วัฏสงสาร ๓๑ ภูมิ
วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
ผู้นำเสนอ ผู้พิสูจนอั์ กษร ผู้ใหคำแนะนำ ้ ผู้จัดพิมพ์
: พระมหาไพศาล อธิวโร : พระมหาธเนศ ธมฺมทินฺโน / พระรัตนพล รัตโน : พระมหาศุภฤกษ์ มคฺโล พระมหาปิยะพันธิ์ โสภณสีโล : กลุ่มลูกศิษยทานพอลี ์ ่ ่ ธมฺมธโร วัดอโศการาม
ขอขอบคุณ “พระภิกษุทุกรูป และญาติโยม อุบาสก อุบาสิกาทุกทาน ่ และทุกคนที่ใหการสนั บสนุน” ้
วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
๓
คำนำ หนังสือ “วัฏสงสาร ๓๑ ภูมิ” ฉบับนี้ จัดทำขึ้นจากแผนภูมิ “วัฏสงสาร ๓๑ ภูมิ” ฉบับปรับปรุงใหม่ ลงวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๙ ของพระสมบุญ วราสโย นำมาจัดเรียงพิมพเป็ ์ นหนังสือใหอานงายขึ ้ ่ ่ ้น เพื่อเผยแพรเป็ ่ นธรรมทานแก่ พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ดวยความมุ ่งหมายใหผู้ ้ที่สนใจได้ เห็นความเกี่ยวเนื่องกัน ้ ของกรรมหรือ การกระทำของมนุษย์ ที่จะสงผลติ ่ ดตามชาติภพภูมิอันเป็นที่ไปที่ดี กลาวคื ่ ้ที่กระทำกรรมชั่ว ผลกรรมยอมสงผลใหมี ่ อ สวรรค์ สวนผู ้ ภพภูมิอันเป็นที่ไป ่ ่ สู่ความลำบาก กลาวคื ่ อ นรก นั่นเอง พุทธศาสนิกชนผู้สนใจใฝ่ศึกษา พึงขจัดมิจฉาทิฏฐิ คือความเห็นผิด ออกไปจากจิตใจ เปิดใจใหกวาง ้ ้ เห็นจริงในสัจธรรมที่ว่า ทำดี ไดดี้ ทำชั่วไดชั้ ่วแลวยอมเป็ ปฏิบัติตามหลักธรรมคำสั่งสอน ้ ่ นการเริ่มตนการประพฤติ ้ ของพระพุทธองค์ คือการกระทำความดี ละเวนความชั ่ว ตลอดจนการทำจิตใจให้ ้ บริสุทธิ์นั่นเอง หนังสือวัฏสงสาร ๓๑ ภูมิ ฉบับนี้ จะไดแสดงภพภู มิเป็นที่ไปของสัตวผู์ ้มีกรรม ้ ในแตละสวนก็ แตกตางกั ่ ์ ่ นสวนของสวรรคและนรก ่ ่ ยังแยกยอยไปตางๆ ่ น แบงเป็ ่ ่ มีแสดงลักษณะของกรรมที่ไดกระทำมา อันเป็นเหตุใหตองมาอยู ่ในภพภูมินั้นๆ คณะ ้้ ้ ผู้จัดทำไดเล็ ์ ่ พุทธศาสนา จึงไดจั้ ดพิมพ์ ้ งเห็นวาหนั ่ งสือฉบับนี้จะเป็นประโยชนแก แจกเป็นธรรมทาน และขอคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จงอำนวย งสัจธรรมแหงผลกรรมตามสนองอยางนี พรแดทานผู ่ ่ ้อ่ าน ผู้ไดทราบถึ ้ ่ ่ ้ และเป็นผู้ เพียรประกอบกรรมดี หมั่นทำบุญทำทาน รักษาศีล ปฏิบัติภาวนา ใหจิ้ ตใจ บริสุทธิ ผองใสจงเป็ นผู้ประสพความสุขความเจริญ และเป็นผู้มีสุคติ เป็นที่ ไปในเวลาที่สุด ่ แหงอั ่ ตภาพเทอญ พระมหาปิยพันธ์ โสภณสีโล / ผู้เขียน
๔ วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
๕
โลกเบื้องต่ำ อบายภูมิ ๔ ได้ แก่ นรก เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน โลกนรกประกอบดวย ้ มหานรก ๘ ขุม อุสสทนรก ๑๒๘ ขุม ยมโลกนรก ๓๒๐ ขุม โลกันตรนรก ์ ๑ ขุม มหานรก ๘ ขุม (แตละชั ่ นประมาณ ๑๕,๐๐๐ โยชน)์ ่ ้นหางกั ๑. สัญชีวนรก นรกที่สัตวนรกไมมี ์ ่ วันตาย อายุ ๕๐๐ ปีอายุกัป (๑ วันนรก = ๙ ลานปี ้ มนุษย)์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษย์มีจิตไมบริ ่ ้ ่ สุทธิ์ หยาบชาลามกกอ กรรมทำเข็ญ เชน่ ฆาเนื ่ ้อ เบื่อสัตว์ เบียดเบียนบุคคลที่ต่ำกวาตน ่ โดยความไมเป็ ้ นนิจ ฯลฯ ้ ้ บความเดือดรอนเป็ ่ นธรรมใหไดรั ๒. กาฬสุตตนรก นรกที่ลงโทษดวยเสนเชื ้ ้ อกดำ แลวก็ ้ ถากหรือ ตัดดวยเครื ่องประหาร อายุ ๑,๐๐๐ ปีอายุกัป (๑ วันนรก = ๓๖ ้ ลานปี ้ มนุษย)์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษยมี์ ใจบาป ทำการทรมานสัตวดวย ์้ การตัดเทา้ หู ปาก จมูก ทำรายบิ ้ ดามารดา ครู ฯลฯ เบียดเบียนหรือ
๖ วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
ฆาภิ ่ กษุสามเณร ดาบส หรือเป็นเพชฌฆาต ๓. สังฆาฏนรก นรกที่มีภูเขาเหล็กใหญมี่ ไฟลุกโพลงบดขยี้สัตว์ นรก อายุ ๒,๐๐๐ ปีอายุกัป (๑ วันนรก = ๑๔๔ ลานปี ้ มนุษย)์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษยใจบาปหยาบชาดวยใจอกุ ศลกรรม ์ ้ ้ ไรความเมตตากรุ ณา ทำทารุณกรรมสัตวดวยวิ ์ ้ ธีการตางๆ ่ เป็นประ ้ จำ หรือบุคคลที่ทรมานเบียดเบียนสัตวที์ ่ตนใชประโยชน ์ และพวก ้ นายพราน ๔. โรรุวนนรก (ธูมโวรุวหรือจูฬโรรุว) นรกที่เต็มไปดวยเสี ้ ้ ยงรอง ไหครวญครางดั งของสัตวนรกที ่ถูกควันไฟอบอาว ์ ้ ้ อายุ ๔,๐๐๐ ปี อายุกัป (๑ วันนรก = ๕๗๖ ลานปี ้ มนุษย)์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษยมี์ ใจบาปเผาสัตวทั์ ้งเป็น ตัดสินความ ไมยุ่ ติธรรม รุกที่ดิน เอาสาธารณสมบัติมาเป็นของตน กินเหลาเมา ้ ประทุษรายผู ้ ้อื่น ชาวประมง คนที่เผาป่าที่สัตวอาศั ์ ยอยู่ ๕. มหาโรรุวนรก (ชาลโรรุว) นรกที่เต็มไปดวยเสี ้ ้ ้ ยงรองไหครวญ ครางดังกวาโรรุ ่ วนรก อายุ ๘,๐๐๐ ปีอายุกัป (๑ วันนรก = ๒,๓๐๔ ลานปี ้ มนุษย)์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษยมี์ ใจบาป ตัดคอสัตวและมนุ ษย์ ฆา่ ์ สัตวดวยความโกรธ ปลน้ ขโมยทรัพยสมบั ์้ ์ ติของพอแม ่ ่ ครูบาอาจารยและของศาสนา เชนของภิ กษุ สามเณร ดาบส แมชี่ และสิ่งของ ์ ่
วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
๗
เครื่องสักการะที่เขาบูชาพระรัตนตรัย ปลนโกงเอามาเป็ นของตน ้ ๖. ตาปนรก (จูฬตาปน) นรกที่ทำใหสั้ ตวเรารอน ์ ่ ้ ดวยการใหนั ้ ่ง ้ ตรึ ง ติ ด อยู ่ ใ นหลาวเหล็ ก อั น รอนแดงแลวใหไฟไหมอยู ้ ้ ้ ้ ่ อายุ ๑๖,๐๐๐ ปีอายุกัป (๑ วันนรก = ๙,๒๑๖ ลานปี ้ มนุษย)์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษยเป็ ์ นคนใจบาป ประกอบกรรมดวยโล ้ ภะ โทสะ โมหะ เชน่ ฆาสั ์ ่อเลี้ยงชีพ และคนที่เผาบานเมื ่ ตวเพื ้ อง กุฏิ โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ปราสาท ทำลายเจดีย์ ๗. มหาตาปนรก (ปตาปน) นรกที่เต็มไปดวยความเรารอนอยาง ่ ้ ่ ้ มากมายเหลือประมาณ อายุ ครึ่งอันตรกัปของมนุษย์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษยมี์ ใจบาปหนาไปดวยอกุ ้ ศลมลทิน เชน่ ประหารคนหรือประหารสัตว์ ใหตายเป็ นหมู่มาก ๆ ไมคำนึ ้ ่ งถึง ชีวิตเขาชีวิตทาน ่ และคนที่มีอุจเฉททิฏฐิ สัสสตทิฏฐิ นัตถิกทิฏฐิ อเหตุกทิฏฐิ และอกิริยาทิฏฐิ อยางใดอยางหนึ ่ ่ ่งหรือ หลายอยาง ่ ๘. อเวจีนรก นรกที่ปราศจากคลื่นคือความบางเบาแหงความทุ กข ์ ่ อายุ ประมาณ ๑ อันตรกัปของมนุษย์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษย์ไดทำอนั นตริยกรรมอยางใดอยาง ้ ่ ่ หนึ่ง คือ ฆามารดาบิ ดา พระอรหันตทำรายพระพุ ทธเจาใหหอพระ์ ้ ้ ้ ้ ่ โลหิต ทำสังฆเภท ยุยงใหสงฆแตกกั น และบุคคลที่ทำลายพระพุทธ ้ ์ เจดีย์ พระพุทธรูป ตนโพธิ ้ บุคคลที่ติ้ ์ที่ตรัสรู้โดยจิตคิดประทุษราย
๘ วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
ผู้ที่ยิดถือนิยตมิจฉา เตียนพระอริยบุคคลพระสงฆผู์ ้มีคุณแกตน ่ ทิฏฐิ ๓
อุสสทนรก ๑๒๘ ขุม (อยู่รอบ ๔ ทิศ ทิศละ ๔ ของมหานรกแตละขุ ่ ม) ๑. คูถนรก สัตวนรกที ่มาเกิดไดรั้ บทุกขเวทนาอยู่ในนรกอุจจาระ ์ เนาโดยถู กหนอนกัดกินทั้งเนื้อและกระดูกตลอดจนอวัยวะภายใน ่ ทั้งหมด จนกวาจะสิ ่ ้นกรรมชั่วของตน ๒. กุกกุฬนรก สัตวนรกที ่เกิดมาไดรั้ บทุกขเวทนา โดยถูกเผาดวย ์ ้ ขี้เถารอนระอุ รางกายไหมยั ยดเป็นจุณ จนกวาจะสิ ่ ่ ่ ้น ้ ้ ้ บยอยละเอี กรรมชั่วของตน ๓. สิมปลิวนนรก สัตวนรกทั ้งหลายที่ยังมีเศษอกุศลกรรมเหลือ ์ อยู่ถึงแมพนจากนรกขี ้เถารอนแลวก็ กข์ ้ ้ ้ ยังไมหลุ ้ ้ ่ ดพน้ ยังตองเสวยทุ ้ จากนรกป่าไม้งิ้วตอไปจนกวาจะสิ ่ ่ ้นกรรมชั่วของตน ๔. อสิปัตตวนนรก สัตวนรกที ่มาเกิดไดรั้ บทุกขจากป่ ์ ์ าไมใบดาบ ้ เชน่ ใบมะมวงซึ ดกิน ้ ่ ่งเป็นหอกดาบและมีสุนัข แรงคอยทรมารขบกั เลือดเนื้อ จนกวาจะสิ ่ ้นกรรม ๕. เวตรณีนรก สัตวนรกที ่เกิดมาไดรั้ บทุกขจากน้ ์ ำเค็มแสบ ที่มี ์ เครือหวายหนามเหล็ก ใบกลีบบัวหลวงเหล็กตั้งอยู่กลางน้ำ ซึ่งคม
วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
๙
เป็นกรด มีเปลวไฟลุกโชนอยู่ตลอดเวลา จนกวาจะสิ ่ ้นกรรมชั่วของ ตน
ยมโลกนรก (๓๒๐ ขุม) (อยู่รอบ ๔ ทิศ ทิศละ ๑๐ ของมหานรกแตละขุ ่ ม) ๑. โลหกุมภีนรก เป็นหมอเหล็ ้ กขนาดใหญเทาภู ่ ่ เขา เต็มไปดวย ้ น้ำแสบรอนเดื อดพลานตลอดเวลา สัตวที์ ่มาเกิดต้องรับทุกขทั์ ้ง ่ ้ แสบทั้งรอ้นเสวยทุกขเวทนาอยางแสนสาหั ส ถูกตมเคี ้ ่ยวในหมอ้ ่ เหล็กนรกนั้นจนกวาจะสิ ้ ่ ้นกรรมชั่วที่ตนไดทำมา บุพกรรม เชน่ จับสัตวเป็ ้ แลวเอามา ์ นๆ มาตมในหมอน้ ้ ้ ำรอน ้ กินเป็นอาหาร ๒. สิมพลีนรก เต็มไปดวยป่ ้ างิ้วนรก มีหนามแหลมคมเป็นกรด ยาวประมาณ ๓๖ องคุลี ลุกเป็นเปลวไฟแรงอยู่เสมอ สัตวนรกที ่มา ์ เกิดตองรั ้นกรรมชั่วของตน ์ ้ บทุกขทรมานจนสิ บุพกรรม เชน่ คบชู้สู่สาว ผิดศีลธรรมประเพณี ชายเป็นชู้กับ ภรรยาของผู้อื่น หญิงเป็นชู้กับสามีของผู้อื่นหรือชายหญิงที่มีภรรยา หรือสามี ประพฤตินอกใจไปสู่หาเป็นชู้กับผู้อื่น มักมากในกามคุณ ๓. อสินขะนรก สัตวนรกที ่มาเกิดมีรูปรางแปลกพิ กล เชน่ เล็บมือ ์ ่ เล็บเทาแหลมยาว กลับกลายเป็นอาวุธ หอก ดาบ จอบ เสียม สัตว์ ้
๑๐ วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
นรก เหลานี ่ ้เหมือนคนบาวิ ้ กลจริต บางนั ้ น เอาเล็บมือถาก ้ ่ง บางยื ตะกุยเนื้อหนังของตนกินเป็นอาหารตลอดเวลา จนกวาจะสิ ่ ้นกรรม บุพกรรม เชน่ เมื่อเป็นมนุษยชอบลั กเล็กขโมยนอย ์ ้ ขโมยของ ในสถานที่สาธารณะและของที่เขาถวายแดพระพุ ทธ พระธรรม พระ ่ สงฆ์ ๔. ตามโพทะนรก มีหมอเหล็ ้ กตมน้ ้ ำทองแดงปนดวยหิ ้ นกรวด รอนระอุ ตลอดเวลา สัตวนรกที ่มาเกิดตองรั ้ ์ ้ บทุกข์ โดยการถูกกรอก ดวยน้ ้ ำทองแดง และกรวดหินเขาไปทางปากจนกวาจะสิ ้ ่ ้นกรรม บุพกรรม ดวยผลกรรมที ่ทำไวในชาติ ก่ อนๆ เป็นคนใจออนมั ้ ้ ่ ว เมาประมาท ดื่มกินสุราเมรัย แสดงอาการคลายคนบาเป็ ้ ้ นเนือง นิจ ๕. อโยคุฬะนรก เต็มไปดวยกอนเหล็ กแดงเกลื่อนกลาดไปหมด ้ ้ อกุศลกรรมบันดาลสัตวนรกที ่มาเกิดเห็นกอนเหล็ กแดงเป็นอาหาร ์ ้ เมื่อกินเขาไปแลวเหล็ ้ ้ กแดงนั้นก็เผาไหมไสพุ ้ ้ ง ไดรั้ บทุกขเวทนาจน กวาจะสิ ่ ้นกรรม บุพกรรม เชน่ แสดงตนวาเป็ ่ นคนใจบุญใจกุศล เรื่ยไรทรัพยวา ์่ จะนำไปทำบุญสรางกุ ่ บยักยอกเงินทำบุญของผู้อื่นมาเป็น ้ ศล แตกลั ของตน การกุศลก็ทำบางไมทำบางตามที ่ไดอางไว ้ ้ ้ หลอกหลวงผู้อื่น ้ ่ ้
วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
๑๑
๖. ปิสสกปัพพตะนรก มีภูเขาใหญ่ ๔ ทิศ เคลื่อนที่ไดไมหยุ ้ ่ ด หยอนกลิ ้งไปมาบดขยี้สัตวนรกที ่มาเกิดให้บี้แบนกระดูกแตกป่น ่ ์ ละเอียดจนตายแลวฟื ้ ้นขึ้นมาอีก ถูกบดขยี้อีกจนตายเรื่อยไปจน สิ้นกรรมของตน บุพกรรม เชน่ เคยเป็นเจาหน้ ้ าที่ฝ่ายปกครอง ประพฤติตนเป็น เป็นคนอันธพาล กดขี่ข่มเหงราษฎร ทำรายรางกาย เอาทรัพยเขา ์ ้ ่ มาใหเกิ ้ นพิกัดอัตราที่กฏหมายกำหนด ไม่ มีความกรุณาแก่ คนทั้ง หลาย ๗. ธุสะนรก สัตวนรกที ่มาเกิดมีความกระหายน้ำมาก เมื่อพบสระ ์ มีน้ำใสสะอาดก็ดื่มกินเข้าไป อำนาจของกรรมบันดาลใหน้้ ำนั้น กลายเป็นแกลบ เป็นขาวลี ้ ้ ้ เสวย ้ บลุกเป็นไฟเผาไหมทองและลำไส ทุกขเวทนาแสนสาหัสจากกรรมชั่วที่ทำมา บุพกรรม เชน่ คดโกง ไมมี่ ความซื่อสัตย์ ปน ปลอมแปลงอาหาร ละเครื่องใชแ้ ลวหลอกขายผู ้อื่น ได้ ทรัพยสิ์ นเงินทองมาโดยมิ้ ชอบ ๘. สีตโลสิตะนรก เต็มไปดวยน้ ่มา ์ ้ ำเย็นยะเยือก เมื่อสัตวนรกที เกิดตกลงไปก็จะตาย ฟื้นขึ้นมาก็ถูกจับโยนลงไปอีกเรื่อยไปจนสิ้น กรรมชั่วของตน
๑๒ วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
บุพกรรม เชน่ จับสัตวเป็ ์ น ๆ โยนลงไปในบอ่ ในเหว ในสระ น้ำ หรือมัดสัตวเป็ ์ นๆ ทิ้งน้ำใหจมน้ ้ ำตาย หรือทำใหเพื ้ ่อนมนุษย์ ดวยกั ำ ้ นไดรั้ บความทุกขและตายเพราะน้ ์ ๙. สุนขะนรก เต็มไปดวยสุ ้ นัขนรก ซึ่งมี ๕ พวก คือ หมานรกดำ หมานรกขาว หมานรกเหลือง หมานรกแดง หมานรกตางๆ ่ และยัง มีฝูงแรงกา ่มาเกิดจะถูกสุนัข แรงกา ้ นกตะกรุม สัตวนรกที ์ ้ ไลขบ ่ กัดตรงลูกตา ปากและสวนตางๆ ่ ่ ไดรั้ บทุกขเวทนาจากผลกรรมชั่ว ทางวจีทุจริต บุพกรรม คือ ดาวาบิ ่ ่ ดามารดา ปู่ย่าตายาย พี่ชายพี่สาว และ ญาติทั้งหลายไมเลื นผู้เฒาผู ่่ ่ อกหนา้ ไมวาจะเป็ ่ ้แก่ ตลอดจนพระภิกษุสงฆสามเณร ์ ๑๐. ยันตปาสาณะนรก มีภูเขาประหลาด ๒ ลูก เคลื่อนกระทบ กันตลอดเวลา สัตวนรกที ่มาเกิดจะถูกภูเขาบีบกระแทก ไดรั้ บทุกข ์ เวทนาแสนสาหัส ตายแลวก็ ่ ้นกรรมชั่ว ้ กลับเป็นขึ้นมาจนกวาจะสิ ของตน บุพกรรม เชน่ เป็นหญิงชายใจบาปหยาบชา้ ดาตี ่ คู่ครองดวย ้ ความโกรธ แลวหั ้ นเหประพฤตินอกใจไปคบชู้เป็นสามีภรรยากับคน อื่นตามใจชอบ
วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
๑๓
โลกันตรนรก ์ เป็นนรกขุมใหญ่ อยู่นอกจักรวาล มืดมนไมมี่ แสง มองไมเห็ ่ น อะไร เลยและเต็มไปดวยทะเลน้ ำกรดเย็น ้ ที่ตั้ง อยู่ระหวาง ่ โลกจักรวาล ๓ โลก เหมือนกับวงกลม ๓ วง ติดกัน คือ บริเวณชองวางของวงทั ้ง ๓ สัตวนรกที ่มาเกิดตองรั ่ ่ ์ ้ บทุก ขเวทนาเป็นเวลา ๑ พุทธันดร จากผลกรรมชั่ว เชน่ ทรมานประทุษ รายตอบิ ้ ่ ดามารดา และผู้ทรงศีลทรงธรรม หรือทำปาณาติบาตเป็น อาจิณ ฆาตั ่ วตายเป็นตน้
เปตติวิสยภูมิ (โลกเปรต) โลกที่อยู่ของสัตวผู์ ้ห่างไกลจากความสุข มีมหิทธิกเปรตเป็น เจาปกครองดู แล อายุ ไมแนนอนแลวแตกรรม ไดแก ้ ้ ่ ่ ่ ้ ่ เปรต ๑๒ ชนิด คือ ๑. วันตาสเปรต กินน้ำลาย เสมหะ อาเจียน เป็นอาหาร ๒. กุณปาสเปรต กินซากศพคน หรือสัตวเป็ ์ นอาหาร ๓. คูถขาทกเปรต กินอุจจาระตางๆ ่ เป็นอาหาร ๔. อัคคิชาลมุข เปรต มีเปลวไฟลุกอยู่ในปากเสมอ ๕. สูจิมุขาเปรต มีปากเทารู ่ เข็ม ๖. ตัณหัฏฏิตเปรต ถูกตัณหาเบียดเบียนใหหิ้ วขาว ้ หิวน้ำอยู่เสมอ ๗. สุนิชฌามกเปรต มีลำตัวดำเหมือนตอไมเผา ้ ๘. สัตถังคเปรต มี เล็บมือเล็บเทายาวและคมเหมื อนมีด ๙. ปัพพตังคเปรต มีรางกาย ่ ้
๑๔ วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
สูงใหญเทาภู อนงูเหลือม ๑๑. ่ ่ ่ เขา ๑๐. อชครังคเปรต มีรางกายเหมื เวมานิกเปรต ตองเสวยทุ กขในเวลากลางวั น แตกลางคื นไดไปเสวย ์ ่ ้ ้ สุขในวิมาน ๑๒. มหิทธิกเปรต มีฤทธิ์มาก ที่อยู่ เชิงภูเขาหิมาลัยใน ป่าวิิชฌสฏวี เปรต ๔ ประเภท คือ ๑. ปรทัตตุปชีวิกเปรต มีการเลี้ยงชีวิต อยู่โดยอาศัยอาหารที่ผู้อื่นให้ ๒. ขุปปิปาสิกเปรต ถูกเบียดเบียน ดวยการหิ วขาว ้ ้ ่ ้ ้ หิวน้ำ ๓. นิชฌามตัณหิกเปรต ถูกไฟเผาใหเรารอน อยู่เสมอ ๔.กาลกัญจิกเปรต (ชื่อของอสูรกาย ที่เป็นเปรต) มีรางกาย ่ สูง๓ คาวุต มีเลือดและเนื้อนอยไมมี ้ ้ ่ แรง มีสีสันคลายใบไมแหง ้ ้ ตาถลนออกมาเหมือนตาปู และมีปากเทารู ่ เข็ม ตั้งอยู่กลางศรีษะ เปรต ๒๑ จำพวก คือ มังสเปสิกเปรต มีเนื้อเป็นชิ้นๆ ไมมี่ กระ ดูก กุมภัณฑเปรต มีอัณฑะใหญ่โตมาก นิจฉวิตกเปรต เปรตหญิง ์ ที่ไมมี่ หนัง ทุคคันธเปรต มีกลิ่นเหม็นเนา่ อสีสเปรต ไมมี่ ศีรษะ ภิกขุเปรต มีรูปรางสั ่ ณฐาน ่ ณฐานเหมือนพระ สามเณรเปรต มีรูปรางสั เหมือนสามเณร ฯลฯ บุพกรรม ประพฤติอกุศลกรรมบท ๑๐ ประการ เมื่อขาดใจ ตายจากมนุษยโลก หากอกุศลกรรมสามารถนำไปสูนิรยภูมิได้ ตอง ้ ไปเสวยทุกขโทษในนรกกอน ่ พอสิ้นกรรมพนจากนรกแลว ้ ้ เศษบาป
วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
๑๕
ยังมีก็ไปเสวยผลกรรมเป็นเปรตตอภายหลั ง หรือมีอกุศลกรรมที่ ่ เกิดจากโลภะนำมาเกิด คตินิมิต นิมิตที่บ่งบอกถึงโลกเปรต เชน่ เห็นหุบเขา ถ้ำอันมืด มิดที่วังเวง และปลอดเปลี่ยว หรือเห็นเป็นแกลบ และขาวลี ้ บมาก มายแลวรู ่ม ้ ้สึกหิวโหยและกระหายน้ำเป็นกำลัง บางทีเห็นวาตนดื ่ กินเลือดน้ำหนองที่น่ารังเกียจสะอิดสะเอียน หรือเห็นเป็นเปรตมี รางกายผายผอมนาเกลี ่ ่ ่ ยดนากลั ่ ว เนื้อตัวสกปรกรกรุงรัง ฯลฯ หาก ภาพเหลานี ้ ตยึดหนวงเป็ ่ ้มาปรากฏทางใจแลวจิ ่ นอารมณ์ เมื่อดับจิต ตายขณะนั้น ตองบั ้ งเกิดเป็นเปรตเสวยทุกขเวทนาตามสมควรแก่ กรรมอยางแนนอน ่ ่
อสุรภายภูมิ (โลกอสุรกาย) ภูมิอันเป็นที่อยู่ของสัตวอั์ นปราศจากความเป็นอิสระและสนุก รื่นเริง แบงเป็ ่ น ๓ ประเภท คือ เทวอสุรา เปตติอสุรา นิรยอสุรา เทวอสุรา มี ๖ จำพวก คือ ๑. เวปจิตติอสุรา ๒. สุพลิอสุรา ๓. ราหุอสุรา ๔. ปหารอสุรา ๕. สัมพรตือสุรา ๖. วินิปาติกอสุรา ๕ จำพวกแรกเป็นปฏิปักษตอเทวดาชั ้นตาวติงสา อยู่ใตภู้ เขาสิเนรุ ์่ สงเคราะหเขาไปในจำพวกเทวดาชั ้นตาวติงสา สวนวิ ่ นิปาติกอสุรา ์ ้ มีรูปรางสั ้นดาวติงสา ่ ณฐานเล็กกวา่ และอำนาจก็นอยกวาเทวดาชั ้ ่
๑๖ วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
เที่ยวอาศัยอยู่ในมนุษย์โลกทั่วไป เชน่ ตามปา่ ตามเขา ตนไม ้ ้ และ ศาลที่เขาปลูกไว้ ซึ่งเป็นที่อยู่ของภุมมัฏฐเทวดาทั้งหลาย แตเป็ ่ น เพียงบริวารของภุมมัฏฐเทวดาเทานั ์ ้ ่ ้น สงเคราะหเขาในจำพวกเทวดา ชั้นจาตุมหาราชิกา เปตติอสุรามี ๓ จำพวก คือ ๑. กาลกัญจิกเปรตอสุรา ๒. เวมานิกเปรตอสุรา ๓. อาวุธิกเปรตอสุรา เป็นเปรตที่ประหัตประหาร กันและกันดวยอาวุ ธตางๆ ้ ่ นิรยอสุรา เป็นเปรตจำพวกหนึ่งที่เสวยทุกขเวทนาอยู่ในนรก โลกันตร์ นรกโลกันตรตั์ ้งอยู่ระหวางกลางของจั กรวาลทั้งสาม อสุร่ กายนี้หมายเอาเฉพาะกาลกัญจิกเปรตอสุรกายเทานั ่ ้น อายุและบุพกรรม เชนเดี ่ ยวกับโลกเปรตนรก
ดิรัจฉานภูมิ (โลกเดรัจฉานอยู่ในโลกมนุษย)์ โลกของสัตวที์ ่มีความยินดีในเหตุ ๓ ประการ คือ การกิน การนอน การสืบพันธ์ุ แบง่ เป็น ๔ ประเภทคือ อปทติรัจฉาน (ไมมี่ เทา้ ไมมี่ ขา) เชน่ งู ปลา ไสเดื ้ อน ฯลฯ ทวิปทติรัจฉาน (มี ๒ ขา) เชน่ นก ไก่ ฯลฯ จตุปทติรัจฉาน (มี ๔ ขา) เชน่ วัว ควาย ฯลฯ
วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
๑๗
พหุปทติรัจฉาน (มีมากกวา่ ๔ ขา) เชน่ ตะขาบ กิ้งกือ ฯลฯ อายุ ไมแนนอน ่นำไปเกิดในสัตวประเภทตางๆ ์ ้ ่ ่ ตาม ่ ่ แลวแตกรรมที อายุของสัตวประเภทนั ้นๆ ์ บุพกรรม เป็นมนุษยจิ์ ตไมบริ ่ สุทธิ์ ประพฤติอกุศลกรรม อัน หยาบชาลามกทั ้งหลายหรือเพราะอำนาจของเศษบาปอกุศลกรรม ้ ที่ตนทำไวใหผล ่ว ์ ่ ้่ ้ ้ หรือเป็นเพราะเมื่อเป็นมนุษยไมไดกอกรรมทำชั อะไร แตเวลาใกลจะตายจิ ตประกอบดวยโมหะ หลงผิด ขาดสติ ไม่ ่ ้ ้ มีสรณะเป็นที่พึ่งจะยึดใหมั้ ่นคง คตินิมิต นิมิตที่ชี้บอกถึงโลกเดรัจฉานที่ตนจะไป เชน่ เห็นเป็น ทุ่งหญา้ ป่าไม้ ดงหญา้ เชิงเขา ชายน้ำ แมน้่ ำ กอไผ่ และภูเขา เป็น ตน้ บางทีเห็นเป็นรูปสัตวทั์ ้งหลาย เชน่ ชาง ้ เสือ วัว ควาย หมู หมา เป็ด ไก่ แรง้ กา เหี้ย นก หนู จิ้งจก ฯลฯ หากภาพเหลานี ่ ้มาปรากฏ ทางใจ แลวจิ ้ ้ ตยึดหนวงเป็ ่ นอารมณ์ เมื่อดับจิตตายขณะนั้นตอง เกิดเป็นสัตวเดรั ์ จฉานอยางแนนอน ่ ่ “ธรรมะ” เมื่อเกิดขึ้นแลวไมตาย ้ ่ ตายแลวไมเกิ ้ ด ้ ่ ด...ตายแลวเกิ หมายถึงกิเลส อวิชชา ตัณหา อุปาทานดับ... เกิดไมตายหมายถึ ง พุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆซึ่งอยู่ในโลกนี้ ่ ไมมี่ วันสูญไปไหน...ทานพอลี ่ ่ ธมฺมธโร
๑๘ วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
๑๙
โลกเบื้องกลาง เทวภูมิ ๖ กับ
โลกมนุษย์ ๑ (แตละชั ่ ้นหางกั ่ นประมาณ ๔๒,๐๐๐ โยชน)์ เทวโลก จุติมาดวยอานิ สสงฆของทานและศี ล ตางชั ์ ้ ่ ้นกันไป ดวย ้ ความประณีตของทานและความบริสุทธของศี ์ ลที่รักษา (อยาง ่ นอยศี ้ ล ๕) เทวภูมิ ๖ ๑. จาตุมหาราชิกาภูมิ (สวรรค์ ชั้นที่ ๑) เป็นที่อยู่ของเทพยดาชาว ฟ้า มีท้าวมหาราช ๔ พระองคปกครองคื อ ๑. ทาวธตรั ฐมหาราช ์ ้ ๒. ทาววิ และ ๔. ทาวเวสสุ ้ รุฬหกมหาราช ๓. ทาววิ ้ รูปักษมหาราช ์ ้ วัณมหาราช (ทาวกุ ้ เวร) อายุ ๕๐๐ ปีทิพย์ (๙ ลานปี ้ มนุษย)์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษย์ ชอบทำความดี สันโดษ ยินดีแตของ ่ ๆ ตน ชักชวนใหผู้ ้อื่นประกอบการกุศล ชอบใหทาน ้ ในการใหทาน ้ เป็นผู้มีความหวังใหทาน มีจิตผูกพันในผลแหงทานแลวใหทาน มุ่ง ้ ้ ้ ่ การสั่งสมใหทาน ใหทานดวยความคิ ดวา่ “เราตายแลวจั ้ ้ ้ ้ ้ กไดเสวย ผลแหงทานนี ้” และเป็นผู้มีศีล ฯลฯ (ผู้หวังผลของทาน) ่
๒๐ วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
๒. ตาวติงสาภูมิ (สวรรค์ ชั้นที่ ๒) ที่เรียกวาไตรตรึ งษหรื ์ อดาวดึงส์ ่ เป็นเมืองใหญมี่ ๑,๐๐๐ ประตู มีพระเกศจุฬามณีเจดีย์ มีไมทิ้ พยชื์ ่อ ปาริชาตกัลปพฤกษ์ สมเด็จพระอมรินทราธิราชเป็นผู้ปกครอง อายุ ๑,๐๐๐ ปีทิพย(๓๖ ์ ลานปี ้ มนุษย)์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษยมี์ จิตบริสุทธิ์ ยินดีในการบริจาคทาน ในการใหทาน เป็นผู้ไมมี่ ความหวังใหทาน ไมมี่ จิตผูกพันในผลแหง่ ้ ้ ทานแลวให ไมไดใหทานดวยความคิ ดวา่ ่ ้ ้ ้ ้ ้ ้ ไมมุ่ ่งการสั่งสมใหทาน “ตายแลวเราจั กไดเสวยผลทานนี ้” แตใหทานดวยความคิ ดวา่ “การ ่ ้ ้ ้ ้ ใหทานเป็ นการกระทำดี” งดงามดวยพยายามรั กษาศีล ไมดู่ หมิ่น ้ ้ ดูแคลนผู้ใหญในตระกู ล ฯลฯ (ผู้ที่ไมหวั ่ งผลของทาน แตหวั ่ งใน ่ ความดี) ๓. ยามาภูมิ (สวรรค์ ชั้นที่ ๓) เป็นที่อยู่ของเทพยดาผู้มีแตความสุ ข ่ อันเป็นทิพย์ มีทาวสุ ้ ยามเทวราชเป็นผู้ปกครอง อายุ ๒,๐๐๐ ปี ทิพย์ (๑๔๔ ลานปี ้ มนุษย)์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษยมี์ จิตบริสุทธิ์ พยายามสรางเสบี ยง ไม่ ้ หวั่นไหวในการบำเพ็ญบุญกุศล ในการใหทาน ้ เป็นผู้ไมมี่ ความหวัง ใหทาน ไมมี่ จิตผูกพันในผลแหงทานแลวใหทาน ไมไดใหทานดวย ้ ้ ้ ่ ่ ้ ้ ้ ความคิดวา่ “การใหทานเป็ นการกระทำดี” แตใหทานดวยความคิ ด ่ ้ ้ ้
วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
๒๑
วา่ “บิดา มารดา ปู่ ยา่ ตา ยาย เคยให้ เคยทำมา เราก็ไมควรทำให ่ ้ เสียประเพณี” รักษาศีล มีจิตขวนขวายในพระธรรม ทำความดีดวย ้ ใจจริง (ผู้ที่ไมหวั นวา่ ่ ่ งความดีตอบแทน แตทำทานเพราะเห็ สมควรทำ) ๔. ตุสิตาภูมิ (สวรรค์ ชั้นที่ ๔) เป็นที่อยู่ของเทพเจาผู ้ ้มีความยินดี แชมชื ่ ่นเป็นนิจ มีทาวสั ้ นดุสิตเทวราชปกครอง อายุ ๔,๐๐๐ ปีทิพย์ (๕๗๖ ลานปี ้ มนุษย)์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษยมี์ จิตบริสุทธิ์ ยินดีมากในการบริจาค ทาน ในการใหทาน ้ ไมมี่ จิตผูกพันในผล ้ เป็นผู้ไมมี่ ความหวังใหทาน แหงทานแลวใหทาน ้ ้ ไมมุ่ ่งการสั่งสมใหทาน ่ ้ ้ ้ ไมไดใหทานดวยความ ้ ่ คิดวา่ “บิดา มารดา ปู่ ยา่ ตา ยาย เคยใหเคยทำมา เราไมควรทำ ้ ่ ใหเสี ดวา่ “เราหุงหากิน แตสม ้ ้ ่ ้ ยประเพณี” แต่ใหทานดวยความคิ ณะหรือพราหมณทั์ ้งหลายไมไดหุ ่ ้ ่ ้ งหากิน เราหุงหากินได้ จะไมให ทานแกสมณะหรื อพราหมณผู์ ้ไมหุ่ งหากิน ยอมเป็ ่ ่ ่ นการไมสมควร” ทรงศีล ทรงธรรม ชอบฟังพระธรรมเทศนาหรือเป็นพระโพธิสัตวรู์ ้ ธรรมมาก ฯลฯ (ใหทานดวยความเมตตา) ้ ้ ๕. นิมมานรตีภูมิ (สวรรค์ ชั้นที่ ๕) เป็นที่อยู่ของเทพเจาผู ้ ้ยินดีใน กามคุณอารมณ์ ซึ่งเนรมิตขึ้นมาตามความพอใจ มีทาวสุ ้ นิมมิตเทว-
๒๒วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
ราชปกครอง อายุ ๘,๐๐๐ ปีทิพย์ (๒,๓๐๔ ลานปี ้ มนุษย)์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษยมี์ จิตบริสุทธิ์ ยินดียิ่งในการบริจาคทาน ในการใหทาน เป็นผู้ไมมี่ ความหวังใหทาน ไมมี่ จิตใจผูกพันในผล ้ ้ แหงทานแลวให ด ่ ้ ้ ดวยความคิ ้ ้ ไมไดใหทาน ้ ้ ไมมุ่ ่งการสั่งสมใหทาน ่ วา่ “เราหุงหากินไดแตสมณะหรื อพราหมณทั์ ้งหลายไมไดหุ ้ ่ ่ ้ งหากิน เราหุงหากินได้ จะไมใหทานแกสมณะหรื อพราหมณ์ ผู้ไมหุ่ งหากิน ่ ้ ่ ยอมเป็ แตใหทานดวยความคิ ดวา่ “เราจักจำแนก ้ ่ นการไมสมควร” ่ ่ ้ แจกทานเชนเดี ่ ยวกับฤาษีทั้งหลายในกาลกอน” ่ ประพฤติธรรมสม่ำ เสมอ พยายามรักษาศีล ไมใหขาดได ่ ้ ้ มีใจสมบูรณดวยศี ์ ้ ล และมีีวิริยะอุตสาหะในการบริจาคทานเป็นอันมาก เพราะผลวิบากแหงทาน ่ และศีลอันสูงเท่ านั้น จึงอุบัติเกิดในสวรรค์ ชั้นนี้ได ้ (ให้ท านดวย ้ ความเมตตาอยางมุ ่ ่งมั่น) ๖. ปรนิมมิตวสวัตตีภูมิ (สวรรค์ ชั้นที่ ๖) เป็นที่อยู่ของเทพเจาซึ ้ ่ง เสวยกามคุณอารมณ์ แบงเป็ มมิตเทวราช ้ ่ น ฝ่ายเทพดา มีทาวปรนิ ปกครองกับ ฝ่ายมาร มีทาวปรนิ มมิตวสวัตตีมาราธิราชเป็นผู้ปก ้ ครอง อายุ ๑๖,๐๐๐ ปีทิพย์ (๙,๒๑๖ ลานปี ้ มนุษย)์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษยมี์ จิตบริสุทธิ์ อุตสาหกอสรางกองการ ่ ์่ ้ กุศลใหยิ้ ่งใหญเป็ ่ ้ ณธรรม เมื่อจะ ่ นอุกฤษฏ์ อบรมจิตใจสูงสงไปดวยคุ
วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
๒๓
๒๔ วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
ใหทานรั ญกันอยางจริ ้ กษาศีลก็ตองบำเพ็ ่ งๆ มากไปดวยศรั ้ ทธาปสา ้ ทะอยางยิ เป็นผู้ไมมี่ ความหวังให้ ่ ่งยวดและถูกตอง ้ ในการใหทาน ้ ทาน ไมมี่ จิตผูกพันในผลแหงทานแลวใหทาน ไมมุ่ ่งการสั่งสมให ้ ้ ้ ่ ทาน ไมไดใหทานดวยความคิ ดวา่ “เราจักเป็นผู้จำแนกแจกทาน ่ ้ ้ ้ เชนเดี แตใหทานดวยความคิ ดวา่ ่ ยวกับฤาษีทั้งหลายแตกาลกอน” ่ ่ ่ ้ ้ “เมื่อเราใหทานอยางนี ้ ่ ้ จิตของเราจะเลื่อมใส จะเกิดความปลื้มใจ และโสมนัส” เพราะวิบากแหงทาน และศีลอันสูงยิ่งเทานั ่ ่ ้น จึงอุบัติ เกิดในสวรรคชั์ ้นนี้ได้ (ใหทานดวยความศรั ทธาในธรรม ทำดวย ้ ้ ้ ใจบริสุทธิ์)
โลกมนุษย์ มนุษยภู์ มิ เป็นที่อาศัยของสัตวผู์ ้มีใจสูงในเชิงกลาหาญที ่จะประ ้ กอบกรรม ตางๆ ทั้งที่เป็นกุศลกรรมและอกุศลกรรมแบงเป็ ่ น ๔ ่ จำพวก คือ ๑. ผู้มืดมาแล้วมืดไป บุคคลที่เกิดในตระกูลอันต่ำ ยากจน ขัดสน ลำบาก ฝืดเคือง อยางมากในการหาเลี ้ยงชีพ มีปัจจัย ๔ อยางหยาบ เชนมี ่ ่ อาหาร ่ และน้ำนอย หมนหมอง หรือมี ้ มีเครื่องนุ่งหมเกา ่ ่ รางกายมอซอ ่ ่
วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
๒๕
รางกายไมสมประกอบ บาใบ ่ ่ ้ ้ บอด หนวก หาที่นอน ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค ไมใครได ่ ่ ้ และเขากลับประพฤติทุจริตทางกาย วาจา ใจ เมื่อตายไปยอมเขาถึ ่ ้ งทุคติอบาย ๒. ผู้มืดมาแลวสวางไป ้ ่ บุคคลที่เกิดในตระกูลต่ำ ผิวพรรณหยาบ ฯลฯ แตเขาเป็ นคน ่ มีศรัทธา ไมมี่ ความตระหนี่ เป็นคนมีความดำริประเสริฐ มีใจไม่ ฟุ้งซาน ยอมลุ ่ ยอมใหทาน ่ ้ ่ กรับสมณะชีพราหมณหรื ์ อวณิพก อื่นๆ ยอมสำเนี ยกในกิริยามารยาท เรียบรอย ่กำลัง ้ ไมหามคนที ่ ้ ่ จะใหทาน ้ เมื่อตายไปยอมเขาถึ ่ ้ งสุคติโลกสวรรค์ ๓. ผู้สวางมาแล้ วมืดไป ่ เป็นบุคคลผู้อุบัติเกิดในตระกูลสูง เป็นคนมั่นคั่งมั่งมี มีโภค สมบัติมาก เป็นผู้มีปัจจัย ๔ อันประณีต ทั้งเป็นคนที่มีรูปรางสม ่ สวน ่ บเป็นคนไมมี่ ศรัทธา ่ สะสวย งดงาม ผิวพรรณดูน่าชมแตกลั ตระหนี่ ไมมี่ ความเอื้อเฟื้อ กรุณาอาทร มีใจหยาบชา้ มักขึ้งโกรธ ยอมดา ภาษบุคคลตางๆ ่ ่ ยอมบริ ่ ่ ไมเวนแมกระทั ่ ้ ้ ่งบิดามารดา สมณ ชีพราหมณ์ ยอมหามคนที ่กำลังใหโภชนาหารแกคนที ่ ้ ่ ่ขอ เมื่อตาย ้ ไปยอมเขาถึ ่ ้ งทุคติอบาย ๔. ผู้สวางมาแล้ วสวางไป ่ ่ เป็นบุคคลที่อุบัติเกิดในตระกูลสูง มีผิวพรรณงามและเขายอม ่
๒๖ วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
ประพฤติสุจริตทางกาย วาจา ใจ เมื่อตายไปยอมเขาถึ ่ ้ งสุคติโลก สวรรค์ บุพกรรม กรรมของมนุษยที์ ่ทำในกาลกอน ้ ปฏิปทา ่ สงผลใหมี ่ ตางกั นคนดี บางคนบา้ บางคนรวย บางคนจน บาง ่ ่ น เชนบางคนเป็
คนมีปัญญา บางคนเขลา ฯลฯ เพราะเหตุปัจจัยตางๆ ่ อาทิ ปฏิปทาใหมี้ อายุสั้น เพราะเป็นคนเหี้ยมโหดดุร้าย มักครา่ ชีวิตสัตว์ ปฏิปทาให้มีอายุยืน เป็นผู้เวนขาดจากการทำชี วิตสัตวให ้ ์ ้ ตก ลวงไป มีความละอาย เอ็นดูอนุเคราะหด้์ วยความเกื้อกูล ่ สรรพสัตวและภู ตอยู่ ์ ปฏิปทามีโรคมาก เป็นผู้มีปกติเบียดเบียนสัตวดวยมื ์ ้ อ ทอน ้ น หรือศาตราอาวุธตางๆ ่ ่ ไม้ กอนดิ ้ น กอนหิ ปฏิปทามีโรคนอย ์ ้ อ หรือศาสตรา ้ ไมเบี ่ ยดเบียนสัตวดวยมื อาวุธตางๆ ่ มีมีด ขวาน ดาบ ปืน เป็นตน้ ปฏิปทาใหมี้ ผิวพรรณทราม เป็นคนมักโกรธ มากไปดวย ้ ความแคนเคื ่ กนอยก็ ้ อง ถูกเขาวาเล็ ้ ขัดใจโกรธเคือง พยาบาทมาด ราย ้งเคียดใหปรากฏ ้ ทำความโกรธ ความรายและความขึ ้ ้ ปฏิปทาใหมี้ ผิวพรรณงาม เป็นคนไมมั่ กโกรธ ไมพยาบาท ่
วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
๒๗
ไมมา ้ และความขึ้งเคียดใหปรา้ ้ ไมทำความโกรธความราย ่ ดราย ่
กฏ ปฏิปทาใหเป็ ้ นคนมีศักดานอย ้ คือเป็นคนมีใจริษยามุ่ง ราย ้ ผูกใจในการอิจฉาริษยาในลาภสักการะ ความเคารพ ความ นับถือ การไหวและการบู ชาของคนอื่น ้ ปฏิปทาใหเป็ ้ นคนมีศักดามาก เป็นคนไมมี่ ใจริษยาไม-่ มุ่งรายยิ กการะ ความเคารพ ความนับถือ การไหว้ ้ นดีดวยในลาภสั ้ และการบูชาของคนอื่น ปฏิปทาใหมี้ โภคะนอย ้ เป็นผู้ไมใหขาว ่ ้ ้ น้ำ ผา้ ยาน ที่นอน ที่อาศัย เป็นตน้ ปฏิปทาใหมี้ โภคะมาก ชอบใหทานมี อาหาร น้ำเครื่องนุ่ม้ หม่ ของหอม ที่นอนที่อาศัย เครื่องตามประทีปแกสมณะหรื อ ชี ่ พราหมณ์ เป็นตน้ ปฏิปทาใหเกิ ้ ดในตระกูลต่ำ เป็นคนกระดาง ้ เยอหยิ ่ ่ง ไม่ กราบ ไหวคนที ้ ่ควรกราบไหว ้ ไมลุ่ กรับคนที่ควรลุกรับ ไมใหอาสนะ ่ ้ แกคนที ่ ่ควรให้ ไมใหทางแกคนที ่ ่ควรใหทาง ้ เป็นตน้ ่ ้ ปฏิปทาใหเกิ วจีไพ้ ดในตระกูลสูง เป็นคนออนนอมถอมตน ่ ้ ่ เราะ สงเคราะหเอื ์ ้อเฟื้อ รู้จักยืนเคารพ ยืนรับ ยืนคำนับผู้เฒา่ ผู้ใหญ่
๒๘วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
สักการะแกคนที ่ ่ควรสักการะ เคารพคนที่ควรเคารพ นับถือคนที่ ควรนับถือ บูชาคนที่ควรบูชา เป็นตน้ ปฏิปทาทำใหมี้ ปัญญาทราม คือเป็นผู้ไมเคยเขาไปหาบั ณ่ ้ ฑิต สมณะหรือชีพราหมณแลวสอบถามวา ์ ้ ่ อะไรเป็นกุศล อะไรเป็น อกุศล อะไรมีโทษ อะไรไมมี่ โทษ อะไรควรเสพ อะไรไมควรเสพ ่ เป็นตน้ ปฏิปทาทำใหมี้ ปัญญาหลักแหลม เป็นผู้มักเขาไปสอบ ้ ถามบัณฑิตสมณะหรือชีพราหมณ์ อะไรเป็นกุศล อะไรไมเป็ ่ นกุศล อะไรมีโทษ อะไรไมมี่ โทษ อะไรเมื่อทำลงไปแลว้ ยอมเป็ ่ นไป เพื่อ ความไม ่ เป็ น ประโยชนเกื ์ ้ อ กู ล เพื ่ อ ความทุ ก ขสิ์ ้ น กาลนาน อะไรเมื่อทำไปแลว้ ยอมเป็ ์ ้อกูล เพื่อความสุข ่ นไปเพื่อประโยชนเกื สิ้นกาลนาน ดังนี้ “ผู้ปฏิบัติธรรม” จะตองมี ้ การเสียสละไมเห็ ่ นแกตั่ ว บุคคลใดมีธรรม อันพอจะชวยใหเป็ ์ ่ ้อื่นได้ แตไมชวย ่ ้ นประโยชนแกผู ่ ่่ พระพุทธเจายอมไมทรงสรรเสริ ญบุคคลชนิดนั้น ้ ่ ่ และตัวเราเองก็ติเตียน ถาหากเราจะทำอยางนั ้ ้ ่ ้นบาง เราก็สบายไปนานแลว้ ไมตองมาลำบากอยางนี ่ ้ ่ ้ ทุกสิ่งทุกอยางที น ่ ่ทำไปนี่ก็เพราะเห็นแกศาสนาเป็ ่ สวนใหญ ่ ...ทานพอลี ่ ่ ธมฺมธโร ่
วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
๒๙
๓๐ วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
โลกเบื้องสูง ปฐมฌานภูมิ ๓, ทุติยฌานภูมิ ๓, ตติยฌานภูมิ ๓, และพรหมภูมิตั้งแตชั่ ้นที่ ๑๐ - ๒๐ (แตละชั ่ นประมาณ ๕,๕๐๘,๐๐๐ โยชน)์ ่ ้นหางกั
รูปพรหม ๑๖ อสงไขยปี = เลข ๑ ตามดวยเลขศู นยอี์ ก ๑๔๐ ตัว ๑ รอบ ้ อสงไขยปี = ๑ อันตรกัป ชั้นที่ ๑ - ๑๑ จุติมาดวยอานิ สสงส์ สมถภาวนาชั้นรูปฌาน ้ ทั้ง ๔ ชั้น ชั้นที่ ๑๒ - ๑๖ จุติมาดวยอานิ สสงฆวิ์ ปัสสนา - ภาวนาจนเกิด ้ ปัญญาสำเร็จเป็นพระอนาคามี ๑. พรหมปาริสัชชาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๑ ภูมิอันเป็นที่อยู่ แหงพระพรหม ผู้เป็นบริษัททาวมหาพรหม พระพรหม อายุ ๒๑ ่ ้ อันตรกัปเศษ บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาสำเร็จปฐมฌาณไดอยางสามั ญ ้ ่ ๒. พรหมปุโรหิตาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๒ ภูมิอันเป็นที่อยแู่ หง่ พระพรหม ทั้งหลาย ผู้ทรงฐานะอันประเสริฐ คือเป็นปุโรหิตของ ทานมหาพรหม พระพรหม อายุ ๓๒ อันตรกัป ่
วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
๓๑
บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาสำเร็จได้ ปฐมฌานอยางปาน ่ กลาง ๓. มหาพรหมาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๓ ภูมิอันเป็นที่อยู่แหง่ พระพรหมผู้ยิ่งใหญทั่ ้งหลาย พระพรหม อายุ ๑ มหากัป บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาสำเร็จปฐมฌานไดอยางประณี ต ้ ่ ๔. ปริตตาภาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๔ ภูมิอันเป็นที่อยู่แหงทาน ่ ่ ่มีศักดิ์สูงกว่ าตน พระพรหมทั้งหลาย ผู้มีรัศมีน้อยกวาพระพรหมที ่ พระพรหม อายุ ๒ มหากัป บุพกรรม ผู้ที่จะมาอุบัติบังเกิดในชั้นนี้ไดตองสำเร็ จทุติยฌาน ้ ้ ไดอยางสามั ญ ้ ่ ๕. อัปปมาณาภาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๕ ภูมิอันเป็นที่อยู่ แหงพระพรหมทั ้งหลาย ผู้มีรัศมีรุ่งเรืองมากมายหาประมาณมิได้ ่ พระพรหม อายุ ๔ มหากัป บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาสำเร็จทุติยฌานไดอยางปาน ้ ่ กลาง ๖. อาภัสสราภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๖ ภูมิอันเป็นที่อยู่แหงพระ่ พรหมทั้งหลาย ผู้มีประกายรุ่งโรจนแหงรั ์ ่ ศมีนานาแสง พระพรหม อายุ ๘ มหากัป บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาสำเร็จทุติยฌานไดอยางประณี ต ้ ่
๓๒วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
๗. ปริตตสุภาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๗ ภูมิอันเป็นที่อยู่แหงพระ ่ พรหมทั้งหลาย ผู้มีความสงาสวยงามแหงรั ่ ้ ่ ่ ศมีเป็น สวนนอย พระพรหม อายุ ๑๖ มหากัป บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาสำเร็จตติยฌานไดอยางสามั ญ ้ ่ ๘. อัปปมาณสุภาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๘ ภูมิอันเป็นที่อยู่แหง่ พระพรหมทั้งหลาย ผู้มีความสวยงามแหงรั ่ ศมีมากมายไมมี่ ประมาณ พระพรหม อายุ ๓๒ มหากัป บุพกรรม ผู้ที่จะมาอุบัติบังเกิดในชั้นนี้ไดตองสำเร็ จตติยฌาน ้้ ไดอยางปานกลาง ้ ่ ๙. สุภกิณหาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๙ ภูมิอันเป็นที่อยู่แหง่ พระพรหมทั้งหลาย ผู้มีความสงาสวยงามแหงรั ่ ่ ศมีที่ออกสลับ ปะปนไปอยู่เสมอตลอดสรีระกาย พระพรหม อายุ ๖๔ มหากัป บุพกรรม ผู้ที่จะมาอุบัติบังเกิดในชั้นนี้ได้ ตองสำเร็ จตติยฌาน ้ ไดอยางประณี ต ้ ่ ๑๐. เวหัปผลาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๑๐ ภูมิอันเป็นที่อยู่แหง่ พระพรหมทั้งหลาย ผู้ไดรั้ บผลแหงฌานกุ ศลอยางไพบู ลย์ พระ่ ่ พรหม อายุ ๕๐๐ มหากัป บุพกรรม ผู้ที่เจริญสมถภาวนาสำเร็จจตุตถฌาน ๑๑. อสัญญสัตตาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๑๑ ภูมิอันเป็นที่อยู่แหง่
วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
๓๓
พระพรหมทั้งหลาย ผู้ไมมี่ สัญญา (พรหมลูกฟัก) อายุ ๕๐๐ มหากัป บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาสำเร็จจตุตถฌาน และเป็นผู้มีสัญญาวิราคภาวนา ๑๒. อวิหาสุทธาวาสภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๑๒ ภูมิเป็นที่อยู่อัน บริสุทธิ์แหงพระอนาคามี อริยบุคคลทั้งหลาย ผู้ไมเสื ่ ่ ่อมคลายใน สมบัติของตนพระพรหมอนาคามี อายุ ๑,๐๐๐ มหากัป บุพกรรม ผู้เจริญสมภาวนาไดจตุ ้ ตถฌาน และเจริญวิปัสสนา ภาวนาจนสำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคล มีสัทธินทรียแกกลา ์ ่ ้ ๑๓. อตัปปาสุทธาวาสภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๑๓ ภูมิเป็นที่อยู่ อันบริสุทธิ์แหงพระอนาคามี อริยบุคคลทั้งหลาย ผู้ไมมี่ ความเดือด ่ รอน ้ พระพรหมอนาคามี อายุ ๒,๐๐๐ มหากัป บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาไดจตุ ้ ตถฌาน และเจริญวิปัสสนา ภาวนาจนสำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคล โดยมีวิริยินทรีย์ แกกลา ่ ้ ๑๔. สุทัสสาสุทธาวาสภูมิ พรหมโลก ชั้น ๑๔ ภูมิเป็นที่อยู่อัน บริสุทธิ์แหงอนาคามี อริยบุคคลทั้งหลาย ผู้มีความเห็นแจมใส ่ ่ พระพรหมอนาคามี อายุ ๔,๐๐๐ มหากัป บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาไดจตุ ้ ตถฌาน และเจริญวิปัสสนา ภาวนาจนสำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคลโดยมีสตินทรียแกกลา ์ ่ ้
๓๔ วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
๑๕. สุทัสสีสุทธาวาสภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๑๕ ภูมิเป็นที่อยู่อัน บริสุทธิ์แหงพระอนาคามี อริยบุคคลทั้งหลาย ผู้มีความเห็นอยาง ่ ่ แจมใสมากกวา ่ ่ พระพรหมอนาคามี อายุ ๘,๐๐๐ มหากัป บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาไดจตุ ้ ุตถฌาน และเจริญวิปัสสนา ภาวนาจนสำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคล โดยมีสมาธินทรีย์ แกกลา ่ ้ ๑๖. อกนิฏฐาสุทธาวาสภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๑๖ ภูมิเป็นที่อยู่ อันบริสุทธิ์แหงพระอนาคามี อริยบุคคลทั้งหลาย ผู้ทรงคุณวิเศษโดย ่ ไมมี่ ความเป็นรองกัน พระพรหมอนาคามี อายุ ๑๖,๐๐๐ มหากัป บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาไดจตุ ้ ตถฌาน และเจริญวิปัสสนา ภาวนาจนสำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคล โดยมีปัญญินทรีย์ แกกลา ่ ้
อรูปพรหม ๔ จุติมาดวยสมถภาวนาขั ้นอรูปฌานทั้ง ๔ ถึงจะสุขมากนานแสน ้ นาน แตพระพุ ทธองคกลาววา ้ ่ ้ง์ ่ ่ “ถึงการฉิบหายแลว” ้ ขอใหทานทั ่ หลายจงศึกษาดูเองเถิดวา่ “ฉิบหายอยางไร” ่ ๑๗. อากาสานัญจายตนภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๑๗ ภูมิเป็นที่ อยู่แหงพระพรหมผู ้วิเศษ ผู้เกิดจากฌานที่อาศัยอากาสบัญญัติซึ่ง ่ ไมมี่ ที่สุดเป็นอารมณ์ อรูปพรหม อายุ ๒๐,๐๐๐ มหากัป
วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
๓๕
บุพกรรม โยคีฤาษีผู้ไดจตุ จอากาสานัญ ้ ้ ตถฌานแลวและสำเร็ จายตนฌาน ๑๘. วิญญาณัญจายตนภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๑๘ ภูมิเป็นที่ อยู่แหงพระพรหมผู ้วิเศษ ผู้เกิดจากฌานที่อาศัยวิญญาณอันไมมี่ ที่ ่ สิ้นสุดเป็นอารมณ์ อรูปพรหม อายุ ๔๐,๐๐๐ มหากัป บุพกรรม โยคีฤาษีผู้ไดอากาสานั ญจายตนฌาน และสำเร็จวิญ ้ ญาณัญจายตนฌาน ๑๙. อากิญจัญญายตนภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๑๙ ภูมิเป็นที่ อยู่แหงพระพรหมผู ้วิเศษ ผู้เกิดจากฌานที่อาศัยนัตถิภาวบัญญัติ ่ เป็นอารมณ์ อรูปพรหม อายุ ๖๐,๐๐๐ มหากัป บุพกรรม เป็นโยคีฤาษีผู้ไดวิ้ ญญาณัญจายตนฌาน และสำเร็จ อากิญจัญญายตนฌาน ๒๐. เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๒๐ ภูมิ เป็นที่อยู่แหงพระพรหมผู ้วิเศษ ผู้เกิดจากฌานที่อาศัยความประ่ ณีตเป็นอยางยิ ่ ่ ่ สัญญาก็ไมใช ่ ่ อรูปพรหม อายุ ่ ่งมีสัญญาก็ไมใชไมมี ๘๔,๐๐๐ มหากัป บุพกรรม โยคีฤาษีผู้ไดอากิ ้ ญจัญญายตนฌาน
๓๖ วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
อนาคามีโลกุตรภูมิ (ภูมิพนโลก ชั้นที่ ๓) ผู้ถึงภูมินี้ไดชื้ ่อวาพระ ่ ้ อนาคามี จะไมกลั ่ บมาเกิดในกามภูมิอีก แบงเป็ ่ น ๕ ประเภท คือ ๑. อันตราปรินิพพายี สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ปรินิพพานภาย ในอายุครึ่งแรกของสุทธาวาสภูมิพรหมโลกที่สถิตอยู่ ๒. อุปทัจจปรินิพพายี สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ปรินิพพานภาย ในอายุครึ่งหลังของสุทธาวาสภูมิพรหมโลกที่สถิตอยู่ ๓. อสังขารปรินิพพายี สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ปรินิพพานใน พรหมโลกที่สถิตอยู่โดยสะดวกสบายไมตองใชความเพี ยรมาก ่้ ้ ๔. สสังขารปรินิพพายี สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ปรินิพพานใน พรหมโลก โดยตองเรงความเพี ยรอยางแรงกลา ้ ้ ่ ่ ๕. อุทธังโสตอกนิฏฐคามี ไปเกิดในสุทธาวาส ชั้นต่ำที่สุด (อวิหาสุทธาวาสพรหมโลก) แลวจึ ้ งจุติไปเกิดชั้นสูงขึ้นไปตามลำดับ คือ อวิหา อตัปปา สุทัสสา สุทัสสี แลวสำเร็ จเป็นพระอรหันตปริ ์ นิพพาน ้ ในอกนิฏฐพรหมโลก โสดาบันโลกุตรภูมิ (ภูมิพนโลก ชั้นที่ ๑) ผู้ถึงภูมินี้ไดชื้ ่อวาพระ ่ ้ อริยบุคคลโสดาบัน แบงปั ่ น ๑. เอกพีชีโสดาบัน จะเกิดอีกชาติเดียว แลวก็ ้ บรรลุพระอรหัต ผล ปรินิพพาน ๒. โกลังโกลโสดาบัน จะเกิดอีก ๒ - ๖ ชาติ เป็นอยางมากแลว ้ ่
วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
๓๗
ก็บรรลุพระอรหัตผล ปรินิพพาน ๓. สัตตักขัตตุปรมโสดาบัน จะเกิดอีกอยางมากไมเกิ ่ ่ น ๗ ชาติ แลวก็ ้ บรรลุพระอรหัตผล ปรินิพพาน อรหัตโลกุตรภูมิ (หลุดพนโลก) มี ๒ ประเภท ้ ๑. เจโตวิมุตติ เป็นผู้ปฏิบัติสมถกรรมฐานไดฌานกอน ้ ่ แลว้ เจริญวิปัสสนากรรมฐานตอจนสำเร็ จพระอรหันต์ หรือผู้ที่ปฏิบัติ ่ เฉพาะวิปัสสนากรรมฐาน เมื่อไดมรรคผลนั ้นพรอมกั ้ ้ บไดวิ้ ชชา ๓ อภิญญา ๖ สามารถแสดงฤทธิ์ได้ ๒. ปัญญาวิมุตติ สำเร็จพระอรหันตดวยการปฏิ บัติวิปัสสนา ์้ กรรมฐานลวนๆ ไมไดบำเพ็ เรียกวา่ ้ ่ ้ ญสมถกรรมฐานมากอนเลย ่ สุกขวิปัสสกพระอรหันต์ คือ ผู้ปฏิบัติทำใหฌานแหงแลง ้ ้ ้ ผู้ถึงอรหันต์ เป็นผู้ที่สมควรแกการบู ่ ชาของเหลาเทพยดาและ ่ มนุษยทั์ ้งหลาย เพราะสิ้นกิเลสโดยตัดสังโยชน์ ๑๐ ประการได้ สามารถเขาอรหั พพานไดตามปรารถ้ ์ ้ ตผลสมาบัติ เสวยอารมณพระนิ นา และไมตองเวี ดอีกในวัฏสงสาร เมื่อสิ้นอายุขัยก็ ่ ้ ยนวายตายเกิ ่ ดับขันธ ปรินิพพาน สกทาคามีโลกุตรภูมิ (ภูมิพนโลก ชั้นที่ ๒) ผู้ถึงภูมินี้ไดชื้ ่อวา่ ้ พระอริยบุคคลสกทาคามี ซึ่งจะเกิดอีกเพียงชาติเดียว แบงเป็ ่ น ๕ ประเภท คือ
๓๘วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
๑.ผู้ถึงภูมินี้ในมนุษยโลก และบรรลุพระอรหัตผลในมนุษย์ โลก ๒. ผู้ถึงภูมินี้ในมนุษยโลกแลวไปบรรลุ พระอรหัตผลในเทวโลก ้ ๓.ผู้ถึงภูมินี้ในเทวโลก และบรรลุพระอรหัตผลในเทวโลก ๔. ผู้ถึงภูมินี้ในเทวโลกแลวมาบรรลุ พระอรหัตผลในมนุษยโลก ้ ๕. ผู้ถึงภูมินี้ในมนุษยโลกแลวจุ ้ ติไปเกิดในเทวโลกแลวกลั ้ บมา บรรลุพระอรหัตผลในมนุษยโลก
“กิเลส” นั้นถาเราพยายามจะปั ดทิ้งจริงๆแลว้ ้ มันก็หลุดไดงาย ้ ่ คือตองปั ้ ดใหถู้ กที่ ถาปั ้ ดไมถู่ กที่มันก็หลุดยาก เหมือน เงินหรือวัตถุสิ่งของนั้น ถาเราจะทิ ้ง ้ มันก็ทำไดงาย ่จะหามานั้น ้ ่ แตการที ่ ทำไดยาก...ทานพอลี ่ ่ ธมฺมธโร ้
วัฏสงสาร ๓ ๑ ภู มิ
๓๙
ผู้รวมพิ ่ มพ์ ๑,๐๐๐ เลม...พระมหาไพศาล อธิวโร ่ ๒๐๐ เลม.......พระตะวั น เตชวโรและครอบครัวชนะจิตร, คุณสรรชัย บุญทวีกิจและ ่ ครอบครัว ๑๐๐ เลม.......พระธนกร รติโก, พระสุข ธมฺมิสฺสโร, พระธิฆัมพร อิทธิเตโช, ่ พระประเสริฐ พลวโร, พระปวริศ วิชาธโร, พระมหาธเนศ ธมฺมทินฺโน, พระอานนท์ ฐานิโย, พระอัครวิชย์ วิวิตฺโต, พระอภิวัฒน์ อภิวฑฺฒโน, พระโกศล ธมฺมปิติโก, พระนิรุตติ ชุตินฺธโร, พระทองคำ จารุโภ, คุณพิมญาภา อิทธิศักดิ์ชูชัย + คุณภูริวัจน์ รหัทพฤฒิวงศ,์ คุณนันทพร -คุณนงพงา สายวิวัฒน์ และครอบครัว, คุณนที ศรีนอก คุณศิริกาญจ์ มหาศิริวรพงษและครอบครั ว, คุณยาใจ ขาวสำอางค,์ คุณสมใจ วรคุต, ์ คุณอรวรรณ อรคุต, คุณกิตติมา อานันตศิริและครอบครัว, (คุณศุภกร, คุณภัทราพร คุณชิษณุชา, คุณศุภธัช เลิศธนากิจ, คุณเปรมกมล ศักดิแพทย)์ ๙๙ เลม.........(คุ ณสิน พิทักษ,์ คุณสุดากร ศรีนอก, คุณสุชาติ ศรีนอก, คุณสุภัสรา ่ โพธิ์พันธ,์ คุณสมชาย ศรีนอก), คุณกุหลาบ ทิพกระโทก, ๗๐ เลม.........พระคำรพ มทฺทโว ่ ๕๐ เลม.........พระมหาปิ ยพันธ์ โสภณสีโล, พระมหาสุจินต์ เขมะจิตโต, พระกิตติ ่ เมตฺตโก, พระณัฏฐกิตติ อนงฺคโณ, พระกิตติพงษ์ สาตคิโก, พระมหาศุภฤกษ์ มงคฺโล, พระวรอรรจน ์ เขมวโร, พระอดุลย์ อมโร, คุณวรกันต์ แชมเจริ ่ ญพร, คุณกลิ่นแกว้ มณีนอย ว ์ ้ + คุณอภิวัฒน ์ แถมมงคล, คุณกรุณา อำไพรัตนและครอบครั ๔๙ เลม.........พระอุ ทัย อุตฺตโร, คุณพยอม ทิศกระโทก, (คุณบุญจันทร,์ คุณเมตตา, ่ คุณอนิรุท, คุณตวงสิทธิ์, คุณกัญญารัตน ์ ศรีนอก) ๔๐ เล่ม..........คุณนภาพร สุขธนกิจและครอบครัว ๓๐ เลม.........พระชิ ษณุชา สิริสุวณฺโณ, แมชี่ รัชณี ปั้นเทียน, คุณพิไล จันทรกนก ่ และครอบครัว,
ผู้ร่วมพิมพ์ ๒๙ เลม.........คุ ณธัญญารัตน์ กอนมณี และครอบครัว ่ ่ ๒๐ เลม.........คุ ณอัญชลี จิตรรักษา, (คุณสมจิตต์ ออนสำลี + คุณวัชรินทร์ มณีนิล ่ ่ + คุณจันทรจิ์ รา ประสาทศิลป์ + ครอบครัวไขตม ่ ้ ชูโฉม), คุณปราณี พงษสุ์ วรรณ, คุณศรัน สงศรี ่ มณีกุล, คุณเมธินี ศรีนอก, คุณวณิษฐา แสงบุญ, น.ส. จิตรา โอภาสเสถียร และครอบครัว, คุณ อุทุมพร - คุณเพ็ญธิดา ดวงจาดและครอบครั ว ้ ๑๙ เลม.........คุ ณลำไย ศรีนอก, คุณอาสยา บุญศักดิ์นิมิตและครอบครัว ่ ๑๕ เลม.........คุ ณฐาปณีย ์ ประทุมชาติ + คุณธีรเชษฐ์ สุวภาพ ่ ๑๒ เลม.........คุ ณน้ำทิพย์ + คุณวริศรา + คุณจุฑาทิพย์ หงษสา ์ ่ ๑๐ เลม.........พระเฉลิ มพล อสุโภ,คุณฉวีวรรณ ไมทราบนามสกุ ล, คุณบุญชัย แซฉั่ ่น , ่ ่ คุณสุภาพ ลาทอง, คุณสุภาหวัน พรไธสง, คุณสุดใจ ศรีนอกและครอบครัว, คุณสุเมธี ประมูลชัย, พ.จ.อ.ศักดิ์ชาย เรืองทอง, คุณพุทธินันท์ ดามพหิ์ รัณย,์ คุณมาริณี บุญเต็มและครอบครัว, (คุณวารินทรธร ์ + คุณมณีรัตน์ + คุณจิราวัฒน์ + คุณเอกอนันต์ ดามพหิ์ รัณย์), คุณป้าวงเดือน + คุณปวริศา ผองอำไพ และครอบครัว, ่ คุณสุพาส ธรรมบัวชาและครอบครัว, คุณธัญทิภา บุญญานุวัตร, คุณสาวิตรี ปรีสวัสดิ์, คุณจุฑามาศ สุดอุดม, คุณฉัตรมงคล ประจักษภั์ กดี, คุณอาทิตย์ สละวงษ์, คุณนงรักษ์ อินทร, คุณสุทธิลักษณ์ แสงศรี, นายสุริยะ โลหิตานนทและครอบครั ว, ์ ครอบครัว เทียนรุ่งศรี, กิลวรรณ สีหพาหุและครอบครัว, รินรส ชำนาญไพร, คุณพรศักดิ์ นลินทิพยวงศ์, คุณธนดล นิลนพรัตน. ๙ เลม............คุ ณยรรยงค์ ทิศกระโทก, คุณปภัคสร จุปะวันทอง, คุณโพธิ์ศรี ชื่นนอก, ่ คุณพัชรินทร์ บับการ, คุณขวัญนัยนา กุมประสิทธิ์, คุณธัญญาภรณ์ จำรูญ, คุณศักดิ์นิตย์ หันจรัส, คุณพรทิพย ์ เจตเกษตรการณ,์ คุณแขไข ภูมี, คุณอฌิฏะ ศรีสงา่ ๕ เลม............คุ ณวิไล รงแป้ ่ น, คุณเผชิญ รงแป้ ่ น, คุณสมศรี รงแป้ ่ น, คุณมนัส รงแป้ ่ น ่ คุณรินดา วัฒนะวิรุณ, คุณฉิ้วนี้ วัฒนะวิรุณ, คุณจงชัย วัฒนะวิรุณ, คุณนรินทร์
ผู้ร่วมพิมพ์ ๕ เลม...........วั ฒนะวิรุณ, คุณพรเพ็ญ เอื้อมศิริเลิศ, คุณเสถียร วัฒนะวิรุณ, คุณวรพร ่ วัฒนะวิรุณ, คุณลัดดาพร วัฒนะวิรุณ, คุณจันทิมา รัตนศิริลักษณ,์ คุณยุภา เอื้อมศิริเลิศ ๔ เลม............คุ ณศศิรส + คุณไวภพ แกวพิ ่ ้ นิจและครอบครัว ๒ เลม............คุ ณพิมลพรรณ + คุณสุวรรณ กลิ่นพงศ,์ คุณพีรดา พรหมนอย ่ ้ ๑ เล่ม............คุณประภา แซโอว ่ ้ ๕๐๐ เลม.......ผู ้ไมประสงคออกนาม ์ ่ ่ อนุโมทนาธรรมโอสถ อนุโมทนายินดีในสวนของกุ ศลของบารมี ของคณะผู้รวมจั ่ ์ งสือ ่ ดพิมพหนั วัฏสงสาร ๓๑ ภูมิเลมนี นทาน ้ ่ ้ โดยถวนหนาทุ ้ ่ ้ กทานที ่ ่ไดมี้ ส่วนรวมในการใหธรรมเป็ ในครั้งนี้ การจัดพิมพหนั ์ ์ งสือเป็นทานนั้น มักจะผิดพลาดเสมอ ก็เรื่องพิมพรายนาม ผู้บริจาคจตุปัจจัยนั่นเอง ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย.... และขอแผอานิ ่ ดพิมพหนั ์ งสือเลมนี ้ ่ ดา ่ สสงฆบุ์ ญกุศลของการรวมจั ่ ้ใหแกบิ มารดา พระอุปัชฌาย์ ครูบาอาจารยผู์ ้สั่งสอน และผู้ทรงพระคุณทุกทาน ่ รวมทั้งญาติ มิตร ตลอดจนถึงสรรพสัตวทั์ ้งหลายทั้งปวง พรอมทั ้ ้งเทพเทวดาทั้งหลาย จงไดรั้ บ และรวมอนุ โมทนาสวนบุ ่ ญกุศลทั้งหมดที่อันตัวขาพเจา ้ ้ (ผู้ร่วมจัดพิมพ)์ ไดอุ้ ทิศไปให้ ่ แลวในกาลนี ้ โดยทั่วหนากั ้ ้ นเทอญ... สัพเพ สัตตา สะทาโหนตุ อะเวรา สุขะชีวิโน. ขอสัตวทั์ ้งหลายอยาไดมี ่ ้ เวรแกกั่ นและกัน จงเป็นผู้ดำรงชีพอยู่เป็นสุขทุก เมื่อเทอญ. กะตัง ปุญญะผะลัง มัยหัง สัพเพ ภาคี ภะวันต ุเต. ขอสัตวทั์ ้งหลายจงไดเสวยผลบุ ญ ที่ขาพเจาไดบำเพ็ วาจา ใจ ้ ้ ้ ้ ญดวยกาย ้ แลวนั ้ ้นเทอญ...
บันทึกธรรม ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................ ........................................................................................................