ฉบับที่ 480 วันอาทิตย์ที่ 23 มิถนุ ายน ค.ศ. 2013
ฉบับที่ 480 วันอาทิตย์ที่ 23 มิถนุ ายน ค.ศ. 2013
สั ปดาห์ ที่ 12 เทศกาลธรรมดา (ปี C)
สั ปดาห์ ที่ 12 เทศกาลธรรมดา (ปี C)
ถ้ าผู้ใดอยากติดตามเราก็จงเลิกนึกถึงตนเอง จงแบกไม้ กางเขนของตนทุกวันและติดตามเรา
ถ้ าผู้ใดอยากติดตามเราก็จงเลิกนึกถึงตนเอง จงแบกไม้ กางเขนของตนทุกวันและติดตามเรา
ลก 9:23
ลก 9:23
สั ปดาห์ ที่ 12 เทศกาลธรรมดา (ปี C) ลก 9:18-24
1. ท่านล่ะว่าเราเป็ นใคร ลู ก าเล่ า ว่ า “เวลาทีพ่ ระเยซู เ จ้า จะต้ อ งทรงจากโลกนี้ ไ ปใกล้ เ ข้า มาแล้ ว พระองค์ทรงตัง้ พระทัยแน่ วแน่ จะเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม” (ลก 9:51) ทัง้ ๆ ที่ทรง ทราบดีวา่ สิง่ ทีร่ อพระองค์อยูเ่ บือ้ งหน้าทีก่ รุงเยรูซาเล็มก็คอื กางเขนและความตาย! นี่จงึ เป็ นช่วงเวลาวิกฤติทส่ี ดุ อีกครัง้ หนึ่งในชีวติ ของพระองค์ และในยามนี้ สิง่ ทีด่ ที ส่ี ดุ สําหรับพระองค์คอื การ “อธิษฐานภาวนา” ตามลําพัง (ลก 9:18) ! พระองค์ไม่เคยเผชิญหน้ากับวิกฤติการณ์ตามลําพังโดยปราศจากคําปรึกษา และความช่วยเหลือจากพระบิดาเจ้า ! วิกฤติกาลครัง้ นี้มไิ ด้เกิดจากความกลัวไม้กางเขน แต่เกิดจากความวิตกว่า จะมีคนรูจ้ กั และเข้าใจพระองค์ก่อนจะทรงลาจากโลกนี้ไปหรือไม่ ?!? หากไม่มผี ใู้ ดค้นพบว่าพระองค์เป็ นผูใ้ ด ก็เท่ากับว่าสิง่ ทีพ่ ระองค์ได้ทุ่มเททํา มาทัง้ ชีวติ ต้องล้มเหลวลงอย่างไม่เป็ นท่า ! แต่ตรงกันข้าม หากมีผหู้ นึ่งผูใ้ ดค้นพบความจริงว่าพระองค์เป็ นใคร ก็เท่ากับ ว่าพระองค์ประสบความสําเร็จในการจุดประกายไฟไว้ในหัวใจของมนุ ษย์ ซึง่ จะไม่มี วันมอดดับแม้วนั เวลาจะล่วงเลยไปนานแสนนานก็ตาม เพราะฉะนัน้ พระองค์ตอ้ งรูส้ กึ ใจชืน้ ขึน้ อย่างแน่ นอนเมื่อได้ยนิ เปโตรตอบว่า “พระองค์คือพระคริ สต์ของพระเจ้า” (ลก 9:20) !!! 2
วัน เดือน ปี รายการมิสซา ผู้ขอมิสซา อา 23 มิ.ย. สุ ขสํ าราญ โมทนาคุณพระเจ้าและพระแม่มารี ย ์ อดิสยั 10.00 น. สัตบุรุษวัดแม่พระกุหลาบทิพย์ทุกท่าน ดอมินิก ภูวนัย หงษ์แก้ว และครอบครัว เซซี ลีอา เพ็กล้วน แซ่เอี้ยว และครอบครัว ราฟาแอล ชัยพฤกษ์, มีคาแอล ธันวา ประคีนวินชา ครอบครัวเตียวเจริ ญ สุ รพงษ์ อันนา สวิตตา สาธร มาลินี คุณทองคํา เพิ่มพูนธนาลาภ, คุณอุบล พลอยขาว มาลินี คุณบานเย็น, คุณชวนี, คุณอดุลย์ , คุณศศิธร คุณพิมพ์นภา, คุณเกรี ยงไกร, คุณทองพูล, คุณพจนีย ์ ครอบครัวกาฬแก้ว, ครอบครัวสุ วรรณราช ศันสนีย ์ อุทศิ แด่ เปโตร ถนอม, อันนา สังเวียน, เปาโล รัฐพล สุ วรรณราช ศันสนีย ์ เปโตร บ้วนฮง เตียวเจริ ญ วิไลวรรณ คุณทองใบ, Mr.Lui Boon Phor, Don P. Shadle ชวนี คารา ธารวิมล บุญเลิศ, คุณลัดดา ชัยชนะ ธีระ หลุยส์ พิชยั เจริ ญสุ ข อัญชลี คุณฟาฎิล, คุณจิรศักดิ์, คุณคมสันต์ ยอแซฟ ธวัชชัย ตรี สินธุรสและญาติผลู้ ่วงลับ รสสุ คนธ์ คุณซ่งเต็ก แซ่อ้ งั , คุณยุง้ จื่อ แซ่ลิ้ม สมชัย คุณสงวน, คุณซุ่ยเข่ง แซ่เล้า ระริ น อาจารย์ใหญ่ผอู้ ุทิศร่ างเพื่อการศึกษาทางการแพทย์ รุ สมา วิญญาณในไฟชําระและวิญญาณที่ไม่มีผใู้ ดนึ กถึง วิไลวรรณ จ. 24 มิ.ย. อุทศิ แด่ ยอแซฟ ศรี รัตน์, มารี อา เจียมใจ กิตติคุณ อ. 25 มิ.ย. สุ ขสํ าราญ ยอแซฟ ประมวล พุฒตาลศรี , ครอบครัวกิจเจริ ญ รสสุ คนธ์ พ. 26 มิ.ย. อุทศิ แด่ วิญญาณในไฟชําระ พฤ.27 มิ.ย. อุทศิ แด่ วิญญาณในไฟชําระ มาลินี ศ. 28 มิ.ย. สุ ขสํ าราญ คุณสุ วรรณา กิตติตระกูล 11
มิสซาสั ปดาห์ ที่ 12 เทศกาลธรรมดา (ปี C) วันอาทิตย์ ที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 2013 วัน เดือน ปี รายการมิสซา ส. 22 มิ.ย. สุ ขสํ าราญ โมทนาคุณพระเจ้าและพระแม่มารี ย ์ 18.00 น. มารี อา ประทุม, คุณสมนึก ใช้สมบุญ และครอบครัว ครอบครัวกิจเจริ ญ อุทศิ แด่ ยอแซฟ ศรี รัตน์, มารี อา เจียมใจ กิตติคุณ เปโตร บ้วนฮง เตียวเจริ ญ และบรรพบุรุษ อันตน สําเริ ง โกญจนาท สตีเฟน จํารู ญ, มารี อา ละมุด เจริ ญพานิช Ms.Elizabeth Elisa Cruz วิญญาณในไฟชําระและวิญญาณที่ไม่มีผใู ้ ดนึกถึง อา.23 มิ.ย. สุ ขสํ าราญ โมทนาคุณพระเจ้า และพระแม่มารี ย ์ 08.00 น. มารี อา เอื้อพันธ์ และครอบครัวศรี เจริ ญ ครอบครัวธนะสาร, ครอบครัวสาธรกิจ ครอบครัวสุ ทธิโอภาส, ครอบครัวบรรณสกุล ครอบครัวเขม้นงาน, ครอบครัวเพียรช่างคิด ครอบครัวลิ้มจิตรกร, ครอบครัวเตรี ยมวิชานนท์ ครอบครัวตันติโกสิ ชฌน์, ทุกครอบครัวในโลก อุทศิ แด่ มาการิ ตา้ ทิพากร เรี ยวนาร์ คุณอุย้ นิ้ว แซ่เซี้ ยว, คุณโถ เพียรช่างคิด คุณนวลจันทร์, ด.ช.ธงชัย ธนะสาร ยวง บัปติสต์ เสมียน สาธรกิจ, มารี อา ฮุยเกียว แซ่โง้ว เปาโล ประจวบ สกุลเกิด ยอแซฟ ทิวากร รักคิด และบรรพบุรุษ ยวง บัปติสตา ก๊กเคี้ยง แซ่แพ้, มารี อา กิมฮวย แซ่ ต้ งั บรรพบุรุษครอบครัวธนาพานิชย์ วิญญาณในไฟชําระและวิญญาณที่ไม่มีผใู ้ ดนึกถึง 10
ผู้ขอมิสซา ธิดาภรณ์ ลูกหลาน ดิฎฐินี คค.ศรี เจริ ญ ณัฐวรรณ ณัฐวรรณ ณัฐวรรณ ณัฐวรรณ ณัฐวรรณ ณัฐวรรณ ณัฐวรรณ สมาน วิภาวินี คค.ธนาพานิชย์ คค.ธนาพานิชย์ คค.ธนาพานิชย์
เพียงแต่ว่า เปโตรและบรรดาอัครสาวกยังต้องค้นให้พบอีกว่า “พระคริสต์” ที่ แท้จริงมีความหมายอย่างไร ? เพราะเดิมทีพระคริสต์สําหรับพวกเขาคือ กษัตริยท์ พ่ี ระเจ้าทรงส่งมาเพื่อนํ า ชาวยิวพิชติ โลกด้วยกําลังทหาร และทําให้ชาติยวิ เจริญรุง่ เรืองเฉกเช่นเดียวกับในสมัย ของกษัตริยด์ าวิด ซึ่งผิดกันลิบลับกับ “พระคริสต์” ที่พระองค์ตรัสว่า “จะต้องรับทรมานเป็ นอัน มาก จะถูกบรรดาผูอ้ าวุโส มหาสมณะ และธรรมาจารย์ปฏิเสธไม่ยอมรับ และจะถูก ประหารชีวติ แต่จะกลับคืนชีพในวันทีส่ าม” (ลก 9:22) เมื่อความเข้าใจเกี่ยวกับพระคริสต์ยงั แตกต่างกันคนละขัว้ เช่นนี้ พระองค์จงึ ต้องกําชับบรรดาอัครสาวกมิให้พูดเรื่องนี้ แก่ผู้ใด (ลก 9:21) เพราะหาไม่แล้ว ประชาชนคงลุ ก ฮือ ขึ้น มาแต่ งตัง้ พระองค์เ ป็ น กษัต ริย์ และพระองค์ค งต้อ งถูก ตรึง กางเขนเพราะข้อหากบฏ หาใช่เพราะปฏิบตั ติ ามพระประสงค์ของพระบิดาแต่ประการ ใดไม่ ทุกวันนี้ ปญั หาของบรรดาอัครสาวกก็ยงั คงเป็ นปญั หาของเราอยู่ ! พวกเราบางคน “สร้าง” พระเยซูเจ้าขึน้ มาเองตามทีเ่ ราอยากให้เป็ น พระเยซู ของเราอาจดูเ คร่ง ครัดเรื่อ งกฎเกณฑ์ใ นพิธีก รรม การอดเนื้ อ วันศุ กร์ การทํา แท้ง ความผิดทางเพศ แต่กลับ หย่อนยานเรื่องความรักและการรับใช้เพื่อนมนุ ษย์ จน หลายครัง้ เราวิพากษ์วจิ ารณ์หรือตัดสินผูอ้ ่นื ราวกับว่าไม่เคยรูจ้ กั หรือรักพระเยซูเจ้า “ตัวจริง” มาก่อนเลย เราแต่ ละคนจึงมีหน้ าที ่ ไม่เพียงค้นให้ พบว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็ นผู้ใด เท่ านั น้ แต่ ยงั ต้ องค้นให้ พบด้วยว่าพระองค์ทรงมีความหมายต่ อชี วิตของเรา อย่างไร !?!?! โดยต้องตระหนักอยูเ่ สมอว่า 1. เป็ น “ตัวเราเอง” ทีต่ อ้ งค้นหาพระองค์ให้พบ หลังจากบรรดาอัครสาวกทูลพระเยซูเจ้าว่า ประชาชนบ้างว่าพระองค์ เป็ นยอห์นผูท้ าํ พิธลี า้ ง บ้างว่าเป็ นเอลียาห์ บ้างว่าเป็ นประกาศกในอดีตคนหนึ่งซึง่ 3
กลับคืนชีพ (ลก 9:19) พระองค์ทรงยิงคําถามสําคัญทันที “ท่านล่ะว่าเราเป็ นใคร” (ลก 9:20) ? แปลว่า ไม่เป็ นการเพียงพอเลยที่จะรู้ว่า “ผู้อนื ่ ” พูดหรือเขียนถึง พระองค์วา่ อย่างไร ? เราอาจจดจําได้หมดว่าพระคัมภีรก์ ล่าวถึงพระองค์ไว้อย่างไร เรา อาจอ่านหนังสือเทววิทยาทุกเล่มที่เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับพระองค์ หรือเราอาจ ท่องจําสิง่ ที่พระสงฆ์และครูคําสอนพูดถึงพระองค์ได้ทงั ้ หมด โดยที่ “ตัวเราเอง” ไม่ เคยสัมผัสหรือไม่เคยดําเนินชีวติ ตามจิตตารมณ์ของพระองค์เลยก็ได้ ! ด้วยเหตุน้ี คริสตชนทีแ่ ท้จริงจึงต้องค้นให้พบ “ด้วยตนเอง” ว่าพระ เยซูเจ้าทรงเป็ นผู้ใด ทรงมีความรู้สกึ นึกคิดและทรงมีความหมายต่อชีวติ ของเรา อย่างไร ? หากเราไม่สามารถรูจ้ กั พระองค์ดว้ ยตัวของเราเอง ก็เท่ากับว่าเรา กําลังลดระดับศาสนาของเราให้เป็ นเพียงเทพนิยายทีบ่ รรพบุรุษของเราเล่าสืบต่อกัน มา แล้วเราก็จะเล่าให้ลกู หลานของเราฟงั สืบต่อกันไป ! 2. เมือ่ ค้นพบพระองค์แล้ว ต้อง “นบนอบ” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “บุตรแห่งมนุ ษย์จะต้ องรับทรมานเป็ นอันมาก” (ลก 9:22) ก่อนหน้านี้ พระองค์เคยตรัสคําว่า “ต้ อง” หลายครัง้ เช่น “พ่อกับ แม่ตามหาลูกทําไม พ่อแม่ไม่รูห้ รือว่า ลูกต้ องอยู่ในบ้านของพระบิดาของลูก” (ลก 2:49) “เราต้ องประกาศข่าวดีเรือ่ งพระอาณาจักรของพระเจ้าให้แก่เมือง อืน่ ด้วย เพราะเราถูกส่งมาก็เพือ่ การนี้” (ลก 4:32) “วันนี้ พรุง่ นี้ และมะรืนนี้ เราจะต้องเดินทางต่อไป เพราะประกาศก จะตายนอกกรุงเยรูซาเล็มไม่ได้” (ลก 13:33) “บุตรแห่งมนุษย์จาํ เป็ นต้องรับการทรมานอย่างมาก” (ลก 17:25) “บุตรแห่งมนุ ษย์จําต้ องถูกมอบในเงื้อมมือของคนบาป จะต้องถูก ตรึงกางเขนและจะกลับคืนพระชนมชีพในวันทีส่ าม” (ลก 24:7) 4
วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม 2013 (วันฉลองภายใน) 18.30 น. 19.00 น.
สวดสายประคําและบทเร้าวิงวอนพระแม่เจ้า ศีลอภัยบาป พิธีบชู าขอบพระคุณ หลังพระสงฆ์อวยพร • เสกพระรูปแม่พระกุหลาบทิพย์ (องค์ใหม่) • แห่พระรูปแม่พระกุหลาบทิพย์ • บทภาวนาถวายตัวแด่แม่พระกุหลาบทิพย์ • ปิ ดพิธีและถวายช่อดอกไม้ (หลังมิสซา เชิญรับประทานอาหารร่วมกัน)
วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม 2013 15.30 น. 16.15 น. 16.30 น.
17.00 น.
สวดภาวนา / ฟั ง “เสียงวรสาร” ศีลอภัยบาป เตรียมต้อนรับประธานในพิธี ประธานในพิธีมาถึง • เชิญพระคุณเจ้าสวดภาวนาในวัด • เชิญพระคุณเจ้าเข้าสูห่ อ้ งรับรอง พิธีบชู าขอบพระคุณ หลังบทภาวนาหลังรับศีล • ร้องเพลงคํานับประธานในพิธี • ผูอ้ าํ นวยการสภาภิบาลกล่าวสุนทรพจน์ • ประธานให้โอวาท และอวยพรสัตบุรษุ • แห่พระรูปแม่พระกุหลาบทิพย์ • บทภาวนาถวายตัวแด่แม่พระกุหลาบทิพย์ • ปิ ดพิธีและถวายช่อดอกไม้ (หลังมิสซา เชิญรับประทานอาหารร่วมกัน)
** ผู ม้ ีจิตศรั ทธาประสงค์บริจาคทรั พย์สินสิ่งของเพื่ อสนับสนุนการจัดงานฉลองวัด โปรดติ ดต่อคุณพ่อเจ้าอาวาส หรื อแผนกรั บบริ จาคเพื่ องานฉลองวัด ณ ศาลาปี ติ การุณย์ ** 9
คัดย่ อจากบทความนิตยสารอิมเมจ
คนส่วนใหญ่นนั้ ทันทีที่เข้าสู่สนามแข่งขัน มักกลายเป็ นเครื่องจักรที่มงุ่ ไล่ล่า หาชัยชนะอย่างเดียว จนลืมความเป็ นมนุษย์ของตนเอง หาไม่ก็เห็นคนอื่นเป็ นแค่ค่แู ข่ง หรือปรปั กษ์ จนมองไม่เห็นว่าเขาเป็ นเพื่อนร่วมโลก แต่ยงั มีแบบอย่างของผูท้ ี่เห็นว่า ความเป็ นมนุษย์นนั้ ต้องมาก่อนความเป็ นนักกีฬาทีมชาติ ในกีฬาโอลิมปิ คปี 2531 ขณะที่ แลรี เลอมิกซ์แห่ งแคนาดาคุมเรื อใบตาม คู่แข่งอันดับหนึง่ มาติดๆ เขาเห็นนักกีฬาจากสิงคโปร์กาํ ลังลอยคออยู่กลางกระแสนํา้ เชี่ยวไม่ไกลจากเรือของเขาที่พลิกควํา่ อยู่ คลื่นลมตอนนัน้ แรงมากอาจทําให้เขาจมนํา้ ได้ เลอมิกซ์จึงหันเรือออกจากเส้นทาง ยอมสละโอกาสที่จะได้เหรียญทอง เพื่อนําตัว ชาวสิงคโปร์กลับไปยังเรือที่พลิกควํา่ ผลก็คือเขาเข้าเส้นชัยเป็ นอันดับที่ 11 คนเรามักคิ ดถึ งการชนะคนอื่ น จนมองข้าม “การชนะใจตนเอง” แต่ ถ้า อยากจะชนะใจตนเองได้ ก็ ต อ้ งวางความคิ ด ที่ จ ะชนะผู อ้ ่ื น เสีย ก่ อ น น่ า แปลกก็ตรงที่เมื่อใดที่เราชนะใจตนเองได้ การชนะใจผูอ้ ่ืนก็เกิดขึ้นตามมาเอง "ถ้าคุณชนะแต่ไม่ได้ช่วยเหลื อใครในเวลาที่ คุณควรช่วย นั่ นเป็ นชัยชนะประ เภทไหนกัน" เป็ นคําตอบของฮาเกนสโมเอน โค้ชสกีวิบากชาวนอร์เวย์ เมื่อมีคนถามว่า เหตุใ ดเขาจึ ง ช่ว ยนัก กี ฬ าชาวแคนาดาซึ่ ง ทํา ไม้คํ้า สกี หั ก ในการแข่ง ขัน โอลิ ม ปิ คปี 2549 หากฮาเกนสโมเอนไม่ยื่นไม้คาํ้ สกีอีกข้างหนึ่งให้ เธอก็คงไม่อาจกลับเข้าสู่การ แข่งขันและพาทีมแคนาดาคว้าเหรียญทองในที่สดุ จะว่าไปแล้วทั้งสองคนยังเป็ นแบบอย่างของ "ผูช้ นะ"อย่างแท้จริง เพราะชัย ชนะของเขานัน้ ประเสริฐและทําได้ยากกว่าชัยชนะในการแข่งขัน นัน่ คือการชนะกิเลส ตัณ หาในใจของตนที่ ต อ้ งการเป็ นผูช้ นะ ปรารถนาความเด่ น ดั ง และคํา ยกย่ อ ง สรรเสริญ แม้ตอ้ งเอาเปรียบผูอ้ ื่นหรือละเลยเพิกเฉยความทุกข์ของผูอ้ ื่น แต่พร้อม ช่วยเหลือผูอ้ ื่น โดยไม่สนใจคําสรรเสริญเยินยอหรือประโยชน์สว่ นตน คนเหล่านี้ช่วยให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความเสียสละของเขาทําให้ผคู้ นมีศรัทธาใน เพื่อนมนุษย์มากขึ้น และอยากทําความดีให้แก่ผอู้ ื่น ไม่มวั หดหู่สิ้นหวังในพฤติกรรม ของผูค้ นหรื อนิ่งดูดายต่อความทุกข์ของคนรอบตัว เขาจึงเป็ น"ฮีโร่"อย่างแท้จริ ง เพราะทําสิ่งยิ่งใหญ่โดยไม่ตอ้ งการประกาศตัวตนให้ใครรับรู้ เราเองก็สามารถเป็นฮีโร่เช่นนี้ได้ ขอเพียงแต่ถนอมรักษาความเป็นมน ุษย์ของเราเอาไว้ให้มนั่ คง 8
ทัง้ หมดนี้บ่งชีว้ ่า พระเยซูเจ้าทรงมี “เป้ าหมาย” ทีจ่ ะ “ต้อง” กระทํา ให้สาํ เร็จ ซึง่ เป้าหมายนัน้ ก็คอื “พระประสงค์ของพระบิ ดาเจ้า” หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คอื พระองค์ทรงนบนอบพระบิดาเจ้าและทรงน้อม รับ “พระประสงค์ของพระบิดา” มาเป็ น “พระประสงค์ของพระองค์” เอง ! เมื่อปฏิบตั ติ ามพระประสงค์ของพระบิดาก็เท่ากับว่า พระองค์กาํ ลัง คิ ดเหมือนพระบิดา และกําลังปรารถนาเหมือนพระบิดา ! นี่คอื เหตุผลหนึ่งที่ทําให้พระองค์กล้าตรัสว่า “ผูท้ เี ่ ห็นเรา ก็เห็นพระ บิดาด้วย” (ยน 14:9) ด้วยเหตุน้ี นอกจากต้องค้นหาคําตอบให้ได้ว่าพระองค์คอื ใครแล้ว เรา ยัง “ต้อง” ดําเนินชีวติ ให้เหมือนพระองค์ โดยน้อมรับพระประสงค์ของพระบิดาเจ้ามา เป็ นความคิด ความปรารถนา และชีวติ ของเราเอง !!!
2. ถ้าผูใ้ ดอยากติดตามเรา สํา หรับ ผู้ท่ีรู้จ ัก พระเยซู เ จ้า อย่ า งแท้จ ริง และประสงค์จ ะติด ตามพระองค์ พระองค์ทรงวางเงือ่ นไขไว้วา่ “ถ้าผูใ้ ดอยากติดตามเราก็จงเลิกนึกถึงตนเอง จงแบกไม้ กางเขนของตนทุกวันและติดตามเรา” (ลก 9:23) 1. เลิ กนึ กถึงตนเอง ก็คอื ปฏิเสธตนเอง ! เมื่อครัง้ ปฏิเสธพระเยซูเจ้า เปโตรพูดกับหญิงรับใช้ของมหาสมณะว่า “ข้าพเจ้าไม่รจู้ กั เขา” (ลก 22:57) เพราะฉะนัน้ การปฏิเสธตนเองจึงหมายถึงการพูดว่า “ข้าพเจ้าไม่รจู้ กั ตนเอง” ปกติเรามักดําเนินชีวติ ราวกับว่า “ตนเอง” สําคัญทีส่ ุดในโลก จึงต้อง ทะนุ ถนอมและปรนเปรออย่างสุดเหวี่ยง แต่หากเราคิดจะเป็ นศิษย์ติดตามพระองค์ เราต้องเลิกนึกถึงตนเอง แล้วดําเนินชีวติ ราวกับว่าไม่มตี วั เราดํารงอยูใ่ นโลกนี้ เพื่อจะเลิกนึกถึงตนเอง ท่านพุทธทาสภิกขุสอนให้เราละทิ้ง “ตัวกูของกู” ส่ว นพระเยซู เ จ้า ทรงสอนว่ า “ท่ า นต้อ งรัก เพือ่ นมนุ ษ ย์เ หมือ นรัก ตนเอง” (มธ 22:39) 5
แปลว่าสําหรับพระเยซูเจ้าแล้ว หนทางทีด่ ที ส่ี ุดในการเลิกนึกถึงตนเอง ก็คอื ให้เรานึกถึง “เพือ่ นมนุ ษย์” มากกว่าหรืออย่างน้อยก็เท่ากับนึกถึง “ตัวกู-ของกู” ! แบกไม้กางเขนของตน เมื่อพระเยซูเจ้าทรงมีพระชนมายุ 11 พรรษา ยูดาสชาวกาลิลไี ด้ก่อ การจลาจลบุกปล้นคลังอาวุธของโรมทีเ่ มืองเซพโฟริส (Sepphoris) ซึง่ อยูห่ า่ งจากเมือง นาซาเร็ธบ้านเกิดเมืองนอนของพระองค์เพียง 6 กิโลเมตรเศษๆ กองทัพโรมันตอบโต้ ทันควันด้วยการเผาเมืองเซพโฟริสจนราบเป็ นหน้ากลอง ชาวเมืองถูกขายเป็ นทาส ผูก้ ่อการจลาจลสองพันคนถูกตรึงกางเขนเรียงรายสองข้างทาง เพื่อปรามมิให้ผอู้ ่นื เอา เยีย่ งอย่างอีก แน่ นอนว่า พระเยซูเจ้าทรงเห็นหรืออย่างน้อยก็ได้รซู้ ้งึ ถึง “ความร้าย กาจ” ของกางเขนตัง้ แต่วยั เด็กแล้ว ! การแบกไม้กางเขนของตนจึงหมายถึงการพร้อมที่จะเผชิญหน้าและ ต่อสูก้ บั ปญั หาและอุปสรรคต่างๆ ไม่วา่ จะ “ร้ายกาจ” เพียงใดก็ตาม ผูท้ ด่ี าํ เนินชีวติ แบบ “สุขนิยม” ด้วยการหลบหลีกปญั หาไปวันๆ หนัก ไม่เอา เบาไม่สู้ พวกเขาจะติดตามพระเยซูเจ้าได้อย่างไรกันในเมื่อพระองค์เองยังทรง เลือกหนทางของไม้กางเขน !?! ผู้ท่ีแ บกไม้ก างเขนของตนทุ ก วัน จึง เป็ น ผู้ท่ีติด ตามพระองค์อ ย่ า ง ซื่อสัต ย์ และแน่ นอนว่า พระองค์จะไม่มีว นั ทอดทิ้ง บรรดาผู้ท่ีติดตามพระองค์ (มธ 28:20) แต่จะทรงประทานพลังและพระหรรษทานช่วยเหลืออย่างเกินพอ เพื่อให้พวก เขาเอาชนะปญั หาและอุปสรรคไม่วา่ จะร้ายกาจหรือหนักหน่วงเพียงใดก็ตาม ! ทีส่ าํ คัญ ยิง่ ได้รบั ชัยชนะ เราจะยิง่ กล้าแกร่งและพร้อมสําหรับปญั หาที่ ยิง่ ใหญ่กว่า จนว่าสักวันหนึ่ง จะไม่มปี ญั หาหรืออุปสรรคใดที่เราจะต้องเกรงกลัวอีก ต่อไป นีค่ อื สันติสขุ และความมันคงแท้ ่ จริงทีพ่ ระองค์ทรงนํามามอบแก่เราทุก คน !!! 2.
6
ดําเนิ นชีวิตตามมาตรฐานใหม่ พระองค์ตรัสว่า “ผูใ้ ดใคร่รกั ษาชีวติ ผูน้ นั ้ จะต้องสูญเสียชีวติ แต่ถา้ ผูใ้ ด เสียชีวติ เพราะเรา ผูน้ นั ้ จะรักษาชีวติ ได้” (ลก 9:24) ฟงั เผินๆ ดูเหมือนพระองค์จะ “พูดผิด” แต่พระดํารัสนี้เป็ นความจริงแท้ และไม่อาจเข้าใจเป็ นอื่นได้เลยนอกจากทรงเรียกร้องให้เราเปลีย่ นแปลง “มาตรฐานของ โลก” เสียใหม่ !! เพราะฉะนัน้ ผูท้ เ่ี ป็ นสมาชิกกลุ่มต่างๆ ทีม่ อี ยูใ่ นวัดและเคยถามว่า “ฉัน จะได้อะไรจากกลุ่ม?” จําต้องเปลีย่ นคําถามเสียใหม่เป็ น “ฉันจะให้อะไรแก่กลุ่มได้บา้ ง?” เมือ่ ขับรถผ่านคนประสบอุบตั เิ หตุถูกรถชน เราเคยถามกันว่า “ฉันจะทํา อย่างไรดีจงึ จะปลอดภัย?” บัดนี้เราต้องถามใหม่วา่ “ฉันจะทําอะไรดีจงึ จะถูกต้อง?” หรือบางคนเคยถามว่า “มาฟงั มิสซาหลังเทศน์ ถือว่าขาดวัดหรือไม่?” เห็นทีจะต้องถามตัวเองใหม่ว่า “นับจากนี้ไป ฉันต้องมาถึงวัดก่อนเริม่ มิสซากีน่ าที กี ่ ชัวโมงจึ ่ งจะมีเวลาช่วยกันแจกหนังสือ จัดวัด ซ้อมขับร้อง รวมถึงเตรียมจิตใจของฉันเอง เพือ่ จะได้รว่ มพิธบี ชู ามิสซาอันสุดแสนประเสริฐ?” 3.
ขอให้เราระลึกถึงพระดํารัสของพระองค์อยูเ่ สมอว่า การใช้ชีวิตเพือ่ ตนเอง รังแต่จะทําให้ผอู้ ืน่ ลืมเลือนชีวิตของเรา... แต่ การใช้ ชีวิตเพือ่ ผู้อืน่ ผลแห่ งความดี ของเราจะตกสู่ลูกหลาน และคงอยู่ชวนิ ั ่ จนิ รนั ดร !!!
7
แปลว่าสําหรับพระเยซูเจ้าแล้ว หนทางทีด่ ที ส่ี ุดในการเลิกนึกถึงตนเอง ก็คอื ให้เรานึกถึง “เพือ่ นมนุ ษย์” มากกว่าหรืออย่างน้อยก็เท่ากับนึกถึง “ตัวกู-ของกู” ! แบกไม้กางเขนของตน เมื่อพระเยซูเจ้าทรงมีพระชนมายุ 11 พรรษา ยูดาสชาวกาลิลไี ด้ก่อ การจลาจลบุกปล้นคลังอาวุธของโรมทีเ่ มืองเซพโฟริส (Sepphoris) ซึง่ อยูห่ า่ งจากเมือง นาซาเร็ธบ้านเกิดเมืองนอนของพระองค์เพียง 6 กิโลเมตรเศษๆ กองทัพโรมันตอบโต้ ทันควันด้วยการเผาเมืองเซพโฟริสจนราบเป็ นหน้ากลอง ชาวเมืองถูกขายเป็ นทาส ผูก้ ่อการจลาจลสองพันคนถูกตรึงกางเขนเรียงรายสองข้างทาง เพื่อปรามมิให้ผอู้ ่นื เอา เยีย่ งอย่างอีก แน่ นอนว่า พระเยซูเจ้าทรงเห็นหรืออย่างน้อยก็ได้รซู้ ้งึ ถึง “ความร้าย กาจ” ของกางเขนตัง้ แต่วยั เด็กแล้ว ! การแบกไม้กางเขนของตนจึงหมายถึงการพร้อมที่จะเผชิญหน้าและ ต่อสูก้ บั ปญั หาและอุปสรรคต่างๆ ไม่วา่ จะ “ร้ายกาจ” เพียงใดก็ตาม ผูท้ ด่ี าํ เนินชีวติ แบบ “สุขนิยม” ด้วยการหลบหลีกปญั หาไปวันๆ หนัก ไม่เอา เบาไม่สู้ พวกเขาจะติดตามพระเยซูเจ้าได้อย่างไรกันในเมื่อพระองค์เองยังทรง เลือกหนทางของไม้กางเขน !?! ผู้ท่ีแ บกไม้ก างเขนของตนทุ ก วัน จึง เป็ น ผู้ท่ีติด ตามพระองค์อ ย่ า ง ซื่อสัต ย์ และแน่ นอนว่า พระองค์จะไม่มีว นั ทอดทิ้ง บรรดาผู้ท่ีติดตามพระองค์ (มธ 28:20) แต่จะทรงประทานพลังและพระหรรษทานช่วยเหลืออย่างเกินพอ เพื่อให้พวก เขาเอาชนะปญั หาและอุปสรรคไม่วา่ จะร้ายกาจหรือหนักหน่วงเพียงใดก็ตาม ! ทีส่ าํ คัญ ยิง่ ได้รบั ชัยชนะ เราจะยิง่ กล้าแกร่งและพร้อมสําหรับปญั หาที่ ยิง่ ใหญ่กว่า จนว่าสักวันหนึ่ง จะไม่มปี ญั หาหรืออุปสรรคใดที่เราจะต้องเกรงกลัวอีก ต่อไป นีค่ อื สันติสขุ และความมันคงแท้ ่ จริงทีพ่ ระองค์ทรงนํามามอบแก่เราทุก คน !!! 2.
6
ดําเนิ นชีวิตตามมาตรฐานใหม่ พระองค์ตรัสว่า “ผูใ้ ดใคร่รกั ษาชีวติ ผูน้ นั ้ จะต้องสูญเสียชีวติ แต่ถา้ ผูใ้ ด เสียชีวติ เพราะเรา ผูน้ นั ้ จะรักษาชีวติ ได้” (ลก 9:24) ฟงั เผินๆ ดูเหมือนพระองค์จะ “พูดผิด” แต่พระดํารัสนี้เป็ นความจริงแท้ และไม่อาจเข้าใจเป็ นอื่นได้เลยนอกจากทรงเรียกร้องให้เราเปลีย่ นแปลง “มาตรฐานของ โลก” เสียใหม่ !! เพราะฉะนัน้ ผูท้ เ่ี ป็ นสมาชิกกลุ่มต่างๆ ทีม่ อี ยูใ่ นวัดและเคยถามว่า “ฉัน จะได้อะไรจากกลุ่ม?” จําต้องเปลีย่ นคําถามเสียใหม่เป็ น “ฉันจะให้อะไรแก่กลุ่มได้บา้ ง?” เมือ่ ขับรถผ่านคนประสบอุบตั เิ หตุถูกรถชน เราเคยถามกันว่า “ฉันจะทํา อย่างไรดีจงึ จะปลอดภัย?” บัดนี้เราต้องถามใหม่วา่ “ฉันจะทําอะไรดีจงึ จะถูกต้อง?” หรือบางคนเคยถามว่า “มาฟงั มิสซาหลังเทศน์ ถือว่าขาดวัดหรือไม่?” เห็นทีจะต้องถามตัวเองใหม่ว่า “นับจากนี้ไป ฉันต้องมาถึงวัดก่อนเริม่ มิสซากีน่ าที กี ่ ชัวโมงจึ ่ งจะมีเวลาช่วยกันแจกหนังสือ จัดวัด ซ้อมขับร้อง รวมถึงเตรียมจิตใจของฉันเอง เพือ่ จะได้รว่ มพิธบี ชู ามิสซาอันสุดแสนประเสริฐ?” 3.
ขอให้เราระลึกถึงพระดํารัสของพระองค์อยูเ่ สมอว่า การใช้ชีวิตเพือ่ ตนเอง รังแต่จะทําให้ผอู้ ืน่ ลืมเลือนชีวิตของเรา... แต่ การใช้ ชีวิตเพือ่ ผู้อืน่ ผลแห่ งความดี ของเราจะตกสู่ลูกหลาน และคงอยู่ชวนิ ั ่ จนิ รนั ดร !!!
7
คัดย่ อจากบทความนิตยสารอิมเมจ
คนส่วนใหญ่นนั้ ทันทีที่เข้าสู่สนามแข่งขัน มักกลายเป็ นเครื่องจักรที่มงุ่ ไล่ล่า หาชัยชนะอย่างเดียว จนลืมความเป็ นมนุษย์ของตนเอง หาไม่ก็เห็นคนอื่นเป็ นแค่ค่แู ข่ง หรือปรปั กษ์ จนมองไม่เห็นว่าเขาเป็ นเพื่อนร่วมโลก แต่ยงั มีแบบอย่างของผูท้ ี่เห็นว่า ความเป็ นมนุษย์นนั้ ต้องมาก่อนความเป็ นนักกีฬาทีมชาติ ในกีฬาโอลิมปิ คปี 2531 ขณะที่ แลรี เลอมิกซ์แห่ งแคนาดาคุมเรื อใบตาม คู่แข่งอันดับหนึง่ มาติดๆ เขาเห็นนักกีฬาจากสิงคโปร์กาํ ลังลอยคออยู่กลางกระแสนํา้ เชี่ยวไม่ไกลจากเรือของเขาที่พลิกควํา่ อยู่ คลื่นลมตอนนัน้ แรงมากอาจทําให้เขาจมนํา้ ได้ เลอมิกซ์จึงหันเรือออกจากเส้นทาง ยอมสละโอกาสที่จะได้เหรียญทอง เพื่อนําตัว ชาวสิงคโปร์กลับไปยังเรือที่พลิกควํา่ ผลก็คือเขาเข้าเส้นชัยเป็ นอันดับที่ 11 คนเรามักคิ ดถึ งการชนะคนอื่ น จนมองข้าม “การชนะใจตนเอง” แต่ ถ้า อยากจะชนะใจตนเองได้ ก็ ต อ้ งวางความคิ ด ที่ จ ะชนะผู อ้ ่ื น เสีย ก่ อ น น่ า แปลกก็ตรงที่เมื่อใดที่เราชนะใจตนเองได้ การชนะใจผูอ้ ่ืนก็เกิดขึ้นตามมาเอง "ถ้าคุณชนะแต่ไม่ได้ช่วยเหลื อใครในเวลาที่ คุณควรช่วย นั่ นเป็ นชัยชนะประ เภทไหนกัน" เป็ นคําตอบของฮาเกนสโมเอน โค้ชสกีวิบากชาวนอร์เวย์ เมื่อมีคนถามว่า เหตุใ ดเขาจึ ง ช่ว ยนัก กี ฬ าชาวแคนาดาซึ่ ง ทํา ไม้คํ้า สกี หั ก ในการแข่ง ขัน โอลิ ม ปิ คปี 2549 หากฮาเกนสโมเอนไม่ยื่นไม้คาํ้ สกีอีกข้างหนึ่งให้ เธอก็คงไม่อาจกลับเข้าสู่การ แข่งขันและพาทีมแคนาดาคว้าเหรียญทองในที่สดุ จะว่าไปแล้วทั้งสองคนยังเป็ นแบบอย่างของ "ผูช้ นะ"อย่างแท้จริง เพราะชัย ชนะของเขานัน้ ประเสริฐและทําได้ยากกว่าชัยชนะในการแข่งขัน นัน่ คือการชนะกิเลส ตัณ หาในใจของตนที่ ต อ้ งการเป็ นผูช้ นะ ปรารถนาความเด่ น ดั ง และคํา ยกย่ อ ง สรรเสริญ แม้ตอ้ งเอาเปรียบผูอ้ ื่นหรือละเลยเพิกเฉยความทุกข์ของผูอ้ ื่น แต่พร้อม ช่วยเหลือผูอ้ ื่น โดยไม่สนใจคําสรรเสริญเยินยอหรือประโยชน์สว่ นตน คนเหล่านี้ช่วยให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ความเสียสละของเขาทําให้ผคู้ นมีศรัทธาใน เพื่อนมนุษย์มากขึ้น และอยากทําความดีให้แก่ผอู้ ื่น ไม่มวั หดหู่สิ้นหวังในพฤติกรรม ของผูค้ นหรื อนิ่งดูดายต่อความทุกข์ของคนรอบตัว เขาจึงเป็ น"ฮีโร่"อย่างแท้จริ ง เพราะทําสิ่งยิ่งใหญ่โดยไม่ตอ้ งการประกาศตัวตนให้ใครรับรู้ เราเองก็สามารถเป็นฮีโร่เช่นนี้ได้ ขอเพียงแต่ถนอมรักษาความเป็นมน ุษย์ของเราเอาไว้ให้มนั่ คง 8
ทัง้ หมดนี้บ่งชีว้ ่า พระเยซูเจ้าทรงมี “เป้ าหมาย” ทีจ่ ะ “ต้อง” กระทํา ให้สาํ เร็จ ซึง่ เป้าหมายนัน้ ก็คอื “พระประสงค์ของพระบิ ดาเจ้า” หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คอื พระองค์ทรงนบนอบพระบิดาเจ้าและทรงน้อม รับ “พระประสงค์ของพระบิดา” มาเป็ น “พระประสงค์ของพระองค์” เอง ! เมื่อปฏิบตั ติ ามพระประสงค์ของพระบิดาก็เท่ากับว่า พระองค์กาํ ลัง คิ ดเหมือนพระบิดา และกําลังปรารถนาเหมือนพระบิดา ! นี่คอื เหตุผลหนึ่งที่ทําให้พระองค์กล้าตรัสว่า “ผูท้ เี ่ ห็นเรา ก็เห็นพระ บิดาด้วย” (ยน 14:9) ด้วยเหตุน้ี นอกจากต้องค้นหาคําตอบให้ได้ว่าพระองค์คอื ใครแล้ว เรา ยัง “ต้อง” ดําเนินชีวติ ให้เหมือนพระองค์ โดยน้อมรับพระประสงค์ของพระบิดาเจ้ามา เป็ นความคิด ความปรารถนา และชีวติ ของเราเอง !!!
2. ถ้าผูใ้ ดอยากติดตามเรา สํา หรับ ผู้ท่ีรู้จ ัก พระเยซู เ จ้า อย่ า งแท้จ ริง และประสงค์จ ะติด ตามพระองค์ พระองค์ทรงวางเงือ่ นไขไว้วา่ “ถ้าผูใ้ ดอยากติดตามเราก็จงเลิกนึกถึงตนเอง จงแบกไม้ กางเขนของตนทุกวันและติดตามเรา” (ลก 9:23) 1. เลิ กนึ กถึงตนเอง ก็คอื ปฏิเสธตนเอง ! เมื่อครัง้ ปฏิเสธพระเยซูเจ้า เปโตรพูดกับหญิงรับใช้ของมหาสมณะว่า “ข้าพเจ้าไม่รจู้ กั เขา” (ลก 22:57) เพราะฉะนัน้ การปฏิเสธตนเองจึงหมายถึงการพูดว่า “ข้าพเจ้าไม่รจู้ กั ตนเอง” ปกติเรามักดําเนินชีวติ ราวกับว่า “ตนเอง” สําคัญทีส่ ุดในโลก จึงต้อง ทะนุ ถนอมและปรนเปรออย่างสุดเหวี่ยง แต่หากเราคิดจะเป็ นศิษย์ติดตามพระองค์ เราต้องเลิกนึกถึงตนเอง แล้วดําเนินชีวติ ราวกับว่าไม่มตี วั เราดํารงอยูใ่ นโลกนี้ เพื่อจะเลิกนึกถึงตนเอง ท่านพุทธทาสภิกขุสอนให้เราละทิ้ง “ตัวกูของกู” ส่ว นพระเยซู เ จ้า ทรงสอนว่ า “ท่ า นต้อ งรัก เพือ่ นมนุ ษ ย์เ หมือ นรัก ตนเอง” (มธ 22:39) 5
กลับคืนชีพ (ลก 9:19) พระองค์ทรงยิงคําถามสําคัญทันที “ท่านล่ะว่าเราเป็ นใคร” (ลก 9:20) ? แปลว่า ไม่เป็ นการเพียงพอเลยที่จะรู้ว่า “ผู้อนื ่ ” พูดหรือเขียนถึง พระองค์วา่ อย่างไร ? เราอาจจดจําได้หมดว่าพระคัมภีรก์ ล่าวถึงพระองค์ไว้อย่างไร เรา อาจอ่านหนังสือเทววิทยาทุกเล่มที่เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับพระองค์ หรือเราอาจ ท่องจําสิง่ ที่พระสงฆ์และครูคําสอนพูดถึงพระองค์ได้ทงั ้ หมด โดยที่ “ตัวเราเอง” ไม่ เคยสัมผัสหรือไม่เคยดําเนินชีวติ ตามจิตตารมณ์ของพระองค์เลยก็ได้ ! ด้วยเหตุน้ี คริสตชนทีแ่ ท้จริงจึงต้องค้นให้พบ “ด้วยตนเอง” ว่าพระ เยซูเจ้าทรงเป็ นผู้ใด ทรงมีความรู้สกึ นึกคิดและทรงมีความหมายต่อชีวติ ของเรา อย่างไร ? หากเราไม่สามารถรูจ้ กั พระองค์ดว้ ยตัวของเราเอง ก็เท่ากับว่าเรา กําลังลดระดับศาสนาของเราให้เป็ นเพียงเทพนิยายทีบ่ รรพบุรุษของเราเล่าสืบต่อกัน มา แล้วเราก็จะเล่าให้ลกู หลานของเราฟงั สืบต่อกันไป ! 2. เมือ่ ค้นพบพระองค์แล้ว ต้อง “นบนอบ” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “บุตรแห่งมนุ ษย์จะต้ องรับทรมานเป็ นอันมาก” (ลก 9:22) ก่อนหน้านี้ พระองค์เคยตรัสคําว่า “ต้ อง” หลายครัง้ เช่น “พ่อกับ แม่ตามหาลูกทําไม พ่อแม่ไม่รูห้ รือว่า ลูกต้ องอยู่ในบ้านของพระบิดาของลูก” (ลก 2:49) “เราต้ องประกาศข่าวดีเรือ่ งพระอาณาจักรของพระเจ้าให้แก่เมือง อืน่ ด้วย เพราะเราถูกส่งมาก็เพือ่ การนี้” (ลก 4:32) “วันนี้ พรุง่ นี้ และมะรืนนี้ เราจะต้องเดินทางต่อไป เพราะประกาศก จะตายนอกกรุงเยรูซาเล็มไม่ได้” (ลก 13:33) “บุตรแห่งมนุษย์จาํ เป็ นต้องรับการทรมานอย่างมาก” (ลก 17:25) “บุตรแห่งมนุ ษย์จําต้ องถูกมอบในเงื้อมมือของคนบาป จะต้องถูก ตรึงกางเขนและจะกลับคืนพระชนมชีพในวันทีส่ าม” (ลก 24:7) 4
วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม 2013 (วันฉลองภายใน) 18.30 น. 19.00 น.
สวดสายประคําและบทเร้าวิงวอนพระแม่เจ้า ศีลอภัยบาป พิธีบชู าขอบพระคุณ หลังพระสงฆ์อวยพร • เสกพระรูปแม่พระกุหลาบทิพย์ (องค์ใหม่) • แห่พระรูปแม่พระกุหลาบทิพย์ • บทภาวนาถวายตัวแด่แม่พระกุหลาบทิพย์ • ปิ ดพิธีและถวายช่อดอกไม้ (หลังมิสซา เชิญรับประทานอาหารร่วมกัน)
วันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม 2013 15.30 น. 16.15 น. 16.30 น.
17.00 น.
สวดภาวนา / ฟั ง “เสียงวรสาร” ศีลอภัยบาป เตรียมต้อนรับประธานในพิธี ประธานในพิธีมาถึง • เชิญพระคุณเจ้าสวดภาวนาในวัด • เชิญพระคุณเจ้าเข้าสูห่ อ้ งรับรอง พิธีบชู าขอบพระคุณ หลังบทภาวนาหลังรับศีล • ร้องเพลงคํานับประธานในพิธี • ผูอ้ าํ นวยการสภาภิบาลกล่าวสุนทรพจน์ • ประธานให้โอวาท และอวยพรสัตบุรษุ • แห่พระรูปแม่พระกุหลาบทิพย์ • บทภาวนาถวายตัวแด่แม่พระกุหลาบทิพย์ • ปิ ดพิธีและถวายช่อดอกไม้ (หลังมิสซา เชิญรับประทานอาหารร่วมกัน)
** ผู ม้ ีจิตศรั ทธาประสงค์บริจาคทรั พย์สินสิ่งของเพื่ อสนับสนุนการจัดงานฉลองวัด โปรดติ ดต่อคุณพ่อเจ้าอาวาส หรื อแผนกรั บบริ จาคเพื่ องานฉลองวัด ณ ศาลาปี ติ การุณย์ ** 9
มิสซาสั ปดาห์ ที่ 12 เทศกาลธรรมดา (ปี C) วันอาทิตย์ ที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 2013 วัน เดือน ปี รายการมิสซา ส. 22 มิ.ย. สุ ขสํ าราญ โมทนาคุณพระเจ้าและพระแม่มารี ย ์ 18.00 น. มารี อา ประทุม, คุณสมนึก ใช้สมบุญ และครอบครัว ครอบครัวกิจเจริ ญ อุทศิ แด่ ยอแซฟ ศรี รัตน์, มารี อา เจียมใจ กิตติคุณ เปโตร บ้วนฮง เตียวเจริ ญ และบรรพบุรุษ อันตน สําเริ ง โกญจนาท สตีเฟน จํารู ญ, มารี อา ละมุด เจริ ญพานิช Ms.Elizabeth Elisa Cruz วิญญาณในไฟชําระและวิญญาณที่ไม่มีผใู ้ ดนึกถึง อา.23 มิ.ย. สุ ขสํ าราญ โมทนาคุณพระเจ้า และพระแม่มารี ย ์ 08.00 น. มารี อา เอื้อพันธ์ และครอบครัวศรี เจริ ญ ครอบครัวธนะสาร, ครอบครัวสาธรกิจ ครอบครัวสุ ทธิโอภาส, ครอบครัวบรรณสกุล ครอบครัวเขม้นงาน, ครอบครัวเพียรช่างคิด ครอบครัวลิ้มจิตรกร, ครอบครัวเตรี ยมวิชานนท์ ครอบครัวตันติโกสิ ชฌน์, ทุกครอบครัวในโลก อุทศิ แด่ มาการิ ตา้ ทิพากร เรี ยวนาร์ คุณอุย้ นิ้ว แซ่เซี้ ยว, คุณโถ เพียรช่างคิด คุณนวลจันทร์, ด.ช.ธงชัย ธนะสาร ยวง บัปติสต์ เสมียน สาธรกิจ, มารี อา ฮุยเกียว แซ่โง้ว เปาโล ประจวบ สกุลเกิด ยอแซฟ ทิวากร รักคิด และบรรพบุรุษ ยวง บัปติสตา ก๊กเคี้ยง แซ่แพ้, มารี อา กิมฮวย แซ่ ต้ งั บรรพบุรุษครอบครัวธนาพานิชย์ วิญญาณในไฟชําระและวิญญาณที่ไม่มีผใู ้ ดนึกถึง 10
ผู้ขอมิสซา ธิดาภรณ์ ลูกหลาน ดิฎฐินี คค.ศรี เจริ ญ ณัฐวรรณ ณัฐวรรณ ณัฐวรรณ ณัฐวรรณ ณัฐวรรณ ณัฐวรรณ ณัฐวรรณ สมาน วิภาวินี คค.ธนาพานิชย์ คค.ธนาพานิชย์ คค.ธนาพานิชย์
เพียงแต่ว่า เปโตรและบรรดาอัครสาวกยังต้องค้นให้พบอีกว่า “พระคริสต์” ที่ แท้จริงมีความหมายอย่างไร ? เพราะเดิมทีพระคริสต์สําหรับพวกเขาคือ กษัตริยท์ พ่ี ระเจ้าทรงส่งมาเพื่อนํ า ชาวยิวพิชติ โลกด้วยกําลังทหาร และทําให้ชาติยวิ เจริญรุง่ เรืองเฉกเช่นเดียวกับในสมัย ของกษัตริยด์ าวิด ซึ่งผิดกันลิบลับกับ “พระคริสต์” ที่พระองค์ตรัสว่า “จะต้องรับทรมานเป็ นอัน มาก จะถูกบรรดาผูอ้ าวุโส มหาสมณะ และธรรมาจารย์ปฏิเสธไม่ยอมรับ และจะถูก ประหารชีวติ แต่จะกลับคืนชีพในวันทีส่ าม” (ลก 9:22) เมื่อความเข้าใจเกี่ยวกับพระคริสต์ยงั แตกต่างกันคนละขัว้ เช่นนี้ พระองค์จงึ ต้องกําชับบรรดาอัครสาวกมิให้พูดเรื่องนี้ แก่ผู้ใด (ลก 9:21) เพราะหาไม่แล้ว ประชาชนคงลุ ก ฮือ ขึ้น มาแต่ งตัง้ พระองค์เ ป็ น กษัต ริย์ และพระองค์ค งต้อ งถูก ตรึง กางเขนเพราะข้อหากบฏ หาใช่เพราะปฏิบตั ติ ามพระประสงค์ของพระบิดาแต่ประการ ใดไม่ ทุกวันนี้ ปญั หาของบรรดาอัครสาวกก็ยงั คงเป็ นปญั หาของเราอยู่ ! พวกเราบางคน “สร้าง” พระเยซูเจ้าขึน้ มาเองตามทีเ่ ราอยากให้เป็ น พระเยซู ของเราอาจดูเ คร่ง ครัดเรื่อ งกฎเกณฑ์ใ นพิธีก รรม การอดเนื้ อ วันศุ กร์ การทํา แท้ง ความผิดทางเพศ แต่กลับ หย่อนยานเรื่องความรักและการรับใช้เพื่อนมนุ ษย์ จน หลายครัง้ เราวิพากษ์วจิ ารณ์หรือตัดสินผูอ้ ่นื ราวกับว่าไม่เคยรูจ้ กั หรือรักพระเยซูเจ้า “ตัวจริง” มาก่อนเลย เราแต่ ละคนจึงมีหน้ าที ่ ไม่เพียงค้นให้ พบว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็ นผู้ใด เท่ านั น้ แต่ ยงั ต้ องค้นให้ พบด้วยว่าพระองค์ทรงมีความหมายต่ อชี วิตของเรา อย่างไร !?!?! โดยต้องตระหนักอยูเ่ สมอว่า 1. เป็ น “ตัวเราเอง” ทีต่ อ้ งค้นหาพระองค์ให้พบ หลังจากบรรดาอัครสาวกทูลพระเยซูเจ้าว่า ประชาชนบ้างว่าพระองค์ เป็ นยอห์นผูท้ าํ พิธลี า้ ง บ้างว่าเป็ นเอลียาห์ บ้างว่าเป็ นประกาศกในอดีตคนหนึ่งซึง่ 3
สั ปดาห์ ที่ 12 เทศกาลธรรมดา (ปี C) ลก 9:18-24
1. ท่านล่ะว่าเราเป็ นใคร ลู ก าเล่ า ว่ า “เวลาทีพ่ ระเยซู เ จ้า จะต้ อ งทรงจากโลกนี้ ไ ปใกล้ เ ข้า มาแล้ ว พระองค์ทรงตัง้ พระทัยแน่ วแน่ จะเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม” (ลก 9:51) ทัง้ ๆ ที่ทรง ทราบดีวา่ สิง่ ทีร่ อพระองค์อยูเ่ บือ้ งหน้าทีก่ รุงเยรูซาเล็มก็คอื กางเขนและความตาย! นี่จงึ เป็ นช่วงเวลาวิกฤติทส่ี ดุ อีกครัง้ หนึ่งในชีวติ ของพระองค์ และในยามนี้ สิง่ ทีด่ ที ส่ี ดุ สําหรับพระองค์คอื การ “อธิษฐานภาวนา” ตามลําพัง (ลก 9:18) ! พระองค์ไม่เคยเผชิญหน้ากับวิกฤติการณ์ตามลําพังโดยปราศจากคําปรึกษา และความช่วยเหลือจากพระบิดาเจ้า ! วิกฤติกาลครัง้ นี้มไิ ด้เกิดจากความกลัวไม้กางเขน แต่เกิดจากความวิตกว่า จะมีคนรูจ้ กั และเข้าใจพระองค์ก่อนจะทรงลาจากโลกนี้ไปหรือไม่ ?!? หากไม่มผี ใู้ ดค้นพบว่าพระองค์เป็ นผูใ้ ด ก็เท่ากับว่าสิง่ ทีพ่ ระองค์ได้ทุ่มเททํา มาทัง้ ชีวติ ต้องล้มเหลวลงอย่างไม่เป็ นท่า ! แต่ตรงกันข้าม หากมีผหู้ นึ่งผูใ้ ดค้นพบความจริงว่าพระองค์เป็ นใคร ก็เท่ากับ ว่าพระองค์ประสบความสําเร็จในการจุดประกายไฟไว้ในหัวใจของมนุ ษย์ ซึง่ จะไม่มี วันมอดดับแม้วนั เวลาจะล่วงเลยไปนานแสนนานก็ตาม เพราะฉะนัน้ พระองค์ตอ้ งรูส้ กึ ใจชืน้ ขึน้ อย่างแน่ นอนเมื่อได้ยนิ เปโตรตอบว่า “พระองค์คือพระคริ สต์ของพระเจ้า” (ลก 9:20) !!! 2
วัน เดือน ปี รายการมิสซา ผู้ขอมิสซา อา 23 มิ.ย. สุ ขสํ าราญ โมทนาคุณพระเจ้าและพระแม่มารี ย ์ อดิสยั 10.00 น. สัตบุรุษวัดแม่พระกุหลาบทิพย์ทุกท่าน ดอมินิก ภูวนัย หงษ์แก้ว และครอบครัว เซซี ลีอา เพ็กล้วน แซ่เอี้ยว และครอบครัว ราฟาแอล ชัยพฤกษ์, มีคาแอล ธันวา ประคีนวินชา ครอบครัวเตียวเจริ ญ สุ รพงษ์ อันนา สวิตตา สาธร มาลินี คุณทองคํา เพิ่มพูนธนาลาภ, คุณอุบล พลอยขาว มาลินี คุณบานเย็น, คุณชวนี, คุณอดุลย์ , คุณศศิธร คุณพิมพ์นภา, คุณเกรี ยงไกร, คุณทองพูล, คุณพจนีย ์ ครอบครัวกาฬแก้ว, ครอบครัวสุ วรรณราช ศันสนีย ์ อุทศิ แด่ เปโตร ถนอม, อันนา สังเวียน, เปาโล รัฐพล สุ วรรณราช ศันสนีย ์ เปโตร บ้วนฮง เตียวเจริ ญ วิไลวรรณ คุณทองใบ, Mr.Lui Boon Phor, Don P. Shadle ชวนี คารา ธารวิมล บุญเลิศ, คุณลัดดา ชัยชนะ ธีระ หลุยส์ พิชยั เจริ ญสุ ข อัญชลี คุณฟาฎิล, คุณจิรศักดิ์, คุณคมสันต์ ยอแซฟ ธวัชชัย ตรี สินธุรสและญาติผลู้ ่วงลับ รสสุ คนธ์ คุณซ่งเต็ก แซ่อ้ งั , คุณยุง้ จื่อ แซ่ลิ้ม สมชัย คุณสงวน, คุณซุ่ยเข่ง แซ่เล้า ระริ น อาจารย์ใหญ่ผอู้ ุทิศร่ างเพื่อการศึกษาทางการแพทย์ รุ สมา วิญญาณในไฟชําระและวิญญาณที่ไม่มีผใู้ ดนึ กถึง วิไลวรรณ จ. 24 มิ.ย. อุทศิ แด่ ยอแซฟ ศรี รัตน์, มารี อา เจียมใจ กิตติคุณ อ. 25 มิ.ย. สุ ขสํ าราญ ยอแซฟ ประมวล พุฒตาลศรี , ครอบครัวกิจเจริ ญ รสสุ คนธ์ พ. 26 มิ.ย. อุทศิ แด่ วิญญาณในไฟชําระ พฤ.27 มิ.ย. อุทศิ แด่ วิญญาณในไฟชําระ มาลินี ศ. 28 มิ.ย. สุ ขสํ าราญ คุณสุ วรรณา กิตติตระกูล 11
ปี นี้ ฉลองครบรอบ 12 ปี ของวัดเราตรงกับวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม โดยพระอัคร สังฆราช ฟรังซิ สเซเวียร์ เกรี ยงศักดิ์ โกวิทวาณิ ช จะเป็นประธานพิธีบูชาขอบพระคุณ (เชิญ อ่านกําหนดการได้ในสารวัดหน้า 9) โอกาสนี้ ขอเชิญชวนผูม้ ีจิตศรัทธาทุกท่านมีส่วนร่ วมในงานฉลองวัดปี นี้ ด้วยการ ร่ วมบริ จาคปัจจัย อาหาร ดอกไม้สาํ หรับถวายแม่พระ ฯลฯ หรื อร่ วมเป็ นอาสาสมัครฝ่ ายต่างๆ ในการจัดเตรี ยมงาน โปรดแจ้งความจํานงได้ที่แผนกรับบริ จาคเพื่องานฉลองวัด ณ ศาลาปี ติ การุ ณย์ โอกาสครบรอบ 12 ปี ของวัด แม่ พ ระกุ ห ลาบทิ พ ย์ กลุ่ ม เครดิ ต ยู เ นี่ ย นขอเสนอ โปรโมชัน่ พิเศษสําหรั บสมาชิ กที่ตอ้ งการกูเ้ งิน ในช่ วงเดือน กรกฎาคม และสิ งหาคม 2013 (เพียงสองเดือนเท่านั้น) ดังนี้ - หกเดือนแรกดอกเบี้ยเพียง 0.5% ต่อเดือน - หลังหกเดือนไปแล้ว ดอกเบี้ย 1% ต่อเดือน ทั้งนี้ การจ่ายคืนเงินกูเ้ ป็นแบบลดทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ผูข้ อกูต้ อ้ งเป็นสมาชิกครบ 6 เดือน โปรดสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่คุณภาณุฉตั ร โทร 08 4546 7772 อัครสังฆมณฑลกรุ งเทพฯ อนุ ญาตให้สามเณร 3 ท่าน รับศีลบวชเป็ นสังฆานุ กร ใน วันเสาร์ ที่ 20 กรกฎาคม 2013 ณ หอประชุมบุญราศี สันตะปาปา ยอห์น ปอลที่ 2 สามพราน ได้แก่ สามเณร ยอแซฟ ดิษพล รุ่ งโรจน์วฒั นา สัตบุรุษวัดพระวิสุทธิวงส์ ลําไทร สามเณร ยอแซฟ ยุทธนา วิทยานุลกั ษณ์ สัตบุรุษวัดเซนต์จอห์น สามเณร สเตเฟน วีรยุทธ เกียรติสกุลชัย วัดแม่พระประจักษ์เมืองลูร์ด บางสะแก เพื่อให้เป็ นไปตามกฎหมายพระศาสนจักร มาตรา 1051 ทวิ 2 ว่าด้วยการตรวจสอบความ เหมาะสมของผูร้ ับศีลบวช จึงขอให้พี่นอ้ งที่พบข้อขัดขวางในการรับศีลบวช กรุ ณาแจ้งให้คุณ พ่อเจ้าวัดทราบด้วย 12
ฉบับที่ 480 วันอาทิตย์ที่ 23 มิถนุ ายน ค.ศ. 2013
สั ปดาห์ ที่ 12 เทศกาลธรรมดา (ปี C)
ถ้ าผู้ใดอยากติดตามเราก็จงเลิกนึกถึงตนเอง จงแบกไม้ กางเขนของตนทุกวันและติดตามเรา ลก 9:23