:13) “สงสาร” ตรงกับคํากริยากรีก “สพรากค์นีซอมาย” (splagchnizomai) อันมี รากศัพท์เดียวกันกับคํานาม “สพรากค์นา” (splagchna) ซึง่ หมายถึง “ตับไตไส้พงุ ” “สพรากค์นีซอมาย” จึงหมายถึงความรูส้ กึ เมตตาสงสารที่ถูกขับเคลื่อน ออกมาจากส่วนลึกทีส่ ดุ นันคื ่ อตับไตไส้พงุ ซึง่ อยูล่ กึ กว่าหัวใจของเรามนุ ษย์เสียอีก นันเท่ ่ ากับว่า พระองค์ทรงสงสารนางสุด ๆ โอ้ ช่างสวนทางกับความคิดของชาวกรีกอย่างสิ้นเชิง เพราะพวกสโตอิก (Stoics) เชื่อว่าคุณสมบัติประการแรกของพระเจ้าคือ ไม่มคี วามรูส้ กึ ไม่สงสาร เพราะหากมีผใู้ ดสามารถทําให้พระเจ้ารูส้ กึ สงสาร เสียใจ หรือร่าเริงยินดีได้ ก็เท่ากับ ว่าผูน้ นั ้ กําลังมีอทิ ธิพลเหนือพระเจ้า อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่เนื่องจากไม่มี ผูใ้ ดอยู่เหนือพระเจ้า จึงไม่มผี ูใ้ ดสามารถมีอทิ ธิพลเหนือพระเจ้าได้ ซึ่งนัน่ ก็ทําให้ ธรรมชาติของพระเจ้าคือการไม่มคี วามรูส้ กึ ตรงกันข้าม พระเยซูเจ้ากลับทรงเปี่ ยมด้วยความห่วงใย ความรัก และความ เมตตาสงสารต่อเรามนุ ษย์ พระองค์ทรงร่วมความยินดีและความโศกเศร้ากับเรา 4
เจออย่างนีแ้ ล้วเธอยังทําใจได้ ไม่คิดโทษใคร หรือน้อยใจในชีวิต เคราะห์กรรมยังซํา้ เติมไม่จบ ราวกับจะทดสอบจิตใจของเธอ วันหนึง่ ขณะที่รถติด ไฟแดง ก็มรี ถเมล์เบรกแตกวิ่งมาชนรถของเธอ แรงกระแทกทําให้กระดูกคอของเธอซึ่งผุอยู่ แล้ว หั ก ทัน ที และไปทั บ เส้น ประสาททํา ให้เ ป็ นอั ม พาต โชคดี ที่ ส ามารถรั ก ษาให้ห ายได้ หลังจากนอนแน่นงิ่ ในโรงพยาบาลเกือบ 2 เดือน หลังจากครั้งนัน้ แล้ว ก็เจออุบตั ิเหตุอีก รถ ของเธอเลี้ยวโค้งแล้วไปชนกับเสาไฟฟ้า กระดูกที่แขนของเธอหักออกจากกัน ห้อยร่องแร่ง แถมยังถูกก้านเกียร์ทิ่มใต้ชายโครงขณะช่วยคนขับหักพวงมาลัยหลบคอสะพาน ผลก็คือตับ แตก แต่แปลกไหมที่เธอไม่รสู้ ึกเป็ นทุกข์เป็ นร้อนกับชีวิตที่เต็มไปด้วยเคราะห์กรรมเลย วันนี้เธออายุ 52 และไม่รวู้ ่าจะเจออะไรข้างหน้าอีก แต่เธอก็ ยังมีขวัญและกําลังใจในการ ดําเนินชีวิต ถ้าชะตากรรมมี จริง เธอเป็ นคนหนึ่งที่ ยํ้าเตื อนว่าเราสามารถเอาชนะ ชะตากรรมได้ ไม่ได้ชนะที่ไหน หากชนะที่ใจนั่นเอง ชี วิ ต ของเธอบอกให้เ รารูว้ ่า คนเราจะทุ ก ข์ห รื อ ไม่ ไม่ ไ ด้อ ยู่ท่ี ว่า มี อ ะไรมา กระทบกับเรา แต่อยู่ตรงที่เรารูส้ ึกอย่างไรกับสิ่งนัน้ หรือทําอย่างไรกับมันต่างหาก แม้จ ะมีเรื่ อ งร้ายๆ เกิด ขึ้นกับ เรา แต่ถา้ เราทํา ใจรับ ได้ ความทุก ข์ก็ เกิ ดขึ้น ไม่ได้ ในทาง ตรงกันข้าม แม้มีเงินทองไหลมาเทมา แต่ถา้ เราคิดว่ามันน้อยเกินไป ทําให้รวยไม่พอหรือไม่ เท่าคนอื่น เมือ่ นัน้ ใจเราก็เป็ นทุกข์ทนั ที หลายครัง้ ที่ความเดือดร้อนของคุณเกษมสุขเกิดขึน้ จากฝี มือคนอื่นแท้ๆ เช่น หมอที่ใช้คีมคีบหัวลูกแรงเกินไป ตัดมดลูกผิดข้าง แม้แต่รถจอด นิง่ อยู่ ก็ยังมีรถคนอื่นมาชน ข้างหน้าบ้าง ข้างหลังบ้าง แต่เธอไม่เคยเสียเวลาไปโทษคนอื่น เล่นงานเขา หรื อก่นด่าชะตากรรม หากคิดเพียงว่าจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไร และ รักษาใจให้เป็ นปกติได้อย่างไร ใครที่คิดว่าตัวเองทุกข์หนักหนาสาหัสแล้ว ลองนึกถึงชีวิตของคุณเกษมสุข อาจจะ ได้คิดว่าตนนัน้ ยังโชคดีอยู่มากเมื่อเทียบกับเธอ แต่เท่านัน้ ยังไม่พอ น่าจะได้คิดต่อไปอีกด้วย ว่า สุขทุกข์นนั้ แท้จริงอยูท่ ่ีใจ ไม่ได้อยูท่ ่ีวา่ อะไรเกิดขึ้นกับเรา ถึงจนก็สขุ ได้ ถึงป่วยก็ ยิ้มได้ แม้จะพลัดพรากสูญเสียแค่ ไหน ก็ยงั มีสิทธิ แช่มชื่นแจ่ มใสได้ แต่ถา้ ทําใจไม่ เป็ นเสียแล้ว รวยแค่ไหน มีอํานาจมากเพียงใด ทรวดทรงงดงามเพียงใด ก็ยงั ทุกข์ อยูน่ ่นั เอง
จะเจออะไรมาก็แล้วแต่ ข้อสําคัญก็คือ อย่ายอมแพ้ อย่าปล่อยใจไปกับ ความลําเค็ญ ความล้มเหลว และความเศร้าโศกท้อแท้ ในยามร้ายไม่มีอะไรดีกว่า การปลุกใจให้อดทน เข้มแข็ง สดชืน่ และเปี่ ยมด้วยความหวังว่าพรุ่งนีย้ ่อมดีกว่า วันนี้ 9
บทความโดย ริ นใจ
คุณจะรูส้ ึกอย่างไร หากทัง้ ชีวิตมีแต่เรื่องร้ายๆ หนักๆ ประดัง ประเดเข้ามา ตัง้ แต่เกิดก็เกือบจมนํา้ ตาย โตขึน้ ก็สญ ู เสียแม่ พ่อป่ วยหนัก มีนอ้ งๆ ต้องดูแล หลายคนทั้งๆ ที่ยังเรียนไม่จบ ครั้นแต่งงาน ก็มีลกู พิการ สุดท้ายสามีก็ทิ้ง แล้วยังมาเจอ เนื้องอกที่มดลูก ผ่าตัดลําไส้เหลือแค่ครึ่งเดียว จากนัน้ ก็ถกู รถชน กระดูกคอหัก รอดตาย แล้วก็ไปเจออุบัติเหตุรถยนต์อีก แขนหักสองท่อน และตับแตก อายุไม่ถึง 50 แต่กระดูกผุ ราวคน 80 แล้วยังไม่รวู้ ่าจะเจออุบัติเหตุอีกกี่ครั้ง เจอแบบนี้แล้ว คุณยังคิดอยากอยู่อยาก ยิ้มให้กบั ชีวิตนีอ้ ีกหรือ ? แต่สาํ หรับ คุณเกษมสุข ภมรสถิตย์ ชีวิตนี้ไม่เคยเลวร้ายเกินทน เธอยังยิ้มให้กับ ชีวิตได้เสมอ ไม่รสู้ ึกท้อแท้สิ้นหวังหรือหวัน่ หวาดต่ออนาคต เพราะมัน่ ใจว่าพรุ่งนีย้ ่อมดีกว่า วันนี้ เมือ่ เธอลืมตาดูโลกได้ไม่ถึง 2 เดือนพี่เลี้ยงก็ทาํ หลุดมือตกนํา้ เกือบจะหลุดเข้าไปใต้ โป๊ะท่านํา้ แต่เดชะบุญมีคนคว้าไว้ได้ทนั ทัง้ นํา้ และนํา้ มันเข้าปาก พออายุได้ 8 ขวบก็จมนํา้ อีก ผุดทะลึ่งขึน้ มาครัง้ ที่ 3 พ่อถึงเห็นและเกี่ยวขึน้ มาได้ทนั จมนํา้ ปางตาย 2 ครั้งทําให้ร่างกาย อ่อนแอ เจอแดดร้อนๆ ไม่ได้ มีอันต้องเป็ นลม ร้องไห้ประเดี๋ยวเดียวก็เป็ นลมสลบ จนใครๆ หาว่าสําออย เรียนมหาวิทยาลัยแค่ปี 2 แม่ก็เสีย พ่อทําใจไม่ได้ ช็อคหัวใจวาย กลายเป็ นคน ป่ วยนับแต่นนั้ ไม่นานบ้านก็ถกู ยึดเพราะเป็ นหนี้ อายุแค่ 19 ปี เธอกลายเป็ นกําลังหลักคน เดียวของครอบครัวที่ตอ้ งหาเงินมาเลี้ยงพ่อและน้องๆ ทั้ง 5 คน ไม่ได้หดหู่ทอ้ ใจในชะตา กรรม เป็ นความรูส้ ึกของเธอในตอนนัน้ โดยหารูไ้ ม่วา่ เคราะห์กรรมยังจะตามมาอีกมาก เธอแต่งงานก่อนวัยเบญจเพส เมื่อคลอดลูกก็พบว่าลูกพิการ เพราะหมอใช้คีมคีบ หัวออกมาอย่างไม่ถกู ต้อง สมองจึงเติบโตได้ไม่เต็มที่ หมอทํานายว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อย่าง มาก 9 ปี แต่เธอก็เลี้ยงดูเอาใจใส่จนลูกอายุ 20 กว่าแล้ว คลอดลูกมาได้ปีกว่า ก็พบว่าเป็ น เนื้องอกที่มดลูก ปรากฏว่าหมอตัดส่วนที่ดีทิ้งไป จึงต้องเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง คราวนี้ มดลูกที่เหลือถูกตัดทิ้งหมดรวมทั้งรังไข่ดว้ ย ทําให้ร่างกายขาดฮอร์โมน ครั้นกินฮอร์โมน ทดแทน ก็แพ้ เลยเป็ นโรคกระดูกผุนบั แต่บดั นัน้ เท่านัน้ ยังไม่พอ ระหว่างผ่าตัด โรคกระเพาะ เกิดกําเริบ จนตัวบวมเขียว หมอต้องเปิ ดท้องตัดลําไส้จนเหลือเพียงครึ่งเดียว อายุไม่ถึง 26 เธอก็ มีอวัยวะไม่ครบเหมือนคนปกติ แถมมีลกู พิการที่ เสี่ยงต่อความตาย แม้เธอจะ รักษาชีวิตของตนและของลูกได้ แต่แล้วก็ตอ้ งสูญเสียสามี ชีวิตครอบครัวที่มีแต่ปัญหาทําให้ เธอกับเขาตัดสินใจแยกทางกัน 8
เมื่อใดก็ตามที่หวั ใจของเราแตกสลายเพราะความเศร้าโศกเสียใจ ดวงพระทัยของ พระองค์กพ็ ลอยแตกสลายไปด้วย พระองค์ทรงรับรูแ้ ละเข้าถึงความเจ็บปวดรวดร้าว ของเราทุกคน... ด้วยความสงสารจากห้วงลึกแห่งหัวใจนี้เอง “พระองค์เสด็จเข้าไปใกล้ ทรง แตะแคร่หามศพ คนหามก็หยุด พระองค์จงึ ตรัสว่า ‘หนุ่ มเอ๋ย เราบอกเจ้าว่า จงลุกขึ้น เถิด’” (ลก 7:14) พร้อมๆ กับการปรากฏตัวของพระเยซูเจ้า ผูค้ นในขบวนศพรับรูถ้ งึ “อํานาจ” ในตัวของพระองค์ทนั ทีโดยไม่จําเป็ นต้องรูว้ ่าพระองค์เป็ นผูใ้ ด ทุกคนหยุด เฝ้ามอง และคอยฟงั ในสมัยของพระเยซูเจ้า ร่างของผูต้ ายมิได้ถูกบรรจุอยู่ในโลงซึง่ มีฝาปิ ดมิดชิด แต่ถูกห่อด้วยผ้าคล้ายมัมมีแ่ ล้ววางบนแคร่หาม ผูค้ นสามารถมองเห็นผูต้ ายได้ชดั เจน กฎหมายยิวห้ามผูค้ นสัมผัสร่างของผูต้ ายเด็ดขาด มิฉะนัน้ จะมีมลทินและไม่ สามารถร่วมในศาสนพิธตี ่างๆ ได้ มหาสมณะถึงกับถูกห้ามมิให้เข้าไปในห้องทีม่ รี ่าง ของผูต้ ายวางอยู่ แม้วา่ ผูต้ ายนัน้ จะเป็ นพ่อแม่ของตนเองก็ตาม แต่พระเยซูเจ้าทรงสัมผัสสิง่ ทีไ่ ม่มผี ใู้ ดกล้าสัมผัส ! และเมื่อพระองค์เพียงเอ่ยวาจาว่า “หนุ่ มเอ๋ย เราบอกเจ้าว่า จงลุกขึ้นเถิด” ผูต้ ายก็นบนอบ เขา “ลุกขึน้ นังและเริ ่ ม่ พูด” (ลก 7:15) ความตายถูกพิ ชิต ! ความตายตายแล้ว ! ถ้าพระองค์ทรงเป็ นนายเหนือความตาย พระองค์กท็ รงเป็ นนายเหนือทุกสิง่ ถ้าพระองค์ทาํ ให้คนตายกลับเป็ นขึน้ มาได้ พระองค์กส็ ามารถทําทุกสิง่ ทีท่ รงสัญญาว่า จะทํา...ได้ แต่ทงั ้ นี้ มิได้หมายความว่าพระองค์ทรงสัญญาจะทําให้เราแต่ละคนกลับเป็ น ขึน้ มาจากความตายทันที พระองค์เพียงสัญญาว่าจะทําให้เรากลับเป็ นขึน้ มาพร้อมกัน สักวันหนึ่ง ครัง้ นี้ พระองค์เพียงต้องการแสดงให้เห็นว่า พระองค์ทรงเป็ นผูใ้ ด และ ทรงสามารถทําสิ ง่ ใดได้บา้ ง.... 5
อย่างไรก็ดี ความเมตตาสงสารของพระองค์ยงั ไม่จบสิน้ ลงเพียงเท่านี้ หลังจาก คนตายลุกขึน้ นังและเริ ่ ม่ พูดแล้ว “พระเยซูเจ้าทรงมอบเขาให้แก่มารดา” (ลก 7:15) พระองค์ทรงคืนความสัมพันธ์ฉนั “แม่-ลูก”ทีส่ ญ ู เสียไปแล้วให้แก่ผเู้ ป็ นมารดา ! นางได้รบั บุตรของนางกลับคืนมา นางไม่ต้องอยู่ตามลําพังหรือต้องร้องไห้อกี ต่อไป ใบหน้าทีเ่ ต็มไปด้วยคราบนํ้ าตาของนางกลับมามีรอยยิม้ อีกครัง้ หนึ่ง วันทีแ่ สน เศร้าทีส่ ดุ กลับกลายเป็ นวันทีม่ คี วามสุขทีส่ ดุ สําหรับนาง นี่ คือ สิ่ง ที่พ ระเยซู เ จ้ า ได้ท รงกระทํ า และยัง ทรงกระทํ า อยู่ จ นถึง ทุ ก วัน นี้ พระองค์ทรงนํ าผูค้ นให้กลับมารวมกันอีกครัง้ บางครัง้ จากความเจ็บป่วย บางครัง้ จาก ลูกล้างผลาญ บางครัง้ จากสามีภรรยาซึง่ บาดหมางกัน บางครัง้ จากเพื่อนทีแ่ ตกแยกกัน และบางครัง้ ก็ทรงรวมคนทัง้ ชาติให้กลับมาเป็ นหนึ่งเดียวกันอีกครัง้ หนึ่ง เพราะฉะนัน้ ให้เราทูลเชิญพระองค์เข้ามาในชีวติ ของเรา เข้ามาในบ้านของเรา แล้วพระองค์จะเสด็จมา ั หาของเราให้ท รงทราบ แล้ว ความเมตตาสงสารของ ให้เ รากราบทูล ป ญ พระองค์จะมาถึงเรา
พระองค์จะทรงทําให้เราพิศวงวันนี้ เหมือนทีท่ รงทําให้ชาวเมืองนาอินพิศวงวันนัน้ !
วันอาทิตย์ นี้ (9 มิถุนายน) ขอเชิญพี่นอ้ งตรวจวัดความดันโลหิ ตและรับคําปรึ กษาด้านสุ ขภาพ กับทีมแพทย์ พยาบาล และผูเ้ ชี่ยวชาญด้านกายภาพบําบัด ณ ศาลาปี ติการุ ณย์ ตั้งแต่เวลา 11.30 น.เป็ นต้นไป 6
สตรีสวยและรํา่ รวยมากไปปรึกษากับหมอว่า เธอรูส้ ึกว่าชีวิตของเธอ ช่างว่างเปล่าและไม่มคี วามหมายอะไร คุณหมอจึงเรียกหญิงทําความสะอาดชรา เข้ามาและพูดว่า “แมรี่จะบอกคุณว่า เธอพบความสุขในชีวิตได้อย่างไร คุณฟั ง เธอดีๆนะ” แมรี่วางไม้กวาดลงพูดว่า “สามีฉันเสียชีวิตด้วยโรคมาลาเรีย สามเดือน จากนัน้ ลูกชายฉันถูกรถชนเสียชีวิต ชีวิตฉันไม่เหลือใครเลย ไม่เหลืออะไรเลย ฉัน นอนไม่ได้ กินไม่ได้และไม่สามารถยิ้มให้ใครได้เลย ฉันคิดจะฆ่าตัวตาย เย็ นวัน หนึง่ หลังเลิกงานแล้ว ลูกแมวตัวหนึง่ เดินตามฉัน ฉันสงสารมันมากเพราะมันคง หิว และข้างนอกก็หนาวมากด้วย ฉันให้มันเข้าบ้าน หานมให้มันกิน มันเลียจน เกลี้ยงจานจริงๆ จากนัน้ มันก็มาเคล้าแข้งเคล้าขาฉัน ฉันรูส้ ึกฉันยิ้มได้ และฉัน คิดได้ว่า ถ้าการช่วยแมวตัวหนึ่งทําให้ฉันยิ้มได้ บางทีการช่วยคนอื่นๆ จะทําให้ ฉันมีความสุขได้ วันรุ่งขึน้ ฉันเอาขนมปั งไปให้เพื่อนบ้านที่กาํ ลังป่ วยอยู่ ทุกวัน ฉันพยายามทําสิ่งดีๆ สําหรับใครบางคน และเวลาที่เราเห็ นพวกเขามีความสุข แม้เล็กน้อยก็ทาํ ให้ฉันมีความสุขมากทีเดียว ตอนนี้ไม่ว่าใครจะนอนหลับและกิน ดีกว่าฉัน ฉันพบความสุขในชีวิตของฉันแล้ว มันมาจากการแบ่งปั นให้แก่คนอื่นๆ นัน่ เอง” พอสตรีคนนัน้ ได้ฟัง เธอก็รอ้ งไห้ เธอมีทุกสิ่งที่ เงินสามารถหาซื้อได้ แต่ เธอกลับขาดทุกสิ่งที่ เงินหาซื้อไม่ได้ เมื่อไรก็ตามที่เราคิดถึงแต่ตวั เอง เฉพาะความส ุขของตัวเราเอง เราก็ จ ะร ส้ ู ึ ก ถึ ง ความว่ า งเปล่า ในชี วิ ต พระสร้า งเรามาด้ว ยเหต ผุ ลที่ มากกว่ า นั้น มาก ใช้ชี วิ ต ของเราให้ถ กู ทาง แล้ว ค ณ ุ จะพบความส ขุ ที่ แท้จริง เรื่ องสั้ นจาก Facebook คุณพ่ อสุรชัย ชุ่มศรี พันธุ์
7
อย่างไรก็ดี ความเมตตาสงสารของพระองค์ยงั ไม่จบสิน้ ลงเพียงเท่านี้ หลังจาก คนตายลุกขึน้ นังและเริ ่ ม่ พูดแล้ว “พระเยซูเจ้าทรงมอบเขาให้แก่มารดา” (ลก 7:15) พระองค์ทรงคืนความสัมพันธ์ฉนั “แม่-ลูก”ทีส่ ญ ู เสียไปแล้วให้แก่ผเู้ ป็ นมารดา ! นางได้รบั บุตรของนางกลับคืนมา นางไม่ต้องอยู่ตามลําพังหรือต้องร้องไห้อกี ต่อไป ใบหน้าทีเ่ ต็มไปด้วยคราบนํ้ าตาของนางกลับมามีรอยยิม้ อีกครัง้ หนึ่ง วันทีแ่ สน เศร้าทีส่ ดุ กลับกลายเป็ นวันทีม่ คี วามสุขทีส่ ดุ สําหรับนาง นี่ คือ สิ่ง ที่พ ระเยซู เ จ้ า ได้ท รงกระทํ า และยัง ทรงกระทํ า อยู่ จ นถึง ทุ ก วัน นี้ พระองค์ทรงนํ าผูค้ นให้กลับมารวมกันอีกครัง้ บางครัง้ จากความเจ็บป่วย บางครัง้ จาก ลูกล้างผลาญ บางครัง้ จากสามีภรรยาซึง่ บาดหมางกัน บางครัง้ จากเพื่อนทีแ่ ตกแยกกัน และบางครัง้ ก็ทรงรวมคนทัง้ ชาติให้กลับมาเป็ นหนึ่งเดียวกันอีกครัง้ หนึ่ง เพราะฉะนัน้ ให้เราทูลเชิญพระองค์เข้ามาในชีวติ ของเรา เข้ามาในบ้านของเรา แล้วพระองค์จะเสด็จมา ั หาของเราให้ท รงทราบ แล้ว ความเมตตาสงสารของ ให้เ รากราบทูล ป ญ พระองค์จะมาถึงเรา
พระองค์จะทรงทําให้เราพิศวงวันนี้ เหมือนทีท่ รงทําให้ชาวเมืองนาอินพิศวงวันนัน้ !
วันอาทิตย์ นี้ (9 มิถุนายน) ขอเชิญพี่นอ้ งตรวจวัดความดันโลหิ ตและรับคําปรึ กษาด้านสุ ขภาพ กับทีมแพทย์ พยาบาล และผูเ้ ชี่ยวชาญด้านกายภาพบําบัด ณ ศาลาปี ติการุ ณย์ ตั้งแต่เวลา 11.30 น.เป็ นต้นไป 6
สตรีสวยและรํา่ รวยมากไปปรึกษากับหมอว่า เธอรูส้ ึกว่าชีวิตของเธอ ช่างว่างเปล่าและไม่มคี วามหมายอะไร คุณหมอจึงเรียกหญิงทําความสะอาดชรา เข้ามาและพูดว่า “แมรี่จะบอกคุณว่า เธอพบความสุขในชีวิตได้อย่างไร คุณฟั ง เธอดีๆนะ” แมรี่วางไม้กวาดลงพูดว่า “สามีฉันเสียชีวิตด้วยโรคมาลาเรีย สามเดือน จากนัน้ ลูกชายฉันถูกรถชนเสียชีวิต ชีวิตฉันไม่เหลือใครเลย ไม่เหลืออะไรเลย ฉัน นอนไม่ได้ กินไม่ได้และไม่สามารถยิ้มให้ใครได้เลย ฉันคิดจะฆ่าตัวตาย เย็ นวัน หนึง่ หลังเลิกงานแล้ว ลูกแมวตัวหนึง่ เดินตามฉัน ฉันสงสารมันมากเพราะมันคง หิว และข้างนอกก็หนาวมากด้วย ฉันให้มันเข้าบ้าน หานมให้มันกิน มันเลียจน เกลี้ยงจานจริงๆ จากนัน้ มันก็มาเคล้าแข้งเคล้าขาฉัน ฉันรูส้ ึกฉันยิ้มได้ และฉัน คิดได้ว่า ถ้าการช่วยแมวตัวหนึ่งทําให้ฉันยิ้มได้ บางทีการช่วยคนอื่นๆ จะทําให้ ฉันมีความสุขได้ วันรุ่งขึน้ ฉันเอาขนมปั งไปให้เพื่อนบ้านที่กาํ ลังป่ วยอยู่ ทุกวัน ฉันพยายามทําสิ่งดีๆ สําหรับใครบางคน และเวลาที่เราเห็ นพวกเขามีความสุข แม้เล็กน้อยก็ทาํ ให้ฉันมีความสุขมากทีเดียว ตอนนี้ไม่ว่าใครจะนอนหลับและกิน ดีกว่าฉัน ฉันพบความสุขในชีวิตของฉันแล้ว มันมาจากการแบ่งปั นให้แก่คนอื่นๆ นัน่ เอง” พอสตรีคนนัน้ ได้ฟัง เธอก็รอ้ งไห้ เธอมีทุกสิ่งที่ เงินสามารถหาซื้อได้ แต่ เธอกลับขาดทุกสิ่งที่ เงินหาซื้อไม่ได้ เมื่อไรก็ตามที่เราคิดถึงแต่ตวั เอง เฉพาะความส ุขของตัวเราเอง เราก็ จ ะร ส้ ู ึ ก ถึ ง ความว่ า งเปล่า ในชี วิ ต พระสร้า งเรามาด้ว ยเหต ผุ ลที่ มากกว่ า นั้น มาก ใช้ชี วิ ต ของเราให้ถ กู ทาง แล้ว ค ณ ุ จะพบความส ขุ ที่ แท้จริง เรื่ องสั้ นจาก Facebook คุณพ่ อสุรชัย ชุ่มศรี พันธุ์
7
บทความโดย ริ นใจ
คุณจะรูส้ ึกอย่างไร หากทัง้ ชีวิตมีแต่เรื่องร้ายๆ หนักๆ ประดัง ประเดเข้ามา ตัง้ แต่เกิดก็เกือบจมนํา้ ตาย โตขึน้ ก็สญ ู เสียแม่ พ่อป่ วยหนัก มีนอ้ งๆ ต้องดูแล หลายคนทั้งๆ ที่ยังเรียนไม่จบ ครั้นแต่งงาน ก็มีลกู พิการ สุดท้ายสามีก็ทิ้ง แล้วยังมาเจอ เนื้องอกที่มดลูก ผ่าตัดลําไส้เหลือแค่ครึ่งเดียว จากนัน้ ก็ถกู รถชน กระดูกคอหัก รอดตาย แล้วก็ไปเจออุบัติเหตุรถยนต์อีก แขนหักสองท่อน และตับแตก อายุไม่ถึง 50 แต่กระดูกผุ ราวคน 80 แล้วยังไม่รวู้ ่าจะเจออุบัติเหตุอีกกี่ครั้ง เจอแบบนี้แล้ว คุณยังคิดอยากอยู่อยาก ยิ้มให้กบั ชีวิตนีอ้ ีกหรือ ? แต่สาํ หรับ คุณเกษมสุข ภมรสถิตย์ ชีวิตนี้ไม่เคยเลวร้ายเกินทน เธอยังยิ้มให้กับ ชีวิตได้เสมอ ไม่รสู้ ึกท้อแท้สิ้นหวังหรือหวัน่ หวาดต่ออนาคต เพราะมัน่ ใจว่าพรุ่งนีย้ ่อมดีกว่า วันนี้ เมือ่ เธอลืมตาดูโลกได้ไม่ถึง 2 เดือนพี่เลี้ยงก็ทาํ หลุดมือตกนํา้ เกือบจะหลุดเข้าไปใต้ โป๊ะท่านํา้ แต่เดชะบุญมีคนคว้าไว้ได้ทนั ทัง้ นํา้ และนํา้ มันเข้าปาก พออายุได้ 8 ขวบก็จมนํา้ อีก ผุดทะลึ่งขึน้ มาครัง้ ที่ 3 พ่อถึงเห็นและเกี่ยวขึน้ มาได้ทนั จมนํา้ ปางตาย 2 ครั้งทําให้ร่างกาย อ่อนแอ เจอแดดร้อนๆ ไม่ได้ มีอันต้องเป็ นลม ร้องไห้ประเดี๋ยวเดียวก็เป็ นลมสลบ จนใครๆ หาว่าสําออย เรียนมหาวิทยาลัยแค่ปี 2 แม่ก็เสีย พ่อทําใจไม่ได้ ช็อคหัวใจวาย กลายเป็ นคน ป่ วยนับแต่นนั้ ไม่นานบ้านก็ถกู ยึดเพราะเป็ นหนี้ อายุแค่ 19 ปี เธอกลายเป็ นกําลังหลักคน เดียวของครอบครัวที่ตอ้ งหาเงินมาเลี้ยงพ่อและน้องๆ ทั้ง 5 คน ไม่ได้หดหู่ทอ้ ใจในชะตา กรรม เป็ นความรูส้ ึกของเธอในตอนนัน้ โดยหารูไ้ ม่วา่ เคราะห์กรรมยังจะตามมาอีกมาก เธอแต่งงานก่อนวัยเบญจเพส เมื่อคลอดลูกก็พบว่าลูกพิการ เพราะหมอใช้คีมคีบ หัวออกมาอย่างไม่ถกู ต้อง สมองจึงเติบโตได้ไม่เต็มที่ หมอทํานายว่าจะมีชีวิตอยู่ได้อย่าง มาก 9 ปี แต่เธอก็เลี้ยงดูเอาใจใส่จนลูกอายุ 20 กว่าแล้ว คลอดลูกมาได้ปีกว่า ก็พบว่าเป็ น เนื้องอกที่มดลูก ปรากฏว่าหมอตัดส่วนที่ดีทิ้งไป จึงต้องเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง คราวนี้ มดลูกที่เหลือถูกตัดทิ้งหมดรวมทั้งรังไข่ดว้ ย ทําให้ร่างกายขาดฮอร์โมน ครั้นกินฮอร์โมน ทดแทน ก็แพ้ เลยเป็ นโรคกระดูกผุนบั แต่บดั นัน้ เท่านัน้ ยังไม่พอ ระหว่างผ่าตัด โรคกระเพาะ เกิดกําเริบ จนตัวบวมเขียว หมอต้องเปิ ดท้องตัดลําไส้จนเหลือเพียงครึ่งเดียว อายุไม่ถึง 26 เธอก็ มีอวัยวะไม่ครบเหมือนคนปกติ แถมมีลกู พิการที่ เสี่ยงต่อความตาย แม้เธอจะ รักษาชีวิตของตนและของลูกได้ แต่แล้วก็ตอ้ งสูญเสียสามี ชีวิตครอบครัวที่มีแต่ปัญหาทําให้ เธอกับเขาตัดสินใจแยกทางกัน 8
เมื่อใดก็ตามที่หวั ใจของเราแตกสลายเพราะความเศร้าโศกเสียใจ ดวงพระทัยของ พระองค์กพ็ ลอยแตกสลายไปด้วย พระองค์ทรงรับรูแ้ ละเข้าถึงความเจ็บปวดรวดร้าว ของเราทุกคน... ด้วยความสงสารจากห้วงลึกแห่งหัวใจนี้เอง “พระองค์เสด็จเข้าไปใกล้ ทรง แตะแคร่หามศพ คนหามก็หยุด พระองค์จงึ ตรัสว่า ‘หนุ่ มเอ๋ย เราบอกเจ้าว่า จงลุกขึ้น เถิด’” (ลก 7:14) พร้อมๆ กับการปรากฏตัวของพระเยซูเจ้า ผูค้ นในขบวนศพรับรูถ้ งึ “อํานาจ” ในตัวของพระองค์ทนั ทีโดยไม่จําเป็ นต้องรูว้ ่าพระองค์เป็ นผูใ้ ด ทุกคนหยุด เฝ้ามอง และคอยฟงั ในสมัยของพระเยซูเจ้า ร่างของผูต้ ายมิได้ถูกบรรจุอยู่ในโลงซึง่ มีฝาปิ ดมิดชิด แต่ถูกห่อด้วยผ้าคล้ายมัมมีแ่ ล้ววางบนแคร่หาม ผูค้ นสามารถมองเห็นผูต้ ายได้ชดั เจน กฎหมายยิวห้ามผูค้ นสัมผัสร่างของผูต้ ายเด็ดขาด มิฉะนัน้ จะมีมลทินและไม่ สามารถร่วมในศาสนพิธตี ่างๆ ได้ มหาสมณะถึงกับถูกห้ามมิให้เข้าไปในห้องทีม่ รี ่าง ของผูต้ ายวางอยู่ แม้วา่ ผูต้ ายนัน้ จะเป็ นพ่อแม่ของตนเองก็ตาม แต่พระเยซูเจ้าทรงสัมผัสสิง่ ทีไ่ ม่มผี ใู้ ดกล้าสัมผัส ! และเมื่อพระองค์เพียงเอ่ยวาจาว่า “หนุ่ มเอ๋ย เราบอกเจ้าว่า จงลุกขึ้นเถิด” ผูต้ ายก็นบนอบ เขา “ลุกขึน้ นังและเริ ่ ม่ พูด” (ลก 7:15) ความตายถูกพิ ชิต ! ความตายตายแล้ว ! ถ้าพระองค์ทรงเป็ นนายเหนือความตาย พระองค์กท็ รงเป็ นนายเหนือทุกสิง่ ถ้าพระองค์ทาํ ให้คนตายกลับเป็ นขึน้ มาได้ พระองค์กส็ ามารถทําทุกสิง่ ทีท่ รงสัญญาว่า จะทํา...ได้ แต่ทงั ้ นี้ มิได้หมายความว่าพระองค์ทรงสัญญาจะทําให้เราแต่ละคนกลับเป็ น ขึน้ มาจากความตายทันที พระองค์เพียงสัญญาว่าจะทําให้เรากลับเป็ นขึน้ มาพร้อมกัน สักวันหนึ่ง ครัง้ นี้ พระองค์เพียงต้องการแสดงให้เห็นว่า พระองค์ทรงเป็ นผูใ้ ด และ ทรงสามารถทําสิ ง่ ใดได้บา้ ง.... 5
ภรรยาจะได้ช่อื ว่าเป็ นม่ายก็ต่อเมื่อนางต้องพึง่ พิงผูอ้ ่นื ที่ไม่ใช่สามีของนาง อย่างสิน้ เชิงเพือ่ ให้ได้มาซึง่ อาหาร ทีพ่ กั อาศัย และเสือ้ ผ้าเครือ่ งนุ่งห่ม การจากไปของบุตรแต่ เพียงคนเดียวซึ่งเป็ นที่พงึ พิงที่เหลืออยู่แต่ เพียงผู้ เดียว จึงหมายถึงการปล่อยให้ผเู้ ป็ นมารดาต้องสิน้ เนื้อประดาตัว สิน้ หวัง ไม่ต่างไป จากการต้องโทษประหารสักเท่าใดนัก สามัญสํานึกบอกเราว่า บุตรควรเป็ นผูฝ้ งั ศพบิดามารดา เพราะบุตรมีอายุ น้อยกว่าจึงควรตายหลังบิดามารดาซึง่ มีอายุมากกว่า แต่ขบวนศพทีเ่ มืองนาอินกลับไม่เป็ นเช่นนี้ ! มารดาม่ายผูน้ ัน้ ให้กําเนิดบุตรแต่เพียงคนเดียว นางเลี้ยงเขามากับอ้อมอก ดูแลเขายามเจ็บปว่ ย นางสอนเขาเดิน สอนเขาพูด... แม้วนั นี้เขาจะเติบโตเป็ นผูใ้ หญ่ แล้ว เขาก็ยงั คงเป็ นลูกทีน่ างรักอย่างสุดหัวใจเหมือนเดิม แต่บดั นี้ เขาได้จากนางไปแล้ว นางจึงร้องไห้ดว้ ยความรันทด ! เมื่อพระเยซูเจ้าทอดพระเนตรเห็นนางก็ “ทรงสงสาร” และตรัสกับนางว่า “อย่าร้องไห้ไปเลย” (ลก 7:13) “สงสาร” ตรงกับคํากริยากรีก “สพรากค์นีซอมาย” (splagchnizomai) อันมี รากศัพท์เดียวกันกับคํานาม “สพรากค์นา” (splagchna) ซึง่ หมายถึง “ตับไตไส้พงุ ” “สพรากค์นีซอมาย” จึงหมายถึงความรูส้ กึ เมตตาสงสารที่ถูกขับเคลื่อน ออกมาจากส่วนลึกทีส่ ดุ นันคื ่ อตับไตไส้พงุ ซึง่ อยูล่ กึ กว่าหัวใจของเรามนุ ษย์เสียอีก นันเท่ ่ ากับว่า พระองค์ทรงสงสารนางสุด ๆ โอ้ ช่างสวนทางกับความคิดของชาวกรีกอย่างสิ้นเชิง เพราะพวกสโตอิก (Stoics) เชื่อว่าคุณสมบัติประการแรกของพระเจ้าคือ ไม่มคี วามรูส้ กึ ไม่สงสาร เพราะหากมีผใู้ ดสามารถทําให้พระเจ้ารูส้ กึ สงสาร เสียใจ หรือร่าเริงยินดีได้ ก็เท่ากับ ว่าผูน้ นั ้ กําลังมีอทิ ธิพลเหนือพระเจ้า อย่างน้อยก็ในช่วงเวลาหนึ่ง แต่เนื่องจากไม่มี ผูใ้ ดอยู่เหนือพระเจ้า จึงไม่มผี ูใ้ ดสามารถมีอทิ ธิพลเหนือพระเจ้าได้ ซึ่งนัน่ ก็ทําให้ ธรรมชาติของพระเจ้าคือการไม่มคี วามรูส้ กึ ตรงกันข้าม พระเยซูเจ้ากลับทรงเปี่ ยมด้วยความห่วงใย ความรัก และความ เมตตาสงสารต่อเรามนุ ษย์ พระองค์ทรงร่วมความยินดีและความโศกเศร้ากับเรา 4
เจออย่างนีแ้ ล้วเธอยังทําใจได้ ไม่คิดโทษใคร หรือน้อยใจในชีวิต เคราะห์กรรมยังซํา้ เติมไม่จบ ราวกับจะทดสอบจิตใจของเธอ วันหนึง่ ขณะที่รถติด ไฟแดง ก็มรี ถเมล์เบรกแตกวิ่งมาชนรถของเธอ แรงกระแทกทําให้กระดูกคอของเธอซึ่งผุอยู่ แล้ว หั ก ทัน ที และไปทั บ เส้น ประสาททํา ให้เ ป็ นอั ม พาต โชคดี ที่ ส ามารถรั ก ษาให้ห ายได้ หลังจากนอนแน่นงิ่ ในโรงพยาบาลเกือบ 2 เดือน หลังจากครั้งนัน้ แล้ว ก็เจออุบตั ิเหตุอีก รถ ของเธอเลี้ยวโค้งแล้วไปชนกับเสาไฟฟ้า กระดูกที่แขนของเธอหักออกจากกัน ห้อยร่องแร่ง แถมยังถูกก้านเกียร์ทิ่มใต้ชายโครงขณะช่วยคนขับหักพวงมาลัยหลบคอสะพาน ผลก็คือตับ แตก แต่แปลกไหมที่เธอไม่รสู้ ึกเป็ นทุกข์เป็ นร้อนกับชีวิตที่เต็มไปด้วยเคราะห์กรรมเลย วันนี้เธออายุ 52 และไม่รวู้ ่าจะเจออะไรข้างหน้าอีก แต่เธอก็ ยังมีขวัญและกําลังใจในการ ดําเนินชีวิต ถ้าชะตากรรมมี จริง เธอเป็ นคนหนึ่งที่ ยํ้าเตื อนว่าเราสามารถเอาชนะ ชะตากรรมได้ ไม่ได้ชนะที่ไหน หากชนะที่ใจนั่นเอง ชี วิ ต ของเธอบอกให้เ รารูว้ ่า คนเราจะทุ ก ข์ห รื อ ไม่ ไม่ ไ ด้อ ยู่ท่ี ว่า มี อ ะไรมา กระทบกับเรา แต่อยู่ตรงที่เรารูส้ ึกอย่างไรกับสิ่งนัน้ หรือทําอย่างไรกับมันต่างหาก แม้จ ะมีเรื่ อ งร้ายๆ เกิด ขึ้นกับ เรา แต่ถา้ เราทํา ใจรับ ได้ ความทุก ข์ก็ เกิ ดขึ้น ไม่ได้ ในทาง ตรงกันข้าม แม้มีเงินทองไหลมาเทมา แต่ถา้ เราคิดว่ามันน้อยเกินไป ทําให้รวยไม่พอหรือไม่ เท่าคนอื่น เมือ่ นัน้ ใจเราก็เป็ นทุกข์ทนั ที หลายครัง้ ที่ความเดือดร้อนของคุณเกษมสุขเกิดขึน้ จากฝี มือคนอื่นแท้ๆ เช่น หมอที่ใช้คีมคีบหัวลูกแรงเกินไป ตัดมดลูกผิดข้าง แม้แต่รถจอด นิง่ อยู่ ก็ยังมีรถคนอื่นมาชน ข้างหน้าบ้าง ข้างหลังบ้าง แต่เธอไม่เคยเสียเวลาไปโทษคนอื่น เล่นงานเขา หรื อก่นด่าชะตากรรม หากคิดเพียงว่าจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไร และ รักษาใจให้เป็ นปกติได้อย่างไร ใครที่คิดว่าตัวเองทุกข์หนักหนาสาหัสแล้ว ลองนึกถึงชีวิตของคุณเกษมสุข อาจจะ ได้คิดว่าตนนัน้ ยังโชคดีอยู่มากเมื่อเทียบกับเธอ แต่เท่านัน้ ยังไม่พอ น่าจะได้คิดต่อไปอีกด้วย ว่า สุขทุกข์นนั้ แท้จริงอยูท่ ่ีใจ ไม่ได้อยูท่ ่ีวา่ อะไรเกิดขึ้นกับเรา ถึงจนก็สขุ ได้ ถึงป่วยก็ ยิ้มได้ แม้จะพลัดพรากสูญเสียแค่ ไหน ก็ยงั มีสิทธิ แช่มชื่นแจ่ มใสได้ แต่ถา้ ทําใจไม่ เป็ นเสียแล้ว รวยแค่ไหน มีอํานาจมากเพียงใด ทรวดทรงงดงามเพียงใด ก็ยงั ทุกข์ อยูน่ ่นั เอง
จะเจออะไรมาก็แล้วแต่ ข้อสําคัญก็คือ อย่ายอมแพ้ อย่าปล่อยใจไปกับ ความลําเค็ญ ความล้มเหลว และความเศร้าโศกท้อแท้ ในยามร้ายไม่มีอะไรดีกว่า การปลุกใจให้อดทน เข้มแข็ง สดชืน่ และเปี่ ยมด้วยความหวังว่าพรุ่งนีย้ ่อมดีกว่า วันนี้ 9
มิสซาสั ปดาห์ ที่ 10 เทศกาลธรรมดา (ปี C) วันอาทิตย์ ที่ 9 มิถุนายน ค.ศ. 2013 วัน เดือน ปี ส. 8 มิ.ย. 18.00 น.
รายการมิสซา ผู้ขอมิสซา สุ ขสํ าราญ โมทนาคุณพระเจ้าและพระแม่มารี ย ์ วิชชุลดา/วรณัน มารี อา ประทุม, คุณสมนึก ใช้สมบุญ และครอบครัว เทเรซา วรณัน รักอารมณ์, เทเรซา ลาวรรณ ลิขิตทรัพย์ ยอห์น บอสโก ทรงพล มัน่ วงศ์วโิ รจน์ ครอบครัวรักอารมณ์, ครอบครัวลิขิตทรัพย์ อุทศิ แด่ เรนาโต ประพาฬ รักอารมณ์ ละญาติผลู้ ่วงลับ อันตน สําเริ ง โกญจนาท เริ งจิต สตีเฟน จํารู ญ, มารี อา ละมุด เจริ ญพานิช วิญญาณในไฟชําระและวิญญาณที่ไม่มีผใู ้ ดนึกถึง อา. 9 มิ.ย. สุ ขสํ าราญ โมทนาคุณพระเจ้า และพระแม่มารี ย ์ บุญญรัตน์ 08.00 น. มารี อา เอื้อพันธ์ และครอบครัวศรี เจริ ญ คค.ศรี เจริ ญ ยอห์น บอสโก ทรงพล มัน่ วงศ์วโิ รจน์ อันนา ชุลี วีระวัฒนาเดช มารี อา มาริ สา เสวตรวิทย์ และครอบครัว คุณณัฐธร และขวัญ, คุณจักรกริ ช ยูเนยา ครอบครัวธนะสาร, ครอบครัวสาธรกิจ ณัฐวรรณ ครอบครัวสุ ทธิโอภาส, ครอบครัวบรรณสกุล ณัฐวรรณ ครอบครัวเขม้นงาน, ครอบครัวเพียรช่างคิด ณัฐวรรณ ครอบครัวลิ้มจิตรกร, ครอบครัวเตรี ยมวิชานนท์ ณัฐวรรณ ครอบครัวพันธุมจินดา, ครอบครัวสิ งหฬ สุ ดารัตน์/บุญญรัตน์ อุทศิ แด่ ซิ สเตอร์ หลุยส์ เสวตรวิทย์ ยอแซฟ ภิรมย์, มารี อา โยเซฟิ น รัตนา พันธุมจินดา สุ ดารัตน์ ยวง พิสิษฐ์ พันธุมจินดา, เทเรซา นงลักษณ์ จินดากุล สุ ดารัตน์ คุณวิรัช พุทธโกษา, ผูล้ ่วงลับครอบครัวสิ งห์สา สุ ดารัตน์/บุญญรัตน์ คุณฬสฬัสษ์ วราเปล่งสิ นทวี อัญชลี
10
เนื่องจากขณะนัน้ ชื่อเสียงของพระองค์กําลังแพร่ขจายไปทัว่ ทุกคนที่ได้ฟงั คําสังสอนและเห็ ่ นอัศจรรย์ทพ่ี ระองค์ทรงกระทํา ต่างชื่นชมในตัวพระองค์ ด้วยเหตุน้ี “ประชาชนจํานวนมากจึงติดตามพระองค์ไปด้วย” (ลก 7:11) พวกเขาพากันเดินไป พูดคุยกันไป หัวเราะกันไป ร้องเพลงกันไป เสียงดังขรมไปหมด โดยไม่คาดฝนั ขณะทีข่ บวนของพระเยซูเจ้าเข้ามาใกล้ประตูเมือง อีกขบวน หนึ่งก็เดินสวนทางออกมา เป็ นขบวนแห่ศพ ! ปกติ ขบวนแห่ศพของชาวยิวจะมี “นางร้องไห้อาชีพ” เดินนํ า ส่งเสียงรํ่าไห้ ครํ่าครวญ พร้อมกับเสียงโหยหวนวังเวงของขลุ่ยและฉาบ ชวนให้เศร้าสลดใจยิง่ นัก ช่วงเวลาทีส่ องขบวนซึ่งมีบรรยากาศแตกต่างกันราวฟ้ากับดินมาบรรจบพบ กันนี้ เอง คือ ช่ ว งเวลาสํา คัญ ที ส่ ุดที จ่ ะพิ สูจน์ ว่ า พระเยซู เ จ้ า ทรงเป็ นผู้ใด และ พระองค์สามารถทําสิ ง่ ใดได้บา้ ง ! หากพระองค์สามารถทําอัศจรรย์ช่วยเหลือเรามนุ ษย์ตลอดชีวติ นี้ได้ นัน่ เป็ น สิง่ ดีแน่นอน แต่ยงั ไม่พอ... เพราะชีวติ นี้มนั แสนสัน้ ส่วนความตายนัน้ คงอยูต่ ลอดไป ! หากพระองค์ไม่สามารถเอาชนะความตายได้ ความช่วยเหลือของพระองค์ก็ ไม่คงอยูช่ วนิ ั ่ รนั ดร ! ตรงกันข้าม หากพระองค์สามารถเผชิญหน้ากับความตายและเอาชนะมันได้ นัน่ คือข้อพิสูจน์เบ็ดเสร็จเด็ดขาดว่าพระองค์ทรงเป็ น “พระบุตรของพระเจ้า” ทรง เป็ นความหวังอันยิง่ ใหญ่และสูงสุดของมวลมนุษยชาติ ทุ ก วัน นี้ ก็เ ช่ น กัน หากพระองค์ส ามารถช่ ว ยเราให้พ บกับ สัน ติสุ ข พบกับ ่ น หนทางชีวติ ตลอดจนช่วยแก้ปญั หาบางอย่างและรักษาโรคบางชนิดให้แก่เรา นันเป็ สิง่ ดีงามแน่นอน แต่ไม่ชา้ ก็เร็ว เราก็ตอ้ งตายอยูด่ ี ตรงกันข้าม หากพระองค์สามารถช่วยเราให้มีชยั ชนะเหนื อความตายได้ พระองค์กค็ วรค่าอย่างยิ ง่ ทีเ่ ราจะยอมรับและอุทิศทัง้ ชีวิตนี้ เพือ่ พระองค์.... ลําพังเห็นขบวนศพก็ชวนให้น่าสังเวชอยูแ่ ล้ว แต่ขบวนนี้ยงิ่ น่าสังเวชหนักเข้า ไปอีกเพราะ “ผูต้ ายเป็ นบุตรคนเดียวของมารดาซึง่ เป็ นม่าย” (ลก 7:12) 3
สั ปดาห์ ที่ 10 เทศกาลธรรมดา (ปี C) ลก 7:11-17
เมืองนาอินตัง้ อยู่ระหว่างเมืองเอนโดร์ ซึง่ มีกล่าวถึงในหนังสือโยชูวา (ยชว 17:11) หนังสือซามูแอลฉบับที่หนึ่ง (1 ซมอ 28:7) และหนังสือเพลงสดุดี (สดด 83:10) และเมืองชูเนม ทีซ่ ง่ึ ประกาศกเอลีชาเคยช่วยบุตรของหญิงผูห้ นึ่งให้ฟ้ืนขึน้ มา จากความตายครัง้ หนึ่งนานมาแล้ว (2 พกษ 4:18-37) จากเมืองคาเปอรนาอุม ที่พระเยซูเจ้าพึ่งจะรักษาผูร้ บั ใช้ของนายร้อย (ลก 7:1-10) ไปยังเมืองนาอิน ต้องใช้เวลาเดินทางไปหนึ่งวัน และกลับอีกหนึ่งวัน ทําไมหรือ พระองค์จงึ ต้องเสียเวลามากมายไปกับการเดินทางสูเ่ มืองห่างไกล ไม่ค่อยเป็ นทีร่ จู้ กั ผูค้ นก็น้อย ทัง้ ๆ ทีใ่ นเมืองคาเปอรนาอุมเองก็มคี นเจ็บปว่ ยและคน ตายมากมายรอรับความช่วยเหลือจากพระองค์ ? แน่นอนว่าคงมีคนทูลเชิญพระองค์ให้เสด็จไปเมืองนาอิน ! นี่แสดงว่า พระองค์พร้อมจะเสด็จไปทุกหนทุกแห่งทีม่ ผี ทู้ ลู เชิญพระองค์ โดย ไม่สนพระทัยว่าสถานทีแ่ ห่งนัน้ จะมีช่อื เสียงเป็ นทีร่ จู้ กั หรือไม่ พระองค์ทรงสนพระทัยในตัว “คน” มากกว่า “สถานที”่ เช่นเดียวกัน พระองค์ไม่ทรงสนพระทัยเปลือกนอกของคนว่ามีความสําคัญ หรือมีช่อื เสียงมากน้อยเพียงใด ขอเพียงเราทูลเชิ ญพระองค์ พระองค์กพ็ ร้อมจะ เสด็จมาหาเรา มาพํานักในตัวเรา ในบ้านของเรา.... 2
วัน เดือน ปี อา 9 มิ.ย. 08.00 น.
อา 9 มิ.ย. 10.00 น.
รายการมิสซา ผู้ขอมิสซา อุทศิ แด่ คุณอุย้ นิ้ว แซ่เซี้ ยว, คุณโถ เพียรช่างคิด ณัฐวรรณ คุณนวลจันทร์, ด.ช.ธงชัย ธนะสาร ณัฐวรรณ ยวง บัปติสต์ เสมียน สาธรกิจ, มารี อา ฮุยเกียว แซ่โง้ว ณัฐวรรณ ยวง บัปติสตา ก๊กเคี้ยง แซ่แพ้, มารี อา กิมฮวย แซ่ต้ งั คค.ธนาพานิชย์ เปโตร ยรรยง, ลูซีอา ละออ, มารี อา นิตยา อุชชิน ยอแซฟ สมบัติ อุชชิน, มารี อา มยุรี ผลาวงศ์ มัทธิว เกียรติศกั ดิ์ สุ วรรณจิต, Thomas Adams ยอแซฟ ทิวากร รักคิด และบรรพบุรุษ วิภาวิณี ยอแซฟ เกียจัว๊ แซ่คู, อันนา เย็น เอี้ยพิน โรซา ทัศนีย ์ บุญเจริ ญ วไลพร ฟรังซิ สเซเวียร์ จิรวัฒน์, คุณแย้ม เสวตรวิทย์, Leon Romeo มารี อา กวาง, อันตน ก๊าด สังขรัตน์ อังเยลา บรรพบุรุษครอบครัวธนาพานิชย์ คค.ธนาพานิชย์ วิญญาณในไฟชําระและวิญญาณที่ไม่มีผใู้ ดนึกถึง คค.ธนาพานิชย์ สุ ขสํ าราญ โมทนาคุณพระเจ้าและพระแม่มารี ย ์ วิฑูรย์ สัตบุรุษวัดแม่พระกุหลาบทิพย์ทุกท่าน สมาชิกชมรมผูส้ ูงอายุ และผูท้ ี่เกิดในเดือนมิถุนายนทุกท่าน ชมรมผูส้ ู งอายุ ดอมินิก ภูวนัย หงษ์แก้ว และครอบครัว เซซี ลีอา เพ็กล้วน แซ่เอี้ยว, คุณสัณหพล เหลืองอร่ าม วิไลวรรณ คุณกัลยา กองโคตร, ครอบครัวทรงสัตย์ คุณชูศรี เอื้ออุณหะกิจ, คุณเลี่ยมเกียว แซ่อ้ ึง ชาคร มารี อา ศศิภา อุตะเดช, คุณวิไลลักษณ์ เอื้ออุณหะกิจ สุ นทรี /ชาคร มารี อา จิตรา นิลอุบล, คุณรัตนา บัวบาน ครอบครัวไพโรจน์หิรัญ รจิตพร/ขนิษฐา ครอบครัวสาธร, ครอบครัวสุ นพิชยั สวิตตา อุทศิ แด่ Mr.Elias Khedari, คุณจิโรจน์ ฮิมา ลลิตา คุณนุชนาถ พุม่ พวง, แบนาแด๊ต กรรจภรณ์ ทําจันทา ลลิตา 11
อา 9 มิ.ย. 10.00 น.
จ. 10 มิ.ย. อ. 11 มิ.ย. พ. 12 มิ.ย. พฤ.13 มิ.ย. ศ. 14 มิ.ย.
อุทศิ แด่
อุทศิ แด่ อุทศิ แด่ อุทศิ แด่ อุทศิ แด่ อุทศิ แด่
ฟี เดส จิตรา ดารุ ทยาน อังเดร เปาโล ใช่เคียม แซ่ลิ้ม, มารี อา ไซ่ล้ งั แซ่ลี่ กิติพร เปาโล ประเสริ ฐ มัน่ วงศ์วโิ รจน์ กิติพร ลอเรนซ์ สุ นทร, มารี อา สมสุ ข สุ นพิชยั สวิตตา คุณกร, คุณแก้ว สาธร, คุณชา ปกป้ อง, คุณสน กลิ่นบัว สวิตตา สเตฟานัส เช็งมัง่ แซ่อ้ ึง, ยอแซฟ สมบัติ ทรัพย์อาภารัตน์ ชาคร คุณธาดา สระบัว ชาคร สมาชิกชมรมผูส้ ูงอายุที่ล่วงลับไปแล้ว ชมรมผูส้ ู งอายุ วิญญาณในไฟชําระ และวิญญาณที่ไม่มีผใู้ ดนึกถึง ชมรมผูส้ ู งอายุ วิญญาณในไฟชําระ วิฑูรย์ วิญญาณในไฟชําระ อังเดร วิญญาณในไฟชําระ คุณชลินทร์ จิระดํารง อมรา วิญญาณในไฟชําระ -
ปี นี้ ฉลองครบรอบ 12 ปี ของวัดเราตรงกับวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม โดยพระ อัครสังฆราช ฟรังซิสเซเวียร์ เกรี ยงศักดิ์ โกวิทวาณิ ช จะเป็ นประธานพิธี ขอเชิญผูม้ ีจิตศรัทธาทุกท่านมีส่วนร่ วมในงานฉลองวัดปี นี้ ด้วยการ ร่ วมบริ จาคปั จจัย อาหาร ดอกไม้สาํ หรับถวายแม่พระ ฯลฯ ร่ วมเป็ นอาสาสมัครฝ่ ายต่าง ๆ ในการจัดเตรี ยมงาน โปรดแจ้งความจํานงได้ที่แผนกรับบริ จาคเพื่องานฉลองวัด ณ ศาลาปี ติการุ ณย์ และขอขอบคุณพี่นอ้ งล่วงหน้ามา ณ ที่น้ ี 12
ฉบับที่ 478 วันอาทิตย์ที่ 9 มิถนุ ายน ค.ศ. 2013
สั ปดาห์ ที่ 10 เทศกาลธรรมดา (ปี C)
ประกาศกยิง่ ใหญ่ ได้ เกิดขึน้ ในหมู่เรา พระเจ้ าได้ เสด็จมาเยีย่ มประชากรของพระองค์ ลก 7:16