หนังสือสงเสริมวัฒนธรรมชาวยอง “ เด็กๆ รูไหมวัฒนธรรมชาวยอง มีความเปนมาอยางไรบาง ” “ เรามาเรียนรูวัฒนธรรม ชาวยองกันเถอะ ”
โรงเรียนบานปาซาง ตำบลปาซาง อำเภอปาซาง จังหวัดลำพูน
ค�าน�า หนังสือส่งเสริมวัฒนธรรมชาวยอง จั ด ท� า ขึ้ น เพื่ อ ให้ นั ก เรี ย นได้ เรี ย นรู ้ เ กี่ ย ววั ฒ นธรรม ประเพณี และรูปแบบ การด�าเนินวิถีชีวิตแบบชาวยอง เพื่อ ให้ เ กิ ด ความรู ้ ค วามเข้ า ใจและตระหนั ก ถึ ง คุ ณ ค่ า และความ ส�าคัญของวัฒนธรรมดั้งเดิมของตน โดยผู้จัดท�าหวังอย่างยิ่ง ให้นักเรียนได้เรียนรู้วัฒนธรรมและช่วยกัน สืบสาน วั ฒ นธรรมที่ ดี ง ามไว้ ใ ห้ สื บ ต่ อ ไปในอนาคต
สารบัญ เรื่อง หน้า
๑. การก�ำเนิดวัฒธรรมชาวยอง ๕ ๒. เกิดสงครามขยายอ�ำนาจ ๖-๗ ๓. เหตุการณ์การอพยพชาวยอง ๘-๙ ๔. วัฒนธรรมการด�ำเนินชีวิตของชาวยอง ๑๐ ๕. วัฒนธรรมการแต่งกายของชาวยอง ๑๑ ๖. วัฒนธรรมความศรัทธาชาวยอง ๑๒ ๖.๑ ประเพณีสลากย้อม ๑๓-๑๕ ๗. วัฒนธรรมการบูชา ๑๖ ๗.๑ ประเพณีบูชาเสาอินทขิล ๑๗ ๗.๒ ประเพณีการไหว้พระธาตุ ๑๘-๑๙ ๗.๓ ประเพณีบูชาเทวบุตรหลวง ๒๐-๒๑ ๘. วัฒนธรรมดนตรีชาวยอง ๒๒ ๘.๑ กลองหลวง ๒๓ ๙. ค�ำศัพท์ ๒๔ ๑๐.สรุป ๒๕
ค�ำอธิบาย วัฒนธรรม เป็นทุกสิ่ง ทุกอย่างที่มนุษย์สร้าง
ขึ้นมา นับตั้งแต่ภาษา ขนบธรรมเนียมประเพณี ศาสนา กฎหมาย ศิลปะ จริยธรรม และเทคโนโลยี ต่าง ๆ อาจกล่าวได้ว่าวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือที่มนุษย์ คิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยให้มนุษย์สามารถด�ำรงอยู่ต่อไปได้ เพราะการจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้มนุษย์จะต้องรู้จักใช้ ประโยชน์จากธรรมชาติและจะต้องรู้จักควบคุมความ ประพฤติของมนุษย์ด้วยกัน วัฒนธรรม คือค�ำตอบที่ มนุษย์ในสังคมคิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้
วัฒนธรรมชาวยอง
เป็นสิ่งที่ชาวยองสร้าง ขึ้นและสืบทอดมายาวนาน ชาวยองมีวิถีการด�ำเนิน ชีวิตแบบเรียบง่ายตามธรรมชาติ มีความศรัทธาใน พระพุทธศาสนาและสิ่งศักสิทธิ์ อีกทั้งวัฒนธรรมชาว ยองเป็นสิ่งที่สร้าง ความสามัคคี ความสุข และความ เจริญรุ่งเรืองตลอดมาจนถึงปัจจุบัน
-๔-
พระมหาธาตุจอมยอง
“ผมเป็นชาวลัวะ”
“ผมเป็นชาวไทลื้อ”
๑.การก�ำเนิดวัฒธรรมชาวยอง ณ ดินแดน แห่งหนึ่ง อยู่ในหุบเขา และมีแม่น�้ำสายส�ำคัญ เรียกว่า แม่น�้ำยอง ที่หล่อเลี้ยงผู้คนจ�ำนวนหนึ่ง คนเหล่านี้เป็นคนพื้นเมืองเรียกว่า ชาวลัวะ ที่อาศัยอยู่ บริเวณแม่น�้ำยอง โดยต่อมา ชาวไทลื้อ จากเมืองเชียงรุ่งได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบริเวณ นี้ด้วย เกิดการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมของคนพื้นเมือง และวัฒนธรรมจาก ชาวไทลื้อ จนกลายเป็นชุมชนชาวยอง ก่อก�ำเนิด วัฒนธรรมชาวยอง ขึ้นตามรูป แบบการด�ำเนินชีวิต โดยมีสิ่งที่ชาวยองนับถือสูงสุด คือ พระมหาธาตุจอมยอง
-๕-
“จงไปยึดดินแดนล้านนามาให้ได้”
๒.เกิดเหตุการณ์สงครามขยายอ�ำนาจ
ต่อมากษัตริย์พม่าคิดขยายอ�ำนาจไปยังดินแดนต่างๆ โดย ส่งทหาร ไปท�ำสงครามเพื่อยึดเมืองต่างๆ ซึ่งรวมถึงเมืองยองซึ่งตั้งอยู่ในเขต ประเทศพม่า
-๖-
“เราจงช่วยกันปกป้อง ดินแดนล้านนาไว้ให้ได้” เชียงใหม่ ล�ำปาง
ล�ำพูน
เวียงป่าซาง
จนกระทั่งมาถึงดินแดนล้านนา พระเจ้ากาวิละ ซึ่งเป็นผู้น�ำ ขณะนั้น ได้รวบรวม ไพร่พลมาอยู่ที่ เวียงป่าซาง เขตเมืองล�ำพูน เพื่อต่อสู้กับกองทัพพม่าและ ปกป้องดินแดนล้านนา จนพม่าได้ยกทัพหนีไป หลังจากการท�ำสงคราม ท�ำให้ผคู้ น ในดินแดนล้านนาลดน้อยลง
-๗-
“ เราจะอพยพชาวยองเพื่อฟื้นฟู ดินแดนล้านนาที่เมืองล�ำพูน”
๓.เหตุการณ์การอพยพชาวยอง
ภายหลังจากการท�ำสงครามเสร็จสิ้น เกิดการสูญเสียเป็น อย่างมาก ทั้ ง บ้ า นเมื อ งและผู ้ ค น พระเจ้ า กาวิ ล ะจึ ง ได้ รวบรวมผู ้ ค นจากเมืองต่างๆ เพื่อฟื้นฟูดินแดนล้านนา ซึ่งมี เป้าหมายหลักอยู่ที่เมืองยอง -๘-
เมืองยอง
จึงได้อพยพชาวเมืองยองเป็นจ�ำนวนมาก เรียกว่า การอพยพ แบบการเทครัว ประกอบด้วย เจ้าเมือง ผูน้ ำ� ชุมชน พระสงฆ์ ชาว บ้าน เพื่อเข้ามาฟื้นฟูเมืองล�ำพูน และดินแดนล้านนา ชาว ยองจึงเข้ามาตั้งชุมชนในจังหวัดล�ำพูนเป็นจ�ำนวนมาก และเป็น สาเหตุสำ� คัญของการน�ำเข้ามาของวัฒนธรรมของชาวยองอีกด้วย -๙-
๔ .วัฒนธรรมการด�ำเนินชีวิตของชาวยอง ชาวยอง มีวัฒนธรรมในการด�ำเนินชีวิตแบบเรียบง่าย สงบ เป็นวิถี ตามธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมือ่ ชาวยองอพยพ มาอาศัยสร้างบ้านและตัง้ ชุมชนอยูใ่ นเมืองล�ำพูน ชาว ยองได้ด�ำเนินชีวิตอย่างมีความสงบสุข ชาวยองผู้ชาย ส่วนใหญ่ มีอาชีพ เลี้ยง สัตว์ ท�ำไร่ ท�ำนา ส่วนผู้หญิงชาวยอง เป็นแม่บ้านแม่เรือน ชอบตัดเย็บ มีฝีมือ และความช�ำนาญในการทอผ้าอย่างมาก
- ๑๐ -
๕.วัฒนธรรมการแต่งกายของชาวยอง นิยมโพกหัวด้วย ผ้าสีอ่อน
ผู้ชายชาวยอง
ผู้หญิงชาวยอง
ผู ้ ช ายจะสวมเสื้ อ แขนยาวผ่ า หน้ า คอกลมหรือคอตัง้
จะเกล้าผมมวยสูง ใช้ผ้าโพกหัว เวลา ออกนอกบ้าน ผู้หญิงชาวยองจะสวมเสื้อ แขนยาว ป้ายตรงด้านหน้า เรียกว่า “เสื้อปั๊ด” ตัดเย็บ ด้วยผ้าฝ้าย ผู้หญิงยองนิยมใส่ผ้าซิ่น ที่ทอด้วยตนเอง และตีน ซิ่นนิยมเป็นสีเขียว
สวมเตี่ยวสะดอ
วัฒนธรรมการแต่งกายของชาวยอง นิยมแต่งกายด้วยฝ้ายทอด้วยมือ เมื่อออกจากบ้านจะนิยมโพกผ้าที่หัวเพื่อป้องกันฝุ่นละอองและเหงื่อไคล
ผู้หญิงชาวยองนิยมสีอ่อนเช่น สีขาว สีฟ้าหรือสีชมพู ในโอกาสพิเศษจะสวม เสื้อปั๊ดที่ตัดเย็บด้วยผ้าแพรจีน ในฤดูหนาวจะสวมเสื้อก�ำมะหยี่สีด�ำ บุนวม เรียก “เสื้อปุก”
- ๑๑ -
๖.วัฒนธรรมความศรัทธา
ชาวยอง มีความศรัทธา ต่อพระพุทธศาสนา เป็นอย่าง มาก ต้องอาศัยความเพียร พยายาม จึงจะสามารถ ทําสิ่ง ที่ยิ่งใหญ่ให้สําเร็จได้
๖.๑ ประเพณีสลากยอม
ผู้หญิงสาวชาวยองก่อนที่จะแต่งงาน ต้องเป็นคนที่มีนิสัย ประหยัด อดออม เก็บหอมรอมริบ ข้าวของเครื่องใช้ เพื่อเตรียมท�าต้นสลากย้อม เมื่อหญิงสาว มีเงินพอที่จะท�าต้นสลากย้อมแล้ว จึงเริ่มซื้อของตระเตรียมไว้ทีละเล็กทีละน้อย ตั้งแต่สร้อยคอทองค�า เข็มขัดเงิน และเครื่องเรือนครบทุกชิ้นเพื่อสร้างต้นสลาก ย้อมถือเปนการท�าบุญครั้งใหญ่ของผู้หญิงชาวยอง
- ๑๒ -
๑.การเตรียมเครื่องตกแต่งต้นสลากย้อม หญิงสาวชาวยองจะใช้เวลาว่างในตอนเย็น เริ่มจาก การ“จ่า ตอง”คือการรีดใบตอง ด้วยเตารีดถ่านเพื่อใช้ส�ำหรับมวนบุหรี่ ซึ่ง ต้องใช้เ ป็นจ�ำนวนมาก แล้ วน� ำ บุ ห รี่ ดัง กล่ าวมาถั กเป็ น แพ เรี ย ก ว่า“มูลีแป”(บุหรี่ที่ถักเรียงกันลงมามีความยาว ๓-๔ เมตร) เพื่อใช้แขวนประดับกับต้นสลากย้อม
รอบๆขอบชายร่มก็จะน�ำเหรียญสตางค์ ถัก ด้วยข้าวเปลือกเรียงรอบขอบเหรียญด้วย ฝีมือประณีตสวยงาม เรียกว่าการถัก “ขะ จา” มาร้อยแขวน โดยรอบขอบร่ม
- ๑๓ -
๒ .การท�ำต้นสลากย้อม “การท�ำต้นสลากย้อมไม่ ยากเลย นะครับ ใช้วัสดุท่ี หาได้ตามธรรมชาติ”
การท�ำต้นสลากย้อม จะนิยมท�ำต้นสลากย้อม ให้มีขนาดใหญ่และสูง ล�ำต้นสลากย้อม จะใช้ฟางมัดล้อมรอบเพื่อง่ายแก่การปักไม้ส�ำหรับแขวนสิ่งของต่างๆ และใช้กระดาษ สีมาประดับจ�ำนวนมาก มีการย้อมดอกไม้ไผ่ (ดอกฮองเฮ็ง) ด้วยสีสันต่างๆ ซึ่ง ท�ำให้ เป็นที่มาของค�ำว่า “สลากย้อม” ด้านบนสุดของยอดต้นสลากย้อม จะปักร่มกางไว้ ประดับด้วยเหรียญและของมีค่าอย่างสวยงาม
- ๑๔ -
๓ .ส่วนประกอบต้นสลากย้อม ๑.ส่วนยอด จะน�ำร่มมาปัก กางไว้ บริเวณเชิงชายก็จะ ห้อยร้อยไปด้วยเงินขะจา ที่ ตกแต่งมาอย่างสวยงาม
๒.ส่วนล�ำต้น แกนด้าน ในของต้นสลากย้อมท�ำ จากฟางข้าวมัดรวมกัน ส�ำหรับเสียบไม้ไผ่ปลาย เป็นดอกฮองเฮ็ง ย้อมสี ต่างๆ
๓. ส่วนฐาน ของต้นสลาก ย้อม เป็นส่วนที่รับน�้ำหนัก ของต้นสลาก จึงต้องมีความ แข็งแรงอย่างมาก
- ๑๕ -
เวียงป่าซาง
วัดอินทขิล
๗.วัฒนธรรมการบูชา วัฒนธรรมการบูชาเป็น การยกย่อง เชิดชู สิ่งที่ชาวยองเคารพนับถือ โดยการบูชา ด้วยสิ่งที่สวยงาม อย่างเช่น ดอกไม้หรือของใช้ต่างๆ เมือ่ พระเจ้ากาวิละ อพยพชาวยองเข้ามาอยูท่ จี่ งั หวัดล�ำพูน ชาวยองต่างก็ชว่ ยสร้าง บ้าน สร้างเมือง และตัง้ ชุมชนชน ต่างๆ ในจังหวัดล�ำพูน พระเจ้ากาวิละ ได้สร้างเสา หลักเมือง เรียกว่า เสาอินทขิล อยู่ที่วัดอินทขิล เวียงป่าซาง เพื่อให้ชาวยอง ได้ ระลึกถึง การปกป้องบ้านเมือง จากการรุกรานของพม่า
- ๑๖ -
“เรามีดอกไมสวยๆมา บูชาเสาอินทขิลดวยนะ”
“วันนี้เรามาบูชาเสา อินทขิล กันนะ”
๗.๑ ประเพณีใส่ขันดอกบูชาเสาอินทขิล
ต่อมาชาวยองจึงบูชาเสาอินทขิล ในวันเดือนแปดเข้า เดือนเก้าออก
ชาวยองจะน�าดอกไม้ ธูปเทียน มาบูชา เสาอินทขิล เป็นประจ�าทุกปีจน เป็นประเพณีสืบทอดต่อๆกันเรียกว่า ประเพณีใส่ขันดอกไม้บูชาเสา อินทขิล เวียงป่าซาง
- ๑๗ -
๗.๒.ประเพณีการไหว้พระธาตุ “พวกเราน�ำดอกไม้มาบูชา พระมหาธาตุจอมยอง เพื่อ ความเป็นสิรมิ งคล ”
ชาวยองที่อาศัยอยู่เมืองยองมีพระมหาธาตุจอมยองเป็นที่เคารพ บูชา เมื่อชาวยองได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่ล�ำพูนก็ขาดที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ชาว ยองจึงได้น�ำเอาความเชื่อเรื่อง การไหว้ การบูชาพระธาตุ มาเป็น สัญลักษณ์ของความดีงาม
- ๑๘ -
วัดฉางขาวนอย
ดังนั้นชาวยองที่อพยพมาจึงช่วยกันสร้างพระมหาธาตุจอมยององค์ จ�ำลองไว้ที่วัดฉางข้าวน้อย ต�ำบลป่าซาง เพื่อเป็นที่เคารพบูชา กราบ ไหว้ ในวันขึ้น ๑๕ ค่าเดือนเกี๋ยง ของทุกปี ประมาณเดือน พฤษภาคม จึงปฏิบัติสืบต่อกันมา เรียกว่า ประเพณีการไหว้สาพระธาตุจอมยอง
- ๑๙ -
๑. สุรณะ
๒. มหิณิยังคะ
๓. ปิทธิวระ
๔. ลักขณา
๗.๓ ประเพณีบูชาเทวบุตรหลวง ชาวยอง มีความเชื่อว่า มีเทวดาที่คอยดูแลพระมหาธาตุจอมยอง อยู่ ๔ องค์ เรียกว่า เทวบุตรหลวง องค์ที่ ๑ ชื่อ สุรณะ เป็นตัวแทนของความกล้าหาญ การต่อสู้ องค์ท่ี ๒ ชื่อ มหิณิยังคะ เป็นองค์ที่แสดงถึง ความรักสามัคคี องค์ ที่ ๓ ชื่อ ปิทธิวระ เป็นตัวแทนของการขยันท�ำมาหากิน ในการท�ำการเกษตร องค์ที่๔ ชื่อ ลักขณา เป็นตัวแทนแห่งการมีภาพจิตใจและร่างกายสมบูรณ์แข็ง แรง คอยดูแลเมืองยอง
- ๒๐ -
เสาเทวบุตรหลวง วัดหัวขัว ๑.สุรณะ
๒.มหิณิยังคะ ๓.ปิทธิวระ
๔.ลักขณา
วัดหัวขัว
ชาวยองจึงได้อัญเชิญองค์เทวะบุตรหลวง จากเมืองยองมาไว้ที่วัดหัวขัว และใน วันที่ ๑๖ เดือนเมษายน ของทุกปี จะมีประเพณีบูชาเทวะบุตรทั้งสี่ เรียกว่า ประเพณี บูชาเตวะบุตรโลวง จัดขึ้นที่วัดหัวขัว ต�ำบลเวียงยอง อ�ำเภอเมือง จังหวัดล�ำพูน โดย จะเตรียมของบูชา เช่น มะพร้าว กล้วยดิบ อ้อย ข้าวเปลือก เทียนขี้ผึ้ง ผ้าขาวผ้าแดง และดอกไม้ เป็นต้น เพื่อให้เทวบุตรหลวงทั้งสี่องค์ คอยปกปักรักษาบ้านเมือง
- ๒๑ -
๘.วัฒนธรรมดนตรีของชาวยอง วัฒนธรรมดนตรีของชาวยอง เกิดขึ้นหลังจากฤดู การทํานา ทําไร่ ชาวยองจะมาร่วมกัน ร้องรําทําเพลง อย่างครืน้ เครง เพือ่ สร้างความสามัคคี และ เป็นการผ่อนคลายจากการทํางาน
กลองหลวง เป็นกลองที่ชาวยองนิยมใช้ในการแห่พิธีและงานประเพณีส�าคัญๆ ของจังหวัดล�าพูน เนื่องจากกลองหลวงเป็นเครื่องดนตรีที่เป็นกลองขนาดใหญ่มี เสียงดัง เมื่อน�ามาแห่ประเพณีจึงท�าให้ดูยิ่งใหญ่ ต่อมาน�ามาตีแข่งขันกันให้เกิด เสียงดังกังวาน เพื่อความสนุกสนาน
- ๒๒ -
น�ำข้าวเหนียวผสมขี้เถ้าและ ทราย บดให้เข้ากัน พอกเป็นวงกลม เรียก ว่า จ่ากลอง ๑.หน้ากลอง ท�ำมาจากหนังวัว ตากแห้งทั้งผืน แล้วน�ำมาขึงตึง เพื่อให้เกิดเสียงดังกังวาน
ส่วนประกอบกลองหลวง ๒.ตัวกลอง หรือไหกลองท�ำ จากต้นไม้ขนาดใหญ่ทั้งต้น แล้วน�ำมาคว้านแกนด้านใน ออกให้กลวง และใช้เชือกขึง หน้ า กลองที่ ท� ำ จากหนัง วัว มาหมุนเป็นเกลียว เพื่อยึด หนังกลองกับตัวกลอง
๓. เอวกลอง เป็นส่วนของไม้ท่อน เดียวกันกับตัวกลอง แต่มีเทคนิค พิเศษในการสร้างเอวกลองก็คือการ เจาะกลึงไม้ขนาดใหญ่ ให้เป็นเกลียว วงกลมรอบขยายกว้างออกไปจนถึง ก้ น กลองเพื่ อ ให้ ก ลองส่ ง เสี ย งดั ง กังวาน
๔. ก้นกลอง เป็นส่วนปลายสุดที่เชื่อมออกมาจากเอวกลอง ถือว่าส�ำคัญมากเช่นกัน เพราะ เมื่อตีกลองแล้วเสียงกลองจะดังลอดออกมาจากส่วนนี้ และเสียงจะมีความก้องกังวานหรือ ยาวไกลขนาดไหนก็ขึ้นอยู่กับเทคนิคการคว้านรู กลองในส่วนนี้เช่นกัน ดังนั้นหากจะฟังเสียง กลองที่ตีแข่งขันกันนั้น จะต้องมานั่งฟังอยู่ด้านท้ายกลองไม่ใช่หน้ากลอง
- ๒๓ -
ค�ำศัพท์น่ารู้ ค�ำศัพท์ อ่านว่า ๑. วัฒนธรรม (วัด-ทะ- นะ-ท�ำ) ๒. อ�ำนาจ ( อ�ำ- นาด ) ๓. ไพร่พล (ไพร่- พน) ๔. อพยพ (อบ- พะ-ยบ) ๕. ช�ำนาญ (ช�ำ-นาน) ๖. โพก ( โพก ) ๗. ศรัทธา (สัด-ทา) ๘. เก็บหอมรอมริบ (เก็บ-หอม -รอม –ริบ ๙. ประณีต (ประ-นีด) ๑๐. เสาอินทขิล (เสา- อิน –ทะ- ขิน ) ๑๑. กังวาน (กัง -วาน)
- ๒๔ -
ความหมาย การกระท�ำให้เกิดความเจริญ ความสามารถในการบังคับ ก�ำลังทหาร,ก�ำลังคน ย้ายไป เชี่ยวชาญ,คล่องแคล่ว เอาผ้า สิ่งของ พันหรือคลุมหัว นับถือ เชื่อถือ เก็บรวบรวมไว้ทีละเล็กละน้อย เรียบร้อยงดงาม เสาหลักเมือง เสียงก้องแจ่มใส.
สรุป วัฒนธรรมชาวยองเป็นวัฒนธรรมที่ดีงาม สร้างความสามัคคีให้ แก่ชาวยอง ท�าให้ด�าเนินชีวิตอย่างมีความสงบสุขตลอดมา มีการ สืบทอดวัฒนธรรมประเพณีมายาวนาน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มี ประวัติศาสตร์ความเป็นมา ที่ยาวนานจนพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญ รุ่งเรือง เมื่อวัฒนธรรมชาวยองสูญหายไป ความดีงามที่บรรพบุรุษ ได้สร้างไว้ให้กับลูกหลานก็จะหายไปด้วย ดังนั้นเราควรอนุรักษ์ วัฒนธรรมที่ดีงามของเราไว้ให้อยู่คู่กับชาวยองตลอดไป
- ๒๕ -