น ร ก - ส ว ร ร ค์
...ฉันไม่เลือก...
น ร ก - ส ว ร ร ค์
...ฉันไม่เลือก...
จัดพิมพครั ์ ้งที่ ๑ จำนวน ผู้จัดทำ ผู้จัดพิมพ์
: พฤศจิกายน ๒๕๕๕ : ๔,๐๐๐ เลม่ : ศิษยทานพอลี ์ ่ ่ ธมฺมธโร วัดอโศการาม : พี เอส เอ็น พริ้นทติ์ ้ง โทรศัพท์ ๐๘๐-๖๑๗-๙๕๘๒
๓
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
คำนำ หนังสือ “นรก - สวรรคฉั์ นไมเลื ่ อก” ปรับปรุงและเพิ่มเติมจาก หนังสือ“วัฏสงสาร ๓๑ ภูมิ” เพื่อใหผู้ ้อานและผู ้สนใจในการปฏิบัติ ่ ธรรมเขาใจและมอง เห็นภาพวาจิ ดใน ๓๑ ภูมินั้น ้ ่ ่ ตที่เวียนวายตายเกิ หากจะกาวขึ ้ ้นสู่แดนอริยภูมิจะตองทำอะไรบาง ้ ปฏิบัติและพิจารณา ้ อยางไร จึงจะสามารถปลอยวางอั ตภาพ ตัวตนจากกิเลสได้ เพื่อจะได้ ่ ่ ไมกลั ่ ่ บมาเกิดอีกตอไป อุบายในการพิจารณาตางๆ ที่หยิบยกขึ้นมาอธิบายนั้นเป็นเพียง ่ ตัวอยาง นแนวทางเทานั ่ ใหพอมองเห็ ้ ่ ้น รายละเอียดและ อุบายตางๆ ่ ที่ยังมีอีกมากมาย ขอใหผู้ ้ปฏิบัติเลือกเฟ้นเองตาม ความถนัดและ ความพอใจของแตละบุ จารณาธรรม ไดทุ ่ คคล ทานจะพิ ้ กอยาง ่ ่ ตามที่ท่านเห็นเหมาะกับจริตของทาน ่ ซึ่งผลที่ได้ ในที่สุดจะเหมือน กันหมด นั่นคือสามารถ“ปลอยวาง” และวางจาก การยึดถือว่ มีตัวเรา ่ ่ ของเราอีกตอไป ่ และเราก็จะถึงซึ่งความสุขอยางแทจริ ่ ้ ง เพราะเป็นอิสระจาก กิเลส ตัณหา อุปาทานโดยสิ้นเชิง ไมตองกลั ่ ้ บมาเกิดอีกชั่วนิจ นิรันดร ขอความสุข ความเจริญในธรรมจงมีแดทุ่ กทานเทอญ ่
คณะผู้จัดทำ
๔
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
“ขอใหเชื ้ ดวา” ่ ้ ่อพระพุทธเจาเถิ ...บาปมี... ...บุญมี... ...นรกมี... ...สวรรคมี์ ... ...พรหมโลกมี... ...นิพพานมี... ...ทำดีไดดี้ ทำชั่วไดชั้ ่ว... “ หลวงตาก็แกมาแลวหวงลู ่ ้ ่ กหลานชาวไทยเรามากขึ้นทุกวัน ” หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
๕
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
โลกเบื้องต่ำ อบายภูมิ ๔ ได้ แก่ นรก เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน โลกนรกประกอบดวย ้ มหานรก ๘ ขุม อุสสทนรก ๑๒๘ ขุม ยมโลกนรก ๓๒๐ ขุม โลกันตรนรก ์ ๑ ขุม มหานรก ๘ ขุม (แตละชั ่ นประมาณ ๑๕,๐๐๐ โยชน)์ ่ ้นหางกั ๑. สัญชีวนรก นรกที่สัตวนรกไมมี ์ ่ วันตาย อายุ ๕๐๐ ปีอายุกัป (๑ วันนรก = ๙ ลานปี ้ มนุษย)์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษย์มีจิตไมบริ ่ ้ ่ สุทธิ์ หยาบชาลามกกอ กรรมทำเข็ญ เชน่ ฆาเนื ่ ้อ เบื่อสัตว์ เบียดเบียนบุคคลที่ต่ำกวาตน ่ โดยความไมเป็ ้ นนิจ ฯลฯ ้ ้ บความเดือดรอนเป็ ่ นธรรมใหไดรั ๒. กาฬสุตตนรก นรกที่ลงโทษดวยเสนเชื ้ ้ อกดำ แลวก็ ้ ถากหรือ ตัดดวยเครื ่องประหาร อายุ ๑,๐๐๐ ปีอายุกัป (๑ วันนรก = ๓๖ ้ ลานปี ้ มนุษย)์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษยมี์ ใจบาป ทำการทรมานสัตวดวย ์้ การตัดเทา้ หู ปาก จมูก ทำรายบิ ้ ดามารดา ครู ฯลฯ เบียดเบียนหรือ
๖
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
ฆาภิ ่ กษุสามเณร ดาบส หรือเป็นเพชฌฆาต ๓. สังฆาฏนรก นรกที่มีภูเขาเหล็กใหญมี่ ไฟลุกโพลงบดขยี้สัตว์ นรก อายุ ๒,๐๐๐ ปีอายุกัป (๑ วันนรก = ๑๔๔ ลานปี ้ มนุษย)์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษยใจบาปหยาบชาดวยใจอกุ ศลกรรม ์ ้ ้ ไรความเมตตากรุ ณา ทำทารุณกรรมสัตวดวยวิ ์ ้ ธีการตางๆ ่ เป็นประ ้ จำ หรือบุคคลที่ทรมานเบียดเบียนสัตวที์ ่ตนใชประโยชน ์ และพวก ้ นายพราน ๔. โรรุวนนรก (ธูมโวรุวหรือจูฬโรรุว) นรกที่เต็มไปดวยเสี ้ ้ ยงรอง ไหครวญครางดั งของสัตวนรกที ่ถูกควันไฟอบอาว ์ ้ ้ อายุ ๔,๐๐๐ ปี อายุกัป (๑ วันนรก = ๕๗๖ ลานปี ้ มนุษย)์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษยมี์ ใจบาปเผาสัตวทั์ ้งเป็น ตัดสินความ ไมยุ่ ติธรรม รุกที่ดิน เอาสาธารณสมบัติมาเป็นของตน กินเหลาเมา ้ ประทุษรายผู ้ ้อื่น ชาวประมง คนที่เผาป่าที่สัตวอาศั ์ ยอยู่ ๕. มหาโรรุวนรก (ชาลโรรุว) นรกที่เต็มไปดวยเสี ้ ้ ้ ยงรองไหครวญ ครางดังกวาโรรุ ่ วนรก อายุ ๘,๐๐๐ ปีอายุกัป (๑ วันนรก = ๒,๓๐๔ ลานปี ้ มนุษย)์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษยมี์ ใจบาป ตัดคอสัตวและมนุ ษย์ ฆา่ ์ สัตวดวยความโกรธ ปลน้ ขโมยทรัพยสมบั ์้ ์ ติของพอแม ่ ่ ครูบาอาจารยและของศาสนา เชนของภิ กษุ สามเณร ดาบส แมชี่ และสิ่งของ ์ ่
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
๗
เครื่องสักการะที่เขาบูชาพระรัตนตรัย ปลนโกงเอามาเป็ นของตน ้ ๖. ตาปนรก (จูฬตาปน) นรกที่ทำใหสั้ ตวเรารอน ์ ่ ้ ดวยการใหนั ้ ่ง ้ ตรึ ง ติ ด อยู ่ ใ นหลาวเหล็ ก อั น รอนแดงแลวใหไฟไหมอยู ้ ้ ้ ้ ่ อายุ ๑๖,๐๐๐ ปีอายุกัป (๑ วันนรก = ๙,๒๑๖ ลานปี ้ มนุษย)์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษยเป็ ์ นคนใจบาป ประกอบกรรมดวยโล ้ ภะ โทสะ โมหะ เชน่ ฆาสั ์ ่อเลี้ยงชีพ และคนที่เผาบานเมื ่ ตวเพื ้ อง กุฏิ โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ ปราสาท ทำลายเจดีย์ ๗. มหาตาปนรก (ปตาปน) นรกที่เต็มไปดวยความเรารอนอยาง ่ ้ ่ ้ มากมายเหลือประมาณ อายุ ครึ่งอันตรกัปของมนุษย์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษยมี์ ใจบาปหนาไปดวยอกุ ้ ศลมลทิน เชน่ ประหารคนหรือประหารสัตว์ ใหตายเป็ นหมู่มาก ๆ ไมคำนึ ้ ่ งถึง ชีวิตเขาชีวิตทาน ่ และคนที่มีอุจเฉททิฏฐิ สัสสตทิฏฐิ นัตถิกทิฏฐิ อเหตุกทิฏฐิ และอกิริยาทิฏฐิ อยางใดอยางหนึ ่ ่ ่งหรือ หลายอยาง ่ ๘. อเวจีนรก นรกที่ปราศจากคลื่นคือความบางเบาแหงความทุ กข ์ ่ อายุ ประมาณ ๑ อันตรกัปของมนุษย์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษย์ไดทำอนั นตริยกรรมอยางใดอยาง ้ ่ ่ หนึ่ง คือ ฆามารดาบิ ดา พระอรหันตทำรายพระพุ ทธเจาใหหอพระ์ ้ ้ ้ ้ ่ โลหิต ทำสังฆเภท ยุยงใหสงฆแตกกั น และบุคคลที่ทำลายพระพุทธ ้ ์ เจดีย์ พระพุทธรูป ตนโพธิ ้ บุคคลที่ติ้ ์ที่ตรัสรู้โดยจิตคิดประทุษราย
๘
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
ผู้ที่ยิดถือนิยตมิจฉา เตียนพระอริยบุคคลพระสงฆผู์ ้มีคุณแกตน ่ ทิฏฐิ ๓
อุสสทนรก ๑๒๘ ขุม (อยู่รอบ ๔ ทิศ ทิศละ ๔ ของมหานรกแตละขุ ่ ม) ๑. คูถนรก สัตวนรกที ่มาเกิดไดรั้ บทุกขเวทนาอยู่ในนรกอุจจาระ ์ เนาโดยถู กหนอนกัดกินทั้งเนื้อและกระดูกตลอดจนอวัยวะภายใน ่ ทั้งหมด จนกวาจะสิ ่ ้นกรรมชั่วของตน ๒. กุกกุฬนรก สัตวนรกที ่เกิดมาไดรั้ บทุกขเวทนา โดยถูกเผาดวย ์ ้ ขี้เถารอนระอุ รางกายไหมยั ยดเป็นจุณ จนกวาจะสิ ่ ่ ่ ้น ้ ้ ้ บยอยละเอี กรรมชั่วของตน ๓. สิมปลิวนนรก สัตวนรกทั ้งหลายที่ยังมีเศษอกุศลกรรมเหลือ ์ อยู่ถึงแมพนจากนรกขี ้เถารอนแลวก็ กข์ ้ ้ ้ ยังไมหลุ ้ ้ ่ ดพน้ ยังตองเสวยทุ ้ จากนรกป่าไม้งิ้วตอไปจนกวาจะสิ ่ ่ ้นกรรมชั่วของตน ๔. อสิปัตตวนนรก สัตวนรกที ่มาเกิดไดรั้ บทุกขจากป่ ์ ์ าไมใบดาบ ้ เชน่ ใบมะมวงซึ ดกิน ้ ่ ่งเป็นหอกดาบและมีสุนัข แรงคอยทรมานขบกั เลือดเนื้อ จนกวาจะสิ ่ ้นกรรม ๕. เวตรณีนรก สัตวนรกที ่เกิดมาไดรั้ บทุกขจากน้ ์ ำเค็มแสบ ที่มี ์ เครือหวายหนามเหล็ก ใบกลีบบัวหลวงเหล็กตั้งอยู่กลางน้ำ ซึ่งคม
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
๙
เป็นกรด มีเปลวไฟลุกโชนอยู่ตลอดเวลา จนกวาจะสิ ่ ้นกรรมชั่วของ ตน
ยมโลกนรก (๓๒๐ ขุม) (อยู่รอบ ๔ ทิศ ทิศละ ๑๐ ของมหานรกแตละขุ ่ ม) ๑. โลหกุมภีนรก เป็นหมอเหล็ ้ กขนาดใหญเทาภู ่ ่ เขา เต็มไปดวย ้ น้ำแสบรอนเดื อดพลานตลอดเวลา สัตวที์ ่มาเกิดต้องรับทุกขทั์ ้ง ่ ้ แสบทั้งรอ้นเสวยทุกขเวทนาอยางแสนสาหั ส ถูกตมเคี ้ ่ยวในหมอ้ ่ เหล็กนรกนั้นจนกวาจะสิ ้ ่ ้นกรรมชั่วที่ตนไดทำมา บุพกรรม เชน่ จับสัตวเป็ ้ แลวเอามา ์ นๆ มาตมในหมอน้ ้ ้ ำรอน ้ กินเป็นอาหาร ๒. สิมพลีนรก เต็มไปดวยป่ ้ างิ้วนรก มีหนามแหลมคมเป็นกรด ยาวประมาณ ๓๖ องคุลี ลุกเป็นเปลวไฟแรงอยู่เสมอ สัตวนรกที ่มา ์ เกิดตองรั ้นกรรมชั่วของตน ์ ้ บทุกขทรมานจนสิ บุพกรรม เชน่ คบชู้สู่สาว ผิดศีลธรรมประเพณี ชายเป็นชู้กับ ภรรยาของผู้อื่น หญิงเป็นชู้กับสามีของผู้อื่นหรือชายหญิงที่มีภรรยา หรือสามี ประพฤตินอกใจไปสู่หาเป็นชู้กับผู้อื่น มักมากในกามคุณ ๓. อสินขะนรก สัตวนรกที ่มาเกิดมีรูปรางแปลกพิ กล เชน่ เล็บมือ ์ ่ เล็บเทาแหลมยาว กลับกลายเป็นอาวุธ หอก ดาบ จอบ เสียม สัตว์ ้
๑๐
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
นรก เหลานี ่ ้เหมือนคนบาวิ ้ กลจริต บางนั ้ น เอาเล็บมือถาก ้ ่ง บางยื ตะกุยเนื้อหนังของตนกินเป็นอาหารตลอดเวลา จนกวาจะสิ ่ ้นกรรม บุพกรรม เชน่ เมื่อเป็นมนุษยชอบลั กเล็กขโมยนอย ์ ้ ขโมยของ ในสถานที่สาธารณะและของที่เขาถวายแดพระพุ ทธ พระธรรม พระ ่ สงฆ์ ๔. ตามโพทะนรก มีหมอเหล็ ้ กตมน้ ้ ำทองแดงปนดวยหิ ้ นกรวด รอนระอุ ตลอดเวลา สัตวนรกที ่มาเกิดตองรั ้ ์ ้ บทุกข์ โดยการถูกกรอก ดวยน้ ้ ำทองแดง และกรวดหินเขาไปทางปากจนกวาจะสิ ้ ่ ้นกรรม บุพกรรม ดวยผลกรรมที ่ทำไวในชาติ ก่ อนๆ เป็นคนใจออนมั ้ ้ ่ ว เมาประมาท ดื่มกินสุราเมรัย แสดงอาการคลายคนบาเป็ ้ ้ นเนือง นิจ ๕. อโยคุฬะนรก เต็มไปดวยกอนเหล็ กแดงเกลื่อนกลาดไปหมด ้ ้ อกุศลกรรมบันดาลสัตวนรกที ่มาเกิดเห็นกอนเหล็ กแดงเป็นอาหาร ์ ้ เมื่อกินเขาไปแลวเหล็ ้ ้ กแดงนั้นก็เผาไหมไสพุ ้ ้ ง ไดรั้ บทุกขเวทนาจน กวาจะสิ ่ ้นกรรม บุพกรรม เชน่ แสดงตนวาเป็ ่ นคนใจบุญใจกุศล เรื่ยไรทรัพยวา ์่ จะนำไปทำบุญสรางกุ ่ บยักยอกเงินทำบุญของผู้อื่นมาเป็น ้ ศล แตกลั ของตน การกุศลก็ทำบางไมทำบางตามที ่ไดอางไว ้ ้ ้ หลอกหลวงผู้อื่น ้ ่ ้
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
๑๑
๖. ปิสสกปัพพตะนรก มีภูเขาใหญ่ ๔ ทิศ เคลื่อนที่ไดไมหยุ ้ ่ ด หยอนกลิ ้งไปมาบดขยี้สัตวนรกที ่มาเกิดให้บี้แบนกระดูกแตกป่น ่ ์ ละเอียดจนตายแลวฟื ้ ้นขึ้นมาอีก ถูกบดขยี้อีกจนตายเรื่อยไปจน สิ้นกรรมของตน บุพกรรม เชน่ เคยเป็นเจาหน้ ้ าที่ฝ่ายปกครอง ประพฤติตนเป็น เป็นคนอันธพาล กดขี่ข่มเหงราษฎร ทำรายรางกาย เอาทรัพยเขา ์ ้ ่ มาใหเกิ ้ นพิกัดอัตราที่กฏหมายกำหนด ไม่ มีความกรุณาแก่ คนทั้ง หลาย ๗. ธุสะนรก สัตวนรกที ่มาเกิดมีความกระหายน้ำมาก เมื่อพบสระ ์ มีน้ำใสสะอาดก็ดื่มกินเข้าไป อำนาจของกรรมบันดาลใหน้้ ำนั้น กลายเป็นแกลบ เป็นขาวลี ้ ้ ้ เสวย ้ บลุกเป็นไฟเผาไหมทองและลำไส ทุกขเวทนาแสนสาหัสจากกรรมชั่วที่ทำมา บุพกรรม เชน่ คดโกง ไมมี่ ความซื่อสัตย์ ปน ปลอมแปลงอาหาร และเครื่องใชแ้ ลวหลอกขายผู ้อื่น ได้ ทรัพยสิ์ นเงินทองมาโดยมิ้ ชอบ ๘. สีตโลสิตะนรก เต็มไปดวยน้ ่มา ์ ้ ำเย็นยะเยือก เมื่อสัตวนรกที เกิดตกลงไปก็จะตาย ฟื้นขึ้นมาก็ถูกจับโยนลงไปอีกเรื่อยไปจนสิ้น กรรมชั่วของตน
๑๒
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
บุพกรรม เชน่ จับสัตวเป็ ์ น ๆ โยนลงไปในบอ่ ในเหว ในสระ น้ำ หรือมัดสัตวเป็ ์ นๆ ทิ้งน้ำใหจมน้ ้ ำตาย หรือทำใหเพื ้ ่อนมนุษย์ ดวยกั ำ ้ นไดรั้ บความทุกขและตายเพราะน้ ์ ๙. สุนขะนรก เต็มไปดวยสุ ้ นัขนรก ซึ่งมี ๕ พวก คือ หมานรกดำ หมานรกขาว หมานรกเหลือง หมานรกแดง หมานรกตางๆ ่ และยัง มีฝูงแรงกา ่มาเกิดจะถูกสุนัข แรงกา ้ นกตะกรุม สัตวนรกที ์ ้ ไลขบ ่ กัดตรงลูกตา ปากและสวนตางๆ ่ ่ ไดรั้ บทุกขเวทนาจากผลกรรมชั่ว ทางวจีทุจริต บุพกรรม คือ ดาวาบิ ่ ่ ดามารดา ปู่ย่าตายาย พี่ชายพี่สาว และ ญาติทั้งหลายไมเลื นผู้เฒาผู ่่ ่ อกหนา้ ไมวาจะเป็ ่ ้แก่ ตลอดจนพระภิกษุสงฆสามเณร ์ ๑๐. ยันตปาสาณะนรก มีภูเขาประหลาด ๒ ลูก เคลื่อนกระทบ กันตลอดเวลา สัตวนรกที ่มาเกิดจะถูกภูเขาบีบกระแทก ไดรั้ บทุกข ์ เวทนาแสนสาหัส ตายแลวก็ ่ ้นกรรมชั่ว ้ กลับเป็นขึ้นมาจนกวาจะสิ ของตน บุพกรรม เชน่ เป็นหญิงชายใจบาปหยาบชา้ ดาตี ่ คู่ครองดวย ้ ความโกรธ แลวหั ้ นเหประพฤตินอกใจไปคบชู้เป็นสามีภรรยากับคน อื่นตามใจชอบ
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
๑๓
โลกันตรนรก ์ เป็นนรกขุมใหญ่ อยู่นอกจักรวาล มืดมนไมมี่ แสง มองไมเห็ ่ น อะไรเลยและเต็มไปดวยทะเลน้ ำกรดเย็น ้ ที่ตั้ง อยู่ระหวาง ่ โลกจักรวาล ๓ โลก เหมือนกับวงกลม ๓ วง ติดกัน คือ บริเวณชองวางของวงทั ้ง ๓ สัตวนรกที ่มาเกิดตองรั ่ ่ ์ ้ บทุก ขเวทนาเป็นเวลา ๑ พุทธันดร จากผลกรรมชั่ว เชน่ ทรมานประทุษ รายตอบิ ้ ่ ดามารดา และผู้ทรงศีลทรงธรรม หรือทำปาณาติบาตเป็น อาจิณ ฆาตั ่ วตายเป็นตน้
เปตติวิสยภูมิ (โลกเปรต) โลกที่อยู่ของสัตวผู์ ้ห่างไกลจากความสุข มีมหิทธิกเปรตเป็น เจาปกครองดู แล อายุ ไมแนนอนแลวแตกรรม ไดแก ้ ้ ่ ่ ่ ้ ่ เปรต ๑๒ ชนิด คือ ๑. วันตาสเปรต กินน้ำลาย เสมหะ อาเจียน เป็นอาหาร ๒. กุณปาสเปรต กินซากศพคน หรือสัตวเป็ ์ นอาหาร ๓. คูถขาทกเปรต กินอุจจาระตางๆ ่ เป็นอาหาร ๔. อัคคิชาลมุข เปรต มีเปลวไฟลุกอยู่ในปากเสมอ ๕. สูจิมุขาเปรต มีปากเทารู ่ เข็ม ๖. ตัณหัฏฏิตเปรต ถูกตัณหาเบียดเบียนใหหิ้ วขาว ้ หิวน้ำอยู่เสมอ ๗. สุนิชฌามกเปรต มีลำตัวดำเหมือนตอไมเผา ้ ๘. สัตถังคเปรต มี เล็บมือเล็บเทายาวและคมเหมื อนมีด ๙. ปัพพตังคเปรต มีรางกาย ่ ้
๑๔
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
สูงใหญเทาภู อนงูเหลือม ๑๑. ่ ่ ่ เขา ๑๐. อชครังคเปรต มีรางกายเหมื เวมานิกเปรต ตองเสวยทุ กขในเวลากลางวั น แตกลางคื นไดไปเสวย ์ ่ ้ ้ สุขในวิมาน ๑๒. มหิทธิกเปรต มีฤทธิ์มาก ที่อยู่ เชิงภูเขาหิมาลัยใน ป่าวิิชฌสฏวี เปรต ๔ ประเภท คือ ๑. ปรทัตตุปชีวิกเปรต มีการเลี้ยงชีวิต อยู่โดยอาศัยอาหารที่ผู้อื่นให้ ๒. ขุปปิปาสิกเปรต ถูกเบียดเบียน ดวยการหิ วขาว ้ ้ ่ ้ ้ หิวน้ำ ๓. นิชฌามตัณหิกเปรต ถูกไฟเผาใหเรารอน อยู่เสมอ ๔.กาลกัญจิกเปรต (ชื่อของอสูรกาย ที่เป็นเปรต) มีรางกาย ่ สูง๓ คาวุต มีเลือดและเนื้อนอยไมมี ้ ้ ่ แรง มีสีสันคลายใบไมแหง ้ ้ ตาถลนออกมาเหมือนตาปู และมีปากเทารู ่ เข็ม ตั้งอยู่กลางศรีษะ เปรต ๒๑ จำพวก คือ มังสเปสิกเปรต มีเนื้อเป็นชิ้นๆ ไมมี่ กระ ดูก กุมภัณฑเปรต มีอัณฑะใหญ่โตมาก นิจฉวิตกเปรต เปรตหญิง ์ ที่ไมมี่ หนัง ทุคคันธเปรต มีกลิ่นเหม็นเนา่ อสีสเปรต ไมมี่ ศีรษะ ภิกขุเปรต มีรูปรางสั ่ ณฐาน ่ ณฐานเหมือนพระ สามเณรเปรต มีรูปรางสั เหมือนสามเณร ฯลฯ บุพกรรม ประพฤติอกุศลกรรมบท ๑๐ ประการ เมื่อขาดใจ ตายจากมนุษยโลก หากอกุศลกรรมสามารถนำไปสูนิรยภูมิได้ ตอง ้ ไปเสวยทุกขโทษในนรกกอน ่ พอสิ้นกรรมพนจากนรกแลว ้ ้ เศษบาป
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
๑๕
ยังมีก็ไปเสวยผลกรรมเป็นเปรตตอภายหลั ง หรือมีอกุศลกรรมที่ ่ เกิดจากโลภะนำมาเกิด คตินิมิต นิมิตที่บ่งบอกถึงโลกเปรต เชน่ เห็นหุบเขา ถ้ำอันมืด มิดที่วังเวง และปลอดเปลี่ยว หรือเห็นเป็นแกลบ และขาวลี ้ บมาก มายแลวรู ่ม ้ ้สึกหิวโหยและกระหายน้ำเป็นกำลัง บางทีเห็นวาตนดื ่ กินเลือดน้ำหนองที่น่ารังเกียจสะอิดสะเอียน หรือเห็นเป็นเปรตมี รางกายผายผอมนาเกลี ่ ่ ่ ยดนากลั ่ ว เนื้อตัวสกปรกรกรุงรัง ฯลฯ หาก ภาพเหลานี ้ ตยึดหนวงเป็ ่ ้มาปรากฏทางใจแลวจิ ่ นอารมณ์ เมื่อดับจิต ตายขณะนั้น ตองบั ้ งเกิดเป็นเปรตเสวยทุกขเวทนาตามสมควรแก่ กรรมอยางแนนอน ่ ่
อสุรกายภูมิ (โลกอสุรกาย) ภูมิอันเป็นที่อยู่ของสัตวอั์ นปราศจากความเป็นอิสระและสนุก รื่นเริง แบงเป็ ่ น ๓ ประเภท คือ เทวอสุรา เปตติอสุรา นิรยอสุรา เทวอสุรา มี ๖ จำพวก คือ ๑. เวปจิตติอสุรา ๒. สุพลิอสุรา ๓. ราหุอสุรา ๔. ปหารอสุรา ๕. สัมพรตือสุรา ๖. วินิปาติกอสุรา ๕ จำพวกแรกเป็นปฏิปักษตอเทวดาชั ้นตาวติงสา อยู่ใตภู้ เขาสิเนรุ ์่ สงเคราะหเขาไปในจำพวกเทวดาชั ้นตาวติงสา สวนวิ ่ นิปาติกอสุรา ์ ้ มีรูปรางสั ้นดาวติงสา ่ ณฐานเล็กกวา่ และอำนาจก็นอยกวาเทวดาชั ้ ่
๑๖
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
เที่ยวอาศัยอยู่ในมนุษย์โลกทั่วไป เชน่ ตามปา่ ตามเขา ตนไม ้ ้ และ ศาลที่เขาปลูกไว้ ซึ่งเป็นที่อยู่ของภุมมัฏฐเทวดาทั้งหลาย แตเป็ ่ น เพียงบริวารของภุมมัฏฐเทวดาเทานั ์ ้ ่ ้น สงเคราะหเขาในจำพวกเทวดา ชั้นจาตุมหาราชิกา เปตติอสุรามี ๓ จำพวก คือ ๑. กาลกัญจิกเปรตอสุรา ๒. เวมานิกเปรตอสุรา ๓. อาวุธิกเปรตอสุรา เป็นเปรตที่ประหัตประหาร กันและกันดวยอาวุ ธตางๆ ้ ่ นิรยอสุรา เป็นเปรตจำพวกหนึ่งที่เสวยทุกขเวทนาอยู่ในนรก โลกันตร์ นรกโลกันตรตั์ ้งอยู่ระหวางกลางของจั กรวาลทั้งสาม อสุร่ กายนี้หมายเอาเฉพาะกาลกัญจิกเปรตอสุรกายเทานั ่ ้น อายุและบุพกรรม เชนเดี ่ ยวกับโลกเปรตนรก
ดิรัจฉานภูมิ (โลกเดรัจฉานอยู่ในโลกมนุษย)์ โลกของสัตวที์ ่มีความยินดีในเหตุ ๓ ประการ คือ การกิน การนอน การสืบพันธ์ุ แบง่ เป็น ๔ ประเภทคือ อปทติรัจฉาน (ไมมี่ เทา้ ไมมี่ ขา) เชน่ งู ปลา ไสเดื ้ อน ฯลฯ ทวิปทติรัจฉาน (มี ๒ ขา) เชน่ นก ไก่ ฯลฯ จตุปทติรัจฉาน (มี ๔ ขา) เชน่ วัว ควาย ฯลฯ
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
๑๗
พหุปทติรัจฉาน (มีมากกวา่ ๔ ขา) เชน่ ตะขาบ กิ้งกือ ฯลฯ อายุ ไมแนนอน ่นำไปเกิดในสัตวประเภทตางๆ ์ ้ ่ ่ ตาม ่ ่ แลวแตกรรมที อายุของสัตวประเภทนั ้นๆ ์ บุพกรรม เป็นมนุษยจิ์ ตไมบริ ่ สุทธิ์ ประพฤติอกุศลกรรม อัน หยาบชาลามกทั ้งหลายหรือเพราะอำนาจของเศษบาปอกุศลกรรม ้ ที่ตนทำไวใหผล ่ว ์ ่ ้่ ้ ้ หรือเป็นเพราะเมื่อเป็นมนุษยไมไดกอกรรมทำชั อะไร แตเวลาใกลจะตายจิ ตประกอบดวยโมหะ หลงผิด ขาดสติ ไม่ ่ ้ ้ มีสรณะเป็นที่พึ่งจะยึดใหมั้ ่นคง คตินิมิต นิมิตที่ชี้บอกถึงโลกเดรัจฉานที่ตนจะไป เชน่ เห็นเป็น ทุ่งหญา้ ป่าไม้ ดงหญา้ เชิงเขา ชายน้ำ แมน้่ ำ กอไผ่ และภูเขา เป็น ตน้ บางทีเห็นเป็นรูปสัตวทั์ ้งหลาย เชน่ ชาง ้ เสือ วัว ควาย หมู หมา เป็ด ไก่ แรง้ กา เหี้ย นก หนู จิ้งจก ฯลฯ หากภาพเหลานี ่ ้มาปรากฏ ทางใจ แลวจิ ้ ้ ตยึดหนวงเป็ ่ นอารมณ์ เมื่อดับจิตตายขณะนั้นตอง เกิดเป็นสัตวเดรั ์ จฉานอยางแนนอน ่ ่
๑๘
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
ความตายและความเกิด เป็นกำเนิดแหงความทุ กข์ ่ ความสุขอันประเสริฐ ไมตองเกิ ่ ้ ด แก่ เจ็บ ตาย ทานพอลี ่ ่ ธมฺมธโร
๑๙
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
โลกเบื้องกลาง เทวภูมิ ๖ กับ
โลกมนุษย์ ๑ (แตละชั ่ ้นหางกั ่ นประมาณ ๔๒,๐๐๐ โยชน)์ เทวโลก จุติมาดวยอานิ สสงสของทานและศี ล ตางชั ์ ้ ่ ้นกันไป ดวย ้ ความประณีตของทานและความบริสุทธของศี ์ ลที่รักษา (อยาง ่ นอยศี ้ ล ๕) เทวภูมิ ๖ ๑. จาตุมหาราชิกาภูมิ (สวรรค์ ชั้นที่ ๑) เป็นที่อยู่ของเทพยดาชาว ฟ้า มีท้าวมหาราช ๔ พระองคปกครองคื อ ๑. ทาวธตรั ฐมหาราช ์ ้ ๒. ทาววิ และ ๔. ทาวเวสสุ ้ รุฬหกมหาราช ๓. ทาววิ ้ รูปักษมหาราช ์ ้ วัณมหาราช (ทาวกุ ้ เวร) อายุ ๕๐๐ ปีทิพย์ (๙ ลานปี ้ มนุษย)์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษย์ ชอบทำความดี สันโดษ ยินดีแตของๆ ่ ตน ชักชวนใหผู้ ้อื่นประกอบการกุศล ชอบใหทาน ้น ้ ในการใหทานนั ้ เป็นผู้มีความหวังในผลแห่งทาน มีจิตผูกพันในผลแหงทานแลวให ้ ้ ่ ทานมุ่งการสั่งสมในทาน ใหทานดวยความคิ ดวา่ “เราตายแลวจั ้ ้ กได้ ้ เสวยผลแหงทานนี ้” และเป็นผู้มีศีล ฯลฯ (ผู้หวังผลของทาน) ่
๒๐
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
๒. ตาวติงสาภูมิ (สวรรค์ ชั้นที่ ๒) ที่เรียกวาไตรตรึ งษหรื ์ อดาวดึงส์ ่ เป็นเมืองใหญมี่ ๑,๐๐๐ ประตู มีพระเกศจุฬามณีเจดีย์ มีไมทิ้ พยชื์ ่อ ปาริชาตกัลปพฤกษ์ สมเด็จพระอมรินทราธิราชเป็นผู้ปกครอง อายุ ๑,๐๐๐ ปีทิพย(๓๖ ์ ลานปี ้ มนุษย)์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษยมี์ จิตบริสุทธิ์ ยินดีในการบริจาคทาน ในการใหทาน เป็นผู้ไมหวั ่ งผลในทาน ไมมี่ จิตผูกพันในผลแหง่ ้ ทานแลวให ไมไดใหทานดวยความคิ ดวา่ ่ ้ ้ ้ ้ ้ ้ ไมมุ่ ่งการสั่งสมใหทาน “ตายแลวเราจั กไดเสวยผลทานนี ้” แตใหทานดวยความคิ ดวา่ “การ ่ ้ ้ ้ ้ ใหทานเป็ นการกระทำดี” งดงามดวยพยายามรั กษาศีล ไมดู่ หมิ่น ้ ้ ดูแคลนผู้ใหญในตระกู ล ฯลฯ (ผู้ที่ไมหวั ่ งผลของทาน แตหวั ่ งใน ่ ความดี) ๓. ยามาภูมิ (สวรรค์ ชั้นที่ ๓) เป็นที่อยู่ของเทพยดาผู้มีแตความสุ ข ่ อันเป็นทิพย์ มีทาวสุ ้ ยามเทวราชเป็นผู้ปกครอง อายุ ๒,๐๐๐ ปี ทิพย์ (๑๔๔ ลานปี ้ มนุษย)์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษยมี์ จิตบริสุทธิ์ พยายามสรางเสบี ยง ไม่ ้ หวั่นไหวในการบำเพ็ญบุญกุศลในการใหทาน เป็นผู้ไมหวั ่ งในผล ้ แห่งทาน ไมมี่ จิตผูกพันในผลแหงทานแลวใหทาน ้ ้ ไมไดใหทานดวย ่ ่ ้ ้ ้ ความคิดวา่ “การใหทานเป็ นการกระทำดี” แตใหทานดวยความคิ ด ่ ้ ้ ้
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
๒๑
วา่ “บิดา มารดา ปู่ ยา่ ตา ยาย เคยให้ เคยทำมา เราก็ไมควรทำให ่ ้ เสียประเพณี” เป็นผู้รักษาศีล มีจิตขวนขวายในพระธรรม ทำความ ดีด้วยใจจริง (ผู้ที่ไมหวั ่ ่ งความดีตอบแทน แตทำทานเพราะ เห็นวาสมควรทำ) ่ ๔. ตุสิตาภูมิ (สวรรค์ ชั้นที่ ๔) เป็นที่อยู่ของเทพเจาผู ้ ้มีความยินดี แชมชื ่ ่นเป็นนิจ มีทาวสั ้ นดุสิตเทวราชปกครอง อายุ ๔,๐๐๐ ปีทิพย์ (๕๗๖ ลานปี ้ มนุษย)์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษยมี์ จิตบริสุทธิ์ ยินดีมากในการบริจาค ทาน ในการใหทาน ้ เป็นผู้ไม่ตั้งความหวังในทาน ไมมี่ จิตผูกพันในผล แหงทานแลวใหทาน ้ ้ ไมมุ่ ่งการสั่งสมในการใหทาน ่ ้ ้ ้ ไมไดใหทานดวย ้ ่ ความคิดวา่ “บิดา มารดา ปู่ ยา่ ตา ยาย เคยใหเคยทำมา เราไมควร ้ ่ ทำใหเสี ดวา่ “เราหุงหากิน แตสม ้ ้ ่ ้ ยประเพณี” แต่ใหทานดวยความคิ ณะหรือพราหมณทั์ ้งหลายไมไดหุ ่ ้ ่ ้ งหากิน เราหุงหากินได้ จะไมให ทานแกสมณะหรื อพราหมณผู์ ้ไมหุ่ งหากิน ยอมเป็ ่ ่ ่ นการไมสมควร” เป็นผู้ทรงศีล ทรงธรรม ชอบฟังพระธรรมเทศนาหรือเป็นพระโพธิ สัตว์รู้ธรรมมาก ฯลฯ (ใหทานดวยความเมตตา) ้ ้ ๕. นิมมานรตีภูมิ (สวรรค์ ชั้นที่ ๕) เป็นที่อยู่ของเทพเจาผู ้ ้ยินดีใน กามคุณอารมณ์ ซึ่งเนรมิตขึ้นมาตามความพอใจ มีทาวสุ ้ นิมมิตเทว-
๒๒
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
ราชปกครอง อายุ ๘,๐๐๐ ปีทิพย์ (๒,๓๐๔ ลานปี ้ มนุษย)์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษยมี์ จิตบริสุทธิ์ ยินดียิ่งในการบริจาคทาน ในการใหทาน เป็นผู้ไมมี่ ความหวังในทาน ไมมี่ จิตใจผูกพันในผล ้ แหงทานแลวให ด ่ ้ ้ ้ ้ ้ ไมมุ่ ่งการสั่งสมในทาน ไมไดใหทานดวยความคิ ่ วา่ “เราหุงหากินไดแตสมณะหรื อพราหมณทั์ ้งหลายไมไดหุ ้ ่ ่ ้ งหากิน เราหุงหากินได้ จะไมใหทานแกสมณะหรื อพราหมณ์ ผู้ไมหุ่ งหากิน ่ ้ ่ ยอมเป็ แตใหทานดวยความคิ ดวา่ “เราจักจำแนก ้ ่ นการไมสมควร” ่ ่ ้ แจกทานเชนเดี ่ ยวกับฤาษีทั้งหลายในกาลกอน” ่ ประพฤติธรรมสม่ำ เสมอ พยายามรักษาศีล ไมใหขาดได ่ ้ ้ มีใจสมบูรณดวยศี ์ ้ ล และมีีวิริยะอุตสาหะในการบริจาคทานเป็นอันมาก เพราะผลวิบากแหงทาน ่ และศีลอันสูงเท่ านั้น จึงอุบัติเกิดในสวรรค์ ชั้นนี้ได ้ (ให้ท านดวย ้ ความเมตตาอยางมุ ่ ่งมั่น) ๖. ปรนิมมิตวสวัตตีภูมิ (สวรรค์ ชั้นที่ ๖) เป็นที่อยู่ของเทพเจาซึ ้ ่ง เสวยกามคุณอารมณ์ แบงเป็ มมิตเทวราช ้ ่ น ฝ่ายเทพยดา มีทาวปรนิ ปกครองกับ ฝ่ายมาร มีทาวปรนิ มมิตวสวัตตีมาราธิราชเป็นผู้ปก ้ ครอง อายุ ๑๖,๐๐๐ ปีทิพย์ (๙,๒๑๖ ลานปี ้ มนุษย)์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษยมี์ จิตบริสุทธิ์ อุตสาหกอสรางกองการ ่ ์่ ้ กุศลใหยิ้ ่งใหญเป็ ่ ้ ณธรรม เมื่อจะ ่ นอุกฤษฏ์ อบรมจิตใจสูงสงไปดวยคุ
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
๒๓
โลกมนุษยม์ีเกิด แก่ เจ็บ ตาย โลกของเทวดานั้นมีเกิดกับตาย ไมมี่ แก่ ไมมี่ เจ็บ โลกนิพพาน ไมมี่ ทั้งเกิด ไมมี่ ทั้งตาย... ทานพอลี ่ ่ ธมฺมธโร
๒๔
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
ใหทานรั ญกันอยางจริ ้ กษาศีลก็ตองบำเพ็ ่ งๆ มากไปดวยศรั ้ ทธาปสา ้ ทะอยางยิ เป็นผู้ไมมี่ ความหวังใน ่ ่งยวดและถูกตองในการใหทาน ้ ้ การให้ทาน ไมมี่ จิตผูกพันในผลแหงทานแลวใหทาน ้ ้ ไมมุ่ ่งการสั่งสม ่ ในทาน ไมไดใหทานดวยความคิ ดวา่ “เราจักเป็นผู้จำแนกแจกทาน ่ ้ ้ ้ เชนเดี แตใหทานดวยความคิ ดวา่ ่ ยวกับฤาษีทั้งหลายแตกาลกอน” ่ ่ ่ ้ ้ “เมื่อเราใหทานอยางนี ้ ่ ้ จิตของเราจะเลื่อมใส จะเกิดความปลื้มใจ และโสมนัส” เพราะวิบากแหงทาน และศีลอันสูงยิ่งเทานั ่ ่ ้น จึงอุบัติ เกิดในสวรรคชั์ ้นนี้ได้ (ใหทานดวยความศรั ทธาในธรรม ทำดวย ้ ้ ้ ใจบริสุทธิ์)
โลกมนุษย์ มนุษยภู์ มิ เป็นที่อาศัยของสัตวผู์ ้มีใจสูงในเชิงกลาหาญที ่จะประ ้ กอบกรรม ตางๆ ่ น๔ ่ ทั้งที่เป็นกุศลกรรมและอกุศลกรรม แบงเป็ จำพวก คือ ๑. ผู้มืดมาแล้วมืดไป บุคคลที่เกิดในตระกูลอันต่ำ ยากจน ขัดสน ลำบาก ฝืดเคือง อยางมากในการหาเลี ้ยงชีพ มีปัจจัย ๔ อยางหยาบ เชนมี ่ ่ อาหาร ่ และน้ำนอย หมนหมอง หรือมี ้ มีเครื่องนุ่งหมเกา ่ ่ รางกายมอซอ ่ ่
๒๕
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
พระพุทธเจาทานจึ ้ ่ งตรัสวา่ มนุษยจะเกิ ์ ดมาเป็นมนุษย์ มันยาก เกิดมาเป็นมนุษย์ แลว้ จะไดเป็ ้ นมนุษยที์ ่ สมบูรณนี์ ่ก็ยาก มันยากจริงๆ หลวงปู่ชา สุภทฺโท
๒๖
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
รางกายไมสมประกอบ บาใบ ่ ่ ้ ้ บอด หนวก หาที่นอน ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรคไมคอยได ่ ่ ้ และเขากลับประพฤติทุจริตทางกาย วาจา ใจ เมื่อตายไปยอมเขาถึ ่ ้ งทุคติอบาย ๒. ผู้มืดมาแลวสวางไป ้ ่ บุคคลที่เกิดในตระกูลต่ำ ผิวพรรณหยาบ ฯลฯ แตเขาเป็ นคน ่ มีศรัทธา ไมมี่ ความตระหนี่ เป็นคนมีความดำริประเสริฐ มีใจไม่ ฟุ้งซาน ยอมลุ ่ ยอมใหทาน ่ ้ ่ กรับสมณะชีพราหมณหรื ์ อวณิพก อื่นๆ ยอมสำเหนี ยกในกิริยามารยาทเรียบรอย ่กำลัง ้ ไมหามคนที ่ ้ ่ จะใหทาน เมื่อตายไปยอมเขาถึ ้ ่ ้ งสุคติโลกสวรรค์ ๓. ผู้สวางมาแล้ วมืดไป ่ เป็นบุคคลผู้อุบัติเกิดในตระกูลสูง เป็นคนมั่งคั่งมั่งมี มีโภค สมบัติมาก เป็นผู้มีปัจจัย ๔ อันประณีต ทั้งเป็นคนที่มีรูปรางสม ่ สวน ่ บเป็นคนไมมี่ ศรัทธา ่ สะสวย งดงาม ผิวพรรณดูน่าชมแตกลั ตระหนี่ ไมมี่ ความเอื้อเฟื้อกรุณาอาทร มีใจหยาบชา้ มักขึ้งโกรธ ยอมดา ภาษบุคคลตางๆ ่ ่ ยอมบริ ่ ่ ไมเวนแมกระทั ่ ้ ้ ่งบิดามารดา สมณ ชีพราหมณ์ ยอมหามคนที ่กำลังใหโภชนาหารแกคนที ่ ้ ่ ่ขอ เมื่อตาย ้ ไปยอมเขาถึ ่ ้ งทุคติอบาย ๔. ผู้สวางมาแล้ วสวางไป ่ ่ เป็นบุคคลที่อุบัติเกิดในตระกูลสูง มีผิวพรรณงาม และเขายอม ่
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
๒๗
ประพฤติสุจริตทางกาย วาจา ใจ เมื่อตายไปยอมเขาถึ ่ ้ งสุคติโลก สวรรค์ บุพกรรม กรรมของมนุษยที์ ่ทำในกาลกอน ้ ปฏิปทา ่ สงผลใหมี ่ ตางกั นคนดี บางคนบา้ บางคนรวย บางคนจน บาง ่ ่ น เชนบางคนเป็
คนมีปัญญา บางคนเขลา ฯลฯ เพราะเหตุปัจจัยตางๆ ่ อาทิ ปฏิปทาใหมี้ อายุสั้น เพราะเป็นคนเหี้ยมโหดดุร้าย มักครา่ ชีวิตสัตว์ ปฏิปทาให้มีอายุยืน เป็นผู้เวนขาดจากการทำชี วิตสัตวให ้ ์ ้ ตก ลวงไป มีความละอาย เอ็นดูอนุเคราะหด้์ วยความเกื้อกูล ่ สรรพสัตวและภู ตอยู่ ์ ปฏิปทามีโรคมาก เป็นผู้มีปกติเบียดเบียนสัตวดวยมื ์ ้ อ ทอน ้ น หรือศาตราอาวุธตางๆ ่ ่ ไม้ กอนดิ ้ น กอนหิ ปฏิปทามีโรคนอย ์ ้ อ หรือศาสตรา ้ ไมเบี ่ ยดเบียนสัตวดวยมื อาวุธตางๆ ่ มีมีด ขวาน ดาบ ปืน เป็นตน้ ปฏิปทาใหมี้ ผิวพรรณทราม เป็นคนมักโกรธ มากไปดวย ้ ความแคนเคื ่ กนอยก็ ้ อง ถูกเขาวาเล็ ้ ขัดใจโกรธเคือง พยาบาทมาด ราย ้งเคียดใหปรากฏ ้ ทำความโกรธ ความรายและความขึ ้ ้ ปฏิปทาใหมี้ ผิวพรรณงาม เป็นคนไมมั่ กโกรธ ไมพยาบาท ่
๒๘
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
ไมมา ้ และความขึ้งเคียดใหปรา้ ้ ไมทำความโกรธความราย ่ ดราย ่
กฏ ปฏิปทาใหเป็ ้ นคนมีศักดานอย ้ คือเป็นคนมีใจริษยามุ่ง ราย ้ ผูกใจในการอิจฉาริษยาในลาภสักการะ ความเคารพ ความ นับถือ การไหวและการบู ชาของคนอื่น ้ ปฏิปทาใหเป็ ้ นคนมีศักดามาก เป็นคนไมมี่ ใจริษยาไม-่ มุ่งรายยิ กการะ ความเคารพ ความนับถือ การไหว้ ้ นดีดวยในลาภสั ้ และการบูชาของคนอื่น ปฏิปทาใหมี้ โภคะนอย ้ เป็นผู้ไมใหขาว ่ ้ ้ น้ำ ผา้ ยาน ที่นอน ที่อาศัย เป็นตน้ ปฏิปทาใหมี้ โภคะมาก ชอบใหทานมี อาหาร น้ำ เครื่อง ้ นุ่งหม่ ของหอม ที่นอนที่อาศัย เครื่องตามประทีปแกสมณะหรื อ ่ ชี พราหมณ์ เป็นตน้ ปฏิปทาใหเกิ ้ ดในตระกูลต่ำ เป็นคนกระดาง ้ เยอหยิ ่ ่ง ไม่ กราบไหวคนที ้ ่ควรกราบไหว ้ ไมลุ่ กรับคนที่ควรลุกรับ ไมใหอาสนะ ่ ้ แกคนที ่ ่ควรให้ ไมใหทานแกคนที ่ ่ควรใหทาน ้ เป็นตน้ ่ ้ ปฏิปทาใหเกิ วจีไพ้ ดในตระกูลสูง เป็นคนออนนอมถอมตน ่ ้ ่ เราะ สงเคราะหเอื ์ ้อเฟื้อ รู้จักยืนเคารพ ยืนรับ ยืนคำนับผู้เฒา่ ผู้ใหญ่
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
๒๙
สักการะแกคนที ่ ่ควรสักการะ เคารพคนที่ควรเคารพ นับถือคนที่ ควรนับถือ บูชาคนที่ควรบูชา เป็นตน้ ปฏิปทาทำใหมี้ ปัญญาทราม คือเป็นผู้ไมเคยเขาไปหาบั ณ่ ้ ฑิต สมณะหรือชีพราหมณแลวสอบถามวา ์ ้ ่ อะไรเป็นกุศล อะไรเป็น อกุศล อะไรมีโทษ อะไรไมมี่ โทษ อะไรควรเสพ อะไรไมควรเสพ ่ เป็นตน้ ปฏิปทาทำใหมี้ ปัญญาหลักแหลม เป็นผู้มักเขาไปสอบ ้ ถามบัณฑิตสมณะหรือชีพราหมณ์ อะไรเป็นกุศล อะไรไมเป็ ่ นกุศล อะไรมีโทษ อะไรไมมี่ โทษ อะไรเมื่อทำลงไปแลว้ ยอมเป็ ่ นไป เพื่อ ความไม ่ เป็ น ประโยชนเกื ์ ้ อ กู ล เพื ่ อ ความทุ ก ขสิ์ ้ น กาลนาน อะไรเมื่อทำไปแลว้ ยอมเป็ ์ ้อกูล เพื่อความสุข ่ นไปเพื่อประโยชนเกื สิ้นกาลนาน ดังนี้
๓๐
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
“ความทุกข์” ทุกข์ทั้งหลายที่เราเป็นทุกข์เป็นร้อนอยู่ในโลก มนุษย์นี้ก็มาจากชาติความเกิดเป็นทุกข์ ถ้าเกิด มาแล้วมันมีทุกสิ่งทุกอย่าง อันจะให้เราทุกคน มีความทุกข์น่ะ ร่างกายสังขารที่เกิดมาแล้ว มันก็มีชราคือความแก่ ความแก่ความชรานี้ ก็เป็นทุกข์อันหนึ่ง แต่คนเรามองเห็นแต่ว่า เหมือนคนแก่ฟันหลุดผมหงอกเนื้อหนังมังสา เหี่ยวแห้งเรียกว่าคนแก่ อันนั้นก็แก่ อันนั้น แก่เปิดเผย แต่ว่าแก่ปิดบังทุกคนมีความแก่ ไปตลอดเวลา หลวงปู่สิม พุทธาจาโร
๓๑
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
โลกเบื้องสูง ปฐมฌานภูมิ ๓, ทุติยฌานภูมิ ๓, ตติยฌานภูมิ ๓, และพรหมภูมิตั้งแตชั่ ้นที่ ๑๐ - ๒๐ (แตละชั ่ นประมาณ ๕,๕๐๘,๐๐๐ โยชน)์ ่ ้นหางกั
รูปพรหม ๑๖ อสงไขยปี = เลข ๑ ตามดวยเลขศู นยอี์ ก ๑๔๐ ตัว ๑ รอบ ้ อสงไขยปี = ๑ อันตรกัป ชั้นที่ ๑ - ๑๑ จุติมาดวยอานิ สงส์ สมถภาวนาชั้นรูปฌาน ้ ทั้ง ๔ ชั้น ชั้นที่ ๑๒ - ๑๖ จุติมาดวยอานิ สงสวิ์ ปัสสนา - ภาวนาจนเกิด ้ ปัญญาสำเร็จเป็นพระอนาคามี ๑. พรหมปาริสัชชาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๑ ภูมิอันเป็นที่อยู่ แหงพระพรหม ผู้เป็นบริษัททาวมหาพรหม พระพรหม อายุ ๒๑ ่ ้ อันตรกัปเศษ บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาสำเร็จปฐมฌาณไดอยางสามั ญ ้ ่ ๒. พรหมปุโรหิตาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๒ ภูมิอันเป็นที่อยแู่ หง่ พระพรหม ทั้งหลาย ผู้ทรงฐานะอันประเสริฐ คือเป็นปุโรหิตของ ทานมหาพรหม พระพรหม อายุ ๓๒ อันตรกัป ่
๓๒
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาสำเร็จได้ ปฐมฌานอยางปาน ่ กลาง ๓. มหาพรหมาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๓ ภูมิอันเป็นที่อยู่แหง่ พระพรหมผู้ยิ่งใหญทั่ ้งหลาย พระพรหม อายุ ๑ มหากัป บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาสำเร็จปฐมฌานไดอยางประณี ต ้ ่ ๔. ปริตตาภาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๔ ภูมิอันเป็นที่อยู่แหงทาน ่ ่ ่มีศักดิ์สูงกว่ าตน พระพรหมทั้งหลาย ผู้มีรัศมีน้อยกวาพระพรหมที ่ พระพรหม อายุ ๒ มหากัป บุพกรรม ผู้ที่จะมาอุบัติบังเกิดในชั้นนี้ไดตองสำเร็ จทุติยฌาน ้ ้ ไดอยางสามั ญ ้ ่ ๕. อัปปมาณาภาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๕ ภูมิอันเป็นที่อยู่ แหงพระพรหมทั ้งหลาย ผู้มีรัศมีรุ่งเรืองมากมายหาประมาณมิได้ ่ พระพรหม อายุ ๔ มหากัป บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาสำเร็จทุติยฌานไดอยางปาน ้ ่ กลาง ๖. อาภัสสราภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๖ ภูมิอันเป็นที่อยู่แหงพระ่ พรหมทั้งหลาย ผู้มีประกายรุ่งโรจนแหงรั ์ ่ ศมีนานาแสง พระพรหม อายุ ๘ มหากัป บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาสำเร็จทุติยฌานไดอยางประณี ต ้ ่
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
๓๓
๗. ปริตตสุภาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๗ ภูมิอันเป็นที่อยู่แหงพระ ่ พรหมทั้งหลาย ผู้มีความสงาสวยงามแหงรั ่ ้ ่ ่ ศมีเป็น สวนนอย พระพรหม อายุ ๑๖ มหากัปป์ บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาสำเร็จตติยฌานไดอยางสามั ญ ้ ่ ๘. อัปปมาณสุภาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๘ ภูมิอันเป็นที่อยู่แหง่ พระพรหมทั้งหลาย ผู้มีความสวยงามแหงรั ่ ศมีมากมายไมมี่ ประมาณ พระพรหม อายุ ๓๒ มหากัปป์ บุพกรรม ผู้ที่จะมาอุบัติบังเกิดในชั้นนี้ไดตองสำเร็ จตติยฌาน ้้ ไดอยางปานกลาง ้ ่ ๙. สุภกิณหาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๙ ภูมิอันเป็นที่อยู่แหง่ พระพรหมทั้งหลาย ผู้มีความสงาสวยงามแหงรั ่ ่ ศมีที่ออกสลับ ปะปนไปอยู่เสมอตลอดสรีระกาย พระพรหม อายุ ๖๔ มหากัปป์ บุพกรรม ผู้ที่จะมาอุบัติบังเกิดในชั้นนี้ได้ ตองสำเร็ จตติยฌาน ้ ไดอยางประณี ต ้ ่ ๑๐. เวหัปผลาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๑๐ ภูมิอันเป็นที่อยู่แหง่ พระพรหมทั้งหลาย ผู้ไดรั้ บผลแหงฌานกุ ศลอยางไพบู ลย์ พระ่ ่ พรหม อายุ ๕๐๐ มหากัป บุพกรรม ผู้ที่เจริญสมถภาวนาสำเร็จจตุตถฌาน ๑๑. อสัญญสัตตาภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๑๑ ภูมิอันเป็นที่อยู่แหง่
๓๔
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
พระพรหมทั้งหลาย ผู้ไมมี่ สัญญา(พรหมลูกฟัก)อายุ ๕๐๐ มหากัป บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาสำเร็จจตุตถฌาน และเป็นผู้มีสัญญาวิราคภาวนา ๑๒. อวิหาสุทธาวาสภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๑๒ ภูมิเป็นที่อยู่อัน บริสุทธิ์แหงพระอนาคามี อริยบุคคลทั้งหลาย ผู้ไมเสื ่ ่ ่อมคลายใน สมบัติของตนพระพรหมอนาคามี อายุ ๑,๐๐๐ มหากัป บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาไดจตุ ้ ตถฌาน และเจริญวิปัสสนา ภาวนาจนสำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคล มีสัทธินทรียแกกลา ์ ่ ้ ๑๓. อตัปปาสุทธาวาสภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๑๓ ภูมิเป็นที่อยู่ อันบริสุทธิ์แหงพระอนาคามี อริยบุคคลทั้งหลาย ผู้ไมมี่ ความเดือด ่ รอน ้ พระพรหมอนาคามี อายุ ๒,๐๐๐ มหากัป บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาไดจตุ ้ ตถฌาน และเจริญวิปัสสนา ภาวนาจนสำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคล โดยมีวิริยินทรีย์ แกกลา ่ ้ ๑๔. สุทัสสาสุทธาวาสภูมิ พรหมโลก ชั้น ๑๔ ภูมิเป็นที่อยู่อัน บริสุทธิ์แหงอนาคามี อริยบุคคลทั้งหลาย ผู้มีความเห็นแจมใส ่ ่ พระพรหมอนาคามี อายุ ๔,๐๐๐ มหากัป บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาไดจตุ ้ ตถฌาน และเจริญวิปัสสนา ภาวนาจนสำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคลโดยมีสตินทรียแกกลา ์ ่ ้
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
๓๕
๑๕. สุทัสสีสุทธาวาสภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๑๕ ภูมิเป็นที่อยู่อัน บริสุทธิ์แหงพระอนาคามี อริยบุคคลทั้งหลาย ผู้มีความเห็นอยาง ่ ่ แจมใสมากกวา ่ ่ พระพรหมอนาคามี อายุ ๘,๐๐๐ มหากัป บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาไดจตุ ้ ุตถฌาน และเจริญวิปัสสนา ภาวนาจนสำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคล โดยมีสมาธินทรีย์ แกกลา ่ ้ ๑๖. อกนิฏฐาสุทธาวาสภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๑๖ ภูมิเป็นที่อยู่ อันบริสุทธิ์แหงพระอนาคามี อริยบุคคลทั้งหลาย ผู้ทรงคุณวิเศษโดย ่ ไมมี่ ความเป็นรองกัน พระพรหมอนาคามี อายุ ๑๖,๐๐๐ มหากัป บุพกรรม ผู้เจริญสมถภาวนาไดจตุ ้ ตถฌาน และเจริญวิปัสสนา ภาวนาจนสำเร็จเป็นพระอนาคามีอริยบุคคล โดยมีปัญญินทรีย์ แกกลา ่ ้
อรูปพรหม ๔ จุติมาดวยสมถภาวนาขั ้นอรูปฌานทั้ง ๔ ถึงจะสุขมากนานแสน ้ นาน แตพระพุ ทธองคทรงกลาววา ้ ่ ์ ้ ขอใหทาน ่ ่ “ถึงการฉิบหายแลว” ่ ทั้งหลายจงศึกษาดูเองเถิดวา่ “ฉิบหายอยางไร” ่ ๑๗. อากาสานัญจายตนภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๑๗ ภูมิเป็นที่ อยู่แหงพระพรหมผู ้วิเศษ ผู้เกิดจากฌานที่อาศัยอากาสบัญญัติซึ่ง ่ ไมมี่ ที่สุดเป็นอารมณ์ อรูปพรหม อายุ ๒๐,๐๐๐ มหากัป
๓๖
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
บุพกรรม โยคีฤาษีผู้ไดจตุ จอากาสานัญ ้ ้ ตถฌานแลวและสำเร็ จายตนฌาน ๑๘. วิญญาณัญจายตนภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๑๘ ภูมิเป็นที่ อยู่แหงพระพรหมผู ้วิเศษ ผู้เกิดจากฌานที่อาศัยวิญญาณอันไมมี่ ที่ ่ สิ้นสุดเป็นอารมณ์ อรูปพรหม อายุ ๔๐,๐๐๐ มหากัป บุพกรรม โยคีฤาษีผู้ไดอากาสานั ญจายตนฌาน และสำเร็จวิญ ้ ญาณัญจายตนฌาน ๑๙. อากิญจัญญายตนภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๑๙ ภูมิเป็นที่ อยู่แหงพระพรหมผู ้วิเศษ ผู้เกิดจากฌานที่อาศัยนัตถิภาวบัญญัติ ่ เป็นอารมณ์ อรูปพรหม อายุ ๖๐,๐๐๐ มหากัป บุพกรรม เป็นโยคีฤาษีผู้ไดวิ้ ญญาณัญจายตนฌาน และสำเร็จ อากิญจัญญายตนฌาน ๒๐. เนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ พรหมโลก ชั้นที่ ๒๐ ภูมิ เป็นที่อยู่แหงพระพรหมผู ้วิเศษ ผู้เกิดจากฌานที่อาศัยความประ่ ณีตเป็นอยางยิ ่ ่ ่ สัญญาก็ไมใช ่ ่ อรูปพรหม อายุ ่ ่งมีสัญญาก็ไมใชไมมี ๘๔,๐๐๐ มหากัป บุพกรรม โยคีฤาษีผู้ไดอากิ ้ ญจัญญายตนฌาน
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
๓๗
จะเห็นวา่ สัตวโลกทั ์ ้งหลายที่เวียนวายอยู ่ ่ในสังสารวัฏทั้ง ๓๑ ภพภูมิ ทั้งโลกอบาย หรือนรกภูมิ ซึ่งเป็นภพเบื้องต่ำ ภพเบื้องกลาง คือ มนุษยและเทวภู มิ ตลอดจนภพเบื้องสูงคือพรหมภูมินั้น ขึ้น ์ อยู่กับ กรรม ที่ตนทำไวทั้ ้งสิ้น และตางก็ ยนเกิด ์ ่ ไดรั้ บทุกขจากการเวี เวียนตายไมมี่ ที่สิ้นสุด ดังเชนที ว ญาณสัม่ ่ทานหลวงตาพระมหาบั ่ ปันโน แหงวั จังหวัดอุดรธานี สมัยที่ทานยั ่ ดป่าบานตาด ่ งมีชีวิตอยู่ ้ ไดเคยสั ์ ้้ ้ ่งสอนบรรดาลูกศิษยไวดวยความหวงใยเสมอๆวา ่ ่ “ขอใหเชื ้ ่อพระพุทธเจาเถิ ้ ดวา่ “บาปมี บุญมี นรกมี สวรรคมี์ พรหมโลกมี นิพพานมี ทำดีไดดี้ ทำชั่วไดชั้ ่ว หลวงตาก็แกมากแลว ้ ่ หวงลู ่ กหลานชาวไทยเรามากขึ้นทุกวัน” เมื่อชีวิตยังมีเกิด ก็ยอมมี ่ ตายเป็นธรรมดา ทุกชีวิตมีเกิด - ดับ ไมมี่ ที่สิ้นสุด ตางแตวาผู ้ ้และ ่ ่ ่ ้ใดจะมีปัญญามองเห็นสัจจธรรมขอนี ขวนขวายดิ้นรนหาทางออกจากวัฏวนแหงทุ ่ กขหรื ์ อไมเทานั ่ ่ ้น ดก็จะ ถาสั ์ งไมเห็ ้ ตวโลกยั ่ ่ นสัจจธรรมของการเวียนวายตายเกิ ยังมัวเมา หลงระเริงกับการใชชี้ วิตอยางเพลิ ดเพลินไปวันวัน ไมดิ่ ้น ่ รนขวนขวายหาทางออกจากทุกขเป็ ์ นธรรมดา สวนผู ด ่ ้มีดวงตาเห็นธรรม และอยากออกจากวัฏวนแหงการเกิ ่ การตาย ก็จะศึกษาและปฏิบัติธรรมไดแก ้ ่ อริยสัจ ๔ มี ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
๓๘ ทุกข์
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
- เนื่องจากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย - จากการพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ประสบกับสิ่ง ที่ไม่ รัก ไมสมหวั ง ผิดหวัง ่ - จากการติดรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส สมุทัย - เป็นสาเหตุที่ทำใหเกิ ้ ดทุกข์ จากตัณหา คือความ อยาก อยากในกามรส อยากเป็นนั่น เป็นนี่ ไมอยากเป็ นนั่น เป็นนี่ ่ - สาเหตุจากราคะ คือความเพลิดเพลินยินดีในกาม นิโรธ - ความดับทุกข์ คือการปลอยวาง ดับ พน้ สละคืน ่ ไมพั่ วพัน ไมอาลั ่ ย มรรค - ขอปฏิ ๘ ประการ เป็นทางเดิน ์ ้ บัติที่มีองคประกอบ สายกลาง ทำใหสามารถหยั ่งรู้ ทำใหเกิ ้ ้ ดความสงบ รอบรู้สามารถ ดับกิเลสไดโดยสิ ้ ้นเชิง ทุ ก ขและสมุ ท ั ย จึ ง เป็ น ตั ว ผลและตั ว เหตุ ท ี ่ ท ำใหเกิ ์ ้ ด ทุ ก ข์ สมุทัยเป็นตัวเหตุที่ทำใหทุ้ กขเกิ ์ ดขึ้นทั้งทางกายและทางใจของเรา สวนนิ ่ โรธและมรรค เป็นตัวผลและตัวเหตุที่ทำใหทุ้ กขนั์ ั้นดับ ไป โดยมรรคเป็นหนทาง และวิธีการที่ผู้ปฏิบัติตามอยางมุ ่ ่งมั่น จริง จัง ไมลดละ จะสามารถดับทุกขไดโดยสิ ์ ้ ้นเชิงนั้นก็คือ ถึงขั้น นิโรโธ ่ โหติ ความดับสนิทแหงทุ ่ กขทั์ ้งหลายทั้งปวง มรรคทั้ง ๘ ประการ นั้นมีอะไรบาง ้
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
๓๙
มรรค ๘ นั้นไดแก ้ ่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ ๑. สัมมาทิฏฐิ, ความเชื่อ, ความเห็นชอบ ๒. สัมมาสังกัปปะ, ความดำริชอบ มรรคทั้ง ๒ ขอนี ้ ้จัดอยู่ในหมวดปัญญา อยางนอยที ์ วิต ่ ้ ่สุดในเบื้องตนก็ ้ ตองมี ้ ปัญญา เห็นความทุกขในชี ของตนเอง จึงจะขวนขวายดำริหาทางใหทุ้ กขหายไป, ดับไป ์ ๓. สัมมาวาจา, เจรจาชอบ, การพูดจาโดยถือหลักไมพู่ ดจา เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ๔. สัมมากัมมันตะ, การงานชอบหมายถึงการทำงานในชีวิต ประจำวันโดยยึดหลักธรรมะดานความสุ จริต ซื่อตรง งานที่ทำ ้ นั้นเป็นประโยชนทั์ ้งแกตนและผู ้อื่น ่ ๕. สัมมาอาชีวะ, เลี้ยงชีพชอบ ดวยการทำมาหากิ นอยางสุ ่ จริต ้ ไมเอารั ้ ่ ช่ องทางที่จะทำได้ แตถาทำแลว ้ ่ ้ ่ ดเอาเปรียบผู้อื่น แมวาจะมี ทำใหผู้ ้อื่นลำบาก สังคมเดือดรอน ้ ประเทศชาติล่ มจม แต่ตัวเราได้ ประโยชน์ ร่ำรวย ยิ่งใหญ่ เราก็ไมทำ ่ ทั้ง ๓ ขอนี ้ ดทายคื ้ ้จัดอยู่ในหมวดศีลและอีก ๓ ขอสุ ้ อ ๖. สัมมาวายามะ, ความเพียรชอบ ๗. สัมมาสติ, ความรู้สึกตัวทุกขณะจิต, ทุกอิริยาบถ
๔๐
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
๘. สัมมาสมาธิ, ความตั้งมั่นแห่งจิต ๓ ขอสุ ้ ดทายนี ้ ้จัดอยู่ในหมวดสมาธิ มรรคทั้ง ๓ ขอนี ้ ้ตองทำไปพรอมๆ ้ ้ กันทุกอิริยาบถ ทุกขณะจิต จะตองเพี ้ ยรพยายาม รู้สึกตัวอยู่เสมอ มีสติโดยการกำหนดที่จิต หรือกายก็ไดตลอด เวลา ซึ่งถาฝึ ้ ้ กไปมากๆ จิตจะตั้งมั่นเป็นสมาธิ ไดเองโดยอั ตโนมัติ และจะเป็นประโยชนตอชี ์ ่ วิตของเรามากเพราะ ้ สามารถควบคุมใจไมใหคิ เพราะธรรมดา ่ ซึ่งทำไดยากมาก ้ ่ ้ ดฟุ้งซาน ใจหรือจิตไมเคยอยู ่นิ่งเฉยเมื่อใจสั่งจิตตั้งมั่นแลว้ ปัญญาจะเกิดได้ ่ งาย ก็สามารถทำไดอยาง ์่ ้ ่ ่ คิดนึกอะไรที่เป็นประโยชนตอการงาน ทะลุปรุโปรง่ สามารถแกปั้ ญหาตางๆ ได้ นับตั้งแตปั่ ญหาชีวิต ่ ปัญหาการงาน การเรียนและสังคม เป็นตน้ ในการปฏิบัติมรรค ๘ จึงตองปฏิ บัติทั้ง ศีล สมาธิและปัญญา ้ ไปพรอมๆ ้ กัน เมื่อปฏิบัติมรรค ๘ แลว้ จะนำมาใชกั้ บชีวิตไดอยางไร จึง ้ ่ จะทำใหพนทุ บมาเกิดตายอีกตอไป ้ ้ กข์ ไมตองกลั ่ ่ ้ ชีวิตเรามี ๒ สวน ่ ประกอบดวย ้ กายและจิต (หรือใจ) ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ กายและจิตจะอยู่ร่วมกัน แตเมื ่ ่อเราตาย ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ จะแตกสลายไป สวนจิ งคงอยู่ ่ ตนั้นไมตายจะยั ่ ธาตุ ๔ ก็จะแตกแยกออกเป็น ดิน น้ำ ลม ไฟ นั่นคือสวนที ่ ่
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
๔๑
เป็นเนื้อ หนัง เอ็น กระดูก ฯลฯ ก็จะผุพัง ย่อยสลายกลายเป็น เป็นดิน หิน ทราย ฯลฯ สวนที ่ ่เป็นน้ำ เชนน้ ่ ำตา น้ำลาย น้ำมูตร น้ำเลือด น้ำหนองฯลฯ จะกลายเป็นน้ำไปสู่ธาตุน้ำ สวนที ่ ่เป็นลม เชนลมหายใจ ก็จะกลับไปสู่ธาตุลม และธาตุไฟ ไดแกความอบอุ ่น ่ ้ ่ ความรอนตางๆในรางกายก็ จะสลายไปอยู่กับธาตุไฟดวยกั ้ ้ ่ ่ ้ น ถาเรา สัมผัสหรือคลำดูรางกายของคนที ่ตายไปนานหลายๆชั่วโมง จะรู้สึก ่ วาความอบอุ ่นหายไป โดยเฉพาะสวนมื นกอน ่ อและเทาจะเย็ ้ ่ ่ ขันธ์ ๕ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณก็เชนเดี ่ ยวกัน เมื่อ ธาตุแตก ขันธก็์ ดับไป หลวงปู่สิม พุทธาจาโร วัดถ้ำผาปลอง ่ จ.เชียงใหม่ ไดกลาวไว ้ ่ ้ ในการเทศนาสั่งสอนวา่ “เวลาความตายมาถึงเขา้ กายกับจิตจะอยู่ดวยกั ้ ันไมไดเรี ่ ้ ยก วาแยกกั นไป จิตทำบาปไวก็้ ไปสู่บาป จิตทำบุญไวก็้ ไปสู่บุญ จิตละ ่ ไมไดก็ ่ ้ มาเวียนตาย เวียนเกิด วุ่นวายอยู่อยางนี ่ ้ แมพระพุ ทธเจามาตรั สรู้ในโลกนานถึงสองพันกวาปี ้ ้ ้ ตาม ่ แลวก็ แตมนุ ยิ่งในปัจจุบันนี้ ยิ่งมาก ่ ษยทั์ ้งหลายก็ยังไมหมดไปจากโลก ่ กวาในสมั ยกอน ่ ่ มันเกิดมาจากไหน ก็เกิดมาจากจิตที่เต็มไปดวย ้ อวิชา ความไมรู่ ้ ตัณหา ความดิ้นรน(ไมสงบตั ้ ่ ้งมั่นดวยความทะยาน อยาก) ก็สรางตั ้ วขึ้นมาในแตละบุ ่ คคล แลวก็ ้ ้ มาทุกข์ มาเดือดรอน
๔๒
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
วุ่นวาย อยู่ในวัฏสงสารอยางนี ่ ้แหละ และที่ท่านพอลี ่ ธมฺมธโร วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ ได้ เคยเทศนาไววา ้ ่ “คนที่กำลังจะตายนั้น ถาจิ ้ ตไปเกาะยึดกับสิ่งใด สิ่งหนึ่งวิญญาณที่ออกจากรางไป ก็วนเวียนไปเกาะอยู่กับสิ่งนั้น ่ เหมือนกับผลไมที้ ่หอยอยู ่กับกิ่งบนตนของมั น ถากิ ้ ้ ้ ่งไปอยู่ตรงที่ที่ดี ผลของมันก็หลนลงมางอกในที ่ที่ดี แตถากิ ่ ้ ่งเอนไปอยู่ตรงที่ที่ไมดี่ ่ ผลที่ตกลงมาสู่พื้นดินก็จะงอกในที่ไมดี่ ฉันนั้น คนที่ไมมี่ สมาธิ จิตใจมีนิวรณ์ ความกังวล หวงลู ่ กหวงหลาน ่ หวงทรั ์ ติ ฯลฯ เวลาตายไปจิตจะไปเกาะอยู่ที่ลูก หลาน ่ พยสมบั ทรัพยสมบั ์ ติ บางคนวิญญาณก็จะกลายเป็นผีเฝ้าทรัพย์สมบัติ ลูกหลาน บานเรื ่ ้ ้ อน หาความสงบไมได ดังนั้นนอกจากการใหทานรั ่นเจริญ สติ ้ กษาศีลแลว้ เราตองหมั ้ สมาธิภาวนาดวยเป็ ้ นประจำ เมื่อทำสติสมาธิจนตั้งมั่น จิตมีกำลังเขมแข็ ้ ้ งมากพอก็ตองออก มาพิจารณากายและจิต ถาพิ ้ จารณากายก็แยกแยะออกเป็น กาย เวทนา จิต ธรรมหรือพิจารณากายใหเห็ ้ นเป็นธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ จนเห็นกายสลายกลายเป็นดิน ดังไดอธิ ้ บายมาแลวหรื ้ อพิจารณ า เวทนา คือ สุข ทุกข์ เจ็บปวด เชนขณะที ่กำลังคิดอะไรเพลินอยู่ ่ เราเกิดถูกของมีคมบาดเท้ า ขณะนั้นเราอาจจะยังไม่รู้สึกเจ็บปวด
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
๔๓
เพราะจิตยังเพลินอยู่กับเรื่องที่ิคิด จนเหลือบมองเห็นเลือดไหลแดง นองเต็มพื้นมากมายกายกอง จะรู้สึกเจ็บปวดทันทีแทบเป็นลม ่ ทำไมจึงเป็นเชนนั ่ ้น นาคิ ่ ดนะ ก็เพราะจิตของเรารับรู้กับการ ถูกมีดบาดเทา้ ความรู้สึกวามั งทำใหรู้ ้สึกเจ็บ ก็ ้ ่ นเป็นเทาของเราจึ ถ้ามีดบาดเทา้คนอื่นละ่ ทำไมเราถึงไม่เจ็บ ก็เพราะไมใช่ ้ ่ เทาของ เรา อะไรละที ้ ่ นเป็นเทาของเรา ่ ่ทำใหรู้ ้สึกเจ็บ ก็เพราะเราไปยึดวามั การที่ยึดถือวานี ่ ่เป็นตัวเรา เป็นของของเราก็คือมี อุปาทาน นั้นเอง เมื่อมีอุปาทาน ตัณหาจะตามมา คืออยากใหทุ้ กขคื์ อความเจ็บปวด (เวทนา)หายไปฯลฯ ดังนี้เป็นตน้ ซึ่งถาพิ ้ จารณาจนมองเห็นวา่ เวทนาก็ดี ตัณหาก็ดีที่เกิดขึ้นไม่ มีตัวตน ไมใชของเรา เกิดขึ้น แลวก็ ้ ดับไป เกิดขึ้นแลวก็ ้ ดับไป ก็จะ ่ ่ เห็นสภาวะธรรมของทุกสิ่งทุกอยางในโลกวามี ่ ลักษณะ ๓ ประการ ่ เหมือนกันหมด คือไมเที ่ ่ยง เป็นทุกข ์ เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาไม่ มีอะไรที่นายึ ่ ดถือ นั่นคือเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในทุกสรรพสัตว์ ทุกสรรพสิ่งนั่นเอง อุบายในการพิจารณายังมีอีกมากมาย ขอเนนย้ ้ ำวาตองทำใน ่ ้ ขณะที่จิตสงบมีสติและสมาธิเทานั ่ ้น มิฉะนั้นจิตจะไมมี่ กำลัง การ พิจารณาก็จะออกไปในเรื่องที่ฟุ้งซานดวยกำลั งของกิเลส กลายเป็น ่ ้ วิปัสนึก ไมใชการทำวิ ปัสนา ่ ่
๔๔
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
ในชีวิตประจำวัน สามารถหยิบยกเรื่องตางๆ ่ มาพิจารณาใคร่ ครวญไดทุ้ กเรื่อง อุบายในการพิจารณามีมากมาย จะยกเป็นตัว อยางสั ่ ก ๒-๓ เรื่อง - ถาเป็ ้ยว ้ นคนติดในรสชาดของอาหาร เมื่อตักอาหารใสปากเคี ่ เคี้ยวๆๆ แลวคายออกมาแลวกลั นเขาไปอี ้ บใสปากกิ ่ ้ ก จะทำไดไหม ้ ้ และจะรู้สึกอยางไร ่ - อาหารที่เรากินเขาไป ้ ขณะกินรู้สึกเอร็ดอรอย ่ แตเมื ่ ่อขี้ออก มา เหม็นหรือหอม ซึ่งมันก็คืออาหารอรอยๆที ่เรากินเขาไป ่ ้ - ตอนเย็นเมื่อเราอาบน้ำ เสื้อผาที ้ ่สวมใสทั่ ้งวัน เมื่อถอดออก มามีกลิ่นเหม็นหรือหอม สวนตางๆของรางกายมี กลิ่นอยางไร เมื่อ ่ ่ ่ ่ อาบน้ำ ฟอกสบู่แลวเป็ ่ ้ นอยางไร - ตื่นเชาขึ นสัก ๑-๒ วัน จะทน ่ ้ ้ ้นมาถาลองไมบวนปากแปรงฟั ้ ไดไหม คนใกลเคี ้ เขาใกลใคร ้ ้ เวลาพูด แมลมหายใจ ้ ้ ยงยังตองวิ ้ ่งหนี - รางกายของเราที ่เราหวง ่ ่ น ตัวเรา ของเรา ่ หวงนักหนาวาเป็ ลองเปรียบเทียบดูกับเมื่อยังเยาววั์ ย หนุ่มสาว แกชรา ่ เหมือนกัน หรือตางกั ่ น นับแตผมที ่ ่เคยดกดำ ก็เริ่มหงอกกลายเป็นสีขาว ผิวที่ เคยขาวใสเตงตึ ่ งนวลเนียน ก็ด่ างดำตกกระ เหี่ยวยนไมนาดู ่ ่ ่ นัยตา ที่เคยสดใส แวววาว ก็ฝ้าฟาง ขุ่นมัว ฯลฯ - การเคลื่อนไหวที่เคยคลองแคลวปราดเปรี ยว กระฉับ กระ ่ ่
๔๕
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
...ตรงไหนบางที นาสั ่ มผัส ?... ่ ้ ่ดูน่ารัก นากอด
๔๖
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
เฉงก็กลายเป็นงุ่มงาม ่ เงอะงะ แถมบางคนยังตองใชไมเทาค้ ้ ้ ้ ้ ำยัน - การพูดการจา น้ำเสียงที่เคยหวานใส ก็เริ่มแหบพรา่ สั่นเครือ - สมองที่เคยจดจำเรื่องตางๆ บเปลี่ยนเป็น ่ ไดอยางแมนยำกลั ้ ่ ่ หลงลืม ทำนองไดหนา ้ ้ ลืมหลัง เหลานี ่ ยังมีอุบายการพิจารณาอีกมาก ซึ่ง ่ ้เป็นเพียงตัวอยาง แตละคนถนั ดไมเหมื ่ ่ อนกัน ผู้ใดลงใจใหกั้ บเรื่องใดก็หยิบเรื่องนั้นมา ใครครวญพิ จารณาโดยหัดถามตอบตัวเองวา่ ทำไมหรือเพราะอะไร ่ จึงเป็นอยางนั ่ ่ ่ น ดังนี้เป็นตน้ จนกระทั่งมองเห็น ่ ้น ทำไมแตกอนไมเป็ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ดังไดอธิ ้ บายมาแลว้ ทานหลวงตาพระมหาบั ว ญาณสัมปันโน ไดสอนไววาไมใชวา ่ ้ ้่ ่ ่่ ทุกคนเมื่อเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้วจะปลอยวางไดหมด ให้ ่ ้ พิจารณาอยางนี ซ้ำแลวซ้ ้ ำเลา่ จนรู้สึกเบื่อหนาย ่ ้เสมอๆ บอยๆ ่ ่ คลายกำหนัด เพราะเห็นวา่ “มันก็แคนั่ ้นเอง” เหมือนกันหมด เกิด ขึ้น เสื่อมสลาย แตกหักไป ดับไป ไมมี่ สาระอะไรที่น่ายึดถือ แมตั้ ว เราเองก็อยู่ในกฏไตรลักษณนี์ ้เหมือนกัน ในที่สุดจิตจะปลอยวางไดเอง ่ ้ ้นสู่โลกุตรภูมิหรือภูมิ ้ และกาวขึ พนโลกเป็ นพระอริยเจาคื ้ อ โสดาบัน สกิทาคามี อนาคามีและ ้ อรหันตเจาไมต้ ์ ้ ่ องกลับมาเกิดอีกตลอดอนันตกาล
๔๗
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
ขึ้นชื่อวา่ “ชีวิต” เป็นของไมเที ่ ่ยง แตวา ่ ่ “ความตาย” นั้นเป็นของเที่ยง กอนที ่ ่ ่เราจะตาย จงคิดวาเราจะตาย ครั้งนี้เป็นครั้งสุดทาย.... ้ และจะไมมี่ การตายอีกตอไป ่ นั่นคือ “พระนิพพาน” (ความวาง, ่ ความปลอยวาง).... ่ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
๔๘
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
โลกุตรภูมิ (หรือภูมิพนโลก) ้ โสดาบันโลกุตรภูมิ (ภูมิพนโลก ชั้นที่ ๑) ผู้ถึงภูมินี้ไดชื้ ่อวา่ ้ พระอริยบุคคลโสดาบัน แบงเป็ ่ น ๑. เอกพีชีโสดาบัน จะเกิดอีกชาติเดียว แลวก็ ้ บรรลุพระอรหัต ผล ปรินิพพาน ๒. โกลังโกลโสดาบัน จะเกิดอีก ๒ - ๖ ชาติ เป็นอยางมากแลว ้ ่ ก็บรรลุพระอรหัตผล ปรินิพพาน ๓. สัตตักขัตตุปรมโสดาบัน จะเกิดอีกอยางมากไมเกิ ่ ่ น ๗ ชาติ แลวก็ ้ บรรลุพระอรหัตผล ปรินิพพาน สกทาคามีโลกุตรภูมิ (ภูมิพนโลก ชั้นที่ ๒) ผู้ถึงภูมินี้ไดชื้ ่อวา่ ้ พระอริยบุคคลสกทาคามี ซึ่งจะเกิดอีกเพียงชาติเดียว แบงเป็ ่ น ๕ ประเภท คือ ๑.ผู้ถึงภูมินี้ในมนุษยโลก และบรรลุพระอรหัตผลในมนุษยโลก ์ ๒. ผู้ถึงภูมินี้ในมนุษยโลกแลวไปบรรลุ พระอรหัตผลในเทวโลก ้ ๓.ผู้ถึงภูมินี้ในเทวโลก และบรรลุพระอรหัตผลในเทวโลก ๔. ผู้ถึงภูมินี้ในเทวโลกแลวมาบรรลุ พระอรหัตผลในมนุษยโลก ้ ๕. ผู้ถึงภูมินี้ในมนุษยโลกแลวจุ ้ ติไปเกิดในเทวโลกแลวกลั ้ บมา บรรลุพระอรหัตผลในมนุษยโลก
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
๔๙
อนาคามีโลกุตรภูมิ (ภูมิพนโลก ชั้นที่ ๓)ผู้ถึงภูมินี้ไดชื้ ่อวา่ พระ ้ อนาคามี จะไมกลั ่ บมาเกิดในกามภูมิอีก แบงเป็ ่ น ๕ ประเภท คือ ๑. อันตราปรินิพพายี สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ปรินิพพานภาย ในอายุครึ่งแรกของสุทธาวาสภูมิพรหมโลกที่สถิตอยู่ ๒. อุปทัจจปรินิพพายี สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ปรินิพพานภาย ในอายุครึ่งหลังของสุทธาวาสภูมิพรหมโลกที่สถิตอยู่ ๓. อสังขารปรินิพพายี สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ปรินิพพานใน พรหมโลกที่สถิตอยู่โดยสะดวกสบายไมตองใชความเพี ยรมาก ่้ ้ ๔. สสังขารปรินิพพายี สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ปรินิพพานใน พรหมโลก โดยตองเรงความเพี ยรอยางแรงกลา ้ ้ ่ ่ ๕. อุทธังโสตอกนิฏฐคามี ไปเกิดในสุทธาวาส ชั้นต่ำที่สุด (อวิหาสุทธาวาสพรหมโลก) แลวจึ ้ งจุติไปเกิดชั้นสูงขึ้นไปตามลำดับ คือ อวิหา อตัปปา สุทัสสา สุทัสสี แลวสำเร็ จเป็นพระอรหันตปริ ์ นิพพาน ้ ในอกนิฏฐพรหมโลก อรหัตโลกุตรภูมิ (หลุดพนโลก) มี ๒ ประเภท ้ ๑. เจโตวิมุตติ เป็นผู้ปฏิบัติสมถกรรมฐานไดฌานกอน ้ ่ แลว้ เจริญวิปัสสนากรรมฐานตอจนสำเร็ จพระอรหันต์ หรือผู้ที่ปฏิบัติ ่ เฉพาะวิปัสสนากรรมฐาน เมื่อไดมรรคผลนั ้นพรอมกั ้ ้ บไดวิ้ ชชา ๓ อภิญญา ๖ สามารถแสดงฤทธิ์ได้
๕๐
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
๒. ปัญญาวิมุตติ สำเร็จพระอรหันตดวยการปฏิ บัติวิปัสสนา ์้ กรรมฐานลวนๆ ไมไดบำเพ็ เรียกวา่ ้ ่ ้ ญสมถกรรมฐานมากอนเลย ่ สุกขวิปัสสกพระอรหันต์ คือ ผู้ปฏิบัติทำใหฌานแหงแลง ้ ้ ้ ผู้ถึงอรหันต์ เป็นผู้ที่สมควรแกการบู ่ ชาของเหลาเทพยดาและ ่ มนุษยทั์ ้งหลาย เพราะสิ้นกิเลสโดยตัดสังโยชน์ ๑๐ ประการได้ สามารถเขาอรหั พพานไดตามปรารถ้ ์ ้ ตผลสมาบัติ เสวยอารมณพระนิ นา และไมตองเวี ดอีกในวัฏสงสาร เมื่อสิ้นอายุขัยก็ ่ ้ ยนวายตายเกิ ่ ดับขันธ ปรินิพพาน
" ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต "
นรก สวรรค์ ฉั น ไ ม่ เ ลื อ ก
๕๑
พระอรหันต์ หมายถึง ผู้สำเร็จธรรมวิเศษสูงสุดในพระพุทธ ศาสนา, พระอริยบุคคลชั้นสูงสุดใน ๔ ชั้น คือ พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต,์ พระอรหันต์ เป็นผู้ละสังโยชน์ ไดทั้ ้งหมด สังโยชน์ หมายถึง กิเลสที่ผูกมัดใจสัตว,์ ธรรมที่มัดสัตวไวกั ์ ้ บทุกข์ มี ๑๐ อยาง ่ คือ ก.โอรัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชนเบื ์ ้องต่ำ ๕ ไดแก ้ ่ ๑. สักกายทิฏฐิ ความเห็นวาเป็ ่ นตัวของตน ๒. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย ๓. สีลัพพตปรามาส ความถือมั่นศีลพรต ๔. กามราคะ ความติดใจในกามคุณ ๕. ปฏิฆะ ความกระทบกระทั่งในใจ ข. อุทธัมภาคียสังโยชน์ สังโยชนเบื ์ ้องสูง ๕ ไดแก ้ ่ ๖. รูปราคะ ความติดใจในรูปธรรมอันประณีต ๗. อรูปราคะ ความติดใจในอรูปธรรม ๘. มานะ ความถือวาตนเป็ นนั่นเป็นนี่ ่ ๙. อุทธัจจะ ความฟุ้งซาน ่ ๑๐. อวิชชา ความไมรู่ ้จริง พระโสดาบัน ละสังโยชน์ ๓ ขอตนได ้ ้ ้ พระสกิทาคามี ทำสังโยชนข้์ อ ๔ และ ๕ ใหเบาบางลงดวย ้ ้ พระอนาคามี ละสังโยชน ์ ๕ ขอตนไดหมด ้ ้ ้ พระอรหันต์ ละสังโยชนทั์ ้ง ๑๐ ขอ้
หนังสืออางอิ ้ ง ๑. ลูกศิษยทานพอลี ์ ้งที่ ๑. ์ ่ ่ ธมฺมธโร สมุทรปราการ. วัฏสงสาร ๓๑ ภูม.ิ พิมพครั กรุงเทพฯ : ลูกศิษยทานพอลี ์ ่ ่ ธมฺมธโร สมุทรปราการ, ๒๕๕๕ ๒. สำนักพิมพคอมมาจำกั ์ ์ ้งที่ ๑. กรุงเทพฯ : ่ ด. ธรรมะพระอริยสงฆ.์ พิมพครั สำนักพิมพคอมมาจำกั ์ ่ ด, ๒๕๔๘ ๓. สำนักพิมพโอเชี โอวาทพระอริยสงฆ์ แกกรรม, พิมพครั ์ ์ ้งที่ ๑. ์ ยนเอ็กซเพรส. ้ กรุงเทพฯ : ๒๕๔๕ ๔. มูลนิธิพระสงบ มนสุสนฺโต. “พระอรหันต”์ ใน ประวัติการภาวนาองคหลวงตา ์ มหาบัว ญาณสมฺปนฺโน หนา้ ๑๓. กรุงเทพฯ : บริษัทอมรินทรพริ ์ ้นติ้ง แอนด์ พับ ลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน), ๒๕๕๕ ๕. กะทิสำนักพิมพ.์ “ธาตุขันธ์ - สังขาร” ใน คู่มือพิจารณาธาตุขันธ์ สังขาร หนา้ ๖๒ - ๖๓. กรุงเทพฯ : บริษัทพิฆเณศ พริ้นทติ์ ้ง เซ็นเตอร์ จำกัด, แหลงธรรมะจากอิ นเตอรเน็ ์ ต ่ ๑. http://www.watasokaram.org/ ๒. http://www.luangta.com/ ๓. http://www.dhammathai.org/ ๔. http://www.dhammajak.net/ ๕. http://www.palungjit.com
พระพุทธองค์ ทรงตรัสไว้ ในคำสอน ทำดี ไดดี้ ทำชั่ว ไดชั้ ่วพลัน หวังหลุดพน้ การเวียนวาย ่ ในวัฏฏะ ปฏิบัติ ทาน-ศีล ภาวนา รู้ทุกข์ สมุทัย นิโรธมรรค อีกหนทาง พนทุ ้ กขภั์ ย ในชีวี หากมุ่งมั่น หมั่นทำ ตามคำสอน ละอัตตา ตัวตนได้ ไปนิพพาน อริยบุคคลนี้ มีสี่ขั้น ขั้นที่สอง สกทาคามี ที่ควรไป ขั้นที่สี่ อรหันต์ ขั้นสุดทาย ้ ทำความเพียร กันดีกวา่ อยารอรี ่
มีจริงแท้ แนนอน ่ นรกสวรรค์ ทางไปนั้น แล้วแตกรรม จะนำพา ่ ควรที่จะ สนใจ ใฝ่ศึกษา รู้คุณคา่ สัจจธรรม สรางกรรมดี ้ อันเป็นหลัก แหงอริ ่ ย - สัจสี่ ตามวิถี มรรคมีองค์ แปดประการ ไมยอหยอน ่ ่ ่ มุ่งทำ กรรมฐาน มิชานาน คงสมหวัง ที่ตั้งใจ ้ โสดาบัน ขั้นที่หนึ่ง อาจถึงได้ ขั้นสามไซร์ คือ อนาคามี จุดมุ่งหมาย ไมเกิ ่ ดแลว้ ในโลกนี้ โอกาสมี เขาถึ ้ ง ซึ่งนิพพาน
.....คณะศิษยทานพอลี ์ ่ ่ ธมฺมธโร วัดอโศการาม