ฉบับที่ 509 วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม ค.ศ. 2014
ฉบับที่ 509 วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม ค.ศ. 2014
ฉลองพระเยซูเจ้ าทรงรับพิธีล้าง (ปี A)
ฉลองพระเยซู เจ้ าทรงรับพิธีล้าง (ปี A)
“ผู้นีเ้ ป็ นบุตรสุ ดทีร่ ักของเรา เป็ นทีโ่ ปรดปรานของเรา”
“ผู้นีเ้ ป็ นบุตรสุ ดทีร่ ักของเรา เป็ นทีโ่ ปรดปรานของเรา”
มธ 3:17
มธ 3:17
ฉลองพระเยซูเจ้ าทรงรับพิธีล้าง (ปี A)
มธ 3:13-17
พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงแม่น้ําจอร์แดนเพือ่ รับพิธลี า้ งจากยอห์น แต่ยอห์นพยา ยามชักชวนพระองค์ให้เปลีย่ นพระทัยกล่าวว่า “ข้าพเจ้าควรจะรับพิธลี า้ งจากท่าน แต่ ท่านกลับมาพบข้าพเจ้า” (มธ 3:13-14) นัน่ เป็ นเพราะยอห์นตระหนักดีว่า เป็ นท่านเองที่ต้องการสิง่ ที่พระเยซูเจ้า เพียงผูเ้ ดียวเท่านัน้ สามารถประทานให้ได้ ไม่ใช่ให้พระองค์มารับพิธลี า้ งจากท่าน ยอห์นทําพิธลี า้ งควบคู่ไปกับการเรียกร้องประชาชนให้สาํ นึกผิด กลับใจ และ รับการอภัยจากพระเจ้า ท่านเทศน์ สอนว่า “จงกลับใจเถิด อาณาจักรสวรรค์อยู่ใกล้ แล้ว” (มธ 3:2) แต่พระเยซูเจ้าไม่มบี าป พระองค์จงึ ไม่จําเป็ นต้องกลับใจหรือรับพิธลี า้ งจาก ยอห์น ถ้าเช่นนัน้ พระองค์เสด็จมารับพิ ธีล้างทําไม ?! มีผใู้ ห้เหตุผลไว้ตงั ้ แต่เริม่ แรกพระศาสนจักรว่า เป็ นเพราะพระองค์ทนรบเร้า จากพระมารดาและญาติพน่ี ้องไม่ได้ ดังปรากฏใน “พระวรสารโดยชาวฮีบรู” ซึ่งเป็ น หนังสืออธิกธรรม (Apocrypha) เล่มหนึ่งว่า “ดูเถิด มารดาและญาติพนี ่ ้องขององค์ พระผูเ้ ป็ นเจ้าทูลพระองค์ว่า ‘ยอห์นทําพิธลี ้างเพือ่ ยกบาป ให้เราไปรับพิธีล้างจาก ท่านกันเถิด’ แต่พระองค์ตรัสว่า ‘ข้าพเจ้าทําบาปประการใดหรือจึงต้องไปรับพิธลี า้ ง จากยอห์น เว้นแต่วา่ สิง่ ทีข่ า้ พเจ้ากําลังพูดอยูน่ ้ ีเป็ นความโง่เขลา’” 2
วัน เดือน ปี อา.12 ม.ค. 08.00 น.
รายการมิสซา อุทศิ แด่ ยอแซฟ ประเสริ ฐ กุศลส่ ง ยอแซฟ ทิวากร รักคิด และบรรพบุรุษ บรรพบุรุษครอบครัวธนาพานิชย์ ผูล้ ่วงลับครอบครัวทรงสัตย์ ผูล้ ่วงลับครอบครัวโกวงศ์ วิญญาณในไฟชําระและวิญญาณที่ไม่มีผใู้ ดนึ กถึง อา 12 ม.ค. สุ ขสํ าราญ โมทนาคุณพระเจ้าและพระแม่มารี ย ์ สัตบุรุษวัดแม่พระกุหลาบทิพย์ทุกท่าน 10.00 น. มารี อา วิไลวรรณ เหลืองอร่ าม จอร์จ วัชรากร, คริ สโตเฟอร์ อิสสระ กรองทอง แองเจลา สุ ระณี , คุณเพียงใจ กรองทอง ดอมินิก ภูวนัย หงษ์แก้ว และครอบครัว มารี อา ภาณุมาศ พงศ์พนั ธุ์พฒั น์, มารี อา ปนัดดา ลี้ยาง เทเรซา ชนินทร์ มาศ พนอําพน, มารี อา กรรณิ กา ลี้ยาง พลเอกพิจิตร, คุณหญิงวิมล กุลละวณิ ชย์ คุณนพ ชูสอน, มารี อา ฐิติกร พูลขาว อันโตเนสตา กรวีณา ชัชวาลวรพงษ์ ผูส้ ูงอายุ และผูเ้ กิดเดือนมกราคมทุกท่าน ครอบครัววิชิตาสุ ดบันท์ อุทศิ แด่ ยอแซฟ มานิตย์ วีระวัฒนะ คุณสอ ชูสอน, คุณวิชยั สายแสง, คุณด้วง ลี้ยาง โรซา ราตรี ลี้ยาง, อันนา ยีส่ ุ่ น พานิช, คุณพัฒนา ทองธิ ว คุณซี ฮวง, มารี อา กิมลี้, แบร์นาแด๊ต นิภา, ฟิ ลิป มุ่ยชิม คุณเช้ง แซ่จึง, เรนาโต ผดุง สุ ขสยาม, คุณเส่ ง แซ่ล้ ี คุณก้านทอง แสงปัญหา ผูล้ ่วงลับครอบครัวลี้ยางและจุลละมณฑล คุณอิม แซ่ต้ งั , อูรซุลา บุญสม เจริ ญเอง
ผู้ขอมิสซา วิภาวินี คค.ธนาพานิชย์ คค.ธนาพานิชย์ พรภัสสร รุ่ งโรจน์ รุ่ งโรจน์ รุ่ งโรจน์ หมุ่ยอี่/นิรมาน 11
มิสซาฉลองพระเยซูเจ้ าทรงรับพิธีล้าง (ปี A) วันอาทิตย์ ที่ 12 มกราคม ค.ศ. 2014 วัน เดือน ปี รายการมิสซา ผู้ขอมิสซา ส. 11 ม.ค. สุ ขสํ าราญ โมทนาคุณพระเจ้าและพระแม่มารี ย ์ ด.ช.ธรรมธัช ศรี สิทธิเดชารักษ์ 18.00 น. จินดา มารี อา ประทุม, คุณสมนึก ใช้สมบุญ และครอบครัว ครอบครัวมูลเมือง, ครอบครัวณรงค์ศกั ดิ์ Family JS Pizza Cafe อุทศิ แด่ อันตน สําเริ ง โกญจนาท เริ งจิต สตีเฟน จํารู ญ, มารี อา ละมุด เจริ ญพานิช เปาโล ธีระ ปัญจทรัพย์ วรัท คุณยุน่ ฟุ้ ง, คุณคิ้นสิ่ น แซ่เซี้ ยว คุณเทียม ธนะสาร, คุณหล่อสี แซ่ลอ้ ยอแซฟ เสถียร, มารี อา เสาวนีย ์ พงษ์เพิ่มมาศ ปภาวิชญ์ ผูล้ ่วงลับครอบครัวเจริ ญพานิช วิญญาณในไฟชําระและวิญญาณที่ไม่มีผใู ้ ดนึกถึง อา.12 ม.ค. สุ ขสํ าราญ โมทนาคุณพระเจ้า และพระแม่มารี ย ์ บุญญรัตน์ มารี อา ธันยพร ศศิสุวรรณ, ยอแซฟ สุ ชารี ย ์ แสงหาญ 08.00 น. ธันยพร ยอแซฟ ปัณณธร, ยอแซฟ ภัทรกร แสงหาญ ธันยพร มารี อา เอื้อพันธ์ ศรี เจริ ญ, ครอบครัวศรี เจริ ญ คค.ศรี เจริ ญ คุณมาลีวรรณ ยิม้ ฉลวย, คุณมาลี ทรงสัตย์ ครอบครัวธนาพานิชย์, ครอบครัวพูนประชาสิ น ครอบครัวลิ้มเจริ ญ, ครอบครัวบุญโทแสง ครอบครัวทรัพย์อาภารัตน์ อุทศิ แด่ เปาโล ธีระ ปัญจทรัพย์ วรัท ยวง บัปติสตา ก๊กเคี้ยง แซ่แพ้, มารี อา กิมฮวย แซ่ ต้ งั คค.ธนาพานิชย์ คุณยุน่ ฟุ้ ง, คุณคิ้นสิ่ น แซ่เซี้ ยว คุณเทียม ธนะสาร, คุณหล่อสี แซ่ลอ้ 10
แต่พระองค์เสด็จมารับพิธลี า้ งจากยอห์นเพราะทนรบเร้าไม่ได้จริง ๆ หรือว่า พระองค์ทรงมีเหตุผลอื่น ?! อย่าลืมว่า ตลอด 30 ปี ท่ที รงทํางานเป็ นช่างไม้หารายได้เลี้ยงดูพระมารดา และญาติพน่ี ้องทีเ่ มืองนาซาเร็ธ พระองค์ทรงทราบดีว่าโลกกําลังรอคอยพระองค์ และ จิตสํานึกถึงภารกิจทีร่ อพระองค์อยู่เบือ้ งหน้านับวันมีแต่จะเพิม่ พูนขึน้ อย่างไรก็ตาม สิ่ง เดีย วที่ทํ า ให้พ ระองค์จํา ต้อ ง “รอคอย” ด้ว ยใจจดจ่ อ ก็คือ “เวลา” ด้ว ยทรง ตระหนักดีว่าความสําเร็จหรือล้มเหลวของภารกิจอันยิง่ ใหญ่เช่นนี้ย่อมต้องขึน้ อยู่กบั จังหวะเวลาเป็ นสําคัญ ! เมือ่ ยอห์นปรากฏตัวเทศน์ สอนและทําพิธลี ้างทีแ่ ม่น้ ํ าจอร์แดน พระองค์ทรง มันพระทั ่ ยทันทีวา่ “เวลา” เริม่ ต้นภารกิจมาถึงแล้ว ! เหตุผลของพระองค์คอื ตลอดประวัตศิ าสตร์อนั ยาวนาน ชาวยิวถือว่าตนเป็ น ประชากรทีพ่ ระเจ้าทรงเลือกสรรและเป็ นลูกหลานของอับราฮัม จึงมีส่วนในมรดกแห่ง ความรอดอยู่แล้วโดยไม่จําเป็ นต้องรับ “พิธลี ้าง” แต่อย่างใด มีแต่คนต่างศาสนาที่ แปดเปื้อนด้วยมลทินบาปเท่านัน้ ทีจ่ าํ เป็ นต้องรับ “พิธลี า้ ง” ก่อนหันมานับถือศาสนายิว นี เ่ ป็ นครัง้ แรกทีช่ นชาติ ยิวสํานึ กตนว่าเป็ นคนบาป และต้องการกลับใจ มาหาพระเจ้า ! ผู้ค นจํา นวนมากฟ งั ยอห์น และรับ พิธีล้า งจากท่ า น (มธ 3:5-6) เป็ น ความ เคลื่อนไหวแห่งการสํานึกผิดและแสวงหาพระเจ้าอย่างทีไ่ ม่เคยปรากฏมาก่อน สําหรับพระเยซูเจ้า นี่คอื เครื่องหมายชัดเจนจากพระเจ้าว่า “เวลาสําหรับ ภารกิ จอันยิ ง่ ใหญ่มาถึงแล้ว” พระองค์ จึ ง เสด็ จ มารับ พิธี ล้ า งจากยอห์ น เพื อ่ ร่ ว มเป็ นหนึ ่ง เดี ย วกับ ประชากรในการแสวงหาพระเจ้าและมุ่งหน้ าไปสู่พระองค์ !! ทันทีทพ่ี ระเยซูเจ้ารับพิธลี า้ งและเสด็จขึน้ จากนํ้า ท้องฟ้าเปิ ดออก พระจิตของ พระเจ้าเสด็จลงมาเหนือพระองค์ดุจนกพิราบ และมีเสียงจากสวรรค์กล่าวว่า “ผูน้ ้ีเป็ น บุตรสุดทีร่ กั ของเรา เป็ นทีโ่ ปรดปรานของเรา” (มธ 3:16-17) 3
เสียงจากสวรรค์น้ีไม่เพียงยืนยันว่าพระองค์ทรงตัดสินพระทัยถูกต้องแล้วที่ จะเริม่ ภารกิจ แต่ยงั บ่งบอกถึงหนทางชีวติ ในอนาคตอันใกล้ของพระองค์อกี ด้วย เสียงท่อนแรกคือ “ผู้น้ ี เป็ นบุตรสุดที ร่ กั ของเรา” มาจากเพลงสดุดบี ทที่ 2 ซึง่ กล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะประกาศพระราชกฤษฎีกาของพระยาห์เวห์ พระองค์ตรัสแก่ ข้าพเจ้าว่า ‘ท่านเป็ นบุตรของเรา วันนี้เราให้กาํ เนิดท่านแล้ว’” (สดด 2:7) ชาวยิวรูด้ วี ่าเพลงสดุดบี ทนี้กล่าวถึงพระเมสสิยาห์ กษัตริยผ์ ทู้ รงอํานาจของ พระเจ้าทีจ่ ะเสด็จมา ความหมายของข้อนี้คอื พระเจ้าทรงเจิมตัง้ กษัตริยผ์ เู้ ป็ นพระเมสสิยาห์ เพื่อ ประกาศพระราชกฤษฎีกาของพระองค์ และพระเมสสิยาห์ผนู้ ้ีทรงเป็ นพระบุตรของ พระเจ้าด้วย เท่ากับเสียงจากสวรรค์ต้องการยืนยันว่าพระเยซูเจ้านอกจากจะทรงเป็ น “กษัตริ ย”์ แล้ว ยังทรงเป็ น “พระเมสสิ ยาห์” และ “พระบุตรของพระเจ้า” อีกด้วย ! เสียงอีกท่อนหนึ่งคือ “เป็ นที โ่ ปรดปรานของเรา” มาจากคําทํานายของ ประกาศกอิสยาห์ทว่ี ่า “นีค่ อื ผูร้ บั ใช้ของเรา ซึง่ เราเชิดชู เราเลือกเขาเพราะเราพอใจ เขา” (อสย 42:1) ผู้รบั ใช้ท่พี ระเจ้าทรงพอพระทัยก็คอื “ผู้รบั ใช้ ทีต่ ้ องทนทุกข์” (Suffering Servant) ซึง่ อิสยาห์อธิบายว่า “ทุกคนดูถูกและเหยียดหยามเขา เขาเป็ นคนทีต่ อ้ งทน ทุกข์และต้องเจ็บปวด....เขาแบกความทุกข์ทรมานของพวกเรา เขารับความเจ็บปวด ของพวกเราไว้.....เขาถูกแทงเพราะการล่วงละเมิดของพวกเรา ถูกขยี้เพราะความผิด ของเรา การลงโทษทีน่ ําสันติสขุ มาให้เรากลับตกอยูก่ บั เขา.....เขายอมรับทุกข์ทรมาน และความอัปยศ เขามิได้ปริปากเหมือนลูกแกะทีถ่ ูกนําไปฆ่า เหมือนแกะทีไ่ ม่รอ้ งต่อ หน้าคนตัดขน.....เขายอมตาย ยอมให้ทุกคนคิดว่าเป็ นผูล้ ่วงละเมิด แต่ทจี ่ ริง เขาแบก บาปของคนทัง้ ปวง และวอนขอแทนบรรดาผูล้ ่วงละเมิด” (อสย 53) แสดงว่ า นั บ จากวิน าทีแ รกที่พ ระเยซู เ จ้ า ทรงเริ่ม ภารกิจ พระองค์ ท รง ทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ทรมานบนไม้กางเขนรออยูเ่ บือ้ งหน้าแล้ว 4
ดังเช่นกรณีอื่นๆ ที่เกิดขึน้ เสมอ เมือ่ มีใครสักคนยอมลดทิฐลิ งและเป็ นฝ่ ายเริ่มต้น ทุกคนย่อมเป็ นฝ่ ายชนะ เมือ่ ใดก็ตามที่เรายอมให้ความโกรธเข้าครอบงํา เราได้เปลี่ยนเรื่องเล็กน้อยให้กลายเป็ นเรื่องใหญ่ในใจของเราเองอย่างแท้จริง และทําให้คิดว่าเรื่องของศักดิศ์ รีสาํ คัญยิ่งกว่าความสุข ที่จริงแล้วไม่ได้เป็ นเช่นนัน้ หากต้องการเป็ นคนเยือกเย็นยิ่งขึน้ ท่านต้องเข้าใจว่าการเป็ นฝ่ ายถูกเกือบจะไม่สาํ คัญไปกว่า การปล่อยให้ตวั เองมีความสุขสงบอย่างแท้จริงในจิตใจ และวิธีที่จะทําให้มคี วามสุขได้ก็คือ ปล่อยให้เรื่องไร้สาระผ่านเลยไปและยอมเป็ นฝ่ ายเริ่มต้น ลองปล่อยให้ผอู้ ื่นเป็ นฝ่ ายถูกเสียบ้าง นีไ่ ม่ได้หมายความว่าท่านเป็ นฝ่ ายผิด แต่ทกุ อย่างจะผ่านพ้นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึน้ และท่านจะได้รบั ประสบการณ์ความสงบสุข อันเกิดจากการปล่อยให้สงิ่ จุกจิกกวนใจผ่านเลยไป เช่นเดียวกับการปล่อยให้คนอื่นเป็ นฝ่ ายถูกเสียบ้าง ท่านยังจะได้สงั เกตเห็นอีกว่า คนอื่นจะลดปฏิกริ ิยาต่อต้านลงและยอมรับท่านมากขึน้ หรือแม้แต่ยอมเป็ นฝ่ ายงอนง้อท่านก่อน แต่ในบางกรณีหากพวกเขาไม่ได้ทาํ เช่นนัน้ ก็ไม่เห็นจะเป็ นไร เพราะท่านยังคงเกิดความพอใจที่ได้ทาํ หน้าที่สว่ นของท่าน ในการเสริมสร้างโลกให้มคี วามรักและการให้อภัยต่อกันยิ่งขึน้ และในเวลาเดียวกันตัวท่านเองจะรูส้ ึกสุขสงบมากยิ่งขึน้ จาก Don't sweat the small stuff… and it's all small stuff 100 ( ข้อคิดเพื่อชีวิตสุขสงบ) RICHARD CARLSON, PH.D. เขียน ผศ. ดร. ปริ ญญ์ ปราชญานุพร แปลและเรี ยบเรี ยง 9
เมื่อ พระเยซู เ จ้า ทรงรับ พิธีล้ า งจากยอห์น ซึ่ง เราร่ ว มใจกัน ฉลองในวัน นี้ พระองค์ทรงรับการยืนยันจากพระเจ้าว่าเวลาเริม่ ต้นภารกิจมาถึงแล้ว และพระองค์คอื ผูท้ พ่ี ระเจ้าทรงเจิมตัง้ ให้เป็ นกษัตริยแ์ ละพระเมสสิยาห์ เพียงแต่ว่าบัลลังก์ของพระองค์คอื “ไม้กางเขน” และพระองค์จะทรงพิชติ ชัย ชนะ ไม่ใช่ดว้ ยอาวุธ แต่ดว้ ย “ความรัก” !! พวกเราส่วนมากมักเก็บความไม่พอใจหรือความโกรธแค้นในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อันเกิดขึน้ จากการโต้เถียงกัน ความเข้าใจผิด การถูกเสียดสีนนิ ทา หรือเหตุการณ์เลวร้ายอื่นๆไว้ดว้ ยทิฐิ เรามักคอยให้คนอื่นมาง้อหรือขอโทษเรา โดยเชือ่ ว่านีเ่ ป็ นเพียงวิธีเดียวที่จะทําให้เราให้อภัย หรือคงสัมพันธภาพกับครอบครัวและญาติมติ รต่อไปได้
สําหรับ พระเยซู เ จ้ า วันฉลองนี้ บ่ง บอกว่ า “เวลา” แห่ ง ภารกิจของพระองค์มาถึงแล้ว... สําหรับเรา วันนี้ คือเครือ่ งเตือนใจว่า ถึง “เวลา” หรือยัง ทีเ่ ราจะสํานึ กผิดและหันกลับมาหาพระองค์ !?!
.................................................. เพื่อนสนิทของผมซึ่งมีสขุ ภาพไม่ดนี กั เล่าให้ผมฟั งเมือ่ เร็วๆ นีว้ ่า เธอไม่ได้พดู กับลูกชายมาสามปี แล้ว เมือ่ ผมถามว่าทําไม เธอตอบว่าเป็ นเพราะเธอกับลูกขัดแย้งกันในเรื่องเกี่ยวกับภรรยาของเขา และเธอจะไม่พดู กับเขาจนกว่าเขาจะมาขอโทษเธอก่อน เมือ่ ผมแนะนําว่าเธอควรเป็ นฝ่ ายเริ่มต้นก่อน เธอก็ยงั ยืนยันความคิดเดิมและบอกเพียงว่า "ฉันทําเช่นนัน้ ไม่ได้โดยเด็ดขาด ลูกควรเป็ นคนมาขอโทษฉัน" เธอยอมตายเสียดีกว่าที่จะเป็ นฝ่ ายลดตัวไปง้อลูกชายเพียงคนเดียวของเธอ อย่างไรก็ดี หลังจากได้ฟังคําแนะนําอย่างสุภาพของผมต่อไปอีกสักครู่ เธอก็ตดั สินใจยอมเป็ นฝ่ ายเริ่มต้น และเธอก็รสู้ ึกประหลาดใจเป็ นอย่างยิ่งเมือ่ พบว่า ลูกชายรูส้ ึกดีใจมากที่เธอโทรศัพท์ไปหา และได้กล่าวขออภัยเธอด้วยตนเอง 8
5
จาก Visalo.org
มีเ หตุผ ลมากมายที่ ทํา ให้ผ คู้ นสมัย นี้เ สพติด อะไรต่อ อะไรไปคนละแบบ ไม่ว่า จะเป็ น โทรศัพท์มือถือ อินเตอร์เนต เกม ฯลฯ ถ้าจะจาระไน คงต้องอาศัยผูร้ หู้ ลายสาขา แต่สาเหตุหนึ่ง ที่สาํ คัญก็คือ ผูค้ นสมัยนีท้ นอยู่กบั ตัวเองไม่ค่อยได้ ถ้าให้อยู่นงิ่ ๆ เฉยๆ คนเดียว ไม่นานจะรูส้ ึก กระสับกระส่ายขึ้นมา ต้องเหลียวซ้ายแลขวาคว้าอะไรมาใส่ปาก หาไม่ก็เปิ ดโทรทัศน์ ฟั งเพลง พูดโทรศัพท์ หรือง่วนกับอะไรก็ได้ ทัง้ นีเ้ พื่อจะได้ไม่ตอ้ งอยูก่ บั ตัวเอง ถ้าถามว่าส่วนไหนของเราที่เราทนได้ยากที่สดุ คําตอบคงไม่ใช่รปู ร่างหน้าตา ยิ่งถ้าเป็ น สาวสวยหนุม่ หล่อด้วยแล้ว กลับอยากจะพิศดูสารรูปของตนนานๆ ด้วยซํา้ แต่สิ่งที่เราทนได้ ยากจริงๆ ก็คือความคิดของเรานัน่ เอง เราทนอยู่เฉยๆ คนเดียวไม่ได้นานก็เพราะเรากลัว ความฟุ้ งซ่านของตัวเอง เมื่อใดที่อยู่นงิ่ ๆ คนเดียว ความคิดของเรานีแ่ หละที่จะคว้าอะไรต่ออะไร มาประดังประเดใส่หัวเราจนวุ่นวายไปหมด หาไม่ก็พาเราไปจมปลักอยู่กับเรื่ องที่ชวนให้วิตก กังวล ทุกข์โศก คับแค้นใจ ทั้งๆ ที่ผ่านไปแล้ว หรือบ่อยครั้งก็ยังไม่ทันเกิดขึ้น แต่ปรุงแต่งไป ล่วงหน้าเสียก่อน ความคิดของเราเองนี้แหละที่คอยหาเรื่องมารังควานตัวเราเอง สรรหาความทุกข์มา ทิ่มแทงตัวเอง เอาความโกรธ เกลียด มาเผาลนจิตใจเราเองไม่หยุดหย่อน จนกินไม่ได้นอนไม่ หลับ น่าแปลกก็คือ ทัง้ ๆ ที่มนั เป็ นความคิด ”ของเรา” แต่เรากลับคุมมันแทบไม่ได้ เราไม่รดู้ ว้ ย ซํา้ ว่า อีก 1 นาทีตอ่ จากนี้ มันจะคิดอะไร นอกจากมันจะไม่อยู่ในโอวาทของเราแล้ว บ่อยครั้งมัน กลับทะเลาะเบาะแว้งกับเรา สร้างความสับสนขัดแย้งภายในใจเรา เราทนอยู่กับตัวเองไม่ได้ก็ เพราะเรากลัวว่ามันจะอาละวาดใส่เรา เพราะเหตุนี้เราจึงต้องหาอะไรมาเสพมาบริโภค ทําอะไรก็ ได้เพื่อให้ใจเรา”วุ่น” จะได้ไม่มีชอ่ งให้มนั มารบกวนเราได้ หาไม่ก็ตอ้ งหาอะไรมาปรนเปรอมัน สุด แท้แต่มนั จะชอบอะไร มันจะได้ไม่มาวุน่ วายกับเรา ทั้งหมดที่พดู มาดูราวกับว่า ความคิดของเราช่างแย่เหลือเกิน ที่จริงความคิดของเรา ไม่ได้มีนสิ ยั เป็ นอันธพาลเลย เขาน่าจะเป็ นมิตรที่ประเสริฐของเราด้วยซํา้ แต่อะไรทําให้เขาทําตัว เกเรอย่างนั้น ทารกทุกคนน่ารักทั้งนั้น แต่เหตุใดบางคนพอโตขึ้นกลับมีนิสัยก้าวร้าว หยาบ กระด้าง เอาแต่ใจตัว ใช่หรือไม่ว่าเป็ นเพราะพ่อแม่เลี้ยงดูไม่ถกู ต้อง เอาแต่ทาํ มาหากินจนไม่มี เวลาใส่ใจลูก ฉันใดก็ฉนั นัน้ ความคิดหรือจิตของเราทําตัวเกเรจนเราไม่อยากอยูด่ ว้ ย ก็เพราะเรา ละเลยทอดทิ้งเขานัน่ เอง เราทําอะไรต่ออะไรมากมาย แต่แทบไม่มีเวลาให้กบั จิตใจของเราเลย แม้ เราจะเลี้ยงดูบม่ เพาะความคิดให้เติบใหญ่ มีกาํ ลังและความรูม้ ากมาย แต่กลับไม่อบรมให้ถกู ต้อง ผลจึงไม่ตา่ งจากพ่อแม่ที่ได้แต่สรรหาของดีของแพงมาให้ลกู กิน แต่ไม่ใส่ใจที่จะสัง่ สอนลูก ลูกจึง โตแต่กาย หากจิตใจกลับอ่อนแอปวกเปี ยก ความคิ ดนั้นเป็ นส่วนหนึ่งของเรา ทุกวันนี้คนจํานวนไม่นอ้ ยได้ทําให้ความคิ ดจิต ใจ กลายเป็ นปฏิ ปักษ์กับตนเอง ดังนั้นจึงเท่ากับทําให้ตัวเองเป็ นปฏิปักษ์กับตนเอง ผลก็ คือเกิด ความเดือดร้อนวุ่นวายจนหาความสงบไม่ได้ อยู่ว่างๆ คนเดียวเมื่อไร สงครามเป็ นต้องเกิดขึ้น ภายในใจ ด้วยเหตุนี้ใครต่อใครจึงชอบหนีตัวเอง คอยทําตัวไม่ให้ว่าง ถ้าไม่ทาํ งานมากๆ ก็ ด ู 6
โทรทัศน์เป็ นชัว่ โมง เที่ยวเตร่จนดึกดื่น คุยโทรศัพท์หรือสนทนาอินเตอร์เน็ตจนสายแทบจะไหม้ หนักกว่านัน้ ก็เข้าหายาเสพติดไปเลย วิธีเหล่านี้ยังให้ผลพลอยได้ประการหนึ่งคือ เป็ นโอกาสที่จะ หนีคนรอบข้างด้วย ทั้งนี้เพราะนับวันเราไม่เพียงแต่หมางเมินกับตัวเองเท่านัน้ หากยังแปลกแยก กับคนรอบตัว ไม่เว้นแม้แต่พ่อแม่พี่นอ้ งหรือคู่ครอง สงครามจึงไม่ได้เกิดขึ้นแค่ภายในใจเท่านัน้ หากยังมักเกิดขึ้นในความสัมพันธ์กับผูอ้ ื่นรอบตัวด้วย ฉะนัน้ จึงไม่แปลกที่ผคู้ นต้องหาทางออก ด้วยการไปหมกมุน่ กับสิ่งอื่นแทน แต่ไม่ว่าจะทําอย่างไร เราก็ไม่มีวันที่จะหนีตวั เองได้ และไม่ว่าจะแสวงหาเท่าไร ก็ไม่มีวัน พบใครที่จะเป็ นมิตรอันประเสริฐไปกว่าตัวเองได้ จะไม่ดีกว่าหรือหากเราจะหันกลับมาเผชิญหน้า และผูกมิตรกับตัวเองเสียที นีเ้ ป็ นวิธีเดียวที่จะสงบศึกภายในใจได้ เรามาสงบศึกและสร้างสันติ ภายในใจเราด้วยการหันมาให้เวลากับชีวิตด้านใน ของตนเองดีไหม ความคิดจิตใจของเราถูกอัดแน่นด้วยข้อมูลข่าวสารมามากจนเต็มอิ่มแล้ว แต่ กลับหิวโหยความสงบสุข ดังนัน้ จึงไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าการแสวงหาความสงบสุขมาหล่อเลี้ยงจิตใจ ของเรา ขณะเดียวกันก็ เปิ ดโอกาสให้ความคิดของเราได้พักผ่อนบ้าง การจัดสรรโอกาสเพื่อให้ ความคิดจิตใจได้สงบนิ่งอย่างน้อย 10 นาทีตอ่ วัน เป็ นเงือ่ นไขที่ขาดไม่ได้ของการทําสัญญาสงบ ศึกกับตัวเอง และถ้าต้องการสันติภาพที่ยงั ่ ยืน เราต้องเต็มใจที่จะอุทิศเวลาและความเพียรให้มาก ขึน้ กว่านี้ สิ่งสําคัญที่ขาดไม่ได้สาํ หรับสันติภาพที่แท้จริงก็คือเมตตาหรือความรัก นอกจาก เวลาและความสงบแล้ว เราควรให้ความรักแก่ตนเองมากๆ ด้วย อย่ารังเกียจตนเองถึงแม้หน้าตา จะไม่สะสวย หุ่นไม่ผอมบาง หรื อฉลาดสูค้ นอื่ นไม่ได้ แต่ที่สําคัญกว่านั้นก็ คือรูจ้ ักแผ่เมตตาให้ ตนเองเมื่อ ประสบกับเรื่ อ งที่ ไม่น่าพึ ง พอใจ แทนที่ เราจะทําร้ายตัวเองด้ว ยการเอาความโกรธ เกลียดมาเผาลนจิตใจ หรือเติมฟื นไฟให้มนั พลุ่งพล่านรุนแรงขึ้น ไม่ดีกว่าหรือหากเราจะสงสาร ตัวเอง และนําเมตตาธรรมมาชโลมใจแทน แม้จะแผ่เมตตาให้แก่คนที่เบียดเบียนเราไม่ได้ อย่างน้อยก็นา่ ที่จะแผ่เมตตาให้แก่ตวั เองว่า ขอให้สงบเย็นเป็ นสุขเถิด เพียงถูกเขากระทําแค่นเี้ ราก็ทกุ ข์พอแล้ว นีเ่ ราจะมาซํา้ เติมตัวเองอีกหรือ ยิ่งเราโกรธเกลียดเขามากเท่าไร เราเองก็จะเป็ นฝ่ ายทุกข์มากเท่านัน้ ใช่ว่าเขาจะทุกข์รอ้ นไปด้วยก็ หาไม่ ยิ่งเรารักตัวเอง เมตตาตัวเองมากเพียงใด ยิ่งจําต้องดับไฟแห่งความโกรธเกลียดให้เร็ ว เพียงนัน้ ทัง้ นีด้ ว้ ยการถอนจิตออกไปจากเรื่องนัน้ หรือเอาความคิดไปจดจ่อกับเรื่องอื่นที่สบายใจ กว่าแทน และหากเรามีเมตตามากพอ ก็ควรแผ่ไปให้แก่ผทู้ ี่กระทบใจเราด้วย อย่างน้อยผลดีก็จะ เกิดขึ้นแก่เราเองคือทําให้ใจเราสงบเย็ นขึ้น ถ้าจะเมตตาตัวเองให้เป็ น เราต้องรูจ้ ักเมตตาผูอ้ ื่ น โดยเฉพาะผูท้ ี่เป็ น”ศัตรู”ของเราด้วย สิ่งประเสริฐสุดอย่างหนึ่งที่เราสามารถทําได้ในชีวิตนี้ก็คือ การมอบความเป็ นมิตรให้แก่ ตนเอง นานมาแล้วที่เราเหินห่างหมางเมินกับตนเอง จนบางครั้งถึงกับเป็ นปฏิปักษ์กัน ยังไม่ถึง เวลาอีกหรือที่เราจะหันมาเป็ นมิตรกับตนเอง เพื่อจะได้อยูร่ ่วมกับตนเองอย่างสงบสันติเสียที ปีใหม่น้ ี เป็นโอกาสดีที่เราจะเริ่มต้นคืนดีกบั ตัวเอง ปีแล้วปีเล่าที่ เราให้ของขวัญ ใครต่อใครมากมาย ปีนี้ลองมอบมิตรภาพให้แก่ตวั เองบ้าง แล้วอย่าลืมหันไปคืนดีกบั คน รอบข้างด้วย 7
จาก Visalo.org
มีเ หตุผ ลมากมายที่ ทํา ให้ผ คู้ นสมัย นี้เ สพติด อะไรต่อ อะไรไปคนละแบบ ไม่ว่า จะเป็ น โทรศัพท์มือถือ อินเตอร์เนต เกม ฯลฯ ถ้าจะจาระไน คงต้องอาศัยผูร้ หู้ ลายสาขา แต่สาเหตุหนึ่ง ที่สาํ คัญก็คือ ผูค้ นสมัยนีท้ นอยู่กบั ตัวเองไม่ค่อยได้ ถ้าให้อยู่นงิ่ ๆ เฉยๆ คนเดียว ไม่นานจะรูส้ ึก กระสับกระส่ายขึ้นมา ต้องเหลียวซ้ายแลขวาคว้าอะไรมาใส่ปาก หาไม่ก็เปิ ดโทรทัศน์ ฟั งเพลง พูดโทรศัพท์ หรือง่วนกับอะไรก็ได้ ทัง้ นีเ้ พื่อจะได้ไม่ตอ้ งอยูก่ บั ตัวเอง ถ้าถามว่าส่วนไหนของเราที่เราทนได้ยากที่สดุ คําตอบคงไม่ใช่รปู ร่างหน้าตา ยิ่งถ้าเป็ น สาวสวยหนุม่ หล่อด้วยแล้ว กลับอยากจะพิศดูสารรูปของตนนานๆ ด้วยซํา้ แต่สิ่งที่เราทนได้ ยากจริงๆ ก็คือความคิดของเรานัน่ เอง เราทนอยู่เฉยๆ คนเดียวไม่ได้นานก็เพราะเรากลัว ความฟุ้ งซ่านของตัวเอง เมื่อใดที่อยู่นงิ่ ๆ คนเดียว ความคิดของเรานีแ่ หละที่จะคว้าอะไรต่ออะไร มาประดังประเดใส่หัวเราจนวุ่นวายไปหมด หาไม่ก็พาเราไปจมปลักอยู่กับเรื่ องที่ชวนให้วิตก กังวล ทุกข์โศก คับแค้นใจ ทั้งๆ ที่ผ่านไปแล้ว หรือบ่อยครั้งก็ยังไม่ทันเกิดขึ้น แต่ปรุงแต่งไป ล่วงหน้าเสียก่อน ความคิดของเราเองนี้แหละที่คอยหาเรื่องมารังควานตัวเราเอง สรรหาความทุกข์มา ทิ่มแทงตัวเอง เอาความโกรธ เกลียด มาเผาลนจิตใจเราเองไม่หยุดหย่อน จนกินไม่ได้นอนไม่ หลับ น่าแปลกก็คือ ทัง้ ๆ ที่มนั เป็ นความคิด ”ของเรา” แต่เรากลับคุมมันแทบไม่ได้ เราไม่รดู้ ว้ ย ซํา้ ว่า อีก 1 นาทีตอ่ จากนี้ มันจะคิดอะไร นอกจากมันจะไม่อยู่ในโอวาทของเราแล้ว บ่อยครั้งมัน กลับทะเลาะเบาะแว้งกับเรา สร้างความสับสนขัดแย้งภายในใจเรา เราทนอยู่กับตัวเองไม่ได้ก็ เพราะเรากลัวว่ามันจะอาละวาดใส่เรา เพราะเหตุนี้เราจึงต้องหาอะไรมาเสพมาบริโภค ทําอะไรก็ ได้เพื่อให้ใจเรา”วุ่น” จะได้ไม่มีชอ่ งให้มนั มารบกวนเราได้ หาไม่ก็ตอ้ งหาอะไรมาปรนเปรอมัน สุด แท้แต่มนั จะชอบอะไร มันจะได้ไม่มาวุน่ วายกับเรา ทั้งหมดที่พดู มาดูราวกับว่า ความคิดของเราช่างแย่เหลือเกิน ที่จริงความคิดของเรา ไม่ได้มีนสิ ยั เป็ นอันธพาลเลย เขาน่าจะเป็ นมิตรที่ประเสริฐของเราด้วยซํา้ แต่อะไรทําให้เขาทําตัว เกเรอย่างนั้น ทารกทุกคนน่ารักทั้งนั้น แต่เหตุใดบางคนพอโตขึ้นกลับมีนิสัยก้าวร้าว หยาบ กระด้าง เอาแต่ใจตัว ใช่หรือไม่ว่าเป็ นเพราะพ่อแม่เลี้ยงดูไม่ถกู ต้อง เอาแต่ทาํ มาหากินจนไม่มี เวลาใส่ใจลูก ฉันใดก็ฉนั นัน้ ความคิดหรือจิตของเราทําตัวเกเรจนเราไม่อยากอยูด่ ว้ ย ก็เพราะเรา ละเลยทอดทิ้งเขานัน่ เอง เราทําอะไรต่ออะไรมากมาย แต่แทบไม่มีเวลาให้กบั จิตใจของเราเลย แม้ เราจะเลี้ยงดูบม่ เพาะความคิดให้เติบใหญ่ มีกาํ ลังและความรูม้ ากมาย แต่กลับไม่อบรมให้ถกู ต้อง ผลจึงไม่ตา่ งจากพ่อแม่ที่ได้แต่สรรหาของดีของแพงมาให้ลกู กิน แต่ไม่ใส่ใจที่จะสัง่ สอนลูก ลูกจึง โตแต่กาย หากจิตใจกลับอ่อนแอปวกเปี ยก ความคิ ดนั้นเป็ นส่วนหนึ่งของเรา ทุกวันนี้คนจํานวนไม่นอ้ ยได้ทําให้ความคิ ดจิต ใจ กลายเป็ นปฏิ ปักษ์กับตนเอง ดังนั้นจึงเท่ากับทําให้ตัวเองเป็ นปฏิปักษ์กับตนเอง ผลก็ คือเกิด ความเดือดร้อนวุ่นวายจนหาความสงบไม่ได้ อยู่ว่างๆ คนเดียวเมื่อไร สงครามเป็ นต้องเกิดขึ้น ภายในใจ ด้วยเหตุนี้ใครต่อใครจึงชอบหนีตัวเอง คอยทําตัวไม่ให้ว่าง ถ้าไม่ทาํ งานมากๆ ก็ ด ู 6
โทรทัศน์เป็ นชัว่ โมง เที่ยวเตร่จนดึกดื่น คุยโทรศัพท์หรือสนทนาอินเตอร์เน็ตจนสายแทบจะไหม้ หนักกว่านัน้ ก็เข้าหายาเสพติดไปเลย วิธีเหล่านี้ยังให้ผลพลอยได้ประการหนึ่งคือ เป็ นโอกาสที่จะ หนีคนรอบข้างด้วย ทั้งนี้เพราะนับวันเราไม่เพียงแต่หมางเมินกับตัวเองเท่านัน้ หากยังแปลกแยก กับคนรอบตัว ไม่เว้นแม้แต่พ่อแม่พี่นอ้ งหรือคู่ครอง สงครามจึงไม่ได้เกิดขึ้นแค่ภายในใจเท่านัน้ หากยังมักเกิดขึ้นในความสัมพันธ์กับผูอ้ ื่นรอบตัวด้วย ฉะนัน้ จึงไม่แปลกที่ผคู้ นต้องหาทางออก ด้วยการไปหมกมุน่ กับสิ่งอื่นแทน แต่ไม่ว่าจะทําอย่างไร เราก็ไม่มีวันที่จะหนีตวั เองได้ และไม่ว่าจะแสวงหาเท่าไร ก็ไม่มีวัน พบใครที่จะเป็ นมิตรอันประเสริฐไปกว่าตัวเองได้ จะไม่ดีกว่าหรือหากเราจะหันกลับมาเผชิญหน้า และผูกมิตรกับตัวเองเสียที นีเ้ ป็ นวิธีเดียวที่จะสงบศึกภายในใจได้ เรามาสงบศึกและสร้างสันติ ภายในใจเราด้วยการหันมาให้เวลากับชีวิตด้านใน ของตนเองดีไหม ความคิดจิตใจของเราถูกอัดแน่นด้วยข้อมูลข่าวสารมามากจนเต็มอิ่มแล้ว แต่ กลับหิวโหยความสงบสุข ดังนัน้ จึงไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าการแสวงหาความสงบสุขมาหล่อเลี้ยงจิตใจ ของเรา ขณะเดียวกันก็ เปิ ดโอกาสให้ความคิดของเราได้พักผ่อนบ้าง การจัดสรรโอกาสเพื่อให้ ความคิดจิตใจได้สงบนิ่งอย่างน้อย 10 นาทีตอ่ วัน เป็ นเงือ่ นไขที่ขาดไม่ได้ของการทําสัญญาสงบ ศึกกับตัวเอง และถ้าต้องการสันติภาพที่ยงั ่ ยืน เราต้องเต็มใจที่จะอุทิศเวลาและความเพียรให้มาก ขึน้ กว่านี้ สิ่งสําคัญที่ขาดไม่ได้สาํ หรับสันติภาพที่แท้จริงก็คือเมตตาหรือความรัก นอกจาก เวลาและความสงบแล้ว เราควรให้ความรักแก่ตนเองมากๆ ด้วย อย่ารังเกียจตนเองถึงแม้หน้าตา จะไม่สะสวย หุ่นไม่ผอมบาง หรื อฉลาดสูค้ นอื่ นไม่ได้ แต่ที่สําคัญกว่านั้นก็ คือรูจ้ ักแผ่เมตตาให้ ตนเองเมื่อ ประสบกับเรื่ อ งที่ ไม่น่าพึ ง พอใจ แทนที่ เราจะทําร้ายตัวเองด้ว ยการเอาความโกรธ เกลียดมาเผาลนจิตใจ หรือเติมฟื นไฟให้มนั พลุ่งพล่านรุนแรงขึ้น ไม่ดีกว่าหรือหากเราจะสงสาร ตัวเอง และนําเมตตาธรรมมาชโลมใจแทน แม้จะแผ่เมตตาให้แก่คนที่เบียดเบียนเราไม่ได้ อย่างน้อยก็นา่ ที่จะแผ่เมตตาให้แก่ตวั เองว่า ขอให้สงบเย็นเป็ นสุขเถิด เพียงถูกเขากระทําแค่นเี้ ราก็ทกุ ข์พอแล้ว นีเ่ ราจะมาซํา้ เติมตัวเองอีกหรือ ยิ่งเราโกรธเกลียดเขามากเท่าไร เราเองก็จะเป็ นฝ่ ายทุกข์มากเท่านัน้ ใช่ว่าเขาจะทุกข์รอ้ นไปด้วยก็ หาไม่ ยิ่งเรารักตัวเอง เมตตาตัวเองมากเพียงใด ยิ่งจําต้องดับไฟแห่งความโกรธเกลียดให้เร็ ว เพียงนัน้ ทัง้ นีด้ ว้ ยการถอนจิตออกไปจากเรื่องนัน้ หรือเอาความคิดไปจดจ่อกับเรื่องอื่นที่สบายใจ กว่าแทน และหากเรามีเมตตามากพอ ก็ควรแผ่ไปให้แก่ผทู้ ี่กระทบใจเราด้วย อย่างน้อยผลดีก็จะ เกิดขึ้นแก่เราเองคือทําให้ใจเราสงบเย็ นขึ้น ถ้าจะเมตตาตัวเองให้เป็ น เราต้องรูจ้ ักเมตตาผูอ้ ื่ น โดยเฉพาะผูท้ ี่เป็ น”ศัตรู”ของเราด้วย สิ่งประเสริฐสุดอย่างหนึ่งที่เราสามารถทําได้ในชีวิตนี้ก็คือ การมอบความเป็ นมิตรให้แก่ ตนเอง นานมาแล้วที่เราเหินห่างหมางเมินกับตนเอง จนบางครั้งถึงกับเป็ นปฏิปักษ์กัน ยังไม่ถึง เวลาอีกหรือที่เราจะหันมาเป็ นมิตรกับตนเอง เพื่อจะได้อยูร่ ่วมกับตนเองอย่างสงบสันติเสียที ปีใหม่น้ ี เป็นโอกาสดีที่เราจะเริ่มต้นคืนดีกบั ตัวเอง ปีแล้วปีเล่าที่ เราให้ของขวัญ ใครต่อใครมากมาย ปีนี้ลองมอบมิตรภาพให้แก่ตวั เองบ้าง แล้วอย่าลืมหันไปคืนดีกบั คน รอบข้างด้วย 7
เมื่อ พระเยซู เ จ้า ทรงรับ พิธีล้ า งจากยอห์น ซึ่ง เราร่ ว มใจกัน ฉลองในวัน นี้ พระองค์ทรงรับการยืนยันจากพระเจ้าว่าเวลาเริม่ ต้นภารกิจมาถึงแล้ว และพระองค์คอื ผูท้ พ่ี ระเจ้าทรงเจิมตัง้ ให้เป็ นกษัตริยแ์ ละพระเมสสิยาห์ เพียงแต่ว่าบัลลังก์ของพระองค์คอื “ไม้กางเขน” และพระองค์จะทรงพิชติ ชัย ชนะ ไม่ใช่ดว้ ยอาวุธ แต่ดว้ ย “ความรัก” !! พวกเราส่วนมากมักเก็บความไม่พอใจหรือความโกรธแค้นในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อันเกิดขึน้ จากการโต้เถียงกัน ความเข้าใจผิด การถูกเสียดสีนนิ ทา หรือเหตุการณ์เลวร้ายอื่นๆไว้ดว้ ยทิฐิ เรามักคอยให้คนอื่นมาง้อหรือขอโทษเรา โดยเชือ่ ว่านีเ่ ป็ นเพียงวิธีเดียวที่จะทําให้เราให้อภัย หรือคงสัมพันธภาพกับครอบครัวและญาติมติ รต่อไปได้
สําหรับ พระเยซู เ จ้ า วันฉลองนี้ บ่ง บอกว่ า “เวลา” แห่ ง ภารกิจของพระองค์มาถึงแล้ว... สําหรับเรา วันนี้ คือเครือ่ งเตือนใจว่า ถึง “เวลา” หรือยัง ทีเ่ ราจะสํานึ กผิดและหันกลับมาหาพระองค์ !?!
.................................................. เพื่อนสนิทของผมซึ่งมีสขุ ภาพไม่ดนี กั เล่าให้ผมฟั งเมือ่ เร็วๆ นีว้ ่า เธอไม่ได้พดู กับลูกชายมาสามปี แล้ว เมือ่ ผมถามว่าทําไม เธอตอบว่าเป็ นเพราะเธอกับลูกขัดแย้งกันในเรื่องเกี่ยวกับภรรยาของเขา และเธอจะไม่พดู กับเขาจนกว่าเขาจะมาขอโทษเธอก่อน เมือ่ ผมแนะนําว่าเธอควรเป็ นฝ่ ายเริ่มต้นก่อน เธอก็ยงั ยืนยันความคิดเดิมและบอกเพียงว่า "ฉันทําเช่นนัน้ ไม่ได้โดยเด็ดขาด ลูกควรเป็ นคนมาขอโทษฉัน" เธอยอมตายเสียดีกว่าที่จะเป็ นฝ่ ายลดตัวไปง้อลูกชายเพียงคนเดียวของเธอ อย่างไรก็ดี หลังจากได้ฟังคําแนะนําอย่างสุภาพของผมต่อไปอีกสักครู่ เธอก็ตดั สินใจยอมเป็ นฝ่ ายเริ่มต้น และเธอก็รสู้ ึกประหลาดใจเป็ นอย่างยิ่งเมือ่ พบว่า ลูกชายรูส้ ึกดีใจมากที่เธอโทรศัพท์ไปหา และได้กล่าวขออภัยเธอด้วยตนเอง 8
5
เสียงจากสวรรค์น้ีไม่เพียงยืนยันว่าพระองค์ทรงตัดสินพระทัยถูกต้องแล้วที่ จะเริม่ ภารกิจ แต่ยงั บ่งบอกถึงหนทางชีวติ ในอนาคตอันใกล้ของพระองค์อกี ด้วย เสียงท่อนแรกคือ “ผู้น้ ี เป็ นบุตรสุดที ร่ กั ของเรา” มาจากเพลงสดุดบี ทที่ 2 ซึง่ กล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะประกาศพระราชกฤษฎีกาของพระยาห์เวห์ พระองค์ตรัสแก่ ข้าพเจ้าว่า ‘ท่านเป็ นบุตรของเรา วันนี้เราให้กาํ เนิดท่านแล้ว’” (สดด 2:7) ชาวยิวรูด้ วี ่าเพลงสดุดบี ทนี้กล่าวถึงพระเมสสิยาห์ กษัตริยผ์ ทู้ รงอํานาจของ พระเจ้าทีจ่ ะเสด็จมา ความหมายของข้อนี้คอื พระเจ้าทรงเจิมตัง้ กษัตริยผ์ เู้ ป็ นพระเมสสิยาห์ เพื่อ ประกาศพระราชกฤษฎีกาของพระองค์ และพระเมสสิยาห์ผนู้ ้ีทรงเป็ นพระบุตรของ พระเจ้าด้วย เท่ากับเสียงจากสวรรค์ต้องการยืนยันว่าพระเยซูเจ้านอกจากจะทรงเป็ น “กษัตริ ย”์ แล้ว ยังทรงเป็ น “พระเมสสิ ยาห์” และ “พระบุตรของพระเจ้า” อีกด้วย ! เสียงอีกท่อนหนึ่งคือ “เป็ นที โ่ ปรดปรานของเรา” มาจากคําทํานายของ ประกาศกอิสยาห์ทว่ี ่า “นีค่ อื ผูร้ บั ใช้ของเรา ซึง่ เราเชิดชู เราเลือกเขาเพราะเราพอใจ เขา” (อสย 42:1) ผู้รบั ใช้ท่พี ระเจ้าทรงพอพระทัยก็คอื “ผู้รบั ใช้ ทีต่ ้ องทนทุกข์” (Suffering Servant) ซึง่ อิสยาห์อธิบายว่า “ทุกคนดูถูกและเหยียดหยามเขา เขาเป็ นคนทีต่ อ้ งทน ทุกข์และต้องเจ็บปวด....เขาแบกความทุกข์ทรมานของพวกเรา เขารับความเจ็บปวด ของพวกเราไว้.....เขาถูกแทงเพราะการล่วงละเมิดของพวกเรา ถูกขยี้เพราะความผิด ของเรา การลงโทษทีน่ ําสันติสขุ มาให้เรากลับตกอยูก่ บั เขา.....เขายอมรับทุกข์ทรมาน และความอัปยศ เขามิได้ปริปากเหมือนลูกแกะทีถ่ ูกนําไปฆ่า เหมือนแกะทีไ่ ม่รอ้ งต่อ หน้าคนตัดขน.....เขายอมตาย ยอมให้ทุกคนคิดว่าเป็ นผูล้ ่วงละเมิด แต่ทจี ่ ริง เขาแบก บาปของคนทัง้ ปวง และวอนขอแทนบรรดาผูล้ ่วงละเมิด” (อสย 53) แสดงว่ า นั บ จากวิน าทีแ รกที่พ ระเยซู เ จ้ า ทรงเริ่ม ภารกิจ พระองค์ ท รง ทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ทรมานบนไม้กางเขนรออยูเ่ บือ้ งหน้าแล้ว 4
ดังเช่นกรณีอื่นๆ ที่เกิดขึน้ เสมอ เมือ่ มีใครสักคนยอมลดทิฐลิ งและเป็ นฝ่ ายเริ่มต้น ทุกคนย่อมเป็ นฝ่ ายชนะ เมือ่ ใดก็ตามที่เรายอมให้ความโกรธเข้าครอบงํา เราได้เปลี่ยนเรื่องเล็กน้อยให้กลายเป็ นเรื่องใหญ่ในใจของเราเองอย่างแท้จริง และทําให้คิดว่าเรื่องของศักดิศ์ รีสาํ คัญยิ่งกว่าความสุข ที่จริงแล้วไม่ได้เป็ นเช่นนัน้ หากต้องการเป็ นคนเยือกเย็นยิ่งขึน้ ท่านต้องเข้าใจว่าการเป็ นฝ่ ายถูกเกือบจะไม่สาํ คัญไปกว่า การปล่อยให้ตวั เองมีความสุขสงบอย่างแท้จริงในจิตใจ และวิธีที่จะทําให้มคี วามสุขได้ก็คือ ปล่อยให้เรื่องไร้สาระผ่านเลยไปและยอมเป็ นฝ่ ายเริ่มต้น ลองปล่อยให้ผอู้ ื่นเป็ นฝ่ ายถูกเสียบ้าง นีไ่ ม่ได้หมายความว่าท่านเป็ นฝ่ ายผิด แต่ทกุ อย่างจะผ่านพ้นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึน้ และท่านจะได้รบั ประสบการณ์ความสงบสุข อันเกิดจากการปล่อยให้สงิ่ จุกจิกกวนใจผ่านเลยไป เช่นเดียวกับการปล่อยให้คนอื่นเป็ นฝ่ ายถูกเสียบ้าง ท่านยังจะได้สงั เกตเห็นอีกว่า คนอื่นจะลดปฏิกริ ิยาต่อต้านลงและยอมรับท่านมากขึน้ หรือแม้แต่ยอมเป็ นฝ่ ายงอนง้อท่านก่อน แต่ในบางกรณีหากพวกเขาไม่ได้ทาํ เช่นนัน้ ก็ไม่เห็นจะเป็ นไร เพราะท่านยังคงเกิดความพอใจที่ได้ทาํ หน้าที่สว่ นของท่าน ในการเสริมสร้างโลกให้มคี วามรักและการให้อภัยต่อกันยิ่งขึน้ และในเวลาเดียวกันตัวท่านเองจะรูส้ ึกสุขสงบมากยิ่งขึน้ จาก Don't sweat the small stuff… and it's all small stuff 100 ( ข้อคิดเพื่อชีวิตสุขสงบ) RICHARD CARLSON, PH.D. เขียน ผศ. ดร. ปริ ญญ์ ปราชญานุพร แปลและเรี ยบเรี ยง 9
มิสซาฉลองพระเยซูเจ้ าทรงรับพิธีล้าง (ปี A) วันอาทิตย์ ที่ 12 มกราคม ค.ศ. 2014 วัน เดือน ปี รายการมิสซา ผู้ขอมิสซา ส. 11 ม.ค. สุ ขสํ าราญ โมทนาคุณพระเจ้าและพระแม่มารี ย ์ ด.ช.ธรรมธัช ศรี สิทธิเดชารักษ์ 18.00 น. จินดา มารี อา ประทุม, คุณสมนึก ใช้สมบุญ และครอบครัว ครอบครัวมูลเมือง, ครอบครัวณรงค์ศกั ดิ์ Family JS Pizza Cafe อุทศิ แด่ อันตน สําเริ ง โกญจนาท เริ งจิต สตีเฟน จํารู ญ, มารี อา ละมุด เจริ ญพานิช เปาโล ธีระ ปัญจทรัพย์ วรัท คุณยุน่ ฟุ้ ง, คุณคิ้นสิ่ น แซ่เซี้ ยว คุณเทียม ธนะสาร, คุณหล่อสี แซ่ลอ้ ยอแซฟ เสถียร, มารี อา เสาวนีย ์ พงษ์เพิ่มมาศ ปภาวิชญ์ ผูล้ ่วงลับครอบครัวเจริ ญพานิช วิญญาณในไฟชําระและวิญญาณที่ไม่มีผใู ้ ดนึกถึง อา.12 ม.ค. สุ ขสํ าราญ โมทนาคุณพระเจ้า และพระแม่มารี ย ์ บุญญรัตน์ มารี อา ธันยพร ศศิสุวรรณ, ยอแซฟ สุ ชารี ย ์ แสงหาญ 08.00 น. ธันยพร ยอแซฟ ปัณณธร, ยอแซฟ ภัทรกร แสงหาญ ธันยพร มารี อา เอื้อพันธ์ ศรี เจริ ญ, ครอบครัวศรี เจริ ญ คค.ศรี เจริ ญ คุณมาลีวรรณ ยิม้ ฉลวย, คุณมาลี ทรงสัตย์ ครอบครัวธนาพานิชย์, ครอบครัวพูนประชาสิ น ครอบครัวลิ้มเจริ ญ, ครอบครัวบุญโทแสง ครอบครัวทรัพย์อาภารัตน์ อุทศิ แด่ เปาโล ธีระ ปัญจทรัพย์ วรัท ยวง บัปติสตา ก๊กเคี้ยง แซ่แพ้, มารี อา กิมฮวย แซ่ ต้ งั คค.ธนาพานิชย์ คุณยุน่ ฟุ้ ง, คุณคิ้นสิ่ น แซ่เซี้ ยว คุณเทียม ธนะสาร, คุณหล่อสี แซ่ลอ้ 10
แต่พระองค์เสด็จมารับพิธลี า้ งจากยอห์นเพราะทนรบเร้าไม่ได้จริง ๆ หรือว่า พระองค์ทรงมีเหตุผลอื่น ?! อย่าลืมว่า ตลอด 30 ปี ท่ที รงทํางานเป็ นช่างไม้หารายได้เลี้ยงดูพระมารดา และญาติพน่ี ้องทีเ่ มืองนาซาเร็ธ พระองค์ทรงทราบดีว่าโลกกําลังรอคอยพระองค์ และ จิตสํานึกถึงภารกิจทีร่ อพระองค์อยู่เบือ้ งหน้านับวันมีแต่จะเพิม่ พูนขึน้ อย่างไรก็ตาม สิ่ง เดีย วที่ทํ า ให้พ ระองค์จํา ต้อ ง “รอคอย” ด้ว ยใจจดจ่ อ ก็คือ “เวลา” ด้ว ยทรง ตระหนักดีว่าความสําเร็จหรือล้มเหลวของภารกิจอันยิง่ ใหญ่เช่นนี้ย่อมต้องขึน้ อยู่กบั จังหวะเวลาเป็ นสําคัญ ! เมือ่ ยอห์นปรากฏตัวเทศน์ สอนและทําพิธลี ้างทีแ่ ม่น้ ํ าจอร์แดน พระองค์ทรง มันพระทั ่ ยทันทีวา่ “เวลา” เริม่ ต้นภารกิจมาถึงแล้ว ! เหตุผลของพระองค์คอื ตลอดประวัตศิ าสตร์อนั ยาวนาน ชาวยิวถือว่าตนเป็ น ประชากรทีพ่ ระเจ้าทรงเลือกสรรและเป็ นลูกหลานของอับราฮัม จึงมีส่วนในมรดกแห่ง ความรอดอยู่แล้วโดยไม่จําเป็ นต้องรับ “พิธลี ้าง” แต่อย่างใด มีแต่คนต่างศาสนาที่ แปดเปื้อนด้วยมลทินบาปเท่านัน้ ทีจ่ าํ เป็ นต้องรับ “พิธลี า้ ง” ก่อนหันมานับถือศาสนายิว นี เ่ ป็ นครัง้ แรกทีช่ นชาติ ยิวสํานึ กตนว่าเป็ นคนบาป และต้องการกลับใจ มาหาพระเจ้า ! ผู้ค นจํา นวนมากฟ งั ยอห์น และรับ พิธีล้า งจากท่ า น (มธ 3:5-6) เป็ น ความ เคลื่อนไหวแห่งการสํานึกผิดและแสวงหาพระเจ้าอย่างทีไ่ ม่เคยปรากฏมาก่อน สําหรับพระเยซูเจ้า นี่คอื เครื่องหมายชัดเจนจากพระเจ้าว่า “เวลาสําหรับ ภารกิ จอันยิ ง่ ใหญ่มาถึงแล้ว” พระองค์ จึ ง เสด็ จ มารับ พิธี ล้ า งจากยอห์ น เพื อ่ ร่ ว มเป็ นหนึ ่ง เดี ย วกับ ประชากรในการแสวงหาพระเจ้าและมุ่งหน้ าไปสู่พระองค์ !! ทันทีทพ่ี ระเยซูเจ้ารับพิธลี า้ งและเสด็จขึน้ จากนํ้า ท้องฟ้าเปิ ดออก พระจิตของ พระเจ้าเสด็จลงมาเหนือพระองค์ดุจนกพิราบ และมีเสียงจากสวรรค์กล่าวว่า “ผูน้ ้ีเป็ น บุตรสุดทีร่ กั ของเรา เป็ นทีโ่ ปรดปรานของเรา” (มธ 3:16-17) 3
ฉลองพระเยซูเจ้ าทรงรับพิธีล้าง (ปี A)
มธ 3:13-17
พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงแม่น้ําจอร์แดนเพือ่ รับพิธลี า้ งจากยอห์น แต่ยอห์นพยา ยามชักชวนพระองค์ให้เปลีย่ นพระทัยกล่าวว่า “ข้าพเจ้าควรจะรับพิธลี า้ งจากท่าน แต่ ท่านกลับมาพบข้าพเจ้า” (มธ 3:13-14) นัน่ เป็ นเพราะยอห์นตระหนักดีว่า เป็ นท่านเองที่ต้องการสิง่ ที่พระเยซูเจ้า เพียงผูเ้ ดียวเท่านัน้ สามารถประทานให้ได้ ไม่ใช่ให้พระองค์มารับพิธลี า้ งจากท่าน ยอห์นทําพิธลี า้ งควบคู่ไปกับการเรียกร้องประชาชนให้สาํ นึกผิด กลับใจ และ รับการอภัยจากพระเจ้า ท่านเทศน์ สอนว่า “จงกลับใจเถิด อาณาจักรสวรรค์อยู่ใกล้ แล้ว” (มธ 3:2) แต่พระเยซูเจ้าไม่มบี าป พระองค์จงึ ไม่จําเป็ นต้องกลับใจหรือรับพิธลี า้ งจาก ยอห์น ถ้าเช่นนัน้ พระองค์เสด็จมารับพิ ธีล้างทําไม ?! มีผใู้ ห้เหตุผลไว้ตงั ้ แต่เริม่ แรกพระศาสนจักรว่า เป็ นเพราะพระองค์ทนรบเร้า จากพระมารดาและญาติพน่ี ้องไม่ได้ ดังปรากฏใน “พระวรสารโดยชาวฮีบรู” ซึ่งเป็ น หนังสืออธิกธรรม (Apocrypha) เล่มหนึ่งว่า “ดูเถิด มารดาและญาติพนี ่ ้องขององค์ พระผูเ้ ป็ นเจ้าทูลพระองค์ว่า ‘ยอห์นทําพิธลี ้างเพือ่ ยกบาป ให้เราไปรับพิธีล้างจาก ท่านกันเถิด’ แต่พระองค์ตรัสว่า ‘ข้าพเจ้าทําบาปประการใดหรือจึงต้องไปรับพิธลี า้ ง จากยอห์น เว้นแต่วา่ สิง่ ทีข่ า้ พเจ้ากําลังพูดอยูน่ ้ ีเป็ นความโง่เขลา’” 2
วัน เดือน ปี อา.12 ม.ค. 08.00 น.
รายการมิสซา อุทศิ แด่ ยอแซฟ ประเสริ ฐ กุศลส่ ง ยอแซฟ ทิวากร รักคิด และบรรพบุรุษ บรรพบุรุษครอบครัวธนาพานิชย์ ผูล้ ่วงลับครอบครัวทรงสัตย์ ผูล้ ่วงลับครอบครัวโกวงศ์ วิญญาณในไฟชําระและวิญญาณที่ไม่มีผใู้ ดนึ กถึง อา 12 ม.ค. สุ ขสํ าราญ โมทนาคุณพระเจ้าและพระแม่มารี ย ์ สัตบุรุษวัดแม่พระกุหลาบทิพย์ทุกท่าน 10.00 น. มารี อา วิไลวรรณ เหลืองอร่ าม จอร์จ วัชรากร, คริ สโตเฟอร์ อิสสระ กรองทอง แองเจลา สุ ระณี , คุณเพียงใจ กรองทอง ดอมินิก ภูวนัย หงษ์แก้ว และครอบครัว มารี อา ภาณุมาศ พงศ์พนั ธุ์พฒั น์, มารี อา ปนัดดา ลี้ยาง เทเรซา ชนินทร์ มาศ พนอําพน, มารี อา กรรณิ กา ลี้ยาง พลเอกพิจิตร, คุณหญิงวิมล กุลละวณิ ชย์ คุณนพ ชูสอน, มารี อา ฐิติกร พูลขาว อันโตเนสตา กรวีณา ชัชวาลวรพงษ์ ผูส้ ูงอายุ และผูเ้ กิดเดือนมกราคมทุกท่าน ครอบครัววิชิตาสุ ดบันท์ อุทศิ แด่ ยอแซฟ มานิตย์ วีระวัฒนะ คุณสอ ชูสอน, คุณวิชยั สายแสง, คุณด้วง ลี้ยาง โรซา ราตรี ลี้ยาง, อันนา ยีส่ ุ่ น พานิช, คุณพัฒนา ทองธิ ว คุณซี ฮวง, มารี อา กิมลี้, แบร์นาแด๊ต นิภา, ฟิ ลิป มุ่ยชิม คุณเช้ง แซ่จึง, เรนาโต ผดุง สุ ขสยาม, คุณเส่ ง แซ่ล้ ี คุณก้านทอง แสงปัญหา ผูล้ ่วงลับครอบครัวลี้ยางและจุลละมณฑล คุณอิม แซ่ต้ งั , อูรซุลา บุญสม เจริ ญเอง
ผู้ขอมิสซา วิภาวินี คค.ธนาพานิชย์ คค.ธนาพานิชย์ พรภัสสร รุ่ งโรจน์ รุ่ งโรจน์ รุ่ งโรจน์ หมุ่ยอี่/นิรมาน 11
อา 12 ม.ค. 10.00 น.
จ. 13 ม.ค. อ. 14 ม.ค. พ. 15 ม.ค. พฤ. 16 ม.ค. ศ. 17 ม.ค.
ฟรังซิ สโก วิจิตร กาญจนธานินทร์ คาทารี อา วงศ์ประยูร เทวารุ ทธ, คุณเส่ ง วชิรจุติพงศ์ โรซา บุญยิง่ , ซิ ลเวสเตอร์ สุ รพงษ์ กิจเจริ ญ เปาโล มงคล, อักเนส ลดาวัลย์, เซซี ลีอา อรนุช สวีรวงศ์ คุณสอางค์ ชุ่มชื่น, คุณเซ่งกี, คุณคิ้ม แซ่ลิ้ม คุณจารุ วรรณ, คุณกรรณิ การ์ สวีรวงศ์, คุณอรุ ณี เนตรวิจิต เฟนันโด ซาเวียร์, ปังซิ โก ซาเวียร์, คุณธาดา สระบัว สเตฟานัส เช็งมัง่ แซ่อ้ ึง, ยอแซฟ สมบัติ ทรัพย์อาภารัตน์ อันนา ชูศรี เอื้ออุณหะกิจ, อักแนส อุษา สุ ขสนธิ มารี อา บาหยัน, อักแนส บุญเจือ สุ ขสวัสดิ์ มารี อา บุญจูง, โทมัส ทวีป,ราฟาแอล เทพอวยพร ศรัยกิจ ผูส้ ูงอายุที่ล่วงลับไปแล้ว วิญญาณในไฟชําระและวิญญาณที่ไม่มีผใู ้ ดนึกถึง อุทศิ แด่ เปาโล ธีระ ปัญจทรัพย์ อุทศิ แด่ เปาโล ธีระ ปัญจทรัพย์ สุ ขสํ าราญ มารี อา ฐิติกร พูลขาว สุ ขสํ าราญ เทเรซา มาลินี สุ นพิชยั และครอบครัว อุทศิ แด่ เปาโล ธีระ ปัญจทรัพย์ อุทศิ แด่
วิษณุ วิษณุ ลัดดา ลัดดา ลัดดา ลัดดา ชาคร ชาคร/อ๊ะ,อิ๊ก อ๊ะ, อิ๊ก อ๊ะ, อิ๊ก ปัณฑา,ธัญญา ปัณฑา,ธัญญา มาลินี ปัณฑา,ชัญญา
แผนกอภิบาลผูส้ ู งอายุ อัครสังฆมณฑลกรุ งเทพฯ รณรงค์โครงการจิตอาสาหาทุน ช่วยงานผูส้ ู งอายุระดับชาติและระดับสังฆมณฑล โดยการออมเงินวันละ 1 บาท ตลอดปี 2014 เพื่อสนับสนุ นกิ จกรรมของผูส้ ู งอายุ พี่น้องท่านใดสนใจเข้าร่ วม โครงการ โปรดติดต่อสํานักงานวัด
12
ฉบับที่ 509 วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม ค.ศ. 2014
ฉลองพระเยซู เจ้ าทรงรับพิธีล้าง (ปี A)
“ผู้นีเ้ ป็ นบุตรสุ ดทีร่ ักของเรา เป็ นทีโ่ ปรดปรานของเรา” มธ 3:17