หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
1
วิชาอัลหะดีษ
1. มาตรฐานการเรียนรู ระดับชั้น และคุณลักษณะอันพึงประสงค มาตรฐานการเรียนรู ผูเรียนมีจรรยามารยาทที่ดีงาม และมีคุณลักษณะพื้นฐานของอิสลาม ไมวางตัวเปน ปรปกษกับหลักคําสอนของอิสลาม ระยะเวลาเรียน 1 ป (สองภาคเรียน) คุณลักษณะอันพึงประสงค มีความรูความเขาใจในหลักการพื้นฐานโดยรวมของอิสลาม ทั้งทางดานหลัก ความเชื่อ กฎหมายอิสลาม คุณธรรมจริยธรรม ฯลฯ 2. จุดประสงคปลายทาง สรางความผูกพันกับสุนนะฮฺของทานเราะสูลุลลอฮฺ ใหแนนแฟนยิ่งขึ้น บนพื้นฐานของความรูความ เขาใจ ความรัก ความครอบคลุมในหลักคําสอนของสุนนะฮฺ ผูกพันกับการแนะนําของสุนนะฮฺและปฏิบัติตาม บัญญัติของสุนนะฮฺ พรอมกับความเขาใจที่ถูกตองและสรุปเปาหมายของหะดีษที่สามารถชี้นําสําหรับ ทุกยุคทุก สมัย และกลับคืนสูสุนนะฮฺในทุกๆกิจการงาน โดยเฉพาะเวลาที่เกิดความขัดแยง 3 . จุดประสงคนําทาง 1. ทองจําตัวบทหะดีษจากหนังสือ “อัรบะอีน นะวะวียะฮฺ” จํานวนยี่สิบหะดีษ 2. ทองจําหะดีษจากหนังสือ “รียาดุศศอลิฮีน” ในแตละบทอยางนอยสามหะดีษ 3. อานสํานวนหะดีษไดอยางถูกตองแมนยํา 4. บอกชื่อผูรายงานหะดีษ แหลงที่มาของหะดีษ และระดับความถูกตองของหะดีษ 5. บอกความหมายของคําศัพทในแตละตัวบทหะดีษ 6. สรุปผลขอเท็จจริงและคุณคาทางการอบรม (ตัรบิยะฮฺ) ตามที่หะดีษไดบงชี้ไว 7. เชื่อมโยงระหวางหะดีษกับอายะฮฺอัลกุรอานที่มีความหมายทํานองเดียวกันได 8. นําหะดีษไปใชในชีวิตจริงได 9. บอกตัวอยางจากเหตุการณจริงที่สอดคลองกับความหมายของหะดีษ 10. ยกตัวอยางจากเหตุการณจริงที่ตรงกันขามกับความหมายของหะดีษ 11. วิเคราะหคุณคา และพฤติกรรมดานคุณธรรมจริยธรรมที่มีบทบาทตอชีวิตของแตละคน 12. บอกบาปใหญ และสิ่งตองหามตางๆที่ปรากฏในหะดีษ 13. บอกสาเหตุและที่มาของหะดีษเทาที่จะทําได 14. ยกหะดีษเปนหลักฐานอางอิงในสภาพการณตางๆไดอยางถูกตอง 15. รูจักหุกมทางนิติศาสตรที่ปรากฏในหะดีษ 16. ทองจําตัวบทหะดีษเทาที่จะทําได 17. รวบรวมคําชี้นําตางๆ ของทานเราะสูลุลลอฮฺ ที่ปรากฏในหะดีษ และนําไปใชเปนวิถีการ ดําเนินชีวิตประจําวัน
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
2
วิชาอัลหะดีษ
4. จุดประสงคทักษะพิสัยและจิตพิสัย 1. สงเสริมใหมีการเชื่อมสัมพันธระหวางเครือญาติและตักเตือนจากการตัดสัมพันธกับพวกเขา 2. เชื่อมสัมพันธกับผูที่ตัดสัมพันธกับเราและใหอภัยตอผูที่อธรรมตอเรา 3. มีความรักความเอ็นดูตอลูกๆ ทั้งชายและหญิง 4. มีความเมตตาซึ่งกันและกัน 5. ชวยเปนธุระ (ใหความชวยเหลือ) แกหญิงหมาย คนยากจนและเอ็นดูตอเด็กกําพรา 6. ปฏิบัติตามสัญญาของสามีหรือภรรยา -หลังจากที่เขาหรือนางไดเสียชีวิตลง- ไดเปนอยางดี 7. ใหความสําคัญตอสิทธิของชาวมุสลิม 8. ปฏิบัติดีตอเพื่อนบาน 9. นําทรัพยสินไปบริจาคทาน 10. หางไกลจากคําพูดที่โสมม 11. ตองทําดีกับคนตางศาสนิกตราบใดที่พวกเขายอมสิโรราบใหกับเรา 12. ทําดีตอบิดามารดา 13. ขอความชวยเหลือตอบรรดาผูมีอํานาจเพื่อปลดปลอยความยากลําบากของประชาชน 14. ดํารงละหมาดในเวลาที่กําหนด โดยเฉพาะละหมาดศุบหฺ 15. มีความบริสุทธิ์ใจในการงาน 16. มอบสิทธิอันชอบธรรมแกผูที่ชอบธรรม 17. พอบานมีความนอบนอมตอสมาชิกในครอบครัวและใหความรวมมือกับพวกเขา 18. เคารพตอผูอื่น และไมเยาะเยยถากถางพวกเขา 5. เนื้อหา / สาระการเรียนรู กลุมหะดีษจากหนังสือ "อัลมุนตะค็อบ มิน อัสสุนนะฮฺ" โดยสภาสูงสุดเพื่อกิจการอิสลาม (กรุงไคโร) ทํา ความเขาใจและทองจําหะดีษ (เรื่อง มารยาทการทําความดีตอบิดามารดาและความสัมพันธกับเครือญาติ) โดยศึกษา เกี่ยวกับ ความหมาย สาระ และบทเรียนสําคัญที่ไดรับจากหะดีษ
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
3
วิชาอัลหะดีษ
เรื่องมารยาท “การทําความดีตอบิดามารดาและเครือญาติ” ผลการเรียนรูที่คาดหวัง • สามารถบอกการงานที่ประเสริฐที่สุดตามที่ระบุในหะดีษ • สามารถชี้แจงทัศนะตางๆ ของอุละมาอเกี่ยวกับความหมายของคําวา “ประเสริฐที่สุด” • สามารถชี้แจงปญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับหะดีษบทนี้กับหะดีษบทอื่นๆ ที่กลาววาการงาน ที่ ประเสริฐที่สุดคือการใหทานอาหาร • สามารถบอกความหมายของคําศัพทในหะดีษได • สามารถสรุปขอเท็จจริงและคุณคาดานคุณธรรมจริยธรรมที่ไดรับคําชี้นําจากหะดีษได บท: การทําดีตอบิดามารดาและมีสัมพันธไมตรีกับเครือญาติ ตัวบทหะดีษ @ …đ ìž ÈŽ ž ßfl åiž č a †č jž Çfl å ž Çfl .(1)Q P O N óÛbÈfl mflëfl éŽ ãflbz fl jž Ž č aÞ Ž ìž Ó ëfl ñ ý – Ş Ûa :Þ fl bÓ _ Ý Şu fl ëfl ŒŞ Çfl č a óÛg k ş y fl c Ýàfl Èfl Û a ð ş c : ï Ş jčäŞÛa o Ž Û d fl ":Þ fl bÓ éŽ äž Çfl aï fl™ č ‰fl
:Þ fl bÓ . č a Ýîž jč fl ïÏč …Ž bèfl v č Û a :Þ fl bÓ _ ð ş c ᪠qŽ :Þ fl bÓ åíž †fl Ûčaìfl Û a Šş ič ᪠qŽ :Þ fl bÓ _ð ş c ᪠qŽ :Þ fl bÓ .bèfl nčÓ ëfl óÜ Çfl ð‰b‚jÛa êaë‰ ."ïãč…fl aŒfl Û éŽ mŽ…ž Œfl nfl ž a ìÛ Láž èič ïäčqfl†Ş y fl ความหมาย อัลลอฮฺทรงตรัสไวในอัลกุรอานความวา “และเราไดสั่งเสียแกมวลมนุษยใหทําดีตอบิดามารดาของเขา” จากทานอับดุลลอฮฺ บิน มัสอูด ไดรายงานไววา (ครั้งหนึ่ง) ฉันไดเรียนถามทานนบี วา “การงานใดหรือ ที่อัลลอฮฺทรงโปรดปรานมากที่สุด ?” ทานตอบวา “ การทําละหมาดในเวลาของมัน “ จากนั้นทานก็ถามตอไปวา “แลวมีการงานใดอีก?” ทานตอบวา “หลังจากนั้นเปนการทําดีตอบิดามารดา” ทานถามตอไปวา แลวมีการงานใด อีก? ทานตอบวา “การตอสูในหนทางของอัลลอฮฺ” จากนั้นทานอับดุลลอฮฺก็กลาววา ทานนบีไดบอกสิ่งเหลานี้แก ฉัน แมนวาฉันเรียนถามทานอีก แนนอนวาทานตองใหคําตอบแกฉัน” (บันทึกโดยอัลบุคอรีย)
(1)
สูเราะฮฺอัลอันกะบูต, อายะฮฺที่ 8
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
4
วิชาอัลหะดีษ
คําอธิบาย คําวา "มารยาท" (l @ …fl@ þ @ a) คือ การยึดมั่นในคุณธรรมจริยธรรมที่ดีงาม หรือถือปฏิบัติดวยสิ่งที่ นา สรรเสริญทั้งดานคําพูดและการกระทํา หรือการจํานนตอสิ่งที่ดีงาม เชน การใหความเคารพตอผูอาวุโส และการให ความรักเอ็นดูตอผูนอย การทําดีตอบิดามารดาและมีสัมพันธไมตรีกับเครือญาติเปนสิ่งที่วาญิบตองปฏิบัติ คําวา “Šş jčÛ@a” หมายถึง ทุกๆการทําดีที่สามารถนําพาผูกระทําสูสรวงสวรรค และการมีสัมพันธไมตรี (ระหวางเครือญาติ) มีอยูหลายระดับ บางระดับจะสูงสงกวาอีกระดับหนึ่ง และระดับที่ต่ําที่สุดคือ ละทิ้งการไม พูดจาและคบคาสมาคมกับเขา ทาน อัล–กุรฏบีย ไดอธิบายวา “Ꭰy č ŠŞ Ûa” (อัร-เราะหิม) เปนชื่อเรียกที่ครอบคลุมเครือญาติทุกระดับชั้น โดย ไมมีการแยกแยะวาจะเปนญาติ (ผูใกลชิด) ที่ไมสามารถแตงงานกันได (มะหฺร็อม) หรือญาติหางๆ อับดุลลอฮฺ บิน มัสอูด เปนฟุเกาะฮาอเศาะหาบะฮฺ (เศาะหาบะฮฺที่เชี่ยวชาญดานนิติศาสตรอิสลาม) ทานหนึ่ง ทานเปนผูหนึ่งที่รวมทําสงครามในสมรภูมิบะดัร และสงครามอื่นๆทั้งหมด ทานกลาววา (ครั้งหนึ่ง) ฉันไดเรียนถามทานเราะสูลุลลอฮฺ ฉันกลาววา “การงานใดหรือที่อัลลอฮฺทรงโปรดปรานมากที่สุด ?” ทานนบี ตอบวา “ การละหมาดในเวลาของมัน และการละหมาดในตนเวลาจะประเสริฐที่สุด ดังที่ทานอบูดาวูด อัตติร มีซีย และอัลหากิม ไดรายงานจากทานอุมมุ ฟรวะฮฺ วา ทานเราะสูลุลลอฮฺ กลาววา @ÞbflàÇž þ Ž@ š fl Ï c ) aÝ (bflènčÓ ëfl ÞëŞ c ïčÏ ñý – Şfl Ûa “การงานที่ประเสริฐที่สุดคือการละหมาดในตนเวลาของมัน” และ อับดุลลอฮฺ ไดถามตอไป วา “จากนั้นมีการงานใดอีกหรือ โอทานเราะสูลุลลอฮฺ” หมายความวา หลังจากการดํารงละหมาดในเวลาแลว ยังมีการ งานใดอีกที่เปนที่โปรดปรานของอัลลอฮฺ? ทานตอบวา “การทําดีตอบิดามารดา ดวยการปฏิบัติดีประพฤติดีตอทาน ทั้งสอง ทําใหทั้งสองรูสึกมีความสุข ซึ่งอัลลอฮฺทรงตรัสในอัลกุรอานวา .(2)Q P O N ความวา “และเราไดสั่งเสียแกมวลมนุษยใหทําดีตอบิดามารดาของเขา” ทานอะหฺมัด มุสลิมและอัตติรมิซีย ไดรายงานวา มารดาของทานสะอัด บิน อบีวักกอศ คือนางหิมนะฮฺ บินตฺ สุฟยาน บิน อุมัยยะฮฺ ซึ่งเปนบุตรีของลุงอบูสุฟยาน บิน อุมัยยะฮฺ ไดสาบานไววาจะไมปริปากพูดกับ สะอัด ตลอดไป จนกวา สะอัดจะปฏิเสธตอศาสนา (ละทิ้งอิสลาม) นางไดกลาวกับสะอัดวา “เจาเชื่อวา อัลลอฮฺไดทรงสั่ง เสียแกเจาใหทําดีตอบิดามารดาของเจา ฉันเปนมารดาของเจา และฉันขอสั่งเจาดวยสิ่งนั้น (หมายถึงใหทิ้งศาสนา อิสลามเสีย) ดังนั้นอายะฮฺนี้จึงถูกประทานลงมา ซึ่งเปนการสั่งใหพวกเราปฏิบัติดีตอบิดามารดา หรือการกระทํา ใดๆที่เปนสิ่งที่ดี (และไมขัดกับหลักการของอิสลาม) และอายะฮฺที่สมบูรณ (ตอจากอายะฮฺขางตน) ในสูเราะฮฺ อัล อันกะบูตคือ (2)
สูเราะฮฺอัลอันกะบูต, อายะฮฺที่ 8
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
วิชาอัลหะดีษ
5
` _ ^] \ [ Z Y X W V U T S { . (3)z e d c b a
ความวา “และถาทั้งสองบังคับเจาเพื่อใหตั้งภาคีในสิ่งที่เจาไมมีความรู เจาก็อยาปฏิบัติตามเขาทั้งสอง ยัง ขาคือการกลับของพวกเจา ดังนั้นขาจะแจงแกพวกเขาในสิ่งที่พวกเจาไดกระทําไว” ดังนั้นความหมายที่ถูกตองของอายะฮฺคือการสั่งเสียใหทําดีตอบิดามารดา และสั่งใหเชื่อฟงทาน ทั้งสอง ถึงแมวาทานทั้งสองจะเปนคนตางศาสนาก็ตาม ยกเวนเมื่อทานทั้งสองสั่งใหปฏิบัติในสิ่งที่เปนการทรยศและตั้ง ภาคีตออัลลอฮฺ – ดังที่มารดาของสะอัดไดสั่งสะอัด (ใหละทิ้งอิสลามและกลับไปเปนผูที่บูชาเจว็ดเหมือนเดิม) ใน กรณีเชนนี้จําเปนตองขัดขืนและไมปฏิบัติตามคําสั่งของทานทั้งสองอยางเด็ดขาด อายะฮฺนี้ไดแจกแจงรายละเอียดในสิ่งที่ไดกลาวไวโดยรวมในอายะฮฺอื่น เกี่ยวกับการทําดีตอบิดามารดา เชนเดียวกับที่ไดกลาวไวในหะดีษบทนี้เกี่ยวกับคําสั่งใหทําดีตอทานทั้งสอง ซึ่งเปนคําสั่งแบบกวางๆ และอายะฮฺนี้ ก็ไดกลาวแจกแจงถึงรายละเอียดของมัน ทานอัลบุคอรีย มุสลิม อบูดาวูด และอันนะสาอีย ไดรายงานจากทานอาลี วา ทานเราะสูลุลลอฮฺ ไดกลาวไววา ((Ò č 뎊Ȟ àfl Ûa ïčÏ òÇfl bİÛa bflàãŞg L č a òč îfl– č Èž ßfl ïčÏ †đ y flþ ò Çfl b ü )) “ไมมีการเชื่อฟงใดๆตอผูใดก็ตาม ในสิ่งที่เปนการทรยศตออัลลอฮฺ แนแท การเชื่อฟงจะเกิดขึ้นในสิ่งที่ เปนความดี (และสอดคลองกับบัญญัติศาสนา) เทานั้น” อีหมาม อะหฺมัด และอัลหากิม ไดรายงานจากทานอิมรอน บิน หุศ็อยนฺ และทานอัลหะกัม บิน อัมรฺ อัลฆิ ฟารีย วา ทานเราะสูลุลลอฮฺ ไดกลาวไววา ((ÕÛčb¨a òč îč–Èž ßfl ïčÏ Ö ìÜ‚ ž àfl Ûč ò Çfl b ü )) “ไมมีการเชื่อฟงใดๆตอบรรดาสิ่งที่ถูกสราง (มัคลูก) ในสิ่งที่เปนการทรยศตอพระผูทรงสราง” การทําดีตอบิดามารดา ครอบคลุมการทําดีดีตอมิตรสหายของทานทั้งสองดวย ดังที่ไดมีการกลาวไวใน เศาะหีหฺอัลบุคอรียและมุสลิม และในวรรณกรรมอาหรับมีลํานําบทหนึ่งกลาวไววา ÝÈfl Ð mfl áž Û æž g Ú biflc o fl Ô Ô Çfl †ž Ô Ûëfl éŽ nflîž Ô Û s Ž îž y fl Ù îž ičc Ý fl îž Üč fl âž Š× c "จงใหเกียรติตอผูเปนที่รัก (มิตรรัก) ของบิดาทาน ทุกแหงที่พานพบ แทจริงทานไดอกตัญูตอบิดาทานแลวหากทานไมกระทํา" ในอายะฮฺที่อัลลอฮฺทรงตรัสไววา (4)
(3) (4)
zt s r q{
สูเราะฮฺอัลอันกะบูต, อายะฮฺที่ 8 สูเราะฮฺลุกมาน, อายะฮฺที่ 14
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
6
วิชาอัลหะดีษ
ความวา "เพื่อใหเจาขอบคุณขา และบิดามารดาของเจา" ทานสุฟยาน บิน อุยัยนะฮฺ ไดอธิบายความหมายของอายะฮฺนี้วา "ผูใดทําละหมาดทั้งหาเวลา แสดงวาเขา ไดขอบคุณอัลลอฮฺแลว และผูใดขอดุอาตออัลลอฮฺใหกับบิดามารดาทั้งสองหลังการละหมาด แสดงวาเขาได ขอบคุณตอบุคคลทั้งสองแลว ทานอับดุลลอฮฺไดกลาววา ฉันไดเรียนถามตอไปวา “จากนั้นมีการงานใดอีก” ทานเราะสูลุลลอฮฺ ตอบ วา “การญิฮาด (ตอสู) ในหนทางของอัลลอฮฺ” สวนหนึ่งของการญิฮาด (ตอสู) ในหนทางของอัลลอฮฺ คือการตอสูเพื่อปกปองแผนดินเกิดที่ตนสามารถ ภักดีตออัลลอฮฺ เพื่อใหเกิดความปลอดภัย ทั้งในชีวิต ครอบครัว เกียรติยศ และทรัพยสิน สาเหตุที่ไดกลาวถึงการทําดีตอบิดามารดากอนการญิฮาด เนื่องจากวาการญิฮาดหรือการตอสูในหนทาง ของอัลลอฮฺจะขึ้นอยูกับการอนุญาตของบิดามารดา เพราะสวนหนึ่งของการทําดีตอบิดามารดา คือการขออนุญาต ตอทานทั้งสองเพื่อออกไปทําญิฮาด เพราะมีหลักฐานที่ถูกตองไดหามออกไปญิฮาดโดยปราศจากการยินยอมของ ทานทั้งสอง และเชนเดียวกับที่ผูทําดีตอบิดามารดาเห็นวาการทําดีของเขาตอทานทั้งสองนั้นคือการตอบแทนในสิ่ง ที่ทานทั้งสองไดกระทําไวตอตน เสมือนกับวา ไมมีความประเสริฐใดๆอีกแลวสําหรับเขาที่เหนือกวาการทําดีตอ ทานทั้งสอง ดวยเหตุนี้ จึงเตือนไวดวยการใหความสําคัญกับการทําดีตอบิดามารดากอนการญิฮาด เพื่อเปนการ ยืนยันถึงความประเสริฐของการทําดีตอทานทั้งสอง ทาน อับดุลลอฮฺ กลาววา “ทานเราะสูลุลลอฮฺ ไดบอกสิ่งเหลานี้แกฉัน" หมายถึง ดวยคําตอบทั้งสามที่ มีระบุในหะดีษขางตน คําพูดดังกลาวเปนการประมาณการและยืนยันในคําตอบเหลานั้น ทั้งยังเปนการยืนยันวา ทานอับดุลลอฮฺ บิน มัสอูดไดเรียนถามทานนบี ดวยตัวเอง และไดรับฟงคําตอบจากทานนบี ดวยตัวเอง อีกเชนกัน ทานอับดุลลอฮฺ กลาววา "แมนวาฉันเรียนถามทานอีก" ถึงการงานอื่น ๆเชนเดียวกันนี้ นั่นคือ ลําดับการ งานที่ประเสริฐที่สุด หรือคําถามทั่วๆไปที่จําเปนตองทราบคําตอบ "แนนอนวา ทานตองใหคําตอบแกฉันอีก" ทานอัลกอศฏ็อลลานีย ไดกลาวไวในชัรหฺ อัลบุคอรีย วา ไดเกิดขอสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่มีระบุในบทการ ศรัทธาวา "การใหทานอาหารเปนการงานที่ประเสริฐที่สุด" และ "การงานที่อัลลอฮฺทรงโปรดปรานที่สุดคือ การตั้ง มั่นและยืนหยัดในงาน" และอื่นๆ พรอมกับคําพูดในบทนี้ที่กลาววา "การงานที่ประเสริฐที่สุด และเปนที่โปรด ปรานของอัลลอฮฺที่สุดคือการดํารงละหมาดในเวลาของมัน" (ซึ่งดูเหมือนจะขัดแยงกัน) สามารถตอบขอสงสัยในประเด็นดังกลาววา การตอบคําถาม จะแตกตางกันออกไปตามสภาพการณของผู ถาม ซึ่งทานเราะสูลุลลอฮฺ จะทราบดีวา ชนกลุมใดมีความจําเปนตอสิ่งใด หรือสิ่งใดที่พวกเขาตองการ หรือสิ่ง ใดที่เหมาะสมกับพวกเขา หรือคําตอบที่ทานตอบจะแตกตางกันออกไปตามความแตกตางของกาลเวลา เชน การงาน ประเภทหนึ่งในชวงเวลาหนึ่งจะมีความประเสริฐกวาการงานประเภทอื่นๆที่กระทําในเวลานั้น การญิฮาดใน ชวงแรกของอิสลามเปนการงานที่ถือวาประเสริฐที่สุด เพราะเปนวิธีการที่จะทําใหสามารถปฏิบัติอามัลไดอยาง สมบูรณ แทจริงไดมีหลักฐานมากมายยืนยันวาการละหมาดประเสริฐกวาการบริจาคทาน ขณะเดียวกัน ในชวงเวลา ที่เปนภาวะขาวยากหมากแพง การบริจาคทานก็จะเปนสิ่งที่ประเสริฐกวาการละหมาด หรือ (เปนไปไดวา) คําวา ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
7
วิชาอัลหะดีษ
อัฟฎ็อล ในที่นี้ ไมไดมีความหมาย (วาประเสริฐกวา) ตามนัยยะของมัน แตจะหมายถึงความประเสริฐโดยทั่วไป ที่ ใหความหมายวา "สวนหนึ่งของการงานที่ประเสริฐที่สุด" แลวมีการตัดคําวา "สวนหนึ่ง" ออกไป และนี่ คือ ความหมายที่ตองการ สวนความหมายของคําวา “การงานที่ประเสริฐที่สุด” หมายถึงการกระทําทางกาย ดังนั้นจึงไมไดขัดแยง กันระหวางหะดีษบทนี้กับหะดีษอีกบทหนึ่งซึ่งรายงานจากทานอบีฮุร็อยเราะฮฺ วามีคนถามทานเราะสูลุลลอฮฺ วา การงานใดประเสริฐที่สุด ? ทานตอบวา “การศรัทธามั่นตออัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค แลวถามตอไป อีกวา ตอจากนั้นจะเปนอะไร? ทานตอบวา การญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ แลวถามตอไปอีกวา หลังจากนั้นจะ เปนอะไร? ทานตอบวา การประกอบพิธีหัจญที่อัลลอฮฺทรงรับ” บันทึกโดยอัลบุคอรีย บทเรียนที่ไดรับจากหะดีษ 1. ความประเสริฐของการละหมาดในเวลา และการละหมาดในเวลาแรกจะประเสริฐกวาเวลาหลังจากนั้น ซึ่ง ความประเสริฐของมันจะลดนอยลงไปตามลําดับเวลาที่ผานไปจนกระทั่งหมดเวลา 2. ความประเสริฐของการทําดีตอบิดามารดา โดยไดขอสรุปวาการทําดีตอบิดามารดาจะไดรับกุศลและ ประโยชนที่ใหญหลวงยิ่ง ซึ่งในหะดีษไดกลาวถึงกอนการญิฮาด 3. ความประเสริฐของการญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ พระองคไดตรัสไวในอัลกุรอานวา } | { z y x w v u t s r q p o{ ¯ ® ¬ « ª © ¨ § ¦ ¥¤ £ ¢ ¡ ~
¿ ¾ ½¼ » º ¹ ¸ ¶ µ ´ ³ ² ± °
z Í Ì Ë ÊÉ È Ç Æ Å ÄÃ Â Á À ความวา "โอมวลชนผูมีศรัทธาทั้งหลาย เอาไหมขาจะชี้ใหพวกเจาทําการคาหนึ่ง ซึ่งจะทําใหพวกเจา ปลอดภัยจากการลงโทษอันแสนทรมานนั่นคือ ใหพวกเจามีศรัทธาในอัลลอฮฺและศาสนทูตของพระองค และพวก เจาตอสูในวิถีทางของอัลลอฮฺ โดยใชทรัพยสินและตัวของพวกเจาเอง นั้นเปนสิ่งประเสริฐที่สุดหากพวกเจารู แนนอนที่สุด พระองคจะทรงอภัยโทษตอบรรดาความผิดตาง ๆ แกพวกเจา และทรงนําพวกเจาไปเขาสวรรค ซึ่งมี ธารน้ําหลากสายไหลผาน ณ เบื้องใตของมัน พรอมทั้งใหมีที่อยูอันยอดเยี่ยมในสวรรคอันอมตะนั้นเปนรางวัลที่ ยิ่งใหญที่สุด และยังมีความโปรดปรานอื่นๆ ซึ่งพวกเจารักชอบมัน สิ่งนั้นคือการชวยเหลือจากอัลลอฮฺ และชัยชนะ อันใกล และเจาจงแจงขาวดีแกมวลศรัทธาชนเถิด" (5)
(5)
สูเราะฮฺอัศ-ศ็อฟ, อายะฮฺที่ 10-13
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
8
วิชาอัลหะดีษ
หนังสืออางอิงเพื่อการศึกษาดวยตนเอง • ริญาฎศศอลิฮีน ของ อันนะวะวีย • อัตตัรฆีบ วัตตัรฮีบ ของ อัลมุนซิรีย การประยุกตใช/กิจกรรมเชิงปฏิบัติ • ใหทําละหมาดหาเวลาในเวลาที่กําหนดโดยเฉพาะละหมาดฟจริ • ไหววานใหเพื่อนชวยปลุกใหตื่นเพื่อละหมาดฟจริ ดวยโทรศัพท หรืออื่นๆ หรือใชนาฬิกาปลุก • สรางความเคยชินในการละหมาดในเวลาใหกับสมาชิกในบาน • ตอบรับความตองการของบิดามารดาอยูเสมอ ตราบใดที่สิ่งนั้นไมไดเปนบาปและสามารถทําได • สรางความสุขใหกับบิดามารดาอยูเสมอ • หมั่นขอดุอาตออัลลอฮฺใหกับบิดามารดา ขอใหพระองคทรงใหอภัยตอทานทั้งสอง ใหบริจาคทานในนาม ของทานทั้งสอง และประกอบพิธีหัจญใหแกทานทั้งสองหลังจากที่ไดเสียชีวิตไปแลว • ออกกําลังกายเปนประจําทุกเชาอยางนอยวันละ 10 นาที • พูดเตือนตนเองเสมอในเรื่องการญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ และตั้งเจตนาที่บริสุทธิ์เพื่อการนั้น • ฝกรับประทานอาหารงาย ๆ สัปดาหละหนึ่งครั้ง • ฝกนอนบนเสื่อหยาบ ๆ สัปดาหละหนึ่งครั้งหรือเดือนละหนึ่งครั้ง • สรางความเคยชินกับการเดินเทาไปไหนมาไหน หากยังพอมีเวลา การวัดผลประเมินผลดวยตนเอง 1. การกระทําใดที่นับวาเปนการกระทําที่ประเสริฐที่สุดตามที่มีระบุในหะดีษ ? 2. เพราะเหตุใดการละหมาดในเวลาจึงเปนการงานหนึ่งที่ประเสริฐที่สุด ? 3. การละหมาดเปนการทําหนาที่ในสิทธิของอัลลอฮฺ แลวตามดวยสิทธิของบิดามารดา...ลําดับการปฏิบัติ ดังกลาวบงบอกถึงสิ่งใด ? 4. จงบอกหะดีษบทอื่นที่ชี้นําใหทําดีตอบิดามารดา? 5. จงบอกหะดีษที่ชี้นําใหทําละหมาดในเวลา ? 6. การญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺมีความหมายวาอยางไร ? มีประเภทใดบาง ? ขอชี้แนะที่ไดรับจากหะดีษ 1. ใหดํารงละหมาดในเวลา โดยเฉพาะละหมาดฟจริ 2. ใหทําดีตอบิดามารดา 3. ใหตั้งเจตนาวา จะทําญิฮาดในหนทางของอัลลอฮฺ และเตรียมพรอมทั้งทางจิตใจ ความคิด และรางกาย สําหรับการญิฮาด
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
วิชาอัลหะดีษ
9
เรื่อง “ไมออกญิฮาดจนกวาจะไดรับอนุญาตจากบิดามารดา” ผลการเรียนรูที่คาดหวัง • สามารถอธิบายขอเท็จจริงดานคุณธรรมจริยธรรม และคุณคาจากหะดีษ • สามารถอธิบายสาเหตุที่ตองขออนุญาตตอบิดามารดากอนจะไปทําญิฮาด • สามารถบอกประเภทของการญิฮาดที่จําเปนตองขออนุญาตตอบิดามารดากอน ตัวบทหะดีษ fl bÓ .Ž†çč bfluc : ï ğ jčäŞÜčÛ Ý ću Ž ‰fl Þ fl bÓ :flÞbÓ ëŠàž Çfl åiž č a †č jž Çfl å ž Çfl :Þ fl bÓ . «æaflìiflc Ù Û c» :Þ .«†ž çč bflvÏ bflàèîÐč Ï » :Þ fl bÓ .áž Èfl ãfl áÜßë ð‰b‚jÛa êaë‰ ความหมาย จากทานอับดุลลอฮฺ บิน อัมรุ กลาววา "ชายคนหนึ่งไดเรียนถามทานนบี วา “ฉันจะออกไปญิฮาด ไดหรือไม ?” ทานถามวา “บิดามารดาของทานยังมีชีวิตอยูหรือไม ?” เขาตอบวา "ยังมีชีวิตอยู" ทานตอบวา "ถา เชนนั้น ทานจงไปญิฮาดที่คนทั้งสองเถิด” (บันทึกโดยอัลบุคอรียและมุสลิม) คําอธิบาย (จากทานอับดุลลอฮฺ บิน อัมรุ ) อับดุลลอฮฺ และอัมรุ บิดาของทาน ตางเปนเศาะหาบะฮฺ (อับดุลลอฮฺกลาววา "ชายคนหนึ่งไดเรียนถาม...") ทานอัลกอศฏ็อลลานีย ไดอธิบายไวในหนังสือ (อุม ดะตุลกอรี) ชัรหฺ อัลบุคอรีย วา "ไมไดระบุชื่อชายคนนั้น และเปนไปไดวาทาน ญาฮิมะฮฺ บิน อัลอับบาส" คําวา “†Ž çč bu fl c” (ฉันจะออกไปทําญิฮาด) หมายถึง "_Ž†çč bu fl cc" ซึ่งมีความหมายวา “ฉันจะออกไปทําญิฮาดได หรือไม ?” ในรายงานอื่น ไดบันทึกไววา ทานอับดุลลอฮฺ บิน อัมรฺ บิน อัลอาศ ไดกลาววา "ชายคนหนึ่งไดไปหา ทานนบี แลวขออนุญาตทานเพื่อออกไปทําญิฮาด ทานถามวา “ทานมีบิดามารดาหรือไม ?” (ในหะดีษไมไดระบุ ชื่อชายคนที่ถามเชนกัน) และในอีกรายงานหนึ่งระบุวา ทานนบี ไดถามชายคนนั้นวา “บิดามารดาของทานยังมี ชีวิตอยูหรือไม ?” เขาตอบวา “ยังมีชีวิตอยู” ทานเราะสูลุลลอฮฺ จึงตอบวา “ทาน ไปทําญิฮาดที่คนทั้งสอง เถอะ” หมายความวา หากบิดามารดาของทานยังมีชีวิตอยู ทานก็จงทุมเทจนถึงที่สุดในการรับใชและทําดีตอทาน ทั้งสอง แลวทานจะไดผลบุญเทียบเทากับการตอสูกับศัตรูในสนามรบ
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
10
วิชาอัลหะดีษ
หะดีษนี้ไดบงชี้ตามนัยของหะดีษที่บันทึกโดยอะหฺมัดจากทานอะบีสะอีด ทานเลาวา ชายคนหนึ่งได อพยพ (ไปหาทานนบี ) ดังนั้นทานจึงถามชายคนนั้นวา "บิดามารดาของทานยังอยูที่เยเมนใชไหม?” เขาตอบ วา "ใช" ทานนบี ถามตอวา "ทานทั้งสองอนุญาตใหทานอพยพมาที่นี่แลวหรือ?" เขาตอบวา "ยังเลย" ทานกลาววา "ทานจงกลับไปขออนุญาตทานทั้งสองเสีย หากทั้งสองอนุญาตแกทาน หากไมอนุญาต ทานก็จงทําดีตอทานทั้งสอง เถิด" สาเหตุที่วางเงื่อนไขวา การที่จะออกไปทําญิฮาดนั้นจะตองไดรับการอนุญาตจากบิดามารดากอน เพราะ จะสรางความลําบากใจแกทานทั้งสองจากการคาดคะเนวาบุตรชายจะถูกฆาตายหรือพิการทางรางกาย ดังนั้น หะดีษนี้จึงเปนหลักฐานที่บงชี้วาการทําดีตอบิดามารดาตองมากอนการทําญิฮาด และไมอนุญาต ใหผูเปนลูกออกไปทําญิฮาด นอกจากจะไดรับอนุญาตจากบิดามารดาเสียกอน หนังสืออางอิงสําหรับการเรียนรูดวยตนเอง • ริญาฎศศอลิหีน ของ อันนะวะวีย • อัตตัรฆีบ วัตตัรฮีบ ของ อัลมุนซิรีย การประยุกตใช / กิจกรรมเชิงปฏิบัติ 1. ใหเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเยาวชนมุสลิมทานหนึ่งที่ความมุงมั่นจะออกไปทําญิฮาด แตเขาเปนบุตรชายเพียง คนเดียวของบิดามารดา และเขาตองตัดสินใจเลือกระหวางการทําดีตอบิดามารดากับการออกไปทําญิฮาด 2. เชิญนักนิติศาสตร (ฟุเกาะฮาอ) ทานใดทานหนึ่งมาใหความรูวา (การญิฮาด) ในสภาวะใดที่จําเปนตองขอ อนุญาตตอบิดามารดา และ (การญิฮาดใน) สภาวะใดที่ไมจําเปนตองขออนุญาตตอทานทั้งสอง 3. ใหเลาเรื่องของทานสะอัด อิบนุ อะบี วักกอศที่เกิดขึ้นกับมารดาของทานตอหนาบรรดาผูที่ไปละหมาด การวัดผลประเมินผล 1. สัจธรรม และคุณคาทางคุณธรรมจริยธรรมที่ไดรับจากหะดีษมีอะไรบาง ? 2. ในสภาวะใดบางที่จําเปนตองขออนุญาตจากผูบิดามารดากอนที่จะออกไปทําญิฮาด? 3. เมื่อใดที่อนุญาตใหออกไปทําญิฮาดโดยไมจําเปนตองขออนุญาตจากบิดามารดากอน ? 4. จําเปนตองเชื่อฟงบิดามารดาในทุกกรณีหรือไม? 5. อิสลามแนะนําใหปฏิบัติอยางไรตอบิดามารดาที่เปนคนตางศาสนา หรือทรยศตออัลลอฮฺ ? ขอชี้นําและบทสรุปที่ไดรับจากหะดีษ • จําเปนตองขออนุญาตบิดามารดาในกรณีที่การญิฮาดเปนฟรฎกิฟายะฮฺ • ไมจําเปนตองขออนุญาตในกรณีที่การญิฮาดเปนฟรฎอีน • ใหทําดีตอบิดามารดาและคลุกคลีกับทานทั้งสองดวยดี ในกรณีที่ทั้งสองเปนคนนอกศาสนาหรืออยูใน ภาวะที่ทรยศตออัลลอฮฺ ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
11
วิชาอัลหะดีษ
เรื่อง “ไมแชงบิดามารดาของตนเอง” ผลการเรียนรูที่คาดหวัง • สามารถสรุปขอเท็จจริงและคุณคาดานคุณธรรมจริยธรรมจากหะดีษ • สามารถชี้แจงถึงบาปใหญที่หะดีษอางถึง • สามารถอธิบายถึงความสําคัญของการปองกันจากบาปใหญ ตัวบทและความหมายหะดีษ ŠöčbfljØ Û a Šjfl× c å ž ßč æŞ g» : č aÞ Ž 쎉fl Þ fl bÓ :Þ fl bÓ – bàèäÇ a ó™‰ - ëŠàž Çfl åiž č a †č jž Çfl å ž Çfl k ş@ Ž flí» :Þ fl@ bÓ ._éč íž †fl Ûčaflë Ý Žu Ž ŞŠÛa ŽåÈfl Ü ífl Ñ fl îž × ëfl L č aÞ fl 쎉fl bflí :Ý fl îčÓ .«éč íž †fl Ûčaflë Ý Žu Ž ŞŠÛa å fl Èfl Ü ífl æž c .«éŽ Şßc k ş ŽîflÏ éŽ Şßc k ş Žíflëfl LŽêbflic k ş ŽîflÏ LÝu Ž ŠŞ Ûa bflic Ý Žu Ž ŞŠÛa ðˆßÛaë L…ëa… ìicë LáÜßë Lð‰b‚jÛa êaë‰ จากทานอับดุลลอฮฺ อิบนุ อัมรุ ทานเราะสูลุลลอฮฺ ไดกลาวไววา “สวนหนึ่งของบาปใหญที่ รุนแรงที่สุดคือการที่ชายคนหนึ่งแชงบิดามารดาของตัวเอง” มีคนถามวา "โอทานเราะสูลุลลอฮฺ ชายคนหนึ่งจะแชง บิดามารดาของตัวเองไดอยางไร?" ทานตอบวา "คือการที่ชายคนหนึ่งแชงบิดาของชายอีกคนหนึ่ง แลวชายคนนั้นก็ (ตอบโตดวยการ) แชงบิดาของเขา แลวเขาก็แชงมารดาของชายคนนั้น ชายคนนั้นก็ (ตอบโตดวยการ) แชงมารดา ของเขา” (บันทึกโดยอัลบุคอรีย, มุสลิม, อบูดาวูด และอัตติรมิซีย) คําอธิบาย (éč@ íž †fl Ûč aflë Ý Ž@ u Ž ŠŞ Ûa k ş@ Ž ífl ü @ ) "ไมแชงบิดามารดาของตนเอง" หมายความวา ไมเปนตนเหตุที่นําไปสูการ แชงคนใดคนหนึ่งจากบิดามารดา (éč@ íž †fl Ûčaflë Ý Ž@ u Ž ŠŞ Ûa å fl@ Èfl Ü ífl æž@ c @ŠöčbfljØ Û a @Šjfl× c å ž@ ßč æŞ@ g) "สวนหนึ่งของบาปใหญที่รุนแรงที่สุดคือการที่ชายคนหนึ่ง แชงบิดามารดาของตัวเอง” นี่เปนสํานวนของอัลบุคอรีย สวนสํานวนของมุสลิมคือ (éč@ 힆fl Ûčaflë @Ýu Ž ŠŞ Ûa Žánž‘ fl @ŠöčbfljØ Û a å fl@ ßč ) "สวนหนึ่งของบาปใหญคือการที่ชายคนหนึ่งแชงบิดามารดาของตนเอง" ในสํานวนของอัลบุคอรียทําใหเขาใจวาบาปใหญตางๆมีความเหลื่อมล้ํากัน สวนหนึ่งจะรุนแรงกวาอีก สวนหนึ่ง นี่คือทัศนะของนักวิชาการสวนใหญ สวนเหตุผลที่ทําใหการสาปแชง การดาทอ และการตําหนิติเตียน เปนสวนหนึ่งของบาปใหญ หรือเปนสวนหนึ่งของบาปใหญที่รุนแรงที่สุด เพราะมันเปนการอกตัญูประเภทหนึ่ง นั่นคือการกระทําที่ไมดีแทนการทําดีตอบิดามารดา และเปนการปฏิเสธตอสิทธิของทั้งสอง
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
12
วิชาอัลหะดีษ
(_@ éč íž †fl Ûčaflë Ý Ž@ u Ž ŠŞ Ûa å Ž@ Èfl Ü ífl Ñ fl@ îž × ëfl L@ č aÞ fl@ 쎉fl b@ífl :Ý fl@ îčÓ) "มีคนถามวา โอทานเราะสูลุลลอฮฺ ชายคนหนึ่งจะ แชงบิดามารดาของตนเองไดอยางไร?" ผูถามไมเชื่อวาผูเปนบุตรจะทําเชนนั้นกับบิดามารดาของตนเอง เพราะภาวะปกติของผูคนจะปฏิเสธตอ การกระทําเชนนั้น ดังนั้นทานนบี จึงตอบ –ชี้แจงวา ถึงแมวาเขาไมไดทําการแชง (บิดามารดาของเขา) ดวย ตัวเอง แตโดยสวนใหญแลวเขามักจะเปนตนเหตุสูการแชง (บิดามารดาของตนเอง) ซึ่งเปนสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได บอยครั้ง- ดวยคําวา (éŽ@ ߪ c k ş@ Ž îflÏ éŽ@ ߪ c k ş@ Ž íflëfl LŽêbflic k ş ŽîflÏ LÝu Ž ŠŞ Ûa bflic Ý Žu Ž ŞŠÛa şk Ž ífl) "คือการที่ชายคนหนึ่งแชงบิดา ของชายอีกคนหนึ่ง แลวชายคนนั้นก็ (ตอบโตดวยการ) แชงบิดาของเขา แลวเขาก็แชงมารดาของชายคนนั้น ชายคน นั้นก็ (โตกลับดวยการ) แชงมารดาของเขา” ในเมื่อการเปนสาเหตุใหเกิดการแชงและดาทอบิดามารดาเปนสวนหนึ่งของบาปใหญที่รายแรง ดังนั้น การแชงและดาทออยางเปดเผย (ดวยตนเอง) ยิ่งเปนบาปหนักกวาอยางแนนอน ทานอัลฮาฟซ อิบนุ หะญัร ไดกลาว ไวในหนังสือของทาน ฟตหุลบารีย วา ทานอิบนุ บัฏฏอล ไดกลาวไววา "หะดีษนี้เปนมูลฐาน ของหลักการปองกัน มูลเหตุ (สัด อัซซะรออิอฺ)" บทเรียนที่ไดรับจากหะดีษ ผูใดที่การกระทําของเขาเอนเอียงไปในทางหะรอม (ตองหาม) การกระทํานั้นก็เปนที่ตองหามสําหรับตัว เขา ถึงแมวาเขาไมไดมีเจตนาที่จะทําสิ่งที่ตองหามก็ตาม สวนที่มาของหะดีษนี้ก็คือ คําตรัสของอัลลอฮฺที่วา z¨ § ¦ ¥ ¤ £ ¢ ¡ ~ } |{ ความวา "และพวกเจาจงอยาไดบริภาษบรรดากลุมชนที่กราบไหวสิ่งอื่นจากอัลลอฮฺ อันจะเปนเหตุให พวกเขาบริภาษอัลลอฮฺแบบกาวราวโดยปราศจากความรู" ทานอัลมาวัรดีย ไดสรุปความเขาใจจากอายะฮฺขางตนวา หามขายผาไหมใหแกผูชายที่รูชัดวาจะนําไป สวมใส และหามขายน้ําผลไมใหแกผูที่รูชัดวาจะนําไปทําสุรา สวนบทเรียนที่ไดรับจากหะดีษ ทานเชค อบูมุหัมมัด อิบนุ อบีหัมซะฮฺกลาววา 1. หะดีษนี้เปนหลักฐานยืนยันถึงความยิ่งใหญของสิทธิของบิดามารดา 2. ผูที่ชอบดาทอบิดาของผูอื่น เปนไปไดวาคนอื่นจะดาทอบิดาของตนเอง และเปนไปไดวาเขาจะ ไมดาทอกลับ แตโดยสวนใหญแลวมักจะตอบโตในทํานองเดียวกัน 3. นักเรียนสามารถขอคําอธิบายเพิ่มเติมจากผูสอนในสวนที่ยังคลุมเครือหรือไมชัดเจน ดังที่ปรากฏ ในหะดีษทีว่ า “ชายคนหนึ่งจะแชงบิดามารดาของตัวเองไดอยางไร?" 4. หะดีษนี้ไดยืนยันถึง (การมีจริงของ) บาปใหญ (6)
(6)
สูเราะฮฺอัล-อันอาม, อายะฮฺที่ 108
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
13
วิชาอัลหะดีษ
5. หลักการดั้งเดิมนั้น ลําตน (บิดามารดา) ยอมตองประเสริฐกวากิ่งกาน (บุตรหลาน) ถึงแมวากิ่งกาน (บุตรหลาน) จะมีคุณลักษณะบางประการที่ประเสริฐกวาลําตน (บิดามารดา) ก็ตาม ดังนั้น ไมวา บุตรหลานจะมีคุณลักษณะที่ดีเลิศตางๆ-ที่ไมมีอยูในตัวบิดามารดาของเขา- มากมายขนาดไหนก็ ตาม การเนรคุณตอบิดามารดาก็ยังคงเปนสวนหนึ่งของบาปใหญที่รายแรง หนังสืออางอิงเพื่อการเรียนรูดวยตนเอง 1. เศาะหีหฺอัลบุคอรียและเศาะหีหฺมุสลิม 2. ริยาฎ อัศศอลิฮีน 3. ญามิอฺ อัลอุลูม วะอัลฮิกัม ของ อิบนุ เราะญับ อัลฮันบะลีย การประยุกตใช/กิจกรรมเชิงปฏิบัติ 1. ใหพูดตอหนาชุมชนเกี่ยวกับความสําคัญของการทําดีตอบิดามารดาและไมแชงหรือดาทอทาน ทั้งสอง 2. ใหเขียนบทความ โดยชี้แจงวาชายคนหนึ่งสามารถสรางความเดือดรอนใหแกบิดามารดาของตน ดวยเจตนาดีและรูเทาไมถึงการไดอยางไรบาง 3. ใหเขียนเรื่องเลาที่มีเนื้อหาที่บงชี้วา เยาวชนคนหนึ่งสามารถสรางความเดือดรอนแกบิดามารดา ไดอยางไร ทั้งๆที่ตัวเองรักทั้งสองอยางเปยมลน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเขาไดนําพาทั้งสองไปตกอยูสถานการณที่ยุงยาก เนื่องเพราะความรีบรอน พลั้งปาก และแสดงอาการที่ไมพึงประสงค 4. ใหแปลงเรื่องเลาดังกลาวเปนละครสนุกๆเปนตอนๆ หรือเปลี่ยนเปนหนัง 5. ใหแปลงเรื่องเลาดังกลาวเปนหนังการตูนเพื่อนําเสนอใหกับเด็ก ๆ การวัดผลประเมินผล 1. คําคมที่วา “เสนทางไปสูนรกบางครั้งก็ถูกปูดวยบรรดาเจตนาที่ดี” มีสวนสอดคลองกับหะดีษขางตน มากนอยเพียงใด? 2. การทําดีตอบิดามารดาจะจํากัดอยูเพียงแคการไมดาทอหรือวารายทั้งสอง และเชื่อฟงทั้งสองเทานั้น หรือไมอยางไร?” 3. หะดีษขางตนไดชี้นําเราใหปฏิบัติตนอยางไรบาง? ขอชี้นําและบทสรุปที่ไดรับจากหะดีษ • ใหเราปองกันมูลเหตุที่อาจนําไปสูการสรางความเดือดรอนแกบิดามารดา ถึงแมวาเราไมไดเจตนาที่ จะทําเชนนั้นก็ตาม • ผูมีสัญชาตญาณที่สมบูรณ โดยวิสัยแลวยอมรับไมไดตอการดาทอและวารายตอบิดามารดาของ ตนเอง
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
14
วิชาอัลหะดีษ
เรื่อง “การตอบรับดุอาของผูที่กตัญูตอบิดามารดา” ผลการเรียนรูที่คาดหวังประจําบทเรียน • นักเรียนสามารถสรุปขอเท็จจริง และคุณคาดานคุณธรรมจริยธรรมที่ไดรับจากหะดีษ • นักเรียนสามารถอธิบายวาความบริสุทธิ์ใจตออัลลอฮฺสามารถทําใหผูศรัทธาคลี่คลายจากความโศกเศรา บนโลกนี้ • นักเรียนสามารถชี้แจงวาความกลัวและยําเกรงตออัลลอฮฺสามารถยับยั้งมนุษยไมใหกระทําบาป • นักเรียนสามารถระบุถึงความบะเราะกะฮฺของการทําดีตอบิดามารดาที่จะมีผลตอผูศรัทธาทั้งในโลกนี้และ โลกอาคิเราะฮฺ ตัวบทหะดีษ aëž ëfl f@ Ï ŠŽ@ İàfl Û a áŽ@ çŽ ˆfl flc æfl ìž ‘ fl bflànflífl Š Ð ãfl òqflýflq bflàäflîž ifl Þ fl bÓ@ č a Þ쎉fl å ž Çfl Šfl àfl ŽÇ åiža åÇfl Þ fl@ bÔÏ Lžáèîž Ü Çfl o ž Ô jfl dÏ LÝjflv fl Û a å fl ßč ñ Šfl ‚ ž • fl áž çč ‰bË áÏ óÜÇfl o ž İ z fl ãžbÏ LÝjflv fl Û a ïčÏ ‰ bË óÛg .á@ ØäÇ b@flèu Ž ŠŽ Ð ífl éŽ@ ÜÈfl Û b@flèič a@ìŽÇ…ž bÏ ò z fl Ûčbfl• éč ÜÛč bflçìŽàŽnÜ àč Çfl ü bflàÇž c aëŽŠÄ ãža :œ Èž jflÛč áž ŽèŽšÈž ifl o Ž@ žä× ‰ć@ bflÌč• ò îfljž • č ïčÛëfl LïmcŠßaë æafljč× æbfl‚îž ‘ fl æafl†Ûčaflë ïčÛ æfl b× éŽ Şãg ŞáèŽ Ü Ûa ŽáŽçŽ†y fl c Þ fl bÔÏ ï@ ič ôd@ ãfl éŽ@ Şãgëfl Li Ý fl jž Ó bflàèîčÔ ž c LŞð†fl Ûčaflìič Žpc†fl ifl LŽojž Ü y fl áž èîž Ü Çfl o Ž y ž ‰Ž afl‡hÏ áž èîž Ü Çfl óflljž c k Ž@ Üy ž c o Ž@ žä× b@flà× L Žojž Ü z fl Ï bflßbflã †ž Ó bflàèŽ mŽ†ž u fl ìfl Ï LŽoîž fl ßž c óŞny fl p č e bflàÏ LŽŠv fl’ Ş Ûa â ìž ífl p fl a‡fl ï @ Ôc æž c êŽ@Šfl ×cëfl Lbflàèßč ìž ãfl å ž ßč bflàèŽ Ä Óč ëc æž c ŽêŠfl × c bflàè č ëŽõ‰Ž †fl äž Çč Žoàž ÔÏ LčlýčzÛ bči Žo÷ž v č Ï Éfl@ Ü ó @ Şny fl L@áž Žèiflc…fl ëfl ïčic…fl Ù Ûč‡fl Þ ž Œfl ífl áž Ü Ï ï Ş ßfl †fl Ó †fl äž Çč æfl ìž Ë bflšnflífl òîfljž – ğ Ûaflë bflàèŽ Ü jž Ó òč îfljž – ğ Ûa fl äž × æž hÏ LŽŠv ž Ð Û a b@flèäž ßč ô @ Šfl flã ò@ fluŠž Ï b@fläÛ x ž@ ŠŽ Ï bÏ @ Ù @ èu ž ëfl õfl bflÌnčiža Ù Ûč‡fl ŽoÜ Èfl Ï ïğãc ŽáÜ Èž mfl o ï @ čÛ o ž@ flãb× éŽ@ Şãg ŞáèŽ Ü Ûa :ïčãbŞrÛa Þ fl bÓëfl Lflõbflà Ş Ûa bflèäž ßč æfl ëž Šfl ífl óŞny fl ò u fl Šž Ï áž èŽ Û éŽ Ü Ûa x fl Šfl Ð Ï Lõfl bflà Ş Ûa b@flèîflmče ó @ Şny fl o ž@ flidÏ L@bflè fl Ðãfl bflèîž Ûg Žojž Ü İ Ï LflõbfläğÛa Þ Ž bfluŠğ Ûa şkz č íŽ bflß †ğ ‘ fl d× Lbflènşjjčyc á Çfl òäfliža bflí o ž ÛbÓ Lbflèîž Ü u ž ‰ å fl îž ifl o Ž Èž Ó ëfl bŞàÜ Ï Lbflèič bèn÷vÏ ‰ bfläíč… ò öflbčß ŽoÈž àfl u fl óŞny fl Žoîž Èfl nflÏ L‰bfläíč… òč öflbčàič o Ž@ ÜÈfl Ï †ž@ Ó ïğãc ŽáÜ Èž mfl o fl äž × æž hÏ Lbflèäž Çfl Žoàž ÔÏ Léč Ô z fl ič ü g áfl mflbfl‚Û a |nflÐ mfl üflë a ÕmŞa .éč ÜÛa †fl jž Çfl ï @ ğãg áŞ@ ŽèÜ Ûa :ŠŽ@ flŁa Þ fl@ bÓëfl L@ò fluŠž Ï áž èŽ Û x fl Šfl Ð Ï Lò u fl Šž Ï bflèäž ßč bfläÛ x ž ŠŽ Ï bÏ LÙèu ž ëfl õfl bflÌnčiža LÙÛč‡fl č c p Ž Šž u fl d nfl ž ao Ž äž × o Ž@ ž™Šfl Èfl Ï L@ïÔy fl ï @ čäİč Çž c :ïÛ Þ fl bÓ ŽéÜ àfl Çfl óflšÓ bŞàÜ Ï L‹‰Ž c ÖŠfl Ð ič aĆu ÕmŞa Þ fl bÔÏ ïčãõfl bflvÏ Lbflçõfl bÇfl ‰fl ëfl aĆŠÔ ifl Žéäž ßč ŽoÈž àfl u fl óŞny fl ŽéŽÇ‰fl ‹ž c Þ ž ‹fl c áž Ü Ï LéŽ äž Çfl k fl Ëč Šfl Ï LéŽ Ó Šfl Ï éč îž Ü Çfl
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
15
วิชาอัลหะดีษ
üflë L a Õ @ Şma Þ fl@ bÔÏ .bçfl ˆž ‚ Ž Ï Lbflèöbčljfl ëfl ŠÔ jflÛ a Ù Ü mfl óÛg k ž çfl ‡ž a o Ž Ü Ó LïÔ y fl ïčäàž Üč Ä mfl üflë a L@éi k @ çˆÏ L@êŽ ˆfl fldÏ Lbflçõbljflë Šfl Ô jflÛ a Ù Ûč‡fl ˆž Ž LÙič ù Ž Œžènflc ü ïğãg o Ž Ü Ô Ï Lïči ù ž Œžènflm ax fl Šfl Ð Ï .ï fl Ôč ifl bflß x ž ŠŽ Ï bÏ Ù èu ž ëfl õfl bflÌnčiža Ù Ûč‡fl ŽoÜ Èfl Ï ïğãc ŽáÜ Èž mfl o fl äž × æž hÏ .ï fl Ôč ifl bflß áÜßë ð‰b‚jÛa êaë‰ ความหมาย เลาจากทาน อับดุลลอฮฺ อิบนุ อุมัร จากทานเราะสูลุลลอฮฺ วา ขณะที่มีชายสามคนกําลังเดินทอดนอง อยูบนถนน พลันไดเกิดฝนตกหนัก ดังนั้นพวกเขาจึงหลบเขาไปอาศัยอยูในถ้ําแหงหนึ่งบนภูเขา ทันใดนั้นหินกอนใหญ บนภูเขาไดตกลงมายังปากถ้ํา (ที่พวกเขาหลบฝนอยู) และปด (ประตูทางออกของ) พวกเขา พวกเขาจึงปรึกษากันวา พวก ทานลองตรึกตรองดูสิวามีความดีใดบางที่พวกทานเคยปฏิบัติเพื่ออัลลอฮฺ แลวใชความดีนั้น (เปนสื่อ) ขอดุอา (ตอ พระองค) เผื่อวาอัลลอฮฺจะทําใหกอนหินเคลื่อนออกจากปากถ้ํา ดังนั้น หนึ่งในสามก็พูดขึ้นวา โออัลลอฮฺ เมื่อกอนฉัน เคยมีพอแมซึ่งอายุมากแลว มีภริยา และลูกชายอีกหลายคน ซึ่งฉันจะเปนคนดูแลพวกเขาทั้งหมด เมื่อฉันกลับไปหาพวก เขา ฉันก็รีดนมใหพวกเขาดื่ม ฉันจะเริ่มตนจากพอแมทั้งสองคนโดยใหทานทั้งสองคนดื่มกอนลูก ๆ ของฉันทั้งหมด อยู มาวันหนึ่งฉันเองตองออกไปเลี้ยงสัตวที่ทุงหญาไกลออกไป กวาจะกลับมาถึงบานก็เปนเวลาค่ํามืดแลว (และเมื่อเขาไป ในบาน) ฉันพบวาพอแมของฉันไดหลับไปแลว ดังนั้นฉันจึงรีดนมเหมือนที่ฉันเคยทําเปนประจํา แลวนําภาชนะที่ใส นมไปยืนรออยูตรงหัวนอนของทั้งสองคน เพราะฉันไมชอบที่จะปลุกทานทั้งสองใหตื่นจากนอน และฉันไมชอบที่จะ ใหลูก ๆของฉันดื่มนมกอนทานทั้งสองดวย ทั้งๆที่ลูกๆ ตางรองไหเสียงระงมอยูที่ขาของฉันดวยความหิวโหย ฉันและ ลูกๆของฉันยังคงอยูในสภาพนั้นจนกระทั่งรุงเชาของวันใหม หากพระองคเห็นวา ฉันไดกระทําเชนนั้นเพื่อหวังความ โปรดปรานจากพระองค ก็ขอใหพระองคโปรดเปดชอง (ขยับกอนหินออกจากปากถ้ํา) สักสวนหนึ่ง เพื่อใหเราได มองเห็นฟากฟาจากชองนั้น ดังนั้น อัลลอฮฺก็ทรงเปดชอง (ขยับกอนหิน) ออกจากปากถ้ําสวนหนึ่ง จนพวกเขาสามารถ มองเห็นแสงสวางจากฟากฟาจากชองนั้น (หลังจากนั้น) คนที่สองกลาววา โอพระผูอภิบาลของฉัน แทจริงฉันมีใจรักอยูกับลูกสาวของลุง เสมือนกับ ที่ชายทั่วๆไปรักชอบหญิงสาว ดังนั้น ฉันจึงไดขอรวมหลับนอน (มีเพศสัมพันธ) กับนาง แตนางบายเบี่ยงไมยอมรวม หลับนอนดวย จนกวาฉันจะนําเงินจํานวน 100 ดีนารไปใหนางกอน ดังนั้นฉันจึงไดรวบรวมเงินจนครบ 100 ดีนาร แลวฉันก็นําเงินจํานวนดังกลาวไปหานาง และขณะที่ฉันกําลังอยูระหวางสองขาของนาง (เพื่อที่จะมีเพศสัมพันธ) นาง ไดกลาว (เตือนฉัน) วา โอบาวของอัลลอฮฺ ทานจงยําเกรงตออัลลอฮฺ และจงอยาไดเปดผนึก (พรหมจารีย) นอกจากดวย สิทธิอันชอบธรรม (การแตงงาน) ดังนั้น ฉันจึงผละออกจากนาง หากพระองคเห็นวา ฉันไดกระทําเชนนั้นเพื่อหวัง ความโปรดปรานจากพระองค ก็ขอใหพระองคโปรดเปดชอง (ขยับกอนหินออกจากปากถ้ํา) สักสวนหนึ่ง ดังนั้น พระองคก็ทรงเปดชอง (ขยับกอนหิน) ออกจากปากถ้ําอีกสวนหนึ่ง และคนสุดทายกลาววา โอพระผูอภิบาลของฉัน แทจริงฉันเคยวาจางชายคนหนึ่ง ดวยคาจางจํานวนหนึ่งฟะ ร็อกขาวสาร (มาตราตวงชนิดหนึ่ง มีความจุประมาณ 16 ปอนด หรือสามทะนานขาวสาร) เมื่อเขาทํางานเสร็จ เขาไดกลาว ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
16
วิชาอัลหะดีษ
แกฉันวา "จงมอบสิทธิ(คาจาง) ของฉันมา" ดังนั้น ฉันจึงไดแสดง (ขาวสารที่เปนคาจางจํานวน) หนึ่งฟะรอกแกเขา แต เขากลับปฏิเสธ (เพราะไมพอใจกับคาจางที่ไดรับ) ดังนั้น ฉันจึงปลูกขาวสาร (สวนที่เปนคาจางของเขา) จนกระทั่งฉัน สามารถรวบรวม (รายไดจากการขายขาวสารและสามารถซื้อ) ฝูงวัวจํานวนหนึ่งพรอมกับ (จาง) ผูดูแลมัน (วันหนึ่ง) ชาย คนนั้นไดมาหาฉัน (เพื่อทวงคาจาง) แลวกลาวกับฉันวา "ทานจงยําเกรงตออัลลอฮฺและอยาไดอธรรมตอฉันในสิทธิที่ ฉันพึงไดรับ" ฉันจึงกลาว (แกเขา) วา "ทานจงไปที่วัวฝูงนั้น และผูดูแลมัน แลวรับมันไปเสีย" เขาก็กลาววา "ทานจงยํา เกรงตออัลลอฮฺ และจงอยาไดลอเลนกับฉัน" ฉันจึงกลาว (กับเขา) วา "ฉันไมไดลอเลนกับทาน ทานจงรับวัวฝูงนั้น พรอมกับผูดูแลมันไปเสีย" ดังนั้น เขาจึงรับมันไป หากพระองคเห็นวา ฉันไดกระทําเชนนั้นเพื่อหวังความโปรดปราน จากพระองค ก็ขอพระองคโปรดเปดชองที่เหลือ (ขยับกอนหิน) ออก (จากปากถ้ํา) ใหหมด ดังนั้น อัลลอฮฺจึงทรงเปดชอง ที่เหลือ (ดวยการขยับหินออกจากปากถ้ําทั้งหมด) (บันทึกโดย อัลบุคอรียและมุสลิม) คําอธิบาย (Š@ Ð ãfl ò@ qflýflq bflàäflîžifl@) "ขณะที่มีชายสามคน" จากประชาชาติกอนพวกทาน หมายถึง จากชาวอิสรออีล ตามที่มี ระบุในบางรายงาน โดยที่ไมทราบวาพวกเขามีชื่อวาอะไรบาง (‰@ bË ó @ Ûg a@ëž ëfl fÏ) "ดังนั้นพวกเขาจึงหลบเขาไปอาศัยอยูในถ้ําแหงหนึ่ง" หมายถึง หยุดพัก (เพื่อหลบฝน) อยูในถ้ํา (@Ýjflv fl Û a å fl@ ßč ñ@Šfl ‚ ž • fl áž@ çč ‰bË á@ Ï ó @ Ü Çfl o ž@ İ z fl ãžbÏ) “ทันใดนั้นหินกอนใหญบนภูเขาไดตกลงมาปดปากถ้ํา” ในบางรายงานกลาววา l č bfli "ประตู" แทนคําวา áÏ "ปาก" (ò@ z fl Ûčbfl• éč@ Ü Ûč b@çfl ìŽànŽÜ àč Çfl ü @ bflàÇž c a@ëŽŠÄ ãž a) "พวกทานลองตรึกตรองดูสิวามีความดีใดบางที่พวกทานเคย ปฏิบัติเพื่ออัลลอฮฺ" คําวา "ความดี" ในที่นี้หมายถึง การกระทําที่บริสุทธิ์ใจ (อิคลาศ) เพื่อพระองค ไมไดกระทําเพื่อ @ èu ž ëfl õfl@ bflÌnčiža) "เพื่อหวัง โออวด และชื่อเสียงหรือการชมเชยจากมนุษย ดังที่ไดบงชี้จากคํากลาวหลังจากนั้นวา (Ù ความโปรดปรานจากพระองค" (òîfljž• č ) "บรรดาลูกชาย" อานพยัญชนะ "ศอด" ดวยสระกัสเราะฮฺ ซึ่งเปนคําพหูพจนของคําวา (Ğïjč• fl ) (áž èîžÜ Çfl óflljž c) หมายถึง ใหการสงเสียและเลี้ยงดูพวกเขา ดวยการเลี้ยงแพะ (áž@ è îžÜ Çfl o Ž@ y ž ‰Ž a@‡fl hÏ ) "เมื่อฉันกลับไปหาพวกเขา" หมายความวา เมื่อฉันพาฝูงสัตวกลับจากทุงหญาไปยัง สถานที่นอนพักของมัน (flæìž Ë bflšnflífl) รองไหเสียงระงมเพราะความหิว (ò u fl Šž Ï áž èŽ Û ax fl Šfl Ð Ï ) "ดังนั้น อัลลอฮฺจึงทรงเปดชอง ดวยการทําใหหินขยับออกจากปากถ้ําบางสวน" (õfl bflà Ş Ûa bflèäžßč æfl ëž Šfl ífl óŞny fl ) "จนกระทั่งพวกเขาสามารถมองเห็นแสงสวางจากฟากฟาจากชองนั้น" เนื่องจาก ดุอาของเขาถูกตอบรับ เพราะเขาไดแสดงออกถึงความกตัญูตอบิดามารดาที่สูงสงยิ่ง เราลองพิจารณาดูสิวาเขาจะ ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
17
วิชาอัลหะดีษ
รูสึกขมขื่นปานใดที่เห็นลูกๆ กําลังร่ําไหที่แทบเทาทั้งสองของตัวเองเนื่องจากความหิวโหย ดังนั้น เมื่อเขามองไปยัง บิดามารดาของเขาดวยสายตาแหงความกตัญู เพื่อหวังความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ อัลลอฮฺจึงทรงมองเขาดวย สายตาแหงความกรุณา ดังนั้น พระองคจึงทรงปลดปลอยความทุกขของเขาออกไปสวนหนึ่ง (ดวยการทําใหกอนหิน ที่ปดปากถ้ําอยูขยับออกจนเห็นแสงสวางของทองฟา) (b@èfl fl Ð ãfl b@èfl îžÛg o Ž@ jžÜİ Ï ) "ฉั นจึ งได ขอร วมหลั บนอน (มี เพศสั มพั นธ ) กั บนาง" หมายความว า ขอให นาง ตอบสนองตอสิ่งที่รองขอ (หมายถึง ยอมมีเพศสัมพันธกับเขา) (žoifldÏ ) "แตนางบายเบี่ยงไมยอมรวมหลับนอนดวย" (áfl@ mflbfl‚Û a | @ nflÐ mfl ü @ ëfl ) "และเจาจงอยาเปดผนึก (พรหมจารีย) " เปนคําเรียกแทนพรหมจารีย หรือความ บริสุทธิ์ของหญิงสาว หมายความวา เจาจงอยาเปดความบริสุทธิ์ของฉัน และจงอยากระทําความเสื่อมเสีย (éč@ Ô z fl ič ü @ g) "นอกจากดวยสิทธิอันชอบธรรมของผนึก (พรหมจารีย)" นั่นคือการแตงงานที่ถูกตองตาม หลักชะรีอะฮฺอิสลาม และอนุญาตใหมีเพศสัมพันธกัน (b@èfl äžÇfl o Ž@ àž Ô Ï ) "ดังนั้น ฉันจึงผละออกจากนาง" และปลอยนางไปโดยไมมีเพศสัมพันธกับนางแตอยางใด เพราะรูสึกสํานึกกับคํากลาวตักเตือนของนาง ซึ่งเปนความโปรดปรานของอัลลอฮฺที่มีตอนาง เพราะแทจริงแลว นางไมไดปรารถนาที่จะกระทําสิ่งที่หยาบชาลามกและทรยศตออัลลอฮฺ แตเหตุที่นางยอมรวมหลับนอนดวยกับเขา เพราะเขาไมยอมใหความชวยเหลือนาง (ในปญหาเงินทองที่นางกําลังประสบอยู) ไมวานางจะรองขอและวิงวอน เขาปานใดก็ตาม ดวยเหตุที่นางเกรงวาตัวเองจะตองประสบกับความหายนะ จนถึงขั้นที่จําเปน (ตองนําตัวเองเขา แลก) อันนําไปสูการกระทําที่นางไมเปนที่ปรารถนาดังกลาว ครั้นเมื่ออัลลอฮฺไดทราบถึงความสัจจริงของนาง พระองคก็ทรงใหนางหางไกลจากการกระทําอันโสมม ดังกลาว และทรงปกปองนางจากการกระทําที่เปนการทรยศของเขา ดวยการดลใจใหเขาผละออกนาง และละทิ้งการ ลวงละเมิดทางเพศ (ซินา) ทั้งๆ ที่เขาสามารถจะกระทําเชนนั้น โดยไมมีอุปสรรคใดๆมาขวางกั้น และโอกาสก็ เอื้ออํานวย เพราะความยําเกรงตออัลลอฮฺ -หลังจากที่เขาไดอยูระหวางสองหวางขาของนาง ในขณะที่กําลังเกิด อารมณทางเพศอยางเต็มที่ อารมณทางเพศ ขณะที่มันกําลังรอนแรง จะเปนอารมณที่มีอํานาจเหนือมนุษย เปนอารมณที่ฝาฝนและ แข็งขอตอสติสัมปชัญญะ (จะทําใหสติปญญาตองยอมจํานนตามความปรารถนาของอารมณ เพราะสติปญญาไม สามารถที่จะควบคุมอารมณได) ดวยเหตุผลดังกลาว จึงเปนการสมเหตุสมผลที่อัลลอฮฺจะทรงตอบรับดุอาของเขา (@@ÖŠfl Ð ič) อานวา "ฟรกฺ" (ราอสากินะฮฺ) หรือ "ฟะร็อก" (ราอมัฟตูหะฮฺ) หมายถึงมาตราตวงชนิดหนึ่งที่ใช กันที่นครมะดินะฮฺ ซึ่งมีความจุประมาณ 16 ปอนด หรือประมาณ 3 ทะนาน (ï fl@ Ôč ifl b@ßfl @ a x fl@ Šfl Ð Ï ) "ดังนั้น อัลลอฮฺจึงทรงเปดชองที่เหลือ (ดวยการขยับหินออกจากปากถ้ําทั้งหมด)" จนกระทั่งพวกเขาสามารถออกจากถ้ําดวยความปลอดภัย การที่ดุอาของคนที่สามถูกตอบรับ เพราะเขาไดชดเชยไดอยางที่สุด โดยไดจายคาจางใหกับลูกจางตาม สิทธิที่เขาพึงไดรับ พรอมกับสวนที่เพิ่มพูนอีกมากมาย ซึ่งความจริงแลวลูกจางจะไดรับคาจางเทากับงานที่ได
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
18
วิชาอัลหะดีษ
ปฏิบัติเทานั้น แตเขากลับใหมากกวานั้น โดยถือวาเปนการบริจาคจากเขา เพื่อหวังความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ ดังนั้น จึงเปนการสมควรอยางยิ่งที่ดุอาของเขาจะถูกตอบรับ หะดีษดังกลาวไดบงบอกอยางชัดเจนถึงการตอบรับของอัลลอฮฺตอดุอาของผูกตัญูและทําดีตอบิดา มารดา ดุอาของผูที่สามารถยับยั้งตนเองจากสิ่งหะรอม และดุอาของผูที่มอบใหแกเจาของสิทธิ์ในสิทธิที่เขาพึง จะไดรับ เชนเดียวกับความหมายที่รวมอยูในคําตรัสของอัลลอฮฺวา lu t s r q p o n m l k j m "และผูใดยําเกรงอัลลอฮฺ พระองคก็จะทรงหาทางออกใหแกเขา และจะทรงประทานปจจัยยังชีพแกเขาจากที่ ที่เขามิไดคาดคิด" (7)
หนังสืออางอิงเพื่อการเรียนรูเพิ่มเติมดวยตนเอง • เศาะหีหฺอัลบุคอรียและเศาะหีหฺมุสลิม • ริยาฎ อัศศอลิฮีน • ญามิอฺ อัลอุลูม วัลหิกัม ของอิบนุเราะญับ อัลหันบะลีย การประยุกตใชในชีวติ ประจําวัน • นําสาระในหะดีษมาแปลงเปนบทภาพยนตร • นําสาระในหะดีษมาแปลงเปนภาพเคลื่อนไหวเพื่อใหเด็กๆ ไดชม • คัดหะดีษดวยลายมือที่ชัดเจนแลวนําไปติดที่บอรดมัสยิด • เขียนเรื่องราวที่มีความหมายเดียวกันกับหะดีษ การวัดผลประเมินผล 1. หะดีษไดชี้นําเราเกี่ยวกับเรื่องใด ? 2. บอกความสําคัญของความอิคลาศ (บริสุทธิ์ใจ) ในการปฏิบัติอามัล และตนเหตุแหงความรอดพน ของผูที่ความอิคลาสในการปฏิบัติอามัล 3. อัลลอฮฺทรงตรัสวา lo n m l k j m สาระสวนใดของหะดีษที่ สอดคลองกับความหมายของอายะฮฺนี้ ? 4. ทานเคยพยายามและจริงจังกับตัวเองในการที่จะปฏิบัติอามัลใดๆ เพื่ออัลลอฮฺดวยความบริสุทธิ์ ใจและปราศจากการปนเปอนของการโออวด (ริยาอ) หรือไม ? (7)
สูเราะฮฺอัฏ-เฏาะลาก, อายะฮฺที่ 2
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
19
วิชาอัลหะดีษ
ขอชี้นําและบทสรุปที่ไดรับจากหะดีษ • จําเปนตองบริสุทธิ์ใจเพื่ออัลลอฮฺในการปฏิบัติอามัล • เราตองกตัญูตอบิดามารดา และทําดีตอทั้งสอง • เราตองไมฉวยโอกาสในขณะทีผ่ ูอื่นกําลังคับแคบ และตกทุกข เพื่อทีจ่ ะชักชวนเขาใหกระทําการทรยศ ตออัลลอฮฺ • เราตองมอบทุกๆสิทธิที่เจาของสิทธิ์พึงไดรับ พรอมกับปฏิบัติดีตอเขา
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
วิชาอัลหะดีษ
20
เรื่อง “การเนรคุณตอบิดามารดาเปนบาปใหญ” ผลการเรียนรูที่คาดหวังประจําบทเรียน • นักเรียนสามารถสรุปขอเท็จจริง และคุณคาดานคุณธรรมจริยธรรมที่ไดรับการชี้นําจากหะดีษทั้งสองบท ได • นักเรียนสามารถอธิบายถึงสาเหตุของการหามเนรคุณตอบิดามารดาได • นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของการฆาดวยการฝงลูกผูหญิงทั้งเปน ผูกระทํา และสาเหตุที่กระทํา เชนนั้นได • นักเรียนสามารถอธิบายความหมายของคําพูดของทานนบี วา “p č bçfl ëfl bÈĆ äž ßfl ” ได • นักเรียนสามารถชี้แจงถึงเหตุผลที่ไมชอบใหพูดมากโดยเปลาประโยชน ชอบซักถามมากความ และใชจาย ทรัพยสินในทางที่มิชอบ • นักเรียนสามารถอธิบายถึงเหตุผลที่ทานนบี ตองกลาวเตือนซ้ําๆ เกี่ยวกับการเปนพยานเท็จถึงสามครั้ง ตัวบทหะดีษที่หนึ่ง LčpbfläjflÛa …fl cëfl ëfl Lčpbflèߪ þ aÖ fl ìÔÇŽ áž Ø îžÜ Çfl âfl ŠŞ y fl a æŞ g» Þ fl bÓ ó ğ jčäŞÛa åÇfl ò jflÈž Ž‘ åiž ñč fl Ìč ŽàÛa åÇfl «ÞbflàÛa ò Çfl bfl™gëfl LÞaflû ş Ûa ñ Šfl rž× ëfl LflÞbÓëfl Ý fl îčÓ áž Ø Û êfl Š× ëfl Lčpbflçëfl bĆÈäžßfl ëfl áÜßë ð‰b‚jÛa êaë‰ ความหมายหะดีษ ทานอัลมุฆีเราะฮฺ บิน ชุอฺบะฮฺ ไดรายงานวา ทานนบี ไดกลาววา "แทจริง อัลลอฮฺทรงบัญญัติหาม พวกทานเนรคุณตอมารดา การฝงฆาลูกหญิง (ทั้งเปน) ไมยอมใหในสิ่งที่ตองให และอยากไดในสิ่งที่ไมมีสิทธิ์ ไมชอบ ใหพวกทานพูดมากโดยเปลาประโยชน ไมชอบใหซักถามมากความ และใชจายทรัพยสินในทางที่มิชอบ (บันทึกโดยอัลบุคอรียและมุสลิม) คําอธิบายหะดีษ การเนรคุณตอบิดามารดา หมายถึง การทําใหทั้งสองรูสึกเจ็บปวดและชอกช้ําใจดวยวิธีใดก็ตาม ไมวาจะ นอยหรือมาก ไมวาทานทั้งสองจะหาม หรือไมหามก็ตาม หากวาการกระทํานั้นไดคานกับสิ่งที่ทั้งสองไดสั่งให
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
วิชาอัลหะดีษ
21
กระทํา หรือหามไมใหกระทํา โดยมีเงื่อนไขวา ตองไมเปนการทรยศตออัลลอฮฺในทุกๆสิ่ง หากไมแลว ก็ไม อนุญาตใหปฏิบัติตามในสิ่งที่เปนการทรยศตอพระผูทรงสราง คําอธิบายหะดีษที่ 1 (p č@ bflèߪ þ aÖ fl@ ìÔÇŽ áž@ Ø îžÜ Çfl âfl@ ŠŞ y fl @ a æŞ@ g :Þ fl@ bÓ @áÜë@éîÜÇ@a@óÜ•@ó ğ@ jčäŞÛa å @ Çfl ) "ทานนบี ไดกลาววา "แทจริง อัลลอฮฺทรงบัญญัติหามพวกทานเนรคุณตอมารดา” ดวยการตัดสัมพันธกับบิดามารดา และไมเชื่อฟงทาน ทั้งสอง ในหะดีษนี้ระบุเพียง “มารดา” เทานั้น โดยไมไดระบุถึงบิดา แตโดยความหมายแลว การเนรคุณตอบิดาก็ เปนบาปใหญเหมือนกับการเนรคุณตอมารดาเชนกัน หรือการที่เจาะจงกลาวถึงเพียง “มารดา” เพราะการเนรคุณตอ มารดานั้นนับวาเปนพฤติกรรมที่เลวทรามและนาละอายกวา หรือเพราะความออนแอของนางโดยสวนใหญ (p č@ bfläjflÛ a …fl@ cëfl ëfl ) หมายความวา หามฝงลูกหญิงทั้งเปน ชาวญาฮิลียะฮฺในสมัยกอนอิสลามมักจะใชวิธีนี้ กําจัดลูกหญิงของตนเอง เพราะไมพอใจตอ (ความเปนสตรีของ) นาง กลาวกันวาคนแรกที่ฝงลูกหญิงทั้งเปนคือ ก็อยสฺ บิน อาศิม อัตตะมีมีย โดยครั้งหนึ่ง ศัตรูของทานไดบุกจูโจมทานโดยไมทันรูตัว และไดจับลูกสาวของทาน ไปเปนเชลย แลวยกนางขึ้นเปนภรรยา ตอมาก็มีการเจรจาสงบศึก แลวก็อยสก็ใหลูกสาวเลือกวาจะอยูกับใคร ลูก สาวก็เลือกที่จะอยูกับสามี ดังนั้นก็อยสฺจึงใหคําสัตยสาบานกับตัวเองวา หากใหกําเนิดลูกหญิงแกเขา เขาจะฝงทั้ง เปนทันที ดังนั้น ชาวอาหรับจึงเลียนแบบการกระทําของก็อยสฺ สืบตอกันมา สวนชาวอาหรับอีกกลุมหนึ่ง จะฆาลูกของพวกเขา ไมวาจะเปนหญิงหรือชาย เพราะกลัววาลูก ๆ จะมา แยงทรัพยสมบัติของพวกเขาใหเหลือนอยลง หรือเพราะความตระหนี่และหวงสมบัติ หรือเพราะไมมีทรัพยสินที่ จะใชเลี้ยงดูพวกเขา อัลลอฮฺไดกลาวถึงเรื่องราวของพวกเขาไวในอัลกุรอานหลายตอหลายอายะฮฺ เชน l ¼ » º ¹¸ ¶ µ ´ ³ m
(8)
"และพวกทานทั้งหลายจงอยาฆาลูกๆของพวกเจา เนื่องจากความจน เราเปนผูใหปจ จัยยังชีพแกพวกเจา และแกพวกเขา" l k j i h g f e d c b am ~ } | {z y x w v u t sr q p o n m
l`_
(9)
"และเมื่อผูใดในหมูพวกเขาไดรับขาววาไดลูกผูหญิง ใบหนาของเขาจะอยูในสภาพที่หมองคล้ําเนื่องจาก ความโกรธและเสียใจ เขาจะซอนตัวเองจากกลุมชน เนื่องจากความอับอายและอัปยศจากสิ่งที่ไดรับแจงขาว (การได (8) (9)
สูเราะฮฺอัล-อันอาม, อายะฮฺที่ 151 สูเราะฮฺอัน-นะหฺลุ, อายะฮฺที่ 58-59
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
22
วิชาอัลหะดีษ
บุตรหญิง) เขาจะเลี้ยงไวดวยความอดสูและทิ้งขวาง หรือเหยียบมันลงดิน (ฝงทั้งเปน) พึงทราบเถิด ! สิ่งที่พวกเขา ตัดสินใจนั้นชางเลวทรามยิ่งนัก" l d c b a ` _ ^ ]m "และเมื่อทารกหญิงที่ถูกฝง (ไดฟนคืนชีพและ) ถูกถามวาเพราะความผิดอันใดหรือที่เธอถูกฆา" เศาะอฺเศาะอะฮฺ บิน นาญิยะฮฺ อัตตะมีมีย -ปูของอัลฟะรัซดัก คือฮัมมาม บินฆอลิบ บิน เศาะเศาะอะฮฺ ซึ่ง เปนนักกวีผูโดงดัง - เปนคนแรกที่ทําการไถถอนลูกหญิงที่จะถูกนําไปฝงทั้งเปน โดยเขาจะไปหาผูที่ประสงคจะฝงลูก แลวขอไถถอนดวยทรัพยสินของตัวเอง ซึ่งอัลฟะรัซดักไดเขียนบทกวีดวยความภาคภูมิใจวา …ž õfl ìž Ží áž Ü Ï Lñ†fl îž öčìfl Û a bîfly ž cëfl p č a†fl öčaìfl Û a Éfl äflßfl ðˆč Ûa ð†ğ u fl ëfl (10)
"และปูของฉันคือผูที่หามการฝงลูกหญิงทั้งเปน และไดใหชีวิตแกลูกหญิงที่จะถูกฝงทั้งเปน ดังนั้นจึงไมมีการฝงทั้งเปน” กรณีนี้นาจะเกิดขึ้นกับชาวอาหรับกลุมที่สอง ก็อยสฺและเศาะอฺเศาะอะฮฺ ก็มีชีวิตอยูจนทันเขารับอิสลาม และถือวาทั้งสองเปนเศาะหาบะฮฺ สาเหตุที่เจาะจง กลาวเฉพาะลูกหญิง เพราะชาวอาหรับสวนใหญจะนิยมฝงลูกหญิง เนื่องเพราะลูกชายเปนเพศที่มีความสามารถในการ ทํามาหาเลี้ยงชีพ ลักษณะการฝงลูกทั้งเปนของชาวอาหรับนั้นมีดวยกันสองวิธี - วิธีแรก เมื่อภรรยาของพวกเขาเจ็บทองใกลคลอด พวกเขาก็จะสั่งใหนางไปนั่งใกลหลุมที่ขุดเตรียมไว หากนางคลอดออกมาเปนชาย นางก็จะรักษาชีวิตลูกไว แตหากนางคลอดออกมาเปนหญิง นางก็จะโยนทารกลงไป ในหลุม การกระทําเชนนี้เหมาะสมกับชาวอาหรับกลุมแรก - อี กวิธี หนึ่ ง เมื่ อลูกสาวของพวกเขาอายุ ครบ 6 ขวบ ก็จะสั่ งใหแมของเด็กชวยแตงตั วใหสวยงาม เพื่อที่จะไดพาเธอไปเยี่ยมญาติ จากนั้นก็จะพาเธอไปยังทะเลทรายที่ไกลออกไป จนกระทั่งไปถึงบอ (ที่ไดเตรียมไว) แลวบอกกับเธอวา เธอลองชะเงอดูในบอสิวามีอะไร แลวก็ผลักเธอจากดานหลังใหตกลงไปในบอ หลังจากนั้นก็ทํา การกลบบอ และเคลียรพื้นที่ใหเปนปกติ การกระทําเชนนี้เหมาะสมกับชาวอาหรับกลุมที่สอง (bÈĆ äž ßfl ëfl ) หมายถึง ไมอนุญาตใหระงับ (ไมยอมแบงปน) ในสิ่งที่พวกเจามีหนาที่ (วาญิบ) ตองให (p č bçfl ) หมายถึง ไมอนุญาตใหรองขอหรือรับเอาในสิ่งที่พวกเจาไมมีสิทธิ์ที่จะรับ (êَ Š× ëfl ) หมายถึง อัลลอฮฺไมชอบ (َÞ @ bÓëfl Ý fl@ îčÓ áž@ Ø Û) สําหรับพวกเจาที่ (ชอบพูดมากโดยเปลาประโยชน) ชอบกลาววา “คนนั้นพูดอยางนั้น คนนี้พูดอยางนี้” ซึ่งเปนสิ่งที่ไรสาระที่ชอบนํามาพูดคุยกันในมัจญลิส เชนกลาววา "คนนั้นพูดอยางนั้น" ในสิ่งที่ ไมถูกตอง และไมทราบวาขอเท็จจริงเปนอยางไร ซึ่งบางทีอาจจะนําไปสูการนินทาลับหลัง หรือกลาวใหรายผูอื่น (10)
สูเราะฮฺอัต-ตักวีรฺ, อายะฮฺที่ 9
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
23
วิชาอัลหะดีษ
สวนผูที่เลาในสิ่งที่ถูกตอง และทราบวาขอเท็จจริงเปนอยางไร โดยสามารถแจงถึงที่มาของเรื่องไดวานํามาจากผูที่ นาเชื่อถือ และไมไดนําไปสูสิ่งที่ตองหาม (การนินทาวาราย) เชนนี้ ก็วาไมเปนที่นาตําหนิ (@Þaflû ş Ûa ñ@Šfl rž× ëfl ) หมายความ อัลลอฮฺทรงไมชอบใหพวกเจาซักถามมากความโดยปราศจากความจําเปน หรือถามเกี่ยวกับปญหาที่ไมตองการใช หรือถามเพื่อลองเชิงวารูจริงหรือไม ไมไดถามเพราะตองการจะสรางความ เชื่อมั่นและทราบขอเท็จจริง แตถามเพราะตองการจะทดสอบภูมิปญญา ตองการที่จะโออวดความรูของตนเอง และ โตเถียง หรือถามเกี่ยวกับเรื่องราวของผูอื่น โดยที่ตัวเองไมไดใหความสําคัญหรือเหลียวแลตอความเปนอยูของพวก เขาเลย (@ÞbflàÛ a ò@ Çfl bfl™gëfl ) หมายความวา อัลลอฮฺไมชอบใหทําการผลาญทรัพยสิน ดวยการใชจายในสิ่งที่ศาสนา ไมอนุญาต เพราะอัลลอฮฺสรางทรัพยสินเพื่อประโยชนของมวลบาวของพระองค ดังนั้น การใชทรัพยสินอยาง ฟุมเฟอย จึงเทากับเปนการผลาญ (ประโยชนดังกลาว) ใหสูญเปลา เชนเดียวกับการใชทรัพยสินในหนทางที่เปน การทรยศตออัลลอฮฺ และทุมเททรัพยสินเพื่อเปาหมายที่เล็กนอยและไรสาระ ทานอัลหาฟซ อิบนุ หะญัร ไดกลาวในตอนทายของการอธิบายหะดีษบทนี้ในหนังสือฟตหุลบารีย วา "ทาน อัฏฏีบีย กลาววา "หะดีษบทนี้เปนมูลฐานในการรูจักมารยาทที่ดีงาม นั่นคือ การสืบหาและติดตามทุกๆ จรรยามารยาทที่ดีงาม และคุณลักษณะตางๆที่สวยงาม ตัวบทหะดีษที่สอง . č aÞ fl@ 쎉fl b@flí ó @ Üifl bfläÜ Ó .bĆqý qfl «ŠöčbfljØ Ûa Šjfl× dič áž Ø ÷Žğjãflc ü c» č aÞ Ž 쎉fl Þ fl bÓ :Þ fl bÓ ñ Šfl Ø ifl óčic å ž Çfl ñ@…fl bflèfl‘ëfl ‰@ ëşŒÛa ŽÞìž Ó ëfl ü c» Þ fl bÔÏ fl Ü v fl Ï bĆ÷Øč nŞßŽ æfl b×ëfl .«å힆fl ÛčaflìÛa Ö Ž ìÔÇŽ ëfl L č bči Ú aflŠ‘ ž ⁄a» Þ fl bÓ .ŽoØ ž ífl ü o Ž Ü Ó óŞny fl bflèÛìÔífl Þ fl afl‹ bflàÏ .«‰ëşŒÛa ñ…fl bflè‘ fl ëfl ‰ëşŒÛa ŽÞìž Ó ëfl ü c L‰ëşŒÛa áÜßë ð‰b‚jÛa êaë‰ ความหมายหะดีษ ทานอบูบักเราะฮฺ กลาววา ทานเราะสูลุลลอฮฺ กลาววา "พึงทราบเถิด ฉันจะแจงใหพวกทานทราบ เกี่ยวกับบาปใหญที่หนักหนาที่สุด (ทานกลาว) 3 ครั้ง พวกเราตอบทานวา อยากฟง โอทานเราะสูลุลลอฮฺ ทานจึง กลาววา คือการตั้งภาคีตออัลลอฮฺ การเนรคุณตอบิดามารดา" ในตอนแรกทานเอนกายอยู แลวทานก็ลุกนั่ง และกลาว ตอไปวา พึงระวังจากการพูดเท็จ และการเปนพยานเท็จ พึงระวังจากการพูดเท็จ และการเปนพยานเท็จ และทานก็ ยังคงพูดตอไป จนฉันคิดวา ทานจะไมหยุดพูด” (บันทึกโดยอัลบุคอรียและมุสลิม)
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
24
วิชาอัลหะดีษ
คําอธิบายศัพทหะดีษที่ 2 (ñ Šfl Ø ifl óčic å ž Çfl ) อบูบักเราะฮฺ มีชื่อวา นุฟยอฺ อัษษะเกาะฟย (@ü @ c) เปนคําเริ่มตนการบอกเลา กลาวขึ้นเพื่อเตือนใหผูที่สดับฟงใสใจกับสิ่งที่จะเลาตอจากนั้น เพื่อให เขาไดยึดมั่นกับมัน (ŠöčbfljØ Ûa Šjfl× dič) "Šöčbflj× " เปนคําพหูพจนของคําวา "@ñ@Šfl îž jč× " หมายถึง ทุกๆความผิดที่มีระบุในอัลกุรอานและ สุนนะฮฺ ถึงสัญญาคาดโทษที่รุนแรง (ในวันอาคิเราะฮฺ) ถึงแมวาจะไมมีการทําโทษ (ในโลกนี้) ก็ตาม ดังนั้น ความ หนักหนาของความผิด จะขึ้นอยูกับความรุนแรงของความเสื่อมเสีย และความหนักหนวงของบทลงโทษ (ในวันกียา มะฮฺ) คําวา “ŠöčbfljØ Ûa Šjfl× c” "บาปใหญที่หนักหนาที่สุด" ไมไดจํากัดจํานวนตามที่ปรากฏในหะดีษเทานั้น เพราะ ในสํานวนของหะดีษนี้มี คําวา "@å ž ßč " ที่ใหความหมายวา "สวนหนึ่ง" หมายความวา "ฉันจะแจงใหพวกทานทราบ เกี่ยวกับสิ่งตางๆที่เปนสวนหนึ่งของบาปใหญที่หนักหนาที่สุด" เพราะไดมีการยืนยันจากหะดีษอื่นๆถึงประเภท ตางๆของบาปใหญที่หนักหนาซึ่งไมไดกลาวถึงในหะดีษนี้ เชน การฆาทําลายชีวิตที่อัลลอฮฺทรงบัญญัติหามไว โดยปราศจากสิทธิ์อันชอบธรรม การผิดประเวณี (ซินา) กับภรรยาของเพื่อนบาน และการมีทรรศนะคติที่ไมดี ตออัลลอฮฺ (@b@qĆý qfl) "สามครั้ง" หมายความวา ทานนบีไดกลาวสํานวนที่วา «Š@ öčbjfl@Ø Û a @Šjfl× dič áž@ Ø ÷Žjğãflc ü @ c» "พึงทราบเถิด ฉัน จะแจงใหพวกทานทราบเกี่ยวกับบาปใหญที่หนักหนาที่สุด" จํานวนสามครั้ง ตามความเคยชินของทานในที่ชอบกลาว ทวนซ้ําถึงสามครั้ง เพื่อเปนการย้ําเตือนใหผูฟงเตรียมใจพรอมรับฟงและทําความเขาใจในสิ่งที่จะนํามาบอกเลา ( č@ a Þ fl@ 쎉fl b@ífl ó @ Ü ifl :b@äflÜ Ó ) "พวกเรา (เศาะหาบะฮฺ) ตอบวา “หาไม..โอทานรอซูลุลลอฮฺ" หมายความวา "ได โปรดเลาใหพวกเราฟงเถิด โอทานเราะสูลุลลอฮฺ" ( č bči Ú aflŠ‘ ž ⁄a) ทานเราะสูลุลลอฮฺ กลาววา ประการแรกคือ การตั้งภาคีตออัลลอฮฺ หมายความวานําสิ่งอื่น มาเปนหุนสวนกับอัลลอฮฺในเรื่องของอุลูฮิยะฮฺ (ความเปนพระเจา) และการอิบาดะฮฺ หรือหมายถึงการปฏิเสธศรัทธา โดยทั่วไปที่ครอบคลุมทุกรูปแบบ ซึ่งเปนเปาประสงคของหะดีษนี้ ดังนั้น การใชสํานวนวา "ตั้งภาคี" เพราะเปนสิ่งที่ เกิดเปนสวนใหญ โดยเฉพาะในดินแดนอาหรับ เพราะถาหากวาประสงคในความหมายแรก ยอมตองตัดสินวา เปน ประเภทของการปฏิเสธศรัทธาที่ยิ่งใหญและรุนแรงที่สุด เพราะเปนการทําใหการศรัทธาเปนโมฆะ (@å힆fl ÛčaflìÛ a Ö Ž@ ìÔÇŽ ëfl ) ประการที่สองคือ "การเนรคุณตอบิดามารดา" ซึ่งเปนการกระทําที่ตรงขามกับคําวา (@åíž †fl ÛčaflìÛ a Šş@ ič) ที่หมายถึงการเชื่อฟง และทําดีกับบิดามารดา ดังนั้น การทรยศ ไมเชื่อฟง และกระทําไมดี หรือ กาวราวตอบิดามารดาในเรื่องที่ไมเกี่ยวกับการเชื่อฟงอัลลอฮฺ จึงถือวาเปนการเนรคุณตอทานทั้งสอง (‰ëŒş Ûa ñ…fl bflè‘ fl ëfl ‰ëşŒÛa ŽÞìž Ó ëfl ü c :Þ fl bÔÏ fl Ü v fl Ï bĆ÷Øč nŞßŽ æfl b×ëfl ) "ในตอนแรกทานเอนกายอยู แลวทานก็ลุกนั่ง และกลาวตอไปวา พึงระวังจากการพูดเท็จ และการเปนพยานเท็จ" การสันธานพยานเท็จตอจากการพูดเท็จเปนการ อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความหมายของการพูดเท็จ ซึ่งคําวาพูดเท็จจะมีความหมายที่กวางกวา การปฏิเสธศรัทธา ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
25
วิชาอัลหะดีษ
และกวางกวาการเปนพยานเท็จ หรือเปนการสันธานความหมายเฉพาะตอจากความหมายรวม เพราะการเปนพยาน เท็จเปนรูปแบบหนึ่งของการพูดเท็จ แตไมใชกลับกัน (@@‰ëşŒÛa) "ความเท็จ" หมายถึง การพรรณาถึงสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ผิดเพี้ยนและไมตรงกับสภาพความเปนจริง ของมัน ซึ่งครอบคลุมความโกหกมดเท็จ และความจอมปลอม และ "การเปนพยานเท็จ” ก็คือการปฏิบัติในสิ่งที่เปน เท็จ ซึ่งเหมือนกับการปฏิบัติดีที่ออกจากผูที่โออวดและกลับกลอก ทานอัล-กุรฏบียกลาววา “การเปนพยานเท็จ คือการเปนพยานดวยการกุเรื่องโกหก เพื่อใชเปนสะพานที่ ทอดไปสูความจอมปลอมจากการทําลายชีวิต หรือเอาทรัพยสิน หรือทําใหสิ่งที่หะรอมกลายเปนสิ่งที่หะลาล หรือ ทําใหสิ่งที่หะลาลกลายเปนสิ่งที่หะรอม ดังนั้น จึงไมมีการกระทําที่เปนบาปใหญใดๆที่เปนอันตรายและภัยพิบัติที่ รายแรงไปกวาการเปนพยานเท็จ และไมมีการกระทําใดที่เปนการบอนทําลายที่เลวรายที่สุด หลังจากการตั้งภาคี ตออัลลอฮฺ ดวยเหตุนี้ ทานเราะสูลุลลอฮฺจึงกลาวทวนคําวา (@‰ëşŒÛa ñ@…fl bflè‘ fl ëfl @‰ëşŒÛa Þ Ž@ ìž Ó ëfl ü @ c) "พึงระวังจากการพูด เท็จ และการเปนพยานเท็จ” ซ้ําแลวซ้ําเลา จนกระทั่งผูรายงานหะดีษ (หมายถึงอบูบักเราะฮฺ) กลาววา "ทานจะไม หยุด" และในสํานวนของอีกรายงานหนึ่งกลาววา (o fl Ø fl éŽ@ nflîž Û b@äflÜ Ó ó @ nŞy fl b@çfl ‰Ž Šğ Ø íŽ Þ fl@ afl‹ b@àfl Ï ) "ดังนั้น ทานยังคงกลาว ทวนซ้ําแลวซ้ําเลา จนพวกเรากลาววา "มาตรวาทานจะยุติ" หมายความวา จนกระทั่งพวกเรากลาวในขณะที่พวกเรา กําลังรับฟงคํากลาวซ้ําๆ ดังกลาวของทานเราะสูล วา "มาตรวาทานจะยุติ" หมายถึง พวกเขาตางปรารถนาให ทานเราะสูลยุติคําพูดนั้นเสีย เพราะรูสึกสงสารที่เห็นทานวิตกกังวลและไมสบายใจกับเรื่องดังกลาว ในหะดีษนี้ ครอบคลุมการเตือนสําทับ (ขมขู) ใหระวังจากการเปนพยานเท็จของทานเราะสูลุลลอฮฺ ซึ่งทานไดประกาศถึง ความนากลัวและอันตรายของมันถึงสามรูปแบบ คือ 1. ทานพูดในขณะที่เอนกายนอน แลวเปลี่ยนอิริยาบถมาเปน ทานั่ง 2. ทานเริ่มตนของการบอกเลาโดยใชคําวา “ü @ c@” ซึ่งเปนการเรียกความสนใจจากผูฟงใหหันมารับฟงในสิ่งที่ กลาวตอจากนั้น 3. ทานกลาวทวนซ้ําอีกสองครั้ง และในบางรายงานระบุวา สามครั้ง และสุดทายทานนบี ได กลาวเนนย้ําเปนครั้งที่สี่ ดวยคําวา “การพูดเท็จ และการเปนพยานเท็จ” ในขณะที่ประโยคทั้งสองมีความหมาย เดียวกัน (หรือใกลเคียงกัน) การใหความสําคัญของทานเราะสูล ตอการเปนพยานเท็จ และตักเตือนใหหลีกหางจากการเปนพยาน เท็จ ก็เพื่อกระตุนใหมนุษย -ที่ตระหนักถึงอันตรายของมัน- มุงมั่นที่จะหลีกหาง และหนีเตลิดจากมัน เพื่อที่พวกเขา จะไดรอดปลอดภัย เพราะ (การกระทําบาปดวย) การพูดเท็จหรือการเปนพยานเท็จจะเกิดขึ้นกับมนุษยไดงายกวา การกระทําบาปดวยอีกสองประเภท นั่นคือ การตั้งภาคีตออัลลอฮฺ และการเนรคุณตอบิดามารดา การประมาท เลินเลอ (และไมระวังตัว) ตอการพูดเท็จและการเปนพยานเท็จก็มีมากกวา และอันตรายจากการพูดเท็จและการเปน พยานเท็จก็งายที่จะเกิด เพราะการตั้งภาคีนั้นเปนสิ่งที่มุสลิมจะหลีกเลี่ยงและออกหางจากมัน สวนการเนรคุณตอ บิดามารดาก็เปนสิ่งที่ธรรมชาติของความเปนมนุษยจะปฏิเสธและไมคลอยตาม แตเรื่องของการเปนพยานเท็จปจจัย หรือตัวแปรที่จะชักนําไปสูเรื่องนี้มีมากมายหลายประการ ดังนั้นจึงเปนการดีที่จะตองใหความสําคัญดวยการ ตักเตือนใหเฝาระวังและออกหางจากมัน ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
26
วิชาอัลหะดีษ
บทเรียนที่ไดรับจากหะดีษ 1. ในการตักเตือน สงเสริมใหมีการกลาวทวนสามครั้งเพื่อใหเกิดความเขาใจ ตามแบบอยางของทาน เราะสูลุลลอฮฺ ซึ่งทานไดกลาวทวนคําวา (@‰ëşŒÛa ñ@…fl bflè‘ fl ëfl @‰ëşŒÛa Þ Ž@ ìž Ó ëfl ü @ c) "พึงระวังจากการพูดเท็จ และการเปนพยานเท็จ” สามครั้งติดตอกัน 2. ผูตักเตือนแสดงออกถึงความหวงใยและความรูสึกไมสบายใจในเรื่องที่กําลังตักเตือน เพื่อใหผูฟง รูสึกคลอยตามในการที่จะหลีกหาง และไมกระทําสิ่งที่ไดเตือนไว 3. ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการเปนพยานเท็จนั้นมากมายและรุนแรงยิ่ง 4. การตั้งภาคีตออัลลอฮฺเปนบาปใหญที่หนักและรุนแรงที่สุด ซึ่งอัลลอฮฺไดตรัสไวในอัลกุรอานวา ¡ ~ } | { z y x w v u t s r{
¦ § ¨ژ¥¤£¢ "แทจริงอัลลอฮฺจะไมทรงอภัยโทษตอการนําสิ่งหนึ่งมาเปนภาคีกับพระองค และพระองคจะทรงอภัยตอ สการกระทําอื่นจากนั้น สําหรับผูที่พระองคทรงประสงค และผูใดสรางภาคีกับอัลลอฮฺ แนนอนเขาก็ไดอุปโลกน บาปกรรมอันใหญหลวงขึ้น" 5. การเนรคุณตอบิดามารดาเปนบาปใหญหรือเปนบาปหนักที่รุนแรงประเภทหนึ่ง (11)
หนังสืออางอิงเพื่อการเรียนรูเพิ่มเติมดวยตนเอง • เศาะหีหฺอัลบุคอรียและเศาะหีหฺมุสลิม • ริยาฎ อัศศอลิฮีน • ญามิอฺ อัลอุลูม วัลหิกัม ของ อิบนุ เราะญับ อัลฮหันบะลีย การปฏิบัติจริงกับขอเท็จจริงของหะดีษดวยกิจกรรมเสนอแนะ • ใหเขียนเรื่องราวที่บรรยายถึงผลลัพภของผูที่เนรคุณตอบิดามารดา • ใหเขียนเรื่องราวที่บรรยายถึงความขยะแขยงของการฝงลูกหญิงทั้งเปนของชาวอาหรับบางกลุม • ใหพูดคุยหรือบรรยายตอหนาผูที่ไปละหมาดที่มัสยิด เกี่ยวกับ “สิ่งที่มุสลิมควรหลีกหาง” อาทิ การตระหนี่ ในสิ่ งที่ตนเองต องให และอยากไดในสิ่งที่ ตนเองไมมีสิทธิ์ การพู ดมากโดยเปล าประโยชน และใช จาย ทรัพยสินในทางที่มิชอบ • ใหอานคุตบะฮฺ โดยอธิบายถึงความหมายของการเปนพยานเท็จ และสวนหนึ่งของการเปนพยานเท็จคือ การใชสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งใหแกผูที่ไมเหมาะสม
(11)
สูเราะฮฺอัน-นิสาอ, อายะฮฺที่ 48
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
27
วิชาอัลหะดีษ
การวัดผลประเมินผล 1. หะดีษทั้งสองบทไดการชี้นําเราเกี่ยวกับเรื่องใด ? 2. หะดีษทั้งสองบทมีความพองกันในสวนใด ? 3. เพราะเหตุใดหะดีษแรกจึงเจาะจงหามไมใหเนรคุณตอมารดาเทานั้น ไมไดกลาวถึงการเนรคุณตอบิดา ? 4. คําวา “ت ِ ” َوْأ َد اْﻟَﺒَﻨﺎมีความหมายวาอยางไร เพราะเหตุใดชาวอาหรับในสมัยญาฮิลียะฮฺจึงกระทําเชนนั้น? 5. จงชี้แจงถึงผลเสียที่กระทบตอสังคมอันเนื่องจาก “ความตระหนี่และอยากไดในสิ่งที่ตนเองไมมีสิทธิ์ การ พูดจามากความในสิ่งที่ไรสาระ การชอบซักไซรดวยคําถามที่มากมาย” ? 6. เพราะเหตุใดทานนบี จึงย้ําเตือนจากการเปนพยานเท็จถึงสาม ? ขอชี้นําและบทเรียนที่ไดรับจากหะดีษ • หามตั้งภาคีตออัลลอฮฺ • ไมอนุญาตใหเนรคุณตอบิดามารดา • ตองมอบหมายตออัลลอฮฺ (ตะวักกัล) ในการแสวงหาริซกี • เราตองไมแสวงหาในสิ่งที่ไมใชสิทธิของเรา และอยาไมสกัดกั้นผูอื่นจากสิทธิที่เขาพึงไดรับ • เราตองไมเลาเรื่องราวใดๆ แกผูอื่น นอกจากวาเรื่องราวนั้นมีน้ําหนักและเชื่อถือได • เราตองไมซักไซรดวยคําถามตางๆที่ไมนํามาซึ่งประโยชนใดๆ • เราตองไมใชจายทรัพยสิน นอกจากในสิ่งที่เปนประโยชนเทานั้น การประยุกตใช 1. จัดใหมีการเยี่ยมเยียนภายในครอบครัว เพื่อกระชับความสัมพันธกับบิดามารดาและเครือญาติให แนนแฟนยิ่งขึ้น 2. ทําตารางการติดตอทางโทรศัพทกับบิดามารดาและเครือญาติอยางเปนระบบ (เชน รายวัน ราย สามวัน หรือ รายสัปดาห เปนตน) 3. รวบรวมอายะฮฺจากอัลกุรอานและหะดีษที่กลาวถึงคุณคาและความประเสริฐของการทําดีตอบิดา มารดา และการสรางสัมพันธที่ดีกับเครือญาติ 4. รวบรวมหตุการณหรือทาที่ดานการศรัทธาและคุณธรรมจริยธรรมที่มีความสัมพันธกับการทําดี ตอบิดามารดาและการสรางสัมพันธที่ดีกับเครือญาติ และมีปฏิสัมพันธที่ดีกับเพื่อนบาน 5. บอกแนวทางการปฏิบัติหรือสื่อที่จะชวยกระชับสัมพันธกับเครือญาติและทําดีตอบิดามารดาให แนนแฟนและแข็งแกรงยิ่งขึ้น 6. ศึกษาและอภิปรายในประเด็น “วันแมถือเปนสื่อในการทําดีตอบิดามารดาหรือไม ?” 7. สรรหารายชื่อบุคคลจํานวนหนึ่งที่ (โดดเดนดานการ) ทําความดีตอบิดามารดา
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
28
วิชาอัลหะดีษ
8. ศึกษาและอภิปรายในประเด็น "ปญหาหรือปจจัยที่สรางความขุนมัวตอความสัมพันธอันบริสุทธิ์ ระหวางบิดามารดาและบุตร” โดยมีเปาหมายเพื่อหาแนวทางในการแกไขปญหาที่เกิดขึ้น 9. กําหนดใหวันใดวันหนึ่งในหนึ่งสัปดาห และสัปดาหใดสัปดาหหนึ่งในหนึ่งเดือน และการทําดี ตอบิดามารดา เพื่อเปนการฝกฝนตนเองในเชิงปฏิบัติ 10. บอกแนวทางหรือวิธีการทําดีตอบิดามารดาหลังจากที่ทานทั้งสองไดเสียชีวิตแลว 11. วางมโนภาพหรือจินตนาการในเรื่อง "เสี้ยวหนึ่งของการปฏิบัติการ” ที่ทําใหการทําความดีตอ บิดามารดาและสรางสัมพันธตอเครือญาติไดบรรลุผลภายในเสี้ยวเวลาดังกลาว 12. “อัลลอฮฺทรงเมตตาตอผูที่ชวยเหลือลูกของตนเองในการทําดีตอตน” ใหอภิปรายประโยคขางตน พรอมยกตัวอยางประกอบ 13. เขียนบทความหรืองานวิจัยเกี่ยวกับสภาพที่เกิดขึ้นจากการเนรคุณตอบิดามารดาและผลกระทบ ทางสังคม เครื่องมือสําหรับใชวัดผลประเมินผล 1. สรางคําถามสําหรับใชซักถามเพื่อชี้วัดวามีความเขาใจที่แจมแจงและครอบคลุมเพียงใด 2. สรางแบบสอบถามเพื่อใหทราบถึงวิสัยทัศนในดานการทําดีตอบิดามารดาและการมีสัมพันธ ระหวางเครือญาติ 3. ตั้งขอสังเกตุดานความสัมพันธระหวางบุคคล กับบิดามารดา และเครือญาติวาอยูในระดับใด เพื่อ เปาหมายดานการเยียวยาในสวนที่บกพรอง 4. วิริดเพื่อตรวจสอบตนเองในเรื่องที่เกี่ยวกับการทําดีและมีสัมพันธที่ดี 5. ทํารายงานเกี่ยวกับสภาพของแตละบุคคลในดานการทําดี และการมีสัมพันธที่ดี หลังจากที่ได ดําเนินโครงการ "สัปดาหแหงความสัมพันธ" ที่ถูกเสนอ เชนเดียว "เดือนแหงความสัมพันธ" ที่ ถูกเสนอ 6. ทําแบบประเมิณที่ครอบคลุมหัวขอตางๆอยางเปนเอกเทศ เกี่ยวกับแนวทางตางๆของการทําความ ดีตอบิดามารดา และการมีสัมพันธทางเครือญาติ การทําความดีตอเพื่อนบาน พรอมกับประเมิณ ทุ กๆสาระ และกํ าหนดระดับทั่วไปของความสัมพันธในด านการทําดีต อบิ ดามารดา การมี สัมพันธที่ดีกับเครือญาติ และการทําดีตอเพื่อนบาน ระหวางบุคคลกับกลุมเปาหมาย กิจกรรมการเรียนรูดวยตนเองเพิ่มเติม 1. ใหใชชีวิตและคลุกคลีกับหะดีษของทานเราะสูล เพื่อนํามาเปนแบบอยางและปฏิบัติตาม 2. ใหทําความรูจักกับสาเหตุและที่มาของหะดีษ โดยผานชีวประวัติของทานนบี 3. ใหตระหนักวา หะดีษแตละบท มีกระแสรายงานที่หลากหลาย 4. ใหทําความรูจักกับชื่อบรรดาชื่อเจาของบรรดาหนังสือหะดีษที่เปนที่รูจัก และหนังสือที่ อธิบายบรรดาหนังสือหะดีษเหลานั้น
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
หลักสูตรสันติศึกษา ระดับ 01
หนังสืออางอิง 1. 2. 3. 4.
29
ริยาฎ อัศศอลิฮีน ของอีหมามอันนะวะวีย อัตตัรฆีบ วัตตัรฮีบ (หรือฉบับยอ) เศาะหีหฺอัลบุคอรีย เศาะหีหฺมุสลิม
ฝายพัฒนาทรัพยากรมนุษย สถาบันอัสสลาม มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา
วิชาอัลหะดีษ