1
1. ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการตลาดออนไลน์ 1.1 ความหมายของตลาดและการตลาดออนไลน์ การตลาด (Marketing) คือกระบวนการของการสื่อสารคุณค่าของผลิตภัณฑ์หรือบริการไปยังลูกค้า การตลาดอาจถูกตีความว่าเป็นศิลปะแห่งการขายสินค้าในบางครั้ง แต่การขายนั้นเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่ง ของการตลาด การตลาดอาจถูกมองว่าเป็นหน้าที่ขององค์การและกลุ่มกระบวนการเพื่อการผลิต การส่งสินค้าและ การสื่อสารคุณค่าไปยังลูกค้า และการจัดการความสัมพันธ์ต่อลูกค้า ในทางที่เป็นประโยชน์แก่องค์การและผู้ถือหุ้น การจัดการการตลาดเป็นศิลปะของการเลือกตลาดเป้าหมาย ตลอดจนการได้มาและการรักษาลูกค้า ผ่านทางการ จัดหาคุณค่าของลูกค้าที่เหนือกว่า มโนทัศน์ 5 อย่างหลัก ๆ ที่องค์การสามารถเลือกเพื่อนาไปดาเนินการธุรกิจให้ ประสบความสาเร็จได้ดังนี้ เน้นการผลิต เน้นผลิตภัณฑ์ เน้นการขาย เน้นการตลาด เน้นการตลาดองค์รวม ซึ่งองค์ประกอบสี่อย่างของการตลาดองค์รวมคือ การตลาดความสัมพันธ์ การตลาดภายใน การตลาดครบวงจร และการตลาดรับผิดชอบต่อสังคม กลุ่มของภาระหน้าที่ที่สาคัญต่อการจัดการการตลาดที่ประสบผลสาเร็จประกอบ ไปด้วย การมองการตลาดเชิงลึก การติดต่อเชื่อมโยงกับลูกค้า การสร้างตราสินค้าที่มั่นคง การสร้างผลิตภัณฑ์ที่ ตอบสนองลูกค้า การส่งสินค้าและการสื่อสารคุณค่า การสร้างความเจริญเติบโตในระยะยาว และการพัฒนากล ยุทธ์และแผนการตลาด Online Marketing(การตลาดออนไลน์) คือการทาการตลาดโดยผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งวิธีนี้เป็นการ ทาการตลาดที่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ในเวลาอันรวดเร็ว โดยสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ทั่วโลกหรือแบบ เฉพาะเจาะจงแล้วแต่ความต้องการของลูกค้า Online Marketing(การตลาดออนไลน์) สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งในเรื่องของพนักงานขาย การ โฆษณาประชาสัมพันธ์ในรูปแบบสื่อต่างๆ เช่น หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ป้ายโฆษณา และอื่นๆ อีกมากมาย เพราะการตลาดออนไลน์เป็นบริการตลอด 24 ชั่วโมง ทาให้ปริมาณการซื้อ-ขายเพิ่มขึ้นตลอดเวลา แต่ทั้งนี้ ผู้ขาย จะต้องศึกษาเรื่องของสินค้า และช่องทางการประชาสัมพันธ์ ตลอดจนกาหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน เพื่อให้การ ใช้สื่อประเภทนี้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ยังสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งในเรื่องของการจ้างพนักงานขาย การโฆษณาประชาสัมพันธ์ใน รูปแบบสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ทีวี หนังสือพิมพ์ หรือการโฆษณาในรูปแบบต่างๆ ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังสามารถขายสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมงตลอด 7 วันโดยไม่พักและไม่มีการเพิ่มต้นทุนแต่อย่างใด
2
1.2 เคล็ดลับที่ดีกับการทาตลาดออนไลน์ เทคนิคการตลาดและกลยุทธ์การตลาดออนไลน์ยังรวมไปถึงองค์ประกอบสาคัญของการทาตลาดออนไลน์ เลยก็ว่าได้นั่นก็คือ 1.2.1 เมื่อสร้างรายการคาค้นหา ให้สมมติว่าตัวเองเป็นลูกค้า การพิมพ์คาค้นหาอะไรบน Google ควรหลีกเลี่ยงคาค้นหาทั่วไป หรือคาค้นหาที่มีขอบเขตกว้างเกินไป ควร ใช้วลี 2-3 คา สาหรับคาค้นหาที่เฉพาะเจาะจง และควรเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงโฆษณาด้วยการระบุคาค้นหาที่มี ความหมายใกล้เคียงกัน เช่น คาศัพท์ที่เป็นภาษาพูด คาพหูพจน์ ตัวสะกดที่คล้ายคลึงกัน และคาที่มีความหมาย เหมือนกัน ขจัดคาศัพท์แบบกว้างๆ ที่อาจเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการจานวนมาก ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณจาหน่าย สินค้าจาพวกกระเป๋าเดินทาง ก็ไม่ควรใช้คาทั่วไปอย่างเช่น กระเป๋า เพราะโฆษณาของคุณอาจปรากฏในหน้า ผลลัพธ์การค้นหาสาหรับ กระเป๋าสตางค์ และ กระเป๋าสะพาย 1.2.2 เขียนข้อความโฆษณาที่เชิญชวนให้คลิก โดยระบุข้อความสาคัญอย่างตรงประเด็น เพื่อกระตุ้นให้ผู้อ่านคลิกที่โฆษณา ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการขาย ควรใช้คาค้นหาที่ส่วนหัวข้อและข้อความโฆษณา โดยพิมพ์อักษรตัวหนา และผู้ใช้ก็จะทราบว่าโฆษณาของคุณ เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขากาลังค้นหา คุณควรกระตุ้นให้ผู้ใช้ดาเนินการทันทีโดยใช้คากริยาและวลีที่เน้นการกระทา เช่น “อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม” “สั่งซื้อทันที” หรือ “ดาวน์โหลดแคตตาล็อกฟรี” 1.2.3 ใช้คาค้นหาที่ไม่ต้องการ คาค้นหาที่ไม่ต้องการ (Negative Keyword) คือส่วนประกอบสาคัญของรายการคาค้นหา ที่ประสบ ความสาเร็จ และเป็นวิธีที่ดีเยี่ยมในการทาให้กลุ่มเป้าหมายมองเห็นโฆษณาของคุณ คาค้นหาที่ไม่ต้องการจะ ป้องกันไม่ให้โฆษณาของคุณปรากฏบนหน้าผลลัพธ์การค้นหาที่มีคาศัพท์เหล่านั้น ค าค้นหาที่ไม่ต้องการจะช่วยคัด กรองที่ไม่เกีย่ วข้องออกไป 1.2.4 ใช้ระบบวิเคราะห์ข้อมูลเว็บฟรี เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเว็บจะช่วยให้คุณวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยาว่ามีใครกาลังทาอะไรบนเว็บไซต์ของคุณ โดยจะตรวจสอบติดตามผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ รวมไปถึงการอ้างอิง ประสิทธิภาพของ เสิร์ชเอนจิ้น โปรโมชั่นทาง อีเมลล์ และอื่นๆ 1.2.5 ตรวจสอบทรัพยากรออนไลน์ โปรแกรมโฆษณาออนไลน์ส่วนใหญ่มีศูนย์ทรัพยากรที่ประกอบด้วยการสาธิต บทความ และวิดีโอที่ เป็น ประโยชน์ นอกจากนี้ผู้ลงโฆษณารายอื่นๆ ก็มักจะมีประสบการณ์และข้อสงสัยคล้ายกับคุณ ดังนั้นคุณจึงสามารถ ค้นหาคาตอบสาหรับคาถามทั่วไปได้จากศูนย์วิธีใช้
3
2. การใช้งาน Adobe Photoshop cs3 กับการแต่งภาพเพื่อการโฆษณา 2.1 เริ่มต้นกับโปรแกรม Photoshop cs3 โปรแกรม Photoshop เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการสร้าง และตกแต่งภาพ Graphic ซึ่งใน โปรแกรมนั้น สามารถจัดการได้ทั้งภาพ Bitmap และ ภาพ Vector 2.2 ประเภทของภาพ Graphic ภาพ Graphic ที่แสดงในคอมพิวเตอร์นั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ภาพ Bitmap และ ภาพ Vector ภาพ Bitmap หรือ ภาพ Raster เป็นภาพที่ประกอบขึ้นมาจากจุดสีเล็กๆ ที่เรียกว่า Pixel มาเรียงต่อกันจนกลายเป็นภาพ เพมื่อมองดู โดยรวม ตาของคนเราจะมองเห็นเป็นภาพเหมือนจริง เมื่อมีการปรับขนาดของภาพ จะทาให้ความคมชัดของภาพ ลดลง ไฟล์ภาพ Bitmap เช่น gif, jpg และ bmp เป็นต้น ภาพ Vector เป็นภาพที่เกิดขึ้นจากการคานวณทางคณิตศาสตร์ของโปรแกรม ทาให้เกิดเส้น และรูปทรงต่างๆ เมื่อมี การปรับขนาดของภาพ ความคมชัดของภาพจะยังคงไม่เสียไป ไฟล์ภาพแบบ vector เช่น ai และ swf เป็นต้น 2.3 ส่วนประกอบหน้าจอโปรแกรม เมนูหลัก (Main Menu Bar)
4
2.4 การสร้างไฟล์ภาพใหม่ 1. คลิกที่เมนูFile > New 2. กาหนดขนาดความกว้าง และความยาวของภาพตามต้องการ • Width : ความกว้างของภาพ • Height : ความสูงของภาพ 3. กาหนดความละเอียดของภาพ (Resolution) 4. เลือกโหมดสีของภาพ (Color Mode) 5. เลือกลักษณะของพื้นหลัง ซึ่งมีอยู่ 3 แบบ คือ • White : ให้พืนหลั ้ งมีสีขาว • Background Color : ให้พื้นหลังเป็นสีตามที่กาหนด • Transparent : ให้พื้นหลังเป็นแบบโปร่งใส 6. คลิกปุ่ม Ok
5
2.5 การเปิดไฟล์ภาพ ขั้นตอนในการเปิดไฟล์ภาพ 7. คลิกที่เมนู File>Open 8. คลิกเลือกไฟล์ที่ต้องการเปิด 9. คลิกปุ่ม <<Open>> 10. ไฟล์ภาพจะปรากฏบนพื้นที่ของโปรแกรม
6
2.6 การจัดเก็บไฟล์ภาพ ขั้นตอนในการจัดเก็บไฟล์ภาพ 1. คลิกทีเ่ มน ูFile > Save As 2. เลือก Drive และ Folder ทีจ่ ะใช้เก็บไฟล ์ 3. ตั้งชื่อไฟล์ 4. คลิกปุม่ <<save>> Note : ถ้าต้องการบันทึกเพื่อใช้ในการแก้ไขครั้งต่อไปให้บันทึกเป็นไฟล์นามสกุล .psd แต่ถ้าต้องการ บันทึกเพื่อ นาไฟล์ไปใช้งานให้บันทึกเป็นไฟล์นามสกุล .gif , jpg หรือ png
7
2.7 การนาเข้าภาพ ขัน้ ตอนในการนาเข้าภาพ 1. เลือกคาสั่ง File > Place 2. เลือก Drive และ Folder ทีเ่ ก็บไฟล์ภาพ 3. คลิกเลือกไฟล์ภาพทีต่ ้องการวาง 4. คลิกปุ่ม Place 5. ภาพจะปรากฏบนหน้าจอ ให้ปรับขนาด และตาแหน่งตามต้องการ 6. กดคีย ์Enter เพือ่ ยืนยัน
8
2.8 เครื่องมือต่าง ๆ (Toolbox)
Move: ใช้ในการย้ายพื้นที่ที่เลือกไว้ หรือย้ายเส้น Guide Marquee : ใช้ในการเลือกพื้นที่บนภาพที่เป็นรูปสี่เหลี่ยม วงกลม วงรี หรือ เลือกเป็นแถว คอลัมน์
Lasso: ใช้เลือกพื้นที่บนภาพแบบอิสระ Magic Wand / Quick Selection : ใช้เลือกพื้นที่จากสีที่ใกล้เคียงกัน Crop: ใช้ตัดขอบภาพ Slice/Slice Select : ใช้ตัดแบ่งภาพเป็นภาพย่อยๆ สาหรับนาไปสร้างเว็บเพจ
Healing brush/Patch/Red Eye: ใช้ตกแต่งลบรายการตาหนิในภาพและแก้ปัญหาภาพตาแดง
9
Brush / Pencil : ใช้ระบายสีภาพเหมือนกับพู่กัน หรือดินสอ เพื่อเปลี่ยนสีให้กับวัตถุ Cloneกก/ Pattern Stamp : ใช้ทาสาเนาภาพโดยการคัดลอกภาพจากบริเวณอื่น ๆ มา ระบาย หรือระบาย ด้วยลวดลายที่ History / Art History Brush : ใช้ระบายภาพด้วยภาพเดิมที่ผ่านมา Eraser : ใช้ลบภาพ Gradient / Paint Bucket : ใช้เติมสีแบบไล่ระดับโทนส ีหรือเทสีลงบนพื้นทีข่ องภาพ Blur / Sharpen / Smudge : ใช้ระบายสีให้เบลอ หรือ คมชัดข้ม Dodge / Burn / Sponge : ใช้ระบายเพื่อเพิ่มความสว่าง/มืดของสีหรือเพิ่ม/ลด ความสดของสี Pen / Anchor Point : ใช้วาดเส้น Type : ใช้พิมพ์ตัวอักษรหรือข้อความบนภาพ Path / Direct Selection : ใช้เลือกและปรับแต่งเส้น Path Shape : ใช้วาดรูปทรงเรขาคณิต หรือ รูปทรงสาเร็จรูป Note / Audio Annotation : ใช้บันทึกหมายเหตุกากับภาพ Eyedropper / Color Sampler / Ruler / Count ใช้เลือกสีหรือ วัดระยะและมุม ระหว่างจุดต่าง ๆ บน ภาพ หรือ ใช้นับจานวนวัตถุบนภาพ Hand : ใช้เลื่อนดูส่วนต่างๆ ของภาพ Zoom : ใช้ย่อ / ขยายมุมมองภาพ 2.9 การปรับขนาดและความละเอียดของภาพ การปรับขนาดของภาพ มี 2 วิธีได้แก่ 1. การปรับโดยเพิ่ม/ลดจานวน Pixel ของภาพ (Pixel Dimensions) 2. การปรับ Document Size และ Resolution โดยให้จานวน Pixel คงเดิม
10
ขั้นตอนในการปรับขนาดของภาพด้วยวิธีปรับ Document Size 1. คลิกที่เมนูหลัก เลือกคาสั่ง Image > Image Size 2. คลิกเลือก Resample Image ออก เพื่อให้จานวน Pixel คงเดิม 3. กาหนดค่า Width , Height และ Resolution ใหม่ 4. คลิกปุ่ม Ok
11
2.10 การปรับรูปทรงของภาพ (Transform)
ขั้นตอนในการปรับรูปทรงของภาพ 1. คลิกทีเ่ มนูหลักเลือก Edit > Transform 2. คลิกเลือกคาสั่งปรับรูปทรง คาสั่งในการปรับรูปทรง มีดังนี้ • Scale : ปรับขนาด • Rotate : หมุนภาพ • Skew : บิดด้านหรือมุมของภาพไปตามแนวกรอบด้านใดด้านหนึ่ง • Distort : บิดด้านหรือมุมของภาพไปตามแนวอย่างอิสระ • Perspective : บิดภาพให้เกิดสัดส่วนแบบใกล้ไกล • Warp : บิดและดึงส่วนต่าง ๆ อย่างอิสระ
12
2.11 การเลือกพื้นที่บนภาพ (Selection& Mask) เครื่องมือกลุ่ม Marquee : ใช้ในการเลือกพืน้ ที่บนภาพเป็นรูปทรงเรขาคณิต
o Rectangular Marquee : ใช้เลือกพืน้ ทีร่ ูปสี่เหลี่ยม o Elliptical Marquee : ใช้เลือกพืน้ ทีร่ ูปวงกลม หรือวงรี o Single Row Marquee : ใช้เลือกพืน้ ที่ในแนวนอน ขนาด 1 Pixel o Single column Marquee : ใช้เลือกพืน้ ที่ในแนวตั้ง ขนาด 1 Pixel ขัน้ ตอนการเลือกพืน้ ที่ด้วยเครื่องมือ Marquee 1. เลือกเครื่องมือ Maquee ทีต่ ้องการจาก Toolbox 2. กาหนด Option ต่าง ๆ บน Options Bar 3. ใช้เมาส์คลิกลากให้คลุมพื้นที่ทตี่ ้องการ จะเห็นมีเส้นล้อมรอบภาพเกิดขึ้น เครื่องมือกลุ่ม Lasso : ใช้ในการเลือกพืน้ ที่แบบอิสระ
o Lasso : ใช้เลือกพืน้ ทีด่ ้วยการใช้เมาส์คลิกลากไปตามส่วนต่าง ๆ ของ ภาพตามต้องการ o Polygonal Lasso : ใช้เลือกพืน้ ทีด่ ้วยการใช้เมาส์คลิกเพื่อสร้างรูปหลายเหลี่ยม ล้อมรอบพืน้ ที่ o Magnetic Lasso : ใช้เลือกพื้นทีโ่ ดยให้โปรแกรมกาหนดขอบเขตเองโดย อัตโนมัติตามเส้นทางทีเ่ มาส์ เลื่อนผ่านไป ขัน้ ตอนการเลือกพืน้ ที่ด้วยเครื่องมือ Lasso 1 เลือกเครื่องมือ Lasso จาก Toolbox 2 กาหนด Option ต่าง ๆ บน Options Bar 3. ใช้เมาส์คลิกลากรอบพื้นที่ที่ต้องการเลือก จนวนกลับไปทีจ่ ุดเริ่มต้นอีกครั้ง จะเห็นมีเส้น ล้อมรอบภาพเกิดขึน้
13
เครื่องมือ Magic Wand : ใช้เลือกพืน้ ที่โดยการดูจากค่าสีที่ใกล้เคียงกันในตาแหน่งที่เราคลิก ขั้นตอนการเลือกพืน้ ที่ด้วยเครื่องมือ Magic Wand o เลือกเครื่องมือ Magic Wand จาก Toolbox o กาหนด Option ต่าง ๆ บน Options Bar o ใช้เมาส์คลิกบริเวณของทีเ่ ราต้องการเลือก จะเห็นมีเส้นล้อมรอบภาพเกิดขึ้น เครื่องมือ Crop : ใช้เลือกพ้ืนที่ของภาพโดยการเพิ่ม และตัดขอบภาพ ขั้นตอนการเลือกพืน้ ที่ด้วยเครื่องมือ Crop o เลือกเครื่องมือ Crop จาก Toolbox o ใช้เมาส์คลิกลากบนภาพเป็นกรอบสี่เหลี่ยมบริเวณทีต่ ้องการ o กดคีย์ Enter เพือ่ ยืนยัน จะเห็นมีเส้นล้อมรอบภาพเกิดขึ้น 2.12 การตัดแบ่งภาพออกเป็นหลายชิ้นส่วน
เครื่องมือ Slice : ใช้ในการตัดแบ่งภาพออกเป็นชิ้นส่วน o Slice : ใช้ตัดแบ่งภาพออกเป็นชิ้นส่วน o Slice Select : ใช้เลือกและจัดการกับภาพแต่ละชิ้นส่วน ขัน้ ตอนในการสไลด์ภาพ 1. เปิดภาพ หรือสร้างภาพขึน้ มา 2. คลิกเลือก Slice จาก Toolbox 3. คลิกเมาส์ลากวาดเป็นกรอบสี่เหลี่ยมลงบนภาพ เพื่อตัดแบ่งเป็นชิ้นส่วน 4. เมือ่ คลิกเมาส์ตัดแบ่งชิ้นส่วนแล้ว ถ้าต้องการปรับปรุงแก้ไขให้คลิกเลือก Slice Select เพื่อ ปรับแก้ไข
14
2.13 การพิมพ์ตัวอักษรหรือข้อความบนภาพ เครื่องมือที่ใช้จะเป็นเครื่องมือในกลุ่ม Type
o Horizontal Type : ใช้พิมพ์ข้อความแนวนอน o Vertical Type : ใช้พิมพ์ข้อความแนวตั้ง o Horizontal Type Mask : ใช้สร้าง Selection ให้พิมพ์ข้อความในแนวนอน o Vertical Type Mask : ใช้สร้าง Selection ให้พิมพ์ข้อความในแนวตั้ง ขัน้ ตอนในการพิมพ์ตัวอักษรหรือข้อความแนวนอน 1. เลือกเครื่องมือ Horizontal Type จาก Toolbox 2. คลิกตรงบริเวณทีต่ ้องการวางข้อความ 3. พิมพ์ข้อความตามต้องการ 4. ปรับแต่งข้อความได้จาก Options Bar ด้านบน หรือ Character และ Paragraph Palette
15
ขัน้ ตอนในการพิมพ์ตัวอักษรหรือข้อความภายในรูปทรง 1. เลือกเครื่องมือ Pen เพือ่ สร้างเส้น Path ปลายปิด หรือสร้างรูปทรงอิสระ 2. เลือกเครื่องมือ Horizontal Type จาก Toolbox 3. คลิกภายในรูปทรง แล้วพิมพ์ข้อความ
ขัน้ ตอนในการพิมพ์ตัวอักษรหรือข้อความตามเส้น Path 1. เลือกเครื่องมือ Pen จาก Toolbox 2. วาดเส้น Path เป็นเส้นโค้ง หรือ รูปทรงอิสระ 3. เลือกเครื่องมือ Horizontal Type 4. คลิกบนเส้น Path ตรงตาแหน่งทีจ่ ะเริ่มพิมพ์ 5. กาหนด Option ของตัวอักษร จาก Options Bar เพือ่ กาหนดลักษณะต่าง ๆ เช่น ชนิด ตัวอักษร ขนาด ตัวอักษร เป็นต้น 6. พิมพ์ข้อความตามต้องการ
16
3. การประชาสัมพันธ์ร้านด้วย Facebook Page การเพิ่มยอดขายสินค้าเป็นสิ่งจาเป็นมากสาหรับร้านค้า ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าแบบออฟไลน์หรือแบบ ออนไลน์ การโปรโมทหรือประชาสัมพันธ์ร้านค้าออนไลน์ที่นิยมใช้กันมาอีกวิธีการหนึ่งก็คือ การสร้าง Facebook Page เพื่อประชาสัมพันธ์ร้านค้า โดยมีขั้นตอนการสร้างร้าน ดังนี้ 3.1 เริ่มสร้าง Page โดยคลิกไปที่ลิ้งค์ www.facebook.com/bookmarks/pages แล้วกดปุ่ม สร้างหน้าใหม่
3.2 เลือกรูปแบบสินค้า
17
3.3 เมื่อกรอกข้อมูลเสร็จจะได้ Page ดังรูป
3.4 ลงโฆษณากับ Facebook เพื่อเพิ่มยอดผู้เข้าชมหน้าเพจ ดังรูป โดยสามารถกาหนดรายจ่ายต่อวันได้
3.5 ตัวอย่างผลตอบรับจากลูกค้า
18