หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
0
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หลักสูตรสันติศึกษา
ระดับ ชั้น 01 วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
1
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
1. มาตรฐานการเรียนรู ผูเรียนมีจรรยามารยาทที่ดีงาม มีความเปนมุสลิมเปนฐานหลัก ไมวางตัวเปนปรปกษกับหลักคําสอนของอิสลาม ระยะเวลาเรียน หนึ่งปการศึกษา (สองภาคเรียน) คุณลักษณะอันพึงประสงค มีความรูความเขาใจในอุดมการณของอิสลามโดยรวมทั้งทางดานหลัก ความเชื่อ กฎหมายอิสลาม และคุณธรรมจริยธรรม. 2 จุดประสงคปลายทาง 1 ผูเรียนบอกความหมายของคําวา “อิบาดะฮฺ”ในอิสลามได บอกหลักการบัญญัติทางกฏหมาย อิสลามเกี่ยวกับอิบาดะฮฺ วิธีการทางศาสนาบัญญัติเกี่ยวกับอิบาดะฮฺในแตละเรื่อง และสามารถบอกผลที่จะ เกิดขึ้นทั้งกับบุคคลและสังคมได 3 จุดประสงคนําทาง 1. บอกความเขาใจเกีย่ วกับ อิบาดะฮ (ศาสนกิจ) การปฏิสัมพันธและกฏหมายเกีย่ วกับครอบครัวได 2. บอกความหมายของขอกฎหมายเกีย่ วกับการเมืองการปกครองได 3. นักเรียนบอกแหลงที่มาหรือแหลงอางอิงของกฎหมายอิสลามได 4. นักเรียนบอกประเภทของบัญญัติตาง ๆ ทางศาสนา ( )ﺍﺣﻜﺎﻡ ﺷﺮﻋﻴﺔได 5. บอกพัฒนาการเกี่ยวกับวิชาฟกฮฺได 6. นักเรียนระบุประเภทของน้ําสะอาดได 7. นักเรียนรูจักนายิสและแยกประเภทของนายิสได 8. นักเรียนบอกคํานิยามของ “ฮัยฏ ,นิฟาสและยานาบะฮฺ” และสาเหตุจําเปนที่จะตองอาบน้ําชําระ รางกายได 9. นักเรียนบอกขอแตกตางระหวางการอาบน้าํ ซูนัตกับวายิบได 10. นักเรียนบอกหลักการทําวุฎอ ฺและสามารถแยกแยะซูนัต วายิบและวิธกี ารทําวุฎอฺได 11. นักเรียนบอกสิ่งที่ทําใหเสียวุฎอฺ และชวงเวลาที่วายิบหรือซูนัตในการทําวุฎอฺได 12. บอกวิธีการเช็ดรองเทาบูต ถุงเทา ผาพันแผลและระยะเวลาสิ้นสุดการอนุญาตได 13. นักเรียนบอกวิธีการตะยัมมุมพรอมอางหลักฐานอางอิงและบอกสิ่งที่ทําใหเสียการตะยัมมุมได 14. บอกบัญญัติ (หุกมฺ)เกี่ยวกับการละหมาด คุณคาของการละหมาดและบทลงโทษแกผูละทิ้งการ ละหมาดพรอมหลักฐานอางอิงประกอบ 15. ระบุเวลาละหมาด การอาซานและอิกอมะฮฺได 16. บอกรายละเอียดเกีย่ วกับคุณสมบัติกอนการละหมาด หลักการละหมาด และซูนัตตาง ๆ ของการทํา ละหมาด ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
2
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
17. บอกสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง และสิ่งที่ทําใหเสียละหมาดและสิ่งที่สามารถกระทําไดขณะละหมาด 18. บอกชนิดการละหมาดที่เปนฟรฎและซูนตั ได 19. บอกคุณคาของการละหมาดเปนหมูคณะและสามารถอางหลักฐานอางอิงจากฮาดิษได 20. สามารถบอกวิธีการปฏิบัติ (พอสังเขป)ในประเภทอิบาดะฮฺดังตอไปนี้ได • การละหมาดรวม • การละหมาดของผูปวย • การละหมาดชด (ทดแทนละหมาดที่ขาดไป) • การซูยุดซะฮฺวยี • การซูยุดติลาวะฮฺ (ซูยดุ เมื่ออานกุรอานถึงอายะฮฺทกี่ ลาวถึงการซูยุด) • หลักการทางกฏหมายอิสลามเกี่ยวกับมัสยิด จุดประสงคเชิงพฤติกรรม (ทักษะพิสัย) 1. สามารถทําวุฎอฺและอาบน้ําทําความสะอาดไดอยางถูกวิธี 2. สามารถเช็ดรองเทาบูตเช็ดถุงเทาและเช็ดบนผาพันแผล(แทนการลางเทาขณะทําวุฎอฺ ) ไดอยางถูก วิธี 3. สามารถทําการละหมาดแตละประเภทไดอยางถูกตอง จุดประสงคดานพุทธิพิสัยและเจตพิสัย 1. ตื่นแตเชาเพื่อทําการละหมาดซุบฮฺ 2. มีความมุงมั่นที่จะออกไปอาซานบอกเวลาละหมาด 3. มีความมุงมั่นตั้งใจที่จะออกไปละหมาดที่มัสยิด 4. ตั้งใจหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่ไมควรปฏิบัติขณะละหมาด 5. สามารถลุกขึ้นละหมาด(ซูนัต)ยามค่ําคืนไดอยางนอยสัปดาหละครั้ง 6. สามารถอานกุรอานไดอยางตั้งใจ 7. มีความมุงมั่นที่จะทองจําอัลกุรอานเทาที่สามารถกระทําได 8. หมั่นขอดุอาในเวลาที่เปนชวงเวลาที่ดีที่สุด 9. กอนนอนหมั่นขอกุลาโทษตออัลลอฮดวยการเตาบะฮฺ 10.มีการตั้งเจตดีไวกับทุกการกระทําที่จะกระทํา 11.ยึดมั่นกับการกลาวซิกริลละฮฺทั้งเชาและเย็น 12.ระลึกถึงอัลลอฮอยูเสมอในทุกที่ทุกเวลา 13.แปรงฟนทําความสะอาดฟนสม่ําเสมอ ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
3
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
14.รักษารางกายใหสะอาดดวยการมีน้ําละหมาดตลอดเวลา 15.มีความตั้งใจที่จะใหตนเองหางไกลสิ่งที่ไมดีไมงาม สิ่งตองหาม และสถานที่ที่เปนแหลงอบายมุข 5.เนื้อหาสาระและเอกสารประกอบการเรียน หนังสือฟกฮฺ อิบาดะฮฺ ของ ชัยคฺ ฟยซอล มลาวียฺ • ฟกฮฺอิบาดะฮฺ
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
4
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
บทนํา ﻭﻣﻦ ﺩﻋﺎ ﺑﺪﻋﻮﺗـﻪ، ﻭﻋﻠﻰ ﺁﻟﻪ ﻭﺻﺤﺒﻪ، ﻭﺍﻟﺼﻼﺓ ﻭﺍﻟﺴﻼﻡ ﻋﻠﻰ ﺳﻴﺪﻧﺎ ﳏﻤﺪ، ﺍﳊﻤﺪ ﷲ ﺭﺏ ﺍﻟﻌﺎﳌﲔ . ﻭﺳﺎﺭ ﻋﻠﻰ ﺳﻨﺘﻪ ﺇﱃ ﻳﻮﻡ ﺍﻟﺪﻳﻦ หากยอนไปศึกษาประวัติศาสตรอิสลามก็จะพบวา ฟกฮฺ อิบาดะฮฺ มีความสําคัญยิ่ง นักวิชาการได เขียนตํารับตําราออกมากมาย บางเลมเขียนไวอยางละเอียดถี่ถวน บางเลมเขียนไวพอสังเขป แตก็ครบถวน ดวยหลักฐานอางอิงทั้งจากอัลกุรอานและซุนนะฮฺ หนังสือบางเลมเขียนเฉพาะบางสํานักคิด(มัซฮับ) แตอีก บางเลมมีการนําเสนอในรูปแบบของการเปรียบเทียบระหวางสํานักคิด หรือไมก็อางตรงไปยังอัลกุรอานและ ซุนนะฮฺ จึงพบวาตําราบางเลมก็เปนที่ยอมรับและอีกบางสวนก็ไมเปนที่ยอมรับอยูบาง หลายคนคิดวาหนังสือเกี่ยวกับฟกฮฺอิบาดะฮฺนั้นไมจําเปนที่จะตองมีมากจนเกินไป เพราะจะเปนการ ซ้ําซอนกับตําราที่มีอยูกอนแลว หนังสือหรือตําราที่เกิดขึ้นใหมเปนแคนํามาเปลี่ยนชื่อ จัดสารบัญและ เปลี่ยนแปลงสํานวนเทานั้น แตสาระตาง ๆ ยังคงคลายคลึงกับของเกา แตทางที่ดีหนังสือประเภทนี้นาจะมี การปรับปรุงสํานวนภาษาใหสามารถทําความเขาใจและเรียนรูไดงายขึ้น โดยใหมีสาระครอบคลุมเนื้อหา ของกฏหมายอิสลามทั้งหมดที่ปรากฏอยูในวิชาฟกฮฺ (ซึ่งสวนหนึ่งก็คือฟกฮฺอิบาดะฮฺ) สอดคลองกับสภาพ การเปนอยูของอิสลามและมุสลิม เพื่อใหฟกฮฺเปนปจจัยหลักสําหรับการสรางสรรคสังคมมุสลิม เพื่อใหฟกฮฺ เขามามีบทบาทในการกระตุนใหอิสลามเขาทันยุคทันเหตการณ และนี่คือสิ่งที่เปนวัตถุประสงคของหนังสือ เลมนี้ จึงขอวิงวอนจากอัลลอฮใหพระองคตอบรับตอคําการวอนขอของพวกเราดวยเทอญ ผูเขียนไดพิจารณาแลวเห็นวาหนังสื่อเลมนี้นาจะนําเสนอในเรื่องของสาระที่จําเปน ๆทั้งหมด และ ไมใชเพียงเพื่อสรางความเขาใจในสวนของสํานวนภาษาทางวิชาฟกฮฺเทานั้น แตควรจะเปนการกําหนด จุดยืนในรูปแบบที่ดีกวา คือรูปแบบที่เหมาะสําหรับผูที่ทํางานเพื่ออิสลาม ผูที่เรียกรองสูอัลลอฮสามารถ นํามายึดถือยึดมั่นถือปฏิบัติไดทามกลางกระแสความเขาใจอื่น ๆ ที่หลากหลายซึ่งสอดแทรกเขามา เพื่อมิให บทบาทของนั ก เผยแพร ศ าสนาหรื อ ผูที่ ทํา งานเพื่ อ อิส ลามลดนอ ยถอยลง ในการที่จ ะให บั ญ ญั ติ ต าง ๆ ของอัลลอฮดํารงอยูตอไปบนผืนแผนดิน
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
5
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
สํานวนภาษาที่ใชในวิชาฟกฮฺ ฟกฮฺ หมายถึงมวลกฏหมายอิสลามที่ประชาชาติมุสลิมจะตองถือปฏิบัติในชีวติ ประจําวัน ซึ่งบัญญัติ เหลานี้ทั้งหมดจะครอบคลุมกิจการทุกอยางของสวนบุคคลและสังคม ซึ่งจะประกอบดวยบัญญัตทิ ี่เกี่ยวของ กับเรื่องราวดังนี้ อิบาดะฮฺ(ـﺎﺩﺍﺕ )ﺍﻟﻌﺒـหมายถึงขอบัญญัติเกี่ยวกับการละหมาด การประกอบพิธิหัจญ การจายซากาต ซึ่งจะเปนเรื่องราวที่จะนํามากลาวถึงในหนังสือเลมนี้ อะฮวาลชักซียะฮฺ( )ﺍﻷﺣﻮﺍﻝ ﺍﻟﺸﺨﺼﻴﺔหมายถึงหลักบัญญัติเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายครอบครัว โดยเริ่ม ทั้งแตแรกเกิดจนกระทั่งจบชีวิตลง มุอามะลาต ( )ﺍﳌﻌﺎﻣﻼﺕเปนบัญญัติเกี่ยวกับการปฏิสัมพันธระหวางผูคนดวยกัน เชนเรื่องของสัญญา เรื่องของสิทธิ์และอื่น ๆ อะฮฺกามซุลฏอนียะฮฺ ( )ﺍﻷﺣﻜــﺎﻡ ﺍﻟــﺴﻠﻄﺎﻧﻴﺔคือบัญญัติที่เกี่ยวของกับการเมืองการปกครอง เรื่อง เกี่ยวกับผูปกครองกับราษฎรษ อะฮฺกาม ซิลมฺ วัลฮัรบฺ ( )ﺍﺣﻜﺎﻡ ﺍﻟﺴﻠﻢ ﻭﺍﳊـﺮﺏคือบัญญัติหรือขอปฏิบัติระหวางประเทศมุสลิมกับ ประเทศอื่น(ในยามสงบและยามศึก) ซึ่งฟกฮฺอิสลามจะมีสาระกฎหมายหรือขอบัญญัติครอบคลุมเรื่องนี้และ เรื่องอื่น ๆ ทั้งหมด จึงสามารถมั่นใจไดวาอิสลามคือแนวทางในการดําเนินชีวิต อิสลามคือศาสนจักรและ อาณาจักรซึ่งอยูในระบบเดียวกัน กฎหมายอิสลามหรือหลักการกฏหมายอิสลามอิสลามมีที่มาจากไหน ? มุสลิมทุกคนตางยอมรับและเห็นพองตองกันวาหลักการทางกฏหมายอิสลามหรือกฏหมายของ อิสลามนั้นมีที่มาหลักมาจากคัมภีรอัลกุรอานและซุนนะฮฺ(แนวทาง)ของทานรอซูลุลลอฮ () สวนที่มา แหลงอื่น ๆ นอกเหนือจากอัลกุรอานและซุนนะฮฺ ก็มีที่มาอื่น ๆ ที่หลากหลาย เชน อิจฺมะฮฺ (ทัศนะของ นักวิชาการมุสลิม) กียาส(การเทียบเคียง) อิสตะฮฺซาน ,อัลมะซอลิฮฺอัลมุรซะละฮฺและอัลอุรุฟ 1 แมวาแหลงที่มาอื่น ๆ นอกเหนือจากอัลกุรอานและซุนนะฮฺดังที่กลาวมาแลวจะแตกตางกัน แต ทั้งหมดเหลานี้ก็ลวนแลวแตตองอางอิงหรือยึดตามหลักการของอัลกุรอานและซุนนะฮฺน ทั้งหมด ซึ่งก็ สอดคลองกับคําพูดของนักวิชาการที่พูดไววา “แทจริงแลวอัลกุรอานและซุนนะฮฺของทานนบีคือแหลง อางอิงหลักสําหรับมุสลิมที่ประสงคจะเรียนรูขอบัญญัติตางๆ ของอิสลาม แตนั่นก็ไมไดหมายความวาเราเอง จะปฏิเสธแหลงอางอิงอื่นๆ แตหมายถึงเราเองยอมรับยอมจํานนตออัลกุรอานและซุนนะฮฺของทานนบี นั่นเอง 1
ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมไดจากคําอธิบายในหนังสือฟกฮฺที่พูดถึงเรื่องนี้ เพราะหากจะอธิบายในหนานี้จะยืดยาว
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
6
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ประเภทของกฎหมายอิสลาม กฎหมายหรือบัญญัติแหงอิสลามมีอยู 2 ประเภท ประเภทที่ 1 ชัดเจนเด็ดขาด คือบัญญัติที่มีหลักฐานอางอิงยืนยันจากอัลกุรอานหรือซุนนะฮฺไวอยาง ชัดเจน เชน บัญญัติเกี่ยวกับการละหมาด ซึ่งอัลลอฮทรงตรัสไววา (.. )ﻭﺃﻗﻴﻤﻮﺍ ﺍﻟﺼﻼﺓ บัญญัติเกี่ยวกับการถือศีลอด อัลลอฮทรงตรัสไววา ()ﻓﻤﻦ ﺷﻬﺪ ﻣﻨﻜﻢ ﺍﻟﺸﻬﺮ ﻓﻠﻴﺼﻤﻪ บัญญัติเกี่ยวกับการจายซากาตอัลลอฮทรงตรัสไววา ()ﻭﺁﺗﻮﺍ ﺍﻟﺰﻛﺎﺓ บัญญัติเกี่ยวกับวายิบประกอบพิธีหัจญอัลลอฮทรงตรัสไววา ( ﻭﷲ ﻋﻠﻰ ﺍﻟﻨﺎﺱ ﺣﺞ ﺍﻟﺒﻴﺖ.) หาม(ฮารอม)การกินดอกเบี้ยอัลลอฮทรงตรัสไววา ()ﻭﺫﺭﻭﺍ ﻣﺎ ﺑﻘﻲ ﻣﻦ ﺍﻟﺮﺑﺎ หาม(ฮารอม)การผิดประเวณีอัลลอฮทรงตรัสไววา ()ﻭﻻ ﺗﻘﺮﺑﻮﺍ ﺍﻟﺰﻧﺎ หาม(ฮารอม)ดื่มสุราเมรัย อัลลอฮทรงตรัสไววา ()ﻓﺎﺟﺘﻨﺒﻮﻩ ﻟﻌﻠﻜﻢ ﺗﻔﻠﺤﻮﻥ เกี่ยวกับการตั้งเจตนา (ประกอบการกระทํา)ทานรอซูล ไดตรัสไววา ()ﺇﳕﺎ ﺍﻷﻋﻤﺎﻝ ﺑﺎﻟﻨﻴﺎﺕ บัญญัติที่มีหลักฐานชี้แจงไวอยางชัดเจนและเด็ดขาดนั้น จะไมมีความเขาใจที่ขัดแยงเลย ไมวาจะ เปนมุสลิมทั่วไป นักวิชาการ สํานักคิด และบุคคลทั่วไป เพราะจากหลักฐานดังกลาวเปนที่เขาใจกันได โดยงาย เมื่อเปรียบเทียบกับ บัญญัติที่เรียกวา ซอนนียะฮฺ (ْ( )ﻇﱢﻨﻲไมชัดเจน) ประเภทที่ 2 ซอนนีย (ْ ) ﹶﻇﱢﻨﻲดังนี้ 1. หลักการกฏหมายอิสลามที่มีหลักฐานจากอัลกุรอานหรือซุนนะฮฺ แตเปนหลักฐานที่ให ความหมายไมชัดเจน ()ﻇﻨﱢﻲ 2. หลักการทางกฏหมายอิสลามซึ่งนักกฎหมายอิสลาม( )ﻓﻘﻬــﺎﺀตีความออกมาจากแหลงที่มาของ กฎหมายอื่นดวยการศึกษาคนควา()ﺍﻹﺟﺘﻬﺎﺩดวยตนเอง ตัวอยางกฎหมายประเภทที่ 1 ขอบเขตของการเช็ ด ศี ร ษะขณะอาบน้ํ า ละหมาด ซึ่ ง ตามทั ศ นะของท า นอี ห ม า มมาลิ ก และอี หมามอะหมัดกําหนดไววา จะตองเช็ดศีรษะทั้งหมด ในขณะที่ทัศนะของทานอีหมามชาฟอียและอาบีฮะนี ฟะฮฺ กลับใหทัศนะไววา ใหเช็ดเพียงบางสวนของศีรษะ นั่นก็เปนเพราะวาการตีความ พยัญชนะ بในอา ยะฮฺที่วา “ ”ﻭﺍﻤﺴﺤﻭﺍ ﺒﺭﺅﻭﺴﻜﻡไดหลายความหมายหลายนัย ไมไดมีความหมายที่ชัดเจนเพียงความหมาย เดียว ระยะทางในการเดินทางที่อนุญาตใหละศิลอดและทําการละหมาดยอได ซึ่งมีหลักฐานปรากฏวา จะตองมีระยะทาง 4 บุรุด (คําวา “ )” ُﺑﺮُدมีการตีความออกมาในหลายนัย ดังนี้ ทานอีหมามมาลิก ชาฟอียและ ฮะนาบิละฮฺไดตีความวา คือระยะทาง 90 กิโลเมตร โดยการอางหลักฐานจากฮาดิษซึ่งบันทึกโดย อัลบุคอรีย ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
7
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ที่วา “ทานอิบนุ อุมัรและทานอิบนุ อับบาส ไดทําการยอละหมาด (จากสี่รอคอะฮฺเปนสองรอคอะฮฺ) และละ การถือศีลอดในระยะทาง 4 บุรุด” ในทัศนะของฮานะฟย ไดกําหนดวาจะตองใชเวลาในการเดินทาง 3 วัน (ซึ่งจะมีระยะทางประมาณ 82 – 85 กม.) โดยอางหลักฐานจากฮาดิษของบุคอรียที่วา “ไมอนุญาตใหสตรีที่มี ใจศรัทธาตออัลอฮและวันกียามะฮฺเดินทางในระยะทางไกลที่ตองใชเวลาเดินทางถึง 3 วันนอกเสียจากวา จะตองมีผูปกครองรวมทางไปดวย) ซึ่งการอางถึงหลักฐานทั้งสองฮาดิษที่กลาวมานั้นความหมายไมชัดเจน ตัวอยางกฎหมายประเภทที่ 2 ในกรณีที่สามีหายสาบสูญ ไมรูวาเปนตายรายดีอยางไร ตามทัศนะของอัลฮะนาฟยและชาฟอียได ตัดสินวา นาง (ภรรยา)จะตองรอจนกวาคนรุนราวคราวเดียวกันจะเสียชีวิตและสามารถคาดคะเนไดวาเขาคง จะเสียชีวิตไปแลว กอฎียจึงจะตัดสินไดวา (ผูเปนสามีเสียชีวิตไปแลว) นางสามารถ หรืออนุญาตใหแตงงาน กับสามีใหมได โดยอางหลักฐานวา คนที่หายสาบสูญนั้นเดิมทียังมีชีวิตอยู เมื่อเดิมทีเขายังมีชีวิต (ครั้นเมื่อยัง ไมมีอะไรบงชี้วาเสียชีวิตแลว) ฉะนั้นเขาก็จะยังคงมีชีวิตอยูตอไปจนกวาจะมีสิ่งบงชี้วาเขาเสียชีวิตแลว หลักฐานในลักษณะนี้เรียกวา หลักฐานที่ไดมาจากการศึกษาคนควาทําความเขาใจแลวจึงตีความออกมาเปน หลักการ ()ﺍﺟﺘﻬﺎﺩ ﻇﻨﱢﻲ สวนทัศนะของอัลมาลิกีย ไดตัดสินระหวางภรรยากับสามีที่หายสาบสูญ โดยกําหนดเวลาไว 4 ป หลังจากวันที่หายสาบสูญไป ในภาวะที่สงบไมใชชวงที่มีการทําศึกสงคราม แตหากเปนชวงที่มีศึกสงคราม จะทานกําหนดเวลาไวแคเพียง 1 ป นับจากวันที่หายสาบสูญไป สวนหลักฐานและหลักการของทานคือ การ ปกปองประโยชนของผูเปนภรรยา และเพื่อเปนการปกปองผลรายที่จะเกิดขึ้นกับผูเปนภรรยา ซึ่งอาจจะเกิด เรื่องของความเสื่อมเสียหากคงไวในสภาพที่นางไมมีสามี หลักการและลักฐานในลักษณะนี้ก็เรียกวาเปนการ คนควาทําความเขาใจเพื่อตีความดวยเชนกัน จึงเรียกหลักการลักษณะนี้วา “”ﺍﺟﺘﻬﺎﺩ ﹶﻇﻨﱢﻲ
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
8
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
พัฒนาการทางประวัติศาสตรของฟกฮฺอิสลาม ชวงที่ 1 ยุคสมัยของทานรอซูลุลลอฮ ในสมัยที่ทานรอซูลุลลอฮ ยังมีชีวิตอยู ทานคือที่พึ่งพิงและเปนแหลงอางอิงเกี่ยวกับกฎหมาย ขอบัญญัติตาง ๆทั้งหมดของมุสลิม ไมวาหลักการนั้นจะมาจากอัลกุรอานหรือจากซุนนะฮฺ ซึ่งหมายถึง การ กระทํา คําพูดที่ทานบอกเลา หรือการยอมรับของทานรอซูลุลลอฮ บัญญัติใดขอบังคับใดที่ทานใชให ปฏิ บั ติ บั ญญั ตินั้ น ถื อ วา มาจากอั ล ลอฮและเป น บั ญญั ติ ที่เ ด็ ด ขาด แม ว า จะเป น การตี ค วามหรือ เป น การ อรรถาธิบายความมาจากอัลกุรอานก็ตาม เพราะหนาที่หลักของทานคือการอธิบายความและอรรถาธิบายอัล กุรอานใหเปนที่เขาใจ อัลลอฮทรงตรัสไวในอัลกุรอานวา . . . ﻭﻧﺰﱠﻟﻨﺎ ﺇﻟﻴﻚ ﺍﻟﺬﻛﺮ ﻟﺘُﺒﲔ ﻟﻠﻨﺎﺱ ﻣﻦ ُﻧﺰﱢﻝ ﺇﻟﻴﻬﻢ. . . ถึงแมวาทานรอซูลุลลอฮคือที่พึงพาหรือแหลงอางอิงทางกฎหมาย แตซอฮาบะฮฺของทานบางคน ไมไดอยูกับทานหรืออยูใกลทานตลอด บางคนก็อยูบางคนก็ตองออกเดินทางไกล จึงไมอาจจะที่เรียนถาม ปญหาเกี่ยวกับกฎหมายหรือบัญญัติตาง ๆ ได เมื่อเกิดปญหาขึ้นพวกเขาจะปฏิบัติอยางไร ? บรรดาซอฮาบะฮฺก็จะทุมเทความพยายามคนควาเพื่อใหไดมาซึ่งหลักการทางกฏหมายอิสลามและ อุดมการณแหงอิสลามทั่วไป เทาที่จะกระทําไดจนกวาจะมีโอกาสพบปะกับทานรอซูลุลลอฮ และเมื่อมี โอกาสไดพบปะกับทานรอซูลุลลอฮ พวกเขาก็จะเรียนถามทาน ในสิ่งที่พวกเขาประสบมา เมื่อเรียนแก ทานแลวก็จะมีเพียงสองทางคือ ทานยอมรับวาถูกตองหรือไมก็จะแนะนําแกไขใหในกรณีที่ไมถูกตอง โดยที่ ทานจะไมปฏิเสธการคนควาหาคําตอบของพวกเขาที่ไดกระทํามา ตัวอยางเชน ในฮาดิษของทานอัมมาร บิน ยาซีร ซึ่งไดรายงานไววา “ทานรอซูลุลลอฮ ไดแตงตั้งฉันใหไปปฏิบัติงาน (ชิ้นหนึ่ง) แตมาฉันเกิดมียู นุบและไมมีน้ําสําหรับอาบน้ําชําระรางกาย ฉันเลยใชฝุนดินแทนน้ํา โดยคลุกฝุนเหมือนที่พวกสัตวกระทํา กัน ครั้นเมื่อฉันกลับมาหาทานรอซูลุลลอฮ ฉันก็เลาใหทานฟง ทานก็ตอบฉันวา เพียงแคทานนํามือของ ทานมาทําอยางนี้.. ก็เพียงพอแลว (แสดงวิธีตะยัมมุมใหดู) ทานก็เอามือทุบลงไปที่ฝุนดินหนึ่งครั้งแลวนํามา เช็ดที่มือขางซายและขางขวา แลวก็ทุบลงไปอีกครั้งหนึ่งแลวนํามาลูบที่ใบหนา บันทึกโดยบุคอรียและ มุสลิม ในบางครั้งการศึกษาคนควาหาคําตอบเกี่ยวกับบัญญัติบางเรื่องของซอฮาบะฮฺอาจจะไดคําตอบ ออกมาไมเหมือนกัน พวกเขาก็จะนําผลของการศึกษาคนควาไปเสนอตอทานรอซูลุลลอฮ และทานก็จะ ยอมรับคําตอบที่ถูกตอง และจะชี้นําอธิบายคําตอบใหกับสวนที่ไมถูกตอง อยางเชนมติในเรื่องของคําสั่งที่มี การประกาศออกมาวาใหมุสลิมบุกเผากุรอยซอฮฺ ซึ่งประกาศวา “พวกทานทุกคนอยาไดละหมาดอัศริ์ ที่ใด นอกจากใน(หมูบาน)ของเผากุรอยซอฮฺ2 2
ฮาดิษ รายงานโดยบุคอรีย ในหนังสือ “”اﻟﻤﻐﺎزي
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
9
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
(เมื่อไดยินประกาศ) มุสลิมทุกคนตางกระตือรือรนที่จะออกไปเพื่อบุกเผากุรอยซอฮฺ ซึ่งขณะนั้น เวลาละหมาดอิศริก็ใกลจะหมดลงไป โดยที่พวกเขายังเขาไปไมถึงหมูบานของเผากุรอยซอฮฺ ซอฮาบะฮฺบาง ทานก็เริ่มที่จะทําความเขาใจความหมายของความที่กลาวมา บางคนก็ทําการละหมาดระหวางทาง เพื่อให ทันเวลาละหมาดอัศริ์ โดยที่พวกเขากลาววา ทานรอซูลุลลอฮ มิไดอนุญาตใหเราทอดเวลาการละหมาด อัศริ์ ไปจนหมดชวงเวลาของมัน (พวกเขาก็เลยรีบละหมาด) อีกกลุมหนึ่ง ไมยอมทําการละหมาดอัศริ์ใน เวลานั้น แตจะไปละหมาดที่หมูบานของเผากุรอยซอฮฺ ตามที่ทานรอซูลุลลอฮ สั่งไว พวกเขาจึงทําการ ละหมาดหลังเวลาอีชาในเวลาตอมา เมื่อเรื่องราวของความขัดแยงในเรื่องของการตีความดังกลาวทราบถึง ทานรอซูลุ ลลอฮ ท า นก็ ยอมรั บ ในการกระทํา ของทั้งสองฝ าย นั่ น ก็ แสดงวาคํ า ตอบในบางป ญ หาที่ เกี่ยวกับบัญญัตินั้นอาจจะมีหลายคําตอบในเรื่องเดียวกัน ชวงที่ 2 เริ่มตนจากภายหลังจากที่ทานรอซูลุลลอฮ ไดกลับคืนสูพระเมตตาแหงอัลลอฮไปแลว ไป จนกระทั่งถึงยุคสมัยของอิหมามทั้งสี่ทาน (ขอความเมตตาจากอัลลอฮจงมีแดทาน) หลัง จากที่ท า นรอซูลุลลอฮ ไดเ สี ย ชีวิ ต ไปแลว อิส ลามก็ ไ ด แ ผ ข ยายอาณาเขตออกไปอยา ง กวางขวาง บรรดาซอฮาบะฮฺก็เริ่มการศึกษาคนควาทําความเขาใจในเรื่องราวประเด็นปญหาตาง ๆ มากมาย โดยมีสาเหตุสําคัญ ๆดังนี้ 1.เมื่ออิสลามขยายอาณาเขตออกไปมาก ก็จะพบสังคมใหมกับสภาพปญหาทางสังคมใหม ๆ หลาย ประเด็นที่ไมเคยเกิดขึ้นในสมัยของทานรอซูลุลลอฮ ซึ่งเปนชวงนั้น อัลวะหฺยูยังไดรับการประทานลงมา (ครั้นเมื่อวะหฺยูหยุดไปแลว) จึงจําเปนที่จะตองรูขอบัญญัติทางศาสนาเพื่อเปนคําตอบและเปนทางปฏิบัติ ใหกับผูคนในชวงนั้น เวลานั้น 2.ซอฮาบะฮฺแตละทานไมไดมีความรูเกี่ยวกับซุนนะฮฺทั้งหมด เพราะบางครั้งทานรอซูลุลลอฮ จะ บอกกลาวหรือเสี้ยมสอนสาธิตการปฏิบัติตามขอกฎหมายใหกับซอฮาบะฮฺบางทานหรือบางครั้งแคเพียงหนึ่ง ทานเทานั้น ซุนนะฮฺของทานก็ไมไดมีการเก็บรวบรวมไวเพื่อใหเหลาซอฮาบะฮฺคนอื่น ๆ ไดดูเปนแหลง อางอิง (เหมือนการรวบรวมอัลกุรอาน) ดวยเหตุนี้เองจึงเปนแรงผลักดันใหซอฮาบะฮฺบางทานตองทุมเท พยายามศึกษาหาคําตอบในประเด็นปญหาที่พวกเขายังไมไดรับคําตอบจากทานรอซูลุลลอฮ ขณะที่ซอ ฮาบะฮฺอีกบางทานกลับไดรับคําตอบจากทานรอซูลุลลอฮ มาแลว อีกปจจัยหนึ่งคือซอฮาบะฮฺหลายทาน ตองละถิ่นฐานหางไกลออกไปในตางเมือง โดยเฉพาะอยางยิ่ง หลังจากที่ทานอุมัร ไดเสียชีวิตลง ก็ยิ่งจะหางไกลออกไปอีก จนถึงขนาดเกิดมีสํานัก(ทางความคิด)สอง สํานักที่มีลักษณะการศึกษาทางฟกฮฺที่แตกตางกันขึ้น คือ สํานักฮาดิษ()ﻣﺪﺭﺳﺔ ﺍﳊﺪﻳﺚที่ฮิยาซ สาเหตุที่มีการตั้งชื่อไวเชนนี้เพราะสวนใหญซอฮาบะฮฺซึ่งเปน ชาวฮิยาซตางเปนที่ยอมรับในเรื่องของการรายงานฮาดิษ และเมืองฮิยาซก็เปนศูนยกลางอิสลามแหงแรก ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
10
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ชาวฮิยาซแตละคนก็จะมีฮาดิษอยางนอยหนึ่งฮาดิษหรือมากกวา และที่สําคัญสภาพสังคมของเมืองฮิยาซ ยังคงสภาพเดิมไมมีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก จึงไมมีอะไรที่จะตองศึกษาคนควาหาคําตอบใหม สํานักทางความคิด()ﻣﺪﺭﺳﺔ ﺍﻟﺮﺃﻱที่เมืองกูฟะฮฺ สาเหตุที่มีชื่อเรียกอยางนี้ก็เพราะวา นักวิชาการชาว กูฟะฮฺสวนใหญจะใชความคิดใชทัศนะในการตีความและทําความเขาใจหลักการทางกฏหมายอิสลาม นั่นก็ เปนเพราะวามีซอฮาบะฮฺอยูนอยและมีการรายงานฮาดิษไวนอยมาก และที่นั่นมักจะมีประเด็นปญหาใหม ๆ เกิดขึ้นอยูเสมอ อันเนื่องมาจากที่นั่นเปนสังคมใหม ซึ่งไมมีตัวบทฮาดิษเดิมที่ใหคําตอบเกี่ยวกับปญหาไว ในยุคแรก ๆ ความแตกตางระหวางสองสํานักคอนขางจะมีอยูมาก แตตอมาก็เริ่มที่จะลดนอยลงตาม กาลเวลา โดยเฉพาะอยางยิ่งเมื่อมีการบันทึกและเก็บรวบรวมฮาดิษเปนหนังสือหลายตอหลายเลม โดยที่ นักวิชาการมุสลิมไดทุมเทความพยายามชี้แจงวาฮาดิษไหนเปนฮาดิษซอเหียะฮฺฮาดิษไหนเปนฮาดิษฎออีฟ และฮาดิษที่เปนฮาดิษโกหก โดยที่ไมตองใชความคิดอีกตอไป นอกเสียจากวากับปญหาที่ไมมีตัวบทมาเปน หลักฐานชี้แจงเทานั้น สวนความพยายามในการตีความในกรอบของตัวบทเองนั้น จะมีอยูเปนปกติทั่วไปใน สํานักฮาดิษและมีอยูในสํานักความคิด ชวงนี้เปนชวงที่ฟกฮฺอิสลามยิ่งใหญมาก นักวิชาการผูเชี่ยวชาญดาน วิชาฟกฮฺกลายเปนนักวิชาการที่แยกออกมาเฉพาะ มีนักวิชาการคนสําคัญ ๆ ที่เปนที่รูจักเกิดขึ้นหลายตอ หลายทาน อยางเชน อีหมามทั้งสี่ทาน ทานอาบูฮะนียฟะฮฺ อันนุมาน บิน ซาบิด (มีชีวิตอยูระหวางป 80 - 150 ) ทานไดรับการขนานนาม วาเปนอีหมามผูยิ่งใหญ ทานเปนชาวเปอรเซียแตกําเนิด ดวยความเชี่ยวชาญของทาน ทานจึงกลายเปนที่ ยอมรับของนักคิดในกลุมของทานทั้งหมด ทานคือเจาของความคิดในเรื่องของอิสติฮซาน ()ﺍﻹﺳﺘﺤﺴﺎﻥและ ใหอิสติฮซานเปนแหลงกําเนิดหรือที่มาของกฎหมายอิสลาม และทานคือตนตระกูลของสํานักคิด( ﻣﺬﻫﺐ )ﺍﳊﻨﻔﻲ ทานอีหมามมาลิก บิน อะนัส อัลอัสบะฮีย (มีชีวิตอยูระหวางป 93 – 179) ทานเปนอีหมามชาวเมือง มาดีนะฮฺ แนวทางของทาน ทานไดรวบรวมไวซึ่งหลักการที่มาจากอัลฮาดิษและความคิดเห็น ทานคือเจาของ ความคิดเกี่ยวกับมุสลิหะฮฺ อัลมุรซะละฮฺ ( )ﺍﳌﺼﺎﱀ ﺍﳌﺮﺳﻠﺔและนับวาเปนแหลงกําเนิดของกฎหมายอิสลามขอ หนึ่ง และทานคือตนตระกูลของมัซฮับอัลมาลิกีย มูฮําหมัด บิน อิดริส อัชชาฟอีย อัลกุรชีย (มีชีวิตอยูระหวางป 150 -204) สํานักคิดของทาน( )ﺍﳌﺬﻫﺐ เปนสํานักคิดที่ใกลเคียงกับแนวคิดของชาวฮาดิษ(ผูชํานาญอาดิษ) ทั้ง ๆที่ทานเองไดรับแนวคิดเกี่ยวกับฟกฮฺ มาจากสานุศิษยของอาบีฮานียฟะฮฺและจากทานอีหมามมาลิก และทานคือตนตระกูลของสํานักคิดอัชชาฟอีย อะหฺ มั ด อิ บน ฮัมบั ล อัชชั ย บานี ย (มีชีวิตอยูระหว างป 164 – 241) ทา นเป น ลู ก ศิ ษ ย ของท า นอี หมามอัชชาฟอีย และสํานักคิดของทานแนวคิดเกี่ยวกับวิชาฟกฮฺของทานใกลเคียงกับแนวคิดของชาวฮาดิษ ดวยเชนกัน
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
11
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ความจริงแลว ทั้งกอนและหลังยุคสมัยของอิหมามทั้งสี่ก็มีนักวิชาการผูเชี่ยวชาญดานฟกฮฺอิสลามที่ สําคัญ ๆ ไดถือกําเนิดขึ้นมากมายหลายทาน ซึ่งแตละทานก็ความสําคัญไมนอยกวาอีหมามทั้งสี่ อยางเชน นักวิชาการที่เปนซอฮาบะฮฺ อยางเชน ทานอับดุลลอฮ บิน มัสอูด ทานอับดุลลอฮ บิน อับบาส ทานอับ ดุลลอฮ บิน อุมัร ซัยดฺ บิน ซาบิต และนักวิชาการฟกฮฺ ในยุคตาบิอีน (ยุคหลังจากซอฮาบะฮฺ) เชนทาน ซะอีด บิน อัลมุซัยยิบ ทานอฏออฺ บิน รอบาฮฺ ทานอิบรอฮีม อัลนะคออีย ทานอัลฮะซัน อัลบะซอรีย ทานมักฮูล ทาน ฏอวุส จากนั้นก็เปนอีหมามทั้งสี่ และนักวิชาการยุคใหม เชน อีหมามยะฟร อัซซอดิก ทาน อัลเอาซาอีย และทานอิบนุ ชับรอมะฮฺ และทานอัลลัยซฺ บิน ซะอัด และคนอื่น ๆ อีกหลายทาน และเพื่อใหแนวคิดหรือทัศนะของอีหมามทั้งสี่ทานสามารถนํามาเรียนรูไดอยางงาย สานุศิษยของ ทานไดรวบรวมทัศนะของทานเหลานี้ทั้งหมด และนําแนวคิดของทานเหลานี้มาเรียบเรียง อรรถาธิบายและ ยอความแลวนําเสนอตอบรรดามุสลิม เพื่องายตอการนํามาศึกษาและนํามาปฏิบัติ มุสลิมจึงสามารถที่จะ นําเอาสาระทางกฎหมายขอบัญญัติที่เกี่ยวของกับตนเองไดงายขึ้น ตอมาไดมีการนํามาสอนหรือเผยแพรใน มัสยิดผานยุคผานสมัยสืบตอกันมา จนสามารถฝงเขาสูชีวิตการเปนอยูของมุสลิมไปในที่สุด ซึ่งเปนเรื่องงาย ตอการศึกษาเรียนรูโดยไมตองกลับไปศึกษาจากหนังสือตัฟซีรและหนังสือฮาดิษ เพื่อทําความเขาใจหลัก กฎหมายที่เคยมีการนําเสนอตอผูคนผานทางสํานักคิด ซึ่งกลายเปนสูตรสําเร็จและงายตอการนํามาปฏิบัติ ชวงที่ 3 หลังจากที่อีหมามทั้งสี่เสียชีวิต ไปจนถึงยุคสมัยของคอลีฟะฮฺอัลอุสมานีย มุสลิมไดรับแนวคิดเกี่ยวกับฟกฮฺมาจากอีหมามทั้งสี่ (ขอความโปรดปรานจากอัลลอฮจงมีแดทาน) ซึ่งกลายเปนเสาหลักของฟกฮฺอิสลาม นักวิชาการเริ่มที่จะนําเอาฟกฮฺเหลานี้มาเผยแพรสั่งสอนและศึกษา คนควา และต อมาวิชาฟก ฮฺ ก็ไ ด ข ยายตัว โดยเปลี่ย นจากการแกป ญหาเฉพาะไปเปน การแก ป ญหาผ าน สมมุติฐาน และทฤษฎีทางวิชาฟกฮฺ และเกิดชาตินิยมตอสํานักคิดจนถึงขนาดยกยองยึดถือเจาของสํานักคิด เหมือนจะเปนอิสลามเสียเอง แทนที่จะคิดวามันเปนเพียงหลักการหลักการหนึ่งภายใตกรอบของอิสลามที่ กวางไกล ตอมานักวิชาการเจาของสํานักคิดก็ไดออกฟตวาเปนคําตัดสินออกมาวาประตูแหงการคนควา ศึกษาไดปดลงแลว เพื่อไมใหบุคคลทั่วไปที่ไมมีความเชี่ยวชาญเขามาศึกษาคนควาอีก ซึ่งก็พบวามีหลายตอ หลายคน(ซึ่งเปนคนทั่วๆ ไป)พยายามเลียนแบบจนเลยเถิดถึงขนาดทําลายกรอบที่อีหมามทั้งสี่ไดวางไว ผูคน ก็กลายมาเปนนักลอกเลียนแบบแทนที่จะศึกษาหาความรูดวยตนเอง เมื่อเปนเชนนั้นนักวิชาการหลายทานก็ พยายามทุมเทความพยายามนําเอาหลักฐานอางอิงและทัศนะของแตละสํานักคิด และแนวทางการศกึษา คนความของพวกเขามานําเสนอ อีกทั้งยังมีการเลือกแนวคิดที่มีน้ําหนักมากที่สุดมานําเสนอในกรณีที่ทัศนะ ของสํานักคิดเดียวกันมีความแตกตางกัน จนกลายเปนวาวิชาฟกฮฺไดหมุนเวียนอยูเฉพาะกับเรื่องของฟกฮฺ มี การอธิบายเพิ่มเติมในหนังสือของอีหมามอยางละเอียด จนกลายเปนตําราขนาดใหญที่มีหลายเลม ตอมาก็มี นักวิชาการทําการยอสาระใหนอยลงเปนฉบับยอ เมื่อมีฉบับยอก็มีการอธิบายเพิ่มเติมในฉบับยอ อธิบายบาง ประเด็นที่ยังไมชัดเจน ใหกระจางและเขาใจงายขึ้น มีการเขียนอธิบายบางสวนไวในเชิงอรรถ จากนั้นก็ ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
12
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
กลับมาอธิบายเพิ่มเติมอยางละเอียด กลับไปกลับมา จนฟกฮฺอิสลามกลับไปกลับมาเหมือนเปนการย่ําอยูกับที่ จนไมสามารถที่จะแกปญหาที่เกิดขึ้นจริงในแตละยุคแตละสมัยที่เกิดขึ้นใหม ๆ ได สาระสวนใหญจะเปน การกลาวถึงเรื่องของอิบาดะฮฺ แตเรื่องของการเมืองการปกครองเรื่องของขอกฎหมายกลับไมไดรับการ แกปญหาพัฒนา นอกจากนั้นก็ยังมีการพูดถึงเรื่องปญหาเกี่ยวกับมุอามะลาต ( )ﺍﳌﻌﺎﻣﻼﺕไปจนกระทั่งเขาสู ยุคสงครามระหวางประเทศมุสลิมกับชาติตะวันตกในปลายศตวรรษที่ 19 จึงพบวามีหลายคนพายแพทาง ความคิดกับแนวคิดที่ขัดแยงกับหลักกฎหมายอิสลาม ถึงขนาดตองถอดเอาความเปนอิสลามออกไปทั้งหมด ถึงขนาดนักวิชการ(ที่อางวาเปนนักวิชาการ)อิสลามไดฟตวา(ตัดสิน)อนุญาตใหเด็กกําพรากินดอกเบี้ยได มี การสนับสนุนใหชายมีสิทธิ์เสรีภาพเทากับหญิงในเรื่องของสิทธิ์ในการรับมรดก ดวยเหตุเพราะการยึดติดกับมัซฮับ(ใดมัซฮับหนึ่ง)แบบชาตินยม จึงเปนเหตุใหวิชาฟกฮฺไมมีการ พัฒนาจนเปนสาเหตุหนึ่งที่ทําใหอาณาจักรออตโตมาน หรืออุสมานียะฮฺสิ้นอํานาจ และในชวงระยะเวลานี้ เชน ไดเกิดมีนักวิชาการ นักวิจัยศึกษาคนควาที่สําคัญ ๆหลายทานที่ออกมา เรียกรองใหสละการยึดติดอยูกับการลอกเลียนแบบผูอื่น และนักวิชาการในสังกัดมัซฮับ (สํานักคิด) หลาย สํานักที่ออกมาศึกษาคนควาและมีผลการคนควาที่แตกตางไปจากมัซฮับเดิมของพวกเขา และหันมาให น้ําหนักแหงความถูกตองกับทัศนะของมัซฮับอื่น แตถึงกระนั้นการยึดติดตามแนวของมัซฮับก็ยังอยูกับ มุสลิมสวนใหญในยุคนั้นสมัยนั้น โดยเฉพาะอยางยิ่งในชวงระยะหนึ่งซึ่งมีผูที่ยึดติดอยูกับมัซฮับบางคนถึง ขนาดออกมากลาววา การเปลี่ยนมัซฮับนั้นเปนสิ่งตองหาม (ฮารอม) ชวงที่ 4 เริ่มจากการลมสลายของคอลีฟะฮฺอุสมานียะฮฺ มาจนถึงปจจุบัน ความแตกตางของชวงระยะเวลานี้ก็คือ ความขัดแยงทางทัศนะระหวางสองสํานักคิดเกี่ยวกับฟกฮฺ เริ่มที่จะขยายวงกวางมากยิ่งขึ้น สํานักที่สังกัดมัซฮับ( )ﺍﳌﺪﺭﺳﺔ ﺍﳌﺬﻫﺒﻴﺔหมายถึงสํานัก(หรือสถาบันทางการศึกษา) ที่เปดสอนตาม แนวทางของมัซฮับทั้งสี่ ซึ่งพวกเขาเหลานี้มีแนวคิดวา ประตูแหงการศึกษาคนควานั้นไดปดลงแลว มุสลิม ทุกคนจําเปน ที่จะตองยึดมั่นตามมัซฮับหนึ่งมัซฮับใดจากสี่มัซฮับ สํานักซะลัฟ ( )ﺍﳌﺪﺭﺳﺔ ﺍﻟﺴﻠﻔﻴﺔคือสํานักตาง ๆที่ตองการที่จะยึดเอาอัลกุรอานและซุนนะฮฺมาเปน แหลงอางอิง พวกเขาเหลานี้หามมิใหมุสลิมเลียนแบบ(ตามแบบลอกเลียนแบบ) มัซฮับใดมัซฮับหนึ่งในเรื่อง ของประเด็นปลีกยอยของวิชาฟกฮฺ พวกเขาบังคับใหทุกคนตองศึกษาคนควาหาหลักฐานอางอิงจากตัวบท โดยตรง ความจริงแลวความขัดแยงเกี่ยวกับแนวทางระหวางสองสํานักไดมีมาตั้งแตระยะกอน ๆ แลว แตใน ระยะนี้ชวงนี้ก็เริ่มที่จะขยายวงกวางมากยิ่งขึ้น จนกลายเปนเรื่องที่มักจะนํามาพูดและกลาวถึงกันอยาง ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
13
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
กวางขวางในวงสนทนาของนักวิชาการและนักเรียนนักศึกษา หรือแมกระทั่งระหวางกลุมคนทั่วๆ ไป ทําให สานุศิษยของแตละสํานักตางออกมาเขียนตําราและเผยแพรแนวคิดของตนเองผานบทความหรือตํารา แต ดวยการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหวางกัน ทําใหสานุศิษยของบางสํานักถึงกลับตองกลับมาทบทวน ความคิดของตนเองใหม ทําใหความขัดแยงในเรื่องของความคิดก็เริ่มที่จะแคบลง ไดมาก จนเกือบจะไมมี เหลือ หากไมมีกลุมคนที่ยึดติดอยูกับมัซฮับถึงขนาดกลายเปนชาตินิยม กับสํานักนั้นสํานักนี้ ซึ่งพวกเขา เหลานี้พยายามที่จะนําเอาแนวคิดของตนเองมาหักลางแนวคิดของอีกฟากหนึ่ง แตตอไปเราก็จะพยายามหา วิธีในการวางกฎกติกาทางกฎหมายทั้งสองสํานักที่มีความคิดเห็นตางกันสามารถยึดถือมาเปนแนวทาง เพื่อที่จะไดลดการแบงฝกแบงฝาย และการยึดติดดวยความเปนชาตินิยมอยางผิด ๆ เราจึงอยากจะชี้แจงวา กฏเกณฑขอที่ 1 เรื่องของการเลียนแบบ ที่อนุญาตใหกระทําได(ตามหลักศาสนา) การเลี ยนแบบ คื อการปฏิบัติตามคําพูดหรื อทัศนะของนั ก วิ ชาการท านใดท านหนึ่ งโดยไมรูว า นักวิชาการทานนั้นมีหลักฐานในการตัดสินขอปฏิบัติอยางไร ซึ่งเปนเรื่องที่สามารถกระทําได กับมุสลิม โดยทั่วไปในเรื่องที่เกี่ยวกับปญหาปลีกยอยทางกฏหมายอิสลาม เพราะมีหลักฐานยืนยันไวดังนี้ 1 อัลลอฮทรงตรัสไวในอัลกุรอานวา .(43) ﺴﻭﺭﺓ ﺍﻟﻨﺤل
ﻓﺎﺳﺄﻟﻮﺍ ﺃﻫﻞ ﺍﻟﺬﻛﺮ ﺇﻥ ﻛﻨﺘﻢ ﻻ ﺗﻌﻠﻤﻮﻥ
ดังนัน้ พวกเจาจงสอบถามผูม ีความรูเถิด หากแมนพวกเจาไมรู และนี่คือบัญชาจากอัลลอฮ ซึ่งทรงบัญชามายังผูที่ไมรูเกี่ยวกับหลักการทางศาสนา โดยใหพวกเขา สอบถามผูรูหรือนักปราชญ ซึ่งเปนระดับการอนุญาตที่ต่ําที่สุด เปนการอนุญาตใหกับบุคคลทั่ว ๆ ไปให สอบถามผูรูหรือนักวิชาการและปฏิบัติตามคําแนะนําของพวกเขา 2. อัลลอฮทรงตรัสไววา ﻓﻠﻮﻻ ﻧﻔﺮ ﻣﻦ ﻛﻞ ﻓﺮﻗﺔ ﻣﻨﻬﻢ ﻃﺎﺋﻔﺔ ﻟﻴﺘﻔﻘﻬﻮﺍ ﰲ ﺍﻟﺪﻳﻦ ﻭﻟﻴﻨﺬﺭﻭﺍ ﻗـﻮﻣﻬﻢ ﺇﺫﺍ، ﻭﻣﺎ ﻛﺎﻥ ﺍﳌﺆﻣﻨﻮﻥ ﻟﻴﻨﻔﺮﻭﺍ ﻛﺎﻓﺔ .(122) ﺳﻮﺭﺓ ﺍﻟﺘﻮﺑﺔ
ﺭﺟﻌﻮﺍ ﺇﻟﻴﻬﻢ ﻟﻌﻠﻬﻢ ﳛﺬﺭﻭﻥ
และบรรดาศรัทธาชนทั้งหลายไมบงั ควรทีจ่ ะออก (ไปสูส มรภูมิรบ) พรอมกันทั้งหมด ดังนั้นไฉน เลาจึงไมใหแตละกลุมยอยจากพวกเขาทั้งหมดออกไป (สมรภูมิ) เพื่อ (พวกที่เหลือ) จะไดศึกษาใหเขาใจใน ศาสนา และเพื่อพวกนี้จะไดชี้แจงแกพวกพองของเขา (ที่ออกไปสมรภูม)ิ เมื่อพวกเขาตองกลับมายังพวกตน เพื่อพวกเขาจะไดสังวรตน (ในบทบัญญัติของอัลลอฮ) อายะฮฺนี้เปนตัวบทที่สามารถเปนหลักฐานที่บงบอกไวอยางชัดเจนวา มุสลิมทุกคนไมสามารถที่จะ มุงไปสูการเรียนรูหลักการทางกฏหมายอิสลามได แตพระองคทรงบัญชาใหแบงออกเปนกลุมเล็ก ๆ โดยให กลุมที่เรียนมากลับไปสั่งสอนพี่นองของเขา หากการเรียนรูสาระปลีกยอยเปนเรื่องจําเปนสําหรับมุสลิมทุก คน อัลลอฮคงจะไมมีบัญญัติหามไวแตอยางใด
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
14
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ความจริงแลวชวงสมัยของบรรดาซอฮาบะฮฺ นับไดวาเปนยุคสมัยที่ดีที่สุด แตในยุคนั้นสมัยนั้นกลับ วิชาการทางวิชาฟกฮฺกลับมีนอยมาก เพราะเมื่อเกิดมีปญหาพวกเขาก็จะถามคนกลุมนี้ (นักวิชาการทางฟกฮฺ) ซึ่งมีอยูเพียงไมกี่ทาน (ในยุคนั้น) พวกเขาจะขอคําตัดสินเกี่ยวกับปญหาทางศาสนา และยึดถือเอาคําตัดสิน นั้นมาเปนหลักในการปฏิบัติ โดยไมตองสอบถามอะไรมาก วามีหลักฐานยืนยันไวอยางไร จะมีบางก็เพียง สวนนอย และทานรอซูลุลลอฮก็ไดแตงตั้งผูเชี่ยวชาญดานฟกฮฺ (กฎหมายและหลักศาสนาบัญญัติ) และ ผูเชี่ยวชาญดานการอานจากกลุมของซอฮาบะฮฺ เพื่อใหเปนทูตไปยังเผาใดเผาหนึ่ง เพื่อใหทําการสั่งสอนคน ในเผานั้น ๆ ใหมีความเขาใจเกี่ยวกับอิสลามและการอานอัลกุรอาน และพวกเขาเหลานั้นก็ยอมรับเอามาถือ ปฏิบัติโดยไมมีใครสอบถามถึงหลักฐานยืนยัน และบรรดาซอฮาบะฮฺตางก็เห็นพองตองกันวาปฏิบัติตาม (ลอกเลียนแบบ)นักวิชาการที่ทําการศึกษาคนควา()ﺍﺠﻤﻟﺘﻬﺪﻳﻦของคนทั่วไปนั้นสามารถกระทําได เหตุผลและขอเท็จจริงในเรื่องดังกลาวก็เปนเรื่องที่สามารถรับได (สมเหตุสมผล) เพราะบุคคลทั่วไป จะปฏิบัติอยางไร ในเมื่อเขาเองตองใชเวลาอยูกับการประกอบอาชีพ ? หรือมุสลิมที่มีหนาที่เปนนายแพทย เปนสถาปนิค เขาจะทําอยางไร หากเขาพบกับปญหาปลีกยอยทางศาสนาที่เขาเองไมรูคําตอบ ? หรือวา จะตองใหเขากลับไปศึกษาหาคําตอบเอาเองจากหนังสือตัฟเซร (หนังสือที่อรรถาธิบายอัลกุรอาน) หรือ หนังสือฮาดิษวามีหลักฐานหรือไมอยางไร ? หากพบวามีหลักฐานปรากฏอยูเขาก็จะตองไปศึกษาทําความ เขาใจความหมายผานหนังสือที่เปนเรื่องของภาษาเพื่อทําความเขาใจความหมายอีกทอดหนึ่ง.. หรือหาก พบวามีหลักฐานเปนตัวบทอยูหลายตัวบท เขาก็จะตองชั่งน้ําหนักวาหลักฐานตัวใดมีน้ําหนักมากกวากัน ซึ่ง การกระทําเชนนั้นจะตองใชเวลายาวนาน จะไดคําตอบก็ตอเมื่อผานการเรียนรูที่ละเอียดถี่ถวน จะตองรู เกี่ยวกับเรื่องวาอายะฮฺไหนถูกยกเลิกอายะฮฺไหนเปนตัวยกเลิก ()ﺍﻟﻨﺎﺳﺦ ﻭﺍﳌﻨﺴﻮﺥอยางละเอียด หรือหากไม ปรากฏวามีตัวบทเปนหลักฐานปรากฏอยู เขาจะตองทําการศึกษาคนควา ซึ่งเปนเรื่องที่เปนไปไมได เพราะ เขาไมสามารถที่จะเปนนักคนควาได เพราะผูที่จะมาเปนนักคนควา เขาเองจะตองมีคุณสมบัติเฉพาะทาง ซึ่ง ผูคนสวนใหญยังไมสามารถเขาถึงระดับนั้นได ดังที่ปรากฏ เมื่อเปนเชนนั้นก็อยาไดทะเลาะกันในเรื่องนี้เลย เพราะมีแตจะนําความเสื่อมเสียเขามา หรือหากอนุญาตใหใครบางคนศึกษาคนควาไดดวยตนเอง โดยไมตอง มีก ฎ มีกรอบมี ก ติกาทางศาสนาเขามาควบคุม คนควาโดยไมตองมีความรู ก็ ยิ่ งจะอันตรายเข าไปใหญ อันตรายกวาที่จะใหเขาพึงพาผูรูที่มีความพรอมในการคนควาหาคําตัดสินเกี่ยวกับหลักการทางกฏหมาย อิสลามอีกเปนไหน ๆ ความจริงแลวสานุศิษยของสํานักซะละฟยะฮฺ()ﻣﺪﺭﺳﺔ ﺳﻠﻔﻴﺔเอง ตางก็เปนที่รูกันอยูวา นักวิชาการ ของสํานักเองก็ยังมีความเห็นไมตรงกันในหลายตอหลายเรื่องที่เปนปญหาปลีกยอยทางศาสนา ซึ่งอาจจะ เปนเพราะการอรรถาธิบายความหมายของพวกเขา หรือเพราะการตรวจสอบฮาดิษ หรือไมก็จากวิธีการนํา หลักการออกมาจากตัวบท ซึ่งเราเองยังพบวาแตละคนก็จะมีผูที่เห็นดวยและถือปฏิบัติตามทัศนะของเขาอยู แตบางครั้งพวกเขาอาจจะอางวา นี่ไมใชเปนการตามแบบลอกเลียนแบบ แตเปนการปฏิบัติตามเพราะพึง พอใจในการอางหลักฐานอางอิง ซึ่งเราก็จะถามพวกเขาตอไปวา แลวทําไมนักวิชาการบางทานจึงไมรูใน
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
15
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หลักฐานและไมยอมรับตอหลักฐานขอนี้ ? หรือวาการที่นักศึกษาหรือบุคคลทั่วไปยอมรับในหลักฐานของ นักวิชาการทานหนึ่ง ในขณะที่ไปขัดแยงกับอีกทานหนึ่ง จะเปนเรื่องที่ดี ? ถาอยางนั้น ขอแตกตางระหวาง การที่ไปยอมตามโดยยึดถือเอาหลักการวาพอใจในหลักฐาน ทั้ง ๆ ที่หลักฐานนั้นไมถูกตอง กับการที่ไปยอม ตามแบบลอกเลียนแบบ โดยไมตองถามวาเอาหลักฐานมาจากไหนอยางไร ? เพราะเขาเองรูดีวาตัวเองไม สามารถที่จะรับหรือปฏิเสธหลักฐานนั้นได (เพราะเขาไมมีความรูในการเลือกหลักฐาน) สุดทายนักวิชาการ ตางเห็นพองตองกันวา การเลียนแบบ(ดวยการเดินตามรอยนักวิชาการ)นั้นมีมา ตั้งแตยุคสมัยเกากอนแลว และเห็นวาอนุญาตใหสามารถกระทําได แมวาบางคนโดยเฉพาะอยางยิ่งกลุมที่ เปนสานุศิษยของสํานักซะลัฟ()ﻣﺪﺭﺳﺔ ﺳﻠﻔﻴﺔจะมีความเห็นขัดแยงอยูบางก็ตาม แตความจริงแลวพวกเขาเอง ก็ยอมรับแตยอมรับในอีกรูปแบบหนึ่ง การที่พวกเขาออกมาคัดคานไมไดประโยชนอะไร จะมีแตเฉพาะการ ตัดเอาสิ่งที่ยังประโยชนอีกมากมายออกไปโดยใชเหตุ หลักเกณฑประการที่ 2 การเลียนแบบไมใชเรื่องวายิบ(จําเปน)ที่ตองกระทํา เปนเรื่องที่ไมถูกตองนักในยุคของการมีความเปนชาตินิยมในการตามมัซฮับ เฟองฟู กับการที่พวก เขาจะมาแบงกลุมคนมุสลิม ออกเปน 2 กลุม คื อนัก คน ควา ( )ﺍﺠﻤﻟﺘﻬﺪและผูตาม ( )ﺍﳌﻘﻠﺪหลังจากนั้น ก็มา ประกาศปดประตูการศึกษาคนควา จนทําใหในเวลาตอมาผูคนก็กลายเปนพวกที่ตองเปนผูตามทั้งหมด ทั้ง นักวิชาการ ทั้งนักเรียนนักศึกษา นี่คือจุดออน ที่เปนเหตุใหทุกคนยุติการศึกษาคนควา เรียนรู เปนเหตุใหไม มีแรงผลักดันใหเกิดการรวมอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู เพื่อหาความเขาใจที่ถูกตอง ทําใหนักวิชาการเอง กลายมาเปนผูตามแบบลอกเลียนแบบ ทานอิซ บิน อับดุสลาม ไดเขียนไวในหนังสือของทาน ชื่อ กอวาอิ ดุลอะฮฺกาม ( )ﻗﻮﺍﻋﺪ ﺍﻷﺣﻜﺎﻡโดยมุงที่จะกลาวถึงนักวิชาการที่ยึดมั่นอยูกับหลักฐานที่ไดรับมาจากผูเปน อาจารยทั้งๆ ที่เปนหลักฐานออน และเหตุผลที่นํามาอางก็ฟงไมขึ้น แตถึงกระนั้นก็ยังยอมตาม โดยละทิ้งอัล กุรอาน ยอมทิ้งซุนนะฮฺ และการเทียบเคียงที่ถูกตอง แตกลับไปยึดติดอยูกับการเลียนแบบตามรอยของผูเปน ครูแทน ความมุงหมายของเราในที่นี้ไมไดหมายความวาเราจะเปดประตูแหงการคนควาขึ้นมาเพื่อใหเกิด ความขัดแยง ที่จะใหใครก็ไดเดินเขามาทั้ง ๆ ที่ตนเองไมมีคุณสมบัติพอ แตเราตองการจะบอกวาความจริง แลวการถือปฏิบัติตามนักวิชาการ ()ﺍﻟﺘﻘﻠﻴﺪและความจําเปนของการปฏิบัติตามนักวิชาการนั้นยังคงมีอยู ยังอยู ในกรอบที่อนุญาตใหกระทําได และไมถึงขนาดตองกลาววาวายิบ นอกจากกับบุคคลธรรมดาทั่วไป (ที่ไมมี ความรู) ที่ไรความสามารถในการศึกษาคนควาหาหลักฐานไดดวยตนเอง แตสําหรับผูที่มีความสามารถ พอที่จะศึกษาคนควาหาหลักฐานทําความเขาใจหลักฐานไดดวยตนเอง เขาเองก็ควรที่จะแยกตัวเปลี่ยน แนวทางออกมาจากการเปนผูลอกเลียนแบบที่ปฏิบัติตามรอยของผูอื่น(คือปฏิบัติตามทัศนะของนักวิชาการ โดยไมรูวาหลักฐานอางอิงเปนอยางไร) มาเปนการปฏิบัติตาม (พรอมๆ กับรูดวยวาทัศนะของนักวิชาการที่ เขาปฏิบัติตามนั้นมีหลักฐานยืนยันอยางไร นอกจากจะตองรูจักหลักฐานแลวเขาเองจะตองพอใจกับหลักฐาน ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
16
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
นั้น ๆ ไดดวย แมวาเขาเองยังไมมีคุณสมบัติถึงระดับที่จะตองคนควาดวยตนเอง แตในบางครั้งก็อนุญาตให เขาศึกษาคนควาไดในบางเรื่องบางประเด็น ดวยการศึกษาทําความเขาใจหลักฐานของแตละมัซฮับ วาทัศนะ ไหนมีหลักฐานออนทัศนะไหนมีน้ําหนักกวากัน เพื่อที่จะไดเปลี่ยนไปยึดถือตามทัศนะที่มีหลักฐานหนัก แนนกวา ผูที่มีความสามารถในระดับนี้ทานอีหมามฮะซัน อัลบะนา ไดเรียกบุคคลประเภทนี้วา ผูที่อยูใน ระดับที่สามารถพิจารณาทบททวนความถูกตองของหลักฐานยืนยันเกี่ยวกับหลักการกฏหมายอิสลามได ()ﺩﺭﺟﺔ ﺍﻟﻨﻈﺮ ﰲ ﺍﻷﺣﻜﺎﻡ ﺍﻟﺸﺮﻋﻴﺔ3 คือระดับที่สามารถทําความเขาใจเกี่ยวกับหลักการทางกฏหมายอิสลามและ หลักฐานอางอิงที่กลาวถึงการบัญญัติในแตละเรื่อง และสามารถที่จะกลับไปศึกษาหลักฐานอางอิงหรือ แหลงที่มาหลัก ๆ ไดดวยตนเอง เพื่อประเมินความถูกตองวาเปนอยางไร มีน้ําหนักมากนอยแคไหน หลักเกณฑขอที่ 3 การปฏิบัติตามนักวิชาการ( )ﺗﻘﻠﻴﺪไมไดจํากัดอยูที่มัซฮับทั้งสี่ ในชวงหนึ่ง ซึ่งเปนชวงของการยึดติดแบบชาตินิยมกับมัซฮับ (สํานักคิด) มีการกําหนดวาจะตอง ยึดถือตามเจาของมัซฮับทั้งสี่(ขอความโปรดปรานจากอัลลอฮจงมีแดทาน) แตเพียงอยางเดียว การออกมา กลาวอางอยางนี้เปนการกลาวอางอยางลอย ๆ โดยปราศจากหลักฐานยืนยันวาหามตามทัศนะของคนอื่น ๆ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแลวเดิมทีที่ตองตามทัศนะของอีหมามทั้งสี่ก็ดวยเหตุวา ทัศนะของทานเหลานี้การบันทึก มี การบรรยายไวอยางครบถวน และนักวิชาการที่ศึกษาทัศนะของพวกเขาเหลานี้ก็มีอยูครบถวน จึงทําใหมี ความมั่นใจไดในหลักฐานประกอบการอางอิงวาถูกตอง เชื่อถือได มีการอางอิงเจาของทัศนะหรือมัซฮับไว อยางชัดเจน สวนทัศนะอื่น ๆ กลับเปนเรื่องยากที่สรางความมั่นใจใหกับผูคน ไมวาจะเกี่ยวกับเรื่องของการ อางอิงถึงที่มา หรือเจาของทัศนะ ทําใหทัศนะบางทัศนะไมไดรับการยอมรับ ไมมีลูกศิษยลูกหาที่จะมา อธิ บ ายต อ ในกรณี ที่ ทั ศ นะบางเรื่ อ งที่ ยั ง ต อ งการคํ า อธิ บ ายต อ ด ว ยเหตุ นี้ เ อง (ด ว ยความ ฉลาดของ)นักวิชาการจึงมีการกําหนดไววาการยึดถือปฏิบัตินั้นใหจํากัดอยูแคมัซฮับทั้งสี่ แตในยุคปจจุบัน หลังจากที่ไดมีการตีพิมพหนังสือเกี่ยวกับอิสลามที่เปนมรดกตกทอดสืบตอกันมา ซึ่งไดรวบรวมเอาทัศนะ ทางวิชาการของนักคิดทั้งจากซอฮาบะฮฺและตาบิอีน (คนในยุคหลังจากซอฮาบะฮฺ)และทัศนะของอีหมามนัก คนนควา ไมวาจะเปนอีหมามทั้งสี่หรือคนในรุนราวคราวเดียวกัน หรือนักวิชาการในยุคตอ ๆ มา มีการพิมพ และเผยแพร จนสามารถรูไดวาทัศนะไหนเปนของใคร ซึ่งทําใหขอจํากัดเดิมซึ่งมีอยูหมดไป จนสามารถทีจ่ ะ เลือกไดวาในเรื่องนี้ประเด็นนี้จะเลือกตามทัศนะใดของใคร (มุสลิมสามารถที่จะพิจารณาหลักฐานประกอบ หลักการปฏิบัติได) สามารถพิจารณาไดวาหลักฐานของใครหนักแนนกวากัน ทานอัลอิซ บิน อับดุสลาม ได กลาวไววา เมื่อพิจารณาแลวเห็นวาหลักฐานประกอบของนักวิชาการหรืออีหมามทานใดหนักแนนกวา ก็ สามารถที่จะนํามายึดถือปฏิบัติได แมวาอีหมามทานนั้นจะไมใชเจาของมัซฮับทั้งสี่ก็ตาม
. ﺭﺳﺎﻟﺔ ﺍﻟﺘﻌﺎﻟﻴﻢ ﻟﻺﻣﺎﻡ ﺍﻟﺸﻬﻴﺪ ﺣﺴﻦ ﺍﻟﺒﻨﺎ
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
3
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
17
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หลักเกณฑที่ 4 สําหรับบุคคลทั่วไปอนุญาตใหยึดตามมัซฮับใดมัซฮับหนึ่งไดเพียงมัซฮับเดียว นับวาเปนความเขาใจที่ไมถูกตองนัก ที่ในชวงหนึ่งซึ่งเปนยุคสมัยที่มีการยึดติดอยูกับมัซฮับแบบ ชาตินิยม มีการแพรหลายแนวคิดในหมูชนมุสลิมออกมาวา หามเปลี่ยนมัซฮับ หากยึดถือตามมัซฮับใดก็ให ยึดถือตามมัซฮับนั้นไปตลอด จึงใครขอชี้แจงวาแนวคิดทั้งสองแนวคิด(ใหยึดถือแคเพียงมัซฮับเดียวและหาม เปลี่ยนเปนมัซฮับอื่น)นั้นไมมีหลักฐาน สําหรับที่บอกวาใหยึดมั่นตามมัซฮับใดมัซฮับหนึ่งแตเพียงมัซฮับเดียวและหามเปลี่ยนเปนมัซฮับอื่น นั้น ไมวาจะเปนเรื่องของหลักการทั้งหมดหรือบางเรื่องบางประเด็นปญหา ทั้งกอนและหลังการยึดถือมา ปฏิบัติ ทัศนะเหลานี้ทั้งหมดเปนการกลาวอางที่ปราศจากหลักฐานอางอิงที่ถูกตองตามหลักการทั้งหมด นั่น ก็เปนเพราะวา เพราะบัญชาแหงอัลลอฮและรอซูลของพระองคมีอยูวาใหพวกเรายึดมั่นตามหลักการทางศาส นบัญญัติ ( )ﺍﻷﺣﻜﺎﻡ ﺍﻟﺸﺮﻋﻴﺔและในกรณีที่เราเองไมมีความรู ไมมีความสามารถที่จะเรียนรูโดยตรงจากอัลกุร อานหรื อ ซุ น นะฮฺ ก็ ใ ห เ ราถามผู รู โดยไม จํ า กั ด ว า จะเป น ใครมั ซ ฮั บ ใด บรรดาซอฮาบะฮฺ ไ ด เ รี ย นถาม นักวิชาการหรือนักกฎหมาย ( )ﻓﻘﻬﺎﺀของพวกเขา และพวกเขาก็ไดรับคําตอบ และนักวิชาการนักกฎหมายซอ ฮาบะฮฺเหลานี้ก็ไมไดหามไวแตอยางใดวา อยาไดไปถามคนอื่น ๆ อีก นอกจากตัวเขาเอง ไมวาจะเปน ประเด็นปญหาเดียวกันหรือประเด็นปญหาอื่น ๆ และวิธีปฏิบัติของมุสลิมในทุกยุคทุกสมัยก็จะเปนเชนนี้ จน สืบสานตอกันมาจนกระทั่งถึงยุคสมัยของอีหมามทั้งสี่ ทานเหลานี้ก็ไมไดหามสานุศิษยของทานวาอยาไดไป ยึดถือตามทัศนของคนอื่น ๆ นอกเหนือจากทานแตอยางใด ไมเคยปรากฏวาจะมีแนวคิดที่วาจําเปน (วายิบ) ตองยึดมั่น และหามเปลี่ยนมัซฮับจากมัซฮับหนึ่งไปเปนอีกมัซฮับหนึ่ง ความจริงแลวแนวคิดในลักษณะนี้ เพิ่งจะเกิดขึ้นในภายหลังนี่เอง เชนเดียวกับแนวคิดที่บอกวาหาม (ฮารอม)ยึดตามมัซฮับใดมัซฮับหนึ่ง หากยึดมั่นตามมัซฮับ ก็จะ กลายเปนการตั้งภาคีประเภทหนึ่ง ซึ่งทัศนะนี้ก็ไมมีหลักฐานอางอิงดวยเชนกัน เพราะหากมุสลิมรูสึกพอใจ กั บ ความรู ห รื อ หลั ก ฐานอ า งอิ ง ของนั ก วิ ช าการท า นใดท า นหนึ่ ง ก็ ไ ม ป รากฏว า จะมี ก ฏหมายของใด ของอัลลอฮวาหามเขายึดถือมาปฏิบัติตาม ไมวาผูรูหรือนักวิชาการทานนั้นจะมาจากมัซฮับทั้งสี่หรือทานอื่น ๆ แตการยึดถือปฏิบัติตามอยาไดเขาใจไปวาเปนสิ่งวายิบตามหลักศาสนา และเมื่อตองการที่จะเปลี่ยนไป ตามอีกมัซฮับหนึ่งก็ไมไดมีหลักฐานหามไวแตอยางใด (ซึ่งรายละเอียดจะนําเสนอในอันดับตอไป) หลักเกณฑขอที่ 5 จําเปนที่จะตองยึดมั่นตามหลักฐานหากผูตามเปนนักคิดนักวิเคราะห สํา หรั บมุสลิ มซึ่ง เปน ผูต ามที่มี ฐ านัน ดรถึง ระดั บที่สามารถพิ จ ารณาเกี่ ย วกับ หลั ก การกฏหมาย อิสลาม( )ﺍﻷﺣﻜﺎﻡ ﺍﻟﺸﺮﻋﻴﺔได เขาจะตอง(วายิบ)ยึดถือตามหลักฐานในทุกเรื่องทุกประเด็น เขาจะตองเรียนรู ศึกษาคนควาทําความเขาใจอยางลึกซึ้ง และทัศนะใดที่มีความเห็นแตกตางกันไมสอดคลองกัน เขาจะตอง พิจารณาทําความเขาใจชั่งน้ําหนักทางหลักฐานวาหลักฐานของใครมีน้ําหนักมากกวากัน จากนั้นก็ใหเลือก ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
18
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ทัศนะที่ใกลเคียงกับหลักฐานจากอัลกุรอานและซุนนะฮฺ แมวาการกระทําดังกลาวจะนําไปสูการยึดเอาทัศนะ ของมั ซ ฮั บ ใดมั ซ ฮั บ หนึ่ ง ก็ ไ ม เ ป น ไร หรื อ แม ก ระทั่ ง ว า จะต อ งค น คว า ศึ ก ษาในประเด็ น ป ญ หาใหม ที่ นักวิชาการรุนเกากอนไมเคยคนความากอนก็ไมเปนไร เพราะไมปรากฏวาจะมีหลักฐานขอใดหามไว หรือ กับการที่ผูตามจะยังคงยึดมั่นตามหลักการของมัซฮับใดมัซฮับหนึ่งเพียงมัซฮับเดียว โดยศึกษาคนควาเรียนรู ในทุกประเด็นปญหา ที่จะใหไดมาซึ่งหลักฐานที่มั่นคงและมีน้ําหนักกวา โดยยึดถือหลักการทุกประเด็น ปญหาตามแนวทางหลักของมัซฮับที่เขาเองเลือก นั่นก็เปนเพราะวาอัลลอฮจะไมบังชีวิตใดในนอกจากใน กรอบความสามารถของเขาเทานั้น ในบางครั้ งมุสลิมเองจะตองศึกษาในประเด็ นปญหาใดป ญหาหนึ่ง จนกระทั่งสามารถเขาใจในหลักฐานที่เขมแข็งพอที่จะทําใหเขาสบายใจและมั่นใจได จึงจําเปนที่จะตองยึด มั่นตามแนวทางของอีหมามคนใดคนหนึ่งเพื่อใหสามารถยึดเปนหลักการในการเรียนรูทางออกของประเด็น ปญหาได หากเขาเองพบวามีหลักฐานสอดคลองกับหลักฐานของอีหมามที่เขายึดตามอยู ก็สามารถที่จะ ยึดถือตามนั้นไดตอไป หรือหากเขาเองศึกษาคนควาไปแลวเกิดพบหลักฐานใหมที่ตางไปจากอีหมามที่เขา ยึดถือ ก็สามารถที่จะเปลี่ยนไปยึดตามทัศนะใหมที่ตางออกไปได4 หลักเกณฑขอที่ 6 อนุญาตใหผสมผสาน(ระหวางทัศนะของมัซฮับที่ตางกัน) ได หมายถึงการยึดเอาทัศนะแนวคิดจากหลาย ๆ มัซฮับ(หลายสํานักคิด) ในประเด็นปญหาเดียวกัน เพื่อใหถึงไปยังวิธีการที่ไมเปนของมัซฮับใดมัซฮับหนึ่ง รายละเอียดเกี่ยวกับการผสมผสานดวยวิธีดังกลาว จะนําเสนอเปนอันดับตอไป ในกรณีที่ประเด็นปญหาหนึ่งยึดถือตามมัซฮับนี้ อีกปญหาหนึ่งกลับยึดถือตามอีกมัซฮับหนึ่ง ไมมี อะไรผูกพันเกี่ยวของกับปญหาแรก การยึดถือในลักษณะนี้ นักวิชาการสวนใหญ ()ﲨﻬﻮﺭ ﺍﻟﻌﻠﻤﺎﺀซึ่งมีทัศนะ วาไมจําเปนตองยึดตามมัซฮับใดมัซฮับหนึ่ง นักวิชาการกลุมนี้ใหทัศนะไววาอนุญาตใหกระทําได เชน การ ที่มุสลิมทานหนึ่งเวลาละหมาด ละหมาดตามแนวของชาฟอีย แตเวลาจายซากาตกลับจายตามแนวทาง ของมัซฮับอาบีฮานียฟะฮฺ หรืออาจจะถือศีลอดตามแนวทางของมัซฮับมาลิกีย การยึดมั่นในเรื่องของปญหาทางศาสนาตามแนวทางของมัซฮับใดมัซฮับหนึ่ง ตอมากลับเปลี่ยนใจ ไปตามแนวทางของอีกมัซฮับหนึ่งในประเด็นปญหาเดียวกัน เชน ทําละหมาดซุฮฺริ ตามแนวของมัซฮับหนึ่ง แตพอละหมาดอัศริ์ กลับตามแนวทางของอีกมัซฮับหนึ่ง การกระทําในลักษณะนี้ตามทัศนะของนักวิชาการ สวนใหญ ()ﲨﻬﻮﺭ ﺍﻟﻌﻠﻤﺎﺀก็ยังสามารถกระทําได ดวยเชนกันเพราะตามทัศนะของนักวิชาการกลุมนี้ ไม จําเปนที่จะตองยึดตามมัซฮับใดมัซฮับหนึ่งเพียงมัซฮับเดียว สําหรับรูปแบบของการผสมผสานที่ยังมีความคิดเห็นที่ขัดแยงกันอยู วาทําไดหรือไมได คือการ
. ﻭﻗﻮﺍﻋﺪ ﺍﻷﺣﻜﺎﻡ ) ﻟﻠﻌﺰ ﺑﻦ ﻋﺒﺪ ﺍﻟﺴﻼﻡ ( ﻭﻏﲑﻫﺎ ﻣﻦ ﻛﺘﺐ ﺍﻷﺻﻮﻝ، ( ﻭﺍﻹﺣﻜﺎﻡ ﰲ ﺃﺻﻮﻝ ﺍﻷﺣﻜﺎﻡ ) ﻟﻶﻣﺪﻱ، ﺭﺍﺟﻊ ) ﺍﻟﺘﺤﺮﻳﺮ ( ﻟﻠﻜﻤﺎﻝ ﺑﻦ ﺍﳍﻤﺎﻡ
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
4
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
19
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ผสมผสานป ญ หาเดี ย วกั น เชน การที่มุ ส ลิ มท า นหนึ่ ง อาบน้ํ า ละหมาดแล ว เช็ด บางส ว นของศี ร ษะตาม แนวทางของมัซฮับชาฟอีย แตกลับไปยึดถือวากระทบกับผูหญิงไมทําใหเสียน้ําละหมาด โดยยึดหลักตาม แนวทางของอาบียฮานีฟะฮฺและมาลิค ซึ่งใหทัศนะไววาการกระทบหรือสัมผัสคนตางเพศไมทําใหเสียวุฎฮฺ จากนั้นเขาก็เขาไปทําการละหมาด นักวิชาการในยุคหลังซึ่งเปนนักวิชาการสังกัดมัซฮับไดแสดงทัศนะไววา การทํ าวุฎอฺดังกล า วไม ถูก ตอง เพราะตามทัศนะของชาฟอีย การกระทบหรื อสัมผัสเพศตรงกัน ข า มจะ เสียวุฎอฺ สวนทัศนะของอาบีฮะนีฟะฮฺ ก็ไมถูกตองเพราะมัซฮับของทานการเช็ดศีรษะจะตองเช็ดอยางนอย หนึ่งในสี่ของศีรษะ และทัศนะของทานอีหมามมาลิกก็ไมถูกตองดวยเชนกัน เมื่อไมไดเช็ดศีรษะทั้งหมด การผสมผสานในที่นี้ทําใหเปนการปฏิบัติดวยวิธีการใหม ที่ไมมีมัซฮับใดแสดงทัศนะไว วิธีการในลักษณะ นี้จึงไมอนุญาตใหปฏิบัติ ( )ﻏﲑ ﺟﺎﺋﺰเพราะประเด็นดังกลาวยังเกี่ยวของผูกพันกันอยู แตมีกรณีที่สามารถ พิจารณาไดดังนี้ 1. ในกรณีที่การผสมผสานระหวางมัซฮับ หากดําเนินไปบนพื้นฐานของความเห็นพองตามหลักฐาน ของผูที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะศึกษาคนควาพิจารณาดวยตนเองไดจากหลักฐานทางศาสนา ก็สามารถ กระทําได เพราะวายิบสําหรับผูที่มีคุณสมบัติครบถวนตองทําการศึกษาคนควาดวยตนเอง แตจะอยางไรก็ ตามจะตองยอมรับไวดวยวา ทัศนะเกี่ยวกับเรื่อง(การผสมผสานระหวางมัซฮับ)นั้น นักวิชาการบางทานยังมี ความเห็นที่ขัดแยงกันอยู (บางก็วาได บางก็วาไมได) 2.แตการผสมผสานระหวางมัซฮับของบุคคลทั่วไป (ที่ไมมีคุณสมบัติพอที่จะศึกษาไดดวยตนเอง) เปนเรื่องที่อนุญาตใหทําได เพราะไมไดบังคับใหบุคคลทั่วไปศึกษาทําความเขาใจทุกมัซฮับ ไมไดบังคับให เรียนรูในสวนที่แตละมัซฮับมีทัศนะแตกตางกันอยู (อยางละเอียด)แตหากเขาสามารถกระทําได (เรียนรู ศึกษาคนควาได) เขาก็คงจะไมตองเปนผูตาม (ที่ปฏิบัติตามผูอื่น) เพราะบรรดาซอฮาบะฮฺเอง ขณะเมื่อพวก เขาเองสอบถามเรื่องของปญหาทางศาสนาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง พวกเขาก็ไมเคยถามเรื่องของเหตุผลเกี่ยวกับ เรื่องที่ไ ดรับคําตอบนั้น ๆ และผูที่ใหคําตอบก็ไ มเคยเตือนวา เมื่อรั บหลั กการมาจากเขาแล ว อย าไดไ ป สอบถามคนอื่น ๆ อีก นั่นก็หมายความวา ในชวงยุคสมัยที่ดีที่สุดอยางสมัยของซอฮาบะฮฺก็มีการผสมผสาน เกิดขึ้น ตราบใดที่ทัศนะตาง ๆ ของพวกเขาไมไดเก็บรวบรวมไวเปนบันทึก มุสลิมในยุคนั้นสมัยนั้นจะ สอบถามใครก็ได เมื่อรับเอาทัศนะมาแลวจะไปเรียนถามซอฮาบะฮฺอีกทานหนึ่งก็ได โดยไมตองไปศึกษา คนควาวาทั้งสองปญญาจะมีความสัมพันธเชื่อโยงกันหรือไมอยางไร 3. สําหรับตัวอยางเรื่องของการทําวุฎอฺ ดังที่ไดกลาวมาแลวขางตนนั้น คําตอบก็คือ หากทําวุฎอฺตามแบบ ของมัซฮับชาฟอีย ก็หมายความวา วิธีการนั้นก็ถูกตองตามหลักกฏหมายอิสลาม เพราะมัซฮับชาฟอียไมไดมีรูปแบบ ของหลักการทางกฏหมายอิสลามที่แยกออกไปแตอยางใด แตประตูที่มุสลิมใชสําหรับเดินเขาสูหลักการกฏหมาย อิสลามของอัลลอฮ ( )ﺷﺮﻳﻌﺔ ﺍﷲเมื่อเดินเขามาแลว การทําวุฎอฺก็จะถูกตองตามหลักการ แตเมื่อไปสัมผัสหรือกระทบ กับเพศตรงกันขามตามมัซฮับของฮานะฟย วุฎอฺเดิม(ที่อาบมาตามแบบของชาฟอีย)ก็ยังถูกตองอยูตามหลักการ กฏหมายอิสลามของอิสลาม ()ﺷﺮﻳﻌﺔ ﺍﺳﻼﻣﻴﺔเพราะมัซฮับฮานะฟย ก็เปนสวนหนึ่งของหลักกฏหมายอิสลามแหง อิสลาม ( )ﺷﺮﻳﻌﺔ ﺍﺳﻼﻣﻴﺔไมไดแยกสวนหรือแตกตางออกไปแตอยางใด ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
20
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
4.ดวยเหตุนี้เองการอนุญาตใหผสมผสานระหวางมัซฮับนั้นก็จะขึ้นอยูกับความพอใจตอหลักฐานที่ใช ยืนยัน (ของเจาของทัศนะนั้น ๆ) การที่จะหามมิใหบุคคลทั่วไปกระทบ (ผสมผสาน)ก็จะกลายเปนวาในปญหา เดียวกัน คนหนึ่งกระทําไดอีกคนหนึ่งกลับไมอนุญาตใหกระทํา สําหรับเรื่องของหลักการทางกฏหมายอิสลามแลว เปนเรื่องที่ไมถูกตองเพราะเปนที่รับรูกันอยูวา หากฮาลาล ก็ฮาลาลใหกับทุก ๆคน หากฮารอมก็ตองฮารอมกับทุก คน
5. ทาน ชัย ค อัฏฏัรซูซีย ทานอาบู อัซซะอัด ทาน อิ บนุ นะยีม ทานอิบนุ อะรอฟ ต อัลมาลิกี ย ทานอัลอะดูวีย และนักวิชาการอีกหลายทานไดใหการตัดสิน (ฟตวา)วา อนุญาตใหสามารถผสมผสาน ระหวางมัซฮับได 5
5
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมไดจากหนังสือ . ﺃﺼﻭل ﺍﻟﻔﻘﻪ ﺍﻹﺴﻼﻤﻲ ﻟﻠﺩﻜﺘﻭﺭ ﻭﻫﺒﺔ ﺍﻟﺯﺤﻴﻠﻲ:
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
21
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
การผอนปรนอนุญาตใหผสมผสานระหวางมัซฮับ บุคคลทั่วไปบางคนพยายามหาความสะดวกดวยการหันไปปฏิบัติตามทัศนะที่ตางไปจากทัศนะอื่น คือนักวิชาการที่พยายามหาวิธีการปฏิบัติที่งายที่สุด การปฏิบัติเชนนี้จะไดหรือไมอยางไร ? การผสมผสานในลักษณะเชนนี้ (พยายามหาวิธีการที่งายที่สุด) นักวิชการสวนใหญไดหามการ ปฏิบัติในลักษณะนี้ เพราะจะเปนการเอนเอียงไปทางการประพฤติตามอารมณ และหลักการทางศาสนาก็ หามการปฏิบัติตามอารมณราย ซึ่งทานอิบนุ อับดุลบิร ก็เห็นพองดวยเชนกัน เพราะจะเปนการปฏิบัติที่ไม แนนอนไมมั่นคง แตก็ยังมีรายงานจากนักวิชาการบางคนวา อนุญาตใหปฏิบัติตามขอผอนปรน(เลือกวิธีที่งายที่สุด) ของมัซฮับใดมัซฮับหนึ่งได เพราะไมมีหลักการทางศาสนาขอใดที่เปนขอหามในเรื่องนี้ปรากฏอยูเลย ทาน อัลกะมาล บิน อัลฮุมาม ไดกลาวไววา “ผูที่ปฏิบัติตามผูอื่น สามารถที่จะเลือกปฏิบัติตามนักวิชาการทานใดก็ ได หากบุคคลทั่วไปจะยึดถือปฏิบัติตามทัศนะของนักวิชาการที่ศึกษาคนควาทานใดทานหนึ่งในทุกประเด็น ปญหาก็จะเปนเรื่องง ายสําหรับเขา และไมปรากฏวาจะมีหลักฐานจากอัลกุรอานและฮาดิษ หรือแมแ ต หลักฐานทางดานสติปญญาปรากฏอยู และมนุษยก็จะปฏิบัติตามแนวทางที่งายที่สุดสะดวกที่สุดสําหรับเขา และขาพเจาเองก็ไมเคยรูวาจะมีขอตําหนิจากหลักการทางศาสนา และในสมัยของทานนบี เองก็พอใจที่ จะใหประชาชาติของทานปฏิบัติในสิ่งที่สะดวกและงายตอการปฏิบัติ” และสิ่งที่เราสามารถเขาใจไดในขณะนี้ก็คือ ในหลักบัญญัติทางศาสนา ()ﺍﻷﺣﻜﺎﻡ ﺍﻟﺸﺮﻋﻴﺔไมมีขอ แตกตางระหวางการผอนปรนกับความตั้งใจปฏิบัติ ตราบใดที่หลักบัญญัติทางศาสนามีหลักฐานที่ถูกตอง และเมื่อการผสมผสาน(ระหวางมัซฮับ) อนุญาตใหทําไดมาตั้งแตตน ก็จะไมมีอะไรเปนขอหาม ในการที่จะ ปฏิบัติตามขอผอนปรน หากขอผอนปรนนั้นมีหลักฐานทางศาสนายืนยันปรากฏอยู (วาสามารถกระทําได) เราจะมาพูดวาที่นั่นนาเกลียด(ไมควรปฏิบัติ) ()ﻛﺮﺍﻫﺔหากไมมีเหตุฉุกเฉินหรือเหตุจําเปน ที่นี่อนุญาตให ปฏิบัติไดโดยไมเปนเรื่องนาเกลียด นาตําหนิ หากพบวามีเหตุฉุกเฉินหรือมีเหตุจําเปน นั้นไมได และทานนบี ไดเคยกลาวไววา “หากเรื่องใดมีทางเลือก(ที่สามารถเลือกได)ถึงสองทาง ฉันเองก็จะเลือกทางที่งายที่สุด หากทางเลือกนั้นไมเปนบาป” เดิมทีมุสลิมสามารถที่จะเลือกแนวทางหรือทัศนะตางๆ ของนักวิชาการที่ ทําการศึกษาคนควา(ทานใดทานหนึ่งได) เพราะแทจริงแลวทัศนะเหลานี้ไมใชทางเลือกที่เปนบาปแตอยาง ใด6 อินชาอัลลอฮ ขอควรจําประการหนึ่งที่จะนํามากลาวถึงในที่นี้คือ การผสมผสานระหวางทัศนะของนักวิชาการที่ สามารถกระทําไดก็คือปญหาที่มีการศึกษาและไดหลักฐานออกมาในลักษณะที่ไมชัดเจนเด็ดขาด ( ﺍﻹﺟﺘﻬﺎﺩ 6
หลักฐานที่มีความหมายเดียวกันนี้มีอยูมากมาย แตสํานวนอาจจะตางกัน เชนในซอเหียะฮฺบุคอรีย มุสลิม ,มุวัฏฏออฺของทานมาลิก มุสนัดของ ทานอีหมามอะฮฺมัด บิน ฮัมบัล ซุนันของดารียมีย เปนตน
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
22
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
)ﺍﻟﻈﻨﻴﺔเทานั้น สวนปญหาที่มีหลักฐานชี้แจงไวอยางชัดเจนเด็ดขาดนั้นจะไมอนุญาตใหผสมผสานหรือ อนุโลมผอนปรนการปฏิบัติแตอยางใด หลักฐานชี้นําไวอยางไรก็ใหปฏิบัติอยางนั้น จะไมมีที่สําหรับการ ผอนปรนและผสมผสานวิธีการปฏิบัติใหเลือกแตอยางใด ซึ่งจะตางไปจากการปฏิบัติตามขอผอนปรนหรือ การผสมผสาน เมื่อพบวาทางหนึ่งอาจจะผิดพลาดนําไปสูขอหามทางศาสนา เชนหากปฏิบัติไปแลวถึงขนาด ทําใหบัญญัติการดื่มสุราหรือการผิดประเวณีเปลี่ยนไปเปนเรื่องที่ทําได ทั้งๆ ที่ทั้งสองเปนสิ่งตองหามที่มี หลักฐานยืนยันไวชัดเจน เปนไปไมไดที่จะกลายมาเปนสิ่งที่อนุมัติ ไมวาจะดวยแนวทางใด ผูที่ปฏิบัติหนาที่เกี่ยวกับอิสลาม....และวิชาฟกฮฺ หลังจากที่อาณาจักรอุสมานียะฮฺลมสลาย ในยุคตนของศตวรรษนี้นักวิชาการ นักเผยแพรศาสนา หลายตอหลายทานเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อที่จะฟนฟูกฏหมายอิสลามใหกลับคืนมาสูชีวิตประจําวันของมุสลิมอีก ครั้งหนึ่ง ผลจากการเคลื่อนไหวของนักวิชาการเหลานี้ทั้งหมดจึงกอใหเกิด กลุมกอนของการเคลื่อนไหวใน รูปของพลพรรค องคกร สมาคม ชมรมและมีนักวิชาการถือกําเนิดขึ้นหลายตอหลายทาน ทั้งหมดเหลานี้ลวน แลวแตออกมาเคลื่อนไหวในเปาหมายเดียวกัน โดยตางก็ยึดมั่นวาเปนความจําเปน()ﻓﺮﻳﻀﺔ ﺷﺮﻋﻴﺔที่จะตอง ฟนฟู ใหกฎหมายอิสลามกลับคืนมาสูสังคม และผลจากการเคลื่อนไหวในครั้งนี้กอใหเกิดการตื่นตัวทาง อิสลามที่กวางขวางแผขยายครอบคลุมสังคมมุสลิมเปนวงกวาง ทําใหบรรดาพลพรรคหรือนักการเมืองอื่น ๆ ที่พยายามยกสัญลักษณของตนเองไดรับผลกระทบเปนอยางมาก แตถึงกระนั้นความตื่นตัวที่เกิดขึ้นหลายตอหลายดานเปนเพียงแรงผลักดันที่ยังออนไหว ยังตองการ การปกปองดูแลผลักดันเพื่อใหเกิดศักยภาพในอีกหลายตอหลายดาน และการปกปองดูแลเอาใจใสที่ดีที่สุด คือความเขาใจที่ถูกตอง สอดคลองกับยุคและสมัย ทันโลกทันเหตุการณ การนําอิสลามมาสูการปฏิบัติใน สถานการณที่เปนปจจุบัน ดวนเหตุนี้เองการสรางความเขาใจในหลักกฏหมายอิสลามที่ถูกตองจึงเปนเรื่องที่ อยากจะนํามาเสนอและใหความกระจางในหลายประเด็นที่สําคัญ ๆ ดังนี้ ประเด็นปญหาที่ 1 การจัดการเรียนการสอนและการเรียนรูวิชาฟกฮฺ การจัดการเรียนการสอนและการเรียนรูฟกฮฺอิสลามนับไดวาเปนสิ่งจําเปนเปนอยางยิ่ง สําหรับผูที่ ตองทํางานเพื่ออิสลาม สําหรับผูที่ทําหนาที่เรียกรองเชิญชวนหรือเผยแพรอิสลาม ผูที่ตองการทํางานใน ลักษณะของการฟนฟูชีวิตการเปนอยูแบบอิสลาม สิ่งแรกที่เขาควรกระทําก็คือการเริ่มตนดวยตัวเอง ดวยการ เรียนรูวา เขาเองจะตองทําตัวเปนมุสลิมไดอยางไร ? ชีวิตการเปนอยูสวนตัวของมุสลิมเปนอยางไร ? จะตอง ยึดมั่นเกี่ยวกับเรื่องของฮาลาล ฮารอม (ตองรูวาสิ่งใดเปนที่ตองหาม สิ่งใดเปนที่อนุมัติ) โดยเฉพาะในเรื่อง ของอิบาดะฮฺ เรื่องของมุอามะลาต (การปฏิสัมพันธตาง ๆ)ในชีวิตประจําวัน ซึ่งสิ่งเหลานี้ทั้งหมดจะไม สามารถเกิดขึ้นไดหากไมมีการศึกษาเรียนรูวิชาฟกฮฺ ดวยเหตุนี้เองเราจึงพูดวา การเคลื่อนไหวเพื่ออิสลาม จําเปนที่จะตองเกิดจากรากเงาของแนวทางแหงอิสลาม จําเปนที่จะตองเรียนรูสาระของวิชาฟกฮฺใหครบถวน ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
23
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
จากนั้นหลังจากที่ไดเรียนรูแลว จําเปนที่จะตองมีสวนในการเผยแพรหรือสั่งสอนมุสลิมใหมีความรูดวย การ เรียนรูหลักกฎหมายอิสลาม ( )ﺍﻷﺣﻜﺎﻡ ﺍﻟﺸﺮﻋﻴﺔคือกาวแรกของการที่จะนํามายึดถือ ยึดมั่นปฏิบัติ การที่จะให แตละคนยึดถือยึดมั่นปฏิบัติตามหลักการกฏหมายอิสลามนั้นเปนขั้นตอนที่จําเปน กอนที่จะใหประชาชาติ ทั้งหมดมายึดมั่นยึดถือปฏิบัติในทุกเรื่องทุกประเด็น เพื่อใหการดําเนินชีวิตทั้งหมดเปนไปตามหลักกฎหมาย ของอัลลอฮทั้งหมด บางคนอาจจะเขาใจผิดเกี่ยวกับทัศนะของทานชะฮีด ซัยยิดกุฏบ (ขอความเมตตาจากอัลลอฮจงมีแด ทาน) เกี่ยวกับเรื่องนี้ (ซึ่งทานไดปฏิเสธที่จะออกคําตัดสินเกี่ยวกับปญหาทางสังคมที่กําลังเกิดขึ้นในปจจุบัน โดยเฉพาะสังคมที่ปฏิเสธการนํากฏหมายอิสลามมาบังคับใชตั้งแตตน) ทานเองพิจารณาแลวเห็นวา (ความ พยายามที่จะพัฒนาฟกฮฺอิสลามเพื่อรับการเผชิญหนากับปญหา ความตองการที่เกิดขึ้นในสังคมปจจุบัน เปน การกระทําที่เรียกไดวาสูญเปลา เปนการตําน้ําพริกละลายแมน้ํา)ทานกลับเห็นวา (สิ่งที่ควรปฏิบัติ) ประการ แรกจะตองใหสังคมเหลานี้ทั้งหมดยอมจํานนตอคําตัดสินหรือกฎของอัลลอฮเสียกอน หลังจากนั้นจึงจะเริ่ม พัฒนาฟก ฮฺ (กฎหมาย) เพื่อ ใหสอดรั บกับความต องการที่กํ าลัง เกิ ด ขึ้ น ที่แ ท จ ริ ง และช ว ยกั นหาทางแก ทางออก7จากคําพูดของทานนี่เองทําใหบางคนสรุปความเขาใจออกมาวา ทานซัยยิดกุฏบ ไมใหความสําคัญ กับฟกฮฺอิสลาม และปลอยเลยตามเลย ทั้ง ๆ ที่ความจริงแลว หากทานใดที่วางตัวเปนกลางแลวศึกษาคําพูด ของท า นซั ย ยิ ด กุ ฏ บ พร อ มกั บ ทํ า ความเข า ใจอย า งละเอี ย ด ก็ จ ะพบว า ท า นเองที่ พ ยายามฟ น ฟู พั ฒ นา โดยเฉพาะอยางยิ่งฟกฮฺที่เปนมรดกตกทอดของนักวิชาการรุนเกากอน ซึ่งเปนมรดกที่ไดใหรายละเอียด เกี่ ย วกั บ ฮาลาลฮารอม เป น มรดกตกทอดที่ อ า งอิ ง อยู กั บ อั ล กุ ร อานและซุ น นะฮฺ โ ดยตรง นั บ ได ว า เป น เอกลักษณแหงยุค ซึ่งมรดกอันสําคัญนี้มุสลิมทุกคนจะตองยึดมั่นเรียนรูหากตองการที่จะเขาใจหลักการทาง กฏหมายอิสลามและนํามายึดถือยึดมั่นปฏิบัติ ซึ่งทานซัยยิดกุฏบไดกลาวไววา “ ความจําเปนในการยึดมั่น ยึดถือมาปฏิบัติ(ตามหลักการกฏหมายอิสลาม) ยังคงอยูเหนือมุสลิมทุกคนที่อาศัยอยูในสังคมญาฮีลียะฮฺ เขา จําเปนที่จะตองเคลื่อนไหวตอตานและเผชิญหนากับสังคมญาฮีลียะฮฺ เพื่อฟนฟูระบบอิสลามขึ้นมาใหได” 8
เมื่อการยึดมั่นตอหลักการทางกฏหมายอิสลาม ( )ﺍﻷﺣﻜﺎﻡ ﺍﻟﺸﺮﻋﻴﺔเปนเรื่องจําเปนที่จะตองปฏิบัติ การเรียนรูการใหความสําคัญและการสอนฟกฮฺก็เปนสิ่งจําเปนดวยเชนกัน และความจําเปนนี้ก็จะเดินควบคู ไปกับความพยายามในการสรางสังคมอิสลามและการนํากฎหมายของอัลลอฮกลับคืนมาสูโลก ซึ่งก็ไมมี อะไรที่ขัดแยงกันแตอยางใด
7 8
.
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมไดจากหนังสือ . ﻛﺘﺎﺏ ) ﺍﻹﺳﻼﻡ ﻭﻣﺸﻜﻼﺕ ﺍﳊﻀﺎﺭﺓ ( ﻟﺴﻴﺪ ﻗﻄﺐ 21 ﺹ13 ﰲ ﻇﻼﻝ ﺍﻟﻘﺮﺁﻥ ﺟـ
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
24
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ประเด็นปญหาที่ 2 รูปแบบการเรียนการสอนฟกฮฺ จึงไมตองสงสัยเลยวาระหวางรูปแบบการจัดการเรียนการสอนฟกฮฺตามวิธีการของมัซฮับและ รูปแบบของซะละฟยจะตองมีขอแตกตางกันอยางแนนอน แตเราก็เชื่อวาประเด็นความแตกตางนี้นี่เองที่ พวกที่ออกนอกลูนอกทางกลับนํามาเปนประเด็นใหญ เกินความเปนจริงจนถึงขนาดบางครั้งถึงขนาดนําไปสู การกลาวหาซึ่งกันและกันวาเปนกาเฟรหรือหลงผิด และเราเองก็เชื่อมั่นวาการที่มีฟกฮฺและมีแคเพียงบทบาท อยูแคกับวิถีชีวิตของมุสลิม ทุกอยางจะไมสมบูรณ แตจะสมบูรณครบถวนไดก็ตอเมื่อฟกฮฺเขามาอยูภายใต รัฐอิสลาม ฉะนั้นความพยายามในการกอตั้งรัฐอิสลามจึงเปนประเด็นหลักสําหรับมุสลิม สวนความแตกตาง ในการแลกเปลี่ยนเรียนรูวิชาฟกฮฺของทั้งสองสํานัก ทั้งของมัซฮับและของซะละฟยะฮฺ จะตองอยูในกรอบ การแลกเปลี่ยนเรียนรูอยางฉันพี่นอง เพื่อใหสามารถเขาถึงผลที่ดีที่สุด สวนการที่มุสลิมปลอยใหศัตรูเขามา หลอกลวงถอนตัวออกมาจากหลักกฎหมายอิสลามที่มีอยูทั้งหมด แลวหันมาทะเลาะกันเอง ดวยการทุมเท พละกําลังออกไปอยางไมรูทิศทาง การกระทําดังกลาวไมมีอะไรเปนประโยชนกับอิสลามเลย ไมมีใครได ประโยชน เพราะหากฝายหนึ่งฝายไดชนะ ชัยชนะที่ไดก็ไมไดเกิดผลอันใดตอฟกฮฺอิสลามมี ไมไดชวยให ชีวิตการเปนอยูของมุสลิมสามารถเอาชนะกฎหมายของกาเฟรที่จัดตั้งขึ้นได เราเองควรจะยอมรับวา ทั้งสอง รูปแบบทั้งสองวิธีการ (ทั้งวิธีการของมัซฮับและของซะละฟยะฮฺ) ลวนแลวแตเปนที่ยอมรับและมีประโยชน ทั้งสอง แตนั่นก็หมายความวาฟกฮฺของมัซฮับจะตองยืนยันไดวาหลักการทั้งหมดไมไดเปลี่ยนหรือหันเห ออกไปจากความเขาใจที่ไดมาจากอัลกุรอานและซุนนะฮฺ แตเปนเพียงการเพิ่มเติมในรายละเอียดปลีกยอย เทานั้น ในสวนที่เปนฐานหลักหรือหลักการที่มาจากอัลกุรอานและซุนนะฮฺนั้นก็จะยังคงอยู เจาสํานักซะ ละฟยะฮฺก็เชนกัน เขาจะตองตระหนักเสมอวาความเขาใจในการตีความอัลกุรอานและซุนนะฮฺที่แตกตางกัน นั้นเปนเรื่องที่เกิดขึ้นจริง และเปนไปไมไดที่จะใหทุกคนมีความเขาใจที่เปนไปในทิศทางเดียวกันหมด และ ความสามารถของมนุษยก็เชนกัน เปนไปไมไดที่จะใหทุกคนเขาใจเหมือนกัน ดวยเหตุนี้เองจึงอนุญาตใหผูที่ ไมสามารถทําความเขาใจดวยตนเองไดใหหันไปพึ่งพานักวิชาการ พึ่งพาความเขาใจของอีหมามเหลานี้ โดยเฉพาะอยางยิ่งอีหมามเจาของมัซฮับทั้งสี่ ซึ่งเปนผูรูเจาของมัซฮับที่เปนที่ยอมรับของประชาชาติ หรือจะ เปนผูรูทานอื่น ๆ นอกเหนือจากอีหมามทั้งสี่ที่เปนครอบครัวของทานนบี หรือนักวิชาการในยุคซอฮาบะฮฺ หรือตาบิอีน หากปรากฏเปนที่ชัดเจนแลววาทัศนะนั้นๆ เปนทัศนะที่ไดรับการถายทอดมาจากทานจริง เราเองจึงเห็นวากรอบการทํางานเพื่ออิสลามจําเปนที่จะตองครอบคลุมสานุศิษยของทั้งสองสํานัก เพื่อสรางความรักความเขาใจ สรางความเชื่อมั่นใหเกิดขึ้น จะตองหมายรวมทุกกลุมเขาทั้งหมดเพื่อใหการ เคลื่อนไหวครั้งใหญทุกคนจะไดมุงหนาไปในทิศทางเดียวกันในการตอสูกับศัตรูของอิสลาม ดวยเหตุนี้เอง เราจึงตองมาปรับเปลี่ยนในเรื่องดังตอไปนี้ คือ การเรียนการสอนฟกฮฺอิสลามตามแนวทางของมัซฮับทั้งสี่เปนเรื่องที่ถูกตอง แตเราเองจะตองเตือน ตัวเองเสมอวา ทัศนะตาง ๆของมัซฮับจะตองอางอิงมาจากอัลกุรอานและซุนนะฮฺ ผูเรียนจะตองศึกษาทํา ความเข า ใจทั ศ นะของมั ซ ฮั บ อื่ น ๆ ด ว ยหากสามารถกระทํ า ได นั่ น ก็ เ ป น เพราะว า ทั ศ นะอื่ น ๆ ที่ ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
25
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
นอกเหนือไปจากทัศนะของมัซฮับทั้งสี่ ก็ถูกตองเชนกัน หากเปนไปไดก็สามารถที่จะเปลี่ยนไปตามทัศนะ เหลานี้ดวยหากพบวาหลักฐานอางอิงที่นํามาประกอบนั้นเปนที่นาพอใจ (ซึ่งเจาของมัซฮับเองนั้นพอใจอยู แลว) โดยเฉพาะอยางยิ่งเมื่อคราวจําเปน การที่นักเผยแพรศาสนาใสใจที่จะมาพิจารณาในสวนของความ คิดเห็นที่แตกตางในเรื่องที่เปนประเด็นเดียวกัน จะยิ่งทําใหผูคนรูสึกผอนคลายและยืดหยุนไดมากกวากับ การที่จะหยิบยื่นทัศนะใหแคเพียงทัศนะเดียว อีกทั้งยังไปเรียกทัศนะอื่น ๆที่ตางออกไปวาเปนความหลงผิด ก็มีแตจะสรางความราวฉานใหเกิดขึ้นระหวางกัน ซึ่งไมมีอะไรดีเลย การเรียนการสอนวิชาฟกฮฺโดยตรงจากคัมภีรอัลกุรอานและซุนนะฮฺนั้นเปนเรื่องที่ถูกตองและเปน บัญญัติดวยเชนกัน และนั่นคือที่มาหลัก แตการเรียนรูผานทัศนะของผูรูหรือนักวิชาการ ผานมัซฮับตางๆ ก็ เปนเรื่องจําเปนกวา เพราะจะทําใหสามารถเขาใจตัวบทไดดียิ่งขึ้น และยิ่งจะเปนเรื่องจําเปนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับนักเผยแพรศาสนา ( )ﺍﻟﺪﺍﻋﻲที่ตองทํางานกับกลุมชนมุสลิมเปนผูปฏิบัติตามแนวทางของมัซฮับ ใดมัซฮับหนึ่ง ประเด็นปญหาหลักของนักเผยแพรศาสนาไมไดอยูที่การนําพาผูคนออกมาจากการปฏิบัติตาม ทัศนะหนึ่งไปยังอีกทัศนะหนึ่งซึ่งเกี่ยวกับปญหาปลีกยอยทางกฎหมาย แตที่ตองกระทําคือการนําพาผูคน ออกมาจากความพอใจกับกฎหมายซึ่งมนุษยสรางขึ้นมาเอง แลวนําพาพวกเขาเพื่อใหออกมาตอสูเพื่อให กฎหมายของอัลลอฮเกิดขึ้นในสังคม ฉะนั้นจึงไรประโยชนหากจะขอใหผูคนละทิ้งการปฏิบัติตามทัศนะ ของมัซฮับ แลวหันมาสรางใหพวกเขาสามารถศึกษาคนควาดวยตนเอง โดยใหเหตุผลวาหลักการทั้งหมด ลวนแลวแตมาจากอัลกุรอานและซุนนะฮฺ ซึ่งเขาก็รูอยู (และเปนเรืองที่จําเปนจะตองรูดวย) หรือดวยเหตุผล ที่วา หลักฐานอางอิงตางๆ ที่ใชอางอิงลวนแลวแตมาจากความเขาใจอัลกุรอานและซุนนะฮฺ เมื่อเปนเชนนั้นก็ ไมมีขอหามที่จะมีอีกความเขาใจหนึ่งที่ตางออกไป และทัศนะตาง ๆของแตละมัซฮับ อยางนอยที่สุดจะตอง มีอีกหลากหลายความเขาใจซึ่งแตละความเขาใจก็จะมีหลักฐานประกอบทั้งหมด จะเปนการดียิ่งหากผูที่ทํางานเพื่ออิสลามหรือผูที่ทําหนาที่เรียกรองเชิญชวนศาสนาของอัลลอฮ สามารถที่จะพิจารณาศึกษากฎหมายอิสลามและหลักฐานยืนยันทั้งหมด และหากสามารถที่จะจัดสัมมนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหวางกันได โดยเฉพาะในเรื่องของปญหาที่มีความคิดเห็นที่แตกตางกัน โดยยึด มั่นบนพื้นฐานของความรักและความผูกพันตอกัน ก็จะเปนเรื่องที่ดีเยี่ยม การจัดประชุมสัมมนาจะชวยใหวิสัยทัศนของแตละคนกวางไกลออกไปไดมากยิ่งขึ้น บางครั้งอาจ รวมทัศนะที่แตกตางกันใหมาเปนเอกภาพได แตคงจะไมใชเปนทัศนะที่เปนหนึ่งเดียวสําหรับมุสลิมทั้งหมด
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
26
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ประเด็นปญหาที่ 3 ฟกฮฺอิสลามเพื่อการปฏิบัติที่ทันกับยุคสมัย และฟกฮฺที่มีการเปลี่ยนแปลง การปฏิบัติการแบบอิสลามในรูปแบบที่ทันสมัย มีวัตถุประสงคเพื่อการสรางสังคมอิสลามและรัฐ อิสลามขึ้นมาใหม ประเด็นนี้จะยังคงเปนประเด็นหลัก เปนวายิบในระดับตน ๆ ที่จะตองปฏิบัติสําหรับวิถี ชีวิตของมุสลิมทุกคน เพราะเรื่องนี้เปนหนาที่ที่เปนบัญญัติทางศาสนาที่สําคัญ เพราะหากประเด็นนี้ประสบ ความสําเร็จเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องของกฎหมายอิสลามก็จะบรรลุกิจไปดวย แตหากประเด็นหลักนี้ยังไม ประสบความสําเร็จกฎหมายอิสลามก็จะยังคงเปนเรื่องไกลตัวอีกตอไป การที่มุสลิม นักวิชาการ ขบวนการตาง ๆไดทุมเทความพยายามเพื่อกอตั้งรัฐอิสลามขึ้นมา และ ความพยายามอันนี้ถูกตัดสินวาเปนขอบัญญัติทางศาสนา ไมวาจะดวยการกําหนดระดับขั้นตอน รูปแบบ หรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวของ ก็ลวนแลวแตเปนเรื่องของฟกฮฺ แตเปนเรื่องที่นักวิชาการอิสลามของเราในยุค สมัยที่ผานมาไมไดกลาวถึงไว (อาจจะเปน)เพราะวาในยุคสมัยของทานเรื่องนี้ประเด็นนี้ยังไมเปนที่ตองการ (เพราะสภาพสังคมที่ตางออกไปจากปจจุบัน) และสิ่งนี้นี่เองที่ทานซัยยิดกุฏบเรียกวา “ฟกฮุลฮะรอกะฮฺ” หมายถึงวิชาฟกฮฺที่ขยับขับเคลื่อนได ซึ่งก็ตรงกันขามกับคําวา “ฟกฮุลเอารอก”ซึ่งหมายถึงฟกฮฺที่เปนเพียง ขอความในกระดาษ แตไมไดหมายถึงหนังสือฟกฮฺที่เปนมรดกตกทอดอยางที่หลายคนเขาใจ แตหมายถึง บางส ว นของฟ ก ฮฺ นั้ น ยั ง คงเป น แค คํ า พู ด ที่ อ ยู ใ นหน า กระดาษ ที่ ไ ม ส ามารถนํ า มาสู ก ารปฏิ บั ติ ใ น ชีวิตประจําวันได สวนฟกฮฺที่เกี่ยวกับฮาลาลฮารอมที่มีการนําใชในชีวิตประจําวันของบุคคลนั้น ทานก็ไมได เรียกวา ฟกฮฺในหนากระดาษ และทานเองก็พยายามเรียกรองใหมีการนํามายึดมั่นและถือปฏิบัติดวยเชนกัน และสิ่งที่ผูทําหนาที่เพื่ออิสลามจะตองเรียนรูใหมากในยุคนี้เวลานี้ คือหลักการหรือขอกฏหมายที่ จําเปนสําหรับยุคปจจุบัน ไมวาจะเปนในเรื่องของระดับความสัมพันธระหวางอิสลามกับกลุมศาสนิกอื่น ๆ ซึ่งในเรื่องนี้จะประกอบไปดวยหลักการหรือขอปฏิบัติเกี่ยวกับ เรื่องของความมั่นคง เรื่องของการทําศึก สงคราม เรื่องของการทําพันธสัญญาตาง ๆ และอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อใหอิสลามสามารถดําเนินไปไดอยาง ราบรื่น และมีหลักการที่ชัดเจน ความเขาใจในวิชาฟกฮฺในลักษณะนี้ไมมีอะไรแตกตางไปจากฟกฮฺอิบาดะฮฺ ฟกฮฺมุอามะลาต ทุกบททุกเรื่องของฟกฮฺ ก็จะเปนเรื่องที่เรียกวาฟกฮฺ ตักลีดีย ( )ﺍﻟﻔﻘﻪ ﺍﻟﺘﻘﻠﻴﺪﻳﺔและฟกฮฺที่ เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็เปนสวนหนึ่งของฟกฮฺตักลีดะยะฮฺดวยเชนกัน ซึ่งที่ผานมาในอดีตผูเชี่ยวชาญ (ฟุกอฮะฮฺ) ของเราไดพยายามศึกษาคนควาในกรอบสถานการณสภาพแวดลอมของพวกเขาเทานั้น ซึ่งปจจุบันจําเปนที่ จะตองกลับมาทบทวนศึกษาคนควาหาคําตอบใหเหมาะสมกับกรอบสภาพแวดลอมที่ทันกับยุคทันกับสมัย ตามสภาพปจจุบันของพวกเรา แตความจริงแลวทั้งฟกฮฺที่เปนมรดกตกทอดและฟกฮฺที่เปนฟกฮฺที่ขยับเขยื้อนไดตางก็เปนที่ตองการ ของพวกเราทั้งหมด แตฟกฮฺที่เปนแคขอเขียนที่ปรากฏอยูในกระดาษไมไดมีการนํามาใชปฏิบัติ ตางก็เห็น พองตองกันวาเปนเรื่องที่รับไมได เพราะไมเกิดประโยชน นั่นมันเปนฟกฮฺที่เรียกวาเปนสมมุติฐาน ซึ่งอี หมาม ๆ ของพวกเราเคยปฏิเสธมาแลว ถึงขนาดวา หากมีคนถามปญหาหนึ่งซึ่งยังไมเกิดขึ้น ก็ใหปลอยไว
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
27
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
อยางนั้น จนกวาปญหาจะเกิด และประเด็นในลักษณะนี้มันเกิดขึ้นจริงแลวในสังคมอิสลาม เมื่อเกิดขึ้นแลว เราจะเพิกเฉยไมสนใจที่จะหาคําตอบ ทั้งๆ ที่เปนประเด็นที่สําคัญอันดับตน ๆสําหรับอิสลาม ประเด็นปญหาที่ 4 ลักษณะพิเศษที่สําคัญและความครบถวนสมบูรณของฟกฮฺอิสลาม ความสมบูรณครบถวนของฟกฮฺอิสลามสามารถที่จะแกปญหาของมุสลิมทั้งของสวนบุคคลและ สั ง คมได ทั้ ง หมด เพราะฟ ก ฮฺ อิ ส ลามคื อ ผลแห ง ความสมบู ร ณ ข องอิ ส ลามทั้ ง ระบบ การที่ ฟ ก ฮฺ จ ะให ความสําคัญในดานใดดานหนึ่งจึงไมไดเปนสิ่งตองหามแตอยางใด หากมุสลิมจําเปนและมีความตองการใน ดานนั้น ๆ มากวาดานอื่น ๆ แตการที่จะไปปลอยปละละเลยโดยไมใหความสําคัญเลยนั้นไมได ดังนั้นการที่ เราพบวาในประวัติศาสตรอิสลามที่ผานมามีการใหความสําคัญกับเรื่องของอีบาดะฮฺมากกวาดานอื่น ๆ เพราะสถานการณในยุคนั้นตางเปนที่รูกัน แตเปนเรื่องที่ไมถูกตองหากจะใหพวกเราละเลยในประเด็นอื่น ๆ ของฟกฮฺ ทางที่ดีในยุคนี้สมัยนี้สิ่งที่ตองพัฒนาก็คือเรื่องของฟกฮฺฮะรอกะฮฺ (ฟกฮฺที่เปนการปฏิบัติที่สามารถ ขยับเขยื้อนได)จึงจะเหมาะสมกับยุคของเราในปจจุบัน โดยพัฒนาไปพรอมๆ กับฟกฮฺอิบาดะฮฺ ความจริงแลวฟกฮฺอิสลามเปนความตระหนักเบื้องตน และฟกฮฺ ดังที่ไดกลาวมาแลว วา หมายถึง ประมวลหลักการทางศาสนบัญญติ(กฎหมายอิสลาม) ที่มุสลิมทุกคนจะตองถือปฏิบัติในชีวิตประจําวัน นั่นก็ หมายความวา ฟกฮฺไมใชสมมุตฐานทางวิชาการ ขอเท็จจริงเกี่ยวกับวิชาฟกฮฺอิสลามนั้นเปนสมมุติฐานที่ กําหนดขึ้นมาเพื่อใหรายละเอียดเกี่ยวกับหลักการทางศาสนาในทุกเรื่องทุกปญหาที่เกิดขึ้น และปญหาที่ สําคัญที่สุดของมุสลิมในปจจุบันก็คือความพยายามที่จะการปกครองแบบอิสลามกลับคืนมาใหม ฉะนั้นจึง จําเปนที่จะตองใหรายละเอียดเกี่ยวกับฟกฮฺที่เปนความรูความเขาใจในเรื่องของกฏหมายอิสลามที่ใชสําหรับ ตัดสินในเรื่องที่พวกเขากําลังพยายามอยูในขณะนี้ แทจริงแลวความครบถวนสมบูรณของฟกฮฺอิสลามและขอเท็จจริงทั้งหมดของฟกฮฺอิสลามที่มีอยู ในทุกวันนี้ควรจะเปนความรับผิดชอบทั้งสองดาน ทั้งฟกฮฺในสวนที่เปนมรดกตกทอดและฟกฮฺที่ตองมีการ ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว เพราะทั้งสองดานลวนแลวแตมีความสมบูรณอยูในตัวแลวทั้งหมด จึงไมควรที่จะละ ทิ้งดานใหดานหนึ่ง แลวหันไปใสใจแตเพียงดานเดียว และในสวนของนักเผยแพรอิสลามหากเขาไมมีความ เขาใจเกี่ยวกับฟกฮฺอิสลามแลว ก็เหมือนคนเดินทางที่เดินไปในทะเลทรายโดยไมมีเสบียงไปกับตัว และ ผูเชี่ยวชาญดานวิชาฟกฮฺที่ไมมีสวนรวมกับพี่นองของเขาในการรับภาระอันหนักหนวง ในการที่จะกูรัฐอิส ลาใหคืนกลับมา (ทั้ง ๆ ที่ตัวเองรูดีวานั้นคือหนาที่ที่ตองปฏิบัติ) เขาก็จะไมสามารถเปนแบบอยางที่ดีใหกับ โลกของผูที่ทํางานเพื่ออิสลามได
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
28
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
แนวทางการนําเสอนของหนังสือเลมนี้ แนวทางการนําเสนอของเราในหนังสือเลมนี้ จะเปนแนวทางเฉพาะโดยจะยึดถือหลักการตาม แนวทางดังตอไปนี้ คือ 1.ยึดถืออางอิงตามพระมหาคัมภีรอัลกุรอานและซุนนะฮฺเทาที่สามารถจะกระทําได เพื่อใหหลักการ ทางศาสนบัญญัติหรือกฎหมายอิสลามเชื่อโยงกับที่มาหลักไดอยางตอเนื่อง และเพื่อใหผูที่ประสงคจะเรียนรู ในหลักฐานสามารถยึดถือปฏิบัติไดอยางมัน่ ใจ 2. เราจะกลาวถึงทัศนะที่สําคัญ ๆ ในประเด็นปญหาที่นักวิชาการเห็นตางกัน โดยเราจะยึดถือเอา ทัศนะที่มีหลักฐานยืนยันที่ชัดเจนและจะสนับสนุนความคิดเห็นในลักษณะนี้ดวย แตเราก็จะนําทัศนะอื่น ๆ มานําเสนอดวย ซึ่งอาจจะนําเสนอมาในรูปของขอมูลทั่วไปในหนาเดียวกัน หรืออาจจะนําเสนอไวเปน เชิงอรรถทายหนา 3. เราจะนําเอาทัศนะของมัซฮับทั้งสี่มากลาวถึงใหไดมากที่สุด หากสามารถกระทําได เพื่อใหผูที่ ประสงคจะยึดถือตามแนวทางของมัซฮับเหลานี้ไดรับประโยชนจากหนังสือเลมนี้ดวย 4. บางครั้ง (แตอาจจะไมบอยนัก) เราก็จะนําทัศนะของอิ่หมามทานอื่นๆ นอกเหนือจากอีหมามทั้งสี่ มากลาวถึง พรอมกับระบุวาทัศนะของทานใดมีน้ําหนักในความถูกตองมากวา และสามารถที่จะปฏิบัติตาม ได แมวาจะไมใชอีหมามทั้งสี่ก็ตาม 5. เราจะพยายามใหหนังสือเลมนี้เปนตําราเบื้องตนสําหรับผูที่ทํางานเกี่ยวกับอิสลามที่เริ่มเรียน เกี่ยวกับฟกฮฺ เพื่อใหแนวคิดหลัก ๆ ที่เราไดกลาวถึงมาแลวในบทนําบรรลุผล ซึ่งอาจจะเปนไปไดวาการ เรียนการสอนอาจจะทํากันในรูปแบบของการเรียนรูของผูเริ่มเรียนที่เรียนกันเปนกลุม เปนชวงเปนตอน ไม วาผูสอนจะเปนผูสอนแบบมัซฮับหรือแบบสะละฟย ซึ่งผูที่เรียนรูหนังสือเลมนี้แลว สามารถที่จะขยับไป เรียนรูหนังสือฟกฮฺเลมอื่น ๆ ที่สามารถเปดหูเปดตาใหมีความเขาใจมากยิ่งขึ้น เพื่อจะไดไมออกนอกลูนอก ทาง เพื่อที่จะไดผอนคลายยืดหยุนได และหากเราประสบความสําเร็จไดก็นับไดวาเปนความชวยเหลือ จากอัลลอฮอยางแทจริง แตหากขอใดเปนความผิดพลาด เราหวังเปนอยางยิ่งวา เราจะไดรับการอภัยโทษจาก พระเมตตาธิคุณแหงอัลลอฮ เพื่อพระองคจะทรงใหอภัยในความผิดพลาดของเรา .ﻭﺼﻠﻰ ﺍﷲ ﻋﻠﻰ ﺴﻴﺩﻨﺎ ﻤﺤﻤﺩ ﻭﻋﻠﻰ ﺁﻟﻪ ﻭﺼﺤﺒﻪ ﻭﺴﻠﻡ
ผูแตง / / ญามาดิลอูลา 1405 ฮ. ตรงกับ กุมภาพันธ 1985
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
29
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
คําอธิบายศัพท คําวา “ ﺃﻭ ﻣﺘﻔﻖ ﻋﻠﻴﻪ، ”ﺭﻭﺍﻩ ﺍﻟﺸﻴﺨﺎﻥหมายถึง บุคอรียและมุสลิม ฮาดิษที่บันทึกโดยผูเ ชี่ยวชาญทั้ง สองนับวาเปนฮาดิษที่มีน้ําหนักของความถูกตองเปนอันดับหนึ่ง คําวา “ ”ﺭﻭﺍﻩ ﺍﳉﻤﺎﻋﺔหมายถึงกลุมนักบันทึกฮาดิษ ซึ่งประกอบดวย บุคอรีย มุสลิม อาบูดาวุด ตัรมี ซีย อัลนะซาอียและ อิบนุมายะฮฺ คําวา “ ”ﺭﻭﺍﻩ ﺃﺻﺤﺎﺏ ﺍﻟﺴﻨﻦหมายถึง ผูบันทึกฮาดิษที่ประกอบดวย ทานอาบูดาวุด อัตตัรมีซีย อับนะ ซาอีย และอิบนุมายะฮฺ คําวา “ ”ﺭﻭﺍﻩ ﺍﳋﻤﺴﺔหมายถึงผูบันทึกฮาดิษที่ประกอบดวยทานอาบูดาวุด อัตตัรมีซีย อัลนะซาอีย อิบ นุมายะฮฺ และทานอะหมดั อิบนุฮัมบัล
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
30
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
บทที่ 1 ศาสบัญญัติความสะอาด หมวดที่ 1 หลักการเกี่ยวกับน้ํา 1) น้ําแบงออกเปน 4 ประเภท 1. น้ําทั่วไป( )ﺍﳌﺎﺀ ﺍﳌﻄﻠﻖเชน น้ําฝน น้ําที่เกิดจากตาน้ํา น้ําจากหนอง คลอง บึง น้ําทะเล น้ําเหลานี้เปน น้ําที่สะอาดสามารถนํามาใชทําความสะอาดสิ่งอื่นๆ ได 2. น้ําที่ใชแลว ( )ﺍﳌﺎﺀ ﺍﳌﺴﺘﻌﻤﻞคือน้ําที่ผานการชําระลางอวัยวะของผูอาบน้ําละหมาด หรือผูที่อาบน้ํา โดยที่ไมมีสิ่งโสโครกที่เปนนายิสอื่นปะปนมา น้ําประเภทนี้นักวิชาการเห็นตรงกันวาเปนน้ําสะอาดแต นักวิชาการสวนใหญ(ุมฮูร)ใหทัศนะไววาจะใชทําความสะอาดสิ่งอื่นไมได 3. น้ํา ซึ่ ง ปะปนกั บ สิ่ง ที่ ส ะอาด เช น สบู น้ํา ส ม หากการปนเป อ นเป น การปนเป อนเพี ย งเล็ ก น อ ย ลักษณะของน้ํายังไมเปลี่ยน น้ําประเภทนี้เปนน้ําสะอาด และฮานาฟยไดใหทัศนะไววาสามารถใชทําความ สะอาดสิ่งอื่นได แตชาฟอียและทานมาลิกกลับใหทัศนะไววา ใชทําความสะอาดสิ่งอื่นไมได 4. น้ําที่ปนเปอนนายิส หากรส กลิ่นหรือสีเปลี่ยนไปจากเดิม ก็ใหถือวาน้ํานั้นเปนนายิส นักวิชาการมี ความเห็นตรงกันวาไมอนุญาตใหนํามาใชทําความสะอาด แตหากลักษณะเดิมของน้ําไมเปลี่ยน ทานมาลิกยัง นับวาน้ํายังเปนน้ําสะอาด ไมวาน้ําจะนอยหรือมาก แตอัลอะฮฺนาฟ (มัซฮับฮานาฟย) ใหทัศนะวาน้ําประเภท นี้ใชทําความสะอาดไมได แตทานชาฟอีย กลับบอกวาหากน้ํามีปริมาณครบ 2 กอลอฮ9 พื้นที่ของพาชนะใส น้ําจะตองปริมาณกวางยาวและลึกอยางนอย 60 ซ.ม. โดยประมาณ 2) น้ําที่เหลือในพาชนะหลังดื่ม 1. น้ําที่เหลือในพาชนะหลังการดื่มของคน ไมวาผูดื่มจะเปนใคร เปนกาเฟรหรือมุสลิม เปนคนที่มียู นุบ หรือสตรีที่มีประจําเดือน จัดวายังเปนน้ําสะอาด น้ําที่เหลือจากแมวหรือสัตวกินเนื้อดื่มก็เปนน้ําที่สะอาด ,น้ําที่เหลือจากการดื่มของมา ลา ลอ หรือ สัตวดุราย หรือสัตวปก ก็นบั วายังเปนน้ําสะอาด ยกเวนทัศนะของ ฮานาฟย ที่เห็นวาเปนน้ําไมสะอาด สวน น้ําที่เหลือจากการดื่มของสุนัข หรือสุกรนักวิชาการทุกคนเห็นตรงกันวาเปนนายิส
9
มีน้ําหนักเทากับ 63 ปอนด หรือ 157.5 กิโลกรัม
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
31
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หมวดที่ 2 นายิสและการชําระลาง นายิส หมายถึงสิ่งสกปรกโสโครกที่มุสลิมจําเปนตองชําระลางหากมีการสัมผัส ประเภทของนายิส 1. ปสสาวะ อุจาระของมนุษย ปสสาวะและมูลของสัตวที่ไมกินเนื้อสัตวอื่นเปนอาหาร สวนมูลของ สัตวที่กินเนื้อสัตวเปนอาหาร มัซฮับฮานาฟย ชาฟอยี ใหความเห็นวาเปนนายิส สวนมากียะฮฺและฮานาบิละฮฺ กลับเห็นวาไมเปนนายิส 2.น้ําเมือก(มะซีย)ที่เกิดจากการมีอารมณทางเพศ 3.น้ําสีขาวที่ออกมาพรอมกับน้ําปสสาวะ 4. เลือดที่ไหลริน หากมีบริมาณนอย ก็ไมเปนไร(อนุโลม) ตามทัศนะของชาฟอีย หากเปนเลือดที่มา จากตัวริน้ หรือยุงนั้นไมเปนไร (อนุโลม) หากเลือดที่เห็นมีจํานวนเพียงเล็กนอย (ไมตอ งชําระลาง) 5.สุนัขและสุกร 10 6. อาเจียน 7. ซากสัตวที่ตายโดยไมไดเชือด ยกเวนซากของมนุษย ปลาและตั๊กแตน หรือสัตวที่ไมมีเลือดไหล ริน การชําระลางนายิส เมื่อรางกายหรือเสื้อผาเครื่องนุงหมของเราสัมผัสกับนายิส วายิบตองชําระลางทําความสะอาด หาก เปนนายิสที่มองเห็นก็ใหทําความสะอาดชําระลางตัวนายิสใหหมดไป หากเปนนายิส ที่มองไมเห็นจะตอง ชําระลางที่ที่ถูกนายิส จนกระทั่งรูสึกวาสะอาดแลว สวนพาชนะที่สุนัขเลีย วายิบใหชําระลางเจ็ดครั้ง หนึ่ง ในเจ็ดตองเปนน้ําที่ผสมกับดิน(คําวาเลียในที่นี้หมายถึงการแหยลิ้นลงไปในน้ําหรือในของเหลวชนิดอื่น ๆ ) ในกรณีที่สุขันมาสัมผัสกับหรือถูกับตัวของมนุษย ก็ใหทําความสะอาดตามปกติ11 สวนนายิสที่มีปริ มาณเพียงเล็กนอยนั้นอนุโลมใหไมตองชําระลาง ซึ่งสัมผัสแลวไมรูสึกตัว เชน เลือดหรืออาเจียนเพียง เล็กนอย สวนน้ําปสสาวะของทารกที่ยังไมรับประทานอาหารอื่นนอกเหนือจากนมมารดา การทําความ สะอาด ใหประพรมน้ําในบริเวณที่ถูก โดยไมตองลางแตอยางใด
10
สุนัข นักวิชาการทุกคนเห็นตองกันวาเปนนายิส โดยมีหลักฐานจากฮาดิษที่วา “ ﺇﺫﺍ ﻭﻟﻎ ﺍﻟﻜﻠﺐ ﰲ ﺇﻧﺎﺀ ﺃﺣﺪﻛﻢ ﻓﻠﻴُﺮﻗﹾﻪ ﰒ ﻟﻴﻐﺴﻠﻪ ﺳﺒﻊ ﻣﺮﺍﺕ ( ﺭﻭﺍﻩ
. ”ﻣﺴﻠﻢน้ําลายของสุนัขเปนนายิส น้ําลายเปนสวนหนึ่งของปาก เมื่อน้ําลายเปนนายิส สุนัขเองก็เปนนายิส 11
ตามทัศนะของยุมฮูร แตสําหรับมาลิกียะฮฺและฮานาฟย ไมตองลางทําความสะอาดแตอยางใด เพราะรางกายของสุนัขในทัศนะของพวกเขาไม เปนนายิส
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
32
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
มารยาทในการขับถาย เมื่อมุสลิมตองการขับถายควรปฏิบัติดังนี้ 1.ไมควรมีเครื่องมือเครื่องใชที่มีพระนามของอัลลอฮติดตัวขณะขับถาย ยกเวนวากลัวจะสูญหาย 2.ใหกลาววาบิสมิลละฮฺและอะอูซุบิลละฮฺขณะเขาหองสุขา และใหระงับการพูดหลังเขาหองสุขา 3. ไมหั นหนาหรื อหั นหลังไปทางกิบลัตขณะขับถาย มุสลิมควรตระหนั กในเรื่องนี้ ขณะสราง หองน้ําภายในบานควรระมัดระวังในเรื่องนี้ 4.ไมควรขับถายในทางเดิน ในรมไมและควรขับถายใหไกลจากคอกสัตว 5. ไมควรยืนถายปสสาวะ นอกเสียจากวาถายแลวจะไมกระเซ็นไปยังที่อื่น 6.ควรทําความสะอาดอวัยวะขับถายดวยน้ําหรือของแข็งที่ไมใชสิ่งที่เปนที่เคารพ (เชนกระดูก) การ ทําความสะอาดไมควรทําความสะอาดดวยมือขางขวา เมื่อทําความสะอาดแลวใหลางมือใหสะอาดดวยสบู หรือน้ํายา หากสามารถกระทําได 7. เมื่อตองกาวเขาหองน้ํา ควรเริ่มดวยเทาซายอานดุอาวา “ ﺍﻟﻠﻬ ّﻢ ﺇﱐ ﺃﻋﻮﺫ ﺑﻚ ﻣﻦ ﺍﳋﺒﺚ ﻭﺍﳋﺒﺎﺋﺚ ، ”ﻭﺃﻋﻮﺫ ﺑﻚ ﺭﰊ ﺃﻥ ﳛﻀﺮﻭﻥเมื่อตองการออกจากหองน้ําใหเริ่มดวยเทาขวา และอานดุอาวา “”ﻏﻔﺮﺍﻧﻚ
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
33
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
กิจกรรม การทําความสะอาด 1. อะไรคือกรอบของการตัดสินวาน้ําเปนน้าํ สะอาดหรือน้าํ ไมสะอาด ? 2. ตัวบทในซูเราะฮฺอัลอันอาม มีการกลาวถึงนายิสไวหลายประเภท มีอะไรบาง ? ในกรณีที่นายิส ปะปนกับน้ําถึงขนาดทําใหนา้ํ เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติเดิม ควรปฏิบัติอยางไร 3. เหตุการณทอี่ าหรับเบดุอินถายปสสาวะในมัสยิด มีขอตัดสินอยางไร ? โดยยึดหลักการวิเคราะห วา “ปสสาวะของมนุษยเปนนายิสหรือไมอยางไร ? มีวธิ ีการชําระลางพื้นดินที่ถูกน้ําปสสาวะไวอยางไร” 4. จงบอกหลักฐานที่ยืนยันวา สิ่งที่มนุษยขบั ถายออกมานัน้ เปนนายิส เชน น้ําปสสาวะ อุจจาระ อาเจียน และเมื่อสิ่งเหลานี้ถูกเสื้อผาหรือน้าํ ที่ไมไหล น้ําก็จะกลายเปนน้ําที่ไมสะอาด เสื้อผาก็จะสกปรก จําเปนตองทําความสะอาด 5. จงบอกหลักฐานที่ยืนยันวา หลักการทางศาสนบัญญัติหรือหลักกฏหมายของอิสลามนั้นเปนเรื่อง ที่สามารถปฏิบัติไดอยางงาย ๆ โดยพิจารณาจากสถานการณดังที่ทานนบี ไดเคยชี้นาํ ไว 2. ใหนกั เรียนทําเครื่องหมาย 9 หนาหัวขอที่ถูกตอง 1 ปสสาวะของทารกเพศชายและเพศหญิงไมเปนนายิส 2 ปสสาวะของทารกเพศชายไมเปนนายิสแตเพศหญิงเปนนายิส 3 ปสสาวะของทารกทั้งสองเปนนายิส 4 ปสสาวะของทารกเพศชายที่ยังไมรับประทานอาหารอื่น (นอกจากนมมารดาเปนอาหาร) เปนนายิส ที่เบากวาปสสาวะของทารกเพศหญิง 5 หลังจากที่ทารกรับประทานอาหารอื่นตามปกติระดับความหนักเบาของนายิสในปสสาวะจะเทากัน 6 ปสสาวะของทารกเพศชายที่ยังไมรับประทานอาหารใหทําความสะอาดดวยการประพรมน้ํา สวน ทารกเพศหญิงใหลางตามปกติ 7. จงวิเคราะหตามหลักการทางศาสนบัญญัติเกี่ยวกับน้ําตอไปนี้ โดยใหเหตุผลประกอบพรอมหลักฐาน ยืนยันที่ถูกตอง 1. น้ําที่สุนัขหรือสุกรเลีย 2. น้ําซึ่งปะปนกับปสสาวะหรือมูลของสัตวที่ไมกินเนื้อสัตวเปนอาหาร 3.น้ําซึ่งมีซากสัตวเสียชีวิตและเปอยเนาอยูขางใน ก. ใหศึกษาประเด็นตอไปนี้ เพื่อหาคําตอบ 1. ใหชวยกันคนหาแหลงที่ตั้งของบอ ที่มีชื่อวา “บอบิฏออะฮฺ” วาตั้งอยูที่ไหน และการใชน้ําจากบอ ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
34
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
มาทําความสะอาดจะไดหรือไมอยางไร ? โดยศึกษาทําความเขาใจเพิ่มเติมไดจากหนังสือ “ ”ﻓﻘﻪ ﺍﻟـﺴﻨﺔใน หัวขอเรื่อง “น้ําและประเภทของน้ํา” 2.ทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวไวในฮาดิษหนึ่งวา “ ”ﺍﻟﻤﺎﺀ ﻁﻬﻭﺭ ﻻ ﻴﻨﺠﺴﻪ ﺸـﻲﺀหลักการทางศา สนบัญญัติในฮาดิษนี้มีอะไรบาง ? 3. ใหนักเรียนทําเครื่องหมาย9หนาคําตอบที่ถูกที่สุด 1) ความหมายของฮาดิษ “ ”ﺍﻟﻤﺎﺀ ﻁﻬﻭﺭ ﻻ ﻴﻨﺠﺴﻪ ﺸﻲﺀคือขอใด o น้ํานั้นสะอาดอยูเสมอ แมวาคุณสมบัติเดิมของน้ําจะเปลี่ยนเพราะถูกนายิสไปแลวก็ตาม o น้ําจะสะอาดเสมอตราบใดที่นายิสไมทําใหคุณสมบัติอยางหนึ่งอยางใดของน้ําเปลี่ยนไป o นายิสไมสามารถทําใหน้ําเปลี่ยนสภาพได 2) เลือดประจําเดือนสะอาดหรือเปนนายิส เพราะเหตุใด ? 3) ผูที่เสื้อผาเปอนเลือดประจําเดือนควรปฏิบัติอยางไร ? 4)ในกรณีตอไปนี้มุสลิมควรปฏิบัติอยางไร ? 1.หนูตกลงในกระปองเนยแข็ง และปรากฏวามันเสียชีวิตอยูในกระปอง 2. ลูกแมวตกลงไปในกระปองน้ํามันและตายอยูในกระปอง 3. เหยียบกอนอุจจาระดวยรองเทา 4. กระจก มีด ตกลงในน้ําปสสาวะ อุจจาระหรือเลือด 5. ตองการนําหนังสัตวที่ตายแลวมาใชประโยชน
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
35
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หมวดที่ 3 เลือดประจําเดือน น้ําคาวปลาและญะนาบะฮฺ 1. เลือดประจําเดือน( )ﺍﳊﻴﺾหมายถึงเลือดรอบเดือนที่ออกมาจาก(มดลูกของ)สตรีเพศในภาวะที่ รางกายเปนปกติ ตามทัศนะของชาฟอียระยะเวลาที่นอยที่สุดของการมีรอบเดือนคือ หนึ่งคืนกับหนึ่งวัน สวนฮานะฟยก ลาววา นอยที่สุดของการมีรอบเดือนคือ 3 วัน ปกติจะมีระยะเวลาประมาณ 7 วัน ตามทัศนะ ของฮานาฟย ระยะเวลามากทีส่ ุดของการมีรอบเดือนคือ 10 วัน แตชาฟอยี เห็นวามากทีส่ ุดคือ 15 วัน เมื่อผานพนเลยเขตระยะเวลาที่นับวามากทีส่ ุดใหถือวาเปนความผิดปกติของรางกาย ซึ่งจะเรียกวา อิสฏิหาฎอฮฺ 2. น้ําคาวปลา ( )ﺍﻟﻨﻔﺎﺱหมายถึงเลือดที่ออกมาจากสตรีเพศเพราะการคลอดบุตร ระยะเวลาที่นอย ที่สุด ไมมีการกําหนดไว แตมากที่สุดประมาณ 40 วัน เพราะมีฮาดิษของทาน อุมซะลามะฮฺ ซึ่งไดบันทึกไว วา “สตรีที่มีน้ําคาวปลาตองใชเวลานานถึง 40 วัน จึงจะหมด รายงานโดยผูรายงานทั้งหาคน ยกเวนทานนะ ซาอีย แตอัชชาฟอียใหทัศนะวา เวลาที่นานที่สุดคือ 60 วัน โดยนับวา 40 วันนัน้ เปนภาวะปกติทวั่ ไปของ สตรี 3. ภาวการณมยี ุนุบของผูคนคือ หลังการมีเพศสัมพันธ หรือการหลั่งอสุจิ ไมวาจะเปนขณะนอน (ฝน)หรือขณะตื่นนอน 4.ขอปฏิบัติสําหรับผูที่มีประจําเดือนและมีน้ําคาวปลา คือไมตองถือศีลอด แตจะตองถือศีลอด ชดเชยในสวนที่ขาด และไมตองทําการละหมาด และไมตองละหมาดชดเชยละหมาดที่ขาดดวย และหาม นางและสามีของนางรวมประเวณี หามทําการตอวาฟ และแตะตองคัมภีรอัลกุรอาน หามพกพาหรืออาน นอกจากในสวนที่เปนดุอา หรือกลาว บิสมิลละฮฺ หามหยุดพักในมัสยิด แตผูที่มียนุ บุ จะหามเฉพาะการ ละหมาด สวนการถือศีลอดสามารถกระทําได กิจกรรม ขอปฏิบตั ิที่เปนที่ตองหามของผูมียนุ ุบและมีประจําเดือน 1. ผูเชี่ยวชาญเกี่ยวกับวิชาฟกฮฺบางทานใหทศั นะวา การสัมผัสคัมภีรอัลกุรอาน ไมเปนที่ตองหามแต อยางใดสําหรับผูที่มียุนุบ โดยยึดตามหลักฐาน ซึ่งหลักฐานก็เปนที่รูกนั วาทานรอซูลุลลอฮ ไดสง สารไปยังพวกกาเฟร ซึ่งในสารนั้นก็มีอายะฮฺอัลกุรอานปรากฏอยูหลายอายะฮฺ และพวกเขาก็สัมผัส สารเหลานี้ทั้งหมด จงอภิปรายในประเด็นนี้ 2. ผูที่มียุนุบหามทําการตอวาฟ มีการใชหลักฐานอางอิงจากฮาดิษของทานนบีหลายฮาดิษ พวกเขามี หลักการในการอางอิงอยางไร ? ...ระบุฮาดิษและหลักฐาน
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
36
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
3. การสัมผัสคัมภีรอัลกุรอานไมไดเปนสิ่งตองหามสําหรับผูที่มีฮาดัษเล็ก เราจะอธิบายอยางไรกับค พระดํารัสแหงอัลลอฮซึ่งมีความหมายวา “อยาไดสัมผัสอัลกุรอานยกเวนผูที่สะอาดบริสุทธิ์เทานั้น” 4. อัลลอฮทรงตรัสไววา “ ”ﻭﻻ ﺟﻨﺒﹰﺎ ﺇﻻ ﻋﺎﺑﺮﻱ ﺳﺒﻴﻞ ﺣﱴ ﺗﻐﺘﺴﻠﻮﺍใหนกั เรียนศึกษาทําความเขาใจอายะฮฺ จากหนังสือตัฟเซร โดยศึกษาทําความเขาใจเกีย่ วกับ สาเหตุของการประทานอายะฮฺ หลักการ ทางศาส นบัญญัติที่ไดรับจากอายะฮฺ โดยเฉพาะเรื่องของการเขาสูมัสยิดของผูที่มียุนบุ กิจกรรม เรื่อง เลือดประจําเดือน น้ําคาวปลาและเลือดอิสติฮาฎอฮฺ 1. ศึกษาธรรมชาติของเลือดประจําเดือน น้ําคาวปลาและเลือดอิสติฮาฎอฮฺ โดยศึกษาจากหนังสือฟกฮฺ ที่
มีอยูในหองสมุดของโรงเรียน 2. เลือดที่เปนเลือดประจําเดือนอาจจะปะปนกับเลือดที่เกิดจากภาวะผิดปกติทางรางกายของสตรี ฉะนั้น จะแยกแยะไดอยางไรวาเปนเลือดประจําเดือนหรือเลือดอิสติฮาฎอฮฺ 3. กอนที่สตรีจะเริ่มประกอบพิธีกรรมตาง ๆ ทางศาสนา นางจะตองมั่นใจกอนวาสิ้นสุดระยะของการมี ประจํ า เดื อ นแล ว ....จงบอกหลั ก ฐานที่ บง บอกเกี่ ย วกั บ เรื่ อ งนี้ และจงอธิบ ายวิ ธีที่ จ ะทํ าให มั่ น ใจได ว า ประจําเดือนสิ้นสุดแลว 4. ในกรณีที่สตรีมีเลือดไหลออกมาไมหยุด ในภาวะดังตอไปนี้จะปฏิบัติอยางไร ? ก. จะกําหนดระยะเวลาเริ่มตนและสิ้นสุดประจําเดือนไดอยางไร ? ข. เมื่อตองการละหมาดเขาจะตองปฏิบัติอยางไร ? ค. สตรีเพศจะมีน้ําคาวปลาเมื่อใด และระยะเวลาที่สั้นที่สุดและนานที่สุดกี่วัน ? (ศึกษาเพิ่มเติมได จากหนังสือฟกฮฺ) 5. อิสลามไดใหเกียรติ์ตอสตรีเพศมาตลอดแมกระทั่งในชวงที่นางมีรอบเดือน ใหนักเรียนอธิบาย เหตุการณที่เคยเกิดขึ้นกับนางในอดีตในยุคที่ยิวเรืองอํานาจวามีการปฏิบัติตอนางอยางไร โดยเฉพาะในชวง ที่นางมีรอบเดือน 6. ใหนักเรียนทําเครื่องหมาย 9 หนาการกระทําที่สามารถกระทําไดขณะที่สตรีอยูในภาวะที่มี ประจําเดือน หรือมีน้ําคาวปลา 1) อานอัลกุรอาน 2) สัมผัสหรือจับตองคัมภีรอัลกุรอาน 3) ทําละหมาด 4) ถือศีลอด ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
37
5) กลาวตัสบิฮฺ 6) รับฟงการเทศนาธรรม 7) รวมงานเลี้ยง 8) สัมผัสมือระหวางผูหญิงดวยกัน 9) เดินผานดานในมัสยิดเพื่อขามไปยังอีกฟากหนึ่ง ---------------------------------------------
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
38
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หมวดที่ 4 การอาบน้ํา การอาบน้ําในที่นี้หมายถึงการอาบน้ําชําระรางกายดวยน้ําสะอาดที่สามารถใชทําความสะอาดสิ่ง สกปรกได โดยรดน้ํ า ให เ ป ย กทั่ ว เรื อ นร า ง หลั ก ฐานที่ ยื น ยั น ว า เป น บั ญ ญั ติ ท างศาสนาคื อ พระดํ า รั ส แหงอัลลอฮที่ทรงตรัสไววา .[6 :ﻁ ﱠﻬﺭَﻭﺍ ]ﺍﻟﻤﺎﺌﺩﺓ ﺠﻨﹸﺒﹰﺎ ﻓﹶﺎ ﱠ ُ ﻥ ﹸﻜ ﹾﻨ ﹸﺘ ْﻡ ْ ﻭَﺇ
และหากพวกเจามียะนาบะฮฺ (สภาพหลังการประเวณี หรือการหลั่งอสุจิ) พวกเจาก็จงชําระ (รางกาย) ใหสะอาด 1. สาเหตุที่ตองอาบน้ําวายิบ 1) หลั่งอสุจิเพราะมีความรูสึกทางเพศไมวาจะเปนขณะนอนหลับหรือกําลังตื่น ทั้งหญิงและชาย เพราะมีฮาดิษของทานนบี ไดกลาวไววา “น้ํานั้นมาจากน้ํา” รายงานโดยมุสลิม ซึ่งอีหมามทั้งสามทาน ตางเห็นตองกัน แตในกรณีที่หลั่งอสุจิโดยไมมีอารมณทางเพศ ก็ไมจําเปนตองอาบน้ําวายิบ เชนการหลั่ง อสุจิเพราะอาการปวย หรือหนาวเย็น ทานอีหมามชาฟอียกลับใหทัศนะไววา จําเปนตองอาบน้ําละหมาดทุก กรณีที่หลั่งอสุจิ ไมวาจะมีอารมณเพศหรือไมมีก็ตาม 2) หลังการรวมประเวณี แมวาจะไมมีการหลั่งอสุจิก็ตาม เพราะทานนบี ไดกลาวไววา “เมื่อเขา มานั่งทางแยกของนางทั้งสี่ จากนั้นอวัยวะทั้งสองสัมผัสกัน ก็วายิบใหอาบน้ํา” รายงานโดยอะหฺมดั มุสลิม และอัตตัรมีซีย 3)เมื่อสิ้นสุดการมีรอบเดือนหรือการมีน้ําคาวปลาของสตรีเพศ อัลลอฮทรงตรัสไวในอัลกุรอานวา £èδθç/tø)s? Ÿωuρ ( ÇÙŠÅsyϑø9$# ’Îû u!$|¡ÏiΨ9$# (#θä9Í”tIôã$$sù “]Œr& uθèδ ö≅è% ( ÇÙŠÅsyϑø9$# Çtã štΡθè=t↔ó¡o„uρ =Ïtä†uρ tÎ/≡§θ−G9$# =Ïtä† ©!$# ¨βÎ) 4 ª!$# ãΝä.ttΒr& ß]ø‹ym ôÏΒ ∅èδθè?ù'sù tβö£γsÜs? #sŒÎ*sù ( tβößγôÜtƒ 4®Lym .[222 : ∪⊄⊄⊄∩ ]ﺍﻟﺒﻘﺭﺓšÌÎdγsÜtFßϑø9$#
และพวกเขาทั้งหลายจะถามเจาเกี่ยวกับ (ปญหาของ) ระดู เจาจงตอบเถิดวา อันระดูนั้นเปนความ สกปรกอยางหนึ่ง ดังนัน้ เจาทั้งหลายจงแยกตัวออกจากสตรี (ผูเปนภริยา) ในชวงมีระดู และพวกเจาจงอยา เขาใกลพวกนางจนกวาพวกนางจะสะอาด ดังนั้นเมื่อพวกนามมีความสะอาดแลว พวกเจาก็จงเขาหานางเถิด ตามที่อัลเลาะฮฺไดทรงบัญชาแกพวกเจา แทจริงอัลเลาะฮฺทรงรักบรรดาผูหมั่นทําการสารภาพผิดและทรงรัก บรรดาผูมคี วามสะอาดทั้งหลาย 4) ศพของมุสลิม วายิบใหผูที่ยังมีชีวิตอยูจัดการอาบน้ําใหกับผูตาย เพราะทานรอซูลุลลอฮ ....จง ชําระรางกายใหกับเขา(ผูตาย)ดวยน้ําและน้ําผสมใบพุดทรา” บันทึกโดยบุคอรียและมุสลิม ยกเวนผูที่ตาย ชะฮีด ไมตองอาบน้ําชําระรางกายให ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
39
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
5) คนกาเฟรเมื่อเขารับนับถือศาสนาอิสลามวายิบตองอาบน้ําชําระรางกาย เพราะมีหลักฐานปรากฏ ในฮาดิษของทานกีส บิน อาซิม ครั้งเมื่อทานเขารับนับถืออิสลาม ทานนบี ไดสั่งใหทานอาบน้ําและน้ําใบ พุดทรา”รายงานโดยนักรายงานทั้งหา ยกเวนอิบนุมายะฮฺ 2. การอาบน้ําซูนัต ซูนัตใหมุสลิมอาบน้ําในกรณีดังตอไปนี้ 1) ในวันศุกร เพราะทานนบี ไดกลาวไววา “หากคนหนึ่งคนใดจากพวกทานจะออกไปละหมาด ในวันศุกร ก็ควรจะอาบน้ําชําระรางกายใหเรียบรอย” รายงานโดยอัลยะมาอะฮฺ ซูนัตใหอาบน้าํ กอนการ ละหมาดในวันศุกร 2) การอาบน้ําในวันตรุษทั้งสอง (อีดิลอัฎฮาและอีดิลฟตรี) นักวิชาการทุกคนเห็นตรงกันวาซูนัตให อาบน้ําชําระรางกาย และในเรื่องนี้มีฮาดิษหลายฮาดิษแตเปนฮาดิษฎออีฟ และยังมีรายงานจากบรรดาซอ ฮาบะฮฺปรากฏอยูดวย 3) ผูที่อาบน้ําใหกับศพ เมื่ออาบน้ําศพเรียบรอยแลวก็ซูนัตใหอาบน้าํ ชําระรางกายตัวเอง เพราะ ทานนบี ไดกลาวไววา “ผูใดที่อาบน้ําใหกับศพ เขาก็ควรอาบน้ําชําระรางกายตัวเองดวย” รายงาน โดยอะหฺมัด และอัซฮาบุซซุนัน 4) การอาบน้ําเพื่อเขาสูพิธีเอียะหรอม สําหรับผูที่ประสงคจะประกอบพิธีหัจยหรืออุมเราะฮฺ เพราะมี หลักฐานปรากฏในฮาดิษของทานซัยดฺ บิน ซาบิต ซึ่งรายงานวา ทานนบี ทานไดเปลี่ยนเสื้อผาและทําการ อาบน้ําชําระรางกาย ..รายงานโดย ฎารุลกุฏนีย อัลบัยฮะกีย และอัตตัรมีซีย 5) อาบน้ําเมื่อตองการเขาสูเมืองเมกกะ ซึ่งทานนบี ไดปฏิบัติไวเชนนั้น ดังปรากฏในฮาดิษซอ เหียะทั้งสอง และการอาบน้ําเพื่อวุกูฟที่อารอฟต 3.หลักการในการอาบน้ํา 1.ตั้งเจตนา ( )ﺍﻟﻨﱠﻴﺔﹸเพราะทานนบี ไดกลาวไววา “การกระทําทั้งหมดจะขึ้นอยูกบั การตั้งเจตนา” ดวยการตั้งเจตนาจะเปนตัวแบงแยกระหวางอีบาดะฮฺกับการอาบน้ําตามปกติ การตั้งเจตนาไมจําเปนตองอาน ออกเสียง เพราะที่ของการตัง้ เจตนาอยูทใี่ จ 2. อาบน้ําใหเปยกทัว่ เรือนราง เพราะอัลลอฮทรงตรัสไววา 4 (#θè=Å¡tFøós? 4®Lym @≅‹Î6y™ “ÌÎ/$tã ωÎ) $·7ãΨã_ Ÿωuρ
การอาบน้ําที่ถูกวิธีคือการอาบน้ําใหเปยกทั่วเรือนรางทั้งหมด 3.มัซฮับฮานะฟย ไดเพิ่มอีกหลักการหนึ่งคือ เอาน้ําเขาปากแลวบวนทิ้ง สูบน้ําเขาจมูก สวนอีหมาม ทานอื่น กลับเห็นวาทั้งสองเปนเพียงซุนัต ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
40
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
4 ซูนัตในการอาบน้ํา 1) อานบิสมิลละฮฺและลางมือทั้งสองขาง 3 ครั้ง 2) ชําระลางในสวนที่เปนนายิสใหหมดหากพบวามีนายิสอยู 3) อาบน้ําละหมาด (พรอมกับบวนปากและสูบน้ําเขาจมูก) 4) การลางอวัยวะตาง ๆ ใหลาง 3 ครั้ง โดยเริ่มตนจากทางดานขวาไปทางดานซาย 5) อาบน้ําใหเปยกทั่วเรือนราง เช็ดถูกระหวางนิ้ว สรางผม ทําความสะอาดรักแร ใบหูดานในและ สะดือ 6) ลางอวัยวะตางๆ ติดตอกันโดยไมหยุดใหขาดตอน 5 วิธีการอาบน้ํา ทานหญิงอาอีชะฮฺและทานหญิงมัยมูนะฮฺ (ขอความโปรดปรานจากอัลลอฮจงมีแดทานทั้งสอง) รายงานวา ทานรอซูลุลลอฮ เมื่อทานตองการอาบน้ํา เพื่อทําความสะอาดจากยะนาบะฮฺ ทานก็จะเริ่มตน ดวยการลางมือทั้งสองขาง 2 หรือ 3 ครั้ง จากนั้นที่ก็จะรดน้ําจากทางขวามือไปทางซายมือ และชําระลาง อวัยวะ จากนั้นก็จะอาบน้ําละหมาด เหมือนอาบน้ําละหมาดเพื่อทําการละหมาด จากนั้นทานก็จะเอาน้ํา มาแลวสรางผมดวยนิ้วของทาน โดยทําการลางศีรษะถึง 3 ครั้ง จากนั้นก็จะนําน้ําเต็มฝามือมาชะโลมทั่วราง ของทาน จากนั้นทานก็จะตามมาดวยการลางเทาทั้งสองขาง ก็เสร็จสิ้น กิจกรรม การอาบน้ํา 1.การอาบน้ําชําระรางกายมีหลักฐานใดเปนสิ่งยืนยันวาเปนหลักการทางศาสนบัญญัติ 2.อายะฮฺทวี่ า “ ”ﻭﺇﻥ ﻛﻨﺘﻢ ﺟﻨﺒﹰﺎ ﻓﺎﻃﻬﺮﻭﺍการทําความสะอาดในที่นหี้ มายถึงการอาบน้ําหรือการทําวุฎอฺ 3.ใหนกั เรียนศึกษาจากหนังสือตัฟเซร(อรรถาธิบายอัลกุรอาน) ที่อธิบายอายะฮฺในซูเราะฮ อัลนิซาอฺ ซึ่งกลาวถึงการยกเวนไวในอายะฮฺวาเปนการยกเวนในเรื่องใด ?(อธิบาย) 4. ชายคนหนึ่งฝนในตอนกลางคืนแตปรากฏวาไมมีรองรอยของการหลัง่ อสุจิ เขาจําเปนตองอาบน้ํา วายิบหรือไม เพราะเหตุใด ? 5. เมื่อชายคนหนึ่งหลั่งอสุจิ 5.1 จําเปนตองอาบน้ําวายิบเสมอ 5.2 ไมจําเปนตองอาบน้ําวายิบเสมอไป 5.3 ตองอาบน้ําวายิบหากมีการหลั่งอสุจิดวยอารมณเพศ (เลือกคําตอบที่ถูกตอง โดยศึกษาทําความเขาใจเพิ่มเติมไดจากหนังสือฟกฮซุนนะฮฺ)
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
41
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หมวดที่ 5 การทําวุฎอฺ 1.คํานิยาม การบัญญัติและคุณคาของการทําวุฎอฺ การทําวุฎอฺ ( )ﺍﻟﻮﺿﺆคือการทําความสะอาดดวยน้ําดวยวิธีการเฉพาะ โดยมีหลักฐานปรากฏอยาง ชัดเจน คือพระดํารัสแหงอัลลอฮซึ่งตรัสไววา ﺴﺤُﻭﺍ َ ﻕ ﻭﺍﻤْـ ِ ﺴﻠﹸﻭﺍ ُﻭﺠُﻭ َﻫﻜﹸﻡ ﻭﺃَﻴ ِﺩ َﻴﻜﹸﻡ ﺇﻟﹶﻰ ﺍﻟ َﻤﺭَﺍﻓِـ ِﻏ ﺼﻠﹶﺎ ِﺓ ﻓﹶﺎ ﹾ } ﻴَﺎ ﺃﻴﱡﻬﺎ ﺍﱠﻟﺫِﻴﻥ ﺁﻤﻨﹸﻭﺍ ﺇﺫﹶﺍ ﹸﻗ ْﻤﺘﹸﻡ ﺇﻟﹶﻰ ﺍﻟ ﱠ [6 :ﺠﻠﹶﻜﻡ ﺇﻟﹶﻰ ﺍﻟ ﹶﻜ ْﻌﺒَﻴﻥ { ]ﺍﻟﻤﺎﺌﺩﺓ ُ ﺴﻜﹸﻡ ﻭَﺃ ْﺭ ِ ﺒِﺭﺅﻭ
โอบรรดาผูศรัทธาทั้งหลาย ! เมื่อพวกเจามุงหมายที่จะทําละหมาด พวกเจาก็จงทําการ(วุฏอกอน โดย) ลางหนาของพวกเจา, มือของพวกเจาจนถึงขอศอก, และพวกเจาจงเช็ดศรีษะ และ (จงลาง) เทาของ พวกเจาจนถึงตาตุม และทานนบี ไดกลาวไววา “อัลลอฮจะไมทรงรับการละหมาดของคนใดคนหนึ่งจากพวกเจาหาก พวกเจามีฮะดัษ จนกวาเขาจะอาบน้ําละหมาดเสียกอน” รายงานโดย ชัยคอน มีรายงานจากทานอาบีฮุรอยเราะฮฺ ในเรื่องเกี่ยวกับคุณคาของการทําวุฎอฺวา ทานนบี ไดเคย กลาวไววา “ฉันไมไดแนะนําพวกทานในสิ่งที่ทําไปแลวอัลลอฮจะทรงลบลางความผิดและยกฐานันดรให ดอกหรือ ? พวกเขากลาววา หาไม โอทานรอซูลุลลอฮ ทานก็กลาววา อาบน้ําละหมาดใหสมบูรณ หมั่นเดิน ไปมัสยิด รอการละหมาดหลังการละหมาดหนึ่งเสร็จสิ้นไปแลว และนั่นคือขอผูกพันมัด และนั่นคือขอ ผูกมัดของพวกทาน นั่นคือขอผูกมัดของพวกทาน12 (กับอัลลอฮ) รายงานโดย มาลิก มุสลิม อัตตัรมีซีย และอัลนะซาอีย 2 ฟรฎวุฎอฺ 1.ลางหนา ขอบเขตของการลางหนาจะเริ่มที่ฟนผมไปจนกระทั่งถึงปลายคาง จากหูดานหนึ่งไปยังหู อีกดานหนึ่ง 2. ลางมือทั้งสองขางไปจนถึงขอศอก ขอศอกก็คือรอยตอของชวงบนของแขนกับชวงลาง 3. เช็ดศีรษะทั้งหมด (ตามทัศนะของมาลิกและอะหฺหมัด) หรือบางสวน(ตามทัศนะของอาบีฮานี ฟะฮฺและอัชชาฟอีย) 4.ลางเทาทั้งสองขางถึงตาตุม เพราะทานนบี เคยชี้นําไว ซึ่งครั้งหนึ่งทานเห็นซอฮาบะฮฺของทาน ทําการเช็ดเทา ทานก็กลาวกับพวกเขาวา “ความหายนะจะเกิดขึ้นเพราะสนเทาที่เปนสวนหนึ่งของนรก” รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม และนี่คือฟรฎของการทําวุฎอฺทั้งสี่ ที่หลักฐานเปนตัวบทกลาวถึงไวในอายะฮฺที่พูดถึงการทําวุฎอฺ 12
ขอผูกมัด ที่จะผูกมัดกับการญีฮาดในหนทางของอัลลอฮ คือผูกมัดการทําวุฎอฺที่สมบูรณกับการอีบาดะฮฺตออัลลอฮ
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
42
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
และมีการเพิ่มเติมไวอีก 2 ประการ 1. การตั้งเจตนา (( )ﺍﻟﻨﻴﺔตามทัศนะของชาฟอีย มาลิกและทานอะหฺมัด) เพราะทานนบี กลาวไวใน ฮาดิษหนึ่งวา “แทจริงแลวการกระทํา(ทั้งหมด)จะขึ้นอยูกับการตั้งเจตนา” รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม นั่น ก็เพื่อเปนการแยกแยะระหวางอีบาดะฮฺกับการกระทําปกติทั่วไป การตั้งเจตนาไมตองกลาวออกมาเปนคําพูด เพราะที่ของการตั้งเจตนาคือในใจ 2. การลําดับขั้นตอนกอนหลังอยางตอเนื่อง ( )ﺍﻟﺘﺮﺗﻴﺐนั่นคือการเริ่มตนดวยการลางหนา จากนั้นก็ ตามมาดวยการลางมือ เช็ดศีรษะและลางเทาทั้งสองขาง 3. ซูนัตของการทําวุฎอฺ 1. อานบิสมิลละฮฺ เพราะเปนสิ่งที่ซูนัตใหกระทํามีบัญญัติใหอานขณะเริ่มตนการกระทําทุกการ กระทํา เพราะทานนบี ไดเคยกลาวไวในฮาดิษหนึ่งวา “ทานทั้งหลายจงทําการวุฎอฺ ดวยบิสมิลละฮฺ..” รายงานโดยบัยฮะกีย 2.แปรงฟ น เพราะท า นนบี ได เ คยกล า วไว ใ นฮาดิ ษ หนึ่ ง ว า “หากไม เ ป น การสร า งความ ยากลําบากใหกับประชาชาติของฉัน ฉันก็จะสั่งใหพวกเขาแปรงฟนในทุกครั้งที่จะทําวุฎอฺ” รายงานโดย มา ลิก อัชชาฟอีย อัลบัยฮะกีย และทานอัลฮากิม ซูนัตใหทําการแปรงฟนแมกระทั่งคนที่กําลังถือศีลอด เพราะมี หลักฐานปรากฏอยูในฮาดิษของทาน อามิร บิน รอบีอะฮฺ วา “ฉันเห็นทานรอซูลุลลอฮ แปรงฟนหลายตอ หลายครั้ง (นับไมถวน) ขณะที่ทานกําลังถือศีลอดอยู” รายงานโดย อะหฺมัด อาบูดาวุด และอัตตัรมีซีย แต สําหรับอัชชาฟอีย ไดใหทัศนะไววา สําหรับคนที่ถือศีลอด หลังตะวันคลอยไปแลว ไมควรแปรงฟน 3. ลางฝามือทั้งสองขาง 3 ครั้ง ในตอนเริ่มตนทําวุฎอฺ เพราะมีหลักฐานปรากฏอยูในฮาดิษของทาน เอาส บิน เอาส อัซวะกอฟย วา “ฉันเห็นทานรอซูลุลลอฮ ทําวุฎอฺ โดยที่ทานไดลางฝามือทั้งสองขาง 3 ครั้ง” รายงานโดยอะหฺมัด และอัลนะซาอีย 4.บวนปากและสูบน้ําเขาจมูก (แลวสั่งทิ้ง) 13 เพราะมีหลักฐานปรากฏอยูในฮาดิษหลายฮาดิษ และ ซุนนะฮฺอีกประการหนึ่งคือการทําตามลําดับกอนหลังและใหทํา 3 ครั้ง และใหใชน้ําใหมทุกครั้ง วิธีทําใหเอา น้ําเขาดวยมือขวาแลวสั่งออกดวยมือซาย ควรทําแรง ๆ ยกเวนผูที่กําลังถือศีลอด ขณะนําน้ําเขาปากก็ควร กลั้วน้ําแรง ๆ กอนบวนทิ้ง 5. สางหนวดเคราและถูระหวางนิ้วมือนิ้วเทา เพราะมีรายงานจากทานอัตตัรมีซีย และทานอิบนุมา ยะฮฺ รายงานจากทานอุสมาน และอิบนุ อับบาส (ขอความโปรดปรานจากอัลลอฮจงมีแดทานทั้งสอง) ไว เชนนี้ 6. ใหลางอวัยวะทุกสวน 3 ครั้ง เพราะมีฮาดิษปรากฏเปนหลักฐานอยูมากมายหลายฮาดิษ และการ
13
ตามทัศนะของอีหมามอะหฺมัด การบวนปากและสูบน้ําเขาจมูกเปนวายิบเพราะเปนสวนหนึ่งของใบหนาดวย
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
43
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ลางควรเริ่มตนจากทางดานขวากอนดานซาย เมื่อตองลางมือและเทา เพราะมีหลักฐานปรากฏอยูในฮาดิษ ของทานหญิงอาอีชะฮฺ (ขอความโปรดปรานจากอัลลอฮจงมีแดทาน) วา “ทานรอซูลุลลอฮ รักการเริ่มตน ทางขวา ในการสวมใสรองเทา หวีผมและการชําระรางกาย (ทําวุฎอฺและอาบน้ํา) และในอิริยาบถอื่น ๆ ทั้งหมด” รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม 7. ขัดถูตัวและกระทําอยางตอเนื่องตามขั้นตอนโดยไมขาดตอน หรือแทรกดวยการกระทําอื่นๆ เพราะมีฮาดิษปรากฏเปนหลักฐานหลายฮาดิษ สวนการขัดถู ตามทัศนะของอัลมาลิกียะฮฺ นับวาเปนฟรฎ สวนการ ความตอเนื่อง ( )ﺍﻟﺘﺮﺗﻴﺐตามทัศนะของ อัลมาลิกียะฮฺ และอัลฮะนาบิละฮฺเปนฟรฎ 8. เช็ดใบหูทั้งสองขาง มีหลักฐานรายงานจากทานอาบูดาวุด ทานอะหฺมัด และอัฏฮาวีย จากทานอิบ นุอับบาส และทานกุดดาม บิน มะอฺดีกะริบไวเชนนั้น 9.ลางใหเกินเลยเขตที่กําหนด เชน ฟนผม ขอศอก ตาตุม เพราะทานนบี ไดกลาวไววา “สําหรับ ประชาชาติของฉันในวันกียามะฮฺพวกเขาจะมากันในลักษณะที่รองรอยสีขาว เพราะรองรอยของการทําวุฎอ ”ฺ รายงานโดยชัยคอน 10. อานดุอาหลังการทําวุฎอฺ เพราะมีหลักฐานปรากฏอยูในฮาดิษของทานอุมัร วาทานนบี ได กลาวไววา “ ไมมีคนใดจากพวกทานที่ทําการวุฎอฺอยางสมบูรณแบบ จากนั้นก็อานดุอาวา “ ﺃَﺸ َﻬ ُﺩ َﺃ ْﻥ ﻟﹶﺎ ﺇﻟﻪ ﻋ ْﺒ ُﺩ ُﻩ َﻭ َﺭﺴُﻭﻟﻪ َ ﺤﻤﱠﺩ ﹰﺍ َ ﻥ ُﻤ ﺸ َﻬ ُﺩ ﺃ ﱠ ﻭﺃ ﹾ،ﻙ ﻟﻪ َ ﺸﺭِﻴ ﺤ َﺩ ُﻩ ﻻ ﹶ ْ ” ﺇ ﻟﹼﺎ ﺍﻟﻠﱠ ُﻪ َﻭนอกเสี ย จากว า อั ล ลอฮจะทรงเป ด ประตู สวรรคทั้งแปดดานให และเขาก็จะเขาสูสวรรคตามตองการ” รายงานโดยมุสลิม สวนการอานดุอาขณะทํา การวุฎอฺ ไมมีหลักฐานใดปรากฏ 11.ละหมาดสองรอคอะฮฺซูนัตหลังวุฎอฺ เพราะมีหลักฐานปรากฏอยูในฮาดิษของทาน อุกบะฮฺ บิน อามิร วาทานนบี ไดกลาวไววา “ไมมีผูใดจากพวกทานเมื่อที่ทําการวุฎอฺอยางสมบูรณแลว จากนั้นมา ทําการละหมาด(ซูนัต)สองรอคอะฮฺ โดยมีจิตใจมุงมั่นสูอัลลอฮ นอกเสียจากวา (ผูที่กระทําเชนนั้น) เขาผูนั้น วายิบตองไดเขาสวรรค” รายงานโดยมุสลิม อาบูดาวุด และอิบนุมายะฮฺ 4. รูปแบบหรือวิธิการทําวุฎอฺ ทานฮุมรอน คนรับใชของทานอุสมาน บิน อัฟฟาน (ขอความโปรดปรานจากอัลลอฮจงมีแดทานทั้ง สอง) กลาววา “ทานอุสมาน จะอานดุอาเมื่อเริ่มตนทําวุฎอฺ จากนั้นทานก็จะลางฝามือทั้ง 2 ขาง 3 ครั้ง จากนัน้ ทานก็จะบวนปาก สูบน้ําเขาจมูก แลวสั่งออก จากนั้นทานก็ลางหนา 3 ครั้ง แลวตามดวยการลางมือขางขวา จนถึงขอศอก และลางมือขางซายดวยวิธีเดียวกัน จากนั้นที่ก็เช็ดศีรษะ แลวตามดวยการลางเทาขวาไปจนถึง ตาตุม 3 ครั้ง แลวมาลางเทาซายดวยวิธีเดียวกัน และทานอุสมานก็กลาววา ฉันเห็นทานรอซูลุลลอฮ ทํา การวุฎอฺเชนเดียวกับที่ฉันทํา และทาน (รอซูลุลลอฮ) ก็กลาววา “ใครก็ตามที่ทําการวุฎอฺ เหมือนอยางที่ฉันทํา นี้ จากนั้นก็ไปทําการละหมาด 2 รอคอะฮฺ เขาก็จะไดรับการอภัยโทษ จากการกระทําผิดผานมา” รายงานโดย บุคอรียและมุสลิม
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
44
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
5. สิ่งที่ทําใหวุฎอฺเสีย 1.มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดออกมาจากทวารทั้งสองทาง (อุจาระ ปสสาวะ เมือก น้ําสีขาว ลม) ยกเวนอสุจิ เพราะเมื่อมีน้ําอสุจิออกมาวายิบตองอาบน้ํา เพราะอัลลอฮทรงตรัสไวในอัลกุรอานวา ،[6 :{ ]ﺍﻟﻤﺎﺌﺩﺓ... ﺃَﻭ ﺠﺎﺀ ﺃﺤ ٌﺩ ﻤﻨﻜﻡ ﻤﻥ ﺍﻟﻐﺎﺌِﻁ...}
หรือคนใดจากพวกเจา (มา) จาก ที่ถายทุกข (คือพวกเขาปสสาวะ, อุจจาระหรือมีสิ่งใดๆ ออกจากทวารทั้ง สองของเขา) และทานรอซูลุลลอฮ ก็ไดกลาวไววา “อัลลอฮจะไมทรงรับการละหมาดของคนหนึ่งคนใดจากพวกทาน เมื่อเขามีฮะดัษ จนกวาเขาจะไปทําวุฎอ”ฺ รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม คําวาฮาดัษในที่นี้หมายถึง ลมที่ออกมาทางทวารจะมีกลิ่นมีเสียงหรือไมก็ตาม สวนมะซีย(น้ําเมือก) เพราะทานนบี ไดกลาวไววา “ตองทําวุฎอ ฺ” รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม สําหรับน้ําสีขาว วะดีย เพราะมี หลักฐานจากทานอิบนุ อับบาสวา “จงชําระลางอวัยวะเพศของทาน แลวทําวุฎอฺ เพือ่ ทําการละหมาด” 2. การนอน ที่เปนการนอนหลับสนิท โดยไมรูสึกตัวเลย เพราะมีหลักฐานปรากฏอยูในฮาดิษของ ซัฟวาน วา ทานรอซูลุลลอฮ ไดสั่งใหพวกเราขณะเมื่อเราอยูในภาวการณเดินทางวา อยาไดถอด รองเทาบูตของพวกเรา 3 วัน 3 คืน ยกเวนคนที่มียุนุบ ผูที่ถายทุกข (อุจจาระและปสสาวะ)และนอนหลับ (นั้นไมเปนไร)” รายงานโดย อะหฺมัด อัลนะซาอีย และอัตตัรมีซีย รายงานวาฮาดิษนี้เปนฮาดิษซอเหียะหฺ ในรายงานมี การกลาวถึง การนอนมาพรอมกับผูที่ถายอุ จจาระและปสสาวะ ซึ่งเปนสิ่งที่ทําให เสียวุฎอฺ สวนการนั่งหลับ นั้นไมทําใหเสียวุฎอฺแตอยางใด หากสะโพกของเขาราบกับพื้นที่นั่ง เพราะมี หลักฐานปรากฏในฮาดิษของทานอานัส ซึ่งรายงานโดยอัชชาฟอีย มุสลิม และทานอาบูดาวุด วา “มีซอ ฮาบะฮฺของทานรอซูลุลลอฮ นั่งรอเพื่อละหมาดอีชา จนศีรษะตก (หลับ) จากนั้น (เมื่อไดเวลา)พวกเขาก็ทํา การละหมาดโดยไมไดทําวุฎอฺใหม” 3.เสียสติ ไมวา จะดวยการเปนบา เปนลมหมดสติ หรือเมา เพราะภาวะดังกลาวมีลักษณะคลายกับ การนอนหลับ เพราะจะไมรสู ึกตัว ทั้ง 3 ประการนี้คือสิ่งที่ทําใหเสียวุฎอฺที่นกั วิชาการสวนใหญ()ﲨﻬﻮﺭ ﺍﻟﻌﻠﻤﺎﺀเห็นตองกัน แตที่มี ความเห็นแตกตางกันมีดังนีค้ ือ 1.การสัมผัสอวัยวะเพศ14 โดยไมมีสิ่งรองรับ ตามทัศนะของชาฟอีย และทานอะหฺมดั เห็นวาทําให เสียวุฎอฺ เพราะมีหลักฐานปรากฏในฮาดิษของทานบุสรอฮฺ วาทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวไววา “ผูใด
14
สัมผัสอวัยวะเพศโดยไมมีสิ่งรองรับ ตามทัศนะของอัลอะฮฺนาฟ ไมทําใหเสียวุฎอฺ เพราะมีหลักฐานปรากฏในฮาดิษของ ฏอลัก บิน อาลี
รายงานจากวา มีชายคนหนึ่งเรียนถามทานรอซูลลุลลอฮ วามีชายคนหนึ่งสัมผัสอวัยวะของตัวเอง เขาก็ถามวา ทําใหเสียวุฎอฺหรือไม? ทานน บีก็ตอบวา “ไม” ฟงดูแลวดูเหมือนวาทั้งสองฮาดิษจะขัดแยงกัน ทานมาลิกจึงใหทัศนะวา ทางที่ดีหากสัมผัสโดยไมมีสิ่งรอง ก็ควรทําวุฎอฺใหม
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
45
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
สัมผัสอวัยวะเพศของตนเอง ก็ใหทําการวุฎอฺ” บันทึกโดยนักบันทึกทั้ง 5 คน และทานอัตตัรมีซียและอิบนุ ฮัมบัลก็ใหทัศนะวาฮาดิษนี้เปนฮาดิษซอเหียะฮฺ ทานบุคอรียกลาววา ฮาดิษนี้เปนฮาดิษที่ถูกตองที่สุดในเรื่อง นี้ และมีรายงานสนับสนุนฮาดิษนี้จากซอฮาบะฮฺมากกวา 17 คน 5. เลือเสียจํานวนมากที่ไหลริน ตามทัศนะของอัลอะฮนาฟ หากเลือดไหลก็จะทําใหเสียวุฎอฺ เพราะ มีหลักฐานปรากฏอยูในฮาดิษของทานหญิงอาอิชะฮฺ (ขอความโปรดปรานจากอัลลอฮจงมีแดทาน) ซึ่ง รายงานวา ทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวไววา “ ใครที่สัมผัสกับอาเจียนหรือเลือดกําเดา...ก็จงออกมา...แลว ไปทําวุฎอฺใหม...บันทึกโดยอิบนุมายะฮฺ แตทานอะหฺมัดและอัลบัยฮะกีย กลาววาฮาดิษนี้ฎออีฟ เพราะเปน ฮาดิษมุรซัล สวนชาฟอียและมาลิก ไดใหทัศนะไววา การมีเลือดไหลออกมานั้น ไมทําใหเสียวุฎอฺ เพราะไม มีหลักฐานยืนยันดังฮาดิษทีกลาวมา แตในฮาดิษของทาน อนัส ไดกลาวไววา “ทานนบี ไดทําการกอก เลือด และเมื่อเสร็จแลวทานก็ไมไดทําวุฎอฺแตอยางใด” แมวาฮาดิษนี้จะไมถึงขั้นซอเหียะฮฺแตก็มีฮาดิษอีก หลายฮาดิษซึ่งรายงานโดยซอฮาบะฮฺหลายทานมาสนับสนุนฮาดิษนี้ และทานอัลฮะซัน ก็เคยกลาวไววา มุสลิมหลายทานไดทําการละหมาดทั้ง ๆ ที่ตัวเองกําลังบาดเจ็บ (มีเลือดไหล) รายงานโดยบุคอรีย 5. อาเจียนหากเกิดจากความผิดปกติและมีจํานวนมาก เพราะมีหลักฐานจากฮาดิษของ มะอฺดาน บิน อะบี ฏอลฮะฮฺ จากทานอาบีดัรดะอฺ วา “ทานรอซูลุลลอฮ อาเจียนและทานก็ทําวุฎอฺใหม และเขายัง รายงานไวอีกวา “ฉันเองไดพบกับทานเซาบานที่มัสยิดเมืองดามัสกัส ฉันเลยถามเขา เขาก็ตอบวา จริง ฉัน เองเป น คนริ น น้ํ า ให แ ละท า นก็ ทํ า วุ ฎ อฺ ” รายงานโดย อั ต ตั ร มี ซี ย และบอกวาฮาดิ ษ นี้ ซ อเหี ย ะหฺ และนี่ คือมัซฮับอัลอะหฺนาฟ สําหรับชาฟอีย และมาลิกกลับมีความเห็นวา อาเจียนไมไดทําใหเสียน้ําวุฎอฺแตอยาง ใด เพราะในฮาดิษไมปรากฏวาจะมีการสั่งใหทําวุฎอฺใหมปรากฏอยู อาจจะเปนไปไดวา เรื่องของทานมะ ดานนั้นเปนเรื่องซูนัต 6. การสัมผัสกับสตรีเพศ หรือจับมือทักทาย ตามทัศนะของชาฟอียะฮฺทําใหเสียน้ําละหมาด เพราะมี หลักฐานปรากฏอยูในอัลกุรอานวา “.[6 : ”}ﺃَﻭ ﻻﻤَﺴﺘﻡ ﺍﻟﻨﱢﺴﺎﺀ{ ]ﺍﻟﻤﺎﺌﺩﺓสวนยุมฮูรอุลามะอฺ กลับใหทัศนะวา ไมทําใหเสียวุฎอฺ เพราะมีฮาดิษมากมายหลายฮาดิษรายงานไววาไมทําใหเสียวุฎอฺ เชน ฮาดิษของทานหญิง อาอิชะฮฺ ซึ่งไดรายงานไววา “ทานนบี ไดจุมพิตภริยาของทานคนหนึ่งแลวออกไปทําละหมาด โดยไมได ทําวุฎอฺใหม” รายงานโดย ทานอะหฺมัด และกลุมอัรบะอะฮฺ และทานหญิงไดกลาวไวอีกวา “ฉันเองนอนอยู ขางหนาของทานรอซูลุลลอฮ และบังเอิญขาของฉันไปอยูทางดานหนาของทาน เมื่อทานตองการจะซูยุด ทานก็ยกขยับขาของฉันออกไป” รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม ทัศนะที่บอกวาการสัมผัสกับสตรีทําใหเสียวุฎอฺ ไมไดแยกวาสตรีนั้นเปนภริยาหรือคนนอก แตหาก เปนสตรีทแตงานที่หามแตงงานกันนั้น การถูกตองตัวกันไมทําใหเสียวุฎอฺ แตอยางใด 8. การหัวเราะในละหมาดที่มีการโคงรอเกาะอฺและซูยุด ตามทัศนะของอัลอะฮฺนาฟจะทําใหเสียวุฎอฺ เพราะมีหลักฐานปรากฏอยูในฮาดิษที่วา “...ยกเวนคนหนึ่งคนใดจากพวกทานที่หัวเราะ ก็ใหเขาไปทําวุฎอฺ ใหม และทําละหมาดกันทั้งหมด” สําหรับยุมฮูรอุลามะอฺ กลับใหทัศนะวา การหัวเราะในละหมาดทําใหเสีย
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
46
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ละหมาด แตไมทําใหวุฎอฺเสีย เพราะฮาดิษที่บอกวาทําใหเสียวุฎอฺนั้นไมถูกตอง เพราะทานนบี ไดกลาว ไววา “การหัวเราะจะทําใหเสียละหมาดแตไมทําใหเสียวุฎอฺ แตอยางใด” ทานบุคอรียไดกลาวถึงฮาดิษนี้และ ไดอธิบายวาเปนฮาดิษเมากูฟอยูกับทาน ญาบิร เพราะการที่บอกวาหัวเราะทําใหเสียวุฎอฺนั้นยังตองการ หลักฐาน แตปรากฏวาไมมีหลักฐานนั้นปรากฏ 9. หากผูที่มีน้ําละหมาดอยูเกิดสงสัยวา มีฮาดัษหรือไมมีฮาดัษ (เสียวุฎอฺหรือไมเสีย) จะไมทําให เสียวุฎอฺจนกวาจะแนใจวาเกิดการเสียวุฎอฺขึ้น เพราะทานนบี ไดกลาวไววา “หากคนใดคนหนึ่งจากพวก ทานรูสึกวามีอะไรปนปวนอยูในทอง และรูสึกวาเหมือนจะมีอะไรออกมาหรือไมออกมา ก็อยาเพิ่งออกไป จากมัสยิด จนกวาจะไดยินเสียงหรือไดกลิ่น” รายงานโดยมุสลิม อาบูดาวุดและตัรมีซีย แตหากสงสัยวา ทําวุฎอฺหรือยัง ก็จงไปทําเสียใหม 6. เมื่อใดที่จําเปน(วายิบ) ตองทําวุฎอฺ และเมื่อใดซูนัตใหทําวุฎอฺ ก. วายิบตองทําวุฎอฺ ในภาวะดังตอไปนี้ 1. เมื่อตองการทําละหมาด ไมวาจะเปนละหมาดซูนัตหรือละหมาดฟรฎ หรือแมกระทั่งการละหมาด ญานาซะฮฺ เพราะอัลลอฮทรงตรัสไววา [6 : ]ﺍﳌﺎﺋﺪﺓ.{... ﺇﺫﺍ ﹸﻗ ْﻤُﺘ ْﻢ ﺇﱃ ﺍﻟﺼﱠﻼ ِﺓ ﹶﻓﺎ ﹾﻏ ِﺴﻠﹸﻮﺍ...} 2.เมื่อตองการตอวาฟบัยติลละฮฺ เพราะมีหลักฐานเปนฮาดิษกลาวไววา “การตอวาฟ คือการละหมาด ....” รายงานโดยอัตตัรมีซีย และอัลฮากิม และใหฮาดิษนี้เปนฮาดิษซอเหียะหฺ 3. การสัมผัสคัมภีรอัลกุรอาน เพราะทานนบี ไดกลาวไววา “อยาไดสัมผัสอัลกุรอานยกเวนผูที่ สะอาดบริสุทธิ์เทานั้น” รายงานโดย อัลนะซาอีย และทานดารุลกุฏนียและนี่คือความเห็นของ ยุมฮูรุลอุลา มะอฺ สวน ทานอิบนุอับบาส ทานฮัมมาด และอะฮฺลุซซอฮีร และอีกหลาย ๆ ทานมีความเห็นวา การสัมผัส คัมภีรอัลกุร อานนั้น ไมจําเปนตองมีวุฎอฺ หากเขาสะอาดปราศจากฮาดัษใหญก็สามารถสัมผัสได สวนการ อานอัลกุรอานโดยไมตองสัมผัส นักวิชาการตางเห็นตองกันวาสามารถกระทําได ข. ซูนัตทําวุฎอฺ 1. ขณะเมื่อตองการกลาวซิริลละฮฺ เพราะมีชายคนหนึ่งไดมาใหสลามตอทานรอซูลุลลอฮ ขณะที่ ทานกําลังทําวุฎอฺอยู ทานก็ไมไดตอบสลามของชายคนนั้น จนกระทั่งทําวุฎอฺเสร็จ และทานก็กลาวกับชาย คนนั้นวา “ ไมไดมีอะไรหามฉันไมใหตอบสลามทานดอก แตฉันไมอยากที่จะกลาวพระนามของอัลลอฮ จนกวาฉันจะอยูในภาวะที่สะอาดเสียกอน” รายงานโดยนักรายงานทั้งหา ยกเวน อัตตัรมีซีย 2 ขณะตองการนอน เพราะทานนบี ไดกลาวไววา เมื่อทานไดเวลานอน ก็จงทําวุฎอฺ เหมือนการ ทําวุฎอฺเพื่อละหมาด” รายงานโดย อะหฺมัด ทานบุคอรียและอัตตัรมีซีย 3 เมื่อตองการรับประทานอาหาร ดื่มน้ํา หรือตองการรวมประเวณีอีกครั้ง หรือตองการนอน มี รายงานไวเชนนี้จากทานรอซูลุลลอฮ โดยชัยคอน และนักรายงานฮาดิษหลายตอหลายทาน
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
47
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
4 กอนเริ่มตนอาบน้ําควรทําวุฎอฺกอน ตามที่มีปรากฏอยูในฮาดิษของทนหญิงอาอิชะฮฺซึ่งเปนฮาดิษ ที่รายงานโดยบุคอรียและมัสลิม 5.ควรทําวุฎอฺใหมทุกครั้งที่ตองการทําละหมาด รายงานโดยบุคอรีย มุสลิมและอีกหลายทาน 7. การเช็ดบนรองเทาบูตถุงเทาและผาพันแผล 1. การเช็ดบนรองเทาบูต มีหลักฐานปรากฏเปนหลักการทางศาสนบัญญัติดวยหลักฐานจากซุนนะฮฺ ที่ถูกตอง และอีหมามทั้งสี่ทานและนักวิชาการอื่นก็เห็นตรงกัน และหลักฐานที่สําคัญคืออาดิษของทานอัล มุฆีเราะฮฺ บิน ชุอฺบะฮฺ ไดรายงานไววา “ฉันเองไดอยูพรอมกับทานนบี และทานก็ทําวุฎอฺ สวนฉัน พยายามที่จะถอดรองเทาบูตของทานออก ทานก็กลาวกับฉันวา ปลอยไว ฉันใสมันตอนที่มันทั้งสองสะอาด แลวทานก็เช็ดบนรองเทาทั้งสองขาง” รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม อีกฮาดิษหนึ่งเปนฮาดิษของทานยาบีร บิน อับดุลลอฮ อัลบะยะลีย ทานไดถายปสสาวะ แลวทานก็ ทําวุฎอฺ และทําการเช็ดบนรองเทาบูตทั้งสองของทาน มีคนหนึ่งพูดกับทานวา ทานทําอยางนั้นหรือ ทานก็ ตอบวาใชแลว ฉันเองเห็นทานรอซูลุลลอฮ ปสสาวะและทําวุฎอฺ และเช็ดบนรองเทาบูตทั้งสอง 2. หลักการเกี่ยวกับการเช็ดรองเทาบูต ถุงเทาและผาพันแผล ก. มีหลักเกณฑการเช็ดบนรองเทาบูตทั้งสองขาง • จะตองสวมใสรองเทาบูตขณะที่ยังอยูในภาวะที่สะอาด ดังหลักฐานจากฮาดิษของทานมุฆีรอฮฺที่ กลาวมาขางตน • รองเทาทั้งสองขางจะตองสะอาด เพราะหากมีนายิสอยูก็จะสวมใสเพื่อทําละหมาดไมได • รองเทาทั้งสองขางจะตองปดเทาทั้งสองขางมาจนกระทั่งถึงตาตุม 15และนี่คือรองเทาบูตที่ทานนบี เช็ดขณะทําวุฎอฺ ข.สิ่งที่ทําใหการเช็ดรองเทาบูตเปนโมฆะ • หมดชวงระยะเวลาที่กําหนด (ยกเวนอัลมาลิกียะฮฺ ซึ่งไมกําหนดระยะเวลา) • ผูใชถอดรองเทาบูตออกทั้งสองขางหรือขางใดขางหนึ่ง • มีเหตุจําเปนตองอาบน้ําวายิบ ซึ่งมีหลักฐานจากฮาดิษของทานซอฟวาน บิน อะซาลวา “อยาไดถอด รองเทาบูต ของพวกเรา 3 วั น 3 คืน ยกเวน ผู ที่ มี ยุ นุบ เทานั้น ” รายงานโดยนะซาอี ย อัตตัรมีซี ย และอิบนุคุซัยมะฮฺ • ทุกสิ่งทําใหเสียน้ําละหมาด เมื่อหมดชวงระยะเวลาที่อนุญาตให หรือผูสวมใสถอดรองเทาบูตออก เมื่อเขามีวุฎอฺอยูแลว ใหเขา ล า งเท า ทั้ ง สองข า งเท า นั้ น นี่ คื อ ทั ศ นะของฮานาฟ ย ะฮฺ และชาฟ อี ย ะฮฺ เพราะการปฏิ บั ติ ติ ด ต อ กั น
15
ชาฟอียเพิ่มเติมอีกวา จะตองสวมใสเดินไปไหนมาไหนไดสามวันสําหรับผูที่อยูในภาวะเดินทางไกล หนึ่งวันกับหนึ่งคืนสําหรับผูที่อยูกับบาน
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
48
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
()ﺍﳌﻮﺍﻻﺓเปนเพียงซุนนะฮฺเทานั้น สวนมาลิกียะฮฺ และฮานาบิละฮฺ กลับใหทัศนะวาใหทําวุฎอฺใหมทั้งหมด เพราะการปฏิบัติติดตอกันนั้นเปนวายิบ ค.สวนที่ตองเช็ด ใหเช็ดดานบนของรองเทาทั้งสองโดยไมตองกําหนดวาขอบเขตเพียงใด เพราะฮาดิษของ ทานมุฆีเราะฮฺ บิน ชุอบะฮฺ ไดรายงานไววา “ ฉันเห็นทานรอซูลุลลอฮ เช็ดดานบนของรองเทาบูตทั้งสอง ขาง” รายงานโดยทาอะหฺมัด อาบูดาวุด และทานอัตตัรมีซีย ง. ระยะเวลาที่อนุญาตใหเช็ด (โดยไมตองลางเทา) สําหรับผูที่อยูกับบานใหเวลา 1 วันกับ 1 คืน สวนผูที่อยู ระหวางการเดินทางใหระยะเวลา 3 วัน กับ 3 คืน เพราะมีฮาดิษของทานอาลี 16ปรากฏเปนหลักฐานวา “ทานนบี ไดกําหนดใหผูที่เดินทางเช็ดรองเทาบูตได 3 วัน กับ 3 คืน สําหรับผูที่อยูในภาวะเดินทาง และ หนึ่งคืนกับหนึ่งวันสําหรับผูที่อยูกับบาน โดยใหเช็ดบนรองเทาบูตทั้งสองขาง” รายงานโดย มุสลิม 3 การเช็ดบนถุงเทา ก. มี ห ลัก ฐานปรากฏถึง การอนุญ าตใหเ ช็ด ถุง เทา โดยมี ห ลัก ฐานจากซุ น นะฮฺ และฮาดิ ษ ที่ เ ป น หลักฐานมีดังนี้ ฮาดิษอัลมุฆีเราะฮฺ บิน ชุอฺบะฮฺ รายงานวา “ทานรอซูลุลลอฮ ทําวุฎอฺและเช็ดบนถุงเทาทั้งสอง ขางและรองเทาทั้งสองขาง” รายงานโดยอะหฺมัด อาบูดาวุด อิบนุมายะฮฺ และทานอัตตัรมีซีย และทานก็กลาว วาฮาดิษนี้เปนฮาดิษฮะซัน ฮาดิษของทานอาบียมูซา อัลอัชอารีย ซึ่งรายงานมาในสํานวนเดียวกัน รายงานโดยอิบนุมายะฮฺ ข. มีรายงานวาอนุญาต()ﺟﻮﺍﺯใหเช็ดบนถุงเทาทั้งสองขางได โดยหลักฐานจากซอฮาบะฮฺหลายทาน ไดรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว เชน ทาน อาบีฏอลิบ ทานอิบนุ มัสอูด ทานอิบนุอุมัร ทานอานัส บินมาลิก ทาน อัมมาร บิน ยาซีร ทานบิลาล ทานบัรรออฺ บิน อาซิบ ทาน อาบู อุมามะฮฺ ทานซะฮฺล บิน ซะอัด ทาน อัมรฺ บิน ฮุรัยซ และทาน ซะอัด บิน อาบี วะกอซ มัซฮับอัลอะฮฺนาฟ และฮานาบิละฮฺ อนุญาตใหเช็ดได แตชาฟอียะฮฺ มีขอกําหนดไววา ถุงเทาจะตองเปนถุงเทาที่แข็งแรงทนทาน สามารถใชสวมใสเดินไปไหนมาไหนได ค. เมื่อเปนที่แนนอนแลววาอนุญาตใหเช็ดถุงเทาได สวนหลักการก็เปนหลักการเดียวกับการเช็ด รองเทาบูต 4. การเช็ดบนผาพันแผล ผาพันแผลคือผาที่ใชผูกอวัยวะสวนที่บาดเจ็บของผูปวย เมื่อผูปวยตองการจะ อาบน้ํา ก็จะเปนการยากลําบากหรืออาจใหโทษกับแผลที่เจ็บ หรืออาจจะมีเหตุจําเปนกับผาพันแผลที่ผูกไว จึงใหทดแทนดวยการเช็ดบนผาพันแผลแทน สวนหลักฐานในเรื่องดังกลาวคือฮาดิษของทานเซาบาน ซึ่งทานไดกลาวไววา “ทานรอซูลุลลอฮ
16
มัซฮับมาลิกียะฮฺ ไมไดกําหนดระยะเวลา แตซูนัตใหถอดในวันศุกร
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
49
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ไดสงกองทัพออกไป และเกิดประสบกับอากาศหนาว เมือพวกเขากลับมา ก็มารองเรียนกับทานรอซู ลุลลอฮ ในอากาศหนาวเย็นที่พวกเขาประสบมา และทานก็สั่งกับพวกเขาวา ใหพวกเขาเช็ดบนผาพันแผล และบนรองเทาหุมสน” รายงานโดยอะหฺมัด อาบูดาวุด อัลฮากิม ในหนังสืออัลมุสตัดริก และทานมุสลิมก็ กลาววาฮาดิษซอเหียะหฺ และทานอัซซะฮบียก็เห็นดวยกับทาน การเช็ดบนผาพันแผลจะเปนโมฆะ หากแกะผาพันแผลออกจากที่ของมัน หรืออวัยวะที่บาดเจ็บหาย เปนปกติ 17
17
สําหรับอัชชาฟอียะฮฺมีหลักการวา จะตองพันแผลขณะทีส่ ะอาด (ไมมีฮะดัษ) ตองไมใชอวัยวะตะยัมมุม หากขาดคุณสมบัติเหลานี้จะตอง ละหมาดใหม
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
50
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หมวดที่ 6 การตะยัมมุม 1. นิยามของการตะยัมมุม และหลักฐานการบัญญัติของตะยัมมุม การตะยัมมุมคือการใชฝุนดินที่สะอาด ดวยวิธีการและลักษณะเฉพาะโดยตั้งเจตนาเพือ่ ใหสามารถ ทําการละหมาดได อัลลอฮทรงตรัสไววา ﺴﺘُﻢ ﺍﻟﻨﱢﺴﺎﺀ ﹶﻓﻠﹶﻢ ﺗَﺠﺪﻭﺍ ﻣﺎ ًﺀ ﻓﺘﻴ ﱠﻤﻤُﻮﺍ ﺻَـﻌﻴﺪﹰﺍ ﻃﻴﱢﺒـﹰﺎ ْ ﻭﺇﻥ ﹸﻛْﻨﺘُﻢ ﻣﺮﺿﻰ ﺃﻭ ﻋَﻠﻰ ﺳَﻔ ٍﺮ ﺃﻭ ﺟَﺎﺀ ﺃﺣ ٌﺪ ﻣﻨﻜﹸﻢ ﻣﻦ ﺍﻟﻐﺎﺋِﻂ ﺃﻭ ﻻ َﻣ...} .[44 :ﻓﺎﻣﺴﺤﻮﺍ ﺑﻮﺟﻮﻫﻜﻢ ﻭﺃﻳﺪﻳﻜﻢ ﺇ ﱠﻥ ﺍﷲ ﻛﺎ ﹶﻥ ﻋﻔﻮﹰﺍ ﻏﹶﻔﻮﺭﹰﺍ{ ]ﺍﻟﻨﺴﺎﺀ
และหากพวกเจาปวยไข หรือกําลังเดินทาง หรือคนใดของพวกเจามาจากสถานที่ถายทุกข (คือเขา ถายปสสาวะ ถายอุจจาระ) หรือพวกเจาสัมผัสหญิง และพวกเจาก็หาน้ําไมได แนนอนใหพวกเจาจงมุง (ทํา ตะยัมมุม) ดินที่ดี (สะอาด) แลวพวกเจาจงเช็ดใบหนา และมือของพวกเจา แทจริงอัลลอฮทรงยกโทษให และ อภัยให การตะยัมมุมนั้นเปนการแทนการทําวุฎอฺ และการอาบน้ํา 2. สาเหตุที่อนุญาตใหทําการตะยัมมุมได เหตุที่อนุญาตใหสามารถตะยัมมุมได คือ ไมมีน้ําสําหรับทําวุฎอฺ เพราะอัลลอฮทรงตรัสไววา ،{... ﻓﹶﻠ ْﻢ ﺗَﺠﺪﻭﺍ ﻣﺎ ًﺀ ﻓﹶﺘﻴﻤﱠﻤﻮﺍ...} (ทําตะยัมมุม) แนนอนใหพวกเจาจงมุง และพวกเจาก็หาน้ําไมได คําวาไมมีน้ําในที่นี้ หมายถึงหาน้ําไมไดจริง ๆ หรืออาจจะเกีย่ วของการหลักการศาสนบัญญัติ ซึ่งเราจะ อธิบายในสวนนี้พอสังเขป ดังนี้ ไมมีน้ําจริง ผูที่มีฮาดัษ หาน้ําไมได ไมวาเขาจะอยูกับบานหรืออยูในภาวะเดินทาง หรืออาจจะอยูใน เมืองแตน้ําเกิดหมด อันดับแรกเขาจะตองหาน้ําจากที่ที่ใกลที่สุดกอน 18 หากคิดวาในบริเวณนี้นาจะมีน้ํา และ นี่คือทัศนะของอัลอะหฺนาฟ สวนชาฟอียและอัลฮะนาบิละฮฺ วายิบจะตองออกคนหาจนกวาจะแนใจแลววา ไมมีจึงจะหยุด มีน้ําอยูแตไมเพียงพอกับการทําความสะอาด หรือมีน้ําแตประสงคจะใชสําหรับเปนน้ําดื่มสําหรับ คนและสัตวเลี้ยง หรือมีไวสําหรับปรุงอาหาร ทานอีหมามอะหฺมัดไดกลาวไววา “ซอฮาบะฮฺหลายทานทํา การตะยัมมุม โดยที่พวกเขาเก็บน้ําไวสําหรับบริโภค” ไมมีตามหลักศาสนบัญญัติ( )ﻋﺪﻡ ﺣﻜﻤﻲหมายถึงน้ํามีอยูครบถวนแตไมสามารถใชน้ําได เชนใน กรณีที่มีอาการปวยไขที่นายแพทยไมอนุญาตใหใชน้ํา เกรงวาจะทําใหอาการปวยทรุดหนัก หรือหายชา หรือ 18
คําวาน้ําอยูไกล สําหรับมัซฮับอัลอะหฺนาฟ คือระยะทางประมาณ 1847 เมตร จากที่พัก หรือประมาณ 1 ไมลครึ่ง สวนชาฟอีย กําหนดระยะไว ประมาณ 2771 เมตร หรือ 2 ไมล สวนมาลิกียะฮฺ ประมาณ 3694 เมตร
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
51
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
เกิดอาการเจ็บ หรือในกรณีที่น้ําเย็นจนเกินไป อาจถึงขนาดใหโทษตอรางกาย หากใชน้ํา และไมสามารถทํา ใหน้ําอุนได แมจะดวยการวาจางก็ตาม มีหลักฐานปรากฏวา “ทานอัมรฺ บิน อาส ไดทําการละหมาดโดยการ ตะยัมมุม ในเวลาละหมาดซุบฮฺ เพราะเกรงวาหากอาบน้ําเย็นจะทําใหไมสบาย เหตุเกิดเมื่อครั้งทําสงคราม สมรภูม ซาตซะลาซิล และทานรอซูลุลลอฮ ยอมรับในการกระทําของทาน” รายงานโดยทานอะหฺมัด อาบูดาวุด และทานอัลฮากิมและอิบนุ ฮิบบาน ก็ใหฮาดิษนี้เปนฮาดิษซอเหียะหฺ แตทานบุคอรียกลาววาเปน ฮาดิษมุอัลลัค ทานอัลมุนซิรียบอกวาเปนฮาดิษฮะซัน และทานอัลฮาฟส อิบนุ ฮะยัรบอกวาเปนฮาดิษที่มีน้ําน หนักพอ หรืออาจจะมีแหลงน้ําอยูใกล แตไมสามารถไปถึงแหลงน้ําได อาจจะเปนเพราะอยูในเขตของศัตรู หรืออาจจะไมมีเครื่องมือในการตักน้ํามาจากบอ หรือกลัววาหากรอใชน้ําจะหมดเวลา หากทําการตะยัมมุมก็จะทัน ก็ใหทําการตะยัมมุมและทําการ ละหมาด โดยที่อัลมาลิกียะฮฺบอกวาไมตองกลับมาละหมาดใหม แตอัลฮะนาฟยะฮฺกลับมีความเห็นวาตอง กลับมาละหมาดใหม ตามทัศนะของฮะนาบิละฮฺและชาฟอียะฮฺ หากเลยเวลาไปแลวไมจะทําการตะยัมมุม ไมไดอีกตอไป 3.ดินที่ใชสําหรับตะยัมมุม ดินในที่นี้หมายถึงหนาดิน ดวยเหตุนี้เองจึงสามารถใชฝุนดินที่สะอาดทําตะยัมมุมได และดินทุก ชนิดเชน ทราย กอนหิน ปูนซิเมนต ยิบซั่ม แตตามทัศนะของชาฟอียฺสิ่งที่จะใชสําหรับการตะยัมมุมนั้นคือ ฝุนดินหรือทรายที่มีฝุนเทานั้น 4. วิธีการตะยัมมุม ผูที่ตองการทําตะยัมมุม จะตองตั้งเจตนาและกลาวบิสมิลละฮฺ จากนั้นใหใชมือทั้งสองขางทุบลงไป ที่หนาดินที่สะอาดหนึ่งหรือสองครั้ง จากนั้นใหยกขึ้นมาสะบัดออกเล็กนอย หรือจะใชวิธีเปาก็ได เพื่อใหฝุน กระจายออกไป จากนั้นใหนํามาลูบที่ใบหนา และฝามือถึงขอมือทั้งสองขาง เพราะมีหลักฐานจากฮาดิษของ ทานอัมมารฺ บิน ยาซีรซึ่งทานไดกลาวไววา “ทานรอซูลุลลอฮ ไดแตงตั้งฉันไปทํางานอยางหนึ่ง และฉันก็ เกิดมียุนุบขึ้นมา แตไมมีน้ําฉันก็เลยคลุกฝุนเหมือนสัตวทํา ตอมาฉันก็มาหาทานรอซูลุลลอฮ และเลาให ทานฟง ทานก็บอกกับฉันวา ความจริงแลว แคทานใชมือของทานทําอยางนี้ วาแลวทานก็ใชมือทั้งสองของ ทานทุบลงไปที่หนาดินหนึ่งครั้ง แลวนํามาลูกจากทางซายไปทางขวา คือลูกที่หลังมือและหนาของทาน” ฮาดิษรายงานโดยบุคอรียและมุสลิม และนี่คือทัศนะของมัซฮับ อัลฮะนาบิละฮฺ และมาลิกียะฮฺ สวนมัซฮับฮา นะฟยะฮฺ และชาฟอียะฮฺกลับเห็นวาจะตองลูกมือทั้งสองขางไปจนถึงข อศอก แตฮาดิษ ที่นํามาอางเปน หลั กฐานนั้ นเปนฮาดิ ษ ฎออีฟ มีความหมายขัดแยงกับฮาดิษของทานอัมมารฺ และท านนะวาวีย เจาของ หนังสือ มัจมุอฺ ชัรฮฺ อัลมุฮัซซับ()ﺍﺠﻤﻟﻤﻮﻉ ﺷﺮﺡ ﺍﳌﻬﺬﺏยและทานอัซซอลอานีย เจาของหนังสือ ซุบุลุสสลาม ก็ใหน้ําหนักกับทัศนะแรก และทั้งสองทานก็เปนสานุศิษยของมัซฮับชาฟอียดวย ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
52
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
5. สิ่งที่อนุมัตใิ หผูมีฮะดัษกระทําไดดวยการตะยัมมุม การตะยัมมุม เปนการแทนการทําวุฎอฺ และการอาบน้ําวายิบ สิ่งที่อนุมัติใหทําไดหลังการตะยัมมุม หรือหลังวุฎอฺคือการละหมาด การตอวาฟ การสัมผัสคัมภีรอัลกุรอาน ซึ่งมัซฮับอัลอะฮฺนาฟ เห็นวาเมื่อตะยัม มุมแลวจะทําการละหมาดกี่ครั้งก็ได และทําไดไปจนกวาจะหมดหรือเสียตะยัมมุม แตสําหรับชาฟอียะฮฺ กลับเห็นวาใหละหมาดฟรฎไดเวลาเดียว สวนละหมาดซูนัตทําไดตามตองการ 6. สิ่งที่ทําใหตะยัมมุมเสีย • สิ่งใดที่ทําใหเสียวุฎอฺ ก็จะทําใหเสียตะยัมมุมดวย • และเมื่อเหตุผลของการอนุญาตหมดไปการตะยัมมุมก็จะตองยุติ เชน เมื่อพบน้ําในปริมาณที่สามารถ
นํามาใชได แตหากทําการละหมาดไปดวยการตะยัมมุม แลวเกิดพบน้ําขึ้นมา ก็ใหทําการละหมาด ใหม19 ผูที่ทําการตะยัมมุมจากยุนุบ วายิบตองอาบน้ําหากพบน้ําในภายหลัง20
ตามทัศนะมัซฮับชาฟอียะฮฺ และมาลิกยี ะฮฺ เพราะมีหลักฐานวาทานรอซูลุลลอฮ ไดบอกกับผูที่ไมละหมาดใหมหลังพบน้ํา ใหละหมาด ใหม 19
20
เพราะมีหลักฐานจากฮาดิษของทานอัมรอน รายงานวา ทานนบี ไดนําละหมาดใหกับผูคน และเมื่อละหมาดเสร็จทานก็หันมาพูดกับ ชายคนหนึ่งซึ่งละหมาดแยกออกไปไมละหมาดรวมกับคนอื่น ๆ วา อะไรทําใหทานตองละหมาดคนเดียว ไมละหมาดพรอมกับคนอื่น ๆเลา ชาย คนนั้นก็ตอบวา ฉันมียะนาบะฮฺ และไมมีน้ําที่จะอาบ ทานก็ตอบวา ทานก็ใชดินซึ่งก็เพียงพอกับทานแลว จากนั้นอัมรอนก็เลาตอไปวา ในเวลา
ตอมาเมื่อพวกเขาพบน้ํา ทานรอซูลลุลลอฮ ก็ใหน้ําเต็มพาชนะกับคนที่มยี ุนุบ แลวก็บอกวา “รับไปแลวไปชําระรางกายเสีย” รายงานโดยบุ คอรีย
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
53
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
กิจกรรม ฟรฎวุฎอฺ 1. ก. อายะฮฺที่กลาวถึงการทําวุฎอฺ เริ่มตนดวยการเรียกรองบรรดาผูมีศรัทธา การเรียกรองในลักษณะนี้มี วัตถุประสงคใด ? (จงอธิบาย) ข. เพราะเหตุใดจึงกําหนดใหการตั้งเจตนาเปนหลักการหนึ่งของฟรฎวุอฺ ? ค.หลักการ(รุกน) ของการทําวุฎอฺซึ่งกลาวถึงไวในอายะฮฺมีอะไรบาง ? ง.บัญญัติที่สั่งใหอาบน้ําชําระรางกายและการเช็ด ที่กลาวถึงไวในอายะฮฺเปนวายิบหรือซูนัต จงอธิบายพรอม ระบุหลักฐานอางอิง 2.การที่ทานรอซุลุลลอฮ ไดกลาวไววา “เมื่อคนหนึ่งคนใดจากพวกทานมีฮะดัษ ก็อยาไดเขาสูการละหมาด จนกวาจะทําวุฎอฺเสียกอน” เหตุใดฮาดิษนีเ้ ปนหลักฐานวาวายิบจะตองทําวุฎอฺ ? (จงอธิบาย) 3.ทานรอซูลุลลอฮ สนับสนุนใหมวี ุฎออฺ ยูเสมอ ทุกครั้งที่จะทําการละหมาดทานก็จะทําวุฎอฺใหม เกี่ยวกับ เรื่องนี้มีอะไรเปนปรัชญา()ﺍﳊﻜﻤﺔอยูเบื้องหลัง (จงอธิบาย) 4.ใหนกั เรียนทําความเขาใจเกี่ยวกับฮาดิษที่กลาวถึงการลบลางความผิดใหกับผูมีศรัทธาผานการชําระอวัยวะ ที่ตองชําระขณะทําวุฎอฺ แลวตอบคําถามดังตอไปนี้ ก. การทําวุฎอมฺ ีผลตอการลบลางความผิดและชําระจิตใจใหสะอาดไดอยางไร ? (จงอธิบาย) ข. ในเมื่อการทําวุฎอฺก็มีผลตอการชําระลางความผิดใหกับผูศรัทธา การเดินทางไปมัสยิดและทํา ละหมาดจะมีผลในดานใดอีก (จงอธิบาย) ค.การเดินไปทําละหมาดทีม่ ัสยิดและการละหมาดซูนัต :(เลือกคําตอบที่ถูกตองจากคําตอบตอไปนี้ โดยการทําเครือ่ งหมาย 9หนาหัวขอที่ถูกตอง) 1. เพราะการทําวุฎอฺมีผลกับทุกผลบุญ การเดินทางไปมัสยิดเพื่อทําละหมาดซูนัตเทานัน้ ไมใชฟรฎ 2.การเดินทางไปยังมัสยิดเพือ่ ทําละหมาดก็จะชวยเพิ่มความดีและฐานันดรใหมากและสูงสงยิ่งขึ้น 3.เมื่อมีการรับรองแลววาความผิดทั้งหมดไดรับการชําระลางใหสะอาดไปแลว หลังจากนั้นก็ไมตอ ง ไปมัสยิดและไมตองทําละหมาดอีก 5. ก. การรอเวลาละหมาดหลังจากละหมาดแรกเสร็จสิ้นแลว , การไปละหมาดที่มัสยิด, การทําวุฎอฺ อยางถูกตองสมบูรณ การกระทําทั้งหมดนี้ การกระทําใดที่มีคุณคาเทากันสําหรับอัลลอฮ ? ข. คําวา “ ”ﻓﺬﻟﻜﻢ ﺍﻟﺮﺑﺎﻁซึ่งถูกกลาวไวถึง 3 ครั้ง มีอะไรเปนปรัชญาอยูเบื้องหลัง 6. ฮาดิษที่วา “การกระทําตาง ๆจะขึ้นอยูก บั การตั้งเจตนา” ก.ทําไมจึงนําฮาดิษนี้มากลาวถึงไวในบทนี้ ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
54
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ข. หากทําอิบาดะฮฺโดยไมตั้งเจตนาจะเปนอยางไร ? (อธิบาย) 7. เกี่ยวกับการเช็ดศีรษะมีการอางหลักฐานจากฮาดิษของทานนบี ไวมากมายหลายฮาดิษ และรูปแบบการ เช็ดศีรษะในการทําวุฎอฺของทาน(ที่ไดรับรายงานมา)ก็ตางกัน รายงานตาง ๆ ที่หลากหลายเหลานี้บงบอกถึง สิ่งใด ? 8. จงตอบวา “ถูกตอง หรือ ไมถูกตอง”ในการกระทําตอไปนี้ พรอมเหตุผล ก. ชายคนหนึง่ ทําวุฎอฺแตจะใชวิธีเช็ดบนผาซัรบานแทนการเช็ดศีรษะ ข.ลางหนาในวุฎอฺจากคิว้ ทั้งสองถึงปลายคาง ค.ลางหนาในวุฎอฺจากตําแหนงผมงอกไปจนถึงปลายคางเพียงครั้งเดียว ง.ลางมืออยางเดียวโดยไมลางไปถึงแขน จ.ลางเทาถึงหนาแขง ฉ.ลางมือโดยเริ่มจากขอมือไปถึงแขน ช. นํามือเปยกน้ําไปวางบนศีรษะโดยไมตองเช็ด หรือลูบ (ก็เพียงพอสําหรับการเช็ดศีรษะวุฎอ)ฺ 9. การรีบเรงทําวุฎอฺใหเสร็จสิ้น โดยที่ทําวุฎอฺไดไมสมบูรณ ผูกระทําจะถูกลงโทษ (จงบอกหลักฐานยืนยัน ในเรื่องนี้ ) 10. ใหนกั เรียนบอกฮาดิษทีก่ ลาวถึงคุณคาของการทําวุฎอ ฺมาสองฮาดิษ 11. ใหนกั เรียนบอกฟรฎวุฎอ ฺ ที่มีกลาวไวในอายะฮฺและฮาดิษ (ทีก่ ลาวมาแลวขางตน) 12. การเรียงลํากับตอเนื่อง ( )ﺍﻟﺘﺮﺗﻴﺐนักวิชาการบางทานบอกวาไมใชฟร ฎ .ใหนักเรียนบอกเหตุผลที่เปน ทัศนะของนักวิชาการมาทั้งหมด กิจกรรม 1. การอานบิสมิลละฮฺขณะเริม่ วุฎอฺจัดอยูในซูนัตของการทําวุฎอฺหรือไม เพราะเหตุใด ? 2.การแปรงฟนมีประโยชนมากมาย ใหนกั เรียนบอกประโยชนของการแปรงฟนมาพอสังเขป 3.ใหนกั เรียนทําเครื่องหมาย 9 หนาหัวขอที่ถูกตอง และทําเครื่องหมาย X หนาหัวขอที่ผิด ในประเด็น ตอไปนี้ ก.การแปรงฟนตามที่ทานนบี แนะนําไว • ซูนัตใหแปรงฟนไดในทุกกรณี ทุกเวลา • การแปรงฟนอนุญาตเฉพาะผูท ี่ไมถือศีลอดเทานั้น • แปรงฟนซูนัตทั้งผูถือศีลอดและผูละศีลอด • ซุนัตเฉพาะกับเพศชายเทานั้น ข. ซูนัตใหลางแปรงหลังจากใชงานทุกครั้ง • เพื่อเปนการเดินตามอุดมการณเกีย่ วกับความสะอาดที่อิสลามสนับสนุน ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
55
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
• เปนการปฏิบัตติ ามแบบอยางของทานนบี • เพื่อความสวยงาม ค. ซูนัตใหบวนปากและสูบน้ําเขาจมูก : • สําหรับผูที่ถือศีลอดเทานั้น • สําหรับผูที่ไมไดถือศีลอด • ไดทุกคนทั้งผูถ ือศีลอดและผูที่ไมถือศีลอด 4. ก.ลางมือถึงขอมือ ,บวนปาก,สูบน้ําเขาจมูก เปนซุนัตของวุฎอฺ จงบอกหลักฐานยืนยันในหลักการ เหลานี้ ข. ชายคนหนึง่ มีน้ําอยูเล็กนอยในสระ และบังเอิญมือของเขาสกปรก เมื่อเขาตองการทําวุฎอฺ เขาควร ปฏิบัติอยางไร ? ค. หากชายคนเดิมพบวามีน้ําอยูเปนจํานวนมากในสระเขาตองเปลี่ยนวิธีการหรือไม เพราะเหตุใด ? 5. คําวา “สูดน้าํ เขาจมูก” ทานนบี มีวิธีปฏิบัติอยางไร ? (ดูหนังสือ ) ﻧﻴﻞ ﺍﻷﻭﻃﺎﺭ ﻟﻠﺸﻮﻛﺎﱐ 6. วุฏอฺเปนการกระทําที่ทําใหใกลชิดตออัลลอฮ แตการกระทําที่ทานนบี สอนไวเปนแนวทางเพื่อใหมี สุขภาพที่ดี จงอธิบายแนวทางที่ทานนบีชี้นาํ เพื่อใหบรรลุจุดประสงคดังกลาว 7. ก. การสรางเคราและการลางสามครั้ง มีวิธีการอยางไร ? การลางในสวนใดของวุฎอฺที่ซูนัตให กระทํา ? ข. เมื่อใดที่การถูระหวางนิว้ จําเปนตองกระทําขณะทําการวุฎอฺ 8.จงบอกฮาดิษที่ยืนยันวาทานนบี เรียกรองใหทําวุฎอ ฺโดยเริ่มตนจากอวัยวะทางขวา 9 ใหนกั เรียนแสดงหลักฐานที่บงบอกววาทานนบี แนะนําใหทําการวุฏอฺติตตอกันตามลําดับ()ﺍﳌﻮﺍﻻﺓ 10. การลางใหเกินเขตทีก่ ําหนด หมายความวาอยางไร ? มีหลักฐานใดที่บงบอกวาเปนซูนัตในการทําวุฏอฺ ? 11.การทําวุฎอเฺ ปนการกระทําที่มีผลบุญที่ยิ่งใหญมาก เพราะเปนการกระทําที่จะนําไปสูการทําละหมาด ให นักเรียนบอกหลักฐานจากฮาดิษที่สนับสนุนในเรื่องดังกลาว สิ่งที่ไมควรปฏิบัติ และสิ่งทีท่ ําใหเสียวุฎอฺ ก.การกระทําตอไปนี้ถูกตองหรือไมอยางไร ? 1) ใชน้ําอยางสุรุยสุราย โดยลางมากวา 3 ครั้งที่กําหนด ในที่ที่ตองเช็ด ก็ใหเช็ดเพียง 2 ครั้ง 2) คนที่ทําวุฏอ ฺเขามายืนในที่สกปรกขณะทําวุฏอฺ 3) พูดในสิ่งที่ไมอยูในเรื่องของซิกริลละฮฺ ขณะทําการวุฏอฺ โดยไมมีเหตุจําเปน 4) การบวนปากและสูบน้ําเขาจมูกแรงๆ ของผูที่กําลังถือศีลอด 5) คําวา “ ”ﺍﻟﻐﺎﺋﻂในอายะฮฺที่กลาวมาแลวมีความหมายวาอยางไร ? ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
56
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
6) ฮาดิษใดที่แสดงใหเปนเปนหลักฐานวาหากมีลมออกมาจากทวารจะทําใหเสียวุฎอ ฺ 7) ใหนักเรียนสรุปทัศนะของนักวิชาการมุสลิมเกี่ยวกับการนอนที่ทําใหเสียวุฎอฺ โดยศึกษาเพิ่มเติม ไดจากหนังสือ “ ”ﻧﻴﻞ ﺍﻷﻭﻃﺎﺭของทาน อัชเชากานีย 8) การนอนจะทําใหเสียวุฎอฺ แตในฮาดิษของทานอานัส ซึ่งรายงานวาซอฮาบะฮฺของทานนบีนั่งรอ เพื่อละหมาดอีชาจนคอตก(หลับ) จากนั้นเมือ่ ไดเวลาก็พวกเขาก็ลุกขึ้นไปละหมาด โดยไมทําวุฎอใหม นักเรียนจะอธิบายฮาดิษนี้วาอยางไร ? 9) นักวิชาการที่อธิบายวาการนอนจะทําใหเสียวุฎอฺ พวกเขามีหลักฐานใดมาอางอิง (จงระบุ) 10) ใหนักเรียนระบุการกระทําตอไปนี้ วา “ถูกตอง หรือ ไมถูกตอง” • นอนเลน ๆ จะไมทําใหเสียวุฎอฺ ยกเวนนอนนาน ๆ • นอนหลับแบบไมรูสึกตัวทําใหเสียวุฎอฺ • นั่งในลักษณะที่สะโพกราบกับพื้นไมทําใหเสียวุฎอฺ • เสียสติ (เปนบา เปนลม เมา) แมจะยังนั่งราบกับพื้นได ก็จะทําใหเสียวุฎอฺ 11)ใหนักเรียนบอกหลักฐานที่บงบอกวาการเสียสติ ดวยการเปนบา เปนลม หรือเมาไมไดสติทําให เสียวุฎอฺ 12) คนที่สลบเพราะยาสลบฉีดเขาเสนจะเสียวุฎอหฺ รือไมอยางไร ? 13) ผูเชี่ยวชาญทางฟกฮฺของมัซฮับฮานาฟยะฮฺมีความเห็นวา การสัมผัสอวัยวะเพศ ไมทําใหเสียวุฎอฺ พวกเขามีสิ่งใดเปนหลักฐานอางอิง ? (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมไดจาก ฟกฮุซซุนนะฮฺ หรือหนังสือฟกฮฺ ของฮานาฟย) ข. ใหนกั เรียนระบุวาถูกตองหรือไมถูกตองพรอมแสดงหลักฐานประกอบจากฮาดิษในประเด็นตอไปนี้ • สัมผัสอวัยวะเพศทําใหเสียวุฎอฺ • สตรีสัมผัสอวัยวะเพศของตนเองทําใหเสียวุฎอฺ • นายแพทยหากสัมผัสอวัยวะเพศของคนไขจะทําใหเสียวุฎอฺ • สัมผัสอันทะทําใหเสียวุฎอฺ ใหนกั เรียนทําเครื่องหมาย 9 หนาหัวขอที่ถูกตองดังตอไปนี้ • ผูละหมาดทําการละหมาดในขณะที่ตนเองบาดเจ็บ o เพราะไมมีน้ําสําหรับทําวุฎอ ฺ o เพราะยุงอยูกบั การทําสงครามไมสามารถเอาเวลาไปทําวุฎอฺได o เพราะการทําวุฏอฺของพวกเขาถูกตองไมมีอะไรทําใหเสียวุฎอฺ • นักวิชาการที่ใหทัศนะวาการกระทบหรือสัมผัสกับสตรีเพศทําใหเสียวุฎอฺ ทั้งๆ ที่มีหลายฮาดิษจาก ทานรอซูลุลลอฮ หลายฮาดิษที่แสดงวาไมทําใหเสียวุฎอฺแตอยางใด
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
57
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
• ในฮาดิษของทานยาบีร บิน ซัมเราะฮฺ มีการสั่งใหทําวุฎอสฺ ําหรับผูที่รับประทานเนื้ออูฐ คําสั่งในที่นี้ มีความหมายวาอยางไร ? การเช็ดบนรองเทาบูต 1. ฮาดิษซึ่งรายงานโดย ฮัมมาม อัลนะคออีย วาอนุญาตใหเช็ดบนรองเทาบูตได แตในตัวบทอัลกุร อานกลับมีหลักฐานชี้แจงวาวายิบตองลางเทาทั้งสองขาง ในสวนนี้เราจะอธิบายวาอยางไร ? 2. จงอธิบายความหมายของฮาดิษกับเมื่อเปรียบเทียบกับความหมายของอายะฮฺอัลกุรอาน(จากขอ 1) (ศึกษาจากฟกฮุซซุนนะฮฺ) 3. ใหนกั เรียนอธิบายเปรียบเทียบระดับความสําคัญระหวางฮาดิษกับอัลกุรอานมาพอสังเขป 4.หลักการเกีย่ วกับการอนุญาตใหเช็ดบนรองเทาบูต มีหลักการมาจากแหลงใด (อัลกุรอาน อัซซุน นะฮฺ , อิจมะฮฺ หรือกียาส) 5. กฏเกณฑในการเช็ดบนรองเทาบูตมีอะไรบาง มีหลักฐานที่มาจากฮาดิษใด ? 6. ใหนกั เรียนทําเครื่องหมาย หนาหัวขอที่กลาวถูกตอง และทําเครือ่ งหมาย X หนาหัวขอที่ผิด พรอมใหเหตุผล • อนุญาตใหเช็ดเทาทั้งสองขางได แมวาจะไมไดสวมใสรองเทาบูตก็ตาม • ผูที่ประสงคจะใสรองเทาบูต จะตองเขาหองน้ําถายปสสาวะและทําวุฎอ ฺใหเรียบรอยแลวจึงมาเช็ด บนรองเทาบูต • อนุญาตใหเช็ดบนรองเทาบูตและทําตะยัมมุมพรอมกันได • การเช็ดบนรองเทาบูตอนุญาตใหทั้งผูหญิงและผูชาย • เช็ดบนรองเทาบูตอนุญาตใหทั้งขณะอยูกับบานและขณะเดินทาง • ผูที่สวมใสรองเทาบูตแลวแมวาจะไมไดทาํ วุฎอฺมากอนก็อนุญาตใหเช็ดบนรองเทาบูตได 7.เมื่อใดเริ่มอนุญาตใหเช็ดบนรองเทาบูตได ทั้งผูที่อยูกบั บานและผูที่เดินทางไกล 8. ใหนกั เรียนบอกสิ่งที่ทําใหการเช็ดรองเทาบูทเปนโมฆะ • ใหนักเรียนทําเครื่องหมาย 9 หนาคําตอบที่ถูกตอง 1) เมื่อชวงเวลาที่อนุญาตใหเช็ดบนรองเทาบูตสิ้นสุดลง ผูสวมใสไดทําการวุฎอฺกอนที่จะหมดเวลาเพื่อให สามารถทําละหมาดได เขาเองจะตองปฏิบัติอยางไร ? o ลางเทาทั้งสองขางอยางเดียว o ทําวุฎอฺอยางสมบูรณแบบ o ไมตองทําวุฎอแฺ ละไมตองลางเทา • ใหนกั เรียนอธิบายหลักการตอไปนี้พอสังเขป
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
58
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
1) จงระบุตําแหนงการเช็ดรองเทาบูตในกรอบความเขาใจตามคําพูดของทาน อัลมุฆีเราะฮฺ ซึ่ง ไดกลาวไววา “ฉันเห็นทานรอซูลุลลอฮ เช็ดดานบนของรองเทาบูตของทาน” 2) นักเรียนมีความคิดเห็นอยางไรกับคําพูดของทาน อาลี ซึ่งไดกลาวไววา “หากศาสนาเปนเพียง ความคิดเห็น แนนอนที่สุดการเช็ดรองเทาบูตจะตองเช็ดดานลางเหมาะสมกวาที่จะเช็ดดานบน” 3) ผูที่กําหนดบัญญัติตาง ๆ แกมวลมนุษยคือใคร ? ผูที่ละเมิดดวยการบัญญัติหลักกฏหมายขึ้นมา ใหมอีกทั้งยังขัดแยงกับกฎหมายของอัลลอฮและรอซูล เขาควรไดรับการตัดสินวาอยางไร ? 4) ใหนักเรียนสาธิตวิธีการเช็ดที่ถูกตอง โดยใชมือขางขวาเช็ดเทาขางขวา มือขางซายเช็ดเทาขางซาย 5) นักวิชาการบางทานอนุญาตใหเช็ดบนถุงเทาได พวกเขามีหลังฐานอางอิงวาอยางไร ? และ ลักษณะของถุงเทาที่อนุญาตใหเช็ดไดเปนอยางไร ? 6) ในกรณีที่ผทู ีบาดแผลไมสามารถอาบน้ําหรือใชน้ําได เขาควรปฏิบัติอยางไรกับอวัยวะวุฎอฺที่มี บาดแผล 7) ใหนักเรียนศึกษาทําความเขาใจเกีย่ วกับสิ่งที่ทําใหการเช็ดบนผาพันแผลเปนโมฆะ อานและ บันทึกลงในสมุด 8)ใหนักเรียนบันทึกความสะดวกในการปฏิบัติศาสนกิจที่อิสลามอนุญาตเพื่อใหเกิดความสะดวกใน การปฏิบัติ ตามที่อัลลอฮไดทรงตรัสไววา .(21) ﻭﻤﺎ ﺠﻌل ﻋﻠﻴﻜﻡ ﻓﻲ ﺍﻟﺩﻴﻥ ﻤﻥ ﺤﺭﺝ การตะยัมมุม ก. ตอบคําถามตอไปนี้ใหถูกตอง 1. จงระบุหลักฐานทางศาสนบัญญัติจากอัลกุรอาน และซุนนะฮฺเกี่ยวกับการอนุญาตใหทําการตะยัม มุมแทนการทําวุฎอฺได 2. ใหนกั เรียนบอกสาเหตุทมี่ ีหลักการใหทําการตะยัมมุม และบทบาทของทานหญิงอาอิชะฮฺเกีย่ วกับ เรื่องนี้ (ดูรายละเอียดจากหนังสือ ซุนนะฮฺ) 3. ตามหลักศาสนบัญญัติของอิสลามไดอนุญาตใหทําการตะยัมมุม(แทนการวุฎอฺได) และสาระ ธรรมของทานนบีมูฮําหมัดก็เปนสาระธรรมสําหรับคนทั่วไปซึ่งก็สามารถเขากันไดกับบัญญัติการตะยัมมุม ใหนกั เรียนอธิบายความสอดคลองลงตัวในเรื่องนี้พอสังเขป 4.ใหนกั เรียนบอกสาเหตุทอี่ นุญาตใหทําการตะยัมมุมมาทั้งหมด 6. ขณะที่ไมมนี ้ําสําหรับวุฎอ ฺ ระหวางการกลั้นปสสาวะไวเพื่อรักษาวุฎอฺไมใหเสียแลวทําละหมาด กับการไปปสสาวะและทําการตะยัมมุม ทางเลือกใดจะดีกวากัน เพราะเหตุใด ? 7.อัลลอฮทรงตรัสไววา “ ”ﻓﺘﻴﻤﻤﻭﺍ ﺼﻌﻴﺩﹰﺍ ﻁﻴﺒﹰﺎคําวา “ ”ﺼﻌﻴﺩในที่นหี้ มายถึงอะไร และคําวา “ ”ﻁﻴﺒﹰﺎมีความหมายวาอยางไร ? . 78 : ﺴﻭﺭﺓ ﺍﻟﺤﺞ
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
(21)
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
59
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
• ตอบคําถามตอไปนี้ใหถกู ตอง 1. สิ่งใดทีน่ ับไดวาเปนความโปรดปรานที่อัลลอฮทรงประทานใหกับศาสนทูตคนสุดทายของพระองค ซึ่งเปนความโปรดปรานที่ไมเคยประทานใหกับผูใดมากอน 2. ความสัมพันธระหวางผูศรัทธากับอัลลอฮมีอยูอยางไพศาล ทั่วทั้งแผนดินสามารถเปนมัสยิดได และ ดินทั้งหมดก็สะอาดบริสุทธิ์ คุณคาอันยิ่งใหญของความโปรดปรานนี้คืออะไร ? 3. มีตัวบทใดเปนหลักฐานที่สามารถยืนยันไดวาการตะยัมมุมนั้นสามารถแทนการอาบน้ําและการวุฎอ ฺ ไดทั้งหมด 4. ฮาดิษซึ่งรายงานโดยทาน อัมรฺ บิน อัลอาส ซึ่งบงบอกถึงการยอมรับของทานนบี ตอการกระทําของ ทานเกี่ยวกับการตะยัมมุมซึ่งเรียกเปนภาษาอาหรับวา ซุนนะฮฺตักรีรยี ะฮฺ( )ﺍﻟﺴﻨﺔ ﺍﻟﺘﻘﺮﻳﺮﻳﺔ...จงอธิบาย 5. ใหนกั เรียนอานและทําความเขาใจฮาดิษของทาน อัมมารฺ และตอบคําถามตอไปนี้ใหถูกตอง 1) ขณะที่ทานอัมมารฺมียุนุนทานปฏิบัติอยางไร ? และทานรอซูลุลลอฮ แนะนําทานไวอยางไร ? 2) ในอายะฮฺอลั กุรอานมีการบัญญัติความเกี่ยวกับการเช็ดมือทั้งสองขางไวอยางกวาง ๆ ตอมาก็มี ฮาดิษมาจํากัดคําวา “เช็ด”ใหไดความหมายที่แคบลง ...จงอธิบาย 6. ใหนกั เรียนทําเครื่องหมาย หนาหัวขอที่กลาวถูกตอง จากหลักการศาสนบัญญัติตอไปนี้ o การตะยัมมุมหมายถึงการเช็ดอวัยวะวุฎอฺดว ยดินที่สะอาด o ผูที่ตะยัมมุมแลวสามารถจับตองคัมภีรอัลกุรอานได o การตะยัมมุมหนึ่งครั้งจะละหมาดไดเพียงหนึ่งเวลา o ผูที่ตะยัมมุมแลวทําการละหมาด และหลังละหมาดเขากลับพบน้ํา ในขณะทีย่ ังมีเวลา ละหมาดอยู การละหมาดของเขาใชไมได ตองละหมาดใหม o หากคนที่ทําการตะยัมมุมมียะนาบะฮฺแตเขาสามารถอาบน้ําได วายิบตองอาบน้ํา o อีหมามที่ทําการตะยัมมุมเพือ่ ละหมาด ไมสามารถเปนอีหมามใหกับผูท ําวุฎอฺปกติได o หากใชน้ําเกรงวาจะทําใหอาการปวยทรุดหนักขึ้น ก็อนุญาตใหตะยัมมุมได ใหนกั เรียนทําเครื่องหมาย 9 หนาหัวขอที่กลาวถูกตอง 1) สิ่งที่ทําใหตะยัมมุมเสีย o มีน้ําพอสําหรับใชกอนไดเวลาละหมาด o ทุกสิ่งที่ทําใหเสียวุฎอฺกจ็ ะทําใหเสียตะยัมมุม o สาเหตุที่อนุญาตใหตะยัมมุมสิ้นสุดลง
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
60
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
บทที่ 2 ศาสนบัญญัติการละหมาด หมวดที่ 1 บัญญัติ คุณคาและขอตัดสินสําหรับผูที่ละทิ้งการละหมาด การละหมาดเปนหลักปฏิบัติขอหนึ่งของหลักการ(ปฏิบัติ)อิสลามทั้ง 5 ขอ การละหมาดนับไดวา เปนเสาหลักของศาสนา ศาสนาจะดํารงอยูได(ในตัวบุคคล)ดวยการละหมาด การละหมาดเปนอิบาดะฮฺ ประการแรกที่อัลลอฮทรงบัญญัติวายิบมา และเปนสิ่งแรกที่อัลลอฮจะสอบสวนในวันกียามะฮฺ และเปนเรื่อง สุดทายที่ทานรอซูลุลลอฮ สั่งเสียประชาชาติของทาน กอนที่ทานจะเสียชีวิต อัลลอฮไดทรงบัญชากําชับ ไวในทุกสถานการณ ขณะอยูกับบานหรือออกนอกบานเดินทางไกล ยามศึก ยามสงบ »ω$y_Ìsù óΟçFøÅz ÷βÎ*sù ∩⊄⊂∇∪ tÏFÏΨ≈s% ¬! (#θãΒθè%uρ 4‘sÜó™âθø9$# Íο4θn=¢Á9$#uρ ÏN≡uθn=¢Á9$# ’n?tã (#θÝàÏ≈ym .[239 ،238 :]ﺍﻟﺒﻘﺭﺓ
∩⊄⊂∪ šχθãΚn=÷ès? (#θçΡθä3s? öΝs9 $¨Β Νà6yϑ¯=tæ $yϑx. ©!$# (#ρãà2øŒ$$sù ÷ΛäΨÏΒr& !#sŒÎ*sù ( $ZΡ$t7ø.â‘ ÷ρr&
พวกเจาทั้งหลายจงหมั่นรักษาการละหมาดไวใหดีเถิด(โดยทําละหมาดไมขาดและทําอยางเรียบรอย สมบูรณ มีจิตสํารวมโดยแทจริง) โดยเฉพาะการละหมาดกลาง (คือละหมาดอัศริ) และพวกเจาทั้งหลายจงยืน อยูกับอัลลอฮ โดยความคาราวะ แตถาพวกเจาบังเกิดความหวาดกลัว (เพราะกําลังอยูระหวางอันตราย) ก็ให ทําการละหมาดพลางเดินหรือพลางขี่พาหนะได ครั้นเมื่อพวกเจาปลอดภัยแลวพวกเจาก็จงกลาวรําลึก ถึงอัลลอฮฺ เชนที่พระองคไดทรงสอนพวกเจา ในสิ่งที่พวกเจาไมเคยรูมากอน (คือใหทําละหมาดตามวิธีการ ปกติ) และอัลลอฮไดทรงชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการละหมาดในภาวะสงครามไว เพื่อยืนยันวาการ ละหมาดจะไมมีวันตกไปไดอยางเด็ดขาดไมวาจะอยูในภาวะใด อัลลอฮทรงตรัสไววา βr& ÷ΛäøÅz ÷βÎ) Íο4θn=¢Á9$# zÏΒ (#ρçÝÇø)s? βr& îy$uΖã_ ö/ä3ø‹n=tæ }§øŠn=sù ÇÚö‘F{$# ’Îû ÷Λäö/uŸÑ #sŒÎ)uρ ãΝßγs9 |Môϑs%r'sù öΝÍκÏù |MΖä. #sŒÎ)uρ ∩⊇⊃⊇∪ $YΖÎ7•Β #xρ߉tã ö/ä3s9 (#θçΡ%x. tÍÏ≈s3ø9$# ¨βÎ) 4 (#ÿρãxx. tÏ%©!$# ãΝä3uΖÏFøtƒ öΝà6Í←!#u‘uρ ÏΒ (#θçΡθä3uŠù=sù (#ρ߉y∨y™ #sŒÎ*sù öΝåκtJysÎ=ó™r& (#ÿρä‹äzù'u‹ø9uρ y7tè¨Β Νåκ÷]ÏiΒ ×πxÍ←!$sÛ öΝà)tFù=sù nο4θn=¢Á9$# zƒÏ%©!$# ¨Šuρ 3 öΝåκtJysÎ=ó™r&uρ öΝèδu‘õ‹Ïn (#ρä‹è{ù'uŠø9uρ y7yètΒ (#θ=|Áã‹ù=sù (#θ=|ÁムóΟs9 2”t÷zé& îπxÍ←!$sÛ ÏNù'tGø9uρ yy$oΨã_ Ÿωuρ 4 Zοy‰Ïn≡uρ \'s#ø‹¨Β Νà6ø‹n=tæ tβθè=‹ÏϑuŠsù ö/ä3ÏGyèÏGøΒr&uρ öΝä3ÏFysÎ=ó™r& ôtã šχθè=àøós? öθs9 (#ρãxx. 3 öΝä.u‘õ‹Ïn (#ρä‹è{uρ ( öΝä3tGysÎ=ó™r& (#þθãèŸÒs? βr& #yÌö¨Β ΝçFΖä. ÷ρr& @sÜ¨Β ÏiΒ “]Œr& öΝä3Î/ tβ%x. βÎ) öΝà6ø‹n=tã #YŠθãèè%uρ $Vϑ≈uŠÏ% ©!$# (#ρãà2øŒ$$sù nο4θn=¢Á9$# ÞΟçFøŠŸÒs% #sŒÎ*sù ∩⊇⊃⊄∪ $YΨ‹Îγ•Β $\/#x‹tã tÌÏ≈s3ù=Ï9 £‰tãr& ©!$# ¨βÎ)
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
61
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
$Y7≈tFÏ. šÏΖÏΒ÷σßϑø9$# ’n?tã ôMtΡ%x. nο4θn=¢Á9$# ¨βÎ) 4 nο4θn=¢Á9$# (#θßϑŠÏ%r'sù öΝçGΨtΡù'yϑôÛ$# #sŒÎ*sù 4 öΝà6Î/θãΖã_ 4’n?tãuρ [103 - 101 : ∪⊂⊃⊇∩ ]ﺍﻟﻨﺴﺎﺀ$Y?θè%öθ¨Β
และเมื่อเจาทั้งหลายไดออกเดินทางไปในแผนดิน ก็ยอมไมเปนบาปแกพวกเจาที่จะตัดทอนละหมาด (จากจํานวน 4 รอกาอะฮฺใหเหลือเพียง 2 รอกาอะฮฺ) หากพวกเจากลัววาบรรดาผูเนรคุณจะกอกวนพวกเจา แทจริงบรรดาผูเนรคุณนั้นเปนศัตรูอันชัดแจงสําหรับพวกเจาและเมื่อเจา (มุฮํามัด) อยูในกลุมพวกเขา (บรรดาสาวกขณะทําสงคราม) แลวเจาก็ยืนทําละหมาดนําพวกเขา เจาก็จงใหมคี นนกลุม หนึง่ จากพวกเขายืน (ละหมาด) พรอมกับเจา และพวกเขาตองถืออาวุธไวดวย ตอมาเมื่อพวกเขาลงไปกราบ ก็จงใหพวกเขาถอย ออกมาอยูเบื้องหลังของพวกเจา (เพื่อคอยระวังขาศึก) และใหอีกกลุมหนึ่งที่ยังไมไดทําละหมาดเขามา (แทนที่) และใหพวกเขาทําละหมาดรวมกับเจา โดยพกเขาจงระมัดระวังตัว และถืออาวุธไว พวกเนรคุณชอบ ที่จะใหพวกเจาละเลยตออาวุธและสัมภาระของพวกเจา แลวพวกเหลานั้นก็จะเขาจูโจมพวกเจาในครั้ง เดียวกัน และไมเปนบาปแกพวกเจาที่จะวางอาวุธไว หากพวกเจาประสบความเดือดรอน อันเนื่องมาจากฝน ตก หรือพวกเจาปวยไข แตพวกเจาก็จงระมัดระวังตัวไว แทจริงอัลลอฮไดเตรียมการลงโทษอันอัปยศ แก บรรดาผูเนรคุณทั้งมวล ตอมา เมื่อพวกเจาเสร็จพิธีละหมาดแลว พวกเจาก็จงกลาวรําลึกถึงอัลลอฮทั้งในยาม ยืน, ยามนั่งและยามลมตัวลงบนสีขาง (นอน) จากนั้นเมื่อพวกเจาสงบ (ปลอดภัยจากขาศึก) แลว พวกเจาก็ จงทําละหมาด (ตามแบบปกติธรรมดา) เพราะแทจริงการละหมาดเปนบัญญัติที่ถูกกําหนดเวลาไวแกบรรดา มวลผูมีศรัทธาทั้งหลาย และไดทรงเตือนสําทับผูที่ละทิ้งการละหมาดไววา [59 :∈∩ ]ﻤﺭﻴﻡ∪ $†‹xî
tβöθs)ù=tƒ t∃öθ|¡sù ( ÏN≡uθpꤶ9$# (#θãèt7¨?$#uρ nο4θn=¢Á9$# (#θãã$|Êr& ì#ù=yz öΝÏδω÷èt/ .ÏΒ y#n=sƒm *
จากนั้นไดมีกลุมชนหนึง่ อุบตั ิขึ้นทดแทนภายหลัง จากพวกเขา (ไดจากโลกนี้ไปแลว) ซึ่งพวกเขา ละเลยตอการละหมาด และพวกเขาตามอารมณ (ใฝต่ํา) ดังนัน้ พวกเขาจะตองประสบกับเหวนรก .[5 ،4 :]ﺍﻟﻤﺎﻋﻭﻥ
∩∈∪ tβθèδ$y™ öΝÍκÍEŸξ|¹ tã öΝèδ tÏ%©!$# ∩⊆∪ š,Íj#|Áßϑù=Ïj9 ×≅÷ƒuθsù
ดังนัน้ ความหายนะจักประสบแกบรรดาผูท ําละหมาดซึ่งพวกเขาเปนผูเผลอเรอจากการละหมาดของ พวกเขา และทานรอซูลุลลอฮ ไดชี้แจงไววา การละหมาดจะชวยลบลางความผิดใหกับผูละหมาด ดังปรากฏ ในฮาดิษที่วา “ทานทั้งหลายไมเห็นดอกหรือวา หากหนาประตูบานของทานมีลําคลอง และทานก็อาบน้ํา ชําระรางกายวันละ 5 เวลา แลวจะมีสิ่งสกปรกอันใดเหลืออยูกับเขาอีก ? พวกเขาก็ตอบวา ไมมี และทานก็ ตอบวา การละหมาด 5 เวลา ก็เชนกัน อัลลอฮจะทรงลบลางความผิดใหกับผูละหมาดดวยการละหมาดหา เวลา” รายงานโดย บุคอรียและมุสลิม
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
62
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
มีฮาดิษจากทานรอซูลุลลอฮมากมายที่รายงานวาผูที่ละทิ้งการละหมาดเปนกาเฟร เชน ฮาดิษของทานยา บีร ที่รายงานวา ทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวไววา “ระหวางบุคคลกับการเปนกาเฟรคือการละทิ้งละหมาด” รายงานโดย มุสลิม อาบูดาวุด อัตตัรมีซีย อิบนุมายะฮฺและทานอะหฺมัด ฮาดิษของทานบุรัยดะฮฺ ไดรายงานไววา ทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวไววา “สัญญาหนึ่งที่สามารถ แบงระหวางพวกเรากับพวกเขาคือการละหมาด ผูใดที่ละทิ้งการละหมาดเขาผูนั้นเปนกาเฟร” รายงานโดย อะหฺมัด และเจาของซุนัน ฮาดิษของทานอับดุลลอฮฺ บิน ชะกีก อัลอุกัยลีย ทานไดรายงานไววา ซอฮาบะฮฺของทานนบีมูฮํา หมัด ไมเห็นวาจะมีการกระทําใดที่ละทิ้งแลวทําใหเปนกาเฟร นอกจากการละหมาด” รายงานโดยอัตตัรมี ซีย อัลฮากิม ซึ่งใหเปนฮาดิษซอเหียะหฺตามหลักเกณฑของบุครียและมุสลิม ซอฮาบะฮฺและบรรดาอีหมามตางเห็นตองกันวาผูใดที่ละทิ้งการละหมาดและปฏิเสธไมยอมรับอีก ทั้งยังเยาะเยยไมใหความสําคัญ เขาคนนั้นจะสิ้นสภาพจากศาสนาและเปนกาเฟร สวนผูที่ละทิ้งการละหมาด โดยเจตนาแตไมไดปฏิเสธวาเปนสิ่งวายิบ ตามทัศนะของซอฮาบะฮฺบางทานก็ยังเห็นวาเปนกาเฟรดวย เชนกัน เชนทานอุมัร บิน อัลคอฏฏอบ อัลดุลลอฮ บิน มัสอูด อับดุลลอฮ บิน อับบาส ทานมุอาซ บิน ญะบัล และทาน อีหมาม อะหฺมัด (ขอความโปรดปรานจากอัลลอฮจงมีแดพวกเขา) สวนกลุมุมฮูร กลับใหทัศนะ วา หากละทิ้งละหมาดโดยไมไดปฏิเสธในความเปนวายิบ ไมเปนกาเฟร และเปนแค ฟาซิก (เปนบาป) จําเปนตองเตาบะฮฺ หากไมเตาบะฮฺ ก็ใหลงโทษดวยการประหารชีวิต สําหรับทานชาฟอียและมาลิก ก็ให ทัศนะวาไมเปนกาเฟรดวยเชนกัน ทานอาบูฮานีฟะฮฺ กลาววา ไมตองลงโทษประหารชีวิต แตใหลงโทษดวย การแบบตะซีร คือกักขังไวจนกวาเขาจะละหมาด การละหมาดจะมีบัญญัติบังคับเหนือคนที่เปนมุสลิม มีสติสัมปชัญญะ มีอายุครบตามศาสนภาวะ แต ถึงกระนั้นก็ควรที่จะใชใหเด็ก ๆ ทําการละหมาด เมื่อเด็ก ๆ มีอายุครบ 7 ขวบ หากมีอายุถึง 10 ขวบ ก็ให ลงโทษดวยการตี หากไมทําละหมาด เพื่อเปนการฝกฝนใหละหมาด เพราะมีฮาดิษเปนหลักฐานวา “ จงสั่ง ใหลูกๆ ของพวกทานทําการละหมาด เมื่อพวกเขามีอายุครบ 7 ขวบ และจงตีพวกเขา (หากไมละหมาด) เมื่อ เขามีอายุครบ 10 ขวบ และจงแยกที่นอนของพวกเขา” รายงานโดย อะหฺมัด อาบูดาวุด อัลฮากิม ทานไดกลาว วา ฮาดิษนี้เปนฮาดิษซอเหียะหฺตามเกณฑของมุสลิม 22
22
เพราะทานรอซูลุลลอฮ อัลลอฮจะไมเอาผิดกับคน 3 กลุม คือ คนที่นอนหลับ จนกวาเขาจะตื่น เด็ก ๆ จนกวาจะมีอายุครบ คนเสียสติ
จนกวาจะหายไดสติ” รายงานโดย อะหฺมัด เจาของซุนัน และอัลฮากิม
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
63
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หมวดที่ 2 เวลาละหมาด การละหมาดฟรฎที่เปนบัญญัติเหนือมุสลิมในชวงเวลา 1 กับ 1 คืน มีทั้งหมด 5 เวลา ดังปรากฏใน ฮาดิษ อัลอะอฺรอบีย ที่มาหาทานรอซูลุลลอฮ และเรียนถามทานวา โอทานรอซุลุลลอฮ บอกฉันหนอยสิ วาอัลลอฮทรงบัญญัติอะไรเกี่ยวกับการละหมาดใหกับฉันบาง ? ทานก็กลาววา การละหมาดหาเวลา ที่เหลือ เปนการละหมาดซูนัตเทานั้น” จากนั้นเขาก็ถามตอ ทานรอซูลุลลอฮ ก็ตอบหลักการทางบัญญัติอื่นๆ ที่ เกี่ยวกับอิสลาม เมื่อไดยินเชนนั้น เขาก็กลาววา ดวยเกียรติ์ของทานฉันเองจะไมยอมภักดีตอสิ่งใดอีก สิ่งที่ เปนฟรฎฉันจะไมทําใหบกพรอง ทานรอซูลุลลอฮ “ชายชาวอาหรับคนนี้จะตองประสบชัยแนนอนหาก เขาพูดจริง” รายงานโดย บุคอรียและมุสลิม อัลลอฮไดทรงกําหนดเวลาใหกับการละหมาดในแตละชวง โดยมีเวลาเฉพาะที่จะตองปฏิบัติ และ ทรงบัญชาใหพวกเรายึดมัน่ ตอชวงเวลานัน้ ๆ อยางเครงครัด ซึ่งพระองคทรงตรัสไววา ∩⊇⊃⊂∪ $Y?θè%öθ¨Β $Y7≈tFÏ. šÏΖÏΒ÷σßϑø9$# ’n?tã ôMtΡ%x. nο4θn=¢Á9$# ¨βÎ)
เพราะแทจริงการละหมาดเปนบัญญัติที่ถูกกําหนดเวลาไวแกบรรดามวลผูมีศรัทธาทั้งหลาย เวลาละหมาด 1.การละหมาดฟจรฺ (ละหมาดซุบฮฺ) เวลาของมันจะเริ่มตั้งแตแสงอรุณขึ้นไปจนกระทั่งดวงอาทิตย ขึ้นจากขอบฟา ตามทัศนะของชาฟอียะฮฺ ซูนัตใหละหมาดในตอนตนของเวลา และทัศนะนีน้ ับวาเปนทัศนะ ที่ถูกตองที่สุด แตฮานาฟยกลับออกวา ซุนัตใหทอดเวลาออกมาเล็กนอย 23 2. การละหมาดซุฮรฺ เริ่มตั้งแตตะวันเอียง หรือตะวันคลอยจากเสนกลางฟา ไปจนกระทั่งเงาของ สิ่งของยาวเทาตัวจริง แตซูนตั ใหทอดเวลามาเล็กนอย หากเปนชวงเวลาที่อากาศรอนมาก แตหากไมใช ในชวงอากาศรอนก็ใหรีบละหมาดเมื่อไดเวลา ดังที่ทานบุคอรียไดรายงานไว 24 3. การละหมาดอัสร เวลาจะเริ่มตั้งแตเงาของสิ่งของยาวเทาตัวจริง ไปจนกระทั่งถึงตะวันตกดิน และซูนัตให ทําการละหมาดในตนเวลา มักรูฮ หากจะทําละหมาดในชวงแสงอาทิตยเปนสีเหลือ การละหมาดอัสรีย คือ ละหมาดที่เรียกวา วุสฏอ (ละหมาดกลาง) 4. การละหมาดมัฆริบ เริ่มตั้งแตตะวันตกดิน ไปจนหมดแสงสีแดงบนฟากฟา ซูนัตใหละหมาดตนเวลา อนุญาตใหลาชาไดเล็กนอยตราบใดที่แสงสีแดงยังไมหมด25 23
หลักฐานของฮานาฟย คือฮาดิษที่วา จงทอดเวลา(ละหมาด)ฟจรฺ เพราะจะมีกศุ ลที่ยิ่งใหญมาก” รายงานโดย นักรายงานทั้ง 5 และตัรมีซีก็ให เปนฮาดิษ ซอเหียะหฺ 24
ทานบี ในชวงที่อากาศหนาวจัด ทานจะรีบทําการละหมาด แตในชวงที่อากาศรอนทานจะทอดเวลาออกไปเล็กนยอในการทําละหมาด
25
ฮาดิษของรอฟอฺ บิน คอดีจ รายงานวา พวกเราละหมาดมัฆริบพรอมกับทานรอซูลุลลอฮ มีพวกเราคนหนึ่งออกไป เพื่อหารองเทาของ
เขา”รายงานโดยมุสลิม
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
64
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
5. การละหมาดอีชา เริ่มไดเวลาตั้งแตแสงสีแดงหมดไปจนกระทั่งถึงแสงอรุณขึ้น ซุนัตใหทอดเวลาไป จนกระทั่งถึงเที่ยงคืน และอนุญาตใหทําการละหมาดหลังจากเทีย่ งคืน แคมัครุฮฺ หากจะนอนกอนละหมาด ดังมีหลักฐานปรากฏอยูในฮาดิษของทาน ยาบีร บิน อับดุลลอฮ รายงานวา ยิบรออีล ไดมาหาทานนบี และพูดกับทานวา ลุกขึ้นและทําการละหมาด วาแลวทานก็ทําการละหมาดซุฮรฺ ขณะทีต่ ะวันคลอย (ออกจาก กลางฟา) ตอมาทานก็มาหาเวลาอัสริ แลวก็บอกวา ลุกขึน้ แลวไปทําละหมาด และทานก็ทําการละหมาดอิสรี ขณะที่เงาของสิ่งของเทากับตัวจริง จากนัน้ ทานก็มาหาทานนบีในเวลามัฆริบ ขณะที่ตะวันตกดิน และมาใน ชวงเวลาอีชา และบอกวา จงละหมาด และทานก็ทําการละหมาดอีชา ขณะที่แสงสีแดงหายไปจากฟากฟา จากนั้นก็มาหาในเวลาฟจรฺอกี ครั้ง แสงอรุณกําลังสองแสง หลังจากนัน้ ทานก็มาในชวงเวลาซุฮรฺของวันใหม และบอกวาจงลุกขึ้นไปละหมาด ในขณะทีเ่ งาของสิ่งของเทาตัวจริง จากนั้นทานก็มาในเวลาอัสรี และบอก วาจงลุกไปละหมาด ทานนบีก็ทําการละหมาดขณะทีเ่ งาของสิ่งของยาวกวาสิ่งของเปนสองเทาตัว จากนั้น ทานก็มาหาในเวลามัฆริบ ซึ่งเปนเวลาเดียวกัน แลวก็มาหาในชวงเวลาอีชาแตเปนตอนเที่ยงคืน บางก็วาเลย เที่ยงคืน แลวทานก็ทําการละหมาด จากนัน้ ยิบรีลก็มาในชวงใกลสวางมาก ๆ แลวบอกวาจงลุกไปละหมาด ทานนบีก็ไปละหมาดฟจรฺ แลวทานยิบรีลก็กลาววา ระหวางสองเวลานี(้ เวลาที่ยิบรีลมาหาครั้งแรกกับครั้งที่ สองคือ เวลาของมัน” รายงานโดย อะหฺมัด อัลนะซาอีย และทานอัตตัรมีซีย ทานบุคอรียกลาววา นี่คอื เวลาที่ ถูกตองที่สุด กําหนดเวลาทีก่ ําหนดไวในฮาดิษนี้คือชวงเวลาที่อนุญาตใหทําการละหมาดได แตในชวงเวลาที่มี ความจําเปนหรือมีเหตุจําเปนเวลาของการละหมาดแตละเวลาก็จะยืดยาวไปถึงเวลาละหมาดอีกเวลาหนึ่งถัด มา ยกเวนการละหมาดฟจรฺ ซึ่งจะหมดเวลาตอนดวงอาทิตยขึ้น เพราะมีหลักฐานเปนรายงานฮาดิษของทาน อับดุลลอฮ บิน อัมร อัลอาส วาทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวไววา เวลาละหมาดซุฮรฺ เมื่อดวงอาทิตยเริ่ม คลอยผานกลางฟา ไปจนเงาของคนยาวเทาตัว ตราบใดที่เวลาอัสรฺยังไมเขา และเวลาอัสริ ก็จะยาวไป จนกระทั่งถึงแสงอาทิตยสีเหลือง สวนเวลามัฆริบ ตราบใดที่ยังไมสิ้นแสงสีแดง(ก็ยังละหมาดไดอยู) เวลาอี ชาจะยาวไปถึงเที่ยงคืน เวลาละหมาดซุบฮฺเริ่มจากมีแสงอรุณขึ้นไปจนดวงอาทิตยขึ้นจากขอบฟา ...”รายงาน โดย มุสลิม . เมื่อมุสลิมคนใดนอนหลับจนลืมละหมาดฟรฎ เมื่อตื่นขึน้ มาและนึกขึน้ ไดกใ็ หทําการละหมาด ในทันที ดังทีม่ ีรายงานปรากฏในฮาดิษจากทานรอซูลุลลอฮ มักรูฮ(นาตําหนิ)กับการละหมาดซูนัตหลังการละหมาดซุบฮฺ ไปจนถึงดวงอาทิตยขึ้น และหลัง ละหมาดอัสริไปจนถึงตะวันตกดิน สวนการละหมาดฟรฎ สามารถละหมาดไดไมมีเวลาใดที่ตองหามหรือ เปนมักรูฮ แตสําหรับชาฟอียกลับเห็นวาละหมาดซูนัตไมไดมักรูฮในชวงเวลาทั้งสอง หากเปนการละหมาด ที่มีสาเหตุ เชน การละหมาดตะฮฺยะตุลมัสยิด (ละหมาดเมื่อเขามัสยิด) สวนในชวงที่ดวงอาทิตยขึ้นและดวง อาทิตยตกดินและดวงอาทิตยตรงกลางฟา อัลอะหฺนาฟ(ฮานาฟย) ใหทัศนะวาการละหมาดในชวงเวลานั้นใช ไมได ไมวาจะเปนละหมาดซูนัตหรือละหมาดฟรฎ จะเปนละหมาดชดหรือละหมาดในเวลา และมัซฮับชาฟ อีย หากเปนละหมาดซูนัตที่ไมมีสาเหตุ จะเปนมัครูฮ ยกเวนละหมาดขณะดวงอาทิตยขึ้นและดวงอาทิตยตก ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
65
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ดิน ( )ﺍﻟﺸﺮﻭﻕ ﻭﺍﻟﻐﺮﻭﺏสวนมาลิกียะฮฺ ฮารอมทําละหมาดซูนัตจะมีสาเหตุหรือไมมีสาเหตุก็ตาม แตอนุญาต ใหทําการละหมาดฟรฎ ชดเชย หรือในเวลา ขณะดวงอาทิตยตกและดวงอาทิตยขึ้นได ไมเปนการฮารอมและ ไมมัครูฮแตอยางใด
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
66
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หมวดที่ 3 การอาซานและการอิกอมะฮฺ การอาซานหมายถึงการประกาศเพื่อใหทุกคนรูวาไดเวลาละหมาด สวนคําที่ใชในการอาซานคือ (2 ครั้ง) ( َﺣ ﱠﻲ ﻋﻠﻰ ﺍﻟﺼﻼﺓ2 ครั้ง) ( ﺃﺷﻬﺪ ﺃﻥ ﳏﻤﺪﺍ ﺭﺳﻮﻝ ﺍﷲ2 ครั้ง) ( ﺍﺷﻬﺪ ﺃﻥ ﻻ ﺍﻟﻪ ﺍﻻ ﺍﷲ4 ครั้ง ) ﺍﷲ ﺍﻛﱪ ( ﻻ ﺍﻟﻪ ﺍﻻ ﺍﷲ2 ครั้ง) ( ﺍﷲ ﺍﻛﱪ2 ครั้ง) ﺡ ِ َﺣ ﱠﻲ ﻋﻠﻰ ﺍﻟﻔﻼ สวนการอิกอมะฮฺ จะตางจากการอาซานตรงที่หลังจากกลาววา “ِ ” َﺣ ﱠﻲ ﻋﻠﻰ ﺍﻟﻔﻼﺡก็ใหกลาววา “ ”ﻗﺪ ﻗﺎﻣﺖ ﺍﻟﺼﻼﺓสองครั้ง 1.การอาซานและการอิกอมะฮฺเปนซุนนะฮฺมุอักกะดะฮฺ (เกือบจะเปนวายิบ) สําหรับการละหมาด ฟรฎ ไมวาจะละหมาดคนเดียวหรือละหมาดเปนหมูคณะ ตามทัศนะของยุมฮูรุลอุลามะอฺ และสวนอีหมาม มาลิกเห็นวาเปนฟรฎหากเปนการละหมาดที่มัสยิดที่ทาํ ละหมาดเปนหมูคณะ(ยะมาอะฮฺ) แตทานอะหฺมัด กลับเห็นวาเปนฟรฎกิฟายะฮฺ 2.ซูนัตกับผูที่ไดยินเสียงอาซานใหตอบรับดวยการกลาวตอบเหมือนกับการอาซาน ยกเวนในกรณีที่ มีการกลาววา “ َﺣ ﱠﻲ ﻋﻠﻰ ﺍﻟﻔﻼﺡ,”ﺣ ﱠﻲ ﻋﻠﻰ ﺍﻟﺼﻼﺓแตใหกลาววา “”ﻻﺣﻮﻝ ﻭﻻﻗﻮﺓ ﺍﻻ ﺑﺎﷲ ﺍﻟﻌﻠﻲ ﺍﻟﻌﻈﻴﻢ จากนั้นก็ใหกลาวซอลาวัตใหกับทานนบี หลังการอาซาน โดยกลาววา “”
ﻭﺍﺑﻌﺜـﻪ،ﺕ ﻣُﺤﻤّﺪﹰﺍ ﺍﻟﻮﺳﻴﻠﺔ ﻭﺍﻟﻔـﻀﻴﻠﺔ ِ ﺏ ﻫﺬ ِﻩ ﺍﻟﺪﻋﻮ ِﺓ ﺍﻟﺘﺎ ﱠﻣ ِﺔ ﻭﺍﻟﺼﻼ ِﺓ ﺍﻟﻘﺎﺋﻤ ِﺔ ﺁ » ﺍﻟﻠﻬ ﱠﻢ ﺭ ﱠ รายงานโดยบุคอรีย ،« ﻣﻘﺎﻣﹰﺎ ﳏﻤﻮﺩﹰﺍ ﺍﻟﺬﻱ ﻭﻋﺪﺗﻪ 3.ซูนัตใหอานดุอาระหวางการอาซานกับการอีกอมะฮฺ ดวยดุอาที่หลักฐานยืนยันการใชจากฮาดิษ เชน ฮาดิษของทาน ซอัด บิน อาบีวะกอส รายงานจากทานรอซูลุลลอฮ วา ผูใดกลาวขณะที่ไดยินการอา ซานวา ، ﺭَﺿـﻴﺖ ﺑـﺎﷲ ﺭﺑـﺎﹰ، ﻭﺃﻥ ﻣُﺤﻤﺪﹰﺍ ﻋَﺒﺪﻩ ﻭﺭﺳﻮﻟﻪ،ﻚ ﻟﻪ َ ﻭﺃﻧﺎ ﺃﺷﻬﺪ ﺃﻥ ﻻ ﺇﻟﻪ ﺇﻟﹼﺎ ﺍﷲ ﻭﺣﺪﻩ ﻻ ﺷَﺮﻳ ، ﻭﲟﺤﻤ ٍﺪ ﺻﻠﻰ ﺍﷲ ﻋﻠﻴﻪ ﻭﺳﻠﻢ ﺭﺳﻮﻻﹰ،ﻭﺑﺎ ِﻹﺳﻼ ِﻡ ﺩﻳﻨﺎﹰ อัลลอฮจะทรงอภัยในความผิดของเขา ฮาดิษรายงานโดยมุสลิมและอัตตัรมีซีย 4.ซูนัตใหทิ้งระยะหางระหวางการอาซานกับการอิกอมะฮฺ ดวยระยะเวลาที่ผูคนสามารถเดินมารวมละหมาด ไดทัน อนุญาตใหคนที่ไมไดทําการอาซานนําละหมาดได 26 ซูนัตใหผูที่ไดยินการอิกอมะฮฺ กลาวตอบ เหมือนกับผูกลาวอิกอมะฮฺกลาว 5. มีบัญญัติใหผูที่จะนําละหมาดเปนผูอาซานและอิกอมะฮฺ หากมีผูนําหลายคน ก็ใหเลือกคนที่ดีที่สุดเปน ผูทําการอาซานและอิกอมะฮฺในทุกครั้งที่ทําการละหมาด 6. การพูดระหวางอาซานกับการอิกอมะฮฺสามารถกระทําได หากเวนชวงยาวนานก็ไมตองทําการอิกอมะฮฺ ใหม เพราะมีหลักฐานปรากฏอยูในรายงานของทาน อัลบุคอรียและทานอื่น ๆอีกหลายทาน
26
เพราะฮาดิษที่วา “ผูใดอาซานผูนั้นตองนําละหมาด” เปนฮาดิษซอเหียะหฺ
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
67
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
7.สําหรับสุภาพสตรี พวกนางไมตองอาซานและอิกอมะฮฺ แตหากนางจะกระทําก็ไมเปนไร เพราะทานหญิง อาอิชะฮฺเคยกระทําในเรื่องนี้ ดังปรากฏในรายงานของอัลบัยฮะกีย กิจกรรม การละหมาด 1.อัลลอฮทรงสรางสรรคมนุษยขึ้นมาและทรงใหเกียรติแกมวลมนุษยดวยการบัญญัติอิบาดะฮใหพวกเขา ปฏิบัติ ....จงบอกหลักฐานทีย่ ืนยันเกีย่ วกับเรื่องนี้มาพอสังเขป 2. ใหนกั เรียนทําเครื่องหมาย 9 หนาหัวขอที่ถูกตองและเหมาะสม การละหมาดเปนอิบาดะฮที่สําคัญที่สุดเพราะ ........ • เปนอิบาดะฮฺทตี่ องทําซ้ําหลาย ๆครั้งในหนึง่ วัน • เปนอิบาดะฮฺทที่ ําใหรางกายแข็งแรง • ทานรอซูลุลลอฮ กําชับถึงการละทิ้งละหมาดไวอยางรุนแรง • การละหมาดสามารถยับยั้งการกระทําที่เลวรายได • การละหมาดเปนอิบาดะฮฺทอี่ ัลลอฮบัญญัติมายังศาสนทูตของพระองคโดยตรงโดยไมตองผานวะหฺยู 3. การละหมาดสามารถหามปรามจากการกระทําที่เลวรายไดอยางไร ? 4.อัลลอฮทรงตรัสไววา $YΒöθtƒ tβθèù$sƒs† Íο4θx.¨“9$# Ï!$tGƒÎ)uρ Íο4θn=¢Á9$# ÏΘ$s%Î)uρ «!$# Ìø.ÏŒ tã ììø‹t/ Ÿωuρ ×οt≈pgÏB öΝÍκÎγù=è? ω ×Α%y`Í‘
37 ∪∠⊂∩ ﺳﻮﺭﺓ ﺍﻟﻨﻮﺭã≈|Áö/F{$#uρ ÛUθè=à)ø9$# ϵŠÏù Ü=¯=s)tGs? (ความดีเหลานั้นไดปฏิบัติโดย) กลุมบุรุษซึ่งการคาและการขาย ไมอาจทําใหพวกเขาลืมการกลาว ระลึกถึงอัลลอฮและการดํารงการละหมาด รวมทั้งการบริจาคทานซะกาต พวกเขามีความหวาดกลัววัน (กิยา มะฮฺ) ซึ่งหัวใจทั้งหลายและดวงตาทั้งหลายจะพลิกกลับ (ไปกลับมาดวยความหวั่นวิตก มองหาคนชวย แต ไมมีใครชวยได) จงบอกคุณลักษณะของบุรุษเหลานี้วาเปนอยางไร ? 3. ใหนักเรียนเขียนบทความนําเสนอเกีย่ วกับความเขาใจในเรื่องการละหมาด วัตถุประสงคของการละหมาด และผลทางดานคุณธรรมจริยธรรมที่จะเกิดกับคนมุสลิม 4. เกี่ยวกับการละหมาดอาจมีบางประการที่อาจจะทําใหเกิดความยากลําบากในการปฏิบัติ ใหนักเรียน ยกตัวอยางเกี่ยวกับเรื่องนี้และอิสลามมีทางออกอยางไรในการเอาชนะปญหาและความยากลําบาก(จง อธิบาย) ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
68
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
5. อัลลอฮทรงตรัสไววา šχ%x. Ìôfxø9$# tβ#uöè% ¨βÎ) ( Ìôfxø9$# tβ#uöè%uρ È≅ø‹©9$# È,|¡xî 4’n<Î) ħôϑ¤±9$# Ï8θä9à$Î! nο4θn=¢Á9$# ÉΟÏ%r& 78 اﻷﺳﺮاء
∩∠∇∪ #YŠθåκô¶tΒ
เจาจงดํารงละหมาด ในยามตะวันคลอยจวบจนถึงยามค่ําคืนเถิด รวมทั้งการละหมาดในยามรุงอรุณ ดวย เพราะแทจริงการละหมาดในยามรุงอรุณนั้น เปนที่ไดรับการเปนสักขีพยาน (ในความประเสริฐของมัน) • การละหมาดที่ถูกกลาวถึงไวในอายะฮฺคือละหมาดใด ? 6. การละทิ้งละหมาดมีบัญญัติตัดสินวาอยางไร ? เราควรปฏิบัติอยางไรกับผูที่ละทิ้งการละหมาด ? ให นักเรียนบอกหลักฐานจากฮาดิษที่บงบอกถึงบัญญัติเกี่ยวกับเรื่องนี้ใหชัดเจน 7. อัลลอฮทรงตรัสไววา 238 ﺍﻟﺒﻘﺮﺓ
∩⊄⊂∇∪ tÏFÏΨ≈s% ¬! (#θãΒθè%uρ 4‘sÜó™âθø9$# Íο4θn=¢Á9$#uρ ÏN≡uθn=¢Á9$# ’n?tã (#θÝàÏ≈ym
พวกเจาทั้งหลายจงหมั่นรักษาการละหมาดไวใหดีเถิด (โดยทําละหมาดไมขาดและทําอยางเรียบรอย สมบูรณ มีจิตสํารวมโดยแทจริง) โดยเฉพาะการละหมาดกลาง (คือละหมาดอัศริ) และพวกเจาทั้งหลายจงยืน อยูกับอัลลอฮ โดยความคาราวะ คําวาละหมาดกลางในที่นี้นักวิชการบางทานอธิบายวาเปนละหมาด อัศริ พวกเขามีหลักฐานอางอิงมา จากหลักฐานใด? (จงระบุ) 8. มุ ส ลิ ม ควรปฏิ บั ต ตั ว อย า งไรเพื่ อ ให อิ บ าดะฮฺ ( ละหมาด) เข า ถึ ง ทั้ ง ทางด า นร า งกาย จิ ต ใจและ สติปญญาความคิด โดยใหทุกสวนเขามามีสวนในการทําละหมาดและชวยชําระลาง 9. ใหนักเรียนทําเครื่องหมาย 9 หนาหัวขอที่เห็นวาถูกตอง • ปรัชญาที่มีการบัญญัติใหทําละหมาดทั้งกลางวันและกลางคืนก็เพื่อตองการใหชีวิตการเปนอยู ของมุสลิมใกลชิดกับอัลลอฮมากยิ่งขึ้น • ปรัชญาที่มีการบัญญัติใหทําละหมาดทั้งกลางวันและกลางคืนเปนการฝกใหจิตใจผูกมัดอยูกับ คุณธรรมและไมตกอยูในอาการเผอเรอหลงลืม • ปรัชญาที่มีการบัญญัติใหทําละหมาดทั้งกลางวันและกลางคืนก็เพื่อตองการใชในการทดแทน การออกกําลังกายในแตละวัน • ปรัชญาที่มีการบัญญัติใหทําละหมาดทั้งกลางวันและกลางคืนก็เพื่อตองการใหมนุษยไดพักผอน จากการทํางาน 10.ฮาดิษของทานอุกบะฮฺ บิน อามีร ไดรายงานไววา ทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวไววา “มุสลิมทานใด ทําการวุฎอฺอยางถูกตองสมบูรณแบบ จากนั้นก็ลุกขึ้นไปทําการละหมาด 2 รอคอะฮฺ ดวยใจมุงมั่นตออัลลอฮ เขาก็จะไดรับการตอบแทนดวยสวรรคอยางแนนอน” รายงานโดย มุสลิม
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
69
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ก. การทําวุฎอฺที่ถูกตองมีวิธีการอยางไร ? ข.ผูศรัทธาที่วายิบตองไดรับการตอบแทนดวยสวรรค เพราะการละหมาดสองรอคอะฮฺ นักเรียนคิด อยางไร ? การอาซาน 1. ทานนบี สนับสนุนใหมุสลิมทําการอาซานและการละหมาดในแถวแรกไวอยางไร (จงอธิบาย) 2. คุณคาของการอาซานคือขอใดบาง (จงเลือก) • ผูที่อาซานจะไดกุศลมากมาย • ผูอาซานจะเปนคนรูปงามในวันกียามะฮฺ • ผูอาซานจะมีตําแหนงอยูระหวางผูทําละหมาด • ทําใหผูคนหันมาฟง สํานวนตอไปนี้ ขอใดกลาวไวถูกตอง • ผูที่อาซานจะเปนผูที่คอยาวที่สุดในวันกียามะฮ • ผูอาซานจะเปนผูที่เสียงดังที่สุดในวันกียามะฮฺ • ผูอาซานจะเปนคนที่แข็งแรงที่สุดในวันกียามะฮฺ ขอใดกลาวไวถูกตอง สาเหตุที่มีการบัญญัติการอาซานมาเพราะ • ผูคนไมรูเวลา • ตองการที่จะใหมีสื่อระหวางผูคน • ใหรําลึกถึงอัลลอฮ และปฏิญานตนตอสาระธรรมของทานรอซูล • ตองการแยกแยะจากศาสนิกอื่น 3. ใหนักเรียนทําเครื่องหมาย 9หนาคําตอบที่ถูกตอง คําที่ใชกลาวขณะทําการอาซานมีที่มาอยางไร ? • ซอฮาบะฮฺบางทานเสนอตอทานนบี • มุสลิมบางคนไดมาดวยความฝนขณะนอนหลับ 5. นักเรียนจะผสานกันอยางไร ระหวางความฝนของทาน อับดุลลอฮ บิน ซัยดฺ กับทานอุมัร บิน อัล คอฎฎอบ นักเรียนไดขอคิดใดกับการที่ทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวไววา “มันเปนความฝนที่เปน จริง” 6. การเลือกผูที่จะทําการอาซานควรเลือกอยางไร เพราะทานรอซูลุลลอฮไดกลาวไววา “จงไปหาบิลาล และบอกเขาเกี่ยวกับสิ่งที่ทานเห็นในความฝน แลวใหเขาทําการอาซานดวยสํานวนนั้น เพราะเขา เปนคนที่เสียงดีกวาทาน” ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
70
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
7. ระหวางอาซานกับอีกอมะฮฺมีคํากลาวที่แตกตางกันอยางไร ? 8. ในคํากลาวอาซานและอิกอมะฮฺมีการเตือนใหระลึกหลักการทางความเชื่อ มีการย้ําในเรื่องของ หนาที่ที่ตองปฏิบัติตออัลลอฮ เรียกรองใหทําความดี ...ใหนักเรียนเขียนเรียงความเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งหมด 9. มีฮาดิษหลายฮาดิษหามใหเงินตอบแทนเปนคาจางกับผูที่ทําหนาที่อาซาน แตในปจจุบันมัสยิดมี มากมาย และแตละมัสยิดก็มีความตองการผูอาซาน ฉะนั้นเราจะปฏิบัติอยางไร ? 10. ทานรอซู ลุลลอฮไดพูดกับทานอุสมาน บิน อาบี วะกอฮ วา “ทานเปนผู นําของพวกเขา” เราจะ อธิบายคําพูดนี้วาอยางไร ? 11. อะไรคือปรัชญาหรือเหตุผลที่ซูนัตใหทําการอาซานแมวาจะละหมาดเพียงคนเดียวในทะเลทราย 12. หลังการอาซานควรอานอุอาใด ? ผูที่อานดุอานี้เสมอจะไดรับผลตอบแทนอยางไร ? 13. ผูใดที่สามารถตอบรับการอาซานได จากบุคคลตอไปนี้ • ผูมีฮาดัษ • หญิงมีประจําเดือน • ผูที่กําลังทําการละหมาด • ผูที่นั่งรอรับประทานอาหาร • ผูที่กําลังอานอัลกุรอาน
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
71
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หมวดที่ 4 เงื่อนไขของการละหมาด เงื่อนไขของการละหมาด คือสิ่งที่ผูละหมาดจะกระทําใหเกิดขึน้ กอนการละหมาด หากขาดขอใดขอ หนึ่งไปการละหมาดก็จะเปนโมฆะ สําหรับเงื่อนไขของการละหมาดมีดงั นี้ 1. ตองรูวาไดถึงเวลาละหมาด เพราะอัลลอฮทรงตรัสไววา ∩⊇⊃⊂∪ $Y?θè%öθ¨Β $Y7≈tFÏ. šÏΖÏΒ÷σßϑø9$# ’n?tã ôMtΡ%x. nο4θn=¢Á9$# ¨βÎ)
เพราะแทจริงการละหมาดเปนบัญญัติที่ถูกกําหนดเวลาไวแกบรรดามวลผูมีศรัทธาทั้งหลาย 2. รางกายจะตองสะอาดปราศจากฮาดัษ เพราะทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวไววา “จงทําวุฎอฺและจง ทําความสะอาดอวัยวะของทาน” (จากน้ําเมือก) รายงานโดย บุคอรีย และเสื้อผาเครื่องนุงหมตองสะอาด อัลลอฮทรงตรัสไววา “”ﻭﺛﻴﺎﺑﻚ ﻓ ﹶﻄﻬﱢﺮจงทําความสะอาดเสื้อผาของทาน สถานที่ละหมาดตองสะอาด เพราะ ทานนบี ไดสั่งใหรดน้ําทําความสะอาดบนปสสาวะของอาหรับเบดุอินซึ่งปสสาวะในมัสยิด” รายงาน โดยญามาอะฮฺ ยกเวนทานมุสลิม 3. ผูละหมาดจะตองปราศจากฮาดัษเล็กและฮาดัษใหญ ซึง่ หมายถึงจะตองอาบน้ําวายิบ (หากมีฮาดัษ ใหญ) และจะตองทําวุฎอฺ (หากมีฮาดัษเล็ก) อัลลอฮทรงตรัสไววา È,Ïù#tyϑø9$# ’n<Î) öΝä3tƒÏ‰÷ƒr&uρ öΝä3yδθã_ãρ (#θè=Å¡øî$$sù Íο4θn=¢Á9$# ’n<Î) óΟçFôϑè% #sŒÎ) (#þθãΨtΒ#u šÏ%©!$# $pκš‰r'¯≈tƒ
... 4 (#ρã£γ©Û$$sù $Y6ãΖã_ öΝçGΖä. βÎ)uρ 4 È÷t6÷ès3ø9$# ’n<Î) öΝà6n=ã_ö‘r&uρ öΝä3Å™ρâãÎ/ (#θßs|¡øΒ$#uρ โอบรรดาผูศรัทธาทั้งหลาย ! เมื่อพวกเจามุงหมายที่จะทําละหมาด พวกเจาก็จงทําวุฏอกอนโดย) ลางหนาของพวกเจา, มือของพวกเจาจนถึงขอศอก, และพวกเจาจงเช็ดศรีษะ และ (จงลาง) เทาของพวกเจา จนถึงตาตุม และหากพวกเจามียะนาบะฮฺ (สภาพหลังการประเวณี หรือการหลั่งอสุจิ) พวกเจาก็จงชําระ (รางกาย) ใหสะอาด....(อัลมาอิดะฮฺ :6) 4. จะตองปกปดเอารัต (อวัยวะที่ตองปกปดขณะละหมาด) ใหเรียบรอย เพราะอัลลอฮทรงตรัสไววา ..... 7‰Éfó¡tΒ Èe≅ä. y‰ΖÏã ö/ä3tGt⊥ƒÎ— (#ρä‹è{ tΠyŠ#u ûÍ_t6≈tƒ * โอเผาพันธุของอาดัม! พวกเจาจงสวมใสเครื่องนุงหมของพวกเจา ณ ทุก (ครังที่จะทําการภักดี ตออัลลอฮฺที่) มัสยิด.....( อัลอะอฺรอฟ :31) คําวาสวมใสในที่นี้หมายถึงการปกปดเอารัตใหเรียบรอย เอารัตของทานชายคือระหวางสะดือถึงเขา สวนทานหญิงคือรางกายทั้งหมด ยกเวนใบหนากับฝามือ
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
72
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
5. การหันหนาไปทางกิบลัต หากสามารถมองเห็นไดก็ใหหันไปทางตัวกิบลัต สวนผูที่ไมสามารถ มองเห็นไดก็ใหหันหนาไปทางทิศที่เปนที่ตั้งของกิบลัต แตหากเกิดความสงสัยวากิบลัตอยูทางทิศใดแลวเกิด มีหลักฐานวาผิดพลาดก็ใหละหมาดใหม หากแนใจวาถูกตองการละหมาดก็สมบูรณ เงื่อนไขขอนี้จะตกไป สําหรับผูที่ถูกบังคับ ผูปวย การละหมาดขณะอยูในความกลัว หรืออยูบนพาหนะขณะละหมาดซูนัต ซึ่งทาน บี ทําการละหมาดบนสัตวพาหนะ ไมวาสัตวจะหันหนาไปทางใด แตทานก็ไมไดกระทํากับละหมาดที่ เปนฟรฎ” รายงานโดย บุคอรีย
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
73
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หมวดที่ 5 ฟรฎหรือหลักการของละหมาด ฟรฎหรือหลักการละหมาดหมายถึงกระทําที่ผูละหมาดจะตองปฏิบัติ หากละทิ้งขอหนึ่งขอใดไป การละหมาดจะเปนโมฆะ สําหรับฟรฎของการละหมาดมีดังนี้ 1.การตั้งเจตนา ซึ่งหมายถึงการตั้งเจตนาไวในใจวาจะทําการละหมาดทีข่ องการตั้งเจตนาคือที่ใจ ไม มีเงื่อนไขวาจะตองกลาวออกมาเปนคําพูด และทานรอซูลุลลอฮ ก็ไมเคยกลาวออกมาเปนคําพูด 2. การกลาวตักบีรอตุลเอียะหฺรอม ซึ่งเปนการเริ่มตนเขาสูพิธีละหมาด คํากลาวคือกลาววา “”ﺍﷲ ﺍﻛﱪ คํากลาวนี้ทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวไวในฮาดิษหนึ่งวา “กุญแจของการละหมาดคือความสะอาด การเขาสู พิธีคือการตักบีร และการออกจากพิธีคือการกลาวสลาม” รายงานโดยนักรายงานทัง้ หา ( )ﲬﺴﺔยกเวน อัลนะ ซาอีย และทานอัตตัรมีซียและอัลฮากิมก็ใหฮาดิษนี้เปนฮาดิษซอเหียะหฺ 3.การยืนตรงสําหรับผูที่สามารถกระทําได ในการละหมาดฟรฎ ทานนบี ไดกลาวไววา “จงยืน ละหมาด หากสามารถกระทําได หากทําไมได ก็จงนั่ง หากนั่งไมไดก็ใหนอนตะแคง” รายงานโดย อัลบุคอ รีย สวนการละหมาดซูนัต อนุญาตใหนั่งละหมาดได แมวาจะสามารถยืนไดก็ตาม แตก็มีฮาดิษปรากฏอยูวา “ ชายที่นั่งละหมาด ก็จะ(ไดกศุ ล)เพียงครึ่งหนึ่ง” รายงานโดยบุคอรียแ ละมุสลิม 4.การอานฟาติหะฮฺ ในทุกรอคอะฮฺของการละหมาด ทั้งรอคอะฮฺที่เปนฟรฎและซูนัต27 เพราะทานน บี ไดกลาวไววา “ละหมาดไมสมบูรณสําหรับผูที่ไมอานฟาติหะฮฺ” รายงานโดยอัลยะมาอะฮฺ 5. การโคงรอเกาะอฺ คือการโคงจนกระทั่งมือทั้งสองขางสามารถวางบนเขาทั้งสองขางได และ จะตองมีการพักสงบในขณะโคงรอเกาะอฺเพราะมีฮาดิษปรากฏกลาวไววา “จากนั้นก็ทําการโคงรอเกาะอฺ จนกระทั่งผูรอเกาะอฺไดพักสงบ” รายงานโดยบุคอรียแ ละมุสลิม 6.การเอียะติดาล หลังการโคงจนมาอยูใ นภาวะสงบ ซึ่งฮาดิษไดแนะนําไววา “ จากนัน้ ก็ใหอิอฺติดาล ขึ้นมายืนตรง” รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม 7. การกราบซูยุดสองครั้งในทุก ๆ รอคอะฮฺ พรอมสงบนิ่ง ฮาดิษไดชแี้ จงไววา “จากนั้นก็ใหกราบซู ยุดจนกระทั่งผูซ ูยุดไดสงบนิง่ ” รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม การซูยุดที่ถูกตองจะตองกราบซูยุดลงเจ็ดเทา (คือหนาผาก สองฝามือ เขาทั้งสองขาง และปลายเทาทัง้ สองขาง) รายงานโดยบุคอรียและมุสลิมทานรอซู ลุลลอฮ เมื่อทานทําการซูยุด “จมูกและหนาผากของทานจะราบกับพื้น” รายงานโดยอาบูดาวุดและอัตตัร 27
การอานฟาติหะฮฺเปนฟรฎสําหรับอีหมาม(ผูนําละหมาด) หรือผูที่ละหมาดคนเดียว ซึ่งนักวิชาการเห็นตองกันทั้งหมด สวนมะมูม(ผูตาม) ชาฟ อียะฮฺใหทัศนะวาการอานฟาติหะฮฺเปนฟรฎ แตอัลฮะนาฟยะฮฺกลับบอกวาเปนมัครูฮ ตัฮรีม เพราะอัลลอฮทรงตรัสไววา [204 :ﺉ ﺍﻟ ﹸﻘﺮﺁﻥ ﻓﺎﺳَﺘ ِﻤﻌُﻮﺍ ﻟﹶﻪ ﻭﺃْﻧﺼِﺘﻮﺍ { ]ﺍﻷﻋﺮﺍﻑ َ ﻭﺇﺫﺍ ﻗﹸ ِﺮ และเมื่ออัลกุรอานไดรับการอัญเชิญ พวกเจาจงฟงและจงสงบเถิด
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
74
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
มีซีย 8.การนั่งตะชะฮุดครั้งสุดทาย และอานวา ﺍﻟـﺴﱠﻼ ُﻡ ﻋﻠﻴﻨـﺎ،ﻚ ﺃﻳﱡﻬﺎ ﺍﻟﻨﱠﱯ ﻭﺭﲪ ﹸﺔ ﺍﷲ ﻭﺑﺮﻛﺎﺗُﻪ َ ﺍﻟﺴﻼﻡ ﻋﻠﻴ،» ﺍﻟﺘﱠﺤﻴﺎﺕ ﷲ ﻭﺍﻟﺼﱠﻠﻮﺍﺕ ﻭﺍﻟﻄﱠﻴﺒﺎﺕ «... ﻭﺃﺷﻬﺪ ﺃﻥ ﻣُﺤﻤﺪﹰﺍ ﻋﺒﺪُﻩ ﻭﺭﺳﻮﻟﹸﻪ، ﺃﺷﻬﺪ ﺃﻥ ﻻ ﺇﻟﻪ ﺇﻟﹼﺎ ﺍﷲ،ﻭﻋﻠﻰ ﻋِﺒﺎ ِﺩ ﺍﷲ ﺍﻟﺼﺎﳊﲔ รายงานโดย อัลยามาอะฮฺ และการซอลาวัตใหกับทานนบี หลังตะชะฮุด28 สําหรับมัซฮับชาฟอีย 9. การกลาวสลาม เพราะทานนบี ไดกลาวไววา “กุญแจของการละหมาดคือความสะอาด การเขา สูพิธีคือการตักบีร และการออกจากพิธีคือการกลาวสลาม” รายงานโดยนักรายงานทั้งหา ( )ﲬﺴﺔยกเวน อัล นะซาอีย อุลามะอฺสวนใหญ (ุมฮุร) กลาววา การใหสลามครั้งแรกเปนฟรฎ สวนครั้งที่สองเปนซูนัต เพราะ มีรายงานจากทานนบี วา ทานใหสลามเพียงครั้งเดียว แตในฮาดิษซอเหียหฺหลายฮาดิษรายงานวาทานให สลามสองครั้ง 10. การเรียงลําดับกอนหลังและทําติดตอกันตามลําดับ ดังที่กลาวมา
28
ชาฟอีย กลาวไววา อยางนอยใหอานวา “ ”ﺍﻟﻠﻬﻢ ﺻ ﱢﻞ ﻋﻠﻰ ﳏﻤﺪแตหากจะใหสมบูรณก็ใหอานวา
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
75
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หมวดที่ 6 ซูนัตของการละหมาด ซูนัตของการละหมาดหมายถึง การกระทําที่ผูละหมาดควรปฏิบัติ เพื่อใหไดมาซึ่งกุศลที่อัลลอฮจะ ตอบแทนให แตหากละทิ้งก็ไมไดทําใหการละหมาดเปนโมฆะแตอยางใด ซูนัตของการละหมาดมีดังนี้ 1. การยกมือทั้งสองขางขณะตักบีรอตุลเอียะหฺรอม โดยใหปลายนิ้วมือเสมอกับติ่งหู หรือบาทั้งสอง ขางโดยใหฝามือทั้งสองขางหันไปทางกิบลัต และการยกมือขณะรอเกาะอฺและลุกจากรอเกาะอฺ ซึ่งทัศนะ เหลานี้ทั้งหมดเปนทัศนะของุมฮูรุลฟุกอฮะอฺ (กลุมนักกฎหมายอิสลาม) ซึ่งไมมีใครเห็นแยงเปนอยางอื่น ยกเวนอัลอะหฺนาฟและสานุศิษยของมาลิกียะฮฺบางคนเทานั้น 2.การนํามือขางขวามาวางทับมือขางซายโดยมือทั้งสองขางวางบนหรือใตหนาอก หรือวางใตสะดือ เพราะมีหลักฐานปรากฏเปนฮาดิษไวดังที่กลาวมา 3. การอานดุอา อิฟติตะฮฺ ดุอาใดก็ไดที่มีหลักฐานปรากฏวามาจากทานนบี เชนการอานดุอาที่วา ،« » ﺳﺒﺤﺎﻧﻚ ﺍﻟﱠﻠ ُﻬﻢّ ﻭﲝﻤﺪِﻙ ﻭﺗَﺒﺎﺭﻙ ﺍﲰﻚ ﻭﺗَﻌﺎﱃ َﺟﺪﱡﻙ ﻭﻻ ﺇﻟﻪ ﻏﲑﻙ ฮาดิษนี้รายงานโดยอาบูดาวุด อัลฮากิม และทานอัซซะฮฺบียก็เห็นพองใหเปนฮาดิษซอเหียะหฺดวย หรือให อานดุอาที่วา ﺤﻴَﺎﻱ ْ ﺴﻜِﻲ ﻭ َﻣ ُ ﺇ ﱠﻥ ﺻﻼﰐ ﻭﻧ،ﺽ ﺣﻨﻴﻔﹰﺎ ﻭﻣَﺎ ﹶﺃﻧَﺎ ﻣﻦ ﺍﳌﺸْﺮﻛﲔ َ » َﻭ ﱠﺟﻬﺖ ﻭﺟﻬﻲ ِﻟﻠﱠﺬﻱ ﻓﻄﺮ ﺍﻟﺴﻤﺎﻭﺍﺕ ﻭﺍﻷﺭ ،« ﻭﺑﺬﻟﻚ ﺃﻣﺮﺕ ﻭﺃﻧﺎ ﻣِﻦ ﺍﳌﺴﻠﻤِﲔ، ﻻ ﺷَﺮﻳﻚ ﻟﻪ،ﺏ ﺍﻟﻌﺎﳌﲔ ﻭﻣَﻤﺎﰐ ِﻟﻠﱠ ِﻪ ﺭ ﱢ ฮาดิษนี้รายงานโดย มุสลิม อาบูดาวุด อัลนะซาอีย ทานอะหฺมัด อิบนุ ฮิบบาน และอัฏฏอบรอนีย และทานอัชชาฟอีย 4. การอานอะอูซุบิลละฮฺ ( )ﺍﻋﻮﺫ ﺑﺎﷲ ﻣﻦ ﺍﻟﺸﻴﻄﺎﻥ ﺍﻟﺮﺟﻴﻢเบา ๆ หลังการอานดุอาอิฟติตาฮฺ กอนเริ่ม การอานในรอคอะฮฺแรก และหากจะอานทุกรอคอะฮฺก็ไมเปนไร 5. การอานวา “อามีน” หลังการอานฟาติหะฮฺ ไมวาจะเปนอีหมาม(ผูนําละหมาด)หรือมะมูม (ผู ละหมาดตาม) หรือผูที่ละหมาดคนเดียว การอานจะอานดังเมื่อละหมาดที่อานเสียงดัง และจะอานคอยเมื่อ ละหมาดที่ตองอานเสียงคอย29 ผูละหมาดตามจะตองอานหลังอีหมามและอยาเวนชวงเวลาใหมากจนเกินไป 6. อานซูเราะฮฺหรืออายะฮฺงาย ๆ หลังการอานฟาติหะฮฺ ยกเวนในรอคอะฮฺที่สามและสี่ เพราะใน รอคอะฮฺนี้จะอานฟาติหะฮฺแตเพียงอยางเดียว การอานจะอานนอยอานมาก หรือจะอานซูเราะฮฺทั้งหมด หรือ อายะฮฺบางอายะฮฺจากซูเราะฮฺใดซูเราะฮฺหนึ่ง ซึ่งการอานในลักษณะนี้ลวนแลวแตมีหลักฐานปรากฏในซูน นะฮฺของทานรอซูลุลลอฮ ซูนัตใหอานหลาย ๆ อายะฮฺโดยในรอคอะฮฺแรกควรอานยาวกวาอายะฮฺที่สอง มีหลักฐานปรากฏวาทานรอซูลุลลอฮ จะอานซูเราะฮฺสั้น เชน อัลอะอฺรอฟ อัซซอฟ อัดดุคคอน การอาน ซูนัติใหอานดวยเสียงที่ไพเราะ หยุดพักในตอนทายของอายะฮฺทุกอายะฮฺ เมื่ออานผานอายะฮฺที่กลาวถึงความ 29
แตสําหรับอัลอะหฺนาฟ จะอานคอยทัง้ หมด
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
76
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
โปรดปรานของอัลลอฮก็ใหวอนขอตอพระองค เมื่ออานผานอายะฮฺที่เปนการกลาวถึงการลงโทษ ก็ใหขอ ความคุมครองจากอัลลอฮ หากเปนการอานในเวลา ซุบฮฺ หรือละหมาดยุมอะฮฺ และสองรอคอะฮฺแรกของการ ละหมาดมัฆริบ และอีชา ก็ใหอานดวยเสียงดัง ที่เหลือก็ใหอานเสียงคอย ๆสวนการละหมาดซูนัตก็ใหอาน เสียงคอย แตการละหมาดตะฮัจยุด หรือละหมาดกียามุลลัย ก็ใหอานเสียงดังดวยเชนกัน แตหากไมรูหรือ เจตนาละทิ้ง หรือลืมอานก็ไมเปนไร สําหรับมะมุม(ผูละหมาดตาม) เมื่อไดยินการอานอัลกุรอานจะตองตั้งใจฟง การอานของอีหมาม ขณะเมื่ออีหมามอานดวยเสียงดัง แตหากอีหมามอานเสียงคอยก็ใหมะมุมอานดวย เพราะอัลลอฮทรงตรัสไว วา
[204 :ﺉ ﺍﻟﻘﹸﺮﺁﻥ ﻓﺎﺳَﺘ ِﻤﻌُﻮﺍ ﻟﹶﻪ ﻭﺃْﻧﺼِﺘﻮﺍ { ]ﺍﻷﻋﺮﺍﻑ َ ﻭﺇﺫﺍ ﻗﹸ ِﺮ และเมื่ออัลกุรอานไดรับการอัญเชิญ พวกเจาจงฟงและจงสงบเถิด นอกจากนั้นก็ยังมีฮาดิษยืนยันเปนหลักฐานไววา “เมื่ออีหมามตักบีร ทานทั้งหลายก็จงตักบีร และเมือ่ อีหมาม อาน ทานทั้งหลายก็จงฟงอยางตั้งใจ” มุสลิมใหฮาดิษนี้เปนฮาดิษซอเหียะหฺ30 7. ซุนัตใหกลาวตักบิรทุกครัง้ ที่ ลุกขึ้น หรือลง ขณะลุกยืน หรือลงนั่ง ยกเวนขณะลุกจากการรอเกาะอฺ ซูนัต ขณะโคงรอเกาะอฺใหแผนหลังเสมอกับศีรษะ วางน้ําหนักไวบน มือทั้งสองขางซึ่งวางไวบนเขาพรอมกับแยก นิ้วทั้งหมดออก และใหกลาววา “ ”ﺳﺒﺤﺎﻥ ﺭﰊ ﺍﻟﻌﻈﻴﻢ3 ครั้ง หรือมากกวา หรือจะกลาววา “ﺡ ِ ﺏ ﺍﳌﻼﺋﻜ ِﺔ ﻭﺍﻟﺮﻭ ﺱﺭ ﱡ ٌ ﺡ ﹸﻗ ﱡﺪ ٌ ” ُﺳﺒﱡﻮ ฮาดิษรายงานโดยมุสลิม หรือจะอานวา ﻭ ُﻣﺨﱢـﻲ، ﺧَﺸﻊ ﻟﻚ ﺳَﻤﻌﻲ ﻭﺑَـﺼﺮﻱ، ﺃﻧﺖ ﺭﰊ،ﻚ ﺃﺳﻠﻤﺖ َ ﻭﻟ،ﻚ ﺁﻣﻨﺖ َ ﻭﺑ،ُ)ﺍﻟﻠﻬ ﱠﻢ ﻟﻚ ﺭﻛﻌﺖ ،( ﻭﻣﺎ ﺍﺳﺘﻘﻠﺖ ﺑﻪ ﻗﹶﺪﻣﻲ ﷲ ﺭﺏ ﺍﻟﻌﺎﳌﲔ،ﻭﻋَﻈﻤﻲ ﻭﻋَﺼﱯ ฮาดิษรายงานโดยมุสลิม 8.ซูนัตใหผูละหมาดกลาวเมื่อลุกขึ้นจากรอเกาะอฺวา “ ”ﲰﻊ ﺍﷲ ﳌﻦ ﲪـﺪﻩและเมื่อลุกขึ้นจนตัวตรง แลวก็ใหกลาววา “”ﺍﻟﻠﻬﻢ ﺭﺑﻨﺎ ﻭﻟﻚ ﺍﳊﻤ ُﺪหรือใหกลาววา “ ”ﺍﻟﻠﻬ ﱠﻢ ﺭﺑﻨﺎ ﻟﻚ ﺍﳊﻤﺪ ﺣَﻤﺪﹰﺍ ﻛﺜﲑﹰﺍ ﻃﻴﺒﹰﺎ ﻣﺒﺎﺭﻛﹰﺎ ﻓﻴﻪหรือ ดวยคํากลาวอื่น ๆ ที่มีหลักฐานปรากฏในฮาดิษของทานนบี 9. ซูนัตใหผูทําการละหมาดวางเขาทั้งสองขางกอนที่จะวางมือลงเมื่อตองการซูยุดและใหวางจมูก และหนาผากราบกับพื้น โดยวางมือทั้งสองขางใหตรงกับใบหูทั้งสอง โดยวางนิ้วมือใหชิดกันโดยใหปลาย นิ้วชี้ไปทางกิบลัต และกลาวขณะซูยุดวา “ ”ﺳــﺒﺤﺎ ﹶﻥ ﺭﰊ ﺍﻷﻋﻠــﻰหรือจะเพิ่มคํากลาวตัซบิฮฺ ซิกรฺ ดุอา เฉพาะ ตามที่มีหลักฐานรายงานจากทานรอซูลุลลอฮ เชนดุอาที่วา ﺳَﺠﺪ ﻭﺟﻬﻲ ﻟﻠﺬﻱ ﺧَﻠﻘﻪ ﻭﺻﻮﱠﺭﻩ ﻓﺄﺣﺴَﻦ، ﻭﻟﻚ ﺃﺳﻠﻤﺖ ﻭﺃﻧﺖ ﺭﰊ،ﺕ ﻭﺑﻚ ﺁﻣﻨﺖ ُ ﺍﻟﻠﹼﻬ ّﻢ ﻟﻚ ﺳﺠﺪ ُ ﻭﺷ ﱠﻖ ﺳَﻤﻌﻪ ﻭﺑﺼﺮﻩ ﻓﺘﺒﺎﺭ َﻙ ﺍﷲ ﺃﺣﺴ،ﺻﻮﺭﻩ .ﻦ ﺍﳋﺎﻟﻘﲔ
30
นี่คือทัศนะของมัซฮับ มาลิกียะฮฺ สวนชาฟอียะฮฺ วายิบตองอานฟาติหะฮฺ ทุกรอคอะฮฺ หลังอีหมามอานจบลง สวนฮานาฟยะฮฺ หามอาน
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
77
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ฮาดิษรายงานโดยมุสลิม 10.การนั่งระหวางสองซูยุด โดยนั่งปลอยเทาซายตรง สวนเทาขวาพับมาวางทับไวและอานดุอาซึ่งมี รายงานไวในฮาดิษ เชน ()ﺍﻟﻠﻬ ّﻢ ﺍﻏﻔﺮ ﱄ ﻭﺍﺭﺣَﻤﲏ ﻭﻋﺎﻓِﲏ ﻭﺍﻫ ِﺪﻧِﻲ ﻭﺍﺭﺯُﻗﲏ ฮาดิษนี้รายงานโดยอัตตัรมีซีย สําหรับชาฟอีย ใหนักพักหลังซูยุดที่สองกอนที่จะลุกยืนในรอคอะฮฺ ตอไป ไมลุกขึน้ ในทันที 11.การนั่งตะชะฮุด ครั้งแรก (สําหรับฮานาฟยเปนวายิบ) ใหนั่งปลอยเทาซายและพับเทาขวา วางมือ ขางซายบนเขาซายและมือขวาบนเขาขวา หรือวางบนขาทัง้ สองขาง นิ้วชี้มือขางขวาชี้ไปขางหนา และซูนัต ใหกระดิกเบา ๆ 12. ซูนัตใหนงั่ ตะวัรรุคในการนั่งตะชะฮุดครั้งสุดทายโดยยื่นเทาซายใหมาอยูกึ่งกลางเทาขวา แลว นั่งวางน้ําหนักลงบนสะโพก (ดังที่ทานบุคอรียไดรายงานไว) และซูนัตใหอานซอลาวัตใหกับนบีในตะชะฮุด สุดทายที่เรียกวา “( ”ﺍﻟﺼﻼﺓ ﺍﻹِﺒﺭﺍﻫﻴﻤﻴﺔดูตัวบทการอานที่ผานมา) 13. อานดุอากอนการใหสลาม ดวยดุอาใดก็ไดที่มีหลักฐานปรากฏมาจากฮาดิษ เชน อานวา ﺖ َ ﺃﻧ،ﺖ ﺃﻋﻠﻢ ﺑﻪ ﻣﲏ َ ﻭﻣﺎ ﺃﺳﺮﻓﹾﺖ ﻭﻣﺎ ﺃﻧ، ﻭﻣﺎ ﺃ ْﺳﺮَﺭﺕ ﻭﻣﺎ ﺃﻋْﻠﻨﺖ،ﺖ ﻭﻣﺎ ﺃﺧﱠﺮﺕ ُ » ﺍﻟﻠﻬ ﱠﻢ ﺍﻏﻔﺮ ﱄ ﻣﺎ ﹶﻗﺪﱠﻣ.« ﺍﳌﻘﺪﱢﻡ ﻭﺃﻧﺖ ﺍﳌﺆﺧﱢﺮ ﻻ ﺇﻟﻪ ﺇﻟﹼﺎ ﺃﻧﺖ รายงานโดยมุสลิม หรือดุอาที่วา ﻭﻣﻦ َﺷ ﱢﺮ ﻓﺘﻨ ِﺔ ﺍﳌـﺴﻴﺢ، ﻭﻣﻦ ﻓﺘﻨ ِﺔ ﺍﳌﹶﺤﻴﺎ ﻭﺍﳌﹶﻤﺎﺕ، ﻭﻣﻦ ﻋﺬﺍﺏ ﺍﻟﻘﱪ، » ﺍﻟﻠﻬ ﱠﻢ ﺇﱐ ﺃﻋﻮﺫ ﺑﻚ ﻣﻦ ﻋﺬﺍﺏ ﺟﻬﻨﱠﻢ،«ﺍﻟﺪﱠﺟﺎﻝ รายงานโดยมุสลิม 14. ใหกลาวซิกริลละฮฺหรือดุอาใหมาก ๆ หลังการใหสลาม เชนดุอาที่วา
،« ﺗَﺒﺎﺭﻛﺖ ﻳﺎ ﺫﺍ ﺍﳉﻼﻝ ﻭﺍﻹِﻛﺮﺍﻡ،ﺖ ﺍﻟﺴﻼﻡ ﻭﻣﻨﻚ ﺍﻟﺴﻼﻡ َ » ﺍﻟﻠﱠﻬﻢ ﺃﻧรายงานโดยมุสลิม การกลาวตัสบิฮฺหลังการละหมาดทุกครั้ง โดยกลาวา ﺳﺒﺤﺎﻥ ﺍﷲ33 ครั้ง , ِ ﺍﳊﻤﺪ ﷲ33 ครั้ง และ ﺍﷲ ﺍﻛﱪ 33 ครั้ง เพื่อใหครบ 100 ก็ใหตามดวย การกลาววา ﻏﹸﻔﺮﺕ ﺧﻄﺎﻳـﺎﻩ، ﻟﹶﻪ ﺍﳌﻠﻚ ﻭﻟﹶﻪ ﺍﳊﻤﺪ ﻭﻫﻮ ﻋﻠﻰ ﻛ ﱢﻞ ﺷﻲﺀ ﻗﹶﺪﻳﺮ،» ﻻ ﺇﻟﻪ ﺇﻻ ﺍﷲ ﻭَﺣﺪﻩ ﻻ ﺷَﺮﻳﻚ ﻟﻪ ،«ﻭﺇﻥ ﻛﹶﺎﻧﺖ ﻣﺜﻞ ﺯَﺑﺪ ﺍﻟﺒَﺤﺮ ฮาดิษรายงานโดยมุสลิม อีกรายงานใหกลาววา ،« » ﺍﻟﻠﻬ ّﻢ ﺃﻋﻨﱢﻲ ﻋﻠﻰ ﺫِﻛﺮ َﻙ ﻭﺷُﻜ ِﺮ َﻙ ﻭﺣﺴ ِﻦ ﻋﺒﺎﺩَﺗﻚรายงานโดยอะหฺมัด อาบูดาวุด อัลนะซาอีย หรือใหอานวา ، ﺍﻟﻠﻬﻢ ﻻ ﻣﺎﻧِﻊ ﳌﺎ ﺃﹶﻋﻄﻴﺖ، ﻟﻪ ﺍﳌﹸﻠﻚ ﻭﻟﹶﻪ ﺍﳊﹶﻤﺪ ﻭﻫﻮ ﻋﻠﻰ ﻛ ﱢﻞ ﺷﻲ ٍﺀ ﻗﹶﺪﻳﺮ،ﻚ ﻟﻪ َ »ﻻ ﺇﻟﻪ ﺇﻻ ﺍﷲ ﻭَﺣﺪﻩ ﻻ ﺷَﺮﻳ ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
78
.«ﳉ ﱡﺪ ﻚﺍﹶ َ ﳉ ﱢﺪ ﻣِﻨ ﻭﻻ َﻳْﻨﻔﹶﻊ ﺫﺍ ﺍ ﹶ،ﻭﻻ ﻣُﻌﻄِﻲ ﳌﺎ َﻣﻨَﻌﺖ ฮาดิษรายงานโดยชัยคอน
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
79
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หมวดที่ 7 มัครูฮ(สิ่งที่ไมควรปฏิบัต)ิ ขณะละหมาด สิ่งที่ไมควรปฏิบัติขณะทําการละหมาดมีดงั นี้คือ 1.การละทิ้งซูนัตขอใดขอหนึ่งดังที่ไดกลาวมาแลวทั้งหมด 2. เลนหยิบจับ เสื้อผา รางกายโดยไมมีเหตุจําเปน 3. เหลือบสายตามองฟา มองเพดาน ซึ่งทานบุคอรียเห็นวาเปนสิ่งที่ไมควรปฏิบัติ 4.หันหนาไปสนใจสิ่งอื่น ๆ ที่ทําใหสับสน 5.ละหมาดในสถานที่ที่เปนสุสาน ทางเดินที่พลุกพลาน กองมูลสัตว หองน้ํา คอกสัตว สถานที่มี กลิ่นเหม็นสาบอูฐ หลังบาน (รายงานโดยมุสิม) 6.ขยับเสื้อออกจากไหล ยนยอหรือรีบเรง ละหมาดในเครื่องแบบเมื่อไมมีเสื้อผาอื่นเปลี่ยน เพราะจะ เปนการเสียมารยาท 7. วางแขนไวขางๆ ญามาอะฮฺเห็นวามัครูฮแตอิบนุมายะฮฺวาไมเปนไร 9. ยื่นแขนออกขณะทําการซูยุด ญามาอะฮเห็นวามัครูฮ 10. ยืนเทาชิดกันขณะยืนละหมาด หรือยกเทาขางหนึ่งเหมือนสัตว 11. นําซูเราะฮฺที่มาอานในรอคอะฮฺที่สอง ทั้งๆ ที่ซูเราะฮฺซึ่งอยูกอนหนายังไมไดนํามาอานใน รอคอะฮฺที่หนึง่ 12. ซูยุดโดยมีสิ่งรองหรือขั้นระหวางหนาผากกับพื้นที่ซยู ุด หรือกวาดรองรอยของการซูยุดขณะ กําลังละหมาด (อิบนุมายะฮฺเห็นวาไมควรปฏิบัติ) 13. ตะแคงหรือเอนเอียงรางกายขณะละหมาด เพราะเปนการกระทําทีเ่ หมือนพวกยะฮู (รายงานโดย บุคอรีย) การหาว (มุสลิมและอัตตัรมีซียเห็นวาไมควรปฏิบตั ิ )ควรปดปากดวยมือขณะหาว แมวาจะเปนเวลา นอกการละหมาด 14. ละหมาดขณะพยายามอดกลั้นอุจจาระหรือปสสาวะ หรือขณะที่มีการยกสํารับอาหารออกมา เตรียมพรอม (มุสลิมและอาบูดาวุดเห็นวาไมควรปฏิบัติ) 15. ละหมาดขณะงวงนอนมาก ๆ (รายงานโดยญามาอะฮฺ) 16.ปลอยชายผาลงพื้น ปดปาก (นักรายงานทั้งหาและทานฮากิม เห็นวาไมควรปฏิบัติ)
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
80
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หมวดที่ 8 สิ่งที่อนุญาตใหกระทําไดขณะละหมาด 1.รองไห สะอึกสะอื้น เพราะอัลลอฮทรงตรัสไววา 58 : ) ∪∇∈∩ ﻡﺮﻳﻢ$|‹Å3ç/uρ #Y‰£∨ß™ (#ρ”yz Ç≈uΗ÷q§9$# àM≈tƒ#u ÷ΛÏιø‹n=tæ 4’n?÷Gè? #sŒÎ) 4 เมื่อบรรดาโองการแหงองคผทู รงเมตตาถูกอัญเชิญแกพวกเขา พวกเขาก็ทรุดกายลงกราบ และร่ําไห มีรายงานวาทานรอซูลุลลอฮ รองไหในขณะที่กําลังทําละหมาด และทานอาบูบักร ก็รองไหใน ละหมาดของทาน และมีรายงานจากทานบุคอรี ย วา ทานอุมัร ละหมาดซุบฮฺ และอานซูเราะฮฺยูซุฟ จนกระทั่งถึงอายะฮฺที่วา ∩∇∉∪ šχθßϑn=÷ès? Ÿω $tΒ «!$# š∅ÏΒ ãΝn=ôãr&uρ «!$# ’n<Î) þ’ÎΤ÷“ãmuρ Éo\t/ (#θä3ô©r& !$yϑ¯ΡÎ) tΑ$s%
เขากลาววา”อันที่จริงฉันเพียงแตปรารมภทุกข และความเศราโศกของฉันตออัลลอฮฺ และฉันรู (โดย สื่อแหงการดลจิต) จากอัลลอฮฺ ในสิ่งที่พวกเจาไมรู” ทานรองไหจนไดยินเสียงสะอื้น แตตามทัศนะของชาฟอีย หากการรองไฟสามารถฟงไดออกมาเปน คําหนึ่งหรือสองพยัญชนะแมจะไมเขาใจ การละหมาดก็จะเปนโมฆะ 2.สายหนาขณะที่มีความจํา เพราะทานบุคอรียไดรายงานไววา “เปนการยักยอกของชัยฏอนขณะที่ บาวของอัลลอฮทําละหมาด” แตการหันหนาอกออกจากกิบลัตนั้นทําใหเสียละหมาด 3.ฆาสัตวที่ใหโทษ เพราะมีฮาดิษยืนยันไววา “จงฆาทําลายสัตวสีดําสองชนิด คืองูกับแมลงปอง” รายงานโดยเจาของซุนนันทั้งหมด 4.การกาวเดินเล็ก ๆ นอย เพราะความจําเปน โดยไมผินออกไปจากทิศทางของกิบลัต ซึ่งทานรอซู ลุลลอฮ ก็เคยกระทําเชนนั้ น ดังมีปรากฏอยูในรายงานของทานอะหฺมัด อาบูดาวุด อัลนะซาอี ยและ ทานอัตตัรมีซีย และในรายงานจากทานหญิงอาอิชะฮฺ วาฮาดิษนี้เปนฮาดิษฮาซัน แตตองมีขอแมวาจะตอง เปนการขยับเดินเพียงเล็กนอย ไมเกินสามกาว 5.การอุมลูกเล็กๆ ไปพรอมกับการละหมาด ดังมีรายงานจากทานอะหฺมัด ปรากฏจากทานรอซู ลุลลอฮ อัลฮากิม อัลนะซาอียและทานมุสลิม 6.การเตือนอีหมามในกรณีที่อีหมามผิดพลาด เชน อานผิดพลาด เพราะมีรายงานจากทานอาบูดาวุด วา มีการกลาววา “ ”اﻟﺤﻤﺪ ﷲขณะที่จาม ซึ่งทานรอซูลุลลอฮ ก็อนุญาตใหทํา เพราะทานริฟาอะฮฺ ได กระทําเชนนั้นดวย ฮาดิษรายงานโดยทาน อัลบุคอรีย อัลนะซาอีย และอัตตัรมีซีย สิ่งที่อนุญาตใหกระทําได อีกประการหนึ่งคือการเตือน หากเปนชายก็ใหกลาวตัซบิฮฺ หากเปนหญิงก็ใหปรบมือ รายงานโดยทานอะหฺ มัด อาบูดาวุดและทานอัลนะซาอีย 7.การกราบซูยุดลงบนเสื้อผาหรือสัรบานของตัวเองเพราะมีความจําเปน (เชนพื้นรอนจนเกินไป) และทานรอซูลุลลอฮก็เคยกระทําเชนนั้น ดังที่ทานอะหฺมัดไดรายงานไว ดวยสายรายงานที่ถูกตอง
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
81
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
8.การอานอัลกุรอานจากหนังสือคัมภีรอัลกุรอาน (ดังมีหลักฐานตามที่ทานมาลิกรายงานไว และนี่ คือมัซฮับชาฟอีย) 9.อนุญาตใหผูละหมาดยุติการละหมาดเพื่อทําลายสัตวมีพิษ หรือไลสัตวปา เมื่อกลัววาขาวของจะ สูญหาย หรือเพื่อกลั้นจากการขับถาย หรือตองการเรียกพอแมเมื่อรูสึกกลัวอันตราย และจําเปนตองยุติการ ละหมาดเพื่อชวยเหลือผูกําลังหวาดกลัว หรือตกอยูในอันตรายหรือทรัพยสินถูกไฟไหม
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
82
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หมวดที่ 9 สิ่งที่ทําใหเสียละหมาด 1. การละหมาดไมครบสมบูรณหรือละทิ้งเงื่อนไขขอใดขอหนึ่ง หรือละทิ้งสวนที่เปนฟรฎตอง ปฏิบัติ เพราะทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวกับชาวอาหรับเบดุอินที่ละหมาดไมสมบูรณวา “กลับไปทํา ละหมาดใหม ทานยังไมไดละหมาด” รายงานโดยชัยคอน เชน การปกปดเอารัต การหันหนาอกออกไปจาก กิบลัต มีฮาดัษขณะละหมาด 2.เจตนากินหรือดื่มแมวาจะเปนเพียงเล็กนอยก็ตาม แตหากกระทําเพราะลืมหรือไมรูวา จะทําใหเสีย ละหมาด หรือเปนเพียงเศษอาหารในรองฟน แลวเกิดกลืนเขาไปในทอง ในลักษณะนีต้ ามทัศนะของชาฟอีย และฮะนาบิละฮฺไมทําใหเสียละหมาดแตอยางใด 3. การพูดในสิ่งที่ไมเกี่ยวของกับบทอานในละหมาดโดยเจตนา แตสําหรับผูที่ลืมหรือไมรูเกี่ยวกับ หลักการ ก็ไมไดทําใหเสียละหมาดแตอยางใด เพราะมีฮาดิษของทานมุอาวียะฮฺ บิน อัลฮะกัม อัซซะละมีย ซึ่งไดพูดขณะทําการละหมาดอยู เพราะไมรูวาจะทําใหเสียละหมาด ทานรอซูลุลลอฮก็ไมไดสั่งใหเขา ละหมาดใหมแตอยางใด แตทานกลับบอกแคเพียงวา “การละหมาดนี้ไมควรที่จะพูดอะไร ที่เปนภาษาของ มนุษย แตสิ่งทีส่ ามารถกระทําไดคือ การกลาวตัซบิฮฺ ตักบีร การอานอัลกุรอาน เทานัน้ ” รายงานโดยอะหฺมดั มุสลิม ทานอาบูดาวุด และทานอัลนะซาอีย 4.การกระทําอืน่ ที่ไมใชการกระทําในละหมาด และเปนการกระทําที่มาก ๆ ทั้งที่เจตนากระทํา หรือ กระทําเพราะลืมตัว แตหากในกรณีที่จําเปนเชนตองการชวยเหลือผูที่ตกอยูในอันตราย เชน จมน้ํา ก็ใหยุติ การละหมาดเสีย 5.การหัวเราะเสียงดัง จะทําใหเสียละหมาด แตการหัวเราะที่ไดยินแคเพียงตัวเอง โดยที่คนอื่นไมได ยิน หรือการยิม้ ไมไดทําใหเสียละหมาดแตอยางใด 6. การอานผิดที่ทําใหความหมายเพี้ยนไปในทางที่เสีย หรือกลายเปนคําที่กลาวแลวเปนกาเฟร 7. การลาชาของมะมูม (ผูตาม) หากมากถึงหนึ่งรุกุน หรือสองการกระทํา โดยเจตนาใหลาชา หรือไมมีเหตุจาํ เปน เชน อีหมามอานเร็วเกินไปจนตามไมทัน ตราบใดที่ไมเกิน 3 รุกนุ ก็ไมเปนไร 8. ผูละหมาดกลาวเตือนผูอื่นที่ไมใชอีหมาม หรืออีหมามเตือนผูทีอานผิดนอกละหมาด อัลอะหฺนาฟ ใหทัศนะไววา ทําใหเสียละหมาด (เตือนในที่นี้อาจจะเปนการเตือนผูทอี่ านผิด หรือผูที่ลืม)
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
83
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หมวดที่ 10 ทานจะทําการละหมาดไดอยางไร ทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวไววา “จงละหมาดดังที่ทานเห็นฉันละหมาด” รายงานโดยบุคอรียและ มุสลิม ดังชี้แจงในรายละเอียดของการละหมาดตอไปตามลําดับ ซึ่งจะเริ่มตั้งแตตนไปจนกระทั่งจบการ ละหมาดพรอมกับการแนะนําวาสวนไหนเปนฟรฎ สวนไหนเปนซูนัต ดังที่ไดแยกแยะไวแลวในบทที่ผาน มา หลังจากที่เราแนใจแลววาไดเวลาละหมาด และรางกายก็สะอาดปราศจากฮาดัษ มีการปกปดเอารัต และผูละหมาดก็ไดหันหนาไปทางกิบลัตเปนที่เรียบรอยแลวก็ใหปฏิบัติดังนี้ 1.ตั้งเจตนาละหมาดที่ตองการกระทํา (ฟรฏ) 2.ยกมือทั้งสองขางโดยใหปลายนิ้วเสมอกับใบหูทั้งสองขางหรือเสมอกับบา หันฝามือไปทางกิบลัต (ซุนนะฮฺ) จากนั้นก็ใหกลาวตักบีร คือตักบีรอตุลเอียะหฺรอม (เขาสูพิธี) ดวยการกลาววา “( ”ﺍﷲ ﺍﻛﱪฟรฏ) 3.ขณะที่ยืนตัวตรง (ฟรฎ) เพงมองที่ซูยุดวางมือขวาบนมือซายโดยมือทั้งสองขางอยูเหนือสะดือ ประมาณ 4 นิ้ว(มือ) (ซูนัต) 4.อานอุอาอิฟติตะหฺ บทใดบทหนึ่ง (ซูนัต) 5.อานอาอูซุบิลละฮฺ เบา ๆ จากนั้นก็ใหอานบิสมิลละฮฺ ดังหรือคอย ๆ กอนการอานฟาติหะฮฺทุก รอคอะฮฺ (ซุนัต) 6.อานฟาติหะฮฺในทุกรอคอะฮฺ ไมวาจะเปนละหมาดฟรฎหรือซูนัต (ฟรฎ) หากเปนอีหมามหรือ ละหมาดคนเดียว สวนผูที่ละหมาดตามอีหมาม หากอีหมามอานดังก็ใหฟง หากอีหมามอานคอยก็ใหอานฟา ติหะฮฺ 7.อานซูเราะฮฺใดซูเราะฮฺหนึ่งหรืออานอายะฮฺงาย ๆจากอัลกุรอาน หลังการอานฟาติหะฮฺ (ซูนัต) 8.กลาวตักบีร (ซูนัต) จากนั้นก็โคงรอเกาะอฺ (ฟรฏ) พรอมๆ กับยกมือทั้งสองขางขึ้น (ซูนัต) และ กลาวตัสบิฮฺ (ซูนัต) และหยุดพักสงบในรอเกาะอฺ (ฟรฎ) 9.ลุกขึ้นจากการโคงรอเกาะอฺกลับมายืนตรง (ฟรฏ) พรอมกับกลาววา “ ﻚ َ ﲰﻊ ﺍﷲ ﳌﻦ ﲪﺪﻩ ﺭﺑﱠﻨﺎ ﻭ ﻟ ُﳊ ْﻤﺪ ”ﺍ ﹶพรอมกับยกมือทั้งสองขางขึ้น (ซูนัต) 10 กลาวตักบีร (ซูนัต) พรอมกับลงกราบซูยุด (ฟรฎ) พรอมกับรักษาในสวนที่เปนซูนัตไวในซูยุด เชนการกลาวซีเกรมาก ๆ (ซูนัต) 11. กลาวตักบีร (ซูนัต) พรอมกับยกศีรษะขึ้น กลับมาในทานั่ง (ฟรฎ) พรอม ๆ กับรักษาไวซึ่งซูนัต จากนั้นก็กลาวตักบีร และซูยุดอีกครั้ง (ฟรฎ) และตักบีร (ซูนัต) จากนั้นก็ลุกจากการซูยุด พรอมกับยกมือทั้ง สองขางขึ้นกอนที่ยกเทา (ซูนัต) ลุกขึ้นเพื่อเขาสูรอคอะฮฺที่สอง 12. ในรอคอะฮฺที่สองก็จะปฏิบัติเชนเดียวกับที่ปฏิบัติมาแลวในรอคอะฮฺแรก จากนั้นในตอนทายก็ ใหนั่งตะชะฮุดแรก และกลาวซอลาวัต ใหกับทานนบี (ซูนัต) 13.ในรอคอะฮฺที่สาม ผูละหมาดอานซูเราะฮฺฟาติหะฮฺเบา ๆ แมวาจะเปนการละหมาดที่ตองอานดังก็
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
84
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ตาม จากนั้นก็ใหนั่งตะชะฮุดสุดทาย (ฟรฏ) และกลาวซอลาวัตใหกับทานนบี (ซูนัต) และอานดุอาที่มี หลักฐานปรากฏอยูในฮาดิษ 14.กลาวใหสลามทางขวามือ (ฟรฎ) และทางซายมือ(ซูนัต) ใหกลาวซิกริลละฮฺใหมาก ๆ ตามที่มี ปรากฏหลักฐานในฮาดิษ หลังการใหสลาม (ซูนัต) มีรายงานปรากฏอยูวา ทานอาบูฮุรอยเราะฮฺ ได รายงานไววา มีชายคนหนึ่งเขามาในมัสยิด และทําการละหมาด จากนั้นก็มาหาทานรอซูลุลลอฮ พรอมกับ ใหสลามกับทาน ทานก็ตอบสลามแลวก็บอกกับเขาวา “ กลับไปละหมาดใหม แทจริงแลวทานยังไมได ละหมาด” วา แล ว เขาก็ก ลั บไปละหมาดใหม ซึ่งเขาทําอยางนั้น ถึง 3 ครั้ง จากนั้น ก็ก ล าววา ขอยื น ยั น ตออัลลอฮ ผูทรงแตตั้งทานมาดวยสัจธรรม ฉันทําใหดีกวานี้ไมไดอีกแลว ขอใหทานสอนฉันดวยเถิด เมื่อ ทานรอซูลุลลอฮไดยินเชนนั้นทานก็กลาววา “ เมื่อทานตองการละหมาด ทานตองกลาวตักบีร จากนั้นก็อาน อายะฮฺงาย ๆ จากอัลกุรอาน จากนั้นก็โคงรอเกาะอฺพรอมกับพักสงบอยู จากนั้นก็ลุกขึ้นจากรอเกาะอฺ มายืน ตรง จากนั้นก็กราบซูยุดจนสงบนิ่ง แลวลุกขึ้นมานั่งสงบ แลวทําการซูยุดครั้งที่สอง และทานจงกระทําเชนนี้ ในการละหมาดของทาน ทั้งหมด “รายงานโดยอะหฺมัด และชัยคอน กิจกรรม การละหมาดและเงื่อนไขการละหมาด ก.1. การละหมาดฟรฎมีทั้งหมดกี่เวลา มีอะไรบาง ? การละหมาดวิติร ไมใชละหมาดฟรฎและไมใชวายิบ มีสิ่ง ใดเปนหลักฐาน (จงระบุ) 2.ไดเวลาละหมาด (เขาเวลา) เปนเงื่อนไขของการละหมาดหรือไมอยางไร ? การที่ผูละหมาดมัน่ ใจวาไดเวลา ละหมาดแลวสามารถทําการละหมาดไดในทันที เพราะเหตุใด (จงอธิบาย) 3.อัลลอฮทรงตรัสไววา ( )ﺇﻥ ﺍﻟﺼﻼﺓ ﻜﺎﻨﺕ ﻋﻠﻰ ﺍﻟﻤﺅﻤﻨﻴﻥ ﻜﺘﺎﺒ ﹰﺎ ﻤﻭﻗﻭﺘ ﹰﺎเปนกลาวถึงเงื่อนไขขอใด ? จง บอกรายละเอียด พรอมบอกหลักฐานจากฮาดิษ นอกเหนือจากฮาดิษของมุอาซ 4.ผูที่สติสัมปชัญญะไมสมบูรณ และผูทอี่ ายุไมครบตามศาสนภาวะ ไมวายิบใหทําการละหมาด เงื่อนไขขอนี้ มีอะไรเปนหลักฐานอางอิง (จงระบุอายะฮฺที่เปนหลักฐาน) 5.หญิงที่มีรอบเดือนและมีน้ําคาวปลา วายิบตองทําละหมาดหรือไม ?เพราะเหตุใด ? 6. ใหนกั เรียนบอกหลักฐานอางอิง ที่ยืนยันวาการละหมาดจะถูกตองเมื่อ... • รางกายสะอาด • เสื้อผาสะอาด • สถานที่ละหมาดสะอาด 7.การทําใหรางกายสะอาดปราศจากฮาดัษ สามารถทําไดอยางไร ? 8. สิ่งสกปรกตอไปนี้สามารถทําความสะอาดไดอยางไร ? (จงระบุวิธีการพรอมหลักฐาน)
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
85
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
• มีสิ่งสกปรกติดที่รองเทา • น้ําปสสาวะเปอ นเสื้อผา หรือเลอะบนพื้น • เลือด(อิสติฮาเดาะฮฺ)ติดที่อวัยวะ 9. การลงโทษในกุโบรฺสวนใหญเกิดจากการปสสาวะ ฉะนั้นเรามีวิธีปอ งกันอยางไร ? 10. อัลลอฮทรงตรัสไววา ( )ﻴﺎ ﺒﻨﻲ ﺁﺩﻡ ﺨﺫﻭﺍ ﺯﻴﻨﺘﻜﻡ ﻋﻨﺩ ﻜل ﻤﺴﺠﺩในอายะฮฺสวนใดที่เปนหลักฐานยืนยัน วาการปกปดเอารัตเปนเงื่อนไขของการทําใหละหมาดสมบูรณ 11. ในฮาดิษทีก่ ลาวถึงการใชผาสองชิ้นในการปกปด บัญญัตินี้นักเรียนมีความคิดเห็นอยางไร เปนวายิบหรือ ซูนัต เพราะเหตุใด ? 12.เกี่ยวกับเอารัตของทานชายที่จําเปนตองปกปด มีทัศนะของนักวิชาการแสดงทัศนะออกมาหลายตอหลาย ทัศนะ ทัศนะใดที่ทานคิดวานาจะถูกตองทีส่ ุด เพราะเหตุใด ? (จงแสดงหลักฐานอางอิง) (ศึกษาเพิ่มเติมได จากฟกฮฺซุนนะฮฺ) 13.การหันหนาไปทางกิบลัตเปนเงื่อนไขหนึ่งของการละหมาด ในกรณีนี้สําหรับผูที่สามารถมองเห็นและไม สามารถมองเห็นกะบะอฺไดจะมีวิธีปฏิบัตทิ ี่ถูกตองอยางไร ? 14.การหันหนาไปทางกิบลัตเปนการแสดงออกถึงความมีเอกภาพของอิสลาม และเปนการแสดงออกถึง ความยิ่งใหญของอิสลาม ...ใหนักเรียนเขียนเรียงความเกีย่ วกับเรื่องนี้ 15. ใหนกั เรียนทําเครื่องหมาย 9หนาคําตอบที่ถูกตอง • การละหมาดทีย่ กเวนการหันหนาไปทางกิบลัต ก.ละหมาดญานาซะฮฺ ข.ละหมาดซูนตั ค.การละหมาดบนเครื่องบิน บนเรือและบนสัตวพาหนะ ง.การละหมาดขณะทําสงคราม จ.ไมรูทิศทางของกิบลัต หลักการ (รุกน)ของการละหมาด 1.มีหลักฐานใดที่บงชี้วาการตั้งเจตนาเปนหลักการหนึ่งของการละหมาด ? 2. เพราะเหตุใดอัลลอฮจึงกําหนดใหการตัง้ เจตนาเปนตัวชี้วัดความมีบริสุทธิ์ใจของการกระทํา ? 3.มีฮาดิษหนึ่งกลาววา “ผูใดตั้งใจที่จะทําความดีแตยังไมไดทํา ก็จะบันทึกความดีใหกับผูนั้น” กรอบการ ตอบแทนนี้เปนอยางไร ? 4. คําวา “หามทําละหมาด (ตะฮฺรีม) ” ภาวะของการหามทําละหมาดในที่นี้หมายถึงเวลาใด ? และเกิดขึ้นใน กรณีใดบาง ? (จงระบุพรอมหลักฐานอางอิง) 5.ใหนกั เรียนแสดงความคิดเห็น(วาถูกตองหรือไมถูกตอง) ในกรณีดังตอไปนี้วามีบญ ั ญัติทางศาสนาวา
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
86
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
อยางไร ? ก. ชายคนหนึง่ เริ่มตนการละหมาดดวยการ กลาวตัสบิฮฺ,ตะฮลีล,หรือ อานอาอุซุบิลละฮฺ ข. ชายคนหนึง่ เขามาละหมาดขณะที่อหี มามรอเกาะอฺ เขาทําการตักบีร โดยตั้งเจตนาวาเปนการตัก บีร รอเกาะอฺไมใช ตักบีรอตุลเอียะหฺรอม ค. กลาวตักบีรขณะทีย่ ังนั่ง เมื่อกลาวเสร็จก็ลุกขึ้นยืนละหมาด ง. เริ่มตักบีรอตุลเอียะหฺรอมกอนอีหมาม 6.ยืนละหมาดเปนหลักการสําหรับละหมาดในขอใด ? • ฟรฎ • ซูนัต • ผูปวยที่ไมสามารถยืนละหมาดได 7.ในฮาดิษซึ่งรายงานโดยบุคอรีย รายงานไววา ทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวกับทานอิมรอน บินฮุซัยน วา จงยืนละหมาด หากสามารถกระทําได หากทําไมได ก็จงนั่ง หากนั่งไมได ก็จงนอนตะแคง บทเรียนที่ได จากฮาดิษนี้คืออะไร ? 8.สําหรับผูที่ไมจําซูเราะฮฺฟาติหะฮฺ มีวิธีปฏิบัติหลายแนวทาง ซึ่งทานนบีไดสอนไวในฮาดิษซึ่งรายงานโดย อุฟาอะฮฺ บิน รอฟอฺ ซึ่งรายงานไววา ทานนบี ไดสอนชายคนหนึ่งใหละหมาด ซึง่ ทานไดกลาววา ทานก็ มีอัลกุรอานอยู ทานก็จงอาน ..หากทานอานไมได ก็จงกลาว ﷲ ِ ﺍﳊﻤﺪ, ﺍﷲ ﺍﻛﱪ, หรือ ﻻ ﺍﻟﻪ ﺍﻻ ﺍﷲ จากนั้นก็ใหรอเกาะอฺ จากความเขาใจในสาระของฮาดิษ ในกรณีที่อานฟาติหะฮฺไมไดผูละหมาดจะตองปฏิบัติตามขอใด (จงเลือก) • ทําการละหมาดโดยไมตองอานอัลกุรอาน • ละหมาดและอานอายะฮฺอนื่ ๆ เจ็ดอายะฮฺ • อาน ﷲ ِ ﺍﳊﻤﺪ, ﺍﷲ ﺍﻛﱪ, หรือ ﻻ ﺍﻟﻪ ﺍﻻ ﺍﷲแทนการอานอัลกุรอาน แลวจึงรอเกาะอฺ31 • ทําการละหมาดโดยไมตองอานอัลกุรอานแตอยางใด 9.วิธีการรอเกาะอฺที่ถูกตองมีวิธีปฏิบัติอยางไร ? การที่ทานนบีกลาว กลาววา เปนการละหมาดแบบ ฉาบฉวยนัน้ หมายความวาอยางไร ? 10.ฟรฎละหมาดหลังการรอเกาะอฺคืออะไร ? โปรดอธิบายพรอมหลักฐาน ? 11.ใหนกั เรียนทําเครื่องหมาย 9 หนาคําตอบที่ถูกตอง 1) ฮาดิษทีว่ า “ ”" ﺜﻡ ﺍﺭﻓﻊ ﺤﺘﻰ ﺘﻌﺘﺩل ﻗﺎﺌﻤﹰﺎคําวา ( ارﻓﻊลุกขึ้น) ในทีน่ ี้หมายถึงขอใด • การลุกขึ้นจากการซูยุด • การลุกขึ้นจากรอเกาะอฺ 31
รายงานโดย อาบูดาวุด และตัรมีซีย
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
87
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
• การลุกขึ้นหลังการนั่งตะชะฮุดแรก 12.ทานนบี ไดกลาวไววา “อัลลอฮจะไมมองการละหมาดของคนใดคนหนึ่ง หากกระดูกสันหลังของ พวกเขาไมอยูร ะหวางการรอเกาะอฺและซูยุด” ความในฮาดิษนี้เปนการชี้นําในเรื่องใด 13.คําวากระดูกที่ทานรอซูลุลลอฮ กลาวถึง วาตองซูยดุ บนสวนนี้ พรอมกับชี้ไปที่จมูกของทาน หมายถึง กระดูกสวนใด ? 14. การซุยุดลงบนจมูกอยางเดียว โดยทีห่ นาผากไมถีงพืน้ เปนการซูยดุ ที่ถูกตองหรือไมอยางไร ? 15. การซูยุดในบนพื้นที่สูงกวาทีว่ างเขาประมาณ 1 ฟุต การละหมาดจะเสียหรือไมอยางไร ? หรือการซูยุดใน ที่ที่สูงกวาที่วางเขาประมาณ 1 นิ้ว การละหมาดจะใชไดหรือเพราะเหตุใด ? 16.ใหนกั เรียนเขียนขอความที่สนับสนุนใหพี่นองของเราใกลชิดกับอัลลอฮมากยิ่งขึ้น เชนฮาดิษของทาน รอซูลุลลอฮ ซึ่งไดกลาวไววา “บาวของอัลลอฮที่ใกลชิดกับพระองคมากที่สุด คือผูที่กราบซูยุดตอ พระองคและการวอนขอดุอาตอพระองคมาก ๆ” 17.การละหมาดในลักษณะดังตอไปนี้ถูกตองหรือไมอยางไร ? 1) ผูทําการละหมาดและซูยดุ บนหนาผากโดยที่จมูกไมถึงพื้น 2) ออกจากละหมาดโดยไมใหสลาม 3) เจตนาทําการซูยุดในรอคอะฮฺหนึ่งรอคอะฮฺใดเพียงครั้งเดียว 4) ไมอานฟาติหะฮฺในรอคอะฮฺใดรอคอะฮฺหนึ่งแตกลับอานตัสบิฮฺแทน 5) นั่งตะชะฮุด แตไมอานอะไรเลย 6) ละหมาดและใหสลามเพียงครั้งเดียว 18.ระหวางหลักการ()ﺭﻛﻦกับเงื่อนไข( )ﺷﺮﻁตางกันอยางไร ? ซูนัตในละหมาด 1.ที่ใดบางที่ซูนัตใหยกมือตักบีรในละหมาด ? จงบอกพรอมแสดงหลักฐานอางอิงจากฮาดิษ ? 2.ใหนกั เรียนทําเครื่องหมาย 9 หนาคําตอบที่ถูกตอง • " " ﻜﺎﻥ ﺇﺫﺍ ﻗﺎﻡ ﻤﻥ ﺍﻟﺴﺠﺩﺘﻴﻥ ﺭﻓﻊ ﻴﺩﻴﻪในที่นี้หมายถึงขอใด ? o เมื่อลุกขึ้นจากซูยุดทั้งสองและกลับมานั่งเพื่อตะชะฮุด o เมื่อลุกขึ้นจากสองซูยุดหลังสองรอคอะฮฺและตองการยืนขึ้นในรอคอะฮฺที่สาม o เมื่อลุกขึ้นจากการซูยุดซะวีทงั้ สองครั้ง 3. ระหวางตักบีรอตุลเอียะหฺรอมกับการอานฟาติหะฮฺมีดอู าจากฮาดิษมากมาย ดุอานีม้ ีชื่อเรียกวา อะไร ? และทําไมจึงมีดุอาใหเลือกหลายบท ? 4.ทานรอซูลุลลอฮ วางมือซายบนมือขวา ในการทําละหมาด แลวนํามือทั้งสองวางไวที่ใด o วางมือทั้งสองเหนือหนาอก ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
88
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
o วางมือทั้งสองใตสะดือ o ปลอยมือทั้งสองขาง โดยไมวางไวบนหนาอกขณะละหมาด o ทานเปลี่ยนการวางมือของผูละหมาดคนหนึ่ง ขณะทําละหมาด 5.ใหนกั เรียนทําเครื่องหมาย 9 หนาคําตอบที่ถูกตอง • ขณะเมื่ออีหมามอานอายะฮฺในละหมาดมะมูมปฏิบัติอยางไร o มะมูมก็อานพรอม ๆ กับอีหมาม o นิ่งรับฟง o อานตัสบิฮฺ o รอคอยใหอีหมามหยุด เพื่ออานฟาติหะฮฺ 6. การกลาววา ﺁﻡﻴﻦของมะมูม หลังอีหมาม... o หลังการอาน “”ﻭﻻ ﺍﻟﻀﺎﻟﲔ o เมื่ออีหมามอาน ﺁﻡﻴﻦ o หลังอีหมามอาน ﺁﻡﻴﻦจบลงแลว o อานตามคําของมลาอิกะฮฺที่อา นตามอีหมาม 7. ขณะรอเกาะอฺ ผูละหมาดจะตองอานอะไร ? • อานตัสบิฮฺ • อานดุอาตามตองการ 8. การนั่งตะชะฮุดหลังจากรอคอะฮฺที่สองในละหมาดสี่รอคอะฮฺ เปนการกระทําที่เปน..... • ซุนัต • ฟรฎ • หากละทิ้งจําเปนตองซูยุดซะฮฺวี • หากละทิ้งทําใหเสียละหมาด 9. ในละหมาดมีดุอามากมาย ใหนกั เรียนยกตัวอยางฮาดิษดังกลาวมา 2 -3 ดุอา 10.การกลาวซิกริลละฮฺหลังละหมาดมีคณ ุ คามากมาย จงบอกผลบุญที่จะไดรับ พรอมหลักฐานจาก ฮาดิษวาทานรอซูลุลลอฮ เคยอานในการละหมาด สิ่งที่อนุญาตใหกระทําและสิ่งที่ไมควรกระทําและสิ่งที่ทําใหละหมาดเสีย 1. ใหนกั เรียนทําความเขาใจฮาดิษของทานนบีที่นําเสนอไปแลว จากนัน้ ใหนักเรียนบอกสิ่งที่ อนุญาตใหกระทําไดและไมอนุญาตใหกระทําในละหมาด 2.การรองไหในละหมาดสามารถกระทําได หากเปนการรองไหเพราะ... • ความเกรงกลัวตออัลลอฮ ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
89
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
• กลัวกับสิ่งที่ไมพึงประสงคซึ่งอาจจะเกิดขึ้น • คร่ําครวญคิดถึงผูที่จากไป 3.เมื่อมีความจําเปนอนุญาตใหผินหนาไปทางซายหรือขวาไดในขณะละหมาด แตกลับไมอนุญาต ใหหนั ไปทางดานหลัง เพราะเหตุใด ? 4.การผินหนาของผูทําละหมาดมีความเชือ่ มโยงกับชัยฏอนอยางไร ? 5.เพราะเหตุใดจึงอนุญาตใหฆาสัตวมีพิษอยางเชน แมลงปองและงูได ขณะที่กําลังละหมาด ทั้งๆ ที่ การฆาสัตวในขณะนัน้ อาจจะตองมีการขยับเขยื้อนหลายครั้ง? 6. ในกรณีที่ทา นกําลังละหมาดแลวมีคนมาเคาะประตูเรียกทานควรปฏิบัติอยางไร ? • ไปเปดประตูใหไดทุกกรณี เปดประตูแลวก็กลับมาละหมาดตอ • ไมสามารถที่จะเปดประตูใหไดหากประตูอยูทางดานกิบลัตและอยูทางดานหนาดวย • ไมควรขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวเพราะจะทําใหเสียละหมาด 7.นักวิชาการบางทานอนุโลมให(ไมตองชําระลาง)ในกรณีที่เสื้อผาเปอนปสสาวะของเด็กเล็ก พวก เขามีหลังฐานอางอิงมาจากหลักฐานใด ? (ศึกษาเพิ่มเติมไดจาก ฟกฮฺซนุ นะฮฺ เลมที่2 ) 8.ขณะละหมาดจะอุมทารกหรือสัตวไดหรือไม ? เพราะเหตุใด ? 9.ในขณะที่กําลังละหมาด หากพูดจะทําใหเสียละหมาด แตการตอบสลามเปนสิ่งวายิบ ฉะนั้นหากมี ผูใหสลามขณะที่กําลังละหมาดจะปฏิบัตอิ ยางไร ? (จงอธิบายพรอมหลักฐานอางอิงจากฮาดิษ) 10.ในกรณีที่ผูละหมาดตองการเตือนผูอื่น ซึ่งเปนเรื่องสําคัญที่เกี่ยวของกับการละหมาดควรปฏิบัติ อยางไร ? • บอกไปตรง ๆแลวละหมาดตอ • อานดัง ๆ หรือกลาวตัสบีฮฺ • ใหสัญญาณดวยมือทั้งสอง • ปรบมือเตือน • ออกจากละหมาดแลวเตือนเขา จากนั้นก็กลับมาละหมาดตอ 11.เมื่ออีหมามอานผิดในละหมาด.... • ไมอนุญาตใหมะมูมเตือนในสิ่งที่ผิด • มะมูมบอกในสวนที่ผิด • ชวยดวยการอานที่ผิดใหถูกตองดวยเสียงดังฟงชัด • บอกวา พอแคนั้น โคงรอเกาะอฺเสียเถิด 12.ในกรณีที่ผูตามเปนมุสลิมะฮฺ(สตรี)หากอีหมามอานผิดหรือทําผิดในละหมาด นางควรปฏิบัติ อยางไร ? 13. เมื่ออีหมามที่อานผิดหรือกระทําผิดไดรับการเตือนเขาตองปฏิบัติอยางไร ? ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
90
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
14.บางครั้งมัสยิดอาจจะคับแคบจนไมมีที่พอจะทําการซูยดุ ผูละหมาดควรปฏิบัติอยางไร ? • ซูยุดลงบนเสื้อผาของผูละหมาดที่อยูขางหนา • ซูยุดลงบนเทาหรือหลังของคนขางหนา • เพียงแคลดศีรษะลงใหต่ํากวาระดับการรอเกาะฮฺกเ็ พียงพอแลว • ทิ้งละหมาดญามาอะฮฺไปเลย 15.ใหนกั เรียนอานขอความตอไปนี้แลวตอบวา “ไมควรปฏิบัติ, เสียละหมาด,อนุญาตใหทําได” จาก ประเด็นดังตอไปนี้ 1)อะหฺมดั กลาววา “ ”اﻟﺤﻤﺪ ﷲขณะจาม ทั้ง ๆ ที่กําลังละหมาด 2) ผูละหมาดกระแอมเพราะความจําเปนขณะยังละหมาด 3)นําคัมภีรมาถืออานขณะละหมาด 4) ขานรับ..(เมือ่ มีผูเรียก) ขณะละหมาด 5) ละหมาดขณะที่งว งมาก ๆ 6) นําของหวานมาอมไวในปากขณะละหมาด 7) ละทิ้งรุกนขอหนึ่งขอใดโดยไมมีเหตุจําเปน 8) ถอดรองเทาขณะละหมาด 9) หัวเราะเสียงดังขณะละหมาด
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
91
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หมวดที่ 11 ประเภทของการละหมาด ประเภทที่ 1 ละหมาดฟรฎ ก. การละหมาดฟรฎ 5 เวลา 1) ละหมาดซุบฮฺ หรือละหมาดฟจรฺ มี 2 รอคอะฮฺ 2) ละหมาดซุฮฺรี มี 4 รอคอะฮฺ 3) ละหมาดอัศรี มี 4 รอคอะฮฺ 4) ละหมาดมัฆริบ มี 3 รอคอะฮฺ 5) ละหมาดอีชา มี 4 รอคอะฮฺ ข.ละหมาดุมอุ ะฮฺ 1. บัญญัติของการละหมาด(หุกมฺ) ละหมาดุมุอะฮเปนฟรฎอนี (วายิบเหนือทุกคน) เพราะอัลลอฮทรงตรัสไววา (#ρâ‘sŒuρ «!$# Ìø.ÏŒ 4’n<Î) (#öθyèó™$$sù Ïπyèßϑàfø9$# ÏΘöθtƒ ÏΒ Íο4θn=¢Á=Ï9 š”ÏŠθçΡ #sŒÎ) (#þθãΖtΒ#u tÏ%©!$# $pκš‰r'¯≈tƒ ∩∪ tβθßϑn=÷ès? óΟçGΨä. βÎ) öΝä3©9 ×öyz öΝä3Ï9≡sŒ 4 yìø‹t7ø9$#
โอมวลชนผูมศี รัทธาทั้งหลาย เมื่อมีการประกาศใหทําละหมาดในวันศุกร พวกเจาก็จงรีบเรงมายัง การระลึกถึงอัลลอฮฺ (ดวยการทําละหมาดโดยพรอมเพรียงกัน) และพวกเจาจงละการขายไว (ในชวงเวลานั้น) นั้นเปนความประเสริฐที่สุดสําหรับพวกเจา หากพวกเจารู (อัลุมุอะฮฺ :9) และทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวไววา “ฉันเองใหความสําคัญกับการสั่งใชใหชายคนหนึ่งทําการละหมาดนํา ผูคน และผูใดที่ไมยอมออกจากบานไปละหมาดในวันศุกร ก็จะใหทําการเผาบานของพวกเขาเสีย” รายงาน โดยอะหฺมัด และทานมุสลิม และทานก็ยังกลาวไวในอีกฮาดิษหนึ่งวา “ปลอยพวกเขาไป(อยาไดสนใจ)เพราะ พวกเขาละทิ้งการละหมาดในวันศุกร หรือ อัลลอฮจะทรงปดผนึกหัวใจของพวกเขา ตอไปพวกเขาก็จะ กลายเปนคนเผอเรอหลงลืม” รายงานโดยมุสลิม อัลนะซาอียและทานอะหฺมัด และทานรอซูลุลลอฮ ไดเตือนสําทับแกผูที่ละทิ้งละหมาดไววา “ผูใดละทิ้งการละหมาดวันศุกร ถึง 3 ครั้งโดยไมใสใจ อัลลอฮก็จะทรงประทับตราหัวใจของพวกเขา(ใหปดผนึก) รายงานโดยเจาของซูนัน และทานอัลฮากิม 2. การละหมาดุมุอะฮฺ(วันศุกร)มีบัญญัติมาเหนือผูใด ละหมาดุมุอะฮฺ(วันศุกร) วายิบเหนือชายมุสลิมที่มีสติสัมปชัญญะ มีอายุครบตามศาสนภาวะ ที่อยู กับบาน และสามารถเดินทางไปมัสยิดเพื่อละหมาดได ไมวายิบสําหรับสตรีเพศ เด็กเล็ก ๆ ผูปวย หากเดินไปมัสยิดแลวจะเกิดโทษกับรางกาย ผูดูแลผูปวย
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
92
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ที่ไมอาจละทิ้งไปได32 ผูที่อยูระหวางการเดินทางไกล ผูที่มีความกลัว ผูที่มีเหตุจําเปนเชน ฝนตกหนัก หรือ กลัววาจะเกิดอันตรายระหวางทาง 33 หากผูที่ไมไดมีบัญญัติใหปฏิบัติ มารวมละหมาดุมุอะฮฺดวย การละหมาดของเขาก็จะสมบูรณ ถูกตองใชการได และละหมาดฟรฎชวงเวลานั้นก็ตกไป 3.ชวงเวลาและเงื่อนไขการละหมาดุมุอะฮฺ เวลาละหมาดุมุอะฮฺ(วันศุกร)คือชวงเวลาละหมาดซุฮฺรี สวนเงื่อนไขของการละหมาดคือ ก. ตองละหมาดเปนหมูคณะ(ยามาอะฮฺ) ซึ่งทานนบี ไดกลาวไววา “การละหมาดุมุอะฮฺเปน หนาที่ที่วายิบเหนือชายมุสลิมทุกคนดวยการละหมาดเปนหมูคณะ(ยามาอะฮฺ)” รายงานโดยอาบูดาวุด คําวา ยามาอะฮฺในที่นี้หมายถึง 3 คนขึ้นไป โดยไมนับรวมอีหมาม แตอัชชาฟอียะฮฺมีเงื่อนไขไววา จะตองมีผู มารวมละหมาดอยางนอย 40 คน ที่เปนคนในพื้นที่ สวนมาลิกียะฮฺ กําหนดไววา ตองมีผูมารวมละหมาด อยางนอย 12 คน โดยไมนับรวมอีหมาม ข.ชาฟอียมีเงื่อนไขอีกประการหนึ่งวาตองละหมาดในอาคาร ค.สวนอัลอะหฺนาฟ กลับมีเงื่อนไขวา อีหมามจะตองอนุญาต 4. คุตบะฮฺของยุมุอะฮฺ (วันศุกร) คุตบะฮฺวันศุกร นักวิชาการสวนใหญใหทัศนะวาเปนวายิบ เงื่อนไขของคุตบะฮฺ การอานคุตบะฮฺมีเงื่อนไขวา จะตองอานกอนการละหมาด ในเวลาซุฮรี จํานวนผูละหมาดจะตองเขา มารับฟง ระหวางสองคุตบะฮฺจะตองมีการนั่งพัก ผูอานจะตองยืนอาน และจะตองสะอาดปราศจากฮาดัษ (แตฮานาฟยและชาฟอียกลับใหทัศนะวาเปนเพียงซูนัตเทานั้น) ระหวางการอานคุตบะฮฺกับการละหมาด จะตองไมมีการกระทําอื่นมาขั้นกลาง และคุตบะฮฺไมจําเปนตองอานเปนภาษาอาหรับ แตทางที่ดีคอตีบ จะตองอานเปนภาษาอาหรับแลวอธิบายเปนภาษาที่สามารถเขาใจได ในการอานคุตบะฮฺจะตองมีการกลาว วาอัลฮัมดุลิลละฮฺ (ﷲ ِ )ﺍﳊﻤﺪและตองกลาวซอลาวัตใหกับทานนบี ( )ﻭﺍﻟﺼﻼﺓ ﻭﺍﻟﺴﻼﻡ ﻋﻠﻰ ﺭﺳﻮﻝ ﺍﷲตองมี การอานอายะฮฺอัลกุรอาน ตองมีการขอพรใหกับมุสลิมและตองมีการสั่งเสียใหมีความยําเกรงตออัลลอฮ 5.มารยาทในการปฏิบัติ และสิ่งที่เกี่ยวของกับวันศุกร • อาบน้ําชําระรางกาย เพราะทานนบี ไดกลาวไววา”เมื่อคนหนึ่งคนใดจากพวกทานตองการ ไปละหมาดุมุอะฮฺ(วันศุกร) ก็จงอาบน้ําชําระรางกาย” รายงานโดยบุคอรียลและมุสลิม 32
เพราะทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวไววา “ ุมุอะฮฺ เปนหนาที่ที่จําเปนตองปฏิบัติสําหรับชายมุสลิม ซึ่งตองละหมาดยามาอะฮฺ ยกเวนคนสี่
กลุม คือ ทาส สตรีเพศ เด็ก ๆ ผูปวย” รายงานโดย อาบูดาวุด ทานนวาวีกลาววา ฮาดิษนี้ซอเหียะหฺ เพราะทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวตอบกรณีที่มีผูถามวา “คําวาเหตุจําเปนหมายถึงอะไร” ทานก็ตอบวา กลัว หรือปวย” รายงานโดยอาบู ดาวุด ดวยสายรายงานที่ถูกตอง 33
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
93
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
• แตงกายใหเรียบรอยสวยงาม ตัดเล็บ แปรงฟน ใสเครื่องหอม ใสเสื้อผาที่สวยงาม • อานดุอาใหมากๆ ทานรอซูลุลลอฮไดกลาวไววา “ในวันศุกรหากมุสลิมทานใดทันเวลา ที่จะทํา ละหมาด สิ่งใดที่เขาวอนขออัลลอฮก็จะทรงประทานใหทั้งหมด” รายงานโดยบุคอรียและ มุสลิม • กลาวซอลาวัตใหกับทานนบีใหมาก ๆ เพราะทานไดกลาวไววา “วันที่ดีที่สุดสําหรับพวกทาน คือวันศุกร ทานควรจะกลาวซอลาวัตใหกับฉันใหมาก ๆ ในวันนั้น การกลาวซอลาวัตของพวก ทานจะถูกนําเสนอมายังฉัน” รายงานโดยอาบูดาวุด • ใหอานซูเราะฮฺ อัลกะฮฺฟย เพราะทานนบี ไดกลาวไววา “ผูใดอานซูเราะฮฺอัลกะฮฟย ในวัน ศุกรขณะมีน้ําละหมาด ก็จะมีแสงสองใหกับเขาระหวางสองวันศุกร” บันทึกโดยอัลฮากิม ใน หนังสืออัลมุสตัดริก และทานก็กลาววาฮาดิษนี้รายงานถูกตอง • บริจาคทานใหมาก ๆ อานอัลกุรอานใหมาก ๆ และควรประพฤติแตสิ่งดี ๆ การกระทําที่เกี่ยวของกับการละหมาดและคุตบะฮฺในวันศุกร - กลาวตักบีร ขณะเดินไปมัสยิด และควรเดินอยางสงบ นอบนอมถอมตน - อยากาวยางสกัดกั้นผูคน หรือแยกกันระหวางสองคน - ไมเดินผานหนาผูที่กําลังละหมาด - พยายามละหมาดในแถวแรกใหได - อยาไดขยับเปลี่ยนที่นั่งหลังอีหมามขึ้นสูมิมบัรแลว จะทําใหสับสนระหวางการตอบรับ การอาซานและการฟงคุตบะฮฺ - ยุติการพูด เพราะมีหลักฐานปรากฏอยูในฮาดิษวา “หากทานพูดกับเพื่อนของทานวา จง เงียบฟง ..ในวันศุกร ขณะที่อีหมามกําลังอานคุตบะฮฺ แทจริงแลว ทานไดพูดดวยคําพูด ที่ไมดีไปแลว” รายงานโดย อัลยะมาอะฮฺ และหามกินและดื่ม หรือเขียนหนังสือ ขณะอี หมามอานคุตบะฮฺ - ซูนัตใหทําการละหมาดกอนการอาซานตามตองการและหลังุมุอะฮฺสี่รอคอะฮฺ เพราะ ทานนบี ไดกลาวไววา “เมื่อคนหนึ่งคนใดจากพวกทานละหมาดุมุอะฮฺเสร็จแลว ก็จงละหมาด 4 รอคอะฮฺ” รายงานโดยมุสลิม - หลังอาซานไมซูนัตใหทําการละหมาด ยกเวนการละหมาดตะฮิยะตุลมัสยิด เพราะ ทานนบี ไดกลาวไววา “ เมื่อคนหนึ่งคนใดจากพวกทานมาในวันศุกร ขณะที่อี หมามกําลังอานคุตบะฮฺอยู ก็ควรละหมาดสองรอคอะฮฺ (ตะฮิยะตุลมัสยิด) เพื่อเปนการ ขออนุญาตดวยละหมาด” รายงานโดยมุสลิม
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
94
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
3. การละหมาดญานาซะฮฺ (ละหมาดศพ) 1.การละหมาดญานาซะฮฺ(ละหมาดศพ) เปนฟรฎกีฟายะฮฺหากคนใดคนหนึ่งทําแลวก็พนความ รับผิดชอบของทั้งหมด แตหากไมมีใครกระทําทุกคนก็จะเปนบาป 2.การละหมาดญานาซะฮฺมีการตักบีร 4 ครั้ง ยืนเพียงครั้งเดียวไมมีการโคงรอเกาะอฺและซูยุด 3.เงื่อนไขของการละหมาดก็เหมือนการละหมาดทั่วไป แตก็มีเพิ่มเติมบางประการดังนี้ 1) ศพที่จะทําการละหมาดจะตองอยูตอหนาผูละหมาด34 2) ศพจะตองเปนศพที่เสียชีวิตปกติ ไมใชเปนคนตายชะฮิด35 4.วิธีละหมาด มีดังนี้คือ 1) ตั้งเจตนา 2) กลาวตักบีรพรอมยกมือทั้งสองขึ้น แลวอานซูเราะฮฺฟาติหะฮฺ 3) ตักบีรที่สองพรอมกับยกมือทั้งสองขึ้น แลวอานซอลาวัตใหกับทานนบี (ซอลาวัต แบบอิบรอฮีมียะฮฺ) 4) ตักบีรที่สาม พรอมยกมือทั้งสองขางขึ้น แลวอานดุอาใหกับผูตายตามตองการแตตอง เปนดุอาที่มีหลักฐานปรากฏอยูในฮาดิษ เชน ﻭﺍﻏﺴِﻠﻪ ﺑﺎﳌﺎﺀ ﻭﺍﻟﺜﱠﻠﺞ، ﻭﻭﺳﱢﻊ ﻟﻪ ﻣُﺪﺧﻠﻪ، ﻭﺃﻛﺮﻡ ُﻧﺰُﻟﻪ،ﻒ ﻋﻨﻪ ُ ﻭﻋﺎﻓِﻪ ﻭﺍﻋ،* » ﺍﻟﻠﻬ ّﻢ ﺍﻏﻔﺮ ﻟﻪ ﻭﺍﺭﺣَﻤﻪ ﻼ ﺧـﲑﹰﺍ ﻣـﻦ ﻭﺃﻫ ﹰ، ﻭﺃﺑ ِﺪﻟﹾﻪ ﺩﺍﺭﹰﺍ ﺧﲑﹰﺍ ﻣﻦ ﺩﺍﺭﻩ،ﺏ ﺍﻷﺑﻴﺾ ﻣﻦ ﺍﻟﺪﱠﻧﺲ َ ﻭﻧﻘﱢﻪ ﻣﻦ ﺍﳋﹶﻄﺎﻳﺎ ﻛﻤﺎ ﻧﻘﱠﻴﺖ ﺍﻟﺜﻮ،ﻭﺍﻟَﺒﺮَﺩ ،« ﻭﺃ ِﻋﺬﹾﻩ ﻣﻦ ﻋَﺬﺍﺏ ﺍﻟﻘﹶﱪ ﻭﻣِﻦ ﻋَﺬﺍﺏ ﺍﻟﻨﱠﺎﺭ، ﻭﺃﺩﺧﻠﻪ ﺍﳉﻨﱠﺔ، ﻭﺯﻭﺟﹰﺎ ﺧﲑﹰﺍ ﻣﻦ ﺯَﻭﺟﻪ،ﺃﻫﻠﻪ
รายงานโดยมุสลิม หรือดุอาที่วา ﺍﻟﻠﻬ ﱠﻢ ﻣﻦ ﺃﺣﻴﻴﺘﻪ ِﻣﻨﱠﺎ ﻓﹶﺄﺣﻴِـﻪ، ﻭﺫﹶﻛﺮﻧﺎ ﻭﺃﹸﻧﺜﺎﻧﺎ، ﻭﺻَﻐﲑﻧﺎ ﻭﻛﹶﺒﲑﻧﺎ، ﻭﺷﺎﻫِﺪﻧﺎ ﻭﻏﺎﺋﺒﻨﺎ،* » ﺍﻟﻠﱠﻬ ﱠﻢ ﺍﻏﻔِﺮ ﳊﻴﱢﻨﺎ ﻭﻣﻴﱢﺘﻨﺎ .« ﻭﻻ ﺗُﻀﻠﻨﺎ ﺑﻌَﺪﻩ، ﺍﻟﻠﻬ ﱠﻢ ﻻ ﺗَﺤﺮﻣﻨﺎ ﺃﺟﺮﻩ. ﻭﻣَﻦ ﺗﻮﱠﻓْﻴﺘَﻪ ﻣﻨّﺎ ﹶﻓﺘَﻮﻓﱠﻪ ﻋﻠﻰ ﺍﻹِﳝﺎﻥ،ﻋﻠﻰ ﺍﻹِﺳﻼﻡ รายงานโดยมุสลิมและผูรายงานทั้งสี่ 5) ตักบีรที่สี่พรอมกับยกมือทั้งสองขางขึ้น พรอมกับอานดุอาวา – .« » ﺍﻟﻠﻬ ّﻢ ﻻ ﺗَﺤﺮﻣﻨﺎ ﺃﺟﺮﻩ ﻭﻻ َﺗ ﹾﻔِﺘﻨّﺎ ﺑﻌَﺪﻩ รายงานโดย อัตตัรมีซียและอาบูดาวุด
34
ตามทัศนะของชาฟอีย และฮะนาบิละฮฺ สามารถละหมาดใหกับศพที่อยูไกลได เพราะทานนบีเคยทําละหมาดใหกับนัจยาชี เมื่อทานรูขาว ฮาดิษรายงานโดย อัลยะมาอะฮฺ 35
คนที่ตายชะฮิด จะไมมีการอาบน้ํา ไมมีการละหมาด สวนทัศนะของอัลอะฮฺนาฟ ไมตองอาบน้ําแตตองละหมาดให เพราะทานรอซูลุลลอฮ
เคยละหมาดใหกับศพที่เสียชีวิตในสมรภูมิ อุฮุด ฮาดิษรายงานโดยบัยฮะกีย ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
95
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
การละหมาดซูนัต ก.การละหมาดวิติร ( )ﺻﻼﺓ ﺍﻟـﻮﺗﺮการละหมาดวิติรเปนซูนัตมุอักกัด ตามทัศนะของุมฮูรุลฟุกอ ฮะอฺ สวนฮานาฟยะฮฺ เห็นวาเปนวายิบ และนี่คือบัญญัติเกี่ยวกับการละหมาดวิติร 1) กําหนดเวลาของการละหมาดวิติร คือ หลังจากเวลาของละหมาดอีชา ไปจนกระทั่งถึงแสงอรุณ ขึ้น ซูนัตใหทอดเวลาไปในชวงสุดทายของกลางคืนสําหรับผูที่สามารถกระทําได เพราะทานนบี ไดกลาว ไววา “ ทานทั้งหลายควรใหการละหมาดสุดทายในตอนกลางคืนของทานเปนละหมาดวิติร” รายงานโดยบุ คอรียและมุสลิม และทานยังกลาวไวอีกวา “แทจริงแลวอัลลอฮไดทรงเพิ่มการละหมาดใหกับพวกทาน คือ ละหมาดวิติร ในชวงเวลาระหวางละหมาดอีชากับละหมาดฟะยัร (ซุบฮฺ)” บันทึกโดยอะหฺมัด 2) การละหมาดวิติร จะตองเปน 1 รอคอะฮฺ 3รอคอะฮฺ 5,7,9,11 รอคอะฮฺ และ 3 รอคอะฮฺจะ เหมาะสมที่สุด ผูละหมาดจะทําการละหมาดรวดเดียว 3 รอคอะฮฺแลวใหสลาม36 หรือจะแยกกันเปน 2 รอคอะฮฺแลวใหสลามหนึ่งครั้งก็ได จากนั้นก็ลุกขึ้นละหมาดที่สาม 3) ซูนัตใหอานกุนุตในรอคอะฮฺสุดทายกอนการรอเกาะอฺ (ตามทัศนะของอะฮนาฟ) และหลังรอ เกาะอฺ (ตามทัศนะของอัลฮะนาบิละฮฺและชาฟอียะฮฺ) แตตามทัศนะของชาฟอีย การอานกุนูตใหอานในสวน ที่สองของเดือนรอมฎอนเทานั้น(หมายถึงในชวงสิบหาวันหลังของเดือน) สวนคําอานของดุอากุนูตคือ
ﻭﺑﺎﺭِﻙ ﱄ ﻓﻴﻤـﺎ، ﻭﺗﻮﻟﱠﲏ ﻓﻴﻤﻦ ﺗﻮﻟﱠﻴﺖ، ﻭﻋﺎﻓِﲏ ﻓﻴﻤﻦ ﻋَﺎﻓﹶﻴﺖ،» ﺍﻟﻠﻬ ﱠﻢ ﺍﻫﺪِﱐ ﻓﻴﻤَﻦ ﻫَﺪﻳﺖ ﺗﺒﺎﺭَﻛـﺖ،َ ﻭﺇﻧﱠﻪ ﻻ َﻳ ِﺬﻝﱡ ﻣﻦ ﻭﺍﹶﻟْﻴﺖ، ﻓﺈﻧﱠﻚ ﺗَﻘﻀﻲ ﻭﻻ ﻳُﻘﻀﻰ ﻋﻠﻴﻚ، ﻭﻗِﲏ ﺷ ﱠﺮ ﻣﺎ ﻗﻀَﻴﺖ،ﺃﻋﻄﹶﻴﺖ « ﺭﺑﻨﺎ ﻭﺗﻌﺎﻟﹶﻴﺖ รายงานโดยอะหฺมัดและเจาของซุนัน ฉันเอง (ผูเขียน) ชอบที่จะดุอาดวยดุอาของทาน อุมัร37 ซึ่งมีปรากฏอยูในรายงานของทานอับ ดุลลอฮ บิน มัสอูด ซึ่งอัลอะฮฺนาฟใหทัศนะวาเปนดุอาที่ดีที่สุด 4) ซูนัตใหละหมาดวิติรแบบเปนหมูคณะในเดือนรอมฎอน โดยละหมาดตามติดมากับละหมาดตะ รอวีฮฺ ถึงแมวาจะไมใชเดือนรอมฎอนก็อนุญาตใหทําการละหมาดแบบเปนหมูคณะได (แบบญามาอะฮฺ) เชนเดียวกับละหมาดซูนัตอื่น ๆ ที่ไมมีหลักฐานระบุไว 5) ซูนัตใหทําการละหมาดวิตีรชดเชย หากมีการขาดละหมาดในเวลาของมัน เชนเมื่อละหมาดใน
36
นี่คือทัศนะของมัซฮับ อะฮฺนาฟ สําหรับพวกเขาการละหมาดวิติร ก็เหมือนละหมาดมัฆริบ
37
ซึ่งทานไดอานวา ، ﻧﺸﻜﺮﻙ ﻭﻻ ﻧﻜﻔﹸﺮﻙ، ﻭﻧُﺜﲏ ﻋﻠﻴﻚ ﺍﳋﲑ ﻛﻠﻪ، ﻭﻧﺘﻮﻛﻞ ﻋﻠﻴﻚ، ﺍﻟﻠﻬﻢ ﺇﻧﺎ ﻧﺴﺘﻌﻴﻨﻚ ﻭﻧﺴﺘﻬﺪﻳﻚ ﻭﻧﺴﺘﻐﻔﺮﻙ ﻭﻧﺘﻮﺏ ﺇﻟﻴﻚ ﻭﻧﺆﻣﻦ ﺑﻚ: ﺇ ﱠﻥ ﻋﺬﺍﺑﻚ ﺍﳉﺪ ﺑﺎﻟﻜﻔﱠﺎﺭ، ﻧﺮﺟﻮ ﺭﲪﺘﻚ ﻭﳔﺸﻰ ﻋﺬﺍﺑﻚ، ﻭﺇﻟﻴﻚ ﻧﺴﻌﻰ ﻭﳓﻔِﺪ، ﻭﻟﻚ ﻧﺼﻠﱢﻲ ﻭﻧﺴﺠﺪ، ﺍﻟﻠﻬﻢ ﺇﻳﺎﻙ ﻧﻌﺒﺪ، ﻭﳔﻠﻊ ﻭﻧَﺘﺮﻙ ﻣﻦ ﻳﻔﺠُﺮﻙ .( ﺿﺪ ﺍﳍﺰﻝ ﻭﺗﺄﰐ ﲟﻌﲎ ﺍﻟﻌﻈﻴﻢ: ﻣُﻠﺤَﻖ ) ﺍﳉﺪ
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
96
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ตอนตนของกลางคืนและมาตื่นตอนชวงสุดทายของตอนกลางคืน ก็ไมตองละหมาดกลับมาละหมาดอีก เพราะทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวไววา “ในหนึ่งคืนไมควรมีละหมาดวิติรสองครั้ง” รายงานโดยอะหฺมัด และนักรายงานทั้งสาม 6) ผูละหมาดควรกลาวหลังการละหมาดวา ( )ﺴﺒﺤﺎ َﻥ ﺍﻟﻤﻠِﻙ ﺍﻟﻘﺩﱡﻭﺱ3 ครั้ง เพราะมีรายงานจากทาน อาบูดาวุดไวในซุนันของทาน ซูนัตรอวาติบ ซูนัตใหทําการละหมาดพรอม ๆไปกับการละหมาดฟรฎหาเวลา ดังที่ทานรอซูลุลลอฮ เคย ละหมาด ทานรอบีอะฮฺ บิน มาลิก อัลอัสละมีย ไดรายงานไววา ทานนบี ไดพูดกับฉันวา “จงถามมาสิ” ฉันก็เลยเรียนถามทานไปวา “ ผูที่จะอยูพรอมกับทานในสวรรคคือใคร” ทานก็ถามกลับมาวา “มีอยางอื่นอีก ไหม” ฉันก็ตอบวา “ใชอยางนั้น” ทานก็ตอบวา “ทานจงปฏิบัติตามฉัน ดวยการซูยุดใหมากๆ” รายงานโดย มุสลิม ในรายงานของทานหญิงอุมมุลฮะบีบะฮฺ บินตฺ อาบียซุฟยาน ไดรายงานไววา ฉันเองไดยินทานรอซู ลุลลอฮ เคยกลาวไววา “ไมมีมุสลิมคนใดที่ทําการละหมาดตออัลลอฮในทุกวันถึง 12 รอคอะฮฺ โดย ละหมาดซูนัตนอกเหนือไปจากฟรฎ นอกเสียจากวาพระองคจะทรงสรางบานใหกับเขาไวในสวรรค” รายงานโดยมุสลิม ลําดับการละหมาดซูนัต 1.ซูนัตฟะยัรฺ มี 2 รอคอะฮฺ ซึ่งจะทําการละหมาดกอนการละหมาดฟรฎ หากขาดก็ใหทําการ ละหมาดชดเชย เพราะมีหลักฐานปรากฏอยูในฮาดิษของทานอัมรอน บิน ฮุซัยน ดังที่ทานอัลบุคอรียและ มุสลิมไดรายงานไว38 ทานหญิงอาอิชะฮฺ (ขอความโปรดปรานจากอัลลอฮจงมีแดทาน) ไดกลาวไววา “ไมมีละหมาดซูนัต ใดที่ทานนบีรักษาเวลาเกินกวาละหมาดสองรอคอะฮฺกอนละหมาดฟยัร” ทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวไววา “การละหมาดสองรอคอะฮฺกอนละหมาดฟยัร ประเสริฐกวาโลก นี้และสิ่งตาง ๆ ในโลกนี้ทั้งหมด” รายงานโดยมุสลิม อีกทั้งยังเปนซูนัตมุอักกัดที่มีระดับใกลกับวายิบ 2. ซูนัตในเวลาซุฮฺรมีทั้งหมด 4 รอคอะฮฺ กอนละหมาดซุฮฺร 2 รอคอะฮฺ และหลัง 2 รอคอะฮฺ39 และ ทานรอซูลุลลอฮ มีอยูครั้งหนึ่งขณะที่ทานเดินทาง ทานไดนอนหลับและมาตื่นอีกครั้งหลังรูสึกรอน ทานก็ยกบังแดดขึ้นเล็กนอยเพื่อให ความรอนผอนคลายลง จากนั้นทานก็สั่งใหทําการอาซาน และทานก็ละหมาดซูนัตสองรอคอะฮฺ ซึ่งเปนซูนัตกอนฟยัร จากนั้นทานก็ลุกขึ้น
38
ละหมาดฟยัรตอ” 39
เพราะมีฮาดิษจากทานหญิงอาอีชะฮฺวา ทานนบี ทําการละหมาดที่บานของทานกอนละหมาดซุฮร 4 รอคอะฮฺ จากนั้นทานก็ออกไปละหมาดนํา
ใหกับผูคน แลวกลับเขามาที่บาน จากนั้นก็ละหมาดอีก 2 รอคอะฮฺ ..รายงานโดยมุสลิม และมีฮาดิษของบุคอรีย สนับสนุนอีกหลายฮาดิษ
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
97
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
นี่คือทัศนะที่ถูกตองมากที่สุด อีกรายงานหนึ่งรายงานวา ละหมาดกอนซุฮฺร 4 รอคอะฮฺหลังอีก 4 รอคอะฮฺ 3. ซูนัตในเวลาอัศริ มี 2 รอคอะฮฺ (ดังที่ทานอาบูดาวุด ไดรายงานไวจากทานอาลี) หรือ ละหมาด 4 รอคอะฮฺ (ดังรายงานของทานอาบูดาวุด และทานอัตตัรมีซีย จากทานอิบนุ อุมัร ) กอนการละหมาดฟรฎ 4.ซูนัตในเวลามัฆริบ คือละหมาด 2 รอคอะฮฺหลังละหมาดฟรฎ เปนซูนัตมุอักกัด (ดังที่อัลบุคอรีย และมุสลิมไดรายงานไว) สองรอคอะฮฺเปนละหมาดซูนัตสําหรับผูที่ตองการ (ดังที่ชัยคอนไดรายงานไว) และนี่คือทัศนะของมัซฮับชาฟอีย และอัลฮะนาบิละฮฺ 5.ซูนัตในเวลาอีชา คือละหมาด 2 รอคอะฮฺ หลังละหมาดฟรฎ (ดังที่อัลบุคอรียและมุสลิมไดรายงาน ไว) สองรอคอะฮฺสําหรับผูที่ประสงค และนี่คือทัศนะของมัซฮับ อัชชาฟอียะฮฺ สวนอัลอะหฺนาฟ ซูนัตอีชา ใหละหมาด 4 รอคอะฮฺ กอนละหมาดฟรฎ และ 4 รอคอะฮฺหลังละหมาดฟรฎ ละหมาดซูนัตอื่น ๆ ละหมาดฎฮาอฺ มีรายงานจากทานอาบียฮุรอยเราะฮฺ วา “ผูเปนที่รักของฉันคือทานนบี ไดสั่งฉันไว วา ใหทําการถือศีลอด 3 วัน ของทุกเดือน และละหมาด 2 รอคอะฮฺในเวลาฎฮาอฺ หรือละหมาดวิติรกอน นอน” รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม อีกฮาดิษหนึ่งกลาวไววา “ทุกขอกระดูกของพวกทานทุกคนลวน แลวแตมีสวนในการบริจาค ทุกครั้งที่กลาวตัสบิฮฺ ก็เปนการบริจาค ทุกครั้งที่กลาวตะฮฺมิด ก็จะเปนการ บริจาค ทุกครั้งที่กลาวตะฮฺลีล ก็จะเปนการบริจาค ทุกครั้งที่กลาวตักบีร ก็จะเปนการบริจาค การสิ่งใชใหทํา ความดีก็เปนการบริจาค การหามปรามจากสิ่งชั่วรายก็เปนการบริจาค สิ่งเหลานี้ทั้งหมดสามารถแทนไดดวย การละหมาด 2 รอคอะฮฺในเวลาดุฮาอฺ” รายงานโดยมุสลิม อาบูดาวุด และทานอะหฺมัด การละหมาดดุฮาอฺ ละหมาด 2 รอคอะฮฺ 4 รอคอะฮฺ หรือ 8 รอคอะฮฺ ซึ่งเหลานี้ทั้งหมดลวนแลวแตมี หลักฐานเปนอาดิษปรากฏอยูทั้งหมด แตสําหรับอัลอะหฺนาฟ มีทั้งหมด 16 รอคอะฮฺ ซึ่งมีฮาดิษเปนฮาดิษ ฮาซันเปนหลักฐาน เวลาของการละหมาดฎฮาอฺ คือชวงเวลาระหวางดวงอาทิตยขึ้นประมาณดามหอก ไปจนกระทั่งกอน เวลาตะวันคลอย 2.การละหมาดในขณะที่เกิดจันทรุปราคา หรือสุริยุปราคา เพราะมีรายงานจากทานอิบนุอับบาสวา “เกิดมีสุริยุปราคาขึ้นในสมัยของทานรอซูลุลลอฮ ทานก็ทําการละหมาด ทานยืนละหมาดเปนเวลานาน ดวยการอานซูเราะฮฺบากอเราะฮฺ จากนั้นทานก็โคงรอเกาะอฺนาน แลวลุกขึ้นมายืนหลังนานกวาครั้งแรก จากนั้นก็โคงรอเกาะอฺนานกวาครั้งแรกอีก จากนั้นทานก็กราบซูยุด และลุกขึ้นยืนยาวนานกวาการยืนในครั้ง แรก จากนั้นก็รอเกาะอฺนาน กวารอเกาะอฺครั้งแรก แลวก็ลุกขึ้นยืน ดวยการยืนที่ยาวนานอีก แลวก็ทําการรอ เกาะอฺที่นานอีก แลวทานก็ยกศีรษะขึ้น แลวก็กราบซูยุด แลวก็ออกจากการละหมาด ซึ่งเปนเวลาที่ดวง อาทิตยคายออกแลว จากนั้นทานก็อานคุตบะฮฺใหกับผูคน” รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม นักวิชาการมุสลิมเห็นพองตองกันวา การละหมาดในเวลาที่มีสุริยุปราคาและจันทรุปราคานั้นเปน ซุนัตมุ อัก กั ด สํ า หรั บทุก คนทั้ง หญิง และชาย ซูนั ต ใหทํ า ละหมาดกั บ เปน หมูคณะ และควรเรี ย กกั น ไป ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
98
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ละหมาดรวมกัน เพราะมีฮาดิษของทานอัลมุฆีรอฮฺ บิน ชุอฺบะฮฺ รายงานไววา “มีสุริยุปราคาเกิดขึ้นใน สมัยของทานรอซู ลุลลอฮ คือวัน ที่ทานอิบรอฮีม บุตรชายของทานรอซูลุลลอฮ เสียชีวิต ซึ่งทาน เสียชีวิตในปที่ 10 แหงฮิจเราะฮฺ จนผูคนตางกลาวขานกันวา เกิดสุริยุปราคาเพราะการเสียชีวิตของทานอิบรอ ฮีม แตทานรอซู ลุลลอฮ ก็ บอกวา “แทจ ริงแลวดวงอาทิตยและดวงจันทรนั้นเปนสั ญญาณหนึ่ง จาก สัญญานตางๆ ของอัลลอฮ มันไมไดเกิดเพราะการเปนการตายของใคร หากพวกทานเห็นมันเกิดขึ้น ก็จงขอ ดุอาตออัลลอฮ และจงละหมาดจนกวามันจะเปดออก” รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม การละหมาดในวาระที่มีสุริยุปราคาหรือจันทรุปราคา มีวิธีละหมาดดังนี้คือ ละหมาด 2 รอคอะฮฺ แต ละรอคอะฮฺจะมีการรอเกาะอฺ 2 ครั้ง ดังปรากฏในฮาดิษที่กลาวมาแลวขางตน และซูนัตใหยืนและรอเกาะอฺ นานๆ เวลาละหมาดเริ่มตั้งแต เริ่มตนของการเกิดสุริยุปราคาหรือจันทรุปราคา ไปจนสิ้นสุด สวนการอานคุตบะฮฺหลังการละหมาด ทานอัชชาฟอียไดกําหนดใหเปนเงื่อนไขของการละหมาด สวนอาบีฮะนีฟะฮฺ และทานมาลิกกลับมีทัศนะวาเปนเพียงซูนัต หลังละหมาดเทานั้น บุตบะฮฺมีสองคุตบะฮฺ โดยสลับสับเปลี่ยนกันระหวางการตักบิรและการกลาวอิสติฆฟร (ขอกุลาโทษจากอัลลอฮ) ในการละหมาดใหอานดังหรืออานคอย ๆ ก็ได แตการอานดังจะถูกตองกวา เพราะมีหลักฐาน ปรากฏในอาดิษของทานอัลบุคอรียยืนยันไววา การละหมาดหากเปนละหมาดในวาระจันทรุปราคาก็ใหอาน ดังเพราะเปนชวงเวลากลางคืน 3. การละหมาดอิสติคอเราะฮฺ ( )ﺍﻹﺳﺘﺨﺎﺭﺓมีรายงานจากทานยาบีร รายงานวา ทานรอซูลุลลอฮ ไดสอนพวกเราเกี่ยวกับการละหมาดอิสติคอเราะฮฺในการงานตางๆ ทั้งหมด ทานสอนเหมือนสอนซู เราะฮฺ อัลกุรอาน ทานไดกลาวไววา “เมื่อทานทั้งหลายตั้งใจที่จะทําการสิ่งหนึ่งสิ่งใด ก็ใหทานจงละหมาด สองรอคอะฮฺ นอกเหนือไปจากละหมาดฟรฎ แลวใหอานดุอาวา ﻓﺈﻧﻚ ﺗﻘـﺪﺭ ﻭﻻ، ﻭﺃﺳﺄﻟﻚ ﻣﻦ ﻓﹶﻀﻠِﻚ ﺍﻟﻌَﻈﻴﻢ، ﻭﺃﺳﺘَﻘ ِﺪﺭُﻙ ﺑﻘﹸﺪ َﺭﺗِﻚ،)) ﺍﻟﻠﱠﻬ ﱠﻢ ﺇﱐ ﺃﹶﺳﺘَﺨﲑُ َﻙ ﺑﻌﻠﻤﻚ ﺧ ٌﲑ ﱄ ﰲ- ﻭﻳﺴﻤﻲ ﺣﺎﺟﺘﻪ- ﺖ ﺗﻌﻠﻢ ﺃﻥ ﻫﺬﺍ ﺍﻷﻣﺮ َ ﺍﻟﻠﱠﻬ ﱠﻢ ﺇﻥ ﻛﻨ. ﻭﺗَﻌﻠﻢُ ﻭﻻ ﺃﻋﻠﻢ ﻭﺃﻧﺖ ﻋﻠﹼﺎﻡ ﺍﻟﻐﻴﻮﺏ،ﺃﻗﺪﺭ ﻭﺇﻥ ﻛﻨﺖ ﺗﻌﻠﻢ ﺃ ﹼﻥ ﻫﺬﺍ ﺍﻷﻣـﺮ ﺷَـ ٌﺮ ﱄ ﰲ. ﰒ ﺑﺎﺭﻙ ﱄ ﻓﻴﻪ، ﻭَﻳﺴﱢﺮﻩ ﱄ،ﺩﻳﲏ ﻭﻣَﻌﺎﺷﻲ ﻭﻋﺎﻗِﺒﺔ ﺃﻣﺮﻱ ﻓﺎﻗﺪُﺭﻩ ﱄ .(( ﱠﰒ ﺭﺿﲏ ﺑﻪ،ﺚ ﻛﺎﻥ ﻭﺍﻗﺪُﺭ ﱄ ﺍﳋﲑ ﺣﻴ ﹸ، ﻭﺍﺻﺮﻓﲏ ﻋﻨﻪ،ﺩﻳﲏ ﻭﻣَﻌﺎﺷﻲ ﻭﻋﺎﻗﺒﺔ ﺃﻣﺮﻱ ﻓﺎﺻﺮِﻓﻪ ﻋﲏ ฮาดิษรายงานโดยญามาอะฮฺยกเวนมุสลิม 4. การละหมาดเตาบะฮฺ (กลับตัวกลับใจจากการทําความผิด) มีรายงานจากทานอาบียบักร วาฉันได ยินทานรอซูลุลลอฮ กลาวไววา “ ไมมีชายใดที่กระทําความผิด แลวก็ทําการชําระรางกาย จากนั้นก็ทําการ ละหมาดสองรอคอะฮฺ แลวกลาวขออภัยโทษตออัลลอฮ นอกเสียจากวาอัลลอฮจะทรงอภัยใหกับเขา” จากนั้นก็ใหอานอายะฮฺ
ﻭﻣَﻦ َﻳﻐْﻔـﺮ،} ﻭﺍﻟﱠﺬﻳﻦ ﺇﺫﺍ ﻓﹶﻌﻠﻮﺍ ﻓﺎﺣِﺸ ﹰﺔ ﺃﻭ ﻇﹶﻠﻤﻮﺍ ﺃﻧ ﹸﻔﺴَﻬﻢ ﺫﹶﻛﺮﻭﺍ ﺍﷲ ﻓﺎﺳَﺘ ْﻐﻔﹶﺮﻭﺍ ِﻟﺬﹸﻧﻮﺑِﻬﻢ ﺼﺮﱡﻭﺍ ﻋﻠﻰ ﻣﺎ ﻓﹶﻌﻠﻮﺍ ﻭﻫُﻢ ﻳَﻌﻠﻤﻮﻥ * ﺃﻭﻟﺌﻚ ﺟَﺰﺍﺅﻫﻢ ﻣَﻐﻔﺮﹲﺓ ﻣﻦ َﺭﺑﱢﻬﻢ ﻭﺟﻨﺎﺕ ِ ﻭﱂ ُﻳ،ﺏ ﺇ ﹼﻻ ﺍﷲ َ ﺍﻟﺬﱡﻧﻮ ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
99
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
.{ ﺗَﺠﺮﻱ ﻣﻦ ﲢﺘﻬﺎ ﺍﻷﻬﻧﺎﺭ ﺧﺎﻟﺪِﻳﻦ ﻓﻴﻬﺎ ฮาดิษรายงานโดยอาบูดาวุด อัลนะซาอีย อิบนุมายะฮฺ และทานอัลบัยฮะกีย และใหฮาดิษนี้เปนฮาดิษฮาซัน 5. การละหมาดอิสติสกออฺ ซึ่งหมายถึงการละหมาดที่ขอใหอัลลอฮทรงประทานฝนลงมา ขณะเมื่อมี ความแหงแลงเกิดขึ้น ละหมาดอิสติสกออฺ มี 2 รอคอะฮฺ เปนการละหมาดที่ไมมีการอาซานและอีกอมะฮฺ ละหมาดไดทุก เวลา อีหมามอานดัง ในรอคอะฮฺแรก ดวยการอานฟาติหะฮฺ และกลาวซูเราะฮฺซับบิฮฺสมารอบบิกัลอะลาอฺ ( )ﺳﺒﺢ ﺍﺳﻢ ﺭﺑﻚ ﺍﻻﻋﻠﻰและในรอคอะฮฺที่สอง อานฟาติหะฮฺ และซูเราะฮฺอัลฆอชียะฮฺ จากนั้นอีหมามก็อาน คุตบะฮฺ สองคุตบะฮฺ เหมือนการอานคุตบะในวันตรุษ( )ﺍﻟﻌﻴﺪแตทานฮะนาบิละฮฺ บอกวามีเพียงคุตบะฮฺเดียว จากนั้นก็อานดุอาตามที่มีปรากฏในฮาดิษ 40 ทานรอซูลุลลอฮ ไดพลิกผาจากทางดานขวามาเปนซาย และ จากซายมาเปนขวา การขอดุอา อีหมามสามารถขอในชวงที่อานคุตบะฮฺวันศุกรก็ได ดังที่ทานรอซูลุลลอฮ ไดเคย ปฏิบัติ ดังปรากฏในรายงานของชัยคอน จากทานอนัสวา มีชายคนหนึ่งเขามาในมัสยิดซึ่งตรงกับวันศุกร ขณะที่ทานรอซูลุลลอฮ กําลังอานคุตบะฮฺ เขาไดบอกกับทานรอซูลุลลอฮ วา ทรัพยสินเสียหายหมดแลว เพราะฝนไมตก ขอใหทานขอดุอาจากอัลลอฮใหประทานฝนมาใหกับพวกเราดวย วาแลวทานรอซูลุลลอฮ ก็ยกมือทั้งสองขางขึ้นขอดุอาวา ( ... ﺍﻟﻠﻬ ّﻡ ﺃ ِﻏ ﹾﺜﻨﹶﺎ، )ﺍﻟﻠﻬ ﱠﻡ ﺃ ِﻏﺜﹾﻨﺎซึ่งดุอานี้สามารถที่จะวอนขอตออัลลอฮ แมวาจะไมใชในวันศุกร แมวาจะไมไดละหมาดที่มัสยิดก็ตาม ฮาดิษนี้รายงานโดยทานอะหฺมัด อิบนุมายะฮฺ อัลบัยฮะกีย และอิบนุชัยบะฮฺ และทานอัลฮากิม 6. ละหมาดตะรอเวียะหฺ ทานนบี ไดกลาวไววา “ผูใดลุกขึ้นละหมาดในเดือนรอมฎอนดวยความ ศรัทธา และคิดคํานวณเกี่ยวกับตนเอง อัลลอฮจะทรงอภัยในความผิดที่ผานมา” รายงานโดยบุคอรียและ มุสลิม ที่เรียกวาละหมาดตะรอเวียะหฺ (พักผอน) เพราะเมื่อละหมาดจบ 4 รอคอะฮฺก็จะมีการพักผอนหนึ่งครั้ง ละหมาดตะรอเวียะหฺ เปนซุนัตมุอักกัด สําหรับทานชายและทานหญิงในเดือนรอมฎอน ชวงเวลา หลังเสร็จ สิ้ น ละหมาดอี ชา และก อ นละหมาดวิ ติ ร และมีเ วลาตอเนื่อ งไปจนถึงแสงอรุ ณ ขึ้น ให ทํ าการ ละหมาด 2 รอคอะอฺ เพราะมี หลักฐานเปนฮาดิษวา “การละหมาดในตอนกลางคืน ให ละหมาดที ละ 2 ﺍﻟﻠﻬﻡ ﺇﻥ، ﺍﻟﻠﻬﻡ ﺍﺴﻘﻨﺎ ﺍﻟﻐﻴﺙ ﻭﻻ ﺘﺠﻌﻠﻨﺎ ﻤﻥ ﺍﻟﻘﺎﻨﻁﻴﻥ. ﺤﹰﺎ ﺩﺍﺌﻤﹰﺎ ّﺴ َ ﻼ ﻋﺎ ﱠﻤﹰﺎ ﻁﺒﻘﹰﺎ ﺍﻟﻠﻬﻡ ﺍﺴﻘﻨﺎ ﻏﻴﺜﹰﺎ ﻤﻐﻴﺜﹰﺎ ﻤﺭﻴﻌﹰﺎ ﻏﺩﻗﹰﺎ ﻤﺠﻠ ﹰ ﺍﻟﻠﻬﻡ ﺃﻨﺒﺕ ﻟﻨﺎ. ﺒﺎﻟﻌﺒﺎﺩ ﻭﺍﻟﺒﻼﺩ ﻭﺍﻟﺒﻬﺎﺌﻡ ﻭﺍﻟﺨﻠﻕ ﻤﻥ ﺍﻟﻸﻭﺍﺀ ) ﺃﻱ ﺍﻟﺘﻌﺏ ( ﻭﺍﻟﺠﻬﺩ ﻭﺍﻟﺫﱠﻨﻙ ﻤﺎ ﻻ ﻨﺸﻜﻭﻩ ﺇﻻ ﺇﻟﻴﻙ ﺍﻟﻠﻬﻡ ﺍﺭﻓﻊ ﻋﻨﺎ ﺍﻟﺠﻬﺩ، ﻭﺃﻨﺒﺕ ﻟﻨﺎ ﻤﻥ ﺒﺭﻜﺎﺕ ﺍﻷﺭﺽ، ﻭﺍﺴﻘﻨﺎ ﻤﻥ ﺒﺭﻜﺎﺕ ﺍﻟﺴﻤﺎﺀ، ﻀﺭﻉ ّ ﻭﺃﺩ ّﺭ ﻟﻨﺎ ﺍﻟ، ﺍﻟﺯﺭﻉ ﻓﺄﺭﺴل، ﺍﻟﻠﻬ ﱠﻡ ﺇﻨﺎ ﻨﺴﺘﻐﻔﺭﻙ ﺇﻨﻙ ﻜﻨﺕ ﻏﻔﺎﺭﹰﺍ. ﻭﺍﻜﺸﻑ ﻋﻨﺎ ﻤﻥ ﺍﻟﺒﻼﺀ ﻤﺎ ﻻ ﻴﻜﺸﻔﻪ ﻏﻴﺭﻙ، ﻭﺍﻟﺠﻭﻉ ﻭﺍﻟﻌُﺭﻯ . " ﺍﻟﺴﻤﺎﺀ ﻋﻠﻴﻨﺎ ﻤﺩﺭﺍﺭﹰﺍ
ชาฟอีย กลาววา ดุอานี้อีหมามควรอาน เปนดุอาที่ดีที่สุด
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
40
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
100
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
รอคอะฮฺ) รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม จํานวนที่ไดรับการยืนยันแลวคือ 8 รอคอะฮฺ ซึ่งมีหลักฐานปรากฏในซุนนะฮฺที่ถูกตอง แตซูนัตให ละหมาดไดถึง 20 รอคอะฮฺ เพราะบรรดาคอลีฟะฮฺและซอฮาบะฮฺของทานนบี เคยปฏิบัติ และนี่คือทัศนะ ของมัซฮับ อัลอะฮฺนาฟ ชาฟอียะฮฺ อัลฮะนาบิละฮฺ และอัลุมฮูร ซูนัตใหละหมาดแบบเปนหมูคณะ (ญา มาอะฮฺ) (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องละหมาดตะรอเวียะหฺ ในบทการถือศีลอดของหนังสือเลมนี้) 7.กียามุลลัย คือการลุกขึ้นมาเพื่อทําการละหมาดซูนัต นับไดวาเปนการกระทําที่ใกลชิดตออัลลอฮ มากที่สุด ทานนบี ก็ใชใหปฏิบัติ อัลลอฮทรงตรัสไวในอัลกุรอานวา ∩∠∪ #YŠθßϑøt¤Χ $YΒ$s)tΒ y7•/u‘ y7sWyèö7tƒ βr& #|¤tã y7©9 \'s#Ïù$tΡ ÏµÎ/ ô‰¤fyγtFsù È≅ø‹©9$# zÏΒuρ
และบางชวงของยามกลางคืน เจาจงตื่นขึน้ ทําละหมาด “ตะฮัจยุด” เถิด เปนละหมาดที่แถมใหแกเจา หวังไดวา องคอภิบาลของเจาคงจะแตงตัง้ เจาในตําแหนงอันควรสรรเสริญ และในอีกอายะฮฺหนึ่งอัลลอฮทรงตรัสไววา ∩⊇∇∪ tβρãÏøótGó¡o„ öΛèε Í‘$ptôF{$$Î/uρ ∩⊇∠∪ tβθãèyföκu‰ $tΒ È≅ø‹©9$# zÏiΒ Wξ‹Î=s% (#θçΡ%x.
พวกเขามีเวลาเพียงเล็กนอยในตอนกลางคืน สําหรับการนอนหลับและในตอนดึก (ยามใกลรุง) พวก เขาขออภัย (ตออัลลอฮฺดวยการทําละหมาด) ชวงเวลาของการละหมาดกียามุลลัย หลังละหมาดอีชาไปจนกระทั่งถึงละหมาดฟยัรฺ(ซุบฮฺ) ชวงเวลา ที่ดีที่สุด ชวงสุดทายของตอนกลางคืน และตองหลังจากนอนไปแลว การละหมาดไมจํากัดจํานวน แตจะทํา ครั้งละ 2 รอคอะฮฺ ซูนัต 11 รอคอะฮฺ เพราะมีหลักฐานปรากฏในฮาดิษของอาอิชะฮฺ ดังที่ไดกลาวมาแลว แต หากจะทําการละหมาดใหมากกวานั้นก็ไมเปนไร มารยาทในการปฏิบัติ ควรตั้งเจตนาไวกอ นนอน และควรเริ่มดวยการละหมาดสองรอคอะฮฺงาย ๆ จากนั้นก็ใหทาํ การละหมาดตามตองการ ควรปลุกครอบครัวใหลุกขึน้ ทําการละหมาดดวย แตหากรูสึกงวง นอนมาก ๆ ก็ใหกลับเขานอน จะตองไมสรางความยากลําบากใหกับตัวเอง แตควรจะกระทําเทาที่สามารถ กระทําได และหลังการละหมาดควรขอดุอาดวยดุอาที่มีปรากฏหลักฐานอยูในฮาดิษ41 8. ละหมาดในวันตรุษ ( )ﺍﻟﻌﻴﺪﻳﻦละหมาดวันตรุษเปนละหมาดซูนัตมุอกั กัด 42 สวนบัญญัติเกี่ยวกับการ 41
เชนดุอาที่วา "
ﺃﻧﺖ، ﺃﻧﺖ ﹶﻗﻴﱢﻢ ﺍﻟﺴﱠﻤﺎﻭﺍﺕ ﻭﺍﻷﺭﺽ ﻭﻣﻦ ﻓﻴﻬﻦ ﻭﻟﻚ ﺍﳊﻤﺪ، ﺃﻧﺖ ﻧﻮﺭ ﺍﻟﺴﻤﺎﻭﺍﺕ ﻭﺍﻷﺭﺽ ﻭﻣﻦ ﻓﻴﻬﻦ ﻭﻟﻚ ﺍﳊﻤﺪ، ﺍﻟﻠﻬﻢ ﻟﻚ ﺍﳊﻤﺪ ﻭﺑﻚ، ﺍﻟﻠﻬﻢ ﻟﻚ ﺃﺳﻠﻤﺖ، ﻭﺍﻟﺴﺎﻋﺔ ﺣﻖ، ﻭﻣُﺤﻤﺪ ﺣﻖ، ﻭﺍﻟﻨﺒﻴﻮﻥ ﺣﻖ، ﻭﺍﻟﻨﺎ ُﺭ ﺣﻖ، ﻭﺍﳉﻨﺔ ﺣﻖ، ﻭﻭﻋﺪُﻙ ﺍﳊﻖ ﻭﻟﻘﺎﺅﻙ ﺣﻖ، ﺍﳊﻖ ﺖ ُ ﻓﺎﻏﻔﺮ ﱄ ﻣﺎ ﻗﺪﻣﺖ ﻭﻣﺎ ﺃﺧﺮﺕ ﻭﻣﺎ ﺃﺳﺮﺭﺕ ﻭﻣﺎ ﺃﻋﻠﻨ، ﻭﺇﻟﻴﻚ ﺣﺎﻛﻤﺖ، ﻭﺑﻚ ﺧﺎﺻﻤﺖ، ﺖ ُ ﻭﺇﻟﻴﻚ ﺃﻧﺒ، ﺖ ُ ﻭﻋﻠﻴﻚ ﺗﻮﻛﻠ، ﺁﻣﻨﺖ . " ﺃﻧﺖ ﺍﷲ ﻻ ﺇﻟﻪ ﺇﻻ ﺃﻧﺖ، 42
นี่คือทัศนะของ มาลิกียะฮฺ และชาฟอียะฮฺ สวนอัลอะฮฺนาฟ กลับเห็นวา เปนวายิบ และอัลฮานาบิละฮฺใหทัศนะวาเปนฟรฎกิฟายะฮฺ
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
101
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ละหมาดในวันตรุษนั้นมีดังนี้... 1. ละหมาดวันตรุษมี 2 รอคอะฮฺ ละหมาดเปนหมูคณะ โดยไมตองอาซานและอีกอมะฮฺ ดังหลักฐาน ปรากฏในฮาดิษของทานยาบีรวา “ ฉันไดละหมาดพรอมกับทานรอซูลุลลอฮ ในวันตรุษ ทานเริม่ ดวยการ ละหมาดกอนการอานคุตบะฮฺ โดยไมมีการอาซานและอิกอมะฮฺ จากนั้นที่ก็ลุกขึ้นกับบิลาล แลวก็สั่งเสียให เกรงกลัวตออัลลอฮ และใหภักดีตออัลลอฮ และทําการตักเตือนผูคน....) รายงานโดยมุสลิม วิธีการละหมาด ก็เหมือนกับการละหมาดปกติทั่วไป ยกเวนการกลาวตักบีรพรอมกับยกมือ 7 ครั้งกา รอคอะฮฺครั้งแรก และ 5 ครั้งในรอคอะฮฺที่ 2 กอนเริ่มการอาน43 เพราะมีฮาดิษปรากฏอยูว า “ การตักบีรใน การละหมาดอีดิลฟตรีรอคอะฮฺแรก 7 ครั้ง และในรอคอะฮฺที่สอง 5 ครั้ง จากนั้นใหอานหลังจากนั้น” รายงาน โดยอัตตัรมีซีย ซูนัตใหอานระหวางสองตักบีร ดวยการอาน “ ”ﺍﳊﻤﺪ ﷲ ﻻ ﺍﻟﻪ ﺍﻻ ﺍﷲ ﻭﺍﷲ ﺍﻛﱪและหลังการ ละหมาดอีหมามก็จะอานคุตบะฮฺ เหมือนวันศุกร เวลาละหมาดจะเริ่มตนตั้งแตดวงอาทิตยขึ้นจากขอบฟาประมาณ 6 เมตรหากเปนอีดลิ ฟตรี สวน ละหมาดอีดิลอัฎฮา ดวงอาทิตยขึ้นประมาณ 3 เมตร ไปจนกระทั่งถึงตะวันคลอย การละหมาดอิดทั้งสองสามารถละหมาดไดทั้งชายและหญิง เด็กและผูใ หญ ทั้งผูที่อยูก ับบานหรือผู ที่อยูระหวางการเดินทาง หากคนใดละหมาดไมทันพรอมกับยามาอะฮฺ ก็ใหทําการละหมาดคนเดียว ใน ทัศนะของอัลอะหฺนาฟ ใหละหมาด 4 รอคอะฮฺ โดยไมตอ งตักบีรเพิ่ม ไมควรทําการละหมาดซุนัตกอนและ หลังเสร็จสิ้น เพราะทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวไววา “ไมมีการละหมาดกอนและหลังละหมาดอีด” รายงานโดย กลุมผูรายงานทั้งเจ็ด ()ﺍﻟﺴﺒﻌﺔ44 ในวันตรุษหรือวันอีด มุสลิมควร(ซูนัต)ใหอาบน้ําชําระรางกาย ใสน้ําเครื่องหอม สวมใสเสื้อผา สวยงามแลวออกไปทําการละหมาด โดยเดินออกไปทางหนึ่งแลวกลับอีกทางหนึ่ง ในวันนั้นใหกลาวตักบีร ใหมาก ๆ ดวยการกลาววา . ﻭِﻟﻠﱠﻪ ﺍﳊﻤﺪ، ﺍﷲ ﺃﻛﱪ، ﺍﷲ ﺃﻛﱪ،ﺍﷲ ﺃﻛﱪ ﺍﷲ ﺃﻛﱪ ﻻ ﺇﻟﻪ ﺇﻟﹼﺎ ﺍﷲ ในวันตรุษหรือวันอีดซุนัตใหมุสลิมรับประทานอินทผาลัมกอนออกไปทําการละหมาด
43
นี่คือทัศนะของยุฮรู สวนอัลฮานาฟยะฮฺ ใหตักบีร 3 ครั้งหลังการตักบีรอตุลเอียะหฺรอม กอนการอาน และอีก 3 ครั้ง ในรอคอะฮฺที่สอง
44
ตามทัศนะของชาฟอีย อนุญาตใหทําการละหมาดซูนัติไดกอนละหมาดอีด หลังจากที่ดวงอาทิตยขึ้นแลว ยกเวนอีหมาม
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
102
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หมวดที่ 12 ละหมาด หนวยที่ 1 การละหมาดยามาอะฮฺ (การละหมาดเปนหมูค ณะ) 1. คุณคาและบัญญัติเกี่ยวกับการละหมาด ในรายงานของทานอับดุลลอฮ บิน อุมัร ไดกลาวไววา ทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวไววา “การ ละหมาดยามาอะฮฺ(ละหมาดเปนหมูคณะ) ดีกวาการละหมาดคนเดียวถึงยี่สิบเจ็ดเทา” รายงานโดยบุคอรีย มุสลิม 1) ทัศนะของอะหฺมัด อัลเอาซาอีย อัซซอฮิรียะฮฺ มีความเห็นวาเปนฟรฎอีน เพราะมีหลักฐานปรากฏ ในฮาดิษของอาบีฮุรอยเราะฮฺ ซึ่งไดกลาวไววา มีชายตาบอดคนหนึ่งมาหาทานนบี แลวก็เรียนถาม ทานนบีวา โอทานรอซูลุลลอฮ ฉันไมมีคนจูงไปมัสยิด จะอนุโลมใหฉันไมตองไปมัสยิดหรือไม ทานก็ อนุโลมใหกับเขา และเมื่อชายคนนั้นหันหลังเดินออกไปทานก็เรียกชายคนนั้น แลวถามวา ทานไดยินเสียง เรี ย กหรื อ ไม (เสี ย งอาซาน) เขาก็ ต อบว า ได ยิ น ท า นก็ ก ล า วว า “หากเป น เช น นั้ น ก็ จ งตอบรั บ ” นั่ น ก็ หมายความวา ตองไปมัสยิด เพื่อละหมาดยามาอะฮฺ และมีอีกฮาดิษหนึ่ง เปนฮาดิษของอาบีฮุรอยเราะฮฺ เชนกัน ไดรายงานไววา ทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวไววา “ละหมาดที่เปนภาระหนักใหกับพวกมุนาฟกีน มากที่สุด คือละหมาดอีชา และละหมาดซุบฮฺ แตหากพวกเขารูถึงคุณคาของการละหมาดทั้งสอง แนนอน ที่สุดพวกเขาก็จะมากันแบบคลานมา แทจริงแลวฉันไดใหความสําคัญกับการใชใหทําการละหมาด และการ ละหมาดก็ดํารงขึ้น ฉันสั่งใหชายคนหนึ่งใหทําการละหมาดนําผูคน จากนั้นมีชายอีกหลายคนเดินออกไปกับ ฉันโดยมีไมฟนผูกมัดไปดวย โดยมุงไปที่ผูคนที่ไมทําการละหมาด เพื่อทําการเผาบานของพวกเขาเสีย” รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม 2) ตามทัศนะของุมฮูรุลอุลามะอฺ การละหมาดยะมาอะฮฺเปนฟรฎกีฟายะฮฺ สวนทัศนะเกาของชาฟ อีย และสวนมากของฮานาฟยะฮฺ มาลีกยี ะฮฺ เห็นวาเปนฟรฎอีน โดยเปลีย่ นจากการใชคําวาวายิบไปเปนวายิบ กิฟาอีย 3) ทานอาบียฮานีฟะฮฺและศิษยทั้งสองทาน และทานซัยดฺ บินอาลี และมุอัยยิดบิลละฮฺ กลาววาเปน ซูนัตมุอักกัด หากจะละหมาดโดยไมเปนหมูคณะก็ได หากชาวเมืองพากันละทิ้งไมไปละหมาดยามาอะฮฺ ก็ จะตองใชใหออกไปละหมาด หากเขายอมตามก็ไมเปนไร แตหากปฏิเสธก็จะตองทําสงครามกับพวกเขา เพราะการละหมาดยะมาอะฮฺ เปนสัญลักษณหนึ่งของอิสลาม เปนลักษณะเฉพาะของศาสนาอิสลาม โดยยึด ตามหลักฐานที่วา “การละหมาดยะมาอะฮฺดีกวาละหมาดคนเดียวถึง 27 เทา” หากการละหมาดคนเดียวไม ถูกตองหรือใชไมได ก็คงไมชี้ใหเห็นวาการละหมาดยะมาอะฮฺดีกวา ละหมาดคนเดียว มาตั้งแตตน
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
103
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หลักการ ()ﺍﺣﻜﺎﻣﻬﺎ 1) ทางที่ดีการละหมาดยะมาอะฮฺควรทําในมัสยิด เพราะเปนการแสดงออกใหเห็นถึงสัญลักษณ และ จํานวนคน แตสําหรับสุภาพสตรีการละหมาดยะมาอะฮฺควรกระทําที่บา นของนางเอง แตหากนางจะออกไป มัสยิดก็ไมไดหามไวแตอยางใด 2) ทางที่ดีในการละหมาดยะมาอะฮฺในแตละเวลาอยางนอยที่สุดก็ใหมีอหี มามและมะมูม 3) ทางที่ดีสุภาพสตรีควรแยกออกมาจากสุภาพบุรุษ ซึ่งตามทัศนะของชาฟอีย ควรมีผูหญิงมาเปนอี หมามใหกับกลุมของนาง แตอัลอะฮนาฟ กลับเห็นวา ไมควรใหผูหญิงเปนอีหมามนําละหมาด และทานมาลิ ก็เห็นวา ไมอนุญาตใหเปน หากเปนได ผูท ี่เปนอีหมามตองยืนอยูตรงกลางแถว 4) ผูที่จะมาเปนอีหมามนําละหมาดยะมาอะฮฺฝายชาย จะตอง เปนมุสลิม มีอายุครบตามศาสนภาวะ มีสติสมบูรณครบถวน มีความสามารถในการอานที่ถูกตอง ปราศจากเหตุจําเปนทุกประการ45 5) ผูที่เหมาะสมในการเปนอีหมามมากที่สดุ คือ ผูที่มีความรูมากที่สุด ผูที่อานกุรอานไดถูกตองที่สุด ผูที่มีความเครงทางศาสนามากที่สุด 6) ใหผูตามคนหนึ่งยืนทางขวาของอีหมาม ที่เหลือตั้งแถวอยูดานหลัง เริ่มตนจากแถวชาย ตามดวย เด็กๆ และแถวหญิง46 7)ในการอานของอีหมามไมควรอานใหดงั เลยเขตซูนัตที่กําหนด 8) อัลอะฮฺนาฟและุมฮูร กลาววา ผูที่ละหมาดฟรฎจะตามผูทําละหมาดซูนัตไมได แตชาฟอียะฮฺ กลาววาหากผูต ามรู การละหมาดสมบูณร สามารถละหมาดตามได แตอัลอะหฺนาฟ บอกวาไมได 9) หากอีหมามละหมาดฟรฎอื่น แตมะมูมละหมาดฟรฎอื่น หากมะมูมรูการละหมาดจะไมถูกตอง แมวาจะเปนการละหมาดชดเชยก็ตาม แตอชั ชาฟอีย กลับอนุญาตใหทําได การละหมาดก็ถูกตอง 10 ) ผูที่มีเหตุจําเปนตองสามารถที่จะแยกออกมาจากการตามอีหมามไดหากมีความจําเปน โดยแยก ออกมาแลวก็สามารถละหมาดตอจนเสร็จสิ้น ดังที่มีซอฮาบะฮฺทานหนึ่งเคยปฏิบัติ ขณะที่ทานมุอาซเปนอี หมามแลวอานซูเราะฮ อัลบากอเราะฮฺ (ซึ่งเปนซูเราะฮฺยาว) 11) ซุนัตใหผทู ี่ละหมาดคนเดียวกลับมาละหมาดใหมพรอมกับกลุม (หากไดโอกาส) 12) ซูนัตสําหรับอีหมามเมื่อละหมาดและใหสลามเสร็จแลวใหลุกออกไปทางดานขวาหรือซายแลว ก็ออกจากสถานที่ละหมาด 13) มะมูมสามารถละหมาดตามอีหมามได แมวาจะมีมานกั้นขวางอยูก็ตาม หากรูการเคลื่อนไหว 45
เชน เปนคนปสสาวะไมหยุด (ฉี่ไหลตลอดเวลา)
46
สําหรับมาลิก แมวาผูตามหรือมะมูม จะอยูหนาอีหมาม ก็ไมเปนไร หากเขาตามการกระทําทุกอยางได แตไมไดซนู ัต
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
104
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
เปลี่ยนรอคอะฮฺของอีหมามไดดวยการฟงเสียงหรือมองเห็น โดยมีเงื่อนไขวาจะตองเปนแถว ไมอนุญาตให ละหมาดตามผานวิทยุหรือโทรทัศน 14) หากละหมาดไปแลวผูเปนอีหมามเกิดมีเหตุจําเปนตองออกจากการละหมาด เขาก็จะตอง มอบหมายใหคนอื่นทําการละหมาดตอแทนเขา 15) ไมควรเลือกคนที่เปนที่รังเกียจของผูคนมาเปนอีหมาม 16) การละหมาดจะไมสมบูรณหากคนใดคนหนึ่งออกมาละหมาดหลังแถวอยูคนเดียว แตเขาควรดึง เอาคนขางหนาคนใดคนหนึ่งใหลงมาอยูแถวเดียวกับเขาเพื่อจะไดละหมาดพรอมกัน เพราะมีหลักฐาน ปรากฏอยูในฮาดิษวา ทานรอซูลุลลอฮ เห็นชายคนหนึ่งละหมาดหลังแถวอยูเดียว ทานก็เลยสั่งให ละหมาดใหม” รายงานโดยกลุมผูรายงานทั้งหาคน ( )ﺍﳋﻤﺴﺔยกเวนสุภาพสตรี ซึ่งสามารถละหมาดคนเดียว ในแถวได โดยที่แถวอยูหลังแถวของผูชาย ไมอนุญาตใหนางละหมาดรวมกับแถวผูชาย 17) หากเกิดเหตุฝนตก หรือหนาวจัด มีความกลัวระหวางทาง ถูกจองจํา ไมสบาย หรือชราภาพ จนเกินไป หรือเหตุจําเปนอื่น ๆ ในระดับเดียวกัน ก็ไมตองออกไปละหมาดยะมาอะฮฺ เพราะนักวิชาการตาง เห็นตรงกันวา เพื่อไมใหเกิดความยากลําบาก ซึ่งทานรอซูลุลลอฮ ไดสั่งใหผูประกาศประกาศวา จงทํา การละหมาดในบานของพวกทาน ในคืนที่มีอากาศหนาวจัด คืนที่มีฝนตก...รายงานโดยชัยคอน เหตุจําเปนที่ กลาวมาก็หมายรวมถึงเหตุจําเปนอื่น ๆ ดวย 18) ในกรณีที่มะมูมมาละหมาดไมทันอีหมามซึ่งละหมาดไปแลว ในบางสวนของการละหมาด ก็ให เขาทําการละหมาดตอไปจนครบหลังจากที่อีหมามใหสลามแลว หากเขาทันหนึ่งรอคอะฮฺในละหมาดมัฆริบ ก็ใหตออีกสองรอคอะฮฺ โดยใหทําการอานในแตละรอคอะฮฺฟาติหะฮฺและซูเราะฮฺ เพราะเปนการชดเชยใน สองรอคอะฮฺแรก การละหมาดในลักษณะนี้จะตองนั่งตะชะฮุดถึง 3 ครั้ง 19) หากผูที่มาทันอีหมามขณะกําลังรอเกาะอฺจึงจะนับไดวาเปนหนึ่งรอคอะฮฺ หนวยที่ 2 การละหมาดของคนเดินทางไกล อัลลอฮทรงตรัสไวในอัลกุรอานวา βr& ÷ΛäøÅz ÷βÎ) Íο4θn=¢Á9$# zÏΒ (#ρçÝÇø)s? βr& îy$uΖã_ ö/ä3ø‹n=tæ }§øŠn=sù ÇÚö‘F{$# ’Îû ÷Λäö/uŸÑ #sŒÎ)uρ ∩⊇⊃⊇∪ $YΖÎ7•Β #xρ߉tã ö/ä3s9 (#θçΡ%x. tÍÏ≈s3ø9$# ¨βÎ) 4 (#ÿρãxx. tÏ%©!$# ãΝä3uΖÏFøtƒ
และเมื่อเจาทั้งหลายไดออกเดินทางไปในแผนดิน ก็ยอมไมเปนบาปแกพวกเจาที่จะตัดทอนละหมาด (จากจํานวน 4 รอกาอะฮฺใหเหลือเพียง 2 รอกาอะฮฺ) หากพวกเจากลัววาบรรดาผูเนรคุณจะกอกวนพวกเจา แทจริงบรรดาผูเนรคุณนัน้ เปนศัตรูอันชัดแจงสําหรับพวกเจา ทานยุอฺลา บิน อุมัยยะฮฺ ไดกลาวไววา ฉันไดบอกกับทานอุมัร บิน คอฏฏอบ วา ทานไมเห็นดอก ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
105
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หรือวาผูคนพากันเพิกเฉยตอการละหมาด ทั้ง ๆที่อัลลอฮไดทรงตรัสไววา ()ﺇ ْﻥ ﺨِﻔﺘﻡ ﺃﻥ ﻴَﻔ ِﺘﻨﹶﻜﻡ ﺍﻟﺫﻴﻥ ﻜﹶﻔﺭﻭﺍ หากพวกเจากลัววาบรรดาผูเนรคุณจะกอกวนพวกเจา ในปจจุบันเรื่องนี้หมดไปแลว อุมัรก็กลาววา ฉันเองก็ สึกแปลกใจในสิ่งที่ทานแปลกใจดวยเชนกัน และฉันก็นําเรื่องนี้ไปเรียนแกทานรอซูลุลลอฮ ทานก็กลาววา “มันเปนการบริจาคทานที่อัลลอฮทรงบริจาคใหกับพวกทาน พวกทานก็จงรับไปเถิด” รายงานโดยยามาอะฮฺ สําหรับฮานาฟยะฮฺ การกอซัร(ตัดทอนละหมาดจาก 4 ใหเหลือ 2 รอคอะฮฺ) ในการเดินทางเปนสิ่ง ตองกระทํา หากไมกอซัร (ละหมาดครบ) เปนเรื่องมักรูฮ (ไมควรกระทํา)เพราะจะไปขัดแยงกับซุนนะฮฺ แต การละหมาดก็ยังคงใชได โดยคิดวาสองรอคอะฮฺหลังเปนซูนัต การตะชะฮุดแรกเปนฟรฎ หากละไมกระทําก็ จะเสียละหมาด สวนชาฟอีย การกอซันละหมาด เปนความสะดวกทีอ่ ัลลอฮประทานให แตหากจะปฏิบัติเต็มสี่ รอคอะฮฺก็ไมเปนไรหากอยูในภาวการณเดินทางแตมีระยะทางไมถึง 3 มัรฮะละฮ หากถึง 3 มัรฮะละฮฺควร ละหมาดกอซัร บรรดาผูเชี่ยวชาญดานวิชาฟกฮฺมีทัศนะทีแ่ ตกตางกันออกไปวาระยะทางในการเดินทางที่อนุญาตให สามารถละหมาดกอซัรไดนนั้ มีระยะทางเทาใด ชาฟอีย อัลมาลิกียะฮฺ และฮะนาบิละฮฺใหทัศนะไววาจะอยูใน ระหวาง 70 กิโลเมตร47 โดยประมาณ นอกจากนั้นพวกเขาก็ยังมีทศั นะที่แตกตางกันในเรื่องของระยะเวลาของการเดินทาง ซึ่งทางุมฮูร เห็นวา 4 วันเดินทาง สวนอะหฺนาฟ เห็นวา 15 วันเดินทาง เมื่อผูเดินทางตั้งเจตนาวาจะหยุดพักมากกวานั้น ก็ จะกลายเปนผูท ี่อยูกับบาน ไมตองกอซัรละหมาด แตหากไมรวู าจะอยูกี่วนั ทุกวันก็จะกลาววาพรุงนี้จะออก เดินทาง พรุงนี้จะออกเดินทางไปเรื่อย ๆ ตอมาก็มีความจําเปนตองอยู ก็ยังคิดวาอยูใ นภาวการณเดินทาง ก็ ใหทําการกอซัรละหมาดตอแมวาจะนานสักกี่วนั ก็ตาม นี่คือทัศนะของ อัลอะหฺนาฟ และทัศนะของชาฟอี ยะฮฺ ซึ่งซอฮาบะฮฺสวนใหญก็ปฏิบัติอยางนั้น อีกทัศนะหนึ่งของชาฟอียะฮฺ คือ หากเพิ่มเวลาออกไปถึง 18 วัน ก็ใหถือวาเปนคนอยูกับที่ (ไมใชคนเดินทาง)อีกตอไป ก็ไมตองกอซัรละหมาด มีการตั้งเงื่อนไขไววาหากออกจากบานไป ก็ใหยึดเอาการผอนปรนเปนหลัก ก็ใหทําการกอซัร ตอไปตราบใดที่ยังไมกลับมายังบานเดิม ผูที่เดินทางสามารถตัดทอนละหมาด 4 รอคอะฮฺใหเหลือ 2 รอคอะฮฺ และผูที่อยูกับบานสามารถที่จะละหมาดตามผูที่เดินทางไกลได โดยผูที่เดินทางละหมาดกอซัร ผูที่อยูกับบาน ก็ละหมาดตอไปจนครบ และในทางตรงกันขามคนเดินทางก็สามารถละหมาดตามผูที่อยูกับที่ได การละหมาดซูนัตสามารถละหมาดบนหลังสัตวพาหนะ หรือในเรือ บนรถหรือบนเครื่องบินได โดย ใหผูที่ละหมาด หันหนาไปทางกิบลัตหากสามารถกระทําได และหากทําไมได หลักการ()ﺍﺭﻛﺎﻥ ﺍﻟﺼﻼﺓและ วายิบของการละหมาดที่ทําไมไดก็จะตกไป เชนการรอเกาะอฺและซูยุด ใหทําแคกมศีรษะลงเล็กนอยขณะรอ 47
พวกเขาใหทัศนะไววา 4 บุรดะฮฺ 1 บุรดะฮฺเทากับ 4 ฟรซัก 1 ฟรซัก เทากับ 3 ไมล ก็จะเทากับ 90 กม. ซึ่งชาฟอียใชหลักฐานวา ทานอับ ดุลลอฮ บิน อับบาส ไดทําการกอซัรละหมาดในระยะทางระหวางเมกกะ กับฏออิฟ หรือเมกกะกับอัซฟาน ระหวางเมกกะกับเจดดะฮฺ ทานมาลิก ก็ใหทัศนะอยางนี้เชนกัน
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
106
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
เกาะอฺ และต่ําลงกวารอเกาะอฺสักนิดขณะทําการซูยุด ซึ่งนักวิชาการตางเห็นพองกันทั้งหมด เพราะมีฮาดิษ ของทานอามีร บิน รอบีอะฮฺ รายงานวา ฉันเห็นทานรอซูลุลลอฮ ขณะที่ทานอยูบนหลังสัตวพาหนะ ทานกลาวตัสบิฮฺแลวกมลงเล็กนอย ทางไหนก็ไดที่สัตวมุงหนาไป แตทานไมเคยทําอยางนี้ในขณะละหมาด ฟรฎ” รายงาน บุคอรียและมุสลิม สําหรับการละหมาดฟรฎบนสัตวพาหนะ บนเรือ รถยนต รถไฟหรือเครื่องบิน สามารถกระทําได หากมีความจําเปนเทานั้น 48 และความจําเปนที่วาคือ กลัววาจะหมดเวลา เชน ผูเดินทางเดินทางกอนไดเวลา และจะลงจากพาหนะหลังหมดเวลาละหมาดไปแลว ในลักษณะเชนนี้สามารถที่จะละหมาดบนยานพาหนะ ได แมวาจะไมสามารถหันหนาไปทางกิบไดก็ตาม การละหมาดจะตองปฏิบัติใหสมบูรณครบถวนทุกรุกน ตามทัศนะของชาฟอีย จะตองละหมาดใหม เพราะความจําเปนในลักษณะนี้ไมคอยจะเกิดขึ้น แตอัลอะหฺนาฟ อัลมาลิกียะฮฺ และอัลฮะนาบิละฮฺบอกวาไมตองละหมาดใหม (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมไดจากหนังสือ อัลมุจมุ ของนาวาวี และ ฮาชียะฮฺ อิบนฺ อาบิดีน และอัลฟุรุอฺ อิบนฺ มุฟลิหฺ และหนังสือ อัลมุวัฏเฏาะอฺ ของอีหมามมา ลิก และหนังสือนัยลุล เอาฏอร ของ อัชเชากานีย) ผูละหมาดทําการละหมาดซุนนะฮฺ หากไมมีความยากลําบากอะไร โดยเฉพาะอยางยิ่งละหมาด ซูนัตฟจรฺ(ซูบฮฺ) ซูนัตมัฆริบ หนวยที่ 3 การรวมสองละหมาดเขาดวยกัน อนุญาตใหผูละหมาดรวมละหมาดซุฮรฺ กับอัศรฺ ทั้งรวมกอนหรือรวมหลัง และระหวางมัฆริบและอี ชา ในภาวะดังตอไปนี้ 1.การรวมละหมาดที่อารอฟตและมุซดาลิฟะฮฺ(ในวาระเทศกาลหัจญ) ซึ่งนักวิชาการเห็นตองกัน เพราะทานนบี ไดเคยปฏิบัติไว อัลอะหฺนาฟเห็นพองเฉพาะในชวงเวลานี้เทานัน้ สวนเวลาอื่นจะรวม ไมได 2.รวมละหมาดขณะเดินทางไกล ตามทัศนะของุมฮูร สวนอัลอะหฺนาฟ กลับเห็นตาง เพราะมี ฮาดิ ษ ของอานั สที่ วา “ท า นรอซู ลุล ลอฮ เมื่อ ทา นจะเดิ น ทางกอ นที่ ด วงอาทิ ต ย จ ะเอนเอี ย ง(เข า เวลา ละหมาดซุฮฺร) ทานก็จะทอดเวลาการละหมาดซุฮรฺ ไปยังเวลาละหมาดอัศรฺ ตอมาทานก็จะลงมาละหมาด รวมทั้งสองเขาดวยกัน แตหากทานเห็นวาดวงอาทิตยเริ่มเอียง(ไดเวลาละหมาดซุฮรฺ)แลว ทานก็จะละหมาด กอนออกเดินทาง” รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม ในฮาดิษของทานมุอาซ รายงานไววา “พวกเราไดออกเดินทางไปพรอมกับทานรอซูลุลลอฮ เมื่อ
48
ตามที่ฮาดิษของทานยุลาอฺ บิน มัรรอฮฺซึ่งรายงานไววา ทานนบี อางถึง มุฎีก ซึ่งเปนซอฮาบะฮฺ วาทานอยูบนพาหนะ ขางบนฝนตกหนัก ขางลางก็
เปนน้ําเปยก ครั้นเมื่อไดเวลาละหมาด เขาก็สั่งใหทําการอาซาน และอีกอมะฮฺ ตอมาทานรอซูลุลลอฮ ก็มายืนอยูขางหนาซอฮาบะฮฺ ทั้งๆ ที่อยูบนหลัง
สัตวพาหนะ แลวทําการละหมาดนําพวกเขา ทานทําการซูยุดดวยการกมศีรษะลงตํากวาการรอเกาะอฺ รายงานโดยอัตตัรมีซีย และอัลนะซาอี และ ทานดารุลกุฏนีย
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
107
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ครั้งสงครามตะบูค ทานไดทําการละหมาดรวมซุฮรฺกับอัศรฺ และมัฆริบกับอีชาเขาดวยกัน” รายงานโดย มุสลิม ละหมาดรวมเมื่อมีฝนตกหนัก โดยทําการละหมาดยามาอะฮฺในมัสยิด ซึ่งทานนบี เคยปฏิบัติ ดัง ปรากฏในรายงานของทานอัลบุคอรียและทานอื่น ๆ ซึ่งอัลฮะนาบิละฮฺก็อนุญาตใหรวมได แมกระทั้งคนที่ ละหมาดคนเดียวที่บาน 4.รวมละหมาดในกรณีที่มีอาการปวยไมสบาย หรือมีเหตุจําเปน เพราะมีหลักฐานจากฮาดิษอิบนุ อับ บาสวา “ทานรอซูลุลลอฮ ไดเคยรวมละหมาดซุฮรฺ กับอัศรี มัฆริบกับอีชา ที่เมืองมาดีนะฮฺ ทั้งๆ ที่ไมไดมี ความกลัว ไมไดมีฝนตก มีคนเรียนถามทานอิบนุอับบาสวา “หมายความวาอยางไร ? ทานก็ตอบวา เพื่อ ไมใหเกิดความยากลําบากแกประชาชาติของทานในการปฏิบัติ” รายงานโดยมุสลิม 5.อัลฮะนาบิละหฺ อนุญาตใหผูที่มีความจําเปน เชนผูที่มีเลือดอิสติฮาเฎาะฮฺ ปสสาวะไมหยุด ผูที่มี ความกลัวอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง ทรัพยสินหรือเกียรติ์ยศ เกรงวาจะเกิดโทษกับตนเองหากละทิ้งการ ละหมาดรวม หากเปนเชนนั้นก็จําเปนตองรวมละหมาด เพราะมีเหตุความจําเปนที่จะตองศึกษา โดยเฉพาะ ในประเทศที่ไมใชประเทศมุสลิม ที่มุสลิมจะตองปฏิบัติหนาที่ในตําแหนงที่รับผิดชอบ และอนุญาตใหรวม ละหมาดในประเทศที่มีเวลาลาชาไปจากเวลาละหมาดอีชาปกติ จะสรางความลําบากในการปฏิบัติใหกับ มุสลิม ในการรอเวลา 6. การละหมาดในเวลากอน ( )ﲨﻊ ﺍﻟﺘﻘﺪﱘเชนละหมาดอัศรฺในเวลาซุฮรฺ ละหมาดอีชาในเวลามัฆริบ การรวมละหมาดในเวลาหลัง คือการละหมาดซุฮรฺในเวลาอัศรฺ รวมละหมาดมัฆริบในเวลาอีชา แตละหมาด ฟจรฺ หรือละหมาดซุบฮฺ ไมมีการผอนปรนใหละหมาดรวม หรือยอละหมาด กับเวลาใด หนวยที่ 4 การละหมาดของผูปวย 1. มีรายงานปรากฏในฮาดิษของทาน อิมรอน บิน ฮุซัยน ไดรายงานไววา “ฉันเปนโรคริสสีดวง ฉันจึงเรียนถามทานนบี เกี่ยวกับการละหมาด ทานก็ตอบวา จงลุกขึ้นยืนละหมาด หากทําไมไดก็ใหนั่ง ละหมาด หากทําไมไดก็ใหละหมาดนอนตะแคงหากยังทําไมไดก็จงแสดงเปนสัญญาณ” บันทึกโดยอัลบุคอ รีย โดยไมมีคําวา “จงแสดงสัญญาณ” และทานอัลนะซาอีย เพิ่มคําวา “หากไมสามารถกระทําไดก็ใหนอน หงาย อัลลอฮจะไมบังคับชีวิตใดนอกจากในกรอบความสามารถของเขา” 2.สําหรับผูที่ละหมาดดวยการใชสัญญานแสดง ไมควรยกสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นมาแลวซูยุดลงบนสิ่งนั้น การแสดงทาซูยุด วายิบตองต่ํากวาการแสดงทารอเกาะอฺ เพราะมีฮาดิษของทานยาบีร รายงานไววา “ทานน บี ไปไปเยียมคนปวยและเมื่อเห็นวาเขาทําการละหมาดบนหมอน ทานก็ยกหมอนออกไป แลวก็พูดวา จง ละหมาดบนพื้นหากสามารถทําได หากทําไมไดก็จงทําเปนสัญญาณ การซูยุดของทานจะตองต่ํากวาการ เกาะอฺของทาน” รายงานโดย อัลบัยฮะกีย ดวยสายรายงานที่หนักแนน 3.หากไมสามารถทําอะไรไดในการทําละหมาด ก็ใหแสดงดวยตา หรือละหมาดในใจ และวายิบให
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
108
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ปฏิบัติเชนนั้นดวย ตราบใดที่สติยังคงมีอยูก ็ตองทําการละหมาด กิจกรรม การละหมาดุมุอะฮฺ(ละหมาดวันศุกร ) 1.ในวันศุกรมคี วามประเสริฐกวาวันอื่น ๆ มากมาย ใหนกั เรียนบอกความประเสริฐของวันศุกร พรอมอางอิงหลักฐานจากฮาดิษ 2.ในวันศุกรมชี วงเวลาที่อัลลอฮจะทรงตอบรับการขอดุอา เวลานั้นคือชวงเวลาใด และมีหลักฐาน ยืนยันไวอยางไร ? (จงอธิบายพรอมหลักฐานอางอิง) 3.อิสลามใหความสําคัญกับการทําความสะอาด และมุสลิมทุกคนจะตองไมสรางความเดือดรอน ใหกับคนอืน่ จงอธิบายเกีย่ วกับแนวางของทานรอซูลุลลอฮ ในการเตรียมความพรอมเมื่อตองออกไป ละหมาดในวันศุกร 4.ใหนกั เรียนบอกหลักฐานที่ยืนยันวาการละหมาดวันศุกรเปนวายิบ 5. เหตุจําเปนที่อนุญาตใหไมตองไปละหมาดในวันศุกรมีหลายประการ หัวขอตอไปนี้ขอใดกลาว ถูกตอง 1) เด็ก ๆ 2) ผูหญิง 3) คนปวย 4) เมื่อฝนตกหนัก 5) เกิดความกลัวการทํารายจากศัตรูระหวางทาง 6) มีแขกมาหาที่บาน 7) ยุงอยูก ับการอานกุรอาน 8)อากาศรอนมาก 9) ดูการแขงขันฟุตบอลเพลิน ๆ 10) อยูระหวางเดินทางไกล 11) นอนหลับไมรูสึกตัว 6. ฮาดิษใดที่บง ชี้วาการละหมาดวันศุกรมสี องรอคอะฮฺ 7.หากในเกิดวันตรุษมาตรงกับวันศุกร จะตองเลือกละหมาดใดเปนหลักกอน เมื่อละหมาดแลวอีก ละหมาดหนึ่งไมตองทําละหมาด เพราะเหตุใด ? 8.เมื่อใดที่คอตีบสามารถหยุดอานคุตบะฮฺได.... • เมื่อผูละหมาดละทิ้งออกไป • เมื่อมีผูเรียนถามเกี่ยวกับศาสนา • เมื่อมีสัตวรายหรือศัตรูมาขมขู ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
109
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
• เมื่อพบวามีคนเกงกวาฟงอยู • เมื่อเห็นวาขณะอานคุตบะฮฺมีคนลุกขึ้นละหมาด 9.ในสถานการณตอไปนี้ผูทกี่ ําลังทําละหมาด(วันศุกร)ควรปฏิบัติอยางไร ? • ทันละหมาดขณะที่อหี มามกําลังรอเกาะอฺรอคอะฮฺที่สอง • ทันอีหมามขณะกําลังเอียะติดาลในรอคอะฮฺที่สอง • ทันอีหมามกอนอีหมามใหสลาม 10. การละหมาดวันศุกรในสถานการณตอไปนี้ถูกตองหรือไมอยางไร ? • อีหมามอานเสียงคอย ๆ ทั้งสองรอคอะฮฺ หรือหนึ่งในสองรอคอะฮฺ • อีหมามอานคุตบะฮฺเพียงคุตบะฮฺเดียวกอนละหมาด • อีหมามอานคุตบะฮฺ ดวยการอาน ﺍﳊﻤﺪ ﷲ ﻭﺍﻟﺼﻼﺓ ﻋﻠﻰ ﺭﺳﻮﻟﻪ • ผูคนทําการละหมาดกอนแลวอีหมามก็อานคุตบะฮฺภายหลัง • ผูคนละหมาดวันศุกรโดยไมอานคุตบะฮฺ • ผูคนละหมาดวันศุกรในที่โลง • แคอาบน้ําในวันศุกรแลวก็ไมตองอาบน้ําละหมาดอีก 11.คนปวย ผูห ญิง ทาส และคนเดินทาง หากพวกเขาทําการละหมาดวันศุกรแลว เขาตองทําการ ละหมาดซุฮร อีกหรือไม เพราะเหตุใด ? 12. จงอธิบายเกี่ยวกับบัญญัตกิ ารละหมาดวันศุกรของเด็กโต เด็กเล็ก หรือคนนอนหลับวาเปน อยางไร ? 13. คําวา “ละหมาด”ในอายะฮฺที่ 9 ของซูเราะฮฺยุมุอะฮฺ หมายถึงละหมาดใด ? การละหมาดวันศุกรและละหมาดอื่น ๆ 14 ใหนกั เรียนอานอายะฮฺที่ 9 ของซูเราะฮ อัลยุมุอะฮฺ แลวเลือกคําตอบที่ถูกตองพรอมบอกเหตุผล • การซื้อขายในชวงที่มีการอาซานครั้งแรกหรือครั้งที่สอง เปนที่ตองหามหรือไมอยางไร ? • ชายคนหนึ่งขณะที่ไดยนิ เสียงอาซานเรียกเขากลับทําการซื้อขายอยู ตอมาเขาก็ไปมัสยิดทันการ อานคุตบะฮฺและทันละหมาด หรือทันละหมาดเพียงอยางเดียว การซือ้ ขายและการละหมาดของ เขาจะเปนอยางไร (ถูกตองหรือไมอยางไร ) 15.ในฮาดิษของทานอิบนุอบั บาส รายงานวา คนที่พูดกับเพื่อนวา “จงเงียบ” ในขณะทีอ่ ีหมามกําลังอาน คุตบะฮฺ การละหมาดยุมุอะฮฺของเขาไมสมบูรณ ฉะนัน้ หากไดยินผูคนคุยกันหรือคนอานซิกรฺเสียงดัง ควรปฏิบัติอยางไร ? 16. ในการละหมาดวันศุกร มีผูละหมาดอยูแค 2 ถึง 3 คน การละหมาดของเขาใชไดหรือไมอยางไร ? 17. เมื่อใดที่อนุญาตใหคนทีเ่ ขาไปในมัสยิดในวันศุกรทาํ การละหมาดตะฮิยะตุลมัสยิดได ? ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
110
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
18. ในการละหมาดวันศุกรมีละหมาดซุนตั กอนหลังเหมือนละหมาดซุฮฺรี หรือไมอยางไร ? 19.มีผูคนหลายคนเดินเขาไปในมัสยิด ขณะที่มกี ารอาซาน และพวกเขาก็หยุดฟง เมื่ออาซานเสร็จอี หมามก็เริ่มอานคุตบะฮฺ เขาก็ทําการละหมาดตะฮิยะตุลมัสยิด หรือบางคนฟงคุตบะฮฺแรก พออีหมามเริ่ม คุตบะฮฺที่สอง เขาก็เริ่มขยับไปทําละหมาด ...การละหมาดในลักษณะนีใ้ ชไดหรือไมอยางไร ? 20. ขณะที่อีหมามหยุดพักระหวางสองคุตบะฮฺ ในชวงเวลานั้นทานควรปฏิบัติอยางไร ? 21.ใหนกั เรียนบอกมารยาทในการละหมาดวันศุกร การละหมาดซูนัต 1. การละหมาดซูนัตมีคุณคามากมาย....ขอใดกลาวถูกตอง • เพิ่มกุศลใหกบั ผูทําละหมาด • ชวยชดเชยละหมาดฟรฎที่ขาด • ชวยลบลางความผิดที่เคยปฏิบัติ • ชวยลบลางความผิดที่เกิดจากการละเมิดสิทธิ์ของผูอื่น 2.เพราะเหตุใดการละหมาดซูนัตจึงซูนัตใหกระทําในบานมากกวาการทําที่มัสยิด และมีหลักฐานใด ยืนยันในหลักการนี้ 3.ผูเชี่ยวชาญดานวิชาฟกฮฺการละหมาดสองรอคอะฮฺ กอนการละหมาดซุบฮฺนั้นเปนซูนตั มุอักกัด พวกเขามีอะไรเปนหลักฐานอางอิง ? 4. จากฮาดิษทีท่ านนบี ไดกลาวไววา “การละหมาดสองรอคอะฮฺในเวลารุงอรุณ(ซุบฮฺ)นั้นประเสริฐ กวาโลกนีแ้ ละสิ่งที่มีอยูในโลกนี้ทั้งหมด” ใหนกั เรียนเขียนบทความเกีย่ วกับเรื่องนี้ 5. ทานนบี ไดกลาวไววา “ ﻭﺇﻥ ﻁﺭﺩﺘﻜﻡ ﺍﻟﺨﻴل، ”" ﻻ ﺘﺩﻋﻭﺍ ﺭﻜﻌﺘﻲ ﺍﻟﻔﺠﺭฮาดิษนี้มี ความหมายวาอยางไร ? เปนการบงบอกถึงเรื่องใด จงอธิบาย .. 6. การที่ทานนบี สั่งวาใหทําการชดเชยละหมาดสองรอคอะฮฺหลังดวงอาทิตยขึ้น เปนการบง บอกถึงเรื่องใด ? 7. ใหนกั เรียนบอกการละหมาด 10 รอคอะฮฺที่ทานอิบนุ อุมัรกลาวถึง และ 12 รอคอะฮฺที่เปนรายงาน ของทานหญิง อุมมุฮาบีบะฮฺ พรอมระบุความแตกตางของทั้งสองรายงาน และรายงานใดที่ ครอบคลุมมากกวากัน ? 8. การละหมาดซูนัต 4 รอคอะฮฺกอนและหลังละหมาดซุฮฺรฺ ซึ่งอัลลอฮจะปกปองรางกายจากไฟนรก การตอบแทนนี้จะมีใหกับผูใด ...... • ผูที่ปฏิบัติตามฮาดิษนี้เพียงครั้งเดียว • ผูที่ปฏิบัติตามฮาดิษนี้ตลอดชั่วอายุ • ผูที่ทําละหมาดซูนัต แมวาจะไมทําละหมาดฟรฎ ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
111
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
• สําหรับผูที่ทําการละหมาดซูนัต แมวาละหมาดฟรฎของเขาจะไมสกัดกัน้ สิ่งชั่วรายเลยก็ ตาม • จะตอบแทนใหกับผูที่ละหมาดเหมือนอยางที่ทานรอซูลุลลอฮ ละหมาด 9.ทําไมการละหมาดกอนมัฆริบ กอนอัศรฺ จึงไมเปนซูนัตมุอักกัด ? 10. เราไดอะไรจากคํากลาวของทานอิบนุอับบาส ที่ไดกลาวไววา “ ไมไดสั่งและไมไดหามอะไรไว แกพวกเรา” ()ﻓﻠﻡ ﻴﺄﻤﺭﻨﺎ ﻭﻟﻡ ﻴﻨﻬﻨﺎ 11. จงบอกหลักฐานที่ชี้ใหเห็นวาการละหมาดวิติร เปนละหมาดซูนัต และละหมาดวิตีรตอง ละหมาดในชวงเวลาใด ? 12.ใหนกั เรียนอธิบายเกี่ยวกับการละหมาดวิตีรมาพอสังเขป 13. ใหนกั เรียนบอกหลักฐานจากอัลกุรอานที่บงบอกถึงการสนับสนุนใหทําการละหมาดตะฮัจยุด 14.ทานฟรรอซ ไดถามทานรอซุลุลลอฮ ถึงผูที่จะไดอยูใกลชิดกับทานในสวรรค ทานก็ตอบวา จงเอาใจใสตัวเองใหมาก ๆ ดวยการละหมาดใหมาก ๆ” จากฮาดิษนี้มีการกลาวถึงคุณคาของการ ละหมาดซูนัตไวมากมาย...ใหนักเรียนบอกคุณคาของการละหมาดซูนตั แตพอสังเขป... 15.รูปแบบของการละหมาดซูนัตที่ดีที่สุดคือขอใด (จงเลือก) • ละหมาดทีละสองรอคอะฮฺ • ละหมาดทีละ 4 รอคอะฮฺ • ละหมาดตอเนือ่ ง โดยไมตองอานตะชะฮุด ยกเวนในตอนทายสุด 16.มีฮาดิษหลายฮาดิษทีก่ ลาวถึงการละหมาดซูนัตซุฮฺรฺ จงบอกฮาดิษดังกลาวมา พรอมเหตุผลที่บง บอกวาเปนซุนัตมุอักกัด การละหมาดในวันตรุษทัง้ สอง 1. การละหมาดในวันตรุษมีอะไรเปนหลักฐานบงบอกถึงมีบัญญัติทางศาสนา ? 2. ใหนกั เรียนบอกหลักฐานที่บง บอกวาการออกไปละหมาดในวันตรุษนัน้ เปนเรื่องที่ดคี วรปฏิบัติ 3. ผูละหมาดในวันตรุษ มีการสนับสนุนใหออกไปทางหนึ่งแลวกลับเขาบานอีกทางหนึ่งเพราะ.... • เพื่อใหทางทั้งสองทางเปนพยานให • เพื่อใหสัญลักษณของวันตรุษกระจายออกไป • เพื่อใหรางกายกระฉับกระเฉง • เพื่อใหการอวยพรระหวางกันเกิดขึ้นอยางทั่วถึง 4. การละหมาดในวันตรุษอิดิลฟตรีควรทอดเวลาออกมาจากการละหมาดฎฮาเพราะ...... • ผูละหมาดจะตองรับประทานอาหารกอนการละหมาดในวันตรุษ • เพราะทานรอซูลลุลลอฮ ปฏิบัติเชนนั้น ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
112
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
• เพื่อใหผูคนทําการเชือดสัตวหลังการละหมาดอีดิลอัฎฮา 5. การอานคุตบะฮฺวนั ตรุษทัง้ สอง (อิดิลฟตรียและอีดิลอัฎฮาอฺ) จะตอง.... • อานกอนการละหมาด • ใหผูเขารวมละหมาดรวมรับฟง 5. การละหมาดวันตรุษอิดิลฟตรีและอีดิลอัฎฮา เหมือนการละหมาดวันศุกรในสวนใด ? • ทั้งสองละหมาดตางก็มีสองรอคอะฮฺ • อีหมามอานคุตบะฮกอนการละหมาด • ลวนแลวแตเปนละหมาดฟรฎ • ละหมาดไดทั้งชาย หญิง เด็ก และคนแก • เพราะซูนัตใหอาบน้ําชําระรางกายและแตงกายดวยเสื้อผาสวย ๆ กอนออกไปละหมาด 7. การละหมาดวันตรุษ(อีด) เปนละหมาดประเภทใด ? ฟรฎ , ซูนัตมุอักกัด , ซูนัตธรรมดา 8.อัลลอฮทรงตรัสวา “ﺼ ِّل ﻟﺭﺒﻙ ﻭﺍﻨﺤﺭ َ ” ﹶﻓการละหมาดในอายะฮฺนห ี้ มายถึงละหมาดใด ? 9. คําวา “(”ﻗﻴﺩ ﺭﻤﺤﻴﻥ ـ ﻗﻴﺩ ﺭﻤﺢดวงอาทิตยสูงขนาด 2 ดามหอก และ 1 ดามหอก) ซึ่งกลาวไวใน ฮาดิษของทานนบี หมายความวาอยางไร ? 10. ผูคนสวนใหญจะละหมาดวันตรุษในมัสยิด ทําไมพวกเขาไมละหมาดในทุงโลง หากละหมาด ในทุงโลงจะเปนอยางไร ? 11. ผูหญิงที่มีรอบเดือนหามทําการละหมาด แตทําไมจึงสนับสนุนใหพวกนางออกไปในวัน ละหมาดวันตรุษดวย ? 12.ในการละหมาดวันตรุษของทานนบี ทานไดกลาวตักบีร 12 ครั้ง รอคอะฮฺแรก 7 ครั้ง รอคอะฮฺที่ สอง 5 ครั้ง การตักบีรอตุลเอียะหฺรอมรวมอยูในจํานวน 12 ครั้งนี้ดวยหรือไม อยางไร ? 13 หากเปลี่ยนมาเปนรอคอะฮฺแรก ตักบีร 5 ครั้ง รอคอะฮฺที่สอง 7 ครั้ง หรือละหมาดโดยไมกลาวตัก บีร การละหมาดจะใชไดหรือไมอยางไร ? 14. ใหนกั เรียนบอกหลักการตอไปนี้วาถูกตองหรือไมอยางไร ? • อีหมามอานดังหรืออานคอยๆ ในละหมาดวันตรุษ • อานคุตบะฮฺกอ นการละหมาด • ผูคนตางแยกยายกันออกไป หลังการละหมาด โดยไมฟง การอานคุตบะฮฺ 15. ชายคนหนึง่ ออกไปเพื่อตองการละหมาดอีด แตปรากฏวาผูคนเขาละหมาดกันเสร็จสิ้นแลว เขา ควรปฏิบัติอยางไร ? 16. หากจะทําการละหมาดวันตรุษที่บานแบบญามาอะฮฺจะไดหรือไมอยางไร ? 17. หากเวลาของการละหมาดหมดโดยที่ยงั ไมทันละหมาดจะตองชดเชยหรือไมอยางไร ? ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
113
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
18. ใหนกั เรียนเขียนมารยาทในการออกไปทําการละหมาดวันตรุษมาพอสังเขป การละหมาดญามาอะฮฺ 1.ใหนักเรียนบอกฮาดิษที่เปนหลักฐานยืนยันวาการละหมาดญามาอะฮฺดีกวาละหมาดคนเดียว ? 2.ใหนักเรียนบอกผลของการละหมาดญามาอะฮฺที่มีความสัมพันธทางสังคมมาพอสังเขป 3.ในตอนแรกทานนบี ไดผอนปรนใหคนตาบอดไมตองไปละหมาดญามาอะฮฺที่มัสยิด ตอมา ทานก็เรียกแลวถามวา ไดยินการอาซานหรือไม เมื่อเขาตอบวา ไดยิน ทานก็บอกวาจงตอบรับ...เพราะเหตุ ใดทานจึงสั่งไวเชนนั้น ... • เพราะทานแนใจวาเขาสามารถเดินไปมัสยิดได • เพราะผูที่เดินทางไปมัสยิดบางคนจะชวยเขาได • เพราะทานเห็นวามัสยิดอยูใกลบานของเขา • เพราะมีวะหฺยู ลงมายกเลิกการผอนปรน 4.การที่มีบัญญัติบังคับใหคนตาบอดไปทําการละหมาดญามาอะฮฺเปนการบงบอกถึงสิ่งใด ? 5. การละหมาดญามาอะฮฺสามารถกระทําไดดวยจํานวนผูละหมาดอยางนอยกี่คน ? 6. “ ”ﺍﻻ ﻗﺪ ﺍﺳﺘﺤﻮﺫ ﻋﻠﻴﻬﻢ ﺍﻟﺸﻴﻄﺎﻥมีความหมายวาอยางไร ? 7. “แทจริงแลวเสือจะจับกินแพะที่หลงฝูง” คํากลาวนี้มีความสัมพันธกับการละหมาดญามาอะฮฺอยางไร ? 8. ทานรอซูลุลลอฮ สั่งใหเผาบานของชายหลายคนเพราะเหตุใด ..? • เพราะพวกเขาไมศรัทธาตอบัญญัติการละหมาด • เพราะพวกเขาละทิ้งการละหมาด • เพราะพวกเขามีแผนรายตอมุสลิม 9.เมื่อใดที่การออกไปยังมัสยิดของสตรีเปนสิ่งตองหาม ? 10. ทุกยางกาวที่เดินไปมัสยิดจะมีกุศลตอบแทน และมีการลบลางความผิดให จงระบุหลักฐานดังกลาว จากอัลฮาดิษ ... 11.ระหวางการละหมาดกับคนเพียงสองคน กับการละหมาดรวมกันเปนหมูคณะมาก ๆ และจุดประสงคของ การละหมาดญามาอะฮฺคืออะไร ? 12. เมื่อไดยินการอีกอมะฮฺเพื่อทําละหมาดญามาอะฮฺควรปฏิบัติอยางไร ? (อธิบายพรอมเหตุผล) • รีบเรงเพื่อใหทันละหมาด • เดินไปมัสยิดตามปกติ ไมตองรีบรอน 13.เมื่อเปนผูนําในการละหมาดใหกับผูคน อีหมามควร...... • ยืดเวลาละหมาดใหยาวที่สุดเพื่อใหผูคนไดมีโอกาสใกลชิดอัลลอฮมากยิ่งขึ้น • ละหมาดใหเร็วที่สุดเพื่อมิใหผูตามเดือดรอน ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
114
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
• ขอใหผูที่รีบเรง ผูปวย ผูสูงอายุ ผูที่มีงาน ใหทําการละหมาดญามาอะฮฺเฉพาะ 14. การละหมาดยามาอะฮฺ เปนการฝกฝนการเปนผูนําและผูตามที่ดีตามแนวทางของอิสลาม ฉะนั้นภาพของ ความเปนผูนําที่ดีในอิสลามควรเปนอยางไร ? พรอมบอกเหตุผลความจําเปนที่ผูตามตองปฏิบัติตามผูนํา 15. มะมูมที่ละหมาดลวงหนากอนอีหมาม การละหมาดของเขาเปนอยางไร ? และในกรณีใดที่การลวงหนาอี หมามทําใหเสียละหมาด ? 16. ในกรณีที่มะมูมเขามาละหมาดในขณะที่อีหมามกําลังซูยุดเขาควรปฏิบัติอยางไร ....? • ยืนรอจนกวาอีหมามจะกลับมายืนในรอคอะฮฺตอไป • ยืนรอจนกวาเขาจะละหมาดเสร็จ • ตักบีรแลวก็เขารวมละหมาดดวยการซูยุดไปกับอีหมาม แลวก็ละหมาดตอไปจนจบ • รวบรวมคนที่มาไมทันละหมาดพรอมอีหมามแลวทํากลุมใหมเพื่อทําการละหมาด 17. ทานรอซูลลุลลอฮ ไดหามมิใหอีหมามยืนบนสิ่งใดสิ่งหนึ่งในขณะที่ผูคนอยูขางหลัง แตอนุญาตให ทําการละหมาดโดยที่อีหมามยืนอยูบนมิมบัร ....เพราะเหตุใด ? 18. ผูที่มาละหมาดไมทันอีหมามจะนับไดวาทัน 1 รอคอะฮฺ ก็ตอเมื่อเขามาทัน.......... • ขณะยืน • ลุกจากการรอเกาะอฺ • ซูยุดครั้งที่หนึ่ง • ซูยุดครั้งที่สอง 19. ผูที่ทําการละหมาดยามาอะฮฺแตมาตั้งแถวอยูคนเดียว การละหมาดของเขาจะถูกตองหรือไมอยางไร และ ทําไมอิสลามจึงใหความสําคัญเกี่ยวกับการฝกฝนผูคนใหตระหนักในเรื่องนี้เปนอยางมาก ? 20.การไปรวมละหมาดยามาอะฮฺของสุภาพสตรีสามารถกระทําได แตนางควรปฏิบัติอยางไร? และแถว สําหรับสุภาพสตรีนั้นควรอยูในตําแหนงใด ? การละหมาดของผูปวยและคนเดินทาง 1.ใหนักเรียนอธิบายขอผอนปรนในการละหมาดสําผูปวยและคนเดินทางมาพอสังเขป ? 2.ในกรณีที่สามารถยืนละหมาดไดแตไมสามารถกราบซูยุดได ควรปฏิบัติตามขอใด ? • ยืนละหมาดแลวใชสัญญาณแสดงทารอเกาะอฺและซูยุด • นั่งละหมาดแลวใชสัญญาณแสดงทารอเกาะอฺและซูยุด • ยืนละหมาดแลวรอเกาะอฺเพียงอยางเดียว 3.เมื่อผูปวยตองการนั่งละหมาดเขาควรนั่งอยางไร ? • นั่งขัดสมาธิ • นั่งเหมือนนั่งตะชะฮุดในละหมาด ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
115
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
• นั่งราบกับพื้นยื่นเทาไปขางหนา ُ ﺡ ﺃﻥ ﺗﻘ ُ )ﻓﻠﻴﺲ ﻋﻠﻴﻜﻢ ﺟُﻨﺎบางคน 4.อัลลอฮทรงตรัสไววา (ﺼﺮُﻭﺍ ﻣﻦ ﺍﻟﺼﻼﺓ ﺇﻥ ﺧِﻔﺘﻢ ﺃﻥ ﻳﻔﺘﻨﻜﻢ ﺍﻟﺬﻳﻦ ﻛﻔﺮﻭﺍ อาจจะเขาใจวาการเดินทางจะตองมีความกลัวอยูดวยจึงจะอนุญาตใหกอซัร(ตัดทอนหรือยอ) ละหมาดได ในเรื่องนี้นักเรียนจะอธิบายอยางไร ? การอนุญาตใหกอซัร(ยอ) ละหมาดโดยไมตองมี ความกลัวอยูดวยมีหลักฐานมาจากฮาดิษใด ? 5.เพราะเหตุใดการละหมาดซุบฮฺกับมัฆริบจึงไมอนุญาตใหทําการกอซัร ? 6. ผูเดินทางจะไดรับการอนุญาตใหกอซัรละหมาดไดเมื่อ...... • ขณะที่ยังอยูกับบานและตัดสินใจแลววาจะออกเดินทาง • เมื่อขึ้นพาหนะออกเดินทาง • เมื่อบอกกับครอบครัววาจะออกเดินทาง • เมื่อเลยเขตเมืองหรือเขตหมูบานของตนเอง 7.กรอบระยะเวลาที่อนุญาตใหทําการกอซัรละหมาดไดตองไมเกิน... • 19 วัน • 20 วัน • 15 วัน • 4 วัน • ระยะเวลาที่คิดวาเสร็จธุระแลว 8. ผูเดินทางไกลไมตองทําการกอซัรละหมาดเมื่อ...... • ไมมีความยากลําบากเกิดขึ้น • ใชเครื่องบินเปนพาหนะ • เมื่อตั้งใจวาจะกลับ • เมื่อถึงไปยังที่พักของตนเองแลว หนวยที่ 5 การละหมาดชดเชย 1.วายิบใหทําการชดเชยละหมาดในกรณีที่มีการละทิ้งละหมาดเพราะลืม หรือนอนหลับ เพราะ ทานนบี ไดกลาวไววา “ผูใดที่นอนหลับหรือลืมละหมาดก็ใหละหมาดชดเชยเมื่อนึกขึ้นได” รายงานโดย บุคอรียและมุสลิม นักวิชาการทั้งหมดตางเห็นพองตองกัน แตสําหรับผูที่ละทิ้งละหมาดโดยเจตนา ุมฮูรุล อุลามะอฺ ใหทัศนะวาวายิบตองทําการชดเชย เมื่อเขาทําการเตาบะฮฺแลว ไมวาจะมากนอยเพียงใด เพราะเปน เรื่องที่วายิบจะตองชดเชยสําหรับผูลืม ผูที่เจตนาก็ยิ่งจําเปนตองชดเชยกวา และทัศนะของซอฮิรียะฮฺก็สอดคลองกับทัศนะของุมฮูร วาผูละทิ้งละหมาดนั้นเปนบาป แตพวก เขาใหทัศนะวาผูที่ละทิ้งละหมาดโดยเจตนานั้นไมวายิบตองชดเชย เพราะซอฮิรียะฮฺปฏิเสธการเทียบเคียง ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
116
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หรือกียาส พวกเขาใหเหตุผลวา คนที่ลืมนั้นมีเหตุจําเปน และผูที่เจตนาไมไดมีเหตุจําเปนอะไร 2.การชดเชยละหมาดควรเปนไปตามลําดับกอนหลัง หากขาดไมเกิน 5เวลา ควรชดเชยละหมาดซุฮรฺ ี กอนละหมาดอัศรี และไมควรขามการเรียงลําดับกอนหลัง ยกเวนเมื่อมีการละหมาดญามาอะฮฺเกิดขึ้น เขา จะตองละหมาดพรอมกับกลุม แลวกลับมาชดเชยในภายหลัง ซึ่งสามารถกระทําได 3.สวนผูหญิ งที่ มีรอบเดือน มี น้ําควาปลา หรือคนเสียสติ คนที่ตกจากศาสนา เมื่อเขากลับคืน สู อิสลาม คนกลุมนี้ไมตองละหมาดชดเชย49 หนวยที่ 6 การซุยุดซะฮฺวีย อนุญาตใหทําการซูยุดซะฮฺวยี ไดในกรณีดงั ตอไปนี้ 1.เมื่อผูละหมาดใหสลามกอน ทั้งๆ ที่การละหมาดยังไมสมบูรณ (ตอมา)เขาก็ทําการละหมาดตอจน เสร็จสิ้นสมบูรณกอนทีก่ ระทําการกระทําอื่น(นอกเหนือจากการละหมาด) เมื่อละหมาดเสร็จก็ใหทาํ การซูยุด ซะฮฺวีย ดังที่ทา นรอซูลุลลอฮ ไดเคยปฏิบัติ ขณะที่ทา นละหมาด 2 รอคอะฮฺ ทั้งๆ ที่เปนละหมาด 4 รอคอะฮฺ ทานใหสลามและมีผูเตือนทาน ..ฮาดิษรายงานโดยอัลบุคอรีย 2. เมื่อมีการละหมาดเกิน ซึ่งทานนบี เคยละหมาดเกินไปเปน 5 รอคอะฮฺ เมื่อมีคนบอกทาน ทาน ก็ทําการซูยุดซะฮฺวยี สองครั้ง หลังการใหสลาม ..รายงานโดยอัลยามาอะฮฺ 3. เมื่อไมแนใจจํานวนรอคอะฮฺที่ละหมาด ก็ใหยึดเอาจํานวนทีน่ อยกวา แลวทําการละหมาดตอ จากนั้นก็ใหซูยุดซะฮฺวีย รายงานโดย อะหฺมัดและมุสลิม 4.เมื่อมีการลืมซูนัตของใดขอหนึ่งของการละหมาด ซึ่งทานนบี เคยลืมการตะชะฮุดแรก ทานก็ ไดทําการซูยุดซะฮวีย ...รายงานโดยยามาอะฮฺ บัญญัติเกี่ยวกับการซูยุดซะฮฺวียใ นสามกรณีแรก เปนวายิบ แตกรณีทสี่ ี่เปนซูนัต วิธีการซูยุดซะฮฺวีย วิธีการซูยุดซะฮฺวีมีอยู 2 วิธี และทั้งสองตางเปนวิธีที่ถูกตองที่มีรายงานจากทานรอซูลุลลอฮทั้งสอง 1. ซูยุดกอนใหสลาม คือนั่งและอานตะชะฮุด กลาวซอลาวัตตอทานนบีแลวใหสลาม ดุอา จากนั้นก็ ใหตักบีรและทําการซูยุด 2 ครั้ง ...รายงานโดย ผูรายงานทั้งเจ็ดคน 2.ซูยุดหลังการใหสลาม อานตะชะฮุด แลวใหสลามทางขางขวา จากนั้นก็ใหตักบีร แลวทําการซูยุด สองครั้ง แลวใหทําการตะชะฮุดและกลาวซอลาวัต อานดุอาแลวจึงใหสลาม (วิธีนี้เปนรายงานของทาน มุสลิม อาบูดาวุด อัลนะซาอีย อะหฺมัด และอิบนุ คุซัยมะฮฺ (และเปนความเขาใจหนึ่งของรายงานจากอัลบุคอ รีย)
49
แตชาฟอียะฮฺ คนตกศาสนาจะตองละหมาดชดเชย
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
117
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
บัญญัติอื่น ๆ 1.เมื่อผูละหมาดลืมซูยุดซะฮฺวียและทิ้งระยะหางออกไปเปนเวลานาน การซูยุดซะฮฺวียก็ตกไป 2.หากอีหมามทําการซูยุดซะฮฺวีย มะมูมก็จะตองซูยุดตามดวย หากอีหมามลืม มะมุมจะตองเตือน หากอีหมามไมซูยุด มะมูมตองซูยุดซะฮฺวีย 3. แตหากมะมูมลืม ก็ไมตองซูยุด 4.หากลืมการนั่งในครั้งที่หนึ่ง ก็ใหกลับมานั่งใหม หากยังยืนขึ้นไมตรง หากยืนขึ้นจนตรงแลวก็ไม อนุญาตใหกลับมานั่งอีก แตตองซูยุดซะฮฺวีย 5.หากเจตนาที่จะไมซุยุดซะฮฺวียที่วายิบ ก็ตองละหมาดใหม แตชาฟอียบอกวาไมตองละหมาดใหม แตอยางใด หนวยที่ 7 การซูยุดติลาวะฮฺ(เมื่ออัลกุรอานถึงอายะฮฺที่ตองซูยุด) ในอัลกุรอานมีอายะฮฺหลายอายะฮฺ(เฉพาะ) เมื่อมุสลิมอานหรือไดยินจะตองทําการซูยุดหนึ่งครั้ง การซูยุดในที่นี้เรียกวา ซูยุดติลาวะฮฺ 1.ตามทัศนะของอัลอะหฺนาฟ และุมฮูร ซูยุดติลาวะฮฺวายิบสําหรับผูอานและผูฟง50 2.เงื่อนไขของการซูยุด คือตองสะอาดปราศจากฮาดัษ ตองหันหนาไปทางกิบลัต และปกปดเอารัต 3.วิธีการ คือ กลาวตักบีร แลวซูยุด 1 ครั้ง จากนั้นก็ใหกลาวตักบีรและลุกขึ้นนั่ง โดยไมตองกลาวตะ ชะฮุดแตอยางใด ทานนบี อานดุอาขณะซูยุดวา ،« ﻭﺷ ﱠﻖ ﺳَﻤﻌﻪ ﻭﺑﺼﺮﻩ ﲝﻮﻟِﻪ ﻭﻗﻮﱠﺗﻪ،»ﺳَﺠﺪ ﻭﺟﻬﻲ ﻟﻠﺬﻱ ﺧَﻠﻘﻪ ฮาดิษรายงานโดย อาบูดาวุด อัลนะซาอีย อัตตัรมีซีย และทานฮากิมกลาววา เปนฮาดิษฮะซัน อัลฮากีมใหเปน ฮาดิษซอเหียะหฺ บันทึกโดย อะหฺมัดและอัลบัยฮะกีย 4.แทนที่การซูยุดดวยการอานวา
.« ﻭﻻ ﺣَﻮﻝ ﻭﻻ ﻗﻮﱠﺓ ﺇﻟﹼﺎ ﺑﺎﷲ ﺍﻟﻌﻠ ّﻲ ﺍﻟﻌَﻈﻴﻢ،»ﺳﺒﺤﺎﻥ ﺍﷲ ﻭﺍﳊﻤﺪ ﷲ ﻭﻻ ﺇﻟﻪ ﺇﻻ ﺍﷲ ﻭﺍﷲ ﺃﻛﱪ 5. อายะฮฺที่ตองซูยุดติลาวะฮฺมีทั้งหมด 14 ที่ ซึ่งปรากฏอยูในซูเราะฮฺดังตอไปนี้คือ - ﺹ- ﺍﻟـﺴﱠﺠﺪﺓ- ﺍﻟﻨﱠﻤـﻞ- ﺍﻟﻔﹸﺮﻗﺎﻥ- ﺍﳊﺞ- ﻣَﺮﱘ- ﺍﻹِﺳﺮﺍﺀ- ﺍﻟﻨﱠﺤﻞ- ﺍﻟﺮﱠﻋﺪ- ﺍﻷﻋﺮﺍﻑ . ﺍﻟﻌﻠﻖ- ﺍﻻﻧﺸِﻘﺎﻕ- ﺍﻟﻨﱠﺠﻢ- ﹸﻓﺼﱢﻠﺖ 6.ตามทัศนะของชาฟอียะฮฺ ทานรอซูลุลลอฮ ไดทําการซูยุดชุกุรฺการซูยุดประเภทนี้ จะตองเปน การซูยุดนอกเวลาละหมาดเทานั้น หากซูยุดในละหมาดจะทําใหเสียละหมาด และอีกซูยุดหนึ่งคือซูยุดใน ตอนทายของซูเราะฮฺอัลฮัจฺ ในอายะฮฺที่วา .{... ﺍﺭﻜﻌﻭﺍ ﻭﺍﺴﺠﺩﻭﺍ...} . ﻭﻤﻥ ﻟﻡ ﻴﺴﺠﺩ ﻓﻼ ﺇﺜﻡ ﻋﻠﻴﻪ ( ﺭﻭﺍﻩ ﺍﻟﺒﺨﺎﺭﻱ، ﻓﻤﻥ ﺴﺠﺩ ﻓﻘﺩ ﺃﺼﺎﺏ، ﻴﺎ ﺃﻴﻬﺎ ﺍﻟﻨﺎﺱ ﺇﻨﻤﺎ ﻨﻤﺭ ﺒﺎﻟﺴﺠﻭﺩ
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
50
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
118
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หนวยที่ 8 หลักการเกี่ยวกับมัสยิด ทานนบี ไดกลาวไววา “ แผนดินทั้งหมดทรงสรางมาใหมีความสะอาดและเปนมัสยิด(ได)ที่ใดก็ ตามเมื่อไดเวลาละหมาด ก็ใหทําการละหมาดได” รายงานโดย อัลนะซาอีย ทานนบี ไดกําหนดใหมกี ารสรางมัสยิดขึ้น โดยกลาววา “ผูใดสรางมัสยิดเพื่ออัลลอฮโดยหวัง ความโปรดปรานจากพระองค พระองคก็จะทรงสรางบานใหกับเขาในสรวงสวรรค” รายงานโดย บุคอรีย และมุสลิม 1. มุสลิมที่ประสงคจะออกจากบานไปยังมัสยิด ซูนัตใหอานดุอาดังตอไปนี้.... ﻭﰲ ﻋَـﺼﱯ، ﻭﺧﻠﻔﻲ ﻧﻮﺭﺍﹰ، ﻭﻋﻦ ﻳَﻤﻴﲏ ﻧﻮﺭﺍﹰ، ﻭﰲ ﺳَﻤﻌﻲ ﻧﻮﺭﺍﹰ، ﻭﰲ ﺑَﺼﺮﻱ ﻧﻮﺭﺍﹰ،» ﺍﻟﻠﻬ ﱠﻢ ﺍﺟﻌﻞ ﰲ ﻗﹶﻠﱯ ﻧﻮﺭﺍﹰ «ً ﻭﰲ ﺑَﺸﺮﻱ ﻧﻮﺭﺍ، ﻭﰲ ﺷَﻌﺮﻱ ﻧﻮﺭﺍﹰ، ﻭﰲ ﺩَﻣﻲ ﻧﻮﺭﺍﹰ، ﻭﰲ ﳊﻤﻲ ﻧﻮﺭﺍﹰ،ﻧﻮﺭﺍﹰ ฮาดิษรายงานโดยชัยคอน 2.การเขามัสยิดควรเขาดวยเทาขวา แลวอานดุอา
ﺍﻟﻠﻬ ﱠﻢ. ﺑﺴﻢ ﺍﷲ.» ﺃﻋﻮﺫ ﺑﺎﷲ ﺍﻟﻌﻈﻴﻢ ﻭﺑﻮﺟﻬﻪ ﺍﻟﻜﺮﱘ ﻭﺳﻠﻄﺎﻧﻪ ﺍﻟﻘﺪﱘ ﻣﻦ ﺍﻟﺸﻴﻄﺎﻥ ﺍﻟﺮﺟﻴﻢ ،« ﻭﺍﻓﺘ َﺢ ﱄ ﺃﺑﻮﺍﺏ ﺭﲪﺘﻚ، ﺍﻟﻠﻬ ّﻢ ﺍﻏﻔﺮ ﱄ ﺫﻧﻮﰊ.ﺻ ﱢﻞ ﻋﻠﻰ ﳏﻤﺪ และเมื่อตองการออกจากมัสยิด ใหกาวออกดวยเทาซายพรอมกับอานดุอาวา
ﺍﻟﻠﻬﻢ. ﻭﺍﻓﺘﺢ ﱄ ﺃﺑﻮﺍﺏ ﻓﹶﻀﻠﻚ، ﺍﻟﻠﻬ ﱠﻢ ﺍﻏﻔﺮ ﱄ ﺫﹸﻧﻮﰊ. ﺍﻟﻠﻬ ّﻢ ﺻ ﱢﻞ ﻋﻠﻰ ﳏﻤﺪ.» ﺑﺴﻢ ﺍﷲ .« ﺍﻋﺼﻤﲏ ﻣﻦ ﺍﻟﺸﱠﻴﻄﺎﻥ ﺍﻟﺮﺟﻴﻢ 3.ทางที่ดีมุสลิมควรไปมัสยิดใหมาก ๆ เพราะทานรอซูลุลลอฮ ไดเคยกลาวไววา “ ผูใดที่เดินทาง ไปกลับมัสยิดแตตอนเชามืด และตอนกลางคืนอัลลอฮก็จะทรงสรางที่พักใหกับเขาในสวรรคทุกครั้งที่ไป และกลับ” รายงานโดย ชัยคอน 4. กอนเขามัสยิดใหทําการละหมาด 2 รอคอะฮฺ ( )ﲢﻴﺔ ﺍﳌﺴﺠﺪซึ่งทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวไววา “เมื่อคนหนึ่งคนใดจากพวกทานเขาสูมัสยิด ก็จงทําการละหมาด 2 รอคอะฮฺกอนนั่งลงในมัสยิด”รายงาน โดยญะมาอะฮฺ 5. มุสลิมควรดูแลรักษาความสะอาดมัสยิด ทานนบี ไดหามการถายปสสาวะ หามทิ้งสิ่งสกปรก หามถมน้ําลายหรือเสมหะ หามผูรับประทานกระเทียม หัวหอมเขามัสยิด 6.หามสงเสียงดัง (แมกระทั่งการอานอัลกุรอาน) เพื่อมิใหมีเสียงรบกวนผูที่กําลังละหมาด อนุญาต ใหนอนพัก รับประทานอาหารหรือเครื่องดื่ม และพูดคุยในสิ่งที่อนุญาตในมัสยิดได
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
119
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
กิจกรรม การละหมาดรวมและการละหมาดชดเชย 1.การรวมละหมาดเพื่อใหเกิดความสะดวกแกมุสลิมในการปฏิบัติศาสนากิจ ซึ่งก็สอดคลองกับ ธรรมชาติของความเปนอิสลาม ...จงอธิบายเกีย่ วกับเรื่องนี้มาพอสังเขป 2.การละหมาดรวมบางกรณีเปนการรวมในเวลากอน บางกรณีเปนการรวมในเวลาหลัง มีละหมาด เวลาใดบางทีส่ ามารถรวมไดและรวมไมได จงอธิบายพรอมแสดงหลักฐานประกอบจากฮาดิษ 3. การละหมาดสามารถละหมาดรวมกันไดมี 4 กรณีคือ กรณีใดบาง ? จงตอบพรอมแสดงหลักฐาน ประกอบจากการกระทําของทานนบี 4. การละหมาดชดเชยสามารถกระทําไดเมื่อ.... • นอนหลับหรือลืม • แกลงละทิ้งละหมาดโดยเจตนา • ละทิ้งละหมาดกรณีสตรีมีรอบเดือน • ถูกบังคับใหละทิ้งละหมาด 5.ผูที่ละทิ้งละหมาดโดยเจตนาจะตองทดแทนอยางไร ? (ใหนกั เรียนบอกทัศนะของนักวิชาการ มุสลิมมาเกี่ยวกับเรื่องนี้มาพอสังเขป) การซูยุดซะฮฺวีย 1. บัญญัติการซูยุดซะฮฺวยี บัญญัติมาสําหรับ.... • ผูที่ละทิ้งซูนัตของการละหมาด • ผูที่เพิ่มการกระทําขอใดขอหนึ่งเขามาในละหมาด • ผูที่ขาดรอคอะฮฺในรอคอะฮฺหนึ่งของการละหมาด • เพื่อเตือนผูละหมาดในขณะทําการละหมาดวาเขาไมไดทําวุฎอฺ 2. การซุยุดซะฮฺวียมีทั้งกอนและหลังการใหสลาม ...เมื่อใดตองซูยุดกอนและเมื่อใดตองซูยุดหลัง 3. ในหลักการที่วา “ควรตองสลัดความคลางแคลงใจออกไปแลวเลือกเอาในสิ่งที่มั่นใจ” มาแทนคือ การปฏิบัติตามขอใด • เลือกเอาความมั่นใจและดําเนินการตอตามตองการ • ควรเอาชนะสิง่ ที่เปนทางลบและความไมมนั่ ใจ • ความคลางแคลงใจไมมีผลตอความมั่นใจ • ตองรอจนกวาจะเกิดความมัน่ ใจ 4. เมื่อใดที่พิจารณาแลวเห็นวา “ควรออกจากมัสยิดอยางรวดเร็วหลังเสร็จสิ้นการละหมาด” 5. ทานรอซูลุลลอฮ เปนคนขี้อาย เปนคนถอมตน และเปนผูที่ใหอภัยเสมอ แตทานก็ยังทรง ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
120
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
เกียรติและทรงยิ่งใหญ...จงแสดงหลักฐานประกอบลักษณะดังกลาว 6.ผูที่ละหมาดแลวเผลอลืม แลวเพิ่มละหมาดจาก 4 รอคอะฮฺเปน 5 รอคอะฮฺ การละหมาดของเขา ถูกตองหรือไมอยางไร จงตอบพรอมแสดงหลักฐานประกอบ 7. ตาม “ขอ 6” เขาตองปฏิบัติอยางไร ในความผิดพลาดครั้งนี้ ? 8. การซูยุดซะฮฺวียเปนขอผอนปรนใหกับผูศ รัทธาในการปฏิบัติศาสนากิจอยางไร ? 9. การที่มุสลิมทําการซูยุดติลาวะฮฺเมื่ออานอายะฮฺอัลกุรอาน จะทําใหชยั ฏอนเปนทุกข จงแสดง หลักฐานประกอบจากฮาดิษ ? 10. การซูยุดติลาวะฮฺเปนบัญญัติ.... • ซุนัตสําหรับผูอานอัลกุรอานเทานั้น • ซูนัตสําหรับผูอานและผูรับฟงการอานอัลกุรอาน • ฟรฎสําหรับทั้งสองคน 11.จงทําเครื่องหมาย 9 หนาหัวขอทีก่ ลาวถูกตอง และจงทําเครื่องหมาย x หนาหัวขอที่ผิด • ซูยุดติลาวะฮฺตอ งกระทําในขณะที่รางกายสะอาดปราศจากฮาดัษ • ตองหันหนาไปทางกิบลัต • ซูยุดติลาวะฮฺไมตองตะชะฮุดและสลาม • อายะฮฺติลาวะฮมีทั้งหมด 5 อายะฮฺเทานั้น 12.ทานอาบีฮุรอยรอฮฺ ไดกลาวไววา “ฉันเองเคยทําการซูยุดหลังของทานรอซูลุลลอฮ และ ยังคงซูยุดตามทานจนทานเสร็จสิ้น” ฮาดิษนี้มีความหมายวาอยางไร และทําไมเราจึงตองปฏิบัติตามซอ ฮาบะฮดวย ? 13.ใหนกั เรียนเขียนอายะฮฺทผี่ ูอานและผูฟงตองซูยุดติลาวะฮในอัลกุรอานมาทั้งหมด
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
121
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
บทที่ 3 ศาสนบัญญัติการถือศิลอด หมวดที่ 1 ศีลอดในอัลกุรอาน อัลลอฮไดทรงตรัสไววา tβθà)−Gs? öΝä3ª=yès9 öΝà6Î=ö7s% ÏΒ šÏ%©!$# ’n?tã |=ÏGä. $yϑx. ãΠ$u‹Å_Á9$# ãΝà6ø‹n=tæ |=ÏGä. (#θãΖtΒ#u tÏ%©!$# $y㕃r'¯≈tƒ ’n?tãuρ 4 tyzé& BΘ$−ƒr& ôÏiΒ ×Ïèsù 9xy™ 4’n?tã ÷ρr& $³ÒƒÍ£∆ Νä3ΖÏΒ šχ%x. yϑsù 4 ;N≡yŠρ߉÷è¨Β $YΒ$−ƒr& ∩⊇∇⊂∪ ×öyz (#θãΒθÝÁs? βr&uρ 4 …ã&©! ×öyz uθßγsù #Zöyz tí§θsÜs? yϑsù ( &Å3ó¡ÏΒ ãΠ$yèsÛ ×πtƒô‰Ïù …çµtΡθà)‹ÏÜムšÏ%©!$# ;M≈oΨÉit/uρ Ĩ$¨Ψ=Ïj9 ”W‰èδ ãβ#uöà)ø9$# ϵŠÏù tΑÌ“Ρé& ü“Ï%©!$# tβ$ŸÒtΒu‘ ãöκy− ∩⊇∇⊆∪ tβθßϑn=÷ès? óΟçFΖä. βÎ) ( öΝà6©9 ×Ïèsù 9xy™ 4’n?tã ÷ρr& $³ÒƒÍs∆ tβ$Ÿ2 tΒuρ ( çµôϑÝÁuŠù=sù töꤶ9$# ãΝä3ΨÏΒ y‰Íκy− yϑsù 4 Èβ$s%öàø9$#uρ 3“y‰ßγø9$# zÏiΒ ©!$# (#ρçÉi9x6çGÏ9uρ nÏèø9$# (#θè=Ïϑò6çGÏ9uρ uô£ãèø9$# ãΝà6Î/ ߉ƒÌムŸωuρ tó¡ãŠø9$# ãΝà6Î/ ª!$# ߉ƒÌム3 tyzé& BΘ$−ƒr& ôÏiΒ Ü=‹Å_é& ( ë=ƒÌs% ’ÎoΤÎ*sù Íh_tã “ÏŠ$t6Ïã y7s9r'y™ #sŒÎ)uρ ∩⊇∇∈∪ šχρãä3ô±n@ öΝà6¯=yès9uρ öΝä31y‰yδ $tΒ 4†n?tã s's#ø‹s9 öΝà6s9 ¨≅Ïmé& ∩⊇∇∉∪ šχρ߉ä©ötƒ öΝßγ¯=yès9 ’Î1 (#θãΖÏΒ÷σã‹ø9uρ ’Í< (#θç6‹ÉftGó¡uŠù=sù ( Èβ$tãyŠ #sŒÎ) Æí#¤$!$# nοuθôãyŠ óΟçGΨä. öΝà6¯Ρr& ª!$# zΝÎ=tæ 3 £ßγ©9 Ó¨$t6Ï9 öΝçFΡr&uρ öΝä3©9 Ó¨$t6Ï9 £èδ 4 öΝä3Í←!$|¡ÎΣ 4’n<Î) ß]sù§9$# ÏΘ$uŠÅ_Á9$# öΝä3s9 ª!$# |=tFŸ2 $tΒ (#θäótFö/$#uρ £èδρçų≈t/ z≈t↔ø9$$sù ( öΝä3Ψtã $xtãuρ öΝä3ø‹n=tæ z>$tGsù öΝà6|¡àΡr& šχθçΡ$tFøƒrB (#θ‘ϑÏ?r& ¢ΟèO ( Ìôfxø9$# zÏΒ ÏŠuθó™F{$# ÅÝø‹sƒø:$# zÏΒ âÙu‹ö/F{$# äÝø‹sƒø:$# ãΝä3s9 t¨t7oKtƒ 4®Lym (#θç/uõ°$#uρ (#θè=ä.uρ 4 3 $yδθç/tø)s? Ÿξsù «!$# ߊρ߉ãn y7ù=Ï? 3 ωÉf≈|¡yϑø9$# ’Îû tβθàÅ3≈tã óΟçFΡr&uρ ∅èδρçų≈t7è? Ÿωuρ 4 È≅øŠ©9$# ’n<Î) tΠ$u‹Å_Á9$# ∩⊇∇∠∪ šχθà)−Gtƒ óΟßγ¯=yès9 Ĩ$¨Ψ=Ï9 ϵÏG≈tƒ#u ª!$# ÚÎit6ムy7Ï9≡x‹x.
โอบรรดาผูศรัทธาทั้งหลาย! ไดมีบัญญัติแกพวกเจาทั้งหลายใหทําการถือศีลอด ประดุจที่เคยบัญญัติ มาแลวแกบรรดาชนในยุคกอนหนาพวกเจา ทั้งนี้เพื่อพวกเจาจะไดมีความยําเกรง (ใหทําการถือศีลอด) ตาม กําหนดวัน (ที่แนชัด คือในเดือนรอมะฏอน) แตถาผูใดจากพวกเจาทั้งหลายปวยหรือกําลังเดินทาง (ก็ผอ นผัน มิตองถือศีลอด) ดังนั้น (จงถือศีลอดชดเชย) ในกําหนดวันอื่น และบังคับแกบรรดาผูไรสามารถในการถือศีล อด ใหชําระคาชดเชย คือใหอาหารแกคนอนาถา (หนึ่งทะนานตอหนึ่งวัน) แตผูใดก็ตามที่อาสากระทําดี (โดย ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
122
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ชดเชยเกินกวาอัตราที่กําหนดไว) ก็จะเปนความดีแกเขาอยางแนนอน และการถือศีลอดของพวกเจาทั้งหลาย (ในภาวะไดรับการผอนผันนั้น) ยอมจะเปนความดีแกพวกเจาเอง ทั้งนี้หากพวกเจารูเดือนรอมะฏอนซึ่งอัลกุ รอานถูกประทานลงมา เพื่อเปนสิ่งชี้นําแกมวลมนุษยชาติ และเปน (หลักฐาน) ที่ชัดแจงจากสิ่งชี้นํา และเปน การจําแนก (ระหวางความผิดกับความถูก) ดังนั้นบุคคลใดจากเจาทั้งหลายไดประจักษชัดแกเดือนนั้น เขาก็ จงถือศีลอดมันเถิด และผูใดเจ็บปวยหรือกําลังเดินทาง ก็ใหเขาถือศีลอดชดใชในกําหนดวันอื่นตอไป อัลลอฮฺ ทรงประสงคความสะดวกแกเจาทั้งหลาย และไมประสงคความลําบากแกพวกเจาเลย และพวกเจาจงนับ จํานวนวันใหครบถวน และจงสดุดีความเกรียงไกรแกอัลลอฮฺเถิด เนื่องในสิ่งที่พระองคทรงชี้นําพวกเจาและ เพื่อพวกเจาทั้งหลายจักไดขอบคุณพระองคและเมื่อมวลบาวของขาไดถามเจาถึงขา (เจาจงตอบไปเถิดวา) แทจริงขาเปนผูใกลชิด (กับพวกเจา) ขาคอยสนองตอบคําวอนขอผูวอนขอ เมื่อเขาไดวอนขอตอขา ดังนั้น พวกเขาจงขอการสนองตอบตอขาเถิด และพวกเขาจงมีศรัทธาในขาเถิด เพื่อพวกเขาจะไดรับการชี้นํา (ให อยูในทางที่ถูกตอง)ไดอนุมัติแกพวกเจาทั้งหลายในค่ําของการถือศีลอด ใหทําการรวมเพศสัมพันธกับภริยา ของเจาได เพราะพวกนางเปน (ประหนึ่ง) อาภรณของพวกเจา และพวกเจาก็เปน(ประหนึ่ง) อาภรณของ พวกนาง อัลลอฮฺทรงรอบรูวาพวกเจาทั้งหลายไดเคยคดโกงตัวเอง (ดวยการรวมเพศสัมพันธกับภริยาใน ยามค่ําของการถือศีลอด) แลวพระองคก็ทรงรับการสารภาพผิดแกพวกเจา และทรงใหอภัยแกพวกเจาทั้ง มวล ดังนั้น ณ บัดนี้ เจาทั้งหลายจงสัมผัสพวกนางเถิด และจงแสวงหา (ความสุขจากพวกนางไดอยางเสรี) ตามที่อัลลอฮฺ ไดทรงลิขิตไวแกพวกเจา พวกเจาจงรับประทานและจงดื่มจนกระทั่งไดชัดเจนแกพวกเจาซึ่ง เสน (แสง) สีขาว (ที่ทอดอยูขอบฟา) อันมาจากเสน(แสง) สีดํา (อันมืดสนิท) จากแสงอรุณ หลังจากนั้นเจา ทั้งหลายตองถือศีลอดใหเต็มวันจวบจนถึงกาลางคืน(คือ ตอนตะวันตกอันเปนเวลาละศีลอด) และพวกเจาจง อยาสัมผัส (รวมเพศสัมพันธ) แกพวกนาง ในขณะพวกเจาทําการสํารวมจิตใจมัสยิด นั้นเปนขอบเขต ของอัลลอฮฺ (ที่ทรงกําหนดไว) ดังนั้นพวกเจาจงอยาเขาใกลมัน (เปนอันขาด) เชนนั้นแหละอัลลอฮฺทรงแจง บรรดาโองการของพระองคแกมวลมนุษยเพื่อพวกเขาจะไดยําเกรง คําอธิบายศัพทยาก ศัพทยาก ﺐ ﻋﻠﻴﻜﻢ َ ُآ ِﺘ ت ٍ أیﺎﻣﺎًﻣﻌﺪودا ﻓﻌ ﱠﺩ ﹲﺓ ﻴﻁﻴﻘﻭﻨﻪ ﻓِﺩﻴَﺔ ﻓﻤﻥ ﺘﻁﻭﱠﻉ
ความหมาย มีบัญญัติมาเหนือพวกทาน เดือนรอมะฏอน ถือศีลอดชดเชยในเดือนอื่น สามารถปฏิบัติได แตก็มีความลําบาก จายฟดยะฮฺ (คาชดเชย) ดวยการใหอาหารแกคนยากจน ใหอาหารมากกวาจํานวนที่กําหนด
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01 ﺍﻟﻔﺭﻗﺎﻥ ﻓﻤﻥ ﺸﻬ َﺩ ﻤﻨﻜﻡ ﺍﻟﺸﻬ َﺭ ﺙ ﺇﻟﻰ ﻨﺴﺎﺌﻜﻡ ﺍﻟﺭ ﹶﻓ ﹸ ﺘﺨﺘﺎﻨﻭﻥ ﺃﻨ ﹸﻔﺴَﻜﻡ ﺏ ﻋﻠﻴﻜﻡ َ ﻓﺘﺎ ﺒﺎﺸﺭﻭﻫﻥ ﻭﺍﺒﺘﻐﻭﺍ ﺇﻟﻰ ﺍﻟﻠﻴل ﻋﺎﻜﻔﻭﻥ
123
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
แยกแยะระหวางโมฆะธรรมกับสัจจธรรม ทันเขาสูเดือนรอมะฎอน ขณะที่มีคุณสมบัติครบถวน มีเพศสัมพันธ บิดพลิ้ว ตอตัวเอง ดวยการทําสิ่งที่ตองหาม ผอนปรนจากบัญญัติที่ยากลําบากตอการปฏิบัติ จงมีสัมพันธกับนาง จงแสวงหา ถึงเวลากลางคืน อิอฺติกาฟในมัสยิด
หมวดที่ 2 หลักการของการถือศีลอด นิยามและการบัญญัติ อัซซียามหรือการถือศีลอด หมายถึง การระงับจากการกระทําทีท่ ําใหเสียศีล อดทุกชนิด โดยเริ่มตั้งแตดวงอาทิตยขึ้นไปจนกระทั่งถึงดวงอาทิตยตกดิน พรอมกับการตั้งเจตนา ซึ่งอัลลอฮ ไดทรงบัญญัติการถือศีลอดมายังมุสลิมใหทําการถือศีลอดในเดือนรอมะฎอน ในปที่ 2 แหงฮิจเราะฮฺศักราช การบัญญัติเกี่ยวกับการถือศีลอดมีการทยอยบัญญัติมาตามลําดับขั้นตอนถึง 3 ระดับคือ 1. มีการบัญญัติมาใหเลือก ใครตองการถือศีลอดก็ใหถือ ใครไมตองการก็ไมเปนไรแมวาจะมี ความสามารถก็ตาม แตใหเขาจายฟดยะฮฺดว ยการใหอาหารแกคนยากจนแทน ซึ่งอัลลอฮทรงตรัสไววา ،[184 :{ ]ﺍﻟﺒﻘﺭﺓ
} ﻭﻋَﻠﻰ ﺍﻟﱠﺬﻳﻦ ﻳُﻄﻴﻘﻮﻧَﻪ ﻓﺪﻳ ﹲﺔ ﻃﹶﻌﺎﻡُ ِﻣﺴْﻜﲔ
คือใหเลือกระหวางการถือศีลอดกับการจายฟดยะฮฺเปนอาหารใหกับผูจากจนอนาถาแทนการถือศีลอดทุกวัน 2.วายิบตองยึดถือปฏิบัติ แตมีการผอนปรนใหกับผูที่ปวยไข ไมสบาย ผูที่เดินทางไกล ใหสามารถ ละศีลอดได และใหถือศีลอดชดเชยในวันอื่น ตามจํานวนวันที่ละศีลอดไป อัลลอฮทรงตรัสไววา .[185 :ﻦ ﹶﺃﻳﱠﺎ ٍﻡ ﹸﺃﺧَﺮ { ]ﺍﻟﺒﻘﺭﺓ ْ ﻭ َﻣ ْﻦ ﻛﹶﺎ ﹶﻥ ﻣَﺮﻳﻀﹰﺎ ﹶﺃ ْﻭ ﻋﻠﹶﻰ َﺳ ﹶﻔ ٍﺮ ﹶﻓ ِﻌ ﱠﺪ ﹲﺓ ِﻣ،ُﺼ ْﻤﻪ ُ ﺸ ْﻬ َﺮ ﹶﻓ ﹾﻠَﻴ } ﹶﻓ َﻤ ْﻦ َﺷ ِﻬ َﺪ ِﻣْﻨﻜﹸﻢُ ﺍﻟ ﱠ 3.อนุญาตใหสามารถรับประทานอาหารเครื่องดื่มและมีเพศสัมพันธกบั ภรรยาไดหลังดวงอาทิตยตก ดิน ไปจนกระทั่งถึงแสงอรุณขึ้นในวันถัดมา ในระดับที่ 1 และ 2 มีหลักการปฏิบัติวาผูที่ถือศีลอดเมื่อนอน หลับไปแลวก็หามรับประทานอาหารเครื่องดื่มใด ๆ ทั้งสิ้น และหามมีเพศสัมพันธเด็ดขาด จึงกลายเปนเรื่อง ยากตอการปฏิบัติสําหรับมุสลิม ตอมาอัลลอฮก็ทรงประทานอายะฮฺลงมาวา ﺾ ﻣـﻦ ُ ﻂ ﺍﻷﺑـﻴ } ﻭﻛﹸﻠﻮﺍ ﻭﺍ ْﺷﺮَﺑﻮﺍ ﺣَﱴ ﻳﺘﺒﻴﱠﻦ ﻟﻜ ُﻢ ﺍﳋﹶﻴ ﹸ:{ ﺇﻟﻰ ﻗﻭﻟﻪ ﺘﻌﺎﻟﻰ...ﺚ ﺇﱃ ﻧﺴﺎﺋِﻜﻢ } ﺃﹸ ِﺣﻞﱠ ﻟﹶﻜﻢ ﻟﹶﻴﻠﹶﺔ ﺍﻟﺼﱢﻴﺎﻡ ﺍﻟﺮﱠﻓ ﹸ .[187 : { ]ﺍﻟﺒﻘﺭﺓ...ﻂ ﺍﻷﺳﻮ ِﺩ ﻣ َﻦ ﺍﻟﻔﹶﺠﺮ ِ ﺍﳋﹶﻴ
มุสลิมทุกคนตางเห็นพองกันวาวายิบตองถือศีลอดในเดือนรอมฎอน และศีลอดก็เปนหลักการหนึ่ง
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
124
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ของหลักการอิสลามทั้งหา ผูใดปฏิเสธ ผูนั้นก็เปนกาเฟร พนสภาพจากการเปนมุสลิม เงื่อนไขการถือศีลอด เงื่อนไขการถือศีลอดมี 2 ประเภท ประเภทที่ 1 เงื่อนไขการวายิบ หมายถึงเงื่อนไขที่จําเปนตองปฏิบัติเพื่อใหการถือศีลอดเปนวายิบ คือ อิสลาม มีคุณสมบัติเปนมุกัลลัฟ(มีอายุครบตามเกณฑ มีสติสัมปชัญญะ) และตองมีความสามารถในการถือศีลอด ผูที่ ไมใชมุสลิม คนเสียสติ เด็ก ๆ ก็จะตกไป แตเด็ก ๆตองฝกฝนใหทําการถือศีลอด และเมื่อมีอายุครบ 10 ปก็ ตองลงโทษ และหากมีอายุถึง 9 ป()ﳑﻴﺰการถือศีลอดก็สามารถกระทําไดอยางสมบูรณ เชนเดียวกับผูที่ไม สามารถทําการถือศีลอดได บัญญัติก็จะตกไป เชน คนชรา คนปวยที่ไมมีความหวังวาจะหายขาด แตเขาตอง จายเปนคาทดแทน(ฟดยะฮฺ) เงื่อนไขประเภทที่ 2 เงื่อนไขเพื่อการปฏิบัติที่สมบูรณ หมายถึงเงื่อนไขที่จะทําใหการถือศีลอด สมบูรณถูกตอง คือ อิสลาม มุมัยยิซ(เด็กอายุครบ 9 ป) ปราศจากการมีรอบเดือน (น้ําคาวปลา) เพราะหญิงที่มี รอบเดือน หรือน้ําคาวปลา การถือศีลอดจะสมบูรณไดก็ตอเมื่อนางสะอาดจากรอบเดือน นางจะตองละศีล อดตลอดระยะเวลาที่มีรอบเดือนและมีน้ําคาวปลา และเมื่อใดที่นางสะอาดแลวก็วายิบใหถือศีลอดทดแทน วันที่ขาด โดยใหถือศีลอดชดเชยในวันปกติ การกระทําที่ตองปฏิบัติ(ฟรฎ)ในการถือศีลอด การกระทําที่ตองปฏิบัติในการถือศีลอดมี 2 ประเภท 1. การตั้งเจตนา เพื่อแบงแยกระหวางอีบาดะฮฺกับการกระทําที่ไมใชอีบาดะฮฺ การตั้งเจตนาไมตองพูด ออกมาเปนคําพูดเพราะการตั้งเจตนาจะอยูที่ใจ ผูใดที่รับประทานอาหารในตอนดึกโดยมีความตั้งใจวาจะทํา การถือศีลอด ก็แสดงวาไดตั้งเจตนาแลว ใครที่ตั้งใจวาจะไมกระทําในสิ่งที่ทําใหเสียศีลอดเพื่ออัลลอฮก็ แสดงวาตั้งใจถือศีลอดแลว ชวงเวลาของการตั้งเจตนา คือตลอดคืนไปจนกระทั่งถึงแสงอรุณขึ้น นั่นคือการ ถือศีลอดในเดือนรอมฎอน หรือการชดเชยศีลอดที่ขาดในเดือนรอมะฎอน การถือศีลอดที่บนบานไว การถือ ศีลอดทดแทน( )ﻛﻔﺎﺭﺓหากแสงอรุณขึ้นแลวเขายังไมไดตั้งเจตนา การถือศีลอดในวันนั้นก็จะไมสมบูรณ51 เพราะมีฮาดิษจากทานหญิงฮัฟเสาะฮฺ (ขอความโปรดปรานจากอัลลอฮจงมีแดทาน) ซึ่งไดรายงานไววา “ทานนบี ไดกลาวไววา ผูใดก็ตามหากไมรวมไวซึ่งความตั้งใจและการตั้งเจตนา เพื่อถือศีลอดกอนเวลา รุงอรุณ การถือศีลอดของเขาก็จะไมสมบูรณ” รายงานโดยอะหฺมัด และเจาของซุนัน อิบนุคุซัยมะฮฺและอิบ นุฮิบบานใหฮาดิษนี้เปนฮาดิษซอเหียะหฺ สวนการถือศีลอดที่เปนซูนัต ตามทัศนะของอัลอะหฺนาฟและชาฟอียะฮฺ สามารถตั้งเจตนาไดไป
51
สําหรับอัลอะหฺนาฟ การตั้งเจตนาในเดือนรอมฎอนยังสมบูรณไดหลังแสงอรุณขึ้นไปจนถึงกอนซุฮรฺ แตทางที่ดีตองใหทันตอนกลางคืน
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
125
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
จนกระทั่งถึงกอนตะวันคลอย เพราะมีฮาดิษของทานหญิงอาอีชะฮฺ (ขอความโปรดปรานจากอัลลอฮจงมีแด ทาน) ไดรายงานไววา “ ทานนบี ไดเขามาหานางแลวถามวา วันนี้ทานมีอะไรบาง ?” นางก็ตอบวา ไมมี อะไรเลย ทานก็ตอบวา “วันนี้ฉันถือศีลอด” รายงานโดยมุสลิมและอาบูดาวุด 2. การงดหรือระงับการรับประทานอาหาร เครื่องดื่มและสิ่งที่จะทําใหเสียศีลอดทั้งหมด ตั้งแตกอน แสงอรุณขึ้นไปจนกระทั่งถือดวงอาทิตยตกดิน สวนสิ่งที่จะทําใหเสียศีลอดมี 4 ประการคือ 1) การกิน การดื่มหรือนําเขาสิ่งใดสิ่งหนึ่งเขาสูรางกายทางปาก ในรูปแบบของการใหอาหารแก รางกาย หรือแมกระทั่งการนําสิ่งที่ไมมีประโยชนเขาสูรางกาย ที่ไมใชทางปากก็ตาม แตสําหรับการฉีดยา เพื่อรักษาโรคทางเสนโลหิตหรือทางกลามเนื้อไมไดทําใหเสียศีลอดแตอยางใด 2) อาเจียนโดยเจตนา จะทําใหเสียศีลอด แตหากไมไดเจตนาก็ไมทําใหเสียศีลอดแตอยางใด เพราะ ทานนบี ไดกลาวไววา ผูใดอาเจียนก็ไมตองชดเชย แตหากผูใดเจตนาทําใหอาเจียนโดยเจตนาก็จงชดเชย” รายงานโดย อะหฺมัด อาบูดาวุด อัตตัรมีซีย อิบนุมายะฮฺ อัดดารุลกุตนีย และทานอัลฮากิม โดยใหฮาดิษนี้เปน ฮาดิษซอเหียะหฺ 3) หลั่งอสุจิโดยเจตนา ไมวาจะดวยการกอดจูบภรรยา หรือจะใชวิธีสําเร็จความใคร ก็จะทําใหเสีย ศีลอด แตหากเปนแคมองดู หรือคิด แลวมีการหลั่งอสุจิ ก็จะไมเสียศีลอดแตอยางใด การหลั่งน้ําเมือกก็ เชนกัน ไมมีผลตอการถือศีลอด 4) การรวมประเวณี เพราะอัลลอฮไมทรงอนุญาตใหกระทําในเดือนรอมะฎอน ยกเวนในตอน กลางคืน ซึ่งอัลลอฮทรงตรัสไววา .[187 :]ﺍﻟﺒﻘﺭﺓ
{ ﺚ ﺇﱃ ﻧﺴﺎﺋﻜﻢ } ﺃﹸ ِﺣﻞﱠ ﻟﻜﻢ ﻟﻴﻠﺔ ﺍﻟﺼﱢﻴﺎ ِﻡ ﺍﻟﺮﻓ ﹸ
ไดอนุมตั ิแกพวกเจาทั้งหลายในค่ําของการถือศีลอด ใหทําการรวมเพศสัมพันธกับภริยาของเจาได การกระทําเหลานี้ทั้งหมดจะทําใหเสียศีลอดก็ตอเมื่อผูถือศีลอดกระทําในขณะที่ยังระลึกได วา ตนเองถือศีลอดอยู แตหากกระทําไปเพราะเผลอลืม52 ก็ไมไดทําใหเสียศีลอดแตอยางใด ไมวาจะเปนศีลอด เดือนรอมะฏอนหรือศีลอดอื่น ๆ จะเปนซูนัตหรือฟรฎ เพราะทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวไววา “ ผูใดเผลอ ลืม (วาเขากําลังถือศีลอด) ไปกินหรือดื่ม ก็ใหถือศีลอดตอไป แทจริงแลวอัลลอฮไดทรงประทานอาหารและ เครื่องดื่มแกเขา” รายงานโดยยะมาอะฮฺ ผูที่ตองละศีลอดในเดือนรอมะฎอน สถาวะที่ไมตองถือศีลอดมีทั้งหมด 6 ประการ 1) หญิงที่มีรอบเดือน มีน้ําคาวปลา (นิฟาส) หญิงที่อยูในสภาวะเหลานี้หามทําการถือศีลอด และวา
52
ตามทัศนะของชาฟอี อัลหะฮฺนาฟและุมฮูร ใหทัศนะวาไมทําใหเสียศีลอด แตทานมาลิกกลับเห็นวาศีลอดเสียตองชดเชยโดยไมตองจายกัฟฟาเราะฮฺ
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
126
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ยิบตองทําการถือศีลอดชดเชยในวันหลัง โดยใหนางทําการถือศีลอดตามจํานวนวันที่ละทิ้งการถือศีลอดไป ทั้งหมด เพราะทานหญิงอาอิชะฮฺ (ขอความโปรดปรานจากอัลลอฮจงมีแดทาน) ไดกลาวไววา “ในสมัยของ ทานรอซูลุลลอฮ พวกเรามีรอบเดือนพวเราก็ไดรับคําสั่งใหทําการชดเชยการถือศีลอด แตสําหรับการ ละหมาดเราไมไดรับคําสั่งใหชดเชย” รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม 2) ผูที่มีอาการปวย ผูที่อยูระหวางการเดินทางไกล อนุญาตใหละศีลอดได แตพวกเขาตองทําการ ชดเชยในวันอื่นแทน ในกรณีที่อยูในภาวการณเดินทางไกล หากไมมีปญหา ไมมีความยุงยาก การถือศีลอด จะดีกวาการละศีลอด เพราะมีรายงานจากทานอาบูซะอีดวา “พวกเราไดออกไปทําสงครามพรอมกับทาน รอซูลุลลอฮ พวกเราบางคนถือศีลอด แตบางคนก็ไมไดถือศีลอด และแตละคนก็ไมมีใครตําหนิซึ่งกัน และกันแตอยางใด ในที่นี้พวกเขาดูวาใครที่แข็งแรง ก็ใหถือศีลอดซึ่งจะดีกวา แตผูใดที่ออนแอก็ไมตองถือ ศีลอด และเปนเรื่องที่ดีกวาดวย” รายงานโดยอะหฺมัดและมุสลิม สําหรับผูที่อยูในภาวการณเดินทางไกล จะอนุญาตใหไมตองถือศีลอดไดก็ตอเมื่อระยะทางเทากับ ระยะทางที่อนุญาตใหกอซัรละหมาดได 53 และตองออกเดินทางกอนรุงอรุณ หากเขาเปนคนอยูกับบาน โดย ตั้งเจตนาถือศีลอดแลวดวงอาทิตยขึ้นขณะที่เขายังอยูที่หมูบาน จากนั้นก็ออกเดินทาง ในลักษณะนี้จะละศีล อดไมได แตหากออกเดินทางในเวลากลางคืนโดยตั้งเจตนาถือศีลอดไวในเวลากลางคืน และตองการละใน เวลากลางวัน ในลักษณะนี้สามารถกระทําได ผูที่ปว ยไข ไ มสบาย หากถือศี ลอดแลว จะทํา ใหอาการป ว ยรุนแรงขึ้ น หรือจะทํา ใหห ายชาลงก็ อนุญาตใหละศีลอดได แตหากเขาเองจะถือศีลอดทั้งๆ ที่มีความยากลําบากอยู การถือศีลอดนั้นใชไดสมบูรณ แตไมควรปฏิบัติ เพราะไปขัดแยงกับการผอนปรนที่อัลลอฮทรงพึงพอใจอนุญาตให54 สวนหญิงมีครรภ อนุญาตใหไมตองถือศีลอดได และนางก็ตองชดเชย เหมือนคนปวยทั่วไป 3) คนชราหรือผูสูงอายุ หรือหญิงที่ชราภาพ ผูปวยที่มีอาการปวยหนักไมมีความหวังวาจะหาย ก็ไม ตองชดเชย แตใหพวกเขาจายฟดยะฮฺแทน ดวยการใหอาหารแกคนยากจนอนาถาทุกวัน ดังที่ทานอิบนุอับ บาสไดรายงานไววา “อนุญาตใหกับผูสูงอายุ ละศีลอด แตตองใหอาหารแกคนยากจนอนาถาทุกวัน และเขาก็ ไมตองถือศีลอดชดเชยแตอยางใด” รายงานโดยดารุลกุฏนีย อัลฮากิม โดยใหฮาดิษนี้เปนฮาดิษซอเหียะหฺ 4) ผูที่ละศีลอดโดยเจตนา ไมวาจะดวยการรวมประเวณี การรับประทานอาหาร เครื่องดื่ม การ อาเจียน การหลั่งอสุจิ เพราะเขาใจผิด คิดวาไดเวลาละศีลอดแลว หรือยังไมสวาง แตตอมาปรากฏวาเปนการ เขาใจผิด พวกเขาเหลานี้ทั้งหมดจะตองชดเชยโดยไมตองจายกัฟฟาเราะฮฺ ซึ่งตางกับผูที่กินหรือดื่มเพราะ เผลอลืม พวกเขาเหลานี้ไมตองชดเชย ดังที่ไดกลาวมาแลว ผูที่ละศีลอดเพราะเขาใจผิด จะไมเปนบาป แตหากเจตนาจะละศีลอด จะเปนบาปหนัก เพราะทาน รอซูลุลลอฮ ไดกลาวไววา “ผูใดละศีลอดหนึ่งวันในเดือนรอมะฏอน แมจะชดเชยสักหนึ่งปก็ยังไม 53
นั่นคือ 90 กม.โดยประมาณ (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากเรื่องของการละหมาดสําหรับผูเดินทางไกล)
54
ทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวถึงผูที่ยงั คงทําการถือศีลอดตอทั้งๆ ที่มีความยากลําบากวาไมใชเปนเรื่องที่ดีเลย
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
127
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
เพียงพอ” รายงานโดยอะหฺมัด และดารุลกุฏนีย 5) ผูใดที่ละศิลอดดวยการรวมประเวณีโดยเจตนา เขาจะตองระงับการกินและดื่มตลอดทั้งวัน และ นักวิชาการมุสลิมเห็นตองกันวาฝายชายตองจายกัฟฟาเราะฮฺ แตยังมีความเห็นขัดแยงกันในเรื่องของกัฟฟา เราะฮฺวาวายิบฝายหญิงหรือไม อัลอะหฺนาฟเห็นวาวายิบตองจายดวย แตชาฟอียกลับเห็นวาไมตองจาย 6) ผูที่เปนบาเสียสติ เด็กๆ และคนกาเฟร สามารถละศีลอดไดไปจนกระทั่งหายจากอาการ สวนเด็ก จะวายิบก็ตอเมื่อมีอายุครบตามหลักศาสนภาวะ สวนคนกาเฟรจะวายิบก็ตอเมื่อเขารับอิสลามและเขาก็ไม ตองทําการชดเชยศีลอดในชวงที่ละศีลอดไป และไมตองจายฟดยะฮฺดวย สําหรับกัฟฟาเราะฮฺที่ตองจายคือการปลดปลอยทาสหญิง 1 คนใหเปนไท (เปนอิสระ) หรือการถือ ศีลอดติดตอกัน 2 เดือน หากไมสามารถกระทําได ก็ใหทําการใหอาหารแกคนยากจนอนาถา ดวยอาหาร ระดับปานกลางที่ใชเปนอาหารใหกับครอบครัวของตนเอง ตามทัศนะของุมฮูรใหทัศนะไววา ประเภท ของกัฟฟาเราะฮฺตองเรียงไปตามลําดับ (ความสามารถ) จะขามไปใชประเภทที่สองเลยในทันที่ไมได จะ เลือกทางที่สองไดก็ตอเมื่อไมสามารถกระทําในประเภทที่หนึ่งไดเทานั้น55 ดังที่ฮาดิษมัชฮูรไดกลาวไว มีชาย คนหนึ่งไปหาทานนบี โดยบอกกับทานวา “โอทานรอซูลุลลอฮ ฉันพินาศแลว ทานก็ถามวา อะไรทําให ทานพินาศหรือ เขาก็ตอบวา ฉันมีเพศสัมพันธกับภรรยาของฉันในเดือนรอมะฎอน ทานนบี ก็ถามวา แลว ทา นมีทาสหญิงที่จปลดปล อยใหเ ป นอิสระหรือไม เ ลา เขาก็ตอบวา ไม มีหรอก ทา นก็ถามวา แลว ทาน สามารถที่จะถือศีลอดสองเดือนติดตอกันไดหรือไม ? เขาก็ตอบวา ไมได ทานก็ถามวา แลวทานมีอาหารทีจ่ ะ จายใหกับคนอนาถา 60 คนหรือไม เขาก็ตอบวา ไมมี แลวเขาก็นั่งลง วาแลวทานนบี ก็นําผลอินทผาลัม มาจํานวนหนึ่งอุรุค56แลวบอกกับชายคนนั้นวา นําไปแจกจาย เขาก็ถามวา มีคนที่ยากจนกวาฉันอีกหรือ ใน เมืองนี้ ? ทานรอซูลุลลอฮก็ยิ้มจนเห็นฟนแลวก็กลาววา นําไปเปนอาหารใหกับครอบครัวของทานก็แลวกัน” รายงานโดย อัลยะมาอะฮฺ ผูใดทําผิดดวยการมีเพศสัมพันธถึงสองครั้งในวันเดียวกัน เขาก็จายกัฟฟาเราะฮฺเพียงครั้งเดียว แต หากไปทําอีกในวันตอไป ก็ใหจายไปตามจํานวนที่ทําผิด ยกเวนทัศนะของอัลอะหฺนาฟ ที่มีความเห็นวาให จายเพียงครั้งเดียว ยกเวนทําผิดแลวจายแลว และทําผิดอีกก็ใหจายกัฟฟาเราะฮฺอีก การถือศีลอดชดเชยในสวนที่ขาด การถื อศีล อดชดเชยในวั น ที่ ขาดนัก วิชาการมุสลิม ใหทัศนะตรงกัน วา จะตองทําการชดเชยเลย ในทันที กอนถึงรอมะฎอนในปถัดไป การชดเชยก็เหมือนการถือศีลอดทั่วไป ขาดกี่วันก็ชดเชยตามจํานวนที่
55
แตสําหรับมัซฮับของมาลิกียะอฺ สามารถเลือกไดในทันทีวาจะเอาประเภทที่หนึ่ง สองหรือสาม
56
1 อุรุคเทากับ 15 ซออฺ 1 ซออฺ มีน้ําหนักเทากับ 2176 กรัม
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
128
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ขาด และไมจําเปนวาจะตองถือติดตอกัน สามารถถือชดเชยแยกวันกันก็ได57 แตการถือติดตอกันจะดีกวา เพราะจะเหมือนการถือศีลอดในเดือนรอมะฎอน หากรอจนกระทั่งถึงเดือนรอมะฎอนในปถัดมา แลวยัง ไมไดชดเชย หากมีเหตุจําเปนก็ใหทอดเวลาไปชดเชยหลังรอมะฎอน ก็ไมเปนบาป แตหากละไปโดยไมมี เหตุจําเปนหลังรอมะฎอนก็ตองจายฟดยะฮฺดวย นั่นคือใหอาหารคนยากจนอนาถาวันละ 1 คน58 ในกรณีที่มุสลิมคนหนึ่งเสียชีวิตลงโดยที่ยังไมไดชดเชยการถือศีลอด ผูเปนทายาทจะตองชดเชยให เพราะมีฮาดิษของทานรอซูลลุลลอฮ ไดกลาวไววา “ ผูใดเสียชีวิตลงแลวยังไมไดชดเชยศีลอด ผูเปน ทายาทก็ตองถือศีลอดชดเชยใหแทน” รายงานโดยชัยคอน ชาฟอียะฮฺกลาววา ผูเปนทายาทสามารถที่จะเลือก ระหวางการถือศีลอดกับการฟดยะฮฺ แตุมฮูรกลับใหทัศนะวาทายาทตองใหอาหารแกคนยากจนทุกวัน(ตาม จํานวนที่ขาด) เพราะมีฮาดิษเปนหลักฐานวา “ผูใดเสียชีวิตและมีศีลอด(ที่ยังไมไดชดเชย)อยู ก็ให(ทายาท) จายอาหารใหกับคนยากจนอนาถาแทน ทุกวัน) รายงานโดยอัตตัรมีซีย เปนฮาดิษเมากุฟกับทานอิบนุอุมัร สิ่งที่ผูถือศีลอดสามารถกระทําไดขณะถือศีลอด อนุญาตใหผูถือศีลอดสามารถกระทําใหสิ่งตอไปนี้.. 1. ลงน้ําและดําน้ําขณะอาบ เพราะมีรายงานวา ทานรอซูลุลลอฮ ทานเคยจุมศีรษะของทานลงใน น้ําในขณะที่ทานยังถือศีลอด เพราะความรอนและกระหาย”รายงานโดยอะหฺมัด มาลิกและทานอาบูดาวุด ดวยสายรายงานที่ถูกตอง หากน้ําเขาไปในทวารชองใดชองหนึ่งโดยไมเจตนา การถือศีลอดก็ยังสมบูรณ เพราะมันมีลักษณะคลายการลืม 2. ยอมตาหรือใสยาหยอดตา ซึ่งบางครั้งอาจจะรูสึกในลําคอ ก็ไมเปนไร สามารถกระทําได เพราะ ไมใชเปนการผานสิ่งของเขาทางปาก การหยอดหูดวยยาหยอดหูก็เชนกัน แตหากเปนการผานเขาไปทางปาก หรือทางจมูกนั้นเสียการถือศีลอดแนนอน 3.การบวนปาก(กลั้วคอ) หรือการลางจมูก หากทําไมรุนแรงมากนัก ก็อนุญาตใหทําได หากมีน้ําเขา ไปในลําคอโดยไมเจตนา ก็ไมทําใหเสียศีลอดแตอยางใด 4.การจุมพิต สําหรับผูที่สามารถควบคุมอารมณได ไมวาจะทํากับคนหนุมสาวหรือคนสูงอายุ แตที่ สําคัญตองควบคุมอารมณได แตหากใครที่จูบแลวเกิดอารมณ ก็ไมควรกระทํา 59 ในฮาดิษซอเหียะหฺ รายงาน วาทานรอซูลุลลอฮ เคยจุมพิต (ในขณะทานยังถือศีลอด) ฮาดิษรายงานโดยบุคอรียและมุสลิม วันหนึ่ง ทานอุมัร อิบนุคอฏฏอบ ไดจุมพิต(ภริยาของทาน) ขณะที่ทานยังถือศีลอดอยู แลวทานก็มาหาทานนบี 57
การวายิบมีอยู 2 ประเภท ประเภทที่ 1 ชดเชยในทันที เมือ่ มีเงื่อนไขครบตามที่กําหนด หากชักชาโดยไมมีเหตุจําเปนก็จะเปนบาป สวนที่สอง ไมจําเปนตองทําในทันที และไมเปนบาปดวย 58
นี่คือทัศนะของุมฮูร แตอัลอะหฺนาฟกลับบอกวา ไมตองจายฟดยะฮฺแตอยางใด
59
นี่คือทัศนะของอัลอะหฺนาฟ สวนชาฟอีย การจูบหรือจุมพิต ไมควรกระทําแมวาจะควบคุมอารมณไดก็ตาม แตหากควบคุมอารมณมไมไดก็ฮา รอม(เปนที่ตองหาม) มิใหกระทํา
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
129
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
โดยบอกกับทานวา “วันนี้ฉันทําเรื่องใหญ ฉันจุมพิต(ภริยาของฉัน)ขณะที่ฉันยังถือศีลอดอยู” ทานรอซู ลุลลอฮ ก็บอกกับทานวา “ก็ลองดูสิหากทานบวนปากดวยน้ํา ขณะที่ทานยังถือศีลอดอยู (จะเปนอะไร หรือไม )” ทานอุมัรก็ตอบวา “ไมเปนไร” ทานก็ถามกลับมาวา “แลวทานถามทําไม” รายงานโดย อะหฺมัด และอาบูดาวุด 5.การกอกเลือด หมายถึงการเอาเลือด(เสีย)ออกจากศีรษะ หรือเอาเลือดออกจากอวัยวะสวนใดสวน หนึ่งของรางกาย ซึ่งทานรอซูลุลอฮ ไดเคยกอกเลือดขณะที่ทานยังถือศีลอด รายงานโดย บุคอรีย ใน หนังสือซอเหียะหฺของทาน แตหากทําแลวทําใหออนเพลียก็ไมควรกระทํา()ﻣﻜﺮﻭﻩ 6. การสวนทวารหนัก เพื่อนําเอาของเสียออกจากรางกาย เพราะสิ่งที่นําเขาสูรางกายเปนเพียงยา ไมใชอาหาร60 7. สิ่งที่ผูถือศีลอดระวัง หลีกเลี่ยงไมได เชนการกลืนน้ําหลาย ฝุนละอองจากทองถนน การสูดดม กลิ่นหอม การลิ้มหรือชิมรสอาหารแลวคายทิ้ง โดยไมกลืนลงคอ 8. ตื่นเชามาดวยสภาพที่มียุนุบ ไมวาจะดวยการฝนเปยกหรือการรวมประเวณี แตทางที่ดีควรอาบน้ํา หลังการมีเพศสัมพันธ และกอนนอน.เพราะมีรายงานจากทานหญิงอาอิชะฮและทานหญิงอุมมุซะลามะฮฺ(ขอ ความโปรดปรานจากอัลลอฮจงมีแดทานทั้งสอง)วา ทานนบี ตื่นมาตอนเชาขณะมียูนุบ ทานลุกมาอาบน้ํา แลวก็ถือศีลอดตอ ฮาดิษรายงานโดย บุคอรียและมุสลิม . 9.ผูถือศีลอดสามารถกินอาหารตอไปไดจนกระทั่งถึงแสงอรุณขึ้น และเมื่อแสงอรุณขึ้นแลวในปาก ยังมีอาหารอยู ก็ใหคายทิ้ง หากเขาคายทิ้งการถือศีลอดก็ยังสมบูรณแตหากเขากลืนลงทองก็จะเสียศีลอด แต ทางที่ดี ควรยุติการกินและดื่มกอนเวลาแสงอรุณขึ้นสักเล็กนอย มารยาทในการถือศีลอดและขอควรปฏิบัติ(ซูนัต)ในการถือศีลอด 1.ทานซะฮูร (อาหารมื้อดึก) เพราะทานนบี ไดกลาวไววา “ทานทั้งหลายจงทานซะฮูร เพราะใน ซะฮูรมีบารอกะฮฺอยู” รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม ซูนัตใหทอดเวลาการรับประทานใหลาชาใหไดมาก ที่สุด 2.รีบเรงละศีลอดเมื่อมั่นใจวาดวงอาทิตยตกดินแลว เพราะทานนบี ไดกลาวไววา “ผูคนยังคงอยู ในภาวะที่ดี ตราบใดที่พวกเขายังรีบเรงละศีลอด” รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม ซูนัตใหละศีลอดดวยผล อินทผาลัม จํานวนคี่ หากไมมีผลอินทผาลัม ก็ใหละศีลอดดวยน้ํา จากนั้นก็ไปละหมาด เมื่อละหมาดเสร็จ แลวจึงจะมารับประทานอาหารที่ตองการ แตหากอาหารมีการเตรียมไวเสร็จแลวก็ควรรับประทานกอนแลว จึงไปละหมาด 3.ขณะละศีลอดใหอานดุอาตามที่ไดรับรายงานมาจากทานรอซูลุลลอฮ ซึ่งทานรอซูลุลลอฮได ﻭﺜﺒ ﹶ، ﻭﺍﺒﺘﻠﱠﺕ ﺍﻟﻌُﺭﻭﻕ،( ”ﺫﻫﺏ ﺍﻟﻅﻤﺄความกระหายสิ้นไป หยาดเหงื่อ กลาววา “ﺕ ﺍﻷﺠﺭ ﺇﻥ ﺸﺎﺀ ﺍﷲ ﺘﻌﺎﻟﻰ 60
แตชาฟอียใหทัศนะวาเสียศีลอด เพราะนําสิ่งของเขาสูร างกายทางทวาร
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
130
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
โชกตัว ไดรับผลบุญจากอัลลอฮแนนอน อินชาอัลลอฮ) รายงานจากอาบูดาวุด อัลนะซาอีย และมีดุอา เพิ่มเติมขณะอยูกับอาหารวา ฮาดิษรายงานโดย อิบนุ ซะนีย.«
ﺏ ﺍﻟﻨﺎﺭ َ » ﺍﻟﻠﻬ ّﻢ ﺑﺎﺭﻙ ﻟﻨﺎ ﻓﻴﻤﺎ ﺭَﺯﻗﺘﻨﺎ ﻭﻗِﻨﺎ ﻋﺬﺍ
4.ละทิ้งการกระทําที่ไมสอดคลองกับการถือศีลอด เชน การพูดปด การนินทาวาราย การยุยงปลุกปน การพูดในสิ่งที่ไรสาระ การพูดในสิ่งลามก และสิ่งที่อิสลามหามทุกประการ เพื่อใหการยําเกรงตออัลลอฮ บรรลุกิจ เพราะนั่นคือเปาหมายหลักของการถือศีลอด ซึ่งทานนบี ไดกลาวไววา “การถือศีลอดไมใชแค การระงับจากการกินการดื่ม แตการถือศีลอดจะตองระงับจากการพูดสิ่งไรสาระ การพูดในสิ่งลามก หากมี ใครมาตอวาตอขานกับทาน ดูถูกดูแคลนทาน ก็จงพูดกับเขาวา แทจริงฉันกําลังถือศีลอด” รายงานโดยฮากิม และคนอื่น ๆ และทานนบี ไดกลาวไวอีกวา “ผูใดที่ไมยอมละทิ้งการพูดปด และกระทําในสิ่งมดเท็จ ปวย การที่จะไปละทิ้งอาหารและเครื่องดื่มเพื่ออัลลอฮ” รายงานโดย ญามาอะฮฺ ยกเวนมุสลิม 5. ควรกระทําสิ่งดี ๆ ใหมาก ๆ โดยเฉพาะอยางยิ่งการอานและศึกษาอัลกุรอาน และบริจาคใน หนทางของอัลลอฮ ซึ่งทานรอซูลุลลอฮ คือบุคคลที่ทําความดีมากที่สุด และยิ่งจะทําดีมากยิ่งขึน้ ก็คือ ในชวงเดือนรอมะฎอน เมื่อทานยิบรีลมาหาทาน ก็จะมาหาในเดือนรอมะฎอน โดยมาสอนอัลกุรอานใหกับ ทาน” รายงานโดยชัยคอน 6.ทุมเทใหกับการประกอบอีบาดะฮฺ ดวยการพยายามทําในสิ่งซุนัตใหเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ อยางยิ่งการละหมาดตะรอวีฮฺ เพราะทานนบี ไดกลาวไววา “ผูใดลุกขึ้นในเดือนรอมะฎอน ดวยความ ศรัทธามั่น และคิดคํานวณไตรตรองตอตัวเอง อัลลอฮจะทรงอภัยในความผิดที่ผานมา” รายงานโดย บุคอรีย และมุสลิม 7. หมั่นแปรงฟน61 เพราะมีฮาดิษปรากฏอยูใ นฮาดิษของทานอามีร บิน รอบีอะฮฺวา “ฉันเห็นทาน รอซูลุลลอฮ แปรงฟนหลายครั้งขณะทีท่ านยังถือศีลอด” รายงานโดยบุคอรีย 8. ละทิ้งสิ่งที่อนุญาตใหกระทําได(ตามที่ไดกลาวมาแลว) ยกเวนเมื่อมีความจําเปนจริงๆ เชน การ ชิมรสอาหาร การทอดเวลาอาบน้ําหลังรุงอรุณ กิจกรรม การถือศีลอด 1.อานการอรรถาธิบายอายะฮฺในซูเราะฮฺอลั บากอเราะฮฺ พรอมทําความเขาใจแลวสรุปความแลวตอบคําถาม ดังตอไปนี้ใหถูกตอง 1) ทําไมการถือศีลอดจึงกลายเปนบัญญัติหนึ่งของอิสลาม 2) ในอายะฮฺ(ของซูเราะฮฺบากอเราะฮฺ)มีการเชื่อมโยงระหวางการศรัทธา การถือศีลอดและการยํา
61
ชาฟอีย ใหทัศนะไววา ไมควร( )ﻣﻜﺮﻭﻩแปรงฟนหลังตะวันคลอย
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
131
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
เกรงตออัลลอฮเขาดวยกัน...จงอธิบาย 3) ทําไมอิสลามจึงใหการถือศีลอดที่เปนฟรฎตองปฏิบัติในเดือนรอมะฎอน ? 4) อัลลอฮทรงกลาวถึงความสะดวกเกีย่ วกับการถือศีลอดไวในอายะฮฺที่วา ﻳﺮﻳﺪ ﺍﷲ ﺑﻜﻢ ﺍﻟﻴﺴﺮ ﻭﻻ ﻳﺮﻳﺪ ﺑﻜﻢ ﺍﻟﻌُﺴﺮ จงอธิบายเกีย่ วกับความสะดวกดังกลาวมาพอสังเขป 5) คําวา “เสนดายสีขาว กับเสนดายสีดํา”ในที่นี้หมายความวาอยางไร ? 6) อัลลอฮทรงตรัสไววา . . ﺇﺫﺍ ﺴﺄﻟﻙ ﻋﺒﺎﺩﻱ ﻋﻨﻲ ﻓﺈﻨﻲ ﻗﺭﻴﺏอายะฮฺนี้มีความเกีย่ วพันธกับอา ยะฮฺกอนหนานี้อยางไร ? จงอธิบาย 7) อัลลอฮทรงตรัสไววา ﻭﻻ ﺗﺒﺎﺷﺮﻭﻫﻦ ﻭﺃﻧﺘﻢ ﻋﺎﻛﻔﻮﻥ ﰲ ﺍﳌﺴﺎﺟﺪจงบอกฮาดิษที่มีความหมาย สอดคลองกับอายะฮฺนี้มา สัก 1 หรือ 2 ฮาดิษ 2. การประกาศวาเดือนชะอฺบานครบสามสิบวัน หรือมีการเห็นดวงจันทร เปนการประกาศตามหลักการ ..จง บอกหลักฐานที่สนับสนุนกับแนวทางนี้มาพอเขาใจ 3.เพราะเหตุใด อิสลามจึงสนับสนุนใหทอดเวลาการทานซะฮูร แตใหรีบเรงการละศีลอดเมื่อไดเวลา ? 4.ใหนกั เรียนบอกมารยาทการถือศีลอด และการละศีลอดมาพอสังเขป 5. ฮาดิษที่วา “การกระทําทั้งหมดของลูกหลานอาดัม เพื่อพวกเขาทั้งหมด ยกเวนการถือศีลอด เปนการ กระทําเพื่ออัลลอฮ” ฮาดิษนีห้ มายความวาอยางไร? จงอธิบาย 6. ใหนกั เรียนอธิบาย คําวา “ดีใจสองครั้งของการถือศีลอด” พรอมเหตุผล 7. คําวา “หากทานตองการก็จงถือศีลอด หากไมตองการก็ละศีลอดเสีย” อีกฮาดิษหนึง่ กลาววา “ไมเปนการดี เลยที่จะถือศีลอดขณะเดินทางไกล” นักเรียนจะรวมความหมายทั้งสองเขาดวยกันไดอยางไร ? 8. เพราะเหตุใดจึงอนุญาตใหหญิงมีครรคและหญิงที่ใหนมบุตรละศีลอดได 9. ใหนกั เรียนระบุหลักการทางศาสนบัญญัติในสถานการณดังตอไปนี้วาควรปฏิบตั ิอยางไร ? 1) หลังทานซะฮูรอยูเมื่อดูนาฬิกา ก็พบวาแสงอรุณขึ้นแลว 2) สองคนปวย คนหนึ่งรักษาดวยการรับประทานยาเม็ด อีกคนใชวิธีฉีดยา (ขณะทีก่ ําลังถือศีลอด) 3) เขาสูเดือนรอมะฎอน และทําการถือศีลอด แตลืมตั้งเจตนา มานึกขึ้นไดในตอนเที่ยงวัน แตตัวเขา เองยังไมไดรับประทานอาหารและดื่มน้ําแตอยางใด 4) คนชราภาพตองการที่จะถือศีลอด 5) นอนหลับและฝนเปยกในกลางวันของเดือนรอมะฎอน 6) รวมหลับนอนกับภรรยาแลวมาอาบน้ําในตอนหลังแสงอรุณขึ้น 7) คนเดินทางไกล จายฟดยะฮฺทดแทนวันที่ละศีลอดในเดือนรอมะฎอน 8) ขณะถือศีลอดแลวเกิดอาเจียน 9) หญิงที่มีรอบเดือน สิ้นสุดการมีรอบเดือนแลว นางก็ถอื ศีลอดแลวพบวาตัวเองมีเลือดอิสติฮา ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
132
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
เฎาะฮฺติดอยู ... 10) เดินทางไกล แลวเกิดกระหายน้ําเลยดืม่ น้ําโดยยึดถือวาตนเองอยูในภาวะเดินทางไกล 11) คนทําขนมปงอยูหนาเตาอบตลอดวัน จึงยากแกการถือศีลอด 12) ไมมีเหตุจาํ เปน แตกลับไปละศีลอดในเดือนรอมะฎอน ตอมาก็สํานึกผิด และตองการเตาบะฮฺ 10. ผูใดที่วายิบใหถือศีลอดและผูใดที่อนุญาตใหละศีลอดได ? 11. ผูใดบางทีอ่ นุญาตใหละศีลอดแลวตองถือศีลอดชดเชยโดยไมตองจายฟดยะฮฺ และผูใดบางที่ตองจายฟต ยะฮฺพรอมชดเชย ? 12. อาการปวยประเภทใดทีอ่ นุญาตใหละศีลอดได ,และผูที่มีความกระหายอยางรุนแรงที่อาจเปนอันตราย ตอรางกายควรปฏิบัติอยางไร ?
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
133
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หมวดที่ 3 ประเภทของศีลอด ศีลอดที่เปนวายิบ ศีลอดที่เปนวายิบคือ 1) ศีลอดในเดือนรอมะฎอน ของทุกมี เพราะอัลลอฮทรงตรัสไววา .[185 :{ ]ﺍﻟﺒﻘﺮﺓ...ﻓﻠﻴﺼﻤﻪ
ﻓﻤﻦ ﺷﻬﺪ ﻣﻨﻜﻢ ﺍﻟﺸﻬﺮ...}
2) ศีลอดที่เปนกัฟฟาเราะฮฺ เชนการฆาชีวิตผูอื่นโดยพลั้งพลาดไมเจตนา ( )ﺍﻟﻘﺘﻞ ﺍﳋﻄﺎﺀการทดแทน ตองทําการถือศีลอดติดตอกันสองเดือน อัลลอฮทรงตรัสไวในอัลกุรอานวา βÎ*sù 4 (#θè%£‰¢Átƒ βr& HωÎ) ÿÏ&Î#÷δr& #’n<Î) îπyϑ¯=|¡•Β ×πtƒÏŠuρ 7πoΨÏΒ÷σ•Β 7πt7s%u‘ ãƒÌóstGsù $\↔sÜyz $·ΨÏΒ÷σãΒ Ÿ≅tFs% tΒuρ …….4 öΝà6oΨ÷t/ ¤Θöθs% ÏΒ šχ%Ÿ2 βÎ)uρ ( 7πoΨÏΒ÷σ•Β 7πt6s%u‘ ãƒÌóstGsù Ñ∅ÏΒ÷σãΒ uθèδuρ öΝä3©9 5iρ߉tã BΘöθs% ÏΒ šχ%x. Èøtôγx© ãΠ$u‹ÅÁsù ô‰Éftƒ öΝ©9 yϑsù ( 7πoΨÏΒ÷σ•Β 7πt6s%u‘ ãƒÌøtrBuρ Ï&Î#÷δr& #’n<Î) îπyϑ¯=|¡•Β ×πtƒÏ‰sù ×,≈sV‹ÏiΒ ΟßγoΨ÷t/uρ .[92 :∩ ]ﺍﻟﻨﺴﺎﺀ⊄∪ $VϑŠÅ6ym $¸ϑŠÎ=tã ª!$# šχ%x.uρ 3 «!$# zÏiΒ Zπt/öθs? È÷yèÎ/$tFtFãΒ
......และผูใดฆาศรัทธาชนโดยพลั้งพลาด ก็ใหเขาจัดการปลดปลอยทาสผูมีศรัทธาหนึ่งคน และคาทําขวัญ (อูฐ 100 ตัว) ตองมอบแกทายาทของเขา ยกเวนในกรณีพวกทายาทยกเปนทาน แตถาปรากฏวา (ผูถูกฆาโดย ไมเจตนาฆานั้น) เขาเปนคนหนึ่งในกลุมในกลุมศัตรูของพวกเจา (ที่เปนคูสงคราม) ขณะที่ตัวเขาเองเปนผู ศรัทธาก็ใหเพียงแตปลดปลอยทาสผูมีศรัทธาหนึ่งคน และถาปรากฏวา (ผูถูกฆาโดยไมเจตนานั้น) เขาเปนผู หนึ่งจากกลุมชนที่มีสัญญาสันติภาพระหวางพวกเขากับพวกเจา ก็ใหชําระคาทําขวัญซึ่งมอบแกทายาทของ เขา และปลดปลอยทาสที่มีศรัทธาหนึ่งคน แตใครไมมี (สิ่งเหลานั้น) ก็ใหเขาทําการถือศีลอดสองเดือน ตอเนื่องกัน (บทบัญญัติดังกลาว) เปนการลุแกโทษจากอัลลอฮฺ (แกพวกเจา) และอัลลอฮฺทรงรอบรูยิ่งอีกทั้ง ทรงปรีชาญาณยิ่ง 3) กัฟฟาเราะฮฺทดแทนการมีเพศสัมพันธในเดือนรอมะฎอน โดยเจตนา ขณะที่ยังถือศีลอด คือการ ถือศีลอดสองเดือนติดตอกัน ดังที่อัลลอฮไดกลาวมาแลวในเรื่องของการละศีลอดในเดือนรอมะฎอน 4) กัฟฟาเราะฮฺจากการผิดคําบนบาน คือตองถือศีลอดติดตอกัน 3 วัน ในกรณีที่ไมสามารถให อาหารแกคนยากจนอนาถา 10 คนได เพราะอัลลอฮทรงตรัสไววา
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
134
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ÿ…çµè?t≈¤s3sù ( z≈yϑ÷ƒF{$# ãΝ›?‰¤)tã $yϑÎ/ Νà2ä‹Ï{#xσムÅ3≈s9uρ öΝä3ÏΖ≈yϑ÷ƒr& þ’Îû Èθøó¯=9$$Î/ ª!$# ãΝä.ä‹Ï{#xσムŸω ô‰Ågs† óΟ©9 yϑsù ( 7πt6s%u‘ ãƒÌøtrB ÷ρr& óΟßγè?uθó¡Ï. ÷ρr& öΝä3ŠÎ=÷δr& tβθßϑÏèôÜè? $tΒ ÅÝy™÷ρr& ôÏΒ tÅ3≈|¡tΒ Íοu|³tã ãΠ$yèôÛÎ) öΝä3s9 ª!$# ßÎit7ムy7Ï9≡x‹x. 4 öΝä3oΨ≈yϑ÷ƒr& (#þθÝàxôm$#uρ 4 óΟçFøn=ym #sŒÎ) öΝä3ÏΨ≈yϑ÷ƒr& äοt≈¤x. y7Ï9≡sŒ 4 5Θ$−ƒr& ÏπsW≈n=rO ãΠ$u‹ÅÁsù .[89 :∇∩ ]ﺍﻟﻤﺎﺌﺩﺓ∪ tβρãä3ô±n@ ÷/ä3ª=yès9 ϵÏG≈tƒ#u
อัลลอฮไมทรงเอาผิดพวกเจาทั้งหลาย ในการที่ไมจงใจของพวกเจา แตพระองคทรงเอาผิดพวกเจา ดวยสิ่งที่พวกเจาไดจงใจผูกพันการสาบาน (อยางจริงจัง) ดังนัน้ การไถความผิดของมัน (เมื่อไมไดทําไป ตามสาบานนัน้ ๆ ) คือ การใหอาหารแกคนอนาถาสิบคน (โดยเลือกมา) จากระดับปานกลางของ (อาหาร) ที่ พวกเจาใหแกครอบครัวของพวกเจา หรือเครื่องนุง หมของพวกเขา (คนอนาถา 10 คน) หรือการปลอยทาส เปนอิสระ (หนึ่งคน) แตถาผูใดไมได (สิ่งเหลานั้นมาไถความผิดดังที่กลาวมา) ก็จะตองถือศีลอดสามวัน นั้น เปนการไถความผิด (แหงการฝาฝน) คําสาบานของพวกเจา (ไวดวยการปฏิบตั ิตามสาบานอยางเครงครัด) เชนนั้นแหละ ที่อัลลอฮทรงชี้แจงแกพวกเจา ซึ่งโองการตางๆ ของพระองค ทั้งนี้เพื่อพวกเจาจะไดขอบคุณ 5) กัฟฟาเราะฮฺเพื่อชดเชยการประกอบพิธีหัจญ สําหรับผูที่วายิบตองเชือดสัตว และไมสามารถเชือด สัตวได เพราะอัลลอฮทรงตรัสไววา 5Θ$−ƒr& ÏπsW≈n=rO ãΠ$u‹ÅÁsù ô‰Ågs† öΝ©9 yϑsù 4 Ä“ô‰oλù;$# zÏΒ uy£øŠtGó™$# $yϑsù Ædkptø:$# ’n<Î) Íοt÷Κãèø9$$Î/ yì−Gyϑs? yϑsù .[196 : ]ﺍﻟﺒﻘﺭﺓ.....3 's#ÏΒ%x. ×οu|³tã y7ù=Ï? 3 öΝçF÷èy_u‘ #sŒÎ) >πyèö7y™uρ Ædkptø:$# ’Îû
แลวผูใดถือความสะดวกดวยการรวมอุมเราะฮฺกับฮัจย (ในวาระเทศกาลเดียวกัน) เขาก็จะตองเชือด สัตวพลีทาน (เทาที่จะหาได) ตามสะดวก (เชน เชือดแพะ 1 ตัว เปนตน แตถาเขาไมนํามารวมกันคือ ทําคน ละวาระเขาก็ไมตองเชือดสัตวพลีทานแตประการใด ๆ) แตถาใครไมมี (สิ่งที่จะนํามาเชือด) ก็ตองถือศีลอด สามวันในชวงประกอบพิธีฮจั ยและอีกเจ็ดวันเมื่อกลับ (มาถึงบานแลว) นั้นรวมเปนสิบวันบริบูรณ 6) กัฟฟาเราะฮฺซิฮาร( )ﻛﻔﺎﺭﺓ ﺍﻟﻈﻬﺎﺭคือการถือศีลอด 2 เดือนติดตอกัน เพราะอัลลอฮทรงตรัสไววา 4 $¢™!$yϑtFtƒ βr& È≅ö6s% ÏiΒ 7πt7s%u‘ ãƒÌóstGsù (#θä9$s% $yϑÏ9 tβρߊθãètƒ §ΝèO öΝÍκÉ″!$|¡ÎpΣ ÏΒ tβρãÎγ≈sàムtÏ%©!$#uρ ÏΒ È÷yèÎ/$tGtFãΒ Èøtöηx© ãΠ$u‹ÅÁsù ô‰Ågs† óΟ©9 yϑsù ∩⊂∪ ×Î7yz tβθè=yϑ÷ès? $yϑÎ/ ª!$#uρ 4 ϵÎ/ šχθÝàtãθè? ö/ä3Ï9≡sŒ šù=Ï?uρ 4 Ï&Î!θß™u‘uρ «!$$Î/ (#θãΖÏΒ÷σçGÏ9 y7Ï9≡sŒ 4 $YΖŠÅ3ó¡ÏΒ tÏnGÅ™ ãΠ$yèôÛÎ*sù ôìÏÜtGó¡o„ óΟ©9 yϑsù ( $¢™!$yϑtFtƒ βr& È≅ö6s% .[4 ،3 : ∪⊆∩ ]ﺍﻟﻤﺠﺎﺩﻟﺔîΛÏ9r& ë>#x‹tã zƒÌÏ≈s3ù=Ï9uρ 3 «!$# ߊρ߉ãn
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
135
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
และบรรดาสามีที่(ซีฮารฺ)เปรียบเทียบภริยาเหมือนหลังมารดา หลังจากนั้นพวกเขาก็กลับคําพูดเสีย ใหม ดังนั้น (พวกเขาผูเปนสามีนั้นตอง) ปลอยทาสเปนอิสระหนึ่งคนกอนที่คนทั้งสอง (สามี-ภริยา) จะทํา การสัมผัส (ทางเพศ) ซึ่งกันและกัน นั้นแหละที่พวกเขาถูกอบรมมาและอัลเลาะฮฺทรงตระหนักในสิ่งที่พวก เจาประพฤติตอ มาผูใดไมได (ทาสมาปลดปลอย) ก็ใหเขาทําการถือศีลอดสองเดือนติดตอกันทีส่ ุดผูใดไม สามารถ (ที่จะถือศีลอด) ก็ใหเขาใหอาหารแกคนหกสิบคน นั้นเพื่อพวกเจาศรัทธากับอัลเลาะฮฺและศาสนทูต ของพระองค และนั้นเปนหลักเกณฑของอัลเลาะฮฺ และสําหรับบรรดาจําพวกเนรคุณนั้น ตองรับการลงโทษ อันทรมานที่สุด 7) การถือศีลอดตามที่ไดบนบานไว การบนบานในทุกเรื่อง เปนสิ่งที่ไมควรปฏิบัติ แตเมื่อมุสลิม บนบานไปแลวก็ตองปฏิบัตติ ามที่ไดบนบานไว เพราะอัลลอฮทรงตรัสไววา ،[7 : ∪∠∩]ﺍﻹﻨﺴﺎﻥ#ZÏÜtGó¡ãΒ …çν•Ÿ° tβ%x. $YΒöθtƒ tβθèù$sƒs†uρ Í‘õ‹¨Ζ9$$Î/ tβθèùθãƒ
(ที่พวกเขาไดรับการตอบแทน ก็เพราะ) พวกเขาทําตามการบนอยางครบถวน (ไมบิดพริ้ว) และพวก เขากลัววันหนึ่ง ซึ่งโทษทัณฑของมันนั้นโบยบินอยูทั่วไป (จะหลบหนีไปไหนไมพน วันนั้นคือ วันอาคิ เราะฮฺ) การถือศีลอดตองหาม 1.การถือศีลอดในวันตรุษทั้งสอง (อีดิลฟตรี อีดิลอัฎฮาอฺ) เพราะมีฮาดิษจากทานอาบีซะอีด อัลคุดรี ยีย รายงานไววา ทานรอซูลุลลอฮ ไดหามถือศีลอดในสองวัน คือวันตรุษอีดิลฟตรีญ และวันตรุษอีดิลอัฎ ฮา” รายงานโดยบุครียและมุสลิม และนักวิชาการมุสลิมก็เห็นตองกันวา หามทําการถือศีลอดในวันทั้งสอง 2.วันตัชรีค คือ 3 วันหลังวันตรุษอีดิลอัฎฮา เพราะมีฮาดิษของทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวไววา วันตัชรีคทั้ง 3 วันเปนวัน กินวันดื่ม และเปนวันระลึกถึงอัลลอฮ” รายงานโดยมุสลิม แตอัชชาฟอีย อนุญาต ใหถือศีลอดในวันตัชรีคได หากมีสาเหตุอื่นเขาเชน ในกรณีบนบานไว หรือการถือศีลอดกัฟฟาเราะฮฺ 3. การถือศีลอดในวันศุกรวันเดียว เพราะทานนบี ไดกลาวไววา “ อยาถือศีลอดในวันศุกร นอก เสียจากวาไดถือศีลอดมากอนหรือจะถือศีลอดในวันหลังดวย” รายงานโดย ชัยคอน หากถือศีลอดมากอนวัน ศุกร หรือหลังวันศุกรดวย ก็อนุญาตใหทําได 4. การถือศีลอดในวันเสารแตเพียงวันเดียว เพราะทานนบี ไดกลาวไววา “ อยาไดถือศีลอดในวัน เสาร ยกเวนเมื่อมีฟรฎมายังทาน แมวาคนหนึ่งคนใดจากพวกทานจะไมมีอะไรเปนอาหารยกเวน เปลือกองุน ก็ตาม” รายงานโดย อะหฺมัด และเจาของซุนัน และทานอัลฮากิม แตหากถือศีลอดวันกอนหรือวันหลังดวย ก็ ไมเปนไร อนุญาตใหทําได 5.การถือศีลอดในครึ่งที่สองของเดือนชะบาน หากไมไดถือศีลอดในวันกอนหนา เพราะทานนบี ไดกลาวไววา “ เมื่อผานครึ่งที่สองของเดือนชะบาน ก็อยาไดถือศีลอด” รายงานโดยเจาของซุนัน สวนฟุกอ ฮะฮฺไดใหทัศนะไววา ไมควรปฏิบัติ ( )ﻣﻜﺮﻭﻩยกเวนผูที่มีทําการถือศีลอดมาอยางตอเนื่อง และยิ่งจะมีการ ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
136
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หามมากขึ้นในหนึ่งวันหรือสองวันกอนเขาสูเดือนรอมฎอน เพราะมีฮาดิษอีกฮาดิษหนึ่งกลาวไววา อยาได ถือศีลอดกอนเดือนรอมฎอน หนึ่งหรือสองวัน นอกจากผูที่ไดถือศีลอดมากอนหนานี้แลว ก็จงถือศีลอดตอ” รายงานโดยบคอรียและมุสลิม ในวันที่มีความคลางแคลงใจอยู คือวันที่ 30 เดือนชะบาน เพราะทานนบี ไดกลาวไววา “ผูใดที่ถือศีลอดในวันที่ไมแนนอน (วันที่ยังไมแนใจวาเขาสูเดือนรอมะฎอนหรือยัง) แทจริง แลวเขาเปนผูทรยศตอทานนบี” รายงานโดยเจาของซุนัน และอัลฮากิม ซึ่งบอกวาฮาดิษนี้เปนฮาดิษซอ เหียะหฺ ตามเกณฑของบุคอรียและมุสลิม 6.การถือศีลอดในวันอารอฟต สําหรับผูที่อยูที่อารอฟต เพราะมีฮาดิษของทานรอซูลุลลอฮ ได หามการถือศีลอดในวันอารอฟต ที่อารอฟต” รายงานโดย ผูรายงานทั้งหาทาน ยกเวนอัตตัรมีซีย และอัล ฮากิมใหเปนฮาดิษซอเหียะหฺ 7.สตรีถือศีลอดซูนัตโดยไมขออนุญาตผูเปนสามี เพราะมีฮาดิษของทานอาบีฮุรอยเราะฮฺวาทานนบี ไดกลาวไววา “ไมอนุมัติใหสตรีถือศีลอด ในขณะที่สามีของนางอยูกับบาน ยกเวนจากการอนุญาตของ สามี และเปนการถือศีลอดที่ไมใชรอมฎอน” รายงานโดยบุคอรียมุสลิม 8. การถือศีลอดอยางตอเนื่องโดยไมรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม และถือศีลอดตอเนื่องไป จนกระทั่งถึงวันตอไป เพราะมีฮาดิษของทานอิบนุอุมัร ไดกลาวไววา “ทานนบี ไดหามการถือศีลอด ตอเนื่อง พวกเขากลาววา “ทาน(นบี) ถือศีลอดตอเนื่อง ทานก็กลาววา แทจริงแลว ฉันเองไมเหมือนพวกทาน แทจริงฉันไดรับการใหอาหารและเครื่องดื่ม” รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม 9.การถือศีลอดตลอดทั้งป เพราะมีฮาดิษของทานอิบนุอุมัร ไดรายงานไววา ทานรอซูลุลอฮ ได กลาวไววา “การถือศีลอดตลอดทั้งป ไมเปนการถือศีลอด” รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม 10. การถือศีลอดที่ตองหามอีกชนิดหนึ่งคือ หญิงมีรอบเดือน หญิงที่มีน้ําคาวปลา ศีลอดของผูปวย คนเดินทาง หญิงมีครรภ หญิงใหนมลูก คนชรา ที่เกรงวาหากถือศีลอดแลวจะเกิดความยากลําบาก จึงไมควร ถือศีลอด การถือศีลอดซูนัต และวันที่ซูนัตใหถือศีลอด 1.การถือศีลอดใน 6 วันของเดือนเชาวาล เพราะมีฮาดิษจากทานรอซูลุลลอฮ กลาวไววา “ ผูใดทํา การถือศีลอดเดือนรอมะฎอน จากนั้นก็ตามติดมาดวยการถือศีลอด 6 วันในเดือนเชาวาล ก็จะไดกุศลเหมือน ถือศีลอดตลอดป” รายงานโดย มุสลิม ทางที่ดีใหถือศีลอดหลังวันตรุษในทันที 2.การถือศีลอดใน 9 วันแรกของเดือนซุลฮิจยะฮฺ เพราะมีฮาดิษของทานหญิงฮัฟเสาะฮฺ ซึ่งไดกลาว ไววา “สี่ประการที่ทานรอซูลุลลอฮ ไมเคยละทิ้ง คือการถือศีลอดในวันอาชูรออฺ และวันที่สิบ (ของเดือน วุลฮิจยะฮฺ สามวันของทุกเดือน และการละหมาดสองรอคอะฮฺ กอนเวลาเชาตรู ” รายงานโดยอะหฺมัดและ อันนะซาอีย การถือศีลอดในวันอารอฟต สําหรับผูที่ไมไดทําการวุกูฟอยูที่อารอฟต เพราะมีฮาดิษหนึ่งกลาวไววา “การถือศีลอดในวันอารอฟต จะชวยลบลาง(บาป)สองปที่ผานมาและสองปในอนาคต การถือศีลอดวันอาชู ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
137
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
รอ จะชวยลบลางบาปในปที่ผานมา” รายงานโดยยะมาอะฮฺ ยกเวนอัลบุคอรีย 3.การถือศีลอดในเดือนมุฮัรรอม เพราะมีฮาดิษของทานอาบีฮูรอยเราะฮฺรายงานไววา มีคนเรียนถาม ทานรอซูลุลลอฮ วาการละหมาดเวลาใดที่ดีที่สุดนอกเหนือจากละหมาดฟรฏ ทานก็ตอบวา ละหมาดตอน เวลาดึก จากนั้นก็เรียนถามทานวา การถือศีลอดวันใดที่ดีที่สุดหลังจากการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน ทานก็ ตอบวา เดือนของอัลลอฮที่พวกทานเรียกวาเดือนมุฮัรรอม” รายงานโดยอะหฺมัด มุสลิม อาบูดาวุด และมีการ ย้ําถึงการถือศีลอดในวันที่ 10 (อาชูรออฺ) นั่นคือวันที่ 10 ของเดือนรอมะฎอน เพราะมีหลักฐานปรากฏอยูใน ฮาดิษที่วา “ในวันนี้คือวันอาชูรอ ซึ่งไมไดมีบัญญัติวายิบใหถือศีลอดกับพวกทาน และฉันเองถือศีลอด ฉะนั้นผูใดประสงคก็จงถือศีลอด หากจะละก็จงละ” รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม ซูนัตใหมุสลิมถือศีลอดกอนวันที่ 10 และหลังวันที่ 10 หรือวันใดวันหนึ่ง เพื่อใหตางไปจากวิธีการ ของยะฮูดีย เพราะมีฮาดิษปรากฏอยูวา ทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวไววา “หากฉันยังมีชีวิตอยูจนถึงปหนา แนนนอนฉันจะถือศีลอดในวันที่เกา พรอมกับวันที่ 10 ” รายงานโดยมุสลิม 4.การถือศีลอดในวันจันทรและวันพฤหัศฯ ของทุกสัปดาห เพราะมีฮาดิษของอาบีฮุรอยเราะฮฺซึ่ง รายงานวาทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาววา “ทานนําเสนอการกระทําในวันจันทรและวันพฤหัศ ฉันเองรักที่ จะนําเสนอการกระทําของฉัน คือฉันเองถือศีลอด” รายงานโดยอัตตัรมีซีย ซึ่งกลาววาฮาดิษฮาซัน 5.ถือศีลอดเดือนละ 3 วัน เพราะมีหลักฐานจากฮาดิษของทานอับดุลลอฮ บิน อุมัร บิน อัลอาซ ได รายงานไววา ทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวไววา “การถือศีลอดสามวันในทุกเดือน (จะไดกุศล)เทากับการถือ ศีลอดตลอดป” รายงานโดยบุคอรีย และมุสลิม ในฮาดิษของทานอาบีซัรฺ ไดมีการกําหนดวันไววาเปนวัน ขาว คือวันที่ 13 ,14 และ 15 6.ถือศีลอดวันเวนวัน เพราะทานนบี ไดกลาวกับทานอิบนุ อุมัรวา “จงถือศีลอดวันเวนวัน การ ถือศีลอดเชนนั้ นคื อการถื อศี ลอดของทานนบีอาวุด และเปนการถื อศีลอดที่ดี ที่สุด” ฉั นเองก็พูดวา ฉั น สามารถทําไดดีกวานั้น ทานก็ตอบวา “ไมมีอื่นใดที่ดีกวานี้อีกแลว” รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม 7.การถือศีลอดในเดือนอัลฮะรอม เพราะมีฮาดิษจากทานรอซูลุลลอฮ ซึ่งไดกลาวกับชายชาวบาฮ ละฮฺวา “จงถือศีลอดในเดือนตองหาม(คือเดือนซูลกออิดะฮฺ,เดือนซุลฮิจยะฮฺ,เดือนมุฮัรรอมและเดือนระยับ) จากนั้นละทิ้ง และจงถือศีลอดในเดือนตองหาม และจงละ จากนั้นก็จงถือศีลอดในเดือนตองหามจากนั้นก็จง ละทิ้ง” รายงานโดยอะหฺมัด อาบูดาวุด อิบนุมายะฮฺและอัลนะซาอีย อัลบัยฮะกีย ดวยสายรายงานที่ดี เดือน ตองหามคือเดือนซูลกออิดะฮฺ,เดือนซุลฮิจยะฮฺ,เดือนมุฮัรรอมและเดือนระยับ ที่มีบัญญัติหามทําสงคราม 8.การถือศีลอด(สวนใหญ)ในเดือนชะบาน เพราะมีฮาดิษของทานหญิงอาอีชะฮไดรายงานไววา “ฉันเองไมเคยเห็นทานรอซูลุลลอฮ ถือศีลอดจนครบทั้งเดือน นอกจากในเดือนรอมฎอน และฉันเองไมเคย เห็นทานถือศีลอดเดือนใดมากไปกวาเดือนชะบาน” รายงานโดยอัลบุคอรีย และมุสลิม ผูถือศีลอดที่เปนศีลอดซูนัด เขาสามารถที่จะละศีลอดไดในตอนกลางวัน แตทางที่ดีเขาควรชดเชย ในวันตอไป เพราะมีหลักฐานเปนฮาดิษวา “ผูที่ทําการถือศีลอดซูนัตจะเปนเจานายของตัวเอง หากจะถือศีล ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
138
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
อดก็จงทํา หากจะละศีลอดก็จงละ” รายงานโดยอัลฮากิม ซึ่งกลาววาฮาดิษนี้ซอเหียะหฺ และในฮาดิษของอา บียซะอีด อัลคุดรียีย ซึ่งไดรายงานไววา “ฉันเองไดเตรียมอาหารใหกับทานรอซูลุลลอฮ ซึ่งทานไดมาหา ฉันพรอมซอฮาบะฮฺหลายทาน เมื่อมีคนนําอาหารมาวาง มีซอฮาบะฮฺทานหนึ่งกลาววา ฉันถือศีลอด ทาน รอซูลุลลอฮ ก็กลาววา “พี่นองของทานเชิญทาน ฉะนั้นทานก็ตองรับ” จากนั้นทานก็กลาววา “ละศีลอด เสีย แลวก็ใหถือชดเชยแทนที่ของมันในวันตอไป หากทานตองการ” รายงานโดยอัลบัยฮะกีย ดวยสาย รายงานที่ดี กิจกรรม การถือศีลอดซูนัต 1.เหตุใดที่อัลลอฮทรงหามการถือศีลอดในวันตรุษทั้งสองวัน ? 2. ใหนกั เรียนบอกหลักฐานอางอิงการหาม (ตามขอ 1) 3.อัลลอฮจะตอบแทนสิ่งใดใหกับผูที่ถือศีลอด 6 วันในเดือนเชาวาล ? 4.ระหวางการถือศีลอดซูนัตกับการถือศีลอดรอมะฎอนแตกตางกันอยางไร ? 5.วันใดบางทีซ่ ูนัตใหทําการถือศีลอด ? 6. เมื่อใดที่การถือศีลอดในวันอารอฟตเปนซูนัต เมื่อใดเปนซูนัตมุอักกัด และเมื่อใดหามถือศีลอด ? และมี อะไรเปนหลักฐานอางอิง ?(จงระบุ) 7. การถือศีลอดเปนวิธีปองกันดูแลคนหนุมสาวไดอยางไร? 8.สังคมและบุคคไดรับอะไรจากการถือศีลอด ? 9.วันตัชรีคหมายถึงวันใด การถือศีลอดในวันตัชรีคจะไดหรือไมอยางไร ? 10.ทําไมการในวันศุกรจึงไมควรถือศีลอด ( )ﻣﻜﺮﻭﻩและเมื่อใดที่สามารถถือศีลอดในวันศุกรได ? 11. การตั้งเจตนาถือศีลอดที่เปนซูนัตมีหลักการวาอยางไร ? และเมื่อใดคือเวลาการตั้งเจตนาถือศีลอดซูนัต ? 12. การถือศีลอดในวันอารอฟต จะชวยลบลางบาปใด ? 13. ทําไมจึงซูนัตใหถือศีลอดในวันอาชูรอ ? 14. การถือศีลอดสามารถที่จะละในตอนกลางวันไดหรือไม อยางไร ? และมีอะไรเปนหลักฐานอางอิง ? 15. เมื่อใดการถือศีลอดซูนัต เปนการกระทําเพื่ออัลลอฮ ? 16.ทานรอซูลุลลอฮ สงเสริมการถือศีลอดซูนัตไวอยางไร ? 17. ใหนกั เรียนทําเครื่องหมาย 9 หนาหัวขอที่กลาวถูกตอง 1) ทานรอซูลุลลอฮ หามการถือศีลอดอยางตอเนื่อง 2) ทานรอซูลุลลอฮใหคนหนุมสาวเลือกระหวางการแตงงานกับการถือศีลอด 3) ไมอนุญาตใหภรรยาถือศีลอดในเดือนรอมะฏอนกอนไดรับอนุญาตจากสามี 4) ภริยามีสิทธิท์ ี่จะทําการถือศีลอดซูนัตโดยไมตองขออนุญาตสามี 5) ภรรยาไมตอ งทําการละหมาดหากสามีไมอนุญาต ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
139
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
6) ผูประกอบพิธีหัจญ ควร(ซูนัต)ถือศีลอดในวันอารอฟต 18. จงบอกหลักฐานทีย่ ืนยันวาซูนัตใหถือศีลอดในวันจันทรและวันศุกร 19. จงบอกหลักฐานยืนยันวาทานรอซูลุลลอฮ ไดใชเวลาสวนใหญในการถือศีลอดในเดือนชะบาน 20. การถือศีลอดของทานนบี ดาวุด มีวิธีการอยางไร ? 21.การถือศีลอดซูนัตอนุญาตใหผูถือศีลอดละได แตวายิบตองชดเชยหรือไมอยางไร ? 22. ใหนกั เรียนบอกหลักฐานที่สนับสนุนใหรีบเรงละศีลอดเมื่อไดเวลา และใหทอดเวลาการรับประทาน ซะฮูรในตอนคอนคืน 23.ทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวไววา “ไมเปนการถือศีลอดสําหรับผูที่ถือศีลอดตลอดกาล” ฮาดิษนีห้ มายความ วาอยางไร ?
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
140
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
หมวดที่ 4 หลักการและวิธีปฏิบัติในเดือนรอมะฎอน คุณคาของเดือนรอมะฏอน 1. ทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวไววา “ผูใดถือศีลอดดวยความศรัทธา และคิดคํานวณตนเอง อัลลอฮ จะทรงอภัยในความผิดที่ผานมา” รายงานโดยอะหฺมัดและเจาของซุนัน 2.เมื่อถึงเดือนรอมะฏอนประตูสวรรคก็จะถูกเปดออก ประตูนรกก็จะถูกปดลง มารรายก็จะถูกลาม ผูเรียกก็จะเรียกวา โอผูที่ตองการความดี จงตอบรับ โอผูที่ตองการสิ่งเลวราย จงปลอยไป” รายงานโดย ผูรายงานทั้งหาคน ยกเวนอาบูดาวุด 3.ทานรอซูลุลลอฮ ไดกลาวไววา “อัลลอฮทรงตรัสไววา “ทุกการกระทําของลูกหลานอาดัมจะ เปนของเขา ยกเวนการถือศีลอดจะเปนของขา และขาเองก็จะตอบแทนใหกับพวกเขา การถือศีลอดเปนยา ปองกัน หากคนใดจากพวกทานถือศีลอด เขาก็จะไมพูดคําที่ไมดี และจะไมขึ้นเสียงทะเลาะกัน เมือ่ มีใครมา กลาวราย หรือทะเลาะกับเขา ก็จงตอบวา แทจริงแลวฉันกําลังถือศีลอด ขอยืนยันตออัลลอฮ ความ เปลี่ยนแปลงของกลิ่นปากของผูถือศีลอด สําหรับอัลลอฮ จะหอมกวากลิ่นของชะมดเชียง สําหรับผูที่ถือศีล อด เขาจะดีใจสองครั้ง ครั้งที่หนึ่งขณะละศีลอด ครั้งที่สองเมื่อไดพบองคอภิบาล เขาจะดีใจเพราะการถือศีล อดขเขา” รายงานโดยผูรายงานทั้งหา 4.ผูใดละศีลอดเพียง 1 วันในเดือนรอมะฎอนโดยไมมีเหตุจําเปน แมจะถือศีลอดชดเชยสักหนึ่งปก็ ไมเพียงพอ” รายงานโดย อาบูดาวุด อิบนุมายะฮฺ และอัตตัรมีซีย การเริ่มตนและสิ้นสุดเดือนรอมะฏอน การเริ่มตนเดือนรอมะฎอนจะรูไดเมื่อ 1. มีการเห็นดวงจันทรในวันที่ 29 เดือนชะบาน หากฟาเปด ไมมีสิ่งกีดกั้นเพราะมีฮาดิษปรากฏอยูว า “จงถือ ศีลอดและละศีลอด(ออกบวช)เมื่อเห็นดวงจันทร” รายงานโดยบุคอรียแ ละมุสลิม การมองเห็นดวงจันทรในเดือนรอมะฎอน เพียงแคมีชายมุสลิมที่สามารถเชื่อถือไดมองเห็นแคเพียง คนเดียวก็เพียงพอแลว เพราะฮาดิษของทาน อิบนุ อุมัร ไดรายงานไววา มีชายคนหนึ่งเปดเผยเขาวาเห็นดวง จันทร ฉันก็เลยรายงานแกทา นนบี วา ฉันเห็นมัน วาแลวทานก็สั่งใหผูคนถือศีลอด...ฮาดิษรายงานโดย อาบูดาวุด และทานอัลฮากิมก็ใหฮาดิษนีเ้ ปนฮาดิษซอเหียะหฺ 2.เมื่อไมสามารถมองเห็นดวงจันทรได มุสลิมตองนับจํานวนวันของเดือนชะบานใหครบ 30 วัน เพราะมี หลักฐานจากฮาดิษวา “....หากทองฟาปด ทานทั้งหลายจงนับจํานวนวันของเดือนชะบานใหครบ 30 วัน” รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
141
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
การยืนยันเกี่ยวกับการเขาสูเดือนเชาวาลจะตองมีพยายานที่เชื่อถือไดยืนยันสองคน คนเดียวไม เพียงพอ เพราะเปนการออกจากการอีบาดะฮฺ จําเปนที่จะตองมีความนาเชื่อถือ แตหากทองฟาปด ก็ตองนับ จํานวนวันของรอมะฎอนใหครบ 30 วัน มุสลิมจะตองเฝาสังเกตดูดวงจันทรในวันที่ 29 ของเดือนชะบาน และรอมฎอนขณะตะวันตกดิน และการเฝาสังเกตนี้เปนฟรฎกีฟายะฮฺดวย ความแตกตางของเวลา เมื่อปรากฏวามีการมองเห็นดวงจันทรในเมืองหนึ่ง มุสลิมในเมืองนั้นทุกคนจะตองถือศีลอดทั้งหมด นี่คือทัสนะของนักวิชาการมุสลิมสวนใหญ เพราะพวกเขาไมไดมีความแตกตางในเรื่องของเวลา ทัศนะนี้ เปนสอดคลองกับทัศนะของอัลอะหฺนาฟที่ถูกตองดวย และเปนทัศนะของชาฟอียดวย เพราะเปนการคิด คํานวณตามแตละเมือง แตคนเมืองอื่นที่มีเวลาแตกตางกันจะตองคิดคํานวณใหม จะตองมองเห็นดวงจันทร ดวยชาวเมืองเอง การคิดคํานวณเวลา และการใชหอดูดาว นักวิชาการตางเห็นตรงกันวาสามารถใชหอดูดาวเพื่อดูดวงจันทรได เพราะเปนสถานที่ที่สามารถ มองเห็นไดดวยสายตา แมวาจะมีการใชสื่อเครื่องมือสมัยใหมมาชวยก็ตาม แตนักวิชาการยังมีทัศนะตางกัน ในเรื่องของการคิดคํานวณ โดยที่ไมสามารถมองเห็นดวงจันทรดวยสายตา นักวิชาการสวนใหญโดยเฉพาะ นักวิชาการสมัยใหมใหทัศนะวา ไมอนุญาตใหใชเปนเกณฑ เพราะเปนเรื่องของการทําอิบาดะฮฺ จึงจําเปนที่ จะตอง มีหลักฐานปรากฏเปนตัวบท แตนักวิชาการสมัยกอนใหทัศนะวาการยึดถือตามดวงดาวเพื่อทําการถือ ศีลอดและการออกจากการถือศีลอดนั้นไมถูกตอง เพราะวิชาดาราศาสตรเปนเพียงการคาดคะเนเทานั้น นักวิชาการสมัยใหมบางทาน กลาววา คําวาการมองเห็นดวงจันทร นั้นหมายถึงมีความมั่นใจวาดวง จันทรปรากฏขึ้นแลว การคิดคํานวณในสมัยปจจุบันสามารถคํานวณไดอยางมั่นใจกวาการมองเห็น เพราะ การคิดคํานวณนับวันของเดือนชะบานและรอมะฎอนใหครบ 30 วันก็เปนการคิดคํานวณที่จะนําไปสูความ มั่นใจ ซึ่งในสมัยทานรอซูลุลลอฮ มีเพียงสองทางนี้เทานั้นทานก็เลยแนะนําใหใชสองทางนี้เปนสื่อ เมื่อมีสื่อ ใหมเ กิดขึ้ น และสามารถนําไปสู ความมั่นใจได ก็อนุญาตใหใ ช ได เช น กัน ในสมัย นั้นให ยึ ดถื อเอาการ มองเห็นเปนเกณฑเพราะมุสลิมในสมัยนั้นคิดคํานวณยังไมเปน นั่นก็หมายความวาเมื่อพวกเขาเรียนรูและคิด คํานวณได ก็สามารถนํามายึดถือไดดวยเชนกัน ทานนบี ไดกลาวไววา “พวกเราเปนประชาชาติที่อานไม ออกเขียนไมได คิดคํานวณไมเปน...หนึ่งเดือน เปนอยางนี้ อยางนี้..(คือ 29 วันหรือ 30 วัน)” รายงานโดย อัล บุคอรีย และมุสลิม ทานอาบูดาวุดและอัลนะซาอีย เปนที่รูกันวาการคิดคํานวณในยุคนี้จะตางไปจากในอดีต ที่ผานมา เพราะในสมัยนั้นจะใชการคาดคะเนเทานั้น
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
142
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
การละหมาดตะรอวีฮฺ ในรายงานของทานหญิงอาอิชะฮฺ (ขอความโปรดปรานจากอัลลอฮจงมีแดทาน) ไดรายงานไววา ทานนบี ทําการละหมาดตะรอวีฮฺในมัสยิด ทานไดละหมาดนําผูคนดู จากนั้นก็ทําการละหมาดครั้งที่สอง ผูคนก็ละหมาดกันมากมาย ในคืนที่สามและคืนที่สี่พวกเขาก็รวมกัน แตทานรอซูลุลลอฮ ไมไดออกมายัง พวกเขา พอในตอนเชาทานก็กลาววา “ฉันเห็นสิ่งที่พวกทานทั้งหลายทํา ความจริงแลวไมไดมีอะไรหามฉัน ไมใหออกมายังพวกทานหรอก แตฉันเกรงวาจะกลายเปนเรื่องฟรถู(ที่จําเปนตองปฏิบัติ)สําหรับทานไป เทานั้น” รายงานโดยชัยคอน มุสลิมตางก็ทําการละหมาดตะรอวีฮฺในเดือนรอมะฎอน แบบตางคนตางละหมาด ในมัสยิดบางใน บานบาง ดังที่มีฮาดิษยืนยันวาทานรอซูลุลลอฮ ไดรวบรวมพวกเขา แลวละหมาดนําใหกับพวกเขา และยัง มีฮาดิษอีกมากมายหลายฮาดิษวา ทานไดละหมาดพรอมกับซอฮาบะฮฺใน 10 คืนสุดทายของรอมะฎอน และ ในคืนคี่ และไดมีการปฏิบัติดังกลาวมาจนกระทั่งถึงปที่ 14 แหงฮิจเราะฮฺศักราช ทานอับดุลลอฮ บิน อัลกอ รีย ไดกลาววา ฉันไดออกไปยังมัสยิดพรอมกับทานอุมัร บิน อัลคอฏฏอบ ในเดือนรอมะฎอน และพบวา ผูคนละหมาดแยกกันเปนกลุม ๆ บางก็ละหมาดอยูตามลําพัง กลุมละ 3 คนบาง 10 คนบาง ทานอุมัรก็กลาว วา หากสามารถรวมพวกเขาเขาดวยกัน โดยมีอีหมามนําละหมาดคนเดียว นาจะดีกวา ตอมาก็ไดมีการ รวบรวมไปที่ทานอาลีย บิน กะอับ ครั้นในคืนตอมาผูคนก็ละหมาดตามอีหมามคนเดียว ทานอุมัรก็บอกวา “มันเปนเรื่องใหมที่ดี ผูที่ละหมาดกอน(อยางนี้)62ดีกวาที่จะไปเขานอนแลวมาละหมาดในชวงทายของ กลางคืน และผูคนก็ละหมาดกันในชวงแรกของตอนกลางคืน” รายงานโดยบุคอรีย ทานอุมัรเรียกการละหมาดตะรอวีฮฺแบบยามาอะฮฺวาเปนบิดอะฮฺอนุโลมได เพราะไมใชบิดอะฮฺที่ ทานนบีหามไว บิดอะฮฺที่ทานหามไวคือบิดอะฮฺที่ไมมีหลักฐานทางศาสนาปรากฏอยู แตเราเคยเห็นทานรอซู ลุลลอฮ รวบรวมผูคนในการทําละหมาดตัรวีฮฺ แลวทานก็เปนอีหมามละหมาดนําพวกเขา ทานอุมัรก็เลย จัดระเบียบใหมใหผูคนละหมาดตามอีหมามคนเดียวกัน และก็มีการปฏิบัติอยางนี้มาตลอด การกระทําเชนนี้ ก็เขากับการที่ทานรอซูลุลลอฮซึ่งทานไดกลาวไววา “ ผูใดนําทางดวยแนวทางที่ดี เขาก็จะไดรับผลบุญ เหมือนผูกระทําเองไปจนถึงวันกียามะฮฺ” รายงานโดยมุสลิม เพราะนั่นเปนแนวทางที่ดี และมีหลักฐานจาก หลักการทางศาสนาครบ ลัยละตุลกอดัร(คืนแหงเกียรติยศ) ลัยละตุลกอดัร เปนคืนที่ดีกวาคืนอื่น ๆ ทั้งหมดตลอดป อัลลอฮทรงตรัสไววา ∩⊂∪ 9öκy− É#ø9r& ôÏiΒ ×öy{ Í‘ô‰s)ø9$# ä's#ø‹s9 ∩⊄∪ Í‘ô‰s)ø9$# ä's#ø‹s9 $tΒ y71u‘÷Šr& !$tΒuρ ∩⊇∪ Í‘ô‰s)ø9$# Ï's#ø‹s9 ’Îû çµ≈oΨø9t“Ρr& !$¯ΡÎ)
62
ทานอุมัรไมไดนําละหมาดใหผูคนเพราะทานจะละหมาดในชวงทายของกลางคืน
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
143
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
∩∈∪ Ìôfxø9$# Æìn=ôÜtΒ 4®Lym }‘Ïδ íΟ≈n=y™ ∩⊆∪ 9ö∆r& Èe≅ä. ÏiΒ ΝÍκÍh5u‘ ÈβøŒÎ*Î/ $pκÏù ßyρ”9$#uρ èπs3Íׯ≈n=yϑø9$# ãΑ¨”t∴s?
แทจริงเราไดลงอัลกรุอานมาให ในคืนแหงเกียรติยศและอันใดหรือที่ทําใหเจารูวา อะไรคือคืนแหง เกียรติยศ คืนแหงเกียรติยศประเสริฐกวา (คืนธรรมดา) ถึงหนึ่งพันเดือน มลาอิกะฮฺและวิญญาณบริสุทธิ์ (ยิบรีล) จะลงกันมาในคืนนั้น โดยพระอนุมัติแหงองคอภิบาลของพวกเขา เพื่อ (นํามาซึ่ง) ทุก ๆ กิจการ มัน เปนคืนแหงศานติ (ที่มีความมงคลยิ่ง) ตราบถึงแสงอรุณขึ้น ทานรอซูลุลลอฮ ไดสนับสนุนใหลุกขึ้นทําอีบาดะฮฺในคืนลัยละตุลกอดัร โดยกลาววา “ผูใดที่ลุก ขึ้นประกอบอิบาดะฮฺในคืนลัยละตุลกอดัร ดวยความศรัทธา และคิดคํานวณ อัลลอฮจะทรงอภัยในความผิดที่ ผานมา) รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม นักวิชาการมีความเห็นเกี่ยวกับการกําหนดเวลาของลัยละตุลกอดัรแตกตางกันออกไป บางก็วาใน คืนที่เปนคืนคี่ของสิบคืนสุดทายของเดือนรอมฎอน เพราะทานนบี ไดกลาวไววา “จงกําหนดคืนลัยละตุ ลกอดัรไวในคืนคี่ของสิบคืนสุดทายของเดือนรอมะฎอน” รายงานโดยอัลบุคอรีย บางทานเห็นวาคือคืนที่ 21 บางก็วาคืนที่ 23 บางก็วา คืนที่ 25 แตสวนใหญกลาววาเปนคืนที่ 27 ของเดือนรอมะฎอน ดวยเหตุนี้เอง เมื่อ ถึงในชวงสิบวันสุดทายของรอมะฎอน ทานรอซูลุลลอฮ ก็จะลุกขึ้นทําอีบาดะฮฺในตอนกลางคืนตลอด และทานก็จะปลุกใหครอบครัวใหทุมเทความพยายามมากยิ่งขึ้น” รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม ทานหญิงอาอิชะฮฺ(ขอความโปรดปรานจากอัลลอฮจงมีแดทาน) ไดเรียนถามทานรอซูลุลลอฮ วา “ทานรูหรือไม หากฉันรูวาคืนไหนเปนคือลัยละตุลกอดัร ฉันจะตองอานอะไรในคืนนั้น?”ทานก็ตอบวา ทาน ُ ﺐ ﺍﻟﻌﻔﻮ ﻓﺎﻋ )ﺍﻟﻠﹼﻬ ّﻢ ﺇﻧﱠﻚ ﻋﻔﻮﱞ ﺗُﺤ ﱡฮาดิษรายงานโดย อัตตัรมีซีย และทานก็กลาววาฮาดิษนี้เปน จงอานวา (ﻒ ﻋَﲏ ฮาดิษฮาซันซอเหียะหฺ การอิอฺติกาฟ การอิอฺติกาฟ คือการหยุดพักในมัสยิดเพื่อการประกอบอีบาดะฮฺ และชวงเวลาที่ดีที่สุดคือสิบวัน สุดทายของเดือนรอมะฎอน และตองมีเงื่อนไขวาตองมีการตั้งเจตนา และปราศจากยะนาบะฮฺ การมีรอบ เดือนและน้ําคาวปลา การอิอฺติกาฟเปนซุนนะฮฺที่ทานรอซูลุลลอฮ ปฏิบัติตอเนื่องมาตลอด ในรายงานจากทานหญิง อาอิชะฮฺ (ขอความโปรดปรานจากอัลลอฮจงมีแดทาน) ไดรายงานไววา “ทานนบี เคยอิอฺติกาฟใน 10 วัน สุดทายของเดือนรอมะฎอน จนกระทั่งอัลลอฮใหทานจบชีวิตลง จากนั้นภริยาของทานก็ทําการอิอฺติกกาฟตอ จากทาน” รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม การอิอฺติกาฟซุนัตใหเริ่มตั้งแตหลังละหมาดฟจรฺ(ละหมาดซุบฮฺ) เพราะมีฮาดิษของทานหญิงอาอี ชะฮฺ ไดรายงานไวว า “ทานนบี เมื่ อทานตองการที่จะทําการอิอฺติกาฟ ทานก็จะละหมาดฟจรฺ(ซูบุฮฺ) จากนั้นทานก็เขาสูการอิอฺติกาฟ” รายงานโดยบุคอรียและมุสลิม
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
144
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ซูนัตใหผูที่ทําการอิอฺติกาฟใหอยูในมัสยิดตลอด ยกเวนในกรณีที่มีเหตุจําเปน ไมมีการเยี่ยมเยียน ผูปวย เดินตามศพ(ไปสุสาน) และไมสัมผัสสตรีเพศ ไมมีเพศสัมพันธกับนาง การอิอฺติกาฟเปนการปลีกตัวออกมาจากความยุงเหยิงของทางโลก โดยหันไปใสใจกับการทําอิบา ดะฮฺ เชนการอานอัลกุรอาน การขอดุอา การกลาวอิสติฆฟาร การกลาวตัสบิฮฺ กลาวซอลาวัตใหกับทาน นบี สวนมารยาทในการอิอฺติกาฟ ผูอิอฺติกาฟจะตองพูดแตเรื่องดี ๆ มีประโยชน หางไกลจากสิ่งที่จะทําใหหันเห ไปจากการภักดีตออัลลอฮ ใหเลือกมัสยิดยามิอฺ (มัสยิดกลาง) สวนผูหญิงทางที่ดีนางควรอิอฺติกาฟอยูกับ มัสยิดในบานของนางเอง กิจกรรม หลักบัญญัติเกีย่ วกับรอมะฎอน 1.คําวาอิอฺติกาฟ หมายความวาอยางไร ? ปรัชญาของการอิอฺติกาฟคืออะไร ? 2.ทําไมทานรอซูลุลลอฮ จึงเลือกสิบวันสุดทายในการอิอฺติกาฟ หากอิอฺกาฟในวันอื่นจะไดหรือไม 3. ฮาดิษหนึ่งระบุวาควรเขาสูการอิอฺติกาฟหลังละหมาดฟจรฺ (ซุบฮฺ) แตอีหมามทั้งสี่บอกวาตองเขาสูก ารอิอฺติ กาฟกอนตะวันตกดินเล็กนอย ..จะประสานทั้งสองความเขาใจเขาดวยกันอยางไร ? 4.สิ่งใดบางที่ผูทําการอิอฺติกาฟทําไดและทําไมได ? 5.บัญญัติการอิอฺติกาฟ เปน.......... • ฟรฎอีน • ฟรฎกิฟายะฮฺ • ซูนัตมุอักกัดในเดือนรอมะฎอนเทานั้น • ซูนัตทุกวันทุกเดือน 6. การอิอฺติกาฟจะสมบูรณไดโดย ...(จงเลือก) • การตั้งเจตนา • ไมตองตั้งเจตนา 7. การอิอฺติกาฟของสตรีจะเหมือนกับการอิอฺติกาฟของสุภาพบุรุษหรือไมอยางไร ? 8. หญิงที่มีรอบเดือน มีเลืออิสติฮาฎอฮฺ และมีน้ําคาวปลา สามารถอิอฺติกาฟไดหรือไม อยางไร ? 9.ผูที่มียานาบะฮฺ การอิอฺติกาฟของเขาถูกตองหรือไมอยางไร ?(จงใหเหตุผล) 10.การทําความสะอาดมัสยิด ปกปองมัสยิดจากสิ่งสกปรกสามารถทําไดอยางไร ? 11. มุสลิมผูศรัทธาจะเอาชนะมารราย(ชัยฏอน)ไดอยางไร ?
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
145
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
6. กิจกรรมเสริม กิจกรรมการจัดการเรียนการสอน 1. ใหนักเรียนลองสาธิตการอาบทําวุฎอฺ การอาบน้ํา การตะยัมมุม การเช็ดบนรองเทาบูต 2.บทบาทสมมุติดวยการปฏิบัติจริงเพื่อใหเกิดความเขาใจและสามารถนําไปใชไดในชีวิตประจําวัน 3.นําภาพโปสเตอรแสดงการทําวุฎอฺและการตะยัมมุมมาติดไวเพื่อใหนักเรียนศึกษา 4.เขียนคําอานอาซาน อีกอมะฮฺ แลวนําไปแขวนไวในมัสยิดเพื่ออานจริง 5.ใหนักเรียนเขียนรายงานเกี่ยวผลของการละหมาดที่มีตอบุคคลและสังคม 6.นําเทปบันทึกเสียงการบรรยายเรื่องคุณคาของการละหมาดมาใหนักเรียนฟง 7. ฝกใหนักเรียนอาซาน อีกอมะฮฺและละหมาดจริง 8.เรียนรูการละหมาดผานการปฏิบัติในหองเรียน 9.นําภาพโปสเตอรที่แสดงอิริยาบถการละหมาดมาติดในหองเรียนเพื่อเรียนรู 10. ฝกใหนักเรียนละหมาดใหถูกตอง 11. ละหมาดกียามุลลัย พรอมกับครอบครัว 7. สื่อการจัดการเรียนการสอน 1. ทดสอบภาคปฏิบัติเกี่ยวกับการทําวุฎอฺ 2. จัดทําแผนภูมิแสดงประเภทของนายิส 3. นําอายะฮฺที่กลาวถึงการละหมาดมาเขียนแลวนําไปติดบนฝาผนังหองเรียน 4.นําฮาดิษที่ระบุอิริยาบถการละหมาดมาเขียนแลวนํามาติดบนฝาผนัง 8. จุดประสงคการเรียนรูดวยตนเอง จุดประสงคดานพุทธิพิสัย 1.บอกความสําคัญของการละหมาดในอิสลามได 2.บอกคุณคาของการละหมาดและผลที่จะเกิดขึ้นกับบุคคลและสังคมได 3.สามารถบอกเงื่อนไขที่วายิบ เงื่อนไขของความถูกตองและ บัญญัติของการละหมาดได 4.บอกเวลาการละหมาดได 5.บอกจํานวนรอคอะฮฺของการละหมาดแตละเวลาได 6.บอกจํานวนรอคอะฮฺของการละหมาดซูนัตได 7. บอกสิ่งที่ไมควรปฏิบัติขณะละหมาดได 8.อธิบายวิธีการละหมาดที่ถูกตองได 9.บอกประเภทของน้ําได 10.บอกชนิดของนายิสพรอมตัวอยางได ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
146
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
11.บอกผลของการรักษาความสะอาดที่มีตอการอิบาดะฮฺได 12.บอกมารยาทการขับถายได 13.บอกวิธีการ ฟรฎ ซูนัต และสิ่งที่ทําใหเสียวุฎอฺได 14.สามารถบอกความแตกตางระหวางยะนาบะฮฺกับ นายิสได 15.บอกคําจํากัดความของคําวา ยะนาบะฮฺ รอบเดือน และน้ําคาวปลาได 16. บอกความแตกตางระหวาง ยะนาบะฮฺกับ นายาซะฮฺได 17.บอกประเภทของการอาบน้ํา วายิบและซูนัต พรอมยกตัวอยางได สาระที่ตองศึกษาดวยตนเอง 1.ความสําคัญของการละหมาดในอิสลาม คุณคาและผลที่จะไดรับจากการละหมาด บัญญัติ เงื่อนไข วายิบ เงื่อนไขของความถูกตองสมบูรณ (ﺷﺮﻭﻁ ﺻﺢ, )ﺷﺮﻭﻁ ﻭﺍﺟﺐเวลา การอาซานและการอีกอมะฮฺ 2.หลักการ(รุกน) ซูนัต สิ่งที่ทําใหเสียละหมาด สิ่งที่ไมควรปฏิบัติในละหมาด สิ่งที่สามารถกระทํา ไดในขณะละหมาด 3. บัญญัติเกี่ยวกับการทําความสะอาด นายิส (รูปธรรมและนามธรรม) ผลที่มีตอการอิบาดะฮฺ เรื่อง ของน้ํา ,นายิส,การขับถาย , การทําวุฎอฺ , ยานาบะฮฺ , รอบเดือน น้ําคาวปลา, การอาบน้ําวายิบ ซูนัต ,กา รตะยัมมุม ,การเช็ดรองเทาบูต,การเช็ดผาพันแผล หนังสืออางอิง . ﻓﻘﻪ ﺍﻟﺴﻨﺔ ﺍﻟﺸﻴﺦ ﺴﻴﺩ ﺴﺎﺒﻕ . ﺍﻹﻗﻨﺎﻉ ﺸﺭﺡ ﺃﻟﻔﺎﻅ ﺃﺒﻲ ﺸﺠﺎﻉ
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
147
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
ขอเสนอแนะสําหรับครูผสู อน เพื่อใหการจัดการเรียนการสอนประสบความสําเร็จครูผูสอนจะตองยึดมั่นตามแนวทางดังตอไปนี้ เรื่องของอิบาดะฮฺ 1.การจัดการเรียนการสอนจะตองยึดหลักการสนทนา มากกวาการสอน เพื่อใหนกั เรียนสามารถ ตอบรับ ตอบสนองการสอนของครูและมีผลในทางที่ดี 2. ครูตองพยายามสงเสริมใหผูเรียนเขาใจอีบาดะฮฺ ทุกประเภท ไมวาจะเปนการอีบาดะฮฺที่เปน กายกรรม วจีกรรม หรือมโนกรรม ซึ่งจะทําใหพวกเขาสามารถตอบรับอีบาดะฮได และดวยความเขาใจจะ ทําใหพวกเขารูสึกตระหนักในรสชาติและความหวานหอมของอิบาดะฮฺ ดวยความรูสึกดังกลาวจะทําใหพวก เขารูสึกผูกพันกับอิบาดะฮฺ หากสามารถสรางความรูสึกนี้ขึ้นมาได ครูผูสอนก็จะสามารถฝกหัดขัดเกลา ผูเรียนใหสามารถรักษาอิบาดะฮฺไวได ซึ่งทานรอซูลุลลอฮ เองก็สนับสนุนใหเปนเชนนั้น ทานก็กลาวถึง บุคคล 7 กลุมที่จะอัลลอฮจะทรงใหพึ่งพารมเงาในวันที่ไมมีรมเงาอื่นใดนอกจากรมเงาแหงพระองค นั่นคือ คนหนุมสาวที่เติบโตมากับการอีบาดะฮตออัลลอฮ คนที่มีหัวใจผูกพันอยูกับมัสยิด ...สวนของความเขาใจ เกี่ยวกับอิบาดะฮฺก็จะแตกตางกันตามวัย แตก็จะไมตางออกไปมากนัก ความแตกตางจึงแตกตางกันออกไป ระหว า งผู ที่ ทํ า การตั ก บิ ร โดยรู ค วามหมาย ผู ที่ ทํ า การโค ง รอเกาะอฺ แ ละซู ยุ ด โดยเข า ใจในสั ญ ลั ก ษณ ที่ แสดงออก กับผูที่ทําการละหมาดโดยไมใสใจอะไรเลย อยางแนนอน และจะตองมีความแตกตางแนนอน ระหวางผูที่ละหมาดพรอมกับการทําความเขาใจความหมายของซูเราะฮฺฟาติหะฮฺ กับผูที่อานไปโดยไมรูควา หมาย ละหมาดโดยที่จิตใจสติปญญาไมไดอยูกับการละหมาดหรือบทอาน สวนอีบาดะฮฺอื่น ๆ ก็เชนกัน จะตองสรางคุณลักษณะนี้ใหได แตโดยสวนใหญแลวครูผูสอนมักจะ ละเลยในสวนของการปลูกฝงจิตวิญญาณขอนี้ลงไป แตกลับไปใหความสําคัญกับเรื่องของหลักการทางศา สนบัญญัติของอิบาดะฮฺ ไมไดใหความสําคัญกับคําอธิบายและการปลูกฝงจิตวิญญาณ ซึ่งเปนเรื่องที่จะตอง ระวังเปนอยางยิ่ง 3. ผูสอนจะตองใหความสําคัญยึดหลักเงื่อนไขที่จะนําไปสูการตอบรับอีบาดะฮ ความบริสุทธิ์ใจใน การปฏิบัติ และการปฏิบัติตาม 4. ควรสรางความตระหนักใหกับผูเรียนเกี่ยวผลที่จะเกิดขึ้นจากอิบาดะฮฺที่จะมีตอบุคคลและสังคม โดยรวม 5.ปลูกฝงความรักความผูกพันกับอีบาดอะฮฺที่เกิดจากจิตใจของผูเรียนเอง ความรักความผูกพันที่เกิด จากความรักตออัลลอฮที่มีอยูในจิตใจของเขาเอง แรงผลักดันภายในนี้จะเปนเสมือนไดนาโมที่จะชว ย ผลักดันขับเคลื่อนจากภายใน การปลูกฝงในลักษณะนี้จะมีพลังมากกวาที่จะไปกลาวถึงผลบุญและการ ลงโทษ พรอม ๆ กับการยอมรับในความสําคัญของทั้งสอง ความรักความตองการจะชวยดึงดูดเด็กเล็กและ เด็กใหญไดทั้งหมด ดวยเหตุนี้เองผูสอนจะตองบอกใหผูเรียนรับรูในความยุติธรรมแหงอัลลอฮที่จะตอบ แทนผลบุญผูเปนบาวที่ภักดีและการลงโทษที่พระองคจะตอบแทนใหกับผูที่ทรยศ
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
148
วิชาศาสนบัญญัติ (ฟกฮฺ)
6. ผูเปนครูจะตองเปนแบบอยางที่ดีใหกับผูเรียน นั่นหมายความวา ครูจะตองเปนผูที่ยึดมั่นตอ วัฒนธรรมอิสลาม จะตองนําเอาสิ่งที่ตนเองพูดออกไปมาถือปฏิบัติใหได และจะตองยึดมั่นตออีบาดะฮฺ แต ปญหาที่กําลังเกิดขึ้นในปจจุบันคือ ครูผูสอน พูด เตือน สั่ง หาม แตในเวลาเดียวกันครูกลับปฏิบัติตนให นักเรียนเห็นในรูปแบบที่ขัดแยงกับที่ตนเองพูดทั้งหมด ทําใหคําพูดของครูไรผล ไมมีน้ําหนัก 7. ครูควรสรางบรรยากาศความเปนอิสลามใหเกิดขึ้นในองคกรการจัดการเรียนรู ไมควรที่จะไปยุง เกี่ยวกับการงานอื่นในเวลาละหมาด 8.ครูผูสอนจะตองสรางความพอใจในเหตุและผล และใหความกระจางในหลักการ ดวยการ ยกตัวอยางประกอบ เชน ชีวิตการเปนอยูของบรรดาซอฮาบะฮฺ (ขอความเมตตาจากอัลลอฮจงมีแดพวกเขา) ครูจะตองเลาเรื่อง นําเสนอตัวอยางจากชีวประวัติของทานนบี และบรรดาซอฮาบะฮฺ ซึ่งพวกเขาเหลานี้ ลวนแลวแตประกอบศาสนกิจมาเปนอยางดี เรื่องราวเหลานี้ทั้งหมดก็จะเปนน้ําทิพยชะโลมรดจิตใจของ ผูเรียนไดเปนอยางดี จะทําใหพวกเขารูสึกวาตนเองยังประกอบอิบาดะฮฺไดนอย ยังตองการการพัฒนา ยกระดับ เพื่อใหเหมาะสมกับความเปนบาวของเขา 9. ครูจะตองทุมเทความสามารถอยางเต็มกําลังในการที่จะนําเอาแนวทางมาสูการปฏิบัติใหไดมาก ที่สุด ครูผูสอนจะตองอธิบายไปพรอม ๆกับการใหผูเรียนฝกปฏิบัติอิบาดะฮฺ โดยครูคอยใหคําแนะนําใน สวนที่ผิดพลาดโดยแกไขใหถูกตอง 10. ครูผูสอนจะตองหมั่นอางอิงหลักการดวยอายะฮฺและฮาดิษตามความเหมาะสม 11.บอกชื่อหนังสื่ออางอิง เพื่อใหผูเรียนสามารถศึกษาคนควาเพิ่มเติมไดอยางถูกตอง 12. การยกตัวอยางเกี่ยวกับอิบาดะฮฺ ควรจะใหอยูในบรรยากาศที่นักเรียนสามารถทําความเขาใจได เพราะบางครั้งสํานวนภาษาที่ใช อยางเชนการกําหนดปริมาณที่มีอยูในหนังสือฟกฮฺ อาจจะเปนเรื่องไกลตัว ของผูเรียน เชน คําวา “ซออฺ” คําวา “ไมล” ครูจะตองทําความเขาใจใหถองแท เพื่อที่จะสามารถใหคําตอบกับ ผูเรียนไดอยางถูกตอง ตามความเขาใจที่นิยมใชกันในสังคมของผูเรียน
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา